65.ผมตื่นแต่เช้าเพื่อพาน้องบัวออกมาเล่นน้ำให้ทันก่อนที่แดดจะแรง พาน้องเดินย่ำน้ำเล่นสักพักก็พาขึ้นมานั่งก่อกองทราย ช่วยเก็บเปลือกหอยมาวางประดับปราสาททรายของน้องบ้าง ช่วยตักทรายอัดใส่กระป๋องให้เป็นทรงบ้าง ก่อนที่จะถูกคนมาใหม่แย่งความสนใจจากน้องไป
“มีน..มีนมาแล้ว”
เขายิ้มให้ผม ก่อนจะหันกลับไปตอบรับเสียงเรียกของน้อง “เล่นอะไรอยู่ครับหนูบัว”
ผมลุกขึ้นไปตักน้ำใส่กระป๋อง เมื่อคิดว่าน้องอาจจะอยากสร้างปราสาททรายเพิ่มให้พี่มีนอีกสักหลัง โกยทรายมารวมกันได้ก็จัดการเทน้ำลงไปแล้วปล่อยให้น้องขยำทรายเปียก ๆ เล่น ก่อนจะช่วยก่อมันขึ้นมาให้เป็นรูปเป็นร่าง “มีนขุด ๆ”
ผมหัวเราะเมื่อได้ยินคำสั่งนั่น ก่อนจะช่วยเร่งให้เขาขุดทรายจากปราสาทของน้องออกบ้างส่วนเพื่อทำประตู “เบลล์ขุด ๆ ..ขุดตรงนี้”
“ครับ ๆ” ผมลงมือขุดทรายจากฝั่งตรงข้ามตามคำสั่งของน้อง ก่อนจะต้องเงยหน้าขึ้นไปมองเขา “อะไร..”
“เหมือนตอนเด็ก ๆ ไง” มีนหัวเราะก่อนจะเพิ่มแรงบีบที่มือ “อะ..อย่าพังปราสาทนะ”
ผมเหลือบตาไปมองตามสายตาเขา ก็เห็นว่าน้องบัวกำลังมองพวกเราสลับกันไปมา “งั้นก็ปล่อยมือสิ”
“อีกแปบเดียว”
ผมปล่อยให้เขาจับมืออยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนจะออกแรงกระตุกให้ปล่อยเมื่อน้องเริ่มบ่นว่าอยากได้เปลือกหอยเพิ่มอีก “ให้พี่มีนไปเก็บให้นะคะ”
เขาหัวเราะเบา ๆ ในลำคอเมื่อได้ยินผมพูดอย่างนั้น แต่ก็ยอมลุกขึ้นไปเดินหาให้น้อง “รอเดี๋ยวนะคะหนูบัว”
“งั้นเรามาสร้างกำแพงปราสาทรอพี่มีนกันนะ”
ผมลุกขึ้นไปตักน้ำเพิ่มอีก ผสมมันกับทรายเสร็จก็จัดการก่อกำแพงสมมุติเล็ก ๆ ขึ้นรอบปราสาททั้งสองหลัง ขณะที่น้องบัวทำหน้าที่คนคุมงานก่อสร้างด้วยการเดินวนไปวนมารอบ ๆ ชี้สั่งนู้นสั่งนี้ไปด้วยท่าทางมีความสุข
“ยิ้มกันหน่อย..”
ผมหันไปมองเขา ก่อนจะถูกหนูบัวกระโดดกอดคอแล้วสั่งออกคำสั่ง “ยิ้ม..ยิ้ม..”
“หน้าพี่เบลล์เลอะทรายหมดแล้ว” เขาเดินเข้ามาอุ้มน้องออกจากตักผม เมื่อถ่ายรูปจนพอใจแล้ว “เอานี่ไปประดับปราสาทรอก่อนนะคะ”
พอน้องหันไปสนใจเปลือกหอยตรงหน้า เขาก็หันมาช่วยปัดเศษทรายออกจากแก้มผม “เข้าตาหรือเปล่า”
“ไม่อะ”
เขายิ้มให้ผมอีกครั้ง แล้วผละออกไปช่วยน้องประดับเปลือกหอยบนปราสาททราย ผมเลยหันกลับมาทำหน้าที่สร้างกำแพงล้อมรอบประสาทให้น้องต่อจนเสร็จ เราถ่ายรูปผลงานศิลปะจากกองทรายพวกนี้จนพอใจก่อนจะพากันกลับเข้ามาอาบน้ำอาบท่าเพื่อเตรียมตัวไปกินมื้อเช้าพร้อมกับพ่อแม่ โชคดีที่น้องบัวโตพอจะดูแลตัวเองได้ เลยไม่ทำให้พวกเราต้องเหนื่อยมากอย่างที่คิด
“ไหนใครบ่นอยากกินข้าวต้มกุ้ง” มีนบอกขณะอุ้มน้องขึ้นมาจากเตียง “ไปกินข้าวต้มกุ้งกันนะคะ”
ผมหยิบเป้ใส่ของน้อง จัดการล็อกห้องได้ก็เดินตามเขามาที่ห้องอาหารรีสอร์ท มาถึงแม่ก็ช่วยรับหน้าที่ป้อนข้าวเช้าให้น้องเมื่อท่านอิ่มแล้ว ผมก้มหน้ากินข้าวไป ฟังเสียงพ่อเขาคุยกับพ่อผมไปเงียบ ๆ ก่อนจะต้องชะงักมือที่กำลังตักข้าวเข้าปากเมื่อได้ยินสิ่งที่พ่อเขาพูดออกมา
“ไปเรียนต่อต่างประเทศดีไหม”
ผมหันไปมองหน้าเขา เช่นเดียวกับที่เขาเองก็หันมามองผม “ครับ ?”
ผมวางช้อนในมือลง เมื่อน้องบัวชวนไปหาของหวานมากิน “เดี๋ยวมานะครับ”
ผมไม่ได้ฟังอะไรต่อ ทำแค่อุ้มน้องเดินออกจากโต๊ะมาเงียบ ๆ ในหัวก็คิดเรื่องที่ได้ยินไปเงียบ ๆ
“แตงโม..”
ผมพาน้องเดินเข้าไปหยิบแตงโมใส่จาน ก่อนจะหยิบผลไม้อย่างอื่นเผื่อไปด้วย “กลับโต๊ะกันนะคะ”
ผมไม่ได้พูดหรือถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยตลอดเวลาที่อยู่บนโต๊ะอาหาร กระทั่งพวกเราพาน้องออกมาเดินเล่นข้างนอกก็ยังไม่ได้ถาม มีนเองก็ไม่ได้ทำท่าว่าอยากจะเล่าอะไร ผมเลยปล่อยให้เรื่องทุกอย่างมันคาใจอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยจนถึงเวลาเข้านอน
“ฝันดีนะคะหนูบัว” ผมก้มลงหอมแก้มน้องทั้งสองข้าง ก่อนจะหันไปปิดไฟหัวเตียงด้านผมแล้วล้มตัวลงนอน “ฝันดีนะมีน”
“ฝันดีครับ”
ผมดึงตัวน้องเข้ามากอด ก่อนจะหลับตาลง “อย่านอนดึกนะ”
“เบลล์จะย้ายกลับบ้านเมื่อไรเหรอ”
“คงอยู่ช่วยพี่ชัชต่ออีกเดือนหนึ่ง” ผมตอบทั้งที่ยังหลับตา
“คงพร้อม ๆ กับที่เราเสร็จงานทำงานที่โรงพยาบาลแล้ว” ผมลืมตาขึ้นมามองเขา “ไปพักผ่อนที่ไหนด้วยกันสักเดือนดีไหม”
“...”
“พาน้องบัวไปด้วย”
ผมพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง “เราต้องเตรียมตัวเปิดสำนักงาน”
“ครึ่งเดือน..หรือแค่อาทิตย์เดียวก็ได้”
“มีน..” ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร ก็ถูกเขาจูบ “อื้อ..”
“ไปเชียงรายก็ได้..” เขากระซิบติดริมฝีปากผม “เบลล์เคยบอกว่าอยากไป”
“มีนไม่เคยพูดเรื่องจะไปเรียนต่อ..” ผมลุกขึ้นไปนั่งที่โซฟาเมื่อคิดว่าการสนทนาของเราเริ่มจะไปรบกวนน้อง “จะไปที่ไหนเหรอ”
“เรายังไม่ได้ตัดสินใจ”
“งั้นเหรอ” ผมนิ่ง..คิดว่าควรจะถามอะไรต่อ
“พ่อเร่งมาหลายครั้ง เรื่องหาที่เรียน” เขาเป็นฝ่ายเล่าเอง “เราเองก็คิดคร่าว ๆ ว่าคงเรียนที่เดิม แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ”
“...”
“ที่พ่อพูดวันนี้ก็เหมือนเสนอทางเลือกให้มากกว่า” เขายิ้มให้ผม “เป็นทางเลือกที่ดีว่าไหม”
ผมพยักหน้าให้ ก่อนจะหันไปมองน้องบัวที่ตอนนี้นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง “เป็นเราก็คงอยากไป”
“อืม..” เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วอึดใจ “แต่มันคงเหงาน่าดู”
ผมเหลือบไปมองเขา ก่อนจะยื่นมือไปจับมือเขาเอาไว้ “จะให้หนูบัวโทรไปคุยด้วยบ่อย ๆ”
“เรายังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะไป”
“มันดีที่สุดสำหรับมีน”
“เบลล์รู้ได้ยังไง ว่าอะไรมันดีที่สุดสำหรับเรา”
ผมปล่อยมือ แล้วเดินออกมายืนรับลมทะเลที่ระเบียงหน้าห้อง เมื่อไม่คิดที่จะต่อบทสนทนาอะไรให้มันยืดยาวไปมากกว่านี้อีก ในขณะที่เขาเองก็คงกำลังนั่งคิด หรือไม่ก็คงนอนหลับตามน้องบัวไปแล้ว ผมหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ ก่อนจะรู้สึกถึงแรงกอดรัดจากทางด้านหลัง “ขอโทษ..”
“...”
“เราไม่ได้ตั้งใจจะพูดไม่ดีใส่”
“ช่างมันเถอะ” ผมตอบกลับไป..ทั้งที่ยังไม่เข้าใจอะไรในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เลย “ดึกแล้ว..รีบกลับเข้าไปนอนกันดีกว่า”
“เบลล์..” น้ำเสียงที่เว้าวอน..กับสัมผัสอุ่น ๆ ที่หลังคอทำให้ผมหยุด “เรา..”
“...”
“อย่างน้อย..ก่อนที่เบลล์จะกลับมาอยู่บ้าน..” เขาพูดตะกุกตะกัก “เราอยากให้เบลล์..ช่วยคิดทบทวนเรื่องนี้ดูอีกที..”
ผมแกะมือเขา ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้าตรง ๆ “คิดทบทวน ? เรื่องอะไร ?”
“เรื่องของ..พวกเรา”
ผมหลบสายตาเขา “ไหนมีนบอกว่าจะไม่เร่งรัด..เอาคำตอบอะไรจากเรา”
เขาจับมือผม แล้วออกแรงบีบ “เราเคยคิดอย่างนั้น กระทั่งพ่อถามเรื่องไปเรียนต่อวันนี้”
“...”
“ทุกทีก็แค่อยู่กันคนละจังหวัด” เขาพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ “แต่นี่..มันคนละประเทศ”
“...”
“เบลล์”
“เรายังไม่รู้” ผมตอบตามจริง “ไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องการอะไร..หรือกำลังรู้สึกยังไง”
ผมเป็นฝ่ายถอนหายใจออกมาบ้าง “เราไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง”
ก่อนที่ผมจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับเขาตรง ๆ อีกครั้ง “ทั้งอนาคตข้างหน้า..หรือแม้กระทั่งตัวมีน”
Ma-NuD_LaW
ก็ยังมี #ทีมเบลล์ หลงเหลืออยู่นะ
มันเป็นคนที่ดูเข้าใจยากนิดนึง.. แต่ก็อย่างที่เห็น แม้แต่ตัวมันเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลย
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ