58.
[มีน]
การที่เรามีความรู้สึกดี ๆ ให้ใครสักคน ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ต้องระวังไม่ให้ความรู้สึกนั้นของเราไปทำให้เขาต้องรู้สึกอึดอัด
ผมพยายามรักษาระยะห่างระหว่างพวกเราเอาไว้ ระวังที่จะไม่ก้าวข้ามเข้าไปในเขตที่เขาไม่อนุญาตให้เข้าไป ใช่เพราะหวังว่าสักวันจะได้กลับไปเป็นเหมือนเดิม ผมเพียงแค่ขอให้เขาไม่ผลักผมออกไปให้ไกลมากไปกว่าที่เป็นอยู่ก็เพียงเท่านั้น
“เดี๋ยวมีน..” ผมหันกลับไปมองทั้งที่มือยังจับประตูรถไว้อยู่ “อาทิตย์นี้กลับบ้านหรือเปล่า”
“คงกลับเย็น ๆ วันศุกร์” ผมบอกแผนที่ตัวเองวางเอาไว้ “มีอะไรหรือเปล่าเบลล์”
“เราหยุดยาวถึงวันจันทร์ เลยกะว่าจะขอติดรถกลับไปหาน้องบัวด้วย”
ผมยิ้มให้เขา ก่อนจะตอบตกลง “ไว้บ่ายวันศุกร์เรากลับมาเก็บของ เสร็จแล้วค่อยออกเดินทาง”
“เดี๋ยวเราจัดกระเป๋าให้เอง มีอะไรต้องเก็บให้เป็นพิเศษไหม” พอเห็นผมเงียบ เขาก็พูดต่อ “เราแค่อยากช่วย..ที่ผ่านมามีแต่ให้มีนมาคอยทำนู้นทำนี่ให้เรา”
“เก็บแค่เสื้อผ้ากับพวกของเล่นที่เราซื้อไว้ให้น้องบัว” ผมยิ้มให้เขา “ขอบคุณนะเบลล์”
“อืม..”
“รีบขึ้นห้องเถอะ ดึกมากแล้ว”
เขาพยักหน้า ก่อนจะหันหลังเดินกลับขึ้นห้องไป ผมเลยหันกลับมาขึ้นรถของตัวเองเพื่อไปที่โรงพยาบาลบ้าง อีกแค่ไม่กี่เดือนผมก็จะเรียนจบแล้ว ถึงเวลาต้องใช้ทุนแล้วเตรียมตัวเรียนต่อเฉพาะทาง เกือบลืมไปแล้วว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมตัดสินใจเลือกที่จะมาเรียนหมอก็เพราะเขา มานึกได้ก็ตอนที่เริ่มคิดว่าควรจะเรียนต่อเฉพาะทางด้านไหน ผมคิดทบทวนว่าตัวเองสนใจด้านไหนหรืออะไรเป็นพิเศษ สุดท้ายก็หวนกลับมาคิดถึงเรื่องที่เคยคุยกับเขาเมื่อนานมาแล้ว
“เราได้ยินมาว่าเรียนกฎหมาย จบมาก็เป็นหมอเหมือนกัน” ตอนนั้นเขาเลิกคิ้วขึ้น มองหน้าผมด้วยสีหน้าแปลกใจ “เคยได้ยินหรือเปล่า ที่เขาเรียกกันว่า หมอความ”
“หมอความ..” เขาหัวเราะ ก่อนจะส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับหนังสือเตรียมสอบในมือ “อย่างนั้นมีนเป็นหมอคน เราก็เป็นหมอความ”
เขาเงยหน้าขึ้นมามองผมอีกครั้ง “เอาไว้ไปเล่นให้แม่กับแม่มลฟังบ้าง”
ถ้าตอนนี้ผมขอให้เขาช่วยออกความเห็นว่าควรจะเรียนอะไรต่อ ไม่รู้ว่าเขาจะยังอยากช่วยผมคิดอยู่หรือเปล่า ?
“ไม่ลืมอะไรแล้วนะ” ผมหันไปถามเขาอีกครั้งก่อนออกรถ “มีขนมอยู่เบาะหลัง..ให้แวะซื้อกาแฟหรืออะไรไหม”
“ไม่ล่ะ”
พอเขาบอกอย่างนั้นผมเลยออกรถ เปิดเพลงคลอระหว่างขับรถไปด้วยเรื่อย ๆ กระทั่งหันไปเห็นว่าเขาหลับไปแล้วถึงหันไปช่วยปรับเบาะเอนลงให้ เบลล์ชอบงีบหลับเวลาต้องนั่งรถไปไหนไกล ๆ แบบนี้ เลยเป็นสาเหตุให้พ่อแม่เขาไม่ยอมปล่อยให้เอารถมาใช้ตอนเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยแรก ๆ จนเกิดเรื่องน้องบัวเข้า
ผมไม่เคยกล้าถามว่าน้องบัวใช่ลูกของเขาจริงหรือเปล่า เพราะผมคาดเดาความคิดของเบลล์ในการรับน้องเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไม่ได้ สุดท้ายก็เผลอยอมรับน้องเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวตามไปด้วยอีกคนอย่างนี้
พยายามเท่าไร ก็ยังกลับมาตรงที่เดิมไม่เคยไปไหนพ้น
รู้แล้วว่าเลิกกันต้องอดทน เข้าใจว่ารักเธอมากแค่ไหนก็ตอนนี้
ยังคิดถึงเสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่อ่อนหวาน ประกอบภาพรวมเป็นเธอ
ยังคิดถึงไม่ไปไหน ไม่ว่านานสักเท่าไร ก็ไม่มีใครทั้งนั้น ที่แทนเธอได้
ลองดูอีกทีได้ไหม เริ่มต้นอีกทีได้ไหม หากเธอยังรักกัน
ลองดูอีกทีได้ไหม Restart อีกทีได้ไหม อีกแค่สักครั้ง
แค่เพียงโอกาสได้แก้ตัว กับฉันที่เพิ่งรู้ตัว ว่าเคยได้ทำพลาดไป
( Restart : Room 39 )
“ชอบเพลงนี้เหรอ” ผมหันไปมองคนที่จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมา “ได้ยินเป็นครั้งที่สองแล้ว”
ผมเลิกคิ้วขึ้น “นึกว่าหลับซะอีก”
“หลับแต่หูยังได้ยิน”
เขาบ่นแบบไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันมาบอกให้ผมแวะจอดที่ปั๊มน้ำมันก่อน ผมเลยเลี้ยวเข้าจอดให้เขาได้เข้าห้องน้ำในปั๊มแรกที่เจอ แล้วเดินแยกมาหาซื้อกาแฟกินแก้ง่วง ไม่ลืมสั่งชอกโกแลตร้อนกับคุกกี้ไปให้เขากินด้วย แต่พอกลับมาที่รถก็เจอว่าเขาเองก็ซื้อกาแฟกับชอกโกแลตเย็นมาแล้วอย่างละแก้ว
“ลืมบอกว่าเราเองก็จะไปซื้อ” เขาพูดขณะวางแก้วลงในที่วางแก้วข้างตัว “ทั้งที่เราบอกมีนเอาไว้ก่อนออกมาว่าจะไม่แวะร้านกาแฟ”
เขาเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะยื่นมือมารับชอกโกแลตร้อนในมือผม “ไว้กินไม่ไหวค่อยเอาไปทิ้ง”
“งั้นก็ทิ้งอันที่เราซื้อมา” ผมยื้อแก้วกลับมา ตั้งใจจะเอาออกไปทิ้งจริง ๆ “รอเดี๋ยวนะ..”
“ต้องทิ้งของเราสิ” เขาขยับตัวเข้ามาแย่งแก้วในมือผมกลับไปอีก “เราเป็นคนผิดนะ”
“เบลล์..” ผมเรียกเสียงอ่อน เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูแย่ลงไปของเขา “มันแค่เรื่องกาแฟ..”
ผมถอนหายใจออกมา พยายามหาทางออกให้กับเรื่องเล็กน้อยที่เขาให้ความสำคัญมาก ๆ เรื่องนี้ “งั้นก็กินไปเลยคนละสองแก้ว”
“...”
“เบลล์..”
“ถ้านอนไม่หลับก็อย่ามาว่า”
ผมปล่อยให้บทสนทนามันจบลงอย่างนั้น เมื่อรู้ดีว่าไร้ประโยชน์ที่จะขุดคุ้ยเอาอะไรต่อ เบลล์คงไม่สนุกที่ต้องมานั่งสาธยายเรื่องเหตุผลที่พวกเราถกเถียงกันเมื่อกี้ เพราะเราต่างก็รู้ดีว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากแค่ไหน
“ใช้ทุนที่ไหนเหรอ”
ผมหันไปมองหน้าเขาอีกครั้ง รู้ดีในใจว่านั่นไม่ใช่แค่คำถามเพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย “ที่บ้าน..”
“เลือกเอาไว้นานแล้วสินะ”
“จริง ๆ ก็ปีก่อน..” ผมถอยรถออกจากที่จอด ก่อนจะต่อคำพูดตัวเองเบา ๆ ในใจ.. ตอนที่ได้ยินจากแม่ว่าเบลล์จะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน
“พี่ชัชขอให้อยู่ช่วยที่นี่ต่ออีกสักสองปี” เขาบอกแล้วยกชอกโกแลกร้อนในมือขึ้นมาจิบ “ขนาดนั้นคงเรียนโทจบแล้ว ตั้งใจว่าจะกลับไปเปิดสำนักงานของตัวเอง”
“อืม..”
“แล้วมีนจะเรียนต่อเฉพาะทางด้านไหน”
ผมยิ้มให้กับคำถามของเขา ก่อนจะตอบ “ยังไม่รู้เลย”
“ไม่รู้หรือยังลังเล” เขาเปลี่ยนเอาแก้วชอกโกแลตร้อนในมือไปวาง แล้วหยิบชอกโกแลตปั่นเย็น ๆ ที่ตัวเองซื้อขึ้นมาถือแทน “มีด้วยเหรอ สิ่งที่มีนไม่เคยคิดเอาไว้”
“มีสิ..”
เหมือนเป็นคำตอบที่ตั้งเอาไว้ให้ตอบได้โดยอัตโนมัติ กับคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิด เช่นเรื่องที่ว่าเขาเอ่ยปากพูดคำว่าเลิกออกมาในตอนนั้น..
“มีน..”
“หืม..”
“เราถามว่าเรื่องอะไรบ้างที่มีนไม่เคยคิดเอาไว้ก่อน”
ผมเหลือบไปมองเขา ก่อนจะหันกลับมามองถนนอีกครั้ง “ช่างมันเถอะ..”
ไม่มีประโยชน์ที่จะพูด ในสิ่งที่มันได้ผ่านไปแล้ว..
“อยู่กินข้าวเป็นเพื่อนเบลล์ก่อนนะ” ผมยิ้มรับคำแม่บี “เดี๋ยวแม่ขึ้นไปดูน้องบัวก่อน”
พอแม่บีเดินขึ้นชั้นบนไปแล้ว เบลล์ก็หันมาบอกให้ผมนั่งรอ ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปยกจานข้าวกับอะไรออกมาวางให้ โดยปฏิเสธความช่วยเหลือที่ผมเสนอให้ “อิ่มแล้วก็กลับไปนอนก่อน ไว้ค่อยมาเล่นกับน้องบัวอีกทีพรุ่งนี้”
“อืม..” ถึงยังไม่ค่อยชินกับท่าทีที่ดูเป็นผู้ใหญ่แบบนี้ของเขา แต่มันก็ทำให้รู้สึกหายห่วงไปได้บ้าง “ขอบคุณนะ”
ผมสบตาผมเพียงชั่วครู่ ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่มองผมอีก พออิ่มก็เอ่ยปากไล่ให้ผมรีบกลับไปนอนอีกครั้ง แล้วหันกลับไปล้างจานชามทั้งหมดเพียงคนเดียว ผมไม่ได้ดื้อดึงจะอยู่ช่วยอะไรเขาอีก ทำแค่ขับรถกลับมาจอดที่บ้าน ขนข้าวของลงได้ก็ทิ้งตัวลงไปนอนบนเตียงทั้งที่ยังไม่อาบน้ำ ก่อนจะเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้นกระทั่งเช้า
“มีน..มีน..” ผมลืมตาขึ้นตามแรงเขย่าที่แขน “กลับมาถึงเมื่อไร แล้วนี่หลับทั้งที่ยังไม่อาบน้ำเลยเหรอ”
“ไม่ได้นอนติดกันหลายคืนน่ะครับ” ผมขยี้ตา ก่อนจะลุกขึ้นมานั่ง “แม่มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่เห็นเราลงไปกินข้าวเช้าสักที แม่เลยขึ้นมาดู”
ผมหันไปมองนาฬิกาปลุกบนโต๊ะข้างเตียง ก็เห็นว่าเกือบจะเก้าโมงแล้ว “เดี๋ยวอาบน้ำแล้วผมตามลงไปนะครับ”
“แม่บีโทรมาชวน เห็นว่าเบลล์จะพาไปเดินเล่นที่ตลาดน้ำ” แม่ยิ้มเมื่อเห็นว่าผมทำหน้างง ๆ “เคยรู้หรือเปล่า ว่าจังหวัดเรามีตลาดน้ำด้วย”
“ไม่เลยครับ”
“งั้นรีบอาบน้ำแต่งตัว จะได้ไปช่วยผลัดเบลล์อุ้มน้องบ้าง”
“ครับ”
“มื้อเช้าค่อยไปหากินที่นู้น..ทนหิวไหวไหม”
“ผมยังไม่หิวเลยครับ เมื่อวานกินข้าวที่บ้านเบลล์แล้วก็มานอนเลย”
แม่หันมายิ้มให้ผมอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูเดินออกไป ผมเลยรีบลุกขึ้นไปคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ จัดการตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วรีบขับรถพาแม่ไปรับคนอื่น ๆ ที่บ้านนู้น
“รู้ทางเหรอ” เบลล์ถามยิ้ม ๆ “เดี๋ยวเราขับเอง”
“อืม..”
“แซนวิชในกล่อง” เบลล์บอกเมื่อเราสับเปลี่ยนที่นั่งกันเสร็จแล้ว “หน้าตาดูไม่น่ากินเท่าแม่ทำหรอก แต่รสชาติไม่แย่เท่าไรนะ”
“ทำเองเหรอ”
“แม่บอกเองว่ามีนยังไม่ได้กินอะไร” เป็นแม่ผมเองที่เป็นคนตอบคำถามนี้ “แต่แม่ก็แปลกใจนะ ที่เบลล์ลงมือทำเอง”
“เมื่อเช้าก็ตื่นมาทำข้าวต้มให้พ่อตั้งแต่เช้า” แม่บีเสริมอีก “โตแล้วนะลูกแม่”
“เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นกันเถอะครับ” เขาทำหน้ามุ่ย “อย่ากินเยอะนะ เดี๋ยวไปเจอของอร่อย ๆ ที่ตลาดแล้วจะเสียใจที่กินไม่ไหว”
“น้องบัวคงตั้งใจจะไปกินไอติมหลอดแน่ ๆ” แม่หันไปหยอกน้อง เรียกเสียงหัวเราะจากคนอุ้มอย่างแม่บี “ตลาดน้ำต้องมีไอติมหลอดสินะ ใช่ไหม”
ผมมองคนขับที่หัวเราะไปตามคำพูดของแม่ ก่อนจะก้มลงมาหยิบแซนวิชในกล่องขึ้นมากัด “อร่อยนะ”
เขาเหลือบมามองผม “ของสำเร็จรูปทุกอย่าง แค่หยิบมาใส่รวมกันบนขนมปังเอง”
แล้วคำพูดของเขาก็เรียกเสียงหัวเราะจากคนทั้งรถได้อีกครั้ง..
Ma-NuD_LaW
หายไปเกือบเดือนเลย.. ยุ่ง ๆ เรื่องงานศพย่าน่ะครับ
และก็ยินดีที่จะบอกว่าเรื่องนี้ใกล้จบแล้ว 
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นนะครับ 