13.กลับมาถึงห้อง เราก็ต่างแยกย้ายกันไปอยู่ในมุมของตัวเอง บิ๊กนอนที่นอนปิกนิกบนพื้นข้างเตียงที่เพิ่งซื้อมาหลังจากทนนอนที่โซฟาไม่ไหว ส่วนผมนอนอยู่บนเตียงห้าฟุตที่กว้างเกินกว่าคน ๆ เดียวจะนอนเต็มได้
เราไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกเลย จนกระทั่งหลับไป..
ลงไปอาบน้ำ..เจอกันที่รถเลยนะครับ
ผมขยี้ตา บิดขี้เกียจไล่ความงัวเงียหลังจากอ่านข้อความของน้องมันจบ ก่อนจะลุกเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวบ้าง บิ๊กพาผมแวะหาอะไรกินก่อนจะเข้าไปเรียนเหมือนทุกเช้า ต่างกันแค่วันนี้มันเดินไปซื้อน้ำผลไม้จากร้านสะดวกซื้อแถวนั้นมาให้ผมด้วย
ผมมองกล่องน้ำส้มที่ดื่มหมดแล้วในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังของคนที่เดินนำอยู่ ในหัวก็นึกหาเหตุผลที่จู่ ๆ น้องมันก็ซื้อน้ำผลไม้มาให้ผม ทั้งที่ปกติจะเป็นนมหรือไม่ก็น้ำเปล่าเท่านั้น
“หวัดดีครับพี่จุ๊” ผมส่งยิ้มให้จุ๊ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ขณะที่คนเอ่ยปากทักทายนั้นนั่งลงบนเก้าอี้ตรงกันข้ามกับผม “กินน้ำอัดลมแต่เช้า มิน่าถึงอ้วน”
“มาถึงก็ปากมอมเลยนะไอ้บิ๊ก”
ผมหัวเราะไปกับบทสนทนาของพวกเขา ก่อนจะวางกล่องน้ำส้มในมือลงบนโต๊ะ “กินนม หรือไม่ก็น้ำผลไม้อย่างที่ผมให้พี่เบลล์กินก็ได้”
จุ๊หันมามองผมแบบล้อ ๆ ก่อนจะออกปากแซว “ก็ฉันไม่มีคนมาคอยดูแลเหมือนเบลล์นี่”
“ลดน้ำหนักดิ จะได้มีคนมาจีบ”
แล้วสงครามน้ำลายแบบย่อม ๆ ก็เกิดขึ้น ผมส่ายหัวไปกับคำโต้เถียงระหว่างบิ๊กและจุ๊ ก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านรอเวลาเข้าเรียน แต่ยังอ่านไม่ทันจบหน้า แสงสว่างจากหน้าจอพร้อมกับแรงสั่นจากโทรศัพท์มือถือก็ทำให้ผมต้องวางมันกลับลงไปในกระเป๋า แล้วเปลี่ยนเป็นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอ่านข้อความที่ถูกส่งเข้ามา
ไม่มีตัวอักษรใด ๆ ในข้อความนั้น นอกจากจุดสามจุด ( ... ) จุดที่ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าคนส่งกำลังต้องการจะสื่ออะไร
BeLL : ?
BeLL : มีนไม่มีตอบโต้ใด ๆ ตอบกลับมาจากฝั่งนู้น เขาทำเพียงแค่กดอ่านมันเฉย ๆ
BeLL : มีอะไรหรือเปล่า“คุยกับใครอะพี่เบลล์”
ผมส่ายหัวเป็นคำตอบให้กับน้องมัน ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมตัวไปเรียน “ขึ้นห้องกันเถอะจุ๊ มึงก็ไปเรียนได้แล้ว”
น้องมันพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะลุกขึ้นหยิบกระเป๋าของตัวเอง “เลิกเรียนรอผมตรงนี้นะครับ”
“ไม่ต้องหรอก เสียเวลาวนไปวนมาเปล่า ๆ” ผมบอกน้องมัน “มึงกินข้าวแล้วรอเรียนรอบบ่ายเลย กูกลับเอง”
“...”
“อย่างอแง” ผมว่าเมื่อเห็นน้องมันทำท่าจะเถียง “ยังไงตอนเย็นมึงก็ไปขลุกอยู่ห้องกูอยู่ดี”
“พูดกันเหมือนแฟน” จุ๊แซวขึ้นมา “เมื่อไรจะคบกันสักที”
ผมถอนหายใจออกมา ก่อนจะดันหลังจุ๊ให้เดิน “ขึ้นเรียนเถอะ”
“พูดแค่นี้ทำเป็นเขิน”
“เราเปล่า..” ปฏิเสธออกไป ก่อนจะหันไปบอกบิ๊กอีกครั้ง “ไปเรียนได้แล้ว”
เห็นสีหน้าที่เจื่อนลงไปของน้องมันก็อดไม่ได้ที่จะปลอบ “เจอกันตอนเย็น”
“ครับ”
พอน้องมันเดินแยกไปแล้ว จุ๊เลยหันมาคุยกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง “ทำไมใจแข็งจังเบลล์”
“...”
“ไม่รู้สึกชอบน้องมันบ้างเลยเหรอ” ผมส่ายหน้า ไม่รู้จะอธิบายให้จุ๊ฟังเป็นคำพูดได้ยังไง “โห..เราสงสารน้องมันเลยนะเนี้ย”
“แล้วไม่สงสารเราบ้างเหรอ”
“จะสงสารอะไร ในเมื่อแกเป็นฝ่ายได้รับความเอาใจใส่”
“เพราะแบบนี้ไง เราถึงไม่ชอบคุยกับใคร” ผมทิ้งความหมายรุนแรงในคำพูดเอาไว้ภายใต้น้ำเสียงนิ่ง ๆ “งานกลุ่มมีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน เราทำแล้วจะส่งเมล์ไปให้เหมือนทุกที”
“เบลล์..”
“ขึ้นเรียนกันเถอะ”
แล้วผมก็แยกตัวไปนั่งอยู่หลังห้อง ไม่พูดคุยกับใครเหมือนก่อนหน้าที่จะรู้จักกับบิ๊ก คนอื่น ๆ รวมทั้งจุ๊เองก็หันมามองบ้าง ก่อนจะเลิกสนใจเมื่อผมเองก็ทำท่าไม่สนใจเหมือนกัน
ทำไมต้องมีใครมากดดันให้ผมยอมรับความสัมพันธ์ที่น้องมันพยายามหยิบยื่นมาให้ ทั้งที่ตัวมันเองยังไม่เคยบีบคั้นให้ผมต้องรีบตอบรับความรู้สึกของมันเลย
และลึก ๆ แล้วผมรู้ว่าน้องมันเองก็รู้ดีว่ามันไม่ควรจะเร่ง หรือบีบบังคับผม..
Ma-NuD_LaW
ไม่แอบถามดิว่าใครเป็นพระเอก เพราะผมเองก็ยังไม่รู้ (มั้ง) 
สวัสดีนักอ่านหน้าใหม่ และกอดหนัก ๆ ให้นักอ่านหน้าเก่า 
มีหลายความเห็นที่ยาวมาก..ยาวกว่านิยายด้วยซ้ำ 
เอ่อ..ลืมละว่าจะพูดไร งั้นเอาเป็นว่า เจอกันพรุ่งนี้นะครับ (กล้วจะคุยยาวกว่านิยาย โดนแซวอีก) 