-24-
-แม็กม่า-
ผมรู้ว่าเขาไม่ได้หลับสนิท ผมถึงจูบเขา
ผมรู้ว่าเขาคงได้ยิน ผมถึงบอกเขา แต่เขาก็ไม่ยอมลืมตาตื่น
ที่เจ็บกว่าการถูกปฏิเสธคือถูกเมินเฉย...
เย็นวันนั้น หลังจากพวกซูกัสกลับมารับช่วงดูลูก ผมขอตัวเข้ามาที่ห้องซึ่งคุณอิฐเดินเข้ามาสักพักแล้ว และตอนนี้เขากำลังอยู่ในห้องอาบน้ำ ผมเหลือบตาไปเห็นมือถือของเขาที่โยนไว้บนเตียงจึงหยิบขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
ที่จริงผมมีโอกาสได้จับมือถือเขาอยู่หลายครั้ง แต่ผมเพิ่งมีโอกาสจำรหัสปลดล็อกมันเมื่อวานนี้เอง มือผมสั่นเมื่อคิดถึงแผนการตื้นๆ ที่จะทำให้คนสองคนเลิกกันได้ วิธีง่ายๆ แค่ส่งรูปภาพพวกนั้นไปให้คุณบีท เพราะจากสีหน้าลำบากใจตอนนั้นที่ผมถามว่าคุณบีทรู้ไหมว่าเขามาที่นี่กับผม ผมก็เดาได้ว่าเขาคงไม่กล้าบอกแน่ และถ้าคุณบีทรู้ว่าเขามาเที่ยวกับผมโดยที่ไม่บอก พวกเขาคงทะเลาะกันและอาจจะถึงขั้น...
ผมเปิดโปรแกรมไลน์ขึ้นมา เพื่อพบข้อความล่าสุดที่เขาส่งไปเมื่อสองวันก่อน...
คิดถึงนะ... คิดถึงมาก...
มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดและลังเลว่าผมควรจะทำแบบนี้จริงไหม แต่เราจะกลับกรุงเทพกันพรุ่งนี้แล้ว ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง วันเวลาที่นี่ก็คงเสียเปล่า และผมกับเขาก็คงย้อนกลับไปเหมือนเดิม
ที่เลว...ก็เลวมาเยอะแล้ว... จะเลวเพิ่มขึ้นอีกสักนิดจะเป็นไรไป
มันคงเป็นการเดิมพันครั้งสุดท้ายของผม...
ถ้าไม่รัก... ก็เกลียดกันไปเลยดีกว่า...
“ทำอะไรน่ะ แม็ก!”
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่ายดันออกมาเอาตอนนี้ ผมหันไปมองเขาด้วยความตกใจจนหน้าซีดเผือด เขารีบเดินมาหาแล้วคว้าของกลางในมือผมไปทันที คิ้วขมวดมุ่นหันมามองผมเหมือนกำลังโกรธ เพราะเขาคงอ่านความคิดของผมออกทั้งหมด ในเมื่อหน้าจอยังคงค้างอยู่ที่หน้าจอรูปภาพ และผมติ๊กรูปคู่ที่ร้านกาแฟไว้แล้ว เพียงแค่ชั่งใจว่ากดส่งดีไหมเท่านั้นแหละ
“เธอตั้งใจจะทำแบบนี้จริงๆ เหรอแม็ก” ในคำถามผมรู้ว่าเขาโกรธ แต่ก็ยังสะกดกลั้นน้ำเสียงและอารมณ์ไม่ให้กลายเป็นตวาด
“ครับ ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้” เพื่อคุณ เพื่อลูกผมต้องทำ...
“เธอทำแบบนี้ไปทำไม” คำถามของเขาทำให้มันร้าวไปทั้งเบ้าตา
เขาไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้...
“จนป่านนี้แล้ว คุณจะทำเป็นไม่รู้อีกเหรอครับ ว่าผมทุกอย่างไปทำไม เพื่ออะไร” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงปวดร้าว นัยน์ตาเจ็บช้ำ สะกดกลั้นน้ำตาแต่ก็ไม่สำเร็จ...
“รักงั้นเหรอ?” เขาย้อนถาม “หึ! งั้นฉันจะบอกให้นะ ถ้าเธอทำทุกอย่างเพราะว่าเธอรักฉันจริงๆ ก็เป็นวิธีการที่สิ้นคิดที่สุดที่เคยเจอมาเลย” เช่นเคย มันคือคำด่าตรงไปตรงมาที่นับวัน ผมก็ชักชินชากับมันเสียแล้ว
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง... ทำดีคุณก็ไม่เคยเห็น ทำเลวคุณก็ไม่ชอบ”
“งั้นก็หยุดซะสิ จะดื้อรั้น ดิ้นรนไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก จะยิ่งทำให้ฉันเกลียดเธอมากขึ้นด้วยซ้ำ”
“เกลียดผมเถอะ... เกลียดได้เท่าที่คุณพอใจ ขอแค่คุณรักลูกของเรา ผมก็ดีใจแล้ว” ในสีหน้ามีความไม่เข้าใจ เขาคงคิดว่าผมหน้าด้านหน้าทนเกินคนไปแล้ว แต่ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ
“เชื่อเถอะ เธอจะดีใจแค่ไม่นานหรอก แต่เธอทรมานไปตลอดชีวิต” เขาหมายความว่า ไม่ว่าจะนานแค่ไหนเขาก็ไม่มีวันรักผมใช่ไหม?
ผมเม้มปาก ผมไม่รู้ว่าควรตอบว่ายังไงดี
“ถ้าความทรงจำดีๆ มันเปลี่ยนเป็นความทรงจำร้ายๆ ก็ลบลืมมันไปดีกว่า” เขาบอกขณะกดลบรูปคู่ของเราที่ซูกัสถ่ายให้ออกทีละรูป “ถ้าหากเธอทำไม่ดีเพราะชอบฉันจริงๆ ฉันก็ไม่โกรธหรอกนะ ขอแค่ต่อไปอย่าทำอย่างเดิมอีก”
“คุณรู้ไหม... ผมรักคุณ รักลูกของคุณ รักแม่ของคุณมาก ที่ผมทำลงไปก็เพราะผมอยากดูแลพวกเขาทุกคน”
“ขอโทษนะแม็ก แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเธอจริงๆ” คำพูดตัดรอนเหล่านั้นทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กำมือแน่นสะอื้นหนักขึ้นทันทีจนอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้แตะมือที่ศีรษะแล้วลูบเบาๆ อย่างปลอบโยน แต่ก็ไม่ได้น้ำตาที่พร่างพรายนั้นหยุดไหลแต่อย่างใด
“ผม...ผิดมากใช่ไหมที่รักคุณน่ะ” ผมถามด้วยน้ำเสียงที่หมดเรี่ยวแรง
“ไม่ผิดที่รัก แต่เธอแค่รักคนผิด” ผมไม่รู้ว่ามันต่างกันที่ตรงไหน...
“ถ้าไม่มีคุณบีท คุณจะมองผมไหม คุณจะรักผมบ้างได้ไหม”
“ฉันตอบไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีบีท เธอก็คงไม่ได้อยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกแล้ว”
ไม่มีเยื่อใย ไม่ให้ความหวัง ชัดเจน ไม่ลังเลเลยสักนิด
ระหว่างผมกับเขา ไม่มีอะไรที่เชื่อมต่อกันเลย ไม่มีโอกาส ไม่มีความหวัง สิ่งที่ทำมาทั้งหมดมีแต่ความว่างเปล่า
สิ่งเดียว... สิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ คงมีแค่...
หลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น คุณอิฐกลับไปเป็นคุณอิฐคนเดิมเหมือนก่อนที่ผมจะออกจากบ้าน เขาพยายามพูดกับผมดีๆ ไม่ประชดประชัน ไม่กระแนะกระแหน คอยดูแลตามหน้าที่ของเขาตามปกติ
ผมรู้ว่าเขาคงสงสาร เขาคงรู้แล้วว่าผมรู้สึกทุกข์ใจมานานแค่ไหนแล้ว แต่ยิ่งเขาดีกับผมมากเท่าไร ผมก็ยิ่งเสียใจมากกว่าเดิมเสียอีก ผมไม่อยากรักเขาเลย แต่ก็รักไปแล้ว ผมไม่ได้อยากแย่งเขามา แต่ก็ทำไปแล้ว แม้จะไม่สำเร็จ แต่ผมก็เลิกรักเขาไม่ได้ แล้วสุดท้ายมันก็วนลูปกลับไปที่เดิม ตรงที่ผมยังต้องทนอยู่ข้างๆ คนที่รักไม่ได้อยู่แบบนี้
แล้วเมื่อไรผมจะเลิกรัก แล้วเมื่อไรผมจะเลิกเจ็บ ผมไม่รู้เลย...
“คุณอิฐ... ผมจะขอร้องอะไรสักอย่างได้ไหม” ในที่สุดผมก็หาทางเจรจากับเขาอีกครั้ง ก่อนที่เราจะเดินทางกลับ
“หือ....”
“คุณให้ผมไปได้หรือเปล่า?”
“ไปไหน?” คำถามค่อนข้างตกใจ
“ที่ไหนก็ได้ ที่ไม่มีคุณ” ผมตอบเสียงนิ่ง
“บ้านซูกัสยังไกลไม่พอหรือไง?”
ผมเหลือบตาขึ้นมองแล้วส่ายหน้า...
“ผมจะคืนหุ้นให้ ถ้าเด็กคลอดแล้วก็จะคืนเหมือนกัน ผมไม่อยากได้อะไรเลย ขอแค่ได้ไปจากตรงนี้ได้ไหม”
“ไม่ได้...” คำตอบส่วนกลับมาทันทีโดยไม่คิด น้ำเสียงจริงจังมากเสียด้วย
“คุณไม่เชื่อใจผมเหรอ?” ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
“เปล่า แต่ฉันเป็นห่วงเธอ ถ้าเธอสามารถอยู่คนเดียวได้โดยไม่มีใครดูแลใกล้ชิดล่ะก็ ฉันคงไม่ต้องพาเธอไปอยู่ที่บ้านแต่แรก ถ้าเธอต้องไปโดยไม่มีทั้งฉันหรือซูกัสดูแล เธอจะอยู่คนเดียวอย่างปลอดภัยได้ยังไง”
ผมเข้าใจปัญหาข้อนี้ดี เพราะการตั้งครรภ์ในผู้ชายไม่เหมือนผู้หญิง ต้องดูแลใกล้ชิดกว่าปกติมาก เพราะเหตุนี้ต่อให้ผมเจ็บช้ำน้ำใจจนอยากหนีหายไปตั้งกี่ครั้งกี่หน ผมก็ทำไม่ได้ เพราะผมไม่อยากให้ความคิดชั่ววูบของตัวเองต้องมาพลอยทำให้เด็กในท้องลำบากตามไปด้วย แต่ตอนนี้ผมหาทางออกได้แล้ว...
“ผมจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ซูกัสฟัง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาไม่มีวันทิ้งผม ซูกัสกับหมอคงจะหาทางออกให้เราได้ ถ้าผมไปโดยไม่ทำให้คุณห่วง คุณยอมให้ผมไปได้ไหม?” ผมทอดเสียงอ่อนเป็นเชิงขอร้อง เขานิ่งอึ้งไปแววตามีความสับสนกังวล แต่ลงท้ายก็ตอบมาแค่ว่า
“อย่าเพิ่งบอกซูกัสนะ ขอฉันคิดดูก่อน...”
ทำไมต้องลังเลด้วยนะ ถ้าไม่รัก..แล้วจะรั้งไว้ทำไม...
หลังจากผมกลับมากรุงเทพได้หนึ่งวัน พี่ยุทธก็ชวนผมไปกินข้าว ผมแปลกใจที่เขาโทรมาเหมาะเจาะ เขาหัวเราะแล้วตอบว่า
“ก็แม็กไปเที่ยวกับท่านประธานใช่ไหมล่ะ พอเห็นท่านประธานมาทำงาน พี่ก็เลยรู้ว่าแม็กกลับมาแล้ว” นั่นสินะ ผมก็ลืมนึกถึงข้อนี้ไป
ผมรับปากไปกินอาหารกลางวันตามที่เขาชวน ที่จริงแล้วผมยังไม่มีอารมณ์จะคุยอะไรนัก แค่มีบางอย่างจะบอกเขาเท่านั้นก็เลยตกลง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทัน พี่ยุทธออกรถเก๋งป้ายแดงมาซะแล้ว
“แม็กอยากขายหุ้นไหม มีคนอยากซื้อ” เป็นคำถามที่สะดุดหูจนผมย่นคิ้ว
“ใครเหรอครับ” ผมถามด้วยสีหน้าที่ปั้นปึ่งเล็กน้อย
“คุณเขตแดนน่ะ” เขาตอบอ้อมแอ้ม
“นี่พี่จะเป็นนายหน้าเหรอครับ” ผมถามอย่างไม่พอใจ...
“เปล่า แค่รับปากว่าจะถามให้เฉยๆ แต่ถ้าแม็กไม่อยากขาย ก็แล้วแต่แม็กเถอะ” ดีแล้วที่เขาไม่เซ้าซี้ ผมเลยไม่บ่นมาก ปล่อยให้แล้วๆ ไป
“คงขายไม่ได้หรอกครับ เพราะผมกะจะโอนหุ้นคืนคุณอิฐแล้ว”
“อ้าว ทำไมล่ะ?” เขาถามอย่างแปลกใจ...
“เพราะผมจะตัดใจจากคุณอิฐ มันก็เลยไม่จำเป็นกับผมอีก” ผมตอบเขาตามความเป็นจริง ถ้าไม่ใช่เพราะผมอยากจะต่อรอง ถ้าไม่ใช่เพราะกำลังโกรธอยู่ผมคงโอนคืนให้เขาไปนานแล้ว
“โธ่แม็ก... ได้มาแล้วจะโอนคืนทำไมเล่า เสียดายออก”
“ก็มันไม่ใช่ของผม ผมเลยไม่อยากได้” แล้วผมก็อยากให้คุณอิฐมองผมในแง่ดีบ้าง
“แล้วพี่ล่ะแม็ก” ในคำถามมีสำเนียงอ้อนวอนอยู่ ผมเข้าใจได้โดยที่เขาไม่ได้อธิบายว่าเพราะผมทำให้เขามาอยู่ในตำแหน่งนี้ ถ้าผมโอนหุ้นคืนคุณอิฐไป เขาอาจจะถูกถอดจากตำแหน่งกรรมการฝ่ายบริหารก็ได้
“ผมขอโทษนะครับถ้าทำให้พี่ลำบาก แต่ผมคิดว่าพี่ยุทธก็เหมาะกับตำแหน่งนี้ดีแล้ว ผมจะช่วยยื้อไว้สักเดือนแล้วกัน ต่อไปถ้าพี่พยายามทำให้คุณอิฐเห็นความสามารถ แล้วก็เข้าข้างเขาตอนประชุม เขาอาจจะไม่ปลดพี่ก็ได้”
“อะไรจะมองโลกแง่ดีขนาดนั้น ผู้ชายน่ะศักดิ์ศรีเรื่องใหญ่นะ ต่อให้พี่ทำดีไป เขาคงหาทางกำจัดพี่อยู่ดีแหละ ในเมื่อเค้าคิดว่าพี่กับแม็ก...” สรุปว่าผมผิดใช่ไหมที่เคยทำให้เขาหึงพี่ยุทธน่ะ
“เรื่องนั้นผมจะอธิบายให้เขาฟังเองครับ”
“จะอธิบายอะไร ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เหรอ?” เขายิ้มอย่างขี้เล่น เลื่อนมือมาจับมือผมไว้
จริงเหรอ? มีอะไรที่จริงกัน? ผมนึกสงสัยนัก ในเมื่อพี่ยุทธไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่ารุ่นพี่ที่เคยทำงานที่เดียวกันเท่านั้นเอง
ผมมองมือเขาที่วางอยู่บนมือผมอย่างเฉยชา ไม่รู้สึกอบอุ่น ไม่ตื่นเต้นอะไรเลย ตอนที่คุณอิฐอยู่ใกล้ๆ ผม เขาคงรู้สึกแบบนี้สินะ เบื่อ...รำคาญ
บ้าจริง! แค่คิดขึ้นมาก็อยากร้องไห้อีก ทำไมถึงอ่อนแอมากขนาดนี้นะ!
ถ้าหากผมยอมสานสัมพันธ์กับพี่ยุทธ ถ้าหากผมเปิดใจให้เขา ผมจะหายเจ็บหรือเปล่านะ ไม่แน่ใจเลย...
“ถ้าพี่บอกว่ามันจริง... งั้นผมคงไม่ต้องอธิบายอะไร รีบโอนคืนเขาไปเร็วๆ เลยดีกว่าเนอะ” ผมเอ่ยตอบกลับไปเหมือนไม่รู้ทัน
“เอ่อ... อย่าเพิ่งสิแม็ก เดือนเดียวก็เดือนเดียว ให้เวลาพี่หน่อยนะ แล้วก็ให้เวลาตัวเองทบทวนดูด้วยว่าจะยอมเสียมันไปจริงๆ เหรอ? เงินไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ”
“ทำไมครับ ถ้าผมไม่มีหุ้นพวกนั้น แล้วพี่จะเลิกสนใจผมงั้นเหรอ?” ผมถามลองเชิง
“เปล่า... พี่แค่เป็นห่วงน่ะ ไม่อยากให้ต้องมาเสียดายทีหลังเท่านั้นแหละ” เขายิ้มกลบเกลื่อน แต่มันไม่เนียนเอาเสียเลย...
ผมอดนึกถึงคำเตือนของคุณอิฐขึ้นมาไม่ได้ว่า อย่างน้อยถ้าผมจะมีใครสักคนก็ควรเลือกคนที่ไม่รักกันที่สิ่งของเงินทอง เพราะเมื่อเงินหมด เขาก็หมดรัก
คนดีๆ ที่รักผมจริงอาจจะมีอยู่ แต่คงไม่ใช่พี่ยุทธ ผู้ชายที่เคยผลักไสผมไปอย่างไม่ใยดี คำพูดหวานหูที่ดูเหมือนหวังดีแต่ไม่จริงใจเลยสักนิด ทุกอย่างล้วนทำเพื่อตัวเอง มันไม่เหมือนคำพูดตรงไปตรงมาของคุณอิฐเลย คำพูดแรงๆ ที่ทำให้สำนึกผิด คิดได้ ถึงมันจะทำให้ผมเจ็บตั้งไม่รู้เท่าไร แต่ลงท้ายผมกลับไม่รู้สึกเกลียดเขาเลย
ยังรักอยู่... แต่คงไม่อยากแย่งแล้ว สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คงมีแค่รอ...
รอให้เด็กเกิดมา รอให้ผมได้จากไป แล้วผมอาจจะได้พบใครสักคนที่เป็นของผมคนเดียวไม่ต้องดิ้นรน ไขว่คว้าอย่างทรมานแบบนี้ หรือไม่ก็รอจนกว่าคุณบีทจะเดินจากคุณอิฐไปเอง
หึ!! ซึ่งคงเป็นแค่ฝันลมๆ แล้งๆ เท่านั้นแหละมั้ง!
++++++++++