คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)  (อ่าน 169067 ครั้ง)

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
อิฐน่ารำคาญอ่ะ แบบนี้จะเป็นพ่อได้หรอ?

ออฟไลน์ omuya

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2023
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-9
แน่ใจนะว่าอิฐเป็นเจ้าของบริษัท การกระทำนี้เหมือนเด็กน้อยชัดๆ

ออฟไลน์ minmin96

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ยิ่งอ่าน ยิ่งได้อารมณ์ว่าแม็ก นางช่างเหมือนผู้หญิงอุ้มบุญคนนั้น
คือจะให้สงสารแม็ค..ก้อไม่สงสาร เพราะดูท่าแม็คจะผิดสัญญาการจ้างท้องด้วยซ้ำ
เรื่องนี้ถ้าจะหาคนผิด ต้องยกให้อิฐไปเต็ม ตอนที่เซ็นต์สัญญาอิฐไม่ได้บอกรายละเอียด..หมกเม็ด..ซ้อนเร้น..แอบแฝง
ดังนั้นโกงมา เจอโกงกลับ...ก้อสาสมกัน!!!

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ปวดตับ!!

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
อย่าเพิ่งกลับไปง่ายๆสิ

ออฟไลน์ MyMine104

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทำไมอิฐเป็นคนแบบนี้เฮ้อออออเหนื่อยใจจริงๆ :katai1:

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-17-


   -อิฐ-


     งานเข้าผมซะแล้ว ตั้งแต่แม็กม่าจากไปหลายวันก่อน ดูเหมือนคุณแม่จะโกรธผมเอามากๆ ที่ไม่มีปัญญาจะเอาทั้งลูกและเมีย (กำมะลอ) กลับมาได้ แต่ใช่ว่าผมจะนิ่งดูดายนะ ผมก็พยายามมากที่สุดแล้วที่จะแวะไปขอความเมตตา แต่ซูกัสก็ไม่ยอมให้ผมได้พบหน้าแม็กม่าเลยสักวัน จนในที่สุดคุณแม่ก็ยื่นคำขาดว่าถ้าผมยังไม่สามารถพาตัวเขากลับมาได้ ท่านจะทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์หุ้นของท่านทั้งหมดให้กับแม็กม่า

   ผมพอเดาได้ว่าคุณแม่ทำแบบนี้ทำไม ท่านคงแค่จะใช้มันเพื่อขู่ผม ท่านรู้ดีว่าอิทธิฤทธิ์กรุ๊ปมีความสำคัญกับผมมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ท่านไม่รู้เลยคือความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแม็กม่า มันไม่ได้ลึกซึ้งมากพอที่จะวางใจให้เขาถือหุ้นมากมายขนาดนั้น แค่ถือไว้เฉยๆ แล้วมาประชุมบอร์ดอย่างเดียวก็พอว่า แต่ถ้าเขาเกิดขายมันขึ้นมาล่ะก็จบเห่แน่!

   “แม่ทำอย่างนี้ไม่ได้นะ” ผมรีบคัดค้านความคิดนั้นทันที

   “ทำไมจะทำไม่ได้ นี่มันความผิดแกเต็มๆ เลยนะที่เขาหนีไปแบบนี้ เพราะฉะนั้นแกก็ต้องรับผิดชอบ”

   “แต่ผมกับแม็ก... ไม่ได้รักกันจริงๆ ซะหน่อย” หมดทางเลือกแล้วครับ ถ้ายังดึงดันโกหกต่อไปคงแย่แน่ ผมจำต้องพูดความจริงกับท่าน

   “แล้วไง” แต่แม่กลับไม่ได้ตกใจในคำสารภาพของผมสักนิดเลย แถมยังออกคำสั่งอันเอาแต่ใจอีกด้วย “ถ้าไม่จริงก็ทำให้มันจริงซะสิ”

   “โธ่แม่!!”

   “ไม่ต้องมาพูดเลยตาอิฐ บอกไว้เลยนะว่าแกเป็นคนพาเขามาเอง แม่ได้เป็นคนบังคับหรือหามาให้ แล้วแม่ก็ชอบเขาแล้วด้วย จะรักกันหรือไม่รักน่ะมันไม่สำคัญ เพราะเรื่องที่เค้าอุ้มท้องแกมันเรื่องจริง เพราะฉะนั้นถ้าแกโง่มากขนาดเห็นคนอื่นดีกว่าเมียกว่าลูก แม่ก็จะตัดหางแกปล่อยวัด ไม่ต้องเอาเอาสมบงสมบัติอะไรแล้ว” คุณแม่ขู่ซ้ำอีกระลอกก่อนจะเชิดหน้าเดินหนีไป ทิ้งผมไว้กับความกลุ้มยิ่งกว่ากลุ้ม...

   

   “แม่คุณท่าจะเอาจริงนะ” บีทเปรยขึ้นยิ้มๆ ดูไม่มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจเมื่อผมเล่าเรื่องที่คุณแม่จะโอนหุ้นให้แม็กม่าให้เขาฟัง คงเพราะชินความวุ่นวายในครอบครัวผมแล้ว สมัยก่อนก็วุ่นวายหาคู่ดูตัวไม่เว้นแต่ละวัน นั่นว่าหนักแล้ว แต่นี่หนักหนากว่าเก่าอีก

   “เอาจริงมากๆ เลยล่ะ” ผมตอบรับหน้าเครียด

   “ทำไมคุณไม่บอกแม่คุณไปตามความจริงล่ะว่าเด็กคนนั้น ไม่ใช่คนรักของคุณ”

   “บอกแล้ว...แต่...” ท่านไม่ได้ถามต่อและผมจึงไม่ได้เล่าด้วยว่าเป็นแค่การจ้าง...

   “อ้อ... แม่คุณคงชอบเด็กนั่นแล้วสิ แล้วคุณล่ะ”

   “ผมทำไม?”

   “ไม่ชอบบ้างเหรอ?” ผมค่อนข้างอึดอัดกับคำถามนิดหน่อย ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไร แต่...

   “ไม่เชื่อใจผมเหรอ?” ผมถามกลับ อีกฝ่ายยิ้มแล้วเดินเข้ามากอดคอไว้

   “รักแท้แพ้ใกล้ชิดนี่”

   “ผมใกล้ชิดกับคุณมากกว่าอีกนะ” ผมบอกพลางหัวเราะ รั้งเอวเขาเข้าไปกอดแล้วซบคางลงบนไหล่เป็นการเอาใจ เพื่อให้ความหวาดระแวงนั้นเบาบางลง

   “สัญญากับผมนะ ว่าคุณจะไม่รักเขา” เขาวอนด้วยน้ำเสียงขี้อ้อนปนเอาแต่ใจ

   “สัญญาสิ” ผมตอบรับง่ายๆ อีกฝ่ายยิ้มบางแล้วถามต่อ

   “แล้วคุณจะทำไงต่อไป”

   “ก็คงต้องหาทางเกลี้ยกล่อมให้เขากลับไปที่บ้านก่อน แต่ถ้าไม่สำเร็จ... เฮ้อ...” ผมถอนใจเพราะยังคิดอะไรไม่ออก

   “คุณก็ต้องหาวิธีให้เค้าเซ็นชื่อโอนหุ้นกลับมาด้วยตัวเอง”

   ก็จริง... แต่ด้วยวิธีไหนล่ะ? คิดไม่ออกเลย

   
   ผมล่ะเซ็ง ทำไมเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ? ครั้นผมเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาหมอที่คลินิก เขาก็มีทีท่าไม่สนใจดังเดิมตอบกลับมาแค่ว่า

   “ช่วยไม่ได้ว่ะอิฐ เคยบอกแล้วนี่ เรียนผูกก็เรียนแก้เอาเองแล้วกัน ขืนหมอเข้าไปช่วยเดี๋ยวซูกัสได้โกรธตาย”

   โธ่เอ๊ยยยยย ทำเป็นพูดดี กลัวเมียก็บอก!!!

   “เออจะว่าไปแล้ว แม็กเค้าก็ไม่ได้มาตรวจนานแล้วนะ ใช่ไหมหมอ?” ผมนั่งใช้ความคิดเงียบๆ แล้วก็นึกขึ้นได้

   “อือ...”

   “นัดต่อไปเมื่อไรนะ” ผมถามพลางกดดูปฏิทินในมือถือ แล้วก็ได้คำตอบโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรสักคำ ผมจึงถามย้ำเพื่อความแน่ใจ “พรุ่งนี้เหรอ”

   หมอเงียบ ไม่ได้ตอบรับหรือตอบปฏิเสธแค่นั้นก็รู้แล้วว่าถูกต้อง...



   และตอนนี้... ผมก็ได้ตัวจอมยุ่งมาแล้วด้วย! ผมพาเขานั่งรถขับออกจากหลังคลินิกเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดหมาย...

   “คุณจะพาผมไปไหนครับ” ในคำถามนั้นไม่มีท่าทีตกอกตกใจ หวาดกลัว ตื่นเต้นอะไรเลย มันเหมือนคนเบื่อมากกว่า

   “......” ผมเงียบ ไม่ใช่ว่าไม่อยากตอบ แต่ตอบไม่ได้ เพราะเรื่องที่ลากเขามาแบบนี้ผมไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า จะให้ผมพาเขาไปที่บ้านก็ได้ แต่สุดท้ายตอนที่ผมไม่อยู่บ้านเขาก็คงหาทางหนีไปได้อยู่ดี ส่วนที่อื่น...

   จะบ้าหรือไง? จะให้จับคนท้องมาขังเนี่ยนะ!!

   “เธออยากไปไหนไหม?” ผมหันไปขอความเห็นเพราะตอนนี้นึกอะไรไม่ออกเลย

   “อยากกลับบ้าน” ตอบโดยไม่ต้องคิด

   “บ้านฉันเหรอ?” แกล้งกวนกลับไป กะจะแกล้งให้อีกฝ่ายโวยวายแต่เขากลับเงียบ ไม่ตอบ ไม่เถียงสักคำ มีเพียงสายตาตำหนิ ทำไมรู้สึกเหมือนโดนด่าในใจตลอดเลยก็ไม่รู้สิ

   “หิวไหม เราไปหาอะไรกินกันดีกว่านะ”

ผมถามแล้วเลี้ยวรถขับพาเขาไปยังสวนอาหารขึ้นชื่อในแถบนั้น คนที่มาด้วยไม่โวยวายอะไร ผมคิดว่าเขาคงหิวแล้วล่ะเพราะนี่ก็เพลแล้ว

   “บ้านผมที่คุณซื้อให้จะเป็นยังไงก็ไม่รู้นะครับ ไม่มีคนอยู่เลย” จู่ๆ เขาก็พูดถึงบ้านเขาขึ้นมาระหว่างมื้ออาหาร ตลกดีเหมือนกัน ผมอุตส่าห์ซื้อบ้านนั้นให้เขาแถมหาคนดูแลให้อีกคน สุดท้ายแล้วเขาก็ได้อยู่แค่ครึ่งปีเอง

   “ทำไมจะไม่มี ก็กุ้งไง” ผมเถียง เพราะถึงแม็กจะไม่ได้อยู่บ้านนั้นแล้วผมก็ยังไม่ได้บอกเลิกจ้างกุ้งอยู่ดี

   “พี่เค้ายังอยู่เหรอครับ” น้ำเสียงแสดงความแปลกใจ

   “อยู่สิ เอ๊ะ! หรือไม่อยู่นะ ไม่ได้ไปนานแล้วเหมือนกัน ไม่แน่ป่านนี้อาจจะยกเค้าไปหมดบ้านแล้วก็ได้” ผมว่าติดตลก แต่คราวนี้อีกฝ่ายมีสีหน้ากังวลจนผมหลุดขำ ทีอย่างงี้ละเกิดคิดจริงจัง “งั้นลองไปดูกันไหม”

   เขาหันมามองด้วยสายตาแปลกใจอีกครั้งแล้วก็เอ่ยถาม

   “แล้วคุณไม่ทำงานเหรอครับวันนี้”

   “ไม่” ผมตอบสั้น ไม่ได้บอกออกไปตามตรงว่าการตกลงกับเขาถือว่าเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้

   “แล้วเรื่องที่คุณมาหาผมนี่... คุณบีทรู้ไหม?”

   “รู้...”

   “เขาไม่ว่าเหรอครับ”

   “ว่าเรื่องอะไรล่ะ?” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ

   “เปล่าหรอกครับ แค่หาเรื่องคุยไปอย่างงั้นเอง” เขาตอบเลี่ยงแล้วหรุบตาต่ำ

   จะว่าไปแล้วบีทก็ไม่ได้ว่าอะไรผมจริงๆ นั่นแหละ บอกแค่ว่า...

   “สัญญากับผมนะ ว่าคุณจะไม่รักเขา...”



   หลังมื้ออาหาร ผมพาเขาไปที่บ้านที่ผมซื้อให้เขา ดูเหมือนเขาจะตื่นเต้นดีใจที่ได้กลับมา ทักทายพูดคุยกับกุ้งเหมือนไม่ได้เจอกันมายาวนานเป็นปีทั้งๆ ที่เพิ่งจะผ่านไป แค่เดือนกว่าๆ มันก็ดีตรงที่ทำให้รู้ว่า คนยิ้มยากก็ยิ้มเป็น และมันก็น่ามองมาก...

   ผมออกมานั่งรับลมเย็นอยู่ที่ชิงช้าหน้าบ้าน มองรถเก๋งคันใหม่เอี่ยมจอดไว้ที่เดิมตลอด เพราะแม็กม่าขับรถไม่เป็น  ถ้าเขาขับรถเป็น เขาคงมีข้อโต้เถียงที่จะไม่ไปอยู่ที่บ้านผม และเรื่องราวคงไม่บานปลายขนาดนี้

   “ทำไมไม่ไปหัดขับรถล่ะ?” ผมถามเมื่อเขาเดินออกมาจากบ้าน

   “ไปแล้วครับ ก็เหมือนจะขับเป็นนะ แต่ผมขี้ขลาด ไม่กล้าขับออกถนน ก็เลยไม่รู้ว่าถ้าขับออกไปแล้วจะเป็นยังไง” เขาตอบแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ชิงช้าเล็กๆ ตัวเดียวกันที่ผมวาดแขนพาดยาวไปบนขอบพนักเก้าอี้ จนเมื่อเขาเอนตัวลงพิงพนักจึงเหมือนถูกโอบทางอ้อม...

   “กลัวอะไรล่ะ มองซ้ายมองขวาให้มันดีๆ สิ”

   “อุบัติเหตุมันไม่ได้เกิดขึ้นจากเราคนเดียวนี่ครับ เหมือนแม่ผม ท่านแค่เดินตามทางเท้าเฉยๆ อยู่ดีๆ ก็มีคนขับรถมาชนซะอย่างนั้น เรียกว่าโชคร้าย หรือแค่อีกฝ่ายประมาทก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะตอนนั้นผมก็ยังเด็กมาก”

   “เสียใจด้วยนะ”

   “เรื่องมานานมาแล้วครับ” เขายิ้มบางตอบรับคำของผม รอยยิ้มที่นานๆ จะโผล่มาสักที จางหายไปอย่างรวดเร็ว...แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าเศร้า...

   “พาผมไปส่งเถอะ ไม่อย่างงั้นคุณต้องเสียใจแน่” แม็กม่าเอ่ยขึ้นลอยๆ ท่ามกลางความเงียบ

   “เสียใจเรื่องอะไร”

   “ก็คุณจะลักพาตัวผมไม่ใช่เหรอ? ละครแนวจำเลยรักน่ะ ตอนจบพระเอกมักจะรักนางเอกนะ ทุกเรื่องเลย”

   “ทำไมล่ะ เธอไม่อยากให้ฉันรักเธอเหรอ? ถ้าเป็นอย่างงั้นจริงๆ เธอจะได้ทุกอย่างมาง่ายๆ โดยไม่ต้องเอาลูกมาขู่ด้วย” ผมแขวะหน้ายิ้ม

   “นี่คุณยังคิดอะไรแบบนี้อยู่อีกเหรอ” เขาหันมาขมวดคิ้วใส่

   “ถ้าเธอไม่คิด... งั้นเธอสัญญาได้ไหมล่ะว่าถ้าคุณแม่ท่านยกอะไรให้เธอ เธอจะยืนยันไม่ยอมรับมันเอาไว้”

   จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ลืมเหตุผลที่ผมมาหาเขา

   ในความเป็นจริงแล้วการโอนหุ้นแบบระบุชื่อจะต้องได้รับการเซ็นชื่อทั้งผู้ให้ ผู้รับและพยาน ถ้าไม่อย่างนั้นจะถือเป็นโมฆะ เพราะฉะนั้นถ้าคุณแม่อยากให้แต่อีกฝ่ายไม่เซ็นรับก็ไม่เป็นไร

   “คุณแม่จะให้อะไรผมเหรอครับ”

   “เปล่า... ฉันแค่พูดเผื่อไว้”

   “ถ้าผมตกลง แล้วคุณจะพาผมไปส่งบ้านซูกัสเหรอครับ”

   “อื้อ...”

   “ครับ งั้นผมก็ตกลง ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากครอบครัวคุณทั้งนั้น”

   ผมก็ได้แต่หวังว่า... เขาจะรักษาคำพูด...


   ในที่สุด หลังจากได้คำตอบที่พอใจ ผมก็ขับรถพาแม็กม่ากลับไปส่งที่บ้านซูกัสตามที่รับปากไว้

   “ต่อไปนี้...คุณอย่ามาหาผมอีกเลยนะครับ” คำพูดตัดรอนนั้นทำให้เจ็บปวดอยู่ลึกๆ ความรู้สึกที่ถูกตัดรอนอย่างไร้เยื่อใยค่อนข้างทำให้ผมหงุดหงิด

    “ทำแบบนั้นได้ที่ไหนล่ะ ถ้าฉันไม่ง้อเธอ คุณแม่เอาฉันตาย”

   “ผมบอกท่านไปแล้วว่าไว้ให้หลานคลอดจะพาไปหา คุณก็เหมือนกันรอให้ลูกคลอดก่อนก็ได้ค่อยมา...รับเขา ผมไม่หนีไปไหนหรอกครับ เพราะนอกจากที่พึ่งอย่างซูกัส ผมก็ไม่มีที่จะไปอีกแล้ว” เขาทำให้ผมเศร้าตามเลยล่ะ ถึงจะรู้สึกได้ว่าเขาพูดจริง แต่...

   “ถ้าฉันทำอย่างนั้นจริงๆ เชื่อเถอะว่าซูกัสคงไม่ให้ฉันได้เห็นทั้งเธอและลูกแน่”

   เขาเงียบ... คงเพราะไม่รู้จะเถียงยังไง เขาก็คงรู้นิสัยเอาแต่ใจตัวเองของเพื่อนดี ผมหันไปมองเขาใบหน้านิ่งเฉยมีย้อมเศร้าจนแลอึดอัด ผมไม่แน่ใจว่าเมื่อก่อนมันเป็นอย่างนี้เสมอหรือไม่ เพราะปกติเขาก็เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด และหน้าเฉยแบบนี้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมา คือแววตาแสนเหงา

   “ไปอยู่กับซูกัสตั้งหลายวัน ไม่ติดนิสัยร่าเริงมาบ้างหรือไง” ผมโพล่งขึ้นมาในที่สุดเมื่อนึกขัดใจกับสีหน้าและแววตาแบบนั้น

   “ถ้านิสัยร่าเริงมันติดกันได้จริงก็ดีสิ ผมคงร่าเริงมาตั้งแต่สมัยเรียน”

   “วันๆ ทำเป็นอยู่หน้าเดียว ไม่เมื่อยหน้าบ้างหรือไง”

   “แล้วจะให้ทำหน้าแบบไหนล่ะครับ”

   “ยิ้มไง... มัวแต่ทำหน้าอมทุกข์ คงพลอยทำให้ลูกสุขภาพจิตแย่ไปด้วยอีกคน”

   “ถ้าผมยิ้มหรือหัวเราะโดยไม่มีเหตุผลก็คนบ้าแล้วครับ”

   “เหตุผลก็คืออารมณ์ดีไง หรือถ้าเธอไม่รู้จะยิ้มให้ใคร งั้นเธอก็ยิ้มตอบฉันก็ได้นะ” ผมหันไปยิ้ม แต่อีกฝ่ายดันหยิ่งหน้านิ่งตอบ ทำให้ผมยิ้มเก้อฝ่ายเดียว แล้วยังตอบว่า...

   “แต่ตอนอยู่กับคุณ ผมอารมณ์ไม่ดีนี่ครับ” ทำไมเขาชอบทำให้รอยยิ้มผมเจื่อนลงทุกทีเลยก็ไม่รู้

   บางทีผมอาจจะชอบความเสแสร้งของเขามากกว่า เสแสร้งเป็นรัก เสแสร้งเป็นเอาใจเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น อย่างน้อยก็มีสีหน้าอื่นบ้างไม่ได้เย็นชาตลอดแบบนี้

   “นี่เธอเกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงขนาดไม่อยากเจอหน้า ไม่อยากยิ้มให้ ไม่อยากอยู่ใกล้” ผมถามอย่างไม่พอใจนิดๆ เขาหันมองกลับมาจ้องตาผม มันมีประกายบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ แต่มันน่าแปลกตรงที่สีหน้าเฉยชาเหมือนเดิมนั้น แววตากลับเศร้าลงทุกวันไม่รู้ว่าทำไม

   “เกลียดเหรอครับ... อาจจะไม่ใช่เหตุนั้นก็ได้นะ” ถ้าไม่ใช่แล้วเป็นเพราะอะไรล่ะ?

   ผมจ้องกลับไปในแววตาคู่นั้นอย่างค้นคว้า แต่ก็พบแต่แววตาที่ผมอ่านไม่ออก


++++++++++




ออฟไลน์ junpa

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
อย่าใจอ่อนนะแม็ก ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องเข้มแข็งไว้
ถ้ายอมเมื่อไหร่ ก็ต้องเจ็บปวดแน่นอน
เราอยู่ข้างแม็กนะ  :L1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
แม็กม่าสู้ๆนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
« ตอบ #189 เมื่อ: 02-05-2016 20:57:39 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
ฮื้ออออออ :o12:

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
พี่อิฐนี่ บื้อเน้อเฮ้อ สงสารแม๊กม่า

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
สงสารแมกม่า อิฐนี่ไม่รู้จะอธิบายยังไง
#แมกๆสู้ๆ
...♡♡...

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :mew5: มีความรู้สึก อยากเตะพระเอก

ออฟไลน์ sanax00

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตั้งแต่ตอนท้องมายังไม่มีตอนไหนที่ไม่สงสารแม็กม่าเลย ทำไมชีวิตต้องอมทุกข์ขนาดนั้นน  :hao5:

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ อัพทุกวันเลยดีต่อใจมาก♡

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:ตูละเซ็ง :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
บีททำตัวน่ารังเกียจมากอ่ะ อิฐตาสว่างเร็วๆเถอะ

ออฟไลน์ SaKiNonZa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :mew2:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
 :mew1: :mew1: :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
« ตอบ #199 เมื่อ: 03-05-2016 01:12:50 »





ออฟไลน์ omuya

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2023
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-9
เฮ้ออออ ไอ้คุณอิฐ ไปไกลๆ เลย

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โอ๊ยยยยยยเห้ออีิอิฐ :mew2:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :z6:  เอิ่มมม

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ไม่ชอบตาลุงนี่จริงๆ

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
 :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ร้องไห้มันทุกตอน
ชีวิตทำไมรันทดขนาดนี้

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-18-

   -แม็กม่า-

   
   ไม่กี่วันต่อมาผมก็กลับมาบ้านคุณอิฐ เพราะแม่คุณอิฐส่งทนายไปแจ้งว่าท่านมีธุระสำคัญกับผม แล้วท่านก็บอกว่าจะยกหุ้นในบริษัทในส่วนของท่านให้ เชื่อผมเถอะว่าคนฉลาดที่ไหนก็ไม่มีใครปฏิเสธมันหรอก ไม่ว่าจะมีไว้เพื่อรับปันผลหรือจะขาย มันก็มีค่ามากทั้งนั้น

   “ผมรับไม่ได้หรอกครับคุณแม่” ผมปฏิเสธทันทีราวกับคนโง่

   ความจริงผมคงตกลงรับมันแน่ๆ ถ้าหากผมเกลียดคุณอิฐ แต่ความรักทำให้คนโง่เสมอนะผมว่า ก็ถ้าผมรับมันไว้ คุณอิฐคงเข้าใจว่าผมทำทุกอย่างเพื่อเงิน และเขาคงโกรธคงเกลียดผมมาก แล้วผมจะทนรับสายตาเกลียดชังรังเกียจของเขาไหวได้ยังไง แค่คิดขึ้นมาผมก็ยังอยากร้องไห้แล้ว...

   “รับไว้เถอะแม็ก... แม่อยากให้เราจริงๆ นะ” ท่านคะยั้นคะยอซ้ำอีก ผมถอนใจอึดอัด

   “ถ้าผมรับไว้ คุณอิฐคงไม่พอใจผมแน่ๆ ครับ” ผมตอบไปตามจริง แค่นี้ผมก็เจ็บแล้ว อย่าให้เขาเกลียดผมเลยนะครับ

   “ก็คงจริง แต่ไม่ทันแล้วล่ะ แม่บอกทนายให้โอนให้เราไปแล้ว”

   “อะไรนะครับ!” ผมพูดอย่างตกใจ มีสีหน้ากังวลขึ้นมาทันที

   “แม่แก่แล้วไม่อยากไปยุ่งเรื่องบริษัทแล้วแหละ ก็เลยไม่อยากได้คืน แต่ถ้าเราตัดสินใจไม่เอาจริงๆ งั้นก็เซ็นชื่อลงในเอกสารนี่แล้วกัน จะได้เป็นการโอนไปให้ตาอิฐแทน ดีไหม” ท่านเสนอทางออกให้ ทำให้ผมยิ้มออก

   “ดีครับ” ผมตอบรับแล้วดึงเอกสารนั้นมาเซ็นชื่อทันทีโดยไม่ได้อ่านเลย

   ผมไม่คิดหรอกว่าเอกสารใบล่าสุดที่เซ็นลงไปจะทำให้เรื่องมันวุ่นวายยิ่งกว่าเก่าอีก



   สองสามวันต่อมาทนายของคุณแม่ก็มาแจ้งให้ผมเข้าประชุมบอร์ดที่บริษัท ผมก็ต้องไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ไปโดยที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง ก็ผมโอนหุ้นให้คุณอิฐไปแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมยังต้องไปร่วมประชุมอะไรนั่นอีกล่ะ?

   “คนโกหก!” วลีนั้นลอยขึ้นทันทีที่คุณอิฐเจอหน้า มันทำให้ผมเจ็บอีกแล้ว

   ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรก็ดูจะผิดไปหมดทุกเรื่อง คนไม่ใช่... ทำอะไรก็ผิด!

   “โกหกเรื่องอะไรเหรอครับ?”

   “ยังจะมาถามอีกว่าเรื่องอะไร ไหนเธอบอกว่าจะไม่รับอะไรจากคุณแม่ไง?” น้ำเสียงตัดพ้อต่อว่าทำให้ผมสับสนเอามากๆ

   “ผมก็ไม่ได้รับอะไรนี่ครับ”

   “ไม่ได้รับ แล้วนี่อะไร! นี่อะไร?” เขาถามกลับมาอย่างกราดเกรี้ยวยกแผ่นกระดาษในมือขึ้นสูง ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรหรอก เลยได้แต่ส่งสายตาไม่เข้าใจกลับไปอีก

   “มันคือใบหุ้นไง หุ้นที่ระบุชื่อเธอ มีอะไรจะเถียงอีกไหม?”

   “แต่ผมไม่ได้รับไว้นี่ครับ แม่คุณบอกผมว่า ท่านยกมันให้ผมไปแล้วไม่อยากรับคืน แต่ให้ผมลงชื่อโอนให้คุณแทน”

   “งั้นเธอก็โดนหลอกแล้วล่ะ เพราะหุ้นแบบนี้จะโอนให้กันเปล่าๆ โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้เซ็นรับไม่ได้”

   ผมตกใจกับคำเฉลยที่ไม่เคยรู้มาก่อน... ผมไม่เข้าใจเรื่องหุ้นเรื่องอะไรพวกนี้เลย

   แสดงว่าแม่คุณอิฐก็หลอกผมน่ะสิ!

   ระหว่างที่ผมก้มหน้าลงเศร้าๆ อีกฝ่ายก็ถอนใจฮึดฮัด...

   “ช่างเถอะ ตอนนี้ก็เข้าประชุมก่อนแล้วกันอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที...” เขาสรุปในที่สุด ผมเงยหน้าแล้วมองเขาอย่างกังวลใจอีก

   “แต่... ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะครับ จะให้เข้าไปพูดหรือออกความเห็นอะไร...”

   “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวพอโหวตอะไรก็ยกมือตามฉันก็แล้วกัน” เขาสั่งการเสียงเครียดแล้วก็รั้งไหล่ผมให้เดินเข้าไปในห้องประชุม



   หลังจากการประชุมอันเคร่งเครียดที่ทำให้ผมเผลออ้าปากหาวเสียหลายรอบจบลงด้วยดี ผมเดินตามคุณอิฐออกมาหน้าห้องประชุม

   “ขอบใจนะ ที่ไม่ทำให้เสียเรื่อง ดูท่าเธอจะง่วงมาก เดี๋ยวฉันจะไปส่งไปเธอกลับบ้าน”

   “ครับ” ผมตอบรับสั้นๆ รู้สึกอายเล็กน้อยที่กลั้นหาวไม่ไหวจนเขาต้องเอ่ยแซวแบบนั้น

   แต่ยังไม่ทันที่เราจะเดินเข้าลิฟท์เพื่อลงไปชั้นล่าง เลขาที่เดินกลับไปที่ห้องทำงานเขาก็ย้อนกลับมาแจ้งเสียก่อน

   “บอสคะ เอ่อ... คุณบีทมาค่ะ”

   “เหรอ แล้วอยู่ไหนล่ะ?” เขาหันไปถาม

   “รออยู่ที่ห้องทำงานบอสน่ะค่ะ”

   “อืม... “ เขาตอบรับแล้วเดินนำไปยังห้องของเขา ผมเผลอถอนใจเซ็งๆ ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมจนอีกฝ่ายหันมาสังเกต

   “อ้าว ยืนทำอะไรอยู่ล่ะ ตามมาสิ”

   “คุณไปเถอะครับ ถ้าเสร็จธุระแล้วผมกลับเลยดีกว่า”

   “ใครว่าเสร็จธุระ ฉันยังมีธุระจะคุยกับเธออีก”

   “ไว้วันหลังก็ได้มั้งครับ”

   “เธอนี่ยังไง ฉันบอกแล้วไงว่าจะไปส่ง รอแค่แป๊บเดียวไม่ตายหรอกน่า” เขาหันมาดุ คงด่าผมในใจว่าเรื่องมาก ดื้อด้าน แต่ทำไงได้... ผมไม่อยากไปเลย ผมไม่อยากเจอคุณบีท ผมไม่อยาก... เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกัน

   “ถ้างั้น... คุณไปหาคุณบีทก่อนเถอะครับ ผมจะลงไปหาอะไรกินข้างล่างซะหน่อย เสร็จแล้วจะขึ้นมา” ในที่สุดผมก็หาทางเลี่ยงจนได้

   “อือ... เอางั้นก็ได้” เขารับคำแบบไม่ใส่ใจนัก แล้วเดินแยกออกไป

   ผมมองตามร่างหนาที่เดินไปที่ห้องตัวเองด้วยดวงตาที่ร้อนผะผ่าว ปวดหนึบที่เบ้าตาขึ้นมาอีกแล้ว...

   ผมอดจะเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ไม่ได้เลย



   ผมก้มหน้าก้มตาที่เศร้าหมองของตัวเองเดินเข้าไปในลิฟท์ มีผู้ชายแต่งตัวภูมิฐานแค่คนเดียว ผมหมุนตัวหันหน้าไปยังทางออกทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตา ขณะที่คนที่อยู่ก่อนหันมาถาม

   “ชั้นอะไรครับ”

   “ชั้นหนึ่งครับ” ผมหันไปตอบแล้วมองหน้าคนถามก็พบว่าเป็นคนรู้จัก...

   “แม็ก!”

   “พี่ยุทธ!” ผมยิ้มบางๆ เมื่อได้เจอกับเขา ถึงผมในตอนนี้จะไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะพานพบคนรู้จักได้อย่างสบายใจนักก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้หยิ่งมากถึงขนาดทำเฉยชาไม่สนใจเขาได้อยู่ดี

   “ไปไงมาไงเนี่ย”

   “มาธุระน่ะครับ”

   “อ้อ... ห้องประธานสินะ จนป่านนี้เขายังไม่เบื่ออีกเหรอ?”

   “พี่ก็...” ผมทำเสียงตัดพ้อ แต่อีกฝ่ายหัวเราะ

   “ก็ดีแล้ว คบกันไปนานๆ ปอกลอกให้หมดตัวแล้วค่อยทิ้ง”

   “เอางั้นเลยเหรอครับ ฮ่าฮ่า” ผมแสร้งหัวเราะ บางทีก็ไม่แน่ใจว่าพี่เค้าพูดเล่นหรือพูดจริง!

   “ทำไมล่ะ ทำไม่ลงเหรอ?” ผมเงียบนึกไม่ออกว่าควรตอบยังไงดี “หรือว่า... รักไปซะแล้ว”

   คำกระเซ้าเย้าแหย่ทำให้อึดอัดใจขึ้นมาเชียว...

   โชคดีที่ลิฟท์หยุดเมื่อถึงแผนกการเงินพอดี และมันก็เปิดออก

   “อืม... ถ้าแม็กเหงาๆ หรือไม่สบายใจก็โทรหาพี่แล้วกันนะ พี่ยังใช้เบอร์เดิมอยู่”

   “ได้เหรอครับ พี่ไม่กลัวแล้วเหรอ?” ผมเอ่ยแซว ก็ตัวเองนั่นแหละที่ตัดรอนกันง่ายๆ เพราะกลัวอิทธิพล... (ชื่อจริงคุณอิฐ)

   “เอ้า ก็อย่าให้เขารู้สิ” พี่ยุทธตอบกลั้วหัวเราะ

   “หึ ถึงรู้ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณ... เขาไม่ได้สนใจใยดีอะไรผมนักหรอก”

   “ทำเป็นเล่นไป พนักงานตั้งเป็นร้อยเป็นพัน ถ้าไม่ได้ชอบ ทำไมเขาถึงเลือกเราล่ะ?”

   “พอดีมันมีเหตุผลน่ะครับ แต่อย่างที่พี่รู้แหละ คุณอิฐ... เอ่อ... ท่านประธานเค้าก็มีแฟนอยู่แล้ว เขาไม่แคร์ผมหรอก” ผมบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่เศร้าลง

   “จะบอกอะไรให้นะแม็ก ผู้ชายร้อยทั้งร้อยก็เหมือนกันหมด มักจะไม่เห็นคุณค่าของตายจนกว่าจะมีใครมาแย่งไป หรือไม่... ก็ตอนสูญเสียสิ่งนั้นไปแล้ว”



   Rrrrr… เสียงมือถือดังขึ้นระหว่างที่ผมนั่งเหม่ออยู่ที่เบาะหลังของรถแท็กซี่ด้วยสายตาเหม่อลอย ท้ายที่สุดแล้ว ผมก็ไม่ได้ขึ้นไปที่ห้องคุณอิฐตามที่สัญญาไว้ 

   “เธออยู่ไหน...” คุณอิฐเอ่ยถามผ่านสัญญาณมือถือมีน้ำเสียงที่ไม่พอใจในที

   “อยู่บนแท็กซี่ครับ ใกล้จะถึงแล้ว”

   “เธอกลับไปทำไม ฉันบอกแล้วไงว่าจะไปส่ง”

   “ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมกลับเองได้ ผมไม่อยากรบกวนเวลาของคุณ” ที่จะได้พลอดรักกันให้สมใจ ผมคิดพลางยิ้มขื่นๆ

   “ไม่ต้องมาเฉไฉหรอก เธอกลัวว่าฉันจะพูดเรื่องหุ้นนั่นใช่ไหม? เธอคงกลัวว่าฉันจะบอกให้เธอโอนคืนมา เธอถึงรีบหนีกลับไป” น่าสมเพชตัวเองจริงๆ การที่ผมหนีภาพบาดตาบาดใจตัวเองอย่างนั้น... แต่เขากลับแปลการกระทำนั้นไปอีกอย่าง มิหนำซ้ำยังเอ่ยปากปรักปรำกันต่อไปอีกไม่จบสิ้น “คิดอยู่แล้วเชียว ว่าเธอก็แค่เสแสร้ง แกล้งทำเป็นบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เหอะ! โดนคุณแม่หลอกอย่างนั้นเหรอ? คงจะหลอกคุณแม่มากกว่ามั้ง!”

   เขาก็ไม่ผิดหรอก ก็ก่อนหน้านี้ผมก็เคยตอบรับข้อเสนองี่เง่าเพราะเห็นแก่เงินจำนวนมากโดยไม่ได้ใช้เวลาไตร่ตรองอะไรนัก เขาก็เลยคิดไปว่านิสัยหน้าเลือดมันคงเป็นสันดานที่ติดตัวผมจนแก้ไม่หายเสียแล้ว

   ทั้งอย่างนั้นทำไมผมก็ยังเจ็บใจจนน้ำตารื้น..

   บางที... ผมก็ไม่เข้าใจแม่คุณอิฐเลยนะ ทำไมท่านถึงทำเรื่องให้วุ่นวายมากมายขนาดนี้ และท่านไว้วางใจผมมากขนาดยกของมีค่าขนาดนั้นให้ได้ยังไง...

   ไม่สิ... ท่านไม่ได้จู่ๆ ก็ยกให้เฉยๆ ท่านลองใจผมด้วยต่างหาก...

   ถ้าหุ้นที่ว่านั่นโอนให้กันโดยไม่เซ็นชื่อไม่ได้ ถ้าผมไม่เซ็นชื่อลงไป การโอนหุ้นจะเป็นโมฆะ

   แม่คุณอิฐจึงโกหกว่าผมได้รับหุ้นนั้นแล้วเพื่อลองใจ ในตอนนั้นผมคิดว่านั่นคือการโอนหุ้นของตัวเองไปให้คุณอิฐ ผมถึงได้เซ็นชื่อลงไป

   กลับกัน... ถ้าผมอยากได้หุ้นนั้นไว้เองจริงๆ ผมจะไม่เซ็นชื่อ และไม่ได้รับหุ้นนั้นไปโดยปริยาย

   ที่ท่านทำแบบนี้ คงเพราะท่านรู้อยู่ว่า... ผมรักคุณอิฐ และจะไม่ทำให้คุณอิฐต้องลำบาก แต่ท่านไม่รู้หรอกว่า ความหวังดีนั้นกำลังทำให้ผมตกที่นั่งลำบากอีกแล้ว...

   “คุณคิดจะมองผมในแง่ดีบ้างไหมครับ?” ผมถามกลับอย่างอัดอั้นตันใจ พยายามสะกดกลั้นน้ำเสียงมิให้สั่นเครือตามอารมณ์ในตอนนี้ เวลาที่ตัวเองตัดสินใจจะทำเรื่องดีๆ กลับถูกเข้าใจผิดว่าคิดร้ายแบบนี้มันน่าน้อยใจจริงๆ

   “คิดสิ... คิดมาตลอด จนถึงตอนนี้แหละ ยังไม่ทันไรเธอก็ออกลายซะแล้ว ถ้าฉันรู้ว่าเธอจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ฉันให้ผู้หญิงอุ้มบุญให้ซะยังดีกว่า หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ เลย!”

   เจ็บครับ... เจ็บจริงๆ

   นี่มันทำคุณบูชาโทษชัดๆ ถ้ารู้ว่าทำดีแล้วจะผิดขนาดนี้ ทำชั่วซะดีกว่า!

   “ก็เอาสิครับ มันยังไม่สายเกินไปหรอก ที่คุณจะหาผู้หญิงคนใหม่มาช่วยอุ้มท้องให้ แลกกันไหมครับ คุณเอาหุ้นคืนไป แล้วยกลูกของคุณให้ผม ถือซะว่าเป็นค่าเสียเวลา ค่าเสียความความรู้สึก”

   “เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะมาต่อรองอะไรทั้งนั้นนะ!”

   “มีสิครับ ทำไมจะไม่มี... ผมก็อยากจะรู้นักว่าถ้าผมไม่เซ็นชื่อโอนหุ้นกลับให้คุณ คุณจะบังคับขู่เข็นยังไงได้ หรือถ้าผมยืนกรานจะไม่ยกลูกให้คุณแน่ๆ คุณจะให้คนมาแหวะท้องเอาเด็กไปเลยหรือเปล่า”

   “แม็กม่า!!”

   ผมวางสายลงพร้อมน้ำตามากมายที่ไหลอาบแก้ม

   Rrrrr. เสียงมือถือดังลั่นขึ้นอีกครั้ง... แต่ผมกดตัดสายไปด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว

   ทำไมเหรอครับคุณอิฐ ผมทำอะไรผิดนักหนา คุณถึงต้องบีบคั้นผมถึงขนาดนี้

   ก็ได้!! ถ้าความดีเอาชนะใจคุณไม่ได้

   ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ถ้าผมร้าย... แล้วคุณจะทำยังไง!

++++++++++

ออฟไลน์ omuya

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2023
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-9
ขอเปลี่ยนพระเอกค่ะ!!!!

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :katai1: อยากรู้ว่าจะทำยังไง

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
 :mew1: :mew1: :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด