คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)  (อ่าน 170110 ครั้ง)

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
 :mew1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :katai1:      ดูเหมือนจะดีนะแต่เราเชื่อว่าอิฐต้องป่วนอีกชัวร์ ทำเป็นให้ความหวังดูแลดี
บีทอาจไม่ยอมจบ รักมาพร้อมแค้นอะไรแบบนี้
เข้าใจนะ ใครล่ะที่จะทนดูเขาทิ้งเราไปมีความสุขกับเมียน้อยและลูกได้หน้าตาเฉย
เราว่าบีทไม่ใช่คนที่จะยินดีด้วยได้แน่นอน

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้ออออ!!

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
ผิด ทุก คน...

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
คุณอิฐนี่ จริงๆแล้วก็ชอบแมกอยู่มั่งแน่ๆ
อย่างน้อยก็ถูกใจที่รูปร่างหน้าตา นิสัยไม่โวยวาย แล้วก็เรื่องที่เข้ากับแม่ได้ล่ะนะ

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
อยากให้แม๊กม่า มีความสุข บ้างสมหวังบ้างเพราะตั้งแต่ต้นเรื่องมา น่าสงสารมาตลอด

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
แม๊กม่าน่าสงสารมาตั้งแต่ต้นเรื่อง โดนหลอกทำสัญญา ไปรักคนที่มีแฟนแล้ว โดนเข้าใจผิด โดนแซะ สารพัด  :mew5: 

ขนาดอีตาอิฐยังมีมุมเครียดๆ ให้ได้เห็น

บีทเจอคดีพลิกเพราะเห็นแก่ตัวมากเกินไป

บีทไม่ได้เจ็บคนเดียวซะหน่อย  :katai2-1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ alien.aiiwz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เอาจริงๆ เพราะมันสั้นไปหรืออะไรอ่ะ
คือเห็นได้ชัดว่าอิฐเห็นแก่ตัวมากอ่ะ
เหมือนจะเอาลูกมาอ้างนั่นแหละ
แต่มันก็เป็นเหตุผลเหมือนกัน
คือมันดูย้อนแยงยังไงไม่รู้อ่ะ
เลิกปุ๊บมากอดแม่ของลูกปั๊บ คือเฮ้ยเร็วเว่อร์
นางชอบแม็กมาก่อนละแน่ๆ
แต่เรากลัวใจบีทอ่ะ กลัวนางจะมาทำร้ายแม็กกับลูก
จะต้องมีคนเจ็บอีกเยอะมั้ยอ่ะ
ขอแบบแฮปปี้ๆ บ้างจิ
 :call: :call:
 :call:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
บีทจะยอมเลิกจริงๆหรอ
ไม่รู้จะมีมาม่าอะไรอีกไหม
 :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-29-] [14/05/59]
« ตอบ #399 เมื่อ: 15-05-2016 02:16:23 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-30-

               -อิฐ-

    การที่ผมไม่มีบีทดูเหมือนไม่มีอะไรที่ต่างจากเดิมนัก คงเพราะปกติ พวกเราไม่ได้เป็นคู่รักตัวติดที่ใช้ชีวิตร่วมกันทุกวันทุกคืน แต่คำว่า “ไม่มี” มันกลับทำให้รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทุกครั้งที่วันเวลาเก่าๆ ย้อนคืนมา สี่ปี... ไม่ใช่เวลาสั้นๆ  ดังนั้นมันไม่แปลกใช่ไหมที่ผมจะยังคิดถึงเขาอยู่ แม้ว่าข้างกายผมจะมีใครคนใหม่แล้วก็ตาม

   แม็กกลับมาอยู่บ้านผมได้สองสามวันแล้ว ทำให้แม่ดูมีความสุขมาก

   ผมก็ไม่ได้บอกหรอกนะว่าตัวเองไม่มี เพราะบ้านนี้ตอนมีเขาอยู่มันดูเป็นบ้านขึ้นมาเชียวล่ะ!

   เขาตื่นเช้ากว่าผม แล้วชอบเปิดม่านทิ้งไว้ให้แดดส่องเข้ามาจนผมต้องตื่นก่อนเวลาปกติ ชอบเลือกเนกไทแล้วผูกไว้หลวมๆ แบบที่หยิบมาคล้องคอรูดทีเดียวเสร็จ ชอบถือเสื้อนอกให้เวลาผมกลับมา ชอบเอามือถือเปิดเพลงฟังตอนอาบน้ำ ไม่ชอบหนุนหมอน นอนดิ้นไปมา ชอบหาของว่าง แล้วตอนนี้ก็เพิ่มพยายามชงกาแฟด้วยอีกอย่าง!

   “กาแฟครับ” เขาบอกวางถ้วยกาแฟลงที่โต๊ะทำงาน เพราะสัญญาว่าจะกลับมาทานข้าวทุกวันทำให้ผมต้องหอบงานกลับมาทำที่บ้านด้วย

   “ขอบใจ” ผมตอบรับแล้วยิ้มให้ยกขึ้นจิบทันที รสหวานกลมกล่อมที่แตะลิ้นทำให้ขมวดคิ้ว

   “เธอชงเองเหรอ?”

   “ครับ”

   “ใส่อะไรลงไปน่ะ”

   “นมข้นหวานครับ” อ้อ... ถึงว่าสิ หวานแปลกๆ “หวานไปไหมครับ ครั้งหน้าจะได้ลดหน่อย”

   “ไม่หรอกกำลังพอดี อร่อยแล้ว” เขายิ้มเหมือนโล่งอก

   ผมไม่แปลกใจเลยที่แม่ชอบเขา แม้ว่าเขาจะเป็นคนเงียบๆ พูดจาประจบประแจงไม่ค่อยเป็น แต่เอาใจเก่งตามวิธีของเขา เขาชอบดูทีวีเป็นเพื่อนแม่ แม้จะแอบมาบ่นว่าละครน้ำเน่า แต่พอดูด้วยกันก็ติดตามกันไป ชอบคิดเมนูกับข้าวแปลกใหม่ที่บ้านเราไม่เคยกิน โดยเฉพาะของกินเล่น ถึงแม้ชีวิตบางอย่างจะแตกต่างกันมาก แต่ยอมรับเลยว่าเขาปรับตัวกับสภาพแวดล้อมเก่ง รู้ว่าควรจะทำอะไรบวกกับท่าทีอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่คงทำให้ท่านเอ็นดูมาก ผมก็เช่นกัน…

   เวลามีคนดูแลเอาใจ คงไม่มีใครที่ไม่ชอบ...

   “เธอมาก็ดีแล้ว ฉันมีอะไรจะให้”

   “อะไรเหรอครับ” เขาถาม น้ำเสียงตื่นเต้น

   ผมเปิดลิ้นชักหยิบเอาเอกสารบางอย่างออกมา หมุนเก้าอี้ไปหาเขาแล้วยื่นให้ เขาหยิบมันขึ้นดูมีสีหน้าฉงน

   “นี่เป็นสัญญาที่เราทำไว้ร่วมกัน แต่ตอนนี้มันคงไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วล่ะ เพราะเราจะอยู่ด้วยกันในฐานะคนรัก” ผมบอกแล้วดึงกระดาษในมือเขามาฉีกทิ้งก่อนจะโยนลงถังขยะ แล้วหยิบเอกสารใบใหม่ขึ้นมายื่นให้อีก

   “ฉันทำเรื่องโอนรถกับโฉนดบ้านเรียบร้อยนานแล้ว ฉันอยากให้กับเธอ มันไม่ใช่ค่าจ้างหรอกนะ แต่มันเป็นสิ่งที่เธอควรได้ต่างหาก รวมทั้งหุ้นด้วยฉันคงไม่จำเป็นต้องเอาคืน เพราะไม่ว่ามันจะอยู่กับใคร สุดท้ายแล้วก็จะเป็นของลูกอยู่ดีจริงไหม?”

   “ดูเหมือนสถานการในบริษัทค่อนข้างวุ่นวาย ผมว่าถ้าโอนคืนไปน่าจะสบายใจกว่านะ” เขาบอก สายตามีแววกังวล

   “ไม่เป็นไรหรอก ฉันเชื่อใจเธอ” ผมบอกแล้วดึงมือเขาให้เข้ามาใกล้ ไล้นิ้วโป้งไปตามข้อมือเล็ก ก่อนจะดึงตัวเขามากอดไว้ ชื่นใจ...

   เขาตัวเล็กมากเหลือเกิน ทำให้รู้สึกอยากดูแลและปกป้อง ความเยาว์วัยและความไร้เดียงสาดูน่ารักแบบเด็กๆ เนื้อตัวที่สั่นเทา ใบหน้าที่แสดงความขัดเขินเมื่อถูกผมสัมผัส แผ่นอกบางที่กระเพื่อมไหวแสดงการหายใจไม่ปกติมันดึงดูดสายตาทุกครั้งที่ได้ใกล้

   ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทำได้แค่ยืนข้างๆ เดินตามเขาไป ขอแค่ได้มองสักนิดก็ยังดี ได้สัมผัสจับจูงมือบ้างเป็นบางที ความสุขเล็กๆ ที่หลอกตัวเองไปว่าทำไปตามหน้าที่ ทั้งที่อยากกอดเขามากเหลือเกินแต่ทำไม่ได้เลย มันเป็นความปรารถนาลึกๆ ในใจที่พยายามเก็บไว้มาตลอด แต่พอได้กอดแน่นๆ สักครั้ง มันรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลย

   ตึ๊งตึง!

   เสียงข้อความไลน์ดังมาจากมือถือทำให้ความสุขนั่นดับสลายไปทันทีแทนที่ด้วยความรู้สึกผิด จนต้องปล่อยร่างเขาออกไปทันที

   “ไลน์ดังน่ะครับ ไม่กดดูซะหน่อยเหรอ?” คนตัวเล็กหันไปมองมือถือเขินๆ

   “คงไม่มีอะไรสำคัญหรอกมั้ง ไม่งั้นคงโทรมาแล้วละ” ผมตอบเลี่ยงๆ เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อความจากใคร

   “ครับ แล้วนี่คุณจะทำงานอีกนานไหม”

   “ถ้าง่วงก็ไปนอนก่อนเถอะ ขอดูงานอีกนิดนึง เดี๋ยวจะตามไปนะ”

   “ครับ... อย่าดึกมากนักนะ เดี๋ยวจะรวยเกินไป”

   ผมยิ้มรับคำประชดแล้วมองตามร่างเล็กนั่นจนประตูปิดลงจึงหยิบมือถือขึ้นมาดูข้อความไลน์

   ข้อความจากบีท... เป็นรูปภาพที่เขาถ่ายกับผู้ชายอีกแล้ว...

   ตั้งแต่วันนั้น เขาก็ส่งภาพที่กำลังใกล้ชิด นัวเนียกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้ามา

   ผมถอนใจยาวอย่างกลัดกลุ้มเพราะผมรู้ว่าเขาต้องการเรียกร้องความสนใจ ผมรู้ว่าเขาอยากให้ผมกลับไปหา แต่ผมก็รู้ว่าถึงกลับไปตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิม เพราะแก้วที่มันแตกไปแล้วจะประสานยังไงก็คงยังเหลือรอยร้าวอยู่ดี

   ถึงผมจะห้ามตัวเองไม่ให้กลับไปได้ แต่ก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้จริงๆ


   
   ไม่มีสมาธิทำงานแล้ว ผมเดินเล่นเข้าไปในสวนมืดๆ คนเดียว มีเพียงแสงไฟที่สาดมาจากข้างบ้านอยู่ไกลๆ เท่านั้น โชคดีที่บ้านผมไม่มียุงมารบกวน จึงนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยได้ตามสบาย...

   ตอนนั้นกับตอนนี้มันต่างกันยังไงผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ใจหนึ่งก็อยากให้แม็กมีความสุขเสียที เพราะรู้ว่าที่ผ่านมาเขาต้องเจ็บปวดมามากแล้วกับสถานะคลุมเครือและความไม่ชัดเจนของผม อีกใจหนึ่งก็สงสัยว่าผมสามารถมีความสุขบนความทุกข์ของบีทได้จริงๆ เหรอ?

   ผมถอนใจยาวอีกครั้ง แล้วก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบเบาๆ ด้านหลังจึงหันไปดู พบว่าแม็กม่ากำลังหมุนตัวจะเดินกลับไปอยู่แล้ว

   “อ้าว... แม็ก จะไปไหนล่ะ มานี่สิ” เสียงเรียกทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อยคงไม่คิดว่าผมจะหันมาเห็นพอดี

   “ทำไมไม่เดินเข้ามาล่ะ?” ผมถามซ้ำเมื่อเขาเดินมายืนเบื้องหน้า

   “ผมคิดว่าคุณคงอยากคิดอะไรคนเดียวก็เลย...” ใบหน้านั้นเศร้าลงทันที เขาคงรู้ว่าผมกำลังคิดถึงบีทอยู่แน่เลย และแล้วความลังเลใจของผมก็ทำให้เขาต้องทุกข์ใจซ้ำแล้วซ้ำอีกจนได้...

   ผมสูดลมหายใจเข้าแล้วยื่นมือขวาคว้าแขนซ้ายเขาบังคับให้หมุนตัวลงมานั่งบนตักผม แล้วกอดเอวหลวมๆ ซบหน้าอยู่บนหลังเขาแล้วส่งเสียงอ้อน

   “แล้วไม่คิดว่าฉันอาจจะเหงา อยากให้มีคนอยู่เป็นเพื่อนบ้างเหรอ?” ผมถามพลางลูบแขนเขาไปมา

    “ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง ขึ้นไปหาผมบนห้องจะง่ายกว่าไหมครับ” นี่ผมโกหกไม่เก่งหรือว่าเขาจับโกหกเก่งกันแน่นะ...

   “นั่นสิ งั้นลุกเลย กลับห้องกันดีกว่า” ผมบอกด้วยเสียงกระตือรือร้นขยับขาเบาๆ เป็นการเร่งให้เขาลุกขึ้นแล้วจูงมือเขาเดินเข้ามาในบ้าน อีกฝ่ายเดินเอื่อยๆ มีสีหน้างุนงงตามมา

   ผมจูงมือแม็กมาถึงห้องในที่สุด ที่จริงแล้วตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอคนสองคนยืนกุมมือกันโดยมีโลเคชั่นเบื้องหน้าคือเตียงแล้วมันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ นะ

   “เอ่อ... นอนก่อนเลยนะ เดี๋ยวฉันจะไปแปรงฟันก่อน” ผมชิ่งหนีเข้าห้องน้ำ ยืนแปรงฟันแทบจะทุกซอกทุกมุม คิดว่าถ้าเดินออกไปอีกฝ่ายคงนอนหลับไปแล้ว

   แต่พอผมเดินออกไปจริงๆ ห้องก็ยังสว่างอยู่ แม็กม่านั่งห้อยขาอยู่ที่ขอบเตียงนิ่งๆ เหมือนรูปปั้น

   “อ้าว... ก็บอกให้ปิดไฟนอนก่อนไง” ผมทัก

   “ผมอยากนอนพร้อมคุณน่ะ” เขาหันมามองหน้านิ่ง

   ผมพยักหน้าให้เขาแล้วปิดไฟลงเป็นฝ่ายปีนขึ้นเตียงไปก่อน ได้แต่นอนลืมตาโพลงคิดไม่ตกท่ามกลางความมืดจนกระทั่งตัวเย็นๆ ของเขาขยับเข้ามากอดซะเอง

   “คุณบอกผมเองนะว่าผมกอดคุณได้...” เขาเอ่ยดักคอ ทำให้ผมไม่รู้เลยว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี

   ผมยกมือขึ้นอย่างลังเลว่าจะวางบนมือเขาดีไหม แต่แล้วยังไม่ทันตัดสินใจได้ ผมก็ลูบมือเขาเล่นไปซะแล้ว มือเขาเย็นมากทีเดียวราวกับเพิ่งหลุดออกจากห้องแช่แข็ง แต่ยามที่เกลี่ยไล้ปลายนิ้วนั้นกลับรู้สึกร้อนแปลกๆ จนต้องรีบละมือหนี ปล่อยให้เลือดในกายไหลเวียนเป็นปกติตามเดิม...

   “ผมถามซูกัสมาว่าตอนที่ท้องเขามีอะไรกับหมอไหม” ประโยคบอกเล่านั่นทำให้ผมเกือบหยุดหายใจ

   “เหรอ แล้วเขาว่าไงล่ะ?” แต่ก็ยังใจดีสู้เสือถามกลับไปทั้งๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้ว เพราะผมก็เคยถาม

   “หมอว่ามีได้ แต่หมอก็ไม่ค่อยทำอยู่ดี” เสียงนั้นแผ่วเบาจนเกือบหายไปในลำคอ...

   “ทำไม... เธออยากทำเหรอ?” ผมถามกลับตามตรง เขาไม่ได้ตอบแต่คลายอ้อมแขนที่กอดผมออกไปพลัน

   “เอ้า! ถามก็ไม่ตอบ...”

   “ไม่อยากหรอกครับ แต่หาเรื่องคุยไปอย่างงั้นเอง เพราะนึกว่าคุณไม่รู้” เสียงที่เหมือนตะเบ็งตอบมาทำให้รู้สึกว่าตัวเองอาจจะพูดอะไรผิดไปอีกแล้ว

   “เอ่อ... ใจเย็นๆ สิ ฉันแค่ถามดูเฉยๆ ว่าเธออยากให้ฉันช่วยไหม”

   “ก็บอกแล้วไง ว่าไม่อยาก... ขอโทษที่พูดอะไรแปลกๆ ผมน่าจะเจียมตัวเองหน่อยว่าคุณอยู่กับผมเพราะอะไร และไม่ว่าเมื่อไรหน้าที่ของผมมันก็ไม่รวมเรื่องนั้นเข้าไปด้วย!” เสียงแปลกแปร่งขึ้นจมูกทำให้รับรู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มไม่พอใจเข้าจริงๆ แล้ว

   “ไม่ใช่อย่างงั้น... ฉันแค่ไม่อยากให้เธอเข้าใจผิดว่าฉันมีอะไรกับเธอเพราะว่าฉันไม่มีใครเฉยๆ” จำได้ว่าวันก่อนแค่กอดยังประชดว่าเลิกกับแฟนแล้วก็เลยกอดใครก็ได้อยู่เลย! 

   “ถึงมันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมก็ไม่สนหรอก ผมแค่อยากอยู่ข้างๆ คุณ รักคุณและเห็นคุณมีความสุข แค่นั้นก็พอแล้ว ยกเว้นแต่ว่าคุณจะรังเกียจผมจนไม่อยากจะแตะต้อง...ฮึก...”

   โอย... คนท้องนี่ขี้น้อยใจดีจริง! พูดอะไรนิดอะไรหน่อยไม่ได้ เป่าปี่ลูกเดียวเลย!

   “ไม่ใช่อย่างนั้น.... อย่าร้องไห้สิ” ผมพยายามปลอบ ส่งมือไปแตะแขนเขาเพื่อให้อีกฝ่ายอารมณ์เย็นลง แต่ดูเหมือนจะยิ่งสวนทางซะมากกว่า เพราะเสียงร้องไห้ฟูมฟายเริ่มดังขึ้นอีกจนดูเหมือนไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากการดึงตัวเขาเข้ามากอด แต่คนขี้แงก็พยายามดิ้นหนีออกไปพัลวัน

   “พอแล้ว... ไม่ต้องแกล้งทำเหมือนว่าแคร์ก็ได้ ปล่อยผมทิ้งไว้แบบนี้แหละ”

   อยากจะบอกเขามากเลยว่าถ้าไม่อยากให้สนใจก็อย่าทำแบบนี้สิโธ่!

   ที่ง้อก็เพราะแคร์หรอกนะเนี่ย!

   “โอ๋...โอ๋... โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว งอแงเป็นเด็กไปได้น่า”

   “ผมไม่ขำนะ!” เขาหันมาแว้ด ส่วนผมหัวเราะกลับ ยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมเขาออกจากใบหน้าที่เปื้อนน้ำตา

   เห็นเขาพยายามกลืนก้อนสะอื้นทั้งผลักแขนผมออกไปจนผมต้องเป็นฝ่ายจับแขนเขาไว้แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะตัดสินใจแตะปากตัวเองกับปากของเขา มันนุ่มได้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ...

   ผมกำลังเพลิดเพลินกับการจูบเขา ใบหน้าเปียกปอนดูเหมือนกำลังตื่นตระหนกจึงพยายามเคลื่อนศีรษะหนีริมฝีปากที่ครอบครองริมฝีปากนั้นอยู่ แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว... ยิ่งเขาพยายามผละออกไป ผมก็ยิ่งรวบร่างเขาให้แน่นขึ้นอีกไม่ยอมปลดปล่อยให้ใบหน้านั้นเคลื่อนออกห่างไปเลยจนกลายเป็นบดริมฝีปากไปทั่วใบหน้านั้น จนกระทั่งเขายอมหยุดดิ้นปล่อยให้ผมจูบอย่างอ้อยอิ่งนานเป็นนาที เลือดในกายก็ปั่นป่วนร้อนรุ่มจนเกินควบคุมไปซะแล้ว

   รู้ตัวอีกที จมูกและปากก็ซุกอยู่ที่ซอกคอเขา แขนเสื้อกล้ามห้อยหมิ่นเหม่อยู่ที่ข้างแขน

   “พอแล้ว... คุณอิฐ ถ้าคุณต้องฝืนใจมากมายขนาดนั้น ก็ไม่ต้อง...” คนใต้ร่างหายใจหอบ ขณะห้ามปรามด้วยน้ำเสียงน้อยใจไม่เลิกรา ผมถอนใจยาวประคองหน้าอีกฝ่ายเพื่อสบตาแล้ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลออดอ้อน...

   “ฝืนใจซะที่ไหน! ที่จริงฉันกลัวต่างหาก กลัวว่าถ้าสัมผัสเธอ แล้วฉันจะมีความสุขมากเกินไปจนห้ามตัวเองไม่ได้แบบนี้...”


++++++++++
   

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
    -nc-


         
   -แม็กม่า-

   ในที่สุดผมก็ได้กลับมาอยู่ที่บ้านคุณอิฐอีกครั้ง ชีวิตผมก็ดำเนินไปตามปกติสุขดี กิน นอน ดูทีวี เล่นคอม แล้วก็เล่นโยคะ! ความเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างของเขาทำให้บางครั้งผมก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน อย่างแรกเลยคุณอิฐกลับบ้านทุกวันเพราะต้องกลับมาทานข้าวเช้า ข้าวเย็นตามที่สัญญาไว้กับผม จนแม่คุณอิฐเอ่ยแซวว่าพายุจะเข้าประเทศไทยอย่างหนักก็ตอนนี้แหละ!

   เขาแคร์ผมมากขึ้น ช่างอ้อนและปากหวาน และทำบางอย่างที่ทำให้ผมซึ้งใจอย่างมาก คือพยายามซื้อใจผมด้วยการฉีกสัญญาพวกนั้นทิ้ง โอนบ้านและรถพวกนั้นมาให้ แล้วก็ชอบง้องอนผมจนผมเริ่มจะเคยตัวว่าถ้าน้อยใจแบบเปิดเผยแล้วอีกฝ่ายจะง้อตลอด

   ทุกอย่างก็เหมือนจะดี ถ้าไม่ใช่บางทีผมก็สัมผัสได้ว่าบ่อยครั้งที่เขาจะเศร้า บางครั้งที่เขาจะเหม่อ หลายครั้งเขาปลีกตัวเองเพื่ออยู่คนเดียว นั่นคงเพราะเขายังคิดถึงคนของเขาอยู่...

   บางทีผมก็อยากจะเป็นคนโง่มากกว่านี้ มองโลกในแง่ดีมากกว่านี้ ผมจะได้ไม่สังเกตเห็นมัน 
      


   ฉันอยากขอให้เธอมองมา อย่างที่มองเขา
   ฉันอยากขอฟังคำเดียวกัน ที่เธอบอกเขา...

      ฉันอยากขอไปเดินจูงมือ กับเธอแทนเขา
      ฉันอยากขอเป็นคนที่เธอ อยากเจอตอนเหงา…

            (ไม่เคยอยู่ในสายตา – พั้นช์)



   แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ผมควรดีใจที่เขาตัดสินใจเลือกผม

   ถึงตอนนี้เขาจะยังตัดใจไม่ได้ แต่ผมก็ยังหวังว่าอาจมีสักวันที่ทำได้ และผมจะพยายามทำทุกทางเพื่อร่นระยะเวลาเหล่านั้นให้สั้นลง จะอีกกี่ร้อยมารยา อีกกี่น้ำตา แม้ไม่ได้มาซึ่งความรัก ขอแค่เศษเสี้ยวของความสงสารก็ยังดี

   แต่ที่ไหนได้... ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม เขาก็ยังไม่เคยหวั่นไหวเลย

   จนบางครั้งผมก็อยากรู้นักว่าจิตใจของเขาทำด้วยอะไรหรือ มันถึงได้แข็งเป็นหินขนาดนี้

   ตัวผมที่ยอมทิ้งยางอายเสนอตัวให้ยังรู้สึกอับอายกับความหน้าด้านหน้าทนของตัวเองจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ และยิ่งอยากจะหนีหายไปไกลๆ ให้รู้แล้วรู้รอด ครั้นผมพยายามตัดใจล้มเลิกทุกอย่าง เขาก็พยายามหาเหตุผลมาแก้ตัวพัลวัน ซึ่งสิ่งเหล่านั้นผมไม่เคยใส่ใจเลยสักนิด

   แม้ว่าจะต้องเป็นตัวแทนของใคร แม้ว่าสุดท้ายจะต้องเสียใจมากแค่ไหน

   ไม่เป็นไรหรอก ผมทนได้...

   ขอสักนาทีหนึ่ง ไม่สิ... แค่สักเสี้ยววินาทีหนึ่ง ขอให้ผมได้มีความสุข ขอให้ผมได้รับความรักจากเขาบ้างเท่านั้น

   แต่เขาก็กลับรังเกียจ ผมเริ่มลังเลใจว่าผมจะทนได้จริงหรือถ้ามันจะเป็นอย่างที่เขาเคยบอกไว้นานมาแล้ว

   ‘เธอจะมีความสุขแค่ตอนแรกเท่านั้นแหละ แล้วเธอจะทรมานไปชั่วชีวิต’ 

   “พอแล้ว... คุณอิฐ ถ้าคุณต้องฝืนใจมากมายขนาดนั้น ก็ไม่ต้อง...” ผมบอกทั้งที่ยังสะอื้นฮัก เมื่อถูกอีกฝ่ายกอดจูบเพียงเพื่อง้องอนไม่ให้ผมร้องไห้...

   “ฝืนใจซะที่ไหน! ที่จริงฉันกลัวต่างหาก กลัวว่าถ้าสัมผัสเธอ แล้วฉันจะมีความสุขมากเกินไปจนห้ามตัวเองไม่ได้แบบนี้...” ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้มากเหลือเกิน มือใหญ่ที่ประคองคอผมอยู่ถูปลายนิ้วโป้งเบาๆ ที่ปลายคาง ดวงตาของผมส่ายไหว คำพูดของเขาทำให้ผมมีความหวัง เพราะรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณอิฐมีนิสัยอ่อนโยนและใจดีมาก เพียงแต่วางฟอร์มเก่งเหมือนแม่มากไปเท่านั้น

   “ใครห้ามไม่ให้คุณมีความสุขเหรอครับ คุณบีทหรือตัวคุณเอง” ผมถามลับไปอย่างสงสัย 

   “แม็ก...”

   “ถ้าผมขอร้องให้คุณมีความสุขล่ะ คุณจะฟังมันบ้างไหม” ผมส่งสายตาวอนขอ จับมือนั้นมาแนบแก้มตัวเอง

   “ฉันกลัวจะทำให้เธอเจ็บ” 

   “แล้วจะถึงตายไหมครับ?” น้ำเสียงผมประชด

   “น่าจะไม่นะ” ได้ยินเสียงพ่นลมเหมือนกำลังกลั้นขำ ผมทำเป็นไม่สนใจ อ้อนต่อ...

   “ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร... ผมเชื่อใจคุณ”

   ผมมองเขาด้วยแววตาจริงจัง ชั่วอึดใจนั้นเองเขาก็โน้มหน้าเข้ามาหาแตะริมฝีปากเขากับปากของผมเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ แต่ผมกลับไม่เบื่อเลย

   “ฉันชอบเธอนะ... เธอไม่รู้หรอกว่ามันมากแค่ไหน” ก็แค่ชอบมาก... แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นรัก

   ไม่เหมือนกับผม ความรู้สึกที่มีให้เขามีแค่สองอย่าง... คือรัก... กับรักมาก

   แม้ลึกๆ จะรู้ว่าเขาอาจจะแค่เสแสร้งหรือทำเพราะอารมณ์พาไปผมก็ไม่แคร์ ความรักทำให้ผมมีความสุขกับมัน และพยายามไม่นึกถึง ผมจูบตอบเขาจนลมหายใจนั้นแทบขาดห้วงก่อนที่เขาจะผละออกไปไล่ริมฝีปากไปตามลำคอ กระดูกไหปลาร้าและแผ่นอกบาง ส่วนอุ้งมือกำลังเปะป่ายตามหน้าขาและส่วนที่ไม่ควรแตะต้องนั้นทำให้ผมเกร็งตัวหายใจอึดอัด หอบแรงขึ้นอีกอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

   จู่ๆ เขาก็ขยับตัวขึ้นนั่งพับขาแล้วพยายามประคองตัวผมขึ้น มือทั้งสองจับอยู่ที่ขอบเสื้อกล้าม ผมยกมือขึ้นให้เขาถอดมันออกอย่างง่ายดาย พยายามก้มหน้าหนีสายตาที่พยายามจับจ้องมาด้วยแววตาที่ผมไม่เคยเห็น

   รอยจูบที่ย้ำอยู่ที่ลำคอ ความเปียกชื้นที่ปลายลิ้นลากผ่านทำให้ผมตัวสั่น ลมหายใจที่รินรดผิวกายทำให้หายใจติดขัด ปลายนิ้วที่สัมผัสเนื้อตัวอย่างแผ่วเบาและพยายามปลดเปลื้องสิ่งกีดขวางพวกนั้นออกทำให้ตื่นเต้นเหลือเกิน เพียงไม่นาน ผมก็อยู่ในสภาพเปลือยซะแล้ว 

   ตัวเขาอยู่ระหว่างท่อนขาที่แยกออกนั้น ยกสะโพกผมไปทับท่อนขาของเขาแล้วโน้มตัวลงมาจูบ โดยพยายามไม่ทิ้งน้ำหนักลงมาทับให้ผมอึดอัด เป็นไปได้ว่าเขาก็คงห่วงลูกเหมือนกันท่วงท่าเหล่านั้นจึงดูเก้ๆ กังๆ ไปบ้างแต่ก็ไม่ได้แย่ คงเพราะปกติผมก็รู้สึกตื่นตัวง่ายอยู่แล้วแม้เพียงการสัมผัสเล็กน้อย นับประสาอะไรเมื่อปลายจมูกโด่งนั่นซุกไซร้ค่ำลงไปเรื่อยๆ อย่างนี้...

   “อื้อ...” ผมเปล่งเสียงครางเบาๆ เมื่อเขาจูบลงที่หน้าท้องนูนนั่นเบาๆ อย่างรักใคร่ (หรือผมอาจจะแค่หลอกลวงตัวเองไปว่าเกือบใกล้เคียง) รอยจุมพิตที่ฝากฝังไปตามหน้าท้องแล้วกดย้ำลงมาตามหน้าขา และพยายามกระตุ้นความอ่อนไหวจนร่างสะท้าน บิดเร่า... จนปลดปล่อยอย่างรวดเร็วแค่เพียงถูกครอบครองด้วยอุ้งปากของเขา

   “อะ...ขะ... ขอโทษ” ผมขยับตัวลุกขึ้นเอ่ยระล่ำระลัก ทั้งเหนื่อยทั้งอายที่จู่ๆ ก็ปลดปล่อยจนเลอะเทอะ แต่อีกฝ่ายยิ้มเอ็นดู

   “ไม่เป็นไร...ฉันตั้งใจต่างหาก” เขาตอบน้ำเสียงนุ่มนวล “ฉันอยากเห็นเธอมีความสุข”

   ผมเงยหน้าสบตาเขาท่ามกลางความแสงสลัวนั้น

   “ผมก็อยากเห็น...” ผมเอ่ยถ้อยคำที่แฝงความนัยลึกซึ้ง จ้องมองดวงตาที่ทอดสบกลับมา มันช่างนิ่งเหลือเกินจนผมอ่านไม่ออกเลย แต่แล้วเขาก็ยกมือปลดกระดุมเสื้อนอนเนื้อดีนั่นออกเผยแผงอกกว้างเบื้องหน้า

   “งั้นก็สัมผัสฉันสิ” เขาว่าแล้ววางมือผมลงบนอกแข็ง ทำให้แอบกลืนน้ำลาย ผมอาจจะเคยเห็นเขาถอดเสื้อมาก่อนก็จริงแต่ไม่เคยใกล้มากขนาดนี้ ความตื่นเต้นทำให้มือผมสั่นขึ้นมาเฉยๆ จนต้องรีบยกหนี

   ในที่สุดเขาก็ขยับตัวก้าวลงจากเตียง ผมนั่งนิ่งที่เดิมกำมือกดลงที่อกซ้าย...

   เต้นเบาหน่อยไม่ได้เลยหัวใจทำไมเต้นดังอย่างนี้!

   ห้ามหยุด ห้ามถอย ห้ามปล่อยเด็ดขาด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจะล้มเหลวไม่ได้เด็ดขาด!

   ระหว่างที่ผมกำลังสั่งตัวเองอยู่นั้น อ้อมแขนแกร่งก็ดึงร่างผมเข้าไปหาอีก ผมไม่ได้หันไปมองก็รู้ว่าเขาถอดกางเกงออกไปแล้ว คราวนี้หัวใจผมเต้นถี่ขึ้นจนกลัวว่าจะหัวใจวายตายขึ้นมาทีเดียว ตัวเขาที่นั่งซ้อนหลังสอดแขนไว้ที่เอวผม กำลังจูบที่เส้นผมแผ่วเบา ริมฝีปากขบเม้มลงที่ใบหูจนผมตกใจเอียงคอหนีอัตโนมัติ รอยจูบเลื่อนต่ำลงไปที่หลังคอ หัวไหล่มน ท่อนแขน แล้วจับมือผมขึ้นแตะที่ริมฝีปากทำผมทำอะไรไม่ถูกเลย ค่อยๆ หันคอที่ฝืดเคืองหันไปมอง ดวงตาหรี่ปรือเต็มไปด้วยความหวั่นไหว เขายื่นหน้าเข้าหาแล้วจูบผมอีก มือหนึ่งยื่นไปสัมผัสความอ่อนไหวของผมในมือแล้วขยับช้าๆ ผมหลับตากัดปากกับอารมณ์หวามไหวเหล่านั้น รีบวางมือทับมือเขาแล้วเอ่ยห้าม...

   “พอแล้วครับ... เดี๋ยวผมเสร็จอีก คุณทำเลยเถอะ ผมพร้อมแล้ว” ผมบอกออกไปตรงๆ

   “จะไหวแน่นะ...” ในคำถามมีแววลังเลระคนสงสาร

   “ครับ... ทำเถอะ” ผมตอบไปทั้งๆ ที่ในใจก็กลัว หากแต่ความปรารถนากำลังฆ่าผมให้ตายทั้งเป็น...

   ถ้าหากทั้งอ้อน วอนขอ บีบน้ำตา ยั่วยวนถึงขั้นนี้แล้วยังไม่มีอะไรคืบหน้า ก็โปรดฆ่าผมทิ้งเสียตอนนี้เถอะ!! ดูจะเป็นพระคุณมากกว่า เพราะในอนาคตข้างหน้าผมคงไม่กล้าใช้ลูกไม้เดิมๆ แบบนี้อีกแล้ว และแสดงว่าผมหมดหวังที่จะทำให้เขากลับมามองได้อีก

   ในที่สุดคำวิงวอนก็ได้ผล ตัวผมถูกจับให้นอนราบลงไปทางหัวเตียง หมอนถูกสอดลงมาใต้บั้นท้ายให้สะโพกลอยขึ้นตัวเขากลับไปอยู่ที่ช่องว่างตรงหว่างขาผมอีกครา จมูกปากที่คลอเคลียอยู่ที่ซอกขาบวกกับอุ้งมือใหญ่ที่ขยับปรนเปรอให้ทำให้จิกเล็บลงบนที่นอนอีกครั้ง ท่อนขาที่อ้าค้างสั่นระริก แล้วความเยือกเย็นของเจลที่ไม่รู้เขาไปหามาจากจากไหนถูกป้ายลงมาทางช่องทางด้านหลังที่มิเคยมีใครได้ล่วงล้ำมาก่อน ค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วคลึงเล่นและสอดเข้ามาช้าๆ สร้างความหฤหรรษ์ที่ไม่เคยได้รับมาก่อนจนต้องเผยอริมฝีปากค้างมิให้เปล่งเสียงใดออกมา นอกจากเสียงลมที่กักไว้ในลำคอเป็นห้วงๆ

   “คุณอิฐ... อื้อ... ได้โปรด... ผมไม่ไหวแล้ว” ผมส่งเสียงวอนอันสั่นพร่า เพราะร่างกายที่สั่นเทิ้มเริ่มแยกไม่ออกว่าอะไรคือความสุข อะไรคือความทรมาน  สะโพกที่ส่ายไหวไปมาทั้งเหน็ดเหนื่อยกลับไม่สามารถทนเฉยได้ ลมหายใจที่หอบถี่เหมือนคนจะตายโหยหาอากาศ แต่กลับถูกเติมเต็มด้วยความรุ่มร้อนที่จรดลงที่ช่องทางนั้น

   สิ่งนั้นค่อยๆ สอดเข้ามาทีละนิดแทนที่นิ้วเรียวที่เบิกทางอยู่ก่อนนั้น แต่ด้วยขนาดที่แตกต่างกันทำให้ผมเกร็งไปทั้งตัว ความเจ็บปวดที่พุ่งเข้าหาทำให้รู้สึกเหมือนร่างจะแตกเป็นเสี่ยงๆ จนต้องกัดปากแน่นกดเล็บจิกลงบนที่นอน

   “อย่าเกร็งสิ...” เสียงทุ้มลอยอยู่ด้านบน มือใหญ่ถูท่อนขาด้านข้างไปมา

   ผมหายใจแรงพ่นลมออกปากเบาๆ พยายามทำตามแต่ดูเหมือนไม่ได้ช่วยอะไรนักอยู่ดี ตัวเขาเองก็ไม่ได้ฝืนทำต่อด้วย

   “หยุดทำไมล่ะครับ... ผมไม่เป็นไรหรอก”

   เขาไม่ตอบแต่พลิกกายตะแคงตัวไปนอนหงายจับผมพลิกกายขึ้นไปทับ ผมส่งสายตาฉงนงงงวย...

   “ขึ้นเองได้ไหม?”

   “ฮะ!!” ผมส่งเสียงสูง ผมอยากร้องไห้แล้วจริงๆ ครั้งแรกก็จะให้เป็นฝ่ายเดินเกมเองทั้งหมดเลยเหรอ นี่เขาจะโหดร้ายกับผมมากเกินไปหรือเปล่า!

   “ท่านี้มันจะเจ็บน้อยลง” คำอธิบายทำให้แจ่มแจ้งขึ้นก็จริง แต่ก็ยังต้องใช้เวลาทำใจอยู่ดี “แต่ถ้าเธอไม่อยาก... จะไม่ทำก็ได้”

   บางทีในความรัก ผมก็เกลียดเขาเสียเหลือเกิน ทำไมเขาทำให้ผมต้องได้อายครั้งแล้วครั้งเล่า ร้อยครั้งพันหนในค่ำคืนเดียว แต่เพราะความมุ่งมั่นพวกนั้นที่บอกตัวเองว่าถอยไม่ได้ ไม่มีอะไรจะเสียแล้วทำให้ต้องจำยอม...

   ผมค่อยขยับตัวช้าๆ โก่งตัวขึ้นเหนือลำตัวของเขา ยื่นมืออันสั่นเทาจับความใหญ่โตจนน่ากลัวนั้นแล้วกดสะโพกเข้าหา มันทั้งตื่นเต้นทั้งกลัวทั้งเจ็บจนเบ้หน้าแต่ก็ยังต้องการ...

   นานเหลือเกิน ที่ผมลีลาอ้อยอิ่งอยู่อย่างนั้น จนคนที่นอนนิ่งอยู่นั่นทนไม่ไหวขยับเอวสวนขึ้นมาในที่สุด ผมจุกเล็กน้อยแต่บอกตัวเองว่าพอทนไหว ผมนิ่งอยู่ในท่านั้นโน้มตัวลงเท้าแขนกับพื้นเตียงเพื่อพยุงตัวและใช้ช่วงนั้นกอบโกยลมหายใจไม่นานร่างก็เราก็แนบสนิทเกือบเป็นเนื้อเดียวกัน ในเวลานั้นคนด้านล่างก็ยื่นมาขึ้นจูบที่ต้นคอ เกลี่ยนิ้วโป้งกับยอดอกแข็งตึงจนผมเผลอสูดปาก ผมรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเพราะตัวเขาที่ขยับมาใกล้จนติดท้อง จึงฝืนตัวถอยออกมาจากจูบนั่น

   เขาจึงจับเอวผมผลักให้เอนหลังไปแล้วถอดถอนกายออก จับหมุนบังคับให้หันหน้าไปทางปลายเท้าก่อนจะจับสะโพกให้ถอยกลับไปครอบท่อนเนื้อนั้นซ้ำอีกครั้งอย่างช้าๆ จนสุดความยาว ไม่นานสะโพกที่กลืนความแข็งขืนนั่นก็สะเทือนเพราะแรงดันจากด้านล่างเบาๆ

   “อื๊อ...” ผมครางเพราะความซ่านเสียวที่ตามมาหลังการเสียดสีต่อเนื่องจากช้าและเพิ่มจังหวะขึ้นทีละนิด จนมากขึ้น มากขึ้น กระทั่งถูกผลักให้อยู่ในท่าคลานแต่ศีรษะทอดซบเตียงมีเพียงสะโพกที่โก่งขึ้นรับแรงกระแทกที่เพิ่มความเร็วขึ้นตามลำดับ แรงกระตุ้นด้านหลังและมือที่ยื่นมาสัมผัสปรนเปรอส่วนหน้าทำให้ผมหอบกระเส่า ความต้องการมากมายแตกกระจายในเวลาอันสั้น ตัวผมกระตุกเกร็งปล่อยเสียงครางอย่างสุดกลั้นพร้อมกับหลั่งของเหลวในกายเป็นครั้งที่สอง แต่แก่นเนื้อนั่นก็ยังไม่หยุดขยับโยกอยู่ภายในกายของผมไปอีกพักใหญ่

   “อา...” เสียงครางต่ำและแก่นกายของเขาขยับช้าลงจนหยุดนิ่ง ได้ยินเสียงหอบหายใจแรงและส่วนนั้นค่อยๆ ถูกดึงออกอย่างแผ่วเบา ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีต่อมาความอุ่นร้อนไหลผ่านไปตามท่อนขา แล้วเขาก็ขยับตัวไปข้างๆ ให้ผมขยับตัวนอนลงในท่าที่สบายขึ้น ผมนอนหอบแต่ยิ้มอย่างโล่งอก…

   “ขอพักแป๊บนะ เดี๋ยวค่อยไปอาบน้ำกัน...” ผมพยักหน้า ขยับตัวนอนตะแคงบนหมอนเพื่อพักร่างกายที่อ่อนเพลียและบาดเจ็บสักครู่แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่สบายตามเคยจึงร่นตัวลง

   “ทำไมชอบนอนต่ำทุกที ขึ้นมานอนบนหมอนสิ” เสียงคนที่นอนข้างๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงข้องใจ

   “ผมไม่ถนัดนี่” ผมตอบทันทีทำให้เขาถอนใจยาวแล้วยื่นแขนพาดมาสอดท่อนแขนรองศีรษะของผม

   “อย่าเลยครับ เดี๋ยวจะปวด”

   “ไม่เป็นไรน่า นอนเถอะ” เขารั้นไม่ยินยอมฟังคำค้าน ทำหูทวนลมด้วยการใช้แขนอีกข้างโอบกอดตัวผมไว้ แนบกายเปลือยกับแผ่นหลังของผม

   ผมรู้สึกได้ว่าริมฝีปากเขาจงใจจูบบนเส้นผมอีกครา เสียงสูดลมหายใจดังยาวเหมือนสูดกลิ่นหอมที่แสนชื่นใจ อุ้งมือหนาที่ลูบไล้ที่ท้องเบาๆ ทำให้รู้สึกดีมากเหลือเกิน ผมหลับตาลงอย่างเป็นสุข...

   แม้วันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ผมมั่นใจว่าจะไม่มีวันลืม...

   ไม่มีวันลืมว่าผมมีความสุขแค่ไหนที่ได้อยู่ในอ้อมกอดแสนหวานนี้ 

++++++++++

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
อิฐก็เป็นคนนึงที่เอาแต่ใจตัวเองนะ แต่ด้วยความที่เป็นคนดีเลยไม่กล้าสัมผัสแมกทั้งๆที่อยาก และที่เสียใจที่เลิกกับบีทก็ไม่รู้ว่า จริงๆแล้วรักมากรึว่า เพราะได้มายากเลยไม่อยากเลิกกันแน่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-05-2016 01:45:02 โดย Yara »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew3:  มีการเยี่ยมลูก.
เบาๆเน้อคุณอิฐ
ตอนนี้แม็กก็ได้สถานะเมียเต็มตัวแล้ว
รอพายุของจริงหลังจากนี้

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :a5: เรื่องนี้ไม่คิดว่าจะได้เจอ NC

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ตอนแรกคิดว่าคงต้องรอให้อิฐรักแม็กแล้วถึงจะกอดกัน ไม่คิดว่าncจะมาเร็วขนาดนี้

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เหัอออออ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Ncจัดตามคำขอของน้องแมกจ้า
.
#ได้กันง่ายไปหรือเปล่า บีทนี่นางไปแรดซะแล้ว น่าจะหนีไปบวชดีกว่านา :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-30-] [15/05/59]
« ตอบ #409 เมื่อ: 16-05-2016 05:30:35 »





ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-31-

   -แม็กม่า-

   ตอนแรกผมไม่อยากตื่นขึ้นเลย เพราะกลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงความฝัน แต่ครั้นตื่นขึ้นแล้ว ความจริงกลับทำให้รู้สึกว่าอยากแค่ฝันอยู่เหมือนกัน!

   รุ่งขึ้น... ผมตื่นสายกว่าทุกวันจึงไม่ทันเลือกเนกไทให้คุณอิฐ เขาไปทำงานตามปกติโดยไม่ได้ปลุกผมลงไปทานข้าวเช้า แต่ให้คนยกอาหารมาให้ถึงบนห้อง ผมลุกมากินได้แค่สองสามคำก็รู้สึกอยากนอนต่อ นอนวนเวียนคิดถึงช่วงเวลาแสนสุขเหล่านั้นซึ่งนับว่าน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับเวลาแสนเศร้า

   ผมอุดอู้อยู่ในห้องทั้งเช้าจนถึงเวลาทานมื้อกลางวันถึงได้เยื้องย่างออกจากห้องนอน...

   “เป็นอะไรแม็ก ทำไมท่าเดินเป็นอย่างงั้นล่ะ?” ผมสะดุ้ง ปั้นหน้าไม่ถูกขึ้นมาเชียวตอนที่เดินเข้ามาทานข้าวกลางวันแล้วท่านถามอย่างนั้น...

   “เอ่อ... ไม่รู้สิครับช่วงนี้ก็ปวดไปหมด ทั้งปวดหลัง ปวดขา” ผมแก้ตัวเสียงอ่อย ค่อยๆ นั่งลงที่โต๊ะอาหาร

   “นั่นสิ ตอนท้องตาอิฐแม่ก็ปวด เดี๋ยวตาอิฐกลับมาจะบอกให้หายามานวดให้แล้วกันนะ” ท่านยิ้มอย่างใจดี

   “อะ... ไม่เป็นครับ เรื่องแค่นี้เองผมทำเองก็ได้...” ผมรีบร้องห้ามน้ำเสียงเกรงใจ เมื่อจินตนาการตอนคุณอิฐมานวดขาแล้วก็หน้าร้อนขึ้นมาทันที

   “ถามจริงๆ เถอะ ตาอิฐมันคงไม่ได้ดีกับเราแค่ตอนอยู่ต่อหน้าแม่เท่านั้นใช่ไหม?” ท่านถามคล้ายจับผิด ถ้าผมบอกว่าคุณอิฐไม่ดีกับผมเขาคงโดนด่าแน่เลย!

   “ครับ คุณอิฐดีกับผมตลอดอยู่แล้วครับ” ผมตอบพร้อมรอยยิ้มสดใส...

   ใช่ ที่จริงเขาดีกับผมมานานแล้ว เพียงแต่ช่วงนี้ดูจะใจดีขึ้นเยอะเลย

   “แม่ดีใจนะ” ท่านเอ่ยด้วยสายตาเอ็นดู

   “เรื่องอะไรเหรอครับ” ผมทำหน้าสงสัย

   “ที่เห็นแม็กมีความสุขน่ะ” ผมมองท่านอย่างซึ้งใจ แล้วเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มขอบคุณ

   ผมก็ดีใจเหมือนกันครับที่ตัวเองจะมีความสุขกับเขาเสียที...


   แล้วชีวิตผมก็ดำเนินต่อไปตามปกติอย่างที่เคยบอก กิน นอน ดูทีวี กิน เล่นโยคะ!

   อันที่จริงผมควรหาที่ว่างๆ ที่โคตรๆ กว้างในบ้านออกกำลังกายนะ แต่ผมต้องดูคลิปด้วยไงเลยคิดว่าเปิดจากคอมน่าจะดีกว่ามือถือก็เลยเข้าไปเล่นโยคะในห้องทำงานคุณอิฐ คิดว่าปลอดภัยไม่มีใครเข้ามาแล้วเชียว แต่ในระหว่างที่กำลังนอนลงดัดขาทำท่าตามคลิปอยู่นั้นเองประตูห้องก็เปิดผลั่วะเข้ามา

   ผมหันคอไปมองที่ประตูอย่างตกใจทั้งที่ยังค้างในท่านอนหงายยกขาเอามือจับไว้ คนหน้าประตูหลุดขำออกมาซะงั้นทำให้ผมเบะหน้ารีบยกขาลงแล้วตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่ง

   “ทำอะไรน่ะ” คำถามยังกลั้วหัวเราะอยู่เลย อยากบอกว่าโคตรอาย  ดีนะไม่มาตอนทำท่าโก้งโค้งอยู่ ไม่งั้นหนักกว่านี้อีก!

   “ออกกำลังกายครับ” ผมตอบเสียงอ้อมแอ้ม

   “อ้อ... งั้นก็ทำต่อสิ”  เขาบอกแล้วเดินเข้ามาหา ผมช้อนตาขึ้นจิก ใครจะไปทำ!

   “เหนื่อยแล้ว เอาไว้เล่นต่อวันหลังก็แล้วกัน วันนี้กลับไวจังนะครับ” ผมเปลี่ยนเรื่อง

   “อือ... ตั้งใจจะกลับมาทานกลางวันด้วย แต่เหมือนจะช้าไป” อ้อ! มื้อกลางวันของวันเสาร์ มื้อที่15 สินะ

   “ถ้างั้นลงไปทานของว่างกันดีไหมครับ เมื่อเช้าไปตลาดเลยเจอของกินมา ไม่ได้กินมาตั้งนานแล้ว”

   “อะไรเหรอ?”

   “ไม่บอก...” ผมปฏิเสธพร้อมรอยยิ้มยียวน ก้มลงตั้งใจจะเก็บผ้าโยคะที่ปูไว้

   “วางไว้เถอะ ไม่ต้องเก็บหรอก เดี๋ยวให้คนอื่นมาเก็บให้ก็ได้”

   “ไม่เป็นไรครับ แค่นี้เอง” ผมคัดค้านแล้วย่อตัวลงไม่ฟังคำเขา

   “อย่าดื้อน่า” เขาปรามด้วยเสียงที่ทอดยาวราวอ้อนมากกว่าดุ พร้อมกับอ้อมแขนที่ยื่นมาประคองไหล่ผมขืนไม่ยอมให้ก้มลงจนผมจำต้องยืดตัวขึ้น เหลือบตาหันไปมองเขาก็พบรอยยิ้มอ่อนโยนทำให้ผมทำหน้าไม่ถูก “ไปเถอะ”

   จากนั้นเขาก็โอบไหล่พาเดินออกไป โดยไม่ได้สังเกตว่าผมแอบชำเลืองมองมือใหญ่ที่บีบไหล่ตัวเองแล้วแอบยิ้มอยู่คนเดียว นั่นถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจริงไหม…


   ผมกับคุณอิฐเดินไปรอที่ศาลาในสวน ต้นไม้ร่มรื่นและสายลมเย็นช่วยดับร้อนจากแสงแดดตอนบ่ายได้พอสมควร

   “ผมขอปลูกต้นไม้สักต้นในพื้นที่ว่างๆ ได้ไหมครับ” ผมถามขึ้นระหว่างรอของว่างมาเสิร์ฟ

   “ได้สิ จะปลูกต้นอะไรล่ะ?”

   “ฝรั่งครับ”

   “ปลูกทำไมล่ะ ซื้อเอาก็ได้นี่”

   “ก็แค่ปลูกเป็นงานอดิเรกเท่านั้นเองครับ ผมชอบกินฝรั่งแช่บ๊วยน่ะ ว่าจะปลูกพันธุ์นี้สักต้นจะได้มีกินบ่อยๆ ไม่ต้องซื้อเค้า” ผมเล่นมุกตลกร้ายทันที

   “หือ... มีเหรอพันธุ์นี้ ไม่ใช่ว่าเอาไปแช่ในน้ำบ๊วยเหรอ?” เขาถามขึ้น ใบหน้าฉงนเหมือนไม่รู้ว่าผมเล่นมุกเลย

   “ไม่ใช่นะครับ มันเป็นชื่อพันธุ์ คงตัดต่อพันธุกรรมให้ได้พันธุ์นี้มา คล้ายๆ ที่ว่าตอนปลูกกล้วยเอายอดปักดินแล้วเอาสตอไปใส่ไง” ผมทำหน้าขึ้นขังจริงจังต่อจนอีกฝ่ายขมวดคิ้วลังเล “คุณไม่เชื่อผมเหรอ?”

   “ไม่รู้สิ รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้” ทีนี้หน้าเขาเริ่มสับสนหนักว่าเดิมอีก

   “งั้นมาพนันกันดีกว่า เดี๋ยวผมจะปลูกต้นฝรั่งต้นนึงที่โตขึ้นแล้วจะกลายเป็นฝรั่งแช่บ๊วย ถ้าผมโกหก คุณจะขออะไรผมก็ได้ แต่ถ้าผมพูดความจริง ผมจะขออะไรคุณก็ได้ดีไหม?” ผมแกล้งท้าไปอย่างนั้นเอง กว่าจะถึงตอนนั้นเขาก็คงลืมไปแล้วว่าเคยพูดอะไรกัน ถึงมันจะต้องเปิดเผยในที่สุดว่าเป็นแค่เรื่องที่กุขึ้น แต่ผมจะถือว่าผมจะได้เอาคืนเรื่องที่เขาหลอกผมให้เซ็นสัญญาไม่เป็นธรรมแล้ว ผมจะได้ไม่ติดใจอะไรอีก...

   “เอางั้นก็ได้ ว่าแต่ปลูกนานแค่ไหนจะออกลูกล่ะ?”

   “ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ น่าจะหกเดือนหรือปีนึง”

   “นานเหมือนกันนะ”

   “ไม่นานหรอกครับ หลังคลอดลูกแป๊บเดียวเอง”

    และถึงตอนนั้นผมจะแพ้ ผมก็ไม่เสียใจ เพราะแค่ได้อยู่ด้วยกัน ได้เฝ้ารอต้นไม้เติบโต ออกดอกออกผล ให้ลูกขี่หลังแล้วบอกเขาว่าต้นไม้ต้นนี้มีอายุเท่าลูกเลยนะ ผมว่ามันคงมีความสุขมากเลย 

   “นั่นสิ ตอนนั้นคงคลอดแล้วเนอะ” เขารำพึงแล้วมือมาลูบท้องผมเบาๆ

   “งั้นหนูต้องเป็นพยานให้พ่อนะว่าแม่พูดอะไรไว้” ผมหลุดหัวเราะ ไม่นึกว่าคุณอิฐจะมีโมเม้นท์อะไรแบบนี้ ก็เด็กทารกที่ไหนจะพูดได้ หรือพูดได้จะจำเรื่องพวกนี้ได้ยังไงกันล่ะ แต่จะว่าไปมันคงเป็นความสามารถพิเศษของคนเป็นพ่อเป็นแม่เนอะ ถึงไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินไหมก็คิดไปว่าเขาจะได้ยิน หลงรักเขาตั้งแต่ยังไม่เคยได้พบหน้า ไม่หวังผลประโยชน์ใด

   รักของพ่อแม่... คือรักโดยไม่มีเงื่อนไขจริงๆ



   ไม่นานจากนั้นของว่างก็ถูกยกมาวาง เป็นเมี่ยงคำที่ไม่ได้กินมาปีกว่าแล้ว

   “เมี่ยงคำเหรอ?” เขาถามอย่างตื่นเต้น สงสัยจะไม่ได้กินมานานเหมือนกันนั่นแหละ

   “ครับ เมี่ยงคำ” ผมรับคำล้างมือในอ้างเล็กที่ขอให้เตรียมมาด้วย ก็ของกินด้วยมือนี่นาก็ต้องสะอาดหน่อย

   “นี่ใบอะไรเหรอ?” เขาถามชี้ไปที่ใบเขียวที่วางอยู่ในถาด

   “ใบชะพลูครับ”

   “ที่กินกับหมากหรือเปล่า?”

   “ชะพลู... คนละอย่างกับใบพลูครับ”

   “มันต่างกันเหรอ”

   “ ชะพลูมันเป็นต้นๆ แต่ใบพลูจะเป็นไม้เลื้อย”

   “ตอนเขาเอามาขายในตลาดน่ะ เขาก็เด็ดมาแล้วนี่ ไม่ได้เอาต้นมันมาด้วยจริงไหม แล้วจะแยกออกเหรอ?”

   “ไม่รู้สิครับ ถ้าเอามากินเมี่ยงเขาก็ใส่มาด้วยกันเป็นชุดๆ อยู่แล้วไม่เห็นต้องสังเกตอะไร แต่ถ้าจะซื้อแยกก็ไม่รู้จะซื้อมาทำไมเหมือนกัน ผมก็ทำกับข้าวไม่เก่งซะด้วย”

   “นั่นสิเนอะ”

   “ทำไมครับ อยากทำเมี่ยงคำขายหรือไง?” ผมแซวที่เขาสงสัยเหมือนเด็ก

    “โธ่ ฉันก็แค่ถามประดับความรู้ไปอย่างงั้นเอง ขนาดฝรั่งเนี่ยยังเพิ่งรู้ว่ามีพันธุ์แช่บ๊วยวันนี้แหละ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ให้อารมณ์ว่าเขาเชื่อเรื่องต้นฝรั่งนั่นเต็มที่เลยนะเนี่ย ผมพยายามกลั้นขำสุดความสามารถ แต่ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นจึงรีบก้มหน้าบรรจงพับใบชะพลูเป็นกรวยแล้วตักเครื่องเคียงต่างๆ ลงไปทีละอย่างจนครบ แล้วยื่นให้เขา

   “ลองชิมดูหน่อยนะครับ” ผมชักชวน... คุณอิฐก็ไม่ยอมหยิบด้วยนะ กลับอ้าปากให้ป้อนซะอย่างนั้น ไม่พอ... อุตส่าห์กัดจนน้ำเมี่ยงไหลย้อย...

   “โธ่คุณ! ทำไมไม่กินไปทั้งคำล่ะครับ” ผมโวยวายเมื่อเมี่ยงในมือแตกออกแล้วเลอะมือจนรีบยัดเมี่ยงคำเข้าปากอีกฝ่ายทั้งคำจนแก้มป่อง

   “อ้ออันอำไอ่อี้” เสียงอู้อี้กลับมาขณะเมี่ยงยังค้างในปากคำเบ้อเร่อ

   ผมส่ายหน้าไม่รู้จะขำหรือจะสมเพชดี รีบดึงกระดาษทิชชูยื่นให้เขาเช็ดปาก ส่วนผมยกมือเปื้อนขึ้นเลียนิ้ว

   “ทำอะไรน่ะ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

   “เสียดายน่ะ มันหวานดีด้วย”

   “ไหน... หวานจริงเหรอ?” เขาถามกลับดึงมือผมไปเลียบ้าง ผมรีบดึงมืออกทันทีเพราะคิดว่ามันสกปรก

   “ทำบ้าอะไรเนี่ยคุณ”

   “ก็ทดสอบดูไงว่าหวานจริงไหม” เขาตอบแล้วยิ้มเผล่ ทำให้ผมเดาไดว่าเขาตั้งใจทำเพื่อทำให้ผมใจสั่น

   “แล้วเป็นไงครับ หวานจริงไหม?”

   “หวานสิ... หวานเหมือนน้ำเมี่ยงเลย” เขาตอบแล้วหัวเราะ คนอะไร ชงเอง เล่นเอง ขำเองก็ได้!

   ผมกลอกตาไม่รู้จะขำดีไหม... ก็ที่กินเข้าไปมันน้ำเมี่ยง จะเป็นรสชาติอื่นเข้าไปได้ยังไงล่ะลุง!



   เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าคุณอิฐเป็นคนจริงจัง เจ้าเล่ห์ เห็นแก่ตัว ทำอะไรเหมือนเด็ก กล่อมคนเก่ง ตอนนี้ก็เหมือนเดิมเพิ่มเติมคือความขี้อ้อนจนน่ารำคาญในบางที ทั้งที่เมื่อก่อนเคยบอกไม่ให้ผมทำอะไรเกินหน้าที่ตัวเองแท้ๆ แต่เดี๋ยวนี้เหรอ... เรียกร้องความสนใจได้ตลอดสิ!

   “แม็ก... เน็กไทเบี้ยวหรือเปล่า มาดูให้หน่อยสิ”  ผมเงยหน้าจากมือถือที่อ่านดราม่าในเฟซเมามันขึ้นแล้วเห็นว่าเขายืนส่องกระจกอยู่ ส่องใกล้ขนาดนั้นไม่เห็นว่าเบี้ยวไหมคือสายตายาวเหรอครับ?

   “ก็ไม่นี่ครับ” ผมตอบทั้งๆ ที่นั่งอยู่ที่เดิม

   “ยังไม่ได้มาดูเลย รู้ได้ยังไง”

   “ผมมองผ่านกระงก...” อันนี้ผมโม้ ตัวเขาเล่นบังกระจกซะมิดใครจะเห็น

   “กระจกมันหลอก... มาดูใกล้ๆ สิ” เยอะจริงๆ เลยคนเรา!

   ผมลุกจากที่นั่งจนได้แล้วเดินไปหาจับไหล่เขาให้หันกลับมาแล้วจัดเนกไทให้ตามที่เขาต้องการไม่วายบ่น

   “คุณนี่เหมือนพ่อผมเลย”

   “อะไร... ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้นซะหน่อย” รีบเถียงกลับทันทีจนผมอั้นยิ้ม

   “หมายถึงนิสัยบางอย่างน่ะครับ”

   “ยังไงล่ะ?”

   “เหมือนจะจริงจังมีเหตุผล แต่บางครั้งกลับไม่เข้าใจอะไรเลย บางอย่างทำเองได้แต่ไม่ทำ เรียกร้องความสนใจ”

   “ฉันเอาใจเธออยู่ต่างหาก” เขาแก้ตัวพร้อมวงแขนที่โอบรอบตัวผมไว้หลวมๆ ทำให้ผมเขินขึ้นมาทันที

   “ยังไงครับ?” ผมถามน้ำเสียงสงสัยคิ้วขมวดเป็นปม

   “ฉันรู้ว่าเธอจะชอบถ้าฉันทำแบบนี้” เขาว่าแล้วกอดผมแน่นขึ้นอีก ผมส่ายหน้าเพลียๆ

   นี่ไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหนกัน!

   “ผมยังไม่ได้บอกสักคำ อะไรทำให้คุณเชื่ออย่างงั้น”

   “ก็เธอรักฉันนี่ เธอก็ต้องมีความสุขเวลาที่ฉันอยู่ใกล้ๆ แล้วก็กอดเธอไว้อย่างนี้จริงไหม?” ผมเถียงไม่ออก ที่จริงผมก็ชอบหรอก แต่ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ที่เขาพูดว่ามันเป้ฯความต้องการของคนเพียงคนเดียว

   “ถ้าคุณไม่มีความสุข ก็ไม่ต้องกอดผมก็ได้ครับ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร” ผมเอ่ยประชดน้ำเสียงงอนๆ แล้วเบี่ยงตัวออกเมื่อทำงานของตัวเองเสร็จแล้ว แต่เพียงหันหลังยังไม่ทันจะเดินไปไหนสักก้าว เขาก็ตามมารวบกอดผมไว้จากด้านหลัง ซบหน้าลงบนบ่า

   “ไม่เอาสิแม็ก...  ฉันล้อเล่น ไม่งอนนะ ที่ฉันกอดเธอไม่ใช่แค่รู้หรอกว่าเธอจะมีความสุข แต่เป็นฉันต่างหากที่มีความสุขมากเวลาที่กอดเธอ จริงๆ นะ”

   ผมยิ้ม... ยิ้มอย่างดีใจกับคำออดอ้อนพวกนั้น...

   ที่คุณดีกับผม เอาใจผม อ้อนผมมากมายขนาดนี้ คุณพูดมันด้วยความรู้สึกแบบไหนหรือ...

   มันใกล้หรือยังครับ ใกล้จะเป็นรักแล้วหรือยัง…

   ผมยังรอมันอยู่นะ... 



++++++++++


บางทีก้รู้สึกดีนะที่ มีคนแปลกใจกับอะไรบางอย่างในเรื่อง

บางทีก็อยากบอกว่า อาจจะยังมีอะไรที่รู้สึกว่าแปลกอยู่อีกก็เป็นได้

36 ตอนจบนะคะ เรื่องนี้  อดทนหน่อยนะคะ   ใกล้ละ  *-*

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
มีความมุ้งมิ้งในช่วงฮันนีมูนเบาๆ
 :pig4:

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
อะไรก็ได้ อย่า ดร่าม่าเป็นพอ สงสารแม๊กม่า

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ไม่ดราม่าพอค่ะ :mew2:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เริ่มจะมีความหวาน

อิฐเชื่อจริงๆ เหรอว่ามีฝรั่งพันธ์นี้น่ะ  :m29:

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
 :ling1: กะลังหวานกัน บีทอย่ากลับมานะจ่ะ
#ปล.ภาตต่อไปขอเอาเรื่องของบีทนะจ้ะ :กอด1:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
หวังว่า คงไม่มีเรื่องเลวร้ายอะไรอีกนะคะ
ครอบครัวเค้าก็ดูเป็นสุขดีแล้ว อย่ามีเรื่องอีกเลย

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จบไวแหะ มีภาคต่อมิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด