พิมพ์หน้านี้ - คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 05-04-2016 15:31:59

หัวข้อ: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 05-04-2016 15:31:59
อ้างถึง


ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

นิยายของนิที่ลงไว้ที่ เล้านะคะ.... :o8: :impress2: จบแล้วทุกเรื่องค่ะ

!พี่คะ รับกะเทยทานเพิ่มไหมคะ!  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=24654.new) ฐา-โต้ง :m20:
 ...กู “รับ”  ไม่ได้... (ถ้าไม่ได้รัก)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=22465.0)  กิ๊ง-กันย์ :-[
+ ผมถูก My Fanclub~~จับกด!!XX+     (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=25704.new) ตุลย์-ปอนด์ :m25:
คุณแม่รับจ้าง เป็นภาคต่อของ -----> ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51651.0) (น่ารักอบอุ่น)

ติดตามข่าวสารรวมเล่มและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่
ฝากเพจ (https://www.facebook.com/Bunnypoundbread)

หัวข้อ: Re: <ดราม่า> คุณแม่รับจ้าง [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 05-04-2016 15:54:53
คุณแม่รับจ้าง

-1-

   -อิฐ-

   “ไอ้หมอ กูอยากมีลูกว่ะ” ผมเอ่ยขึ้น ในระหว่างที่หมอว่าน เพื่อนสูตินรีแพทย์ที่เก่งที่สุดที่เคยเจอมากำลังรดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน

   “ต้องบอกเมียครับ ไม่ใช่บอกหมอ” เขาตอบกลับมาเรียบๆ ไม่ใส่ใจพลอยพาให้รู้สึกหงุดหงิด

   “ถ้าบอกแล้วมีได้ง่ายๆ มันก็ดีสิ ทำไงดีวะมึง?”

   “ทางการแพทย์ หมอขอแนะนำให้มึงเลิกเอากับผู้ชายแล้วมีเมียเป็นผู้หญิงก่อนครับ!” หมอหันมาบอกพลางทำหน้ากวน

   “ทีเมียมึงเป็นผู้ชายทำไมท้องได้วะหมอ?” ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงคาดคั้นเพราะตัวเขาเองก็มีแฟนเป็นผู้ชายแต่บังเอิญท้องได้นี่นา

   เขาถอนใจยาวหนึ่งที แล้วหันมาบอกด้วยเสียงดังฟังชัดว่า...

   “เออ ก็ได้! กูลำเอียง!”

   “อะไรวะหมอ... ไม่ยุติธรรมเลย” ผมโวยวาย พลางขอร้อง “ถือว่าช่วยเพื่อนไม่ได้หรือไง นี่แม่กูเค้าหาข้ออ้างแนะนำผู้หญิงให้ไม่เว้นแต่ละวัน บอกว่าไม่ชอบ มีแฟนอยู่แล้วก็ไม่ฟัง เอาแต่บ่นว่ามีแฟนเป็นผู้ชายมีลูกไม่ได้ บอกจะรับเด็กมาเลี้ยงก็ไม่เอา นี่กูคบกับบีทมาสามปีแล้วนะ แต่พาเข้าบ้านไม่ได้แค่เพราะเรื่องที่บีทมีลูกไม่ได้แค่เนี้ยนะ? โคตรจะไร้สาระเลย...” ผมบอกเหตุผลออกไป

   “ขอร้องว่ะอิฐ แค่ซูกัสคนเดียวนี่ก็เครียดจะตายอยู่แล้ว อย่ามาทำให้แก่เร็วกว่าเดิมได้ไหม?” ผมเข้าใจความหมายของเขา... ตอนนี้ซูกัสหรือเมียหมอท้องได้ราวๆ สี่เดือนแล้ว หมอค่อนข้างกังวลเพราะมีลูกแฝด ทำให้อันตรายทั้งเด็กและแม่มาก

   “ก็ไม่ได้บอกว่าวันนี้พรุ่งนี้ซะหน่อย หมอเองก็บอกว่ากว่าจะท้องได้ก็ต้องฝังมดลูกเทียม รอแผลหาย แล้วก็ต้องทำอะไรอีกตั้งเยอะแยะ ไม่ใช่เหรอ?”

   “เหอะ! แล้วไง? ถ้าหมอตกลงแล้วใครจะท้อง มึงเหรอ?”

   “จะบ้าเหรอ? ถ้าเป็นกู...แล้วธุรกิจกูใครจะดู”

   “ก็นั่นน่ะสิ ถ้าอยากมีลูกก็ไปหาคนอุ้มท้องมาก่อนแล้วกันค่อยมาคุย”

   “จะช่วยจริงดิหมอ ขอบคุณนะเว้ย โคตรรักหมอเลยว่ะ ฟอด” ความดีใจทำให้กระโดดหอมแก้มขาวของหมออย่างแรง อีกฝ่ายหน้าแดงแล้วสบถด่าขึ้นมาทันควัน

   “ไอ้อิฐ!! กูจะไม่ช่วยมึงก็เพราะแบบนี้แหละไอ้xxx”


++++++++++




   “อืม...” ผมได้ยินเสียงครางจากลำคอของเขายามเมื่อเราจูบกัน

   ริมฝีปากสองคู่กดประทับซึมซับความรู้สึกอย่างหื่นกระหายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาโอบรอบคอผมไว้แน่นด้วยแขนยาวเรียวเล็กในระหว่างที่เราสองไม่ยอมผละจูบนั่นเลยสักวินาที ผมโอบอุ้มร่างผอมเพรียวที่มีความสูงต่างออกไปไม่มากนักนั่นพาย้ายที่จากหน้าประตูห้องไปยังโซฟากว้าง ต่างฝ่ายต่างช่วยกันดึงรั้งเสื้อผ้าของกันและกันออกอย่างรวดเร็วโดยปราศจากความเขินอาย

   ใช่สิ ก็มันไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สอง และหากถามว่าครั้งที่เท่าไรก็สุดจะนับ ในเมื่อเราคบกันมานานกว่าสามปีแล้วนี่!

   บทรักระหว่างผมและเขายังดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น ระยะเวลาสามปีไม่ได้ทำให้ผมเบื่อเขาแม้ว่ามันจะไม่มีอะไรแปลกใหม่เหมือนแต่ก่อนแล้วก็ตาม สิ่งที่ทำให้ผมยึดติดกับความรักนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง แต่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นความคุ้นเคยและความผูกพันมากกว่า

   “บีท...” ผมเรียกชื่อเขาในระหว่างที่ประสานร่างลึกลงในกายเขา ปลายนิ้วเรียวจิกลงบนบ่าเปลือยของผมอย่างจงใจ พยายามหอบหายใจสลับเสียงครางอือ ไม่พอ...ยังพยายามขยับสะโพกตอบรับทุกการเคลื่อนไหวอย่างช่ำชอง

   “จะถึงแล้วบอกนะอิฐ...” ในอารมณ์หวามไหวจนสุดกลั้นและฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายชักนำไป กลับมีเงื่อนไขบางอย่างที่ทำให้ผมชะงัก

   “ทำไม?” ผมเอ่ยถามอย่างสงสัย “กลัวท้องเหรอ?”

   “บ้าเหรอ? ขี้เกียจล้างต่างหากล่ะ” เขาตอบปนหัวเราะกับคำถามงี่เง่าของผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ใส่ใจคำขอของเขาอยู่ดี ยิ่งห้ามผมก็ยิ่งเร่งความเร็วขึ้นอีกและไม่นานจากนั้นคราบของเหลวคาวขุ่นก็ไหลบ่าลงมาจากช่องทางคับแคบนั่น

   “ให้ตายสิ... ทำไมเป็นคนแบบนี้นะ!” เขาบ่นตามประสาแต่ก็แค่นั้น เขาไม่ได้โวยวายอะไรนักหนา

   หลังจากร่างของเราผละออกจากกันเขาก็ตรงดิ่งเดินเข้าห้องน้ำและผมก็เดินตามเข้าไปช่วยเขาทำความสะอาดร่างกายเป็นการชดเชยความผิดแม้ว่าผมรู้ว่าเขาจะไม่โกรธแค่เรื่องเล็กๆ แค่นี้ ถ้าหากเราจะมีเรื่องผิดใจกันล่ะก็มันต้องเป็นเรื่องใหญ่มากกว่านั้น เช่น...

   “ได้ข่าวว่าคุณแม่ของคุณเค้าสรรหาสตรีที่งามพร้อมมาให้เลือกอีกแล้วสินะ?” ในคำถามมีแววประชดประชันชัดเจนจนผมเผลอถอนใจออกมา

   “มันก็เท่านั้นแหละ ผมไม่ใช่เด็กที่จะต้องทำตามคำสั่งของแม่ทุกอย่างแบบนั้นซะหน่อย”

   “แต่ก็ไม่ได้ปีกกล้าขาแข็งมากพอที่เราจะรักกันเปิดเผยอยู่ดี...” คำพูดลอยๆ นั้นแทงใจดำผมอย่างจังจนผมไม่สามารถปฏิเสธได้เลย

   “ท่านหัวโบราณเกินกว่าจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ แต่สักวัน...”

   “พอเถอะอิฐ ก็พูดแบบนี้มาตั้งหลายปีแล้ว ไม่เป็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย” เขาตัดบทสนทนา ยื่นมือขาวหยิบผ้าขนหนูมันพันรอบเอวแล้วตั้งท่าจะเดินหนีออกจากห้องน้ำ แต่ไม่ทันที่ร่างนั้นจะเคลื่อนออกจากห้องน้ำผมก็ถามขึ้น

   “บีท... มีลูกกันไหม?”

   “ฮะ? ว่าไงนะ?” เขาถามกลับเสียงสูง เดินกลับมาหา ยกมือขึ้นกดสองนิ้วลงที่ขมับผมเบาๆ “จูนๆ ตื่นยัง?”

   “อิฐพูดจริงๆ นะ” ผมบอกซ้ำมองเขากลับด้วยสายตาที่จริงจัง เขาจ้องมองกลับด้วยสายตาที่แสดงความสงสัย แล้วก็เอ่ยขึ้นเมื่อนึกถึงสิ่งที่ผมเคยเปรยให้เขาฟังเรื่องที่เพื่อนหมอของผมกำลังจะมีลูก...

   “ถ้าจะให้ไปเป็นหนูทดลองผู้ชายท้องได้กับหมอเพื่อนอิฐน่ะ บอกเลยผมไม่เอาด้วยหรอก!!” แล้วเขาก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดฉับพลันทันที

   “ขอร้องล่ะบีท... มันเป็นทางเลือกสุดท้ายของเราแล้วนะ”

   “ไม่จริง มันต้องทางเลือกอื่นที่ไม่ใช่แบบนี้ การท้องอ่ะมันเป็นงานของผู้หญิง แต่ขนาดผู้หญิงท้องก็ยังเสี่ยงจะตาย แล้วมันเรื่องอะไรที่บีทจะต้องเสี่ยงชีวิตแบบนั้น ถ้าอิฐอยากมีลูกมากนักก็ท้องเองเลยสิ”

   “ถ้าอิฐท้องเองได้ก็ทำไปแล้วแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าแค่ขยับตัวผิดไปสักก้าวจะโดนหมาลอบกัดขย้ำฮุบเอาบริษัทไป” ผมมีปัญหาภายในครอบครัวนิดหน่อยเรื่องตำแหน่งงานและผลประโยชน์ต่างๆ ในตระกูล

   “บีทไม่รู้ บีทไม่สนใจเหตุผลอะไรพวกนั้นหรอก ถ้าแม่อิฐเค้าไม่ยอมรับบีท จะให้คบกันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ บีทก็ไม่แคร์หรอก แต่ขอร้องอย่างนึง...อย่าพูดเรื่องไร้สาระอย่างเรื่องให้อุ้มท้องอะไรนี่อีกเลยนะ”

   
+++++++++++


     “ว่าไง? ตัดใจไปหรือยัง?” คำถามมีแววขบขันจนผมอดหงุดหงิดไม่ได้ หมอว่านคงเดาได้จากสีหน้าสินะว่าความหวังของผมพังทลายไปหมดแล้ว...

          บีทก็ไม่ยอม! ท้องเองก็ไม่ได้!

            “ให้ผู้หญิงคนอื่นอุ้มบุญให้แทนได้ไหม? เพราะถึงหมอจะบอกว่ามันผิดกฎหมายก็เถอะ ถ้าไม่มีใครไปแจ้งความหรือฟ้องร้อง ใครมันจะไปรู้จริงไหม?” ผมเอ่ยถามเป็นการลองเชิง

   “จริง!” นั่นแหละคำตอบของหมอ...ที่ทำให้ผมคลี่ยิ้มออกกว้างทันที

   “จริงเหรอ? งั้นหมอช่วยได้ไหม?”

   “ไม่ได้... เพราะคำว่า“ถ้า” น่ะมันน่ากลัว ยิ่งจิตใจของ “ผู้หญิง” ยิ่งน่ากลัวกว่า” คำตอบของหมอทำให้รอยยิ้มที่ผลิบานนั่นค่อยๆ เหี่ยวลงเรื่อยๆ

   “จะรู้ได้ยังไงว่าลูกที่เกิดกับหญิงอื่นในกรณีที่เป็นอุ้มบุญแท้ หมายถึงทั้งท้องและใช้ไข่ด้วย เมื่อคลอดแล้วแม่อุ้มบุญจะไม่เรียกร้องให้รับผิดชอบลูกในท้องราวกับนายไปข่มขืนหรือมีความสัมพันธ์กับเธออย่างลึกซึ้ง หรือต่อให้เป็นอุ้มบุญเทียมคืออุ้มท้องอย่างเดียวโดยใช้ไข่ของหญิงอื่นจะไม่เกิดคดีความเป็นเรื่องราวใหญ่โตอย่างกรณีน้องคาเมน แต่ประเด็นพวกนี้มันก็ไม่แย่เท่ากับว่านายจะให้คำตอบลูกที่เกิดมายังไงว่าแม่ที่แท้จริงของเขาเป็นใครมาจากไหน?” คำพูดของหมอฟังดูจริงจังมากจนผมต้องถอนใจอีกครั้ง

   ปัญหาสุดท้ายผมไม่แคร์หรอก ผมแคร์แค่ปัญหาแรกต่างหาก และถ้าให้ผมหาคำตอบแบบง่ายๆ เลยว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไงก็คงเป็นการอุ้มบุญด้วยการใช้ผู้ชาย...

   อย่างแรกเลย ไม่สามารถใช้วิธีอุ้มบุญแท้ได้ในผู้ชาย อย่างที่สอง อุ้มบุญเทียมที่ไข่ของหญิงอื่นมาจะทำให้เด็กที่เกิดนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนอุ้มท้องเลย และยิ่งไม่สามารถฟ้องร้องอะไรได้เลยในภายหลังเพราะจะมีใครเชื่อล่ะว่าผู้ชายจะท้องได้จริง เห็นไหมล่ะว่ามันเป็นคำตอบที่ดีที่สุด

   ว่าแต่ใครล่ะจะยอมรับหน้าที่นั้น…

   นั่นเป็นปัญหาคาใจผมมาตลอดตั้งแต่ตอนนั้นจนกระทั่งได้พบกับเขา...


++++++++++

   สองทุ่มกว่าแล้ว... ผมเดินจากห้องทำงานตัวเองแล้วลงลิฟท์ลงไปชั้นล่างตามปกติ แต่ลิฟท์กลับหยุดที่ชั้น 6

   อะไรกันยังมีพนักงานไม่กลับบ้านอีกเหรอเนี่ย? ผมคิดขึ้นอย่างแปลกใจแล้วก็พบว่ามีผู้ชายตัวเล็กคนหนึ่งในมือถือโทรศัพท์มือถือเดินเข้ามาในลิฟท์ด้วย

   “ฮัลโหล... จะเอาอะไรนะ มะม่วงเหรอ? โอยสองทุ่มกว่าแล้วไม่รู้ลุงแกกลับไปหรือยัง” ผมเหล่ตาไปด้านข้าง ในองศาที่ต่ำกว่าเพราะความสูงที่ค่อนข้างห่างไปนั่นอย่างสนใจเล็กน้อย

   “เอางี้ มะม่วงดองเซเว่นป่ะล่ะง่ายดี?” นี่ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังแต่บังเอิญได้ยินเท่านั้นเอง “อะไรนะ หมอบอกคนท้องห้ามกินของดอง โวะ!” เสียงสบถของเขาทำให้ผมพยายามกลั้นยิ้ม

   “พูดถึงหมอ แล้วหมอไปไหน? ไม่ให้หมอซื้อให้? .......... อ้อ... งั้นถ้าลุงแกยังอยู่จะซื้อไปฝากแล้วกัน ถ้าไม่เจอก็บอกหมอซื้อให้พรุ่งนี้เหอะ นี่เพื่อนนะไม่ใช่ผัว ใช้จริง!”

   ลิฟท์เปิดออก ผมกดปุ่มเพื่อให้ประตูเปิดค้าง ผู้โดยสารลิฟท์ตัวเดียวกันหันมาค้อมหัวให้พร้อมรอยยิ้มแสดงความขอบคุณก่อนจะก้าวเดินนำออกไป ผมก้าวตามเขาเพื่อเดินออกไปที่หน้าประตูบริษัท

   “เออ แต่ถ้าจะให้นั่งแท็กซี่ไปหาจริงๆ ต้องออกค่าแท็กซี่ให้นะอุตส่าห์ทำโอทีเหนื่อยแทบตายหายไปกับค่าแท็กซี่นี่แหละ แล้วตอนกลับต้องหาคนออกมาส่งด้วย” เขาต่อรองปลายสายอีก “.............. เจริญ! ถ้าจะออกมาส่งเองแล้วทำไมไม่ออกมาซื้อมะม่วงเองเลยล่ะ? บ้าป่ะวะ? ......... สม ! วันทั้งวันก็ไม่ซื้อ กินอะไรตอนดึก ยุ่งจริง!”

    ผมเดินตามเขาออกมาจนพ้นประตูบริษัท แล้วก็นึกดีใจด้วยที่ด้านหน้าบริษัทดันมีรถขายผลไม้จอดขายอยู่พอดี

   “เฮ้ย... โชคดีลุงแกยังไม่กลับ งั้นแค่นี้ก่อนนะซูกัส เดี๋ยวจะซื้อไปฝาก” 

   ซูกัสเหรอ? จะว่าไปก็พูดถึงหมอด้วย... อย่าบอกนะว่า เด็กนี่จะเป็นเพื่อนซูกัสที่ทำงานอยู่นี่…

   ผมยืนนิ่งมองร่างคนตัวเล็กวิ่งไปที่รถเข็นขายผลไม้นั่นพร้อมความหวังใหม่ ความคิดบางอย่างผุดออกมาเป็นดอกเห็ด ผมลืมนึกถึงคนๆ นี้ไปได้ยังไง เพราะต่อให้หาคนอื่นมาท้องได้จริงๆ แต่คนที่จัดการยากที่สุดก็คือหมอว่าน ถ้าคนที่ท้องไม่ใช่บีท หมอคงไม่ยอมช่วยง่ายๆ หรอก ยกเว้นแต่มีคนที่สำคัญที่สุดของหมอมาช่วยเกลี้ยกล่อม...


   แล้วคนๆ นั้นก็เป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก ซูกัส...

++++++++++ 


เรื่องนี้เป็นภาคต่อนะคะ ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51651.0)
ที่จริงก็อ่านแยกได้ แค่ว่าจะไม่อธิบายเรื่องเทคโนโลยีเกี่ยวกับการแพทย์ที่ทำให้ผู้ชายท้องซ้ำอย่างละเอียดแล้วเท่านั้น  เรื่องแรก จะอธิบายละเอียด 
แนวเรื่อง จะเป็นดราม่า น้ำเน่า ละครหลังข่าวค่ะ
หัวข้อ: Re: <ดราม่า> คุณแม่รับจ้าง [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-04-2016 16:02:29
 :เฮ้อ:  บีททำไมเป็นคนแบบนี้อะ
ไม่เข้าใจเลย   :mew5:

เอาแล้วงานเข้าคุณแล้ว
ไมค่อยถูกกับดราม่าอะค่ะ ถ้าตอนไหนเราหายไปอย่าได้สงสัยนะคะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 05-04-2016 21:28:19
อ่านเรื่องแรกแล้ว ติดตามๆๆๆ
งานนี้จะเป็นสามเส้าไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-04-2016 09:13:29
เรื่องหมอครับฯก็อ่านนะ ดีใจที่มีภาคต่อ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 06-04-2016 09:33:26
เคยเห็นในอีกเว็บ ตามๆๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 06-04-2016 10:16:27
 :sad4: :katai1: :sad4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 06-04-2016 11:03:20
ท่าทางจะยุ่งกว่าตอนของ หมอกะกัส นะเนี่ย 555 :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 06-04-2016 11:34:17
แปะ!!! รออ่าต่อ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 08-04-2016 10:48:13

-2-
   
   -แม็กม่า-
   
   ในที่สุดก็มาถึงบ้านซูกัส... โคตรไกลเลย โดนค่าแท็กซี่ไปหลายร้อย! แต่ถึงจะเบิกเจ้านายแบบชาร์ตค่าแรงมันก็ไม่บ่นอยู่ดีนั่นแหละ สำหรับมันคงเป็นแค่เศษเงินไปแล้ว...

   “ขอบใจนะแม็ก...” ทั้งเสียงหวานๆ บวกกับรอยยิ้มร่าเริงมีความสุขดุจได้ล่องลอยอยู่ในนภากว้างตอนที่ผมยื่นถุงมะม่วงให้มันทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ทำหน้าไร้อารมณ์ใส่

   “ไหนๆ ก็มาแล้วอ่ะ ไม่ต้องกลับหรอกแม็ก ค้างสักคืนจะเป็นไร ไว้พรุ่งนี้จะให้ลุงทินขับรถไปส่งที่ทำงานแต่เช้าเลย” แล้วมันก็ส่งเสียงออดอ้อนอีกตามเคย ค่อยๆ เดินมาสอดแขนผมไว้บังคับดึงให้เดินตามเข้าในบ้าน

   ตอนนี้หมอทำงานก็เลยเอาซูกัสมาฝากไว้ที่บ้าน แล้วมันก็คงคันปากอยากหาคนคุยด้วยถึงได้หาเรื่องหลอกล่อผมให้มาหาแบบนี้ รู้ทั้งรู้ แต่จะทำอะไรได้นอกจากได้แต่ทอดถอนใจไปเท่านั้น ขี้เกียจบ่นแล้วล่ะหมดแรง! จะว่าไปนอนที่นี่เลยก็ดีเหมือนกัน เพราะทั้งๆ ที่เหนื่อยมากอยากนอนไวๆ แต่ยังต้องตะลอนมาบ้านมันอีก แค่เพื่อมะม่วงถุงเดียวเนี่ยนะ? โคตรจะไร้สาระเลย! เชื่อผมเถอะว่าไม่มีใครน่ารำคาญมากเท่าซูกัสอีกแล้ว!!


   เพียงไม่นานผมก็นั่งมองมันนั่งกินมะม่วงเปรี้ยวนั่นด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย ผมมองตามอย่างทึ่งจัด แค่ได้กลิ่นก็รู้สึกเปรี้ยวแล้ว ไม่รู้กินเข้าไปได้ยังไง นี่มันเป็นคุณสมบัติคนท้องใช่ไหมที่รับรสชาติอะไรผิดเพี้ยนไปได้ขนาดนั้น!

   “กินด้วยกันไหม?” แต่ครั้นมันถามขึ้นผมก็ส่ายหน้า

   “เอาเลย เห็นแล้วเข็ดฟันแทน” ผมตอบแล้วเอนตัวลงบนฟูกนุ่มในห้องที่เป็นระเบียบเรียบร้อยสีสดใสของมัน

   ความจริงผมชอบที่นี่เอามากๆ เลย มันทั้งกว้างขวางและสวยงาม ถูกตกแต่งด้วยสีสว่างดูน่ารักและอบอุ่น ถึงแม้ซูกัสมักจะบ่นว่าพ่อแม่ของมันบ้างานจนลืมหน้าลูกบ่อยครั้งก็เถอะ ผมก็ยังอิจฉามันอยู่ดี อย่างน้อยมันก็ยังเกิดมาท่ามกลางกองเงินกองทอง ไม่ต้องกระเสือกกระสนอะไรในชีวิต ถึงมันจะไม่ใช่คนเรียนเก่ง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเลย ในเมื่อชีวิตมันมีทุกอย่างรองรับอยู่แล้ว ผู้คนรายล้อมต่างพากันรักใคร่ชอบพอเอาอกเอาใจ ไม่มีเรื่องต้องกลุ้ม

   ฟังดูดีเนอะ! แต่ความจริงแล้วคนประเภทนี้น่ะน่าหมั่นไส้และไม่น่าคบที่สุดเลยต่างหากว่าไหม?

   โดดเด่นมากเสียจนกลบคนรอบข้างจนทำให้เรารู้สึกว่าไร้ตัวตน

   คิดดูสิ... ต้องทนอยู่กับคนแบบนี้มาตั้งสี่ปีนี่นรกชัดๆ!

   ความหมั่นไส้ในใจลึกๆ ทำให้นึกสาปแช่งมันไปว่า ขอให้ชีวิตมันได้พบเจอเรื่องเศร้ากับเขาสักเรื่องเถิด ตอนนั้นแค่คิดไปเล่นๆ แต่พอเกิดเรื่องกับมันจริงๆ ซูกัสกลับเป็นคนที่บอบบางกว่าที่คิดมาก ความรัก ความห่วงใยคนรอบข้างและคนในครอบครัวทำให้ช่วงหนึ่งมันหมกมุ่นอยู่แต่การหาวิธีทำให้พี่แคนดี้หายจากโรคซึมเศร้าจนไม่เป็นอันทำอะไร ตอนนั้นแหละถึงได้รู้สึกได้ว่าคนแต่ละคนย่อมมีขีดจำกัดในการแบกรับปัญหาแตกต่างกัน

   ใบหน้าเศร้าสร้อยและเสียงร้องไห้ไม่เหมาะกับซูกัสเลย เพราะมันไม่ได้ทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกสุขสมเลยสักนิด มีแต่สงสารและเห็นใจ และพลอยต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาให้ทุกอย่างจนกลายเป็นเครียดแทน มันไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลยจริงๆ

    ถือว่าเป็นโชคดีที่ปัญหาของมันสิ้นสุดลงไปในเวลาอันรวดเร็ว แถมยังได้แฟนเพิ่มมาอีกต่างหาก ยังไม่รวม ลูกแฝดที่หมอเทวดาเสกเข้าท้องมันอีก! นี่มันทุกขลาภชัดๆ

   นี่แหละนะ...ที่เขาว่ากันว่า แข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้

   แข่งบุญวาสนาน่ะแข่งกันไม่ได้...   

   “วันก่อนบอกว่าไปดินเนอร์ใช่ไหมแม็ก... ไหนเล่ามาดิ๊ เป็นไงบ้าง” ในคำถามมีแววอยากรู้อยากเห็นจนน่ารำคาญขึ้นมาอีกแล้ว

   “ก็ไม่เป็นไง ก็แค่นั้นแหละ”

   “ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เอ บี ซี?”

   “อือ...” ผมตอบเสียงเรียบติดรำคาญเหมือนปกติ แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่เลิกจ้องหน้า “อะไร? แกคิดว่าพอกินข้าวกันมื้อแรกก็ควรซั่มกันเลยงี้เหรอ?”

   “ก็เปล่า แค่อยากรู้ความเป็นไปของเพื่อนบ้างไรบ้าง เห็นเมื่อก่อนชอบบ่นว่าเพราะมีฉันอยู่แกถึงไม่มีใครมาจีบ”

   “ก็เลยอยากรู้ว่าถ้าไม่มีแกอยู่แล้ว ชีวิตฉันจะเป็นไงสินะ” แล้วซูกัสก็ยิ้มเผล่

   “จะว่าไปแล้วมันก็ดีกว่าเดิมเยอะนะ” ผมตอบตามตรง ไม่รักษาน้ำใจ ทำให้รอยยิ้มอยากรู้อยากเห็นแต่แรกเจื่อนลงเล็กน้อย “อย่างน้อยเวลามีคนเอาอะไรมาให้ก็ไม่ต้องดีใจเก้อเมื่อรู้ว่าถูกฝากไปให้ใครบางคน แล้วก็ไม่ถูกคนอื่นเข้าใจว่าเป็นคู่เบี้ยนอะไรนั่น”

   “ฮ่าๆ นั่นเรื่องเก่าแล้วว่ะแม็ก ลืมๆ ไปมั่งก็ได้” เหอะ! ทีอย่างงี้ทำมาเป็นยิ้มกลบเกลื่อน “เอาเรื่องปัจจุบันสิ หัวหน้าที่ว่าน่ะเป็นไง?” เขาหมายถึงผู้ชายคนแรกในรอบปีที่เข้ามาคุยด้วยโดยไม่ถามถึง “ซูกัส”

   “ก็ดูๆ อยู่”

   “ดูอะไรอ่ะ?”

   “ก็ดูว่าจะคบกันยาวๆ หรือแค่เอากันช่วงสั้นๆ” ผมตอบแบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อมแต่ก็ไม่ได้ขยายความมากนัก เพราะตอนนี้ก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันว่าควรวางตัวแบบไหนกับผู้ชายที่ตำแหน่งสูงกว่าแล้วยังค่อนข้างฮอตในหมู่สาวๆ

   ถ้าไม่เป็นแค่ของเล่น ก็อาจจะเป็นเป้าให้โดนคนอื่นรุมทึ้ง... ซึ่งไม่ดีเลยสักอย่าง!

   “มีรูปไหมเดี๋ยวจะช่วยดู” ซูกัสถามอย่างตื่นเต้น

   “ไม่มี แต่ถ้าถามว่าเป็นยังไงก็ หน้าตาพอไปวัดไปวาได้ ผิวก็กลางๆ ไม่ขาวไม่ดำ แมนดี ประมาณนั้น”

   “สูงไหม?” เรื่องแบบนี้ไม่เห็นต้องถามเลยในเมื่อความสูงเราสองคนต่ำกว่ามาตรฐานชายไทยขนาดนี้นี่นา! 

   “สูง... สูงกว่าทั้งส่วนสูง ทั้งหน้าที่การงานเลยแหละ”

   “เออ งั้นดี คนนี้ผ่าน”

   “แกจะไม่ถามนิสัยเลยเหรอ?”

   “รู้จักกันไม่เท่าไร จะรู้นิสัยเค้าได้ไง ไว้คบกันไปนานๆ ถึงจะรู้สันดานกันได้ ค่อยคิดอีกทีว่าจะยาวหรือจะสั้น”

   บางทีซูกัสก็เป็นคนง่ายๆ ดีนะ คิดอะไรง่ายๆ ตัดสินใจอะไรง่ายๆ เหมือนกับเรื่องที่มันปักใจเชื่อว่าการมีลูกจะทำให้พี่แคนดี้หาย หรือคิดว่าการที่ผู้ชายอย่างมันตั้งท้องแล้วจะรอดปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์...

   “อ้อ... เหมือนกับที่แกชอบหมอเพราะเห็นเค้าหล่ออย่างเดียวใช่ไหม?” ผมประชดมันหน้านิ่งอีกครั้ง

   “อืม... แต่นั่นก็แค่ตอนแรกเท่านั้นแหละ หมอเค้ามีดีกว่านั้นเยอะ!” ในคำตอบนั่นแสดงออกถึงคนที่มีความสุขอย่างยิ่ง แก้มที่เรื่อสีขึ้นนั้นทำให้ใบหน้าที่ซีดของมันมีสีสันขึ้นมาทั้งน่าอิจฉาและน่าหมั่นไส้!

   เบื่อพวกคนชอบอวดผ. จริงๆ ให้ตาย...

   เอาจริงๆ นะ ถ้าจะเอาเรื่องน่าอิจฉาร้อยแปดพันเก้าในชีวิตของซูกัสมาเรียงต่อๆ กัน เรื่องที่น่าอิจฉาที่สุดในนั้น...

   ผมขอยกให้เป็นเรื่องของ “หมอ” นี่แหละ!
    

++++++++++


   “อะฮึ่ม... เมื่อเช้าใครมาส่งเหรอแม็ก?” ผมเงยหน้าจากงานเอกสารที่ตัวเองจัดการอยู่ขึ้นแล้วหันไปยิ้มให้ “หัวหน้า”

   “อ๋อ... เพื่อนน่ะครับ” ผมตอบสั้นๆ แม้ว่าความจริงจะเป็นแค่ลุงทินคนขับรถบ้านซูกัสก็เถอะ ส่วนซูกัสน่ะเหรอ? มันคงนอนอืดกินนั่นกินนี่รอหมอมารับกลับบ้านอยู่ล่ะมั้ง

   “เพื่อนแน่เหรอ?” เขาถามเหมือนไม่เชื่อ

   “แน่สิครับ แล้วหัวหน้าคิดว่าใครล่ะ?”

   “บอกกี่ทีแล้วให้เรียกพี่ยุทธ” เขาบอกผมอย่างใจดีพร้อมมือหนาที่เลื่อนลงมาวางทับบนมือของผมที่ค้างอยู่บนแป้นพิมพ์นั่น

   “ครับพี่ยุทธ...” อายุห่างไปแค่ 8 ปีก็พอจะเป็นพี่ได้หรอก แต่ถึงจะห่างมากกว่านี้ก็เห็นบอกให้เรียกพี่กันหมดทั้งออฟฟิศอยู่ดี!

   “เย็นนี้ว่างไหมล่ะ ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันอีกดีกว่า”

   “ดูก่อนครับว่างานเสร็จไหม”

   “ไม่เสร็จก็เอาไว้พรุ่งนี้สิครับ เย็นนี้พี่ไม่อนุมัติให้แม็กทำโอนะ ทำงานเยอะไปมันก็ไม่ดีหรอก” บางทีก็คิดนะ ถ้าผมไม่เล่นด้วยเลยนี่ จะโดนเฮียแกเล่นงานยังไง!

   “แต่ว่า...”

   “ตกลงว่าว่างนะครับ แล้วเจอกัน” เขาส่งรอยยิ้มเหมือนผู้ชายเจ้าชู้มาให้แล้วเดินจากไปโดยไม่รอให้ผมพูดอะไรเลย!

   เดี๋ยวนะ... มัดมือชกกันอย่างนี้เลยเหรอ? ไวไปรึเปล่าเนี่ย?

   แต่ช่างเถอะ บางที “ดวงเรื่องผู้ชาย” อาจจะขึ้น

   โบราณเค้าว่า น้ำขึ้นให้รีบตัก! ไหลตามน้ำไปก่อน อย่างอื่นค่อยคิดทีหลังแล้วกัน


   ช่วงพักกลางวัน ผมลงไปหาอะไรกินที่แคนทีนของบริษัทตามปกติ ในโต๊ะกินข้าวเดียวกันจะมีมนุษย์ป้าและรุ่นพี่ในแผนกอีกสามชีวิตนั่งกินไปเม้าท์ไปอยู่ด้วย ตัวผมไม่ได้คุยอะไรนักเพราะไม่ใช่คนพูดมาก แต่กลับชอบคิดมาก หูก็ฟังสิ่งต่างๆ ที่พวกพี่ๆ หาเรื่องราวมานินทาเรื่อยเปื่อย จนกระทั่ง...

   “เอ๊ะ.... นั่นท่านประธานไม่ใช่เหรอ?”

   “ใช่ๆ”

   “แล้วทำไมท่านถึงมาที่นี่ได้ล่ะ”

   คำถามที่แสดงความแปลกใจนั้นทำให้ผมเองก็อดสนใจด้วยไม่ได้จึงหมุนคอมองไปยังทิศทางเดียวกันกับคนอื่นๆ ผู้ชายตัวสูงคนนั้น มองไกลๆ ดูคุ้นตาอย่างไรไม่รู้ เหมือนกับว่าเราจะเคยเจอกันมาก่อน แต่ทำไมผมกลับนึกไม่ออกว่ารู้จักเขา

   ในระหว่างที่เสียงตะเบ็งเซ็งแซ่ที่เกิดขึ้นอย่างผิดปกตินั้นดำเนินต่อไป ก็ทำให้ผมนึกย้อนไปถึงวันที่ซูกัสยุติบทบาทคู่เบี้ยนของเราแล้วเปิดตัวหมอในวันเดียวกันนั้นว่ามันช่างคล้ายคลึงกันอย่างประหลาด เพราะผู้ชายที่อยู่ใน “หัวข้อสนทนา” ของทุกคนกำลังเดินมาทางนี้ แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ เขาไม่ใช่ “หมอ”  และ “ซูกัส “ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย

   “ในที่สุดก็หาเจอ” นั่นคือประโยคทักทายพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมคนที่เขาเดินมาหยุดตรงหน้า กลับกลายเป็นผมไปได้!!

   ถ้านี่ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดกันล่ะก็ “ดวงเรื่องผู้ชาย” ของผมคงกำลังขึ้นแบบสุดๆ ไปเลยล่ะ

   ถึงบุญวาสนาจะแข่งกันไม่ได้...   

   แต่เรื่อง “ผู้ชาย” ลองแข่งกันกันสักตั้งไหมซูกัส!!
   

++++++++++



แม็กค่อนข้างจะมีนิสัยขี้อิจฉานะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-04-2016 10:53:19
นั่นสินะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] [-2-] [8/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 08-04-2016 11:06:05
จะได้ท้องแบบเพื่อนน่ะสิ ^^
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] [-2-] [8/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 08-04-2016 12:35:44
 :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] [-2-] [8/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-04-2016 18:41:09
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] [-2-] [8/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-04-2016 21:13:30
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] [-2-] [8/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 09-04-2016 15:40:09
ยังไงๆ แม็ก !
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] [-2-] [8/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 09-04-2016 20:00:27
-3-

   -แม็กม่า-

   “ฉันอยากให้เธอช่วยอะไรหน่อย ตามฉันมาสิ” มันไม่ใช่การขอร้องแต่คือคำสั่ง และถึงไม่อยากทำตามแต่ไม่ทำก็คงไม่ได้ เมื่อข้อมือของผมถูกใครสักคนที่ผมไม่รู้จักฉุดกระชากลากไปจากโต๊ะตอนนั้นเลย

   “เดี๋ยวสิครับคุณ นี่ผมยังทานข้าวไม่อิ่มเลยนะ” ผมบอกเขา ต่อให้เป็นเจ้านายใหญ่โตจะใช้งานลูกน้องก็หัดมีความเกรงใจกันบ้างเถอะ มีอย่างที่ไหนจะมาเรียกใช้อะไรกันตอนพัก!

   “ออกไปกินกับฉันก็ได้ ฉันก็ยังไม่กินข้าวกลางวันเหมือนกันนั่นแหละ” เขาหยุดเดินแล้วหันมาบอก ทำให้รู้สึกดีขึ้นหน่อยจึงยอมเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย
   

   ในสวนอาหารแห่งหนึ่งที่ไกลออกมาจากที่ทำงานพอสมควร ผมนั่งมองบรรยากาศน่ารักกุ๊กกิ๊กของที่นี่ด้วยความประทับใจ แต่เมื่อยกข้อมือดูนาฬิกาแล้วพบว่าเลยเวลาเข้างานช่วงบ่ายมาแล้วแต่อาหารก็ยังไม่มาเสิร์ฟก็อดจะรู้สึกกังวลไม่ได้

   “ที่นี่ทำอาหารนานจังเลยนะครับ” ผมเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ...

   “หิวมาก?”

   “นิดนึงครับ แต่ที่จริงผมเป็นห่วงเรื่องงานมากกว่า”

   “ฉันชื่ออิฐ... เป็นประธานบริษัทที่เธอกำลังทำงานอยู่ เผื่อว่าเธอจะไม่รู้”

   “อะเอ้อ...ครับ...สวัสดีครับคุณอิฐ” ผมบอกออกไปได้แค่นั้น ทั้งที่ความจริงอยากจะขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่ช่วยแนะนำตัวเองเพราะผมก็ไม่รู้จักเขาจริงๆ นั่นแหละ ผมทำงานที่นี่ได้แค่เดือนเศษยังไม่ค่อยรู้จักใครนอกจากคนในแผนกเดียวกัน

   “เพราะฉะนั้น ถ้าเธอจะเข้างานช้าเพราะฉันล่ะก็คงไม่มีใครทำอะไรเธอได้หรอก...”

   อื้อหือ... ฟังดูเข้าท่าชะมัด...

   ความจริงอาจจะไม่มีใครกล้าว่า แต่...คนนินทาคงมีเยอะแน่!

   “เอ้อ... แล้วไม่ทราบว่าคุณอิฐมีธุระจะคุยอะไรกับผมเหรอครับ”

   “อ้อ... มีเรื่องอยากจะให้ช่วยนิดหน่อย”

   “ที่จริงแล้วถ้าเป็นเรื่องงานเนี่ย เราจะคุยกันที่ทำงานในเวลาก็ได้นี่ครับ จะว่ารีบ ก็ไม่น่าใช่?”

   “พอดีเรื่องที่อยากจะให้เธอช่วย มันเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวน่ะ ก็เลยอยากหาที่สงบๆ คุยสักหน่อย” ท่านประธานบอกเป็นงานเป็นการ ดวงตาคมนั่นจ้องมองผมนิ่งนาน แล้วก็ไม่ยอมเข้าเรื่อง...

   “อ้อ... เรื่องอะไรล่ะครับ?” ถามเองก็ได้วะ!

   “เอ่อ...คือว่า... คือฉัน...” ให้ตายเถอะ!! จากหน้าตาแล้วน่าจะแก่กว่าเกือบรอบนึง อ้ำๆ อึ้งๆ ยังกับเด็กน้อยแรกรักไปได้น่าลุง!

   “ถ้าเกิดว่ายังนึกไม่ออก ก็... เอาไว้บอกวันหลังก็ได้นะครับ แหะๆ” ผมบอกเขาพลางยิ้มแหย

   นี่เพราะเกรงใจอายุกับตำแหน่งหรอกนะ ถ้าอายุพอๆ กันล่ะก็จะตอกให้หน้าหงายเลย!

   ผมนึกค่อนขอดในใจขณะที่นั่งลุ้นให้แกเอ่ยธุระสำคัญที่ถึงขั้นลากพาผมมาแฮฟลันช์ซะไกลขนาดนี้...

   “คือฉันอยากจะขอร้องให้เธอ.... มาเป็นแม่ของลูกฉันหน่อยน่ะ”

   “ฮะ!!” แม่เจ้า... ผมอ้าปากหวอจนแมลงวันน่าจะบินเข้าไปประมาณสองล้านตัวได้ หน้าคงเหวอสุดในชีวิต ดวงตาที่เบิกค้างนั่นกระพริบปริบๆ อย่างมึนงง

   อายุก็ปูนนี้แล้วลุง ถ้าจะจีบมันก็ควรมีชั้นมีเชิงกว่านี้ไหม?

   หรือถ้าจะข้ามขั้นไปสารภาพรักเลยก็ควรจะตรงไปตรงมาหน่อย

   นี่อะไร? นอกจากจะอ้อมโลก คำพูดยังโคตรเสี่ยวเลยอ้ะ!!

   คือที่จริงมันอาจจะโคตรซึ้งเลย ถ้าเอาไปพูดกับผู้หญิงแต่แบบผมไม่ใช่ไง มันเลยดูผิดกาลเทศะสุดๆ

   “อะ...ขอโทษด้วยนะครับท่านประธาน ผมเป็นผู้ชายแท้ๆ ไม่มีมดลูกหรอกครับ” ผมตอบแล้วหัวเราะเหมือนกับว่าอีกฝ่ายเล่นมุกสุดขำทั้งที่ความจริงมันช่างฝืดซะเหลือเกินก็ตาม

   “แปลว่าถ้าหากมี เธอจะยินดีช่วยฉันใช่ไหม?” ในคำถามนั้นมีแววตื่นเต้นดีใจซะเหลือเกิน มือใหญ่ของเขารีบคว้ามือของผมไปกุมไว้ รอยยิ้มที่ฉายประกายบางอย่างทำให้ผมไม่รู้จะตอบว่ายังไงดีเลย

   อิทธิฤทธิ์...กรุ๊ป นี่มีแต่ผู้ชายนิสัยประหลาดกันทั้งนั้น!    



   กว่าผมจะกลับมาถึงที่ทำงานก็ปาเข้าไปบ่ายสามแล้วและผมค่อนข้างทำตัวไม่ถูกที่สายตาหลากหลายคู่จับจ้องมองมาที่ผมเป็นทางเดียวแล้วก็มีเสียงซุบซิบนินทาพึมพำอยู่ไกลๆ แต่ไม่มีใครกล้าเสนอหน้าเข้ามาถามด้วยตัวเอง พวกเขาปล่อยให้ผมนั่งที่โต๊ะทำงาน แล้วก็ทำงานของตัวเองด้วยความอึดอัดต่อไปจนกระทั่งเย็น!

    “แม็ก...”  ผมเงยหน้าจากโต๊ะทำงานขึ้นเมื่อตอนเลิกงานแล้วพบหัวหน้ามายืนรออยู่ข้างๆ ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีนัดกับเขา

   “เอ่อ... ขอโทษครับหัว...เอ่อพี่ยุทธ์ ขอสักห้านาทีนะครับ ขอผมเซฟงานก่อน” ผมบอกหัวหน้างานด้วยน้ำเสียงเกรงใจ ที่ต้องให้อีกฝ่ายรอนาน และความจริงงานของผมยังค้างอยู่มากเพราะถูกกวนเวลาจากเจ้าของบริษัทรวมทั้งถูกทำลายสมาธิจากเพื่อนร่วมงานด้วย

   “ถ้างานไม่เสร็จแล้วอยากทำโอก็ตามสบายเลยนะ ผมคงว่าอะไรคุณไม่ได้หรอก” ทั้งน้ำเสียงเย็นชาและสรรพนามที่เขาเลือกใช้นั่นทำให้ผมทำหน้าไม่ถูกทีเดียว

   “อ้าว... แล้วนัดของเราล่ะ?”

   “ยกเลิกไปเถอะมั้ง วันเดียวหลายคน... สงสาร”

   “อะไรนะ? พี่หมายถึงอะไร ผมไม่เข้าใจ”

   “ยังจะมาถามอีก  เรื่องของเรากับท่านประธานน่ะ คิดว่าพี่ไม่รู้หรือไง อย่าว่าแต่แผนกเรา เค้าลือกันไปทั้งบริษัทแล้ว เล่นหายกันไปกันตั้งหลายชั่วโมง” อะไรเนี่ย... คิดกันไปถึงไหน กลางวันแสกๆ

   “มันไม่ถึงขนาดนั้นซะหน่อย แค่ไปกินข้าวด้วยกันเท่านั้นแหละ อีกอย่าง... ผมก็ไม่ได้ชอบท่านด้วย” นี่ผมพูดจริงๆ นะเนี่ย ลุงแกเชยสุดๆ ไปเลย ถ้าหล่อแล้วความคิดประหลาดก็ไม่ไหวเหมือนกันอ่ะ พี่ยุทธยังดูดีกว่าตั้งเยอะ ผมหันไปมองตาพี่ยุทธเหมือนจะบอกความนัย ขอร้องล่ะ... อย่าเพิ่งทิ้งกันดิ!

   “อย่าทำให้พี่เดือดร้อนเลยแม็ก ถึงพี่จะชอบเราอยู่มาก แต่ถ้าจะให้ไปงัดข้อกับท่านประธานแบบนั้น บอกตามตรงนะพี่ยังห่วงอนาคตตัวเองอยู่”

   “แล้วผมล่ะ?” ผมถามด้วยเสียงอ้อนแล้วเบะหน้าเหมือนคนจะร้องไห้

   “ถ้าไม่อยากลำบากก็คงต้องเออออตามไปล่ะมั้ง ท่านคงไม่จริงจังอะไรมากหรอก เอาไว้ท่านเบื่อค่อยกลับมาหาพี่ก็ได้” ฮ้า... เอางั้นเลยเหรอ?

   ผมถอนใจเครียดๆ แค่กิ๊กกะหัวหน้าแผนกนี่ก็คิดเยอะมากพออยู่แล้ว นี่จะให้ไปหวังถึงขั้นประธานบริษัทจะไหวเหรอเนี่ย ตอนตกลงมามันจะเจ็บหนักเอานา...

   “เออ... มีอย่างนึงอยากเตือนไว้ ในฐานะพี่ที่หวังดี”

   “อะไรครับ?”

   “ท่านประธานน่ะ เค้ามีแฟนอยู่แล้วนะ ระวังหัวใจไว้ด้วยล่ะ” พี่ยุทธ์บอกเรื่องสำคัญด้วยน้ำเสียงที่แสดงความหวังดีจริงจังก่อนจะทิ้งผมไว้คนเดียว...

   อะไรกัน... ผู้ชายคนแรกในรอบปีที่มาจีบก็ถอนตัวออกไปง่ายๆ

   ผู้ชายคนใหม่ที่เข้ามาก็มีแฟนอยู่แล้ว

   เอาล่ะ... ที่ผมเคยบอกว่า “ดวงเรื่องผู้ชายกำลังขึ้น” อะไรนั่นน่ะ ผมขอถอนคำพูดแล้วกัน

   สภาพนี้น่าจะเรียกว่า “ดวงตก” ซะมากกว่า!!


   ฮือ........ ฮือ..........



++++++++++


   ท่ามกลางเสียงสะอื้นที่ไร้น้ำตา ผมก็ยังกัดฟันทำงานของตัวเองต่อไปด้วยสปีดที่ลดต่ำลงอีกประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ พนักงานคนอื่นๆ ค่อยๆ ทยอยเดินออกห้องทำงานไปทีละคนสองคนจนเหลือผมอยู่เพียงคนเดียว ปาไปหกโมงเย็นแล้ว... ผมก็ยังทำงานของตัวเองไม่เสร็จ จนกระทั่งประตูห้องทำงานเปิดออกแล้วใครบางคนเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ โต๊ะ

   “บริษัทนี้จะเจ๊งก็เพราะมีพนักงานแบบเธอนี่แหละ จนป่านนี้แล้วไม่กลับบ้านกลับช่อง”

   ผมเงยหน้าขึ้นมองเขางงๆ แล้วพบว่าเป็นท่านประธานตัวป่วนที่ยืนทำหน้าดุค้ำหัวอยู่

   เหอะ! ไม่ใช่เพราะตัวเองหรือไงที่ลากคนอื่นเค้าไปคุยเรื่องไร้สาระ จนงานการไม่ได้ทำน่ะ!

   “เอ่อ... งานผมยังไม่เสร็จน่ะครับ”

   “เอาไว้ทำพรุ่งนี้สิ” พูดเหมือนพี่ยุทธ์เลยแฮะ

   “ครับ ผมจะกลับเดี๋ยวนี้แหละ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่ลืมปั้นให้อ่อนน้อมตามปกติ คงเพราะสิ้นวันแล้ว พลังงานที่เก็บไว้ใช้เพื่อเสแสร้งอาจจะต่ำลงกว่าควรก็เป็นได้

   “ไวๆ นะ ฉันจะรอที่ลอบบี้ชั้นล่าง” เขาบอกเรียบๆ แล้วหมุนตัวเดินออกไปเลยโดยไม่รอให้ผมตอบรับหรือปฏิเสธเลย ผมหันไปมองแผ่นหลังตั้งตรงนั่น แล้วกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างลำบากใจ...

   จะว่าไปลุงแกก็เท่ดีอ่ะนะ แต่น้ำใต้ศอกอ่ะมันจะอร่อยได้ยังไง?

   “เออ...นี่....” แล้วจู่ๆ คนที่เดินไปจะถึงประตูอยู่แล้วก็หมุนตัวกลับมากะทันหันจนผมตกใจ

   “ครับ?”

   “ขอโทษที่เพิ่งถามตอนนี่นะ... แต่เธอชื่ออะไรเหรอ?”

   โธ่!! ไม่ถามชาติหน้าเลยละลุง!!!

   

++++++++++

นี่นิยายดราม่าค่ะ จริงๆ เลย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-3-] [9/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 09-04-2016 21:38:43
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-3-] [9/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 10-04-2016 01:37:37
โถ่.. ลุงอิฐ 5555555+
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-3-] [9/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 10-04-2016 09:29:17
ตาลุงเอ้ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-3-] [9/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-04-2016 14:10:54
ขำตาลุง ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-3-] [9/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-04-2016 20:41:16
จะ ตลก(ร้าย) หรือ ดราม่ากันแน่นะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-3-] [9/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 11-04-2016 00:06:56
เอิ่ม... รอตอนต่อไปดีกว่า
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-3-] [9/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 11-04-2016 08:26:49
มาทำหน้ามึนเหมือนซูกัสเลยอ่ะ

อยู่ ๆ ก็มาบอกอยากมีลูก  :m20:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-3-] [9/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 11-04-2016 19:04:17
-4-

   -แม็กม่า-

   ผมแอบหยิกแขนตัวเองเพราะนึกว่าฝันไป เมื่อได้นั่งคู่กับท่านประธานในรถหรูป้ายแดง มันแตกต่างจากตอนไปไหนมาไหนกับซูกัสลิบลับเลย ทั้งตื่นเต้นและหวาดระแวง ถ้าเผื่อในระหว่างที่ผมอยู่กับเขามีใครสักคนโผล่มาชี้หน้าด่าผมระหว่างมื้ออาหารคงสนุกพิลึก

   ผมกังวลเล็กน้อยแต่ผมก็ยังไม่ปฏิเสธนัดนี้  เพราะผมไม่ใช่คนดีแสนดีอะไรนักหนา ผมอาจจะไม่ได้ชอบเขามาก แต่เขาก็ไม่เลว และถ้าหากเขาชอบผมแม้สักนิด ผมคงจะกลายเป็นหนูตกถังข้าวสารไปทันที...

   ผมนึกเสียใจที่พี่ยุทธหวังดีกับผมมากเกินไป ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ต้องคิดมากแบบนี้

   ใจหนึ่งก็รู้สึกดี อีกใจหนึ่งก็รู้สึกผิด

   คุณอิฐขับรถพาผมไปดินเนอร์ ผมจำชื่อร้านอาหารไม่ได้ แม้แต่เมนูอาหารที่กินเข้าไปตัวเองก็ไม่รู้จัก รู้แต่ว่ามันน้อยยิ่งกว่าน้อย ผมรู้สึกเคอะเขินเมื่อเขาถามว่า

   “อิ่มไหม? สั่งอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า” แต่มันคงโคตรจะงี่เง่าถ้าผมจะรักษาฟอร์มโกหกว่าตัวเองอิ่มแล้ว ทั้งๆ ที่อาหารจานเล็กนั่นไม่ได้ระคายพยาธิในท้องแม้แต่น้อย

   “ก็ดีครับ” ผมเห็นรอยยิ้มบางอย่างในแววตาเขา อดคิดไม่ได้ว่าคงกำลังเยาะเย้ยผมอยู่ที่ตะกละ!

    แล้วยังไง ใครจะสน ก็อยากชวนมากินข้าวเองนี่! ก็คนไม่อิ่มจะให้บอกว่าอิ่มแล้วรีบกลับได้ยังไง?

   “เธอพักอยู่ที่ไหนเหรอ?” เขาถามหลังจากสั่งอาหารให้ผมอีกสองสามอย่าง

   “อพาร์ทเม้นท์ง่อยๆ ไม่ไกลจากบริษัทมากครับ”

   “คนเดียว?”

   “ครับ”

   “แล้ว... พ่อแม่เธอ?”

   “แม่เสียไปแล้วครับ ส่วนพ่อแต่งงานใหม่อยู่ต่างจังหวัด”

   “แล้ว... เธอไม่คิดจะกลับบ้านไปอยู่กับพ่อเหรอ?”

   “ถึงจะไม่ได้ทะเลาะกัน แต่ผมเข้ากับแม่เลี้ยงไม่ค่อยได้หรอกครับ ตอนที่เรียนอยู่ผมกลับไปที่นั่นช่วงปิดเทอม มันก็อึดอัดมากพอแล้ว ในเมื่อพ่อส่งเสียให้ผมเรียนจนจบ ตอนนี้ผมก็ไม่อยากกลับไปกวน... ถ้าไม่จำเป็น”

   “อืม... แล้วพี่น้องล่ะ?”

   “ตอนแรกผมเป็นลูกคนเดียวครับ แต่หลังจากที่พ่อแต่งงานใหม่ก็มีน้องเพิ่มอีกคน”

   “พวกเค้าสบายดีใช่ไหม? ไม่มีใครป่วย?”

   “ครับ สบายดี” ผมตอบพลางเลิกคิ้วอย่างข้องใจ...

   “ครอบครัวของเธอมีใครเล่นการพนันไหม?”

   “ฮะ?” คำถามต่อมาทำให้ผมร้องถามเสียงสูง แต่คนถามก็ไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไป

   “คิดว่าไม่นะครับ บางทีแม่เลี้ยงอาจจะเล่นหวยบ้างแต่คงไม่เยอะ”

   “อืม...” เขาครางรับในลำคอ

   “คุณถามเรื่องครอบครัวผมทำไมครับ?”

   “ฉันก็แค่กำลังหาจุดอ่อนของเธอ ฉันอยากรู้ว่าชีวิตเธอขาดอะไร มีอะไรที่ฉันจะให้แลกกับสิ่งที่ฉันต้องการได้บ้าง” คำตอบของเขาทำเอาผมทึ่ง เขาคิดว่าคนบนโลกจะเหมือนนางเอกนิยาย พ่อติดการพนัน แม่ป่วยใกล้ตาย นางเอกถูกพระเอกจับตัวไปขัดดอกหนี้สินอย่างงั้นเหรอ?

   แท้ที่จริง ไม่มีปัญหาใดๆ ในชีวิตที่หนักกว่าความโลภ...

   “อย่าถามเลยว่าผมต้องการอะไร คุณต่างหากจะเสนออะไร พูดมาตรงๆ เลยครับ” ผมบอกเขาตรงไปตรงมา เขามองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ ผมรอคอยคำตอบจากเขา แต่ก็ผิดหวัง...

   “เธอมีความฝันไหม?”

   “ใครๆ ก็คงมี” ผมตอบเนือยๆ ติดรำคาญนิดหน่อย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาต้องอ้อมค้อมด้วย การต่อรองไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ถ้าผมไม่พอใจผมก็บอกเขาเองนั่นแหละ

   “ยกตัวอย่างมาสิ”

   “ถ้าอยากมีบ้านหลังใหญ่ๆ อยากมีรถคันสวยๆ มีแฟนหล่อๆ รวยๆ เป็นฝันที่ธรรมดาเกินไปไหมครับ?” ผมตอบออกไปโดยไม่ปิดบัง ผมไม่อยากปั้นหน้าตอบว่าอยากเป็นฮีโร่หรือนักบินอวกาศ ทั้งๆ ที่รู้อยู่หรอกว่าตาลุงนี่คงกำลังหาเรื่องหว่านล้อมอะไรสักอย่างให้ผมคล้อยตาม

   “แล้วเธอคิดว่า... ใครจะเป็นคนเติมเต็มความฝันนั้นให้เธอกันล่ะ?”

   “นั่นสิ... ผมก็อยากรู้เหมือนกันครับ” ผมตอบอย่างไว้เชิง ส่งแววตาบางอย่างจ้องมองสบดวงตาคู่นั้น ผมไม่อยากให้เขาอ้อมค้อมไปไกล แต่ผมก็ยังไม่กล้าถามตรงๆ  แต่โชคดีที่เขายอมเข้าเรื่องจนได้

   “ถ้าฉันเสนอตัวล่ะ?” เขาเอ่ยถาม ในแววตามีแววลังเล เขาคงกลัวว่าผมจะตกใจ แต่เปล่าเลย... ผมรอให้เขาเอ่ยปากอยู่ต่างหากล่ะ

   “ก็ดีสิครับ ผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหา” ผมยิ้มรับมันทันที

   “อืม... แต่อาจจะได้แค่สองอย่างแรกเท่านั้นแหละนะ เพราะอย่างหลัง...” เขาหยุดพูดแล้วชำเลืองมองผม ความจริงผมกำลังแกล้งลืมสิ่งที่เพิ่งรู้มาซะให้หมด แต่เขากลับเป็นคนพูดออกมาเสียเอง

   ถึงเขากำลังชักชวนผมทำเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควรอยู่ผมก็ไม่โทษเขาหรอก อย่างน้อยเขาก็เป็นคนเปิดเผยมากทีเดียวที่ยอมรับกับผมตามตรงว่าเขาไม่ใช่คนตัวเปล่า และผมเข้าใจว่ายังมีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่เปิดเผยรสนิยมส่วนตัวไม่ได้ เขาอาจจะคบอยู่กับผู้หญิง ทั้งที่แท้จริงเขาชอบผู้ชาย มันคงน่าสงสารมากเลยล่ะผมว่า...

   “ผมจะทำตัวลึกลับที่สุด ไม่เปิดเผยให้เธอรู้แน่นอนครับ ผมสัญญา” ผมบอกเขาไปให้เขาสบายใจ

   “ฉันดีใจที่เธอยอมรับมันง่ายๆ นะ แค่ปีเศษๆ คงไม่นานอะไรนักหรอก หลังจากนี้เธอคงคงจะหาแฟนใหม่ได้ไม่ยาก”

   “ปีนึงเองเลยเหรอครับ?” ผมทำน้ำเสียงตกใจ ไม่คิดว่าจะต้องยอมเป็น “แฟนน้อย” ให้ใครยาวนานขนาดนั้น... แต่คิดอีกที... ถ้าหากค่าตอบแทนจะเป็นบ้านและรถล่ะก็ ปีเดียวอาจจะสั้นไปด้วยซ้ำ...

   “ประมาณนั้นแหละ” เสียงของเขาเบาเหมือนพูดคนเดียว


   
   ดูเหมือนท่านประธานจะสนใจห้องเช่าโกโรโกโสของผมอยู่พอสมควร เขายืนนิ่งระหว่างที่ผมลังเลว่าจะชวนเขาขึ้นไปบนห้องดีไหม ผมไม่ติดใจข้อเสนอแสนดีของเขาแต่ตอนนี้ผมยังไม่มีอะไรเป็นหลักประกันเพราะเราแค่คุยกันปากเปล่า และมันจะเป็นยังไงถ้าเกิดเขาเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหันถ้าหากผมทำอะไรไม่ถูกใจ...

   “ถ้าไม่รังเกียจจะขึ้นไปดื่มกาแฟร้อนสักแก้วก็ได้นะครับ” ลงท้ายแล้วผมก็เอ่ยชวนเขา นี่เป็นคำชวนที่โคตรเชยเลยถ้าคนอื่นพูดกับผม แต่ไม่รู้สิ สมองผมดูไม่อำนวยให้คิดอะไรดีกว่านี้แล้ว

   “ก็ดีนะ” ผมลอบกลืนน้ำลายเมื่อหมุนตัวเดินนำขึ้นหอพักตัวเอง

   ผมเปิดห้องตัวเองออก มันแคบอย่างกับรูหนูและที่หนักกว่านั้นคือมันรกด้วย! ผมเหล่ตามองแขกอย่างเขินๆ แต่เขาก็ไม่เห็นว่าอะไร

   “รอสักครู่นะครับ” ผมบอกเขา เดินตรงไปเสียบกาน้ำร้อนที่หลังห้องพลางฉวยแก้วกาแฟสองแก้วตักผงกาแฟ ครีมเทียมและน้ำตาลใส่ด้วยสูตรเดียวกันทั้งสองแก้ว ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะรังเกียจกาแฟราคาถูกไหม และขี้เกียจถามด้วยว่าเขาชอบรสไหน เพราะผมรู้แน่แก่ใจว่าเขาไม่ได้มาที่นี่แค่เพื่อ “ดื่มกาแฟ”

   “ถ้าหากเธอยินดีจะช่วยฉันจริง ฉันมีคอนโดสวยๆ ใกล้ที่ทำงานอยู่ด้วย”

   ผมตาโต เป็นข้อเสนอที่เฟี้ยวเอามากๆ ผมแทบอยากตอบตกลงไปทันทีด้วยซ้ำ แต่หันมาอีกทีตาลุงที่หน้าอ่อนกว่าอายุนิดหน่อยก็ถือวิสาสะนั่งลงที่เตียงนอนของผมแล้วทำให้ผมลืมเรื่องก่อนหน้าไปสนิท ความกว้างของมันทำให้ห้องเล็กลงมาก แต่ผมไม่แน่ใจว่ามันจะเล็กลงไปมากแค่ไหนถ้าหากมีคนนอนอยู่บนนั้นสักสองคน..

   ความคิดเพ้อเจ้อทำเอาผมหน้าร้อนผ่าว จนต้องหมุนตัวกลับมากดน้ำร้อนใส่แก้วเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ผมชงกาแฟเนิ่นนานจนอีกฝ่ายเอ่ยถามทำลายความเงียบ...

   “ฉันจะได้กินกาแฟวันนี้ใช่ไหม?” คำถามนั้นทำเอาผมชะงักมือ จิ๊ปากเบาๆ อยู่คนเดียว หมุนตัวกลับไปปั้นหน้ายิ้มแฉ่ง

   “ขอโทษที่ให้คอยครับ” ผมบอกอย่างเสแสร้งก้าวเดินแล้วยื่นส่งกาแฟไปที่คนที่ครอบครองเตียงผมอยู่ เขาไม่รับมันไปทันที แต่แหงนเงยหน้าขึ้นจนสังเกตเห็นดวงตาคมประกายกล้านั้นชัดๆ เขาดูเป็นผู้ใหญ่ เครื่องหน้าคมคายและร่างกายกำยำนั่นไม่เลวเลย ผมไม่แน่ใจว่าเขาดีมาก หรือเพราะผม “แรด” มากกันแน่ มือผมถึงสั่นแบบนี้...

   “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรเธอหรอกน่า สบายใจได้” เขารับแก้วกาแฟไปแล้วพูดน้ำเสียงขบขันราวกับล่วงรู้ความในใจของผม

   “ทำไมล่ะครับ?”

   “ความจริงแล้วเธอดูเด็กมากเลย...”

   “คุณไม่ชอบเด็ก?”

   “ไม่ใช่ไม่ชอบหรอกแต่ว่า... ในข้อเสนอของฉัน ไม่นับรวม “เรื่องนั้น” เข้าไปด้วย”

   ผมเลิกคิ้วงุนงงสงสัย เรื่องนั้น...คือเรื่องไหน ไม่เข้าใจสักนิด...

   “ฉันจะกลับล่ะ” เขาบอกกะทันหันพลางยื่นส่งแก้วกาแฟที่เขายังไม่ได้จิบนั่นส่งคืนให้ ผมขมวดคิ้ว

   “ไว้พรุ่งนี้เราจะมาตกลงรายละเอียดกันอีกที ให้ฉันเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อน” เขาบอกเป็นงานเป็นการลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่มากกว่าผมเกือบยี่สิบเซ็นต์นั่นแล้วเดินเฉียดร่างของผมไปที่ประตู ผมได้กลิ่นบางอย่างโชยเข้าจมูกทำให้รู้สึกดีอย่างประหลาด ผมหมุนตัวไปหันมองเขา

   “แล้วเจอกันครับ...”

   เขาไม่ได้ตอบแต่หันมายิ้มให้ รอยยิ้มของเขาทำให้ผมนึกถึงคำพูดของพี่ยุทธ์ขึ้นมาทันที


   ระวังหัวใจไว้ด้วยล่ะ   
   

+++++++++


ด่าตัวละครได้

*แต่ห้ามด่าคนเขียน / ห้ามด่านิยายจนกว่านิยายจะจบจ้ะ ♥

หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-4-] [11/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 11-04-2016 21:24:58
นัองแม๊กผู้ใสซืีอ(มั้ง)  :m20:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-4-] [11/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 14-04-2016 00:19:54
งงๆกับสองคนนี้จริงๆแหะ แต่แน่ๆไม่ค่อยชอบแฟนอิฐเลยอ่ะ(จำไม่ได้แม้แต่ชื่อ เพราะไม่สำคัญในสายตา 555)
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-4-] [11/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-04-2016 10:59:28
รู้สึกว่าแต่ละตอนมันสั้นง่ะ  :z3:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-4-] [11/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-04-2016 11:40:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-4-] [11/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-04-2016 12:30:33
แม็กจะยอมรับข้อเสนอเหรอ!?
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-4-] [11/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 14-04-2016 14:20:10
คือแม็กครับ..แม็กไม่'แรด'หรอกครับ

แต่คิดเรื่องบนเตียงนี่เรียก ่าน ได้เลยนะครับ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-4-] [11/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 14-04-2016 14:26:01
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-4-] [11/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: monday012 ที่ 14-04-2016 14:34:04
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-4-] [11/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 14-04-2016 20:20:10
กลัวดราม่าแต่อยากอ่าน
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-4-] [11/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-04-2016 02:58:00
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-4-] [11/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 15-04-2016 08:06:08
-5-

   -แม็กม่า-

   “นี่อะไรครับ?” ผมเอ่ยถาม เมื่อคุณอิฐยื่นเอกสารหลายใบมาตรงหน้าและผมหยิบขึ้นมาอ่านด้วยความงุนงง

   “สัญญาจ้าง” คำตอบเรียบๆ นั้นทำให้ผมตาโต นึกสงสัยว่าแค่จะ “เป็นชู้” กันนี่ต้องทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเลยเหรอ เว่อร์ไปไหมลุง!

   “วันนี้ฉันลางานให้เธอแล้ว ทันทีที่เธอเซ็นชื่อลงไปฉันจะพาเธอไปเลือกรถ ชอบคันไหนฉันจะซื้อให้เอากุญแจไปขับได้ทันที จากนั้นเราก็ไปเดินดูบ้านหรือคอนโดสวยๆ ถ้าเธอตัดสินใจเร็วพรุ่งนี้จะส่งรถไปช่วยย้ายของ พร้อมเซ็นเช็คเงินสดให้ห้าแสนเป็นมัดจำล่วงหน้า หลังเสร็จงานแล้วฉันจะโอนบ้าน โอนรถให้ เธอไม่ต้องกลัวฉันจะโกงหรอกนะ เรามีสัญญาจ้างอยู่” ข้อเสนอสุดคุ้มทำให้ผมไม่มีเสียงคัดค้าน แต่กวาดตาอ่านสัญญาจ้างนั่นอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อความเป็นธรรม


อ้างถึง
   หนังสือสัญญาจ้างแรงงาน

   หนังสือสัญญานี้ทำขึ้นระหว่างนาย อิทธิพล อิทธิฤทธิ์  (ต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า “นายจ้าง”) กับ
นาย ธมล ใจหวังมีสุข (ต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า"ลูกจ้าง")
   1.นายจ้างตกลงจ้างและลูกจ้างตกลงรับจ้างเพื่อทำงานในตำแหน่งหน้าที่ต่อไปนี้คือ
   ตำแหน่ง แม่บ้าน  หน้าที่หลัก ทำงานบ้าน หรือตามที่นายจ้างจะเห็นสมควร อัตราเงินเดือน 200,000 บาท (สองแสนบาทถ้วน) มีกำหนดเวลา 1 ปี 6 เดือน เริ่มต้นวันที่............... ถึง...................
   2. ในระหว่างการจ้างตามสัญญานี้ ลูกจ้างมีสิทธิที่จะได้รับ ที่พักอาศัยโดยนายจ้างเป็นผู้จัดหาให้ รถยนต์ประจำตำแหน่ง ประกันชีวิต การรักษาพยาบาลโดยแพทย์ของนายจ้าง เมื่อสิ้นสุดการจ้างงานจะยกทรัพย์สินนั้นให้แก่ลูกจ้างทันที พร้อมเช็คเงินสดสามล้านบาทถ้วน
   3. ลูกจ้างจะต้องปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของนายจ้างโดยเคร่งครัด และปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความซื่อสัตย์ และขยันหมั่นเพียร โดยปฏิบัติตามคำสั่งหรือข้อบังคับใด ๆ ของนายจ้าง ณ สถานที่ทำงานของตน
   4. ในกรณีที่ลูกจ้างมีความจำเป็นที่จะออกจากงานนี้เนื่องมาจากความจำเป็นส่วนตัวก่อนครบสัญญาจะกระทำมิได้   เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากนายจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร นอกจากการทำงานให้แก่นายจ้างแล้ว ลูกจ้างไม่มีสิทธิไปทำงานให้กับผู้อื่นอีกไม่ว่าจะเป็นการทำงานในวันหยุดหรือนอกเวลาการทำงานปกติก็ตาม
   หากไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ลูกจ้างยินดีคืนทรัพย์สินทั้งหมดของนายจ้าง และชดใช้ค่าเสียหายให้นายจ้างเป็นค่าปรับสามล้านบาท
 
ลงชื่อ………………………………………….นายจ้าง    ลงชื่อ…………………………………………ลูกจ้าง
        (อิทธิพล อิทธิฤทธิ์ )                            (ธมล ใจหวังมีสุข)
                  (ชื่อและนามสกุลสมมุตินะจ๊ะ ไม่มีตัวตนอยู่จริง)


   “นี่คุณ!! สัญญาโคตรจะไม่เป็นธรรมเลย” ผมโวยวายเมื่ออ่านเนื้อหาจนครบ

   “ตรงไหนล่ะ?” เขาถาม ทำทองไม่รู้ร้อน

   “ย่อหน้าสุดท้ายน่ะ” 

   “ก็อย่ายกเลิกสัญญาสิ แค่ปีครึ่งเอง” เขาตอบทันทีโดยไม่ต้องหยิบสัญญามาอ่านเสียด้วยซ้ำพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่วนผมมุ่นคิ้วคิดหนักพยายามอ่านสัญญานั่นซ้ำๆ ไปมา มันเหมือนสัญญาที่เอาเปรียบมากๆ แต่ใจหนึ่งก็คิดนะว่าเขาก็น่าจะรู้ว่าผมไม่มีเงินจ่ายค่าปรับมากมายขนาดนั้นอยู่แล้ว ตัวเขาเองก็รวยด้วย เขาคงไม่ได้หวังอะไรแบบนั้นหรอกมั้ง แล้วถ้าหากค่าจ้างจะได้ตั้งเดือนละสองแสนน่ะ ผมคงอยากทำงานมากกว่าปีครึ่งซะด้วยซ้ำนะเนี่ย เรื่องอะไรจะอยากยกเลิกสัญญา! เอ๊ะ! แต่ถ้าอีตาลุงนี่เป็นพวก sm ซาดิสม์วิตถารทำร้ายคู่นอนขึ้นมาล่ะ! รู้หน้าไม่รู้ใจนะ! ผมเหลือบตาขึ้นพินิจพิจารณาอย่างหวาดหวั่น

   “ตัดสินใจเร็วๆ นะ เดี๋ยวโชว์รูมรถจะปิดซะก่อน” เขาเอ่ยแซวเสียงกลั้วหัวเราะจนผมชะงักความคิดที่ลังเลนั้น คงไม่หรอกน่า เขาคงไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น... คิดแล้วยกปากกาเซ็นแกร็กลงไปที่สัญญาที่มีเนื้อหาเหมือนกันทั้งสองชุดนั่นปลงๆ แต่เอกสารไม่หมดแค่นั้นมันยังมีอีกหลายใบด้านล่าง

   “หนังสือยินยอมให้ผ่าตัด หือ?” ผมอ่านแล้วเงยหน้าเลิกคิ้วสูง

   “เราสองคนไม่ได้เป็นญาติกัน ถ้าเผื่อมีเหตุฉุกเฉินที่อันตรายมากแล้วเธอไม่มีสติจะเซ็นยินยอม เธอจะได้รับการผ่าตัดทันทีโดยไม่ต้องรอใครไง” ผมพยักหน้าเออออ อดทึ่งในความรอบคอบของเขาไม่ได้ ผมเซ็นชื่อลงในใบยินยอมนั่นถึงสามใบทีเดียว หลังจากนั้นก็เป็นเอกสารประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันเกือบห้าล้านบาท ผมเลือกใส่ชื่อน้องชายเป็นผู้รับเงินในกรณีที่ผมเสียชีวิตแทนที่จะเป็นชื่อพ่อ!

    หลังจากผมเซ็นชื่อตัวเองลงในกระดาษแผ่นล่างสุดของสัญญาทาสของเรา คุณอิฐรีบกระชากเอกสารเหล่านั้นออกจากมือผมอย่างรวดเร็วว่องไวราวกับกลัวผมจะเปลี่ยนใจ ผมถอนใจเฮือก สีหน้ามีแววกังวลกับการตัดสินใจที่โคตรระห่ำของตัวเอง แต่แล้วมันก็หายไปในทันทีที่เขายื่นเช็คเงินสดงวดแรกมาให้...

   ตอนเย็นหลังจากเลิกงาน ผมกลับมาตอกบัตรที่บริษัททั้งๆ ที่ไม่ได้ทำงานเลยทั้งวัน ผมบรรจงเก็บของส่วนตัวที่โต๊ะทำงานใส่กล่องให้ครบทุกชิ้น แม้คุณอิฐจะบอกว่าค่อยมาเก็บวันหลังก็ได้แต่ผมก็ไม่อยากทำอย่างนั้น ผมไม่อยากตอบคำถามคนอื่นๆ ว่าทำไมผมถึงลาออก คงรู้สึกไม่ดีหมดนั่นแหละไม่ว่าจะบอกความจริงหรือโกหก ผมว่าจากไปเฉยๆ ให้คนคาดเดาเอาเองน่าจะดีกว่า...

   คุณอิฐจอดรถรออยู่ข้างล่าง เมื่อผมยัดของเข้าไปที่เบาะหลังรถและตัวเองขึ้นไปนั่งด้านข้างคนขับนั่น เขาก็ไม่ได้พูดอะไร รอจนผมปิดประตูก็ออกรถ พอไม่มีธุระอะไรเขาก็เป็นคนเงียบไม่ค่อยชวนคุย จนกระทั่งเราถึงถึงหอพักของผม

   “ฉันลืมถามเลยว่าเธอมีคนรักอยู่แล้วหรือเปล่า...” ผมเหล่ตามองเขา เขาเพิ่งนึกถึงเรื่องสำคัญออกเอาตอนนี้เหรอ?

   “ก็เกือบจะมีมั้งครับ ถ้าหากท่านประธานไม่แสดงทีท่าว่าสนใจผมจนคนอื่นหัวหดไปซะก่อน” ผมประชด

   “หึหึ แสดงว่าเป็นโชคดีของฉันสินะที่ออกตัวเร็ว” เขาบอกด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ซึ่งผมไม่ค่อยขำ

   “เอาล่ะ ที่ผ่านมาเธอจะมีแฟนหรือไม่ฉันไม่สน แต่ตอนนี้เธอมีคนรักใหม่แล้ว ถ้ามีคนถาม ฉันแนะนำว่าเธอควรจะบอกว่าฉันมาจีบเธอ แล้วก็เป็นพ่อบุญทุ่มให้นั่นให้นี่ แล้วเธอก็ชอบฉันมาก โดยที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงสัญญาจ้างระหว่างเรา ห้ามบอกเรื่องสัญญานั่นกับคนทุกๆ คนบนโลกใบนี้ไม่งั้นฉันจะถือว่าเธอผิดสัญญาตามข้อที่สามและจะต้องชดใช้ให้ฉันตามสัญญา” เขาบอกผมด้วยใบหน้ายิ้มๆ ทั้งๆ ที่เนื้อหาของมันคือคำขู่ชัดๆ ผมชักสีหน้าเมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองคิดผิดยังไงก็ไม่รู้

   สองสามวันต่อมาผมก็ย้ายที่พักไปยังบ้านเดี่ยวในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง มันไม่ได้หรูหราอะไรนักหรอก เป็นแค่บ้านเล็กๆ ที่ดูอบอุ่น รถเก๋งใหม่เอี่ยมจอดรอผมอยู่แล้วในรั้วบ้าน ตั้งแต่ไปเลือกรถตอนนั้นผมก็ได้มาแค่กุญแจเพราะผมขับรถไม่เป็น แต่ไม่ต้องห่วงผมกำลังจะไปเรียนอาทิตย์หน้านี่แหละ

   
   ในระหว่างที่ผมว่างงานจัดผมก็แวะเวียนไปหาซูกัส ถึงคุณอิฐจะไม่กำชับเรื่องที่ห้ามบอกใคร ผมก็คงไม่เล่าเรื่องโง่เง่าที่สุดในชีวิตให้มันฟังหรอก ผมไม่อยากให้มันคิดมาก ยิ่งตอนนี้มันกำลังท้องแก่อยู่ด้วย ผมบอกแค่ว่าผมสบายดี รับสมอ้างไปว่าความรักกับแฟนคนล่าสุดไปได้สวย ถึงยังไงมันก็ไม่รู้หรอกว่าคนที่แล้วกับคนล่าสุดน่ะคนละคนกัน

   ช่วงนี้มันกินแก่งมาก ดูแลอ้วนท้วนขึ้น และก็ดูมีความสุขดี

   ใช่สิ! มันมีคนรักที่แสนดี แถมกำลังจะมีลูกอีก แล้วผมล่ะ? ผมกำลังแลกหนึ่งปีครึ่งกับเรื่องไม่ดีเพื่อเศษเสี้ยวในสิ่งที่มันมี ซึ่งไม่รู้เลยว่าจะให้ความสุขกับตัวเองได้อย่างที่คิดไว้หรือเปล่า ในความสุขของผม และผมกำลังทำลายความสุขของคนอื่นอยู่หรือเปล่านะ?

   คุณอิฐเงียบมาก เขาปล่อยผมนั่งๆ นอนๆ กินๆ ชอบปิ้งอย่างสนุกจนเงินในธนาคารร่อยหรอลงไปจำนวนหนึ่ง แล้วก็ยังไม่โผล่หน้ามา ผมไม่ได้คิดถึงเขาหรอกนะก็แค่สงสัย ก็ถ้าหากเขาอยากให้เงินผมใช้ฟรีๆ โดยไม่รับอะไรตอบแทนน่ะผมก็ไม่ว่าอะไรเขาหรอก แต่ในที่สุดเขาก็กลับมาพร้อมกับข่าวดีที่สุดในโลก!

   “วันนี้ฉันจะพาเธอไปหาหมอ” เขาโพล่งขึ้นทันทีที่เดินเข้ามาในบ้าน

   “ไปทำไม ผมไม่ได้ป่วยอะไรสักหน่อย”

   “เราจะไปขอร้องให้หมอช่วยทำให้เรามีลูกกัน”

   “ฮะ? เราเหรอ?” ผมร้องเสียงดัง นึกเหวอกับมุกตลกร้ายของเขาเอามากๆ

   “ใช่ ฉันบอกเธอไปตั้งแต่แรกแล้วนี่ ว่าอยากให้เธอมาเป็นแม่ของลูก แล้วเธอก็ตกลง” ผมรู้สึกมึนเบลอเอามากๆ กับคำชี้แจงของเขา ผมจำไม่ได้เลยว่าเขาเคยบอก และยิ่งจำไม่ได้ว่าตัวเองตกลง!

   “ตอนไหน!!! ผมจำไม่เห็นได้ แล้วอีกอย่าง ผมก็เป็นผู้ชายด้วย จะอุ้มท้องได้ยังไง” ผมโวยวายเสียงดัง

   “เธอก็มีเพื่อนผู้ชายที่กำลังท้องอยู่คนนึงไม่ใช่เหรอ? ลืมไปแล้วหรือไง” ผมชะงัก อ้าปากค้าง ตกใจที่เขารู้

   “คุณ...รู้จักซูกัส?”

   “อืม...”

   “แล้วคุณก็รู้ว่าผมเป็นเพื่อนของซูกัสด้วยเหรอ?”

   “รู้สิ ไม่อย่างงั้นฉันจะขอร้องเธอทำไม”

   “ผมไม่เข้าใจ”

   “หมอเป็นเพื่อนฉัน แล้วแฟนหมอก็เป็นเพื่อนเธอ ฉันอยากให้เธอขอร้องซูกัสให้ช่วยเรา” เริ่มซับซ้อนขึ้นจนผมกุมขมับ

   “ก็แล้วทำไมไม่ให้แฟนคุณท้องให้ล่ะ หน้าที่ท้องมันเป็นของผู้หญิงนะ!” ผมตวาดลั่น

   “เขาก็พูดแบบนี้เหมือนกัน” เขาตอบกลับมาเศร้าๆ

   “เขาเหรอ? ผมนึกว่าแฟนคุณเป็นผู้หญิงซะอีก” ผมคิดว่าเขาคบอยู่กับผู้หญิง บางทีเขาอาจจะไม่ได้รักเธอ แต่ต้องทำเพราะความจำเป็นทางสังคม แต่ถ้าแฟนของเขาเป็นผู้ชายอยู่แล้วทำไมต้องมาหาแฟนเก็บเพิ่มอีกล่ะ?

   “เป็นผู้ชายเหมือนเธอนี่แหละ แล้วก็ใจแข็งมากซะด้วย”

   “ผมก็ใจแข็งเหมือนกัน!! ผมไม่ยอม... แล้วคุณก็ทำอะไรผมไม่ได้ด้วย!!”

   “ทำไมจะไม่ได้... เธอเซ็นสัญญาแล้วนะ” เขาดึงแผ่นกระดาษจากแฟ้มที่ถือมาด้ยวแล้วยื่นหนังสือสัญญามาให้ดูเป็นหลักฐาน ผมโกรธจนหน้าแดงเมื่อนึกถึง สิ่งที่ระบุไว้ในสัญญาข้อสุดท้ายรีบกระชากมันจากมือเขาเพื่อฉีกทิ้ง

   “ฉีกก็เท่านั้นแหละ ฉันมีอีกฉบับ!” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเป็นต่อจนกระดาษในมือผมสั่นระริก ลำคอผมตีบตันจนน้ำตาปริ่ม เริ่มสะอื้นเบาๆ

   “ขอร้อง... ฉันไม่ได้อยากจะหลอกลวง หรือว่าทำร้ายเธอหรอกนะ แต่ฉันมีความจำเป็นจริงๆ เธอจะท้องด้วยวิธีผสมเทียม เพราะฉะนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องมีอะไรกัน ฉันแค่ขอฝาก... ฝากลูกของฉันไว้ในท้องของเธอแค่เก้าเดือนเท่านั้นเอง” น้ำเสียงนั้นวิงวอนขอร้องจนผมลังเล...

   “แล้วทำไมต้องเป็นผมด้วยล่ะครับ ทำไมคุณไม่ให้ผู้หญิงอุ้มบุญให้? มันคงจะง่ายกว่าเยอะ ไอ้ที่คุณให้ผมมา มันคงจะจ้างผู้หญิงมาอุ้มท้องให้สัก10คนได้...”

   “เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาหรอก  แต่ฉันไม่อยากให้มันยืดเยื้อ ฉันกลัวคดีความในภายหลัง มันเสียทั้งเวลาและชื่อเสียง ฉันอยากให้มันจบลงแค่นี้ แค่เด็กคลอด” ผมนิ่งฟังเหตุผลนั่นอย่างเลื่อนลอย จากตอนแรกตกลงจะมาเป็น “แฟนน้อย” กลายเป็นว่าต้องมา “แม่รับจ้าง” แทนซะงั้น

   เอาจริงๆ ผมควรจะดีใจหรือเปล่า เพราะอย่างน้อยมันก็ดูสุจริตมากกว่าไปเป็นชู้กับแฟนชาวบ้านนะจริงไหม? เหมือนกับกำลังทำบุญให้คนที่อยากมีลูกแต่มีเองไม่ได้ โดยได้ผลตอบแทนอย่างเดียวกัน

   “นะ แค่ปีครึ่งเอง ในระหว่างนี้... ฉันจะดูแลเธออย่างดีที่สุดเลย” คุณอิฐขยับมาใกล้ดึงมือผมไปกุมไว้แล้วบีบเบาๆ ผมกระพริบตาลงอย่างอัดอั้นจนน้ำตาก้อนโตไหลอาบเป็นสายเมื่อเอ่ยคำตอบนั้น...

   “ตกลงครับ”



   เขาสั่งให้ผมอาบน้ำเตรียมตัว ผมทำตามอย่างไม่มีทางเลือก แล้วเราสองคนก็ไปโผล่ที่บ้านหมอกับซูกัส ผมนั่งเครียดอยู่นานจนเขาเดินอ้อมมาเปิดประตูออกให้ พอลงจากรถ เขาก็ดึงแขนผมไปกดออด

   “งานแรกของเธอก็คือเป็นคนรักของฉัน ทำให้ซูกัสเชื่อว่าเรารักกัน นอกเหนือจากนั้นไม่ต้องพูดอะไร ฉันจะตอบคำถามทุกอย่างแทน โอเคนะ” ถึงผมไม่โอเคแล้วจะทำอะไรได้... มีแต่ต้องเลยตามเลยเท่านั้นแหละ!

   หมอมาเปิดประตูบ้าน เขาค่อนข้างประหลาดใจที่เห็นผมมากับคุณอิฐได้

   “อ้าวมาได้ไง”

   “พอดี แฟนใหม่ผมเขาอยากมาเยี่ยมเพื่อนแถวนี้น่ะ ผมก็เลยมาส่ง”

   “แฟนใหม่? แม็กเนี่ยนะ” หน้าหมอดูงงๆ แล้วหันมาจ้องหน้าผม ผมไม่รู้จะตอบว่ายังไงดีได้แต่ทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ

   “ก็แม็กน่ะสิ ถามมากน่าหมอ เปิดประตูบ้านสิคร้าบ จะได้เข้าไปคุยกันข้างใน” คุณอิฐเอ่ยเสียงขี้เล่น หมอจึงเปิดประตูให้เราเข้าไป

   หมอเดินนำไปก่อน ส่วนคุณอิฐจูงมือผมให้ตามเข้าไปในบ้านหมอ ผมค่อนข้างกังวลใจกลัวจะเล่นละครไม่ดีมากพอ จึงได้แต่ก้มหน้ามองมือเขาที่กุมมือผมไว้จนเราเข้ามาในบ้าน คุณอิฐเริ่มต้นเปิดฉากเรื่องว่าตอนนี้กำลังคบกับผมอยู่แล้วพวกเราก็ตกลงใจจะมีลูกด้วยกัน และมาขอร้องให้หมอช่วย ผมได้แต่นิ่งฟังปั้นหน้าไม่ถูก พลางชำเลืองมองซูกัสที่มันก็ค่อนข้างแปลกใจเช่นกัน

   “แล้วบีทล่ะ? เลิกกันแล้ว?” หมอเอ่ยถามขึ้นมากลางปล้อง ทำเอาผมสะดุ้งนิดหนึ่ง จนป่านนี้ผมยังไม่เคยเห็นหน้าแฟนคุณอิฐ แม่แต่ชื่อก็เพิ่งรู้ตอนนี้แหละ

   “เลิกแล้วสิ ทำไม? หมอคิดว่าผมคบซ้อนเหรอครับ” คุณอิฐตอบหน้าตาย ทำให้ผมเผลอเหยียดริมฝีปาก เขาไม่ได้คบซ้อนหรอก เพราะเขากับผมไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ สักหน่อย

   “ดีใจด้วยนะแม็ก... พี่อิฐเป็นเพื่อนสนิทหมอ ต้องเป็นคนดีแน่เลย” น้ำเสียงที่ร่าเริงของซูกัสทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้า แม้ในใจจะนึกค้านความคิดมัน แต่เห็นรอยยิ้มนั้นแล้วก็ใจชื้น อย่างน้อยๆ ผมรู้ว่าถ้ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น มันจะเป็นคนแรกที่ยื่นมือมาช่วย

   “แล้วนี่คบกันกี่เดือนแล้ว?” หมอถามด้วยน้ำเสียงแปลกๆ เหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง ผมแน่ใจเลยว่าหมอคงรู้ว่าคุณอิฐโกหก

   “สองเดือน” ผมถอนใจเพลียๆ จะว่าไปแล้วผมรู้จักคุณอิฐได้แค่สามอาทิตย์กว่าเอง

   “ไม่เร็วไปหน่อยเหรอวะ คบกันแค่สองเดือนก็อยากมีลูกแล้วเหรอ?” น้ำเสียงหมอเหมือนจะหาเรื่อง

   “หมอนี่ก็... เวลามันไม่สำคัญหรอก ผมยังจำได้เลยว่าตอนที่หมอถามผมว่ามีลูกกันไหม เราก็เพิ่งคบกันแค่สองเดือนกว่าเองนะ” คำพูดซูกัสทำให้หมออายจนหน้าแดง

   จากนั้นเขาก็ค่อยยันหลังลุกขึ้นอย่างยากลำบากจนหมอต้องหันไปช่วยประคองอย่างทะนุถนอม แล้วซูกัสก็เดินมาจับมือผมไว้ มองหน้าคุณอิฐสลับกับผม

   “ไม่ต้องห่วงนะครับ หมอเค้าก็ขี้บ่นไปอย่างนั้นเอง แต่ถ้าเพื่อนหมอกับเพื่อนกัสรักกัน อยากมีลูกด้วยกันจริงๆ ทำไมหมอจะไม่ช่วย ใช่ไหมครับหมอ?” ซูกัสหันไปถาม หมอหุบปากฉับได้แต่ยิ้มเกรงๆ ผมมองดูภาพพวกเขาด้วยความรู้สึกบางอย่างที่แทรกเข้ามา...

   ผมเคยรู้สึกอยากได้ อยากมีหลายๆ อย่างให้เหมือนซูกัส...

   แต่ท้ายที่สุดถึงเราจะมีอะไรที่เหมือนกัน แต่ก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง

   ซูกัสมีหมอที่รักเขาอย่างจริงใจ แต่ข้างกายผมกลับมีได้แค่แฟนคนอื่น

   ในท้องซูกัสมีลูกที่เกิดจากความรัก แต่ลูกที่กำลังจะอยู่ในท้องผมเกิดได้จาก “น้ำเงิน” ก็แค่นั้น!



++++++++++
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-5-]สัญญาจ้าง... [15/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-04-2016 09:42:12
มาม่ายืดยาวแน่ๆ หลอกกันตั้งแต่เริ่มต้นเลย  :mew5:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-5-]สัญญาจ้าง... [15/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 15-04-2016 11:58:04
หาหมูผักใส่เพิ่มด่วนๆ เพราะมาม่าเยอะแน่ๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-5-]สัญญาจ้าง... [15/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-04-2016 12:33:42
จะดราม่าหนักเปล่าน้อ~
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-5-]สัญญาจ้าง... [15/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 15-04-2016 13:17:25
ดราม่ามาเลย พร้อมละ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-5-]สัญญาจ้าง... [15/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-04-2016 16:04:04
เฮ้อออ. ดราม่ามาเต็ม แน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-5-]สัญญาจ้าง... [15/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: chancha ที่ 15-04-2016 16:54:44
ท่าจะดราม่าหนัก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-6-] อัพๆๆ [17/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 17-04-2016 10:49:50
-6-

   -อิฐ-
   
   ทุกอย่างไปได้สวย... ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย

   ผมยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงอีกปีครึ่งข้างหน้า หลังจากที่แม็กม่าให้กำเนิดทารก ผมจะอุ้มเด็กพร้อมผลตรวจดีเอ็นเอไปให้แม่ เพื่อลบล้างเหตุผลข้อที่ว่าการมีคนรักเป็นชายจะให้กำเนิดทายาทไม่ได้ ท่านจะเลิกใช้ข้ออ้างนั้นนัดดูตัวให้ผมได้เสียที ก็ผมจะแต่งงานกับผู้หญิงไปทำไมในเมื่อผมมีลูกคนแรกเรียบร้อยแล้ว และผมมีความสุขมากกว่าที่จะใช้ชีวิตรักร่วมกับแฟนที่เป็นผู้ชายมากกว่า เป็นไปได้ว่าตอนแรกท่านอาจจะไม่พอใจอะไรนัก แต่ก็คงหมดข้อโต้แย้งไปเองเมื่อได้เลี้ยงหลานสมใจอยาก ส่วนบีทก็จะได้มีลูกโดยไม่ต้องตั้งท้อง ซึ่งเรื่องนี้ผมยังไม่ได้บอกเขาหรอกนะ แต่เมื่อถึงวันหนึ่งที่เขารู้... ผมคิดว่าเขาคงจะเข้าใจ ดังนั้นปัญหาที่น่าเครียดตอนนี้ก็คงมีแค่...หมอ!

   “แล้วนี่จะไปหาไข่มาจากไหน? บอกไว้ก่อนเลยนะว่าต้องหาเอง หมอไม่ช่วยด้วย!” หมอว่านตัดหางปล่อยวัดเป็นครั้งที่ร้อย ขณะที่เขาก้มหน้าอ่านเอกสารบนโต๊ะทำงานอย่างไม่สนใจ

   ดูเหมือนหมอจะไม่พอใจเอามากๆ ที่ผมลากเอาแม็กม่าเข้ามาเอี่ยวด้วย แม้การที่บังคับหมอผ่านทางซูกัสนั้นเป็นแผนที่ได้ผลอย่างดี แต่หมอก็ต่อต้านมันอย่างมาก เขาเลยเหมือนจะให้การช่วยเหลือผมแบบครึ่งๆ กลางๆ อยู่เสมอ

   “แล้วตอนหมอกับซูกัสน่ะเอาไข่มาจากไหนล่ะ?”

   “ขอมาจากพี่สาวซูกัส”

   “งั้นถ้าตูขอจากญาติบ้าง...”

   “ไม่ดี ถึงจะไม่คิดอะไรมาก แต่ความสัมพันธ์ในเครือญาติอาจจะทำให้เด็กมีความผิดปกติทางพันธุกรรมได้”

   “แล้วปกติ พวกคนไข้หมอถ้าเค้าอยากได้ไข่จะไปหาจากไหนกันล่ะ?”

   “ส่วนใหญ่ก็จะขอรับบริจาคจากเครือญาติกันนี่แหละ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ อาจจะขอจากธนาคารไข่ แต่กรณีหลังนี่คงยากเพราะนายคงต้องไปจดทะเบียนสมรสกับคนอื่นก่อนอยู่ดี จะซื้อขายก็ไม่ได้ สรุปแล้วไม่ว่าทางไหนก็เป็นไปได้ยากทุกทาง และถ้าจะให้หมอทำอะไรผิดจรรยาบรรณเพื่อความต้องการของนายล่ะก็นะ ขอบอกรอบทีล้านเลยว่า ไม่มีทาง!” น้ำเสียงเฉียบขาดนั่นทำให้นึกหมั่นไส้อุดมการณ์ของหมอเสียเหลือเกิน!

   “ก็ได้!! ขอแค่ได้ไข่มาด้วยวิธีที่ถูกต้อง ฝ่ายหญิงสมัครใจ และไม่ต้องซื้อก็โอแล้วใช่ไหมล่ะ?” ผมถามด้วยเสียงกระแทกกระทั้น อีกฝ่ายยักไหล่ไม่ใส่ใจ


   ผมกลับมาศึกษาเรื่องไข่บริจาคอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้งในอินเตอร์เน็ตและพบว่าน่าจะทำได้ง่ายสำหรับกรณีสามีภรรยาเข้ารับการรักษาปัญหามีบุตรยาก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในเคสของผม ดังนั้นผมควรจะทำทุกอย่างให้ลุล่วงที่คลินิกของหมอ แต่หมอก็คงไม่ยอมช่วยยกเว้นแต่ว่าจะมีใครสักคนยินดีบริจาคไข่ให้ด้วยความยินดีโดยที่ผมไม่ต้องซื้อไข่..

   นั่นแหละปัญหา ใครมันจะไปยอมทำเรื่องยุ่งยากแบบนั้นถ้าตัวเองไม่ได้ผลประโยชน์

   นั่นสิ! แต่ถ้าผมเสนอผลประโยชน์ที่ไม่ใช่เงินให้เธอล่ะ?    

   ผมยกยิ้มขึ้นทันที เรียกเลขาส่วนตัวเข้ามาในห้อง 

   “คะบอส?” เลขาคนสวยของผมเอ่ยขึ้นตั้งใจฟังคำสั่ง

   “ช่วยร่างประกาศ ให้ฉันหน่อย”

   “ค่ะ” เธอรับคำ พร้อมยกกระดาษขึ้นจดรายละเอียด

   “นั่งลงก่อนสิ... พอดีประกาศมันยาว” เธอพยักหน้าแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้าม

   “ต้องการรับสมัครผู้บริจาคไข่ให้แก่คู่สามีภรรยาที่มีบุตรยาก” ผมเว้นระยะระหว่างรอให้เธอจดแล้วอ่านคุณสมบัติที่ปรากฏไว้ในอินเตอร์เน็ตซึ่งลงไว้นานแล้วตั้งแต่ยังไม่มีเรื่องน้องคาเมนเข้ามา “คุณสมบัติ… อายุระหว่าง 20-27 ปี สูงตั้งแต่ 155+ ขึ้นไป น้ำหนักไม่เกิน 60 กิโลฯ ”

   หลังจากผมร่ายยาวคุณสมบัติต่างๆ จนครบแล้ว ผมก็บอกต่อไปว่า...

   “ยังไม่แต่งงานหรือแต่งงานแล้วแต่ยังไม่พร้อมมีบุตร  สิ่งที่ได้รับเมื่อบริจาคไข่ ทางผู้รับบริจาคจะออกค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาไข่ของผู้บริจาคไว้ในธนาคารไข่เพื่อให้ผู้บริจาคสามารถนำไข่ของตัวเองมาใช้ในภายหลังเมื่อต้องการมีบุตรเมื่อตัวเองพร้อม”

   สมัยนี้ผู้หญิงแต่งงานช้าลง บางคนแต่งงานแล้วก็ไม่อยากมีลูก ดังนั้นถ้าให้ผลตอบแทนแบบนี้คิดว่าคงมีคนสนใจมากแน่นอน จะต้องมีคนยอมบริจาคไข่ให้โดยไม่ต้องซื้อ...   


   แล้วก็เป็นไปอย่างที่ผมคาดไว้ หลังจากประกาศนั้นถูกติดไว้ สัปดาห์ต่อมาก็มีพนักงานมากมายมาสมัคร และผมก็จัดการเลื่อนการตรวจสุขภาพประจำปีให้ด้วยเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบประวัติสุขภาพของผู้สมัคร หลังจากนั้นก็พาแม็กม่าไปตรวจสุขภาพร่างกายที่คลินิกเพื่อเข้ารับการผ่าตัดฝังมดลูกเทียมเป็นอันดับต่อไป

   “ไม่แน่ใจนะว่าซูกัสเล่าให้เธอฟังละเอียดแค่ไหนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นหมอจะอธิบายซ้ำอีกครั้งเรื่องมดลูกเทียมและการฝังตัวอ่อน” หมอเปรยขึ้นด้วยใบหน้านิ่ง น้ำเสียงเรียบๆ นั่นทำให้มองดูขี้เก๊กดีจริงจนน่าหมั่นไส้

   “ครับ” แม็กม่าตอบรับอย่างสนใจที่เก้าอี้ใกล้ๆ หมอ ในขณะที่ผมยืนพิงหลังกับผนังห้องตรวจ

   “หมอจะทำการผ่าตัดฝังมดลูกเทียมลงไปในช่องท้อง และหลังจากให้กำเนิดทารกอย่างปลอดภัยหมอจะผ่าตัดนำมดลูกเทียมออกพร้อมกันด้วยเลย หลังจากผ่าตัดฝังมดลูกแล้ว หมอจะให้คนไข้รับฮอร์โมนเพศหญิงเพื่อปรับสภาพร่างกายให้พร้อมและรอให้แผลผ่าตัดหาย ก็ราวๆ สี่ถึงหกเดือนจึงจะทำการฝังตัวอ่อน”

   “นี่ผมจะท้องได้จริงๆ เหรอครับ?” แม็กม่าถามด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อว่าสิ่งที่หมอพูดนั่นเป็นเรื่องจริง

   “ท้องน่ะเรื่องง่าย แต่คลอดน่ะเรื่องยาก” หมอตอบหน้าตาย เข้าใจว่าหมอตั้งใจไซโคให้แม็กม่ากลัวจนล้มเลิกความตั้งใจนั้น

   “พูดแบบนี้ผมกลัวนะ ถ้าผมตายขึ้นมาจะทำไง” แล้วคนตัวเล็กก็โวยวายหน้าตาตื่นดังคาด

   “อย่ากลัว  ฉันทำประกันชีวิตไว้ให้แล้ววงเงิน 5 ล้าน  ถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมากับเธอระหว่างอุ้มท้องลูกของฉัน นอกจากเงินประกันฉันจะช่วยงานศพอีกห้าล้าน” ผมตอบกลับไปด้วยมุกตลกร้าย

   “คุณทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากเลยครับ!” เขาหันมาประชด แล้วมุ่ยหน้าประกอบ จนผมนึกขันจากนั้นจึงเอ่ยปลอบ

   “ไม่ต้องกลัวไปหรอกน่า ถ้ามันอันตรายมากล่ะก็ หมอไม่มีทางยอมให้ซูกัสเสี่ยงหรอก เธอน่าจะรู้นี่ว่าหมอรักเพื่อนเธอขนาดไหน...” เหตุผลนี้ทำให้แม็กม่ามีสีหน้าดีขึ้นมากทีเดียวและหมอเองก็ไม่เถียงกลับมาด้วย

   “เอาล่ะ ในเมื่อพูดเรื่องความเสี่ยงแล้ว หมอขออธิบายเรื่องฝังตัวอ่อนต่อแล้วกันนะว่าตามปกติแล้วเนี่ย การฝังตัวอ่อนเพื่อผสมเทียม มักจะฝังกันไม่เกินสามเพื่อป้องกันการเกิดแฝดที่มากเกินไป เพราะหนึ่งตัวอ่อนก็สามารถแบ่งเซลล์ได้อีก ซึ่งในกรณีของซูกัสหมอฝังไปสองตัวอ่อนและติดทั้งสอง หมอก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าฟลุ้กหรือเปล่า แต่สำหรับเธอ หมอจะเลือกฝังตัวอ่อนแค่ครั้งละ 1 ตัว ถ้าหากไม่ติดก็ค่อยฝังซ้ำลงไปใหม่ เพราะการตั้งครรภ์แฝดจะอันตรายมาก เข้าใจตามนี้นะ”

   “อ้าว... ถ้ามันอันตรายแล้วซูกัสล่ะ?” แม็กม่าถาม ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงมีแววกังวลขึ้นมาทันที

   “ขอบใจที่เป็นห่วง ถึงจะเป็นเคสที่ยากลำบากแค่ไหน แต่ไม่ว่ายังไง หมอก็จะดูแลพวกเขาให้ดีที่สุดอยู่แล้ว” หมอเอ่ยยืนยันแข็งขัน แม้ในสีหน้าจะเคร่งเครียดเด่นชัดก็เถอะ

   ทำให้พลอยคิดว่าเป็นหมอน่ะมันลำบากจริงๆ นะ ยิ่งเป็นพ่อเป็นแม่ก็ยิ่งลำบาก

   หมอก็เลยยิ่งเหนื่อยยากเมื่อรับหน้าที่ทั้งสองอย่างพร้อมๆ กัน!



   
   เกือบครึ่งเดือนต่อมา เมื่อหมอแน่ใจว่าเกลี้ยกล่อมแม็กม่าให้ล้มเลิกความตั้งใจไม่สำเร็จ หมอก็ต้องผ่าตัดฝังมดลูกให้เขาตามที่เราต้องการ เพราะหมออยากให้แม็กม่าออกจากคลินิกไปเสียก่อนที่ซูกัสจะเข้าสู่ช่วงใกล้คลอด เขาจะได้ไม่ต้องดูแลคนไข้เคสหนักทีเดียวสองคนพร้อมๆ กัน  อันที่จริงแม็กม่ามีท่ามีหวาดกลัวการผ่าตัดพอสมควร แต่ผมรู้ว่าถ้าให้แลกกับการเป็นหนี้สามล้านบาทขึ้นมาดื้อๆ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว รวมถึงเอกสารการยินยอมให้ผ่าตัด เขาก็เซ็นมันเรียบร้อยไปแล้วด้วย ดังนั้นความลังเลไม่มีผลอะไรอยู่ดี

   หลังจากผ่านการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว หมอให้แม็กม่าไปพักฟื้นที่ห้องนอนเฉพาะกิจในคลินิกตามความต้องการของซูกัส แถมเจ้าตัวยังมานั่งเฝ้าเพื่อนที่ยังไม่ฟื้นจากฤทธิ์ยาสลบดีทั้งๆ ที่เขาเองก็อุ้ยอ้ายเต็มทน

   “พี่อิฐรู้ไหมครับว่าสมัยเรียนน่ะ แม็กม่าไม่เคยมีแฟนเลย” ซูกัสเอ่ยลอยๆ ขึ้นมา

   “จริงเหรอครับ?” ผมถามกลับไปด้วยใบหน้าว่าแปลกใจ

   “แม็กไม่ได้บอกพี่เหรอครับ?”

   “เอ่อ...พี่ไม่เคยถามหรอกครับ พี่คิดว่าปัจจุบันมันสำคัญกว่าอดีต”

   “ก็จริงนะครับ เพราะเราย้อนกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แล้ว แต่เราสามารถทำปัจจุบันให้ดีขึ้นได้” เขาหันมามองหน้าผม

   “ครับ...” ผมตอบรับได้แต่นั้น ค่อนข้างอึดอัดพอสมควร เพราะไม่แน่ใจว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร ตัวผมเองได้เจอซูกัสไม่บ่อยนัก ดูจากภายนอกแล้วเขาดูเป็นเด็กน้อยร่าเริง อัธยาศัยดี แต่พอมานึกดูดีๆ จากท่าทีเกรงๆ ของหมอก็พอจะเดาได้ว่าซูกัสคงขี้งอนและเอาแต่ใจพอสมควรเลยล่ะ

   “คือที่จริงแล้วผมอยากจะเล่าเรื่องของแม็กให้พี่อิฐฟังบ้างน่ะครับ เพราะแม็กน่ะเป็นพวกไม่ค่อยพูด และผมก็เดาเอาว่าพี่อิฐก็คงมีนิสัยไม่ค่อยชอบถามเหมือนกัน”

   ผมเผลอหัวเราะเบาๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะคาดเดาอะไรถูกแบบนั้น แต่จะว่าไปก็ยกเว้นในกรณีของแม็กม่าตรงที่ว่า ผมสอบถามข้อมูลครอบครัวเขามาบ้างพอสมควรนะ!

   “ตอนสมัยเรียนผมหวงแม็กมากไม่อยากให้คนอื่นมาแย่งเพื่อนไป ก็เลยยึดเค้าไว้ไม่ให้มาจีบจนคนอื่นๆ เข้าใจว่าเราเป็นแฟนกันจริงๆ เพราะงั้นเขาถึงโสดมาตลอด”

   “ถ้าคบกันจริงๆ คงเป็นคู่ที่น่ารักนะครับ แต่คงตกลงกันลำบากแย่เลยว่าใครจะรุกใครจะรับ” ผมออกความเห็นอย่างนึกสนุก เมื่อจินตนาการถึงเวลาที่แม็กม่ากับซูกัสอยู่ด้วยกัน ต่างก็เป็นคนตัวเล็กน่ารัก แต่ซูกัสจะหน้าออกหวานกว่าแม็กม่า ส่วนแม็กม่านั้นเป็นพวกหน้าเดียวตลอด คือเฉยชาบึ้งตึงและแสดงอารมณ์ผ่านดวงตาเป็นหลัก

   “นั่นสินะครับ นั่นก็คงเป็นปัญหาเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่แย่กว่านั้นคือเราไม่ได้ชอบกันแบบคนรัก แต่รักกันแบบเพื่อน แต่ตอนนั้นผมเห็นแก่ตัวมากเกินไปที่ไม่ยอมให้เค้ามีใครอื่นเลย... แต่พอผมได้เจอกับหมอ ผมกลับไม่ลังเลเลยที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อคว้าเขาเอาไว้ จนสุดท้ายแล้วจนถึงตอนนี้ที่ผมมีครอบครัวที่แสนสุข แต่แม็กม่าก็ยังไม่มีใคร ผมจึงเพิ่งรู้ตัวว่าผมได้ขโมยช่วงเวลาดีๆ ของแม็กมานานแสนนาน...”

   “อย่าคิดมากเลยครับ ความจริงแล้วพี่ควรจะขอบคุณซูกัสนะ เพราะถ้าหากแม็กมีคนรักไปซะก่อนก็คงไม่ได้พบกับพี่จริงไหมล่ะ?” ผมบอกเขาไปอย่างประจบประแจงตามบทบาทคนรักที่ได้รับอยู่

   “เพราะอย่างงี้น่ะสิ ..........” เขาพึมพำบางอย่างในลำคอที่ผมฟังไม่ค่อยถนัดนัก

   “อะไรนะครับ?”

   “ผมจะบอกว่าผมดีใจนะที่แม็กม่าได้พบผู้ชายดีๆ อย่างพี่ และผมคาดหวังว่าพี่จะดูแลเพื่อนผมอย่างดีที่สุด” ซูกัสมองกลับมาด้วยแววตาที่จริงจังคาดคั้นจนผมเผลอลอบกลืนน้ำลาย

   “แน่นอนครับ ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะ” ผมฝืนยิ้ม พยายามตอบอย่างเอาใจ อีกฝ่ายจึงคลี่ยิ้มหวานออก

   “ลูกผู้ชาย ถ้าสัญญาแล้วต้องทำให้ได้นะครับ...  ถ้าผิดสัญญา ผมจะไม่มีวันยกโทษให้คุณเลย”

   ทำไมผมรู้สึกว่าซูกัสค่อนข้างดุดันในน้ำเสียงราวกับมีเรื่องไม่พอใจอะไรผมบางอย่าง จนผมอดสงสัยมิได้ว่าเขาอาจจะรู้แล้วว่าผมโกหก แต่เมื่อคิดอีกทีก็คิดว่าไม่ใช่ เพราะถ้าเขารู้จริงๆ ทำไมถึงไม่พูดออกมาตรงๆ กันล่ะ

   บางทีซูกัสอาจจะแค่ขู่ผมเพราะความรักและเป็นห่วงเพื่อน และเพราะสรรพนามที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนไปจึงทำให้ผมคิดมากไปเองก็เป็นได้...

++++++++++

ดราม่ามากไหม??

ตอบเลยว่ามากกกกก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-6-] อัพๆๆ [17/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-04-2016 11:15:00
น้องซูกัสอาจะได้โกรธ และไม่ยกโทษให้คุณอิฐตลอดชีวิตแน่ๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-6-] อัพๆๆ [17/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 17-04-2016 11:38:43
 :serius2:  มาม่าจะเริ่มตอนไหนนะ  :mew5:

เราเป็นแม๊กม่าคงเริ่มสะสมความเครียดตั้งแต่รู้ตัวว่าโดนหลอกทำสัญญาแล้ว
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-6-] อัพๆๆ [17/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: LapiN ที่ 17-04-2016 13:44:15
รอนะคะ สงสารแมกม่า โดนหลอกให้เซ็นสัญญา
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-6-] อัพๆๆ [17/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-04-2016 15:14:36
 :sad11: :sad11: :sad11:  สงสารแม๊กม่า รอออออออ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-6-] อัพๆๆ [17/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: chancha ที่ 17-04-2016 21:04:08
ดราม่าคงจะหนักขึ้นเรื่อยๆสินะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-6-] อัพๆๆ [17/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 17-04-2016 22:03:39
มาม่าตั้งกะเพิ่งเริ่มเรื่องเลยอ่ะ :sad11:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-6-] อัพๆๆ [17/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 17-04-2016 22:26:09
นี่อะ มาม่าแล้วคนเขียนนน ความรักกับเม็ดเงิน เห้อ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-6-] อัพๆๆ [17/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-04-2016 23:33:27
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-6-] อัพๆๆ [17/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-04-2016 23:58:57
อ่อยยย!! ต้องตาม ชอบนักเรื่องที่ทำให้จิตตก น้ำตาแตกเนี่ย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-6-] อัพๆๆ [17/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 19-04-2016 16:31:33
-7-

   -แม็กม่า-

   
   การผ่าตัดฝังมดลูกนรกแตกสร้างความทุกข์ทรมานให้ผมไปนานนับเดือน จนบางทีผมก็นึกเสียใจนะที่ว่าง่ายยอมรับข้อเสนอและทำตามคำสั่งของเขาแต่โดยดี เพราะถ้าผมหน้ามึนไม่สนใจหนี้ 3 ล้านบาทนั่นแล้วหนีไปพร้อมกับเงินในธนาคารเกือบห้าแสนก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า หรือหน้าด้านหน้าทนอยู่บ้านลุงแกต่อไปเฉยๆ ก็ยังได้ คนไม่ตายหนี้ไม่สูญ เขาจะทำอะไรผมได้ล่ะ? ยิ่งเป็นคนหน้าใหญ่กลัวเสียหน้าอย่างนั่นน่ะเหรอจะฟ้องร้องเรื่องเล็กๆ ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้? จะให้ลงไม้ลงมือเอาปืนมาขู่ผมยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย ซูกัสกับหมอคงไม่ยอมแน่! ต้องโทษที่ผมมันโง่เพิ่งมานึกถึงหลักความจริงเอาตอนนี้แหละ ตอนที่มีสิ่งแปลกปลอมยัดเข้ามาในร่างกายตัวเองเสียแล้ว... ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ผมหนีไปไหนไม่รอดจนกว่าจะหาวิธีกำจัดมันออกไปจากร่างกายซะ ไม่อย่างนั้น ผมคงรู้สึกว่าตัวเองมีเนื้องอกก้อนมหึมาอยู่ในช่องท้อง รอวันที่มันจะแผลงฤทธิ์แล้วฆาตกรรมผมโดยไม่รู้ตัวเข้าสักวัน!

   แต่ถ้าผมเปลี่ยนใจล้มเลิกทุกอย่างเอาตอนนี้โดยการบอกความจริงกับซูกัสล่ะก็ เรื่องก็จะเปลี่ยนไปอีกอย่างนึงเลย แต่ความคิดนั้นก็เป็นอันพับไปเมื่อโทรศัพท์มือถือส่งข้อความมาบอกว่ามียอดเงินโอนเข้าบัญชีเพิ่มอีกสองแสนบาท อันเป็นเงินเดือนที่พึงได้รับตามสัญญาจ้าง... ความเจ็บปวดมากมายค่อยลดลงประมาณห้าสิบเปอร์เซ็นต์ และผมมีเวลาพักฟื้นนานเกือบหกเดือน เท่ากับผมถูกจ้างหนึ่งล้านสองแสนเพื่อแลกกับอภิมหาความเจ็บทั้งหมด หักกลบลบกันแล้วก็พอถูไถ ไม่ขาดทุนเท่าไรนะ! ไหนๆ ก็เจ็บไปแล้วจะให้มาเจ็บซ้ำทันทีแถมไม่ได้อะไรเพิ่มผมว่าโง่หนักกว่าเดิมสิไม่ว่า ผมเลยเลือกที่จะนอนเฉยๆ นับวันเวลาให้ยอดเงินจำนวนนั้นโอนเข้ามาเรื่อยๆ ทุกเดือนจะดีกว่า...

   นอกเหนือจากบ้านและรถประจำตำแหน่งที่ว่าแล้ว คุณอิฐยังจ้างแม่บ้านมาอยู่กับผมด้วยคนหนึ่งชื่อกุ้ง ด้วยสาเหตุที่ว่า แม้ผมจะออกจากคลินิกได้แล้วก็ตามแต่บาดแผลผ่าตัดก็ยังไม่หายดี ไม่สมควรทำงานหนัก งานเบา งานจิปาฐะใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งผมกลับมองในแง่ร้ายว่าคุณอิฐอาจจะแค่อยากหาสปายมาสอดส่องผมไว้ตลอด เผื่อว่าผมเปลี่ยนใจหนีไปจะได้ไหวตัวทันก็เป็นได้! แต่จะด้วยเหตุผลแง่ดีหรือร้ายก็ตามผมก็ไม่สนใจหรอก เพราะผมไม่คิดจะหนีไปไหนอยู่แล้ว แถมยังรู้สึกว่าตัวเองสบายขึ้นด้วยซ้ำที่มีคนมาช่วยทำงานบ้าน ทำกับข้าวให้กิน ดูแลหยิบจับนั่นนี่เหมือนลูกคุณหนูอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เก๋ไก๋ใช่เล่นเลยคุณเอ๋ย

   หลังจากนั้นอีกสองเดือนกว่าๆ ซูกัสก็คลอดเด็กแฝดชายออกมาได้สำเร็จ แต่ลูกทั้งสองคลอดก่อนกำหนดจึงต้องอยู่ในตู้อบตลอด จนซูกัสกับหมอไม่ได้กลับบ้านกลับช่องกันเลย พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ที่คลินิกตลอดเวลาราวกับเป็นบ้านหลังที่สอง นั่นถือเป็นโชคดีของผมที่ซูกัสมัวแต่ห่วงใยลูกจึงไม่มีเวลามาสังเกตสังกาชีวิตส่วนตัวของผม ไม่อย่างนั้นเขาคงหาเรื่องบ่นคุณอิฐไม่เว้นแต่ละวันแน่ ถ้ารู้ว่าลุงแกหายสาบสูญไปจากชีวิตผมนานหลายเดือนแล้วแบบนี้!
   

++++++++++


   ครึ่งปี (หลังฝังมดลูกเทียม) ผ่านไป ไวกว่าโกหก! อันที่จริงแผลผ่าตัดดีขึ้นมากตั้งนานแล้ว เพียงแต่เพราะหมอติดเคสลูกแฝดของเขา จึงบอกให้รอไปจนกว่าสองแฝดจะแข็งแรงและ “ครอบครัวของกิน” สามารถอัปเปหิตัวเองออกจากคลินิกให้ได้เสียก่อน ซึ่งก็คือตอนนี้...

   ถึงเวลาอันสมควรแล้วล่ะที่ในท้องของผมมันจะมีเลือดเนื้ออีกก้อนเข้ามาอยู่และเติบโตขึ้นตามกาลเวลา ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปด้วยดีก็ดีไป แต่ถ้าผมไม่โชคดีอย่างซูกัสล่ะ... คิดแล้วมันก็น่าสยองเหมือนกันนะเนี่ย! 

   “ขอถามครั้งสุดท้ายนะ แน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะทำแบบนี้...”

   “หมอถามผมครั้งที่พันแล้วครับ” ในความกังวลผมก็ยังดื้อด้าน ไม่ฟังคำคัดค้านของหมออยู่ดี

   “ถ้าหากเธอถูกบังคับหรือไม่เต็มใจล่ะก็นะ...”

   “ผมเต็มใจครับ” ผมตอบกลับแทบจะทันที ผมไม่อยากฟังหมอพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว... “ถ้าหากหมอสงสัยว่าผมตกลงง่ายๆ ได้ยังไง ผมก็ตอบง่ายๆ เลยว่าเพราะค่าตอบแทนที่ผมได้รับ มันคือสิ่งที่ผมไม่สามารถจะหาได้ด้วยวิธีอื่น ในเวลาสั้นๆ ขนาดนี้ ถึงจะรู้ว่าเสี่ยงและไม่ดี... แต่มันก็ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใครไม่ใช่เหรอครับ?” ผมพยายามอธิบายและผมเห็นแววตาตำหนิมากมายในดวงตาเขา

   “เธอทำให้หมอรู้สึกแย่ ถ้าซูกัสรู้ความจริง...”

   “หมอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ครับ หมอพยายามแล้วที่จะห้ามเรา แต่...”

   “ผิดสิ เพราะหมอยืนกรานว่าจะไม่ช่วยอิฐ เขาเลยดึงเธอมาเกี่ยว และหมอก็ไม่ยอมบอกความจริงซูกัสไปตั้งแต่แรกเพราะหมอไม่อยากให้เค้าเครียด แต่ถึงหมอจะยอมช่วยเธอเพราะตามใจซูกัส แต่ความจริงถ้าเธอเป็นคนอื่นไปเลยก็คงดี ซูกัสจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเธอทีหลัง”

   “ทำไมล่ะครับ? ขนาดซูกัสมีลูกแฝดเค้ายังรอดปลอดภัย แล้วทำไมถ้าผมท้องบ้างถึงน่าเป็นห่วงล่ะครับ?”

   “คงไม่ห่วงเรื่องท้องหรอก แต่ห่วงเรื่องอื่นมากกว่า”

   “หือ?” ผมส่งเสียงสูงในลำคอเป็นเชิงไม่เข้าใจ แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรไปมากว่านั้น ประตูห้องตรวจก็เปิดออกเสียก่อน ผมกับหมอจึงเลิกคุยกันแล้วหันไปหาคุณอิฐที่เดินถือกระปุกบางอย่างเดินเข้ามา

   “ได้แล้วหมอ..” คุณอิฐเอ่ยสั้นๆ กับหมอว่าน หมอมองเพื่อนตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนทุกครั้งที่เราสองคนพากันมาหา

   “จะถามครั้งสุดท้ายนะว่าแน่ใจแล้วจริงๆ?” หมอหันไปถามคุณอิฐซ้ำอีก

   “จนถึงขนาดนี้แล้วยังจะถามอีกเหรอหมอ?” คุณอิฐพูดแล้วหัวเราะ

   “ต้องถามสิ เพราะถ้าฝังตัวอ่อนลงไปแล้วล่ะก็... หมอก็ถือว่าเขามีชีวิตแล้วนะ ต่อให้หมอจะไม่สนับสนุน แต่จะมาเปลี่ยนใจบอกจะทำแท้งทีหลังหมอก็ไม่ทำให้หรอกนะ”

   “รู้แล้วน่า ผมมีลูกเพราะอยากมี ไม่ได้จับฉลากให้ต้องมีซะหน่อยนะหมอ”

   “แล้วนี่สรุปว่าบีทรู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง?”

   “ก็กำลังจะบอก...”

   “เห็นพูดแบบนี้มากี่รอบแล้ว...”

   “เอาน่าหมอ เรื่องนั้นเดี๋ยวผมก็จัดการเองแหละ หมอไม่ต้องสนใจหรอก เอาแค่เรื่องนี้ก่อนน่า”

   “เฮ้อ... ช่างเถอะ ในเมื่อเตือนแล้วก็ไม่มีใครฟัง ถ้ามีปัญหาอะไรทีหลังก็อย่ามาปรึกษาก็แล้วกัน ใครเรียนผูกก็เรียนแก้กันเองนะ” หมอบ่นยาวยืดเดินสวนผมไปคว้ากล่องใสบรรจุของเหลวในมือคุณอิฐแล้วเดินออกจากห้องไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง ปล่อยให้ผมกับคุณอิฐอยู่ในห้องกันตามลำพังแล้วต่างคนเหมือนคนใบ้ ไม่รู้จะคุยอะไรกันดี...

   “เธอเห็นลูกของหมอกับซูกัสหรือยัง?” ว้าว! ถือเป็นหัวข้อสนทนาที่บันเจิดดีจริง!

   “เห็นแล้วครับ น่ารักมากเลย”

   “ต้องบอกว่าน่าเกลียดสิ โบราณเค้าถือ...” ที่ว่าโบราณนี่หมายถึงคุณอิฐคนเดียวใช่ไหม? ผมนึกค่อนขอดได้แค่เพียงในใจ แต่ผมไม่กล้าต่อปากต่อคำกับนายจ้างหรอกนะ

   “ครับ น่าเกลียดก็น่าเกลียด แต่ดูเป็นฝาแฝดที่คล้ายกันเหมือนพี่น้อง แต่ก็ไม่เหมือนกันเป๊ะเหมือนแฝดคู่อื่นเท่าไรนะครับ”

   “ก็แฝดคนละไข่นี่นา โชคดีที่หมอได้ไข่ของพี่สาวซูกัสมา เลยออกมาคล้ายๆ หมอกับซูกัสรวมๆ กัน”

   “นั่นสิครับ” ผมเห็นด้วย เพราะหมอก็ไม่ใช่ผู้ชายรูปร่างล่ำสันอะไร ดูสำอางหยิบหย่งด้วยซ้ำ ส่วนซูกัสก็เป็นผู้ชายหน้าหวาน เด็กแฝดลูกหมอกับซูกัสก็เลยผิวขาว แก้มยุ้ย น่ากินแต่เด็ก!

   “แต่ผู้หญิงที่ฉันได้รับบริจาคไข่มาน่ะหน้าไม่เหมือนเธอหรอกนะ แต่ก็อาจจะดีก็ได้ พอคลอดออกมาเธอจะได้ไม่ผูกพันมาก”

   “ครับ...” ผมตอบรับไปอย่างงั้นเองด้วยความรู้สึกที่ถูกทำให้อึดอัดขึ้นมาเฉยๆ สำหรับคุณอิฐ ผมก็เป็นแค่ภาชนะห่อหุ้มตัวลูกของเขาเท่านั้นแหละ แต่สำหรับผมจะมองเห็นเด็กคนนั้นเป็นอะไรได้นอกจาก “ลูก”

   แล้วจะเป็นไปได้เหรอ? ที่จะไม่ผูกพัน

   “ถ้าผมคลอดแล้ว... จะแวะมาหาเขาบ้างได้ไหมครับ ในฐานะคนรู้จักของคุณก็ได้” ผมหันไปยื่นคำขอ อีกฝ่ายหันมามองผมด้วยสีหน้าเหมือนไม่ไว้วางใจ

   “อือ... ก็ได้ ถ้าเธอคิดถึงเขาน่ะจะมาหาเมื่อไรก็ได้ แต่เธอคงไม่ทำความยุ่งยากอะไรให้ฉันหรอกนะ”

   “อย่าระแวงอย่างนั้นสิครับ เราต่างก็รู้กันอยู่ว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็กคนนั้นทางสายเลือด แน่นอนว่าถึงผมจะบอกความจริงเค้าไปว่าผมอุ้มท้องเค้า แต่ถ้าคุณที่เป็นพ่อแท้ๆ ปฏิเสธ เขาก็คงไม่เชื่ออยู่ดีนั่นแหละ”

   “อือ...งั้นก็ตามนั้นแหละ”

   
   หลังจากนั้นอีกสามสัปดาห์ผมก็ท้องครับ! แต่ในตอนนี้ผมยังไม่มีอาการแพ้ท้องอะไรเลย คุณอิฐที่ทราบว่าผมท้องแล้วนอกจากกำชับว่าให้พี่กุ้งดูแลผมให้ดี นอกนั้นก็ไม่มีอะไรพิเศษ เขาไม่ได้เห่อลูกอะไรนักหนา ผมคิดเอาว่าเพราะผมไม่ใช่คนรักของเขาก็เป็นได้ทำให้ความห่วงใยถูกลดทอนลงไปครึ่งหนึ่ง คนไม่ได้รักกันจะให้มาคอยห่วงใยดูแลตั้งแต่ยังไม่มีอาการแพ้ท้องก็คงไม่ใช่ เรื่องนี้ผมเข้าใจดี แล้วก็ไม่รู้สึกนึกน้อยใจอยากให้เขามาสนด้วย แต่น่าเสียดายที่ซูกัสไม่เข้าใจ!

   วันดีคืนดีซูกัสโผล่มาเซอร์ไพรส์ผมเอาซะดึก เกือบสามทุ่มผมและพี่กุ้งเปิดบ้านต้อนรับซูกัสและหมอที่อุ้มเอาทารกคนหนึ่งเข้ามาในบ้าน

   “อ้าวแล้วลูกหายไปไหนคนนึง?”

   “อยู่บ้านกัส ทั้งพ่อแม่กับพี่แคนดี้บอกว่ากลัวจะเหนื่อยเลยจะช่วยเลี้ยงให้ แต่ที่จริงรู้หรอกว่าเห่อหลานกันทั้งบ้าน”

   “อ้อ...” ผมพยักหน้ารับรู้

   “แล้วคุณอิฐไม่อยู่เหรอ?” ผมชะงัก เหงื่อตกเมื่อซูกัสเอ่ยถามพลางสอดส่ายสายตาไปจนทั่ว

   “พี่กุ้งครับ ขอเนๆมารับแขกหน่อยนะครับ” ผมมรีบหันไปบอกพี่กุ้งระหว่างที่หาข้อแก้ตัวให้เจ้านายอย่างเต็มที่

   “เอ่อ... เห็นว่างานยุ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลับดึกหรือว่าไม่กลับเลย” ผมโกหกทันที ทั้งๆ ที่คุณอิฐไม่เคยมาค้างบ้านผมมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

   “ใช้ไม่ได้! มีอย่างที่ไหนปล่อยให้คนท้องอยู่บ้านคนเดียว” ซูกัสโวยวายขึ้นมาทันทีด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

   “คนเดียวที่ไหน พี่กุ้งก็อยู่” ผมรีบเถียง

   “มันไม่เหมือนกัน... ไม่รู้แหละ โทรตามมาเลย”

   “จะบ้าเหรอ?!” ผมร้องกับคำสั่งอันเอาแต่ใจนั้น แต่พอผมไม่มีทีท่าว่าจะทำตาม ซูกัสก็หันไปไล่บี้เอากับหมอแทน

   “ถ้าแม็กไม่กล้า เดี๋ยวจะให้หมอโทรให้ หมอ!!”

   “ครับๆ ” หมอว่านรับคำเพลียๆ พลางส่งลูกแฝดในอ้อมแขนให้พี่กุ้งช่วยอุ้มให้แล้วจึงสอดมือเข้าไปหยิบมือถือในกระเป๋าออกมา...  ส่วนซูกัสก็คว้าคอผมหลบไปคุยสองต่อสอง

   “จะโทรตามเขามาทำไม รบกวนเปล่าๆ” ผมทักท้วงด้วยน้ำเสียงกังวลใจ

   “รบกวนอะไร นี่ก็เมีย นี่ก็ลูก” คำพูดของซูกัสทำเอาผมติดอ่างไม่รู้จะเถียงยังไงดีเลย

   “ผู้ชายไม่ชอบคนเซ้าซี้กวนใจหรอกซูกัส เดี๋ยวเค้าจะพาลไม่พอใจเอาซะเปล่า...” ผมอธิบายเสียงอ่อน

   “เห็นปกติออกจะขี้บ่น ขี้วีน... ไม่นึกว่าพอมีแฟนเข้าจริงๆ จะใจเย็นเป็นแม่น้ำได้ขนาดนี้! ดึกป่านนี้แล้วนะ ใครที่ไหนเขาจะยังทำงานอยู่ โม้ชัดๆ  รู้ไหมช่วงที่ผู้ชายนอกใจมากที่สุดก็ตอนท้องนี่แหละ”   

   “ฮะ?!” ผมส่งเสียงสูงเมื่อซูกัสเอ่ยถึงเรื่องที่เขาคาดเดาไว้ขึ้นมา

   “แต่การท้องน่ะ มันไม่ใช่ข้ออ้างที่จะนอกใจเราได้หรอกนะแม็ก เพราะฉะนั้นห้ามใจดีปล่อยปละละเลยเด็ดขาด” ซูกัสเอ่ยเตือนเสียงเครียด ผมคงนึกขอบใจความหวังดีนั้นมากทีเดียวถ้าหากคุณอิฐเขาเป็นคนรักของผมจริงๆ แต่นี่ไม่ใช่ไง! การแทรกแซงของซูกัสมันจะทำให้กระอักกระอ่วนใจกันไปซะเปล่า

   “คิดมากไปได้น่า ถ้าคุณอิฐเขาไม่มา เขาอาจจะกลับบ้านไปแล้วก็ได้ ไม่ได้แปลว่าต้องออกนอกลู่นอกทางไปอย่างเดียวซะหน่อย...” ใช่ ถ้าลุงแกไม่กลับบ้านไปแล้ว... ก็คงอยู่บ้านแฟนตัวจริงอยู่!

   “ถ้าเป็นงั้นยิ่งแล้วใหญ่เลย แม็กท้องอยู่นะ ต้องกลับมาดูแลสิ!”

   “ซูกัส เรื่องแบบนี้ไว้เรากับคุณอิฐตกลงกันเองดีกว่าว่ะ เราว่ากัสอย่ายุ่งเลยนะ” ผมขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   “ไม่ยุ่งได้ไงล่ะ เพื่อนทั้งคนนะ!” เขายืนกรานเสียงแข็งทำให้ผมถอนใจออกมา “คุณอิฐเขาสัญญากับกัสไว้แล้วว่าจะดูแลแม็กอย่างดีที่สุดนะ แต่ถ้าดีที่สุดมันแปลว่าปล่อยแม็กทิ้งๆ ขว้างๆ แบบนี้ กัสว่ามันไม่ใช่อ่ะ แต่ถ้าแม็กไม่กล้าพูดอ่ะ  ไม่ต้องห่วง... เดี๋ยวจะพูดให้เอง!”

   ผมกลืนน้ำลายยากเย็น เมื่อได้ฟังคำยืนยันจากปากเขา อดนึกหนักใจแทนคุณอิฐไม่ได้เลยว่าคงต้องเจอศึกหนักแน่แล้ว! จริงอยู่ เขาอาจจะฉลาดที่บังคับหมอผ่านซูกัส แต่เขาประเมินซูกัสต่ำไป เขาไม่รู้หรอกว่าซูกัสน่ะอาจจะไม่ได้บงการได้แค่หมอ แม้แต่ตัวเขาเองก็อาจจะโดนไปด้วย!



++++++++++

เป็นเรื่องที่อ่อยเอื่อยดีจริง 555+

หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-7-] ความซูกัส [19/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 19-04-2016 19:41:32
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-7-] ความซูกัส [19/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-04-2016 19:49:32
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-7-] ความซูกัส [19/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 19-04-2016 20:21:06
แม่ลูกอ่อนนี่ดุใช่มะ อิอิ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-7-] ความซูกัส [19/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 19-04-2016 21:19:45
 o13
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-7-] ความซูกัส [19/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-04-2016 21:25:41
ดูท่าคนรักกำมะลอคงต้องมาใกล้ชิดกันซะแล้ว
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-7-] ความซูกัส [19/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NUBTANG ที่ 19-04-2016 21:47:15
งานเข้าอิฐละ 55555555555555555555

หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-7-] ความซูกัส [19/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-04-2016 23:39:07
เอากะนางสิ!!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-7-] ความซูกัส [19/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: chancha ที่ 20-04-2016 16:25:08
ซูกัสเยี่ยมมาก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-7-] ความซูกัส [19/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-04-2016 17:37:43
จัดการเลยซูกัส!!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-7-] ความซูกัส [19/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♀♥♀DearigA♂♥♂ ที่ 20-04-2016 19:06:41
 :L2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-7-] ความซูกัส [19/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 20-04-2016 19:08:54
-8-

   แง แง....

   เสียงเด็กร้องทำให้ผมค่อนข้างตกใจทำอะไรไม่ถูก ซูกัสเลิกสนใจผมแล้วรีบวิ่งกลับไปหาเด็กน้อยในอ้อมกอดพี่กุ้งแล้วยื่นมือรับเด็กมาอุ้มไว้แทน

   “เอ่เอ๊... ไม่เอานะไม่ร้องนะครับ...ชิฟฟ่อน...” เขาไกวเด็กในอ้อมแขนเบาๆ พร้อมส่งเสียงกล่อม

   “ฉี่หรือเปล่า เดี๋ยวไปเอาผ้าอ้อมมาก่อนนะ” หมอเดินมาสมทบแล้วออกความเห็นก่อนจะผละออกไปโดยไว

   ไม่นานหมอก็กลับมาพร้อมตะกร้าเต็มไปด้วยผ้าอ้อม แป้ง กระติกใส่ขวดนม หลังจากซูกัสเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกแล้ว เสียงร้องไห้ก็ยังไม่หยุด เด็กขี้แยก็ถูกขวดนมยัดใส่ปากเสียงงอแงจึงเงียบไป เขาตั้งอกตังใจดูดนมอย่างเอร็ดอร่อย คุณหมอลูบหัวลูกชายเบาๆ อย่างเอ็นดูโดยมีพี่กุ้งลอบมองอยู่ใกล้ๆ ซูกัสกล่อมเด็กอยู่พักใหญ่กว่าชิฟฟ่อนจะหลับลงได้ในที่สุด ผมมองสองคุณพ่อช่วยกันเลี้ยงลูกดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูดี แม้จะค่อนข้างวุ่นวายไปหน่อยก็เถอะ

   สี่ทุ่มกว่า คุณอิฐขับรถมาที่บ้านด้วยหน้าตาแตกตื่นเมื่อเห็นทั้งหมอและซูกัสโผล่มาโดยมิได้นัดหมาย เขาคงไม่นึกไม่ฝันว่าแผนที่ตัวเองวางไว้ดิบดีจะสร้างความวุ่นวายในภายหลังอย่างนี้

   “ดึกป่านนี้แล้ว หมอกับซูกัสมาทำอะไรที่นี่เหรอ?” คำถามโง่ๆ ของลุงแกทำให้แอบกลอกตา ไม่รู้จะเครียดหรือจะขำดี!

   “กัสมาเยี่ยมแม็กม่าน่ะ เพราะตั้งแต่ผลเลือดออกมาว่าท้องก็ยังไม่ได้เจอกันเลย กัสเพิ่งกลับจากบ้านแม่พอดีไหนๆ ผ่านทางเลยแวะมาดูซะหน่อย” ซูกัสตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ซึ่งถ้าหากไม่รู้จักกันมานานอาจจะจับไม่ได้ก็ได้ว่าเสียงนั้นติดไม่พอใจอยู่บางส่วน

   “อ๋อ... เหรอครับ” คุณอิฐรับคำหน้าเจื่อนเนียนเดินมายืนข้างๆ ผม

   “คุณอิฐนี่ขยันจังนะครับ ป่านนี้แล้วเพิ่งจะกลับ”

   “ช่วงนี้ที่บริษัทค่อนข้างยุ่งน่ะ มีอะไรต้องเคลียร์เยอะเลย”

   “งั้นเหรอครับ แต่ถึงจะยุ่งยังไง มันก็ต้องแบ่งเวลาให้เป็นนะครับ งานน่ะจะมาสำคัญมากกว่าครอบครัวไม่ได้หรอก” ซูกัสตำหนิอย่างโจ่งแจ้ง

   “เอ่อ..นั่นสินะ” คุณอิฐรับคำหน้าเสีย พอแกหันไปขอความช่วยเหลือจากหมอ อีกฝ่ายก็เบือนหน้าหนี ก็คงต้องอย่างงั้นแหละครับ ดูก็รู้ว่าหมอน่ะกลัวเมียขนาดไหน คงไม่กล้าอ้าปากงัดข้อกับซูกัสเพื่อช่วยคุณอิฐหรอก!

   เอ.. แต่จะว่าไป คุณอิฐยังอยู่ในชุดทำงานคือเสื้อเชิ้ตและใส่สูทเต็มยศขนาดนี้คงเพิ่งกลับจากที่ทำงานจริงๆ นะเนี่ย

   ผมล่ะสงสารลุงแกจริงๆ นะครับ เล่นโดนเด็กถอนหงอกขนาดนี้น่ะ! นอกจากเหนื่อยเรื่องงานแล้วยังต้องมาโดนซูกัสเล่นงานเอาอีกคงปวดหัวใช่เล่น ผมคงต้องออกโรงช่วยแกซะหน่อยแล้วล่ะ!

   ไวเท่าความคิด...ผมรีบหันไปหาคุณอิฐทำทีเป็นช่วยถอดเสื้อนอกออกให้เพื่อขัดบรรยากาศมาคุที่ซูกัสกำลังหาเรื่องขย้ำเหยื่ออย่างไร้ความปรานีนั่น แล้วอีกฝ่ายก็ยอมถอดเสื้อออกด้วยสายตาที่ค่อนข้างประหลาดใจในที

   “พี่กุ้ง...” ผมเรียกแล้วส่งเสื้อนอกคุณอิฐให้เธอไปเก็บทันที แล้วหันไปรินน้ำเย็นแล้วยื่นส่งให้ พยายามคิดว่าตัวเองเป็นดาราเจ้าบทบาทที่จะต้องเล่นละครบทนี้ให้สมจริงที่สุด

   “ขอบใจ” เขาบอกเมื่อรับแก้วน้ำใส่มือแล้วจิบทันทีตามมารยาท

   “กลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำอาบท่าซะก่อนดีกว่านะครับ” ผมบอกเขาอย่างนุ่มนวลเอาใจ แต่เขาเบิกตากว้างขึ้นทันที ไม่รับมุก!

   “อ้าวแม็ก... เดี๋ยวสิ เรามีเรื่องจะคุยกับคุณอิฐนะ” ซูกัสทักท้วงรีบหันไปฝากลูกไว้ที่หมอ แต่ผมไม่ใส่ใจดึงมือคุณอิฐไปที่บันได

   “คุยอะไรกันป่านนี้ ดึกแล้ว คุณอิฐเค้าทำงานมาเหนื่อยๆ ควรจะพักผ่อน หมอก็เหมือนกัน ไหนจะลูกอีก ไม่รู้จะพากันมาลำบากทำไม” ผมหันไปบ่นซูกัสยาวยืดจนเขาเบ้หน้างอน แล้วหันไปทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่คุณอิฐที่ยืนค้างอยู่บนขั้นบันได

   “ไปอาบน้ำเถอะครับ เสร็จแล้วค่อยลงมา คุณคงยังไม่ได้ทานมื้อเย็นมาใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมเข้าไปดูในครัวให้นะว่ามีอะไรเหลือหรือเปล่า”

   “ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอก” เขารีบห้ามทันทีด้วยน้ำเสียงเกรงใจ

   “จะตั้งโต๊ะรอนะครับ” ผมสรุปพร้อมรอยยิ้มหวานทั้งรุนหลังบังคับให้เขาให้เดินขึ้นบ้านไปจนได้

   “แม็ก!!” ซูกัสตะโกนจนผมแสบแก้วหูเมื่อหันมาหา ผมถอนใจทำหน้ารำคาญตามปกติ

   “กลับไปเหอะ ไว้ค่อยคุยวันหลังก็ได้” ผมไล่ซูกัสทันทีด้วยเสียงเย็นชา ซูกัสเหมือนไม่พอใจเบะหน้าเคียดขมึงตึงแต่ผมทำเป็นไม่สน

   “กลับเถอะซูกัส ก็จริงของแม็กเค้า ไหนๆ อิฐก็กลับมาแล้ว ให้เค้าดูแลกันเองเถอะ เราอย่าไปยุ่งเลย” หมอได้พูดเอาตอนนี้ เดินมาดึงแขนซูกัสที่มีท่าทีกระฟัดกระเฟียดที่ไม่ได้ดั่งใจ

   แง...แง้... และแล้ว ดุจเสียงสวรรค์เมื่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาแผดเสียงขึ้นเสียก่อน

   “กลับกันเถอะกัส ลูกจะได้นอนซะที” คราวนี้ซูกัสชะงักไป

   “กลับก็ได้..” เขาบอกอย่างไม่เต็มใจนัก พร้อมหันมามองด้วยสายตาคาดโทษ

   หลังจากผมเดินออกไปส่งหมอกับซูกัสที่รถก็เดินกลับมาในบ้าน คุณอิฐยืนเกาะราวบันไดด้วยสายตาหวาดระแวง ดูแล้วน่าขันพิลึก!

   “กลับกันไปแล้วครับ” ผมบอกให้เขาสบายใจ

   “ขอบใจนะที่ช่วย ไม่งั้นคงโดนถล่มเละ”

   “มันเป็นหน้าที่ของผมนี่ครับ จ้างผมมาแพงขนาดนั้น ผมไม่ทำงานเสียหรอก” ผมตอบเรียบๆ ยืนยันคุณภาพตัวเองอย่างแข็งขัน

   “อืม... งั้นฉันจะกลับแล้วนะ”

   “อย่าเพิ่งสิครับ อยู่ทานข้าวก่อนก็ได้ ผมให้พี่กุ้งไปอุ่นกับข้าวให้แล้ว รองท้องซะหน่อยดีกว่าคุณคงยังไม่ได้กินอะไรมาจริงๆ ใช่ไหม?”

   “ไม่ต้องหรอก ไม่รบกวนดีกว่า”

   “ไม่รบกวนหรอกครับ ทานเถอะ กินข้าวบ้านผมมื้อเดียว ผมไม่คิดค่าจ้างเพิ่มหรอกน่า” ผมบอกเขายิ้มๆ ทำให้อีกฝ่ายชะงักไป นิ่งคิดเป็นครู่กว่าจะพยักหน้าตกลง

   โธ่ลุง.... แค่ทานข้าวแค่นี้ คิดอะไรให้มันเยอะแยะไปได้!



   ไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ดี คุณอิฐก็พาผมไปตรวจครรภ์ที่คลินิกคุณหมอ คราวนี้ผมไม่สามารถช่วยคุณอิฐเหมือนอย่างคราวที่แล้วได้อีก

   “คุณอิฐไม่ควรจะปล่อยให้แม็กอยู่บ้านกับพี่กุ้งสองคนหรอกนะครับ เพราะว่าพี่กุ้งขับรถไม่เป็น ถ้ามีอะไรฉุกเฉินขึ้นมาจะลำบาก บ้านก็อยู่ซะท้ายหมู่บ้าน จะออกมาเรียกแท็กซี่บางทีก็ไม่รู้จะได้ไหม” คราวนี้เหตุผลของซูกัสค่อนข้างหนักเสียจนคนฟังนิ่งอั้น

   “หมอเห็นด้วยนะ” แม้แต่หมอว่านยังเห็นดีเห็นงามไปด้วย

   “ถ้าไม่ให้อยู่บ้านแล้วจะให้ไปอยู่ไหน” คุณอิฐถามกลับมาเหมือนนึกอะไรไม่ออกแล้ว

   “ก็ให้แม็กไปอยู่บ้านคุณอิฐสิครับ จะได้มีคนดูแล”

   “ฮะ!!” คราวนี้ผมกับคุณอิฐร้องออกมาเกือบจะพร้อมๆ กัน

   “ไม่เอาอ่ะ แม่คุณอิฐเค้าคงไม่ชอบเราแหงๆ” ผมรีบคัดค้านออกมาทันทีตามความรู้สึกจริง

   “ถึงขนาดมีลูกด้วยกัน ไม่ชอบก็ต้องชอบ ถึงไม่รักสะใภ้แต่จะเกลียดหลานไปด้วยได้ยังไง” ซูกัสออกความเห็นสีหน้าจริงจัง

   ผมหันไปมองหน้าคุณอิฐเหมือนจะปรึกษา ฝ่ายนั้นก็ค่อนข้างลำบากใจ

   “ถ้าไปอยู่บ้านคุณอิฐไม่ได้ จะมาอยู่กัสแทนก็ได้นะ” ข้อเสนอใหม่นั้นทำให้ทุกคนต่างมองคนพูดเป็นสายตาเดียว

   “ไม่ต้องห่วงนะ กัสจะดูแลแม็กให้เป็นอย่างดีเลย ถ้าคลอดเมื่อไรก็จะรับเลี้ยงเป็นลูกไปจนโตเลยด้วย คุณอิฐไม่ต้องมาขอคืนนะ” ซูกัสเอ่ยกระชด

   “อ้าว... จะทำงั้นได้ซูกัส นั่นลูกพี่นะ” คุณอิฐรีบท้วง

   “ลูกคุณอิฐ แต่ตอนนี้อยู่ในท้องเพื่อนผมนี่ครับ ถ้าคิดจะเป็นพ่อแล้วให้มาแค่น้ำเชื้อน่ะใครๆ ก็ทำได้ หมอที่ทั้งผสมเทียมให้แถมดูแลตลอดรวมทำคลอดเหนื่อยกว่าเป็นพันเท่า คงเป็นยิ่งกว่าพ่อแม่เค้าเสียอีก หรือจะเถียงล่ะ?” 

   “จริง! หมอเห็นด้วยนะ ถ้าคิดอยากจะมีลูก แล้วปล่อยเค้าตามมีตามเกิด หมอว่ามันก็ไม่ถูกต้อง อย่างน้อย... ก็ควรดูแลเขาให้ถึงที่สุด ทั้งแม่ทั้งลูกนะ”

   โอ๊ย... คุณอิฐน่าสงสารมากครับ! คราวนี้โดนทั้งซูกัสทั้งหมอรวมหัวกันเล่นงานไม่ได้ผุดได้เกิดแล้ว

   “ก็ได้!! เอางั้นก็ได้” ในที่สุด คุณอิฐก็หาทางเลี่ยงไม่ได้ ต้องยอมจำนนในที่สุด... ส่วนผมก็ร้อนๆ หนาวๆ จู่ๆ ก็มาบอกว่าจะต้องย้ายสาขาไปทำงานที่อื่น จะเป็นยังไงถ้าผมเข้ากับหัวหน้างานคนใหม่ไม่ได้ล่ะฮึ!!



 
   ภายหลังจากซูกัสบงการคุณอิฐได้สมใจอยาก ซูกัสก็ชวนผมกลับไปด้วยกัน เขากำลังจะไปบ้าน เพื่อเอานมแม่แช่แข็งที่รับบริจาคมาไปเพิ่มเติม และสลับเด็กอีกคนกลับมาเลี้ยงเอง

   “กัส... ไม่น่าทำอย่างงี้เลยอ่ะ ถ้าแม่คุณอิฐเค้ารังเกียจเรา คงอึดอัดน่าดู” ผมบ่นอย่างกังวลจริงจัง ขณะที่อุ้มชิฟฟ่อนในอ้อมแขนในระหว่างที่ซูกัสขับรถ 

   “เกลียดให้ตายก็ทำอะไรไม่ได้หรอก ลองมีหลานเค้าอยู่ทั้งคน คุณอิฐเค้าไม่ได้ชอบผู้หญิงนะ ถ้ามีแฟนเป็นผู้ชายแล้วมีหลานให้ได้มีเหรอจะกล้าเกลียดลงคอ ผู้ใหญ่เค้าชอบเด็กว่านอนสอนง่าย เข้าไปแล้วก็เอาอกเอาใจท่านซะหน่อย ขี้คร้านจะหลงรักเรา แต่ถ้าเข้าไปแล้วโดนใครรังแกขึ้นมาก็มาบอก กัสจะช่วยแม็ก”

   “จะช่วยยังไง”

   “พาลูกหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด!”

   “ฮะ!!”

   “ถ้าคุณอิฐเค้ารักเราก็ให้เค้าตามมา แต่ถ้าไม่ก็อย่าไปแคร์ แค่หลานคนเดียวน่ะ กัสจะเลี้ยงให้จนโตเลย” ซูกัสบอกผมด้วยน้ำเสียงขึงขังจริงจัง ที่ฟังแล้วรู้ว่าไม่ได้พูดเล่นเลย

   ผมเดาออกทันทีเลยว่า ถ้าความลับเรื่องที่ผมกับคุณอิฐไม่ได้เป็นคนรักกันแตกขึ้นมาเมื่อไร ซูกัสคงอาละวาดใส่คุณอิฐแน่ และหลังจากเทศนาผมไปหลายกัณฑ์ที่โกหก เขาคงจับผมไปขังไว้ที่ไหนสักแห่งแล้วรอจนเด็กคลอด จากนั้นก็ให้ผมเลี้ยงเด็กคนนั้นไปตามลำพังโดยไม่มีวันให้พบหน้าคุณอิฐตลอดชีวิตแน่!

   “สบายใจได้เลยนะแม็ก ถึงยังไงกัสไม่ทิ้งแม็กหรอก” เขาให้คำสัญญาที่ให้ผมใจชื้น ผมรู้มานานแล้วล่ะว่าถึงซูกัสจะเป็นเพื่อนที่น่ารำคาญในบางเรื่อง แต่เขาก็พึ่งพาได้มากที่สุด

   ถ้าตัดความน่าอิจฉาทั้งหมดทั้งมวลทิ้งไป ผมก็โชคดีที่สุดในโลกแล้วล่ะที่มีเพื่อนอย่างเขา...

   “ขอบใจนะกัส”  ขอบคุณจริงๆ

   
+++++++++
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-8-] [20/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: beedy ที่ 23-04-2016 04:57:39
มาแล้ว มาแล้ว  :mew1: :mew1: :mew1:

ขอบคุณครับ เป็นกำลังใจให้คนแต่งครับผม :hao3:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-8-] [20/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-04-2016 08:41:03
คุณอิฐโดนซะเละเลย...
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-8-] [20/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 23-04-2016 10:34:16
เค้ารางความยุ่งเหยิง
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-8-] [20/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: FaiiFay_Elle ที่ 23-04-2016 11:32:11
ตามค่ะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-8-] [20/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 23-04-2016 16:52:46
-9-

   -อิฐ-

   ผมถอนใจครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้เมื่อพาแม็กม่ามาที่บ้านตัวเอง และเมื่อผมเดินเข้ามาก็เห็นคุณแม่นั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ในห้องรับแขก คงเพราะคนรับใช้วิ่งแร่เข้ามาบอกว่าผมพา “ผู้ชาย” เข้าบ้าน ท่านปรายตามายังเราสองคนอย่างไม่พอใจ เพราะสายตารังเกียจเดียดฉันอย่างนี้ บีทจึงเกลียดที่นี่และไม่ยอมย่างเหยียบมาหลายปีดีดัก และตัวผมเองก็คิดว่าการกันเขาและแม่ออกจากกันคงเป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว

   แต่ลงท้าย ผมกลับต้องพาคนอื่นมางั้นเหรอ? แม็กม่าไม่ใช่คนรักของผมด้วยซ้ำ ถึงแม้ในท้องของเขาจะมีลูกของผมอยู่ก็เถอะ! ผมเริ่มรู้สึกหนักใจที่เรื่องราวมันบานปลายได้ถึงขนาดนี้

   “นี่แกกล้าดียังไง ถึงเอาเมียผู้ชายของแกเข้าบ้านฮึ!! ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ต้อนรับ!!” คุณแม่โวยวาย หายใจแรงดั่งคนโกรธจัด ผมหน้าเสียถอนใจเฮือก

   “แม่ครับ...ใจเย็นๆก่อนครับ คือว่า...” ผมกำลังนึกคำพูดดีๆ ที่จะใช้อธิบายให้ท่านฟัง ระหว่างนั้นคนข้างกายก็เดินนำไปเสียก่อนทำให้ผมหยุดพูดแล้วหันไปสนใจเขาแทน แม็กม่าชิงนั่งลงที่พื้นหินอ่อนแล้วหมอบกราบลงไปในนาทีถัดมา

   ผมค่อนข้างตกใจที่เขาทำเช่นนั้นทั้งที่มันไม่จำเป็นเลย ผมยังจำตอนที่พาบีทมาที่นี่ครั้งแรก(และครั้งเดียวได้)ว่าเขาค่อนข้างโกรธคุณแม่ แค่ไหว้ท่านลวกๆ แล้วรีบขอตัวกลับ... ส่วนคุณแม่ก็มีสีหน้าตกใจเช่นกันแต่ก็ยังพยายามรักษาฟอร์มด้วยการเบือนหน้าหนีภาพนั้นไป

   “คุณป้าครับ โปรดอย่าต่อว่าคุณอิฐเลยนะครับ ความจริงแล้ว... เขาคงไม่ได้ชอบพออะไรผมนักหรอก เพียงแต่ตอนนี้ ผมกำลังตั้งท้องลูกของเขาอยู่ และมันคงไม่ดีถ้าหากจะปล่อยผมทิ้งๆ ขว้างๆ ตามลำพัง จึงพาผมมาพึ่งใบบุญคุณป้าเท่านั้น ถ้าหากคลอดลูกคนนี้อย่างแข็งแรงปลอดภัยเมื่อไร ผมก็จะไปทันที” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเจียมเนื้อเจียมตัวเต็มที่ซึ่งทำให้ผมอดทึ่งไม่ได้ จะว่าไปแล้วเรื่องที่เขาพูดนั้นล้วนเป็นเรื่องจริงไม่ได้โกหกเลยสักอย่าง เพียงแต่ไม่ได้ขยายความโดยละเอียดเท่านั้นเอง

   “อะไรนะ!!” คุณแม่ถามพร้อมคิ้วที่ขมวดมุ่น เงยหน้าขึ้นมองผมที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม “ท้งท้องอะไรกัน... เมียแกมันเสียสติไปแล้วหรือไง ถึงคิดว่าตัวเองจะท้องได้!! เป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ?” คุณแม่ประชดประชันต่อไปอีก

   “ครับ ผู้ชาย แต่บังเอิญท้องได้” ผมเป็นคนตอบแล้วเดินเข้าไปหาท่านยื่นใบรับรองแพทย์จากคลินิกให้ “นี่ผลตรวจครับ ถ้าแม่ไม่เชื่อจะโทรถามหมอว่านก็ได้นะครับ หมอเองนั่นแหละที่แนะนำว่าคนท้องไม่ควรจะอยู่บ้านคนเดียว ผมถึงต้องพาแม็กมาขออยู่ที่นี่” คุณแม่มีท่าทีสับสนไม่รู้จะเชื่อดีหรือไม่เชื่อดี และเมื่อได้ฟังคำท้าทายนั่นท่านก็ไม่รอช้ารีบเรียกคนรับใช้มาทันที

   “ฟอง... ไหนมานี่ซิ โทรหาหมอว่านเดี๋ยวนี้เลย ฉันอยากรู้นักว่านี่มันเรื่องแหกตาอะไรกัน” คุณแม่บอกแล้วหยิบมือถือให้คนรับใช้ และรีบรับกลับมาทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย

   “หมอว่านเหรอลูก เมื่อกี้เจ้าอิฐพาเมียมันมา แล้วมาโกหกว่าเมียมันท้องได้!! ซ้ำยังท้าให้แม่โทรหาหมออีก........................ อะไรนะหมอ นี่หมอก็พลอยเป็นไปกับเขาอีกคนหรือไง? .......................... โอ๊ย... ฉันจะเป็นลม”

    หลังจากนั้นคุณแม่ก็เอามือกุมขมับเอนตัวเหมือนคนหน้ามืด

   “คุณแม่!!” ผมรีบเดินเข้าไปประคอง พร้อมสั่งคนรับใช้ให้ไปเอายาดมมาให้ กว่าจะหาทางแก้ไขให้คุณแม่อาการดีขึ้นก็พักใหญ่

   แต่แม่ก็ยังไม่ยอมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ สั่งทิ้งท้ายไว้ว่าพรุ่งนี้จะพาแม็กม่าไปตรวจอัลตร้าซาวด์เพื่อความมั่นใจว่าไม่โดนหลอกแน่ๆ ผมรับปากรับคำไป  หลังจากนั้นคุณแม่จึงยอมอนุญาตให้แม็กม่าพักอยู่ที่นี่ได้ชั่วคราว

   
   ผมสั่งคนรับใช้ให้นำกระเป๋าของแม็กม่าขึ้นไปเก็บไว้ที่ห้องของผม รอจนประตูห้องนอนปิดลงแล้วจึงเอ่ยขึ้น

   “เอ่อ... คืนนี้คงต้องอยู่ห้องนี้ไปก่อน ถ้าจะย้ายห้องหรือยังไง พรุ่งนี้ค่อยว่ากันนะ”

   “ถ้าแยกห้องกัน แม่คุณจะไม่สงสัยเหรอครับ”

   นั่นสินะ ผมคิดแล้วทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย

   “ผมเสียใจนะครับถ้าทำให้คุณรู้สึกเหมือนถูกบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว แต่ผมจะพยายามทำเหมือนไม่มีตัวตนให้มากที่สุดก็แล้วกันนะครับ...”

   “เธอจะทำอย่างงั้นได้ไง เธอไม่ใช่ผีซะหน่อย” ผมตอบเขาแล้วส่ายหน้าอย่างขบขัน หันไปปลอบ “วางใจเถอะ เธออยู่ที่นี่ได้ตามสบายเลย ปกติแล้วฉันก็ไม่ค่อยกลับบ้านหรอก” เพราะบางครั้งเลิกงานดึกและบ้านอยู่ไกล ไปค้างห้องบีทง่ายกว่ากันเยอะ

   “อ้อ นั่นสินะครับ ผมก็ลืมไป” อีกฝ่ายอุทานออกมาทันทีพร้อมคำพูดที่เหมือนรู้ทัน คำพูดที่เปรยขึ้นลอยๆ พร้อมยิ้มที่มุมปากทำให้คิ้วของผมขมวด

   “ยิ้มอะไร?”

   “เปล่าครับ” เขาปฏิเสธทันทีทั้งที่หน้ายังยิ้มอยู่ ผมขัดใจเล็กน้อยแต่ขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดจึงพูดต่อ

   “เธอคงต้องอยู่คนเดียวไปก่อนนะ ถ้าคุณแม่ท่านอ่อนลงกว่านี้ เดี๋ยวจะให้กุ้งตามมาดูแลทีหลัง”

   “ที่จริงไม่ต้องก็ได้นะครับ คุณแม่คุณคงไม่ใช้ให้ผมทำงานหนักอะไรนักหรอก”

   “ก็เผื่อว่าเข้ากับใครไม่ได้ ก็ยังมีเพื่อนไง...”

   “ขอบคุณนะครับ ผมยังไงก็ได้” เขาตอบแล้วเดินไปนั่งลงที่เตียง

   “ถึงแม้ว่าการที่เธอต้องมาอยู่ที่นี่จะนอกเหนือจากที่เราเคยคุยกันไว้ แต่ถึงยังไงฉันก็อยากให้เธอทำดีกับแม่ของฉันนะ ท่านอาจจะดุหรือปากร้ายไปบ้างแต่ความจริงท่านเป็นคนใจดีมาก”

   “ครับ ผมทราบ ถึงผมจะรู้ว่าคุณไม่มีสิทธิ์เลิกจ้างผมแล้วก็ตาม แต่แม่ของคุณก็เหมือนเจ้านายอีกคนของผมนั่นแหละ จะให้ก้าวร้าวใส่ได้ยังไงล่ะ” คำตอบนั้นฟังสะดุดหูขึ้นมาทีเดียว แต่คงเพราะเขาคิดอย่างนี้ เขาถึงแสดงออกกับคุณแม่อย่างนอบน้อม ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี!

   “ฉันดีใจที่ได้ยินอย่างงั้นนะ งั้นเธอจัดของตามสบายนะ ฉันจะกลับไปที่บริษัทอีกรอบ เดี๋ยวจะกลับมาให้ทันมื้อเย็นก็แล้วกัน” 

   “ครับ...”

   
   หลังจากนั้นผมก็ออกมาทำงานตามปกติ โดยพยายามมองนาฬิกาบ่อยๆ เพราะอยากจะกลับไปให้ทันมื้อเย็นตอนทุ่มนึงตามที่สัญญาไว้ หากแต่แผนการกลับล้มเหลวไม่เป็นท่าเมื่อบีทโผล่มาเซอร์ไพรส์ตั้งแต่ยังไม่หกโมงเย็น

   “กลับมาแล้วเหรอ?” ผมเอ่ยขึ้นอย่างดีใจเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งนั่นเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาพร้อมรอยยิ้มอย่างมีเสน่ห์

   บีททำงานเป็นไกด์ทัวร์ให้บริษัท เขาต้องบินไปต่างประเทศตลอด บางทีนั่นอาจจะเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่เขาไม่อยากท้องหรือมีลูกเพราะเขาคงต้องออกจากงานทั้งๆ ที่เขาชอบมันมาก และรอบนี้ก็หายไปเป็นสัปดาห์ ไม่นึกเลยว่าจะกลับมาเอาวันนี้

   “กลัวอิฐจะคิดถึงไงก็เลยรีบกลับมา” เขาตอบแล้วเดินยิ้มเข้ามากอดคอผมไว้

   “น่าจะโทรมาบอกกันก่อน” ผมบอกเขา แม้จะดีใจที่เจอหน้าแต่ก็อดกังวลขึ้นมาไม่ได้

   “ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ” เขาตอบยิ้มๆ ส่งมือขาวยื่นไปปิดแฟ้มงานที่ผมเปิดค้างไว้ปิดลงอย่างนุ่มนวล

   “พอเถอะ หมดเวลาทำงานแล้ว... กินข้าวกันดีกว่า” เขาชักชวนเชิงสั่ง

   “เอ่อ... วันนี้อิฐบอกแม่ไว้แล้วว่ากลับไปกินข้าวบ้านน่ะ” ผมบอกด้วยเสียงแสดงความเกรงใจ

   “หือ... เนื่องในโอกาสอะไร วันสำคัญอะไรเหรอ?”

   “เปล่า... แค่สัญญาไว้”

   “งั้นก็โทรไปแคนเซิลสิ นี่บีทอยู่ไม่กี่วันนะ เดี๋ยวก็ต้องไปอีกแล้ว”

   เขาทำเสียงอ้อน ส่วนผมทำหน้าลำบากใจ

   “จะไม่ไปจริงใช่ไหม? งั้นก็ช่างเถอะ ถึงอิฐไม่ไป บีทก็มีคิวสองคิวสามอยากไปด้วยอยู่ดี ไม่ต้องห่วง” เขายืดตัวตรงแล้วขยับตัวออกห่างทันที สีหน้าแสดงว่าไม่พอใจ

   “โธ่บีท... อย่างอนสิ”

   “ไม่ได้งอนนะ พูดจริง...” ผมถอนใจหนึ่งเฮือก...

   “โอเคครับ เดี๋ยวอิฐโทรบอกที่บ้านก่อนแล้วกันนะ แล้วจะตามไป” ผมตกลงอย่างเสียไม่ได้ ยื่นมือไปแตะแขนเขาเป็นเชิงง้อ ฝ่ายนั้นจึงคลายสีหน้าบึ้งตึงลง

   “ได้... งั้นบีทเดินไปรอหน้าลิฟท์นะ” เขาบอกแล้วก้มลงมาหอมแก้มผมก่อนจะเดินไปที่ประตู

   ผมจึงหยิบมือถือมาต่อสายหาแม็กม่าทันที

   “เอ่อ... ฝากบอกคุณแม่ให้ทีว่าวันนี้ฉันคงไม่ได้กลับไปทานข้าวเย็นนะ”

   “ฮะ!! คุณจะให้ผมกินข้าวกับแม่คุณตามลำพังเหรอ?”

   “ก็คงต้องอย่างงั้น”

   “คุณอิฐ... คุณก็รู้ว่าแม่คุณเค้าไม่ชอบขี้หน้าผม”

   “ขอโทษ… แต่ฉันติดธุระจริงๆ นะ เอาน่า ยังไงจะรีบกลับก็แล้วกัน”

   “ครับ...” อีกฝ่ายรับคำไม่เต็มเสียงนัก ผมชิงตัดสายไป



   ลงท้ายแล้ว ผมไม่ได้กลับบ้าน เนื่องด้วยหลังจากดินเนอร์แล้วบีทก็ชวนผมไปค้างด้วย และผมปฏิเสธไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง สุดท้ายแล้วได้ออกจากคอนโดหรูของบีทในตอนเช้าตรู่

   “อิฐ... ยังเช้าอยู่เลย คุณจะรีบไปไหนน่ะ?” เขาทักถามทั้งที่ตัวเขายังหมกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาบนเตียงกว้าง

   “กลับบ้านน่ะ” ผมตอบขณะแต่งตัวรีบๆ

   “ใจเย็นๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นเลย คุณน่ะสามสิบกว่าแล้วนะ หายไปคืนเดียว แม่คุณคงไม่แจ้งความว่าคนหายหรอก” เขาบอกแล้วหัวเราะ

   “พอดีแม่เค้าจะให้พาไปส่งทำธุระน่ะ”

   “พูดยังกับว่าที่บ้านไม่มีคนขับรถอย่างงั้นแหละ” บีทเอ่ยอย่างรู้ทัน

   “แม่ผมเค้าคงอยากอ้อนลูกชายบ้างล่ะมั้ง กลัวจะรักคนอื่นมากกว่า” ผมตอบอย่างประจบประแจงโน้มตัวลงหอมแก้มเขาฟอดหนึ่ง

   “อาจจะเป็นอย่างงั้นก็ได้”

   

   “นี่แกรักเมียแกจริงหรือเปล่าเนี่ย พามาอยู่บ้านแท้ๆ แต่ตัวกลับไม่กลับบ้าน” เสียงแม่ค่อนขอดทันทีที่เจอหน้า ทั้งแม่และแม็กม่าแต่งตัวเรียบร้อยพร้อมจะออกจากบ้านแล้วเมื่อผมไปถึง

   “ผมติดงานน่ะครับแม่...” ผมโกหกคำโตแล้วเดินไปยืนข้างแม็กม่า

   “เอาเถอะ ไปอาบน้ำได้แล้ว รอแกอยู่คนเดียว”

   “ไปเลยก็ได้ครับ... ผมอาบมาแล้ว”

   “ที่บริษัทมีห้องอาบน้ำด้วยเหรอเนี่ย ฉันเพิ่งจะรู้...”  ผมชะงักไปเพราะลืมตัว แม่มองกลับด้วยสายตาตำหนิ คงเพราะจับ
โกหกผมได้

   “งั้นก็ไปเลย.. เสียเวลามานานแล้ว” แม่พูดด้วยเสียงรำคาญแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องรับแขกไปก่อน ส่วนผมหันไปยังร่างแม็กม่าที่ยืนฟังเพียงอย่างเดียว ซึ่งถ้าหากแม่จับโกหกผมได้ แม็กม่าที่เคยทำงานที่บริษัทผมมาก่อนก็ต้องจับได้เช่นกัน...

   “ฉันขอโทษนะที่ทิ้งเธอไว้ลำพัง” ผมกระซิบบอกอย่างรู้สึกผิด แม้เขาจะไม่ใช่คนรักจริงๆ ของผม แต่การที่ปล่อยให้เขาเผชิญหน้ากับแม่เพียงคนเดียวคงทำให้ลำบากใจไม่น้อยทีเดียว

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมก็ชิน” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเฉยชา ก่อนจะเมินหน้าแล้วเดินตามแม่ผมออกไป

   แปลกนะทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่ได้ต่อว่าอะไรเลยสักคำ แต่ทำไมรู้สึกผิดชะมัดเลย...

   
++++++++++
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-9-] ย้ายบ้าน [23/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-04-2016 17:21:15
เฮ้ออ.  สงสารแมกม่า
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-9-] ย้ายบ้าน [23/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-04-2016 17:35:02
ดีแล้วล่ะแมกม่า ถ้าจะให้ดีกว่านี้ก็อย่าหวั่นไหวเชียวนะไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคต ไม่งั้นนายเจ็บแน่
เตือนตัวเองบ่อย ๆ ว่าเป็นคุณแม่รับจ้างน่ะ จะได้ไม่ลืมตัว
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-9-] ย้ายบ้าน [23/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 23-04-2016 18:32:33
เริ่มต้มมาม่า แมกม่าสู้ๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-9-] ย้ายบ้าน [23/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: zafiarest ที่ 23-04-2016 18:41:58
พระเอกอย่างนี้เป็นพระเอกได้ยังไง
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-9-] ย้ายบ้าน [23/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 23-04-2016 19:18:19
ง่ะ สงสารแม็กม่าอะ ให้แม็กม่าเป็นคนโปรดคุณแม่ไปเลยนะ แล้วให้ตัดอิฐออกจากกองมรดกไปเลยนะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-9-] ย้ายบ้าน [23/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 23-04-2016 21:53:29
....คุณแม่เปลี่ยนลูเป็นแม็กม่าเถอะครับ

เกรียดลุงอิฐ แต่เกรียดบีทยิ่งกว่า
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-9-] ย้ายบ้าน [23/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-04-2016 00:18:21
ขอให้นางเจอคนที่ดีเข้าสักวัน ไม่ก้อสร้างตราบาปให้อีกคนไปเลย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-9-] ย้ายบ้าน [23/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 24-04-2016 09:48:33
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-9-] ย้ายบ้าน [23/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: FaiiFay_Elle ที่ 24-04-2016 10:37:49
สงสารแม็กจัง แต่ก็อย่างว่าแหละ คนมันไม่ได้รักกัน จะให้อิฐมาใส่ใจดูแลตั้งแต่แรกก็แปลกไปหน่อย  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-9-] ย้ายบ้าน [23/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-04-2016 13:14:54
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-10-] [25/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 25-04-2016 18:05:59
-10-

   -อิฐ-
   
   หลังจากเห็นภาพอัลตราซาวด์ชัดๆ กับตาตัวเองว่ามีทารกอยู่ในครรภ์ของแม็กม่าแล้วแม่ก็หมดคำโต้เถียง ความเงียบนั้นทำให้ผมเดาอารมณ์แม่ไม่ถูก แต่ขณะที่ขับรถแล้วลอบมองกระจกส่องหลังเห็นท่านถือภาพอัลตร้าซาวด์แล้วคอยก้มดูอยู่บ่อยๆ ทำให้พอจะคิดในแง่ดีว่าท่านคงดีใจที่มีหลานเอามากๆ เลยล่ะ แต่พยายามเก็บอาการไว้

   ผมขับรถพาเราทั้งหมดกลับมาที่บ้าน คุณแม่แยกตัวเดินหนีไปทันทีโดยไม่พูดอะไร ผมจึงเป็นฝ่ายเริ่มถามเสียเอง

   “เอ่อ แม่ครับ คงยอมให้แม็กพักอยู่ที่นี่แล้วใช่ไหมครับ?” ท่านชะงักเท้าแล้วหันมาหาผมที่หน้าประตูบ้าน

   “ถ้าไม่ยอม... ฉันคงตะเพิดไปนานแล้วล่ะ” แม่ตอบแบบยังวางฟอร์มไม่เลิก แต่นั่นทำให้ผมยิ้มออก

   “แสดงว่า ถ้าผมมีลูกได้โดยไม่ต้องแต่งงานกับผู้หญิง แม่ก็จะยอมรับสะใภ้ที่เป็นผู้ชายได้ใช่ไหมครับ” ผมถามอย่างคาดหวัง ถ้าหากแม็กม่ามีลูกให้ผมได้แล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องทายาท ถึงจะคบกับบีท แม่ก็คงไม่ว่าแล้วสินะ

   “แม่น่ะยอมรับหลาน แต่กับคนอื่น...” คุณแม่ทิ้งช่วงแล้วปรายตามองไปยังแม็กม่าที่เดินออกมายืนเยื้องจากผมไป “ยังไม่แน่ใจ”

   “อ้าว... ไหงงั้นล่ะครับ”

   “เพราะว่าหลานน่ะเป็นลูกแก เป็นเลือดเนื้อเชื้อของบ้านเรา แม่จะใจดำตัดเขาได้ยังไง แต่กับคนอื่นถ้าคลอดลูกออกมาแล้วก็คือคนอื่น ไม่ใช่ว่ามีลูกแล้วจะดีเลิศขึ้นมาได้ ดีชั่ว...ก็อยู่ที่ตัวทำแล้วล่ะ” ผมถอนใจเศร้าๆ กับคำตอบของแม่

   “เอ่อ...งั้น ผมจะจ้างคนมาดูแลแม็กนะครับ”

   “จ้างมาทำไม เมียแกเป็นเจ้าเป็นนายหรือยังไง ถึงต้องหานางสนองพระโอษฐ์มาคอยรับใช้” ถ้อยคำจิกกัดของแม่ทำเอาผมแทบพูดไม่ออก...

   “มะ...ไม่ใช่อย่างนั้นครับ”

   “ไม่ใช่ก็ไม่ต้องหา คนที่นี่ก็เยอะแยะ ไม่ปล่อยให้เมียแกอดข้าวหรอก ยกเว้นแต่เขาจะประท้วงไม่มากินเอง” แม่ถอนใจรำคาญแล้วชิงเดินหนีไป

   ผมถอนใจอีกเฮือกแล้วหันมาหาแม็กม่าที่มีสีหน้ากังวลไม่แพ้กัน

   “เอ่อ.. ฉันก็ยังยืนยันนะว่าแม่เป็นพวกปากร้ายแต่ใจดี ถ้าเธอทำตัวดีๆ เดี๋ยวแม่ก็คงใจอ่อนเองแหละ”

   “แล้วถ้าไม่ล่ะครับ?” คำถามมีแววเศร้าทั้งหน้าตาและน้ำเสียง

   “เธอจะต้องเครียดทำไม ทนอีกไม่กี่เดือน เธอก็ได้ออกจากที่นี่แล้ว” ผมเอ่ยปลอบไปโดยไม่คิดอะไร แต่ทำให้คนฟังชะงัก เม้มปาก ตามมาด้วยรอยยิ้มแปร่งๆ

   “นั่นสิครับ ผมก็ลืมไป ว่าพอคลอดลูกแล้วผมก็กลายเป็นคนอื่น” เขาเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่กลับมานิ่งเรียบเฉยชาดุจเดิม ดั่งว่าคำพูดที่ทำให้ผมจุกนี่ไม่สามารถทำร้ายอะไรเขาได้เลย

   ผมยืนนิ่ง พยายามทบทวนตัวเอง คำพูดที่พูดออกไปโดยไม่ทันได้คิดมันแรงเกินไปหรือเปล่า? ถึงยังไงเราก็ยังต้องอยู่ร่วมชายคา ร่วมห้องกันไปอีกนาน อย่างน้อยผมควรจะแสดงความเสียใจสักนิด

   คิดได้ดังนั้น... ผมจึงเดินตามเขาขึ้นไปที่ห้อง มันคงเป็นที่เดียวที่เขาจะไปได้ในตอนนี้ และก็จริง ผมพบเขานอนคว่ำหน้าอยู่กับเตียง

   “แม็ก...” เสียงเรียกของผมทำให้เขาลุกขึ้นนั่ง ยกมือขึ้นเช็ดหน้ายุกยิกแต่ไม่ยอมหันมา จนผมต้องเป็นฝ่ายเดินอ้อมเตียงไปอีกด้านแทน  และก็เห็นสิ่งที่เขาพยายามซ่อนเอาไว้จนได้ มันคือรอยน้ำตาที่เขาพยายามเช็ดออกแต่ยังไม่หมด

   “มีอะไรจะใช้ผมเหรอครับ?” คำถามที่ส่งกลับมาช่างไม่เข้ากับสถานการณ์เลยสักนิด แต่ทำไมก็ไม่รู้ผมถึงรู้สึกว่าในคำถามนั้น...มันหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ

   “เธอร้องไห้เหรอ?”

   “เปล่า... เอ้อ...ครับ” เขาปฏิเสธและตอบรับในวินาทีถัดมาคงเพราะถึงจะปฏิเสธว่าไม่ ก็คงไม่มีใครเชื่อหรอก ลองหลักฐานคาตาซะขนาดนี้แล้ว!

   “ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

   “ขอโทษทำไมเหรอครับ คุณไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อยนี่ ที่คุณพูดมันก็ถูก”

   “อย่าประชดกันหน่อยเลยน่า...”

   “ผมไม่ได้ประชดหรอกครับ ผมพูดจริงๆ คนเราหนีความจริงไม่ได้หรอกครับ” เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   “ถ้าเธอไม่โกรธ แล้วเธอร้องไห้ทำไม?”

   “ผมไม่ได้ร้องไห้เพราะว่าผมอยากร้องหรอกครับ คงเป็นเพราะร่างกายของผมมันเปลี่ยนไปต่างหาก คนท้องก็มักจะอารมณ์อ่อนไหวเป็นเรื่องปกติน่ะครับ ยิ่งวันนี้หมอฉีดฮอร์โมนอะไรให้ก็ไม่รู้ สงสัยจะไปกระตุ้นต่อมน้ำตาให้แตกง่ายกว่าปกติด้วยล่ะมั้ง คุณ... ไม่ต้องใส่ใจก็ได้”

   “งั้นเหรอ? ถ้าเธอโอเคฉันก็ดีใจนะ” ผมบอกสั้นๆ แล้วเดินเลี่ยงออกมา ทั้งที่ไม่เชื่อเลยสักนิด

   แต่ผมไม่ถนัดเรื่องปลอบคนนี่นา คงจะดีกว่าที่แกล้งโง่แล้วเชื่อว่าเขาพูดความจริง รอไปสักพักเขาก็คงอารมณ์ดีขึ้นเอง หรือไม่ก็อาจจะง้อทีหลัง

   เอ๊ะ! ทำไมต้องง้อล่ะ ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยไม่ใช่เหรอ?

   ผมถอนใจอย่างสับสนเมื่อนึกถึงความจริงข้อนั้น

   แต่แล้วก็สะบัดไล่เรื่องพวกนั้นออกไปแล้วกลับไปที่บริษัทเพื่อสะสางงานที่ทำทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวานอีก ในใจก็กังวลถึงเรื่องยุ่งยากที่จะตามมา ทั้งเรื่องแม่ ทั้งเรื่องบีท แล้วก็เรื่อง...

   บ้าจริง!! ตัวเองมานั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตาไหลพรากซะขนาดนั้น แล้วมีหน้ามาบอกว่า “ ไม่ต้องใส่ใจ” งั้นเหรอ?

   หึ! จะไม่ใส่ใจ... ได้ยังไงล่ะ?

   “บอสคะ คุณบีทขอพบค่ะ” และแล้วเรื่องที่คิดไว้ก็หายไปเพราะประโยคนี้

   “ให้เข้ามาเลย”

   จะว่าไปแล้ว ผมควรจะบอกบีทได้ตั้งนานแล้ว เรื่องอุ้มบุญที่ว่านี่ แต่ที่ยังยืดเยื้อมาจนป่านนี้ก็เพราะเขาไม่ค่อยอยู่ การคบกับบีทดีตรงที่เขาเป็นคนอิสระ ไม่ค่อยจู้จี้วุ่นวาย ต้องการเวลาน้อย เขาเรียกร้องก็แค่เวลาที่เขากลับมาจากทำงานซึ่งกว่าจะเจอกันก็เป็นอาทิตย์ บางทีหายไปเป็นเดือน และเพราะเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมีน้อย ผมจึงอยากใช้มันให้คุ้มค่าด้วยการ กิน เที่ยว ทำเรื่องที่มีความสุข มากกว่าจะผลาญมันไปกับการพูดเรื่องเครียดหรือทะเลาะกัน ผมถึงไม่ “กล้า” บอกเรื่องแม็กม่ากับลูกของผมให้บีทฟังสักที แต่ตอนนี้มันอาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้

   ผมเงยหน้าขึ้นมองไปยังโซฟาชนิดปรับเป็นที่นอนได้ที่มุมห้อง ซึ่งบางครั้งผมใช้เป็นที่นอนบ้างเหมือนกัน ตอนนี้บีทนั่งอ่านนิตยสารเงียบๆ ระหว่างรอให้ผมทำงานเสร็จ แล้วเราจะได้ออกไปทานมื้อเย็นกันเช่นเคย

   “อิฐ...” จู่ๆ เขาก็เรียกโดยไม่เงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ

   “หือ...” ผมตอบรับทันทีและอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น

   “เมื่อไรจะมีแพกเกจทัวร์ไปทตโทริอีก อยากไปอ่ะ”

   “แล้วตอนนี้ไม่มีเหรอ?”

   “ถ้ามีจะถามเหรอ?” ตอบกลับมาแล้วหัวเราะ

   “แล้วที่ทตโทริมันอะไรล่ะ ถึงอยากไป”

   “พิพิธภัณฑ์โคนัน”

   “ฮะ! แล้วจะมีคนอยากไปเหรอ?”

   “ไม่ลองก็ไม่รู้นะ คนไทยชอบโคนันก็มีเยอะไม่ใช่เหรอ ที่จริงที่อื่นที่น่าเที่ยวก็มีอีกหลายที่ อย่างทะเลทรายแห่งเดียวในญี่ปุ่น สวนดอกไม้ ถนนเกะเกะโนะคิทาโร่ แล้วก็มีอนเซนด้วย”

   “ก็ดูน่าสนนะ เอาไว้จะลองเสนอให้แล้วกัน”

   “ขอบใจ ยังไงถ้าผ่าน ก็ไปด้วยกันสิ” ความจริงแล้วบีทชวนผมไปเที่ยวบ่อยมาก แต่ทั้งๆ ที่ทำเกี่ยวกับบริษัททัวร์แท้ๆ แต่กลับไม่ค่อยไปเที่ยวไหนไกลๆ เพราะห่วงงาน

   “ถ้าว่างก็อยากไปนะ”

   “ถ้าอยากไปจริงๆ ทำไมจะไม่ว่าง แค่สี่ห้าวันเอง” น้ำเสียงออกอ้อนทำให้ผมไม่อยากปฏิเสธเลย ทั้งๆที่ใจก้คิดว่าคงยากที่จะได้ไป...

   “ครับ... เอาไว้ถึงตอนนั้นก่อนแล้วกันค่อยว่ากันอีกทีนะ”

   เขาพยักหน้าแบบไม่เต็มใจนักแล้วก้มลงอ่านนิตยสารในมือต่อ   

   “บีท...” ผมกลั้นใจเรียกเขา ผมอยากบอกรเองสำคัญที่ปกปิดไว้มานาน

   “หือ...”

   “ยังจำเรื่องที่อิฐเคยถามเรื่องมีลูกได้หรือเปล่า?”

   เขาฟังนิ่งๆ อยู่เชื่ออึดใจก่อนจะช้อนตาขึ้นมองหน้า

   “บีทอ่ะจำได้... อิฐต่างหากที่จำไม่ได้... บีทเคยบอกแล้วนี่ว่าห้ามพูดไร้สาระแบบนั้นอีก”

   “แต่อิฐไม่ได้จะให้บีทตั้งท้องให้ซะหน่อยนะ”

   “แล้วจะให้ใครท้อง?”

   “ก็คนอื่น...”

   “ไม่เอา” ตอบกลับทันทีโดยไม่ได้คิด

   “ทำไมอ่ะ?”

   “ไม่เห็นต้องถามเลยว่าทำไม ก็บีทไม่อยากให้อิฐรักคนอื่นมากกว่า”

   “คนอื่นที่ไหน นั่นลูกของเรานะ”

   “ลูกของอิฐคนเดียวไม่ใช่ลูกของบีทด้วยนี่!! ไม่รู้แหละ ยังไงบีทก็ไม่ยอม” เขายืนกรานเสียงแข็ง แล้วปิดหนังสือในมือแล้ววางลงข้างตัวก่อนจะลุกขึ้น ใบหน้าไม่บอกอารมณ์

   “อ้าว...แล้วจะไปไหน?”

   “กลับแล้ว ขี้เกียจคุย” 

   ผมถอนใจเฮือก ไม่ได้หนักใจว่าอีกฝ่ายจะโกรธนาน แต่รู้สึกเซ็งที่นี่เป็นอีกครั้งที่คุยเรื่องเดิมค้างๆ คาๆ ไว้ไม่จบสักที ลงท้ายแล้วผมก็ไม่กล้าบอกบีท แล้วมันจะเป็นยังไงนะถ้าสักวันบีทรู้เรื่องนี้ขึ้นมาเองโดยที่ผมไม่ได้บอก เขาจะยอมยกโทษและหายโกรธง่ายๆ ได้หรือเปล่า



   
   เพราะบีทงอนแล้วขอตัวกลับไปก่อนและผมไม่มีอารมณ์ทำงานต่อ วันนี้จึงกลับบ้านเร็ว จะว่าไปแล้วก็ดีเหมือนกันที่จะได้กลับไปทันมื้อเย็นหลังจากที่ผิดนัดไปแล้วเมื่อวาน

   “คุณแม็กล่ะ?” ผมถามคนรับใช้เมื่อเดินเข้าตัวบ้าน

   “อยู่ในห้องนั่งเล่นกับคุณผู้หญิงค่ะ”

   “ฮะ!”ผมค่อนข้างแปลกใจในคำตอบนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ยื่นถุงผลไม้ที่ซื้อจากหน้าบริษัทให้คนรับใช้

   “เอาไปใส่จานแล้วเอามาให้ฉันที่ห้องนั่งเล่นก็แล้วกัน” ผมสั่ง ก่อนจะพาตัวเองเดินไปที่ห้องนั่งเล่น

   เสียงทีวีดังลั่นออกมาแต่ไกล ทันทีที่ผมเยี่ยมหน้าเข้าไปในห้องนั่งเล่นก็ได้ยินเสียงแม่ทักทายทันที

   “ตายจริง สงสัยคืนนี้ฝนจะตก ตาอิฐกลับบ้านแต่หัววัน”

   “โธ่แม่...” ผมทำเสียงอ่อนพลางปรายตามองแม็กม่าที่นั่งพื้นอยู่จนสุดมุมห้อง

   “หรือว่าไม่จริง ปกติไม่เคยเห็นหัว บ้างานเหมือนพ่อ คิดว่าตายที่ทำงานแล้วมันเท่นักรึไง?” แม่ประชด สีหน้าคล้ายไม่พอใจ
   ผมรู้ว่าแม่คงยังคิดถึงคุณพ่ออยู่ ท่านขยันขันแข็งจนถึงขั้นบ้างาน งานยุ่งตลอด และเสียชีวิตเพราะโรคหัวใจล้มเหลวที่บริษัทตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว หลังจากนั้นโรคบ้างานจึงสืบต่อมาถึงผมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่ว่ายังไงผมจะต้องสืบทอดบริษัทที่คุณพ่อสร้างขึ้นต่อไป ไม่ยอมปล่อยให้ตกเป็นของคนอื่นเด็ดขาด...

   “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมยังหนุ่มยังแน่น ไม่เป็นโรคประจำตัวอะไรด้วย อยู่ได้อีกนานครับ”

   “อ๋อ...เหรอยะ!!” แม่ส่งเสียงประชดอีก แล้วปรายตาไปที่แม็กม่า “แล้วคนนั้นน่ะมัวทำอะไรอยู่ล่ะ? ผัวกลับบ้านหัดไปดูไปแลมั่ง ระวังเหอะ ยิ่งกำลังท้องกำลังไส้  ห่างมากไปเดี๋ยวผู้ชายเค้าจะนอกใจไปมีเมียน้อย!”

   คำเตือนปนตำหนินั่นทำให้ผมอายจนหน้าม้าน ส่วนแม็กม่ารีบเด้งตัวขึ้นจากพื้นเดินมาหาผมโดยเร็ว ด้วยความสูงที่ห่างกันเกือบยี่สิบเซนต์ทำให้ผมต้องก้มมองเขา พยายามควานหาแววตาท่าทีของความขุ่นข้องหมองใจตั้งแต่เมื่อกลางวันว่ายังหลงเหลืออยู่ไหม แต่ดูเหมือนว่ามันจะหายไปหมดแล้ว

   “ถอดเสื้อสิคุณ” เขากระซิบเสียงเบา เมื่อผมยืนนิ่งมองหน้าเขาอยู่เป็นครู่

   “ฮะ?” ผมส่งเสียงสูงอย่างมึนงง

   “เสื้อนอกอ่ะ” เขากระซิบบอกอีกครั้ง

   “อ๋อ...” ผมรับคำ แล้วรีบถอดเสื้อแล้วยื่นให้อีกฝ่ายไปถือไว้ ไม่วายถามเสียงเบาอย่างข้องใจ “แล้วทำไมถึงได้มานั่งดูทีวีด้วยกันได้น่ะ คุณแม่เรียกมาเหรอ?”

   “เปล่า... ผมมาเอง”

   “อ้าว ทำไมล่ะ?” ผมถามอย่างแปลกใจ เพราะคุณแม่เป็นคนดุแถมยังปากร้ายขนาดนั้น จะมีสักกี่คนกันที่กล้ามาเผชิญหน้าด้วยถ้าไม่จำเป็น

   “ก็ผมเบื่อ ไม่รู้จะทำอะไรนี่นา ก็เลยแอบมานั่งดูทีวี” คำตอบนั้นเป็นเหตุผลที่เบามากทีเดียวกับการพาตัวเองมาเสี่ยงแบบนี้...

   “แล้วท่านว่าอะไรหรือเปล่าล่ะ?”

   “หึ ท่านไม่ได้ชวนก็จริง แต่ก็ไม่ได้ไล่นะ”

   แบบนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีหรือเปล่านะ ว่าคุณแม่เหมือนจะเริ่มยอมรับแม็กม่าขึ้นมานิดนึงแล้ว

   ผมเผลอยิ้มอย่างดีใจเมื่อคิดได้อย่างนั้น ก่อนจะสะดุ้งเพราะประโยคต่อมา

   “จะจู๋จี๋กันก็ออกไปไกลๆ ไป เกะกะลูกตา!” คำไล่นั่นทำให้ผมกับแม็กม่ารีบระเห็จออกมาโดยพลัน

   เอาเถอะ! บางทีเรื่องที่คิดไว้นั่นอาจจะยังไม่เกิดขึ้นตอนนี้ แต่อาจจะเป็นไปได้ในเร็ววันนี้ก็เป็นได้!!!


                                                   TBC.
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-10-] [25/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-04-2016 18:39:50
อ่านบทนี้แล้วรู้สึกว่าแม็กม่ากับคุณแม่ของอิฐน่ารักดี
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-10-] [25/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: janny_j ที่ 25-04-2016 18:43:21
แมกม่าน่ารัก น่าจะทำให้คุณแม่ใจอ่อนได้ ไม่เห็นความดราม่าของคุณแม่ แต่น่าจะดราม่าบีท มากกว่า ดูท่ายังไงคุณแม่ยอมรับแมกม่าแน่ๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-10-] [25/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-04-2016 18:44:02
เบาๆค่าขุ่นแม่
บีทนี่ยังไงหนอ ถ้ารู้ความจริงล่ะ หึหึ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-10-] [25/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-04-2016 19:36:14
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-10-] [25/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 25-04-2016 20:17:29
อ่านตอนนี้แล้วสงสารแม็ก  โคตรเคว้งคว้างอ่ะ อยู่ๆก็ต้องมาอยู่บ้านคนอื่น ไม่รู้จักใครทั้งนั้น
ลอยไปลอยมา ทำอะไรก็ไม่ได้ สถานะจืดจาง

เกลียดอิฐว่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-10-] [25/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 25-04-2016 20:43:46
รู้สึกว่าแมกม่าเวลาอยู่กับแม่น่ารักอะ คุณแม่ไม่มีลูกชายอีกคนหรอคะ จะได้ให้แมกม่าคู่กับคนนั้นที่ไม่ใช่อิฐ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-10-] [25/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 25-04-2016 20:59:04
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-10-] [25/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 25-04-2016 21:40:14
สงสารแมกม่า คุณแม่น่ารักเอ็นดูน้องแมกเยอะๆนะ
.
.
.ไม่ชอบบีชเลย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-10-] [25/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-04-2016 00:47:52
สงสารนางจัง เห้อ!!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-10-] [25/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 26-04-2016 00:53:06
 :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-10-] [25/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lolli_candy99 ที่ 26-04-2016 01:51:54
รักแมกมาาาา แมกมาน่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-10-] [25/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-04-2016 01:59:09
สงสารแม็กม่าอ่ะ
แต่คุณแม่อิฐก็แากร้ายแต่ใจดีจริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-10-] [25/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 26-04-2016 05:23:26
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-10-] [25/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-04-2016 08:39:05
คุณอิฐไม่ชัดเจนสักอย่าง!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-10-] [25/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 26-04-2016 09:51:12
แหม่...คุณแม่พูดได้ตรงเป้าเผงงงง  แมกม่าสู้ๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-11-] [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 26-04-2016 18:56:59
-11-

   -แม็กม่า-

   ระหว่างที่ผมเดินตามคุณอิฐออกจากห้องนั่งเล่น ผมก็มองแผ่นหลังกว้างนั่นสลับกับปลายนิ้วของตัวเองถูกอีกฝ่ายยึดไว้แล้วจับจูงเดินต่อไปจนกระทั่งพบพี่ดวงที่ถือจานผลไม้มาทางนี้พอดีเขาจึงหยุดเดิน

   “ขอบใจ” เขาเอ่ยสั้นๆ คว้าจานผลไม้นั่นแล้วจูงผมเดินออกไปนอกบ้าน

   ในที่สุดเราสองคนก็ไปหยุดยังซุ้มศาลาแปดเหลี่ยมสีขาวที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางสวนที่มีต้นไม้ร่มครึ้ม

   “คุณพาผมมาที่นี่ทำไมเหรอครับ?” ผมเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

   “ก็เราจะได้นั่งคุยกันโดยไม่มีใครมาสอดน่ะสิ” คำตอบของเขาทำให้ผมพยักหน้าเข้าใจ แล้วก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่ถูกกุมไว้ไม่ยอมปล่อยจนเขาต้องก้มหน้ามองตาม แล้วก็รีบชักมือนั่นกลับไปทันทีเหมือนกับกลัวว่าผมจะเข้าใจผิดคิดว่าแกเป็นตาลุงโรคจิตที่ชอบแต๊ะอั๋งเด็กๆ (ถึงในความเป็นจริงจะใกล้เคียงกันก็เถอะ)

   ผมเป็นฝ่ายก้าวเท้าขึ้นไปนั่งบนศาลานั่นก่อน ขณะที่ก้มหน้าก็เหลือบตาขึ้นมองคุณอิฐเดินตามขึ้นมานั่งในระยะห่างกันประมาณหนึ่งแล้ววางจานผลไม้ที่ผมเห็นชัดว่าเป็นมะม่วงเอาตอนนี้ เพียงแค่นั้นก็ทำให้ผมน้ำลายสอขึ้นมาทันที

   “มะม่วงหน้าบริษัทรึเปล่าครับเนี่ย?” ผมถามขึ้นแล้วนึกไปถึงซูกัสที่ชอบหาเรื่องอยากกินของพวกนี้ให้ต้องซื้อไปฝากอยู่เรื่อยทุกที

   “ใช่ ฉันตั้งใจซื้อมาฝากเธอ”

   “ขอบคุณนะครับ ถ้ามีน้ำปลาหวานด้วยก็คงดี” ไม่ใช่ว่าไม่อยากกิน แต่คิดว่ามะม่วงจิ้มพริกเกลือดูยังไม่อร่อยเท่าน้ำปลาหวาน

   “อ้าว... ฉันนึกว่าคนท้องจะอยากกินของเปรี้ยวๆ ซะอีก”

   “ต่อไปก็ไม่แน่นะครับอาจจะชอบ แต่บังเอิญตอนนี้ผมยังไม่เริ่มแพ้ท้องเลยครับ”

   “อ้อ...นั่นสินะ ก็เพิ่งเดือนนิดๆ เองนี่นา แล้วอย่างอื่นล่ะมีอะไรที่อยากกินไหม ไว้ฉันจะซื้อมาฝาก” 

   “ตอนนี้ผมไม่นึกอยากกินอะไรเลยครับนอกจากกาแฟ ไม่ได้กินมาสองอาทิตย์แล้วจะลงแดงตาย”

   “เธอติดกาแฟด้วยเหรอ งั้นทำไมไม่กินล่ะ ฉันก็ติดนะ ถ้าไม่ได้กินจะปวดหัว ง่วงนอนทั้งวัน”

   “ดื่มไม่ได้น่ะครับ ถึงหมอจะบอกดื่มได้แต่ต้องไม่มากก็เถอะ แต่ทางที่ดี ไม่ดื่มเลยจะดีกว่า”

   “อ๋อ... คนท้องเลยดื่มกาแฟไม่ได้สินะ” เขารำพึงกับตัวเองเบาๆ “ถ้างั้น เธอยากจะได้ทีวีหรือว่าโน้ตบุ๊กสักเครื่องไหม? จะได้ไม่เบื่อเวลาอยู่บ้าน”

   “ไม่ต้องหรอกครับ ลงไปดูกับแม่คุณก็ได้ ขืนขลุกตัวอยู่ในห้องไม่ออกมาดูโลกภายนอก คงโดนแขวะจนแผลเหวอะกันพอดี” ถึงผมจะคิดว่าการหลบหน้าไปเลยน่าจะสบายหูมากกว่า แต่จะให้หลบกันไปอีกตั้งหลายเดือนก็คงไม่ได้ สู้เผชิญหน้าแล้วปรับตัวเข้าหากันไปแต่เนิ่นๆ น่าจะดีกว่า ถึงยังไงผมก็ยังมีลูกคุณอิฐคอยหนุนหลังอยู่ทั้งคนนี่!

   “อืม... แต่ถ้าไม่มีอะไรทำจะเข้าไปเล่นคอมในห้องทำงานฉันก็ได้นะ”

   “ขอบคุณครับ” ผมขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม อดคิดไม่ได้ว่าคุณอิฐนี่ใจดีจัง เห็นผมร้องไห้ก็ตามมาปลอบ มาขอโทษแล้วยังซื้อของมาฝาก... เอ๊ะ!! หรือว่า...

   “คุณอิฐ... ถ้าคุณคิดจะเอาใจผมล่ะก็ ไม่จำเป็นหรอกนะครับ เดี๋ยวผมจะเคยตัว”

   “ฉันแค่อยากจะไถ่โทษน่ะ ที่พูดกับเธอแรงไปหน่อย แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอเสียใจหรอกนะ”

   “อย่าคิดมากเลยครับ บอกแล้วไงว่าอารมณ์ผมแปรปรวนนิดหน่อย แต่ทิ้งไว้สักพักก็หายแล้ว อีกอย่างคุณก็เป็นเจ้านายด้วย จะดุจะด่าก็มีสิทธิ์ทั้งนั้น”

   “พ่อฉันเคยสอนน่ะ ว่าเป็นเจ้าคนนายคนจะใช้แต่พระเดชอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใช้พระคุณด้วยถึงจะดี”

   “ท่านคงเป็นคนใจดีนะครับ” ผมนึกถึงรูปวาดใหญ่ๆ ที่ติดอยู่กลางบ้านตั้งอยู่คู่กับรูปแม่คุณอิฐก็ทำให้คิดไปเช่นนั้น

   “ใช่ ใจดีมาก” เขาตอบรับ สายตาเหมือนกำลังระลึกถึงวันเวลาอันแสนสุข จึงมีรอยยิ้มบางๆ

   “คุณคงนิสัยเหมือนคุณพ่อ”

   “ก็เหมือนทั้งสองคนนั่นแหละ บางทีฉันก็ใจดี บางทีก็ฟอร์มจัด”

   “คุณหมายถึงแม่คุณใช่ไหม?” ผมถามยิ้มๆ

   “ตอนกลับมาจากคลินิกน่ะ เธอนั่งอยู่ข้างหน้าไม่รู้เห็นหรือเปล่าว่าคุณแม่นั่งดูรูปอัลตร้าซาวด์ตลอดทางเลย ถึงปากจะประชดประชันนั่นนี่ แต่จริงๆ แล้วแม่คงดีใจมากนะที่มีหลาน”

   “คงไม่ใช่แค่แม่คุณคนเดียวหรอกครับ ถ้าใครมีลูกชายที่ชอบผู้ชาย พอรู้ว่ามีหลานได้ก็คงดีใจทั้งนั้นแหละ”

   “นั่นสิ... ทนๆ เอาหน่อยแล้วกันนะ ฉันเชื่อว่าแม่ต้องชอบเธอ” ผมอยากจะรู้นักว่าลุงแกเอาอะไรมาคิดกันว่าเป็นอย่างนั้น เอาอะไรมาเป็นเครื่องยืนยัน...

   “ทำไมครับ? คุณชอบผมแล้วเหรอ?”

   “ฮึ...”

   “ผมหมายถึงในฐานะลูกจ้างน่ะครับ ก็ถ้าขนาดคุณยังไม่ชอบผม ผมจะไปหวังให้แม่คุณชอบได้ยังไง”

   “อ๋อ ชอบสิ เธอออกจะว่านอนสอนง่าย สั่งอะไรก็ทำ ติดอยู่แค่... มองยากไปหน่อย”

   “มองยากยังไงเหรอครับ”

   “ไม่รู้สิ เวลาที่เธออยู่กับซูกัส เธอจะเหมือนมีพลังบางอย่าง ขี้บ่นแล้วก็จัดการเค้าจนอยู่หมัดจนบางทีฉันก็รู้สึกว่าเธอก็น่ากลัวเหมือนกัน แต่กับฉัน... เธอกลับไม่ค่อยต่อรอง ไม่สร้างปัญหา ดูไม่มีพิษมีภัย มันดูต่างกันน่ะ”

   “ผมเป็นเพื่อนกับซูกัสมาตั้งหลายปีแล้ว รู้จุดอ่อนจุดแข็งนิสัยใจคอกันดี บางเรื่องผมก็จัดการเค้าได้ แต่บางเรื่องผมก็ต้องยอมเค้า แต่มนุษย์เราย่อมมีการปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอด ตอนอยู่กับเจ้านายจะให้เอาแต่ใจทำตัวเหมือนอยู่กับเพื่อนได้ยังไงล่ะครับ”

   “นั่นสิ มันต่างกันขนาดนั้น บางทีฉันก็อยากรู้นะว่าความจริงแล้วเธอเป็นคนยังไง”

   “ผมว่าไม่จำเป็นหรอกครับ เพราะเวลาที่เราจะอยู่ด้วยกัน มันสั้นมาก มากจนคุณไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้”

   คำพูดของผมทำให้เขาเงียบไป...

   เขาคงเห็นด้วยกับผม มันคงจะดีกว่าจริงๆ ที่เราจะรู้จักกันเพียงผิวเผินและคงสถานะไว้แค่เพียงนายจ้างและลูกจ้าง... เมื่อต้องแยกย้ายกันไปจะได้ไม่อาลัยอาวรณ์

   ไม่แน่เหมือนกันถ้าแฟนคุณอิฐรักและดูแลเจ้าตัวน้อยอย่างดีที่สุดแล้ว ผมคงวางใจปล่อยให้ครอบครัวนี้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขโดยไม่โผล่หน้ามาเลยก็ได้ เพราะความรัก อาจจะไม่ลงเอยด้วยการอยู่ด้วยกันเสมอไป เราจะอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ และคอยคิดถึงเขาอยู่ไกลๆ ก็ได้ แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้นผมจะดูแลเค้าให้ดีที่สุด



   เป็นมื้อเย็นครั้งแรกที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา และการมีคุณอิฐอยู่ด้วยทำให้บรรยากาศไม่เลวร้ายเท่าเมื่อวาน เพราะทั้งๆ ที่แม่คุณอิฐส่งคนมาบอกว่าอาหารค่ำหนึ่งทุ่มตรงก็ตาม แต่กว่าจะได้ตักข้าวก็ล่วงเลยไปถึงทุ่มสิบห้า คงเพราะท่านคาดว่าคุณอิฐจะกลับมาทานข้าวเย็นด้วยแต่แล้วก็คอยเก้อ

   “คนมาครบแล้วก็ตักข้าวสิ รอใครอีกล่ะ” แม่คุณอิฐเอ่ยขึ้นมาทั้งที่ยังไม่ถึงทุ่มตรงดีทำให้แม่ฟองคุณแม่บ้านรีบกุลีกุจอตักข้าวใส่จานทันที

   “กลับมากินข้าวบ้านทุกวันก็ดีนะอิฐ ถึงไม่คิดถึงแม่ก็สงสารเมียบ้าง ปล่อยให้เป็นแม่สายบัวรอเก้อบ่อยๆ ก็น่าสมเพช” ระหว่างรอให้ตักข้าวจนครบคน ท่านก็เอ่ยขึ้นมา

   “แม่ก็รู้ว่าผมงานยุ่ง” คำแก้ตัวคุณอิฐยังกับท่องอาขยาน!

   “ถึงยุ่งก็ต้องกลับมาหลับมานอนบ้าง จะเสเพลค่ำไหนนอนนั่นเหมือนอย่างเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว ไม่คิดถึงเมียก็คิดถึงลูกบ้าง” นั่น! จากแม่มาเมีย จากเมียมาลูก!

   นี่ถ้าผมเป็นเมียตัวจริงของคุณอิฐนี่คงสะดุ้งสะเทือนพอตัวเลยล่ะ ท่านคงรู้อยู่เลาๆ ว่าคุณอิฐมีคนอื่นอีก เพียงแต่ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ เท่านั้น แต่มองในมุมกลับกัน ตัวผมเป็นคนอื่นแท้ๆ แต่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านนี่ถือว่าขี้โกงน่าดู และถ้าแฟนคุณอิฐเขารู้ขึ้นมาต้องไม่พอใจมากแน่ๆ

   “ครับแม่ ต่อไปผมจะพยายามนะครับ”

   “เข้าใจก็ทานข้าวกันได้แล้ว”

   เราทานอาหารร่วมกันตามปกติ แต่แปลกที่ผมรู้สึกไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไรเลย ผมไม่รู้ว่าการที่เบื่ออาหารไม่อยากทานอะไรเป็นอาการของคนแพ้ท้องหรือเปล่า แต่เพื่อรักษามารยาทก็ต้องตักข้าวใส่ปากพอเป็นพิธี จนคุณอิฐขอเติมข้าวเพิ่มแล้วผมยังทานได้ไม่หมดจานเลย

   “เป็นอะไร กินไม่ลง?” คำถามที่ลอยมาจากหัวโต๊ะทำให้ผมเงยหน้ามองท่านแล้วทำสีหน้าลำบากใจ บางทีก็กลัวท่านจะว่า “อาหารบ้านนี้ไม่ใส่ผงชูรสนะ ไม่เป็นอันตรายกับเด็กในท้อง แต่ถ้าไม่อยากกินเพราะเหม็นหรือไม่ชอบ แล้วอยากจะกินอย่างอื่นก็บอกฟองไป เดี๋ยวจะให้แม่ครัวทำให้”

   “ไม่เป็นไรครับ ผมทานได้ แค่รู้สึกไม่ค่อยหิวน่ะครับ”

   “ถ้างั้นก็กินซะหน่อยแล้วกัน ถ้าไม่กินอะไรซะบ้าง ดึกๆ คงหิวโซแน่ๆ”

   “ครับ” ผมยิ้มบาง เริ่มจะเชื่อคุณอิฐขึ้นมาแล้วล่ะว่าแม่เขาน่ะเป็นพวกปากร้ายแต่ใจดีจริงๆ ถึงคำพูดจาจะดุเด็ดเผ็ดร้อนประชดประชันในที แต่ก็เหมือนแค่วางฟอร์มไปอย่างงั้นเอง ความจริงเป็นคนใจดีมากด้วยซ้ำ



   คนท้องมีอภิสิทธิ์หลายอย่างเช่นได้อาบน้ำก่อน แต่ไม่สมควรล็อกห้องไว้เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ทำให้ผมไม่กล้าอาบนานเพราะกลัวจะโดนคนข้างนอกเปิดประตูเข้ามาเช็ก! ผมนั่งเป่าผมให้แห้งหน้าโต๊ะกระจก ทาครีม ทาแป้งฝุ่นเหมือนตอนอยู่คนเดียว เมื่อวานผมนั่งดมขวดโคโลญจน์ของคุณอิฐจนหมดทุกขวด มีแต่หอมๆ และคาดว่าแพงๆ ทั้งนั้นจนผมนึกสมเพชตัวเองว่าถึงคนธรรมดาอย่างผมจะมีเงินขึ้นมาได้ก็จริง แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปคือรสนิยมที่ยังต่ำเตี้ยเรี่ยดินเหมือนสมัยก่อน ผมถึงติดแป้งกระปุกและไม่ใส่น้ำหอมจนถึงตอนนี้

   ในที่สุดห้องอาบน้ำในห้องนอนก็เปิดออกมา คงเพราะในห้องไม่ได้มีเราแค่คนเดียว ต่างคนจึงหยิบเอาชุดนอนเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำด้วย ผมทึ่งชุดนอนคุณอิฐมาก เป็นชุดนอนผ้าไหมสีทองสวยหรูดูแพงมันวาวเด้งสะท้อนเข้าตา! มันโคตรจะแตกต่างกับชุดนอนบ้านๆ กางเกงขาสั้นชักรูดกับเสื้อกล้ามสีขาวที่ผมใส่อยู่เอามากๆ เลย จนผมก็นึกเสียดายที่ไม่ยอมเบิกเงินในธนาคารออกมาทำอะไรมีสาระเช่นซื้อชุดนอนงามๆ แบบนั้นบ้าง มันจะได้ดูสมกับห้องนอนกว้างขวางหรูหราที่กว้างมากกว่าห้องนอนที่บ้านเดี่ยวของผมสักสามห้องรวมกันนี่หน่อย!

   “เอาล่ะ เธอนอนที่เตียงนะ ส่วนฉันจะไปนอนที่โซฟาเอง” ในขณะที่ผมกำลังอายชุดนอนตัวเอง คุณอิฐก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังดั่งกำลังจะตกลงธุระสำคัญ ผมรู้หรอกว่าคุณอิฐคงไม่ใจดำมากพอจะขับไล่ไสส่งคนท้องไปนอนโซฟาได้แต่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าลุงแกจะลงทุนขนาดนั้น!

   “เตียงก็กว้างนะครับ นอนด้วยกันก็ได้ ผมไม่นอนดิ้นหรอก”

   “แต่ฉันดิ้น...” คำตอบที่สวนมาทำเอาผมขมวดคิ้วนิดหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเรื่องจริงหรืออำ

   “ถ้างั้นคุณคงนอนโซฟาไม่ได้หรอก ได้ตกลงมาคอหักพอดี ” ผมพูดติดตลก บางทีก็นึกขำกับท่าทีลำบากใจของเขา

   ถึงเราสองคนจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยาหลอกๆ เหมือนในละครหลายๆ เรื่อง แต่ผมกลับไม่นึกกลัวเขาจนต้องหาหมอน 38 ใบมากั้นกลางระหว่างกัน แหม... ก็เผื่อใครบางคนลืมไปแล้วว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้คือผมยอมรับการเป็นบ้านน้อยของเค้าด้วยซ้ำ เขาเองต่างหากที่เป็นคนบอกผมว่า “งานของผมไม่รวมเรื่องนั้น” นั่นคงเป็นเครื่องการันตีได้ดีว่าต่อให้ผมจะแก้ผ้ายั่วยวนเขามันก็เท่านั้นจริงไหม?

   แต่เอาเถอะ! ถึงจะปฏิเสธกันไม่เหลือเยื่อใยก็ตามที แต่ช่วยอย่าทำเหมือนรังเกียจกันให้รู้สึกแย่ไปกว่านี้ได้ไหม แค่ที่ต้องอ้างว้างโดดเดี่ยวไม่มีใครมาตั้งยี่สิบกว่าปีเนี่ยมันก็สลดพอแล้วลุง!! อย่ามาซ้ำเติมกันอีกเลย!

   ผมเลิกผ้าห่มหนาแล้วขึ้นไปนอนบนเตียงคิงส์ไซส์นั่นแล้วตะแคงหันหน้าไปข้างเตียงพยายามหลับตาลง ชั่วอึดใจหนึ่งก็ไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้นแสดงว่าเขายังยืนลังเลอยู่

   ไม่รู้ลุงแกจะคิดอะไรกันนักกันหนา!!

   ผมลอบถอนใจอย่างรำคาญนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยขึ้นลอยๆ ว่า...

    “มานอนบนเตียงเถอะครับ อย่ากลัวเลย ผมไม่ข่มขืนคุณหรอก”


+++++++++
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-11-] [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 26-04-2016 20:04:34
แม็กม่าน่าสงสารอะ ยิ่งอ่านยิ่งสงสาร
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-11-] [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 26-04-2016 20:37:46
เออ บ้านนี้เป็นสายทำงานหนักของแท้
เป็นพวกไม่ใส่ใจรายละเอียด ไม่ค่อยละเมียดละไม 

แม็กม่าคิดถูกแล้วล่ะที่ไม่พยายามรู้จักมากกว่านี้ เผลอใจขึ้นมาก็มีแต่เจ็บ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-11-] [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 26-04-2016 20:45:42
สงสารแมกมาจังเลย เฮ้อ!!! :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-11-] [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 26-04-2016 21:18:02
เดาว่าพอแม็กม่าคลอดลูกแล้วต้องห่วงลูกแน่เลยว่าอิฐกับคนรักจะเลี้ยงได้ไหม เพราะดูท่าแต่ละคนไม่น่าเลี้ยงเด็กได้
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-11-] [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-04-2016 21:21:11
เห้อออ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-11-] [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-04-2016 22:31:04
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-11-] [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-04-2016 01:45:24
อยากจะมีลูกแต่ตัวเองไม่พร้อมทั้งคู่จะมีทำไมนะ
สงสารแม็กม่าจริงๆ  :sad4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-11-] [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-04-2016 06:55:40
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-11-] [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 27-04-2016 09:48:07
 :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-11-] [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 27-04-2016 12:10:28
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-11-] [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 27-04-2016 12:36:54
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-11-] [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 27-04-2016 14:10:45
เหนื่อยแทนแมก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-11-] [26/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 27-04-2016 14:44:37
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
สงสารแม๊กกกกกกกกกก

ทั้งผัว(ปลอม)ทั้งแม่ผัว แล้วยังมี เมียน้อยอีก ตายยยย
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-12-] [27/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 27-04-2016 18:51:02
-12-
   
   -แม็กม่า-

   ผมงัวเงียตื่นขึ้นเพราะปวดฉี่ ช่วงนี้ผมฉี่บ่อยมาก ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะท้องหรืออุปาทานไปเอง ครั้นผมลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืดสนิท ก็รู้สึกได้ว่าหัวตัวเองกำลังซุกซบกับบางอย่างอยู่ซึ่งผมเดาได้ทันทีว่าคงเป็นร่างเจ้าของห้องนั่นแหละ ด้วยความเกรงใจกลัวเขาจะตื่นผมจึงพยายามเคลื่อนตัวอย่างแผ่วเบาสุดชีวิตออกจากผ้าห่มหนาค่อยๆ คลานลงจากเตียงนั่น แต่ไม่รู้ทำไมระยะห่างจากขอบเตียงฝั่งผมนั้นมันช่างกว้างอย่างกับสนามฟุตบอล!

   เมื่อผมเดินไปที่ห้องน้ำแล้วเปิดไฟ แสงไฟที่สาดออกมาทำให้พบเรื่องน่าอับอายแสนสาหัสนั่นก็คือพบว่าตัวเองนอนดิ้นกลิ้งไปกินเนื้อที่จนคุณอิฐขยับถอยมาติดขอบเตียงอีกฝั่ง อีกนิดเดียวก็จะตกลงไปอยู่แล้ว! ถึงขนาดนี้ผมก็ยังไม่รู้สึกตัวตื่นเลยจนกระทั่งตีสาม!

   หลังจากทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วจะกลับมานอน... เรื่องที่ทำให้เซ็งเพิ่มขึ้นอีกก็คือผมรู้สึกหิวขึ้นมาตอนนี้!

   ลูกจ๋า ทำไมทำร่างกายแม่ปั่นป่วนได้ขนาดนี้ฮึ! มานึกหิวเอาป่านนี้ ไม่รู้จะมีอะไรให้กินหรือเปล่าสิ!

   ถึงอย่างงั้นก็เถอะ จะนอนต่อก็คงหลับไม่ลงอยู่ดีนั่นแหละ

   ผมถอนใจเบาๆ แล้วค่อยย่องไปเปิดประตูห้องดังกริ๊ก!

   “จะไปไหน?” ถ้อยคำถามนั้นดังขึ้นมาจากเตียง ร่างหนาของเจ้าของห้องเด้งลุกขึ้นมาทันทีเป็นการบอกว่าเขาไม่ได้ละเมอ หรือเพิ่งตื่น บางทีเขาอาจจะตื่นมาสักพักแล้วเพราะผมกวน เพียงแต่แกล้งทำเป็นหลับจะได้ไม่ทำให้ผมรู้สึกอายก็ได้ที่กลิ้งเป็นขนุนจนเบียดเขาขนาดนั้น!

   “ผมหิว จะลงไปดูหน่อยว่ามีอะไรกินไหม”

   “พวกกับข้าวเค้าคงยกไปเก็บที่ครัวข้างนอกหมดแล้วแหละ ถ้าครัวในบ้านคงเหลือแต่พวกน้ำ” คำตอบนั้นทำความหวังพังทลายไปทันที ผมเบะหน้าเศร้านิดหน่อยแล้วยืนนิ่งที่เดิม ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ แล้วคุณอิฐก็ลุกขึ้นจากเตียงเดินมาหา

   “ลองลงไปดูก่อนก็ได้ เผื่อจะเหลืออะไรบ้าง” เขาบอกแล้วเป็นฝ่ายเปิดประตูเดินนำผมลงบันไดแบบวนลงไปด้านล่างที่มีแสงไฟดวงน้อยเปิดอยู่เพียงดวงเดียว

   คุณอิฐเปิดไฟระหว่างทางเดินแล้วเดินนำไปที่มุมครัวเล็กๆ เปิดตู้เย็นออกแล้วก้มๆ เงยๆ อยู่คนเดียว

   “มีแต่พวกน้ำผลไม้จริงๆ ด้วย พอดีว่าที่นี่ไม่ได้มีไว้สำหรับทำครัวน่ะ ส่วนใหญ่จะทำกันข้างหลังเป็นโรงครัวแยกต่างหาก ส่วนที่นี่จะเอาไว้อุ่นกับข้าวเฉยๆ จะออกไปดูข้างหลังกันไหมล่ะ?”

   “อย่าดีกว่าครับ อาหารเช้าตั้งตอนเจ็ดโมง ป่านนี้คงยังไม่มีใครตื่น ถ้าไปทำเสียงดัง เดี๋ยวจะโดนเข้าใจผิดว่าเป็นขโมยเอาเปล่าๆ”

   “แต่เธอหิวไม่ใช่เหรอ?” ไอ้หิวมันก็หิวอยู่หรอกนะ แต่... “งั้น... ออกไปกินข้างนอกกันไหม?”


   หลังจากนั้นผมกับคุณอิฐก็ออกมากินข้าวต้มโต้รุ่งที่หน้าปากซอยในชุดนอนเดิมเพิ่มเติมคือเสื้อคลุมอีกคนละตัว

   “ขอบคุณนะครับ ถ้าให้รอถึงเช้าสงสัยจะไส้ขาด”

   “ปกติแล้วเธอหิวตอนดึกๆ แบบนี้บ่อยๆไหม?”

   “ก็ไม่นะครับ อาจจะเป็นเพราะมื้อเย็นผมกินไม่ค่อยลง ก็เลยหิวแบบแม่คุณว่าก็ได้”

   “ถ้างั้น คนที่ทำให้เธอหิวคือลูกของฉันหรือเปล่า...”

   “ไม่รู้สิครับ... ถึงอยากถาม ก็คงยังตอบไม่ได้ด้วย และกว่าเขาจะพูดได้ ตอนนั้นผมจะไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้...” ผมเงยหน้าเศร้าๆ ขึ้นมองคนที่นั่งตรงข้าม เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพูดอะไรไม่ควรพูดไปอีกแล้ว

   ผมไม่ควรมีท่าที น้ำเสียงหรือสีหน้าที่สื่อว่ากำลังอาลัยอาวรณ์เลย

   ลูกของเขาก็คือลูกของเขา... ไม่ใช่ลูกของผมซะหน่อยนี่...

   หน้าที่ของผมก็แค่...

   “ผมอิ่มแล้ว... กลับกันเถอะครับ” ผมรีบตัดบทเลื่อนเก้าอี้ลุกขึ้นทันที ผมอยากไล่ตัวเองออกจากโรคซึมเศร้าที่ก่อตัวขึ้นกะทันหันนี้โดยไว

   “เก็บเงินด้วยครับ” คุณอิฐตะโกนเรียกลุงเจ้าของร้าน ในขณะที่ผมหมุนตัวเดินไปที่รถแล้วเกิดหน้ามืดขึ้นมากะทันหัน

   “แม็ก!!” เสียงคุณอิฐดังลั่นแล้วปรี่เข้ามาประคองผมทันที ผมหลับตาขมวดคิ้วหายใจยาวพยายามทรงตัวยืนขึ้น

   “เป็นไรมากไหม?”

   “ไม่ครับ” ผมตอบพยายามหายใจเข้าลึกๆ

   “เข้าไปนั่งในรถก่อนนะ” เขาบอกแล้วพยุงพาผมเข้าไปนั่งในรถ

   คุณอิฐหายไปครู่หนึ่ง คงเพื่อจ่ายค่าอาหารและกลับมาพร้อมยาดม

   ผมรับยาดมที่เปิดฝาแล้วมาจ่อจมูก สูดรับกลิ่นรุนแรงนั่นเข้าปอดทันที

   “ฉันโทรตามหมอแล้วนะ” เขาบอกขณะสตาร์ตรถ

   “ตอนนี้เนี่ยนะ?!” ผมโวยวายเสียงดัง เพราะนี่มันเพิ่งจะตีสี่

   “ก็ใช่น่ะสิ” เขาตอบแล้วเริ่มออกรถเพื่อจะกลับบ้าน

   “ตามมาทำไม ผมแค่หน้ามืด ไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย”

   “เธอไม่เป็นไร แต่ลูกฉันล่ะจะเป็นไรหรือเปล่า เธอจะรู้ได้ยังไง” เขาเถียงกลับอย่างเอาแต่ใจ ส่วนผมถอนใจแรง นึกเกรงใจหมอ และไม่เพียงแค่หมอ แต่อาจจะรวมไปถึง...




   นึกอยู่แล้วเชียวว่าหมอจะไม่มาคนเดียว! ทั้งหมอว่านทั้งซูกัสแถมลูกอีกคน มากันทั้งบ้าน!

   “ความจริง ไอ้อาการ หน้ามืดเป็นลมเนี่ยมันเป็นอาการปกติของคนท้องอยู่แล้ว เพราะว่าตอนตั้งครรภ์เลือดจะไปเลี้ยงมดลูกและทารกมากขึ้น เวลาลุกนั่งอย่างรวดเร็ว เลือดอาจจะไปเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้หน้ามืด” หมออธิบายเสียงนิ่มๆ

   “ผมก็บอกคุณอิฐไปแล้วว่าผมไม่เป็นไร” ผมตอบหมอกลับไป

   “ก็จะไปรู้เหรอ ไม่เคยท้องนี่” เสียงคุณอิฐเถียงกลับทันที “ตกลงว่าไม่อันตรายใช่ไหม? ลูกก็ปลอดภัยใช่หรือเปล่า”

   “ไม่อันตราย ถ้าไม่เป็นลมจนไปกระแทกอะไรเข้าอ่ะนะ”

   “ได้ยินไหมแม็ก จะลุกจะนั่งก็ระวังบ้าง”

   “ครับ ผมจะระวัง ผมจะพยายามไม่ทำให้ลูกคุณเป็นอันตราย” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเกือบประชดอย่างลืมตัว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

   ถึงเขาจะห่วงลูกแล้วไม่ห่วงผม... ผมก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรหรอก...

   “ใจร้ายใจดำ จะห่วงทั้งทีห่วงแต่ลูกได้ยังไง มันต้องห่วงทั้งแม่ทั้งลูกถึงจะถูก” เสียงซูกัสเอ่ยแทรกขึ้นมาเป็นเชิงตำหนิทันทีที่หันมาเห็นหน้าผม...

   “ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ห่วงแม่ซะหน่อยนะซูกัส” คุณอิฐตอบเสียงหวานอย่างเอาอกเอาใจ

   “ได้ยินไหมแม็ก คุณอิฐเค้าบอกว่าห่วงทั้งสองคนแหละ เพราะงั้นอย่าน้อยใจสิ”

   “ฮึ... ใครบอกว่าน้อยใจล่ะ” ผมเงยหน้าหันไปถาม

   “หน้าบอก” ซูกัสตอบ

   โอ๊ะ!! ตาย... ผมอยากร้องไห้ขึ้นมาทันที ไม่แน่ใจว่าซูกัสคิดไปเองหรือหน้าผมเป็นอย่างงั้นจริงๆ

   แต่ในสถานการณ์ที่ต้องแสดงละครงี่เง่านี่ ทำให้ไม่สามารถเถียงออกไปอย่างที่ใจอยาก ผมจึงทำได้แค่หลับตาลงดึงผ้าห่มมาคลุมเหมือนจะหลับ จะได้ไม่ต้องมองหน้าใคร ไม่ว่าจะเป็นหมอหรือคุณอิฐ ขอให้พวกเขาคิดว่าซูกัสตาฝาดและคิดไปเองทีเถอะ!!



   ตอนแรกก็แค่แกล้งหลับแต่ลงท้ายผมก็หลับไปทั้งๆ อย่างนั้นจริงๆ กว่าผมจะตื่นก็เกือบสิบโมง คุณอิฐคงไปทำงานแล้ว ผมเดินลงมาข้างล่างอย่างหวาดๆ กลัวจะโดนคำเสียดสีจากแม่คุณอิฐทิ่มแทงจนเลือดซิบ แต่ที่ไหนได้ท่านไม่ได้ว่าอะไรสักคำ ท่านแค่ทำหน้านิ่งๆ แล้วถามว่า

   “ดีขึ้นแล้วเหรอ?”

   “ครับ ดีขึ้นแล้ว...”

   “ถึงฉันจะคิดว่ากินอะไรตอนดึกมันจะไม่ค่อยดี แต่ถ้ามื้อเย็นเธอกินอะไรไม่ลงจริงๆ แล้วหิวตอนดึกๆ ก็คงช่วยอะไรไม่ได้นะ” ผมยืนฟังงงๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคุณอิฐจะเล่าเรื่องนี้ให้ท่านฟังทำไม แล้วท่านก็ขยายความต่อไปอีก “ตาอิฐสั่งแม่ฟองให้ซื้อของสดมาติดตู้เย็นนี้บ้างน่ะเผื่อเธอหิว แต่ซื้อมาก็เท่านั้นแหละถ้าทำไม่เป็นจริงไหม?”

   “นั่นสิครับ” ผมรับคำทั้งๆที่ผมเองก็ทำกับข้าวง่ายๆ ได้

   “ฉันเลยบอกให้ซื้อผลไม้กับพวกขนมปังมาไว้แทน แล้วจะบอกให้เก็บมื้อเย็นแช่ไว้บางส่วนเผื่อเธอจะอุ่นกินตอนดึกๆ น่าจะดีกว่านะ” วิธีนี้เข้าท่ากว่าจริงๆนั่นแหละ

   “ครับ ขอบคุณนะครับ”

   “หิวไหม? ถ้าหิวจะสั่งให้เตรียมมื้อกลางวันไวขึ้น”

   “เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ยังไม่ค่อยหิวหรอก...”

   “งั้น...ถ้าเธอไม่รู้จะทำอะไร จะนั่งดูทีวีด้วยกันก็ได้นะ”


   
   หลังจากนั้น ผมก็อาศัยอยู่ในบ้านของคุณอิฐอย่างมีความสุข ด้วยว่าคนทั้งบ้านรวมทั้งแม่คุณอิฐช่างเมตตาและดูแลคนท้องอย่างดีมากๆ ประคบประหงมอย่างไข่ในหินทีเดียว จนบางครั้งผมก็หลงนึกว่าแม่คุณอิฐคงรักผมอย่างลูกในไส้ไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมีเหตุการณ์บางอย่างย้ำเตือนความทรงจำ นั่นก็คือมีเพื่อนท่านมาเยี่ยม ผมซึ่งเป็นคนอื่นก็ไม่อยากเสนอหน้าไปสอดแทรกแต่ก็ไม่วายไปแอบฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็น

   “ได้ข่าวว่าคุณอิฐพาลูกสะใภ้มาให้พี่ทิพย์แล้วหรือคะ? ไหน น่ารักแค่ไหนเชียวน้องอยากเห็น” น้ำเสียงช่างสุภาพเรียบร้อยเป็นนักหนา... แต่ทำไมฟังแล้วน่าสะอิดสะเอียนขนาดนี้

   “ก็น่ารักค่ะ ถึงจะผู้ชายก็เถอะ”

   “อุ๊ย... พี่ทิพย์นี่ขี้เล่นนะคะ” ฟังดูก็รู้ว่าช่างเสแสร้ง แกล้งถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้ว

   “พี่ไม่ได้พูดเล่นหรอกค่ะ พูดจริง”

   “ตายจริง น้องก็นึกว่าที่คนอื่นเค้านินทาจะแค่ข่าวลือ พ่ออิฐนี่ช่างหาเรื่องให้แม่เครียดจริงนะคะ”

   ที่พูดนี่หวังดีจริงๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะแม่คุณอิฐมีเพื่อนช่างยุแยงอย่างนี้สิ ท่านถึงต่อต้านไม่ยอมรับสะใภ้ที่ลูกชายพามา...

   “ปลงแล้วล่ะค่ะ เค้ารักเค้าชอบของเค้าแบบนี้มาตั้งนานแล้ว”

   “เป็นลูกเต้าเหล่าใคร งานการมั่นคงหรือเปล่าคะ?”

   “ไม่ทราบเลยค่ะ ไม่เคยถามเหมือนกัน”

   “แล้วนี่พี่ทิพย์รับได้เหรอคะ?  มีสะใภ้ทั้งที ก็มาเป็นผู้ชายซะอีก แถมยังไม่มีหัวนอนปลายเท้า” ผมเม้มริมฝีปากแน่น ถ้อยคำเหล่านั้นช่างเสียดสีทำร้ายคนฟังจนเจ็บจุก แต่แม่คุณอิฐกลับระงับอารมณ์ตอบกลับได้อย่างไม่สะทกสะท้าน

   “รับได้สิคะ ถ้าลองมีหลานให้พี่อุ้มได้ จะเป็นใคร มาจากไหน พี่ก็ไม่สนหรอกค่ะ”

   น่าแปลก...ที่คำถามทำให้เจ็บจุกแต่ยังพอทนไหว แต่คำตอบทำให้ทรมานมากกว่านั้น

   ผมหงายฝ่ามือเช็ดน้ำตาที่ซึมๆ ออกเสีย ก็ไม่รู้จะเสียใจ น้อยใจไปทำไม กะอีแค่ดันสำคัญตัวเองผิดว่าได้รับความรัก แม่กับลูกเขาก็เหมือนกันนั่นแหละ ที่ทำดีด้วยทุกอย่างก็เพราะเห็นแก่ลูก เห็นแก่หลานกันทั้งนั้น

   ไม่มีใครที่รักผมเพราะผมคือผมเลยสักคนเดียว...

   

++++++++++
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-12-] [27/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 27-04-2016 19:30:35
น่าสงสาร แม๊กม่า
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-12-] [27/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-04-2016 19:35:58
 :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-12-] [27/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 27-04-2016 20:14:44
เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-12-] [27/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-04-2016 20:24:26
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-12-] [27/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 27-04-2016 20:28:32
จุก ไปร้องไห้เป็นเพื่อนแม่กมาดีกว่ :hao5: :hao5:า
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-12-] [27/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 27-04-2016 20:31:17
ความจริง....มันเจ็บขนาดนี้!!!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-12-] [27/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-04-2016 21:25:30
เตือนตัวเองบ่อย ๆ ว่าความจริงเป็นยังไง จะได้ไม่หวัง ไม่เจ็บมากนะแม็กม่า
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-12-] [27/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-04-2016 21:30:50
แมคม่าสู้ๆนะลูก อย่าให้ฮอโมนหรือคำคนมาสั่นคลอนเราได้
เราต้องแกร่งเพื่อสุขภาพจิตของลูกนะเออ.  :L1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-12-] [27/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 27-04-2016 21:30:58
โอ๊ย ใจหนอใจ จะทนไหวไหมนะแม๊กม่า

 :undecided: :undecided: :undecided: :undecided:

...
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-12-] [27/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 27-04-2016 22:30:46
 :hao5: :hao5: :hao5: เค้ารักแม็กม่านะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-12-] [27/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 27-04-2016 23:19:35
เห้ออออออออออออออออ!  ยาวกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-12-] [27/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 28-04-2016 09:41:15
 :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-12-] [27/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-04-2016 11:07:32
สงสารแม็กม่าจริงๆนะ
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-12-] [27/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: chancha ที่ 28-04-2016 12:15:38
 :กอด1: กอดแม็กม่า
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-12-] [27/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-04-2016 13:16:21
น้ำตาซึม...
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-12-] [27/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 28-04-2016 13:17:57
 :sad4: :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-13-] [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 28-04-2016 19:07:15
-13-

   ถึงผมจะน้อยใจ เสียใจยังไง ผมก็หนีไปไหนไม่ได้หรอก อย่าพยายามยุยงกันเลย เพราะนอกจากจะทำให้ตัวเองลำบาก คงทำให้ลูก (คนอื่น) พลอยลำบากไปด้วยเปล่าๆ ผมจะทำไงได้นอกจากทนอยู่ต่อไปอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวในฐานะลูกจ้างชั้นดีที่มีสิทธิ์ตีตัวเสมอนายได้ก็แค่นั้น ถึงจะขี้เกียจตัวเป็นขนหรือสวาปามทั้งวันยังไงก็ไม่มีคนบ่น จะนั่งๆ นอนๆ งีบตอนกลางวันก็ทำได้ตามสบาย

   ผมคงมีความสุขเอามากๆ ถ้าหากว่าจะไม่ถูก “โรคคนท้อง” เล่นงานมากมายขนาดนี้

   
   ก็ปกติแล้วผมก็ไม่ค่อยนอนกลางวันหรอก แต่หลังจากเริ่มท้องแล้วผมมักจะง่วงตลอด ซึ่งคาดเดาเอาว่าอาจจะเป็นผลมาจากกำลังท้องส่วนหนึ่งและไม่ได้ดื่มกาแฟด้วยส่วนหนึ่งทำให้ง่วงเหงาหาวนอน ซึมเซาทั้งวัน แต่เพราะความเกรงใจไม่กล้าอุดอู้อยู่ในห้องตลอด หลังจากทานมื้อกลางวันเรียบร้อยผมก็เอนหลังหลบงีบอยู่ในห้องนั่งเล่นนั่นแหละ

   วันดีคืนดี คุณอิฐผู้ซึ่งไม่เคยกลับบ้านไวก็เกิดกลับบ้านไวขึ้นมา แล้วแม่คุณอิฐก็เกิดความสมเพชเวทนาบอกให้เขาเอาผมไปเก็บ จะได้ไม่นอนเกะกะห้องนั่งเล่น แล้วผมก็ขี้เซาเอามากๆ ถึงได้ยินเสียงแม่คุณอิฐ ผมก็ไม่ยอมลืมตาขึ้น  มารู้ตัวอีกทีก็อยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว แล้วผมก็นิสัยไม่ดีเอาสุดๆ เลยที่ยังแกล้งหลับตลอดทางเพราะผมชอบกลิ่นของเขามาก หรืออาจจะไม่ใช่แค่กลิ่น แต่เป็นอ้อมกอดนั้นเลยก็ว่าได้มันทั้งอบอุ่นและมั่นคงและที่สำคัญหาซื้อที่ไหนไม่ได้ด้วย

   เอ่อ...จะด่าตรงๆ ก็ได้ว่าผมเพ้อเจ้อ!!

    เพราะบางทีผมก็ยังรำคาญตัวเองเลยที่จู่ๆ ก็อารมณ์อ่อนไหวมากขึ้นกว่าปกติ อาจจะเพราะวันๆ ผมไม่ได้ออกสู่โลกภายนอกเลย ผู้ชายคนเดียวที่เจอบ่อยที่สุดก็คือเขา นอกจากจะอาศัยอยู่ในห้องเดียวกันทุกวัน นอนบนเตียงเดียวกันทุกคืน แล้วยังตื่นขึ้นมาเจอหน้ากันทุกเช้าด้วย (ถ้าไม่นับว่าเขาก็หายไปบ้างตามประสาคนมีแฟนแล้วน่ะนะ!) แต่โดยรวมแล้วก็ทำให้ผมไม่มีโอกาสพบเจอใครอีกเลย จนบางครั้งผมก็นึกอยากถอนคำพูดที่บอกว่าจะไม่ข่มขืนเขาขึ้นมาเหมือนกัน! แต่ถึงผมไม่ทำอะไรฮาร์ดคอร์ขนาดนั้นก็ตาม แต่บางทีก็ชอบหลงลืมไปว่าไม่ควรมีใจให้คนมีเจ้าของแล้ว

   “เธอจะแกล้งหลับแบบนี้ไปถึงเมื่อไร” คำถามที่ลอยวนอยู่บนศีรษะทำให้ผมตกใจ แม้น้ำเสียงของเขาจะไม่ได้คาดคั้นหรือแสดงว่าไม่พอใจอะไรเลย แต่ผมก็อายจนหน้าม้านที่เขาจับได้เสียแล้วว่าผมแกล้งหลับ จึงต้องลืมตาขึ้นอย่างเกรงๆ

   “เปิดประตูให้ที” เขาสั่งและผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย ไม่มีทีท่าว่าเขาจะปล่อยตัวผมลงกลางทางอยู่ดี

   “ถ้าคุณรู้ว่าผมแกล้งหลับ ก็น่าจะบอกแต่แรก” ผมบอกเสียงเบาเมื่อเขาวางผมลงที่เตียง

   “เธอไม่ได้แกล้งกลับ แต่เธอเพิ่งตื่นต่างหาก” ผมเหล่ตามองเขาอย่างละอายใจที่เขาอุตส่าห์ช่วยแก้ตัวให้ ทั้งที่ความเป็นจริงตัวผมอยากจะยืดเวลาที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนั้นให้ยาวนานขึ้นอีกนิดด้วยซ้ำถ้าทำได้

   แต่ถึงจะอ่อยขนาดนั้นแล้ว อีกฝ่ายก็ทำเป็นไม่รู้ความคิดเหล่านั้น หรืออาจจะรู้แต่ไม่ใส่ใจก็ได้

   แลดูจะปวดใจกว่าปฏิเสธออกมาตรงๆ เสียอีก!

   “แล้วทำไมถึงกลับมาเร็วได้ล่ะครับวันนี้” ผมเริ่มเปลี่ยนเรื่อง ก่อนที่ความคิดของผมจะฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้

   “วันนี้วันเสาร์” คำตอบสั้นแต่ในฐานะพนักงานเก่า ก็ทำให้เข้าใจในทันทีว่าวันเสาร์จะหยุดครึ่งวัน แต่ปกติแล้วไม่ว่าจะวันไหนๆ เขาก็ไม่ได้กลับไวแบบนี้ตลอดสักหน่อยอยู่ดี!

   “อีกอย่าง ฉันซื้อชุดมาให้เธอลองด้วย” นี่ต่างหากเหตุผลที่แท้จริง

   “ชุดอะไรเหรอครับ”

   “พรุ่งนี้เราจะไปงานแต่งงานพี่สาวซูกัสกันไง ลืมแล้วเหรอ?”

   จริงสิ! เกือบลืมไปเลยว่าพี่แคนดี้กำลังจะแต่งงานใหม่กับเจ้าของรีสอร์ทในภาคเหนือแล้ว นี่ถ้าคุณอิฐไม่เตือน ผมคงลืมไปจริงๆ นั่นแหละ เพราะอยู่แต่บ้าน ปฏิทินก็ไม่ได้แตะเอาเลย เอาแต่กินแต่นอนจนลืมวันลืมคืนไปหมดแล้ว



   เช้ามาผมก็อยู่ในชุดสูทสุดเนี้ยบที่คุณอิฐสรรหามาให้ หมุนตัวไปมาหน้ากระจก อายุครรภ์แค่สองเดือนกว่าๆ ไม่ได้ทำให้ผมดูอวบอ้วน ลงพุงอะไรเลย ทั้งๆ ที่ผมออกจะกินดีอยู่ดีซะขนาดนี้!

   “ตัวเล็กดีจริงๆ ” คุณอิฐว่าขณะจับผมพลิกตัวหันไปหาแล้วโน้มตัวลงมาช่วยขยับเสื้อสูท จัดปกเสื้อให้ รวมทั้งบรรจงผูกเนคไทเส้นใหม่ให้อย่างแคล่วคล่องจนผมก็อดเขินขึ้นมาไม่ได้

   “เตี้ยก็บอกว่าเตี้ยเถอะครับ ไม่ต้องอ้อมค้อมก็ได้” ผมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ เมื่อเห็นเขาต้องก้มหน้าซะขนาดนั้น แต่กลับเลี่ยงไปใช้คำพูดที่เหมือนชม

   “เค้าเรียกว่าไซส์มินิต่างหาก” เขาปลอบใจซ้ำพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ผมทำหน้าเซ็งกว่าเดิมอีก

   “ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหนเลย”

   “ตัวเล็กๆ แบบนี้... น่ารักดีออกนะ” คำพูดนั้นทำให้ผมเลิกคิ้วแปลกใจ

   “แฟนคุณก็ตัวเล็กเหรอครับ?” เขาชะงักแล้วเหลือบตาขึ้นสบตาผม จนผมเองก็นึกตกใจเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ขึ้นมาได้...

   “ไม่หรอก”

   “งั้นก็แสดงว่าตัวเล็กแล้วไม่ดี” ผมเอ่ยลอยๆ คล้ายรำพึงกับตัวเองมากกว่า

   นี่ผมคงอาการหนักมากแล้ว ถึงได้เอาตัวเองไปเทียบกับแฟนคุณอิฐแบบนี้

   “ฉันไม่ได้คบกับเค้าเพราะเขาสูงกว่าเธอซะหน่อยนี่ ฉันคบกับเขาเพราะฉันรักเขาต่างหาก”

   จริง! ที่เขาพูดมาก็ถูก เหตุผลง่ายๆ ที่ทำให้คนเราคบกันและเลิกกัน ก็คือรักและไม่รัก

++++++++++

   งานแต่งงานของพี่แคนดี้ทำให้ผมเหนื่อยมาก เพราะรอบด้านอบอวลไปด้วยกลิ่นความรัก ทั้งคู่บ่าวสาว ทั้งคู่พ่อแม่มือใหม่ รวมถึงคู่ผมด้วยเช่นกัน ก็คุณอิฐเล่นคอยตามดูแลทุกย่างก้าวจนผมรำคาญ เขาคงกลัวผมจะไปสะดุดก้อนหินหกล้มหน้าคว่ำทำลูกเขาเป็นอะไรไปล่ะมั้ง หรือไม่ก็กลัวซูกัสจะโวยวายอาละวาดถ้าเกิดเขาดูแลผมไม่ดี เห็นแล้วก็น่าสงสาร เขาคงอึดอัดใจมากที่ต้องมาตามดูแลใครก็ไม่รู้ คนรักก็ไม่ใช่ทั้งวันแบบนี้…

   ทีแรกผมก็รู้สึกดีใจเล็กน้อยที่ได้เจอหมอ ก็ว่าจะปรึกษาเขาอยู่พอดีที่ช่วงนี้ค่อนข้างอารมณ์แปรปรวน ถึงปกติจะเป็นพวกคิดมากอยู่แล้วก็เถอะ แต่เดี๋ยวนี้มันชักจะเริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ แต่หมอก็เป็นพวกวิชาการมากเกินจนสุดท้ายก็ไม่ได้ให้คำตอบที่รูปธรรมเท่าไรนัก สรุปความที่เขาร่ายยาวหลายสิบนาทีย่อรวมกันมีเพียงว่า ภาวะซึมเศร้าในช่วงตั้งครรภ์เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนแม้แต่คนที่อารมณ์ดีเสมอ วิธีแก้คือหาอะไรคลายเครียดทำ ซึ่งคำแนะนำไม่ได้ช่วยอะไรเลย!!

   ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก คืออาทิตย์ต่อมามีประชุมบอร์ดผู้บริหาร แล้วแม่คุณอิฐซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (อะไรประมาณนั้น) ก็มาร่วมประชุมด้วย แล้วท่านก็ลากผมมาด้วยเพราะไม่อยากให้อยู่บ้านตามลำพังกับคนอีกมากมายที่ไม่มีใครขับรถเป็น (คุณอิฐกับคุณแม่จะระแวดวังภัยเหมือนดั่งว่าถ้าปล่อยผมไว้ตามลำพังแล้วจะเกิดอันตรายร้อยแปดพันประการที่ทำให้ลูกท่านหลานเธอเป็นอะไรไปกันตลอด!)

   ผมก็เลยต้องตามมาบริษัทด้วยอย่างขัดไม่ได้ แต่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมนะครับ แค่นั่งรออยู่ในห้องรับรองแขกเท่านั้นแหละ แล้วตอนขามาผมมากับแม่คุณอิฐก็จริง แต่ตอนขากลับทำไมท่านไม่พาผมกลับไปด้วยก็ไม่รู้ ท่านปล่อยผมเท้งเต้งคนเดียวซะงั้น จนคุณอิฐต้องพาผมไปเที่ยวห้องประธานกรรมการผู้บริหารเป็นครั้งแรก แล้วผมก็ถูกทิ้งเป็นครั้งที่สองเมื่อคุณอิฐเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านรายงานการประชุมโดยไม่สนใจผมอีกเลย

   เล่ามาถึงตรงนี้ก็คงสงสัยกันว่าแล้วมันไม่ดียังไงใช่ไหมครับ  ใจเย็นๆ ก่อนมันยังไม่ถึงจุดพีค! นั่นก็คือระหว่างที่ผมนั่งลุ้นว่าเมื่อไร คุณลุงจอมบ้างานจะทำงานเสร็จแล้วพาผมออกไปกินมื้อย่อย หรือไม่ก็พากลับไปงีบที่บ้านนั้นก็ดันมีแขกไม่ได้รับเชิญเปิดประตูผลั่วเข้ามาในห้องซะก่อน แน่นอนว่าไม่ใช่เลขาหน้าห้อง แต่เป็น...

   “บีท...” คุณอิฐเรียกเขาด้วยสีหน้าตกใจแล้วเบนหน้ามามองทางผมที่เอนหลังอยู่ที่โซฟามุมห้อง ทำให้คุณบีทหันมามองตาม แล้วยิ้มเหยียด...

“อ้อ!! ไอ้เราก็นึกว่าแขกที่ไหนคุยธุระตั้งเป็นชั่วโมงยังไม่ยอมกลับ ที่แท้ก็กิ๊กใหม่นี่เอง” ผมหน้าเสียขึ้นมาทันที

“ไม่ใช่นะบีท” คุณอิฐรีบแก้ตัวอย่างตกใจ

“ถ้าไม่ใช่ แล้วนี่ใคร! คุณคิดว่าผมโง่นักหรือไง!!” เขาตะคอกใส่แล้วเดินหนีออกจากห้องทันที ส่วนคุณอิฐก็รีบวิ่งตามไปง้อแฟนเขาทันที... เป็นผลให้ผมถูกทิ้งรอบที่สามของวัน

หึ อะไรจะน่าสมเพชขนาดนี้!!



   ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีซะเหลือเกินที่คุณอิฐจ้างผมมาอุ้มท้องแทนที่จะเป็นเมียเก็บของเขาอย่างที่ผมนึกมโนไปเองคนเดียวนั่น เพราะถ้าเป็นอย่างหลังผมคงนึกน้อยเนื้อต่ำใจหนักกว่าเดิมเสียอีกเมื่อได้พบหน้าคุณบีทแฟนคุณอิฐตัวเป็นๆ เข้า เขาสูงประมาณสัก 6 ฟุตใกล้เคียงกับคุณอิฐ ใบหน้าหล่อเหลา (ขนาดว่าโกรธก็ยังดูดี) บุคลิกดูมั่นอกมั่นใจในตัวเองและแววตาที่มีเสน่ห์มันช่างแตกต่างจากผมโดยสิ้นเชิง นี่ถ้าเด็กสามารถกำเนิดโดยไม่ต้องใช้ไข่ของผู้หญิงแต่นำเอาอสุจิมาผสมกันได้ ลูกของคุณอิฐกับคุณบีทนี่คงหน้าตาดีพิลึก!

   ถ้าเอาไปเทียบกันแล้ว ผมก็เหมือนเด็กกะโปโล ตัวเตี้ย หน้าตาธรรมดาแถมจืดชืดไปหมดทุกอย่าง เพราะอย่างนี้ไง ข้อเสนอของคุณอิฐเลยไม่รวม “เรื่องนั้น” เข้าไปด้วย!

   ให้ตาย ผมเกลียดตัวเองชะมัดที่นึกน้อยใจ เฝ้าอิจฉาคนอื่นอีกแล้ว ทั้งๆ ที่ย้ำเตือนตัวเองตั้งไม่รู้กี่ครั้งกี่หนว่า “ไม่มีสิทธิ์” ตัวผมที่ยอมรับข้อเสนอพวกนั้นง่ายๆ คงมองดูน่าขยะแขยงมากทีเดียวในสายตาของเขา ผมคงเป็นแค่คนหน้าเงิน ที่ยินดีทำทุกอย่างได้เพื่อมัน ก็แค่คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่เขาหามาก็แค่นั้น   

   “แม็ก...” ในที่สุดคุณอิฐก็กลับมาอีกครั้ง ผมรีบใช้ส้นมือเช็ดน้ำตาที่คลอๆ นั่นอย่างเจ็บใจตัวเอง

   ตัวผมที่นึกน้อยเนื้อต่ำใจกับโชคชะตาของตัวเองมาตลอดชีวิตแต่ก็ไม่เคยร้องไห้ให้คนอื่นเห็น เดี๋ยวนี้ผมกลับกลายเป็นเด็กหนุ่มเจ้าน้ำตาไปแล้ว

   “เดี๋ยวเราออกไปทานมื้อเย็นด้วยกันนะ บีทอยากจะคุยกับเธอ” ผมควรดีใจกับเขาด้วยใช่ไหมที่ปรับความเข้าใจกันสำเร็จในที่สุด

   “ครับ” ผมตอบรับพร้อมสูดน้ำมูก

   “เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ?” คำถามนั้นทำให้คิดไปว่าอีกฝ่ายช่างสังเกต แต่กลับตอกย้ำความน่าอายของตัวเองมากขึ้นไปอีก

   “ครับ สงสัยแอร์จะเย็นไปหน่อย” ผมนึกขำตัวเองที่คิดหาคำแก้ตัวได้ทุเรศสิ้นดี แต่อีกฝ่ายก็ยังมีแก่ใจถอดเสื้อสูทของตัวเองออกมาคลุมให้

   “ถ้าหนาว เธอน่าจะบอกให้หรี่แอร์นะ คนท้องอย่าฝืนตัวเองจนป่วยจะดีกว่า” ประโยคสุดท้ายของเขาทำให้ความซาบซึ้งใจนั้นหดหายไปอีก ผมยิ้มเหยียดกับตัวเองที่หลงดีใจขึ้นมาชั่วแวบหนึ่งทั้งที่ควรทำใจให้ชินได้แล้ว

   ผมไม่ควรนึกได้ใจที่ได้รับความความห่วงใยเหล่านั้น ไม่ควรเลยจริงๆ


++++++++++

 :hao5:
      
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-12-] [27/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 28-04-2016 19:27:04
พาแม็กม่าหนีดีกว่า
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-13-] [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-04-2016 19:34:44
เถียงไม่ได้ก้อร้องไห้ใส่เลยนะแมก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-13-] [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-04-2016 19:50:37
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-13-] [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 28-04-2016 20:10:42
อึดอัดแทนแม็กเลยนะเนี้ย

บีทน่ากลัวกว่าแม่คุณอิฐอีกนะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-13-] [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 28-04-2016 20:17:20
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-13-] [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-04-2016 20:56:55
พยายามเข้านะแม็กม่า ในฐานะที่นายเลือกแล้ว และเลือกมันด้วยตัวเอง  o13
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-13-] [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-04-2016 22:12:02
 :sad4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-13-] [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-04-2016 23:18:47
เมื่อไหร่จะคลอดลูกซะที?
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-13-] [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-04-2016 23:39:22
เห้ออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ!!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-13-] [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 29-04-2016 02:57:29
น้ำตาซึม
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-13-] [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 29-04-2016 09:46:35
แม็กม่าอดทนไว้ครับ หุหุ (แล้วเอาคืนอย่างสาสม)
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-13-] [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 29-04-2016 13:55:00
แม็กม่า...ทุกครั้งที่เสียใจหรือนอยด์
แนะนำว่าให้ควักสมุด บ/ช ออกมาดู...แล้วบอกตัวเองว่า..ชั้นทำเพื่อเงิน!!!
คลอดแล้วได้เพิ่มอีก 3 ล้าน ธุรกิจคือธุรกิจ!!ไม่โกงนะแม็กม่า!!
คุณอิฐมีเมียแล้ว ที่สำคัญรักเมียมาก!!
เดี๋ยวจะเป็นประเด็นแบบแม่อุ้มบุญอีกนะ...บาปเปล่าๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-13-] [28/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 29-04-2016 15:41:32
ทนไว้ๆๆ รอคลอดแล้วไปให้ไกลเลยนะ ไม่ต้องมาเจอกันอีก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-14-] [29/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 29-04-2016 19:02:26
-14-

   -แม็กม่า-
   
   ผมจำที่นี่ได้ดี มันคือร้านอาหารที่คุณอิฐเคยพาผมมาในวันแรกที่เราพบกัน ผมเพิ่งรู้เอาตอนนี้ว่าเป็นที่ประจำที่เขาจะมากับคุณบีทเสมอๆ ร้านอาหารร้านเดิม อาหารชนิดเดิม ไวน์ราคาแพงที่ถูกสั่งมาเหมือนเดิมทุกอย่าง แตกต่างคือจำนวนคน

   ผมนั่งเงียบๆ อย่างอึดใจ แม้จะถูกพามาร่วมโต๊ะด้วยแต่ก็รู้สึกได้ว่าเป็นส่วนเกิน แม้คุณอิฐจะหันมาใส่ใจกันบ้างเป็นบางที แต่ก็ไม่มากเกินไปนัก เขาคงเกรงใจแฟนตัวจริงมากกว่า ส่วนคุณบีทก็แสร้งทำเหมือนว่าไม่แคร์ว่าผมจะอยู่หรือไม่อยู่ คงเพราะเขาย่อมรู้ตัวว่าเขาเหนือกว่าผมในทุกๆ ด้าน

   ผมมองดูคุณบีทจิบไวน์ราคาแพงอย่างชื่นชมปนหมั่นไส้ สายตาและท่าทางที่แสดงออกถึงความมั่นใจในตัวเอง ทำให้ดูเหมือนข่มอยู่ในที ทั้งๆ ที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาด้วยซ้ำ ในระหว่างที่ผมมองเขา เขาก็เหลือบตามาทางผม เราสองคนสบตากันแวบหนึ่ง ซึ่งผมเป็นฝ่ายยอมแพ้เบนสายตาหนี

   “มองทำไม อยากดื่มบ้างหรือไง” เขาเอ่ยขึ้นมาทำให้ผมสะดุ้ง คุณอิฐหันมามองผมทันที

   “เปล่าครับ” ผมรับปฏิเสธ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำให้ผมอึดอัดมากขนาดนี้

   “ทำไมล่ะ ขวดนึงตั้งหลายหมื่นนะ”

   “แม็กดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้หรอก” คราวนี้คุณอิฐเป็นฝ่ายตอบแทน เพราะเขาย่อมรู้ดีว่าผม “ดูแล” ลูกของเขาดีมากแค่ไหน

   “อ้อ...ลืมไปว่าท้องอยู่  ดูเหมือนว่าเธอจะดูแลเด็กได้ดีกว่าแม่บางคนซะอีกนะ” ผมไม่แน่ใจว่านั่นเป็นคำชมจริงๆ หรือแค่ประชดกันแน่

   “แน่นอนครับ นั่นเป็นหน้าที่ของผมนี่นา” ผมตอบรับแกนๆ  ระหว่างระแวดระวังว่าจะเขาจะเดินเกมแบบไหน

   “ตอนแรกก็ดูแลแค่ลูก นานๆ ไปก็ดูแลพ่อด้วยอีกคนใช่ไหม?” คำถามแทงใจดำจนแทบสะอึก

   “บีท...” คุณอิฐกดเสียงต่ำเป็นเชิงปราม แล้วคนพูดก็หัวเราะยิ้มแย้มแจ่มใสกลบเกลื่อน

   “ฮึฮึ ผมแค่ล้อเล่นเอง ทำไมต้องดุด้วยล่ะ แค่จ้างมาท้องให้เฉยๆ อีกไม่กี่เดือนก็ต้องไปแล้ว คุณบอกผมแบบนั้นนี่”

   เจ็บ... ผมเจ็บมือเหลือเกิน มือที่ถูกเล็บของตัวเองจิกอุ้งมือสุดแรงเพื่อไม่ให้โต้เถียงอะไรออกมาได้ ผมเจ็บเพราะผมทำร้ายตัวเอง ไม่ได้เจ็บเพราะเขาเอาความจริงมาพูด

   ทนต่อไปเถอะ... อีกไม่กี่เดือนก็จะได้หลุดพ้นจากสภาพแบบนี้แล้ว



   และแล้วเราก็ผ่านมันไปจนได้ ผมดีใจมากที่ได้หลุดพ้นจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนั่นเสียทีโดยยังเหลืออวัยวะครบสามสิบสอง (ไม่รวมของลุกเข้าไปด้วย) คุณอิฐขับรถมาส่งผมที่บ้านทั้งๆ ที่ผมบอกเขาแล้วว่าไม่ต้อง เขาก็ไม่ยอม ผมไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะแวะมาส่งผมทำไมในเมื่อเขารับปากคุณบีทไว้แล้วว่าจะกลับไปหาอีก...

   “ฉันขอโทษแทนบีทด้วยนะ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ดีนักระหว่างทางกลับ

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ เขาก็ไม่ได้ด่าว่าอะไรผมนี่นา” ผมตอบตามตรง ถือว่าแฟนคุณอิฐยังเก็บอารมณ์ได้ดีมากที่ไม่อาละวาดใส่ผม ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าจะโดนฝ่ามือยูไร จระเข้ฟาดหางซะแล้ว แค่วาจาจิกกัดเบาๆ แค่นี้ มันเล็กน้อยมากเลยด้วยซ้ำ

   “ถ้าไม่คิดอะไรมากมันก็ดี”

   แล้วมันคืออะไรที่ผมควรต้องคิดล่ะ?

   ผมควรจะดีใจไม่ใช่เหรอที่เห็นว่าเขาสองคนก็ยังรักกันดี ผมไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้พวกเขาผิดใจกัน และสักวันที่หน้าที่ของผมสิ้นสุด พวกเขาจะมีครอบครัวที่แสนสุข หน้าที่ของผมมีแค่นี้ และผมไม่ควรคิดอะไรเกินหน้าที่เลยด้วย

   ผมถอนใจยาว พลิกตัวกระสับกระส่ายท่ามกลางความมืดมิดในห้องนอน พยายามห้ามตัวเองไม่ให้คิดอะไรฟุ้งซ่าน แต่อยู่ดีๆ เสียงโทรศัพท์ก็แผดเสียงลั่นขึ้นทำลายความเงียบสงัด ผมสะดุ้งพุ่งตัวไปที่มือถืออย่างแปลกใจ เพราะไม่มีใครโทรมานานแล้ว กัสเหรอทำไมโทรมาซะดึกป่านนี้... แต่ชื่อที่ขึ้นมาบนหน้าจอทำให้ผมตกใจหนักขึ้นอีก

   ทำไมคุณอิฐถึงโทรมาล่ะ? ก็เขาเพิ่งมาส่งผมเมื่อกี้นี่เอง

   “สวัสดีครับ” ผมรับสายแล้วกรอกเสียงลงไปอย่างประหม่า

   “นี่ฉันเอง...” ผมลอบถอนใจให้เบาที่สุด นึกอยู่แล้วเชียวว่าไม่น่าจะใช่เขาจริงๆ

   “มีธุระอะไรกับผมเหรอครับคุณบีท”

   “ที่จริงแล้ว ฉันอยากคุยแบบเห็นหน้านะ แต่ไม่มีโอกาสเลย”

   “ผมเข้าใจครับ” ผมรับคำแล้วเปิดไฟในห้องให้สว่าง ลุกขึ้นมานั่ง

   “ฉันไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงดี” วิธีเปิดหัวข้อสนทนาดูเกร่อจนน่าขำ

   “พูดเถอะครับ คุณโทรมาเพราะคุณตัดสินใจแล้วนี่”   

   “ฉันขอร้องให้เธอไปได้ไหม?” ผมหลุดยิ้มออกมาทันทีเพราะคิดว่าตัวเองพอจะเดาถูก คิดไว้อยู่แล้วล่ะว่าไม่มีใครเขาไว้วางใจกันง่ายๆ แบบนี้หรอก ในเมื่อคุณอิฐเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ออกจะหล่อ มีเงิน และอบอุ่นในบางที การที่เขาจะระแวงว่า ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งแฟนเขามาน่ะเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็คิดทั้งนั้นแหละ 

   “แน่นอนครับ หลังจากที่คลอด ผมจะไปแน่ๆ” ผมตอบรับง่ายๆ เป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง

   “ฉันหมายถึงตอนนี้... ทั้งเธอและลูกของเธอ” อืม... แบบนี้ก็ถือว่าตัดไฟแต่ต้นลมเลยนะ ผมถือว่าคุณบีทฉลาด เขาเลือกจะพูดกับผมลับหลังคุณอิฐ แต่ไล่กันตรงๆ แบบนี้ก็ดูจะตื้นไปอยู่ดี

   “ก่อนที่คุณจะถามผม คุณปรึกษาคุณอิฐแล้วหรือยังครับ”

   “ตอนที่เขาตัดสินใจจะให้เธอท้อง เขาก็ไม่ได้ปรึกษาฉันเหมือนกันนะ”

   “งั้นผมคงทำตามที่คุณบอกไม่ได้ ในเมื่อนายจ้างของผมคือคุณอิฐ ไม่ใช่คุณ”

   “แล้วเธอไม่สงสารเด็กเหรอ เขาจะเกิดมาเป็นเด็กมีปัญหาแน่ๆ”

   “คุณหมายความว่ายังไง?”

   “เธอไม่รู้หรือไงว่าอิฐเป็นพวกบ้างานขนาดไหน เขาไม่มีเวลาให้ลูก ส่วนแม่ก็ไม่มี ส่วนฉันก็เกลียดเด็ก สรุปแล้วก็คงเหลือแต่ย่า แต่คนแก่น่ะ จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้นะ” 

   ที่คุณบีทพูดมาก็ถูก ความคิดเรื่องครอบครัวแสนสุขของคุณอิฐล่มสลายไปจากมโนภาพของผมแล้ว แต่จะให้ผมหอบลูกหนีไปทั้งๆ ที่ตัวผมคนเดียวก็ไม่แน่ใจเลยว่าจะดูแลเขาได้ตลอดรอดฝั่งได้ยังไง

   “ถึงอยู่กับผม เขาก็คงลำบากอยู่ดี”    

    “ก็จริง ผู้ชายคนเดียวเลี้ยงลูกคงลำบาก ถ้าการมีลูกมันสร้างปัญหามาก ก็ไม่ควรมีแต่แรก เธอว่าไหม?”

   “ถึงผมจะเห็นด้วย มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนี่ครับ”

   “เอาเด็กออกไหมล่ะ?”

   “คุณบีท!!” ผมตะคอกใส่โทรศัพท์อย่างโกรธจัด

   “ฉันล้อเล่น... ดูจากน้ำเสียงแล้วเธอคงไม่ยอมง่ายๆ” น้ำเสียงของเขาดูเหมือนสิ่งที่พูดมาเป็นแค่เรอื่งขบขันแต่ผมไม่ขำกับมันเอาเลย

   “แน่นอนครับ” ผมตอบรับออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงความไม่พอใจเต็มเปี่ยม

   “งั้นฉันคงไม่มีธุระอะไรแล้ว นอกจากจะบอกอะไรสักหน่อย ทำหน้าที่ของเธอต่อไปให้ดีที่สุด แต่อย่าคิดจะทำเกินหน้าที่” คุณบีทตัดสายไปทันทีที่พูดจบ ผมลดมือถือลงอย่างกลัดกลุ้ม

   เขาไม่ผิดหรอกที่พยายามรักษาของของเขาเอาไว้ ไม่ผิดเลยสักนิดที่คิดจะกำจัดเสี้ยนหนามออกไปเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ถ้าผมเป็นเขาก็คงจะทำเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นคนที่ผิด และควรต้องเป็นฝ่ายเดินจากไปจะเป็นใครล่ะ ถ้าไม่ใช่ผม


   
   “แม็ก... ตาอิฐไปไหน” ผมชะงักมือที่จับช้อนและส้อมทันทีที่เจอคำถามนั้น เราเพิ่งทานอาหารเช้าร่วมกันไปได้ไม่เท่าไรเอง ดูท่าว่าผมจะกินอะไรไม่ลงเสียแล้ว...

   “เอ่อ... ออกไปทำงานตั้งแต่เช้ามืดแล้วครับ” คำโกหกงี่เง่าถูกผมวนลูปกลับมาใช้ไม่รู้กี่ครั้งที่เขาหายไปข้ามวันข้ามคืนแบบนี้

   “อย่ามาโกหก เมื่อคืนตอนเธอกลับมาน่ะ ฉันยังไม่หลับ ฉันเห็นตอนที่เขามาส่งเธอแล้วก็ออกไปทันที ไม่ได้ค้างบ้าน” คำคัดค้านนั้นทำให้ผมอึกอักไม่รู้จะตอบยังไงดี แต่ลงท้ายก็ยังอุตส่าห์นึกขึ้นมาได้

   “เห็นเมื่อวานมีประชุมแล้วงานก็ยังไม่เสร็จ บางทีคุณอิฐอาจจะกลับไปบริษัทก็ได้” ไม่แน่ใจว่าหน้าที่ของผมนอกจากท้องแล้วจะรวมการหาข้อแก้ตัวให้เขาด้วยหรือเปล่า และถ้าผมทำจะมีใครหาว่าผมทำเกินหน้าที่ด้วยไหม แต่ถึงยังไงผมก็ทำไปแล้วล่ะ

   “พอเลย ไม่ต้องมาแก้ตัว คนนะไม่ใช่เครื่องจักรจะได้ไม่ต้องหลับต้องนอน ดึกขนาดนั้นแล้วใครมันจะกลับไปทำงาน ไปหาเมียน้อยล่ะไม่ว่า ที่เธอแก้ตัวให้ขนาดนี้เนี่ย เพราะเธอใจดีหรือว่าโง่กันแน่ฮะ?”

   ผมก้มหน้าฟัง ไม่รู้จะพูดจะเถียงอะไรออกมา สถานะของผมไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยอะไร ทั้งๆ ที่แม่คุณอิฐเข้าข้างผมขนาดนี้ผมก็ไม่มีสิทธิ์จะรับความเห็นใจ ในเมื่อคนที่คุณอิฐไปหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเป็นตัวจริงของเขา

   “นี่ฉันไม่รู้ว่าเธอทนเข้าไปได้ยังไง เธอปล่อยให้เขาไปหาความสุขนอกบ้านง่ายๆ ไม่หือไม่อือเลยสักคำเนี่ยนะ?”

   “ทำไงได้ล่ะครับ ก็ผมท้องอยู่นี่ คงให้ความสุขเขาไม่เต็มที่ล่ะมั้ง เขาถึงต้องไปหาเอาข้างนอก ไม่เป็นไรหรอกครับ ผู้ชายก็แบบนี้แหละ มีออกนอกลู่นอกทางกันบ้าง แต่เดี๋ยวก็กลับมา” ผมฝืนยิ้มอีกครั้งทั้งที่ความจริงในใจขมขื่น  ไม่ว่าจะท้องหรือไม่ท้องคุณอิฐเขาก็ไม่สนใจใยดีผมอยู่แล้ว

   “ไอ้จิตใจผู้ชายน่ะฉันก็พอเข้าใจนะ แต่จิตใจเธอน่ะฉันไม่เข้าใจ นี่ไม่ใช่สมัยนางทาสนะ ผู้ชายจะได้มีเมียกันทีสามสี่คน ส่วนนี่เงียบเป็นเป่าสาก อะไรๆ ก็ยอมไปหมด หรือเธอกลัวว่าถ้าเธอมีปากมีเสียง เขาจะทิ้งเธอไปหรือไง?”

   “ครับ ผมกลัว” ผมตอบรับออกไปงั้นเอง... เพราะมันคงเป็นเหตุผลที่เข้าท่าที่สุดแล้วล่ะ 

   “โอ๊ย... ตกลงนี่พวกเธอรักกันจริงไหมเนี่ย?”น้ำเสียงแม่คุณอิฐดังขึ้นอย่างรำคาญใจอีกครั้ง “สรุปที่ท้องนี่แค่พลาดหรือไง? ถ้าเธอไม่ท้องนี่เขาคงไม่พาเธอมางั้นสิ?”

   และประโยคต่อมานั้นมันช่างจี้ใจดำผมเหลือเกิน จนผมทนไม่ไหวถึงกับสะอื้นฮักขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ผมจะบอกออกไปได้ยังไงว่าผมพลาดไปแล้วจริงๆ     

   “อะไรเนี่ย บ้าแล้วหรือไง อยู่ดีๆ ก็ร้องห่มร้องไห้เป็นผู้หญิงไปได้ พอเสียที หยุดร้องเดี๋ยวนี้”

   “ฮือ....ฮือ....” ยิ่งท่านโวยวายเท่าไรผมก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นอีก ราวกับว่าความอดทนที่สั่งสมมาตลอดยี่สิบสี่ปีมันพังทลายลงแล้วในวันนี้เลยไม่หยุดเอาง่ายๆ

   ลงท้ายแล้วเลยกินข้าวเช้าไม่ลงกันสักคน



   
   ผมหมกตัวอยู่ในห้องนอนตลอดเช้า ยอมรับเลยว่าผมเริ่มแบกรับปัญหาครอบครัวที่รุมเร้าทุกทางแบบนี้ไม่ไหวอีกแล้ว แม่คุณอิฐก็มองว่าผมเป็นคนโง่ และพยายามยุยงให้ผมทวงสิทธิ์ที่ผมไม่เคยมี  และพอนั่งทบทวนดูดีๆ ผมคิดว่าสิ่งที่คุณบีทพูดเป็นความจริงทุกอย่าง

   ปึ้ง! ประตูห้องถูกเหวี่ยงออกอย่างแรงอย่างจนผมตกใจและสะดุ้งตัวขึ้นหันไปมองอย่างแปลกใจเมื่อพบว่าคุณอิฐกลับมาแต่หัววัน แต่ยังไม่ทันที่จะถามไถ่อะไรอีกฝ่ายก็เริ่มต้นเสียก่อนว่า   

   “นี่เธอไปฟ้องแม่เหรอ ว่าฉันมีเมียน้อย” ใบหน้าและน้ำเสียงทำให้รู้ว่าเขาคงไม่พอใจนัก

   “ผมเปล่านะครับ”

   “ถ้าอย่างงั้นแล้วทำไมแม่ต้องบ่นขนาดนี้ด้วย” แสดงว่าเขาคงไม่ได้กลับมาเองหรอก แต่ถูกแม่เขาเรียกให้กลับมาแน่เลย

   “ถามผมทำไมล่ะครับ แม่คุณตาบอดหรือไงล่ะ ถึงจะไม่เห็นว่าคุณกลับบ้านหรือเปล่า หายไปบ้างไหม” ผมตอบกลับอย่างไม่พอใจเช่นกัน

   “แต่เธอก็ควรจะแก้ตัวไป ไม่ใช่ยอมรับไม่ใช่เหรอ?”

   “ผมทำแล้วครับ แต่ถึงผมจะแกล้งโง่ ก็ไม่ได้แปลว่าแม่คุณต้องเชื่อทุกอย่างนี่”

   “แล้วมันจำเป็นด้วยเหรอ ที่เธอจะบอกท่านว่าฉันไม่ได้รักเธอน่ะ?” ผมยิ้มขื่น มันน่าสมเพชขนาดไหนล่ะที่พูดความจริงไม่ได้

   “ผมคงไม่จำเป็นต้องพูดหรอกครับ ใครๆ เค้าก็คงดูออกทั้งนัน้แหละว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ” ผมอดประชดกลับไปไม่ได้

   “แต่ถึงยังไงเธอก็ไม่ควรจะบอกท่านว่าลูกที่อยู่ในท้องของเธอมันคือความผิดพลาดนะ”

   “ทั้งๆ ที่มันเป็นอย่างงั้นจริงๆ เหรอครับ?”

   “การที่ฉันไม่ได้รักเธอ ไม่ได้แปลว่าฉันไม่ได้รักลูกของฉันนะ” เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกว่าถูกความจริงทำร้ายเอาอีกแล้ว ผมหัวเราะขื่นๆ อีกครั้งระหว่างโต้กลับไป

   “รักเหรอครับ ใครๆ ก็พูดได้ ถ้าเด็กคลอดออกมาจริงๆ ผมอยากรู้นักว่าคุณจะอุ้มเขาอาทิตย์ละกี่วัน หรือรักมากๆ แต่ปล่อยให้แม่คุณเลี้ยงไป ส่วนคุณ ก็เอาแต่อยู่อยู่กับคนที่คุณรัก พอลูกโตขึ้นมาหน่อยก็ส่งเขาเข้าโรงเรียนประจำใช่ไหมครับ แหม! ช่างเป็นความรักที่โคตรจะอบอุ่นเลยนะครับ!”

   “แม็กม่า!!” เขาตะคอกใส่ เค้นสายตาใส่ผมอย่างโมโห เขาคงโกรธเอามากๆ ที่ผมเอาความจริงมาพูด “ฉันจ้างเธอให้มาท้องให้เท่านั้นนะ ไม่ได้จ้างมาขอคำปรึกษาปัญหาครอบครัวด้วย”

   คำตอบของเขาทำเอาผมหน้าชา...

   ผมเจ็บอีกแล้ว เจ็บเพราะเล็บที่จิกอุ้งมือตัวเองอีกครั้ง

   ผมเจ็บเพราะผมทำตัวเอง

   “แค่นั้นใช่ไหมหน้าที่ของผม ผมเข้าใจแล้วครับ” ผมแค่นยิ้มขื่น แล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าดึงเอากระเป๋าเสื้อผ้า ผมกำลังกลั้นน้ำตาครั้งที่เท่าไรของวันไม่รู้ไม่ให้ไหล...

   “เธอจะทำอะไร?” เขาถามแล้วเดินมาอยู่ข้างๆ ระหว่างที่ผมพยายามกวาดของใช้จำเป็นใส่ลงไป

   “ขอร้อง... ให้ผมไปเถอะ” ให้ผมไปจากความทรมานนี้เถอะ

   “ฉันไม่ยอมให้เธอไปไหนทั้งนั้น” เขาตะคอกใส่แล้วกระชากกระเป๋าออกจากมือของผม  ผมแหงนเงยขึ้นมองเขา ด้วยแววตาวอนขอ... ทำให้เขาชะงักงันไป ผมเดินผ่านร่างของเขาไปคว้ามือถือรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะล็อกกลอนแน่นหนา

   “แม็ก!! แม็ก เธอเข้าไปทำอะไรในนั้น ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” เสียงคุณอิฐเคาะประตูโครมครามอยู่พักหนึ่งแต่ผมไม่สนใจ รีบยกมือถือขึ้นกดโทรหาคนๆ เดียวที่จะอยู่ข้างผม

   “ว่าไง? คิดถึงเหรอ?” น้ำเสียงร่าเริงแจ่มใสที่ทักทายกลับมาทำให้ผมรู้สึกได้ว่าผมคิดถึงเขาเหลือเกิน

   “อือ...” ผมตอบรับแทรกเสียงสะอื้นลงไปเพียงเบาๆ

   “เป็นไรป่าว? แม็ก...” ผมพยายามจะเช็ดหยดน้ำตาที่ร่วงหล่นเหล่านั้นอย่างเต็มที่

   “กัส... เราทนไม่ได้ไหวแล้ว ฮึก... ช่วยพาเราออกไปจากที่นี่ที”



++++++++++


เมื่อไหร่จะคลอดลูกซะที?

ตอนที่ 30 ยังเพิ่งท้องได้5เดือนเองค่ะ....  :sad4:
(แต่ประมาณ35 ตอนจบ )
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-14-] [29/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 29-04-2016 19:16:22
ไปเลยแม็ก อย่าทนอีกเลย อ่านไปร้องไป สงสารแม็กอะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-14-] [29/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-04-2016 19:32:42
ออกเลยค่ะ แพคกระเป๋า
อีกสามสี่เดือนทนได้ไม่ได้ไม่รู้แต่คงน้ำตาเป็นสายเลือดเสียก่อน
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-14-] [29/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-04-2016 19:44:07
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-14-] [29/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 29-04-2016 21:07:22
เคสแบบนี้นี่.....ซับซ้อนเนอะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-14-] [29/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-04-2016 21:17:40
เห้อออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-14-] [29/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 29-04-2016 22:17:34
 :o12:แม๊กน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-14-] [29/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 29-04-2016 22:18:45
แม็กไปจากที่นี่เถอะ สงสารอ่ะ :mew6:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-14-] [29/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-04-2016 22:44:35
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-14-] [29/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-04-2016 00:56:52
สงสารแม็กอ่ะ ที่ทำอยู่มันไม่ใช่แค่เป็นคุณแม่รับจ้างอ่ะ
มันใช่หรอที่จะต้องคอยมาโกหกคนอื่นแทนอิฐ
แถมยังต้องคอยรองรับอารมณ์คนอื่นอีก
ซูกัสช่วยแม็กม่าด้วย  :sad4:
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ ไรท์สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-14-] [29/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 30-04-2016 01:23:02
แล้วจุดเริ่มต้นของความรักจากอิฐที่มีให้แมกมันเริ่มตรงไหนยังเดาไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-14-] [29/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ปุกปิกกุกกิกไปตามสไต ที่ 30-04-2016 02:13:22
โกดอะโกดอิฐมากเลยไม่เข้าใจอารมย์คนท้องหรอใจร้ายที่คนเขียนมาต่อไวๆใจจะขาดเเล้ว



หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-14-] [29/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 30-04-2016 04:37:41
น้ำตาซึมเลย T^T
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-14-] [29/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 30-04-2016 08:37:50
 :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-14-] [29/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-04-2016 08:48:44
ไปเลยแม็ก!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-14-] [29/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sanax00 ที่ 30-04-2016 13:55:17
เชียร์ให้แม็กหนีไปเลย จะได้หลุดพ้นจากคนใจร้าย :o12: :hao5:
เป็นกำลังใจให้นะคะคนเขียน♡
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-15-] [30/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 30-04-2016 18:54:13

-15-

   
   -แม็กม่า-


   เสียงข้างนอกเงียบหายไปแล้วและผมวางสายจากซูกัสแล้วเช่นกัน ผมหันไปล้างหน้าล้างตาที่อ่างล้างหน้าลายหินอ่อน กระจกบานใหญ่สะท้อนภาพใบหน้าที่เปียกชุ่มดูแลเศร้าหมอง แต่มองผ่านๆ ก็แยกไม่ออกว่าส่วนไหนคือน้ำ ส่วนไหนคือน้ำตาอยู่ดี ผมหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กซับน้ำออกจนแห้งเหือดไม่หลงเหลือร่องรอยใดนอกจากอาการบวมช้ำที่ขอบตาและนัยน์ตาแดงเรื่อเท่านั้นที่ฟ้องว่าผ่านการร้องไห้

   แต่พอแล้วล่ะ ผมควรเลิกร้องไห้เสียที ความอ่อนแอแบบนี้ไม่สมกับเป็นผมเอาเสียเลย

   ไม่นานนักประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกอย่างง่ายดายด้วยกุญแจสำรอง ผมเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงใหญ่นั่นด้วยสายตาอันเฉยเมย ไม่ได้ตกอกตกใจอะไรนักหนา ก็เจ้าของบ้านย่อมมีกุญแจห้องทุกห้อง เข้านอกออกในยังไงก็ย่อมได้ ผมคงไม่จำเป็นต้องถามคำถามงี่เง่าจำพวก “คุณเข้ามาได้ยังไง” อะไรทำนองนั้นหรอกมั้ง

   “เธอเข้ามาทำอะไรในนี้ตั้งนาน” เขาถาม สีหน้าแสดงความวิตกกังวล

   “ก็แค่ล้างหน้า ทำไมครับ คุณคิดว่าผมจะทำร้ายตัวเองหรือไง?”

   เขาเงียบ หน้าเจื่อนไปกับคำถามและรอยยิ้มเสแสร้งของผม เขายืนนิ่ง งงงันกับความเงียบเฉยที่ผมแสดงออกแล้วปล่อยให้ผมเดินตัดผ่านออกจากห้องน้ำ สายตาระแวดระวัง คิ้วที่ขมวดอย่างสงสัยปรากฏขึ้นอีกเมื่อผมเดินออกไปนั่งที่เตียงเฉยๆ ไม่มีท่าทีอาละวาดโวยวาย ดื้อดึงอะไรอีก

   “คุณไปทำงานเถอะครับ ผมไม่มีอะไรจะคุยด้วยแล้ว”

   “วันนี้ฉันไม่เข้าบริษัทแล้ว”

   “ทำไมครับ คุณกลัวว่าถ้าคุณไม่อยู่แล้วผมจะหนีไปเหรอ?” ผมถามพลางส่งสายตาท้าทาย และอีกฝ่ายก็คงคิดอย่างนั้นจริงๆ เลยไม่ตอบ เอาแต่ทำหน้าเครียด “หึ ไม่จำเป็นต้องเฝ้าผมหรอกครับ ถ้าผมอยากจะไป ถึงคุณอยู่คุณก็ห้ามผมไม่ได้อยู่ดี”

   “ทำไมฉันจะห้ามเธอไม่ได้ ถ้าฉันขังเธอเอาไว้ เธอคิดว่าจะออกไปง่ายๆ งั้นเหรอ?” ผมถอนใจยาวทำหน้าเบื่อหน่าย

   “งั้นก็ขังผมไว้ตอนนี้เลยก็ได้นะครับ ผมกำลังง่วงพอดี” ผมบอกแล้วขยับตัวขึ้นไปนอนบนเตียงซะเลย ตะแคงหันหลังให้เขาแล้วหลับตาลง ผมไม่จำเป็นต้องตอบ โต้เถียงหรือทำอะไรทั้งนั้น เพราะผมรู้อยู่แก่ใจว่าลำพังแค่ผมคนเดียวคงสู้รบปรบมืออะไรไม่ได้ สิ่งที่ผมจะทำตอนนี้คือ... รอ

   รอจนผมหลับไปจริงๆ



   จนกระทั่ง... เสียงเคาะประตูดังขึ้นแว่วๆ ผมลืมตาอย่างงัวเงีย แต่ทันเห็นร่างคุณอิฐเด้งลุกจากเตียงไป แสดงว่าตลอดเวลาที่ผมหลับ เขาคงนั่งเฝ้าผมอยู่ตลอด

   น่าขำนะ ถ้าเขาจะอยู่ในห้องกับผมด้วย แบบนี้จะเรียกว่า “ขัง” ได้ยังไง?

   “มีอะไร?” เสียงคุณอิฐถามกับคนหน้าประตู ผมพลิกกายหันไปอย่างใจเย็น

   “คุณหมอกับคุณซูกัสมาค่ะ”

   “ฮะ!” เขาร้องอย่างตกใจแล้วหมุนคอมามองผมอย่างคาดโทษ ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้าราวกับนางพญาแต่ใบหน้าก็ยังนิ่งเป็นหิน “ตอนนี้อยู่ไหน?”

   “คุยกับคุณท่านในห้องนั่งเล่นค่ะ”

   “อือ เดี๋ยวฉันจะตามลงไป” เขาตอบรับแล้วดึงประตูปิดลง เดินกลับมาหาผม ใบหน้ากำลังโกรธเกรี้ยว

   “นี่เธอ... โทรตามพวกเขามาเหรอ?”

   “โทรตามซูกัสคนเดียวครับ ไม่ได้ตามหมอด้วย” ผมตอบหน้าตาย ไม่ได้โกหกสักคำ!

   “แล้วเธอเรียกซูกัสมาทำไม!” เขาโวยวายอีก ใบหน้าแสดงว่ากังวล

   ไม่น่าเชื่อนะครับ ผู้ชายตัวโตเป็นยักษ์กลับกลัวซูกัสขนาดนี้

   “ก็แค่คิดถึง เหงา อยากเจอหน้าเพื่อนก็ไม่ได้เหรอครับ” ผมตอบเสียงเรียบเรื่อย แล้วส่งคำถามมีแววตัดพ้อ อีกฝ่ายมีท่าทีอึกอัก จากนั้นก็หุนหันออกจากห้องไป

   ในระหว่างที่คุณอิฐลงไปรับหน้าซูกัสกับหมอ ผมก็เก็บของอีกครั้ง ความจริงผมยังไม่ได้ โวยวายเล่าอะไรให้ซูกัสฟังเลยด้วยซ้ำว่าถูกทำร้ายจิตใจมากมายแค่ไหน แต่ถึงผมไม่พูดอะไร เรื่องที่ผมร้องไห้อยู่นั้น เขาก็ต้องรู้...

   ผมยัดมือถือ กระเป๋าเงิน บัญชีธนาคาร เอกสารสำคัญ แล้วค่อยตามด้วยเสื้อผ้าใส่กระเป๋า

   ไม่นานนักประตูห้องนอนก็เปิดออกอีก คราวนี้กลายเป็นซูกัสที่เดินเข้ามา สายตาที่มองดูกระเป๋าลูกใหญ่ที่ผมกวาดของลงไปดูค่อนข้างกังวล

   “จะไปจริงๆ เหรอแม็ก” คำถามมีแววลังเล

   “ลำบากแกหรือเปล่าล่ะ?” ผมถามอย่างจริงจัง ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใจลึกๆ แล้วอยากให้เขาตอบแบบไหน...

   “ไม่หรอก แค่ถามให้แน่ใจว่าคิดดีแล้วจริงๆ ก็ถ้าอยู่นี่แล้วไม่สบายใจ ก็ออกไปดีกว่า”

   “อืม...” ผมรับคำ ถ้างั้นผมก็ควรไปอย่างมากเลยล่ะ!

   “แต่จะไม่บอกกันหน่อยเหรอ ว่าคุณอิฐเขาทำอะไรถึงโกรธขนาดนี้”

   มันถึงเวลาหรือยังที่จะเล่าความจริงทุกอย่างให้ซูกัสฟัง ถ้าเขารู้แล้วเรื่องมันจะดีขึ้นหรือเลวลงก็ไม่รู้

   บางครั้ง... อาจจะไม่ใช่แค่คุณอิฐที่กลัว

   “เขามีคนอื่น...” ผมตอบสั้น เป็นอีกครั้งที่ไม่ได้โกหก แค่ไม่ได้ขยายความ และซูกัสก็ไม่ถามต่อเลยสักคำ เขารอจนผมเก็บของเสร็จ ก็ช่วยดึงไปถือไว้ เราเดินลงบันไดช้าๆ แล้วเข้าไปในห้องนั่งเล่น

   “เก็บกระเป๋าจะไปไหน แม็ก” แม่คุณอิฐหันมาถามน้ำเสียงดุๆ

   “ผมจะไปค้างบ้านซูกัสสักพักน่ะครับ ช่วงนี้รู้สึกเหงาๆ ยังไงก็ไม่รู้ ” ผมตอบท่านไปตามตรง ในคำว่าเหงาที่ผมพูดออกไปทำให้ลำคอพลอยตีบตันขึ้นมาทันที ดูเหมือนบรรยากาศในห้องจะอึดอัดขึ้น

   คุณท่านหันไปมองหน้าลูกชายที่ส่งสายตาสื่อสารอะไรกันอย่างกับคนใบ้จนดูตลก แล้วคนที่ออกหน้าก็กลายเป็นท่านอีกตามเคย

   “ถึงจะเหงาก็ไม่เห็นจะต้องไปเลยนี่ ซูกัสจะมาเยี่ยม มาคุยบ่อยๆ ก็ได้” ท่านเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น

   “มาได้ครับ แต่บ่อยๆ ไม่ได้ ผมเองก็มีลูกอ่อนต้องดูแลเหมือนกัน” ซูกัสตอบกลับไปฉะฉาน  ทำให้ผมก็นึกเกรงใจที่ชอบทำเรื่องวุ่นวายให้พวกเขาเสียจริง ถ้าหากผมมีทางเลือกอื่น ก็คงดี

   “พูดอะไรหน่อยสิตาอิฐนั่นเมียแกนะ” แล้วท่านก็หันไปดุคุณอิฐ ทำให้เขารีบลุกมายืนข้างๆ ผม จับมือผมไปกุมไว้ด้วยท่าทีประจบประแจง ทำไมคุณอิฐชอบทำไรแบบนี้ทุกทีต่อหน้าซูกัส... ท่าทีเหมือนรักผมมาก ทั้งที่ความจริง ไม่เลย...

   “ถ้าเหงา อยากแวะไปเที่ยวบ้านซูกัส ก็ไปเช้าเย็นกลับก็ได้นี่ เดี๋ยวตอนเย็นพี่ไปรับก็ได้ ไม่เห็นต้องไปค้างเลย” ผมมองมือเขาที่กุมมือผมไว้แล้วเงยสบตาทำหน้าไร้อารมณ์ จนอีกฝ่ายยิ้มเจื่อน

   “ก็ถ้าผมเหงาตอนกลางคืน ไม่ให้ไปค้างแล้วผมจะหายเหงาได้ยังไงล่ะ?” ผมตอบกลับเสียงเรียบเป็นเชิงประชด คนฟังทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ เหมือนกำลังอึ้งกับคำพูดของผม...   

   “อะไรกันครับคุณอิฐ กะอีแค่ไปค้างบ้านผมแค่ไม่กี่วันเนี่ย ไม่เห็นต้องอิดออดเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เลย” ซูกัสว่า

   “หรือใจคอคุณจะขังผมไว้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันจริงๆ ครับ” ผมหันไปถามอีก

   “ใครจะไปทำอย่างนั้นล่ะ แต่...” เขามีท่าทีอึกอัก

   “นั่นสิ คนท้องไม่ใช่คนป่วย มีสิทธิ์จะไปไหนมาไหน ทำอะไรก็ได้ ทีตัวเองยังไปไหน... กับใคร... ก็ได้ไม่ใช่เหรอครับ กับคนอื่นทำมาเป็นห้าม!” น้ำเสียงซูกัสมีแววตำหนิเด่นชัดทำให้คุณอิฐหน้าเสีย หันมามองหน้าผมอย่างตกใจ เขาคงตกใจที่ซูกัสพูดเหมือนรู้ความจริงแล้ว

   “รู้ไหมครับ ว่าคนท้องน่ะอารมณ์จะอ่อนไหวมาก แล้วความเครียดมันก็ส่งผลไม่ดีกับเด็กในท้องมากๆ เลยด้วย เพราะฉะนั้นถ้าคุณดูแลได้แต่ร่างกาย แล้วดูแลจิตใจเค้าไม่ได้ล่ะก็ ผมว่าให้ผมดูแลแม็กเองดีกว่า”

   ครับ... โดนดอกนี้เข้าไปคงจุก! ไม่มีใครเถียงอะไรสักแอะ

   “ไปเถอะ! แม็ก” ซูกัสเร่ง...

   “แต่ซูกัส...” คุณอิฐกำลังจะหาทางเถียง แต่อีกฝ่ายชิงพูดเสียก่อน

   “ไม่ต้องพูดแล้วครับ คนผิดก็คือผิด เอาไว้สำนึกผิดแล้วค่อยมาพูด!!” ซูกัสเริ่มหมดวามอดทนหันไปทำตาเขียวใส่คุณอิฐ

   ผมผ่อนลมหายใจ เดินไปหาแม่คุณอิฐที่เหมือนจะไม่สบายใจเอามากๆ

   แน่ล่ะ! ไม่ว่าใครก็ดูออกครับ ถ้าทะเลาะกันหนักหนาถึงขั้นเก็บข้าวเก็บของหนีออกจากบ้านแล้วล่ะก็ ไม่ใช่เรื่องเล็กแน่ ถึงจะบอกว่าไปแค่ไม่กี่วัน แต่ข้าวของสำคัญ เสื้อผ้ายัดเต็มแบบนี้คงลายาวแน่ๆ

   “ผม...กราบลานะครับ” ผมทรุดตัวลงนั่งแล้วกราบที่ตักของท่าน

   “แม็ก ถ้าเธอจะไปเพราะฉันล่ะก็...”

   “ไม่หรอกครับ ไม่ใช่เพราะท่านหรอก...” ผมยิ้มตอบ ที่ผ่านมาถึงแม่คุณอิฐจะจะดุไปบ้าง แต่ผมก็คิดนะครับว่าท่านไม่ได้ร้ายกาจอะไรเลย ใจดีมากด้วยซ้ำ แถมยังเข้าข้างผมมากกว่าลูกท่านเสียอีก...

   เสียแต่ว่า... ผมไม่มีสิทธ์ที่จะรับความเมตตานั้น.

   ที่ผมต้องไป เพราะตัวผมเอง...

   “งั้นผมลานะครับ” คราวนี้คุณหมอที่มาด้วยแต่ไม่มีปากจะพูดออกความเห็นอะไรเอ่ยขึ้นบ้าง เขาลุกขึ้นจากโซฟา เดินมาที่ซูกัส

   “ไปนะครับคุณแม่” ซูกัสยกมือไหว้ตามมารยาททั้งที่ยังหน้าตึงอยู่หน่อยๆ  ผมลุกขึ้นเดินไปสมทบกับคนทั้งสอง ระหว่างเดินสวนกับเจ้าของบ้านอีกคนที่ส่งสายตาบางอย่างมาให้

   สายตานั้นกำลังขอร้อง... ขอร้องไม่ให้ผมไป

   ขอร้องไม่ให้ผมเอาลูกของเขาไปด้วย

   น่าสงสารเขานะครับ... น่าสงสารมากจริงๆ


   แต่ในระหว่างที่ผมสงสารและเห็นใจคุณมาตลอด

   คุณเคยนึกถึงใจผมบ้างไหมครับ? 

   ขอโทษนะครับ... คุณอิฐ

   ตอนนี้ผมอาจจะสงสารคุณ แต่ผมก็สงสารตัวเองมากกว่า


   ในระหว่างที่ผมกำลังจะตามซูกัสและหมอออกจากห้องนั่งเล่นไปนั้นเอง...

   ฟุ่บ! เสียงหนึ่งดังขึ้นเหมือนบางอย่างกระทบกับโซฟา คุณอิฐหันหน้าไปตามเสียง

   “คุณแม่!!” เขาเรียกอย่างตกใจรีบถลาไปทันที

   ผมหมุนตัวหันตามแล้วพบว่าแม่คุณอิฐเป็นลมล้มพับไปซะแล้ว...

++++++++
+++

 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-15-] [30/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: SaKiNonZa ที่ 30-04-2016 18:58:47
^
^
^
^
จิ้ม
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-15-] [30/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 30-04-2016 19:18:04
บทง่ายมากค่ะคุณแม่
ไม่ขังแล้วจะเรียกว่าไร
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-15-] [30/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-04-2016 19:43:56
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-15-] [30/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 30-04-2016 19:51:21
อะไรกันเนี่ย สุดๆแล้วหรือแม๊กม่า

 :ling1:  :ling1: :ling1:   :ling1:

....
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-15-] [30/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 30-04-2016 20:00:45
คือแบบหน่วงๆๆ :hao5: :mew2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-15-] [30/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 30-04-2016 20:07:04
 :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-15-] [30/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 30-04-2016 20:51:54
แม่ต้องแกล้งแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-15-] [30/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-04-2016 21:21:59
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-15-] [30/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 30-04-2016 21:28:08
 :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-15-] [30/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sanax00 ที่ 30-04-2016 21:39:46
หน่วงมากก  :hao5: สงสารแม็ก ตาลุงอิฐนี่ก็ใจร้ายเกินอยากได้ลูกเขาก็ทำให้แต่ไม่ดูแลกันเลย อยากให้มีคนมาแย่งแม็กไปจากลุงอิฐจัง สะใจพิลึก  :katai3: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-15-] [30/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-04-2016 22:02:57
นั้น!! หญิงแม่ออกโรง
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-15-] [30/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 30-04-2016 22:29:17
เล่าให้ซูกัสฟังเลย แล้วหนีเลย
หนีไปเลยแมกม่าให้อีคุณอิฐสำนึกกกก
แม่งงงงงง :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-15-] [30/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 30-04-2016 23:02:16
ถูกๆ อย่าเห็นใจคนอื่นจนตัวเองระทมแบบนี้จะดีกว่านะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-15-] [30/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 30-04-2016 23:13:19
 :a5:แม่เป็นอะไร
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-15-] [30/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 30-04-2016 23:22:43
แม่เล่นใหญ่มากค่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-15-] [30/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-05-2016 08:13:40
อย่าใจอ่อนนะแม็ก!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-15-] [30/04/59]
เริ่มหัวข้อโดย: janeyuya ที่ 01-05-2016 10:42:45
น้องแม็กไม่ต้องไปสนใจใครหรอกลูก ไปอยู่กับซูกัสจนคลอดเลยพี่เห็นด้วย
อิฐกับบีทนี่ปากหมาะอกัน เนื้อคู่กันแล้วแหละ.ไม่ต้องมีลูกหรอกพวกมึงอ่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-16-] [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: uaeb ที่ 01-05-2016 19:16:33
น่าสงสารแม็ก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-16-] [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 01-05-2016 19:18:47
-16-

   -แม็กม่า-

   และแล้วผมก็ไม่ได้จากไปในทันที เพราะความชุลมุนวุ่นวายดังกล่าว

   คุณอิฐอุ้มคุณท่านขึ้นไปนอนที่ห้อง ร้องหายาดมยาหม่องให้วุ่น ส่วนหมอว่านก็รีบกลับไปเอาเครื่องมือแพทย์ในรถมาตรวจให้ แต่ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้เป็นอะไรมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกลังเลว่าควรจะไปดีไหมอยู่ดี

   “ขอแม่คุยกับแม็กตามลำพังได้ไหม” ท่านเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกตัวขึ้นพักเป็นการไล่คนในห้องที่ยืนออกันออกไป

   ผมรู้สึกหวั่นใจจึงรีบหันไปหาซูกัส แต่เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้นอกจากส่งสายตาเหมือนให้กำลังใจก่อนจะเดินตามคุณอิฐ คุณหมอและแม่ฟองออกจากห้องไป ทิ้งผมเอาไว้กับท่านตามลำพัง

   “ถ้าฉันขอร้องไม่ให้เธอไป เธอจะยอมฟังฉันไหม?” ว่าแล้วว่าท่านต้องพูดเรื่องนี้

   “ให้ผมไปเถอะครับ ผมคิดว่าผมคงอยู่กับคุณอิฐต่อไปไม่ไหวแล้ว” ผมหันไปด้วยน้ำเสียงอ่อนอย่างร้องขอความเห็นใจ

   “ถ้าเธอเกลียดขี้หน้ามันขนาดนั้น ฉันจะไล่มันไปเองดีไหม?”

   “ถ้าผมต้องอยู่ที่นี่คนเดียวโดยที่คุณอิฐจะไม่กลับมา ผมคงรู้สึกแย่กว่าเก่านะครับ”

   “เออก็จริง เรื่องอะไรจะยอมให้มันไปเสวยสุขกันสองคนใช่ไหม?” น้ำเสียงมีแววขุ่นเคืองจนผมเผลอยิ้ม

   ในสถานะที่สลับกันโดยสิ้นเชิง ผมเป็นคนที่มาทีหลังแท้ๆ แต่ทั้งซูกัสและแม่คุณอิฐต่างพากันเข้าข้าง คนที่รู้ความจริงทุกอย่างบางทีก็อดละอายใจไม่ได้เหมือนกันนะครับ

   “ถ้าผมได้ไปจากที่นี่ อีกไม่นานผมก็คงทำใจได้ครับ”

   “ถ้าฉันยอมให้เธอไปจริงๆ แล้วเธอจะกลับมาอีกไหม?”

   “กลับสิครับ... ถ้าหลานคลอดเมื่อไร คุณย่าต้องได้อุ้มแน่” ผมยิ้มตอบ

   “แต่ฉัน.... แต่แม่ไม่แค่อยากอุ้มเท่านั้นนะ... แม่อยากเลี้ยงเขาด้วย” ถ้าท่านไม่เปลี่ยนสรรพนามกะหันทันขนาดนี้บางทีผมคงไม่ทันได้สังเกตหรอก แต่ไม่ว่ามันจะเป็นความรู้สึกจริงหรือเล่ห์มารยาที่จะกล่อมไม่ให้ผมไป ผมก็ดีใจมากอยู่ดีที่ท่านยอมอ้อนผมขนาดนี้

   “ผมเข้าใจครับ แต่สำหรับผมในตอนนี้ รู้สึกได้ว่าคุณอิฐไม่มีความสามารถมากพอจะดูแลให้ความอบอุ่นลูกหรอกครับ จริงอยู่ผมเองก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรนักหนา แต่ก็พอมีเงินเก็บที่คุณอิฐเค้าเคย...ให้ไว้อยู่บ้าง คงไม่ทำให้ลูกลำบากอะไรนัก คุณท่านอย่าห่วงเลยนะครับ ไว้ผมจะพาหลานมาเยี่ยมบ่อยๆ”

   “แต่แม่ชอบเรานะแม็ก อาจจะน้อยกว่าหมอหน่อย แต่คงดีกว่าตาบ่งตาบีทอะไรนั่น”

   “หมอ... หมอว่านเหรอครับ?” ผมขมวดคิ้วอย่างข้องใจ

   “ใช่หมอว่านนั่นแหละ” ท่านตอบรับง่ายๆ ทำให้ผมลองนึกตาม แล้วก็ตกใจว่าถ้าเอาหมอ ผมและคุณบีทมาเทียบกันก็แปลว่า ท่านคงอยากได้หมอเป็นสะใภ้น่ะสิ!!

   “ผมนึกว่าท่านเกลียดเกย์ทุกคนเลยซะอีก”

   “เปล่า... ไม่ได้ถึงกับเกลียดแค่ยังทำใจไม่ได้ จนกระทั่งตาอิฐพาหมอมานั่นแหละ หล่อ เรียบร้อย นิสัยดี การงานก็ดีไปหมด จนแม่คิดเอาไว้ว่าถ้าแนะนำว่าเป็นคนรักแม่คงไม่กล้าว่าอะไร” คิดตามแล้วก็จริงของท่านนะครับ นี่ถ้าหมอไม่ได้คบอยู่กับซูกัสแต่มาคบกับคุณอิฐแทนก็คงเป็นคู่ที่เหมาะสมพอใช้เลย

   “แต่ที่ไหนได้... มันดันไปควงเอาใครมาก็ไม่รู้มาแนะนำ ผิดจากที่คาดไว้เยอะเลย แถมสำออย พูดนิดพูดหน่อยทำเป็นรับไม่ได้หนีกลับบ้าน ยกมือไหว้ปลกๆ อย่างกับลิงไหว้เจ้า จากนั้นมันก็หายหัวไปเลย แล้วยังอวดดี จองหอง ไม่เห็นหัวแม่ผัว ตัวไม่มาไม่เท่าไร พลอยขโมยลูกชายคนอื่นเขาไปด้วย”

   ผมกระพริบตาปริบๆ ฟังท่านร่ายยาว กำลังคิดอยู่ว่าท่านคงผิดหวังที่ไม่ได้หมอว่านเป็นสะใภ้เลยไปพาลเอาที่คุณบีทหรือเปล่า แล้วปากก็ท่านก็... ขนาดนี้ ถ้าไม่อดไม่ทน ไม่ด้าน (อย่างผม) ก็คงทนไม่ได้หรอก

   จะว่าไปแล้วถ้าแม่คุณอิฐเอาหมอเป็นมาตรฐานลูกสะใภ้จริง ท่านคงหาได้แบบนั้นยาก ต่อให้คุณบีทก็เถอะ นับประสาอะไรกับผม แต่เห็นจะมีดีอยู่อย่างเดียวตรงที่ท้องได้นี่แหละเลยชนะใครต่อใครซะหมด บางทีก็ไม่รู้ว่ามันน่าดีใจหรือน่าสมเพชดีนะครับ!

   “อ้อ... ไม่อยากให้เราเข้าใจผิด แม่ไม่ได้ชอบเราแค่ว่ามีหลานให้ได้เท่านั้นหรอกนะ”

   “เอ๊ะ!” ผมเลยหน้าขึ้นอย่างตกใจที่ท่านพูดขึ้นเหมือนกับได้ยินเสียงในใจผม ท่านยิ้มแล้วพูดต่อ

   “แม่รู้สึกได้ ว่าเราจะเป็นแม่ที่ดี”

   ผมไม่เข้าใจความหมายนั้นเลย แต่ก็ไม่ได้โต้เถียงหรือสอบถามอะไรมากกว่านั้น เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร

   ต่อให้คนทั้งโลกจะชอบผม เข้าข้างผมมันก็เท่านั้น...

   ถ้าคุณอิฐเขาไม่คิดอะไรด้วย

   เปลี่ยนให้คนทั้งโลกมาเกลียดผม แล้วให้เขารักผมซะยังจะดีกว่าอีก...

   ปุ! ท่านวางมือไว้บนศีรษะผม ผมเงยหน้าขึ้นมองท่านที่ส่งสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา

   “จะไปก็ได้... แต่รู้ไว้ว่าแม่ไม่ยอมให้เราไปนานหรอก อดทนหน่อยนะ อีกไม่นาน ตาอิฐจะต้องไปง้อขอคืนดี แล้วจะพาทั้งเมียและลูกของเขากลับมาแน่ๆ” ผมยิ้มตอบ และเห็นด้วยกับท่าน...

   เขาจะต้องตามไปเอาลูกของเขาคืนแน่อยู่แล้ว เพราะผมไม่ได้ไปคนเดียว

   แต่เรื่องที่ผมจะได้กลับมาที่นี่อีกน่ะ คงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ!


++++++++++


   บ้านคุณอิฐกับซูกัสนี่ต่างกันสิ้นเชิงเลยจริงๆ ถึงจะหรูหราน่าอยู่ไม่ต่างกันนัก แต่อัตราความวุ่นวายนี่ไกลกันลิบลิ่ว อาจจะเป็นเพราะบ้านนู้นมีแต่คนแก่ ส่วนบ้านนี้มีเด็กทารกอยู่ตั้งสองคนจึงได้ยินเสียงร้องไห้ลั่นระงมสลับกับเสียงหัวเราะสดใสเป็นระยะๆ

   ผมมาอยู่บ้านซูกัสได้สองสามวันแล้ว คงเป็นเพราะเขาเป็นห่วงผมมากเลยโกรธแทนจนพาลใส่หมอไปด้วย ตั้งแต่ที่เรากลับมา ซูกัสจึงอยู่ด้วยตลอดไม่ได้กลับไปอยู่บ้านหมอเลย แต่ก็ยังดีหน่อยที่หมอไม่โดนแบนห้ามเข้าบ้าน ไม่เหมือนรายคุณอิฐที่โดนแบนอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว

   น่าสงสารลุงแกนะครับ อุตส่าห์ขับรถมาหาแต่ก็โดนไล่อย่างกับหมูกับหมากลับไปทุกวัน

   แต่ถึงผมจะสงสาร ผมก็ไม่ออกไปเจอเขาอยู่ดีแหละ ไม่ได้ทำไปเพราะแก้แค้นหรอกนะครับ แต่ผมแค่กลัวใจตัวเอง ก็แหม... ผมอุตส่าห์กันตัวเองออกมาแล้วแท้ๆ จะให้เดินกลับไปปีนต้นงิ้วอีกหรือไงล่ะ!

   ดังนั้น... ถึงคุณอิฐจะมาหา แต่ผมก็ไม่ได้เจอเขาเลยเกือบอาทิตย์จนกระทั่งมีนัดไปตรวจครรภ์ที่คลินิกนั่นแหละ ถึงได้เจอ ผมค่อนข้างเหนื่อยใจเมื่อเห็นรอยยิ้มของเขา มันดูแหยๆ เหมือนรอยยิ้มขอโทษขอโพย เห็นแล้วมันน่ารำคาญจริง! จนต้องรีบเดินหนีเข้าไปในห้องตรวจ                         

   ผมหน้าง้ำขณะตรวจร่างกาย และฉีดฮอร์โมน แต่ยังพูดคุยกับหมอว่านตามปกติจนทุกอย่างเรียบร้อยในเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นจึงเอ่ยถามอย่างข้องใจ

   “หมอบอกคุณอิฐเหรอครับว่าผมมีนัดตรวจวันนี้” ผมมุ่ยหน้าเป็นเชิงไม่พอใจ

   “ไม่ได้บอก แค่ตอบว่าใช่เฉยๆ” ผมขมวดคิ้วกับคำตอบนั่น อีกฝ่ายยิ้มแล้วขยายความต่อ “ถึงอิฐมันจะเป็นนายจ้างที่ใช้ไม่ได้ หรือผู้ชายโง่ๆ ที่ไม่เข้าใจจิตใจของเธอ แต่ก็ไม่เลอะเลือนขนาดจำไม่ได้หรอกว่าเธอต้องมาคลินิกวันนี้” นั่นก็อาจจะจริง เพราะผมมักจะมาตรวจช่วงเดียวกันทุกเดือน บางทีคุณอิฐก็แค่จำได้...

   “ถ้างั้นคราวหน้า หมอก็เลื่อนวันให้หน่อยนะครับ” ผมบอกเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะรู้สึกได้ว่าหมอประชดผมอยู่ ผมรู้สึกว่าหมอเข้าข้างเพื่อนเขาแบบอ้อมๆ

   “ได้ ถ้าเธอต้องการ” หมอยิ้มตอบ ก้มลงขีดฆ่าเปลี่ยนวันนัดใหม่ให้เดี๋ยวนั้นเลย ไม่มีคำถาม ไม่โต้แย้งจนน่าแปลกใจ

   “ขอบคุณครับหมอ งั้นผมกลับแล้วนะครับ” ผมบอกยกมือไหว้ ก่อนจะหมุนตัวออกห้องไป

   แต่ทันทีที่ออกจากห้องตรวจก็ต้องถอนใจเซ็งๆ เมื่อพบว่าคุณอิฐนั่งรอที่เก้าอี้สีฟ้ามีพนักหน้าห้องพอดี เขาเงยหน้าขึ้นส่งรอยยิ้มมีชัยใส่ผม ผมถอนใจเบื่อหน่าย ขยับตัวเดินหนีโดยที่ไม่เอ่ยปากทักทายสักคำ   

   “แม็ก เดี๋ยวก่อนสิ” เขาร้องเรียก และรั้งผมไว้ด้วยการฉวยข้อมือผมอีกต่างหาก ผมช้อนตาขึ้นจิกเบาๆ

   ตื๊อเก่งใช่เล่นเลยนะลุง!

   “มีอะไรครับ ผมต้องรีบไป เดี๋ยวลุงเขาจะรอ” วันนี้ซูกัสไม่ได้มาด้วยครับ เขาเลี้ยงลูกอยู่บ้าน แต่ส่งคนขับรถมาส่งแทน

   “ฉันอยากคุยกับเธอ” เขาอ้อน ทำสายตาน่าสงสาร

   “มีอะไรครับ?  พูดได้เลย แต่ถ้าจะตามผมกลับไปล่ะก็เสียเวลาเปล่า”

   “ทำไมล่ะแม็ก... บ้านฉันมันทำให้เธออึดอัดขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงแม่ฉันจะดุนะ แต่ท่านก็ชอบเธอมากนะรู้ไหม ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่เสียอกเสียใจถึงขั้นเป็นลมเป็นแล้งหรอก”

   “ไม่เกี่ยวกับท่านหรอกครับ” ผมหันไปตอบอย่างจริงจัง

   “งั้นก็เพราะฉันเหรอ?” ผมจ้องหน้าเขาทำหน้าเบื่อหน่าย... ไม่น่าถามเลยลุง!

   “ฉันผิดตรงไหนล่ะ หรือเพราะฉันพูดจาไม่เข้าหูเธออีก ฉันขอโทษก็ได้ แต่เธออย่าทำแบบนี้เลยนะ”

   “แบบไหนเหรอครับ?”

   “แบบที่เธอทำอยู่ตอนนี้ไง หลบหน้า พยายามจะหนีจากฉัน พรอมกันนั้นเธอกำลังเอาลูกของคนอื่นไปด้วย”

   “เขาเป็นลูกของผมครับ ไม่ใช่ลูกของคนอื่น” ผมเถียงหน้านิ่ง

   “ฉันไม่เข้าใจเธอเลยแม็ก เธอทำแบบนี้ทำไม เธอคิดว่าถ้าเธอได้ลูกฉันไปแล้วเธอจะได้เงินมากขึ้นเหรอไง แค่ที่ฉันให้เธอไปคงน้อยไปสินะ เธอเลยคิดว่าจะเอาเค้ามาต่อรองอีกตอนหลังใช่ไหมฮะ?” ในคำถามมีแววเคืองโกรธ ปนปวดกลัว

   “คุณกำลังเข้าใจผมผิดนะ” ผมรีบแก้ตัว ผมไม่อยากโดนเขาเข้าใจว่าผมเอาลูกเขามาเรียกร้องอะไรเลย

   “ไม่งั้นแล้วจะให้เข้าใจยังไง ถ้าเธอไม่ได้ต้องการเงินแล้วเธอจะเอาเขาไปทำไม”

   “ผมก็แค่สงสารเค้า ผมไม่อยากให้เขาอยู่ในครอบครัวที่ขาดความอบอุ่น”

   “ครอบครัวฉันมันไม่อบอุ่นตรงไหนล่ะ? รู้ได้ยังไงว่าอยู่กับเธอแล้วจะดีกว่า และถึงยังไงเขาก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฉัน ไม่ใช่สิทธิ์ของเธอที่จะตัดสินใจแทนว่าเขาควรอยู่กับใครสักหน่อย” เขาพยายามอธิบายเหตุผลเสียงเครียด มันน่าโกรธอยู่หน่อยๆ ที่เขาบอกว่าผมไม่มีสิทธิ์ แต่มันน่าโมโหมากกว่าที่สิ่งที่เขาว่ามาก็จริงทั้งนั้น อันที่จริงผมไม่มีสิทธิ์จะไปพรากพ่อพรากลูกเขาหรอก

   “ครับ...ก็คงจริงอย่างที่คุณว่า” ผมตอบรับเรียบๆ

   “ถ้าเธอเข้าใจก็ดีแล้ว งั้นเธอกลับบ้านไปกับฉันเถอะนะ ฉันอยากดูแลเธอ ดูแลลูก ฉันสัญญาว่าต่อไปนี้ฉันจะไม่พูดไม่ดี ไม่ทำร้ายจิตใจเธออีก นะแม็ก... กลับไปกับฉันนะ” ผมก้มมองมือใหญ่ที่บีบมือผมไว้สลับกับแววตาวอนขอ

   ผมรู้สึกดีนะ เวลาที่เห็นเขาพูดจาดีๆ แบบนี้ น้ำเสียงและแววตาออดอ้อนพาลพาให้ใจอ่อนได้ไม่ยาก

   เชื่อผมเถอะ ถ้าหากเราเป็นคนรักกัน และเขายอมขอโทษผมแบบนี้ทุกครั้งที่ทำผิดล่ะก็ ผมคงไม่มีทางโกรธคุณอิฐได้นานเกินวันนึงหรอก แต่ถึงตอนนี้ผมจะไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียดเขาเลย ผมก็ตอบรับคำขอของเขาไม่ได้อยู่ดี เพราะมันยังมีเหตุผลที่ใหญ่กว่านั้นอยู่ด้วย

   “ขอโทษนะครับคุณอิฐ ผมคงกลับไปกับคุณไม่ได้หรอก” ผมตอบกลับมีน้ำเสียงเสียใจ ส่วนเขาก็ทำหน้าผิดหวัง   “ทำไมล่ะ”

   ผมไม่แน่ใจว่า ถ้าผมบอกไปว่า “ผมชอบคุณแล้ว ก็เลยไม่อยากอยู่ใกล้ๆ” จะเป็นสิ่งที่ดี อาจจะทำให้เขาเข้าใจผิดไปว่าผมคิดว่าแค่ท้องยังไม่รวยพอ จับคนพ่อน่าจะรวยมากกว่าไปอีก

   ถ้างั้นก็อย่าบอกเลย... เก็บไว้ในใจน่าจะดีกว่า ผมจึงไม่ได้ตอบ เพียงแต่ทำหน้าลำบากใจเท่านั้น

   ในระหว่างความเงียบเกาะกินเราสองคน จู่ๆ เขาก็ขยับตัวดึงข้อมือผมให้ก้าวตามไปทางประตูหลังของคลินิก

   “เดี๋ยวคุณอิฐ คุณจะพาผมไปไหน!!” ผมโวยวายแต่เขาไม่ตอบ ผลักประตูหลังของคลินิกแล้วดันร่างผมออกไป จับจูงให้เดินไปตามทางแคบๆ จนกระทั่งมาถึงรถของเขา

   เขาปลดล็อกแล้วเปิดประตูรถก่อนจะยัดผมเข้าด้านใน ซ้ำคาดเข็มขัดให้เรียบร้อย

   “นี่คุณจะลักพาตัวผมหรือไง?” ผมถามติดตลก

   “อือ” คำตอบรับง่ายดายจนผมต้องย่นคิ้ว แล้วประตูรถก็ปิดลง...


   โธ่ลุง! เห็นผมเป็นนางเอกจำเลยรักหรือไง!!


++++++++++
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-16-] [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 01-05-2016 19:41:31
 :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-16-] [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 01-05-2016 19:43:45
อิฐอายุเท่าไหร่นะ....การกระทำดูไม่มีการวางแผนใดๆ ผิดกับอายุ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-16-] [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 01-05-2016 21:28:01
  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:



หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-16-] [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-05-2016 21:33:42
ปวดหัวกับอิฐจริงๆ
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-16-] [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 01-05-2016 21:36:24
อิฐน่ารำคาญอ่ะ แบบนี้จะเป็นพ่อได้หรอ?
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-16-] [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 01-05-2016 22:47:31
แน่ใจนะว่าอิฐเป็นเจ้าของบริษัท การกระทำนี้เหมือนเด็กน้อยชัดๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-16-] [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 01-05-2016 23:01:30

ยิ่งอ่าน ยิ่งได้อารมณ์ว่าแม็ก นางช่างเหมือนผู้หญิงอุ้มบุญคนนั้น
คือจะให้สงสารแม็ค..ก้อไม่สงสาร เพราะดูท่าแม็คจะผิดสัญญาการจ้างท้องด้วยซ้ำ
เรื่องนี้ถ้าจะหาคนผิด ต้องยกให้อิฐไปเต็ม ตอนที่เซ็นต์สัญญาอิฐไม่ได้บอกรายละเอียด..หมกเม็ด..ซ้อนเร้น..แอบแฝง
ดังนั้นโกงมา เจอโกงกลับ...ก้อสาสมกัน!!!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-16-] [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-05-2016 01:03:18
ปวดตับ!!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-16-] [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-05-2016 02:13:21
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-16-] [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 02-05-2016 16:32:41
อย่าเพิ่งกลับไปง่ายๆสิ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-16-] [01/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MyMine104 ที่ 02-05-2016 18:18:25
ทำไมอิฐเป็นคนแบบนี้เฮ้อออออเหนื่อยใจจริงๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 02-05-2016 19:14:42
-17-


   -อิฐ-


     งานเข้าผมซะแล้ว ตั้งแต่แม็กม่าจากไปหลายวันก่อน ดูเหมือนคุณแม่จะโกรธผมเอามากๆ ที่ไม่มีปัญญาจะเอาทั้งลูกและเมีย (กำมะลอ) กลับมาได้ แต่ใช่ว่าผมจะนิ่งดูดายนะ ผมก็พยายามมากที่สุดแล้วที่จะแวะไปขอความเมตตา แต่ซูกัสก็ไม่ยอมให้ผมได้พบหน้าแม็กม่าเลยสักวัน จนในที่สุดคุณแม่ก็ยื่นคำขาดว่าถ้าผมยังไม่สามารถพาตัวเขากลับมาได้ ท่านจะทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์หุ้นของท่านทั้งหมดให้กับแม็กม่า

   ผมพอเดาได้ว่าคุณแม่ทำแบบนี้ทำไม ท่านคงแค่จะใช้มันเพื่อขู่ผม ท่านรู้ดีว่าอิทธิฤทธิ์กรุ๊ปมีความสำคัญกับผมมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ท่านไม่รู้เลยคือความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแม็กม่า มันไม่ได้ลึกซึ้งมากพอที่จะวางใจให้เขาถือหุ้นมากมายขนาดนั้น แค่ถือไว้เฉยๆ แล้วมาประชุมบอร์ดอย่างเดียวก็พอว่า แต่ถ้าเขาเกิดขายมันขึ้นมาล่ะก็จบเห่แน่!

   “แม่ทำอย่างนี้ไม่ได้นะ” ผมรีบคัดค้านความคิดนั้นทันที

   “ทำไมจะทำไม่ได้ นี่มันความผิดแกเต็มๆ เลยนะที่เขาหนีไปแบบนี้ เพราะฉะนั้นแกก็ต้องรับผิดชอบ”

   “แต่ผมกับแม็ก... ไม่ได้รักกันจริงๆ ซะหน่อย” หมดทางเลือกแล้วครับ ถ้ายังดึงดันโกหกต่อไปคงแย่แน่ ผมจำต้องพูดความจริงกับท่าน

   “แล้วไง” แต่แม่กลับไม่ได้ตกใจในคำสารภาพของผมสักนิดเลย แถมยังออกคำสั่งอันเอาแต่ใจอีกด้วย “ถ้าไม่จริงก็ทำให้มันจริงซะสิ”

   “โธ่แม่!!”

   “ไม่ต้องมาพูดเลยตาอิฐ บอกไว้เลยนะว่าแกเป็นคนพาเขามาเอง แม่ได้เป็นคนบังคับหรือหามาให้ แล้วแม่ก็ชอบเขาแล้วด้วย จะรักกันหรือไม่รักน่ะมันไม่สำคัญ เพราะเรื่องที่เค้าอุ้มท้องแกมันเรื่องจริง เพราะฉะนั้นถ้าแกโง่มากขนาดเห็นคนอื่นดีกว่าเมียกว่าลูก แม่ก็จะตัดหางแกปล่อยวัด ไม่ต้องเอาเอาสมบงสมบัติอะไรแล้ว” คุณแม่ขู่ซ้ำอีกระลอกก่อนจะเชิดหน้าเดินหนีไป ทิ้งผมไว้กับความกลุ้มยิ่งกว่ากลุ้ม...

   

   “แม่คุณท่าจะเอาจริงนะ” บีทเปรยขึ้นยิ้มๆ ดูไม่มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจเมื่อผมเล่าเรื่องที่คุณแม่จะโอนหุ้นให้แม็กม่าให้เขาฟัง คงเพราะชินความวุ่นวายในครอบครัวผมแล้ว สมัยก่อนก็วุ่นวายหาคู่ดูตัวไม่เว้นแต่ละวัน นั่นว่าหนักแล้ว แต่นี่หนักหนากว่าเก่าอีก

   “เอาจริงมากๆ เลยล่ะ” ผมตอบรับหน้าเครียด

   “ทำไมคุณไม่บอกแม่คุณไปตามความจริงล่ะว่าเด็กคนนั้น ไม่ใช่คนรักของคุณ”

   “บอกแล้ว...แต่...” ท่านไม่ได้ถามต่อและผมจึงไม่ได้เล่าด้วยว่าเป็นแค่การจ้าง...

   “อ้อ... แม่คุณคงชอบเด็กนั่นแล้วสิ แล้วคุณล่ะ”

   “ผมทำไม?”

   “ไม่ชอบบ้างเหรอ?” ผมค่อนข้างอึดอัดกับคำถามนิดหน่อย ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไร แต่...

   “ไม่เชื่อใจผมเหรอ?” ผมถามกลับ อีกฝ่ายยิ้มแล้วเดินเข้ามากอดคอไว้

   “รักแท้แพ้ใกล้ชิดนี่”

   “ผมใกล้ชิดกับคุณมากกว่าอีกนะ” ผมบอกพลางหัวเราะ รั้งเอวเขาเข้าไปกอดแล้วซบคางลงบนไหล่เป็นการเอาใจ เพื่อให้ความหวาดระแวงนั้นเบาบางลง

   “สัญญากับผมนะ ว่าคุณจะไม่รักเขา” เขาวอนด้วยน้ำเสียงขี้อ้อนปนเอาแต่ใจ

   “สัญญาสิ” ผมตอบรับง่ายๆ อีกฝ่ายยิ้มบางแล้วถามต่อ

   “แล้วคุณจะทำไงต่อไป”

   “ก็คงต้องหาทางเกลี้ยกล่อมให้เขากลับไปที่บ้านก่อน แต่ถ้าไม่สำเร็จ... เฮ้อ...” ผมถอนใจเพราะยังคิดอะไรไม่ออก

   “คุณก็ต้องหาวิธีให้เค้าเซ็นชื่อโอนหุ้นกลับมาด้วยตัวเอง”

   ก็จริง... แต่ด้วยวิธีไหนล่ะ? คิดไม่ออกเลย

   
   ผมล่ะเซ็ง ทำไมเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ? ครั้นผมเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาหมอที่คลินิก เขาก็มีทีท่าไม่สนใจดังเดิมตอบกลับมาแค่ว่า

   “ช่วยไม่ได้ว่ะอิฐ เคยบอกแล้วนี่ เรียนผูกก็เรียนแก้เอาเองแล้วกัน ขืนหมอเข้าไปช่วยเดี๋ยวซูกัสได้โกรธตาย”

   โธ่เอ๊ยยยยย ทำเป็นพูดดี กลัวเมียก็บอก!!!

   “เออจะว่าไปแล้ว แม็กเค้าก็ไม่ได้มาตรวจนานแล้วนะ ใช่ไหมหมอ?” ผมนั่งใช้ความคิดเงียบๆ แล้วก็นึกขึ้นได้

   “อือ...”

   “นัดต่อไปเมื่อไรนะ” ผมถามพลางกดดูปฏิทินในมือถือ แล้วก็ได้คำตอบโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรสักคำ ผมจึงถามย้ำเพื่อความแน่ใจ “พรุ่งนี้เหรอ”

   หมอเงียบ ไม่ได้ตอบรับหรือตอบปฏิเสธแค่นั้นก็รู้แล้วว่าถูกต้อง...



   และตอนนี้... ผมก็ได้ตัวจอมยุ่งมาแล้วด้วย! ผมพาเขานั่งรถขับออกจากหลังคลินิกเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดหมาย...

   “คุณจะพาผมไปไหนครับ” ในคำถามนั้นไม่มีท่าทีตกอกตกใจ หวาดกลัว ตื่นเต้นอะไรเลย มันเหมือนคนเบื่อมากกว่า

   “......” ผมเงียบ ไม่ใช่ว่าไม่อยากตอบ แต่ตอบไม่ได้ เพราะเรื่องที่ลากเขามาแบบนี้ผมไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า จะให้ผมพาเขาไปที่บ้านก็ได้ แต่สุดท้ายตอนที่ผมไม่อยู่บ้านเขาก็คงหาทางหนีไปได้อยู่ดี ส่วนที่อื่น...

   จะบ้าหรือไง? จะให้จับคนท้องมาขังเนี่ยนะ!!

   “เธออยากไปไหนไหม?” ผมหันไปขอความเห็นเพราะตอนนี้นึกอะไรไม่ออกเลย

   “อยากกลับบ้าน” ตอบโดยไม่ต้องคิด

   “บ้านฉันเหรอ?” แกล้งกวนกลับไป กะจะแกล้งให้อีกฝ่ายโวยวายแต่เขากลับเงียบ ไม่ตอบ ไม่เถียงสักคำ มีเพียงสายตาตำหนิ ทำไมรู้สึกเหมือนโดนด่าในใจตลอดเลยก็ไม่รู้สิ

   “หิวไหม เราไปหาอะไรกินกันดีกว่านะ”

ผมถามแล้วเลี้ยวรถขับพาเขาไปยังสวนอาหารขึ้นชื่อในแถบนั้น คนที่มาด้วยไม่โวยวายอะไร ผมคิดว่าเขาคงหิวแล้วล่ะเพราะนี่ก็เพลแล้ว

   “บ้านผมที่คุณซื้อให้จะเป็นยังไงก็ไม่รู้นะครับ ไม่มีคนอยู่เลย” จู่ๆ เขาก็พูดถึงบ้านเขาขึ้นมาระหว่างมื้ออาหาร ตลกดีเหมือนกัน ผมอุตส่าห์ซื้อบ้านนั้นให้เขาแถมหาคนดูแลให้อีกคน สุดท้ายแล้วเขาก็ได้อยู่แค่ครึ่งปีเอง

   “ทำไมจะไม่มี ก็กุ้งไง” ผมเถียง เพราะถึงแม็กจะไม่ได้อยู่บ้านนั้นแล้วผมก็ยังไม่ได้บอกเลิกจ้างกุ้งอยู่ดี

   “พี่เค้ายังอยู่เหรอครับ” น้ำเสียงแสดงความแปลกใจ

   “อยู่สิ เอ๊ะ! หรือไม่อยู่นะ ไม่ได้ไปนานแล้วเหมือนกัน ไม่แน่ป่านนี้อาจจะยกเค้าไปหมดบ้านแล้วก็ได้” ผมว่าติดตลก แต่คราวนี้อีกฝ่ายมีสีหน้ากังวลจนผมหลุดขำ ทีอย่างงี้ละเกิดคิดจริงจัง “งั้นลองไปดูกันไหม”

   เขาหันมามองด้วยสายตาแปลกใจอีกครั้งแล้วก็เอ่ยถาม

   “แล้วคุณไม่ทำงานเหรอครับวันนี้”

   “ไม่” ผมตอบสั้น ไม่ได้บอกออกไปตามตรงว่าการตกลงกับเขาถือว่าเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้

   “แล้วเรื่องที่คุณมาหาผมนี่... คุณบีทรู้ไหม?”

   “รู้...”

   “เขาไม่ว่าเหรอครับ”

   “ว่าเรื่องอะไรล่ะ?” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ

   “เปล่าหรอกครับ แค่หาเรื่องคุยไปอย่างงั้นเอง” เขาตอบเลี่ยงแล้วหรุบตาต่ำ

   จะว่าไปแล้วบีทก็ไม่ได้ว่าอะไรผมจริงๆ นั่นแหละ บอกแค่ว่า...

   “สัญญากับผมนะ ว่าคุณจะไม่รักเขา...”



   หลังมื้ออาหาร ผมพาเขาไปที่บ้านที่ผมซื้อให้เขา ดูเหมือนเขาจะตื่นเต้นดีใจที่ได้กลับมา ทักทายพูดคุยกับกุ้งเหมือนไม่ได้เจอกันมายาวนานเป็นปีทั้งๆ ที่เพิ่งจะผ่านไป แค่เดือนกว่าๆ มันก็ดีตรงที่ทำให้รู้ว่า คนยิ้มยากก็ยิ้มเป็น และมันก็น่ามองมาก...

   ผมออกมานั่งรับลมเย็นอยู่ที่ชิงช้าหน้าบ้าน มองรถเก๋งคันใหม่เอี่ยมจอดไว้ที่เดิมตลอด เพราะแม็กม่าขับรถไม่เป็น  ถ้าเขาขับรถเป็น เขาคงมีข้อโต้เถียงที่จะไม่ไปอยู่ที่บ้านผม และเรื่องราวคงไม่บานปลายขนาดนี้

   “ทำไมไม่ไปหัดขับรถล่ะ?” ผมถามเมื่อเขาเดินออกมาจากบ้าน

   “ไปแล้วครับ ก็เหมือนจะขับเป็นนะ แต่ผมขี้ขลาด ไม่กล้าขับออกถนน ก็เลยไม่รู้ว่าถ้าขับออกไปแล้วจะเป็นยังไง” เขาตอบแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ชิงช้าเล็กๆ ตัวเดียวกันที่ผมวาดแขนพาดยาวไปบนขอบพนักเก้าอี้ จนเมื่อเขาเอนตัวลงพิงพนักจึงเหมือนถูกโอบทางอ้อม...

   “กลัวอะไรล่ะ มองซ้ายมองขวาให้มันดีๆ สิ”

   “อุบัติเหตุมันไม่ได้เกิดขึ้นจากเราคนเดียวนี่ครับ เหมือนแม่ผม ท่านแค่เดินตามทางเท้าเฉยๆ อยู่ดีๆ ก็มีคนขับรถมาชนซะอย่างนั้น เรียกว่าโชคร้าย หรือแค่อีกฝ่ายประมาทก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะตอนนั้นผมก็ยังเด็กมาก”

   “เสียใจด้วยนะ”

   “เรื่องมานานมาแล้วครับ” เขายิ้มบางตอบรับคำของผม รอยยิ้มที่นานๆ จะโผล่มาสักที จางหายไปอย่างรวดเร็ว...แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าเศร้า...

   “พาผมไปส่งเถอะ ไม่อย่างงั้นคุณต้องเสียใจแน่” แม็กม่าเอ่ยขึ้นลอยๆ ท่ามกลางความเงียบ

   “เสียใจเรื่องอะไร”

   “ก็คุณจะลักพาตัวผมไม่ใช่เหรอ? ละครแนวจำเลยรักน่ะ ตอนจบพระเอกมักจะรักนางเอกนะ ทุกเรื่องเลย”

   “ทำไมล่ะ เธอไม่อยากให้ฉันรักเธอเหรอ? ถ้าเป็นอย่างงั้นจริงๆ เธอจะได้ทุกอย่างมาง่ายๆ โดยไม่ต้องเอาลูกมาขู่ด้วย” ผมแขวะหน้ายิ้ม

   “นี่คุณยังคิดอะไรแบบนี้อยู่อีกเหรอ” เขาหันมาขมวดคิ้วใส่

   “ถ้าเธอไม่คิด... งั้นเธอสัญญาได้ไหมล่ะว่าถ้าคุณแม่ท่านยกอะไรให้เธอ เธอจะยืนยันไม่ยอมรับมันเอาไว้”

   จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ลืมเหตุผลที่ผมมาหาเขา

   ในความเป็นจริงแล้วการโอนหุ้นแบบระบุชื่อจะต้องได้รับการเซ็นชื่อทั้งผู้ให้ ผู้รับและพยาน ถ้าไม่อย่างนั้นจะถือเป็นโมฆะ เพราะฉะนั้นถ้าคุณแม่อยากให้แต่อีกฝ่ายไม่เซ็นรับก็ไม่เป็นไร

   “คุณแม่จะให้อะไรผมเหรอครับ”

   “เปล่า... ฉันแค่พูดเผื่อไว้”

   “ถ้าผมตกลง แล้วคุณจะพาผมไปส่งบ้านซูกัสเหรอครับ”

   “อื้อ...”

   “ครับ งั้นผมก็ตกลง ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากครอบครัวคุณทั้งนั้น”

   ผมก็ได้แต่หวังว่า... เขาจะรักษาคำพูด...


   ในที่สุด หลังจากได้คำตอบที่พอใจ ผมก็ขับรถพาแม็กม่ากลับไปส่งที่บ้านซูกัสตามที่รับปากไว้

   “ต่อไปนี้...คุณอย่ามาหาผมอีกเลยนะครับ” คำพูดตัดรอนนั้นทำให้เจ็บปวดอยู่ลึกๆ ความรู้สึกที่ถูกตัดรอนอย่างไร้เยื่อใยค่อนข้างทำให้ผมหงุดหงิด

    “ทำแบบนั้นได้ที่ไหนล่ะ ถ้าฉันไม่ง้อเธอ คุณแม่เอาฉันตาย”

   “ผมบอกท่านไปแล้วว่าไว้ให้หลานคลอดจะพาไปหา คุณก็เหมือนกันรอให้ลูกคลอดก่อนก็ได้ค่อยมา...รับเขา ผมไม่หนีไปไหนหรอกครับ เพราะนอกจากที่พึ่งอย่างซูกัส ผมก็ไม่มีที่จะไปอีกแล้ว” เขาทำให้ผมเศร้าตามเลยล่ะ ถึงจะรู้สึกได้ว่าเขาพูดจริง แต่...

   “ถ้าฉันทำอย่างนั้นจริงๆ เชื่อเถอะว่าซูกัสคงไม่ให้ฉันได้เห็นทั้งเธอและลูกแน่”

   เขาเงียบ... คงเพราะไม่รู้จะเถียงยังไง เขาก็คงรู้นิสัยเอาแต่ใจตัวเองของเพื่อนดี ผมหันไปมองเขาใบหน้านิ่งเฉยมีย้อมเศร้าจนแลอึดอัด ผมไม่แน่ใจว่าเมื่อก่อนมันเป็นอย่างนี้เสมอหรือไม่ เพราะปกติเขาก็เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด และหน้าเฉยแบบนี้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมา คือแววตาแสนเหงา

   “ไปอยู่กับซูกัสตั้งหลายวัน ไม่ติดนิสัยร่าเริงมาบ้างหรือไง” ผมโพล่งขึ้นมาในที่สุดเมื่อนึกขัดใจกับสีหน้าและแววตาแบบนั้น

   “ถ้านิสัยร่าเริงมันติดกันได้จริงก็ดีสิ ผมคงร่าเริงมาตั้งแต่สมัยเรียน”

   “วันๆ ทำเป็นอยู่หน้าเดียว ไม่เมื่อยหน้าบ้างหรือไง”

   “แล้วจะให้ทำหน้าแบบไหนล่ะครับ”

   “ยิ้มไง... มัวแต่ทำหน้าอมทุกข์ คงพลอยทำให้ลูกสุขภาพจิตแย่ไปด้วยอีกคน”

   “ถ้าผมยิ้มหรือหัวเราะโดยไม่มีเหตุผลก็คนบ้าแล้วครับ”

   “เหตุผลก็คืออารมณ์ดีไง หรือถ้าเธอไม่รู้จะยิ้มให้ใคร งั้นเธอก็ยิ้มตอบฉันก็ได้นะ” ผมหันไปยิ้ม แต่อีกฝ่ายดันหยิ่งหน้านิ่งตอบ ทำให้ผมยิ้มเก้อฝ่ายเดียว แล้วยังตอบว่า...

   “แต่ตอนอยู่กับคุณ ผมอารมณ์ไม่ดีนี่ครับ” ทำไมเขาชอบทำให้รอยยิ้มผมเจื่อนลงทุกทีเลยก็ไม่รู้

   บางทีผมอาจจะชอบความเสแสร้งของเขามากกว่า เสแสร้งเป็นรัก เสแสร้งเป็นเอาใจเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น อย่างน้อยก็มีสีหน้าอื่นบ้างไม่ได้เย็นชาตลอดแบบนี้

   “นี่เธอเกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงขนาดไม่อยากเจอหน้า ไม่อยากยิ้มให้ ไม่อยากอยู่ใกล้” ผมถามอย่างไม่พอใจนิดๆ เขาหันมองกลับมาจ้องตาผม มันมีประกายบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ แต่มันน่าแปลกตรงที่สีหน้าเฉยชาเหมือนเดิมนั้น แววตากลับเศร้าลงทุกวันไม่รู้ว่าทำไม

   “เกลียดเหรอครับ... อาจจะไม่ใช่เหตุนั้นก็ได้นะ” ถ้าไม่ใช่แล้วเป็นเพราะอะไรล่ะ?

   ผมจ้องกลับไปในแววตาคู่นั้นอย่างค้นคว้า แต่ก็พบแต่แววตาที่ผมอ่านไม่ออก


++++++++++



หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 02-05-2016 19:42:38
อย่าใจอ่อนนะแม็ก ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องเข้มแข็งไว้
ถ้ายอมเมื่อไหร่ ก็ต้องเจ็บปวดแน่นอน
เราอยู่ข้างแม็กนะ  :L1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-05-2016 20:57:39
แม็กม่าสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 02-05-2016 21:23:09
ฮื้ออออออ :o12:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 02-05-2016 22:02:18
พี่อิฐนี่ บื้อเน้อเฮ้อ สงสารแม๊กม่า
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 02-05-2016 22:18:14
สงสารแมกม่า อิฐนี่ไม่รู้จะอธิบายยังไง
#แมกๆสู้ๆ
...♡♡...
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-05-2016 22:24:10
 :mew5: มีความรู้สึก อยากเตะพระเอก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sanax00 ที่ 02-05-2016 22:30:36
ตั้งแต่ตอนท้องมายังไม่มีตอนไหนที่ไม่สงสารแม็กม่าเลย ทำไมชีวิตต้องอมทุกข์ขนาดนั้นน  :hao5:

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ อัพทุกวันเลยดีต่อใจมาก♡
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 02-05-2016 22:40:03
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:ตูละเซ็ง :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-05-2016 23:31:04
บีททำตัวน่ารังเกียจมากอ่ะ อิฐตาสว่างเร็วๆเถอะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: SaKiNonZa ที่ 03-05-2016 00:33:23
 :mew2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-05-2016 00:58:24
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 03-05-2016 01:12:50
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 03-05-2016 07:25:52
เฮ้ออออ ไอ้คุณอิฐ ไปไกลๆ เลย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 03-05-2016 07:51:52
โอ๊ยยยยยยเห้ออีิอิฐ :mew2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-05-2016 08:36:06
 :z6:  เอิ่มมม
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-05-2016 09:04:08
ไม่ชอบตาลุงนี่จริงๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 03-05-2016 11:11:40
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-17-] [02/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 03-05-2016 16:54:46
ร้องไห้มันทุกตอน
ชีวิตทำไมรันทดขนาดนี้
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-18-] [03/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 03-05-2016 19:07:39
-18-

   -แม็กม่า-

   
   ไม่กี่วันต่อมาผมก็กลับมาบ้านคุณอิฐ เพราะแม่คุณอิฐส่งทนายไปแจ้งว่าท่านมีธุระสำคัญกับผม แล้วท่านก็บอกว่าจะยกหุ้นในบริษัทในส่วนของท่านให้ เชื่อผมเถอะว่าคนฉลาดที่ไหนก็ไม่มีใครปฏิเสธมันหรอก ไม่ว่าจะมีไว้เพื่อรับปันผลหรือจะขาย มันก็มีค่ามากทั้งนั้น

   “ผมรับไม่ได้หรอกครับคุณแม่” ผมปฏิเสธทันทีราวกับคนโง่

   ความจริงผมคงตกลงรับมันแน่ๆ ถ้าหากผมเกลียดคุณอิฐ แต่ความรักทำให้คนโง่เสมอนะผมว่า ก็ถ้าผมรับมันไว้ คุณอิฐคงเข้าใจว่าผมทำทุกอย่างเพื่อเงิน และเขาคงโกรธคงเกลียดผมมาก แล้วผมจะทนรับสายตาเกลียดชังรังเกียจของเขาไหวได้ยังไง แค่คิดขึ้นมาผมก็ยังอยากร้องไห้แล้ว...

   “รับไว้เถอะแม็ก... แม่อยากให้เราจริงๆ นะ” ท่านคะยั้นคะยอซ้ำอีก ผมถอนใจอึดอัด

   “ถ้าผมรับไว้ คุณอิฐคงไม่พอใจผมแน่ๆ ครับ” ผมตอบไปตามจริง แค่นี้ผมก็เจ็บแล้ว อย่าให้เขาเกลียดผมเลยนะครับ

   “ก็คงจริง แต่ไม่ทันแล้วล่ะ แม่บอกทนายให้โอนให้เราไปแล้ว”

   “อะไรนะครับ!” ผมพูดอย่างตกใจ มีสีหน้ากังวลขึ้นมาทันที

   “แม่แก่แล้วไม่อยากไปยุ่งเรื่องบริษัทแล้วแหละ ก็เลยไม่อยากได้คืน แต่ถ้าเราตัดสินใจไม่เอาจริงๆ งั้นก็เซ็นชื่อลงในเอกสารนี่แล้วกัน จะได้เป็นการโอนไปให้ตาอิฐแทน ดีไหม” ท่านเสนอทางออกให้ ทำให้ผมยิ้มออก

   “ดีครับ” ผมตอบรับแล้วดึงเอกสารนั้นมาเซ็นชื่อทันทีโดยไม่ได้อ่านเลย

   ผมไม่คิดหรอกว่าเอกสารใบล่าสุดที่เซ็นลงไปจะทำให้เรื่องมันวุ่นวายยิ่งกว่าเก่าอีก



   สองสามวันต่อมาทนายของคุณแม่ก็มาแจ้งให้ผมเข้าประชุมบอร์ดที่บริษัท ผมก็ต้องไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ไปโดยที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง ก็ผมโอนหุ้นให้คุณอิฐไปแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมยังต้องไปร่วมประชุมอะไรนั่นอีกล่ะ?

   “คนโกหก!” วลีนั้นลอยขึ้นทันทีที่คุณอิฐเจอหน้า มันทำให้ผมเจ็บอีกแล้ว

   ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรก็ดูจะผิดไปหมดทุกเรื่อง คนไม่ใช่... ทำอะไรก็ผิด!

   “โกหกเรื่องอะไรเหรอครับ?”

   “ยังจะมาถามอีกว่าเรื่องอะไร ไหนเธอบอกว่าจะไม่รับอะไรจากคุณแม่ไง?” น้ำเสียงตัดพ้อต่อว่าทำให้ผมสับสนเอามากๆ

   “ผมก็ไม่ได้รับอะไรนี่ครับ”

   “ไม่ได้รับ แล้วนี่อะไร! นี่อะไร?” เขาถามกลับมาอย่างกราดเกรี้ยวยกแผ่นกระดาษในมือขึ้นสูง ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรหรอก เลยได้แต่ส่งสายตาไม่เข้าใจกลับไปอีก

   “มันคือใบหุ้นไง หุ้นที่ระบุชื่อเธอ มีอะไรจะเถียงอีกไหม?”

   “แต่ผมไม่ได้รับไว้นี่ครับ แม่คุณบอกผมว่า ท่านยกมันให้ผมไปแล้วไม่อยากรับคืน แต่ให้ผมลงชื่อโอนให้คุณแทน”

   “งั้นเธอก็โดนหลอกแล้วล่ะ เพราะหุ้นแบบนี้จะโอนให้กันเปล่าๆ โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้เซ็นรับไม่ได้”

   ผมตกใจกับคำเฉลยที่ไม่เคยรู้มาก่อน... ผมไม่เข้าใจเรื่องหุ้นเรื่องอะไรพวกนี้เลย

   แสดงว่าแม่คุณอิฐก็หลอกผมน่ะสิ!

   ระหว่างที่ผมก้มหน้าลงเศร้าๆ อีกฝ่ายก็ถอนใจฮึดฮัด...

   “ช่างเถอะ ตอนนี้ก็เข้าประชุมก่อนแล้วกันอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที...” เขาสรุปในที่สุด ผมเงยหน้าแล้วมองเขาอย่างกังวลใจอีก

   “แต่... ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะครับ จะให้เข้าไปพูดหรือออกความเห็นอะไร...”

   “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวพอโหวตอะไรก็ยกมือตามฉันก็แล้วกัน” เขาสั่งการเสียงเครียดแล้วก็รั้งไหล่ผมให้เดินเข้าไปในห้องประชุม



   หลังจากการประชุมอันเคร่งเครียดที่ทำให้ผมเผลออ้าปากหาวเสียหลายรอบจบลงด้วยดี ผมเดินตามคุณอิฐออกมาหน้าห้องประชุม

   “ขอบใจนะ ที่ไม่ทำให้เสียเรื่อง ดูท่าเธอจะง่วงมาก เดี๋ยวฉันจะไปส่งไปเธอกลับบ้าน”

   “ครับ” ผมตอบรับสั้นๆ รู้สึกอายเล็กน้อยที่กลั้นหาวไม่ไหวจนเขาต้องเอ่ยแซวแบบนั้น

   แต่ยังไม่ทันที่เราจะเดินเข้าลิฟท์เพื่อลงไปชั้นล่าง เลขาที่เดินกลับไปที่ห้องทำงานเขาก็ย้อนกลับมาแจ้งเสียก่อน

   “บอสคะ เอ่อ... คุณบีทมาค่ะ”

   “เหรอ แล้วอยู่ไหนล่ะ?” เขาหันไปถาม

   “รออยู่ที่ห้องทำงานบอสน่ะค่ะ”

   “อืม... “ เขาตอบรับแล้วเดินนำไปยังห้องของเขา ผมเผลอถอนใจเซ็งๆ ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมจนอีกฝ่ายหันมาสังเกต

   “อ้าว ยืนทำอะไรอยู่ล่ะ ตามมาสิ”

   “คุณไปเถอะครับ ถ้าเสร็จธุระแล้วผมกลับเลยดีกว่า”

   “ใครว่าเสร็จธุระ ฉันยังมีธุระจะคุยกับเธออีก”

   “ไว้วันหลังก็ได้มั้งครับ”

   “เธอนี่ยังไง ฉันบอกแล้วไงว่าจะไปส่ง รอแค่แป๊บเดียวไม่ตายหรอกน่า” เขาหันมาดุ คงด่าผมในใจว่าเรื่องมาก ดื้อด้าน แต่ทำไงได้... ผมไม่อยากไปเลย ผมไม่อยากเจอคุณบีท ผมไม่อยาก... เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกัน

   “ถ้างั้น... คุณไปหาคุณบีทก่อนเถอะครับ ผมจะลงไปหาอะไรกินข้างล่างซะหน่อย เสร็จแล้วจะขึ้นมา” ในที่สุดผมก็หาทางเลี่ยงจนได้

   “อือ... เอางั้นก็ได้” เขารับคำแบบไม่ใส่ใจนัก แล้วเดินแยกออกไป

   ผมมองตามร่างหนาที่เดินไปที่ห้องตัวเองด้วยดวงตาที่ร้อนผะผ่าว ปวดหนึบที่เบ้าตาขึ้นมาอีกแล้ว...

   ผมอดจะเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ไม่ได้เลย



   ผมก้มหน้าก้มตาที่เศร้าหมองของตัวเองเดินเข้าไปในลิฟท์ มีผู้ชายแต่งตัวภูมิฐานแค่คนเดียว ผมหมุนตัวหันหน้าไปยังทางออกทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตา ขณะที่คนที่อยู่ก่อนหันมาถาม

   “ชั้นอะไรครับ”

   “ชั้นหนึ่งครับ” ผมหันไปตอบแล้วมองหน้าคนถามก็พบว่าเป็นคนรู้จัก...

   “แม็ก!”

   “พี่ยุทธ!” ผมยิ้มบางๆ เมื่อได้เจอกับเขา ถึงผมในตอนนี้จะไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะพานพบคนรู้จักได้อย่างสบายใจนักก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้หยิ่งมากถึงขนาดทำเฉยชาไม่สนใจเขาได้อยู่ดี

   “ไปไงมาไงเนี่ย”

   “มาธุระน่ะครับ”

   “อ้อ... ห้องประธานสินะ จนป่านนี้เขายังไม่เบื่ออีกเหรอ?”

   “พี่ก็...” ผมทำเสียงตัดพ้อ แต่อีกฝ่ายหัวเราะ

   “ก็ดีแล้ว คบกันไปนานๆ ปอกลอกให้หมดตัวแล้วค่อยทิ้ง”

   “เอางั้นเลยเหรอครับ ฮ่าฮ่า” ผมแสร้งหัวเราะ บางทีก็ไม่แน่ใจว่าพี่เค้าพูดเล่นหรือพูดจริง!

   “ทำไมล่ะ ทำไม่ลงเหรอ?” ผมเงียบนึกไม่ออกว่าควรตอบยังไงดี “หรือว่า... รักไปซะแล้ว”

   คำกระเซ้าเย้าแหย่ทำให้อึดอัดใจขึ้นมาเชียว...

   โชคดีที่ลิฟท์หยุดเมื่อถึงแผนกการเงินพอดี และมันก็เปิดออก

   “อืม... ถ้าแม็กเหงาๆ หรือไม่สบายใจก็โทรหาพี่แล้วกันนะ พี่ยังใช้เบอร์เดิมอยู่”

   “ได้เหรอครับ พี่ไม่กลัวแล้วเหรอ?” ผมเอ่ยแซว ก็ตัวเองนั่นแหละที่ตัดรอนกันง่ายๆ เพราะกลัวอิทธิพล... (ชื่อจริงคุณอิฐ)

   “เอ้า ก็อย่าให้เขารู้สิ” พี่ยุทธตอบกลั้วหัวเราะ

   “หึ ถึงรู้ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณ... เขาไม่ได้สนใจใยดีอะไรผมนักหรอก”

   “ทำเป็นเล่นไป พนักงานตั้งเป็นร้อยเป็นพัน ถ้าไม่ได้ชอบ ทำไมเขาถึงเลือกเราล่ะ?”

   “พอดีมันมีเหตุผลน่ะครับ แต่อย่างที่พี่รู้แหละ คุณอิฐ... เอ่อ... ท่านประธานเค้าก็มีแฟนอยู่แล้ว เขาไม่แคร์ผมหรอก” ผมบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่เศร้าลง

   “จะบอกอะไรให้นะแม็ก ผู้ชายร้อยทั้งร้อยก็เหมือนกันหมด มักจะไม่เห็นคุณค่าของตายจนกว่าจะมีใครมาแย่งไป หรือไม่... ก็ตอนสูญเสียสิ่งนั้นไปแล้ว”



   Rrrrr… เสียงมือถือดังขึ้นระหว่างที่ผมนั่งเหม่ออยู่ที่เบาะหลังของรถแท็กซี่ด้วยสายตาเหม่อลอย ท้ายที่สุดแล้ว ผมก็ไม่ได้ขึ้นไปที่ห้องคุณอิฐตามที่สัญญาไว้ 

   “เธออยู่ไหน...” คุณอิฐเอ่ยถามผ่านสัญญาณมือถือมีน้ำเสียงที่ไม่พอใจในที

   “อยู่บนแท็กซี่ครับ ใกล้จะถึงแล้ว”

   “เธอกลับไปทำไม ฉันบอกแล้วไงว่าจะไปส่ง”

   “ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมกลับเองได้ ผมไม่อยากรบกวนเวลาของคุณ” ที่จะได้พลอดรักกันให้สมใจ ผมคิดพลางยิ้มขื่นๆ

   “ไม่ต้องมาเฉไฉหรอก เธอกลัวว่าฉันจะพูดเรื่องหุ้นนั่นใช่ไหม? เธอคงกลัวว่าฉันจะบอกให้เธอโอนคืนมา เธอถึงรีบหนีกลับไป” น่าสมเพชตัวเองจริงๆ การที่ผมหนีภาพบาดตาบาดใจตัวเองอย่างนั้น... แต่เขากลับแปลการกระทำนั้นไปอีกอย่าง มิหนำซ้ำยังเอ่ยปากปรักปรำกันต่อไปอีกไม่จบสิ้น “คิดอยู่แล้วเชียว ว่าเธอก็แค่เสแสร้ง แกล้งทำเป็นบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เหอะ! โดนคุณแม่หลอกอย่างนั้นเหรอ? คงจะหลอกคุณแม่มากกว่ามั้ง!”

   เขาก็ไม่ผิดหรอก ก็ก่อนหน้านี้ผมก็เคยตอบรับข้อเสนองี่เง่าเพราะเห็นแก่เงินจำนวนมากโดยไม่ได้ใช้เวลาไตร่ตรองอะไรนัก เขาก็เลยคิดไปว่านิสัยหน้าเลือดมันคงเป็นสันดานที่ติดตัวผมจนแก้ไม่หายเสียแล้ว

   ทั้งอย่างนั้นทำไมผมก็ยังเจ็บใจจนน้ำตารื้น..

   บางที... ผมก็ไม่เข้าใจแม่คุณอิฐเลยนะ ทำไมท่านถึงทำเรื่องให้วุ่นวายมากมายขนาดนี้ และท่านไว้วางใจผมมากขนาดยกของมีค่าขนาดนั้นให้ได้ยังไง...

   ไม่สิ... ท่านไม่ได้จู่ๆ ก็ยกให้เฉยๆ ท่านลองใจผมด้วยต่างหาก...

   ถ้าหุ้นที่ว่านั่นโอนให้กันโดยไม่เซ็นชื่อไม่ได้ ถ้าผมไม่เซ็นชื่อลงไป การโอนหุ้นจะเป็นโมฆะ

   แม่คุณอิฐจึงโกหกว่าผมได้รับหุ้นนั้นแล้วเพื่อลองใจ ในตอนนั้นผมคิดว่านั่นคือการโอนหุ้นของตัวเองไปให้คุณอิฐ ผมถึงได้เซ็นชื่อลงไป

   กลับกัน... ถ้าผมอยากได้หุ้นนั้นไว้เองจริงๆ ผมจะไม่เซ็นชื่อ และไม่ได้รับหุ้นนั้นไปโดยปริยาย

   ที่ท่านทำแบบนี้ คงเพราะท่านรู้อยู่ว่า... ผมรักคุณอิฐ และจะไม่ทำให้คุณอิฐต้องลำบาก แต่ท่านไม่รู้หรอกว่า ความหวังดีนั้นกำลังทำให้ผมตกที่นั่งลำบากอีกแล้ว...

   “คุณคิดจะมองผมในแง่ดีบ้างไหมครับ?” ผมถามกลับอย่างอัดอั้นตันใจ พยายามสะกดกลั้นน้ำเสียงมิให้สั่นเครือตามอารมณ์ในตอนนี้ เวลาที่ตัวเองตัดสินใจจะทำเรื่องดีๆ กลับถูกเข้าใจผิดว่าคิดร้ายแบบนี้มันน่าน้อยใจจริงๆ

   “คิดสิ... คิดมาตลอด จนถึงตอนนี้แหละ ยังไม่ทันไรเธอก็ออกลายซะแล้ว ถ้าฉันรู้ว่าเธอจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ฉันให้ผู้หญิงอุ้มบุญให้ซะยังดีกว่า หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ เลย!”

   เจ็บครับ... เจ็บจริงๆ

   นี่มันทำคุณบูชาโทษชัดๆ ถ้ารู้ว่าทำดีแล้วจะผิดขนาดนี้ ทำชั่วซะดีกว่า!

   “ก็เอาสิครับ มันยังไม่สายเกินไปหรอก ที่คุณจะหาผู้หญิงคนใหม่มาช่วยอุ้มท้องให้ แลกกันไหมครับ คุณเอาหุ้นคืนไป แล้วยกลูกของคุณให้ผม ถือซะว่าเป็นค่าเสียเวลา ค่าเสียความความรู้สึก”

   “เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะมาต่อรองอะไรทั้งนั้นนะ!”

   “มีสิครับ ทำไมจะไม่มี... ผมก็อยากจะรู้นักว่าถ้าผมไม่เซ็นชื่อโอนหุ้นกลับให้คุณ คุณจะบังคับขู่เข็นยังไงได้ หรือถ้าผมยืนกรานจะไม่ยกลูกให้คุณแน่ๆ คุณจะให้คนมาแหวะท้องเอาเด็กไปเลยหรือเปล่า”

   “แม็กม่า!!”

   ผมวางสายลงพร้อมน้ำตามากมายที่ไหลอาบแก้ม

   Rrrrr. เสียงมือถือดังลั่นขึ้นอีกครั้ง... แต่ผมกดตัดสายไปด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว

   ทำไมเหรอครับคุณอิฐ ผมทำอะไรผิดนักหนา คุณถึงต้องบีบคั้นผมถึงขนาดนี้

   ก็ได้!! ถ้าความดีเอาชนะใจคุณไม่ได้

   ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ถ้าผมร้าย... แล้วคุณจะทำยังไง!

++++++++++
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-18-] [03/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 03-05-2016 19:23:39
ขอเปลี่ยนพระเอกค่ะ!!!!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-18-] [03/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-05-2016 19:28:34
 :katai1: อยากรู้ว่าจะทำยังไง
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-18-] [03/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 03-05-2016 20:05:17
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-18-] [03/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-05-2016 20:41:26
พระเอกเรื่องนี้กินหญ้าแทนข้าวรึไงนะ
 :z6:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-18-] [03/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-05-2016 21:39:31
เห้ออออออออออเออออ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-18-] [03/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sanax00 ที่ 03-05-2016 21:45:43
ก่อนอื่นขอกระโดดสองขาใส่อิฐก่อนเลยค่ะ  :z6: :z6: :z6: กลัวแม็กแรงไปแล้วอิฐแรงกลับยิ่งเป็นคนไม่มีเหตุผลอะไรด้วย จะเอาแต่ตัวเอง โอ้ยยย  :serius2: สงสารเด็กในท้องและแม็กม่ามาก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-18-] [03/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 03-05-2016 22:10:43
อีพระเอกนี่น่าตบ  เบื่อคุณอิฐ ให้ซูกัสมาตบดีมั๊ย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-18-] [03/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 03-05-2016 22:26:00
เม็กม่าสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-18-] [03/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 03-05-2016 23:07:09
อิฐอย่างโง่อ่ะ โง่มากด้วย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-18-] [03/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-05-2016 23:09:04
ดีๆๆ. แม๊กม่าร้ายไปเลยยย ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-18-] [03/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 03-05-2016 23:13:12
โง่โคตร
ตัดออกจากการเป็นพ่อและสามีค่ะ

ห่านนนนนน มีสมองไว้คั่นหูโคตรๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-18-] [03/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 04-05-2016 03:37:01
ขอโบกหัวพระเอกสักสามที โง่!!! :angry2: :m16: :m31:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-18-] [03/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ปุกปิกกุกกิกไปตามสไต ที่ 04-05-2016 05:41:55
 :sad4: :sad4:โกดไออิฐโง่จริงนะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-18-] [03/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-05-2016 12:47:55
จะร้ายยังไงก็ห่วงลูกด้วยนะแม็ก เฮ้อ~
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-18-] [03/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 04-05-2016 16:42:02
โหวตอิฐออก ลากกระเป๋าออกจากนิยายเรื่องนี้ไปซะ
 o18 :laugh:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-19-] [04/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 04-05-2016 18:51:59
-19-


   -แม็กม่า-


   ผมเปลี่ยนใจไม่กลับไปบ้านซูกัส แต่ไปบ้านคุณอิฐแทน เพราะถึงตอนนี้ผมจะยังคิดอะไรไม่ออก แต่ผมก็รู้ว่าก่อนอื่นผมจะต้องหาพวกให้ได้ และคนแรกเลยก็คือแม่คุณอิฐ ซึ่งที่จริงท่านก็เข้าข้างผมตั้งแต่แรกแล้ว ยิ่งเห็นผมน้ำตาคลอเบ้ามาหาท่านก็ยิ่งสงสารหนักขึ้นอีก บ่นด่าคุณอิฐรวมทั้งคุณบีทน้ำไหลไฟดับ

   “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคุณอิฐถึงมองผมในแง่ร้ายขนาดนั้น เขาหาว่าผมมาหลอกคุณแม่...ฮึก...” ฟ้องครับ ฟ้องให้หมด นี่ไม่ได้ตอแหลสักคำนึงนะเนี่ย!

   “ไม่เห็นต้องสงสัยคงโดนเมียน้อยมันเป่าหูมา ตาอิฐนะตาอิฐ อะไรจะโง่ได้ขนาดนี้ ไม่รู้อะไรเพชรอะไรกรวด” คุณแม่ก่นด่าอย่างโมโหต่อไป ดูจากสำเนียงแล้วถึงไม่มีผม ท่านคงไม่ยอมรับคุณบีทง่ายๆ อยู่ดี

   “ผมทนไม่ไหวแล้วครับคุณแม่ ที่จะทนให้คุณอิฐมาว่าผมสาดเสียเทเสียอย่างงี้ตลอด ผมคงต้องหนีไปที่ไหนสักแห่ง” ผมเริ่มตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ เพราะรู้ว่าทำแบบนี้แล้วท่านต้องไม่ยอมง่ายๆ

   “ไม่ได้นะลูก การหนีไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาหรอกนะ เราต้องสู้สิ”  แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้

   “แต่ผมจะสู้ยังไงล่ะครับ ผมยังนึกอะไรไม่ออกเลย”

   “มีแม่ช่วยทั้งคน มันต้องมีทางสิ หุ้นที่ให้ไปนั่นก็ต่อรองได้นะ ตาอิฐไม่ยอมเสียบริษัทไปง่ายๆ หรอก” ผมเห็นด้วยกับท่าน ถึงตอนนี้จะยังไม่รู้เรื่องอะไรมากนักก็เถอะ

   “ถ้าคุณแม่ยืนยันแบบนั้นผมก็จะลองดูครับ งั้นถ้าผมต้องการความช่วยเหลือจะโทรมาปรึกษานะครับ”

   “ได้สิลูก...” คุณแม่รับคำ ยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ ทำให้ผมคิดถึงแม่ของผมขึ้นมาทีเดียว ตอนที่ท่านเสีย ผมยังเด็กมากแต่ก็ยังพอจำความอบอุ่นเหล่านั้นได้บ้าง แม้จะเลือนรางไปแล้วก็ตาม 

   “ผมอยากจะบอกอะไรท่านสักอย่างหนึ่ง ต่อไปนี้... ถ้าหากผมทำอะไรไม่ดีลงไป ผมก็ทำเพราะความจำเป็น ผมไม่มีเจตนาจะทำลายครอบครัวคุณแม่ หรือทำร้ายคุณอิฐ ขอให้คุณแม่เชื่อใจผมนะครับ”

   “เชื่อสิ ถ้าไม่ไว้ใจ แม่ไม่ยกหุ้นพวกนั้นให้หรอกนะ ส่วนตาอิฐน่ะทำร้ายมันบ้างก็ดี จะได้หูตาสว่างเร็วๆ ขออย่างเดียว อย่าให้ถึงกับตายหรือพิการก็พอแล้ว” ความเครียดของผมที่สั่งสมมาทั้งวันเจอคำพูดของท่านนี่ทำผมหลุดหัวเราะเลยครับ

   จากนั้นผมก็ขอตัวกลับ คุณแม่สั่งให้คนขับรถที่บ้านมาส่ง ก่อนจะกลับแม่ฟองก็ถามว่า เมื่อไรผมจะกลับมาอยู่ที่บ้านนี้อีก ตอนแรกผมอึกอักไม่รู้จะตอบยังไงดี แม่ฟองก็เลยบอกผมว่า

   “กลับมาเร็วๆ นะคะคุณแม็ก สงสารคุณผู้หญิงท่าน ตั้งแต่คุณไป ท่านทานน้อยลงเชียวค่ะ ต้องทานข้าวคนเดียวทุกวันคงจะเหงา” ผมชะงักเมื่อได้ยิน รู้สึกผิดขึ้นมาเหมือนกันที่กลับมาที่นี่อีกครั้งเพราะปัญหาของตัวเอง ลืมนึกถึงท่านไปเลย

   ทั้งๆ ที่ความเหงาคงไม่ได้อยู่กับผมแค่คนเดียว แต่รวมถึงแม่คุณอิฐด้วย ท่านเป็นไฮโซที่แปลกมากตรงไม่ค่อยไปงานสังคม วันๆ อยู่แต่บ้าน ปลูกต้นไม้ ดูละคร เพราะอย่างนี้ล่ะมั้ง ท่านถึงอยากได้ลูกสะใภ้คอยดูแลปรนนิบัติ อยู่เป็นเพื่อน มีหลานให้อุ้ม   

   “อีกไม่นานหรอกครับป้า... ผมจะกลับมาแน่” ผมยิ้มอ่อนแล้วให้คำมั่น ก่อนจะเดินไปที่รถ...

   ผมจะกลับมาแน่ครับ เมื่อผมกำจัดคุณบีทเรียบร้อยแล้ว...


   หลังจากนั้นผมก็โทรนัดพี่ยุทธมาคุยด้วย เพราะพี่เขาทำงานที่นี่มาตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ นี่ก็หลายปีดีดักคงรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทนี้ดี

   “วันนี้ผมมีเรื่องอยากถามหน่อยน่ะครับ”

   “เรื่องอะไรล่ะ ถามมาได้เลย”

   “คือผมอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับหุ้นส่วนในบริษัทแบบคร่าวๆ น่ะครับ พี่พอจะเล่าให้ผมฟังบ้างได้ไหม?”

   “แล้วแม็กอยากรู้ไปทำไมล่ะ?”

   “ก็เห็นคุณอิฐเขาดูเครียดๆ ทุกครั้งที่มีการประชุม ก็เลยสงสัยน่ะครับว่าทำไม”

   “อ๋อ... นึกว่าเรื่องอะไร จะให้เล่าคร่าวๆ ก็พอได้อยู่นะ อืม... หุ้นในอิทธิฤทธิ์จะแบ่งออกเป็นสามส่วนใหญ่ๆ เกือบครึ่งเป็นของท่านประธานคนก่อน พอท่านเสีย หุ้นก็ถูกแบ่งออกเป็นของท่านประธานและคุณพินทิพย์ที่เป็นแม่ อีก 30 เปอร์เซ็นต์เคยเป็นของน้องสาวท่านประธานคนก่อนที่เสียไปแล้วแต่ตอนนี้ถูกโอนให้คุณเขตแดนสามีกับคุณแผ่นฟ้าลูกชาย ที่เหลือไม่ถึง20 เปอร์ก็เป็นของผู้ถือหุ้นรายย่อย โดยกรรมการผู้บริหารจะมีเจ็ดคนมาจากฝ่ายท่านประธานสาม คุณเขตแดนสอง และตัวแทนจากผู้ถือหุ้นรายย่อยอีกสอง แต่ทั้งๆ ที่ท่านประทานกับคุณเขตแดนเป็นญาติกันแต่กลับไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไรเพราะเรื่องผลประโยชน์ เวลามีประชุมสำคัญก็งัดข้อกันตลอด แต่ส่วนใหญ่ฝั่งท่านประธานมักจะชนะ เพราะฝั่งตัวเองมีอยู่แล้วสามในเจ็ด ถ้าผู้ถือหุ้นรายย่อยเห็นด้วยแค่คนเดียวก็ชนะไป”

   “แล้วถ้าหนึ่งในกรรมการบริหารฝั่งประธานแปรพรรคไปเข้ากับคุณเขตแดนขึ้นมาแล้วอะไรจะเกิดขึ้น?”

   “จะเป็นไปได้ยังไง สามคนนั้นคือท่านประธาน คุณพินทิพย์ แล้วก็คุณเพทายน้องสาวคุณพินทิพย์นะ”

   “ผมแค่สมมุติน่ะพี่” ผมรีบกลบเกลื่อน

   “อืม...ถ้าเป็นการประชุมสำคัญก็คงสนุกน่าดู คงอภิปรายการประชุมดุเดือดเลือดพล่านเพื่อจะเอาเสียงจากกรรมการอิสระ” ผมพยักหน้ารับรู้

   “แต่ถ้าฝั่งท่านประธานเหลือสองเสียงจริงก็เรื่องใหญ่มากเลยนะ เพราะอย่าว่าแต่ประชุมเรื่องทั่วไปเลย แม้แต่ตำแหน่งประธานก็อาจจะเปลี่ยนได้”

        ผมนั่งแท็กซี่กลับมาถึงบ้านอย่างอารมณ์ดี ผมไม่นึกเลยว่าแม่คุณอิฐจะมอบอาวุธที่ร้ายกาจขนาดนี้มาให้ ถึงผมจะไม่ได้คิดขายหุ้นหรือแปรพรรคไปเข้ากับฝ่ายตรงข้ามอย่างที่ลองเชิงถามพี่ยุทธ แต่ถ้าคุณอิฐมองผมในแง่ลบอย่างที่ผ่านมา เขาคงหวาดระแวงผมมากว่าผมจะทำ แค่นั้นผมก็ได้อยู่เหนือจากเขาแล้ว
   
   หลังจากนั้น... ผมก็ปิดมือถือตลอดเพื่อไม่ให้คุณอิฐติดต่อผมได้ ปล่อยให้เขากระวนกระวายใจกับสิ่งที่ผมขู่ไปสักระยะ จนคุณอิฐไม่มีทางเลือกถึงกับต้องเขียนจดหมายหาผมส่งผ่านทางหมอทีเดียว...

   จดหมายมีใจความสำคัญว่า จะมีการคัดเลือกกรรมการฝ่ายบริหารคนใหม่เนื่องจากผมที่เป็นผู้ถือหุ้นอีกคนไม่มีคุณสมบัติมากพอจะอยู่ในตำแหน่งนี้ นั่นก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีเพราะมันเป็นเรื่องจริง ใช่ว่าผมอยากจะไปทำงานเครียดๆ  แบบนั้นซะเมื่อไร และเพราะเหตุการณ์นี้ทำให้ผมนึกแผนแรกออก นั่นก็คือการเสนอชื่อพี่ยุทธมาเป็นกรรมการฝ่ายบริหารคนใหม่แทนผม นั่นถือเป็นการหักหน้าคุณอิฐเอามากๆ เพราะเขามีตัวเลือกอื่นไว้ในใจแล้ว และโชคก็เข้าข้างผมเสียเหลือเกินที่เสียงข้างมากเอนไปทางพี่ยุทธซะอย่างนั้น

   ผมนั่งยิ้มที่ตัวเองชนะใสๆ โดยแทบไม่เหนื่อยอะไรสักนิด ผมไม่ต้องมาประชุมอะไรเองให้เหนื่อย รับปันผลเหนาะๆ และกรรมการฝ่ายบริหารคนใหม่ก็ยังสนิทกับผมอีกด้วย สุดท้ายแล้วผมก็ยังคุมเกมนี้อยู่ดี...

   องค์ประชุมทั้งหมดค่อยๆ ทยอยออกจากห้องกันทีละคน จนเหลือแต่ผมและท่านประธานที่ปั้นหน้ายักษ์ตั้งแต่การประชุมจบลง ผมเหลือบตามองเขาอย่างสาสมใจ ค่อยทอดน่องเดินอ้อมผ่านเก้าอี้ของเขาไปช้าๆ แล้วเขาก็หันมาคว้ามือผมเอาไว้อย่างที่ผมคาดการไว้ไม่ผิด!

   “นี่เธอทำบ้าอะไร อยากให้บริษัทฉันล่มจมรึไง ถึงเสนอชื่อใครเข้ามามั่วซั่วแบบนี้!!”

   “มั่วที่ไหนกันคุณ พี่ยุทธน่ะเค้าเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงินที่เก่งนะ ผมรู้ก็เพราะว่าตอนที่ผมทำงานที่นี่ เขาเป็นหัวหน้าผม และถ้าผมคิดไปเองคนเดียว คนอื่นๆ ในที่ประชุมคงไม่เทคะแนนเสียงไปให้พี่เขาแบนนี้หรอก” ผมเถียงทำหน้าระรื่นกวนประสาท ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่า เสียงจะแบ่งออกครึ่งเดียวอยู่แล้วตั้งแต่แรก และมาตัดสินที่เสียงของผม!

   “แล้วมันกงการอะไรของเธอ ฉันบอกให้เธอมาโหวตเข้าข้างฉัน ไม่ใช่ให้มาเสนอชื่อใครต่อใครโดยพละการแบบนี้นะ” เขาถาม ค่อยๆ ยืนขึ้นเต็มความสูงที่มากกว่าผมเยอะจนดูเหมือนข่มในที แต่มีเหรอที่ผมจะกลัว...

   “เอ้า.. ก็ผมเป็นผู้ถือหุ้นคนนึงนะครับ จะยกสิทธิ์ให้คนอื่นไปง่ายๆ ได้ยังไง ผมก็ต้องรักษาสิทธิ์ของตัวเองสิ”

   เขาจ้องมองผมด้วยสายตาเคียดแค้น ผมเบ้หน้าเพราะแขนที่ถูกบีบรัดแน่นจนอึดอัด

   “เธอจะทำสงครามกับฉันแน่ๆ ใช่ไหม?” เขากัดฟันถาม... เค้นสายตาใส่ ผมตอบกลับด้วยในหน้านิ่งเฉย

   “ก็ดี!! แล้วเธอจะเสียใจ!” เขาตะคอกใส่หน้าแล้วสะบัดแขนผมทิ้ง

   ผมยืนหอบลึกอยู่ที่เดิม... ถามว่ากลัวไหม... ไม่เลย

   แต่ถามว่าเสียใจไหม... ตอบเลยว่ามาก...

   แต่ถึงยังไง ผมก็จะไม่ยอมถอยเด็ดขาด!




   ผมแอบตามคุณอิฐมาที่ห้อง รอจนเขาเดินเข้าไปในห้องทำงาน แล้วจึงหันไปหาเลขาหน้าห้อง นางชื่อวิจิตรา ชื่อเล่นว่าพี่ส้ม

   “พี่ครับ... พอจะรู้ตารางนัดคุณอิฐไหมครับว่าช่วงนี้มีนัดกับคุณบีทบ้างไหม?”

   “เอ่อ... คือเรื่องส่วนตัวของบอส พี่คงบอกคนอื่นไม่ได้หรอกค่ะ” เธอตอบกลับมาเรียบๆ มีท่าทีลังเล

   “บังเอิญไม่ใช่คนอื่นสิครับ คุณแม่คุณอิฐฝากถาม”

   “เอ๊ะ” เธอส่งเสียงตกใจ ในขณะที่ผมต่อสายหาท่านทันทีแล้วยื่นส่งให้พี่ส้มไป...

   พรรคพวกคนที่สอง... ก็ได้มาง่ายๆ

   
   ร้านอาหารร้านเดิม ที่คุณอิฐเคยพาผมมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกเขาพาผมมาดื่มด่ำรสชาติยาพิษแสนหวานของการเป็นเมียเก็บ กล้าๆ กลัวๆ แต่ก็น่าลิ้มลอง แต่สุดท้ายก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองแค่นึกมโนเฝ้าฝันไปเองฝ่ายเดียว แค่คุณแม่อุ้มบุญเท่านั้นที่เขาต้องการจากผม...

   ครั้งที่สอง เขาพาผมมาพบกับความจริงที่เจ็บยิ่งกว่า เมื่อรู้ตัวว่ามีเพียงผมคนเดียวเท่านั้นที่หวั่นไหวกับความใกล้ชิด หลงใหลไปกับความอ่อนโยนจอมปลอม ตัวเขายังยืนหยัดมั่นคงกับความรักของเขาอยู่ตลอด มันทำให้ผมเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปกับสิ่งที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์เลยสักนิด...

   แต่พอผมพยายามจะตื่น ลืมตาขึ้นจากฝันร้ายๆ เหล่านั้น พยายามจะหนีไปจากมัน... เขาก็ยังตามมาหลอกหลอนแล้วฉุดผมกลับมาอีก กลับมาทำให้ผมต้องเลือกว่าจะทนเจ็บกับความจริงที่ทำร้าย หรือเลือกที่จะทำทุกอย่างให้ความฝันของผมเป็นจริง...

   และผมก็เลือกแล้ว... เลือกทางที่สอง ผมจึงโทรนัดพี่ยุทธมาที่นี่เพราะผมรู้ว่าคุณอิฐก็นัดคุณบีทมาที่นี่วันนี้เช่นกัน!

   “อะไรกันแม็ก... นี่มันหรูเกินไปหรือเปล่าเนี่ย” พี่ยุทธดูตื่นเต้นกับสถานที่นัดพบของเรามาก

   “ไม่ต้องกลัวหรอกน่า มื้อนี้ผมเลี้ยง” ผมบอกด้วยรอยยิ้มหวาน นึกขำตัวเองที่มีเงินในบัญชีตั้งมาก แต่ไม่เคยได้ใช้ กลับต้องมาใช้ในเรื่องไร้สาระแบบนี้

   “แม็กไม่ดื่มด้วยเหรอ?” เขาถาม ชูแก้วไวน์ขึ้น

   “ไม่ครับ ตามสบายเลย”

   “แล้วนี่นัดมาวันนี้ แค่พามาเลี้ยงฉลองอย่างเดียวเหรอ”

   “ก็มีเรื่องอยากจะคุย แล้วก็คิดว่าพี่อาจมีเรื่องอยากถามผมด้วย”

   “แน่นอน.. นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พี่สับสนไปหมดแล้ว ทำไมอยู่ดีๆ ก็ได้เสนอชื่อให้เป็นกรรมการฝ่ายบริหารแบบนี้ แต่เรื่องนั้นมันยังไม่น่าตกใจเท่ากับเรื่องที่เรามีหุ้นในบริษัทนี้ตั้งหนึ่งในสี่ของหุ้นทั้งหมด”

   “เรื่องมันยาว... อย่าให้ผมเล่าเลยครับ”

   “งั้นถามใหม่... แม็กมีปัญหาอะไรกับคุณอิฐใช่ไหม?”

   “ทำไมคิดอย่างงั้นล่ะครับ”

   “ไม่อย่างงั้น แม็กคงไม่เสนอชื่อพี่ในขณะที่คุณอิฐมีคนของตัวเองจะมารับหน้าที่นี้แล้วหรอก”

   “ที่จริงผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเขาหรอกนะครับ แต่ผมแค่อยากมีความสำคัญต่างหาก พี่ยุทธจะช่วยผมได้ไหมครับ” ผมถามพร้อมยื่นเช็คเงินสด... ให้เป็นค่าจ้าง อีกฝ่ายยิ้มรับแล้วถามต่อ

   “แม็กอยากให้พี่ช่วยยังไง ให้ใช้เสียงโหวตเข้าข้างคุณเขตแดนเหรอ?”

   “ครับ” ผมตอบรับแล้วยิ้มบางๆ อีกฝ่ายมีสีหน้าตกใจ “แต่แค่ในการประชุมเล็กๆ ที่ไม่สำคัญมากเท่านั้นนะ สรุปว่าสิ่งที่ผมอยากให้พี่ช่วยคือใช้ความสามารถของตัวเองให้มากที่สุด แล้วออกเสียงแบบเป็นกลางเหมือนตัวเองเป็นกรรมการอิสระ แต่ในการประชุมใหญ่ๆ ที่สำคัญและส่งผลเสียต่อคุณอิฐ ก็อยากให้เข้าข้างคุณอิฐน่ะครับ”

   “อ๋อ... แม็กแค่อยากให้เขาเกรงใจเท่านั้นใช่ไหม” ผมยิ้มตอบ

   ผมก็แค่เขียนเสือให้วัวกลัวไปอย่างงั้นเอง ผมอยากจะขู่คุณอิฐว่า แม้จะแค่ส่วนเดียวแต่ผมก็มีอำนาจมากพอจะชี้ชะตาเขาและบริษัทได้ ทั้งที่ความจริงถ้าเขารับรู้ความรู้สึกที่ผมมีให้เขาสักนิด... เขาจะรู้ว่าผมไม่เคยคิดร้าย หรืออยากจะทำลายเขาเลยสักนิดเดียว...

   “แม็กเป็นคนฉลาดนะ ทำไมไม่ทำเองเนี่ย”

   “ผมยังเด็กอยู่ คิดว่าไม่มีความสามารถพอที่จะทำเรื่องพวกนี้ได้เองครับ ผมรู้ว่าพี่เป็นคนมีความสามารถแล้วก็ประสบการณ์ด้านนี้มากกว่าผม ก็เลยฝากความหวังไว้ที่พี่”   

   “เชื่อใจพี่ได้เลยแม็ก...” เขาตอบพร้อมรอยยิ้ม ยื่นมือใหญ่มาลูบมือผมเพื่อสร้างความมั่นใจ...

   และในระหว่างที่นางร้ายกำลังพลอดรักกับชายชู้อยู่นั้นเอง... มันช่างเป็นจังหวะที่พอดิบพอดีเหลือเกินที่พระเอกควงนางเอกเข้ามาในร้าน ผมปรายตาเหลือบไปที่คุณอิฐโดยไม่หลบพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน ไม่คิดจะดึงมือที่ถูกกุมไว้บนโต๊ะนั่นออกสักนิดเดียว เพราะผมตั้งใจอยู่แล้วให้เขามาเห็น ผมอยากลองทฤษฎีของพี่ยุทธดูว่าจริงไหมที่เขาบอกผม...

   ผู้ชายร้อยทั้งร้อยไม่เห็นคุณค่าของของตายจนกว่าจะต้องสูญเสียมันไป...

         
++++++++++

ร้ายเพื่อรักแท้ๆ  :z3:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-19-] [04/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-05-2016 19:20:54
 :katai2-1:    รอดูนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-19-] [04/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 04-05-2016 19:26:17
อื้อหือออ ตอกกลับแบบนี้ก็ดีนะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-19-] [04/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-05-2016 20:17:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-19-] [04/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 04-05-2016 20:49:54
แม่กมาอื้อหือ เวอชั่นนี้ ตบค่ะตบ
#ขอให้แมกม่าเอาคืนบ้าง พระเอกมันเฉยเกินไป
 :ling2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-19-] [04/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 04-05-2016 20:56:10
เอาให้เข็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-19-] [04/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 04-05-2016 21:29:15
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-19-] [04/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: SaKiNonZa ที่ 04-05-2016 22:10:21
แมกม่าร้ายแล้วไง หึหึ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-19-] [04/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 04-05-2016 22:35:02
ดีมากค่ะลูกก เราต้องสู้
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-19-] [04/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-05-2016 22:36:45
แม๊กม่าร้ายแล้ว  o13
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-19-] [04/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-05-2016 22:56:24
เอาสิ้
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-19-] [04/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 04-05-2016 23:24:33
หวั่นกับแม็กจริงๆ  o18
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-19-] [04/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 05-05-2016 00:50:29
ให้มันรู้ไปว่าคุณอิฐจะปล่อยแม่ของลูกไปง่ายๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-19-] [04/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 05-05-2016 01:10:37
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-19-] [04/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 05-05-2016 02:46:09
แบบนี้ก็ดีนะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-19-] [04/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-05-2016 16:45:10
นางร้ายมาเอง!!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 05-05-2016 19:26:44
-20-

   ระหว่างนั้นเองคุณอิฐก็เดินมายืนข้างๆ โต๊ะผมพร้อมกับคุณบีท

   “อ้าว...ท่านประธาน บังเอิญจังนะครับ” พี่ยุทธหันไปทัก หน้าเจื่อนเล็กน้อย คงเพราะห่วงผมล่ะมั้ง ส่วนผมไม่มีสีหน้าตกใจเท่าไร เพียงแต่ค่อยๆ เลื่อนมือออกจากการเกาะกุมช้าๆ เงยหน้าขึ้นมอง

   “นั่นสิ บังเอิญมากเลย” เขารับคำด้วยเสียงที่เหมือนประชดหันมาส่งสายตาบึ้งตึงใส่ผม “ไหนๆ ก็มาเจอกันแล้วขอร่วมโต๊ะด้วยเลยแล้วกันนะครับ”

   “อิฐ...” คุณบีทคล้ายจะไม่พอใจเล็กน้อย แต่คุณอิฐหันไปส่งสายตาอ้อน

   “น่า...บีท...”

   “ตามสบายเลยครับ” ผมตอบรับเป็นฝ่ายลุกขึ้นจากที่นั่งเดิมไปนั่งข้างๆ พี่ยุทธเพื่อเสียสละให้ทั้งสองที่มาใหม่นั่งข้างกัน

   คุณบีทเข้าไปนั่งด้านใน คุณอิฐและผมจึงนั่งด้านนอก พวกเรานั่งคุยกันเหมือนใส่หน้ากาก ราวกับไม่มีใครล่วงรู้เบื้องลึกเบื้องหลังซึ่งกันและกันจนดูน่าขำ ส่วนคนข้างๆ ก็เข้าใจว่าตัวเองรู้... ทั้งๆ ที่เขาแทบไม่รู้อะไรเลย ช่างเป็นมื้ออาหารที่กระอักกระอ่วนใจดีแท้...

   ในระหว่างที่คนทั้งหมดรับประทานอาหารร่วมกัน ผมแอบคิด แอบคาดหวังว่าคุณอิฐจะแสดงท่าทีหึงหวงผมบ้างสักนิด แต่ดูเหมือนว่าผมจะสำคัญตัวเองผิดไป เพราะถึงจะมีหันมาถามอะไรบ้างก็แค่ตามมารยาท ซึ่งเหมือนจะน้อยมากเมื่อเทียบกับที่เขาแคร์คุณบีท ตักนั่นตักนี่ใส่จานอยู่เรื่อยๆ ผมแอบลอบมองพวกเขาสองคนด้วยความอิจฉาอยู่ลึกๆ ความเหม่อลอยทำให้ปัดแก้วน้ำเปล่าใกล้มือจนล้มใส่ตักตัวเองซะได้...

            “แม็ก...” พี่ยุทธเรียกผมอย่างตกใจ รีบหยิบผ้าเช็ดขาอ่อนผมอย่างหวังดี ผมเองก็ตกใจที่ทำเรื่องน่าอายแบบนั้นต่อหน้า”พวกเขา” เหมือนกัน

            “ไม่เป็นไรครับพี่ ผมเช็ดเองได้ ขอบคุณครับ” ผมร้องห้ามยื้อแย่งผ้าจากมือเขา

            “ไปห้องน้ำเถอะ” คำพูดนี้ไม่ใช่คนที่นั่งข้างผมแต่เป็นคุณอิฐที่ลุกขึ้นจากที่นั่งตรงกันข้ามแล้วจับแขนผมพาลาก ออกจากโต๊ะทันทีจนผมเดินตามแทบไม่ทัน

   “ร้านอาหารมีเป็นร้อยเป็นพันทำไมไม่ไป” เขากดเสียงต่ำใส่ผมทันทีที่ถึงห้องน้ำ ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า... บางทีแผนผมอาจจะสำเร็จ...

   “ก็ร้านอาหารหรูๆ ผมไม่รู้จักที่อื่นนี่ครับ ก็ไม่คิดว่าคุณจะมาที่นี่วันนี้พอดี” ผมโกหกหน้าด้านๆ

   “พอมีเงินเข้าหน่อยก็เริ่มใช้เงินเลี้ยงผู้ชายซะแล้ว ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ” ผมกำมือแน่นจนเจ็บแต่ไม่วายตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน

   “ของแบบนี้มันก็ต้องหัดไว้ จะได้ชิน”

   “จะทำอะไรหัดเจียมเนื้อเจียมซะบ้างเถอะว่าท้องอยู่...”

   “คนท้องมีความรักไม่ได้หรือยังไง คนท้องไม่มีอารมณ์ความรู้สึกหรือยังไงล่ะ” ผมเค้นเสียงถาม

   “ความรักเหรอ? แน่ใจ? ถ้าฉันไม่มาเจอนี่คงลูบคงล้วงกันไปถึงไหนๆ ละ”

   “แล้วไง? ผมกับคุณก็ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย ในสัญญาก็ไม่ได้ระบุว่าห้ามคบกับใคร อายุผมก็ตั้งขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่เด็กๆ อีกอย่างผมก็เป็นผู้ชายด้วยอ่ะ ทำอะไรก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรเลย”

   “เอาไว้คลอดก่อน... เธอจะไปทำระยำตำบอนที่ไหน กับใคร ฉันก็ไม่สนหรอกนะ แต่ขอร้องล่ะ ระหว่างที่ลูกของฉันยังอยู่ในท้องของเธอน่ะ อย่ามาทำให้เขาแปดเปื้อนไปด้วยเลย” บางทีผมก็หลงนึกว่าเขาจะรู้สึกหึงผมบ้าง แต่ก็คงไม่หรอก เขาคงแค่... ห่วงลูกเขา

   “แปดเปื้อนยังไง ถ้าคุณห้ามไม่ให้ผมมีใครเพราะว่าผมท้องอยู่ มันไม่แฟร์เลย... เพื่อความยุติธรรม คุณก็เลิกกับแฟนไปจนกว่าผมจะคลอดไหมล่ะครับ”

   บางที... ถ้าเขาเห็นใจผมบ้าง มันอาจจะลดความอิจฉาริษยา ความเจ็บปวดในใจของผมลง...

               “ตัวเองทำผิดแล้วมายุให้คนอื่นเขาทำตาม... แบบนี้มันเรียกว่าหมาหางด้วนนะรู้ไหม” เขาตอกกลับโดยไม่ต้องใช้เวลาคิดนานเลย

            “ผมไม่ทำอะไรผิด... ผมแค่ถามหาความยุติธรรม”

            “ฉันจะบอกอะไรให้นะ... โลกนี้มันไม่มีความยุติธรรมอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว ถึงหาไปทั้งชาติก็คงไม่เจอหรอก แต่ถ้าถามใหม่ว่าเวลาเธอมีอารมณ์ขึ้นมาแล้วควรทำไง ฉันตอบได้ง่ายๆ ใช้มือแทนไปก่อนแล้วกัน ยังไงก็ทนมาได้ตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว จะทนต่อไปอีกสักครึ่งปีคงไม่ตายมั้ง” คำเสียดสีนั้นทำให้ผมเผลอขมวดคิ้วแปลกใจ...

   เอ๊ะ! ทำไมลุงแกรู้ว่าผมซิงล่ะเนี่ย

   ไม่ๆ อาจจะเป็นคำถามเชิงจิตวิทยา... ห้ามยอมรับเด็ดขาด

               “อะไรคุณ... คุณไม่คิดว่าในชีวิตผมจะมีแฟนมาแล้วสักคนรึไง” ผมเอ่ยเถียง รู้สึกหน้าตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมายังไงก็ไม่รู้


               “ไม่อ่ะ... ฉันเชื่อซูกัส” ฮะ! นี่แอบไปนินทาตอนไหนเนี่ย

               “หึ!” ผมเหลือบตามองรอยยิ้มเยาะของคุณอิฐแล้วอยากเอาหน้ามุดพื้นห้องน้ำ แล้วจมหายไปเลย
ไม่จบแค่นั้นนะ...

               “อ้อ! ฉันเห็นด้วยนะว่าความอยาก... มันไม่เข้าใครออกใคร และถึงเธอจะไม่มีศักดิ์ศรีให้รักษา แต่ในฐานะที่เธอเป็นรับเนี่ย ก็ควรเลือกแฟนที่รวยกว่า พึ่งพาได้ หรืออย่างน้อยๆ ไม่ต้องใช้เงินซื้อมาก็ดีนะ ไม่งั้นถ้าเงินหมดขึ้นมา ผู้ชายจะพลอยหายไปด้วยนะ” คนแก่เอ่ยเตือนด้วยความหวังดีก่อนจะเดินหนีออกไปจากห้องน้ำ ฟังแล้วสะเทือนตับไตไส้พุงซะเหลือเกิน...

               เชื่อแล้ว... ว่าเหมือนแม่จริงๆ นี่ปากหรือโถสุขภัณฑ์เนี่ย อีลุงบ้า!!
 
   “ผมจะกลับแล้วนะครับ...” ผมกลับมาที่โต๊ะด้วยใบหน้าหงิกงอ หลังจากพยายามปรับอารมณ์ตัวเองคนเดียวในห้องน้ำ

   “แม็กไม่ได้เอารถมาใช่ไหม พี่จะไปส่งนะ” พี่ยุทธอาสาอย่างใจดี

   “ขอบคุณครับพี่” ผมยิ้มตอบเขาแล้วปรายตามองคุณอิฐนิดหนึ่งเพื่อมองว่าเขาจะทำยังไง แต่เขาเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมองแล้วบอกว่า

   “กลับบ้านดีๆ นะ ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าอาหาร มื้อนี้ฉันเลี้ยง” แล้วก็ทำเมินไม่สนใจ

   “เอ่อ... ขอบคุณครับท่านประธาน งั้นผมขอตัวกลับเลยนะครับ” พี่ยุทธบอกแล้วลุกขึ้น เดินมาจับมือผมจูงไป ผมยังคงทอดสายตามองกลับไปที่โต๊ะอย่างผิดหวังที่เห็นเขาก้มลงที่จานอาหาร ผมคิดว่าเขาจะมีปฏิกิริยามากกว่านี้เสียอีก จนกระทั่งเราเดินออกหน้าร้าน

   “พี่ยุทธกลับบ้านเลยเถอะครับ ไม่ต้องไปส่งผมหรอก เดี๋ยวผมโบกแท็กซี่กลับเองจะง่ายกว่า”

   “กลัวพี่พาเราไปปล้ำหรือไง?”

   “โธ่พี่...” ผมลากเสียงแล้วหัวเราะเบาๆ ค่อยหลุดจากห้วงอารมณ์หน่วงมาหน่อย “ผมเกรงใจเพราะรถมันติดต่างหากล่ะ ไม่อย่างให้ขับวนไปวนมา”

   “หึๆ งั้นเดี๋ยวจะเรียกแท็กซี่ให้ละกัน...” ผมพยักหน้า เราเดินกันไปถึงหน้าร้าน

   “แม็กกำลังเศร้าที่เห็นคุณอิฐเขาไม่แคร์ใช่ไหมล่ะ?” ผมทำหน้าไม่ถูกเลยที่อีกฝ่ายราวกับนั่งในใจ “พี่ว่าที่จริงเค้าก็หึงอยู่หรอกนะ”

   “ตรงไหนพี่ ผมไม่เห็นเขาจะสนใจอะไรเลย ไม่งั้นเขาคงไม่ปล่อยให้ผมกลับกับพี่แบบนี้หรอกจริงไหม?”

   “แม็กอย่าลืมสิว่าเขาไม่ได้มาคนเดียวนะ เขามากับแฟนด้วย จะให้หึงเราออกนอกหน้ามันก็ไม่ดีใช่ไหมล่ะ คุณอิฐเขาเป็นนักธุรกิจนะ ถึงเขาโกรธ เขาก็ไม่วีนตรงๆ หรอก”

   “จริงเหรอครับ” ผมถามกลับ แล้วยิ้มได้ทันที

   “นี่แม็ก...ชอบเขาจริงๆ เหรอ?”

   “เอ่อ...” ผมอึกอักกับการตอบคำถามนั่น

   “แค่ชอบก็ไม่เท่าไร แต่อยากแย่งเขามาด้วย ไม่กลัวตกนรกหรือไงครับ” คำเตือนแบบนี้พอออกจากปากพี่ยุทธนี่บางทีผมก็รู้แปลกๆ นะ ปกติเห็นชอบสอนทำนองว่าน้ำขึ้นให้รีบตักแท้ๆ เลย ไม่คิดว่าจะเชื่อเรื่องบุญบาปกับเขาด้วย...

   “ถ้าหากว่าการแย่งของคนอื่นมามันเป็นบาป ผมก็ยอมทำบาป เพราะในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ ผมได้มีความสุขแค่สักช่วงหนึ่ง ต่อให้ตายไปแล้วจะตกนรกผมก็ยอม”

   “นี่ พี่จะบอกอะไรให้นะแม็ก คนที่พูดว่านรกไม่น่ากลัว ไม่ใช่เพราะไม่กลัว... เพราะเขายังไม่รู้จักนรกที่แท้จริงต่างหากล่ะ”

   หึ! ทำไมผมจะไม่รู้จักล่ะ

   ทุกวันนี้หัวใจของผมมันก็ร้อนรุ่มราวกับตกนรกอยู่แล้วนี่!



   โอ้โห...

        นี่ผมนึกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกเชียวนะ เมื่อคุณอิฐโทรมาปลุกผมจากห้วงนิทราตอนหกโมงเช้า

   “คุณโทรมาทำไมแต่เช้า...” ผมถามเขางงๆ ด้วยเสียงหงุดหงิดเมื่อถูกปลุก

   “จะชวนไปกินข้าว เธอรู้ไหม การไม่กินข้าวเช้าทำให้สมองฝ่อนะ” ที่จริงแล้วผมไม่รู้นะ.. แต่ถึงไม่บอกผมก็กินอยู่ดี!

   “ถึงคุณไม่บอกผมก็กินข้าวเช้าอยู่แล้ว แต่ถ้าผมรอกินข้าวเช้าพร้อมคุณทุกวันล่ะก็ ผมคงสมองฝ่อไปนานแล้ว!” ผมเอ่ยกระแทกแดกดัน เพราะตอนผมอยู่บ้านเขา จะมีกี่ครั้งกันที่ได้ทานข้าวเช้า ข้าวเย็นพร้อมกัน

   “นั่นเธอยังไม่ตื่นอีกเหรอเนี่ย”

   “แน่ล่ะสิ เพราะอาหารเช้าที่นี่น่ะเจ็ดโมง”

   “รีบตื่นได้แล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบๆ ลงมา ฉันมีธุระจะคุยกับเธอ”

   “หือ...  ตอนนี้คุณอยู่ไหนเนี่ย”

   “หน้าบ้าน”

   “ฮะ!” ผมร้อง แล้วเด้งขึ้นจากเตียงถือโทรศัพท์เดินหัวฟูออกไปตรงระเบียงบ้านเพื่อดูว่าเขามาจริงๆ หรือแกล้งอำ แล้วก็เห็นเขาจอดรถที่หน้าบ้านส่วนคนยืนเก๊กพิงรถอยู่ตรงนั้น...

   “รีบลงมานะ ให้เวลา 10นาที”

   “ถ้าเกินแล้วคุณจะทำไม?”

   “จะบีบแตรเรียกจนกว่าเธอจะมา...”

   “อยากโดนซูกัสด่าแต่เช้าก็เชิญเถอะ”

   “หึ ฉันน่ะโดนด่าจนชินแล้ว แต่ถ้าเธอไม่กลัวจะรบกวนคนอื่นๆ ในบ้านก็ชักช้าอ้อยอิ่งตามสบาย นี่ครึ่งนาทีแล้วนะ” จะกวนประสาทอะไรกันแต่เช้าเนี่ย บ้ารึไง!

   “ครับๆ จะรีบลงไปเดี๋ยวนี้แหละ!” ผมรับคำด้วยน้ำเสียงรำคาญแล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำ



   สิบห้านาทีต่อมาผมก็เปิดประตูเล็กออกมาหาเขาที่กลับไปนั่งรอในรถแล้ว เขาไม่ได้บีบแตรอย่างที่ขู่ไว้เพียงแต่โทรตามผมอยู่สองสามสายเท่านั้นแหละ

   “คุณจะพาผมไปกินข้าวที่ไหน นี่มันยังเช้าอยู่เลยนะ”

   “เอ่อ...นั่นสิ” ผมย่นคิ้ว ไม่เข้าใจเขาเอาเสียเลย แต่ส่วนลึกๆ ในใจผมก็รู้สึกดีนะที่เขามาหาผมแต่เช้าแบบนี้

   “ไปทานข้าวเช้าในบ้านซูกัสไหมครับ”

   “ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวซูกัสก็หาเรื่องบ่นอีก อีกอย่าง ฉันก็อยากคุยกับเธอตามลำพังด้วย” ผมถอนใจเบาๆ แล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูรถฝั่งตรงข้าม ทันทีที่ปิดประตูรถลง เขาก็หันมาบอกว่า

   “ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันไม่มีอะไรตั้งแต่แรก หรือโดนด่าแล้วสำนึกได้ แต่ฉันก็ดีใจนะที่อย่างน้อยเธอก็ยังพูดรู้เรื่อง”

   “คุณหมายถึงอะไรเนี่ย?”

   “ช่างมันเถอะ” ผมเห็นรอยยิ้มของเขาแวบหนึ่งก่อนที่เขาจะหันตัวตรงและสตาร์ตรถ

   เนื่องจากยังเช้าอยู่มากจนไม่มีร้านรวงเปิด ผมก็เลยชวนลุงเข้ามานั่งในร้านโจ๊กแถวๆ นี้ เพราะถึงแม้ว่าจะอยู่แถวบ้านซูกัส แต่ถือว่าเป็นถิ่นผมอยู่ดี

   “เธอรู้จักเขามานานหรือยัง” เขาเอ่ยขึ้นระหว่างนั่งรอโจ๊ก...

   “ใครครับ พี่ยุทธเหรอ?!” ผมขมวดคิ้ว

   “อือ...”

   “ก็ตั้งแต่ทำงานที่อิทธิฤทธิ์นั่นแหละ รู้สึกว่าจะสองสามเดือนก่อนเจอคุณ”

   “แล้วก็แอบคบกันมาตลอดจนตอนนี้น่ะเหรอ?”

   “เปล่าครับ เพิ่งได้เจออีกทีไม่กี่วันนี่แหละ”

   “ฮะ! แล้วเธอก็วางใจยกตำแหน่งที่สำคัญขนาดนั้นให้คนที่เธอรู้จักแค่สองสามเดือนเนี่ยนะ ใช้อะไรคิดเนี่ย” คำถามของเขาเหมือนด่าผมยังไงไม่รู้

   “ใช้หัวใจคิดครับ” ผมตั้งใจประชดไปอย่างงั้นแหละ อยากรู้ว่าเขาจะว่ายังไง

   “ถ้าเอาไอ้นั่นคิดจริงๆ เธอคงมีสิทธิ์จะโดนหลอกประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์เลยล่ะ”

   “คุณไม่อยากให้ผมโดนหลอกงั้นเหรอครับ” ผมถามยิ้มๆ

   “ใช่สิ เพราะคนที่จะซวยไปด้วยก็คือฉัน” ผมพอเดาคำตอบได้อยู่แล้วว่า เขาแค่ห่วงตัวเอง...    

   “นั่นสิครับ ผมเห็นด้วย นี่ก็คุยกันอยู่ว่าจะขายหุ้นแล้วเอาเงินไปตั้งรกรากที่เมืองนอกด้วยกันดีไหม”

   “แม็ก!! นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ เธอมีสิทธิ์อะไรมาขายหุ้นของคนอื่นหน้าด้านๆ”

   “ก็หุ้นมันเป็นชื่อผมนี่ครับ จะบอกว่าไม่มีสิทธิ์ได้ยังไงล่ะ?” ผมตอบลอยหน้าลอยตา

   “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงว่าเธอจะร้ายกาจได้ขนาดนี้” อย่าว่าแต่เขาเลย ผมก็ไม่คิดเหมือนกัน... “เสียแรง... ที่ฉันหลงไว้ใจเธอ แต่เธอกลับหักหลังฉัน ฉันคงมองเธอผิดไปสินะ” น้ำเสียงของเขาแสดงว่าผิดหวัง... ส่วนผมได้แต่ยิ้มขื่นๆ

   “ไว้ใจเหรอครับ? คุณเคยรู้สึกแบบนั้นด้วยเหรอ? คุณไม่ใช่เหรอไงที่มองผมในแง่ร้ายมาตลอด คุณนั่นแหละที่ทำให้ผมต้องทำแบบนี้” ผมเถียงกลับ แล้วโยนความผิดให้เขาทั้งหมด

   “ฉันงั้นเหรอ? ฉันทำอะไรให้เธอ?” คำถามที่ซัดกลับมาด้วยใบหน้าแสดงความสงสัยทำให้อ้ำอึ้ง....ในหัวพยายามคิดเหตุผลมากมาย

   “ก็คุณไม่ใช่เหรอครับที่หลอกให้ผมเซ็นสัญญางี่เง่านั่น ว่าแต่คนอื่น คุณเองก็หลอกลวงผมมาตั้งแต่ต้น”

   “ก็แค่ตอนแรกเท่านั้นแหละ แต่หลังจากนั้นเธอก็เห็นดีเห็นงามไปด้วยไม่ใช่หรือไง?”

   เถียงไม่ออกครับ... เพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมเคยคิดว่าการอุ้มท้องให้กับคนอื่นมันเหมือนการทำบุญชนิดหนึ่ง แต่ผมผิดเองแหละที่คิดไปว่าตัวเองจะมีจิตใจสูงส่งได้ขนาดนั้น... ผิดเองที่ใจไม่แข็งพอต่อการทำงานนี้ให้ตลอดรอดฝั่งได้

   ผมผิดเองครับใช่ไหมที่ผม... รักคุณ

   “ที่ผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะ เอางี้ดีกว่า ตอนนี้เธอต้องการอะไรกันแน่” คำถามตรงไปตรงมาเหมือนคนหมดความอดทน

   ผมชะงัก..แล้วเงยหน้าขึ้น มองหน้าเขานิ่งนาน รู้สึกลังเลกับคำตอบของตัวเอง ผมควรวางฟอร์มต่อไปอีกหรือเปล่าล่ะ... แต่ถ้าเรื่องมันเดินมาถึงจุดนี้แล้ว ผมจำเป็นต้องมีแผนการอะไรอีกงั้นเหรอ ทำไมผมไม่บอกเขาไปตรงๆ เลยว่า...


   “ผมต้องการคุณ”



++++++++++


นางร้าย ที่รัก พอรักแล้วก็เลยร้ายได้ไม่เต็มที่ เง้อ....
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-05-2016 19:57:02
 :z6:   ถีบนี้ให้อิฐนะ
เผื่อจะตาสว่าง
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 05-05-2016 20:12:29
ดูแล้วที่นางทำมาเนี่ย


ฮอร์โมนคนท้องล้วนๆ สงสารเด็กในท้อง มีพ่อแบบนี้แม่แบบนี้จะรอดจนครบกำหนดเหรอฟระ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 05-05-2016 20:16:50
 :ling1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-05-2016 20:52:01
 :เฮ้อ: อิฐจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานไหม ทำร้ายกันด้วยคำพูดตลอด คิดถึงใจเขาใจเราบ้างไหม
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 05-05-2016 21:20:21
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sanax00 ที่ 05-05-2016 21:41:39
ง่อออ เหมือนจะเขินแต่ก็เขินไม่สุด555
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-05-2016 22:13:31
ค่ะ ยังไงละ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: สุนิสา ที่ 05-05-2016 22:32:47
รอๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-05-2016 23:36:03
ตบปากสั่งสอนสักทีสองที ปากร้ายมากพระเอก!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-05-2016 00:32:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-05-2016 01:08:17
จัดไปเลยค่ะแม็ก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 06-05-2016 02:10:00
 :z6: :z6: :z6: :serius2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 06-05-2016 08:56:15
พระเอก ------>>>  :z13: :z13: :z3:
นายเอก ----------->>>   :katai2-1: :katai2-1:  :katai3:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 06-05-2016 11:07:25
ร้ายๆๆให้สุดๆไปเลย :mew2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 06-05-2016 11:35:10
เพิ่งมาตามอ่าน

ร้องไห้หน้กมากกกก.   :sad4:  น้ำตาหมดไปหลายปี๊บละ

บอกตรงๆ ไม่เห็นทางที่จะรักกันด้วยดีเลย

พระเอกก็หลงแฟนออกปานนั้น ไม่ได้พิศวาสนายเอกของเราเลย

เศร้าสุด
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 06-05-2016 12:50:50
 :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 06-05-2016 15:55:48
อิฐน่ารำคาญมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-21-] [06/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 06-05-2016 18:58:54
-21-

   -แม็กม่า-

   ผมรู้สึกเหนื่อยใจเหลือเกินกับตัวเองที่เป็นแบบนี้ ความอยากได้อยากมีจนชักพาตัวเองมาถึงจุดที่มองหน้าคุณอิฐไม่ติด พอมาตอนนี้ถึงได้รู้สึกว่าตัวเองบ้า และก้าวพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยที่พูดประชดออกไปแบบนั้น

   “ผมต้องการคุณ”

   “เธอหมายถึงอยากนอนกับฉันเหรอ?” คำถามที่สวนกลับมาทำเอาผมหน้าชา รู้สึกตัวเองงี่เง่าที่พูดจากำกวมจนอีกฝ่ายตีความไปอีกอย่าง “ก็เอาสิ ถ้ามีคนช่วยบรรเทาความอยาก ให้แล้วจะหายบ้า จะช่วยสงเคราะห์ให้ก็ได้!”

   ผมกำมือแน่น ทั้งโกรธ ทั้งอายที่ถูกอีกฝ่ายมองในแง่ลบมากกว่าเก่าเข้าไปอีก  ความโมโหทำให้เผลอประชดประชันกลับไป

   “คุณจะบ้าเหรอไง! ที่ผมต้องการคุณก็เพราะคุณเป็นคนบอกผมเองว่าถ้าผมมีคุณ ผมก็มีทุกอย่างต่างหากล่ะ” ผมรีบเถียง ทั้งที่หัวใจมันเจ็บร้าวมากเหลือเกินแล้ว...

   “ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายในโลกที่เธอจะได้แล้วล่ะ” เขาตอบกลับมาในทันที

   “ครับ หุ้นของคุณก็คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณจะได้คืนเช่นกัน เพราะถ้าคุณไม่สนใจผม ผมก็จะไปสนใจคนอื่น แล้วถึงตอนนั้น คุณก็จะสูญเสียทุกอย่างไป” ผมขู่

   “งั้นฉันจะคอยดูว่าระหว่างเธอกับฉัน... สุดท้ายแล้วใครจะเป็นฝ่ายสูญเสียมากกว่ากัน” เขาตอบกลับมาด้วยเสียงแข็งกร้าว


   ผมเดินคอตกกลับเข้าบ้าน ทุกวันนี้ความสุขุมเยือกเย็นมันหายไปหมด สติสตางค์ร่อยหรอลงไปทุกวัน กลุ้มใจจริงๆ ที่ลงท้ายแล้วการสนทนาที่เริ่มต้นเหมือนจะปรับความเข้าใจกลับกลายเป็นยิ่งเติมเชื้อไฟให้แรงขึ้นและจบลงที่ความบาดหมางมากเกินจะเยียวยาแล้ว...

   “กลับมาเร็วจัง... ไปกินข้าวที่ไหนกันมา” ซูกัสเอ่ยถาม ขณะที่นั่งไล้นิ้วนั่งเล่นโน้ตบุ๊กที่ห้องนั่งเล่น

   “อ๋อ... ไปกินโจ๊กร้านใกล้ๆ นี่เองอ่ะ ไม่อยากไปไกลเดี๋ยวคุณอิฐเขาจะเข้าบริษัทสาย”

   ซูกัสพยักหน้ารับรู้ ผมลอบถอนใจที่เขาไม่ถามอะไรมากว่านั้นกำลังจะเดินขึ้นไปที่ห้อง เขาก็เรียกอีก   

   “เดี๋ยวแม็ก...”

   “หือ...”

   “ต้นเดือนหน้าไปเที่ยวกันเชียงรายกันนะ” ซูกัสชวนด้วยน้ำเสียงร่าเริงดุจเคย

   “ไปสองคนเหรอ?”

   “หึ หมอไปด้วย จะไปเที่ยวรีสอร์ทพี่ชัชกันน่ะ พี่ดี้บ่นคิดถึงหลานด้วย” พี่ชัชหรือชัชวาลเป็นสามีใหม่พี่แคนดี้

   “อ๋อ... ไม่ไปได้ไหมเนี่ย อิจฉา คนเดียวไม่เหงาเท่าสามคนรู้มะ” ผมมุ่ยหน้าตอบตั้งใจแซะเขา

   คิดดูสิ ปกติหมอกับซูกัสเวลามาเจอกันทีก็หวานใส่กันจนลืมโลกแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ ยังไปเจอคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามันอีกคู่ มีผมหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยวเอกาคนเดียว มีหวัง... ซึมเศร้าจนอยากกระโดดดอยตายแน่!

   “ชวนพี่อิฐไปด้วยสิ จะได้ไม่เหงา” คำแนะนำทำให้อึกอักเล็กน้อย

   “เอ่อ... จะลองชวนดูนะ แต่คิดว่าคงไปไม่ได้หรอก งานเขายุ่ง” ผมแก้ตัวไปอีกอย่าง ทั้งที่ความจริงผมไม่แน่ใจว่าจะกล้าชวน ก็เพิ่งโดนตัดเยื่อไม่เหลือใยซะขนาดนั้นแล้วนี่!

   “ถ้างานมันสำคัญกว่าก็ให้เขาแต่งกะงานเลยไป น่าเบื่อ! ชีวิตทำแต่งาน ไม่มีเวลาให้ครอบครัว ขนาดหมอยุ่งๆ  ยังลามาได้ นี่เป็นเจ้าของบริษัท ทำยังกะจะมีใครมาไล่ออก! ไปชวนมาให้ได้นะ อย่าให้กัสต้องไปเอง ไม่งั้นคอยดู... พ่อจะบ่นให้หาทางเข้าบริษัทไม่ถูกเลย!”

   ผมถอนใจเฮือก ลูกยังไม่ทันโตทำไมขี้บ่นนักนะซูกัส!



   ถึงซูกัสจะบ่น ผมก็ทำหูทวนลมอยู่ดี ผมไม่ได้ไปหาเขา ไม่โทรไปชวนไปเที่ยวเพราะเดาได้ว่าเขาคงไม่ยอมไป แต่ถึงคุณอิฐจะเกลียดขี้หน้าผมก็เถอะ ผมก็ยังหน้าด้านหน้าทนแอบแวบมาบ้านเขาบ่อยๆ มันก็ตลกดีที่ผมมาหาแม่เขาบ่อยมาก ทั้งๆ ที่ความจริงคนที่อยากเจอคือคนที่เป็นลูกมากกว่า แต่ผมกลับไม่กล้าบากหน้าไปหา เลยกลายเป็นว่า “ไม่ได้เห็นหน้า เห็นหลังคาก็ยังดี!”

   แต่เพราะผมแวบมาแค่ตอนกลางวันเลยไม่ได้เจอคุณอิฐเลยสักวัน จนผ่านไปเป็นอาทิตย์ บังเอิญเขากลับบ้านแต่หัววันอย่างไม่น่าเป็นไปได้ เราจึงได้เจอกันตอนผมกำลังจะกลับพอดี แต่เขาก็ไม่ค่อยตกใจเท่าไรที่เห็นหน้าผมนะ

   หลังจากไม่เจอกันหลายวันจนตกตะกอนความคิดว่าวางหมากพลาด! ผมก็เริ่มมีความคิดว่าผมควรจะทำตัวดีๆ กว่านี้หน่อย เป็นต้นว่าจะหาทางง้อเขา ถ้าไม่ใช่เพราะคำทักทายคำแรกที่เจอมันเด้งตีแสกหน้าซะก่อน!

   “เห็นป้าฟองว่าเธอมาหาแม่บ่อยๆ คราวนี้จะมาประจบประแจงเอาอะไรอีกล่ะ?” ผมถอนใจแล้วหันไปมองหน้ามุ่ยเอ่ยประชด

   “นั่นสิครับ หุ้นก็ได้ไปแล้ว คราวนี้ขอบ้านกับที่ดินดีไหมครับ?”

   “ตามสบาย อยากทำอะไรก็ทำเถอะ” เขาตอบแบบไม่แยแสแล้วเมินไปซะอย่างงั้น

   ฮึ่ย! ลุงบ้า! คนไม่มีหัวใจ!!

   “เดี๋ยวสิคุณ อย่าเพิ่งไป”

   “อะไรอีกล่ะ อยากจะกวนประสาทอะไรกันอีก...” ใครกันแน่ที่กวนไม่ทราบ!!

   “เดือนหน้าซูกัสกับหมอจะไปเชียงราย เขาบอกให้ชวนคุณด้วย”

   “อ๋อ... ฝากขอโทษทีนะ พอดีไม่ว่าง”

   “ที่จริงผมก็บอกเขาแบบนี้แล้วแหละ แล้วเขาก็บอกว่าให้ชวนมาให้ได้อย่าให้เขาไปชวนเอง”

   “จะมาชวนหรือมาด่ากันแน่!” เขาพึมพำ

   “ไม่รู้สิครับ แต่อยากเตือนไว้... แต่ที่จริงคุณไม่มาก็ดีนะ เพราะผมกะจะชวนพี่ยุทธไปอยู่พอดี”

   “นี่... เธอรู้จักภาษิตที่ว่าหุงขาวประชดหมา ปิ้งปลาประชดแมวไหม”  จะว่าไปก็คุ้นๆ อยู่หรอกนะ...

   หมายถึง ยิ่งเราประชดไป เราก็ไม่ได้อะไร มีแต่ทำให้อีกฝ่ายได้ประโยชน์...

   “คุณถามทำไม?” มันเข้ากะบริบทเหรอ?

   “ฉันอยากจะบอกว่าตอนนี้เธอกำลังเป็นแบบนั้นแหละ” ผมเผลอเม้มริมฝีปากอย่างลืมตัว พยายามระงับอารมณ์ตัวเอง เขากำลังจะบอกว่าเขารู้ว่าเขารู้ดีว่าผมประชดเรื่องพี่ยุทธ และถึงผมจะทำไปเขาก็ไม่รู้สึกอะไรสินะ...

   “เพราะฉันรู้ว่าในระหว่างที่เธอใช้ซูกัสให้เป็นประโยชน์ในการเล่นงานฉันได้ เธอไม่มีทางชวนคนอื่นไปเด็ดขาดเพราะอาจจะทำให้เขามองเธอในแง่ลบ จริงไหม?”

   ถึงการวิเคราะห์นั้นจะถูกต้อง แต่ทำให้ผมเจ็บใจที่เขามองผิดจุด ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้แต่แรกสักหน่อย ผมแค่ประชดไปเพราะอยากให้เขาแคร์บ้าง แต่ก็นั่นแหละ! มันเหมือนหุงขาวประชดหมาจริงๆ อีกฝ่ายไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลย แถมยังกัดเจ็บอีก!

   “ครับ... ไม่ไปก็ไม่ไป” ผมรับคำง่ายๆ ก้มหน้าลงซ่อนความรู้สึกหนึบๆ ในใจ

   “นี่ฉันไปไม่ได้เพราะยุ่งจริงๆ  ไม่ใช่ฉันไม่อยากไป เข้าใจไหมเนี่ย” ผมแค่นยิ้มเมื่อเขาอธิบายเหตุผล “เดี๋ยวจะหาว่าไม่ห่วงเธอกับลูกอีก”    

   “ครับ เข้าใจ! งั้นผมกลับล่ะครับ” ผมตัดบทบอกลา มันเหนื่อยที่จะฟังอะไรอีก แค่ไม่รักก็เสียใจมากพอแล้ว ไม่อยากรับอยากรู้อะไรเพิ่มเติมแล้วล่ะตอนนี้

   “แต่ถ้าเธออยากให้ฉันไปจริงๆ ฉันจะไปก็ได้”

   “จริงเหรอครับ” ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยใบหน้าแปลกใจแต่ก็เริ่มมีความหวัง ทั้งๆ ที่ยิ่งใกล้หัวใจก็ยิ่งเจ็บ แต่มันก็ยังดื้อ ร่ำร้องอยากจะอยู่ตรงนั้น บ้าเนอะ!

   “อือ... ถ้าการประชุมพรุ่งนี้ผ่านไปด้วยดี ฉันจะไป”


++++++++++
   

   ถึงเขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก ยิ้มข้างนอกช้ำใน...
   น้ำคำหวานที่รินรดใจ เขาหลอกใช้ก็รู้...


   ณ สนามบินดอนเมือง ผม ซูกัส และหมอก็มารอคุณอิฐตามนัดหมาย

   หลังจากผมโทรไปบอกพี่ยุทธเรื่องการประชุมบอร์ดที่ว่าและการประชุมก็ผ่านไปด้วยดีตั้งแต่สองสามวันก่อน ทำให้วันนี้ต้องมานั่งลุ้นที่สนามบินว่าเขาจะมาตามสัญญาหรือเปล่า แต่ในที่สุดเขาก็มา ทำให้ผมถอนใจอย่างโล่งอก ไม่อย่างงั้นซูกัสคงบ่นตลอดทริปแน่!

   “ดีใจจังที่พี่อิฐมาได้ นึกว่าต้องโทรไปจัดการ เอ๊ย! โทรไปชวนเองซะแล้ว” น้ำเสียงซูกัสประชดทันทีที่เขาเดินมาหาเรา

   “ต้องมาสิครับ จะปล่อยให้แม็กไปเที่ยวคนเดียวได้ยังไง เกิดหกล้มหกลุกไปเดี๋ยวจะไม่มีใครดูแล เป็นห่วงแย่เลย” เขาตอบซูกัสด้วยน้ำเสียงออดอ้อนไม่วายหันมายิ้มหวาน ที่ทำให้ผมนึกด่าในใจ!

   ตอแหลที่สุด!!

   “คิดได้อย่างงั้นก็ดีแล้วครับ นี่กะว่าจะให้โอกาสแก้ตัวอีกครั้ง ถ้าคราวนี้ยังทำตัวไม่ดี ว่าจะยุให้แม็กหาแฟนใหม่แล้วเนี่ย!” เขาพูดยิ้มๆ

   “โธ่ซูกัส อย่าพูดแบบนั้นสิ พี่ใจเสียนะครับ” คำพูดที่เสแสร้งพวกนี้ฟังแล้วเกิดอาการแพ้ท้องอยากอาเจียนขึ้นมาทันทีเลยไม่รู้ทำไม! ส่วนซูกัสก็ยิ้มเหมือนตัวเองเหนือกว่าทั้งที่ไม่รู้เลยว่า มีแต่คำโกหกทั้งนั้น

   ผมได้แต่นิ่งเงียบเหมือนคนใบ้รอจนพวกเขาทักทายกันเสร็จสรรพ คุณอิฐจึงเดินมานั่งข้างๆ ผมที่เก้าอี้ เขาเอียงคอมากระซิบว่า...

   “ถ้าซูกัสจะให้หาแฟนใหม่จริงฉันก็ไม่ขัดนะ แต่ลูกน่ะฉันขอ ช่วยคืนมาให้ด้วย ฉันไม่อยากให้เขามีพ่อเลี้ยง”

   ผมอาจจะคิดผิดนะที่ชวนเขามา

   ทำผิดมากๆ ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เขามา

   ทั้งๆ ที่น่าจะเดาได้ว่าไปเที่ยวรอบนี้มันคงจะเป็น “ทริปน้ำผึ้งขม” แน่ๆ เลย

   
   ++++++++++   
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-21-] [06/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-05-2016 19:22:28
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-21-] [06/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 06-05-2016 19:31:49
 :katai1: :katai1:เบื่ออีอิฐ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-21-] [06/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-05-2016 19:52:06
เพลียกะทุกตัวละคร
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-21-] [06/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 06-05-2016 21:27:15
อิฐน่าเบื่อ น่ารำคาญ และน่า.....มากๆเลยอ่ะ :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-21-] [06/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-05-2016 22:00:27
เฮ้อ~
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-21-] [06/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nai_ball ที่ 06-05-2016 22:03:13
เพลียกับทุกตัวละคร ตรรกะแต่ละคน? :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-21-] [06/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: สุนิสา ที่ 06-05-2016 22:26:55
อยากกรี๊ดกับพระเอก หมดคำจะพูดรำคาญใจมาก :ling1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-21-] [06/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-05-2016 01:19:09
เฮ้อออออออออออ
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-21-] [06/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 07-05-2016 02:56:47
อีกนานมั้ยกว่าจะพ้นช่วงเวลาแบบนี่
สงสารแม็ก
อึดอัดใจแทนบอกไม่ถูก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-21-] [06/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 07-05-2016 06:39:32
 :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-21-] [06/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 07-05-2016 15:22:25
เฮ้อ! พระเอก แก่แล้วทำตัว!!! โหวตออก

ขอคู่รองคั่นค่ะ เอาเจ้บีทก็ได้555
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 07-05-2016 19:19:24
-22-

   -อิฐ-
   
   พอลงจากเครื่องที่เชียงใหม่ พวกเราก็เดินออกมาเจอแคนดี้พี่สาวซูกัสที่นั่งรถตู้ส่วนตัวมารอรับพวกเราอยู่แล้ว คณะเดินทางอันประกอบด้วยแคนดี้ หมอ ซูกัส ลูกสองคน แม็กม่า และผมก็ขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อไปด้วยรถตู้อีกครั้ง แต่เนื่องด้วยมีแต่คนกันเองจึงเป็นทัวร์ที่ครื้นเครงพอสมควร ได้ยินเสียงซูกัสชี้ชวนชมนั่นนี่ไปตลอดทางและไม่ได้รีบร้อนอะไรด้วย ระหว่างทางเราจึงแวะร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่มีเอกลักษณ์คือร้านกาแฟหมุนได้...

   หมอ ซูกัส แคนดี้เข้าไปในนั่งในบ้านหมุน ส่วนผมนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านล่างกับแม็กม่าสองคน เพราะแม็กม่ากลัวว่าถ้าเข้าไปในนั้นอาจจะเวียนหัวจนอาเจียน   

   “คุณบีทรู้ไหมครับว่าคุณมาเที่ยวกับผม” เขาเอ่ยถาม

   “ที่ถามเพราะอยากให้มาด้วยหรือไง?”

   “เปล่าครับ แค่สงสัยว่าเขายอมให้มา หรือคุณโกหกเขาเฉยๆ”

   “ไม่ใช่เรื่องของเธอ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงรำคาญนิดหน่อย เพราะคำพูดเขาค่อนข้างแทงใจดำ ผมไม่ได้บอกบีทหรอกว่าจะมา แต่ตอนนี้เขาอยู่ญี่ปุ่น กว่าเขาจะกลับมาผมก็คงกลับไปถึงกรุงเทพแล้ว

    คนฟังหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยค่อยเบนหน้าไปด้านบน ดูเหมือนซูกัสจะดูตื่นเต้นมาก หลังจากสั่งอาหารแล้วจึงลากหมอว่านและแคนดี้เดินถ่ายรูปไปหลายมุม แม็กลุกขึ้นตามไป

   “เอามือถือมานี่มา เดี๋ยวถ่ายให้” แม็กม่าบอก เมื่อเห็นสภาพการถ่ายรูปแบบยัดหัวรวมกันให้เข้าเฟรมของครอบครัวนี้แล้วก็ทนนิ่งดูดายไม่ได้ เขาถ่ายไปสองสามรูป ผมก็เดินไปยืนข้างๆ

   “พี่อิฐถ่ายรูปให้หน่อยได้ไหมครับ แม็กจะได้มาถ่ายรูปด้วยกัน” ซูกัสเอ่ยขึ้น

   “ได้สิครับ” ผมตอบรับ

   “ไม่เป็นไร ถ่ายกันแต่ในครอบครัวเถอะ” แม็กม่าปฏิเสธน้ำเสียงเกรงใจ

   “มาเหอะน่า... แกเป็นในครอบครัวของฉันเสมอนะ” คำพูดและรอยยิ้มของซูกัสทำให้ผมซึ้งใจแทน แม็กม่าไม่มีคำโต้เถียงอีก เขายื่นมือถือส่งให้ผมแล้วเดินไปเข้าเฟรมตามคำชวน

   “ยิ้มหน่อย” ผมส่งเสียง และทุกคนคลี่ริมฝีปากออกยกเว้นคนที่เดินเข้าไปคนสุดท้าย ไม่ว่าเมื่อไรก็เป็นคนยิ้มยากแบบนั้นเสมอๆ แต่ผมขี้เกียจร้องทักให้เสียเวลา “หนึ่ง สอง สาม”

   หลังจากเสียงชัตเตอร์ลั่นแชะ ซูกัสยื่นทารกในอ้อมแขนส่งให้แคนดี้แล้วจูงมือแม็กม่ากลับมา ผมจึงยื่นมือถือคืนเขา

   “ส่งมือถือของพี่มาสิครับ ผมจะถ่ายรูปคู่ให้” ซูกัสเสนอตัว ผมและแม็กม่าหันไปมองหน้ากัน ต่างคนต่างทำหน้าไม่ถูก แค่ไม่กี่วินาทีต่อมาที่เขามองผมก็หันไปบอกเพื่อน

   “ไม่ต้องหรอกซูกัส เราไม่ชอบถ่ายรูป”

   “ไม่ได้นะแม็ก ความทรงจำดีๆ อ่ะมันอาจจะไม่ได้ลืมกันง่ายๆ ก็จริง แต่มันจะดีกว่านะถ้ามีอะไรช่วยเตือนไว้ แค่ถ่ายไว้รูปสองรูปไม่เห็นเป็นไรเลย” ซูกัสคะยั้นคะยอ แต่อีกฝ่ายเอาแต่เงียบผมจึงเป็นคนยุติทุกอย่างด้วยการยื่นมือถือของตัวเองให้เขาเป็นฝ่ายจูงมือแม็กม่าให้เดินไปหามุมที่เหมาะแก่การถ่ายรูป

   “ขยับเข้าไปอีก... ถ่ายรูปคู่ไม่ใช่รูปเดี่ยว ห่างขนาดนั้นเดี๋ยวก็หลุดเฟรมไปคนละซีกหรอก” ซูกัสแซวซะเวอร์ ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ได้ยืนห่างกันขนาดนั้น แต่ผมก็ไม่ได้ถกเถียงอะไรขยับตัวจนตัวซ้อนแม็กม่าไปนิดหนึ่ง

   “มือไม่เกะกะเหรอครับ โอบเลยๆ” ซูกัสยังจัดท่าต่อไม่ยอมถ่ายซะที จนคนที่ยืนข้างๆ ผมทักท้วงเสียงขุ่น

   “ถ่ายๆ ไปเถอะซูกัส เรื่องมากไปได้ ถ่ายรูปคู่เฉยๆ ไม่ใช่พรีเวดดิ้งป่ะ?”

   “เอ้า! นี่มันยิ่งกว่าพรีเวดอีกนะ ภาพถ่ายครอบครัว พ่อแม่ลูกไงแก” เขาตอบกลับมาล้อๆ ทำให้คนที่ทำหน้าอื่นนอกจากหน้านิ่งไม่ค่อยจะเป็นเกิดมีสีหน้าอายจนแก้มขึ้นสี

   ดูแล้ว...น่ารักดี

   เอ๊ยๆ ไม่ใช่สิ แปลกดี

   ผมรีบวาดแขนโอบไหล่เขาเอาไว้แล้วรั้งเข้ามาจนชิดมากที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อให้การถ่ายรูปครอบครัวของเราจบสิ้นไปโดยไว ทำเป็นไม่สนใจสายตาแปลกประหลาดที่หันขวับมามองแทบจะทันที ก่อนจะหันกลับไปมองกล้องเมื่อซูกัสเรียก

   “เอ้าๆ มองกล้องครับ ยิ้มด้วย... จิ๊! บอกให้ยิ้มไงแม็ก!!” ได้ยินเสียงดุของซูกัสแล้วผมแทบจะอยากจะปล่อยก๊าก ออกมาเลยเพราะพอจะเดาได้ว่าคนข้างๆ จะมีสีหน้าประมาณไหน กว่าเราจะถ่ายรูปเสร็จผมก็ยิ้มจนเหงือกแห้ง!

   หลังจากกาแฟมาเสิร์ฟ ผมนั่งจิบกาแฟสด ระหว่างมองแม็กม่านั่งกินขนมปังอยู่คนเดียว เขาไม่ได้สั่งกาแฟหรือโกโก้ ผมรู้ว่าทำไม... นั่นเพราะเขาห่วงใยดูแลสุขภาพตัวเองและลูกของผมอยู่เสมอ

   ผมรู้ดี... ว่าเขาเลิกดื่มกาแฟทั้งๆ ที่ติดมาก ไม่ชอบทานอาหารนอกบ้านเพราะกลัวอาหารจะใส่ผงชูรส กินข้าวมันไก่ไม่ซดน้ำซุบ เขายอมป่วยเป็นอาทิตย์ เพราะกินยาบางอย่างไม่ได้

   เพราะเขาเป็นแบบนั้น... ผมถึงอยากดูแลเขาเหมือนอย่างที่เคยสัญญาไว้ว่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุด ทั้งๆ ที่มันยากเหลือเกินกับการชีวิตร่วมกันแต่ละวัน

   ทั้งๆ ที่เขาเคยเป็นคนดีมากในสายตาของผม แต่ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้แม็กม่าเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้...

   เพราะเงินงั้นเหรอ? หรือเพราะว่าผมทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจ หรือเพราะว่าเขาถูกใครบางคนหลอกใช้ เขาถึงทำเรื่องเลวร้ายมากมายขนาดนี้ และมันไม่มีเลยสักทางหรือไง ที่จะให้เขากลับไปเป็นเหมือนเดิม...



   เราขึ้นไปชมวิวที่ดอยอินทนนท์ และแวะเที่ยวน้ำตกระหว่างทางด้วย เพราะการเดินทางชิลมากจนเย็นเราก็ยังไม่ถึงที่พัก จบท้ายด้วยแคนดี้พาเราไปนั่งกินขันโตกโดยคุณชัชวาลมาสมทบเอาตอนนี้เอง

   “ทำไมกินน้อยจังเลยล่ะ อิ่มไหมเนี่ย?”ผมหันไปกระซิบถามคนท้องข้างกายที่แทบไม่แตะอะไรเลย

   “ไม่ค่อยหิวครับ” เขาตอบกลับเรียบๆ    

   “ไม่หิวก็ต้องกิน ถ้าหิวขึ้นมาดึกๆ ไม่รู้จะมีอะไรกินหรือเปล่านะ”

   “จะให้กินอะไรล่ะ มีแต่ผักน้ำพริกกับแกงอะไรไม่รู้ กินไม่เป็น”

   “ข้าวเหนียวกับไก่ไง กินๆ ไปเถอะ แคบหมูด้วย” ผมบังคับวางไก่ใส่จานเขา

   “ครับๆ” เขารับคำอย่างขอไปที แต่ก็ยังกินเหมือนแมวดมอยู่ดี จนขากลับ ผมต้องขอให้จอดเซเว่นเพื่อซื้อขนมปังกลับไปด้วยเผื่อหิว   

   กว่าเราจะมาถึงที่หมาย ซึ่งคือบ้านพักของสามีแคนดี้ก็เกือบสองทุ่มแล้ว แคนดี้จัดแจงพาเรามาส่งที่ห้องพักที่เตรียมไว้ให้ ก่อนจะเดินออกไปโดยทิ้งผมไว้กับแม่ของลูกแค่สองคน ผมมองดูเตียงคู่ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องนั่นพลางถอนใจเฮือก... ต้องนอนเตียงเดียวกันอีกแล้วเหรอเนี่ย! ช่วงเวลาหฤโหดพวกนั้นกำลังจะย้อนคืนมาอีกแล้วสินะ!

   “ขอฉันอาบน้ำก่อนได้ไหม?” ผมรีบบอก

   “ได้ครับ” อีกฝ่ายรับคำ และผมรีบจ้ำอ้าวเข้าไปในห้องน้ำ

   ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานมากและพันเอวไว้ด้วยผ้าขนหนู พอเดินออกจากห้องน้ำก็พบว่ากระเป๋าเสื้อผ้าถูกรื้อออกมาหมดแล้ว มีชุดนอนชุดหนึ่งวางพาดไว้บนเตียง 

   บางครั้งเขาก็เจ้ากี้เจ้าการทำตัวเหมือนเมียมากเกินไป ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่หน้าที่เขาเลยสักนิด... เขาคิดว่าการทำแบบนี้จะทำให้ผมลบลืมสิ่งร้ายๆ ที่เขาทำไว้ได้หรือไงกัน!

   “ขอบใจนะ แต่คราวหลังไม่ต้องก็ได้...” ผมเอ่ยอย่างเฉยชา

   “ครับ... ขอโทษที่วุ่นวาย” เขาตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ไม่ดีนัก เดินสวนเข้าไปในห้องน้ำ

   ผมรอจนประตูปิดลงแล้วจึงใส่เสื้อผ้าที่เขาเตรียมไว้ให้ แล้วขึ้นไปนอนบนเตียงหันตะแคงหันหลังให้ห้องน้ำ พยายามบังคับข่มตาให้ตัวเองหลับลงไปก่อน ก่อนที่เขาจะออกมา ไม่อย่างงั้นมันคงจะเข้าอีหรอบเดิมแน่ๆ

   อีหรอบที่ว่า... คือมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นอะไรกับผมเลย เขาเป็นคนตัวเล็กมาก มีนิสัยแปลกประหลาดคือไม่ชอบนอนบนหมอน กลิ่นตัวของเขาหอมละมุนด้วยกลิ่นแป้งเด็ก เขาชวนให้ผมนอนบนเตียงเดียวกับเขาทั้งๆ ที่ผมพยายามที่จะปฏิเสธโดยบอกว่า

   “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมไม่ข่มขืนคุณหรอก”

   ผมค่อนข้างติดใจความหมายของประโยคนั้นมากจนครุ่นคะนึงอยู่นานเป็นสิบนาทีว่าเป็นคำพูดประชดหรือเปล่า แต่ในระหว่างที่ผมยังไม่เข้าใจความหมายของประโยคนั้น อีกฝ่ายก็หลับสนิทจนได้ยินเสียงกรนเบาๆ แล้วไม่นานร่างของคนที่เพิ่งจะบอกว่า “ผมไม่นอนดิ้น” ก็กลิ้งหลุนๆ มากระทบอกผมซะอย่างนั้น จนผมต้องขยับตัวถอยร่นไปจนสุดเตียง แล้วได้แต่นอนมองใบหน้ายามหลับของเขาท่ามกลางความมืดนับชั่วโมง ถึงจะหลับตายังไงก็นอนไม่หลับ ได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองที่เต้นโครมครามอยู่อย่างนั้น

   แล้วมันก็เป็นแบบนั้นอยู่นานหลายวัน ที่ผมต้องทนทรมานกับการต่อสู้กับไฟราคะในใจตัวเองอย่างทุกข์ทรมานมาตลอด แค่อยากจะดึงเขามากอดก็ยังทำไม่ได้   ผมไม่อยากให้เขามองผมเป็นตาเฒ่าลามกที่จ้องจะหาเศษหาเลยกับเด็กที่อายุห่างกันเป็นสิบปี จนลงท้ายผมไม่กลับบ้านเลยหลายวันทั้งๆ ที่บีทก็ไม่อยู่

   ผมพยายามเฟดตัวห่างออกไป เฝ้าย้ำเฝ้าเตือนตัวเองเป็นร้อยเป็นพันครั้งว่ามันไม่ควร เขาเป็นแค่คุณแม่อุ้มบุญที่ผมจ้างมา แล้วผมก็บอกกับเขาไปแล้วด้วยว่างานของเขาไม่รวมเรื่องนั้นเข้าไปด้วย ผมไม่ควรผิดคำพูด และยิ่งไม่ควรผิดต่อบีท...

   ท้ายที่สุดห้วงความคิดอันฟุ้งซ่านทำให้ผมไม่สามารถหลับไปก่อนที่เขาจะได้ออกมา ในที่สุดเขาก็เปิดห้องน้ำออกมา กลิ่นสบู่ กลิ่นแป้งที่ลอยอวล ทำให้ผมหายใจติดขัด

   นาทีต่อมาฟูกนอนก็ยวบลง ผ้าห่มผืนเดียวกับถูกเขาดึงเบาๆ ราวกลับกลัวจะปลุกผมให้ตื่น ผมแกล้งหลับ กำลังรอให้อีกฝ่ายหลับลงไปก่อน  คงไม่นานหรอก ปกติแล้วเขาก็คนที่หลับง่ายมาก ไม่ทันไรก็กรนเบาๆ แล้ว แต่วันนี้กลับแปลกมากที่รอเท่าไรก็ไม่ได้ยินเสียงกรนเลย...

   ผมพยายามนับแกะ นับแพะ กล่อมตัวเองให้นอนหลับให้จงได้ แต่ยังไม่ทันสำเร็จ ร่างที่นอนข้างๆ ก็ขยับมาใกล้ ผมรู้สึกได้ว่าเขาพลิกกายมากอด  เขายังคงเหมือนเดิมที่ไม่ชอบนอนบนหมอน ศีรษะกลมซุกอยู่ที่กระดูกช่วงคอเบียดร่างเล็กเข้ากับแผ่นหลังของผม

   ก่งแกะอะไรกระเจิดกระเจิงไปจากความคิดจนหมด ผมรีบจับมือเล็กที่เผลอวาดมากอดเอวผมไว้ออกวางเบาๆ แล้วกระถดตัวเองลงจากเตียงให้ไวที่สุด หยิบมือถือ เปิดประตูห้องแล้วเดินออกไปข้างนอก

   ข้างนอกไม่สว่างมากนัก ผมเดินจากห้องเดินออกไปที่ระเบียงบ้านมีประตูกระจกบานใหญ่ล็อกจากด้านใน ผมเดินออกไปตรงนั้น ความมืดทำให้ไม่สามารถมองวิวทิวทัศน์ได้ถนัดตา มีแต่ท้องฟ้า ดวงจันทร์และดวงดาวพราวแสง...   ผมปลดล็อกโทรศัพท์ ตอนนี้ยังไม่สี่ทุ่มเลย เปิดโปรแกรมไลน์แล้วส่งข้อความหาบีท

   คิดถึงนะครับ... คิดถึงที่สุด

   ผมรอนานเป็นครู่ แต่หน้าจอก็ยังคงเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง บีทยังไม่ได้อ่านข้อความเหล่านั้น ตอนนี้เขาอยู่ญี่ปุ่น และผมคงไม่สามารถติดต่อเขาได้ ผมถอนใจให้กับตัวเอง พยายามหาเหตุผลมาหักล้าง   

   ถ้าหากหัวใจผมเต้นดังมากกว่าปกติเวลาที่อยู่ใกล้เขา มันคงเกิดขึ้นเพราะบรรยากาศพาไป ความใกล้ชิดจนเกินพอดี ความแปลกใหม่ และความเย้ายวนของเด็กก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ผมเรียกว่ามันว่า “ความเผลอใจ”

   ถ้าหากจะมีใครบางคนที่หลงเดินเข้ามาในทางของเราแล้วทำให้หัวใจของผมไขว้เขว นั่นคงเป็นแค่ความหลงผิดชั่ววูบเท่านั้น ไม่ได้เรียกว่าความรัก...

   ความรักมันคืออะไร มันคือความซื่อสัตย์และจริงใจต่อกันใช่ไหม?

   ไม่ต้องกังวลหรอกบีท...

   ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่... ผมจะไม่มีวันทรยศคุณ


   
   ในที่สุดผมก็นอนขดตัวอยู่ที่โซฟากลางบ้าน เดาเอาว่ามันคงดีกว่ากลับไปนอนในห้องเหมือนเดิม ผมข่มตาลงนอนอีกครั้งท่ามกลางความมืด ครู่ใหญ่ๆ แสงไฟก็สาดผ่านร่างของผม ได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา ผมขมวดคิ้วแล้วค่อยๆ กระพริบตาขึ้นเหลือบมองเจ้าของร่างเล็กที่ผมอุตส่าห์หนีเขาออกมายืนเบ้หน้ามองผมอยู่

   ใบหน้าเขาดูไม่จืดเลย... เหมือนกับผ่านมรสุมน้ำตาไม่รู้กี่ลูก

   “เธอออกมาทำไม” ผมลุกขึ้นนั่งถามเสียงเรียบ ทำฟอร์มเป็นเคร่งขรึม

   “ออกมาตามคุณ”

   “กลับไปเถอะ ฉันจะนอนนี่แหละ”

   เขามองตอบ พลางหายใจเข้าลึกเหมือนคนสูดน้ำมูก แววตาไหวระริกอย่างอดกลั้น...   

   “ถ้าคุณรังเกียจผมมากขนาดนั้น ฮึก... ไล่ผมไปเลยซะยังจะดีกว่า” ในน้ำเสียงที่สั่นระริกพร้อมหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอขึ้นมาในที่สุด ทำให้ผมทำตัวไม่ถูก ความปากดีที่อยากจะจิกกัดทำร้ายอีกฝ่ายค่อยมลายไปจนกลายเป็นอารมณ์สงสารปนสับสน

   “มันไม่ใช่อย่างงั้น...”

   “คุณกลับไปนอนในห้องเถอะ ผมจะไปนอนกับซูกัส”

   “ไม่ได้นะ! ถ้าเธอไปทั้งสภาพนี้ ซูกัสอาละวาดตายเลย” ผมลุกขึ้นห้าม

   “ผมไม่สน!” เขาตอบแล้วหมุนตัวเดินหนี ผมรีบเดินไปถึงตัวเขา

   “เดี๋ยว...” ผมรีบเดินไปตามแล้ววาดแขนรัดคอเขาไว้เพื่อหยุดฝีเท้าเขาก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินต่อ เขาชะงักเท้าพลันยืนนิ่งในระหว่างที่ผมกระซิบวอนข้างหูเบาๆ “อย่าไปเลยนะ ฉันไม่อยากให้เธอไปรบกวนหมอ”

   เห็นวันๆ เอาแต่ยิ้ม แต่ถ้าโมโหขึ้นมาเมื่อไร หมอก็ไม่ได้ขี้บ่นน้อยไปกว่าซูกัสหรอก!

   เขาหมุนตัวกลับมามองหน้าผม ยังมีร่องรอยน้ำตาติดอยู่ ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ทั้งที่ไม่เข้าใจว่าเขาเสียใจอะไร กะอีแค่ผมหนีออกมาก็ต้องร้องไห้เป็นเผาเต่าขนาดนี้เลยเหรอ?

   “ครับ ผมไม่ไปก็ได้ แต่คุณต้องเข้าไปนอนข้างในนะ” คำต่อรองทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าตัวเองออกมาทำไมแต่ก็ต้องตอบรับไปอย่างไม่มีทางเลือก

   “อือ...” อีกฝ่ายฝืนยิ้มพยายามป้ายน้ำตาออกจากใบหน้า ผมจึงจับข้อมือเขาดึงพากลับไปที่ห้อง ไม่วายนึกหาเหตุผลของน้ำตาพวกนั้น...

   ก่อนออกมาผมทำอะไรผิดล่ะ? ผมก็แค่ดึงมือที่เขาบังเอิญวาดมากอดออกจากเอวเท่านั้นเอง แต่เขาก็หลับแล้วนี่นา หรือเพิ่งตื่นขึ้นมา ไม่สิ เมื่อกี้ตอนที่เขากอดผม ผมไม่ได้ยินเสียงกรน

   “ถ้าคุณรังเกียจผมมากขนาดนั้น ฮึก... ไล่ผมไปเลยซะยังจะดีกว่า”

   

++++++++++
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: orangesmooty ที่ 07-05-2016 19:55:53
เรืองนี้ทำให้เราเข้าข้างใครได้ไม่สุดเลยอ่ะ อิฐทำถูกแล้วนะ เอาจริงๆ แม็กก็ไม่ได้เป็นอะไรกับอิฐเลย ที่ยังเข้าข้างอยู่บ้างก็ตรงที่เพราะอิฐสร้างเรื่องดึงแม็กดข้ามา บีทก็ดูมั่นๆร้ายๆ ให้อาจมีเรื่องอะไรสักอย่างมาเป็นจุดเปลี่ยน แต่ถ้าไม่มีแม็กนี่ก็นางร้ายที่พยายามแย่งผัวชาวบ้าน ต่อให้จริงๆดียังไง แย่งก็คือแย่ง เรานึกถึงเรื่องวนิดา เพราะเป็นนางเอกก็เลยถูกเสมอ เรื่องนี้บีบคั้นจิตใจทุกตอนจริงๆ รู้สึกหาทางลงไม่เจอ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 07-05-2016 20:10:56
คุณอิฐแม่งควายไม่รู่จะควายอย่างไง
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-05-2016 20:16:11
 :mew5:  หน่วงล้วนๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: SaKiNonZa ที่ 07-05-2016 20:37:03
จะว่ายังไงดี   เราว่าที่แมกทำมันผิด อิฐจ้างให้มาแค่อุ้มท้องแต่ตอนนี้กลับจะแย่งเค้า แต่อิฐก็ผิดที่ไม่เชื่อใจแมกคิดแต่ว่าแมกจะมาแย่งสมบัติ แล้วก็ไม่ยอมให้แมกแยกไปอยู่คนเดียวอีก

เฮ้ออออ  ก็ขอให้อิฐเลิกว่าร้ายแมก แล้วแมกก็เลิกรักอิฐเถอะ อิฐเลิกกับบีทแล้วค่อยว่ากัน!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-05-2016 20:48:01
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 07-05-2016 21:20:20
ค้นหาทางออกสักเท่าไร หายังไม่เจอ
จุกจนเหนื่อยใจกับคู่พระนายคู่นี้ มันตันค่ะ น่าจะมีคู่รองเรียกน้ำย่อยบ้าง แต่ก็จิอ่าน รอเขาสองคนรักกัน
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 07-05-2016 21:46:19
 :hao5:ยังไงก็งสารแม๊กม่า
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-05-2016 22:31:28
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-05-2016 22:49:45
 :mew5:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 07-05-2016 23:22:28
เพลีย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 08-05-2016 02:06:33
ไม่รู้จะทีมไหนดี
แต่เอาจริงๆ อิฐนี่ความรู้สึกช้าไปนะ หรือนางพยายามไม่คิด??
พอมาอ่านฝั่งอิฐมันก็ถูกที่นางซื่อสัตย์ เพราะนางก็มีบีทอยู่ก่อนแล้วอ่ะเนอะ
แต่คือตอนแรกเลยที่เลือกแม็กมาเนี้ย มีเหตุผลอื่นอีกมั้ย นอกจากสนิทกับซูกัสเมียหมอ
 :ruready :ruready
มีความสับสน เดาทางไม่ถูกเลย
 :call:
 :call:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 08-05-2016 05:02:28
 :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ปุกปิกกุกกิกไปตามสไต ที่ 08-05-2016 06:25:29
 :hao5: :hao5:สงสารแม็กม่่า
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 08-05-2016 08:17:53
อึดอัด หนัก หน่วงอ่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ปุกปิกกุกกิกไปตามสไต ที่ 08-05-2016 08:44:27
 :hao5: :hao5:สงสารแม็กม่่า
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 08-05-2016 09:27:13
ยิ่งอ่านยิ่งปวดใจแทน
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-05-2016 13:41:58
เมื่อไหร่จะหมดดราม่า เฮ้อ~
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MyMine104 ที่ 08-05-2016 14:09:27
นี่บีทรีบๆนอกใจสิจะได้หาทางลงได้สักที
ป.ล.1 แม็กผิดแต่เราสงสารแม็ก
ป.ล.2 ฝากให้อิฐ :z6:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-22-] [07/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: สุนิสา ที่ 08-05-2016 14:48:25
 :ling1: :5779: :5779:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-23-] [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 08-05-2016 18:48:32
-23-

   -อิฐ-

   ทริปเที่ยวเหนือรอบนี้ก็สนุกดี วันที่สองเราออกเดินทางแต่เช้าไปสักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย เที่ยววัดพระแก้ว ผมนับถือพ่อลูกอ่อนอย่างซูกัสมากที่อุ้มลูกตะลอนทัวร์ เดินถ่ายรูปไปทั่วทุกทิศอย่างสนุกสนาน ส่วนผมแอบหาวหวอดตลอดเช้า ยอมรับว่าง่วงมากเพราะเมื่อคืนผมนอนน้อย ความง่วงทำให้ผมงีบหลับในรถตู้และคนข้างๆ ก็เอนหัวมาพิงไหล่หลับด้วยเช่นกัน

   ผมลืมตาขึ้นยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อนึกถึงเมื่อก่อน เขาชอบนอนกลางวันบ่อยๆ คุณแม่บอกว่าเป็นเรื่องปกติของคนท้องที่จะง่วง ผมเคยอุ้มเขาไปนอนบนห้องด้วยเหมือนกัน เขาตัวเล็กและเบามาก เมื่อร่างลอยขึ้นจากพื้นก็เหมือนจะเกร็งตัวนิดหน่อยบวกกับคิ้วที่ขมวดเล็กน้อยทำให้จับสังเกตได้ว่าอาจจะตื่นแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมลืมตาขึ้นเลยจนถึงห้อง เขามีท่าทีเขินอายเมื่อผมจับได้ว่าเขาแกล้งกลับ ไม่บ่อยนักหรอกที่จะเห็นใบหน้าที่แดงไปถึงใบหู ไม่นับจากที่เขาโดนซูกัสแซวว่าน้อยใจตอนที่เขาเป็นลม หรือตอนที่ผมเสียดสีจนเขาโกรธจัด

   จนตอนนี้ ผมก็ยังหยุดคิดไม่ได้เลยว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ เรื่องต่างๆ เกี่ยวกับเขาผิดความคาดหมายหลายอย่าง ทั้งเรื่องที่เขาพยายามหนีออกจากบ้านให้ได้ แล้วยังต้องการลูกของผมไปเลี้ยงอีกต่างหาก เป็นเพราะเขาอยากต่อรองเอาอะไรจากผมอย่างที่ผมคาดเดาจริงหรือ...

   รวมทั้งเรื่องที่เขารับหุ้นที่คุณแม่โอนให้ทั้งที่สัญญาไว้แต่แรกว่าจะไม่รับอะไรทั้งนั้น ผมอุตส่าห์เชื่อใจเขาว่าอาจจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคุณแม่จริงๆ แต่การที่เขาปฏิเสธที่จะโอนหุ้นคืนมาอย่างที่บีทเอ่ยเตือนผมไว้ มันก็ฉายชัดเจตนาของเขาแล้วว่าเขาไม่ได้หวังดีกับครอบครัวเราจริงๆ แต่พอผมพยายามอธิบายความกังวลใจที่มีให้คุณแม่ฟัง ท่านกลับมีท่าทีไม่สนใจเลยสักนิด...

   “ปวดหัว ไม่คิดว่าจะมีลูกโง่ๆ ขนาดนี้ ที่เขาทำทุกอย่างก็เพราะเขารักแก แค่ดีกับเขาสักหน่อยจะยากอะไร เดี๋ยวเขาก็ใจอ่อนยอมกลับมาเอง แต่ถ้าความโง่ของแกทำให้เอาอะไรกลับมาไม่ได้สักอย่าง ทั้งหุ้น ทั้งลูก ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะ ฉันจะถือซะว่าทำขวัญหลานก็แล้วกัน”

   บางทีผมก็คิดนะว่าแม็กม่าอาจจะป้ายยาเสน่ห์ผิดคน คุณแม่ถึงรักหลงเขามากกว่าลูกไปแล้ว แต่จะให้ผมไปง้องอนวอนขอให้เขาเห็นใจมันก็อายเกินกว่าจะทำแบบนั้น จนกระทั่งมีเหตุการณ์ที่หักล้างความคิดของคุณแม่ไปหมดคือที่เขาเสนอชื่อกรรมการบริหารคนใหม่ขึ้นมานั่นแหละ มิหนำซ้ำยังแสดงท่าทีอย่างเปิดเผยว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งอีกด้วย

   บอกตรงๆ ว่าผมโกรธมากทีเดียว โกรธที่เขาช่างปั้นหน้าหลอกคุณแม่ได้เก่งนักว่ารักลูกท่านนักหนาจนท่านยกนั่นนี่ให้... แม้แต่ตัวผมก็ยังถูกหลอกมานานไม่รู้เท่าไร ก็ได้แต่เตือนเอาไว้จากประสบการณ์ของตัวเอง ว่าการหน้าใหญ่ใจโตให้นั่นนี่จนคนรักหลงอยู่ในเงินทองมันจะทำให้โดนหลอก ปอกลอกจนพอใจแล้วตีจาก ซึ่งนั่นเป็นเรื่องราวนานมากแล้วก่อนที่ผมจะเจอกับบีท ที่สำคัญมากไปกว่านั้น ผมไม่ไว้ใจคนรักของเขาเลย ถ้าเขาหลอกแม็กม่าจนยอมขายหุ้นทั้งหมดไปให้อาเขตแดนล่ะก็ สิ่งที่คุณพ่อสร้างมาทั้งหมดคงพังทลายไปแน่...

   ใช่! การที่ผมนอนไม่หลับทั้งคืนหลังจากปล่อยเขาให้กลับไปผู้ชายคนนั้นสองต่อสองและสะดุ้งตื่นแต่เช้ามืดแล้วเผ่นแผล็วไปบ้านซูกัสก็เพราะผมแค่ห่วงบริษัทตัวเอง และการที่ผมโล่งใจมากที่เห็นท่าทางอีกฝ่ายยังปกติดี ไม่มีส่วนใดบุบสลายก็เพราะดีใจว่า อย่างน้อย... คำพูดของผมคงแรงมากพอจะเตือนสติที่มีอยู่น้อยนั่นให้หัดคิดอะไรดีๆ ขึ้นได้บ้าง


   ในที่สุดรถก็จอด แม็กม่างัวเงียลืมตาขึ้นค่อนข้างตกใจที่หันมาเจอสายตาของผมที่จ้องมองเขาไม่หลบสายตา เขามีสีหน้าเขินเล็กน้อยรีบขยับตัวไปนั่งตัวตรงรีบเอามือลูบผมสั้น เอามือเช็ดปากทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้เลอะอะไร

   “รีบออกไปสิ หิวจะแย่อยู่แล้ว” ผมแกล้งเร่งเพราะเขานั่งฝั่งประตู เขาชะงักแล้วค้อนใส่ แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไร รีบขยับตัวออกจากรถทันที   

   ดีใจเหลือเกินที่เราแวะทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารชื่อดังและมีกาแฟให้จิบคลายง่วง เนื่องจากเก้าอี้ชุดจัดไว้สี่ตัว ทำให้ผมกับแม็กม่าต้องเนรเทศตัวเองออกมาจากกลุ่มครอบครัว การย้ายไปนั่งไกลๆ ซูกัส ก็ถือว่าสบายหูอยู่เหมือนกันเพราะรายนั้นร่าเริงและคุยเก่งมาก อาจจะไม่ถึงขั้นน่ารำคาญ แต่ในขณะที่กำลังง่วงๆ อยากหลับพักสายตาผมต้องการความสงบกว่าปกติ และแม็กม่าคือความสงบ เขานั่งเงียบเหมือนกันไร้ตัวตนทีเดียว

   เรายังคงเที่ยวต่อตามโปรแกรมที่คุณชัชกับแคนดี้จัดไว้ให้เราเที่ยวอย่างคุ้มค่าในช่วงเวลาจำกัดสามวันสองคืน น่าขำที่ตัวผมเองเป็นเจ้าของบริษัทนำเที่ยวแต่น้อยครั้งที่จะไปเที่ยวแบบนี้ แม้บีทจะชวนผมไปเที่ยวหลายครั้งผมก็ปฏิเสธเพราะผมอยากไปเที่ยวโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องทำงาน แต่บางครั้งวันเวลาของเราก็ไม่ค่อยตรงกันให้ทำแบบนั้นเท่าไร

   ในช่วงการเดินเที่ยว แม้คนอื่นๆ จะแยกย้ายกันไปแต่ผมก็เดินตามแม็กม่าตลอดตามหน้าที่ที่ควรทำเพื่อคอยดูแลไม่ให้เขาล้ม หรือจับจูงเขาไปในทางที่คนเยอะ เราทั้งสองไม่ค่อยคุยกัน อาจจะเป็นเพราะถ้าเปิดปากก็กลัวจะทะเลาะกันเลยเลือกจะเดินข้างกันไปเงียบๆ ดีกว่า บางช่วงแม็กม่าก็รับเด็กคนหนึ่งมาอุ้มไว้ ผมรู้สึกอยากให้เขาคลอดไวๆ ผมอยากอุ้มเด็ก เด็กที่เป็นลูกของผมจริงๆ ไม่ว่าเขาจะหน้าตาเหมือนใครเขาคงเป็นเด็กน่ารัก คงเพราะผมคิดอย่างนี้มาตลอด เวลาถึงได้ผ่านไปช้าเหลือเกิน แม็กม่าเพิ่งจะท้องได้แค่สี่เดือนเท่านั้น

   “หนักไหม? ฉันจะช่วยอุ้ม” ผมบอกแม็กม่าระหว่างทาง หลังจากที่เขาอุ้มเด็กติดต่อกันนานเกือบยี่สิบนาที

   แม็กม่าหันมาหาเขายื่นเด็กให้ผมรับมาอุ้มไว้อย่างเก้ๆ กังๆ จนอีกฝ่ายขมวดคิ้ว

   “อุ้มดีๆ ประคองทั้งคอและหัวสิครับคุณ เกิดลูกเค้าเป็นอะไรไป ทำใช้ไม่ได้นะเนี่ย” เขาเตือนดุๆ

   “อือๆ” ผมรับคำ แล้วค่อยๆ ประคองเด็กตามคำแนะนำของเขา ถึงจะไม่หนักมาก ถ้าอุ้มแบบนี้ทุกวันสงสัยจะกล้ามขึ้นแน่ๆ

   “ฝึกไว้ก็ดีนะ เผื่อมีลูกของตัวเองจะได้อุ้มเป็น เลี้ยงเป็น ถ้าคุณอยากดูแลเขาจริงๆ คุณก็ต้องทำให้ผมวางใจว่าคุณดูแลเขาได้” ในน้ำเสียงนั้นทอดเศร้าจนผมสะดุดหู รีบเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขา เขาหลบสายตาไป

   “แน่ล่ะสิ ถ้าเป็นลูกของฉัน ฉันก็ต้องดูแลเลี้ยงเขาให้ดียู่แล้ว” ผมตอบอย่างมั่นใจ

   “โชคดีนะคุณยังมีแม่อยู่ ที่บ้านก็คนเยอะแยะคงไม่ลำบากเท่าไร นี่ถ้าตัวคนเดียวแล้วปล่อยเด็กไว้กับแฟนคุณตามลำพัง ไม่ถึงชั่วโมงคงโดนบีบคอตาย”

   “จะมากไปแล้วนะ!!” ผมเค้นเสียงดุ

   “หึ...พูดความจริงก็ผิด” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ

   “แล้วมันเรื่องอะไรของเธอที่ต้องไปลามปามถึงคนอื่น!”

   “ผมคงอิจฉาเขาล่ะมั้ง... เพราะคนที่มองโลกในแง่ร้ายอย่างคุณ ไม่เคยเห็นแง่ดีของใคร แต่เวลาคุณมองคนที่คุณรัก คุณกลับเห็นแต่ข้อดีของเขา ส่วนคนอื่นทำอะไรมันก็แย่ไปหมด” ผมขมวดคิ้วเมื่อโดนหาว่าลำเอียงตรงๆ

   “ก็ถ้าเธออยากให้ฉันมองเธอดีๆ ก็จงทำดีให้ฉันเห็น ไม่ใช่ใส่ร้ายหรือใส่ความให้คนอื่นดูไม่ดีเพื่อยกย่องตัวเองว่าสูงส่งกว่า”

   “ไม่รู้สิครับ บางทีคนอย่างผมอาจจะทำดีไม่ขึ้นก็ได้...”


    วันต่อมาแม็กม่างอแงขอหยุดพักอยู่บ้าน เขาบ่นว่าเมื่อวานเดินเยอะจนปวดเมื่อยไปหมดแล้ว ขอไม่ไปเที่ยวกับคณะทัวร์ครอบครัวสุขสันต์ กระนั้นยังอุตส่าห์ขับไล่ไสส่งให้ผมไปเที่ยวแล้วทิ้งเขาไว้ลำพังซะได้แต่ผมไม่ไปหรอก เพราะต่อให้ผมไม่กลัวซูกัสจะด่า ผมก็ต้องอยู่กับเขาอยู่แล้ว... ตามหน้าที่พ่อที่ดีไงล่ะ!

   แม็กม่าบอกให้ซูกัสทิ้งเด็กทารกไว้ที่บ้านทั้งสองคน เพื่อให้สองครอบครัวไปเที่ยวให้สบายไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องห่วงเด็ก แต่ซูกัสไม่ยอม เขาจึงบอกว่าการเอาเด็กตะลอนไปไหนมาไหนแบบนี้เป็นการทรมานเด็กมากกว่า เดี๋ยวจะพาไม่สบายเอานะ เท่านั้นแหละ เด็กทารกทั้งสองจึงถูกปล่อยให้กระจองอแงที่บ้านพักของคุณชัชทันที

   ซูกัสห่วงลูกทั้งสองมาก กว่าจะขึ้นรถได้ สั่งนั่นสั่งนี่กับแม็กม่ายืดยาว ส่วนแม็กม่าก็รับคำย้ำๆ ว่า รู้แล้วๆ เร่งให้ซูกัสขึ้นรถไปเสียที เรารอจนรถตู้ออกจากบ้านพักจึงเดินเข้าไปในบ้าน

   “คุณน่าจะไปกับพวกเขา” เขาเอ่ยขึ้นลอยๆ

   “ทำไม? กลัวอยู่ด้วยกันสองต่อสอง แล้วฉันจะกัดเธอตายหรือไง” ผมถามกลับกวนๆ อีกฝ่ายจิกตาใส่แล้วก็ไม่ตอบว่าอะไร เขาไปในครัวเอานมแช่เย็นใส่ขวดออกมาวางไว้ข้างนอก

   “เอาออกมาตั้งทำไมล่ะ?” ผมถามอย่างข้องใจ

   “นมจะได้อยู่ในอุณหภูมิห้อง ไม่ต้องเอาไปอุ่นไง”

   “อ๋อ...” ผมพยักหน้ารับคำ

   “ที่จริงเรื่องนมแม่เนี่ยรายละเอียดเยอะเหมือนกันนะครับ อย่างตอนแรกที่ได้รับมาจะเป็นนมแช่แข็งที่เก็บรักษาไว้ได้หกเดือน ก่อนจะนำมาให้เด็กก็ต้องแช่เย็นไว้ในห้องเย็นธรรมดาล่วงหน้าหนึ่งคืน แล้วพอจะใช้จริงๆ ก็เอาออกจากตู้เย็นมาตั้งทิ้งไว้อีกหนึ่งชั่วโมง ไม่งั้นก็ต้องนำไปแช่ในน้ำประปาหรือในอ่างน้ำร้อน” แม็กม่าก็น่าทึ่งดีนะ เขาดูรู้เรื่องเด็กดีมาก เป็นเพราะเขาอยู่กับซูกัสนานพอหรือเพราะเขาตั้งใจศึกษาเพื่อจะเลี้ยงลูกในอนาคตกันแน่

   “ดื่มนมแม่แลท่าจะยุ่งยาก ให้ดื่มนมผงแทนได้ไหม?”

   “ปกติผู้หญิงที่ทำงานทั่วๆ ไปก็ได้ลาคลอดแค่สามเดือน เด็กก็พลอยได้กินนมแม่กันแค่นั้น แต่ฟิ่นกับฟ่อนคลอดก่อนกำหนด ร่างกายไม่แข็งแรง หมอจึงอยากให้เขาดื่มนมแม่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้” เรื่องนั้นก็พอรู้ แต่ผมหมายถึงลูกผมต่างหาก!

   “อืม... นั่นสิยังไงนมแม่ก็มีประโยชน์ที่สุดอยู่แล้วเนอะ ถ้าจะให้ดีสงสัยฉันต้องจ้างแม่นมมาเลี้ยงลูกให้บ้างแล้วมั้ง” ผมเปรยขึ้นมาแบบไม่คิดอะไรมาก

   “ไม่ได้นะคุณ!!” จู่ๆ เขาก็ทักท้วงขึ้น มีสีหน้าตกใจ

   “มีอะไร ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย?”

   “แค่ทุกวันนี้ก็วุ่นวายมากพอแล้ว อย่าลากใครเข้ามาทำให้เรื่องมันวุ่นวายมากกว่าเดิมเลยนะครับ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตาที่ทอดเศร้าทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ

   อาจจะจริง แค่นี้หัวใจมันก็วุ่นวายมากพอแล้ว

   เขาเดินเข้าไปในโถงห้องนั่งเล่นกว้างขวางแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ ผมเดินตามไปนั่งที่โซฟาด้วยเช่นกัน ดูเหมือนจะว่างจนไม่มีอะไรทำ แต่เพราะประตูที่ระเบียงเปิดโล่งมีลมเข้าตลอด อากาศจึงเย็นสบายน่านอนเล่นมากๆ

   “หมอบอกคุณไหมว่าพี่แคนดี้จะขอหลานไปเลี้ยง” ข่างใหม่ทำให้ผมตกใจอยู่เหมือนกัน

   “ไม่อ่ะ” ผมปฏิเสธแล้วถามต่อด้วยน้ำเสียงสนอกสนใจ “แล้วหมอกับกัสตกลงว่าไง”

   “ก็ยังไม่ตอบอะไร แต่ถ้าให้ผมเดา ซูกัสคงไม่คัดค้านหรอก”

   “จริงเหรอ? ซูกัสอุตส่าห์อุ้มท้องมาตั้งนาน จะตัดใจยกลูกให้พี่สาวไปง่ายๆ เชียวเหรอ?”

   “มันคงไม่ง่ายหรอกครับ แต่ซูกัสก็ยังดีที่เขายังมีลูกสองคน แล้วพี่แคนดี้ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ไม่ได้จะเอาเด็กไปถาวรด้วย พี่เขาก็แค่ขอเลี้ยงหลานไปจนกว่าตัวเองจะมีลูกของตัวเองเท่านั้น”

   “แล้วถ้าไม่มีล่ะ?”

   “ไม่รู้สิครับ” เขาตอบสั้นๆ แล้วเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “ในกรณีที่คุณเป็นเพื่อนกับหมอ คุณเข้าข้างหมอกับซูกัสและสงสารพวกเขาที่ต้องสูญเสียลูกไป คุณเคยคิดบ้างไหมว่าซูกัสก็เหมือนกับผม เขาก็แค่อุ้มท้องลูกไว้เท่านั้น แต่แม่ที่แท้จริงของเด็กพวกนั้นคือพี่แคนดี้”

   “เธอกับซูกัสไม่เหมือนกันหรอก ตรงที่แคนดี้ยินดีจะบริจาคไข่ให้โดยสมัครใจ ลูกของซูกัสก็คือลูกซูกัส แตกต่างจากเธอที่สมัครใจอุ้มบุญให้ฉันแต่แรก เพราะฉะนั้นเด็กคนนี้ก็ควรเป็นของฉันไม่ใช่เหรอ?” ดูเหมือนเขาจะเถียงไม่ออก ใบหน้าดูสลดหดหู่จนต้องลุกหนีไปในที่สุด ผมถอนใจเฮือกหนึ่งไม่รู้ว่าตัวเองพูดแรงไปหรือเปล่า

   
   เสียงเด็กงอแงลั่นระงมในตอนสายทำให้รู้สึกว่าเลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องง่ายนักผมได้ยินเสียงแม็กม่ากล่อมเด็กอยู่นานสองนาน กว่าเจ้าสองหน่อจะยอมหยุดร้อง

   “เจ้านกกาเหว่าเอ๋ย ไข่ให้ไว้แม่กาฟัก  แม่กาก็หลงรัก คิดว่าลูกในอุทธรณ์”


   เสียงร้องทำนองเสนาะที่เอ่ยเอื้อนช้าๆ ฟังเพลินหู ผมค่อยเอนตัวนอนเอกเขนกลงบนโซฟาตัวยาวกลางบ้าน ผ่อนลมหายใจลงเคลิ้มๆ แต่ยิ่งฟังก็ยิ่งเศร้าราวกับเจ้าของเสียงกำลังสะอื้นไห้

   “คาบเอาข้าวมาเผื่อ คาบเอาเหยื่อมาป้อน ถนอมไว้ในรังนอน ซ่อนเหยื่อมาให้กิน
   ปีกเจ้ายังอ่อนคลอแคล ท้อแท้จะสอนบิน พาลูกไปหากิน ที่ปากน้ำพระคงคา”
   


   จนกระทั่งเสียงเพลงกล่อมเด็กช้าๆ เนิบนาบนั่นหยุดลง ไม่นานกลิ่นหอมประจำตัวก็คละคลุ้งอยู่ใกล้

   “คุณอิฐ... มานอนตรงนี้ทำไม เข้าไปนอนข้างในสิ ไม่เมื่อยเหรอ?” เสียงนั้นเอ่ยปลุกอยู่ข้างๆ พร้อมมือเล็กที่แตะเขย่าไหล่ผมเบาๆ

   “อือ...” ผมครางรับพลางยกมือปัดแขนเขาออกอย่างรำคาญ

   จากนั้นทุกอย่างก็หยุดลง ทั้งแรงเขย่าและเสียงก็หายไป แต่กลิ่นแป้งเหล่านั้นกลับยังอวลกลิ่นราวกับอยู่ติดจมูกก็ไม่ปาน แค่ช่วงไม่กี่วินาทีจากนั้นกลับตามมาด้วยสัมผัสแสนนุ่มที่กดประทับลงบนกลีบปากของผม มันช่างแผ่วเบา ฉาบฉวยมากเหลือเกิน จนตัวผมที่ลังเลว่าจะลืมตาขึ้นทันทีดีไหมไม่ทันได้ตัดสินใจด้วยซ้ำ รอยจุมพิตนั้นก็ลอยหายไปเสียแล้วแต่กลับตามมาด้วยถ้อยคำที่หวานมากเหลือเกิน...

   “ผมรักคุณ”



++++++++++
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-23-] [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-05-2016 18:53:19
 :ruready.   ได้ยินแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-23-] [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 08-05-2016 19:08:40
ฟังแล้วก็ปวดใจ ทำไมแมกต้องหลงรักคุณอิฐด้วย เรื่องลูกถ้าต้องอุ้มท้องไม่แปลกที่จะผูกพัน แต่กับผู้ชายอย่างคุณอิฐ ปล่อยให้โง่ไปเถอะ อย่าเอาใจไปให้เลย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-23-] [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 08-05-2016 19:14:11
ได้ยินแล้วซินะ
แล้วตาลุงจะทำยังไง
เหอะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-23-] [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 08-05-2016 19:18:56
 o22
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-23-] [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-05-2016 19:34:42
สงสารแม็กนะ ความรักมันห้ามกันไม่ได้
แต่ถ้าแม็กจะไปแย่งอิฐจากบีทก็ไม่ได้อีก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-23-] [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 08-05-2016 20:00:58
 :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-23-] [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 08-05-2016 20:01:40
กระบือเรียกบิดาแบบนี้ จะคิดได้เหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-23-] [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-05-2016 21:59:28
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-23-] [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 08-05-2016 22:39:16
กระบือเรียกบิดาแบบนี้ จะคิดได้เหรอเนี่ย

ถูกใจมากอ่ะ พระเอกนี้เดาอารมไม่ถูก การกระทำเฉยชามาก แต่อ่านก็เพราะพระเอก ปล.ชอบพระเอกมีอายัุ#แก่ๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-23-] [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 08-05-2016 22:44:16
เฮ้อออ อิฐโง่ขนาดนี้ คงไม่ได้ยินหรอก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-23-] [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 09-05-2016 00:05:08
ได้ยินแล้วนะนางคุณอิฐ
ถ้ายังไม่ทำอะไรหรือตัดสินอะไรไมไ่ด้ตอนนี้
อนาคตคงลำบากแน่ๆ
เอาจริงๆ ยังไงแม็กก็น่าสงสารอยู่ดี
น่าสงสารตั้งแต่ตกปากรับคำมาอุ้มท้อง
แล้วยังจะมาตกหลุมรักผช.อย่างอิญอีก
ถ้าแม็กใจแข็งได้จริงๆ ก็ดี
ลองเอาลูกหนีไปดีมั้ย
หรือทำดีให้อิฐมันหลงมากๆ แล้วสุดท้ายก็หายไปเลยทั้งคู่งี้
้เพราะเราคิดไม่ออกเลยว่าอิฐจะจัดการค.รู้สึกตัวเองยังไง
แถมยังมีบีทอีกคน ตัวแปรมันเยอะอ่ะ
 :ling1: :ling1:
 :call:
 :call:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-23-] [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 09-05-2016 00:05:34
เห้ออออ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-23-] [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 09-05-2016 06:29:38
นี่ยังขาดแค่โพสต์เฟชบุ๊กเย้ยเมียหลวงอย่างบีท

จะได้เลวร้ายอย่างสมบูรณ์แบบ...อย่างอิป้าอะไรน้าาาา..ที่โพสต์แล้วดังข้ามคืน

ถ้าทุกคนใช้สิทธิ์เพียงแค่รักผัวคนอื่น ชั้นจะทำทุกอย่างเพื่อแย่งเขามา..เพียงเพื่อสนองความอยากของตัวเอง

โดยที่ไม่มีศีลธรรมมากำกับชีวิต!!!...เมื่อนั้นคงไม่ต่างอะไรกับ.."เดรฉาน"..ที่เอาแต่ความอยากของตัวเองเป็นใหญ่

ไม่แคร์สังคม??..ไม่มีความละอายต่อบาป..มองการกระทำที่ชั่วช้าเป็นเรื่องปกติ เจอคนแบบแม็กม่าทำให้สังคมอยู่ยากนะ

แม้ว่าเรื่องนี้อิฐกับแม็กม่าจะได้กันตอนจบ..แต่ถ้าเมื่อไรที่เราชื่นชมความรักของคนคู่นี้ เมื่อนั้นเราคงต้องย้อนกลับไปตรวจสอบจริยธรรม

ของเราว่ายังอยู่ดีไหม????

ในมุมมองของเรา..ถึงบีทจะร้ายไปบ้าง ก้อเป็นเรื่องสมควร ที่ตัวเองต้องออกมาปกป้องความรักของคนทั้งคู่ไว้

ถามว่าร้ายแบบนี้ผิดไหม??ถ้าผิดคงเป็นมือที่สามอย่างแม็กม่ามากกว่า

เอาความเป็นจริง..ในความเป็นเกย์การคบหาอยู่กินอย่างเปิดเผยนั่นเราจะเรียกว่า..ผัวเมียได้ไหม??

เพราะคู่รักเกย์จะมีสักกี่คู่ในบ้านเราที่จะมีพิธีแต่งงานอย่างเปิดเผย???ยิ่งทาง กม.ยิ่งไม่เปิดโอกาสให้เพศที่สามจดทะเบียนสมรส

เลย เว้นแต่จะไปจดที่ต่าง ปท. แต่สำหรับเรา..อิฐกับบีทคู่นี้คือผัวเมียกัน

ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา...ถ้าเราเป็นบีทล่ะจะจัดการยังไงกับตัวร่านที่อยากแย่งสามีเรา???

อิฐเองก้อมีชนักติดหลังเรื่องหลอกให้แม็กม่าเซ็นต์สัญญา แต่เรื่องนี้จบตรงที่แม็กม่าได้เงินตอบแทนไปอย่างจุใจ!!

เท่าที่อ่าน..อิฐเองพยายามเป็นคนรักที่ดี..ไม่นอกใจเมีย แต่จะคอยติดตามดูว่าจะต้านความแรดของแม็กม่าได้ไหม???

เรื่องนี้เขียนยากจริงๆเอาใจช่วยคนเขียนนะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-23-] [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: janny_j ที่ 09-05-2016 08:09:51
ถามว่าเรื่องนี้ มีใครผิดมั้ย ไม่มีใครผิดค่ะ ทุกคนย่อมมีความต่องการของตัวเอง ไม่มีใครดี และไม่มีใครเลว ส่วนของบีท ผิดที่คุณไม่คิดจะยอมอ่อนแล้วเข้าหาคุณแม่ของอิฐ แต่แรก ร้อยทั้งร้อยชีวิตคู่ถ้าเข้ากับครอบอีกฝ่ายไม่ได้ ชีวิตคู่หาความสุขยากค่ะ  อิฐผิดที่ใช้วิธีผิดในการให้แม่บอมรับบีท แม็กม่าผิดที่เผลอใจไปชอบเค้าทั้งที่รู้อยู่แล้ว ที่สำคัญอิฐ บีท ยังไม่ได้แต่งงานกัน ถึงจะมีอะไรกันแล้ว แต่เค้าทั้งคู่ก็ยังมีสิทธิ์เลือกไม่ใช่เหรอคะ เรามองในแง่ของความจริง ถ้าจะหาคนที่ผิดที่สุดของเรื่องนี้ เราว่าคือคุณอิฐ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-23-] [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-05-2016 14:53:57
สงสารแม็ก...
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-23-] [08/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 09-05-2016 16:46:39
ปวดตับบ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-24-] [09/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 09-05-2016 18:47:17
-24-


   -แม็กม่า-


   ผมรู้ว่าเขาไม่ได้หลับสนิท ผมถึงจูบเขา
   ผมรู้ว่าเขาคงได้ยิน ผมถึงบอกเขา แต่เขาก็ไม่ยอมลืมตาตื่น
   ที่เจ็บกว่าการถูกปฏิเสธคือถูกเมินเฉย...

   เย็นวันนั้น หลังจากพวกซูกัสกลับมารับช่วงดูลูก ผมขอตัวเข้ามาที่ห้องซึ่งคุณอิฐเดินเข้ามาสักพักแล้ว และตอนนี้เขากำลังอยู่ในห้องอาบน้ำ ผมเหลือบตาไปเห็นมือถือของเขาที่โยนไว้บนเตียงจึงหยิบขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

   ที่จริงผมมีโอกาสได้จับมือถือเขาอยู่หลายครั้ง แต่ผมเพิ่งมีโอกาสจำรหัสปลดล็อกมันเมื่อวานนี้เอง มือผมสั่นเมื่อคิดถึงแผนการตื้นๆ  ที่จะทำให้คนสองคนเลิกกันได้ วิธีง่ายๆ แค่ส่งรูปภาพพวกนั้นไปให้คุณบีท เพราะจากสีหน้าลำบากใจตอนนั้นที่ผมถามว่าคุณบีทรู้ไหมว่าเขามาที่นี่กับผม ผมก็เดาได้ว่าเขาคงไม่กล้าบอกแน่ และถ้าคุณบีทรู้ว่าเขามาเที่ยวกับผมโดยที่ไม่บอก พวกเขาคงทะเลาะกันและอาจจะถึงขั้น...

   ผมเปิดโปรแกรมไลน์ขึ้นมา เพื่อพบข้อความล่าสุดที่เขาส่งไปเมื่อสองวันก่อน...

   คิดถึงนะ... คิดถึงมาก...

   มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดและลังเลว่าผมควรจะทำแบบนี้จริงไหม แต่เราจะกลับกรุงเทพกันพรุ่งนี้แล้ว ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง วันเวลาที่นี่ก็คงเสียเปล่า และผมกับเขาก็คงย้อนกลับไปเหมือนเดิม

   ที่เลว...ก็เลวมาเยอะแล้ว... จะเลวเพิ่มขึ้นอีกสักนิดจะเป็นไรไป

   มันคงเป็นการเดิมพันครั้งสุดท้ายของผม...

   ถ้าไม่รัก... ก็เกลียดกันไปเลยดีกว่า... 

   “ทำอะไรน่ะ แม็ก!”

   ผมสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่ายดันออกมาเอาตอนนี้ ผมหันไปมองเขาด้วยความตกใจจนหน้าซีดเผือด เขารีบเดินมาหาแล้วคว้าของกลางในมือผมไปทันที คิ้วขมวดมุ่นหันมามองผมเหมือนกำลังโกรธ เพราะเขาคงอ่านความคิดของผมออกทั้งหมด ในเมื่อหน้าจอยังคงค้างอยู่ที่หน้าจอรูปภาพ และผมติ๊กรูปคู่ที่ร้านกาแฟไว้แล้ว เพียงแค่ชั่งใจว่ากดส่งดีไหมเท่านั้นแหละ

   “เธอตั้งใจจะทำแบบนี้จริงๆ เหรอแม็ก” ในคำถามผมรู้ว่าเขาโกรธ แต่ก็ยังสะกดกลั้นน้ำเสียงและอารมณ์ไม่ให้กลายเป็นตวาด

   “ครับ ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้” เพื่อคุณ เพื่อลูกผมต้องทำ...

   “เธอทำแบบนี้ไปทำไม” คำถามของเขาทำให้มันร้าวไปทั้งเบ้าตา

   เขาไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้...

   “จนป่านนี้แล้ว คุณจะทำเป็นไม่รู้อีกเหรอครับ ว่าผมทุกอย่างไปทำไม เพื่ออะไร” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงปวดร้าว นัยน์ตาเจ็บช้ำ สะกดกลั้นน้ำตาแต่ก็ไม่สำเร็จ...

   “รักงั้นเหรอ?” เขาย้อนถาม  “หึ! งั้นฉันจะบอกให้นะ ถ้าเธอทำทุกอย่างเพราะว่าเธอรักฉันจริงๆ ก็เป็นวิธีการที่สิ้นคิดที่สุดที่เคยเจอมาเลย” เช่นเคย มันคือคำด่าตรงไปตรงมาที่นับวัน ผมก็ชักชินชากับมันเสียแล้ว

   “แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง... ทำดีคุณก็ไม่เคยเห็น ทำเลวคุณก็ไม่ชอบ”

   “งั้นก็หยุดซะสิ จะดื้อรั้น ดิ้นรนไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก จะยิ่งทำให้ฉันเกลียดเธอมากขึ้นด้วยซ้ำ”

   “เกลียดผมเถอะ... เกลียดได้เท่าที่คุณพอใจ ขอแค่คุณรักลูกของเรา ผมก็ดีใจแล้ว” ในสีหน้ามีความไม่เข้าใจ เขาคงคิดว่าผมหน้าด้านหน้าทนเกินคนไปแล้ว แต่ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ

   “เชื่อเถอะ เธอจะดีใจแค่ไม่นานหรอก แต่เธอทรมานไปตลอดชีวิต” เขาหมายความว่า ไม่ว่าจะนานแค่ไหนเขาก็ไม่มีวันรักผมใช่ไหม?

   ผมเม้มปาก ผมไม่รู้ว่าควรตอบว่ายังไงดี

   “ถ้าความทรงจำดีๆ มันเปลี่ยนเป็นความทรงจำร้ายๆ ก็ลบลืมมันไปดีกว่า” เขาบอกขณะกดลบรูปคู่ของเราที่ซูกัสถ่ายให้ออกทีละรูป “ถ้าหากเธอทำไม่ดีเพราะชอบฉันจริงๆ ฉันก็ไม่โกรธหรอกนะ ขอแค่ต่อไปอย่าทำอย่างเดิมอีก”

   “คุณรู้ไหม... ผมรักคุณ รักลูกของคุณ รักแม่ของคุณมาก ที่ผมทำลงไปก็เพราะผมอยากดูแลพวกเขาทุกคน”

   “ขอโทษนะแม็ก แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเธอจริงๆ” คำพูดตัดรอนเหล่านั้นทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กำมือแน่นสะอื้นหนักขึ้นทันทีจนอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้แตะมือที่ศีรษะแล้วลูบเบาๆ อย่างปลอบโยน แต่ก็ไม่ได้น้ำตาที่พร่างพรายนั้นหยุดไหลแต่อย่างใด

   “ผม...ผิดมากใช่ไหมที่รักคุณน่ะ” ผมถามด้วยน้ำเสียงที่หมดเรี่ยวแรง

   “ไม่ผิดที่รัก แต่เธอแค่รักคนผิด” ผมไม่รู้ว่ามันต่างกันที่ตรงไหน...

   “ถ้าไม่มีคุณบีท คุณจะมองผมไหม คุณจะรักผมบ้างได้ไหม”

   “ฉันตอบไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีบีท เธอก็คงไม่ได้อยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกแล้ว”

   ไม่มีเยื่อใย ไม่ให้ความหวัง ชัดเจน ไม่ลังเลเลยสักนิด

   ระหว่างผมกับเขา ไม่มีอะไรที่เชื่อมต่อกันเลย ไม่มีโอกาส ไม่มีความหวัง สิ่งที่ทำมาทั้งหมดมีแต่ความว่างเปล่า

   สิ่งเดียว... สิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ คงมีแค่...



   
   หลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น คุณอิฐกลับไปเป็นคุณอิฐคนเดิมเหมือนก่อนที่ผมจะออกจากบ้าน เขาพยายามพูดกับผมดีๆ ไม่ประชดประชัน ไม่กระแนะกระแหน คอยดูแลตามหน้าที่ของเขาตามปกติ

   ผมรู้ว่าเขาคงสงสาร เขาคงรู้แล้วว่าผมรู้สึกทุกข์ใจมานานแค่ไหนแล้ว แต่ยิ่งเขาดีกับผมมากเท่าไร ผมก็ยิ่งเสียใจมากกว่าเดิมเสียอีก ผมไม่อยากรักเขาเลย แต่ก็รักไปแล้ว ผมไม่ได้อยากแย่งเขามา แต่ก็ทำไปแล้ว แม้จะไม่สำเร็จ แต่ผมก็เลิกรักเขาไม่ได้ แล้วสุดท้ายมันก็วนลูปกลับไปที่เดิม ตรงที่ผมยังต้องทนอยู่ข้างๆ คนที่รักไม่ได้อยู่แบบนี้

   แล้วเมื่อไรผมจะเลิกรัก แล้วเมื่อไรผมจะเลิกเจ็บ ผมไม่รู้เลย...

   “คุณอิฐ... ผมจะขอร้องอะไรสักอย่างได้ไหม” ในที่สุดผมก็หาทางเจรจากับเขาอีกครั้ง ก่อนที่เราจะเดินทางกลับ

   “หือ....”

   “คุณให้ผมไปได้หรือเปล่า?”

   “ไปไหน?” คำถามค่อนข้างตกใจ

   “ที่ไหนก็ได้ ที่ไม่มีคุณ” ผมตอบเสียงนิ่ง

   “บ้านซูกัสยังไกลไม่พอหรือไง?”

   ผมเหลือบตาขึ้นมองแล้วส่ายหน้า...

   “ผมจะคืนหุ้นให้ ถ้าเด็กคลอดแล้วก็จะคืนเหมือนกัน ผมไม่อยากได้อะไรเลย ขอแค่ได้ไปจากตรงนี้ได้ไหม”   

   “ไม่ได้...” คำตอบส่วนกลับมาทันทีโดยไม่คิด น้ำเสียงจริงจังมากเสียด้วย

   “คุณไม่เชื่อใจผมเหรอ?” ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงน้อยใจ

   “เปล่า แต่ฉันเป็นห่วงเธอ ถ้าเธอสามารถอยู่คนเดียวได้โดยไม่มีใครดูแลใกล้ชิดล่ะก็ ฉันคงไม่ต้องพาเธอไปอยู่ที่บ้านแต่แรก ถ้าเธอต้องไปโดยไม่มีทั้งฉันหรือซูกัสดูแล เธอจะอยู่คนเดียวอย่างปลอดภัยได้ยังไง”

   ผมเข้าใจปัญหาข้อนี้ดี เพราะการตั้งครรภ์ในผู้ชายไม่เหมือนผู้หญิง ต้องดูแลใกล้ชิดกว่าปกติมาก เพราะเหตุนี้ต่อให้ผมเจ็บช้ำน้ำใจจนอยากหนีหายไปตั้งกี่ครั้งกี่หน ผมก็ทำไม่ได้ เพราะผมไม่อยากให้ความคิดชั่ววูบของตัวเองต้องมาพลอยทำให้เด็กในท้องลำบากตามไปด้วย แต่ตอนนี้ผมหาทางออกได้แล้ว...

   “ผมจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ซูกัสฟัง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาไม่มีวันทิ้งผม ซูกัสกับหมอคงจะหาทางออกให้เราได้ ถ้าผมไปโดยไม่ทำให้คุณห่วง คุณยอมให้ผมไปได้ไหม?” ผมทอดเสียงอ่อนเป็นเชิงขอร้อง เขานิ่งอึ้งไปแววตามีความสับสนกังวล แต่ลงท้ายก็ตอบมาแค่ว่า

   “อย่าเพิ่งบอกซูกัสนะ ขอฉันคิดดูก่อน...”

   ทำไมต้องลังเลด้วยนะ ถ้าไม่รัก..แล้วจะรั้งไว้ทำไม...




   หลังจากผมกลับมากรุงเทพได้หนึ่งวัน พี่ยุทธก็ชวนผมไปกินข้าว ผมแปลกใจที่เขาโทรมาเหมาะเจาะ เขาหัวเราะแล้วตอบว่า

   “ก็แม็กไปเที่ยวกับท่านประธานใช่ไหมล่ะ พอเห็นท่านประธานมาทำงาน พี่ก็เลยรู้ว่าแม็กกลับมาแล้ว” นั่นสินะ ผมก็ลืมนึกถึงข้อนี้ไป

   ผมรับปากไปกินอาหารกลางวันตามที่เขาชวน ที่จริงแล้วผมยังไม่มีอารมณ์จะคุยอะไรนัก แค่มีบางอย่างจะบอกเขาเท่านั้นก็เลยตกลง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทัน พี่ยุทธออกรถเก๋งป้ายแดงมาซะแล้ว

   “แม็กอยากขายหุ้นไหม มีคนอยากซื้อ” เป็นคำถามที่สะดุดหูจนผมย่นคิ้ว

   “ใครเหรอครับ” ผมถามด้วยสีหน้าที่ปั้นปึ่งเล็กน้อย

   “คุณเขตแดนน่ะ” เขาตอบอ้อมแอ้ม

   “นี่พี่จะเป็นนายหน้าเหรอครับ” ผมถามอย่างไม่พอใจ...

   “เปล่า แค่รับปากว่าจะถามให้เฉยๆ แต่ถ้าแม็กไม่อยากขาย ก็แล้วแต่แม็กเถอะ” ดีแล้วที่เขาไม่เซ้าซี้ ผมเลยไม่บ่นมาก ปล่อยให้แล้วๆ ไป

   “คงขายไม่ได้หรอกครับ เพราะผมกะจะโอนหุ้นคืนคุณอิฐแล้ว”

   “อ้าว ทำไมล่ะ?” เขาถามอย่างแปลกใจ...

   “เพราะผมจะตัดใจจากคุณอิฐ มันก็เลยไม่จำเป็นกับผมอีก” ผมตอบเขาตามความเป็นจริง ถ้าไม่ใช่เพราะผมอยากจะต่อรอง ถ้าไม่ใช่เพราะกำลังโกรธอยู่ผมคงโอนคืนให้เขาไปนานแล้ว

   “โธ่แม็ก... ได้มาแล้วจะโอนคืนทำไมเล่า เสียดายออก”

   “ก็มันไม่ใช่ของผม ผมเลยไม่อยากได้” แล้วผมก็อยากให้คุณอิฐมองผมในแง่ดีบ้าง

   “แล้วพี่ล่ะแม็ก” ในคำถามมีสำเนียงอ้อนวอนอยู่ ผมเข้าใจได้โดยที่เขาไม่ได้อธิบายว่าเพราะผมทำให้เขามาอยู่ในตำแหน่งนี้ ถ้าผมโอนหุ้นคืนคุณอิฐไป เขาอาจจะถูกถอดจากตำแหน่งกรรมการฝ่ายบริหารก็ได้

   “ผมขอโทษนะครับถ้าทำให้พี่ลำบาก แต่ผมคิดว่าพี่ยุทธก็เหมาะกับตำแหน่งนี้ดีแล้ว ผมจะช่วยยื้อไว้สักเดือนแล้วกัน ต่อไปถ้าพี่พยายามทำให้คุณอิฐเห็นความสามารถ แล้วก็เข้าข้างเขาตอนประชุม เขาอาจจะไม่ปลดพี่ก็ได้”

   “อะไรจะมองโลกแง่ดีขนาดนั้น ผู้ชายน่ะศักดิ์ศรีเรื่องใหญ่นะ ต่อให้พี่ทำดีไป เขาคงหาทางกำจัดพี่อยู่ดีแหละ ในเมื่อเค้าคิดว่าพี่กับแม็ก...” สรุปว่าผมผิดใช่ไหมที่เคยทำให้เขาหึงพี่ยุทธน่ะ

   “เรื่องนั้นผมจะอธิบายให้เขาฟังเองครับ”

   “จะอธิบายอะไร ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เหรอ?” เขายิ้มอย่างขี้เล่น เลื่อนมือมาจับมือผมไว้

   จริงเหรอ? มีอะไรที่จริงกัน? ผมนึกสงสัยนัก ในเมื่อพี่ยุทธไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่ารุ่นพี่ที่เคยทำงานที่เดียวกันเท่านั้นเอง

   ผมมองมือเขาที่วางอยู่บนมือผมอย่างเฉยชา ไม่รู้สึกอบอุ่น ไม่ตื่นเต้นอะไรเลย ตอนที่คุณอิฐอยู่ใกล้ๆ ผม เขาคงรู้สึกแบบนี้สินะ เบื่อ...รำคาญ

   บ้าจริง! แค่คิดขึ้นมาก็อยากร้องไห้อีก ทำไมถึงอ่อนแอมากขนาดนี้นะ!

   ถ้าหากผมยอมสานสัมพันธ์กับพี่ยุทธ  ถ้าหากผมเปิดใจให้เขา ผมจะหายเจ็บหรือเปล่านะ ไม่แน่ใจเลย...

   “ถ้าพี่บอกว่ามันจริง... งั้นผมคงไม่ต้องอธิบายอะไร  รีบโอนคืนเขาไปเร็วๆ เลยดีกว่าเนอะ” ผมเอ่ยตอบกลับไปเหมือนไม่รู้ทัน

   “เอ่อ... อย่าเพิ่งสิแม็ก เดือนเดียวก็เดือนเดียว ให้เวลาพี่หน่อยนะ แล้วก็ให้เวลาตัวเองทบทวนดูด้วยว่าจะยอมเสียมันไปจริงๆ เหรอ? เงินไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ”

   “ทำไมครับ ถ้าผมไม่มีหุ้นพวกนั้น แล้วพี่จะเลิกสนใจผมงั้นเหรอ?” ผมถามลองเชิง

   “เปล่า... พี่แค่เป็นห่วงน่ะ ไม่อยากให้ต้องมาเสียดายทีหลังเท่านั้นแหละ” เขายิ้มกลบเกลื่อน แต่มันไม่เนียนเอาเสียเลย...

   ผมอดนึกถึงคำเตือนของคุณอิฐขึ้นมาไม่ได้ว่า อย่างน้อยถ้าผมจะมีใครสักคนก็ควรเลือกคนที่ไม่รักกันที่สิ่งของเงินทอง เพราะเมื่อเงินหมด เขาก็หมดรัก

   คนดีๆ ที่รักผมจริงอาจจะมีอยู่ แต่คงไม่ใช่พี่ยุทธ ผู้ชายที่เคยผลักไสผมไปอย่างไม่ใยดี คำพูดหวานหูที่ดูเหมือนหวังดีแต่ไม่จริงใจเลยสักนิด ทุกอย่างล้วนทำเพื่อตัวเอง มันไม่เหมือนคำพูดตรงไปตรงมาของคุณอิฐเลย คำพูดแรงๆ ที่ทำให้สำนึกผิด คิดได้ ถึงมันจะทำให้ผมเจ็บตั้งไม่รู้เท่าไร แต่ลงท้ายผมกลับไม่รู้สึกเกลียดเขาเลย

   ยังรักอยู่... แต่คงไม่อยากแย่งแล้ว สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คงมีแค่รอ...

   รอให้เด็กเกิดมา รอให้ผมได้จากไป แล้วผมอาจจะได้พบใครสักคนที่เป็นของผมคนเดียวไม่ต้องดิ้นรน ไขว่คว้าอย่างทรมานแบบนี้  หรือไม่ก็รอจนกว่าคุณบีทจะเดินจากคุณอิฐไปเอง

    หึ!! ซึ่งคงเป็นแค่ฝันลมๆ แล้งๆ เท่านั้นแหละมั้ง!


++++++++++

หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-24-] [09/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 09-05-2016 19:04:35
เห้ออออออ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-24-] [09/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-05-2016 19:42:12
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-24-] [09/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-05-2016 19:52:53
เมื่อไหร่อิฐจะตาสว่างสีกทีว่าการมีลูกมันไม่ได้ช่วยทำให้รักกับบีทมันดีขึ้นเลย
แมกพลาดแล้วที่รักผิดคน. ตามนั้นเลยอะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-24-] [09/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 09-05-2016 20:31:07

คิดได้ดีนะแม็กม่า...คนเราทำผิดได้

เมื่อรู้ว่าผิด..แล้วแก้ไข..นั่นแหล่ะคือยอดคน!!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-24-] [09/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 09-05-2016 20:32:49
ความรักไม่ได้มาด้วยการแย่งชิง...ถูกแล้วแมกม่า

คิดให้ได้ เข้มแข็งเข้าไว้ แล้วใช้สติเนอะ

 :m15:   :m15:  :m15:  :m15:

...
 
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-24-] [09/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-05-2016 21:17:25
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-24-] [09/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-05-2016 21:26:27
หน่วงได้อีก แม็กก็ทำใจ รอคลอดแล้วใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป ถ้าอิฐไม่รักก็ปล่อยใจ :m15: :กอด1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-24-] [09/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: SaKiNonZa ที่ 09-05-2016 21:37:32
มีความรู้สึกว่ายุทธจะทำอะไรสักอย่าง แมกโอนหุ้นคืนอิฐไปเลยยยย~ ไม่ต้องยื้อไว้ ก่อนที่จะสายไป
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-24-] [09/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 09-05-2016 22:59:31
ยังดีที่แมกคิดได้ เพราะอย่างน้อยจะได้ไม่ทุกข์กับการแย่งชิงความรักของคุณอิฐ แต่คุณอิฐจะรั้งแมกไว้ทำไม ถ้าเป็นห่วงก็หาคนดูแลก็ได้ แค่แมกไ ต้องพบเจอคุณอิฐ ก็น่าจะดีขึ้นได้
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-24-] [09/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 10-05-2016 00:37:41
สงสารแม็ก
อิพี่ยุทธมันต้องทำอะไรต่อแน่ๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-24-] [09/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 10-05-2016 00:52:29
สงสารแม็ก :mew2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-24-] [09/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-05-2016 02:28:43
ยุทธทำตัวแปลกๆนะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-24-] [09/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 10-05-2016 06:04:07
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-24-] [09/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: สุนิสา ที่ 10-05-2016 09:13:51
รอมากรอสุหด
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-24-] [09/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 10-05-2016 09:23:21
ให้อิฐกับบีทเถอะ มันผิดทั้ง3คนเลย ตอนนี้แมกกำลังหาทางออกให้ปัญหา แต่โดยส่วนเราไม่ชอบนิสัยขิองแมกม่าอิ มันดูเฉยๆ แมกรักอิฐ อิฐและบีทรักกัน เกืิดลูกแล้วก็จบปัญหาตามสัญญาเถอะ ไม่หน่วงแต่มันไม่ไปต่ออะ ค้างมากมาย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-24-] [09/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 10-05-2016 13:52:32
คิดได้ก็ดีนะแม็ก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-25-] [10/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 10-05-2016 18:59:07
-25-

   -แม็กม่า-


   การที่ผมขอให้หมอเปลี่ยนวันนัดให้ไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย คุณอิฐก็ยังรู้กำหนดการใหม่อยู่ดี และเขาก็แวะไปรับผมที่บ้านซูกัสพามาส่งที่คลินิก นั่งรอจนทุกอย่างผ่านไป  พาผมไปทานข้าว แล้วค่อยพาผมไปส่ง จนบางทีผมก็คิดนะว่า ถ้าไม่นับรวมเรื่องที่เราไม่มีสัมผัสทางกายอะไรกันนอกจากจับมือถือแขนเล็กน้อย ก็ไม่ค่อยแตกต่างจากคนรักทั่วๆ ไปเท่าไรเลย และถึงผมจะยายามทำเป็นว่าไม่คิดไม่หวังอะไรแล้ว แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าเขาก็มีอะไรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่รู้สิ ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้...

   “ถ้าผมคืนหุ้นให้คุณแล้ว พี่ยุทธจะเป็นยังไงครับ” ผมถามเขาอ้อมแอ้มในรถระหว่างที่เขามาส่ง

   “ทำไม... เป็นห่วงเขามากเหรอ” ผมมุ่ยหน้าเล็กน้อยอย่างลืมตัว เมื่อรู้สึกถึงกระแสเสียงที่ตั้งใจแซวกลับมา ผมเคยนึกอยากให้เขาหึงแทบเป็นแทบตาย แต่ทำไปมันก็เท่านั้นแหละ คนที่เขาไม่คิดอะไร ยิ่งพยายามจะทำไปก็เหนื่อยเปล่า

   “ก็ผมเป็นคนทำให้เขาลำบาก” ผมอธิบายตามจริง รู้สึกผิดเหมือนกันที่ดึงพี่ยุทธเข้ามาเอี่ยวกับเรื่องพวกนี้ซะได้

   “ไม่ได้จะไล่ออกซะหน่อย แค่ให้กลับไปอยู่ตำแหน่งเดิม จะลำบากอะไรนักหนา” น้ำเสียงนิ่งเรียบฟังดูแปลกแปร่งนิดๆ

   “พอดีพี่เขาเพิ่งออกรถใหม่ คงกะว่าหน้าที่การงานมั่นคง ถึงผมจะไม่รู้ฐานเงินเดือนผู้บริหาร แต่ก็คงสูงกว่าระดับผู้จัดการมากอยู่หรอก”

   “สรุปว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน?” ผมย่นคิ้วแล้วหันไปมองอย่างประหลาดใจกับคำถาม แต่เขาไม่ได้หันมา เขากำลังใช้สมาธิกในการขับรถ จนผมก็พลอยคิดไปว่าเขาก็คงจะถามไปอย่างงั้นเองไม่ได้คิดอะไร

   “ยังครับ แต่ก็เกือบ ถ้าไม่ได้พบคุณก่อน ผมก็คงคบกับเขา” ผมตอบตามตรงโดยไม่ปิดบัง

   “อ๋อ...” เขาลากเสียงยาวเป็นเชิงรับรู้

   ผมจำได้ว่าเคยบอกเขาแล้วเรื่องนี้ ก่อนหน้าที่เราจะเจอกันผมมีคนที่ดูๆ ไว้บ้าง แต่เขาก็ถอนตัวไปเพราะกลัวหัวหดว่าความสัมพันธ์กับผมจะไปกระทบกับหน้าที่การงานของเขา คุณอิฐแค่ไม่รู้ว่าหมายถึงพี่ยุทธเท่านั้นเอง

   “แล้วต่อไปล่ะ” บางทีผมก็รู้สึกเจ็บปวดกับคำถาม เพราะสภาพร่างกายหรือจิตใจไม่อำนวยให้คิดถึงความรักครั้งใหม่ได้ในตอนนี้...

   “ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ผมก็อดคิดไม่ได้นะว่าถ้าเขาชอบผมจริงๆ เขาคงไม่ยอมปล่อยผมไปง่ายๆ แต่แรก ถ้าเขารั้งผมไว้ตั้งแต่แรก ผมคงไม่เป็นอย่างทุกวันนี้” ผมไม่ได้โทษว่าเรอื่งวุ่นวายต่างๆเกิดขึ้นเพราะเขา แต่แค่นึกสงสัยว่า ผมควรจะกลับไปหาเขาอีกเหรอ?

   “เธอยังเด็กอยู่ อีกไม่นานก็คงเจอใครที่ดีกว่า...” คนที่นั่งข้างกันเอ่ยปลอบ ผมค่อยเหลือบสายตาขึ้นมองใบหน้าด้านข้าง
ของเขา

   “ดีกว่าเขา หรือดีกว่าคุณล่ะ?”

   “อืม... อาจจะทั้งสองเลยก็ได้...”

   “เป็นงั้นได้ก็คงดีนะครับ” ผมรับคำไปอย่างนั้น ทั้งที่สายตาที่ผมมองเขาไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย

   ผมอาจจะเจอคนที่ดีกว่า แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะได้เจอคนที่รักมากกว่า...


   ผมลืมไปเลยว่านอกจากลูกแล้ว ยังมีสิ่งที่ทำให้ผมกับคุณอิฐได้มีโอกาสพบเจอกันอีกนั่นก็คือแม่ของเขา ซึ่งแม้ว่าผมจะตัดใจจากคุณอิฐแล้วผมก็ยังปฏิบัติกับท่านเหมือนเดิม และดูเหมือนว่าท่านจะยังไม่ตัดใจเลย ทั้งๆ ที่เรื่องที่ท่านหวังนั้นจะเป็นไปไม่ได้เลยก็ตาม 

   วันอาทิตย์ ผมไปบ้านคุณอิฐ ป้าฟองบอกว่าแม่คุณอิฐท้องเสียตั้งแต่เช้ามืดแต่ไม่ยอมไปหาหมอ ท่านคิดว่าแค่ท้องเสียนิดหน่อยเดี๋ยวก็คงหายพยายามดื่มเกลือแร่เท่านั้น ตอนผมไปถึงก็เห็นท่านหน้าซีดมีอาการอ่อนเพลียมากแล้ว ผมจึงไม่ถามความเห็นรีบสั่งให้ออกรถพาท่านไปส่งโรงพยาบาล

   ระหว่างที่หมอรักษาดูอาการ ผมถามป้าฟองว่ามีใครโทรไปบอกคุณอิฐบ้างหรือยัง ป้าว่าโทรติดแต่ไม่มีคนรับสาย ผมเลยถือวิสาสะโทรไปเอง คราวนี้นอกจากไม่มีใครรับสาย มือถือดันปิดเครื่องไปเลย

   ผมโมโหคุณอิฐมากที่ติดต่อไม่ได้เอาตอนนี้ แต่โชคดีมากที่แม่คุณอิฐไม่ได้ประสบอุบัติเหตุหรือเป็นอะไรร้ายแรงจนถึงขั้นผ่าตัด แค่อาหารเป็นพิษเท่านั้น หมอให้แอดมิดเพื่อให้น้ำเกลือ

   บ่ายแก่ๆ ผมขอเบอร์คุณบีทจากเลขาของคุณอิฐมาได้ รู้สึกเกรงใจเหมือนกันที่โทรไปกวนในวันหยุดแบบนี้

   ผมต่อสายหาเขาอย่างร้อนใจ จนอีกฝ่ายกรอกเสียงกลับมา

   “ฮัลโหล” 

   “คุณอิฐอยู่กับคุณหรือเปล่าครับ ขอผมคุยด้วยหน่อย” ผมมถามอย่างร้อนรนแต่ก็พยายามสุภาพที่สุด

   “อื้อหือ... โทรหาผู้ชายผ่านทางแฟนเค้า ไม่ด้านจริงทำไม่ได้นะเนี่ย” ผมรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงคุณบีทค่อนข้างโกรธ และต้องการเสียดสีเพื่อระบาย

   “นี่ผมไม่ได้โทรมาต่อปากต่อคำหรอกนะ ผมมีธุระ คือว่า...”

   “ธุระ! คิดจะเอาเรื่องลูกนอกคอกของแกมาอ้าง แล้วพาผัวคนอื่นไปกกอีกหรือไง!! ฝันไปเถอะว่าฉันจะเชื่อ” ผมชะงักกับคำกล่าวหา งงว่าวันนั้นผมไม่ได้ส่งรูปไป แล้วคุณอิฐก็ลบมันออกจากเครื่องแล้วด้วย แล้วคุณบีทรู้เรื่องนี้ได้ยังไง

   “คุณพูดเรื่องอะไร ผมไม่รู้เรื่อง” ถ้าไม่มีหักฐานยืนยันผมคงต้องปฏิเสธไปก่อน

   “ตอแหล! ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายนะ ออกไปจากชีวิตเราเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างงั้น...”

   “ถ้าคุณไม่อยากให้ผมคุยกับเขาก็ได้นะ แต่ฝากบอกด้วยแล้วกันว่าแม่เขาแอดมิดอยู่โรงพยาบาล ถ้ามีสามัญสำนึกมากพอก็ช่วยปล่อยให้ลูกมาเยี่ยมแม่ด้วย!” ผมพยายามรีบพูดธุระเร็วๆ ไม่ให้อีกฝ่ายทันได้ขัด ก่อนจะตัดสายทิ้งไปเสีย บีบมือตัวเองแน่น... โกรธจนควันจะออกหูอยู่แล้ว

   ผมเดินเข้าไปในห้องพิเศษของโรงพยาบาล พยายามปรับอารมณ์ตัวเองไม่ให้บึ้งตึง อดรู้สึกแย่ไม่ได้ที่ใส่อารมณ์ไปแบบนั้น ถ้าคุณบีทไม่ยอมบอกคุณอิฐให้มาเยี่ยมคุณแม่ล่ะก็คงเป็นเพราะผมเอง...

   “นี่หมอเขาจะให้นอนโรงพยาบาลคืนเดียวใช่หรือเปล่า พรุ่งนี้จะได้กลับแล้วใช่ไหม” ท่านถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงเมื่อผมเดินไปยืนข้างเตียง

   “ตอนนี้ความดันต่ำครับ หมอให้ยาเพิ่มความดันอยู่ ถ้าพรุ่งนี้ความดันปกติคงได้กลับ” ท่านถอนใจ

   “คุณแม่หายปวดท้องหรือยังครับ” ผมเอ่ยถาม

   “หายแล้ว แต่ยังเพลียๆ อยู่นิดหน่อย”

   “งั้นจิบเกลือแร่เพิ่มอีกสักหน่อยนะครับ จะได้มีแรง” ผมบอกแล้วหยิบแก้วที่โต๊ะข้างเตียงเพื่อชง

   “ขอบใจนะแม็ก เห็นลูกเป็นแบบนี้แล้วก็อดโมโหตาอิฐไม่ได้ แม่เข้าโรงพยาบาลแทนที่จะรีบมาดู ไม่รู้หายหัวไปไหน”

   “คุณอิฐยังไม่รู้น่ะครับ ถ้ารู้คงรีบมา อย่าโกรธเลยนะครับ”

   “จะไม่โกรธได้ยังไง เธอออกจะดีขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงปล่อยหลุดมือไปตั้งหลายครั้งหลายหน” คุณแม่ทำเสียงเสียดาย ผมไม่รู้จะตอบอะไรได้แต่ก้มหน้าลงเศร้าๆ

   การที่ท่านรักผมก็ไม่ได้แปลว่าคุณอิฐจะต้องรักด้วย เขาจึงไม่พยายามจับมือผมไว้...

   “ความดีน่ะมันอยู่กับตัวเรานะแม็ก อย่าท้อที่จะทำมัน... วันนี้เขาไม่เห็น สักวันเขาก็ต้องเห็น แต่ถึงตอนนี้ไม่มีใครเห็น แต่แม่เห็นนะลูก” ท่านบอกพร้อมยื่นมือมาแตะเบาๆ ที่แขนเหมือนปลอบโยน มันทำให้ผมซาบซึ้งใจมากจนน้ำตาเอ่อ ท่านเชื่อใจ ไว้ใจผมมากจริงๆ

   แต่แม่ครับ ความรักมันไม่ใช่สิ่งที่จะบังคับกันได้ ไม่ว่าจะสูงต่ำ ดำขาว รวยจน หรือแม้แต่ความดี บางครั้งก็ไม่ถูกนับ ความรักถูกกำหนดด้วยหัวใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น...

    
   ตกเย็น ในที่สุดคุณอิฐก็มา มาพร้อมกับคนรักของเขา ผมมองดูมือที่กุมกันไว้แล้วหัวใจก็ได้แต่เจ็บ...

      “มาแล้วเหรอยะพ่อคุณ ไม่รอให้ฉันลงโลงไปก่อนเลยล่ะค่อยมา!!” คุณแม่เอ่ยคำทักทายคุณอิฐด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหน

   “แม่ครับ...” คนเป็นลูกส่งเสียงอ้อนเดินเข้ามายืนข้างๆ นวดขาเป็นการเอาใจ ท่านมีท่าทีกระฟัดกระเฟียดอยู่เล็กน้อย ชักขาขยับหนีมือใหญ่ที่จับขาท่านไว้

   “สวัสดีครับ” คุณบีทยกมือไหว้บ้าง

   “กองไว้ตรงนั้นแหละย่ะ” ท่านตอบแบบไม่แยแส ส่วนคุณบีทคงกำลังกลั้นโทสะอยู่...

   “คุณแม่ครับ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ผมเอ่ยลา เพราะมันคงอึดอัดน่าดูถ้าจะอยู่ตรงนี้ต่อไปเรื่อยๆ

   “อย่าเพิ่งไปสิแม็ก..” ท่านเอื้อมมือมาจับมือรั้งผมไว้ ผมหันไปส่งสายตาวอนขอ แววตาของคนที่กำลังกลั้นน้ำตา ท่านจึงชะงักไปแล้วยอมปล่อยมือผมออก

   “ลาล่ะครับ” ผมยกมือไหว้ท่านแล้วรีบก้มหน้าเดินสวนคนทั้งสองออกไป ผมไม่อยากให้พวกเขาได้เห็นความอ่อนแอของผม

   “ตาอิฐไปส่งน้องสิลูก” ผมชะงักเท้า หัวใจสั่นไหวเมื่อได้ยินคำนั้น กลั้นใจหันกลับมา

   “ไม่ต้องหรอกครับ ผมกลับเองดีกว่า”

   “อย่าปฏิเสธเลยแม็ก ถ้ามันทำหน้าที่ลูกที่ดีไม่ได้ ก็ให้มันได้ทำหน้าที่พ่อกับผัวที่ดีบ้างเถอะ!” คำพูดนั้นทำให้หน้าเจื่อนกันไปหมดทั้งห้อง

   “งั้น... บีท คุณอยู่กับคุณแม่ก่อนนะ เดี๋ยวผมมา” คุณอิฐหันไปบอกคุณบีท

   “ไม่ต้อง! ฉันไม่มีอะไรจะคุยด้วย หน้าก็ขี้เกียจจะมอง” คุณแม่พูดพลางสะบัดหน้าไปทางอื่น

   “ถ้างั้นผมกลับเลยดีกว่า อิฐอยู่นี่กับคุณแม่ก็ได้ เดี๋ยวผมจะไปส่งแม็กให้” คุณบีทอาสา

   “ไม่ต้อง ฉันไม่ได้ใช้เธอ” คุณแม่ตวาดห้าม

   “เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ถ้าไปกันหมดเดี๋ยวไม่มีคนเฝ้าคุณแม่ เดี๋ยวผมกลับกับคุณบีทก็ได้”

   “แม็ก...” คุณแม่หันมามองพลางส่ายหัวส่งซิกให้ ผมพอเดาได้ว่าท่านคงแค่หาโอกาสให้ผมกับคุณอิฐอยู่ด้วยกัน หรือหาเรื่องคุณบีทไปอย่างนั้นเอง แต่มันคงทำให้คุณอิฐพลอยอึดอัดไปซะเปล่าผมจึงตัดปัญหาแบบนี้

   “ไปนะครับคุณแม่ เดี๋ยวผมจะมาเยี่ยมอีก” ผมบอกลาแล้วหันไปสบตาคุณอิฐชั่วอึดใจ เห็นเขายิ้มบางๆ ให้เหมือนขอบคุณผมจึงยิ้มตอบแล้วรีบเดินออกจากห้องเดินลิ่วไปโดยไม่รอคุณบีท แต่ลงท้ายก็ต้องหยุดหน้าลิฟท์จนเขาตามมาทัน

   เราเข้าไปในลิฟท์ด้วยกัน ผมกดที่ชั้นหนึ่ง ทั้งลิฟท์มีแค่เราสองคน

   “เด็กเป็นยังไงบ้าง” คำถามเรียบๆ ลอยมาทำให้ผมค่อนข้างแปลกใจที่อีกฝ่ายเป็นห่วงลูกคุณอิฐด้วย!

   “ปกติดีครับ”

   “เหรอ? เห็นตั้งสี่เดือนกว่าแล้วท้องเล็กนิดเดียวเลยสงสัยว่ายังหายใจดีอยู่หรือเปล่า” ผมกำมือแน่นอย่าโมโห หันคอไปเขม้นตาใส่ แต่พยายามสกัดกั้นอารมณ์โกรธไม่ให้ทะลุจุดเดือด

   “ท้องแรกก็อย่างงี้แหละครับ ในผู้หญิงก็ท้องเล็ก หมอก็บอกว่าแข็งแรงดี สงสัยคงเพราะคุณอิฐคอยดูแลอย่างดีมั้ง”

   “เขาก็ทำไปตามหน้าที่เท่านั้นแหละ” เขาตอบกลับพร้อมยิ้มในหน้า

   “ครับ ทั้งพ่อและผัวที่ดี...”

   “แก!” เขาแผดเสียง ส่งสายตาดุดัน

   “ผมหมายถึงผัวที่ดีของคุณน่ะครับ ทำไมต้องโกรธด้วยล่ะ” ผมยิ้มทำหน้าเฉไฉ หันไปมองลิฟท์อยู่ที่ชั้นสองแล้ว

   “แยกกันตรงนี้นะครับ ผมรู้ว่าคุณคงไม่ได้ตั้งใจไปส่งผมจริงๆ หรอก” ผมเอ่ยเตรียมตัวจะเดินออกไปก่อน แต่ต้องขมวดคิ้วเพราะเขายื่นมือมาจับแขนผมพร้อมกับจิกเล็บลงที่เนื้ออย่างแรงจนผมเบ้หน้า

   “อื้อ... ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ เพราะถ้าแม่ทำอะไรไม่ดี เดี๋ยวมันจะพลอยกระเทือนไปถึงลูกด้วย” เขากระซิบขู่จนผมรู้สึกใจคอไม่ดีเลย กระทั่งลิฟท์เปิดออกเขาจึงปล่อยมือก้าวออกไปโดยไม่รอ ผมเม้มปากก้มดูแขนตัวเองที่ยังหลงเหลือรอยแดงจากการบีบและรอยกดที่อีกฝ่ายตั้งใจฝังเล็บลงไปอย่างเจ็บใจ


   ผมชักสงสัยแล้วว่าถึงผมจะยอมตัดใจจากคุณอิฐไปแล้วก็ตาม แต่สงครามระหว่างผมกับคุณบีทมันจะจบลงตรงนี้ได้จริงหรือ...



หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-25-] [10/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-05-2016 19:04:18
บีทจิตมาก. น่ากลัว
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-25-] [10/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: เรารักน้องเจี้ยบ ที่ 10-05-2016 19:07:18
รำบีทเเรงมากกก :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-25-] [10/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 10-05-2016 19:30:01
ก็เข้าใจบีทนะว่า ยังไงคงไม่ชอบแมกที่อาจมาแย่งความรักของตัวเอง แต่บีทก็รักแต่ตัวเอง มีแต่อิฐที่คอยเอาใจ อีกอย่างถ้าบีทเป็นคนดีมากๆ คุณแม่คงยอมรับได้เหมือนที่ยอมรับแมก
มาถึงตอนนี้กริยาที่บีทแสดงออกกับแมกทำให้รู้เลยว่า บีทจิตใจแย่มากจริงๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-25-] [10/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-05-2016 20:27:58
เบื่อบีทอ่ะ รำมาก เห็นแก่ตัวสุดๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-25-] [10/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 10-05-2016 20:31:04
บีทเริ่มน่ากลัว เป็นกำลังใจให้แมกละกัน  :z3:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-25-] [10/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-05-2016 22:11:24
ปล่อยหมาบ้าไป
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-25-] [10/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-05-2016 23:24:11
เฮ้ออออออ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-25-] [10/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 11-05-2016 13:14:37
 :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-25-] [10/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-05-2016 13:49:49
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-25-] [10/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: zaturday ที่ 11-05-2016 16:35:52
เราไม่รู้จะเข้าข้างใคร แต่เท่าที่อ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบ เราเข้าข้างอิฐ

อิฐ เป็นผู้ชายที่ดี รักแฟน รักแม่ ในเมื่อแม่กับแฟนไม่ถูกกันอิฐก็พยายามทำทุกทางเพื่อให้ไม่ทะเลาะกับแม่ และเลิกกับแฟน แม่แค่อยากได้หลาน(ในความคิดของอิฐ) อิฐเลยต้องทำลูก แต่ในเมื่อแฟนไม่ยอมก็ต้องหาคนอื่น ในระหว่างที่รักบีท อิฐก็ดูแลแม็กอย่างดี ในฐานะนายจ้างและพ่อของลูก

แม็ก เป็นตัวละครที่มีปมเยอะ ชีวิตผ่านมรสมมากมาย แม่ตาย พ่อมีเมียใหม่ ครอบครัวใหม่ อยู่มหาลัยก็ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนกับกัส จนทำให้ไม่มีแฟน กัสเกิดมามีทุกอย่าง แต่เป็นเพื่อนสนิทกับแม็กที่ขาดทุกอย่าง แม็กจะรู้สึกเปรียบเทียบมเกิดความอิจฉาอยากมีอยากได้ก็ไม่แปลก ยิ่งคนไม่เคยมีแฟน มาถูกดูแลเหมือนแฟนจากอิฐ จะไม่หวั่นไหวก็แปลกละ ด้วยความไม่มีและอยากมี ทำให้ช่วงหนึ่งของความคิดที่แม็กอยากทำให้บีทเลิกกับอิฐ สงสารและเข้าใจแม็ก แต่ไม่ได้สนับสนุนให้อิฐเลิกกับบีทเพราะแม็ก ถ้ามองในมุมของสังคม แม็กคือเมียน้อย จะดีจะเลว รักผัวเขา และอยากได้ผัวเขาก็เมียน้อย

บีท ไม่ได้อยากให้บีทเป็นนายเอก แต่บีทคือคนที่มาก่อนรักกับอิฐมาสามปี บีทไม่ได้ผิดอะไรที่จะทำตัวร้าย เพราะบีทมาก่อน เห็นคืนอื่นจะมาแย่งผัวตัวเอง ใครจะไปทำได้ เราเข้าใจบีทเรื่องที่ไม่อยากมีลูก และไม่ได้อยากให้ใครมาเป็นลูกของอิฐ

แม่ นี่ก็น่าสงสารอีกคน นางเป็นหญิงแก่ที่สามีตาย ลูกชายบ้างาน แถมมีแฟนเป็นผู้ชาย ลูกสะใภ้ดันทำตัวไม่ผ่านมาตรฐานแก คือเข้ากับแม่ผัวไม่ได้ พอมาสนิทกับแม็กก็รักเอ็นดูแม็ก ถ้ามีฉากที่เฉลยให้แม่รู้ ว่าแม็กเป็นแค่เมียรับจ้างอุ้มท้อง แม่คงจะเสียใจมาก

สุดท้าย เราเข้ามาเห็นเรื่องนี้ แต่เห็นว่าเป็นภาคต่อของอีกเรื่องนึง เราเลยตามไปอ่าน ก็สนุกใสๆดี แต่ไม่ถูกจริตเราเท่าไหร่ เลยข้ามมาอ่านเรื่องนี้เลย และเรื่องนี้คือใช่ ดราม่า มีปมอย่างนี้แหล่ะ เอาใจเราไปเลย เสียน้ำตาให้เรื่องนี้อยู่เนืองๆ อ่านไปปวดใจไป เราเดาตอนจบของเรื่องนี้ไม่ออกเลย ว่าคนเขียนจะแก้ปมยังไง จบดราม่า หรือแฮปปี้เอน
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 11-05-2016 19:33:28
-26-

   -แม็กม่า-

   
   ล่วงเข้าวันที่สอง หมอก็ยังไม่อนุญาตให้แม่คุณอิฐกลับบ้านเพราะความดันยังไม่ปกติ ทำให้ท่านต้องอยู่โรงพยาบาลอีกหนึ่งคืน ผมอาสานอนเฝ้าท่านแทนป้าฟองที่เป็นไข้หวัดกะทันหัน ดังนั้นวันที่สามจึงได้เจอคุณอิฐซึ่งรีบมาโรงพยาบาลแต่เช้า 

   “อ้าว มาแล้วเหรอตาอิฐ”

   “ครับ แม่เป็นไงบ้างครับ ดีขึ้นไหม?” เขาถามเมื่อเดินมายืนข้างเตียง ส่วนผมนั่งเอนหลังอยู่ที่โซฟาริมห้อง

   “ก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ ดีหรือไม่ดีล่ะ?” ผมลอบยิ้มคนเดียวเงียบๆ

   “ผมว่ายังไม่ดีนะ หน้ายังซีดอยู่เลย บอกหมอขอนอนต่ออีกแล้วกันนะครับ” คุณอิฐตอบกลับ เหมือนตั้งใจจะแกล้งแม่เขาคืน

   “โอ๊ย... ไม่อยู่แล้ว! ก็ดีเท่าที่อายุจะอำนวยนั่นแหละ แก่ปูนนี้แล้วจะให้แข็งแรงเหมือนอายุสิบหกคงไม่ได้หรอก” ผมอดหัวเราะไม่ได้เมื่อฟังคำตอบของท่าน ท่านจึงหันมาหา

   “อ้อ.. อิฐ พาน้องไปหาอะไรกินก่อนไป เจ็ดโมงกว่าแล้วน่าจะหิว” จู่ๆ ท่านก็บอกพลางพยักพเยิดมาทางผม

   ผมเงยหน้าจากที่เผลอยิ้มหันไปมองหน้าคุณอิฐที่หันมามองพอดีอย่างเขินๆ

   “เอ่อ... ไม่เป็นไรครับ ผมไปคนเดียวก็ได้ ให้คุณอิฐอยู่นี่เถอะ”

   “ไม่เป็นไร แม่อยู่คนเดียวได้ มีอะไรเดี๋ยวก็กดออดเรียกพยาบาลเองแหละ ไปกันเถอะ” ท่านบอกแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู

   “ไปด้วยกันเถอะแม็ก” คุณอิฐชักชวนแล้วเดินมาหาเอื้อมือมาดึงข้อมือผมทำให้ผมจำต้องลุกขึ้นอย่างเสียไม่ได้

   “งั้นผมจะรีบกลับมานะครับแม่” เขาหันไปบอกแม่เขาในระหว่างเอาแต่สนใจข้อมือตัวเองที่อีกฝ่ายสัมผัสอยู่

   “ไม่ต้องรีบก็ได้ กว่าหมอจะมาก็เก้าโมงนู่นแหละ” 


   ผมกับคุณอิฐเดินไปหาอะไรกินหน้าโรงพยาบาลกัน เขาถามอาการแม่เขาอยู่สักพักแล้วก็เงียบไป ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะไม่ค่อยชอบชวนใครคุยอยู่แล้ว ในที่สุดเขาเอ่ยลอยๆ

   “ขอบใจนะแม็ก ที่ช่วยดูแลคุณแม่น่ะ” ผมชะงักแล้วมองหน้าเขา ยิ้มบางๆ

   “ไม่ต้องขอบใจหรอกครับ แม่คุณก็เหมือนแม่ผมนั่นแหละครับ” คำพูดของผมทำให้คุณอิฐหันมามองด้วยสายตาชนิดหนึ่ง ผมคิดว่าเขาคงสงสัยว่าผมพูดเพื่อเอาใจเขาหรือเปล่า ผมจึงรีบขยายความต่อ “เอ่อ... ท่านทำให้ผมคิดถึงแม่ที่เสียไปแล้วน่ะ ถ้าตอนนี้ท่านยังมีชีวิตอยู่ ผมคงดูแลท่านแบบนี้เหมือนกัน”

   “แต่เธอก็ยังเหมือนพ่ออีกคนนี่” ผมแปลกใจเหมือนกันนะที่เขาจำได้...

   “ครับ แต่ผมน่าจะเคยบอกคุณแล้วว่าผมเข้ากับแม่เลี้ยงไม่ได้ ต่างฝ่ายก็ไม่มีใครยอม สุดท้ายแล้วก็เลยอยู่ด้วยกันไม่ได้ ทั้งๆ ที่ผมเหลือพ่ออยู่แค่คนเดียวแท้ๆ แต่ผมก็เลือกที่จะออกมา เพราะผมคิดว่าถ้าผมไม่อยู่ทะเลาะกับแม่เลี้ยงอาจจะทำให้พ่อสบายใจกว่าก็ได้” ผมอธิบาย ทั้งที่แค่อยากเล่าเฉยๆ แต่ทำไมกลายเป็นเล่าเรื่องเศร้าไปซะอีกแล้ว

   “พ่อเธออาจจะไม่ได้คิดอย่างงั้นก็ได้นะ”

   “ก็จริงครับ ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกหรอก แต่คับที่อยู่ได้ คับใจมันอยู่ยากนะครับ ตอนเป็นเด็กยังไงต้องทน แต่พอโตมาก็ไม่รู้จะทนไปทำไม” ผมพูดพลางเอาช้อนเขี่ยข้าวเหม่อๆ

   “นี่เธอไม่ได้กลับบ้านมานานแค่ไหนแล้ว...”

   “ก่อนจะฝังตัวอ่อนผมก็เพิ่งกลับไปครับ หลังจากนั้นมีโทรไปหาน้องชายบ้าง ก็เห็นว่าไม่มีผมก็สุขสบายกันดี”

   “เธอน้อยใจพ่อเหรอ?” ผมอึดอัดกับคำถามตรงไปตรงมานั่นเล็กน้อย

   “นิดหน่อยครับ แต่ไม่ใช่ไม่รักไม่ห่วงหรอกนะ ทุกวันนี้ก็โอนเงินไปเรื่อยๆ ผมคงไม่ได้กลับไปจนกว่าจะคลอดมั้งครับ อย่างพ่อผมน่ะดีหน่อยตรงที่ทั้งแข็งแรงและมีคนดูแล ไม่เหมือนแม่คุณน่ะเหลือคุณอยู่แค่คนเดียว แล้วยัง...”

   “ยังอะไร... เธอกำลังหาว่าฉันไม่ดูแลแม่เหรอ” เขาถามเสียงดุ  ผมถอนใจพอเดาไดว่าเขาคงจะเถียงว่างานยุ่งหรือมีเหตุสุดวิสัยทำให้มาเยี่ยมท่านทันทีไม่ได้ รู้ล่วงหน้าแล้วก็ไม่อยากจะหาเรื่อง...

   “เปล่า ผมแค่คิดว่าแม่คุณคงจะเหงาเฉยๆ อีกอย่างต่อให้ทั้งบ้านจะมีคนรับใช้อยู่เยอะแยะแต่จะมีใครดูแลท่านได้ดีกว่าลูกแท้ๆ” ผมตอบเลี่ยงๆ

   “ไม่จริงหรอก แม่บ่นว่าเธอดูแลแม่ได้ดีกว่าฉันที่เป็นลูกซะอีก แม่เลยพยายามบอกให้ฉันพาเธอกลับบ้านไปให้ได้” เรื่องนั้นผมไม่แปลกใจหรอกนะ ท่านออกจะแสดงออกชัดเจนมากขนาดนั้นว่าชอบผมมากกว่า...

   “แต่คุณคงไม่อยากให้ผมกลับไปใช่ไหม?”

   “ทำไมจะไม่ล่ะ? ” เขาถามกลับพลางทำหน้าประหลาดใจ

   “ก็ยิ่งท่านรักผมมากเท่าไร ก็ยิ่งไม่ดีต่อคุณบีทนี่” ผมตอบตามความจริง

   “จะมีเธอหรือไม่ สองคนนั้นน่ะคงไม่มีทางเข้ากันได้อยู่แล้วล่ะ” ผมเห็นด้วยเพราะไม่มีใครยอมลง มันถึงเป็นอย่างงี้ คงเป็นไม้เบื่อไม้เมากันไปอีกนาน เว้นแต่คนกลางจะทำอะไรสักอย่างให้ดีขึ้น...

   “จะเข้ากันได้หรือเปล่าผมว่าอยู่ที่คุณต่างหาก คุณเคยฟังนิทานเรื่องนึงไหม ที่แม่ผัวกับลูกสะใภ้ทะเลาะกันบ่อยๆ น่ะ”

   “เรื่องไหนเหรอ?”

   “เรื่องที่ว่ามีแม่ผัวกับลูกสะใภ้คู่หนึ่งด่ากัน ทะเลาะกันทุกวัน คนเป็นลูกก็เลยนั่งลับขวานเงียบๆ คนเดียว”

   “ไม่อ่ะ” เขาส่ายหน้าแล้วถามต่อ “ เป็นไงต่อเหรอ?”

   “ลูกชายนั่งลับขวานนานเป็นวัน แม่ผัวกับลูกสะใภ้ก็เลยเลิกทะเลาะกันเพราะสงสัยว่าลับขวานทำไม พอแม่มาถามลูกก็ตอบว่าก็นังเมียน่ะสิ เอาแต่ด่าแม่อยู่นั่นแหละเดี๋ยวต่อไปถ้ามันด่าแม่อีกนะจะเอาขวานฆ่าเมียซะเลย พอเมียมาถามว่าลับขวานทำไม ผัวก็ตอบว่าก็แม่น่ะสิเอาแต่ด่าเมียอยู่ได้ ถ้าแม่ด่าเมียอีกนะจะเอาขวานฟันแม่ซะเลย หลังจากนั้นผู้หญิงสองคนก็พยายามทำดีต่อกัน พูดดีทำดีต่อกัน ผ่านไปไม่กี่วัน ลูกก็ไปบอกแม่ว่าวันนี้จะฆ่าเมียแล้วนะ พอแม่ฟังก็ตกใจปรามลูกว่าใจเย็นๆ ก่อนอย่าไปทำอะไรมันเลย เดี๋ยวนี้เมียลูกก็ดีกับแม่แล้วนะ จากนั้นเขาไปบอกเมียว่าวันนี้จะฆ่าแม่แล้วนะ เมียก็ตกใจห้ามปรามบอกว่าอย่าทำแม่เลยเดี๋ยวนี้แม่ก็ดีกับฉันแล้วนะ หลังจากนั้นครอบครัวนี้ก็อยู่กันอย่างสงบสุข ไม่ทะเลาะกันอีกเลย” ที่จริงผมก็จำเนื้อเรื่องเต็มๆ ไม่ได้แล้วล่ะ แต่คงพอเล่าได้คร่าวๆ ได้ประมาณนี้

   “หึหึ ต้องให้ฉันไปนั่งลับขวาน หรือขัดปืนเหรอไง เขาสองคนถึงจะดีกันได้ โลกความจริงก็ไม่ได้ง่ายเหมือนในนิทานหรอก” เสียงหัวเราะแรกเริ่มกลับกลายเป็นเสียงถอนหายใจ

   “ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก ผมยังทำได้เลย คุณรู้ไหมทำไมแม่คุณถึงชอบผม” อันที่จริงผมควรจะถามเขาว่า เขารู้ไหมว่าทำไมแม่เขาไม่ชอบคุณบีทต่างหาก

   “ก็เธอท้องอยู่ แล้วก็เอาใจแม่เก่ง ไม่ใช่เหรอ?” ประโยคแรกค่อนข้างแทงใจดำ แต่ถ้าเป็นเหตุผลนั้นจริงคุณบีทก็เป็นคนทิ้งโอกาสนั้นไปเองตั้งแต่แรกจะโทษใครก็คงไม่ได้หรอก

   “เปล่า เพราะคุณไม่ได้รักผมต่างหาก” ผมส่ายหน้าแล้วตอบตามความเห็นของตัวเอง

   “ฉันไม่เข้าใจ” เขาว่าพลางย่นคิ้ว

   “ตั้งแต่วันแรกที่ผมมาที่บ้านคุณตลอดจนผมจากไป สิ่งที่คุณมีให้คือหน้าที่ คุณรักแม่มากกว่าผม  ท่านเลยไม่รู้สึกว่าถูกแย่งชิงความรัก ท่านไม่อิจฉา ไม่หมั่นไส้ มีแต่สงสาร เห็นใจ เอ็นดู ผมไม่เหมือนคุณบีทที่ได้รับความรักมากจนบางครั้งก็หลงลืมคนที่บ้าน ตราบใดที่คุณยังแสดงออกว่ารักเขามากกว่าแม่คุณล่ะก็ท่านจะไม่มีวันยอมรับคุณบีทแน่ ผมบอกได้แค่นี้แหละ”

   “แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง ถึงจะเปลี่ยนแปลงไปตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วล่ะ”

   “ก็เลยปล่อยไปแบบนี้? โดยไม่ทำอะไรเลย คุณเคยคิดบ้างไหม ถ้าคุณบีทเข้ากับแม่คุณไม่ได้ ต่อไปเขาจะเข้ากับลูกคุณได้เหรอครับ?”

   “แม็ก!!” เขาเรียกชื่อทำเสียงเหมือนผมกำลังพูดอะไรไม่สมควรอยู่ แล้วทำให้เขาไม่พอใจ ทั้งที่มันคือเรื่องจริงทั้งนั้น

   “ขอโทษครับ คุณอาจจะคิดว่าผมอคติเกินไป แต่ผมแค่อยากให้คุณลองคิดดูว่าที่พวกเขาสองคนไม่ชอบกันอาจจะมีสาเหตุมาจากคุณ และการแก้ปัญหาของคุณมันก็ผิดจุดมาตั้งแต่แรก แทนที่คุณจะหาวิธีทำให้แม่คุณยอมรับคุณบีท คุณกลับลากผมมาเป็นหอกข้างแคร่ นอกจากไม่ได้ช่วยอะไร ลงท้ายแล้วคนที่ต้องเจ็บปวดอาจจะไม่ได้มีแค่เรา อาจจะรวมไปถึงเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีกคน” จนแล้วจนรอดแม่กาอย่างผมก็อดเป็นห่วงลูกนกกาเหว่าไม่ได้เลย

   “เธอพยายามจะสั่งสอนฉันอยู่ใช่ไหม?”

   “ที่พูดน่ะ ผมก็แค่กลัวว่าสักวันเด็กคนนั้นจะมีชะตากรรมไม่ต่างไปจากผมต่างหาก” เก็บกด มีปัญหา คิดว่าพ่อไม่รัก

   “แล้วไงต่อ วิธีแก้ที่ดีที่สุดตอนนี้คืออะไร เลิกกับบีทแล้วมาคบกับเธอหรือไง” ผมหันขวับไปจ้องเขาเขม็งเพราะไม่พอใจกับคำพูดประชดนั่น ถ้าเขาไม่รู้ว่าผมชอบเขาก็คงไม่เท่าไรหรอกแต่เขาก็พูดทั้งที่รู้ ทั้งๆ ที่เคยบอกผมมาแล้วครั้งหนึ่งว่าไม่ได้คิดอะไร มันทำให้ผมเจ็บแล้วพาลโกรธเขาด้วย...

   “ผมคงไม่พูดอย่างนั้นหรอกครับ เพราะผมรู้ว่าคุณทำไม่ได้” ผมตอบด้วยเสียงแข็ง ไม่ปิดบังเลยว่ากำลังไม่พอใจกับคำพูดนั้น ทำให้คนฟังจับสังเกตได้ในทันที

   “เอ่อ แม็ก...ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ...”

   “ไม่ต้องหรอกครับ ผมผิดเองแหละที่เข้าไปยุ่ง ลืมไปว่าปัญหาครอบครัวมีแค่คนในครอบครัวเท่านั้นแหละที่จะแก้ได้ คนนอกอย่างผมถึงสอดไปก็เท่านั้นแหละ”

   
   แม่คุณอิฐได้กลับบ้านในวันนั้นเอง ผมก็ตามกลับไปส่งท่านด้วย ท่านพยายามบังคับให้ผมกลับมาอยู่ที่บ้านท่านตามเดิมและค่อนข้างพาลคุณอิฐที่ไม่ยอมช่วยพูดอะไรเลย แต่เมื่อผมดึงดันว่าจะกลับให้ได้ แม่คุณอิฐไม่ยอมให้ใครไปส่ง ผมจึงต้องอยู่บ้านคุณอิฐจนตกบ่าย รอจนแม่คุณอิฐออกขอตัวไปงีบ ผมจึงเดินออกไปนั่งรับลมที่ศาลาในสวน

   ผมทำหน้านิ่ง เบือนหน้าหนีเมื่อลูกชายเจ้าของบ้านบังเอิญเดินเข้ามาพอดี

   “นั่งด้วยคนนะ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรงใจแล้วนั่งข้างตัวโดยที่ผมยังไม่อนุญาต ในใจอดค่อนขอดไม่ได้ บ้านก็บ้านตัวเอง จะนั่ง จะนอน ยืน เดินที่ไหน จำเป็นต้องขอคนอื่นด้วยหรือไงล่ะ!

   “นี่เธอยังไม่หายโกรธอีกเหรอ?” คำถามนั้นทำให้ผมเบะปาก

   บางทีผมก็โกรธตัวเองมากกว่าที่เป็นฝ่ายยอมให้เขาทำร้ายซะเอง ผมเจ็บปวดกับทุกคำพูด ทุกการกระทำของเขาเพราะผมมองว่าเขาเป็นคนสำคัญ ในขณะที่อีกฝ่ายอาจจะคิดตรงกันข้ามกัน

   “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอเสียใจหรอกนะ แต่ฉันแค่ไม่เห็นด้วยกับความคิดเธอแค่นั้นเองก็เลยพลั้งปากไป... ถ้าปัญหาในครอบครัวฉันมันแก้ไขได้ง่ายๆ มันคงไม่ลากยาวมาถึงขนาดนี้หรอก”

   “งั้นก็ช่างมันเถอะครับ ถ้าคุณคิดว่าแก้ไม่ได้ แล้วไม่อยากทำอะไร ก็ปล่อยให้มันคาราคาซังแบบนี้ต่อไปเถอะ ผมคงทำให้แค่มองดูในฐานะคนนอกที่ไม่มีสิทธิ์จะออกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อะไรแล้วรอให้สิ่งคาดไว้ว่าจะเกิดมันเกิดขึ้นจริง”

   ใช่... มันต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ในเมื่อคุณบีทไม่ชอบเด็ก แล้วก็ไม่สนใจแม่คุณอิฐด้วย

   “แม็ก...” ผมชักเริ่มรำคาญคุณอิฐที่เซ้าซี้มากเกินไป พูดไปก็ไม่ฟังแล้วจะพูดจะถามอะไรทำไมอีก!

   “พอแล้วครับ ผมไม่พูดแล้วก็ได้ ปล่อยผมไว้งี้เถอะ”

   “ไม่เอา... ฉันอยากให้เธอหายโกรธก่อน”

   “ผมไม่ได้โกรธนี่ครับ” ผมโกหกไปเพราะรำคาญ ไม่อยากให้เขามากวนใจ

   “งั้นก็อย่าทำหน้าแบบนี้สิ...”

   “หน้าผมมันก็เป็นแบบนี้แหละ อย่าสนใจเลย” ผมเถียง บางทีผมก็ไม่เข้าใจคุณอิฐนะ แค่ปล่อยผมทิ้งเอาไว้เฉยๆ มันจะลำบากยากเย็นอะไรนักหนา

   ไม่ได้รักผมนี่ แล้วจะมาทำเหมือนสนใจทำไม จะมาง้องอนกันทำไม ไม่จำเป็นเลย

   ไม่ได้ขอร้อง ไม่เคยต้องการให้มาสนใจอะไรหรอก...

   “ถ้าไม่อยากให้ฉันสนใจก็จงอย่าเรียกร้องความสนใจสิ”

   “คุณอิฐ!!” ผมหันไปมองเขาตาเขียว ข้อหาที่ปรักปรำว่าผมเรียกร้องความสนใจ “ผมทำแบบนั้นตอนไหนกัน...”

   “อย่ายิ้มให้ฉันด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ  อย่าพยายามกลั้นน้ำตา อย่าร้องไห้ อย่ามองตาฉันด้วยแววตาของคนที่รักอยู่ ถ้าทำได้ ฉันจะเลิกสนใจเธอ” ผมเถียงอะไรไม่ออก เพราะผมอาจจะแบบนั้นจริงๆ ก็ได้ แต่มันก็เป็นไปเองทั้งนั้น ผมห้ามตัวเองไม่ได้นี่!

   “ถ้าคุณอึดอัดกับความรู้สึกของผม ไล่ผมไปซะเลยจะง่ายกว่า” ผมหันไปบอกเขาด้วยแววตาเจ็บช้ำ

    วิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดคือยอมให้ผมกับลูกไป ทุกอย่างก็จะจบ ผมจะได้ไม่ต้องมาเป็นห่วงเป็นใยว่าเขาจะอยู่ยังไง เข้ากับคุณบีทได้ไหม จะได้ไม่ต้องทรมานใจอยู่แบบนี้ด้วย

   “ไม่หรอก... การจะยอมให้เธอไปมันเป็นเรื่องยากที่สุดสำหรับฉันต่างหาก” น้ำเสียงอาลัยอาวรณ์ทำให้ผมเพ่งมองเขาอย่างค้นคว้า แต่ผมก็รู้อยู่แก่ใจว่า ถ้าผมยังมีลูกของเขาอยู่ เขาคงไม่ยอมปล่อยผมไปง่ายๆ หรอก

   เพราะลูกเท่านั้นแหละ อย่าสำคัญตัวผิดไปเลย

   ความรู้สึกพวกนั้นทำให้ผมร้องไห้อีกจนได้ ทั้งๆ เขาก็เพิ่งจะห้ามไปเมื่อกี้นี่เอง...

   คุณอิฐยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้ผมแผ่วเบา แต่ไม่ได้ทำให้เสียงสะอื้นของผมหยุดลงหรือน้ำตาพวกนั้นแห้งหายมีแต่ทะลักทะลายเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ จนในที่สุดเขาทนไม่ไหวขยับตัวเข้ามาใกล้แล้วรั้งไหล่ผมเข้าไปหาบังคับกดศีรษะผมให้ซบลงที่ซอกไหล่ของเขานั่นแหละผมถึงชะงัก...

   “ได้โปรด อย่าร้องไห้เพราะฉันอีกเลยนะ”




++++++++++
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-05-2016 19:41:36
 :hao5:    เหนื่อยแทน
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-05-2016 19:50:42
แสดงหรา
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 11-05-2016 19:53:58
...คุณอิฐแม่ง เหมือนให้ความหวังตลอด
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: FaiiFay_Elle ที่ 11-05-2016 20:09:55
อ่านแล้วเหนื่อยแทนแม็ก ขอให้แม็กตัดใจจากอิญได้เร็วๆเถอะ
สงสารน้องน้อยที่จะเกิด จิตใจคุณแม่แปรปรวน ส่งผลต่อน้องแน่ๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 11-05-2016 20:26:43
เหนื่อยใจ ถ้าแมกยังอยู่ใกล้ๆคุณอิฐนี่คงจะเจ็บใจอยู่ๆ คุณอิฐนี่น่ากลัว มานิ่งๆ :ling1:
#ปล.เรากลับมาอยู่ทีมแมกแล้วนะ หลังจากตอนก่อนๆแอบไม่ชอบนาง ปันใจให้บีทไปแล้ว แต่ตอนนี้แมกม่าเต็มๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 11-05-2016 20:43:59
อ่านแล้วเหนื่อยใจ พอแม็กจะตัดใจ อีตาอิฐก็มาอยู่ใกล้มาทำดีด้วย แล้วชาติไหนแม๊กจะตัดใจได้  :m31:

แม๊กบอกวิธีแก้ปัญหาให้ แทนที่จะลองคิดตาม ยังจะอคติใส่ กินหญ้าเป็นอาหารหลักใช่ไหม  :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 11-05-2016 21:30:40
คุณอิฐทำเพราะสงสารรึป่าว ถ้าอย่างนั้นปล่อยแมกไปเถอะ
คุณอิฐคิดแต่อยากเอาใจแม่ด้วยการมีหลานให้ แม่จะได้ไม่ขัดขวางตัวเองกับบีท
แต่จริงอย่างที่แมกว่าล่ะ ถ้าบีทไม่รักเด็ก เด็กก็น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: orangesmooty ที่ 11-05-2016 21:49:07
อิคุณอิฐก็แสดงตัวเป็นสุภาพบุรุษผิดเวลานะ
แบบนี้มันซ้ำเติมกันต่อหน้า แล้วยังเหยียบให้จมดินอีกต่างหากล่ะ
แรกๆเราว่า อิคุณอิฐนี่มั่นคงดีนะ ถึงจะสมองน้อยเห็นแก่ตัวเพราะเอาแต่ปกป้องตัวเองอย่างเดียวไปหน่อยก็เถอะ(ไม่ยอมให้บอกซูกัส)
แต่แล้ว มองไปมองมา ก็ไม่ใช่คนดีรักเมียอะไรขนาดนั้นหรอก เพราะสุดท้ายก็หวงก้างมากกว่าซะงั้น
พอเขาจะไปก็ยื้อไว้ จ้างมาอุ้มท้องดูแลห่างๆ แบบห่างโคตรๆ ก็พอแล้ว
เพื่อนฝูงเขามีไม่เยอะแต่ตั้งใจดูแลกันนี่เต็มเปี่ยม ไม่ต้องพึ่งคนปลอมๆ ที่มาทีไรก็มีแต่ทำให้วุ่นวายแบบคุณหรอก
ถ้าบีททำอะไรขึ้นมาก็ไม่ใช่ความผิดแม็กหรอกเพราะอิคุณอิฐนี่ทำตัวโลเลสร้างปัญหาซะมากกว่า
แถมถ้าเกิดเรื่องสงสัยจะด่าแม็กก่อนแล้วค่อยถามสาเหตุทีหลัง
แม็กก็ดูใจนิ่งพอในระดับนึงแล้วนะ ควรจะบอกกัสจะได้หลุดพ้นจากความสงสารเลยให้ความหวังลมๆแล้งๆของ พระเอกผู้แสนดีสักที

หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-05-2016 22:09:45
เมื่อไหร่จะคลอดซะทีนะ.
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-05-2016 23:30:36
เฮ้อ~
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-05-2016 02:05:03
อะไรของอิฐเนี่ย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ผีเข้าหรอ

มันก็จริงอย่างที่แม็กพูดนะ อิฐแก้ปัญหาผิดวิธีจริงๆ
แม่กับแฟนไม่ถูกกัน อิฐที่เป็นคนกลาง แทนที่จะพยายามช่วยสานสัมพันธ์ ปรับความเข้าใจของทั้งสองให้ดีขึ้นแต่ก็ไม่ทำ ตามใจบีท และก็ไม่ค่อยมาหาแม่ นั่นก็ยิ่งทำให้แม่อคติกับบีทอย่างที่เป็นในตอนนี้ บีทเองก็ไม่พยายามเข้าหาแม่แฟนเหมือนกัน อาจจะเป็นที่ภาระการงานที่ต้องเดินทางไปตปท.บ่อยด้วย เลยไม่สนใจในจุดนี้
และอย่างที่แม่อยากมีหลาน อิฐก็หันมาใช้วิธีนี้ วู่วาม ไม่ปรึกษากับบีทก่อน แถมยังดึงแม็กให้เข้ามาเกี่ยวอีก เรื่องมันเลยวุ่นวายกันไปใหญ่
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-05-2016 02:13:34
รู้สึกว่าบทนี้แม็กม่าพูดได้ดีแฮะ ดีมากเลยล่ะ เสียดายที่คุณอิฐคิดไม่ได้
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 12-05-2016 06:13:39
เบื่ออีอิฐ เอาสักทางเซรง
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 12-05-2016 06:16:21
ให้คลอดๆ แล้วก็หนีไปเลยเหอะแม็ก
เรารำคาญอิอิฐล่ะ
 :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 12-05-2016 07:51:09
เพลีย :mew2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 12-05-2016 08:36:42
ชอบความคิดแม๊กตอนนี้นะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 12-05-2016 08:51:30
เหนื่อยใจแทน
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-26-] [11/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 12-05-2016 10:54:36
เป็นผู้ชายห่วย เลว โง่

เมื่อไหร่อิฐจะเลิกเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง อะไรก็ต้องตัวเองก่อน ไม่สนใจความคิดคนอื่นเลย ทั้งแม่ บีท แม๊กม่า

ที่คบบีทได้นี่ไม่น่าใช่รักแล้ว น่าจะแค่สะดวกไม่เกาะแกะ มาหวานแว๊บๆ ก็ต่างคนต่างทำงาน

โอ๊ยยย คือ ห่วยมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-27-] [12/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 12-05-2016 19:20:26
-27-

   -แม็กม่า-

   
   ปากเดียวกันกับที่เคยบอกว่าไม่คิดอะไร ตัดเยื่อขาดใยไม่มีอะไรให้หวัง มาตอนนี้กลับเอ่ยคำขอร้องด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด มันทำให้ผมสับสน รวมถึงอ้อมกอดนี้ด้วย มันคืออะไร... ความสงสารงั้นเหรอ?

   เขาแค่สงสาร สมเพชเวทนากับความรักที่ไม่ได้รับการตอบสนองซ้ำแล้วซ้ำอีกของผมใช่ไหม? หรือแค่รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้ผมเสียใจไม่รู้กี่ครั้งกี่หน แค่อยากปลอบโยนหัวใจอันบอบช้ำของผม เพื่อไม่ให้ความเศร้าที่เกาะกินใจของคนเป็นแม่มันถ่ายทอดไปยังลูกของเขาหรือเปล่า

   หรือมีบ้างสักเสี้ยววินาทีหนึ่งที่เขาจะไขว้เขวแอบมีใจให้ผมบ้างสักนิดหนึ่ง         

   ความอบอุ่นของอ้อมแขนนั้นที่วาดมากอด อุ้งมือใหญ่ที่กดผมไว้กับบ่ากว้างทำให้ผมพยายามหักห้ามความรู้สึกหวั่นไหวอย่างสุดกำลัง

   แค่หวัง... ก็ยังไม่กล้า...

   ผมสูดน้ำมูกขืนตัวออกจากอ้อมกอดนั้น กลิ่นหอมประจำตัวเขายังติดจมูกไม่รู้จาง...

   “เอ่อ... ผมอยากกลับบ้าน” ผมเอ่ยระหว่างใช้หลังมือปาดน้ำตา ยังสะอื้นฮึกๆ อยู่เล็กน้อย

   “แม่ไม่ให้ฉันไปส่งเธอ ไม่ได้ยินเหรอไง?” คำตอบนั่นทำให้เผลอค้อน...

   “แล้วคุณก็เชื่อหรือไง เพิ่งจะมาว่าง่ายเอาตอนนี้?”

   “ทำไมล่ะ บ้านฉันมันร้อนมากหรือไง ถึงต้องรีบกลับ” เขาถามเอนหลังพิงพนักแล้วพาดแขนยาวไปตามขอบเก้าอี้ด้านหลังผม ดูไม่อนาทรร้อนใจกับคนขี้แยอย่างผมเลย ทั้งๆ ที่เขาน่าจะรู้ว่าผมไม่อยากอยู่ใกล้เขาถึงอยากกลับ

   “ใจคอคุณจะไม่ไปส่งผมจริงๆ ใช่ไหม ผมจะได้นั่งแท็กซี่กลับเอง” ผมถามซ้ำ แต่อีกฝ่ายยังหลับตานิ่งอยู่ผมจึงลุกขึ้นยืนอย่างโมโห เขายื่นมือคว้าแขนผมไว้ ผมหันกลับไปมองด้วยหน้าบึ้งตึง

   “เดี๋ยวสิ อยู่กินข้าวเย็นกับแม่ก่อน แล้วเดี๋ยวจะไปส่ง” เขาบอกเรียบๆ น้ำเสียงนุ่มนวลแล้วดึงมือผมให้นั่งลงข้างๆ เขาตามเดิม

   พอผมเงียบ ไม่นานคนข้างกายก็หลับตาลงอีกเอียงหัวมาพิงไหล่ผม น้ำหนักที่ไหล่ทำให้ผมขยับตัวไม่ได้เลย

   “รู้ไหมแม็ก...” เขาพูดขึ้นทั้งๆ ที่หลับตา ผมหันไปมองอย่างงุนงง “เกือบยี่สิบปีแล้วที่ฉันหมดหวังเรื่องที่จะมีลูก... ตั้งแต่ที่ฉันรู้ตัวว่าชอบผู้ชาย ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าฉันจะได้รู้จักกับหมอ และเขาจะทำในสิ่งที่ไม่มีใครสามารถทำได้  ไม่ใช่แค่แม่หรอกที่อยากมีหลาน ตัวฉันเองก็อยากมีลูก ฉันอยากเห็นเด็กวิ่งเล่นในสวน ให้เขาขี่คอพาเดินเล่น อยากป้อนข้าว พาเขาเข้านอน สอนตั้งไข่ ฉันไม่คิดเลยว่าสุดท้ายความเอาแต่ใจพวกนั้น จะทำให้มีคนเจ็บปวดมากมายขนาดนี้” 

   นั่นสิ ทั้ง เขา ผม คุณบีท และอาจจะรวมไปถึง...

   “ขอโทษ... ให้ฉันพูดเถอะ ถึงฉันจะรู้ว่าต่อให้พูดเป็นพันครั้งก็ยังไม่พอก็ตาม”

   ถึงคำขอโทษคำเดียวจะไม่สามารถทดแทนความเจ็บปวดในหัวใจของผมได้ แต่แค่คนข้างกายเอ่ยมันออกมาผมก็ยินดีรับฟังและไม่เหลือเหตุผลที่จะเก็บความขุ่นข้องหมองใจพวกนั้นไว้แล้ว...

   ผมไม่แปลกใจเลยที่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นแบบนี้ เพราะรักใช่ไหม ถึงยอมให้อภัยได้ง่ายๆ


   กว่าคุณอิฐจะไปส่งผมได้ก็หลังจากที่เราทานมื้อเย็นร่วมกันเรียบร้อยแล้ว ทำให้ผมอดนึกถึงตอนที่อยู่บ้านนี้ไม่ได้ น้อยครั้งที่จะได้ทานข้าวเย็นพร้อมเขา ขากลับ ผมหลับตาลงพิงพนักที่นั่งขณะที่เขาขับรถกลับไปส่งผมที่บ้านซูกัส หลับๆ ตื่นๆ ไปตลอดทางจนกระทั่งมาถึงที่หมาย ผมสะลึมสะลือแล้วมองไปรอบๆ แล้วจึงขยับตัวปลดเข็มขัดนิรภัย

   “อ้อ.. อาทิตย์หน้าจะถึงวันเกิดผมแล้วนะครับ” ผมหันมาบอกเขาก่อนจะเปิดประตูรถ ทีแรกว่าจะไม่บอก แต่ก็เปลี่ยนใจซะได้...

   “เหรอ วันไหนนะ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงสนใจ

   “วันที่ 19”

   “บังเอิญจัง ตรงกับวันก่อตั้งบริษัทพอดีเลย ว่าแต่เธออยากได้อะไรล่ะ?” บางทีผมก็หมั่นไส้เขา คิดว่าตัวเองเป็นเสี่ยหรือไง ผมถึงต้องคอยมาขอของอะไรแบบนั้น

   “ไม่อยากได้อะไรหรอกครับ แค่บอกเฉยๆ เพราะถ้าคุณจำวันเกิดผมไม่ได้ล่ะก็ คงโดนซูกัสเล่นงานแย่เลย” แค่คิดก็ปวดหัวแทนแล้ว

   “นั่นสิ ขอบใจนะ” เขาขอบคุณพร้อมรอยยิ้มทั้งปากและตา เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมใจเต้นแรงจนรีบหลบสายตาทันที “ไหนๆ ก็เกิดวันเดียวกันแล้ว งั้นก็มาฉลองพร้อมกันเลยดีไหม?”

   “จะดีเหรอครับ” ผมหันไปถามอย่างไม่แน่ใจ ที่จริงแล้วผมไม่ชอบไปเที่ยวออกงานอะไรพวกนี้หรอก

   “ดีสิ จะว่าไปตอนนี้ เธอก็เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่เลยนะ” ผมแอบค้อนที่อีกฝ่ายเอ่ยแซวแบบไม่จริงจัง จะว่าไปแล้วหลังจากที่ผมบอกว่าจะโอนหุ้นคืนไป เขาก็ไม่เห็นส่งเอกสารใดๆ มาให้เซ็นเลย แล้วก็ไม่ได้ทวงถามอะไรมาด้วย

   “เอ่อ... แล้วงานนี้มีใครไปบ้างเหรอครับ”

   “อืม... ก็พนักงานระดับผู้จัดการขึ้นไปน่ะ”

   “แล้วคุณบีทไม่มาด้วยเหรอครับ” ผมถามเสียงอ่อย ถึงจะรู้ว่าเขาชวนด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ถ้าคุณบีทรู้คงไม่คิดแบบนั้นแน่...

   “ที่จริงฉันก็ชวนเขาทุกปีนะแต่ไม่เห็นมาสักปี ปีนี้ก็คงไม่มามั้ง ทำไมเหรอ?”

   “ก็ถ้าคุณบีทไปด้วยแล้วรู้ว่าคุณมารับผม เขาคงจะไม่พอใจเท่าไร แค่เรื่องที่เชียงรายก็โกรธมากแล้ว” ผมบอกเสียงเครียด...

   “เชียงราย เธอบอกเขาเหรอ?” เขาถามเสียงสูง พลอยทำให้ผมแปลกใจไปด้วยที่เขาไม่รู้...

   “เปล่านะครับ ผมไม่ได้บอก แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้ได้ยังไง แต่เห็นโวยวายอยู่ตอนผมโทรไปบอกเรื่องแม่คุณ นี่เขาไม่ถามอะไรคุณเลยเหรอ?”

   “ไม่นะ ก็เห็นเหมือนเดิมเอง” คำตอบของเขาทำให้ผมแปลกใจทั้งเรื่องที่คุณบีทรู้ได้ยังไง และเรื่องที่เขาไม่โวยวายด้วย

   “บางทีฉันก็คิดนะว่าบีทกับเธอนิสัยคล้ายกัน”

   “ยังไงเหรอครับ?” ผมหยุดคิดเรื่องคุณบีทชั่วคราวแล้วหันไปถาม

   “ก็เป็นพวกเก็บกด ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ อ่านยากเหมือนกัน... คนแบบนี้น่ากลัวตรงที่เก็บมากเกินไป พอไม่ไหวก็ระเบิด
ออกมาทีเดียวเลย” ผมเบะปาก พลางหรี่ตาใส่

   นี่ลุงจะชมหรือด่ากันแน่เนี่ย!

   “ที่จริงแล้วผมอ่านไม่ยากนะ ถึงไม่พูดผมก็สื่อสารผ่านดวงตา ที่คุณไม่รู้เพราะคุณไม่พยายามจะอ่านมันเองมากกว่า” ผมบอกด้วยเสียงคล้ายประชด 

   “หึ ถ้าเธอคิดว่าดวงตาสามารถบอกทุกอย่างได้จริง... ถ้างั้นเธออ่านสายตาของฉันออกหรือเปล่าล่ะ? ว่าคิดอะไรอยู่”  เขาถามพลางยื่นหน้ามาใกล้แล้วจ้องหน้าผม

   ผมหันไปมองเขาอย่างลังเล อ่านออกไหมผมไม่แน่ใจ รู้แต่ว่าแค่ผมตั้งใจจะสบตาเขาก็ทำให้ใจผมเต้นแรงมากแล้วจนต้องรีบหลบสายตาไปก่อนจะทันเห็นอะไร วินาทีต่อมาเขาก็ขยับตัวหันไปนั่งตัวตรง

   “ไม่แน่นะ ไม่รู้อะไรเลยก็อาจจะดีกว่าก็ได้”

++++++++++
   

   วันนี้วันเกิดของผม... ซูกัสอวยพรวันเกิดและให้ของขวัญแต่เช้าบอกจะฉลองให้ในตอนเย็นแต่ผมปฏิเสธเพราะมีนัดกับคุณอิฐแล้วทำให้เขาบ่นบ้างเล็กน้อย แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นชมคุณอิฐที่อย่างน้อยก็ยังอุตส่าห์จำวันสำคัญของผมได้บ้าง! ตกเย็นคุณอิฐก็แวะมารับผมที่บ้านซูกัส เพื่อนรักเอ่ยฝากฝังรวมทั้งพูดแซะเขาไปหลายอย่างจนผมรำคาญแทนต้องรีบไล่ซูกัสให้เข้าบ้าน

   เรามาถึงสถานที่จัดงานตอนหัวค่ำ ไม่ใช่ที่บริษัทแต่เป็นโรงแรมแห่งหนึ่ง

   “อย่าเพิ่งไปแม็ก ฉันมีอะไรจะให้” คุณอิฐบอกเมื่อผมขยับตัวปลดเซพตี้เบลต์ออกเตรียมจะเปิดประตูรถ ผมหันไปมองเขายังที่นั่งคนขับอย่างแปลกใจ

   “สุขสันต์วันเกิด” เขาบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังแล้วยื่นของขวัญกล่องเล็กๆ มาให้

   “นี่อะไรเหรอครับ?” ผมถามอย่างตื่นเต้นเมื่อรับกล่องนั้นมาไว้ในมือ

   “แกะสิ” เขาสั่งแทนคำตอบทำให้ผมบรรจงแกะของขวัญออก พบว่าเป็นขวดน้ำหอม

   “ขอบคุณนะครับ” ผมเงยหน้าขึ้นยิ้มขอบคุณ เขายิ้มตอบแล้วดึงขวดน้ำหอมจากกล่องขึ้นมาแล้วโน้มตัวเข้ามาฉีดน้ำหอมหลังใบหู ผมรู้สึกแปลกๆ หัวใจสั่นไหวเพราะเขาขยับมาใกล้เหลือเกิน ได้แต่นั่งนิ่งเหมือนตุ๊กตาเมื่อเขาจับแขนผมหงายขึ้นแล้วฉีดน้ำหอมที่จุดวัดชีพจรตรงข้อมือให้ด้วย ผมสูดลมหายใจเข้าลึกกลิ่นน้ำหอมฟุ้งลอยเข้าจมูก

   “เรียบร้อย... เก็บน้ำหอมไว้ในรถแล้วกันนะ” เขาว่าแล้วเก็บน้ำหอมใส่กล่องตามเดิมแล้ววางไว้ในรถ ก่อนจะขยับไปเปิดประตูฝั่งตัวเอง

   “ไปเถอะแม็ก” เขาบอกเมื่ออ้อมมาเปิดประตูรถให้

   “ครับ...” ผมตอบรับเหม่อๆ แล้วลุกตามไป  รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ เพราะน้ำหอมที่ติดกายตัวเองเป็นกลิ่นเดียวกันกับเขา มันอวลตลบรอบกายราวถูกกับกำลังถูกเขากอดไว้...

   
   งานเลี้ยงจัดบริเวณชั้นล่างใกล้สระว่ายน้ำของโรงแรม คุณอิฐปล่อยผมนั่งลงที่เก้าอี้คนเดียวระหว่างที่เขาเดินเตร็ดเตร่ทักทายแขกเหรื่อจนกระทั่งพี่ยุทธเข้ามานั่งกับผม อันที่จริงพี่ยุทธโทรไปชวนผมมางานนี้ด้วยเหมือนกัน แต่ผมบอกไปตามตรงว่าคุณอิฐชวนผมแล้ว เขาจึงไม่ได้ว่าอะไรนอกจากบอกว่างั้นค่อยเจอกันที่งาน

   “ค็อกเทลไหม?” เขาถามยื่นแก้วหนึ่งในมือให้

   “ไม่ครับ ขอบคุณ” ผมตอบโดยไม่ต้องคิด เขาหน้าเสียเล็กน้อยที่ต้องชักแก้วกลับไป แต่ก็นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ

   “ไหนว่าจะตัดใจแล้วไง แล้วทำไมยังมาด้วยกันอีกล่ะ?” พี่ยุทธถามขึ้น ทำให้ผมอึกอักเล็กน้อย

   “ยังไงก็ยังเป็นคนรู้จักกันอยู่ดีนี่ครับ”

   “เออ... พี่แนะนำพวกหุ้นส่วนอื่นๆ ในบริษัทให้รู้จักไหม”

   “ไม่ดีกว่าครับ ผมอยากนั่งเฉยๆ มากกว่า” ตอบโดยไม่ต้องคิดอีกตามเคย ทำไมผมต้องรู้จักใครต่อใครให้มากความทั้งๆ ที่ผมไม่ได้สนใจผลประโยชน์อะไรที่นี่สักหน่อย ที่ผมมาก็เพราะถูกชวนเท่านั้นแหละ

   “อืม... หิวไหม เดี๋ยวพี่ตักอะไรมาให้แล้วกันนะ” พี่ยุทธก็ช่างเอาอกเอาใจดีนะ

   “เอ่อ ก็ได้ครับ” ผมตอบรับตามมารยาท แล้วรอให้เขาลุกเดินไปทางโต๊ะที่วางอาหารบุฟเฟ่ต์

   ผมเลิกใส่ใจพี่ยุทธแล้วมองหาคุณอิฐแทน เขาเดินมาทางนี้พร้อมกับน้าสาวของเขา

   “สวัสดีครับ” ผมรีบยกมือไหว้น้าเพทาย น้องสาวแม่คุณอิฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการฝ่ายบริหาร ผมได้เจอท่านมาแล้วสองสามครั้ง ทั้งตอนที่มาประชุมที่บริษัทและตอนที่ท่านไปเยี่ยมแม่คุณอิฐที่โรงพยาบาล เราทักทายและพูดคุยกันตามมารยาทสักพักในขณะที่คุณอิฐเดินหายไปอีก ก่อนจะกลับมาพร้อมน้ำส้มและขนมขบเคี้ยว

   “น้าไปทางนู้นก่อนนะ ดูแลเมียดีๆ นะตาอิฐ เผื่อวันไหนโดนพี่ทิพย์ตัดออกจากกองมรดกจะได้ไม่ลำบาก” ท่านพูดติดตลก

   “นั่นสิครับ ผมก็กลัวๆ อยู่” คุณอิฐรับมุกแล้วหัวเราะ 

   น้าคุณอิฐเดินออกไปไม่นาน คุณแผ่นฟ้าลูกชายคุณเขตแดนก็เดินมาทักทายเรา

   “สวัสดีครับคุณธมล หุ้นส่วนรายใหญ่ของเรา เสียดายไม่รับตำแหน่งกรรมการไม่งั้นคงได้เจอกันบ่อยๆ”

   ผมกลืนน้ำลาย ไม่รู้จะตอบกลับไปยังไงดี ความคิดที่ว่าผู้ชายในเครืออิทธิฤทธิ์มีแต่พวกนิสัยประหลาดย้อนกลับมาอีกตามเคย

   “ไหนนายเคยบอกว่าผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกันเป็นพวกวิปริตไง แล้วอยู่ดีๆ ทำไมเกิดเปลี่ยนใจซะล่ะ” คุณอิฐถามเสียงเข้มคล้ายโมโหโกรธเคืองกันมาแต่ชาติปางไหน

   “ขอยกเว้นผู้ชายหน้าตาน่ารักๆ ที่มีหุ้นหลักมากที่สุดในบริษัทได้ไหม?” ดวงตาหวานเยิ้มนั่นทำให้รู้สึกว่าสมแล้วล่ะที่สองคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เสียดายที่มากัดกันเพราะผลประโยชน์แบบนี้ ไม่งั้นคงกอดคอกันจีบหนุ่มจีบสาวได้สบาย

   “ขอโทษด้วยนะครับคุณแผ่นฟ้า ผมว่าปันผลที่ได้ก็เยอะมากพอแล้ว ผมคงไม่คิดขายหุ้นให้คุณหรอกครับ”

   ผมบอกเขาหน้ายิ้ม ถึงแม้เราจะยังไม่ได้คุยอะไรกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน แต่ผมก็รู้ว่าเขาสองคนพ่อลูกพยายามติดต่อผมผ่านพี่ยุทธเพื่อซื้อหุ้น ผมไม่แน่ใจว่าเขาไม่อยากให้คุณอิฐรู้เรื่องนี้หรือเปล่า คำพูดของผมจึงทำให้เขาหน้าเจื่อนเล็กน้อย

   “โอเคครับ งั้นผมขอตัวก่อนดีกว่า” เขาเอ่ยลาผมก่อนจะเดินไปยืนข้างคุณอิฐแล้วกระซิบบางอย่างแล้วจึงเดินแยกออกไป ผมมองหน้าคุณอิฐที่คิ้วขมวดเล็กน้อยทันทีที่เขาพูดจบจึงเอ่ยถามว่า

   “เขาว่าอะไรเหรอครับ?”

   “เขาเตือน... ให้จับเธอไว้ดีๆ ไม่อย่างงั้นจะต้องเสียใจ”

   คำพูดนั้นทำให้ผมใจคอไม่ดีขึ้นมาเลย ถึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไรก็เถอะ

   “อย่าทำหน้าเครียดสิ เขาคงคิดว่าถ้าวันไหนเธอหมดรักในตัวฉัน เธอคงจะขายหุ้นให้เขาเท่านั้นแหละ”

   ผมไม่แปลกใจหรอกถ้าเขาจะคิดอย่างนั้น ถ้าหากพี่ยุทธพยายามจะแนะนำผมให้สองพ่อลูกรู้จักแบบนี้ บางทีพี่ยุทธอาจจะขายผมแล้วก็ได้

   “แล้วคุณคิดว่าผมจะทำแบบนั้นไหมครับ?” ผมถามอย่างกังวล จนแล้วจนรอดผมก็ยังแคร์เขามากอยู่ดี

   “ไม่รู้สิ แต่ตอนนี้ฉันเชื่อใจเธอนะว่าเธอจะไม่หักหลังฉัน”

   ผมไม่รู้หรอกว่าเขาจะคิดแบบนั้นจริงหรือเปล่า แต่คำพูดพวกนั้นมันก็ซื้อใจผมได้แล้ว



   เกือบสองทุ่ม หลังจากนั่งชมการแสดงบนเวทีจนเบื่อผมขอตัวไปห้องน้ำคนเดียว พอกลับมาก็เห็นคุณอิฐขึ้นไปพูดและจับรางวัลบนเวทีแล้ว ผมเลยเดินเอื่อยมานั่งชิลที่เก้าอี้ริมสระว่ายน้ำระหว่างรอให้พิธีการเสร็จสิ้น จู่ๆ ก็มีเท้าคู่หนึ่งมาหยุดยืนนิ่งข้างๆ จนผมต้องแหงนคอขึ้นมองหน้าแล้วก็พบว่าเป็นคนที่ไม่น่าจะมาซะได้

   “เป็นไง... แย่งผัวชาวบ้านเค้า มีความสุขมากไหม?” ผมกลืนน้ำลายหน้าเครียดเมื่อเจอคุณบีทยืนปั้นหน้ายักษ์ใส่ พร้อมคำพูดเสียดสีรุนแรงจนผมกำมือแน่น

   “ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกครับ คุณน่าจะเชื่อใจคุณอิฐหน่อยนะว่าเขาไม่ได้นอกใจคุณน่ะ”

   “หึ! น้ำหอมกลิ่นฟุ้งยังกะอาบขนาดนี้ ยังมีหน้ามาปฏิเสธเหรอว่าไม่มีอะไร” เขายิ้มเหยียด แววตาทั้งเจ็บทั้งแค้น ผมค่อนข้างตกใจเมื่ออีกฝ่ายเข้าใจผิดไปแบบนั้น

   “มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ!” ผมรีบเถียงแต่อีกฝ่ายเหมือนไม่อยากจะฟัง

   “อ้าว... บีท มาได้ยังไง?” คำอธิบายของผมถูกขัดด้วยเสียงทักทายจากคุณอิฐที่เพิ่งเดินมาสมทบ

   ในขณะที่เราสองคนเถียงกันหน้าเครียดเมื่อครู่ ครั้นตัวต้นเหตุเดินมา ต่างคนก็ต่างพยายามปั้นหน้าใส่กันทันที

   “ก็คุณชวนผมเองไม่ใช่เหรอ? ปีก่อนๆ ไม่เคยมา ปีนี้เลยอยากมาดูหน่อย ไม่ได้เหรอครับ” คุณบีทยิ้มอย่างเสแสร้ง ส่วนผมกดอารมณ์ให้นิ่ง แล้วฟังคนทั้งคู่โต้ตอบกันเงียบๆ

   “เปล่า มาได้” คุณอิฐตอบแบบถนอมน้ำใจแม้ว่าใบหน้าจะเฝื่อนไปบ้างก็ตาม มีแอบเหลือบตามามองผมนิดหนึ่งเหมือนกัน
แต่ก็เท่านั้นแหละมันไม่ได้ช่วยอะไรหรอก!

   “ผมหิวจัง หาอะไรให้ทานหน่อยสิอิฐ” คุณบีทหันไปอ้อน “เผื่อคนท้องด้วยก็ดีนะ เดี๋ยวเด็กจะโมโหหิว”

   “อืม..” คุณอิฐครางรับคำในลำคอเบาๆ ก่อนจะหันมามองผมแวบหนึ่งด้วยสายตาเหมือนเป็นห่วง แต่ก็ต้องยอมเดินไปทางโต๊ะที่จัดอาหารอย่างเลี่ยงไม่ได้

   อย่าห่วงผมเลยครับ ถ้าคุณไป ผมคงโดนด่าต่อเท่านั้นแหละ

   “คุณนี่น่านับถือจังเลยนะครับ ถึงขนาดนี้แล้วยังปั้นหน้ายิ้มหวานใส่คุณอิฐได้อีก” ผมบอกอย่างตรงไปตรงมา บางทีก็อดทึ่งไม่ได้เหมือนกันที่เขาเก็บอารมณ์เก่งขนาดนี้

   “ก็ถ้าฉันทะเลาะกับเขา มันก็เข้าทางเธอน่ะสิ” เขายิ้มร้าย ส่วนผมยิ้มรับ

   จริง! เพราะแบบนี้สินะเขาถึงทนเงียบมาตลอด เพราะเขารู้ว่าคนที่จะชนะคือคนที่อดทนและสร้างปัญหาให้น้อยที่สุด ต้องซ่อนความร้ายกาจไม่ให้ผู้ชายเห็น ต่อหน้าก็แสนดีแล้วค่อยมาจัดการผมเอาทีหลัง เขาฉลาดกว่าผมมากจริงๆ

   “คุณอิฐนี่น่าสงสารนะครับ มีเมียแต่ละคน ตอแหลเหมือนกันหมด” ผมเอ่ยลอยๆ พร้อมยิ้มเยาะ

   “แต่คนที่เขาไม่ยอมรับว่าเป็นเมีย แล้วมโนไปเองคนเดียวว่าเป็น มันไม่น่าสมเพชกว่าเหรอ?” ผมหุบยิ้มเปลี่ยนเป็นเค้นสายตามองเขาอย่างเคืองใจ แต่ไม่วายกวนโทสะเขาต่อ...

   “อ้าว ยังเหรอครับ?  ก็เห็นคุณโวยวายว่าผมเอาผัวคุณไปกก ผมก็เลยหลงเข้าใจว่าเป็นแล้วซะอีก” ผมลอยหน้าลอยตาตอบ สะใจนิดๆ ที่เห็นเขากำมือแน่น มองกลับมาด้วยแววตาวาวโรจน์ไม่แพ้กัน

   “ทะเยอทะยาน อยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง คิดว่าคนอย่างแกกับแผนตื้นๆ มันจะทำอะไรได้ ลงท้ายก็เป็นได้แค่ของเล่น”

   “ถึงผมจะเป็นของเล่นก็มีค่ามากกว่าของจริงอย่างคุณ ผมมีหุ้นในบริษัท แม่คุณอิฐก็รักผม แถมมีลูกเขาอีกคนในท้องด้วย แล้วคุณล่ะมีอะไร แค่ตัวกับหัวใจจะสู้ผมได้เหรอครับ?” ผมยิ้มเยาะ หมุนตัวเดินหนีหลังจากทิ้งระเบิดลูกย่อมใส่เขา

   วินาทีนั้นผมรู้สึกสะใจที่ทำให้เขาเจ็บปวดได้บ้าง ทั้งที่ความจริงผมต่างหากที่เจ็บปวดกว่า เพราะสิ่งที่ผมมีทั้งหมดนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการเลย ถ้าหากผมเลือกได้ ผมอยากได้ความรัก ผมอยากได้ทั้งหัวใจของคุณอิฐมากกว่า แต่... 

   “คนอย่างแก ไม่สมควรจะมีอะไรทั้งนั้นแหละ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอาฆาตแค้นทิ้งท้ายก่อนที่ร่างของผมจะถูกผลักอย่างแรงจนถลาตกสระน้ำข้างๆ ดังตูม!

   ร่างผมจมดิ่งลงเบื้องล่างทันที พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาพ้นผิวน้ำ แต่ก็ได้แต่เอามือตีน้ำพัลวันอย่างตกใจกลัวไม่สามารถทำอะไรมากกว่านั้นได้...  เพราะผมว่ายน้ำไม่เป็น!


   
++++++++++


*อาจจะมีคนงงว่าทำไมน้ำหอมที่ลุงซื้อถึงกลิ่นเดียวกับตัวเอง
คงเพราะลุงแกหวงแม็กกะจะกันท่าพี่ยุทธ แต่ลุงแกไม่คิดว่าเมียแกจะโผล่มา เลยงานเข้าแม็กเต็มๆ  :z3:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-27-] [12/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-05-2016 19:32:29
มันต้องพยายามฆ่ากันเลยไหม

ความหึงหวงนี่มันช่างร้ายกาจ
น้ำหอมสิ้นคิดจริงๆตาอิฐ เมียไม่คิดสิแปลกกลิ่นเดียวกันขนาดนี้
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-27-] [12/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 12-05-2016 20:21:05
คนที่คุมอารมณ์ไม่อยู่มักตะแพ้นะบีท
งานนี้คุณอิฐยังจะเข้าข้างบีทอยู่รึป่าว
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-27-] [12/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 12-05-2016 20:55:21
บีทมันโรคจิต :mew5:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-27-] [12/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 12-05-2016 21:12:56
อิฐก็คงจะบอกว่าเป็นอุบัติเหตุอีกนั้นแหละ เกลียดดดด
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-27-] [12/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: FaiiFay_Elle ที่ 12-05-2016 21:15:42
ถ้าครั้งนี้อิฐยังเข้าข้างบีท เราจะโกรธจริงๆแล้วนะ  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-27-] [12/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 12-05-2016 21:35:26
จะเข้าข้างใครดี#ร้ายพอกัน
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-27-] [12/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 12-05-2016 21:40:34
ตบบีท  ไปจิกหัวอิฐมาช่วยเมีย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-27-] [12/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-05-2016 22:06:40
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-27-] [12/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 12-05-2016 22:51:00
บีทนางร้ายมากอ่า ตบงานนี้มีตบ แมกรีบขึ้นมาจากสระน้ำให้ไว #เริ่มเกลียดบีทจริงจัง :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-27-] [12/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: zaturday ที่ 12-05-2016 23:03:34
ช่างเป็นอีกตอนที่ปวดใจ
แต่เราก็เข้าใจบีทอ่ะ ผัวนะ ผัวทั้งคนที่กำลังจะถูกใครก็ไม่รู้มาแย่งไป เราว่าสถานะของบีทตอนนี้คงเคว้งมาก ทั้งแม่ผัวไม่ชอบ ลูกไม่มี หุ้นในบริษัท และผัวที่ทำท่าจะปันใจ บีทเก่งมาก คือรู้ว่าแฟนไปเที่ยวทะเลกับอีกคนแต่อดทนไม่โวยได้แต่เก็บแค้นไว้ในใจเพราะกลัวโวยไปจะมีปัญหากัน
ถ้าบีทกับอิฐจะเลิกกัน ขออย่าให้เป็นเพราะอิฐหวั่นไหวกับแม็กเลย ให้มีสาเหตอื่นเถอะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-27-] [12/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 12-05-2016 23:41:12
กำเวงของนางเนาะ เห้อ!!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-27-] [12/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: zellda ที่ 12-05-2016 23:47:26
หนีงานมาหานิยายอ่านอยู่ #ไม่ดีเลย เด็กดีไม่ควรทำตามนะจ๊ะ
ปรากฏว่ามาเจอเรื่องนี้เข้า อ่านมา 26 ตอนละ รู้สึกชอบการบรรยายของคุณนักเขียนจัง
เป็นนิยายไม่กี่เรื่องที่ผมรู้สึกว่าแต่ละคนมีมิติ ดูมีความคิดเป็นของตัวเอง จนอ่านไปอ่านมาแล้ว ไม่รู้จะเข้าข้างใครดี
เป็นการเขียนที่ทำให้รู้สึกถึงความเป็น "สีเทา" ของแต่ละคนดีจัง

น่าติดตามมาก อยากอ่านไปเรื่อยๆว่าสุดท้ายเรื่องมันจะลงเอยยังไง
ถึงจะชอบอ่านเรื่องที่จบแบบสุขสันต์นิรันดร แต่ขอบอกตามตรงนะ
ต่อให้เรื่องนี้จะจบแบบหักมุม แทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ เจ็บแบบน้ำตาไหลพรากๆ แต่ผมก็ชอบอยู่ดี

ผมค่อนข้างเข้าใจนะ ทั้งในตัวอิฐ แม็ก แล้วก็บีท ทั้งคุณแม่ แล้วก็คนอื่นๆอีกหลายคน
แต่ละคนต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเอง

แม่ของอิฐ ถูกเพื่อน ถูกสังคมของตัวเองกดดันให้อยู่ในสภาพที่จะเขาต้องทำ "อะไรซักอย่าง" ซึ่งอะไรที่ว่า ก็คือ การหา "สะใภ้" มาให้ลูกชายของตัวเอง แม้จะรับรู้อยู่ก่อนแล้วว่า ลูกชายคบหาอยู่กับ "ผู้ชาย" อย่างบีท แต่ด้วยความที่อาบน้ำร้อนมาก่อน ท่านคงนึกรู้อะไรหลายๆอย่างได้จากการพบกันครั้งแรกระหว่างท่านกับ "แฟน" ของลูกชาย ท่านคิดว่า การหา "ใครซักคน" เพื่อจะมา "แทนที่" คนอย่างบีท ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็คงไม่ยากเกินไป ท่านอ้างว่า ต้องการ "ทายาท" เพื่อสืบสกุล เพื่อให้มีใครซักคนสืบทอดสิ่งที่ทั้งตัวสามีของท่านและตัวลูกชายต่อไป ท่านคิดว่าสิ่งที่ท่านทำ ดีที่สุดแล้ว แม้จะเป็นการบังคับจิตใจลูกชายในไส้ของตัวเองก็ตาม

อิฐ คิดว่า แม่ของตัวเองต้องการ "ลูก" ของเขา เพราะอย่างนี้ ถึงได้ทำทีไม่ถูกใจบีท เขาจึงทำหน้าที่ "ตัวกลางที่ดี" ระหว่างแม่กับเมีย ด้วยการหาวิธีที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุดและมีปัญหาตามมาน้อยที่สุดเท่าที่จะคิดได้ นั่นก็คือ การเอาแม็กเข้ามาในชีวิตของตัวเอง เอาคนอีกคนที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย เข้ามาพัวพันกับเรื่องของระหว่างตัวเขา ตัวบีท แล้วก็คุณแม่ของเขา โดยที่ไม่ได้ปรึกษาคนที่ได้ชื่อว่า "แฟน" หรือแม้แต่ "แม่" ของตัวเองเลย เพราะคิดว่า สิ่งที่ตัวเองคิดนั้น ดีที่สุดแล้วในตอนนั้น แม้จะได้รับคำเตือนจาก "เพื่อน" แต่เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว เขาก็จะทำ เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาคิดว่ามันดีที่สุดแล้ว  *เพิ่งไปอ่านตอนที่ 27 มา ... พอเข้าใจละว่าทำไมอิฐถึงเลือกวิธีนี้แทนที่จะทำอย่างอื่น... เพราะนี่ก็ทางที่เขาคิดว่า มันดีที่สุดแล้ว สำหรับทั้งเขา ทั้งแล้วก็บีท  ไม่ใช่เพื่ออีกสองคนอย่างเดียส แต่เพื่อตัวเขาเองด้วย*

แม็ก คิดว่า การที่ตัวเองจะมีใครซักคนซักทีก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เขาเหงาและโดดเดี่ยวมาตลอดหลายปี แม้ใจหนึ่งจะไม่ได้ต้องการคิดในแง่ร้าย เพราะคิดแล้วก็ไม่รู้จะได้อะไรขึ้นมา นอกจากจะทำให้ตัวเองเจ็บปวด แต่เขาก็อดเปรียบเทียบและหาข้อด้อยของตัวเองไม่ได้ ในขณะที่คิดจะเปิดใจให้ใครซักคน ใครอีกคนก็เข้ามาให้ในสิ่งที่แม็กไม่ได้รับมาก่อน แม้ตอนแรกจะตกอยู่ในสภาพกึ่งถูกบังคับข่มขู่ แต่สุดท้าย เขาก็เผลอใจหลงใหลไปกับอะไรที่ไม่ใช่ของเขาจนได้ ทั้งๆที่ก็รู้ว่าควรหักห้ามใจ แต่แม็กกลับยิ่งคิดถึงมันจนห้ามไม่ได้ ยิ่งเขาพยายามจะสลัดทิ้ง ก็เหมือนมันจะคอยตามหลอกหลอนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพราะยิ่งคาดหวังกับทุกสิ่ง ก็ยิ่งเจ็บปวดกับความเป็นจริงทุกอย่างที่ออกมาตรงข้ามกัน ตราบใดที่เขายังมีอีกคนอยู่ในท้อง สุดท้าย เขาก็ไม่อาจจะหนีไปจากสถานการณ์นี้ได้เพียงลำพังโดยไม่ลากใครเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยได้จริงๆ

บีท อาจจะไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่คิด (แต่อันนี้ก็ต้องดูกันต่อไป) เขาก็แค่อีกคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองและคิดว่าสิ่งที่ทำไปนั่นแหละคือสิ่งที่ดีสุดแล้ว เขาว่าเขา "รัก" อิฐ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถยอมรับ "แม่" ของอีกฝ่ายได้ จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เขายอมหัก แต่ไม่ยอมงอ เขาคิดว่าสิ่งที่อิฐควรจะให้ความสำคัญมากที่สุดเป็นอันดับแรกก็คือเขาที่เป็น "คนรัก" พออีกฝ่ายมีสิ่งที่ต้องดูแลให้ความเอาใจใส่ให้ความสำคัญเพิ่มมาอีกสิ่งหนึ่งโดยที่ไม่แม้แต่จะบอกกล่าวหรือขออนุญาตเขาก่อน เขาก็อดไม่ได้ เขาต้องจัดการทำอะไรซักอย่าง อะไรก็ได้ที่ยังทำให้ระยะห่างที่เขาวางไว้ให้อิฐยังเท่าเดิม

#อันนี้ก็แค่ตามที่ผมคิดจากที่อ่านมาอะนะครับ ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างเดียวกับที่คนเขียนคิดเอาไว้เปล่า?

อยากรู้จังว่าพวกเขาจะทำยังไงต่อไป...

มาอัพเรื่อยๆนะครับ คนเขียนขยันมากเลย
ไว้จะลองตามอ่านเรื่องอื่นๆของคุณบ้าง
ยังไงก็สู้ๆนะครับ เป็นกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-27-] [12/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 13-05-2016 01:03:55
มาถึงตอนนี้เราเริ่มคิดละนะ
ว่าอิตาลุงเนี้ยมันต้องคิดอะไรกับแม็กบ้างล่ะ
ไม่งั้นก็คงปล่อยให้แม็กไปแล้ว
จะอ้างแค่ลูกก็ไม่มีน้ำหนักเท่าไหร่
แถมยังหวงก้างไว้อีก
ระวังเห้อะ เดี๋ยวก้างได้ติดคอ
ลุ้นๆๆๆ
บีทเริ่มแสดงความชั่วร้ายแล้ว
มาดูกันว่าอิลุงจะทำอะไรบ้าง
หรือชิลเหมือนเดิม
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-27-] [12/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-05-2016 01:21:08
อ้าว แม็กว่ายน้ำไม่เป็นอีก  :sad4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-27-] [12/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 13-05-2016 01:22:57
ลุงมาช่วยเมียด่วน!!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-27-] [12/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 13-05-2016 07:29:57
บีทน่ากลัว :mew2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-27-] [12/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-05-2016 08:18:40
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 13-05-2016 18:38:57
-28-


   -อิฐ-


   ผมเดินไปที่โต๊ะอาหารอย่างกังวล ถึงแม้ว่าใบหน้าบีทจะยิ้มแย้มดีอยู่แต่แววตากลับมีบางอย่างที่แปลกออกไป ถ้าเขารู้เรื่องที่เชียงรายแล้ว... เป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะไม่ระแวงสงสัย ต่อให้ผมจะพยายามบอกเขาไปแล้วว่าผมกับแม็ก เราไม่มีอะไร แต่เขาจะเชื่อเหรอในเมื่อ...

   ตูม!! ยังไม่ทันที่ผมจะหยิบจานตักอาหารก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นเบื้องหลัง

   ผมรีบหันกลับไปมองอย่างตกใจ หัวใจหล่นไปกองอยู่ที่ปลายเท้าเมื่อเห็นว่าบีทยืนนิ่งอยู่ที่ขอบสระ ส่วนแม็กตะเกียกตะกายอยู่ในสระน้ำ...

   “แม็ก!!” ผมเรียก รีบวิ่งกลับไป ถอดรองเท้าและเสื้อนอกออกโยนก่อนจะกระโดดตามลงไปช่วยเขาทันที

   ช่วงเวลาไม่นาน ผมก็พาร่างที่เปียกโชกของเขามาวางที่ขอบสระ โชคดีที่เขาไม่ได้จมน้ำลงไปนานจนหมดสติ เพียงแค่หลับตาไอแค่กเพราะสำลักน้ำอยู่ในอ้อมกอดของผมเท่านั้น

   “เป็นยังไงบ้างแม็ก” ผมถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมให้พ้นใบหน้านั้น เขาลืมตาขึ้นมองอย่างอ่อนแรง ส่ายหน้าซีดเซียวเป็นคำตอบพอทำให้ผมใจชื้น ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะช้อนร่างเขาลอยขึ้นในอ้อมแขนพาเดินแหวกฝูงไทยมุงออกไปเงียบๆ

   “อิฐ...” ผมชะงักหันไปมอง ผมเห็นแววตากังวลของบีท แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ เดินผ่านเขาไปโดยไม่ตอบรับ เพราะไม่ว่าแม็กจะถูกผลักลงไปหรือตกน้ำลงไปเองก็ตาม บีทที่อยู่ใกล้มากที่สุดก็ใจดำมากเหลือเกินที่นิ่งดูดายไม่ช่วยเหลือ

   ไม่เคยเลย... ผมไม่เคยรู้สึกโกรธเขามากขนาดนี้มาก่อนเลย!

   ระหว่างที่ผมอุ้มแม็กออกมา น้าเพทายเข้ามาถามไถ่อาการของแม็กอย่างเป็นห่วง ผมบอกท่านว่าเขาไม่เป็นอะไรมาก ฝากให้จัดการงานเลี้ยงต่อไปไม่ให้เกิดความแตกตื่น ท่านตกปากรับคำ ส่วนผมก็อุ้มแม็กพาเข้าไปในโรงแรม

   ในห้องพักของโรงแรม หลังจากมีเด็กที่ถือเสื้อคลุมและรองเท้าของผมตามมาส่งให้ที่พร้อมทิ้งกุญแจห้องกลับไป ห้องถูกปิดลงจนเหลือผมอยู่กับแม็กม่าตามลำพัง ผมรีบอุ้มเขาเข้าไปในห้องน้ำ ดึงผ้าขนหนูที่พาดไว้ลงมาคลุมหัวเขา แล้วแกะกระดุมเสื้อออกด้วยความร้อนใจ เพราะเขาเปียกไปทั้งตัวถ้าปล่อยไว้นานคงไม่สบายแน่

   “จะทำอะไรน่ะคุณอิฐ” เสียงห้ามแหลมสูงแหวขึ้นอย่างตกใจ

   “ช่วยเธอเปลี่ยนเสื้อสิ เดี๋ยวไม่สบาย” ผมตอบเรียบๆ ไม่ยอมผละออกไปจนเสื้อเชิ้ตเปียกนั้นหลุดออกเผยความขาว เนียนจนตาลาย ยอดอกสีหวานเตะตาจนชะงักไปชั่วอึดใจ จู่ๆ ก็หายใจไม่ออกขึ้นมาเฉยๆ

   เขาแหงนเงยขึ้นมองผมอย่างประหม่า ใบหน้าแดงก่ำก่อนจะร้องห้ามขึ้นมาเสียงหลง

   “พอแล้วคุณ! ผมทำเองดีกว่า” แขนเล็กที่หมดเรี่ยวหมดแรงหนาวสั่นนั่นผลักแขนผมออกแล้วขยับตัวหนี ทำให้ผมชะงักมือตัวเองที่ถือวิสาสะพยายามเปลื้องผ้าเขาอย่างลืมตัวรีบยืนขึ้นอย่างเขินๆ 

   ก่นด่าตัวเองในใจ... มันใช่มาเวลามาหื่นไหม!

   “เช็ดตัวแล้วเปลี่ยนชุดซะนะ” ผมสั่งในที่สุด ถึงแม้โรงแรมจะไม่มีเสื้อผ้าปกติให้แต่โชคดียังมีชุดคลุมอาบน้ำให้บ้าง

   เขาก้มหน้าลงกอดตัวเองนิ่งอยู่คงเพราะไม่อยากถอดเสื้อผ้าต่อหน้าผม ผมจึงไม่เห็นว่าใบหน้านั่นแดงเรื่ออยู่ไหม เนื้อตัวที่สั่นเทานั่นเป็นเพราะเหน็บหนาวหรือรู้สึกแบบไหน รู้แต่ควรรีบออกไปเสียดีกว่าก่อนจะตบะแตกทำอะไรไม่ควรขึ้นจริงๆ

   “แล้วก็รออยู่นี่นะ เดี๋ยวฉันมา”   


   ผมเดินลงไปด้านล่างทั้งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกออก แต่ตอนนี้มันหมาดๆ ไปบ้างแล้ว บีทยังไม่ได้ไปไหน เขาเข้ามานั่งอยู่ที่ลอบบี้ด้านในโรงแรมราวกับรู้ว่าผมจะต้องลงมาพบ

   ผมยืนนิ่งตรงหน้าเขาไม่ได้เอ่ยคำใด อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น พอเห็นผมก็รีบแก้ตัวโดยที่ผมไม่ได้เอ่ยถาม...   

   “ผมไม่ได้ผลัก เขาลื่นลงไปเอง” คำพูดนั้นฟังดูมีพิรุธมาก น้ำเสียงมีความกังวลเหมือนปกปิดความผิดบางอย่าง

   “ผมยังไม่ได้พูดสักคำว่าคุณทำ ถึงผมจะสงสัยก็เถอะ” ผมดักคอ

   “บางทีมันอาจจะตั้งใจกระโดดลงไปเองเพื่อปรักปรำผมก็ได้” คำพูดนั้นทำให้ผมอดหัวเราะไม่ได้

   “อุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้ แต่แม็กไม่มีทางทำร้ายตัวเองเพื่อโยนความผิดให้คุณแน่นอน” ผมพูดอย่างมั่นใจ เพราะรู้ว่าเขาไม่มีทางยอมเสี่ยงที่จะทำให้ลูกของผมเป็นอะไรไปเด็ดขาด

   “ถึงผมจะพูดอะไร คุณก็คงไม่เชื่อหรอก” เขาทำเสียงงอน แต่ผมก็จับได้ว่าทำไปเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้น

   “บีท... ผมไม่อยากเห็นคุณเป็นแบบนี้เลย คุณเคยเป็นคนหยิ่งทะนง  รักศักดิ์ศรีมากไม่ใช่เหรอ แต่ดูสิ่งที่คุณทำตอนนี้สิ ไม่สมกับเป็นคุณเลย” บีทที่เคยอยู่เหนือทุกสิ่ง ไม่แคร์ต่ออะไรทั้งนั้น เข้มแข็ง และใจเด็ด

   ผมไม่เคยลืมวันเวลาที่ใช้ไปเพื่อเอาชนะใจเขา ตั้งกี่วันกว่าจะรู้ชื่อ และได้เบอร์โทร อีกกี่เดือนกว่าเขาจะไว้ใจ เปิดใจให้ ผมภาคภูมิใจมากแค่ไหนที่ได้อยู่เคียงข้าง ครอบครองและสัมผัส เขามีค่าเพราะกว่าจะได้เขามามันยากมาก   

   “แล้วยังไง! ผมควรเป็นคนแบบไหนในสายตาของคุณ! สูงส่งจนไม่ให้ราคาเมียเก็บ เมียน้อย ทนโง่ไปเรื่อยๆ ต้องอยู่เฉยๆ แล้วรอไปจนกว่าคุณจะถูกแย่งไปจริงๆ งั้นเหรอไง?”

   “แต่ทำแบบนี้มันก็แรงเกินไปนะ ถ้าแม็กเค้าเป็นอะไรไปขึ้นมาคุณจะทำยังไง”

   “ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่ามันว่ายน้ำไม่เป็น” ผมค่อนข้างผิดหวังที่เขายอมรับออกมาอย่างลืมตัวว่าตั้งใจจริง

   “แต่เรื่องที่เค้าท้องอยู่ คุณรู้ คุณผลักเขาแบบนั้น ถ้ามันผิดพลาดจนลูกผมเป็นอะไรไปขึ้นมาล่ะ”

   “ดีสิ จะได้ตายๆ กันให้หมดทั้งแม่ทั้งลูก ไม่อยู่เป็นเสี้ยนหนามตำใจกันอีก” ผมค่อนข้างตกใจกับคำตอบนั้น

   “คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงบีท” ผมถามแววตาบ่งบอกว่าผิดหวังจริงๆ

   “อย่าพูดเลยอิฐ ถ้าคุณจะเข้าข้างมันน่ะ ใช่สิ! ผมมันเก่าแล้วนี่! จะไปสู้เนื้อเด็กได้ยังไง ปากคุณก็บอกไม่คิดอะไร แต่ความจริงผมรู้ว่าคุณชอบมัน!” แววตาของเขาเจ็บปวดที่เอ่ยคำนั้น

   “คุณพูดอะไรของคุณ!”

      “ก็ถ้าคุณแค่อยากมีลูกจริงๆ ทำไมไม่ให้ผู้หญิงท้องให้ล่ะ ผมคงสบายใจกว่า เพราะรู้ว่าคุณไม่มีทางรักผู้หญิง”

   “แต่ผมทำทุกอย่างเพื่อคุณนะ อีกไม่กี่เดือน แม็กก็จะคลอด หลังจากนี้คุณแม่ก็จะไม่มีข้ออ้างที่จะให้ผมแต่งงงานกับผู้หญิงอีก และถึงเราจะคบกัน แม่ก็คงจะไม่ว่า”

   “ถึงว่า... เราก็ยังคบกันอยู่ดี คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้”

   “ผมอยากอยู่กับคุณนะ ผมอยากให้แม่ยอมรับคุณ”

   “แล้วคุณคิดว่าการที่คุณให้คนอื่นมาท้องให้แล้วแม่คุณจะยอมรับผมได้เหรอ หึ! ก็คงไม่อยู่ดี แต่ถึงแม่คุณจะยอมรับผมได้จริง ผมก็ยอมรับเด็กคนนั้นไม่ได้หรอก ผมไม่มีทางจะชอบเด็กที่อยู่ในท้องมันแน่!”

   “แต่เด็กคนนั้นเขาเป็นลูกผมนะบีท”

   “สมมุตินะ ถ้าผมเกิดมีลูกขึ้นมาบ้าง ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม คุณจะรักเขาได้ไหมล่ะ?”

   “รักสิ ต้องรักอยู่แล้ว” ผมตอบโดยไม่ลังเล

   “รักเท่ากับลูกแท้ๆ ของคุณหรือเปล่า” ผมขมวดคิ้ว... ยอมรับว่าลังเล

   “แล้วทำไมต้องเทียบกันด้วย”

   “ไม่เท่าใช่ไหม? แล้วแม่คุณล่ะ เขาจะยอมรับลูกผมเป็นหลานของท่านได้หรือเปล่า?

   “......”

   “เชื่อผมสิว่าไม่มีทาง คุณอาจจะมองผมว่าเป็นคนใจร้าย ใจดำ แต่สิ่งที่ผมพูดมันคือเรื่องจริง มันคือจิตใจที่แท้จริงของมนุษย์ทุกคนที่ไม่มีรักคนอื่นได้เหมือนกับรักตัวเอง ไม่สามารถรักลูกคนอื่นได้เท่าลูกตัวเอง ถ้ามีใครบอกคุณว่าเขาทำได้ เชื่อผมเถอะว่าเขาโกหก”    

   “งั้นเหรอ? จิตใจแท้จริงของมนุษย์ มันเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณไม่รักครอบครัวของผมทุกคน ไม่ว่าจะลูกของผมหรือแม่ของผมใช่ไหมบีท?” ผมถามกลับอย่างเหลืออด สิ่งที่เก็บกดในใจเริ่มปะทุขึ้น...

   “นี่คุณอย่ามาหาเรื่องผมนะ!”

   “เปล่าเลย... คุณทำให้ผมรู้สึกอย่างนั้นเองต่างหาก ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณไม่เคยสนใจใครเลย คุณไม่คิดจะเข้าหาคุณแม่ คุณไม่คิดจะพยายามทำให้ท่านยอมรับ คุณไม่เห็นด้วยกับหนทางของผม แล้วมาตอนนี้... คุณถึงขนาดจะจะฆ่าลูกผมด้วย!”  ทั้งๆ ที่ผมอยากมีลูกมาก แต่ถ้าเขาไม่อยากท้องให้ผมก็พยายามหาวิธีอื่น แต่เขากลับทำลายทุกอย่างทิ้งอย่างนั้นเหรอ?

      “ใช่!! สำหรับผม... มันก็เป็นแค่มารหัวขนที่ถูกใช้มาเป็นข้ออ้างเรียกร้องความสนใจจากคุณเท่านั้นแหละ เพราะพวกมันทำให้เราต้องมาทะเลาะกันแบบนี้ไง เรามีกันแค่สองคน ไม่ต้องมีคนอื่นไม่ได้เหรอไง”

   ทำไมนะบีท... ทำไมคุณต้องให้ผมเลือกด้วย... ผมมีทั้งคุณและลูกไม่ได้ใช่ไหม?

   อีกแค่ไม่กี่เดือน ทุกอย่างก็จะสิ้นสุดแล้วแท้ๆ ผมทนมานานขนาดนี้ อีกแค่นิดเดียวผมเชื่อว่ามันจะผ่านไปได้...

   ผมเห็นแก่ตัวยอมมองดูแม็กเจ็บปวดแบบนี้ โดยไม่ยอมปล่อยเขาไป ส่วนหนึ่งก็เพื่อไม่ให้ผิดสัญญากับคุณ

   ผมทนทำร้ายเขา เหนี่ยวรั้งเขาไว้เพื่อรักษาสัญญาของเรา ผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วความดีของคุณ ความมั่นคงของผมจะไม่มีทางสูญสลาย  เมื่อถึงวันนั้นคุณจะเปลี่ยนใจ  คุณจะรักลูกเหมือนอย่างที่ผมรัก ส่วนผมจะหลงลืมรอยจูบและน้ำตาของเขาได้ กลับกลายเป็นว่าผมตัดสินใจผิดทั้งหมดเลยสินะ

   ผมกลับจะต้องสูญเสียพวกเขาไปหมด...

   “ไม่ได้หรอกบีท แม่เหลือผมแค่คนเดียว ถึงยังไงผมก็ทิ้งท่านไม่ได้หรอก ลูกก็เหมือนกัน ผมก็ทิ้งเค้าไม่ได้ ถ้าคุณยืนยันว่าคุณอยู่ร่วมกับคนที่ผมรักไม่ได้เลยสักคนล่ะก็... เราคงไปด้วยกันไม่ได้แล้วล่ะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า... มันไม่ง่ายเลยที่จะตัดใจ ทำร้ายคนที่ใช้คำว่ารักร่วมกันมานานขนาดนี้ได้ลงคอ แต่...

   “คุณ... คุณจะทิ้งผมเหรอ” เขาถามเหมือนไม่อยากเชื่อว่าผมจะพูดออกไปได้..

   ผมก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าผมพูดออกไปได้ คำพูดที่ยังไงก็คิดว่าจะไม่มีวันหลุดออกมา

   แต่มันคงดีกว่ายื้อกันไปแบบนี้...

   “คุณบังคับให้ผมเลือกเองนะ คุณก็ต้องยอมรับถ้าผมไม่เลือกคุณ”

   “จะรักกันตลอดไป... ชั่วนิจนิรันดร์ คำพูดพวกนั้นมันเป็นแค่คำโกหก สัญญาอะไรนั่นไม่มีจริงสักอย่างใช่ไหม?”

   “ผมเสียใจ แต่การที่คนสองคนจะอยู่ร่วมกันได้ มันคงต้องมีอะไรมากกว่ารัก”

   “ไม่จริง ที่คุณพูดมามันก็เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นแหละ ที่คุณจะไปไม่ใช่เพราะผมไม่ดี แต่เป็นเพราะมันต่างหาก เพราะมันกับเด็กนั่น ถ้าไม่มีพวกมัน...ฮึก...”

   ผมไม่อยากจะเชื่อเลย... ผมไม่เคยเห็นบีทร้องไห้มาก่อน  เขาเป็นคนเข้มแข็งมากเสียจนคิดว่าตลอดชีวิตนี้อาจจะไม่ได้เห็นมันเลยก็ได้ ผมไม่คิดเลยว่าคนที่ทำให้เขาหลั่งน้ำตาได้จะเป็นผม คนที่บอกเขาว่ารักมาก... จะรักและดูแลเขาไปตลอดชั่วชีวิต สุดท้ายผมก็รักษามันไว้ไม่ได้

   “ก็อาจจะจริง ถ้าเขาจะผิด ก็คงเพราะเขามาทีหลัง... แต่คนที่ผิดมากที่สุด ก็คือผมที่เป็นคนพาพวกเขามา... ถ้าคุณจะโกรธแค้น เกลียดชัง ก็โยนทุกอย่างมาที่ผมคนเดียว อย่าไปโทษพวกเขาเลย”

   เราจ้องตากันนิ่งนาน ผมมองเห็นความผิดหวังเสียใจเต็มเปี่ยม ผมก็เสียใจไม่แพ้กันแต่ผมก็ไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ

   “จะเอาอย่างนั้นก็ได้ ผมจะเกลียดคุณ... เกลียดไปจนกว่าเราจะตายจากกัน”  ผมเห็นเขากำมือแน่น ไหล่ตั้งตรงลุกขึ้นเดินผ่านผมออกไปทั้งน้ำตา...

   “ดูแลตัวเองดีๆ นะ บีท”

   ผมขอโทษ... ที่ผมทำตามสัญญาพวกนั้นไม่ได้อีกแล้ว...



+++++++++++++++++++


คดีพลิกซะงั้น...


* หากชอบเรื่องนี้แล้วจะไปลองอ่านเรื่องอื่นด้วยก็ได้นะคะ แต่บอกไว้ก่อนว่า นิยายทุกเรื่องของนิแนวต่างกันไปหมดเลยค่ะ บางทีคนก็สงสัย คนเขียนคนเดียวกันหรือเปล่า ดังนั้นไม่แปลกที่ว่า ชอบเรื่องหนึ่ง อาจจะไม่ชอบเรื่องอื่นก็ได้ เพราะคนละแนวกันเลย *-*
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 13-05-2016 18:48:15
เฮ่อ....เกลี่ยดพระเอก   สงสารบีท  คนที่ทำให้เรื่องทุกอย่างพังก็คือพระเอก  ผู้ชายไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือในนิยายนิสัยไม่ต่างกันเลยจริง ๆ   :z6:
พูดว่ารักบีทแต่การกระทำกลับต่างจากที่ทำกับแม็คโดยสิ้นเชิง  แบบนี้ยังเรียกว่ารักได้อีกเหรอ.....

ดูจากชื่อเรื่องแล้วคนที่ต้องเจ็บคงมีแค่บีทคนเดียวสินะ    :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 13-05-2016 19:05:36
ค้าเดียวตามอ่านเรื่องอื่นด้วยค้าาาา :mew2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-05-2016 19:16:51
เฮ้ออออ. จะว่าบีทร้ายก็ไม่ได้นะ. ชีวิตจริงๆก็คงเป็นแบบนี้แระ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-05-2016 19:25:12
บีทโคตรจะเรียลเลยอะ
ที่ว่ามามันก็ถูกแหละ นั่นไม่ใช่ลูกของบีท
และบีทก็ไม่ได้รักอิฐมากพอที่จะรับได้ทุกอย่าง ตัวอิฐแม่และลูกของเขา
ถ้ารับไม่ไหวก็ไม่ต้องทนดีกว่า
หวังว่าอิฐจะเข้าใจนะว่าตอนนี้อะไรมาก่อน เด็กในท้องไงที่ต้องมาก่อนเพราะจะรอดจะร่วงก็อยู่ที่ผู้ใหญ่รอบข้างนี่แหละ
ว่าแต่นี่แม็กไม่ต้องอัดฮอโมนอย่างหนักเหรอ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: FaiiFay_Elle ที่ 13-05-2016 20:02:34
บีทนี่ให้อารมณ์คนธรรมดาสุดๆเลยนะ สงสารเหมือนกัน แต่ถ้าจะร้ายขนาดยืนมองคนจมน้ำไปต่อหน้าต่อตาได้นี่ถือว่าจิตใจเหี้ยมไปนะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 13-05-2016 20:14:04
คดีพลิกจริงๆ นะแหล่ะ

แต่ไม่คิดว่าบีทจะเห็นแก่ตัวมากขนาดนั้น
ลูกของคนที่ตัวเองรักนะ  เป็นลูกที่เกิดจากวิทยาศาสตร์ อิฐไม่ได้นอกกายไปมีใครที่ไหน ทำไมถึงยอมรับ ทำไมถึงรักเขาไม่ได้ 
ในส่วนของการเข้าหาครอบครัวของคนรักก็เหมือนกัน บีทเคยคิดที่จะปรับตัวเข้าหาบ้างไหม เราเป็นผู้อ่อนอาวุโสกว่า ก็ต้องเริ่มปรับตัวเข้าหาทางผู้ใหญ่ก่อนซิ

อาจจะวิจารณ์บีทมากไปหน่อย แต่เราไม่ชอบวิธีคิดและการกระทำบางอย่างของบีท 
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 13-05-2016 22:08:45
ถึงบีทจะน่าสงสาร แต่ครั้งนี้มันเกินไป
บีทรักแต่ตัวเอง ถึงขนาดจะทำร้ายเด็กที่คุณอิฐอยากมีมาก แถมไม่เคยคิดจะรักเอาใจแม่อิฐเพื่อให้อิฐสบายใจ  จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ถ้าคุณอิฐยังไม่ตัดสินใจเลิกกับบีท ก็โง่เต็มทีแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: orangesmooty ที่ 14-05-2016 00:00:43
 เย่อหยิ่งมีศักดิ์ศรีมันก็ดี แต่กรณีบีทคือมากจนไม่เห็นหัวใคร ทระนงมากเกินไป เรื่องความรู้สึกรักไม่ได้มันมีจริงแหละ ยิ่งถ้ามองถึงเรื่องที่แม็กพัวพันกับอิฐเกินแม่อุ้มบุญปกติ ที่ไหนสักแห่งในใจก็จะทำให้คิดขึ้นมาเสมอ เป็นเราก็คงรักไม่ได้ เรื่องที่สุดท้ายก็ลงมือก็ไม่แปลกใจเหมือนกัน ไม่งั้นแม็กจะ"ถูก"ได้ยังไง ขอไว้อาลัยผู้แพ้ภัยตัวเองอย่างบีท ปกติต้องเป็นนายเอกผู้มาดมั่นไปแล้ว คิดฆ่าลูกพระเอกเลยขาดคุณสมบัติ...
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-05-2016 01:12:18
สุดท้ายก้อจบ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 14-05-2016 01:37:37
อ่าาาาา บีทคงไม่จบแค่นึ้หรอก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-05-2016 01:50:32
คดีพลิก ผิดจากที่คาดไว้เลย 5555
ต่างคนต่างมีเหตุผลในการกระทำของตัวเองอ่ะ
สุดท้ายแล้วมันก็ไม่เข้าใจกันอยู่ดี
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 14-05-2016 02:21:33
 o13อิฐ เธอทำถูกแล้วเราควรรักคนที่ใจดำ ยืนรอดูอีกคนตายต่อหน้าได้เหรอ หึหึ ฉลองให้กับตัวเอง #ทีมเมียเด็ก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 14-05-2016 11:26:12
 :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 14-05-2016 12:44:01
นิยายเรื่องนี้เขียนยากนะ

เพราะแต่ละคนดูเป็นตัวร้ายกันหมด

ไม่ว่าจุดจบจะเป็นยังไง...คือมันไม่ฟินอ่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 14-05-2016 13:43:57
จริง ๆ แล้วมันก็ผิดที่บีทจะคิดแบบนั้นนะ คนทุกคนมีด้านมืด ด้านเห็นแก่ตัวของตัวเอง อย่างในเรื่องนี้ทุกคนก็เห็นแก่ตัวเองหมด 
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-05-2016 14:35:00
ตอนนี้เข้าข้างบีท บีทพูดถูกทุกอย่าง ไม่มีใครไม่เห็นแก่ตัวหรอก!!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: สุนิสา ที่ 14-05-2016 15:47:50
เข้มข้น :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 14-05-2016 16:04:16
เห็นแก่ตัวกันทุกคนเลย ไม่มีใครยอมปรับเพื่อนกันและกันเลย
#ขอให้บีทเข้มแข็ง อาจจะร้ายไปหน่อยแต่บีทคือคนที่ถูกต้องที่สุด และก็เอาแต่ใจตัวเองไปหน่อย  :mew3: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-29-] [14/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 14-05-2016 18:57:11
-29-

   -แม็กม่า-
   
   ผมเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับกระเป๋าเงินและมือถือหลังจากอาบน้ำเสร็จและสวมเสื้อคลุมอาบน้ำที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ หลังจากกวาดตามองไปรอบๆ แล้วพบสภาพห้องที่ว่างเปล่าทำให้รู้ว่าคุณอิฐยังไม่กลับมา...

   เขาคงรีบลงไปเพื่ออธิบายกับคุณบีทว่าการที่เขามีท่าทีห่วงใยผมมากนั้นเป็นเพราะลูกเท่านั้นไม่ใช่เหตุผลอื่น มันจึงสำคัญมากถึงขนาดที่เขาจะรีบลงโดยไม่ได้อาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกก่อนเลย

   ผมถอนใจยาวสลัดความคิดเหล่านั้นแล้วนั่งลงบนเตียง เปิดกระเป๋าเงินดึงเอาบัตรและเงินสดในกระเป๋ามาวางบนโต๊ะเรียงๆ กันเผื่อผึ่งให้แห้ง เทเศษเหรียญแล้วคว่ำกระเป๋าไว้ ใช้ผ้าขนหนูถือเช็ดมือถือที่เปียกในระหว่างความคิดมากมายหมุนวนในหัว...

   ผมกำลังคิดหาวิธีแก้แค้นคุณบีท ผมอยากให้เขาชดใช้ความผิดที่ผลักผมตกลงไปในสระ เพราะตอนตกลงไปถ้าผมโชคร้ายท้องไปกระทบขอบสระเข้าล่ะก็ไม่แค่ลูกคุณอิฐที่อาจจะได้รับอันตราย แม้แต่ตัวผมเองก็อาจจะไม่รอดไปด้วย แต่ผมจะทำอะไรได้ล่ะในเมื่อผมไม่มีอำนาจ และถึงจะฟ้องคุณอิฐไปก็เท่านั้นแหละเขาก็คงไม่รับฟัง มีแต่จะเข้าข้างคนรักเขาเท่านั้น...

   เอ... หรือว่าผมควรจะขอให้พี่ยุทธช่วยดี

   จะบ้าหรือไง! จะให้กรรมการฝ่ายบริหารช่วยเล่นงานไกด์คนนึงที่มีประธานบริษัทเป็นแบ็คเนี่ยนะ!

   ผมกุมขมับแล้วส่ายหน้ากับความคิดตื้นๆ พวกนั้น หยิบมือถือมาดูหน้าจอมืดสนิท จึงพยายามจะกดเปิดเครื่อง แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ขณะนั้นเองก็ได้ยินเสียงประตูห้องเปิด ผมชะงักมือหันไปมองยังทางเดินรอจนคุณอิฐเดินกลับมา

   ความจริงผมมีเรื่องอยากจะถามเขามากมายว่าลงไปคุยอะไรกับคุณบีทมาบ้าง แต่เมื่อเห็นคุณอิฐเดินคอตกเข้ามา คำพูดเหล่านั้นก็กลืนหายลงไปหมด หรือว่าพวกเขาจะทะเลาะกันเพราะผมนะ

   “ทำอะไรน่ะ” จู่ๆ เขาก็หันมาถาม ผมเลิกคิ้วงงๆ แล้วก็ก้มลงมองมือตัวเอง

   “เอ่อ... พยายามจะเปิดมือถือดูว่ามันพังหรือเปล่าน่ะครับ”

   “ยิ่งเปิดยิ่งพังสิไม่ว่า เพิ่งจะตกน้ำมาถ้าไปเปิดปิดทันทีไฟมันจะลัดวงจร ต้องแกะชิ้นส่วนมือถือทั้งหมด แบต ซิมเมม ออกมาเช็ดน้ำแล้วเอาไปแช่ไว้ถังข้าวสารสองสามวันนั่นแหละอาจจะช่วยได้”

   ผมนั่งฟังเงียบๆ ในใจก็คิดว่า นี่เขาเคยทำอาชีพซ่อมมือถือหรือเคยทำมือถือตกน้ำมาหลายเครื่องกันแน่เนี่ยถึงรู้ดีนัก!

   “ครับๆ ผมจะลองทำตามนั้นแล้วกัน แต่คุณน่ะไปอาบน้ำก่อนเถอะ เดี๋ยวจะพังไปก่อนมือถือ”

   เขาพยักหน้าแล้วเดินลากขาเข้าห้องน้ำไป
      


   หลังจากเขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยคุณอิฐก็โทรเรียกรูมเซอร์วิสมารับเสื้อผ้าเปียกไปซัก พร้อมอาหารที่สั่งไว้ขึ้นมาส่งบนห้อง พวกเราไม่ได้ลงไปร่วมงานฉลองข้างล่างอีก คงเพราะไม่มีเสื้อผ้าที่เหมาะสมให้ใส่ ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจงานเลี้ยงงี่เง่าพวกนี้หรอก ผมสนใจผู้ชายที่นั่งหน้าตาอมทุกข์อยู่นี่มากกว่า ใบหน้าเศร้าๆ ของเขาทำให้ความโกรธแค้นจืดจางลงไปเลย บางทีถึงผมไม่พูด คุณอิฐก็คงรู้อยู่แล้วว่าคุณบีทไม่พอใจผม ผมคงไม่จำเป็นต้องพูดหรือทำอะไรมากว่านี้แล้วล่ะมั้ง

   หลังมื้ออาหารอันอึมครึมผมเดินหนีบรรยากาศมาคุเหล่านั้นเดินไปที่ระเบียงห้อง ถือว่าวันนี้เป็นวันเกิดที่พิเศษมากกว่าปีไหน ถ้าไม่รวมเรื่องที่ผมและลูกเกือบจะตายไปแล้วเพราะจมน้ำก็เหมือนถูกพามาพักตากอากาศที่โรงแรมหรู (ไม่รู้กี่ดาว) ห้องพักกว้างใหญ่ตกแต่งสวยงาม พอเปิดม่านออกไปพบว่าอยู่ในชั้นที่สูงมากจนมองเห็นวิวด้านนอกเป็นแสงไฟระยับแปลกตา พอเห็นทิวทัศน์ด้านนอกแล้วค่อยยิ้มออกขึ้นมาหน่อย

   “แม็ก ตั้งแต่พรุ่งนี้กลับไปอยู่บ้านฉันนะ” คำพูดนั่นลอยขึ้นเบื้องหลัง รอยยิ้มของผมแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าแสดงความแปลกใจรีบพลิกกายหันไปมองเจ้าของเสียงที่ยืนเก๊กพิงประตูกระจกอยู่

   “จนป่านนี้แล้ว คุณยังไม่รู้เหรอครับว่าผมออกมาทำไม” คำตอบของผมมีสำเนียงตำหนิ

   “นั่นสิ จะว่าไปฉันยังไม่เคยถามนี่นาว่าทำไม” ผมกลอกตาหันไปมองทางอื่น อดสงสัยไม่ได้ว่า นี่เขาโง่หรือโง่กันแน่เนี่ย

   “ไม่ว่าเหตุผลของเธอคืออะไร ฉันก็ยังยืนยันเหมือนเดิมนะว่าฉันอยากดูแลเธอจริงๆ” จนป่านนี้แล้วทำไมถึงไม่เข้าใจอีกนะ ว่ายิ่งพูดยิ่งทำแบบนี้ผมก็ยิ่งเจ็บ “นี่เธอไม่เกรงใจซูกัสบ้างเหรอ? ไปอาศัยอยู่บ้านเขาตั้งนานขนาดนี้ พลอยทำให้หมอต้องลำบากเทียวไปเทียวมาไปด้วยนะ”

   “ถ้าไม่อยากให้ผมรบกวนใครงั้นก็ปล่อยผมไปซะทีสิ ถ้าคุณไม่ยอมให้ผมไป ผมก็คงต้องอยู่แบบนี้แหละ ที่ผมกลับไปไม่ได้ก็เพราะผมทรมานที่ต้องอยู่ใกล้แต่กอดคุณไม่ได้ ได้อยู่ข้างๆ คุณแต่รักคุณไม่ได้ คุณจะให้ผมทำยังไงล่ะ”

   “ก็ไม่ต้องทำยังไง อยากกอดก็กอด อยากรักก็รัก” เขาตอบกลับมาเรียบๆ ผมหันไปมองด้วยสายตาไม่เข้าใจ    “ฉันเลิกกับบีทแล้ว เมื่อกี้นี้เอง” คำพูดนั้นทำให้ผมเบิกตาค้างไม่แน่ใจว่าหูฝาดไปหรือเปล่า

   “เพราะผมเหรอครับ คุณบีทเลยเข้าใจคุณผิด” เขาส่ายหน้า

   “ไม่ใช่เพราะเธอหรอก แต่เพราะลูกต่างหาก” เขาบอก เงยหน้าตามองท้องฟ้ามืดมนถอนใจยาวแล้วพูดต่อ “ที่จริงฉันก็รู้มานานแล้วนะเรื่องที่บีทไม่ชอบเด็กแต่ฉันก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาคงเปลี่ยนใจทีหลัง ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะ.... ยังไงฉันก็ขอโทษแทนบีทด้วยนะ ที่เขาต้องเป็นแบบนี้ ทุกอย่างก็เป็นเพราะฉันเอง”

   ผมพูดอะไรไม่ออก เพราะแบบนี้เองเขาถึงเศร้านัก จนบางทีผมก็ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเปล่าที่เรื่องมันจบลงแบบนี้

   “แม็ก...” อุ้งมืออุ่นที่กุมมือผมไว้ทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก “ถ้าจะให้ลืมบีททันทีฉันคงทำไม่ได้ แต่ฉันเชื่อว่ามันอาจไม่ยากเท่าไรที่สักวันฉันจะรักเธอได้มากเท่านั้น รอฉันหน่อยได้ไหม”

   ผมหันไปมองใบหน้าด้านข้างเขาสลับกับมองมือตัวเอง บอกตามตรงว่ามันก็เจ็บเหมือนกันนะที่ได้รู้ว่าเขายินดีจะรักผมสักวัน แค่ไม่ใช่ตอนนี้ คุณอิฐนี่ช่างโหดร้ายเหลือเกินที่ไม่ยอมโกหกผมเลย 

   ไม่ว่านั้นจะเป็นคำสั่งหรือคำขอร้องก็ตาม ผมก็คงไม่มีทางเลือกหรอก เราสองคนมีเหตุผลที่จะอยู่ด้วยกันด้วยเหตุผลเดียวกันคือเพื่อลูกของเรา

   ผมควรดีใจที่อย่างน้อยตัวเองก็ยังมีโอกาสได้หวังและได้รักโดยไม่รู้สึกผิดอีก...

   แค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว...

   “ถ้าคุณอยากให้ผมกลับไปจริงๆ ผมจะขอร้องอะไรคุณสักอย่างได้ไหมครับ?” คำตอบของผมกลายเป็นคำขอร้องไปแทน

   “จะขออะไรล่ะ” เขาขมวดคิ้วหันมาถาม

   “ช่วยกินข้าวที่บ้านมากกว่าอาทิตย์ละ10 ครั้งได้ไหมครับ?” ถ้าเขาไม่ต้องแวะไปหาคุณบีทแล้ว แค่กลับไปกินบ้านทุกวัน ผมว่ามันคงไม่ยากอะไรนักหนา

   “เอาสิ แถมให้เป็น 16 มื้อเลยก็ได้” เขาตอบรับด้วยรอยยิ้ม

   “มาจากไหนอีกสองครับ คุณกินมื้อดึกด้วยเหรอ?”

   “ไม่รู้สิ เอาไว้กลับไปเดี๋ยวก็รู้” เขายิ้มกว้าง ผมว่าเขาคงไม่คิดอะไรหรอก แต่ทำไมผมคิด

   “แต่คืนนี้คงต้องนอนที่นี่ก่อนนะ” เขาบอกยิ้มๆ เดินเข้าไปในห้องโดยไม่ยอมปล่อยมือผมเลย ผมเผลอกลืนน้ำลายขณะเดินตามเขาไปถึงเตียง เขาจึงปล่อยมือผมเดินไปปิดไฟและขึ้นไปนอนอีกฝั่งหนึ่งของเตียง

   “วันนี้เหนื่อยมากแล้ว รีบนอนเถอะนะ” คำพูดสั้นๆ นั้นทำให้ผมขึ้นไปนอนบนเตียงตามคำชวน ตะแคงตัวหลับตาลงข่มตาให้หลับ! ภายในใจผมฟุ้งซ่านมากเหลือเกินว่าต่อไปนี้ควรจะทำตัวแบบไหนถึงจะดี

   หมอนสูงจังนอนไม่ถนัดเลย ผมขยับตัวต่ำลงผลักหมอนขึ้นไปไกลๆ เพื่อนอนข้างหมอน แล้วพยายามหลับลงอีก ในช่วงไม่กี่นาทีต่อมาท่ามกลางความมืดนั้น ผมรู้สึกถึงไออุ่นที่เคลื่อนกายเข้ามาใกล้ อ้อมแขนที่สอดเข้ามารั้งตัวผมเข้าไปชิดซบศีรษะที่มาที่คอ ลมหายใจที่เป่ารดทำให้ผมเบิกตาขึ้นหัวใจเต้นตึกตัก

   “คุณอิฐ! ก็ไหนคุณบอกว่าไม่คิดอะไรกับผมไง!”

   “แต่เธอคิดนี่...” คำตอบนั่นทำให้ผมหงุดหงิดใจจริงที่เสียเปรียบอยู่ตลอดเพราะเป็นฝ่ายที่หลงรักก่อน

   “ถ้าต้องทำอะไรที่ฝืนใจก็อย่าเลยครับ...”

   “ทำไมคิดว่าจะฝืนใจล่ะ ตัวเธอออกจะน่ากอดขนาดนี้...”   

   “เพราะเลิกกับแฟนแล้วก็เลยกอดใครก็ได้เหรอครับ” ผมเอ่ยประชด...

   “ถ้าไม่อยากให้กอดก็ได้นะ ฉันจะปล่อย” เขาว่าพร้อมทั้งละมือที่กอดผมออกไปจริงๆ มันทำให้ผมรู้สึกเสียดายขึ้นมา เออดี ประชดไปทำไมก็ไม่รู้ แต่ไม่ทันไรอ้อมกอดที่ผละออกไปเมื่อครู่ก็กลับมาอีก เพียงไม่กี่วินาที

   “ไหนบอกจะปล่อยแล้วไง ทำไมถึงกอดอีกล่ะ?” ผมถามไปอย่างนั้นทั้งที่ใจจริงก็ก็ดีใจนะที่อ้อมกอดนั้นกลับมาอีก

   “ก็เธอไม่อยากให้ฉันกอดเธอ ฉันก็เลยปล่อย แต่รอบนี้ฉันไม่ได้กอดเธอซะหน่อย ฉันกอดลูกของฉันต่างหาก”

   เหอะ! แล้วลูกคุณอยู่ในท้องผมไหมล่ะ!


++++++++++

ดูจากชื่อเรื่องแล้วคนที่ต้องเจ็บคงมีแค่บีทคนเดียวสินะ    :เฮ้อ:

ต้องรอดูต่อไปค่ะ ว่าจะมีใครที่เจ็บบ้าง... แต่ตั้งแต่ต้นเรื่องจนถึงตอนนี้ บีทไม่ได้เจ็บคนเดียวแน่นอน . . .

หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-29-] [14/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 14-05-2016 19:06:44
 :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-29-] [14/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-05-2016 19:25:27
 :katai1:      ดูเหมือนจะดีนะแต่เราเชื่อว่าอิฐต้องป่วนอีกชัวร์ ทำเป็นให้ความหวังดูแลดี
บีทอาจไม่ยอมจบ รักมาพร้อมแค้นอะไรแบบนี้
เข้าใจนะ ใครล่ะที่จะทนดูเขาทิ้งเราไปมีความสุขกับเมียน้อยและลูกได้หน้าตาเฉย
เราว่าบีทไม่ใช่คนที่จะยินดีด้วยได้แน่นอน
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-29-] [14/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-05-2016 19:48:12
เห้ออออ!!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-28-] [13/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 14-05-2016 20:27:08
ผิด ทุก คน...
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-29-] [14/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 14-05-2016 20:41:19
คุณอิฐนี่ จริงๆแล้วก็ชอบแมกอยู่มั่งแน่ๆ
อย่างน้อยก็ถูกใจที่รูปร่างหน้าตา นิสัยไม่โวยวาย แล้วก็เรื่องที่เข้ากับแม่ได้ล่ะนะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-29-] [14/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 14-05-2016 22:24:19
อยากให้แม๊กม่า มีความสุข บ้างสมหวังบ้างเพราะตั้งแต่ต้นเรื่องมา น่าสงสารมาตลอด
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-29-] [14/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-05-2016 22:39:20
แม๊กม่าน่าสงสารมาตั้งแต่ต้นเรื่อง โดนหลอกทำสัญญา ไปรักคนที่มีแฟนแล้ว โดนเข้าใจผิด โดนแซะ สารพัด  :mew5: 

ขนาดอีตาอิฐยังมีมุมเครียดๆ ให้ได้เห็น

บีทเจอคดีพลิกเพราะเห็นแก่ตัวมากเกินไป

บีทไม่ได้เจ็บคนเดียวซะหน่อย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-29-] [14/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-05-2016 23:16:08
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-29-] [14/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 15-05-2016 00:07:14
เอาจริงๆ เพราะมันสั้นไปหรืออะไรอ่ะ
คือเห็นได้ชัดว่าอิฐเห็นแก่ตัวมากอ่ะ
เหมือนจะเอาลูกมาอ้างนั่นแหละ
แต่มันก็เป็นเหตุผลเหมือนกัน
คือมันดูย้อนแยงยังไงไม่รู้อ่ะ
เลิกปุ๊บมากอดแม่ของลูกปั๊บ คือเฮ้ยเร็วเว่อร์
นางชอบแม็กมาก่อนละแน่ๆ
แต่เรากลัวใจบีทอ่ะ กลัวนางจะมาทำร้ายแม็กกับลูก
จะต้องมีคนเจ็บอีกเยอะมั้ยอ่ะ
ขอแบบแฮปปี้ๆ บ้างจิ
 :call: :call:
 :call:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-29-] [14/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-05-2016 02:16:23
บีทจะยอมเลิกจริงๆหรอ
ไม่รู้จะมีมาม่าอะไรอีกไหม
 :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-29-] [14/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 15-05-2016 18:15:47
-30-

               -อิฐ-

    การที่ผมไม่มีบีทดูเหมือนไม่มีอะไรที่ต่างจากเดิมนัก คงเพราะปกติ พวกเราไม่ได้เป็นคู่รักตัวติดที่ใช้ชีวิตร่วมกันทุกวันทุกคืน แต่คำว่า “ไม่มี” มันกลับทำให้รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทุกครั้งที่วันเวลาเก่าๆ ย้อนคืนมา สี่ปี... ไม่ใช่เวลาสั้นๆ  ดังนั้นมันไม่แปลกใช่ไหมที่ผมจะยังคิดถึงเขาอยู่ แม้ว่าข้างกายผมจะมีใครคนใหม่แล้วก็ตาม

   แม็กกลับมาอยู่บ้านผมได้สองสามวันแล้ว ทำให้แม่ดูมีความสุขมาก

   ผมก็ไม่ได้บอกหรอกนะว่าตัวเองไม่มี เพราะบ้านนี้ตอนมีเขาอยู่มันดูเป็นบ้านขึ้นมาเชียวล่ะ!

   เขาตื่นเช้ากว่าผม แล้วชอบเปิดม่านทิ้งไว้ให้แดดส่องเข้ามาจนผมต้องตื่นก่อนเวลาปกติ ชอบเลือกเนกไทแล้วผูกไว้หลวมๆ แบบที่หยิบมาคล้องคอรูดทีเดียวเสร็จ ชอบถือเสื้อนอกให้เวลาผมกลับมา ชอบเอามือถือเปิดเพลงฟังตอนอาบน้ำ ไม่ชอบหนุนหมอน นอนดิ้นไปมา ชอบหาของว่าง แล้วตอนนี้ก็เพิ่มพยายามชงกาแฟด้วยอีกอย่าง!

   “กาแฟครับ” เขาบอกวางถ้วยกาแฟลงที่โต๊ะทำงาน เพราะสัญญาว่าจะกลับมาทานข้าวทุกวันทำให้ผมต้องหอบงานกลับมาทำที่บ้านด้วย

   “ขอบใจ” ผมตอบรับแล้วยิ้มให้ยกขึ้นจิบทันที รสหวานกลมกล่อมที่แตะลิ้นทำให้ขมวดคิ้ว

   “เธอชงเองเหรอ?”

   “ครับ”

   “ใส่อะไรลงไปน่ะ”

   “นมข้นหวานครับ” อ้อ... ถึงว่าสิ หวานแปลกๆ “หวานไปไหมครับ ครั้งหน้าจะได้ลดหน่อย”

   “ไม่หรอกกำลังพอดี อร่อยแล้ว” เขายิ้มเหมือนโล่งอก

   ผมไม่แปลกใจเลยที่แม่ชอบเขา แม้ว่าเขาจะเป็นคนเงียบๆ พูดจาประจบประแจงไม่ค่อยเป็น แต่เอาใจเก่งตามวิธีของเขา เขาชอบดูทีวีเป็นเพื่อนแม่ แม้จะแอบมาบ่นว่าละครน้ำเน่า แต่พอดูด้วยกันก็ติดตามกันไป ชอบคิดเมนูกับข้าวแปลกใหม่ที่บ้านเราไม่เคยกิน โดยเฉพาะของกินเล่น ถึงแม้ชีวิตบางอย่างจะแตกต่างกันมาก แต่ยอมรับเลยว่าเขาปรับตัวกับสภาพแวดล้อมเก่ง รู้ว่าควรจะทำอะไรบวกกับท่าทีอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่คงทำให้ท่านเอ็นดูมาก ผมก็เช่นกัน…

   เวลามีคนดูแลเอาใจ คงไม่มีใครที่ไม่ชอบ...

   “เธอมาก็ดีแล้ว ฉันมีอะไรจะให้”

   “อะไรเหรอครับ” เขาถาม น้ำเสียงตื่นเต้น

   ผมเปิดลิ้นชักหยิบเอาเอกสารบางอย่างออกมา หมุนเก้าอี้ไปหาเขาแล้วยื่นให้ เขาหยิบมันขึ้นดูมีสีหน้าฉงน

   “นี่เป็นสัญญาที่เราทำไว้ร่วมกัน แต่ตอนนี้มันคงไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วล่ะ เพราะเราจะอยู่ด้วยกันในฐานะคนรัก” ผมบอกแล้วดึงกระดาษในมือเขามาฉีกทิ้งก่อนจะโยนลงถังขยะ แล้วหยิบเอกสารใบใหม่ขึ้นมายื่นให้อีก

   “ฉันทำเรื่องโอนรถกับโฉนดบ้านเรียบร้อยนานแล้ว ฉันอยากให้กับเธอ มันไม่ใช่ค่าจ้างหรอกนะ แต่มันเป็นสิ่งที่เธอควรได้ต่างหาก รวมทั้งหุ้นด้วยฉันคงไม่จำเป็นต้องเอาคืน เพราะไม่ว่ามันจะอยู่กับใคร สุดท้ายแล้วก็จะเป็นของลูกอยู่ดีจริงไหม?”

   “ดูเหมือนสถานการในบริษัทค่อนข้างวุ่นวาย ผมว่าถ้าโอนคืนไปน่าจะสบายใจกว่านะ” เขาบอก สายตามีแววกังวล

   “ไม่เป็นไรหรอก ฉันเชื่อใจเธอ” ผมบอกแล้วดึงมือเขาให้เข้ามาใกล้ ไล้นิ้วโป้งไปตามข้อมือเล็ก ก่อนจะดึงตัวเขามากอดไว้ ชื่นใจ...

   เขาตัวเล็กมากเหลือเกิน ทำให้รู้สึกอยากดูแลและปกป้อง ความเยาว์วัยและความไร้เดียงสาดูน่ารักแบบเด็กๆ เนื้อตัวที่สั่นเทา ใบหน้าที่แสดงความขัดเขินเมื่อถูกผมสัมผัส แผ่นอกบางที่กระเพื่อมไหวแสดงการหายใจไม่ปกติมันดึงดูดสายตาทุกครั้งที่ได้ใกล้

   ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทำได้แค่ยืนข้างๆ เดินตามเขาไป ขอแค่ได้มองสักนิดก็ยังดี ได้สัมผัสจับจูงมือบ้างเป็นบางที ความสุขเล็กๆ ที่หลอกตัวเองไปว่าทำไปตามหน้าที่ ทั้งที่อยากกอดเขามากเหลือเกินแต่ทำไม่ได้เลย มันเป็นความปรารถนาลึกๆ ในใจที่พยายามเก็บไว้มาตลอด แต่พอได้กอดแน่นๆ สักครั้ง มันรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลย

   ตึ๊งตึง!

   เสียงข้อความไลน์ดังมาจากมือถือทำให้ความสุขนั่นดับสลายไปทันทีแทนที่ด้วยความรู้สึกผิด จนต้องปล่อยร่างเขาออกไปทันที

   “ไลน์ดังน่ะครับ ไม่กดดูซะหน่อยเหรอ?” คนตัวเล็กหันไปมองมือถือเขินๆ

   “คงไม่มีอะไรสำคัญหรอกมั้ง ไม่งั้นคงโทรมาแล้วละ” ผมตอบเลี่ยงๆ เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อความจากใคร

   “ครับ แล้วนี่คุณจะทำงานอีกนานไหม”

   “ถ้าง่วงก็ไปนอนก่อนเถอะ ขอดูงานอีกนิดนึง เดี๋ยวจะตามไปนะ”

   “ครับ... อย่าดึกมากนักนะ เดี๋ยวจะรวยเกินไป”

   ผมยิ้มรับคำประชดแล้วมองตามร่างเล็กนั่นจนประตูปิดลงจึงหยิบมือถือขึ้นมาดูข้อความไลน์

   ข้อความจากบีท... เป็นรูปภาพที่เขาถ่ายกับผู้ชายอีกแล้ว...

   ตั้งแต่วันนั้น เขาก็ส่งภาพที่กำลังใกล้ชิด นัวเนียกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้ามา

   ผมถอนใจยาวอย่างกลัดกลุ้มเพราะผมรู้ว่าเขาต้องการเรียกร้องความสนใจ ผมรู้ว่าเขาอยากให้ผมกลับไปหา แต่ผมก็รู้ว่าถึงกลับไปตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิม เพราะแก้วที่มันแตกไปแล้วจะประสานยังไงก็คงยังเหลือรอยร้าวอยู่ดี

   ถึงผมจะห้ามตัวเองไม่ให้กลับไปได้ แต่ก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้จริงๆ


   
   ไม่มีสมาธิทำงานแล้ว ผมเดินเล่นเข้าไปในสวนมืดๆ คนเดียว มีเพียงแสงไฟที่สาดมาจากข้างบ้านอยู่ไกลๆ เท่านั้น โชคดีที่บ้านผมไม่มียุงมารบกวน จึงนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยได้ตามสบาย...

   ตอนนั้นกับตอนนี้มันต่างกันยังไงผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ใจหนึ่งก็อยากให้แม็กมีความสุขเสียที เพราะรู้ว่าที่ผ่านมาเขาต้องเจ็บปวดมามากแล้วกับสถานะคลุมเครือและความไม่ชัดเจนของผม อีกใจหนึ่งก็สงสัยว่าผมสามารถมีความสุขบนความทุกข์ของบีทได้จริงๆ เหรอ?

   ผมถอนใจยาวอีกครั้ง แล้วก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบเบาๆ ด้านหลังจึงหันไปดู พบว่าแม็กม่ากำลังหมุนตัวจะเดินกลับไปอยู่แล้ว

   “อ้าว... แม็ก จะไปไหนล่ะ มานี่สิ” เสียงเรียกทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อยคงไม่คิดว่าผมจะหันมาเห็นพอดี

   “ทำไมไม่เดินเข้ามาล่ะ?” ผมถามซ้ำเมื่อเขาเดินมายืนเบื้องหน้า

   “ผมคิดว่าคุณคงอยากคิดอะไรคนเดียวก็เลย...” ใบหน้านั้นเศร้าลงทันที เขาคงรู้ว่าผมกำลังคิดถึงบีทอยู่แน่เลย และแล้วความลังเลใจของผมก็ทำให้เขาต้องทุกข์ใจซ้ำแล้วซ้ำอีกจนได้...

   ผมสูดลมหายใจเข้าแล้วยื่นมือขวาคว้าแขนซ้ายเขาบังคับให้หมุนตัวลงมานั่งบนตักผม แล้วกอดเอวหลวมๆ ซบหน้าอยู่บนหลังเขาแล้วส่งเสียงอ้อน

   “แล้วไม่คิดว่าฉันอาจจะเหงา อยากให้มีคนอยู่เป็นเพื่อนบ้างเหรอ?” ผมถามพลางลูบแขนเขาไปมา

    “ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง ขึ้นไปหาผมบนห้องจะง่ายกว่าไหมครับ” นี่ผมโกหกไม่เก่งหรือว่าเขาจับโกหกเก่งกันแน่นะ...

   “นั่นสิ งั้นลุกเลย กลับห้องกันดีกว่า” ผมบอกด้วยเสียงกระตือรือร้นขยับขาเบาๆ เป็นการเร่งให้เขาลุกขึ้นแล้วจูงมือเขาเดินเข้ามาในบ้าน อีกฝ่ายเดินเอื่อยๆ มีสีหน้างุนงงตามมา

   ผมจูงมือแม็กมาถึงห้องในที่สุด ที่จริงแล้วตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอคนสองคนยืนกุมมือกันโดยมีโลเคชั่นเบื้องหน้าคือเตียงแล้วมันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ นะ

   “เอ่อ... นอนก่อนเลยนะ เดี๋ยวฉันจะไปแปรงฟันก่อน” ผมชิ่งหนีเข้าห้องน้ำ ยืนแปรงฟันแทบจะทุกซอกทุกมุม คิดว่าถ้าเดินออกไปอีกฝ่ายคงนอนหลับไปแล้ว

   แต่พอผมเดินออกไปจริงๆ ห้องก็ยังสว่างอยู่ แม็กม่านั่งห้อยขาอยู่ที่ขอบเตียงนิ่งๆ เหมือนรูปปั้น

   “อ้าว... ก็บอกให้ปิดไฟนอนก่อนไง” ผมทัก

   “ผมอยากนอนพร้อมคุณน่ะ” เขาหันมามองหน้านิ่ง

   ผมพยักหน้าให้เขาแล้วปิดไฟลงเป็นฝ่ายปีนขึ้นเตียงไปก่อน ได้แต่นอนลืมตาโพลงคิดไม่ตกท่ามกลางความมืดจนกระทั่งตัวเย็นๆ ของเขาขยับเข้ามากอดซะเอง

   “คุณบอกผมเองนะว่าผมกอดคุณได้...” เขาเอ่ยดักคอ ทำให้ผมไม่รู้เลยว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี

   ผมยกมือขึ้นอย่างลังเลว่าจะวางบนมือเขาดีไหม แต่แล้วยังไม่ทันตัดสินใจได้ ผมก็ลูบมือเขาเล่นไปซะแล้ว มือเขาเย็นมากทีเดียวราวกับเพิ่งหลุดออกจากห้องแช่แข็ง แต่ยามที่เกลี่ยไล้ปลายนิ้วนั้นกลับรู้สึกร้อนแปลกๆ จนต้องรีบละมือหนี ปล่อยให้เลือดในกายไหลเวียนเป็นปกติตามเดิม...

   “ผมถามซูกัสมาว่าตอนที่ท้องเขามีอะไรกับหมอไหม” ประโยคบอกเล่านั่นทำให้ผมเกือบหยุดหายใจ

   “เหรอ แล้วเขาว่าไงล่ะ?” แต่ก็ยังใจดีสู้เสือถามกลับไปทั้งๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้ว เพราะผมก็เคยถาม

   “หมอว่ามีได้ แต่หมอก็ไม่ค่อยทำอยู่ดี” เสียงนั้นแผ่วเบาจนเกือบหายไปในลำคอ...

   “ทำไม... เธออยากทำเหรอ?” ผมถามกลับตามตรง เขาไม่ได้ตอบแต่คลายอ้อมแขนที่กอดผมออกไปพลัน

   “เอ้า! ถามก็ไม่ตอบ...”

   “ไม่อยากหรอกครับ แต่หาเรื่องคุยไปอย่างงั้นเอง เพราะนึกว่าคุณไม่รู้” เสียงที่เหมือนตะเบ็งตอบมาทำให้รู้สึกว่าตัวเองอาจจะพูดอะไรผิดไปอีกแล้ว

   “เอ่อ... ใจเย็นๆ สิ ฉันแค่ถามดูเฉยๆ ว่าเธออยากให้ฉันช่วยไหม”

   “ก็บอกแล้วไง ว่าไม่อยาก... ขอโทษที่พูดอะไรแปลกๆ ผมน่าจะเจียมตัวเองหน่อยว่าคุณอยู่กับผมเพราะอะไร และไม่ว่าเมื่อไรหน้าที่ของผมมันก็ไม่รวมเรื่องนั้นเข้าไปด้วย!” เสียงแปลกแปร่งขึ้นจมูกทำให้รับรู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มไม่พอใจเข้าจริงๆ แล้ว

   “ไม่ใช่อย่างงั้น... ฉันแค่ไม่อยากให้เธอเข้าใจผิดว่าฉันมีอะไรกับเธอเพราะว่าฉันไม่มีใครเฉยๆ” จำได้ว่าวันก่อนแค่กอดยังประชดว่าเลิกกับแฟนแล้วก็เลยกอดใครก็ได้อยู่เลย! 

   “ถึงมันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมก็ไม่สนหรอก ผมแค่อยากอยู่ข้างๆ คุณ รักคุณและเห็นคุณมีความสุข แค่นั้นก็พอแล้ว ยกเว้นแต่ว่าคุณจะรังเกียจผมจนไม่อยากจะแตะต้อง...ฮึก...”

   โอย... คนท้องนี่ขี้น้อยใจดีจริง! พูดอะไรนิดอะไรหน่อยไม่ได้ เป่าปี่ลูกเดียวเลย!

   “ไม่ใช่อย่างนั้น.... อย่าร้องไห้สิ” ผมพยายามปลอบ ส่งมือไปแตะแขนเขาเพื่อให้อีกฝ่ายอารมณ์เย็นลง แต่ดูเหมือนจะยิ่งสวนทางซะมากกว่า เพราะเสียงร้องไห้ฟูมฟายเริ่มดังขึ้นอีกจนดูเหมือนไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากการดึงตัวเขาเข้ามากอด แต่คนขี้แงก็พยายามดิ้นหนีออกไปพัลวัน

   “พอแล้ว... ไม่ต้องแกล้งทำเหมือนว่าแคร์ก็ได้ ปล่อยผมทิ้งไว้แบบนี้แหละ”

   อยากจะบอกเขามากเลยว่าถ้าไม่อยากให้สนใจก็อย่าทำแบบนี้สิโธ่!

   ที่ง้อก็เพราะแคร์หรอกนะเนี่ย!

   “โอ๋...โอ๋... โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว งอแงเป็นเด็กไปได้น่า”

   “ผมไม่ขำนะ!” เขาหันมาแว้ด ส่วนผมหัวเราะกลับ ยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมเขาออกจากใบหน้าที่เปื้อนน้ำตา

   เห็นเขาพยายามกลืนก้อนสะอื้นทั้งผลักแขนผมออกไปจนผมต้องเป็นฝ่ายจับแขนเขาไว้แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะตัดสินใจแตะปากตัวเองกับปากของเขา มันนุ่มได้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ...

   ผมกำลังเพลิดเพลินกับการจูบเขา ใบหน้าเปียกปอนดูเหมือนกำลังตื่นตระหนกจึงพยายามเคลื่อนศีรษะหนีริมฝีปากที่ครอบครองริมฝีปากนั้นอยู่ แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว... ยิ่งเขาพยายามผละออกไป ผมก็ยิ่งรวบร่างเขาให้แน่นขึ้นอีกไม่ยอมปลดปล่อยให้ใบหน้านั้นเคลื่อนออกห่างไปเลยจนกลายเป็นบดริมฝีปากไปทั่วใบหน้านั้น จนกระทั่งเขายอมหยุดดิ้นปล่อยให้ผมจูบอย่างอ้อยอิ่งนานเป็นนาที เลือดในกายก็ปั่นป่วนร้อนรุ่มจนเกินควบคุมไปซะแล้ว

   รู้ตัวอีกที จมูกและปากก็ซุกอยู่ที่ซอกคอเขา แขนเสื้อกล้ามห้อยหมิ่นเหม่อยู่ที่ข้างแขน

   “พอแล้ว... คุณอิฐ ถ้าคุณต้องฝืนใจมากมายขนาดนั้น ก็ไม่ต้อง...” คนใต้ร่างหายใจหอบ ขณะห้ามปรามด้วยน้ำเสียงน้อยใจไม่เลิกรา ผมถอนใจยาวประคองหน้าอีกฝ่ายเพื่อสบตาแล้ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลออดอ้อน...

   “ฝืนใจซะที่ไหน! ที่จริงฉันกลัวต่างหาก กลัวว่าถ้าสัมผัสเธอ แล้วฉันจะมีความสุขมากเกินไปจนห้ามตัวเองไม่ได้แบบนี้...”


++++++++++
   
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-29-] [14/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 15-05-2016 18:17:40
    -nc-


         
   -แม็กม่า-

   ในที่สุดผมก็ได้กลับมาอยู่ที่บ้านคุณอิฐอีกครั้ง ชีวิตผมก็ดำเนินไปตามปกติสุขดี กิน นอน ดูทีวี เล่นคอม แล้วก็เล่นโยคะ! ความเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างของเขาทำให้บางครั้งผมก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน อย่างแรกเลยคุณอิฐกลับบ้านทุกวันเพราะต้องกลับมาทานข้าวเช้า ข้าวเย็นตามที่สัญญาไว้กับผม จนแม่คุณอิฐเอ่ยแซวว่าพายุจะเข้าประเทศไทยอย่างหนักก็ตอนนี้แหละ!

   เขาแคร์ผมมากขึ้น ช่างอ้อนและปากหวาน และทำบางอย่างที่ทำให้ผมซึ้งใจอย่างมาก คือพยายามซื้อใจผมด้วยการฉีกสัญญาพวกนั้นทิ้ง โอนบ้านและรถพวกนั้นมาให้ แล้วก็ชอบง้องอนผมจนผมเริ่มจะเคยตัวว่าถ้าน้อยใจแบบเปิดเผยแล้วอีกฝ่ายจะง้อตลอด

   ทุกอย่างก็เหมือนจะดี ถ้าไม่ใช่บางทีผมก็สัมผัสได้ว่าบ่อยครั้งที่เขาจะเศร้า บางครั้งที่เขาจะเหม่อ หลายครั้งเขาปลีกตัวเองเพื่ออยู่คนเดียว นั่นคงเพราะเขายังคิดถึงคนของเขาอยู่...

   บางทีผมก็อยากจะเป็นคนโง่มากกว่านี้ มองโลกในแง่ดีมากกว่านี้ ผมจะได้ไม่สังเกตเห็นมัน 
      


   ฉันอยากขอให้เธอมองมา อย่างที่มองเขา
   ฉันอยากขอฟังคำเดียวกัน ที่เธอบอกเขา...

      ฉันอยากขอไปเดินจูงมือ กับเธอแทนเขา
      ฉันอยากขอเป็นคนที่เธอ อยากเจอตอนเหงา…

            (ไม่เคยอยู่ในสายตา – พั้นช์)



   แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ผมควรดีใจที่เขาตัดสินใจเลือกผม

   ถึงตอนนี้เขาจะยังตัดใจไม่ได้ แต่ผมก็ยังหวังว่าอาจมีสักวันที่ทำได้ และผมจะพยายามทำทุกทางเพื่อร่นระยะเวลาเหล่านั้นให้สั้นลง จะอีกกี่ร้อยมารยา อีกกี่น้ำตา แม้ไม่ได้มาซึ่งความรัก ขอแค่เศษเสี้ยวของความสงสารก็ยังดี

   แต่ที่ไหนได้... ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม เขาก็ยังไม่เคยหวั่นไหวเลย

   จนบางครั้งผมก็อยากรู้นักว่าจิตใจของเขาทำด้วยอะไรหรือ มันถึงได้แข็งเป็นหินขนาดนี้

   ตัวผมที่ยอมทิ้งยางอายเสนอตัวให้ยังรู้สึกอับอายกับความหน้าด้านหน้าทนของตัวเองจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ และยิ่งอยากจะหนีหายไปไกลๆ ให้รู้แล้วรู้รอด ครั้นผมพยายามตัดใจล้มเลิกทุกอย่าง เขาก็พยายามหาเหตุผลมาแก้ตัวพัลวัน ซึ่งสิ่งเหล่านั้นผมไม่เคยใส่ใจเลยสักนิด

   แม้ว่าจะต้องเป็นตัวแทนของใคร แม้ว่าสุดท้ายจะต้องเสียใจมากแค่ไหน

   ไม่เป็นไรหรอก ผมทนได้...

   ขอสักนาทีหนึ่ง ไม่สิ... แค่สักเสี้ยววินาทีหนึ่ง ขอให้ผมได้มีความสุข ขอให้ผมได้รับความรักจากเขาบ้างเท่านั้น

   แต่เขาก็กลับรังเกียจ ผมเริ่มลังเลใจว่าผมจะทนได้จริงหรือถ้ามันจะเป็นอย่างที่เขาเคยบอกไว้นานมาแล้ว

   ‘เธอจะมีความสุขแค่ตอนแรกเท่านั้นแหละ แล้วเธอจะทรมานไปชั่วชีวิต’ 

   “พอแล้ว... คุณอิฐ ถ้าคุณต้องฝืนใจมากมายขนาดนั้น ก็ไม่ต้อง...” ผมบอกทั้งที่ยังสะอื้นฮัก เมื่อถูกอีกฝ่ายกอดจูบเพียงเพื่อง้องอนไม่ให้ผมร้องไห้...

   “ฝืนใจซะที่ไหน! ที่จริงฉันกลัวต่างหาก กลัวว่าถ้าสัมผัสเธอ แล้วฉันจะมีความสุขมากเกินไปจนห้ามตัวเองไม่ได้แบบนี้...” ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้มากเหลือเกิน มือใหญ่ที่ประคองคอผมอยู่ถูปลายนิ้วโป้งเบาๆ ที่ปลายคาง ดวงตาของผมส่ายไหว คำพูดของเขาทำให้ผมมีความหวัง เพราะรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณอิฐมีนิสัยอ่อนโยนและใจดีมาก เพียงแต่วางฟอร์มเก่งเหมือนแม่มากไปเท่านั้น

   “ใครห้ามไม่ให้คุณมีความสุขเหรอครับ คุณบีทหรือตัวคุณเอง” ผมถามลับไปอย่างสงสัย 

   “แม็ก...”

   “ถ้าผมขอร้องให้คุณมีความสุขล่ะ คุณจะฟังมันบ้างไหม” ผมส่งสายตาวอนขอ จับมือนั้นมาแนบแก้มตัวเอง

   “ฉันกลัวจะทำให้เธอเจ็บ” 

   “แล้วจะถึงตายไหมครับ?” น้ำเสียงผมประชด

   “น่าจะไม่นะ” ได้ยินเสียงพ่นลมเหมือนกำลังกลั้นขำ ผมทำเป็นไม่สนใจ อ้อนต่อ...

   “ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร... ผมเชื่อใจคุณ”

   ผมมองเขาด้วยแววตาจริงจัง ชั่วอึดใจนั้นเองเขาก็โน้มหน้าเข้ามาหาแตะริมฝีปากเขากับปากของผมเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ แต่ผมกลับไม่เบื่อเลย

   “ฉันชอบเธอนะ... เธอไม่รู้หรอกว่ามันมากแค่ไหน” ก็แค่ชอบมาก... แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นรัก

   ไม่เหมือนกับผม ความรู้สึกที่มีให้เขามีแค่สองอย่าง... คือรัก... กับรักมาก

   แม้ลึกๆ จะรู้ว่าเขาอาจจะแค่เสแสร้งหรือทำเพราะอารมณ์พาไปผมก็ไม่แคร์ ความรักทำให้ผมมีความสุขกับมัน และพยายามไม่นึกถึง ผมจูบตอบเขาจนลมหายใจนั้นแทบขาดห้วงก่อนที่เขาจะผละออกไปไล่ริมฝีปากไปตามลำคอ กระดูกไหปลาร้าและแผ่นอกบาง ส่วนอุ้งมือกำลังเปะป่ายตามหน้าขาและส่วนที่ไม่ควรแตะต้องนั้นทำให้ผมเกร็งตัวหายใจอึดอัด หอบแรงขึ้นอีกอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

   จู่ๆ เขาก็ขยับตัวขึ้นนั่งพับขาแล้วพยายามประคองตัวผมขึ้น มือทั้งสองจับอยู่ที่ขอบเสื้อกล้าม ผมยกมือขึ้นให้เขาถอดมันออกอย่างง่ายดาย พยายามก้มหน้าหนีสายตาที่พยายามจับจ้องมาด้วยแววตาที่ผมไม่เคยเห็น

   รอยจูบที่ย้ำอยู่ที่ลำคอ ความเปียกชื้นที่ปลายลิ้นลากผ่านทำให้ผมตัวสั่น ลมหายใจที่รินรดผิวกายทำให้หายใจติดขัด ปลายนิ้วที่สัมผัสเนื้อตัวอย่างแผ่วเบาและพยายามปลดเปลื้องสิ่งกีดขวางพวกนั้นออกทำให้ตื่นเต้นเหลือเกิน เพียงไม่นาน ผมก็อยู่ในสภาพเปลือยซะแล้ว 

   ตัวเขาอยู่ระหว่างท่อนขาที่แยกออกนั้น ยกสะโพกผมไปทับท่อนขาของเขาแล้วโน้มตัวลงมาจูบ โดยพยายามไม่ทิ้งน้ำหนักลงมาทับให้ผมอึดอัด เป็นไปได้ว่าเขาก็คงห่วงลูกเหมือนกันท่วงท่าเหล่านั้นจึงดูเก้ๆ กังๆ ไปบ้างแต่ก็ไม่ได้แย่ คงเพราะปกติผมก็รู้สึกตื่นตัวง่ายอยู่แล้วแม้เพียงการสัมผัสเล็กน้อย นับประสาอะไรเมื่อปลายจมูกโด่งนั่นซุกไซร้ค่ำลงไปเรื่อยๆ อย่างนี้...

   “อื้อ...” ผมเปล่งเสียงครางเบาๆ เมื่อเขาจูบลงที่หน้าท้องนูนนั่นเบาๆ อย่างรักใคร่ (หรือผมอาจจะแค่หลอกลวงตัวเองไปว่าเกือบใกล้เคียง) รอยจุมพิตที่ฝากฝังไปตามหน้าท้องแล้วกดย้ำลงมาตามหน้าขา และพยายามกระตุ้นความอ่อนไหวจนร่างสะท้าน บิดเร่า... จนปลดปล่อยอย่างรวดเร็วแค่เพียงถูกครอบครองด้วยอุ้งปากของเขา

   “อะ...ขะ... ขอโทษ” ผมขยับตัวลุกขึ้นเอ่ยระล่ำระลัก ทั้งเหนื่อยทั้งอายที่จู่ๆ ก็ปลดปล่อยจนเลอะเทอะ แต่อีกฝ่ายยิ้มเอ็นดู

   “ไม่เป็นไร...ฉันตั้งใจต่างหาก” เขาตอบน้ำเสียงนุ่มนวล “ฉันอยากเห็นเธอมีความสุข”

   ผมเงยหน้าสบตาเขาท่ามกลางความแสงสลัวนั้น

   “ผมก็อยากเห็น...” ผมเอ่ยถ้อยคำที่แฝงความนัยลึกซึ้ง จ้องมองดวงตาที่ทอดสบกลับมา มันช่างนิ่งเหลือเกินจนผมอ่านไม่ออกเลย แต่แล้วเขาก็ยกมือปลดกระดุมเสื้อนอนเนื้อดีนั่นออกเผยแผงอกกว้างเบื้องหน้า

   “งั้นก็สัมผัสฉันสิ” เขาว่าแล้ววางมือผมลงบนอกแข็ง ทำให้แอบกลืนน้ำลาย ผมอาจจะเคยเห็นเขาถอดเสื้อมาก่อนก็จริงแต่ไม่เคยใกล้มากขนาดนี้ ความตื่นเต้นทำให้มือผมสั่นขึ้นมาเฉยๆ จนต้องรีบยกหนี

   ในที่สุดเขาก็ขยับตัวก้าวลงจากเตียง ผมนั่งนิ่งที่เดิมกำมือกดลงที่อกซ้าย...

   เต้นเบาหน่อยไม่ได้เลยหัวใจทำไมเต้นดังอย่างนี้!

   ห้ามหยุด ห้ามถอย ห้ามปล่อยเด็ดขาด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจะล้มเหลวไม่ได้เด็ดขาด!

   ระหว่างที่ผมกำลังสั่งตัวเองอยู่นั้น อ้อมแขนแกร่งก็ดึงร่างผมเข้าไปหาอีก ผมไม่ได้หันไปมองก็รู้ว่าเขาถอดกางเกงออกไปแล้ว คราวนี้หัวใจผมเต้นถี่ขึ้นจนกลัวว่าจะหัวใจวายตายขึ้นมาทีเดียว ตัวเขาที่นั่งซ้อนหลังสอดแขนไว้ที่เอวผม กำลังจูบที่เส้นผมแผ่วเบา ริมฝีปากขบเม้มลงที่ใบหูจนผมตกใจเอียงคอหนีอัตโนมัติ รอยจูบเลื่อนต่ำลงไปที่หลังคอ หัวไหล่มน ท่อนแขน แล้วจับมือผมขึ้นแตะที่ริมฝีปากทำผมทำอะไรไม่ถูกเลย ค่อยๆ หันคอที่ฝืดเคืองหันไปมอง ดวงตาหรี่ปรือเต็มไปด้วยความหวั่นไหว เขายื่นหน้าเข้าหาแล้วจูบผมอีก มือหนึ่งยื่นไปสัมผัสความอ่อนไหวของผมในมือแล้วขยับช้าๆ ผมหลับตากัดปากกับอารมณ์หวามไหวเหล่านั้น รีบวางมือทับมือเขาแล้วเอ่ยห้าม...

   “พอแล้วครับ... เดี๋ยวผมเสร็จอีก คุณทำเลยเถอะ ผมพร้อมแล้ว” ผมบอกออกไปตรงๆ

   “จะไหวแน่นะ...” ในคำถามมีแววลังเลระคนสงสาร

   “ครับ... ทำเถอะ” ผมตอบไปทั้งๆ ที่ในใจก็กลัว หากแต่ความปรารถนากำลังฆ่าผมให้ตายทั้งเป็น...

   ถ้าหากทั้งอ้อน วอนขอ บีบน้ำตา ยั่วยวนถึงขั้นนี้แล้วยังไม่มีอะไรคืบหน้า ก็โปรดฆ่าผมทิ้งเสียตอนนี้เถอะ!! ดูจะเป็นพระคุณมากกว่า เพราะในอนาคตข้างหน้าผมคงไม่กล้าใช้ลูกไม้เดิมๆ แบบนี้อีกแล้ว และแสดงว่าผมหมดหวังที่จะทำให้เขากลับมามองได้อีก

   ในที่สุดคำวิงวอนก็ได้ผล ตัวผมถูกจับให้นอนราบลงไปทางหัวเตียง หมอนถูกสอดลงมาใต้บั้นท้ายให้สะโพกลอยขึ้นตัวเขากลับไปอยู่ที่ช่องว่างตรงหว่างขาผมอีกครา จมูกปากที่คลอเคลียอยู่ที่ซอกขาบวกกับอุ้งมือใหญ่ที่ขยับปรนเปรอให้ทำให้จิกเล็บลงบนที่นอนอีกครั้ง ท่อนขาที่อ้าค้างสั่นระริก แล้วความเยือกเย็นของเจลที่ไม่รู้เขาไปหามาจากจากไหนถูกป้ายลงมาทางช่องทางด้านหลังที่มิเคยมีใครได้ล่วงล้ำมาก่อน ค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วคลึงเล่นและสอดเข้ามาช้าๆ สร้างความหฤหรรษ์ที่ไม่เคยได้รับมาก่อนจนต้องเผยอริมฝีปากค้างมิให้เปล่งเสียงใดออกมา นอกจากเสียงลมที่กักไว้ในลำคอเป็นห้วงๆ

   “คุณอิฐ... อื้อ... ได้โปรด... ผมไม่ไหวแล้ว” ผมส่งเสียงวอนอันสั่นพร่า เพราะร่างกายที่สั่นเทิ้มเริ่มแยกไม่ออกว่าอะไรคือความสุข อะไรคือความทรมาน  สะโพกที่ส่ายไหวไปมาทั้งเหน็ดเหนื่อยกลับไม่สามารถทนเฉยได้ ลมหายใจที่หอบถี่เหมือนคนจะตายโหยหาอากาศ แต่กลับถูกเติมเต็มด้วยความรุ่มร้อนที่จรดลงที่ช่องทางนั้น

   สิ่งนั้นค่อยๆ สอดเข้ามาทีละนิดแทนที่นิ้วเรียวที่เบิกทางอยู่ก่อนนั้น แต่ด้วยขนาดที่แตกต่างกันทำให้ผมเกร็งไปทั้งตัว ความเจ็บปวดที่พุ่งเข้าหาทำให้รู้สึกเหมือนร่างจะแตกเป็นเสี่ยงๆ จนต้องกัดปากแน่นกดเล็บจิกลงบนที่นอน

   “อย่าเกร็งสิ...” เสียงทุ้มลอยอยู่ด้านบน มือใหญ่ถูท่อนขาด้านข้างไปมา

   ผมหายใจแรงพ่นลมออกปากเบาๆ พยายามทำตามแต่ดูเหมือนไม่ได้ช่วยอะไรนักอยู่ดี ตัวเขาเองก็ไม่ได้ฝืนทำต่อด้วย

   “หยุดทำไมล่ะครับ... ผมไม่เป็นไรหรอก”

   เขาไม่ตอบแต่พลิกกายตะแคงตัวไปนอนหงายจับผมพลิกกายขึ้นไปทับ ผมส่งสายตาฉงนงงงวย...

   “ขึ้นเองได้ไหม?”

   “ฮะ!!” ผมส่งเสียงสูง ผมอยากร้องไห้แล้วจริงๆ ครั้งแรกก็จะให้เป็นฝ่ายเดินเกมเองทั้งหมดเลยเหรอ นี่เขาจะโหดร้ายกับผมมากเกินไปหรือเปล่า!

   “ท่านี้มันจะเจ็บน้อยลง” คำอธิบายทำให้แจ่มแจ้งขึ้นก็จริง แต่ก็ยังต้องใช้เวลาทำใจอยู่ดี “แต่ถ้าเธอไม่อยาก... จะไม่ทำก็ได้”

   บางทีในความรัก ผมก็เกลียดเขาเสียเหลือเกิน ทำไมเขาทำให้ผมต้องได้อายครั้งแล้วครั้งเล่า ร้อยครั้งพันหนในค่ำคืนเดียว แต่เพราะความมุ่งมั่นพวกนั้นที่บอกตัวเองว่าถอยไม่ได้ ไม่มีอะไรจะเสียแล้วทำให้ต้องจำยอม...

   ผมค่อยขยับตัวช้าๆ โก่งตัวขึ้นเหนือลำตัวของเขา ยื่นมืออันสั่นเทาจับความใหญ่โตจนน่ากลัวนั้นแล้วกดสะโพกเข้าหา มันทั้งตื่นเต้นทั้งกลัวทั้งเจ็บจนเบ้หน้าแต่ก็ยังต้องการ...

   นานเหลือเกิน ที่ผมลีลาอ้อยอิ่งอยู่อย่างนั้น จนคนที่นอนนิ่งอยู่นั่นทนไม่ไหวขยับเอวสวนขึ้นมาในที่สุด ผมจุกเล็กน้อยแต่บอกตัวเองว่าพอทนไหว ผมนิ่งอยู่ในท่านั้นโน้มตัวลงเท้าแขนกับพื้นเตียงเพื่อพยุงตัวและใช้ช่วงนั้นกอบโกยลมหายใจไม่นานร่างก็เราก็แนบสนิทเกือบเป็นเนื้อเดียวกัน ในเวลานั้นคนด้านล่างก็ยื่นมาขึ้นจูบที่ต้นคอ เกลี่ยนิ้วโป้งกับยอดอกแข็งตึงจนผมเผลอสูดปาก ผมรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเพราะตัวเขาที่ขยับมาใกล้จนติดท้อง จึงฝืนตัวถอยออกมาจากจูบนั่น

   เขาจึงจับเอวผมผลักให้เอนหลังไปแล้วถอดถอนกายออก จับหมุนบังคับให้หันหน้าไปทางปลายเท้าก่อนจะจับสะโพกให้ถอยกลับไปครอบท่อนเนื้อนั้นซ้ำอีกครั้งอย่างช้าๆ จนสุดความยาว ไม่นานสะโพกที่กลืนความแข็งขืนนั่นก็สะเทือนเพราะแรงดันจากด้านล่างเบาๆ

   “อื๊อ...” ผมครางเพราะความซ่านเสียวที่ตามมาหลังการเสียดสีต่อเนื่องจากช้าและเพิ่มจังหวะขึ้นทีละนิด จนมากขึ้น มากขึ้น กระทั่งถูกผลักให้อยู่ในท่าคลานแต่ศีรษะทอดซบเตียงมีเพียงสะโพกที่โก่งขึ้นรับแรงกระแทกที่เพิ่มความเร็วขึ้นตามลำดับ แรงกระตุ้นด้านหลังและมือที่ยื่นมาสัมผัสปรนเปรอส่วนหน้าทำให้ผมหอบกระเส่า ความต้องการมากมายแตกกระจายในเวลาอันสั้น ตัวผมกระตุกเกร็งปล่อยเสียงครางอย่างสุดกลั้นพร้อมกับหลั่งของเหลวในกายเป็นครั้งที่สอง แต่แก่นเนื้อนั่นก็ยังไม่หยุดขยับโยกอยู่ภายในกายของผมไปอีกพักใหญ่

   “อา...” เสียงครางต่ำและแก่นกายของเขาขยับช้าลงจนหยุดนิ่ง ได้ยินเสียงหอบหายใจแรงและส่วนนั้นค่อยๆ ถูกดึงออกอย่างแผ่วเบา ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีต่อมาความอุ่นร้อนไหลผ่านไปตามท่อนขา แล้วเขาก็ขยับตัวไปข้างๆ ให้ผมขยับตัวนอนลงในท่าที่สบายขึ้น ผมนอนหอบแต่ยิ้มอย่างโล่งอก…

   “ขอพักแป๊บนะ เดี๋ยวค่อยไปอาบน้ำกัน...” ผมพยักหน้า ขยับตัวนอนตะแคงบนหมอนเพื่อพักร่างกายที่อ่อนเพลียและบาดเจ็บสักครู่แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่สบายตามเคยจึงร่นตัวลง

   “ทำไมชอบนอนต่ำทุกที ขึ้นมานอนบนหมอนสิ” เสียงคนที่นอนข้างๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงข้องใจ

   “ผมไม่ถนัดนี่” ผมตอบทันทีทำให้เขาถอนใจยาวแล้วยื่นแขนพาดมาสอดท่อนแขนรองศีรษะของผม

   “อย่าเลยครับ เดี๋ยวจะปวด”

   “ไม่เป็นไรน่า นอนเถอะ” เขารั้นไม่ยินยอมฟังคำค้าน ทำหูทวนลมด้วยการใช้แขนอีกข้างโอบกอดตัวผมไว้ แนบกายเปลือยกับแผ่นหลังของผม

   ผมรู้สึกได้ว่าริมฝีปากเขาจงใจจูบบนเส้นผมอีกครา เสียงสูดลมหายใจดังยาวเหมือนสูดกลิ่นหอมที่แสนชื่นใจ อุ้งมือหนาที่ลูบไล้ที่ท้องเบาๆ ทำให้รู้สึกดีมากเหลือเกิน ผมหลับตาลงอย่างเป็นสุข...

   แม้วันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ผมมั่นใจว่าจะไม่มีวันลืม...

   ไม่มีวันลืมว่าผมมีความสุขแค่ไหนที่ได้อยู่ในอ้อมกอดแสนหวานนี้ 

++++++++++
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-30-] [15/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 15-05-2016 18:48:34
อิฐก็เป็นคนนึงที่เอาแต่ใจตัวเองนะ แต่ด้วยความที่เป็นคนดีเลยไม่กล้าสัมผัสแมกทั้งๆที่อยาก และที่เสียใจที่เลิกกับบีทก็ไม่รู้ว่า จริงๆแล้วรักมากรึว่า เพราะได้มายากเลยไม่อยากเลิกกันแน่
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-30-] [15/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-05-2016 18:56:11
 :mew3:  มีการเยี่ยมลูก.
เบาๆเน้อคุณอิฐ
ตอนนี้แม็กก็ได้สถานะเมียเต็มตัวแล้ว
รอพายุของจริงหลังจากนี้
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-30-] [15/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-05-2016 19:19:58
 :a5: เรื่องนี้ไม่คิดว่าจะได้เจอ NC
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-30-] [15/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-05-2016 00:52:35
ตอนแรกคิดว่าคงต้องรอให้อิฐรักแม็กแล้วถึงจะกอดกัน ไม่คิดว่าncจะมาเร็วขนาดนี้
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-30-] [15/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 16-05-2016 01:21:40
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-30-] [15/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 16-05-2016 02:38:05
เหัอออออ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-30-] [15/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-05-2016 04:25:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-30-] [15/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 16-05-2016 05:30:35
Ncจัดตามคำขอของน้องแมกจ้า
.
#ได้กันง่ายไปหรือเปล่า บีทนี่นางไปแรดซะแล้ว น่าจะหนีไปบวชดีกว่านา :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-30-] [15/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-05-2016 08:03:43
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-31-] [16/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 16-05-2016 18:47:54
-31-

   -แม็กม่า-

   ตอนแรกผมไม่อยากตื่นขึ้นเลย เพราะกลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงความฝัน แต่ครั้นตื่นขึ้นแล้ว ความจริงกลับทำให้รู้สึกว่าอยากแค่ฝันอยู่เหมือนกัน!

   รุ่งขึ้น... ผมตื่นสายกว่าทุกวันจึงไม่ทันเลือกเนกไทให้คุณอิฐ เขาไปทำงานตามปกติโดยไม่ได้ปลุกผมลงไปทานข้าวเช้า แต่ให้คนยกอาหารมาให้ถึงบนห้อง ผมลุกมากินได้แค่สองสามคำก็รู้สึกอยากนอนต่อ นอนวนเวียนคิดถึงช่วงเวลาแสนสุขเหล่านั้นซึ่งนับว่าน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับเวลาแสนเศร้า

   ผมอุดอู้อยู่ในห้องทั้งเช้าจนถึงเวลาทานมื้อกลางวันถึงได้เยื้องย่างออกจากห้องนอน...

   “เป็นอะไรแม็ก ทำไมท่าเดินเป็นอย่างงั้นล่ะ?” ผมสะดุ้ง ปั้นหน้าไม่ถูกขึ้นมาเชียวตอนที่เดินเข้ามาทานข้าวกลางวันแล้วท่านถามอย่างนั้น...

   “เอ่อ... ไม่รู้สิครับช่วงนี้ก็ปวดไปหมด ทั้งปวดหลัง ปวดขา” ผมแก้ตัวเสียงอ่อย ค่อยๆ นั่งลงที่โต๊ะอาหาร

   “นั่นสิ ตอนท้องตาอิฐแม่ก็ปวด เดี๋ยวตาอิฐกลับมาจะบอกให้หายามานวดให้แล้วกันนะ” ท่านยิ้มอย่างใจดี

   “อะ... ไม่เป็นครับ เรื่องแค่นี้เองผมทำเองก็ได้...” ผมรีบร้องห้ามน้ำเสียงเกรงใจ เมื่อจินตนาการตอนคุณอิฐมานวดขาแล้วก็หน้าร้อนขึ้นมาทันที

   “ถามจริงๆ เถอะ ตาอิฐมันคงไม่ได้ดีกับเราแค่ตอนอยู่ต่อหน้าแม่เท่านั้นใช่ไหม?” ท่านถามคล้ายจับผิด ถ้าผมบอกว่าคุณอิฐไม่ดีกับผมเขาคงโดนด่าแน่เลย!

   “ครับ คุณอิฐดีกับผมตลอดอยู่แล้วครับ” ผมตอบพร้อมรอยยิ้มสดใส...

   ใช่ ที่จริงเขาดีกับผมมานานแล้ว เพียงแต่ช่วงนี้ดูจะใจดีขึ้นเยอะเลย

   “แม่ดีใจนะ” ท่านเอ่ยด้วยสายตาเอ็นดู

   “เรื่องอะไรเหรอครับ” ผมทำหน้าสงสัย

   “ที่เห็นแม็กมีความสุขน่ะ” ผมมองท่านอย่างซึ้งใจ แล้วเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มขอบคุณ

   ผมก็ดีใจเหมือนกันครับที่ตัวเองจะมีความสุขกับเขาเสียที...


   แล้วชีวิตผมก็ดำเนินต่อไปตามปกติอย่างที่เคยบอก กิน นอน ดูทีวี กิน เล่นโยคะ!

   อันที่จริงผมควรหาที่ว่างๆ ที่โคตรๆ กว้างในบ้านออกกำลังกายนะ แต่ผมต้องดูคลิปด้วยไงเลยคิดว่าเปิดจากคอมน่าจะดีกว่ามือถือก็เลยเข้าไปเล่นโยคะในห้องทำงานคุณอิฐ คิดว่าปลอดภัยไม่มีใครเข้ามาแล้วเชียว แต่ในระหว่างที่กำลังนอนลงดัดขาทำท่าตามคลิปอยู่นั้นเองประตูห้องก็เปิดผลั่วะเข้ามา

   ผมหันคอไปมองที่ประตูอย่างตกใจทั้งที่ยังค้างในท่านอนหงายยกขาเอามือจับไว้ คนหน้าประตูหลุดขำออกมาซะงั้นทำให้ผมเบะหน้ารีบยกขาลงแล้วตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่ง

   “ทำอะไรน่ะ” คำถามยังกลั้วหัวเราะอยู่เลย อยากบอกว่าโคตรอาย  ดีนะไม่มาตอนทำท่าโก้งโค้งอยู่ ไม่งั้นหนักกว่านี้อีก!

   “ออกกำลังกายครับ” ผมตอบเสียงอ้อมแอ้ม

   “อ้อ... งั้นก็ทำต่อสิ”  เขาบอกแล้วเดินเข้ามาหา ผมช้อนตาขึ้นจิก ใครจะไปทำ!

   “เหนื่อยแล้ว เอาไว้เล่นต่อวันหลังก็แล้วกัน วันนี้กลับไวจังนะครับ” ผมเปลี่ยนเรื่อง

   “อือ... ตั้งใจจะกลับมาทานกลางวันด้วย แต่เหมือนจะช้าไป” อ้อ! มื้อกลางวันของวันเสาร์ มื้อที่15 สินะ

   “ถ้างั้นลงไปทานของว่างกันดีไหมครับ เมื่อเช้าไปตลาดเลยเจอของกินมา ไม่ได้กินมาตั้งนานแล้ว”

   “อะไรเหรอ?”

   “ไม่บอก...” ผมปฏิเสธพร้อมรอยยิ้มยียวน ก้มลงตั้งใจจะเก็บผ้าโยคะที่ปูไว้

   “วางไว้เถอะ ไม่ต้องเก็บหรอก เดี๋ยวให้คนอื่นมาเก็บให้ก็ได้”

   “ไม่เป็นไรครับ แค่นี้เอง” ผมคัดค้านแล้วย่อตัวลงไม่ฟังคำเขา

   “อย่าดื้อน่า” เขาปรามด้วยเสียงที่ทอดยาวราวอ้อนมากกว่าดุ พร้อมกับอ้อมแขนที่ยื่นมาประคองไหล่ผมขืนไม่ยอมให้ก้มลงจนผมจำต้องยืดตัวขึ้น เหลือบตาหันไปมองเขาก็พบรอยยิ้มอ่อนโยนทำให้ผมทำหน้าไม่ถูก “ไปเถอะ”

   จากนั้นเขาก็โอบไหล่พาเดินออกไป โดยไม่ได้สังเกตว่าผมแอบชำเลืองมองมือใหญ่ที่บีบไหล่ตัวเองแล้วแอบยิ้มอยู่คนเดียว นั่นถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจริงไหม…


   ผมกับคุณอิฐเดินไปรอที่ศาลาในสวน ต้นไม้ร่มรื่นและสายลมเย็นช่วยดับร้อนจากแสงแดดตอนบ่ายได้พอสมควร

   “ผมขอปลูกต้นไม้สักต้นในพื้นที่ว่างๆ ได้ไหมครับ” ผมถามขึ้นระหว่างรอของว่างมาเสิร์ฟ

   “ได้สิ จะปลูกต้นอะไรล่ะ?”

   “ฝรั่งครับ”

   “ปลูกทำไมล่ะ ซื้อเอาก็ได้นี่”

   “ก็แค่ปลูกเป็นงานอดิเรกเท่านั้นเองครับ ผมชอบกินฝรั่งแช่บ๊วยน่ะ ว่าจะปลูกพันธุ์นี้สักต้นจะได้มีกินบ่อยๆ ไม่ต้องซื้อเค้า” ผมเล่นมุกตลกร้ายทันที

   “หือ... มีเหรอพันธุ์นี้ ไม่ใช่ว่าเอาไปแช่ในน้ำบ๊วยเหรอ?” เขาถามขึ้น ใบหน้าฉงนเหมือนไม่รู้ว่าผมเล่นมุกเลย

   “ไม่ใช่นะครับ มันเป็นชื่อพันธุ์ คงตัดต่อพันธุกรรมให้ได้พันธุ์นี้มา คล้ายๆ ที่ว่าตอนปลูกกล้วยเอายอดปักดินแล้วเอาสตอไปใส่ไง” ผมทำหน้าขึ้นขังจริงจังต่อจนอีกฝ่ายขมวดคิ้วลังเล “คุณไม่เชื่อผมเหรอ?”

   “ไม่รู้สิ รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้” ทีนี้หน้าเขาเริ่มสับสนหนักว่าเดิมอีก

   “งั้นมาพนันกันดีกว่า เดี๋ยวผมจะปลูกต้นฝรั่งต้นนึงที่โตขึ้นแล้วจะกลายเป็นฝรั่งแช่บ๊วย ถ้าผมโกหก คุณจะขออะไรผมก็ได้ แต่ถ้าผมพูดความจริง ผมจะขออะไรคุณก็ได้ดีไหม?” ผมแกล้งท้าไปอย่างนั้นเอง กว่าจะถึงตอนนั้นเขาก็คงลืมไปแล้วว่าเคยพูดอะไรกัน ถึงมันจะต้องเปิดเผยในที่สุดว่าเป็นแค่เรื่องที่กุขึ้น แต่ผมจะถือว่าผมจะได้เอาคืนเรื่องที่เขาหลอกผมให้เซ็นสัญญาไม่เป็นธรรมแล้ว ผมจะได้ไม่ติดใจอะไรอีก...

   “เอางั้นก็ได้ ว่าแต่ปลูกนานแค่ไหนจะออกลูกล่ะ?”

   “ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ น่าจะหกเดือนหรือปีนึง”

   “นานเหมือนกันนะ”

   “ไม่นานหรอกครับ หลังคลอดลูกแป๊บเดียวเอง”

    และถึงตอนนั้นผมจะแพ้ ผมก็ไม่เสียใจ เพราะแค่ได้อยู่ด้วยกัน ได้เฝ้ารอต้นไม้เติบโต ออกดอกออกผล ให้ลูกขี่หลังแล้วบอกเขาว่าต้นไม้ต้นนี้มีอายุเท่าลูกเลยนะ ผมว่ามันคงมีความสุขมากเลย 

   “นั่นสิ ตอนนั้นคงคลอดแล้วเนอะ” เขารำพึงแล้วมือมาลูบท้องผมเบาๆ

   “งั้นหนูต้องเป็นพยานให้พ่อนะว่าแม่พูดอะไรไว้” ผมหลุดหัวเราะ ไม่นึกว่าคุณอิฐจะมีโมเม้นท์อะไรแบบนี้ ก็เด็กทารกที่ไหนจะพูดได้ หรือพูดได้จะจำเรื่องพวกนี้ได้ยังไงกันล่ะ แต่จะว่าไปมันคงเป็นความสามารถพิเศษของคนเป็นพ่อเป็นแม่เนอะ ถึงไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินไหมก็คิดไปว่าเขาจะได้ยิน หลงรักเขาตั้งแต่ยังไม่เคยได้พบหน้า ไม่หวังผลประโยชน์ใด

   รักของพ่อแม่... คือรักโดยไม่มีเงื่อนไขจริงๆ



   ไม่นานจากนั้นของว่างก็ถูกยกมาวาง เป็นเมี่ยงคำที่ไม่ได้กินมาปีกว่าแล้ว

   “เมี่ยงคำเหรอ?” เขาถามอย่างตื่นเต้น สงสัยจะไม่ได้กินมานานเหมือนกันนั่นแหละ

   “ครับ เมี่ยงคำ” ผมรับคำล้างมือในอ้างเล็กที่ขอให้เตรียมมาด้วย ก็ของกินด้วยมือนี่นาก็ต้องสะอาดหน่อย

   “นี่ใบอะไรเหรอ?” เขาถามชี้ไปที่ใบเขียวที่วางอยู่ในถาด

   “ใบชะพลูครับ”

   “ที่กินกับหมากหรือเปล่า?”

   “ชะพลู... คนละอย่างกับใบพลูครับ”

   “มันต่างกันเหรอ”

   “ ชะพลูมันเป็นต้นๆ แต่ใบพลูจะเป็นไม้เลื้อย”

   “ตอนเขาเอามาขายในตลาดน่ะ เขาก็เด็ดมาแล้วนี่ ไม่ได้เอาต้นมันมาด้วยจริงไหม แล้วจะแยกออกเหรอ?”

   “ไม่รู้สิครับ ถ้าเอามากินเมี่ยงเขาก็ใส่มาด้วยกันเป็นชุดๆ อยู่แล้วไม่เห็นต้องสังเกตอะไร แต่ถ้าจะซื้อแยกก็ไม่รู้จะซื้อมาทำไมเหมือนกัน ผมก็ทำกับข้าวไม่เก่งซะด้วย”

   “นั่นสิเนอะ”

   “ทำไมครับ อยากทำเมี่ยงคำขายหรือไง?” ผมแซวที่เขาสงสัยเหมือนเด็ก

    “โธ่ ฉันก็แค่ถามประดับความรู้ไปอย่างงั้นเอง ขนาดฝรั่งเนี่ยยังเพิ่งรู้ว่ามีพันธุ์แช่บ๊วยวันนี้แหละ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ให้อารมณ์ว่าเขาเชื่อเรื่องต้นฝรั่งนั่นเต็มที่เลยนะเนี่ย ผมพยายามกลั้นขำสุดความสามารถ แต่ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นจึงรีบก้มหน้าบรรจงพับใบชะพลูเป็นกรวยแล้วตักเครื่องเคียงต่างๆ ลงไปทีละอย่างจนครบ แล้วยื่นให้เขา

   “ลองชิมดูหน่อยนะครับ” ผมชักชวน... คุณอิฐก็ไม่ยอมหยิบด้วยนะ กลับอ้าปากให้ป้อนซะอย่างนั้น ไม่พอ... อุตส่าห์กัดจนน้ำเมี่ยงไหลย้อย...

   “โธ่คุณ! ทำไมไม่กินไปทั้งคำล่ะครับ” ผมโวยวายเมื่อเมี่ยงในมือแตกออกแล้วเลอะมือจนรีบยัดเมี่ยงคำเข้าปากอีกฝ่ายทั้งคำจนแก้มป่อง

   “อ้ออันอำไอ่อี้” เสียงอู้อี้กลับมาขณะเมี่ยงยังค้างในปากคำเบ้อเร่อ

   ผมส่ายหน้าไม่รู้จะขำหรือจะสมเพชดี รีบดึงกระดาษทิชชูยื่นให้เขาเช็ดปาก ส่วนผมยกมือเปื้อนขึ้นเลียนิ้ว

   “ทำอะไรน่ะ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

   “เสียดายน่ะ มันหวานดีด้วย”

   “ไหน... หวานจริงเหรอ?” เขาถามกลับดึงมือผมไปเลียบ้าง ผมรีบดึงมืออกทันทีเพราะคิดว่ามันสกปรก

   “ทำบ้าอะไรเนี่ยคุณ”

   “ก็ทดสอบดูไงว่าหวานจริงไหม” เขาตอบแล้วยิ้มเผล่ ทำให้ผมเดาไดว่าเขาตั้งใจทำเพื่อทำให้ผมใจสั่น

   “แล้วเป็นไงครับ หวานจริงไหม?”

   “หวานสิ... หวานเหมือนน้ำเมี่ยงเลย” เขาตอบแล้วหัวเราะ คนอะไร ชงเอง เล่นเอง ขำเองก็ได้!

   ผมกลอกตาไม่รู้จะขำดีไหม... ก็ที่กินเข้าไปมันน้ำเมี่ยง จะเป็นรสชาติอื่นเข้าไปได้ยังไงล่ะลุง!



   เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าคุณอิฐเป็นคนจริงจัง เจ้าเล่ห์ เห็นแก่ตัว ทำอะไรเหมือนเด็ก กล่อมคนเก่ง ตอนนี้ก็เหมือนเดิมเพิ่มเติมคือความขี้อ้อนจนน่ารำคาญในบางที ทั้งที่เมื่อก่อนเคยบอกไม่ให้ผมทำอะไรเกินหน้าที่ตัวเองแท้ๆ แต่เดี๋ยวนี้เหรอ... เรียกร้องความสนใจได้ตลอดสิ!

   “แม็ก... เน็กไทเบี้ยวหรือเปล่า มาดูให้หน่อยสิ”  ผมเงยหน้าจากมือถือที่อ่านดราม่าในเฟซเมามันขึ้นแล้วเห็นว่าเขายืนส่องกระจกอยู่ ส่องใกล้ขนาดนั้นไม่เห็นว่าเบี้ยวไหมคือสายตายาวเหรอครับ?

   “ก็ไม่นี่ครับ” ผมตอบทั้งๆ ที่นั่งอยู่ที่เดิม

   “ยังไม่ได้มาดูเลย รู้ได้ยังไง”

   “ผมมองผ่านกระงก...” อันนี้ผมโม้ ตัวเขาเล่นบังกระจกซะมิดใครจะเห็น

   “กระจกมันหลอก... มาดูใกล้ๆ สิ” เยอะจริงๆ เลยคนเรา!

   ผมลุกจากที่นั่งจนได้แล้วเดินไปหาจับไหล่เขาให้หันกลับมาแล้วจัดเนกไทให้ตามที่เขาต้องการไม่วายบ่น

   “คุณนี่เหมือนพ่อผมเลย”

   “อะไร... ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้นซะหน่อย” รีบเถียงกลับทันทีจนผมอั้นยิ้ม

   “หมายถึงนิสัยบางอย่างน่ะครับ”

   “ยังไงล่ะ?”

   “เหมือนจะจริงจังมีเหตุผล แต่บางครั้งกลับไม่เข้าใจอะไรเลย บางอย่างทำเองได้แต่ไม่ทำ เรียกร้องความสนใจ”

   “ฉันเอาใจเธออยู่ต่างหาก” เขาแก้ตัวพร้อมวงแขนที่โอบรอบตัวผมไว้หลวมๆ ทำให้ผมเขินขึ้นมาทันที

   “ยังไงครับ?” ผมถามน้ำเสียงสงสัยคิ้วขมวดเป็นปม

   “ฉันรู้ว่าเธอจะชอบถ้าฉันทำแบบนี้” เขาว่าแล้วกอดผมแน่นขึ้นอีก ผมส่ายหน้าเพลียๆ

   นี่ไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหนกัน!

   “ผมยังไม่ได้บอกสักคำ อะไรทำให้คุณเชื่ออย่างงั้น”

   “ก็เธอรักฉันนี่ เธอก็ต้องมีความสุขเวลาที่ฉันอยู่ใกล้ๆ แล้วก็กอดเธอไว้อย่างนี้จริงไหม?” ผมเถียงไม่ออก ที่จริงผมก็ชอบหรอก แต่ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ที่เขาพูดว่ามันเป้ฯความต้องการของคนเพียงคนเดียว

   “ถ้าคุณไม่มีความสุข ก็ไม่ต้องกอดผมก็ได้ครับ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร” ผมเอ่ยประชดน้ำเสียงงอนๆ แล้วเบี่ยงตัวออกเมื่อทำงานของตัวเองเสร็จแล้ว แต่เพียงหันหลังยังไม่ทันจะเดินไปไหนสักก้าว เขาก็ตามมารวบกอดผมไว้จากด้านหลัง ซบหน้าลงบนบ่า

   “ไม่เอาสิแม็ก...  ฉันล้อเล่น ไม่งอนนะ ที่ฉันกอดเธอไม่ใช่แค่รู้หรอกว่าเธอจะมีความสุข แต่เป็นฉันต่างหากที่มีความสุขมากเวลาที่กอดเธอ จริงๆ นะ”

   ผมยิ้ม... ยิ้มอย่างดีใจกับคำออดอ้อนพวกนั้น...

   ที่คุณดีกับผม เอาใจผม อ้อนผมมากมายขนาดนี้ คุณพูดมันด้วยความรู้สึกแบบไหนหรือ...

   มันใกล้หรือยังครับ ใกล้จะเป็นรักแล้วหรือยัง…

   ผมยังรอมันอยู่นะ... 



++++++++++


บางทีก้รู้สึกดีนะที่ มีคนแปลกใจกับอะไรบางอย่างในเรื่อง

บางทีก็อยากบอกว่า อาจจะยังมีอะไรที่รู้สึกว่าแปลกอยู่อีกก็เป็นได้

36 ตอนจบนะคะ เรื่องนี้  อดทนหน่อยนะคะ   ใกล้ละ  *-*
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-31-] [16/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-05-2016 19:00:46
มีความมุ้งมิ้งในช่วงฮันนีมูนเบาๆ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-31-] [16/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 16-05-2016 19:07:16
อะไรก็ได้ อย่า ดร่าม่าเป็นพอ สงสารแม๊กม่า
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-31-] [16/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 16-05-2016 19:31:24
ไม่ดราม่าพอค่ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-31-] [16/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-05-2016 19:35:41
เริ่มจะมีความหวาน

อิฐเชื่อจริงๆ เหรอว่ามีฝรั่งพันธ์นี้น่ะ  :m29:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-31-] [16/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 16-05-2016 19:51:40
 :ling1: กะลังหวานกัน บีทอย่ากลับมานะจ่ะ
#ปล.ภาตต่อไปขอเอาเรื่องของบีทนะจ้ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-31-] [16/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 16-05-2016 19:53:17
หวังว่า คงไม่มีเรื่องเลวร้ายอะไรอีกนะคะ
ครอบครัวเค้าก็ดูเป็นสุขดีแล้ว อย่ามีเรื่องอีกเลย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-31-] [16/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-05-2016 20:26:20
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-31-] [16/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 16-05-2016 20:29:54
จบไวแหะ มีภาคต่อมิ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-31-] [16/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 16-05-2016 20:50:45
แน่ใจนะว่านี่อิฐคนเดิม?
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-31-] [16/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-05-2016 21:41:39
ลุ้นอยู่ว่าจะมีดราม่าอีกมั้ย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-31-] [16/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-05-2016 22:36:35
รอลุ้นทุกตอนเลยค่ะว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง 5555
อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-31-] [16/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 17-05-2016 03:34:21
หืมมม
ใกล้จบแล้วเหรอ
ไม่มีดราม่าแล้วใช่ไหมอ่ะ
บีทจะมาทวงอะไรคืนรึเปล่า
นึกว่าจะคลอดนู้นแหนะถึงจะจบ
เอาใจช่วย ขอให้หวานแบบนี้ไปนานๆ
ถึงมันจะดูปุเลี่ยนแปลกๆก็เถอะ
อิฐลุคนี้เราไม่คุ้น5555
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-31-] [16/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-05-2016 14:27:30
เหมือนรู้สึกได้ว่าดราม่ายังไม่หมด?
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 17-05-2016 19:10:58
-32-

   -แม็กม่า-
   

   ช่วงนี้คุณอิฐกลับบ้านไวทุกวันไม่ได้เถลไถลไปไหนเลย จนผมสามารถกะเวลาออกมารอเขาได้ แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมกลับช้า แถมทำหน้าเคร่งเครียดอีกต่างหาก จนผมไม่กล้าคุยด้วย ได้แต่เดินอยู่ข้างๆ เท่านั้นรอจนอีกฝ่ายชวนคุยเสียเอง

   “ช่วงนี้เธอยังติดต่อกับพี่ยุทธอะไรนั่นอยู่ไหม” คำถามทำให้ผมหันไปทำสีหน้าแปลกใจ

   “ไม่เลยครับเจอกันครั้งสุดท้ายก็ตอนงานเลี้ยงนู่นแหละ” เขาพยักหน้ารับรู้หน้าติดเครียดนิดหน่อย “ทำไมเหรอครับ?”

   “นี่ใกล้จะหมดวาระประธานกรรมการแล้ว เธอแน่ใจหรือเปล่าว่าตัวแทนของเธอจะไม่ทำให้ฉันลำบาก”

   “ที่จริงผมบอกเขาไว้แล้วว่าต่อไปถ้าพยายามเข้าข้างคุณ คุณก็คงไม่ลดตำแหน่งเขา แต่ถ้าคุณไม่เชื่อใจ จะปลดพี่ยุทธออกจากกรรมการฝ่ายบริหารผมก็ไม่ว่าหรอกนะครับ”

   “ถ้าฉันทำจริงเธอจะไม่โกรธใช่ไหม?”

   “ไม่หรอกครับ ถึงจะรู้สึกผิดไปบ้าง แต่ผมก็เข้าใจว่าเรื่องธุรกิจมันก็ไว้ใจใครไม่ได้หรอก คุณก็ไม่รู้จักคุ้นเคยกับพี่ยุทธเหมือนผม ถ้าจะระแวงผมก็คิดว่าไม่แปลก”

   “หึ! รู้จักคุ้นเคย? สนิทกันขนาดนั้นเลย”

   “ก็พี่เขาเป็นพี่ชายที่หวังดี คอยบอกคอยสอนวิธีการใช้ชีวิตอยู่บ่อยๆ อย่างเช่นเป็นต้นไม้ต้องลู่ลม ไม่อ่อนเกินไป ไม่แข็งเกินไปถึงจะอยู่รอด น้ำขึ้นให้รีบตัก บางอย่างถึงจะฟังดูแย่ไปบ้างแต่ถ้าเลือกเก็บ เลือกจำก็ช่วยในการดำเนินชีวิตได้อยู่หรอกนะครับ”  ผมพูดไปเรื่อยตามที่ใจคิด

   “ไม่ว่าเขาจะหวังดีจริงๆ หรือหวังผลประโยชน์จากเธอก็ตาม บอกตามตรงนะว่าฉันไม่ชอบขี้หน้าเขาเลย ฉันขอร้องไม่ให้เธอติดต่อกับเขาอีกได้ไหม?”

   “ได้สิครับ” ผมตอบพร้อมรอยยิ้ม อะไรก็ตามที่เขาต้องการ ถ้าผมทำได้ ผมก็ยอมทำทั้งนั้นนั่นแหละ

   “ตอบรับง่ายขนาดนั้นเลย?”

   “ถ้าคุณไม่ชอบ ผมก็ไม่ทำ... มันจะยากที่ตรงไหนล่ะครับ”

   “ฉันดีใจนะที่เธอเห็นฉันสำคัญกว่า”

   “เรื่องนั้นมันต้องแน่อยู่แล้วละ ก็ผมรักคุณนี่ ผมจะเห็นคนอื่นสำคัญกว่าได้ยังไง” ผมบอกอย่างเอาใจ

   “หึ! พูดจาน่าจูบจริงๆ” เขายิ้มยื่นหน้าเข้ามาหาเหมือนจะจูบจริง ทำเอาผมหน้าร้อนผะผ่าว

   “จะบ้าเหรอคุณ เดี๋ยวใครมาเห็น” ผมยกมือดันคางเขาไว้พลางมองซ้ายมองขวาเขินๆ

   “นั่นสิ... งั้นเราไปในที่ที่ไม่มีคนเห็นกันดีกว่า” เขาพูดแล้วหัวเราะ ก้มลงช้อนตัวผมลอยขึ้นทันที ผมตกใจจนกำเสื้อเขาแน่น ใจหนึ่งก็กลัวตกแต่อีกใจก็ไม่อยากหนีไปไหน จึงได้แต่ซุกหน้าลงกับอกนั้น

   รู้ไหมครับคุณอิฐ คุณทำให้ผมมีความสุขมากเกินไปแล้ว... 

   
   หลังจากตอนนั้น เพียงวันเดียวพี่ยุทธก็โทรมาหาผม

   “สบายดีเหรอแม็ก...” น้ำเสียงของเขาแม้จะไม่ได้ประชดอย่างชัดแจ้งแต่ก็มีบางอย่างที่ผิดเพี้ยนไป 

   “ครับพี่”

   “นั่นสิน้า สบายดีมีความสุขก็เลยเลิกคิดถึงกัน” คำสัพยอกทำให้ผมไม่รู้จะตอบยังไงดี จะว่าไปมันก็เป็นอย่างนั้นนั่นแหละ ในเมื่อตอนนี้ผมมีความสุขดีโดยไม่ต้องพึ่งพาเขาก็เลยลืมไปเสียสนิท

   “พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ?” เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรจึงเปลี่ยนเป็นคำถามไปแทน

   “ดูสิ แค่อยากคุยด้วยก็ต้องถามหาธุระ” คำตัดพ้อทำให้ผมเผลอถอนหายใจออกมาทีหนึ่งด้วยความลำบากใจที่อีกฝ่ายไม่เข้าเรื่องเสียที ผมแน่ใจว่าพี่เขาต้องมีธุระถึงติดต่อมา

   “ถ้าไม่มีก็แล้วไปครับ พี่สบายดีไหมล่ะ?” ผมตัดบทชวนคุยเสียจะได้ไม่ต้องฟังคำตัดพ้อเหมือนอีกฝ่ายงอนอีก

   “จะว่าดีก็ดี แต่ช่วงนี้ก็ร้อนๆ หนาวๆ อยู่ ยังไม่รู้ว่าจะโดนท่านประธานเล่นงานเมื่อไร ทำไงได้ แอบกิ๊กกับเด็กเขาอยู่นี่...” ผมเริ่มสงสัยว่าผมกับพี่ยุทธนี่ไปแอบกิ๊กกันตอนไหนหรือ? ที่ผ่านมาก็อาจจะมีคุยกันเล่นบ้างก็ตามประสาพี่ๆ น้องๆ แต่ผมไม่คิดอะไรกับเขามากกว่านั้นเลย

   “ถ้ากลัวขนาดนั้นแล้วโทรมาทำไมล่ะครับ” ผมสวนกลับด้วยน้ำเสียงเข้มเล็กน้อย

   “โธ่แม็กก็... คนคุ้นเคยกัน ก็อยากทักทายพูดคุยกันบ้างสิ แต่โทรคุยกันมันไม่เหมือนเห็นหน้านะ พี่ว่าเราไปกินข้าวกันสักมื้อดีกว่านะ”

   “ขอโทษนะครับ ผมไม่สะดวก” ผมรีบตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด เพราะผมรับปากคุณอิฐไว้แล้วว่าจะไม่ติดต่อกับเขาอีก แต่ถึงเขาจะไม่ห้าม ช่วงนี้ผมก็อุ้ยอ้ายจนไม่อยากออกจากบ้านอยู่ดี

   “โธ่แม็ก... ตอนแม็กต้องการความช่วยเหลือพี่ยังช่วยแม็กเลย  พอพี่ลำบาก จะไม่ช่วยเหลือกันบ้างเลยหรือไง” ผมถอนใจเฮือก ขี้เกียจจะเถียงไปว่าผมไม่ได้วานให้เขาช่วยฟรีๆ สักหน่อย ให้เงินขวัญถุงไปตั้งเยอะ! แต่ก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง

   “พี่จะให้ผมช่วยอะไรครับ บอกมาเลยดีกว่า” ผมถามกลับไปตรงๆ เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายพูดจาวกวนไปมาจนผมงงไปหมด ทีแรกบอกว่าอยากทักทายพูดคุย ไปๆ มาๆ อยากให้ช่วยซะอีกแล้ว!

   “มันเป็นเรื่องสำคัญน่ะ บอกทางโทรศัพท์ไม่ได้ แม็กออกมาเจอพี่หน่อยนะ ใกล้ๆ บ้านก็ได้เดี๋ยวพี่ไปหา”

   “ตอนนี้ผมอยู่บ้านคุณอิฐครับ” ผมตอบกลับทันทีอย่างไม่ปิดบัง

   “นั่นแหละ ที่ไหนก็ไปได้ทั้งนั้น หรือจะให้พี่ไปหาที่บ้านเลยก็ได้นะ” เขาทำเสียงจริงจังจนผมต้องรีบร้องห้าม

   “อย่าครับ ไม่ต้องมา” ถ้าคุณอิฐรู้ว่าพี่ยุทธมาหาผมที่บ้าน เขาต้องไม่พอใจมากแน่ๆ เลย

   “งั้นก็ออกมาเจอพี่สิ ไม่งั้นพี่บุกไปหาถึงบ้านจริงๆ นะ” เฮ้อ... ทำไมวุ่นวายแบบนี้นะ!



   ตอนบ่ายของวัน... ผมนั่งรอพี่ยุทธที่ร้านไอศกรีมแห่งหนึ่ง นั่งละเลียดชิมของหวานโดยไม่รอ แต่คนที่เอ่ยปากนัดก็ไม่ยอมมาเสียทีจนผมต้องหยิบมือถือขึ้นดูเวลาหลายครั้งอย่างกังวล กระทั่งเก้าอี้ตรงกันข้ามถูกเลื่อนออก ผมเงยหน้าขึ้นกำลังจะบ่นที่เขามาช้าแต่คนเบื้องหน้ากลับไม่ใช่พี่ยุทธ

   “สวัสดีครับคุณธมล” เสียงหวานและรอยยิ้มนั่นดูไม่น่าไว้ใจยังไงก็ไม่รู้จนผมมีสีหน้าอึดอัด “หรือถ้าเรียกแบบสนิทสนมหน่อยก็ต้องเรียกว่าพี่สะใภ้ใช่ไหม?”

   “สวัสดีครับคุณแผ่นฟ้า” ผมทักทายตามมารยาทด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก

   เขายิ้มตอบถือวิสาสะนั่งลงแล้วหันไปเรียกพนักงานมาสั่งไอศกรีม

   “เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมมีนัดน่ะ ไม่ได้มาคนเดียว” ผมเอ่ยเพื่อไล่เขาไปอ้อมๆ

   “คนที่นัดคุณน่ะเขาไม่มาแล้วละ เขาให้ผมมาแทน” ผมเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจอ้าปากจะถาม แต่ก็รู้สึกว่าคงงี่เง่าถ้าถามไปว่า ‘หมายความว่ายังไง?’

   “ขอโทษด้วยนะที่ต้องทำแบบนี้ ผมอยากหาโอกาสคุยด้วยมานานแล้วแต่คุณก็ใจแข็งเหลือเกิน”

   “ผมเคยบอกคุณไปแล้วนี่ครับว่าผมไม่คิดจะขายหุ้นหรืออะไรทั้งนั้น และคุณก็เป็นญาติคุณอิฐ ถึงจะไม่สนิทกันมาก แต่ก็น่าจะรู้ว่าผมกับคุณอิฐมีความสัมพันธ์กันยังไง ถ้าผมทรยศคุณอิฐได้ก็เท่ากับทรยศลูกตัวเองด้วย”

   “ผมรู้ ว่าคุณทำทุกอย่างเพื่อลูก แต่พี่อิฐจะเป็นคนแบบนั้นเหรอ? เพื่อลูก... เขาจะยอมเลิกกับคนที่รักมากๆ อย่างบีทได้จริงๆ เหรอ แน่ใจได้ยังไงว่าพวกเขาเลิกกันจริงๆ ไม่ได้หลอกคุณน่ะ”

   “แล้วทำไมเขาต้องหลอกผมด้วยล่ะ”

   “ก็เพราะว่าคุณไม่ได้มีแค่ลูกอย่างเดียวไง ถ้าเขาเสี่ยงตัดรอนคุณ เขาก็เสี่ยงที่จะสูญเสียอิทธิฤทธิ์ไปด้วย เขาก็เลยต้องแกล้งทำเป็นว่ารักคุณมาก มากถึงขั้นเลิกกับแฟนได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียทั้งสองอย่างไป แต่สักวันนึงที่เขาได้สิ่งที่ต้องการคืนมา คุณก็จะไม่เหลืออะไรเลย” ผมกำมือแน่น รู้สึกโกรธเขามากที่จงใจใส่ร้ายคุณอิฐมากมายขนาดนี้

   “ผมไม่เชื่อคุณหรอก ผมรู้ว่าคุณโกหก เพราะคุณอยากให้ผมโกรธเกลียดคุณอิฐ จะได้ขายหุ้นให้คุณใช่ไหมล่ะ?” ผมตะคอกถาม อีกฝ่ายมีเพียงรอยยิ้มไม่สะทกสะท้าน

   “ดูเหมือนว่าคุณจะเชื่อใจพี่อิฐมากนะ เรามาคอยดูกันดีกว่าว่าเขาจะเชื่อใจคุณหรือเปล่า เผื่อว่าคุณจะเปลี่ยนใจทีหลัง...” รอยยิ้มของเขาทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลยมันเหมือนคนมีแผนการบางอย่าง...

   แล้วก็จริง...

   “แม็ก!! เธอมาทำอะไรที่นี่” หัวใจผมเต้นแรงเมื่อได้ยินเสียงทักทายจากคนที่รู้จักคุ้นเคยกันดี หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม

   ผมหันไปมองอย่างตกใจ ทำไมคุณอิฐถึงมาอยู่ที่นี่ได้...

   หรือว่าจะเป็นแผนการ คุณแผ่นฟ้ากับพี่ยุทธรวมหัวกันเรียกให้ผมมา แล้วก็ตามคุณอิฐมาที่นี่ด้วยแน่เลย

   “มาพอดีเลยพี่อิฐ... เรากำลังตกลงราคาขายหุ้นกันอยู่น่ะ แต่ตกลงกันไม่ได้ซะที สงสัยผมจะให้น้อยไปหน่อย” คุณแผ่นฟ้าโกหกหน้าตาย รอยยิ้มที่ส่งให้คุณอิฐยียวน ผมเห็นเขากำมือแน่น ใบหน้าเคร่งเครียดขบสันกรามแน่นอย่างน่ากลัว

   “คุณอิฐ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ” ผมพยายามอธิบายอย่างร้อนรน...

   “แม็กม่า! กลับบ้านเดี๋ยวนี้!!” เขาหันมาคำรามใส่ผมทันที

   “กลับบ้านดีๆ นะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมขอไปคุยกับพ่อดูอีกทีว่าจะเพิ่มให้สักเท่าไรได้ แล้วเราค่อยมาคุยกันอีกทีนะครับคุณพี่สะใภ้”

   “พอเลยไอ้ฟ้า!! กูไม่อนุญาตให้มึงมายุ่งกับแม็กอีก เข้าใจไหม!” เขาหันไปตะคอกใส่คุณแผ่นฟ้าแล้วปรายตามองผมอย่างโกรธเคืองโดยไม่พูดอะไรต่อ อุ้งมือใหญ่จับข้อมือผมลากถูลู่ถูกังออกมาที่รถ

   “ฉันเปลี่ยนใจขอหุ้นคืนตอนนี้ทันไหม? รู้สึกว่ามันจะทำให้เธอเนื้อหอมมากเกินไปแล้วนะ” ในคำถามมีความไม่พอใจในน้ำเสียงอย่างชัดเจน...

   “ก็เอาไปสิครับ ผมก็ไม่เห็นจะอยากได้ ถ้ามันจะทำให้วุ่นวายขนาดนี้!” ผมตอบกลับอย่างหงุดหงิด ก็ความจริงผมก็บอกให้เขาเอาคืนไปตั้งนานแล้ว เขาเองนั่นแหละที่บอกว่าไว้ใจผม แล้วมาตอนนี้ก็กลับคำง่ายๆ

   “ไม่อยากได้ก็เลยจะขายใช่ไหม? เป็นไง? ตกลงกันไปถึงไหนแล้วล่ะ?”

   “คุณอิฐ!” ผมกดเสียงต่ำ ทั้งไม่พอใจทั้งผิดหวังจนปวดเบ้าตาหนึบๆ

   “โอเค... อย่าร้องสิ ฉันไม่ประชดก็ได้ ถ้าไม่อยากให้ฉันโกรธก็ตอบมาตามความจริง ทำไมเธอถึงมาเจอเขาที่นี่?” เขาแตะไหล่ผมเบาๆ คล้ายปลอบโยนแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เย็นลงกว่าเก่ามาก

   “พี่ยุทธนัดให้ผมมา” ผมไม่รู้จะทำยังไงนอกจากบอกความจริง “เขาบอกว่ามีบางอย่างขอให้ช่วย ไม่งั้นจะไปหาที่บ้าน ผมก็เลยมาตามประสาคนที่เคยรู้จักกัน ผมไม่ได้อยากมา แล้วก็ไม่รู้มาก่อนด้วยว่าจะเจอคุณแผ่นฟ้าที่นี่”

   “อ้อ... นี่ฉันควรดีใจหรือเสียใจดีเนี่ยที่คนที่เธออยากเจอไม่ใช่ไอ้ฟ้าแต่เป็นกิ๊กเก่า!” ผมอ้าปากค้าง อยากพูด อยากเถียงอะไรมากกว่านี้แต่คิดอีกทีผมก็ผิดจริงๆ ที่หลงเชื่อคำพูดของพี่ยุทธจนทำให้เขาเข้าใจผิด สมควรแล้วที่เขาจะโกรธ   

   “ผมขอโทษ ผมเสียใจ ผมไม่คิดว่าพี่เขาจะทำแบบนี้” ในเมื่อผมเป็นคนผิดก็ควรยอมรับผิดตามตรงน่าจะดีกว่า

   “ดูท่าฉันคงเอาเขาไว้ไม่ได้แล้วจริงๆ นั่นแหละ เพราะถ้าเขาอยู่ต่อให้เธอจะไม่ขายหุ้นไป ฉันก็คงเด้งจากตำแหน่งประธานสักวันแน่ๆ”

:catrun:

   “คุณอิฐ... อื้อ...” ผมส่งเสียงครางอือเมื่อรอยจูบดูดดุนไล่ไปตามไหล่เปลือย อุ้งมือใหญ่ล้วงลงไปในขอบกางเกงในเพื่อสัมผัสแกนกายจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว   

   ตั้งแต่กลับมา คุณอิฐก็ระบายความไม่พอใจของเขาด้วยการลากผมมาที่ห้อง จับผมผลักกดจนติดกำแพงแล้วลวนลามผมหนักมาก จนผมตัวงอเป็นกุ้งโดยอัตโนมัติเพื่อหลีกหนีการรุกรานอันสร้างความเสียวซ่านไม่รู้จบนั่น 

   “เธอผิดสัญญา ต้องถูกลงโทษ” น้ำเสียงเข่นเขี้ยวช่างสวนทางกับอ้อมกอดอุ่นที่รั้งร่างผมไว้ไม่ให้ทรุดกายลงไปกอง รอยจูบและอุ้งมือใหญ่กำลังให้ความสุขผมมากกว่าจะเป็นการลงโทษที่ว่า

   “ทำไมผมไม่รู้สึกว่าคุณกำลังโกรธอยู่เลย” ผมเอ่ย ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะต่างกับการมีอะไรกันครั้งอื่นๆ เท่าไรนัก

   “ตอนแรกก็โกรธ แต่มันอาจจะหายไปแล้วตอนที่ได้สัมผัสเธอ ฉันมีความสุขจนลืมเรื่องอื่นไปเลย” เขาตอบไม่วายไล่เล็มริมฝีปากขบเม้มที่ใบหูจนผมต้องย่นคอหนี หากแต่ไม่เป็นผล ได้แต่แต่หอบลึกเมื่อตัวเองอยู่ในห้วงอารมณ์หวามไหว

   ไม่นานกางเกงที่สวมอยู่ก็หลุดลงไปกอง เขาสอดท่อนขาแทรกลงมาเพื่อบังคับให้ผมแยกขาออกแล้ว แล้วจึงสอดนิ้วแกร่งเข้ามาในกายอย่างแผ่วเบา จนผมเผลอเปล่งเสียงในลำคอออกมา การรุกเร้าและบทรักก็ยังดำเนินต่อไปอีก จนเขาพยายามจะย่อตัวเพื่อสอดร่างเข้ามา แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จเพราะผมเตี้ยเกินว่าจะทำอะไรกันในท่านี้ได้ จุดหมายปลายทางจึงถูกเปลี่ยนเป็นเตียงดังเดิม

   และเขาก็ประสานร่างเราเข้าด้วยกันด้วยกิริยาที่อ่อนโยนทะนุถนอมดังเดิมจนผมก็ลืมไปแล้วจริงๆ ว่าตอนแรกเขาโกรธ และผมยังได้รับการดูแลจนถึงฝั่งไปตั้งสองรอบ ก่อนที่ร่างของเราจะก่ายเกยนอนกอดกันในที่สุดเมื่อสิ้นสุดกิจกรรมเสียเหงื่อเหล่านั้น

   จนบางทีผมก็คิดใจใจขำๆ ไม่ได้ว่า ถ้าเขาโกรธแล้วจะลงโทษกันด้วยวิธีแบบนี้ล่ะก็ ผมคงไม่กลัวเขาหรอก คงอยากทำผิดบ่อยๆ ซะมากกว่า ผมยิ้มคนเดียวเอียงตัวเข้าไปซบอกคนที่นอนนิ่งนั่นแล้วเอ่ยถามเล่นๆ
ต่ไม่รู้ว่าหลับหรือยัง

   “น้อยไปสิ  อย่าลืมสิว่าตอนนี้เธอเป็นของฉันแล้วนะ” เสียงนุ่มกระซิบตอบอยู่ริมหูระหว่างกอดผมอย่างแนบชิด

   ผมก้มหน้าซ่อนยิ้ม อดคิดไม่ได้นะว่าคำพูดแบบนี้โคตรโบราณเลย แต่ความรักมักทำให้คนตาบอด จึงมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป ผมถึงชอบมันมากขนาดนี้...

   “ยิ้มอะไร?” เขาลืมตามาเห็นพอดีจึงเอ่ยถาม..

   “ผมดีใจ... ผมไม่เคยเห็นคุณหึงมาก่อน”

   “จะบอกความลับให้อย่างนึงเอาไหม?”

   “อะไรเหรอครับ”

   “ตอนที่ฉันเจอเธอที่ร้านอาหารแล้วเธอมากับเขาครั้งแรก ฉันหึงมากเลยละ”

   “จริงเหรอครับ ผมคิดว่าคุณแค่โมโหเท่านั้นซะอีก”

   “ตอนที่เธอทำน้ำหกแล้วถูกเขาเช็ดขาอ่อนให้น่ะ ฉันแทบอยากจะลุกขึ้นไปกระชากคอมันเลยละ แต่ก็ทำไม่ได้” ผมเลิกคิ้ว ไม่แน่ใจว่าผมโง่จนมองเขาไม่ออกหรือเขาเก็บอารมณ์เก่งเกินไปกันแน่

   “ทำไมถึงหึงล่ะครับ ตอนนั้นคุณไม่ได้คิดอะไรกับผมไม่ใช่เหรอ?” เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ ส่วนเขาก็มีท่าทีอึกอัก...

   “เอ่อ... นั่นสิ ฉันคงใช้คำผิดไป ตอนนั้นน่าจะเรียกว่าหวงมากกว่าตามประสาผู้ชายเห็นแก่ตัวทั่วๆ ไป” เขาแก้ตัวเฉย

   “แล้วตอนนี้ล่ะครับ?”

   “ทั้งสองอย่างเลย” เพราะรักหรือเปล่านะ มันใช่รักแล้วหรือเปล่า

   “ตอนนี้ฉันหลงเธอมากนะรู้ไหม” คำตอบนั้นทำให้รอยยิ้มผมจืดจางลงในพริบตา แม้อ้อมกอดนั้นจะยังไม่จางหายไปไหนเลย ความอบอุ่นยังโอบล้อมร่างผมอยู่อย่างแนบแน่น

   “เพราะฮอร์โมนเพศหญิงที่ไหลเวียนอยู่มากหรือเปล่าทำให้รู้สึกว่าตัวเธอนุ่มนิ่มไปหมด หรือเพราะเธออายุน้อยกว่ามากเลยทำให้ติดใจง่ายๆ ฉันเพิ่งจะเข้าใจความรู้สึกของหมอที่หลงซูกัสขนาดนั้น ติดอกติดใจจนไปไหนไม่รอด ไม่อยากปล่อยเลยสักวินาที” คุณอิฐยังบ่นพึมพำอยู่คนเดียวเหมือนคนเพ้อ ผมไม่อาจให้คำตอบเขาได้...

   ผมเฝ้าแต่ครวญถามตัวเองซ้ำไปมา... ความหลงใหล ติดอกติดใจ มันใกล้เคียงคำว่ารักแล้วหรือยัง? ทั้งๆ ที่เราอยู่ใกล้กันมากขนาดนี้ ลึกซึ้งขนาดนี้ ทำไมเขายังไม่ยอมบอกรักผมสักทีนะ

   ต้องรออีกนานแค่ไหนถึงจะได้ยินมัน... คำว่ารัก


++++++++++
อย่าไว้ใจนิเลยค่ะเพราะ ถึงจะใกล้จบก็ยังมีอะไรให้ลุ้นอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-05-2016 19:17:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-05-2016 19:23:51
 :mew2:   โอ้วแต่ละคน
น้องแม็กรับบทหนักตลอดอะ
มีความระแวงค่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 17-05-2016 19:24:50
 o22 ไม่เอามาม่าแล้ว
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 17-05-2016 19:29:38
อยากให้จบแบบแฮปปี้นะ
แต่คิดว่าไม่มันไม่เข้าอ่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: สุนิสา ที่ 17-05-2016 19:31:46
 :katai5:รอ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 17-05-2016 19:41:41
รอบทสรุป :mew2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 17-05-2016 19:53:44
ดูวนเป็นวงกลม ไม่มีจุดสิ้นสุดไงไม่รู้แหะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 17-05-2016 20:10:13
จะลงเอยแบบไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 17-05-2016 20:19:02
 :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 17-05-2016 21:18:48
น่าสงสารน้องแม็กอ่ะ เจอบทหนักตลอดศก  :hao5:
ตอนหน้าคงไม่น้ำตาท่วมนะเจ้าคะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 17-05-2016 21:45:37
คำถามมากมายที่ไม่มีคำตอบ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 17-05-2016 21:53:32
จากนี้ไปงดมาม่าบ้างก็ดีนะคะ อ่านมานี่บอกเลยสงสารแม็กมากอ่ะ เหลืออีก 4 ตอนก็ขอให้เป็นตอนที่แม็กมีความสุขบ้างเถอะค่ะ  o7 o7 o1 o1
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 17-05-2016 22:43:54
คุณอิฐพูดว่าหลง อย่างนี้แมกจะวางใจได้ยังไง
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-05-2016 00:01:27
คุณไรท์อย่าใจร้ายกับแม็กนักเลยนะ
ไม่มาม่าหนักได้ไหมคะ สงสารแม็ก
กำลังท้องกำลังไส้อยู่มีเรื่องให้คิดมากมันไม่ดี
ตอนนี้ยังไม่ค่อยจะวางใจอิฐเลย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-05-2016 00:28:20
อย่าจบแหวกแนวมากเด้อ กลัวรับไม่ทัน
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-05-2016 01:58:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-05-2016 08:53:12
มีความระแวงจริงๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 18-05-2016 10:23:46
ระแวงจริงๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-32-] [17/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 18-05-2016 14:01:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 18-05-2016 18:47:18
-33-

   -แม็กม่า-

   “ขออยู่ด้วยไม่ได้เหรอ?” คุณอิฐถามหมอเมื่อเรามาคลินิกด้วยกัน ปกติแล้วผมชอบไล่ให้เขาออกไปรอข้างนอก หรือบางทีเขาก็ออกไปเอง

   “ให้มันอยู่เถอะแม็ก สงสารมันบ้าง...” หมอบอก ยิ้มในหน้าตลอดเวลา ผมทำหน้าลำบากใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร คนเป็นพ่อเลยเลื่อนเก้าอี้เพื่อนั่งลง

   “น้ำหนักขึ้นแล้วนี่ หน้าตาก็ดูสดใส แสดงว่าช่วงนี้กินอิ่มนอนหลับ แล้วก็ไม่เครียดแล้วใช่ไหม?” คำถามของหมอทำให้ผมเขินขึ้นมา เพราะเมื่อก่อนผมเครียดเรื่องคุณอิฐจนกินอะไรไม่ค่อยลง นอนไม่ค่อยหลับ แม้จะพยายามกินข้าวเท่าไรน้ำหนักก็ไม่ค่อยขึ้น เพราะแบบนี้ผมเลยมิอยากให้คุณอิฐอยู่ฟัง

   “ครับ”

   “ดีแล้ว แต่เพิ่มอีกนิดนึงก็ดีนะ” ผมขมวดคิ้วแล้วเอ่ยสัพยอกหมอ

   “หมออยากให้ผมอ้วนเป็นเพื่อนซูกัสเหรอครับ คลอดลูกมาตั้งหลายเดือนแล้วยังลดน้ำหนักไม่ได้ซะที”

   “อย่าเอาไปรวมกับรายนั้นสิ นั่นเล่นผลาญ 200 กิน 2000 คงลดได้ง่ายๆ หรอก อย่างแม็กคงไม่อ้วนหรอก” ผมหัวเราะ “ที่หมอให้เพิ่มน้ำหนักเพราะเด็กตัวเล็กไปหน่อย แต่ก็อย่าทานหวานมากเดี๋ยวเป็นเบาหวาน”

   “ครับ” ผมรับคำ แม้จะงงๆ ที่ให้เพิ่มน้ำหนักแต่ไม่ให้ทานหวาน

   “แล้วนี่ ช่วงนี้มีเซ็กส์กันบ้างหรือเปล่า?” อึ้ก! ผมกระพริบตางงๆ

   “เรื่องส่วนตัวป่ะวะหมอ?” คุณอิฐที่นั่งเงียบๆ รีบตอบทันควัน

   “ไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าขอแนะนำกันๆ ไว้นะ ช่วงนี้ยังมีอะไรกันได้อยู่ แต่ควรจะเป็นท่าที่ไม่โลดโผนโจนทะยานมากนักแล้วก็ไม่มีการกดทับท้องหรือให้ส่วนท้องรับน้ำหนักมากเกินไป แต่ในช่วง 7 เดือนขอให้งดนะครับเพื่อกันไม่ให้เด็กคลอดก่อนกำหนด” ผมฟังเงียบๆ แต่หน้าแดง รู้สึกยกย่องหมอว่านจริงๆ ที่พูดอะไรพวกนี้ออกมาด้วยใบหน้ายิ้มๆ ท่วงทำนองการพูดเรียบเรื่อยเหมือนเรื่องธรรมดาสามัญ

   “คร้าบ... เข้าใจแล้วครับ” คุณอิฐรับคำด้วยเสียงลากยาวกวนๆ

   แล้วหมอก็คุยเรื่องอื่นๆ ต่อไปอีกพักหนึ่ง แล้วจบท้ายว่า “โอเค ไม่มีอะไรแล้ว”

   “เออ ตกลงว่าลูกเป็นเด็กผู้ชายแน่ๆ ใช่ไหม?”

   “เท่าที่ดูก็คิดว่าใช่นะ แต่ยังไงก็ไม่ชัวร์จนกว่าจะคลอดนั่นแหละ”

   “เชื้อพ่อมันดีก็คงผู้ชายแหละ!” คนเป็นพ่อสรุป ทำให้ผมหลุดขำ

   “ขี้โม้... แม็กอย่าไปเชื่อมันนะ ปกติก่อนผสมตัวอ่อนก็เอาอสุจิไปปั่นแยกเพศก่อนอยู่แล้ว โอกาสเลยจะเป็นเพศชาย75เปอร์เซ็นต์แต่แรก ถ้าเป็นลูกสาวนี่คือดวงไม่มีจริงๆ ไม่ได้เกี่ยวกะเก่งไม่เก่งอะไรเลย”

   “โหย... เบื่อหมอว่ะ” คุณอิฐบ่นเบาๆ

   “อ้อ... งี้นี่เอง ตอนซูกัสท้องหมอถึงมั่นใจมากว่าจะเป็นลูกชาย” ผมแซวกลับ ทำเอาหน้ายิ้มๆ ของหมอชะงักไปทันที คงเพราะเผลอตัวบอกความลับที่จนป่านนี้หมอก็ยังไม่ยอมบอกซูกัสให้ผมรู้

   แหม... นานๆ ทีจะเห็นหมอเขินก็น่ารักดีนะเนี่ย




   กลับมาจากคลินิกในตอนบ่าย ผมนั่งลงที่โซฟาตัวยาวของห้องนั่งเล่นเอนหลังแล้วพักสายตา จู่ๆ ก็รู้สึกหนักที่ต้นขาจึงลืมตาขึ้นพบว่าคุณอิฐเอนตัวลงนอนหนุนตักผมซะแล้ว

   “มันหนักนะคุณ...” ผมบอกน้ำเสียงเรียบๆ

   “เย็นชาจัง ฉันอุตส่าห์อ้อน” น้ำเสียงงุ้งงิ้งเป็นเด็กไปซะแล้ว...

   “ยังไม่เท่าใครบางคนแถวนี้หรอกครับ” ผมประชดกลับไปบ้าง สมัยก่อนน่ะไม่เห้นจะเป็นแบบนี้เลย...

   “ฉันขอโทษนะแม็ก” เขาทำเสียงเศร้า “ที่ผ่านมาทำให้เธอต้องทุกข์ใจมากใช่ไหม?”

   “ถ้าคุณรู้สึกผิดจริงๆ ต่อไปก็ดูแลผมดีๆ สิครับ” ผมตอบกลับไปยิ้มๆ เรื่องอดีตน่ะมันก็ผ่านไปแล้ว...ผมสนใจแต่อนาคตมากกว่า

   “แล้วทุกวันนี้ดูแลไม่ดีหรือไงฮึ?” เขาถามพลางยกมือขึ้นไล้ข้างแก้มผมเบาๆ ผมคลี่ยิ้มสดใส โน้มหน้าลงไปหาเคลียปลายจมูกกับซอกแก้มของเขา หลับตาลงอย่างเปี่ยมสุข...

   แต่... ช่วงเวลาแห่งความสุขน่ะ มันมักจะสั้นเสมอ เพราะเสียงมือถือลั่นขึ้นขัดจังหวะ คุณอิฐขยับตัวลุกขึ้นนั่งอย่างขี้เกียจแล้วเอื้อมคว้ามือถือขึ้นคุย

   “อะไรนะ!!” ผมหันไปมองอย่างสนใจเมื่อน้ำเสียงคนข้างๆ ดูตกใจในที

   “ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้...”

   “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับคุณอิฐ?” ผมถามด้วยน้ำเสียงกังวล

   “บีทถูกรถชน”  เขาเอ่ย สีหน้าและน้ำเสียงบ่งบอกว่าเขาเป็นห่วงคุณบีทมากแค่ไหน แต่ก็ยังถามกลับด้วยน้ำเสียงที่แสดงว่าเกรงใจ “แม็ก...ฉันขอไปดูเขาได้ไหม”

   “ครับ คุณไปเถอะ ผมเข้าใจ” ผมตอบกลับทันทีแม้น้ำเสียงจะไม่ได้กระตือรือร้นอะไรนัก

   “เอ่อ... แต่ตอนนี้เขาอยู่ญี่ปุ่น ฉันไม่แน่ใจว่าจะต้องไปกี่วัน เธออยู่คนเดียวได้นะ”

   “ครับอยู่ได้” แต่ผมมีทางเลือกอื่นหรือไงล่ะ?

   “ฉันจำเป็นต้องไปจริงๆ เพราะอย่างน้อยเราก็เคยรักกัน แต่ในเมื่อฉันตัดสินใจเลือกเธอแล้ว ขอให้เธอมั่นใจว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันจะกลับมาหาเธอเธอห้ามน้อยใจ ห้ามหนีฉันไปไหนรู้ไหม รอฉันกลับมานะ”

   “ครับ... ผมจะรอ”

   เขายิ้มอย่างโล่งอกแล้วดึงร่างผมเข้าไปกอดแน่น ผมกอดตอบเขาแม้ในใจมันหวาดกลัวไปทุกสิ่ง ไม่อยากให้เขาไปเลย แต่ต่อให้ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงก็เถอะ

   ผมพูดได้หรือ... ผมห้ามเขาได้หรือ...



   ผมไม่รู้ว่าญี่ปุ่นใช้เวลากี่ชั่วโมงกว่าจะบินถึง แต่นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้วคุณอิฐก็ไม่ยอมติดต่อมาและผมก็ติดต่อเขาไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า  ผมไม่รู้ว่าคุณบีทอาการเป็นยังไงบ้าง ผมไม่รู้อะไรเลย

   ในระหว่างที่ผมรอคอยคุณอิฐด้วยความกังวลใจไปหมดทุกอย่าง ด้วยความหวาดกลัวว่าสุดท้ายแล้วเขาจะใจอ่อนกลับไปหาคุณบีทหรือเปล่า อยู่กับความหวังและการรอคอยอย่างเจ็บปวด แม่คุณอิฐที่ต้องไปประชุมแทนลูกชายก็กลับมาจากบริษัทด้วยใบหน้าเคร่งเครียดและพยายามให้ป้าฟองโทรตามคุณอิฐอย่างบ้าคลั่ง ผมเอะใจจนต้องเอ่ยถาม

   “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับคุณแม่?”

   “พวกฝั่งนู้นเขาโจมตีเรื่องที่ตาอิฐหายหัวไปกะทันหันทั้งๆ ที่วันนี้ก็มีประชุมเรื่องสำคัญแล้วก็เลื่อนวาระแต่งตั้งประธานคนใหม่ให้เร็วขึ้น แม่อยากให้อิฐกลับมาเร็วๆ ที่จริงเลิกกันไปแล้วก็ไม่เห็นต้องห่วงใยอะไรกันนักหนา น่าจะรีบกลับๆ มาได้แล้ว” ท่านเอ่ยอย่างอารมณ์เสียตามเคย ผมพยายามไม่พูดถึงคุณบีทแต่เบนไปสนใจเรื่องงานมากกว่า

   “แล้วนี่ถ้ามีการเลื่อนวาระนั้นมาจริงๆ คุณอิฐมีโอกาสจะเสียตำแหน่งนี้ไปไหมครับ”

   “อันที่จริงตามปกติเสียงฝั่งเรามันก็มากกว่าซะส่วนใหญ่ ถึงแม่ไม่รู้จักกรรมการคนใหม่ แต่เขาเป็นคนรู้จักของแม็กไม่ใช่เหรอ?”

   “ครับ” ผมตอบรับ แต่ค่อนข้างกังวลเพราะล่าสุดพี่ยุทธเหมือนจะหันไปเข้าข้างคุณเขตแดน และคุณอิฐพูดเหมือนจะหาทางกำจัดเขาแต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทำอะไร ถ้าวาระแต่งตั้งประธานคนใหม่มาก่อนที่ตำแหน่งพี่ยุทธจะมีการเปลี่ยนแปลง คุณอิฐคง...


   
   วันต่อมาผมตัดสินใจไปหาพี่ยุทธที่บริษัทเพื่อจะหาทางขอร้องเขาเรื่องนี้

   “ขอโทษด้วยนะแม็ก คุณเขตแดนเขาให้เงินพี่มากกว่าแม็กเป็นสิบเท่า จะให้พี่ปฏิเสธ ไม่โง่ไปหน่อยเหรอ?” เขาวางคางลงบนยกมือที่ประสานอยู่ที่โต๊ะในห้องทำงานส่วนตัว

   “พี่ทรยศผมอย่างนี้ได้ยังไง” ผมถามกลับอย่างโมโหจนกำมือแน่นระหว่างยืนอยู่ตรงข้ามกัน

   “ใครกันแน่ที่ทรยศ แม็กไม่ใช่เหรอที่หลอกใช้พี่ก่อน พอใช้ประโยชน์จนพอใจแล้วก็เขี่ยทิ้ง พี่รู้นะว่าแม็กไม่คิดจะช่วยพี่เลยเมื่อคุณอิฐเขาคิดจะปลดพี่น่ะ”

   “ก็เพราะว่าผมรู้น่ะสิว่าพี่น่ะเห็นแก่ตัว ไว้ใจไม่ได้ พี่ไม่เคยหวังดีกับผมจริงๆ เลย”

   “ไม่จริงนะแม็ก พี่ทำแบบนี้ก็เพื่อแม็กต่างหาก” เขาเถียงลุกขึ้นเดินจากโต๊ะมาหาผม เรายืนประจันหน้ากัน “พี่อยากให้แม็กตาสว่างเสียทีว่าสิ่งที่แม็กมีมันมากพอแล้ว ตอนนี้แม็กมีหุ้นมากกว่าคุณอิทธิพล ไม่ว่าจะขายหรือรอรับปันผลมันก็มากพอที่เราจะอยู่แบบสบายๆ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเขา แค่เสียงโหวตเสียงเดียว พี่สามารถดึงเขาลงมาจากตำแหน่งประธานได้ง่ายๆ แถมยังได้เงินค่าเหนื่อยมาฟรีๆ อีกต่างหาก แล้วแม็กจะต้องไปวิ่งไล่ตามงอนง้อขอความรักจากเขาให้เหนื่อยทำไม เลิกสนใจเขาซะแล้วแม็กก็มาคบกับพี่ เสวยสุขบนกองเงินกองทองร่วมกันไม่ดีกว่าเหรอ”

   “พี่ไม่เข้าใจ ทุกอย่างที่ผมทำลงไ ไม่ได้ทำเพื่อเงิน ผมทำลงไปเพราะว่าผมรักคุณอิฐต่างหาก”

   “แต่เขาไม่ได้รักแม็กนะ ไม่อย่างงั้นเขาคงไม่หนีหายไปหาแฟนเก่าอย่างนี้หรอกจริงไหม?” คำพูดพวกนั้นช่างแทงใจดำผมเหลือเกิน “เขาทำขนาดนี้แล้ว แม็กยังจะโง่ช่วยเขาไปอีกทำไมล่ะ”

   “ผมไม่สน ขอร้องล่ะพี่ยุทธ พี่ต้องช่วยเขานะ” ผมพยายามบีบน้ำตาวอนขอ อย่างน้อยๆ ถ้าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะผม ผมก็จะต้องแก้ไขมันให้ได้ ผมไม่มีทางยอมให้คุณอิฐต้องเสียสิ่งที่รักเพราะผมเป็นอันขาด

   “ไม่!  ไม่มีทาง” เขาตอบด้วยเสียงแข็งกร้าวไม่ยี่หระต่อคำขอของผมเลย ยื่นมือจับมือผมไปกุมไว้ “พี่รักแม็กนะ รักมาตั้งนานแล้ว ก่อนที่เขาจะเจอแม็ก ก่อนที่เขาจะแย่งแม็กไป และตอนนี้พี่จะไม่ยอมให้ใครมาแย่งแม็กไปอีก และมันจะต้องชดใช้ความผิดทั้งหมดที่มันแย่งแม็กไปจากพี่!”

   “แต่ผมไม่ได้รักพี่นี่ ได้ยินไหม!!” ผมตะคอกใส่เขาอย่างโมโห สะบัดมืออย่างแรง

   “แต่พี่รักแม็กนะ” เขาตอบกลับมาอย่างไม่สะทกสะท้านกับเสียงตวาดของผม ขยับตัวคว้าร่างผมเข้าไปกอดและซุกจมูกที่ซอกแก้มทันที

   “พี่จะทำอะไร ปล่อยผมนะ” ผมร้องโวยวายพยายามดิ้นออก

   “อย่ากลัวสิ พี่ไม่ทำร้ายเราหรอกน่า พี่แค่อยากจะแสดงความรักของพี่ให้แม็กเห็น แม็กจะได้รู้ไงว่าพี่มีดีกว่ามันเยอะแยะ แม็กจะได้รู้ตัวซะทีว่าแม็กเองก็รักพี่เหมือนกัน”

   “ไม่... ปล่อยผมเดี๋ยวนี้!” ผมตวาดอีก แล้วใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีขืนตัวออกจากอ้อมกอดนั้นได้สำเร็จแล้วต่อยเขาไปหนึ่งทีด้วยความโมโหจนอีกฝ่ายหน้าหัน ก่อนจะหันมายิ้มแสยะให้

   “ชอบความรุนแรงก็ไม่บอกนะแม็ก” รอยยิ้มที่กระตุกที่มุมปากข้างหนึ่งทำให้ผมกลัวจนตัวสั่น ไม่ทันรู้ตัวก็ถูกเหวี่ยงหวือจนร่างปลิวไปกระแทกโต๊ะทำงานดังปึ้ก...

   ผมทรุดตัวลงทันทีเพราะความเจ็บจุกไปหมด กุมท้องด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก ตัวสั่นระริก เกร็งตัวแน่น

   เจ็บ... เจ็บท้อง... ผมจิกเล็บลงในอุ้งมือแน่นพยายามอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ยากเย็นเหลือเกิน...

   “ช่วยด้วย... พี่...” ผมเปล่งเสียงด้วยความยากลำบาก เหงื่อแตกพลักน้ำตาซึม

   “หมดฤทธิ์แล้วใช่ไหม?” คำถามลอยมาเหมือนคนพูดสะใจปนสมน้ำหน้าในทีแต่ก็เดินเข้ามาหา แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ลูบไหล่เหมือนปลอบโยน

   “พี่ขอโทษนะแม็ก พี่ไม่ได้ตั้งใจ ก็เรานั่นแหละอยากดื้อกับพี่เอง เจ็บมากเหรอ?”

   ผมหันไปหาเขายกมือขึ้นกำเสื้อแล้วเอ่ยขอร้องด้วยเรี่ยวแรงสุดท้ายที่มีก่อนที่สติจะหลุดไป

   “ช่วยด้วย... ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ที”


++++++++++
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: chancha ที่ 18-05-2016 19:20:08
ม่ายยย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-05-2016 19:20:40
 :katai1:     ห้ามแท้งน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 18-05-2016 19:32:40
ตัดตอนได้ทำร้ายจิตใจมากเลย แม็กจะแท้งไหมเนี่ย ฮืออออออ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 18-05-2016 19:35:04
ไอ๊หยาาาาาา ..... งานงอก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 18-05-2016 19:50:03
ฉับ เฮ้ยยยย ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-05-2016 20:05:30
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-05-2016 20:23:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 18-05-2016 20:51:41
อะไรเนี่ยะ แล้วคุณอิฐเมื่อไหร่จะมาซักที
ถ้าลูกเป็นอะไรไป คุณอิฐก็มีส่วนผิดแน่ๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: FaiiFay_Elle ที่ 18-05-2016 21:01:48
ทำไมล่ะ ทำไมคนเขียนแกล่งกันแบบนี้  :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-05-2016 21:13:11
เห้อออ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 18-05-2016 21:18:28
 :o12: โฮๆ แม็กจ๋า อย่าพึ่งแท้งนะลูก
อีพี่อิฐใจโลเลเอ๊ย กลับมาให้ไวเลย  :m31:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 18-05-2016 22:11:16
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 18-05-2016 22:12:39
รอค่ะรอ :mew2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-05-2016 22:18:21
ค้างงงงงงงงงง ขอให้แม็กกับเด็กๆปลอดภัยนะ
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 18-05-2016 22:55:08
หย่อนระเบิดไว้แบบนี้ไม่ได้น้า มาเก็บด่วน
อย่าแท้งนะแม็ก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-05-2016 23:06:31
OMG!!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-05-2016 23:31:53
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 19-05-2016 00:29:42
เดี๋ยววววว แม็กจะแท้งหรอออออ ไม่นะ!!
 :hao5: :hao5:
ชักจะสงสัยว่าเป็นแผนของบีทกับฝั่งนู้นไหม
หรือโดนรถชนจริงๆ
ไว้ใจใครไม่ได้เลยอ่ะ
ขอเกลียดนังอิฐด้วย แช่งขอให้โดนปลดตำแหน่งซะเลยดีป่ะ
รีบๆกลับมาได้แล้วเฟ้ย เมียกับลูกแกจะแย่แล้วนะ
 :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: orangesmooty ที่ 19-05-2016 00:44:55
สงสัยว่า....แม็กจะโดนทิ้ิ้ง
เรามองในแง่ร้ายเกินไปไหมนี่
แค่รู้สึกว่าอิคุณอิฐไม่ได้สนใจใยดีอะไรขนาดนั้น
เป็นแม็กที่เชื่อที่ทำทุกอย่างให้
ถ้าไม่โดนหลอกในนาทีสุดท้ายก็คงจะดี
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 19-05-2016 03:12:08
ต่อเลยได้ไหมมมม  แม็กกะลูกจะเป็นอะไรไหมมมม
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 19-05-2016 11:22:17
ค้างงงงง :ling1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-33-] [18/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 19-05-2016 18:35:48
-34-

   -อิฐ-
   
   เมื่อผมมาถึงสนามบินนาริตะ ผมได้พบกับบีทที่มารับด้วยตัวเอง... ด้วยสภาพปกติดีไม่มีอะไรบุบสลาย

   “ไหนว่าคุณถูกรถชนบาดเจ็บสาหัสไง” ผมถามแสดงสีหน้าไม่พอใจ

   “ทำไมครับ คุณอยากให้ผมเป็นแบบนั้นจริงหรือไง ทั้งๆ ที่คุณก็ยังห่วงผมมากจนมาหาผมที่นี่โดยไม่เช็กข่าวเลยว่ามันจริงหรือไม่จริง”

   “ผมคิดว่าคงไม่มีใครเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นต่างหากล่ะ แต่ถ้าคุณปลอดภัยดี งั้นผมกลับเลยนะ”

   “เดี๋ยวสิอิฐ คุณนั่งเครื่องหกชั่วโมงมาพูดแค่นี้เหรอ?”

   “ผมไม่อยากอยู่นาน”

   “ความสัมพันธ์ที่ผ่านมามันไม่มีค่ากับคุณเลยใช่ไหม? คุณถึงได้เย็นชากับผมแบบนี้”

   “แล้วทำไมคุณต้องโกหกด้วย”

   “ถ้าผมไม่โหก คุณก็คงไม่มาจริงไหม? ทำไมล่ะ? กลัวเมียท้องของคุณเขาจะเสียใจหรือไง ก็ดีนะ จะได้รู้บ้างว่าเวลาที่ถูกแย่งของรักแล้วมันรู้สึกยังไง”

   “บีท!!”

   “ผมล้อเล่นน่ะ ไหนๆ ก็มาแล้ว อย่างน้อยๆ กินข้าวด้วยกันสักมื้อแล้วค่อยกลับก็ยังดี แล้วจะกลับ ผมก็ไม่ว่าอะไร นะอิฐ”

   ผมพยักหน้าอย่างจำใจ ถึงยังไงกว่าจะจองตั๋วกลับ ก็ต้องใช้เวลาอย่างต่ำ1-2 ชั่วโมงอยู่ดี แค่กินข้าวด้วยกันสักมื้อคงไม่เป็นไร

   แต่ที่ไหนได้ หลังจากทานข้าวเสร็จแล้วกลับมาถึงสนามบินอีกครั้งเพื่อขึ้นเครื่องกลับไทย ผมกลับหาพาสปอร์ตไม่เจอ แม้จะพยายามหาทุกซอกทุกมุมแล้วก็ตาม...

   “มีอะไรเหรออิฐ” บีทถามอย่างสงสัยเมื่อผมแทบจะเทกระเป๋าเดินทางออกมาค้นอยู่แล้ว!

   “พาสปอร์ตหายน่ะ” ผมตอบกลับไปด้วยสีหน้ากังวล

   “หาดีแล้วเหรอ?”

   “อือ ทำไงดีอ่ะ ถ้าไม่มี จะกลับได้ไหมเนี่ย...”

   “ไม่ได้... ต้องไปทำใหม่ที่สถานทูตน่ะ เปิดแต่วันธรรมดานะ แต่นี่วันศุกร์ด้วยอ่ะ ต้องรอไปทำวันจันทร์นู่นแหละ” คำแนะนำทำให้ผมหน้าเสีย ทำไมต้องอยู่นานขนาดนั้นด้วย...

   “แค่อยู่ญี่ปุ่นสองสามวันไม่เห็นต้องทำหน้าเหมือนติดคุกขนาดนั้นเลย เมียคุณเขาก็ไม่ได้จะคลอดวันสองวันนี้ซะหน่อยจะได้ต้องรีบกลับไปรับขวัญ” ถ้อยคำประชดทำให้ผมถอนใจเฮือก

   ผมกังวลใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือก ต้องตามบีทกลับไปยังที่พัก



   วันเสาร์เขาพาผมไปเที่ยว ร้านอาหาร ที่ท่องเที่ยว ราวกับเราได้ระลึกถึงช่วงเวลาเก่าๆ ที่เราได้เจอกันแรกๆ บ่อยครั้งที่เขามักจะเอ่ยว่า

   “จำได้ไหมอิฐ... ตอนนั้นน่ะ...” เขาเอ่ยถึงความหลัง และสิ่งเหล่านั้นยังอยู่ในห้วงคำนึงของผมเช่นกัน แต่ในวันนี้ ความหลังไม่ได้ทำให้ผมยิ้มอย่างมีความสุข แต่กลับยิ่งลำบากใจ

   “บีท พอเถอะ อย่าพูดเรื่องเก่าอีกเลยนะ” ผมพูดขัดเมื่อเรานั่งทานอาหารกลางวันของวันเสาร์

   “ทำไมล่ะอิฐ ทำไมถึงพูดไม่ได้”

   “มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ถึงยังไงเราก็ไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิมแล้วนะ”

   “สี่ปีเลยนะ ที่เรารักกันมา คุณลืมวันเวลาพวกนั้นไปหมดแล้วเหรอ? คุณเห็นคนเพิ่งรู้จักกันแค่ไม่ถึงปีดีกว่าผมได้ยังไง” 

   “ระยะเวลาน่ะมันไม่สำคัญหรอกบีท  แต่แม็กเขาทำให้ผมรู้ว่าความรักไม่ได้มีแค่เราสองคน  สิ่งที่มากกว่า ความรักหนุ่มสาวมันคือความรักที่มีให้ครอบครัว ”

   “พอซะทีเถอะ อย่าพยายามยกความดีพวกนั้นมาอ้างหน่อยเลย ยังไงคนที่คุณชื่นชมนักหนา ความจริงก็เป็นได้แค่ขยะสังคมที่คอยคิดแต่จะแย่งแฟนชาวบ้านแค่นั้น”

   “ก่อนหน้านี้ก็คงเป็นอย่างนั้น... แต่ถ้าตอนนี้ผมเลิกกับคุณไปคบกับแม็ก สถานะมันก็สลับกันแล้วจริงไหม? เรื่องที่จบไปแล้วก็ขอให้จบเหอะ อย่ารื้อฟื้นมันกลับมาให้เจ็บอีกเลย”

   “ผมเป็นคนที่มาก่อนแท้ๆ แล้วผมผิดตรงไหนที่จะทวงของๆ ผมคืนมา!”

   “ก็ไม่ผิด แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อตอนนี้ผมรักแม็กไปแล้ว บางทีผมอาจจะรักเขามาก่อนที่เราจะเลิกกันแล้วด้วยซ้ำ แต่ผมไม่คิดว่ามันมากมายขนาดนี้ เคยคิดว่าเป็นแค่อารมณ์เผลอไผลไปเพราะความใกล้ชิด แต่พอเวลาผ่านไป การที่ไม่มีคุณมันไม่ได้ทำให้ผมเจ็บปวดเท่าที่คิดไว้ แต่พอผมจินตนาการตอนที่ต้องเสียแม็กกับลูกไป ผมพบว่าเลวร้ายมากๆ เลย”

   “ถ้าอย่างงั้น ผมก็จะขอ... ขอให้คุณได้สุญเสียเขาไปจริงๆ คุณจะเข้าใจความเจ็บปวดของผมในตอนนี้” เป็นอีกครั้งที่ผมเห็นบีทร้องไห้ ผมไม่แน่ใจว่ามันคือน้ำตาแห่งความเสียใจหรือคับแค้น แต่ทุกอย่างมันก็มีสาเหตุมาจากผมทั้งนั้น แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นก็คือ ผมเพียงคนเดียวไม่สามารถทำให้ทุกคนมีความสุขพร้อมๆ กันได้ ครั้งหนึ่งผมเคยเลือกเขา แต่ตอนนี้ผมเลือกแม็กไปแล้ว ยิ่งลังเลก็ยิ่งทำให้ยิ่งเจ็บกันทุกฝ่าย...

   “คุณรู้ไหมจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ผมไม่เคยบอกรักเขาเลยสักครั้งเดียว เพราะผมรู้สึกว่าถ้าผมพูดออกไป ผมคงมีความสุขมาก ซึ่งความสุขเหล่านั้นมันแลกมาด้วยความเจ็บปวดของคุณ แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าถ้าผมยังรู้สึกผิด ยังคิดถึงคุณ ยังห่วงคุณอยู่ คุณก็คงตัดใจไม่ได้ซะที แล้วแม็กก็คงไม่มีความสุขไปด้วย คนเราอยู่กับอดีตตลอดไปไม่ได้ เราต้องอยู่กับปัจจุบันและอนาคต และผมก็ตัดสินใจแล้วด้วยว่าอนาคตของผมคือแม็กกับลูก เราแยกกันตรงนี้เถอะ ผมจะหาที่พักเอง แล้วก็จะไปทำพาสปอร์ตใหม่เองด้วย” ผมบอก แม้จะรู้ว่าการใช้ภาษาญี่ปุ่นไม่ได้แล้วต้องไปทำเรื่องแบบนี้คนเดียวคงลำบากมากก็ตาม

   “งั้นก็ขอให้สนุกกับการไปทำพาสปอร์ตคนเดียวนะ ผมจะกลับไทยคืนนี้” เขาบอกคล้ายจะสมน้ำหน้ากลายๆ พลางเลื่อนเก้าอี้ออก

   “ลาก่อน ต่อไปไม่ว่าคุณจะใช้วิธีไหน ผมก็จะไม่มาหาคุณอีกแล้ว”   



   วันจันทร์ผมไปทำเรื่องคนเดียวที่สถานทูต เพิ่งจะเคยทำพาสปอร์ตหายครั้งแรกเลยไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง เลยมีปัญหาเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสาร โชคดียังพอมีดิกช่วยเหลืออยู่บ้าง ส่วนมือถือแบตหมดไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

   ผมไปถึงที่สถานทูตช้าจนไม่ทันรับบัตรคิวรอบเช้า จึงต้องรอถึงบ่าย แต่เอกสารไม่ครบ ต้องไปถ่ายรูป แจ้งความ กรอกเอกสาร ซีรอกซ์เอกสาร หลายขั้นตอนมากจนไม่ทันรับบัตรคิวตอนบ่ายซึ่งรับบัตรคิวได้ถึงบ่ายสองโมงครึ่งเท่านั้นเอง  กว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นเรียบร้อยก็เที่ยงวันอังคาร กว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึกแล้ว

   ผมกลับมาถึงบ้านอย่างอ่อนเพลียยังไม่ทันจะเดินเช้าบ้านป้าฟองก็รีบวิ่งออกมาหน้าตาเลิกลั่ก

   “คุณอิฐ รีบไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ”

   “หือ ทำไมใครเป็นอะไร คุณแม่เหรอ?” ผมรีบถามอย่างร้อนรน แต่ป้าส่ายหน้า

   “ไม่ใช่คุณผู้หญิงค่ะ แต่เป็นคุณแม็ก...”

   
++++++++++

-แม็กม่า-

   ผมลืมตาขึ้นพร้อมสติที่เลือนราง ร่างกายที่บอบช้ำเจ็บปวด สมองที่ยังมึนงงสับสนจำอะไรไม่ได้ มองไปรอบด้านกำลังนอนอยู่ในห้องพิเศษของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แขนถูกโยงด้วยสายน้ำเกลือและใครบางคนนั่งอยู่ข้างเตียง

   “แม็ก...ฟื้นแล้วเหรอ?” ซูกัสถามเขาจับมือผมไปกุมไว้แล้วบีบแน่นด้วยน้ำเสียงแสดงความดีใจแต่สีหน้ากลับไม่ดีนัก หมอว่านลุกเดินจากริมห้องมายืนข้างเตียงๆ ผมหันไปมองพวกเขา พยายามคิดทบทวนว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่แล้วเหตุการณ์ต่างๆ ก็ค่อยไหลกลับมาทีละอย่าง

   “กัส... ลูกปลอดภัยใช่ไหม?” ผมถามกลับไปทันทีเมื่อพอจะนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้บ้างแล้ว พยายามจะลุกขึ้นแต่เรี่ยวแรงไม่มีเหลือเลย

   “อย่าเพิ่งลุกเลยแม็ก...” หมอบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ผมไม่สนใจหันไปถามเพื่อนซ้ำ

   “เค้าไม่เป็นไรใช่ไหมกัส” ได้โปรด... บอกมาเถอะว่าเขายังอยู่  ยังไม่ได้หายไปไหน

   “ทำใจดีๆ ไว้นะแม็ก...” เขาบอก สีหน้าไม่สู้ดีนักทำให้ความคิดร้ายๆ ผุดขึ้นมาพร้อมก้อนสะอื้นจุกอยู่ที่ลำคอ “เค้า... เค้าไม่อยู่กับเราแล้ว”

   คำตอบนั้นทำให้โลกทั้งใบหยุดหมุน ตัวผมแข็งทื่อไปชั่วขณะ ขอบตาร้อนผะผ่าว หยาดน้ำเอ่อคลอขึ้นมาเองอัตโนมัติ ก่อนจะปล่อยโฮออกมาทันทีอย่างสุดกลั้น

   “ไม่จริง.. ไม่เอาสิกัส อย่าล้อเล่นแบบนี้ มันไม่จริง มันต้องไม่เป็นแบบนี้ ฮือ...” ผมคร่ำครวญทั้งน้ำตาจนเปียกไปทั้งใบหน้าและหมอนหนุนจนซูกัสต้องโน้มตัวลงมากอดผมที่ยังนอนอยู่กับเตียงลูบไหล่ผมเบาๆ แล้วร้องไห้เป็นเพื่อน

++++++++++

   ซูกัสเล่าให้ผมฟังว่าคุณแผ่นฟ้าเป็นคนพาผมมาส่งโรงพยาบาลเอกชนและใช้เงินปิดข่าวให้ด้วย เขาโทรไปบอกแม่คุณอิฐ และท่านก็โทรบอกซูกัสอีกที ขาดแต่คุณอิฐที่ตอนนี้ก็ยังติดต่อไม่ได้ ซึ่งทุกคนเข้าใจว่าผมหกล้มที่บริษัท ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะพี่ยุทธ และจนป่านนี้ผมก็ไม่เห็นเขาเลยด้วย 

   นอกจากหมอและซูกัสแล้วแม่คุณอิฐมาเยี่ยมผมด้วย ผมละอายใจจนมองหน้าท่านแทบไม่ติด ยิ่งท่านพยายามจะปลอบโยนผม บอกให้ดูแลรักษาตัวเองให้ดี ผมยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก เมื่อท่านกลับไปหลังหมดเวลาเยี่ยม หมอว่านก็กลับไปด้วย เหลือเพียงซูกัสที่เฝ้าผมเพียงคนเดียว

   “กัสรู้ไหม...ว่าเค้าเอาลูกเราไปไว้ไหน?” ผมหันไปถามด้วยน้ำเสียงหงอยๆ

   “ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ ทำไมเหรอ?”    

   “เราอยากเจอ อยากเห็นเขาสักครั้ง..” ผมบอกด้วยเสียงที่สั่นเครือ ดวงตาแห้งผากจากการร้องไห้หลายต่อหลายครั้งเริ่มคลอด้วยหยาดน้ำอีกครั้ง 

   “อย่าดีกว่าแม็ก เดี๋ยวจะติดตาเปล่าๆ”

   “กัส... ถ้าเรายังออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ ช่วยอะไรสักอย่างได้ไหม...”

   “อะไรเหรอ?”

   “อย่างน้อย... เราอยากฝังเขา... ต่อไปจะได้ทำบุญไปให้”

   “อือ... งั้นเดี๋ยวจะถามหมอให้แล้วกันนะ”

   “ขอบใจนะ” ผมยิ้มขอบคุณ

   “แล้วนี่คุณอิฐเค้าจะหายหัวแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย เมื่อไรมาโผล่มาซะที” จู่ๆ ซูกัสก็บ่นขึ้นมาลอยๆ

   “ถ้าไม่มาเลยก็ดีสิ... เพราะเราคงไม่มีหน้าไปเจอคุณอิฐแล้วล่ะ”

   “ทำไมพูดอย่างงั้นล่ะแม็ก”

   “เพราะเขาคงไม่มีวันให้อภัยเรา เราทำให้ลูกเขาต้อง...” ผมคร่ำครวญสะอื้นซ้ำอีกเมื่อนึกว่าถ้าคุณอิฐกลับมาแล้วรู้ว่าผมดูแลลูกเขาไว้ไม่ได้

   “แม็ก... มันเป็นอุบัติเหตุ อย่าโทษตัวเองแบบนี้สิ” ซูกัสพยายามปลอบ แต่มันช่วยอะไรไม่ได้เลย

   เพราะผมเอง เพราะผมไม่ดีเอง พระเจ้าคงอยากจะลงโทษให้ผมได้รับบาปที่ทำไว้ แต่ทำไมถึงไม่มาลงที่ผมคนเดียว ทำไมต้องไปทำร้ายลูกด้วย หรือเพราะท่านรู้ รู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมคืออะไร

   “ไม่จริงหรอกกัส เราผิดเองแหละ คนที่คิดดี ทำดีก็คงมีแต่เรื่องดีๆ ตามมา แต่เพราะเรามันชั่วเอง ถึงได้กรรมสนองแบบนี้... ฮือ...” ผมยอมรับผิดยกมือปาดน้ำตา

   “เราอาจจะไม่เข้าใจสิ่งที่แม็กพูดนะ แต่คนเราน่ะไม่มีใครหรอกที่ไม่เคยทำผิด แต่คนที่สำนึกผิดก็ควรได้รับการให้อภัยไม่ใช่เหรอ? ทำใจให้สบายก่อนนะ กัสเชื่อว่าคุณอิฐต้องเข้าใจ” ผมไม่ได้เถียงซูกัส แม้ในใจจะอดคิดไม่ได้ว่า...

   ผมรู้มาตลอดว่าลูกเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้คุณอิฐยังอยู่กับผม

   แต่ถ้าตอนนี้ไม่มีลูกอยู่แล้ว ยังเหลือเหตุผลอะไรให้เขากลับมาอีกเหรอ?


++++++++++

สงสัยว่า....แม็กจะโดนทิ้ง

ทำไมมองอิฐในแง่ร้ายขนาดนั้นคะ 5555+
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-34-] [19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-05-2016 18:49:25
เฮ้อออ. สงสารแม๊กม่า
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-34-] [19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: farafang ที่ 19-05-2016 18:50:56
ฮือออออ ทำไมตัวเล็กไม่อยู่ละตัวเล็กไปสวรรค์แล้ว
สงสารแม๊กอะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-34-] [19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-05-2016 18:52:26
 :z3:   ทำไมต้องแท้งด้วย แงๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-34-] [19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-05-2016 20:04:03
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-34-] [19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-05-2016 20:10:37
เห้ออออเ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-34-] [19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: FaiiFay_Elle ที่ 19-05-2016 20:27:58
ไอ้ยุทธ!! แกจะต้องได้รับกรรมที่แกก่อไว้อย่างสาสม!!  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-34-] [19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 19-05-2016 20:46:35
น่าสงสารแม๊กม่า   :mew4: :hao5:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-34-] [19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-05-2016 20:51:51
ทำไมต้องแท้งด้วย สงสารแม็ก
ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย
 :o12:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-34-] [19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 19-05-2016 20:55:29
อีบีท ไอ้ยุทธ ไอ้แผ่นฟ้า มันร่วมมือกันแน่ๆเลย  :m16:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-34-] [19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 19-05-2016 20:56:27
โหดร้าย :mew2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-34-] [19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MyMine104 ที่ 19-05-2016 21:22:09
พอรู้ว่าแม็กจะแท้งนี่ซีดเลย ทำไมมมมมมมันเกือบจะดีแล้วแม็กใกล้จะมีความสุขจริงๆแล้วแต่ทำไมมมมโอ๊ยๆเจ็บแทน สู้ๆนะแม็กม่าคุณอิฐสามีของเราต้องเข้าใจ/ล้อเล่นนะแม็ก :laugh:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-34-] [19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: SaKiNonZa ที่ 19-05-2016 21:35:57
ซูกัสโกหก จริงๆแม็กแค่ฝัน ตื่นมาก็เจออิฐแล้ว
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-34-] [19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 19-05-2016 22:18:30
แม็กม่าน่าสงสาร คุณอิฐไม่น่าหลงกลเลย มาดูแลแม็กเร็ว เดี๋ยวแม็กก็หนีไปไหนซะหรอก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-34-] [19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: orangesmooty ที่ 19-05-2016 22:32:58
คิดเหมือนแม็กนี่แล เลือกแม็กเพราะมีลูกให้
อิฐได้บีทมายาก คบมาก็นาน กับแม็กที่ได้มาง่ายๆ พร้อมเป็นของตายเสมอ
เลยรู้สึกว่า ไม่มีลูกแล้วนี่โดนทิ้งแหงงแซะ
เรามองอิฐเป็นสีเทาๆ ที่เข้มจนคล้ายจะเป็นสีดำ
ตัดบีทได้ไวบางมุมมันก็เลยดูโฉด เหตุผลแบบข้างบนได้มายากยังปล่อยทิ้งนับประสาอะไรกับของที่ได้มาง่ายๆ
อ่านเรื่องนี้ทำให้เราระแวงพระเอกที่นิสัยค่อนข้างหนักแน่นมั่นคงทุกคนได้เลยนะเนี่ย ฟฟฟฟ
คงเพราะอิฐมาด้วยลุคผู้ชายรักเมีย หนักแน่นมั่นคง แล้วคนมั่นคงที่ว่าไส้ในดั๊นนนนมีแต่ปลวกซะงั้น จิ้มทีเดียวก็ล้มครืนนน
แต่เหตุผลของอิฐมันก็จริงดี ความรักในความเป็นจริง ไม่ได้มีแค่คนสองคน
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-34-] [19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-05-2016 22:37:10
ช็อคตรงแท้งนี่แหละ เฮ้อๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-34-] [19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 19-05-2016 23:28:04
-35-
   
   -แม็กม่า-

   “แม็ก...” น้ำเสียงและสัมผัสแผ่วเบาทำให้ผมตื่นลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืด ใครบางคนซบหน้าลงข้างหมอนแล้วลูบเส้นผมอย่างอ่อนโยน เสียงสะอื้นเบาๆ ทำให้รู้สึกว่าอาจจะมีใครบางคนที่อยากร้องไห้เงียบๆ โดยไม่ให้ใครเห็น

   “คุณอิฐ...” ผมเรียกเขาด้วยเสียงที่สั่นพร่าที่แหบหายไปเหลือเสียงแค่ลม ลำคอตีบตันจนกลายเป็นเสียงสะอื้น

   ในที่สุดคุณก็กลับมา ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมไม่อยากพบคุณมากเท่านี้...

   “ฉันขอโทษนะแม็ก ที่ฉันมาช้า ฉันไม่ได้อยู่กับเธอในช่วงเวลาที่เธอต้องการเลย” ทำไมก็ไม่รู้ จากถ้อยคำด่าทอต่อว่ามันกลายเป็นคำขอโทษไปเสียได้

   “ไม่หรอกครับ ผมต่างหากที่ทำให้ลูก...” คำพูดเหล่านั้นติดค้างอยู่ที่ริมฝีปากที่ถูกก้อนสะอื้นตีขึ้นมาทำให้พูดอะไรไม่ออก

   “ไม่ต้องพูดแล้วแม็ก ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเธอ อย่าร้องไห้เลยนะ” ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ฟังจากน้ำเสียงแล้วผมรู้ว่าเขาเองก็คงเสียใจไม่แพ้กัน แต่เขาก็ยังต้องมาปลอบใจผมแบบนี้

   “พักผ่อนเถอะนะ นี่ก็ดึกแล้ว ฉันแค่อยากมาดูว่าเธอปลอดภัยดี มีซูกัสอยู่เฝ้าเธอแล้ว งั้นคืนนี้ฉันจะกลับบ้านก่อน แล้วพรุ่งนี้จะมาหาแต่เช้า” บอกลาผมด้วยริมฝีปากที่กดประทับลงที่แก้มเบาๆ แล้วลุกขึ้น

   “ครับ” ผมตอบรับง่ายๆ รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเปลาะหนึ่งที่เขาเข้าใจผมจริงๆ


   
   คุณอิฐกลับมาตอนเช้าตามสัญญา เนื่องจากมีคุณอิฐมาอยู่ด้วย ซูกัสจึงขอตัวกลับบ้านไปดูลูก วันนี้คุณแม่มาเยี่ยมพักหนึ่งแล้วกลับไป ตอนเที่ยงคุณแผ่นฟ้าก็มาเยี่ยมอีกคน

   “ได้ยินว่าเมื่อวานคุณเป็นคนมาส่งผมที่โรงพยาบาลแล้วก็ช่วยปิดข่าวให้ใช่ไหมครับ ขอบคุณนะครับ” เมื่อวานผมสลบไปก่อนจึงไม่รู้เรื่องหลังจากนั้น ไม่ว่ายังไงก็ขอบคุณเอาไว้ก่อนตามมารยาท

   “พอดีผมเข้าไปหานายยุทธแล้วไปเจอคุณหมดสติไปพอดี ถามเขาว่าคุณเป็นอะไร เขาก็มัวแต่อ้ำๆ อึ้งกว่าจะบอกได้ว่าคุณหกล้มไปกระแทกโต๊ะ ผมรีบพามาส่งโรงพยาบาลแล้วนะ แต่เสียใจด้วยนะที่ช่วยเด็กไว้ไม่ทัน” ในน้ำเสียงนั้นเจือความรู้สึกผิดไว้เต็มเปี่ยม

   “แล้วเธอไปหามันทำไมแม็ก ฉันบอกแล้วนี่ว่าอย่าไปเจอกันอีก...” คุณอิฐที่เงียบฟังอยู่ครู่หนึ่งเอ่ยถามมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ผมก็ได้แต่อ้ำอึ้ง ตั้งแต่เมื่อคืนจนตลอดเช้า เขาไม่ถามผมเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งผมก็ไม่กล้าเล่า  ถึงแม้ต้นเหตุมันจะมาจากพี่ยุทธ แต่ผมไม่รู้ว่าเขาจะเอาไปโทษตัวเองหรือเปล่าที่ไม่ยอมให้ผมโอนหุ้นคืนไปแต่แรกมันเลยมีปัญหาแบบนี้

   “อย่าดูเขาเลยพี่อิฐ พี่สะใภ้ก็คงแค่กังวลว่าคะแนนโหวตจากนายยุทธจะทำให้พี่หลุดจากตำแหน่งประธานบริษัทเท่านั้นแหละ” คุณแผ่นฟ้าเป็นคนแก้ต่างให้

   “แค่จะเข้าไปคุยเฉยๆ แล้วทำไมถึงล้ม” ผมเงียบ ไม่รู้ว่าควรตอบยังไงดี “ตอบมาสิแม็ก สรุปว่าเธอล้มเองหรือว่าเพราะคนอื่นทำกันแน่”

   “ช่างเถอะครับ พี่เขาไม่ได้ตั้งใจ เขาไม่รู้ว่าผม...” ผมก้มหน้าตอบ

   ตึ้ง!! คนถามเอามือทุบกำแพงอย่างโกรธจัด ใบหน้าแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่ง

   “ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่าเนี่ย!” เขาเค้นเสียงอย่างโมโหผลุนผลันออกจากห้องไป

   “คุณอิฐ... จะไปไหนครับ” ผมร้องถามอย่างหวั่นใจ กลัวเขาจะไปมีเรื่องกัน พยายามจะขยับตัวลุกขึ้น

   “อยู่เฉยๆ เถอะ เดี๋ยวผมจะตามไปห้ามพี่อิฐเอง” คำพูดของคุณแผ่นฟ้าทำให้ผมค่อนข้างแปลกใจ เพราะคิดมาตลอดว่าเขาสองคนไม่ถูกกัน

   “ไม่ต้องทำหน้าอย่างงั้นหรอก ถึงเราจะขัดกันเรื่องงานหรือบริษัท แต่ผมก็ไม่ได้เกลียดพี่อิฐขนาดนั้นซะหน่อย อีกอย่าง ขอโทษนะ ผมเสียใจจริงๆ ทั้งเรื่องก่อนหน้านี้และครั้งนี้ด้วย”

   “ก่อนหน้านี้ หมายถึงที่คุณโกหกคุณอิฐที่ร้านไอติมเหรอครับ เรื่องนั้นช่างมันเถอะ”

   “ที่จริง... ผมเป็นคนบอกบีทเองแหละว่าพี่อิฐไปเที่ยวเชียงรายกับคุณ พอดีได้ยินมาจากนายยุทธอีกที รวมทั้งเรื่องที่พี่อิฐพาคุณมางานเลี้ยงด้วย ตอนนั้นผมอยากให้คุณกับพี่อิฐผิดใจกันแล้วคุณจะได้ขายหุ้นให้ผม แต่เรื่องหลานผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้”

   ตลกดีนะ เรื่องที่เคยสงสัยทั้งๆ ที่ตอนนี้ลืมมันไปหมดแล้วด้วยซ้ำ อยู่ดีๆ ก็ได้มารู้ ทั้งๆ ที่ความจริงเขาจะไม่บอกก็ได้

   “อยู่คนเดียวได้นะ ผมจะตามไปดูพี่อิฐหน่อย”

   “ครับ” ผมตอบรับ แล้วเขาก็เดินจากห้องไป

    บางทีคุณแผ่นฟ้าก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่เคยคิดไว้ เขาก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่หวังผลประโยชน์มากเสียจนทำได้ทุกสิ่ง แต่พอเอาเข้าจริง เขาก็มีน้ำใจและรับผิดในสิ่งที่ตัวเองทำ หวังแต่ว่าเขาจะไปห้ามคุณอิฐได้ทันไม่ให้ทำอะไรเกินกว่าเหตุนะ!


   คุณอิฐและคุณแผ่นฟ้าหายไปนานจนผมกังวลใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ ระหว่างนั้นแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็มาเยี่ยม คนที่ทำให้ผมค่อนข้างลำบากใจที่ได้เจอหน้า คาดเดาได้ว่าเขาคงไม่ได้มาแสดงความเสียใจแต่คงมาตอกย้ำซ้ำเติมแน่... แล้วก็จริง...   

   “เป็นไงบ้าง... ดีขึ้นหรือยัง?” คำถามลอยขึ้นพร้อมกับวางกระเช้าลงที่โต๊ะข้างๆ

   “ครับ ค่อยยังชั่วบ้างแล้ว คุณล่ะ ไหนว่าถูกรถชนไม่ใช่เหรอ” ผมมัวแต่เศร้าเรื่องลูกจนลืมถามเรื่องคุณบีทไปเลย

   “ใครบอกเหรอ? เอ... หรือตอนที่อิฐเขาแอบมาหาฉันที่ญี่ปุ่นเค้าใช้ข้ออ้างนี้ โทษทีนะ ไม่ได้เตี๊ยมกันไว้ก่อน”

   คำตอบนั้นทำให้ผมหน้าเสีย พยายามคิดไปว่าคุณบีทอาจจะแค่พูดไปอย่างงั้นเองเพื่อให้ผมคิดมาก ก็ถ้าหาก คุณอิฐเขาตัดสินใจแล้วที่จะเลือกผม ไม่ได้ว่าด้วยเหตุผลใดเขาก็เลือกแล้วนี่..

   “เธอนับถือศาสนาอะไรน้า... เชื่อเรื่องบุญกรรมไหม? คิดบ้างหรือเปล่าว่าที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็เพราะกรรมที่เธอก่อไว้ น่าเสียดายที่กรรมไม่ยอมไปตกอยู่ที่คนทำ แต่ดันไปตกที่เด็กไม่รู้อิโหน่อิเหน่ น่าสงสารเด็กเนอะ”

   ผมกำมือแน่น พยายามจิกเล็บเข้าที่อุ้งมือตัวเองอย่างแรงเพื่อให้เจ็บตัวมามันกว่าเจ็บใจ พยายามสกัดกั้นน้ำตาที่มันเอ่ออยู่นั้นให้เลือนหายไปโดยเร็ว

   “ถ้าไม่อยากจะคุยอะไรงั้นฉันกลับเลยแล้วกัน อ้อ.. แล้วก็ฝากคืนพาสปอร์ตให้อิฐด้วยนะ ทีแรกก็หาไม่เจอหรอก หาไปหามาดันเจอซะอีก” ผมหันไปมองเขา มือนั้นยื่นพาสปอร์ตส่งให้ “ที่จริงฉันไม่ได้คิดอะไรกับอิฐแล้ว แต่เขาจะคิดหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้เหมือนกันนะ”

   ผมยื่นมือไปรับพาสปอร์ตนั่นมาถือไว้นิ่งๆ ทั้งๆที่ในใจมันเจ็บจุกไปหมด

   “ไม่ต้องกลัวหรอก อิฐน่ะเขาเป็นคนใจดี ถ้าเธอต้องเสียลูกไปแบบนี้ ถ้าจะให้เสียเขาไปอีกคนคงน่าสมเพชเกินไป ถึงยังไงเขาคงไม่ใจร้ายจะทิ้งเธอหรอกจริงไหม?” 

   ความพยายามที่จะไม่ร้องไห้ มันสูญสลายไปทันทีที่คุณบีทจากไป

   คุณบีทช่างเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ แต่ละอย่างที่พูดออกมาช่างแทงใจดำผมไปหมดทุกอย่าง


   ถ้าเขาไม่โกหก คุณอิฐก็คงโกหก ก็เห็นกันอยู่ว่าคุณบีทก็ปลอดภัยดี แล้วคุณอิฐจะต้องไปหาเขาทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะว่า “คิดถึง”

   ถ้าเขายังรักคุณบีทอยู่แล้วเขายังจะอยู่กับผมต่อไปทั้งๆ ที่ผมไม่มีลูกอยู่แล้วด้วยผลอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่ “สงสาร”

   แต่นั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องการจริงๆ เหรอ? ผมจะทนอยู่กับมันได้ตลอดชีวิตไหม? 

   ทำไมตอนนี้ผมไม่แน่ใจ...


   
   “คุณเคยดูพระสุธนมโนห์ราไหม?” ผมถามขึ้นมาขณะที่ผมกับคุณอิฐอยู่ที่โรงพยาบาล จู่ๆ ผมก็คิดไปว่าตัวเองก็คล้ายๆ ตัวเอก

   “ไม่อ่ะ ทำไมเหรอ?”

   “คุณรู้ไหมว่า ทำไมชาตินี้พระสุธนถึงต้องตามหานางมโนห์รา”

   “ไม่รู้สิ ก็แค่เรื่องที่แต่งขึ้นไม่ใช่เหรอ?” จะว่าไปก็จริง!

   “แล้วรู้ไหมว่า ว่าเรื่องพระสุธน มโนห์ราเป็นภาคต่อของวรรณคดีเรื่องใด”

   “มีด้วยเหรอ?” ผมถอนใจเพลียๆ บางทีก็นึกอยากจะหาเรื่องอำเขาเพิ่มเติมต่อจากเรื่องต้นฝรั่งแช่บ๊วยนั่น!

   “นางสิบสอง”

   “จริงเหรอ? ไม่เคยรู้เลย... สรุปว่านั่นคือเหตุผล?”

   “ก็พระสุธน ชาติก่อนคือพระรถเสนที่ทอดทิ้งนางเมรีจนนางต้องตายไป ก่อนจะตายนางก็เลยอธิษฐาน...  ตอนเด็กๆ เคยดูเรื่องนี้ก็เลยร้องเพลงได้ อธิษฐานเอย อธิษฐานก่อนจากไกล ถึงขาดใจ ใจเจ้าจำ ชอกซ้ำใจ ชาตินี้มีกรรมน้องตามมา ชาติหน้าพี่ยาตามน้องไป

   “ฟังแล้วเศร้าจัง... ฟังเธอร้องทำนองเสนาะแล้วบีบหัวใจตลอดเลย เหมือนเมื่อคราวที่ร้องเพลงนกกาเหว่าตอนนั้น” คงเพราะผมรู้สึกได้ว่าเพลงที่ร้องออกไปมันมีส่วนที่ใกล้เคียงชีวิตตัวเองก็เลยทอดเสียงออกมาเศร้าๆ ล่ะมั้ง

   “สำหรับเรา... จบกันแค่ชาติเดียวก็พอนะครับ ไม่ต้องตามกันไปถึงชาติหน้าหรอก” ผมหันไปบอกเขา

   “หึ... ชาติหน้าจะมีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ชาตินี้น่ะ อยู่กันให้เบื่อไปก่อนเถอะ” เขาพูดแล้วหัวเราะ ผมฝืนยิ้มให้เมื่อเกิดคำถามในใจ... แต่ถ้าชาตินี้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วล่ะ? คุณจะตามหาผมไหม?




 ได้ข่าวว่าวันนั้น  คุณอิฐไปที่บริษัทแล้วซ้อมพี่ยุทธซะน่วมจนต้องลากเข้าโรงพยาบาล กลายเป็นข่าวอื้อฉาว แต่ยังดีที่แค่เสียค่าปรับไม่โดนคดีพยายามฆ่า แต่ตอนนี้คุณอิฐก็ลาออกจากตำแหน่งประธานเพื่อภาพลักษณ์บริษัท

   อีกสองวันผมก็ย้ายกลับมาอยู่บ้าน เป็นช่วงที่สภาพจิตใจผมย่ำแย่มากจริงๆ แม้ไม่มีใครพูดถึง แต่บรรยากาศในบ้านเศร้าสลดกันไปหมดจนผมไม่สามารถลืมลูกได้เลยสักนาที จากคนที่ใช้ชีวิตธรรมดาก็กลายเป็นธรรมะธรรมโมตื่นมาใส่บาตรแต่เช้า ไหว้พระสวดมนต์ให้ใจสงบ แต่ถามว่าผมสงบได้จริงไหม ไม่เลย... ผมไม่เคยสงบได้ 

   ยิ่งคำปลอบโยนที่คุณอิฐมีให้แล้วด้วย มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่กว่าเก่า...

   “ไม่เป็นไรนะแม็ก ทำใจให้สบาย รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ไว้เราค่อยมีลูกกันอีกก็ได้”

   มีลูกอีกเหรอ? จริงสิ! ถ้าแผลหายแล้ว ผมสามารถมีลูกได้อีกนี่ 

   แต่ถ้าหากคราวนี้เขาเป็นอะไรไปอีกล่ะ ผมจะทำยังไงดี ผมจะทนรับความรู้สึกเสียใจนั้นไหวไหม

   แต่ผมก็ไม่กล้าบอกกับเขาตรงๆ ว่าผมเริ่มกลัว... กลัวการท้องอีกครั้ง สุดท้ายแล้วถ้าผมเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่ไม่สามารถท้องได้ แล้วยังเหลือเหตุผลอะไรให้เขาต้องทนอยู่ด้วยอีกล่ะ?

   

      เพื่อไม่ให้เรื่องหุ้นเป็นปัญหาอีกผมจึงขอร้องให้อาทนายทำเอกสารโอนหุ้นคืนให้คุณอิฐโดยไม่ให้เขารู้ มันอาจจะใช้เวลาสักระยะ ซึ่งบางทีผมก็คิดว่าก็ดีที่อย่างน้อยผมก็ยังเหลือช่วงเวลาที่จะได้อยู่กับเขาอีกสักนิด...

   แต่หลังจากเซ็นชื่อลงในเอกสารโอนหุ้นเรียบร้อย ผมก็พบว่าตัวเองไม่มีเหตุผลอะไรที่จะอยู่ที่นี่แล้ว ผมเก็บของใช้ที่จำเป็นแล้วบอกแม่คุณอิฐว่าจะไปอยู่บ้านซูกัสสักสองสามวัน เพราะรู้ว่าถ้าบอกความจริงท่านคงไม่ยอมให้ผมไป และไม่ได้บอกอะไรคุณอิฐไว้ด้วย 

   ผมไปค้างกับซูกัสที่บ้านหนึ่งคืนและเล่าเรื่องจ้างท้องให้ซูกัสฟังเพราะตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไปโดยไม่มีใครสามารถรั้งไว้ได้

   “จำเป็นต้องไปด้วยเหรอแม็ก ถึงจะแท้งไปแต่แม็กยังมีลูกคนใหม่ได้อีกนะ ถึงจะต้องรอไปอีกสักปีสองปี ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ซะหน่อย”

   “รู้หรอกว่าทำได้... แต่เราไม่กล้าท้องแล้วอ่ะ  เราคงทำใจไม่ได้หรอกถ้าเราจะเสียเขาไปอีกเป็นครั้งที่สอง แล้วเราก็ไม่อยากทำลายโอกาสคุณอิฐด้วย ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาต้องทนอยู่กับเราทั้งๆ ที่ไม่ได้รักก็เพราะลูกทั้งนั้น แต่ถ้าตอนนี้ไม่มีลูกอยู่แล้ว เราก็อยากให้เขามีความสุขกับคนที่เขารักจริงๆ ซะที หรือจะมีใครคนใหม่ที่มีลูกให้เขาได้อีก”

   “เราก็เห็นคุณอิฐเค้าก็ดีกับแม็กนี่”

   “ก็ดีไปตามหน้าที่เท่านั้นแหละ แต่พอแล้วละ เราไม่อยากใช้ลูกมาเป็นข้ออ้างดึงเขาเอาไว้อีกแล้ว กัส... อย่าห้ามเราเลยนะ...” ผมวอนขอ

   “ถ้าแม็กคิดว่าการไปมันมีความสุขกว่าอยู่ที่นี่ก็ไปเถอะ” ซูกัสเป็นคนว่าง่ายอย่างนี้เสมอแหละ

   “อยู่ที่ไหนมันก็ไม่สุขหรอก แต่ถ้าไปคงทุกข์น้อยกว่า เราว่าเราคงมีชีวิตที่อื่นโดยไม่มีคุณอิฐได้ แต่เราคงอยู่ที่นี่โดยไม่มีลูกไม่ได้” มันคงเหมือนหนามทิ่มแทงใจผมไปอีกนาน.. “ก่อนจะไป ขอร้องอะไรหน่อยได้ไหม?”

   “หลายอย่างก็ได้”

   “ถ้าเราไปแล้ว กัสพาลูกไปเยี่ยมแม่คุณอิฐบ้างนะท่านจะได้ไม่เหงา เดี๋ยวนี้ท่านอ่อนแอลง ถ้าหมอว่างช่วยไปตรวจสุขภาพท่านบ้างก็ดี”

   “อือ... สัญญา จะช่วยดูแลท่านให้อย่างดีเลย”

   “ขอโทษนะเว้ย... ที่เป็นเพื่อนที่โคตรสร้างภาระให้เลยอ่ะ”

   “พูดอะไรอย่างงั้น ไม่ใช่แค่เพื่อนซะหน่อย นี่เราคบกันออกสื่ออยู่ตั้งหลายปี” ซูกัสพูดติดตลก อดขำไม่ได้เมื่อนึกถึงเรื่องสมัยเรียน

   “ไอ้บ้า” ผมว่าแล้วหัวเราะ ซูกัสเริ่มน้ำตาซึม โน้มตัวมากอด แล้วลูบไหล่ผม

   “นอกจากหมอแล้วก็ครอบครัวกัสอ่ะ แม็กเป็นคนที่กัสรักมากที่สุดเลยนะรู้ไหม? ถ้าเป็นไปได้... กัสอยากให้แม็กมีความสุข พระเจ้าอวยพรนะ”

   ขอบคุณนะกัส ถ้าเป็นไปได้ เราก็อยากมีความสุขเหมือนกัน.. ได้แต่ขอให้วันนั้นมาถึงเร็วๆ

++++++++++



ต่อรีล่าง
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 19-05-2016 23:29:54
   -อิฐ-

   หลังจากกลับมาจากบริษัทแล้วรู้ว่าแม็กไปบ้านซูกัส ใจหนึ่งก็กังวลเพราะกลัวว่าเขาจะไม่ยอมกลับมาอีกเหมือนคราวที่แล้ว อีกใจก็หวังว่าซูกัสอาจจะช่วยทำให้เขารู้สึกดีขึ้นและหวังว่าจะไม่ยิ่งแย่ลงเพราะเห็นลูกซูกัสหรอกนะ!

   วันต่อมาผมแวะไปหาซูกัสตอนสายพบว่าเขาเลี้ยงลูกอยู่ลำพังในห้องเด็กชั้นล่าง ผมถือวิสาสะเดินเข้าไปด้านในแล้วมองไปรอบห้องไม่พบร่างของใครอื่นอีก

   “ซูกัส... แม็กไปไหนเหรอ?”

   “ผมไม่รู้” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเฉยชาราวกับไม่พอใจอะไรผมบางอย่าง

   “อ้าว...  ไหนที่บ้านพี่บอกว่าแม็กมาค้างบ้านซูกัสไง” ผมถามต่อด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ

   “เมื่อวานก็มาหรอกครับ แต่ตอนนี้ไปแล้ว” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเนือยๆ เรียบเรื่อยโดยไม่หันมามองผม คุยด้วยทั้งๆ ที่เล่นกับลูกต่อไปอีก

   “หือ... กลับบ้านไปแล้ว? สวนกันเหรอ?” ผมถามเขางง ๆ

   “ถ้าคุณไม่ได้รักแม็กแล้วจะถามถึงเขาทำไมครับ” คราวนี้เขาหันมาถาม ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มเลย มีความบึ้งตึงและสายตาเคียดขึ้งจนผมอึกอัก...

   “กัสพูดอะไร ทำไมพี่จะไม่รักเขาล่ะ” ผมเฉไฉทั้งๆ ที่เริ่มเหงื่อตก

   “รักแล้วเคยบอกเขาไหมครับ หรือคุณคิดว่าเขาจะรู้เองได้ถึงคุณไม่บอก” เขามองผมด้วยสายตาที่ที่โกรธทั้งเจ็บใจ

   ผมพูดไม่ออก ผมก็อยากจะบอกเขาเหมือนกัน แต่ผมก็กลัวว่ามันจะเร็วไปจนเขาไม่เชื่อ ผมไม่รู้จะเริ่มอธิบายความรู้สึกตัวเองจากตรงไหน ลงท้ายแล้วผมก็ไม่ได้พูดมันออกไปสักคำ ผมไม่คิดว่าเขาจะตัดสินใจจากไปแบบนี้

   “เขาบอกผมว่าอยู่ที่ไหนก็คงไม่มีความสุข แต่อยู่ที่อื่นคงทุกข์น้อยกว่า เขาเล่าให้ผมฟังหมดแล้วเรื่องที่คุณจ้างให้เขาท้องให้ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้เพราะเขากลัวว่าจะสูญเสียลูกไปอีก และที่สำคัญเขาก็ไม่อยากใช้ลูกมาเป็นเครื่องมือเหนี่ยวรั้งคุณไว้ และผมก็เคารพการตัดสินใจของเขาด้วย” ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแม็กถึงเข้าใจไปแบบนั้น ถึงผมไม่ได้บอกอะไรออกไป แต่สิ่งที่ผมแสดงออกตลอดเวลาที่ผ่านมา มันไม่ได้ทำให้เขารู้ความรู้สึกของผมบ้างเลยเหรอ?

   “ซูกัส... ขอร้องล่ะ บอกพี่ทีว่าแม็กหายไปไหน พี่อยากเจอเขา อยากบอกเขาว่าพี่รักเขามาก มันไม่เกี่ยวหรอกว่าเขาจะท้องได้อีกไหม ขอแค่เขากลับมาก็พอแล้ว” ผมพยายามขอร้อง ทั้งๆ ที่เพิ่งจะเสียลูกไปแท้ๆ ถ้าจะต้องเสียแม็กไปอีกคน แล้วชีวิตผมจะเหลืออะไรอีกล่ะ?

   “มันสายไปแล้วครับ ถึงจะถามผมไป ผมก็บอกไม่ได้หรอก เพราะผมก็ไม่รู้ ผมตั้งใจไม่ถามเพราะผมไม่อยากบอกคุณ” ผมมองกลับไปอย่างไม่เข้าใจ “ผมเคยบอกคุณแล้วนี่ ถ้าทำให้เพื่อนผมเสียใจล่ะก็ ผมจะไม่มีวันยกโทษให้”

   คำตอบที่ได้ทำให้สะอึกเมื่อนึกถึงคำสัญญาที่เผลอตกปากรับคำไว้มั่วๆ โดยไม่ใส่ใจตอนนั้น

   “พี่ขอโทษ พี่เสียใจ แต่...”

   “คนที่คุณควรจะขอโทษไม่ใช่ผมหรอกครับ แต่เป็นแม็กต่างหาก เพราะเขาต้องเสียใจเพราะคุณมามากแล้ว และขอให้คุณรู้ไว้ว่าที่เขาต้องไปก็เพราะอยากให้คุณได้อยู่กับคนที่คุณรัก โชคร้ายที่เขาไม่รู้หรอกว่าคนๆ นั้นก็คือตัวเขา และผมจะให้คุณชดใช้ให้เขาโดยการใช้เวลาหลังจากนี้ตามหาเขาไปเรื่อยๆ อย่างไร้ความหวัง ต่อให้แม็กจะหวังให้คุณได้พบใครคนใหม่ที่มีลูกให้คุณได้ แต่ผมจะขอร้องหมอไม่ให้ช่วยเหลือคุณเรื่องนี้อีกจนกว่าคุณจะตามหาเขาพบ ผมจะไม่ยอมให้คุณมีความสุขจนกว่าเพื่อนผมจะมีความสุข คุณจำไว้เลย!”

   ผมไม่เคยรู้เลยว่าภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มสดใสของซูกัส เขาจะเจ้าคิดเจ้าแค้นได้มากขนาดนี้ นั่นคงเป็นเพราะผมได้ผิดสัญญาที่ให้ไว้ และผมได้ทำร้ายหัวใจเพื่อนที่เขารักมากที่สุดตลอดมา การที่ผมจะต้องสูญเสียของรักพร้อมๆ กันถึงสองสิ่งโดยไม่รู้เลยว่าจะได้กลับคืนมาอีกหรือเปล่า มันคงสมควรแล้ว!


   
   กลับมาจากบ้านซูกัส ผมพยายามโทรหาแม็กม่า แต่ไม่ว่าจะโทรไปกี่ร้อยกี่พันสายก็ไม่สามารถติดต่อแม็กม่าได้เลย ตกบ่ายอาทนายนำเอกสารเกี่ยวกับการโอนหุ้นมาให้ผมเซ็น มันทำให้ผมนึกก่นด่าตัวเองว่า ทั้งๆ ที่เขาวางแผนไว้ล่วงหน้าระยะหนึ่งแล้วว่าจะไป ทำไมผมถึงไม่เอะใจก่อนเลย ความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีกทำให้ผมกำลังจะสูญเสียสิ่งที่รักไปทั้งหมดจริงๆ และถ้าหากผมจรดปลายปากกาลงไปในเอกสารใบนั้นก็เท่ากับผมกับแม็กม่าตัดขาดจากกันโดยสมบูรณ์
 
   ไม่หรอก...  ผมไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนั้นเด็ดขาด!

   ผมตัดสินใจจ้างนักสืบมาช่วยสืบค้นประวัติของแม็กม่า จำได้ว่าพอมีเอกสารสำเนาบัตรประชาชนหลงเหลืออยู่ในห้องทำงานบางส่วน แต่พอผมรื้อออกดูในลิ้นชักเก็บเอกสารโต๊ะทำงานที่บ้านกลับพบสิ่งที่ไม่น่าจะมีอย่างน่าอัศจรรย์ นั่นคือพาสปอร์ตที่ผมทำหายไปแล้วที่ญี่ปุ่น ไม่มีทางเลยที่จะมาโผล่ที่นี่ได้ถ้าไม่ใช่คนในบ้านเอามาวาง การคาดเดาบางอย่างทำให้ผมกดต่อสายหาบีทเดี๋ยวนั้นทั้งๆ ที่เคยคิดไว้แล้วว่าจะไม่โทรไปหาเขาอีก

   “ว่ายังไงอิฐ คิดจะกลับมาหาผมแล้วใช่ไหม?” ในน้ำเสียงมีสำเนียงเย้ยหยันในที

   “ผมแค่อยากถามว่าตั้งแต่กลับมาไทย คุณได้มาเจอแม็กหรือเปล่า?”

   “ไปสิ... เอาพาสปอร์ตไปให้ไง  ผมบอกว่าคุณลืมทิ้งไว้แล้วผมเพิ่งหาเจอ เขาว่ายังไงบ้างล่ะ? โกรธไหม? หรือไม่รู้สึกอะไรเลย” คำพูดพวกนั้นดูปกติธรรมดาเหมือนกับว่าไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลย

   “บีท... ผมไม่นึกเลยว่าคุณจะ...” ผมพยายามสกัดกลั้นน้ำเสียงไม่ได้กลายเป็นตวาดทั้งๆ ที่รู้สึกเสียใจมากที่รู้ว่าเขาเป็นต้นเหตุให้แม็กเข้าใจผิดจนต้องหนีไปแบบนี้

   “ทำไม! ผมทำไม? สิ่งที่คุณได้รับมันก็สาสมกันแล้วนี่กับสิ่งที่คุณทำกับผม ถ้าคุณไม่อยากให้ผมรักผิดด้วยเหรอที่ผมจะเกลียด... ผมบอกแล้วนี่ว่าผมจะขอให้คุณสูญเสียสิ่งที่รักไป คุณจะได้รู้สักทีว่าผมรู้สึกยังไง!” น้ำเสียงของคนที่หัวใจเต็มไปด้วยความเคียดแค้นทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก ใจหนึ่งก็โกรธเขา แต่อีกใจก็คิดว่าหรือมันก็สมควรแล้วที่ต้องรู้สึกทุกข์ใจเสียบ้างเพราะตัวผมก็เป็นต้นเหตุให้ทั้งเขาและแม็กต้องทุกข์ใจมามากแล้ว...

    “ผมเสียใจนะบีทที่เป็นต้นเหตุให้คุณต้องจมอยู่กับความแค้นแบบนี้ แต่ถ้าความพินาศของผมทำให้คุณมีความสุขมาก ผมก็คงต้องบอกว่าคุณสมหวังแล้วละ เพราะแม็กไปจากผมแล้ว ตอนนี้ผมไม่เหลือทั้งแม็กทั้งลูก บริษัทก็หลุดมือไป ถ้ามันเป็นอย่างที่ใจคุณต้องการแล้วล่ะก็ขอให้คุณลืมเรื่องของผมซะแล้วใช้ชีวิตใหม่อย่างมีความสุขเถอะ จากนี้ไป เราคงไม่มีอะไรติดค้างกันอีกต่อไปแล้ว”

   
   โชคดีที่เอกสารมีที่อยู่ทะเบียนบ้านซึ่งเป็นที่อยู่บ้านพ่อของแม็ก ผมตัดสินใจลองไปที่นั่นดู แต่ผมก็มาช้าไป แม็กกลับมาที่นี่จริงแต่ตอนนี้ก็ไม่อยู่แล้ว เขาบอกว่าจะไปหาที่สงบพักผ่อนสักระยะแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นที่ไหน ผมกลับบ้านมือเปล่าด้วยความสิ้นหวัง พยายามกลับไปขอร้องซูกัสอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะขอร้องยังไงซูกัสก็ไม่มีทีท่าว่าจะปริปากอะไรทั้งสิ้นจนผมต้องไปปรึกษาหมอ

   “หมอช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ ซูกัสไม่ได้บอกอะไรหมอ และถ้านายไปถามแล้วกัสไม่ตอบก็เป็นไปได้สองทางคือเขาไม่รู้ หรือไม่อยากบอก แต่ไม่ว่าจะเป็นทางไหน หมอก็ช่วยอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ก็บอกแล้วนี่ว่า...”

   “เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ใช่ไหมหมอ?” ผมเอ่ยดักคอด้วยหน้าบูด เพราะแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือหมอกลับเทศนาซะอีกแล้ว!

   “อือ” คำตอบรับสั้นๆ ทำให้ผมถอนใจยาวอย่างเหน็ดเหนื่อยหัวใจ “เออ...อิฐ”

   “หือ” ผมครางรับในลำคออย่างคนท้อแท้

   “ถ้าจะให้ช่วยตามหาแม็กน่ะ หมอคงช่วยไม่ได้ แต่มีอย่างนึงที่จะบอกได้”

   “อะไรวะ”

   “หมอรู้ว่าลูกของนายกับแม็กน่ะฝังอยู่ที่ไหน” ผมชะงักไปครู่หนึ่งหันไปมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ เพราะคิดว่าพอแท้งแล้วโรงพยาบาลอาจจะไม่ได้เก็บศพเด็กทารกไว้ และผมก็ใจไม่แข็งพอที่จะขอดู ผมไม่รู้เลยว่า...

   “ว่าไงนะหมอ...” เอ่ยถามเสียงสูง

   “แม็กขอร้องซูกัสไว้น่ะให้ไปขอให้โรงพยาบาลเก็บศพไว้แล้วช่วยนำเขาไปฝังให้หน่อย ตอนแรกหมอกลัวนายเสียใจก็เลยไม่ได้บอก”

   ผมยิ้มเศร้า รู้สึกละอายใจขึ้นมา ทั้งๆ ที่เขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผมแท้ๆ ผมก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้เขามากได้เท่าแม็ก สิ่งที่เขาให้กับผมและครอบครัวมันมากกว่าคำว่ารักจริงๆ ผมไม่เคยพบเจอคนที่จะดูแลครอบครัวคนอื่นเหมือนครอบครัวตัวเองแบบนี้  คนที่พร้อมจะเสียสละความสุขของตัวเองเพื่อให้คนที่รักมีความสุข ผมเสียอีกที่เห็นแก่ตัวมาตลอดตั้งแต่วินาทีแรกจนนาทีสุดท้าย

   นาทีนั้น... ผมคิดคำนึงถึงคนรักทั้งสองที่จากไปในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน หนึ่งคนจากไปด้วยไฟแค้นที่พร้อมจะแผดเผาทำลายอีกฝ่ายเมื่อตนเองไม่ได้สิ่งที่หวัง อีกคนจากไปพร้อมกับความรักและความดี แม้ว่าเราจะรู้จักและอยู่ร่วมกันแค่ระยะเวลาสั้นๆ แต่สิ่งเหล่านั้นมันกลับตราตรึงอยู่ในหัวใจไม่จางหาย และไม่ว่าจะนานแค่ไหน ผมคงลืมเขาไม่ได้...

   “หมอ... ขอร้องอะไรหมอสักอย่างได้ไหม?”

   “อะไรอีกล่ะ? พูดงี้ทีไรหาเรื่องให้ทุกทีแหละ” หมอเอ่ยสัพยอก

   “ครั้งสุดท้ายจริงๆ นะหมอ...”

   หลังจากขอร้องจนหมอยอมรับปากเรื่องหนึ่งแล้วผมก็ออกจากคลินิกอย่างโล่งอก ผมไปที่บริษัทเพื่อต่อรองบางอย่างกับแผ่นฟ้า ด้วยใบโอนหุ้นที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เพราะผมยังไม่ได้เซ็นชื่อลงไปคงสามารถทำให้แผ่นฟ้าและอาเขตแดนยอมทำตามข้อเสนอของผมได้ง่ายๆ

   ผมจะไม่เซ็นรับหุ้นจากแม็กม่า ไม่แย่งชิงตำแหน่งประธาน ทั้งยังจะลาออกจากตำแหน่งกรรมการฝ่ายบริหาร โดยมีเงื่อนไขว่า ผมจะแต่งตั้งกรรมการคนใหม่มาแทนตัวเองและนายยงยุทธ ภายในครึ่งปีให้ทำกำไรเพิ่มขึ้นอีกห้าเปอร์เซ็นต์ ถ้าทำได้ผมจะไม่แย่งชิงเก้าอี้ประธานอีก จะรับแต่ปันผลอย่างเดียว...

   อาเขตแดนและแผ่นฟ้ายอมรับเงื่อนไขเหล่านั้นแล้วผมก็สบายใจ ต่อไปผมจะลบเรื่องงานออกจากสมองทิ้งแล้วใช้เวลาที่เหลือเพื่อตามหาแม็ก...

   วันนี้สายลมด้านหน้าบริษัทพัดแรงผิดปกติ จนรู้สึกหูแว่วได้ยินเหมือนเสียงเพลงเศร้าขับขานลอยมาตามลม

   ชาตินี้มีกรรมน้องตามมา  ชาติหน้าพี่ยาตามน้องไป

   ไม่ต้องรอถึงชาติหน้าหรอกแม็ก ชาตินี้แหละ ฉันจะตามหาเธอให้เจอ

   และถ้าหากวันไหนที่เราได้พบกัน ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เธอจากไปอีกแล้ว... รอฉันนะแม็ก


++++++++++


คิดเหมือนแม็กนี่แล เลือกแม็กเพราะมีลูกให้
อิฐได้บีทมายาก คบมาก็นาน กับแม็กที่ได้มาง่ายๆ พร้อมเป็นของตายเสมอ
เลยรู้สึกว่า ไม่มีลูกแล้วนี่โดนทิ้งแหงงแซะ
เรามองอิฐเป็นสีเทาๆ ที่เข้มจนคล้ายจะเป็นสีดำ
ตัดบีทได้ไวบางมุมมันก็เลยดูโฉด เหตุผลแบบข้างบนได้มายากยังปล่อยทิ้งนับประสาอะไรกับของที่ได้มาง่ายๆ
อ่านเรื่องนี้ทำให้เราระแวงพระเอกที่นิสัยค่อนข้างหนักแน่นมั่นคงทุกคนได้เลยนะเนี่ย ฟฟฟฟ
คงเพราะอิฐมาด้วยลุคผู้ชายรักเมีย หนักแน่นมั่นคง แล้วคนมั่นคงที่ว่าไส้ในดั๊นนนนมีแต่ปลวกซะงั้น จิ้มทีเดียวก็ล้มครืนนน
แต่เหตุผลของอิฐมันก็จริงดี ความรักในความเป็นจริง ไม่ได้มีแค่คนสองคน

จริงๆ ตัวละครเรื่องนี้ออกจะเทาทุกตัวเลยค่ะ มีมุมที่ดีและร้ายในตัวเองกันหมด แต่นิถือว่ามีเหตุผลในการกระทำของตัวเองจนคนอ่านบางครั้งก็งงว่าจะเชียร์ใครได้บ้างเพราะเริ่มแรกมา พระเอกก็นิสัยไม่ดี นายเอกก็นิสัยไม่ดี

อย่างแม็กนิว่าคนเข้าใจนางนะว่าส่วนหนึ่งนางห่วงลูก ก็เลยอยากได้คุณอิฐ ต่อให้ตอนแรกนางจะคิดว่าอิฐไม่รักแต่ถ้าตัวเองเป็นคนที่ถูกเลือกแล้วมันจะทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ มันยากที่จะจะปฏิเสธ

บีท นิว่านางไม่ใช่คนไม่ดีนะ แต่นางแค่รักมากจนแค้นมากไปหน่อย - -  :เฮ้อ:

ส่วนอิฐ ถามว่ามั่นคงไหม เขาไม่ได้มั่นคงแบบไม่ได้คิดอะไรกับแม็กนะ คือคิด... มีหวั่นไหวเพราะความใกล้ชิด แล้วแม็กเด็กกว่า ด้วย แต่เหตุผลที่อิฐเลิกกับบีทไม่ใช่เพราะเขาหวั่นไหว แต่เพราะบีทเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมาเองว่ายอมรับลูกเขาไม่ได้ และเขาตัดสินใจเลือกลูกมาก่อนคนรักคือถ้าเลือกแม็กแล้วเขาไม่ต้องเลือก... คือจะมีครบ ทั้งเมียทั้งแม่ทั้งลูก ความรู้สึก ยังรักยังเสียดายบีทก็มีอยู่ แต่อิฐคือเป็นผู้ชายใจแข็งตรงที่ว่าถ้าเลือกแล้วก็จะไม่เปลี่ยนใจ

การเลือกแล้วจะไม่ย้อนกลับไปอีกก็เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมอิฐไม่ทิ้งแม็กแม้ลูกจะแท้งไป
แต่สุดท้ายเหตุผลที่อิฐตัดสินใจว่าจะตามหาและรอคอยแม็กก็เพราะความดีของแม็กนะคะ


ตอนหน้าจะจบแล้วนะคะ  พอดีพรุ่งนี้นิจะขึ้นกทม. ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมาต่อได้ตรงเวลาหรือเปล่า
หรืออาจะช้าหรือเร็วนิดหน่อย ♥
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 19-05-2016 23:50:07
 :o12: อ่านไปน้ำตาคลอ สงสารแม๊กม่า เข้าใจอิฐนะ แต่หมั่นไส้อิฐ ทีมซูกัส
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 20-05-2016 00:00:46
ขอให้ตามหาแม็กให้เจอเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-05-2016 00:05:42
คุณอิฐตามหาแม็กให้เจอนะ :mew2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 20-05-2016 00:19:20
หูยย
ตอนนี้ปมก็คือตอนไปญี่ปุ่นนี่บีทโกหกเหรอ
แล้วอินังอิฐก็ไม่เล่าไม่อธิบายอะไรกับน้องอ่ะ
เราเป็นน้องเราก็หนีเหอะ
ไม่มีลูกก็เหมือนไม่มีข้ออ้างจะอยู่นั่นแหละ
รู้ว่าอิฐเริ่มรู้สึกดีด้วย แต่ก็ไม่มั่นใจไง
รักเราจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ พอแท้งไปเลยเคว้งไปหมดไง
สมๆๆๆๆๆอิฐ ตามหาน้องต่อไปเถอะย่ะ
ชิส์
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[19/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 20-05-2016 00:21:34
ข้อสรุปของตอนนี้ ดี!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 20-05-2016 00:34:41
สงสารแม็กกกก  :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-05-2016 01:12:40
รีบหาให้เจอนะ จะได้ปรับความเข้าใจกันเสียที
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 20-05-2016 01:24:40
จะตามเจอไหมหนอ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-05-2016 01:47:05
ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 20-05-2016 01:58:13
อีคุงก้อนอิฐ จงร้องอพลงพีทตูนต่อไปนะ (ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมออออ)  :mew5:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 20-05-2016 02:18:51
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 20-05-2016 02:36:02
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-05-2016 06:25:12
 :mew5:   ตามกันต่อไปนะ.  :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 20-05-2016 08:49:16
 :really2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-05-2016 08:57:37
ดราม่าจนหยดสุดท้ายจริงๆ เฮ้อ~
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 20-05-2016 09:08:51
จะจบแล้ว :mew2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 20-05-2016 10:45:37
ถึงเวลาต้องตามหาหัวใจตัวเองแล้ว
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: สุนิสา ที่ 20-05-2016 13:32:34
ทำไมลูกต้องตาย เสียใจจ :ling1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 20-05-2016 16:38:48
 :hao5:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-35-] อัพรอบสองนะคะ♥[20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 20-05-2016 16:58:23
-36-


            -แม็กม่า-

 

            จะปีนึงแล้วสินะที่ผมไปจากคุณอิฐ พรุ่งนี้จะครบรอบวันที่เราสูญเสียน้องอุ้มไป

            ผมลืมไปบอกสินะว่าผมตั้งชื่อน้องว่าอุ้ม มาจาก ตัวอ. กับม. ของเรา และมีความหมายถึงการอุ้มท้องของผมด้วย แม้ว่าเขาจะไม่มีโอกาสอยู่รอดจนถึงกำหนดคลอดก็ตามที แต่ทำไมเขาจะไม่มีสิทธิ์ได้รับความรัก ความคิดถึงหรือแม้แต่การตั้งชื่อล่ะจริงไหม?

            ผมเก็บของออกจากวัดที่ตัวเองไปนุ่งขาวห่มขาวถือศีล เพื่อทำจิตใจให้สงบรวมทั้งแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้น้องตั้งแต่เมื่อวาน แล้วกลับมาอยู่บ้านพ่อที่อยุธยาก่อนจะเดินทางไปที่วัดต่อพรุ่งนี้...

            คำว่าถือศีลของผมไม่ใช่การบวชหรอกครับ ทั้งที่ตอนแรกก็ลังเลว่าจะบวชดีไหม แต่อีกใจก็รู้สึกว่าเพศอย่างผมต่อให้คิดว่าเมื่อบวชแล้วจะสามารถสำรวมจิตใจได้ก็ตามแต่ก็รู้สึกไม่สบายใจที่ทำแบบนั้น ผมเลยเลือกจะถือศีล 8 อย่างฆราวาสแทน นอกจากนุ่งขาวห่มขาวก็ไม่ได้โกนผม ถือศีลน้อยกว่าเณรเสียอีกแต่เรื่องการปฏิบัติก็เคร่งในระดับหนึ่งเพราะเลือกไปอยู่วัดบนเขาที่เป็นสายปฏิบัติโดยแท้ รู้สึกว่าสบายใจกว่าบวชเป็นพระแล้วมากังวลใจทีหลัง

            วันต่อมาผมก็มาถึงวัดที่ซูกัสกับหมอช่วยนำร่างน้องมาฝังไว้เพื่อจะมาทำสังฆทานที่นี่ แม้จะคิดเสมอว่าบุญนั้นไม่ว่าทำที่ไหนก็คงส่งไปถึงเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกอยากมา...

            หลังจากทำสังฆทานและกรวดน้ำเรียบร้อยแล้วผมก็เอาน้ำที่กรวดเสร็จไปเทลงที่ใต้ต้นไม้ เตรียมตัวจะกลับ ในใจก็ลังเลว่าจะไปหาซูกัสที่บ้านดีไหม เพราะเราก็ไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว หรือว่าจะกลับเลยดี

            “แม็ก...”  ระหว่างที่ยืนเหม่ออยู่นั้นเอง เสียงเรียกด้วยน้ำเสียงอาลัยอาวรณ์ก็ดังเข้าโสตประสาท หัวใจผมกระตุกวูบ อดคิดไปไม่ได้ว่าตัวเองอาจจะเพียงหูฝาดไป ลอบกลืนน้ำลายดังกรึ๊บก่อนจะค่อยๆ หมุนร่างไปยังทิศทางนั้นแล้วก็พบว่าเป็นเขาจริงๆ ความอบอุ่นของอ้อมกอดนั้นที่รวบร่างผมไว้แน่น พูดพร่ำคำเดิมซ้ำๆ อยู่ข้างหู “คิดถึง... ฉันคิดถึงเธอมากรู้ไหม?”

            “จะบ้าหรือไงคุณอิฐ! นี่มันในวัดในวานะ จะทำอะไรก็หัดคิดถึงกาลเทศะบ้าง” ผมเอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย ทำราวกับว่าความรู้สึกคิดถึงพวกนั้นมันมิได้เอ่อล้นมากมายอย่างที่เป็นอยู่สักนิด ทั้งๆ ที่ในลำคอตีบตันจนเริ่มหายใจติดขัด

            เขายอมปล่อยร่างผมจากอ้อมกอดที่รัดแน่นนั่นแต่ยังไม่ยอมละมือออกจากข้อมือผม เหมือนกับว่าถ้าหากเขาไม่จับไว้ ตัวผมจะหายตัวไปซะเดี๋ยวนั้น! 

             “ก็ฉันดีใจนี่ที่ได้เจอเธอ” ถ้อยคำสารภาพทำเอาใจผมแกว่งไปบ้างเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าตัวเองทำใจได้แล้วก็ตาม บางทีก็นึกโมโหเขาเสียจริง ทำไมนะถึงเป็นคนที่ชอบให้ความหวังชาวบ้านเสียเรื่อย

            “คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ” ผมถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

            “มารอเธอ...” คำตอบนั้นทำให้ผมเผลอมองอย่างเคืองใจ

            “คุณจำได้ไหมว่าวันนี้วันอะไร?”

            “จำได้... ถึงได้มาไง”

            “คุณควรจะคิดถึงลูก... มากกว่าคิดถึงผม” ผมรู้สึกว่าทำเสียงดุออกไป

            “แล้วทำไมคิดว่าฉันไม่คิดถึงเค้าล่ะ? ไปทำสังฆทานด้วยกันเถอะ”

            “คุณไปเถอะ ผมถวายเรียบร้อยแล้ว”

            “ทำแล้วก็ทำอีกสิ ไม่เห็นจะเป็นไร ไปเถอะ” คำชักชวนที่เหมือนไม่อนุญาตให้ปฏิเสธมาพร้อมกับอุ้งมือใหญ่ที่กุมมือผมไว้แล้วจับจูงให้เดินไปที่รถ เขาเปิดประตูหยิบเครื่องสังฆทานออกมาโดยที่ไม่ยอมปล่อยมือผมเลยจนผมรู้สึกอึดอัดใจ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ยอมตามเขาไปถวายสังฆทานซ้ำอีกรอบ กรวดน้ำจนเรียบร้อย และสุดท้ายเขาจูงมือพาผมกลับมาที่รถ

            “แยกกันตรงนี้เถอะครับ” ผมเอ่ยแต่อีกฝ่ายไม่สนใจ เขาเปิดประตูรถด้านข้างคนขับแล้วผลักร่างผมเข้าไปแล้วอ้อมไปนั่งยังที่นั่งคนขับก่อนจะออกรถอย่างสบายอกสบายใจ

            “คุณจะพาผมไปไหนครับ” ผมรู้สึกว่าคำถามของตัวเองงี่เง่าแต่ก็ยังถามออกไป

            “ลักพาตัวเธอ” คำตอบเรียบๆ ทำให้ผมย่นคิ้วแล้วกลอกตา

            จนป่านนี้แล้วนะ... ยังไม่เลิกใช้มุกเดิมอีกเหรอลุง!

 

            รอบนี้คุณอิฐลักพาตัวผมมาที่บ้าน บังคับพาผมไปกราบแม่ของเขา คุณแม่มีทีท่าดีใจมากเหลือเกินที่ผมกลับมา ทักทายพูดคุยราวกับว่าผมจะกลับมาอยู่บ้านท่านวันนี้พรุ่งนี้ ผมอยากบอกท่านไปตามตรงว่าผมไม่คิดว่าตัวเองจะกลับมา ผมไม่อยากทนทุกข์ทรมานใจกับการรักใครข้างเดียวอย่างปีก่อนอีกแล้ว แต่เมื่อเห็นความคิดถึงและความดีใจของท่านก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ ได้แต่นั่งฟังเงียบๆ รู้สึกดีใจที่เห็นท่านสุขภาพแข็งแรงดี หน้าตาก็แจ่มใส

            “แม่อยู่คนบ้านคนเดียวสักสามสี่วันได้ไหมครับ” จู่ๆ คุณอิฐก็เอ่ยถามขึ้นมาแบบไม่เข้ากับบทสนทนาก่อนหน้าสักนิด

            “ทำไม จะไปไหน?” ในคำถามมีสำเนียงดุเล็กน้อยตามแบบฉบับท่าน

            “ว่าจะพาแม็กไปฮันนีมูนซะหน่อยครับ” คุณอิฐตอบด้วยรอยยิ้มเอาใจ ส่วนผมย่นคิ้วนิดหนึ่งหมุนคอไปกระพริบตาปริบๆ

            ไม่เข้าใจคุณอิฐเลย ไม่ทราบว่าชวนผมตอนไหน แล้วผมไปตอบรับตอนไหนว่าจะไปเที่ยวด้วย

            แล้วอีกอย่าง... อะไรคือฮันนีมูน!!

            “อ๋อ... งั้นก็ไปเถอะย่ะ อยากจะไปสักเดือนก็ไปเถอะ!” คุณแม่ตอบรับอย่างอารมณ์ดีแต่ทำให้ผมแทบนั่งไม่ติด กำลังคิดว่าตัวเองจะหาทางปลีกตัวออกมาจากสถานการณ์นี้อย่างไรดี!

            “ดีครับ! งั้นเดี๋ยวแม่คุยกับแม็กไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปเก็บเสื้อผ้าแป๊บนึง” เขาบอกอย่างอารมณ์ดีไม่แพ้กัน รีบลุกขึ้นเดินออกไปอย่างกระตือรือร้น ผมทำหน้าไม่ถูกได้กลืนน้ำลายอย่างกังวล

            “แม็ก...” จู่ๆ ท่านก็เรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

            “ครับ” ผมตอบรับเสียงอ่อย

            “แม่ดีใจนะที่แม็กกลับมา ทั้งแม่กับอิฐน่ะ รอแม็กมาตลอดเลยนะ” น้ำเสียงนั้นอ่อนโยนปรานีนักจนผมพูดอะไรไม่ออก  “ที่ทุกข์ก็ทุกข์มามากแล้ว ต่อไปก็อย่าเก็บทุกข์เอาไว้กับตัวเลย มีความสุขเสียทีเถอะ” รอยยิ้มอย่างใจดีนั้นทำให้หัวใจที่แห้งผากกลับชุ่มชื่นขึ้นในฉับพลัน

            ผมกลับมาได้เหรอครับคุณแม่ ถ้าผมกลับมา ผมจะมีความสุขได้จริงหรือ

 

            ก่อนจะไป คุณอิฐเดินพาผมเข้าไปในสวน กลับมาคราวนี้ผมรู้สึกทึ่งที่ต้นฝรั่งที่เคยปลูกไว้ยังอยู่ และตอนนี้มันออกผลเรียบร้อยแล้วแม้ว่าต้นจะไม่ได้ใหญ่อะไรมาก คุณอิฐคงสั่งให้คนดูแลมันไว้เป็นอย่างดีตอนนี้จึงเห็นลูกฝรั่งๆ ถูกห่อไว้ด้วยถุงพลาสติกและกระดาษหนังสือพิมพ์ เขาบรรจงเด็ดลูกฝรั่งออกจากต้นแกะถุงออกแล้วยื่นให้ผม

            “นี่ไม่ใช่ลูกแรกหรอกนะ เพราะฉะนั้นพอฉันชิมแล้วก็เลยรู้ว่าเธอโกหก จำได้ไหมว่าเคยสัญญาอะไรกันไว้ บอกจะขออะไรจากคนโกหกก็ได้หนึ่งอย่างใช่ไหม?” แย่จัง อุตส่าห์หนีไปตั้งไกลแล้ว ยังจะตามให้กลับมาเพื่อทวงสัญญาอะไรนั่นอีก

            “คุณจะขออะไรผมครับ”

            “ขอให้ลืมเรื่องราวที่เจ็บปวดในอดีตไปซะให้หมด จากวันนี้ไปขอให้เธอมีความสุขซะทีได้ไหม?” พูดเหมือนคุณแม่เลย

            “ใครๆ ก็อยากมีความสุขกันทั้งนั้น แต่คุณจะรู้ได้ยังไงว่าผมจะมีความสุขได้จริงๆ” ผมถามด้วยหน้าเรียบเฉย

            “รู้สิ เพราะฉันจะทำให้เธอมีความสุขเอง” บางทีก็อยากถาม คุณไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหน?

            “ด้วยอะไรครับ?” ผมถามพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากคล้ายขบขันกับเรื่องนั้น

            “ด้วยความรักของฉัน” คำตอบนั้นทำให้ผมตกตะลึงตาค้างไปชั่วขณะก่อนจะกระพริบตาเร็วๆ เรียกสติสตางค์ให้กลับมาโดยเร็วที่สุด อยู่ดีๆ หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาเฉยๆ และมีความเจ็บปวดซ่อนอยู่...

            “อย่าทำอย่างนี้เลยครับ เรื่องที่ผมรักคุณน่ะมันนานมากจนตอนนี้ผมไม่รู้สึกเจ็บแล้ว ไม่จำเป็นเลยที่คุณจะต้องมาโกหกหรือรับผิดชอบความรู้สึกของผมต่อไปอีก” ผมพยายามหลบสายตาที่ส่ายไหวนั้นไม่ให้เขาเห็น หรุบตาต่ำขณะตอบกลับไป

            “แล้วความรู้สึกของฉันล่ะ? เธอไม่คิดจะรับผิดชอบมันบ้างเลยเหรอ?” ผมมองกลับไปอย่างค้นคว้าหาความหมายเหล่านั้น “เธอรู้ไหมว่าฉันคิดถึงและรอคอยเธอมาตลอด ไหนเธอลองบอกเหตุผลสิว่าถ้าหากฉันไม่ได้รักเธอ ทำไมฉันต้องรอนานขนาดนี้ด้วย”

            “ผมไม่รู้ คุณอาจจะคิดว่าผมเป็นผู้ชายคนเดียวที่ท้องให้คุณได้ แต่รู้ไหมครับผมทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว” ผมยอมพูดความจริงออกมา

            “เรื่องนั้นฉันรู้ และถ้าเธอไม่ต้องการ ฉันก็ไม่คิดจะบังคับ เธอไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่เธอไม่ชอบเพื่อฉัน มีแต่ฉันเท่านั้นแหละที่จะทำทุกอย่างเพื่อเธอ เพื่อคนที่ยินดีเสียสละความสุขของตัวเองได้เพื่อคนที่ตัวเองรัก คนที่ดูแลครอบครัวคนอื่นเหมือนเป็นครอบครัวตัวเองอย่างเธอ...”

            “นั่นเรียกว่าการขอบคุณครับ ผมไม่คิดว่ามันคือความรัก...” ผมเอ่ยเถียง แท้จริงแล้วผมไม่มีข้อกังขากับคำพูดของเขาหรอก แต่ผมกำลังบอกตัวเองต่างหาก ไม่ให้หลงไปกับความสงสารที่เขามีให้ ไม่อย่างนั้นผมคงต้องกลับไปเจ็บแบบเดิมอีก...

            “ก็ได้! คนที่ฉันรักไม่ใช่คนที่รักฉันจนทำทุกอย่างให้ได้หรอก แต่เป็นแม็กม่าคนนั้น คนที่ยอมนั่งแท็กซี่เป็นชั่วโมงเพื่อเอามะม่วงไปให้เพื่อนที่กำลังท้องอยู่กิน คนที่ถามถึงความปลอดภัยของซูกัสก่อนที่จะห่วงตัวเอง คนที่พยายามแก้ต่างให้ฉันทุกๆ ครั้งที่ถูกซูกัสเล่นงาน คนที่ชวนฉันกินข้าวเย็นตอนสี่ทุ่มครึ่ง คนที่เลือกเนกไทให้ตอนเช้า ชอบนอนกลิ้งมาหาแล้วทำให้ใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ คนที่ยอมอดกาแฟทั้งๆ ที่ติดมาก ยอมเป็นหวัดงอมแงมโดยไม่กินยา คนที่เฝ้าแม่ฉันทั้งคืนตอนที่ท่านป่วย มันยังไม่มากพอเหรอที่จะทำฉันรักเธอน่ะแม็ก!” เสียงตะเบ็งที่พล่ามยาวๆ โดยไม่หยุดพักจนทำให้คนพูดหอบหายใจแรงทำให้ผมทำหน้าไม่ถูก ความหนักแน่นที่คิดว่ามีเริ่มหดหายไปกว่าครึ่ง พยายามหาเหตุผลเพื่อจะหลีกหนีมันให้ได้อีกครั้ง

            “แต่กว่าคุณจะรู้ว่ารัก ผมก็จากไปแล้ว คุณไม่คิดว่ามันสายไปหน่อยเหรอครับ” ผมถามอย่างไม่เต็มเสียงนัก รู้สึกได้ว่าหัวใจตัวเองเริ่มคลอนแคลนเต็มทนแล้ว กำแพงหัวใจที่ใช้เวลานานนับปีเริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาปิดกั้นก็พังลงในพริบตากับแค่ความอบอุ่นจากอ้อมกอดที่แสนโหยหานั้นหวนคืนกลับมาอีกครั้ง

            “ไม่สายหรอก ก็เราได้พบกันอีกแล้วนี่ อย่าไปอีกเลยนะแม็ก ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอน่ะมันมากกว่ารัก”

            ผมอยู่นิ่งในอ้อมแขนนั้น ในใจมีคำถาม มีความลังเลมากมาย แต่ที่มากกว่านั้นคือความหวัง

            แต่สิ่งที่มากที่สุดคือความรักของผมที่มีให้เขา ไม่เคยจางหายหรือลบเลือนไปเลย

            ผมจะเชื่อสักครั้งได้ไหมว่าสิ่งที่เขาบอกนั้นเป็นเรื่องจริงไม่ใช่คำโกหก

           

            หลังจากผมตกลงใจว่าจะลองเชื่อใจเขาดูอีกสักครั้ง จะรอดูว่าเขาจะพิสูจน์รักของเขาอย่างไร คุณอิฐก็จับผมขึ้นรถบอกว่าจะพานั่งรถไปแอ่วเหนือกันสักเดือนตามที่คุณแม่บอก ผมส่ายหน้าในความเยอะแยะของเขาเพลียๆ แต่ตอนนี้ก็ขี้เกียจจะคัดค้านอะไรให้เสียฤกษ์ก็ยอมขึ้นรถไปแต่โดยดี แต่ก่อนที่เขาจะพาผมขึ้นเหนืออะไรนั่น เขากลับแวะพาผมไปที่หนึ่งก่อน และผมค่อนข้างแปลกใจที่คุณอิฐพาผมมาที่คลินิก พอมาถึงเขาก็ดึงผมเดินเร็วๆ ไปที่เคาน์เตอร์เพื่อขอพบหมอว่าน

            “ตอนนี้หมอว่านอยู่ในห้องค่ะ ไม่มีคนไข้” เจ้าหน้าที่บอกอย่างสุภาพ ผมก็เดินตามเขาไปที่ห้องหมออย่างไม่เข้าใจว่าจะรีบร้อนอะไรนักหนา!

            “หมอ!!” ทันทีที่เปิดประตูห้องตรวจเข้าไปเขาก็ร้องทักหมอว่านอย่างตื่นเต้น หมอว่านเงยหน้าจากเอกสารตรงหน้าขึ้นแล้วชายตามาที่ผมแล้วยิ้มอ่อน

            “อ้าว เจอแล้วเหรอ?”

            “อือ...” คุณอิฐตอบรับพร้อมรอยยิ้มดีใจจนผมรู้สึกเขิน

            หมอไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น เปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานแล้วโยนพวงกุญแจพวงหนึ่งมาให้ คุณอิฐเอื้อมมือคว้าทันที

            “ห้องที่แม็กใช้พักฟื้นตอนฝังมดลูกนั่นแหละใช้ได้” หมอเอ่ยขึ้น คนข้างกายพยักหน้ารับ ส่วนผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจ แต่ยังไม่ทันตามอะไรทัน คุณอิฐก็หมุนตัวผลักประตูห้องตรวจออกไปแล้วดึงแขนผมให้เดินตามขึ้นชั้นบนแล้ว

            “จะไปไหนครับเนี่ย ไหนว่าเราจะไปเที่ยวกัน...”

            “ไม่ได้บอกว่าไปเที่ยว บอกว่าไปฮันนีมูน”

            “ที่เหนือไม่ใช่เหรอ?”

            “อือ... แต่ที่เหนือมันไกล เลยแวะมามัดจำที่นี่ก่อน”

            “ฮะ!” ผมร้องเสียงสูงพร้อมใบหน้าเหวอ แล้วก็พูดอะไรไม่ออกจนเรามาโผล่ยังห้องนอนเฉพาะกิจที่เคยสิงสถิตนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่หลายวันสมัยฝังมดลูกเทียม

            “นะ...แค่มัดจำเอง...” คำออดอ้อนพร้อมกระพริบตาพราวใส่ของคุณอิฐทำให้ผมเหงื่อตกแล้วได้แต่ถอนใจปลงๆ

            เหอะ! ทำเสียงอ้อนแบบนั้นแล้วทำยังกับผมจะปฏิเสธได้!

            ในความรัก... บางทีผมก็โคตรเกลียดคุณอิฐ!!

            จะมีอะไรกันแค่นี้ ที่อื่นก็มีเยอะแยะ ทำไมต้องพามาอายถึงนี่ด้วยเนี่ย!!

 

            ++++++++++

           

            สรุปว่าหลังจากอับอายขายขี้หน้าหมอที่คลินิกคุณอิฐก็เกิดความขี้เกียจขับรถ เปลี่ยนแผนพาผมนั่งเครื่องไปเที่ยวแทนซะงั้น เราหายไปฮันนีมูนร่วมกันเกือบอาทิตย์แล้วก็กลับมาอยู่ที่บ้านดังเดิม แรกๆ ผมก็รู้สึกหน่วงๆ อยู่บ้าง แต่ก็พยายามทำใจให้ได้ แม้จะมีเรื่องร้ายๆ ผ่านเข้ามาแต่ชีวิตเราก็ยังดำเนินต่อไป

            ไม่รู้สิ... อีกไม่นานผมอาจจะทำใจกับการท้องครั้งใหม่ก็ได้ แต่แค่ยังไม่ใช่ตอนนี้ก็เท่านั้น...

            กิจวัตรของผมที่นี่ก็ไม่ต่างจากเดิม เพิ่มเติมคือตักบาตรตอนเช้า ถือศีลแปดวันพระ เพียงแต่อยู่บ้านไม่ได้ไปฝึกสมาธิในวัดแล้วก็เท่านั้นแหละ ส่วนคุณอิฐกลับเปลี่ยนไปมาก เขาดูว่างกว่าเดิมหลายเท่าจนเกือบกลายเป็นคนขี้เกียจ! ส่วนใหญ่จะอยู่บ้านปลูกต้นไม้ ใช้เวลาอยู่กับผมและคุณแม่ อาทิตย์นึงจะออกไปทำงานสักสามวันต่อสัปดาห์ จนผมรู้สึกว่าเราได้อยู่ด้วยกันบ่อยเกินไปจนช่วงนี้รู้สึกเบื่อหน้าลุงแกอยู่เหมือนกัน!

            ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าพอผมจากไป คุณอิฐไม่ยอมเซ็นรับหุ้นที่ผมโอนคืนให้ จึงเป็นการปฏิเสธตำแหน่งประธานบริษัทไปด้วย หลังจากลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทก่อนหมดวาระเพราะปัญหาชกต่อยเขาก็ลาออกจากตำแหน่งกรรมการฝ่ายบริหารแล้วแต่งตั้งคนที่ไว้ใจได้มาแทน พร้อมทั้งท้าทายคุณแผ่นฟ้าว่า ถ้าหากในระยะเวลาครึ่งปีสามารถทำรายได้ให้บริษัทมากกว่าเดิม 5 เปอร์เซ็นต์เขาก็จะไม่ทวงตำแหน่งประธานคืน และคุณแผ่นฟ้าก็ทำได้ คุณอิฐเลยปล่อยวางเรื่องอิทธิฤทธิ์กรุ๊ป รอรับแต่เงินปันผลอย่างเดียวแล้วหันมาสนใจธุรกิจโรงแรมแทน...

           

            เช้าวันหนึ่งหลังจากที่ผมกลับมาอยู่บ้านคุณอิฐได้ราวสองเดือน ระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้านั้นคุณอิฐก็เกิดอาการแพ้ท้องโอ้กอ้ากวิ่งเข้าห้องน้ำจนตกอกตกใจกันไปทั้งบ้าน ผมรีบตามไปลูบหลังเขา สอบถามว่าไหวไหม ยืนนึกอยู่ว่าเมื่อวานกินอะไรผิดสำแดงจนอาหารเป็นพิษหรือเปล่า อยากจะพาคนป่วยไปโรงพยาบาลไวๆ จะได้ไม่ต้องแอดมิดหลายๆ คืนอย่างตอนคุณแม่ป่วย คุณอิฐโบกมือเพลียๆ หลังจากโก่งคอไล่น้ำลายเหนียวลงที่อ่างล้างหน้า

            “ไม่เป็นไรหรอกแม็ก” เขาบอกแค่นั้นแต่ไม่ยอมเข้าไปในห้องอาหารอีก รีบเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน

            ผมเดินตามขึ้นไปเพราะความเป็นห่วง คนบ้านนี้เป็นอะไร ไม่สบายไม่ชอบไปหาหมอ ชอบบอกว่าไม่เป็นไรรอจนอาการหนักตลอด! พอตามขึ้นไปบนห้องเห็นเขาเข้าไปในห้องน้ำ เอ... หรือว่าจะท้องเสีย ผมนั่งรอที่เตียงเพราะความเป็นห่วงอยากแน่ใจว่าเขาไม่เป็นไรมาก และไม่นานนักเขาก็เดินออกมาแล้วยื่นบางอย่างให้ผมดู

            ผมก้มลงมองสิ่งนั้นงงๆ  ด้วยความไม่เข้าใจ เพราะสิ่งนั้นคืออุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบตั้งครรภ์ซึ่งมันปรากฏขีดแดงสองขีด ผมยืนนิ่งจ้องมองมันเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง เครื่องผิดปกติ หรือว่าคุณอิฐเป็นโรคบางอย่างที่วัดค่าได้จากปริมาณ HCG (ได้แก่โรคมะเร็งอัณฑะ) แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ จู่ๆ เขาไปเอาของแบบนี้มาจากไหน แล้วเอามาตรวจเพื่ออะไร?

            “ฉันให้หมอฝังมดลูกเทียมไปหลังจากเธอหายไปได้สักพักนึงแล้ว ฉันเชื่อว่าสักวันฉันจะได้เจอเธออีกครั้งแล้วฉันก็ยังอยากมีลูกกับเธอ  แล้วฉันก็ได้เจอจริงๆ วันนั้นฉันก็เลยพาเธอไปทำลูกที่คลินิกไง จำได้ไหม?” คำเฉลยนั้นทำให้ผมถึงบางอ้อ จำได้ว่าเขาหลอกว่ากลัวทำห้องหมอเลอะเลยให้ผมหลั่งใส่กล่องบางอย่าง ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริง... ถ้าอย่างนั้นเด็กที่อยู่ในท้องของเขาก็คือลูกของผมน่ะสิ

            “คุณไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้นะครับคุณอิฐ...” ผมบอกด้วยเสียงแปร่งๆ เพราะกลั้นน้ำตา ทั้งดีใจทั้งซึ้งใจ

            “ฉันอยากให้เธอเชื่อว่าถึงเธอจะท้องไม่ได้ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เราต้องแยกจากกัน ถ้าเธอไม่กล้าท้อง ฉันก็จะท้องให้  เธอจะได้เชื่อสักทีว่าฉันรู้สึกยังไงกับเธอ”

            “คุณอิฐ...” ผมยิ้มทั้งน้ำตาโผเข้าไปกอดเขาไว้แน่น เขากอดตอบลูบหลังผมเบาๆ บอกด้วยน้ำเสียงขี้เล่นปนอ้อน

            “ทำคนอื่นเค้าท้องแล้วต้องรับผิดชอบด้วยล่ะ ห้ามทิ้งไปไหนอีกนะ”

            “ไม่แล้วครับ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะอยู่กับคุณ อยู่กับลูกของเรา ผมรักคุณที่สุดเลย” รักมาก... ไม่เคยรักใครมากเท่านี้เลย

            “แต่ของฉันน่ะ... มากกว่ารักนะ” เขาย้ำประโยคเดิมๆ ซ้ำไปอีก

            “ครับ... ผมเชื่อแล้ว” ผมตอบเขา ยิ้มทั้งน้ำตา

            ผมว่าตอนนี้คุณอิฐก็คงเข้าใจแล้วละว่า สิ่งที่คนรักกันควรมีมากกว่ารักคือความเสียสละ ยอมรับทั้งข้อดีและข้อเสียของคนที่รัก และไม่ควรใช้สิ่งนั้นมาเป็นข้ออ้างที่จะไม่รักกัน แต่ใช้หัวใจเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย เรื่องบางอย่างอาจมีแต่คนรักกันเท่านั้นที่ช่วยกันได้ เพราะทำให้ด้วยใจไม่ใช่ด้วยเงินจ้าง อย่างที่เขายอมทำให้ผมในวันนี้

            แต่ในเมื่อวันเวลาเก่าๆ ที่ผิดพลั้งของเราทุกคนนั้นย้อนคืนกลับไปไม่ได้ ผมก็จะไม่หยิบมันมาทำร้ายใจตัวเองอีก เก็บไว้เป็นบทเรียนบทหนึ่งเท่านั้น  ไม่ว่ากี่แสนล้านความเจ็บปวดที่ผ่านมา ผมจะลืมมันไปให้หมด เพื่อที่เราจะเริ่มต้นสร้างครอบครัวใหม่ให้สมบูรณ์และมีความสุขอย่างแท้จริงสักที...

 

 

                        THE END

 

++++++++++++++++++

 ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลยรีบลง

จบซะที อาจจะมีพลิกล็อกหักมุมไปบ้างแต่หวังว่าจะชอบที่จบแบบนี้นะคะ

จบแบบทุกคนได้รับบทเรียน ที่สมควรได้รับทุกฝ่ายมากน้อยแบ่งๆ กันไป

แต่เพราะคนเราย่อมผิดพลั้งกันได้ เราก็ไม่ควรเอาอดีตมาทำร้ายตัวเองไปตลอด

เราต้องก้าวต่อไป กล้าที่จะมีความสุข อยู่กับปัจจุบันและอนาคต

ขอให้แม็กกับลุงมีความสุข

โอยยย ชอบลุงที่สุดก็ตอนนี้แหละ  555+
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-05-2016 17:25:32
ปรบมือดังๆ
 o13.   :katai2-1:  ให้หมอ กัส คุณแม่ ทุกๆคนที่ร่วมมือกับแม่อิฐ
เป็นงานเบื้องหลังที่ทำกันเป็นปีสินะ. ดีงามจริงๆค่ะ
แม็กไม่หนีไปไหนแน่นอน ลูกตัวเองนี่นา แถมคนอื่นๆก็คงไม่มาวุ่นวายแล้ว
แม็กดูแลแม่อิฐดีๆนะ สู้ๆ รอหลานคนใหม่ในตอนพิเศษจ้า
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 20-05-2016 17:26:19
จบแล้วว ขอตอนพิเศษด้วย อยากเห็นลูกของอิฐแมก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 20-05-2016 18:12:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 20-05-2016 18:28:38
จบแล้วขอบคุณมากค้า :mew2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 20-05-2016 18:30:32
คุณอิฐ ลงทุนมาก แล้วอย่างนี้แม็กจะยอมท้องลูกให้คุณอิฐอีกคนได้มั้ยคะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 20-05-2016 18:35:05
คุณอิฐคิดได้น่ารักมากเลยอ่ะ แสดงออกถึงว่า อิฐรักแม็กม่ามากเลยนะเนี่ย

จบได้ดี ทุกคนมีบทเรียนสอนชีวิตแต่ละคนอ่ะ ชอบมากเลย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 20-05-2016 18:42:45
ไม่คิดว่าลุงจะยอมท้องเองนะเนี่ย
ดีใจที่แม็กมีความสุขซะที
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-05-2016 20:03:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 20-05-2016 20:04:18
 :hao5: แง๊ รับมาม่ากันไปคนละรสเลยอ่ะ แม็กกะบีทเนี่ย
ไอ้เวรยุทธ เอ็งโดนตามล่าแน่ๆ  :m31:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-05-2016 20:51:51
อ้าว อิฐท้องแทนซะงั้น 55555
น่ารักไปอีกแบบ ผลัดกันท้องด้วย
ต่อไปนี้ก็ขอให้มีแต่ความสุขน

ไรท์คะ ขอสเปเชียลอีกได้ไหมคะ
อยากอ่านตอนทั้งสองคนเลี้ยงลูกจัง
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 20-05-2016 21:09:19
 :katai2-1:คุณอิฐทำดีมาก สุดยอดดดดดด สมคุณค่าที่แม๊กม่ารักหน่อยยยยย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 20-05-2016 21:43:03
โห ลุงสุดยอดอ่ะ ยอมท้องเพื่อแม็กเลยวุ้ย อยากให้แม็กท้องลูกอิฐอีกสักคนจังเลยอ่ะ จะได้มีสองคนเท่าของกัส
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-05-2016 21:59:22
จบแล้ว~ สนุกมากๆเลย ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 20-05-2016 22:03:19
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 20-05-2016 22:24:35
ไม่คิดว่าคุณอิฐจะทำขนาดนี้ น่ารักมากค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-05-2016 22:26:21
อร๊ายยย. อีอิฐยอมท้องเองเลยเหรอออ. อิอิอิ ขอบคุณคนแต่งครับบบ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 20-05-2016 23:28:45

นึกภาพคนแมนๆ คูลๆ แบดบอยแบบอิฐตอนท้องป่อง ปวดท้องใกล้คลอด หรืออะไรงั้นไม่ออกเลยค่ะ............. คือเป็นตอนจบที่ทำให้คนอ่านอึ้งนิดๆในหลายๆความหมาย...... ว่าแต่ว่า อย่างงี้ใครจะเป็นคุณพ่อใครจะเป็นคุณแม่คะหนุ่มๆ?
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: orangesmooty ที่ 20-05-2016 23:54:32
นึกว่าออกอาการแพ้ท้องแทน ที่ไหนได้...
หักมุมมากค่ะ รู้สึกเหมือนเดินชนเสา  555+
เราก็คิดมาตลอดนะว่าบันไดลงเรื่องนี้จะเป็นยังไง
ตลอดเรื่องก็เข้าข้างใครได้ไม่สุดสักคน
แบบนี้ก็แฟร์ดี รับผลกันไปถ้วนทั่ว

หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 21-05-2016 00:34:20
จ้ะ ท้องเองซะเลย!! ขอตอนพิเศษด้วยน้า
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 21-05-2016 06:27:37
 :pig4: ดีใจที่จบแบบแฮปปี้ กลัวจบหักมุมมาก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 21-05-2016 13:19:19
พลิกล็อคที่อิฐยอมท้องเสียเองนะนี่ แต่ Happy แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ  o13
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MyMine104 ที่ 21-05-2016 14:15:44
ทำดีมากคุณอิฐแม๊กม่ามีความสุขซะที :impress3:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 21-05-2016 20:51:10
่อ่านมาบีบใจมากกก ลุ้นให้อิฐง้อนานๆกว่านี้ แต่ลงทุนท้องเองก็คงต้องยอมแล้วล่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 22-05-2016 18:17:59
สรุปว่าอิฐเป็นแม่ แม็กม่าเป็นพ่อ  o22
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 23-05-2016 02:49:46
จบแล้ว
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 24-05-2016 01:31:00
แล้วสรุปใครเป็นพ่อเป็นแม่อ่ะ555
ทำดีแล้วตาลุงเอ้ย
ตอนแรกก็สงสัยว่าถ้าอิฐอยากมีลูกจริงๆ จะทำยังไง
รอให้แม็กทำใจได้แล้วท้องอีกครั้งเหรอ
แต่มาสรุปแบบนี้ละทำเราอึ้ง
นังอิฐแพ้ท้อง โอ้ย
นึกภาพแล้วแบบ
 :hao7: :hao7:
แต่ก็คงดูน่ารักงุ้งงิ้งสำหรับแม็กละเนอะ
เขายอมทำให้ขนาดนี้ ไม่ใจอ่อนก็บ้า
จริงๆ คือยอมตั้งแต่เห็นหน้าละมั้ง55
รอตอนพิเศษนะคะ
ุลุ้นว่าลูกเกิดมาจะเรียกใครพ่อใครแม่อ่ะ
 :call: :call:
 :call:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-36-] the end. [20/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 24-05-2016 09:52:24
Special

 
           -แม็กม่า-

            หลังอาหารเช้า ผมและคุณอิฐก็ขอเวลาคุณแม่สักครู่เพื่อแจ้งข่าวดีในครอบครัวเรา ผมคิดว่าท่านต้องดีใจมากแน่ๆ ที่จะได้อุ้มหลานอีกครั้ง คุณแม่จ้องมองผลตรวจนั่นตาค้างไปครู่หนึ่งก่อนจะหันมาหาผมด้วยรอยยิ้มดีใจ

            “แม็กท้องเหรอลูก” ผมยิ้มเจื่อนแล้วส่ายหน้าท่านจึงหุบยิ้มแล้วร้องอย่างผิดหวัง “อ้าว...”

            “คือ... คนที่ท้องเนี่ยไม่ใช่ผมครับ แต่เป็นคุณอิฐ” ทีนี้คำตอบของผมทำให้ท่านนิ่งอึ้งอ้าปากค้าง

            “โอ๊ย! ฉันจะเป็นลม” คุณแม่ยกมือกุมขมับทิ้งร่างเอนลงที่พนักโซฟา

            “คุณแม่!” ผมและคุณอิฐร้องเสียงหลงต่างพากันเข้าไปประคอง ขอพัดจากป้าฟองมาโบกให้ ช่วยกันหายาดมมาช่วยแก้ไขจนท่านอาการดีขึ้น

            “ฉันจะบ้าตาย ทำไมมีแต่เรื่องพิลึกพิลั่น! มีลูกสะใภ้เป็นผู้ชายยังไม่พอ ลูกชายดันจะท้องได้ขึ้นมาอีก ตาอิฐนะตาอิฐ!” คุณแม่หันมาส่งสายตาตำหนิจนคุณอิฐหน้าสลดไป

            “อย่าไปโทษคุณอิฐเลยครับ เพราะผมเองที่ไม่เอาไหน คุณอิฐก็เลยต้องลำบากแบบนี้” ผมเบะหน้าเศร้า อันที่จริงตอนนี้จิตใจผมไม่ได้อ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้แล้ว แต่เพื่อไม่ให้คุณอิฐถูกต่อว่าทำให้ผมต้องรีบบีบน้ำตาทันควัน ทำให้ใบหน้าที่บึ้งตึงของท่านต้องลดระดับลงแล้วหันมาปลอบ

            “อย่าโทษตัวเองอย่างงั้นสิ แม่ไม่ได้โกรธนะ แต่...แม่ก็แค่ยังมึนๆ งงๆ นิดหน่อย แต่เดี๋ยวก็คงชินไปเองแหละ แต่ที่จริงแบบนี้ก็ดีนะ จะได้มีหลานให้อุ้มเสียที ไปอุ้มหลานคนอื่นจนสึกไปหมดแล้ว” ผมลอบหัวเราะ ท่านคงหมายถึงมัฟฟิ่นแน่เลย

            “ตกลงว่าไม่ใช่หลานย่าใช่ไหม? ต้องเป็นหลานยายสินะ” ท่านรำพึงกับตัวเองอย่างสับสน

            “ย่าสิครับแม่ ทำไมถึงเป็นยายล่ะ?”

            “เอ้า!! ก็แกท้อง แกเป็นแม่ ฉันก็ต้องเป็นยายสิ ถึงจะถูก” จริงสิ! ก็ถูกของท่าน

            “โธ่แม่... เป็นพ่อสิครับ” คุณอิฐอ้อนท่านเสียงอ่อน

            “โอ๊ย! ไม่รู้แล้ว ตกลงกันเองเถอะย่ะ ว่าใครพ่อใครแม่ ฉันปวดหัวจะตายอยู่แล้ว ไปดีกว่า” ท่านส่ายหัวแล้วชิ่งหนีไปซะอย่างนั้น ผมหันไปมองคุณอิฐทำหน้ามุ่ยแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าขำๆ

            อันที่จริง การที่เขาจะยอมตั้งท้องแทนผมแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาจะต้องยอมทิ้งศักดิ์ศรีและเสียสละอย่างมากทีเดียว แต่ถึงจะยอมเหนื่อยท้องแทนให้ก็ตาม มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับสถานะแม่ได้หรอก เรื่องนี้ผมเข้าใจดี และที่สำคัญ ผมก็จินตนาการถึงตอนลูกเกิด แล้วเรียกผมว่าพ่อ เรียกคุณอิฐว่าแม่ไม่ออกเลย! คงแปลกพิลึก!

            ในที่สุดคุณอิฐก็ลุกขึ้นเดินหนีไปอีกคนเช่นกัน ผมลุกขึ้นเดินตามไปเดินอยู่ข้างๆ แล้วจับมือเขาไว้ โอ๊ย... นี่ถ้าไม่เกรงใจว่าตัวผมเล็กกว่าตั้งบานคงโอบแขนไปช่วยประคองแล้ว

            “เอ่อ... แม็ก” เขาชะงักเท้าแล้วหันมาเรียกเสียงเรียบ

            “ครับ”

            “ที่จริงแล้ว เธอไม่จำเป็นดูแลฉันทุกฝีก้าวขนาดนี้ก็ได้นะ”

            “ไม่ได้ดูแลคุณสักหน่อย ดูแลลูกผมต่างหาก แค่เค้าอยู่ในท้องคุณแค่นั้นแหละ” ผมบอกกวนๆ

            “ก็เหมือนกันนั่นแหละ ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดจะเดินไปสะดุดอะไรล้ม หรือทำตัวอันตรายแบบนั้นซะหน่อย”

            “คุณรู้ไหม ตอนผมท้องอ่ะ คุณก็ทำเหมือนผมนั่นแหละ ตอนนั้นน่ะผมโคตรรำคาญคุณเลย แต่พอถึงตอนนี้ผมเพิ่งเข้าใจว่าความรู้สึกของคนเป็นพ่อมันเป็นแบบนี้เอง...” เป็นห่วงเป็นใย อยากดูแลคนที่รักทั้งคู่ให้ปลอดภัย ถึงเขาจะยืนยันว่าดูแลตัวเองได้ก็เถอะ!

            “แม่เหอะ! นะแม็ก...” น้ำเสียงนั้นจริงจังคล้ายบังคับ แต่ผมไม่รู้สึกว่ามันเคร่งเครียดอะไรมาก

            “แต่คุณเป็นคนท้องนะ ผมไม่กล้าแย่งตำแหน่งนั้นหรอก” ผมปฏิเสธกลับไปเพราะอยากแกล้งเขา

            “ไม่เป็นไร... ถ้าคลอดแล้วจะบอกใครว่าเธอเป็นคนท้องแล้วคลอดเขาก็ได้ ฉันไม่หวง ฉันอยากเป็นพ่อมากกว่า...  นะแม็กนะ ขอเป็นพ่อเถอะ” เขาหันมาเบะหน้าอ้อน กอดเอวผมแล้วเอนศีรษะลงซบบ่า

            โอ๊ยตาย... ผมยืนกลั้นหัวเราะเสียแทบแย่ ระหว่างที่ตัวโยกไปโยกมาเพราะแก้มของเขาถูไถอยู่บนไหล่เหมือนลูกแมวอ้อนขออาหาร

            แหม...จะน่ารักไปมั้ง!

            “คุณอิฐ... นี่หมออัดฮอร์โมนให้คุณไปกี่ตันเนี่ย!” ผมถามกลั้วหัวเราะ กลั้นขำไม่ไหวแล้วตอนนี้

            “ทำไมถามอย่างงั้นล่ะ?” คำถามมีความแปลกใจ

            “ก็คุณดูมุ้งมิ้งจัง”

            “ฮะ! อะไร?” เขาทำเสียงประหลาดใจ ขยับคอที่เอนลงซบบ่าผมขึ้นไปตั้งตรงแล้วรีบเถียงกลับ “มุ้งมิ้งอะไรเล่า เมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้แหละ” ผมไม่เถียงหรอกว่าเขาก็อาจจะอ้อนบ้าง แต่ก็อ้อนแบบแมนกว่านี้นะ!

            “ไม่อ่ะ ไม่ได้อ้อนน่ารักขนาดนี้นะ”

            “เหลวไหล พูดไปเรื่อย ไม่เอาไม่คุยด้วยแล้ว ถ้าอ้อนแล้วผิดอ่ะนะ ไม่อ้อนก็ได้...” เขาบอกพลางมุ่ยหน้างอนเดินหนีไปซะงั้น

            จริงดิ! เดี๋ยวนี้มีงอนด้วย! จะน่ารักไปแล้ว

            ผมว่า... ให้คุณอิฐท้องนี่ก็ดีนะ ดูน่ารักขึ้นเยอะเลย!


++++++++++

ไม่คุ้นกับลุงอิฐที่เป็นแบบนี้เลย แต่ก็ชอบนะ555+

หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-05-2016 10:03:16
 :m20:  มุ้งมิ้งสมเป็นคุณแม่ เอ๊ยคุณพ่ออิฐ อย่างอนบ่อยนะถ้าแม็กไม่ง้อแล้วจะหนาว
น่ารักดีค่ะ ไม่รู้ล่ะหลานย่าหรือหลานยายแต่ก็รักทั้งนั้น
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 24-05-2016 10:07:09
แหมมลุงความมุ้งมิ้งแผ่กระจายเลยนะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 24-05-2016 10:40:02
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 24-05-2016 11:54:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 24-05-2016 12:53:37
555 คุณแม่อิฐ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-05-2016 12:59:38
พลิกบทบาทกันซะแล้ว 555555555
อิฐท้องแล้วมุ้งมิ้งมาก ขี้งอนอีก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 24-05-2016 13:02:41
 :laugh: อีคุงอิฐเอ๊ย มุ้งมิ้งม๊วกกกก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-05-2016 19:01:55
ฮอร์โมนคนท้องซินะคุณอิฐ  :hao3:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-05-2016 19:07:02
จ้าาาา 55555
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 24-05-2016 19:11:43
 :m20:555555 มีความน่ารัก ค่ะ อิฐ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 24-05-2016 19:53:42
อิฐน่ารักอ่ะ 5555555555555555 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: orangesmooty ที่ 24-05-2016 20:53:34
55555555555+
ขำจนหยุดไม่ได้ มุ้งมิ้งจริงๆ
คือแบบ คิดภาพแล้วก็ยิ่งขำ  :m20:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 24-05-2016 20:54:10
ฮาาาาาา....มีงอนด้วย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 24-05-2016 21:07:18
ความมุ้งมิ้งกระจายมากอ่ะคุณอิฐ ท้องแล้วอ้อนแบบน่ารักอ่ะ 5555
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 24-05-2016 22:16:16
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-05-2016 22:20:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-05-2016 22:30:19
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-05-2016 23:11:04
ขำๆกันไป~
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-05-2016 01:48:04
มุ้งมิ้งไปปปป หมอท่าจะอัดฮอร์โมนไปเยอะจริงๆ55555 น่ารักไปอีกแบบ :mew4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] spacial 1[24/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 25-05-2016 15:58:54
น่ารักมุ้งมิ้งสไตล์คุณอิฐ  :impress2:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าว หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 01-06-2016 23:39:29
เปิดจอง  MPREG SET  BY ๛NaaribuS๛   

ID ซื้อขาย    [TBL-081-588]
(https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-0/q81/s526x395/13321714_1214424025255075_3195503837347426919_n.jpg?oh=e5e797787a5281f8542e69a9ccd3e5fa&oe=57D6F2C3)
          รายละเอียดหนังสือแบบคร่าวๆ
   1. หมอครับ... ผมอยากมีลูก
   -ปก 4 สี เนื้อในกระดาษถนอมสายตา
   -ขนาดกระดาษ A5 ประมาณ +- 200  หน้า
   2. คุณแม่รับจ้าง
   -ปก 4 สี เนื้อในกระดาษถนอมสายตา
   -ขนาดกระดาษ A5 ประมาณ  +-300 หน้า
   3. แม่ของผมเป็นผู้ชาย
   -ปก 4 สี เนื้อในกระดาษถนอมสายตา
   -ขนาดกระดาษ A5 ประมาณ +-100หน้า

(1 มิถุนายน 2559 - 30 กรกฎาคม 2559)
1.   MPREG SET  + boxset  870  บาท
   หมอครับผมอยากมีลูก + คุณแม่รับจ้าง + เล่มพิเศษ + boxset
2.   MPREG SET  650 บาท (หนังสืออย่างเดียว)
   หมอครับผมอยากมีลูก + คุณแม่รับจ้าง + เล่มพิเศษ 
   1/2 ยังไม่รวมค่าส่ง 60 บาท แบบลงทะเบียน
3.   หมอครับผมอยากมีลูก + เล่มเล็ก 320 บาท
4.   คุณแม่รับจ้าง + เล่มเล็ก  470 บาท
   3/4 ยังไม่รวมค่าส่งชุดละ 40 บาทแบบลงทะเบียน
   ***ของแถม
   ที่คั่นหนังสือ เล่มละ 1 ลาย
   โปสการ์ด (1หน้า) เล่มละ 1 ลาย
   พิเศษ ซื้อครบเซ็ท  (1หรือ 2) ได้รับปกผ้าลาย หมอ + กัส 1ชิ้น (มีจำนวนจำกัด)
   ** เริ่มส่งหนังสือ กลางเดือนสิงหาคม
(https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/13319719_1214424051921739_6202130639359544160_n.jpg?oh=010037a8326eb4da52a3d6c313bfcd98&oe=57C670C7)

        วิธีการจองหนังสือ คือเมลล์มาหานิค่ะที่ naaribus แอท gmail.com
   หัวข้อ “จองหนังสือ MPREG SET”
   ระบุชื่อ ที่ใช้จอง นามแฝง :
   ระบุ เรื่องที่ต้องการจอง + จำนวนชุด :
   ++++++++
   เลือก ระหว่าง
   1.MPREG SET + boxset 870 บาท
   2.MPREG SET 650 บาท (หนังสืออย่างเดียว)
   (สองชุดข้างบนคือได้หนังสือครบหมดแล้ว)
   3/4 คือไม่ชอบอีกเรื่องนึงนะ
   ***ถ้าซื้อ3+4จะได้เล่มเล็ก ไปซ้ำกันนะคะ
   3.หมอครับผมอยากมีลูก + เล่มเล็ก 320 บาท
   4.คุณแม่รับจ้าง + เล่มเล็ก 470 บาท
   (ราคายังไม่รวมค่าส่ง)
   ปล2. ถ้าซื้อ3+4 ก็จะได้ปกผ้า แถมเช่นกันค่ะ ♥
   รอเมลล์ตอบกลับแจ้งยอดโอนและบัญชีธนาคาร
   แล้วนิจะส่งสรุปค่าใช้จ่าย และบัญชีโอนเงินให้อีกที โดยจะเริ่มส่งเมลล์กลับสิ้นเดือนนี้และโอนได้ทันทีจนถึง 30 ก.ค. นะคะ

* ปกหมอครับ
(https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/t31.0-8/13316950_1214424101921734_3890668633101251740_o.jpg)

** ของแถมรอบจอง
(https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/13344499_1214424275255050_338885540807499479_n.jpg?oh=959e37ef4f7bff562da350352f692cfd&oe=57CEE4BE)

ไม่เข้าใจสิ่งใด สอบถามได้ที่เพจนะคะ

๛NaaribuS๛ (https://www.facebook.com/Bunnypoundbread/photos/pcb.1214434348587376/1214424025255075/?type=3&theater)
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END.
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 06-06-2016 13:09:42
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. ........ย้ายห้องให้ด้วยค่ะ -/\-
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 07-06-2016 13:21:40
ย้ายเรื่องนี้หน่อยน้าแอดมิน จบตั้งนานแล้ว  :mew2: :mew1:  :mew3: :mew4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 07-06-2016 23:03:37
อ่านไปเครียดไป น่ารักกกกอ่ะตอบจบ หักมุมมากกกกก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: มายาป่าฝน ที่ 07-06-2016 23:22:56
อย่าด่าเลยนะค่ะ ถ้าขอพูดความจริง.....นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเบื่อที่สุดตั้งกะเคยอ่านมา.  เนื้อหาก็วนอยู่แต่เดิมๆๆ เพลียค่ะ!!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 09-06-2016 05:29:42
ชอบเรื่องนี้นะ แต่ถ้ายังไม่จบคงไม่กล้าอ่านโชคดีที่ได้อ่านตอนที่จบแล้ว ดราม่าทั้งเรื่อง :mew6:

สรุปความรู้สึกที่มีต่อตัวละครแต่ละตัวคือ...

แม็กม่า = น่าสงสาร ร้องไห้ไปกับนาง :hao5:
อิฐ = หมั่นไส้บางทีสงสัยอายุสมองน้อยกว่าอายุจริง
บีท = เฉยๆ กับนางนะไม่เกลียด ไม่สงสาร
คุณแม่ = รักลูกมาก ไม่ว่าลูกเป็นอะไรก็ยังรัก
กัส = แอบโหด
หมอ = กลัวเมีย
อิพี่ยุทธ = เกลียดมัน

สรุปความรู้สึกที่มีต่อเรื่อง...

คุณแม่รับจ้าง = แฝงข้อคิดดีๆ  o13 ความรักคือความเสียสละ ความเข้าใจ ถ้าไม่มีจะเป็นเหมือนตัวละครตัวหนึ่งคือบีทที่จบด้วยความแค้น และชีวิตนี้จะต้องการอะไรมากมายนอกจากคนที่รักและเข้าใจ รักเมียได้แต่อย่าลืมแม่! :mew1:

หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 09-06-2016 23:04:29
 :hao5: :hao5: :sad11: :sad11: :m15:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 09-06-2016 23:33:45
มีครบรสจริงๆเรื่องนี้ สนุกมาก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 10-06-2016 15:11:45
 :กอด1: คุณอิฐดูมุ้งมิ้งขึ้นจริงๆหลังจากเป็นคุณแม่
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 10-06-2016 17:50:41
เป็นเรื่องที่เสียน้ำเยอะมากกกกกกกก (ตา)

สนุกๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 11-06-2016 23:18:11
 o13
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 20-06-2016 19:42:06
 o13
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 27-06-2016 17:32:18
สนุกมากๆๆๆค่ะ
ไม่คิดว่าตอนจบจะมีหักมุมแบบนี้
ชอบเรื่องนี้ที่ทุกคนได้รับบทเรียนหมด
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 28-06-2016 10:02:43
เศร้ามากกกก :hao5: :hao5: :hao5:
แต่ก็สนุกมาก
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 30-06-2016 15:18:35
พลิกล๊อคเลย อิฐ ท้อง
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: LADYLM ที่ 11-07-2016 02:54:25
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้ คือแฝงข้อคิดมาก ทุกตัวละครมันมีเหตุผลในการกระทำของตัวเองอ่ะ ถึงจะบอกว่าแม็ก อิฐบางช่วงดูความคิดเด็กๆ แต่คือเข้าใจเพราะบางทีอย่างเรายังเป็นเลยคิดอะไรตื้นๆเด็กๆเนี่ยทั้งๆที่โตแล้ว ส่วนขีท ไม่รู้จะเกลียดนางดีไหม เข้าใจอารมณ์ว่านางมาก่อนแต่แพ้คนมาหลัง ถ้านางไม่รู้เรื่องที่แม็กท้องแล้วทำร้ายนี่ความน่าเห็นใจจะสูงมาก แต่นี่นางจงใจทำ แค้นอิฐกับแม็กมากจนลืมคิดถึงเด็กอ่ะมันเลยทำให้บีท(ในสายตาเรา)ดูแย่อ่ะแถมยังมาเย้ยแม็กตอนแท้งอีก นี่คือเกลียดตอนนี้สุด ดูแล้วบีทเป็นคนที่ไม่ควรมีครอบครัว ดูเหมือนพวกเอาแต่ตัวเองไม่เอาครอบครัวเลย ส่วนอีพี่ยุทธนี่คือบอกได้เต็มคำมากว่าเกลียด ทุกอย่างที่พี่ยุทธบอกว่าทำเพราะรักมันกลายเป็นทำเพราะเห็นแก่ตัวเองทั้งหมด เกลียดสุดคือทำให้น้องอุ้มไปสวรรค์ :z6: ขาคู่ไป๊!
สรุปเรื่องนี้สนุกนะคะ ดราม่าหน่วงมากจริงๆแต่มันทำให้ตัวละครดูเรียลเห็นว่าชีวิตมันไม่ได้มีแต่สีลูกกวาดพาสเทลต่อให้จะเป็นชีวิตในนิยายก็ตาม ขอบคุณไรต์นะคะที่เขียนนิยายดีๆแบบนี้ออกมา ทั้งให้ข้อคิดและมุมมองความคิดและชีวิต
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 24-08-2016 14:17:26
อย่าให้รู้ตัวเองเมื่อสายไปละอิฐ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 24-08-2016 14:35:04
อย่าหลงใหลได้ปลื้มไปกับความใจดีของเขานะแมก ท่องไว้ ความใจดีของเขาที่แสดงมานี่เพราะลูกเขาทั้งนั้น พยายามเอาใจตัวเองวางไว้ให้ใกล้ตัวที่สุดจะได้ไม่ถลำตัวเผลอใจเพราะความใกล้ชิด :monkeysad:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 24-08-2016 16:04:30
อ่านมา21ตอน ถ้าทำใจเป็นกลางแล้วนึกถึงความจริงอย่าไปโฟกัสว่าใครคือนายเอกของเรื่องนี้แล้วนะ  เรื่องนี้อิฐมันเป็นคนรักที่โครตจะดีสำหรับแฟนตัวเองนั่นคือบีท ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลังอิฐก็ยังรักและซื่อสัตย์แถมยังพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้แม่ยอมรับเรื่องของตัวเองกับแฟนอีกมีแฟนแบบนี้เป็นเราเราปลื้มตาย :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 25-08-2016 21:18:30
นิยายหน่วงๆ เศร้าๆ อ่านจบปุ๊ป ถึงกับขำ  :m20:   ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 26-08-2016 19:20:27
เสียน้ำตาไปอีก กว่าจะสมหวังดังใจ ต้องผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกันนะครับ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-10-2017 04:56:46
กินมาม่าเพลิน ๆ สุดท้ายต่อมน้ำลายแตก พระเอกตั้งท้องแทนนายเอก  :m20:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 13-10-2017 10:37:39
อ่านจนจบก็ยังรู้สึกสงสารบีทอยู่ดี
โถ่วววว
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 25-10-2017 07:14:52
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนดูละครไทยเลยอะ  :hao6: :hao6:
มันก็จะหน่วงๆหน่อย 5555 ดราม่าล้นเพจ แต่สนุกดีค่ะ ลุ้นๆบ้าง ไม่ได้ราบลื่นเหมื่อนเรื่องของหมอกะซูกัส
แต่จบแฮปปี้ก็โอล่ะ กลายเป็นแม่อิฐกะพ่อแม๊กม่า
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Quasar77 ที่ 25-10-2017 20:21:14
 :impress2:  คุณอิฐน่ารัก
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 15-01-2018 17:53:56
 :sad4:เสียน้ำตาไปเยอะ สนุกค่า :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: immekaoz ที่ 16-01-2018 02:27:19
ร้ายแบบโง่ๆอ่ะ นายเอกแม่ง นึกไงจะไปแย่งของของชาวบ้าน
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 18-01-2018 22:26:15


เสียน้ำตาไปเยอะมาก

กว่าจะรักกันขนาดนี้

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Evil ที่ 19-01-2018 22:44:14
จ้าาาาา ทำให้นอนดึกเลยจ้า  สนุกค่ะ
ชอบความเทาของตัวละคร ที่จริงๆแล้วคนเราก็เทาแบบนั้นจริงๆ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 22-01-2018 18:14:08
 :pig4:่ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 13-02-2018 23:24:38
เรื่องนี้อ่านจบไปนานมากแต่จบแบบค้างอยู่เลย555555
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: mrsnikiforov ที่ 13-03-2018 22:15:35
รู้สึกไม่โอเคกับคุณอิฐเท่าไหร่ จนมาตอนจบที่ตัดสินใจยอมตั้งท้องแทน แถมใช้เชื้อของแม็กอีก
ถือว่าไม่ตะขิดตะขวงใจกับความรักของพี่แกแล้วล่ะ กว่าจะมีความสุขนะแม็ก เฮ้อ

สงสารบีทนะ เป็นตัวละครที่ก็รักกับแฟนมานาน หวังว่าจะเลิกแค้นกันแล้วมีความรักครั้งใหม่ที่สดใสด้วยเหมือนกันนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] THE END. แจ้งข่าวหน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 23-03-2018 12:24:01
แจ้งเผื่อมีคนสนใจภาคต่อนะคะ เป็นเรื่องของบีท

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61256.0
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 28-03-2018 00:02:56
อ่านๆไปก็ไม่คิดหรอกว่าจะอ่านจนจบ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 28-03-2018 00:05:29

เพราะไม่รู้จะเชียร์ใครดีนั่นแหละ
แต่ก็อ่านจบในที่สุด
และก็ได้คำตอบว่า ชอบแม่อิฐมากที่สุด 555

ปล.ชอบตอนจบมากเลย
มันทำให้รู้ว่า อิฐรักแม็กม่าขนาดไหน
ขนาดอ่านตั้งแต่แรกจนตอนสุดท้าย
ก็ยังไม่เข้าข้างอิฐ
แต่พออ่านจบแล้วนี่แบบ... เฮ้ย ชอบอ่ะ
จบดีมาก
หักมุมได้มุ้งมิ้งมากมาย
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)
เริ่มหัวข้อโดย: namwaan16 ที่ 28-03-2018 15:27:54
ไม่ไหวอ่ะข้ามไปหลายตอนเลย สงสารบีทมากมาก่อนแล้วคบกันต้องหลายปี ไม่ผิดเลยที่บีทจะร้าย ผิดหวังจัง!!!
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)
เริ่มหัวข้อโดย: mouymai ที่ 29-03-2018 00:11:58
 :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)
เริ่มหัวข้อโดย: keinoo ที่ 09-04-2018 22:46:27
เรื่องนี้ดีย์~
เราพึ่งมาได้อ่านเมื่อสายอีกแล้ว 555+
เราชอบอิฐนะ...
ส่วนตัวเลยคิดว่าพลอตธรรมดา คาแรคเตอร์ก็โอเคอยู่ แต่ที่อ่านแล้วชอบเป็นเพราะรู้สึกว่าคนเขียนใส่ใจเรื่องเหตุผล คือถ้าอ่านดีๆจะรู้ว่าอิฐเป็นผู้ชายมั่นคงมาก ตอนรักกับบีทจริงๆถ้าอิฐไม่ได้ทำงานก็คงท้องเองไปแล้ว ในขณะที่บีทปฏิเสธเรื่องตั้งท้องทันที แต่โทษบีทไม่ได้ เพราะแต่ละคนย่อมคิดต่าง บีทอยากใช้ชีวิตคู่รัก ไม่ได้อยากใช้ชีวิตครอบครัว ต่อมาเพราะใกล้ชิดกับแม็ก เลยหวั่นไหว แต่ก็พยายามห้ามใจตลอด ในตอนที่หวั่นไหวที่สุดก็ยังส่งข้อความหาบีท แต่เพราะแม็กนิสัยดีแล้วสองคนทัศนคติตรงกันเรื่องลูก เลยทำให้อิฐกลายเป็นคนลังเล ไม่ชัดเจน สุดท้ายบีทที่เป็นคนแข็งๆ เผลอใช้วิธีรุนแรงกับแม็ก อิฐเลยเลือกแม็ก ที่ยอมท้องแทนแม็กในตอนจบก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเป็นคนที่มั่นคงจริงๆ
เราตินิดเดียวตรงความขยันดราม่าของแม็ก ไอ้ตอนที่หนีมานี่ไม่ไหวนะ แต่ก็เข้าใจว่าแม็กเปิดตัวมาพร้อมกับดราม่าอยู่แล้วอ่ะนะ
ยังไงก็ขอบคุณคนเขียนนะค้าาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-04-2018 20:07:12
เรื่องนี้คือใจคนของจริงค่ะ รักโลภโกรธหลง

อิฐด้วยความอยากมีลูกและคิดว่าบีทจะยอมรับได้ถ้าได้เห็นลูก
บีทชัดเจนแต่แรกว่าไม่อยากมีและไม่ต้องการแถมแม่อิฐก็ไม่ยอมรับ
แม็กเลือกด้วยความจำยอมและจำใจ สุดท้ายก็หลงทางเพราะมาไกลแล้ว

ทุกคนมีทางเลือก แต่เลือกที่จะเดินสวนทางกัน เลยไม่ลงตัวสักอย่าง
สุดท้ายก็เจ็บกันทุกคน รักที่ยาวนานและคาดหวังก็ล่มสลาย
รักใหม่ที่เกิดก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์ จนอิฐยอมท้องเอง เพราะอยากมีลูก

เรื่องนี้ดีค่ะ เห็นความบ้าบอ เห็นความลึกของจิตใจคน
ขอบคุณมากนะคะ ไปตามเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)
เริ่มหัวข้อโดย: GF_pp ที่ 20-06-2018 14:30:04
สงสารแม็กดีใจที่แม็กมีความสุขซักที  :กอด1:
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-19-] [04/05/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 05-03-2022 23:46:10
ผมจะกลับมาแน่ครับ เมื่อผมกำจัดคุณบีทเรียบร้อยแล้ว...
เกลียดอิแม็กม่า รับจ้างท้องแท้ๆ แต่มาแย่งผัวเขา อิเลว
หัวข้อ: Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 08-03-2022 01:00:03
 :pig4: :pig4: