คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)  (อ่าน 169109 ครั้ง)

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ดูแล้วที่นางทำมาเนี่ย


ฮอร์โมนคนท้องล้วนๆ สงสารเด็กในท้อง มีพ่อแบบนี้แม่แบบนี้จะรอดจนครบกำหนดเหรอฟระ

ออฟไลน์ omuya

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2023
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-9
 :ling1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :เฮ้อ: อิฐจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานไหม ทำร้ายกันด้วยคำพูดตลอด คิดถึงใจเขาใจเราบ้างไหม

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped:

ออฟไลน์ sanax00

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ง่อออ เหมือนจะเขินแต่ก็เขินไม่สุด555

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ค่ะ ยังไงละ

ออฟไลน์ สุนิสา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอๆ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ตบปากสั่งสอนสักทีสองที ปากร้ายมากพระเอก!

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
จัดไปเลยค่ะแม็ก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-20-] [05/05/59]
« ตอบ #249 เมื่อ: 06-05-2016 01:08:17 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
 :z6: :z6: :z6: :serius2:

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
พระเอก ------>>>  :z13: :z13: :z3:
นายเอก ----------->>>   :katai2-1: :katai2-1:  :katai3:

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ร้ายๆๆให้สุดๆไปเลย :mew2:

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
เพิ่งมาตามอ่าน

ร้องไห้หน้กมากกกก.   :sad4:  น้ำตาหมดไปหลายปี๊บละ

บอกตรงๆ ไม่เห็นทางที่จะรักกันด้วยดีเลย

พระเอกก็หลงแฟนออกปานนั้น ไม่ได้พิศวาสนายเอกของเราเลย

เศร้าสุด

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
 :mew1:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
อิฐน่ารำคาญมากอ่ะ

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-21-

   -แม็กม่า-

   ผมรู้สึกเหนื่อยใจเหลือเกินกับตัวเองที่เป็นแบบนี้ ความอยากได้อยากมีจนชักพาตัวเองมาถึงจุดที่มองหน้าคุณอิฐไม่ติด พอมาตอนนี้ถึงได้รู้สึกว่าตัวเองบ้า และก้าวพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยที่พูดประชดออกไปแบบนั้น

   “ผมต้องการคุณ”

   “เธอหมายถึงอยากนอนกับฉันเหรอ?” คำถามที่สวนกลับมาทำเอาผมหน้าชา รู้สึกตัวเองงี่เง่าที่พูดจากำกวมจนอีกฝ่ายตีความไปอีกอย่าง “ก็เอาสิ ถ้ามีคนช่วยบรรเทาความอยาก ให้แล้วจะหายบ้า จะช่วยสงเคราะห์ให้ก็ได้!”

   ผมกำมือแน่น ทั้งโกรธ ทั้งอายที่ถูกอีกฝ่ายมองในแง่ลบมากกว่าเก่าเข้าไปอีก  ความโมโหทำให้เผลอประชดประชันกลับไป

   “คุณจะบ้าเหรอไง! ที่ผมต้องการคุณก็เพราะคุณเป็นคนบอกผมเองว่าถ้าผมมีคุณ ผมก็มีทุกอย่างต่างหากล่ะ” ผมรีบเถียง ทั้งที่หัวใจมันเจ็บร้าวมากเหลือเกินแล้ว...

   “ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายในโลกที่เธอจะได้แล้วล่ะ” เขาตอบกลับมาในทันที

   “ครับ หุ้นของคุณก็คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณจะได้คืนเช่นกัน เพราะถ้าคุณไม่สนใจผม ผมก็จะไปสนใจคนอื่น แล้วถึงตอนนั้น คุณก็จะสูญเสียทุกอย่างไป” ผมขู่

   “งั้นฉันจะคอยดูว่าระหว่างเธอกับฉัน... สุดท้ายแล้วใครจะเป็นฝ่ายสูญเสียมากกว่ากัน” เขาตอบกลับมาด้วยเสียงแข็งกร้าว


   ผมเดินคอตกกลับเข้าบ้าน ทุกวันนี้ความสุขุมเยือกเย็นมันหายไปหมด สติสตางค์ร่อยหรอลงไปทุกวัน กลุ้มใจจริงๆ ที่ลงท้ายแล้วการสนทนาที่เริ่มต้นเหมือนจะปรับความเข้าใจกลับกลายเป็นยิ่งเติมเชื้อไฟให้แรงขึ้นและจบลงที่ความบาดหมางมากเกินจะเยียวยาแล้ว...

   “กลับมาเร็วจัง... ไปกินข้าวที่ไหนกันมา” ซูกัสเอ่ยถาม ขณะที่นั่งไล้นิ้วนั่งเล่นโน้ตบุ๊กที่ห้องนั่งเล่น

   “อ๋อ... ไปกินโจ๊กร้านใกล้ๆ นี่เองอ่ะ ไม่อยากไปไกลเดี๋ยวคุณอิฐเขาจะเข้าบริษัทสาย”

   ซูกัสพยักหน้ารับรู้ ผมลอบถอนใจที่เขาไม่ถามอะไรมากว่านั้นกำลังจะเดินขึ้นไปที่ห้อง เขาก็เรียกอีก   

   “เดี๋ยวแม็ก...”

   “หือ...”

   “ต้นเดือนหน้าไปเที่ยวกันเชียงรายกันนะ” ซูกัสชวนด้วยน้ำเสียงร่าเริงดุจเคย

   “ไปสองคนเหรอ?”

   “หึ หมอไปด้วย จะไปเที่ยวรีสอร์ทพี่ชัชกันน่ะ พี่ดี้บ่นคิดถึงหลานด้วย” พี่ชัชหรือชัชวาลเป็นสามีใหม่พี่แคนดี้

   “อ๋อ... ไม่ไปได้ไหมเนี่ย อิจฉา คนเดียวไม่เหงาเท่าสามคนรู้มะ” ผมมุ่ยหน้าตอบตั้งใจแซะเขา

   คิดดูสิ ปกติหมอกับซูกัสเวลามาเจอกันทีก็หวานใส่กันจนลืมโลกแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ ยังไปเจอคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามันอีกคู่ มีผมหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยวเอกาคนเดียว มีหวัง... ซึมเศร้าจนอยากกระโดดดอยตายแน่!

   “ชวนพี่อิฐไปด้วยสิ จะได้ไม่เหงา” คำแนะนำทำให้อึกอักเล็กน้อย

   “เอ่อ... จะลองชวนดูนะ แต่คิดว่าคงไปไม่ได้หรอก งานเขายุ่ง” ผมแก้ตัวไปอีกอย่าง ทั้งที่ความจริงผมไม่แน่ใจว่าจะกล้าชวน ก็เพิ่งโดนตัดเยื่อไม่เหลือใยซะขนาดนั้นแล้วนี่!

   “ถ้างานมันสำคัญกว่าก็ให้เขาแต่งกะงานเลยไป น่าเบื่อ! ชีวิตทำแต่งาน ไม่มีเวลาให้ครอบครัว ขนาดหมอยุ่งๆ  ยังลามาได้ นี่เป็นเจ้าของบริษัท ทำยังกะจะมีใครมาไล่ออก! ไปชวนมาให้ได้นะ อย่าให้กัสต้องไปเอง ไม่งั้นคอยดู... พ่อจะบ่นให้หาทางเข้าบริษัทไม่ถูกเลย!”

   ผมถอนใจเฮือก ลูกยังไม่ทันโตทำไมขี้บ่นนักนะซูกัส!



   ถึงซูกัสจะบ่น ผมก็ทำหูทวนลมอยู่ดี ผมไม่ได้ไปหาเขา ไม่โทรไปชวนไปเที่ยวเพราะเดาได้ว่าเขาคงไม่ยอมไป แต่ถึงคุณอิฐจะเกลียดขี้หน้าผมก็เถอะ ผมก็ยังหน้าด้านหน้าทนแอบแวบมาบ้านเขาบ่อยๆ มันก็ตลกดีที่ผมมาหาแม่เขาบ่อยมาก ทั้งๆ ที่ความจริงคนที่อยากเจอคือคนที่เป็นลูกมากกว่า แต่ผมกลับไม่กล้าบากหน้าไปหา เลยกลายเป็นว่า “ไม่ได้เห็นหน้า เห็นหลังคาก็ยังดี!”

   แต่เพราะผมแวบมาแค่ตอนกลางวันเลยไม่ได้เจอคุณอิฐเลยสักวัน จนผ่านไปเป็นอาทิตย์ บังเอิญเขากลับบ้านแต่หัววันอย่างไม่น่าเป็นไปได้ เราจึงได้เจอกันตอนผมกำลังจะกลับพอดี แต่เขาก็ไม่ค่อยตกใจเท่าไรที่เห็นหน้าผมนะ

   หลังจากไม่เจอกันหลายวันจนตกตะกอนความคิดว่าวางหมากพลาด! ผมก็เริ่มมีความคิดว่าผมควรจะทำตัวดีๆ กว่านี้หน่อย เป็นต้นว่าจะหาทางง้อเขา ถ้าไม่ใช่เพราะคำทักทายคำแรกที่เจอมันเด้งตีแสกหน้าซะก่อน!

   “เห็นป้าฟองว่าเธอมาหาแม่บ่อยๆ คราวนี้จะมาประจบประแจงเอาอะไรอีกล่ะ?” ผมถอนใจแล้วหันไปมองหน้ามุ่ยเอ่ยประชด

   “นั่นสิครับ หุ้นก็ได้ไปแล้ว คราวนี้ขอบ้านกับที่ดินดีไหมครับ?”

   “ตามสบาย อยากทำอะไรก็ทำเถอะ” เขาตอบแบบไม่แยแสแล้วเมินไปซะอย่างงั้น

   ฮึ่ย! ลุงบ้า! คนไม่มีหัวใจ!!

   “เดี๋ยวสิคุณ อย่าเพิ่งไป”

   “อะไรอีกล่ะ อยากจะกวนประสาทอะไรกันอีก...” ใครกันแน่ที่กวนไม่ทราบ!!

   “เดือนหน้าซูกัสกับหมอจะไปเชียงราย เขาบอกให้ชวนคุณด้วย”

   “อ๋อ... ฝากขอโทษทีนะ พอดีไม่ว่าง”

   “ที่จริงผมก็บอกเขาแบบนี้แล้วแหละ แล้วเขาก็บอกว่าให้ชวนมาให้ได้อย่าให้เขาไปชวนเอง”

   “จะมาชวนหรือมาด่ากันแน่!” เขาพึมพำ

   “ไม่รู้สิครับ แต่อยากเตือนไว้... แต่ที่จริงคุณไม่มาก็ดีนะ เพราะผมกะจะชวนพี่ยุทธไปอยู่พอดี”

   “นี่... เธอรู้จักภาษิตที่ว่าหุงขาวประชดหมา ปิ้งปลาประชดแมวไหม”  จะว่าไปก็คุ้นๆ อยู่หรอกนะ...

   หมายถึง ยิ่งเราประชดไป เราก็ไม่ได้อะไร มีแต่ทำให้อีกฝ่ายได้ประโยชน์...

   “คุณถามทำไม?” มันเข้ากะบริบทเหรอ?

   “ฉันอยากจะบอกว่าตอนนี้เธอกำลังเป็นแบบนั้นแหละ” ผมเผลอเม้มริมฝีปากอย่างลืมตัว พยายามระงับอารมณ์ตัวเอง เขากำลังจะบอกว่าเขารู้ว่าเขารู้ดีว่าผมประชดเรื่องพี่ยุทธ และถึงผมจะทำไปเขาก็ไม่รู้สึกอะไรสินะ...

   “เพราะฉันรู้ว่าในระหว่างที่เธอใช้ซูกัสให้เป็นประโยชน์ในการเล่นงานฉันได้ เธอไม่มีทางชวนคนอื่นไปเด็ดขาดเพราะอาจจะทำให้เขามองเธอในแง่ลบ จริงไหม?”

   ถึงการวิเคราะห์นั้นจะถูกต้อง แต่ทำให้ผมเจ็บใจที่เขามองผิดจุด ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้แต่แรกสักหน่อย ผมแค่ประชดไปเพราะอยากให้เขาแคร์บ้าง แต่ก็นั่นแหละ! มันเหมือนหุงขาวประชดหมาจริงๆ อีกฝ่ายไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลย แถมยังกัดเจ็บอีก!

   “ครับ... ไม่ไปก็ไม่ไป” ผมรับคำง่ายๆ ก้มหน้าลงซ่อนความรู้สึกหนึบๆ ในใจ

   “นี่ฉันไปไม่ได้เพราะยุ่งจริงๆ  ไม่ใช่ฉันไม่อยากไป เข้าใจไหมเนี่ย” ผมแค่นยิ้มเมื่อเขาอธิบายเหตุผล “เดี๋ยวจะหาว่าไม่ห่วงเธอกับลูกอีก”    

   “ครับ เข้าใจ! งั้นผมกลับล่ะครับ” ผมตัดบทบอกลา มันเหนื่อยที่จะฟังอะไรอีก แค่ไม่รักก็เสียใจมากพอแล้ว ไม่อยากรับอยากรู้อะไรเพิ่มเติมแล้วล่ะตอนนี้

   “แต่ถ้าเธออยากให้ฉันไปจริงๆ ฉันจะไปก็ได้”

   “จริงเหรอครับ” ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยใบหน้าแปลกใจแต่ก็เริ่มมีความหวัง ทั้งๆ ที่ยิ่งใกล้หัวใจก็ยิ่งเจ็บ แต่มันก็ยังดื้อ ร่ำร้องอยากจะอยู่ตรงนั้น บ้าเนอะ!

   “อือ... ถ้าการประชุมพรุ่งนี้ผ่านไปด้วยดี ฉันจะไป”


++++++++++
   

   ถึงเขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก ยิ้มข้างนอกช้ำใน...
   น้ำคำหวานที่รินรดใจ เขาหลอกใช้ก็รู้...


   ณ สนามบินดอนเมือง ผม ซูกัส และหมอก็มารอคุณอิฐตามนัดหมาย

   หลังจากผมโทรไปบอกพี่ยุทธเรื่องการประชุมบอร์ดที่ว่าและการประชุมก็ผ่านไปด้วยดีตั้งแต่สองสามวันก่อน ทำให้วันนี้ต้องมานั่งลุ้นที่สนามบินว่าเขาจะมาตามสัญญาหรือเปล่า แต่ในที่สุดเขาก็มา ทำให้ผมถอนใจอย่างโล่งอก ไม่อย่างงั้นซูกัสคงบ่นตลอดทริปแน่!

   “ดีใจจังที่พี่อิฐมาได้ นึกว่าต้องโทรไปจัดการ เอ๊ย! โทรไปชวนเองซะแล้ว” น้ำเสียงซูกัสประชดทันทีที่เขาเดินมาหาเรา

   “ต้องมาสิครับ จะปล่อยให้แม็กไปเที่ยวคนเดียวได้ยังไง เกิดหกล้มหกลุกไปเดี๋ยวจะไม่มีใครดูแล เป็นห่วงแย่เลย” เขาตอบซูกัสด้วยน้ำเสียงออดอ้อนไม่วายหันมายิ้มหวาน ที่ทำให้ผมนึกด่าในใจ!

   ตอแหลที่สุด!!

   “คิดได้อย่างงั้นก็ดีแล้วครับ นี่กะว่าจะให้โอกาสแก้ตัวอีกครั้ง ถ้าคราวนี้ยังทำตัวไม่ดี ว่าจะยุให้แม็กหาแฟนใหม่แล้วเนี่ย!” เขาพูดยิ้มๆ

   “โธ่ซูกัส อย่าพูดแบบนั้นสิ พี่ใจเสียนะครับ” คำพูดที่เสแสร้งพวกนี้ฟังแล้วเกิดอาการแพ้ท้องอยากอาเจียนขึ้นมาทันทีเลยไม่รู้ทำไม! ส่วนซูกัสก็ยิ้มเหมือนตัวเองเหนือกว่าทั้งที่ไม่รู้เลยว่า มีแต่คำโกหกทั้งนั้น

   ผมได้แต่นิ่งเงียบเหมือนคนใบ้รอจนพวกเขาทักทายกันเสร็จสรรพ คุณอิฐจึงเดินมานั่งข้างๆ ผมที่เก้าอี้ เขาเอียงคอมากระซิบว่า...

   “ถ้าซูกัสจะให้หาแฟนใหม่จริงฉันก็ไม่ขัดนะ แต่ลูกน่ะฉันขอ ช่วยคืนมาให้ด้วย ฉันไม่อยากให้เขามีพ่อเลี้ยง”

   ผมอาจจะคิดผิดนะที่ชวนเขามา

   ทำผิดมากๆ ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เขามา

   ทั้งๆ ที่น่าจะเดาได้ว่าไปเที่ยวรอบนี้มันคงจะเป็น “ทริปน้ำผึ้งขม” แน่ๆ เลย

   
   ++++++++++   

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 :katai1: :katai1:เบื่ออีอิฐ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เพลียกะทุกตัวละคร

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] ตอนที่ [-21-] [06/05/59]
« ตอบ #259 เมื่อ: 06-05-2016 19:52:06 »





ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
อิฐน่าเบื่อ น่ารำคาญ และน่า.....มากๆเลยอ่ะ :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เฮ้อ~

ออฟไลน์ nai_ball

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เพลียกับทุกตัวละคร ตรรกะแต่ละคน? :เฮ้อ:

ออฟไลน์ สุนิสา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อยากกรี๊ดกับพระเอก หมดคำจะพูดรำคาญใจมาก :ling1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เฮ้อออออออออออ
 :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ alien.aiiwz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อีกนานมั้ยกว่าจะพ้นช่วงเวลาแบบนี่
สงสารแม็ก
อึดอัดใจแทนบอกไม่ถูก

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
 :mew1:

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เฮ้อ! พระเอก แก่แล้วทำตัว!!! โหวตออก

ขอคู่รองคั่นค่ะ เอาเจ้บีทก็ได้555

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-22-

   -อิฐ-
   
   พอลงจากเครื่องที่เชียงใหม่ พวกเราก็เดินออกมาเจอแคนดี้พี่สาวซูกัสที่นั่งรถตู้ส่วนตัวมารอรับพวกเราอยู่แล้ว คณะเดินทางอันประกอบด้วยแคนดี้ หมอ ซูกัส ลูกสองคน แม็กม่า และผมก็ขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อไปด้วยรถตู้อีกครั้ง แต่เนื่องด้วยมีแต่คนกันเองจึงเป็นทัวร์ที่ครื้นเครงพอสมควร ได้ยินเสียงซูกัสชี้ชวนชมนั่นนี่ไปตลอดทางและไม่ได้รีบร้อนอะไรด้วย ระหว่างทางเราจึงแวะร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่มีเอกลักษณ์คือร้านกาแฟหมุนได้...

   หมอ ซูกัส แคนดี้เข้าไปในนั่งในบ้านหมุน ส่วนผมนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านล่างกับแม็กม่าสองคน เพราะแม็กม่ากลัวว่าถ้าเข้าไปในนั้นอาจจะเวียนหัวจนอาเจียน   

   “คุณบีทรู้ไหมครับว่าคุณมาเที่ยวกับผม” เขาเอ่ยถาม

   “ที่ถามเพราะอยากให้มาด้วยหรือไง?”

   “เปล่าครับ แค่สงสัยว่าเขายอมให้มา หรือคุณโกหกเขาเฉยๆ”

   “ไม่ใช่เรื่องของเธอ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงรำคาญนิดหน่อย เพราะคำพูดเขาค่อนข้างแทงใจดำ ผมไม่ได้บอกบีทหรอกว่าจะมา แต่ตอนนี้เขาอยู่ญี่ปุ่น กว่าเขาจะกลับมาผมก็คงกลับไปถึงกรุงเทพแล้ว

    คนฟังหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยค่อยเบนหน้าไปด้านบน ดูเหมือนซูกัสจะดูตื่นเต้นมาก หลังจากสั่งอาหารแล้วจึงลากหมอว่านและแคนดี้เดินถ่ายรูปไปหลายมุม แม็กลุกขึ้นตามไป

   “เอามือถือมานี่มา เดี๋ยวถ่ายให้” แม็กม่าบอก เมื่อเห็นสภาพการถ่ายรูปแบบยัดหัวรวมกันให้เข้าเฟรมของครอบครัวนี้แล้วก็ทนนิ่งดูดายไม่ได้ เขาถ่ายไปสองสามรูป ผมก็เดินไปยืนข้างๆ

   “พี่อิฐถ่ายรูปให้หน่อยได้ไหมครับ แม็กจะได้มาถ่ายรูปด้วยกัน” ซูกัสเอ่ยขึ้น

   “ได้สิครับ” ผมตอบรับ

   “ไม่เป็นไร ถ่ายกันแต่ในครอบครัวเถอะ” แม็กม่าปฏิเสธน้ำเสียงเกรงใจ

   “มาเหอะน่า... แกเป็นในครอบครัวของฉันเสมอนะ” คำพูดและรอยยิ้มของซูกัสทำให้ผมซึ้งใจแทน แม็กม่าไม่มีคำโต้เถียงอีก เขายื่นมือถือส่งให้ผมแล้วเดินไปเข้าเฟรมตามคำชวน

   “ยิ้มหน่อย” ผมส่งเสียง และทุกคนคลี่ริมฝีปากออกยกเว้นคนที่เดินเข้าไปคนสุดท้าย ไม่ว่าเมื่อไรก็เป็นคนยิ้มยากแบบนั้นเสมอๆ แต่ผมขี้เกียจร้องทักให้เสียเวลา “หนึ่ง สอง สาม”

   หลังจากเสียงชัตเตอร์ลั่นแชะ ซูกัสยื่นทารกในอ้อมแขนส่งให้แคนดี้แล้วจูงมือแม็กม่ากลับมา ผมจึงยื่นมือถือคืนเขา

   “ส่งมือถือของพี่มาสิครับ ผมจะถ่ายรูปคู่ให้” ซูกัสเสนอตัว ผมและแม็กม่าหันไปมองหน้ากัน ต่างคนต่างทำหน้าไม่ถูก แค่ไม่กี่วินาทีต่อมาที่เขามองผมก็หันไปบอกเพื่อน

   “ไม่ต้องหรอกซูกัส เราไม่ชอบถ่ายรูป”

   “ไม่ได้นะแม็ก ความทรงจำดีๆ อ่ะมันอาจจะไม่ได้ลืมกันง่ายๆ ก็จริง แต่มันจะดีกว่านะถ้ามีอะไรช่วยเตือนไว้ แค่ถ่ายไว้รูปสองรูปไม่เห็นเป็นไรเลย” ซูกัสคะยั้นคะยอ แต่อีกฝ่ายเอาแต่เงียบผมจึงเป็นคนยุติทุกอย่างด้วยการยื่นมือถือของตัวเองให้เขาเป็นฝ่ายจูงมือแม็กม่าให้เดินไปหามุมที่เหมาะแก่การถ่ายรูป

   “ขยับเข้าไปอีก... ถ่ายรูปคู่ไม่ใช่รูปเดี่ยว ห่างขนาดนั้นเดี๋ยวก็หลุดเฟรมไปคนละซีกหรอก” ซูกัสแซวซะเวอร์ ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ได้ยืนห่างกันขนาดนั้น แต่ผมก็ไม่ได้ถกเถียงอะไรขยับตัวจนตัวซ้อนแม็กม่าไปนิดหนึ่ง

   “มือไม่เกะกะเหรอครับ โอบเลยๆ” ซูกัสยังจัดท่าต่อไม่ยอมถ่ายซะที จนคนที่ยืนข้างๆ ผมทักท้วงเสียงขุ่น

   “ถ่ายๆ ไปเถอะซูกัส เรื่องมากไปได้ ถ่ายรูปคู่เฉยๆ ไม่ใช่พรีเวดดิ้งป่ะ?”

   “เอ้า! นี่มันยิ่งกว่าพรีเวดอีกนะ ภาพถ่ายครอบครัว พ่อแม่ลูกไงแก” เขาตอบกลับมาล้อๆ ทำให้คนที่ทำหน้าอื่นนอกจากหน้านิ่งไม่ค่อยจะเป็นเกิดมีสีหน้าอายจนแก้มขึ้นสี

   ดูแล้ว...น่ารักดี

   เอ๊ยๆ ไม่ใช่สิ แปลกดี

   ผมรีบวาดแขนโอบไหล่เขาเอาไว้แล้วรั้งเข้ามาจนชิดมากที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อให้การถ่ายรูปครอบครัวของเราจบสิ้นไปโดยไว ทำเป็นไม่สนใจสายตาแปลกประหลาดที่หันขวับมามองแทบจะทันที ก่อนจะหันกลับไปมองกล้องเมื่อซูกัสเรียก

   “เอ้าๆ มองกล้องครับ ยิ้มด้วย... จิ๊! บอกให้ยิ้มไงแม็ก!!” ได้ยินเสียงดุของซูกัสแล้วผมแทบจะอยากจะปล่อยก๊าก ออกมาเลยเพราะพอจะเดาได้ว่าคนข้างๆ จะมีสีหน้าประมาณไหน กว่าเราจะถ่ายรูปเสร็จผมก็ยิ้มจนเหงือกแห้ง!

   หลังจากกาแฟมาเสิร์ฟ ผมนั่งจิบกาแฟสด ระหว่างมองแม็กม่านั่งกินขนมปังอยู่คนเดียว เขาไม่ได้สั่งกาแฟหรือโกโก้ ผมรู้ว่าทำไม... นั่นเพราะเขาห่วงใยดูแลสุขภาพตัวเองและลูกของผมอยู่เสมอ

   ผมรู้ดี... ว่าเขาเลิกดื่มกาแฟทั้งๆ ที่ติดมาก ไม่ชอบทานอาหารนอกบ้านเพราะกลัวอาหารจะใส่ผงชูรส กินข้าวมันไก่ไม่ซดน้ำซุบ เขายอมป่วยเป็นอาทิตย์ เพราะกินยาบางอย่างไม่ได้

   เพราะเขาเป็นแบบนั้น... ผมถึงอยากดูแลเขาเหมือนอย่างที่เคยสัญญาไว้ว่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุด ทั้งๆ ที่มันยากเหลือเกินกับการชีวิตร่วมกันแต่ละวัน

   ทั้งๆ ที่เขาเคยเป็นคนดีมากในสายตาของผม แต่ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้แม็กม่าเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้...

   เพราะเงินงั้นเหรอ? หรือเพราะว่าผมทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจ หรือเพราะว่าเขาถูกใครบางคนหลอกใช้ เขาถึงทำเรื่องเลวร้ายมากมายขนาดนี้ และมันไม่มีเลยสักทางหรือไง ที่จะให้เขากลับไปเป็นเหมือนเดิม...



   เราขึ้นไปชมวิวที่ดอยอินทนนท์ และแวะเที่ยวน้ำตกระหว่างทางด้วย เพราะการเดินทางชิลมากจนเย็นเราก็ยังไม่ถึงที่พัก จบท้ายด้วยแคนดี้พาเราไปนั่งกินขันโตกโดยคุณชัชวาลมาสมทบเอาตอนนี้เอง

   “ทำไมกินน้อยจังเลยล่ะ อิ่มไหมเนี่ย?”ผมหันไปกระซิบถามคนท้องข้างกายที่แทบไม่แตะอะไรเลย

   “ไม่ค่อยหิวครับ” เขาตอบกลับเรียบๆ    

   “ไม่หิวก็ต้องกิน ถ้าหิวขึ้นมาดึกๆ ไม่รู้จะมีอะไรกินหรือเปล่านะ”

   “จะให้กินอะไรล่ะ มีแต่ผักน้ำพริกกับแกงอะไรไม่รู้ กินไม่เป็น”

   “ข้าวเหนียวกับไก่ไง กินๆ ไปเถอะ แคบหมูด้วย” ผมบังคับวางไก่ใส่จานเขา

   “ครับๆ” เขารับคำอย่างขอไปที แต่ก็ยังกินเหมือนแมวดมอยู่ดี จนขากลับ ผมต้องขอให้จอดเซเว่นเพื่อซื้อขนมปังกลับไปด้วยเผื่อหิว   

   กว่าเราจะมาถึงที่หมาย ซึ่งคือบ้านพักของสามีแคนดี้ก็เกือบสองทุ่มแล้ว แคนดี้จัดแจงพาเรามาส่งที่ห้องพักที่เตรียมไว้ให้ ก่อนจะเดินออกไปโดยทิ้งผมไว้กับแม่ของลูกแค่สองคน ผมมองดูเตียงคู่ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องนั่นพลางถอนใจเฮือก... ต้องนอนเตียงเดียวกันอีกแล้วเหรอเนี่ย! ช่วงเวลาหฤโหดพวกนั้นกำลังจะย้อนคืนมาอีกแล้วสินะ!

   “ขอฉันอาบน้ำก่อนได้ไหม?” ผมรีบบอก

   “ได้ครับ” อีกฝ่ายรับคำ และผมรีบจ้ำอ้าวเข้าไปในห้องน้ำ

   ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานมากและพันเอวไว้ด้วยผ้าขนหนู พอเดินออกจากห้องน้ำก็พบว่ากระเป๋าเสื้อผ้าถูกรื้อออกมาหมดแล้ว มีชุดนอนชุดหนึ่งวางพาดไว้บนเตียง 

   บางครั้งเขาก็เจ้ากี้เจ้าการทำตัวเหมือนเมียมากเกินไป ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่หน้าที่เขาเลยสักนิด... เขาคิดว่าการทำแบบนี้จะทำให้ผมลบลืมสิ่งร้ายๆ ที่เขาทำไว้ได้หรือไงกัน!

   “ขอบใจนะ แต่คราวหลังไม่ต้องก็ได้...” ผมเอ่ยอย่างเฉยชา

   “ครับ... ขอโทษที่วุ่นวาย” เขาตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ไม่ดีนัก เดินสวนเข้าไปในห้องน้ำ

   ผมรอจนประตูปิดลงแล้วจึงใส่เสื้อผ้าที่เขาเตรียมไว้ให้ แล้วขึ้นไปนอนบนเตียงหันตะแคงหันหลังให้ห้องน้ำ พยายามบังคับข่มตาให้ตัวเองหลับลงไปก่อน ก่อนที่เขาจะออกมา ไม่อย่างงั้นมันคงจะเข้าอีหรอบเดิมแน่ๆ

   อีหรอบที่ว่า... คือมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นอะไรกับผมเลย เขาเป็นคนตัวเล็กมาก มีนิสัยแปลกประหลาดคือไม่ชอบนอนบนหมอน กลิ่นตัวของเขาหอมละมุนด้วยกลิ่นแป้งเด็ก เขาชวนให้ผมนอนบนเตียงเดียวกับเขาทั้งๆ ที่ผมพยายามที่จะปฏิเสธโดยบอกว่า

   “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมไม่ข่มขืนคุณหรอก”

   ผมค่อนข้างติดใจความหมายของประโยคนั้นมากจนครุ่นคะนึงอยู่นานเป็นสิบนาทีว่าเป็นคำพูดประชดหรือเปล่า แต่ในระหว่างที่ผมยังไม่เข้าใจความหมายของประโยคนั้น อีกฝ่ายก็หลับสนิทจนได้ยินเสียงกรนเบาๆ แล้วไม่นานร่างของคนที่เพิ่งจะบอกว่า “ผมไม่นอนดิ้น” ก็กลิ้งหลุนๆ มากระทบอกผมซะอย่างนั้น จนผมต้องขยับตัวถอยร่นไปจนสุดเตียง แล้วได้แต่นอนมองใบหน้ายามหลับของเขาท่ามกลางความมืดนับชั่วโมง ถึงจะหลับตายังไงก็นอนไม่หลับ ได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองที่เต้นโครมครามอยู่อย่างนั้น

   แล้วมันก็เป็นแบบนั้นอยู่นานหลายวัน ที่ผมต้องทนทรมานกับการต่อสู้กับไฟราคะในใจตัวเองอย่างทุกข์ทรมานมาตลอด แค่อยากจะดึงเขามากอดก็ยังทำไม่ได้   ผมไม่อยากให้เขามองผมเป็นตาเฒ่าลามกที่จ้องจะหาเศษหาเลยกับเด็กที่อายุห่างกันเป็นสิบปี จนลงท้ายผมไม่กลับบ้านเลยหลายวันทั้งๆ ที่บีทก็ไม่อยู่

   ผมพยายามเฟดตัวห่างออกไป เฝ้าย้ำเฝ้าเตือนตัวเองเป็นร้อยเป็นพันครั้งว่ามันไม่ควร เขาเป็นแค่คุณแม่อุ้มบุญที่ผมจ้างมา แล้วผมก็บอกกับเขาไปแล้วด้วยว่างานของเขาไม่รวมเรื่องนั้นเข้าไปด้วย ผมไม่ควรผิดคำพูด และยิ่งไม่ควรผิดต่อบีท...

   ท้ายที่สุดห้วงความคิดอันฟุ้งซ่านทำให้ผมไม่สามารถหลับไปก่อนที่เขาจะได้ออกมา ในที่สุดเขาก็เปิดห้องน้ำออกมา กลิ่นสบู่ กลิ่นแป้งที่ลอยอวล ทำให้ผมหายใจติดขัด

   นาทีต่อมาฟูกนอนก็ยวบลง ผ้าห่มผืนเดียวกับถูกเขาดึงเบาๆ ราวกลับกลัวจะปลุกผมให้ตื่น ผมแกล้งหลับ กำลังรอให้อีกฝ่ายหลับลงไปก่อน  คงไม่นานหรอก ปกติแล้วเขาก็คนที่หลับง่ายมาก ไม่ทันไรก็กรนเบาๆ แล้ว แต่วันนี้กลับแปลกมากที่รอเท่าไรก็ไม่ได้ยินเสียงกรนเลย...

   ผมพยายามนับแกะ นับแพะ กล่อมตัวเองให้นอนหลับให้จงได้ แต่ยังไม่ทันสำเร็จ ร่างที่นอนข้างๆ ก็ขยับมาใกล้ ผมรู้สึกได้ว่าเขาพลิกกายมากอด  เขายังคงเหมือนเดิมที่ไม่ชอบนอนบนหมอน ศีรษะกลมซุกอยู่ที่กระดูกช่วงคอเบียดร่างเล็กเข้ากับแผ่นหลังของผม

   ก่งแกะอะไรกระเจิดกระเจิงไปจากความคิดจนหมด ผมรีบจับมือเล็กที่เผลอวาดมากอดเอวผมไว้ออกวางเบาๆ แล้วกระถดตัวเองลงจากเตียงให้ไวที่สุด หยิบมือถือ เปิดประตูห้องแล้วเดินออกไปข้างนอก

   ข้างนอกไม่สว่างมากนัก ผมเดินจากห้องเดินออกไปที่ระเบียงบ้านมีประตูกระจกบานใหญ่ล็อกจากด้านใน ผมเดินออกไปตรงนั้น ความมืดทำให้ไม่สามารถมองวิวทิวทัศน์ได้ถนัดตา มีแต่ท้องฟ้า ดวงจันทร์และดวงดาวพราวแสง...   ผมปลดล็อกโทรศัพท์ ตอนนี้ยังไม่สี่ทุ่มเลย เปิดโปรแกรมไลน์แล้วส่งข้อความหาบีท

   คิดถึงนะครับ... คิดถึงที่สุด

   ผมรอนานเป็นครู่ แต่หน้าจอก็ยังคงเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง บีทยังไม่ได้อ่านข้อความเหล่านั้น ตอนนี้เขาอยู่ญี่ปุ่น และผมคงไม่สามารถติดต่อเขาได้ ผมถอนใจให้กับตัวเอง พยายามหาเหตุผลมาหักล้าง   

   ถ้าหากหัวใจผมเต้นดังมากกว่าปกติเวลาที่อยู่ใกล้เขา มันคงเกิดขึ้นเพราะบรรยากาศพาไป ความใกล้ชิดจนเกินพอดี ความแปลกใหม่ และความเย้ายวนของเด็กก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ผมเรียกว่ามันว่า “ความเผลอใจ”

   ถ้าหากจะมีใครบางคนที่หลงเดินเข้ามาในทางของเราแล้วทำให้หัวใจของผมไขว้เขว นั่นคงเป็นแค่ความหลงผิดชั่ววูบเท่านั้น ไม่ได้เรียกว่าความรัก...

   ความรักมันคืออะไร มันคือความซื่อสัตย์และจริงใจต่อกันใช่ไหม?

   ไม่ต้องกังวลหรอกบีท...

   ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่... ผมจะไม่มีวันทรยศคุณ


   
   ในที่สุดผมก็นอนขดตัวอยู่ที่โซฟากลางบ้าน เดาเอาว่ามันคงดีกว่ากลับไปนอนในห้องเหมือนเดิม ผมข่มตาลงนอนอีกครั้งท่ามกลางความมืด ครู่ใหญ่ๆ แสงไฟก็สาดผ่านร่างของผม ได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา ผมขมวดคิ้วแล้วค่อยๆ กระพริบตาขึ้นเหลือบมองเจ้าของร่างเล็กที่ผมอุตส่าห์หนีเขาออกมายืนเบ้หน้ามองผมอยู่

   ใบหน้าเขาดูไม่จืดเลย... เหมือนกับผ่านมรสุมน้ำตาไม่รู้กี่ลูก

   “เธอออกมาทำไม” ผมลุกขึ้นนั่งถามเสียงเรียบ ทำฟอร์มเป็นเคร่งขรึม

   “ออกมาตามคุณ”

   “กลับไปเถอะ ฉันจะนอนนี่แหละ”

   เขามองตอบ พลางหายใจเข้าลึกเหมือนคนสูดน้ำมูก แววตาไหวระริกอย่างอดกลั้น...   

   “ถ้าคุณรังเกียจผมมากขนาดนั้น ฮึก... ไล่ผมไปเลยซะยังจะดีกว่า” ในน้ำเสียงที่สั่นระริกพร้อมหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอขึ้นมาในที่สุด ทำให้ผมทำตัวไม่ถูก ความปากดีที่อยากจะจิกกัดทำร้ายอีกฝ่ายค่อยมลายไปจนกลายเป็นอารมณ์สงสารปนสับสน

   “มันไม่ใช่อย่างงั้น...”

   “คุณกลับไปนอนในห้องเถอะ ผมจะไปนอนกับซูกัส”

   “ไม่ได้นะ! ถ้าเธอไปทั้งสภาพนี้ ซูกัสอาละวาดตายเลย” ผมลุกขึ้นห้าม

   “ผมไม่สน!” เขาตอบแล้วหมุนตัวเดินหนี ผมรีบเดินไปถึงตัวเขา

   “เดี๋ยว...” ผมรีบเดินไปตามแล้ววาดแขนรัดคอเขาไว้เพื่อหยุดฝีเท้าเขาก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินต่อ เขาชะงักเท้าพลันยืนนิ่งในระหว่างที่ผมกระซิบวอนข้างหูเบาๆ “อย่าไปเลยนะ ฉันไม่อยากให้เธอไปรบกวนหมอ”

   เห็นวันๆ เอาแต่ยิ้ม แต่ถ้าโมโหขึ้นมาเมื่อไร หมอก็ไม่ได้ขี้บ่นน้อยไปกว่าซูกัสหรอก!

   เขาหมุนตัวกลับมามองหน้าผม ยังมีร่องรอยน้ำตาติดอยู่ ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ทั้งที่ไม่เข้าใจว่าเขาเสียใจอะไร กะอีแค่ผมหนีออกมาก็ต้องร้องไห้เป็นเผาเต่าขนาดนี้เลยเหรอ?

   “ครับ ผมไม่ไปก็ได้ แต่คุณต้องเข้าไปนอนข้างในนะ” คำต่อรองทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าตัวเองออกมาทำไมแต่ก็ต้องตอบรับไปอย่างไม่มีทางเลือก

   “อือ...” อีกฝ่ายฝืนยิ้มพยายามป้ายน้ำตาออกจากใบหน้า ผมจึงจับข้อมือเขาดึงพากลับไปที่ห้อง ไม่วายนึกหาเหตุผลของน้ำตาพวกนั้น...

   ก่อนออกมาผมทำอะไรผิดล่ะ? ผมก็แค่ดึงมือที่เขาบังเอิญวาดมากอดออกจากเอวเท่านั้นเอง แต่เขาก็หลับแล้วนี่นา หรือเพิ่งตื่นขึ้นมา ไม่สิ เมื่อกี้ตอนที่เขากอดผม ผมไม่ได้ยินเสียงกรน

   “ถ้าคุณรังเกียจผมมากขนาดนั้น ฮึก... ไล่ผมไปเลยซะยังจะดีกว่า”

   

++++++++++

ออฟไลน์ orangesmooty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เรืองนี้ทำให้เราเข้าข้างใครได้ไม่สุดเลยอ่ะ อิฐทำถูกแล้วนะ เอาจริงๆ แม็กก็ไม่ได้เป็นอะไรกับอิฐเลย ที่ยังเข้าข้างอยู่บ้างก็ตรงที่เพราะอิฐสร้างเรื่องดึงแม็กดข้ามา บีทก็ดูมั่นๆร้ายๆ ให้อาจมีเรื่องอะไรสักอย่างมาเป็นจุดเปลี่ยน แต่ถ้าไม่มีแม็กนี่ก็นางร้ายที่พยายามแย่งผัวชาวบ้าน ต่อให้จริงๆดียังไง แย่งก็คือแย่ง เรานึกถึงเรื่องวนิดา เพราะเป็นนางเอกก็เลยถูกเสมอ เรื่องนี้บีบคั้นจิตใจทุกตอนจริงๆ รู้สึกหาทางลงไม่เจอ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด