เสียงสัญญาณเข้าแถวดังขึ้นพอดีผมและครูสมพิศเดินลงไปพร้อมกันเพื่อนไปเพื่อไปทำหน้าที่ยืนคุมนักเรียนเข้าแถวเหมือนเช่นทุกวันวันนี้ท้องฟ้าอึมครึมสงสัยว่าช่วงบ่ายนี้ฝนคงจะตกแน่นอนเดาได้แบบไม่ต้องเปิดดูกรมอุตุนิยมวิทยา
“ครูเขมสวัสดีครับ เป็นยังไงบ้างครับครูแผลครูนะครับ..แม้ครูนี้ใจกล้าดีจังเลยนะครับ..ผมนี้นับถือเลย” ครูอครชัยหันมาเจอผมก็ทักผมทันที
“ผมไม่เป็นอะไรมากแล้วครับครูชัย” ผมพูด
“เป็นครูก็แบบนี้แหละครับแบกรับปัญหาเยอะหน่อยไหนจะปัญหานักเรียนพติกรรมของนักเรียนและปัญหาผู้ปกครอง จิปาถะนะครับครูและครูยังมาเป็นผู้พิทักษ์สันติราชเพิ่มอีก..”
“แต่อย่างว่าแหละครูใหม่ไฟแรงส่วนผมนะไม่ไหวแล้วละครับเห็นทีจะต้องวางมือจากครูฝ่ายปกครองซะที”
“ครูยังดูแข็งแรงอยู่เลยครับครูชัย” ผมพูด
“บางที่มันก็เหนื่อยจากภายในนะครู ผมเคยคิดว่าจะเออรี่ก่อนวัยเกษียณซะด้วยซ้ำแต่ก็เสียดายออกไปก็ไม่ได้ทำอะไร” ครูชัยพูดผมรู้บางที่หน้าที่ครูที่ใครๆเห็นว่าสบายมันก็มีบางที่เหนื่อยหนักสาหัสเหมือนกัน
“ครับผมทราบดีครับว่าเป็นครูไม่ได้สบายแบบนั่งทำงานในออฟฟิตแต่ผมก็ยังคงภูมิใจในอาชีพครูอยู่นะครับแม้ว่าจะเจออะไรหนักหนาบ้างแต่มันก็ยังมีควาสุขเล็กซ้อนอยู่นะครับครูชัย..การได้เห็นเด็กนักเรียนที่ได้สั่งสอนไปถึงฝั่ง”
“ผมนี่ดีใจที่ได้ยินครูพูดแบบนี้นะครับและอย่าเพิ่งถอดใจหนีกันไปซะก่อนละครับ”
“ครับผม” หันไปตอบครูอครชัยที่เป็นครูฝ่ายปกครองที่นี้มานานก่อนท่านผู้อำนวยการจะย้ายมาซะอีกและอีกสี่หรือห้าปีนี้แหละแกจะเกษียญอายุราชการแล้วเห็นว่าภรรยาของอาจารย์ป่วยด้วยโรคมะเร็งเป็นครูเหมือนกันและเออรี่ไปเมื่อปีที่แล้วเพื่อรักษาตัว
ผมยืนคุมนักเรียนเข้าแถวทำกิจกรรม เดินดูตามแถวไปเรื่อยๆจดไปหยุดตรงแถวของคริสโตเฟอร์แบบไม่ได้ตั้งใจ เขากันมามองผมหยักคิ้วให้ผม ผมยังจำได้ดีวันแรกที่ผมยืนมองเขาเข้าแถวเขาก็ทำแบบนี้แหละ ผมชี้นิ้วทำหน้าดุว่าไม่ให้เขาเล่นขณะเข้าแถวทำกิจกรรมหน้าเสาธง
“ครูค่ะ....มีนักเรียนเป็นลมค่ะ!...ครูค่ะมีนักเรียนเป็นลมทางนี้ค่ะ!”เสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากแถวของนักเรียนหญิงและบรรดาครูก็พากันวิ่งไปดู ผมก็เช่นกันผมเห็นเด็กผู้หญิงที่ผมเจอเขายืนมีปากเสียงอยู่กับนายกายเป็นลมหมดสติอยู่กับพื้นหญ้า
“เอานี้ พวกเธอก็อย่าเข้ามามุงกันซิค่ะ....นักเรียนเปิดทางหน่อยเดี๋ยวเพื่อนไม่มีอากาศหายใจกันพอดี” ครูสุรีวรรณ์บอกให้ทุกคนถอยออกไป ครูสุรีวรรณ์กำลังนั่งยองๆ ดูเด็กที่เป็นลมแถมเธอก็ยังท้องอยู่ด้วย
“ครูครับผมว่าพาไปห้องพยาบาลก่อนดีกว่าไหมครับ” ผมบอกครูสุรีวรรณ์
“นั้นซิหมี พี่ว่าให้ใครอุ้มกี้ขึ้นไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ.....ดูซิหน้าซี้ดเผือดขนาดนี้เลยนะ แดดก็ไม่มีเป็นลมแดดก็คงไม่ใช่ ” ครูสุมณฑาพูด ผมก็กำลังจะเข้าไปอุ้ม ในเวลาเข้าแถวจะมีแค่ผมกับครูอครชัยที่เป็นครูผู้ชายเท่านั้นที่ยืนคุมเด็กนักเรียน
“ครูครับผมอุ้มไปดีกว่า” ผมหันมาเจอเด็กนักเรียนชั้นม.6 เขาอาสาอุ้มเด็กนักเรียนหญิงคนนี้ขึ้นไป
“ดีเลยเอกรินทร์ อุ้มน้องไปให้ครูหน่อย “ ครูสุมณฑาพูดผมก็หลบให้เขาเป็นคนอุ้มเด็กผู้หญิงทีเป็นแทนผม ดูจากสีหน้าแล้วเขาดูจะเป็นห่วงเด็กผู้หญิงคนนี้มาก ผมได้แต่ยืนมอง
ผมต้องดูแลนักเรียนเข้าแถวต่อ ผมยืนครุ่นคิดที่ผมได้ยินเด็กผู้หญิงคนนี้กับนายกายอยู่จากบทสนทนาทั้งคู่เหมือนผู้หญิงต้องการให้นายกายรับผิดชอบหรือทำอะไรสักอย่าง สักพักกิจกรรมหน้าเสาธงก็ผ่านไปได้ด้วยดี และนักเรียนก็ถยอยแยกย้ายขึ้นห้องเรียนกัน
KissKhem : พี่เขมยืนคิดอะไรอยู่หน้ามุ่ยเลยอะ
My Love : ไม่มีอะไรนิ
KissKhem : ผมเป็นห่วงเพราะว่าพี่ครูเขมบอกได้ว่าครูกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่แน่ๆ
My Love : ไม่มีอะไรหรอกนะคริส..เตรียมขึ้นเรียนได้แล้วและห้ามใช้มือระหว่างเรียน
KissKhem : ก็ได้...เจอกันตอนเที่ยงนะพี่เขม..คริสรักพี่เขมนะ
My Love : เจอกันตอนเที่ยงคริส..พี่รักคริสนะ
ระหว่างที่ผมคุยกับคริสโตเฟอร์ผ่านแอพพลิเคชั่นเสร็จผมก็รีบเดินขึ้นห้องพักครูเพื่อจะได้หยิบหนังสือขึ้นไปทำการเรียนการสอนคาบแรกของผมก็คือห้อง ม.4/2 ห้องนายคริสโตเฟอร์
“ครูเขมค่ะ..วันนี้มีประชุมตอนสิบเอ็ดโมงนะคะ ประชุมเรื่องงานสัปดาห์ภาษาอังกฤษนะคะ” ครูอรุโณทัยเดินเข้ามาบอกผม ผมพยักหน้าว่าได้เพราะว่าผมีสอนคาบแรกและคาบที่สองแค่นั้น ผมเดินขึ้นห้องเรียนทันทีเพื่อทำการเรียนการสอนต่อไป ผมเห็นกลุ่มนายกายยืนสนทนากันอยู่ตรงมุมบันไดข้างห้องพยาบาล
“แม่งมีแต่เรื่องวะ..”
“แล้วที่นี้ใครเป็นคนรับผิดชอบวะ..กูนะคงไม่ได้หรอกพ่อกูเอากูตายแน่” นายอั๋นพูดผมเรื่องเด็กผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ
“ทำไมต้องรับผิดชอบด้วยว่ะก็แค่เด็กใจแตกและกูก็คงไม่รับเพราะไม่รู้ว่าใช่ลูกกูแน่เหรอเปล่า....มีตั้งหลายคน มึงคนหนึ่งแหละไอ้อั่น” นายกายพูด ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความเป็นลูกผู้ชายนายนี้ไม่มีกับเขาบ้างเลยหรือไง
“อะไรว่ะไอ้กายโยนให้กูเลยนะ” นายอั๋นผมจำได้เขาเกือบจะต่อยผมแล้วเช่นกันวันนั้นที่มีเรื่องกับนายคริสโตเฟอร์
“พอเถอะเลิกพูดเรื่องนี้เถอะวะ...ตอนนี้ที่กูคิดนะ กูจะทำยังไงที่จะเอาไอ้คริสออกจากโรงเรียนให้ได้”
“เฮ้ยกูว่าพอเถอะวะไอ้กายและเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วนะโว้ยที่สำคัญกูจะจบม.6แล้วกูไม่อยากโดนพ่อด่าไปมากกว่านี้วะ” อีกคนพูด
“ทำไมว่ะมึงป๊อดเหรอว่ะ....ไอ้อั๋นกะอีแค่ไอ้เด็กลูกครึ้งที่พ่อก็ไม่มีแม่ก็เป็นผู้หญิงบาร์มึงจะกลัวมันทำไมวะพ่อมึงกับพ่อกูใหญ่ทั้งคู่” ผมได้ยินนี้แสนจะภูมิใจแทนพ่อเขาทั้งคู่จริงๆ
“แต่ว่ามันมีแบคเยอะว่ะ ..ไอ้โป้ง..ไอ้โจ้และไอ้อาร์ทแถมตอนนี้นางแก้มก็ไปอยู่ฝั่งนั้นแล้วและที่แน่...ครูเขมอีกละ” ผมเหลือบมองเวลาที่ข้อมือยังพอเหลือเวลาให้ผมได้สนทนาสักสี่ห้านาที
“ครูไม่ได้หนุนหลังทั้งนั้นแต่ครูเลือกที่จะเข้าข้างคนที่ทำถูกต้อง..กาย” เสียงของผมทำให้ทั้งกลุ่มหันหน้ามามองผมกันหมด ผมเดินลงมายืนมองหน้าทั้งคู่ นายกายพ่นลมหายใจออกมาแบบไม่พอใจที่ผมมายืนฟังการสนทนาของเขาทั้งคู่
“ผมไม่เชื่อหรอก...ครูจะไม่ลำเอียงให้ไอ้คริสมัน...และที่มันเรียนภาษาอังกฤษดีขึ้นคงบวกคะแนนพิศวาสไปให้ด้วย” เดินมายืนประชันหน้ากับผม
“ไม่เชื่อไปถามทุกคนในห้องดูนะว่าครูให้จริงหรือไม่จริง...กาย” ผมพูด
“และที่ครูไม่เข้าใจคือคริสโตเฟอร์ไปทำอะไรให้นายถึงได้อยากให้เขาออก...เธอมีเหตุผลที่ดีไหมละครูจะได้รับฟัง...ว่ามันสมควรหรือไม่สมควร” ผมถามกาย เขาหันมามองหน้าผมสายตาผมสองคนประสานกันจนในที่สุดนายกายเองที่เป็นคนเบียงสายตาหนีผมและเดินแทรกตัวออกไประหว่างที่เขากำลังจะเดินผ่านผม
“ผมไม่จำเป็นต้องบอกครูหรอกครับ..ครูไม่ใช่คนที่สำคัญอะไรสำหรับผม...ก็แค่ครู...ที่เป็นเกย์...ไม่มีอะไรสำคัญ” ผมหันมามองนายอั๋นที่ยังยืนอยู่ เขาก็แค่มองผมและเดินตามนายกายออกไปเช่นกัน แต่ถึงยังไงผมก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเหตุผลอะไรกันที่ทำให้เขาอยากให้คริสโตเฟอร์ออกจากโรงเรียนถ้าแค่เล่นบาสเกตบอลเก่งกว่าผมว่าไม่น่าจะใช้เหตุผลนี้นะ นายคริสไปทำอะไรเขาอะไว้นะ
หลังจากเข้าประชุมผมก็รีบลงมาทานอาหารเที่ยงจะได้รีบไปติวคริสโตเฟอต่อและพรุ่งนี้จะทำพิธีเปิดสัปดาห์ภาษาอังกฤษ มีแข่งขันตอบปัญหา เล่านิทาน และประกวดร้องเพลงในวันสุดท้ายก่อนปิดงาน มีกิจกรรมซุ้มทำอาหาร ฮอทดอก แซนวิส ฯลฯ จากนักเรียนที่เรียนทำอาหารกับครูรัชนีวรรณ์ และมีจะมีหนังภากษ์ภาษาอังกฤษมาเปิดให้ดูในชั่วโมงภาษาอังกฤษ วันที่สองจะมีการเล่านิทานพร้อมกับมีการแสดงนักเรียนแต่ละห้องเช่นกัน ประชุมเสร็จก็เกือบเที่ยงพอดี
Kisskhem :พี่เขมมากินข้าวกับผมหรือเปล่า นั่งคนเดียวเหงาอะ
My love :เพื่อนไปไหนละ
Kisskhem :โป้ง ไปดูพ่อผ่าตัดพรุ่งนี้ปันป้นก็ไปด้วย ไอ้โจ้กับไอ้อาร์ท มันไปฮันนิมูนกันอ่ะ
My love :อืมเดี๋ยวพี่ซื้อข้าวร้านครูโจ้ก่อน
Kisskhem : ^__^
มิน่าละเมื่อเช้าผมมไม่เห็นโป้ง ปันปัน โจ้และอาร์ทเลย ตอนที่เข้าแถวตอนแรกก็คิดว่าเข้าสายกันซะอีก ผมรีบเดินลงก่อนเวลาเที่ยงเพื่อจะได้เผื่อเวลาไปซื้อข้าวและรีบไปทานกับนายคริสโตเฟอร์และพากันไปติวหนังสืออีกเริ่มจะเหนื่อยแล้วซิผมและผมก็ต้องกลับมาร่างเกี่ยวกับประวัติของอนุชิตเพื่อขอรับทุนอีก
“นั้นไงน้องแป้งพอพี่คิดถึงก็มาเลย…ครูเขมครับ” ผมเดินตรงมาที่ร้านขายอาหารแฟนของครูโจ้ ผมก็ต้องผมสะดุงทันทีที่ได้ยินครูโจ้บอกว่าคิดถึงผมนี้แหละ
“เป็นไงบ้างคะครูเขม พี่โจ้เล่าให้แป้งฟังค่ะว่าครูเขมสวมบทบู้สู้กับคนร้ายตั้งห้าคน”
“เวอร์ไปแล้วครูโจ้...ผมนะคนเดียวก็แย่แล้วที่เหลือนะนักเรียนที่ไปช่วยจัดการหมดครับ”ผมพูดตาก็มองว่าจะกินอะไรดี เห็นแล้วข้าวหมูแดงหมูกรอบดีกว่า
“อ้าว!.ถ้าอย่างนั้นครูก็ไม่ใช่พระเอกนะซิครับ....อย่างนี้เขาเรียกเป็นนางเอกแล้วมั้งคับ”ครูโจ้พูด ผมเลยหน้าขึ่นมามองครูโจ้ ตอนแรกคิดว่ากินข้าวหมูแดงไปกินบะหมี่ดีกว่าไหม มาหาว่าผมเป็นนางเอก
“เดี๋ยวซิครับครูเขม..แหมหัวของครูก็ไม่ล้านนะครับทำขี้น้อยใจไปได้ ”ครูโจ้รีบออกมาดึงแขนผมไว้
“ก็พี่โจ้นะดันไปแซวครูเขมเขาทำไมละ” แป้งแฟนครูโจ้เข้าข้างผม
“นี่เข้าข้างลูกค้าเหรอครับ...ที่ยืนนี้แฟนนะครับ”
“ลูกค้าคือพระเจ้าพี่โจ้” แฟนของครูโจ้หันมาพูด
“โอเคครับ...คุณลูกค้า...เชิญครับคุณลูกค้าชั้นดี ..ว่าแต่ครูจะทานอะไรดีครับครูเขม...วันนี้...” ครูโจ้พูดและดันผมกลับไปที่ร้านเขาเหมือนเดิม
“ฟรีเหรอครับ”ผมรีบถามครูโจ้
“คงจะไม่ได้หรอกครับครูเขมถ้าผมฟรีให้ครูเพราะว่าครูทำผลงานดีผมจะเจ้งแน่ๆ ก็เล่นทำผลงานติดกันเยอะขนาดนี้ถ้าปีละครั้งโจ้จะโอเคมาก..อันนี้เยอะไปนะครับ ”
“และอีกอย่างนะครับวันนี้เห็นทีจะฟรีไม่ได้จริงๆ เพราะว่า...เมียผมป่วยตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแล้วแหละครับครูเขม”ครูโจ้พูด
“เป็นอะไรหรือครับคุณแป้งไปหาหมอหรือยังครับ” ผมถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยในฐานแม่ค้าที่ผมซื้ออาหารทานบ่อยๆ
“พี่โจ้อะเวอร์ไปแล้ว...ไม่เป็นอะไรมากหรอค่ะครู...ถ้าอย่างนั้นวันนี้แป้งเพิ่มหมู เพิ่มไข่ให้แล้วกันนะคะ ไม่คิดเพิ่มค่ะ” คุณแป้ง
“ไม่ต้องถึงมือหมอหรอกครับครูเขม ใช้เวลาพักฟื้นสักสิบกว่าวันเดี๋ยวก็หายครับ และนี่เป็นบ่อยครับไอ้โรคนี้นะครับ อาการจะกำเริบเดือนละสองครั้ง ระยะฝักตั่ว2-3 วันก่อนต้นเดือนและก่อนกลางเดือน “ ครูโจ้พูดผมก็ยิ่งทำท่าขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่ นี้ยังไม่ต้องไปหาหมออีกเหรอ
“เป็นทุกเดือนเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นผมแนะนำครูโจ้รีบพาไปหาหมอตรวจเถอะครับ...จะได้รู้ว่าเป็นโรคอะไรและรักษาได้ทัน”
“ไม่ต้องถึงมือหมอหรอกครับ โจ้นี้วินิจฉัยให้ได้ครับ ....เมียผมเขาเป็นโรคอีบนล่างทำพิษครับ”
“ห๊ะ..อีโบล่าเหรอครับ!” ผมร้องออกมาครูโจ้รีบเอามือปากผมอย่างเร็ว
“นี้ครูเขมอยากให้ผมรีบโสดขนาดนั้นเลยเหรอครับ “ มือที่ยังปิดปากผมอยู่ผมก็ส่ายหัวว่าไม่ใช่นะ
“ ถึงได้แช่งเมียผมแบบนี้..ให้เป็นอีโบล่าเลยนะครับ” ครูโจ้พูด
“ที่รักจร๊าครูเขมเขาบอกให้เป็นอีโบล่าเถอะ พี่จะได้โสดภายใน72ชั่วโมง” ครูโจ้หันไปบอกคุณแป้งอีก
“ปึก!” เสียงมีดที่หันหมูแดงปักลงที่เคียงทันที ผมรีบแกะมือครูโจ้ออกก่อนทันที
“เฮ้ย!ครูโจ้ ผมไม่ได้พูดอย่างนั่นซะหน่อย”
“แป้งครับไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะครับ” รีบแก้ตัวให้ตัวเลยครับ แอบคิดในใจผมนี้ผิดตั้งแต่เดินเข้ามากินร้านครูโจ้แล้วแหละครับ รู้อย่างนี้ไปกินร้านป้าใจซะดีกว่าไหม
“ก็พี่โจ้นั้นแหละพูดให้ครูเขมเข้าใจผิดและแป้งคิดว่าพี่โจ้นะคิดเองมากกว่า...”
“ถ้าอยากโสดบอกแป้งนะจะยอมให้พร้อมแถมใบมรณะบัตรให้ด้วยดีไหมพี่โจ้” แป้งเขายืนเอามือเท้าที่เอว
“โธ่ๆ เมียที่รักเขาพูด....ทีหลังอย่าแช่งเมียผมอีกนะครับครูเขม....ผมรักเมียครับ” ผมก็มองผมไม่ได้แช่งสักนิดเลย
“ครูโจ้ก็บอกครูเขมเขาไปตรงๆซิว่าเมียนะโดนหวยรับประทาน..อ้อมอยู่ได้ “แม่ค้าร้านข้างๆ ผมพยักหน้าเข้าใจทันทีเลย โรคอีกบนล่างนี้คือการเล่นหวยนั้นเอง ผมยืนเกาหัวตัวเองแกร๊กๆ
“อ้อ!....เมื่อวานวันที่16 ผมลืมครับไปวันสลากินแบ่งรัฐบาล “
“ใช่ครับ โดนกันถ้วนหน้าทุกร้านไป” ครูโจ้พูด
“ก็แน่ละซิจิ้งจกสองหางเป็นไงละ ตัวเลขที่ออก ..ไม่มีตัวไหนบอกว่ามาจากหางจิ้งจกสักตัว” แม้ค้าร้านข้างๆ
“ไม่ต้องห่วงป้าตอนนี้ไม่มีทั้งหางและจิ้งจกแล้วเพราะเมื่อวานแมวบ้านข้างๆรั้วโรงเรียนจับไปกินเรียบร้อยแล้ว..สงสัยแมวจะโดนหวยกินเหมือนกันครับครู”
“เว้ย!”
“ผมล้อเล่นนะครับ” ครูโจ้พูดและหัวเราะร่วน
“นี้ค่ะครูเขม...ที่สั่งไว้ค่ะ..เพิ่มหมูแดงและหมูกรอบให้นะคะแถมให้ไข่ให้ด้วยคะจัดเต็มสองฟองเลยค่ะ “
“ เออว่าแต่ครูจะมีเบิ้นไหมค่ะ” คุณแป้งถามผม
“ไม่ละครับจานเดี่ยวก็อิ่มแย่แล้ว ถามทำไมเหรอครับ” ระหว่างที่ผมกำลังตักน้ำหมูแดงราดอยู่
“จะปิดร้านแล้วค่ะ...จะลากอีพี่โจ้ไป้ไปซ้อมซะหน่อย..ปากดีหนัก” พอผมได้ยินอย่างนั้นผมรีบหยิบจานข้าวเผ่นละครับครูโจ้ ผมรีบเดินออกไปหาคริสโตเฟอร์ทันที พอออกมาก็เห็นว่าเขาเขานั่งคนเดียวจริงๆด้วย ทันทีที่ผมนั่งลง
“ทำไมมาช้าจังอะพี่เขม” คริสโตเฟอร์เงยหน้าขึ้นมาถามผมทันทีก่อนจะแย้งตักไข่ยางมะตูมผมไปหนึ่งซีก
“ก็คุยกับครูโจ้นะซิ” ผมตอบ
“เป็นไงละเพื่อนไม่มาเหงาละซิ”ผมพูด
“ไม่อะ..ไม่เหงาเท่าไหร่ แต่...” คริสเตอเฟอร์ทำท่าจะพูดทะลึ้งแน่ผมรีบชี้นิ้วปรามไว้ก่อนเพราะว่าถ้าเกิดพูดออกมาและใครมาได้ยินมีหวังโดนแน่ๆ
“อย่าพูดทะลึ้งนะคริส”
“รู้ได้ไงอะว่าผมคิดแบบนั้น”
“หน้าตาเรานะบ่งบอกไง”ผมตอบปนหัวเราะเบาๆ คนนั่งตรงข้ามกับผม
“คิดถึงพี่เขมอะอยากไปนอนกับพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด
“คริสพี่ก็คิดถึงเราหนักพอๆกัน...แต่พี่ไม่อยากให้คนอื่นมองเราไม่ดีนะอีกไม่กี่วันก็ศุกร์เสาร์แล้ว”ผมพูดบอกคริสโตเฟอร์
“พี่เขม คริสอยากรีบไปสอบไวไวจังอะพี่เขมคริสอยากเรียนจบเร็ว แต่ก็อดใจหายไม่ได้ถ้าจะไปก่อนพวกไอ้โป้งมัน” คริสโตเฟอร์พูด เขาดันขวดน้ำเปล่าที่ซื้อมาไว้ให้ผม
“เอาไว้รอให้ลงแข่งตอบปัญหาภาษาอังกฤษจบก่อนแล้วกันและพี่จะลงทะเบียนให้ทันทีและควรจะเป็นพี่ทำให้เพราะต้องใช้บัตรเครดิตในการจ่ายชำระเงิน”ผมพูด เหลือบตามองคนที่นั่งทำสีหน้ากังวล
“ช่วงนี้ก็อยู่กับเพื่อนให้มากที่สุด” ผมบอกคริสโตเฟอร์เขาก็พยักหน้าเบาๆ
“ผมจะขายบิ๊กไบค์พี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด ผมหยุดชะงักและวางช้อนลงทันที มองหน้าคริสโตเฟอร์
“ขายทำไมละคริส” ผมถามคนที่นั่งตรงข้าม
“เอาเงินมาช่วยพี่เขมบ้างไง” คริสโตเฟอร์พูด ผมวางช้อนลงก่อนจะยกมือขึ้นประสานกัน
“คริสพี่รู้ว่าเราอยากจะช่วยแต่ตอนนี้พี่ยังโอเคนะไว้รอให้พี่ไม่ไหวก่อนแล้วกัน” ผมพูดกับคนที่นั่งตรงข้ามกับผม แววตาเขายังดูกังวลอยู่ดี
“คริสไม่อยากขับรถบิ๊กไบค์แล้วอะ มันอันตรายพี่เขมก็ไม่ชอบไม่ใช่เหรอเก็บไว้ก็ไม่ได้ทำอะไรและนี้ไอ้โป้งมันก็ประกาศขายของมันแล้วด้วย” คริสโตเฟอร์พูด ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงจะค้านไม่ได้
“เอาไว้พี่จะดูรถมอเตอร์ไซค์แบบโป้งไว้ใช้กันในนี้ดีไหมละ” ผมถามคริสโตเฟอร์ เขาก็พยักหน้าเบาๆ
“วันนี้โป้งกลับบ้านพักหรือเปล่า” ผมถามคริสโตเฟอร์
“มันบอกว่าจะกลับเย็นนี้นะพี่เขมเพราะว่าปันปันคงต้องกลับมาเรียนนะถ้ามันหายไปบ่อยๆเตี่ยมันคงลงมาเม้งมันแน่ๆ เตี่ยไอ้ปันปันโคตรดุเลยอะพี่เขม”
“และเตี่ยปันปันโคตรเกลียดตุ๊ดเกลียดเกย์เลยอะ..เพราะแบบนี้ไงเขาถึงส่งมันมาเรียนไกลจากบ้านมากคิดว่าปันปันทำให้ตะกูลเขาหม่นหมอง”
“พ่อแม่บางคนก็เหมือนไม่ยอมเข้าใจลูกเลยนะพี่เขมและนี้เขาเรียกว่าพ่อแม่รักจริงๆเหรอพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด
“พ่อแม่นะรักลูกอยู่แล้วแต่พ่อแม่แต่ละคนอาจจะรักไม่เหมือนกันและพี่เข้าใจเตี่ยปันปันนะเขาคงอยากให้ปันปันใจแข็งเลิกพฤติกรรมพวกนี้ซะเพราะว่าเขาคิดไปถึงอนาคตของปันปัน”
“และว่าความรักแบบนี้มีไม่กี่คนหรอกนะคริสที่จะเข้าใจและยอมรับมันได้บางคนก็ต่อต้านจนถึงที่สุดก็มีและบางคนก็เห็นใจแต่ก็แค่เห็นใจจะให้เขาออกมาสนับสนุนมันก็คงจะมีไม่เยอะหรอก” ผมพูด คริสโตเฟอร์พยักหน้า
“ความรักแบบนี้นะอุปสรรค์มันเยอะพอดูเหมือนกันและพี่เคยบอกเราแล้วนิคริส” ผมพูดคริสโตเฟอร์พยักหน้า
“พ่อผมส่งอิเมลตอบกลับมาหาพี่เขมหรือเปล่า” คริสโตเฟอร์ถามผม
“ยังเลยอะคริสพี่ก็คอยเช็คทุกวันนะแต่ก็ยังไม่มีวี่แววใดๆเลย พี่ไม่แน่ใจว่าเขายังจะใช้อิเมลตัวนี้อยู่ไหม”
“ผมกลัวอะ..ผมกลัวว่าพ่อจะรับผมไม่ได้เหมือนกันนะพี่เขม” คริสโตเฟอร์พูด
“คริสอย่ากลัวสิ่งที่ยังไม่เกิดซิ พี่เคยบอกเราแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็สิ่งที่ผมกลัวจะเกิดขึ้นคือ..ผมไม่อยากเสียคนที่ผมรักไปนี้พี่เขม..ผมไม่เคยรักใครเท่าพี่มาก่อนเลย..ที่ผ่านมายอมรับว่าผมมีเรื่องผู้หญิงค่อนข้างเยอะ”
“ไม่เยอะธรรมดาพี่ได้ยินมาหนาหูมาก” ผมพูดป่นหัวเราะพร้อมกับแอบเหล่มองคนตรงข้าม
“โห่! …นี้ไปตามสืบมาเลยเหรอ..ฮาๆ ” ยังมีหน้ามาขำผมอีกนะ
“แต่เหมือนแค่บำบัดความเหงาและมีแฟนไว้เก๋ๆตามเขาและบางคนก็ได้มาเพราะว่าแข่งรถชนะก็มี” คริสโตเฟอร์พูด
“ไอ้โป้งเห็นแบบนั้นนะมันได้มาหนักต่อหนักเลยนะ..และตอนนี้มันเลิกแล้ว เหมือนผมไง ผมเลิกแล้ว ผมจะมีแค่คน..นี้คนเดียวเป็นผู้ชายคนแรกและคนสุดท้าย” คริสโตเฟอร์พูดเขาชี้มาที่อกของผมทางด้านซ้ายใบหน้าที่เลื่อนเข้ามาหาผม
“โป้ก” ผมยกหนังสือขึ้นตีเบาๆทำให้คนที่ถูกตีถึงกับหน้ามุ่ยไปตามระเบียบพร้อมยกมือขึ้นมาคลำที่หน้าผากตัวเอง ที่ผมตีเพราะว่าคนตรงข้ามผมนี้กำลังใช้จังหวะที่ผมกำลังซึ้งอยู่นี้คนที่นั่งตรงข้ามผมก็ทำท่าจะหาเรื่องจูบผม
“เด็กหื่นเอ้ย..บอกว่าอย่าทำในนี้ไง” ผมพูดยังมาทำเป็นหัวเราะ พอทานกันเสร็จเรียบร้อยผมก็เตรียมจะขึ้นไปติวคริสโตเฟอร์ต่อเลยระหว่างที่รอคริสโตเฟอร์เดินเอาภาชนะไปเก็บให้
“ครูเขมครับ” อนุชิตเขาวิ่งหน้าตาตื่นมาหาผม
“เป็นอะไรอนุชิต” ผมถามด้วยอาการตกใจเหมื่อนกัน
“ครูจ่ายค่าเทอมให้ผมเหรอครับครู..ครูสมพิศเพิ่งจะบอกผมนะครับ” ผมก็นึกว่าเรื่องอะไร
“ใช่...ครูจ่ายให้และครูหวังจะให้เธอได้รับทุนด้วยครูจะทำให้ดีที่สุดอนุชิต” ผมพูด ผมก็เรียกได้ว่ามือใหม่ซะด้วยแต่ยังไงก็ต้องทำให้ได้
“หมับ” เขาเข้ามากอดผมทันที
“ทำไมครูดีกับผมจังเลยละครับครู..ฮือๆ” อนุชิตพูดไปร้องไห้ไป ผมก้มลงมองว่าลูกผู้ชายอย่าร้องไห้พร่ำเพรื้อ เขาก็เข้าใจรีบปาดน้ำตัวเองทันที
“เพราะว่าเธอเป็นคนดี..อนุชิต .....คนเราเลือกเกิดไม่ได้ก็จริงแต่เลือกที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้นได้...ขอแค่เธอตั้งมั่นและตั้งใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง” ผมพูดก้มลงจับไหล่อนุชิต
“ถ้าอย่างนั้นผมจะไปทำความสะอาดครูไม่ต้องจ่ายผมนะครับ”
“ไม่ได้หรอกย่าของเธอต้องกินต้องใช้นะและเธอก็ทำความสะอาดเหนื่อยเหมือนกันนะส่วนค่าเทอมนี้ครูขอแลกกับเกรด 4 ภาษาอังกฤษ” ผมบอกอนุชิตเขาก็พยักหน้า
“ไปหาเพื่อนเถอะครูจะไปติวพี่คริสโตเฟอร์ต่อ.ออ..โทรทัศน์ดูได้แล้วใช่ไหม...อนุชิต” ผมพูด ก่อนที่เขาจะวิ่งหันหลังไปผมถามถึงทีวีที่ผมยกมาให้เขาไม่ได้ใหม่กิ๊กแต่ก็ไม่ได้เก่าจนดูไม่ได้ อนุชิตจะได้มีทีวีดูเหมือนคนอื่นๆเขา
“ย่าดีใจมากเลยครับครูย่าจะได้ดูทีวีไปด้วยตอกกิ๊บไปด้วยครับ...ย่าบอกว่าครูอยากทานอะไรบอกย่าได้ย่าจะทำให้ครับ”
“ฝากขอบใจคุณย่าเธอด้วยนะ” ผมพูดคริสโตเฟอร์เดินออกมาพอดีและผมสองคนก็เดินไปห้องสมุดเพื่อทำการติวภาษาอังกฤษกันต่อผมติวเกี่ยวกับการเขียนประโยคให้กับคริสโตเฟอร์ เรื่องการเขียนนะเขาก็พอได้อยู่แล้วแต่ยังมีบางจุดที่ต้องแก้ไข เขาบอกว่าพ่อเขาสอนภาษาอังกฤษให้ตอนที่เขายังเด็กอยู่ ผมจึงพอจะมีพื้นฐานอยู่บ้าง ผมนั่งมองเขาด้วยความภาคภูมิใจที่เห็นเขาตั้งใจที่อ่านหนังสือเตรียมความพร้อมเพื่อจะได้ไปสอบเทียบและที่เขาตั้งหน้าตั้งตาทำอยู่นี้ก็เพื่อจะได้คบกับผมแบบที่ไม่มีใครว่าอะไรเขาได้....นี้เขาลงทุนทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ แล้วทำไมผมจะไม่รักเขาจนหมดทั้งใจของผมละ
“มองจ้องผมขนาดเลยเหรอที่รัก..ผมหล่อมากละซิ...หรือว่าคิดอะไรทะลึ้งกับผมอยู่ด้วย...นี้มันห้องสมุดนะ..ฮาๆ ” ผมสะดุ้งเพราะว่ามองนานไปหน่อยนายคริสโตเฟอร์ถึงได้ก้มหน้ามองผม เล่นเอาครูเขมเขินเลยทันทีหันหน้าหนีก่อน
“รีบทำแบบฝึกหัดเข้าซิจะได้เวลาเข้าแถวแล้วนะคริส” ผมทำทีเป็นเอ็ดเขากลบเกลือน คนที่โดนเอ็ดก็หาได้สำนึกไม่ยังมีหน้ามาหัวเราะผมอีกนะ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนดึกดึกมาลง NC เบาๆของคริสโตเฟอร์กับครูเขมนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
รักคนอ่านจัง