•HANDSOME GHOST•
[13]-คนที่ชอบ
“พี่อยากชดใช้ ต่อจากนี้ไปขอให้พี่ได้ชดใช้ได้ไหม... ให้พี่ได้ดูแลฟานนะครับ”
อ้าว....นั่งฟังตั้งนาน ไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับกูเลยไหมหละ
มือเย็นขยับมาบีบมือผมแน่น คริสมันคงอึดอัดมาก มันทำไม่ได้แม้แต่จะบอกกับน้องชายมัน ผมไม่รู้เหตุผลหรอก ว่าทำไมมันถึงไม่อยากให้ไอ้พี่โฬมดูแลฟาน ไม่รู้ว่าเพราะมันยังรักโฬมอยู่ หรือเพราะมันเป็นห่วงน้องชายมัน
“เห้ย จะดีหรอพี่...พี่เป็นแฟนเก่าคริสมันไม่ใช่หรอ” ผมพูดจบ ไอ้พี่โฬมก็หันมายิ้มให้ผม ก่อนจะหันไปมองหน้าฟานต่อ ฟานเองก็มีท่าทีอ้ำอึ้งไม่น้อย
“นะครับฟาน พี่รู้สึกผิดกับเรื่องที่ผ่านมาจริงๆ พี่อยากจะชดใช้ ให้พี่ได้ดูแลฟานแทนคริสได้ไหม” อ้าว กดskipกูอีก ไอ้พี่โฬมปล่อยมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยแล้วดึงมือของฟานมาจับไว้ คริสบีบมือผมแน่นขึ้นไปอีก
“ฉันไม่ไว้ใจเขา... ฉันกลัวมันจะซ้ำรอยเดิม”
“เอ่อ คือ....” ฟานมีท่าทีอ้ำอึ้ง คงจะสับสนอยู่ไม่น้อย
“นะครับ ถ้าคริสรู้ว่าฟานมีคนดูแลแล้ว คริสคงจะไม่ห่วงอะไรแล้วนะครับ” ใครบอกว่ามันไม่ห่วงอะไร นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตรงนี้ไง
“จริงด้วยนะครับ ....บางทีถ้าผมมีคนดูแล คริสอาจจะหมดห่วงผมก็ได้”ฟานพยักหน้าแล้วคิดตาม ใบหน้าคมนั่นค่อยๆยิ้มออกมา ก่อนจะหันไปตอบตกลงกับไอ้พี่โฬม ทำเอาผมและคริสอึ้งไปตามๆกัน ผมก็เตือนอะไรฟานตอนนี้ไม่ได้ด้วย
ทำไงดีวะ ไอ้พี่โฬมมันไม่น่าไว้ใจจริงๆ ไหนจะแม่มันอีก ที่ตอนนี้อยู่ไหนก็ไม่รู้ ถ้าเกิดแม่มันมาเห็นว่าไอ้พี่โฬมอยู่กับฟาน มันไม่ฆ่าพี่ฟานอีกคนหรือไง ทำไมไอ้พี่ฟานมันไม่คิดให้มากกว่านี้วะ คิดแค่ว่าไอ้คริสมันจะสบายใจถ้ามีคนดูแลมัน
สบายใจหาห่าอะไร จะแดกหัวกูอยู่แล้วเนี่ย !
ในที่สุดเราสามคนกับผีอีกหนึ่งตัวก็มาอยู่ที่บ้านของพี่ฟาน มันเดินเข้าครัวไปทำกับข้าวมาให้ผมกิน ไอ้พี่โฬมก็ช่วยไอ้ฟานยกถ้วยยกจานออกมาวางบนโต๊ะกินข้าว ไอ้คริสก็เอาแต่มองสองคนนั้นอย่างไม่คลาดสายตา ผมก็ได้แต่เปิดทีวีดู ไม่รู้จะทำอะไรไปมากกว่านั้นแล้วจริงๆ ถ้าไม่มีคริสอยู่ ผมนึกว่าผมมาเป็นเมียน้อยให้ไอ้สองคนนี้ซะอีก
โคตรส่วนเกินเลยกูเนี่ย !
“พี่โฬมครับ แล้วแม่พี่อยู่ไหนหละ ?” ทั้งสามคนหันมามองหน้าผมพร้อมกันโดยทันที การกระทำทุกๆอย่างถูกหยุดลง พี่ฟานกับคริสทำหน้าอึ้งๆเพราะไม่คิดว่าผมจะถามอะไรแบบนี้ออกไป ส่วนไอ้พี่โฬมมันอึ้งกว่า มันทำสายตาหลุกหลิก พยายามหลบตาผม
“เอ่อ.... คือ... แม่พี่อยู่ต่างประเทศครับ”
ไปทำห่าอะไรต่างประเทศครับ !
ผมคิดประโยคต่อไปไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว แต่คริสดันห้ามผมไม่ให้ถามซะก่อน ดูก็รู้ว่าไอ้พี่โฬมมันโกหกพวกผม ถ้าต้อนให้จนมุม รับรองต้องพูดความจริงแน่ๆ
แต่ถึงจะพูดความจริงออกมา พวกผมคงทำอะไรไม่ได้นอกจากระวังตัวให้มากกว่าเดิมเท่านั้น ที่ผมเป็นห่วงมากที่สุดตอนนี้ก็คงเป็นพี่ฟาน ก็อย่างที่รู้ๆกันว่าไอ้ฟานมันซื่อ มันบื้อ มันรู้เรื่องห่าไรบ้าง
มึงโตมาได้ไง20กว่าปีเนี่ย !
ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ ไอ้ความรู้สึกห่วงคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมทำไมมันเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆแบบนี้วะ มันไม่ใช่ความรู้สึกห่วงแบบที่ไอ้คริสห่วงน้องมัน... มัน....ไม่รู้สิ ผมก็อธิบายไม่ถูก รู้แค่ว่า ผมไม่สามารถจะปล่อยให้เรื่องนี้มันผ่านไปแล้วปล่อยให้พี่ฟานอยู่ในอันตราย
สุดท้ายแล้วผมก็ห้ามอะไรฟานไม่ได้ หลังจากวันนั้น ไอ้พี่โฬมมันก็มาหาพี่ฟานทุกวัน ทั้งที่มหาวิทยาลัยและที่บ้าน ผมไม่มีโอกาสได้เข้าไปคุยกับพี่ฟานเลย แต่แปลกที่ผมมักจะเห็นสายตาของพี่ฟานมองมาที่ผมทุกครั้งที่ผมมองไปทางมัน ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ผมมองหาพี่ฟาน ทุกครั้งที่ผมหาเขาเจอ ผมก็จะพบว่าเขามองผมอยู่ก่อนแล้ว
ดูเหมือนพี่ฟานอยากจะเข้ามาคุยกับผมหลายทีแล้ว หลายครั้งที่ผมเห็นมันลุกขึ้นแล้วเดินมาทางผม แต่ยังไม่ทันถึงตัวผมไอ้พี่โฬมก็เข้ามาพอดี
นี่มึงไม่มีการงานจะทำเลยหรือไง ถึงตามไอ้พี่ฟานแจขนาดนี้อะ
ผมเป็นห่วงไอ้ผีที่อยู่กับผมตอนนี้เหมือนกันนะ มันเงียบมาหลายวันแล้ว ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน บอกให้ไปเฝ้าน้องมันก็ไม่ยอมไป หรือว่ามันทนเห็นแฟนเก่ามันอยู่กับน้องชายมันไม่ได้วะ
“กูถามมึงจริงๆนะ มึงยังรักแฟนเก่ามึงอยู่หรอ”
“ไม่รู้สิ...คงจะไม่ได้รักแล้วมั้ง แต่ที่แน่ๆความผูกพันที่ฉันเหลืออยู่ตอนนี้คือน้องชายฉันคนเดียว”...
“กูอะ ?”
“ฉันเห็นนายเป็นน้องชายฉันคนหนึ่งเท่านั้นแหละ ......ปาร์ค ฉันขอร้องนาย... เป็นเรื่องสุดท้ายได้ไหม”ประโยคแรกที่มันพูด ทีแรกผมคิดว่าตัวเองจะรู้สึกแย่ๆซะอีก.... แต่ไม่เลย...ผมไม่ได้รู้สึกแย่อะไร.... อาจจะเป็นเพราะผมเห็นมันเหมือนเพื่อนผมคนหนึ่งเท่านั้น
“สาบานว่าเรื่องสุดท้ายไอ้สัส”
“อืม.... ถ้าเรื่องนี้จบ ฉันคงหมดห่วง... ฉันคงจะไม่ต้องวนเวียนอยู่แบบนี้อีกแล้ว... ขอร้องนะ นายช่วยฉันได้ไหม ช่วยวิญญาณตนนี้ได้ไหม...” หยดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคมคู่นั้น.... ผมไม่ได้มีความลังเลเลย ผมช่วยแน่นอนอยู่แล้ว มาถึงขนาดนี้แล้ว... แต่ถ้าคริสมันต้องหายไปหละ?
“ก็ได้ กูจะช่วยมึง ให้กูทำอะไร”
“ช่วยดูแลน้องชายฉันได้ไหม ดูแลเขาจนกว่าเขาจะดูแลตัวเองได้”ผมคิดตาม... ให้ผมดูแลน้องชายของมัน พูดง่ายๆก็คือให้ผมไปเป็นแฟนของน้องชายมันหนะแหละ ผมรู้ว่ามันกังวลเรื่องของโฬมมาก แต่มันทำอะไรไม่ได้ เพราะมันเป็นแค่วิญญาณ ความทุกข์ทรมานของมันผมเข้าใจดี ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยตายก็เถอะ
“ได้ดิ เรื่องเล็กน้อยมาก กูจะดูแลฟานแทนมึงเอง” ผมยิ้มให้ไอ้คริส มันร้องไห้หนักกว่าเดิมแล้วโผเข้ากอดผม ผมก็กอดมันตอบ ส่งมือไปลูบแผ่นหลังกว้างอย่างต้องการจะปลอบประโลม
ผมก็คิดนะ... บางทีเราควรละทิ้งความเชื่อ แล้วหันมาสนใจความจริงของโลกใบนี้บ้าง...
ผมไม่มีทางจะรู้สึกอะไรกับไอ้คริสได้เลย เพราะอะไรหนะหรอ
เพราะผมเป็นคน และมันเป็นวิญญาณ ไม่มีตัวตน เหลืออยู่แค่ความรู้สึกที่บอกใครไม่ได้เท่านั้นเอง
.....................................................
ตอนนี้ผมมายืนอยู่หน้าบ้านของพี่ฟานครับ หน้าบ้านมีรถคันหนึ่งจอดอยู่ แน่นอนว่าต้องเป็นของไอ้พี่โฬมแน่นอน ไฟในบ้านเองก็เปิดสว่างโร่ คริสมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด ผมรู้ว่ามันเป็นห่วงน้องมันมาก แต่เพราะมันเป็นผี มันเลยทำอะไรไม่ได้
ผมปีนข้ามรั้วทันที ไม่ต้องกดออดหรือตะโกนเรียกให้เจ้าของบ้านมาเปิดหรอกครับ คนอย่างไอ้ปาร์ค ไม่จำเป็นต้องมีมารยาทโว้ย
แกร้ก....
และทันทีที่ผมเปิดประตูมา ผมก็ต้องพบว่า
ไอ้พี่โฬมกับไอ้ฟานมันกำลัง
“เห้ยพี่ จะกินสุกี้ทำไมไม่ชวนผมวะ เอ้อ หิวพอดีเลย” ทั้งสองคนรีบหันมาทางผมทันที
“อ้าวน้องปาร์ค เข้ามาได้ไงเนี่ย พี่ล็อครั้วไว้ไม่ใช่หรอ” ไอ้ฟานถามผมอย่างแปลกใจ คือมึงไม่น่าจะแปลกใจเลยนะ มึงน่าจะรู้จักกูดี
“หูยยย น่ากินมากเลยพี่ ” ผมยื่นหน้าเข้าไปดูในหม้อสุกกี้ ไอ้น่ากินมันก็น่ากินอยู่หรอก แต่ผมจะเนียนยังไงไม่ให้ไอ้พี่โฬมมันรู้ว่าผมมากันท่ามันออกจากพี่ฟาน ไอ้คริสก็เอาแต่ยืนมองน้องชายมัน แสดงถึงความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด ผมรีบเดินเข้าไปในครัว หยิบช้อนหยิบถ้วยออกมาโดยไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของบ้าน
พอผมออกมาจากห้องครัว ผมก็เห็นไอ้คริสที่ยืนมองคนสองคนกำลังหยอกล้อกัน ที่จริงเป็นฝ่ายไอ้พี่โฬมทำอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า ไอ้พี่ฟานได้แค่ยิ้มรับตามมารยาท ผมมองตามสายตาไอ้คริส ก็เจอกับสายตาและรอยยิ้มของพี่ฟานที่ส่งมาให้ผม
อยู่ๆก็เกิดอาการร้อนบนหน้าขึ้นมาซะงั้นแหละ เขินหรอวะ ??
“โหยยย กุ้งงง หูยยย ปลาหมึกกก” แล้วผมก็หันไปสนใจหม้อสุกี้แทนตักกุ้งและปลาหมึกจากหม้อมาจนหมด ผักอะไรไม่มีสน พี่ฟานหัวเราะให้ผมเบาๆ เพราะมันน่าจะรู้ว่าผมตะกละขนาดไหน แต่สายตาจากอีกคนเนี่ยสิ ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย
“กินเยอะๆเลยน้องปาร์ค หึหึ” พี่ฟานพูดแล้วส่งยิ้มให้ผม ส่วนตัวเองก็ตักผักในหม้อที่เหลือไปกิน
“ปาร์คแบ่งปลาหมึกให้พี่ฟานนะครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนสุดๆ แบบที่แทบจะไม่เคยใช้เลย แล้วผมก็ตักปลาหมึกใส่ถ้วยไอ้ฟานไปหนึ่งชิ้น.....เสียดายจัง
“ขอบคุณครับน้องปาร์ค หึหึ” ฟานยิ้มอีกรอบ มันดูยิ้มแย้มดี แต่ผมไม่รู้ว่าในใจมันกำลังคิดอะไรอยู่หรือเปล่า
“พี่แกะกุ้งให้ฟานดีกว่านะครับ” แล้วไอ้พี่โฬมก็ตักกุ้งที่แกะเปลือกแล้วใส่ถ้วยของไอ้ฟาน
อ้าวไอ้สัส เกทับกูหรอ
ผมหันมามองกุ้งตัวสีส้มๆในถ้วย มันกำลังนอนอยู่ในถ้วยของผม กุ้งตัวอวบๆ กับน้ำจิ้มสุกี้แสนอร่อย.... ไหนจะปลาหมึกที่อยู่ข้างๆกุ้ง ราวกับจะบอกผมว่า อย่าพรากกุ้งไปจากปลาหมึกนะ ผมจะแกะกุ้งให้ไอ้ฟานดีไหมนะ.............. สุดท้ายแล้ว ความตะกละก็เอาชนะไปได้ ผมเลิกสนไอ้สองคนนั้นแล้วนั่งกินของตัวเองไป
แล้วผมก็นึกได้ว่าบางทีไอ้คริสอาจจะอยากกิน ผมเลยลุกเข้าไปในห้องครัวอีกครั้งเพื่อหยิบถ้วยออกมาอีกใบ ผมตักผักแล้วก็กุ้งหนึ่งตัว ปลาหมึกอีกชิ้นหนึ่งใส่ถ้วย วางไว้บนโต๊ะข้างๆผม แล้วผมก็สวดอะไรของผมไป พี่ฟานมองผมอย่างอึ้งๆ แต่ไอ้พี่โฬมมองผมด้วยสายตาสงสัย
“น้องทำอะไรครับ” ไอ้พี่โฬมเอ่ยปากถามผม
“อ้อ พอดีผมเลี้ยงผีไว้ตัวหนึ่งอะครับ เฮี้ยนมากๆ ถ้าไม่ให้มันกินข้าว มันก็จะเข้าสิงผม” แล้วผมก็ส่งยิ้มร้ายไปให้ไอ้พี่โฬม คริสนั่งลงข้างๆแล้วนั่งมองสุกี้ในถ้วย
“ขอบใจนะ” แล้วคริสมันก็หันมายิ้มให้ผม เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่ผมเห็นมันยิ้ม ผมยิ้มตอบแล้วตั้งหน้าตั้งตากินสุกี้ในถ้วยผมต่อ
“น้องปาร์ค....” พี่ฟานทำท่าจะถามถึงไอ้คริส ผมจึงรีบตัดบทมันไปก่อน
“ไว้เดี๋ยวค่อยคุยดีกว่านะครับ ตอนนี้ผมหิวมากๆ” พี่ฟานได้แต่พยักหน้าแล้วกินสุกี้กันต่อ สีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“พี่โฬมครับ คืนนี้พี่ไม่ต้องค้างกับฟานนะครับ คือฟานว่า..” ไอ้ฟานพูดขึ้น ทำเอาไอ้พี่โฬมที่กำลังจะตักสุกี้ในหม้อถึงกับค้างกึก
“อ้าว ทำไมหละฟาน”
“เอ่อ.... คือ...”
“อะไรนะ... เขาไม่ให้อยู่...ก็ไม่ต้องไปอยู่สิ กลับบ้าน” แล้วผมก็พูดขึ้น ทำเป็นหันไปที่นั่งข้างๆ ไอ้คริสมองผมงงๆว่าผมต้องการจะสื่ออะไร ไอ้ฟานเองก็ดูงงๆ แต่ไอ้พี่โฬมนี่ดูท่าจะเข้าใจดีเลยหละ
“............”
“เอ่อ โทษครับ ผมคุยกับผีที่ผมเลี้ยงอะ เนอะ” ผมหันไปพูดเนอะกับไอ้คริส ตอนนี้ไอ้คริสก็พอจะเข้าใจแล้วครับ มันก็ยิ้มขำๆ
“โอเค งั้นเดี๋ยวพี่กลับบ้านก็ได้” โอ้โห ถึงกับต้องทำเสียงเศร้า ฟานก็ดูมีท่าทีแสดงออกถึงความสงสาร แต่ในใจผมนี่ด่าเลย ไอ้ตอแหล !
ตอนนี้ผมอยู่กับไอ้คริสในบ้านสองคน ส่วนฟานออกไปส่งไอ้พี่โฬมข้างนอก ผมกับไอ้คริสก็แอบมองอยู่ตรงประตูบ้าน เห็นไอ้พี่โฬมมันจับมือไอ้ฟานขึ้นมาลูบๆ หึยยย ขนลุกกก แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือ ไอ้คริสมันจะมายืนแอบดูอยู่ข้างหลังผมทำไม ทั้งๆที่มันไปยืนมองสองคนนั้นใกล้ๆได้
ไม่เข้าใจผีปัญญาอ่อนอย่างมันเลยจริงๆ
แล้วไอ้พี่โฬมก็ขับรถออกไป พี่ฟานก็กำลังเดินกลับเข้ามาในบ้าน ผมกับไอ้คริสรีบมานั่งลงบนโซฟาทันที ....เอะ ไอ้คริส มึงจะปัญญาอ่อนทำตามกูทำไม !
“น้องปาร์ค คริสยังอยู่แถวนี้หรอ” เข้าบ้านมาพี่ฟานก็รีบร้อนถามผมในทันที
“คริสพึ่งมาที่นี่พร้อมผมครับ มันบอกว่า มันไม่ไว้ใจพี่โฬม มันกลัวจะเกิดอันตรายกับพี่ฟานอีก พี่ฟานรู้ไหม ตั้งแต่ที่พี่คิดไปเองว่าถ้าพี่โฬมมาดูแลพี่ คริสมันคงจะสบายใจขึ้น แต่ตรงกันข้ามเลยครับ ตั้งแต่วันนั้นมันไม่เคยยิ้มเลย มันพึ่งมายิ้มหัวเราะตะกี้นี้เอง ตอนที่ผมทำเป็นคุยกับคริสก็เพราะอยากจะไล่พี่โฬมให้รีบๆกลับบ้านไปซักที”
“จริงหรอน้องปาร์ค พี่ทำให้คริสไม่สบายใจอีกแล้วหรอ... แล้วแบบนี้เมื่อไหร่คริสจะไปสู่สุขติซักทีหละ พี่ไม่อยากให้คริสวนเวียนอยู่แบบนี้” พี่ฟานนั่งลงข้างๆผม สีหน้าไม่สบายใจสุดๆ คริสค่อยๆยื่นมือไปลูบหัวน้องชายตัวเอง แล้วพูดขึ้น
“จนกว่าฟานจะดูแลตัวเองได้จริงๆไง ถ้าฟานยังดูแลตัวเองไม่ได้ พี่ก็อยากให้ปาร์คช่วยดูแลฟานแทนพี่ ถึงปาร์คจะนิสัยกวนๆหน่อยก็เถอะ แต่เขาเป็นคนดีคนหนึ่งเลย”
โอ้โห ไอ้สัส ตบหัวแล้วลูบหลังนี่หว่า
“คริสกำลังลูบหัวพี่ฟานครับ แล้วก็บอกว่า อยากให้ฟานดูแลตัวเองให้ได้จริงๆ ถ้ายังก็อยากให้ผมดูแลพี่ฟานแทนคริส เพราะผมทั้งหน้าตาดี นิสัยดี แล้วก็เป็นคนดีมากๆด้วย” ผมพูดจบคริสก็หัวเราะให้กับความเกรียนของผม หึ !
“แล้วพี่โฬมหละ จะทำยังไงครับ”
“ปล่อยไปก่อนครับ แต่อย่าไปไว้ใจเขามากนัก”
“ครับ งั้น คืนนี้น้องปาร์คนอนที่นี่ไหม ดึกแล้วนะ ค้างนี่แหละเนอะ” อ้าว..... ถามเองตอบเอง เอาจริงๆผมก็ขี้เกียจกลับหอแล้วเหมือนกัน
“เออ พูดถึงเรื่องค้าง พี่โฬมค้างที่นี่ตลอดเลยหรอครับ ?”
“บางคืนครับ”
“แล้ว...เขาทำอะไรพี่ฟานรึเปล่าครับ”
“ไม่ครับ.. ถ้าน้องปาร์คหมายถึงเรื่องแบบนั้น พี่ไม่ทำหรอกครับ พี่เห็นพี่โฬมเป็นพี่ชายคนหนึ่ง ตอนนอนพี่ก็ให้พี่โฬมนอนห้องคริส”
“เดี๋ยวฉันมานะ” แล้วคริสก็พูดแทรกขึ้นมา
“ไปไหน”
“ไปทำธุระ” แล้วมันก็หายแว้บไปเลย ฟานก็มองผมงงๆ เพราะอยู่ๆผมก็หันไปคุยกับไอ้คริส
“ใครไปไหนครับน้องปาร์ค”
“คริสครับ มันบอกว่ามีธุระ” ผีอย่างมันมีธุระด้วยหรอวะ
“อ้าว ไปไหนของเขานะ...งั้นน้องปาร์คไปอาบน้ำดีกว่า จะได้เข้านอน เดี่ยวพี่หาผ้าเช็ดตัวกับชุดให้”
แล้วผมก็เข้ามาอาบน้ำในห้องคริส ฟานกำลังนั่งรออยู่ข้างนอก เพื่อรอที่จะคุยกับผม คงจะคุยเรื่องพี่ชายของเขาอีกเหมือนเดิม แล้วผมจะคุยอะไรนอกจากเรื่องที่ไอ้คริสบอกให้ผมดูแลฟาน นั่นแปลว่าจากที่จะให้ผมหาแฟนให้ฟาน กลายเป็นผมต้องเป็นแฟนของไอ้ฟานซะเอง
ความจริงผมก็ไม่ได้อยากจะเป็นแฟนกับพี่ฟานหรอกนะ คนอะไร ทำกับข้าวโคตรอร่อย แถมยังดูแลเทคแคร์ดีอีกต่างหาก ไหนจะหน้าตาหล่อๆนั่นอีก.... ถ้าไม่ติดว่าผมหล่อกว่าพี่ฟานผมคงอยากจะคบกับพี่เขาเป็นแฟนอยู่อะนะ
ผมยืนจ้องหน้าตัวเองอยู่หน้ากระจก ลูบหน้าตัวเองไปมา.... ถามคำถามเดิมๆกับตัวเองหลายๆรอบ.... ผมอยากคบกับพี่ฟานเพราะคริสขอร้องผม หรือเพราะผมชอบพี่ฟานไปแล้วกันแน่ ชอบแบบที่ผมไม่รู้ตัวเลย...
ผมอาบเสร็จก็รีบแต่งตัวออกจากห้องน้ำทันที พี่ฟานนอนอ่านหนังสือรออยู่ที่เตียง มันใส่ชุดนอนลายริลัคคุมะ... นึกภาพตามนะครับ ผู้ชายตัวใหญ่ๆ หน้าคมๆ ทรงผมเปิดข้าง ใส่ชุดนอนหมีสีเหลืองที่มีจมูกอยู่ตรงกลาง กับตาดำบริเวณหัวนม คือมันเข้ากับหน้ามึงไหม ถามใจตัวเองดู
ผมคุยกับฟานไปเรื่อยๆ เรื่องความทุกข์ใจของไอ้คริสที่ผ่านมาบ้าง เรื่องรับน้องบ้าง อันนี้ผมแอบถามเอานะ พี่ฟานมันก็เผลอตอบทุกที ว่าพี่จะทำยังไง แล้วจะให้ปีหนึ่งทำยังไงถึงจะได้รุ่น คุยกันไปเรื่อยๆจนเริ่มง่วง ไอ้คริสก็ยังไม่กลับมา.. ผมก็ขี้เกียจรอแล้ว ไหนพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัยอีก
“ที่คริสบอกให้น้องปาร์คดูแลพี่ คือให้น้องปาร์คมาเป็นแฟนพี่ใช่ไหมครับ ?”
“เอ่อ... ก็ประมาณนั้นมั้งครับ พี่ก็ไม่มีแฟนใช่ไหมหละ” พี่ฟานพยักหน้าหงึกๆ
“แต่พี่มีคนที่ชอบแล้วนะ” อ้าว..... เอาไงอีกเนี่ย.... จะบอกคริสมันว่ายังไงดีละทีนี้
แบบนี้ผมก็นกตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยอะดิ ??
“ใครอะครับ บอกผมได้ป่าว”
“หึหึ .......” ฟานเอาแต่หัวเราะในลำคอ แต่ไม่ได้ให้คำตอบผม ซักพักก็พูดขึ้นมาอีกประโยค
“ปะ นอนกันดีกว่านะครับ พรุ่งนี้พี่มีเรียนเช้า” แล้วพี่ฟานก็ลุกไปปิดไฟที่ข้างประตูแล้วเดินกลับมาขึ้นบนเตียง
“อ้าว พี่ฟานจะนอนด้วยกันหรอครับ ?”
“ครับ ได้หรือเปล่า ?”
“ได้ดิพี่ นี่มันบ้านพี่นะ” ผมพูดจบฟานก็ดึงผ้าห่มขึ้นไปห่ม..... คือผ้าห่มมันก็ผืนเดียวกับที่ผมห่มอยู่ไง... ใจผมเต้นตุ๊บๆตับๆ แทบไม่เป็นจังหวะ เมื่อรู้สึกถึงมือของอีกคนที่เข้ามากุมมือผมไว้..... เห้ย ตื่นเต้น นอนกอดไอ้คริสยังไม่ตื่นเต้นเท่านี้เลย...
“ทำไมต้องจับมือหละครับ...”
“พี่จับมือคนที่พี่ชอบไง”