•HANDSOME GHOST•
[18]-เปลวไฟ
[Kris Part]
ผมอยู่ที่บ้านของโฬมหลังจากที่ไม่ได้กลับไปหาปาร์คและฟานมาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมถึงออกห่างจากโฬมไม่ได้เลย เอาแต่คอยเฝ้าเขา คอยเดินตามเขาไปทุกที่ในบ้าน มองดูเขาทำสิ่งต่างๆอย่างเป็นปกติ
หลายครั้งที่โฬมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะโทรหาน้องชายผม แต่เขาก็กดวางก่อนที่จะต่อสายติด ผมไม่รู้ว่าเขาทำแบบนั้นทำไม และทำไปเพื่ออะไร
โฬมชอบออกไปไหนมาไหนคนเดียวเสมอ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า หรือสวนสาธารณะ ทุกครั้งที่เขาสั่งอาหาร เขามักจะสั่งมาสองจานเสมอ น้ำสองแก้ว ขนมสองอย่าง เป็นแบบนี้ตลอด เขาไม่เคยกินจานที่สองที่เขาสั่งมาเลย เขากลับวางไว้เฉยๆโดยไม่แตะต้อง เหมือนกับว่าเขาสั่งไว้ให้ใครอีกคนกิน
ผมคิดว่านั่นอาจจะเป็นผม หลายๆครั้งที่อาหารตามสั่งธรรมดาๆก็เป็นกับข้าวที่ผมชอบกิน น้ำก็เป็นรสชาติที่ผมชอบ ขนมเองก็เช่นกัน
โฬมออกไปข้างนอกเกือบทุกวัน วันนี้ก็เช่นเดียวกัน เขากำลังแต่งตัว และเมื่อแต่งตัวเสร็จ เขาก็หยิบกุญแจรถแล้วออกไปจากบ้าน แต่ทุกครั้งจะมีเสียงตะโกนจากผู้หญิงคนหนึ่งออกมาจากภายในบ้านเสมอ
“แกจะไปไหนอีก !”
“เที่ยว” โฬมตอบเพียงเท่านั้นก็เปิดประตูรถแล้วสตาร์ทเครื่องทันที โดยไม่มองกลับเข้าไปในบ้าน มีแค่ผมที่เข้าไปอยู่ในรถคันเดียวกับเขา แล้วมองกลับเข้าไปในบ้าน ผู้หญิงคนนั้นยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูดอะไรบางอย่างกับใครบางคนสองสามประโยคแล้วก็กดวางสายไป ผมไม่อาจจะรู้ได้ว่าเธอคุยกับใคร หรือคุยเรื่องอะไร แต่ไม่น่าจะใช่เรื่องดีซักเท่าไหร่
ผู้หญิงคนนั้นกังวลมากไป เธอกังวลแทบจะทุกๆเรื่องที่เกี่ยวกับโฬม ผมเข้าใจว่าเธอเป็นห่วงโฬม แต่เธอแสดงออกด้วยความอ่อนโยนไม่เป็น ทุกๆครั้งเธอจะตวาดโฬม และโฬมจะรีบหนีเข้าห้องไปโดยไม่ฟังเธอก่นด่าอะไรอีก
โฬมขับรถมายังห้างสรรพสินค้าห้างหนึ่ง เขาเดินเข้ามาในห้าง ตรงไปร้านไก่ทอดชื่อดัง สั่งชุดจุใจมาสองชุด แล้วเขาก็นั่งกินชุดเดียวแบบทุกที ก่อนจะลุกไปแล้วไปยังโรงหนัง เขายืนดูโปรแกรมหนังอยู่นาน ก่อนจะเดินไปกดซื้อตั๋ว....สองใบ
ผมคิดว่าบางทีเขาก็ยึดติดกับผมมากไป ผมเห็นเขาทำแบบนี้มาหลายวันแล้ว ทำอะไรเผื่อไว้อีกชุดหนึ่งเสมอ ผมรู้ว่าที่บ้านเขาไม่ได้จน แต่ก็คงไม่มีเงินมากถึงขนาดจะทำแบบนี้ไปได้เรื่อยๆ มันสิ้นเปลืองเปล่าๆ.... แต่ความสบายใจของเขา...ผมจะขัดอะไรได้
โฬมเดินเที่ยวในห้างอยู่นาน เข้าไปอ่านหนังสือในร้านหนังสือบ้าง เดินดูเสื้อผ้าบ้าง ผมเห็นเขาซื้อเสื้อมาตัวหนึ่ง....ตัวค่อนข้างใหญ่กว่าตัวเขา เขาไม่ได้ลองเลยด้วยซ้ำ เดินเข้าไปบอกพนักงานว่าเอาตัวนี้ แต่เป็นอีกไซส์หนึ่ง.... ไซส์เดียวกับที่ผมใส่
หลังจากเดินออกมาจากห้างและตรงไปยังรถของเขา โฬมก็ขับรถออกมาจากห้างสรรพสินค้า ท้องฟ้าข้างนอกเริ่มมืดแล้ว โฬมขับรถมาเรื่อยๆ น่าจะเป็นแถวๆบ้านผม แต่โฬมไม่ได้ไปหาน้องชายผม เขาจอดข้างทางเพื่อซื้อดอกไม้ชุดหนึ่ง ก่อนเลี้ยวเข้าวัดที่อยู่ถัดไปไม่ไกล เขาจอดรถแล้วเปิดประตูออกไป ผมรีบเดินตามเขาไปทันที
โฬมเดินมาหยุดที่ป้ายหินอ่อนสีขาวป้ายหนึ่ง เขาหยิบดอกไม้เหี่ยวๆที่อยู่ข้างๆป้ายหินอ่อนออก ก่อนจะวางดอกไม้ชุดใหม่เข้าไปแทน สองมือยกขึ้นมาพนมมือไว้ ริมฝีปากของโลมค่อยๆยกยิ้ม... เป็นยิ้มที่ดูมีความสุข แต่ก็ดูเศร้าๆ
“ไม่ต้องห่วงนะคริส โฬมจะช่วยดูแลน้องฟานให้ ในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าน้องฟานอาจจะไม่ต้องการ แต่โฬมก็ยินดีจะดูแลเขาแทนคริส”
“โฬม.....” โฬมพูดจบ เขาก็ก้มกราบป้ายหินอ่อนนั่น
.......ป้ายที่มีชื่อของผมอยู่
โฬมลุกขึ้นแล้วหยิบดอกไม้ช่อเหี่ยวๆนั้นขึ้นมา เดินตรงไปที่ถังขยะแล้วทิ้งดอกไม้ช่อนั้นลงไป ก่อนจะเดินกลับไปที่รถแล้วขับออกมาจากวัด เขาขับตรงมาเรื่อยๆและเลี้ยวเข้าไปในหมู่บ้านของน้องชายผม โฬมจอดรถอยู่ห่างจากบ้านผมสองสามหลัง
โฬมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ของน้องชายผม แต่ก่อนที่เขาจะกดโทรออก สายเข้าจากแม่ของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน
“แกไปที่นั่นทำไม ! ทำไมแกต้องไปที่นั่นทุกวัน หะ !”เสียงดังลอดออกมาตามสายจนผมได้ยิน โฬมขมวดคิ้วทันทีที่เขาได้ยินประโยคนั้นจากแม่ของเขา
“ที่ไหน ??”
“ก็บ้านไอ้เกย์นั่นไง !” โฬมขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม
“แม่รู้ได้ยังไงว่าผมมาที่นี่ แม่ตามผมมาหรอ” ทันทีที่โฬมพูดจบประโยค ปลายสายก็อึกอักไป ก่อนจะตอบเสียงเบาจนผมแทบจะไม่ได้ยิน แม้จะแนบหูไปใกล้ๆแล้วก็เถอะ โฬมพูดกับแม่ของเขาอีกสองสามประโยค เขาก็สตาร์ทรถแล้วรีบขับรถออกจากหมู่บ้านไปทันที
มือของโฬมที่กำพวกมาลัยรถอยู่บีบแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน เหมือนเขากำลังระงับความโกรธอะไรซักอย่างอยู่ ผมค่อยๆเอื้อมมือตัวเองไปลูบมือสองข้างที่บีบพวกมาลัยแน่นอย่างช้าๆ ถึงแม้ผมรู้อยู่แล้วว่าโฬมไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ไม่นานมือที่บีบแน่นเมื่อครู่ก็ค่อยๆคลายออก รถที่แล่นด้วยความเร็วก็ค่อยๆช้าลงจนอยู่ในระดับปกติ
โฬมกลับมาที่บ้านของเขา ทันทีที่รถจอดสนิท เขาก็ดับเครื่องแล้วเปิดประตูออกไปทันที ผมรีบตามเขาไปในบ้าน แม่ของเขายืนรออยู่แล้ว
“แม่ส่งคนตามผมทำไม !”
“ก็ถ้าฉันไม่ส่งคนตามแก ฉันจะรู้ไหมว่าแกยังไปหาไอ้เกย์สกปกรนั่นอยู่”โฬมชะงักทันที เขาจ้องผู้หญิงตรงหน้าเขา ก่อนจะเบือนหน้าหลบสายตาเชือดเฉือนของอีกฝ่าย
“คนที่แม่พูดถึงไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วครับ แม่คงเข้าใจอะไรผิดไป”โฬมเดินเลี่ยงไปยังห้องของเขา แต่แล้วมือที่กำลังเปิดประตูก็ต้องชะงัก เมื่อผู้หญิงคนนั้นปารูปภาพหลายใบใส่หลังของโฬม
“ก็ฉันเห็นกับตานี่ไงหละ แกจะบอกว่ามันไม่อยู่ในโลกนี้ได้ยังไง !” โฬมค่อยๆหยิบรูปที่อยู่บนพื้นขึ้นมาดู รูปพวกนั้นเป็นรูปที่เขาคุยกับฟาน ทั้งที่มหาวิทยาลัยหรือแม้แต่ที่บ้านเองก็ด้วย โฬมเบิกตาด้วยความตกใจ แต่ก็พยายามจะเก็บอารมณ์ตกใจนั่นไว้
“แม่กังวลไปเองนะครับ แม่กำลังป่วยนะ ผมจะพาแม่ไปหาหมอ......” แต่ยังไม่ทันที่โฬมจะพูดจบ เธอก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ฉันไม่ได้ป่วย ! ฉันไม่ได้บ้า ! แกไม่ต้องเสือกพาฉันไปหาหมอ !!”โฬมถอนหายใจ แล้วรีบเดินเข้าห้องไป
เป็นแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว โฬมพยายามจะพาแม่ของเขาไปหาหมอมาหลายครั้ง แต่แม่ของเขาก็ยืนยันเสียงแข็งว่าไม่ได้ป่วย เธอเดินไปทุบประตูห้องโลมเสียงดัง
“ออกมาคุยให้รู้เรื่อง !”
“ถ้าแกไม่ออกมา ฉันจะส่งคนไปเก็บมันเดี๋ยวนี้แหละ !”สิ้นเสียงของแม่โฬม ประตูห้องของโฬมเปิดออกมาทันที
“อย่านะแม่ !”
“นี่แกเป็นห่วงมันมากใช่ไหม ! ได้ !” เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาใครบางคน โฬมมองแม่ของเขาอย่าง งงๆ แต่แล้วตาของโลมก็เบิกกว้าง ทันทีที่แม่ของโลมพูดจบประโยค
“เก็บมันซะ” เธอพูดจบก็ตัดสายทิ้งแล้วฉีกยิ้มร้าย ผมเองก็อึ้งไม่แพ้กัน น้องชายของผมกำลังอยู่ในอันตราย
โฬมรีบออกจากบ้านไปที่รถทันที เสียงสตาร์ทรถดังขึ้นแล้วก็เร่งเครื่องออกไป ผมที่ยังยืนอึ้งอยู่ไม่ได้ตามโฬมไป รู้สึกเหมือนทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมมองหน้าผู้หญิงตรงหน้าเธอกำลังค่อยๆเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มร้ายกลายเป็นค่อยๆเศร้าลง น้ำตาเม็ดใสหยดออกมาจากดวงตาแดงก่ำ เธอกำลังร้องไห้ และเธอปาดมันออก ก่อนจะเดินออกไปนอกบ้านแล้วขับรถออกไป...
แต่ผมว่าเธอแปลกๆไป ผมหยิบโทรศัพท์ของเธอที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาดู เบอร์โทรล่าสุดเป็นเบอร์ของโฬมที่เธอโทรหาเมื่อตอนเย็น มีแต่เบอร์ของโฬมเท่านั้นที่เธอโทรไปหา...
........ไม่มีเบอร์แปลก หรือแม้แต่เบอร์ที่ไม่ได้เม็มชื่อ.......
บางทีเธออาจจะไม่ได้จ้างใครคอยตามโฬมก็ได้ แต่เป็นเธอเองที่คอยตามลูกของเธอและถ่ายรูปพวกนั้นมา
เธอกำลังตามโฬมไปที่บ้านของน้องชายผม !
ทันทีที่ผมคิดได้ ผมก็รีบหายตัวไปหาโฬมทันที แล้วผมก็มาอยู่บนรถของโฬม สีหน้าเคร่งเครียดของกับความเร็วรถมากกว่าร้อยทำให้ผมนึกห่วงโฬมขึ้นมา ผมพยายามจะห้ามเขา พยายามจะเข้าสิงเขา แต่ผมทำไม่ได้ ทำไมผมถึงสิงโลมไม่ได้
โฬมปาดแซงรถทุกคันที่อยู่บนถนน และเมื่อผมรู้ว่าผมห้ามโฬมไม่ได้ ผมจะไปบอกน้องชายผมเอง....
ผมกลับมาอยู่ที่บ้านของผมเห็นน้องชายตัวเองกำลังนอนหนุนตักปาร์คอยู่ ผมรีบเข้าไปบอกกับปาร์คทันที ทั้งสองคนรับรู้และพยายามจะโทรหาโฬม แต่โฬมไม่รับ อาจจะเป็นเพราะโฬมไม่ได้เอาโทรศัพท์ออกมาด้วย
สุดท้ายปาร์คจึงตัดสินใจจะพาฟานไปหลบที่ห้องของเขา พวกเรารีบออกจากบ้านทันที แต่ไม่ทันแล้ว โฬมมาถึงบ้านของผม เขาเดินลงมาจากรถแล้วทักทายราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ
“ดึกดื่นขนาดนี้จะไปไหนกันครับ” ผมเห็นแววตาโล่งใจของโฬม เขาคงคิดว่าทั้งสองคนยังคงปลอดภัยอยู่ ไม่มีคนมาเก็บทั้งสองคนตามที่แม่เขาบอก
“พี่โฬม แม่พี่กำลังตามพี่มา” ปาร์คพูดขึ้น โฬมขมวดคิ้วทันที เขาส่ายหน้ายิ้มๆ
“แม่พี่อยู่ต่างประเทศครับ เขาจะมาที่นี่ได้ยังไง น้องปาร์คนี่ตลกนะครับ ฮ่าๆ”โฬมหัวเราะเสียงแห้งๆ เขาทำเหมือนกับว่าปาร์คพูดเป็นเรื่องตลก ทั้งๆที่ผมเห็นแววตากังวลออกมาอย่างชัดเจนจากสายตาคู่นั้น
“คริสบอกผมหมดแล้ว”ปาร์คพูดขึ้นอีกประโยค โฬมหน้าเสียทันที
“ไม่จริง คริสไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว” ปลายเสียงแผ่วเบา
“จำที่ผมบอกว่าผมเลี้ยงผีได้ไหมครับ นั่นแหละครับ ไอ้คริสไง แล้วหลายวันที่ผ่านมามันก็ไปอยู่กับพี่ตลอด”ปาร์คพูดขึ้นอีก โฬมยังคงส่ายหน้าไปมา พึมพำคำว่าไม่จริงซ้ำๆ
แต่แล้วก็มีรถคันหนึ่งมาจอดอยู่หน้าบ้าน เป็นรถเก๋งสีบลอนเงิน พวกเราทั้งหมดมองไปที่รถคันนั้น โฬมมีสีหน้าตกใจอย่างปิดไม่มิด แต่ปาร์คกลับตั้งสติได้ดีที่สุด
“พี่ฟานเข้าไปอยู่ในบ้านก่อนครับ ห้ามออกมาจนกว่าผมจะให้ออกมา”ปาร์คหันไปบอกกับฟาน
“แต่...” ฟานทำท่าจะปฏิเสธ
“เข้าไปครับ”ปาร์คพูดจนฟานยอมเดินเข้าไปในบ้าน
ประตูรถเก๋งสีบลอนเงินเปิดออกมา เป็นแม่ของโฬมจริงๆด้วย เธอตามโฬมมาจริงๆ โฬมมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด เขารีบกระโดดข้ามรั้วเตี้ยๆเข้ามาในบ้านแล้วมายืนอยู่ข้างปาร์คแทน
“น้องปาร์ค... คริส.....ยังอยู่กับพี่จริงๆใช่ไหม”โฬมหันมาถามปาร์คด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ปาร์คหันหน้ามามองผม ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้โฬม ผมเห็นแววตาวูบไหวระคนดีใจของโฬม
“ไหน ! มันอยู่ไหน !”แม่ของโฬมตวาดทันทีที่เดินมาถึงหน้าบ้าน โฬมมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด ฟานเองก็แอบมองอยู่จากหน้าต่างในบ้าน
“ป้าถามหาใครครับ ?”ปาร์คพูดขึ้น
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ ว่าไอ้เกย์สกปรกนั่นมันอยู่ไหน !” เธอตวาดเสียงดังลั่น จนปาร์คกับโฬมเองยังตกใจ
“แม่คือ....”
“ที่นี่ไม่ใช่รายการวันนี้ที่รอคอยครับ ถ้าป้าจะตามหาคนหาย เชิญป้าไปติดต่อที่รายการนั้นเองนะครับหรือถ้าลำบากมาก ป้าก็ติดต่อมูลนิธิกระจกเงาเนอะ” ปาร์คตอกกลับ ผมเห็นเธอกำมือแน่น ก่อนที่มือคู่นั้นจะล้วงลงไปในกระเป๋าข้างตัว หยิบกระบอกสีดำขลับออกมา
พวกเรามีสีหน้าตกใจในทันที โฬมรีบเอาตัวเข้ามาบังปาร์คไว้โดยไม่คิด
“แม่อย่า !!” โฬมตะโกนห้ามแม่ของตัวเองที่เล็งปากกระบอกปืนมาทางพวกเขา
“คุณตามหาผมอยู่หรือเปล่า ?” ฟานเดินออกมาจากบ้านแล้วมายืนบังทุกคนเอาไว้ ปาร์คกุมขมับทันที ส่วนโฬมก็มีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด
“อ้อ แกยังอยู่จริงๆสินะ แกนี่อึดดีๆจริงๆ วันนั้นฉันทั้งทุบ ทั้งกรีด แกก็ยังรอดมาได้นะ” ฟานกำโทรศัพท์ในมือแน่น นัยน์ตาวูบไหวเล็กน้อย แต่กลับมาแข็งกร้าวเหมือนเดิม
“ผมไม่ตายง่ายๆหรอกครับ หึ” ผมขมวดคิ้วทันทีที่ฟานพูดจบ... เขากำลังแสดงว่าตัวเขาคือผม สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นโกรธเกรี้ยวขึ้นทันที เธอกำกระบอกปืนในมือแน่นขึ้น นิ้วเรียวเล็กกำลังจะเหนี่ยวไกปืน ฟานรีบเอาตัวบังทุกคนไว้ แต่โฬมรีบพุ่งออกไปแล้วคว้ามือของแม่ของเขาไว้
โฬมพยายามแย่งปืนจากแม่ของเขา เธอก่นด่าโฬมแต่สายตายังมองมาที่ฟานอย่างเคียดแค้น
“แม่อย่าทำแบบนี้ ฮือ” โฬมร้องขอ แต่ไม่เป็นผล เมื่อเธอใช้กระบอกปืนตบเข้าที่หน้าของโฬมจนโฬมปล่อยมือออกจากมือของเธอ กระบอกปืนหันกลับมาทางฟานอีกครั้ง
“เพราะแก ! ลูกฉันถึงเป็นแบบนี้ !” เหมือนกับภาพช้าที่ค่อยๆเลื่อนไหลไป ผมเห็นนิ้วเรียวที่เหนี่ยวไกปืน เสียงดังลั่นของกระสุนที่ออกจากปลายกระบอก มันดังราวกับฟ้าผ่ามายังกลางหน้าอกของผม
ปั้ง !