•HANDSOME GHOST•
[10] - คนที่ไม่ควรจะอยู่ตรงนี้
“ขอโทษนะที่ต้องทำแบบนี้ แต่ขอยืมร่างนายหน่อย” แล้วผมก็พุ่งเข้าใส่ร่างตรงหน้า ...ร่างของปาร์คเซไปด้านหลังเล็กน้อย ผมค่อนข้างจะลำบากในการควบควมจิตของปาร์ค เพราะไม่รู้ว่าจิตของปาร์คมันแข็งมากหรือมันทื่อมากกันแน่
“เดี๋ยว.....กูยัง....ไม่ได้แดกมาม่าเลยสัส” ปาร์คบ่นออกมา ก่อนที่เสียงของเขาจะหายไป
และในที่สุดผมก็อยู่ในร่างของปาร์คได้สำเร็จ ผมรีบออกจากห้อง วิ่งลงมาจากหอ แล้วตรงไปที่ซอยข้างๆทันที ซอยที่น้องผมอาศัยอยู่ เขายังอยู่บ้านหลังนั้น แล้วก็อยู่คนเดียวมากว่า7ปี ผมไม่รู้ว่าเขาจะต้องเหงาแค่ไหนกับการอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอด7ปี
ไม่นานผมก็วิ่งมาถึงหน้าบ้านของตัวเอง ไฟในบ้านเปิดไว้แค่บางห้อง บ้านหลังนี้ช่างเงียบสงัด ถ้าผมมาด้วยตัวเอง ผมคงจะหายตัวเข้าไปดูแล้วว่าน้องชายผมกำลังทำอะไรอยู่ แต่นี่ผมมาโดยอาศัยร่างของปาร์ค ผมกำลังลังเลว่าควรจะพูดในฐานะพี่ชายหรือในฐานะของปาร์คดี..... ถ้าพูดในฐานะตัวผมเอง คงจะตอกย้ำแผลในใจของน้องชายตัวเองมากเกินไป แต่ในเมื่อผมต้องการที่จะเคลีย ต้องการที่จะพูดกับน้องชายตัวเองให้รู้เรื่อง ผมคงต้องจำใจพูดความจริง แต่น้องชายผมจะเชื่อไหมผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าผมจะทำให้ดีที่สุด ผมไม่อยากให้น้องชายผมเสียใจอีกแล้ว
ผมกดออดเพื่อเรียกคนในบ้านให้มองมาเปิดประตูให้ผม ฟานเปิดผ้าม่านเผื่อดูว่าใครมา พอเห็นว่าเป็นปาร์คก็คงจะสงสัยว่าปาร์คมาหาถึงบ้านได้ยังไง ไม่นานฟานก็เดินออกมา เขาคงกำลังจะถามว่าผมมาทำไม แต่ผมรีบตัดหน้าพูดเสียก่อน
“ฟาน เปิดประตูให้พี่หน่อย” ฟานทำหน้าแปลกใจขึ้นมาทันที
“พี่? ตลกละน้องปาร์ค” น้ำเสียงสั่นๆนั่นทำให้ผมเริ่มลังเล แต่ในเมื่อผมต้องการเคลีย ผมไม่ต้องการเห็นน้องชายผมเป็นทุกข์ ผมจึงพูดคำพูดที่คิดว่าอาจจะทำร้ายจิตใจเขามากที่สุดตอนนี้
“พี่เอง คริสไง ฟานให้พี่เข้าไปคุยกับฟานก่อนได้ไหม” ฟานมองผมอึ้งๆ คงจะยังไม่เชื่อ เขาอาจจะกำลังคิดว่าทำไมปาร์คถึงรู้ว่าเขามีพี่ชายชื่อคริส ฟานกำลังจะหันกลับเข้าไปในบ้าน แต่ผมรีบเอื้อมมือข้ามรั้วเหล็กตรงหน้าไปคว้ามือของน้องชายไว้
“น้องกลับบ้านไปเถอะ พี่ไม่อยากคุยอะไรไร้สาระ”
“เรื่องที่พี่ตายไปมันไร้สาระสำหรับฟานหรอ พี่คิดมากแค่ไหนรู้ไหม พี่กังวลที่ต้องทนเห็นน้องชายของตัวเองทำหน้าเศร้าจนพี่ต้องยืมร่างของปาร์คเพื่อมาหาฟาน”
“……………..”
ฟานเหมือนจะสะดุดกับคำพูดของผม เขาเหมือนกำลังนิ่งคิดอะไรซักอย่าง
“พี่ขอโทษ ที่เมื่อ7ปีก่อนพี่ทิ้งให้ฟานอยู่คนเดียว พี่ขอโทษนะครับ ขอให้พี่เข้าไปพูดกับฟานนะครับ”ฟานพยักหน้า พยายามกลั้นน้ำตาไว้ ไหล่เล็กที่ตอนนี้กว้างขึ้นมากกำลังสั่น ฟานรีบร้อนเปิดประตูแล้วพุ่งเข้ามากอดผมเต็มแรง ตอนนี้ฟานกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว เขาพูดรัวจนฟังไม่รู้เรื่อง ผมเลยดันให้เขาเข้าไปในบ้าน
“ฮือ คริส ฟานเหงามากเลย ฟานอยู่คนเดียวมา7ปี ฟานคิดถึงคริส ฮือ ” น้องชายผมกำลังร้องไห้โฮ ผมกอดปลอบแล้วปล่อยให้เขาร้องไห้ให้พอ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะหยุดร้องไห้ซักที น้องชายผมก็ยังคงเป็นเด็กน้อยที่ผมต้องดูแลเหมือนเมื่อก่อน
“หยุดร้องไห้ได้แล้วฟาน”
“ก็ได้ครับ ฮึก” ผมผละออกแล้วนั่งลงบนโซฟา เริ่มรู้สึกเหมือนจะหมดสติ อาจจะเป็นเพราะผมยืมร่างของปาร์คมานานเกินไป
“ฟาน พี่ต้องออกจากร่างของปาร์คแล้ว แล้วฟานก็จะมองไม่เห็นพี่ แต่ถ้าอยากถามอะไรให้รอปาร์คตื่นแล้วถามเขาแล้วกันนะ” การอยู่ในร่างของคนอื่นนานๆมันจะไม่ดีต่อเจ้าของร่าง เพราะวิญญาณกับจิตของเขาจะออกห่างจากกันเรื่อยๆ ผมจึงรีบออกจากร่างของปาร์คก่อนที่ปาร์คจะมีอันตรายอะไร
พอผมออกจากร่างปาร์คสำเร็จ ร่างของปาร์คก็ล้มตุ้บลงบนโซฟา ฟานค่อยๆเข้าไปจัดท่าทางให้ปาร์คนอนพักอย่างสบายๆ ผมมองน้องชายตัวเองที่กำลังดูแลปาร์คอย่างดี ถ้าผมยังอยู่ น้องชายผมอาจจะดูแลคนอื่นไม่เป็น ต้องคอยให้ผมดูแลอยู่เสมอ
ผมนั่งมองน้องชายที่กำลังดูแลปาร์คอย่างดีไปเรื่อยๆ เหมือนเขากำลังจะเฝ้ารอให้ปาร์คตื่นเพื่อที่จะได้คุยกับผมต่อ แต่เหมือนเขาจะรอไม่ไหวซะแล้ว
“น้องปาร์ค”
“..............”
“น้องปาร์คครับ !” สิ้นเสียงเรียกของน้องชายผม ปาร์คก็ค่อยๆลืมตาแล้วลุกขึ้น มองไปรอบๆ
โคร้ก~
เสียงท้องของปาร์คร้อง เพราะก่อนออกมาเขาคงจะหิวสุดๆ ไม่นานผมต้องโดนปาร์คดุแน่ๆ
เขายกมือหนึ่งขึ้นกุมหัว อีกมือหนึ่งก็กุมท้อง ปาร์คหันมองไปมาจนเจอเข้ากับผม คิ้วเรียวขมวดมุ่นทันที
“ไอ้เหี้ยคริส มึงสิงกูหรอ !” สิ้นเสียงโวยวายปาร์คก็ล้มตัวลงนอน สงสัยจะปวดหัว
โคร้ก ~~
และดูท่าว่าจะทรมานจากความหิวด้วย
“ขอโทษนะ ที่ฉันต้องทำแบบนี้”
“กูไม่ยกโทษให้มึงแน่ ! มึงทำให้กูอดแดกมาม่า !” ฮ่าๆๆ ผมนึกว่าเขาจะโกรธที่ผมสิงเขาซะอีก
........................................
“คืนนี้นอนที่นี่ก็ได้นะน้องปาร์ค คือ...พี่.....พี่อยากคุยกับคริส” ฟานพูดขึ้นหลังจากที่เรากินข้าวกันเสร็จหมดแล้ว
“ฉันก็อยากคุยกับฟานเหมือนกัน นายนอนที่นี่นะ” ผมหันไปสมทบอีกคน ปาร์คเริ่มมีสีหน้าลังเล
“แต่กูไม่มีชุดเปลี่ยน....เอ่อ ผมคุยกับคริสอะครับ” ประโยคแรกปาร์คพูดกับผม แต่คงจะกลัวฟานว่าเขาขึ้นกูมึงกับรุ่นพี่ แต่ทำไมกับผมเขาก็ยังกูมึงอยู่กันนะ
“ไม่เป็นไร นายใส่ชุดฉันก็ได้”
“ชุดมึงเนี่ยนะ กูว่ามันจะหลวมไปรึเปล่า ”
“เออจริงด้วย น้องปาร์คก็ใส่ชุดของคริสก็ได้ครับ พี่ซักเก็บไว้ในตู้อย่างดีเลย” ฟานช่วยพูดอีกคน
“ก็ได้ครับ” แล้วในที่สุดปาร์คก็ตอบตกลง
ตอนนี้ผมกำลังนั่งมองปาร์คที่ค้นตู้เสื้อผ้าผมอยู่ เขามีท่าทีลังเลว่าจะใส่เสื้อผ้าตัวไหนดี แล้วซักพักผ้าเช็ดตัวของเขาก็หลุด เผยให้เห็นบั้นท้ายกลมสวยแบบผู้ชาย
“ก้นนายสวยนะ” ทันทีที่ผมพูดจบ ปาร์คก็รีบหันมามองทันที
“ไอ้เชี้ยคริส ! มึงเข้ามาได้ไงเนี่ย !?” ปาร์คด่าผมแล้วรีบโกยผ้าเช็ดตัวบนพื้นมาบังก้นตัวเองไว้
“ก็นี่มันห้องฉัน ฉันจะเข้าจะออกยังไงก็ได้ หึหึ”” ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วตรงไปที่ปาร์คนั่งอยู่ เขากำลังหลับตาปี๋ ผมเองก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อหากางเกงที่ซื้อมาแล้วแต่ไม่เคยใส่ให้เขา
“อะ ตัวนี้ยังไม่เคยใส่” ผมยื่นกางเกงในให้ปาร์คแล้วมองเขาใส่ แต่เขาก็บอกผมว่าให้หันหน้าหนี
.....แต่แล้วประตูห้องก็เปิดออก
แกร้ก.....
เป็นน้องชายผมนั่นเองที่เปิดเข้ามา
“น้องปาร์ค.......ก้นน้องปาร์คสวยดีนะ”ปาร์คตกใจมาก ใบหน้าน่ารักนั่นซับสีเลือดอย่างเห็นได้ชัด เขารีบเดินไปค้นเอากางเกงกับเสื้อในตู้เสื้อผ้าของผม ได้มาเป็นชุดบอลสีน้ำเงิน เขารีบใส่ให้เสร็จทันที คงจะกลัวว่าจะถูกทั้งผมและฟานมองจนพรุนไปซะก่อน
“พี่ฟานอาบน้ำแล้วหรอครับ” ปาร์คเดินมานั่งที่ปลายเตียง ข้างๆผม ส่วนฟานเดินไปนั่งตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะคอม
“อาบแล้วครับ น้องปาร์คช่วยเล่าเรื่องคริสให้พี่ฟังอีกได้ไหม เอาตั้งแต่เจอกันเลยก็ได้” ฟานดูมีท่าทีดีใจเล็กๆกับการที่จะได้ฟังเรื่องราวของผม ปาร์คเล่าตั้งแต่เจอกับผมให้ฟานฟัง ฟานเองก็หัวเราะกับความเกรียนของปาร์ค ผมเองพอเห็นน้องชายยิ้มได้หัวเราะได้ ผมก็พลอยมีความสุขไปด้วย
“คริสมันกำลังยิ้มอยู่ด้วยนะ”
“จริงหรอ...ละแล้ว คริส..พูดอะไร..อีกบ้างไหม” ฟานกำลังร้องไห้ แต่เป็นการร้องไห้จากความดีใจ ผมลุกขึ้นไปกอดน้องชายตัวเองแล้วให้น้องซุกอกร้องไห้.. แต่ภาพนั้น...น้องชายผมไม่มีวันมองเห็น
“คริสกำลังกอดพี่ฟานครับ”
“ฮึก ! คริส !” แล้วฟานก็ยกสองมือขึ้นมาปิดหน้า เขาร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใครเลย ฟานคงจะคิดถึงผมมากตลอดเวลาที่ผ่านมา
“นายช่วยกอดน้องฉันแทนได้ไหม ฉันกอดแบบนี้แล้วเขาไม่รู้สึกอะไรหรอก” ผมหันไปบอกปาร์ค
ปาร์คลุกจากปลายเตียงแล้วตรงมาหาฟาน ยกมือขึ้นมาดึงหัวของฟานให้หันมาซบอกของตัวเอง ทำตามที่เห็นผมทำ ฟานร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิม ผมก็คอยลูบหัวน้องชายตัวเองไปมา
ผมบอกให้ปาร์คบอกน้องผมว่าให้ไปล้างหน้าล้างตาก่อน แล้วค่อยออกมาคุยกันต่อ
“เข้าเรื่องเลยดีกว่า” พอฟานออกจากห้องน้ำมาก็พูดขึ้นทันที เขานั่งลงที่เดิมก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“เข้าเรื่องอะไรครับ”
“อีกสองปีก็ครบกำหนดปล่อยตัวพี่โฬมแล้ว”
“ใครคือพี่โฬมครับ?”ปาร์คสงสัย ผมเองก็สงสัย ทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นชื่อนี้จัง
“แฟนของคริสหนะ”ผมขมวดคิ้วทันที ผมรู้ตัวมาซักพักแล้วว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย ผมจำหน้าของเขาได้ แต่ผมจำชื่อหรืออะไรเกี่ยวกับตัวเขาไม่ได้เลย
“ทำไมจำคุกแค่9ปีเองหละครับ มันเป็นคดีฆ่าคนไม่ใช่หรอ”
“ตอนขึ้นศาล พี่โฬมยอมรับต่อศาลว่าเป็นคนฆ่าคริส ศาลเห็นว่าพี่โฬมไม่เคยก่อคดีอะไร เลยลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จาก18ปีเหลือ9ปี” ผมคิ้วขมวดแน่นกว่าเดิม ความจริงคือผมจำได้มาซักพักแล้วว่าคนที่ฆ่าผมเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ผมจำไม่ได้ ว่าเขาคือใคร เกี่ยวข้องอะไร
“คนที่ฆ่าฉันเป็นผู้หญิงนะ” ผมรีบบอกปาร์คทันที
“คริสบอกว่าคนที่ฆ่ามันเป็นผู้หญิง” ฟานพยักหน้าแต่ไม่มีสีหน้าแปลกใจอะไรเลย แล้วฟานก็พูดต่อ
“พี่เองก็แปลกใจเหมือนกัน ที่ตอนนั้นพี่โฬมยอมรับว่าเป็นคนฆ่าคริส แล้วบอกเหตุผลว่าเกิดจากการนอกใจ ทั้งๆที่ตอนนั้นคริสเองก็คบกับแฟนอยู่แค่คนเดียว แล้วสองคนนั้นก็รักกันมาก พี่เองก็ไม่คิดว่าพี่โฬมจะฆ่าคริสได้ลงหรอก”
“แล้วพี่รู้ไหมว่าใครเป็นคนฆ่าคริส”
“พี่คิดว่าพี่รู้นะว่าคนที่ฆ่าคริสคือ.... แม่ของพี่โฬม”
หลังจากที่ฟานพูดจบ ทั้งผมและปาร์คต่างก็เงียบด้วยกันทั้งคู่ ความทรงจำเริ่มไหลเข้ามาในหัวผม เป็นภาพของผู้หญิงท่าทางมีอายุคนหนึ่ง ใช้เหล็กฟาดหัวผม โดยมีโฬม แฟนของผมพยายามจะเข้ามาห้าม เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บจากการถูกเหล็กฟาดจนสลบไป ส่วนผมสติเริ่มเลือนราง รู้สึกเหมือนถูกของมีคมกรีดตามร่างกาย จนในที่สุดผมก็สิ้นใจไป
“ผมว่า มันก็ดึกแล้วนะครับ พรุ่งนี้ต้องเข้าม.กันอีก เรารีบนอนกันดีกว่านะครับ” ปาร์คพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ ผมพยักหน้าเห็นด้วย
“โอเคครับ น้องปาร์คนอนคนเดียวได้นะ”
“ได้ครับ”
“งั้น ฝันดีนะครับน้องปาร์ค” แล้วฟานก็ออกจากห้องไป ปาร์คค่อยๆล้มตัวลงนอนบนเตียงของผม ความจริงผมเองก็ไม่จำเป็นต้องนอนหรอก ผมเลยใช้ช่วงเวลาที่ปาร์คหลับแอบมองเขาตลอด เพราะตอนที่เขาหลับมันดูน่ารัก ไร้ความเกรียนใดๆทั้งสิ้น
ผมเฝ้ามองปาร์คหลับไปเรื่อยๆ ตอนนอนเขาชอบถีบผ้าห่มออกทั้งๆที่มันหนาว ผมหยิบรีโมทแอร์มาปรับให้อุณหภูมิเหมาะสม ไม่หนาวมากจนเกินไป คอยห่มผ้าห่มกลับให้ วนไปอย่างนี้จนถึงเช้า
“นายตื่นได้แล้ว ถ้าไม่ตื่นฉันจะ.....”
“ตื่นแล้วค้าบ” เป็นแบบนี้ทุกที ต้องให้ขู่ตลอด ปาร์คจัดการธุระส่วนตัวของเขาจนเสร็จ ผมออกจากห้องไปดูว่าน้องชายว่ากำลังทำอะไรอยู่ ปรากฏว่าน้องผมก็ทำอะไรเสร็จหมดแล้วเช่นกัน กำลังอยู่ในชุดนักศึกษา หล่อเหมือนผมไม่มีผิดเพี้ยน
แล้วปาร์คกับน้องชายผมก็ไปที่มหาลัยเพื่อเรียน สองคนนี้เรียนกันคนละคลาส ผมจึงแอบหายตัวไปมาเพื่อเฝ้าทั้งสองคน ปาร์คเองก็ดูจะตั้งใจกับการเรียนมาก จนแทบจะไม่สนใจผมเลย ส่วนน้องผมกำลังปรึกษากันเรื่องวางพล็อตรับน้อง ยิ่งข่าวที่ว่าปาร์คถูกน้องผมว้ากเดี่ยวจนชัก ลามไปทั่วทั้งมหาลัย ความน่ากลัวของเด็กปีสามเลยเพิ่มขึ้นอีกมาก น้องปีหนึ่งต่างกลัวปีสามกันจนหัวหด ยกเว้นไอ้เกรียนของผมอยู่คนเดียว ที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเพื่อน
ปาร์คเริ่มมีเพื่อนเข้ามาคุยมากขึ้น เพราะแต่ละคนคงจะอยากถามว่าน้องชายผมโหดมากแค่ไหน ปาร์คเองก็สาธยายจนน้องผมแทบจะเป็นปีศาจ ใส่สีตีไข่จนน้องผมจะกลายเป็นซาตานอยู่รอมร่อ เด็กปีหนึ่งต่างกลัวน้องชายผมเป็นแถบ เหมือนกับผมตอนก่อนตายที่เด็กปีหนึ่งทั้งมหาลัยกลัวผม น้องชายผมเชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ
ตกเย็นปีหนึ่งก็เข้าประชุมเชียร์ เป็นลมล้มพับกันก็หลายคน แต่ปาร์คถูกแยกออกไปนั่งกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย เพราะปีสองปีสามกลัวปาร์คจะชัก ผมนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ได้กินขนมบ้าง แต่ก็ไม่อร่อยเท่าไหร่ พอกิจกรรมเลิก นักศึกษาต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ใจเสียกันเป็นแถบ ยกเว้นแต่ปาร์คที่หยิบขนมติดมือกลับไปกินที่หอด้วย
ปาร์คกับผมเดินกลับหอกันเงียบๆ อาจจะเพราะปาร์คยังกินขนมไม่ยอมหยุด ส่วนผมก็ไม่มีอะไรจะพูด ใจยังกังวลถึงเรื่องของโฬม ที่ยังอยู่ในคุก ผมรู้ว่าเขาเป็นคนดี เขาเพียงต้องการจะปกป้องแม่ของตัวเอง ส่วนตัวเขาจะเป็นยังไงเขาก็ไม่สน ผมยังจำใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาก่อนที่ผมจะสิ้นใจได้อยู่เลย
ไม่นานเราก็เดินมาถึงหอพัก ผมได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากห้องติดต่อที่พักที่คนดูแลหออยู่ เขากำลังยืนเถียงกับใครซักคนอยู่ อาจจะไม่ใช่เถียงหรอก เขากำลังยืนด่าใครบางคนอยู่
“ก็บอกว่าไม่ได้ไง ห้องนั้นมีคนอยู่แล้ว ทำไมน้องพูดไม่รู้เรื่องหละ”
“แล้วเจ้าของห้องไปไหนหละครับ ผมขอคุยกับเขาหน่อยได้ไหม” เสียงนุ่มเปล่งออกมาอย่างต้องการจะขอร้อง
“มานั่นพอดี น้องมานี่หน่อยสิ”ผมหันไปมองปาร์คที่กำลังชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง คนดูแลหอพยักหน้าให้ปาร์คเข้าไปหาเขา ผมรีบเดินตามไปทันที
แล้วผมก็ต้องชะงัก เมื่อคนที่หันหน้ามากลับเป็นคนเดียวกับที่มีภาพอยู่ในหัวของผมตลอดทั้งวัน ผมรีบสะกิดเพื่อเรียกคนข้างๆทันที แต่เหมือนปาร์คจะไม่ได้สนใจผม
“ปาร์ค......”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ปาร์คยังคงไม่สนใจผม หันไปคุยกับอีกคนแทน
“น้องอยู่ห้อง613ใช่ไหม พี่ขอเข้าไปในห้องน้องแป้บหนึ่งได้ไหมครับ”เขาพูดพร้อมกับเขย่าแขนของปาร์ค
“พี่มีธุระอะไรที่ห้องผมหละครับ”พูดไปก็เคี้ยวขนมไป ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลยนะปาร์ค
“พี่เคยอยู่ห้องนั้นครับ พี่ขอเข้าไปหาของหน่อยนะ”โฬมพูดด้วยสีหน้าเว้าวอน
“ตอนทำความสะอาดห้องก็ไม่เจออะไรหนิครับ”
“พี่ซ่อนมันไว้หนะครับ นะน้องนะ ให้พี่ไปหาเถอะ ขอร้องหละ”โฬมยังคงรบเร้าปาร์ค ปาร์คหันมามองหน้าผมเพื่อขอความคิดเห็น
“นี่โฬม แฟนฉันเอง”