•HANDSOME GHOST•
[9]-น้องชายผู้อ่อนโยน
“ฟานคิดถูกหรือเปล่านะ ที่ปล่อยให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้น...”
“พี่มาทำอะไรที่นี่หรอครับ?”ผมเดินเข้าไปถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ปกปิดความอยากรู้และความสงสัยของผมทั้งหมดไว้
“เอ่อ...คือ...พี่...เอ่อ...”น้ำเสียงตะกุกตะกัก แววตาที่ลอกแลกมองไปมา ไม่ยอมสบตากับผม
“แล้วพี่มาที่ห้องผมทำไมครับ ?” ใบหน้าคมมีสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด
“นี่ห้องน้องปาร์คหรอครับ”
“ใช่ครับ”
“แล้ว...แล้ว...น้องปาร์ค...เคยเจออะไรหรือเปล่าครับ...?”น้ำเสียงเหนื่อยอ่อนนั่นเอ่ยออกมาเบาๆ แต่แววตากลับดูเหมือนมีความหวังแปลกๆ...
“เจอครับ แมลงสาบตัวเบ่อเร่อ”พี่ฟานหน้านิ่งไป
มึง.... มึงไม่ควรตลกเวลานี้นะไอ้ปาร์ค
“ฮะๆ แล้ว....ไม่...ไม่เจออย่างอื่น...บ้างหรอครับ ?”
“เจออะไรครับ ในห้องนี้มีอะไรงั้นหรอครับ ?”ผมพูดราวกับไม่เคยโดนผีพี่มันหลอก ทั้งๆที่ในใจตะโกนบอกเสียงดังว่า กูเจอพี่มึงไงงงง
“นั่นสิ... ฮะๆ จะไปเจออะไรได้ยังไงกัน...”เสียงหัวเราะดังออกมาจากร่างสูงตรงหน้า... ผมแทบจะไม่รู้สึกเลยว่าพี่ฟานกำลังตลกกับสิ่งที่ผมพูดไป กลับกัน... ทำไมผมถึงรู้สึกเศร้ากับน้ำเสียงของคนตรงหน้ากัน
“พี่ลืมรถไว้ที่มหาลัยนะครับ”พี่ฟานทำหน้าคิดตาม
“อ่า จริงด้วย... งั้นพี่ขอตัวไปเอารถก่อนนะครับ”แล้วพี่ฟานก็เดินกลับไปทางเดิม ผมมองตามหลังกว้างนั่นจนสุดสายตา
“น่าสงสารใช่ไหมหละ น้องชายฉันหนะ”ผมไม่ตกใจกับเสียงของไอ้คริสเลย มันเดินไปที่ระเบียงหน้าห้อง ยืนมองน้องชายมันเดินออกไปจากหอพักจนสุดสายตา
“อืม” มันหันกลับมา มือหนาลูบหัวผมก่อนจะจูงมือผมเข้าห้องของเรา
“วันนี้น้องชายฉันมาที่นี่สองรอบแล้ว ตอนเช้าหลังจากที่ไปส่งนายเขาก็มาที่นี่ ยืนอยู่หน้าห้องแบบที่นายเห็น แล้วก็ถามกับตัวเองว่าเขาคิดถูกหรือคิดผิดที่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น”คริสพูดขึ้น หลังจากผมอาบน้ำเสร็จแล้ว
“แล้วมึงคิดไหมว่าน้องมึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของมึง”
“น้องชายฉันคงไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ.... แต่เขาคงจะรู้สึกผิดอะไรบางอย่าง.... ฉันอยากถามเขาให้แน่ใจซักหน่อย”มันมองหน้าผม แล้วก็นั่งก้มหน้า เหม่อมองไปข้างหน้า ผมเลิกสนใจมันแล้วหาอะไรกินแทน เพราะตอนนี้ผมหิวจนใส้จะขาดกระเพาะจะทะลุแล้ว
ผมได้มาม่ามาห่อหนึ่ง จัดการต้มน้ำร้อนจากกาต้มน้ำ รอให้น้ำร้อน ระหว่างที่กำลังรอให้กาน้ำร้อนเดือด ผมก็หันไปคุยกับไอ้ผีที่กำลังนั่งเหม่อ สงสัยมันกำลังคิดมากอยู่แน่ๆ ว่าทำไมน้องชายมันถึงมีท่าทีซึมเศร้าขนาดนั้น
แล้วในขณะที่ผมกำลังเทน้ำร้อนลงในถ้วยที่มีมาม่าอยู่ รู้สึกถึงสติที่เริ่มเลือนราง ราวกับว่ากำลังจะหลับ..... มองไปรอบตัวไม่เห็นไอ้คริส แต่กลับได้ยินเสียงลอยมาในหัวแทน
“ขอโทษนะที่ต้องทำแบบนี้ แต่ขอยืมร่างนายหน่อย”
“เดี๋ยว.....กูยัง....ไม่ได้แดกมาม่าเลยสัส” แล้วสติผมก็ดับวูบไปในที่สุด
.............................................
.............................
......................
“น้องปาร์ค !”
“..............”
“น้องปาร์คครับ !” เสียงเรียกชื่อของผมดังขึ้นข้างๆหู ผมค่อยๆลืมตาที่หนักอึ้งขึ้น ความรู้สึกบางอย่างค่อยๆไหลมาจากไหนไม่รู้ เป็นความรู้สึกที่ทรมานที่สุดในชีวิตผมก็ว่าได้
โคร้ก~
เสียงท้องร้องผมดังขึ้น ผมกำลังหิว ภาพสุดท้ายก่อนที่สติผมจะดับวูบคือภาพมาม่าแสนอร่อยเต็มถ้วย แล้วนี่ผมอยู่ที่ไหนเนี่ย
ผมมองไปรอบๆ ผมกำลังนอนอยู่บนโซฟาสีน้ำตาลเข้ม แล้วก็ต้องพบกับฟาน น้องชายของคริส ที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างๆโซฟา ถัดไปที่โซฟาอีกตัวมีไอ้ผีคริสนั่งอยู่
“ไอ้เหี้ยคริส มึงสิงกูหรอ !” ผมโวยวายได้แค่นิดเดียว ความปวดหัวก็เล่นงานผม ผมรีบกุมหัวตัวเองแล้วล้มตัวลงนอน
โคร้ก ~~
โอ้ยยยย หิวข้าวก็หิวโว้ยยย กูจะปวดหัวหรือหิวข้าวก่อนดีเนี่ย
“ขอโทษนะ ที่ฉันต้องทำแบบนี้”
“กูไม่ยกโทษให้มึงแน่ ! มึงทำให้กูอดแดกมาม่า !”
“น้องหิวข้าวหรอ เดี๋ยวพี่ทำกับข้าวให้กิน” ผมอาจจะลืมไปว่ายังมีอีกคนนั่งอยู่ตรงนี้ ผมพยักหน้าให้ฟานไปหนึ่งที แล้วก็ล้มตัวลงนอนต่อ ช่วงเวลาที่ผมไม่ได้สติไปผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่ซะแล้ว
.... แล้วที่นี่มันที่ไหนฟะ
“นี่กูอยู่ไหนเนี่ย”
“บ้านฉันเอง” คริสตอบก่อนจะลุกมานั่งข้างๆผมแทน มือเย็นค่อยๆลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา สีหน้ามันรูสึกผิดไม่น้อยที่ทำให้ผมอดแดกมาม่า
“แล้วน้องมึงจะไม่หาว่ากูบ้าหรอ พูดอยู่คนเดียวเงี้ย” เออหวะ พูดคนเดียวไปตั้งหลายประโยค....
“ไม่หรอก น้องฉันเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว” เออ เข้าใจอะไรง่ายดี ผมไม่อยากคิดอะไรมาก ตอนที่คริสมันสิงผมอยู่มันคงพูดเคลียกับน้องมันไปแล้ว ตอนนี้ผมไม่อยากคิดอะไรนอกจากกลิ่นหอมที่ลอยออกมาจากห้องครัวที่ฟานกำลังทำกับข้าวอยู่
โคร้ก ~~~~
เร็วๆโว้ยยยยย หิวข้าวววว
“แต่ฟานก็ยังมองไม่เห็นฉันเหมือนเดิม ถ้าสมมติว่าฉันอยากจะคุยกับน้องชายฉัน... ฉันขอ...” อยู่ๆคริสมันก็พูดขึ้น ผมเดาได้เลยว่ามันจะขออะไรจากผม
“ไม่ !” พอจบประโยคที่ผมพูด ฟานก็เดินกลับเข้ามาในห้องนี้พร้อมกับจานข้าวผัดที่มีข้าวผัดสีเหลืองอร่ามอยู่พูนจาน ผมรีบลุกขึ้นไปรับจานข้าวผัดทันที ลืมอาการปวดหัวไปชั่วขณะ
พอได้ข้าวผัดมาผมก็ตักกินอย่างไม่ลืมหูลืมตา มันอร่อยเสียจนต้องอุทานออกมาว่า โอ้มายก้อด แต่ติดที่ว่าปากผมกำลังเคี้ยวข้าวอยู่ ทำให้ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
“อยากกินบ้างจัง” อยู่ๆคริสก็พูดขึ้นทำลายความเงียบทั้งหมด ผมหันไปมองหน้ามันที่กำลังมองจานข้าวผัดกับมองหน้าน้องชายมันแล้วยิ้มน้อยๆ
“ขอถ้วยเล็กๆซักใบนึงได้ไหมครับพี่ฟาน” ถึงผมจะโกรธมันอยู่แต่ผมก็อดสงสารมันไม่ได้ ฟานพยักหน้าแล้วลุกเข้าไปในห้องครัว
“เมื่อก่อนฉันต้องทำกับข้าวให้ฟานกินนะ เดี๋ยวนี้ทำกับข้าวกินเองเป็นแล้ว หมดห่วงไปอีกเรื่อง” พูดจบฟานก็กลับเข้ามาพร้อมกับถ้วยใบเล็กในมือ เขายื่นถ้วยใบนั้นให้พร้อมกับพูดขึ้นมา
“เอาถ้วยมาทำไมหรอครับน้องปาร์ค”
“เอาให้คริสกินครับ มันบอกว่าอยากกิน”
“จริงหรอ อยากกินหรอคริส เอาเลยคริส กินให้อิ่มเลยนะ” ผมยิ้มกับท่าทางดีใจของฟาน มันคงจะมีความสุขไม่น้อยที่มันรู้ว่าพี่มันยังอยู่ข้างๆมัน ผมกำลังจะตักข้าวผัดในจานตัวเองแบ่งใส่ถ้วย แต่ก็ต้องชะงักมือตัวเอง..
.....แล้วเปลี่ยนเป้าหมายเป็นจานของฟานแทน ฮ่าๆ ก็ผมกลัวไม่อิ่มหนิ ฟานไม่ว่าอะไร แถมยังยิ้มดีใจให้ผมอีกต่างหาก พอผมแบ่งใส่ถ้วยแล้วก็ไปวางไว้ตรงหน้าคริส อธิษฐานแบบที่เคยทำครั้งที่แล้ว แล้วมันสูดกลิ่นเข้าจมูกเหมือนเดิมกับที่มันเคยทำเช่นกัน
ฟืดดดด
“โห อร่อยมาก !”
ฟืดดดดด !!
“คริสบอกว่าอร่อยมาก”
“จริงหรอ” ผมพยักหน้าแล้วมองสองพี่น้องที่หน้าเหมือนกัน ชิบหายสลับกันไปมา ทั้งคู่กำลังยิ้มมีความสุข ผมเองพอเห็นคนอื่นมีความสุขก็อดยิ้มตามไม่ได้ แต่ยิ้มไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่เพราะตอนนี้ข้าวเต็มปากอยู่
“คืนนี้นอนที่นี่ก็ได้นะน้องปาร์ค คือ...พี่.....พี่อยากคุยกับคริส” ฟานพูดขึ้นหลังจากที่เรากินข้าวกันเสร็จหมดแล้ว ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลย ชุดอะไรก็ไม่ได้เอามา
“ฉันก็อยากคุยกับฟานเหมือนกัน นายนอนที่นี่นะ” คริสพูดอีกคน ผมเริ่มจะลังเล
“แต่กูไม่มีชุดเปลี่ยน....เอ่อ ผมคุยกับคริสอะครับ” ผมหันไปแก้ตัวกับฟานเพราะกลัวมันจะหาว่าผมขึ้นกูมึงกับรุ่นพี่ ส่วนไอ้คริสไม่นับ เพราะเจอกันวันแรกก็กูมึงเลย
“ไม่เป็นไร นายใส่ชุดฉันก็ได้”
“ชุดมึงเนี่ยนะ กูว่ามันจะหลวมไปรึเปล่า ”
“เออจริงด้วย น้องปาร์คก็ใส่ชุดของคริสก็ได้ครับ พี่ซักเก็บไว้ในตู้อย่างดีเลย” ฟานช่วยพูดอีกคน
นี่ขนาดพวกมึงคุยกันไม่ได้นะ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“ก็ได้ครับ” แล้วผมก็ตอบตกลงไป
ฟานให้ผมขึ้นไปอาบน้ำบนห้องของคริส ของทุกอย่างของคริสถูกดูแลอย่างดีไม่ว่าจะเป็นเตียงหมอนผ้าห่ม เสื้อผ้า โน้ตบุ๊ค ไม่เว้นแม้แต่ของใช้ในห้องอาบน้ำเองก็เช่นกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาฟานคงจะคิดถึงพี่ของเขาและรอให้พี่มันกลับมาตลอด
พออาบน้ำเสร็จผมก็มายืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าของคริส กำลังคิดอยู่ว่าจะใส่บ็อกเซอร์ของมันดีมั้ย ผมย่อตัวลงค้นบ็อกเซอร์ในตู้เสื้อผ้าของมัน ผ้าเช็ดตัวหลุดจากเอวเพราะปมมันหลวม แต่ผมก็ไม่ได้ในสนใจ ในเมื่อผมอยู่ในห้องนี้คนเดียว....
“ก้นนายสวยนะ” ผมรีบหันไปตามเสียงน่ากลัวนั่นทันที ไอ้คริสนั่งอยู่ปลายเตียง มันกำลังจ้องก้นผม !!
“ไอ้เชี้ยคริส ! มึงเข้ามาได้ไงเนี่ย !?” ผมด่ามันแล้วรีบโกยผ้าเช็ดตัวบนพื้นมาบังก้นตัวเองไว้
“ก็นี่มันห้องฉัน ฉันจะเข้าจะออกยังไงก็ได้ หึหึ”มันลุกออกจากปลายเตียงแล้วตรงมาทางผม ผมรีบถอยจนชิดตู้เสื้อผ้า มันกางสองแขนคร่อมผมไว้ ผมหลับตาปี๋ด้วยความกลัว
มันต้องจูบผมแน่ๆ ! เห้ย !
..........แต่มันก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากค้นเสื้อผ้าในตู้มัน
“อะ ตัวนี้ยังไม่เคยใส่” คริสยื่นกางเกงในของมันมาให้ผม... ผมลังเลว่าจะใส่ดีไหม ใจนึงก็ไม่อยากโป้ อีกใจนึงก็กลัวมันจะเป็นสังคัง แต่แล้วก็ตัดสินใจว่า ตอนนี้ไม่โป้คงจะดีที่สุด ผมคว้ากางเกงในแล้ววิ่งไปทางประตูห้อง
“มึงหันหลังไปเลย” ผมสั่งคริสให้หันหลังไป มันยอมทำตามแต่ก่อนจะหันไปมันก็หัวเราะเบาๆ ผมหันหน้าไปมองมัน กลัวว่ามันจะแอบมองผม ผมหันหลังให้ประตูแล้วจ้องมันไว้ไม่ให้คลาดสายตา
จังหวะที่ผมกำลังยกขาใส่กางเกงใน ประตูห้องคริสก็เปิดออก โดยมีอีกคนยืนอยู่หน้าห้อง
แกร้ก.....
“น้องปาร์ค.......”
“!??!?!?”
“....ก้นน้องปาร์คสวยดีนะ” แล้วไอ้ฟานก็จ้องก้นผมเขม็ง ผมรีบดึงกางเกงในขึ้นมาจนสุดทันที รู้สึกอายมากกว่าไอ้คริสมองซะอีก
ผมรีบเดินไปค้นเอากางเกงกับเสื้อในตู้เสื้อผ้าของคริส ได้มาเป็นชุดบอลสีน้ำเงิน ผมรีบใส่ให้เสร็จทันที ก่อนที่สายตาของจากสองพี่น้องนี่มันจะทำผมไหม้ไปซะก่อน
“พี่ฟานอาบน้ำแล้วหรอครับ” ผมทำเป็นว่าไม่มีเหตุการณ์เมื่อกี้เกิดขึ้น แล้วเดินไปนั่งปลายเตียง ข้างผมมีคริสนั่งอยู่ ส่วนฟานเดินไปนั่งตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะคอม
“อาบแล้วครับ น้องปาร์คช่วยเล่าเรื่องคริสให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม เอาตั้งแต่เจอกันเลยก็ได้” ฟานดูมีท่าทีดีใจเล็กๆกับการที่จะได้ฟังเรื่องราวของพี่ชายตัวเอง ผมเลยเล่าตั้งแต่เจอกับมันให้ฟานฟัง ฟานเองก็หัวเราะกับความเกรียนของผม ผมหันไปมองคริสที่กำลังมองน้องมันด้วยสายตามีความสุข มุมปากหนายิ้มน้อยๆ มันคงจะดีใจที่เห็นน้องชายมันมีความสุขดี
“คริสมันกำลังยิ้มอยู่ด้วยนะ”
“จริงหรอ...ละแล้ว คริส..พูดอะไร..อีกบ้างไหม” ฟานกำลังร้องไห้ แต่เป็นการร้องไห้จากความดีใจ ผมมองคริสที่ตอนนี้ลุกขึ้นไปกอดน้องมันแล้วให้น้องมันซุกอกร้องไห้.. แต่ภาพนั้นมีแค่ผมที่มองเห็น
“คริสกำลังกอดพี่ฟานครับ”
“ฮึก ! คริส !” แล้วฟานก็ยกสองมือขึ้นมาปิดหน้า มันร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใครเลย ฟานคงจะคิดถึงพี่มันมาก
“นายช่วยกอดน้องฉันแทนได้ไหม ฉันกอดแบบนี้แล้วเขาไม่รู้สึกอะไรหรอก” คริสหันมาบอกผม สายตาดูเศร้าสร้อยแต่ก็ดูมีความสุขปนกันไปด้วย ผมชี้นิ้วมาที่ตัวเองแล้วทำปากพูดว่า กูหรอ คริสพยักหน้าอีกครั้ง
ผมลุกจากปลายเตียงแล้วตรงไปหาฟาน ยกมือขึ้นมาดึงหัวของฟานให้หันมาซบอกผม ทำตามที่ผมเห็นคริสทำ ฟานร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิม คริสที่ยืนอยู่ข้างๆผมก็คอยลูบหัวน้องชายตัวเองไปมา
ผมยืนกอดฟานจนมันหยุดร้องไห้ คริสบอกให้ผมบอกน้องมันว่าไปล้างหน้าล้างตาก่อน ผมเลยบอกฟานว่าคริสบอกให้ผมบอกฟานว่าให้เข้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วค่อยออกมาคุยกันต่อ โอ้ยอะไรมึงเนี่ยไอ้ปาร์ค งงไหมสัส !
“เข้าเรื่องเลยดีกว่า” พอฟานออกจากห้องน้ำมาก็พูดขึ้นทันที เขานั่งลงที่เดิมก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“เข้าเรื่องอะไรครับ”
“อีกสองปีก็ครบกำหนดปล่อยตัวพี่โฬมแล้ว”
“พี่โฬมคือใครครับ ?”
“แฟนของคริสหนะ” ผมขมวดคิ้วทันที ปล่อยตัวแฟนของคริส ก็แปลว่าตอนนี้เขาอยู่ในคุกสินะ แต่ทำไมคดีฆ่าคนถึงจำคุกแค่9ปีเองหละ
“ทำไมจำคุกแค่9ปีเองหละครับ มันเป็นคดีฆ่าคนไม่ใช่หรอ” ผมหันไปมองคริสที่ตอนนี้คิ้วหนาขมวดมุ่น แล้วฟานก็พูดต่อ
“ตอนขึ้นศาล พี่โฬมยอมรับต่อศาลว่าเป็นคนฆ่าคริส ศาลเห็นว่าพี่โฬมไม่เคยก่อคดีอะไร เลยลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จาก18ปีเหลือ9ปี” ผมกับ คริสคิ้วขมวดยิ่งกว่าเดิม
“คนที่ฆ่าฉันเป็นผู้หญิงนะ”คริสพูดขึ้น
“คริสบอกว่าคนที่ฆ่ามันเป็นผู้หญิง” ผมพูดประโยคของคริสให้ฟานฟัง ฟานพยักหน้าและไม่มีสีหน้าแปลกใจอะไรเลย ฟานพูดต่อ
“ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกัน ที่ตอนนั้นพี่โฬมยอมรับว่าเป็นคนฆ่าคริส แล้วบอกเหตุผลว่าเกิดจากการนอกใจ ทั้งๆที่ตอนนั้นคริสเองก็คบกับแฟนอยู่แค่คนเดียว แล้วสองคนนั้นก็รักกันมาก พี่เองก็ไม่คิดว่าพี่โฬมจะฆ่าคริสได้ลงหรอก”
“แล้วพี่รู้ไหมว่าใครเป็นคนฆ่าคริส”
“พี่คิดว่าพี่รู้นะ”