•HANDSOME GHOST•
[12]-ดูแล
“ถ้าเป็นน้อง.....น้องจะเลือกปกป้องคนที่ตายไปแล้ว หรือคนที่ยังอยู่หละ” พูดจบก็เดินออกไปจากห้องของผม ทิ้งให้ทั้งผมคริสและพี่ฟานอึ้งไปตามๆกัน งั้นก็แปลว่า โฬมต้องปกป้องคนที่ฆ่าคริส ซึ่งก็คือแม่ของเขา โดยการยอมรับว่าเขาเป็นคนฆ่าคริสและทนอยู่ในคุกมา7ปีงั้นสิ
“เอาไงต่อหละทีนี้” ทั้งคริสและฟานต่างก็ส่ายหัว ทั้งคู่มีสีหน้ากังวลๆ หมองๆ ไม่เฟี้ยวฟ้าวเลย
“.........” ทั้งคู่เงียบ ต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเอง ผมเองก็กังวล แต่คงไม่เท่ามันสองคน
เอาไงต่อดีวะ ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อ ถ้าไอ้พี่โฬมมันมาแค่เรื่องยันต์ก็ดีไปสิ เรื่องทั้งหมดมันจะได้จบลงไปซักที ถึงแม้คนที่ฆ่าคริสจริงๆจะยังลอยนวนอยู่ แต่เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว เพราะผู้ต้องหาในคดีได้รับโทษครบแล้ว คงจะไม่สามารถขุดคดีขึ้นมาแล้วเอาผิดอะไรแม่ของพี่โฬมได้
แต่ถ้าเขายังไม่จบหละ ถ้าเขายังมาวนเวียนกับไอ้ฟานแบบวันนี้จะทำไงวะ แล้วถ้าแม่ของไอ้พี่โลมมันมาเห็น แม่มันจะไม่ฆ่าพี่ฟานอีกคนด้วยเลยหรือเปล่า
“ทำไมคริสถึงยังไม่ไปไหน คริสห่วงอะไรหรือเปล่า น้องปาร์คช่วยถามให้พี่หน่อยได้ไหมครับ” อยู่ๆฟานก็พูดขึ้น ผมหันไปมองหน้าขาวๆของคริส
“ฉันไม่รู้” มันส่ายหัว
“เอ้าไอ้สัส”
“แต่ที่ฉันรู้สึกเป็นห่วงที่สุดตอนนี้ก็คงเป็นฟาน....กับนาย” พูดจบพร้อมกับหันไปมองน้องชายมัน แววตาคมมีความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะหันมามองด้วยสายตาแบบเดียวกับ สายตาที่บอกว่ามันห่วงผมแบบพี่ชายห่วงน้อง
“ว่าไงครับน้องปาร์ค คริสว่าไงบ้าง”
“มันบอกว่าเป็นห่วงพี่อะครับ” ผมตอบฟานไป ฟานชะงัก ก่อนจะพูดประโยคที่ผมต้องกุมขมับ
“คริสมีแต่น้องชายนะ เรามีกันแค่สองพี่น้อง คริสไม่มีพี่”
กูขอโทษได้ไหมหละ แหม่
แปะ ! ผมตบเข้าที่หน้าผากตัวเอง อันที่จริงถ้าไม่กลัวไอ้คริสมันจะบีบคอผมคงตบไอ้คนตรงหน้าผมไปแล้ว ผมโคตรเกลียดการกวนตีนด้วยหน้าตายมากๆ แต่ไอ้ฟานมันกวนตีนหรือมันซื่อวะ.... บางทีมันอาจจะแค่ซื่อก็ได้ ดังนั้นผมจึงทำใจเย็นแล้วอธิบายให้ไอ้ฟานฟัง
“พี่ที่ผมหมายถึงก็คือพี่ไงพี่ฟาน คริสมันเป็นห่วงพี่ฟานอะ” พอผมพูดจบ ฟานก็พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมก็ไม่รู้ว่าคริสมันห่วงเรื่องอะไร ห่วงน้องมันจะอยู่ไม่สบายหรอ หรือว่ากลัวว่าน้องมันจะอยู่คนเดียวอย่างเหงาๆงี้หรอ แล้วมันห่วงอะไรผม ...ใช่เรื่องเดียวกันกับน้องชายมันหรือเปล่า ?
“มึงห่วงเรื่องอะไรวะคริส”
“หลายๆเรื่อง ฉันกลัวว่าน้องฉันจะอยู่คนเดียวไม่ได้ กลัวว่าน้องฉันจะลำบาก กลัวว่าเขาจะเหงา แล้วก็กลัวว่า....” ยังไม่ทันที่คริสจะพูดจบ ฟานก็ชิงพูดขึ้นมาซะก่อน ฟานคงไม่รู้ว่าคริสกำลังพูดอยู่
“คริสไม่ต้องห่วงอะไรฟานนะ ฟานอยู่ได้ ไม่ลำบากอะไรเลย ถึงมันจะเหงาไปบ้าง แต่ฟานสบายดี ฟานอยากให้คริสไปสู่สุขติ คริสไม่ต้องเป็นห่วงฟานนะ” ฟานพูดไปยิ้มไป แสดงสีหน้าว่าตัวเองสบายดี ทั้งๆที่ผมเห็นความเหงาในแววตานั้น
ในสายตาของคริส ฟานก็ยังคงเป็นเด็กสินะ เป็นน้องชายที่พี่ชายต้องดูแล ผมรู้ว่าคริสมันต้องปฏิเสธแน่ๆ มันต้องส่ายหัวแบบที่มันชอบทำบ่อยๆ แล้วก็พูดว่า ฉันยังไปไหนไม่ได้
“ฉันยังไปไหนไม่ได้ ฉันยังรู้สึกติดค้างอยู่” นั่นไง...
ไอ้เหี้ย ผีห่าอะไร ดื้อชิบหาย !
“คริสไปแล้วใช่ไหมน้องปาร์ค” ฟานหันมาถามผมด้วยหน้ายิ้มๆ
“ยังอะ” และผมก็ตอบกลับมันด้วยสีหน้าเฉยๆ
“อ้าว”ฟานพูดแค่นั้นผมก็ไม่ได้สนใจอีก ไอ้คริสเองก็นั่งอมทุกข์อยู่ที่ปลายเตียง ผมไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ที่ผมรู้คือผมหิวอีกแล้ว ผมเดินไปค้นมาม่ามา แกะใส่ถ้วย แล้วต้มน้ำร้อน
“พี่ฟานกินมาม่าไหมครับ”
“ไม่เอาดีกว่าครับ น้องปาร์คกินเลย พี่ยังอิ่มอยู่เลย” ผมพยักหน้าแล้วหันมารอให้กาน้ำร้อนเดือด พอน้ำเดือดผมก็เทลงในถ้วยที่มีเส้นมาม่าแข็งๆอยู่ หาจานมาปิดแล้วก็รอให้เส้นมาม่านุ่ม ระหว่างที่รอคริสก็พูดขึ้น
“นายไปส่งฟานกลับได้ไหม”
“ไม่ กูจะแดกมาม่า” และผมก็ตอบแบบไม่ต้องคิด
“อะไรหรอน้องปาร์ค” ฟานถามขึ้น
“คริสมันบอกให้พี่ฟานกลับบ้านไปได้แล้วครับ”
“อ้อ ได้ๆ งั้นพี่กลับบ้านละนะครับน้องปาร์ค ฟานกลับบ้านก่อนนะคริส” ประโยคแรกฟานพูดกับผม อีกประโยคนึงฟานพูดขึ้นเพื่อให้คริสรับรู้
“ปาร์ค.... ตอนนี้คนที่ฉันไว้ใจที่สุดก็คือนายนะ...” คริสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ฟานเองก็กำลังจะเดินออกจากห้องไปแล้ว
“แล้ว....... แล้วมาม่ากูหละ...” ผมก้มมองน้องมาม่าอย่างช้ำใจ ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมพลาดแน่ๆ
สุดท้ายแล้ว ผมก็ออกมาส่งฟานจนได้ แต่ในมือผมยังมีมาม่าติดมือมาด้วย มือนึงมีถ้วยมาม่า อีกมือนึงก็มีซ้อมมาด้วย เอาสิ ได้มาส่งไอ้ฟาน แล้วยังไม่พลาดมาม่าที่รักอีกด้วย ผมเดินไปกินไป โดยไม่สนสายตาจากคนเดินสวนทางที่มองมาทางผมเลยแม้แต่น้อย ก็คนมันหิว !
พอเดินมาถึงบ้านฟาน ผมก็กินมาม่าหมดถ้วยพอดี เลยฝากไว้ที่บ้านฟานก่อน เพราะขี้เกียจเอากลับไปล้างที่ห้อง ระหว่างที่ผมเดินกลับหอของผม คริสก็ตามผมมาด้วย ถึงมันจะบอกว่าห่วง แต่มันคงจะมีเรื่องสำคัญจะคุยกับผมมากว่า เลยไม่ไปเฝ้าน้องมัน
“ฉันมีเรื่องยากจะให้นายช่วย”
“กูก็ช่วยมึงหลายเรื่องแล้วนะ”
“ขอร้องหละ นายช่วยฉันอีกซักเรื่องได้ไหม”
สุดท้ายผมก็ยอมใจอ่อน พยักหน้าให้มันไป เรื่องที่มันต้องการก็เป็นไปตามที่ผมคิดไว้ทีแรก นั่นก็คือเรื่องที่อยากให้ฟานมีคนดูแล หรือเรียกง่ายๆว่าแฟนหนะแหละ
แล้วกูจะไปหาแฟนให้น้องมึงจากที่ไหนวะเนี่ยย !
“นาย”
“นาย .............. ปาร์ค ตื่นได้แล้ว 8 โมงครึ่งแล้วนะ”
ผมรีบเด้งตัวขึ้นมาทันที 8โมงครึ่งงั้นก็ไม่มีเวลาแล้วดิ ผมต้องรีบไปมหาวิทยาลัย ไม่งั้นพลาดเช็คชื่อแน่ๆ ผมรีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที วันก่อนผมใช้เวลาในการอาบน้ำ5นาที แต่วันนี้ผมใช้เวลาแค่1นาทีเท่านั้น แต่งตัวเสร็จอีก1นาที แต่ก่อนจะก้าวขาออกจากห้อง ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูเวลา
6:15 น.
“ไอ้เหี้ยคริส 8โมงครึ่งพ่อมึงสิ !” ผมเดินกลับเข้าห้องทันที จัดการตั้งนาฬิกาปลุกซะให้รู้แล้วรู้รอด แล้วหลับต่อทั้งชุดนศ. ความง่วงจากการตื่นเช้าเกินไปทำให้ผมหลับลงในเวลาอันรวดเร็ว
“อืม”ผมลืมตาขึ้นแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูนาฬิกา
8:15 น.
“ไอ้เหี้ยคริส !! ทำไมมึงไม่ปลุกกู !!”ผมโวยวายใส่ไอ้ผีที่นั่งหน้าหงอยๆอยู่ปลายเตียงทันที
“ก็ฉันกลัวโดนนายด่าหนิ”
เออ ก็เลยไม่ปลุกกูงั้นสิ !!
“โว้ยยย สายจริงแล้วไอ้ห่า !”
ผมวิ่งเข้าห้องเรียนทันอาจารย์เช็คชื่อพอดี นั่งพักให้หายเหนื่อย พอหายเหนื่อยแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ผมจำได้ว่าตั้งนาฬิกาไว้ที่8โมงตรง.... แต่ผมคงลืมตั้งวันปลุกไป ผมไปตั้งเป็นวันอาทิตย์ทำไมฟะ !
วันนี้การเรียนไม่มีอะไรเพิ่มเติมเลย เหมือนเดิมทุกอย่าง จะมีก็แต่การรับน้อง ที่วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะมีการรับน้อง หรือวันได้รุ่นหนะแหละ แต่ที่พี่ฟานบอกผมมา วันนี้ยังไม่ได้รุ่นแน่นอน แน่นอนว่าปีหนึ่งต่างก็พยายามร้องเพลงกันเต็มที่ พยายามให้ผิดกันน้อยที่สุด แต่ผิดน้อยยังไง ไอ้ปีสามมันก็ไม่ให้ผ่านอยู่ดี
สุดท้ายพวกผมก็ถูกไล่ออกจากตึกคณะเช่นเคย ปีหนึ่งหลายคนร้องไห้เพราะคิดว่าจะไม่ได้รุ่นกันจริงๆ แต่ที่ผมเห็นกำหนดการรับน้อง มันยังเหลืออีกวันหนึ่ง ซึ่งถ้าสังเกตกันซักนิดจะเห็นในใบกำหนดการว่า วันนั้นมันไม่มีกิจกรรมใดเลยทั้งๆที่เขียนไว้ว่าเป็นวันรับน้อง เดาไม่ยากเลย ว่าเราสามารถมาขอรุ่นวันนั้นได้แน่นอน
ผมไม่ได้ฉลาดอะไรหรอก พี่ฟานมันบอกมาแบบนี้
ผมไล่เดินปลอบใจเพื่อนไปเรื่อยๆ แล้วเดินไปหาประธานรุ่นที่ตอนนี้คงจะกำลังกลั้นน้ำตาไว้ คนที่เหนื่อยมาตลอดก็คือมัน คนที่เสียสละมาตลอดก็คือมัน ผมเดินไปบอกเรื่องโอกาสครั้งหน้า ประธานรุ่นพยักหน้าตาม แล้วเขาก็เรียกเพื่อนๆในคณะให้ฟังในสิ่งที่เขาจะพูด
“ทุกคนอย่าพึ่งเสียใจไป ปาร์คบอกเราว่า.... วันที่15เพื่อนๆสังเกตไหม ว่าตารางกิจกรรมมันว่าง พวกเราไปขอรุ่นกับรุ่นพี่ปีสามวันนั้นกันเถอะ” พอสิ้นเสียงประธาน ทุกคนก็หันไปคุยกันแล้วก็มีเสียงจริงด้วยๆตามมา รุ่นพี่ปีสองต่างพยักหน้าเห็นด้วย ประธานรุ่นยิ้มให้ผมก่อนจะโผเข้ากอดผม ผมก็ได้แต่กอดตอบเบาๆ หันหน้าไปทางตึกคณะก็เห็นว่าพวกพี่ปีสามกำลังมองอยู่ ผมเห็นผู้ชายร่างสูงกับผมทรงเปิดข้าง.... พี่ฟานนะแหละ มันกำลังยืนคุยกับใครบางคน
“ปาร์ค ! โฬมมาหาฟานอีกแล้ว นายช่วยดูฟานหน่อยนะ ตามไปให้ถึงบ้านเลยนะ” อยู่ๆไอ้คริสที่หายไปทั้งวันก็โผล่มาอยู่ตรงหน้าผม สีหน้ามันกำลังทุกข์ใจมาก ผมพยักหน้ารับแล้วรีบเดินออกมาตอนพี่ปีสองสั่งแยกย้าย พี่ฟานมันยังอยู่ที่ตึกคณะ คุยกับพี่โฬม รอบๆมันก็มีพี่ปีสามอยู่หลายคน จะให้ผมเข้าไปหามันตอนนี้เลยก็ใช่เรื่อง ผมเลยรออยู่ตรงทางออกตรงป้ายคณะ
ผมรออยู่นานมาก ก็ไม่เห็นว่าฟานจะออกมาซักที คริสเองก็มีท่าทีร้อนใจมากกว่าผมหลายเท่า มันคงจะเป็นห่วงน้องมันมาก เพราะไม่รู้ว่าไอ้พี่โฬมมันจะมาไม้ไหน มาหาประโยชน์อะไรจากน้องมันหรือเปล่า
“มึงไปฟังสิว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน” คริสพยักหน้าแล้วก็หายตัวไป
ผมยืนรออยู่ซักครู่คริสก็กลับมาพร้อมกับสีหน้าไม่สู้ดี
“ว่าไงบ้าง”
“โฬมกำลังจะไปส่งฟานที่บ้าน นายต้องติดรถสองคนนั้นไปให้ได้นะปาร์ค นั่นไง รถคันนั้น” คริสพูดจบรถเก๋งสีดำก็เลี้ยวออกมาจากตึกคณะ ผมรีบเดินเข้าไปเฉียดทันที แอบเสียวหน้าแข้งเหมือนกัน ถ้าชนก็คิดว่าหักอะ แต่ยังดีที่รถคันนั้นเบรกทัน
เอี้ยด !
“อ้าวน้อง” เสียงแรกเป็นคนขับ นั่นก็คือไอ้พี่โฬม
“อ้าวน้องปาร์ค ยังไม่กลับหรอ” เสียงต่อมาจึงเป็นคนฟานที่นั่งอยู่ข้างๆคนขับ
“อะ...อ้าวพี่ฟาน แหม่ พอดีเลยพี่ ผมว่าจะไปหาไรกินที่บ้านพี่พอดีเลยครับ ผมขอติดรถไปด้วยเนอะ แหะๆ”
แหะๆ พ่อง ! ผมเกลียดความหน้าด้านของตัวเองจริงๆเลย
พูดจบผมก็รีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งโดยไม่รอให้เจ้าของรถหรือใครอนุญาตทั้งนั้น เรียกว่าหน้าด้านแบบเต็มรูปแบบเลยทีเดียว
พอผมนั่งลงที่หลังรถปุ้บ ไอ้คริสก็โผล่มาข้างๆด้วยสีหน้ากังวลหนัก ผมจะคุยกับมันก็ไม่ได้ เลยได้แต่นั่งเงียบ ปล่อยให้พี่โฬมพูดอยู่คนเดียว
“พี่ก็ไม่รู้นะครับ ว่าน้องปาร์ครู้เรื่องของพี่กับคริสมากแค่ไหน แต่คงจะรู้มาไม่น้อยใช่ไหม ถ้าพี่จะพูดอะไรซักหน่อยคงไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” ไอ้พี่โฬมพูดขึ้น ผมยิ้มแหยๆแล้วพยักหน้าไป มันจะพูดอะไรวะ
“น้องฟาน พี่ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา"
“ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้”ฟานพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน มันไม่หันหน้าไปมองอีกคนด้วยซ้ำ กลับมองแค่กระจกมองหลังแล้วมองหน้าผม
“ไม่เป็นไรไม่ได้ครับ 7ปีที่แล้วพี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ฟานต้องสูญเสียพี่ชายไป พี่รู้สึกผิดมาก”น้ำเสียงของพี่โฬมราวกับว่าเขาเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ
“พี่ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดอะไรเลยครับ”
"แต่พี่ยังรู้สึกติดค้างอยู่ พี่อยากชดใช้ ต่อจากนี้ไปขอให้พี่ได้ชดใช้ได้ไหม... ให้พี่ได้ดูแลฟานนะครับ”
อ้าว.... นั่งฟังมาตั้งนาน ไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับกูเลยไหมหละ