คาถาที่ 20 [100%]หลังจากจัดของเสร็จ เรียวจันทร์กับเป็ดก็ออกมาด้านหน้าเต็นท์ ตามด้วยคมเขี้ยวกับดิน เรียวจันทร์เปลี่ยนจากกางเกงยีนขายาวเป็นกางเกงยีนขาสั้นที่เป็ดบอกได้เลยว่าถ้าหนังหน้า หนังผิวและหุ่นไม่ใช่แบบนังเรียวล่ะก็ คงจะถูกมองเหยียดไม่มากก็น้อย เพราะกางเกงมันสั้นเกือบเสมอหู ดีที่นังเรียวมันไม่มีขนขาและมันขาวผ่อง เรียวขาก็ยาวสมเป็นนายแบบ มันเลยใส่ออกมาแล้วดูดีเคียงคู่กับเชิ้ตลายสก็อตที่ไม่รู้มันตั้งใจจะให้แมทช์กับคุณคมเขี้ยวหรือเปล่า
“โห คุณเรียวขาเนียนจังครับ” ดินเอ่ยปากชมอย่างซื่อๆ สายตามองขาขาวเนียนเรียวยาวแทบละสายตาไปไหนไม่ได้ ไอ้ดินมันคิดว่าถ้ามีนมล่ะก็ นี่คือหุ่นผู้หญิงชัดๆ เพราะกางเกงยีนรับก้นงอนกับสะโพกผายนิดๆ ของเรียวจันทร์ได้อย่างลงตัว
“ดินชอบล่ะซี” เรียวจันทร์แกล้งแซวพร้อมกับยื่นขาขวาไปด้านหน้า ไอ้ดินก็ซื่อตอบตามจริง
“ชอบครับ เห็นแล้วอยากสัมผัส”
“เฮยๆ ไอ้ดิน มึงจะไปจับไปสัมผัสขาเขาง่ายๆ ได้ไง” คมเขี้ยวขัดขึ้น ไอ้ดินที่กำลังยิ้มซื่อ หันไปมองพี่ชายตัวเองหน้าบึ้งทันที
“โห่ ขาคุณเรียว ไม่ใช่ขาพี่สักหน่อย”
“ถ้าดินอยากจับ จับได้เลยนะ จับสูงขึ้นมาอีกนิดก็ได้” เรียวจันทร์หันก้นไปหาดินแล้วตีเบาๆ เป็นการเชิญชวน จากที่หน้าบูดใส่พี่ชายตัวเองเมื่อกี้นี้ ไอ้ดินก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างทันทีเมื่อได้รับการอนุญาตจากคุณเรียว
“แน่ะ แม่นี่ก็เชิญชวนเหลือเกิน แล้วแต่งตัวอะไรเนี่ย เดี๋ยวก็โดนทากดูดเลือดหรอก” คมเขี้ยวว่าสีหน้าหงุดหงิดเล็กๆ ขึงตามองขาขาวเนียนและเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีดำแดงรัดรูปของแม่คุณนายแล้วนึกอยากจับแม่ตัวดีตีก้นแรงๆ หลายทีให้ได้สติว่าอะไรควรใส่ไม่ควรใส่
“ไม่มีทากสักหน่อย ดินถามเจ้าหน้าที่มาแล้ว” คมเขี้ยวหันไปมองไอ้น้องชายบุญธรรมหน้าเอือมกับการขัดคอของมัน เป็ดหัวเราะเบาๆ เรียวจันทร์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ให้คมเขี้ยว
“ไม่ต้องเอาอะไรติดตัวไปมากนะ เดี๋ยวจะหนัก เอาของมีค่ากับน้ำติดตัวไป เพราะมันเดินไกล หิวน้ำแน่นอน อาหารเดี๋ยวไอ้ดินแบกไปให้” เมฆาที่เดินออกมาพร้อมกับบัวบูชาเอ่ยบอก ดินเดินไปหยิบตะกร้ากระบอกน้ำที่เป็นทรงกระบอกแบบเดียวกันทั้งหมดแต่คนละสี หยิบยื่นให้ของใครของมันตามที่ใช้กันประจำอยู่แล้ว จะมีก็ของเรียวจันทร์และเป็ดที่เพิ่มเข้ามา
“ป่ะ ป๋าโทรตามเจ้าหน้าที่ละ เขารออยู่ที่ลานจอดรถ” เมฆาบอกว่าจากตรงนี้ต้องขับรถเข้าไปอีกสองกิโล ซึ่งสามารถเดินได้ แต่ก็ไม่อยากให้เสียแรงเดิน อยากให้เก็บแรงไว้เดินในวันพรุ่งนี้จะดีกว่า
“น้ำตกที่เราจะไป เห็นเขาว่าสูงสักสามสี่ร้อยเมตรได้มั้ง มีกี่ชั้นนะ ห้ามั้ยไอ้ดิน” คุณป๋าหันไปถามไอ้ลูกชายอีกคนที่ขมวดคิ้วนึกอยู่
“เอ่อ มีเจ็ดค่ะคุณป๋า ด้านบนจะสวยที่สุด จะมีอ่างหินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอยู่หลายอ่างให้ลงไปแช่น้ำได้” สมาชิกบ้านพยัคฆ์เกรียงไกรหันไปมองเพื่อนสนิทของเรียวจันทร์ด้วยความแปลกใจ จะยกเว้นก็แต่บัวบูชาที่ยิ้มอ้อ ศศิประภายิ้มเขินเล็กๆ
“เมื่อกี้ตอนอยู่ห้องน้ำ หนูเป็ดเล่าให้ฟังว่าเพิ่งมาเมื่ออาทิตย์ก่อน มาทำอะไรนะลูก”
“มาสเก้าท์โลค่ะ คือมาสำรวจโลเคชั่นถ่ายซีรีส์อะค่ะเลยจำได้”
“อ้าว แบบนี้เราก็มีไกด์แล้วสิ” เมฆายิ้มแย้มอารมณ์ดี
“อู๊ย อย่าเลยค่ะ ให้เจ้าหน้าที่พาไปดีกว่า ตอนเป็ดมาคือจำใจมาอะค่ะ” ท่อนจำใจ เป็ดหันไปจิกตาใส่เพื่อนตัวเองที่ยืนตีหน้าแบ๊วอยู่ข้างคมเขี้ยวแบบเนียนๆ
“คุณพี่เป็ดมีอะไรแนะนำในการเดินขึ้นไปน้ำตกมั้ยครับ” ดินถามอย่างสุภาพ เป็ดหัวเราะคิกคักกับสรรพนามที่ดินเรียกตัวเอง
“ก็ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนะคะคุณน้องดิน แต่ก็ต้องสตรองมากพอเลยค่ะ เพราะหนทางก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มีแต่กลีบหิน ก้อนหิน ไม้ไผ่อะไรอย่างเนี้ยอะค่ะ” ทุกคนพยักหน้ารับ รวมทั้งเรียวจันทร์ที่พยักหน้าเออออห่อหมกไปด้วย
เจ้าหน้าที่หนุ่มวัยกลางคนที่คุณป๋าตามมาจำเป็ดได้เลยทักทายกันสั้นๆ ก่อนที่จะให้ทุกคนขึ้นรถจี๊ปสีดำเพื่อนั่งเข้าไปยังจุดสตาร์ทการเดินขึ้นไปน้ำตก
“ที่นี่เปิดมาได้จะสี่ปีแล้วครับ ไม่ค่อยมีคนรู้หรอก ธรรมชาติเลยยังอุดมสมบูรณ์มาก แต่ถ้าในอนาคตจะมีคนมาเพิ่ม เราก็พร้อมจะรักษาไว้อย่างดี เพราะป่าผืนนี้ในหลวงท่านอยากให้อนุรักษ์ไว้ให้เป็นสมบัติของชาติ” ทุกคนพยักหน้ารับฟังข้อมูลที่เจ้าหน้าที่บรรยายให้ฟังด้วยรอยยิ้ม พลางมองภูเขาสีเขียวขจีที่มีหลายสิบลูก
คุณเจ้าหน้าที่บรรยายต่อถึงเส้นทางขึ้นไปชมน้ำตกที่ตกลงมาเป็นสายจากยอดเขา และลดหลั่นลงมาเป็นชั้น แต่ละชั้นจะอยู่ห่างกันในระยะทางที่ไม่เท่ากัน การเดินทางไปกลับอยู่ที่แปดถึงสิบชั่วโมง ซึ่งรวมถึงเวลาถ่ายรูปและทานอาหารกลางวันบนนั้นด้วย คุณป๋าเลยเสริมว่าที่ให้ดินแบกอาหารไปด้วยเพราะจะขึ้นไปกินอาหารกลางวันกันบนน้ำตกชั้นบน เล่นน้ำกันสักพักแล้วก็ค่อยกลับลงมาข้างล่าง
ใช้เวลาไม่นานรถก็มาจอดบนถนนลาดยางเส้นหนึ่งที่คั่นกลางกับลำธารกว้างๆ ที่มีน้ำใสเห็นก้อนหินใต้น้ำไหลเอื่อยๆ ต้นไม้หลากพันธุ์ขึ้นสูงขึ้นต่ำริมลำธาร สีเขียวขจีหนาครึ้ม ได้ยินเสียงนกหลายชนิดร้องกังวานเป็นการต้อนรับ
“ไม่น่าใส่ขาสั้นมาเลยคุณเนี่ย เดินป่าอะไรใส่ขาสั้น” คมเขี้ยวบ่นเบาๆ ตอนที่มองป่าหนาทึบเบื้องหน้าอันเป็นเส้นทางที่พวกเขาจะต้องเดินไป แล้วหันมามองแม่คุณนายที่ใส่ขาสั้นราวกับจะไปเดินเล่นตลาดนัดยามเย็น
“นายก็ดูแลฉันอย่าให้ฉันเป็นอะไรสิ” เรียวจันทร์ยิ้มกริ่ม กะพริบตาปิ๊งๆ เป็นการอ้อน คมเขี้ยวถอนหายใจหนึ่งที ยกมือซ้ายตีก้นงอนๆ ของเรียวจันทร์เบาๆ ก่อนจะพาคนตัวเล็กเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งที่ทุกคนยืนรออยู่แล้ว
“หนูเรียวเดินระวังๆ นะลูก หกล้มขึ้นขาได้แผลเลยนะ เดี๋ยวจะไปเดินแบบไม่ได้”
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณป๋า เรียวมีบอดี้การ์ดดี…” เรียวจันทร์จับสายกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กสีดำของตัวเองแล้วหันไปมองคมเขี้ยวแว้บหนึ่ง ก่อนที่จะหันกลับไปมองพี่เจ้าหน้าที่
“…หมายถึงคุณพี่เจ้าหน้าที่ไงคะ ใช่มั้ยคะคุณพี่ คุณพี่จะดูแลหนูกับทุกคนอย่างดีใช่มั้ยคะ”
“แน่นอนครับ ผมรับเงินมาแล้วนี่” ทุกคนหัวเราะกับมุกตลกของพี่เจ้าหน้าที่ จะว่าไปพี่แกก็หน้าตาดี สูงดำล่ำสันพอประมาณ ใส่ชุดลายพรางทหารก็ดูเท่ไม่เบา
“มองไร” คุณนายที่กำลังเพลิดเพลินกับการพิจารณาพี่เจ้าหน้าที่หันไปมองหน้าคมเขี้ยวอย่างงงๆ ก่อนที่จะทำหน้าเก็ทกับคำถามเมื่อกี้นี้
“อ๋อ มองพี่เจ้าหน้าที่ ก็ตั้งใจฟังที่เขากำลังแนะนำไง” คมเขี้ยวหรี่ตามองแม่ตัวดี เรียวจันทร์เลิกคิ้วขึ้นงงๆ แล้วหันไปสนใจพี่เจ้าหน้าที่ต่อ
“ถึงแม้คุณเป็ดจะเคยมาแล้ว แต่ยังไงก็ต้องระวังนะครับ เพราะฝนตกไปเมื่อวาน หินมันอาจจะลื่นกว่าครั้งก่อนที่คุณเป็ดมา…” พี่เจ้าหน้าที่หันมามองหน้าคนที่เหลือ
“…รองเท้าใครดีไม่ดีก็จะได้รู้กันงานนี้แหละครับ” ทุกคนหัวเราะเบาๆ อีกรอบ เรียวจันทร์ชูแขนซ้ายขึ้นก่อนเอ่ยปากถาม
“พี่ชื่ออะไรอะคะ เรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย”
“อ๋อ โทษทีครับ ผมชื่อไม้” พี่ไม้ที่ทุกคนเพิ่งรู้จักยิ้มอบอุ่นละมุนละไม
“โห ชื่อม๊อเหมาะกับหน้าที่การงานเหลือเกิน หวังว่าคงจะไม่ใช่ไม้หน้าสามแล้วมาฟาดหน้าหนูนะ” เมฆาหัวเราะลั่นกับคำพูดของเรียวจันทร์ เป็ดหัวเราะเสียงแหบเสียงแห้ง ดินยิ้มกว้างด้วยความตลก บัวบูชายิ้มบางๆ คงจะมีแต่คมเขี้ยวที่ยืนหน้านิ่งเฉย
“ไปครับ ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลย จะได้ทันมื้อเที่ยง” เจ้าหน้าที่หนุ่มเดินลงไปในลำธารที่สูงแค่หน้าแข้งของเจ้าตัว ตามไปด้วยเมฆา บัวบูชา เป็ดและดิน และปิดขบวนด้วยคมเขี้ยวที่ตอนนี้ยังยืนนิ่งไม่ยอมขยับจนเรียวจันทร์ต้องหันกลับไปจูงมือให้เดินตามมา น้ำในลำธารเย็นเฉียบ เรียวจันทร์ร้องตื่นเต้นอย่างเริงร่า
“นายเขี้ยวกุด น้ำใสมากเลยเนอะ” เรียวจันทร์หันไปยิ้มแย้มให้กับคนที่ตัวเองจับมืออยู่ พ่อร่างสูงกระตุกยิ้มเพียงนิด เรียวจันทร์ขมวดคิ้วแล้วหยุดเดิน หมุนตัวไปหาคมเขี้ยว
“ยิ้มกว้างๆ สิ ยิ้มทำไมแค่นี้” เรียวจันทร์เอียงคอมองหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่ายอย่างุนงง ก่อนที่จะยกแขนรั้งคอคมเขี้ยวให้ก้มลงมารับจูบ คุณนายกดริมฝีปากไว้กับริมฝีปากคมเขี้ยวอยู่ครู่หนึ่งถึงได้ปล่อย
“ยิ้มกว้างได้ยัง” คมเขี้ยวกระตุกยิ้มมากขึ้นอีกนิด เรียวจันทร์คลี่ยิ้ม กำลังจะยื่นหน้าเข้าไปจูบคมเขี้ยวอีกทีแต่ก็ไม่ทันได้ทำ
“พี่เขี้ยว!” เสียงดินตะโกนเรียกเลยทำให้ทั้งสองคนผละออกจากกัน เรียวจันทร์หมุนตัวและรีบเดินฝ่ากระแสน้ำไปขึ้นบกอีกฝั่ง มีคมเขี้ยวเดินปิดท้ายตามมาติดๆ พอเดินไปตามเส้นทางเล็กๆ ก็เจอทุกคนยืนรออยู่
“โทษทีค่ะ น้ำเย็นเลยเล่นเพลินไปหน่อย” พวกเมฆาอมยิ้มและพากันเดินต่อไป เป็ดชะเง้อหน้ามองเพื่อนแล้วหรี่ตามองอย่างจับผิด เรียวจันทร์ปั้นหน้าใสซื่อ ยิ้มเบ้ปากและเดินตามหลังดินไป หันไปมองคมเขี้ยวที่ตอนนี้สีหน้าดีขึ้นแล้ว
เรียวจันทร์ยกมือถือขึ้นมาถ่ายภาพระหว่างทาง แต่ก็ไม่ได้ว่ากดถ่ายทุกช็อต เพราะพี่ไม้แจ้งว่าตอนนี้มันจะมีแต่ต้นไม้ใบหญ้าหนาทึบ ยังถ่ายรูปไม่สวย ที่สวยสุดคงเป็นเห็ดหลากสีและหลากรูปทรง เช่น เห็ดทรงแก้วไวน์สีแดงที่แม่คุณนายถูกอกถูกใจ นั่งแชะไปหลายมุมจนขบวนด้านหน้าเดินห่างออกไปแล้ว
“พอแล้วคุณนาย หัดซึมซับผ่านสายตาบ้าง” คมเขี้ยวที่ยืนสูงตระหง่านรอแม่ตัวดีถ่ายรูปมุ่ยหน้าใส่ เรียวจันทร์ลุกขึ้นยืนยิ้มแฉ่ง เดินเข้าไปหาคมเขี้ยว เขย่งตัวยกแขนกอดคอหนาไว้
“งั้นถ่ายกับนายก่อน ตรงนี้ยังพอมีสัญญาณสี่จีอยู่บ้าง ฉันจะอัพรูป” คมเขี้ยวมุ่ยหน้าใส่หนักกว่าเดิม แต่ก็ยอมก้มหน้าเอาแก้มตัวเองแนบแก้มนิ่มของเรียวจันทร์ มองกล้องแล้วยิ้มน้อยๆ ปล่อยให้เรียวจันทร์ยิ้มกว้างคนเดียว เจ้าของมือถือกดถ่ายไปหลายรูป พอพอใจแล้วก็ปล่อยคอคมเขี้ยวออก
“แคปชั่นว่าไรดีอะ”
“แรดมาเยี่ยมถิ่นกำเนิด” เรียวจันทร์อ้าปากหวอตาโต ยื่นมือขวาไปตีเป้าคมเขี้ยวเบาๆ จนคนตัวสูงเผลอเกร็งหน้าท้อง คมเขี้ยวยิ้มขำ จับมือเรียวจันทร์ออกจากเป้าตัวเอง
“รีบอัพเข้า จะได้เดินต่อ” เรียวจันทร์จิ้มอยู่หลายสิบทีก่อนที่จะเก็บมือถือลงไปในกระเป๋าสะพายข้างของตัวเอง
“ป่ะ”
“เดินระวังๆ หญ้ามั่ง เดี๋ยวผื่นขึ้นจะแย่” เรียวจันทร์พยักหน้าหงึกๆ ในขณะที่เท้าก็ก้าวเดินตามดินที่ทิ้งห่างไปไกลแล้วเร็วๆ
พี่ไม้บรรยายเพิ่มเติมว่า เส้นทางไปน้ำตก ยังไม่ใช่เรื่องยาก แค่มันลำบากตอนปีนขึ้นก้อนหิน ปีนขึ้นทางลาดที่ตอนนี้น่าจะเริ่มเละเป็นโคลนไปบ้างแล้ว ทางที่ยากจริงๆ คือเส้นทางปีนเขาในวันพรุ่งนี้ต่างหาก อันนั้นต้องเดินตามเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด และต้องมีเจ้าหน้าที่ปิดท้ายด้วยเพื่อความปลอดภัย เพราะทางไปยอดเขาไม่มีชัดเจน อีกอย่างมีเส้นทางเก็บเห็ด เก็บของป่าของชาวบ้านด้วย อาจทำให้หลงได้
“ใกล้ครึ่งทางละครับ พ้นลำธารนี้ไป” เรียวจันทร์ทำตาโต นึกในใจว่ายังไม่ถึงครึ่งทางอีกเหรอนี่
“เอาน้ำมั้ยคุณเรียว” เรียวจันทร์ที่กำลังพยายามฝืนเดินฝ่ากระแสน้ำหนักๆ หันไปมองคมเขี้ยวที่ถือกระบอกน้ำของตัวเองอยู่ในมือ แว้บแรกนางกระตุกยิ้ม แต่พอล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปในน้ำ หน้าก็เปลี่ยนเป็นเหวอทันที
“อ้าว หนูเรียวลูก ใจเย็นๆ ยังไม่ถึงที่เล่นน้ำ” พวกเมฆาที่เดินขึ้นไปยืนบนฝั่งได้แล้วหันมาแซวพร้อมเสียงหัวเราะ เรียวจันทร์ทำปากยื่นหน้างอ ตอนนี้นางเปียกเกินครึ่งตัวไปแล้ว
“เอ้า ลุกขึ้นมา อยากเล่นน้ำอะไรขนาดนั้น” คมเขี้ยวยิ้มกว้างขำขัน ยัดกระบอกน้ำที่ปิดฝาแล้วลงไปในกระเป๋าสีเขียวของตัวเองที่สะพายอยู่ด้านหลัง เขายื่นมือขวาไปดึงเรียวจันทร์ให้ลุกขึ้นมายืน เสียงน้ำไหลพรืดลงจากตัวเรียวจันทร์
“ต๊าย กะว่าเปียกน้ำแล้วจะเซ็กซี่เต็มที่สินะ” เรียวจันทร์หันไปเบะปากใส่เพื่อนตัวเองแรงๆ และก้าวเท้าเดินต่อโดยมีคมเขี้ยวคอยช่วยพยุงไม่ให้ล้มลงไปในน้ำอีก
“ไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนอีก ไปทั้งยังงี้แหละ” คมเขี้ยวว่าหลังจากพาแม่ตัวดีขึ้นมายืนบนฝั่งได้แล้ว เรียวจันทร์ย่นจมูกนิดหน่อยแต่ก็พยักหน้ารับ
“ถึงข้างบนค่อยเอาผึ่งแดดไว้ก็ได้ครับ…” พี่ไม้ชะงักไปนิด แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าทุผ่านยอดต้นไม้ไป
“…โห แต่แดดก็น้อยเหลือเกิน ครึ้มมาเชียว”
“ไม่เป็นไรค่ะ เรียวอยู่ได้” เจ้าหน้าที่หนุ่มพยักหน้าและก้าวเท้าเดินนำทุกคนต่อไป
เส้นทางที่จะไปถึงน้ำตก มีก้อนหิน โขดหินตั้งทับ ตั้งซ้อนกัน บ้างก็ตั้งทับกันสูงจนเป็นคล้ายหน้าผาขนาดย่อม ต้องระมัดระวังในการปีนป่าย บางก้อนมีตะไคร่จับตัวยิ่งทำให้ต้องระวังเพราะถ้าก้าวพลาดอาจลื่นหน้าแหก เรียวจันทร์โชคดีมีคมเขี้ยวค่อยช่วยประคอง ชวยพยุงมาตลอดทาง
“ตอนนี้ใกล้จะครึ่งทาง แบบครึ่งทางจริงๆ แล้วนะครับ” พี่ไม้หันมาบอกในขณะที่ใช้มือจับต้นไม้ดึงตัวเองให้เดินขึ้นไปบนเนินดิน เมฆาส่งเสียงให้กำลังใจทุกคน เรียวจันทร์หันไปมองคมเขี้ยวที่กำลังปีนตามขึ้นมาอย่างสบายๆ แล้วหันกลับไปมองทางต่อพลางขมวดคิ้วครุ่นคิด
พ้นจากกองหิน ก็เป็นทางเดินดินปกติที่เละนิดหน่อย เดินต่อไปอีกเกือบสิบนาทีทุกคนก็ได้ยินเสียงน้ำไหล ดินส่งเสียงร้องวู้วด้วยความดีใจ เดินต่อไปอีกสักพักก็เจอกับน้ำตกชั้นที่หนึ่งที่เป็นแอ่งขนาดเล็ก มีน้ำไหลลงมาจากด้านบน และน้ำที่ไหลลงมาก็ไหลต่อลงไปด้านล่าง ซึ่งน่าจะไปเชื่อมเป็นลำธารที่ทุกคนเดินผ่านมาเมื่อตอนต้นทาง
“โอ๊ย ขนาดเป็ดเคยมาแล้ว เป็ดว่าเป็ดยังเหนื่อยอยู่เลยค่ะ” เป็ดหอบน้อยๆ ค่อยๆ นั่งลงบนโขดหินสีเข้มที่มีตะไคร่น้ำเกาะริมน้ำตก คนอื่นนั่งแยกใครแยกมัน หยิบกระบอกน้ำขึ้นมาดื่มกิน คมเขี้ยวกับเรียวจันทร์นั่งลงบนโขดหินรอบนอกกันสองคน
“น้ำมั้ย” คมเขี้ยวยื่นกระบอกน้ำสีขาวของเรียวจันทร์ให้เจ้าตัว เรียวจันทร์รับมาและมองหน้าคมเขี้ยวงงๆ นิดหน่อย
“นายได้กินน้ำมั่งรึยังเนี่ย”
“ยัง ก็เพิ่งจะกินพร้อมคุณเนี่ยแหละ” คมเขี้ยวหยิบกระบอกน้ำสีดำของตัวเองขึ้นมาหมุนฝาออก เรียวจันทร์มุ่นคิ้วหน้ายังงงๆ อยู่
“ฉันนึกว่านายกินตั้งแต่ลำธารที่สอง” คมเขี้ยวสั่นหัว ยกกระบอกน้ำกระดก
“ก็ว่าจะกิน แต่คุณลงไปเล่นน้ำก่อนไง” เรียวจันทร์ทำหน้าว่าอ้อ หมุนฝากระบอกน้ำออกแล้วยกขึ้นดื่มบ้าง
“เขี้ยว พาหนูเรียวมาถ่ายรูปเร็ว” เมฆาตะโกนบอกมาจากแนวหินชั้นบนของน้ำตก เรียวจันทร์ยื่นกระบอกน้ำตัวเองไปให้คมเขี้ยวเก็บไว้ตามเดิม และพากันเดินขึ้นไปถ่ายรูปกับน้ำตกชั้นแรกโดยมีพี่ไม้เป็นคนกดถ่ายให้
หลังจากถ่ายรูปและชื่นชมความเขียวชอุ่มชุ่มชื่นของน้ำตกชั้นแรกกันเสร็จ พี่ไม้ก็เดินนำทุกคนไปต่อกับน้ำตกชั้นที่สองที่อยู่ห่างกันเกือบกิโล และแน่นอนว่าเมื่อถึงชั้นใหม่ก็ถ่ายรูปใหม่ เมื่อขึ้นไปถึงชั้นสาม สี่ ห้าและหกก็ยังคงถ่ายรูป ยังดีที่ว่าแต่ละชั้นจะมีความแตกต่างกันในรูปทรงของหินที่วางอยู่ในน้ำหรือรอบๆ หรือเขตรอบนอก และแต่ละชั้นจะมีพันธุ์ไม้ ดอกไม้ที่แตกต่างกันอย่างน้อยสักสี่ห้าชนิดตามที่พี่ไม้บรรยายให้ฟัง เลยทำให้ได้แบ็คกราวด์ที่ไม่ได้เหมือนกันไปหมดซะทีเดียว
ในระหว่างทางที่กำลังขึ้นไปนำตกชั้นที่เจ็ด เรียวจันทร์ก็เริ่มสังเกตว่าคมเขี้ยวมีอาการคอยพ่นลมออกทางปากเบาๆ ใบหน้าแดงน้อยๆ คมเขี้ยวยกมือโบกลมเข้าตัวเองเป็นระยะ
“นายร้อนเหรอ” คมเขี้ยวพยักหน้าขึ้นหนึ่งที
“อือ ร้อนอ้าวๆ หน่อย” เรียวจันทร์หยุดเดิน ยกมือขึ้นไปแตะหน้าผากคมเขี้ยว ก่อนจะลูบลงมาที่แก้ม ในตอนนั้นเองที่ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าปอดลึก รู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง มองเรียวจันทร์เปลือกตาไม่กะพริบ ค่อยๆ กลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก
“ตัวก็ไม่ร้อน สงสัยเพราะอากาศอ้าวมั้ง” เรียวจันทร์ลูบหน้าคมเขี้ยวอีกที ร่างสูงหลับตาพริ้ม ลมหายใจสั่นหวิว สันกรามนูนชัดเพราะขบไว้แน่น เรียวจันทร์ปล่อยมือออกจากหน้าคมเขี้ยว ยื่นมือไปจับมือคนตัวโตไว้และพากันเดินตามคนอื่นๆ ไป
พอขึ้นมาถึงน้ำตกชั้นบนสุดก็คงต้องบอกว่ามันคุ้มค่ากับความเหนื่อยที่ปีนป่ายกันขึ้นมา สันเขาสีเข้มที่มีพันธุ์ไม้พันธุ์เล็กขึ้นเต็มชั้นหิน และมีพันธุ์ไม้ใหญ่แต่ก็ไม่ใช่ต้นใหญ่ตระการตาขึ้นบริเวณชั้นพื้นดินรอบๆ ชั้นหินแบ่งเป็นสองขั้น ตกลงมาจากยอด แล้วกระทบกับพื้นหินชั้นแรกก่อนจะโปรยละอองสีขาวซ่าจากด้านบนสู่ด้านล่างทีเป็นแอ่งขนาดใหญ่อีกที น้ำที่ตกลงมาจากชั้นแรกกระทบกับพื้นหินชั้นที่สองดังซู่และแตกซ่านกระจายเป็นระยะ และไหลยาวลงมาเป็นม่านน้ำตกสีขาวขนาดใหญ่ กระทบกับพื้นเสียงดังไม่แพ้หินชั้นแรก แล้วก็ไหลทอดยาวไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางหินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ผืนน้ำด้านล่างใสอย่างที่เรียกว่าใสจริงๆ มองเห็นพื้นหินพื้นดินในน้ำอย่างชัดเจน สะท้อนเงาใบไม้กิ่งไม้พันธ์ขนาดใหญ่ที่ขึ้นตามริมน้ำตกด้านนอกอย่างสวยงามราวกับเป็นภาพวาด
“โอ้ สวยจริงๆ เว้ย” เมฆามองไปรอบๆ ด้วยรอยยิ้มกับภาพที่เห็น เขาสังเกตเห็นลูกชายตัวเองขยับปกเสื้อตัวเอง และพ่นลมออกทางปากเงียบๆ
“ไอ้เขี้ยว ร้อนเรอะ?”
“นิดหน่อยป๋า” คมเขี้ยวตอบพลางปลดสายกระเป๋าออกจากบ่าวางไว้บนพื้นโขดหินขนาดใหญ่ที่ทุกคนกำลังยืนอยู่
“อากาศชวนฝนตกขนาดนี้ มาร้อนได้ไงวะ” คมเขี้ยวสั่นหัว แลบลิ้นเลียริมฝีปากสองสามที
“ผมอยากลงแช่น้ำคลายร้อนก่อน แล้วค่อยกินข้าวได้ป่ะ”
“ก็แล้วแต่ อยากทำไรทำ” คมเขี้ยวพยักหน้ารับ เจ้าหน้าที่บรรยายเพิ่มเติมว่าตรงจุดไหนเล่นน้ำได้ และจุดไหนเล่นไม่ได้ให้ทุกคนทราบ คมเขี้ยวมองไปทางด้านในของเส้นทางโขดหินที่ตั้งเรียงไล่ละดับไม่ต่างกันมากตามที่เจ้าหน้าที่บอกว่าด้านในจะเงียบสงบที่สุด
“ผมจองด้านในสุดนะ” ว่าเสร็จคมเขี้ยวก็เดินตัวปลิวไปตามโขดหิน
“เออ ไม่มีใครไปแย่งแกหรอก มีจองด้วยเว้ย” คุณป๋าว่าขำๆ ในขณะที่ช่วยภรรยาตัวเองจัดเตรียมอาหารเที่ยง เผื่อเอาไว้ว่าใครหิวอยากจะกินก่อน
เรียวจันทร์เม้มปาก หันไปมองเป็ด แม่สาวดำขำถลึงตามองเล็กน้อย บุ้ยปากไปทางที่คมเขี้ยวเดินไป คุณนายก้มลงมองกระเป๋าของคมเขี้ยวแล้วหยิบขึ้นมา “เดี๋ยวเรียวเอากระเป๋าไปให้พี่เขี้ยวก่อนนะคะ เผื่อเขาจะใช้อะไรในนี้”
“แล้วหนูเรียวจะกินข้าวก่อนมั้ยลูก หรือจะลงเล่นน้ำพร้อมพี่เขี้ยว” เรียวจันทร์อ้าปากหวอก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อได้ยินบัวบูชาพูดแบบนั้นพร้อมรอยยิ้มล้อๆ
“เอ่อ… ถ้าไม่โดนไล่ตะเพิดกลับมาก็อาจจะมากินข้าวช้าหน่อยนะคะ” เรียวจันทร์ตอบอ้อมแอ้ม เม้มปากกลั้นเขินจากสายตาล้อเลียนของเมฆาอีกคน พอหันไปมองเป็ดก็เห็นเพื่อนสนิททำมือปัดๆ ใส่และทำหน้าว่าไปเถอะๆ ส่วนดินกำลังยืนคุยกับพี่ไม้อยู่
เรียวจันทร์หมุนตัวเดินไปตามทางที่คมเขี้ยวเดินไป ก้าวยาวๆ ข้ามโขดหินจากอีกก้อนไปอีกก้อน ชะเง้อมองหาร่องรอยของคมเขี้ยวก็ยังไม่เจอ เลยต้องเดินต่อไป หันซ้ายแลขวาไปด้วยเผื่อจะเจอว่าคมเขี้ยวแอบอยู่ตรงไหน เสียงน้ำตกตกกระทบพื้นด้านหลังดังแว่วมาให้ได้ยิน สลับกับเสียงนกร้องก้องป่า เรียวจันทร์แหงนหน้ามองท้องฟ้า บรรยากาศครึ้มพร้อมจะคายฝนตกลงมา แต่ก็ยังพอมีแสดงแดดรำไรๆ เล็ดลอดออกมาจากหมู่เมฆอยู่บ้าง
เรียวจันทร์รู้สึกว่าตัวเองเดินมาไกลมากจนต้องหันหลังกลับไปมอง กิ่งไม้ที่แผ่อยู่เหนือโขดหินบดบังทัศนียภาพด้านหลังจนเกือบมิด พอหันกลับมามองด้านหน้าก็ต้องขมวดคิ้ว นึกในใจว่าตาเขี้ยวกุดเขาเดินไปถึงไหนกัน คุณนายก้าวเท้าเดินต่อ ผ่านความเขียวชอุ่มด้านขวามือของป่าหนาทึบ ด้านซ้ายเป็นฐานหินภูเขาของน้ำตกที่เบื้องล่างมีน้ำตกใสๆ โอบล้อม มีแอ่งน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอย่างที่เป็ดบอก และพอเดินต่อเข้าไปจนด้านในสุดทางโขดหิน เรียวจันทร์ก็เจอกับคมเขี้ยว
ร่างสูงกำลังยืนแช่น้ำอยู่ในแอ่งหิน ร่างกายเปลือยเปล่าโชว์ก้ามเนื้อสีแทนคร้ามแดดของแผ่นหลังที่อัดแน่นด้วยมัดกล้าม เสื้อผ้าถูกถอดวางไว้บนโขดหิน เรียวจันทร์วางกระเป๋าลงที่เดียวกัน ก่อนจะเริ่มถอดเสื้อผ้าตัวเองออก
คมเขี้ยวยืนกัดฟันแน่น วักน้ำขึ้นล้างหน้าล้างตาเพื่อให้อาการดีขึ้น เขาร้อนรุ่มไปทั้งตัว รู้สึกถึงอาการตื่นตัวแปลกๆ ในเรื่องอย่างว่า ตอนที่เรียวจันทร์โดนตัวเขา มันรู้สึกวูบวาบไปทั้งร่างโดยเฉพาะไอ้ลูกชายที่เหมือนจะกู่ร้องเป็นพิเศษ เขาเอามือเท้าเอว หลับตาแล้วแหงนหน้าขึ้น
“นายโอเครึเปล่า” เสียงนุ่มมาพร้อมกับสัมผัสจากมือนิ่มที่ลูบจากเอวขึ้นมาที่หัวนม คมเขี้ยวหันขวับไปมองก็เจอกับเรียวจันทร์ในร่างเปลือยเปล่า โชว์ผิวขาวเนียนละเอียดอย่างกับน้ำนม คมเขี้ยวมองเรียวจันทร์ด้วยความรู้สึกร้อนวูบวาบ สองมือจับข้อมือเรียวจันทร์เอาไว้กันอีกฝ่ายสัมผัสตัวเขาเอง
“ลงมาทำไม กลับขึ้นไปเถอะ” เรียวจันทร์ก้มลงมองด้านล่าง ที่ใต้น้ำความเป็นชายของคมเขี้ยวค่อยๆ ตั้งผงาดขึ้นมา เรียวจันทร์เงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงที่ยืนหน้าเปียกแดงก่ำที่กำลังมองตัวนางด้วยสายตาพร่ามัว เรียวจันทร์บิดข้อมือตัวเองออกจากมือคมเขี้ยว ดึงมือใหญ่หนาของฝ่ายนั้นให้มาสัมผัสผิวตัวเอง คมเขี้ยวกัดฟันแน่น สองมือเกร็งไม่กล้าจับผิวเรียวจันทร์เต็มมือ
ร่างขาวเนียนละเอียดขยับเข้าไปใกล้ร่างเข้มคร้ามแดดมากขึ้น ยกสองแขนขึ้นคล้องคอหนา คมเขี้ยวทำท่าจะถอยหนี แต่เรียวจันทร์กระชับวงแขนไว้แน่น ยื่นหน้าไปหอมแผ่นอกล่ำหนาของคมเขี้ยว
“อ่า… คุณเรียว อย่า…” เรียวจันทร์เลื่อนลงไปจูบตรงต้นคออุ่นๆ ของคมเขี้ยวแผ่วเบาแล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่กำลังมองนางอยู่เช่นกัน ใบหน้าทั้งสองอยู่ห่างกันพอสมควรเนื่องจากคมเขี้ยวตัวสูงกว่ามาก
“อยากก็ทำสิ…” เรียวจันทร์ว่าเสียงกระซิบ มือขวายกขยุ้มเส้นผมตรงท้ายทอยของคมเขี้ยวเบาๆ
คมเขี้ยวยืนกลืนน้ำลายลงคอดังอึก มองหน้าแสนยั่วของเรียวจันทร์นิ่ง สองมือเคลื่อนลงต่ำไปตามแรงอารมณ์ กอบกุมก้นแสนงอนของร่างขาวสะอาดตาไว้ในมือทั้งสองข้าง สายตาของเขาจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลสุกใสของแม่กวางน้อยที่ยืนรอเสืออย่างเขาเข้าไปขย้ำ
ยังไม่ทันที่กวางจะออกวิ่ง เสือตัวโตก็ก้มลงขย้ำซอกคอขาวนุ่มแสนหอมอย่างตะกละตะกลาม ทั้งสูดดม ซุกไซ้รุนแรงโดยที่เหยื่อก็แหงนหน้าขึ้นด้วยความเต็มใจที่จะให้พ่อพยัคฆ์ฝังเขี้ยวลงไปในตัวเองแรงๆ
เรียวจันทร์เปิดเปลือกตาขึ้น ในขณะที่คมเขี้ยวไซ้คอนางไม่หยุด ร่างเล็กหอบหายใจกระชั้นถี่กับแรงอารมณ์ที่พุ่งขึ้น สองมือเลื่อนลงมาจิกไหล่คมเขี้ยว ร่างสูงรัดเอวนางไว้แน่นจนด้านหน้าของนางแนบชิดติดกับกล้ามท้องของคนตัวโต
เรียวจันทร์กรีดยิ้มบางเฉียบและเอียงคอให้คมเขี้ยวไซ้อีกฝั่งอย่างเท่าเทียมกัน
เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้
กรี๊ดดดดด คุณแม่โดนพยัคฆ์ตะครุบแล้วค่าาา แอร๊ยยย กวางน้อยจะโดนย่ำยีเละขนาดไหนกัน อะคริๆ แต่เชื่อว่าขุ่นแม่เรียวนางเตรียมตัวมาพร้อมเพื่อสิ่งนี้มานานแล้ว นางคงพร้อมเยียวยารักษาตัวเองในภายหลัง
เสือกับกวางอยู่ในป่า เขาก็ต้องได้กันในป่านี่แหละค่ะเหมาะที่สุดแล้ว 55555 กลับคืนสู่ธรรมชาติที่แท้จริม วี้ดวิ้ววว
ขุ่นแม่เลือกจิ้มโลเคชั่นเสียตัวได้พีคมาก ที่บ้านอาจไม่เร้าใจหรือยังไงไม่ทราบเลยขอมาเสียตัวในป่า ทาร์ซานสุดฤทธิ์ ฮ่าๆๆ
แต่ก็เอ๊ะ... จะมีอะรไมาขัดรึเปล่าเนี่ย -..- ไม่ใช่ว่าตะครุบเหยื่อแล้ว มีอันต้องปล่อยเหยื่อให้หลุดไปนะพ่อพยัคฆ์
แท็ก #WorksTheMagic หรือ #คมเขี้ยวเรียวจันทร์ ก็ได้ค่ะ