*~.Works The Magic! ร่ายมนตร์รักกับดักนาง(ย)มาร.~*คาถาที่ ๓๓ [END]:15.07.60:
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *~.Works The Magic! ร่ายมนตร์รักกับดักนาง(ย)มาร.~*คาถาที่ ๓๓ [END]:15.07.60:  (อ่าน 279010 ครั้ง)

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8

คาถาที่ 16 [100%]




ช่วงสี่โมงเกือบจะห้าโมงเย็น เรียวจันทร์เคลียร์เอกสารรายรับรายจ่ายของนมวัวในฟาร์มเสร็จเรียบร้อยก็ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย และเดินออกไปจากออฟฟิศ วันนี้ฟาร์มเปิดให้คนนอกเข้ามาเที่ยว แต่ก็ไม่ได้เยอะแยะมากมาย เพราะเป็นวันธรรมดา ตอนแรกนางก็ไม่ค่อยจะเข้าใจหรอกว่าทำไมไม่เปิดให้เข้าทุกวัน แต่พออยู่มาสักพัก

 

 

ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ก็ไม่คิดไปเซ้าซี้ถามเรื่องนี้ เจ้าของเขาอยากจะเปิดจะปิดยังไงก็เรื่องของเขาเถอะ

           

 

RRRrrr!

           

 

มือถือนางสั่นไหวยิ่งกว่าหัวใจของนางอีกครั้ง พอหยิบขึ้นมาดูจากกระเป๋ากางเกงก็เห็นเป็นเบอร์คุณป๋าโทรมา

           

 

“ค่า คุณป๋า”

           

 

[หนูเรียว ป๋าวานเอาของที่มาส่งหน้าออฟฟิศไปเก็บบนบ้านทีลูก ไอ้ดินมันไปตัดหญ้าให้ม้า ไอ้เขี้ยวโทรไปก็ไม่รับสาย] นางหันรีหันขวางอยู่สักพักก็เห็นกล่องเบียร์สองกล่องและถุงใส่ชุดใหญ่ๆ หนึ่งถุงวางอยู่ตรงเก้าอี้ไม้ยาวหน้าออฟฟิศ

           

 

“กล่องเบียร์สองกล่องกับถุงใส่ชุดที่วางอยู่นี่ใช่มั้ยคะ”

           

 

[อ้า ใช่ๆ ลูก เอาขึ้นไปเก็บบนบ้านทีนะ บ้านไม่ได้ล็อคหรอก]

           

 

“ได้ค่ะคุณป๋า แล้วนี่คุณป๋าอยู่ไหนเหรอคะ”

           

 

[ป๋ากับแม่พาเพื่อนมากินข้าวลูก ดึกๆ แหละคงถึงบ้าน วันนี้ก็กินข้าวกับพี่เขี้ยวกับดินไปนะ]

           

 

“โอเคค่ะคุณป๋า กินอาหารให้สนุกนะคะ” คุณป๋าวางสายไป แล้วเรียวจันทร์ก็นึกขึ้นได้ว่า การบอกให้กินอาหารให้สนุกมันเป็นยังไง

           

 

ร่างเล็กเดินถือลังและถุงใส่ชุดที่ดูท่าว่าน่าจะเป็นชุดสูทไปทางบ้านใหญ่ ลัดเลาะไปทางหลังออฟฟิศเพื่อหลบผู้คน ใช้แขนซ้ายโอบลังและมือข้างเดียวกันถือถุงชุดเอาไว้เพื่อใช้แขนขวาดันประตูใหญ่และปิดตามหลัง เดินขึ้นบันไดบ้านด้วยความทุลักทุเลเล็กน้อยเนื่องจากกล่องลังหนักสำหรับคนตัวเล็กๆ อย่างนาง และชุดที่ถือก็หนักมาก ไม่รู้ว่าข้างในถุงนั่นคือชุดอะไรก็ตาม

           

 

พอเดินขึ้นมาบนบ้าน เรียวจันทร์ก็ใช้มือขวาดันประตูกระจกขอบไม้อีกทีเพื่อเข้าไปในตัวบ้าน เดินไปตรงโซฟารับแขกแล้วค่อยๆ วางกล่องลังบนโต๊ะไม้และตามด้วยถุงใส่ชุด พอตอนที่กำลังจะเดินออกไปนอกบ้าน เรียวจันทร์ก็เห็นคมเขี้ยวเดินใส่ผ้าขนหนูออกมาที่ห้องครัว ท่อนบนเปลือยเปล่า หยดน้ำเกาะเต็มตัว บนหัวเต็มไปด้วยฟองแชมพู ตาขวาปิดไว้ด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก มีตาซ้ายคอยนำทาง

           

 

“นายทำอะไรอะ” คมเขี้ยวหันมามองด้วยความตกใจนิดหน่อย แต่สักพักก็ร้องโอ๊ยเพราะแชมพูบนหัวไหลเข้าตาซ้ายอีกข้าง

           

 

“เอ้าๆ แล้วทำไมไม่ล้างหัวก่อนเนี่ย”

           

 

“มีคนงานทำท่อน้ำแตกเลยต้องปิดน้ำเพื่อซ่อม” คมเขี้ยวว่าทั้งที่ตาปิด สองมือพยายามควานหาอะไรสักอย่าง

           

 

“นายหาอะไรน่ะ”

           

 

“น้ำเปล่า ขอสักสามสี่ขวด” เรียวจันทร์มองซายมองขวาก็เจอกับน้ำเปล่าแบรนดังวางอยู่ด้านล่างข้างเค้าน์เตอร์ครัว นางก้มลงไปหยิบขึ้นมาสี่ขวด หอบไว้เต็มสองแขน

           

 

“จะล้างตรงไหน ซิงก์ล้างจานเลยมั้ย” คมเขี้ยวพยักหน้าทั้งที่ตาปิดแน่นด้วยความแสบ เรียวจันทร์รีบวางขวดน้ำไว้บนเค้าน์เตอร์ครัว ยื่นแขนไปจับท่อนแขนล่ำของคนตัวสูงแล้วลากมายืนตรงอ่างล้างจาน

           

 

“ค่อยๆ ก้มหน้าลง อย่างนั้นๆ เดี๋ยวฉันเทน้ำล้างหน้าให้ก่อน” คมเขี้ยวโค้งตัวลง สองมือค้ำขอบอ่าง เรียวจันทร์เปิดฝาขวดน้ำ เทลงบนหน้าคมเขี้ยว ชายหนุ่มยกสองมือล้างฟองออกจากใบหน้าและดวงตา จังหวะที่กำลังถูหน้าถูตาเพื่อล้างแชมพูออก ผ้าขนหนูที่ผูกเอวไว้หลวมๆ ก่อนออกจากห้องนอนเมื่อกี้ก็ค่อยๆ คลายตัวหลุดออก

           

 

“เฮ้ย! ผ้าหลุดๆ” เรียวจันทร์อ้าปากหวอแต่ก็มีสติดีที่จะรีบยื่นมือขวาที่ไม่ได้ถือขวดน้ำไปจับผ้าขนหนูให้คมเขี้ยว แต่สงสัยมือนางจะดีหรือรู้งานมากไปหน่อย เพราะตะปบเป้าคมเขี้ยวเต็มมือ

           

 

“โอ๊ย อย่าจับตรงนั้นดิ!” คมเขี้ยวรีบถูแชมพูออกจากหน้า แต่ไอ้ที่มันไหลลงมาจากหัวมาเจอกับน้ำ มันเลยยิ่งทำเลอะเทอะไม่หยุดหย่อน

           

 

“จับตรงไหนอะ ถ้าปล่อยตอนนี้ไม่ใช่แค่ก้นนายแล้วนะที่ฉันจะได้เห็น” เรียวจันทร์ว่าเสียงเร็วปรื๋อ พยายามเลื่อนสายตาหนีก้นแน่นๆ ของคมเขี้ยว มือที่ตะปบเป้าอยู่ก็พยายามไม่กำไปตามความยาวที่นางสัมผัสได้

           

 

“ปล่อยๆ” คมเขี้ยวรีบถูหน้าอีกสามที ไม่สนใจแล้วว่าฟองจะหมดรึยัง เขาดันตัวขึ้นเต็มความสูง ทำให้ตอนนี้ทั้งสองคนยืนใกล้กัน ห่างเพียงหนึ่งข้อศอกของเรียวจันทร์ที่งอเพราะมือจับเป้าคนตัวสูงอยู่ คนตัวเล็กกะพริบตาปริบๆ อยู่ตรงระดับอกของคนตัวสูง นางว่านางก็สูงเพรียวเหมาะกับนายแบบแล้วนะ แต่นายเขี้ยวกุดสูงกว่านางอีก

 

 

 เรียวจันทร์ลอบกลืนน้ำลายกับหุ่นของอีกฝ่าย มันไม่ได้ล่ำหนาใหญ่โต ก็มีกล้ามท้อง แต่ไม่ได้ฟิตเฟิร์มมาก แอบมีย้อยนิดหน่อยด้วยตอนงอตัวเมื่อกี้นี้ อาจเพราะไม่ได้ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียด ก็ยังเป็นกล้ามเนื้อท้องมากกว่ากล้ามเนื้อย้อยอยู่ดี อกแน่นที่นางเคยซบก็แน่นอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ได้นูนบึกบึน

           

 

แต่ที่บึกบึนคือสิ่งที่นางโปะมือไว้อยู่นั่นละ

           

 

“คุณนาย มืออะปล่อยได้ละ” เรียวจันทร์ได้สติ เงยหน้าขึ้นมองตาแดงจางๆ ที่มองกดลงมายังหน้านาง คิ้วเข้มยักขึ้นหนึ่งทีเป็นการย้ำว่าให้ปล่อย เรียวจันทร์กะพริบตาปริบๆ และเผลอบีบมือขวาปี๊บๆ ตามจังกระพริบตา เล่นเอาคมเขี้ยวสะดุ้งหน้าท้องหดเกร็งไปนิดเพราะมือแม่ตัวดีบีบเข้าเต็มลำเขาเลย

           

 

“อุ้ย” เรียวจันทร์ดึงมือออกจากลำเขี้ยว ฉีกยิ้มแห้งๆ ให้พ่อคนตัวสูงที่ยืนขบกรามแน่น สองมือผูกผ้าขนหนูที่เอวให้แน่นขึ้น

           

 

“ขอสาบานด้วยเกียรติของเนตรนารีหมู่ดอกดาวเรืองอีกครั้งว่า ฉันไม่ได้ตั้งใจจับนะ” คมเขี้ยวผูกผ้าที่เอวเสร็จก็มองแม่ตัวดีด้วยสายตาดุๆ ไอ้ไม่ตั้งใจจับน่ะเชื่ออยู่หรอก แต่พอได้จับแล้วจับจนเต็มมือเนี่ยสิแม่คุณนาย

           

 

“ล้างหัวต่อสิ แชมพูยังไม่หมดเลย” เรียวจันทร์เปลี่ยนเรื่องเพื่อให้คมเขี้ยวเลิกทำหน้าดุใส่ตัวเอง

           

 

คมเขี้ยวไม่ว่าอะไร ใช้สองมือค้ำขอบอ่างล้างจานไว้และก้มหัวลงไปในอ่างตามเดิม เรียวจันทร์เทน้ำที่เหลือในขวดจนหมดและหยิบขวดใหม่มาเปิด ค่อยๆ เทน้ำลงบนหัวคมเขี้ยว มือขวาถือขวดน้ำ มือซ้ายช่วยลูบแชมพูออกจากเส้นผมอย่างเบามือ

           

 

“นายมีเซ็กส์ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่เหรอ” ถามไปมือก็ลูบหัวให้คนตัวโตและแอบมองร่างกายเปลือยเปล่าของป้อจายไปอย่างเพลินๆ

           

 

“ถามทำไม” คมเขี้ยวถามเสียงเรียบ ไม่ได้ห้วน ไม่ได้เหวี่ยง แต่คิ้วก็ขมวดเข้าหากันแน่นอยู่

           

 

“ก็ได้จับคาวบอยน้อยเลยนึกสงสัย”

           

 

“คาวบอยน้อย?” คมเขี้ยวหน้านิ่วกับชื่อนั้น บิดหน้าไปมองเรียวจันทร์ที่กำลังเปิดน้ำขวดใหม่

           

 

“ใช่ ชื่อกระปู๋นาย ฉันตั้งให้” เรียวจันทร์ยิ้มกว้างแล้วหัวเราะคึๆ ยกขวดน้ำเทใส่หัวคมเขี้ยวต่อ ชายหนุ่มกลับไปก้มหน้าตามเดิม ปล่อยให้เรียวจันทร์ช่วยล้างหัวให้ รอยยิ้มขำขันผุดขึ้นตรงริมฝีปากน้อยๆ

           

 

“ปีกว่าแล้วมั้ง” เรียวจันทร์ตาโต ตกใจเผลอทำน้ำกระฉอกออกจากขวดแรงไปหน่อยจนทำให้ไถลเลยหัวคมเขี้ยว เปียกกระจายไปรอบๆ อ่าง และเปียกเผื่อแผ่มาถึงนางด้วยนิดหนึ่ง

           

 

“ปีเลยเหรอ?! นายอยู่ได้ยังไงอะ ไม่อยากรึไง” นางถามด้วยความทึ่ง อันที่จริงก็คงไม่แปลกที่จะไม่มีเซ็กส์เป็นระยะเวลาเท่านั้น แต่เผอิญตัวนางขาดเซ็กส์ได้นานสุดคือสามสี่เดือน ไม่ใช่เพราะคันคะเยอนะ แต่สวยขนาดนี้ เสน่ห์ทางเพศล้นขนาดนั้น ผู้ก็อยากกินนางบ่อยๆ น่ะสิ นี่ไม่ได้หลงตัวเองนะ วัดจากจำนวนดุ้นของผู้ชายที่ไม่ค่อยจะขาดสายจากก้นนาง

           

 

“ก็ผมทำงาน พอเหนื่อยจากงานมันก็ไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้นแล้ว” เรียวจันทร์ขมวดคิ้ว มองคมเขี้ยวด้วยสายตาเหลือเชื่อในขณะที่มือยังคงเทน้ำรดหัวของอีกฝ่ายและช่วยสางแชมพูออกจากเส้นผมของอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันสะอาด

           

 

“นายก็ต้องมีเวลาบ้างสิ จะยุ่งกับงานตลอดเลยเหรอ” เรียวจันทร์วางขวดน้ำ ดึงผ้าขนหนูผืนเล็กออกมาจากคอคมเขี้ยว ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นเต็มความสูง เรียวจันทร์เดินเข้าไปประชิดตัวแล้วยืดแขนสุดแขนโปะผ้าขนหนูผืนเล็กลงบนหัวคมเขี้ยวและขยำเบาๆ

           

 

“มันก็มี แต่ผมก็ไม่ได้จดจ่อกับเรื่องนั้น มันไม่ใช่สาระสำคัญขนาดนั้นนะคุณนาย” คมเขี้ยวก้มหัวลงนิดหนึ่งเพื่อให้เรียวจันทร์เช็ดหัวเขาได้สะดวก

           

 

“แล้วช่วยตัวเองมั่งมั้ยเนี่ย”

           

 

“ถามอะไรขนาดนั้น จะเอาไปทำวิจัยรึไง” เขามองหน้าขาวๆ และดวงตาใสๆ ของเรียวจันทร์แบบเหม่อๆ คือเหมือนสายตามันโฟกัสอยู่จุดใดจุดหนึ่งนานไปจนลืมถอนสายตาออก พอมองแล้วก็เลยมองแบบเพลินๆ

           

 

“เป็นห่วงงง กักเก็บไว้มากๆ ใช่ว่าจะดีนะ ต้องปลดปล่อยบ้าง” คมเขี้ยวเงียบไปพักหนึ่ง นึกอยู่ในใจว่าเรื่องแบบนี้พูดกันแบบปกติเหมือนถามว่าเมื่อกลางวันกินข้าวกับอะไรมาอย่างนั้นเลยหรือเปล่า แต่เขาคิดว่าก็แค่ตอบๆ ไปไม่ได้เกิดผลเสียอะไรนักหรอก

           

 

“เมื่อคืนเพิ่งทำไปตอนอาบน้ำ” เขาตอบแค่นั้น ไม่อธิบายเพิ่มเติมว่ามีเหตุอะไรมากระตุ้นที่ทำให้เขาขัดจรวดตัวเองในห้องน้ำเมื่อคืนนี้

 

 

เรียวจันทร์เลิกคิ้วขึ้น หยุดเช็ดหัวของคมเขี้ยว ดึงผ้าขนหนูออกจากหัวร่างสูง หนุ่มคาวบอยยืดตัวเต็มความสูง กดหน้าลงมองใบหน้าผุดผ่อง

           

 

“นึกว่านายจะทำตัวบำเพ็ญเพียรซะละ” เรียวจันทร์ยิ้มล้อๆ คมเขี้ยวยกยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง สายตามองรอยยิ้มจิ้มลิ้มบนหน้าสวยๆ ด้วยสายตาลืมกระพริบ มองคนตัวเล็กที่ยื่นมือมาจับเส้นผมของเขาที่เปียกหมาดๆ

           

 

“ถ้าอยากได้คนช่วยบอกได้นะ ฉันเต็มมือ เอ้ย เต็มใจช่วย…” ร่างเล็กยิ้มย่นจมูก ปล่อยมือออกจากเส้นผมสีดำของพ่อร่างโย่ง คมเขี้ยวทำเพียงบึนปากพร้อมกับยักคิ้วหนึ่งที

           

 

“…แล้วน้ำจะมาเมื่อไหร่เนี่ย”

           

 

“อีกสักพักละมั้ง แล้วคุณขึ้นมามีอะไรรึเปล่า”

           

 

“อ๋อ ฉันเอาของขึ้นมาเก็บให้คุณป๋าอะ มีลังเบียร์สองอันแล้วก็ชุดอะไรสักชุดในถุง น่าจะสูทมั้ง” เรียวจันทร์ชี้ไปที่โต๊ะรับแขกด้านนอก คมเขี้ยวพยักหน้าขึ้นหนึ่งทีเป็นการรับรู้

           

 

“แล้วนายมาอาบน้ำอะไรตอนนี้”

           

 

“ไปแบกกับตัดฟืนมา ร้อน เลยอยากอาบน้ำ” เรียวจันทร์พยักหน้าเข้าใจ เผลอมองหุ่นคมเขี้ยวตาลอยเบาๆ พร้อมกับเผลอพูดเสียงแผ่วคล้ายคนเพ้อ

           

 

“หุ่นนายน่าดม…” พูดยังไม่ทันจบนางก็ได้สติคืนมาเอง เรียวจันทร์มองหน้าคมเขี้ยวเงอะงะ และอีกครั้งที่งงกับประโยคของตัวเองว่า หุ่นน่าดมคืออะไร

           

 

“เป็นคำชมที่แปลกดี” คมเขี้ยวแซวด้วยรอยยิ้มขำๆ นึกงงไปกับคำพูดจากแม่คุณนายเหมือนกันว่าการที่หุ่นเขาน่าดมนั้นเป็นยังไง แต่การที่เรียวจันทร์พูดอะไรไม่ปกติก็นั่นแหละคือปกติ

           

 

“ฉันหมายถึง มันน่าซุกอะ เห็นแล้วอยากขดตัวอยู่ด้วยทั้งวัน” คมเขี้ยวขยับเปลือกตาโตและเบ้ปาก ยกสองแขนขึ้นมาปิดหน้าอกในท่ากากบาทเพื่อปกปิดหน้าอกของตัวเองจากสายตาเคลิ้มๆ ของเรียวจันทร์

           

 

“ได้ นายปิดข้างบน ฉันเปิดข้างล่างนะ”

           

 

“เฮ่ย!” คมเขี้ยวรีบเอามือลงจากอกมากุมเป้าแทน เรียวจันทร์ยิ้มกว้างแล้วหัวเราะเสียงใส ทำท่าจะวิ่งเข้าใส่คนตัวสูง คมเขี้ยวกระเถิบตัวหนีออกห่าง เรียวจันทร์เห็นแบบนั้นเลยวิ่งต้อนพ่อตัวโย่งจนไปยืนจนมุมเค้าน์เตอร์บาร์ในครัว

           

 

“วุฮ่าๆ โดนแน่ นายเขี้ยวกุด!” เรียวจันทร์พุ่งตัวเข้าไปกอดคมเขี้ยวไว้แน่น เอาหน้าซุกกับเนื้ออกอุ่นที่คราวนี้ไม่มีเสื้อผ้ามาบดบังความอุ่นนั้นแม่แต่ชิ้นเดียว แก้มนุ่มรับรู้ถึงกล้ามเนื้อของพ่อเครางามได้เต็มที่

           

 

“คุณจันทร์ไร ออกไปเลย”

           

 

“เน่! นายเลิกเรียกฉันแบบนั้นไปแล้วนะ ไม่เพราะเลยอะ” นางเอาแก้มถูเนื้ออุ่นที่ยังเปียกหยดน้ำเบาๆ ด้วยความเคลิ้มกรุ่นๆ

           

 

“เดี๋ยวจะเปลี่ยนสรรพนามคำนำหน้าให้ใหม่ถ้ายังเกาะผมไม่เลิก” เรียวจันทร์แหงนหน้า เอาคางเกยอกเปลือยแล้วมองหน้าคมเขี้ยวที่เริ่มทำหน้าดุ

           

 

“จุ๊บหน้าผากฉันก่อน” นางยิ้มกว้างอารมณ์ดี หัวเราะในลำคอเสียงเพี้ยน ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น

           

 

“ไม่เอา” คนตัวเล็กทำหน้างอ

           

 

“อะไรอ้า แค่จุ๊บเหม่งเอง นะๆ จุ๊บปุ๊บปล่อยปั๊บ” คมเขี้ยวกดหน้าลงแล้วใช้หน้าผากตัวเองกระแทกลงบนหน้าผากคนตัวเล็กเบาๆ แต่ก็เล่นเอาดัง ปัก!

           

 

“โอ๊ย! เดี๋ยวๆ นี่จุ๊บหรือทุบเนี่ย”

           

 

“ปล่อยยัง ไม่ปล่อยจะเอาให้แรงกว่านี้” คมเขี้ยวถลึงตามองแม่คุณนายที่ทำปากยื่นหน้างอ

           

 

“จุ๊บก่อนซี จุ๊บเดียวเอง นะคะพี่เขี้ยววว” เรียวจันทร์ทำเสียงอ้อนพร้อมกะพริบตาปริ๊บๆ คมเขี้ยวทำหน้าระอาแล้วก็ตัดรำคาญด้วยการก้มหน้าลงไปจุ๊บหน้าผากของเรียวจันทร์แผ่วเบาหนึ่งที

           

V
v
v

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8


V
v
v

“เขี้ยว” ในขณะที่เขากำลังจะดึงหน้าออกจากหน้าผากเรียวจันทร์ เสียงเข้มเรียบๆ ของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้น ทำให้ทั้งคู่หันไปมองพร้อมกันโดยที่เรียวจันทร์ก็ยังไม่ได้ปล่อยอ้อมแขนออกจากตัวคมเขี้ยว และหน้าคมเขี้ยวก็อยู่ห่างจากหน้าเรียวจันทร์แค่ปลายจมูกกั้น

           

 

“อ้าวเอื้อง” คมเขี้ยวทักเสียงงงพอๆ กับสีหน้าที่เห็นหญิงสาวยืนอยู่ในชุดพยาบาลสีขาว เรียวจันทร์เห็นสีหน้าพยายามปั้นยิ้มของแม่เอื้องแล้วก็ยิ้มมุมปากไปหนึ่งที

           

 

“ทำอะไรกันอยู่เหรอ” ปลายเสียงของหล่อนต่ำกว่าปกติ ราวกับพยายามคุมเสียงไม่ให้สั่นหรือเพี้ยน แม่คุณนายเหลือบมองหญิงสาวด้วยหางตาแว้บหนึ่งแล้วแหงนหน้าไปมองคมเขี้ยวที่ก้มลงมองนางแบบมึนๆ สักพักแล้วก็เงยหน้าขึ้นไปตอบคำถามอัจฉรา

           

 

“เล่นกัน” เขาไม่รู้จะตอบว่าอะไร แต่เขาก็เล่นกับเรียวจันทร์อยู่จริงๆ

           

 

อัจฉรามองทั้งสองคนในท่าทางแนบชิดสนิทสนมแล้วปั้นยิ้มยาก “เล่นกันใกล้ชิดดีจัง”

           

 

คมเขี้ยวถึงกับไปไม่ถูก จะให้แก้ตัวกับอัจฉราก็ไม่รู้ว่าจะต้องแก้ไปทำไม และไม่รู้ว่าจะต้องแก้ว่าอะไร ในขณะที่กำลังยืนงง เรียวจันทร์ก็ผละตัวออกไปจากตัวเขา

           

 

“นายไปดูน้ำเถอะว่ามารึยัง อาบน้ำให้เสร็จแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ” เรียวจันทร์ยกผ้าขนหนูคล้องคอคมเขี้ยว เลยทำให้ดูว่านางกำลังยกแขนโอบคอหนาของชายหนุ่ม

           

 

“แล้วไม่ต้องสระผมอีกล่ะ” เรียวจันทร์ยักคิ้ว คมเขี้ยวกระตุกยิ้มมุมปากหนึ่งทีแล้วค่อยรีบก้าวเท้าเดินกลับไปทางห้องนอนของตัวเอง

           

 

เรียวจันทร์หันตัวไปเผชิญหน้ากับพยาบาลสาวที่ดูท่าเพิ่งจะเลิกงานมาหมาดๆ แล้วบึ่งมาที่นี่ทั้งชุดเต็มยศ อัจฉรามองเรียวจันทร์นิ่ง แต่มีเหรอที่คุณนายแกจะไม่รู้ว่าแม่นั่นกำลังไม่พอใจที่นางไปใกล้ชิดกับชายที่หล่อนหมายปองและคุยมาเกือบปี

           

 

“คุณเอื้องเดินเข้าบ้านคนอื่นได้ง่ายจังนะคะ” อัจฉรายิ้มยากอีกที

           

 

มาดูกันดีกว่าว่าระหว่างแอ๊บของหล่อนกับเงินล้านในเกมโชว์ที่มีสคริปว่าไม่มีทางที่คนทางบ้านจะได้เงินล้านนั้นไป อันไหนจะแตกก่อนกัน

           

 

“ก็อย่างที่เคยบอกแหละค่ะ เราคุยกันมานานจนสนิทกัน เอื้องมาบ้านนี้ได้เหมือนเป็นบ้านเอื้องเองเพราะคุณพ่อคุณแม่อนุญาต…” เรียวจันทร์ยังคงยิ้มบางๆ แววตาดูซุกซนจนอัจฉรานึกหงุดหงิดใจ

           

 

“…เอื้องก็เหมือนเป็นคนในครอบครัว จะเข้านอกออกในก็เลยไม่ยาก เอื้องยังเคยเข้าไปจัดห้องนอนให้เขี้ยวเลยค่ะ” เรียวจันทร์ทำหน้าว่าอู้ว แต่ก็ยังไม่โต้ตอบอะไร อัจฉราเดินมาที่โซนครัว เปิดตู้เย็นและควานหาอะไรสักอย่างอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหยิบของสดพร้อมผักออกมาจากตู้เย็น

           

 

“เย็นนี้เอื้องก็มาทำกับข้าวให้เขี้ยวกิน เพราะคุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่ ก็เป็นปกติแหละค่ะ…” อัจฉราหันมายิ้มให้เรียวจันทร์ในขณะที่มือก็เริ่มแกะนั่นแกนี่ หยิบของออกมาวาง

           

 

“…ดูแลคนป่วยมาตั้งมากมาย กับแค่จะดูแลคนพิเศษของเราสักคนคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร” หล่อนหันกลับไปจัดการของบนเค้าน์เตอร์ครัวต่อ เรียวจันทร์เบ้ปากใส่หลังนังเอื้องเยื้องย่างไปหนึ่งที

           

 

“เป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ ค่ะ” อัจฉราหันกลับมายิ้มสวยหนึ่งทีแล้วพูดเสียงเรียบ

           

 

“ใช่ค่ะ จนบางทีก็มีพวกสัมพเวสีมาขอส่วนบุญนั้นด้วย เอื้องก็แผ่เมตตาให้นะคะ ได้แต่หวังว่าบุญจะพาเขาไปในที่ชอบๆ” อัจฉรายิ้มนิ่มๆ เรียวจันทร์ยิ้มบางเบา

           

 

หน็อย นังพยาบาท!

           

 

“งั้นบุญที่คุณเอื้องแผ่ให้ เรียวคิดว่าสัมฤทธิ์ผลแล้วละค่ะ…” เล่นงี้ใช่มะ ปากคอเราะร้ายนักใช่มะ ได้! “…เพราะดูท่าสัมพเวสีที่คุณเอื้องบอก เขาจะชอบที่นี่นะคะ”

           

 

งั้นมันต้องเจอความด้านต้านค่ะ!

           

 

อัจฉราหน้าตึง ก่อนที่จะรีบปั้นยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา “ถึงเวลาเขาคงไปผุดไปเกิดเองแหละค่ะ”

           

 

“คุณเอื้องเคยได้ยินเรื่องบุญหมดมั้ยคะ ที่เขาบอกกันว่าบุญเก่าน่ะค่ะ ถ้ามัวแต่กินแต่ไม่สร้างบุญใหม่ วันนึงก็จะไม่เหลือบุญไปแบ่งให้ใครแม้กระทั่งตัวเอง…” อัจฉราหน้านิ่งเกือบจะทันตาเห็น เรียวจันทร์ยิ้มเย็นแล้วก็นึกใจว่า

           

 

โอ๊ยยย! ฉันไม่ได้อยากมาเล่นสงครามประสาทกับหล่อนเพราะผู้ชายคนเดียวหรอกนะยะ แต่ที่ทำไปเนี่ยหมั่นไส้หล่อนล้วนๆ

           

 

“…ต้องหมั่นสร้างแต้มบุญไว้เยอะๆ ค่ะคุณเอื้อง บุญเก่าที่กินนานมาแรมปี บางทีก็ไม่ได้ช่วยอะไรนะคะ” อัจฉราหันมาเผชิญหน้ากับเรียวจันทร์ ยืนพิงเค้าน์เตอร์ครัวไว้ มองใบหน้าสวยเกินชายปกติอย่างเชิดๆ

           

 

“เขี้ยวเขาไม่ใช่เกย์” เรียวจันทร์เลิกคิ้วขึ้น ทำหน้าตกอกตกใจลายระดับกลาง อันนี้ใหญ่มากไม่ได้เดี๋ยวจะดูเว่อร์เกินธรรมชาติ

           

 

“แล้วใครบอกล่ะคะว่าเขาเป็น เจ้าตัวก็บอกค่ะว่าเขาไม่ใช่”

           

 

“ถ้าเขาบอกแล้วคุณก็ควรไปสิ”

           

 

“ไปไหนล่ะคะ เรียวทำงานที่นี่ค่ะคุณ ออกก็ไม่มีเงินสิ”

           

 

“คุณมีอาชีพของคุณอยู่แล้ว คุณจะมาทำที่นี่อีกทำไม” อัจฉราว่าหน้าแทบสั่น เรียวจันทร์เดาว่าตอนนี้แม่นั่นคงอยากจะกรี๊ดใส่หน้านางจนอกสั่นสะเทือนแล้วละ

           

 

“อ้าว คุณเอื้องคะ คนเราต้องหาเงินหลายๆ ทางสิคะ มีรายได้หลายทางเป็นเรื่องดีจะตายไป” เรียวจันทร์ว่าอย่างสบายๆ แต่ดูท่าอีกคนจะไม่ค่อยสบายด้วยเท่าไหร่ เพราะมองนางตาลุกพรึบเลยทีเดียว

           

 

เรียวจันทร์ต้องขอนับถือกับความอึด ความอดทนของแม่ช่อเอื้องจริงๆ ดูก็รู้ว่านางอยากจะด่ากราด แต่นางก็ยังเก็บอารมณ์ได้เก่ง แน่สิ ไม่งั้นนางจะอยู่ทน อยู่นานกับนายคมเขี้ยวได้ขนาดนี้เหรอ คุยมาเป็นปี แม้แต่สถานะยังไม่มี ถ้าเป็นนางเนี่ย ปีเดียวได้เสียจนหมอขอทำมดลูกให้แล้วละ

           

 

“คุณอาจจะสวยนะคุณเรียวจันทร์ แต่คุณไม่มีในสิ่งที่ฉันมี” คุณนายเอียงคอแล้วยักไหล่สวยๆ หนึ่งที

 

 

“ถ้าเธอหมายถึงนมกับจิ๋มล่ะก็ ข่มฉันไม่ได้หรอก แต่ถ้าหมายถึงมารยาฉันก็น่าจะแพ้”

 

 

อันนี้ไม่จริงค่ะ ถ้าเรื่องนี้ล่ะก็อัจฉราแพ้ตั้งแต่ยังไม่ถึงหน้าประตู

 

 

อัจฉรากัดฟันแน่น มองเรียวจันทร์จนเปลือกตาไม่กะพริบ “คุณจะแย่งเขาไปจากฉันรึไง”

 

 

คราวนี้นางไม่ได้แอคติ้ง แต่เรียวจันทร์มีสีหน้าแปลกใจจริงๆ เลยได้แต่มองหน้าอัจฉราแล้วก็ยิ้มขำจนแม่พยาบาลมองนางกลับมาตาวาว คงไม่พอใจที่เห็นนางขำ เรียวจันทร์นึกอยากจะพูดโต้ตอบด้วย แต่พอดีผู้ชายที่เป็นชนวนของนางสองคนเดินออกมาในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นพอดี

 

 

“เอื้องล่ะ” เรียวจันทร์ขมวดคิ้ว นึกในใจว่าไม่สังเกตอะไรขนาดนั้นเลยรึไง จนนางต้องบุ้ยปากไปทางหญิงสาวที่ยืนยิ้มละไมอยู่ตรงเค้าน์เตอร์ครัว

 

 

โห แม่คุณ รอยยิ้มพิมพ์ใจเชียวนะ ปั้นเก่งซะเหลือเกิน

 

 

“เอื้องมีอะไรรึเปล่า เพิ่งออกเวรน่าจะไปพักผ่อนนะ” หญิงสาวยิ้ม เดินเข้ามาจับแขนคมเขี้ยวเบาๆ เรียวจันทร์ยืนตีหน้ามึนไม่รู้สึกอะไร

 

 

หล่อนได้แค่จับแขน ฉันได้จับสิ่งที่ยาวเกือบเท่าลำแขนมาแล้วจ้ะ

 

 

“พอดีโทรหาคุณพ่อกับคุณแม่แล้วท่านบอกว่าออกไปกินข้าวนอกบ้าน เอื้องเลยจะมาทำกับข้าวให้เหมือนทุกครั้งไง”

 

 

“ลำบากเอื้องแย่ จริงๆ ไม่ต้องมาหรอก เข้าเวรมาตั้งแต่เที่ยงคืน เพิ่งจะออกมา ควรกลับไปนอนนะเนี่ย” เรียวจันทร์อ้าปากหวอ อันนี้นางทึ่งของจริง นังผู้หญิงคนนี้อดนอนสิบกว่าชั่วโมงแต่ไม่กลับไปนอนค่ะ นางมาหาผู้ถึงบ้าน!

 

 

“แค่นี้เอง ชิลมาก” หล่อนตอบชายหนุ่มแล้วยิ้มกว้าง คมเขี้ยวยิ้มตอบ

 

 

“ไหนๆ มาแล้วก็ตามใจเอื้องแล้วกัน” เรียวจันทร์กลอกตาหนึ่งที อีตาเขี้ยวเนี่ยเหมือนจะฉลาดทันคนนะ แต่จริงๆ หมอนี่ยังใสซื่อในเรื่องมารยาของคนมาก ไม่ต้องไปดูไหนไกล เวลาที่นางแอคติ้งตอแหลทั้งหลายนั่นไง หมอนี่เคยจับได้ที่ไหน ถ้าจับได้ ไอ้เขี้ยวกุดก็คงรู้แล้วละว่าแม่คนนี้เป็นผ้ายับที่พับเอาไว้ ไม่ปล่อยให้นางมาลอยไปลอยมาเหมือนผีใกล้ๆ ตัวแบบนี้หรอก

 

 

“งั้นเดี๋ยวนั่งรอเลยนะ” อัจฉรายิ้มแล้วเดินกลับไปที่เค้าน์เตอร์ครัว คมเขี้ยวหันมามองแม่คุณนายที่ยืนทำหน้าไม่พร้อมรับบุญอยู่

 

 

“เดี๋ยวกินข้าวด้วยกัน”

 

 

“ไม่อะ ฉันจะลงไปกินกับคนงาน” นางไม่ได้โกรธหรืองอนคมเขี้ยวนะ แต่ขอสักแปบเถอะ สักแปบในการเบื่อความซื่อบื้อของไอ้เขี้ยวกุด

 

 

ฉันอยากจะผ่าตัดเซ้นส์จับชะนีขี้ตอแหลของตัวเองใส่เข้าไปในร่างของนายจังเลยนายคมเขี้ยว!

           

 

“อ้าว ก็มากินด้วยกันสิ” คมเขี้ยวขมวดคิ้ว หน้าไม่ค่อยจะพอใจกับคำพูดคำจาและท่าทางของเรียวจันทร์สักเท่าไหร่

           

 

“นายกินเถอะ นี่ไม่ใช่โต๊ะอาหารรักสามเส้าน้ำเน่านะ” เรียวจันทร์ทำหน้ายี้ไปหนึ่งที คมเขี้ยวทำหน้าเอือม นึกอยากด่ายัยคุณนายตัวดี แต่ก็นึกไม่ออกว่าจะด่าอะไร

           

 

“ฉันไม่ได้เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษนายไย ฉันแค่อยากจะไปกินข้าวในที่ๆ มันสบายใจก็เท่านั้น ไม่ต้องชวนดินนะยะ เพราะฉันจะชวนดินไปกินกัน เอ้ย ไปกินข้าวด้วยกัน” คมเขี้ยวเบิกตากว้างมองดุๆ แต่ไม่ได้เบิกจนตาแทบทะลุออกจากเบ้า เรียวจันทร์บึนปากใส่ไอ้เขี้ยวกุดแล้วหมุนตัวเดินจากไปทันทีไม่รีรอให้หมอนั่นง้อ

 

 

ก็บอกแล้วว่าไม่ได้งอน แค่เอือมกับความเมตตากรุณากับแม่ชะนีเคี้ยวเอื้องนั่นก็เท่านั้นเอง

           

 

“จะไม่กินจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย?!”

           

 

“เอ๊า! ฉันเดินลากกระเป๋าออกจากบ้านเอเอฟขนาดนี้แล้ว ฉันอำเล่นมั้งล่ะ!”

 

 

โวะ เดินออกมาราวกับนางงามอำลาตำแหน่งขนาดนี้ คิดว่านางจะมาฟูลเทิร์นเก๋ๆ หนึ่งทีแล้วเดินกลับไปงั้นเหรอ เบื่อขี้หน้าแม่นีขี้แอ๊บนั่นมากพอแล้วค่ะ ปล่อยจังหวะให้นางไปก่อน เห็นแก่ความอึดอดทนกับการดิ่งมาหาผู้ชายแทนที่จะนอนพักผ่อน ฉันล่ะยอมใจหล่อนจริงๆ

 





 





      เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้  :hao3:



เอื้อง แม่เรียวเขามีพี่ปาน ธนพรเป็นไปดอลนะคะ ตบได้ตบ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

แม่เรียวนี่นางเอกมั้ยคะหรือยังไง เอื้องเขาคุยมาก่อน เขาอยากได้ก่อน เพียงแต่ว่ายังไม่ได้สักที จู่ๆ ก็โดนขุ่นแม่ของเรามาปาดหน้าเค้กแบบแรงๆ เจอแบบนี้ ถ้าเอื้องจะปรี๊ดสักนิด ก็ได้อยู่นะคะ 55555

พี่เขี้ยวดูเต็มใจให้แม่เรียวลวนลามมากขึ้นนะคะพี่ แหม่ะ แบบนี้เข้าทางแม่เรียวเลยค่ะ

ใครที่ลุ้นให้แม่เรียวกินพี่เขี้ยวได้เร็วๆ สักที น่าจะอีกนิดแหละค่ะ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าแม่จะพลาดตรงไหนมั้ย หรือจะตะล่อมฮุบเหยื่อได้ในที่สุด ลุ้นไปกับแม่ค่ะ กรี๊ดดด

มีความคิดว่าจะรีไรต์สิบตอนแรกของนิยาย แต่ไม่ได้เปลี่ยนเนื้อเรื่องนะคะ แค่ขัดเกลาสำนวนให้มันสมูทขึ้น เพราะมันมีบางตอน บางฉากดูอึดอัด ขัดๆ และสำนวนแปร่งๆ เลยว่าจะขัดเกลาให้กริ๊บขึ้นอีกสักนิดเท่าที่จะทำได้ หลังจากตอนสิบค่อนข้างแน่ใจว่า เป็นช่วงที่มีเวลามาโฟกัสให้เรื่องนี้ได้เต็มที่แล้ว สำนวนน่าไหลลื่นกว่าแรกๆ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้อยู่ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ คอมเม้นเป็นกำลังใจดีๆ สำหรับคนเขียนเสมอ ^^ เจอกันตอนหน้านะคะ





สำหรับแท็กในทวิตสำหรับเรื่องนี้ใช้                                                                 
#WorksTheMagic หรือ #คมเขี้ยวเรียวจันทร์ ก็ได้ค่ะ

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ขุ่นแม่จะไม่ล้างมือใช่ไหมคะ 5555

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
พี่เขี้ยวมีพัฒนาการนะนิ ชวนคุณนายแกกินข้าวด้วย อิอิ
แล้วก็คุณเอื้องไม่แปลกนะที่นางจะดูหวงพี่เขี้ยวออกนอกหน้าขนาดนี้ นางก็ตามของนางมาเป็นปีๆ ยังไม่ถึงเนื้อถึงตัวพี่เขี้ยวขนาดคุณนายแก ถ้านางจะปรี๊ดแตกก็ไม่แปลกล่ะค่ะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ลำเกือบเท่าหรอพี่เขี้ยว  :hao3:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
แม่เคี้ยวเอื้ยงนี่นางเอกจริงๆๆๆ ไม่คิดเหรอว่า ถ้าเค้าจะเอานาง นางไม่เหลือแล้ว เชอะ!
#ทีมแม่เรียว  รอวันนางได้กินผู้ค่าา

ออฟไลน์ ~ณิมมานรฎี~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1070
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-2
ขุ่นแม่เรียวนี่วางกลยุทธได้เยี่ยมมากค่ะ. ตั้งหลักแบบสวยๆ  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ waza

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ลุ้นจนตัวโก่งแล้ว เค้ายังหมาหยอกไก่กันอยู่เลย :serius2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
เบื่อเขี้ยว ให้เรียวได้กับดินเถอะ  :z3:

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :o8: ตอนนี้ชอบน่ะ ดูมันเป็นอะไรที่แอบหวานซ่อนเปรี้ยวน่ะ อ่านแล้วมันดูธรรมชาติดี ชอบ แต่เป็นอะไรที่ผิดคาดตอนท้ายนิดนึง นึกว่าแม่เรียวจะอยู่ฉะปะดะ กับแม่อัจต่อ ปรากฎว่าปล่อยซะ เล่นเอาเขี้ยวมึนไปเลยมั๊งแถมยังต่อท้ายให้นายเขี้ยวหงุดหงิดเล่น ๆ อีก 555 เราว่าเขี้ยวก้อดูจะแคร์แม่เรียวขึ้นน่ะเนี่ย มีหวัง ๆ  :impress3:

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8



คาถาที่ 17 :: Devil is not here, but... [นางมารไม่อยู่ แต่ว่า...] (35%)




“เรียวเขยิบไปซ้ายหน่อย เออ ใช่ ช่าย แล้วก็ตอนเดินกับพระเอก เราก็ไปตามธรรมชาติได้เลยนะ เพื่อนคุยกัน แต่เราแอบชอบเพื่อน ซ่อนความรู้สึก แต่สายตาก็ต้องแสดงออกชัดเจน”

           

 

เสียงผู้กำกับสั่งผ่านวอล์สีแดงจากหน้าจอมอนิเตอร์มายังวอล์อีกตัวหนึ่งที่อยู่ในมือผู้ช่วยผู้กำกับ เรียวจันทร์ฟังแล้วพยักหน้าตามคำสั่ง และนึกภาพตามในหัว ยืนนิ่งๆ ปล่อยให้ช่างหน้าช่างผมจัดการใบหน้าตัวเอง

           

 

“พี่คะ ไม่ดราม่าเนอะฉากนี้” นางตะโกนถามผู้กำกับผ่านวอล์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าตะคอกเสียงดังลั่นกอง

           

 

“ไม่จ้ะไม่ บรรยากาศใสๆ แค่หน่วงนิดหน่อยนะ แล้วก็ น้องเรียวอย่าลืมเพิ่มความแมนให้ตัวเองด้วยนะครับ” เรียวจันทร์หัวเราะเบาๆ กับคำสั่งนั้นในขณะที่กำลังก้มจัดการปลดกระดุมเสื้อออกหนึ่งเม็ด

           

 

“ครับพี่ครับ ได้เลยครับ” นางตอบกลับไปอย่างทะเล้น

           

 

“แมนมากเลยอะ น่าจับทำผัว” หลายคนในกองหัวเราะกันเสียงครืน พระเอกที่เข้าฉากกับเรียวจันทร์นัดแนะคิวกับเรียวจันทร์กันสองคนว่าจะใช้จังหวะไหนยังไงบ้าง

           

 

สำหรับเรียวจันทร์พระเอกคนนี้ทำงานด้วยง่าย เป็นผู้ชายสบายๆ แต่ก็ไม่ใช่ปล่อยปะละเลยทุกสิ่งในชีวิต ทั้งสองคนคุยด้วยกันง่าย เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่มีเกินเลยอะไรมากไปกว่านี้ เพราะพระเอกเขาเป็นผู้ชายปกติ ชอบผู้หญิงขาว หมวย สวย เอ็กซ์ สเป็กอันดาษดื่นของชายไทย

           

 

“เอานะ ห้า สี่ สาม สอง เทปเดิน!”

           

 

วันนี้คุณนายแม่มาถ่ายหนังที่กรุงเทพ สำหรับซีนที่จะไปถ่ายฟาร์มของคมเขี้ยว ผู้กำกับตัดสินใจว่าจะไปปิดกล้องที่นั่นทีเดียว ช่วงนี้เลยถ่ายเก็บโลเคชั่นอื่นๆ ให้หมดก่อน เพราะทุกคนจะถือโอกาสไปพักผ่อนหลังจากถ่ายจบด้วย

           

 

“ทำตามใจตัวเองนั่นแหละ” นางพูดบทของตัวเอง ในเรื่องนี้นางรับบทเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อของพระเอก ต้องปรับความแมนขึ้นมานิดหนึ่งแต่ก็ไม่ได้มาก ยังคงมีความน่ารักเป็นตัวนางอยู่

           

 

วันนี้มาสวมบทบาทเป็นนักแสดง เป็นอีกหนึ่งแขนงของงานที่เรียวจันทร์มีโอกาสได้ทำ ค่ายหนังติดต่อมาบอกว่าอยากได้นางมาร่วมงานด้วย เรียวจันทร์เห็นว่าบทน่ารักดี อาจไม่ใช่มาสเตอร์พีช แต่บทมันน่ารัก ที่สำคัญคือมันเป็นโอกาสที่ดีเลยตอบตกลง เพราะมันทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้น และก็จะหมายถึงงานที่มีเพิ่มขึ้นตามมาด้วย ยามนี้โกยได้ต้องโกย เพราะชีวิตของนางจำเป็นต้องใช้เงิน ทั้งเก็บไว้ใช้เองและใช้หนี้ใช้ดอกของตาเสี่ยจอมทัพนั่นด้วย

           

 

พูดถึงเสี่ย พอพี่ท่านรู้ว่าเรียวจันทร์ต้องเข้ามาทำงานกรุงเทพ ก็เรียกให้เข้าไปหา บอกว่าอยากเจอ เฮ้อ จะอยากเจอเพราะอะไรล่ะถ้าไม่ใช่เรื่องอย่างว่า ก็แบบนี้แหละนะ ฟีโรโมนทางเพศของนางมันเยอะจนดึงดูดผู้ชายให้อยาก

           

 

แต่แทนที่จะดึงดูดให้คนที่นางอยากดูด เอ้ย คนที่นางอยากให้เข้าหาก็ดันทำไม่ได้ อีตาเขี้ยวยังดูเฉยๆ กับนางอยู่เลย ถึงจะไม่ผลักไสไล่ส่งหรือทำท่ารังเกียจแบบแต่ก่อนแล้วก็เถอะ แต่นางก็อยากได้ความรู้สึกดีๆ เพิ่มกว่านี้

           

 

แบบนี้แหละนะมนุษย์ ได้คืบจะเอาศอก ค่อยเป็นค่อยไปมันไม่ทันใจอยากได้รวบรัดเร็วๆ

           

 

ส่วนผู้ชายที่คุณแม่นางหมายปอง ตอนนี้เขาก็…

 

           

 




คมเขี้ยวยืนดูคนงานรีดนมวัวอยู่ด้วยท่าทีเฉื่อยๆ แค่ยืนดูยืนมองเฉยๆ จริงๆ ไม่ได้ออกคำสั่งหรือมีแอคชั่นใดๆ ร่วมด้วย เหมือนยืนไปเรื่อยเปื่อย สายตาของเขาเลื่อนมองวัวแต่ละตัวไปเรื่อยเพื่อเช็กว่าทุกตัวสุขภาพยังดีอยู่ สามตัวที่เคยป่วยตอนนี้กลับมาปกติดี แต่ก็ยังไม่หายเป็นปลิดทิ้ง หมอให้งดรีดนมอีกสักระยะเพื่อให้ร่างกายมันพักฟื้นมากกว่านี้ก่อน

           

 

“อยากให้คุณเรียวแกมาเต้นอีกว่ะ น่ารักดี” ชื่อที่คนงานชายสองคนที่นั่งรีดนมวัวอยู่ใกล้กันพูดถึง ทำให้คมเขี้ยวตาสว่างขึ้นมาบ้าง เขาหันไปมองสองคนนั้นที่กำลังนั่งหัวเราะ

           

 

“คนอะไรอารมณ์ดีทั้งวี่ทั้งวัน กูว่าวัวมันชอบคุณเรียวนะเอาจริง เห็นเวลาคุณเรียวแกมา ไอ้พวกนี้ส่งเสียงต้อนรับกันใหญ่” คมเขี้ยวนึกถึงวันที่เรียวจันทร์บอกว่าตัวเองจะต้องมาเต้นแก้บนให้วัวดูแล้วก็ยิ้มขำอยู่คนเดียว

           

 

“คุณเรียวแกบอกว่าให้เปิดเพลงให้พวกมันฟังบ่อยๆ ถึงไม่มีแกเต้น แต่ก็เปิดให้วัวมันอารมณ์ดี” คมเขี้ยวพยายามไม่ยิ้มมากเพราะเดี๋ยวจะเหมือนคนบ้า เขายกมือขึ้นเกาปลายจมูกด้วยนิ้วชี้สามสี่ที นึกถึงแม่ตัวดีที่เงียบหายไปตั้งแต่มื้อเย็นเมื่อวาน เขาลงมาเคาะเรียกแล้วเมื่อคืน เพราะพ่อกับแม่ซื้อขนมมาฝาก แต่แม่คุณนายเงียบไม่ตอบโต้ เขาเลยเดินกลับขึ้นบ้าน พอเช้ามาเขาก็ได้รับคลิปวีดีโอที่ส่งมาในโปรแกรมแชทไลน์ว่า

           

 

‘เจ้านายคะ วันนี้ดิฉันมีถ่ายหนัง แน่นอนว่าสวยๆ อย่างฉันต้องรับบทนางเอกของเรื่อง อันนี้ฉันได้ทำเรื่องแจ้งไว้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้วว่าจะไม่อยู่สองวันนะคะ หวังว่าเจ้านายจะจำได้และไม่พาลมาด่าดิฉันเสียๆ หายๆ นะ คนอะไร ชอบด่าฉันอยู่ได้…’ ใบหน้าสวยงอง้ำนิดหน่อย แต่ก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าว่าไม่แคร์
         

 

‘…แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก นายจะด่าจะว่าฉันอีกเยอะเท่าไหร่ ฉันก็จะไม่หายไปไหนจนกว่าจะได้หัวใจนายมาครอง เหมือนที่ตอนนี้นายครองหัวใจฉันอยู่ คิๆๆ’ เรียวจันทร์ห่อไหล่ ยกมือป้องปากแล้วหัวเราะคิกคักน่ารักน่าเอ็นดู (ในความคิดของนางเอง)

           

 

คมเขี้ยวพ่นลมหายใจผะแผ่ว วันนี้รู้สึกว่ารอบตัวสงบกว่าปกติ ถึงจะได้ยินเสียงคนงานพูดคุย เสียงม้า เสียงวัว เสียงนกร้องแบบที่เคยได้ยินมาตลอด แต่ก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศมันเจื้อยแจ้วเท่าเสียงของแม่คุณนาย คิดอีกแง่มันก็สบายหูดี ไม่มีเสียงแว้ดๆ เวลาโมโหอะไรสักอย่าง ไม่มีเสียงดังลั่นแก้วหูให้หูเสี่ยงอักเสบ ได้คืนความสงบให้ตัวเองเขาก็สบายในอกดี

           

 

แต่ก็แว้บไปนึกถึงเสียงออดอ้อนใสๆ เสียงแง้วๆ เวลาที่ลวนลามหรือแทะเล็มเขา เสียงนั้นน่ะไม่ได้ทำให้รำคาญใจหรอก ฟังแล้วมันจั๊กจี้ที่ใจมากกว่า แรกๆ ก็สยิวกิ้วที่มีผู้ชายมาทำแบบนั้นใส่ แต่นานวันไปมันเริ่มทำให้ใจยุกยิกแปลกๆ

           

 

“พี่เขี้ยว แล้ววันนี้คุณเรียวเขาไปไหนเหรอ” ไอ้เทิงหนึ่งในสองคนที่เขานั่งมองมันพูดถึงเรียวจันทร์เมื่อกี้นี้หันมาถามเขาพลางยกแขนเสื้อเช็ดหน้าดำๆ ของมัน

           

 

“ไปถ่ายหนังที่กรุงเทพ” เขาตอบพลางเดินเข้าไปลูบตัวแม่วัวที่ชื่ออารียา มันเพิ่งกินยาและล้างแผลตรงแผลผ่าตัดตามที่หมอสั่งไป

           

 

“โห คุณเรียวเป็นดาราเหรอพี่” ไอ้จีนคู่หูดูแลวัวของไอ้เทิงถามด้วยความตื่นเต้น ตาตี่ๆ ของมันพยายามเบิกกว้างเพื่อแสดงออกถึงความตื่นเต้นจริงๆ

           

 

“อือ เป็นนายแบบ อีกหน่อยก็คงเป็นนักแสดงด้วย” เขาตอบเสียงเรียบเรื่อย คนงานคนอื่นที่ได้ยินก็ยิ้มกันหลายคน คงตื่นเต้นที่เพิ่งรู้ว่าคุณเรียวจันทร์ตัวดีมีอาชีพอะไรนอกจากเป็นเลขาของเขา

           

 

“แต่ผมว่าก็ไม่แปลกนะพี่ หน้าตาแกดีขนาดนั้น เป็นได้สบายเลย เสียแต่ว่าคงเล่นบทพระเอกไม่ได้” ไอ้เทิงหัวเราะแล้วไอ้จีนกับคนงานคนอื่นก็หัวเราะตามไปด้วย คมเขี้ยวเข้าใจว่าพวกมันไม่ได้เหยียดแม่คุณนาย แต่ใบหน้าอันสวยหวานและจริตเกินชายนั่นต่างหากที่ทำให้แม่ตัวดีเป็นพระเอกไม่ได้

           

 

“พี่เขี้ยวๆ” เขาหันไปมองตามเสียงเรียก ไอ้ดินก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาพร้อมกับหนังสือสองเล่ม เล่มหนึ่งหนา อีกเล่มบางลงครึ่งหนึ่งจากเล่มแรก

           

 

“หนังสือที่พี่ถ่ายกับคุณเรียวมาแล้วพี่ เขาส่งมาให้เป็นสิบชุดเลย แต่ผมหยิบมาให้พี่ดูก่อนชุดนึง” เขาย่นคิ้วแว้บหนึ่งเพราะลืมเรื่องหนังสือไปแล้ว เขายื่นมือไปรับหนังสือ พอเห็นหน้าปกก็เลิกคิ้วขึ้น รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นนิดหนึ่ง

           

 

“สวยดีนะพี่เขี้ยว” เขาเงยหน้าขึ้นมองไอ้ดินที่ยิ้มซื่อกับคำชมของตัวเอง เขาพยักหน้าขึ้นหนึ่งทีแล้วก้มลงมองหน้าปกหนังสือต่อ

           

 

หน้าปกเป็นรูปเขากับเรียวจันทร์นั่งอยู่บนกองฟาง เรียวจันทร์นั่งอยู่ตักซ้ายของเขา แขนขวาคล้องคอเขาหลวมๆ มือขวาวางอยู่ไหล่ขวาของเขาอีกที แม่ตัวแสบมองกล้องแล้วยิ้มร่า ดวงตาสดใสน่ามอง ส่วนเขาเอาแขนซ้ายโอบเอวเรียวจันทร์ไว้ ใบหน้าหันข้าง จมูกกดลงบนขมับของคนหน้าสวย เปลือกตาพลับพริ้มราวกับกำลังสูดดมกลิ่นหอมๆ

           

 

คุณนายจันทร์ไรก็ตัวหอมจริงๆ นั่นแหละ กลิ่นหอมเย็นสะอาด ไม่ฉุนจมูก แต่กลับทำให้จมูกอุ่นๆ

           

 

“อีกเล่มเป็นอะไรเหรอพี่เขี้ยว” เขาหยิบหนังสืออีกเล่มขึ้นมาดู แค่เปิดดูรูป ไม่ได้อ่านเนื้อหาแล้วก็ตอบคำถามของดิน

           

 

“เป็นเบื้องหลังการถ่ายทำ อ้าว มีรูปมึงด้วยนะ” เจ้าของชื่อทำตาโต เขยิบเข้ามาใกล้หนังสือ ก้มหน้าหารูปตัวเองในหน้าที่พี่เขี้ยวเปิดไว้ แล้วก็เห็นเป็นรูปตัวเองกำลังยืนกอดเรียวจันทร์อยู่ ไอ้ดินคลี่ยิ้ม

           

 

“หน้าบานเชียวนะมึง” คมเขี้ยวแกล้งมองไอ้ดินตาขวาง คนถูกมองไม่ได้ผวาหรือกลัว กลับยิ้มกว้างมากกว่าเดิม

           

 

“ดินจำได้ว่าตัวคุณเรียวหอมมาก อยากดมทั้งวันเลย” คมเขี้ยวหรี่ตามองน้องชายตัวเองด้วยความหมั่นไส้

           

 

“เดี๋ยวก็เป็นไซนัสหรอกมึง”

           

 

“ดินยอม” คมเขี้ยวด่าเป็นคำศัพท์ที่หมายถึงสัตว์คล้ายจระเข้แต่ตัวเล็กกว่าแบบไม่ออกเสียงใส่หน้าดินเบาๆ เจ้าตัวหัวเราะชอบอกชอบใจ

           

 

“กูฝากดูก่อน” ดินพยักหน้า คมเขี้ยวเดินออกไปจากคอกวัว ในมือถือหนังสือไปด้วย

           

 

คล้อยหลังคมเขี้ยวเดินห่างออกจากคอกวัวไปไกลแล้ว ไอ้เทิงกับไอ้จีนก็รีบวิ่งเข้ามาสุมหัวกัน นั่งมองกระดาษเอสี่แผ่นนึงด้วยสีหน้าและสายตาตื่น

           

 

“กูพูดถูกมั้ยวะเนี่ย” ไอ้จีนบอกอย่างเป็นกังวล ดินที่ยืนมองไอ้สองคนนั้นกระซิบกระซาบกันก็ทำหน้างง

           

 

“เออๆ ได้อยู่ คุณเรียวแกบอกไม่ต้องถูกต้องมาก แต่ให้ได้ใจความประมาณนี้แหละ” ไอ้เทิงตอบเพื่อนซี้ในคอกวัว แต่ตัวมันเองก็กวาดสายตาอ่านข้อความในกระดาษอีกรอบด้วยความพะว้าพะวงหน่อยๆ

           

 

“แอคติ้งโอเคใช่มั้ยวะมึง” ไอตาตี่ถามด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ

           

 

“กูว่าโอเคนะเว้ย คุณเรียวแกซ้อมให้เราตั้งนาน ไม่น่าพลาดๆ” ไอ้ตัวดำบอกด้วยสีหน้ามั่นใจขึ้นมาหน่อย เพราะเท่าที่จับน้ำเสียงและการแสดงของตัวเองกับเพื่อนได้ นับว่ามันทั้งสองทำได้ดีอย่างที่ว่าถ้าคุณเรียวเห็นคงจะพอใจ

           

 

“พวกมึงคุยไรกันวะ” ดินเดินเข้าไปถามมันสองคนอย่างข้องใจ ขมวดคิ้วมองไอ้สองซี้ที่ทำหน้าตกใจเล็กน้อย และพยายามซ่อนกระดาษเอสี่ไว้ด้านหลัง

           

 

“เปล่าๆ คุยกันไปเรื่อยอะแหละ” ดินเขม้นตามองไอ้สองคนนั้น พวกมันกลืนน้ำลายลงคอนิดหน่อย

           

 

“เอากระดาษอันนั้นมาดูดิ๊” ดินยื่นมือไปตรงหน้ามันสองคน แต่ไอ้เทิงกับไอ้จีนส่ายหัวหน้าตั้ง

           

 

คุณเรียวบอกห้ามใครเห็นกระดาษแผ่นนี้เด็ดขาด

           

 

“ถ้ามึงไม่ให้กูดู กูจะถือว่ามึงเป็นคนทำอารียากับเพื่อนๆ เจ็บ” ดินขู่ ซึ่งได้ผลไอ้สองคนนั้นตาโตทันที

           

 

“เฮ้ย! กูเปล่านะไอ้ดิน กูสองคนไม่ได้ทำแบบนั้น” ไอ้จีนบอกอย่างร้อนรน มองไอ้ดินที่ตีหน้าเคร่ง

           

 

“งั้นมึงก็ส่งมา ถ้าพวกมึงบริสุทธิ์ใจ ไม่งั้นกูฟ้องพี่เขี้ยวแน่” ไอ้สองซี้หันมองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้ให้ท่วมคอกวัว คุณเรียวจันทร์ก็น่ากลัว พี่เขี้ยวยิ่งน่ากลัวกว่า ฉะนั้นมันสองคนเลยตกลงกันทางสายตาว่าไม่ควรไปลองดีกับคนที่น่ากลัวกว่าอย่างพี่เขี้ยว

           

 

“เอามา” ดินว่าพลางขยับมือกวักเรียกกระดาษแผ่นนั้นยิกๆ ไอ้เทิงค่อยๆ ยื่นกระดาษไปให้ไอ้ดิน

           

 

ดินดึงกระดาษแผ่นนั้นไปไว้ในมือ ก้มลงอ่านข้อความในกระดาษแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ พยายามอ่านทวนอีกรอบก็ยังไม่เก็ทอยู่ดีว่ากระดาษแผ่นนี้มันมีอะไรสำคัญนักหนา ไอ้สองคนนั้นถึงทำท่าไม่อยากให้

           

 

“อะไรของพวกมึงวะ กูก็นึกว่ามีความลับอะไร ข้อความห่าไรเนี่ย”

           

 

“ของคุณเรียว แกฝากให้พวกกูทำ” ซึ่งพวกกูไม่ได้อยากทำเลย แต่โดนคุณเรียวแกขู่เรื่องภาพลับ…

           

 

ดินขมวดคิ้ว ยิ่งงงเข้าไปอีกว่าคุณเรียวจะฝากกระดาษแผ่นนี้ไว้ให้ไอ้สองคนนี้ทำไม “โค้ตลับเหรอวะ…”

           

 

 

ดินก้มลงมองข้อความในกระดาษอีกครั้ง ก่อนจะอ่านออกเสียงเบาๆ “…คิดถึงคุณเรียวเนอะพี่… อยากเห็นคุณเรียวมาเต้นให้วัวดูอีก… คนอะไร อารมณ์ดีทั้งวัน… กูว่าวัวชอบคุณเรียวนะ… อะไรของพวกมึงวะ คุณเรียวเขาเขียนไรให้เนี่ย”

           

 

ไอ้จีนกับไอ้เทิงทำหน้าคล้ายว่าจะร้องไห้ แต่ก็ไม่ได้ร้องออกมาหรอก มันสองคนแค่รู้สึกเวทนาในชะตากรรมของมันสองคนที่พลาดไปให้คุณเรียวจันทร์กุมเอาไว้

           

 

“สคริปต์” ไอ้เทิงบอกเสียงเหมือนจะร้องไห้แล้วเบะปาก ดินก็ยังขมวดคิ้วไม่เข้าใจอยู่ดี จนสุดท้าย พอเช็กแล้วว่ากระดาษแผ่นนี้มันไม่มีการก่อการร้ายอะไร เขาก็คืนให้มันสองคน

           

 

“ฮู้ว สคริปต์ห่าอะไร มึงสองคนเล่นไรกับคุณเรียวเนี่ย” ไอ้จีนอยากบอกเหลือเกินว่าพวกกูไม่ได้เล่น ไม่ได้อยากเล่นด้วย เพราะคุณเรียวคนสวยของมึงเขาบังคับพวกกูจริงจังมาก แต่ก็ปริปากพูดมากไม่ได้ ไม่งั้นคุณเรียวบั่นชะตาพวกกูแน่

           

 

ดินเดินไปดูคอกวัวส่วนอื่นๆ แล้ว ทิ้งให้ไอ้สองซี้นั่งพ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนที่แต่ละคนจะนึกถึงคำพูดของคุณเรียวที่มาพร้อมกับการข่มขู่

           

 

“นายสองคนต้องแกล้งพูดถึงฉันต่อหน้านายคมเขี้ยว พูดให้เป็นธรรมชาติ ทำแบบว่า จู่ๆ นายสองคนก็นึกถึงฉันในจังหวะที่นายเขี้ยวเดินผ่านมาพอดี…” ไอ้สองซี้นั่งตัวสั่นเบาๆ กับสายตาราวกับแม่เหยี่ยวที่พร้อมจะกางเก็บข่วนลงบนหน้าของมันสองคนหากว่าไปขัดใจอะไรเข้า เรียวจันทร์ยิ้มอ่อน แต่เป็นรอยยิ้มที่ไอ้เทิงกับไอ้จีนเสียวสันหลังวาบ

 

 

“ต้องฝึกแอคติ้งให้เนียน ให้ดูว่านายสองคนพูดออกมาจากใจจริงๆ น้ำเสียงต้องไม่ประดิษฐ์หรือสูงหรือต่ำจนน่าสงสัย สิ่งที่ฉันต้องการคือ พูดสะกิดใจให้ตานั่นคิดถึงฉัน ช่วงที่ฉันไม่อยู่ที่นี่สองวัน”

 

 

“พะ… พวกผม จะ… จะทำได้เหรอครับ” ไอ้เทิงเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก เรียวจันทร์จากที่ยิ้มหวานก็หุบยิ้มวืด ดวงตาเปลี่ยนเป็นตานางมารทันที

         

 

“ก็ถ้าเกิดนายทำไม่ได้ ทำไม่เนียนล่ะก็ ฉันจะเอาภาพที่นายสองคนช่วยกันชักว่าวไปทำเป็นป้ายไวนิลแล้วประจารไปรอบฟาร์ม!” พวกมันไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยซ้ำ ไม่มีการคิดว่าจะทำได้หรือไม่ได้ด้วย สิ่งที่ต้องทำคือทำให้ได้เท่านั้น

           

 

เป็นคืนที่พลาดของมันสองคน คืนนั้นเมาแล้วดันเกิดอารมณ์ อยู่กันสองคนเลยช่วยกันปลดปล่อยเท่านั้นเอง ใครจะไปคิดว่าคุณเรียวแกจะผ่านมาเห็นแล้วถ่ายคลิปกับภาพไว้แล้วก็เอามาขู่กันแบบนี้ล่ะ ตอนแรกแกบอกว่ากะถ่ายไว้เพื่อความสนุกเฉยๆ แต่ไปๆ มาๆ ดันมามีประโยชน์ต่อตัวแกเองซะอย่างนั้น





ประโยชน์ของคุณเรียว แต่เป็นโทษของมันสองคนนี่ไง

 







เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้  :hao7:



เอ๊า คุณแม่ 555555 นึกว่าคนงานเขาจะพูดเพราะนึกถึงคุณแม่จริงๆ ที่ไหนได้โดนนางมารข่มขู่ไว้นี่เอง ทำบุญมาน้อยเหรอจ๊ะพ่อคุทั้งสอง ไม่รอดเงื้อมือนางมารเนาะ 55555

ตัวจากไป แต่ต้องปลุกปั่นหัวใจเป้าหมายไม่ขาดหายสิคะ เดี๋ยวผู้ชายจะลืม ผู้ชายให้จูบ ให้กอดแล้ว เราต้องไม่หยุดแค่นี้ใช่มั้ยคะคุณแม่ แม้จะไม่อยู่ แต่เราก็ต้องเตรียมพร้อม

แล้วพี่เขี้ยวก็ดันคิดถึงคุณแม่ด้วย แหม พี่เขี้ยวจะอยู่รอดปลอดถัยได้อีกนานมั้ยคะ คริๆ  :hao3:

ส่วนดิน ซื่อจริงพ่อคุณ นั่นไม่ใช่โค้ตลับน้อ 55555

เดี๋ยวเจอกันในส่วนต่อไปนะคะ ^^



ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้อยู่ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ คอมเม้นเป็นกำลังใจดีๆ สำหรับคนเขียนเสมอ ดีใจที่คนอ่านรักและเข้าใจในตัวตนของแม่เรียว ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างแม่เรียวในการจับพี่เขี้ยวมาด้วยกันค่ะ 555555





สำหรับแท็กในทวิตสำหรับเรื่องนี้ใช้                                                               
 #WorksTheMagic หรือ #คมเขี้ยวเรียวจันทร์ ก็ได้ค่ะ


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ว้ายยย ขุ่นแม่เรียวขาาา นางช่างนะ มีแอบถ่ายแบล๊คเมล์ด้วย แผนอ้อยให้พี่เขี้ยวกระโดดลงไปในหลุมที่แม่นายขุดใกล้สำเร็จแล้ววๆ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
นางมารก็คือนางมารนะคะ ไม่อยู่สองวันคุณนายคงกลัวว่าพี่เขี้ยวจะไม่คิดถึง 555

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :m20: เราก้อนึกว่าคนงานแบบคิดถึงจริง ๆ ก้อคงจริงแหละ แต่คิดถึงด้วยความกลัว 555 ขำคนงานสองคนนี้จริง ๆ แม่เรียวต้องไปปฏิบัติหน้าที่อีกแล้วเรอะ  :o12: แม่เรียวสู้ ๆ น่ะจ้ะ  :mew2:

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
 :impress2: :L1:
ติดเรื่องนี้สุดๆ

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8



คาถาที่ 17 [70%]



คมเขี้ยวเดินกลับมาที่ออฟฟิศ พอเข้ามาด้านในก็เจอกับแพ็คหนังสือที่ถูกแกะทิ้งไว้บนโต๊ะทำงาน ในนั้นมีหนังสืออีกหลายเล่มอัดแน่นอยู่ด้วยกัน คมเขี้ยววางหนังสือในมือลงบนโต๊ะ นั่งลงบนเก้าอี้ หยิบบัญชีและเอกสารที่เกี่ยวกับฟาร์มขึ้นมานั่งเคลียร์แทนแม่คุณนาย เขาหันไปมองประตูห้องนอนของคนตัวเล็กพักหนึ่งแล้วก็หันกลับมาสนใจงานตัวเองต่อ
               

 

คมเขี้ยวนั่งทำงานเงียบๆ จนรู้สึกว่ามันเงียบเกินไป มันโหวงเหวงในใจพิกล เขาเงยหน้าขึ้นจากกองงาน หยิบแม็กกาซีนมาเปิดดูอีกรอบ คราวนี้เขาค่อยๆ เปิดดูช้าๆ นั่งมองภาพแฟชั่นของตัวเองกับเรียวจันทร์ไปทีละภาพอย่างใจเย็น ในหนังสือมีหลายสิบภาพ ดึงเอาทุกเซ็ทที่ถ่ายกันในวันนั้นมาลงจนหมด แต่ก็คัดแต่ละภาพมาแล้วอย่างดี มีภาพนึงเรียวจันทร์ทำหน้าตกใจม้าที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้แม่นาง สองแขนคล้องคอเขาแน่นไม่ยอมปล่อย ส่วนตัวเขาหัวเราะโดยที่ช่างภาพไม่ได้สั่ง นี่ถ้าแม่คุณนายเห็นภาพนี้นางอาจวีนได้ว่าเอาภาพที่หน้าตัวเองกำลังเหวอไม่สวยมาลงได้ยังไง แต่เขาว่ามันไม่ปรุงแต่งดีนะ

               

 

เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น คมเขี้ยวหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์อัจฉรา เขามองนิ่งสักพัก นึกงงใจตัวเองว่าทำไมมันรู้สึกหล่นวูบไปวูบหนึ่ง

               

 

“ครับเอื้อง”

               

 

[เอื้องใกล้จะออกเวรแล้วค่ะ จะชวนไปร้านขนมหวาน]

               

 

“ผมยังไม่แน่ใจเลยเอื้องว่าจะเคลียร์งานเสร็จตอนไหน” ปากพูด แต่สายตาก็มองรูปในแม็กกาซีน

               

 

[อีกแล้วเหรอ ช่วงสองอาทิตย์นี้เราไม่ค่อยได้ไปไหนด้วยกันเลยนะเขี้ยว]

               

 

“หือ ก่อนหน้านี้ก็ใช่ว่าเราจะไปไหนด้วยกันบ่อยนะเอื้อง” เขากับอัจฉราคุยกันก็จริง แต่ก็ไม่ได้คุยกันทุกวัน หรือคุยตลอดเวลา เป็นอารมณ์คุยๆ หายๆ ไม่ใช่การสานต่ออย่างต่อเนื่อง มีช่วงนึงเขาเคยขาดการติดต่อกับเธอไปเกือบสองเดือน จนเอื้องทักแชทหาเขาอีกครั้งถึงได้กลับมาคุยกันต่อ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรพัฒนาเพิ่มเติม ก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง การเจอกันแต่ละครั้ง ซึ่งไม่ได้บ่อยครั้งด้วย ก็ไม่ใช่ลักษณะการออกเดทอะไรทำนองนั้น เหมือนมาเจอกันตามปกติ เหมือนเขาเจอกับเพื่อนทั่วไป เพียงแค่เพื่อนคนนี้อาจจะบ่อยกว่าเพื่อนคนอื่นมากหน่อยเท่านั้นเอง ตัวเขาไม่เคยกระตือรือร้นอยากพบอยากเจอเธอทุกวี่ทุกวัน ถ้ามีโอกาสเจอกันก็เจอ ถ้าไม่มีก็คือใช้ชีวิตในส่วนอื่นๆ ตามปกติ

 

 

เหมือนที่ไอ้ดินเคยบอกนั่นแหละ มือเธอเขายังไม่เคยจับเลย ไม่ว่าจะตั้งใจหรือเผลอก็ตาม

               

 

[แต่พักนี้เอื้องรู้สึกว่าเราห่างกันกว่าปกติ]

               

 

“มันเป็นปกติอยู่แล้วนะผมว่า หมายถึงไม่ใช่ห่างกันปกติ แต่รูปแบบชีวิตเราก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว” คมเขี้ยวพูดแบบไม่ได้คิดอะไรมาก นึกแค่อยากพูดให้เธอสบายใจว่าเขายังเหมือนเดิม เพราะแต่ไหนแต่ไรเขาก็เป็นแบบนี้ กับเธอเขาก็เป็นไปในลักษณะนี้อยู่แล้ว

               

 

อัจฉราเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่เธอจะพูดเสียงนิ่ง [งั้นเดี๋ยวเอื้องไปหาที่ฟาร์มนะ]

               

 

“ครับ เดี๋ยวเจอกัน” เขาวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะตามเดิม มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อดูภาพเบื้องหลังการถ่ายแม็กกาซีน เป็นรูปที่เขาผลักหัวเรียวจันทร์เบาๆ จำไม่แม่นว่าตอนนั้นแม่คุณนายแกจะเข้ามาลวนลามหรือว่าอะไร

               

 

คมเขี้ยวละสายตาจากแม็กกาซีนมามองงานบนโต๊ะ ถอนหายใจหนึ่งทีแล้วเก็บเอกสารทุกอย่างไว้ในลิ้นชัก รู้สึกไม่ค่อยมีสมาธิจดจ่อกับงานเท่าไหร่ เขาลุกขึ้นยืน วางหนังสือสองเล่มที่ดินเอาไปให้ไว้บนโต๊ะทำงาน ส่วนที่เหลือเขากะเอาไปเก็บไว้ที่บ้านก่อน แล้วจะยังไงต่อก็ค่อยว่ากัน

               

 

คมเขี้ยวเดินออกมาจากออฟฟิศ ตอนที่กำลังเดินตรงไปทางสวนหน้าบ้าน เขาเจอกับน้อยหน่า คนงานสาวในฟาร์มที่ทำงานกับเขามานาน เธอทำหน้าตกใจที่เห็นเขาแต่ก็ไม่ใช่อาการตกใจใหญ่โต เหมือนเธอสะดุ้งที่เจอเขาโดยไม่ได้ตั้งใจมากกว่า

               

 

“ไปไหนเหรอน้อย” เขาถามตามปกติ หญิงสาวยิ้มนิดหนึ่งก่อนตอบ

               

 

“กำลังจะเข้าไปเคลียร์พื้นที่ในแคมป์ปิ้ง พี่เขี้ยวจะเข้าบ้านเหรอ” เขาพยักหน้าหนึ่งทีแทนคำตอบ หญิงสาวมองห่อกระดาษสีน้ำตาลในมือคมเขี้ยวด้วยความสงสัย

               

 

“อะไรเหรอพี่เขี้ยว”

               

 

“หนังสือน่ะ”

               

 

“หนังสืออะไรเหรอ”

               

 

“แม็กกาซีนถ่ายแบบ” น้อยหน่าทำหน้าประหลาดใจเพียงครู่ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นทำหน้าหงิก คมเขี้ยวรู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับตัวเอง แต่เขาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจหรือเอามาเป็นประเด็นเด่นในชีวิต เขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอ เท่านั้นก็จบแล้วสำหรับเขา

               

 

“ที่พี่ถ่ายกับแม่คุณนายนั่นน่ะเหรอ”

               

 

“อือ” หญิงสาวเบ้ปากนิดๆ สองแขนยกขึ้นกอดอก

               

 

“ถามจริงสิพี่เขี้ยว พี่เป็นเกย์เหรอ” คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้นแล้วทำหน้าเฉยและตอบแบบเฉยๆ ไม่ได้ผวาตกใจหรือลนลานราวกับไปทำความผิดอะไรร้ายแรงมา

               

 

“ก็ไม่นี่ พี่ก็เป็นพี่เหมือนเดิม”

               

 

“แต่พี่กับคุณเรียวแลจะสนิทกันมากนะ” น้อยหน่าว่าด้วยความหมั่นไส้ สายตาดูแคลนคนที่พูดถึงหน่อยๆ

               

 

“พี่ก็สนิทกับไอ้ดิน สนิทกับคนงานตั้งหลายคน มันเป็นเรื่องแปลกตรงไหนเหรอน้อย”

               

 

“ไม่แปลกหรอก แต่พี่กับยัยคุณนายมันแตกต่าง ถ้าพี่คิดจะมีแฟนจริงๆ ผู้หญิงที่ชื่อเอื้องนั่นก็ได้พี่ แต่อย่าวิปริตไปเอาผู้ชายด้วยกันเลย” คมเขี้ยวหน้าตึงแทบจะทันที เขามองหน้าน้อยหน่าด้วยสายตานิ่งแต่เฉียบคม ไม่กะพริบตาสักนิด ไม่มีคำพูดตอบกลับ แค่มองนิ่ง มองไม่ละสายตาจนอีกฝ่ายเริ่มหน้าเสียไปเอง และสุดท้ายเธอก็ก้มหัวเดินผ่านเขาไป คมเขี้ยวไม่ได้หันไปมองตาม แค่ส่ายหัวช้าๆ และก้าวเท้าเดินต่อไปทางบ้าน คำพูดของน้อยหน่าถูกปัดออกไปอย่างไม่ได้คิดเอามาต่อยอดใดๆ

               

 

“แบกอะไรมาน่ะเขี้ยว” แม่ถามเขาตอนที่เดินขึ้นมาถึงประตูหน้าบ้านด้านบน อันที่จริงบ้านเขามีประตูหน้าบ้านและชานด้านหน้าที่ด้านล่าง แต่ส่วนห้องนอนของเขาอยู่ชั้นบน เลยขึ้นมาทางนี้เลยทีเดียว

               

 

“หนังสือที่ผมถ่ายกับเรียวจันทร์” บัวบูชาตาโตด้วยความตื่นเต้น

               

 

“ไหนๆ ขอแม่ดูหน่อย” คมเขี้ยวเอาห่อกระดาษไปวางไว้บนโต๊ะ ฉีกกระดาษออกอีกนิด หยิบหนังสือส่งให้แม่ มองเข้าไปในห่อกระดาษก็เห็นเล่มเบื้องหลังการถ่ายทำวางอยู่ เขาเลยหยิบขึ้นมาส่งให้แม่อีกเล่ม เขาลองแหวกห่อกระดาษดูเลยได้เห็นแฟลชไดรฟ์สีดำอันเล็กตกอยู่ตรงก้นห่อ

               

 

“อันนั้นอะไรล่ะน่ะ”

               

 

“แฟลชไดรฟ์อะแม่ ในนี้คงมีไฟล์รูปละมั้ง ผมเดาเอานะ” เพราะเขาได้ยินแว่วๆ จากตอนถ่ายแบบเสร็จว่า บรรณาธิการจะให้รูปแบบพิเศษกับแม่เขาเลย

               

 

“โอ๊ยตาย แม่ชอบมากเลยเขี้ยว ลูกแม่หล่อ น้องเรียวก็น่าร้ากน่ารัก” คมเขี้ยวอมยิ้มกับสีหน้ายิ้มใหญ่และยิ้มใหญ่มากของแม่ หล่อนเปิดหนังสือดูแต่ละรูปอย่างช้าๆ ราวกับจะซึมซับทุกอณูของรูปให้ได้มากที่สุด

               

 

“กว่าหนูเรียวจะกลับก็ตั้งมะรืน คิดถึงน้องเหมือนกันนะ ปกติอยู่ก็จะแจ้วๆ ตลอด” แสดงว่าไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่รู้สึกแบบนี้

               

 

ค่อยโล่งใจหน่อยว่าตัวเองไม่ได้จมอยู่กับไอ้จันทร์ไรมากไป

               

 

“แม่ยังไม่เคยเห็นมันเงียบ” หญิงสูงวัยเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ

               

 

“เขาก็ต้องมีเงียบบ้างสิเขี้ยว ใครจะมาพูดได้ทั้งวี่ทั้งวัน” หล่อนพูดจบก็ก้มดูนิตยสารต่อ คลี่ยิ้มเมื่อเห็นภาพด้านในถูกใจตนเองเหลือเกิน

               

 

“อันนั้นผมรู้ แต่หมายถึงตอนที่น้องเรียวของแม่เขาเงียบซึมเพราะมีปัญหา” แม่เขาเงยหน้าขึ้นจากรูปในนิตยสารอีกครั้งทั้งที่ยังมีรอยยิ้มติดอยู่บนใบหน้า

               

 

“หือ น้องมีปัญหาอะไรเหรอ”

               

 

“ผมก็ไม่รู้หรอก แต่เคยซึม นิ่งเงียบเหมือนโดนดูดวิญญาณออกไปจากตัว” บัวบูชาทำหน้านึก แต่ก็นึกไม่ออกว่าเรียวจันทร์ไปเจอปัญหาอะไรเข้า หรือว่ามีปัญหาอะไรอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วหรือเปล่า แต่สามีของเธอน่าจะพอเดาได้อยู่

               

 

“ยังไงก็ดูแลน้องด้วยนะเขี้ยว แม่ไม่ได้ให้เขี้ยวดูแลเพียงเพราะว่าพ่อเขามีบุญคุณกับบ้านเรา แต่เรียวจันทร์เป็นเด็กดี…” หล่อนยิ้มบาง เลื่อนสายตาไปมองรูปคู่ของทั้งสองคนในนิตยสารแล้วก็ถอนหายใจแผ่วๆ เงยหน้าขึ้นมองลูกตัวเองอีกครั้ง มองใบหน้าหล่อเหลาของลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน

               

 

“…ถ้าเกิดเราลงเอยกับหนูเรียวจริงๆ แม่ก็ไม่รังเกียจ ไม่กีดกัน แค่ลูกรักกันแล้วมีความสุข แม่ก็ยินดี” คมเขี้ยวทำตาโต แล้วเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้ว ก่อนที่จะมีท่าทีอึกอัก เขายกมือขึ้นเกาปลายจมูก

               

 

“แม่ ว่าไปนั่น แม่ไม่อยากอุ้มหลานรึไง ถ้าผมมีเรียวจันทร์เป็นเมีย ผมก็ไม่มีลูกนะ” บัวบูชาปิดหนังสือ มองหน้าลูกชายตรงๆ แล้วส่งยิ้มใจดีให้

               

 

“มีลูกแล้วเขี้ยวมีความสุขรึเปล่าล่ะ…” คมเขี้ยวมองหน้าแม่อย่างไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่

 

 

“…ถ้ามีก็ดี แต่ถ้าไม่มี เขี้ยวก็ต้องคิดให้ดีว่าชีวิตต้องการอะไรกันแน่ อยากมีลูกเพื่อตอบโจทย์กรอบชีวิตของสังคม หรืออยากมีความสุขกับคนที่เรารัก” คนเป็นลูกชายมองมารดาตัวเองด้วยความทึ่งกับแนวคิดที่แสนจะสมัยใหม่

               

 

“แม่คิดงี้จริงๆ เหรอ” บัวบูชาพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม

               

 

“สำหรับแม่กับป๋า ก็หวังให้เขี้ยวมีความสุขนั่นแหละ เขี้ยวเป็นลูกที่ดีมาตลอด ถ้าแค่ลูกอยากจะขอมีเมียเป็นผู้ชาย แม่จะไปว่าอะไรล่ะ” หล่อนยิ้มแซวกับใบหน้าเก๊กขรึมของลูกชาย

               

 

“เป็นตุเป็นตะเชียวนะแม่” คนเป็นแม่เบะปากเบาๆ พร้อมกับมองผู้เป็นลูกด้วยความหมั่นไส้เล็กๆ

               

 

“ว่าแม่เป็นตุเป็นตะ แต่ก็ไม่ปฏิเสธนะพ่อเขี้ยว” คมเขี้ยวทำหน้าตาย พูดด้วยน้ำเสียงไหลไปเรื่อย

               

 

“ผมเห็นแม่พูดก็ไม่อยากขัด เดี๋ยวจะหาว่าเถียงพ่อเถียงแม่”

               

 

“หื้ม จ้า” หญิงสาวยังคงมองลูกชายด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะนึกถึงประเด็นหนึ่งที่เมื่อกี้ลืมพูด

               

 

“ถ้าเกิดเรามีความรู้สึกที่ดีกับหนูเรียวเขาจริงๆ เคลียร์หนูเอื้องให้รู้เรื่องด้วยนะ”

               

 

“เคลียร์อะไรล่ะแม่ ผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน การที่เขามาบ้านเราบ่อยๆ มาเจอพ่อกับแม่ ไม่ได้หมายความว่าผมจะเปิดตัวนะ ก็เหมือนเพื่อนมาบ้าน ตั้งแต่รู้จักกันมา ความสัมพันธ์เราไม่ได้ไปไหนไกลเลย”

               

 

“แล้วเขาคิดอย่างเรารึเปล่าล่ะ” คุณบัวมองคล้ายว่าจะดุอยู่ในที คมเขี้ยวยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มแค่นๆ แล้วหุบลงอย่างเร็ว

               

 

“แม่ว่าเวลาเราอยู่กับหนูเอื้องก็น่ารักดี แต่แค่นั้นก็ไม่ใช่คำตอบของทั้งหมด” สองแม่ลูกกำลังจะคุยกันต่อ แต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยการมาเยือนของหญิงสาวที่เพิ่งอยู่ในบทสนทนาเมื่อครู่นี้

               

 

“คุณแม่สวัสดีค่ะ” บัวบูชารับไหว้พร้อมรอยยิ้ม

               

 

“สวัสดีจ้ะหนูเอื้อง เพิ่งเลิกเวรเหรอลูก”

               

 

“ใช่ค่ะแม่ เอื้องแวะไปซื้อขนมมาฝากทุกคนด้วยนะคะ” หญิงสาวยิ้มหวาน วางถุงขนมที่แวะซื้อมาก่อนจะเข้ามาบ้านของคมเขี้ยว เธอกำลังยิ้มแย้มและกำลังจะเริ่มชวนทั้งสองคนคุย แต่สายตาเหลือบไปเห็นนิตยสารบนโต๊ะเสียก่อน เลยชะงักไปนิดหน่อย บัวบูชาหันไปมองหน้าลูกชายที่ยังนิ่ง ไม่ได้สังเกตปฏิกิริยาของผู้มาใหม่เลย

               

 

“ไปถ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอเขี้ยว” คมเขี้ยวหันไปมองเธองงๆ แต่พอเห็นว่าอัจฉราเอื้อมมือไปหยิบนิตยสารขึ้นมาดูเขาเลยทำหน้าเข้าใจ และมีความลำบากใจปะปนด้วย

               

 

“สักพักแล้วล่ะ” อัจฉรายิ้มอ่อน ก้มลงมองหน้าปกของหนังสือด้วยสายตาที่เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ หญิงสูงวัยมองหญิงสาวอีกคนด้วยความเห็นใจ ตัวหล่อนเองไม่คิดบังคับเรื่องหัวใจของลูกชาย แค่อยากให้เป็นลูกผู้ชายมากพอที่จะเคลียร์ทุกอย่างให้ชัดเจน อันที่จริงกับอัจฉรา หล่อนก็เห็นอย่างที่ลูกชายว่า พยาบาลสาวแสดงออกว่าชอบพอและพึงพอใจในตัวลูกชายหล่อนมาก ส่วนลูกชายหล่อนก็ไม่ได้มีท่าปฏิเสธ แต่ก็ไม่ยอมให้ความสัมพันธ์ก้าวไกลไปมากกว่าที่เป็นอยู่สักที เมื่อก่อนนี้ หล่อนหวังให้ลูกชายตกลงปลงใจกับอัจฉราเร็วๆ เพราะเห็นว่าทั้งสองเหมาะสมกันดี หล่อนยังเคยหวังให้หญิงสาวคนนี้มาเป็นลูกสะใภ้เลย แต่หล่อนกับสามีก็ไม่เคยเชียร์ออกนอกหน้า เพราะถือว่าใจใครใจมัน

               

 

สมัยที่หล่อนกับสามีคบกันก็มาจากใจของตัวเองกันทั้งนั้น ไม่เคยมีใครบังคับใดๆ แล้วเหตุอะไรทำไมหล่อนต้องบังคับลูกชายตนเอง ถ้าเขาชอบ หล่อนก็พร้อมยินดี แต่ถ้าเขาไม่ชอบ หล่อนก็พร้อมเคารพการตัดสินใจของลูกเช่นกัน

               

 

“เป็นงานชิ้นนึงนั่นแหละหนูเอื้อง ทางนิตยสารเขาขอมา ปกติเขี้ยวก็เคยถ่ายแบบให้สัมภาษณ์ในนิตยสารบ้าง แต่เล่มนี้เป็นเล่มแรกเลยที่ขึ้นปก” บัวบูชาอธิบายอย่างนุ่มนวลเพื่อให้อัจฉราไม่รู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ ต่อให้เงียบยังไงก็ดูออกนั่นแหละว่าพยาบาลสาวคงไม่สบายใจอยู่

               

 

อัจฉราเงยหน้าขึ้นมองแม่ของชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม และหันไปมองคมเขี้ยวที่ทำหน้าไม่สบายใจอยู่อย่างสบายๆ เธอเปิดหนังสือดูรูปถ่ายในเล่มทีละรูป

               

 

“เขี้ยวหล่อดีนะ นานๆ ทีจะเห็นมาดนายแบบ” พอเห็นว่าเธอยิ้มได้ คมเขี้ยวเลยค่อยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย เขายิ้มตอบเธอบางๆ

               

 

“ตอนถ่ายก็เกร็งอยู่เหมือนกัน”

               

 

“แต่คุณเรียวคงช่วยได้เยอะเลยละสิ” เธอทำท่าจะวางหนังสือไว้บนโต๊ะตามเดิม แต่สักพักก็เปลี่ยนใจ

               

 

“ขอเอื้องเล่มนึงได้มั้ยคะ เก็บเอาไว้ดูรูป เฉพาะเขี้ยวนะ ไม่นับคุณเรียว” เจ้าหล่อนหัวเราะเบาๆ คมเขี้ยวยิ้มแกนๆ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดด้วยความรู้สึกหึงหวงหรือเปล่า

               

 

“ได้ เอาไปสิจ๊ะ เอาเล่มรวมเบื้องหลังด้วยมั้ย” บัวบูชายื่นหนังสือเล่มเล็กกว่าไปให้อัจฉรา พยาบาลสาวยื่นมือไปรับมาวางไว้กับอีกเล่มบนตัก

               

 

“คุณพ่อกับดินไปไหนล่ะคะแม่” เธอว่าพลางเอาหนังสือยัดลงกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมสีครีมของตัวเอง

               

 

“ป๋าเขาไปดูไร่องุ่นจ้ะ ดินก็คงอยู่แถวๆ นี้แหละ”

               

 

“วันนี้เอื้องทำกับข้าวให้มั้ยคะ” เธอเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

               

 

“ไม่ต้องหรอกเอื้อง เมื่อวานก็มาทำให้ผมไปมื้อนึงแล้ว” คมเขี้ยวว่าอย่างเกรงใจ นึกถึงมื้อเย็นเมื่อวานที่กินแบบขัดๆ ฝืนๆ เหมือนกินได้ไม่เต็มที่แล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ

               

 

“ทำอย่างกับเอื้องทำให้กินไปแค่มื้อเดียวงั้นแหละ” อัจฉรายิ้มเย้า คมเขี้ยวยิ้มไม่เต็มปากนัก

               

 

“ถ้าหนูสะดวกก็ทำเถอะจ้ะ แม่เองก็ชอบรสมือหนูเอื้อง” บัวบูชาบอกพร้อมรอยยิ้มใจดี หล่อนไม่อยากให้หญิงสาวตรงหน้ารู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นส่วนเกิน จากที่เคยเดินเข้าเดินออกบ้านนี้ได้อย่างเป็นกันเอง

               

 

“งั้นเดี๋ยวเอื้องทำรอคุณพ่อกับดินเลยแล้วกันนะคะ” ไม่รู้ว่าคมเขี้ยวคิดมากไปหรือเปล่า แต่เหมือนอัจฉราจะจงใจไม่พูดถึงเรียวจันทร์ ดีที่ว่าแม่คุณนายแกไม่อยู่พอดี

               

 

“ถึงจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา แต่อย่าทำเหมือนเขาไม่เคยใกล้ชิดกับเรามาก่อนเลยนะ” บัวบูชาบอกก่อนจะลุกขึ้นเดินตามอัจฉราเข้าไปในครัวเพื่อช่วยหล่อนทำอาหาร คมเขี้ยวยักคิ้วขึ้นหนึ่งที ก่อนจะพ่นลมหายใจเบาๆ


 

 






 เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้  :hao7:


คุณแม่พี่เขี้ยวเปิดทางแล้วนะคะพี่ ตัวพี่ว่ายังไงคะ ตัวเองก็แอบคิดถึงคุณนาย ยังมิวายพยายามหาข้ออ้างให้ตัวเองนะ หุๆ

ที่คุณแม่พูดว่าคิดถึงเรียวจันทร์ คุณแม่ไม่ได้โดนบังคับเหมือนสองคนนั้นใช่มั้ยคะ 555555

สายตาของยัยเอื้องอ่านไม่ออก จะผีเข้าผีออก หรือผีบอกอะไรก็ยังไม่รู้ พี่เขี้ยวโปรดรีบเคลียร์ แต่ก่อนจะเคลียร์แม่นางคนนี้ ขอพี่เขี้ยวก็เคลียร์ใจตัวเองก่อนว่ายังไงกับแม่เรียว

แต่ก็เป็นสัญญาณดีๆ ละน้าาา ถ้าใครตามอ่านกันมานาน จะรู้เนอะว่าอีพี่เขี้ยวต่อต้านคุณนายมากแค่ไหน 555555 เนี่ยยยย อันนี้ดีแล้ว เริ่มมีคิดถึงจุ๊บจิ๊บๆ กรุบๆ กริบๆ

เอ๊าาา ลุ้นกันต่อปายยยย ว่าขุ่นแม่เรียวเข้าจะพุ่งชนเป้าพี่เขี้ยวได้สำเร็จหรือไม่ ฮู่เล่ๆ *ชูพู่เชียร์*

ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ตามอ่านเรื่องนี้กันอยู่ค่ะ คอมเม้นทุกคอมเม้นที่เม้นให้ เรื่องจำนวนตอมไม่ได้เอามาเป็นประเด็นใหญ่ แค่เห็นจำนวนคอมเม้นเพิ่มขึ้นในแต่ละครั้งที่อัพให้ก็ดีใจแล้วค่ะจริงๆ มันเป็นกำลังใจให้ตอมรู้ว่า เออ มีคนอ่านรอเราอยู่นะ ขอบคุณมากๆ นะคะทุกคอมเม้น และขอบคุณนักอ่านเงาด้วยค่ะที่คอยเพิ่มยอดวิวให้เสมอ ฮ่าๆๆ


#WorksTheMagic หรือ #คมเขี้ยวเรียวจันทร์


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เดี๋ยวนี้พี่เขี้ยวนางไม่สู้ละจ้าาา แม่เรียวเขาเก่ง

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
จะเอารูปไปทำไมคุณเอื้อง
ไม่มีคุณนายแต่พี่เขี้ยวก็ไม่เคยชัดเจน ปล่อยไปเรื่อยๆอย่างนี้ก็เหมือนให้ความหวังคุณพยาบาลเค้านะ น่าสงสารออก

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
 :fire: ยัยเอื้อง ยัยนี่มันร้ายยย

ออฟไลน์ peeranatyaikaew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หงุดหงิดดดดดดดๆๆยัยเอื้องเยื้องย่าง กะไอ้พี่เขี้ยวจริงๆ(คนนี้เขาใจว่ายังเคลียร์ตัวเองไม่ได้) :katai1: :katai1: :katai1: o13
 :z3: :ling3:

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :z1: หมดปัญหาเรื่องครอบครัวตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เพราะพ่อแม่ให้การสนับสนุนเต็มที่ถ้าลูกมีใจรัก ตอนนี้ก้ออยู่ที่ใจของเขี้ยวแล้วว่าจะเปิดใจตัวเองแค่ไหน แต่ดูแล้วก้อคงแง้มอออกมาแล้วล่ะ มีแอบคิดถึงด้วย :mew4: พอเคลียร์ใจได้แล้วก้ออย่าลืมไปเคลียร์คนข้าง ๆ ด้วยน่ะ เห็นเขาเฉย ๆ ไม่ใช่ว่าไม่คิดน่ะจ้ะ พอมีคู่แข่งเลยกระตือรือล้นขึ้นมาเต็มตัวแล้วน่ะ  :mew4:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ยัยเอื้องงง หมดหวังจ้าา ขุ่นแม่เปิดทางขนาดนี้แล้ววว โอ้ยยยย

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8



คาถาที่ 17 [100%]




“ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้มากนะหนูเอื้อง” เมฆาบอกอย่างอารมณ์ดี เจ้าของฝีมือการทำอาหารมื้อนี้ยิ้มกว้างด้วยความชื่นใจ

           

 

“ยินดีเหมือนทุกครั้งค่ะคุณพ่อ”

           

 

“ไอ้ดินไม่ยอมมากินด้วย สงสัยเพราะหนูเรียวไม่อยู่ มันเลยไม่อยากขึ้นมา” คมเขี้ยวหันไปมองพ่อด้วยความเลิ่กลั่ก แต่คนเป็นพ่อนั่งหัวเราะเอิ๊กๆ โดยที่ไม่ทันฉุกคิดอะไร คมเขี้ยวหันไปมองอัจฉรา เธอยังคงยิ้มและช่วยมารดาเขาเก็บจานไปล้างด้วยท่าทีปกติ

           

 

“เสร็จแล้วเดี๋ยวไปส่งหนูเอื้องเขาด้วยล่ะ” เมฆายังคงพูดตามปกติ คมเขี้ยวพยักหน้ารับ

           

 

วันนี้อัจฉราให้เพื่อนที่ทำงานมาส่ง แต่ปกติเธอไม่ค่อยขับรถเองอยู่แล้ว เพราะเป็นคนขับรถไม่แข็ง คมเขี้ยวไปรับไปส่งบ้างตามแต่จังหวะและโอกาส แต่ก็ไม่ได้บ่อย จะมีช่วงนึงที่เขาพยายามหนีเรียวจันทร์นั่นแหละ เขาจะชอบรับปากเป็นสารถีให้เอื้องบ่อยหน่อย

           

 

“งั้นเอื้องกลับก่อนนะคะ ไว้เจอกันค่ะคุณพ่อคุณแม่” หญิงสาวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนพร้อมรอยยิ้มหวานๆ ก่อนที่จะหมุนตัวเดินนำคมเขี้ยวออกไปจากบ้าน

           

 

“วันนี้ไปส่งเอื้องที่บ้านแล้วกันนะเขี้ยว พรุ่งนี้เอื้องหยุด เลยว่าจะกลับไปนอนบ้าน”

           

 

“นอนคนเดียวอะนะ” อัจฉรายิ้มบางในขณะที่ก้าวเท้าเดินไปทางประตูรั้วไม้

           

 

“ปกติก็นอนคนเดียว แค่มีเพื่อนห้องอื่นด้วย” เธออาศัยอยู่แฟลชของทางโรงพยาบาลที่มีให้สำหรับคุณหมอกับพยาบาล แต่ส่วนมากจะเป็นพยาบาลมากกว่าที่อยู่

           

 

“แม่เอื้องเขาจะกลับไทยตอนไหน”

           

 

“ไม่รู้สิ ไม่ค่อยได้คุยกัน แต่เดาๆ ว่าคงปีหน้าเลยแหละ งานภัตตาคารมันไม่ได้หยุดกันบ่อยๆ” แม่เธอทำงานอยู่ที่ไทเป เป็นกุ๊กทำอาหารอยู่ที่นั่น นานๆ ทีจะคุยกัน เรียกได้ว่าปฏิสัมพันธ์แม่ลูกไม่ค่อยจะผูกพันนักหรอก

           

 

“ไม่ได้เจอพ่อกับแม่เอื้องสักทีเนอะ” คมเขี้ยวว่าพลางยกรีโมตปลดล็อครถครอสโอเว่อร์คาร์สีเทาเข้มมันวาวของยี่ห้อดัง แสงไฟสีส้มกะพริบพร้อมเสียงสัญญาณปลดล็อค

           

 

“เขี้ยวจำไม่ได้จริงเหรอว่าพ่อเอื้องมีครอบครัวใหม่ไปตั้งนานแล้ว” คมเขี้ยวหันไปมองหน้าสวยๆ งงๆ ตอนที่ทั้งคู่ขึ้นมานั่งบนรถแล้ว และเขาก็พยายามนึกว่าเธอเคยบอกเขาตอนไหน

           

 

“เอ่อ ขอโทษทีครับ” เขาว่าอย่างรู้สึกผิดที่อาจไปสะกิดปมหรือต่อมความรู้สึกไม่ดีของอีกฝ่ายหรือเปล่า

           

 

“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ…” อัจฉราหัวเราะเสียงใสเบาๆ พลางคาดสายเข็มขัดนิรภัย “…เรื่องตั้งแต่เอื้องเด็กๆ ไม่เก็บมาคิดเยอะแล้วละ”

           

 

คมเขี้ยวยิ้มบาง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีไม่คิดมากอย่างที่พูดจริงๆ เขาสตาร์ทรถและขับออกไปจากหน้าบ้านไปตามถนนทางออกของฟาร์ม บ้านของอัจฉราอยู่ห่างจากบ้านเขาไปเป็นสิบกิโลเมตร เขาเคยไปบ้านหล่อนอยู่ไม่กี่ครั้ง นับได้ก็ยังไม่ถึงสิบครั้งเลยด้วยซ้ำ

           

 

อย่าทำเหมือนเขาไม่เคยใกล้ชิดกับเราเลยนะ

         

 

คำพูดของแม่แว่วขึ้นในหัว และเขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังกันอัจฉราให้ออกจากตัวเอง เหมือนกำลังหาเหตุผลต่างๆ มากันเธอออกไปให้ห่าง พยายามบอกว่าเขากับเธอไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดๆ เกิดขึ้นต่อกัน และเขากำลังจะลืมว่า ถ้าไม่มีความรู้สึกดีๆ ให้กัน เขาเองคงไม่คุยกับเธอคนเดียวมาจนป่านนี้ แม้จะคุยๆ หายๆ หรือไม่ได้ปะติดปะต่อกันมากนัก แต่ถ้าพูดกันตามจริง อัจฉราก็เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาใกล้ชิดด้วยมากที่สุดในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา เพียงแค่ความสัมพันธ์มันไม่พัฒนาจนเขาเริ่มรู้สึกชินว่าการมีเธออยู่แบบนี้คือเรื่องปกติ เหมือนเรามีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นเอง

           

 

“บางทีก็นึกอยากออกจากงานเหมือนกันนะ” อัจฉราเปรยขึ้นหลังจากรถแล่นมาได้ราวสิบนาที

           

 

“ออกทำไมล่ะ เอื้องก็อยากเป็นพยาบาลไม่ใช่รึไง”

           

 

“แต่พอได้เป็นแล้วก็ไม่อยากเป็นน่ะสิ” คมเขี้ยวหัวเราะน้อยๆ เปิดไฟเลี้ยวด้านซ้ายเพื่อหักรถเข้าไปตามเส้นทาง

           

 

“ทำไม โดนผู้ป่วยป่วนเอาเหรอ”

           

 

“นั่นก็ด้วย แต่บางทีเอื้องก็อยากหางานที่มันมีเวลาพักผ่อน และมีเวลาส่วนตัวมากกว่านี้” หล่อนว่าพลางบิดขี้เกียจนิดๆ

           

 

“ก็เอื้องจบด้านนี้มาโดยตรง จะไปทำงานอะไรอีกล่ะ” คมเขี้ยวหันไปมองแสงสีของบาร์แห่งหนึ่งที่ประดับประดาหลอดไฟหลากสีจนน่าดึงดูดใจนักท่องราตรีเหมือนแมงเม่าที่เห็นกองไฟก็พากันบินเข้าไปใกล้ๆ

           

 

“เอื้องทำงานเกี่ยวกับเอกสารหรือบัญชีพอได้ ถ้าให้เอื้องไปช่วยเขี้ยวเรื่องเอกสารในออฟฟิศ เอื้องก็ทำได้นะ” หล่อนยิ้มตาเป็นประกาย ชายหนุ่มย่นคิ้วนิดหนึ่ง

           

 

“เอื้องจะมาทำงานกับผมเหรอ” หญิงสาวมีท่าทีตื่นตัว หันหน้ามองคมเขี้ยวอย่างตื่นเต้นเล็กๆ

           

 

“ก็ถ้าเขี้ยวให้ทำ เอื้องก็ทำ” เจ้าของฟาร์มทำหน้าครุ่นคิดในขณะที่มองถนนตรงหน้า เขาหันไปมองใบหน้าสวยๆ ของอัจฉราแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก

           

 

“เรียวจันทร์เขาทำอยู่แล้วน่ะสิ” อัจฉราเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง

           

 

“แล้วเขาจะทำตลอดไปเลยเหรอ” คนถูกถามส่ายหัวน้อยๆ

           

 

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาก็ทำงานดีนะ”

           

 

“งั้นเหรอ” คมเขี้ยวคลี่ยิ้มและผงกหัวขึ้นหนึ่งทีเป็นเชิงยืนยันคำพูดตัวเอง อัจฉรายิ้มบางตอบ หันกลับไปมองถนนยามค่ำคืนที่มีแสงไฟส่องสว่างอยู่

           

 

หลังจากบทสนทนานั้นจบลง ทั้งสองก็นั่งเงียบ มีเพียงเสียงวิทยุคลื่นเพลงสากลที่คมเขี้ยวเปิดคลอเบาๆ เพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบจนเกินไป อัจฉราหยิบมือถือขึ้นมากดเล่นโดยที่คมเขี้ยวก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งความเป็นส่วนตัวของหญิงสาว ผ่านไปเกือบสิบนาที คมเขี้ยวหยิบมือถือขึ้นมากดดูเวลา ตอนนี้จะสี่ทุ่มแล้ว เขากดเข้าไปดูโปรแกรมแชท มีข้อความจากกรุ๊ปไลน์เพื่อนๆ จากคนที่ทำงานด้วยกัน จากผู้หญิงสองคนที่เขาจำไม่ได้ว่าคือใคร แต่หลังๆ เธอชักจะคุยกับเขานอกเรื่องงานไปเยอะ จนเขาต้องแกล้งไม่ตอบโต้ใดๆ กลับไป

           

 

เขาเลื่อนดูโปรแกรมแชทด้วยความรู้สึกหม่นในอกแปลกๆ พอเลื่อนดูจนแน่ใจว่ามีการแจ้งเตือนเท่าที่เห็นจริงๆ ก็เก็บมือถือไว้ข้างประตูตามเดิม

           

 

“เขี้ยวๆ เลยแล้ว” คมเขี้ยวหันไปมองหญิงสาวด้วยความตกใจก่อนจะเบรกรถ หันไปมองด้านหลังแล้วค่อยๆ ถอยรถกลับไปตามทางเดิมเพื่อจะเลี้ยวเข้าซอยบ้านอัจฉรา

           

 

“ใจลอยไปไหนเนี่ย” ร่างสูงที่สูงจนหัวติดเพดานรถหันไปยิ้มแกนๆ ด้วยความรู้สึกที่เรียกว่าผิดหวังจนพยาบาลสาวทำหน้าแปลกใจ แต่หล่อนก็ไม่คิดจี้ถามต่อ

           

 

เพียงแค่เก็บความสงสัยและความกังวลใจต่างๆ ไว้กับตัวเองก็พอ

           

 

“ขอบคุณมากนะ พรุ่งนี้ถ้าตื่นแล้วจะโทรหา เผื่ออยากไปไหน” คมเขี้ยวยิ้มนิดหน่อย พยักหน้ารับเบาๆ อัจฉราปลดสายเข็มขัดนิรภัยออก เปิดประตูลงรถ ปิดประตูตามหลัง คมเขี้ยวเตรียมถอยรถออกจากหน้าบ้านหญิงสาว แต่ครู่สั้นๆ กระจกฝั่งคนขับก็มีเสียงเคาะดังขึ้น เขาเลื่อนกระจกสีทึบลง อัจฉรายืนยิ้มหวานอยู่ด้านนอก

           

 

“มีอะไรเหรอ” ร่างสูงถามหน้าตาสงสัย แทนคำตอบ อัจฉราโน้มหน้าไปจูบริมฝีปากคมเขี้ยวแผ่วเบา ทำเพียงแค่แตะริมฝีปากเอาไว้ คมเขี้ยวตกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ผลักหล่อนออก ความรู้สึกแค่นึกแปลกใจว่าทำไมจู่ๆ อีกฝ่ายถึงทำแบบนี้ เพราะแค่จับมือกันก็ยังไม่เคยเลย

           

 

“เอื้องรักเขี้ยวนะ มันอาจจะเป็นแค่คำพูด แต่เอื้องรักผู้ชายตรงหน้าเอื้องจริงๆ” คมเขี้ยวเหมือนน้ำท่วมปาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นกับขยับปากพูดอะไรไม่ได้

           

 

“เอ่อ…” แต่ก็พูดได้แค่คำเดียวเนี่ยแหละ

           

 

อัจฉรายิ้มกว้างเป็นรอยยิ้มขำ “ต่อไปเอื้องจะบอกรักให้บ่อยขึ้น เขี้ยวจะได้ชิน…”

           

 

หล่อนยื่นหน้าไปจูบริมฝีปากคมเขี้ยวอีกครั้ง และครั้งนี้จูบแช่นานกว่าครั้งแรก คมเขี้ยวกำพวงมาลัยรถแน่น ก่อนจะค่อยๆ ถอยห่างออกจากใบหน้าสวยๆ เขากระตุกยิ้มไม่เต็มปาก ไม่กล้าสบตาอันเป็นประกายของอัจฉรา

           

 

“ฝันดีนะเขี้ยว” ชายหนุ่มพยักหน้ารับเล็กน้อย กดเลื่อนกระจกรถขึ้น และค่อยๆ ถอยรถออกไปจากจุดที่จอดอยู่

           

 

อัจฉรามองตามรถสีเทาเข้มที่แล่นออกไปจากซอยบ้านของเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ จางลง มือเรียวยาวเอื้อมไปหยิบหนังสือที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมา ก้มลงดูด้วยใบหน้าเรียบเฉย เธอมองหน้าปกด้วยสายตานิ่ง หล่อนเงยหน้าขึ้นมองไฟท้ายสีแดงอันไกลลิบที่หายพ้นไปจากสายตาพอดี มือขวาที่ถือนิตยสารค่อยๆ กำมันแน่นจนนิตยสารบีบตัวยับยู่ยี่ ใบหน้าเรียวจันทร์บนปกบิดเบี้ยว พอๆ กับใจของอัจฉราที่พยายามสร้างให้มันตรงมาตลอด

           

 

 

 

            คมเขี้ยวกลับถึงบ้านในอีกครึ่งชั่วโมงถัดมา เขาเดินเข้าห้องนอนด้วยท่าทางมึนงง จากวันนี้ที่เพิ่งทบทวนความคิดว่าแม้กระทั่งมือของอัจฉราเขายังไม่เคยจับ แต่วันนี้กลับกลายเป็นว่าได้มากกว่าจับมือ แต่ประเด็นสำคัญคือ เขารู้สึกไม่โอเคเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายทำแบบนั้น

           

จูบของอัจฉรา ทำให้เขารู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว ไม่รู้สึกเบาหวิว แต่ทำให้ตื้อ ไม่ต้องเสียเวลาสับสนก็รู้ได้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเป็นพิเศษจริงๆ ก่อนหน้านี้เขาคงแค่เกิดความรู้สึกดีเฉยๆ แต่ไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับที่อัจฉราบอกกับเขาเลย

           

 

ก็แน่ล่ะ คุยกันมาเป็นปี โดยที่ไม่ได้เริ่มจากคำว่าเพื่อน ถ้าจะรู้สึกอะไรมากกว่านี้ เขาคงคบกับหล่อนไปแล้ว

           

 

เขาล้มตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียง ไม่ต้องหลับตา ก็สามารถนึกถึงความรู้สึกจากจูบของอีกคนที่ตรงกันข้ามกับของอัจฉราอย่างมาก อันนั้นน่ะทั้งตัวเบาหวิว นุ่มนิ่ม ชวนลิ้มลองแบบละเมียดละไม

           

 

เขาหยิบมือถือขึ้นมากดเข้าไปในโปรแกรมแชทไลน์ เข้าไปตรงหน้าต่างแชทของเรียวจันทร์และเปิดคลิปที่ถูกส่งมาเมื่อเช้าดูอีกรอบด้วยใบหน้าและสายตานิ่งเฉย

           

 

‘…แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก นายจะด่าจะว่าฉันอีกเยอะเท่าไหร่ ฉันก็จะไม่หายไปไหนจนกว่าจะได้หัวใจนายมาครอง เหมือนที่ตอนนี้นายครองหัวใจฉันอยู่…’

           

 

ไหนว่าจะไม่หายไปไหน แต่นี่หายไปจะวันนึงเต็มๆ แล้วยัยคุณนายตัวแสบ

           

 

เขากดเข้าไปอ่านข้อความในกลุ่มไลน์ของเพื่อนสนิทสมัยมหาวิทยาลัย ทุกคนนัดเจอกันอาทิตย์หน้า เสนอให้เจอกันที่ฟาร์มของคมเขี้ยว เขาพิมพ์ตอบกลับไปสั้นๆ ว่า

           

 

‘กูไปเดินป่ากับที่บ้าน อาทิตย์ถัดไปได้มั้ย’

         

 

เขาไม่ได้กดออกจากห้องแชทนั้น เพราะจะรอดูว่าเพื่อนจะตอบยังไง ผ่านไปเกือบสิบนาที มีเพื่อนคนนึงมาตอบว่าโอเค และถามความเห็นของเพื่อนคนอื่น ทุกคนทยอยมาตอบว่าได้ๆ แต่เขาเชื่อว่าถึงวันจริงมากันไม่ครบหรอก

           

 

ไลน์!

           

 

เสียงข้อความไลน์อันใหม่เด้งขึ้นมา คมเขี้ยวออกจากห้องแชทของกลุ่มเพื่อน เป็นข้อความจากเรียวจันทร์ แม่คุณนายส่งหน้าตัวเองทาลิปสติกสีแดงแจ๋ที่ริมฝีปาก ทำท่าจุ๊บจนแทบจะเต็มจอ พ่อคาวบอยคลี่ยิ้มกว้าง หัวเราะครืดๆ ในลำคอ เขารอดูว่าอีกฝ่ายจะส่งอะไรมาอีกมั้ย แต่ห้านาทีผ่านไปก็ยังเงียบ เขาเลยส่งสติ๊กเกอร์ทำหน้ากลัวกลับไปให้ เรียวจันทร์ส่งสติ๊กเกอร์ผู้หญิงทำหน้าเชิดกลับมา เขาเลยส่งสติ๊กเกอร์รูปทำท่าจะเข้าไปต่อย แล้วแม่ตัวดีก็ส่งสติ๊กเกอร์ผู้หญิงทำท่าหวาดกลัวกลับมาให้

           

 

เขาหัวเราะหึๆ คนเดียว เรียวจันทร์เงียบหายไป ไม่ตอบโต้กลับมาอีก เขาเองก็ไม่ได้ส่งอะไรไปอีกเช่นกัน คมเขี้ยวคว่ำมือถือไว้บนอก นอนหลับตาแล้วอมยิ้มน้อยๆ สักพักก็มีข้อความแชทเข้ามาอีกครั้ง เขากดเปิดดู เรียวจันทร์อัดคลิปวีดีโอสิบวินาทีส่งมาให้ แม่คุณนายในคลิปถือรูปนิตยสารที่ถ่ายคู่กับเขาไว้ในมือ และทำท่าเลียนแบบตัวเองบนปกหนังสือในห้าวิแรก ส่วนห้าวิหลังทำท่าเขินอายได้อย่างน่าหมั่นไส้ตามเคย

           

 

คมเขี้ยวชูนิ้วกลางมือซ้ายขึ้นกลางอากาศ กดถ่ายรูปแล้วส่งกลับไปให้เรียวจันทร์ แม่คุณนายหายไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งภาพบั้นท้ายตัวเองกลับมาให้เป็นการโต้ตอบ ชายหนุ่มหัวเราะเสียงแผ่ว กำลังจะส่งสติ๊กเกอร์ต่อยหน้าไปให้ แต่คุณนายนางก็ส่งสติ๊กเกอร์หลับฝันดีมาให้ก่อน เขาเลยหยุดโต้ตอบกับอีกฝ่ายเพียงเท่านี้ และลุกขึ้นเดินไปอาบน้ำพร้อมกับผิวปากอารมณ์ดี


 


 

 






 เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้  :hao3:


เอาล้าาาา พี่เขี้ยววว หัวใจเริ่มพ่ายให้กับคุณนายแล้วชิม้ายยย ยังงายๆ อะคริๆ มีความผิวปากอารมณ์ดีนะ แล้วที่เปิดดูแชทบ่อยๆ นั่น เพราะอยากเห็นข้อความจากแม่เรียวชิมะ อะโหะๆ  :hao3:

ส่วนยัยเอื้อง หล่อนบี้หนังสือซะเละเลยนะคะ เวลาของหล่อนใกลหมดแล้วรึเปล่าเนี่ย เฮ้อ คุยมาเป็นปี แต่สุดท้ายก็ไม่พัฒนาไปไหน มันไม่ใช่คือไม่ใช่อะเอื้องงง แม้แม่เรียวเขาจะมาทีหลัง แต่นางมือไวใจกล้าหน้าด้านไงเอื้อง ไม่แอ๊บนีเหมือนเธอ -..-

มนตร์ของแม่เรียวที่เสกไว้เริ่มทำงานกับหัวใจพี่เขี้ยวแล้วววป่าววว เสกมนตร์แบบนี้ นางเป็นแม่มดระดับสูงแน่นวล ดัมเบิลดอร์หรือโวลเดอมอลก็มิอาจเทียบ อิๆ  :hao7:



เอ๊าาา ลุ้นกันต่อปายยยย ว่าขุ่นแม่เรียวเข้าจะพุ่งชนเป้าพี่เขี้ยวได้สำเร็จหรือไม่ ฮู่เล่ๆ *ชูพู่เชียร์*

ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ตามอ่านเรื่องนี้กันอยู่ค่ะ คอมเม้นทุกคอมเม้นที่เม้นให้ เรื่องจำนวนตอมไม่ได้เอามาเป็นประเด็นใหญ่ แค่เห็นจำนวนคอมเม้นเพิ่มขึ้นในแต่ละครั้งที่อัพให้ก็ดีใจแล้วค่ะจริงๆ มันเป็นกำลังใจให้ตอมรู้ว่า เออ มีคนอ่านรอเราอยู่นะ ขอบคุณมากๆ นะคะทุกคอมเม้น และขอบคุณนักอ่านเงาด้วยค่ะที่คอยเพิ่มยอดวิวให้เสมอ ฮ่าๆๆ






สำหรับแท็กในทวิตสำหรับเรื่องนี้ใช้                                                                 
#WorksTheMagic หรือ #คมเขี้ยวเรียวจันทร์ ก็ได้ค่ะ

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
รักคุณแม่มากกก  :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด