{เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)  (อ่าน 25092 ครั้ง)

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


***

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2019 21:06:21 โดย 23August »

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #1 เมื่อ19-11-2015 21:05:41 »

Freeze | Fly


   "Love is composed of a single soul inhabiting two bodies"
   – Aristotle
 

   เราเจอกันครั้งแรกตอนมอสี่

   บังเอิญทำงานกีฬาสีฝ่ายเดียวกันตอนมอห้า

   นั่งสอบข้างกันตอนมอหก

   คบกันตอนปีหนึ่ง

   จนตอนนี้ปีสี่

   ...ก็คงใกล้จะเลิกกันล่ะ
 


   “กูจะเลิกกับคิวแล้วนะ”


   “ฟังจนเบื่อแล้ว กูให้โอกาสเปลี่ยนคำ”


   “กู จะ เลิก”


   “เฮ้อ...มันทำอะไรอีกล่ะคราวนี้?”


   สมกับเป็นเพื่อนสนิทที่ผ่านทุกข์ผ่านสุขมาด้วยกันตั้งแต่ยังใส่เอี๊ยมเด็กอนุบาล ผมวางปากกาลูกลื่นสลักชื่อย่อของตัวเองลงบนแผ่นกระดาษที่เต็มไปด้วยรอยเส้นลากไปมาอย่างไร้ทิศทาง อาทิตย์หน้าผมต้องมีหัวข้อธีสิสไปเสนอให้อาจารย์ที่ปรึกษาแล้วแท้ๆ แต่ตอนนี้ความคิดของผมอยู่ในขั้นติดลบ


   “มันไม่ได้ทำอะไร กูแค่อยากเลิก”


   “เชี่ยไซ...” อินทร์เรียกผมเสียงอ่อน “ถ้ามึงโกรธมันเรื่องหนังเจ้าชายน้อยวันก่อน ก็บอกแล้วไงว่ามันต้องมาประชุมสภาด่วน กูนี่แหละที่โทรไปตาม”


   “มันบอกแล้ว”


   “งั้นเรื่องนี้ก็จบ”


   “แต่กูจะเลิก”


   “โว้ย! วันๆ มึงพูดแต่คำนี้ไม่เบื่อเหรอวะ กูเป็นคนฟังกูยังเบื่อฉิบหาย”


   คู่สนทนาเท้าคางกับมือข้างขวา ในขณะที่มือซ้ายข้างถนัดหมุนดินสอกดไปมาอย่างคล่องแคล่ว มันก็จริงของเขาที่ผมพูดเรื่องอยากจะเลิกจนกลายเป็นเรื่องปกติเหมือนการทักทายว่าสบายดีไหมหรือกินข้าวหรือยัง สิ่งที่ต่างคือต่อให้ผมพูดมันออกมาบ่อยมากแค่ไหนก็ไม่เคยที่จะทำตามที่บอกเลยสักครั้ง


   “เบื่อ เลยอยากเลิกจริงๆ จะได้ไม่ต้องพูดอีกไง”


   “ไอ้ตุ๊กตาผีครับ กูตั้งใจไว้ตั้งแต่ตอนที่มึงเดินมาบอกกูว่ามึงคบกับมันแล้วว่าจะไม่ถาม แต่ตอนนี้กูขอถามจริงๆ เถอะว่ะ มึงตกลงคบกับมันทำไม?”


   ตุ๊กตาผีที่เขาใช้เรียกคือชื่อเล่นที่ตั้งขึ้นใหม่ ผมมันคนหน้านิ่งค่อนไปทางหน้าตาย ไม่ชอบยิ้มหรือหัวเราะพร่ำเพรื่อไปทั่วเหมือนอย่างจำพวกมนุษยสัมพันธ์ดีทั้งหลาย เหมือนกับตุ๊กตาที่ไม่อาจเปลี่ยนสีหน้าของตัวเองได้เลย


   “...ไม่รู้ดิ” ความรู้สึกตอนนั้นมันเลือนรางเสียเหลือเกิน “มันถามกูว่าคบกันไหม แล้วกูก็ตอบว่าอืมไปมั้ง”


   “ยอมใจพวกมึง ทั้งที่ชีวิตรักของมึงสองคนทะเลาะกันวายวอดทุกสัปดาห์ แต่ก็เสือกคบกันถึงปีสี่”


   “กูไม่ได้ทะเลาะกันถี่ขนาดนั้น”


   “แต่ก็บ่อย คือกูเข้าใจนะว่าไอ้คิวมันฮอต มันทำดีกับใครนิดหน่อยก็เอาไปคิดเป็นวรรคเป็นเวร...” เขาหันซ้ายขวาไปมองว่ารอบข้างของเรามีใครที่อาจเป็นสายข่าวของบุคคลที่สามที่ปรากฎอยู่ในประโยค “นี่กูขอความจริงเลยนะ มึงรักมันบ้างป่ะ”


   มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงจังของอีกคน อินทร์เป็นเพื่อนกับผมมานานพอที่จะเปิดใจคุยกันได้อย่างไม่ต้องปิดบังอะไร งั้นขอให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ‘แฟน’ ของผมหน่อยแล้วกัน มันชื่อคิว เรียนอยู่เภสัชปีสี่ หน้าตาดีอย่างที่ทุกคนเข้าใจว่าเป็นเดือนคณะทั้งที่ไม่ใช่ ส่วนเดือนคณะตัวจริงทุกวันนี้ยังไม่ค่อยมีใครจำได้ เราคบกันมาตั้งแต่เข้าเป็นเฟรชชี่ใหม่ๆ โดยที่มันเป็นคนขอผมคบอย่างที่เล่าไปแล้ว และก็ยังคงสถานะนี้ไว้จนถึงตอนนี้


   ส่วนผมชื่อไซ เรียกยาวหน่อยก็ไซคี นั่นมันชื่อผู้หญิงกรีกที่เป็นภรรยาของคิวปิดใช่ไหมล่ะ ไม่อยากจะยอมรับมากเท่าไหร่แต่นั่นแหละชื่อเล่นเต็มๆ ของผม ไม่ได้มาจากการที่พ่อแม่คลั่งนักร้องเกาหลีเจ้าของเพลงกังนัมสไตล์แต่อย่างใด เรียนอยู่คณะจิตวิทยา ปีสี่เหมือนกัน จบการแนะนำตัว


   “รักคืออะไร?”


   ที่ถามไปไม่ได้เป็นการถามย้อนแบบไร้แก่นสารแต่อย่างใด จนถึงทุกวันนี้ผมไม่เคยเข้าใจเลยว่าคำว่ารักที่ใช้กันเกร่อมันมีความหมายที่แท้จริงว่าอย่างไรกันแน่ แล้วความรักมีคำตอบได้เพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้นจริงหรือเปล่า แล้วถ้ามันไม่เหมือนกันแล้วคำตอบของใครคือคำตอบที่ถูกต้องที่สุดกันล่ะ?


   “มึงอย่ามาเล่นแง่ กูถามก็ตอบ”


   “กูตอบไปแล้ว”


   “นั่นมึงถามกูกลับ”


   “คำตอบต่างหาก เพราะกูยังไม่รู้ว่ารักคืออะไร กูเลยตอบมึงไม่ได้ว่ากูรักคิวรึเปล่า”


   อินทร์ทำหน้าเหมือนกลืนยาขมเข้าไปก่อนจะพูดต่อ “ไม่อยากคิดภาพตอนที่มึงไปตอบอย่างนี้ให้มันฟังเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น”


   “แค่หัวเราะแล้วบอกว่าแต่มันรักกูนะ”


   “เหี้ยยย กูอยากมอบโล่ให้” ตาเขาเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิมยามได้ยินคำตอบ ผมเลยยักไหล่ขึ้นให้รู้ว่าสิ่งที่มันกำลังกังวลอยู่นั้นไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตของพวกผมเลย


   “วันนี้แหละกูจะบอกเลิกมัน”


   “พอๆ หยุดพูดว่ามึงจะเลิกกันให้กูฟังสักวันสองวันเหอะ กราบล่ะ” ไม่พอยังยกมือขึ้นพนมท่วมหัวให้รู้ว่ามันคงเก็บกดกับเรื่องนี้มากอยู่พอควร “งั้นวันนี้มึงก็กลับเองดิ”


   “อืม วันนี้คิวต้องไปประชุมโครงการค่ายอาสา”


   “นั่นไง กูควรเอะใจตั้งแต่เจอมึงมาหากูที่คณะแล้ว”


   อินทร์เรียนนิเทศศาสตร์ มีเป้าหมายว่าจะเป็นผู้กำกับหนังไม่ก็ซีรีย์ แต่ส่วนตัวผมว่าเขาเหมาะกับไปเขียนพวกบทละครหรือนิยายมากกว่า ในเมื่อเขายังแยกสีหน้าของผมไม่ออกเลยว่าอย่างไหนที่แปลว่าไม่พอใจหรือว่ามีความสุข เรื่องนี้แค่ยังทำไม่ได้จะเป็นคนควบคุมการแสดงของคนอื่นได้ยังไงกัน


   “ยังไงก็ทางผ่าน แวะส่งกูแป๊บเดียว”


   “ไปส่งอยู่แล้ว แต่มึงต้องรอกูก่อนนะ มีนัดประชุมโปรเจคอีกหน่อย”


   “ตามนั้น ไปทำงานเถอะมึง กูรออยู่ตรงนี้แหละ”


   สะบัดมือไล่ให้กลับไปทำงานอย่างที่บอกไว้ ผมรอจนแผ่นหลังของเพื่อนหายไปตรงมุมตึกแล้วหยิบหนังสือพิมพ์ของมหาวิทยาลัยฉบับใหม่ที่เพิ่งซื้อมาเปิดอ่าน พาดหัวข่าวเป็นเรื่องการเลือกตั้งหัวหน้าสภาที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปได้ไม่นาน รูปประกอบคือภาพชายหนุ่มที่ผมคุ้นหน้ายืนยิ้มอยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยทีมงานจำนวนหนึ่ง


   ‘ตามคาด นายกสายวิทย์คนแรกของมหาวิทยาลัย’


   ปกติแล้วกิจการสภานักศึกษาหรือองค์กรบริหารมักมีผู้นำเป็นเด็กจากสายสังคมจำพวกรัฐศาสตร์หรือนิติศาสตร์ เนื่องด้วยเรามีค่านิยมเรื่องการทำงานให้ตรงกับสายงานค่อนข้างมาก มันเลยเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ที่ได้เด็กสายวิทย์สุขภาพขึ้นมาเป็นหัวหน้าชุดทำงาน


   เด็กเภสัชที่ลงสมัครรับเลือกตั้งด้วยเหตุผลว่าอยากทำอะไรสนุกๆ


   ใช่ครับ ผู้ชายตัวสูงโดดเด่นที่มาพร้อมกับผมเซ็ตอย่างดี ใบหน้าได้รูปรับกันไปทุกสัดส่วนผู้ดำรงตำแหน่งนายกสภาฯ นั่นคือแฟนของผมเอง


   อ่านเนื้อข่าวเกี่ยวกับการโหวตที่ดุเดือดภายในสภาจนครบจึงเปลี่ยนไปอ่านกรอบข่าวการศึกษาที่อยู่ถัดไป ผมชอบอ่านหนังสือพิมพ์เพราะมันช่วยเปิดโลกให้ผมรู้ว่าในขณะที่เราใช้เวลาผ่านเลยไปอย่างไร้ค่าภายนอกนั้นมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มันคอยย้ำเตือนให้ผมรีบทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการก่อนที่จะไม่มีเวลาทำมันอีกต่อไป


   โทรศัพท์เคลื่อนที่ของตัวเองสั่นเตือนว่ามีการโทรเข้า ภาพที่ถูกตั้งไว้โชว์เสี้ยวหน้าของชายคนเดียวกับที่อยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์กำลังยิ้มให้อยู่


   Incoming call – Q


   กดรับไปตามความเคยชิน นำมาแนบหูรอว่าอีกฝ่ายโทรมาเพราะอะไร


   (ทำอะไรอยู่)


   “รออินทร์ทำงานเสร็จ”


   (มีคนไปส่งก็ดี ขอโทษที่ไม่ได้ไปรับ)


   เขาชอบขอโทษจนติดเป็นนิสัย แม้ในบางเรื่องคนผิดจะเป็นผมก็ตาม


   “งานหนัก เข้าใจ”


   (แต่น่าจะทันมื้อเย็น ทำไว้เผื่อด้วยนะ)


   “โอเค”


   (อยากกินพะแนงไก่อีก วันนั้นเอาไปเป็นมื้อเที่ยงโดนแย่งเกือบหมด)


   “เดี๋ยวทำไว้”


   ผมได้ยินเสียงเพื่อนของเขาตะโกนเรียกให้กลับเข้าประชุมแทรกมาตามสาย (เดี๋ยวกูไป คุยกับไซอยู่อย่ามากวนดิสัตว์)


   “ไปทำงานเถอะ”


   แต่ละคนก็มีรูปแบบการพูดที่แตกต่างกันออกไป อย่างผมนอกจากจะหน้านิ่งแล้วยังไม่ค่อยพูดอีกต่างหาก จะเอ่ยปากต่อเมื่อจำเป็นหรืออยากจะพูดเอง ช่วงเข้าปีหนึ่งใหม่ๆ ผมเคยโดนแบนจากรุ่นพี่เพราะบุคลิกที่ดูไร้มนุษย์สัมพันธ์ด้วยซ้ำ จนสุดท้ายทุกคนก็เข้าใจเองว่าทั้งหมดมันเป็นตัวตนของผมจริงๆ


   (จะรีบกลับไปกินข้าวด้วยนะ รักไซเสมอครับ)


   ไม่ตอบกลับ ผมกดปุ่มวางสายลงหลังจากเขาพูดคำสุดท้ายจบ จัดการเก็บเครื่องมือสื่อสารทรงสี่เหลี่ยมของตัวเองลงกระเป๋าแล้วกลับมาอ่านคอลัมน์การศึกษาที่ค้างไว้ต่อ สายตากวาดไปกลับอยู่ที่บรรทัดเดิมมาเกือบนาทีโดยไม่ทราบสาเหตุ เฮ้อ ไม่น่ามาคุยกับอินทร์เลย


   ตอนนี้ในหัวของผมเลยมีแต่คำถามว่า ‘รักคืออะไร’ เต็มไปหมด


‧:❉:‧‧:❉:‧‧:❉:‧‧:❉:‧‧:❉:‧


   เข็มยาวของนาฬิกาชี้ไปที่เลขเก้า ส่วนเข็มสั้นหยุดนิ่งอยู่ตรงเลขแปด อีกสิบห้านาทีจะสามทุ่มแล้วยังไม่มีวี่แววของคนติดประชุมทำค่ายอาสาเลยสักนิด ผมถอดแว่นสายตาที่ใส่เฉพาะตอนเพ่งตัวหนังสือจำนวนมากออก ตั้งใจจะพักสายตาสักหน่อยหลังจากที่อ่านตำราเรียนฆ่าเวลารอผู้ร่วมตัวโต๊ะรับประทานอาหารที่ยังไม่ปรากฎตัว


   ถ้าสามทุ่มยังไม่ถึงห้องผมจะไปอาบน้ำนอนล่ะ เมื่อเช้าเรียนตั้งแต่แปดโมงยิงยาวไปถึงสี่โมงครึ่งแบบได้พักกลางวันแค่ชั่วโมงเดียว ห้องตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงเข็มวินาทีของนาฬิกาแขวนเรือนสวยคอยบอกว่าทุกอย่างผันเปลี่ยนไปตามกาลเวลาอยู่ตลอด ผมนับเลขในใจตามจำนวนครั้งที่ได้ยินเสียงเข็ม จนนับได้ถึงเก้าร้อยครั้งจึงลุกออกจากโต๊ะอ่านหนังสือตัวใหญ่ไปทางห้องนอนเพื่อทำความสะอาดร่างกายอย่างที่ตั้งใจไว้


   ประตูห้องนอนเปิดออกยามที่ผมกำลังเช็ดศีรษะด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก ภาพที่สะท้อนจากกระจกเงาบานใหญ่คือร่างของชายหนุ่มที่สูงกว่าผมสี่เซนต์ยืนตรงสง่าอยู่


   “เดี๋ยวออกไปอุ่นให้”


   คงหิวไม่ใช่น้อย ถ้าคิวจะกลับมากินข้าวที่ห้องเขาจะไม่ยอมทานอะไรรองท้องมากไปกว่าน้ำเปล่าหรือนมกล่อง ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากให้สารอาหารจากหลายแหล่งปะปนกัน เรียนมากไปจนเพี้ยนก็อย่างนี้


   “ไม่เป็นไร” เขาฉวยผ้าในมือผมไปไว้กับตัว สะบัดมันสองสามทีแล้วจึงลงมือซับน้ำต่ออย่างเบามือ “ขอโทษนะ งบประมาณมีปัญหานิดหน่อย”


   “แล้วแก้ได้รึเปล่า”


   “จัดการเรียบร้อยล่ะ เหมันลงเงินผิดช่องเลยงบเหลื่อมไป”


   “ดีแล้ว”


   รู้สึกได้ว่าเส้นผมของตัวเองไม่จับกลุ่มกันเป็นก้อนแล้ว คิวยังคงนวดวนไปตามกกหูและจุดที่เช็ดยากจนมั่นใจว่าแห้งพอสมควรจึงลดมือลง พาดผ้าลงกับบ่าของผมโน้มตัวไปหยิบขวดเซรั่มดูแลเส้นผมยี่ห้อที่ไม่มีขายในไทยมาไว้กับมือ กลิ่นหอมอ่อนๆ ช่วยให้ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น เขารู้ว่าผมไม่ชอบอะไรที่มีกลิ่นแรง


   “ไปกินข้าวกันเถอะ นี่ยังไม่ได้กินเลยใช่ไหมล่ะ”


   “แปรงฟันแล้ว” ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมากี่โมงผมเลยเตรียมพร้อมปิดสวิทช์ตัวเองแล้ว


   “ไซ กูบอกแล้วไงว่าต้องกินข้าวเย็น”


   “จะนอนล่ะนะ”


   คุยโคตรจะเรื่องเดียวกัน ผมมันคนมีดีเอ็นเอขี้เกียจเยอะ ถ้าไม่อยากทำอะไรก็สามารถนั่งๆ นอนๆ ในห้องได้เป็นสัปดาห์โดยไม่ต้องออกไปสุงสิงนินทากับใครทั้งนั้น ข้าวเย็นถ้าไม่อยากคิดเมนูผมก็ไม่กิน ไม่เห็นต้องทำอะไรให้ยุ่งยากเลย ค่อยไปคิดว่าจะกินอะไรเช้าวันต่อไปก็พอแล้ว


   “ไปกินข้าวด้วยกันก่อน”


   เขาอุ้มผมจากด้านหลัง ถึงส่วนสูงของเราจะห่างกันไม่มากแต่ร่างกายของผู้ชายมันก็มีโครงสร้างใหญ่เป็นธรรมดา ปุเลงออกมานั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงห้องทานอาหาร เขาผละไปยังหลังเคาท์เตอร์ห้องครัวที่อยู่ติดกันเพื่ออุ่นอาหาร เราอาศัยอยู่ในคอนโดขนาดใหญ่แถวมหาวิทยาลัย ค่าเช่าแพงระยับเพราะอยู่ใจกลางเมืองหลวง ผมไม่ได้เป็นคนช่วยออกอะไรหรอกเพราะพ่อของคิวเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์นี้


   ได้ยินเสียงไมโครเวฟร้องเตือน สักพักอาหารที่ผมทำไว้ตั้งแต่หกโมงก็ได้มาอยู่ในที่ที่ควรอยู่ รอบสุดท้ายคิวเดินมาพร้อมกับข้าวกล้องสองจานที่มีปริมาณข้าวไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่นัก


   “ไม่เอา เยอะไป” ตักข้าวที่พูนจานไปให้อีกฝ่าย


   “มึงกินน้อยไปแล้วนะ”


   ถึงปากจะบ่นแต่เขาก็รับมันไว้โดยดี ใครบอกว่าผมกินน้อยกัน ตัวเขาเองนั่นแหละกินเยอะเกินมนุษย์มนา เวลาผมทำอาหารต้องใช้ปริมาณขนาดสามถึงสี่คนยังไม่คณาท้องของเขาเลย


   “ข้าวเย็นกินอะไรเยอะแยะ”


   “มึงผอมลงอีกแล้วใช่ไหม?”


   “ไม่รู้ ไม่ได้ชั่ง”


   “ผอมลง เมื้อกี้อุ้มก็รู้แล้ว”


   “คงอย่างนั้น”


   อินทร์มันเคยบอกว่าเราคุยกันไม่เหมือนคู่รักเลยสักนิด สั้น ห้วน ไม่คิดจะต่อความยาวสาวความยืดอะไร อยากจะตัดบทเมื่อไหร่ก็ทำ เหมือนการคุยกันของคนแปลกหน้าที่มั่นใจว่าจะเจอแค่ครั้งเดียว


   “พรุ่งนี้กูต้องไปงานเปิดตัวชมรมรักบี้ ไปด้วยกันไหม”


   สิ่งที่ผมทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมามองคนชวนแล้วก้มลงไปตักข้าวใส่ช้อนต่อ


   “เห็นว่าเลิกหกโมง จะได้ไปหาบุพเฟ่ต์กินกันต่อไง”


   “หลังเลิกเดี๋ยวตามไป”


   ไม่ค่อยขัดใจอะไรเขามาก ส่วนตัวแล้วไม่ใช่คนที่มีข้อแม้ในชีวิตมากขนาดนั้น ผมเคยเห็นแฟนบางคนของอินทร์มีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตมากจนน่าปวดหัว ไม่กินของทอด ไม่กินขนมหวาน ไม่เข้าร้านที่ไม่ติดแอร์ และอีกสารพัด


   ชีวิตที่สร้างกรอบให้ตัวเองขนาดนั้นมันสนุกตรงไหน?


   “งั้นสักห้าโมงห้าสิบไปรอกูที่ตึกสภานะ”


   พยักหน้าให้ วันนี้ผมทำพะแนงไก่หวานไปหน่อยมันเลยไม่ค่อยเข้ากันมากนัก ถึงอย่างนั้นคิวก็ไม่ได้บ่นอะไรออกมา ลิ้นจระเข้ที่สุดล่ะผู้ชายคนนี้


   มื้อเย็นที่กลายเป็นมื้อดึกจบลงแล้ว แช่จานไว้ในอ่างรอให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดในตอนเช้า ผมเข้าไปแปรงฟันใหม่อีกครั้งในขณะที่เจ้าของห้องอีกคนก้มหน้ากดโทรศัพท์ไม่ยอมหยุด เรียนก็หนักแล้วยังหาเรื่องใส่ตัวอีก ผมไม่เคยสงสารเขาเลยสักนิดที่ต้องมารับตำแหน่งหัวโขนของกิจการนักศึกษาอย่างนี้ ในเมื่อเขาเลือกที่จะเดินทางนี้เอง ผมก็ไม่คิดที่จะปลอบใจอะไร


   เขาไม่ใช่คนที่เฟอร์เฟค เพียงแค่เขาเก่งพอที่จะแสดงออกให้เห็นเพียงข้อดีของตัวเองผ่านรูปลักษณ์ไร้ที่ติ ครอบครัวเป็นนักธุรกิจตั้งแต่รุ่นทวด สอบเข้ามาได้เป็นอันดับหนึ่งของรุ่น หน้าตาดีขนาดที่โดนเข้าใจผิดว่าเป็นเดือนคณะอย่างที่เคยบอก เป็นเด็กกิจกรรมตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงตอนนี้ปีสี่เขาก็ยังไม่เลิกออกค่ายหรือว่าไปช่วยกิจกรรมต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัย


   ส่วนข้อเสียมีเยอะแยะ น่าเสียดายที่ไม่เคยมีใครเห็นเขาในรูปแบบนั้นนอกจากผม


   “คิว”


   ห้องนอนตกอยู่ในความมืด ผมขยับตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยความเคยชิน เรานอนกอดกันอย่างนี้ในทุกคืนที่อยู่ด้วยกัน


   “หืม?”


   “รักคืออะไรเหรอ”


   “หึ...ไปคุยอะไรประหลาดๆ กับอินทร์มาอีกแล้วใช่ไหม”


   อ้อมแขนกระชับเข้ามามากขึ้น สัมผัสได้ถึงรอยประทับบางเบาบริเวณขมับ


   “ก็ไม่ได้ประหลาดนะ”


   “แต่ละคนไม่มีคำนิยามที่เหมือนกันหรอก มึงลองไปเปิดกูเกิ้ลแล้วพิมพ์คำว่ารักคืออะไรดูสิ แม่งจะขึ้นเพลงของน้ำชามาให้ก่อนเลย” มุกตลกที่ไม่น่าขำจุดยิ้มของผมขึ้นเล็กน้อย “หรือว่าถ้าลองหาคำว่า love is มึงอาจเจอเว็บเพจของค่ายเพลง ...นี่กูเล่นเหี้ยอะไรอยู่วะ”


   “ไม่ผ่าน ไปคิดมาใหม่”


   “ไม่คิดล่ะ”


   “อ้าว?”


   “รักของกูคือมึงไง เคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ”


   มือแสนอบอุ่นยีหัวผมเบาๆ ก่อนจะเลื่อนมานวดคิ้วไปมาเป็นการกล่อมให้ผมนอนหลับ มันช่วยให้เคลิ้มได้ดีมากเลยล่ะ


   “ทำไมถึงเป็นกู”


   “นี่เราจะมาเปิดเสวนาวิชาปรัชญากันตอนห้าทุ่มเหรอฮะ?” เขาถามติดตลกมากกว่าจะจริงจัง มือที่สร้างสัมผัสบริเวณหัวคิ้วยังคงทำงานต่อเนื่องไม่มีหยุด ถึงอย่างนั้นวันนี้มันไม่ช่วยให้ผมรู้สึกง่วงนอนเลยสักนิด


   “ตอบมาหน่อย”


   “อืม...ยากว่ะ”


   “ว่าที่เกียรติหนึ่งยังบอกว่ายากเลยเหรอ”


   นอกจากเข้ามาเป็นอันดับที่หนึ่งแล้วเขาอยู่ในท็อปสามของผู้มีเกรดเฉลี่ยสูงสุดในปีล่าสุด หล่นลงมาจากอันดับหนึ่งตอนปีสองเพราะว่าเอาแต่ทำงานจิตอาสาไม่เข้าเรียนไปเกือบครึ่งเทอม เคยมีคนถามผมอยู่เหมือนกันว่าเขาแอบเอาโพยเข้าห้องสอบหรือเปล่าทำไมถึงทำคะแนนได้ดีทั้งที่ไม่ค่อยเข้าเรียน ผมก็อยากจะให้เขามาเป็นกล้องวงจรปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบผมอยู่เหมือนกันจะได้รู้ว่าในขณะที่คนอื่นเอาเวลาปิดเทอมไปใช้กับชีวิตสโลวไลฟ์ หมอนี่นั่งอ่านหนังสือของทั้งเทอมจบหมดแล้ว นั่นเลยเป็นที่มาของคะแนนสอบสูงลิ่วไงล่ะ


   “ตอบคำถามมึงมันยากกว่าสอบปากเปล่าตอนไฟนอลอีก แต่ละคำถามโคตรปวดหัว”


   “ภูมิใจจัง”


   “กูเจอมึงครั้งแรกตอนมอสาม”


   “มอสี่ ที่มึงมาซื้อน้ำจากซุ้มห้องกูไง” เขาโดดเด่นกว่าใครอื่นจนไม่สามารถละสายตาไปไหนได้


   “ไม่อะ กูเคยเจอมึงตอนวันปัจฉิมมอต้น ตอนนั้นกูจะโดดล่ะมึงแม่งตะโกนเรียกครูมาจับ”


   พอเขาพูดอย่างนั้นถึงรู้สึกคุ้นเหตุการณ์ เหมือนว่าวันจบการศึกษามันน่าเบื่อมากจนผมตั้งใจจะหนีไปนอนเล่นที่ห้องสมุด ประจวบเหมาะกับครูฝ่ายปกครองที่เดินมาตรวจสอบความเรียบร้อยของงานพอดี เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องโดนทำโทษสายตาเหลือบไปเห็นเด็กชุดพิธีการอย่างที่รู้เลยว่าเป็นรุ่นเดียวกับผมกำลังปีนกำแพงเพื่อข้ามไปอีกฝั่ง ก็ตามนั้น ครูไปไล่ตามจับผู้โชคร้ายส่วนผมก็หนีไปตากแอร์นอนหลับสบายใจ


   “ไม่ได้ตะโกนสักหน่อย” แค่ให้ผมพูดออกมายังไม่ค่อยอยากจะทำเลย นี่โมเมมากที่บอกว่าผมตะโกนเลยเหรอ


   “สรุปคือมึงทำให้กูโดนเทศน์อยู่ในห้องปกครองสามชั่วโมงสิบแปดนาที”


   หลุดขำให้อาการบ่นกระปอดกระแปด พอนึกถึงตัวเองในสมัยนั้นมาเทียบกับตัวเองตอนนี้แล้วก็ต้องยอมรับว่ามีการพัฒนาเรื่องอารมณ์ความรู้สึกมากขึ้นไม่ใช่น้อย สมัยมัธยมผมเคยไม่พูดอะไรกับใครเป็นสัปดาห์เลยด้วยซ้ำไป ไม่ได้เป็นใบ้แต่ก็เกือบแล้วอะนะ...


   ทั้งหมดขอยกความดีความชอบให้กับผู้ชายที่กำลังกลืนผมไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง เขาไม่ได้บังคับให้ผมต้องกลายเป็นคนร่าเริงกึ่งบ้าแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำตัวขวางโลกตลอดเวลา คิวคอยสอนผมว่าเวลาไหนควรจะมีปฏิสัมพันธ์กลับไปยังไงเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายไม่อึดอัดจนเกินไป ที่เป็นข้อดีอีกอย่างคือไม่ว่าผมจะแสดงออกแล้วดูไร้มารยาทมากแค่ไหนเขาก็ไม่เคยโกรธผมเลยสักนิด เขาเชื่อว่าทุกสิ่งที่ผมแสดงออกไปมันมีเหตุผลรองรับในตัวเองอยู่แล้ว


   “แล้วกูก็ขอมึงคบในงานเฟรชชี่ไนท์ตอนปีหนึ่ง”


   “นอกเรื่องแล้ว”


   “ก็มึงถามว่าทำไมความรักของกูถึงเป็นมึงไม่ใช่รึไง ก็ต้องท้าวความหน่อยดิ ความเดิมตอนที่แล้วอะรู้จักไหม?” เวลาที่เขาหมั่นเขี้ยวมากๆ จะชอบงับคางผม “อะ กูขอมึงคบ แล้วมันก็จะครบรอบสามปีในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า”


   “ยังไงต่อ?”


   “นั่นแหละ รักของกูเลยเป็นมึง”


   “จะบอกว่าเพราะคบกับกูได้ยาวที่สุดกูเลยเท่ากับรัก?”


   เขาเล่าว่าเคยมีแฟนอย่างที่ขอคบกันจริงจังสองคน ส่วนแบบที่เป็นกิ๊กหรือไม่ระบุสถานะอีกเป็นโหล ผมโชคดีที่ไม่ต้องเจอการราวีอย่างในละครหลังข่าวเย็น ถึงอย่างนั้นที่บอกว่าคบจริงจังก็ไม่เคยเกินหกเดือน เพื่อนฝั่งเขาเคยพนันกันว่าเราจะคบกันได้นานเท่าไหร่ด้วยล่ะ


   ส่วนเขาเป็นแฟนคนแรกของผม เลยไม่มีตัวเปรียบเทียบให้ปวดหัว และผมก็ไม่ได้คิดไปถึงเรื่องจำนวนวันเวลาที่เราใช้ชีวิตในฐานะคู่รักมาตั้งแต่เริ่มแรก


   “ไม่สิ กูจะบอกว่าเพราะมันเป็นมึงเลยนานได้ขนาดนี้ต่างหาก”


   ถ้าตอนนี้มีแสงไฟเขาคงรู้ว่าผมกำลังแสดงสีหน้าไม่เข้าใจชัด


   “นั่นไม่ใช่คำตอบที่กูอยากได้” บอกกลับไปตรงๆ ผมเคยเรียนทฤษฎีเกี่ยวกับความรักมามากในวิชาเรียนแต่นั่นก็เป็นแค่การสังเกตจากพฤติกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในการเก็บข้อมูล


   “แล้วอยากได้แบบไหนล่ะ เดี๋ยวนั่งไทม์แมชชีนกลับไปเปลี่ยนให้”


   “ไม่รู้สิ...”


   “แล้วกูเป็นรักของมึงบ้างรึยังไซ?”


   เขาคงขี้เกียจมานั่งตอบคำถามไร้ธงของผม ถึงถามกลับมาอย่างนั้น ผมนิ่งเงียบไม่ตอบกลับ ปล่อยให้อีกฝ่ายลูบคิ้วไปเรื่อยระหว่างรอคำตอบ ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่รึไงว่าผมตอบไม่ได้จนกว่าจะรู้ว่ารักคืออะไร ขนาดตัวเขาเองยังหาคำนิยามไม่เจอเลย จนสุดท้ายก็เปิดปากบอกความรู้สึกในใจออกไป


   “ไม่”


   “ถึงจะทำใจไว้แล้วแต่พอมึงพูดเต็มปากอย่างนี้ก็เจ็บปวดว่ะ”


   “ไม่ขอโทษหรอกนะ”


   “ถ้ามึงพูดขอโทษออกมาก่อนเมื่อไหร่โลกคงแตก” คางของเขาวางลงบนศีรษะของผม แว่วเสียงฮัมเพลงต่างประเทศลอยมาตามการเดินทางของคลื่นเสียง “ขอแค่มึงยังอยู่ตรงนี้กับกูก็พอ ไม่ต้องรักก็ได้”


   “เห็นแก่ตัว อ๊ะ!”


   สิ้นคำนั้นแรงกอดก็กลายเป็นแรงรัด ผมเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แขนของคนออกกำลังกายเป็นประจำกลายเป็นกรงที่ไร้ซึ่งทางออก


   “อืม ยอมรับ”


   “...”


   “แต่อย่าลืมว่านอกจากคนเห็นแก่ตัวอย่างกูแล้วก็ไม่มีใครรักมึงเลย”

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #2 เมื่อ19-11-2015 21:22:03 »

   บ้านดูโทรมกว่าครั้งสุดท้ายที่ผมมา


   ก็นะ ครั้งสุดท้ายมันคือหกปีก่อน


   เอื้อมมือเตรียมกดกริ่ง ชะงักไปชั่วครู่ยามเห็นรอยจางของรูปวาดกระดิ่งโย้เย้ รูปที่ให้ใครมาทายก็ไม่มีทางเป็นกระดิ่งไปได้


   นี่ติ๊งหน่อง พอกดแล้วประตูจะเปิดครืดดด


   ตอนนั้นยังต้องให้ ‘ผู้ชายสารเลว’ คอยอุ้มไว้เพราะความสูงยังมีเพียงนิดเดียว


   สะบัดหัวไล่ภาพวันวานสีขุ่น ผมระบายลมหายใจออกเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง กดกริ่งหน้าประตูเป็นสัญญาณให้เจ้าของบ้านรู้ว่ามีคนมาเยือน


   “ค่าาา มาแล้วค...”


   เป็นไปตามคาดว่าผู้อาศัยในเวลากลางวันจะต้องเป็นสตรี หล่อนพูดไม่จบประโยคหลังจากที่เห็นว่าผู้มาเยือนคือผม


   นอกจากบ้านทรุดแล้วคนก็โทรมไม่ต่างกัน ผู้หญิงตรงหน้าไม่มีเค้าความสวยงามระคนความร้ายกาจหลงเหลืออยู่เลยแม้สักเล็กน้อย ผมเผ้าไร้การดูแลมัดขึ้นไปลวกๆ ไม่มีเครื่องสำอางตกแต่งบนใบหน้า เสื้อผ้าสวมใส่ก็เป็นเพียงเสื้อยืดตัวโคร่งที่แจกตามงานการกุศล พอเห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกหัวใจพองโตแปลกๆ


   กรรมที่ก่อไว้มันตามคุณทันแล้วนะ


   “มาทำไม” ปลายเสียงตวัดขึ้นอย่างไม่พอใจต่างจากการต้อนรับเมื่อกี้ลิบลับ


   “เอาของนิดหน่อย เปิดประตูสิ”


   “ไม่เปิด”


   “อยากได้หมายศาลแบบคราวที่แล้ว?”


   ข้อดีของการเป็นคนหน้านิ่งคืออีกฝ่ายไม่มีทางรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ ใจจริงผมอยากใช้คำที่แรงกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่กลัวมันจะต่อความยาวไม่จบไม่สิ้น ผมมีนัดกับคิวไปลองกินร้านอาหารเปิดใหม่แถวนี้ต่อ


   อีกฟากของรั้วส่งสายตาแววโรจน์มาให้ ผมยืนสบายๆ ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรกับท่าทีของเธอ ในเมื่อตอนนี้ตัวเองไม่ใช่เด็กน้อยแสนอ่อนแออย่างวันนั้นอีกแล้ว วันที่เธอเข้ามาครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่ควรเป็นของผม


   “ว่าไง?” มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมกดเบอร์ที่คุ้นเคย


   “อย่านานล่ะ!”


   แสยะยิ้มในใจ ผมจงใจใช้สายตาพยักเพยิดไปทางประตูทางเข้าที่อยู่ติดกันเพื่อบอกให้เธอเป็นคนเปิดประตูให้ ยามก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปแล้วร่างกายของผมก็เกิดรู้สึกโหยหายขึ้นมา ที่นี่เคยเป็นโฮมสวีทโฮมของพ่อ สนามหญ้าที่เคยใช้เล่นวิ่งไล่จับกลายเป็นพื้นที่โล่งเตียน อ่างปลาหางนกยูงแห้งคอดไม่มีน้ำหลงเหลืออยู่ สวนดอกไม้ที่แม่เคยชอบถูกแทนที่ด้วยรูปปั้นไร้รสนิยม


   รก สกปรก เละเทะ อย่างที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไม่ได้รับการดูแลเลยสักนิด เครื่องเรือนราคาแพงที่ใช้ประดับตกแต่งหายไปหมดสิ้น ผมยกมือขึ้นปิดจมูกยามที่ได้กลิ่นเน่าของขยะลอยโชยมาจากส่วนหลังของบ้าน เขย่งเท้าหลบหลีกของใช้ที่วางกระจัดกระจายอยู่ทุกพื้นที่ โชคดีที่ช่วงหลังผมดูแลร่างกายอย่างดีไม่อย่างนั้นโรคแพ้ฝุ่นคงได้ถามหา


   เป้าหมายเดียวที่ผมมาในวันนี้คือห้องทำงานที่อยู่ชั้นสอง ห้องที่โดนปิดตายนับตั้งแต่มีการจดทะเบียนหย่ากับเจ้าหน้าที่อำเภอ และผมเป็นคนเดียวที่มีกุญแจห้องนั้น แม่ประกาศกร้าวไว้ว่าถ้ามีใครยุ่งกับห้องนั้นเมื่อไหร่การอโหสิกรรมทั้งหมดที่มีจะเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น


   ผมไม่ใส่ใจที่จะจำชื่อผู้หญิงที่อยู่ด้านล่าง ถึงเธอจะเคยได้ชื่อว่าเป็นแม่เลี้ยงของผมก็ตามที่เถอะ พอจะเดาเรื่องออกแล้วใช่ไหม พ่อกับแม่หย่ากันตอนผมเจ็ดขวบ ด้วยเหตุผลแสนคลาสสิคว่าพ่อไปทำเธอท้องหลังจากเมาในงานเลี้ยงปลายปีของบริษัท ส่วนแม่ของผมเป็นผู้จัดการบริษัทใหญ่โต สวย เก่ง เต็มไปด้วยความสามารถ และความสำเร็จทั้งหมดที่เธอได้รับมันต้องแลกมาด้วยความสุขภายในครอบครัว


   ตั้งแต่จำความได้ผมไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวกับครอบครัวอย่างที่เพื่อนๆ คนอื่นทำ แม่มีงานยุ่งตลอดเวลาส่วนพ่อก็ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการวิ่งไล่ตามตำแหน่งของภรรยาให้ทัน ผมเคยเข้าใจว่าบ้านของผมคือโรงเรียนชั้นอนุบาลด้วยนะ เพราะวันธรรมดาผมจะอยู่เป็นคนสุดท้ายเสมอ บางทีเขายังเคยลืมมารับผมด้วยซ้ำไป เสาร์อาทิตย์ก็มาอาศัยบ่อยครั้งตามแต่จำนวนงานในช่วงนั้นของทั้งคู่


   ความรักของแม่คืองานและความสำเร็จ

   ความรักของพ่อคือศักดิ์ศรี


   ผมไม่เคยเห็นแม่อ่อนแอแม้กระทั่งในเวลาที่เธอเดินเข้ามาบอกเรื่องราวทั้งหมดให้ผมฟัง บางคนอาจคิดว่าเด็กเจ็ดขวบไม่ควรที่จะรับรู้โลกด้านมืดของผู้ใหญ่แต่ผมกลับขอบคุณเสมอที่แม่เล่าความจริงให้ฟัง เธอมั่นใจว่าผมจะเข้าใจว่าเพราะอะไรการหย่าถึงต้องเกิดขึ้น


   บ้านหลังนี้แม่ยกให้กับพ่อเป็นของรับขวัญให้ ‘ผู้หญิงคนใหม่’ โดยแม่ขอเพียงว่าห้ามมีใครยุ่งกับห้องทำงานของเธอจนกว่าผมจะโตพอที่จะดูแลรักษาทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ในห้องนี้ได้ และบ้านนี้จะเป็นของพ่อโดยสมบูรณ์ต่อเมื่อผมประกาศว่าไม่ต้องการห้องนี้อีกต่อไปแล้ว


   โยนรูปครอบครัวเปื้อนฝุ่นบนโต๊ะทำงานลงกับถังขยะ มันเป็นอดีตที่ผมลบทิ้งไปแล้ว วันนี้ผมมาเอาเอกสารเกี่ยวกับหุ้นที่แม่เคยซื้อเก็บไว้ตั้งแต่เธอเริ่มต้นทำงาน ผู้หญิงที่คลอดผมออกมาฉลาดพอที่จะโยนฐานะการเลี้ยงดูหลังจบการสมรสให้ฝ่ายชายทั้งหมด ทุกวันนี้ผมเลยยังมีเงินจำนวนหนึ่งโอนเข้าบัญชีอย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด ประกอบกับแม่จะย้ายไปทำงานที่สิงคโปร์และคงไม่กลับมาเหยียบประเทศนี้อีกแล้วเธอถึงอยากให้ผมเอาหุ้นพวกนี้ไปขายให้จบเรื่องจบราว


   “อยู่ไหนนะ...”


   แม่บอกว่าอยู่ในลิ้นชักที่สอง มันมีเอกสารสำคัญหลายอย่างของผมรวมอยู่ด้วยอย่างพวกใบสูติบัตรหรือไม่ก็ใบเปลี่ยนนามสกุล ผมตั้งใจว่าจะตรวจสอบเอกสารทั้งหมดในคราวเดียวให้เสร็จสิ้นไปจะได้ไม่ต้องเฉียดมาใช้อากาศหายใจร่วมกับหล่อนอีก


   ห้องอับไม่ต่างจากความรู้สึก ผมวางเอกสารทั้งหมดที่คิดว่าจำเป็นต่อการนำไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงไว้บนโต๊ะแล้วเอนตัวลงบนเก้าอี้หมุนตัวนุ่มที่เคยแอบมาเล่นสมัยยังคึกคะนอง


   เขาว่ากันว่าลูกคือโซ่คล้องความรักของพ่อแม่


   ทำไมผมถึงไม่รู้สึกว่าตัวเองได้รับความรักอะไรเลยนะ...


   ที่ผมไม่ถูกชะตากับแม่เลี้ยงไม่ใช่แค่ว่าเธอเข้ามาแทรกกลางระหว่างครอบครัวของเรา แต่มันเป็นเพราะเธอตีสองหน้าอย่างที่มักจะเกิดขึ้นในนวนิยายรัก บอกพ่ออย่างหนึ่งแต่มากระทำกับผมอีกอย่าง เธอไม่เคยรักพ่อ
สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้รักคือเงินของพ่อ


   ‘คอยดูเถอะกูจะไม่ให้มึงสักแดง!’


   ยังจำประโยคนี้ได้ไม่มีลืม ตอนนั้นผมยังเด็กเกินไปที่จะรู้ว่าพ่อไม่มีทรัพย์สินส่วนตัวอะไรมากนัก เกือบทั้งหมดเป็นเงินจากฝั่งแม่ที่เป็นตระกูลเก่าแก่ ช่วงแรกที่เธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบ้านหลังนี้ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรมากเพราะแม่บอกว่าอย่าไปสนใจ จนช่วงมัธยมต้นที่ผมเริ่มจัดการอะไรทุกอย่างได้ด้วยตนเองแล้วความเน่าเฟะที่อยู่เบื้องหลังความสัมพันธ์ถึงโผล่ขึ้นมา


   พ่อบอกว่าจะไม่ส่งลูกคนเล็ก (ผมไม่อยากนับว่ามีน้องน่ะ) เรียนต่อในโรงเรียนอินเตอร์แล้ว เพราะเงินไม่พอหมุน มันก็ควรจะไม่พออยู่หรอกเล่นสปอยตามใจเสียขนาดนั้น เธอเลยเสนอให้แบ่งเงินที่เป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนส่วนของผมไปโปะเข้ากับเงินรวม พอแม่รู้เท่านั้นแหละยกทีมทนายมานั่งอ่านข้อสัญญาที่ทำขึ้นหลังการหย่ามาตอกย้ำว่าไม่มีใครมีสิทธิ์แตะต้องเงินก้อนนี้อย่างเด็ดขาด เรื่องทั้งหมดเลยล้มเลิกไป


   ผมไม่เคยรู้สึกผูกพันอะไรกับบ้านนี้อยู่แล้วไม่ว่าจะก่อนหรือหลังการแต่งงานใหม่ของพ่อ ตอนขึ้นชั้นมอสี่เลยขอย้ายไปอยู่คนเดียวในหอพักแถวโรงเรียนโดยมีแม่เป็นคนออกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ให้ นั่นผมเลยบอกว่าครั้งสุดท้ายที่ผมกลับมาที่นี่มันนานเหลือเกิน


   ความสำเร็จ ศักดิ์ศรี เงิน


   ความรักนี่แปรเปลี่ยนไปได้กี่รูปแบบกัน


   เสียงแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้า ผมเปิดโปรแกรมแชตคู่รักอย่างบีทวีน (Between) เพื่ออ่านข้อความที่เพิ่งส่งมา


   QP : หิวแล้ว
   QP : อีกนานรึเปล่า


   ไล่สายตาจนจบตัวอักษรสุดท้ายก็เก็บมันลงกับกระเป๋ากางเกงอย่างเดิม พลิกแผ่นกระดาษทวนอีกสักทีกันข้อผิดพลาด เมื่อมั่นใจว่าได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้วจึงเดินออกมาจากห้อง จัดการปิดล็อคไว้อย่างเดิม


   ถึงไม่มีเอกสารอะไรสำคัญในห้องนี้อีกแล้วแต่ผมก็จะไม่ยอมส่งห้องให้ใครทั้งนั้น ให้เขารู้ว่าความรักที่เขาใช้อ้างกันมันไม่ได้มีแค่ความสวยงามเสมอไป


   นี่จะเป็นการมาเยือนครั้งสุดท้าย


   แต่มันจะต้องเป็นหนามยอกที่อยู่ในใจของคนสองคนไปจนตาย


‧:❉:‧‧:❉:‧‧:❉:‧‧:❉:‧‧:❉:‧



   รถบีเอ็มดับบลิวสีกรมท่าพร้อมป้ายทะเบียนประมูลดับเครื่องลงหลังจากจอดเข้าซองเรียบร้อย ตั้งแต่เขาบอกว่าผมผอมไปมื้อเย็นของเราเลยมาจบที่ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์บ่อยครั้ง คิวบอกชื่อที่ใช้จองให้กับพนักงานหน้าร้าน คราวนี้เป็นร้านปิ้งย่างอาหารทะเลพร้อมชีสไม่อั้นอย่างที่กำลังนิยมกันอยู่


   “อยากเล่าไหม?”


   แฟนผมเขาอ่านความคิดได้ ขนาดอินทร์ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กบางครั้งถ้าผมจงใจซ่อนความรู้สึกดีๆ แล้วก็ยังไล่ไม่ทัน ต่างจากคิวที่ต่อให้ผมนิ่งเฉยมากเพียงไหนเขาก็รู้อยู่ดีกว่าตอนนี้อารมณ์ของผมไม่ปกติ


   “ไม่” ผมไม่ได้ปิดบังเรื่องราวในครอบครัว ถ้าคิวอยากรู้เรื่องไหนผมก็เล่า


   มันเลยกล้าพูดไง ...ว่าไม่มีใครรักผมเลย


   “เวลามึงโกหกตีนกาจะขึ้น”


   “ครีมมึงมันไม่ได้เรื่องมากกว่า”


   เขามันผู้ชายรักษาสุขภาพ ดูแลตัวเองเป็นเยี่ยม ผมมีใบขั้นตอนการดูแลหน้าในแต่ละวันติดไว้อยูหน้าโต๊ะกระจกในห้องนอนด้วย ทั้งหมดเสกขึ้นมาโดยเภสัชกรคิว ผมก็ใช้บ้างไม่ใช่บ้างแล้วแต่อารมณ์ จะต้องทำทุกขั้นตอนจริงจังต่อเมื่อเขามายืนคุมเท่านั้นแหละ


   “ไซ กูรอฟังอยู่”


   “นี่เรามากินข้าวกันไม่ใช่เหรอ”


   “เกินเวลาเดี๋ยวกูจ่ายเอง”


   “กูไปเอากุ้งนะ”


   ตัดบทเสียอย่างนั้น ผมลุกขึ้นไปหยิบกุ้งแม่น้ำขนาดกำลังดีจนเต็มจาน เอ้อระเหยเดินดูของสดอย่างอื่นไปทั่วเพื่อฆ่าเวลา ผมยังไม่มีอารมณ์เล่าเรื่องในตอนนี้ ตอนที่ผมยังคงมีคำถามติดค้างในใจอยู่...


   ได้น้ำผลไม้สดกลับมาด้วยอีกแก้ว วางทุกอย่างลงกับโต๊ะในขณะที่ด้านหน้าของอีกฝั่งว่างเปล่าไม่มีแม้แต่ถ้วยน้ำจิ้ม คิวนั่งกอดอกอยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหน


   “ได้กุ้งแล้วก็เล่ามา”


   “กลับห้องก่อน”


   “ตอนนี้” ข้อเสียที่หนึ่ง ถ้าคิวสั่งต้องทำตาม “ไปคุยอะไรมาบ้าง”


   ผมโยนกุ้งลงไปในตะแกรงเหล็ก เขี่ยให้เรียงเป็นระเบียบด้วยเหล็กคีบขนาดใหญ่


   “มันจะไม่ให้เข้า เลยเอาทนายมาขู่”


   “แค่นั้น?”


   “อืม”


   “มองหน้ากู ไซ” สายตาจ้องมองสีหม่นของกุ้งค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีส้มน่าทาน “รู้ไม่ใช่เหรอว่าเงียบแล้วจะเจออะไร”


   คิวเกลียดเวลาผมเงียบใส่ เกลียดขนาดที่ว่าเคยขว้างโล่ห์ประกาศเกียรติคุณนักกิจกรรมดีเด่นใส่กำแพงเพราะผมไม่ยอมตอบ อย่างที่อินทร์บอก เราชอบทะเลาะกันบ่อยด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเท่าไหร่ กุ้งตรงกลางที่ได้รับไฟแรงสุดเป็นสีส้มเสมอกันทั้งตัวแล้ว ผมคีบมันไว้ในจานของตัวเองสองตัวเตรียมแกะ


   ตะเกียบที่ยังไม่ได้แกะเขวี้ยงมาจากฝั่งตรงข้าม ผมชะงักไปเล็กน้อย หยิบมันออกจากจานแล้วส่งคืนไปให้


   ลูกชายคนโตของบ้านนี่เอาแต่ใจชะมัด


   “อย่ามาทดสอบความอดทนของกู”


   “มึงควรจะรอให้เป็นซะบ้าง”


   ยื่นกุ้งที่แกะเรียบร้อยแล้วให้ชิดริมฝีปากของอีกฝ่าย ขยับปากแบบไม่มีเสียงว่าให้อ้าปาก เด็กเภสัชที่เป็นกุ้งเลิฟเวอร์อย่างเขาปฎิเสธไม่ได้หรอก


   ก็อย่างที่คิดไว้ เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกนิดเพื่อให้รับโดยถนัดถนี่


   “คิว!”


   เอาใหม่ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อที่จะกัดนิ้วผมได้ถนัด


   ถึงว่าทำไมยื่นหน้าเข้ามามากผิดปกติ เขาไม่งับตรงบริเวณเนื้อกุ้งแต่เลยมากัดตรงนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ของผม แรงบดของฟันบนล่างบอกให้ผมร้องออกมาเพื่อลดความเจ็บปวดโดยอัตโนมัติ ข้อเสียที่สอง มันชอบกัด แขนผมนี่เคยมีรอยช้ำเป็นสัปดาห์เลยก็มี


   “ถ้ามึงกลับไปแล้วไม่เล่านะไซ มึงเจอแน่”


   “พี่คิวสวัสดีค่ะ”


   ยังไม่ทันทีผมจะโต้กลับอะไรเสียงใสก็แทรกเข้ามา ผมหันไปทางต้นเสียงที่ยืนอยู่ทางด้านขวาของตัวเอง เป็นผู้หญิงที่จัดว่าสวยเลยล่ะ


   “อ้าวแจน มากินร้านนี้เหมือนกันเหรอ”


   “พอเห็นพี่คิวแชร์ไปที่วอลล์พี่ไซเมื่อคืนก็รีบมาพิสูจน์เลยล่ะค่ะ พี่ไซสวัสดีนะคะ”


   เด็กเภสัชเอกกิจกรรมโทโซเชียลเน็ทเวิร์ค คิวเล่นแอพพลิเคชั่นออนไลน์ทุกชนิด ถ้ามีโปรแกรมใหม่ตัวไหนที่ฮอตฮิตเดี๋ยวหมอยาจะไปเปิดไอดีโดยพลัน ต่างจากผมที่ไม่ค่อยชอบเข้าไปยุ่งวุ่นวายในโปรแกรมพวกนี้มากเท่าไหร่นัก ถึงอย่างนั้นก็ไม่แปลกใจอะไรที่อีกฝ่ายรู้ชื่อของผมเป็นอย่างดี ใครที่รู้จักคิวก็รู้จักไซทั้งหมดนั่นแหละ เขาชอบอัพเดตรูปคู่ (ที่ผมไม่เต็มใจให้ถ่าย) ของเราลงเสมอ ถ้าอยากจะเรียกเรตติ้งมากกว่านั้นก็แค่อัพเดตสเตตัสเลี่ยนๆ แล้วแท็กผมมา


   ล่าสุดก็แชร์เพลงรักฉันเรียกว่าเธอมาให้พร้อมแคปชั่นว่า รักฉันเรียกว่าไซ


   “ไซ นี่น้องแจน ปีสามไออาร์ เป็นเลขาสภาปีนี้”


   ผงกหัวให้เพราะยังง่วนอยู่กับการแกะกุ้งอยู่ พอมันสุกพร้อมกันก็ต้องรีบเอาขึ้นมาก่อนที่จะกลายเป็นกุ้งไหม้ไป


   “นี่เพิ่งมาถึงกันเหรอคะ เพื่อนแจนเริ่มจัดของหวานล่ะ”


   “จานแรกเอง นี่ชิมมาหมดรึยัง มีอะไรแนะนำบ้างป่ะ”


   ดูท่าแล้วการสนทนาจะยาวกว่าที่คาดไว้ แจนเลยนั่งลงบนเก้าอี้ตัวถัดจากคิว


   “พวกอาหารทะเลเลยค่ะพี่คิว สดมากกก เดี๋ยวกลับไปต้องวิ่งอย่างด่วน ฮ่าๆ”


   “ผอมขนาดนี้ไม่ต้องวิ่งแล้ว”


   “พี่คิวยังไม่เห็นพุงน่ะสิคะ นี่นึกว่าตัวเองท้องอยู่”


   “...”


   คำว่าท้องเรียกความรู้สึกขุ่นมัวได้มากโข หวนไปคิดถึงวันที่พ่อเดินเข้ามาบอกว่าผมกำลังจะมีเพื่อนเล่นแล้วนะ ไม่เหงาคนเดียวอีกแล้ว...


   “ผอมไปก็ไม่ดีนา ยิ่งปีนี้พี่ใช้งานหนักแน ...ขอบคุณครับไซ”


   จิ้มตัวต่อไปยัดเข้าปากเขาทั้งที่อีกฝ่ายยังคุยกับคนอื่นอยู่ อารมณ์ที่คุกกรุ่นจนวูบหนึ่งเกิดอยากพาลด้วยการโยนทุกอย่างทิ้ง


   “พี่ไซน่ารักจังเลย อิจฉาอะ”


   “แจนก็เลิกโสดสิ นี่ได้ข่าวมาว่าหนุ่มๆ ในสภาหลายคนเร่งทำคะแนนอยู่ไม่ใช่เหรอ”


   “โฮ้ย อย่าพูดเลยค่ะ ถ้าไม่ดีเท่าพี่คิวแจนไม่สนหรอกนะ”


   “...”


   มือที่ยังคงแกะกุ้งอยู่ค้างชะงัก ถึงตลอดการคบกันจะได้ยินคำพูดทำนองนี้ไม่ขาดหูก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะชินชากับมันเสียเมื่อไหร่ ผมวางกุ้งที่แกะได้แค่เพียงส่วนหัวลงแล้วเปลี่ยนไปพลิกตัวอื่นที่ยังคงอยู่ในเตา


   ชักจะรำคาญแล้วล่ะ


   “อย่างพี่นี่มีหนึ่งเดียวครับ”


   “นี่แจนจริงจังนะ ถ้าไม่ได้อย่างพี่หนูขอเกาะคาน”


   “งั้นก็ต้องโสดต่อไป”


   “หึ คอยดูแล้วกันค่ะ”


   “กูไปห้องน้ำ”


   เดินออกจากโต๊ะตามทางไปยังป้ายที่เขียนว่า Toilet ยกมือขึ้นดูรอยเปื้อนสีแดงที่เริ่มลามไปทั้งนิ้ว ผมไม่น่าเผลอไปฟังพวกเขาคุยกันจนลืมสนใจความคมของหัวกุ้ง เป็นไงล่ะ โดนทิ่มเลือดอาบเลย


   ถึงล้างจนมั่นใจได้ว่าไม่มีสิ่งสกปรกอื่นใดปะปนอยู่แล้วผมก็ยังไม่เดินออกไปสักที ดันตัวเองขึ้นไปนั่งบนขอบอ่างลายหินอ่อนอย่างด้วยความอ่อนล้าแปลกๆ ไม่อยากจะออกไป ไม่อยากได้ยินเสียงเขาคุยร่าเริงกับใครอื่นโดยที่ตัวเองทำได้แค่นั่งฟังอยู่เงียบๆ ราวกับไร้ตัวตน


   ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเด็กที่ชื่อแจนชอบคิวอยู่ไม่น้อย อาจจะดูว่าผมมองโลกในแง่ร้ายไปนะ แค่ที่น้องเล่าว่ามากินเพราะเห็นเขาแชร์มาให้ผมดูมันก็บอกอยู่แล้วว่าชีวิตของผมได้รับการตามติดมากอยู่เหมือนกัน


   เฮ้อ วันนั้นผมควรปฎิเสธเขาไปจริงๆ


   พอได้อยู่ตัวคนเดียวเสียบ้างมันก็ช่วยให้มีเวลาคิดทบทวนตัวเองอยู่มากพอควร ไม่ชอบที่ตัวเองว้าวุ่นอย่างนี้เลยสักนิดเดียว อาจเป็นเพราะเมื่อเช้าผมดันกลับไปเอาของที่บ้านหลังนั้นด้วยเลยทำให้อ่อนไหวมากกว่าปกติ ชักเกลียดตัวเองซะแล้วสิ เรื่องแค่นี้ยังเก็บเอามาคิดไม่จบไม่สิ้น


   ตอนที่กลับมาที่โต๊ะเหลือแค่เขาคนเดียวแล้ว ไม่มีวี่แววของใครอีกคน


   “เนื้อไหม้หมดแล้ว ทำไมมึงไม่เอาขึ้นมา” ผมคีบเนื้อสีดำขึ้นมาไว้ในจานแยก นี่เขาไม่คิดจะขยับตัวหน่อยรึไง


   “ไม่อยากกิน”


   “อะไรของมึง?”


   “กลับห้องเรากัน”


   คำว่า ‘ห้องเรา’ มันอบอุ่นอย่างน่าประหลาด


   “นี่กูยังไม่ได้กินสักคำเลยนะ”


   “ไว้พามาใหม่”


   ไม่พูดเปล่าเขาลุกมาจับมือผมไว้ให้ขยับตามแรงดึง แรงบีบแน่นบอกผมว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก นี่ข้อเสียที่เท่าไหร่แล้ว?


   เขายัดผมลงตรงที่นั่งข้างคนชับ ปิดประตูเสียงดังจนปวดหัว ใช้เวลาไม่กี่วินาทีเขาก็พาตัวเองไปนั่งอีกฝั่ง ถึงจะสตาร์ทรถแล้วแต่เขาก็ไม่ยอมเปลี่ยนเกียร์สักที


   “ไซ มานี่” นี่ที่เขาว่าคือพื้นที่ว่างตรงหน้าตักหลังจากที่เขาปรับเบาะให้เลื่อนไปด้านหลังจนสุด


   ผมนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ คิวโหมดเอาแต่ใจเป็นอะไรที่ผมไม่ชอบและเราทะเลาะกับด้วยเรื่องนี้มากที่สุด ส่วนสาเหตุที่สองที่ตามมาติดๆ คือเขาชอบหาเรื่องผมว่ากำลังนอกใจเขาอยู่ บางทีแค่ตอบไลน์เพื่อนในกรุ๊ปทำงานยังโดนเลย


   “หรือมึงอยากให้กูไปหา?”


   อยู่กับเขาแล้วประสาทจะพัง!


   ย้ายไปตามที่เขาสั่งอย่างทุลักทุเลพอสมควร แม้พื้นที่จะไม่เอื้ออำนวยมากเท่าไหร่สุดท้ายผมก็ทิ้งตัวลงบนหน้าตักของเขาสำเร็จ แขนสองข้างต้องคล้องคออีกอีกฝ่ายไว้ตามสภาพ


   มือซ้ายของเขาจับข้อมือขวาของผมไว้ เลื่อนมันให้อยู่ในระดับสายตาพอที่จะให้เห็นรอยบาดที่กดลึกจนเป็นรอย


   “โดนเมื่อกี้ใช่ไหม”


   “เปล่า”


   “ตีนกามาแล้วนั่น”


   “...”


   “ขอโทษ เจ็บมากรึเปล่า กลับไปทายานะ”


   มือของเขาสอดประสานเข้ากับร่องนิ้วของผมจนแนบสนิท คิวจ้องหน้าอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไรต่อสักคำจนผมเองต้องเอ่ยปากออกมาก่อน


   “กูเกิดมาทำไมวะ”


   “...?”


   “ทำไมกูต้องมาเจออะไรเฮงซวยแบบนี้ด้วย”


   ความคิดทั้งหมดที่ผมเคยกดมันให้ลึกลงไปมากที่สุดในหัวใจถูกคุ้ยขึ้นมา ผมคงเป็นเด็กขี้อิจฉาตั้งแต่เด็กแล้ว อย่างเวลาวันพ่อหรือวันแม่เพื่อนรอบข้างก็จะมีผู้ปกครองมาร่วมกิจกรรมเสมอ ต่างจากผมที่ต้องแยกไปกับอีกรวมกลุ่ม ไม่เคยมีงานวันเกิดอย่างใครเขา บางปีพวกเขาลืมวันเกิดผมก็มี


   จนผมถามตัวเองเสมอ


   ว่าพวกเขาให้ผมเกิดมาทำไม


   “ไหนใครบอกว่าลูกคือความรักของพ่อแม่ไง...”


   “ไซ...”


   “ทำไมกูไม่เห็นความรักของพวกเขาในตัวกูสักนิด”


   มืออีกข้างที่ไม่ได้กุมผมไว้ยกขึ้นปาดหยดน้ำตาข้างแก้ม ผมปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไม่เข้าไปฝืนบังคับอะไรทั้งนั้น คำพูดที่เคยทำได้เพียงแค่ถามตัวเองพรั่งพรูออกมาจนหมดสิ้น


   “กูก็อยากไปเที่ยวพร้อมหน้ากันบ้าง ชมกูหน่อยตอนที่กูทำคะแนนสอบได้ดี สุดท้ายก็ได้แค่อยากเพราะไม่เคยมีใครสนใจกูจริงเลยสักคน”


   “พูดมาให้หมดครับ คิวฟังอยู่นะ”


   “ที่นั่นไม่เคยเป็น Home สำหรับกู มันก็แค่ House ที่กูมีไว้นอนเท่านั้นแหละ ความอบอุ่นในครอบครัวเหี้ยห่าอะไรนั่นมันเหลวไหลทั้งเพเลย ฮึก” ผมไม่ชอบการทำงานของร่างกายเวลาร้องไห้เลย ทำไมต้องสะอื้นด้วยก็ไม่รู้ “กูก็แค่อยากรู้ว่าความรักมันเป็นยังไงก็เท่านั้นเอง...”


   “ครับ เข้าใจ”


   “มึงแม่งก็อีกคน เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวดีเฟรนลี่กับคนอื่นไปทั่ว มึงเป็นแฟนกูไม่ใช่เหรอ” 


   “อ้าว ไหงเข้าตัวซะงั้น” เขาร้องเสียงหลง อ้อมมือไปกดท้ายทอยของผมให้ซบลงตรงไหนของเขา น้ำตาที่ยังไม่หยุดไหลเลยเปื้อนเต็มบ่าเสื้อ “หึงเหรอ?”


   “มึงเป็นแฟนกู”


   “เราไม่หึงคนที่ไม่รักหรอกนะ” เสียงเขาช่างอบอุ่นไม่ต่างกับกับอุณหภูมิของร่างกาย “แต่ช่างมันเถอะ ไม่รักก็ไม่รัก มีแค่กูที่รักมึงคนเดียวก็ได้”


   ทั้งที่มีแค่มือของเขาที่กำลังกอบกุมผมไว้ ไม่มีการรุกล้ำทางร่างกายอย่างอื่นแม้สักเล็กน้อย ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองถูกตรึงไว้ด้วยโซ่ล่องหน ตีตรวนเอาไว้ไม่ให้บินหนีออกไปจากพื้นที่นี้ได้


   “ต่อให้วันหนึ่งมึงเกลียดกูสุดหัวใจ กูก็ไม่ให้มึงไปจากกู”
 

‧:❉:‧‧:❉:‧‧:❉:‧‧:❉:‧‧:❉:‧



ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #3 เมื่อ19-11-2015 21:54:38 »

   “มึงเห็นรูปยัง”


   เอียงคอเป็นคำถามให้เพื่อนที่เรียกออกมาพบแต่เช้าตรู่ ผมได้รับโทรศัพท์จากอินทร์เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วบอกให้ออกมาหาโดยเร็วที่สุด เขามีเรื่องที่จะคุยกับผม


   “แสดงว่ายังไม่เห็น อะ เอาไปซะมึง”


   หน้าจอโทรศัพท์ของเขาแสดงรูปของชายที่ผมคุ้นเคยกำลังนั่งคุยอย่างสนิทสนมกับสาวสวยคนเดียวกันกับในร้านอาหารเมื่อครั้งก่อน ด้วยความที่เป็นกล้องรุ่นใหม่จึงบอกเวลาที่รูปนี้ถูกถ่ายไว้เสร็จสรรพซึ่งก็คือเมื่อคืนที่ผ่านมานี้เอง


   “นั่นแจน น้องที่สภา”


   “อันนั้นกูรู้ครับ กูแค่จะมาถามให้ชัวร์ว่าเมื่อคืนมันกลับห้องรึเปล่า”


   “ไม่กลับ เมื่อวานคิวมันไปปาร์ตี้กูเลยบอกว่าถ้าเมาแล้วให้ค้างไปเลย”


   อุบัติเหตุสมัยนี้เกิดขึ้นบ่อยจนน่ากลัว วันก่อนเพื่อนในคณะอินทร์ที่ผมคุ้นหน้าก็เพิ่งรถคว่ำเพราะมีมอเตอร์ไซค์ขับตัดหน้า เรื่องอันตรายเกิดขึ้นกับคนรอบข้างได้ก็เกิดขึ้นกับตัวเองได้เช่นกัน


   “...”


   อินทร์เงียบไปถนัดตา อาการพิรุธมีมากชนิดที่มองผ่านวูบเดียวยังรู้สึกได้


   “แจนกับคิว ทำไม”


   “...เมื่อคืนอรไปงานด้วย” อรคือแฟนของอินทร์คนปัจจุบัน เพิ่งคบกันมาได้เดือนกว่า “ตอนแรกก็แค่ส่งรูปที่กูให้มึงดูมา ถามกูว่านี่แฟนใหม่ของคิวเหรอ ดูสนิทกันมากเกินเพื่อน”


   “กูก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นแฟนเก่า”


   “ไซ มึงอย่าเพิ่งพาล แล้วทีนี้คนอื่นก็กลับบ้านไปแหละ อรมันเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าของงานเลยอยู่ค้าง แล้วพอตอนเช้าเพื่อนมันก็ลากอรไปที่ห้องนอนแขก...”


   คำท้ายฉุดใจผมให้หล่นวูบ ... เหมือนหนังเรื่องเดิมที่เล่นซ้ำโดยเปลี่ยนนักแสดง


   “คิวกับน้องนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน สภาพดูยังไงก็...กันแล้ว”


   “...”


   คำเป็นร้อยเป็นพันได้แต่ประดังประเดอยู่ในหัว ริมฝีปากผมเม้มเข้าหากันเพื่อกลั้นมันไว้ไม่ให้พูดอะไรออกมา


   “ที่กูมาบอกคืออรบอกว่าน้องแจนอะไรนั่นมันอยากได้คิวมานานแล้ว อรเลยกลัวว่าน้องเขาจะมาตามรังควานมึงเลยให้กูมาบอกไว้ก่อน ถ้ากลับไปเจอคิวมึงก็คุยกับมันให้เคลียร์ซะ ยังไงเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องของพวกมึงสองคน”


   “...อินทร์”


   “มึงไหวป่ะไซ หน้าโคตรซีดอะ”


   “กูถามอะไรมึงหน่อยได้ไหม


   “หลายคำถามก็ได้ถ้ามันช่วยให้มึงโอเคขึ้น”


   “สำหรับมึงความรักคืออะไร”


   ทุกอย่างผสมปนเปจนยากที่จะจัดระบบ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นเด็กชายไซคีวัยเจ็ดขวบที่ยืนอยู่ตรงหน้าแม่ในวันที่เธอเล่าทุกอย่างให้ผมฟัง เริ่มตั้งแต่การแต่งงานที่มีขึ้นเพราะความหลงชั่ววูบ ลูกชายที่เกิดจากการกดดันของคนในครอบครัว ไปจบถึงการหย่าที่กำลังจะเกิดเพราะความใคร่ชั่วคราว


   ‘แม่รักไซนะครับ’


   ถ้าแม่รักผมแล้วทำไมถึงปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวล่ะ...


   “มึง...” อินทร์เรียกผมเสียงอ่อน ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตอบผม “ถ้าให้ตอบในแบบของกูก็การที่ได้ทุ่มเทให้กับเขาโดนไม่ได้หวังอะไรตอบแทนล่ะมั้ง กูอยากทำอะไรก็ตามที่ทำให้เขายิ้มได้ ทำนองนี้ ส่วนคนอื่นกูไม่รู้หรอกนะ ความรักน่ะต่อให้มึงหาคำตอบแทบตายยังไงก็ไม่เจอหรอก คนที่ตอบได้คือตัวมึงคนเดียว”


   “คิวบอกว่ากูคือความรักของมัน...” เสียงที่ออกมาเป็นการรำพันกับตัวเองมากกว่า “แต่สิ่งที่มันกำลังทำคือสิ่งกูเกลียดมากที่สุด อย่างนี้เหรอความรัก?”


   “ไซ มึงอย่าเอาพ่อมึงมาเทียบนะ กูบอกแล้วว่าให้กลับไปคุยให้เคลียร์ก่อน ทุกอย่างมันอาจไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้ ทั้งมึงแล้วก็กูไม่ได้อยู่ตรงนั้น อรเองพอกูถามย้ำไปมันยังบอกใหม่ว่าไม่ชัวร์เลย” อินทร์รู้เรื่องที่เกิดขึ้น พูดให้ถูกคือคนในวัยเด็กของผมรู้เกือบทั้งหมดนั่นแหละ แม่ผมเป็นเชื้อตระกูลเก่าแก่เหมาะแก่การเป็นวัตถุดิบในการนินทา มันเลยมีการแพร่ขยายข่าวออกไปในวงกว้างจนหาจุดจบไม่เจอ


   “กูอยากอยู่คนเดียว”


   “สารรูปอย่างนี้กูไม่ปล่อยให้มึงอยู่คนเดียวหรอกสัตว์”


   “งั้นโทรเรียกคิวมาหากู”


   ตอนที่ผมออกจากห้องยังไม่เห็นวี่แววของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่คิดว่าตอนนี้คงถึงห้องแล้วล่ะ


   “มึงนั่งสงบใจไปก่อน ไว้มึงพร้อมเมื่อไหร่กูจะไปส่งมึงที่ห้องเอง”


   ผมว่านั่นเป็นเป็นการเตือนสติที่ไร้ประโยชน์มาก


   เพราะถ้าทำได้ผมคงบรรลุนิพพานไปแล้ว


‧:❉:‧‧:❉:‧‧:❉:‧‧:❉:‧‧:❉:‧


   ภาพผิวช่วงไหปลาร้าที่เต็มไปด้วยรอยช้ำจากการดูดคือสิ่งที่เธอส่งมาให้ผม


   แจนไม่ได้ส่งข้อความอะไรมาเพิ่มเติมอีก ผมยื่นภาพไปให้เพื่อนที่ใช้สมาธิกับการขับรถ อินทร์สถบคำหยาบคายออกมาชุดใหญ่อย่างที่ไม่เหมาะสมกับการรับฟังแม้สักคำเดียว


   “ถ้ามึงไม่ไหวโทรมา กูจะมารับ”


   “อืม” ตอบรับสั้นๆ แล้วปิดประตูรถ


   พนักงานต้อนรับบอกว่าคิวกลับมาเมื่อประมาณสี่สิบห้านาทีที่แล้ว เขาคงคิดว่าผมออกไปหาอะไรกินเป็นมื้อเช้าล่ะมั้งเลยไม่ได้ส่งอะไรมาตาม


   กดไล่ตั้งแต่เลขสองถึงยี่สิบโดยไม่เกรงกลัว คีย์การ์ดของคิวเป็นชนิดพิเศษที่เปิดจอดได้ทุกชั้น ผมยืนพิงราวเหล็กไว้ มองตัวเองในกระจกอีกฟากไม่วางตา ภาพสะท้อนคือใบหน้าของผมคนเดิมอย่างที่เคยเป็นมา ใบหน้านิ่งเรียบดูไม่ออกว่าซ่อนอะไรไว้ในใจมากมายจนเกือบล้น จะเรียกว่าโชคดีก็ได้ที่ตลอดการเคลื่อนตัวของลิฟต์ยี่สิบชั้นไม่มีลูกค้าคนอื่นหลงเข้ามาแม้แต่คนเดียว ผมเลยมีเวลาคิดให้ดีที่สุดก่อนที่จะต้องเผชิญกับความจริง


   จากชั้นยี่สิบผมกดเลขเก้าอีกครั้ง คราวนี้ผมหลับตาสนิทพร้อมรับสัมผัสของแรงโน้มถ่วงที่กำลังฉุดผมลงไปตามแนวดิ่ง มันอ้างว้างจนไร้คำพรรณา...


   เขานั่งทำอะไรสักอย่างอยู่บนโซฟาตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไป


   “ไปไหนมา?”


   ไม่ตอบคำถาม ผมโยนโทรศัพท์เครื่องสี่เหลี่ยมของตัวเองที่ยังคงเปิดค้างไว้ที่รูปนั้นข้างตัวเขา ลากเก้าอี้จากโต๊ะกินข้าวมาตั้งไว้ตรงข้ามกับโซฟาที่เขานั่งอยู่


   “ไปฟังเรื่องตลกมา แต่กูหัวเราะไม่ออก”


   “ไซ”


   “กูให้โอกาสมึงเล่า ถ้าไม่อย่างนั้นกูจะเชื่อตามสิ่งที่กูเห็น” ประหลาดใจเหมือนกันที่เสียงตัวเองไม่สั่น


   “ไร้สาระน่า”


   “เล่า”


   เขาว่ากันว่าคนที่อยู่ด้วยกันมักจะติดนิสัยหรือวิธีการพูดของอีกฝ่ายมาโดยไม่รู้ตัว ผมชักจะเชื่อแล้วล่ะ ก็ตอนนี้สิ่งที่ผมทำอยู่มันไม่ต่างอะไรกับที่เขาเคยทำกับผม อยากได้อะไรต้องได้ สั่งอะไรก็ต้องทำ คิวหงุดหงิดกับท่าทีของผมไม่ใช่น้อยถึงทิ้งตัวลงกับโซฟาแรงอย่างนั้น


   “วันเกิดเพื่อนในสภา แจนไปด้วย เล่นเกมส์แดกเหล้ากันแล้วกูโดนเพียวสามแก้วติด แล้วน้องแม่งก็บอกชอบกู”


   “เลยไปจบบนเตียง?”


   “กูปฏิเสธไป น้องเขาก็รู้อยู่ว่ากูมีมึงอยู่แล้ว ตอนแรกก็ตั้งใจจะกลับบ้านเลยแต่ว่ากูมึนฉิบหายเลยเปลี่ยนใจเป็นนอนค้างดีกว่า แต่ตอนที่กูจะนอนแจนมันก็เข้ามาอีก”


   “เข้าประเด็นได้แล้ว”


   ผมคาดหวังอะไรจากสายตาคู่นั้นอยู่นะ ความรู้สึกผิดหรือละอายงั้นเหรอ อาจเป็นเพราะตอนที่พ่อเข้ามาสารภาพเรื่องแม่เลี้ยงกับผมเขาดูไม่สะทกสะท้านกับความผิดพลาดที่ตัวเองก่อขึ้น ผมเลยอดสงสัยไม่ได้ว่าการกระทำที่เรียกได้ว่านอกใจอย่างนี้มันเป็นสิ่งที่ปกติไปตั้งแต่เมื่อไหร่


   “กูนอนกับแจน”


   ...


   ประโยคที่รู้ว่าต้องได้ยิน


   ภาพของพ่อในวันนั้นทับซ้อนกับใบหน้าของเขาในวันนี้จนแยกไม่ออก ที่เหมือนกันยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดที่สายตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึก คิวพูดเหมือนกับการที่เขาเมาแล้วไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นมันเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้เสมอ มันทำให้ผมขยะแขยงเหลือเกินที่ต้องยอมรับความจริงว่าตัวเองกำลังคบกับผู้ชายประเภทเดียวกันกับที่เกลียดมากที่สุด นี่สินะเกลียดอะไรก็จะได้อย่างนั้น


   “แต่กูบอกไปแล้วว่ามันเป็นแค่วันไนท์”


   “...”


   ง่ายชะมัด ง่ายเหมือนอย่างตอนที่พ่อเคยพูด แล้วสุดท้ายมันก็บานปลายจนไม่มีทางกลับ


   เขาลุกจากโซฟาแล้วมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าผม “คิวขอโทษ”


   เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าเขาพูดคำว่าขอโทษจนเป็นคำติดปาก เพราะอย่างนั้นมันเลยดูไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับผมในเวลานี้


   “มึงเชื่อแค่ไหนว่าแจนจะยอมตามที่มึงบอก”


   “กูสั่งให้กินยาแล้ว”


   “มึงแม่งไม่ต่างอะไรกับพ่อกูเลยว่ะ”


   ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว นี่คงเป็นคำที่แทนความรู้สึกทั้งหมดของผม จะไม่ว่าอะไรเลยถ้าเขาไม่เคยรู้เรื่องราวของผมในอดีต จะปล่อยให้มันเลยผ่านไปโดยไม่เก็บมาคิดเล็กคิดน้อยอย่างที่ทำอยู่ในตอนนี้


   “กูไม่ได้ทำใครท้อง”


   “แล้วถ้ามันเกิดขึ้นล่ะ?”


   “ไม่มีทาง” แน่วแน่ แล้วก็มั่นคง "มึงก็รู้ว่ากูเป็นคนรักษาคำพูดแค่ไหนนะไซ"


   ผมรังเกียจความมั่นใจของเขา คิวก็อย่างนี้ตลอด ผู้ชายที่มีความมั่นใจในตัวเองจนน่ากลัว


   “ที่กูอยากได้ยินก็แค่นี้แหละ ...”


   ไม่ใช่ว่าเชื่อใจ แต่ความเชื่อใจผมไม่เคยให้ใครต่างหาก


   ไม่ว่าใครก็เหมือนกันไปหมด


   “ถึงยังไงสุดท้ายถ้าเกิดอะไรขึ้นมากูก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี” ไม่ใช่คำประชดประชัน มันคือการบอกว่าผมรู้ตัวเองดีว่าอยู่ในฐานะอะไร


   "?"


   “คนไม่รักไม่มีสิทธิ์หวงใช่ไหมล่ะ"


   คำพูดนั้นเขาเป็นบอกผมเอง


‧:❉:‧‧:❉:‧‧:❉:‧‧:❉:‧‧:❉:‧


   เราสองคนทำเหมือนเรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้น ได้ข่าวมาว่าแจนโอนหน่วยกิตไปเรียนที่อื่นเรียบร้อยด้วยเหตุผลส่วนตัวบางประการ ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นอำนาจมืดของใคร สิ่งที่ต่างออกไปก็ตรงที่เขาชอบหนีบผมไปไหนมาไหนด้วยจนน่ารำคาญ อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน เขามีนัดติวกับเพื่อนจนถึงสองทุ่ม แทนที่ผมจะได้กลับห้องก่อนก็ต้องมานั่งแกร่วรอจนกว่าเขาจะจบการทบทวนบทเรียน


   ตอบไลน์อินทร์ไปว่ากำลังรอติวหนังสืออยู่ เขาไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของผม วางตำแหน่งของตัวเองไว้ที่เพื่อนอย่างดีเยี่ยม ผมรู้ตัวดีว่าช่วงนี้ผมดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจให้อยู่คนเดียวเลยทักไลน์มาหาบ่อย


   “กูไปอาบน้ำก่อนนะ”


   ถ้าเรากลับห้องพร้อมกันผมจะเป็นคนอาบน้ำก่อน คิวตอบรับในลำคอแล้วเลี่ยงไปทางห้องครัว. คงไปหาขนมกินล่ะมั้ง มื้อเย็นเมื่อกี้เขากินน้อยกว่าปกติแถมยังเอาแต่ก้มหน้ากดมือถืออยู่นั่น ไม่รู้ว่ามีธุระด่วนอะไร


   “...”


   ภาพตรงหน้าสะกดผมให้หยุดนิ่ง


   ห้องนอนผมถูกประดับตกแต่งจนไม่เหลือเค้าเดิม ลูกโป่งอัดแก๊สสีสวยลอยอยู่ทั่ว เทียนแบบถ้วยส่องสว่างประกายวาววับ บนหัวเตียงมีลูกโป่งสีเงินเมทาลิคเรียงต่อกันอ่านได้ว่า 3 Ys.


   “สุขสันต์วันครบรอบสามปีนะ” คำกระซิบข้างหู เขาเข้าสวมกอดผมหลวมๆ จากด้านหลัง


   ตัวเองไม่เคยจะจำวันครบรอบอะไรพรรณนี้ได้หรอก มันก็แค่วันที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกว่ามีความสำคัญมากกว่าวันอื่นใด


   “มึงนี่ชอบอะไรแบบนี้เนอะ”


   “จำไม่ได้ล่ะสิ หึหึ”


   พูดไม่ออก จะบอกว่าตื้นตันมันก็ใช่อยู่ เขาเคยเซอร์ไพรส์อย่างนี้เมื่อตอนวันเกิดผมเมื่อสองปีที่แล้ว ตอนนั้นเขาพาผมไปทานอาหารบนเรือหรูแบบเหมาทั้งลำ ซึ่งผมว่ามันไร้สาระมากเกินไปหน่อยเลยสั่งไปว่าหลังจากนี้ห้ามจัดงานอะไรให้อลังการงานสร้างขนาดนี้เด็ดขาด พอถึงวันสำคัญของเราสองคน (อย่างน้อยผมก็จำวันเกิดคิวได้นะ) มันเลยเป็นการเลี้ยงฉลองเล็กๆ น้อยๆ ด้วยอาหารที่ทำกินกันเองมากกว่า


   "มึงจะถามเรื่องที่รู้อยู่แล้วทำไม"


   “แต่เพราะมึงเป็นอย่างนี้กูเลยรักไง”


   ความสัมพันธ์ของเราโคตรตลก เขาพูดอยู่เสมอว่าเขารักผม ต่างจากผมที่ไม่รู้ว่ารักคืออะไรด้วยซ้ำ แต่เราก็ยังคบกัน ...จนครบปีที่สาม


   พอแล้วล่ะไซ


   ยอมรับสักทีว่าเขาไม่มีสิ่งที่ตัวเองตามหาอยู่


   ...เขาไม่สามารถให้คำตอบผมได้ว่า 'รัก' คืออะไร


   เหลือบไปเห็นถังไม้ที่มีขวดไวน์แช่อยู่ นอกจากเป็นกุ้งเลิฟเวอร์แล้วเขายังเป็นนักชิมไวน์อีกด้วย ถ้าจำไม่ผิดคุณป้าคนที่สามของเขาเปิดแผนกนำเข้าไวน์ เขาเปิดมันอย่างชำนาญเมื่อเทน้ำสีแปลกลงในแก้วทรงสูงแล้วจึงยื่นมาให้ ผมสูดดมกลิ่นเล็กน้อยก่อนที่จะจิบเพื่อรับรสชาติตามลำดับที่เขาเคยสอน ไม่ต้องกังวลเรื่องรสชาติเพราะสำหรับคิวแล้วเขาเลือกมาเฉพาะสิ่งที่ดีที่สุดให้ผมเท่านั้น


   เดินไปมาทั่วห้องเพื่อซึมซับผลงานที่เขาสร้างไว้ แสงแฟลชแยงตาสองสามครั้งบอกว่าเขากำลังจะอัพเดตชีวิตรักของเราสองคนลงโซเชียลอีกแล้ว เคยทะเลาะเรื่องนี้ในช่วงแรกๆ เหมือนกันนะ สุดท้ายก็จบตรงที่ผมต้องยอมให้เขาทำตามใจไปนั่นแหละดีที่สุดแล้ว


   "มีคนฝากยินดีด้วยที่ครบรอบสามปีเยอะแยะเลย"


   "อืม"


   "อยากตอบอะไรไหม"


   "ไม่"


   โลกออนไลน์วิ่งเร็วจนน่ากลัว ผมได้เรียนรู้สัจธรรมอย่างหนึ่งของโลกนี้คือจงปล่อยวางให้ได้ซะ ต่อให้เราไม่พอใจมากแค่ไหนอีกฝั่งก็ไม่ได้มารับรู้อะไรกับเราด้วยเลย


   พาตัวเองออกไปนั่งตรงขอบระเบียงโดยมีร่างของอีกคนแทรกเข้ามาตรงระหว่างขา แขนข้างหนึ่งโอบเอวไว้ไม่ห่าง อากาศเย็นหลังฝนตกพัดพาความชุ่มชื้นมาด้วยเสมอ ถึงผมจะอยู่กันแค่ชั้นเก้ามันก็สูงพอที่จะได้รับลมโดยไม่มีตึกอื่นใดกั้นขวาง


   "คิว"


   "หืม?" เขาตอบผมกลับทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอ


   “กูเคยคิดว่าตัวเองเป็นผีเสื้อ” ตามตำนานกรีกหลังจากที่ไซคีกลายเป็นเทพีบนเทือกเขาโอลิมปัสเธอมีปีกผีเสื้อติดไปด้วย “ผีเสื้อจักรพรรดิ”


   “จักรพรรดิ?”


   “มันเป็นผีเสื้อที่ต้องบินอพยพไปหาที่อุ่นกว่าในหน้าหนาวเสมอ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องตาย”


   “แล้วไงต่อ”


   “ส่วนมึงกำลังพยายามเลี้ยงกูไว้ให้ได้”


   เขาใช้คำว่ารักของตัวเองเป็นกรงที่คอยกักขังผมไว้...


   “บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ากูไม่ปล่อยให้มึงไปไหนแน่”


   นานๆ ครั้งผมถึงยิ้มออกมาอย่างที่กำลังทำอยู่ ยิ้มบางเป็นการอำลา “มึงฝืนธรรมชาติไม่ได้หรอก”


   “ไซ มึงเมามากแล ...อุ๊บ”


   ดึงไทด์ของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ตัว ผมปิดปากเขาด้วยริมฝีปากของตัวเอง มันเป็นการจูบที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่ผิวเนื้อสัมผัสกันแล้วผละออก ไออุ่นที่ได้รับกลับเพิ่มเกล็ดน้ำแข็งที่เกาะอยู่ตรงขั้วหัวใจ ใช่ ผมอาจจะเมาอยู่ มันเลยเป็นเหตุที่ทำให้เกิดผลอย่างนี้ตามมา ผมว่าผมให้คำตอบกับตัวเองได้แล้วว่าความรักคืออะไร


   “ขอโทษนะ” นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมพูดคำนี้ให้เขาฟัง “แต่กูไม่ได้รักมึงเลย”


   ความรักของผมมันคงเป็นเป็นอะไรที่ไม่มีอยู่จริง


   ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการผลักเขาออกด้วยแรงทั้งหมดที่มี หลับตาลงพลางปล่อยให้ตัวเองร่วงหล่นสู่เบื้องล่างตามแรงโน้มถ่วง


   ได้เวลาออกบินเสียที
 

END : FLY
 
.
.
.
.
.

[Plus]


   เจ็บ


   คำเดียวที่นึกออกยามที่ประสาทสัมผัสทั้งหมดกลับมาทำงาน


   อาการปวดแล่นร้าวไปทั้งร่างกาย เปลือกตาที่เพิ่งขยับออกหรี่ลงทันทีที่รับรู้ถึงแสงสว่างที่จ้าเกินไป ผมค่อยๆ ปรับสายตาให้เข้ากับความเข้มของแสงจนมันเริ่มเข้าที่แล้วถึงรับรู้ว่าที่แสงมันสว่างน้อยลงมันเป็นเพราะมีอะไรบางอย่างมาบดบังเอาไว้


   ...ใบหน้าของใครคนที่ผมคุ้นเคย


   "ไง ตื่นแล้วเหรอผีเสื้อของผม"


   เขาเป็นคนที่รักษาคำพูดเสมอ
 

END : FREEZE


‧:❉:‧‧:❉:‧‧:❉:‧‧:❉:‧‧:❉:‧

   เลือกตอนจบไม่ได้เลยตัดสินใจใส่ลงมาทั้งสองแบบค่ะ ฝากติ-ชมด้วยนะคะ /โค้ง เป็นเรื่องสั้นที่ไปรื้อเจอมาในโฟลเดอร์งานเขียนเมื่อหลายปีก่อน เลยเอามาปรับปรุงให้เข้ากับแบบการเขียนของตัวเองตอนนี้หน่อย ช่วงที่คิดเนื้อเรื่องหลักไม่ออกไม่มีอะไรดีไปกว่าเขียนเรื่องอื่นฆ่าเวลา (ยิ้มอ่อน)
   ถ้าจำไม่ผิดแรงบันดาลใจของเรื่องนี้เกิดจากคำถามว่า 'รักคืออะไร' ในช่วงนี้หลายๆ อย่างในชีวิตมันไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลยออกมาในแนวโทนหม่นๆ อย่างนี้ มันไม่หม่นมากไปใช่ไหมคะ? คือตัวเองอ่านแล้วยังสงสัยอยู่เลยว่าช่วงนั้นเธอทำบ้าอะไร (หัวเราะ)
   ชื่อตัวเอกเจ้าเอามาจากตำนานคิวปิดไซคีค่ะ อย่างที่ได้เขียนในเนื้อเรื่องไปแล้วว่าไซคีคือตำนานผีเสื้อ ในส่วนของผีเสื้อจักรพรรดิมีจริงค่ะ เจ้าเคยเปิดเจอสารคดีมา ผีเสื้อชนิดเดียวในโลกที่ต้องอพยพไปยังพื้นที่อุ่นกว่าไม่อย่างนั้นก็ต้องตาย มันเลยเป็นจุดเชื่อมต่อแบบมั่วๆขึ้นมาค่ะ (ฮา) เพราะนิยามของเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไซเองก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินนี้ มันอาจดูสุดโต่งไปหน่อยแต่เพราะว่าเราไม่ใช่เขานี่แหละ ทุกอย่างเลยเกิดขึ้นได้ คิวเองก็รักในแบบของเขา ไม่มีใครที่จะตัดสินได้ดีกว่าตัวเอง
   ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
   23August

   #FreezeFly
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-12-2017 12:30:16 โดย 23August »

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #4 เมื่อ19-11-2015 23:49:15 »

ดาร์คมากๆๆ
เบื่อพวกขี้เมา

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #5 เมื่อ20-11-2015 08:46:26 »

Q แม่_


ยึดเหนี่ยวรั้งไซไว้

ถ้าแนวคิว ชอบฟรีซ
ถ้าแนวไซ ชอบฟลาย

ส่วนคนอ่าน...........


สงสารไซเป็นบ้าเลยค่ะ  :ling1:

ออฟไลน์ twenty8

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #6 เมื่อ20-11-2015 22:56:32 »

ชอบตอนจบแบบ FLY ค่ะ รู้สึกสะใจอยู่เล็กๆ

แต่ความรักของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันหนิเนอะ
เฮ้อ พูดยากจัง

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #7 เมื่อ21-11-2015 00:55:25 »

แล้วแต่มุมมอง บางคนเหมาะที่จะโบยบินมากกว่าอยู่ในกรง แต่บางคนไม่เข้มแข็งพอที่จะโบยบิน

ออฟไลน์ Monochii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #8 เมื่อ21-11-2015 03:34:53 »

รู้สึกดีใจมากเลยค่ะที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ คุณคนแต่งแต่งได้ดีจริงๆนะคะ เราชอบเรื่องนี้มากเลย
ชอบเรื่องราว ชอบคาแรคเตอร์ของคิวกับไซ และอินทร์
ชอบบทสนทนาทุกประโยคในเรื่อง และชอบคำถามที่ว่า รักคืออะไร

เรื่องนี้อ่านแล้วรู้สึกหม่นๆ ปวดหน่วงในจิตใจค่ะ
รู้สึกผิดหวังในตัวคิวเรื่องแจนด้วย ปวดใจเลย
สงสารไซ

แน่นอนว่าตอนจบเราชอบแบบ FLY สะใจดี..
แต่แบบ FREEZE ก็ดูน่าประทับใจอยู่นะ
คิวช่างรักษาคำพูดจริงๆ
เป็นคนที่ทำให้เราผิดหวังและไม่ผิดหวังในตัวเขาได้แบบแปลกๆ555

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ จะไปติดตามอ่านเรื่องอื่นด้วยค่ะ  :hao5:


ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #9 เมื่อ21-11-2015 06:28:47 »

สะเทือนใจ คนอย่างไซกว่าจะรู้ว่ารักคืออะไรก็คงใช้เวลาอีกนาน บางทีอาจจะตลอดไป :กอด1:
แต่ถ้าไม่มีเรื่องของแจนเข้ามา เราคงชอบคิวมากกว่านี้ แต่ทุกคนก็ไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ อันนี้ก็เข้าใจ :katai1:
เลือกตอนจบให้ตัวเองไว้แล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะที่มีทางเลือกให้ :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
« ตอบ #9 เมื่อ: 21-11-2015 06:28:47 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ whitelavenders

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #10 เมื่อ22-11-2015 01:33:43 »

เป็นเรื่องที่หม่นดีจริงค่ะ เราชอบคาแรคเตอร์ของทั้งสามคนเลย คิว ไซคี และอินทร์
ชอบการตั้งคำถามว่า 'รักคืออะไร' ของไซคี
เพราะเอาเข้าจริงแล้วเราก็ยังไม่เข้าใจมันเหมือนกัน
ถึงแม้ตอนจบจะไม่สามารถตอบคำถามได้แต่ก็สนุกและน่าติดตามมากค่ะ

เอาเข้าจริงนะคนที่น่ากลัวที่สุดในเรื่องคือคิว สำหรับเรา
ความรักของคิวเหมือนกรงขังหรือโซ่ล่ามอ่ะ โดยส่วนตัวชอบตอนจบแบบที่สอง
หลอนดีแฮะ 55555555

ออฟไลน์ jejiiee

  • cannot open this page
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #11 เมื่อ22-11-2015 02:35:44 »

เรื่องสั้นคุณภาพอีกเรื่องมาแล้วค่ะ

ออกตัวเลยว่าใครที่ไม่เคยเจอเหตุการณ์ครอบครัวแบบไซคีไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกแน่ๆ ถ้าไซทิ้งคิวไป เรื่องราวทั้งหมดก็เหมือนถูกกรอกลับมาเหมือนเพิ่งเกิด แต่คิวเองก็ไม่ใช่คนแบบพ่อไซเลยซะทีเดียว เราชอบตอนจบของ Freeze นะ เพราะมันจบแบบไม่จบดี เอ๊ะ 5555555 ถูกจริตกับคิวเลยชอบตอนจบแบบซาดิสถ์นิดๆ

ออฟไลน์ หลิว

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #12 เมื่อ24-11-2015 07:38:20 »

จะรอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ. คนเขียนมีความคิดสร้างสรรที่ไม่พึ่งพาคนอื่นมาก(ยิ้มอ่อน)

ออฟไลน์ หลงลำดวน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #13 เมื่อ24-11-2015 10:08:56 »

นั่นสิ รักคืออะไร ?

ออฟไลน์ purple

  • Aventador FC
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #14 เมื่อ24-11-2015 17:35:57 »

สารภาพเลยว่าบรรทัดสุดท้ายของตอน Fly นี่ทำเอาอุทานออกมาเป็นภาษาต่างดาวเลยทีเดียว 55
แต่ก็ต้องยอมรับว่าคิวรักษาคำพูดมากกกก เลยได้จบแบบ(ค่อนข้าง)แฮปปี้
คือจริงๆแอบสะใจที่ไซจะบิน เพราะสงสารมาก แต่อยากให้ทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกัน ><
สนุกมากค่ะเรื่องนี้ ภาษาสวยมาก ชอบตำนานกรีกด้วย การผูกเรื่องก็เยี่ยมสุดๆ
ขอบคุณมากๆนะคะ

ออฟไลน์ cinnsin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #15 เมื่อ25-11-2015 00:19:50 »

......โคตรเจ็บ อ่านจบแล้วถึงกับพูดไม่ออก อื้มมม.....

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #16 เมื่อ28-11-2015 17:02:27 »

ชอบตอนจบแบบ FLY มากกว่านะคะ .. ไม่รู้สิ รู้สึกเหมือนว่า "มันควรจะเป็นแบบนี้นี่แหละ" จริงๆค่ะ
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกก ทั้งภาษา วิธีการสื่อความ ทุกอย่างเลย เพราะเราเองก็คล้ายๆไซมั้งคะ
ยังไม่รู้ว่าความรักที่แท้จริงคืออะไร แต่จริงๆเราก็รักพ่อแม่เรานะ แต่กับแฟนมันก็ต้องเป็นคนละความรู้สึกอยู่แล้วแหละ
แต่ก็เป็นความรู้สึกที่ยังไม่เคยสัมผัส ยังไม่เคยมีใครเข้ามาทำให้เป็นแบบนั้นได้ แม้จะกี่คนหรือใช้เวลากี่ปีก็ตาม
สุดท้ายแล้วเราว่าไซรักคิวนะ เพราะถ้าไม่รักก็คงไม่ผิดหวังหรอก ส่วนคิว ตอนแรกเราชอบมากเลย แต่พอมาพูดชุ่ยๆแบบนั้นแล้วแบบ
อยากจะถามกลับด้วยซ้ำว่าที่จริงแล้วรักไซหรือรักตัวเองกันแน่ ? กล้าพูดเหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรทั้งๆที่เป็นปมของคนรักเนี่ยนะ ?!
เคืองมากกกกกกกกก เพราะแบบนั้นเราถึงชอบให้จบแบบ FLY มากกว่าแหละค่ะ ไม่ใช่เพราะสะใจดีหรืออะไร
แต่เพราะไซไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหาต่อไปแล้วต่างหาก ถึงได้เลือกจะจบชีวิตตัวเองลงแล้วไปค้นหาต่อในภพหน้าแทน

ปล. ประโยคที่เราชอบมากคือ "ไออุ่นที่ได้รับกลับเพิ่มเกล็ดน้ำแข็งที่เกาะอยู่ตรงขั้วหัวใจ" ชอบจริงๆค่ะ
จะรอติดตามผลงานต่อๆไปของคนเขียนนะคะ เป็นกำลังใจให้และขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นดีๆค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #17 เมื่อ08-12-2015 03:25:48 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ferin1A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #18 เมื่อ08-01-2016 01:18:51 »

จบแบบ fly    สมเหตุสมผลที่สุดแล้ว

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #19 เมื่อ08-01-2016 18:32:45 »

อ่านจบแล้วอุทานเบาๆ อ้าวววว!
คิวดูดาร์กมาก ส่วนไซก็ดูขาดจริงๆ
อยากให้เจอคนที่ทำให้ไซอุ่นมากกว่าคิว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
« ตอบ #19 เมื่อ: 08-01-2016 18:32:45 »





ออฟไลน์ mirage

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #20 เมื่อ19-04-2016 21:07:22 »

ไม่สามารถอธิบายได้
ส่วนตัว เราชอบแบบ fly นะคะ เป็นอิสระจากทุกอย่าง
แต่แบบ freeze ก็จิตได้ใจค่ะ
ถ้าความรักของคิวคือการผูกมัด ความรักของไซก็คงเป็นการค้นหาค่ะ ค้นหาคำตอบที่ว่า 'รักคืออะไร'
หน่วงอ่ะ ขอบคุณมากค่ะ
 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #21 เมื่อ19-04-2016 22:18:25 »

จบแบบ FLY น่าจะดีที่สุดแล้ว สงสารไซ เจ็บมานานมากแล้ว  :mew6:

ออฟไลน์ Raina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #22 เมื่อ23-04-2016 07:16:08 »

แอบงง  :really2:  ตอนจบแบบ freeze คือไซรอด เพราะคิวพามาส่งรพ. ถูกไหมคะ?

ดูเหมือนไซกับคิวไม่ยอมปรับตัวเข้าหากันเลย แต่คิวตกม้าตายเรื่องนอนกับคนอื่นโดยที่ไม่รู้สึกผิด อันนี้โทษใครไม่ได้นะ ผิดเต็มประตู

ออฟไลน์ chaoyui

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #23 เมื่อ23-04-2016 08:44:40 »

ดาร์คสุด :ling2:

เราอยากให้จบแบบ fly นะ กลัวจบอีกแบบแล้วไซเป็นบ้าเข้าสักวัน

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #24 เมื่อ24-04-2016 00:45:43 »

จะเรื่องไหนชะนีมีนอก็เป็นเหตุทั้งนั้น ทั้งพ่อมันทั้งคิว อยากถุ้ยใส่หน้า
จบแบบflyสมดี

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #25 เมื่อ29-04-2016 23:28:46 »

ที่ไซอยู่กับคิว ทำอะไรๆให้กันก็เหมือนความเคยชินซะมากกว่า
จริงๆเกือบรักคิวนะ ถ้าไม่มีเรื่องน้องแจน
มันพลาดไปแล้วก็เข้าใจนะ แต่คิวไม่รู้สึกอะไรเลยมากกว่าที่ไม่เข้าใจ
จบแบบflyก็ดีค่ะ เป็นอิสระซักที 555555555

ออฟไลน์ chaweewong19841

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-2
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #26 เมื่อ30-04-2016 04:26:00 »

ชอบบบ

ออฟไลน์ xxSunShinexx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #27 เมื่อ14-05-2016 22:30:00 »

ความดาร์กนี้ "^"
แต่ก็จริงของคนเขียนเน้อ ช่วงนี้มีโมเมนต์ขึ้นมาบ่อยๆ
ว่ารักคืออะไร....เราไม่เข้าใจจจจจ

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #28 เมื่อ24-05-2016 17:05:35 »


ไซตัดสินใจจะบินหนีจากคิว ส่วนคิวก็ตัดสินใจที่จะขังไซไว้ให้บินไปที่ไหนไม่ได้อีกตลอดกาล...
ดูหลอนๆ จิตๆ ดาร์คๆดีค่ะ เราชอบนะ เรื่องนี้สื่อนัยยะได้หลายอย่างเลยทีเดียว

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
Re: {เรื่องสั้น} FREEZE | FLY (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #29 เมื่อ24-05-2016 19:54:36 »

โฮกกก สะเทือนใจอย่างแรงง แต่ถ้าไซได้เป็นอิสระมันก็ดีนะ  :sad4:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด