♚ PITCH BLACK ♛ END - แจ้งข่าวหน้า 5 [25.1.19]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♚ PITCH BLACK ♛ END - แจ้งข่าวหน้า 5 [25.1.19]  (อ่าน 53092 ครั้ง)

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

♛♚♛♚♛♚♛♚♛♚♛♚♛♚♛♚♛♚♛♚

♛♚♛♚♛♚♛♚♛♚♛♚♛♚♛♚♛♚♛♚

Pitch Black (Adj) ; Completely dark
"It's always darkest before it turns absolutely PITCH BLACK"
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2019 21:07:46 โดย 23August »

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: ♚ PITCHBLACK ♛
«ตอบ #1 เมื่อ21-04-2016 23:11:37 »

มาติดตามค่ะ :mc4:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: ♚ PITCHBLACK ♛
«ตอบ #2 เมื่อ21-04-2016 23:30:29 »

 :mc4:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: ♚ PITCHBLACK ♛
«ตอบ #3 เมื่อ22-04-2016 03:38:10 »

 :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ cassavakate

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ♚ PITCHBLACK ♛
«ตอบ #4 เมื่อ22-04-2016 09:41:45 »

ปูเสื่อรอเลยคร้าาาาา o13

ออฟไลน์ GMJeam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ♚ PITCHBLACK ♛
«ตอบ #5 เมื่อ26-04-2016 21:28:45 »

มารอราชา

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ INTRO [29.04.16]
«ตอบ #6 เมื่อ29-04-2016 22:33:01 »

♚ PITCH BLACK ♛


INTRO


   เคยได้ยินตำนานของด้ายแดงไหม?

   ด้ายสีแดงที่ผูกปลายข้างหนึ่งไว้กับนิ้วก้อยของตนเอง ส่วนอีกด้านนั้นอยู่กับใครอีกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเนื้อคู่

   "...ที่จริงควรใช้คำว่าคู่แท้มากกว่านะครับ อย่างภาษาอังกฤษคือโซลเมทไง เนื้อคู่มันค่อนข้างจะผิดความหมายไปหน่อย"

   SOUL - MATE

   คือบุคคลที่ร่วม 'วิญญาณ' กัน

   "ถึงเป็นคู่แท้ก็ไม่จำเป็นต้องเจอกันในชาติปัจจุบัน ช่วงเวลาของเราสองคนอาจไม่ตรงกันก็ได้ แต่ถ้าได้เจอกันแล้ว...จะไม่มีวันจากกันไป"

   "แล้วทำไมต้องเป็นด้ายสีแดง?"

   คิ้วเขาขมวดเข้ามาชิดกันยามเห็นว่าปลายนิ้วก้อยของตนเองที่อยู่บนหน้าตักของอีกฝ่ายกำลังถูกพันธนาการด้วยเศษด้ายสีแดงจัดที่เสกมาจากไหนก็ไม่รู้

   "อยากลองทายไหมล่ะครับราชา"

   "...เพราะมันคือสีของเลือดล่ะมั้ง" เขาจงใจจิกกัดอีกฝ่ายด้วยเรื่องที่เป็นต้นเหตุของความวุ่นวายทั้งหมด

   "จะบอกว่าเส้นเลือดของเรามันเชื่อมต่อกันหรือไงครับ"

   "ไม่อย่างนั้นอยากให้เป็นสีไหนล่ะ?"

   "สีดำ" ชายหนุ่มผมยาวหยักเป็นลอนสวยตอบกลับมาแทบจะในทันที ไม่มีการเว้นช่วงไว้สำหรับการไตร่ตรอง

   "ไม่เบื่อ?"

   เกลียดการแย้มยิ้มอย่างนั้น เกลียดเสียงที่ทั้งล้อเลียนแล้วก็หยันเหยียดในเวลาเดียวกัน "มีสีอื่นที่เหมาะกับเราสองคนมากกว่านี้อีกเหรอครับ?"

   "ถ้าผมตอบว่ามีล่ะ"

   "ก็บอกมาสิครับว่าสีอะไร"

   "..."

   ผู้มีศักดิ์เป็น 'ราชา' ไม่อาจตอบกลับในเสี้ยววินาทีได้อย่างที่คู่สนทนาทำ ก่นด่าตัวเองที่รีบสวนกลับไปโดยลืมคิดหาทางหนีทีไล่เอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้ไม่ว่าจะพยายามค้นความรู้เรื่องสีมากแค่ไหนก็ไม่อาจเลือกที่เหมาะสมได้เท่าสีที่ถูกเสนอมาก่อนหน้านี้

   "เห็นไหมล่ะ ผมเคยพูดอะไรผิดเสียที่ไหน" อีกฝ่ายหัวเราะในลำคออย่างที่ชอบทำหลังจากที่ไม่ได้รับคำตอบ ด้ายสีแดงที่ล้อมรอบนิ้วก้อยของเขาเอาไว้ถูกกระตุกออกไปอย่างง่ายดาย น่าแปลกที่ตอนมัดเอาไว้มันไม่ได้ดูแน่นหนาอะไร ทำไมรอยกดลึกจากแรงรัดถึงได้ชัดเจน

   "ทำไมต้องเป็นนิ้วก้อย?" คิ้วขมวดมากเข้าไปอีกด้วยความสงสัยยามยกสันนิ้วขึ้นมาพินิจรอยกด "ทั้งที่เราใส่แหวนแต่งงานตรงนิ้วนาง"

   "จะไว้ตรงไหนก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ"

   เพราะด้ายที่แท้จริง 'พัน' ไว้ตรงหัวใจ

   "งั้นต่อให้วันหนึ่งไม่มีร่างแล้วด้ายนี้ก็จะคอยตามเราไปตลอดอย่างนั้นเหรอ"

   เกลียวเชือกที่ 'ผูก' วิญญาณของคนสองคนไว้ด้วยกัน

   "ใช่ครับ"

   คำนั้นหนักแน่น นัยน์ตาสีดำแปลกเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นยามสบสายตากลับมา

   "เราจะได้เจอกันอีกครั้งในโลกของวิญญาณ!"

   โลกที่หัวใจจะได้อยู่ด้วยกันนิรันดร์


***
   สวัสดีครั้งแรกสำหรับเรื่องใหม่ค่ะ (ยิ้ม)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2018 21:53:48 โดย 23August »

ออฟไลน์ LonelyBoiZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ INTRO [29.04.16]
«ตอบ #7 เมื่อ30-04-2016 02:15:41 »

มาติดตามด้วยครับบ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ INTRO [29.04.16]
«ตอบ #8 เมื่อ30-04-2016 11:14:48 »

รอตอนต่อไปนะคะ :L2:

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.1 [04.05.16]
«ตอบ #9 เมื่อ04-05-2016 21:33:58 »

CH.1

   "สรุปว่าจะจบสามปีครึ่งป่ะมึง?"

   "ไม่ ขี้เกียจรีบออกไปหางานทำ"

   "เออ เหมือนกูเลย แต่ที่บ้านเหมือนอยากให้กูจบไวๆ ...เครียดฉิบหายเลยเนี่ย"

   "แล้วมึงอะแบล็ค?"

   เจ้าของชื่อที่แปลว่าสีดำหันกลับมาหาคนเรียก อัดสารเสพติดเข้าสู่ร่างกายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนปล่อยให้ก้นแท่งนิโคตินร่วงหล่นไปยังพื้นหินตัวหนอน ขยี้มันซ้ำด้วยรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังจนแน่ใจว่ามันจะไม่กลายเป็นเชื้อไฟได้อีกจึงตอบคำถามของเพื่อน

   "กูคงจบสี่" เอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ ที่ดูแล้วไม่มีพิษมีภัย "รีบจบไปก็ไม่ได้ทำอะไร ต้องรอน้องจบก่อนอยู่ดี"

   "ไอ้พี่ประเสริฐ"

   รู้ทั่วกันว่า 'ทิวากาล' เป็นจำพวกพี่แสนดีคอยดูแลน้องอย่างที่ควรได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ ทั้งฝาแฝดที่แทบไม่เคยเห็นอยู่ด้วยกันอย่าง 'รัตติกาล' รวมถึงอีกคนที่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเรียกว่าน้องอย่าง 'โรมัน'

   คนโดนแขวะยักไหล่ขึ้น "หน้าที่กูอยู่แล้ว"

   "เออ จบสี่ก็ดี กูจะได้มีเพื่อนเรียนเทอมสอง"

   "นึกว่ามึงจะจบห้า"

   "ไอ้สัตว์! อย่าแช่งสิไอ้เหี้ย!!"

   "อ๋อ อยากจบหกสินะ ไม่เป็นไรนะมึง คณะเราเรียนได้เจ็ดปี" นึกสนุกเลยชงต่ออีกหน่อย เห็นอีกฝ่ายทำหน้าปุเลี่ยนแล้วยิ่งอยากแกล้ง

   "หมอดูบอกว่ากูจะจบสี่ปีว้อยยย"

   อาชีพนักทำนายที่ออกจากปากของเพื่อนเรียกรอยขุ่นบนใบหน้าผู้ชายสีดำ

   พวกหลอกลวง

   "เรียนกฎหมายแต่เสือกเชื่อศาสตร์ที่พิสูจน์ไม่ได้" ตัวเขาเองกับเพื่อนทั้งสองเรียนอยู่คณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านชานเมือง ขึ้นชั้นปีสี่ปีสุดท้ายแล้ว

   "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ไอ้สัตว์ แม่งทายโคตรแม่นอะแต่ละเรื่อง"

   "เล่นปาหี่ เดามั่วไปเรื่อย"

   "คนนี้ของจริง มึงอย่าคิดถึงครั้งหน้าตึกดิ"

   ช่วงก่อนหน้านี้เพื่อนของเขาเกิดคึกอะไรก็ไม่รู้ ลากไปหาหมอดูไพ่ทำนายที่มาเปิดบูธชั่วคราวอยู่ตอนสัปดาห์ห้องสมุด บอกว่าจะลองทดสอบศาสตร์พวกนี้หน่อยว่ามีความแม่นยำจริงไหม พอหมอทำนายพูดอะไรมาเพื่อนเขาก็เอาแต่พูดว่าครับๆ แบบที่ไม่ได้ตั้งใจฟังเลย ทำเป็นตกตะลึงกับเรื่องที่ถูกทำนายทายทักทั้งที่มันไม่ได้เข้ากับบุคลิกที่แท้จริงเลย มาบอกว่าเป็นพวกอารมณ์ร้อนชอบใช้กำลัง เพื่อนเขาน่ะงานอดิเรกคือนั่งดูซีรีย์ทุกประเทศ จะเอาเวลาไหนไปตบตีกับคนอื่น คือเข้าไปหลอกหมอดูแล้วเอามาเล่าเป็นเรื่องขำขันกันนั่นแหละ

   "จะครั้งไหนแม่งก็แค่การพูดกว้างๆ ให้มึงเอาไปเชื่อมโยงเองก็แค่นั้นแหละ"

   เคยลองไปอ่านทำนายนิสัยจากราศีเกิด เขานี่อยากจะค้านทุกบรรทัด ทิวากาลมีฝาแฝดชื่อรัตติกาลหรือว่าไวท์ ความตรงกันข้ามของชื่อส่งผลต่อมาถึงลักษณะนิสัยต่างกันจนสุดขั้วของทั้งคู่ ชนิดที่ว่าตำรานั้นจะมีคนเชื่อถือมากแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางหลงกล ก็ถ้าบอกว่าแม่นจริงทำไมคนที่เกิดห่างกันแค่สองนาทีอย่างเขากับแฝดถึงไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลยล่ะ

   "นี่มึงจะเกลียดการดูดวงอะไรขนาดนั้นวะ"

   "กูไม่ได้เกลียด แค่บอกว่าไม่เชื่อ" สีดำแย้งสิ่งที่เพื่อนกำลังใส่ความอยู่ "กูไม่เชื่อว่าคนบนโลกจะมีลักษณะนิสัยแค่สิบสองแบบตามตารางจักรราศี"

   "พวกนี้เขาดูขำๆ ถ้าบอกว่าดีมึงก็เชื่อ ถ้าไม่ดีมึงก็ปล่อยแม่งไป จะยากอะไรวะ"

   "ไม่สนตั้งแต่ต้นก็ไม่มีอะไรรกสมอง"

   "มึงนี่มันประหลาดคน"

   คนโดนว่าเป็นพวกประหลาดผายมือออกอย่างไม่แยแส "ชีวิตกูไม่ได้มีสีสันขนาดนั้นอยู่แล้ว"

   ชีวิตที่ถูกกำหนดมาให้ต้องเป็นผู้ปกครองคอยดูแลทุกอย่าง เป็น 'ราชา' ที่ต้องสอดส่องดูแลราษฎรในความดูแลของตนตลอดเวลา เป็นพี่ชายที่ต้องรู้เรื่องของน้องแต่ละคนให้ครบถ้วนกระบวนความ แล้วแต่ละคนนี่ก็ช่างสรรหาเรื่องมาให้เขาปวดหัวอยู่เนืองๆ

   "ไม่ดิ เอาภาพรวมดิว้า ปีหนึ่งแม่งให้เป็นเดือนมึงก็ไม่เป็น พอให้ไปช่วยทำนู่นนี่ก็ไม่เคยไป เอาจริงนะกูเสียดายหน้ามึงอะ"

   ตาคม จมูกโด่ง ริมฝีปากสวย ทุกอย่างรับเข้ากันอยู่บนใบหน้าที่มักจะแย้มยิ้มบางอยู่ตลอดเวลา ทิวากาลได้โครงหน้ามาจากแม่...ตามที่เขาว่ากันนะ เพราะเขาเองก็ไม่เคยเห็นหน้า 'แม่' ของตัวเองเลยสักครั้งเดียว รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูแล้วเป็นผู้ชายร่าเริงเลยทำให้เป็นที่รักของใครหลายๆ คนไม่ว่าจะในหรือนอกคณะ ด้วยคำนิยามว่า เฟรนด์ลี่แต่ก็เข้าถึงยาก

   ตัวเองก็คิดว่านั่นเป็นนิยามที่ตรงดี ในคณะที่มีคนอยู่เกือบห้าร้อยคนคงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้จักกันหมด แต่เขาเป็นที่สนใจของใครหลายคนตั้งแต่เข้ามาใหม่ๆ เหมือนกัน แล้วก็จะใช้ความเงียบที่เลียนแบบมาจากน้องสาวในการกีดกันคนเหล่านั้นให้ออกไปจากวงโคจรชีวิต

   หากทิวากาลไม่อยากจะให้ใครอยู่ เขาก็พร้อมบอกมันออกไปผ่านช่องทางต่างๆ ไม่เคยมีสักครั้งที่สีดำคนนี้จะเริ่มต้นก่อน รวมถึงไม่เคยสานสัมพันธ์กับใครที่หว่านลงมา เลยเป็นที่มาของคำว่าเข้าถึงยาก คือดูแล้วเป็นพวกที่น่าจะมีเพื่อนอยู่เต็มไปหมด ถึงอย่างนั้นหากถามว่ารู้เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวมากแค่ไหนก็ตอบได้แค่ผิวเผิน ทุกคนรู้จักเท่าที่แค่แบล็คอยากให้รู้

   "โตแล้วไอ้สัตว์ ทำไมต้องทำอะไรที่ไม่อยากทำด้วย"

   "แล้วมึงอยากทำอะไรวะ กูไม่เห็นว่ามึงมีอะไรที่สนใจเป็นพิเศษสักอย่าง"

   คนเป็นเพื่อนไม่เคยเห็นว่าแบล็คจะมีทีท่าสนใจในกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งควรจะเรียกได้ว่าเขาดูเหนื่อยหน่ายกับทุกอย่างรอบตัวจนเหมือนคนซึ่งละแล้วทุกอย่างทางโลก คำที่ติดปากก็คือ 'กูไปหาน้องก่อนนะ' 'กูต้องอยู่กับน้อง' จนแค่เปิดปากออกมาเพื่อนก็ดักทางได้เกือบหมดว่าจะตอบว่าอย่างไร

   "ก็ไม่มีไง"

   "ห่า..." เพื่อนคนที่หนึ่งสบถออกมา

   "ไม่ๆ ที่กูคิดนะ มึงไม่มีส่วนรับรู้ความรู้สึกต่างหาก"

   พยักหน้าเห็นด้วยให้เพื่อนคนที่สอง อาจเป็นอย่างนั้นก็ได้ เขาไม่ใช่แค่ไม่สนใจเรื่องสังคมรอบข้างแต่มันลามไปถึงการที่เขาไม่ชอบสนใจภาพรวมในสังคม อาจต้องมีการอัพเดตเรื่องราวด้านกฎหมายเสียบ้างเพราะว่าเป็นวิชาเรียนโดยตรง แต่กับเรื่องราวอย่างอื่นจำนวนล้านแปดมันไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาแม้แต่เล็กน้อย ทิวากาลเลือกสนใจและจำเฉพาะสิ่งที่คิดว่าจำเป็นต่อการมีชีวิตเท่านั้น อะไรที่เขาเห็นว่าไร้สาระก็ปล่อยมันทิ้งไป

   "งั้นกูไปก่อนนะ" กระชับกระเป๋าให้อยู่บนบ่าแบบเดิม วันนี้ไม่มีคาบเรียนอะไรต่อ มืออีกข้างควานหากุญแจรถในกระเป๋ากางเกงออกมา "มีนัดตีเทนนิสต่อ"

   บอกลากันง่ายๆ โดยไม่ลืมเตือนเพื่อนว่าพรุ่งนี้มีนัดเรียนชดเชยตอนแปดโมงเช้า เทนนิสเป็นกิจกรรมหนึ่งเดียวที่เขาเหมือนจะให้ความสนใจ หนึ่งชนิดกีฬาที่เคยฮิตขนาดที่ว่าต้องใช้เวลาคัดในรอบคัดเลือกเกือบครบรอบวัน แต่ตอนนี้ก็กลายเป็นชนิดกีฬาที่นับคนได้เล่น

   ก็ไม่ได้เล่นเพราะติดใจอะไร แค่เป็นกีฬาที่ไม่ต้องใช้จำนวนคนมากมายในการวมทีม เล่นคนเดียวก็ไปน็อคบอร์ด ไม่อย่างนั้นหาเพิ่มอีกแค่คนเดียวก็สามารถเล่นได้แล้ว สะดวกสบายไม่ต้องไปคิดถึงใครดี

   มีช่วงหนึ่งตอนมัธยมที่เขาลองเปลี่ยนไปเล่นบาสเก็ตบอลตามคำชวนกึ่งร้องขอจากเพื่อนในห้องที่เป็นกัปตัน ถามว่าสนุกไหมมันก็สนุกดี เขาเป็นพวกมีความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวสูงอยู่แล้ว อาจต้องใช้เวลานิดหน่อยในการศึกษาพวกฟอร์มการเล่นหรือเทคนิคในการชู้ต แต่พอเริ่มจับทางได้มันก็ไม่ได้ยากอะไร ติดอยู่ตรงถ้าจะเล่นให้สนุกอย่างน้อยก็ต้องมีคนจำนวนหนึ่งเข้ามาเป็นทีมในการเล่น ครบแล้วก็ใช่ว่าจะเข้าขากันได้อีก

   แล้วเขาก็ไม่ชอบบรรยากาศของฟิตเนสที่เป็นห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ไร้การถ่ายเทของอากาศ เขาเลยเดินเข้าไปเหยียบส่วนอำนวยความสะดวกของที่พักอาศัยแบบนับครั้งได้

   "สวัสดีครับลุง"

   เดินไปทักทายคนดูแลสนามพร้อมส่งบัตรนักศึกษาไปให้เพื่อจองสนาม ตอนนี้เวลาบนนาฬิกาที่ติดไว้ในห้องผู้ดูแลคือสี่โมงสี่สิบ ที่จริงเพื่อนต่างคณะที่นัดเขามาในวันนี้บอกว่าจะมาประมาณห้าโมงครึ่ง ซึ่งหมายความว่าจะได้สนามรอบหกโมง แบล็คไม่ใช่พวกโรคจิตที่ชอบมาก่อนเวลามากๆ ก็แค่ไม่มีอะไรทำเลยยอมมาก่อนเท่านั้นเอง

   "ยังร้อนอยู่เลยนะหนุ่ม เข้ามานั่งก่อนไหม"

   ลุงวัยใกล้เกษียณที่เห็นชายหนุ่มคนนี้แวะเวียนมาตั้งแต่อีกฝ่ายยังเป็นเด็กน้อยเฟรชชี่แนะด้วยความกังวล อากาศเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ขนาดเกือบจะห้าโมงแล้วก็ยังมีแดดแรงจนน่ากลัว "เมื่อวานมีคนเป็นลมด้วย ลุงนี่ตกใจแทบแย่"

   มองไปทางสนามที่ยังคงมีแดดจ้าตามที่ลุงบอกแล้วพยักหน้าเห็นด้วย ขอตัวไปซื้อน้ำดื่มจากร้านที่อยู่ถัดออกไปไม่ไกลแล้วถึงกลับมานั่งเป็นเพื่อนลุง

   "นี่ปีสี่แล้วใช่ไหม?"

   คนโดนถามพยักหน้ากลับไป "ครับ"

   "เรียนต่อหรือว่าทำงานล่ะ"

   แอบคิดนิดหน่อยว่าลุงไปนัดคำถามกับเพื่อนของเขามาหรืออย่างไร หรือว่ามันกลายเป็นคำที่ใช้แทนคำทักทายไปแล้วสำหรับเด็กชั้นปีที่สี่ในมหาวิทยาลัยอย่างเขา บางคนก็มีไปติวภาษากันเตรียมไว้ บางคนก็มองหาที่เรียนต่อ ส่วนอย่างเขาคงเป็นจำพวกที่สาม ที่ยังไม่รู้ว่าอนาคตจะไปต่อทางไหนดี

   "ยังไม่ชัวร์ครับ ขอเก็บชีวิตอิสระอย่างนี้ให้เต็มที่ก่อน" ไม่ได้คิดอย่างที่พูดออกไปหรอก แบล็คก็แค่ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเท่านั้นเอง เขาอาจไม่ใช่คนที่ดูเข้าถึงยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเล่ารายละเอียดของตัวเองให้คนอื่นฟังไปทั่ว มีวิธีมากมายที่จะเบี่ยงประเด็นให้คนอื่นเลิกถามในสิ่งที่เขาไม่คิดจะบอก

   "ลุงคะ ชมรมขอใช้สนามห้าตอนห้าโมงถึงสองทุ่มนะ ...อ้าว สวัสดีแบล็ค"

   คุยเรื่องสัพเพเหระไปได้สักพักหน้าต่างบานที่ใช้สำหรับการติดต่อจองสนามก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง เจ้าของเสียงเป็นหญิงสาวผมยาวในชุดนักกีฬาสีเข้ม สะพายโคฟเวอร์เทนนิสขนาดใหญ่ไว้ข้างหลัง

   "สวัสดี" ทักทายกลับไปตามมารยาท เขาจำชื่อของอีกฝ่ายไม่ได้เลยเลี่ยงที่จะพูดถึงชื่อไปเสีย คุ้นหน้าเพราะเป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย แล้วก็เป็นประธานชมรมเทนนิสคนปัจจุบัน

   "มาเล่นกับใครเหรอ?"

   หญิงสาวถามขึ้นหลังจากเดินเข้ามาอยู่ในห้องบ้าง เธอวางอุปกรณ์กีฬาของตัวเองลงกับเก้าอี้ตัวหนึ่งริมห้อง แล้วจึงเดินมาตรงบริเวณที่มีอีกสองชีวิตนั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ว

   "นัท วิทยา"

   "อ๋อ ...ที่ได้ที่สองตอนนั้นป่ะ"

   "อืม"

   ชื่อของทิวากาลได้รับการประกาศว่าเป็นผู้ชนะในการแข่งขันประเภทชายเดี่ยวสมัยกีฬาเฟรชชี่ตอนปีหนึ่ง ส่วนนัทได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง แพ้เขาไปตอนไทร์เบรคสุดท้าย หลังจากนั้นเลยเล่นด้วยกันต่อมาเรื่อยๆ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีใครเล่นด้วยเลย

   "มีใครมาอีกไหม?"

   "ไม่"

   "งั้นไปเล่นด้วยคนนะ"

   วงการเทนนิสมันก็เล็กอย่างนี้นั่นแหละ หญิงสาวเองก็ถามไปอย่างนั้นเผื่อว่าจะได้หาช่องลงไปแจมด้วย วันนี้ไม่ใช่เวรเธอในการคุมน้องซ้อม แต่ต้องมาเพราะเอกสารการแข่งช่วงปิดเทอมยังไม่เรียบร้อยดี

   "คงต้องถามนัท" ผลักภาระให้เป็นของคนที่ยังไม่มาไปเสีย

   "ได้ๆ เดี๋ยวจะถามเรื่องกีฬามหาลัยด้วย ปีนี้ไม่มีตัวผู้ชายเลย"

   "ก็ลองดูสิ"

   "ไม่สนใจบ้างเหรอ?" วกกลับมาที่ตัวเขาเองได้อย่างไรก็ไม่รู้ "กีฬามหาลัยปีสุดท้ายไง"

   "ไม่ล่ะ"

   แอบคิดในใจว่าถามได้ทุกปีไม่เบื่อหรือไง โดนมาตั้งแต่ปีหนึ่งจะถึงปีสี่ปีสุดท้ายแล้วก็ยังไม่เลิกถามสักที ตามปกติแล้วถ้าเคยบอกครั้งหนึ่งก็ควรจำได้แล้วไม่ใช่หรือไง ไม่น่าจะความจำสั้นได้ขนาดนั้นเลยนะ

   บอกแล้วว่าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายทำท่าว่าจะล้ำเส้นเข้ามาอยู่ในเขตหวงห้าม ราชาก็พร้อมที่จะขยับออกไปให้ห่างเท่าเดิมในทันที แบล็คก้มหน้าดูจอโทรศัพท์ของตัวเอง ทำทีเป็นสนใจสิ่งที่อยู่ในนั้นมากกว่าสาวสวยที่นั่งอยู่ถัดไป เขามองตัวเลขบอกเวลาบนของจอว่าเขานั่งก้มหน้าอย่างนี้มาเกือบสิบห้านาทีแล้ว หญิงสาวรายเดิมก็ยังไม่ขยับตัวไปไหน ไม่ไปงั้นเขาไปเองก็ได้

   "ลุงครับ ที่จองสนามยกเลิกนะ มันเทผม”

   โมเมโชว์หน้าจอไลน์ขึ้นมาเพื่อประกอบกับคำบอก คนดูแลสนามพยักหน้าหงึกหงักรับรู้พลางหันไปหยิบบัตรนักศึกษาคืนให้

   "อ้าว..."

   "ผมไปก่อนนะครับลุง สวัสดีครับ"

   ตัดบทไม่รอให้เจ้าหล่อนพูดจบ เขาหยิบกระเป๋าที่ใส่ทุกอย่างไว้เข้าในขึ้นสะพายข้างอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้หญิงสาวมองภาพชายหนุ่มเดินผ่านหน้าไปโดยไม่แม้แต่จะบอกลา

   ก็นี่แหละชีวิตของทิวากาล

   ชีวิตเรียบง่ายที่ไม่ต้องการอะไรเพิ่มเติมอีก



   โทรศัพท์เครื่องใหญ่ที่ซื้อมาตั้งแต่ช่วงเข้ามหาวิทยาลัยสั่นครืดอยู่บนโต๊ะเล็กข้างหัวเตียง ชายหนุ่มวางน้ำดื่มในมือตัวเองลงแล้วเดินตรงไปหาต้นเสียง หน้าจอสีสดใสแสดงภาพของเขากับผู้ชายตัวเล็กกว่าหลายช่วงกำลังกอดคอกันอยู่ตรงบริเวณจุดชมหอนาฬิกาบิ๊กเบนที่อังกฤษ เป็นรูปจากทริปเยี่ยมน้องชายคนที่สองเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว

   "ว่า"

   (อยู่ห้องแล้วใช่ไหม?) หันออกไปทางห้องที่อยู่เยื้องกันทางฝั่งตรงข้ามของตึก เห็นศีรษะเล็กๆ ผลุบลงไปอยู่ใต้กำแพงปูนสีขาวสะอาด ดูแล้วก็รู้เลยว่าอีกฝั่งของสัญญาณโทรศัพท์คงมารอก่อนแล้ว

   "ถ้าเห็นอยู่แล้วจะถามทำไมน้องโรม"

   (โฮย ตาดีชะมัด)

   "ไม่เนียนเอง"

   วันที่น่าเบื่อมีความสุขขึ้นมาได้นิดหน่อยหลังจากได้ยินเสียงงอแงของ 'โรมัน' น้องคนเล็กสุดในครอบครัวขนาดใหญ่ของเขา เมื่อก่อนโรมก็อาศัยอยู่ห้องข้างๆ นี่แหละ แต่หลังจากที่มี 'ที่หนึ่ง' เข้ามาน้องของเขาก็ย้ายสำมะโนครัวไปอยู่อีกฟากฝั่งเสียอย่างนั้น

   (ไปกินข้าวเย็นกันนน) น้องเล็กสุดที่ไม่เคยชวนอะไรอย่างนี้ทำเอาคิ้วเขาเลิกขึ้นสูง

   "ที่หนึ่งไม่อยู่หรือไง?"

   ร้อยวันพันปีตั้งแต่เขายกน้องชายคนเล็กสุดให้อีกคนได้ดูแลไม่เคยไม่โทรมาด้วยโทนเสียงติดหงุดหงิดอย่างนี้ ตอนที่เขายังเป็นคนดูแลอยู่ก็เอาแต่ใจมากแล้วนะ พอเจอคนสปอยล์ทุกอย่างที่ขวางหน้าแล้วน้องชายที่น่ารักก็กลายเป็นแค่เคยน่ารักไปแล้ว

   บอกจนปากเปียกปากแฉะว่าอย่าตามใจมากก็ไม่เคยฟัง

   (อืม หนึ่งไปทำโปรเจค)

   "กูเป็นของตายสินะ"

   (มึงอย่าทำงี้ดิ ก็พอกูชวนมึงก็ติดนู่นติดนี่อะ)

   "แล้วไม่มีโปรเจคอะไรกับเขาบ้างหรือไง?"

   (ไม่อะ แค่เรียนปกติก็เบื่อจะแย่)

   พี่ชายหัวเราะให้กับคำบ่นของอีกฝ่าย โรมไม่ใช่คนหัวดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ต่างจากพี่น้องคนอื่นที่เรียนดีเสมอต้นเสมอปลาย

   "งั้นเดี๋ยวหกครึ่งเจอกันข้างล่าง"

   เจอหน้าเด็กน้อยตามเวลาที่นัดเอาไว้ ทะเลาะกันเรื่องจะไปกินที่ไหนจนสุดท้ายมาจบตรงร้านอาหารห่างจากหน้าคอนโดไม่ถึงสามร้อยเมตรดี แบล็คมองผู้ชายที่นั่งหน้าบูดอยู่ฝั่งตรงข้ามของตัวเองแล้วรู้สึกรำคาญขึ้นมาเสียอย่างนั้น บอกให้มากินข้าวด้วย บังคับให้เขาเลี้ยงแล้วก็นั่งหน้าบึ้งอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์

   "จะมางอแงไม่ได้นะน้องโรม จริงๆ คือมันไม่จำเป็นต้องมายอมมึงทุกอย่างขนาดนี้"

   น้องบอกเมื่อกี้ว่าที่หนึ่งอาจไม่กลับเพราะแก้งานไม่เสร็จ

   "ก็หนึ่งบอกว่าจะกลับอะ"

   "มันก็ต้องมีอะไรที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายบ้างป่ะวะ อย่างกูต้องมานั่งกินข้าวกับมึงตอนนี้ไง"

   "บาย งั้นกูไปล่ะ"

   "โรมัน"

   เป็นพี่มาตั้งกี่ปีจะไม่รู้ได้ยังไงว่าวิธีไหนที่จะคุมเด็กน้อยให้อยู่หมัด โรมมองค้อนกลับมาหลังจากที่โดนเรียกด้วยชื่อจริง ซึ่งเป็นการเตือนว่าเขาไม่ควรจะใช้อารมณ์กับพี่ชายอย่างเด็ดขาด

   "ก็ไม่ชอบ"

   มันอาจเป็นความผิดของทิวากาลเองที่ปล่อยให้คนอื่นเลี้ยงน้องมากเกินไป โรมันเป็นผลผลิตของการผสมผสานที่หลากหลาย ทั้งจากตัวเขาเอง จากแฝดของเขา จากน้องชายต่างสายเลือด รวมถึงจากเพื่อนอีกสองคนที่คอยมาดูแลจนเหมือนน้องมากกว่าเพื่อน

   อย่างเรื่องนี้เองโรมอาจไม่รู้ตัวก็ได้ ว่ามันเป็นนิสัยขี้หวงที่ติดมาจาก 'เน็ท' เพื่อนในกลุ่ม รายนั้นน่ะชอบคิดเองเออเองว่าทุกอย่างต้องเป็นของเขาแล้วห้ามไม่ให้ใครเข้ามาใช้ร่วมกัน ถ้าหวงสิ่งของเขาเองก็ไม่ว่าอะไรหรอก นี่มาหวงกับมนุษย์ที่ชื่อที่หนึ่งไง ผู้ชายชื่อแปลกที่เป็นที่หนึ่งในทุกเรื่องสมชื่อ

   อ้อ เกือบไม่ได้เป็นที่หนึ่งอยู่เรื่องหนึ่ง

   "ถ้ามึงจะอยู่กับมัน มึงก็ต้องรู้จักปรับตัวบ้าง"

   "ก็รู้" เด็กน้อยหน้าหงอยไปหลายช่วงตัว "แต่ก็...”

   "ไอ้เด็กขี้เหงา"

   กลุ่มที่ไม่เคยปล่อยให้น้องอยู่คนเดียว โรมถูกดึงให้เข้ามาอยู่ในวังวนครอบครัวแสนซับซ้อนของบ้านจนกลายเป็นว่าไม่มีใครยอมให้น้องอยู่ห่างสายตาอีก พอถึงเวลาที่ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นในการดูแลก็เลยยังไม่สามารถทำได้จริงสักที

   "แล้วมึงไม่เหงาเหรอ?"

   "หืม?"

   "กูเคยคุยกับนิชเรื่องนี้" หยุดพูดไปแป๊บหนึ่งเพราะว่าอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟพอดี "ก็ถ้าคิดดูแล้วตอนนี้มีแต่มึงที่ไม่มีใครนี่"

   มันก็จริงอย่างที่น้องพูด จากที่เป็นกลุ่มโสดสนิทก็เริ่มมีใครอีกคนเข้ามาเป็นส่วนเติมเต็ม

   "กูมีครึ่งชีวิตแล้วไง"

   หมายถึงฝาแฝดของตน ทิวากาลไม่เคยคิดว่าชีวิตของตัวเองสมบูรณ์มาตั้งแต่จำความได้ สัญลักษณ์หยินหยางไม่อาจเกิดขึ้นได้หากขาดสีใดสีหนึ่งไป เหมือนกับธรรมชาติที่ต้องมีกลางวันควบคู่ไปกับกลางคืน

   จะขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไปไม่ได้

   "หึ ทุกวันนี้แทบจะยกให้คนอื่นอยู่แล้วยังจะมาพูดอีก" สงสัยเขาไม่ได้อยู่ใกล้คอยห้ามปรามว่าอะไรที่ควรพูดไม่ควรพูด โรมเลยเผลอหลุดปากออกมาถึงอีกคนหนึ่งที่เขาไม่อยากได้ยินชื่อเท่าไหร่นัก

   "ใครจะไปรู้"

   ถึงจะเป็นครึ่งชีวิต แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่าแม้แต่ 'ฝาแฝด' ที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่แรกเริ่มนั้นต้องแยกออกไปมีชีวิตของตัวเอง ฉะนั้นจนกว่าอีกครึ่งหนึ่งจะเจอใครที่จะกลายเป็นครึ่งชีวิตแทน 'หน้าที่' ของแบล็คคือต้องดูแลเหล่าน้องทั้งหลายให้ดีที่สุดตามที่พ่อเคยสอนไว้

   เป็นพี่ต้องดูแลน้อง

   แล้วถ้าเป็นพี่...ใครจะมาดูแล?

   โดยเฉพาะเป็นพี่คนโตสุดที่มีน้องต่างสไตล์กันถึงสามคน จะบอกว่าเป็นตัวปวดหัวก็ไม่รู้จะเรียกได้หรือเปล่า แต่ถ้าบอกว่าทำให้พลังชีวิตลดน้อยถอยลงนี่คงต้องบอกว่าหมดไปนานแล้ว

   "งั้นถามเล่นๆ สมมุติว่าไวท์ยอม แล้วมึงจะทำไงต่อ?"

   "นั่นสิ กูจะทำอะไรต่อไปดีล่ะ"

   น้องทำหน้ายุ่งไปพักใหญ่ถึงตอบ "คิดไม่ออก"

   "กูก็ว่าอย่างนั้น"

   ทิวากาลกลัวความรัก

   ไม่ใช่ว่าเคยมีถึงกลัว แต่เพราะไม่เคยมีต่างหากเลยกลัว

   ถ้าลองมาเป็นราชาที่เห็นทุกอย่างดูก็จะรู้ว่ามันไม่เห็นน่าสนุกหรือมีความสุขตรงไหนเลย คนรอบข้างเขาแต่ละคนเมื่อมีรักแล้วไม่เคยเห็นว่าจะสุขได้สุดสักคน ...ตั้งแต่พ่อจนถึงคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามในตอนนี้

   อีกอย่างถ้ามีใครบอกว่ารักมีเพื่อเติมเต็ม เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไรไปตรงไหน มีครอบครัว มีพี่น้อง มีเพื่อน แค่นั้นมันก็เต็มเวลาที่เขาจะให้แล้ว คิดไม่ออกหรอกว่าจะจัดสรรเวลายังไงให้อีกคนเข้ามา

   "แล้วจะเป็นตาแก่นั่งโยกชิงช้าอยู่คนเดียวตอนแก่หรือไง"

   "กูบอกแล้วเหรอว่าจะอยู่จนแก่อะ สักสามสิบกว่าก็ว่าจะตายแล้ว"

   "มึงเป็นนอสตราดามุสหรือไง"

   "อย่างน้อยก็มะเร็งปอดอะ คิดว่าน่าจะชัวร์"

   บางคนสูบเอาเท่ บางคนสูบคลายเครียด เขาเองสูบให้กลายเป็นงานอดิเรกเพื่อระลึกถึงอีกคนเสมอ คนที่เขาไว้อาลัยให้เสมอมา

   "บอกตั้งกี่รอบแล้วว่าให้เลิกสูบ"

   "ไว้กูเบื่อเมื่อไหร่แล้วจะเลิกเอง"

   ก้มหน้าลงไปเขี่ยผักตกแต่งออกจากจานแล้วถึงเริ่มทานต่อ เมินเสียงคำถามของน้องชายไปเสียอย่างนั้น "อยากเป็นเหมือนในรูปหน้าซองหรือไง"

   "แล้วกูสูบของไทยที่ไหนล่ะ"

   ล้วงหาของจำเป็นที่ต้องติดตัวตลอด ซองบุหรี่นอกที่มีลวดลายเป็นสีฟ้าแซมด้วยประกายขาวคล้ายดวงดาวแตกต่างจากศิลปะการขู่ที่ไร้ประโยชน์ของรัฐบาลไทยถูกโยนส่งๆ ไปทางโรม คนที่กำลังอยู่ในสภาวะงอแงเต็มขั้นทำหน้าหงิกยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก น้องเอานิ้วดีดมันกลับมาให้อยู่ตรงหน้าเขาแบบเดิม แสดงความรังเกียจแบบชัดเจน

   "มึงแม่ง..."

   "กูทำไม?"

   อยู่กันมานานจนรู้ทุกอย่างหมดแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับโรมที่แบล็คไม่รู้ อย่างที่น้องเอาแต่อึกอักจะพูดแล้วไม่พูดออกมานี่ก็กำลังบอกว่าในใจน้องกำลังด่าเขาอยู่ ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ เพราะกลัวว่าจะโดนเขาสวนกลับแบบไม่มีทางสู้

   คนเรียนบัญชีจะสู้วิธีการใช้เหตุผลจากเด็กนิติได้ที่ไหน

   "โอ๊ยยย กินไปเลย ไม่คุยด้วยแล้ว"

   พอโดนจี้เข้ามากๆ ก็เปลี่ยนเรื่องพูดเสียอย่างนั้น

   "งั้นไม่อยากรู้เหรอว่าที่หนึ่งส่งอะไรมาหากู" เอาจุดอ่อนของโรมันออกมาเล่น เห็นน้องทำตาลุกวาวแล้วก็ขำคนเดียวในใจ เด็กน้อยที่ไม่เคยตามพี่ชายทันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอ้าปากเหมือนจะถามอะไรออกมา แต่สักพักก็ทิ้งตัวกลับไปอยู่กับพนักพิงเสียงดัง

   "...มึงอย่ามาหลอกกู"

   "หลอกอะไร?" น่าเสียดายที่คราวนี้โดนรู้ทัน คงต้องไปคิดมุกใหม่มาเสียแล้ว

   "มึงแม่งนิสัยไม่ดีอะแบล็ค เลิกแกล้งพวกกูสองคนได้แล้ว"

   "แกล้งอะไร กูเคยทำอย่างนั้นด้วยเหรอ?"

   "แม่ง..."

   โรมได้แต่บ่นอุบอิบ จะบอกว่าพี่ชายเขาไม่เคยแกล้งได้ยังไง กว่าจะมาเป็นเขากับที่หนึ่งได้อย่างทุกวันนี้เจอราชาเล่นงานเสียสะบักสะบอม ตอนนั้นเคยเอาเรื่องของแบล็คมาแชร์กันก็ได้แต่อ้าปากค้างทั้งคู่ เรื่องราวที่คิดว่าเป็นคนเรียบเรียงเองมาตลอดท้ายที่สุดแล้วก็โดนวางโครงเรื่องมาตั้งนานแล้ว

   เรียกได้ว่าตั้งแต่แรกเริ่มเลยก็ยังได้!

   "ไม่มีกูนะ มึงก็ยังเป็นน้องเอ๋อให้มันแอบมองอยู่ทุกวันนั่นแหละ"

   "เฮอะ"

   "หรือไม่จริง?"

   ได้ทีต้องรีบขี่แพะไล่ เห็นน้องทำหน้าคับแค้นใจแต่ทำอะไรไม่ได้แล้วก็ยิ่งสนุก ได้มาทำอะไรอย่างนี้ก็คลายเครียดจากเรื่องแย่ๆ ที่เจอมาตั้งแต่เช้าได้เยอะเหมือนกัน เรื่องของน้องชายเขากับคนรักเป็นอะไรที่สนุกอยู่พอสมควร สภาพแวดล้อมตั้งแต่ยังเยาว์วัยหล่อหลอมให้ราชาเป็นคนช่างสังเกตอยู่ตลอด แล้วอาการที่เรียกได้ว่า 'ออกนอกหน้า' ของผู้ชายที่ดูเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างก็ไม่ได้อ่านยากเลยสักนิด

   เลยทำตัวเป็นผู้กำกับหนังในคราบของผู้ชมเสียหน่อย บันเทิงดีเหมือนกัน

   "เออๆ กราบขอบพระคุณครับท่านทิวากาล"

   "รู้ตัวก็ดี"

   ลำเลิกบุญคุณจนพอใจในจังหวะเดียวกับอาหารคำสุดท้ายหมดลง จึงรวบช้อนส้อมไว้ข้างจานให้เรียบร้อย เอื้อมมือไปหยิบกระดาษมาเช็ดปากให้สะอาด

   "หนึ่งเคยเล่าว่ามีเด็กมาถามว่ามึงเป็นเกย์เหรอ ทำไมไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลย ...หนึ่งเลยตอบไปว่า แบล็คไม่ได้ไม่สนใจผู้หญิงครับ มันไม่สนใจมนุษย์ต่างหาก"

   "กูชอบคำตอบนี้"

   ปรบมือให้พอมีเสียงแปะๆ ตบรางวัลให้ในใจกับคำตอบ

   เขาไม่เคยคิดเรื่องเพศ อย่างคนในกลุ่มเขาก็เป็นพวกชายรักชายไปแล้วสาม ส่วนน้องสาวของตัวเองก็...โอเค ไม่ค่อยอยากยอมรับมากเท่าไหร่แต่น้องสาวของเขาเองก็กำลังมีใครเข้ามาติดพันอยู่เหมือนกัน

   ต่างจากเขาที่เต็มจนไม่รู้ว่าจะตามหาสิ่งอื่นไปเพื่ออะไร

   "แล้วราชาที่ไม่สนใจมนุษย์นี่มีแผนจะทำอะไรต่อไปครับ?"

   "รอจนกว่า 'หน้าที่' จะจบ"

   ตำแหน่งที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวง เขาไม่ได้อยากมาอยู่ตรงนี้ แต่หากได้รับหน้าที่แล้วมันก็ทำได้แค่ต้องดูแลให้ถึงที่สุด ไม่ว่าอยากจะหนีไปแค่ไหนก็ต้องอยู่ต่อ จนกว่าจะมีใครที่เข้ามาแทนที่ในตำแหน่งที่เขายืนอยู่ได้อย่างถาวร

   จานอาหารตรงหน้าถูกเก็บไปแล้ว น้องน้อยเท้าแขนลงกับโต๊ะซบหน้าลงกับแขน ช้อนตาใสแจ๋วขึ้นมาหา

   "ไม่รู้สิ หน้าที่ของมึงอาจเป็นการ 'รอรัก' ใครสักคนก็ได้นะ"


***
   ยิ่งใกล้สอบยิ่งพิมพ์ได้เยอะขึ้นค่ะ (หัวเราะ)
   ภาพโดยรวมของเรื่องนี้ยังไม่ชัวร์ว่าจะออกไปทางไหนเหมือนกันค่ะ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอตามอารมณ์ของเจ้าตอนนั้น (ฮา) ยังไงก็ขอฝากพี่แบล็คไว้ด้วยนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-10-2016 18:55:37 โดย 23August »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.1 [04.05.16]
« ตอบ #9 เมื่อ: 04-05-2016 21:33:58 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ferin1A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.1 [04.05.16]
«ตอบ #10 เมื่อ04-05-2016 22:25:20 »

ทิวากาลนี่ใช้ชีวิตยุ่งยากดีแท้...
น้องโรมในมุมมองของแบล็คคือน่ารักอ่ะ น่ารักกว่าในเรื่องตัวเองอีก5555

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.1 [04.05.16]
«ตอบ #11 เมื่อ10-05-2016 13:34:38 »

 :pig4 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.1 [04.05.16]
«ตอบ #12 เมื่อ14-05-2016 14:51:44 »

ใครเป็นคนนั้นของแบล็ตน้าาาาาาาา ต้องสะบักสะบอมแหงๆ อวยพรให้โชคดี :katai2-1:

ออฟไลน์ IrinAllDear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.1 [04.05.16]
«ตอบ #13 เมื่อ14-05-2016 14:58:59 »

 :katai2-1: รอตอนต่อไปค่า

ออฟไลน์ xxSunShinexx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.1 [04.05.16]
«ตอบ #14 เมื่อ14-05-2016 22:08:00 »

อุต้ะ คุณราชาเป็นเคะเหรอคะ อ๊ายยยยยย >/////<~
ใครจะเป็นรักแท้ของราชากันนะ งื้ออออ

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.2 [19.05.16]
«ตอบ #15 เมื่อ19-05-2016 22:25:50 »

CH.2-1

   มีรุ่นพี่บอกว่าชีวิตการเป็นเด็กปีสี่ง่าย

   ทิวากาลไม่เห็นว่ามันจะง่ายตรงไหน

   ถึงจะต้องเรียนตัวบังคับเพียงไม่กี่หน่วยกิต แถมเขาเองก็เก็บวิชาเลือกจนครบแล้วทั้งหมด ไม่รู้ว่าฟ้าจงเกลียดจงชังอะไรนักหนาถึงได้ส่งปัญหามาให้เขาเจออยู่นั่น

   "แบล็ค ช่วยหน่อยเถอะ"

   อย่างสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า ชายหนุ่มที่อยู่ในกลุ่มทำงานเดียวกันในรายวิชาบังคับหนึ่งกำลังยกมือขึ้นท่วมหัวเป็นการขอความช่วยเหลือในเรื่องที่เขาไม่ชอบสักนิด

   ...การถ่ายรูปเพื่อโปรโมตงานบายเนียร์รุ่น

   หนีการเป็นนายแบบมาตั้งแต่เหยียบเข้ามาอยู่ในรั้วมหาลัย จนอีกไม่กี่เดือนจะก้าวออกไปอยู่แล้วก็ยังตามมาหลอกหลอนอยู่อีก

   "ไม่"

   ทิวากาลที่ทุกคนรู้จักคือถ้าพูดคำว่า 'ไม่' ออกมาเมื่อไหร่ก็ต้องเป็นไปตามนั้น ไม่มีข้อแม้หรือว่าข้อยกเว้นใดๆ ที่จะเปิดช่องให้เป็นทางอื่นได้

   "นะ งานนี้สำคัญจริงๆ" เพื่อนชายที่โดนโยนตำแหน่งประธานรุ่นปีล่าสุดทำใจดีสู้เสือ ถึงจะได้รับเสียงลือเสียงเล่าอ้างมามากมายว่าการร้องขอความช่วยเหลือจากแบล็คเป็นอะไรที่ต้องใช้ความสามารถขั้นสูงสุดก็ตามที แต่มาถึงขั้นนี้แล้วจะให้ล้มเลิกกลับไปง่ายๆ ก็คงไม่ดีเท่าไหร่

   "ก็แค่ถ่ายรูปนิดหน่อย ไปเอาคนอื่นดีกว่า"

   กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่จะเอาคนป็อบปูล่าร์ในชั้นปีนั้นๆ มาเป็นคนช่วยโปรโมต จะเรียกว่าพึ่งพาอาศัยกันก็ว่าได้ น่าเสียดายที่แบล็คไม่เคยรับความช่วยเหลือจากใครเลยไม่รู้สึกว่าตัวเองต้องเอื้อเฟื้อให้คนอื่น

   ราชาไม่เคยเป็นหนี้บุญคุณใคร

   “อันนี้เป็นผลโหวตจากคนในคณะ...” หัวเรือใหญ่ของรุ่นได้แต่อ้อมแอ้มตอบ ซึ่งก็ไม่ได้เกินความจริงเท่าไหร่ตรงที่เป็นความต้องการของคนในคณะ แต่ว่าไม่ใช่ผลโหวตอะไร

   “โหวต?” เสียงของราชาติดห้วนสั้น “ไม่ยักกะรู้”

   “เอ่อ จากพวกกรรมการรุ่น”

   ไม่มีประโยชน์ที่จะปกปิดต่อไป แค่แบล็คหรี่ตาลงหน่อยก็ไม่กล้าที่จะซ่อนต่อไปแล้ว จากชายหนุ่มเป็นมิตรก็กลายเป็นสัตว์ร้ายที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อตรงหน้าให้ขาดใจหากไม่ยอมพูดความจริง เขาล่ะไม่อยากให้แบล็คได้เป็นพวกทนายหรืออัยการเลย สงสารฝ่ายตรงข้ามสุดๆ

   “ขอบคุณที่นึกถึง แต่ไม่ล่ะ”

   “แบล็ค...”

   “ไม่ชอบอะไรพวกนี้ อย่ามาเสียเวลาเลย”

   ก็แอบสงสารนิดหน่อยเลยไม่ตัดบัวแบบไม่เหลือใย เขากับอีกฝ่ายไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกันรุนแรงอย่างที่ชาตินี้จะไม่เผาผีอะไรพวกนั้น เลยออกมาในรูปแบบของการพูดตรงๆ ที่ไม่ได้ทำร้ายความรู้สึกมากเกินไป

   “นี่ไหว้ก็ได้ แต่ว่างานนี้ขอร้องจริงๆ มาช่วยหน่อยได้หรือเปล่า?”

   “ไปเรียนก่อนนะ”

   คุยกันไม่รู้เรื่องก็ไม่เห็นต้องอยู่ตรงนี้ต่อ ทิวากาลหยิบทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะไม้ขนาดยาวไว้ในอ้อมแขน เบี่ยงตัวหลบอีกฝ่ายออกไปยังส่วนของทางเดินที่เชื่อมต่อกับอาคารเรียนรวม

   "โธ่ ขอล่ะ"

   แบล็คผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่จนชายตัวเล็กกว่าอดสะดุ้งไม่ได้ วูบหนึ่งที่เขารู้สึกว่าชายที่ชื่อแปลว่า 'กลางวัน' ไม่ได้สว่างสดใสอย่างที่คิดเอาไว้ เป็นความกลัวที่พุ่งขึ้นมาจากจิตใต้สำนึกที่กำลังเตือนเขาว่าอย่าทำให้อีกฝ่ายโกรธจะดีกับชีวิตของตัวเองที่สุด

   "เอาความจริง"

   เจอเข้าไปแค่ประโยคเดียวก็ได้แต่ก้มหน้าตอบอ้อมแอ้ม “...พวกผู้หญิง...เขารีเควสมา”

   กรอกตาบนด้วยความเบื่อหน่าย เขาล่ะเอือมเรื่องพรรณนี้ยิ่งกว่าอะไรดี

   "ใครใหญ่สุด ทำไมต้องทำตาม?"

   "โธ่..."

   "จะอยู่ที่สูงต้องเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นตกลงมาทีมันเจ็บนะ"

   คนที่หยัดยืนอยู่ตรงจุดสูงสุดต้องมั่นคง เรื่องนี้ไม่เคยมีใครสอน เป็นเรื่องที่เรียนรู้มาจากความผิดพลาดในอดีต ถ้าจะอยู่ตรงนี้ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียวให้ได้

   บัลลังก์มีไว้เพื่อคนคนเดียว

   ประธานรุ่นเข้าใจคำว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็ตอนนี้แหละ รู้สึกได้ถึงหยดเหงื่อที่เริ่มไหลจากเต็มข้างขมับ ตั้งแต่แรกเริ่มใจจริงของเขาก็อยากจะปฏิเสธข้อเสนอนี้ของเหล่าผู้ร่วมงานอยู่หรอก ติดที่ว่าทุกคนในกลุ่มคนทำงานไม่ว่าหญิงหรือชายก็อยากจะเห็นผู้ชายที่ได้ชื่อว่า 'เดือนหลังม่าน' ในสังคมออนไลน์สักครั้ง

   ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมทั้งในและนอกคณะ ไม่เคยมีรูปลงเพจ ถ้ามีก็แค่ครั้งเดียวแต่ได้ข่าวมาว่าแอดมินโดนเล่นเสียยับทั้งทางกฎหมายแล้วก็กระแสมวลชน จนเรียกได้ว่าไม่มีใครกล้าลองดีกับผู้ชายคนนี้สักที

   บางคนบอกว่าเป็นลูกผู้มีอิทธิพลเสียด้วยซ้ำไป

   "เข้าใจแล้วนะ?"

   นั่นคือการรวมคำลาลงไปด้วย แบล็คก้าวด้วยจังหวะปกติไปเรื่อยๆ ตรงไปทางเข้าตึกเรียนอย่างที่ตั้งใจจะทำตั้งแต่แรก ที่นอกเหนือไปจากนั้นก็คงเป็นเสียงที่ไล่หลังมาอยู่

   "ขอล่ะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวจริงๆ" จนถึงตอนนี้ไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว ผู้ซึ่งกำลังคิดการใหญ่ปลอบใจตัวเองว่างานนี้ไม่มีเสีย อย่างมากก็แค่กลับไปมือเปล่า แต่ถ้าสามารถทำให้อีกฝ่ายตกลงได้มันก็จะกลายเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่เลยทีเดียว

   "ไม่"

   "ฮือ ไหว้เลยก็ได้"

   "ฟังใหม่นะ ...ไม่"

   "ให้เราทำอะไรก็ได้ มาช่วยหน่อยเถอะ!"

   "ทำอะไรก็ได้?"

   เอาตามความรู้สึกตอนนี้ทิวากาลไม่ได้ใจอ่อนเพราะคำว่าทำอะไรก็ได้หรอก แต่เป็นเพราะว่าเขาเห็นแล้วว่างานนี้ต่อให้ปฏิเสธรายนี้ไปก็ยังมีรายอื่นดาหน้าเข้ามาอยู่ดีนั่นแหละ แล้วถ้าต้องมาผิดใจกันเพราะเรื่องอย่างนี้การทำงานกลุ่มอาจไม่ราบรื่นอย่างที่ต้องการให้เป็นก็ได้

   "สาบาน!"

   คิ้วของราชาขมวดเข้าหากันก่อนที่จะรีบคลายออกอย่างรวดเร็ว เกือบเผลอหลุดปากสอนออกไปว่าอย่าพูดอะไรอย่างนี้ส่งเดช ทิวากาลไม่ชอบการสาบาน มันไม่ต่างอะไรกับการสัญญา ความศักดิ์สิทธิ์ของ 'คำสัตย์' ควรคงอยู่ไว้ด้วยการรักษามันไว้

   ต่อให้เราอยู่ในยุคของการตระบัดสัตย์ก็เถอะ

   "จำคำตัวเองไว้แล้วกัน ...สักวันจะมาทวง"

   เขาไม่ใช่คนใจดี ถ้าจะต้องทำอะไรสักอย่างโดยไม่มีสิ่งตอบแทนก็คงไม่ค่อยยุติธรรมมากเท่าไหร่ ชายผู้ใช้คติตื้อเท่านั้นที่จะครองโลกยิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรกหลังจากได้รับการมอบหมายงาน
   
   ทว่าที่เขาไม่รู้คือต่อจากนี้เขาจะไม่มีทางได้ยิ้มอย่างนี้อีกแล้วต่อหน้าทิวากาล


 
   ควันสีเทาของแท่งนิโคตินลอยอวล ทิวากาลจ้องภาพสะท้อนของตัวเองผ่านกระจกรถยนต์ที่ติดฟิล์มไว้รอบคัน นัยน์ตาสีดำจนไม่เห็นประกายใดคล้ายกับของน้องสาวฝาแฝด ต่างกันตรงที่ของหญิงสาวเป็นสีดำที่ว่างเปล่าไร้รอยสะท้อนจนคล้ายหลุมดำ

   พ่อบอกว่าได้มาจากแม่ ต้องเชื่อตามนั้นไปเพราะไม่มีทางที่จะหาข้อพิสูจน์เจอ หญิงสาวที่เคยได้ยินแค่ชื่อ นามสกุล ...กับเสี้ยวหน้าที่ติดอยู่ในข่าวสังคมเมื่อนานมาแล้ว

   รสชาติขมปร่ากระจายตัวทั่วกระพุงแก้ม ทิวากาลอัดสารเสพติดเข้าร่างกายอีกครั้งถึงดับมันกับกระบะทรายข้างตัว เหลือเวลาอีกนิดหน่อยก่อนเวลานัด เขาเป็นคนตรงต่อเวลา แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องไปถึงก่อนเวลา แค่คิดว่าต้องไปทำหน้าญาติดีใส่คนที่มารบกวนความสงบสุขของเขาก็หน่ายเกินทน

   ไม่รู้ว่าใครเป็นพิราบส่งข่าวไปบอกกับน้องทั้งหลายว่าวันนี้เขาจะมาถ่ายรูป เลยโดนแซวมายกใหญ่ในไลน์กลุ่มว่าอย่าลืมเอารูปมาอวดนะ เขานี่อยากจะส่งข้อความไปบอกว่าขอยกเลิกนัดให้รู้แล้วรู้รอด

   จนเหลือเวลาอีกแค่สองนาทีถึงยอมออกจากมุมสูบบุหรี่ไปทางสวนหย่อมที่ตามที่ได้รับการนัดหมาย ช่วงบ่ายสี่โมงกว่าของวันเสาร์เงียบสงบกว่าที่คิดไว้ เขาไม่ค่อยอยู่หอในวันเสาร์อาทิตย์ ถ้าเป็นวันหยุดก็จะพาน้องกลับไปที่บ้านให้พ่อได้ชื่นใจ จะอยู่ยาวต่อเมื่อมีเรียนชดเชยหรือไม่ก็เป็นช่วงใกล้สอบ สรุปง่ายๆ ว่าต้องเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อทิวากาลในระดับหนึ่งถึงจะยอมอยู่ การที่เขามาทำอะไรอย่างนี้นี่เป็นการทำลายมาตรฐานสุดๆ

   มีกลุ่มชายหญิงคุ้นหน้าคุ้นตากลุ่มหนึ่งยืนอยู่ตรงจุดนัดพบก่อนแล้ว มีทั้งดาวเดือนปีเขา นักกิจกรรมตัวยง รวมถึงพวกตัวท็อปที่กวาดเลขแปดเลขเก้าทุกครั้งที่มีการสอบ เห็นแล้วก็เข้าใจได้อยู่ว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงมาอยู่ตรงนี้ มีแต่ตัวทิวากาลเองนี่แหละที่ไม่รู้ว่ามาทำอะไรที่นี่ ยิ่งพอคนแปลกหน้าเยอะก็ชักไม่อยากจะอยู่

   "ไม่ได้มาสายใช่ไหม?"

   ไม่รู้จะเริ่มทักว่าอย่างไรดีก็เลยใช้วิธีนี้ เขาส่งยิ้มกลางๆ ที่ไม่ได้สดใสหรือว่าบอกบุญไม่รับจนเกินไปให้กับคนอื่นที่อยู่ตรงนั้น

   "ไม่ๆ ตรงเวลาพอดีเป๊ะ" ประธานรุ่นผู้ต้องเป็นทัพหน้าในการติดต่อสื่อสารใจชื้นขึ้นมาได้มากโขตอนที่เห็นว่าคนที่ตนเพียรพยายามร้องขอให้มาช่วยงานนั้นปรากฏตัว อย่างน้อยวันนี้ก็ไม่ต้องโดนแม่สาวน้อยใหญ่ทั้งหลายทำร้ายแล้ว

   "แล้ว...?" พลางเลิกคิ้วให้แทนการถามว่าแล้วเขาต้องทำอะไรต่อ ต้องถ่ายต่อจากใครอะไรยังไง เห็นคนเยอะอย่างนี้แล้วน่ากลัวว่าต้องรออีกนานกว่าจะหลุดพ้น

   "เดี๋ยวรอกลุ่มนี้ถ่ายรวมเสร็จก็คิวนายแล้ว"

   "โอเค งั้..."

   "อ้าว สวัสดีครึ่งชีวิตของสีขาว"

   ตั้งใจจะบอกว่างั้นขอตัวไปเดินเล่นหน่อย มันกลับมีหนึ่งเสียงราบเรียบที่เขาได้ยินบ่อยในช่วงหลังทักขึ้นเสียก่อน หางคิ้วกระตุกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ถ้าแบล็ครู้ว่าคนที่จะมาถ่ายรูปให้เป็นผู้ชายคนนี้เขาจะไม่ยอมตกปากรับคำไปเด็ดขาด 'ณธาม' มองหน้าพี่ชายฝาแฝดของคนบาปที่หลุดออกจากหน้ากากของผู้ชายแสนดีแล้วยกมุมปากขึ้นน้อยๆ แทนการล้อเลียน ไม่อย่างนั้นร้อยวันพันปีเขาก็ไม่ค่อยจะแสดงถึง ‘ด้านจริง’ ออกมาให้คนข้างนอกเห็นมากสักเท่าไหร่

   "เป็นคนถ่าย?” ถึงจะพอเดาได้จากตำแหน่งอดีตหัวหน้าชุมนุมโฟโต้ประจำมหาวิทยาลัยก็เถอะ ให้ได้ถามเพื่อความแน่ใจก็ยังดี

   เวลยกกล้อง DSLR ในมือของตัวเองขึ้นมาแทนการอธิบายด้วยภาพ "คิดว่าไงล่ะ?"

   "ฉิบ..."

   เนื่องด้วยอีกฝ่ายไม่เคยพูดคำหยาบใส่ใครเลยต้องสบถให้ตัวเองฟังคนเดียว คนที่โดนลากมาช่วยได้แต่เก็บสีหน้าไม่พอใจเอาไว้ให้มิดที่สุด ชายหนุ่มผมสีอ่อนคนนี้เป็น...โอเค ไม่ได้ถึงกับเป็นว่าที่ แต่ว่าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอีกไม่นานเขากับอีกคนคงได้เกี่ยวดองกันตามกฎหมาย

   "เขาวานมาให้ช่วย"

   ถ้าให้ตอบตามความจริงณธามเองก็ตกใจไม่น้อยที่ได้รู้ว่าการถ่ายโฟโต้ชู้ตในวันนี้มีราชาเป็นหนึ่งในนายแบบ เสียงลือเสียงเล่าอ้างมาตั้งแต่ไหนแต่ไรคือแบล็คไม่เคยยอมตอบตกลงรับคำขอจากใครทั้งนั้น เขาเป็นตากล้องให้โครงการของมหาวิทยาลัยมาก็หลายครั้ง ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะได้เห็นหน้าของเดือนที่แท้จริงของคณะนิติศาสตร์มาเป็นส่วนหนึ่งของงานสักครั้ง ไม่เว้นแม้กระทั่งโครงการ Beyours นั่นด้วย

   "ช่างเหอะ รีบๆ ถ่ายแล้วกัน" โบกมือส่งๆ ให้กลับไปประจำที่เสีย วันนี้เป็นการถ่ายโปรโมตในธีมของการย้อนความหลัง ซึ่งแบล็คก็ไม่ต้องเปลี่ยนชุดอะไรมาก แค่หยิบเสื้อค่ายสมัยเข้าปีหนึ่งมาใหม่ๆ กลับมาใส่ก็เท่านั้นเอง

   มีป้ายชื่อเป็นสิ่งประกอบฉากอีกอย่าง ตัวอักษรที่เขียนว่า ‘N’แบล็ค #13’ จำลองเหตุการณ์สมัยตอนเข้ามาอยู่ในมหาวิทยาลัยใหม่ๆ ที่ต้องมีการเข้าค่ายรวมเพื่อสานสัมพันธ์ของเพื่อนใหม่แปลกหน้า เขาจำเรื่องราวในตอนนั้นทั้งหมดไม่ค่อยได้ เหมือนจะบอกว่าไม่ค่อยสบายแล้วก็หาเรื่องอยู่แต่กับโซนพยาบาลและสวัสดิการล่ะมั้ง

   "เดี๋ยวขอแบบเต็มตัวตรงนี้เซ็ตหนึ่งก่อนนะครับ ขอเช็คมุมหน่อย"

   ได้เวลาทำงานณธามก็เข้าสู่หน้าที่ของตัวเอง ที่จริงไม่ต้องหามุมอะไรมากก็ได้ในเมื่อทิวากาลก็ไม่ต่างอะไรกับน้องสาวที่มีโครงหน้าดีอยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นเพื่อให้นายแบบจำเป็นคุ้นเคยกับกล้องขึ้นมาบ้างเลยต้องมีการวางแผนเสียหน่อย

   แอบเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เอากลับไปเล่าให้รัตติกาลฟังว่าพี่ชายแสนรักของตัวเองเป็นอย่างไรบ้าง แบล็คไม่เคอะเขินต่อหน้าเลนส์กล้องและสายตานับสิบคู่ ถึงเขาจะพยายามบังคับสีหน้าให้ดูปกติมากที่สุดก็ยังคงสัมผัสได้อยู่ว่าคนที่กำลังยืนอยู่คนเดียวไม่ค่อยพอใจกับการถูกจับจ้องมากเท่าไหร่นัก

   "อย่ารบกวนการถ่ายด้วยครับ"

   ใช้น้ำเสียงเรียบๆ กับใบหน้าติดนิ่งเป็นตัวช่วยปราม เวลหันไปทางกลุ่มคนที่มารวมตัวกันจนเป็นกลุ่มก้อนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ทุกคนดูให้ความสนใจกับบุคคลที่กำลังยืนเด่นอยู่กลางสนามหญ้าขนาดใหญ่อย่างที่ปิดไม่มิด

   การแตกกระจายของมวลชนเกิดขึ้นโดยพลัน รอจนกระทั่งมั่นใจแล้วว่าจะไม่มีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับการถ่ายอีกแล้วจึงกลับมามองภาพผ่านช่องมองเล็กๆ อีกครั้ง

   ภาพชายหนุ่มผมสั้นสีดำสนิทอย่างที่ไม่เคยผ่านการกัดย้อมมาอย่างแน่นอนเพิ่มจำนวนขึ้นทุกครั้งที่กดชัตเตอร์ ช่างภาพตั้งใจว่าจะเก็บอีกสองสามภาพแล้วก็จะเปลี่ยนไปถ่ายอีกมุมตามที่ได้ตกลงกับคณะผู้จัด

   "เวรเอ๊ย..."

   วันไหนที่โดนดาวเคราะห์เข้าแทรกก็จะโดนเล่นงานเสียจนน่วม ระหว่างที่ทิวากาลกำลังยืนอยู่กลางสวนหญ้าสปริงเคิลสำหรับแจกจ่ายน้ำแบบอัตโนมัติก็พร้อมใจกันทำงานโดยไม่มีสัญญาณเตือน แล้วที่ปล่อยมามันไม่ได้มีแค่ละอองน้ำ ตัวจ่ายที่อยู่ใกล้ที่สุดกลับมาพร้อมกลุ่มก้อนของน้ำที่มากผิดปกติจนต่อให้หลบหลีกหลังจากนั้นทันทีเสื้อของเขาก็เปียกไปเกือบครึ่ง

   อย่างที่เคยบอกว่าต่อให้แบล็คจะดูเป็นคนง่ายๆ เรื่อยๆ ไม่มีอะไรที่น่ากลัวแต่ก็ยังคงเข้าถึงยากอยู่ดี เพราะอย่างนั้นเลยไม่มีใครที่กล้ายื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือ จะมีก็แต่ท่านประธานผู้ซึ่งต้องรับหน้าในทุกสถานการณ์ให้ได้เท่านั้นที่กล้าเข้ามาคุย

   "อยากเปลี่ยนเสื้อก่อนไหม"

   "ไม่ล่ะ จะเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ" แบล็คไม่อยากเพิ่มเวลาให้กับเรื่องไร้สาระอย่างนี้ "ให้แค่ครั้งเดียว โอเคนะ?"

   ส่วนท้ายหันไปคุยกับช่างกล้องที่ยังคงเช็คความปลอดภัยของกล้องราคาเหยียบแสนของตัวเองอยู่ เวลาพยักหน้ารับทราบโดยไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาเพิ่ม คนอื่นอาจมองว่าทิวากาลบ้าอำนาจ นี่ยังแค่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับอิทธิฤทธิ์ของน้องสาวฝาแฝด รายนั้นน่ะทั้งพูดน้อยจนเหมือนสั่งแล้วก็เอาแต่ใจกว่ากันเยอะ

   เสื้อเปียกเมื่อประกอบกับอากาศร้อนชื้นน่ารำคาญเกินทน แบล็คเลิกส่วนปลายของเสื้อตัวเองขึ้นมาพอควรเพื่อบีบเอาน้ำที่แทรกอยู่ในเนื้อผ้าออกไป

   "หันไปด้านซ้าย" คำสั่งมาจากคนที่ยกกล้องขึ้นไว้ระดับสายตา สีดำหันมามองเจ้าของเสียงที่เตรียมพร้อมจะลั่นชัตเตอร์แล้วเลิกคิ้วขึ้น นี่เขาไม่ได้บอกว่าจะให้ถ่ายทั้งสภาพนี้เลยนะ

   "มุมนี้ก็ได้นะ สวยออก" เสียงค้านมาจากประธานที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นด้วย

   "หันซ้าย"

   ไม่ฟังเสียงของใครอื่น ช่างกล้องคนเดิมยังไม่ยอมละสายตาจากช่องมองขนาดเล็ก เวลจัดการหามุมที่ดีที่สุดก่อนกดชัตเตอร์อย่างรวดเร็วสองถึงสามครั้ง จริงอยู่ที่ด้านขวามุมสวยกว่า...

   "ทีหลังก็ระวังหน่อย คงไม่อยากให้ใครเห็นหรอกใช่ไหม"

   ทำเป็นเดินเข้าไปจัดเสื้อผ้าและท่าทาง ณธามจัดการเหน็บชายเสื้อเข้าในกางเกงเพื่อให้มันปกปิดรอยประทับขนาดใหญ่พอสมควรที่เห็นตั้งแต่ตอนที่เขาโชว์หน้าท้องโดยไม่ตั้งใจแล้ว

   ส่วนนายแบบจำเป็นก็ได้แต่ก่นด่าในใจว่าลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร

   "ค่าตอบแทนเอาเป็นขอพาซินไปเขาใหญ่ด้วยเดือนหน้านะ"

   “ไม่”

   “งั้นขอแบบหันขวาอีกชุดแล้วกัน”

   “คิดว่ากลัว?”

   เวลาจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีดำสนิทของอีกคน สีดำที่ไม่ได้ว่างเปล่าจนไร้ความรู้สึกอย่างซิน แต่ก็ดำมืดเสียจนหารอยประกายในนั้นไม่เจอ...สมแล้วที่ชื่อว่าสีดำ

   “เผื่อว่าจะฟลุ๊คได้”

   ยกไหล่ขึ้นให้รู้ว่าไม่ได้คาดหวังอะไรกับคำตอบมากมายอยู่แล้ว ถึงจะให้หรือไม่เขาก็มีวิธีการของตัวเองอยู่ดี

   “หึ...”

   "แปลกดี ไม่เคยเห็นใครทำ"

   "ไม่ได้ทำเอง"

   "อย่างนั้นเหรอ" ณธามเป็นพวกที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องของใครถ้าไม่จำเป็น เลยปล่อยผ่านไปเสีย “ทนหน่อยแล้วกัน ขออีกรอบเดียวก็เสร็จแล้ว"

   ถึงจะผิดจากที่ตกลงกันเอาไว้ทิวากาลก็ไม่ได้แย้งอะไร หากมองในแง่อื่นนอกจากว่าชายคนนี้คือคนที่กำลังพยายามพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวเองสามารถดูแล ‘ครึ่งชีวิต’ ของทิวากาลได้จริงอย่างที่แสดงออกมาตลอด ในเรื่องของความเป็นมืออาชีพในการทำงานนี่ต้องยอมรับไม่มีข้อติว่าเวลทำงานในฐานะของช่างภาพได้สมบูรณ์แบบ

   แต่ก็ไม่ได้ใจอ่อนลงหรอกนะ

   แล้วมันก็เป็นการถ่ายในอีกมุมเดียวตามที่บอกไว้ พอเงยหน้ามองรอบตัวอีกทีก็ไม่มีใครเหลืออยู่ตรงนั้นนอกจากชายผู้เป็นตัวกลางกับตากล้อง

   "เสร็จแล้วนะครับ"

   "หึ..." เสียงหยันนั้นปิดไม่มิดสักนิด แบล็คเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายข้างเตรียมพร้อมจะกลับไปยังรถของตัวเอง

   "เดี๋ยวส่งงานให้วันพุธอย่างที่บอกไว้นะ" เวลเอ่ยเรียบๆ ระหว่างเก็บอุปกรณ์การถ่ายรูปทั้งหมดเข้ากระเป๋าตามเดิม "คืนนี้จะลองส่งตัวอย่างไป รอรับด้วย"

   "ส่งตัวอย่าง?"

   "คิดว่าคงปลอดภัยกับชีวิตของใครหลายๆ คนมากกว่าถ้าส่งไปแค่รูปเดียว"

   เวลาเองเคยเจอราชามาในหลายรูปแบบ หนึ่งแบบที่เขาคิดว่าคงเป็นบุญตาของตัวเองคือช่วงที่ผู้ทรงศักดิ์ไม่สามารถควบคุมตัวเองไว้ได้อย่างตอนที่ไปตามหาน้องสาว ทิวากาลที่หลายคนพูดถึงคือผู้ชายแสนดีที่หลุดออกมาจากนิยาย โปรไฟล์ที่ว่ากันว่าดีไร้ที่ติ รวมถึงคะแนนเฉลี่ยสูงจนได้เกียรตินิยมอยู่แล้ว คงมีแต่เขาคงเดียวที่ขำในใจยามได้ยินคำสรรเสริญเยินยอเกินพอดีนั่น

   "...ตามใจ" มีไลน์อีกฝ่ายไว้ตามจิกตอนที่พาน้องสาวของเขาตะลอนไปไหนมาไหนโดยไม่ขออนุญาตก่อน ไม่รู้ว่าใครติดใครเรื่องที่ไม่ชอบเปิดเสียงหรือว่าตั้งระบบสั่นเอาไว้ การโทรเข้าเกือบร้อยทั้งร้อยต้องได้ยินเสียงโอเปอเรเตอร์แทน

   ทั้งสองเดินข้างกันไปจนถึงรถของทิวากาล เจ้าของรถเงยหน้าขึ้นมามองอีกคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ไปไหนแล้วยอมขยับปากแบบไม่มีเสียงว่ายังต้องการอะไรอีก

   "ไปส่งหน่อย" ชื่อหอพักที่อีกฝ่ายบอกนั้นไม่ได้อยู่ในเส้นทางการกลับของเขาเลย

   "ต้องทำ?"

   "ค่าจัดเสื้อ"

   ไม่น่ากดเปิดรถไว้ก่อน พอณธามจบประโยคแล้วร่างที่สูงเกือบเท่ากันก็เปลี่ยนไปปรากฏอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับแทน นี่เป็นเรื่องจริงใช่ไหมที่เขาชอบพูดกันว่าคนที่อยู่ด้วยกันนานๆ แล้วจะติดนิสัยรวมถึงคำพูดคำจา ไอ้การที่บอกแล้วก็ทำเลยโดยไม่รอรับฟังคำอนุมัตินี่มันนิสัยของน้องสาวเขาชัดๆ

   "บอกไว้ก่อนว่าไม่ได้ซึ้งใจขนาดนั้น"

   เขาไม่มีอารมณ์มาเล่นเกมส์กับอีกฝ่ายหรอก ถึงจะขู่ว่าจะเอาไม้เทนนิสที่อยู่ตรงเบาะหลังฟาดก็คงไม่กระทบกับความตั้งใจของเวลได้อยู่แล้ว ยังจำสายตาที่สบกลับมาไม่ลดละวันนั้นได้อยู่เลย ทั้งที่เกือบโดนบอลอัดหน้าเข้าไปแล้วยังอยู่นิ่งอย่างนั้นได้

   "คนเราต้องช่วยเหลือซึ่งกัน"

   "มีเรื่องอะไร?"

   "บางคนเขาเป็นห่วง"

   บุคคลที่สามที่ไม่ต้องบอกชื่อออกมาก็รู้ว่ามีคนเดียว

   "เห็นว่าตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลก็ดูเปลี่ยนไป...นิดหน่อย"
   
   ทิวากาลไม่ส่งสัญญาณใดๆ กลับมาให้รู้ว่าตนเองกำลังรับฟังอยู่หรือไม่ ใบหน้านั้นยังคงจ้องตรงไปตามทางบนท้องถนน เวลาเหลือบตามามองฝั่งคนขับแล้วถอนหายใจอยู่คนเดียวในใจ ตรงนี้ก็เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง ทำเป็นไม่สนใจแต่เก็บไว้ทุกประโยคนั่นแหละ

   "เหมือนกำลังตามหาอะไรอยู่ นี่เล่าตามคำบอกเลยนะ" ณธามรอจนมั่นใจว่าต่อให้เขาร่ายสุนทรพจน์ให้ฟังตอนนี้ก็คงไม่ได้รับการตอบกลับอะไร เครื่องยนต์ขนาดเล็กที่มีไว้สำหรับรถจำพวกอีโค่คาร์หยุดลงหน้าหอพักของเขา ต้องเหยียบเร็วขนาดไหนถึงมาส่งได้ไวปานนี้ "หาให้เจอเร็วๆ หน่อยแล้วกัน คนเป็นห่วงจะได้เลิกคิดไปเอง"

   กระชับกระเป๋าเป้ที่เก็บอุปกรณ์การถ่ายทั้งหมดของตัวเองให้เรียบร้อย ก้าวลงจากรถโดยไม่ลืมที่จะทิ้งท้ายไว้ก่อนปิดประตูลง

   "ไม่ขอบคุณหรอกนะที่มาส่ง"



   งานที่ไร้ประโยชน์ทำเอาเวลาชีวิตเขาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์หลายชั่วโมงเลยทีเดียว แบล็คถอนหายใจออกมานิดหน่อยตอนที่ดับเครื่องยนต์ลงแล้ว ความมืดรอบตัวบอกว่าอย่างน้อยก็ต้องคงทุ่มกว่าไปแล้ว สู้เอาไปนั่งดูหนังหรือไม่ก็อ่านหนังสือนอกเวลาต่อยังจะดีเสียกว่า จรรโลงใจกว่ากันเยอะ

   หรือไปแกล้งน้องโรมดี

   แต่พอเงยหน้ามองขึ้นไปแล้วเห็นว่าระเบียงห้องของน้องปิดผ้าม่านไว้สนิทแถมยังไม่มีแสงไฟใดเล็ดลอดออกมาเลยสรุปกับตัวเองว่าน่าจะไม่อยู่ห้อง

   แผนร้ายทั้งหมดถูกพับเก็บลงไปอย่างรวดเร็ว แบล็คเดินผ่านเข้าไปยังส่วนกลางของตึกที่ตนเองอาศัยอยู่ สายตาสะดุดกับสิ่งผิดปกติบางอย่างบริเวณตู้ใส่จดหมายที่เรียงรายต่อกันเป็นแนวยาวจนต้องหยุดการขยับฝีเท้าไว้ก่อน

   ปกติแล้วไม่ค่อยมีจดหมายอะไรส่งมาถึงเขา จะมีก็แค่พวกค่าน้ำค่าไฟตามรอบบิลเท่านั้น ส่วนเอกสารอย่างอื่นส่วนมากจะให้ส่งไปที่บ้านเสียมากกว่า คราวนี้มันเลยเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ ...ที่มีซองจดหมายสีดำสนิทนอนอยู่ในนั้น

   ชายหนุ่มไขกุญแจตู้ออก หยิบสิ่งประหลาดออกมาจากช่องสี่เหลี่ยม มันไม่ได้มีการจ่าหน้าซองตามกฎระเบียบของการส่งไปรษณีย์ ส่วนด้านหลังถูกผนึกไว้ด้วยครั่งเทียนสีขาวมุกโดดเด่นขึ้นมากลางความมืดมิดของซองกระดาษมันเลื่อม

   ไม่เคยเห็นใครใช้กระดาษแบบนี้ทำเป็นซองจดหมาย แล้วก็ไม่เคยเจอวิธีการปิดผนึกอย่างนี้ด้วย

   "...?"

   ความสงสัยทั้งหมดถูกพับเก็บลงไปเสียยามพินิจจนเห็นลายนูนชัดว่าเป็นสัญลักษณ์ของอะไร ชายหนุ่มรีบสาวเท้ายาวๆ ไปทางเข้าส่วนของที่พักอาศัย ปกติแล้วเขาจะใช้ลิฟต์ในการเดินทางขึ้นไปยังห้องของตัวเองที่อยู่ชั้นสี่ แต่คราวนี้อะไรก็ดูไม่ทันใจจนเปลี่ยนไปเลือกใช้ทางหนีไฟแทนเสียอย่างนั้น

   นึกขอบคุณที่ออกกำลังกายเป็นประจำยามไขประตูห้องเข้าไปเลยไม่ค่อยมีอาการเหนื่อยล้ามากเท่าไหร่ มีเพียงเสียงสูดลมหายใจเข้าถี่มากกว่าปกติอยู่นิดหน่อยแล้วก็กลับไปเป็นอย่างเดิม

   เมื่อมองไปยังซองจดหมายที่ยับย่นตรงมุมถึงรู้ว่ามือของตัวเองกำแน่นมากแค่ไหน ทิวากาลสะกดอารมณ์ฟุ้งซ่านของตัวเองกลับมาเข้าที่ สำรวจภายนอกจนครบทุกพื้นที่ถึงกลับไปจ้องรอยครั่งอีกครั้ง

   ไม่มีชื่อผู้รับหรือผู้ส่ง ทางเดียวที่จะรู้ได้ว่าเพราะเหตุใดสิ่งนี้ถึงมาอยู่ในตู้จดหมายของเขาได้คือการเปิดอ่านมันเท่านั้น

   อะไรบางอย่างกำลังเชิญชวนให้เขาเปิดกล่องแห่งความลับ

   เดินไปหยิบกรรไกรที่วางรวมกับอุปกรณ์เครื่องเขียนอื่นๆ บนโต๊ะอ่านหนังสือมาเพื่อตัดข้างซองออก ไม่ยอมแกะจากตรงที่เป็นตราประทับเพราะว่ายังต้องมีการเปรียบเทียบอีกอย่างต่อ

   เทกระดาษแข็งที่เป็นสีดำสนิทไม่ต่างจากตัวซอง เพียงแค่มีความแข็งของแผ่นที่มากกว่าหน่อยแล้วก็มีตัวอักษรภาษาอังกฤษสีขาวเงาเหลือบแบบตัวเอียงเขียนไว้ด้วยลายมือเป็นระเบียบ สวย ตรงแบบไม่ต้องใช้ไม้บรรทัด ไม่มีร่องรอยของการลบคำผิด เขาแปลความหมายของคำนั้นด้วยการกวาดตาเพียงแค่ครั้งเดียวแล้ววางมันลงกับชั้นวางของตรงนั้น ขยับมืออีกหน่อยให้เจ้าซองตัวปัญหากลับมาอยู่ในมือ พอเปิดดูด้านในซองอีกทีถึงเห็นว่านอกจากกระดาษแข็งแล้วยังมีอีกสิ่งอยู่

   สิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นอีกแล้ว...

   ห้องขนาดสตูดิโอมีพื้นที่การใช้สอยไม่มากเลยทำให้ก้าวเข้ามาอยู่ในส่วนของห้องน้ำได้หลังจากนั้นไม่ถึงนาที ถอดเสื้อของตัวเองออกหน้ากระจกขนาดใหญ่ เรือนร่างช่วงบนที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างยาวนานโชว์กล้ามเนื้อเรียงตัวสวย มีรอยแดงจากการโดนแดดเผานิดหน่อยจากเรื่องวันนี้

   เป็นอีกครั้งที่เขาต้องถอนหายใจออกมายาวพลางเท้าแขนลงกับอ่างล้างหน้า ปลายนิ้วเคาะลงกับขอบอ่างเป็นจังหวะเดียวกันไม่มีผิดพลาด เขาเคยเห็นเครื่องหมายนี้ อาจไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไรแต่การที่เห็นมันอีกครั้งรวมถึงข้อความบนกระดาษมันคือการบอกว่าถึงเวลาที่เขาจะได้เจอสิ่งที่ตามหาแล้ว

   ปล่อยให้เสียงเคาะดังก้องอยู่อย่างนั้นระหว่างที่กำลังย้อนระลึกถึงเรื่องราวอันเป็นที่มาของการทำความรู้จักกับเครื่องหมายนี้ สัญลักษณ์ที่เพียรพยายามตามหาความหมายและแหล่งที่มามากแค่ไหนก็ได้แต่คว้าน้ำเหลว

   เปิดก๊อกสีเงินกวักน้ำลูบใบหน้าให้หายหัวร้อนเสียหน่อย แบล็คเสยผมที่ชุ่มน้ำให้ขึ้นไปอยู่ด้านบน มองภาพสะท้อนของตัวเองจากกระจก เริ่มจากเรือนผมสีดำที่ขึ้นเงา โครงหน้าที่หลายคนบอกว่าถูกปล่อยทิ้งไปอย่างหน้าเสียดาย ไล่ลงมาจนถึงบริเวณช่วงเชิงกรานของตัวเอง จากตรงนี้เขาเห็นตัวเองในอีกฟากฝั่งกำลังยกมือขึ้นแตะบริเวณที่สายตากำลังจับจ้อง ผิวเนื้อที่มองผ่านๆ แล้วคงไม่เห็นความแตกต่างหากต้องได้ลองสัมผัสแล้วถึงจะรู้ว่ามันมีรอยนูนขนาดเล็กปรากฏอยู่

   รอยที่ไม่ต่างอะไรกับสัญลักษณ์บนครั่งเทียนสีมุก

***
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-10-2016 23:03:24 โดย 23August »

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.2 [19.05.16]
«ตอบ #16 เมื่อ24-05-2016 16:03:45 »


โอ้ยตายแล้ววววววววว!
ราชา ราชา ราชา ราชา องค์ราชาเพคะ
คือดีงามพระรามศรีมากค่ะ เนื้อเรื่องยังคงคอนเซ็ปลึกลับไว้ได้อย่างดี
ต่อยอดมาจากเรื่องที่หนึ่งได้ดีทีเดียวเลยล่ะค่ะ
มาลุ้นกันต่อว่าสิ่งที่คนอ่านอย่างเราๆจะได้รู้ในตอนต่อๆไปคืออะไรบ้าง...
หวังว่าปมจะพลิกไปพลิกมาซับซ้อนซ่อนเงื่อนน้อยกว่าเรื่องที่แล้ว

สำหรับเรื่องคู่ นอกจากราชาแล้ว ก็ยังค้างของเจ้าชายอยู่สินะคะ
'อนาคต' คือใคร? แต่ที่รู้ๆแล้วก็คือเป็นผู้ชายที่อายุมากกว่าสินะ(ตอนแรกเรานึกว่าเป็นผู้หญิงซะอีก)

ออฟไลน์ elieanna

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.2 [19.05.16]
«ตอบ #17 เมื่อ24-05-2016 20:24:59 »

ติดตามค่า

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.2-2 [01.06.16]
«ตอบ #18 เมื่อ01-06-2016 21:00:29 »

CH.2-2

   ยังไม่หมดหน้าที่สินะ...

   ทิวากาลบอกตัวเองในใจยามที่ภาพเบลอตรงหน้ากลับมาโฟกัสเต็มที่ เพดานห้องกับหลอดไฟแบบที่คุ้นเคยตามมาด้วยกลิ่นของยาฆ่าเชื้อตีกันจนยู่หน้า เขาค่อยๆ รวบรวมความทรงจำทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง วางแผนพาน้องน้อยที่กลายเป็นเด็กซึมเศร้าให้กลับมาเป็นคนร่าเริงแบบเดิมด้วยการนัดคู่กรณีอย่างที่หนึ่งมาเคลียร์ให้หมดเรื่องหมดราว แต่มันกลับผิดแผนไปหน่อยตรงที่ดันมีตัวละครไม่ได้รับเชิญโผล่มา

   เวล ...เวลาตามที่น้องสาวของเขาเรียก พี่ชายฝาแฝดรู้อยู่แล้วล่ะว่าที่ครึ่งชีวิตหลอกคนอื่นว่าจำอะไรไม่ได้นั่นมันโกหกทั้งเพ พวกหลักฐานทางการแพทย์ก็มีตั้งเยอะแยะว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะความจำเสื่อมเพราะการถูกรถชน แต่เลือกไม่พูดออกไปเพราะว่านั่นคือการตัดสินใจของอีกฝ่ายที่ตัวเองไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ น้องสาว...ที่ต้องแบกรับอะไรมากเหลือเกิน

   เหมือนตัวน้องชายอีกคนเองก็จะไม่อยากจะยอมรับเรื่องทั้งหมดเท่าไหร่ถึงหนีออกไปอย่างนั้น ที่ตั้งใจไว้คือก็ปล่อยให้ไปสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยกลับไปสรุปผลงานที่บ้านก็ได้ ยังไงเกรย์ก็ไม่มีทางไปอื่นนอกจากที่นี่อยู่แล้ว

   ดันมีปัญหาก็ตอนที่เอาตัวเข้าไปรับอาวุธอันตรายแทนหลังจากนั้นไม่นานนั่นแหละ เขากับฝาแฝด...รวมถึงผู้ชายผมเทาอีกคนกำลังจะกลับบ้าน ได้ยินเสียงโวยวายเลยรีบไปดู ...แล้วก็เลยตามเลย เจ็บเสียอย่างนั้น จะโทษใครก็ไม่ได้ หรือต้องโทษพ่อของเขาที่ชอบสอนว่าต้องดูแลน้องให้ได้

   ค่อยๆ ขยับร่างกายทีละน้อยเพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บของตัวเอง ปวดตรงบริเวณหน้าท้องหลายจุด ถ้าจำไม่ผิดก็มีทั้งโดนแทงแล้วก็กำปั้นเพียวๆ เหลือบตาไปทางปลายเตียงที่มีนาฬิกาแบบแขวนติดอยู่ เข็มสั้นยาวบอกเวลาเที่ยงกว่า ถึงว่าทำไมถึงแดดจ้าจนปวดตา ที่ไม่เจอใครเลยน่าจะไปเรียนกันหมด นี่เขาหลับมากี่วันกันนะ ปกติมาทีไรก็เป็นคนเยี่ยมไข้ พอต้องมานอนจริงๆ แล้วก็ไม่ค่อยสบายเท่าที่คิด

   เอื้อมมือไปกดกริ่งเรียกพยาบาล ระหว่างรอก็สำรวจส่วนต่างๆ ทั้งบนร่างของตัวเองแล้วก็รอบๆ ห้องไปด้วย ห้องพักฟื้นขนาดใหญ่มีห้องนั่งเล่นแยกไว้ต่างหากเพื่อรองรับเหล่าสมาชิกทั้งในและนอกครอบครัว อุปกรณ์หลายชิ้นที่วางทิ้งไว้แบ่งประเภทได้ง่ายว่าใครบ้างที่เป็นเจ้าของ น่าแปลกที่ถ้าลองให้บุคคลเหล่านี้มาอยู่รวมกันแล้วเขากลับไม่รู้สึกตัวสักนิด อย่างน้อยน้องโรมก็ต้องเสียงดังโวยวายกับเน็ทบ้างล่ะ

   "ว่าไงคะคุณชาย"

   ดูเป็นคำทักทายที่แปลกอยู่สำหรับนางพยาบาลกับคนไข้ หากบอกข้อมูลเพิ่มเติมว่าหญิงวัยห้าสิบกว่าผู้เป็นหัวหน้าพยาบาลของชั้นนี้เห็นชายหนุ่มมาตั้งแต่ยังไม่ขวบดีก็คงช่วยอธิบายอะไรหลายๆ อย่างได้ง่ายขึ้น หล่อนดูแลเด็กตระกูลนี้มาครบทุกหน่อ แต่ละคนมีความแตกต่างมากเสียจนอดคิดไม่ได้ว่าได้รับการเลี้ยงดูมาพร้อมกันจริงหรือไม่

   "หิวน้ำจังครับ" ฉีกยิ้มที่ไม่ใช่การขยับกล้ามเนื้อขึ้น แบล็คเองในสายตาคนอื่นเป็นผู้ใหญ่เกินวัย พอได้กลับมาอยู่ในตำแหน่งของเด็กน้อยก็ดีเหมือนกัน

   "ก็เล่นหลับไปตั้งกี่ชั่วโมงล่ะ" เปรยผสมบ่นไปขณะที่เดินอ้อมไปเปิดฝาขวดน้ำพร้อมเทลงแก้วให้ตามความต้องการของคนไข้

   "กี่วันดีกว่าไหมครับ"

   "รู้ตัวก็ดี นี่วันที่สี่แล้วค่ะ"

   ใบหน้าที่ยิ้มแย้มหุบลงไปนิดหน่อย เขารับแก้วน้ำมาดับอาการระคายคอจนพอใจ น้ำเปล่าแช่เย็นเล่นเอาสัมผัสได้ตลอดว่าตอนนี้ของเหลวกำลังเคลื่อนตัวจากจุดไหนไปยังจุดไหนในร่างกาย สี่วันเลยงั้นเหรอ นานกว่าที่คิดไว้เยอะเลย

   "แล้วนี่ปกติใครอยู่ครับ"

   "สองวันหลังนี่เป็นหนูเกรย์ ส่วนวันแรกๆ ยกโขยงมาหมดจนคุณพ่อต้องไล่กลับ"

   คิดภาพความวุ่นวายที่เกิดขึ้นตามคำบอกแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ การที่ได้ยินชื่อของน้องชายคนรองว่าเป็นคนคอยดูแลเขาก็นั่นคงหมายความว่าการลงทุนทั้งหมดไม่เสียเปล่า เอาตามข้อมูลดิบแล้วน้องก็ไม่ได้ผิดเลย ทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะคนอื่นต่างหาก

   คนอื่นที่รวมฝาแฝดนอกกฎหมายอย่างเขาสองคน

   "งั้นเย็นนี้ก็เตรียมโทรเรียกพ่อให้มาไล่ได้อีกรอบเลย"

   "แสตนด์บายไว้แล้วค่ะ เด็กอะไรเจอหน้าทีโตแต่ตัว ยังโหวกเหวกโวยวายเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน" นอกจากลูกสี่คนของคุณพินิจแล้วหล่อนเองก็เคยดูเลยเพื่อนอีกสองคนด้วย "อ้อ! มีคนหนึ่งที่ไม่เคยเห็นหน้า คนนั้นคอยช่วยปราม หล่อๆ อยู่กับหนูโรมันตลอด"

   บอกแค่นั้นก็รู้แล้วว่าหมายถึงใคร เสียหนึ่งได้แต่กลับมาสอง ค่อยคุ้มค่ากับการลงทุน

   "อ้อ ครับ"

   "แฟนน้องโรมันสินะคะ"
   
   ทิวากาลลดระดับความแสนดีลงไปหลายช่วงตัว เขาเก็บทุกความสงสัยไว้ข้างในจนมิด ในขณะที่นางพยาบาลผู้ผ่านโลกมามากกว่าหลายเท่านักก็บอกตัวเองในใจ

   เด็กคนนี้ก็เหมือนเดิม

   "มันชัดออก ว่าอย่างนั้นไหม?"

   "...คิดว่าอย่างนั้นครับ"

   เขาบอกแล้วว่าเรื่องของที่หนึ่งกับโรมน่ะต่อให้ไม่ประสีประสามากเท่าไหร่ก็ยังรู้เลย ในเมื่อต่างฝ่ายต่างแสดงออกให้คนภายนอกเห็นชัดว่าความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อนี้ควรเรียกว่าอย่างไร

   "ตกใจนิดหน่อย แต่ว่าคู่นี้น่ารัก ...ของหนูไวท์ก็น่ารักนะ"

   "อะไรนะครับ?"

   "แต่เคยเห็นคนนั้นแค่ครั้งเดียว ผมสีอ่อนมาเชียว"

   ไม่ค่อยอยากจะเชื่อหูมากเท่าไหร่ว่าอีกคนที่เขาไม่ค่อยอยากจะยุ่งก็มาด้วย คงทั้งเรื่องในอดีตที่ไม่ได้สะสางดีแล้วยังต้องมาเจอการแสดงออกแบบนอกหน้าว่าจะอยู่ต่อไป

   เรียกง่ายๆ ก็ไม่ถูกชะตา

   "นั่นไม่ใช่แฟนไวท์" แค่คิดถึงหน้าที่ชอบติดนิ่งสมฉายาผู้ลึกลับแล้วก็อารมณ์เสียได้ จนกระทั่งลืมลงท้ายประโยคให้สุภาพกับสตรีที่แก่กว่าตนหลายรอบนัก

   "จ้าๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่"

   "ดูแล้วไม่ค่อยเชื่อนะครับ"

   "พี่เห็นหนูมากี่ปีแล้วล่ะ?"

   หญิงสูงวัยย้อนกลับ ครั้งแรกที่เห็นฝาแฝดคู่นี้เธอยังเป็นเพียงนางพยาบาลธรรมดาที่ไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่อะไรมากมาย เด็กแฝดชายหญิงที่ไม่ค่อยเจอได้บ่อยนัก โดยเฉพาะกรณีที่ฝาแฝดที่เพิ่งหย่านมได้ไม่นานที่บิดาเป็นคนดูแลทั้งหมด ช่องกรอกประวัติในส่วนของชื่อมารดานั้นถูกปล่อยให้ว่างเปล่าอยู่อย่างนั้น...จนถึงทุกวันนี้

   "บอกไปจะไม่ตอกย้ำอายุของพี่เหรอฮะ?"

   กับบางคนที่ไม่จำเป็นต้องคงยศเอาไว้ทิวากาลกลายเป็นเด็กหนุ่มขี้เล่นธรรมดาๆ ที่ใช้ชีวิตวัยรุ่นตามแบบที่ตัวเองต้องการก็เท่านั้นเอง

   "แหนะ เดี๋ยวนี้ปากคอเราะร้าย อยากโดนงดของหวานเหรอคะ?"

   "ไม่เอาอย่างนั้นสิ" สีดำทำหน้าหงอย "แค่ต้องมากินข้าวจืดๆ ก็แย่พอแล้วครับ"

   สมัยที่ต้องมานอนเป็นเพื่อนน้องโรมถ้าน้องงอแงไม่ยอมทานเมื่อไหร่ทิวากาลก็ต้องรับหน้าช่วยจัดการให้หมดชามตามคำสั่งของคุณพินิจว่าถ้าทานไม่หมดแล้วจะอดเล่นเกม บอกเลยว่าถึงไม่เคยต้องมาเป็นคนป่วยเสียเองแต่อาหารของคนไข้น่ะผ่านมาหมดแล้ว

   "เราปรับสูตรแล้วค่ะ ลองดูก่อนสิ"

   "เดี๋ยวผมรอถามน้องก่อนแล้วกันฮะ ตอนนี้ยังไม่ค่อยอยากทานอะไรเท่าไหร่ด้วย"

   รู้อยู่แล้วว่าการอาการหนักขนาดนี้คงต้องมีการให้เลือดกันเกิดขึ้น เลือดของผู้เสียสละที่ต้องคอยอยู่เคียงข้างเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายใดๆ ขึ้น ตัวก็เล็ก ผอมก็ขนาดนั้น ไม่รู้ว่าโดนจับให้แอดมิดเป็นคนไข้ด้วยกี่วัน

   "จะถามใครได้คะ ยังไม่มีใครได้ลองเลยนะ"

   "โรมไงครับ"

   "น้องโรมันไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ"

   หัวหน้าพยาบาลเห็นว่าไต่ถามสารทุกข์สุกดิบมากพอสมควรแล้วถึงเปลี่ยนไปตรวจสอบขวดน้ำเกลือที่เหลือเกือบครึ่ง "พ่อหนุ่มรูปหล่อคนนั้นคงไม่ยอมให้หนูโรมเป็นอะไรไปหรอกค่ะ"

   แปลก มันไม่ควรเป็นอย่างนี้สิ

   "...แล้วใครให้เลือดผมครับ"

   ถามออกไปตรงๆ ในข้อสงสัยที่เกิดขึ้นกับตนเอง 'เลือด' กรุ๊ปหายากอันดับต้นๆ ของประเทศที่คร่าชีวิตของคนมานักต่อนักแล้ว เขาตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนี้ก็ตอนที่น้องโรมของพวกเขาต้องใช้เลือดด่วนสมัยเรื่องของลัจนั่นแหละ เขาไม่อยากคิดเลยว่าถ้ากรุ๊ปเลือดของเราไม่ตรงกันแล้วจะยังได้เห็นน้องที่รักของพวกเขายิ้มให้อยู่อย่างนี้หรือเปล่า

   คนโดนถามทำเป็นใจดีสู้เสือ ถึงจะสัมผัสได้ถึงความน่าอึดอัดที่เริ่มกระจายตัวทั่วไปจากเพียงหนึ่งประโยค ทิวากาลเหมือนพ่อที่สุดในบรรดาลูกทั้งหมด สุขุม คิดเยอะ แล้วก็ให้ความรู้สึกว่าไม่ควรล้ำเส้นเข้าไปในอาณาเขตของอีกฝ่ายได้เพียงแค่ใช้สายตามองจ้องมา

   "ไม่ทราบค่ะ"

   เคสของลูกชายคนโตกับลูกบุญธรรมเป็นที่น่ากังวลของทางโรงพยาบาลทุกครั้งที่ได้รับการส่งประวัติมา กลุ่มเลือดหายากที่หากเป็นกรณีของการเสียเลือดมากเกินไปแล้วเตรียมตัวเครียดระดับหนักได้เลย อย่างครั้งนี้ก็เหมือนกัน อาการของคนป่วยตามที่อ่านรายงานการรักษาคือเสียเลือดจากบาดแผลขนาดใหญ่

   "ครับ?"

   "ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าใครให้มา"

   ระบบของการบริจาคเลือดนั้นอาจทำได้โดยการแสดงความประสงค์ในการบริจาค มีทั้งการให้โดยทั่วไปแล้วก็เจาะจงว่าต้องการบริจาคให้คนไข้รายไหน ซึ่งในกรณีของการบริจาคโดยระบุชื่อนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเลือดของตนเองนั้นจะได้เป็นส่วนช่วยโดยตรง เลือดของเราจะเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนให้ทางคลังเลือดยอมส่งหมู่เลือดที่ตนเองต้องการออกมาให้ทางผู้ป่วย ส่วนที่เราบริจาคไปนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการตรวจเชื้อแล้วก็เก็บรักษาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น

   เพราะอย่างนั้นสมัยของน้องโรม เลือดที่ช่วยต่อชีวิตให้น้องได้ก็ไม่ใช่เลือดของเขาโดยตรง เป็นวิธีการบริจาคแบบเจาะจงตัวผู้ป่วยเหมือนกัน เขาเลยเคยทวงบุญคุณว่าถ้าไม่มีเลือดของเขาน้องโรมก็ไม่ได้มานั่งเอ๋อๆ อยู่ถึงตอนนี้หรอก

   มันเลยยิ่งทำให้เขาไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้มากเข้าไปอีก

   "ผมขอตั้งแต่ต้นใหม่ได้ไหม?"

   "อันนี้ก็ไม่รู้ว่าเชื่อได้มากแค่ไหนนะคะ แต่ฝ่ายอื่นเขาว่ากันว่ามีคนมาฝากเอาไว้ ...บอกว่าเดี๋ยวมีคนต้องใช้"

   "ครับ?" คำท้ายเสียงหลงอย่างที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก ระบบการบริจาคเลือดที่ควรต้องผ่านอะไรระบบการจัดเก็บรักษารวมถึงการเบิกจ่ายที่ค่อนข้างยุ่งยากวุ่นวายไม่น่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้

   "เลือดอะไรเข้ากันได้หมด หมอเลยเอามาใช้ก่อนน่ะค่ะ ที่จริงถึงรอหนูโรมันมาก็ไม่น่าจะบริจาคได้ ร่างกายไม่พร้อมเลย"

   การบริจาคเลือดนั้นมีเงื่อนไขด้านร่างกายหลายอย่าง ช่วงนั้นน้องโรมของพวกเขาอยู่ในช่วงตรอมใจแบบที่เห็นข้อกระดูกชัด คนเป็นพี่เลยทนต่อไปไม่ไหวต้องลงมาเปลี่ยนบทเอาตรงนั้น

   "อย่างนั้นเหรอครับ ขอบคุณมาก..."

   ผ่านประสบการณ์มามากพอที่จะรู้ว่าต่อให้คาดคั้นต่อไปแค่ไหนก็คงไม่ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ เขารู้วิธีการดำเนินงานของการบริจาคนี้ดี แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตามหาเจ้าของเลือดกรุ๊ปพิเศษนั้น

   ...ใคร

   ...ทำไม

   มีอีกหลายคำถามที่ทิวากาลต้องการคำตอบ แต่ว่าตอนนี้คงไม่สามารถไปตามหาได้ อย่างน้อยก็ต้องรักษาตัวให้หายดีก่อน

   "เหงาหรือไงคะ อีกไม่เกิ..."

   เสียงเคาะประตูดังขึ้นกลบประโยคหลังที่ยังพูดไม่จบ ประตูที่ถูกปิดไว้สนิทก็เปิดออกพร้อมหนึ่งประโยคน่าประหลาดสำหรับเขา

   "มาส่งดอกไม้ครับ"

   ช่วงหน้าพ้นประตูออกมานั้นไม่ใช่เหล่าพี่น้องหรือว่าเพื่อนในกลุ่ม ชายในชุดฟอร์มของบริษัทส่งดอกไม้แห่งหนึ่งขยับให้เห็นทั้งตัวเมื่อพบว่าตนไม่ได้มารบกวนเวลาพักผ่อนของคนไข้ในห้อง

   "ครับ"

   ตอบรับนิ่งๆ พลางนึกต่อไปว่าใครที่ส่งมาให้เวลานี้ ส่วนมากแล้วเขามักจะส่งกันตั้งแต่เริ่มเข้าโรงพยาบาลวันแรกๆ เหมือนอย่างช่อดอกไม้สามสี่ช่อที่เริ่มเหี่ยวเฉาแล้วตรงริมห้องนั้น แถมเขาเองก็คิดว่าไม่น่าจะมีใครรู้เรื่องนี้มากนัก บ้านนี้น่ะจะรู้ว่าป่วยก็ต่อเมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วมาเล่าให้ฟังเท่านั้นแหละ

   เด็กชายที่รับหน้าที่เป็นผู้ส่งสินค้าทำหน้าบอกบุญไม่ค่อยรับเท่าไหร่ตอนที่รู้ว่าปลายทางของการขนส่งคือสถานที่ที่ไม่ค่อยน่าพิสมัยมากเท่าไหร่อย่างโรงพยาบาล เขาโค้งตัวให้กับหญิงในชุดฟอร์มนางพยาบาลที่สวนออกไปก่อนจะเดินเข้าไปข้างในห้องแทน

   "คือ...มีคนส่งดอกไม้มาให้ครับ" ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดีก็เลยพูดคำเดิมซ้ำอีกดีกว่า

   ...โดยเฉพาะกับสินค้าที่ดูแปลกประหลาดอย่างนี้

   "ทราบแล้ว"

   "นี่ครับ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม"

   'ราชา' ได้แต่จ้องมันอยู่อย่างนั้น เขาพินิจช่อดอกไม้สีแปลกในอ้อมแขนของตัวเอง ยกมือขึ้นมาแตะกลีบบางของมันอย่างระมัดระวัง ไม่เคยเห็นการจัดดอกไม้แบบนี้ ไม่สิ ไม่เคยคิดว่าจะได้รับดอกไม้อย่างนี้เป็นของเยี่ยมไข้เลยต่างหาก

   กุหลาบสีดำที่มีดอกไม้ขนาดเล็กสีขาวแซมอยู่ประปราย จัดรวมเป็นช่อไว้อย่างสวยงาม

   ไม่น่าใช่ของเยี่ยมคนป่วยสักนิด

   "มีชื่อคนรับไหม?"

   "ไม่มีครับ บอกว่าแค่คนที่นอนห้องนี้ ...ให้มาส่งวันนี้ด้วย"

   พนักงานส่งสินค้าควรจะพาตัวเองออกไปจากที่นี่ตั้งแต่ที่ลูกค้าได้รับของแล้ว เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงไม่ยอมไป เหมือนมีอะไรบางอย่างบอกเขาว่าจะยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นจนกว่าที่จะได้รับคำอนุญาต

   'คนป่วย' ที่ดูแล้วไม่เห็นว่าจะมีอาการเจ็บตรงไหน น่ากลัวจนเขาไม่กล้าทักตามมารยาท พิจารณาจากใบหน้าแล้วคงอายุไม่เท่าไหร่แต่กลับดูเป็นผู้ใหญ่จนเกินตัวไปไกล

   "วันนี้?"

   "ครับ โทรศัพท์มาบอกเมื่อเช้าว่าให้เอามาส่งได้แล้ว"

   คำสั่งซื้อแปลกที่สุดเท่าที่เคยได้รับมาของร้าน ทั้งชนิดของดอกไม้ที่ถูกเจาะจงมาอย่างเดียว กับการบอกว่าเดี๋ยวจะให้ส่งเมื่อไหร่ก็จะบอกเอง

   "ส่งได้แล้ว?"

   "ครับ คือตอนลูกค้าสั่งมาบอกว่าให้ส่งเมื่อไหร่เดี๋ยวจะโทรบอกเอง"

   ทุกข้อมูลยิ่งเพิ่มความแปลกประหลาด ถ้าบอกว่าโทรมาเมื่อเช้า...ก็ก่อนที่เขาจะฟื้นอีก

   "แล้วสั่งไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่"

   "เอ่อ...สักครู่นะครับ" ตามระเบียบของร้านแล้วจะมีการระบุวันสั่งไว้ด้วย "เสาร์ เมื่อสี่วันที่แล้วครับ"

   สีดำไม่ชอบคำบอกเมื่อกี้เลย

   "อืม ขอบคุณ ไปเถอะ"

   ตัดบทสั้นห้วน ทิวากาลไม่สนว่าพนักงานจะไปที่ไหนอย่างไรแล้ว เขาเอาแต่มองดอกไม้สีแปลกที่วางไว้บนตักของตัวเองอยู่อย่างนั้น ช่วงเวลาสี่วันที่แล้วก็คือวันที่เขาเพิ่งเข้าโรงพยาบาล  ทุกอย่างดูลงตัวจนเกินไป

   ตื่นมาก็มีเรื่องให้ประหลาดใจเต็มไปหมด

   "ดอกไม้สวย"

   เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นน้องสาวฝาแฝดของตัวเองชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ เห็นอยู่ตรงสุดสายตาว่ามีร่างของใครบางคนกำลังหลบอยู่

   "ทำไมมาส่ง?" หมายถึงทำไมผู้ชายหัวสีแปลกที่ไม่กลัวเป็นมะเร็งที่พี่พยาบาลพูดถึงก่อนหน้านี้

   รัตติกาลตอบกลับนิ่ง "ก็ตัวเองอยู่ที่นี่"

   กลายเป็นความผิดของเขาไปเสียอย่างนั้น ครึ่งชีวิตคนพี่ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยให้พอรู้ว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่น่าเชื่อถือมากเท่าไหร่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะมีคนขับรถของบ้านคอยส่งทุกเช้าเย็น ส่วนตั้งแต่ที่เขากึ่งบังคับให้มาอยู่ด้วยแล้วก็เป็นตัวเขาเองนี่แหละที่คอยรับส่ง

   "นั่นใช่เหตุผลไหม"

   "ใช่"

   "เอาเถอะ" ถ้ามีคนยอมคงต้องเป็นเขาอยู่แล้วล่ะ ไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่ว่าตั้งแต่เห็นผู้ชายคนนั้นอีกครั้งเขาก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร "แล้วคนอื่น?"

   "คงตามมา รู้หมดแล้ว"

   "โอเค"

   การพูดคุยที่เป็นการถามคำตอบคำ เขาไม่เคยเชื่อเรื่องที่มีคนบอกว่าฝาแฝดจะมาพร้อมสิ่งพิเศษคอยเชื่อมกันเอาไว้ น่าเศร้าตรงที่สุดท้ายแล้วได้แต่ยอมรับว่าสิ่งนั้นมันมีอยู่จริง เขาไม่ต้องถามอะไรมันก็มีบางอย่างส่งมาถึงเองโดยไม่ต้องขอคำอธิบายเพิ่มเติม

   "แล้วนั่น..." นั่นคือดอกไม้สีดำ "ใคร?"

   "ไม่รู้"

   คนบาปที่มักจะพูดน้อยเป็นปกติอยู่แล้วเงียบไปถนัดตา เขาเป็นไม่กี่คนที่อ่านความรู้สึกของเธอได้แม้ภายในนัยน์ตาว่างเปล่านั้นจะดูไร้ชีวิตตลอดเวลา น้องสาวของเขากำลังมีเรื่องกังวลใจ
   
   "ทำไม?"

   "ดอกกุหลาบสีดำ" รัตติกาลเว้นช่วงให้ตนได้หายใจทั่วทั้งท้อง หล่อนชอบดอกไม้...รวมถึงชอบที่จะตามหาความหมายของมันด้วย "หมายถึงรักนิรันดร์"

   ...ส่วนสิ่งที่เขาเพิ่งรู้หลังจากนั้นไม่นาน

   มันหมายถึง 'รักที่ไม่มีจริง' ได้เช่นกัน



   ตราบนรอยครั่งไม่มีความแตกต่างกับรอยประทับตรงผิวเนื้อ

   ลวดลายแปลกที่คิดว่าน่าจะเป็นคำ ใช้หลักเรื่องรูปเรขาคณิตที่ดูไม่ยุ่งยากอะไรแต่ออกมาเป็นสัญลักษณ์สวยงามและไม่มีใครเหมือน เขาเพิ่งพบว่าตนเองมีรอยประทับนี้ก็ตอนที่นางพยาบาลมาเช็ดตัวให้แล้วแสบผิวหนังจนต้องตรวจสอบดูเองว่าโดนอะไรมานั่นแหละ

   รอยที่เขามั่นใจว่าไม่มีทางไปทำให้มันเกิดขึ้นเอง

   เป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับเด็กคณะนิติศาสตร์ที่อยากจะทำงานต่อในสายงานตุลาการ เพราะมีข้อกำหนดชัดว่าข้าราชการห้ามมีรอยสักเด็ดขาด เพราะงั้นถึงอยากจะไปเพิ่มรอยเส้นไว้บนร่างกายตัวเองอย่างที่เพื่อนสายเนิร์ดของตัวเองทำก็เลยทำไม่ได้

   ถึงจะสักไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องหาเรื่องไปทำรอยอื่นไว้บนร่างกายตัวเองอย่างนี้

   ตามหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอว่ารอยประทับนี้มาได้อย่างไร จะใช้วิธีการเดินเข้าไปถามซึ่งหน้ากับพยาบาลที่เป็นเวรคุมก็คงไม่ได้อะไร ตอนออกจากโรงพยาบาลมาเขาแบกความสงสัยจำนวนมหาศาลกลับมาด้วย ทั้งเรื่องคนให้เลือด เรื่องรอย ...แล้วก็เรื่องของดอกไม้เยี่ยมไข้

   ตรงหน้าเขาก็คือดอกกุหลาบสีดำที่ถูกเก็บรักษาไว้ในขวดแก้ว ที่เคียงข้างคือกลีบกุหลาบที่ยังสดใหม่เหมือนเพิ่งได้มาไม่นาน ส่วนที่อยู่ด้านบน...คือกระดาษที่อยู่ข้างในซองเมื่อครู่

   คำภาษาอังกฤษที่เขียนไว้ด้วยตัวอักษรแบบสวยงาม
   
   Welcome Back

   ...ยินดีต้อนรับกลับมา

   ด้านหลังของแผ่นนั้นมีการเขียนสถานที่หนึ่งไว้ ไม่มีการให้พิกัดหรือว่าแหล่งพื้นที่ มันมีเพียงชื่อร้านกันเวลาที่นัดหมายเอาไว้
หลังจากที่ได้รับดอกไม้ช่อนั้นแล้วเขาก็ไม่เคยได้รับสิ่งอื่นใดที่จะเอามาเชื่อมโยงได้อีก ร้านขายดอกไม้เองก็ไม่ได้ให้คำตอบ

   อะไรที่มากกว่าเป็นการสั่งผ่านทางโทรศัพท์ที่ถูกต้องครบถ้วนทุกขั้นตอนไม่มีอะไรน่าสงสัย

   เขาเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงไม่ยอมทิ้งมันไปเสีย

   ดอกไม้ช่อนี้เป็นช่อเดียวที่ทิวากาลหยิบติดมือกลับมาด้วยตอนย้ายกลับมาพักฟื้นที่บ้าน จัดการหาวิธีการเก็บรักษามันไว้ให้อยู่ในสภาพดีที่สุด หวังว่าสักวันคงจะรู้ว่าเจ้าของดอกไม้ช่อประหลาดนี้เป็นใคร แล้วจุดประสงค์ของการมอบนั้นคืออะไรกันแน่

   รักนิรันดร์อย่างนั้นเหรอ?

   ดอกไม้ที่ดูแล้วไม่มีความเป็นธรรมชาติในเรื่องของสีสัน นอกจากจะไม่ได้เป็นสีที่ให้ความรู้สึกสดใสแล้วสำหรับบางคนมันยังเต็มไปด้วยความหดหู่อีกต่างหาก

   สีดำเป็นสีของความตาย

   สีแห่งอัปมงคล สีที่เต็มไปด้วยความเศร้ากระจายตัวอยู่ทุกอณู มันเลยน่าประหลาดใจที่มีคนเอาสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายถึงความรักอย่างดอกกุหลาบมาแต่งแต้มให้เป็นสีดำสนิท ให้ความรู้สึกย้อนแย้งในตัวเองอย่างบอกไม่ถูก

   ถ้าจะให้เปรียบแล้วตอนนี้ทิวากาลก็เหมือนคนที่ถูกทิ้งไว้ท่ามกลางความมืดมิดที่ไม่มีแม้แต่จุดแสงไฟ แค่จะก้าวเดินออกไปเพียงครั้งเดียวก็อาจจะพาเขาหลุดหายไปในหลุมอวกาศก็เป็นได้

   กุหลาบไม่มีหนาม อาจเป็นเพราะเหล่าก้านแหลมคมนั้นมันย้ายเข้ามาอยู่ในหัวใจ เขายอมรับเลยว่าเรื่องนี้เป็นหนามยอกที่ติดอยู่ตั้งแต่สัมผัสแรกที่ได้รับจากช่อดอกไม้นั้น ตอนนี้ก็ได้รู้แล้วว่าเจ้าของดอกไม้จะต้องมีความเกี่ยวข้องอะไรกับตราประทับนี้อย่างแน่นอน

   คำว่าทางเลือกหมายถึงมีหลายทางออก แล้วทำไมทางเลือกที่เขามีตอนนี้ถึงได้มีเพียงอย่างเดียวคือต้องไปเสียอย่างนั้นนะ



   ทิวากาลมาก่อนเวลาอย่างที่ชอบทำ

   และเป็นอีกครั้งที่เขาไม่ได้เข้าไปยังสถานที่นัดกันไว้ก่อน ร้านอาหารกลางใจเมืองที่ต้องขับรถเข้ามาลึกพอสมควรถึงจะเจอ มีรถเพียงไม่กี่คันจอดอยู่ตรงลานจอดรถ เรียกสไตล์ไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ ตัวโครงบ้านเป็นแบบไทยแต่ว่าตกแต่งหนักไปทางยุโรปเสียมากกว่า อดสงสัยไม่ได้ว่ายังมีพื้นที่อย่างนี้หลงเหลืออยู่กลางป่าตึกได้อย่างไร

   ไม่มีชื่อจองเอาไว้ล่วงหน้า และไม่มีบริกรสักคนเข้ามาถามไถ่ ลูกค้าที่อยู่ภายในร้านต่างไม่มีใครสนใจผู้มาใหม่ ร้านนี้มีทั้งส่วนที่เป็นห้องกระจกติดเครื่องปรับอากาศแล้วก็ตรงริมระเบียงไม้ ใช้การกวาดตาเพียงแค่ครั้งเดียวก็เจอว่าตรงไหนคือจุดที่เขาต้องไป

   โต๊ะริมสุดตรงริมระเบียงที่มีดอกกุหลาบสีดำวางเด่น

   ทิวากาลไม่ค่อยชอบสัญลักษณ์นี้มากเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะว่าเขาชื่อแบล็คซึ่งแปลได้ตรงตัวว่าสีดำ และอีกอย่างคือเขาไม่ชอบดอกไม้ไม่ว่าจะชนิดใดก็ตามที

   พ่อก็เคยถามเล่นๆ ว่าไม่ได้เสียใจอะไรใช่ไหมที่ได้ชื่อนี้เป็นชื่อเล่น แล้วเขาก็ตอบว่าไม่ได้คิดะไร ชื่อนี้มันก็ดีอยู่แล้ว

   มองนาฬิกาข้อมือที่เป็นของตกทอดมาจากบิดา เข็มที่ชี้ตรงเลขสิบสองเหมือนกันบอกว่าถึงเวลานัดหมาย เขาเดินเข้าไปนั่งตรงเก้าอี้ตัวในเพื่อให้สามารถมองออกไปเห็นได้ว่า 'ใคร' คือเจ้าของผลงานทั้งหมด

   ความร่มรื่นที่ไม่น่าจะหาเจอได้ในพื้นที่ล้อมรอบไปด้วยตึกสูงอย่างนี้ ถ้าลองเอาโดรนขึ้นไปถ่ายคงเห็นเป็นหลุมสีเขียวกลางพื้นที่คอนกรีตสีหม่น เขาหลับตาลงไล่ความล้าของทั้งร่างกายแล้วก็สมอง ลมในช่วงฤดูฝนทั้งหนาวแล้วก็อ้าวได้ในเวลาเดียวกัน

   ผ่านไปนานพอสมควรนัยน์ตาสีดำก็กลับมาฉายแววอีกครั้ง คำนวณเวลาดูแล้วนี่มันเกินเวลานัดไปพอสมควรแล้วทำไมถึงยังไม่เห็นใคร

   บ้าชะมัด
   
   ผู้หญิง...หรือผู้ชายก็ไม่รู้ ผมยาวหยักศกทิ้งตัวลงไปด้านหลังมานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

   ที่น่าประหลาดใจคือเขาไม่ได้ยินแม้แต่เสียงฝีเท้า ทุกคนมีจังหวะการเดินที่แตกต่างกันไป บางคนเดินเต็มเท้า บางคนเดินลากเท้า มันเลยส่งผลให้เสียงการเดินนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถ้าได้ยินไปนานๆ ก็จะจับทางได้ว่าใครกำลังเดินมาหา การฝึกฝนตั้งแต่เด็กนอกจากจะทำให้เขาเป็นคนช่างสังเกตแล้วก็ยังมีสายตารวมถึงการได้ยินที่ดี

   คนปริศนาคลี่ยิ้มมุมปาก น้ำเสียงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนคุ้นหูอย่างน่าประหลาด

   "เราได้เจอกันแล้วนะ"


***
   สอบเสร็จจริงๆ แล้วค่ะ แต่งานยังเหลืออีกมากมายมหาศาลให้ตามไปเคลียร์ /ปาดเหงื่อและน้ำตา ตอนหน้ามาดูกันต่อว่าเขาคือใครกันเนอะ (ยิ้ม)
   เรื่องนี้ยังไม่กล้าคอนเฟิร์มเรื่องความซับซ้อนค่ะ แต่ที่ตั้งใจไว้คือไม่ให้มีอะไรมาก...ตามที่ตั้งใจแต่หมายความว่าเปลี่ยนได้ตลอดตราบใดที่ยังไม่เลิกแต่งตอนต่อตอนอย่างนี้นะคะ (หัวเราะ) ขอบคุณทุกการบวกและคอมเมนท์ค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-10-2016 23:17:00 โดย 23August »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.2-2 [01.06.16]
«ตอบ #19 เมื่อ01-06-2016 22:43:11 »

 :pig4: :pig4: :3123:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.2-2 [01.06.16]
« ตอบ #19 เมื่อ: 01-06-2016 22:43:11 »





ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.2-2 [01.06.16]
«ตอบ #20 เมื่อ03-06-2016 05:15:12 »

อ่านเรื่องก่อนแล้วอยากเป็นควีน พอมาเจอควีนออกมาคำเดียว...อย่างหลอน

แม่จ๋าาาา หนูกลัววววว :ling3:

ออฟไลน์ elieanna

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.2-2 [01.06.16]
«ตอบ #21 เมื่อ03-06-2016 10:36:44 »

ขอบคุณค่า อยากรู้จังว่าใคร

ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.2-2 [01.06.16]
«ตอบ #22 เมื่อ11-06-2016 07:11:40 »


ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.3-1 [11.06.16]
«ตอบ #23 เมื่อ11-06-2016 18:01:34 »

CH.3-1

   "คุณเป็นใคร?"

   จะโดนหาว่าไร้มนุษย์สัมพันธ์ก็ช่าง ทิวากาลเองไม่ใช่คนจำพวกที่ต้องรักษาน้ำใจคนอื่นตลอดเวลาอยู่แล้ว ตอนนี้เขาอารมณ์เสียค่อนข้างมากเลยล่ะ

   ไม่รู้ว่าจากอากาศร้อน หรือสัญชาตญาณที่กำลังบอกว่าคนตรงหน้าอันตราย...

   แล้วไอ้ประโยคที่บอกว่าได้เจอกันแล้วนั่นหมายความว่ายังไง เราเคยรู้จักกันมาก่อนอย่างนั้นเหรอ ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ คนที่มีความโดดเด่นอยู่ในตัวขนาดนี้เขาไม่มีทางลืมได้หรอก

   "เราเคยพบกัน ...เมื่อนานมาแล้ว"

   เสียงทุ้มที่เกินหญิงบอกเขาว่าคนตรงข้ามคือผู้ชาย นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ทำไมอีกฝ่ายถึงตอบราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ "แล้วก็จะได้อยู่กันไปอีกนานเลยล่ะ"

   รอยยิ้มเป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน คงต้องยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นการขยับองศาของริมฝีปากแบบนี้ ยิ้มที่เหมือนจะดูจริงใจ แต่กลับเคลือบไปด้วยยาพิษชนิดร้ายแรง

   "ส่งกุหลาบพวกนั้นมาทำไม?"

   เริ่มถามด้วยอะไรที่มั่นใจได้ว่าต้องเกี่ยวกับคนตรงหน้า ในขณะที่ผู้มาใหม่ไม่ยอมตอบ กลับโบกมือเรียกเมนูจากบริกรมาเสียอีก

   "ขอรายการด้วยครับ"

   "คุณ..."

   "ร้านนี้มีอาหารไทยโบราณเยอะเลยนะ อยากลองผัดไทเส้นจันท์ไหม?"

   ทิวากาลลอบถอนหายใจข้างใน ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคางเอาไว้ จงใจเงียบเป็นการเริ่มสงครามประสาท ถ้าถามว่าทำไมไม่เดินออกไปให้รู้แล้วรู้รอด คนแบบนี้มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเขาไม่ยอมเดินตามเกมง่ายๆ อย่างนั้นหรอก ถ้าอยากรู้ว่าเขากำลังต้องเผชิญกับอะไร ก็ควรตามน้ำไปก่อน ค่อยๆ เก็บข้อมูลแล้วตัดสินใจขั้นต่อไปก็ยังไม่สาย

   ที่นั่งตรงข้ามทำเป็นทองไม่รู้ร้อน จัดการสั่งอาหารสามสี่อย่างพร้อมเครื่องดื่มสมุนไพรไทยเสร็จสรรพ แถมยังมีการยกนิ้วขึ้นมาเป็นการประกอบอีก

   ไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ เลยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

   จากสงครามเย็นก็เพิ่มเกมจ้องตาเข้าไปเสียอย่างนั้น สีดำยังคงอยู่ในท่าเดิมในขณะที่อีกคนเปลี่ยนไปนั่งหลังตรงแล้วกุมมือประสานวางไว้ตรงตัก การนั่งหลังตรงที่ผ่านการฝึกมาอย่างดี ให้ความรู้สึกแบบพวกผู้ดีเก่า พูดน้อย ท่ามาก แล้วยังมานัดเจอกันในที่อย่างนี้อีกต่างหาก

   นั่งพินิจรูปลักษณ์เป็นการฆ่าเวลา รูปหน้าสวยติดหวานแต่ยังคงเห็นได้ชัดว่าเป็นโครงหน้าแบบผู้ชาย บวกกับเรือนผมหยักศกยาวลงไปแล้วไม่น่าแปลกใจถ้าจะมีคนเข้าใจผิด จมูกโด่งทรงแปลกรับเข้ากับริมฝีปากปากเฉียบที่เอ่ยออกมาแต่คำพูดเข้าใจยาก

   ส่วนสะดุดตาที่สุดคงไม่พ้นนัยน์ตาสีแปลกเรียกไม่ถูกว่ามันคือสีน้ำตาลหรือไม่ รูปตาเฉี่ยวไม่ใช่ทั้งคนไทยแล้วก็ไม่ได้ให้กลิ่นไอแบบยุโรป เหมือนกับเป็นการผสมของชนชาติหลากหลายจนมาลงตัวแบบนี้ ช่วงตัวด้านบนสวมเสื้อฝ้ายสีขาวสะอาดปักลายรอบช่วงคอ มีเครื่องประดับเป็นสร้อยสีเงินเส้นยาวห้อยลงมาจนถึงกลางอก มีแต่สายไร้จี้ประดับ ดูดีแบบเรียบๆ ...ดูเข้ากับเขาดี

   ถึงคนจะน้อย กว่าอาหารทั้งหมดจะมาเสิร์ฟจนครบก็ใช้เวลานานพอควร เกมสงครามของทั้งคู่จึงต้องพักลงชั่วคราว ทิวากาลมองอาหารในจานที่ถูกประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม คงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงช้าขนาดนี้

   "ผมไม่ใส่อะไรไว้หรอกครับ"

   ชายหนุ่มเพียงปรายตามองอาหารที่ส่งกลิ่นหอมฉุย ควันจางๆ ยังคงลอยเอื่อยบอกว่าเพิ่งทำเสร็จได้ไม่นาน นิ้วมือข้างซ้ายที่ไม่ได้เท้าคางเอาไว้เริ่มขยับเป็นจังหวะอย่างที่ชอบทำ ทิวากาลเปลี่ยนเป็นนั่งหลังตรงเพื่อเลียนแบบ ตั้งรับให้พร้อมสำหรับทุกสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้

   "อร่อยจริงๆ นะครับ อยากให้ลองดู"

   อย่างกับมีเครื่องปรับบรรยากาศอยู่รอบข้างหรือไงก็ไม่รู้ เขาว่าตัวเองก็แสดงออกชัดนะว่าไม่พอใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น กลับกันคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก้มหน้าเขี่ยผักโรยออกไปไว้ขอบจานไม่สนใจอะไร ราชาไม่เคยต้องมาเดินตามทางที่คนอื่นขีดไว้ให้ คงต้องเริ่มใช้มาตรการถัดไปแล้วล่ะ

   เขาผุดลุกขึ้นจากที่นั่งเสียงดังผิดวิสัย "ขอบคุณสำหรับการแนะนำร้าน"

   อีกฝ่ายเพียงแค่ยิ้มพราย...ราวกับรู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นอย่างนี้

   "คุณไม่ไปหรอก"

   "?"

   "รีบกลับมาหน่อยนะครับ อยากให้ลองน้ำผัดไทสูตรที่นี่"

   ความรู้สึกที่ว่าตัวเองเป็นผู้ควบคุมมาโดยตลอดถูกท้าทายด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำจากชายแปลกหน้า ทิวากาลไล่ความระแวงที่ก่อตัวขึ้นมาทีละน้อยให้ออกไปจากสมอง ลุกออกจากที่นั่งไปทางหน้าร้านโดยไม่หันหลังกลับมามองว่ามีสิ่งใดบ้างเกิดขึ้นด้านหลัง

   กดรีโมตปลดล็อครถ ตอนที่เปิดประตูก็ดันสะดุดกับซองจดหมายที่วางไว้อยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ ทุกอย่างเกือบจะร้อยเรียงได้เป็นเรื่องเดียวกัน กุญแจสุดท้ายคือคนตรงนั้น

   "นรก..."

   ไม่รู้จะสบถคำไหนออกมาให้สมกับความอึดอัดที่สุมอยู่ข้างในจนเกือบล้น แบล็ครู้ว่าตัวเองควรควบคุมทุกอย่างไว้ให้ได้ ไม่ว่าอารมณ์ของตัวเองหรือว่าการเจรจาที่อาจเกิดขึ้น รู้ทั้งรู้แต่แค่เห็นรอยยิ้มร้ายอย่างนั้นก็พาลทำลายทุกความตั้งใจของตัวเองลง

   เขาไม่เคยต้องเดินตามใคร

   ราชาคือผู้นำ ผู้ที่ต้องอยู่หน้า จะให้ใครมาล้ำเส้นแบ่งไปไม่ได้

   อย่างเรื่องดอกกุหลาบหรือรอยประทับเขาพอผ่านเลยมันไปได้ เรื่องเดียวที่ค้างอยู่อย่างนั้นไม่หายไปไหนคือเรื่องเลือด

   บอกแล้วไงว่าทิวากาลไม่เคยติดหนี้บุญคุณใคร

   'คุณไม่ไปหรอก'

   เสียงแว่วแทรกมากับสายลมพัดผ่าน ลักษณะน้ำเสียงใสรื่นหูจนติดค้างอยู่ในความทรงจำไม่ยอมออกไปไหน มันวนเวียนอยู่อย่างนั้นจนเขาตัดสินใจปิดประตูรถยนต์เสีย

   อยากจะรู้ก็ต้องยอมเสี่ยง

   "ต้องการอะไร"

   ก่อนจะเข้ามาก็หลบไปอัดสารพิษเข้ปอดเพื่อลดความเครียดภายในร่างกาย กลิ่นยาเส้นลอยอวลอย่างถ้าน้องชายคนเล็กได้กลิ่นแล้วจะต้องโวยวายไปอีกหลายชั่วโมง แต่คนที่นั่งทานอาหารจนเกือบเกลี้ยงจานแล้วก็แค่ก้มหน้าทานต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   "ทานก่อน"

   "ผมไม่มีเวลา"

   "แต่ผมมี"

   "คุณ..."

   นัยน์ตาสีแปลกมองตรงมาที่เขา...แน่วแน่ราวกับว่าไม่เคยมองใครอื่น

   "ทุกคนมีเหตุผลถึงรอ"

   แล้วคนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จักชื่อก็จมอยู่กับจานอาหารของตัวเองต่อไป ปกติแล้วทิวากาลไม่ค่อยทานอาหารประเภทเส้นอย่างนี้มากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นอาหารที่หาทานแบบอร่อยๆ ยากอย่างนี้แล้วก็ไม่อยากเสี่ยงมากเท่าไหร่

   โดยธรรมชาติของการมาร้านอาหารแล้วไม่ค่อยมีใครสั่งอาหารมามากเกินกว่าความสามารถในการทาน เขาไม่สบอารมณ์เอาเสียเลยที่ของบนโต๊ะนั้นเต็มไปหมดเหมือนกับกำลังบอกทางอ้อมว่ายังไงก็ต้องร่วมโต๊ะอยู่ดี ตัวผอมอย่างนั้นคงกินเข้าไปได้อีกไม่เท่าไหร่ก็อิ่มแล้วล่ะมั้ง

   "เค้กชาไทยสองครับ"

   "ยื้อเวลา?"

   จานอาหารที่เคยเต็มไปด้วยของหลากหลายสีสันถูกยกออกไปพร้อมกับการสั่งของหวาน มื้ออาหารแห่งความเงียบจบลงแล้ว ทิวากาลเอื้อมมือไปหยิบกระดาษซับที่ถูกพับไว้เป็นทรงสวยงามมาเช็ดมุมปากให้เรียบร้อย เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่อาหารไทยถูกปาก ทุกรายการถูกปรุงรสไว้พอดี จนสัมผัสได้ถึงความใส่ใจในทุกขั้นตอน สงสัยคงได้พาน้องมาลองทานบ้าง

   "เปล่าครับ" แก้วน้ำชาแบบฝรั่งถูกยกขึ้นจรดริมฝีปาก คนแปลกกับชาสมุนไพรให้กลิ่นแปลกไม่ต่างกัน "บอกแล้วว่าทุกการกระทำมันมีเหตุผลรองรับ"

   "แต่ผมไม่มี"

   "ถ้าอย่างนั้นคุณก็คงไม่นั่งร่วมโต๊ะกับผมอย่างนี้หรอกครับ"

   เซรามิคที่เคยเต็มไปด้วยน้ำสีชากลายเป็นแก้วเปล่ายามวางมันลงกับโต๊ะไม้ "รอหน่อยแล้วกัน รอจนกว่าจะถึงเวลาของเรา"

   "ผมไม่เคยเอาเวลาของตัวเองไปผูกกับใคร"

   "คุณเลือกไม่ได้สักหน่อย" ทิวากาลเกลียดการกระตุกยิ้มแบบนั้น "เรื่องนี้ไม่ว่าใครก็เลือกไม่ได้"

   "ผม จะ เลือก"

   นิสัยเอาแต่ใจอย่างที่ไม่ค่อยได้นำออกมาใช้มากนัก ปกติแล้วแบล็คจะปล่อยให้น้องสาวหรือไม่ก็น้องชายเป็นคนใช้ด้านนี้เสียเกือบหมด ส่วนหนึ่งเขาก็รู้ตัวเองว่าถ้าลองคนอย่างสีดำได้ทำตามใจแล้วทุกอย่างมันคือประกาศิตที่ 'ต้อง' ทำตาม

   "น้ำตาลช่วยให้อารมณ์ดีนะครับ"

   ของหวานสองชิ้นวางแยกกันอยู่ในจานขนาดเล็กสีขาวสวย ขอบจานประดับไว้ด้วยลวดลายดอกไม้สีน้ำเงินแซมด้วยเถาวัลย์จนครบรอบ ส่วนเค้กสีชาไทยนั้นถูกตัดเป็นทรงเหลี่ยมมีแผ่นไวท์ช็อคโกแลตพิมพ์ชื่อร้านวางไว้ข้างบน ทุกอย่างสมบูรณ์แบบจนอดคิดไม่ได้ว่าใครกันที่เป็นเจ้าของความเอาใจใส่เหล่านี้

   "ขนาดผมเองยังไม่เคยเลือกได้เลย คุณทำใจสบายๆ ดีกว่านะ" ขณะที่ผู้สูงศักดิ์บนบัลลังก์นั่งนิ่ง ชายผู้ไร้ซึ่งสิ่งบ่งชี้ตัวตนก็ขยับจานหนึ่งมาไว้ตรงหน้าเขา นิ้วยาว ขาวสะอาด ไม่ถึงกับผอมจนเห็นโครงกระดูกเคาะตรงริมจานสองสามครั้งเป็นการสั่งแบบไม่ต้องออกเสียงว่าสิ่งที่ควรทำต่อไปคืออะไร

   "ผมไม่ใช่คนชอบรอ"

   "ไม่มีใครชอบหรอกครับ"

   ไหล่เล็กจนเห็นไหปลาร้าชัดยักขึ้นอย่างคนไม่ยี่หระเท่าไหร่ จากนั้นก็หยิบช้อนเงินคันเล็กที่วางไว้ด้านข้างขึ้นมาตักของหวาน "แต่บางอย่างมันก็คุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไป"

   น้องโรมเคยพูดว่าใครที่สามารถคุยกับไวท์ได้รู้เรื่องทั้งหมดคือคนเก่ง ตอนนี้เขารู้แล้วล่ะว่าตัวเองเป็นคนเก่งเรื่องการตีความคำกำกวม

   คำที่เขาควรจะสงสัย...หากกลับเข้าใจมันเกือบทั้งหมด

   "เวลาเป็นของมีค่า" คำเปรยออกมาจากปากของชายที่ยังไม่เข้าใจสถานะของตัวเอง ขณะที่สายตามองออกไปยังจุดกระตุกความสงสัยมาได้พักใหญ่แล้ว

   "ใช่"

   "...แต่บางคนกลับเอาเวลามาทิ้งขว้างกับของหวานที่ทำลายสุขภาพ"

   อีกครั้งที่ทิวากาลบอกตัวเองว่าเขาเกลียดการยกมุมปากขึ้นแบบนั้น "ผมบอกแล้วไงว่าทุกคนมีเหตุผลของการรอ"

   "รอมากไปก็ไม่ดี"

   "คุณอาจต้องรอมากกว่านี้อนาคตก็ได้นะ"

   "ตามผมมา"

   แบงค์สีเทาถูกวางทับไว้ใต้กาน้ำชาโดยต่างฝ่ายต่างไม่สนใจรอเงินทอน เค้กที่วางไว้บนโต๊ะนั้นแทบไม่ได้ทำหน้าที่ของของตัวเอง แบล็คยุติทุกการรอคอยด้วยตัวเองอย่างที่ได้บอกไว้
   
   หนึ่งในความสามารถพิเศษที่เกิดจากความจำเป็นต้องฝึกเอาไว้คือเรื่องการเป็นคนช่างสังเกต เขาเห็นแล้วว่าโต๊ะที่เยื้องไปในห้องปรับอากาศมาหลังจากที่ชายผมยาวคนนี้มานั่งได้ไม่นาน สั่งเพียงเค้กหนึ่งชิ้นกับน้ำเปล่าที่ดูไม่เข้ากัน จากการคาดคะเนแล้วเขาต้องอยู่ตรงนี้มานานมากกว่าชั่วโมงครึ่งหรืออาจจะสองชั่วโมงแล้วก็เป็นได้

   ไม่มีการหยิบอะไรขึ้นมาอ่าน จะมีก็เพียงการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาในช่วงสั้นๆ แล้วรีบเก็บลงไปราวกับกลัวว่าจะพลาดอะไรไป ทุกอย่างผิดปกติจนเขารู้สึกได้

   แล้วถ้าเป็นอย่างที่เขาคิดไว้ เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาสองคนเดินออกไปจากพื้นที่แห่งนี้

   ใช่...อย่างที่คิดไว้

   เขาดันอีกคนให้เข้าไปอยู่ในรถอีโค่คาร์ของตัวเอง ก่อนจะปิดประตูก็ถลึงตาให้รู้ว่าอย่าคิดตุกติกอะไร รีบก้าวอ้อมไปฝั่งของตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดการหลบหนีขึ้น

   "เอาล่ะ...อยากให้ผมใช้เวลาให้คุ้มก็ได้"

   ยอมรับโดยดุษฎีว่าตอนนี้เขาชักควบคุมสติของตัวเองเอาไว้ไม่ค่อยได้แล้ว ร่างกายแปลกไปเมื่อมีสิ่งเร้าเข้ามากระตุ้นให้เกิดบรรยากาศที่ยากจะอธิบายว่ามันอยู่ในสถานการณ์แบบไหน

   จัดการสตาร์ทรถแล้วขับออกไปจากร้านกลางสวนตึก ยังไม่ทันพ้นหน้าซอยเพื่อออกไปทางถนนใหญ่ก็เห็นได้จากกระจกหน้ารถว่ามีรถอีกคันขับตามมาโดยเว้นระยะห่างไว้พอสมควร ไฟที่ยังคงเป็นสีแดงอยู่เลยทำให้มีเวลาคิดได้มากขึ้น ถ้าอยากรู้ว่าสิ่งที่กำลังสงสัยเป็นจริงหรือเปล่าก็ต้องลองดู

   "ไม่ต้องไปที่ไหนต่อใช่ไหม?"

   "ผมจัดการตารางวันนี้ให้ว่างไว้แล้วครับ"

   "งั้นไปนั่งรถเล่นด้วยกันหน่อย"



   โชคดีตรงบ้านของสีดำอยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของเมือง การที่เขาขับลัดเลาะไปตามเส้นทางจึงดูไม่น่าสงสัยเท่าไหร่ว่านี่เป็นการจงใจทดสอบข้อสันนิษฐาน ช่องความเร็วชี้ไปตรงเลขแปดสิบอย่างที่มีการรณรงค์ไม่ขาดไม่เกิน

   "ขอเปลี่ยนช่องได้ไหมครับ" ปากบอกว่าขอแต่มือเตรียมกดปุ่มหาช่องคลื่นวิทยุใหม่แล้ว ช่วยเข้าใจสถานการณ์หน่อยได้ไหมว่าเรายังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ!

   "เชิญ"

   บ่นได้แค่ในใจ สิ่งที่ทำได้ก็เพียงแค่อนุญาตไปตามนั้น ยังมีอย่างอื่นต้องให้ความสนใจมากกว่าคลื่นเพลง คนขับคงมีประสบการณ์มากอยู่พอควรถึงเว้นระยะไว้อย่างดี ไม่ชิดไปแต่ก็ไม่มีทางที่สะบัดหลุดออกไปได้โดยง่าย ไม่อยากจะเร่งเครื่องหนีไปตอนนี้เพราะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียเปล่าๆ

   จากเสียงเพลงไทยร่วมสมัยก็กลายเป็นเพลงสากลยุคเก้าศูนย์ แอบมองดูว่าก้อนปริศนาที่อยู่ข้างตัวมีอาการตอบสนองกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ชายที่เขายังไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเท้าแขนออกไปนอกหน้าต่าง ฮัมเพลงตามไปอย่างสบายอารมณ์ ไม่เหมือนคนที่กำลังรู้ตัวว่าตนเองกำลังโดนติดตามอยู่

   "เราควรคุยกันเรื่องอื่นมากกว่าไหม?"

   "เช่น?"

   "อย่างเช่นแนะนำตัว"

   "นั่นสำคัญเหรอครับคิง"

   แทบจะเหยียบเบรคให้จมมิดเสียตรงนั้น น่าเสียดายที่ทำได้แค่บังคับสีหน้าไม่ให้แสดงอาการตกตะลึงออกมา

   ...นี่เขากำลังอยู่กับใครกันแน่

   "ถ้าคุณคิดว่าไอ้รถคันที่จ่อตามหลังเรามาอยู่สำคัญกว่าก็ตามใจ"

   "ไม่ใช่หนึ่ง...สอง"

   ยิ่งอีกฝ่ายเอ่ยออกมาทั้งที่ยังคงหลับตาพริ้มเขาก็ยิ่งอารมณ์เสีย เสียงที่ตามต่อออกมาคล้ายพึมพำให้ตัวเองฟัง "...มีอีกหนึ่งอยู่ทางซ้าย"

   เมื่อซ้ายมือคือฝั่งของคนนั่งข้างเขาเลยต้องมองผ่านกระจกบานเล็กเยื้องเหนือหัวขึ้นไป รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สีดำพร้อมคนขับในชุดสูทป้องกันอุบัติเหตุ หมวกกันน็อคใบใหญ่ปิดบังทั้งใบหน้าเอาไว้จนไม่อาจทราบได้ว่าใต้นั้นเป็นผู้ที่มาด้วยกันหรือว่าจะเป็นเพียงคนที่ผ่านมาใช้ถนนร่วมกัน

   จะถึงตัวบ้านในอีกไม่นาน ทิวากาลตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไปในซอยทางลัดที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักมากเท่าไหร่ เป็นซอยทะลุไปตรงถนนส่วนกลางก่อนจะเข้าไปถึงส่วนที่เป็นพื้นที่ของบ้าน บ้านที่ไม่มีใครอื่นมาปลูกเรือนอยู่ใกล้จนมั่นใจได้ว่าถ้าไม่ใช่คนเคยมาแล้วไม่มีทางรู้จักซอยนี้เด็ดขาด

   เพราะอย่างนั้นตอนที่เขาเดินทางมาเกือบครึ่งซอยแล้วยังมีรถทั้งสองคันตามติดมามันเลยบอกได้ว่าเป้าหมายของการเดินทางในครั้งนี้มันอยู่ที่ชายผมยาวคนนี้จริงๆ

   "พวกนั้นรู้รึเปล่าว่ากำลังบุกรุกถนนส่วนบุคคลน่ะ"

   "คิดว่าไม่ครับ"

   ไม่มีความกังวลเจืออยู่ในการตอบนั้นสักนิด ราวกับว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดาสามัญในชีวิต

   "สบายใจจังเลยนะ"

   "แล้วจะกังวลไปทำไปล่ะครับ" ใช่ว่าเขาไม่เห็นว่าคนนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถไม่เคยหันกลับไปมองด้านหลังเลยสักนิด ไม่แม้...จะเหลือบตามองกระจกที่ติดอยู่ตรงหน้ารถเสียด้วยซ้ำ

   ปกติแล้วคนที่โดนสะกดรอยตามยังสบายใจต่อไปได้นานแค่ไหนกัน ขนาดคนที่จับพลัดจับพลูต้องมาเป็นสารถีพาหนีอย่างเขายังเครียดไม่ใช่น้อย

   "ต้องลงทุนอะไรขนาดนี้"

   "ผมก็คิดอย่างนั้นครับ"

   "ลำบากคนอื่น"

   จิกกัดด้วยการเน้นคำว่าคนอื่นเสียงเข้ม แบล็คหยิบรีโมตขึ้นมาเปิดรั้วบ้านเตรียมถอยเข้าซองให้เสร็จในครั้งเดียว บริเวณที่จอดรถว่างเปล่าไร้ร่องรอยของเครื่องยนต์คันอื่นซึ่งแสดงว่านอกจากน้องสาวที่เป็นพวกติดบ้านของเขาแล้วน่าจะไม่มีใครอื่นอยู่ ดีเหมือนกัน เขาก็คิดไม่ออกว่าถ้าหากมีใครอื่นมาเห็นเข้าแล้วจะแนะนำคนที่นั่งมาด้วยว่าอย่างไรดี

   "แล้วใครบอกว่าคุณเป็นคนอื่นล่ะครับ"

   "ช่วยระลึกไว้หน่อยว่าผมกับคุณเพิ่งคุยกันได้ไม่กี่ชั่วโมงเอง"

   "เหมือนคุณจะเข้าใจอะไรผิดไปหน่อยนะครับราชา"

   ครั้งที่สองแล้วที่ 'ชื่อ' ของเขาออกมาจากปากของอีกฝ่าย

   ไม่ใช่คนรู้จักอย่างแน่นอน แล้วก็ไม่ใช่คนที่เคยเจอกันเสียด้วยซ้ำ ค้นความทรงจำภายในสมองของตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วกลับมาให้คำตอบแบบเดิมว่าเขาไม่เคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อน ต่อให้ตอนที่ได้ยินเสียงของเขาครั้งแรกแล้วรู้สึกคุ้นเคยขนาดนั้นก็ตามที จนกระทั่งรั้วเหล็กเคลื่อนตัวชิด เขาถึงหันไปทางชายในชุดขาวที่ทำตัวปกติสุข ไม่มีอาการตระหนกตกใจใดๆ ที่ต้องมาอยู่ใต้อาณาเขตไร้ทางออกอย่างนี้

   "อย่างน้อยต่อจากนี้ไปคุณก็ต้องเจอผมไปเรื่อยๆ แหละ"

   เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าการพาคนแปลกหน้ากลับมาถึงบ้านนี่มันคือการฆ่าตัวตายชัดๆ

   "เอาล่ะ..." ทิวากาลพยายามควบคุมเสียงของตัวเองให้ดูไม่เกรี้ยวกราดจนเกินไป เก็บทุกคำพูดที่ดูกำกวมจนสามารถตีความได้หลายแบบทั้งหลายลงไปก่อน ตอนนี้สิ่งที่เขาควรทำมากที่สุดคือการเค้นหาให้ได้ว่าผู้ชายผมยาวคนนี้เป็นใครกันแน่

   เอื้อมมือไปกดปุ่มล็อครถไม่ให้ใครหนีออกจากพื้นที่แคบๆ นี้ได้อีก เสียงเครื่องยนต์สับกลไกตามคำสั่งดังสู้กับเสียงเพลงที่ยังไม่ยอมหยุดเล่น ไม่ว่าการแสดงออกผ่านร่างกายหรือสีหน้าก็ไม่มีอิทธิพลต่อใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มนั้นได้เลย แกล้งทำเป็นไม่กลัว...

   หรือว่าไม่จำเป็นต้องกลัว

   "คุณเป็นใคร?"


***
   เป็นปิดเทอมที่เหนื่อยมากเลยค่ะ (ร้องไห้) อยากจะหลุดพ้นจากสภาพนี้แล้วจังเลย สำหรับเรื่องนี้เจ้าจะแบ่งตอนค่อนข้างแปลกไปจากที่หนึ่งนะคะ เจ้าจะลงเป็นสองพาร์ทในแต่ละตอนแทน เพราะว่าแต่งไม่ทันจริงๆ ค่ะ แต่ก็ยังอยากมาลงให้ได้ (หัวเราะ)
   ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2016 18:05:41 โดย 23August »

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.3-1 [11.06.16]
«ตอบ #24 เมื่อ13-06-2016 04:15:29 »

เหมาะกันดี เรายอมเป็นเมียน้อยแบล็คก็ได้

ถ้า...เมียหลวงจะไม่เสกหนังควายเข้าท้องอ่านะ  :laugh:

ขอบคุณที่มาต่อครับ  :L2:

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.3-2 [24.06.16]
«ตอบ #25 เมื่อ24-06-2016 20:44:49 »

CH. 3-2

   กระดาษเอสี่เพียงสองแผ่นคือรายละเอียดเท่าที่หาได้

   ทิวากาลพิจารณาทุกตัวอักษรบนแผ่นกระดาษไม่ให้ตกหล่นแม้แต่ตัวเดียว ไม่จำเป็นต้องขีดเน้นข้อความตรงไหนเพราะว่าสามารถจำได้หมดแล้วภายในบันทึกที่เรียกว่าสมอง หนึ่งเหตุผลในการตัดสินใจเรียนต่อคณะที่ต้องใช้ความจำมหาศาล

   ไม่ถึงขั้นที่ว่าจำประมวลได้ทั้งเล่ม แค่อะไรที่สำคัญเขายังคงอธิบายองค์ประกอบได้หมดโดยไม่ต้องเปิดให้เสียเวลา

   ความสามารถที่น่าชัง...

   กว่าจะได้ข้อมูลมาไว้ในมืออย่างนี้ก็ต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์ อาศัยกลุ่มเครือข่ายที่น่าภาคภูมิใจของคุณพ่อ ไม่ว่าจะผ่านมากี่งานไม่เคยทำให้ผิดหวังทั้งในเรื่องของเวลาและคุณภาพ จะเว้นครั้งนี้ไว้เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่ได้รับ

   'นั่นสิ คุณคิดว่าผมเป็นใครกันล่ะ?'

   อวดดี ไม่กลัวเกรง ชายคนนั้นต่างจากทุกคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต ราชาเองก็คิดว่าตัวเองเคยเจอผู้คนมาหลากหลายรูปแบบอยู่นะ จนต้องมาเจอพันธุ์ดัดแปลงอย่างนั้นแล้วถึงรู้ว่าโลกนี้ยังกว้างกว่าที่คิดไว้เยอะ

   ข้อมูลแผ่นแรกคือใบสูติบัตรแสดงรายละเอียดตามที่กฎหมายกำหนดไว้ทั้งหมด ตั้งแต่ชื่อ นามสกุล สถานที่เกิด ชื่อบิดามารดา ที่อยู่ในทะเบียนบ้าน

   พิชชา

   นั่นคือชื่อของบุคคลปริศนาผู้นั้น

   ฝ่ายพ่อเป็นตระกูลเก่าแก่สืบต่อกันมายาวนาน มารยาทผู้ดีล้านแปดนั่นคงมาจากส่วนนี้ นามสกุลของฝั่งบิดาอาจน่าสนใจแต่สิ่งที่น่าสนใจแท้จริงแล้วอยู่กับข้อมูลฝั่งมารดาต่างหาก ชื่อแปลกที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการกรอก แถมยังเต็มไปด้วยตัวอักษรที่ไม่รู้ว่าจะรวมเสียงกันได้อย่างไร นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่พิชชามีโครงหน้าแตกต่างออกไปจากคนอื่นหลายส่วน

   ในขณะที่สามารถหาแผนผังครอบครัวของของทางบิดาได้โดยง่าย ทางผู้ให้กำเนิดเขารู้เพียงชื่อเท่านั้น ไม่มีแม้กระทั่งหลักฐานแห่งการสมรส ไม่ปรากฏว่าตอนนี้อาศัยอยู่ที่ไหนหรือว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แผ่นที่สองเป็นแผ่นข้อมูลการศึกษาตั้งแต่เริ่มชั้นอนุบาลจนถึงปัจจุบัน อายุห่างจากเขาปีกว่าก็น่าจะอยู่ชั้นปีที่สาม ตอนนี้เรียนคณะทางวิทยาศาสตร์ประยุกต์อยู่ในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังห่างจากสถานศึกษาของเขาอีกฟากฝั่งของเมือง

   ทุกอย่างที่ได้มาเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นทั่วไป ส่วนเบื้องหลังเบื้องลึกซึ่งเป็นสิ่งที่เขาต้องการนั้นไม่มีเลยแม้แต่หนึ่งตัวอักษร ลองถามดูแล้วคนรับงานก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างคนจนปัญญา พูดเปิดแบบใจเสียด้วยซ้ำว่าไม่เคยเจองานไหนที่ปะติดปะต่อเรื่องราวยากขนาดนี้

   ยังดีที่ได้ส่วนนี้มา

   Blood type : O RH-

   กลุ่มเลือดหายากเหมือนกับของเขา

   'ไว้รู้จักชื่อผมเมื่อไหร่ค่อยเจอกันใหม่นะครับ'

   เอ่ยคำบอกลาแล้วก็หายลับ บ้านที่อยู่ลึกเข้าไปในซอยพอสมควรทั้งเปลี่ยวแล้วก็อันตราย ทิวากาลที่ไม่อาจทนอยู่นิ่งได้เลยขับรถตามออกไปแทบจะในทันที คำนวณแล้วว่าต่อให้เดินเร็วมากแค่ไหนเขาก็ยังคงตามชายในเสื้อสีขาวนั้นทันอย่างแน่นอน

   เป็นครั้งแรกที่ทิวากาลคาดเดาผิด เพราะขนาดขับจนถึงหน้าปากซอยแล้วกลับไม่พบคนผมยาวนั้นเลย

   นอกจากลบข้อมูล...แล้วยังลบตัวตนได้อีก

   "เครียดอะไรอยู่"

   "หืม"

   "จ้องอย่างกับใบเชิญออก"

   "มีอะไรให้คิดนิดหน่อย" เก็บกระดาษข้อมูลที่มีอยู่น้อยนิดรวมลงไปในแฟ้มเก็บงาน เขายังไม่พอใจระดับความลึกของข้อมูลจนอยากจะเก็บมันไว้วิเคราะห์อีกสักนิด เพื่อนในกลุ่มอีกสองสามคนเดินตามลงมาหลังจากหมดคาบเรียนวิชาเสรีแล้ว ส่วนเขาเองเคยลงตัวนี้ไปแล้วเมื่อตอนปีสาม เลยต้องมานั่งรอเตรียมไปทานข้าวกลางวันด้วยกันเฉยๆ

   ยังคงติดใจกับชื่อของอีกคนอยู่ ชื่อที่ได้ยินแล้วคงนึกถึงผู้หญิงมากกว่า ไม่น่าใช่ผู้ชายผมยาวที่ชอบทำตัวประหลาดจนเกือบเรียกได้ว่าไม่น่าเข้าใกล้อย่างนั้นเลย หรือว่าพ่อแม่อยากได้ลูกผู้หญิงกันนะ

   "เรื่องรูปอะนะ"

   "อย่าพูดเรื่องนั้น"

   บอกห้ามเสียงห้วนไม่ให้พูดถึงเรื่องรูปถ่ายงานบายเนียร์วันก่อน เรียกได้ว่าความพยายามรักษาพื้นที่ส่วนตัวเอาไว้ตลอดเวลาการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยหายไปกับรูปนั้นเพียงรูปเดียว เห็นเพื่อนเล่ากันว่างานนี้เป้าหมายที่จะดึงคนในร่วมกิจกรรมทะลุเป้าไปแล้ว ส่วนตัวเขาเองก็มีสถิติโดนแอดเฟรนด์ในเฟสบุ๊คทะลุเป้าเช่นกัน ไม่รู้สึกแปลกเหรอที่กล้าส่งคำขอเป็นเพื่อนให้กับคนที่เขาอาจไม่รู้จักคุณเลยก็ได้น่ะ ก็รู้กันอยู่ว่าต่อให้ร้องขอมากแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางกดตรงปุ่มเพิ่มเป็นเพื่อนอยู่แล้ว

   "อารมณ์เสียใหญ่ นี่พวกกรรมการรุ่นหน้าบานจะตายห่า"

   "ช่างมัน"

   "เออๆ แล้วเครียดเรื่องอะไร บอกได้นะมึง"

   "พิชชาแปลว่าอะไรวะ"

   "หา?"

   "เคยได้ยินชื่อพิชชาป่ะ มันมีความหมายไหม"

   มันไม่ถึงกับเป็นชื่อที่แปลกเหมือนอย่างบางคนที่เคยเจอ เพียงแค่ได้ยินแล้วตรึงอยู่ในความทรงจำไม่ยอมหลุดหายไปไหน คิดไม่ออกจนต้องลองรับไอเดียของคนอื่นดู

   "มึงก็เปิดกูเกิ้ลดิวะ พิมพ์ไปเลย พิชชา ความหมาย เรื่องแค่นี้เสือกโง่"

   โดนด่ากลับมาเสียอย่างนั้น เขาเออออไปตามคำแนะนำพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหาข้อมูลที่ต้องการบนโลกของอินเทอร์เน็ต เปิดเข้าไปสองสามเว็บจนเจอสิ่งที่ต้องการ

   พิชชา

   ผู้รอบรู้อย่างแจ่มแจ้ง ผู้หยั่งรู้

   เป็นชื่อที่มีความหมายหนักอยู่พอตัวเหมือนกันนะ

   "ชื่อใครวะ มีคนทักมาหรือไง"

   อยากจะบอกว่ายิ่งกว่าทักก็จะมากความ เขาเงียบแทบการบอกว่าจะไม่มีการเปิดช่องให้ถามถึงเจ้าของชื่อที่แปลว่าผู้หยั่งรู้อีก

   "แม่ง เงียบอย่างนี้จะไม่บอกเพื่อนฝูงเหรอ"

   "นั่นดิ ปกติเห็นสนใจแต่น้อง"

   ไม่ว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธย่อมไม่จบอยู่แค่ตรงนี้ ทิวากาลเลยเงียบปล่อยให้เหล่าเพื่อนฝูงได้เปิดประเด็นนินทาต่อหน้าต่อไปอย่างไม่คิดจะเข้าไปห้ามปราม มันก็เรื่องซ้ำๆ เดิมๆ ที่ไม่มีทางจบสิ้นตราบใดที่มนุษย์ยังอยากรู้อยากเห็นอย่างนี้ต่อไปล่ะนะ

   "ไม่บอกเดี๋ยวก็ตามหาเองก็ได้ ไม่น่ายาก"

   "ตามสบายเลยครับเพื่อน" ดูจากวงโคจรชีวิตแล้วไม่น่าจะได้เจอกันง่ายอย่างนั้นเลยปล่อยให้สวมบทนักสืบกันไปตามสะดวก

   "พูดถึงชื่อพิชชานี่กูมีรู้จักคนหนึ่งนะ เป็นรุ่นน้องสมัยม.ปลาย โคตรแปลก"

   "เล่ามา กูอยากเสือกเรื่องของแบล็ค"

   "ไม่น่าเกี่ยวกันหรอก คนนี้ผู้ชาย"

   ข้อมูลค่อนข้างตรงกันเล่นเอามือที่ยังไม่หยุดตามหาข้อมูลบทอินเทอร์เน็ตชะงักค้างไป คงมีไม่มากที่ผู้ชายจะชื่อนี้ เหมือนหลายๆ คนที่คงไม่ได้ชื่อจริงว่าทิวากาลแบบเขา

   "แต่พูดแล้วก็ขอเล่าต่อ น้องแม่งแปลกสัตว์ๆ อะ กูไม่เคยเจอใครแปลกได้เท่านี้เลย"

   "มึงพูดคำว่าแปลกมากี่รอบแล้ววะ ทำไม อะไรจะขนาดนั้น"

   "แปลกดิ กูเรียนอินเตอร์มาใช่ป่ะ แม่งจะไว้ผมทรงอะไรก็ได้ ไอ้น้องคนนี้ก็ไว้ผมยาวแบบยาวกว่าผู้หญิงอีกอะ ตอนแรกกูนึกว่าพวกศาสนาไม่ให้ตัดผม แต่ทุกคนบอกว่าไม่ใช่"

   สิ่งนี้ไม่ควรเรียกว่าความบังเอิญ ภาพในความทรงจำคือชายผมยาวหยักศกที่เห็นเพียงแผ่นหลังยามประตูปิดลง

   เดี๋ยวนะ

   สะดุดกับข้อมูลที่แตกต่างกับกระดาษแผ่นที่เขาเพิ่งอ่านจบ พิชชาเรียนจบชั้นมัธยมจากโรงเรียนเอกชนจากทางภาคเหนือ ไม่ใช่จากโรงเรียนนานาชาติในกรุงเทพอย่างที่เพื่อนเขากำลังเล่าอยู่

   ทำไมรายละเอียดถึงไม่ตรงกัน...

   "พวกสถาปัตย์ไงมึง ไว้ผมยาวกันเยอะแยะ"

   "ไม่อะ มันมีเรื่องอื่นอีก เหมือนน้องเขามีของด้วย"

   "พวกบ้าหอบฟาง?"

   "ถุย! ของแบบสิ่งลี้ดิวะ"

   "บาย เลิกคุย กูไม่ถูกกับของพวกนี้"

   "ก็เคยมีคนไปแกล้งตัดผมน้องเขาไม่ให้รู้ตัวอะ แล้วเด็กพวกนั้นแม่งย้ายโรงเรียนหนีหมดเลย บอกว่ามีอะไรก็ไม่รู้ตามมารังควาน" ท่าสยองขวัญของเพื่อนมากเสียจนอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องพวกนี้มันมีความเป็นไปได้มากแค่ไหนกัน "อยากดูรูปป่ะ เหมือนกูเคยเห็นไอจีอยู่"

   "ส่องครับ จัดไป"

   จากชื่อลากยาวไปถึงการตามหาตัวตนบนโลกออนไลน์ ตรงที่เขานั่งอยู่เป็นโต๊ะไม้ขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับการนั่งของทุกคน และเพื่อให้เห็นโดยทั่วกันเมื่อค้นหาหน้าหลักของอินสตาแกรมเจอแล้วจึงวางลงตรงกลางวง

   "อะ เมื่อก่อนผมยาวกว่านี้อีก"

   นักวิทยาศาสตร์บอกว่าโลกกลม และตอนนี้ทิวากาลเชื่ออย่างนั้น

   แม้ภาพสะท้อนเข้ามาในกระบอกตาจะเห็นเพียงเสี้ยวหน้าเท่านั้น เขาก็มั่นใจว่า 'พิชชา' ที่กำลังพูดถึงคือคนเดียวกับคนที่เข้ามาปั่นป่วนชีวิต

   "เฮ้ย! คนนี้เหรอ กูเพิ่งเจอเมื่อตอนเช้าเองนะ ที่ตึกเรียนรวม" เพื่อนอีกคนที่ไม่ใช่ผู้เล่าเรื่องร้องแทรกขึ้นมา

   "อะไรนะ?"

   "เจอมาเมื่อเช้า เดินสวนกันตรงทางเข้าตึก ตอนแรกกูก็นึกว่าผู้หญิงแต่ตัวสูงเกินไป" ท่าทางเลียนแบบทรงผมยาวหยักยิ่งเพิ่มการการันตีเข้าไปใหญ่ "เรียนอยู่ที่นี่เหรอวะ ไม่เคยเห็นเลย"

   "ไม่นะมึง น้องเขาไม่ได้อยู่ที่นี่"

   "เหรอ แต่กูเห็นถือชีตมาเรียนเลยนะ"

   "บ้า กูจำได้ว่าเคยเห็นน้องเขาถ่ายรูปกับเพื่อนที่ม.อื่น"

   ใช่ ควรเรียนอยู่ที่อื่น ...แล้วทำไมข้อมูลบนโลกโซเชียลนี้ถึงไม่ปรากฏอยู่บนกระดาษที่เขาได้รับมา ตามปกติแล้วมันควรจะมีการบอกไว้ไม่ใช่หรือไง

   "มาหาเพื่อนล่ะมั้ง"

   "มั้ง กูหิวแล้วไปแดกข้าวกัน"
   
   พอหมดข้อมูลแบล็คก็เลยต้องพับเก็บโครงการที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับอีกคนเพิ่มไป ไว้เย็นนี้ค่อยลองกลับไปสืบหาเองก็ได้ อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้ชื่อไอจีของพิชชามาแล้ว ถ้าโชคดีอาจพาไปเจอเฟสบุ๊คหรือไม่ก็แอคเคาท์อื่นๆ ที่จะทำให้เขารู้จักอีกฝ่ายมากกว่านี้

   ไม่อยากรู้จัก

   ...แต่ส่วนลึกในใจบอกว่า 'ต้อง' รู้จัก



   "นั่นไงน้องพิช"
   
   ทุกสายตาของคนกลุ่มใหญ่หันไปตามมือที่ชี้เป็นทางเดียว หนึ่งในนั้นก็คือทิวากาลที่มองไปเห็นตอนชายหนุ่มผมยาวกำลังก้มหน้าหาอะไรในกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กอยู่ โดดเด่นเกินใครจนละสายตาออกไปไม่ได้

   ไม่ถึงเสี้ยววินาทีนัยน์ตาทรงแปลกก็เงยขึ้นมาสบสายตาของเขาอย่างจัง ใบหน้าเด่นไม่มีแววประหลาดใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง

   ต่างจากเขาในตอนนี้

   "ฉิบหายล่ะ รู้แน่เลยว่าพูดถึงอยู่"

   "ไอ้บ้า ห่างกันตั้งไกล แม่งมองคนอื่นรึเปล่า"

   ไม่...ทิวากาลรู้ว่าสายตาที่จ้องตรงมามันหยุดอยู่ที่เขา

   "เรียนอยู่ที่นี่จริงเหรอวะ ทำไมกูไม่เคยเจอเลย"

   เห็นว่าโบกมือลากับเด็กอีกกลุ่ม แล้วก็ยังมีหนังสือเรียนเล่มหนาอยู่ในมืออีกต่างหาก เพียงพริบตาเดียวร่างของเด็กปีอ่อนกว่าก็หายไปตรงมุมตึก ทิ้งให้กลุ่มผู้ชายช่างเจรจาเปิดวงสนทนาต่อไปไม่มีหยุด

   "แปลกแบบที่กูบอกไหมล่ะ"

   "เออ แค่เห็นหน้ายังรู้สึกไม่อยากเข้าใกล้"

   "แม่ง กูรู้สึกเหมือนตอนเจอแบล็คครั้งแรกเลย คล้ายๆ กัน" หันไปมองหน้าชายร่วมกลุ่มที่เริ่มคิ้วขมวดจนใกล้จะชิดกันแล้ว มองหน้ากลับพลางทำหน้าตาล้อเลียน "ดูเฮฮาแต่ก็ไม่อยากเข้าไปรู้จักเท่าไหร่"

   "งั้นเลิกคบกันตอนนี้ไหม"

   "ไม่ทันแล้วไหมสัตว์ แต่ฟีลเหมือนตอนกูเจอมึงจริงๆ อะ"

   ผู้ชายตัวสูงเด่น หน้าตาดี แต่ไม่ยอมยิ้มเต็มสักเท่าไหร่ ในการทำกิจกรรมก็ไม่ให้ความร่วมมือแถมยังส่งสายตาเย็นๆ ใส่ทุกคนที่คิดจะเข้าใกล้อีก จนกระทั่งช่วงเริ่มเทอมหนึ่งมาแล้วดันได้ทำงานอยู่ด้วยกันในหลายวิชาถึงรู้ว่าสีดำเองก็ไม่ได้หยิ่งหรือว่าเป็นคนที่พูดน้อยแต่อย่างใด

   ถึงอย่างนั้นในหลายครั้งทิวากาลก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นคนที่อยู่ต่าง 'ระดับ' กันได้อยู่ดี

   "งั้นแยกเลยนะ กูกลับล่ะ"

   บอกแล้วว่าแค่แวะมานั่งทานข้าวด้วยกันให้ครบ ไม่อย่างนั้นก็ต้องนั่งกินคนเดียวอยู่ดีเพราะว่าน้องโรมคงมีคนทานด้วยแล้ว

   จากโรงอาหารไปยังลานจอดรถอยู่ห่างกันไม่ไกลนัก แบล็คยกมือขึ้นป้องกันแสงแดดที่สาดเข้าเต็มหน้าพลางล้วงหากุญแจรถในกระเป๋ากางเกง แอบรู้สึกว่ามันเปลืองน้ำมันนิดหน่อยที่มาทำอะไรอย่างนี้แต่เทียบกับการได้รู้ข้อมูลเพิ่มแล้วก็พอหักลบกันได้ มีแหล่งข้อมูลอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมคงไม่ยากมากเท่าไหร่ ต้องกลับไปตรวจสอบส่วนที่ไม่เหมือนกันด้วย เป็นเรื่องที่น่าแปลกสำหรับกลุ่มคนที่ทำงานไม่เคยพลาดอย่างนั้น

   "..."

   หรือเขาควรเริ่มตรวจสอบจากคนตรงหน้า

   "พิชชา"

   เรียกชื่อคนที่ยืนพิงกระโปรงรถอีโค่คาร์ห้าประตูเอาไว้ราวกับเป็นทรัพย์สินส่วนตัว วันนี้พิชชามาในชุดน้ำเงินกรมท่า เสื้อแขนยาวรุ่ยร่ายกับกางเกงผ้าเนื้อสบายสีขาว ยังมีสร้อยคอสายยาวเส้นเดิมเป็นเครื่องประดับ แต่งตัวแปลกอย่างกับพวกโบฮีเมียนย่อมๆ

   "ทิวากาล"

   ยามชื่อจริงของเขาออกมาจากปากของอีกฝ่ายยิ่งกระตุกทุกความระแวง อยากรู้เหลือเกินว่าข้อมูลของเขาที่อีกฝ่ายรู้มันมีมากขนาดไหน...

   "จะให้หาอะไรอีก"

   "คงหาได้ไม่มากไปกว่านี้หรอกครับ"

   นัยน์ตาสีแปลกพราวระยับ ราวกับมีความสุขจนล้นกับการได้เห็นเขาเดินไปตามแผนที่วางเอาไว้ "คุณก็รู้ดีนี่นา"

   "มาทำไม" หรือว่านี่คือการเจอกันภายหลังจากได้บอกไว้ รู้ชื่อเมื่อไหร่เขาจะกลับมา

   "มาเอาของของผมคืนน่ะครับ"

   ไม่เข้าใจว่าการที่ยิ้มให้แล้วทวงหาของนั่นมันคืออะไร คนที่ตัวเล็กกว่าไม่มากเท่าไหร่เลิกคิ้วขึ้นสูงตอนที่สีดำไม่ยอมขยับตัวไปไหน

   "คุณไม่ได้ลืมอะไรไว้กับผม" ในรถก็ไม่มีของหล่น เงินค่าอาหารมื้อนั้นเขาก็เป็นคนจ่าย ไม่มีอะไรที่มีเจ้าของชื่อพิชชาแล้วอยู่กับเขาตอนนี้

   "ผมหมายถึงข้อมูลของผม"

   ความหมายของชื่อที่แปลว่า 'ผู้หยั่งรู้' ไม่ได้เกินไปกว่าสิ่งที่เขาเป็นเลย

   "ส่งมาให้ผมด้วยครับราชา" มือขาวที่แบอยู่ตรงหน้ากวักเข้าออก "มันไม่สำคัญกับคุณขนาดนั้นหรอก"

   ที่เพื่อนของเขาบอกว่าเด็กคนนี้แปลก...มันเป็นอย่างนั้นจริง

   หยิบกระดาษที่เก็บรวมกับชีตเรียนออกมา ยอมส่งคืนไปให้โดยไม่อิดออดอะไรให้มากความ ยืนมองอีกฝ่ายอมยิ้มให้กับกระดาษตรงหน้าอยู่อย่างนั้น ไม่อาจคาดเดาได้ว่าข้างในกำลังคิดอะไรอยู่ คนที่ต้องมาอ่านประวัติของตัวเองนี่ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจบ้างหรือไง

   ผิวขาวตัดกับสีผมชัด ผมยาวระเต็มกรอบหน้า เห็นแล้วรู้สึกร้อนแทน ในประเทศที่มีเพียงฤดูร้อนกับฤดูร้อนมากเขาไม่เห็นความเข้ากันของการไว้ผมยาว ยิ่งกับผู้ชายแล้วก็ไปกันใหญ่ ไม่รู้จักมัดผมบ้างหรือไงเขาเกลียดคนที่มีผิวสีอย่างนี้ ดูอ่อนแอจนน่ารำคาญตา อย่างน้องสาวเขาเองก็เหมือนกัน จะต่างกันหน่อยก็ตรงที่รัตติกาลมีเพียง 'ภายนอก' เป็นอย่างนั้น หากได้รู้จักถึงข้างในแล้วถึงจะรู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิดสักนิด ผู้หญิงคนนั้นเข้มแข็งมากกว่าใครที่เคยเจอ

   เสียงหัวเราะในลำคอปลุกเขาออกจากภวังค์ ทิวากาลกระพริบตาไล่ความพร่ามัวออกไปให้ความคมชัดกลับมาสู่กรอบหน้าที่ลงตัวหมดจด ต้องผสมเชื้อกี่ชาติกันนะถึงออกมาเป็นคนตรงหน้าได้อย่างนี้

   "คนหาข้อมูลเก่งนะครับ" หลังจากพลิกไปมาสองสามครั้งคำเปรยก็มาพร้อมกับการสะบัดแผ่นกระดาษ "แต่ยังไม่พอ"

   ยื่นเอกสารทั้งหมดกลับมาราวกับว่าเป็นสิ่งไร้ค่าเหลือเกิน ต่อให้ประหลาดใจมากแค่ไหนตอนนี้ทิวากาลก็ได้แต่รับมันกลับมา

   "อย่างน้อยก็น่าจะรู้ว่าผมเรียนที่นี่มาได้สามปีแล้วนะ"

   มันไม่ควรจะเป็นอย่างนี้

   "ของไม่มีประโยชน์พรรณนี้ไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ"

   สลักไม้ขีดไฟแบบโบราณที่มีก้านไม้เหลืออยู่ข้างในนั้นเพียงสองก้านถูกเสกเข้ามาอยู่ในมือเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พิชชาสะกิดปลายหัวไม้ขีดกับหัวเชื้อเพียงแค่ครั้งเดียวไฟก็ลุกติดขึ้นมา จากนั้นจึงยื่นไฟสีแดงฉานไปจ่อขอบกระดาษสีขาว

   ต่อให้เด็กแค่ไหนก็รู้ว่ากระดาษติดไฟได้ง่าย

   จากกระดาษสี่เหลี่ยมกลายเป็นเศษไหม้สีดำร่วงหล่นกับพื้น แผ่นสีขาวถูกไฟกลืนกินไปเรื่อยๆ แต่ราชาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือออก เขามองลึกเข้าไปในนัยน์ตาที่กลายเป็นสีน้ำตาลเข้มยามสะท้อนกับแสงแดด พยายามเดาความคิดของอีกคนว่ากำลังนึกถึงเรื่องอะไรอยู่

   ต่างฝ่ายต่างนิ่งอยู่อย่างนั้นจนสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่ปลายนิ้ว ทิวากาลคงหน้ากากไร้ความรู้สึกของน้องสาวเอาไว้ ในขณะที่พิชชาขยับมุมปากขึ้นหน่อยก่อนที่จะย่อตัวให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับมือของอีกคน
   
   หลายคนไม่ชอบสบตากับทิวากาล บอกว่าเวลาถูกจ้องมันเต็มไปความความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกจนต้องหลบเสีย เขาเข้าใจคำอธิบายก็ตอนนี้ ตอนที่นัยน์ตารีสวยที่สะท้อนประกายเปลวไฟช้อนขึ้นมาสบ
   
   ขณะริมฝีปากสวยได้รูปบรรจงเป่าให้เปลวไฟดับลง

   ความร้อนเกือบทำร้ายผิวหนังไม่อาจสู้ลมบางเบาที่ถูกเสกสรรขึ้นได้ สัมผัสตรงปลายนิ้วนั้นเย็นเฉียบ มากเกินไปสำหรับอากาศตอนกลางวันอย่างนี้

   มันคือสารเตือนถึงราชา

   ว่าบัลลังก์ไม่ได้มั่นคงอย่างที่เขาคิดอีกต่อไป

   "ทีหลังไม่ต้องไปแอบตามหาอย่างนี้ก็ได้นะครับ ถามผมเองเลยน่าจะได้ข้อมูลที่ตรงกว่านะ"

   แล้วใครบอกว่าให้รู้จักก่อนถึงจะมาให้เจอล่ะ!

   "อยากให้ผมหาอะไรอีก" ทุกอย่างล่อให้เขาถาม ถ้าอยากให้ทำอย่างนั้นก็จะทำให้ "นอกจากชื่อพิชชา"

   "อยากให้คุณรู้ทุกอย่าง"

   บอกสั้น กระชับ แล้วก็ได้ใจความจนเหมือนใครอีกคน

   "ก็บอกมาสิ"
   
   "ไม่ครับ" ไม่ต่างแม้กระทั่งการปฏิเสธที่ไม่ต้องการคำอ้อมโลก "ให้คุณหาเองสนุกกว่านี่"

   "ผมไม่สนุก แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย"

   "จริงเหรอครับ?"

   อะไรคือขึ้นเสียงสูงท้ายคำเหมือนการล้อเลียน ยิ้มหยีจนไม่เห็นนัยน์ตาสีประหลาด "ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ต้องรู้อยู่ดี"

   "..."

   "มีอะไรที่คุณยังไม่รู้..." เสียงใสลากท้ายคำยาว มือที่ว่างอยู่ยกขึ้นมาปัดเศษไหม้สีน้ำตาลที่ติดอยู่ตรงแก้มของทิวากาล มือพิชชาเย็นราวกับน้ำแข็งเล่นเอาเขาเกือบสะดุ้ง "อีกเยอะแยะเลยล่ะ"

   "จะให้ทำอะไรก็บอกมา"

   ได้เวลาพูดออกไป ถ้าผู้ชายคนนี้จะพาตัวเองเข้ามาให้เขาเห็นได้ขนาดนี้แล้วล่ะก็คงไม่ต้องถามอะไรเพิ่มเติม เขายังหายใจอยู่ได้อย่างนี้เพราะเลือดของอีกฝ่าย เพราะอย่างนั้นก็ต้องตอบแทน

   ถ้าได้อะไรมา...ก็ต้องเสียอะไรไป

   "อยู่กับผม"

   ทิวากาลไม่รู้ว่าจะเรียกสิ่งนั้นว่าคำร้องขอหรือว่าคำสั่ง

   หรือแค่ไม่อยากยอมรับว่าคนที่อยู่บนยอดสูงสุดอย่างเขากำลังฟังคำบัญชาของคนอื่น

   "แค่นั้น?" ที่ไม่อยากจะหัวเสียให้เห็นก็ทำไม่ได้เสียแล้ว

   "ใช่"

   นั่นคือประกาศิตจากผู้หยั่งรู้ที่ชื่อพิชชา

   "ตกลง"

   บอกสบายๆ พลางล้วงหากล่องบรรจุนิโคตินในกระเป๋า หยิบมวนแท่งขนาดมาตรฐานขึ้นมาคาบไว้เตรียมจุดให้ประกายไฟเกิด และคนตรงหน้าก็เร็วกว่าด้วยการจุดไม้ขีดก้านสุดท้ายจ่อมาที่เขาแบบไม่ต้องร้องขอ ทิวากาลสูดลมหายใจเข้าไปเพื่อให้ปลายมวนติดไฟ ยาเส้นชนิดที่สูบจนเป็นปกติวันนี้รสปร่าไปกว่าทุกที

   ควันสีเทากึ่งมุกลอยฟุ้ง แบล็คมองสสารความหนาแน่นต่ำลอยตัวขึ้นสูงเรื่อยๆ จนหายลับไป สารเสพติดที่เข้าไปในร่างกายช่วยให้นิ่งลงได้มาก อัดเอาของอันตรายเข้าปอดไปอีกสามสี่ครั้งเท่านั้นก็ดับมันเสียด้วยปลายเท้า กลับไปเผชิญหน้ากับคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ออกอาการใด

   "รับรองว่าผมจะใช้คืนจนครบทุกหยด!"

   เป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม เขาไม่รู้ระดับความเสี่ยงสูงสุด แต่อย่างน้อยก็รู้ได้ว่ามันไม่ใช่การร้องขออะไรที่ไร้เหตุผล แค่การสะกดรอยตามครั้งนั้นก็พอทำให้เขารู้ได้แล้วว่าคนตรงหน้ามีเรื่องราวเบื้องลึกที่มากกว่านั้น อย่างน้อยก็อาจให้คำตอบตัวเองได้ว่าพิชชาทำทั้งหมดไปเพื่ออะไร

   "ผมประทับใจจัง" พิชชายกมือสองข้างขึ้นประกบกันเป็นการประกอบความรู้สึกของตัวเอง แล้วนัยน์ตาที่เขาอ่านไม่ออกก็เบิกกว้างขึ้นกะทันหัน "อ้อ! คุณรู้ไหมครับว่าสีดำเองก็มีหลายเฉด"

   ดูไม่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่พูดก่อนหน้า แบล็คนึกถึงความรู้อันน้อยนิดเกี่ยวกับทฤษฎีสีตามที่เพื่อนเคยเล่าให้ฟัง

   ทินท์คือการผสมสีขาว

   โทนคือการผสมสีเทา

   และเฉดคือการผสมสีดำ

   "ลองไปหาชื่อเล่นของผมดูนะครับ"

   เพราะสิ่งที่ทิ้งท้ายไว้สิ่งแรกที่ทิวากาลทำยามกลับมาถึงห้องพักของตัวเองคือการเปิดโน้ตบุ๊กขึ้นมา ชื่อเล่นที่เพื่อนเขาใช้เรียกพิชชาคือพิช

   ไม่เจอความหมายที่ต้องการในการค้นหาศัพท์ภาษาไทย คิดถึงชื่อเล่นของตัวเองที่ต้องหาความหมายในภาษาอื่นเลยลองเปลี่ยนคำที่ใช้ในการค้นหาดู

   คำแปลที่ปรากฏขึ้นมาในอันดับแรกบอกว่าความหมายคือ ขว้าง ทำให้ตก ระดับเสียง น้ำมันดิบ ไม่มีอะไรที่น่าจะเป็นความหมายตามที่พิชชาต้องการจะสื่อถึง

   จนกระทั่งความหมายสุดท้าย

   Pitch Black (ADJ.) - สีดำสนิท


***
   ผ่านมาสามตอนได้เฉลยชื่อเรื่องสักทีค่ะ นี่คือเหตุผลที่เจ้าตั้งชื่อเรื่องของพี่แบล็คอย่างนี้ แต่อย่าเพิ่งตัดสินใจจากชื่อเรื่องนะคะ เพราะเจ้าเองก็ยังไม่คิดถึงเรื่องนี้เลยค่ะ (ฮา)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2016 18:15:19 โดย 23August »

ออฟไลน์ Warnkt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.3-2 [24.06.16]
«ตอบ #26 เมื่อ25-06-2016 21:07:18 »

ดูลึกลับไงไม่รู้ แต่เหมือนมันจะมีแต่ความมืดอะ อย่าเศร้ามากน้าาา :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.3-2 [24.06.16]
«ตอบ #27 เมื่อ06-07-2016 17:10:57 »

ตามมาจากที่หนึ่ง
ทำไมเรื่องนี้ดูลึกลับกว่าเรื่องนู้นอีกกกก
ติดตามนะคะ ชอบทุกเรื่องที่คุณแต่งเลยค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.4-1 [09.07.16]
«ตอบ #28 เมื่อ09-07-2016 11:34:37 »

CH.4-1

   "หัวใจอยู่ที่ไหน?"

   "อกด้านซ้าย ถ้าคนที่ผิดปกติก็จะอยู่ด้านขวา"

   "แล้วหัวใจจะอยู่ที่อื่นบ้างได้ไหม?"

   "..."

   หันหน้าไปทางตุ๊กตาหน้ารถที่ไม่ยอมคาดเข็ดขัดตามคำสั่งเสียที เช้าวันเสาร์ควรจะเป็นอย่างทุกทีคือตื่นขึ้นมาบนที่นอนในบ้านของตัวเอง เอ้อระเหยจนบ่ายถึงออกไปไหนมาไหนบ้างตามอารมณ์ กลับเป็นว่าต้องกลายมาเป็นคนขับรถให้กับชายผมยาวที่ยังทำตัวมีลับลมคมในอยู่ตลอดเวลา

   บอกแล้วว่าการพากลับมาบ้านนี่มันคือฆ่าตัวตาย

   รัตติกาลมาเคาะประตูห้องตอนประมาณแปดโมง ซึ่งประจวบเหมาะกับเวลาที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จ บอกสั้นๆ แค่ว่ามีคนมาหา เขาก็คิดอยู่นานสองนานว่าจะมีใครมาหาได้นอกจากคนรู้จักในวงสนิท กระทั่งลงไปเจอพิชชาเดินเล่นอยู่ในสวนป่าหลังบ้านนั่นแหละความสดใสของอากาศทั้งหมดก็พลันหายวับไป

   ไม่อยากคิดเลยว่ากลับไปจะต้องโดนน้องสาวซักแบบหมดเปลือกแน่ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ก็ถือว่าเป็นโชคดีที่น้องโรมไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นล่ะบ้านแตกก็งานนี้

   "คุณว่าไง?"

   เพราะยังไม่ได้คำตอบพิชชาเลยถามซ้ำอีกครั้ง ทิวากาลกลับมามองการจราจรด้านหน้าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เสยท้ายรถกระบะขึ้น

   "เรามีชีวิตอยู่ได้เพราะหัวใจยังเต้นอยู่"

   "แต่ทศกัณฐ์ยังมีชีวิตอยู่ได้เลยนะครับ ทั้งที่เอากล่องดวงใจไปฝากไว้กันคนอื่น"

   "นั่นมันวรรณคดี"

   "งั้นเหรอ" การทอดเสียงยาวออกไปในขณะที่สายตาของพิชชามองไปอีกฟากของกระจกทำให้ราชาไม่อาจรับรู้ได้ว่าความหมายของมันควรจะตีความในทางไหน "แปลกจังนะ..."

   "แล้วจะให้อยู่ที่ไหนล่ะ?"

   "เป็นคำถามที่ดีนะครับ"

   "คุณเป็นคนเริ่มถามก่อนนะพิชชา"

   "แต่คุณก็ถามผมกลับมาเหมือนกันนะครับทิวากาล"

   คนที่อายุน้อยกว่าประมาณหนึ่งปีนี่ทำตัวยอกย้อนได้ขนาดนี้เลยสินะ ขาซ้ายเหยียดออกไปเพื่อชะลอรถหลังจากที่เห็นแล้วว่าข้างหน้ามีไฟจราจรสีแดงปรากฏอยู่ ท่องเตือนตัวเองไว้ว่าห้ามถลำตัวเองลงไปตามการชักจูงเด็ดขาด เขาพลาดมาหลายรอบแล้ว มันไม่ควรมีครั้งต่อไป

   "เดี๋ยวเลี้ยวขวาใช่ไหม?"

   "ครับ"

   มีอย่างที่ไหนมาเสกให้คนอื่นกลายเป็นคนรับใช้ไปเสียได้ เจอหน้าก็เอาแต่สั่งให้ทำนู่นทำนี่ แผนที่สักหน่อยก็ไม่มีให้ ลำบากต้องมานั่งค้นหาในอินเทอร์เน็ตเอาเองอีก ยังดีหน่อยที่หาเจอง่าย ไม่เหมือนร้านอาหารที่เขาลองตามหาบนอินเทอร์เน็ตแล้วแทบไม่เจอการรีวิว

   น่าแปลกที่ร้านอย่างนั้นน่าจะมีคนสนใจจำนวนมาก แค่ได้ลงในอินเทอร์เน็ตนิดหน่อยก็เรียกลูกค้าได้ไม่หวาดไม่ไหวแล้ว อย่างกับไม่อยากให้ใครไปเจออะไรอย่างนั้น

   ...เหมือนคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง

   "ไม่คิดจะบอกหน่อยเหรอว่าจะไปทำอะไร มารบกวนผมขนาดนี้น่ะ"

   "อ้าว ก็คุณจะคอยอยู่กับผมไม่ใช่เหรอครับ"

   "การที่บอกว่า 'ช่วยไปส่งหน่อย' มันคือการอยู่กับคุณตรงไหน?"

   "งั้นไว้เรียกเก็บเงินปลายทางแล้วกันครับ รับรองว่าจะจ่ายให้ครบทุกสตางค์"

   เขากำลังเลียนคำพูดที่ทิวากาลเคยให้เอาไว้ พิชชาคือคนใช้คำพูดเป็น ไม่ใช่แค่ใช้คำพูดได้ โดยเฉพาะตอนเอาไปรวมกับเสียงใสติดล้อเลียนอย่างนั้นแล้วด้วย ต้องขอบคุณคนรอบตัวที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้มากจนการยั่วโมโหไม่สามารถทำอะไรได้

   ไปเอานิสัยอย่างนี้มาจากใครกัน

   "หึ..."

   "คิดว่าไม่น่าจะนานครับ แถวนั้นมีที่เดินเล่นเยอะอยู่"

   "ก็กลางใจเมืองนี่"
   
   มีคำถามอีกเยอะแยะ แต่ไม่อยากจะถามแล้วโดนย้อนอย่างเมื่อสักครู่อีก พิชชาเป็นคนเก่งที่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดได้ตลอดเวลาต่อให้คนผมยาวแค่นั่งอยู่เฉยๆ บางทีเห็นหน้าก็พาลไม่อยากจะพูดดีด้วย

   ปลายทางที่ว่าคือโรงแรมหรูห้าดาวแพงระยับเอาไว้รองรับคนชาติอื่น ตั้งแต่ทางเข้าเห็นว่ามีคนไทยเดินสวนไปมาไม่ถึงห้าเปอร์เซนต์เสียด้วยซ้ำ เก็บความสงสัยไว้กับตัวว่าทำไมถึงต้องให้เขามาส่งที่นี่ จัดการจอดรถให้เข้าซองตามที่กำหนดเอาไว้

   เหมือนกับทุกวันพิชชามาในชุดเสื้อฝ้ายตัวโคร่งแขนยาว วันนี้ต่างจากสองวันก่อนหน้าตรงที่ใส่ชุดสีเขียวแก่ประดับลวดลายสีเขียวอ่อน กางเกงก็เป็นยีนส์ขาตรงกับรองเท้าหุ้มส้นแบนเหมือนงานแฮนด์เมด ส่วนที่ลืมพูดถึงไปไม่ได้ก็คือเครื่องประดับชิ้นเดิมที่ดูเข้าได้กับทุกชุด

   ทิวากาลเดินตามไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจรอบข้างมากนัก คนที่เอาแต่พูดเรื่องเข้าใจยากเดินนำไม่หันกลับมามองสักเล็กน้อยว่ามีคนเดินตามหรือเปล่า เมื่อเข้าไปยังส่วนกลางของโรงแรมชายผมยาวก็เลี้ยวไปยังส่วนของเคาท์เตอร์ ยังไม่ทันที่จะเข้าไปประชิดตัวก็ออกเดินต่อไปทางลิฟต์ที่อยู่ถัดออกไปไม่ไกล

   "ชั้นยี่สิบสาม"

   บางทีเขาคงต้องเคลียร์นิยามของคำว่า 'อยู่กับผม' เสียใหม่ เพราะดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาคิดกับสิ่งที่พิชชาเข้าใจมันเป็นหนังคนละม้วนเลยทีเดียว

   กดเลขที่บอกจากปุ่มเรียงตัวยาวเหยียด ความเร็วของการเคลื่อนตัวมากจนรู้สึกหูอื้อไปชั่วขณะ เริ่มนับเลขได้ไม่เท่าไหร่ประตูทั้งสองข้างก็แยกออกจากกัน แบล็คเปลี่ยนไปกดปุ่มเปิดค้างไว้ รอให้ผู้ร่วมลิฟต์เดินออกไปโดยทิ้งท้ายไว้เพียงไม่กี่คำ

   "ทุกอย่างเริ่มเดินแล้วนะครับราชา"

   เขาไม่รู้ว่าอะไรเริ่มเดิน เวลา? การแสดง? หรือจะเป็นอย่างอื่นอย่างใดที่ไม่อาจเข้าใจได้

   ทั้งชั้นกว้างมีห้องพักอยู่เพียงไม่กี่ห้อง ปล่อยให้พิชชาเดินนำแบบเดิมโดยตัวเองเว้นระยะห่างไว้สองก้าว บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบสงัด ไม่มีแม้กระทั่งเสียงเดินเสียดสีไปกับพื้นพรม ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดที่วันนั้นเขาไม่ได้ยินเสียงอีกคนเดินเข้ามาใกล้ การก้าวด้วยจังหวะพอดี ไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป ทุกท่วงท่าสวยงามแบบที่ไม่ต้องแปลกใจเลยหากรู้ว่าได้รับการเคี่ยวเข็ญมามากแค่ไหน

   ห้องที่ทั้งสองหยุดอยู่ตรงหน้าคือห้องริมสุดทางเดิน ผู้หยั่งรู้ยืนรออยู่อย่างนั้นเรียกให้เขาทำตาม ยังไม่ทันไรที่จับตรงประตูแบบอิเล็กทรอนิกส์ก็เปลี่ยนองศาตามแรงจากอีกฟาก พร้อมกับการปรากฏตัวของชายตัวใหญ่ในชุดสูทเต็มยศอย่างผู้รักษาความปลอดภัย

   "สวัสดีครับ" เป็นพิชชาที่ทักทายก่อน "เก่งเหมือนเดิมเลย"

   ตำแหน่งคนเฝ้าประตูที่ทิวากาลตั้งให้ชั่วคราวไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา คนอยู่อีกฝั่งของประตูหรี่ตาลงยามเห็นว่าแขกในวันนี้มีคนอื่นอีก สายตาที่มองมาอย่างกับประเมินราคาสินค้าไม่สบอารมณ์ของทิวากาลมากเท่าไหร่นัก

   "มาแล้วเหรอพิชชา"

   หลุดเข้าไปอยู่ในตัวห้องได้ไม่ทันไรก็มีอีกเสียงดังขึ้น ไม่เหลือเวลาให้ราชาได้สำรวจรอบบริเวณห้องที่ประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ด้านในสุดของห้องกว้างมีชายวัยกลางคนในชุดสูททรงพอดีตัวหมุนตัวกลับจากการชื่นชมทิวทัศน์ภายนอก

   "..."

   ไฮโซชื่อดังที่เห็นหน้าตามนิตยสาร

   หนุ่มกว่าที่เห็นในรูป แต่ว่าตัวเล็กไปหน่อย ถ้าเอาตามความคิดเดิมก็ผิดจากที่เคยเข้าใจไปมากอยู่ ถามว่ารู้จักอยู่แล้วหรือเปล่าทิวากาลคงตอบว่าไม่ได้อยากรู้จัก และถ้าทำได้ก็ไม่อยากจะเห็นหน้าแล้วคุ้นอย่างนี้เหมือนกัน

   คนที่สีดำบอกว่าไม่อยากจะรู้จักชี้นิ้วมาพลางถาม "นั่น...?"

   "ตามมาด้วยครับ"

   "หืม คนอย่างพิชชาน่ะเหรอยอมให้คนอื่นตามมา?"

   "คนอย่างผมนี่แหละครับ"

   "หน้าคุ้น"

   ควบคุมใบหน้าไม่ให้แสดงพิรุธใดๆ ออกไป หัวใจที่เคยควบคุมได้กลับเร่งจังหวะการเต้นจนเขาต้องรีบยิ้มกลบเกลื่อนรอยกังวลเสีย ทิวากาลมีประสบการณ์ในการติดต่องานกับคนอายุมากกว่ามากพอสมควรเลยรู้ดีว่าควรจะตอบกลับไปอย่างไร

   "ผมเป็นพวกคนหน้าโหลน่ะครับ"

   โกหกทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเพราะอะไรอีกฝ่ายถึงบอกว่าคุ้นหน้า

   "ไม่มีใครบนโลกนี้ที่หน้าเหมือนกันหรอก ทุกคนมีความแตกต่างกันมากน้อยเท่านั้นเอง"

   "งั้นผมก็คงเป็นพวกที่มีความแตกต่างน้อย”

   "ตรงตานี่เหมือนที่สุด" ชายที่ทิวากาลยังไม่ทราบลักษณะความสัมพันธ์ของเขากับพิชชายกมือขึ้นเคาะบริเวณขมับของตนเอง "แข็งไม่ยอมคน แต่ก็อ่อนโยนได้"

   "ขอบคุณสำหรับคำชมครับ"

   "แปลก...เราไม่เคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม?"

   "ครับ"

   ยามที่ตอบกลับไปเสียงของราชาไม่ทอดอ่อนเหมือนกับทุกประโยคก่อนหน้าจนเหมือนเป็นการสั่งเสียมากกว่า "คุณไม่เคยเจอครับ"

   "ก็นั่นสิ คนอย่างเธอถ้าเคยเจอคงลืมไม่ลง" ชายวัยกลางคนส่งรอยยิ้มมาให้ ก่อนหันไปคุยกับคนที่ยืนอยู่ข้างเขา "งั้นเริ่มเลยไหม จะได้ไม่เสียเวลา"

   "ได้เสมอครับ"

   คนที่คงรู้จักกันมาก่อนแล้วเดินเคียงคู่กันไปยังอีกส่วนของห้อง ทิวากาลเดินตามไปแบบคนที่ไม่รู้สถานการณ์อะไรมาก มาทำอะไรที่นี่ เพราะอะไรถึงต้องมาเจอกันในสถานที่อย่างนี้ด้วย

   มือข้างหนึ่งของผู้คุมในชุดสูทยื่นออกมากันทางเข้าเอาไว้ ทิวากาลเลิกคิ้วเป็นคำถามให้ทั้งคนที่เดินเข้าไปก่อน พิชชาหันมาพยักหน้าให้เหมือนกับพูดซ้ำในสิ่งที่ได้บอกแล้วตอนอยู่ในรถ ประตูที่เปิดกว้างเอาไว้ปิดลงอย่างรวดเร็ว แบบที่เขาไม่ทันจะได้เหยียบขอบประตู นี่คือการบอกให้ลงไปเดินเล่นสบายใจรอจนทำธุระเสร็จหรือไง!

   "ถ้าหิว ตรงนั้นมีของทาน"

   บานประตูย่อยปิดลงไปแล้ว และคนเผ้าประตูก็ยอมเปิดปากเสียที เขามองตามมือของอีกคนที่ชี้ไปตรงเฟอร์นิเจอร์บิลท์อินของห้องครัว ปฏิเสธกลับด้วยการเลี่ยงตัวไปอยู่ตรงระเบียงกว้างติดกระจกใสโดยรอบจนเหมือนตัวเองเป็นปลาในขวดโหล

   อยากจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบให้หายฟุ้งซ่าน ติดว่าที่นี่ไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัวของเขา ชายหนุ่มผมยาวไปหาเขาถึงบ้านตอนเช้าก็รบกวนใจอยู่แล้ว ยิ่งมารู้ว่าคนที่พิชชามาหาคือชายคนนี้มันก็ยิ่งยุ่งเหยิงในหัวสมองเข้าไปใหญ่

   สองคนนั้นรู้จักกันได้อย่างไร

   จนสุดท้ายก็ต้องยอมกดลิฟต์ลงมาชั้นล่างอย่างที่ถูกสั่งเอาไว้ เขาไม่รู้ช่วงเวลาที่ควรกลับขึ้นไป อารมณ์ไม่ดีจนถึงขั้นพร้อมจะปล่อยทุกคำสัญญาให้หายไปตามสายลม เอาเป็นว่าถ้าเขาอยากกลับขึ้นไปเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ถ้ารอไม่ได้ก็หาทางกลับเองแล้วกัน

   บริเวณส่วนกลางของโรงแรมมีโซฟาหลายรูปแบบคอยให้บริการลูกค้าตามความต้องการ ทั้งแบบเก้าอี้นวมไปจนถึงชุดเก้าอี้แบบทันสมัยเล่นโครงสร้างแปลก มีหลากหลายอิริยาบถให้เลือกชม ทั้งนอนหลับ คุยโทรศัพท์ ดูซีรีย์ในเครื่องแท็บเล็ท ไปจนถึงชาวต่างชาติที่มากันเป็นทัวร์ขนาดใหญ่

   ...รวมถึงชายคนเดิมที่เขาเคยเจอในร้านอาหารกลางเมือง

   ผู้ต้องสงสัยอยู่ในชุดสีดำกึ่งเครื่องแบบไม่ต่างจากวันนั้น คราวนี้เขาไม่ได้ทานอะไร บนโต๊ะตัวเล็กมีโทรศัพท์วางอยู่กับหนังสือพิมพ์ที่จัดเอาไว้ให้บริการฟรีสำหรับผู้พักอาศัย สายตามองไปยังส่วนของทางขึ้นห้องพักอยู่อย่างนั้นไม่ยอมวางตา

   ค่อยๆ ขยับตัวเองเข้าไปใกล้แบบดูไม่จงใจมากนัก คงเป็นโชคดีของเขาที่โต๊ะตัวหลังจากเป้าหมายว่างอยู่พอดี ทิวากาลทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ที่อยู่เกือบชิดติดกัน หลับตาลงเตรียมเปิดประสาทสัมผัสการได้ยินให้มากขึ้นหลังจากเห็นแล้วว่าอีกฝ่ายเพิ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู

   "...ครับ ....อยู่ที่นี่แล้วครับ ...คุณขึ้นไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ...ใช่ครับ ...คนเดียวครับ"

   ได้ยินแต่คำว่าครับ ครับ แล้วก็ครับสลับกับการรายงานความเป็นไปอย่างที่ไม่ค่อยน่าประหลาดใจ จนกระทั่งคาดคะเนได้ว่าปลายสายจะต้องเป็นผู้ว่าจ้างหรือไม่ก็จำพวกเจ้านายอย่างแน่นอน ใครกันนะที่คอยติดตาม แล้วที่บอกว่าคนเดียวคือไม่เห็นว่าเขาอยู่ตรงนี้ด้วยหรือยังไงกัน

   รอจนเสียงของผู้ใต้บังคับบัญชาหายไปถึงลืมตาขึ้นมาใหม่ ลองทวนว่าคำถามอะไรบ้างที่ทำให้ต้องตอบคำถามอย่างนี้ คำตอบรับอื่นพอจะเดาได้ มีแค่เรื่องที่บอกว่ามาคนเดียวนี่แหละ เขาว่าตัวเองก็เดินตามติดอยู่พอสมควรเลยนะ หรือว่าจะถามเรื่องอื่น

   แล้วเรื่องอะไรบ้างล่ะที่จะต้องตอบว่าคนเดียว...

   "กูหนอกู งานนี้จะโดนคุณสาปหรือเปล่าก็ไม่รู้"
   
   ดูท่าว่าอิทธิฤทธิ์ของชายชื่อพิชชาจะไม่ได้มีแค่เรื่องของการรู้ไปหมดจนน่าหวั่นเกรง แต่อาจหมายความรวมถึงความสามารถอื่นที่ไปข้องเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับอีกก็เป็นได้

   เมื่อแน่ใจแล้วว่าคงไม่ได้ยินอะไรที่เป็นประโยชน์อีกเลยต้องยอมออกไปเดินเล่นฆ่าเวลา เนื่องด้วยที่ตั้งของโรงแรมมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่รายล้อมค่อนข้างมากเขาเลยเลือกที่ที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด ช่วงนี้รัตติกาลชอบเก็บสะสมไม้แกะสลัก จะเป็นสัตว์หรือว่าเป็นงานศิลปะอย่างอื่นก็ได้ เขาเลยคิดว่าควรจะซื้ออะไรติดมือกลับไปฝากหน่อยเป็นการขอบคุณที่ขึ้นมาบอกเมื่อเช้า

   จนเจอร้านขายของที่ทำจากไม้หลากหลายรูปแบบ เขาถึงเดินเข้าไปเยี่ยมชมภายในโดยรู้ดีว่าราคาคงจะถูกโก่งให้สูงขึ้นไปมากกว่าที่ควรจะเป็น ก็ไหนมีคนบอกว่าจะจ่ายค่าแรงงานให้ ไว้เดี๋ยวจะขึ้นไปทวงเสียให้เข็ด

   กวาดสายตามองสินค้าหลายรูปแบบละลานตา ดูว่าสิ่งของชิ้นไหนเหมาะกับน้องสาวของเขามากที่สุด ถ้ามองในแง่ของการเป็นพี่ชายแล้วนี่เป็นเรื่องดีที่ได้รู้ว่าแฝดของตัวเองเริ่มมีความสนใจในด้านอื่นนอกจากเรื่องของดาราศาสตร์ รัตติกาลเริ่มออกมาข้างนอกบ้างหลังจากที่ปิดตัวตายอยู่แต่ในตึกคอนกรีตเป็นเวลาหลายปี ถึงจะไม่ชอบขี้หน้าคนมารับออกไปไหนมาไหนก็เถอะ

   ได้ของฝากให้น้องผู้หญิงเป็นปิ่นปักผมแกะลวดลายที่ไม่เหมือนกับของที่ขายตามร้านของฝาก มันเต็มไปด้วยรายละเอียดแฝงที่แสดงออกถึงความใส่ใจของคนทำ ส่วนน้องผู้ชายตอนแรกไม่อยากซื้ออะไรให้เพราะทำตัวไม่น่ารัก ติดที่ว่าไม่อยากจะฟังเสียงบ่นเลยเลือกแท่นทับกระดาษแกะเป็นตัวช้างขนาดเล็กให้

   ทิวากาลถือของที่ตั้งใจว่าจะซื้อไว้ในมือ ยังไม่อยากกลับไปบนตึกสูงเลยเดินเล่นอยู่ข้างในนั้นต่ออีกหน่อย พอผ่านจากส่วนของเครื่องใช้เบ็ดเตล็ดก็เป็นส่วนของเครื่องประดับ มองของสวยงามผ่านตาไปจนถึงสร้อยข้อมือทำจากไม้สลักลาย ตัวเรือนบางอย่างที่ต้องเบามือยิ่งถึงจะได้อย่างนี้

   ไม่เหมาะ...

   ขนาดที่ว่าลองคิดถึงตอนใส่แหวนวงเล็กเข้าไปก็ยังดูขัดตา ผิวขาวเกลี้ยงอย่างนั้นไม่ควรมีอะไรมาเติมแต่ง ไม่ต้องมีอะไรเพิ่มเติมเพื่อลดความน่าดูนั้นลง

   แค่สร้อยยาวเส้นนั้นก็พอแล้วสำหรับพิชชา

   เขาใช้เวลาเดินเล่นไปมาเกือบสองชั่วโมง ยกมือขึ้นมาดูแล้วพอคาดคะเนได้ว่างานข้างบนน่าจะเสร็จเรียบร้อยดีแล้วถึงเดินกลับเข้าไปในตัวโรงแรม ยังเห็นชายปริศนานั่งอยู่ตรงตำแหน่งเดิมแทนการบอกว่าคนที่เขามาส่งเมื่อเช้ายังอยู่ข้างบนไม่ได้ไปไหน

   ตอนเปิดประตูห้องใหญ่เข้าไปก็ยังคงเห็นผู้ช่วยในชุดทำงานเต็มยศนั่งรออยู่บนโซฟาขนาดพอดีตัวอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้ส่งเสียงมาทักทายอะไรคล้ายว่าการกลับมาคราวนี้เป็นเพียงการแวะไปเข้าห้องน้ำแล้วก็กลับมาเท่านั้นเอง

   ปกติแล้วถ้าไม่ได้มีอะไรสำคัญจริงๆ ทิวากาลไม่ใช่คนติดโทรศัพท์ สิ่งที่เขามักถือติดตัวไปมาถ้าไม่ใช่หนังสือเรียนก็จะเป็นหนังสืออ่านนอกเวลา นิยมเป็นภาษาอังกฤษมากกว่าเพราะว่ามีน้ำหนักเบากว่าแล้วยังเก็บสะดวก ถึงจะไม่ค่อยชอบกลิ่นของมันมากเท่าไหร่

   เพราะพิชชาไม่ยอมบอกว่าเป้าหมายของวันนี้คืออะไร เขาเลยไม่ได้หยิบหนังสือติดมือมาจากบ้านด้วย ตอนนี้ก็ไม่ค่อยอยากจะก้มหน้าอยู่ในโลกโซเชียลเพราะกลัวพลาดเหตุการณ์สำคัญอะไรไป อย่างเช่นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนั้น เขาตระหนักถึงความ 'แตกต่าง' ของพิชชาดี และด้วยเหตุผลนั้นทุกการเคลื่อนไหวถึงต้องทำด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง

   เข็มของนาฬิกาวนมาครบรอบอีกเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ หนังสือเกี่ยวกับความรู้เบื้องต้นทางเศรษฐศาสตร์ที่วางทิ้งไว้บนโซฟาหมดไปเกือบครึ่งเล่ม ชายที่ไม่เคยต้องรอใครมาก่อนในชีวิตวางเล่มหนังสือลง จ้องไม้แผ่นที่ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นอุปกรณ์ตกแต่งบ้านขนาดใหญ่ เบื้องหลังประตูบานนั้นมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่?

   ไม่รอให้คนเฝ้าประตูได้ไหวตัวทัน แบล็คกะระยะห่างจนมั่นใจได้ว่าต้องมีความสามารถพิเศษในการหายตัวในพริบตาเท่านั้นถึงจะมาห้ามเอาไว้ได้ทัน

   อย่าคิดว่าตัวเองจะเดินนำได้ตลอดไปนะพิชชา

   ถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปอย่างไม่มีความกลัวเกรง มันเป็นส่วนของห้องนอนที่ไม่มีใครอยู่บนเตียงใหญ่ ที่อยู่ของทั้งสองคนกลับเป็นโต๊ะตัวเล็กโดยมีกระดานหมากรุกสากลขนาดใหญ่วางอยู่บนนั้น

   ส่งรอยยิ้มพร้อมผงกหัวเล็กน้อยแทนคำขอโทษ รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เห็นหน้าของพิชชาตึงหรือตีทะมึนอะไรอย่างที่หวัง ส่วนชายอีกคนแค่หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะพูด

   "จะเหมือนมากไปหน่อยแล้ว ว่าอย่างนั้นไหมพิชชา"

   คนที่โดนโยนคำถามให้ยกแก้วน้ำชาขึ้นจรดริมฝีปาก "เรื่องนี้ไม่อยู่ในหัวข้อที่เราจะคุยกันไม่ใช่เหรอครับ"

   "นี่ก็อีกคน..." การส่ายหัวที่ไม่รู้ว่าเอือมระอาหรือแค่เอ็นดูกับการเลี่ยงตอบแบบนี้ "เลยอยู่ด้วยกันได้"

   "เดี๋ยวเหลืออีกสองเรื่อง ผมขอพูดเร็วๆ เลยแล้วกันนะครับ"

   "หัดต่อรองอีก มีพัฒนาการนะ"

   "เรื่องที่กังวล...ไม่ต้องห่วง ทำต่อได้เลย" บิชอปหน้าสุดคือตัวเลือกที่พิชชาใช้ คนเสียมารยาทบุกเข้ามาในห้องเดินไปซ้อนด้านหลังเก้าอี้นวมบุผ้าลายสวยของคนที่เพิ่งจบตาเล่นของตัวเอง มองหมากบนกระดานพลางนึกถึงความรู้เรื่องการเล่นหมากรุกที่มีอยู่ไม่เท่าไหร่

   ชายอายุมากที่สุดในห้องพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ทิวากาลลอบมองสีหน้าที่ยังไม่เปลี่ยนไปแม้ว่าตำแหน่งบนกระดานจะเพลี่ยงพล้ำอยู่ไม่น้อย ถึงเขาจะไม่ค่อยมีความรู้เรื่องกลวิธีพลิกแพลงในการเดินหมากแต่ถ้าเป็นเรื่องของการอ่านสถานการณ์ของเกมแล้วล่ะก็สามารถมองออกได้ไว ต่างฝ่ายเหลือหมากในมือไม่เท่าไหร่ พิชชามีเยอะกว่าสองตัว น่าสนใจว่าเขาจะเลือกเดินอย่างไรต่อ

   "แล้วอีกอย่างล่ะ"

   "...อันนั้นต้องระวังครับ" หยิบตัวเบี้ยเดินไปหนึ่งช่องพลางตอบกลับด้วยเสียงไม่บ่งความรู้สึก ราบเรียบไม่มีการขึ้นสูงต่ำหรือว่าใช้เสียงดังอะไร จนคำว่าระวังที่บอกก่อนหน้านั้นดูน่ากังวลปนไปกับความน่าสบายใจในเวลาเดียวกัน "ตัวแปรเยอะ ถ้าไม่ทวนให้ดี...ก็อาจจะมีปัญหา"

   ราชาสีดำมองชายสองคนสนทนากันโดยไม่คิดเข้าไปแทรกกลาง รู้ได้โดยทันทีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่มันคืออะไร มันไม่เหมือนกับการทำนายอนาคตทุกครั้งที่เขาเคยเจอ ไม่เห็นว่าจะมีกระดาษหรือตำราสักเล่ม บนโต๊ะมีเพียงของกินเล่นที่ดูแล้วไม่น่าจะมีส่วนช่วยอะไร นี่คืองานที่พิชชาบอกอย่างนั้นหรือเปล่า การเป็น 'ผู้รู้' เหมือนอย่างความหมายของชื่อ

   การทำนายที่อยู่ใต้กระดานช่องขนาดแปดคูณแปดอย่างนั้นเหรอ?

   "ช่วยใบ้หน่อยได้ไหม?"

   "ไม่ได้ครับ" ปฏิเสธไม่มีการไว้น้ำใจ รวบเก็บเบี้ยของฝ่ายตรงข้ามจากตัวม้า

   "เฮ้อ ทำไมน้าต้องมาอาศัยคนใจดำอย่างนี้ก็ไม่รู้เนอะ"

   "ถ้าใจดำผมคงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้หรอกครับ"

   หรี่ตามองคนที่เรียกตัวเองว่าน้า เขามั่นใจว่ารายละเอียดส่วนของผู้ให้กำเนิดไม่ใช่ข้อมูลปลอมอย่างที่กลัว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันไม่ควรมีส่วนเชื่อมต่อใดระหว่างทั้งคู่ ทิวากาลรู้ส่วนนั้นดี หรือจะเป็นเพียงการเรียกแทนตัวเองเพื่อความสนิทสนม เพราะฟังจากการพูดคุยคงสนิทกันมากในระดับหนึ่ง

   "ถ้าใจดีงั้นช่วยบอกเพิ่มหน่อยสิ"

   "ไม่ได้ครับ"

   "ไม่ได้หรือเลือกไม่พูด" คนที่เรียกตัวเองว่าน้าเอนตัวลงไปเบาะตัวใหญ่ ช่วงตาปิดลงบอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวล "สอนมาดีจริงๆ"

   "ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นครับ"

   "ขอบใจมากพิชชา"

   "หมดเรื่องแล้วขอตัวก่อนนะครับ" กระดานหมากที่ยังไม่รู้ผลถูกล้มลงอย่างรวดเร็วราวกับว่าการแข่งขันเมื่อสักครู่ไม่ได้มีค่าอะไรมากไปกว่าของฆ่าเวลา บอร์ดเกมทำจากไม้มีลิ้นชักไว้เก็บตัวหมากเดินอยู่ด้านข้าง กล่องไม้สีเข้มบุข้างในด้วยกำมะหยี่สีม่วงเป็นเงา มือสีซีดบรรจงเรียงตัวหมากลงไปอย่างระมัดระวังในทุกตัวไม่เว้นแม้แต่เบี้ยไร้ค่า

   "จ้าๆ งั้นคราวหน้าจะให้เลขาโทรไปนัดนะ"

   "ได้เลยครับ ส่วนนี่เดี๋ยวผมเอากลับไปเอง"

   "อย่าลืมเอาของฝากไปด้วยล่ะ"

   มือของพิชชาที่หยิบจับของชะงักไป แบล็คเริ่มชอบความเงียบของน้องสาวที่ตัวเองเอามาใช้ในเวลานี้ ใช้ปากให้น้อยที่สุด แล้วใช้ตาให้มากที่สุด

   "อันนี้ใช่ไหมครับ" ชิงจังหวะที่ชายผมยาวยังหยุดการเคลื่อนไหวคว้าสิ่งนั้นหรือว่ากระดาษแผ่นเหลี่ยมที่วางไว้อยู่ข้างแก้วชาขนาดใหญ่มาไว้ในมือ "ผมถือให้คงไม่เป็นไรหรอกเนอะ"

   กระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าแผ่นยาววางทิ้งไว้ไม่มีใครใส่ใจ หัวกระดาษอย่างที่ใช้เหมือนกันในทุกธนาคารบอกเขาว่าสิ่งนั้นมันคือของตอบแทนสำหรับการพูดคุย มองรายละเอียดบนนั้นเร็วๆ เพื่อไม่ให้ดูเหมือนว่ากำลังสนใจมากจนเกินไป

   ตัวเลขห้าเกือบหกหลักกับเวลาสี่ชั่วโมง ...นี่เกินกว่าค่าแรงขั้นต่ำไปกี่เท่ากันนะ

   "น้าถูกชะตากับคนของพิชจังเลย ขอรู้จักชื่อหน่อยได้ไหม?"

   "ไม่ครับ" ยังไม่ทันจะได้ขยับปากพิชชาก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน "คนนี้ไม่ได้ครับ"

   แถมยังมีเดินมาบังเอาไว้จนเขาไม่อาจเห็นชายที่เรียกตัวเองว่าน้าได้ชัด ที่เห็นก็เป็นใบหน้าบางส่วนพ้นมาจากช่วงความสูงที่ต่างกันของเขากับพิชชา ไม่มีแม้เสี้ยวของความไม่พอใจ สิ่งเดียวที่อยู่ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้คือความเอ็นดูไม่ต่างจากเวลาที่บิดามองเขา

   "รู้ดีแก่ใจไม่ใช่เหรอพิชชา"

   "อยากให้ผมพูดอะไรมากกว่านี้อย่างนั้นเหรอครับ?"

   "ยิ่งโตยิ่งไม่น่ารัก"

   "ผมไม่เคยน่ารักมาตั้งแต่ต้นแล้วต่างหากล่ะครับคุณน้า"

   บอกลาทั้งเจ้าของห้องแล้วก็คนดูแลห้อง ทิวากาลยืนมองคนที่ตัวเล็กกว่าตัวเองหลายเซนต์หิ้วกระดานแบบพับเก็บได้ขนาดใหญ่ไว้ด้วยมือซ้ายข้างเดียวสบายๆ อย่างกับว่ากำลังถือโฟมไร้น้ำหนักอยู่ สงสัยได้ไม่จบความคิดหน้าของเพื่อนร่วมกลุ่มสองคนก็ให้คำตอบได้ว่าบางเรื่องเราไม่อาจใช้สายตาตัดสินได้

   "ให้เก็บไว้ที่ไหน?" ยกเช็คโบกไปมาในอากาศ

   "ผมไม่ต้องการมันครับราชา" ใบหน้าที่มองตรงมาฉายแววรังเกียจ "มันเป็นของไม่มีประโยชน์..."

   เงินจำนวนไม่น้อยกลายเป็นของไร้ค่า ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจในมุมหนึ่งถ้าบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นทายาทของตระกูลเก่าที่ยังคงมีบทบาทอยู่ในวงการธุรกิจจนถึงทุกวันนี้ ที่มีคนตามติดอย่างกับเป็นปาปารัสซีนั่นก็ด้วย เคยได้ยินแต่คุณพ่อเล่าว่าเรื่องพวกนี้มีอยู่จริงกับคนรู้จัก แต่นั่นมันก็เรื่องเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว

   ยังมีอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับพิชชาที่เขาต้องรู้
   
   ลิฟต์ลงมาจนถึงชั้นหนึ่งโดยสวัสดิภาพ เหมือนกับตอนขึ้นไปที่แบล็ครอให้อีกคนเดินออกไปก่อนแล้วถึงจะออกตามมา

   ร่างของคนอยู่ข้างหน้าหยุดเดินแล้วยังหันหลังกลับมาไม่มีปี่มีขลุ่ย ทิวากาลสั่งให้ร่างกายของตัวเองหยุดการเคลื่อนไหวได้ทันก่อนจะชนฉิวเฉียด พอเริ่มจับทางได้กับนิสัยชอบทำอะไรตามใจเลยเงียบอยู่อย่างนั้นรอฟังว่าเขาจะสั่งให้ทำอะไรต่อไป

   "ว่างใช่ไหมครับ?"

   คลับคล้ายว่าเขาเองเคยถามอย่างนั้นออกไปเช่นกัน

   "ไปเดินเล่นกันเถอะ"



***
   ถ้าถามว่าเรื่องนี้ลึกลับไหม เจ้ายังตอบไม่ได้ค่ะ ที่ตั้งใจไว้คือจะเป็นการเคลียร์บางประเด็นที่ลงในเรื่องที่แล้วไม่ได้มาใส่ไว้ในเรื่องนี้ให้สมบูรณ์ ส่วนที่เหลืออยู่ที่ฟีลของเจ้าตอนแต่งล้วนๆ ค่ะ ...นี่จะเป็นการสปอล์ยไหมคะ (หัวเราะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2016 21:38:57 โดย 23August »

ออฟไลน์ Warnkt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ♚ PITCHBLACK ♛ CH.4-1 [09.07.16]
«ตอบ #29 เมื่อ16-07-2016 22:52:41 »

ยิ่งอ่านยิ่งอยากรู้ ลึกลับอะไรขนาดน้านนน
รออออ o13 o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด