{เรื่องสั้น} With Love, ด้วยรัก (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {เรื่องสั้น} With Love, ด้วยรัก (จบ)  (อ่าน 7362 ครั้ง)

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

✉✉✉✉✉✉✉✉✉✉✉✉✉

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2019 21:06:00 โดย 23August »

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
With Love, ด้วยรัก

(1)


   Psm rattawadee
   ได้รับแล้ว 

   รูปที่มาพร้อมกับโพสต์ใหม่ล่าสุดบนหน้าจอมือถือคือกระดาษขนาดเกือบฝ่ามือโชว์ขึ้นไปบนท้องฟ้าแบบที่วัยรุ่นสมัยนี้ชอบทำ ลายบนโปสการ์ดเป็นงานศิลปะของศิลปินในยุคกลางชื่อดังที่เคยเห็นตามอินเทอร์เน็ตอยู่บ่อยๆ 'ชนานา' เหล่มองตารางนัดที่บอกว่าตนจะมีประชุมงานในอีกเกือบครึ่งชั่วโมง มันนานจนเลือกที่จะกดเปิดเข้าไปดูเนื้อหาแทนการฆ่าเวลาว่าใครเป็นคนส่งมาให้

   เจ้าของชื่อเฟซบุ๊กระบุว่ามันมาจากเว็บหนึ่งที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นชุมชนเอาไว้แลกเปลี่ยนโปสการ์ดกัน คนมีชีวิตอยู่ในโลกที่ทุกอย่างเกิดขึ้นและแพร่กระจายได้ในเสี้ยววินาทีเลยอดแปลกใจไม่ได้ที่ยังมีคนเล่นอะไรอย่างนี้อยู่ด้วย มันมีเพื่อนคนอื่นคอมเมนต์ขอชื่อเว็บ และสิ่งที่ถามก็ได้รับการตอบในบรรทัดถัดไป

   กดตามเข้าไปดูอย่างคนที่ไม่คิดอะไรมากไปกว่าอยากรู้ว่ายังมีคนเล่นอะไรอย่างนี้อยู่อีกมากแค่ไหน น่าประหลาดใจที่คนทั่วโลกจำนวนไม่น้อยเป็นสมาชิกของเว็บนี้อยู่ นั่งไล่อ่านวิธีการเล่นอยู่ไม่กี่นาทีก็พอเข้าใจระบบการสุ่มส่งที่จะกระจายไปทั่วโลกอย่างง่ายดาย

   น่าเล่นดี

   คนที่ใช้ชีวิตตามใจแต่ไม่ถึงกับไร้จุดหมายเลยสมัครสมาชิกไปแบบไม่ต้องคิดอะไรมากมาย หน้าแรกของสมาชิกไม่มีอะไรมากไปกว่าข้อมูลเบื้องต้นที่ทุกอย่างเป็นศูนย์ ไม่ว่าจะจำนวนโปสการ์ดที่เคยส่งหรือว่าเคยได้รับ นิ้วกดไปตามสเต็ปของการเล่น พอหน้าจอโหลดเสร็จมันก็ฉายให้เห็น 'เพื่อน' รายแรก

   บนนั้นมีข้อมูลเบื้องต้นอยู่ไม่มากเท่าไหร่ เป็นเด็กสาวที่มาจากโปแลนด์ เพิ่งเริ่มเล่นเหมือนกัน ข้างใต้คือที่อยู่สำหรับจัดส่ง นิสัยใหม่ที่ติดหลังจากเครื่องมือสื่อสารเริ่มมีความก้าวไกลคือไม่ชอบจดอะไรลงสมุดหรือเขียนเป็นตัวอักษร ป้อนคำสั่งจัดเก็บภาพหน้าจอแล้วก็ได้ยินเสียงเรียกจากเพื่อนร่วมทีมให้เข้าประชุมพอดี

   "นา เข้าประชุม"

   "อืม กำลังไป" เดินไปสมทบกับคนที่ยืนรออยู่แล้วตรงทางเชื่อมไปยังห้องประชุม "วันนี้เรื่องอะไรอะ"

   หน้าที่ของฝ่ายโซเชียลมีเดียไม่ต้องรู้ลึกอะไรขนาดนั้นก็ได้ ชนานาเลยไม่เข้าไปยุ่งอะไรมากเพราะมันจะทำให้ปวดสมองเปล่าๆ ขออยู่แค่พื้นที่ของตัวเองโดยไม่ต้องให้ใครเข้ามาคอยจี้ก็พอ

   "ของกิน ขนมใหม่ที่จะเข้าเดือนตุลา"

   "อืม..."

   "ไม่น่ามีปัญหาหรอกมั้ง นาก็ชอบไปตระเวนหาของกินใหม่ๆ อยู่แล้วนี่"

   "แถวนี้มีร้านขายโปสการ์ดไหมอะ" คนชอบหาของกินใหม่ไม่สนใจหัวข้องาน หันมาถามเพื่อนสาวตัวเล็กที่มาดแมนยิ่งกว่าผู้ชายในทีมทุกคนรวมกันในสิ่งที่อยู่ในความสนใจล่าสุด

   กีรตามองหน้าเพื่อนชายที่รู้จักกันมาตั้งแต่ช่วงยังเป็นเฟรชเมนปีหนึ่ง แล้วก็ถูกชะตาจนรับปริญญามาหลายปีแล้วก็ยังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไม่ยอมแยกไปไหน ใบหน้าคล้ำติดโทรมอย่างคนไม่ดูแลตัวเองของชนานาไม่น่าสนใจเท่าคำถามก่อนหน้า

   "โปสการ์ด?"

   "อืม แบบไหนก็ได้ แต่ถ้ามีร้านที่ขายสวยๆ ก็ดี"

   "เอาไปทำอะไร?" คนอย่างชนานาที่ชอบใช้ชีวิตอยู่ในยุคโลกาภิวัตน์ดูไม่เข้ากับกระดาษส่งสารอย่างนั้น เขาชอบของรุ่นใหม่ ยิ่งมีการพัฒนาที่ล้ำสมัยมากเท่าไหร่นั่นแหละคือสิ่งที่โปรดปราน หากมีของใหม่ออกมาแล้วเห็นมันอยู่ในความครอบครองของชายผู้นี้เป็นอันรู้ได้เลยว่านั่นคือของที่คุ้มค่าต่อการลงทุน

   "มีไหมล่ะ"

   "ก็มี... ตรงร้านหนังสือหน้าซอย เป็นแบบทำมือมั้ง"

   ไม่อยากจะขัดใจคนที่อารมณ์แปรปรวนได้ตลอดเวลา อีกอย่างคือถ้าใกล้เวลาดีลงานยิ่งไม่ควรหาเรื่องใส่ตัว ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดนักสร้างหัวข้อออนไลน์ฝีมือดีเกิดไม่อยากรับงานขึ้นมาแล้วได้ยุ่งทั้งทีมแน่

   "ขอบคุณ เดี๋ยวประชุมเสร็จเตือนอีกรอบหน่อยนะ"
 


   โปสการ์ดที่เขาเจอไม่ค่อยตรงตามคำบอกเล่าของเพื่อนสาวเสียเท่าไหร่

   "เท่าไหร่ครับ"

   "แผ่นละแปดบาทครับ ถ้าจะเอาแสตมป์ด้วยก็มีนะ"

   ร้านหนังสือร่วมสมัยที่ตั้งอยู่กลางใจแหล่งท่องเที่ยวสำหรับชาวต่างชาติมักมีบริการเสริมที่ 'ถูกจริต' นักเดินทาง ตั้งแต่การจัดร้านที่เหมาะกับการนั่งอ่านเป็นเวลานาน เพลงกล่อมที่ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ เมื่อก่อนเองก็มีบริการเครื่องดื่มด้วยแต่ไม่รู้ทำไมถึงเลิกทำไปเสีย

   ส่วนโปสการ์ดก็เป็นกระดาษแบบที่เขาเรียกมันว่ากระดาษกากๆ พบได้ทั่วไป ลายก็เป็นแบบเบสิคที่ไม่ใช่พวกวัดพระแก้วในมุมต่างๆ ก็เป็นทะเลทางภาคใต้ ชาวดอยภาคเหนือ ไม่มีแผ่นไหนที่สะดุดตาเขาทั้งนั้น

   แต่ถ้าจะเล่นก็ช่วยไม่ได้

   "ถ้าส่งไปโปแลนด์นี่ต้องติดแสตมป์เท่าไหร่"

   ไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้ ชนานาเคยส่งจดหมายครั้งสุดท้ายก็ตอนยังเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมอยู่ ในชั่วโมงการเขียนจดหมายและการจ่าหน้าซอง อาจารย์บังคับให้ทุกคนต้องส่งหาเพื่อนเลขที่ต่อไปโดยเขียนให้ถูกต้องตามรูปแบบ เขายังโวยวายใส่คนสอนอยู่เลยเพราะว่าต้องส่งให้กับเด็กชายตัวเบิ้มที่ไม่มีใครในห้องชอบ ก็มันทำตัวกร่างไปทั่ว คิดว่าตัวใหญ่แล้วแรงเยอะจะทำอะไรก็ได้หรือไง

   ที่น่าโมโหที่สุดคือมันทำจดหมายของเขาหาย ยังดีที่อาจารย์ตรวจสอบก่อนที่จะส่งเอาไว้แล้วว่านักเรียนทุกคนได้ส่งงานครบ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีคะแนนในส่วนนั้น

   "ถ้าเป็นโปสการ์ดทั่วโลกติดสิบห้าบาทเหมือนกันหมดครับ"

   เก็บเป็นความรู้ใหม่ไว้ประดับหัว ชนานาตกลงที่จะซื้อแสตมป์ลายพื้นฐานราคาห้าบาทจำนวนสามดวงมาติดไว้ด้วยเลย ขนาดของมันใหญ่จนกินไปเกือบหนึ่งส่วนสามของกระดาษฝั่งที่เอาไว้เขียนที่อยู่ผู้รับ มันสร้างความสงสัยให้เขาว่าทำไมไปรษณีย์ไม่คิดที่จะปรับขนาดเสียบ้าง

   ได้ของทุกอย่างมาครบแล้วก็ย้ายตัวเองมานั่งแช่อยู่ส่วนของโต๊ะที่จัดเตรียมไว้สำหรับคนที่ต้องการพักผ่อน ตรงหน้าที่มีอยู่คือโปสการ์ดขนาดมาตรฐานลายทะเลแถวพังงาที่ติดค่าส่งเรียบร้อยแล้ว เขาจะเชื่อคำอธิบายที่อยู่ใต้ภาพว่าเป็นทะเลภาคใต้นะ ถ้าไม่ใช่นี่ก็ไปโทษคนผลิต อย่ามาจับผิดที่คนส่งเด็ดขาดเลยล่ะ

   เขียนที่อยู่ของเด็กสาวชาวโปแลนด์ลงไปตามที่ได้บันทึกเอาไว้ก่อนหน้า จากนั้นก็กลับมาจ้องส่วนซ้ายที่ยังว่างเปล่ารอที่จะเขียนอะไรลงไป พื้นที่ที่ไม่ได้มีอะไรมากมาย บวกกับลายมือขนาดเท่าบ้านแล้วคงไม่ต้องเขียนอะไรมากมายเลยสักนิด แต่ว่าตอนนี้ก็ยังคิดไม่ออกแม้แต่คำเดียวว่าควรจะเขียนอะไรลงไป

   ลองเปิดกูเกิลแล้วเสิร์จหาคำว่า 'วิธีการเขียนจดหมาย' เว็บที่เป็นแหล่งรวมความรู้หลายชื่อก็เรียงเป็นแถวรอให้เขาเข้าไปศึกษา แต่ลองเปิดไปสักสองสามลิงก์ก็พบว่านอกจากจะอธิบายไม่เหมือนกันสักที่แล้วยังเป็นทางการจนเกินไปเสียอีก แล้วอย่างนี้ควรเริ่มจากไหนดีนะ.....

   ที่โปแลนด์นี่ใช้ภาษาอะไรกัน ไอ้เขียนภาษาอังกฤษลงไปคงทำอยู่แล้วล่ะ จะลองเขียนภาษาไทยลงไปด้วยดีไหมนะ ถึงอ่านไม่ออกก็ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เดี๋ยวเขียนคำอธิบายลงไปให้ด้วยเลยแล้วกัน

   แล้วสรุปจะเขียนอะไรล่ะ

   สมาร์ตโฟนที่เคยให้คำตอบได้เกือบทุกอย่างไม่มีประโยชน์อะไรสักนิด ชนานากดพักหน้าจอแล้วก็ลองกวาดสายตาไปรอบตัวเผื่อว่ามันจะช่วยให้คำตอบที่ต้องการได้บ้าง ร้านหนังสือในเวลาสองทุ่มครึ่งมีลูกค้าอยู่ด้านในแค่ไม่กี่ราย ส่วนมากก็เป็นคนที่เห็นแล้วนึกได้อย่างเดียวว่าต้องเป็นพวกที่ชอบจมอยู่กับตัวหนังสือขั้นรุนแรงแน่นอน

   "...คุยเรื่องร้านหนังสือลงไปแล้วกัน"

   ภาษาอังกฤษที่อยู่ในระดับ 'พอคุยรู้เรื่อง' ถูกเขียนลงไปกระท่อนกระแท่น เริ่มจากการเขียนชื่อผู้รับ หลังจากนั้นก็เพ้อเจ้อเรื่องร้านหนังสือที่กำลังนั่งอยู่ ตบท้ายด้วยการเขียนว่ายินดีที่ได้รู้จัก เป็นการเขียนที่โคตรเบสิก

   แล้วจำเป็นต้องเขียนคำลงท้ายไหมนะ?

   อีกครั้งที่โทรศัพท์เครื่องโตกลับเข้ามาอยู่ในมือ คราวนี้เปลี่ยนไปหาคำว่า 'คำลงท้ายในจดหมาย' เลือกใช้คำที่เห็นแล้วให้ความรู้สึกว่าเป็นการเขียนพื้นฐานอย่างคำว่า Best Regards ถึงคนรับจะเป็นเด็กอยู่ก็คงไม่ได้ดูเป็นทางการเกินไปหรอกมั้ง

   เมื่อได้ทุกอย่างครบที่ต้องการแล้วก็เดินไปหน้าร้านอีกครั้ง กล่องกระดาษที่ถูกจัดแต่งจนกลายเป็นตู้ไปรษณีย์ย่อส่วนคือปลายทางที่เขาตั้งใจมาหา อย่างน้อยมันก็ดีตรงที่ครบวงจรนี่แหละ

   "ปกติส่งพวกนี้กี่วันถึงเหรอ?"

   "แล้วแต่ประเทศนะครับ บางทีก็ไม่กี่วัน แต่บางประเทศก็เป็นเดือน"

   พยักหน้าขอบคุณ เสียงกระดิ่งที่ติดเอาไว้ส่งเสียงลายามผลักประตูออก ไว้ได้รับเมื่อไหร่จะเอามาอวดบ้างแล้วกันนะ
 


   กล่องจดหมายที่มักจะว่างเปล่าเปลี่ยนสภาพกลายเป็นพื้นที่นอนพักของกระดาษแผ่นบางจากทั่วมุมโลก ชนานาล้วงหาพวงตุ๊กตาขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยลูกกุญแจสำคัญสำหรับการดำเนินชีวิต เปิดตู้ไม้ที่เรียงกันเป็นบล็อกต่อเนื่องของตัวเองเพื่อหยิบของที่อยู่ข้างในนั้นออกมา

   คราวนี้มาจากเบลารุส ไต้หวัน แล้วก็จีน

   จากการเล่นที่คิดว่าส่งขำๆ ฆ่าเวลากลายเป็นงานอดิเรกชนิดใหม่ไปเสียอย่างนั้น ช่วงแรกที่เขาได้รับโปสการ์ดคืนมาก็ยังคิดว่าถ้ามันเป็นอย่างนี้สักพักก็คงเลิกเล่นแล้ว ไม่เห็นมีอะไรน่าสนุก รอก็นานแถมบางคนก็ยังทำเหมือนไม่อยากจะส่งมาให้อีก

   ไปมาตัวเลขสถิติที่อยู่ในส่วนของประวัติก็บอกว่าเคยส่งออกไปร้อยกว่าฉบับแล้ว

   ได้รู้จักร้านโปสการ์ดแห่งใหม่ก็หลายที่ มีความรู้เรื่องแสตมป์ก็อีกมากโข อย่างเช่นเรื่องของขนาดและรูปแบบที่จะมีแบบใหม่มาตลอดเวลา หรือถ้าไม่อยากติดเยอะก็บอกให้หน้าเคาท์เตอร์ไปรษณีย์ออกแบบที่เป็นสติกเกอร์รูปช้างเลยก็ได้ แต่ไม่ชอบเท่าไหร่เพราะมันดูจืดชืดเสียเหลือเกิน

   มองภาพที่อยู่ด้านหลังของกระดาษทั้งสามแผ่น เบลารุสเป็นงานวาดสีน้ำมันรูปหญิงสาวในชุดพื้นเมือง แผ่นที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่เป็นลายของงานโอลิมพิคที่เคยเป็นเจ้าภาพ ส่วนแผ่นที่มาจากไต้หวัน...

   กระดาษแบบที่เรียกได้เต็มปากว่าเป็นของทำมืออย่างแท้จริง ความหนามีมากกว่าแผ่นอื่นเพราะว่าส่วนที่เป็นรูปภาพนั้นเป็นการอัดรูปบนกระดาษโฟโต้ แล้วด้านหลังก็แปะเอาไว้ด้วยกระดาษสีน้ำตาลเนื้อแปลก พื้นที่ที่ไม่ได้มีมากเท่าไหร่เขียนรายละเอียดของรูปภาพว่าถ่ายที่ไหน ใช้กล้องอะไรถ่ายรวมถึงวันเดือนปีที่ภาพนี้ถูกบันทึกเอาไว้ แล้วก็มีเขียนเรื่องราวที่น่าประทับใจเป็นภาษาอังกฤษอีกหลายบรรทัดอยู่ทีเดียว

   มาสะดุดตาก็ตรงคำลงท้าย

   With Love,

   ...ด้วยรัก?

   เดี๋ยวนี้การสื่อสารมันรวดเร็วจนคำลงท้ายนั้นกลายเป็นคำที่ประหลาดสำหรับชนานาอยู่พอควร หรืออาจเป็นเพราะว่ามันดูพิลึกที่คนไม่รู้จักกันเขียนจดหมายส่งหากันแล้วใช้คำว่ารักแทนที่จะเป็น Take care อะไรทำนองนั้น

   เดินไปหน้าคอมแล้วเปิดเว็บที่ตั้งเอาไว้ให้เป็นหน้าเริ่มต้น กรอกชื่อแอคเคาท์ของตัวเองลงไปอย่างรวดเร็ว จัดการกรอกเลขรหัสที่เป็นข้อบังคับของเว็บลงไปเพื่อให้อีกฝ่ายทราบว่ามันถึงมือของผู้รับแล้ว ภาษาอังกฤษที่เคยอยู่ในระดับพอคุยรู้เรื่องก็มีการพัฒนาขึ้นมาไม่น้อย ภายหลังจากที่เอาวิธีการเขียนของคนอื่นมาปรับเล็กผสมน้อยจนกลายเป็นแพทเทิร์นการเขียนของตัวเอง อย่างกีรตาเองก็ยังทักอยู่เมื่อวันก่อนว่าเขาดูมีความสามารถในการสื่อสารเป็นภาษาต่างชาติดีขึ้น หลังจากที่คุยภาษาชนานาให้ตัวเองเข้าใจคนเดียวมาตั้งนาน

   พูดถึงก็ทักมาพอดี ชนานาเปิดหน้าต่างไลน์สำหรับคอมพิวเตอร์ขึ้นมาดูว่าเพื่อนสาวมีเรื่องเดือดร้อนอะไรถึงต้องส่งมาหาคำแรกว่าช่วยด้วย
 
   KIR : นา ช่วยหน่อย
   CHANA : ช่วย?
   KIR : เพจมีปัญหา เข้าไปยื้อเวลาให้หน่อย เราจะรีบติดต่อลูกค้า


   เพจที่ว่าคือลูกค้าเก่าแก่ที่ใช้บริการมานาน เป็นผลพลอยได้จากการที่กีรตาไปฝึกงานกับที่นี่มาช่วงซัมเมอร์ก่อนขึ้นปีสี่ ชนานาไม่ชอบคุยกับใครผ่านการโทร อีกอย่างคือทุกคนที่รู้นิสัยดีจะรู้ว่าต่อให้ดึกดื่นแค่ไหนคนอย่างเขาน่ะไม่เคยปล่อยให้โทรศัพท์อยู่ห่างตัวอยู่แล้ว ก็ดูอย่างเรื่องด่วนอย่างนี้กีรตายังเลือกการส่งผ่านไลน์เลยเห็นไหม

   เปิดหน้าการจัดการเพจขึ้นมา เข้าไปดูว่าปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้คืออะไรกันแน่ ช่องของโพสต์จากผู้เยี่ยมชมที่อยู่ด้านบนสุดมีเนื้อหาในเชิงวิจารณ์การทำงานของพนักงานในร้านที่ดูไม่เต็มใจให้บริการเท่าไหร่ มันคงไม่ได้มีอะไรน่ากังวลถ้าเขาไม่ลงคลิปวีดีโอมาเป็นส่วนประกอบด้วยน่ะสิ

   ไม่รู้หรือไงว่าทำอย่างนี้โดนฟ้องกลับได้สบายๆ เลยนะ

   ส่งไปถามข้อมูลจากกีรตาอีกนิดหน่อย หน้าที่ของเขาถ้าจะเรียกว่าจับฉ่ายมันก็พอได้อยู่ คือทำอะไรที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์ทิศทางของผู้ใช้บริการบนโลกออนไลน์ รวมถึงวางแผนการตลาดอีกหน่อย ในบางครั้งก็อาจจะต้องลงมาเป็นแอดมินอย่างที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้

   คิดหาคำพูดที่ดูสุภาพที่สุด ความประทับใจแรกเป็นสิ่งสำคัญในการเรียกฐานลูกค้า โดยเฉพาะกับโลกออนไลน์ที่ไม่อาจเห็นหน้าตาหรือว่าใช้น้ำเสียงประกอบ เพราะฉะนั้นทุกคำที่จะพิมพ์ลงไปต้องผ่านการคิดมาอย่างรอบคอบถี่ถ้วน ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะโดนไล่ออกจากงานในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ก็เป็นได้

   ชนานาไม่ใช่คนเก็บตัว หมายถึงว่าเขาก็มีกลุ่มเพื่อนที่ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย อาจถึงขั้นเป็นพวกว่าไปไหนไปด้วยชวนได้เสมอถ้าไม่ใช่สถานที่ที่ไม่อยากไปจริงจังหรือว่าต้องการพักผ่อนอยู่กับตัวเอง อาจดูไม่เข้ากับอาชีพที่ต้องอยู่เบื้องหลังเสมอแต่ก็ชอบชีวิตของตัวเองที่เป็นอยู่ เงินเดือนไม่ได้มากมายเท่าเพื่อนคนอื่นแต่ว่าก็ไม่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ที่มีสภาพคล้ายคนใกล้ตายนี่ก็ทำร้ายตัวเอง ไม่ยอมนอน ไม่ยอมกินถ้าไม่อยากกิน อะไรทำนองนั้น

   คิดคำที่จะตอบกลับลูกค้าแบบไม่ให้เสียน้ำใจ ส่งกลับไปให้คนในทีมดูว่ามีตรงไหนที่อยากแก้ไขอีกหรือไม่ เมื่อความเห็นตรงกันแล้วถึงโพสต์ลงไป จากนั้นก็ต้องรอเวลาจากทั้งทางลูกค้าว่าจะมีมาตรการอะไรต่อรวมถึงลูกค้าจะมาไม้ไหนอีก มันน่ากลัวตรงที่ถ้ากระจายเป็นวงกว้างแล้วคนที่ชิงพื้นที่สื่อได้นั่นแหละจะได้เปรียบ ต่อให้เป็นฝ่ายผิดก็ตามทีเถอะ เขาเจ็บมาเยอะ ตลกดีที่เรื่องพวกนี้มีบทเรียนหลายต่อหลายครั้งก็ไม่เห็นมีใครจำ
 
   KIR : คุยแล้ว ลูกค้าบอกว่าให้ขอชื่อกับทางติดต่อ เดี๋ยวเขาจัดการเอง
   KIR : ขอบคุณนะนา

 
   ชนานาไม่มีชื่อเล่น มีเพียงชื่อจริงที่เปิดโอกาสให้คนที่เข้ามาอยู่ในชีวิตได้สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่เอง แต่ส่วนมากก็จะเรียกว่า ชนา ไม่ก็ นา นี่แหละ ไม่ค่อยคิดมากเรื่องที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นชื่อผู้หญิง ชินแล้ว
 
   KIR : Sent a link
   KIR : ไปกันไหม?


   เปิดเข้าไปดูเนื้อหาข้างใน เป็นการประกาศเชิญชวนเข้าร่วมวิ่งมินิมาราธอนที่จะมีขึ้นในเดือนหน้า ระยะห้ากิโลเมตรถ้าได้ยินแล้วก็คงคิดว่าไม่ไกลเท่าไหร่ แต่คนที่ไม่ชอบการเสียเหงื่ออย่างเขาแค่เดินเข้าซอยบ้านพักไม่ถึงสามร้อยเมตรยังขี้เกียจเลยเถอะ
 
   CHANA : ชวนเรา?
   KIR : แล้วส่งให้ใครล่ะ


   รูปอีโมจิใบหน้ากลมสีเหลืองที่ยกสายตาขึ้นไปด้านบนหรือที่เรียกกันติดปากว่า 'มองบน' เป็นสิ่งที่กีรตาส่งตามมา เขาชอบเวลาที่เธอใช้ตัวนี้นะ มันเห็นภาพดี
 
   CHANA : แค่ห้าร้อยเมตรแรกก็ทรุดแล้ว
   KIR : ไปเถอะ


   ไม่ตอบรับคำชวนนั้น ห้องขนาดใหญ่ทำให้ชนานากลายเป็นจุดจืดจางไปในตัว สิ่งของรอบตัวที่ดูวางไว้ไม่เป็นระเบียบสักอย่างขัดตาจนต้องเปิดลิ้นชักที่อยู่ทางซ้ายของตัวเอง หยิบซองกระดาษที่มีรูปหน้าปกเป็นคนไข้เจาะคอพร้อมคำอธิบายว่าสูบบุหรี่แล้วไม่ดีอย่างไรออกมา หลังจากนั้นก็ผละออกไปอยู่ด้านนอกห้องพักที่อยู่ชั้นบนสุด ไม่สิ ห้องพักที่อยู่ชั้นดาดฟ้าอย่างที่อยากได้มาตลอด แม้จะร้อนไปบ้างก็ไม่มีปัญหาเพราะว่าตอนกลางวันชนานาขลุกตัวอยู่ที่ออฟฟิสอยู่แล้ว

   ด้านนอกปลูกต้นไม้ไว้จนถ้าเห็นตอนกลางวันก็มีแต่สีเขียวปกคลุมไปทั่ว ไม่ค่อยได้ดูแลมากเท่าไหร่แต่ว่าก็มีแม่บ้านของตึกที่ชอบขึ้นมารดน้ำให้เป็นกรณีพิเศษ ในความมืดเขาใช้ความเคยชินเดินตามทางคดเคี้ยวไปเรื่อยๆ

   "โอ๊ะ..."

   เท้าที่สะดุดกับขอบกระถางใบหนึ่งสร้างความแปลกใจให้คนที่คิดว่าตัวเองมีความจำเรื่องนี้ดีเลิศ หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นพลางพยายามนึกว่าเอาต้นกุหลาบหินนี้ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่

   ...อ้อ ตอนนั้นไง

   พอคิดออกแล้วสมองที่ตึงจากการทำงานเมื่อครู่ก็ทวีความรุนแรง ชนานาทำเสียงจิ๊จ๊ะออกมาแทนการระบายอารมณ์ขุ่นเคืองข้างใน รีบพาตัวเองไปอยู่ที่ประจำสำหรับการสูบบุหรี่ รู้ได้จากการที่มีอดีตกระถางต้นไม้วางอยู่ตรงนั้น ปัจจุบันได้ผันตัวกลายเป็นที่รองรับก้นบุหรี่แบบเย็นหลายยี่ห้อแล้วแต่อารมณ์ในตอนซื้อ

   ส่วนมากผู้ชายชอบแบบร้อน แต่เขาชินกับการสูบแบบร้อนหรือเย็นก็ได้ตามที่เอื้ออำนวยไปแล้ว

   คาบแท่งสี่เหลี่ยมเอาไว้ในปาก มือข้างถนัดจุดไฟแช็กที่เป็นสิ่งของคู่ใจมาโดยตลอด เสียงกลไกข้างในทำงานเหมือนอย่างเดิมแต่ว่าประกายนั้นกลับไม่เกิดขึ้นเช่นทุกที

   "แม่ง..."

   หัวเสียกับทุกอย่าง โยนซองกระดาษเอาไว้แถวนั้นตามด้วยที่จุดไฟแบบเหล็ก ไว้วันไหนอารมณ์ดีค่อยออกมาเก็บแล้วกัน

   ตอนนี้ไปเขียนโปสการ์ดดีกว่า
 


   คิ้วของชนานาขมวดเข้าหากันตอนที่เห็นว่าจดหมายในตู้ของตัวเองแตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา

   โปสการ์ดทำมือแบบที่เห็นแล้วรู้ได้เลยว่ามาจากใคร

   คราวนี้เป็นภาพของสวนดอกไม้กว้างจนสุดสายตา เหมือนเดิมตามเสต็ป สถานที่ ข้อมูลกล้อง แล้วก็ลงท้ายด้วยคำว่า 'ด้วยรัก'

   เนื้อหาที่ไม่ได้เขียนรหัสสำหรับการลงทะเบียนบอกว่านี่ไม่ใช่การส่งจากในระบบ มันก็มีอยู่หรอกพวกเจอเพื่อนที่ถูกใจแล้วก็อยากจะส่งหาต่อ เพียงแต่ว่าชนานายังไม่เคยทำอย่างนั้นเลยสักครั้ง เขามีความสุขกับการได้พบคนใหม่ๆ จากทั่วโลก ไม่ว่าจะเด็กอายุไม่กี่ขวบไปจนถึงคุณย่าวัยไม้ใกล้ฝั่งที่เล่าเรื่องได้สนุกสนานภายในเนื้อหาไม่กี่บรรทัด

   ของทำมือคราวนี้ไม่ได้ส่งมาจากไต้หวัน แต่เป็นอดีตเมืองของโซเวียตอย่างอาร์เมเนีย ทางที่ดูแล้วไปด้วยกันไม่ได้เท่าไหร่จากการค้นดูบนแมปบนมือถือ เป็นคนไต้หวันที่ไปเที่ยวหรือไงนะ

   ไม่มีความคิดที่จะส่งกลับไปอยู่แล้ว เพราะงั้นสิ่งที่ทำก็แค่โยนมันลงไปรวมกับกระดาษชิ้นอื่นที่มากขึ้นทุกวันจนเปลี่ยนที่เก็บไปแล้วหลายรอบ นี่ขนาดลดปริมาณการส่งไปบ้างแล้วนะเนี่ย

   ชนานาไม่ใช่คนที่อยู่กับอะไรได้นาน แต่ถ้าลองได้ชอบแล้วเขาจะทำมันจนสุด จะยกเว้นก็แค่เรื่องการทำงานที่เขาไม่ได้นิยามว่าเบื่อไม่ได้ แต่เพราะว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอจนไม่รู้สึกเบื่อที่ได้ไล่ตามมัน ถึงชอบที่ได้เห็นโลกในมุมอื่นๆ นอกจากตามหน้าเว็บออนไลน์ มันก็ยังน่าเบื่ออยู่ดีที่ต้องมานั่งคิดคำพูดในกระดาษว่าจะเล่าเรื่องอะไรลงไป

   คนขี้เบื่ออย่างเขาก็อย่างนี้แหละ

   ได้แต่ก้มหน้ายอมรับสภาพ
 
   KIR : นา อย่าลืมนัดเราวันเสาร์
   CHANA : นัด?
   KIR : วิ่งไง

 
   "หา..."

   ร้องเสียงหลงอยู่หน้าจอโทรศัพท์คนเดียว จำไว้ว่าไม่เคยตอบตกลงไปสักครั้งเลยนะ มีแต่เจ้าหล่อนที่ถามมาครั้งนั้นครั้งเดียวไม่ใช่หรือไง
 
   CHANA : เราไม่เคยบอกว่าไปเลยนะ
   KIR : เจอกันตีห้า เดี๋ยวไปรับหน้าหอ


   "ถ้าทำอย่างนี้อีกทีหลังเราไม่มาแล้วนะกี"

   ได้แต่บ่นหน้ายุ่ง ชายหนุ่มอยู่ในสภาพซอมบี้ขนาดย่อมเพราะว่ายังไม่ได้นอนตลอดคืน เขาทำงานข้ามวันข้ามคืนอย่างนี้เสมอนั่นแหละ มือข้างหนึ่งถือรองเท้าวิ่งคู่เก่าของตัวเองเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็เป็นปัจจัยที่ห้าที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตอย่างโทรศัพท์แล้วก็กระเป๋าเงิน

   "เดี๋ยวก็ช็อกตายหน้าจอคอมสักวัน"

   "งั้นเราสั่งเสียไว้ตอนนี้เลยแล้วกัน"

   "อย่าพูดอะไรอย่างนั้นสินา" เสียงของกีรตาตวัดห้วน เธอปรับอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติก่อนถามต่อ "นี่ยังอยู่ที่นี่อีกเหรอ"

   "แล้วจะให้ไปไหนล่ะ บ้านอย่างนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ สักหน่อย"

   บ้านที่ตรงกับความต้องการของชนานาทุกอย่าง ห้องชั้นดาดฟ้าที่มองออกไปแล้วไม่เห็นแค่ตึกคอนกรีต แต่ยังต้องอยู่ในเมืองเพราะว่ามันสะดวกต่อการทำงาน อีกทั้งใกล้รถไฟฟ้าด้วยอีกต่างหาก ทุกอย่างนี้แลกมาด้วยค่าเช่าระยะยาวจำนวนมหาศาลอย่างที่บางคนเคยถามว่าทำไมไม่เอาไปดาวน์บ้านเดี่ยว

   ถ้ารู้ว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างนี้ก็คงเอาไปทำอย่างอื่นแล้วเหมือนกันแหละน่า

   คนถามลอบมองปฏิกิริยาของคนตอบ ชนานาหันออกไปมองนอกหน้าต่างเธอเลยได้แต่เขม่นดูสีหน้าผ่านกระจกรถบานกว้าง ความมืดของเวลาตีห้ายังสว่างไม่พอที่จะทำให้คาดเดาความคิดได้

   "ก็จริง..."

   "ถ้ากียังใช้งานเราตลอดเวลาที่ต้องการ เราก็ต้องอยู่บ้านที่วาร์ปไปทำงานได้สะดวกทุกวันอย่างนี้แหละ"

   "งั้นแสดงว่าถ้าเราเลิกใช้งานก็จะย้ายออก?"

   "ก็คงอย่างนั้น" เสียงของชนานาผสานเข้ากับเสียงเพลงเศร้าจนเป็นเนื้อเดียว "เราก็อยากจะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ เหมือนกันนั่นแหละ"

   "เหรอ"

   "ดูไม่ค่อยเชื่อนะ"

   รถมินิห้าประตูของกีรตาจอดลงตรงลานจอดรถที่ผู้จัดเตรียมเอาไว้ คนชับรถเพียงยักไหล่ขึ้นตอนที่ตอบกลับ "คนอย่างนาถ้าจะตัดอะไรจริงเราไม่เคยเห็นมันกลับมาต่อกันได้เลยนี่"

   ระยะทางห้ากิโลเมตรสำหรับชนานาไม่ต่างกับการทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำสามสิบห้าชั่วโมงติดต่อกัน เขาเอาแต่โวยวายไม่ยอมหยุดตั้งแต่จุดสตาร์ตจนถึงเส้นชัย และลากยาวมาจนถึงตอนที่กีรตาขับกลับมาส่งที่บ้านอย่างเดิม

   แวะดูส่วนกลางที่เป็นจุดรวมของจดหมายทุกฉบับ เมื่อวานชนานาหิ้วของกลับมาด้วยเยอะจนไม่ได้เช็ก พอสบโอกาสก็ดูหน่อยแล้วกัน ข้างในนั้นมีกระดาษเพียงหนึ่งใบ แค่เห็นรูปภาพก็รู้แล้วว่าใครส่งมา นี่ไปสร้างความประทับใจให้เจ้าของลายมือนี้ตอนไหนกันนะ

   คราวนี้ไม่ได้อยู่ทั้งสองที่ก่อนหน้า แต่ไปโผล่อีกส่วนของโลกที่ชื่ออเมริกาเสียแล้ว แหล่งท่องเที่ยวชื่อนิวยอร์กพร้อมแสงไฟตอนกลางคืนสวยงามอย่างที่คนเขาร่ำลือกันมานักต่อนัก คราวนี้เนื้อหาของการเล่าเรื่องเป็นคำพูดที่ถูกตัดมาจากหนังเรื่องหนึ่งที่กำลังเข้าฉายอยู่ในตอนนี้

   'ถ้าคุณเดินช้า
   แล้วผมเดินเร็ว
   คุณไม่จำเป็นต้องเดินให้เร็วขึ้น
   ผมไม่จำเป็นต้องเดินให้ช้าลง
   โลกที่เป็นวงกลมจะพาเรามาเจอกันอีกครั้งเอง'


   ส่วนท้ายก็ยังคงเหมือนเดิมคือคำว่า 'ด้วยรัก' ชนานาแค่นยิ้มให้กับคำพูดน้ำเน่าที่เล่นเอาคนรอบตัวไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือว่าชีวิตเสมือนคลั่งไคล้ไปกับมัน ก็เป็นแค่คำปลอบใจของคนที่ 'พยายาม' ประคองชีวิตคู่ให้เดินต่อไปได้ก็เท่านั้น

   ตรวจความเป็นไปบนโลกออนไลน์อย่างที่ทำเสมอ โพสต์บ่นลงไปนิดหน่อยเรื่องปวดขาโดยไม่ลืมที่จะแท็กเพื่อนจอมเผด็จการลงไปด้วย พอครบทุกอย่างก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ออกไปเก็บบุหรี่เลยตั้งแต่วันนั้น

   ต้นไม้ยังคงเขียวชอุ่ม ต่างกับหัวใจของชนานาในตอนนี้ เขาตรวจดูสุขภาพของต้นไม้หลากหลายแบบจนพอใจแล้วถึงไปหยุดอยู่ตรงมุมประจำสำหรับสูบบุหรี่ หยิบมันขึ้นมาตัวหนึ่งเพื่อสานต่อสิ่งที่ทำค้างเอาไว้เมื่อวันก่อน

   ควันสีเทาลอยฟุ้งไปบนอากาศ ชายตัวผอมยกมือขึ้นไปบนอากาศ ค่อยๆ กำมือของตัวเองลงด้วยความคิดชั่ววูบที่โผล่เข้ามาในหัว ความคิดที่ว่าเขาจะสามารถจับควันเอาไว้ได้หรือไม่

   และเขาคว้าได้เพียงความว่างเปล่า


***
   แวะเอาเรื่องสั้นที่ไม่รู้จะกี่ตอนจบมาฝากค่ะ เพราะว่าที่คิดเอาไว้คือสักสองตอนก็เก่งแล้วแต่ว่านี่ยังไม่ถึงไหนเลย (หัวเราะ) เรื่องนี้น่าจะเดาได้ง่ายกว่าเรื่องอื่นที่เจ้าแต่งนะคะ เป็นเรื่องของความรักแบบหนึ่งนี่แหละ (ยิ้ม)
   ฝากตัวอีกครั้งด้วยนะคะ
   #ด้วยรัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2017 01:43:25 โดย 23August »

ออฟไลน์ obstacle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ตอนยาวอ่านจุใจเลย
มีบรรยากาศเรื่อยๆ แบบนี้ ชอบครับ

ตอนแรกแอบคิดว่าชนานาจะได้ทำความรู้จัก
แล้วก็สนิทกับคนขายโปสการ์ดอะไรประมาณนั้น
แต่ไม่ใช่แฮะ

ขอรอติดตามตอนต่อๆ ไปครับ
น่าสนใจดี ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
(2)


   ชนานาใช้เวลาในวันหยุดที่ได้มาเพิ่มหลังจากที่คลิปไวรัลสินค้าชิ้นล่าสุดดังจนกลายเป็นกระแสในวงกว้าง ต้องขอบคุณความบังเอิญที่มีอยู่จริง เรื่องที่ไม่อาจควบคุมได้ก็อย่างเช่นการที่มีเน็ตไอดอลคนหนึ่งดันช่วยโปรโมตทางอ้อม เขาเลยมีโอกาสที่ได้ปล่อยให้เวลาชีวิตหมดไปกับการออกมาเดินเล่นคนเดียวในตลาดต้นไม้ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองไปพอสมควร

   ช่วงนี้กำลังให้ความสนใจกับไม้จำพวกกระบองเพชร ดูแล้วมันก็ดีตรงที่ไม่ต้องดูแลอะไรมากมาย แถมยังมีหลายแบบให้เลือกซื้ออีกด้วย ก่อนหน้านี้เขาสนใจแต่พวกไม้ยยืนต้นขนาดใหญ่เลยไม่เคยชายตาแล พอมันเต็มดาดฟ้าแล้วก็เริ่มอยากที่จะเปลี่ยนเป็นไม้พันธุ์อื่นที่มีขนาดเล็กกว่า

   แสงแดดในตอนบ่ายแรงจนต้องยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อบริเวณใบหน้าตลอดเวลา ชนานาเคยโดนเพื่อนแซ็วว่าเป็นพวกสุภาพบุรุษวัยแก่ที่ชอบมีของไม่เหมาะกับการพกอยู่จำนวนมาก ผ้าเช็ดหน้าคือหนึ่งในนั้น สมัยนี้ใครๆ ก็คิดถึงแต่เรื่องความสะดวกสบายจนลืมว่าบางอย่างมันมีคุณค่าทางจิตใจ

   "เอากี่ต้นดีจ๊ะ?"

   แม่ค้าผิวกรำแดดในชุดเสื้อแขนยาวกับหมวกที่ปิดใบหน้าเกือบมิดถามขึ้น เขาเดินเล่นอยู่ด้านในโรงเพาะชำนี้มานานพอสมควรแล้ว ต้นไม้จำนวนมากสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับชายที่ต้องขลุกอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวันได้ไม่น้อย ชนานาเลยชอบที่จะวางต้นไม้ไว้ตรงมุมใดมุมหนึ่งที่ต้องใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ด้วย อย่างน้อยก็ให้สายตาได้เห็นสีอื่นนอกจากแสงสว่างจนน่าแสบตาของเครื่องอิเล็กทรอนิกส์

   "เอาเท่านั้นไปห่อก่อนก็ได้ครับ ผมยังอยากดูอีกหน่อย"

   บางทีแม่ค้าอาจแค่ถามเพื่อความแน่ใจ แต่ว่าชายตัวผอมก็ไม่ชอบให้ใครมาจ้องระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินไปกับเหล่าต้นไม้ทั้งหลาย วิธีการที่เขาทำจะช่วยให้สบายใจทั้งสองฝ่าย วันนี้ได้ไม้ชื่อแปลกไปหลายต้น ทั้งแบบมีหนามแหลม ขนปุย แล้วก็พวกพืชตระกูลที่ไม่ชอบน้ำเท่าไหร่

   กระบองเพชรต้นที่อยู่ด้านหลังโรงเพาะเป็นแบบต้นใหญ่ที่มีดอกตูมแทงขึ้นมา คิดแล้วไม่รู้ว่าต้องปลูกกี่ช่วงชีวิตของคนถึงจะได้ขนาดนี้ ชายที่ดูคุ้นเคยกับโลกยุคใหม่ชอบที่จะเริ่มปลูกต้นไม้ตั้งแต่มันยังเป็นต้นกล้าขนาดเล็ก บางต้นที่อยู่ในห้องเริ่มตั้งแต่เพาะเมล็ดเสียด้วยซ้ำ เลยน่าสนใจดีว่าถ้าเขาลองหาต้นไม้อวบน้ำสักต้นไปปลูก ก่อนตัวเองจะตายมันจะมีขนาดเท่าไหร่กันแน่

   ดูเป็นสิ่งย้อนแย้งกันเองสำหรับคนอย่างชนานา

   พอนึกว่าไม่รู้ชาตินี้จะได้เห็นต้นไม้ของตัวเองออกดอกเหมือนกับต้นอื่นหรือเปล่า เลยตัดสินใจเลือกอีกสักต้นเอาไว้ให้เห็นเป็นบุญตาว่าดอกของต้นแคนตัสเป็นอย่างไร

   "เสริมดวงเหรอพ่อหนุ่ม?"

   "ครับ?" สติที่ยังอยู่กับต้นไม้ละลานตายังกลับมาไม่ครบตอนที่ได้ยินแม่ค้าถาม

   "ปลูกแบบมีดอกไว้เสริมดวงเหรอ เดี๋ยวนี้เห็นวัยรุ่นฮิตกัน"

   คิดว่าตัวเองก็พ้นวัยรุ่นมาพักใหญ่แล้ว อีกอย่างก็ไม่ได้หน้าเด็กอะไรขนาดนั้นทำไมถึงคิดว่าคนอย่างเขาเป็นพวกวัยกระเตาะไปได้ เขาไม่เคยเชื่อเรื่องดวงเท่าไหร่เพราะไม่ว่ากี่ครั้งมันก็ไม่เคยตรงหรือว่ามีผลกระทบตามที่บอก

   "เปล่าครับ"

   "เหรอ งั้นอย่าลืมว่าไม่ต้องรดน้ำเยอะนะ"

   พยักหน้ารับรู้พลางกล่าวคำขอบคุณ ชนานาที่แลกแบงก์สีเทาใบหนึ่งให้กลายเป็นพืชสีเขียวจำนวนมากก็กระเตงตัวเองออกมา คิดไม่ตกว่าจะทำอะไรต่อไประหว่างหาที่เดินเล่นต่อหรือว่าจะกลับบ้านเลย

   ชนานาขับรถไม่เป็น นั่นคือข้อจำกัดที่ทำให้ต้องเดินทางไปไหนมาไหนด้วยการขนส่งสาธารณะเสมอ ทั้งครอบครัวแล้วก็คนรอบข้างแนะนำให้ไปเรียนขับรถโดยตลอด สงสารรถยนต์ที่ต้องจอดทิ้งเอาไว้อยู่อย่างนั้นไม่ค่อยได้ขยับออกไปไหน ก็ใครดันมาทำให้เขาชินกับชีวิตอย่างนี้ไปแล้วกันล่ะ

   นอกจากจะเรื่องมากไม่ยอมขับรถแล้วชนานายังเกลียดแท็กซี่อีกด้วย เขาไม่ชอบกลิ่นของรถที่ไม่เคยได้รับการดูแลแล้วก็กลบมันเอาไว้ด้วยเครื่องหอมที่ชวนเวียนหัว คนขับก็ใช่ว่าจะมีมารยาททุกคัน ทั้งโกงค่ามิเตอร์ พาวนอ้อมโลก แล้วก็ชอบไม่ทอนเงินตรงตามจำนวนอีก คนขี้รำคาญไปเสียทุกอย่างเช่นเขาเลยชอบที่จะนั่งรถโดยสารชนิดอื่นมากกว่าอย่างเช่นรถเมล์ เขาชอบที่จะมองบรรยากาศรอบตัว มีไม่กี่พื้นที่หรอกที่จะรวมคนที่มีความแตกต่างกันเอาไว้ในที่เดียวได้เยอะอย่างนี้

   ตั้งแต่เด็กทารกกับแม่ นักเรียนชั้นมัธยม คนวัยทำงานในชุดยูนิฟอร์มบริษัท ชายวัยกลางคนที่มาพร้อมกับแฟชั่นสุภาพบุรุษ ผู้สูงอายุที่ยังกระฉับกระเฉงกว่าเขาอีกในบางครั้ง

   แล้วมันก็ยังเคลื่อนตัวไปช้าจนมีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น

   แสงแดดในฤดูฝนไม่ได้ต่างอะไรกับฤดูกาลอื่น ทั้งร้อนแล้วก็แสบผิวอย่างที่เคยลองคิดแล้วอีกหน่อยคงเลือกออกจากบ้านแค่ช่วงพระอาทิตย์คล้อยตกลงไปแล้วเท่านั้น เมื่อลองคิดถึงหลายปัจจัยดูแล้วเท้าของชนานาเลยพาทั้งร่างไปนั่งพักอยู่ตรงป้ายรถเมล์ที่ห่างออกไปไม่ไกล รอจนกว่าจะมีรถโดยสารขนาดใหญ่ในสายที่ต้องการโผล่เข้ามา

   หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นด้วยความเคยชิน มีการแจ้งเตือนว่ากีรตาทักไลน์เขามาเมื่อเจ็ดนาทีที่แล้ว ส่วนอินสตาแกรมที่เอาไว้ลงรูปต้นไม้ในห้องอย่างเดียวก็มีผู้ติดตามใหม่หลายคน นอกจากนั้นแล้วก็เหมือนเดิม
 
   KIR : วันนี้กลับห้องกี่โมง?
   CHANA : ไม่ชัวร์ แต่กำลังกลับแล้ว
   CHANA : จะชวนไปวิ่งอีกเหรอ

 
   อารมณ์ดีพอที่จะแหย่กลับไป ถ้ากีรตาไม่ได้ติดงานด่วนอะไรสักพักเธอก็จะตอบกลับมาแล้ว ชนานาเลยยังค้างไว้อยู่ที่หน้าจอเดิมเผื่อว่าเพื่อนสาวจะบอกสาเหตุของการทักในวันหยุดอย่างนี้ ซึ่งมันก็ไม่ได้เรียกว่าเป็นวันหยุดได้ขนาดนั้นเพราะถ้ามีงานด่วนเข้ามาจริงเขาก็ต้องยอมเสียช่วงเวลาผ่อนคลายนี้ไปอยู่ดี
 
   KIR : จะชวนไปกินข้าวกับที่บ้าน เลี้ยงบริษัท
   KIR : ห้าโมงครึ่งไปรับ ทันไหม?

 
   บ้านของกีรตาขายพวกอุปกรณ์ก่อสร้างบ้าน อิฐ หิน ปูน ทราย อะไรเทือกนั้น เธอเป็นลูกสาวคนที่สามเลยทำอะไรได้ตามใจ ไม่โดนทางบ้านบังคับให้ต้องสืบทอดกิจการหรือว่าเรียนในสายที่เกี่ยวกับการบริหาร แต่สุดท้ายความเป็นลูกสาวร้านก่อสร้างก็ยังส่งผ่านบุคลิกท่าทางทะมัดทะแมงจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้อยู่ดี

   ชนานาเคยไปงานเลี้ยงที่เธอชวนเมื่อปีที่แล้ว เป็นการปิดโซนหนึ่งของร้านอาหารเพื่อตอบแทนการทำงานของเหล่าลูกจ้างจำนวนไม่น้อยที่คอยขับเคลื่อนให้บริษัทยังดำรงอยู่ได้ต่อไป วันนี้ยังไม่มีแผนที่จะไปทานข้าวเย็นที่ไหนเลยตอบตกลงกลับไปแบบไม่คิดให้มากความ ประกอบกับรถเมล์สายที่ต้องการใกล้เข้ามาทุกทีเขาจึงรีบเก็บของทุกอย่างลงกระเป๋าแล้วเดินออกไปโบกมือก่อนที่จะต้องรอคันถัดไป

   กว่าจะกลับถึงบ้านก็อีกชั่วโมงต่อมา รถบนถนนติดอย่างกับว่าทั้งประเทศมีให้ใช้อยู่แค่เส้นทางเดียว ยังดีที่หลังจากลงรถเมล์แล้วมาต่อรถไฟฟ้ามีที่ให้นั่ง เมืองหลวงในช่วงเวลาบ่ายสองกว่ายังคงเป็นเวลาทำงานในตึกสูงจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความแออัด

   มองกล่องใส่จดหมายของห้องตัวเองด้วยความเคยชิน เริ่มไม่แปลกใจเวลาที่เห็นกระดาษแผ่นหนาอยู่ในนั้น คราวนี้คนที่ทำ 'ด้วยรัก' จะไปโผล่ส่วนไหนของโลกอีกนะ เริ่มจากเอเชีย แล้วกลายเป็นยุโรป ล่าสุดก็อเมริกา

   เขาขอพนันว่าเป็นบราซิล

   ชนานาแทบจะไม่ได้แลกเปลี่ยนโปสการ์ดอีกแล้ว จะมีก็ครั้งละแผ่นสองแผ่นตามแต่อารมณ์ จะมีขาประจำก็แค่คนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จักอะไรนอกจากเป็นพวกชอบถ่ายรูป แล้วก็เป็นพวกแฟนคลับของหนังและนิยายเพราะว่าแต่ละครั้งจะเขียนคำคมแนบท้ายมาด้วย หรืออาจเป็นพวกที่ขี้เกียจคิดเลยไปหาจากเน็ตมาก็ไม่รู้สิ

   อ่านข้อความด้านหลังขณะที่อยู่ในลิฟต์ตัวเล็ก ครั้งนี้เป็นตัวอักษรแบบโรมันเหมือนภาษาอังกฤษบางตัวแต่อ่านจับใจความไม่ได้ ข้างล่างมีคำแปลเอาไว้ว่าเป็นสุภาษิตของชนเผ่า ที่ลืมไม่ได้เลยคือการจบแบบเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา

   "โบลิเวียเหรอ..."

   เสียดายที่ทายผิด ภาพที่อยู่ด้านหลังคราวนี้ใช้กระดาษที่ไม่เหมือนกับทุกครั้งก่อนหน้าโดยเขาอนุมานเอาเองว่าแต่ละพื้นที่คงมีความแตกต่างเรื่องชนิดของสินค้า มันเป็นผืนน้ำสีฟ้าใสกว้างไปจนสุดลูกตา คำอธิบายภาพที่บอกว่ามันคือทะเลเกลือสร้างความสงสัยให้กับผู้รับจนต้องเปิดหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต

   ต่อให้ไม่เคยไปเที่ยวที่ไหนไกลๆ เนื่องด้วยเหตุส่วนตัว ทุกวันนี้เขาก็คิดว่าตัวเองมีความรู้เรื่องภูมิศาสตร์ของโลกนี้มากขึ้นกว่าเดิมเยอะ โดยเฉพาะจากคนที่ไม่คิดจะอยู่กับที่เอาเสียบ้าง

   "ไปเกาหลีกันไหมนา"

   "ไม่"

   ปฏิเสธไร้เยื่อใย และคนขับก็ร้องโวยวายตามประสาหญิงสาวที่โดนขัดใจ กีรตาไม่ได้หวังอะไรกับคำตอบมากอยู่แล้วเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชนานาพูดคำว่า ‘ไม่’ หลังจากที่เธอลองชวนออกไปนอกประเทศ ไม่ว่าจะกี่ครั้งหรือว่ากี่รอบก็ตามชายตัวผอมคนนี้ก็ไม่คิดจะเปลี่ยนคำตอบ

   "แต่ฉันสิงอยู่ในไทยมาเกือบปีแล้วนะ ร่างกายต้องการอากาศหนาวเข้าใจไหม"

   "ก็ไปคนเดียวสิ"

   "นา!"

   เมื่อไม่ได้ดั่งใจเสียงที่ใช้เรียกชื่อก็เปลี่ยน ชายหนุ่มกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่เมื่อสามารถแกล้งเพื่อนสนิทของตัวเองได้สำเร็จ พอสนุกสนานจนเป็นที่พอใจแล้วเขาถึงกลับมาคุยจริงจัง

   "ยังไงก็ไปไม่ได้ เที่ยวเผื่อแล้วกัน"

   "ชนา..." กีรตาเรียกชื่อของเพื่อนและผู้ร่วมงานด้วยเสียงที่อ่อนลง สัญญาณไฟแดงช่วยให้เธอไม่ต้องแบ่งสมาธิเป็นสองฝั่ง "ไม่ต้องบ้างานอะไรขนาดนั้นก็ได้"

   ก็พูดไปอย่างนั้น ที่จริงมีปัจจัยอย่างอื่นอีกที่เธอคิดออก และประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาบอกว่าอะไรคือสิ่งที่ควรพูดและไม่ควรพูด คนที่อยู่ด้วยกันมานานรู้ดีว่าอะไรคือสิ่งที่เขาเก็บเอาไว้อยู่

   "ทำผลงานไม่ดีเดี๋ยวประธานบริษัทไม่เพิ่มเงินเดือนให้"

   สาวมาดแมนดับเครื่องยนต์ลงหลังจากถอยจอดในซองที่ร้านจัดไว้ให้ "แหม ผลงานดีเด่นตลอดอย่างนี้ใครจะกล้ากดเงินเดือนล่ะคะ ขืนลาออกไปล่ะวุ่นทั้งบริษัท"

   ทั้งสองเดินคุยกันต่อไปไม่มีหยุด ส่วนของร้านอาหารที่ต้องเดินข้ามไปไกลพอสมควรเป็นผลมาจากการที่ร้านไม่อยากให้บรรยากาศโดยรอบเสียหายจากควันพิษของรถยนต์ ที่ทานอาหารติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาชื่อดังเน้นเรื่องความประทับใจไม่ต่างกับรสชาติที่ได้รับรางวัลมานักต่อนักไม่ใช่แนวโปรดของชนานา เพียงแค่ว่าจนถึงตอนนี้แล้วคงไม่มีเวลาสำหรับการกลับตัว

   เข้างานไปก็ทักทายผู้หลักผู้ใหญ่ที่เห็นหน้ากันมานาน พอครบหมดแล้วถึงทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวริมระเบียงที่มองออกไปเห็นแม่น้ำสายใหญ่ ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านเรือนไทยหลังสวยอย่างที่ลองคิดราคาดูแล้วทำงานทั้งชาตินี้ก็อาจจะไม่ได้แม้แต่เหยียบเข้าใกล้ บ้านกลางเมืองว่าราคาสูงแล้วลองไปเจอบ้านริมแม่น้ำราคาพุ่งขึ้นไปไม่รู้กี่เท่า

   อาหารถูกปากแต่ไม่ได้เรียกว่าอร่อย เขาตักอาหารคำสุดท้ายเข้าปากหลังจากที่เพิ่งทานไปได้ไม่กี่คำเท่านั้น บรรยากาศที่สนุกสนานไม่ช่วยให้อารมณ์ของฝ่ายโซเชียลมีเดียผ่อนคลายแต่อย่างใด เขายังไม่ได้รื้อต้นไม้ที่ซื้อมาใหม่ออกจากถุงเสียด้วยซ้ำเพราะกีรตามารับก่อน ไว้ในที่มืดอย่างนั้นไม่รู้ว่าดีหรือเปล่าเพราะเขาเองก็ไม่เคยปลูกไม้ชนิดนี้เสียด้วย

   "เอาของหวานไหมนา" ลูกสาวเจ้าของงานถามเมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามรวบช้อนส้อมเข้าหากันแล้ว ในขณะที่เธอเองยังรู้สึกว่าอาหารที่ลงไปนั้นยังไม่ได้ถึงครึ่งท้องเสียด้วยซ้ำไป

   ชนานาไม่ได้เป็นโรคเบื่ออาหาร แต่เบื่อที่ต้องเปิดปากเพื่อทานอาหาร

   "ก็ได้ มีอะไรบ้างล่ะ"

   อากาศร้อนอบอ้าวอย่างนี้ถ้าได้ของหวานเย็นๆ มาเสริมก็เป็นตัวเลือกที่น่าสน ก็บอกว่าที่ผอมแห้งแล้วก็ตาโหลเป็นแพนด้าอย่างนี้เกิดจากการที่ทำตัวเองทั้งหมด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำงานเลย

   "สาคูแคนตาลูป สละลอยแก้ว เครปเค้ก ...ไปดูเองเถอะ"

   ช่วงตาเฉี่ยวจากการแต่งเติมสีสันไล่ลงไปสองสามบรรทัด พอเห็นชื่อที่ยังเรียงไปลงไม่ยอมจบสิ้นเลยส่งไปให้เพื่อนอ่านเอาเองน่าจะดีกว่า ชนานารับสมุดเมนูเล่มใหญ่มาจากเพื่อนเพื่อดูสิ่งที่ต้องการ เอานิ้วชี้ลากจากบนลงล่างเพื่อตรวจดูรายชื่อของหวานที่เขาสามารถสั่งได้

   หลายอย่างเป็นสิ่งที่เขาชอบทาน

   ...และหลายอย่างเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดจะทานอีก

   "ไอติมกะทิครับ"

   เมนูสุดท้ายเป็นเมนูสิ้นคิดสำหรับใครหลายคน รวมถึงตัวชนานาเองด้วย เพื่อไม่ให้ความรู้สึกบางอย่างที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ข้างในปรากฎออกมาเขาถึงต้องรีบปิดสมุดเมนูของหวานไปเสีย

   ไม่ถึงกับชอบตระเวนหาของกินอย่างที่เพื่อนเคยบอกเอาไว้ เพียงแค่ติดนิสัยที่จะหาของขึ้นชื่อในละแวกนั้นทานเสียมากกว่า เขาเคยชอบตามหาร้านจากการรีวิวในอินเทอร์เน็ตแต่พอผิดหวังมากเข้าก็ใช้สัญชาตญาณของตัวเองในการตัดสินใจดีกว่า จะได้ไม่ต้องรู้สึกแย่อะไรมาก ถึงจะดูรูปร่างผอมอย่างกับคนไม่ชอบทานข้าวที่จริงแล้วสถิติมากที่สุดที่เคยทำไว้คือทานแปดมื้อทั้งวันในทริปรอบเมือง

   รอไม่นานอย่างที่คิดของหวานที่สั่งก็มาส่ง กีรตาถูกเรียกตัวให้ไปช่วยจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายในวันนี้ถึงเหลือเขานั่งเหงาอยู่คนเดียว ความรู้สึกแรกหลังจากที่ของหวานเนื้อนุ่มถูกส่งเข้าไปอยู่ในปากคือรสหวานจัดของน้ำตาล แล้วถึงตามมาด้วยกลิ่นหอมของกะทิสดอย่างที่หลายร้านไม่เคยมี

   รสชาติถูกปากพอสมควรเขาถึงหันซ้ายขวาเพื่อตามหาบริกรอีกครั้ง ตั้งใจว่าจะสั่งวุ้นมะพร้าวน้ำหอมกลับห้องสักสองกล่องเผื่อไว้สำหรับสุดสัปดาห์หน้า

   "..."

   มือที่กำลังจะยกขึ้นเรียกถูกเก็บลงข้างตัวทันทีเมื่อภาพตรงหน้าของชนานาเผยให้เห็นลูกค้ารายล่าสุดที่กำลังเดินเข้าร้านมา

   ชายตัวสูงที่เดินคู่มากับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง มีผู้คนอีกจำนวนไม่น้อยรายล้อมเอาไว้ โครงหน้าแบบชายไทยพร้อมผิวสีแทนคร้ามแดดช่วยให้เด่นขึ้นมาท่ามกลางผิวสีขาวเหลืองของคนอื่น ใบหน้าที่ไม่มีทางลืมมองเพียงคู่สนทนาที่อยู่ด้านข้างจึงไม่เห็นว่าห่างออกไปไม่ไกลนักมีใครบางคนกำลังจ้องมองอยู่

   หัวใจที่เคยเต้นเท่าเดิมแกว่งผิดจังหวะ ความรู้สึกชาวาบที่แล่นลงไปถึงปลายเท้าเจ็บจนไม่รู้ว่ากำลังกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำถามจำนวนมากไหลเข้ามาในคราวเดียวกันจนเรียบเรียงไม่ถูกว่าควรเริ่มจากตรงไหน

   เขาไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม...

   คำถามที่อยู่เพียงในใจ ของหวานตรงหน้าไม่มีความหมายอีกต่อไป พ่อของกีรตาจองพื้นที่ด้านนอกเอาไว้ทั้งหมดลูกค้ากลุ่มใหม่เลยต้องเข้าไปอยู่ในส่วนของห้องปรับอากาศ เมื่อร่างนั้นลับหายไปหลังบานประตูสิ่งแรกที่ชนานาทำคือคว้าของใช้ส่วนตัว ผุดลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเองออกไปยังส่วนนอกร้านโดยปล่อยให้ของหวานวางทิ้งไว้อย่างนั้นอย่างไม่คิดจะหันกลับมาอีก
 

   
   KIR : อยากเล่าเมื่อไหร่ก็ทักมานะ
 
   กีรตาไม่ถามสักคำว่าเพราะอะไรเขาถึงขอตัวกลับก่อนอย่างนี้ แต่ก็คิดว่าเธอคงเห็นสาเหตุของการหนีออกมาแล้วล่ะ พอโบกแท็กซี่ได้แล้วคนเกลียดกลิ่นเครื่องปรับอากาศก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าขามาตัวเองมีใครอีกคนมาด้วย ชนานานั่งวิงเวียนอยู่ในรถโดยสารส่วนบุคคลคันโตที่ครบองค์ประกอบตามที่เขาเกลียดพลางพิมพ์ขอโทษเพื่อนสาวที่หายไปไม่บอก ภาวนาให้มันถึงที่หมายโดยไวแม้ว่าราคาของการเดินทางจะสูงกว่าปกติหลายสิบบาทเลยก็ตาม

   กลับมาถึงห้องก็รีบจัดการถุงพลาสติกหลายถุงที่วางทิ้งไว้กลางห้อง ตรงหน้าของเขาคือเหล่าพืชมีหนามหลายรูปแบบเรียงรายอยู่ตามลำดับความสูง เขายังคิดไม่ออกว่าจะเอาไปวางไว้ส่วนไหนของสวนขนาดใหญ่แห่งนี้ เคยเห็นรูปภาพที่เรียงกันอยู่ในถาดไม้อยู่เหมือนกัน มันก็สวยดีเวลาถ่ายรูปออกมา แต่ตอนนี้ทั้งห้องไม่มีสักถาดเลยน่ะสิ

   รสขมปร่าของบุหรี่ซองใหม่ที่แวะซื้อตรงร้านขายของชำระหว่างทางเข้าซอยบ้านพักในวันนี้ต่างไปจากทุกวัน นอกจากมันไม่ช่วยให้เขารู้สึกอารมณ์สงบอย่างเช่นทุกทีแล้วมันยิ่งเพิ่มความน่าหงุดหงิดเวลาที่เห็นควันสีเทาลอยอยู่รอบตัวไม่ยอมหายไปไหน

   เหมือนใครคนนั้น

   "จะเสนอหน้ากลับมาทำไมวะ..."

   ด่าด้วยคำหยาบคายต่ออีกหลายคำพอให้สิ่งที่อยู่ข้างในได้ออกมาเสียบ้าง ดับบุหรี่ที่เหลืออีกเกือบครึ่งมวนลงกับพื้น เพ่งไปตรงพืชสีเขียวตรงหน้าด้วยความหวังว่ามันจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นอย่างที่หลายคนพูดว่ามันคือสีแห่งการผ่อนคลาย

   ความมืดของราตรีมีเพียงแสงไฟจากหลอดแบบยาวที่เอามาติดเพิ่มเติมเอาไว้เอง นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีกแล้วนอกจากกระถางหลากหลายแบบที่มีต้นไม้ปลูกไว้จนเต็มพื้นที่ ไล่เรียงมาตั้งแต่ไม้ยืนต้นสูงไปจนถึงพุ่มเตี้ยอย่างที่ถูกใจต้นไหนก็คว้ามาไว้เป็นเป็นส่วนหนึ่ง

   นึกตั้งนานว่าควรจะเอามันไปวางไว้ตรงไหน เพราะว่าลองมองไปแล้วก็ยังหาที่ลงไม่ค่อยได้ ลองเดินวนไปรอบๆ จนกระทั่งต้องยอมรับว่ามันไม่มีพื้นที่อื่นนอกจากส่วนที่เขามักจะไปสูบบุหรี่ สวนพวกนั้นเป็นขอบเขตที่ชนานาทำเอาไว้ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ว่าต้องมีส่วนที่ช่วยให้ผ่อนคลายได้ แม้จะมองออกไปแล้วเจอแต่ตึกสูงเรียงรายมันก็ยังดีกว่าห้องสี่เหลี่ยมที่ไร้ทางออก

   ต่อให้พรุ่งนี้จะต้องเข้าออฟฟิสตั้งแต่เช้าเขาก็ยังสาละวนกับการเก็บกวาดพื้นที่ คำพูดของกีรตาที่เคยกล่าวเกี่ยวกับนิสัยของเขายิ่งเสริมให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น

   ตัดไปได้ก็ดี ต้องเริ่มอะไรใหม่ๆ เสียบ้าง

   กระถางต้นก้นบุหรี่คือสิ่งเดียวที่ชนานายังวางเอาไว้ คิดว่าการหักดิบอาจจะทรมานมากไปหน่อยแต่หลังจากนี้คงต้องเปลี่ยนตัวเอง อย่างเจ้ามวนเสพติดนี่คิดว่าต้องเลิกให้ได้เสียที บอกว่าจะเลิกมาตั้งแต่รับปริญญาจนป่านนี้ก็ยังทำไม่ได้

   ไม่สิ...เกือบทำได้ แล้วดันมีเรื่องเสียก่อน

   ค่อยๆ วางเรียงสมาชิกใหม่ทั้งหมดไปตามริมขอบระเบียง ขอโทษขอโพยกับมันที่ยังคิดชื่อให้ไม่ออก หัวสมองที่ยังตื้อตันจากเหตุการณ์เมื่อช่วงเย็นไม่พร้อมที่จะทำงานในต้องนี้
 
   KIR : พรุ่งนี้เข้าสายได้นะ
   KIR : ลูกค้าเลื่อนนัด

 
   หน้าจอแจ้งเตือนว่ามีคนส่งข้อความใหม่มาให้ นึกอยากขอบคุณที่เรื่องร้ายในวันนี้ยังพอมีอะไรดีอยู่บ้าง คำว่าเข้าสายคือเที่ยงจนเกือบบ่ายสำหรับที่นี่ เพราะงั้นเวลาเกือบตีสองอย่างนี้ยังพอมีเวลาเหลือให้เขาได้จัดระเบียบต้นไม้ต่อไป

   เมื่อโทรศัพท์อยู่ในมือแล้วก็ไม่อยากให้มันเสียเปล่า เปลี่ยนไปเข้าแอปกล้องถ่ายรูปแล้วเก็บภาพต้นอวบน้ำที่อยู่ตรงหน้าเอาไว้สองสามภาพ แม้จะเห็นเพียงเงาสีดำเพราะแสงจากหลอดไฟมาไม่ถึงเขาก็ไม่คิดจะสนใจ เดินกลับเข้ามาอยู่ข้างในห้องโดยคิดว่าจะเขียนคำอธิบายภาพนี้ลงไปอย่างไร

   ประมาณนี้แล้วกัน
 

   CHANA.NA
   ต้นไม้ตายก็แค่ซื้อต้นใหม่
   แล้วถ้าหัวใจตายไปแล้วจะซื้อใหม่ได้บ้างไหมนะ
 


   "ความเข้มข้นของเลือดไม่ผ่านนะคะ"

   รู้ทั้งรู้ว่ามาถึงแล้วต้องเจออย่างนี้ ก็หาเรื่องมา

   "ครับ"

   ตอบรับเสียงเหนื่อยพลางรับถุงยาบำรุงเลือดที่ได้รับมาเป็นของปลอบใจ วันธรรมดาที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิสไร้ความหมายจนกระทั่งเปิดเจอเห็นประกาศรับบริจาคเลือดในเฟซบุ๊ก เลยตัดสินใจว่าจะไม่ปล่อยให้ทั้งวันหมดความหมาย

   ก็เล่นมาแบบที่น้ำหนักผ่านเกณฑ์ไปไม่เท่าไหร่ เมื่อคืนก็จำไม่ได้ว่านอนครบกำหนดที่บอกหรือไม่ สารรูปนี่นางพยาบาลถามว่าไหวหรือเปล่าตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามา แล้วก็มาตายตรงที่ความเข้มข้นของเลือดไม่ถึงค่าที่กำหนดเหมือนหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา

   โยนถุงยาสีขุ่นลงไปในกระเป๋า ตั้งใจว่าครั้งหน้าจะต้องสานความฝันของตัวเองให้สำเร็จ สมาร์ตโฟนที่อยู่ในมือถูกเปิดใช้งานเพื่อหาเป้าหมายต่อไป ในเมื่อออกบ้านมาอยู่กลางเมืองขนาดนี้เขาก็ไปหาอะไรทำต่อดีกว่า

   หอศิลปะที่ห่างออกไปไม่ไกลกำลังมีงานจัดแสดงที่น่าสนใจ เป็นการเอาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มาบวกกับของสมัยเก่าจนกลายเป็นงานร่วมสมัย คนที่ต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาเลยพาตัวเองเดินลัดเลาะไปตามทางระหว่างที่ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมไป ให้สายตาได้เจออย่างอื่นที่ไม่ใช่ตัวอักษรเป็นพรืดอย่างนี้

   ถ้าเป็นปกติแล้วคงเดินทางด้วยเครื่องยนต์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่การเดินเท้าอย่างนี้ พอดีว่าช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับเลยอยากใช้งานร่างกายให้เยอะหน่อยเผื่อว่ากลับไปแล้วจะได้หลับสบาย ขนาดลองยาที่ช่วยให้หลับตามรีวิวในเน็ตบอกเอาไว้แล้วก็ไม่เห็นจะช่วย ไม่อยากจะใช้ยานอนหลับเพราะบอกไว้แล้วว่าจะไม่กลับไปใช้อีก

   ตอนที่เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าถึงเห็นว่ามีอย่างอื่นที่ผิดปกติอยู่ในนั้น ปกติแล้วชนานาจะตรวจสอบกล่องจดหมายหลังจากหมดการทำงานในแต่ละวัน พอวันที่ตารางชีวิตมันกลับตาลปัตรเลยกลายเป็นว่าเขาได้ของก่อนแล้วจึงเดินออกจากหอพัก ไม่ได้นับว่านี่เป็นฉบับที่เท่าไหร่แล้ว รู้เพียงแต่มันเริ่มเป็นความเคยชินที่จะเห็นพื้นที่ต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลกจากมุมมองของตากล้องปริศนา บางทีก็ตลกดีที่บางแผ่นส่งทีหลังแต่กลับถึงก่อน อย่างเช่นแผ่นนี้ที่มาจากอียิปต์ ระยะเวลาที่ประทับไว้ตรงแสตมป์ลายแปลกบอกว่ามันใช้เวลาข้ามน้ำข้ามทะเลมาเกือบสองเดือนเลยทีเดียว

   รูปถ่ายผืนทะเลทรายสีอิฐกว้างจนสุดสายตา ชั้นทรายลดหลั่นกันไปจนเป็นสันคลื่นสวย เป็นรูปที่เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนอ้าวของทะเลทรายได้อย่างดี

   เดินเรื่อยเปื่อยแป๊บเดียวก็ถึงที่หมาย ทางเข้าระบุเอาไว้ว่างานศิลปะแต่ละชั้นกำลังจัดแสดงอะไรอยู่บ้างในตอนนี้ เริ่มตั้งต้นจากชั้นหนึ่งแล้วค่อยไปจบที่งานแสดงที่ตั้งใจมาบนชั้นเกือบสูงสุดแล้วกัน

   วันธรรมดาก็มีข้อดีตรงความเงียบสงบ ตึกขนาดใหญ่ดูว่างเปล่าเมื่อมีสิ่งมีชีวิตอยู่ข้างในแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ชนานาค่อยๆ ก้าวขาไปทีละก้าวเพื่อซึมซับบรรยากาศที่หาไม่ค่อยได้ในชีวิตประจำวัน งานชั้นล่างเป็นงานโชว์ผลงานรูปวาดสีน้ำของเด็กมัธยมที่หลายชิ้นดูแล้วไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กสมัยนี้จะมีความสามารถก้าวกระโดดได้เพียงนี้ อย่างเขาไม่มีความสามารถเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย วาดได้แต่วงกลมสี่เหลี่ยมไปตามประสา

   จากชั้นแรกจนถึงชั้นสุดท้ายอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ แอบเสียดายนิดหน่อยที่รูปเชิญชวนในอินเทอร์เน็ตกับสิ่งที่ได้มาเจอจริงต่างกันพอสมควร ชายที่เพิ่งโดนปฏิเสธเพราะเหตุเลือดจางนั่งพักอยู่ตรงพื้นที่ที่ทางผู้จัดได้จัดเตรียมเอาไว้ นี่ก็ใกล้เวลาเย็นแล้วสิ่งนี่น่าเบื่อคือต้องคิดต่อไปว่ามื้อเย็นจะเป็นอะไรดี

   เขาไม่ชอบทานอาหารคนเดียว เนื่องจากติดนิสัยของการทานอาหารพร้อมคนหมู่มากไปแล้ว พอต้องมาอยู่คนเดียวอย่างนี้ก็ชอบใช้วิธีซื้อกลับเสียมากกว่า อย่างน้อยกลับไปทานที่ห้องก็ไม่ดูแปลกเท่าไหร่

   พอออกมาจากส่วนแสดงถึงเห็นว่าชั้นสูงที่สุดไม่ได้เปิดให้เข้าชมเพราะว่ากำลังจัดเตรียมงานกันอยู่ ไวนิลขนาดใหญ่ที่ติดโฆษณาล่วงหน้าเอาไว้เป็นรูปถ่ายของฝูงชนจำนวนมากกำลังเดินสวนกันไปมา โดยปรับให้ทั้งรูปเป็นภาพขาวดำมีเพียงชายตรงกลางเท่านั้นที่ย้อมสีสันเอาไว้

   ชายคนเดียวกับที่เขาเพิ่งเจอเมื่อวันก่อน

   สายตายังจับจ้องไปยังจุดเด่นของภาพไม่ลดละ มือทั้งสองข้างกำเอาไว้แน่นแสดงถึงระดับความเครียดที่พุ่งตัวขึ้นสูง ยิ่งเห็นชื่อของงานแสดงพร้อมกับชื่อเจ้าของผลงานทุกอย่างยิ่งลงตัวไปหมด

   ไม่จริงใช่ไหม...

   With Love,
   CHANA T.



***
   คิดว่าตอนหน้าจบได้แล้วค่ะ พยายามจะไม่เสริมอะไรเข้าไปมากกว่าที่คิดไว้ล่าสุดแล้วล่ะ ไม่งั้นไม่น่าจะจบง่ายๆ (หัวเราะ)
   #ด้วยรัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2017 20:17:22 โดย 23August »

ออฟไลน์ obstacle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อ้าว ดูเหมือนจะเป็นการกลับมาพบกัน
ของคนสองคนที่เคยมีอดีตร่วมกัน

ยังน่าสนใจ รอติดตามต่อครับ
จะเสริมก็ได้นะครับ อยากอ่านต่อเรื่อยๆ 555
ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
(3)


   ทุกอย่างที่เคยรวดเร็วสำหรับชนานาหยุดเคลื่อนไหว แม้กระทั่งการรอรถไฟฟ้าบนชานชาลาก็ยังดูไม่ได้ดั่งใจ เขาเกลียดตัวเองที่กระวนกระวายอย่างนี้ พอทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองกลับถึงห้องได้แล้วสิ่งแรกที่ทำคือการนั่งประจำอยู่ตรงหน้าคอมตั้งโต๊ะตัวใหญ่ในห้องนอน เปิดหน้าต่างบราวเซอร์ขึ้นมาเพื่อพิสูจน์สิ่งที่คิดเอาไว้

   ชื่ออีเมลและพาสเวิร์ดถูกใส่ลงไปอย่างรวดเร็ว นิ้วที่รัวแป้นพิมพ์จนถึงเมื่อสักครู่หยุดการเคลื่อนไหวยามที่ฉุกคิดขึ้นมาว่าเจ้าของอีเมลนี้อาจเปลี่ยนรหัสไปแล้วก็ได้

   ปุ่ม Enter ที่เคยใช้ทุกวันตอนนี้มันกลับกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวเหลือเกิน เพียงกดลงไปครั้งเดียวมันก็จะโชว์ให้เห็นว่าทุกสิ่งเป็นอย่างที่กลัวหรือไม่ สิ่งที่เขาคิดไว้ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้มันจะเป็นอย่างที่เข้าใจหรือเปล่า หรือจะมีอย่างอื่นที่เซอร์ไพรส์ยิ่งกว่า

   เช่นผู้หญิงคนนั้น

   คิดถึงรอยยิ้มที่ทั้งสองคนมีให้กันหัวใจที่คิดว่าตายไปแล้วก็มีอาการตอบสนอง ภาพอดีตฉายอยู่ในความทรงจำจนเป็นหนังสั้นเรื่องหนึ่ง หนังที่เขาไม่ชอบตอนจบเอาเสียเลย

   มือที่ลังเลมาครู่ใหญ่ตัดสินใจกดน้ำหนักลงไป ชนานาปิดตาลงไม่กล้ามองผลลัพธ์ที่จะปรากฏออกมา จนเวลาผ่านไปพอสมควรเขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ บอกตัวเองให้รับผลที่จะตามมาให้ได้

   เปลือกตาแยกออกจากกัน ภาพด้านหน้าที่เคยพร่ามัวกลับมาชัดเจนเมื่อระบบของร่างกายกลับมาทำงานเต็มที่ สิ่งเดียวที่เขาเห็นอยู่ในตอนนี้คือหน้าแรกของเฟซบุ๊กที่กำลังรายงานความเป็นไปบนโลกออนไลน์ มุมบนขวาแจ้งเตือนว่ามีทั้งเมจเสจที่ยังไม่ได้อ่านและผู้ส่งคำขอเป็นเพื่อนอีกจำนวนหนึ่ง

   เคอเซอร์เมาท์บนหน้าจอไม่มีการเคลื่อนไหวเพราะคนให้คำสั่งไม่ยอมขยับ ชนานามองรูปตัวแทนขนาดเล็กที่อยู่ถัดออกไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ชื่อเจ้าของบัญชียังเหมือนเดิมช่วยสร้างความมั่นใจว่าเขาไม่ได้ล็อกอินผิด ทำไมถึงยังไม่เปลี่ยนพาสเวิร์ดอีกทั้งที่เรื่องก็ผ่านมาเป็นปี ตัวเขาเองก็บล็อกทุกช่องทางการติดต่อแทนการบอกไปแล้วว่าไม่ต้องการรับรู้ความเคลื่อนไหวใดอีก

   ไม่เข้าใจ

   ทั้งสิ่งที่เขาทำ

   และสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ

   ชนานากลั้นใจกดไปตรงปุ่มที่เป็นรูปของเขา หน้าจอก็เปลี่ยนจากไทม์ไลน์ของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ชื่อและนามสกุลที่ยังเหมือนเดิมไม่น่าสนใจเท่ารูปโคฟเวอร์เฮดที่เป็นมือของชายสองคนกำลังคีบบุหรี่เอาไว้คนละตัวไขว้กันเป็นรูปกากบาท หนึ่งเป็นแบบร้อนแล้วอีกหนึ่งก็เป็นแบบเย็น

   ไม่ต้องแปลกใจที่รู้ขนาดนั้น ก็มันเป็นรูปเดียวกับที่เคยอยู่บนโคฟเวอร์ของตัวเองเหมือนกัน รูปที่ลบมันออกไปจากความทรงจำตั้งแต่ยอมรับได้ว่าทุกอย่างคงไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

   "เลิกสั่นสิ..."

   บอกมือของตัวเองที่ยังไม่ยอมอยู่นิ่ง ขยับนิ้วเพื่อให้ลูกล้อที่อยู่ตรงกลางของเมาส์เลื่อนหน้าจอลงมาดูว่ามีอะไรที่จะช่วยพิสูจน์ถึงข้อสันนิษฐานได้บ้าง โพสต์ด้านบนสุดคือการถ่ายรูปรวมในร้านอาหารที่เพิ่งทานไปเมื่อวันก่อน ภาพชายตัวสูงที่อยู่ตรงกลางบอกว่างานนี้เขาคงเป็นคนสำคัญไม่ใช่น้อย ส่วนโพสต์ต่อมาก็เป็นรูปโปสเตอร์สีขาวดำที่ไม่ใช่รูปเดิมกับที่เขาเจอ มันเป็นอีกรูปที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นมาก่อนแล้ว

   รูปที่ไม่มีอะไรต่างกับโปสการ์ดแผ่นล่าสุดที่ได้รับ

   ทะเลทรายกว้างใหญ่ในมุมเดียวกัน องศาการถ่ายเหมือนกัน จะต่างก็เพียงอย่างเดียวคือรูปที่เขาได้รับเป็นรูปสี ส่วนที่อยู่ในหน้าจอตอนนี้เป็นรูปขาวดำก็เท่านั้นเอง ด้านล่างของรูปมีตัวอักษรภาษาอังกฤษเรียงตัวกันสวยงาม ชนานาไล่สายตาจากซ้ายไปขวาจนครบทุกคำที่อยู่บนนั้น

   อยากจะห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลแค่ไหนก็ทำไม่ได้
 


   "กี จันทร์เราไม่อยู่นะ"

   เบนสายตาออกจากหน้าจอโน้ตบุ๊กของตัวเองเมื่อเห็นว่าสาวผู้มีอำนาจสูงสุดในทีมเดินผ่านหน้าไป กีรตาหรี่ตาลงมองใบหน้าของเพื่อนชายคนสนิทเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก คนที่บล็อกเฟซของอีกคนไปนานอย่างชนานาอาจไม่รู้อะไร แต่คนที่ยังติดต่อกันเสมออย่างเธอรู้ดีว่าวันจันทร์ที่ว่ามีความพิเศษอยู่ที่ไหน

   "ถ้าเราไม่ให้ไปล่ะ?" ความปรารถนาอย่างเดียวของกีรตาคืออยากให้เพื่อนมีความสุข "นาจะว่ายังไง"

   "ฝากงานไว้ที่น้องแล้ว ถ้าร้ายแรงค่อยบอกเรา"

   คำบอกเล่าต่อมาบอกว่าชนานาไม่สนใจคำขู่นั้น เมื่อไหร่ที่ลองได้ตัดสินใจไปแล้วเขาจะทำตามนั้นต่อให้มีอุปสรรคมากแค่ไหนก็ตาม คนอย่างชนานาใจเด็ดชนิดที่เพื่อนหลายคนออกปากซูฮก

   "...ไปสูบบุหรี่กันไหมนา"

   รู้ดีว่าพูดตรงนี้ไม่มีทางจบ อีกอย่างนี่มันเรื่องส่วนตัวที่ไม่ควรให้คนอื่นในทีมมารับรู้ด้วย ชายตัวผอมที่แสดงอาการเอาแต่ใจออกมาพยักหน้ารับ ทั้งสองจึงเดินออกไปยังสวนพักผ่อนเล็กๆ ด้านล่างของบริษัท กีรตาไม่ใช่คนสูบบุหรี่ และชนานาไม่ได้หยิบซองกระดาษพร้อมไฟแช็กลงมาด้วย เป็นอันที่เข้าใจตรงกันว่าเขาทั้งคู่มาทำอะไรที่นี่

   "มันกลับมาเมื่อไหร่" คำแรกออกมาจากปากของชนานา เขานั่งลงตรงริมบ่อปลาขนาดกำลังดีที่สร้างขึ้นตามหลักฮวงจุ้ยตามที่เจ้าของบริษัทนับถือ

   "สองสัปดาห์แล้วมั้ง" เธอเองจำวันที่แน่นอนไม่ได้ เพราะตัวเองก็รู้จากการที่มีคนแท็กรูปของเขาในเฟซแล้วมันขึ้นเตือนในหน้าไทม์ไลน์ของเธอเท่านั้นเอง "มาจัดงานแสดง"

   "อืม เห็นแล้ว"

   "นา..."

   "เราเข้าใจนะว่าทำไมกีไม่บอกเรา"

   เรื่องของคนสองคนไม่ควรลากคนอื่นเข้ามาเจ็บ โดยเฉพาะคนคนนั้นคือกีรตาที่เขาทั้งคู่รักไม่ต่างกัน ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมันผิดจากตัวเองนี่แหละ ก็เล่นปิดทุกช่องทางที่จะทำให้เขารับรู้เรื่องราวของอีกฝ่ายเอง

   ปิดทั้งที่รู้ตัวดีว่ามันเป็นเรื่องไร้ประโยชน์

   "นันท์ไม่ได้อยากให้ทุกอย่างเป็นอย่างนี้สักหน่อย"

   ชื่อที่ไม่ได้ยินมานานแสลงหูอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าของชนานาหมองลงยามได้ยินชื่อของ 'คนรัก' ที่อาจเรียกได้ว่าอดีตเพราะว่าเขาคงมีคนใหม่ไปแล้วอย่างที่เห็นกับตา

   ความรักที่ไม่ได้มีแม้กระทั่งการบอกลาอย่างเป็นทางการ

   "แล้วอยากให้เป็นแบบไหน?" เขาไม่ได้อยากแค่นหัวเราะอย่างนี้ให้ตัวเอง มันไม่ต่างอะไรกับการหัวเราะเยาะให้กับคนโง่ "จะมีวิธีไหนเฮงซวยได้เท่าเปิดประตูมาแล้วไม่เจอใครอีกอย่างนั้นเหรอ?"

   เช้าที่มืดมนที่สุดในชีวิต ห้องที่เย็นเฉียบจากอากาศเช้าในฤดูหนาว ความว่างเปล่าของพื้นที่หลายส่วนฉุดความสุขที่มีตลอดคืนให้หายไป คำที่มีคนเคยบอกว่าไม่มีการความเจ็บไหนเท่าความเจ็บจากสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดนี่มันเป็นอย่างนั้นจริง

   "นา เราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น"

   "กว่าเราจะโอเคได้อย่างนี้ไม่ง่ายนะกี แล้วทำไมถึงต้องมาทำให้เรากลับไปที่จุดเริ่มต้นใหม่อีกล่ะ?"

   ชนานาทอยลูกเต๋าหลายต่อหลายครั้งกว่าที่จะใกล้เส้นชัย แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อการทอยครั้งสุดท้ายเกิดคือเขากลับต้องร่วงหล่นลงมาเพราะช่องที่ไปถึงเป็นบันไดงู

   การตกจากที่สูงเจ็บเสมอ

   และการตกแบบที่ไม่มีเวลาเตรียมใจเจ็บที่สุด

   "แล้วนารู้ไหมว่านันท์ก็ไม่ได้ต่างจากนาเท่าไหร่เลย?"

   "..."

   "นารู้ดีที่สุดไม่ใช่หรือไง"

   "คนที่หายไปอย่างนั้นยังอยากจะเห็นหน้ากันอีกเหรอ?"

   "ชนานา"

   ไม่เคยเรียกชื่อจริงของเพื่อนหากไม่มีเรื่องจำเป็น ตอนนี้เพื่อนของเธอกำลังกลับไปจมอยู่กับความคิดเดียวที่มีในช่วงภายหลังจากการหายไปของชนานันท์ มันเป็นหน้าที่ที่จะต้องดึงคนตรงหน้าให้กลับมาอยู่ในประเด็นได้

   ใบหน้าที่มักจะอยู่ในอารมณ์เฉยชาเป็นนิจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาหน่อยเมื่อคิดไปถึงช่วงเสียสูญของตัวเอง ช่วงเวลาที่ย้อนกลับไปคิดถึงทีไรก็มีแต่คำว่า 'คนโง่' โผล่ขึ้นมาเต็มไปหมด เขาไม่เคยคิดว่าการหายไปของใครคนหนึ่งจะสร้างความว่างเปล่าได้เท่านี้ และกว่าที่จะเติมเต็มสิ่งที่หายไปนั้นได้เขาก็ต้องเสียทั้งเวลาและความรู้สึกจำนวนมหาศาล

   "จะตัดให้ขาดใช่หรือเปล่า?" สายตาที่มองตรงมาคาดคั้นและคาดหวังในเวลาเดียวกัน

   ต่อให้รู้ว่าตัดยังไงก็ไม่มีทางขาด ชนานาก็ตอบไปตามความรู้สึกของตัวเอง

   “...ใช่"


 
   วันนี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ชนานาไม่สนใจกล่องจดหมายหน้าตึกพัก ต้องการเวลาคิดขนาดที่ว่าไม่ยอมใช้ลิฟต์แล้วเดินขึ้นไปด้วยบันไดหนีไฟแทน ร่างกายเหนื่อยล้าอย่างที่พร้อมจะดับลงทันทีที่ล้มตัวลงกับเตียง เมื่อไขกุญแจเข้าไปแล้วขนาดเอื้อมมือไปเปิดสวิทช์ไฟยังไม่อยากทำ ของใช้ทุกอย่างถูกโยนลงกับพื้นแถวนั้นเพื่อให้การทิ้งตัวไม่มีอุปสรรคใด

   กลิ่นของน้ำยาปรับผ้านุ่มหอมปนไปกับกลิ่นของแดด สูดเอากลิ่นนั้นเข้าไปแทนการบำบัดด้วยน้ำมันหอม ถ้านอนตอนนี้เลยจะดูสกปรกไปไหมนะ วันนี้เขาไม่อยากขยับตัวไปไหนแล้วจริงๆ

   "ลุกไปอาบน้ำก่อนเลยนา"

   "...!"

   เสียงที่ไม่ได้ยินมานานแสนนานปลุกให้สติกลับเข้ามาอยู่กับตัว ชนานาเด้งตัวขึ้นมานั่งหลังตรง สายตากวาดไปทั่วห้องเพื่อตามหาว่าเจ้าของเสียงซ่อนตัวอยู่ตรงไหน

   สายตาที่ยังไม่ชินกับความมืดตอนแรกเริ่มปรับการทำงานจนในที่สุดเขาก็เห็นว่าอีกคนอยู่ตรงไหน มุมซ้ายสุดของห้องที่มีที่นั่งยาววางไว้ เมื่อก่อนมันก็ได้ใช้งานตรงตามประเภทอยู่แหละ จนกระทั่งเจ้าของมันหายไปเลยเปลี่ยนเป็นที่วางของสารพัดนึกไปเสีย

   "มาทำไม"

   "กลับห้องของตัวเองผิดตรงไหน"

   "...ยังกล้าพูด" ความเหนื่อยล้าทั้งหมดหายเป็นปลิดทิ้ง ชายที่นั่งอยู่บนเตียงเอื้อมมือไปกระตุกเชือกโคมไฟข้างหัวเตียงให้มันทำงาน ห้องที่เคยเป็นสีดำสนิทมีแสงสีส้มอ่อนสาดส่องจนเห็นได้ว่าอีกคนกำลังนั่งไขว้ห้างสบายใจด้วยท่วงท่าเดิมไม่มีเปลี่ยน

   "ชื่อเจ้าของห้องนี้มีสองคนนะนา"

   ห้องที่แชร์กันซื้อหลังเรียนจบ บ้านของเราสองคนอยู่ชานเมืองไม่เหมาะกับการเดินทางไปทำงาน หากันนานสองนานจนได้อย่างที่ต้องการ บ้านบนดาดฟ้าเหมือนหนังเรื่องโปรดของทั้งคู่

   "อยากอยู่ก็อยู่ไปคนเดียวเถอะ" ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงอะไรกับคนที่สร้างบาดแผลลึกเอาไว้ มองหากระเป๋าของตัวเองเตรียมตัวที่จะออกไปจากที่แห่งนี้ทันที คงต้องโทรไปรบกวนกีรตาหน่อยแล้วล่ะ

   "ไม่ให้ไป"

   คำสั่งเอาแต่ใจเหมือนเดิมจนคนที่กำลังคว้ากระเป๋าไว้ในมือชะงักค้างไปชั่วขณะ เจ้าของอาชีพนักโซเชียลถอนหายใจออกมาแทนการแสดงความรู้สึกมากมาย คนสองคนที่รู้จักกันดียิ่ง ไม่ว่าจะเรื่องนิสัย รสนิยม หรือจะเป็นเรื่องของความฝันสูงสุด

   "เรื่องของคุณ"

   เพราะชื่อจริงของทั้งสองคนเริ่มต้นด้วยคำว่าชนาเหมือนกัน คนหนึ่งเลยมีชื่อแทนตัวว่านันท์ แล้วอีกคนคือนา หากเรียกว่าชนาทั้งสองคนจะหันมาพร้อมกัน สองคนที่ไม่สนใจว่าใครอื่นจะบ่นเรื่องการเรียกที่เกือบจะเหมือนกันอยู่แล้ว

   การเรียกตัวเองด้วยสรรพนามที่ห่างเหินแทนอะไรหลายๆ อย่าง ชนานาเดินไปหน้าห้องเตรียมตัวจะจับลูกบิดประตู ติดที่อีกคนไวกว่ามายืนขวางประตูเอาไว้เสียจนเขาหาทางเปิดไม่เจอ

   "จะ ออก"

   "นันท์ไม่ให้ไป"

   เกลียดนิสัยอย่างนี้จนอยากจะกรีดร้องออกมาให้สุดเสียง แต่พอเป็นชนานาแล้วมันเลยเหลือแค่การช้อนตาขึ้นมองหน้าของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่ยากเกินกว่าจะอธิบาย โครงหน้ามีเอกลักษณ์ยังชวนหลงใหลอยู่อย่างเดิม ยิ่งผิวมีรอยคล้ำแดดแล้วก็เพิ่มความน่ามองเข้าไปอีกหลายเท่าตัว

   นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่ได้ยืนข้างกันอย่างนี้

   ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงให้เสียเวลา กลับหลังหันพาตัวเองออกไปอยู่ในสวนต้นไม้ขนาดใหญ่ จุดเริ่มต้นมาจากการชวนของชนานาว่าห้องนี้มันไร้ชีวิตจนเกินไป น่าจะลองหาอะไรมาปลูกกันบ้าง พอตกลงกันได้แล้วก็ทำการใหญ่เป็นสัปดาห์ กว่าจะแบกกระถางขึ้นมาได้ ดินถุงใหญ่ ต้นไม้หลากหลายแบบ แล้วกว่าจะขนย้ายแต่ละต้นลงกระถางให้สวยงามอีก

   เดินไปจุดพักใจของตัวเอง ต้นกระบองเพชรที่เรียงตั้งแต่ขนาดเล็กที่สุดไปจนถึงใหญ่ที่สุด เพิ่งเห็นว่าต้นใหญ่ทักทายกลับด้วยการอวดกลีบดอกสีขาวบานสะพรั่ง ย้อนนึกกลับไปถึงคำพูดของแม่ค้าแล้วอยากกลับไปเล่าว่ามันไม่เห็นจะเสริมดวงเขาเลย ตั้งแต่เช้ามานี่ยังไม่มีเรื่องไหนดีสักเรื่อง

   จ่อไฟกับปลายมวน สูดลมหายใจเข้าไปเพื่อให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี ไฟแช็กอันเดียวถูกส่งต่อให้คนที่อยู่ข้างๆ นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ที่ไม่ได้มาสูดควันพิษพร้อมคนอื่นอย่างนี้ ชนานาปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับสารเสพติดที่เข้าไปข้างในปอด ตั้งใจว่าจะทำเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตนไปเสีย
   
   บุหรี่แบบเย็นอย่างที่ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบ อาจเพราะเป็นคนที่ดูเฉื่อยชาตลอดเวลาเลยไม่ชอบสิ่งที่ดูร้อนแรงอย่างนั้น ไม่เหมือนกับอีกคนที่เอาแต่สูบแบบร้อนแล้วยังบังคับให้ตัวเองต้องทำตามด้วย

   "แล้วนี่ของนาหมดเลยเหรอ ทำไมเยอะ" นิ้วของชนานันท์ชี้ไปทางกระถางต้นบุหรี่ที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก เสี้ยวหน้าที่กระทบแสงไฟแสดงให้เห็นว่าเขาไม่พอใจกับผลงานที่เกิดขึ้น "นี่กลับไปสูบตั้งแต่เมื่อไหร่?"

   ความเงียบคือคำตอบที่ส่งกลับคืนไป สายตาของเขาเหม่อมองท้องฟ้าไร้ดาวด้านบน สูดเอาความขมที่อาจดีกว่าของหวานหลายชนิดเข้าไป

   "อืม ของผมหมดเลย" ชนานาไม่คิดว่าตัวเองจะเข้มแข็งได้เท่านี้ ไม่คิดว่าตัวเองจะตอบกลับไปอย่างไม่กลัวสิ่งที่จะตามมา "สูบตั้งแต่วันที่ผมไม่เจอใครบางคนอยู่ในห้องแล้ว"

   รัตติกาลกลบทุกความรู้สึกไว้ข้างใน สิ่งเดียวที่กำลังโอบล้อมเขาไว้อยู่คือกลุ่มควันพิษ ถ้าสูบมันแล้วตายไปตรงนี้เลยก็ดีสิ เขาชักไม่อยากจะหายใจต่อไปแล้วล่ะ

   "นันท์กลับมาแล้ว งั้นนาก็เลิกสูบสิ"

   วิธีการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแสนโง่เขลาจนเผลอกระตุกยิ้มด้วยความสมเพช ทำไมเขาถึงอยู่ติดกับคนอย่างนี้นานอย่างนี้ เมื่อก่อนเป็นแบบไหนทุกวันนี้ก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนนิสัย ทะเลาะกันตั้งหลายรอบก็ไม่เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นบ้างเลย บางทีการที่ไม่มีเขาอยู่มันก็ดีต่อสุขภาพจิตมากกว่าตั้งเยอะ

   "ผมไม่เลิก"

   "นา!"

   และชนานันท์ไม่ใช่คนที่มีความอดทนกับเรื่องนี้ได้นาน เขาหันมามองคนตัวเล็กกว่าที่ยืนหน้านิ่งอยู่ถัดออกไป อยากจะคว้าตัวมาเขย่าถามว่าที่ทำตัวเย็นชาอย่างนี้อยากให้เขาทำอะไรกันแน่

   "คนใช้ห้องร่วมกันไม่ควรขึ้นเสียงใส่คนอื่นอย่างนี้นะ" ขยี้ปลายมวนลงกับขอบระเบียงตรงหน้า โยนมันออกไปนอกระเบียงไม่เหมือนกับทุกครั้งที่จะดับมันกับกระถางต้นไม้ "มารยาทในการอยู่ร่วมกันรู้จักไหม"

   "อย่ามาทำอย่างนี้นะนา ไหนบอกว่าถ้ามีปัญหาให้คุยกันดีๆ ไง"

   เกลียดการที่เอาแต่เรื่องให้อดีตมาพูด เรื่องที่ชนานาเป็นฝ่ายผิด เขาเป็นผู้ชายประเภทที่จะไม่พูดออกมาหากเรื่องนั้นไม่คอขาดบาดตายจริง ถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อยแล้วล่ะก็แม้แต่ตัวอักษรเดียวก็จะไม่ได้เล็ดรอดออกมาจากปากอย่างแน่นอน

   ไม่อยากคุยอะไรต่อไปอีก ชนานารีบเดินเข้าไปด้านในห้องโดยไม่ลืมที่จะกดล็อกประตูไว้เอา ข้อเสียของกลอนที่อยู่ด้านในห้องกลายมาเป็นข้อดีในเวลานี้ มันค่อนข้างอันตรายหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นเผลอกดปุ่มแล้วลมตีเข้ามาจนประตูปิด หรือหากมีผู้ร้ายบุกเข้ามาแค่จับเขาออกไปอยู่ด้านนอกก็หมดทางรอดแล้ว

   "นา ไม่เล่นอย่างนี้"

   ประตูที่มีช่องสำหรับหน้าต่างตาข่ายฉายให้เห็นว่าอีกฟากฝั่งนั้นมีอีกคนอยู่ คนที่ยืนหน้าเครียดแถมระบายอารมณ์ด้วยทุบบานประตูเสียงดัง ชนานาเดินกลับเข้ามาหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองที่ยังนอนอยู่ที่เดิม มองไปทั่วห้องว่าตัวเองยังต้องเตรียมอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง ถ้าอีกฝ่ายจะกลับมาอยู่ที่นี่คงเป็นตัวเองที่ต้องออกไป

   “ผมบอกตอนไหนว่ากำลังเล่นอยู่?”

   คว้าเสื้อจำนวนหนึ่งไว้ ดีที่ตัวเองเป็นพวกชอบใส่เสื้อผ้าซ้ำกันบ่อยๆ เลยไม่ต้องคิดมาก

   “เดี๋ยวให้กีมาเปิดให้นะ”

   ในวันนั้นชนานาทำได้แค่ยอมรับการจากลา

   คราวนี้ขอเป็นคนเดินออกไปบ้างแล้วกัน


 
   คนคุ้นหน้าในวงการงานถ่ายภาพเดินขวักไขว่ เสียงชัตเตอร์ดังสู้กับเสียงพูดคุยจอแจจับไม่ได้ศัพท์ งานจัดแสดงใหญ่กว่าที่ชนานาคิดเอาไว้เยอะเหมือนกัน งานที่เขาเพิ่งยอมเปิดหาข้อมูลเพิ่มเติมว่ามันเกี่ยวกับอะไรกันแน่

   การจัดแสดงผลงานภาพถ่ายตลอดการเดินทางรอบโลกของชนานันท์ อาจดูเป็นธีมธรรมดาที่ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจ ทุกคนสามารถออกไปท่องเที่ยวได้ และทุกคนสามารถเก็บภาพถ่ายเอาไว้ได้ ข้อแตกต่างมันอยู่ที่เจ้าของผลงานทั้งหมดดันชื่อชนานันท์ ชายที่ได้รับการขนานนามว่า ‘อัจฉริยะ’ ในวงการช่างภาพสมัยใหม่

   งานโชว์ผลงานเดี่ยวครั้งที่สอง ส่วนงานของตัวเองเคยปรากฏต่อสายตาสาธารณชนนับไม่ถ้วน ช่วงปีหนึ่งสร้างความตกตะลึงให้คนทั้งคณะด้วยการส่งงานประกวดที่ถ่ายมาจากกล้องคอมแพคความละเอียดน้อย ภาพนั้นได้รับรางวัลชนะเลิศอย่างที่ไม่มีใครค้านสักราย

   โลโก้ของผู้สนับสนุนเด่นหราจนอดเบ้ปากไม่ได้ งานครั้งนี้เกิดจากบริษัทเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเสนอตัวเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนเป็นการช่วยโปรโมตบริษัทให้ แน่นอนว่ามันยากจะปฏิเสธเมื่อความฝันสูงสุดของฝ่ายช่างภาพคือการได้เดินทางไปรอบโลกอยู่แล้ว ชนานันท์มาปรึกษาเรื่องนี้หลายครั้งว่าอยากให้เขาเป็นผู้ร่วมเดินทางอีกคนหนึ่ง

   และชนานาปฏิเสธ

   ไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน หรือว่าเรื่องการงาน เรื่องเดียวที่ทำให้เขาขยาดการเดินทางคือเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะเข้ามหาวิทยาลัย เรื่องที่อีกคนก็รู้ดี

   “มีบัตรเชิญไหมคะ?”

   สตาฟที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะลงทะเบียนถามตอนที่เดินเข้าไป จากที่ตั้งใจว่าจะมาถามแค่เรื่องเวลาเปิดงานก็เลยต้องตอบ

   “ไม่ครับ”

   “งั้นลงชื่อในแผ่นนี้ค่ะ”

   กระดาษเขียนหัวไว้เด่นหราว่าบุคคลทั่วไป ชนานาไม่หยิบปากกาขึ้นมาแถมยังหลีกตัวออกมาจากที่ตรงนั้นทันที เพราะถ้าลองได้เขียนชื่อตัวเองลงไปมันคงไม่ดีเท่าไหร่ โต๊ะถัดจากนั้นมีกองหนังสือปกหนาวางไว้อยู่ หน้าปกเป็นรูปเดียวกับที่เห็นครั้งแรกหรือเป็นรูปของชนานันท์ท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก บนปกไม่เหมือนกับป้ายโฆษณาก็ตรงที่ชื่อหนังสือเขียนด้วยลายมือแทน

   คำที่ลงท้ายอยู่ในกระดาษทุกแผ่น

   ในที่สุดก็พาตัวเองเข้ามาอยู่ในงานจัดแสดงหลังจากที่ต้องหลบหลีกผู้คนจำนวนมาก หลายคนมองมาที่เขาด้วยสายตาแปลกประหลาดจนอยากเสกให้มีหมวกกับหน้ากากมาปิดหน้าตัวเองเอาไว้เพื่อซ่อนตัวจากหลายคนที่รู้ว่าเขาเป็นใคร...

   “อ้าวน้องนา”

   “...สวัสดีครับพี่เอก” ไม่อยากจะทักทายเลย ติดที่พี่เอกเป็นผู้มีพระคุณต่อเขา ตั้งแต่ชีตเรียนจำนวนมาก แนวข้อสอบอีกเป็นตั้ง ...ก็พี่รหัสของตัวเองนี่นา

   “คราวนี้งานใหญ่เลย หลังจากนี้นันท์คงงานยุ่ง”

   “ครับ...”

   “นี่นึกว่าจะไปด้วยกันซะอีก เห็นไม่เคยห่าง”

   ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มีหลายคนรู้ แม้มันจะค่อนข้างเป็นสิ่งที่รับได้ยากในสังคมเล็กๆ แห่งนั้นมากอยู่เหมือนกัน

   คุยกันอีกสองสามเรื่องก็บอกลา ส่วนของงานแสดงจัดเรียบง่ายไม่ต่างจากทุกครั้ง แสงไฟสีอุ่นสาดส่องลงมายังภาพขนาดใหญ่เรียงรายต่อกันไปจนสุดสายตา ภาพแรกคือภายในสนามบินสุวรรณภูมิ  ไม่รู้ว่าเป็นช่วงเวลาไหนเพราะรูปถูกปรับให้เป็นขาวดำทั้งหมด

   รูปขาวดำที่หลายคนบอกว่าต้องใช้ความสามารถขั้นสูงกว่าการถ่ายภาพสี เพราะคนถ่ายจะต้องมีความรู้เรื่องแสงเงาและองค์ประกอบดีเยี่ยม สิ่งที่ทำให้ภาพประเภทนี้น่าหลงใหลคือการแสดงออกถึงความเหมือนและความแตกต่างของสีเพียงไม่กี่สี ความสวยงามของศิลปะไม่ได้มีแต่เรื่องสีสันเท่านั้น

   คิ้วขมวดเข้าหากันแบบไม่ตั้งใจ น่าแปลกที่ลองมองจนทั่วแล้วก็เห็นแต่รูปถ่ายที่เป็นโทนขาวดำ ไม่เห็นจะมีรูปไหนเต็มไปด้วยสีสันอย่างที่เขาได้รับ ชนานันท์ไม่ใช่คนชอบถ่ายรูปแบบนี้สักหน่อย ใช้สีจัดต่างหากที่มักปรากฏอยู่ในงานของเขาทุกชิ้น

   ส่วนของคำอธิบายก็ไม่ได้เป็นตัวอักษรต่อกันธรรมดา มันจำลองด้านหลังของโปสการ์ดอย่างที่เขาได้รับ ถึงว่าทำไมมีรายละเอียดของภาพมากมายอย่างนั้น ที่ต่างออกไปก็คือภาพเหล่านี้ไม่มีชื่อผู้รับ แต่เป็นโลเคชั่นของพื้นที่ตรงนั้นอย่างละเอียดแทน นี่เอาเขามาเป็นหนูทดลองหรือยังไง

   ลองเดินตามทางไปเรื่อย ถึงพบว่าภาพส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเคยผ่านตามาแล้วในรูปแบบของโปสการ์ดสีสวย จะมีบางรูปที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และพอดูชื่อประเทศก็พอเข้าใจได้ว่าเพราะอะไรกระดาษแผ่นนั้นมันจึงมาไม่ถึง

   “...”

   จนถึงรูปที่เขาเคยเห็นมาก่อน แต่ไม่ใช่บนกระดาษที่ส่งมา ภาพขาวดำเป็นดอกไม้ช่อหนึ่งวางไว้เคียงข้างกรอบรูปเล่นลายเป็นเถาวัลย์ล้อมเอาไว้ ข้างในมีชายหญิงคู่หนึ่งในชุดทะมัดทะแมงคล้ายนักเดินทางโอบไหล่ของกันและกันเอาไว้

   ขอบตาร้อนผ่าวจนต้องก้มหน้าลงมาทำเป็นดูคำอธิบายรูปภาพแทน

   ‘แด่รักนิรันดร์’

   ไม่มีทางที่ชนานาจะลืมหน้าของคนในรูป ในเมื่อชายหญิงคู่นี้คือผู้ให้กำเนิดของชนานา พ่อกับแม่ที่เป็นนักเดินทางตัวยง ช่วงยังเล็กอยู่ก็เดินทางพร้อมหน้าพร้อมตา จนโตขึ้นแล้ววัยรุ่นก็ติดเพื่อนติดฝูงไม่ได้ออกเที่ยวด้วยกันบ่อย ไม่ได้แย่อะไรเพราะต่างคนก็ต่างเข้าใจช่วงจังหวะของชีวิตที่ต่างกัน

   จนกระทั่งเขาได้ยินข่าวเครื่องบินที่บุพการีนั่งอยู่ตกกลางมหาสมุทร

   ชนานาเลยเกลียดการขึ้นเครื่องบิน เกลียดการเดินทางที่มีความเสี่ยงสูงอย่างนี้ เขากลัวการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ เรื่องนี้เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนทั้งคู่ ในขณะที่ความฝันของชนานันท์คือการได้เดินทางไปในสถานที่ต่างๆ ชนานาปฏิญาณตนเอาไว้ว่าจะไม่เดินทางด้วยเครื่องบินไปที่ไหนอีก

   การทะเลาะที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จบลงตรงที่การหายตัวไปอย่างไร้การบอกกล่าวของชนานันท์

   ตามองภาพแต่ใจคิดถึงแต่เรื่องในอดีต คิดถึงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทั้งหมด ไล่เรียงต่อมาจนถึงช่วงเวลาแสนยากลำบากในการยอมรับตัวตนที่แท้จริง การต่อสู้กับสายตาและคำนินทาของคนรอบข้าง กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางได้ก็หลายปีหลังจากนั้น

   สองเท้าหยุดก้าวเมื่อถึงภาพสุดท้ายของงานแสดง ภาพที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับการเดินทางรอบโลกก่อนหน้า สิ่งที่อยู่บนนั้นเป็นการเอารูปสีจางใบหนึ่งมาเทียบไว้กับรูปสีอีกใบ ข้างบนนั้นเป็นเด็กชายสองคนที่หน้าตาค่อนข้างคล้ายคลึงกันในชุดนักเรียนอนุบาลกำลังจับมือกันเอาไว้ ส่วนภาพด้านล่างคือรูปชายจำนวนเท่าด้านบนในชุดครุยรับปริญญาทำท่าเดียวกันกับด้านบน เวลาที่ผ่านไปสิบห้าปีไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

   คำอธิบายแตกต่างไปจากทุกรูปที่ผ่านมา
 
   To 
   CHANANA T.

   With Love,
   CHANANAN T.



***
[แก้ไข 08.09.16]
   คิดว่าควรจะกลับมาอธิบายความเป็นมาของเรื่องหน่อยค่ะ หลังจากที่ลงไปครั้งแรกแล้วไม่ได้คุยอะไรมากแล้วหลายคนดูเหมือนจะสงสัยอยู่ (ยิ้ม) สำหรับเรื่อง With Love เริ่มมาจากโปสการ์ดที่เจ้าได้รับค่ะ มันลงท้ายด้วยคำนี้จนเกิดความคิดที่จะเอาคำนี้มาแต่งเรื่องสั้นดู แล้วสุดท้ายเจ้าก็ยังแต่งให้มันสดใสไม่ได้อยู่ดีค่ะ (ฮา)
   เจ้าตั้งใจที่จะไม่เฉลยชัดอยู่แล้วสำหรับส่วนท้ายของเรื่อง แล้วเอาไปแทรกตามส่วนต่างๆ ของเรื่องแทนค่ะ แต่ถ้าต้องใบ้คำเฉลยก็...ตามที่หลายๆ ท่านคิดเลยค่ะ (ยิ้ม) ตัดสินใจอยู่นานเหมือนกันว่าอยากให้จบแบบไหน แล้วสุดท้ายก็เลือกอย่างที่เจ้าอยากทำค่ะ เพราะเจ้าเองก็วางคีย์เวิร์ดความสัมพันธ์ของทั้งคู่เอาไว้แล้ว จากที่คิดว่าจบดีแล้วพออ่านฟีตแบคแล้วกลายเป็นดูตัดจบไปหน่อย เจ้าจะเก็บไปปรับปรุงในเรื่องหน้านะคะ
   ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
   23August

   #ด้วยรัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-12-2017 12:28:44 โดย 23August »

ออฟไลน์ Raina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
Re: {เรื่องสั้น} With Love, ด้วยรัก (จบ)
«ตอบ #6 เมื่อ20-08-2016 03:49:00 »

จบแว้วววว?!?  งั้นเรนจิ้นต่อว่า นาดูรูปแล้วสะบัดบ๊อบเดินออกจากงาน 555 //โดนคุณ 23August ตบ  :beat:

ตกลงคือ นากับนันท์เป็นแฟนกัน นันท์เป็นช่างภาพต้องเดินทาง แต่นามีปัญหาเรื่องบินเลยไม่ยอมไปด้วย ตกลงกันไม่ได้ นันท์เลยออกเดินทางไปดื้อๆ นาเสียใจและปิดช่องทางติดต่อ ระหว่างนั้นนันท์ก็ส่งโปสการ์ดมาให้จากตปท.เรื่อยๆ แต่นาไม่รู้ว่าจากใคร พอนันท์กลับมาจัดแสดงผลงาน ก็มีรูปนา+นันท์รวมอยู่ในนั้นด้วย จบ.

แหะๆ เข้าใจถูกไหมหว่า... เล่าเกี่ยวกับโปสการ์ดได้น่ารักดีค่ะ ตอนจบต้องพีคอีกนิดน้าถึงจะฟิน

With Love,
Raina

ออฟไลน์ lovelycompass

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: {เรื่องสั้น} With Love, ด้วยรัก (จบ)
«ตอบ #7 เมื่อ20-08-2016 20:00:17 »

จบแล้วเหรอคะ ทำไมรู้สึกเหมือนตัดจบ เราโอเคนะกับตอนจบ แต่อยากรู้ว่าได้กลับไปคบกันมั้ยคะ ต่ออีกหน่อยเถอะค่ะ  :ling1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: {เรื่องสั้น} With Love, ด้วยรัก (จบ)
«ตอบ #8 เมื่อ20-08-2016 22:23:52 »

เป็นแฝดด้วย?

ออฟไลน์ obstacle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: {เรื่องสั้น} With Love, ด้วยรัก (จบ)
«ตอบ #9 เมื่อ21-08-2016 07:53:33 »

อ่านจบแล้วพูดไม่ถูกเลยครับ
จะมีพิเศษมั้ย ดูเรื่องน่าจะไปต่อได้อีก
แต่ถ้ามีเท่านี้ก็โอเคครับ
เรื่องสั้นมักปล่อยให้คนอ่านไปคิดต่อเอง

สองคนนี้อาจจะเป็นแฝดกัน หรือเป็นแค่คนหน้าเหมือน
แต่ชื่อคล้ายกันขนาดนี้ แถมนามสกุลก็ย่อ T. เหมือนกัน
อืมม เฉลยปมอื่น แต่ทิ้งท้ายปมเพิ่ม มันค้างคาใจ 555

ขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: {เรื่องสั้น} With Love, ด้วยรัก (จบ)
« ตอบ #9 เมื่อ: 21-08-2016 07:53:33 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kitsune1st

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: {เรื่องสั้น} With Love, ด้วยรัก (จบ)
«ตอบ #10 เมื่อ20-09-2016 22:06:32 »

ดูยังไงก็ไม่น่ามาบรรจบกันได้
ถ้าคนนึงชอบเดินทางแต่อีกคนไม่ชอบ
มันเป็นความขัดแย้งในชีวิตคู่มากๆ

แต่งหน่วงทุกเรื่องเลย แต่ก็สนุกดีค่ะ ขอบคุณมาก

ออฟไลน์ purple

  • Aventador FC
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: {เรื่องสั้น} With Love, ด้วยรัก (จบ)
«ตอบ #11 เมื่อ24-09-2016 23:38:46 »

หน่วงไปอีกค่ะ T^T เรื่องจะกลับมาคบกันอีกไหมเราว่าพอลุ้น
..แต่เรื่องเป็นแฝดไหมนี่ คาใจมากค่ะ
ขออีกสักตอนนะคะ สั้นๆก็ได้ เฉลยทีค่ะ

ออฟไลน์ คุณข้าวทอด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: {เรื่องสั้น} With Love, ด้วยรัก (จบ)
«ตอบ #12 เมื่อ27-09-2016 01:24:40 »

อ่านจบแล้ว พอมาอ่านคอมเม้นท์ก็ต้องย้อนกลับไปอ่านเรื่องใหม่อีกรอบ
คอมเม้นท์ก็มีส่วนให้เราเป๋ไปได้เหมือนกันนะคะ5555

แต่โดยส่วนตัวแล้วเราคิดว่าทั้งสองคนไม่ใช่แฝดกัน (หรือเปล่า?5555)

คิดอยู่แล้วนิดหน่อยว่าคงจบแบบนี้ค่ะ
เรารู้สึกดีใจนะที่ไม่ได้จบแบบเรื่องฟรีซ5555
(เรื่องนู้นก็ดี แต่มันเจ็บแปลบ ๆ ยังไงไม่รู้ T^T)

ถ้าพูดถึงเรื่องตอนจบ เราคิดว่ามันเป็นตอนจบที่ชัดเจนแล้ว
ยิ่งประโยคที่กีพูดเกี่ยวกับสิ่งที่นาตัดออกก็ยิ่งชัดเจนเข้าไปใหญ่

ถ้าบอกว่าแทรกไว้ในเรื่องแล้วก็แน่ใจได้เลยว่ามันแฮปปี้เอนด์
ทั้งกับนา และนันท์ก็ด้วย - เพราะ(เราคิดว่า)นาไม่ได้ตัดอะไรเกี่ยวกับนันท์ออกไปเลย

มีบางเรื่องที่คิดว่ายังไม่ชัดเจน เช่น เรื่องของนันท์
ทั้งผู้หญิงคนนั้น ทั้งเรื่องที่ไปโดยไม่บอก
(แต่ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องสั้นก็คิดว่ารับได้อยู่ค่ะ5555)

มันสดใสอยู่ในครึ่งแรก และมันก็ดูเทา ๆ ในครึ่งหลัง
โดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบอ่านที่มันหน่วงเท่าไหร่นัก
เรากดเข้ามาอ่านเพื่อหวังว่ามันจะสดใส แต่ก็ก่ำกึ่ง ฮา

แต่เราชอบมากเลยนะคะ ทั้งภาษา การบรรยาย การดำเนินเรื่อง
ดูเอื่อยเฉื่อยสมเป็นนาดี แต่กลับมีเสน่ห์แบบประหลาด :)

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
Re: {เรื่องสั้น} With Love, ด้วยรัก (จบ)
«ตอบ #13 เมื่อ27-09-2016 02:26:40 »

หน่วงดีค่ะ  :hao6:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: {เรื่องสั้น} With Love, ด้วยรัก (จบ)
«ตอบ #14 เมื่อ27-09-2016 17:06:42 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
Re: {เรื่องสั้น} With Love, ด้วยรัก (จบ)
«ตอบ #15 เมื่อ30-09-2016 09:36:21 »

อ่านแล้วรู้สึก หน่วง ๆ เหงา ๆ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: {เรื่องสั้น} With Love, ด้วยรัก (จบ)
«ตอบ #16 เมื่อ06-10-2017 02:14:25 »

สนุกมากเลยค่ะ ชอบมาก เรื่องออกสีน้ำตาลหม่นๆ เราว่าเรื่องก็จบในตัวแล้วนะคะ แปลกใจตัวเองเวลาอ่านทำไมต้องทำหน้าซึมๆตามโทนเรื่อง 55555 ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ ไปหัดส่งโปสการ์ดแบบนี้บ้างดีกว่า  :mew1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: {เรื่องสั้น} With Love, ด้วยรัก (จบ)
«ตอบ #17 เมื่อ06-10-2017 09:45:03 »

เข้ามาอ่านอีกรอบ  o13

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Re: {เรื่องสั้น} With Love, ด้วยรัก (จบ)
«ตอบ #18 เมื่อ10-10-2017 12:44:10 »

หน่วงๆ ; w ; 7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด