The Rest Bar, Ratio Hotel“มึงเป็นใครครับ เศรษฐีใหม่เหรอ ไม่เคยเห็นหน้า” ไอ้คินทักประชดประชัน มองผมหัวจรดเท้าด้วยสายตาเย็นชาเพราะพักนี้ผมแทบไม่ได้เจอมันเลย
“หึ ๆ” ผมยิ้ม
“อุตส่าห์เอาเงินมาให้ เดี๋ยวกูก็กลับซะหรอก” ผมว่า
“คร๊าบ ~ ท่านไฟ” อีกฝ่ายไม่เลิกประชด พร้อมผงกหัวนอบน้อมโดยทันที
“นั่งโต๊ะนั้นไหม” เจ้าของร้านชี้มือไปยังโต๊ะแบบโซฟาที่อยู่ในมุมส่วนตัวและดูเหมือนจะเป็นโต๊ะสุดท้ายที่ว่างอยู่ ผมพยักหน้าตอบ พี่ธานจัดการสั่งเครื่องดื่มและอาหารมาให้ ในขณะที่เพื่อนตัวดีหายหัวไปพักหนึ่งโดยไม่ได้บอกว่าหายไปทำอะไร...
“ไปสั่งงานเด็กมา” มันกลับมาแล้วหย่อนตัวนั่งลงด้านซ้ายมือของผม
“เป็นไงบ้าง” ไอ้คินถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“พี่มึงสบายดี” ผมตอบ
“กูหมายถึงมึง” มันขมวดคิ้ว
“สบายดี” ผมยิ้มตอบ
“........” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็เหสายตามองไปยังแก้วเครื่องดื่มของตัวเอง
“รอบนี้มันจะโดนเก็บไหม” ไอ้คินพึมพำพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ไม่ตายง่าย ๆ หรอก” ผมพูดก่อนพ่นลมหายใจลากยาวออกทางจมูก คนอย่างพี่ทัพเหมือนคนโง่ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ และถ้าจะตายก็คงตายไปนานแล้ว
“แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ มึงก็รู้” ไอ้คินหันมาสบตาอย่างหนักใจ ผมไม่พูดอะไร ยกเหล้าขึ้นจิบอึกหนึ่งก่อนเหลือบมองไปยังพนักงานที่ล้วนแล้วแต่เป็นหน้าเดิม ๆ
“มันไม่ตายง่าย ๆ หรอกน่า” ผมย้ำพูดคำเดิม ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรให้มันสบายใจนอกจากประโยคที่ไร้น้ำหนักเช่นนี้ ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกได้ว่าพี่ทัพก็มีบุญบารมีแบบที่อธิบายออกมาเป็นรูปธรรมไม่ได้ หลายครั้งที่เสี่ยงจนสมควรตาย แต่ก็รอดหวุดหวิดและยังหายใจมาจนถึงทุกวันนี้น่ะนะ
“มึงจะพูดประโยคเดิมอีกกี่ครั้งไอ้ฉิบหาย แล้วคุยกับกูก็ช่วยมองหน้ากูด้วย !” ไอ้คินสบถ
“หึ ๆ ๆ ๆ” ผมกับพี่ธานหลุดหัวเราะที่จู่ ๆ อีกฝ่ายก็ดันรำคาญขึ้นมาซะเองเสียอย่างนั้น
“ยังอยู่อีกเรอะ” ผมเลิกคิ้ว มองไปยังบาร์เทนเดอร์คนที่เคยหมายตาไว้
“เออ” ไอ้คินมองตามสายตาผมก่อนตอบรับ
“มันเรียนรู้งานเร็วดี นี่กูเพิ่งให้เป็นบาร์เทนเดอร์เต็มตัวเพราะไปชนะการแข่งขันมาเมื่อสองอาทิตย์ก่อน” ไอ้คินขยายความ ผมนั่งฟังเงียบ ๆ พลางยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นดื่ม
“ให้เรียกไหมล่ะ” เจ้าของร้านออกปาก ระดับเสียงที่ใช้ก็แปลกหู
“........” ผมเลิกคิ้ว ช้อนตาขึ้นมองโดยทันที ก่อนหน้านี้มันกันท่าผมจะตาย ไม่ค่อยให้ผมแตะต้องเด็กในร้านของมันหรอก
“ทำไม” ผมอมยิ้มมุมปาก มองเพื่อนสนิทอย่างสนใจ
“เรียกได้แล้ว” ไอ้คินตอบแบบวางฟอร์ม
“หึ..” ผมพ่นหัวเราะ หยิบฝรั่งที่เป็นอาหารประดับจานเข้าปาก ไอ้คินมองตามทุกการกระทำของผมก่อนที่คิ้วของมันจะขมวดเป็นโบ
“พวกมึงนี่มาร้านกูทั้งทีแต่สั่งอาหารโคตรจายกเลยเนอะ สั่งให้มันแพง ๆ สมฐานะหน่อยไม่ได้รึไง จะเก็บเงินไปใช้ตอนตายเหรอ !” มันบ่น
“ก็ไม่ได้อยากกิน” ผมพึมพำยิ้ม ๆ ก่อนใช้ส้อมจิ้มสับปะรดเข้าปาก
“ดู.. ดูมันแดก” เจ้าของร้านไม่เลิกพึมพำ
“เตรียมห้องให้กูด้วย” ผมสั่ง เอนหลังพิงพนักโซฟาในขณะที่ปากยังคงเคี้ยวสับปะรดอยู่
“คุณไฟจะนอนนี่เหรอครับ” พี่ธานถามทันที
“........” ผมพยักหน้าแทนคำตอบ
“ไปเรียกมาสิ” ผมพูด เลิกคิ้วไปยังพนักงานของมันซึ่งคาดว่าเพื่อนคนนี้ก็คงรู้ดีว่าหมายถึงใคร
“เฮ้อออ เอาจนได้” ไอ้คินสบถบ่นเซ็ง ๆ
“ถ้าจะบ่นแล้วจะเสนอทำไม” ผมว่ากลับ
“คร๊าบ ~” อีกฝ่ายขานรับส่ง ๆ ส่ายหัวเล็กน้อยก่อนลุกจากไป ให้หลังไม่นานนักไอ้คินก็กลับมาที่โต๊ะอีกครั้งพร้อมกับพนักงานของตน มันสั่งให้อีกฝ่ายนั่งลงที่นั่งของมันก่อนหน้านี้ บาร์เทนเดอร์หนุ่มโค้งตัวอย่างสุภาพพร้อมออกปากขออนุญาตผมก่อนนั่งลง
“ชื่อ ?” ผมถาม
“เทนครับ” อีกฝ่ายตอบ ผมเงียบ กวาดตามองเก็บรายละเอียดจากระยะใกล้ที่ทำให้เห็นสัดส่วนชัดเจนมากขึ้น
“ผมเติมเครื่องดื่มให้นะครับ” เทนเหลือบมาเห็นแก้วเหล้าของผมที่พร่อง
“........” ผมไม่ตอบ เพียงพยักหน้าตอบส่ง ๆ เท่านั้น เสียงของน้ำแข็งกระทบกับก้นแก้ว เครื่องดื่มถูกเทเติมเพิ่มหลังจากนั้น
“โดนมันบังคับเหรอ” ผมพูด เอียงหน้าไปยังผู้ถูกถามเพื่อให้มองได้ถนัด
“เปล่าครับ” เทนตอบพร้อมผลิยิ้มเล็กน้อย
“หึ..” ผมพ่นหัวเราะ หยิบแก้วที่เพิ่งถูกเติมให้ขึ้นดื่มจนหมด ทำให้อีกฝ่ายต้องรีบรินเติมให้อีกครั้ง
“ว่างไหม คืนนี้” ผมเข้าประเด็น
“........” เทนไม่ตอบ เขาหลบตาก่อนจะพยักหน้าให้ผมน้อย ๆ
“แต่ว่าคุณคินมีกฏอยู่น่ะครับ” อีกฝ่ายพูดเสียงเบาคล้ายกลัวความผิด เพราะไอ้คินที่อยู่กับแขกโต๊ะใกล้เคียงเหลือบมองมาเป็นระยะ ผมเพียงหัวเราะในลำคอและไม่อธิบายใด ๆ เทนปิดปากเงียบ บนโต๊ะไร้บทสนทนาร่วมสิบนาที ผมไม่พูด พี่ธานเองก็เช่นกัน เครื่องดื่มถูกยกขึ้นดื่มอย่างต่อเนื่องจนเหล้าในขวดพร่องลงเหลือเพียงครึ่งขวดเท่านั้น แสงสียามค่ำคืนไม่น่าตื่นเต้นสำหรับผมในคืนนี้ ไม่แน่ใจว่าเพราะไม่มีอารมณ์ร่วมหรือเปล่า...
“ถ้าขึ้นไปกับฉัน รู้ใช่ไหมว่าต้องทำอะไร” ผมย้ำถามเพื่อให้อีกฝ่ายคิดทบทวนอีกครั้ง ขณะเดียวกันเห็นว่าเพื่อนกำลังเดินกลับมาที่นี่
“...ครับ” เทนตอบ ไม่เงยหน้าขึ้นสบตา
“เท่าไหร่” ผมถามทันทีที่ไอ้คินมาถึง มันหย่อนตัวนั่งลงด้านข้างพี่ธาน
“อะไร” ไอ้คินเลิกคิ้ว
“........” ผมชี้นิ้วลงที่โต๊ะแทนคำตอบ
“กูเลี้ยง” อีกฝ่ายยิ้มนิด ๆ
“หึ ก็ดี” ผมหลุดยิ้มและเบะปากตอบรับน้ำใจจากเพื่อนสนิท
“สัส ไม่ยื้อเลย !” ไอ้คินสบถ ผมไม่ตอบโต้ เพราะทั้งเครื่องดื่มและอาหารที่สั่งมานั้นแสนธรรมดาจนไม่รู้สึกผิด
“........” บนโต๊ะสงบลงอีกครั้ง ไอ้คินชำเลืองมองมายังพนักงานของตนที่นั่งอยู่ข้างผม ผมยื่นบัตรเครดิตให้เพื่อตัดบททุกคำถามที่มีอยู่ในหัวมัน เจ้าของโรงแรมรับบัตรเครดิตก่อนจะลุกจากโต๊ะไปโดยไม่พูดอะไร มันหายไปเกือบสิบห้านาที กลับมาอีกครั้งพร้อมกับยื่นสมุดเดินบิลหุ่มหนังสีน้ำเงินมาให้ ผมรับมาเปิดดูก่อนช้อนตามองอีกฝ่ายที่ยืนอมยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ตรงหน้า
“ลดให้แล้วน่า” มันว่า
“จำไม่ได้ว่ากูบอกจะอยู่นี่สามคืน” ผมพูดกึ่งประชดพร้อมเซ็นลายเซ็นลงบนบิลที่ถูกตัดยอดบัตรเครดิตไปหมื่นต้น ๆ
“หึ ๆ เลือกห้องให้อย่างดี เตรียมเครื่องดื่มกับอาหารไว้ให้ด้วย รวมหมดแล้ว” ไอ้คินบอก รับสมุดเดินบิลกลับคืนไป
“นี่คีย์การ์ดครับ” ไอ้คินยื่นคีย์การ์ดให้กับพี่ธาน
“เดี๋ยวไปบอกผู้จัดการว่าฉันอนุญาตให้เลิกงานก่อนเวลาเพราะว่านายมีธุระด่วน” ไอ้คินพูด โทนเสียงเปลี่ยนไปในเชิงพูดสั่งกับลูกน้อง
“เดี๋ยวกูขึ้นไปด้วย พนักงานคนอื่นมันจะได้ไม่เข้าใจไว้กูให้ท้ายใครแหกกฎ” มันหันมาพูดกับผมอีกโทนเสียงหนึ่ง
“ก็แหกอยู่” ผมตอบ
“สัส” มันสบถ ผมยิ้ม ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมดก่อนจะลุกขึ้นยืน
“อ่าว ไปเลยเหรอ” ไอ้คินที่กำลังจะหย่อนตัวนั่งลงเงยหน้าขึ้นมองตามผมงง ๆ
“เออ” ผมตอบ
“เสร็จธุระแล้วก็ตามขึ้นไป” ผมพูดกับเทนที่มองผมอยู่
“ครับ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ
“เจอกันนะแม่เลี้ยง” ผมบอก จับปลายคางไอ้คินอย่างหยอก ๆ
“หึ ๆ ไอ้เหี้ย” อีกฝ่ายปัดมือผมออกพร้อมยิ้มเก้อเขิน ผมคว้าขวดเหล้าที่กินเหลืออยู่ติดมือมาด้วย เสียงเจ้าของโรงแรมบ่นไล่หลังเซ็ง ๆ “กูบอกว่าสั่งเครื่องดื่มไว้ให้แล้วมันก็ยังเอาไปอีก”
“คุณไฟครับ..” พี่ธานที่เดินตามหลังเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงที่แฝงความหมาย ผมไม่ได้ขานตอบ
“คืนนี้จะไม่กลับบ้านเหรอครับ”
“ครับ” ผมตอบ หยุดยืนที่หน้าลิฟต์พลางมองอีกฝ่ายที่กำลังตรงไปกดลิฟต์ให้ ประตูลิฟต์เปิดออกทันที
“ถามทำไม” ผมยิงคำถามบ้างและยังคงไม่ขยับขาไปไหน เพราะก่อนหน้านี้อีกฝ่ายก็ถามคำถามทำนองนี้แล้ว
“เปล่าครับ” พี่ธานตอบ ผมยิ้ม รู้ว่าแท้จริงแล้วพี่เขาไม่ได้ต้องการทราบในประเด็นนี้
ติ๊ด ~
ประตูถูกปลดล็อก คีย์การ์ดอนุญาตให้พวกเราเข้าไปยังห้องพักได้ ห้องพัก Executive suite ขนาดใหญ่ไม่ใช่ห้องพักที่ดีที่สุดของโรงแรมนี้ ถือว่าโชคดีสำหรับผมที่เพื่อนไม่ถือวิสาสะเลือกห้องพักเกินความจำเป็นโดยไม่ถามผมก่อน กลิ่นหอมภายในห้องเตะจมูกทันทีที่เปิดประตูเข้ามา ผ้าม่านตรงห้องนั่งเล่นถูกเปิดกว้างไว้เพื่ออวดวิวเมืองในกรุงเทพฯ ผมเดินไปนั่งลงที่โซฟา มองหน้าจอทีวีขนาดใหญ่สีดำสนิท เสียงพี่ธานปรับอุณหภูมิแอร์ในห้องทันทีที่มาถึง เพราะรู้ว่าการตรวจดูอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศมักเป็นสิ่งแรกที่ผมทำเมื่อเข้าพักในโรงแรมใดก็ตาม
เสียงเคาะประตูดังขึ้นให้หลังเรามาถึงห้องพักเกือบสิบนาที พนักงานนำเครื่องดื่มที่ไอ้คินสั่งไว้มาเสิร์ฟ พี่ธานสั่งให้จัดเครื่องดื่มเหล้านั่นไว้ตรงมินิบาร์ ผมลุกเดินไปที่โต๊ะเมื่อพนักงานรับทิปจากพี่ธานและจากไปแล้ว ขวดไวน์สองขวดกับบรั่นดีหนึ่งขวดเป็นยี่ห้อที่ผมมักดื่มเป็นประจำถูกเตรียมไว้ให้คล้ายรู้ใจ
“คุณอยากดื่มขวดเดิมก่อนหรือเปิดขวดใหม่ดีครับ” พี่ธานถาม
“เปิดไวน์” ผมตอบ อีกฝ่ายอมยิ้มน้อย ๆ และจัดแจงเครื่องดื่มให้ทันที ผมยกขึ้นจิบก่อนหยิบแก้วไวน์อีกใบหนึ่งวางตรงหน้าแล้วรินไวน์ให้พี่ธานที่ตั้งใจเตรียมเครื่องดื่มให้ผมเพียงคนเดียว
“นอนนี่แหละ” ผมเอ่ยปากอนุญาต บอกเป็นนัยให้อีกฝ่ายลดการทำตัวในหน้าที่แล้วทำตัวตามสบาย
“ขอบคุณครับ” พี่เขารับแก้วไวน์ของตนเองไปดื่มแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“อาบน้ำกันไหม” ผมชวน หมายถึงอาบด้วยกัน
“หึ” พี่ธานหัวเราะในลำคอ รอยยิ้มบนใบหน้าเป็นแบบที่ผมเห็นแล้วสบายใจ
“แล้ว.. ไปหาสมุทรมาเป็นยังไงบ้างครับ” จู่ ๆ คนตรงหน้าก็ถามไม่มีปี่มีขลุ่ย
“โรงแรมมันก็หรูดีนะ แต่หมอนไร้รสนิยมไปหน่อย” ผมเหลือบมองไปที่หมอนอิงที่วางอยู่บนโซฟาตรงห้องนั่งเล่น
“มีอะไรรึเปล่าครับ” พี่ธานยังคงซักกลับประเด็นเดิม
“........” ผมเงียบ ช้อนตาขึ้นมองหน้าพี่เขาก่อนเหสายตามายังแก้วไวน์ของตัวเอง
“มีมั้ง” ผมตอบให้
“ทะเลาะกันเหรอครับ”
“อืมมมม ทะเลาะรึเปล่านะ” ผมผลิยิ้มมุมปาก เงยหน้าขึ้นมองเพดานพลางนึกถึงความรู้สึก ณ ตอนนั้น พี่ธานนั่งเงียบ อมยิ้มน้อย ๆ และลดระดับสายตามองลงต่ำ ไม่คาดคั้นเอาความมากกว่านี้อีก...
ก๊อก ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำลายบรรยากาศ พี่ธานลุกขึ้นไปเปิดประตู ไอ้คินเดินเข้ามาพร้อมกับพนักงานที่นำอาหารมาเสิร์ฟด้วย
“ห้องถูกใจไหมมึง” เจ้าของโรงแรมยิ้มถาม
“ก็เดิม ๆ” ผมตอบห้วน ๆ ไม่เข้าใจว่าจะถามทำไมเพราะก็เคยมาพักแล้ว
“ไอ้เวร” มันบ่น
“วางนี่เลย” ไอ้คินชี้นิ้วสั่ง
“ครับ” พนักงานผงกหัว กุลีกุจอจัดวางอาหารลงบนโต๊ะ ผมมองอาหารห้าจานที่วางอยู่ สิ่งที่เตะตาผมเป็นพิเศษคือจานผลไม้ขนาดใหญ่ที่จัดจานด้วยผลไม้นานาชนิดอย่างสวยงาม
“มึงนี่ได้กำไรจากกูเยอะนะ” ผมพูดถึงอาหารง่าย ๆ ที่อยู่ตรงหน้า โดยเฉพาะผลไม้ที่เพื่อนสนิทสั่งเอาใจผม
“ตรงไหน” ไอ้คินแทบสบถ พนักงานโค้งตัวน้อย ๆ ก่อนจากไปเมื่อทำภารกิจเสร็จ
“ก็มึงเสือกกินง่ายเองทำไม” มันว่ายิ้ม ๆ
“เดี๋ยวผมลงไปเอาของให้นะครับ” พี่ธานพูดบอก ผมพยักหน้า อีกฝ่ายหยิบกุญแจรถก่อนออกจากห้องไป
“ของอะไรวะ” ไอ้คินขมวดคิ้ว หยิบแก้วเปล่ารินเหล้าจากขวดที่ผมดื่มเหลือที่บาร์ใส่แก้วของตน
“........” ผมไม่ตอบ มันหันมามองงง ๆ ก่อนเดาคำตอบได้จากความหมายบนใบหน้าของผมว่าของที่ว่าคืออุปกรณ์การหลับนอนสำหรับคืนนี้
“มึงก็ เบามือหน่อยแล้วกัน พรุ่งนี้มันต้องทำงาน” ไอ้คินเอ่ยปากด้วยสีหน้าจริงจัง ผมหยิบเชอร์รีเข้าปากพลางรับฟังเงียบ ๆ
“กูต้องอยู่นี่สักครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวพนักงานมันจะหาว่ากูพาเด็กมาส่งเป็นการส่วนตัว” มันเลื่อนเก้าอี้ตัวที่พี่ธานนั่งก่อนหน้านี้นั่งลง
“ก็ทำจริง มึงนี่โกหกตัวเองบ่อยไปนะ” ผมพูด
“ไอ้เหี้ย หึ ๆ ก็เพราะมึงไหม” ไอ้คินบ่นปนหัวเราะ
“มึงก็นั่งกินกับพี่ธานสิ พี่ใหญ่กูขี้เหงา” ผมแซวคนที่เพิ่งออกไป ไอ้คินหัวเราะชอบใจรู้ว่าผมพูดไปอย่างนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้การเคาะค่อนข้างเบาคล้ายผู้เคาะเกรงใจคนในห้อง ไอ้คินลุกไปเปิดประตู พบเทนยืนอยู่ตรงหน้า เจ้าของโรงแรมออกปากให้ทางนั้นเข้ามาด้านใน เทนผงกหัวน้อย ๆ เดินเข้ามาและหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผมห่างไปเกือบสองเมตร
บรรยากาศในห้องเงียบสนิท รู้ว่าไอ้คินก็คงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในสถานการณ์นี้ เทนยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่จุดเดิม อีกฝ่ายช้อนตาขึ้นมองผมเล็กน้อย ผมผายมือออกส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายเข้ามาหา เทนเหลือบอ่านสีหน้าของเจ้านายก่อนจะเดินตรงมา ผมขยับตัว ตั้งศอกลงบนโต๊ะพลางเท้าใบหน้าด้านข้างด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างที่ว่างอยู่สอดเข้าไปด้านในต้นขาขวาของคนตรงหน้า เทนสะดุ้งเล็กน้อย ผมเหลือบมอง ผละมือออกและวางลงที่หน้าตัก อีกฝ่ายเข้าใจที่ผมสื่อจึงนั่งลงช้า ๆ บนขาซ้ายของผม เขาตัวเกร็งจนรู้สึกได้ มือของผมวางลงที่ต้นขาของเขาพลางสำรวจมองร่างกายใกล้ ๆ เครื่องแบบบาร์เทนเดอร์ถูกถอดออกแล้ว เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงสแล็คเท่านั้น ผมช้อนตาขึ้นมอง อดไม่ได้ที่จะสอดนิ้วผ่านระหว่างช่องของกระดุมเสื้อตรงหน้าท้อง นิ้วสัมผัสถูกผิวเนื้อด้านใน ปฏิกิริยาที่ได้รับตอบกลับน่าสนใจขึ้นอีก...
“เข้าไปในห้อง เดี๋ยวฉันไป” ผมพูด
“........” เทนพยักหน้ารับเงียบ ๆ ไม่ยอมสบตา
“ตามสบาย” ผมบอก
“ขอบคุณครับ” เทนตอบ ลุกขึ้นยืนก่อนหันมาก้มหัวให้ไอ้คินครั้งหนึ่งแล้วเดินเข้าห้องนอนไป เสียงประตูปิดลงเบา ๆ
“กลัวมึง แต่ก็อยากได้มึง คืออะไร” ไอ้คินพึมพำหน้านิ่ง
“คืออะไร” ผมทวนคำพูดของมัน ยกไวน์ขึ้นดื่มจนหมดก่อนเลื่อนแก้วไปด้านในโต๊ะเพราะไม่ต้องการดื่มต่อแล้ว
“ขอน้ำเปล่าหน่อย” ผมพูดพร้อมหยิบชีสเข้าปาก ไอ้คินหยิบขวดน้ำเปล่าที่อยู่ใกล้มือรินใส่แก้วให้ ผมรับมาดื่มจนหมดก่อนเปิดบรั่นดีขวดใหม่รินใส่แก้ว
“อยากได้อะไรเพิ่มไหม” ไอ้คินถาม
“........” ผมส่ายหัว ยกบรั่นดีขึ้นดื่มหมดอีกแก้วก่อนที่เจ้าของโรงแรมจะเติมให้อีก
“เป็นเกียรติจริง ๆ” ผมยิ้มแซว
“เฮ้อ” ไอ้คินถอนหายใจ
“ไม่มีอะไรให้ช่วยใช่ไหม” อีกฝ่ายถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“เรื่อง ?” ผมแกล้งซื่อ
“จะไปรู้เรอะ” มันขึ้นเสียงนิด ๆ
“น่า ~” ผมปัดไปที รู้ว่ามันกำลังเป็นห่วงพี่ชายตัวเอง
“น่าห่าอะไร” มันเลียนเสียงผมในทีแรกก่อนบ่นให้
“หึ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะ
“ทำไมอยู่ ๆ ก็ได้ จ่ายส่วยกูเหรอ” ผมพยักหน้าถามถึงคนที่อยู่ในห้อง
“กูไม่ระยำขนาดนั้นหรอก” มันว่าให้ ผมยิ้มกว้าง
“แต่ตามจริงก็.. เอาใจมึงมั้ง ไอ้เทนมันก็ดูสนใจมึง” ไอ้คินเบือนหน้าหนี
“คิน” ผมเรียก
“หืม” อีกฝ่ายขานรับ
“........” ผมจ้องหน้ามัน แต่สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร เสียงเพื่อนสนิทถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากที่เห็นว่าคงจะไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปากผม ครู่หนึ่งพี่ธานก็กลับมาพร้อมกับของใช้จำเป็นและนำของเหล่านั้นไปเก็บในห้อง
ผมลุกขึ้นยืน เดินออกจากโต๊ะพร้อมกับคว้าขวดเหล้าขวดเดิมที่ดื่มเหลือจากที่บาร์มาด้วย ทิ้งเครื่องดื่มที่เปิดใหม่ไว้ให้คนที่นั่งดื่มต่อที่นี่ พี่ธานเปิดประตูห้องนอนและปิดลงให้ คนที่อยู่ในห้องน้ำเดินออกมาพอดี อีกฝ่ายชะงัก ผมวางขวดเหล้าลงบนหัวเตียง เสียงก้นขวดกระทบกับโต๊ะเบา ๆ เทนหยุดยืนอยู่กลางห้อง สายตาเอาแต่มองลงพื้น กลิ่นสบู่ที่เขาเพิ่งอาบน้ำมาฟุ้งไปทั่ว ไฟดวงหลักถูกปรับให้ความสว่างในห้องหรี่ลง...
- - - - - - - - - - - - - -
1 อาทิตย์ผ่านไป“มึงเก็บมันเหรอวะ”“ใคร” ผมถามกลับไอ้โปรดที่นอนสบายอยู่บนโซฟาทำอย่างกับเป็นบ้านของตัวเอง
“ไอ้หมูตุ๊ต๊ะที่มีเรื่องกับกูที่สนามแข่งวันนั้น” มันตอบ
“........” ผมไม่ตอบ กดเปลี่ยนช่องจากช่องข่าวไปดูการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสม
“เฮ้อ กูแม่งเบื่อมึงฉิบหาย” ไอ้โปรดบ่นเซ็ง ๆ ฟังจากโทนเสียงแล้วไม่พอใจอย่างจริงจังอยู่พอสมควร
“หาแต่เรื่อง !” มันว่า
“ว่าตัวเองทำไมครับ” พี่ธานที่เพิ่งเดินเข้ามาถึงได้ยินประโยคนี้เข้าพอดี อีกฝ่ายเลิกคิ้วมองไอ้โปรดด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์
“หึ..” ผมหัวเราะ ตลกที่พี่เขาเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ได้จังหวะเหน็บแนมเพื่อนสนิทผม
“กวนตีน” ไอ้โปรดย้อนนิ่ง ๆ คนถูกด่าอมยิ้ม ตรงมานั่งลงที่โซฟาอีกตัว
“ได้ข่าวว่ารถไฟชนกันเหรอครับ” พี่ธานยิ้มมองไอ้โปรด
“อะไร” เพื่อนผมหันมามอง คิ้วขมวดเป็นโบ
“ก็หัวที่ช้ำนั่นน่ะ” พี่ใหญ่ขยายความ ผมยิ้มมุมปากเพราะก่อนหน้านี้ไอ้โปรดให้เหตุผลกับผมว่า หน้าผากที่ช้ำเกิดจากอุบัติเหตุ หัวไปกระแทกกับขอบประตู
“หัวกระแทกขอบโต๊ะมั่งเหอะ !” ไอ้โปรดแสยะปาก
“ขอบประตู” ผมพูดแทรก
“........” ทุกคนเงียบลง
“รถไฟชนกันที่ร้านคุณเพียง ได้ข่าวว่าตีกันจนเพื่อนคุณเสียไปเกือบแสน” พี่ธานหันมาพูดบอกผม ไอ้โปรดได้ยินดังนั้นถึงกับหลับตา พยายามกักเก็บอารมณ์ไว้อย่างเต็มที่
“พี่นี่เป็นคนปากมากเหมือนกันนะ” ไอ้โปรดกวาดตามองพี่ธานอย่างดูถูก
“แล้วจะโกหกทำไม” ผมยิ้ม ส่ายหัวบ่นอย่างไม่เข้าใจ
“แม่ง อีกคนก็เมีย อีกคนก็ผัว ปวดหัวฉิบหาย กูไม่อยากพูดถึงไง” ไอ้โปรดสบถใส่ มันลุกขึ้นนั่งพร้อมหยิบหมอนอิงไปกอด
“กูเสียเกือบแสน ประเด็นคือมันทะเลาะกันทั้งที่กูเลิกยุ่งกับมันสองคนไปแล้วด้วย ไอ้เชี่ย” เพื่อนผมบ่น
“ไอ้ไฟ มึงช่วยสั่งให้ลูกน้องมึงหยุดยิ้มแปลก ๆ แบบนั้นสักทีได้ไหม” มันเหล่ตาใส่พี่ธาน
“ตลกกว่าดูตลกอีกครับ” พี่ธานตอบตาใส
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมหัวเราะลั่น
“แล้วพี่มีอะไรครับ” ผมถามพี่ธานเพราเห็นว่าอีกฝ่ายมีเอกสารอยู่ในมือด้วย
“รายงานการฝึกซ้อมของทางประจวบฯ กับที่ฝรั่งเศสครับ” พี่ธานตอบพร้อมยื่นเอกสารมาให้ ผมรับมาเปิดดู
“ดาวกับเมฆเป็นยังไง” ผมถามถึง ก่อนที่สมุทรจะเดินทางไปเก็บตัวที่ประจวบฯ ผมให้พี่ธานเตรียมคอนโดที่ปลอดภัยไว้เพื่อให้ดาวกับเมฆไปอยู่ที่นั่นสักพักระหว่างที่สมุทรไม่อยู่บ้าน เพื่อความปลอดภัยและเพื่อความสบายใจของคนเป็นพี่ชายด้วย
“ดีครับ ผมว่าจะแวะไปหาวันนี้” พี่ธานตอบ
“วันเสาร์นี้เตรียมตัวด้วย ผมจะเข้าประจวบฯ บอกแค่แม่บ้าน ไม่ต้องบอกทางค่าย” ผมสั่ง
“ได้ครับ จะไปกี่วันดีครับ” พี่ธานถาม
“นอนคืนเดียว” ผมตอบ
“ครับ”
“ก่อนออกเดินทางตอนเช้าผมจะแวะไปหาดาวก่อน ไม่ต้องบอกเธอหรอก ผมจะบอกเองก่อนไปหา” ผมพูด ถ้าบอกล่วงหน้าหลายวันเธอเองก็จะเกร็งเปล่า ๆ ผมรู้ว่าเธอก็ไม่ได้สบายใจนักที่ต้องพบหน้าผมเป็นการส่วนตัวโดยไม่มีพี่ชายอยู่ข้าง ๆ
“ได้ครับ” พี่ธานขานรับอีกครั้ง ในห้องเงียบลงขณะที่ผมอ่านรายละเอียด มีแต่เสียงทีวีที่ถูกไอ้โปรดเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ
“ขอบคุณครับ” ผมสอดเอกสารกลับเข้าซองเหมือนเดิม
ต่อไปเป็นข่าวการเมือง นายดำริ ผู้สมัครลงเลือกตั้งพรรคการเมือง ooo ลงพื้นที่หาเสียงทางภาคเหนือ “ผมได้กลิ่นความฉิบหายบนตัวผู้ชายคนนี้คลุ้งไปหมดเลยครับ” พี่ธานพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“นั่นสิ พี่ทัพมันจะไหวไหมน่ะ..” ไอ้โปรดพึมพำ
...............(ไฟ)..............