The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 445514 ครั้ง)

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
น้องมารอพี่ไฟที่ safari ทุกวันเลย

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
ไม่เจอกันหกเดือนแล้ว คิดถึงนะ

ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
 :o12: คิดถึงพี่ไฟใจจิขาดแล้ว  :z13:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คิดถึงคุณเบบี้มากกกกกกกกกกก  :mew1:
ฟังเพลงของร็อบ โทมาส ยิ่งคิดถึงตัวละครของคุณเบบี้เลย  :z3: :z3: :z3:
เหมือนทุกตัวละคร มีชีวิตจิตใจเป็นคนจริงๆ  :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
มาชะเง้อคอรอเธอด้วยอีกคนค่ะ คิดถึงคุณไฟจัง พาคุณสมุทรไปแกล้งถึงไหนกันแล้วน้อออ ???

รักไปแล้ว ยังไงก็รอนะคะ คุณเบบี้สู้ๆๆๆ ฮีบๆๆๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ไม่รู้ตัวเลยว่ารอมาตั้งแต่สิงหาคม เหมือนเห็นชื่อนิยายอยู่หน้าแรกตลอดเวลา  นับนิ้วแล้วก็เพิ่งครบ8เดือนเมื่อวันก่อน

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
สมุทรจ๋ามาเถ๊อะ :call:

ออฟไลน์ arakanji

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
รอเบบี้เสมอค่ะ รักเรื่องนี้มากกก 

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
ยังคงรอเบบี้นะ คิดถึงคุณไฟ :)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
 :katai5: รอๆๆๆๆๆ คิดถึงนะคะ

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0

ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
คิดถึงคุณไฟ  :hao5:

ออฟไลน์ maminmeaw

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

ออฟไลน์ PWSR

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คงไม่มาต่อแล้ว ขอบคุณเบบี้ที่ครั้งหนึ่งได้แต่งนิยายดีๆและมหัศจรรย์แบบนี้ให้อ่านนะคะ เป็นนิยายที่เราชอบมากที่สุดเลย จากนี้จะคิดถึงคุณไฟและวีรกรรมแสบๆของคุณเขาไปเรื่อยๆนะคะ ขอบคุณเบบี้อีกรอบค่ะ ยังไงก็รักเบบี้เสมอ

ออฟไลน์ ANIKI.

  • 兄貴
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
เสียดาย... แต่ถึงเสียดายแค่ไหนก็เข้าใจ คุณเบบี้อาจจะไม่มีเวลาจริงๆ แต่บอกตรงๆว่า นิยายเรื่องนี้คือหนึ่งเรื่องที่เรารู้สึกว่าดีที่สุด ขอบคุณมากๆที่ทำให้ได้รู้จักกับสมุทรและไฟจ้า

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
ยังคงรอเสมอนะคะ

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
ยังรอคุณไฟ​  อยู่น้า​ ไม่เคยลืมเลย
 
 :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
ไม่เจอไฟมา1ปี คิดถึงจัง  :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
 :katai5:คิดถึงเบบี้นะคะ

ออฟไลน์ ♥แมวจอมซน♥

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
คิดถึงพี่ไฟจัง คิดถึงพี่บี้ด้วย แงงง :katai1:

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
.
.
แนะนำให้ท่านกลับไปอ่านตอนเดิม ๆ เพื่อฟื้นฟูความทรงจำ และเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านตอนที่ 51 ก่อนได้ที่...
ตอนที่ 49 : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.2010
ตอนที่ 50 : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.2100
.
.

ตอนที่ 51
..ไฟ..




“เอาไอ้บูรณ์ออกมา แล้วเราจะกลับ แค่นั้น” ผมบอกจุดประสงค์ของการบุกเข้าไปในครั้งนี้ 
 
“ครับนาย” ทุกคนพยักหน้ารับ

“ห้ามทำอะไรที่ฉันไม่ได้สั่ง” ผมพูด  ไม่มองหน้าใครโดยเฉพาะเจาะจง แต่ผู้ฟังทั้งหมดคงทราบดีว่า ผมกำลังพูดบอกกับใคร

.
.
ใจกลางป่ากลับมีโกดังปิดทึบทุกด้านตั้งอยู่  สภาพภายนอกเหมือนลวงว่าที่แห่งนี้รกร้างไร้ผู้คน  ด้านหน้าประตูโกดังมีรถยนต์จอดอยู่สามคัน พร้อมกับคนเฝ้าสี่คน  พวกเฝ้าระวังล้อมรอบพื้นที่อีกหลายสิบชีวิต  อาวุธครบมือ  การจะบุกเข้าไปกลางวันแสก ๆ เช่นนี้จำเป็นต้องระมัดระวังตัวพอสมควร  ไอ้เข้มและไอ้รุ่งจะให้สัญญาณเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้ว  ความสงบเงียบทำให้ได้ยินเสียงจากด้านในโกดังแว่วเป็นครั้งคราว  เสียงคล้ายเลื่อยไฟฟ้า เป็นเสียงเดียวที่ฟังได้ชัดที่สุด ณ ขณะนี้ 

ไร้การติดต่อจากไอ้บูรณ์หลังจากที่ผมได้รับสายของมันที่โรงแรม  เราไม่สามารถติดต่อกลับไปได้อีก  สัญญาณตรวจจับจากมือถือของมันมีจุดหมายปลายทางที่สุดท้ายคือละแวกนี้...

“คันสุดท้ายยย !” ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้น ส่งสัญญาณมือไปทางคนเฝ้าประตูโกดัง 

“เตรียมเปิดประตู !”

รถบรรทุกเคลื่อนเข้าไปด้านใน ส่งเสียงหนวกหู  ล้อขนาดใหญ่บดไปกับพื้นดินและใบไม้ที่ตกอยู่ เป็นรอยไปตามทาง  ผู้คนเริ่มเคลื่อนไหว ปฏิบัติหน้าที่ของตนอีกครั้ง   

“ประตูทิศตะวันตก เคลียร์”

ผมมองตาสมุทรที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม  เราทั้งคู่ปกปิดใบหน้ามิดชิด  เขาไม่มีอาวุธสักชิ้น นั่นเป็นความประสงค์ของเจ้าตัว  กระทั่งการเสนอตัวเข้าไปด้วย นั่นก็เป็นความประสงค์ของเขาอีกเช่นกัน  ช่างเป็นความกล้าหาญที่มีความโง่เขลาผสมอยู่นิดหน่อย  แต่ผมก็ยอมรับ อนุญาตให้เขาเข้าไปด้วยกัน  การที่สมุทรถนัดไม่ใช้อาวุธก็ถือเป็นข้อดี  เพราะเมื่อเขาจนตรอก เขาจะพยายามหาทางออกให้ตัวเองมีชีวิตรอดแบบไม่เอิกเกริก  ซึ่งถ้าไม่จำเป็น ผมเองก็ไม่อยากลงไม้ลงมือใช้อาวุธเหมือนกัน  ดังนั้น ให้เขาเข้าไปด้วยกันน่ะ เหมาะแล้ว

พี่ธานที่เข้าไปในโกดังก่อนเป็นคนแรกได้ส่งสัญญาณกลับมา  ผมมีสมุทรอยู่ด้วย การจะตัดสินใจทำอะไรจึงไม่สะดวกเหมือนทำงานคนเดียว หรือรู้งานกันเหมือนลูกน้องคนสนิทคนอื่น ๆ 

ผมกับสมุทรเข้ามาในตัวโกดังได้อย่างปลอดภัย  อีกฝ่ายแยกตัวออกไปตรวจพื้นที่ฝั่งทิศใต้ตามคำสั่ง  เนื่องจากเป็นการบุกเข้ามาแบบฉุกละหุก จึงจำเป็นต้องแยกกันเพื่อเร่งค้นหาและออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด  โกดังถูกออกแบบไม่ซับซ้อน เป็นลักษณะรูปตัวยู  สิ่งที่พบแต่ละห้อง ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยกล่องพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ มีฝาปิดมิดชิด  น่าแปลกที่ทุกกล่องเป็นกล่องเปล่า  นอกนั้นเป็นกล่องเก็บความเย็นอย่างดี เรียงรายอยู่อีกนับร้อย 

“อีกหนึ่งชั่วโมง รถลอตแรกจะออกโว้ย ! เร่งมือกันหน่อย !” เสียงหนึ่งตะโกนมาจากด้านบน  ผมเดินออกมาจากห้องสุดท้ายที่เพิ่งตรวจดู ขณะเดียวกันสมุทรก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาถึงพอดี

“ไม่มีอะไรเลยครับ มีแต่กล่องเปล่าเต็มไปหมด” สมุทรพูดเสียงเบา

“ม่ายยย ~ ฮืออออออออ ~~”

“หุบปากซะ อีเวรเอ๊ยยยย ! ต้องให้กูออกแรง !”

เสียงร้องนั้นดังมาจากชั้นบน  พี่ธานที่กำลังจัดการตัดสายเบรกและเจาะยางรถบรรทุกทุกคันที่จอดอยู่ในโกดัง เงยหน้าขึ้นสบตากับพวกผมที่ยืนหลบอยู่  ผมจึงส่งสัญญาณมือบอกว่าจะนำขึ้นไปก่อน  อีกฝ่ายผงกหัวรับทราบและเร่งมือทำหน้าที่ต่อ 

ที่ชั้นสองของโกดังมีคนคุมอยู่ทางทิศเหนือ  แต่คุมก็เหมือนไม่คุม เพราะพวกมันเอาแต่ก้มหน้าเล่นไพ่อย่างเอาเป็นเอาตาย  ประตูห้องของชั้นสองเกือบทุกห้องถูกปิดสนิท และพบว่าประตูถูกล็อกเอาไว้...

“ไปจัดการซะ” ผมสั่ง 

“ครับ” สมุทรผงกหัว  ไม่มีความลังเลที่จะพุ่งเข้าไปจัดการกับคนคุมที่นั่งเล่นไพ่และไร้การป้องกันตัว  ความคล่องแคล่วที่เขามีมีประโยชน์มากในเวลานี้  บวกกับความประมาทของพวกนั้น จึงทำให้จัดการได้ไม่ยุ่งยาก  กลอนประตูถูกผมสะเดาะออก  ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องครางอย่างทรมานมาจากด้านใน

“ฮือ ฮือออออ”

“ชู่ ~” ผมส่งสัญญาณบอกให้พวกเธอรักษาความสงบเอาไว้

ดวงตาของแต่ละคนเบิกกว้าง มองมาที่ผมหน้าถอดสี  มีผู้หญิงมากกว่าสามสิบชีวิตถูกขังอยู่ในนี้  แขนของพวกเธอถูกมัดไขว้ติดกันไว้ที่ด้านหลัง ปากถูกปิดสนิท  ทันทีที่สมุทรตามเข้ามา เขาก็รีบปิดประตูห้องลง

“เงียบ ๆ ล่ะ” ผมกระซิบสั่ง ก่อนนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าผู้หญิงหนึ่งในนั้น พร้อมแกะแลคซีนที่ปิดปากของเธอออกอย่างช้า ๆ
 
“คุณ.. คุณเป็นตำรวจเหรอ” เธอถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แววตามีความหวัง

“........” ผมไม่ตอบ  ทันทีนั้นดวงตาของเธอก็เปลี่ยนความหมายไป   

“รถยนต์ที่มาจากกรุงเทพฯ วันนี้ มาถึงรึยัง” ผมถาม 

“ถึง...ถึงแล้ว พวกมันเอาพวกเราแยกกันคนละห้อง ฝั่งใต้ อึก ~ ช่วย ช่วยด้วย อึก...” เธอเงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา

“ขอบคุณ” ผมตัดบทและปิดแลคซีนลงที่เดิม  การกระทำจากผมทำให้เธอแทบปล่อยโฮ  เสียงของการทำงานของเลื่อยไฟฟ้ายังดังอยู่เนือง ๆ ที่ชั้นบน  ผมกวาดตามองทั่วบริเวณและสังเกตเห็นว่าสมุทรเองก็เช่นกัน  เขาคงกำลังมองหาคนของเขา  ก็ดี.. ให้ข้างในร้อนจนเป็นบ้าไปเลยก็ดี

“พวกไอ้เสื่อไปไหนวะ กูใช้ให้มันเฝ้าตรงนี้แล้วพวกมันไปไหนกัน !” เสียงหนึ่งโวยด้วยความไม่พอใจดังมาจากฝั่งของกลุ่มคนที่สมุทรเพิ่งไปจัดการ  ในขณะนั้นผมกับสมุทรจึงออกมาจากห้องดังกล่าว ปิดประตูไว้ให้เหมือนเดิม  ก่อนจะสำรวจดูห้องถัดไป
 
“ไปตามมันมาซิ เดี๋ยวส่งของไม่ตรงเวลา พวกมึงได้โดนนายใหญ่เล่นแน่ไอ้สัส !”

   ..

เป้าหมายถัดมาคือห้องฝั่งที่ผู้หญิงคนนั้นบอก  แต่เพราะพบว่ามีเจ้าถิ่นป้วนเปี้ยนเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องดังกล่าว จึงทำให้ต้องเปลี่ยนเป้ามาที่ห้องที่อยู่ใกล้ที่สุดแทน  แปลก.. ห้องนี้ไม่ถูกล็อกประตูไว้

ทันทีที่ร่างกายมีปฏิกิริยาต่อต้านกับกลิ่นรุนแรงจากภายในห้อง ก็พบกับศพผู้หญิงหลายศพอยู่ในนั้น  กลางห้องมีเตียงนอนขนาดใหญ่อยู่หนึ่งเตียง  บนเตียงพบศพของผู้หญิงสองคน สวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น  เสียงการเดินของสมุทรที่ชักเท้าอย่างกะทันหัน บ่งบอกถึงความตกใจของเจ้าตัว  ผมหยุดมองชายร่างคุ้นตาที่นั่งก้มหน้าอยู่ที่ปลายเตียง  มือทั้งสองข้างกำโซ่ที่ล่ามข้อเท้าหนึ่งในผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงไว้ในมือ  เนื้อตัวของมันสั่นเทา

ผมเดินเข้าไปใกล้ จำได้ดีว่าใคร  ไอ้บูรณ์เงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตา  แววตาที่มองมายังผมเต็มไปด้วยความตัดพ้อต่อชะตาชีวิต...

“นายครับ มีคนกำลังลอบเข้าไปในตัวโกดัง ไม่ใช่คนของเราครับ” ไอ้หินพูดบอก

“........” ผมไม่ได้ขานรับกลับไป  กำลังจ้องมองไอ้บูรณ์ที่นั่งแนบนิ่งอยู่ตรงนั้น ราวกับว่ามันกำลังจะบอกผมว่า กูจะเฝ้าอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหน

“สายของเราบอกว่าตำรวจกำลังจะมาที่นี่ครับนาย” ปลายสายย้ำ คล้ายส่งสัญญาณให้ผมรีบตัดสินใจ
 
“เข้าใจแล้ว” ผมตอบรับ  ยืนจดจ้องไอ้บูรณ์อยู่ครู่หนึ่ง

“เจอตัวมันแล้ว ชั้นสอง ห้องสี่ ทิศใต้ เตรียมออกได้” ผมพูดบอก  อีกฝั่งหนึ่งขานรับในทันที

“ไฟ น้องกู หึ ๆ ๆ อึก ~ นี่ไง น้องสาวกู” ไอ้บูรณ์เผยรอยยิ้มอย่างยากลำบาก

“อย่า..” ผมปรามการกระทำของสมุทร ที่ทำท่าจะเอื้อมมือออกไปปิดตาให้กับน้องสาวของไอ้บูรณ์  มือของเขาสั่นขนาดที่ว่า แม้อยู่ในความมืดนี้ก็ยังเห็นได้ชัดเจน

สมุทรชักมือกลับหน้าสลด  ผมเดินเข้าไปใกล้เตียงเพื่อจะดูให้แน่ใจ  เหม็นฉิบหาย.. ทั้งกลิ่นยา กลิ่นคาว กลิ่นศพ  ผู้หญิงที่นอนอยู่มีหน้าตาละม้ายคล้ายน้องสาวของไอ้บูรณ์ แต่สภาพของเธอในตอนนี้ไม่ได้สวยงามเหมือนในรูปอย่างนั้น  แต่คนเป็นพี่ชายคงจำน้องสาวตัวเองได้ไม่ลืมแน่  ไม่อย่างนั้นมันคงไม่นั่งหมดสภาพแบบนี้ 

ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยร่องรอยจากการถูกทำร้าย  คราบเลือดที่จมูก ลามไปถึงหมอนที่เธอใช้หนุน  เสื้อผ้าหลุดลุ่ย  หน้าอกถูกเปิดออกข้างหนึ่ง  ร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้าย  เลือดที่ข้อเท้าทั้งสองข้างที่ถูกโซ่ล่ามไว้นั้นแห้งกรังจนส่งกลิ่นโชยไปทั่ว  ผมหยิบถุงมือมาใส่เพื่อตรวจดูชั้นวางของที่อยู่ข้างเตียง  พบเพียงร่องรอยของการใช้สารเสพติด  ข้อมือที่แขนของเธอบ่งบอกว่าได้ถูกใช้งานมาอย่างหนัก  ตัวพี่ชายคงเดาได้แล้วว่าน้องสาวต้องเจอกับอะไรมาบ้าง

ผมปิดตาให้เธอ ก่อนจะถอดถุงมือออก...

“เราเอาเธอไปไม่ได้” ผมพูด ยืนยันหนักแน่น  ไอ้บูรณ์เงยหน้าขึ้นทันที

“เอาตัวมันไป” ผมสั่งสมุทรพร้อมชี้นิ้วส่ง ๆ ไปทางไอ้บูรณ์  สมุทรผงกหัวรับทราบ สีหน้าของเขาก็กล้ำกลืนไม่ต่างจากไอ้บูรณ์นัก

“ไปเถอะ” สมุทรนั่งลง กระซิบพูดอย่างใจเย็น  ไอ้บูรณ์ไม่ไหวติง  มันเอาแต่ก้มหน้าและไม่ยอมปล่อยมือจากโซ่เลย

“บูรณ์ เราต้องไปกันแล้ว” สมุทรย้ำเรียก  จู่ ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา ปากกระบอกปืนจากผมจ่อไปโดยสัญชาตญาณ 
 
“ผมเองครับ” พี่ธานผายมือขึ้นเล็กน้อย

“คุณไฟครับ ผมว่าพวกมันรู้แล้วครับว่ามีคนเข้ามา รีบไปกันเถอะครับ” พี่ธานบอก  ผมผงกหัวรับทราบ หันไปมองไอ้บูรณ์อีกครั้ง
พอสมุทรดึงดันที่จะควบคุมร่างกายของไอ้บูรณ์ให้ไปกับตัวเองให้ได้  อยู่ดี ๆ คนถูกล็อกก็แหกปากร้องขึ้นดังลั่น พร้อมกับกระโจนเข้าหาผมแล้วทำท่าจะแย่งปืนไป  สมุทรพุ่งมาตะครุบตัวมันไว้ได้  ความแรงที่เขาพุ่งเข้าหาทำให้ทั้งคู่เสียหลักจนหลังของสมุทรกระแทกกับพื้น  ผมกับพี่ธานยืนมองนิ่ง ๆ  ไอ้บูรณ์พยายามดิ้นสู้แรงของสมุทรอย่างบ้าคลั่ง ไร้สติ  สมุทรเองก็ไม่ยอมแพ้ รัดตัวไอ้บูรณ์ไว้แน่น ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยโดยง่าย 

ครู่หนึ่ง.. คนที่ขืนแรงสู้ก็หมดฤทธิ์ลงทั้งน้ำตา 

“อึก ฮือออ ~”

“เสียงอะไรวะ พวกมึงไปดูทางนั้น !” คนด้านนอกตะโกนสั่ง  พี่ธานตรงไปเตรียมป้องกันที่ปากประตูในทันที  ผมจึงเดินไปหาไอ้บูรณ์ นั่งยองลงตรงหน้ามัน

“กูไม่ได้มาที่นี่ เพื่อมาผดุงความยุติธรรมหรอกนะ..” ผมจ้องมอง  สมุทรไม่ยอมปล่อยมือที่ปิดปากของไอ้บูรณ์เลย
 
“อยากตายอยู่นี่ก็เชิญ” ผมพูด  ให้มันเลือกทางเดินของมัน  ผมมาที่นี่เพราะต้องการรักษาคำพูดที่เคยบอกไว้ว่าจะดูแลมัน  แต่ทุก ๆ สัญญาก็มีเงื่อนไขด้วยกันทั้งนั้น

“บูรณ์” สมุทรเรียกสติ  เขาลุกขึ้นพร้อมใช้แรงคว้าตัวไอ้บูรณ์ให้ลุกยืนด้วยกัน


ปัง !!!

“มันไปทางนั้น !”

ผมหันกลับไปมองพี่ธานที่ยังคงประจำอยู่ที่เดิม  ใครสักคนถูกพบเข้าแล้ว  ใครที่ไม่ใช่คนของผมและมาทำให้พวกเราเดือดร้อนไปด้วย... 

“เกิดอะไรขึ้นครับนาย” เสียงของไอ้หินถามแทรกเข้ามา

“ประกบมันไว้” ผมสั่งสมุทร  อีกฝ่ายผงกหัวรับทราบ

“ค้นทุกห้อง !”

“นายครับ คาดว่าตำรวจน่าจะถึงภายในสามนาที” ไอ้หินพูดบอก   

“สมุทรกับบูรณ์พร้อมจะออกแล้ว คุ้มกันด้วย” ผมสั่ง

“ครับ”

ด้านนอกเกิดการยิงต่อสู้กัน และนั่นไม่ใช่คนของผมแน่  ทันทีนั้นพี่ธานก็เปิดประตูออกไป เป็นฝ่ายนำให้สมุทรกับไอ้บูรณ์ได้อยู่ตรงกลาง มีผมระวังจากด้านหลัง  จากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้การ์ดในโกดังตื่นตัว  ลักษณะของโกดังแต่ละชั้นที่เป็นแบบระเบียงเปิดโล่ง จึงทำให้พวกเราสี่คนเป็นที่สังเกตได้ง่าย

“เฮ้ย ! ไอ้เหี้ยพวกนั้นใครวะ !”


ปัง !  ปัง ๆ ๆ !!

“ระยำเอ๊ยยย ! เก็บมันให้หมด !”

“ไป ! ไป ๆ ๆ  ไปปปป !” ผมไล่  ดันหลังสมุทรกับไอ้บูรณ์ให้รีบไปก่อน 

“ฮืออออ ~ อึก..”

สมุทรคุมตัวไอ้บูรณ์ที่สติแตกไปอย่างทุลักทุเล ไม่ช่วยแบ่งภาระให้สมุทรจนมันสะดุดเข้ากับท่อเหล็กที่วางอยู่บนพื้นตรงทางเดิน  ท่อเหล็กกระจาย กลิ้งลงจากระเบียง ทำให้สมุทรเซล้มลงไปด้วย  พวกมันยิงสวนขึ้นมาจากด้านล่าง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง  แต่คงไม่สามารถทำให้ไอ้บูรณ์กลัวต่อความตายได้แล้ว  มันนอนนิ่งอยู่บนพื้นคล้ายยอมแพ้ ใบหน้าเลื่อนลอยกับการจากไปของคนที่รัก 

“หมอบต่ำไว้” ผมพูดบอกสมุทรที่มีสติครบถ้วนดี พร้อมส่งสัญญาณมือให้พี่ธานรีบเคลียร์ทางออก

ทันทีที่พี่ธานยิงสวนกลับเพื่อเคลียร์ทางให้  สมุทรไม่เรียกสติไอ้บูรณ์อีก เขาใช้แขนทั้งสองข้างสอดเข้าไปใต้ลำตัวของไอ้บูรณ์และออกแรงยก ลากตัวไปแบบกึ่งนั่งกึ่งนอนในท่านั้น  เป็นจังหวะเดียวกับที่กระสุนยิงสวนขึ้นมา เฉียดศีรษะของไอ้บูรณ์ไปเพียงเสี้ยววินาที 

ผมยิงกันให้จนเห็นว่าทั้งสามคนออกจากตัวโกดังได้อย่างปลอดภัย  และหลบหลีกออกมาอยู่ในมุมสงบ  คนของพวกมันหายไปพอสมควร  สถานการณ์เบาลงครู่หนึ่ง แต่ยังคงได้ยินเสียงเครื่องมือทำงานอยู่จากชั้นบนสุด...

“ไอ้ฉิบหาย จับไม่ได้สักตัว ! มึงอยากโดนนายฆ่ารึไง !”

“นายบอกว่าตำรวจกำลังมา รีบเคลียร์ของเถอะครับ”

“แล้วคนของเราที่ตายล่ะพี่..”

“กระจายคนไป หาพวกมันให้เจอ ที่เหลือเคลื่อนย้ายอีพวกนี้ออกเลย เร็ว !

ที่ฝั่งเหนือของโกดังเต็มไปด้วยกองไม้ขนาดใหญ่ เรียงสูงเหนือหัว  ด้านหนึ่งมีตู้คอนเทนเนอร์ขนาดประมาณยี่สิบเมตรเรียงเป็นทางยาว  สีของตู้ วางคล้ายแบ่งส่วนสำคัญไว้ชัดเจน

“คุณไฟครับ ออกมาเถอะครับ” พี่ธานพูด

“........” ผมไม่ขานรับ  ใครสักคนที่เข้ามาในนี้.. มันเป็นใคร   

.
.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2020 10:01:22 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
.

รถยนต์ของเราขับลึกเข้าไปในทางเปลี่ยว  จุดหมายคือที่ปลอดคน  เพื่อจัดการเคลียร์สิ่งที่อยู่ในรถให้เรียบร้อยก่อนกลับเข้าเมือง

“เคลียร์ของ !” เสียงของพี่ธานสั่งการ  ไอ้เด่นลงจากรถ เปิดประตูให้ผมก่อนที่พวกมันจะกระจายกันไปทำหน้าที่

ผมมองไอ้บูรณ์ที่นั่งนิ่งอยู่บนรถด้วยสภาพซังกะตาย  ไม่มีคำที่ต้องการจะปลอบ  ของแบบนี้ไม่มีคำพูดเหมาะควร ใครก็ทราบดี...
ผมเหลือบมองสมุทรที่ปลีกตัวเองออกไปในขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นอยู่  ทางนั้นเองก็คงต้องการเวลาอยู่คนเดียว  เจ้าตัวเดินตรงเข้าไปในป่าหญ้า ออกห่างจากตัวรถไกลพอสมควร  ก่อนจะหยุดยืนที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง  พี่ธานยืนมองสมุทรโดยไม่ซักถาม  อีกฝ่ายเลือกหันหลังให้พวกเราและแช่นิ่งท่านั้นอยู่ร่วมนาที  ครู่หนึ่ง เขาก็วางมือซ้ายลงบนต้นไม้ ลำตัวเริ่มโค้งงอ พร้อมกับใบหน้าที่ก้มลงพื้น 

เสียงอ้วกจากสมุทรดังก้องไปทั่ว ทำให้ลูกน้องผมหันไปมองเป็นตาเดียว...

พี่ธานเห็นอย่างนั้นจึงตรงเข้าไปในรถ ก่อนจะเดินไปหาสมุทรพร้อมกับน้ำเปล่าและกระดาษทิชชู  ทั้งคู่พูดคุยกันไม่กี่ประโยค  พอพี่เขาเห็นว่าสมุทรตั้งสติได้บ้างแล้วจึงเดินกลับมา 


อีกฝ่ายยืนเอนหลังพิงต้นไม้ มือข้างหนึ่งถือขวดน้ำไว้  ผมเดินเข้าไปหา  เราประจันหน้ากันในความเงียบ  สายตาที่เขามองมายังผมเรียบเฉย  แต่ในความเรียบเฉยนั้น มีความสิ้นหวังแฝงให้เห็น  ผู้หญิงที่เขาอยากจะช่วย สำคัญจนทำให้หมดแรงได้เลยงั้นเหรอ  น่าขำ...

“ขอโทษครับ” สมุทรพูด  ปลายเสียงแหบหายเข้าไปในลำคอ  ผมไม่ตอบ  ไม่ถามว่าขอโทษเพราะอะไร  การมายืนอ้วกในสถานการณ์เช่นนี้ก็สมควรขอโทษอยู่น่ะนะ

“เหมือน กลิ่นมัน.. ยังติดอยู่ที่จมูกเลยครับ” สมุทรพึมพำตะกุกตะกัก  ท่าทางที่เรียบสงบต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เคยเห็นจนคุ้นตา ในตอนนี้กลับดูอ่อนแรง  ผมขยับตัวเข้าหาก่อนที่สติจะยับยั้งถึงเหตุผลว่าสิ่งใดสมควรหรือไม่  มือข้างหนึ่งเท้าลงบนต้นไม้ เหนือหัวของสมุทร  ใบหน้ายื่นเข้าหา ทันทีนั้นคนตรงหน้าก็ขยับมือขึ้นปิดปากปรามผมได้ก่อนที่จะเกินเลย  การห้ามปรามของฝ่ามือนี้เป็นการปรามแต่พอดี ไม่ได้ออกแรงแต่อย่างใด...

“อย่าครับ” สมุทรกระซิบเตือน สีหน้าอิดโรยไม่เปลี่ยนไป

“........” ผมจ้องมอง  ขยับหน้าเข้าใกล้โดยไม่ดึงดันที่จะดึงมือของเขาออก

“คิดถึงแค่ฉันคนเดียวก็พอ” ผมพูด ก่อนเดินจากมา

สิ่งของถูกเคลียร์ให้อยู่ในที่ ๆ ควรแล้ว  พวกมันยืนเรียงหน้ากระดานเป็นระเบียบคล้ายรอคำสั่งจากผม  เมื่อเห็นว่าผมเดินกลับมา ทุกคนต่างก็ลดระดับของการมองลงในทันที

“มันได้สติบ้างรึยัง” ผมถามถึงไอ้บูรณ์ที่ยังคงนั่งอยู่ในรถ

“ไม่ยอมพูดเลยครับ” พี่ธานตอบ 

“ยังไงเราก็มาช่วยเธอไม่ทันหรอกครับ เธอเสียมานานมากกว่าสามวันแน่ ๆ  อีกอย่าง.. ถึงรอด เธอก็จะเป็นคนที่ทรมานที่สุด”

“........” ผมเพียงพยักหน้าตอบรับพี่ธานไปครั้งหนึ่งเพื่อตัดบทสนทนา  ประตูฝั่งที่ไอ้บูรณ์นั่งอยู่เปิดอ้าอยู่ก่อนแล้ว  อีกฝ่ายที่นั่งเหม่อหันหน้ามาทางผม ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง  ปากของมันขยับแต่กลับไม่มีเสียง  ผมยืนรอ ไม่ทักถามก่อน  รอให้อีกฝ่ายเป็นคนเปิดประเด็นเอง

“กูรู้อยู่แล้วว่ายังไงน้องกูต้องตาย” ไอ้บูรณ์พูด

“กูมันโง่”

“ใช่ มึงโง่” ผมเห็นด้วย  อีกฝ่ายนิ่งไป

“ระหว่างนี้ กูจะให้คนของกูพามึงไปอยู่ต่างจังหวัด เรื่องเงียบแล้วมึงค่อยกลับมา” ผมบอก

“ฆ่ากูสิ” ไอ้บูรณ์พูดสวนด้วยความหนักแน่น  ผมจ้องหน้ามัน วิเคราะห์ได้ว่าเป็นการร้องขอออกมาจากใจจริง

“ตายเองสิ กูไม่ฆ่าคนที่ไม่สมควรตายหรอก” ผมตอบกลับด้วยความหนักแน่นเช่นกัน  ไอ้บูรณ์เบือนหน้าหนีน้ำตาคลอ 
มันจะตายหรือไม่ ไม่ใช่ธุระอะไรของผม.. เราต่างก็อยู่กับความเจ็บปวดที่โลกใบนี้มอบให้กันทั้งนั้น  การสูญเสียคนที่รักมักเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน  คนที่จะใช้ชีวิตต่อไปได้ ต่างก็ต้องกัดฟันอดทนสู้อยู่กับความเจ็บปวดให้ได้ก็เท่านั้น 



- - - - - - - - - - - - - - -



กว่าจะถึงที่พักก็ตกค่ำแล้ว  โทรทัศน์เกือบทุกช่องออกข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโกดังดังกล่าวอย่างครึกโครม  คดีถูกโยงจากเรื่องค้ามนุษย์ ค้าอวัยวะ ไปจนถึงค้ายาเสพติด  แน่นอนว่าไม่สามารถโยงไปถึงตัวสั่งการได้  นอกเหนือจากนั้นข้อมูลได้ถูกปิดไว้

“สองคนนั้น อาการแย่น่าดูเลยนะครับ” พี่ธานเปิดปากหลังจากที่ผมกดปิดเสียงทีวี 

“........” ผมไม่ตอบอะไรกลับไป  รู้ว่าพี่เขาหมายถึงสมุทรกับไอ้บูรณ์

เราสองคนนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น  ไวน์ถูกเปิดแล้วหนึ่งขวด  คนอื่นแยกเข้าห้องของตัวเองเพื่อจัดการเรื่องส่วนตัว  ผมได้ยกห้องของผมให้ไอ้บูรณ์อยู่คนเดียว  มันจะได้มีเวลาทบทวนตัวเอง

“ขอโทษครับนาย” ไอ้รุ่งเดินมา  ผมช้อนตาขึ้นมอง

“ทางค่ายโทรมาเมื่อเย็นนี้ครับ บอกว่ามีธุระสำคัญต้องการคุยกับนาย อยากทราบว่านายจะกลับเข้าค่ายได้เมื่อไหร่ครับ”

“เดี๋ยวก็กลับแล้ว” ผมตอบเสียงเบา   

“ครับ” ไอ้รุ่งผงกหัวครั้งหนึ่ง  ไม่ซักต่อว่า “เดี๋ยว” ที่ว่าคือเมื่อไหร่ ก่อนจะตรงกลับเข้าห้องของตัวเองไป

“ติดต่อพี่ทัพ จัดการเรื่องศพน้องมันให้เรียบร้อยด้วย” ผมสั่ง

“ได้ครับ” พี่ธานตอบรับ 

“คิดอะไรอยู่เหรอครับ” อีกฝ่ายถาม

“เปล่านี่ครับ” ผมปัดพร้อมผลิยิ้มให้เล็กน้อย  ขยับตัวไปคว้าขวดไวน์มารินเติมใส่แก้วตัวเองและแก้วของพี่เขาด้วย 

“ขอบคุณครับ” เจ้าของแก้วพูดนุ่ม ๆ

“คืนนี้ผมขอห้องพี่ได้ไหมล่ะ” ผมเลิกคิ้ว  ห้องของพี่ธานที่มีเพื่อนร่วมห้องเป็นสมุทร

“หึ ๆ  ตามสบายเถอะครับ” พี่ธานตอบ  ผมยิ้มกว้างที่ได้เห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้า

“จะไม่โทรหาคุณพายุหน่อยเหรอครับ” พี่ธานทัก  ผมช้อนตามองเสี้ยวหนึ่ง ก่อนลดระดับลง

“ไม่เอาอะ ขี้เกียจเอาใจ” ผมปัด  ป่านนี้มันคง (แอบ) งอนผมหน้างอเป็นกระบวยเพราะไม่ได้รับการติดต่อไปเลยแน่ ๆ

“เฮ้ออออ ~ เข้าห้องดีกว่า” ผมจิบไวน์รอบสุดท้ายหมดแก้วแล้วลุกขึ้นยืน

“อย่าไปแหย่เขาล่ะครับ” พี่ธานส่งสายตากำชับด้วย  ผมจึงยิงฟันยิ้มตอบพี่ใหญ่ไปแล้วเดินจากมา  พี่ธานคงจะนั่งดื่มต่อและคงต้องนอนตรงนั้นหากพวกลูกน้องไม่มาเห็นเข้าเสียก่อน 

   ..

เพื่อนร่วมห้องของพี่ธานเข้าไปขลุกตัวอยู่แต่ในห้องนอนคนเดียว ตั้งแต่ที่จบมื้อเย็นและผมได้ออกปากอนุญาตให้ทุกคนได้พักผ่อนแล้ว  เขาไม่โผล่หน้าออกมาจากห้องเลย  อาหารเย็นที่กินเข้าไปก็กินเพียงนิดเดียวเท่านั้น  ไม่ได้กินเหมือนวันพรุ่งนี้จะต้องตายจากโลกนี้ไปเหมือนลูกน้องคนอื่น ๆ ของผม...

ไฟดวงหลักในห้องถูกปิด  มีแต่แสงสว่างจากไฟหน้าห้องน้ำที่เปิดไว้  สมุทรนอนอยู่ฝั่งของตน ด้านเดียวกับคืนก่อน  ผมไม่แน่ใจว่าเขาหลับอยู่หรือเปล่า แต่ไม่ขยับตัวเลยแม้จะได้ยินเสียงประตูห้องเปิดเข้ามา  ผมคลานขึ้นไปบนเตียง  เคลื่อนไหวอย่างเบาที่สุด ก่อนจะสวมกอดเขาจากด้านหลัง  อีกฝ่ายตกใจ ขยับตัวหันกลับมามองในทันที

“เตียงฉันถูกแย่งอีกแล้ว” ผมกระซิบบอกด้วยการหลับตาไว้ บ่ายเบี่ยงการปฏิเสธจากเขา 

“........” สมุทรไม่ตอบ  เขาเบือนหน้ากลับ  ผมจึงขยับตัวขึ้นคร่อม  คนที่นอนหงายอยู่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ  ไร้การห้ามปรามอย่างที่นึกไว้  ทั้งยังจ้องผมทุกการเคลื่อนไหวอีกด้วย

“คุณน่ะ เฮ้อ ~” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็พึมพำบ่น 

“ขึ้นคร่อมผู้ชาย มันสนุกนักรึไงครับ” สมุทรพูดเสียงเรียบ

“ลองดูไหมล่ะ” ผมยิ้มกว้าง  ไม่ปล่อยให้ข้อเสนอนี้จบลงโดยง่าย  ความสงสัยควรได้รับคำตอบ  ผมสอดแขนทั้งสองข้างเข้าไปใต้หัวไหล่ของอีกฝ่ายแล้วออกแรงยกตัวสมุทรขึ้น  ในขณะที่ผมเองก็ทิ้งหลังลงบนเตียง  ร่างกายของเขาเสียการทรงตัว เปลี่ยนมาคร่อมผมแทนในที่สุด 

“........” บรรยากาศรอบตัวสงบลงครู่หนึ่ง  ผมจ้องมองสายตาของสมุทรที่มองผมไม่วางตา

“สนุกไหม” ผมเลิกคิ้วถาม

“คุณนี่มัน...” อีกฝ่ายทำท่าจะบ่น แต่กลับทิ้งคำบ่นนั้นไปดื้อ ๆ  ขณะเดียวกันคนด้านบนก็ทำท่าจะขยับตัวออก  ขาของผมจึงขยับขึ้นและเกี่ยวตัวสมุทรล็อกไว้โดยอัตโนมัติ  ชื่อของผมที่ถูกเขาปรามเบาบางจนเกือบไม่ได้ยิน  สมุทรเบือนหน้าหลบอย่างรักษามารยาทเมื่อผมยื่นหน้าเข้าหา  ยังมีท่าทีที่ระมัดระวังต่อการกระทำของตนอยู่บ้าง


และไม่ว่าผมจะขยับหน้าเข้าหาเขาในทางไหน ใบหน้าของเขาก็หลบเลี่ยงอย่างพอควรเท่านั้น...

“ฉันถามว่าสนุกรึเปล่า” ผมกระซิบ  ไม่หยุดกวนใจเขาด้วยการคลอเคลียใกล้ ๆ 

“คุณเมาแล้วนะครับ” สมุทรพูดเสียงเข้ม 

“หึ” ผมหลุดหัวเราะในลำคอ  ถ้าการที่เขาอ้างอย่างนั้นมันจะดีต่อเราทั้งคู่ก็ช่างเขา 

ผมตั้งศอกข้างหนึ่งเพื่อพยุงตัวให้เข้าใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น  สมุทรยอมนิ่งลงแล้ว  เหมือนปล่อยให้ผมทำตามใจ แต่กลับไม่ยอมสบตากันอีก  ทีท่าไม่เต็มใจคล้ายพยายามที่จะปฏิเสธโดยนัยแฝงว่า “ช่างเถอะ เบื่อจะห้ามแล้ว”  ซึ่งเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรก็ช่างเถอะครับ  เพราะทางเดียวที่จะปฏิเสธผมได้ในตอนนี้ นั่นก็คือการลุกขึ้นมาใช้กำลังกับผมอย่างจริงจังก็แค่นั้น

“แค่หอมไม่ได้เหรอ หืมม ~” ผมถาม ไม่ได้ต้องการคำตอบ  ปลายจมูกเฉียดเข้าที่ข้างแก้มของสมุทรเสี้ยวหนึ่ง

“คุณควรจะมีขอบเขตหน่อยนะครับ” อีกฝ่ายยอมหันกลับมาสบตา  ครั้งนี้ทั้งสายตาและสีหน้าเต็มไปด้วยความจริงจัง

“ฉันถามว่าฉันหอมนายไม่ได้เหรอ” ผมกระซิบใกล้ ๆ  พลางไล่ริมฝีปากผ่านริมฝีปากของเขา ก่อนจะหยุดจ่ออยู่ที่ข้างแก้ม  สมุทรก้มหน้าลง ไม่ยอมสบตา และไม่ปฏิเสธ 

ครู่หนึ่งให้หลัง คนตรงหน้าก็ยอมหันกลับมา  เราประจันหน้ากัน ปลายจมูกแตะกันไม่ห่าง...

“คิดถึง” ผมบอก

“หยอกกก..” ผมยิ้มแก้

“หึ !” สมุทรหลุดหัวเราะ  รอยยิ้มที่เผยให้เห็นทำให้อดไม่ได้ที่จะจูบลงที่ปากอีกฝ่ายโดยทันที  เขาหุบยิ้มลงทีละนิด บรรยากาศจึงเปลี่ยนไปจากก่อนหน้า 

“รู้จักคำว่าขอบเขตไหมครับ” สมุทรพูดแทบกระซิบ  ทั้งน้ำเสียงและสายตาทำให้รู้สึกอยากเข้าไปค้นหาเสียเดี๋ยวนี้

“คือ ?” ผมเลิกคิ้วถามกลับ  จดจ้องริมฝีปากของเขาใกล้ ๆ ไม่วางตา  ถ้าบังคับให้จูบมากกว่าก่อนหน้า จะเป็นยังไงกันนะ  ผมเปิดปากออกเล็กน้อย ก่อนแตะปากจูบลงที่ริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายอย่างจงใจ  สมุทรนิ่งไปและดูตกใจที่ผมทำอย่างนี้  เราไม่ได้กำลังมองกันด้วยความหื่นกระหาย แต่ก็ไม่มีความสั่นไหวหรือลังเลผสมอยู่  จู่ ๆ ความคิดที่ว่าอยากให้คนตรงหน้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อนผุดขึ้นมา  พอนึกได้อย่างนั้น ในใจมันก็กระปรี้กระเปร่าแปลก ๆ

“คุณไฟครับ”

“หึ..” ผมยิ้มให้ แล้วยอมปล่อยขาที่ล็อกตัวเขาไว้ออกในที่สุด

“ถ้าไม่เลิกคร่อม ฉันจะต่อนะ” ผมบอก  สมุทรลดระดับสายตาลง  ความหมายในดวงตาของเขาดูสั่นคลอนกับพฤติกรรมของตัวเอง  ก่อนจะรีบขยับตัวออกจากผมแล้วนอนลงด้านข้างอย่างเดิม

“เลิกยิ้มได้แล้วครับ” สมุทรพูดขึ้นโต้ง ๆ

“หึ ๆ” ผมหลุดหัวเราะ

“นอนเถอะครับ ถ้าเข้านอนช้ากว่านี้มันจะทำให้ผมหิวน้ำ”

“อะไรของนาย” ผมพูดปนหัวเราะ 

“........” สมุทรไม่ว่าอะไร  เขาลุกขึ้นอีกครั้ง ผมมองตามงง ๆ  อีกฝ่ายคลี่ผ้าห่มออกแล้วนำมาห่มให้ผมอย่างรีบ ๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนในที่ของตน 

“ใจเต้นเลยแฮะ” ผมแสยะยิ้มมุมปาก  ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นหนุนหัว
 
“เป็นโรคหัวใจมั้งครับ” อีกฝ่ายย้อน ประชดผมกลับ

“แน่ใจว่านอนหลับ ?” ผมพูดเชิงถาม  ป่านนี้ลูกน้องผมคงพากันหลับเป็นตายไปแล้ว  ภูมิต้านทานของเขากับไอ้พวกนั้นมันต่างกัน

“........” สมุทรไม่ตอบ

“มีอาหารที่ไม่ชอบไหม ตอนเด็กน่ะ” ผมตั้งคำถาม ต้องการชวนคุย  สมุทรเงียบเสียงอยู่พักใหญ่ แต่เขายังไม่ได้หลับตาลง
 
“ขิงครับ” เขาตอบเบา ๆ

“ตอนเด็กผมไม่ชอบกินขิง แต่ตอนนี้ชอบแล้ว”

“ส่วนฉันเกลียดการกินกล้วยสุด ๆ ตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน” ผมบอก  เพราะถึงไม่ชอบแค่ไหน แต่มันก็ยังจำเป็นต้องกินอยู่ดี

“หึ ๆ” สมุทรหัวเราะ

“แต่ผมชอบกินนะครับ” เขาบอก

“ตอนเด็ก ๆ ผมกินกล้วยน้ำว้าทุกวันเลยครับ เหมือนว่า.. ไม่มีตัวเลือกอื่นน่ะ” สมุทรพึมพำ 

“แล้วของที่ชอบล่ะ” ผมถามต่อ

“ตอนเด็ก ฉันคิดว่าข้าวเม่าทอดอร่อยสุด ๆ  แต่คนที่เคยทำอร่อยตายไปแล้วอะนะ” ผมขยายความ  สมุทรเงียบไปอึดใจหนึ่ง ผมจึงหันไปมอง 

“ชาเย็นมั้งครับ” อีกฝ่ายตอบ ตาลอยมองเพดานห้อง  หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็เงียบลงพร้อมกัน  สมุทรหันกลับมา มองผมด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มเล็กน้อย 

“นอนเถอะครับ” เขาบอบ  สายตาที่ต่างฝ่ายต่างมองนั้นเก้ ๆ กัง ๆ ขึ้น ราวกับว่าเพิ่งเคยมองตากันตรง ๆ เช่นนี้เป็นครั้งแรกอย่างนั้น  พอเห็นแบบนี้ก็ทำให้อยากกวนใจขึ้นมาอีก  ผมยื่นหน้าเข้าหา ทันทีนั้นสมุทรก็เบือนหน้าหนีเสียก่อน 

“เฮ้ออออ ~” ผมแกล้งถอนหายใจทิ้ง

“ฝันดีครับ” คนด้านข้างพึมพำก่อนจะพลิกตัว นอนตะแคงข้างหันหลังให้ผม  ครั้งนี้ผมไม่ก่อกวนอีก  จบบทสนทนา เพราะอยากให้เขาได้พักผ่อน 

.
.

ตกกลางดึก ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นเพราะคนข้าง ๆ พลิกตัวบ่อย  รับรู้ได้ว่าสมุทรนอนไม่หลับ  แต่ผมก็ไม่ได้ทักถามออกไป  นอนนิ่งเฉยทั้งที่ตื่นเต็มตา  อีกฝ่ายดูกระสับกระส่ายเหมือนคนนอนหลับไม่สนิท  ทางนั้นเองก็ไม่ทันสังเกตเห็นว่าผมเองก็ไม่ได้หลับอยู่เช่นกัน 

สักพักหนึ่งสมุทรก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่งและค่อย ๆ นำตัวเองออกจากผ้าห่ม  ขาหย่อนลงพื้น หันหลังให้กับผม  ท้องฟ้ายังคงมืดสนิท  แผ่นหลังที่เรียบสงบกลับได้ยินเสียงถอนหายใจเบาบาง  ผมปากหนักจนไม่กล้าถามออกไปว่ามีอะไรในใจเขา  เคยไหมครับ เคยกังวลกับการออกปากถามใครสักคนที่ลุกขึ้นมานั่งในเวลานี้  คล้ายกับว่าทางนั้นมีเรื่องให้คิดหนักอยู่
 
สมุทรนั่งอยู่อย่างนั้นอยู่นานพักใหญ่  ผมจึงตัดสินใจลุกขึ้นนั่ง  ทางนั้นหันกลับมามองในทันที..

“ขอโทษครับ ผมทำให้ตื่น” สมุทรรีบพูดด้วยสีหน้าเกรงใจ

“ไม่เป็นไร นาย..มีอะไรรึเปล่า” ผมถาม 

“........” เขาชะงัก ลดระดับสายตาลง

“ไม่รู้สิครับ ผมฝันไม่ดีเลยนอนต่อไม่ได้น่ะครับ ขอโทษด้วย” อีกฝ่ายพูดเสียงเบา 



ตืด  ๆ  ๆ

หลังจากที่สมุทรพูดจบประโยคเพียงไม่ถึงนาที เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาที่วางอยู่บนหัวเตียงก็ดังขึ้น  เราต่างหันไปมอง  สายที่โทรเข้ามากลางดึกเช่นนี้หรือจะใช่เรื่องดี  ขอเอาชีวิตเป็นประกันได้เลยว่านั่นจะไม่ใช่ข่าวดีอย่างแน่นอน...



- - - - - - - - - - - - - - -



“พี่ ยาย เสียแล้ว ฮึก ~”

น้ำเสียงของดาวสั่นเครือ  ใบหน้าที่พยายามอดกลั้นไม่ให้เสียงร้องดังออกมาซึ่งอาจทำให้น้องชายตื่น เต็มไปด้วยความทรมาน  เมฆนอนหลับอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน 

ยายของพวกเขาที่มักจะลุกขึ้นมาเตรียมทำขนมเพื่อนำไว้ขายเช่นทุกเช้า  เช้านี้ก็เช่นกัน...

สายที่โทรเข้ามากลางดึกนั้นเป็นสายจากดาว  ยายของสมุทรล้มในห้องน้ำ  กว่าดาวจะเข้าไปพบก็สักพักใหญ่แล้ว  เธอเรียกรถพยาบาลและหลังจากนั้นจึงโทรบอกผมกับสมุทร  ผมสั่งให้ทุกคน Check-out ออกจากโรงแรมในทันที และติดต่อหาคนที่ค่ายมวยเพื่อให้ตรงมาดูดาวกับเมฆที่โรงพยาบาลก่อนที่พวกผมจะเดินทางมาถึง

สมุทรไม่พูดอีกเลยหลังจากรับสายจากน้องสาว  ตลอดการเดินทางเต็มไปด้วยความเงียบสงบ  จากประสบการณ์ที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัวมามาก  มีบางสิ่งที่ผมสามารถสัมผัสได้  นั่นก็คือความรู้สึกรักที่ถูกพรากออกไปแล้ว  ต่อให้ไม่ได้รับการติดต่อก็สามารถรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณ  ทั้งที่เราพยายามสั่งตัวเองไม่ให้เชื่อบางสิ่งบางอย่างที่จับต้องไม่ได้เป็นรูปธรรมนั้น แต่สัญชาตญาณก็ยังแทรกเข้ามาในหัวใจอยู่ดี 

ผมเดินแยกตัวออกมาจากพวกเขา  ให้สมุทรและดาวได้มีเวลาส่วนตัว  ทั้งคู่ยืนกอดกันด้วยบรรยากาศที่ผมไม่สามารถเข้าไปแทรกได้...

“ติดต่อลุงลอยซิ” ผมสั่งไอ้เด่นที่ยืนอยู่ด้านข้าง  มันผงกหัวรับทราบและติดต่อลุงลอยทันที  ผมลางานให้สมุทร และบอกให้ลุงลอยช่วยจัดเตรียมคนในค่ายสำหรับจะไปช่วยเหลือที่งานศพด้วย

“คุณไฟครับ สมุทรเขายืนยันว่าจะจัดงานศพที่วัดแถวบ้านน่ะครับ จะสวดศพสามวัน” พี่ธานเดินตรงเข้ามาบอก 

“ตามใจเขา” ผมตอบ

“ได้ครับ” อีกฝ่ายผงกหัว  ผมสั่งให้พี่ธานเป็นคนดูแลรับผิดชอบในงานนี้

“มึงสองคนคอยผลัดกันไปช่วยที่วัดแล้วกัน กูโทรบอกลุงลอยแล้ว เดี๋ยวลุงจะจัดคนไปช่วยแต่ละวันด้วย แล้วแต่งตัวให้มันพอดี ๆ ล่ะ” ผมลุกขึ้นยืน  ชี้หน้าไอ้รุ่งกับไอ้หิน ตักเตือนว่าอย่าให้การแต่งกายของพวกมันเป็นจุดสนใจสำหรับชาวบ้านมากนัก

“ครับนาย” มันสองคนขานรับ

“จัดการเรื่องอาหารแต่ละวันให้เรียบร้อยนะครับ รายงานค่าใช้จ่ายแต่ละวันมาด้วย” ผมสั่งพี่ธาน

“เอาตามที่เจ้าตัวเขาอยากได้แล้วกัน...” ผมกำชับ ล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงพลางนึกเรื่องอื่น 

“คืนนี้ฉันกับพี่ธานจะไปธุระ คงไม่ไปที่งาน ดูแลให้เรียบร้อยล่ะ” ผมมองหน้าไอ้รุ่งกับไอ้หิน  ทั้งคู่ผงกหัวพร้อมขานรับอย่างขึงขัง ก่อนที่ผมจะเดินจากมา  ผมตรงไปหาสมุทรที่ตอนนี้นั่งซึมอยู่ที่เก้าอี้ยาวหน้าห้องฉุกเฉิน  ดาวหายไปไหนไม่ทราบ

“จากวันนี้ฉันจะให้นายหยุดงานจนกว่าจะจัดการเรื่องงานศพเสร็จ” ผมเอ่ยปาก  หยุดยืนตรงหน้า  สมุทรตาลอย ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองผม 

“เดี๋ยวคนที่ค่ายจะไปคอยช่วยที่งาน วันนี้ฉันคงไปฟังสวดไม่ได้ ถ้ามีอะไรนายก็บอกไอ้รุ่งกับไอ้หินแล้วกัน” ผมพูด  การพูดเป็นการพ่นออกไปฝ่ายเดียวและไม่ต้องการการขานรับ 


ไร้คำพูดดี ๆ ที่จะปลอบประโลม  ผมเงียบเว้นช่วงไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือออกไปแตะลงที่ข้างแก้มของอีกฝ่าย  ไร้ปฏิกิริยาใด ๆ จากเขา  สมุทรเพียงก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อหลบเลี่ยงน้ำตาของตัวเอง

“สมุทร !”

“........” ผมหันไปมองตามเสียงร้องเรียกนั้น  ผู้หญิงที่ชื่อหยากึ่งวิ่งกึ่งเดินมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี  เธอชะงักในทันทีที่เราสบตากัน  ผมจ้องมอง จงใจไม่ผละมือออกจากแก้มที่จับอยู่  สายตาของเธอกวาดมองการกระทำจากผม และสิ้นสุดลงด้วยการจับจ้องมาที่มือผมด้วยความไม่พอใจ  ผมเผยรอยยิ้มให้น้อย ๆ เพื่อตอบรับความไม่พอใจนั้น  นิ้วโป้งเกลี่ยย้ำลงที่ข้างแก้มของสมุทรอีกครั้ง ก่อนเดินจากมา...




...............(ไฟ)..............


ผู้เขียน :

ขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะที่ห่างหายไปเลย ไม่สามารถมาต่อให้ได้จริง ๆ
และขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่ยังคอยเข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจอยู่เสมอ หวังว่าตอนนี้จะเติมเต็มได้ไม่มากก็น้อยนะคะ ~

รักษาสุขภาพด้วย..

ขอบคุณค่ะ
เบบี้


 :ruready :ruready :ruready




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2020 10:20:30 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ชอบเรื่องนี้มาก ได้โปรด พี่เบบี้มาต่อเถอะค่ะ คิดถึงคุณไฟคิดถึงสมุทร อย่าทิ้งเรื่องนี้เลยยยย :sad4:

เบบี้ก็คิดถึงตัวละครอยู่เสมอเลยค่ะ > . <
ไม่เคยคิดทิ้งเลย ใจมันต่อ แต่ร่างมันไม่ไหวค่า ฮืออ ๆ ๆ
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์นะคะ  :mew2:

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ไม่เจอกันหกเดือนแล้ว คิดถึงนะ

 :mew6: :mew2: :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด