The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 444448 ครั้ง)

ออฟไลน์ โซดาหวาน

  • ชอบเกาหลี , คลั่ง วาย ~ , ♥ รักประเทศไทย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-1
กรี้ดดด รอตอนต่อไปรัวๆๆ :ling1:

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
เสน่ห์แรงแม้แต่กับคนที่ตัวเองเกลียดขี้หน้า  :a5: ยังไงก็รอสมุทรก่อนนะคะพี่ไฟ เมื่อไรจะได้เจอหน้ากันอย่างเป็นทางการสักที  :hao4:


ว่าแต่พี่ไฟจะไปแอบดูน้องฝึกทำไมล่ะคะ งง  :mew2:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:

ออฟไลน์ Youch06

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
รอพี่ไฟเดินไปซื้อบัวลอยด้วยตัวเองอยู่นะฮะ 555555

ออฟไลน์ Rhythm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
น่าติดตามมากๆ เลยจ้า ตัวละครที่มีทั้ง ดิน สมุทร (น้ำ) พายุ (ลม) ไฟ ครบธาตุทั้งสี่ จะมีอะไรบอกเป็นนัยๆ มากไปกว่าแค่ชื่อหรือเปล่าน้า  :m28:
แต่ที่แน่ๆ มันคงไม่ได้เป็นพลังพิเศษ....เอะ ยังไง  :a5: 

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
อ่านยาวๆกันเลยทีเดียว มาต่ออีกบ่อยๆนะเบบี้  :mew1:

ออฟไลน์ myapril

  • Tomorrow
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-3
สนุกดีค่ะ ตัวละครเยอะ จนจับคุ่ไม่ถูก
อยากให้ผู้ชายได้กันไปหมดทุกคน 5555

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
ตอนที่ 4
..ไฟ..




"ไอ้รุ่งเขยิบไปหน่อยสิวะ" ไอ้เด่นกระซิบบอกพร้อมนำตีนเขี่ยไอ้รุ่งด้วย  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นอายุเท่ากัน  ส่วนไอ้รุ่งกับไอ้หินอายุเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้น  ดังนั้นจึงอ่อนกว่าไอ้เข้มกับไอ้เด่นอยู่สองสามปี

"โหย พี่ไม่ไปดูทางนั้นเล่า" ไอ้รุ่งว่ากลับแต่ก็ไม่วายจะเขยิบถอยห่างให้  พวกมันพากันเกาะที่ประตูกระจกบานเล็กมุมหนึ่งของโรงฝึก  เป็นโซนเดียวที่สามารถมองเข้าไปด้านในได้ถ้าคนด้านในไม่ได้ปิดผ้าม่านไว้ให้เรียบร้อยดี

"เบา ๆ สิฮะ" ไอ้หินกระซิบเตือนอย่างสุภาพชนที่สุด  ผมกับพี่ธานยืนมองพวกมันอยู่ทางด้านหลัง  ผมก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อจะมองเห็นเข้าไปด้านในได้ถนัดขึ้น  พบว่าตอนนี้พายุกำลังซ้อมกระบวนท่าเพลงหมัดมวยอยู่  มันใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงผ้าขายาวสีขาวโดยพันแขนเสื้อขึ้นจนถึงต้นแขนตัวเอง  ชุดนี้คือชุดประจำที่น้องชายผมแทบไม่เคยเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวเลยเวลาที่ซ้อม

"จบแล้วอ่ะ เซ็งเลย" ไอ้เด่นบ่นด้วยท่าทางเสียดาย

"บอกให้แอบมาดูตั้งแต่เมื่อกี้แล้วก็ไม่เชื่อ" ไอ้รุ่งหันไปว่าไอ้หิน  ไอ้หินทำหน้าหงอยไม่ต่าง  เมื่อพวกมันเห็นว่าพายุจบกระบวนท่าก่อนนิ่งสนิทไป  พวกเราทุกคนพากันหุบปากเงียบเพราะพายุยืนสงบนิ่งไปแล้ว  พอพายุเริ่มขยับตัวผมจึงชักเท้าถอยหลังกลับไปเล็กน้อยตามสัญชาตญาณของคนเป็นพี่  และถ้าคาดการณ์ไม่ผิดพายุจะต้องรู้แล้วแน่ว่ามีคนแอบดูอยู่  หูมันดียิ่งกว่าหูหมาซะอีก  พายุเดินไปที่ที่วางอาวุธพร้อมกับหยิบพลองออกมา  ผมกับพี่ธานรู้แกวจึงถอยหลังตั้งหลักพร้อมกัน  แต่ลูกน้องผมยังเกาะกระจกดูอย่างตื่นเต้น  คนในห้องยืนหันหลังให้พวกผม  ในมือถือพลองไว้นิ่ง ๆ เพียงชั่วพริบตาเดียวพลองก็ลอยดิ่งตรงมาทางพวกเราในทันที

"เหวอออออออ~" ลูกน้องผมเพิ่งได้สติ  พวกมันร้องเสียงหลง  พากันแตกฮือวงกระจายไปคนละทาง  ผมกับพี่ธานหัวเราะ



ตึง !!!  ...เสียงพลองกระทบเข้ากับฝาผนังอย่างจงใจไม่ให้โดนกระจก  แม่นยำอย่างกับจับวางก่อนจะได้ยินเสียงพลองร่วงหล่นลงกระทบกับพื้นห้องอย่างแรง

เคล้ง !!! 
"ไอ้พวกเวร!" พายุตะโกนดังมาจากด้านใน

"ขอโทษค้าบ! พวกผมจะไม่แอบดูอีกแล้วค้าบ!!" ไอ้เข้ม ไอ้เด่น ไอ้รุ่งและไอ้หิน  พากันพูดประสานเสียง  ประโยคแบบนี้พวกมันน่าจะพูดบอกพายุเป็นรอบที่ล้านได้แล้วละมังครับ 

"หึหึ" พี่ธานปิดปากหัวเราะชอบใจ  ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ ก่อนเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในโรงฝึกซึ่งแน่นอนว่าก็ไม่มีใครกล้าตามผมเข้ามาสักคน  ผมหันไปมองพลองที่ตกอยู่บนพื้นก่อนก้มลงเก็บขึ้นมา  พายุยืนมองผมหน้านิ่งเหมือนหมาที่ไม่ไว้ใจแม้กระทั่งเจ้าของ ๆ ตัวเอง  สายตาเดียวกันกับที่มันชอบมองคู่ต่อสู้เวลาที่อยู่ในเกม  ผมแสยะยิ้มก่อนควงพลองช้า ๆ พายุมองตามไม่วางตา



ฟิ้ววววววว!  ...เสียงความเร็วของพลองที่ลอยไปทางพายุดังขึ้นท่ามกลางความเงียบในโรงฝึก
หมับ!!  ...เป้าหมายรับได้ในทันทีโดยไม่แม้แต่จำเป็นต้องขยับตัว 

"กำแพงเป็นรอยน่ะ จะระบายอารมณ์ก็ให้มันเบา ๆ หน่อย" ผมยิ้มบ่นก่อนถอดเสื้อออกแล้วทิ้งลงบนพื้น
 
"ก็พวกมันแอบดู" พายุพูดแล้วนำพลองเก็บเข้าที่เดิม

"ก็แค่แอบดู" ผมย้อน

"แต่ยุไม่ชอบ" มันพูดเสียงแข็งก่อนหันมามองหน้าผม  เรายืนจังก้ากันคนละฝั่งของโรงฝึก 

"อยากอ้วกแตกรึไง" พายุเบะปากอมยิ้มอย่างเหนือกว่า  มันเหล่สายตาด้วยท่าทางหยิ่งยโสไปอีกทาง  ผมยักคิ้วกวนอารมณ์มันอย่างไร้รอยยิ้ม  ทางผมเริ่มคำนับก่อนเพื่อเป็นการบอกอีกฝ่ายว่าผมจะไม่ใช้มวยไทยในการต่อสู้กับมัน  ผมเป็นเพียงคนเดียวในบ้านที่เป็นคู่ซ้อมกังฟูและคาราเต้ให้กับพายุได้  นอกนั้นเอามันไม่อยู่สักคน  ยิ่งพอมันกลัวว่าพวกลูกน้องจะรับแรงของมันไว้ไม่ไหว  พายุก็ยิ่งออกแรงได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย  การสู้ตัวต่อตัวระหว่างผมกับน้องชาย  ถ้าผมไม่ใช่กังฟูอย่างเดียวในการต่อสู้  ผมมักจะชนะเสมอแต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมใช้กังฟูอย่างเดียวในการต่อสู้กับมัน  ผมมักจะแพ้เสมออีกเช่นกัน  ซึ่งจะให้ผมละเอียดอ่อนและชำนาญทางด้านกังฟูเท่าพายุคงเป็นไปไม่ได้  ดังนั้น..เราเองก็ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าควรใส่แรงต่อสู้กันแค่ไหนถึงจะพอดี  ในขณะเดียวกันก็ไม่กลัวที่จะปล่อยของที่มีออกมาสู้กันด้วย

ในหลาย ๆ ครั้งที่พายุมีแข่งสำคัญ  เวลาที่ผมเป็นคู่ซ้อมให้กับพายุ  ผมก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องควบคุมตัวเองและยั้งแรงเอาไว้พอสมควร  เพราะอย่างไรก็ตาม..ผมก็เป็นเพียงคู่ซ้อมให้เท่านั้น  ถ้าพายุจะออกพลังทั้งหมดที่มันมีได้  ต้องขึ้นอยู่กับว่าการซ้อมนั้นจริงจังในระดับไหน  อีกทั้งมันจะใส่เต็มแรงก็ต่อเมื่อคู่ซ้อมนั้นมีฝีมือกังฟูที่เท่าเทียมกันหรืออาจมากกว่า  บางครั้งครูก็จำเป็นต้องบินมาหาและบางครั้งมันก็จำเป็นต้องบินไปเก็บตัวที่เซี่ยงไฮ้บ้างเป็นครั้งคราว

..พายุคำนับกลับและเริ่มวาดท่าออกอย่างช้า ๆ ตาจ้องมองมาที่ผมไม่กะพริบ  เพียงครู่เดียวมันก็ตีลังกามาอยู่ตรงหน้าผมพร้อมกับวาดหมัดจะชกเข้ามาที่ท้องซะแล้ว  ไอ้นี่มันชอบบุกตอนที่คนอื่นขยับร่างกายไม่ทันตลอด  ผมปัดป้องก่อนจะเกี่ยวแขนมันเข้ามาประชิดตัว

"ดื่มมาใช่ไหม" พายุที่ประชันหน้าใกล้กับผมเพียงคืบเดียวกัดฟันถามขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ

"นิดเดียวเองนะ" ผมอมยิ้มพูดอย่างเจ้าเล่ห์

"ใครสนกันหะ! เหม็นที่สุด!" มันกัดฟันพูดบอกผมด้วยสีหน้ารับไม่ได้  ดูท่าแล้วผมจะทำให้มันหงุดหงิดพอดู  พายุไม่ดื่มเหล้าและไม่สูบบุหรี่  มันเกลียดแอลกอฮอล์และของมึนเมาทุกชนิด  อีกทั้งไม่ค่อยชอบที่จะคลุกคลีอยู่กับคนที่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่อีกด้วย 

"หึ" ผมหัวเราะอย่างอดขำไม่ได้

"อ่ะ!!" อีกฝ่ายร้องเรียกพลังพร้อมกับออกแรงปัดแขนผมที่เกี่ยวแขนมันไว้ออกอย่างแรง



ปึก!  ...เสียงฝ่ามือกระทบเข้าที่หน้าอกผม  ทั้งที่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจทำแรงมากแต่ก็จุกที่อกได้เหมือนกัน  ตัวผมเซถอยหลังไปเล็กน้อย 

"........." เรายืนเงียบ  จ้องตากันเขม็ง  พายุชักเท้าขวากลับไปทางด้านหลัง  มือตั้งกาดออกเหมือนปล่อยให้ผมได้ตั้งตัว  ผมเองก็ทำเช่นกัน  อีกฝ่ายอมยิ้มเล็กน้อย  ทันใดนั้นมันก็พุ่งตัวเข้ามาเตะซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว  ผมนำแขนป้องปัดก่อนถีบเข้าที่ท้องอีกฝ่ายจนเซถอยไป

"ย้าก!" อีกฝ่ายสบถ  เราต่างฝ่ายต่างพุ่งเข้าหากันพร้อมกับปล่อยของที่มี  นี่ไม่ใช่การซ้อมคู่กันครั้งแรกและแน่นอนว่าเราไม่ได้เอาจริงเอาจังอะไร  น้อยครั้งที่เราจะลงมือลงแรง  การต่อสู้ระหว่างเราสองพี่น้องถ้าคนดูการต่อสู้เป็นก็คงจะรู้ดีว่าถ้าอีกฝ่ายเป็นฝ่ายใส่  ส่วนอีกฝั่งตรงข้ามจะพยายามป้องปัดและตอบกลับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  เสียงต่อสู้ระหว่างเราดังก้องไปทั่วโรงฝึก  คงเพราะดึกมากแล้วและทั้งข้างในและข้างนอกไม่มีเสียงรบกวนอื่นใดเลย

"เฮือก อ้าก!!!" เสียงเราสองพี่น้องตะโกนดังลั่น  ต่างฝ่ายต่างปล่อยหมัดเข้าที่ท้องของอีกฝ่ายอย่างจังจนตัวกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง  ทันทีที่ทั้งผมและพายุหลังกระแทกลงกับพื้น  อีกฝ่ายที่ดูจะสุขภาพร่างกายช่างสมบูรณ์พร้อมกว่า  ก็กระโดนขึ้นยืนได้อย่างรวดเร็วเพียงไม่ถึงเสี่ยววินาทีด้วยซ้ำ  พายุพุ่งชี้เท้ามาซ้ำผมชั่วพริบตา  ผมลุกหนีไม่ทัน  หลังของผมถอยถูไปกับพื้นทางด้านหลังแต่มือยังไม่หยุดทำหน้าที่ปัดป้อง  ผมแสยะยิ้มพร้อมออกแรงดึงขากางเกงพายุก่อนตวัดกลับด้านอย่างแรงในทันที  ตัวพายุล้มลงหมุนเป็นเกลียวแต่ก็ยังเท้าแขนกับพื้นรับน้ำหนักตัวเองไว้ได้อย่างชำนาญ  ขณะที่พายุล้มลงกับพื้นผมจึงถือโอกาสนี้กระโดดขึ้นยืนทันควัน  พายุกัดฟันแน่นเหมือนหมันไส้อะไรผมสักอย่าง 

"เฮ้อ..นี่ขนาดดื่มมานะเนี้ย" ผมเท้าเอว  ยิ้มกว้างพร้อมส่ายหัวไปมากวนอารมณ์ให้  พายุมองผมตาขวาง  มันดีดตัวเองลุกขึ้นด้วยความเร็วเพียงกะพริบตา  ขาของมันฟาดกว้างมาเหมือนตั้งใจจะเตะก้านคอผมอย่างตั้งใจ  ผมหลบในทันทีเพราะรู้ว่ามันหลอกและมันกำลังจะทำอะไร  แต่ดูเหมือนผมจะไม่ทันน้องชายตัวเองเสียแล้ว  ทันทีที่เห็นว่าฝ่ามือของพายุทั้งสองมือกำลังจะพุ่งเข้าหา  ดูท่าเมื่อกี้ผมจะทำให้น้องผมโกรธเอามาก ๆ และมันคงปล่อยแรงมาแบบไม่ยั้งมือเป็นแน่  พอคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น  ผมจึงฟาดมือเข้าที่ต้นคอพายุเพื่อดักความแรงของอีกฝ่ายเอาไว้



ปึก!  ....เสียงฝ่ามือผมฟาดลงที่ต้นคอของพายุอย่างแรง

ปึก!!!  ....เสียงฝ่ามือที่พายุชกเข้ามาที่ท้องผมก็เต็มแรงเช่นกัน  ผมตัวเซถอยหลังกลับไปแทบล้มแต่ก็ยังทรงตัวไว้ได้อยู่  เจ๋งเป้ง..ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองยังคงตั้งหลักยืนเอาไว้ได้ 

"อุก" ผมร้องด้วยรู้สึกจุกที่ท้องและผะอืดผะอมในทันที  อย่างกับเบียร์ที่กินมาเมื่อกี้ดันขึ้นมาถึงคอหอย  พายุนอนนิ่งอยู่บนพื้น  มันจับต้นคอตัวเองที่โดนผมฟาดเข้าไปด้วยท่าทางเจ็บจริง  พายุเท้าแขนนอนหอบก่อนลุกขึ้นนั่งเหล่มองหน้าผม

"ฮา!" ผมปล่อยลมออกจากปากอย่างแรงเนื่องจากรู้สึกหน่วงอยู่ที่อก 

"ปล่อยหมัดแบบนี้..รักกูล้วน ๆ เลยสินะ" ผมยังอดกวนมันไม่ได้  พายุลุกขึ้นด้วยสีหน้าถมึงทึงตรงมาทางผม

"ถ้าคราวหน้าเฮียดื่มแล้วเข้ามาใกล้ยุอีก อย่าหาว่าไม่เตือนก็แล้วกัน" พายุพูดเสียงแข็งแกมขู่

"จ้ะ" ผมยิ้มกะล่อน
"..แต่ตอนนี้มึงเป็นฝ่ายเข้าหากูก่อนนะ" ผมเตือนสติ  พายุได้สติเลยถอยห่างไปเล็กน้อย  ผมยิ้มกว้างเอื้อมมือไปล็อกคอมันไว้พร้อมกับเป่าปากปล่อยลมใส่หน้าพายุดัง "ฟู่~" พายุหลับตาปี๋  พอผมหยุดเท่านั้น อีกฝ่ายที่ลืมตาขึ้นทำหน้าเหมือนพายุที่กำลังก่อตัวเตรียมเป็นทอร์นาโดเลยทีเดียว  พายุง้างมือจะตบผมอีก  ผมหลบได้ทันแล้วถอยห่างออกมา  อีกฝ่ายตัวเซไปคงเพราะมึนกลิ่นเบียร์จากลมปากของผม 

"เมาก็ไปนอนซะ ไอ้เฮียบ้า" พายุว่าหน้าซีด

"หึหึหึ" ผมก้มหน้าหัวเราะ

"นาย!"

"คุณพายุ!" พวกลูกน้องที่อยู่ด้านนอกพากันแห่เข้ามาด้วยความเห็นห่วงแต่ก็เหมือนไม่กล้าเข้ามาช่วยพยุง  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นยืนมองด้วยสายตาเป็นห่วงพายุแต่ก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้คงเพราะตัวมันก็คงติดกลิ่นบุหรี่จากในผับเมื่อกี้มาด้วย  ผมกับพายุพากันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกสติ  ผมขยับเท้ายืดตัวตรง  พายุขยับต้นคอเล็กน้อยเพื่อสำรวจตัวเองเช่นกัน  เมื่อต่างฝ่ายต่างเข้าที่เข้าทาง  ไอ้รุ่งกับไอ้หินก็เข้าไปช่วยพยุงตัวพายุไว้  เราต่างยังไม่ลืมที่จะหันมาคำนับกันและกันเป็นครั้งสุดท้ายว่าคืนนี้ปิดเกมเพียงเท่านี้  แต่พายุก็ยังไม่เลิกมองผมด้วยหางตา  ผมเบะปากอมยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา

"..มีแต่กลิ่นน่าขยะแขยง อึก" จู่ ๆ พายุก็ทำท่าผะอืดผะอมอย่างเก็บอาการไว้ไม่อยู่  ผมกลั้นหัวเราะทันทีเพราะรู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นอย่างนี้  พายุนำมือปิดปากเดินหนีพวกผมไปพร้อมกับไอ้หินและไอ้รุ่ง 

"เกลียดไม่เลิกจริง ๆ เลยนะครับ" พี่ธานพูดแกมหัวเราะ

"จุกเลยเนี่ย" ผมบ่นกับพี่ธาน  ไอ้เข้มเดินไปเก็บเสื้อของผมมาให้

"ปิดไฟด้วย" ผมหันไปสั่งไอ้เด่นแล้วเดินตามหลังน้องชายตัวเองที่ขยะแขยงเหล้าเป็นชีวิตจิตใจนั่นกลับเข้าไปในบ้าน



- - - - - - - - - - - - -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2015 14:56:50 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

16:30 น. ..ค่ายมวยศรไกร
ขณะนี้ผมกำลังแอบดูคนในค่ายมวยศรไกรกำลังซ้อมมวยอยู่  ตามข้อมูลที่ทราบมาจากพี่ธานก่อนหน้านี้คือ  ที่ค่ายนี้มีนักมวยอาชีพตัวเด่นที่ทำชื่อเสียงให้กับค่ายมีแค่สองคนเท่านั้น  และนักมวยอาชีพรุ่นเล็กอีกแค่สี่คน  คือพูดง่าย ๆ จากที่ได้ยินมาและกระทั่งในตอนนี้ได้มาเห็นสภาพของค่ายแล้ว  ค่ายแบบนี้ไม่น่าจะกระเสือกกระสนอยู่ได้นานขนาดนี้น่ะนะ

"หน่วยก้านก็พอใช้ได้นี่ แล้วไหงไม่ดังวะ" ผมบ่นแล้วหันมามองหน้าพี่ธาน  ตอนนี้ผม พี่ธานและไอ้เด่นกำลังยืนอยู่แถวรั้วผุ ๆ หน้าค่ายที่มีป่าหญ้าขึ้นบ้างประปราย  ด้านในกำลังซ้อมกันเสียงดังทีเดียว 

"เคยชนะน็อกหนึ่งครั้ง ชนะคะแนนยี่สิบสี่ครั้ง แพ้แปดครั้ง เสมอสี่ แพ้น็อกหนึ่งครั้งครับ" พี่ธานรีบแจงรายละเอียดอย่างกับรู้ว่าผมต้องการอะไร

"หึ..แพ้น็อกหนึ่งครั้ง ชนะน็อกหนึ่ง" ผมอดยิ้มมุมปากไม่ได้ 

"ได้ข่าวจากวงในมาว่า นานมาแล้วน่ะครับ ค่ายสิงห์หาญ..เคยจ้างให้ค่ายศรไกรล้มมวย" พี่ธานบอก  ค่ายสิงห์หาญคือค่ายของ.."เสี่ยยุทธ" เพื่อนเก่าของพ่อผมเอง

"แต่ลุงเสือ เจ้าของค่ายศรไกรรุ่นนี้ไม่ยอมทำ..วงในก็เลยขัดขากันจนค่ายนี้ตกต่ำอย่างที่เห็น" พี่ธานพูด  ไอ้เด่นยืนฟังหน้าเครียด  แต่ผมว่าดูมันจะสงสัยมากกว่าเครียดนะครับ  เพราะที่มาที่ไปทั้งหมดก็มีเพียงแค่ผมกับพี่ธานเท่านั้นที่รู้กันอยู่แค่สองคน

"ผมว่าไม่ใช่แค่นั้นรึเปล่า" ผมวิเคราะห์เพราะเหมือนยังมีตื้นลึกหนาบางอะไรมากกว่านี้

"ผมก็ไม่รู้นะครับ ที่รู้เพิ่มก็มีแค่..เมียของเจ้าของค่ายติดการพนันด้วย จากที่ทราบมามีเท่านี้" พี่ธานบอก

"แล้วตอนนี้เมียอยู่ไหน" ผมถามถึง

"โดนเจ้าหนี้ฆ่าตายไปแล้วครับ" ผมพยักหน้ารับ

"เล่นบ่อนใหญ่สินะ" ผมพูด

"แล้วหนี้เหลือเท่าไหร่" ผมถามอีก  มือหมุนโทรศัพท์มือถือเล่นไปพลาง
 
"เห็นว่าใช้เกือบหมดแล้วครับ ตอนนี้เหลือประมาณสามแสน" พี่ธานตอบ  ผมพยักหน้ารับรู้และคิดว่าวงเงินขนาดนี้กับคนสภาพนี้คงมากโขทีเดียว 

"เอ๊ะ" พี่ธานกับไอ้เด่นอุทานทันทีที่เห็นผมขยับตัวทำท่าจะเดินเข้าไปในค่าย

"คุณไฟจะทำอะไรครับ" พี่ธานรีบถาม  ผมฉีกยิ้มให้และเลี่ยงที่จะไม่ตอบก่อนเดินตรงเข้าไปในค่าย  ทั้งนักมวยและนักเรียนที่มาเรียนต่างพากันหันมามองที่พวกผมเป็นตาเดียว  ผมกวาดตามองไปรอบ ๆ อย่างไม่ให้ผิดสังเกตนัก  พยายามทำตัวให้เป็นปกติธรรมดา  สมุทรหันมาเห็นพอดี  เขายืนมองหน้าผมนิ่ง ๆ

"รับสอนมวยไหมครับ" ผมถาม  ตาจ้องเจาะจงไปที่สมุทรเพียงคนเดียวเป็นการแสดงออกว่าผมต้องการคำตอบจากเขาคนเดียวเท่านั้น  ไม่ใช่คนอื่น  อีกฝ่ายยืนนิ่ง  มองผมด้วยสายตาเชิงสำรวจ 

"รับครับ" สมุทรตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ใบหน้านิ่งขรึมนั่นไม่ได้ทำให้รูปประโยคที่พูดนั้นฟังดูไม่น่าฟังแต่อย่างใด  เขาวางนวมที่กำลังทำความสะอาดอยู่ลงแล้วเดินตรงมาหาผม  อีกฝ่ายมองทั้งผม พี่ธานและไอ้เด่นเหมือนไม่ค่อยแน่ใจว่าผมนั้นต้องการมาเรียนจริง ๆ

"ที่จริง..ผมอยากชกกับคุณน่ะ" ผมพูดลองเชิงเผื่อจะฟลุค  จ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาที่บอกว่าผมพูดเล่นไม่ได้จริงจังอะไรเพื่อให้เขาได้เป็นฝ่ายเลือก  สมุทรชะงักเล็กน้อย  สีหน้าดูครุ่นคิด  เราสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง  ผมยืนเงียบรอเพราะอยากดูปฏิกิริยาว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร 

"ผมไม่ชกนอกการแข่งขันน่ะครับ" สมุทรตอบพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อยอย่างเป็นมิตร  สายตาที่จ้องเขม็งกลับมาให้ผมเหมือนกับต้องการสื่อว่าเขาก็พูดจริงไม่พูดเล่นเช่นกัน 

"หึ" ผมหัวเราะเบา ๆ ดูจากรอยยิ้มแล้วอีกฝ่ายท่าจะใจเย็นไม่เบา  จะเย็นได้ถึงขนาดไหน  ผมละอยากจะรู้จริง ๆ

"งั้นไม่เป็นไร แค่เรียนเฉย ๆ ก็ได้" ผมพูด  อีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกใจไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้ารับ

"ได้ครับ" เขารับคำ

"ถ้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องน้ำอยู่ทางนู้นนะครับ" สมุทรชี้มือไปทางด้านหลัง  ผมพยักหน้าตอบก่อนหันกลับไปมองหน้าไอ้เด่น

"ไปเอาเสื้อผ้าหลังรถให้หน่อย" ผมสั่ง  ปกติหลังรถผมจะมีพวกชุดกีฬาต่าง ๆ เตรียมไว้พร้อมเสมออยู่แล้ว

"ครับ" ไอ้เด่นพยักหน้าแล้วรีบวิ่งไป  ทุกคนในค่ายมีสีหน้าสงสัยจนจับสังเกตได้  พวกเขาหันไปตั้งหน้าตั้งตาซ้อมต่อเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น  มันน่าสนุกดีตรงที่สมุทรเองก็คงอยากรู้ว่าผมเป็นใครแต่เขากลับไม่ถามสักนิดเดียว  สีหน้าที่เหมือนจะสงสัยนั่นก็หายไปสนิทหลังจากคุยกับผมเสร็จ 

อีกฝ่ายเดินกลับไปเช็ดนวมต่อโดยไม่ได้หันมามองผมอีก  ผมยังคงยืนมองเขาในระยะสามสี่เมตรจากที่เดิม  ทำให้เห็นรูปร่างของเขาในมุมกว้างได้เต็มตา  เขาใส่เพียงกางเกงมวยตัวเดียวยิ่งทำให้สำรวจได้ทุกทรวดทรง  ซึ่งพอเห็นอย่างนี้ก็อดไม่ได้ที่จะสำรวจรูปร่างของฝ่ายนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้าตามนิสัยที่ชอบมองรูปร่างคนอื่น  เทียบจากที่ยืนใกล้กันเมื่อครู่นี้สรุปจากสายตาได้ว่าอีกฝ่ายสูงกว่าผมเล็กน้อย  คาดคะเนจากปลายจมูกของเขาที่อยู่สูงกว่าปลายจมูกของผม  ผมคิดว่าเขาน่าจะสูงกว่าผมประมาณ 2-3 เซนติเมตร  ไม่น่าเกินจากนี้ 

จากความรู้ที่ได้รับมาจากการคลุกคลีอยู่กับนักโภชนาการและเทรนเนอร์มากมาย  ผมก็พอจะมีความรู้ประดับสมองอยู่บ้าง  สมุทรจัดอยู่ในรูปร่างแบบ Mesomorph คือสมส่วน  ลักษณะของรูปร่างเป็นรูปทรงแบบสามเหลี่ยม  คือความกว้างของไหล่ เอวและสะโพกจะมีความกว้างที่เท่า ๆ กันไม่ต่างกันนัก  แต่ของสมุทรไม่ได้จัดว่าเท่ากันจนเกินไป  กล้ามหน้าท้องจัดว่าค่อนข้างหนากว่าถ้าต้องเทียบกับผม  กล้ามระหว่างช่วงไหล่ แขนลงมาถึงสะโพกมีกล้ามที่สวยสมส่วนและบุคลิกดูดีไม่ใช่ทุกคนจะได้รูปร่างแบบนี้  นักเล่นกล้ามบางคนถ้ารู้ว่าตนเองมีรูปร่างแบบสามเหลี่ยม  หรือบางคนหนักไปกว่านั้นคือเป็นทรงตรงไปเลย  ก็จะมีช่วงเอวที่เท่า ๆ กับช่วงหัวไหล่  ซึ่งพวกที่ชอบเล่นกล้ามบางคนก็มักจะพยายามสร้างกล้ามเนื้อจนช่วงไหล่และช่วงแขนที่ใหญ่จนเกินไปเพื่อให้ดูส่วนสะโพกเล็กลง  ซึ่งปกติผมไม่ค่อยชอบแบบนั้นเท่าไหร่  แต่ไม่รู้ว่าสมุทรทำอย่างไรถึงทำให้รูปร่างทรงนี้ได้กล้ามออกมาสวยพอดิบพอดีเป๊ะ 

ร่างกายของผมจัดอยู่ในแบบ Mesomorph เหมือนสมุทร  คือไม่ว่าจะหยิบจับอะไรกล้ามเนื้อก็ก่อตัวขึ้นได้ง่ายดายกว่ารูปร่างในแบบอื่น ๆ ลักษณะรูปร่างของผมเป็นแบบสอบเข้า  เรียกว่าสมบูรณ์แบบกว่าลักษณะแบบของสมุทร  เป็นรูปร่างที่หาเสื้อผ้าใส่ได้ง่ายกว่าเขา  มองดูแล้วช่วงไหล่ของผมกว้างกว่าสมุทร  ลักษณะของกล้ามเนื้อช่วงไหล่ก็ต่างกัน  สะโพกและเอวของผมถึงแม้จะเป็นกล้ามหน้าท้องแต่ก็จัดอยู่ในรูปร่างส่วนนี้ที่เล็กกว่าอีกฝ่าย  ซิกแพคของเราต่างกันไปคนละแบบ  ส่วนหัวไหล่และอกของผมกล้ามจะเด่นชัดกว่าสมุทรมาก  แต่สมุทรมีกล้ามตรงส่วนของหน้าท้องที่เด่นชัดกว่าของผม  ซึ่งถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนแล้วการที่ได้เห็นเนื้อตัวที่ไร้ไขมัน  มีแต่กล้ามเนื้อที่สมส่วนนี้  มันบอกได้ชัดเจนว่าถ้าเขาไม่ได้เป็นนักกีฬาก็คงเข้าฟิตเนสฝึกอย่างหนักแน่  หรือถ้าสภาพไม่ได้ดูเป็นคนมีอันจะกินขนาดนั้น  เขาก็คงจะเป็นคนที่ใช้พลังและแรงงานในแต่ละวันที่หนักมากพอดู     
 
"มองพอรึยังครับ" พี่ธานเข้ามากระซิบแซว  ผมยังไม่ละสายตาอยู่ดี  อยากจะรู้ว่าถ้ายืนจ้องอย่างนี้แล้วอีกฝ่ายรู้ตัวจะทำหน้าอย่างไร

"หุ่นแบบนี้นี่ สเปกคุณไฟเลยนะครับ" พี่ธานแซวไม่เลิก

"ขอบคุณครับที่เตือน" ผมอมยิ้มหันไปย้อนใส่พี่ธาน  พี่ธานหัวเราะที่ผมดันประชดกลับแบบนั้น

"ได้แล้วครับนาย" ไอ้เด่นวิ่งกลับมาแล้วยื่นกระเป๋าให้

"ให้เด่นเข้าไปเป็นเพื่อนไหมครับ" ไอ้เด่นถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง  คงเพราะดูจากสภาพห้องน้ำของที่นี่แล้วอาจจะมีตัวอะไรฉกตายในนั้นก็เป็นได้  ประกันชีวิตน่าจะเป็นประโยชน์ก็เวลานี้

"ทำไม..จะเปลี่ยนกางเกงในให้กูรึไง" ผมมองเจ้าเล่ห์  ไอ้เด่นยิ้มเขินทันที  พี่ธานหัวเราะ 

"ถ้าพายุมาเห็น คงเป็นลมตายแน่ ๆ" ผมบ่น

"หึหึหึ" พี่ธานและไอ้เด่นพากันหัวเราะ  ผมเดินผ่านนักมวยที่ซ้อมอยู่เข้าไปในห้องน้ำที่ว่า  ห้องน้ำเก่า ๆ ผุ ๆ ที่ทำด้วยไม้  ในห้องน้ำมีแต่รูปผู้หญิงเอ็กซ์ตามสไตล์เหมือนค่ายมวยบ้านนอกอะไรเถือกนั้น  ในห้องน้ำก็สกปรกอย่าบอกใคร  ผมเปลี่ยนเสื้อกับกางเกงขาสั้น  พอเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ไอ้เด่นก็รีบมารับกระเป๋ากลับไป

"เคยซ้อมมาก่อนไหมครับ" สมุทรเข้ามาถาม 

"เคย" ผมตอบห้วน ๆ สายตาของผมจ้องตาอีกฝ่ายทุกการพูดคุย  ผมอยากจะอ่านอากัปกิริยาทั้งหมดที่นักมวยในค่ายโกโรโกโสแบบนี้ควรจะเป็น  จากที่พออ่านได้เผิน ๆ แล้ว  ทั้งสายตาและท่าทางของเขามันคืออะไรแน่  ค่อนข้างเป็นสิ่งที่แปลกตาในสถานที่แบบนี้มาก ๆ

"พันผ้าเป็นไหมครับ" สมุทรถามอีก

"ไม่เป็น" ผมตอบเสียงเรียบ  แน่นอนว่าผมโกหก..ทั้งผมและพี่ธานพันผ้าชกมวยเป็นก่อนที่จะรู้จักว่าชักว่าวคืออะไรซะอีก
อีกฝ่ายพยักหน้ายิ้มน้อย ๆ อย่างเข้าใจ  เขาหันกลับไปหยิบผ้าพันมือสภาพที่ใช้มาแล้วน่าจะประมาณล้านครั้งได้  ถ้าพายุเป็นผมในตอนนี้มันจะต้องอ้วก  ปล่อยพลังเด็กน้อยที่ปกปิดซ่อนไว้ออกมาแล้วร้องไห้กลับบ้านแน่นอน  ผมยืนนิ่งมองสมุทรที่เตรียมพับผ้าจะพันมือผมให้

"ขอมือด้วยครับ" อีกฝ่ายพูด  ผมยื่นมือขวาไปให้  เขาก้มหน้าก้มตาพันให้ผมอย่างตั้งใจ  ผมจ้อง  กวาดตามองมันตั้งแต่เส้นผม รูปหน้า หางคิ้ว จมูกและปาก  ใบหน้าภายนอกที่ดูเหมือนจะอ่อนโยนแต่เมื่อไร้รอยยิ้มกลับดูขรึมเป็นพิเศษ  หึ..เฮงซวย  เจ็บใจตรงที่ท่าทางของเขามีเสน่ห์ชวนมองจริง ๆ นั่นแหละ 

ทั้งผมและเขาต่างเงียบ  พอสมุทรพันผ้าให้ผมที่มือขวาเสร็จ  เขาก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าผมเล็กน้อย  อีกฝ่ายยิ้มให้  ผมชะงัก  คิดไว้ไม่ผิดว่าเมื่อใบหน้านี้ตอนยิ้มนั้นจะให้ความรู้สึกตรงกันข้ามกับตอนที่ไม่ยิ้มถนัด  รอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรจนรู้สึกแสบเบ้าตา  ผมไม่ได้ยิ้มตอบเพราะคิดไม่ทันว่าควรจะยิ้มดีไหม  ระหว่างที่คิดว่าควรยิ้มหรือไม่ควรยิ้มดี  อีกฝ่ายก็ก้มหน้าลงพันผ้าให้ต่อซึ่งก็ยิ้มไม่ทันซะแล้ว 

"..ขาวดีนะ" ผมบ่นเบา ๆ หมายถึงฟันของเขา  คิดว่ามันสวยดี
"หะ.." สมุทรเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมเหมือนได้ยินไม่ชัด
"อะไรนะครับ" เขาถาม
"เปล่า" ผมตอบปัดแล้วเบือนหน้าเพื่อให้เขาหยุดซักไซ้ด้วย   

"เดี๋ยววอร์มร่างกายก่อนนะครับ" สมุทรบอกหลังจากที่พันมือให้ผมเสร็จเรียบร้อย  ผมพยักหน้ารับรู้แล้วเดินถอยห่างออกมาวอร์มร่างกายไปแบบไม่จริงจังอะไร  สมุทรเดินตามมาหยุดตรงหน้าแล้ววอร์มร่างกายตรงหน้าผม  เหมือนกับให้วอร์มไปพร้อม ๆ กัน  เราวอร์มร่างกายอยู่เงียบ ๆ อยู่ร่วมห้านาที  เสียงเพลงในค่ายและเสียงคนซ้อมมวยทำให้กลบความเงียบและก็คงจะกลบความสงสัยของอีกฝ่ายไปได้บ้าง  สักพักหนึ่งสมุทรเดินไปหยิบนวมมาให้ผมใส่ก่อนที่เขาจะใส่เป้าล่อ  ผมอมยิ้มในใจที่รู้ว่าฝ่ายที่จะเป็นคู่ซ้อมกับผมคือเขา  อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะรับไหวแค่ไหน  แต่ผมคงปล่อยออกไม่เยอะหรอก  ทำแบบนั้นมันคงจะดูเสร่อ 

"พร้อมนะครับ" สมุทรถาม  ผมพยักหน้าตอบ  เขาเดินนำไปยืนอยู่ในบริเวณที่กว้างพอ  ผมเดินตามไป  ผมคิดว่าถ้าอีกฝ่ายจะไม่โง่จนเกินไป  ก็คงจะอ่านผมออกได้จากการตั้งกาดของผมแล้วว่าผมเป็นมวยหรือไม่เป็น 

"แย็บมา" อีกฝ่ายชูแขนซ้ายขึ้นพร้อมบอก  ผมปล่อยหมัดแย็บออกไป

"หนึ่งสอง" สมุทรส่งสัญญาณบอกให้ผมปล่อยหมัดตรง  เมื่อผมปล่อยหมัดออกไปตามที่เขาสั่ง  สมุทรก็หยุดมือ  เขาเหลือบมองหน้าผมเล็กน้อย  ต่างคนต่างไม่ยอมพูดอะไร  การซ้อมเป็นไปอย่างเรียบ ๆ ในตอนแรก  จนเริ่มหนักและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อีกฝ่ายสั่งให้ผมปล่อยครบตั้งแต่หมัด เตะ เข่า ศอก หมัดฮุก หมัดสอยดาว ทุกท่วงท่าในท่าพื้นฐานที่ควรจะเป็น  เขาให้ผมออกแรงรวดเร็วแบบไม่หยุด  ไม่มีคำพูดว่า "พักก่อน" อย่างที่เทรนเนอร์ควรจะทำ  ยิ่งผมยังมีแรงออกมากเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ไม่หยุดที่จะทดสอบผมเท่านั้น  ผมแสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจ  เพราะดูท่าเขาคงได้รู้ในส่วนที่เขาต้องการจะรู้โดยไม่ต้องถามผมเรียบร้อยอย่างแน่แล้ว 

ยกหนึ่งผ่านไปจนยกสาม  สี่และห้าที่ดูเหมือนเขาจะตั้งใจสั่งให้ผมเตะซ้ายขวาหกสิบทีสลับไม่หยุดจนหมดยก  คนในค่ายหันมามองอย่างสนใจ  ทั้งผมและสมุทรต่างฝ่ายต่างหอบเหนื่อยทั้งคู่แต่ก็ยังมีแรงที่จะเล่นต่อ  เรายืนมองหน้ากัน  ผมยิ้มมุมปากให้  เขาอมยิ้มและไม่ได้พูดอะไร 

สมุทรถอดเป้าล่อออกด้วยสีหน้าไม่บอกอารมณ์  เขาเดินไปที่กระติกน้ำแล้วตักน้ำเดินนำมายื่นให้ผม  ผมรับมาแล้วยกขึ้นดื่มไม่ให้เสียมารยาท  เรายืนห่างกันเพียงช่วงแขนเท่านั้น  ผมมองหน้าเขาตลอดเวลาที่ดื่มน้ำอยู่  อีกฝ่ายสบตาเพียงเล็กน้อยก่อนเบนหน้าไปมองทางอื่น

"..ค่ายมวยเราเป็นค่ายมวยเล็ก ๆ คุณต้องการอะไร" อีกฝ่ายยิงคำถามตรงประเด็นในทันที  คำพูดและท่าทางของเขาที่ดูแล้วจะสมน้ำสมเนื้ออยู่ไม่น้อย  น้ำเสียงทุ่มต่ำ  ฟังดูเป็นคนใจเย็นแต่ทั้งคำพูดและสายตาดูเป็นคนเด็ดเดี่ยวพอควร  การรักษาท่าทีอย่างคนฉลาดนี้ทำให้ผมนึกอยากเล่นสนุกขึ้นมากไปกว่าเดิม

"จัดว่าเล็กมากทีเดียว" ผมเบะปากแขวะจนอีกฝ่ายเริ่มจ้องผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป  ดูเหมือนผมจะไปจี้จุดเข้าให้  อีกฝ่ายหันหน้าหนีผมเหมือนไม่คิดจะตอบโต้กลับ

"..ปล้ำกันไหม" ผมเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง  สมุทรหันมามองหน้าผมทันควัน

"ผมอยากลองปล้ำมวยกับคุณดู" ผมอมยิ้มกวนและไม่ละที่จะขยายความให้เขาเข้าใจ  อีกฝ่ายเริ่มมีสายตาที่นิ่งไปจากเดิม  เหมือนกับบอกเป็นนัยยะว่าเขาเริ่มไม่ไว้ใจผมมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว 

"ได้สิ" สมุทรตอบรับ 

การปล้ำมวยตีเข่าไม่ใช่คนเป็นมวยขั้นพื้นฐานจะทำได้เพราะการตีเข่าเป็นอาวุธที่ค่อนข้างอันตรายอย่างหนึ่งของศิลปะแม่ไม้มวยไทย  และถ้าร่างกายแข็งแรงไม่พอหรือนักมวยขาดทักษะทางด้านนี้ก็อาจจะทำให้ได้รับการบาดเจ็บได้ง่าย  แต่ดูจากคำถามของสมุทรที่ถามผมเมื่อครู่นี้แล้วเขาก็คงจะดูออกว่าผมสามารถปล้ำมวยกับเขาได้หรือไม่  ผมไม่ได้อยากเอาชนะหรอกนะครับแต่แค่อยากรู้เชิงมวยของอีกฝ่ายด้วยตัวเองก็เท่านั้น 

ผมถอนนวมออก  ไอ้เด่นมารับนวมไปวางเก็บตรงที่วางนวมของค่าย  มันเดินไปจุดนู้นจุดนี้ในค่ายมวยนี้อย่างนอบน้อมและเกรงใจ  ไม่ได้กร่างใส่เจ้าถิ่นอย่างที่ควรทำ  เมื่อคนในค่ายเห็นว่าผมจะปล้ำมวยกับสมุทรก็ดูเหมือนจะเป็นที่น่าสนใจขึ้นมา  บางคนแอบดูบ้าง  บางคนก็มีสีหน้าสงสัยในตัวผมอย่างเห็นได้ชัด 

การปล้ำมวยระหว่างเราสองคนดูจะธรรมดาในตอนแรก  คู่ต่อสู้ของผมเหมือนจะไม่กล้าออกอาวุธอะไรเสียด้วยซ้ำ  ผมจึงหยอกโดยการเริ่มออกแรงหนักและตีเข่าแรงขึ้นจนอีกฝ่ายเริ่มปล่อยเทคนิคสู้กลับให้เห็นอยู่เนือง ๆ แม้ทุกการเคลื่อนไหวของเราจะไม่รุนแรงมากแต่เทคนิคการดึง  การไล่แขนของเขานี้ทำให้ผมรู้สึกได้พลังขึ้นมาไม่น้อย  แรงที่เริ่มดึงดันสู้กันหนักมากขึ้นทำให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มเอาจริง  ลมหายใจกระทบกันหนักขึ้น  สมุทรตีเข่าเข้าที่ชายโครงผมพร้อมกับดันไว้อย่างแข็งแรง  เราสลับกันสู้แรงอยู่อย่างนั้นจนต่างฝ่ายต่างได้ยินเสียงหอบของกันและกัน  และน้ำเสียงเริ่มออกมาหนักขึ้นเรื่อย ๆ เวลาผ่านไปร่วมสิบห้ายี่สิบนาทีเห็นจะได้เป็นจังหวะที่สมุทรยันเข่าเข้ามาที่ตัวผมจนเราผละออกจากกัน  อีกทั้งสายตาแทบไม่ละจากกันเลย  ผมอมยิ้มอย่างอดไม่ได้ที่เห็นสายตาของสมุทรดูมีคำถามในนั้นเต็มไปหมด.. 
 
"พอเถอะครับ" พี่ธานห้ามขึ้น  ผมกัดลิ้น  ยิ้มให้สมุทรอย่างพอใจ  เขายืนแน่นิ่งจ้องผมตาแทบไม่กะพริบ  สายตาเรียบนิ่งนั่นไม่ใช่แค้นต่อผม  เอาชนะหรืออะไร  นิ่งขนาดนั้น..สติตายไปแล้วละมั้งน่ะ

"คุณไฟก็เลิกยิ้มแบบนั้นได้แล้วครับ" พี่ธานหันหลังให้สมุทรแล้วทำหน้าปรามใส่ผมด้วย 

"งั้นพี่ก็ต้องเลิกก่อนแล้วล่ะ พี่เลิกได้ไหมละ" ผมย้อนว่าเบา ๆ พร้อมผายมือกวนใส่พี่ธานตอบ

"คุณไฟ" พี่ธานย้ำเสียงอย่างเหนื่อยใจ

"โอเค" ผมรับปากพี่ธานแล้วหุบยิ้มลงก่อนเบี่ยงตัวไปมองหน้าสมุทรที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

"วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน" ผมตัดบท  ยังไม่ทันให้อีกฝ่ายได้ถามอะไร  ผมก็เดินกลับไปหาไอ้เด่นแล้วหยิบขวดน้ำในมือมาราดตัวเพราะต้องการล้างเหงื่อออกอย่างลวก ๆ เนื่องจากไม่อยากเข้าไปในห้องน้ำนั่นอีก  ไอ้เด่นรีบจัดการนำผ้าขนหนูเช็ดตัวให้ผมทั้งตัวทันที

"ให้เค้าไปพันนึง" ผมสั่งพี่ธาน  พี่ธานพยักหน้าแล้วหยิบเงินไปส่งให้สมุทร

"เดี๋ยวผมไปเอาเงินทอนมาให้ครับ" สมุทรรีบบอกแล้วเดินกลับเข้าไปในค่ายทางด้านใน

"ไปเถอะ" ผมบอกแล้วเดินนำออกมาก่อน  หยิบเสื้อยืดออกมาใส่ไปเดินไป  ทั้งสองคนเดินตามมา
 
"เดี๋ยวก่อนครับ!" เสียงคนในค่ายมวยเรียกแว่ว ๆ ผมเดินออกมาไม่ได้สนใจจะหันกลับไป  แต่เสียงวิ่งก็ตามหลังมาติด ๆ

"เดี๋ยว! คุณ! เงินทอนครับ!" สมุทรตะโกนเรียก  ผมหยุดเดินแล้วหันกลับไปมอง  เขาวิ่งมาด้วยสีหน้าตกใจ  ผมก้มลงมองเงินในมือของเขาที่มีทั้งหมดเจ็ดร้อยกว่าบาท  เราจ้องหน้าก่อนที่เขาจะยื่นเงินมาให้ผม

"ค่าสอนเท่าไหร่" ผมถามเพื่อต้องการความแน่ใจและไม่อยากจะเชื่อสายตา

"สองร้อยห้าสิบครับ สำหรับ..ผู้ใหญ่" สมุทรยิ้มตอบ

"หึ" ผมหัวเราะในราคาถูกจนน่าใจหายก่อนจะเมินและเดินหนี

"นี่คุณ!" สมุทรกระแทกเสียงเรียกอีกครั้ง  ครั้งนี้ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจเสียแล้ว 

"........." ผมหันกลับไปมองหน้าเขา  เรายืนจ้องหน้ากันท่ามกลางความเงียบที่เริ่มก่อตัวขึ้น 

"คุณเป็นใครกันแน่" อีกฝ่ายถามทำเอาผมถึงกับนิ่งลง  ในหัวกำลังคิดว่าบอกไปตอนนี้เลยหรือว่าควรจะทำยังไงดี  ผมเลือกที่จะเงียบแล้วดึงเงินออกมาจากมือเขาอย่างตัดรำคาญ  เรื่องจะได้จบ ๆ

"ถ้าจะมาดู..." สมุทรพูดขึ้น

"เพราะการขึ้นชกคราวหน้าละก็"

"หึ ๆ..เดี๋ยวนี้เค้าดูคู่ชกกันด้วยวิธีนี้เหรอ หลบ ๆ ซ่อน ๆ อะไรเถือกนั้น..ฉันไม่ยักรู้" ผมเบะปากพูดบ่นและอดขำไม่ได้

"แบบนั้นมันเป็นวิถีของคนขี้ขลาดน่ะ หน้าตาฉันดูขี้ขลาดงั้นรึไง" ผมเลิกคิ้วพูดเบี่ยงประเด็นไปงั้น   
 
"..ครับ โทษที" อีกฝ่ายพูดด้วยสีหน้าสำนึกผิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น 

"ขอบคุณสำหรับวันนี้" ผมตัดบทบอกเพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายคิดมากจนเกินไป 

"ยินดีครับ" สมุทรพยักหน้าตอบ  ผมเดินออกมา  ดีที่ก่อนหน้านี้บอกให้ไอ้เด่นจอดรถไว้ไกลจากค่ายมวยพอสมควร  ไม่อย่างนั้นเขาคงสงสัยไม่เลิกแน่

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-05-2016 23:12:35 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
"เป็นไงบ้างครับคุณไฟ" พี่ธานเข้ามาถาม

"ก็..ดูไม่โง่ดี" ผมยิ้มตอบอย่างพอใจ

"หึ..คุณนี่ก็" พี่ธานส่ายหัวอย่างหน่าย ๆ ผมพาลูกน้องไปนั่งดื่มที่ร้านกาแฟโบราณร้านเดิม  เรื่องอะไรผมจะกลับง่าย ๆ นี่ผมรีบเคลียร์งานให้เสร็จเพื่อมาจับผิดอีกฝ่ายเลยนะครับ

"ขอผมเสียมารยาทหน่อยนะครับคุณไฟ.." พี่ธานพูดขึ้นหลังจากที่เครื่องดื่มนำมาเสิร์ฟครบสำหรับเราทุกคน

"คุณน่าจะเลิกยิ้มแบบนั้นต่อหน้าคนที่เพิ่งรู้จักกันได้แล้วนะครับ" พี่ธานบ่นขึ้นมา  ผมถอนหายใจ  ไอ้เด่นยิ้มมอง

"ยิ้มแบบไหนไม่ทราบ" ผมมองพี่ธานอย่างกวนอารมณ์

"ก็แบบตอนนี้ไงครับ..ใช้สายตาแบบนี้ ยิ้มเจ้าเล่ห์ เหมือนคนที่คิดแต่เรื่องไม่ดีน่ะสิครับ" พี่ธานส่ายหัวตอบ

"อะไรที่มันไม่ดี ใครไม่อยากเลิกกันบ้างเล่า..ถ้ามันทำได้ง่าย ๆ ก็ดีสิ" ผมตอบกลับ  ขึ้นเสียงด้วยไม่ได้ 

"ก็หัดสิครับ" พี่ธานพูดอีก

"ทำไมพี่ต้องบ่นผมเรื่องนี้ด้วยล่ะ" ผมย้อนว่าอย่างไม่เข้าใจ  ร้อยวันพันปีเคยบ่นผมเรื่องนี้ที่ไหน

"ทำไม มีอะไร" ผมจับผิด

"เปล่าครับ แต่คุณไปทำแบบนั้น..อีกฝ่ายจะไม่ไว้ใจเราเอาได้" พี่ธานเตือนสติ 

"ชิ ช่างมันเถอะน่า" ผมจิปากแล้วกลอกตาหนี

"หน่วยก้านก็ดี ดูจากท่าทางแล้วก็มีการศึกษากว่าที่ประวัติควรจะเป็นอีกนะครับ" ไอ้เด่นพึมพำ
 
"หน้าตาก็พอใช้" ผมละสายตาจากโทรศัพท์มือถือที่กำลังเล่นอยู่ขึ้นมองหน้าไอ้เด่น

"ใคร.." พี่ธานขมวดคิ้วยิ้มถาม

"ถ้ามึงจะหมายถึงสมุทรละก็ เค้าหน้าตาดีกว่ามึงมากทีเดียวไอ้หลงตัวเอง" พี่ธานว่า  ผมหัวเราะ  ใช่แล้ว..จมูกโด่งแหลม  ตาเรียวเล็ก  ดวงตาเข้ากับรูปหน้าและจมูกพอดีเป๊ะ 

"โฮ~ พี่ธานอ่ะ" ไอ้เด่นเหวี่ยงเขิน ๆ เมื่อโดนขัดใจ

"คิดอะไรอีกละครับนั่น" พี่ธานหันหน้ามามองผมอย่างรู้ทัน

"หน้าผมเหมือนคิดอะไรเหรอ" ผมย้อนกวน ๆ พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ คล้ายเหนื่อยที่จะย้อนเอาความ

"ไม่อยากจะเชื่อเลยนะครับว่าจะมาอยู่ในค่ายแบบนั้น" ไอ้เด่นว่า 

"ทีมึงยังเคยอยู่ในป่าเลย" ผมว่า

"หึ..หึหึ" พี่ธานหลุดหัวเราะ

"นายอ่ะ" ไอ้เด่นทำเสียงหงอย ๆ ใส่

"หิวว่ะ" ผมบ่นขึ้น  อยู่ ๆ ก็รู้สึกหิวกะทันหัน  สงสัยเพราะออกแรงเยอะไปเมื่อกี้นี้ 

"ไปหาอะไรกินก่อนไหมครับ รอไปก็ยังไม่รู้เวลา" พี่ธานพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"ไม่ล่ะ ไป ๆ กลับ ๆ" ผมบอกปัดเพราะผมไม่ชอบความวุ่นวาย  จะให้เดินทางไปกลับบ่อย ๆ ด้วยอารมณ์ตอนนี้ก็ไม่ใช่

"ซื้อไข่ปิ้งมาไป" ผมไล่ไอ้เด่นให้ไปซื้อไข่ปิ้งของคุณยายที่เพิ่งหาบเร่ขายไข่ปิ้งมาหยุดวางอยู่ที่หน้าร้านกาแฟนี้  ผมมองคุณยายเจ้าของไข่ปิ้ง  เธอทักทายกับคุณตาเจ้าของร้านกาแฟอย่างสนิทสนม

"พี่ธานเอาไหม" ผมถาม

"ไม่ดีกว่าครับ" พี่ธานตอบ

"ของกูสามลูก มึงเอากี่ลูกก็แล้วแต่มึง" ผมบอกพร้อมพยักหน้าให้มันหยิบเงินทอนที่วางอยู่บนโต๊ะที่ผมได้มาจากสมุทรเมื่อกี้นี้ไป  ไอ้เด่นรับทราบก่อนเดินไปซื้อไม่ถึงห้านาทีก็กลับมา
 
"ไม่ได้กินมานานแล้วนะนี่" ผมพูดแล้วเริ่มปลอกไข่ปิ้งของตัวเองออก  ไอ้เด่นก็ซื้อของตัวเองมาอีกสามลูก  เรานั่งกินกันไปคุยกันไป  นับว่าเป็นอารมณ์ที่สบาย ๆ เบาสุด ๆ เพราะผมเองก็ยังใส่กางเกงที่ซ้อมมวยตัวเดิมอยู่เลย  เหงื่อแห้งไปหมดแล้ว  ไข่ปิ้งก็รสชาติดีไม่น้อยทีเดียว  เมื่อกินเสร็จจะได้เวลาผมก็ลุกขึ้นเพราะกลัวว่าตัวเองจะรากงอกไปมากกว่านี้

"ยายครับ! ไข่ปิ้งหกลูกค้าบ" เสียงนุ่มคุ้นหูพูดสั่งไข่ปิ้งด้วยน้ำเสียงดีใจอยากกับได้ฟรี  ผมหันไปมอง  ต่างฝ่ายต่างชะงักที่เห็นกันและกัน  สมุทรใส่เสื้อยืดทับกางเกงมวยอย่างลวก ๆ พร้อมกับสะพายถุงผ้าที่คงใส่อะไรไว้  เขาคงทำหน้าที่เสร็จจากค่ายมวยแล้วละมัง 

"ไม่เอาสิบลูกไปเลยล่ะสมุทร..พรุ่งนี้ยายไม่ขายน้า" ยายพูดขึ้นเสียงดังลั่นทั้งที่ลูกค้ายืนห่างไม่ถึงเมตร

"ยายหูตึงแน่ ๆ" ไอ้เด่นวิเคราะห์

"ครับ..สิบลูกก็สิบลูก" สมุทรตอบ  เขาอมยิ้มพร้อมผงกหัวทักทายผมเล็กน้อยก่อนหันกลับไปมองยาย  สมุทรย่อตัวนั่งยองลงตรงหน้าเธอ  เมื่อเห็นหน้ากันขนาดนี้แล้วผมจึงรักษาท่าทีไม่ให้ผิดปกติ  ผมกลับมานั่งลงที่เดิมอีกครั้ง  ทั้งพี่ธานและไอ้เด่นก็นั่งตาม  เราทำเป็นพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ จนสมุทรซื้อไข่ปิ้งเสร็จอีกฝ่ายก็เดินเลี้ยวเข้าไปในซอยสี่ 

"ไปไหนวะ" ผมบ่น  ทุกคนส่ายหัว  ผมทิ้งระยะไว้ประมาณช่วงหนึ่งก่อนลุกเดินตามไป  เมื่อมองเข้าไปในซอยสี่ก็เห็นสมุทรกำลังเลือกซื้อผักสดอยู่ที่ร้านขายผักสดเล็ก ๆ ร้านหนึ่งด้วยท่าทางสนิทสนมกับคนขายอีกเช่นเคย 

"เฮ้ย ๆ ๆ นักมวยค่ายศรไกรว่ะพวกมึง!" เสียงร้องแซวดังมาจากทางด้านหลังซอย  ผมมองไปเห็นนักมวยกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งมาพอดี  ไม่รู้ว่าจากค่ายไหน  ผมนับด้วยความรวดเร็ว  พวกมันมาด้วยกันทั้งหมดเจ็ดคน  สมุทรยังคงเลือกผักด้วยท่าทางนิ่งเฉยเหมือนไม่ได้ยินอะไร  สีหน้าของคนขายของแถวนั้นเริ่มเปลี่ยนไปแต่คนที่ถูกกล่าวถึงยังคงเลือกผักอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวตามเคย 

"ว่าไงครับคุณสมุทร" นักมวยหนึ่งในนั้นพูดขึ้นเหมือต้องการเจาะจงหาเรื่อง  พวกมันพากันหยุดวิ่งในทันที  สมุทรไม่ได้หันกลับไปมองแม้แต่น้อย  เขายังคงเลือกผักทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรเช่นเดิม 

"แผลรอบก่อนหายไม่ทันถูกซ้ำรอบหน้าซะม้าง" นักมวยอีกคนพูดขึ้น  พวกมันพากันหัวเราะเยาะเย้ยสมทบ  สมุทรรับถุงผักจากป้าคนขายมาและจ่ายเงินไป  ทั้งสองร่ำลากันก่อนที่สมุทรจะเดินต่อเข้าไปในซอย  นักมวยพวกนั้นหน้าถอดสีที่เห็นว่าฝ่ายที่โดนยั่วยุกลับไม่ตอบกลับใด ๆ กับพวกมัน

"อยากเย็-น้องดาวจังโว้ย!" นักมวยอีกคนตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น  ทันทีนั้นเองสมุทรถึงกับหยุดชะงัก

"ไอ้สัตว์" พี่ธานสบถเบา ๆ ผมกัดฟันมองอย่างรับไม่ได้  ทุกคนในนั้นนิ่งไปสนิท  มีเพียงพวกนักมวยกลุ่มนั้นที่พากันหัวเราะด้วยความสะใจใหญ่  ผมยืนมองเพราะอยากรู้ว่าคนที่ถูกต้อนด้วยคำพูดรุนแรงอย่างนั้นจะทำอย่างไรต่อ  ถ้าเป็นผม ๆ คงระเบิดอารมณ์กับประโยคเมื่อกี้ไปแล้วแน่ ๆ แต่สมุทรกลับเดินต่อไปอย่างไม่แยแส

"นักมวยค่ายมึงนี่ขี้ขลาดเหมือนกันหมดเลยรึเปล่าวะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ" เสียงพวกมันยังคงเย้ยหยันไม่เลิก  หนึ่งในนั้นที่ดูจะเป็นรุ่นพี่กว่าเขาหน่อยเดินตรงดิ่งเข้าไปดักที่ด้านหน้าของสมุทรด้วยท่าทางหาเรื่อง  สมุทรหยุดเดินพร้อมจ้องตอบอีกฝ่ายเช่นกัน  พวกมันพากันไปต้อนสมุทรไว้เป็นวงกลม  พอคนที่ถูกต้อนทำท่าจะเดินหนีอีกครั้ง  พวกมันก็แห่กันเข้าไปประจันหน้าเอาไว้  ทั้งสองฝ่ายจ้องหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง  สมุทรก้มตัวลง  ปล่อยมือวางถุงผักและของที่เพิ่งซื้อมาลงบนพื้นถนนช้า ๆ คล้ายกับรู้ชะตากรรม 




ผลัวะ!  ...เสียงหมัดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจากสมุทรจนกระทั่งฝั่งตรงข้ามที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ทันได้ตั้งตัวถึงกับหน้าหงายไป  หลังจากนั้น  พวกมันเริ่มชุลมุนปล่อยหมัดกันให้มั่วไปหมด 

"เอาไงดีครับคุณไฟ" พี่ธานถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง  ผมนำมือห้ามเอาไว้ก่อนเพราะอยากดูฝีมือให้มันชัด ๆ ไปเลยว่าเขาจะเอาตัวรอดได้ถึงเมื่อไหร่  การต่อสู้สมน้ำสมเนื้อดีอย่างที่ผมต้องการจะเห็น  ผมจับเวลา  พวกนักมวยพวกนั้นแทบตามไม่ทันสมุทรเพียงคนเดียวเสียด้วยซ้ำ  เขารู้จักหลบหลีกเป็นอย่างดี  สี่นาทีผ่านไป  สุดท้ายแล้วสมุทรก็ต้องพลาดท่าเมื่อนักมวยทั้งสองคนเตะสกัดขาและเข้าไปล็อกแขนของเขาไว้จากทางด้านหลัง  ผมสังเกตคนรอบข้างแถว ๆ นี้  แทบไม่มีใครเอ่ยอะไรเลยด้วยซ้ำ  ไม่มีการร้องห้าม  ไม่มีการโทรตามตำรวจ  ทั้งที่ทุกคนก็มีสีหน้าที่เป็นห่วงสมุทรมากพอควร

"อึดไม่เบาแฮะ" ผมยิ้มมองนาฬิกา

"เก่งนักเหรอมึง!" นักมวยหัวโจกกัดฟันด้วยท่าทางแค้นสุดทน  มันนำมือปาดเลือดที่หัวคิ้ว  คิ้วมันแตกและปากมันก็แตกด้วยนั่นยิ่งทำให้หน้าตาน่าเกลียด ๆ ของมันดูแย่เข้าไปใหญ่



ผลัวะ! ผลัวะ!! ผลัวะ!!!  ...เสียงปล่อยหมัดเข้าที่ท้องและหน้าสามหมัดติดดังจนผมได้ยินชัดเจนว่ามันรุนแรงมาก  แต่ผมกลับไม่ได้ยินแม้เสียงร้องเจ็บปวดจากคนที่ถูกกระทำ  ไม่มีเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินสักนิดเดียว  พวกมันพากันรุมกระทืบอย่างกับอีกฝ่ายเป็นกระสอบทรายที่ไร้ความรู้สึก

"หึหึหึ.." อยู่ ๆ สมุทรก็หัวเราะขึ้น  พวกมันหยุดการกระทำมีสีหน้างุนงงมองไปที่เขา

"แม่ก็เป็นกระหรี่ พ่อมึงก็อัปรีย์..ถุย!" สมุทรพยายามพ่นเลือดที่ท่วมปากจนมันไหลลงพื้นออกมา  ทุกคนยืนมองเหมือนรอว่าสมุทรจะพูดอะไรต่อหรือไม่  เขาจ้องมองไปที่หัวโจกไม่วางตา 

"วัน ๆ ไม่ทำอะไร จ้องแต่จะเย็-ลูกสาวคนอื่นไปทั่ว หึ..กูละก็ไม่แปลกใจ ว่าทำไม..มึงถึงได้เป็นแบบนี้ มึงคงแค้นที่แม่มึงถูกคนอื่นเย็-ไปทั่วสินะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ" สมุทรพูดตะกุกตะกักบอกและหัวเราะออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง  ผมแสยะยิ้ม

"ไอ้สมุทร! ไอ้สัตว์!!" ดูเหมือนคำพูดจะจี้เข้าตรงจุด  นักมวยคนเดิมตาเหลือกคล้ายกับคนฟิวส์ขาด  มันซัดเข้าที่หน้าสมุทรหลายหมัดไม่ยั้งจนเพื่อนมันเข้าไปล็อกห้ามมันเอาไว้  ส่วนสมุทรหมดสภาพไปแล้ว

"พอเถอะพี่" นักมวยหนึ่งในนั้นห้ามหน้าเสีย 
 
"หึ..ปากใช้ได้เหมือนกันนี่" ผมยิ้มบอกพี่ธาน 

"คุณไฟครับ" พี่ธานย้ำเหมือนต้องการเรียกสติผมว่าผมควรเลิกล้อเล่นได้แล้ว  ผมหัวเราะในลำคอก่อนเดินตรงเข้าไปในที่เกิดเหตุ  นักมวยบางคนหันมามอง.. 

"ปล่อยเค้าหน่อยสิ" ผมบอก  พวกมันมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรมาที่ผมทันควัน

"มึงเป็นใคร!" นักมวยหัวโจกคนเดิมสบถถามขึ้น

"กูจำเป็นต้องตอบมึงด้วยรึไง..เอ่อ ครับ" ผมย้อน  พอพยายามสุภาพด้วยแล้วอดหัวเราะไม่ได้  ไอ้เหี้ยนั่นแสยะปากมากขึ้นเหมือนคนที่พร้อมจะระเบิดอารมณ์กับทุกคน

"ไม่ใช่เรื่องของมึง ถอยไป!" มันว่า 

"กูบอกให้ปล่อยมันซะ" ผมพูดย้ำอีกครั้งและครั้งนี้ผมไม่ยิ้มอีก  สายตาปะทะเข้าที่นักมวยคนเดิม  มันจ้องตาผมตอบเขม็ง  สีหน้าเหมือนคนไม่เกรงกลัวและพร้อมจะเข้าใส่

"หึ..กูจะปล่อยก็ได้" อีกฝ่ายแสยะยิ้มว่า

"..แต่ต้องหลังจากที่มึงก้มกราบตีนกูแล้วน่ะนะ!" มันว่าพร้อมกับพุ่งเข้ามาหาผมทันที  พวกมันยิ้มร่าคงเพราะรู้สึกว่าตนเหนือกว่า  มันพากันแหวกวงออกให้กับลูกพี่ของมัน  อีกฝ่ายปล่อยหมัดซ้ายเหวี่ยงมาเต็มแรง  ผมที่ยืนนิ่งดูสถานการณ์อยู่จึงฮุกเข้าที่ท้องมันอย่างจัง  เหล่สายตาต่ำลงมองมันที่หน้าถอดสีไปแล้ว

"มึงเป็นจิ้งจกสินะ หน้าเปลี่ยนสีเร็วดีว่ะ" ผมพูดหน้าตายเพราะมันคงไม่รู้ว่าตอนนี้  หน้าของมันอุบาทว์มากแค่ไหน
 
"ไหน..โชว์ของมึงหน่อยซิ" ผมยิ้มเย้ยพร้อมกับกวักมือท้าทายให้ 

"อ้าก!" มันร้องลั่นอย่างโมโหพร้อมกับเข้าพุ่งเข่าลอยมาหาผมอย่างรวดเร็วอย่างคนถูกฝึกมาดี  ผมสับขาหลบพร้อมฟาดมือเข้าที่คอหอยมันอย่างแรงจนอีกฝ่ายล้มลงไปไร้ท่า  นักมวยคนนี้พยายามยันแขนตัวเองขึ้นแต่แขนมันสั่นจนผมสั่งเกตเห็น  อีกฝ่ายหันหน้ามามองผมตาขวางอย่างไม่ยอมแพ้

"มึง" เสียงหนึ่งจากด้านหลังสบถขึ้นแค้น ๆ ทันทีนั้นเองนักมวยสองคนก็พุ่งเข้าหาผมพร้อมกับใส่อาวุธไม่ยั้งมือ  เสียงต่อสู้เริ่มชุลมุนหลังจากนั้น  นักมวยคนอื่น ๆ เริ่มสู้กับพี่ธานและไอ้เด่น  แม้คนฝั่งนั้นจะเยอะกว่าพวกผมแต่ผมเชื่อมือทั้งสองคนว่าจะเอาอยู่ 



ปึก!
ผลัวะ!!
...เสียงชกเข้าที่หน้าผมอย่างแรงจนผมเซล้มลงกับพื้น  ผมนอนยิ้มให้มันก่อนดีดตัวเองลุกขึ้นอย่างหมดความอดทนที่จะเล่นอะไรนาน ๆ เมื่อตั้งหลักได้จึงปล่อยอัปเปอร์คัทเข้าที่หน้ามันถึงสองครั้งจนอีกฝ่ายร่วงสลบไปไม่เป็นท่า  เพื่อนมันอีกคนที่ผมจัดการไปก่อนหน้านี้ยังคงมีแรงลุกขึ้นมาสู้ต่อได้ไหว  มันพุ่งเข้าถีบผมอีกครั้ง  ผมจับข้อเท้ามันไว้พร้อมกับออกแรงมือใช้เทคนิคในแบบกังฟูเหวี่ยงตัวมันจนลอยแล้วล้มลงจนหน้ากระแทกกับพื้นปูน  ผมไม่ค่อยได้ใช้เทคนิคกังฟูบ่อย ๆ เพราะปกติไม่กล้าใช้จริงกับพายุ  แต่เวลาได้ลองปฏิบัติกับคนอื่น  ก็รู้สึกแปลกใหม่ดีไม่น้อยเพราะได้ออกแรงเต็มที่และหลายครั้งก็ได้ผล  ซึ่งก็ปัดไม่ได้ว่าเทคนิคการซ้อมกับพายุก็มีประโยชน์ดีเหมือนกัน  ผมสูดหายเข้าลึกแรงอย่างต้องการตั้งสติไม่ให้ตัวเองหงุดหงิดเกินควร  ก่อนจะเดินไปหาไอ้หัวโจกที่ยังคงนอนหน้าฟุบลงกับพื้น  ดูท่ามันคงกำลังหายใจติดขัด

"ฮึก" อีกฝ่ายสะดุ้งตาโตเมื่อผมพลิกตัวมันให้นอนหงายพร้อมกับจิกนิ้วลงที่คอหอยมันอย่างรู้ทิศรู้ทางว่ากดบิดทางไหนอีกฝ่ายถึงจะเจ็บและทรมาน

"ฮือออออ" มันร้อง  พยายามสูดหายใจแรงเพื่อเอาตัวรอด  หน้ามันแดงและเริ่มไม่อยู่สุขคงเพราะหายใจไม่ออกเหมือนปลาที่ดิ้นเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังจะถูกทุบหัว

"รู้ไหม ว่าเส้นเลือดใหญ่สำคัญยังไง" ผมยิ้มถาม  ขาอีกฝ่ายเริ่มสั่นแรงมากขึ้น  ตาเหลือกโต  คอเกร็งจนเส้นเลือดปูดนูน

"มึงทำเหี้ยไรวะ!" เพื่อนมันที่หันมาเห็นพอดีสบถด้วยสีหน้าตกใจ  ผมช้อนตาขึ้นมองพร้อมยิ้มมุมปาก  รอยยิ้มที่แม้แต่คนรู้จักก็ยังเกลียดผม  เพื่อนมันชะงักหน้าถอดสีในทันที  ผมปล่อยมือออกช้า ๆ เพื่อคืนอิสระให้ 

"แคะ ๆ ๆ ๆ" อีกฝ่ายไอ  หายใจแรง  เหงื่อออกเต็มหน้าไปหมด  เพื่อนมันรีบเข้ามาพยุงช่วยตัวไป  ผมลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปหาไอ้เด่นที่เพิ่งชกนักมวยคนหนึ่งจนเลือดอาบหน้าไปหมด  ผมหยิบปืนออกมาจากไอ้เด่นเพราะตอนนี้ผมมีแต่ตัว  พอพวกมันเห็นปืนเท่านั้นถึงกับนิ่งสนิทไปอย่างกับถูกสาป  ไอ้เหี้ยพวกนี้รายไหนรายนั้นจริง ๆ กลัวปืน  กลัวการเสียหน้า  กลัวเพื่อนพ้องไม่เคารพรัก  กลัวการพ่ายแพ้  กลัวตาย  แต่กลับไม่กลัวความเลวระยำที่ตัวเองก่อ 

"กลัวทำไม" ผมถามเสียงเย็นพร้อมเดินเข้าไปหาหัวโจกคนเดิม  มันยังแทบลุกจากพื้นไม่ได้ด้วยซ้ำ 

"หืม..กูถามว่ากลัวทำไม" ผมจิกผมมันขึ้นจนอีกฝ่ายหน้าแหงนขึ้นมองหน้าผมจนคอมันเห็นลูกกระเดือกอย่างชัดเจน  ผมนำปืนจ่อลงบนหน้าผากมัน  อีกฝ่ายตัวเริ่มสั่น

"ให้กูทาย มึงก็คงเป็นนักมวยปลายแถว..ที่ถ้ากูจะระเบิดหัวมึงตอนนี้ ก็คงจะไม่มีใครสนใจด้วยซ้ำ" ผมพูดเสียงเรียบ

"ใช่ไหมครับ" ผมยิ้มให้  อีกฝ่ายหายใจแรงกว่าเดิม  มันกลืนน้ำลายลงคอ  ผมกัดกรามแน่นด้วยนึกโมโห  คงเพราะเกลียดคนแบบนี้เป็นทุนอยู่แล้วก็เลยยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่  ปากกระบอกปืนกดลงบนหน้าผากอย่างแรงอย่างที่ผมไม่ทันได้ตั้งสติ  ในใจผมตอนนี้กลับคิดเพียงว่าถ้าผมฆ่าไอ้เหี้ยนี่ไปอาจจะเป็นการดีและผมอาจจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างก็ได้.. 

"คุณไฟ อย่าเลยครับ" พี่ธานเข้ามาแตะที่ข้อมือผมเบา ๆ ตาผมจ้องมันอย่างต้องการหาทางออกให้ตัวเอง  มันตัวสั่นเทิ้มหน้าซีด 

"..ที่นี่ไม่เหมาะ" พี่ธานเรียกสติ  ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าพี่ธานก่อนคลายมือออกจากหัวมัน

"เฮือก อ้าก!" ผมสบถร้องเสียงดัง  จู่ ๆ ก็รู้สึกได้ว่าตัวเองหัวใจเต้นแรงขึ้นมาเหมือนมันแทบจะปะทุออกมาที่ไม่ได้ทำอย่างที่ควรจะต้องทำ  ผมนำปืนฟาดเข้าที่หน้ามันสุดแรงจนฝ่ายที่ถูกกระทำสลบแน่นิ่งไป  และทันทีนั้น..อารมณ์ผมก็ดับหายสนิทชั่วพริบตา

"ไอ้ป้อง!" พวกเพื่อนมันสองสามคนที่ยังคงมีสติดีอยู่อุทานพร้อมกัน  มันพุ่งเข้าไปหาเพื่อนมันที่นอนนิ่งไปแล้ว  ไอ้เด่นเข้าไปช่วยพยุงสมุทรไว้

"อยู่ค่ายไหน" ผมถามแล้วเดินเข้าไปหานักมวยหนึ่งในนั้น  มันพากันมองหน้ากันและกันและไม่ยอมให้คำตอบ

"กูถามว่าอยู่ค่ายไหน" ผมนำปืนไปจ่อหัวมันเป็นการขู่

"คะ..ค่ายส.โชคเจริญ" มันตอบเสียงสั่นไม่สบตา

"หึ..สงสัย เจ้าของค่ายมึงคงไม่ได้สอนว่าคนเราควรอยู่ร่วมกันในสังคมยังไงสินะ" ผมว่า  มันก้มหน้าเงียบ  ผมโน้มตัวลงไปหาพวกมันใกล้ ๆ

"ฝากบอกเจ้าของค่ายมึงด้วยว่า.." ผมกระซิบแสยะยิ้ม  เพื่อนมันที่นั่งฝั่งตรงข้ามหันมาสบตาผมพอดี  ผมจึงยิ้มกว้าง ๆ ให้และคิดว่าสายตาก็คงไม่ได้ยิ้มด้วยอย่างทุกทีที่เป็น  มันสบตาผมเพียงนิดเดียวก็ก้มหน้าลง

"พวกผม.. ได้นำหายนะมาให้ค่ายของเราแล้วครับ" ผมบอกเสียงเย็นพร้อมกับนำปืนเคาะหัวมันสองสามทีอย่างหยอกล้อ

"หึหึ หึหึหึหึ~ วู้!" ผมลุกขึ้นหัวเราะในลำคอพร้อมสะบัดหน้าด้วยความพอใจ  หันกลับไปสบตากับสมุทรที่ยืนมองผมอยู่ตลอดเวลา  สายตาที่มองมาเหมือนต้องการคำตอบทุกอย่าง  ผมหุบยิ้มลงทีละนิด  หน้าเขาโชกเลือด  เลือดที่ไหลจากหางตาทำให้หยดเปื้อนมาจนถึงแก้มแต่สายตาของเขากลับจ้องมองมาที่ผมตาไม่กะพริบ  ผมหลบตาเล็กน้อยก่อนพยักหน้าให้ไอ้เด่นช่วยพยุงตัวเขาไป  สมุทรที่ยังมีสติดีครบถ้วนทำท่าจะก้มลงเก็บถุงอาหารและกระเป๋าผ้าของตัวเองที่กระจัดกระจายบนพื้นถนน  พี่ธานเห็นอย่างนั้นจึงรีบก้มลงหยิบมาถือให้แทน

"เดี๋ยวผมถือให้เองครับ" พี่ธานบอก  สมุทรพยักหน้าเงียบ ๆ ก่อนเดินตรงไปทางซอยด้านหลังพร้อมกับไอ้เด่น  ผมกับพี่ธานเดินประกบตามหลัง  ทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงบ  การก้าวเดินเป็นไปอย่างช้า ๆ จากคนสองคนด้านหน้า  เดินทะลุซอยแล้วซอยเล่า  ระยะทางไม่ไกลมากแต่ใช้เวลาถึงสิบห้านาทีก็มาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของสมุทร 

"ขอบคุณครับ" สมุทรบอกเมื่อรับถุงไปจากพี่ธานไปแล้ว 

"ไม่เป็นไรครับ" พี่ธานยิ้มให้ 

"........." ความเงียบปกคลุมทันควัน  สมุทรเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมอีกครั้ง  ผมเองก็สู้สายตากลับเช่นกันเพราะมาถึงขนาดนี้แล้ว  อยู่ ๆ ผมก็รู้สึกอยากจะให้เรื่องมันจบ ๆ ไปสักที  สมุทรแทบไม่ละสายตาไปจากผมเลยอยู่พักใหญ่  ผมยืนรออย่างใจเย็นเพื่อให้อีกฝ่ายได้พูดถามในสิทธิ์ที่เขาสามารถทำได้  ทุกอย่างคล้ายกับหยุดนิ่ง  เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน

"ขอบคุณ" สมุทรพูดเท่านี้ก่อนเอี้ยวตัวไปอย่างเนิบช้า

"..สมุทร" ผมเรียกไว้ก่อนเมื่อเห็นว่าเขาไม่แม้แต่จะถามอะไรอย่างที่ควร  อีกฝ่ายหยุดนิ่ง  เขาไม่ได้หันมามองทางพวกเราอีก  สมุทรตาลอยทอดมองไปอีกทางหนึ่งเหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่อย่างนั้น 

"ผมจะขอถามแค่คำถามเดียว" สมุทรพูดขึ้น 

"....คุณเป็นใคร" ผมยืนเงียบ  อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าคำตอบจุกอยู่เพียงแค่คอหอย  และคอก็หนักอึ้งไปหมด

"ไปทำงานกับฉันไหม" ผมย้อนถามกลับ

"ผมถามว่าคุณเป็นใคร!"




.........ไฟ.........

สำหรับคนอ่านที่อาจจะงงในบางเนื้อหา  รบกวนขอให้กลับไปอ่านซ้ำอีกรอบหนึ่งนะคะ  รายละเอียดในการบรรยายอาจจะเยอะนิดหนึ่งแต่เบบี้คิดว่าได้บรรยายเนื้อหาอย่างครบถ้วนแล้ว  ซึ่งถ้ามีส่วนไหนที่ยังรู้สึกไม่เคลียร์..คนเขียนต้องขออภัย  ส่วนเรื่องตัวละครที่เยอะนั้น  ทุกอย่างจะประติดประต่อกับเนื้อหาไปในวันข้างหน้าเองค่ะ  เรื่องสับสนในคู่(ครอง)  เบบี้คิดว่าคนอ่านบางท่านน่าจะพอเดาได้แล้วว่าใครคู่กับใคร  ไม่น่ายากละมัว  :m15:

ขอบคุณค่ะ
เบบี้ :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2015 22:18:05 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ yochiokissme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ที่รักกลับมาแล้ว  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tequila04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ฟกหฟกหฟกกฟฟก
หลงรักสมุทรแปบบบบ
คุณไฟระวังโดนกดน้าโชว์โหดมากๆกำ
รอตอนต่อไปค่า

ออฟไลน์ Youch06

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
พายุน่ารักจังเลยอ่ะ
จะแพ้ผู้ชายสกปรกที่ไหนรึเปล่าเนี่ย 555555
อยากเลี้ยงพายุอ่ะ น่ารักจังงงงง

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
อยากรู้จังใครจะโดนกดระหว่างไฟกับสมุทร
แต่ตอนนี้อยากให้พายุกะพี่ธานคู่กันจัง พายุน่ารักอะ :mew1:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
ทำไมอ่านไปเขินไปล่ะ ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรเลยแค่พี่ไฟแอบมองสำรวจร่างกายสมุทรแค่นิดเดียว
กลัวแค่ว่าหากสมุทรรู้ความจริงจะโกรธพี่ไฟรึป่าวนะ

มาต่ออีกเบบี้:)

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
มันมากเลย ไฟก็ดีพายุก็ดีสมุทรก็ใช่พี่ธานด้วยสุดยอด รออ่านตอนต่อไปนะนะนะ

ออฟไลน์ poompoo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ได้เจอสมุทรแล้ว ^^


 :pig4:

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
ตอนแรกเคลิ้มไปกะพายุนะ
แต่พอมาเจอฉากสมุทรเท่านั้นแหละ พายุกระเด็นไปเลยยย
ยิ่งตอนบรรยายหุ่นสมุทรนี่แบบเคลิ้มมากกก
โอ้ยหลงรักกกกกก  :impress2:

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
ทำไมดุเดือดกันแบบนี้ :z2:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ดูเหมือนสมุทรจะโมโหละนะ

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
น่าติดตามสุดๆ  :katai2-1: :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ my.atty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เนื้อเรื่องสนุกขึ้นเรื่อยๆๆ แน่ๆเลย คงจาโหดดขึ้นเรื่อยๆ ด้วย 55555
อยากรุ้อีกคนว่าใครกดใคร ไฟหรือสมุทร    :oo1:   

เป้นกำลังใจให้พี่เบบี้นะค้าาาาา    :L1:

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 747
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
ว้าว เบบี้กลับมาแล้ว

ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ดีใจจ้าที่ได้อ่านเรื่องใหม่ น่าติดตามมากๆๆ :mew1:

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
อยากเห็นหุ่นจริงๆของสมุทรจัง คริคริ แล้วตกลงใครรุกใครรับ  :hao7:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
กำลังคิดว่า อาบาคัส นี่หมายถึง อัพเปอร์คัต ใช่ไหมค่ะ?

ที่เป็นการต่อยจากล่างขึ้นบน เข้าลิ้นปี่หรือปลายคาง

ออฟไลน์ michiko_love

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-3
แหม! คุณไฟเจอสมุทรนี่ชวนปล้ำเลยน๊า 555555  o13

ออฟไลน์ pornvrin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ไฟ - สมุทร คู่นึงแน่ๆ...มั้ย

แต่พายุเนี่ยเวลาอยู่กะไฟมันพิกลยังไงอยู่

ยังไงเค้าก็ยังรักพี่ธานนะ 55555

ออฟไลน์ น้ำแข็งใส

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +130/-1
คุณไฟ มาแล้ว  o13

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 859
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เนื้อหาเยอะมากค่ะ แต่ถ้าค่อยๆอ่านค่อยๆจิตนาการ(ถึงซิกแพ็ก   :z1:) ก็เข้าใจนะค่ะ
ลายละเอียดดีเลิศเหมือนเดิมเลยยยย ถ้าเราเป็นสมุทรเราก็สงสัยนะคนแบบนี้มาทำไรแถวนี้ แล้วไมเก่งการต่อสู้ มีวิชา
แต่ที่น่าแปลกใจที่สุดเห็นจะเป็นคุณไฟ...ไฟ...ไฟ~~~ รู้สึกเหมือนเค้าเก็บตัวตนอีกคนนึงไว้ข้างใน ถ้าขาดสติเมื่อไหร่
คนบ้าคลั่งที่เก็บกดเอาไว้ก็จะออกมา  :a5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด