The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 445885 ครั้ง)

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
ยายไม่สบาย แบบนี้สมุทรอาจจะต้องไปทำงานกับไฟหรือป่าว

สมุทรต้องรับภาระหลายอย่าง ถ้าไปทำงานกับไฟความเป็นอยู่อาจจะดีขึ้น ลุ้นๆ   :hao3:


ออฟไลน์ DasHimmel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เหมือนสถานการณ์ต่างๆจะค่อยๆบับให้สมุทรเปิดใจจนได้อ่าแหละ ดูพี่ไฟแกคงไม่หยุดง่ายๆแน่
ตอนนี้ไม่มีพี่สมุทรออกโรง รอคอยตอนหน้าต่อ อิอิ

ออฟไลน์ pak_kikkok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
สมุทรกับพี่ธานเอาใจน้องไปเลยคะ 5555 ไม่รู้เป็นไรชอบบุคลิกคนแบบนี้จังเลย // แต่น่ารักสุดคงต้องยกให้พายุเลยค่ะ.
ความมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้งเหมือนกระจายอยู่รอบตัวกันเลย.  พี่ธานแกล้งคุณหนูเยอะฟ ชอบอ่าาาา น่ารัก...  อ่านไปอมยิ้มไปเลยอ่ะ ตอนที่ไปค่ายมวย โมเม้นพันมือ ใจเต้นแรงไปเลยทีเดียว (คิดมากไปเองคนเดียว ><)อั้ยๆๆ  ละไฟนิ แอบมองตลอดดดด คือเข้าใจเลยอ่ะ เจอสิ่งดึงดูด ไม่สามารถละสายตาได้ 5555หุ่น สมุทรคงตราตรึงใจมากสินะคะ 
ช่วยเอาสมุทรมาดับไฟที  รอลุ้นค่ะๆ ว่าสมุทรจะมาทำงานกับไฟเมื่อไหร่น้าาาา ใกล้แล้วรึเปล่า โฮ้ๆๆๆ


ปล.
ตอนอ่านช่วงแรกๆ นิจึดใจเลยคะ แบบคิดย้อนไปสมัยลูกอมสองเม็ดบาทสามเม็ดบาท เฮ้ยยย เราทัน โอ้มายนะ คิดในใจ ผ่านมา.... นานแล้วสินะ

นิยายของ เบบี้ ยังสนุกน่าติดตามเหมือนเดิมเลยคะ คิดถึงมากเลยยยย ^^ อ่านไปมีมุม โม้เม้น ยิ้มตลอด

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
พายุวววววววววว
ช่างน่ารักเหลือเกิ๊นน :z2:

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
มาต่อแว้วววววววว  :z2:

ออฟไลน์ michiko_love

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-3
อ่านแล้วหิวขนมมากตอนนี้
อยากกินข้าวเหนียวสังขยาเลย55

ไฟ กับ สมุทร เค้ามีเหตุจะได้เจอกันอีกแล้ว ><


ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
ตอนที่ 6
..ไฟ..




05:40 น.  บ้านเลิศประสงค์

เช้าวันนี้ผมตื่นแต่เช้าตรู่  เพื่อออกไปวิ่งพร้อมกับลูกน้องที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับผม  ส่วนใหญ่ลูกน้องคนไหนทำงานใกล้ชิดกับผม  จำเป็นต้องอาศัยอยู่ใกล้ ๆ กัน  ถ้าใครมีความจำเป็นและไม่สะดวกที่จะพักในที่พักที่ผมจัดหาไว้ให้  ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ถ้าผมเรียกใช้ต้องมาในทันที

ค่ายมวยสาขาใหญ่ของผมอยู่ถัดไปจากซอยบ้านผมถึงสามซอย  ที่นั่นมีพร้อมทุกอย่างสำหรับนักมวยอาชีพที่ต้องพักอาศัยที่ค่ายของเรา  การจัดการเป็นระเบียบดีมาตั้งแต่สมัยรุ่นของพ่อ  เราจัดที่พักให้สะดวกสบาย  อาหารสามมื้อมีให้พร้อม  นักมวยมาจากทุกภาคในประเทศไทย  บางคนไม่มีความรู้ติดตัวเลย  เข้ามากรุงเทพเพราะเจาะจงที่จะมาเป็นนักมวยในค่ายของผม  หนักไปกว่านั้นมาแต่ตัวก็มี  แต่ผมไม่สน  ผมสนว่าความประพฤติดีหรือมีประวัติเสียก่อนหน้านี้ไหม  เสร็จจากนั้นค่อยมาพิจารณาเรื่องฝีมือ

เมื่อผมเห็นฝีมือและหน่วยก้านของแต่ละคน  ถ้าผมตอบรับให้มาเป็นหนึ่งในนักมวยของค่าย  ผมก็ต้องรับผิดชอบชีวิตพวกเขา  ซึ่งถ้าจะรับเข้าค่ายก็ต้องมีสถานที่ให้  มันจะสะดวกสบายในการใช้ชีวิตและการบริหารเงินของพวกเขาด้วย  ไม่ต้องไปจ่ายค่าหอ  ค่าน้ำค่าไฟอะไรให้สิ้นเปลือง  อีกอย่างทุกคนอยู่ในสายตาของครูมวยและสะดวกในการซ้อมเป็นอย่างยิ่ง  ถึงแม้ว่าที่พักจะเป็นห้องเล็ก ๆ เกือบเท่ารูหนูแต่ทุกคนก็มีห้องส่วนตัว  ห้องใครห้องมัน  ต้องทำตามกฎระเบียบของค่าย  ความสะอาดต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเพราะต้องรักษาหน้าตาและคุณภาพของค่ายเอาไว้ 

ลูกน้องคนสนิทที่ทำงานใกล้ชิดกับผม  ถ้าไม่นับพี่ธานแล้วก็มีทั้งหมด 4 คน  คือ..ไอ้เด่น ไอ้เข้ม ไอ้หินและไอ้รุ่ง  ทุกคนจำเป็นต้องอาศัยอยู่บ้านของผม  พวกมันพอใจที่จะอยู่ ๆ แล้วเพราะสบายกว่าไปอาศัยอยู่ตัวคนเดียวเยอะ  ที่บ้านผมเป็นส่วนตัวมากกว่า  มีห้องพักให้กว้างขวาง  เครื่องของข้าวใช้ครบครัน  มียิมส่วนตัวไม่ต้องใช้รวมเหมือนที่ค่ายมวย  ได้กินอาหารดี ๆ ทุก ๆ มื้ออีกด้วย  พวกมันทั้งสี่คนได้รับเงินเดือนหลักตามฐานเงินเดือนที่ทำอยู่กับผม  ไม่ใช่ฐานเงินเดือนตามค่ายมวย  อย่างไอ้รุ่งและไอ้เด่นจะได้รับเงินเพิ่มในส่วนของการเป็นเทรนเนอร์ที่ค่ายมวยบางในบางเดือน  ถ้าพวกมันมีเวลาไปลงชั่วโมงสอนที่นั่น  เรียกว่าจะเป็นรายได้พิเศษที่ดีเลยถ้าพวกมันขยันนะครับ

ลูกน้องคนสนิทของผมที่เป็นนักมวยอาชีพในค่ายมวยชัยโรจน์ของผมด้วย  มีคนเดียวคือ.."ไอ้รุ่ง" เป็นอาชีพอีกหนึ่งทางที่มันจะหาเลี้ยงชีพตัวเองได้เป็นอย่างดีถ้าเลิกทำงานอยู่กับผม  ส่วนลูกน้องคนอื่น ๆ ทุกคนก็โดดเด่นไปคนละด้าน  ที่ผ่านมาผมส่งเสริมพวกมันทุกอย่างไม่ว่าเรื่องอะไรที่พวกมันสนใจอยากค้นหาตัวเอง  พ่อเองก็เคยทำแบบนี้กับลูกน้องคนอื่น ๆ ของพ่อด้วย  ต้องการให้ลูกน้องมีความสามารถพิเศษเพิ่มเติมติดตัวไปเพื่อที่จะเอาไว้หาเลี้ยงชีพได้ในอนาคต  หรือรู้สึกอิ่มพอและเบื่อที่จะอยู่กับพวกเราแล้ว 

พี่ธานเรียนจบวิศวกรรมยานยนต์  พ่อของผมส่งเสริมพี่ธานที่มีความสามารถพิเศษในการยิงปืนมาตั้งแต่ผมจำความได้  การแข่งขันหลายการแข่งขันถูกกวาดเรียบโดยชื่อของพี่เขา  ผันตัวมาเรื่อย ๆ จนเป็นนักแม่นปืนอาชีพที่มีเฉพาะคนในวงการเท่านั้นที่จะรู้ได้  การชกมวยที่พ่อของพี่เขาปลูกฝังมาตั้งแต่ยังเล็กพี่ธานก็ไม่น้อยหน้า  แม้ว่าพ่อของพี่ธานจะเสียไปแล้วแต่พี่ธานก็ไม่เคยทิ้งและฝึกฝนอย่างหนักจนได้แชมป์มาหลายรายการ  เมื่ออายุเข้าเลขสามพี่เขาก็วางมือทางวงการนี้ไป  เปลี่ยนตัวเองมาเป็นเทรนเนอร์ให้กับผมอย่างจริงจังแทน  สมัยที่ผมลงแข่งรถมอเตอร์ไซด์ทางเรียบ  คนที่ช่วยดูแลเครื่องยนต์ให้ก็พี่ธานนี่ละครับ  เราตัวติดกันแทบตลอดเวลา  จะแยกกันเฉพาะตอนที่ขึ้นเตียงนี่ละมั้ง  นึกแล้วก็ตลก  ช่วงเวลาที่ผมยังเรียนอยู่เป็นช่วงที่เราสองคนคลุกคลีอยู่กับเรื่องรถและมวยมากที่สุด 

ส่วน.."ไอ้เด่น" นอกจากความสามารถทางด้านการอ่านแผนที่แล้ว  ความสามารถพิเศษที่ค่อนข้างมีชื่อคือด้านวงการสนุกเกอร์  มันเล่นสนุกเกอร์ได้ดีแต่ก็ยังไม่ถือว่าเก่งมากถึงขนาดจะกวาดแชมป์ใหญ่ ๆ ได้

ส่วนคนที่ชอบเดินรอยตามพี่ธานมากที่สุดคงเป็น.."ไอ้เข้ม"  ถ้าเรื่องยิงปืน  นอกจากพี่ธานและผมแล้วก็ต้องยกฝีมือนี้ให้กับมัน  พี่ธานเป็นเสมือนครูที่คอยชี้แนะเกี่ยวกับการแข่งขันและสายงานทางด้านนี้ให้กับไอ้เข้ม  เห็นว่าคนที่หัดให้มันยิงปืนคนแรกคือพ่อของมัน  เป็นการสอนในคราวจำเป็น  ส่วน.."ไอ้หิน" ที่คล้ายกับเป็นน้องคนสุดท้องของทีมทั้งที่อายุก็เท่า ๆ กันกับไอ้รุ่ง  นอกจากศิลปะการต่อสู้ที่มันจำเป็นต้องเป็นแล้ว  กีฬาอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ  อ๋อ..มันโดดเด่นทางด้านการพูดจาไพเราะ  คุณจะไม่ค่อยเห็นมันพูดจาไม่สุภาพกับใครบ่อยนักหรอกครับ  เพราะถ้ามันพูดไม่เพราะ  มันจะถูกแม่มันดุเสียหายเลยละ

ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่  การที่มันทำงานเป็นคนสนิทของผมได้  นั่นหมายความว่าผมให้ความสำคัญมันมากกว่าคนอื่น ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของผม  ผลการเรียนและความประพฤติของพวกมันจะต้องอยู่ในเกณฑ์ดี  และจะต้องไม่นำชื่อเสียงเดือดร้อนเสียหายมาสู่ "ผู้ปกครอง" ในประวัติที่มันกรอกลงไปให้กับสถาบันการศึกษา  นั่นก็คือ.."ผม" ผมเห็นความสำคัญของการเรียน  พวกมันจะต้องมีความรู้ที่จะไปประกอบอาชีพอื่น ๆ ได้ในอนาคต  อย่างน้อยพวกมันก็ควรที่จะจบวุฒิปวส.เป็นอย่างต่ำ 

ผมถือเรื่องการศึกษาเป็นสำคัญเพราะถ้าเมื่อไหร่ที่พวกมันอยากออกไปจากชีวิตผม  หรือเกิดเหตุอะไรขึ้นกับผมก็ตาม  พายุคงไม่สามารถสานต่อกิจการนี้ทั้งหมดที่พ่อทิ้งไว้ได้แน่  มันเคยเอ่ยปากบอกกับผมเกี่ยวกับเรื่องค่ายมวยว่า.."ยุขอไม่ทำได้ไหมเฮีย ยุไม่อยากทำ"  ผมรู้ทันทีว่าพายุคงคิดมาดีแล้วและก็รู้นิสัยของน้องชายตัวเองเป็นอย่างดีด้วย  เหตุไม่คาดฝันมันเกิดได้เสมอนั่นละ  เมื่อใช้ชีวิตมาถึงจุดนี้  ผมแน่ใจชัดเจนเลยว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น  ถ้าถึงวันที่ผมไม่สามารถดูแลลูกน้องผมได้อีก  พวกมันจะได้มีความรู้ติดตัวออกไปหางานอื่น ๆ ทำ  สำหรับนักมวยในค่ายมวยเองผมก็ไม่เคยมองข้าม  ใครที่มาแบบยังเรียนไม่จบแต่อยากเรียน  ไม่มีทุนทรัพย์แต่ต้องการเรียนต่อจริง ๆ ผมก็ส่งพวกมันเรียนหมดทุกคน  ใครอยากเรียนต่อแบบไหนยังไงขอให้มีเหตุผลชี้แจงบอกผมให้ชัดเจน  ผมไม่เคยหวงหรือกั๊กให้พวกมันโง่เง่าเพื่อที่จะเป็นลูกน้องในสังกัดตลอดไป  ผมพร้อมส่งเสียเสมอแต่ต้องรับปากผมว่าจะไม่นอกลู่นอกทาง  มีความประพฤติที่ดี  สรุปง่าย ๆ ก็คือ ทั้งไอ้เด่น ไอ้เข้ม ไอ้หินและไอ้รุ่ง  เรียนต่อได้ก็เพราะผมส่งเสียให้เรียน  ส่วนพี่ธานพ่อผมส่งเสียเลี้ยงดูให้เรียนโรงเรียนดี ๆ มาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว  เรียกว่าเราสองคนเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องรุ่นต่อ ๆ กันมาเลยละครับ  พี่ธานเรียนโรงเรียนอะไร  ผมก็ถูกจับใส่ส่งต่อไปเรียนในโรงเรียนนั้น 

พี่ธานเป็นคนเดียวที่หลังจากเรียนจบปริญญาตรีแล้วพ่ออนุญาตให้ไปทำงานที่อื่นเพื่ออนาคตของพี่ธานในทันที  ปกติพวกเราก็ไม่เคยบังคับใคร  แต่พี่ธานอยู่ในกรณีพิเศษที่พ่อผมถึงกับออกปากไล่  ไล่เพราะอยากให้ไปได้ดีมีอนาคตที่ไกลกว่าตอนนี้  แต่พี่ธานก็ไม่ยอมไป  ยืดอกปฏิเสธและออกปากบอกกับพ่อของผมว่าจะอยู่ทำงานให้กับครอบครัวของเรา  ผมเลยเตือนสติพี่ธานไปอย่างกวนอารมณ์ว่า.."ถ้าทำต่อ พี่ต้องเป็นลูกน้องผมไปตลอดชีวิตเลยนะ"  พี่ธานเพียงอมยิ้มให้เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมยิ้มออกมา  เพราะดูเหมือนเราแค่สองคนที่จะอ่านความหมายของรอยยิ้มในตอนนั้นออก  ผมจำได้ว่าพ่อส่ายหัวด้วยท่าทางหนักใจพร้อมบ่นว่า "หัวดื้อพอกันแหละแกสองคน" แต่ผมคิดว่าพ่อน่าจะพอใจอยู่ไม่น้อยนะครับเพราะผมเห็นพ่อแอบอมยิ้มด้วย 

การทำงานเป็นลูกน้องคนสนิทของผม  ส่วนใหญ่จะมอบหมายงานตามความสามารถที่มีของแต่ละคน  ซึ่งพี่ธานและผมรู้ดีว่าใครเหมาะกับชิ้นงานแบบไหน  บางคนงานเบา  บางคนงานหนัก  บางครั้งอาจดูไม่ยุติธรรม  ดังนั้น..อยู่ที่นี่ต้องทำใจยอมรับเรื่องนี้ให้ได้และที่สำคัญควรรักกันให้มาก 

ยกตัวอย่างไอ้เด่น..ที่เก่งเรื่องอ่านแผนที่กว่าใครเพื่อน  ผมจึงชอบให้มันเป็นคนขับรถประจำให้กับผม  ไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไร  การที่ได้พกมันไปในที่ ๆ ไม่รู้จัก  ยังไงก็สามารถหาทางออกได้แน่โดยไม่ต้องกังวล  เหมือนมันมีเซ้นส์ทางด้านนี้  สามารถวิเคราะห์ทางเข้าออกและหลบเลี่ยงเส้นทางต่าง ๆ ได้ถูกต้องเสมอ 

ส่วนไอ้เข้ม..พี่ชายฝาแฝด  และเป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียวของไอ้เด่นมีที่เหลืออยู่  มันเป็นคนนิสัยค่อนข้างนิ่งขรึม  เป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่  ในสายตาของผม ๆ คิดว่าไอ้เข้มเป็นคนลักษณะเดนตาย  ใช้ชีวิตอย่างคนพร้อมเข้าสู่ความตายได้เสมอ  มันเป็นคนที่มีจิตใจโหดอยู่ลึก ๆ เป็นลูกน้องที่ทำตามคำสั่งอย่างตรงไปตรงมามากที่สุดในบรรดาพวกมัน 4 คน  เมื่อไหร่ที่ผมสั่งฆ่าใคร  ไอ้เข้มไม่เคยลังเลหรือมีใบหน้าถอดสี  ฝีมือการยิงปืนของมันเด็ดเดี่ยวแม่นยำ  แต่ฝีมือการต่อสู้ยังอ่อนด้อยกว่าไอ้เด่นผู้เป็นน้องอยู่พอสมควร  ส่วนใหญ่งานที่ไอ้เข้มจะได้รับไปทำมักจะเป็นการเฝ้าติดตามเป้าหมาย  งานแอบถ่ายศัตรู  เพราะไอ้เข้มถนัดที่จะขับมอเตอร์ไซด์ออกไปบุกป่าฝ่าดงได้อย่างไม่มีบ่นอิดออด  ผมชอบที่มันเป็นคนติดดิน  กินง่ายนอนง่าย  สั่งให้ทำอะไรทำ  อะไรที่ผมไม่สั่งมันจะไม่ทำเด็ดขาดซึ่งผิดกับไอ้เด่น  ไอ้เด่นนี่เป็นประเภท  ถ้าผมสั่งให้เขียนกอไก่  มันจะชอบมีความสงสัยบนใบหน้าว่าทำไมถึงต้องเขียนกอไก่  มากไปกว่านั้นบางครั้งมันก็จะทำเกินหน้าที่  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น..ผมก็ชอบไปไหนมาไหนกับไอ้เด่นมากกว่า  ไปด้วยแล้วสบายใจดีแม้ว่ามันจะปัญญาอ่อนไปบ้างก็ตาม
 
ส่วนไอ้รุ่งที่มีฝีมือทางด้านศิลปะป้องกันตัวและมีเชิงมวยโดดเด่นกว่าใครเพื่อน  โดยพื้นฐานเป็นคนค่อนข้างซื่อ  บางครั้งก็ซื่อบื้อตามเพื่อนไม่ทัน  ไปจนถึงเกือบโง่ในบางที  ผมมักใช้ไอ้รุ่งไว้เป็นตัวหลอกล่อเวลาที่จำเป็นต้องทำ  แม้ไอ้รุ่งจะเป็นคนแบบนี้แต่เรื่องหลบหลีกของมันปราดเปรียวไม่ธรรมดา  ที่ผ่านมาให้มันเป็นตัวล่อเป้าหมายก็ไม่เคยมีใครจับมันได้เลยสักหน 

พูดถึงไอ้หิน  มันเป็นคนเดียวที่เด่นด้านวิชาการ  เป็นลูกรักของพายุ  ถ้าพายุจำเป็นต้องไปไหนมาไหน  พายุมักจะเลือกไอ้หินเป็นอันดับแรก  ผมเห็นไอ้หินมาตั้งแต่เกิด  แต่ก่อนมันไม่ใช่คนที่เก่งกาจอย่างทุกวันนี้หรอกครับ  ก็เป็นเด็กวัยรุ่นธรรมดา ๆ คนหนึ่ง  ด้วยความที่เราอยู่บ้านเดียวกันมาตั้งแต่ยังเล็ก  เวลาที่ผมต้องไปไหนมาไหนบางครั้งจึงมีไอ้หินตามติดไปด้วย  โดยพื้นฐานของไอ้หินเป็นเด็กกตัญญู  ใช้ง่าย  ใจเย็น

ครั้งหนึ่งสมัยผมเรียนอยู่มัธยมศึกษาตอนปลาย  พี่ธานเดินทางไปต่างประเทศกับพ่อ  เวลาที่ผมไปไหนมาตามห้างร้าน  ผมก็จะเอาไอ้หินไปด้วย  ไปช่วยถือของบ้าง  ต่อของกับพ่อค้าแม่ค้าแทนผมบ้างตามแต่มันจะถนัด  แน่นอนว่าศัตรูอยู่รอบตัวผมเต็มไปหมดและผมลืมฉุกคิดไปว่าที่จริงผมไม่ควรเอาไอ้หินที่ไม่เป็นแม้กระทั่งการต่อสู้ใด ๆ เลยไปไหนมาไหนด้วยกัน  ตอนนั้นผมจำได้ราง ๆ ว่าผมน่าจะถูกดักทำร้ายจากคนประมาณสิบกว่าคน  ยี่สิบกว่าส้นตีน  ผมไล่ให้มันไปโทรตามบอดี้การ์ดของพ่อมาแต่มันเสือกไม่ไป  สุดท้ายก็โดนรุมซะเละด้วยกันทั้งคู่  ไอ้หินโดนหนักกว่าผมหน่อยถึงกับเข้าโรงพยาบาลต้องพักฟื้นไปหลายวัน  ผมจำได้เลยว่าหลังจากที่โดนกระทืบเสร็จแล้ว  ผมนั่งหอบเหนื่อย  ด่ามันออกไปอย่างนึกหงุดหงิดใจว่า "มึงนี่ ปัญญาอ่อนฉิบหาย" ส่วนตัวแล้วผมทนได้ที่ถูกกระทืบขนาดนี้แต่มันไม่ควรมาโดนด้วย  วันนั้นไอ้หินนอนจมกองเลือดหน้าตาหงอย ๆ โชคดีที่ไม่ช็อกตายไปซะก่อน

ไอ้หินเก่งงานวิชาการเป็นหลัก  มันเรียนเก่ง  เป็นคนเดียวในกลุ่มที่ขอเรียนต่อปริญญาตรี  มันและป้าอิ่มเข้ามาขอผมเรียนต่อทางด้านบริหารธุรกิจในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง  ค่าเทอมแพงลิบลิ่วกว่าใครเพื่อน  ที่จริงไอ้หินเป็นคนที่มีความรับผิดชอบและปกติไม่ใช่คนหัวสูง  การที่มันมาขอผมเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยนี้ผมคิดว่ามันก็คงเกรงใจผมเหมือนกัน  ผมไม่สนใจเรื่องค่าเทอมหรอกครับว่าจะแพงแค่ไหน  ถ้าแลกกับการที่ผมได้เห็นเกรดสามเกือบสี่ของมันที่มีมาอย่างสม่ำเสมอ  แค่นี้ผมก็ซาบซึ้งจนน้ำตาจะไหลแล้ว  มันตั้งใจเรียนและประมาณตนมากกว่าไอ้ดินซะอีก 

ไอ้หินเป็นคนหัวไว ฉลาด  ช่างจำ  มันจดจำใบหน้าคนได้เก่งมาก  เมื่อไหร่ที่ถึงยามคับขันต้องจำหลายสิ่งพร้อมกันโดยไม่มีอะไรช่วยบันทึก  บอกไอ้หินไว้ได้เลยเพราะส่วนใหญ่มันจำได้เกือบหมด  ไอ้หินกับไอ้รุ่งจะได้จับปืนน้อยกว่าเพื่อน  อาจพูดได้ว่าแทบไม่ได้จับเลย  ถ้าไม่จำเป็นผมไม่ให้มันสองคนลงมือทำอะไรอย่างหนักหนาสาหัส  เนื่องจากว่าไอ้หินก็เป็นลูกชายคนเดียวของป้าอิ่ม  แม่บ้านเก่าแกของครอบครัวผม  ส่วนไอ้รุ่ง..ผมก็ไม่อยากให้ประวัติในอาชีพมวยของมันเสียอีกด้วย 

พวกมันทุกคนต้องมีพื้นฐานทางด้านศิลปะป้องกันตัว  โดยเฉพาะมวยและจำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  ดังนั้น..ตารางการออกกำลังกายของพวกมันได้ถูกจัดเตรียมไว้พร้อม  ของผมเองก็เช่นกัน  พวกมันจะถูกฝึกโหดโดยพี่ธาน  ส่วนใหญ่ก็จะเบี้ยวหรือขี้เกียจไม่ได้  สำหรับผมถ้าวิ่งออกกำลังกายในตอนเช้าก็ต้องแล้วแต่บางโอกาส  ถ้าตอนกลางคืนผมทำงานมาหนักหรือกลับบ้านดึกเกินไป  ผมก็คงขอโบกมือลาเพราะจะให้มาตื่นเช้าเหมือนพวกวัยรุ่นแบบพวกมันก็คงจะไม่ไหว

"เฮีย! ไปด้วย!" ไอ้ดินตะโกนเสียงดังลั่น  มันปั่นจักรยานคันเก่งของมันออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่ประตูรั้วไฟฟ้าจะปิดได้สนิท

"ตื่นเช้า..แผ่นดินทรุดซะมั้ง" ผมวิ่งไปว่าเหน็บมันไป  พวกลูกน้องหัวเราะ

"พี่ธาน เดี๋ยวดินจับเวลาให้" ไอ้ดินแบมือขอนาฬิกาจับเวลาจากพี่ธาน  พี่ธานยื่นให้ยิ้ม ๆ 

"อ่าว..เร็ว ๆ หน่อย เร่งหน่อย ๆ" ไอ้ดินได้ทีแหกปากสั่งเลย



เพี้ย!  ....ผมวิ่งไปตบหัวมันที่ปีนเกลียวไม่ดูรุ่นแล้ววิ่งแซงมันไป

"โห่ เฮียไม่เคารพดินเลย! แล้วอย่างนี้ใครจะเคารพดินล่ะ!" มันโวยวายใหญ่  ผมอมยิ้ม  พวกเราใช้เวลาวิ่งไปที่ค่ายมวยประมาณยี่สิบนาที  หลังจากนั้นผมก็ไล่ให้ไอ้ดินกลับบ้านเพราะเดี๋ยวมันจะไปโรงเรียนสาย  ส่วนพวกผมต้องอยู่ซ้อมต่อที่ค่ายต่อ  เช้านี้กว่าจะได้เลิกก็คงเกือบสิบโมงนู่นละ

"สามสิบ สลับซ้ายขวา..มาเร็ว!" ผมเรียกไอ้รุ่งให้ซ้อมต่อ  ไม่ให้หยุดพัก  ตอนนี้ผมเป็นเทรนเนอร์ให้มันจนใกล้ครบห้ายกเต็มแก่แล้ว  ก่อนหน้านี้ผมกับพี่ธานซ้อมในส่วนของเราเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ไอ้รุ่งจะมีขึ้นชกเรื่อย ๆ หลายครั้งผมจึงต้องเป็นคู่ซ้อมให้มันต่อ  มันต้องซ้อมหนักกว่าเพื่อน  อีกอย่างผมยังไม่เหนื่อยเลยด้วย  เห็นใครเหนื่อยก็ไม่เท่าเห็นลูกน้องตัวเอง  แอบสะใจลึก ๆ โดยการทำงานทั่ว ๆ ไปของค่ายเราแล้ว  เมื่อไหร่ที่ใกล้ขึ้นชกการแข่งขันเวทีใหญ่ ๆ ครูมวยและนักมวยตัวเก็งของค่ายจะไม่ค่อยเจียดเวลาไปสอนลูกค้านัก  หน้าที่เป็นเทรนเนอร์ให้ลูกค้าผมจะยกให้เป็นหน้าที่ของเทรนเนอร์ประจำรับไปทำแทน 

"...นาย" ไอ้รุ่งพูดหอบ ๆ มันกลืนน้ำลายลงคอด้วยท่าทางใกล้หมดแรง  ผมยืนนิ่ง  มองขวางใส่

"เร็ว ๆ!" ผมตวาดเสียงดังลั่น  พี่ธานหัวเราะอยู่ขอบเวที  ผมเดินเข้านำนวมฟาดเข้าที่หน้าไอ้รุ่งเต็มแรงจนไอ้รุ่งหน้าหันไปเล็กน้อย

"หมดแรง ๆ หน้าสะเทือนเลย หึหึ..เร็ว ๆ!" ครูมวยที่ยืนมองอยู่ถึงกับขำที่ผมทำแบบนั้น  แกเร่งไอ้รุ่งด้วยอีกทาง

"อย่าเดิน ๆ" ผมเตือนมันเสียงเรียบ  ยิ่งเหนื่อยยิ่งเดิน  ยิ่งเราถอยเมื่อไหร่เราจะยิ่งถูกต้อนจากคู่ต่อสู้ที่มองออกว่าเรากำลังจะหมดแรง  การเดินวนไปวนมารอบ ๆ เวทีบางครั้งก็ทำไปอย่างไร้จุดหมาย  บางทีมันเหนื่อยจนแทบจะยกขาแขนไม่ขึ้นเลยก็มี  ผมเองก็ถูกฝึกมาจึงเข้าใจความรู้สึกนี้ดี  ดังนั้น..จำเป็นต้องมีเตือนสติกันเป็นระยะ 

"ถีบมา ถีบ!" ผมสั่ง  ไอ้รุ่งถีบมอญยันหลักมาเต็มแรง  ผมเซถอยหลังเล็กน้อย 

"เตรียมตัว" ผมส่งสัญญาณบอกมันพร้อมกับตั้งกาดเข้าหา  ไอ้รุ่งชักเท้าตั้งกาดถอยหลังกลับอย่างระแวดระวัง 

"สามสิบ..มา!" ผมชูกาดขึ้นบอกสัญญาณให้มันเตะ  ไอ้รุ่งเตะอัดสลับขามาอย่างเร็วและแรง  เสียงร้องของผมและมันดังจนคนอื่น ๆ พากันหันมามอง  หลังจากที่ไอ้รุ่งเตะครบสมใจผมแล้ว  ผมหยุดสั่งไว้ครู่หนึ่งเพื่อให้มันได้พักหายใจหายคอ

"อย่าพิง ยืน..นิ่ง ๆ" ผมเตือนสติมันที่ทำท่าจะหมดแรงไปพิงขอบเวที  มันยืนนิ่งตามที่สั่ง

"มึงเหนื่อยแล้วกาดชอบตก..เป็นอะไร กาดตกตลอด หือ" ผมขมวดคิ้วไม่ชอบใจ  เอื้อมมือปัดเข้าไปหามันที่กำลังยืนเหนื่อยอยู่  ไอ้รุ่งหันมามองยิ้มแหย ๆ แล้วตั้งกาดขึ้นป้องหน้าตัวเองเอาไว้ตามสัญชาตญาณ  ผมเตะเข้าที่ไอ้รุ่งทันที  มันอมยิ้มแล้วถอยคล้ายไม่สู้ตอบ  ผมล่อเป้าต่อให้มัน  อีกฝ่ายจำใจที่จะต้องซ้อมต่ออย่างปริปากบ่นไม่ได้ 

"ตี! หือ..แทง" ผมร้องอย่างสะใจเมื่อไอ้รุ่งพุ่งตัวแทงเข่าลอยมาที่ผม  ผมกัดฟันแน่นและเริ่มชกโต้ตอบหนักขึ้น

"เอ๊ย! อูย~" นักมวยรอบ ๆ เวทีส่งเสียงเชียร์ที่ไอ้รุ่งเตะเข้ามาที่ผมสามครั้งติด  ผมจับขามันได้ก็แทงเข่าเข้าไปเรียกเสียงเฮได้ไม่น้อย  ไอ้รุ่งยังไม่หยุดปล่อยลูกเตะตามที่ตัวเองถนัด  ผมจับข้อเท้ามันล็อกไว้ได้ทัน

"สู้กูเหรอ หือ..สู้กู เหรอ!" ผมแสยะยิ้มชอบใจ  เหวี่ยงขาไอ้รุ่งเต็มแรงพร้อมกับเตะเข้าที่หน้ามันทันที  ไอ้รุ่งตั้งกาดรับไว้ได้แต่ตัวก็เซไปเล็กน้อย

"สติน่ะ ดี ๆ" ผมบอกเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง  อีกไม่กี่อาทิตย์มันก็ต้องขึ้นชกจริงแล้ว  และผมยังไม่คิดว่าไอ้รุ่งพร้อมเท่าที่ควร  เราซ้อมกันจนพี่ธานเอ่ยปากบอกหมดยก  ไอ้รุ่งเหนื่อยเป็นหมาหอบแดด  ผมเองก็เหนื่อยเหมือนกัน  กวนตีนมันเหนื่อยไปหน่อย
   
"ไปชกยางรถต่อ แล้ว..ฝึกตั้งกาด ชกลมด้วย" ผมสั่ง  การตั้งกาดไว้ให้นิ่ง  คือสิ่งสำคัญของศิลปะแม่ไม้มวยไทย  เปรียบเสมือนรั้วบ้าน  ไม่ว่าจะซ้อมมวยมากี่สิบปีและเก่งแค่ไหนก็ห้ามลืมสิ่งสำคัญนี้เด็ดขาด  มันควรเป็นสัญชาตญาณที่นำไว้ปกป้องตัวเองโดยอัตโนมัติ  นักมวยบางคนมักเหลิงในความเจนเวทีของตัวเอง  มั่นใจในความเก่งของตัวเองโดยการปล่อยกาดกวนอารมณ์คู่ต่อสู้  ผมไม่เคยคิดว่านั่นคือสิ่งที่ทำแล้วดูเท่  มันยิ่งดูไม่น่ามอง 

นักมวยหลายคนในค่อยไม่กล้ากาดตกต่อหน้าผม  บางครั้งที่เราเชียร์มวยด้วยกัน  ผมชอบบ่นใส่โทรทัศน์อย่างติดปากว่า.."อะ ทำเสร่ออีกละไอ้เหี้ยเอ๊ย"  เป็นประโยคที่มักทำให้พี่ธานขำจนหน้าแดง  พี่ธานเคยแอบเล่าให้ผมฟังว่า  พวกลูกน้องกลัวที่จะได้ยินประโยคนี้จากผม  เพราะเวลาประโยคนี้อยู่บนใบหน้าของผมแล้วพวกมันบอกว่ารู้สึกสะเทือนใจและรับไม่ได้  แล้วจะไม่ให้ผมพูดแบบนี้ได้ยังไงละครับ  ก็พูดไปตามที่รู้สึก..บางทีผมเอือมมากจนทนดูต่อไม่ได้เลยก็มี 

"ครับ" ไอ้รุ่งก้มหน้าขานรับ  หลบสายตาผมไป  ไอ้เด่นวิ่งขึ้นมาหาเพื่อนรักบนเวทีด้วยความเป็นห่วง  ผมแอบอมยิ้มก่อนถอดนวมออก

"ไหนมึงบอกชอบซ้อมกับนายไง ควายจริง" ไอ้เด่นกระซิบกระซาบว่า  ผมเลยขว้างเป้าล่อใส่พวกมันเพราะเสือกมาพูดให้ได้ยิน

"เก็บ!" ผมตวาด

"ค้าบ" ไอ้เด่นรับคำพร้อมยิ้มแหย ๆ

"เดี๋ยวกูวิ่งกลับแล้วนะ" ผมบอกแล้วลงจากเวทีเพื่อไปเริ่มวอร์มร่างกายอีกครั้ง 

"ใครมีงานอะไรไหม" ผมถามขึ้น  พี่ธานหยิบน้ำมาให้  ผมรับมาดื่ม

"เดี๋ยวผมมีเรียนบ่ายโมงครับ" ไอ้หินบอก 

"อืม งั้นวันนี้มึงก็ไปเรียน เรียนเสร็จก็ไปบอกแม่บ้านให้ไปทำความสะอาดโรงฝึกด้วยแล้วกัน..วันนี้คงไม่มีอะไร" ผมสั่ง  ไอ้หินพยักหน้ารับ 

"งั้น เดี๋ยวผมขออยู่ซ้อมต่อนะครับ" ไอ้หินพูด  ผมพยักหน้าอนุญาต 

"ขอบคุณครับ" ไอ้หินยิ้ม  ไอ้หินกับไอ้รุ่งจึงซ้อมต่ออยู่ที่ค่ายมวย

"ไปนะครับลุง" ผมหันไปยกมือไหว้พวกครูมวยทุกคน

"เออ ๆ โชคดี" พวกครูมวยหันมาโบกมือตอบ

"ระวังตัวด้วยล่ะ!" ลุงลอยรีบตะโกนมาจากในห้องทำงาน  ลูกน้องผมพากันอมยิ้ม

"ค้าบ" ผมตอบก่อนส่ายหัวยิ้ม ๆ ลุงแกมักจะเป็นห่วงผมเป็นพิเศษอยู่เสมอ

"ไป จิ! พวกมึงนี่..ทำอะไรให้มันเร็ว ๆ หน่อยได้ไหม" ผมบ่นไอ้เข้มกับไอ้เด่นอย่างขัดลูกตาที่เห็นพวกมันยังทำท่าอืดอาดยืดยาดจากความเหน็ดเหนื่อยจนไม่ยอมลุกสักที  ผมกับพี่ธานวิ่งนำพวกมันออกมาก่อน 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-10-2015 23:14:26 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
"รถคุณโปรดนี่ครับ" พี่ธานพูด  ผมหันไปเห็นรถยนต์ของไอ้โปรดจอดอยู่ที่ฝั่งโรงจอดรถของบ้านผม 

"มันมาทำไมแต่เช้า" ผมบ่น  ปกติไอ้โปรดเป็นคนตื่นสาย  ยิ่งถ้าเป็นวันหยุด  เอาเถอะครับ..ไม่บ่ายโมงมันไม่ตื่นหรอก  ผมเดินเข้าไปในบ้าน  แม่บ้านนำผ้าขนหนูมาให้ผมเช็ดตัวเพราะตัวมีแต่เหงื่อเต็มไปหมด  พอได้ยินเสียงคุยกันดังมาจากห้องนั่งเล่นเลยเดินเข้าไปดู 

"กลับมาแล้วเหรอ" ไอ้โปรดทัก  มันกำลังนอนด้วยท่าทางสบายสุดขีดอย่างกับเจ้าของบ้านอยู่บนโซฟา  มันโบกมือยิ้มทักทาย  เท้ากระดิกไปมาน้อย ๆ

"เอาอีกแล้วนะ" ผมบ่นทันทีที่เห็นสภาพของพายุในขณะนี้  วันนี้ไอ้โปรดก็เอาสินค้ามาส่งให้พายุแต่เช้าอีกแล้ว  พอไอ้โปรดมีบินไปในสถานที่ ๆ พายุหมายตาทีไรเป็นต้องเป็นแบบนี้ทุกที

"ก็พายุบังคับให้กูซื้ออ่ะ" ไอ้โปรดบ่นด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ คล้ายเป็นความผิดของน้องชายผม 

"เอาเงินให้พี่โปรดด้วยนะเฮีย" พายุเงยหน้าบอกผม  ไอ้โปรดอมยิ้มนอนมอง  ผมถอนหายใจแรงและนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับไอ้โปรด

"ไม่" ผมตอบ  พายุมองหน้าผมไม่วางตา  หน้าของมันดูผิดหวังเล็กน้อย  เราต่างเงียบลง  ผมหันหน้าหนี  พอหันไปมองพายุอีกที  มันก็ยังเอาแต่จ้องผมไม่ไปไหน

"ไม่" ผมย้ำคำเดิมตาขวางใส่  รู้สึกไม่ชอบใจ 

"แต่ว่า.." พายุเอ่ยจะแก้ตัว   

"เงินมึงมี มึงก็ต้องใช้เงินมึง..บริหารเอาเอง เดือนนี้ไม่ให้แล้ว" ผมพูดตัดบทเสียงแข็ง  ที่สำคัญคืออย่าไปสบตามันครับ  เดี๋ยวมันอ้อน 

พายุมักจะได้เงินจากผมทุก ๆ เดือนเป็นประจำ  และได้เงินจากโรงเรียนของมันด้วยอีกทางหนึ่ง  ในส่วนของเงินมรดกของมันที่พ่อยกให้  ตอนนี้มันยังไม่มีสิทธิ์ได้ใช้เพราะมรดกอยู่ในความดูแลของแม่มันอยู่ตามที่พ่อได้เขียนพินัยกรรมไว้  เมื่อพายุเรียนจบมันถึงจะสามารถจัดการด้วยตนเองได้  แม่ของพายุได้บอกกับผมเองว่า  ถ้าพายุมีสิทธิ์เรื่องมรดกที่พ่อยกไว้ให้มันเมื่อไหร่  ครึ่งหนึ่งแม่อนุญาตให้ผมเป็นคนจัดการแทนมันทั้งหมด  นั่นหมายถึงพายุจะได้เงินไปครอบครองเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น 

ที่จริงพายุเป็นคนฉลาดใช้เงิน  นอกจากเรื่องเสื้อผ้าแล้วมันจะรู้จักซื้อของและใช้ของอย่างรักษามาตลอด  คงมีเรื่องนี้เรื่องเดียวที่มันอดไม่ได้  เพราะมันเป็นคนฉลาดใช้  ฉลาดเก็บ  มันจึงฉลาดมาไถเงินผมอยู่อย่างที่เห็นนี่ไงละครับ   

"เฮียอ่ะ" พายุลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ ผมทันที  ไอ้โปรดนอนอมยิ้มสบายใจเฉิบ  ผมมองตาขวางปรามนิสัยของมันที่มักนำหายนะมาให้กระเป๋าเงินผมตลอด  ผมยังคงรักษาความเงียบเอาไว้  เรานั่งเล่นสงครามประสาทกันอยู่พักหนึ่ง  พายุจับแขนผมไว้ไม่ปล่อย  มันขยับปลายนิ้วบีบแขนผมนิด ๆ

"น้าเฮีย" มันพูดขอ  ผมหันไปมอง  พายุไม่ได้ยิ้มเพราะหน้ามันยังตายอยู่รูปแบบเดิม  เห็นหน้ามันแล้วก็เหมือนสะท้อนเห็นตัวเอง  ครอบครัวหน้าตาย   

"เท่าไหร่" ผมหันไปถามไอ้โปรด

"แปดหมื่นสี่ กูคิดแปดหมื่นห้าแล้วกัน..ให้ค่าขนมไอ้น้ำที่ขับรถมาส่งกูหน่อย นี่ไม่ได้คิดค่าหิ้วนะ กูให้พิเศษ" ไอ้โปรดยักคิ้วบอกเอาดีเข้าตัว  หน้าตาไม่ได้น่าไว้ใจเลยสักนิด  ผมเบือนหน้าหนีพลางนึกในใจ.."แพงฉิบหาย" รู้สึกเสียดายเงินแบบไม่รู้จะอธิบายยังไง  ผมขยี้หัวตัวเองเซ็ง ๆ อยากเข้าไปกระทืบไอ้โปรดแต่ก็ขี้เกียจจะขยับตัว  ไอ้โปรดปรากฏตัวที่บ้านผมแต่ละครั้ง  ผมไม่เคยเสียเงินต่ำกว่าห้าหมื่นเลยจริง ๆ

"........." ผมเงียบนิ่ง  พายุยังคงนั่งมองผมไม่วางตาเหมือนจะรอดูว่าผมจะเอายังไงกับมันแน่   

"ถ้าภายในห้าเดือนนี้มึงฝากของไอ้โปรดซื้ออีก มึงต้องจ่ายเอง" ผมตัดใจพูดออกไป 

"ได้!" พายุพยักหน้ายิ้มรับคำทันที  มันกลับไปนั่งที่เดิมอย่างไร้เยื่อใย

"ที่สำคัญ.." ผมเอ่ย  พายุหันมามอง  มันเริ่มหุบยิ้มลงทีละนิดคงรู้ว่าผมยังพูดไม่จบ

"ถ้าเกินสี่หมื่น กูจะยึดรถมึง..หนึ่งเดือน" ผมขู่อย่างรู้นิสัยน้องชายตัวดี  พายุขมวดคิ้ว  อ้าปากพะงาบ ๆ อย่างเถียงไม่ออก  ผมเขม่นมอง  เป็นการเตือนว่าผมเอาจริง  ไอ้โปรดหัวเราะเบา ๆ

"แล้วอย่าไปบอกไอ้ดินล่ะ" ผมเตือนก่อน  เดี๋ยวมันน้อยใจอีก

"นี่ของไอ้ดิน แต่มึงไม่ต้องห่วง ราคาที่กูบอกเมื่อกี้คือรวมแล้ว" ไอ้โปรดพูดแกมหัวเราะ  มันชี้นิ้วไปที่ถุง ALEXANDER WANG ผมมองนิ่ง  กำลังรู้สึกเหมือนถูกหลอกยังไงชอบกล 

"ผ่อนได้ไหมวะ เดือนละหมื่น" ผมหันไปถามไอ้โปรดอย่างเหนื่อยหน่ายพร้อมลูบหัวตัวเองเบา ๆ
 
"สัตว์!" ไอ้โปรดด่ายิ้ม ๆ

"กว่าจะครบแปดหมื่น กูไม่ต้องบินจนเหนียงยานเลยรึไง" มันบ่น 

"เฮียเค็มเหมือนอาม้าเลย" พายุพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบา ๆ เรียบ ๆ ไม่รู้พูดบอกใครแต่ตาไม่ได้มองพวกผม  กำลังสำรวจสินค้าของตัวเองอยู่อีกโลกหนึ่ง

"กูก็เก็บไว้ให้พวกมึงใช้สบาย ๆ ตอนกูตายไง" ผมว่าแดก  ไอ้โปรดหัวเราะชอบใจ  ถ้าผมตายขึ้นมา  เงินทั้งหมดจะไปตกอยู่ที่ใคร  ก็ที่พวกมันนั่นแหละครับ  พวกมันจะได้ใช้สบาย ๆ ไปได้อีกเป็นชาติแบบไม่ต้องทำมาหากินก็ยังได้เลย  ผมหมายถึงถ้าไม่ใช้จนเกินฐานะน่ะนะ

"มึงไหวไหม แล้วจำเป็นต้องมาเช้าขนาดนี้เลยรึไง" ผมถาม

"กูลงจากเครื่องก็ให้ไอ้น้ำขับรถไปรับ ก็เลยตรงมาหามึงเลยทีเดียว..แต่ กูขอนอนพักนี่นะ ขี้เกียจกลับบ้านแล้วอ่ะ" มันทำหน้าอ้อนวอนส่งสายตามาทางผมก่อนเหลือบสายตามองไปทางประตูห้อง  พี่ธานเดินเข้ามา

"หวัดดีครับพี่ธาน" ไอ้โปรดทัก

"หวัดดีครับ" พี่ธานยิ้มตอบ

"พี่ธาน หยิบสมุดเช็คให้ผมหน่อยสิ" ผมบอก 

"ขอเงินสด" ไอ้โปรดพูดขึ้นเหมือนรู้ว่าผมกำลังจะทำอะไร 

"ค-วย!" ผมสบถด่าทันควัน 

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ไอ้โปรดหัวเราะดังลั่นเหมือนสะใจที่ถูกผมด่าแบบนี้  พี่ธานยังคงยืนมองอยู่อย่างรอดูว่าตกลงผมจะเอายังไงกันแน่

"กูขี้เกียจไปขึ้นเงิน จะใช้เลย..เอาเงินสด!" ไอ้โปรดกระแทกเสียงเหวี่ยงยิ้ม ๆ ผมมองตาขวางเพราะไม่สบอารมณ์ 

"มึงน่ะ ใช้บัตรเครดิตซื้อของ..ได้ราคาพิเศษ ได้ทั้งสะสมคะแนน มึงอย่ามาทำหัวหมอกับกูไอ้โปรด..แล้วอย่าให้กูรู้นะว่ามึงบวกเพิ่มไปแล้วน่ะ ไอ้เหี้ย!" ผมสบถด่าอย่างรู้ไต๋  มันยังไม่หยุดหัวเราะอีก 

"กูจะทำแบบนั้นได้ไง พายุก็เหมือนน้องกูเหมือนกัน" ไอ้โปรดลอยหน้าลอยตาเถียง  ผมส่ายหัว  ลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เซฟเงินสดที่ห้องทำงานอย่างตัดรำคาญ  หยิบเงินออกมาแปดหมื่นห้าพอดีเป๊ะ  ถือมาทั้งอย่างนั้นแบบไม่คิดจะใส่ซองให้เป็นระเบียบด้วยความหมันไส้

"เอาไป" ผมพูดห้วน ๆ แล้ววางเงินลงบนโต๊ะตรงหน้ามัน  ไอ้โปรดเหลือบตานอนมองหน้าตาเฉย  มันยังคงไม่ยอมขยับตัวลุกขึ้นมานับ  หรือเก็บเงินใส่กระเป๋าไปดี ๆ ดูนิสัยมันสิครับ  ไอ้นี่แม่ง..เห็นแล้วปวดกบาลฉิบหาย

"พี่ธานไปไหน" ผมถาม

"อาบน้ำ" ไอ้โปรดตอบ 

"ตกลงว่ากูนอนนี่" ไอ้โปรดเปลี่ยนเรื่อง  ผมเหล่มองและไม่ตอบรับ 

"นะพายุ..พี่นอนนี่นะ" ไอ้โปรดหันไปหาแนวร่วม 

"..ห้องเยอะแยะ เลือกเอาเองเลยครับ" พายุตอบอย่างไม่สนเพราะกำลังสนใจของที่ตนซื้อมา  ผมส่ายหัว  คนอย่างไอ้โปรดนี่นะจะนอนห้องอื่นที่ว่างอยู่

"พายุอนุญาตแล้ว..งั้นกูนอนห้องมึงนะ มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบกลิ่นห้องที่ไม่มีคนอยู่อ่ะ" มันบอกพร้อมทำตาปริบ ๆ

"เดี๋ยวกูต้องออกไปข้างนอกแล้ว" ผมบอกแล้วเอื้อมหยิบน้ำมาดื่ม

"มึงก็ไปสิ กูไม่นั่งเทียนทับมึงไว้สักหน่อย..กูแค่จะนอนห้องมึงต่างหาก" มันบ่นด้วยคำทะลึ่งจนพายุหัวเราะออกมา  ผมส่ายหัว

"เออ ๆ งั้นอย่าทำห้องกูเลอะล่ะ" ผมขมวดคิ้วเตือน  เพราะไอ้โปรดมันไม่ใช่คนระเบียบเรียบร้อย  ซึ่งผมไม่ชอบเอาซะเลย

"กูออกจะสะอาด" ไอ้โปรดยิ้มกว้างพูดรับปาก

"เฉพาะการแต่งตัวของมึงน่ะสิ" ผมว่าแดก

"หึหึ" พายุหัวเราะอีก

"แล้วนี่ไอ้น้ำไปไหน" ผมถามถึงลูกน้องของมัน

"ไม่รู้อ่ะ พอมาถึง..กูก็บอกมันว่า อยากไปไหนก็ไป" ไอ้โปรดตอบ  ผมถอนหายใจกับนิสัยไม่สนโลกของมัน

"ไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน อยากกินอะไรก็บอกแม่บ้านแล้วนะ..ไอ้ยุ ดูแลพี่ไม่เอาไหนของมึงด้วย" ผมสั่งเสีย

"ค้าบ" ทั้งพายุและไอ้โปรดขานรับแกมหัวเราะ  ซึ่งเป็นการขานรับที่ไร้พลังของความรับผิดชอบเสียมาก ๆ


- - - - - - - - - - - - - - -


14:30 น.  ย่านมารัต ซอย6

ผมยืนมองสมุทรที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้านของเขา  พี่ธานได้โทรเช็กไปที่โรงพยาบาลให้ว่ายายของเขาได้ออกโรงพยาบาลไปแล้วเมื่อเช้านี้  ดูเหมือนวันนี้สมุทรจะลางานหรือเปล่าแต่คงไม่ใช่  เพราะเขายังคงใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็คอยู่  หรืออาจจะเลิกงานครึ่งวันก็น่าจะเป็นไปได้  อากาศที่ร้อนระอุกับอีกฝ่ายที่นั่งขีด ๆ เขียน ๆ อะไรสักอย่างด้วยท่าทางที่ดูไม่น่ามีปัญหากับความร้อนในตอนนี้เลย  เมื่อมีลูกค้ามาซื้อขนม  เขาก็รีบลุกไปแทบจะทันที  ผมยืนดูอยู่อย่างนั้นอยู่พักใหญ่ ๆ พี่ธานกับไอ้เด่นก็ไม่ได้เอ่ยปากบ่นอะไร

"รออยู่ที่นี่นะ" ผมหันไปบอก  ทั้งสองคนมองหน้าผมนิ่ง

"ครับ" ทั้งคู่พยักหน้ารับและไม่ท้วงอะไร  ผมก้มลงมองของสำคัญในมืออีกครั้งก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปหาเขา

"........." เมื่อผมเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงโต๊ะที่วางขายของอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนเจ้าของร้านจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานเกินไปจนแทบไม่ได้ยินว่ามีคนมา  ผมไม่คิดจะเอ่ยปากเรียก  อยู่ ๆ ก็รู้สึกปากหนักขึ้นมากะทันหัน  จนเวลาผ่านไปสมุทรเงยหน้าขึ้นพอดี  อีกฝ่ายแทบผงะ  เราสบตากันอยู่ครู่ใหญ่ ๆ ก่อนที่เขาจะเหสายตาลงช้า ๆ สมุทรวางปากกา  ก้มหน้าลงและนิ่งไป  ความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างเรา  ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร

"สมุทร~" เสียงของยายเรียกเครือจากในบ้าน 

"ครับ" สมุทรขานตอบแล้วรีบลุกขึ้นวิ่งเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว  ผมยืนอยู่อย่างนั้นอยู่ประมาณสิบนาทีเห็นจะได้  เหงื่อเริ่มไหลลงกลางหลังอย่างช้า ๆ จนรู้สึกได้ทุกเม็ด  สมุทรเดินออกมาอีกครั้ง  เขาเดินเข้ามายืนประชันหน้าผม  ห่างกันระยะเกือบเมตร  สายตาและท่าทางไม่ใช่การหาเรื่อง  ใบหน้าที่เรียบนิ่งและปนความสุภาพทำให้ผมอ่านไม่ออกด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดอะไร 

"เรื่องค่ารักษาพยาบาลน่ะ" สมุทรเอ่ยขึ้นเสียงเบา 

"นายจ่ายไม่ไหวหรอก" ผมบอก  แม้จะนอนพักแค่คืนเดียว  แต่ทั้งการรักษาเบื้องต้นและตรวจร่างกาย  อย่างละเอียดรวมไปถึงค่าพยาบาลพิเศษ  ราคาก็ยังเป็นราคามาตรฐานของเอกชนอยู่ดี

"ผมมีจ่าย" เขาตอบอย่างหนักแน่น

"ฉันไม่เอา" ผมย้อนตอบด้วยน้ำเสียงเดียวกันกลับให้  เราต่างเงียบลงอีกครั้ง  ครั้งนี้เราพากันเบือนหน้าไปคนละทางคล้ายระงับอารมณ์โดยไม่มีใครมองหน้าใคร  เหมือนต่างฝ่ายต่างพยายามที่จะใช้สติในการพูดให้ได้มากที่สุด
 
"คุณต้องการอะไรกันแน่" สมุทรพูดเชิงถาม  สายตาที่เขามองมาทางผมเหมือนต้องการคำตอบซื่อ ๆอย่างไม่อ้อมค้อมอะไรจากผม 

"ฉันอยากให้นายไปทำงานกับฉัน" ผมพูดตามจริง  พ่อจะให้ผมช่วยยังไงผมไม่สน  อย่างที่บอก..นี่คือการช่วยเหลือในแบบของผม  ลูกน้องของผมทุกคนได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากผม  ไม่ว่าแม่ใครจะป่วย  พ่อใครจะตาย  ถ้าลูกน้องผมเป็นคนดี  พฤติกรรมดี  ซื่อสัตย์และกตัญญู  ผมถึงไหนถึงกันหมด  ซึ่งถ้าสมุทรมาเป็นหนึ่งในนั้น  ผมเองก็คงจะไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะช่วยเหลือเท่าไหร่  เขาอาจจะได้สิทธิพิเศษมากกว่าลูกน้องคนอื่น ๆ เสียอีก

"ผมไม่ทำ" สมุทรตอบแทบจะทันควัน  เขาจ้องผมตาไม่กะพริบเลยทีเดียว  ผมอมยิ้มออกมาเล็กน้อย  ใบหน้าอีกฝ่ายเต็มไปด้วยบาดแผลจากเหตุการณ์เมื่อคราวก่อนที่ยังไม่หายดี

"..ครอบครัวของผม จะไม่มีทางไปยุ่งเกี่ยวกับพวกคุณอีกต่อไปแล้ว" สมุทรพูด  ผมฉีกยิ้มที่ได้ยินความจริงลึก ๆ จากเขา  คำพูดธรรมดา ๆ ที่ฟังแล้วรู้สึกจุกดี

"ผมอยากให้มันจบแค่นั้น" เขาบอกพร้อมทำท่าจะเดินหนีไป

"ฉันขอโทษ" ผมพูดขึ้น  อีกฝ่ายหยุดนิ่งทันที 

"ขอโทษแทนพ่อฉัน ขอโทษ..ที่ตอนนั้นช่วยอะไรไม่ได้" ผมบอก  สมุทรหันกลับมาช้า ๆ พร้อมรอยยิ้ม  เขาอมยิ้มด้วยสีหน้าเศร้า ๆ แบบที่ผมไม่คาดว่าจะได้เห็น

"ผมไม่เคยโกรธแค้นอะไรพ่อคุณหรอก" สมุทรพูดขึ้น   

"อีกอย่างมันก็ไม่ใช่ความผิดของพ่อคุณสักหน่อย ไม่เคยมีความรู้สึกนั้นเลย..สาบานได้ครับ คนจะถึงฆาต..รั้งไว้ให้ตายก็ไปอยู่ดี" เขาพูดพลางอมยิ้มเล็กน้อย  รอยยิ้มของเขาดูจริงใจจนผมไม่คิดจะตีความเป็นอื่น

"งั้นแล้วทำไม.." ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

"ผม..มีความสุขดี" สมุทรพูดแทรกทันทีด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เขาเหสายตาต่ำลง  ผมได้แต่ยืนเงียบอย่างพูดไม่ออก  ไอ้บ้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมนี่มันกำลังคิดอะไรอยู่กัน

"มันอาจจะดูเหมือนมันทุกข์ แต่ผมขอยืนยันว่า..ใจผมยังคงมีความสุขดี" สมุทรเงยหน้าย้ำพูด  เราเงียบลงครู่เดียว

"ฉันไม่ได้จะให้นาย.." ผมพยายามจะพูดอะไรในแง่มุมของผมบ้าง

"ชีวิตแบบคุณนี่มันสนุกเหรอ" อีกฝ่ายพูดแทรกขึ้น  สีหน้าคล้ายเค้นเอาความ  ผมเงียบลงทันใด  ทั้งผมและสมุทรพากันยืนนิ่งไปครู่ใหญ่  เรามองหน้ากันไม่วางตา  อากาศร้อนระอุ  ความเงียบและไร้เสียงรบกวนรอบข้าง  ปกติผมคงจะเดือดไปแล้วที่ถูกใครมาต้อนด้วยคำพูดแบบนี้  แต่นี่กลับไม่มีอารมณ์แบบนั้นอยู่เลย  มันค่อนข้างว่างเปล่าทีเดียว..

"โทษที" สมุทรพูดขึ้นก่อน

"เป็นความคิดที่ไม่ควรพูดสินะ" สมุทรยิ้มนิดหน่อย  ผมหัวเราะในลำคอไม่ได้ว่าอะไร

"พ่อฉัน..เลิกทั้งกิจการพวกนั้นไปหมดแล้ว แล้วก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอะไรเสี่ยง ๆ อย่างเคยแล้วด้วย" ผมพูดบ้าง

"หึ..คนที่ใช้ชีวิตไม่เสี่ยง เค้าไม่พกปืนกันหรอกครับ" สมุทรย้อนยิ้ม ๆ เหมือนกับไม่เชื่ออะไรที่ผมกำลังพูดบอกนี้เลย  ผมยืนมองหน้าเขาเขม็ง  ทั้งรู้สึกเถียงไม่ออกและในขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่ในอก 

"พรุ่งนี้จะมาใหม่แล้วกัน เพราะฉันยังยืนยันคำเดิม" ผมตัดบทดื้อ ๆ เพราะจะให้ผมยืนต่อกลอนกันไปกันมานานกว่านี้ก็เท่านั้น  ดูท่าอีกฝ่ายจะใจแข็งพอสมควร

"นี่คุณ!" สมุทรอุทานทันทีที่เห็นว่าผมไม่ยอมง่าย ๆ แล้วทำท่าจะเดินหนีเขาด้วย 
 
"นี่คุณพูดไม่รู้เรื่องรึไง" เขาขมวดคิ้วว่าเหมือนเหลืออดต่อผม  หึ..โกรธขึ้นนิดหน่อยซะแล้ว

"นายก็พูดไม่ฟังเหมือนกัน!" ผมหันไปย้อนกลับอย่างไม่แคร์ 

"ฉันมีงานให้นายทำเยอะแยะ ทั้งเงินเดือนและสวัสดิการ..ถ้านายคิดว่านายมีความสามารถมากพอ นายจะได้คุ้มแน่ ๆ" ผมบอก  อีกฝ่ายหันหน้าหนีไปอีกทางเหมือนไม่ต้องการจะฟัง 

"ความสามารถน่ะมีไหม" ผมกวนด้วยน้ำเสียงท้าทาย  สมุทรนิ่งไป  เราเงียบลงอีกครั้ง  ผมจึงรีบสูดหายใจเข้าลึก ๆ

"ที่จริงฉันอยากได้นายมาเป็นเลขาฉันมากกว่าน่ะนะ" ผมแสยะยิ้มบอก

"ผมเป็นผู้ชาย" สมุทรย้อนเหมือนจะเตือนสติผม

"อ๋อ..ลูกน้องฉันทุกคนเป็นผู้ชาย ผู้หญิงมันยุ่งยากน่ะ" ผมยักไหล่กวน  อีกฝ่ายมองผมด้วยสายตาเหมือนผู้ใหญ่มองปรามการกระทำเด็ก ๆ พร้อมกับถอนหายใจอีก  ผมเบะปากรับ  เขาอยากทำยังไงก็เชิญ

"ให้ผมทาย ลูกน้องคุณก็คงเหมือนกันหมด..พกปืน เป็นศิลปะป้องกันตัว" เขาอมยิ้มคล้ายดูหมิ่นผม

"จะบอกว่าฉันพกปืนแบบมีคุณธรรมนะงั้นเหรอ หึ..สุดท้ายก็นองเลือดเหมือนกันนั่นแหละ ใครสักคนก็ต้องตาย..อีหรอบเดิม" สมุทรยิ้มพูดพลางส่ายหัวอย่างรับไม่ได้

"แล้วมันไม่ดีตรงไหน นายยังไม่รู้จักพวกเราเลยด้วยซ้ำ" ผมอดว่าไม่ได้

"ก็ตรงที่ต้องอยู่กับเรื่องที่ไม่สบายใจตลอดเวลาไงล่ะ" เขาขึ้นเสียงแบบที่นาน ๆ จะได้เห็นที  อีกฝ่ายมองผมตาโตอย่างเอาความ

"โอเค..ฉันไม่เถียง" ผมแสยะยิ้ม  ยกมือขึ้นทั้งสองมือเป็นการยอมแพ้ถึงประเด็นนี้ที่เขาว่า
 
"เพราะความจริงที่ฉันอยากได้นาย ก็เพราะนายเป็นมวยนั่นแหละนะ" ผมหัวเราะ  ทำเอาอีกฝ่ายมองค้อนทันควัน  เราจ้องตากันไม่ละสายตา  ต่างฝ่ายต่างเอาชนะ   

"ถ้านายมีสติมากกว่านี้.." ผมพูดขึ้นเสียงเบาแล้วเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น

"นายก็คงจะรู้ว่า..จนถึงทุกวันนี้ที่ครอบครัวนายยังอยู่ได้อย่างสงบสุข ปลอดภัย ไม่ใช่เพราะพวกฉันงั้นรึไง" ผมอดเตือนสติไม่ได้  สมุทรยืนนิ่ง   

"น้องนายที่ไม่ถูกข่มขืน บ้านห่วย ๆ ของนายที่ยังคงอยู่สุขสบายดี ยายนายที่หายป่วย ค่ายมวยกระจอก ๆ ของนายที่ยังอยู่ได้..นายคิดว่ามันเพราะนายมีบุญบารมีเก่าคอยคุ้มกะลาหัวนายอยู่รึไง" ผมแสยะหัวเราะต้อนอีกฝ่ายไม่หยุด  เขาชักเริ่มมองผมตาไม่กะพริบ 

"คุณหมายความว่าไง" สมุทรย้อนเสียงเย็น

"ฉันทำได้ทั้งนั้นแหละ" ผมพูด  แสยะยิ้มมุมปากทีละเล็กอย่างชอบใจที่เห็นเขามีสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาซะแล้ว

"คุณนี่..ระยำกว่าที่เห็นเยอะนะ" สมุทรว่าพร้อมเบะปากนิด ๆ คล้ายเหลือเชื่อ

"หึ.." ผมหัวเราะชอบใจที่ได้ยินอีกฝ่ายด่าผมอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้  นานแล้วที่ไม่ถูกด่าด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้ความเคียดแค้นอย่างที่ควร  ควบคุมตัวเองได้ดีทีเดียว

"เอาเก็บไปคิดแล้วกัน พรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่" ผมบอก  สมุทรไม่ตอบอะไร  ผมยื่นซองจดหมายสีขาวไปให้ตรงหน้าเขา  อีกฝ่ายมองอย่างสงสัย   

"จดหมายพ่อฉันน่ะ" ผมบอก  สมุทรเงยหน้ามองผมทันที

"เค้าเสียไปเมื่อสามปีก่อน..พ่อฉันเขียนไว้ก่อนเสีย เค้าอยากให้ฉันเอาซองจดหมายนี้ให้แม่นาย" ผมบอก  สมุทรก้มหน้ารับไป

"ส่วนเรื่องแม่กับพ่อเลี้ยงนาย..ฉันเสียใจด้วย" ผมบอก  ผมเดินจากมาและไม่ได้หันกลับไปมองเขาอีก

"ผมว่า..." ผมพูดขึ้นเมื่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพี่ธานที่ยืนรอดูสถานการณ์อยู่ไกล ๆ

"ผมคิดถูกแล้วที่เลือกช่วยเขาแบบนี้" ผมแสยะยิ้มมุมปากออกมาทีละนิดด้วยรู้สึกชอบใจแปลก ๆ ที่จริงผมควรรู้สึกผิดบ้างไม่มากก็น้อยที่ไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือให้เงินครอบครัวสมุทรอย่างโต้ง ๆ ตรงไปตรงมา  ปฏิกิริยาตอบกลับจากสมุทร  ทำให้ผมรู้สึกว่าพ่อผมเลือกไม่ผิดที่มีลุงยอดเป็นลูกน้องและเพื่อนรัก  เพราะขนาดลูกชายของเขาเองก็ยังทำให้ผมรู้สึกซาบซ่าในการต้อนเขานี้ได้ดีไม่น้อยทีเดียว..

เสร็จจากนั้น  ผมให้ไอ้เด่นขับไปรอที่ร้านกาแฟที่โรงแรม RATIO ของภาคิน  อีกเดี๋ยวเดียวลูกน้องผมจะเอาผลงานที่ผมรอคอยมาให้  วันนี้ไอ้คินไม่สามารถลงมาหาผมได้เพราะต้องไปต้อนรับแขกคนสำคัญ  พี่ธานกับผมจึงนั่งคุยงานกันไปเพื่อฆ่าเวลา  ส่วนไอ้เด่นก็นั่งสบายใจเฉิบ  แชทคุยกับสาวเขินไปมาอยู่นั่น..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-10-2015 23:32:36 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
"สวัสดีครับคุณไฟ" ผมเงยหน้ามอง  พี่ศรกับไอ้เข้มเดินมาด้วยกัน  พี่ธานมอบหมายหน้าที่งานสืบพวกนี้ให้ไอ้เข้มเป็นคนจัดการ  ส่วน "พี่ศร" เขาเป็นมือปืนอาชีพ  ไม่ขึ้นงานอยู่ที่ใคร  รับงานแบบอิสระ  ผมไม่ค่อยได้ใช้บริการเขาหรอก  ส่วนใหญ่จะใช้ให้สืบเรื่องสำคัญ ๆ มากกว่า 

"นั่งสิ" ผมบอก  ทั้งสองคนเลื่อนเก้าอี้นั่งลง  พี่ศรแต่งตัวดูดีภูมิฐาน  มองเผิน ๆ ก็ดูเป็นคนมีฐานะคนหนึ่ง  รักสงบ  งานอดิเรกคือชอบหายตัวไปทำนา  ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายทำอาชีพด้านมืดอะไรด้วย

"นี่ครับ ตามที่สั่ง" พี่ศรยื่นซองสีน้ำตาลให้ผมมา  ผมหยิบมาก่อนเปิดดูอย่างระมัดระวัง  เมื่อเห็นเนื้องานแล้วจึงเก็บเข้าซองอย่างเดิม  ในนั้นเป็นรูปภาพที่พี่ศรนำปืนจ่อหัวลูกสาวของเจ้าของค่ายมวยส.โชคเจริญโดยที่ทั้งสองคนนั้นไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ  สำหรับผมแล้วการขู่ฆ่าคนที่รักในครอบครัวเป็นการตัดเส้นเลือดใหญ่ของร่างกาย  ผมหมายถึง..ถ้ามันเป็นพ่อแม่ที่จะไม่จิตใจเหี้ยเกินสัตว์น่ะนะ  รายไหนรายนั้นเป็นต้องจำยอมหมด 

".........." ผมหยิบเช็คขึ้นมาแล้วเซ็นค่าเสียเวลาให้พี่ศรไปตามสมควร  พี่ศรรับไปดู

"ขอบคุณครับ" พี่เขาผงกหัวบอก

"แล้วจะให้จัดการไหมครับ" พี่ศรถามถึงเป้าหมายในซอง

"ยังไม่ต้อง" ผมตอบ

"ครับ"

"ไม่มีอะไรแล้ว ขอบคุณมากครับ" ผมบอกพี่ศร

"งั้นลาละครับ" พี่ศรก้มหัวอีกครั้งอย่างนอบน้อมก่อนลุกออกไป  ผมหยิบเงินออกมาจากกระเป๋า  นับแล้วได้หนึ่งหมื่นก่อนวางลงบนโต๊ะตรงหน้าไอ้เข้ม  แม้มันจะไม่ได้เยอะเท่าพี่ศร  แต่ ๆ ละคนมักจะได้เงินนอกไปตามสภาพงานและหน้าที่หนักเบาว่ากันไป  ลูกน้องคนไหนจะได้เพิ่มนอกจากเงินเดือนอีกหรือไม่  ก็ขึ้นอยู่กับงานที่ผมมอบหมายให้ไปทำเป็นรายบุคคล  ไอ้เข้มมักจะได้เยอะและบ่อยกว่าเพื่อนหน่อยเพราะงานมันเสี่ยงกว่าใคร  ทั้งที่ความจริงแล้วพวกมันไม่จำเป็นต้องได้เงินเพิ่มในส่วนนี้ด้วยซ้ำแต่ส่วนใหญ่ผมก็ให้เสมอ  ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่ที่ว่า  ใครจะเอาเงินไปทำอะไรด้วย  พฤติกรรมดีหน่อยผมก็ให้เยอะ  ใครรับเงินไปแล้วเอาเงินไปใช้ละลายทันทีก็ได้รับน้อยไปตามสมควร  พวกมันไม่รู้ตัวหรอกครับว่าผมแอบสังเกตพฤติกรรมพวกมันอยู่ตลอด

"ขอบคุณครับนาย" ไอ้เข้มยิ้ม  มันยกมือไหว้แล้วรีบหยิบเงินเก็บเข้ากระเป๋า

"มึงเอานี่ใส่ซองแล้วเอาไปส่งให้พ่อมัน แล้วส่งคนจับตาดูพวกมันไว้" ผมสั่งงานต่อไปพร้อมกับเลื่อนซองของพี่ศรไปให้กับไอ้เข้ม 

"ครับนาย" ไอ้เข้มพยักหน้า  รับซองไป

"ไปได้แล้ว" ผมพยักหน้าส่ง ๆ ไอ้เข้มยกมือไหว้ผมกับพี่ธานอีกครั้ง

"เข้ม! เย็นนี้ซื้อไรไปเลี้ยงด้วยนะ" ไอ้เด่นรีบบอกพี่ชายตัวเองอย่างมีความหวัง

"มึงจะไม่ให้กูเก็บเงินบ้างเลยรึไง" ไอ้เข้มว่า  ไอ้เข้มเป็นคนมัธยัสถ์  มีเท่าไหร่เก็บ ๆ ใช้จ่ายระมัดระวังตลอด

"โหย..มึงเก็บเก่งกว่านี่ มึงก็จะรวยนำหน้าพี่ธานแล้วนะ" ไอ้เด่นย้อนหน้ามุ่ยอย่างทีเล่นทีจริง

"หึหึ" ผมอดหัวเราะไม่ได้  ไอ้นี่มันพูดถูกใจ  พี่ธานอมยิ้มไม่ได้ว่าอะไร

"อย่าเล่นพี่ใหญ่" ไอ้เข้มกัดฟันแน่น  มันหยิบดอกไม้ในแจกันกลางโต๊ะเขวี้ยงใส่ไอ้เด่นในทันทีที่ไอ้เด่นดันไปเล่นลูกพี่มันแบบนั้น  ไอ้เด่นหลบยิ้ม ๆ ก่อนที่ไอ้เข้มจะเดินไป

"มึงน่ะ เอาแบบมันบ้าง" พี่ธานเริ่มเข้าโหมดคุณพ่อ  ไอ้เด่นเหล่ตาไปอีกทางเหมือนเด็กที่เบื่อจะโดนดุ

"มีเท่าไหร่เอาไปให้ผู้หญิงหมด" พี่ธานว่า 

"รู้เค้าหลอกแต่เต็มใจให้หลอก~ ยิ้มข้างนอก..ช้ำ โอ๊ย!" ไอ้เด่นที่กำลังกวนพี่ธานอยู่ถึงกับหน้าหงายเพราะพี่ธานขว้างช้อนกาแฟเข้ากลางหน้าผากมันอย่างจัง

"พี่ใหญ่ ผมเจ็บ" ไอ้เด่นร้องหน้างอเลย  หลังจากนั้นมันก็หุบปากเงียบในทันทีเพราะพี่ธานมองตาขวางปรามใส่  ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ หยิบสมุดจดงานของผมมา  เป็นสมุดเล่มเล็ก ๆ ที่พกพาไปไหนมาไหนด้วย  ที่จริงผมบันทึกในโทรศัพท์มือถือก็ได้แต่มันไม่ถนัดจะใช้จริง ๆ ผมขีดฆ่างานที่ควรจะสะสางออกไปทีละอัน  รวมไปถึงการได้ไปพบกับสมุทรในวันนี้ก็ถูกขีดฆ่าไปเช่นกัน  คล้ายกับเป็นหนึ่งในงานไปเสียแล้ว  ผมเหลือบมองไอ้เด่นอีกครั้ง  มันกำลังคุยโทรศัพท์อยู่  อีกฝ่ายมองมาที่ผมเป็นระยะเหมือนมีอะไรจะพูดบอก 

"นายครับ คือ..เอ่อ น้าอั๋นโทรมาบอกว่าต้องการคนไปช่วยอบรมอ่านแผนที่พรุ่งนี้อ่ะครับ" ไอ้เด่นบอกด้วยท่าทางเกรงใจเหมือนรอให้ผมอนุญาต  น้าอั๋นที่ว่าถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัย

"ก็ไปสิ" ผมอนุญาตเพราะรู้ว่ามันชอบงานแบบนี้

"แต่เค้าบอกว่า อบรมสองวันแบบนอนค้างอ่ะครับ" ไอ้เด่นยิ้มเจื่อน  ผมกลอกสายตาพร้อมถอนหายใจเล็กน้อย

"อือ" ผมพยักหน้าตอบ

"ขอบคุณครับ!" มันรีบยกมือยิ้มไหว้อย่างดีใจ

"ไปได้ครับน้า" ไอ้เด่นรีบตอบรับคนที่อยู่ปลายสาย

"ครับ..ครับ พรุ่งนี้เช้า..กลับวันมะรืนบ่าย ได้ครับ หวัดดีครับ" มันยิ้มพูดไม่หยุดก่อนตัดสายไป 

"แฮ่" มันยิ้มเขินที่เห็นสายตาผมกับพี่ธานที่จ้องมองมันอยู่ตลอด

"คุณไฟอนุญาตก็จริง แต่กูก็ไม่ได้อนุญาตไม่ให้มึงงดซ้อมเช้านะ" พี่ธานพูดขึ้นนิ่ง ๆ ผมยักคิ้วให้ไอ้เด่นอย่างเยาะเย้ย  มันรู้ดีว่าถ้ามันหยุดซ้อมสองวันพี่ธานจะสามารถรู้ได้ยังไง  ถ้ามันกลับถึงบ้าน  มันจะถูกซ้อมหนักกว่าคนอื่นแน่  และถ้าร่างกายของมันสู้ไม่ไหว  แสดงว่าสองวันที่ผ่านมามันคงเอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ เอกเขนกไปวัน ๆ

"พี่จะไม่ให้ผมพักบ้างเลยเหรอ" ไอ้เด่นพูดด้วยสีหน้าเรียกร้องความเป็นธรรม

"แบบนี้นี่ยังไม่เรียกว่าได้พักงานอีกเหรอ" พี่ธานย้อนดุ ๆ ทำเอาไอ้เด่นถึงกับเถียงไม่ออก  ผมอมยิ้ม   

"กลับได้แล้ว..ไป ห้องนอนกูพังไปแล้วมั้งป่านนี้" ผมบ่น  นึกเป็นห่วงห้องนอนตัวเองขึ้นมาที่ปล่อยไว้ในเงื้อมมือของไอ้โปรด


18:15 น.  บ้านเลิศประสงค์


บรื้น  ๆ ๆ  ~

"เฮย" ผมร้องเพราะเหมือนได้ยินเสียงลูกรักดังมาจากในโรงรถ  ใครกล้าเอามาเล่นวะไอ้สัตว์! 

"ไอ้เหี้ย จอด ๆ ๆ" ผมตบเบาะด้านคนขับอย่างร้อนใจสั่งให้ไอ้เด่นจอดรถ  มันยังไม่ทันจอดสนิทดีผมกับพี่ธานก็แทบกระโดดลงจากรถทันที


บรื้น  ๆ ๆ ๆ ~~  ...ผมชะงัก  กวาดตามองลึกเข้าไปก็เห็นต้นเหตุของเสียง  ไอ้โปรดนั่งคร่อมบิ๊กไบท์ BMW R NINE T รุ่นล่าสุดคันของพี่ธานที่เพิ่งไปถอยออกมาได้ไม่นานมานี้  ผมปิดปากกลั้นหัวเราะอย่างสบายใจในทันทีที่นั่นไม่ใช่คันใหม่ล่าสุดของผมที่เพิ่งไปถอยมาพร้อมกับของพี่เขา
 
"คุณโปรด" พี่ธานอุทานมองไปที่ไอ้โปรดอย่างอึ้ง ๆ เหมือนทำตัวไม่ถูก  พี่ธานแกรักรถของแกมาก  นอกจากผมและพายุแกก็ไม่ให้ใครแตะเลยด้วยซ้ำ  จะไม่ให้รักได้ยังไงก็มันสวยออกเสียขนาดนี้  แพงกว่า BMW รุ่นล่าสุดของผมซะอีก  แถมรุ่นนี้เป็นรุ่นที่พี่ธานซื้อด้วยเงินเก็บของตัวเอง  มันก็ต้องรักต้องหวงเป็นธรรมดา 

"คุณโปรดนี่จริง ๆ เลยนะครับ" ไอ้เด่นออกมายืน  มันแอบอมยิ้มเพราะไม่กล้าหัวเราะออกมา  ไม่อย่างนั้นมันอาจจะโดนพี่ใหญ่ฆ่าเอาได้  พวกลูกน้องคนอื่นพากันยืนมองยิ้มเจื่อน ๆ ดูเหมือนทุกคนทั้งห่วงพี่ธานแต่ก็ไม่กล้าห้ามไอ้โปรด  รวมไปถึงไอ้น้ำลูกน้องตัวดีของไอ้โปรดด้วย  มันยืนยิ้มแหยหน้าเจี๋ยมเจี้ยมที่เจ้านายของมันก่อความวุ่นวายอีกแล้ว 

"ไปละน้า~" ไอ้โปรดโบกไม้โบกมือมาทางผมและพี่ธานด้วยท่าทางร่าเริงไม่รู้สึกรู้สาพร้อมกับขับรถออกจากบ้านไป 

"เดี๋ยว! คุณโปรด เดี๋ยวครับ..คุณ! เบาครับ ..เบา ๆ" พี่ธานอ้ำอึ้ง  ทำท่าจะวิ่งตามไปแต่ก็ชะงักด้วยท่าทีไม่แน่ใจ  นี่คงเป็นพี่ธานที่ดูจะทำตัวไม่ถูกในรอบหลายปีที่ผมไม่ได้เห็นมานานทีเดียว  เสียงรถเร่งดังลั่นซอยอีกครั้ง
 
"อ้ากกกก! คุณโปรด!!" เจ้าของรถกัดฟันคำรามพร้อมกับกำหมัดแน่นอย่างหาทางออกไม่ได้  พี่ธานยืนเท้าเอว  หายใจแรงด้วยใบหน้าเครียดจัด

"เด็กบ้าเอ๊ย" พี่ธานสบถคล้ายกับเหลืออด  ผมคิดว่าพี่ธานคงอยากจะด่าว่า.."เด็กเวร" มากกว่าแต่ยั้งปากไว้เพราะเกรงใจผมน่ะนะ

"หึหึหึ" ผมปิดปาก  พยายามมีมารยาทกลั้นขำแล้วแต่เอาไม่อยู่จริง ๆ ผมเดินเข้าไปตบบ่าพี่ธานอย่างให้กำลังใจ
 
"เอาน่า.." ผมบอก  ถ้าไอ้โปรดจะไม่ซนเกินควรรถก็คงจะไม่เป็นอะไร  อย่างไรเราก็ต้องเชื่อใจในฝีมือของมัน  เห็นไอ้โปรดที่เอาแต่เล่นหัวเล่นหางอย่างนั้นแต่ฝีมือการขับรถของมันก็ไม่ไก่กา  มันเคยเป็นถึงหนึ่งในนักแข่งรถระดับเยาวชนมาก่อน  แม้มันจะผันตัวมาทำตามหาสิ่งที่ชอบแต่ก็เหมือนการจับรถและการเล่นกับความเร็วเป็นของที่ไอ้โปรดถนัดที่สุด  ลูกพี่ลูกน้องของไอ้โปรดอย่าง.."พี่สน"  ที่เป็นเจ้าของสนามแข่งรถที่ผมกับไอ้โปรดถือหุ้นส่วนอยู่ก็เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของพี่ธานด้วย  พี่สนเป็นถึงนักแข่งอาชีพที่ไปประลองสนามแข่งมาแล้วทั่วโลก 

"อย่าให้กูรู้นะว่าใครเอากุญแจให้คุณโปรด" พี่ธานหันไปหมายหัวพวกลูกน้องตาขวาง  พวกมันยืนหน้าเอ๋อ  ไม่ยอมสบตาพี่ธานกันเลย

"เอ่อ..ยุไม่ได้ให้นะ" พายุพูดขึ้นหน้านิ่งแต่เสือกทำตากะหลับกะเหลือก  พี่ธานจ้องหน้าพายุเขม็ง 

"คุณ พายุ.." พี่ธานย้ำเสียงอย่างขอความจริง 

"พี่โปรดเค้าขอเข้าห้องพี่ธานอ่ะ" พายุพูดเสียงเบา  พอพี่ธานได้ยินดังนั้นก็ถึงกับกัดฟันจนสันกรามมันบูดจนเห็นเด่นชัด  พี่ธานหลับตาลงในทันที  เสียงมอเตอร์ไซค์ดังลั่นซอยไม่หยุดและเริ่มใกล้เข้ามาที่พวกเรามากขึ้นเรื่อย ๆ ผมหันไปมองที่ประตูรั้ว  เพียงครู่เดียวไอ้โปรดก็บิดรถเข้ามาด้วยความรวดเร็ว..


เอี๊ยด!  ....ไอ้ตัวดีตั้งใจเบรครถกะทันหัน  รถจอดสนิทอยู่ตรงหน้าผมและพี่ธานเพียงฝ่ามือเท่านั้น  ผมถอนหายใจที่ดูท่าเพื่อนรักผมยังไม่ยอมหยุดกวนตีน   

"สมราคา..ชื่นใจสุด ๆ" ไอ้โปรดเปิดหมวกกันน็อกพูดบอกด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่งไร้อาการสำนึกผิด 

"กรุณาลงจากรถของผมด้วยครับ" พี่ธานที่ยืนเท้าเอวมองอยู่พูดสั่งเสียงเรียบ  หน้าเริ่มนิ่งลงได้บ้างแล้ว

"ลูกน้องมึง ..ขี้งกจัง" ไอ้โปรดทำหน้าไม่สลด 

"มึงนี่มัน" ผมส่ายหัวปราม  ไอ้โปรดหัวเราะแล้วลงจากรถ  พี่ธานส่ายหัวเล็กน้อยแล้วเดินไปคร่อมรถตัวเองก่อนขับกลับไปในโรงรถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"ไหนบอกง่วงนอน" ผมบ่นมัน

"หึ..กูเพิ่งตื่นนี่แหละ" ไอ้โปรดตอบแกมหัวเราะ  มันเดินตามผมเข้าบ้านมา  พวกลูกน้องพากันแยกย้ายสลายตัว

"ก็มันเพลีย ๆ เลยอยากหาอะไรทำแบบสดชื่น ๆ ดู" มันพูด

"รถมึง มึงยังหวงเลย" ผมบ่นถึงรถยนต์สองคันที่มันไม่ให้ใครแตะเลยสักคน  คันที่ใช้ประจำคือคันที่สาม..เป็นคันที่ไอ้น้ำสามารถนำไปใช้ขับไปไหนมาไหนคอยรับใช้มันนี่ละ

"กูไม่เคยหวงรถนะ" ไอ้โปรดย้อนทันควัน  ผมเหล่มองปราม

"มึงน่ะ หวงรถมากกว่าหวงตูดมึงซะอีก" ผมว่าแดก

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ ก๊าก จริงดิ..กูไม่ยักรู้ตัว มึงนี่รู้ใจกูฉิบหาย" ไอ้โปรดหัวเราะเสียงดังลั่นบ้านอย่างสะใจ  พร้อมเข้ามากอดคอผมไปด้วยท่าทางที่ไม่เจ็บปวดใด ๆ ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

"คืนนี้ไปไหนกันดีอ่ะ กูอยากกลับบ้านแบบมีคนกลับด้วย" มันทำหน้าเจ้าเล่ห์

"มึงไม่เหนื่อยบ้างรึไง" ผมว่า

"พอไม่มีงานปุ๊บ..กูก็รู้สึกไม่เหนื่อยเลย แต่ถ้าพอรู้ว่าพรุ่งนี้มีงาน..วันนี้กูจะเหนื่อยทันที" ไอ้โปรดทำหน้าทำตากวนอารมณ์  ผมหัวเราะ  ก็จริงของมัน

"วันนี้มึงไปไหนมาวะ" ไอ้โปรดถาม  เราเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น

"ไปหามนุษย์เหล็ก" ผมอมยิ้มตอบก่อนนั่งลง  ไอ้โปรดขมวดคิ้วยิ้ม ๆ ด้วยท่าทางอยากรู้  มันเดินอ้อมไปที่โซฟาอีกตัว

"หึหึ ใคร"

"มึงไม่รู้จักหรอก" ผมตอบ

"แต่..วันหลังมึงช่วยอย่าไปยุ่งกับรถพี่ธานเค้าจะได้ไหม ไอ้เหี้ยนี่เล่นไม่ดูเลย" ผมเตือนมัน  ถึงแม้ว่าพี่ธานเขาจะไม่ทำอะไรไอ้โปรด  แต่เพื่อนผม ๆ ก็ต้องบอกเตือนบ้าง  พี่ธานก็คงคิดอย่างนั้นเหมือนกัน

"ก็แค่อยากลองขับดูเอง" ไอ้โปรดตีหน้าซื่อ

"มึงก็ซื้อสิ" ผมว่า  มันชอบลองขับมอเตอร์ไซค์ของคนนู้นคนนี้เขาไปเรื่อยแต่ไม่เคยซื้อเป็นของตัวเองสักคัน  ทั้งที่มันมีปัญญาจะซื้อและมีฝีมือที่จะขับได้ดีมากอีกด้วย 

"ไม่เอาหรอก ให้กูขับมอเตอร์ไซค์นี่นะ เอาชีวิตไปเสี่ยงชัด ๆ" มันกลอกตาแบบรับไม่ได้  ไอ้โปรดเป็นคนแปลกอยู่อย่างหนึ่ง  มันเคยเป็นนักแข่งรถยนต์ระดับเยาวชน  มันชอบความเร็ว  ชอบความสูง  ชอบความท้าทาย  มันขับแข่งรถได้ดีมาก  ขับมอเตอร์ไซค์ก็ทำได้ดีเหมือนกับมีอยู่ในสายเลือด  แต่มันก็มีลิมิตในการเล่น  เช่น..อะไรที่เสี่ยงเกินไปมันกลับไม่ทำ  ไม่รู้เพราะว่าอุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้นสมัยก่อนเป็นเหตุด้วยหรือเปล่า  มันไม่เคยปริปากพูดเรื่องนั้นอีก

"ขับมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทยนี่นะ เสี่ยงยิ่งกว่า..มีเซ็กส์แล้วไม่ใส่ถุงยางอีกนะมึง" มันพูดเป็นจริงเป็นจัง  ดูมัน..ยังเล่นไม่เลิก  ผมส่ายหัวก่อนมองปราม  ไอ้โปรดอมยิ้มน้อย ๆ

"กูจริงจัง..มึงก็ไม่ควรไปขับของคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตก่อน" ผมย้ำเสียงเข้ม

"ค้าบ" ไอ้โปรดทำเสียงยานคางเหมือนรับปากไปงั้น

"หึ..กูก็แค่อยากหยอกพี่ธานเล่นเฉย ๆ มึงเห็นหน้าพี่แกป่ะเมื่อกี้..กูนี่กลั้นขำสุด ๆ" มันพูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์พร้อมนำมือปิดปากตัวเองไว้ด้วย  ผมพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้เพราะเดี๋ยวเพื่อนผมมันจะเหลิง

"ตกลงวันนี้ไปไหนดี พรุ่งนี้กูจะพักละ..วันมะรืนบินไปปารีสอีก น่าเบื่อ" ไอ้โปรดเบะปากทำเสียงเหนื่อยขึ้นมาอีก

"กูเบื่อ กูเบื่อ..กูเบื่ออออออ!" มันลากเสียงยาว  ผมเองก็เซ็งกับนิสัยของมัน

"กูเกลียดการเป็นสจ๊วต! เบื่องานนี้จนจะเฉาตายอยู่แล้ววววว" ไอ้โปรดทำเสียงโอดครวญ
 
"มึงเบื่อมึงก็ลาออกไปสิ" ผมว่ามัน  ตอนแรกเห็นอยากทำดิบดี  พอทำมาได้สักพักก็บ่นเบื่อนู่นเบื่อนี่ไม่หยุด  อารมณ์เข้า ๆ ออก ๆ ได้อีก

"ก็คิดอยู่อะนะ แต่..กูต้องทำเป้าหมายกูให้สำเร็จก่อน" ไอ้โปรดเอนตัวเองพิงโซฟาพร้อมเงยหน้าขึ้นสูง

"เป้าหมายอะไร" ผมขมวดคิ้วสงสัย

"ก็เป้าหมายหาคนรู้ใจที่รวยพอจะเลี้ยงกูได้ทั้งชาติไง" มันกระแทกเสียงตอบแต่ผมรู้ว่ามันพูดเล่น 

"หึ..หึหึ" ผมหัวเราะอีกแล้วทั้งที่พยายามจะไม่หัวเราะแล้วอะนะ  ไอ้โปรดอมยิ้ม

"กูว่าแค่มึงได้เอาก้นไปถูเป้าผู้โดยสารชั้น First Class ระหว่างเค้าหลับน่ะ นั่นก็บุญโขแล้วนะ" ผมว่าแกล้งประชดประชันมันไปงั้น

"ไอ้สัตว์! กูไม่เคยทำ..อย่างมาก ก็แค่ Business Class อีกอย่าง..กูแค่แอบมองเป้าแค่นั้นเองเหอะ" ไอ้โปรดย้อนด้วยสีหน้าจริงจังเล่นผมกลับอย่างไม่แคร์โลก  ผมกัดฟันไว้เพื่อไม่ให้ยิ้ม  ผมละเชื่อกับความหน้าทนของมันเลยครับ

"มึงอาบน้ำรึยังเนี่ย" ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะหาเรื่องแกล้งมันไปก็ไม่สะเทือน  ยิ่งพูดยิ่งต่ำลงเรื่อย ๆ ดังนั้นควรพอก่อนดีกว่า

"อาบแล้วเหอะ มึงไปดูห้องมึงได้เลย" มันกระหยิ่มยิ้ม  พูดซะขนาดนี้นี่ไม่ต้องจินตนาการเลยทีเดียว  ถ้าเห็นสภาพห้องคงบอกได้ว่ามันอาบจริงหรืออาบไม่จริง

"เฮ้อ ไอ้โปรด" ผมส่ายหัวบ่นอย่างเหนื่อยใจ  ห้องผมคงพังไปแล้วละ

"วันนี้ไปหาไอ้คินดีกว่า" มันเปลี่ยนเรื่องทันที 

"เฮีย..พี่โปรด อยู่กินข้าวด้วยกันไหม" พายุโผล่หน้าเข้ามาถาม
 
"ทำไม พายุทำเหรอ" ไอ้โปรดถามกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้น

"อืม..ยุจะทำไก่ทอดซอสบาบีคิว กับผัดมักกะโรนีน่ะ ถ้าพวกเฮียไม่อยู่ ยุจะได้ไม่ทำเผื่อ"

"อยู่สิ อยู่..ไม่อยู่ได้ไงเล่า" ไอ้โปรดยิ้มตอบอย่างเอาใจพายุ 

"โอเค" พายุพยักหน้าตาย ๆ ก่อนเดินออกจากห้องไป

"กูขอเป็นเมียน้องมึงได้ป่ะ.." ไอ้โปรดพูดทีเล่นทีจริงขึ้นมา  ผมอมยิ้มพร้อมหันหน้าหนีมัน

"เพราะถ้าเป็นผัว กูคงเอามันไม่อยู่" ไอ้โปรดพูดแกมหัวเราะ

"หึหึ" ผมหัวเราะ

"..มันก็เอาคนอย่างมึงไม่อยู่เหมือนกัน" ผมย้อนว่า  ไอ้โปรดนี่ใช่เล่นเมื่อไหร่  คนปกติเดาอารมณ์มันไม่ถูกหรอกครับ

"ไม่เอา ไม่ว่าเพื่อน" ไอ้โปรดขยิบตาใส่

"น้องมึงนี่ อีกนิดนึงก็จะสเปกกูละ" ไอ้โปรดทำท่าทำทางเป็นงานเป็นการ

"ทุกอย่างโอเคหมด ยกเว้นหน้า" ไอ้โปรดเบะปากเหมือนไม่ชอบ

"ยังไง.." ผมถามยิ้ม ๆ เพราะพายุมันก็หน้าตาดีออกจะตาย

"ไอ้เหี้ย หน้าตาดีกว่ากูอีก..ไม่ไหวนะ หน้าแบบนี้มารุกกู กูไม่ Enjoy อ่ะ" มันทำหน้าขยาดอย่างจริงจังจนผมขำจนรู้สึกหน้าร้อนไปหมด

"กูละสงสัย พายุมันตายด้านเหรอวะ..ไม่ยอมมีแฟนเลย" ไอ้โปรดสบถด้วยสีหน้าอยากรู้  ไม่ใช่แค่มันที่สงสัย  ขนาดผมเองที่เป็นพี่มันก็สงสัยมาตลอด

"มันคงรอคนที่ใช่มั้ง" ผมเดาส่ง ๆ เพราะจากที่เห็นโดยสายตาแล้วมันก็ไม่เคยมองใครหล่อหรือมองใครสวย  หรือสนใจใครเป็นพิเศษอะไร  ใครเข้ามาจีบก็ไม่เห็นว่าจะเลือกหรือให้โอกาสใครในระยะยาวสักที 

"กูก็รอคนที่ใช่นะ..แต่การกักเก็บน้ำเอาไว้ให้คนที่ใช่แบบไร้จุดหมายแบบนี้ สำหรับกู มัน..ม่าย ช่าย~" ไอ้โปรดทำหน้าดัดจริตทะลึ่งไม่หยุด  ผมหัวเราะอย่างยั้งไม่อยู่  ไอ้นี่เวลาที่จะทะเล้นก็ทะลึ่งทะเล้นจริงจัง  แต่เวลาที่เงียบ ๆ ก็จะไม่คุยกับใคร  อารมณ์มันสุดโต่งอย่างกับคนเป็นโรคนะครับ
 


..........ไฟ..........

ปล. ตอนที่ 6 นี้  ยาวกว่าตอนอื่น ๆ ที่ผ่านมา  หลังจากนี้ผู้เขียนขอพักร่างกายสักครู่ใหญ่ ^ - ^ และถ้าเห็นคำผิดใด ๆ ต้องขออภัยด้วยนะคะ  บอกกล่าวมาได้ค่ะ  คนเขียนค่อนข้างเหนื่อยมาก  ดังนั้น..ได้ดีแค่เท่านี้  ขอบคุณมากค่ะ

..ขอนอกเรื่องนิดนึง..
ตอนแรกว่าจะไม่พูด  ไม่ทัก - อยากปล่อยผ่านไป.. แต่แบบเห็นบ่อยเกิน  มากันหลากหลายแนวเลยทีเดียว! 55555++ #อดไม่ได้   :katai1:

พี่ธาน  ชื่อว่า "พี่ธาน" สะกดด้วยตัว "-น"

ย้ำแรง ๆ อีกครั้ง  "ไอ้พี่ธาน"  ชื่อว่า "พี่ธา-น" มาจากชื่อเต็มว่า "อาธาน" ซึ่งได้กล่าวถึงชื่อเต็ม(จริง)ของพี่ธานไปแล้วในตอนที่ 1  และทุกครั้งเบบี้ก็ใช้ตัว "-น" สะกด  ไม่ใช้ตัวสะกดตัวอื่นนะคะ  และไม่ใช่คำเดียวกับคำว่า..อาทาน แบบนี้ด้วยค่ะ
 
คิดว่าชื่อของคนเราแต่ละคนจะสะกดอย่างไรมักไม่มีหลักการที่แน่นอน  ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน  ดังนั้น..ที่อดมาบอกไม่ได้นี้  เพราะไม่ทราบว่าคนคงอ่านลืม  หรือคลาดเคลื่อนด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่  ..ถ้าชอบพี่ธาน  โปรดใช้ "น-หนู" เถอะค่ะ   :impress2:
(อยากเห็นนอ.หนูมากกว่า >"<) ..กร๊ากกกกกกกกก #ซาบซึ้งยิ่งนักที่อ่าน ~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2015 00:14:01 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
รู้สึกว่าไฟสามารถสร้างโอกาสให้สมุทรเป็นฝ่ายได้ไล่ตามบ้างแล้ว หลังจากไล่ตามเค้ามาเงียบ ๆ จนไม่เงียบก็แล้วสมุทรก็ไม่ให้ความร่วมมือ  :jul3: สู้ ๆ นะคะไฟ มาถูกทางแล้วล่ะ จะไปเอาลูกชายบ้านเค้าก็ต้องเข้าทางผู้ใหญ่นี่ล่ะ  :laugh:


รอตอนต่อไปค่ะ


:katai3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sweetbasil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
พอรู้ประวัติแต่ละคนนี่มันคนเก่งฟ้าประทานจริงๆๆ :-[

ออฟไลน์ aehJTS

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-8
ตอนนี้ได้ยินเสียงสมุทรเยอะมากปริ่มเลยยยยย :-[
แถมด่าไฟได้ตรงและแรงดี แอบสะใจเบาๆ :laugh:

 :pig4:  ค่ะ

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
ยาวจุใจมาก รอตอนต่อไปนะ^^

ออฟไลน์ ren

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
    • " Welcome To Y Entertainment "
คู่ของโปรดต้องแซ่บมากเเน่ๆ 5555

ออฟไลน์ Youch06

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
พายุตลกดีอ่ะ

สงสารพี่ธานเลย น่าจะจัดการสักทีสองทีนะ 55555555

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
รีบๆมาอยู่กับไฟนะสมุทร แล้วชีวิตคุณจะมีสีสัน
ป๋าไฟเค้าเลี้ยงดียิ่งกว่าศูนย์ศิลปชีพบางไทรทุกคนเลย 
ชอบความสัมพันธ์ของบ้านนี้จังเลี้ยง+ดูแลลูกน้องดีมาก
ทั้งเปิดโอกาส สนับสนุน ซนหน่อยอย่างเด่นก็เลี้ยงด้วยลำแข้ง 555555 

ปล. ยินดีต้อนรับเบบี้กลับเข้าสู่วงการอย่างอบอุ่นจ้า ปรบมือรัวๆ  :mc4: :mc4: :mc4:

ปล. โปรดขี้แกล้ง 5555555 

ปล. เรื่องนี้คนอ่านยังเดาไม่ออกแฮะว่าไฟกับสมุทรนี่ใครพระเอกใครนายเอก
 คนนึงก็โหดเกิ๊นน คนนึงก็น้ำนิ่งไหลลึก ลุ้นมาก ณ จุดนี้

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
น่าจะอีกนานกว่าสมุทรจะใจอ่อน ไฟสู้ๆ ยังเดาไม่ออกว่าใครจะรุก อิอิ

ส่วนพี่โปรดทำตัวได้น่าโดนจริงๆ ถ้าเราเป็นพี่ธานคงอยากจะกระทืบแต่เกรงใจไฟ 55555555

แต่ยังไงก็ยังชอบพายุ ขอให้พายุกะพี่ธานได้กัน :call:

ออฟไลน์ DasHimmel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
นิสัยเสียจริงจริ๊งพี่โปรด อยากจะรู้ละเนี่ยว่าใครกันนะทำพี่แกหลงชอบตอนนี้
ยิ่งอ่าน ยิ่งรู้นิสัยตัวละครยิ่งอยากจะอ่านต่อ ติดเรื่องนี้งอมแงมละเนี่ยยยย
 :ling1:

ออฟไลน์ toou

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
ลุ้นว่าไฟจะเอาน้องสมุทรมาเป็นเลขาได้ยังไงงงงงงง  ฮ่าๆๆๆๆ
ดื้อจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ KaniSui

  • ♪(*^ ・^)ノ⌒☆
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-0
เห็นนะที่บอกว่าให้ไปแต่งเอง กร๊ากกก บ้าหราาา ก็แค่เดาเฉยๆ แต่อะไรยังไงต้องคนแต่งเท่านั้นสิ แหมมม

เม้นตอน5ก่อนแล้วกันนะ 55555

ขอบ่นเรื่องพี่ไฟ นิสัยไม่ดีอ่ะ คือเอายายเขาเข้ารพ.แพงๆแล้วยังจะบังคับหมอให้แอดมิดอีก
ฉันรู้นะว่าพี่มีแผนอะไร ระวังพ่อสมุครคนดีจะเกลียดเอาเหอะ

พี่ธารกับน้องพายุ เมื่อไหร่จะงุ้งงิ้งกันให้เห็นล่ะ เอาแบบไม่ธรรมดาอ่าา 5555



เดี๋ยวอ่านตอน6ต่อ ปวดตับกับพี่ไฟมากจุดนี้ ดื้ออ่า กร๊ากกก

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
โปรดเป็นคนแปลก แต่นี่แหละสเป็กเราเลย 555555555
มันต้องอย่างนี้สิ บางทีเดาอารมณ์ไม่ได้มันก็เร้าใจนะบอกเลย  :hao7:

ออฟไลน์ Madness69

  • Love@Sickness
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +235/-0
    • Madness69 Fanpage
อ่านทันแล้วเว้ยยยย เฮ้ย เอ้า เฮ้ย เฮ้ย  :z2:

อ่านไปก็คิดไป ไอ้น้องบี้มันคิดงานเขียนโตขึ้นเยอะเลยเว้ยเฮ้ย ขอชื่นชมอ่ะ
มาจนถึงจบตอนที่ 6 แล้ว (สำหรับเจ๊)ยังไม่อาจจะคาดเดาอะไรได้
ทั้งคู่หลัก คู่รอง เพราะคดีอาจมีพลิกได้ ก็คนเขียนมันชอบแกล้งคนอ่านให้ลุ้น
เอาเป็นว่าขอติดตามต่อไปเรื่อยๆ อีกซักหน่อยดีกว่าอะนะ

ขอบคุณไอ้น้องบี้ที่เขียนมาให้อ่านจ่ะ พักผ่อนบ้าง อะไรบ้างนะ
 :mew1:

ปล. 1) ความรู้สึกอ่านตอน 2 นึกว่าจะ ไฟ-โปรด เอ๊ะ! หรือว่าจะเป็น โช-โปรด พอมาถึงตอน6 นี้ รู้สึกแม่งๆ หรืออาจจะเป็น พี่ธาน-โปรด วะคะ
      2) ยืนยันเหมือนเดิม เค้าชอบพายุ อ่ะ ^^
      3) น่าจะมีโชตะ น้องเมฆ ?????



ออฟไลน์ ดวงตะวัน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ดีใจที่ได้อ่านนิยายของเบบี้อีก สนุกมากเลย รอติดตามตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ heroza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ไฟ มีแง่มุมเป็นตัวขอตัวเองดีจัง ชอบๆ
รออ่านต่อไปค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ my.atty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ชอบพี่โปรด   อยากอ่านฉากมุ้งมิ้ง(?)ของพี่ไฟเร็วๆ
เนื้อเรื่องยาววว แน่ๆ เลยแบบกว่าจะใจอ่อนรักกันไรเงี้ย :กอด1:

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
ลูกน้องไฟแต่ละคนไม่ธรรมดาเลยเก่งๆทั้งนั้นแต่เจ้านายลูกน้องที่นี่ดูเหมือนกับคนในครอบครัวเดียวกันมากกว่า

ฮาพี่ธานโดนโปรดแกล้งซะของแทบขึ้น555..รอลุ้นสมุทรนะอยากให้มีชีวิตที่ไม่ต้องดิ้นรนขนาดที่เป็นอยู่สงสารมาก

ถ้าไปทำงานกับไฟอย่างน้อยความกังวลเรื่องยายกับน้องสาวก็จะได้หมดไป

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
อยากเจอสมุทรแบบเยอะบ้างจัง  :mew1: :mew1:

ไม่เอาไม่แกล้งพี่ธานนะคะ :mew3:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
คิดถึงพี่เบบี้อ่ะ
เอาจุ๊บไป 10 ทีนะค่ะ

มาต่อบ่อยๆนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
ชอบสไตล์โปรดอ่ะ กะล่อนมากๆเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด