"กินข้าวกันมารึยัง!" ผมที่กำลังถอดแจ็คเก็ตออกเตรียมขึ้นไปนอนเก็บแรงบนห้องเห็นพายุวิ่งหน้าตั้งออกมาจากทางครัวใหญ่พร้อมกับใส่ผ้ากันเปื้อนด้วย ผมชะงักเหลือบมองพี่ธาน เพราะหน้าตาพายุดูมีความหวังสุด ๆ พี่ธานมองผมกะหลับกะเหลือก
"กินแล้ว ที่ Ding Tai Fung" ผมตอบ พายุหน้างอเป็นจวักทันควัน เราสองฝ่ายยืนประชันหน้ากันด้วยความเงียบที่เกิดขึ้นชั่วพริบตา รู้สึกทะมึน ๆ ผมเกาหัวตัวเองหน่อย ๆ
"วันนี้ยุอุตส่าห์รีบกลับมาทำกระเพาะปลาน้ำแดง กับข้าวเหนียวสังขยา เฮียมากินเลยนะ" พายุพูดเสียงเรียบซึ่งเป็นโทนเสียงเดียวกันหมด คำฟังดูพูดกึ่งบังคับ ผมนิ่งมอง ก็ผมบอกว่าผมกินมาแล้ว ๆ มันจะให้ผมยัดอาหารลงไปอีกนี่นะครับ ผมอมยิ้มให้เพราะก็คงว่าอะไรมันไม่ลง มันก็คงตั้งใจจะทำให้กินนั่นละ
แต่ก่อน..พายุรู้ว่าผมไม่ค่อยชอบกินข้าวเหนียวสังขยา เนื่องจากบางเจ้ามีรสชาติที่ค่อนข้างหวานโด่แต่มันก็พยายามหัดทำในรสชาติแบบไม่ค่อยหวานเพื่อให้ผมได้กินได้ จนในที่สุดมันก็ประสบความสำเร็จ หลังจากนั้นเป็นต้นมา ผมรู้สึกว่ามันจะทำบ่อยเกินไป บ่อยแบบไม่ได้ถามไถ่เจ้าของปากเลยว่ามันเป็นเวลาที่ผมอยากกินข้าวเหนียวสังขยารึเปล่า บางทีผมก็ไม่ได้อยากกินอะครับ ไม่รู้จะพูดบอกมันยังไง แต่จะให้ผมบอกว่าผมชอบกินข้าวเหนียวสังขยาเฉพาะฝีมือของน้องชายผมทำคนเดียวก็ได้นะครับ
"ไม่กิน อิ่มแล้ว..มึงไม่โทรบอกกูก่อนล่ะ" ผมว่า อีกมุมหนึ่งคือมันก็ผิด พี่ธานยืนอมยิ้ม
"ก็ยุนึกว่าเฮียจะกลับเย็น ไม่คิดว่าจะกลับเร็ว" มันย้อน หน้ายังนิ่งไร้อารมณ์ พายุค่อนข้างชอบทำอาหาร การทำอาหารคือหนึ่งในงานอดิเรกของมัน ถ้าวันไหนมันขี้เกียจมันจะไม่ทำเลยแต่ถ้าวันไหนมันนึกอยากจะทำละก็ มันจะทำทันทีและชอบมาบังคับให้คนอื่นท้องว่างเพื่ออาหารของมันอย่างที่เห็น
"ตกลงจะไม่กินใช่ไหม" พายุจ้องมาที่ผม เป็นประโยคที่บอกผมเป็นนัยยะว่า..
"กูจะเคืองมึงแล้วนะ" "เออ ๆ เดี๋ยวมากิน กูไปนอนก่อน" ผมบอกปัด ตอนนี้สมองเบลอไปหมด ไม่รู้ว่าเพราะช่วงนี้นอนไม่ค่อยพอหรือเพราะอากาศข้างนอกนั้นร้อนจนเกินไปกันแน่
"โอเค" พายุยิ้มออกมาอย่างพอใจ
"พี่ธานล่ะ จะกินเลยไหม" มันเบี่ยงความสนใจ
"ยังไม่ดีกว่า ขอบคุณครับ..เดี๋ยวพี่รอกินพร้อมคุณไฟแล้วกัน นี่พี่อิ่มมากเลย" พี่ธานรีบแก้ตัวใหญ่ สงสัยกลัวว่าพายุจะโกรธ คนที่เอาใจพายุที่สุดในบ้านคงเป็นพี่ธานนี่ละครับผมว่า เอ..หรือว่าเป็นผมวะ
"งั้นก็ได้" พายุพยักหน้าตอบ
"คุณพายุคะ จะให้ป้าแบ่งให้พวกเจ้าหินเลยไหมคะ" เสียงป้าอิ่มเดินเข้ามาได้จังหวะพอดี ผมกับพี่ธานรีบแยกย้ายกันเข้าห้องของตัวเองอย่างรวดเร็วในขณะที่พายุกำลังหันไปสนใจอย่างอื่น
- - - - - - - - - - - - -
16:32 น. ย่านมารัต ซอย 6
"ผมว่าวันนี้เราได้กินกันทั้งวันแน่ ๆ" ผมบ่นขึ้นระหว่างทางที่กำลังจะเดินไปที่บ้านของสมุทร พี่ธานกับไอ้เด่นเดินตามหลังมา
"นี่อิ่มจนจะหลับอีกรอบอยู่แล้ว" ผมว่า พี่ธานยิ้ม ผมนำมือลูบหน้าลูบตาตัวเองเรียกสติทั้งสองมือ เมื่อกี้โดนพายุจัดหนักมาด้วยกันทั้งหมดนี่ละ กินอาหารที่มันทำกันแบบจำใจต้องกิน ถึงแม้ว่ามันจะอร่อยก็เถอะ
"คุณไฟจะทำอะไรครับนี่" พี่ธานถามอย่างสงสัย ผมดูเวลาแล้ว ปกติวันนี้สมุทรจะกลับค่อนข้างเย็น ดังนั้นตอนนี้เขาจะไม่อยู่บ้าน ผมไม่ได้จะมาพบเขาแต่จะมาเพื่อสังเกตความเป็นอยู่ก็เท่านั้น
"เปล่านี่..ก็แค่ มาทักทายเฉย ๆ" ผมตอบ พี่ธานเหล่มองผมเหมือนไม่ไว้ใจ ผมอมยิ้มตอบ เมื่อเดินไปถึงหน้าบ้านของสมุทร ผมจึงตากวาดดูขนมไทยตรงหน้าที่วางเรียงรายอยู่ห้าหกอย่าง
"แล้วคนขายไปไหน" ไอ้เด่นพึมพำชะเง้อหา หน้าบ้านไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว เงียบมากแม้กระทั่งด้านในบ้านก็ด้วย
"แดดก็ร้อนเป็นบ้า" ผมหรี่ตาทันทีที่ถอดแว่นตากันแดดออก รู้สึกว่าเหงื่อสามารถผลิตออกมาได้ไม่หยุด
"มีมะยงชิดลอยแก้วของชอบคุณด้วยครับ" พี่ธานชี้นิ้วไปอย่างตกใจ ผมหัวเราะเบา ๆ เพราะเมื่อกี้เห็นแล้วว่ามี ยังคิดอยู่ในใจเลยว่าจะสั่งมากินสักหน่อย ก็ไม่ได้ชอบอะไรนักหรอกครับแต่ก็พอกินได้บ่อย ๆ
"ขอโทษครับ! ซื้อขนมหน่อยค้าบ!" ไอ้เด่นทำหน้าที่ตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ
"จ้า~" เสียงคนแก่ด้านในตอบรับ พวกเรามองหน้ากันไปมา หลังจากนั้นประมาณห้านาทีก็เห็นยายของสมุทรเปิดประตูมุ้งลวดออกมาด้วยความเนิบช้า เธอมองมาที่เราทั้งสามคนที่ยืนจังก้าอยู่หน้าร้าน เรียกว่าสามารถปิดร้านได้แทบมิด พวกผมยืนนิ่งสนิทเพราะผมเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นยายของสมุทรออกมาด้วยตัวเอง ทุกคนได้แต่ยืนเงียบ ๆ ลุ้นมองว่ายายแกจะสามารถเดินออกมาหาพวกเราได้อย่างปลอดภัย ดูเหมือนใช้แรงงานคนแก่ยังไงชอบกล
"รอเดี๋ยวนะจ๊ะ" เธอหันหน้ามายิ้มพูดบอกพวกผมก่อน แกคงเกรงใจที่ตัวเองทำอะไรก็ช้าไม่ได้ดั่งใจและพวกผมจะรอนาน อีกมือหนึ่งจับที่จับมุ้งลวดเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองให้ใส่รองเท้าได้ถนัด
"เอ่อ ไม่..เป็นไรครับ" ผมพูดตะกุกตะกักแล้วกระทุ้งข้อศอกใส่ไอ้เด่น มันยิ้มแหย ๆ อย่างรู้งานแล้วรีบวิ่งเข้าไปหายาย
"เดี๋ยวผมช่วยครับยาย" ไอ้เด่นรีบเข้าไปช่วยพยุงจนยาวใส่รองเท้าได้สำเร็จ
"ใจดีจังนะ..ขอบใจจ้ะ ขอบใจ" เธอยิ้มบอก พยายามเดินมาที่โต๊ะขนมอย่างระมัดระวัง
"รับอะไรกันดีล่ะ" เธอถามแล้วเงยหน้ามองหน้าผมอย่างอ่อนโยน เป็นคนสูงอายุที่มีใบหน้าอ่อนโยนอย่างสังเกตได้ชัดเจน
"ผมเอา..มะยงชิดลอยแก้วครับ" ผมบอก เธอเงยหน้ามองพวกเราอย่างตั้งใจฟัง คล้ายกับว่ากำลังพยายามจดจำออเดอร์ที่เรากำลังจะสั่งทั้งหมดเข้าไปในหัวทีเดียว
"ผมเอาสาคูเปียกครับ" พี่ธานสั่งด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ
"ส่วนผมเอา บัวลอยถั่วเขียวครับ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายายก็ขายด้วย" ไอ้เด่นยิ้มชมหน้าทะเล้นตามสไตล์ ไอ้ห่านี่จะพูดยาวเสริมประโยคทำไม เดี๋ยวยายก็จำไม่ได้พอดี
"ขายมานานแล้ว หนูเพิ่งมาครั้งแรกใช่ไหม" ยายหันไปมองหน้าไอ้เด่น ผมได้แต่ยืนมอง
"ครับ พอดีว่านายผม.." ไอ้เด่นพูดจ้อไม่หยุด
"อะแฮ่ม" พี่ธานกระแอมในลำคอทันทีทำเอาไอ้เด่นหุบปากลง
"พอดีว่าเรา อยากกินขนมไทยน่ะครับ ก็เลยลองเดินหาดู" ไอ้เด่นรีบแก้ตัวไปหน้าซื่อ ๆ
"จ้ะ ๆ..กินที่นี่ใช่ไหม นั่งก่อนนะ นั่งก่อน" เธอยกมือขึ้นทำสัญญาณบอกให้พวกผมไปนั่ง ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะที่อยู่ในร่มกว่าตัวอื่น ๆ หน่อย พี่ธานเดินมานั่งตาม
"เดี๋ยวผมช่วยนะครับ" ไอ้เด่นบอก มันยังคงกุลีกุจอหยิบนู่นหยิบนี่แทนยายที่แม้แต่จะหันตัวก็ยังเชื่องช้าไปหมด ผมนั่งมองหน้าพี่ธาน พี่ธานหันกลับไปมองในบ้านเหมือนอยากรู้ว่าคนอื่นหายไปไหนกันหมด ครู่หนึ่ง ยายของสมุทรก็นำมะยงชิดถ้วยของผมมาเสิร์ฟให้ด้วยตนเอง ผมมองลุ้น เธอประคองถ้วยทั้งสองมือแล้วเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง ผมเหลือบมองคาดโทษไอ้เด่นที่มันไม่รู้จักหน้าที่ตัวเอง อีกฝ่ายที่กำลังตักนู่นตักนี่อยู่หันมาปะทะสายตากับผมพอดี มันยิ้มแหยเกาหัวแบบที่ทำอะไรไม่ทันแล้ว
"นี่จ้ะ หน้ามะยงพอดีเลยนะ พ่อหนุ่มนี่โชคดีจริง ๆ รีบกินเข้านะ" เธอยิ้มบอกผม มือที่ถือถ้วยอยู่วางถ้วยลงบนโต๊ะอย่างช้า ๆ ผมสังเกตเห็นได้ว่าเธอมือสั่นคล้ายกับว่าควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ดีนัก
"ขอบคุณครับ" ผมก้มหัวให้เล็กน้อย เมื่อถ้วยวางลงบนโต๊ะได้อย่างปลอดภัยแล้ว ยายของสมุทรก็นำมือดันถ้วยมาเพื่อให้อยู่ตรงหน้าผมมากขึ้น ผมรีบจับถ้วยมาด้วยตัวเองเพื่อให้อะไรมันง่ายและรวดเร็ว เมื่อมันวางพอดีตรงหน้าผมแล้ว ยายจะได้เลิกกังวล
"พ่อหนุ่มนี่ หน้าคุ้นตาจังเลยนะ" เธอจ้องมองหน้าผมและอมยิ้ม ผมยิ้มให้เพียงนิดเดียวเท่านั้นและไม่ได้พูดอะไรกลับไป ยายหันกลับไปอีกทางเหมือนจะเดินไปหยิบอะไรสักอย่าง ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเพื่อเช็ดเหงื่อ พี่ธานเองก็เหมือนกัน ตอนนี้อากาศร้อนอบอ้าวมากขนาดที่ทั้งที่ผมและพี่ธานนั่งอยู่เฉย ๆ เหงื่อก็ยังไหลออกมาไม่หยุด ไม่อยากจะคิดว่าคนที่บ้านนี้อยู่กันไปได้ยังไง
แกรก~ ...พวกผมหันไปมองที่ประตูบ้าน เห็นน้องสาวสมุทรเดินออกมา เธอชะงักเล็กน้อยที่เห็นพวกผมสามคน สายตาที่แสดงถึงความระแวงและความกลัวอ่านออกได้ง่ายมาก หลังจากนั้นเธอก็อมยิ้มผงกหัวให้พวกผมอย่างรู้จักรักษาท่าที พี่ธานเป็นฝ่ายประนีประนอมแทนผมเสมออยู่แล้ว เขาจึงผงกหัวยิ้มตอบให้ดาวอย่างเป็นมิตร
"ยาย..ยายจะออกมาทำไมล่ะ" เธอรีบเข้าไปช่วยพยุง ไอ้เด่นถอยออกไปเล็กน้อย
"ทำอะไรอยู่ ลูกค้ารอ" ยายบ่น ใบหน้าดุ ๆ ซ่อนแววให้เห็น ดาวหน้าเจื่อน
"เปิดพัดลมให้ลูกค้าหน่อย มันร้อน" เธอชี้ไม้ชี้มือไป ผมหยิบช้อนคนถ้วยมะยง ในหัวกำลังนึกว่าถึงเปิดพัดลมก็คงจะมีแต่ลมร้อนอยู่ดี ทั้งปูนซีเมนต์ ทั้งแดดตอนสี่โมงที่อย่างกับไม่ต้องการปราณีใคร เหมือนจะฆ่าคนได้ทั้งเป็น
"เดี๋ยวหนูทำให้เองค่ะ" ดาวพูดบอกยายของเธอ
"อะ ๆ ดี ๆ" ยายว่าแล้วหันตัวกลับไปที่โต๊ะขนมหวานอีกครั้ง
"เดี๋ยวยายทำเอง หนูไปนั่งไปลูกไป" ยายไล่ไอ้เด่นที่ในมือยังคงถือทัพพีอยู่ มันเหลือบมามองผมเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไรดี ผมมองมันเพียงครู่เดียว ถ้าเรื่องแค่นี้มันยังคิดเองไม่ได้มันก็คงจะปัญญาอ่อนเต็มที
"ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวผมช่วยครับยาย..ผม กลับไปนั่งไม่ได้" ไอ้เด่นพูดด้วยน้ำเสียงเกรง ๆ จนพี่ธานหลุดหัวเราะเบา ๆ ผมยิ้มมุมปาก ตักมะยงชิดขึ้นกิน อากาศร้อนแบบนี้ก็ช่วยได้ไม่น้อยทีเดียว ดาวนำพัดลมมาเปิดให้ เธอพยายามไม่สบตาพวกผมจนสังเกตได้ พอเธอเปิดพัดลมให้เสร็จแล้วเธอก็รีบเดินไปตักน้ำนำมาเสิร์ฟ
"นี่ครับพี่ธาน" ไอ้เด่นนำสาคูเปียกมาเสิร์ฟให้
"ขอบใจ" พี่ธานบอกแล้วเลื่อนถ้วยมาวางตรงหน้า
"พ่อหนุ่ม เอา..เอา อะไรนะ" ยายพึมพำถามไอ้เด่น
"บัวลอยถั่วเขียวครับ" ไอ้เด่นตอบ
"อ๋อ จ้ะ ๆ" ยายรับปาก ผมกับพี่ธานกินกันเงียบ ๆ รสชาติกำลังพอดีเลยแต่ก็แน่นท้องเป็นบ้า
เคล้ง!!! ....เสียงทัพพีตกกระแทกพื้นอย่างดัง พวกผมหันไปมอง
"ยาย!" ดาวอุทาน ผมกับพี่ธานลุกขึ้นในทันทีที่เห็นว่ายายของสมุทรล้มลงกับพื้น
"คุณยาย" ผมรีบเข้าไปช่วยพยุงเธอไว้ แขนของยายที่เท้าพื้นเพื่อทรงตัวไว้สั่นจนแทบเอาไม่อยู่ เพียงพริบตาเดียวเธอก็เป็นลมล้ม
"ยายจ๊ะ ยาย" ดาวร้องหน้าเสีย
"มีโรคประจำตัวรึเปล่าครับ" พี่ธานถามดาว สีหน้าเธอซีดเผือดคงเพราะตกใจ ผมก้มลงมอง เห็นยายหอบหายใจแรงเหมือนกับหายใจไม่ถนัด และตาของเธอเริ่มหรี่ลงทีละนิด
"ไม่มีค่ะ" ดาวตอบ
"มียาดมไหมครับ" ผมถาม ดาวพยักหน้าแล้วรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน
"ไอ้เด่น ไปหันพัดลมมา" ผมบอก ไอ้เด่นรีบวิ่งไปทันที ไม่ถึงห้านาทีดาวก็วิ่งกลับมา
"หนูหาไม่เจอ" ดาวพูดเสียงสั่น เธอยื่นยาหอมมาให้
"ยาย" ดาวเรียกอีกครั้ง
"คุณยายครับ" ผมเรียก ดูเหมือนเธอจะหายใจไม่สะดวกแล้ว
"ไปเอารถมา ไปโรงพยาบาล" ผมสั่งไอ้เด่น ไอ้เด่นพยักหน้าและรีบวิ่งไป ดาวมองพวกผมด้วยสายตาที่ร้อนรนและยังคงดูไม่ไว้ใจ รถจอดไว้ไกลจากปากซอยพอดูและก็คงนำเข้ามาในนี้ไม่ได้ด้วย
"คือว่า.." เธออ้ำอึ้ง
"พาไปโรงพยาบาลดีกว่า เผื่อจะร้ายแรงอะไร" ผมรวบรัด ดาวพยักหน้าตอบแบบที่ดูลังเลในความคิด
"เดี๋ยวหนูขอโทรหาพี่ชาย.." ดาวทำท่าจะลุกขึ้น
"เอานามบัตรให้เค้าไป" ผมบอก พี่ธานพยักหน้าแล้วรีบนำนามบัตรให้กับเธอ ผมออกแรงอุ้มยายขึ้น ดาวมองตามตาละห้อย
"จะไปแค่โรงพยาบาลใกล้ ๆ แถวนี้ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ" ผมบอก
"คือว่า..พี่คะ" ดาวพยายามจะเข้ามาห้ามแต่อีกนัยหนึ่ง เธอก็เหมือนไม่อยากจะห้ามเท่าไหร่
"ฝากยายหนูด้วย" เธอบอก ผมเพียงยิ้มและพยักหน้าตอบ ผมอุ้มพายายกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมาที่หน้าปากซอย พี่ธานเปิดประตูรถให้ ไอ้เด่นรีบขับรถไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในละแวกนี้ เป็นโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อเสียงพอสมควร ยายของสมุทรได้เข้ารับการรักษาในทันที ผมและทุกคนได้แต่นั่งรออยู่ที่หน้าห้องตรวจ เพียงสิบห้ายี่สิบนาทีหมอก็เดินออกมา
"คุณเป็นญาติคนไข้เหรอครับ" หมอถาม สายตาที่มองมาที่พวกเราเหมือนไม่มั่นใจนัก
"เปล่าครับ..พอดีว่า ผมไปกินอาหารที่ร้านยายแก เลยพามาส่งแทน" ผมตอบ หมอพยักหน้า
"คือว่าอย่างนี้นะครับ คุณยายอายุมากแล้ว ผมก็ไม่ทราบว่าเกิดอาการแบบนี้บ่อยหรือเปล่า" หมอวิเคราะห์
"ตอนนี้ทางเราให้คุณยายพักไปก่อน..ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงอะไรครับ จากที่พวกคุณเล่า ผมคาดว่าคุณยายน่าจะเป็นลมแดด แต่..สำหรับคนอายุเท่านี้ ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ถูกวิธี หรือถ้าเป็นในขั้นรุนแรงก็อาจจะเสียชีวิตกะทันหันได้นะครับ ต้องระวังหน่อย" หมอบอกด้วยสีหน้าเป็นกังวล
"ครับ" ผมพยักหน้า
"แล้ว..ต้องนอนพักสักกี่วันครับ" ผมถาม
"วันนี้ก็กลับบ้านได้เลยนะครับ ถ้าคุณยายฟื้น" หมอยิ้มบอก
"เอ่อ ผมคงไม่ว่างอยู่รอ" ผมพูด
"เอาเป็นว่า..ถ้ายายฟื้นแล้วช่วยตรวจร่างกายแล้วให้แกนอนพักไปสักคืนนึงได้ไหมครับ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด..ผมจัดการเอง" ผมบอกแกมบังคับ สีหน้าในตอนนี้ก็คงจะดูบังคับอยู่ด้วย
"ครับ ได้ครับ" หมอพยักหน้ารับก่อนหันไปพูดบอกพยาบาลก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไป
"คุณไฟครับ..เบอร์แปลก ดาวรึเปล่า" พี่ธานบอก พี่เขายื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ผม โทรศัพท์เครื่องนี้พี่ธานจะรับแทนผมซะส่วนใหญ่ เพราะเป็นโทรศัพท์ที่ให้เบอร์ไว้กับทางนามบัตรของผม ไม่ใช่เบอร์ถึงผมโดยตรงเพราะผมไม่ชอบรับสายจากคนอื่นที่ผมไม่รู้จัก ขี้เกียจปั้นเสียง
"ครับ" ผมทัก
"ขอโทษนะคะ หนูโทรจากร้านขนมเมื่อกี้นี้น่ะค่ะ..ไม่ทราบว่ายายหนูเป็นยังไงบ้างคะ" เธอถาม น้ำเสียงหวาน ๆ พูดอย่างระมัดระวังคำพูดทำให้ผมถึงกับอมยิ้มออกมากับมารยาทของเธอ
"ปลอดภัยแล้ว เป็นลมแดดน่ะ" ผมตอบ
"เหรอคะ เฮ้อ..ค่อยโล่งอกหน่อย" เธอถอนหายใจแรงในทันที
"แล้ว..หนูต้องไปรับยายที่ไหนเหรอคะ แล้ว..มี ค่าใช้จ่ายอะไรบ้างคะ" เธอถามเสียงเบาลงเหมือนเกร็งขึ้นมา เปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว
"ตอนนี้ยายอยู่โรงพยาบาล HN น่ะ..หลับอยู่ หมอบอกให้พักผ่อน..แล้วก็ต้องรอตรวจร่างกายด้วย คืนนี้ต้องนอนที่นี่สักคืน" ผมโกหกตอบออกไป หลังจากนั้นเธอก็เงียบไปแทบสนิท ผมเองก็เงียบด้วยเพราะไม่รู้จะพูดอะไร
"เดี๋ยวหนูให้พี่ชายหนูไปเจอคุณได้ไหมคะ" เธอพูด
"ได้สิ..เดี๋ยวฉันจะให้คนติดต่อกลับไปแล้วกันนะ" ผมตัดบทพลางอมยิ้มมุมปากเล็กน้อย
"ค่ะ" เธอตอบรับ
"เท่านี้นะ" ผมบอก
"ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ" ดาวบอกก่อนที่ผมจะชิงตัดสายก่อน
"จะให้ผมติดต่อคุณสมุทรไปเหรอครับ" พี่ธานถาม
"ไม่ต้อง" ผมตอบ ยื่นโทรศัพท์กลับคืนไปให้พี่ธาน
"เดี๋ยวอีกฝ่ายก็โทรมาเอง..แล้วถ้าเค้าโทรมา ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องตอบอะไร บอกแค่ว่ายายเค้าพักอยู่ที่ไหน..ออกได้วันไหนก็พอ" ผมบอก
"ได้ครับ"
"คุณจะกลับเลยเหรอครับ" พี่ธานถาม
"อืม วันนี้ผมมีซ้อม..ไม่อยากผิดตารางซ้อมน่ะ" ผมว่า เย็นวันนี้ผมมีซ้อมมวย ช่วงนี้ไม่ได้ขึ้นชกแต่ก็ยังต้องฟิตร่างกายไว้อย่างสม่ำเสมอ ก็เป็นเจ้านายคนนี่ครับ ถ้าขี้เกียจก็คงคุมลูกน้องแบบไอ้พวกนี้ไม่ได้
"เรื่องพยาบาลพิเศษน่ะ" ผมเอ่ย
"อ๋อ เรียบร้อยแล้วครับ" พี่ธานตอบทันควัน ผมพยักหน้า
"งั้นก็คงไม่มีอะไรต้องห่วง" ผมพูด
"กลับกันเถอะ" ผมบอก
"แน่นท้องฉิบเป๋งเลย กูจะตายไม่เนี้ย" ผมถอนหายใจ เดินลูบท้องตัวเองบ่นพึมพำ
"นั่นสิครับ จุกแน่ ๆ" พี่ธานถอนหายใจด้วยอีกคน คงหมายถึงตอนซ้อม..ได้มีจุกกันแน่ ๆ ไม่ต้องเดาเลย
...........ไฟ...........