The Rest Bar, RATIO HOTEL
"ไงมึง หายหัวไปตั้งนาน" ไอ้คินทักทันทีที่เห็นผม มันเข้ามากอดไหล่ผมไปและพาไปที่โต๊ะที่จองไว้ให้แล้ว
"ภาคิน"..คือเพื่อนสนิทที่ผมรู้จักในมหาวิยาลัยสมัยเรียนปริญญาตรี เราเรียนสาขาบริหารธุรกิจมาด้วยกัน เราสนิทกันมาตั้งแต่เริ่มเรียนปีหนึ่ง ผมจำได้เลยว่ามันดีใจที่เห็นหน้าผมในคราสเรียนปีหนึ่งครั้งแรก ทั้งที่เราไม่รู้จักกันแต่มันกลับเรียกให้ผมไปนั่งกับมันด้วยท่าทางตื่นเต้น แถมยังชวนคุยเหมือนรู้จักกันมานานอีกด้วย
"กูหรือมึงที่หายหัว" ผมว่า เพราะไอ้คินบินไปต่างประเทศบ่อยมาก บินไปเพราะธุรกิจ เดี๋ยวโผล่ประเทศนู้นเดี๋ยวไปประเทศนี้ หาตัวจับยากมากได้อีก
"ไอ้โปรดไม่มาเหรอ" ไอ้คินถาม ไอ้คินกับไอ้โปรดรู้จักกันได้เพราะผมเป็นสื่อกลาง
"มีบินโตเกียวมั้ง วันนี้ หรือพรุ่งนี้นี่แหละ..ไม่แน่ใจ" ผมลืมสนิท พนักงานเดินมารับออเดอร์
"เอาไร" ไอ้คินถาม
"เบียร์" ผมตอบเพราะอยากดื่มอะไรเบา ๆ เนื่องจากเหนื่อยสะสมมาหลายวัน
"เหมือนเดิมนะ" ไอ้คินถาม
"อืม" ผมพยักหน้าตอบ
"Westvleteren 12" ไอ้คินสั่งพนักงานมันอย่างรู้ใจผม
"กินไรไหม" มันถาม
"ไม่อ่ะ" ผมตอบปัดพร้อมถอนหายใจ ไอ้คินปัดมือไล่พนักงาน พนักงานมันผงกหัวเล็กน้อยก่อนเดินไป
"ของหวานไหม" มันอมยิ้มกะล่อน
"ไม่มีอารมณ์" ผมตอบตามความจริง
"โฮ..ไม่มีอารมณ์ มึงเป็นผู้ชายมึงพูดแบบนี้ไม่ได้นะไอ้เหี้ยไฟ" ไอ้คินยิ้มกว้างส่ายหัวเหมือนรับไม่ได้
"ใช่ไหมพี่ธาน" มันยักคิ้วไปทางพี่ธานที่ยืนอยู่ด้านหลังผม พี่ธานก้มหัวเล็กน้อยเหมือนบอกเป็นนัยว่า.."อย่าให้ผมแสดงความคิดเห็นเลยครับ" ประมาณนั้น
"นั่งด้วยกันสิพี่" ไอ้คินกวักมือเรียก ผมหันไปพยักหน้าอนุญาต พี่ธานเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
"สามที่" ไอ้คินสั่งพนักงานที่เพิ่งนำเบียร์มาเสิร์ฟ
"ไปไหนมาวะ หน้าตามึงดูอารมณ์ดีมาก" มันพูดขำ ๆ เหมือนประชด
"ไปเจอป๋ามา แล้วก็เจอไอ้เหี้ยกริดด้วย" ผมตอบ
"ฮึ..ดวงมึงนี่สมพงศ์กันดีนะ" ไอ้คินหัวเราะ ผมส่ายหัวเซ็ง ๆ ก่อนยกเบียร์ขึ้นจิบ
"จับมันทำเมียดิ เผื่อมันจะหายพยศได้บ้าง ไม่แน่..มันอาจจะแอบชอบมึงอยู่ก็ได้นะ" ไอ้คินกวนตีนไม่เลิก พี่ธานหัวเราะซะหน้าแดง
"ไอ้เหี้ย เอาซะของกูหดเข้าไปในไข่" ผมสบถ
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ไอ้คินหัวเราะชอบใจ
"คุยเรื่อง FORCE เหรอ" ไอ้คินถามเพราะมันรู้อยู่ก่อนหน้านี้แล้วว่าผมจะลงทุนกับป๋าจงเปิดผับ ผมพยักหน้าตอบ
"มันจะหุ้นด้วย" ผมตอบ
"หะ!" ไอ้คินอุทานด้วยสีหน้างง ๆ
"มันต้องการกวนตีนมึงแน่" ไอ้คินขมวดคิ้วเป็นโบเลยทีเดียว
"แล้วมึงจะทำยังไง"
"รอดูป๋าไปก่อน แต่ถ้าป๋าเอามัน..กูก็ถอนตัว แค่นั้น" ผมตอบ ไอ้คินพยักหน้ารับแล้วยกเบียร์ขึ้นดื่ม ผมบอกให้ไอ้คินเปลี่ยนเรื่องคุย เราเลยคุยเรื่องธุรกิจของมันแทน บ่นนู่นบ่นนี่ไปเรื่อยจนเกือบชั่วโมง
"มึงเห็นน้องชุดขาวที่ยืนอยู่นั่นเปล่า" ไอ้คินชี้นิ้วไปที่มุมตรงเคาร์เตอร์ของร้าน ผมหันไปมองตาม เห็นผู้หญิงสวมชุดเดรสสีขาวรัดหุ่นที่เข้ากับหุ่นพอดี มองแล้วสะอาดตา
"PR ร้านกูเอง..จ้องจะแดกมึงมาได้พักใหญ่ละ หึหึหึ" ไอ้คินพูดขำ ๆ ทำเอาพี่ธานขำออกมาด้วย
"เซ้าซี้บอกให้กูแนะนำให้รู้จัก" ไอ้คินพูด
"แล้ว..ปกติก็ปกตินี่หว่า" ผมพูด ผมก็มาร้านไอ้คินหลายครั้งแล้ว เธอก็มาต้อนรับปกติดี ไม่ได้มีท่าทีผิดสังเกต ผมหมายถึงก็ไม่ได้ให้ท่าเกินควรอะไร
"มึงก็จีบน้องมันหน่อยดิว้า" ไอ้คินนำศอกมากระทุ้งแหย่ผม
"ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจ" ผมทำหน้าเบื่อหน่าย
"โว้~..ไอ้เหี้ยนี่ อะไรของมึงเนี้ย!" ไอ้คินสะบัดหัวอย่างรับไม่ได้ เสียงมันดังลั่น ผมหัวเราะ ก็ขี้เกียจจริง ๆ นี่ครับ
"กูบอกว่ากูไม่มีอารมณ์ก็คือไม่มีอารมณ์ ไอ้เหี้ย..นี่กูตั้งใจมาหามึงนะ" ผมด่ามันด้วยน้ำเสียงไม่พอใจบ้าง เบื่อคนเซ้าซี้ฉิบหาย
"ครับ ๆ ๆ กูผิด" ไอ้คินรีบเอาใจผมทันที
"กูว่ามึงผิดปกตินะ เหนื่อยเหรอ" ไอ้คินอมยิ้มถาม ผมเบะปากอย่างใช้ความคิด
"งั้นมั้ง" ผมตอบส่ง ๆ
"ก็...." ผมเอ่ยก่อนทิ้งน้ำเสียงลง
"เติมเบียร์ไหมคะ" ผมหันไปตามเสียง ผู้หญิง PR คนที่ไอ้คินพูดถึงก่อนหน้านี้เดินเข้ามายิ้มถามผม ผมพยักหน้าตอบเล็กน้อย ไอ้คินกับพี่ธานมองผมเขม็ง เธอจัดการรินเบียร์ให้ผมด้วยท่าทางชำนาญตามสายอาชีพ ในสายตาของผมแล้ว ผู้หญิงที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างเธอที่สวมใส่ชุดสีขาวกับหุ่นขาว ๆ เซ็กซี่แบบนี้แล้วต้องมารินเบียร์ให้ผม มันช่างไม่น่ามองเอาซะเลย ผมไม่ได้จะวัดคุณค่าของความเป็นเธอจากตรงนี้หรอกนะครับแต่ถ้าเป็นเมียผม ผมไม่ให้ทำแบบนี้ต่อหน้าผมแน่ ซึ่งก็นั่นละ..นี่มันอาชีพเธอน่ะนะ
"ขอบคุณครับ" ผมบอกแล้วรับแก้วเบียร์มา
"พี่คินเติมไหมคะ" เธอถามไอ้คิน
"อะไร..ของพี่ก็เกือบหมดเหมือนกันนะ" ไอ้คินแซวเธอ เธอยิ้มเขิน หันหน้ามาปะทะสายตากับผมเล็กน้อย ผมอมยิ้มให้และก็อดไม่ได้ที่จะส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้เธอด้วย เธอรินเบียร์ให้ไอ้คินอยู่ครู่เดียวก่อนจะหันไปเห็นว่าแก้วของพี่ธานยังคงเต็มอยู่จึงไม่ขอเติม เธอก้มหัวน้อย ๆ แล้วเดินไป
"ไม่เอาแต่เสือกส่งสายตา" ไอ้คินผลักหัวผมเบา ๆ ด้วยท่าทางหมันไส้ ผมหัวเราะ
"จริงจังกับกูป่ะ" ผมถาม มือเลื่อนแก้วเบียร์วนไปเรื่อย
"หึ..ไม่รู้ดิ จริงจังมั้ง" ไอ้คินตอบ
"เฮอ งั้นกูขอผ่าน" ผมตอบทันทีแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างหมดอารมณ์ แค่คิดก็เหนื่อยคูณเพิ่มเข้าไปอีกแบบไม่มีสาเหตุเลยทีเดียว
"ฮ่า ๆ ๆ ไอ้เชี้ย กูขำ" ไอ้คินหัวเราะซะดัง
"รอบก่อนยังปวดหัวไม่หาย" ผมบ่น
เมื่อนึกถึงก็อดขยาดไม่ได้ เมื่อประมาณสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมเพิ่งจะเคลียร์ผู้หญิงสองคนที่พากันตบตีกันเพราะความเข้าใจผิด ทั้งสองคนเคยนอนกับผมเกินสามสี่ครั้ง สำหรับพวกเธอที่ก็มีชื่อเสียงในสังคมอยู่ ก็คงอดคิดไม่ได้ว่ากำลังจริงจังกับผมละมั้งครับ แต่ผมไม่เคยปฏิบัติอะไรเกินเลย ๆ แต่อีกในหนึ่งก็ไม่ลืมที่จะให้เกียรติอีกฝ่าย ซึ่งผมคิดว่าต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีว่าผมไม่ได้จริงจังด้วยและควงเธอแค่คู่นอนเท่านั้น การพาออกไปข้างนอกด้วยก็เพราะพวกเธอนอนกับผมไปหลายครั้งแล้ว ผมจึงไว้ใจ ดังนั้น..ผมคิดว่าพวกเธอน่าจะรู้จักการวางตัวที่จะออกไปกับผม รู้จักสถานะของตัวเองว่าผมเพียงแค่อยากพาออกไปกินข้าวแต่ไม่ได้มีความหมายอะไรที่จะมากไปกว่านั้น ซึ่งปรากฏว่าผู้หญิงสองคนมาเจอกัน เขม่นกัน พากันตบตีร้านอาหารกระจาย แต่มันก็คงจะผิดที่ผมนั่นแหละเพราะอันที่จริงมันไม่ควรจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นด้วยซ้ำ ที่ผ่านมากับคนอื่น ๆ ก็ไม่เคยเกิดเรื่องประมาณนี้ขึ้นเลย ครั้งล่าสุดนี่มันหายนะชัด ๆ จนถึงวันนี้ก็ยังเข็ดอยู่
ผมเกลียดคนขี้หงุดหงิด ขี้โวยวาย ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้วยิ่งไม่ชอบมอง ถึงจะสวยแค่ไหนแต่ถ้ามาทำนิสัยเอาแต่ใจเกินควรและเที่ยวด่าคนอื่นแบบไม่มีเหตุผล เชิญออกไปจากชีวิตผมได้เลย
"มันไม่มีคนที่พอดี ๆ สำหรับกูเลยเหรอวะ" ผมอดบ่นไม่ได้
"พอดียังไงของมึง..พอดีที่ว่านี่คือ สองคนเจอกันโดยบังเอิญแล้วทุกคนโอเคอะนะ" ไอ้คินทำเสียงสงสัย
"อืม..ก็ดีนะ" ผมยิ้มกะล่อนตอบไปอย่างนั้นเอง ทั้งที่ความหมายลึก ๆ ของผม ผมคงจะรู้ดีอยู่คนเดียว
"จะได้อยู่กันได้ยาว ๆ ไง" ผมพูดติดตลกไปงั้น
"จังไรฉิบหาย" ไอ้คินด่า ผมกวาดตามองไปรอบ ๆ ร้าน ลูกค้ายังเยอะเหมือนเดิม
"บาร์เทนเดอร์ใหม่เหรอวะ" ผมถามเมื่อเห็นคนไม่คุ้นตา บาร์เทนเดอร์วัยรุ่นผู้ชาย หน้าตาหล่อดี
"อืม"
"เป็นเกย์ปะวะ" ผมถามไปงั้น เพราะดูท่าทางน้องเขาน่าจะใช่ แต่ถ้าไม่ใช่เกย์ก็คงขอโบกมือลาอีกเหมือนกันเพราะถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงจีบยากเป็นพิเศษ ซึ่งถ้าเขาไม่น่าสนใจถึงขนาดทำให้ผมรู้สึกร่างกายร้อนรุ่มจนแทบระเบิด ผมก็ไม่มีอารมณ์จะไปทุ่มเทเวลาจีบจริงจัง
ผมคิดว่าคนเราไม่ควรเสียเวลาจีบใครนานเกินไปถ้าเราไม่ได้ชอบคน ๆ นั้นมาก ๆ จากก้นบึ้งของหัวใจ เพราะมันเสียเวลาทำมาหากิน อีกทั้งเสียเวลาเปล่า เสียเวลาด้วยกันทั้งคู่ บางคนจีบเอาสนุก ยิ่งยากยิ่งดีด้วยความสะใจเพราะมันท้าทายความสามารถ ผมไม่เข้าใจว่าทำไปเพื่อประโยชน์อะไรเพราะถ้าให้พูดตามตรงก็แค่อยากจับอีกฝ่ายทำเมียแค่นั้น ตอนจบก็ต้องเลิกรากันอยู่ดี บางครั้งอะไรมันจะยิ่งแย่ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งเขาคิดจริงจังกับเราด้วย ดังนั้น..ที่ผ่านมาถ้าต้องการเพียงแค่ควงเล่นหรือคู่นอน ผมมักจะสังเกตเสมอว่านิสัยใจคออีกฝ่ายเป็นอย่างไรและเต็มใจไหมที่จะเป็นแค่คู่นอนกับผมเท่านั้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนก็ตามแต่ถ้าจีบเกินสองครั้งแล้วผมไม่ได้พาขึ้นเตียง ผมเลิกยุ่งและหยุดคิดเบื้องต่ำกับอีกฝ่ายทันที เป้าหมายใหม่มันมีเข้ามาตลอดนั่นละ แม้ว่าผมจะไม่หา แต่มันก็เข้ามาเองจนอดรู้สึกเบื่อ ๆ บ้างไม่ได้
"กูจะรู้ไหมล่ะ" ไอ้คินตอบเสียงห้วน
"ถ้าปิดร้านมึงนี่ปกติต้องจ่ายเท่าไหร่" ผมหันไปมองหน้าไอ้คิน ไอ้คินขมวดคิ้วอย่างสงสัย
"ทำไม" มันถาม
"กูไม่ต้องการอาหารนะ แค่ต้องการคอนเซปร้านมึงเฉย ๆ" ผมบอก ไอ้คินยิ่งทำหน้างงไปใหญ่
"กับน้องเค้านะ กูอยากลองทำตรงเคาร์เตอร์บาร์มึงดู" ผมยักคิ้วบอก ทำเอาไอ้คินถึงกับสำลักเบียร์ที่เพิ่งซดไปทันที
"หึ..ไอ้เหี้ยไฟ ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ไอ้คินหัวเราะลั่น
"กูรู้ละว่าทำไมไอ้โปรดชอบด่ามึงว่าจังไร" ไอ้คินส่ายหัวยิ้ม ๆ
"กูพูดเล่น" ผมว่าแล้วลุกขึ้นเอื้อมไปยกแก้วเบียร์มาดื่มจนหมดแก้ว
"กูคิดแค่แสนห้าอ่ะ..ค่าเด็กต่างหากนะ มึงไปตกลงกับมันเอาเอง" ไอ้คินเล่นด้วยทันที ผมเหล่สายตามองมัน
"กระจอก สัตว์..แต่กูขอเต็มวันนะ" ผมย้อนกวนมันไม่หยุด
"ฮ่า ๆ ๆ" ไอ้คินหัวเราะ ผมชันตัวขึ้นนั่ง
"เฮ้อ! กลับดีกว่าว่ะ พรุ่งนี้กูมีงานเช้า" ผมตัดบท ขี้เกียจจะเล่นแล้ว
"อ่าว..รีบไปจังวะ กูว่าจะชวนไปต่อหน่อยเนี้ย" ไอ้คินทำหน้าเซ็งทันที
"กูไม่ได้เกาะพ่อแม่กินอย่างมึงนี่ ลูกน้องกูเยอะแยะ" ผมว่า ไอ้คินเป็นน้องชายคนเล็กของบ้านที่ถูกเอาอกเอาใจ เติบโตมาในครอบครัวที่รับราชการและมีหน้าที่การงานใหญ่โต ทั้งพ่อและพี่ชายมันเป็นตำรวจ มียศตำแหน่งสูงเป็นที่นับหน้าถือตา มีไอ้คินนี่แหละที่นอกคอกออกมาเปิดผับเปิดบาร์อย่างที่เห็น แต่ก็ว่าอะไรมันไม่ได้มากหรอกเพราะงานของผมก็ต้องได้รับการช่วยเหลือจากครอบครัวของไอ้คินอยู่บ่อยครั้ง อย่าง
"พี่ทัพ"..พี่ชายแท้ ๆ ของไอ้คิน ผมกับเขาก็เคยร่วมงานกันมาก่อน สนิทสนมรู้ใจกันเป็นอย่างดี ที่จริงเราก็อยู่กันแบบพึ่งพาอาศัยกันมาเสมอ สมัยเป็นวัยรุ่น คดีหลายคดีของพี่ทัพผมเองก็ช่วยด้วย
"กูบอกว่ากูไม่ได้เกาะพ่อแม่กิน!" ไอ้คินย้อนเสียงกระแทกว่ากลับ ผมหัวเราะ ไอ้คินไม่ชอบให้ผมแซวว่ามันเกาะพ่อแม่กิน ที่จริงมันก็เป็นคนเก่งนะครับ ทำงานเก่ง บริหารเป็นแต่กว่าจะมาถึงจุดนี้กันได้ ทั้งผมและมันก็ใช้เงินของพ่อแม่ทั้งนั้น ผมกวักมือเรียกพนักงานเพื่อให้มาคิดเงิน พนักงานมาพร้อมกับยื่นบิลให้ ผมจัดการจ่ายเงินเรียบร้อย นั่งรออยู่ครู่หนึ่งผู้หญิง PR คนเดิมก็เดินมาพร้อมกับคืนเงินทอนให้ผม
"ไม่ต้องทอนหรอก" ผมบอกเธอแล้วลุกขึ้น เธอพยักหน้ายิ้ม ๆ ด้วยท่าทางเกร็ง ๆ และยังคงยืนอยู่ที่เดิมเหมือนรออะไรสักอย่าง ทุกคนลุกตาม
"ชื่ออะไร" ผมถามแล้วเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น
"เบลค่ะ" เธอยิ้มตอบแต่ไม่สบตาผมตรง ๆ ผมเข้าไปใกล้เธอมากกว่าเดิม อีกฝ่ายไม่ได้ขยับหนี ผมจึงเข้าไปโอบเอวเธอไว้หลวม ๆ ก่อนโน้มตัวเข้าไปหา
"เอาไว้..ครั้งหน้ามีโอกาสค่อยมานั่งด้วยกันนะ" ผมกระซิบบอก
"ค่ะ" เบลยิ้มเขินพร้อมกับเงยหน้ามองหน้าผม
"ไป!" ไอ้คินเข้ามาแล้วดึงหน้าผมไปอย่างแรง ผมตัวเซเข้าไปหามันแล้วจึงเข้าไปกอดคอมันไว้
"แล้วบอกไม่มีอารมณ์ หน้าหมาจริง ๆ นะมึงน่ะ" ไอ้คินว่า ผมหัวเราะ เราเดินกลับมาที่รถ ไอ้คินทั้งเปิดประตูรถให้ผมและยืนรอส่งผมจนรถของผมขับออกมา พวกผมตรงกลับเข้าบ้านกันทันที
เมื่อกลับมาถึงบ้านผมก็เห็นไฟที่โรงฝึกของพายุยังเปิดสว่างอยู่ บ้านผมบริเวณกว้างขวาง ลูกน้องในบ้านเยอะมาตั้งแต่สมัยทวดของผมแล้ว บ้านถูกออกแบบมาเพื่อมีบริเวณมากพอสำหรับการออกกำลังกายและฝึกที่บ้านได้ ที่บ้านจะมีโรงฝึกสองโรงฝึกโดยแยกพื้นที่ชัดเจน โรงฝึกแรกเป็นของผมและพายุโดยส่วนตัว ซึ่งจะไม่มีใครสามารถเข้าไปซ้อมได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตก่อน เป็นโรงฝึกแบบ Indoor เพราะส่วนมากพายุจะไว้ใช้ฝึกกังฟู ทำสมาธิและซ้อมปิงปองบ้าง ในนั้นจะเก็บทั้งดาบ กระบี่กระบองที่ทั้งผมและพายุใช้ประจำ
ส่วนอีกโรงฝึกหนึ่งติด ๆ กันเป็นของส่วนรวมของทุกคนในบ้าน รองรับลูกน้องที่จะฝึกได้ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor มีเครื่องออกกำลังกายครบครัน มีบริเวณสำหรับฝึกการต่อสู้ โรงฝึกรวมจะใหญ่กว่าโรงฝึกส่วนตัวเพื่อรองรับลูกน้องของผมได้มากพอ และที่สำคัญใกล้ ๆ กับโรงฝึกมีสนามคอนกรีต ส่วนมากบริเวณนั้นเอาไว้เตะตะกร้อบ้าง วอลเลย์บอลบ้าง จะว่าพวกผมรักกีฬามากก็ได้ อุปกรณ์กีฬามีครบเกือบทุกอย่าง ส่วนกีฬาที่ผมชอบเล่นมากที่สุดคงเป็นตะกร้อ สมัยเป็นเด็กมันจะมีอะไรให้เล่นนักหนา เห็นพ่อเคยเล่นอะไรเป็นประจำ โตมาก็เล่นตามอย่างนั้น
ผมเหลือบดูนาฬิกาข้อมือ เวลานี้เกือบจะเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว ดึกมากขนาดนี้แล้วคนในบ้านรู้ดีว่าคงไม่มีใครบ้าเข้าไปในโรงฝึกในเวลาแบบนี้ได้นอกจากพายุคนเดียว
"คุณพายุซ้อม!" พวกมันลงจากรถกันมาได้ก็ลุกลี้ลุกลนตาโตอย่างกับคนถูกหวย พี่ธานอมยิ้ม
"นายครับ..ผมขอไปดูหน่อยนะครับ" ไอ้เข้มก้มหัวขออนุญาต
"หึ..พวกมึงนี่ท่าจะโรคจิตนะ แต่ก็..ตามสบาย" ผมอมยิ้มบอก ไม่รู้ว่าพวกมันเป็นอะไรกันถึงได้ชอบดูผมกับพายุฝึกซ้อมกันนัก ยิ่งแอบ ๆ หลบ ๆ ซ่อน ๆ ยิ่งชอบดู ผมก็ไม่ได้อะไรหรอกนะครับแต่บางครั้งพายุมันต้องการสมาธิ มันถึงได้ขอให้พ่อทำโรงฝึกนั้นให้มันเป็นการส่วนตัว และที่สำคัญถ้าบางอารมณ์ของพายุไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อนุญาตให้คนอื่นดูมันตอนที่ฝึกซ้อมได้ มันมักจะหงุดหงิดทุกครั้งไป และทั้งที่พวกลูกน้องก็รู้ดีว่าถ้าพายุจับได้ว่าพวกมันแอบดูพายุจะโกรธ หรือถ้าหนักไปกว่านั้นคือพวกมันจะถูกซัดด้วยตีนเปล่า แต่พวกมันกลับมีความสุขสมยอมซะอย่างนั้น
"ขอบคุณครับนาย!" ทั้งไอ้เด่น ไอ้เข้มพากันก้มหัวยิ้มกว้างพร้อมกันในทันที พวกมันพากันวิ่งตรงไปที่โรงฝึกอย่างว่องไว ไอ้รุ่งกับไอ้หินวิ่งออกมาจากบ้านเหมือนรอให้พวกผมกลับมาอยู่ก่อนแล้ว มันสี่คนพากันวิ่งตรงไปที่โรงฝึกในทันทีและไม่ลืมที่จะรักษาความเงียบไว้ด้วย
"หึ.." พี่ธานกับผมส่ายหัวยิ้ม ๆ
"อ่าว..แล้วนั่นคุณจะไปไหนครับ" พี่ธานถามผมด้วยสีหน้าฉงนที่เห็นผมไม่เดินไปทางเข้าบ้านแต่กลับเดินไปทางโรงฝึกแทน
"แอบดูดิ" ผมตอบขำ ๆ พี่ธานส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายแต่ก็รีบจ้ำเท้าเดินตามผมมาเหมือนเสียไม่ได้..
........ไฟ........
ปล. คิดว่าน่าจะยาวพอให้อิ่มกันได้ 