"เป็นไงบ้างครับคุณไฟ" พี่ธานเข้ามาถาม
"ก็..ดูไม่โง่ดี" ผมยิ้มตอบอย่างพอใจ
"หึ..คุณนี่ก็" พี่ธานส่ายหัวอย่างหน่าย ๆ ผมพาลูกน้องไปนั่งดื่มที่ร้านกาแฟโบราณร้านเดิม เรื่องอะไรผมจะกลับง่าย ๆ นี่ผมรีบเคลียร์งานให้เสร็จเพื่อมาจับผิดอีกฝ่ายเลยนะครับ
"ขอผมเสียมารยาทหน่อยนะครับคุณไฟ.." พี่ธานพูดขึ้นหลังจากที่เครื่องดื่มนำมาเสิร์ฟครบสำหรับเราทุกคน
"คุณน่าจะเลิกยิ้มแบบนั้นต่อหน้าคนที่เพิ่งรู้จักกันได้แล้วนะครับ" พี่ธานบ่นขึ้นมา ผมถอนหายใจ ไอ้เด่นยิ้มมอง
"ยิ้มแบบไหนไม่ทราบ" ผมมองพี่ธานอย่างกวนอารมณ์
"ก็แบบตอนนี้ไงครับ..ใช้สายตาแบบนี้ ยิ้มเจ้าเล่ห์ เหมือนคนที่คิดแต่เรื่องไม่ดีน่ะสิครับ" พี่ธานส่ายหัวตอบ
"อะไรที่มันไม่ดี ใครไม่อยากเลิกกันบ้างเล่า..ถ้ามันทำได้ง่าย ๆ ก็ดีสิ" ผมตอบกลับ ขึ้นเสียงด้วยไม่ได้
"ก็หัดสิครับ" พี่ธานพูดอีก
"ทำไมพี่ต้องบ่นผมเรื่องนี้ด้วยล่ะ" ผมย้อนว่าอย่างไม่เข้าใจ ร้อยวันพันปีเคยบ่นผมเรื่องนี้ที่ไหน
"ทำไม มีอะไร" ผมจับผิด
"เปล่าครับ แต่คุณไปทำแบบนั้น..อีกฝ่ายจะไม่ไว้ใจเราเอาได้" พี่ธานเตือนสติ
"ชิ ช่างมันเถอะน่า" ผมจิปากแล้วกลอกตาหนี
"หน่วยก้านก็ดี ดูจากท่าทางแล้วก็มีการศึกษากว่าที่ประวัติควรจะเป็นอีกนะครับ" ไอ้เด่นพึมพำ
"หน้าตาก็พอใช้" ผมละสายตาจากโทรศัพท์มือถือที่กำลังเล่นอยู่ขึ้นมองหน้าไอ้เด่น
"ใคร.." พี่ธานขมวดคิ้วยิ้มถาม
"ถ้ามึงจะหมายถึงสมุทรละก็ เค้าหน้าตาดีกว่ามึงมากทีเดียวไอ้หลงตัวเอง" พี่ธานว่า ผมหัวเราะ ใช่แล้ว..จมูกโด่งแหลม ตาเรียวเล็ก ดวงตาเข้ากับรูปหน้าและจมูกพอดีเป๊ะ
"โฮ~ พี่ธานอ่ะ" ไอ้เด่นเหวี่ยงเขิน ๆ เมื่อโดนขัดใจ
"คิดอะไรอีกละครับนั่น" พี่ธานหันหน้ามามองผมอย่างรู้ทัน
"หน้าผมเหมือนคิดอะไรเหรอ" ผมย้อนกวน ๆ พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ คล้ายเหนื่อยที่จะย้อนเอาความ
"ไม่อยากจะเชื่อเลยนะครับว่าจะมาอยู่ในค่ายแบบนั้น" ไอ้เด่นว่า
"ทีมึงยังเคยอยู่ในป่าเลย" ผมว่า
"หึ..หึหึ" พี่ธานหลุดหัวเราะ
"นายอ่ะ" ไอ้เด่นทำเสียงหงอย ๆ ใส่
"หิวว่ะ" ผมบ่นขึ้น อยู่ ๆ ก็รู้สึกหิวกะทันหัน สงสัยเพราะออกแรงเยอะไปเมื่อกี้นี้
"ไปหาอะไรกินก่อนไหมครับ รอไปก็ยังไม่รู้เวลา" พี่ธานพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
"ไม่ล่ะ ไป ๆ กลับ ๆ" ผมบอกปัดเพราะผมไม่ชอบความวุ่นวาย จะให้เดินทางไปกลับบ่อย ๆ ด้วยอารมณ์ตอนนี้ก็ไม่ใช่
"ซื้อไข่ปิ้งมาไป" ผมไล่ไอ้เด่นให้ไปซื้อไข่ปิ้งของคุณยายที่เพิ่งหาบเร่ขายไข่ปิ้งมาหยุดวางอยู่ที่หน้าร้านกาแฟนี้ ผมมองคุณยายเจ้าของไข่ปิ้ง เธอทักทายกับคุณตาเจ้าของร้านกาแฟอย่างสนิทสนม
"พี่ธานเอาไหม" ผมถาม
"ไม่ดีกว่าครับ" พี่ธานตอบ
"ของกูสามลูก มึงเอากี่ลูกก็แล้วแต่มึง" ผมบอกพร้อมพยักหน้าให้มันหยิบเงินทอนที่วางอยู่บนโต๊ะที่ผมได้มาจากสมุทรเมื่อกี้นี้ไป ไอ้เด่นรับทราบก่อนเดินไปซื้อไม่ถึงห้านาทีก็กลับมา
"ไม่ได้กินมานานแล้วนะนี่" ผมพูดแล้วเริ่มปลอกไข่ปิ้งของตัวเองออก ไอ้เด่นก็ซื้อของตัวเองมาอีกสามลูก เรานั่งกินกันไปคุยกันไป นับว่าเป็นอารมณ์ที่สบาย ๆ เบาสุด ๆ เพราะผมเองก็ยังใส่กางเกงที่ซ้อมมวยตัวเดิมอยู่เลย เหงื่อแห้งไปหมดแล้ว ไข่ปิ้งก็รสชาติดีไม่น้อยทีเดียว เมื่อกินเสร็จจะได้เวลาผมก็ลุกขึ้นเพราะกลัวว่าตัวเองจะรากงอกไปมากกว่านี้
"ยายครับ! ไข่ปิ้งหกลูกค้าบ" เสียงนุ่มคุ้นหูพูดสั่งไข่ปิ้งด้วยน้ำเสียงดีใจอยากกับได้ฟรี ผมหันไปมอง ต่างฝ่ายต่างชะงักที่เห็นกันและกัน สมุทรใส่เสื้อยืดทับกางเกงมวยอย่างลวก ๆ พร้อมกับสะพายถุงผ้าที่คงใส่อะไรไว้ เขาคงทำหน้าที่เสร็จจากค่ายมวยแล้วละมัง
"ไม่เอาสิบลูกไปเลยล่ะสมุทร..พรุ่งนี้ยายไม่ขายน้า" ยายพูดขึ้นเสียงดังลั่นทั้งที่ลูกค้ายืนห่างไม่ถึงเมตร
"ยายหูตึงแน่ ๆ" ไอ้เด่นวิเคราะห์
"ครับ..สิบลูกก็สิบลูก" สมุทรตอบ เขาอมยิ้มพร้อมผงกหัวทักทายผมเล็กน้อยก่อนหันกลับไปมองยาย สมุทรย่อตัวนั่งยองลงตรงหน้าเธอ เมื่อเห็นหน้ากันขนาดนี้แล้วผมจึงรักษาท่าทีไม่ให้ผิดปกติ ผมกลับมานั่งลงที่เดิมอีกครั้ง ทั้งพี่ธานและไอ้เด่นก็นั่งตาม เราทำเป็นพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ จนสมุทรซื้อไข่ปิ้งเสร็จอีกฝ่ายก็เดินเลี้ยวเข้าไปในซอยสี่
"ไปไหนวะ" ผมบ่น ทุกคนส่ายหัว ผมทิ้งระยะไว้ประมาณช่วงหนึ่งก่อนลุกเดินตามไป เมื่อมองเข้าไปในซอยสี่ก็เห็นสมุทรกำลังเลือกซื้อผักสดอยู่ที่ร้านขายผักสดเล็ก ๆ ร้านหนึ่งด้วยท่าทางสนิทสนมกับคนขายอีกเช่นเคย
"เฮ้ย ๆ ๆ นักมวยค่ายศรไกรว่ะพวกมึง!" เสียงร้องแซวดังมาจากทางด้านหลังซอย ผมมองไปเห็นนักมวยกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งมาพอดี ไม่รู้ว่าจากค่ายไหน ผมนับด้วยความรวดเร็ว พวกมันมาด้วยกันทั้งหมดเจ็ดคน สมุทรยังคงเลือกผักด้วยท่าทางนิ่งเฉยเหมือนไม่ได้ยินอะไร สีหน้าของคนขายของแถวนั้นเริ่มเปลี่ยนไปแต่คนที่ถูกกล่าวถึงยังคงเลือกผักอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวตามเคย
"ว่าไงครับคุณสมุทร" นักมวยหนึ่งในนั้นพูดขึ้นเหมือต้องการเจาะจงหาเรื่อง พวกมันพากันหยุดวิ่งในทันที สมุทรไม่ได้หันกลับไปมองแม้แต่น้อย เขายังคงเลือกผักทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรเช่นเดิม
"แผลรอบก่อนหายไม่ทันถูกซ้ำรอบหน้าซะม้าง" นักมวยอีกคนพูดขึ้น พวกมันพากันหัวเราะเยาะเย้ยสมทบ สมุทรรับถุงผักจากป้าคนขายมาและจ่ายเงินไป ทั้งสองร่ำลากันก่อนที่สมุทรจะเดินต่อเข้าไปในซอย นักมวยพวกนั้นหน้าถอดสีที่เห็นว่าฝ่ายที่โดนยั่วยุกลับไม่ตอบกลับใด ๆ กับพวกมัน
"อยากเย็-น้องดาวจังโว้ย!" นักมวยอีกคนตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น ทันทีนั้นเองสมุทรถึงกับหยุดชะงัก
"ไอ้สัตว์" พี่ธานสบถเบา ๆ ผมกัดฟันมองอย่างรับไม่ได้ ทุกคนในนั้นนิ่งไปสนิท มีเพียงพวกนักมวยกลุ่มนั้นที่พากันหัวเราะด้วยความสะใจใหญ่ ผมยืนมองเพราะอยากรู้ว่าคนที่ถูกต้อนด้วยคำพูดรุนแรงอย่างนั้นจะทำอย่างไรต่อ ถ้าเป็นผม ๆ คงระเบิดอารมณ์กับประโยคเมื่อกี้ไปแล้วแน่ ๆ แต่สมุทรกลับเดินต่อไปอย่างไม่แยแส
"นักมวยค่ายมึงนี่ขี้ขลาดเหมือนกันหมดเลยรึเปล่าวะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ" เสียงพวกมันยังคงเย้ยหยันไม่เลิก หนึ่งในนั้นที่ดูจะเป็นรุ่นพี่กว่าเขาหน่อยเดินตรงดิ่งเข้าไปดักที่ด้านหน้าของสมุทรด้วยท่าทางหาเรื่อง สมุทรหยุดเดินพร้อมจ้องตอบอีกฝ่ายเช่นกัน พวกมันพากันไปต้อนสมุทรไว้เป็นวงกลม พอคนที่ถูกต้อนทำท่าจะเดินหนีอีกครั้ง พวกมันก็แห่กันเข้าไปประจันหน้าเอาไว้ ทั้งสองฝ่ายจ้องหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง สมุทรก้มตัวลง ปล่อยมือวางถุงผักและของที่เพิ่งซื้อมาลงบนพื้นถนนช้า ๆ คล้ายกับรู้ชะตากรรม
ผลัวะ! ...เสียงหมัดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจากสมุทรจนกระทั่งฝั่งตรงข้ามที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ทันได้ตั้งตัวถึงกับหน้าหงายไป หลังจากนั้น พวกมันเริ่มชุลมุนปล่อยหมัดกันให้มั่วไปหมด
"เอาไงดีครับคุณไฟ" พี่ธานถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง ผมนำมือห้ามเอาไว้ก่อนเพราะอยากดูฝีมือให้มันชัด ๆ ไปเลยว่าเขาจะเอาตัวรอดได้ถึงเมื่อไหร่ การต่อสู้สมน้ำสมเนื้อดีอย่างที่ผมต้องการจะเห็น ผมจับเวลา พวกนักมวยพวกนั้นแทบตามไม่ทันสมุทรเพียงคนเดียวเสียด้วยซ้ำ เขารู้จักหลบหลีกเป็นอย่างดี สี่นาทีผ่านไป สุดท้ายแล้วสมุทรก็ต้องพลาดท่าเมื่อนักมวยทั้งสองคนเตะสกัดขาและเข้าไปล็อกแขนของเขาไว้จากทางด้านหลัง ผมสังเกตคนรอบข้างแถว ๆ นี้ แทบไม่มีใครเอ่ยอะไรเลยด้วยซ้ำ ไม่มีการร้องห้าม ไม่มีการโทรตามตำรวจ ทั้งที่ทุกคนก็มีสีหน้าที่เป็นห่วงสมุทรมากพอควร
"อึดไม่เบาแฮะ" ผมยิ้มมองนาฬิกา
"เก่งนักเหรอมึง!" นักมวยหัวโจกกัดฟันด้วยท่าทางแค้นสุดทน มันนำมือปาดเลือดที่หัวคิ้ว คิ้วมันแตกและปากมันก็แตกด้วยนั่นยิ่งทำให้หน้าตาน่าเกลียด ๆ ของมันดูแย่เข้าไปใหญ่
ผลัวะ! ผลัวะ!! ผลัวะ!!! ...เสียงปล่อยหมัดเข้าที่ท้องและหน้าสามหมัดติดดังจนผมได้ยินชัดเจนว่ามันรุนแรงมาก แต่ผมกลับไม่ได้ยินแม้เสียงร้องเจ็บปวดจากคนที่ถูกกระทำ ไม่มีเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินสักนิดเดียว พวกมันพากันรุมกระทืบอย่างกับอีกฝ่ายเป็นกระสอบทรายที่ไร้ความรู้สึก
"หึหึหึ.." อยู่ ๆ สมุทรก็หัวเราะขึ้น พวกมันหยุดการกระทำมีสีหน้างุนงงมองไปที่เขา
"แม่ก็เป็นกระหรี่ พ่อมึงก็อัปรีย์..ถุย!" สมุทรพยายามพ่นเลือดที่ท่วมปากจนมันไหลลงพื้นออกมา ทุกคนยืนมองเหมือนรอว่าสมุทรจะพูดอะไรต่อหรือไม่ เขาจ้องมองไปที่หัวโจกไม่วางตา
"วัน ๆ ไม่ทำอะไร จ้องแต่จะเย็-ลูกสาวคนอื่นไปทั่ว หึ..กูละก็ไม่แปลกใจ ว่าทำไม..มึงถึงได้เป็นแบบนี้ มึงคงแค้นที่แม่มึงถูกคนอื่นเย็-ไปทั่วสินะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ" สมุทรพูดตะกุกตะกักบอกและหัวเราะออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง ผมแสยะยิ้ม
"ไอ้สมุทร! ไอ้สัตว์!!" ดูเหมือนคำพูดจะจี้เข้าตรงจุด นักมวยคนเดิมตาเหลือกคล้ายกับคนฟิวส์ขาด มันซัดเข้าที่หน้าสมุทรหลายหมัดไม่ยั้งจนเพื่อนมันเข้าไปล็อกห้ามมันเอาไว้ ส่วนสมุทรหมดสภาพไปแล้ว
"พอเถอะพี่" นักมวยหนึ่งในนั้นห้ามหน้าเสีย
"หึ..ปากใช้ได้เหมือนกันนี่" ผมยิ้มบอกพี่ธาน
"คุณไฟครับ" พี่ธานย้ำเหมือนต้องการเรียกสติผมว่าผมควรเลิกล้อเล่นได้แล้ว ผมหัวเราะในลำคอก่อนเดินตรงเข้าไปในที่เกิดเหตุ นักมวยบางคนหันมามอง..
"ปล่อยเค้าหน่อยสิ" ผมบอก พวกมันมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรมาที่ผมทันควัน
"มึงเป็นใคร!" นักมวยหัวโจกคนเดิมสบถถามขึ้น
"กูจำเป็นต้องตอบมึงด้วยรึไง..เอ่อ ครับ" ผมย้อน พอพยายามสุภาพด้วยแล้วอดหัวเราะไม่ได้ ไอ้เหี้ยนั่นแสยะปากมากขึ้นเหมือนคนที่พร้อมจะระเบิดอารมณ์กับทุกคน
"ไม่ใช่เรื่องของมึง ถอยไป!" มันว่า
"กูบอกให้ปล่อยมันซะ" ผมพูดย้ำอีกครั้งและครั้งนี้ผมไม่ยิ้มอีก สายตาปะทะเข้าที่นักมวยคนเดิม มันจ้องตาผมตอบเขม็ง สีหน้าเหมือนคนไม่เกรงกลัวและพร้อมจะเข้าใส่
"หึ..กูจะปล่อยก็ได้" อีกฝ่ายแสยะยิ้มว่า
"..แต่ต้องหลังจากที่มึงก้มกราบตีนกูแล้วน่ะนะ!" มันว่าพร้อมกับพุ่งเข้ามาหาผมทันที พวกมันยิ้มร่าคงเพราะรู้สึกว่าตนเหนือกว่า มันพากันแหวกวงออกให้กับลูกพี่ของมัน อีกฝ่ายปล่อยหมัดซ้ายเหวี่ยงมาเต็มแรง ผมที่ยืนนิ่งดูสถานการณ์อยู่จึงฮุกเข้าที่ท้องมันอย่างจัง เหล่สายตาต่ำลงมองมันที่หน้าถอดสีไปแล้ว
"มึงเป็นจิ้งจกสินะ หน้าเปลี่ยนสีเร็วดีว่ะ" ผมพูดหน้าตายเพราะมันคงไม่รู้ว่าตอนนี้ หน้าของมันอุบาทว์มากแค่ไหน
"ไหน..โชว์ของมึงหน่อยซิ" ผมยิ้มเย้ยพร้อมกับกวักมือท้าทายให้
"อ้าก!" มันร้องลั่นอย่างโมโหพร้อมกับเข้าพุ่งเข่าลอยมาหาผมอย่างรวดเร็วอย่างคนถูกฝึกมาดี ผมสับขาหลบพร้อมฟาดมือเข้าที่คอหอยมันอย่างแรงจนอีกฝ่ายล้มลงไปไร้ท่า นักมวยคนนี้พยายามยันแขนตัวเองขึ้นแต่แขนมันสั่นจนผมสั่งเกตเห็น อีกฝ่ายหันหน้ามามองผมตาขวางอย่างไม่ยอมแพ้
"มึง" เสียงหนึ่งจากด้านหลังสบถขึ้นแค้น ๆ ทันทีนั้นเองนักมวยสองคนก็พุ่งเข้าหาผมพร้อมกับใส่อาวุธไม่ยั้งมือ เสียงต่อสู้เริ่มชุลมุนหลังจากนั้น นักมวยคนอื่น ๆ เริ่มสู้กับพี่ธานและไอ้เด่น แม้คนฝั่งนั้นจะเยอะกว่าพวกผมแต่ผมเชื่อมือทั้งสองคนว่าจะเอาอยู่
ปึก!
ผลัวะ!! ...เสียงชกเข้าที่หน้าผมอย่างแรงจนผมเซล้มลงกับพื้น ผมนอนยิ้มให้มันก่อนดีดตัวเองลุกขึ้นอย่างหมดความอดทนที่จะเล่นอะไรนาน ๆ เมื่อตั้งหลักได้จึงปล่อยอัปเปอร์คัทเข้าที่หน้ามันถึงสองครั้งจนอีกฝ่ายร่วงสลบไปไม่เป็นท่า เพื่อนมันอีกคนที่ผมจัดการไปก่อนหน้านี้ยังคงมีแรงลุกขึ้นมาสู้ต่อได้ไหว มันพุ่งเข้าถีบผมอีกครั้ง ผมจับข้อเท้ามันไว้พร้อมกับออกแรงมือใช้เทคนิคในแบบกังฟูเหวี่ยงตัวมันจนลอยแล้วล้มลงจนหน้ากระแทกกับพื้นปูน ผมไม่ค่อยได้ใช้เทคนิคกังฟูบ่อย ๆ เพราะปกติไม่กล้าใช้จริงกับพายุ แต่เวลาได้ลองปฏิบัติกับคนอื่น ก็รู้สึกแปลกใหม่ดีไม่น้อยเพราะได้ออกแรงเต็มที่และหลายครั้งก็ได้ผล ซึ่งก็ปัดไม่ได้ว่าเทคนิคการซ้อมกับพายุก็มีประโยชน์ดีเหมือนกัน ผมสูดหายเข้าลึกแรงอย่างต้องการตั้งสติไม่ให้ตัวเองหงุดหงิดเกินควร ก่อนจะเดินไปหาไอ้หัวโจกที่ยังคงนอนหน้าฟุบลงกับพื้น ดูท่ามันคงกำลังหายใจติดขัด
"ฮึก" อีกฝ่ายสะดุ้งตาโตเมื่อผมพลิกตัวมันให้นอนหงายพร้อมกับจิกนิ้วลงที่คอหอยมันอย่างรู้ทิศรู้ทางว่ากดบิดทางไหนอีกฝ่ายถึงจะเจ็บและทรมาน
"ฮือออออ" มันร้อง พยายามสูดหายใจแรงเพื่อเอาตัวรอด หน้ามันแดงและเริ่มไม่อยู่สุขคงเพราะหายใจไม่ออกเหมือนปลาที่ดิ้นเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังจะถูกทุบหัว
"รู้ไหม ว่าเส้นเลือดใหญ่สำคัญยังไง" ผมยิ้มถาม ขาอีกฝ่ายเริ่มสั่นแรงมากขึ้น ตาเหลือกโต คอเกร็งจนเส้นเลือดปูดนูน
"มึงทำเหี้ยไรวะ!" เพื่อนมันที่หันมาเห็นพอดีสบถด้วยสีหน้าตกใจ ผมช้อนตาขึ้นมองพร้อมยิ้มมุมปาก รอยยิ้มที่แม้แต่คนรู้จักก็ยังเกลียดผม เพื่อนมันชะงักหน้าถอดสีในทันที ผมปล่อยมือออกช้า ๆ เพื่อคืนอิสระให้
"แคะ ๆ ๆ ๆ" อีกฝ่ายไอ หายใจแรง เหงื่อออกเต็มหน้าไปหมด เพื่อนมันรีบเข้ามาพยุงช่วยตัวไป ผมลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปหาไอ้เด่นที่เพิ่งชกนักมวยคนหนึ่งจนเลือดอาบหน้าไปหมด ผมหยิบปืนออกมาจากไอ้เด่นเพราะตอนนี้ผมมีแต่ตัว พอพวกมันเห็นปืนเท่านั้นถึงกับนิ่งสนิทไปอย่างกับถูกสาป ไอ้เหี้ยพวกนี้รายไหนรายนั้นจริง ๆ กลัวปืน กลัวการเสียหน้า กลัวเพื่อนพ้องไม่เคารพรัก กลัวการพ่ายแพ้ กลัวตาย แต่กลับไม่กลัวความเลวระยำที่ตัวเองก่อ
"กลัวทำไม" ผมถามเสียงเย็นพร้อมเดินเข้าไปหาหัวโจกคนเดิม มันยังแทบลุกจากพื้นไม่ได้ด้วยซ้ำ
"หืม..กูถามว่ากลัวทำไม" ผมจิกผมมันขึ้นจนอีกฝ่ายหน้าแหงนขึ้นมองหน้าผมจนคอมันเห็นลูกกระเดือกอย่างชัดเจน ผมนำปืนจ่อลงบนหน้าผากมัน อีกฝ่ายตัวเริ่มสั่น
"ให้กูทาย มึงก็คงเป็นนักมวยปลายแถว..ที่ถ้ากูจะระเบิดหัวมึงตอนนี้ ก็คงจะไม่มีใครสนใจด้วยซ้ำ" ผมพูดเสียงเรียบ
"ใช่ไหมครับ" ผมยิ้มให้ อีกฝ่ายหายใจแรงกว่าเดิม มันกลืนน้ำลายลงคอ ผมกัดกรามแน่นด้วยนึกโมโห คงเพราะเกลียดคนแบบนี้เป็นทุนอยู่แล้วก็เลยยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ปากกระบอกปืนกดลงบนหน้าผากอย่างแรงอย่างที่ผมไม่ทันได้ตั้งสติ ในใจผมตอนนี้กลับคิดเพียงว่าถ้าผมฆ่าไอ้เหี้ยนี่ไปอาจจะเป็นการดีและผมอาจจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างก็ได้..
"คุณไฟ อย่าเลยครับ" พี่ธานเข้ามาแตะที่ข้อมือผมเบา ๆ ตาผมจ้องมันอย่างต้องการหาทางออกให้ตัวเอง มันตัวสั่นเทิ้มหน้าซีด
"..ที่นี่ไม่เหมาะ" พี่ธานเรียกสติ ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าพี่ธานก่อนคลายมือออกจากหัวมัน
"เฮือก อ้าก!" ผมสบถร้องเสียงดัง จู่ ๆ ก็รู้สึกได้ว่าตัวเองหัวใจเต้นแรงขึ้นมาเหมือนมันแทบจะปะทุออกมาที่ไม่ได้ทำอย่างที่ควรจะต้องทำ ผมนำปืนฟาดเข้าที่หน้ามันสุดแรงจนฝ่ายที่ถูกกระทำสลบแน่นิ่งไป และทันทีนั้น..อารมณ์ผมก็ดับหายสนิทชั่วพริบตา
"ไอ้ป้อง!" พวกเพื่อนมันสองสามคนที่ยังคงมีสติดีอยู่อุทานพร้อมกัน มันพุ่งเข้าไปหาเพื่อนมันที่นอนนิ่งไปแล้ว ไอ้เด่นเข้าไปช่วยพยุงสมุทรไว้
"อยู่ค่ายไหน" ผมถามแล้วเดินเข้าไปหานักมวยหนึ่งในนั้น มันพากันมองหน้ากันและกันและไม่ยอมให้คำตอบ
"กูถามว่าอยู่ค่ายไหน" ผมนำปืนไปจ่อหัวมันเป็นการขู่
"คะ..ค่ายส.โชคเจริญ" มันตอบเสียงสั่นไม่สบตา
"หึ..สงสัย เจ้าของค่ายมึงคงไม่ได้สอนว่าคนเราควรอยู่ร่วมกันในสังคมยังไงสินะ" ผมว่า มันก้มหน้าเงียบ ผมโน้มตัวลงไปหาพวกมันใกล้ ๆ
"ฝากบอกเจ้าของค่ายมึงด้วยว่า.." ผมกระซิบแสยะยิ้ม เพื่อนมันที่นั่งฝั่งตรงข้ามหันมาสบตาผมพอดี ผมจึงยิ้มกว้าง ๆ ให้และคิดว่าสายตาก็คงไม่ได้ยิ้มด้วยอย่างทุกทีที่เป็น มันสบตาผมเพียงนิดเดียวก็ก้มหน้าลง
"พวกผม.. ได้นำหายนะมาให้ค่ายของเราแล้วครับ" ผมบอกเสียงเย็นพร้อมกับนำปืนเคาะหัวมันสองสามทีอย่างหยอกล้อ
"หึหึ หึหึหึหึ~ วู้!" ผมลุกขึ้นหัวเราะในลำคอพร้อมสะบัดหน้าด้วยความพอใจ หันกลับไปสบตากับสมุทรที่ยืนมองผมอยู่ตลอดเวลา สายตาที่มองมาเหมือนต้องการคำตอบทุกอย่าง ผมหุบยิ้มลงทีละนิด หน้าเขาโชกเลือด เลือดที่ไหลจากหางตาทำให้หยดเปื้อนมาจนถึงแก้มแต่สายตาของเขากลับจ้องมองมาที่ผมตาไม่กะพริบ ผมหลบตาเล็กน้อยก่อนพยักหน้าให้ไอ้เด่นช่วยพยุงตัวเขาไป สมุทรที่ยังมีสติดีครบถ้วนทำท่าจะก้มลงเก็บถุงอาหารและกระเป๋าผ้าของตัวเองที่กระจัดกระจายบนพื้นถนน พี่ธานเห็นอย่างนั้นจึงรีบก้มลงหยิบมาถือให้แทน
"เดี๋ยวผมถือให้เองครับ" พี่ธานบอก สมุทรพยักหน้าเงียบ ๆ ก่อนเดินตรงไปทางซอยด้านหลังพร้อมกับไอ้เด่น ผมกับพี่ธานเดินประกบตามหลัง ทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงบ การก้าวเดินเป็นไปอย่างช้า ๆ จากคนสองคนด้านหน้า เดินทะลุซอยแล้วซอยเล่า ระยะทางไม่ไกลมากแต่ใช้เวลาถึงสิบห้านาทีก็มาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของสมุทร
"ขอบคุณครับ" สมุทรบอกเมื่อรับถุงไปจากพี่ธานไปแล้ว
"ไม่เป็นไรครับ" พี่ธานยิ้มให้
"........." ความเงียบปกคลุมทันควัน สมุทรเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมอีกครั้ง ผมเองก็สู้สายตากลับเช่นกันเพราะมาถึงขนาดนี้แล้ว อยู่ ๆ ผมก็รู้สึกอยากจะให้เรื่องมันจบ ๆ ไปสักที สมุทรแทบไม่ละสายตาไปจากผมเลยอยู่พักใหญ่ ผมยืนรออย่างใจเย็นเพื่อให้อีกฝ่ายได้พูดถามในสิทธิ์ที่เขาสามารถทำได้ ทุกอย่างคล้ายกับหยุดนิ่ง เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน
"ขอบคุณ" สมุทรพูดเท่านี้ก่อนเอี้ยวตัวไปอย่างเนิบช้า
"..สมุทร" ผมเรียกไว้ก่อนเมื่อเห็นว่าเขาไม่แม้แต่จะถามอะไรอย่างที่ควร อีกฝ่ายหยุดนิ่ง เขาไม่ได้หันมามองทางพวกเราอีก สมุทรตาลอยทอดมองไปอีกทางหนึ่งเหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่อย่างนั้น
"ผมจะขอถามแค่คำถามเดียว" สมุทรพูดขึ้น
"....คุณเป็นใคร" ผมยืนเงียบ อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าคำตอบจุกอยู่เพียงแค่คอหอย และคอก็หนักอึ้งไปหมด
"ไปทำงานกับฉันไหม" ผมย้อนถามกลับ
"ผมถามว่าคุณเป็นใคร!" .........ไฟ.........
สำหรับคนอ่านที่อาจจะงงในบางเนื้อหา รบกวนขอให้กลับไปอ่านซ้ำอีกรอบหนึ่งนะคะ รายละเอียดในการบรรยายอาจจะเยอะนิดหนึ่งแต่เบบี้คิดว่าได้บรรยายเนื้อหาอย่างครบถ้วนแล้ว ซึ่งถ้ามีส่วนไหนที่ยังรู้สึกไม่เคลียร์..คนเขียนต้องขออภัย ส่วนเรื่องตัวละครที่เยอะนั้น ทุกอย่างจะประติดประต่อกับเนื้อหาไปในวันข้างหน้าเองค่ะ เรื่องสับสนในคู่(ครอง) เบบี้คิดว่าคนอ่านบางท่านน่าจะพอเดาได้แล้วว่าใครคู่กับใคร ไม่น่ายากละมัว
ขอบคุณค่ะ
เบบี้