16
“ สวัสดีครับ ” ร่างสูงพนมมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองตรงหน้า
“สวัสดีจ่ะ” หญิงสูงวัยหากแต่ยังดูสวยรับไหว้เขาพร้อมกับกล่าวทักทาย
ส่วนชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาบุคลิกดูสุขุม ที่ยืนอยู่ข้างเธอทำแค่เพียงยกมือรับไหว้เขาเท่านั้น
ก่อนจะยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองเขา อย่างพินิจพิจารณาแบบถี่ถ้วน
“ นี่น่ะเหรอต้นแบบพวกเจ้าหมีดุ ดูท่าจะร้ายไม่เบานะอิง”
คุณสุชาดาเอ่ยแซวลูกชายทันทีหลังจากแนะนำกันเรียบร้อย
“ หือ ..หมีดุ?”
อิงทำนิ้วจุ๊ปากกับแม่ทันที เมื่ออีกสองหนุ่มทำท่าสงสัย
“ อ้าว..ความลับหรอกเหรอ คิกๆ”
คนอายุมากที่สุดในกลุ่มยกมือปิดปากขำคิก
ยิ่งเพิ่มความสงสัย ให้กับสองหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ด้วยกัน
แต่สองแม่ลูกไม่คิดจะบอกเล่า สองหนุ่มร่างสูงต่างสถานะ เลยไม่เซ้าซี้อะไรอีก
จากนั้นอชิรวิชณ์จึงเป็นคนแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน
“ไปนั่งตรงนั้นกันดีกว่านะ แดดกำลังดี” คนสวยใจดีชี้มือไปที่ศาลาเล็กที่มีซุ้มไม้ดอก
ที่เลื้อยพันตามไม้ระแวงชูช่ออวดกลีบใบส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ ยิ่งยามดึกดื่นราตรียิ่งโชยกลิ่นหอมไกล
“ เหลนไอ้เน่หรือเปล่า? ถ้าจำไม่ผิดน่ะนะ” คิดว่าเคยเห็นตอนเขาไปหาเพื่อนที่กำลังเทคน้องอยู่พอดี
เอิร์ธพี่ชายคนโตของอิง เอ่ยปากเป็นคำแรก หัวคิ้วของเกียร์ย่นเข้าหากันนิดหน่อย
“ รู้จักเฮียเน่ด้วยเหรอครับ?” ไม่ใช่แค่แขกของบ้านเท่านั้นที่สงสัย คนในบ้านก็ด้วยเช่นกัน
“ อืม...รุ่นเดียวกัน” เขาทำเรื่องจบตอนเกียร์ยังไม่ขึ้นปีสองด้วยซ้ำ
มิน่าล่ะ เขาก็ว่าพอคุ้นอยู่บ้าง แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอหรือรู้จักมาก่อนหรือเปล่า
“ อาจารย์วิรัชยังสอนอยู่หรือเปล่า?”
“ ครับ ยังสอนอยู่” จากนั้นทั้งคู่ก็สนทนากันต่ออย่างถูกคอ
และแน่นอนบทสนทนาดังกล่าว อิงกับแม่ไม่เข้าใจมันเลยสักอย่างที่ทั้งคู่พูดกัน
“ อึดอัดหรือเปล่าครับ? พี่เอิร์ธกับแม่แค่ห่วงอิงน่ะ ทั้งที่บอกแล้วว่าแค่ดูๆกันอยู่ ยังไม่ได้คบกัน ขอโทษนะครับถ้าอิงทำให้พี่รู้สึกไม่ดี”
อิงมายืนส่งอีกคนที่เจ้าสีนิลคันใหญ่ จอดอยู่ใกล้ประตูอัลลอย
แม่กับพี่อยากรู้จักคนที่ ลูกชายคนเล็กกำลังสนิทสนมอยู่ว่าเป็นคนอย่างไร น่าไว้ใจขนาดไหน
ข่าวนี้ได้รับการรายงานตรงจาก หน่วยสืบราชการลับอย่างสายฟ้า
ที่รายงานความเป็นไปของเพื่อนอันเป็นที่รัก ให้แก่ไอดอลในดวงใจอย่างพี่เอิร์ธฟัง
“ คิดมากน่า....มึงก็เห็นว่ากูคุยถูกคอกับพี่มึง แม่มึงก็ไม่ได้อะไรไม่ใช่เหรอ ออกจะน่ารักดีด้วยซ้ำ”
เกียร์กำกำปั้นหลวมๆ เคาะหัวคนคิดมากเบาๆ
อีกอย่างทุกคนในบ้านนี้กลับไม่มีใครเอ่ยถามอะไรให้เขาลำบากใจเลย
เรื่องครอบครัวก็ถามแค่ว่าพ่อแม่ยังอยู่สุขสบายดีหรือเปล่าเท่านั้น
เขารู้ว่าอิงลำบากใจ ที่จะต้องบอกเขาว่าแม่กับพวกพี่ๆอยากรู้จัก
ส่วนตัวเขาก็ไม่ได้คิดอะไร มาก็มาแค่นั้น แต่ปกติเขาห่วงลูกชายกันขนาดนี้หรือเปล่า
ถึงจะเป็นคนเล็กแล้วก็เป็นเกย์ก็เถอะ
“ เคยมีคนทำให้มึงเสียใจเหรออิง?” แม่กับพี่ชายถึงต้องรีบสแกนกันขนาดนี้
“...ครับ”
นัยน์ตาหม่นแสงหลุบเปลือกตาลง ตอบอย่างแผ่วเบา
“ อืม... อย่างนี้เอง” เกียร์คิดเงียบๆคนเดียว ไม่ได้เอ่ยให้คนที่เอาแต่มองปลายเท้าเขาได้ยิน
ถ้าพวกเขากลัวว่าเขา จะมาทำให้บุคคลอันเป็นที่รักของบ้าน ต้องมาเจ็บช้ำน้ำใจก็ไม่แปลกนักหรอก
และเพราะอย่างนี้หรือเปล่า อิงเลยไม่กล้าบอกเขาในทีแรก เพราะคงไม่ใช่แค่ไม่กล้าบอก
ขนาดเขาขอคบแล้วแท้ๆอิงกลับขอแค่ดูๆกัน
ยังกลัวอยู่สินะ...กลัวจะเจ็บจะผิดหวังเพราะความรักอีก
“ กับข้าวแม่มึงอร่อยดี ลูกสาวก็หัดทำไว้บ้าง เผื่อออกเรือนไป จะได้ทำให้ผัวอย่างกูกิน”
เขาเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากเห็นสีหน้าหม่นๆนั่น
“ พี่เกียร์.!.”
ขายาวก้าวคร่อมยานพาหนะสุดรักสุดหวง หยิบหมวกนิรภัยมาสวม
มองอีกคนที่ทำท่าพะงาบๆ พูดได้แค่เรียกชื่อเขาเท่านั้น
คงกลัวว่าคนในบ้านจะได้ยินที่เขาพูดพอๆกับความอาย
ถ้าไม่ใช่ตอนโกรธๆอย่างตอนที่โดนเขาว่าคราวนั้น แล้วพูดเรื่องผัวๆเมียๆ อีกคนหน้าบางนักล่ะ
“หึๆ ถ้าไม่เกรงใจแม่กับพวกพี่ๆมึง กูจับจูบไปแล้วนะเนี่ย..ไปล่ะ”
ทำหน้าน่ารักขนาดนั้น ถ้าไม่มีใครให้ต้องเกรงใจกัน คงเสร็จเขาไปแล้วแน่ๆ
“ พ..พี่เกียร์!”
อชิรวิชณ์ก็ยังคงทำได้แค่ เรียกชื่ออีกฝ่ายเพียงเท่านั้นจริงๆ ลองพี่อิทมาได้ยินสิ หัวจะได้แตกกันจริงๆ
จะว่าอิทธิพลหัวโบราณก็ไม่ใช่ พี่ชายคนรองเพียงแค่ไม่ชอบที่จะพูดเรื่อง
ที่ดูเหมือนจะทำให้น้องเขาถูกคนมองไม่ดีเท่านั้น จะกอดจะจูบหรือจะอะไรกันยันขั้นไหนเขาไม่ว่า
แต่ไม่ใช่เอามาพูดเอาเล่าแจ้งให้ใครต่อใครได้ยินก็เท่านั้น มันเหมือนไม่ให้เกียรติกับคนที่คบหาด้วย
แม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้ชายก็ตาม
“ บรื๊นนน..”
อมยิ้มมองตามแผ่นหลังกว้างๆนั่นจนลับตา อย่างน้อยแม่กับพี่ๆเขาดูท่าจะพอใจ คนที่เขาพามาอยู่ล่ะนะ
พี่เอิร์ธกับพี่อิทน่ะโหดจะตายใครๆก็รู้ ผ่านด่านนี้ได้ก็ฉลุยแล้วล่ะสำหรับทางฝั่งนี้
พี่อัคก็ไม่เท่าไหร่ เพราะอายุห่างกันไม่มาก เลยเหมือนเพื่อนกันมากกว่า
แต่จะบอกว่าอรรถพลโหดอย่างไม่ใช้ความคิดก็ไม่ใช่ ตอนเรื่องพิทักษ์เขายำมันด้วยตัวเอง
ข้อหานอกใจแล้วปล่อยให้น้องเขาคิดมาก บอกเลิกก็ทำอย่างไม่คิดถึงใจน้องเขา
บอกเลิกกันดีๆเพราะไม่รักแล้วเขาก็ไม่ว่า เพราะใจคนมันฝืนกันไม่ได้ แต่ไม่ใช่อย่างที่มันทำ
พ่อเขาเจ้าระเบียบเข้มงวดกับลูกเรื่องการเรียนก็จริง แต่วิสัยทัศของผู้บริหารในเรื่องของความรัก
ท่านมองว่าถ้าไม่มีปัญญาหาดีๆได้ ก็แล้วแต่เถอะ ตัวใครตัวมัน ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่เท่านั้น
ท่านว่าอย่างนั้น ท่านไม่มายุ่งด้วย แล้ววันนี้บังเอิญท่านก็ไม่อยู่ด้วยเช่นกัน
อีกคนเลยได้เจอแต่กับแม่กับพวกพี่ๆเท่านั้น
แต่คนอื่นๆที่เข้ามาอย่างก้องไกล หรืออุเทนที่มารับกลับบ่อยๆเมื่อก่อนก็ไม่พามารู้จักกันอย่างนี้
แต่ก็บอกที่บ้านอยู่ว่าคนนี้มารับมาส่ง คนนี้ยังงี้ยังงี้นะมากกว่า
พอพูดถึงอุเทน อีกฝ่ายก็หายหน้าหายตาไปเลย หรือจะเพราะเป็นช่วงปิดเทอมอย่างนี้ด้วยก็ไม่รู้
ช่วงนี้อชิรวิชณ์ ก็กำลังทำงานพิเศษในบริษัทที่พ่อบริหารงานอยู่
ทำคู่กับลูกเจ้าของบริษัทอย่างสายฟ้านั่นล่ะ เป็นการฝึกงานไปในตัวด้วย
งานที่ร้านกาแฟที่เคยทำ ก็ลาออกตั้งแต่ก่อนสอบแล้ว จะกลับไปทำอีกก็กระไรอยู่ เข้าๆออกๆ
แม้ว่าเจ้าของร้านจะใจดีมากก็ตาม แต่เพราะอย่างนั้นเขาเลยยิ่งต้องเกรงใจ
เลยยกให้คนที่เขาต้องการเงินจริงๆ ที่ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยดีกว่าไปแย่งงานเขา
เกียร์ก็เห็นว่าช่วยงานที่บ้าน แต่เขายังไม่เคยไปเห็นเลยสักที
เพราะอีกคนไม่เคยเอ่ยปากชวนเลย ไม่เคยเล่าอะไรเกี่ยวกับครอบครัวให้ฟังด้วย
แต่อิงก็ไม่ได้คิดมากอะไร เพิ่งจะดูกันไม่กี่เดือนเอง
ทุกวันหยุดตอนเย็น เจ้าสีนิลจะพาเจ้าของมันมาหาเขาที่สวนสาธารณะที่หน้าบ้านเขา
ส่วนวันธรรมดาก็ไปรับทุกวันหน้าที่ทำงาน แต่วันนี้ครอบครัวเขาอยากเจออีกฝ่าย
เลยไม่ได้แค่คุยกันที่ม้านั่งริมสระ อย่างเคยก็เท่านั้น
พอใกล้เปิดเทอม ก็ต้องเตรียมตัวเป็นพี่
ต้องเข้าม.ก่อนเปิดเทอมเพื่อเตรียมรับน้อง ที่จะเกิดขึ้นอีกไม่กี่วันหลังจากนี้
พวกเขาจะเป็นรุ่นพี่กันแล้ว ยิ่งขึ้นปีสูงไปเรื่อยๆยิ่งเห็นว่ายิ่งเรียนหนักขึ้นไปอีก
คงไม่มีเวลาว่างเท่าที่เคย
แถมอีกคนยังต้องเริ่มไปฝึกงาน ที่บริษัทผลิตรถยนต์ที่ชลบุรีตั้งแต่อาทิตย์หน้าอีก
เกียร์กับเพื่อนๆย้ายออกจากหอเดิมกันแล้ว ตั้งแต่สอบเสร็จเลยก็ว่าได้
เพราะไม่ได้อยู่นานเลยทีเดียว ค่อยมาหาห้องกันเทอมสุดท้ายก่อนจบโน่นเลยล่ะ
ส่วนตัวเขาก็ย้ายออกจากหอใน มาอยู่หอนอกแล้ว ตั้งแต่หมดสัญญา
หอพักที่ว่าก็ไม่ไกลจากม.มากนัก ใกล้ๆกันกับคอนโดของสายฟ้าแต่ไม่ได้หรูหราเท่า เท่านั้นเอง