เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ  (อ่าน 308784 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พัตอ่อนโยนมากๆ เลยค่ะ :-[

ออฟไลน์ nsai.ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
วินก็คงอดทนมาเหมือนกันแหละเนอะ...เริ่มก่อนด้วย  :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
รักกันตลอดไปนะคู่นี้ :mew1:

ออฟไลน์ momapmu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
สอบเสร็จยัง คิดถึงวินกับพัตแล้ววววววว :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
เค้าน่ารักกันเนอะ

ออฟไลน์ Tatangth

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
วินเป็นคนเริ่มนี่ดิพีค
555555555555555

ออฟไลน์ momapmu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
เมื่อไหร่จะมาอัพ  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
คิดถึงค่ะ รีบมาอัพนะคะ

ออฟไลน์ yeelove

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักมากกกกก :pighaun:

ออฟไลน์ เด็กหญิง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 204
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ex-soulL

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-6


ตอนที่ 19

กลิ่นหอมฉุยของอาหารบนเตาเป็นสัญญาณว่ามันใกล้ได้เวลาปลงเต็มที่ ลองชิมอีกครั้งก่อนจะปิดเตาแก๊สเมื่อรสชาติได้ตรงตามต้องการ จนกระทั่งผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยจึงเดินเข้าไปในห้องนอนที่วินนอนอยู่ทันที

ในที่สุดคนรักของผมก็ไม่สบายจนได้ รับรู้ได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างเล็กในอ้อมกอดเมื่อตอนรุ่งสาง ยังดีที่มันไม่ได้รุนแรงอะไรมากนักไม่อย่างนั้นผมคงร้อนใจมากกว่านี้แน่ๆ แค่นี้ผมก็รู้สึกผิดมากแล้วที่เป็นสาเหตุให้วินต้องไม่สบาย

“ตื่นแล้วเหรอครับ?” เดินเข้าห้องมาก็เห็นคนป่วยนั่งนิ่งๆอยู่บนเตียงเรียบร้อย ใบหน้าหวานแดงเล็กน้อยเนื่องจากพิษไข้ แต่ดูเหมือนว่าอารมณ์คนป่วยนั้นคงไม่ค่อยแจ่มใสเท่าไหร่ เมื่อเห็นอาการผมเลยรีบทรุดตัวลงไปนั่งข้างๆแล้วอังมือไปที่หน้าผากเล็กทันที

“พะ พัต...ขอโทรศัพท์” วินช้อนตาแดงๆขึ้นมาอ้อนหลังจากที่ผมเช็คแล้วว่าตัวเขาไม่ได้ร้อนขึ้นอย่างที่นึกกังวล แม้ว่าจะคอยเช็ดตัวให้บ่อยๆก็ไม่ได้ทำให้ผมวางใจแต่อย่างใด

“จะโทรหาใครครับ” แม้จะสงสัยแต่ก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของวินที่วางอยู่โต๊ะข้างเตียงให้ทันที อีกคนรับไปโดยไม่พูดอะไรนอกจากกดหน้าจอโทรศัพท์ไม่กี่ครั้งแล้วก็เอาขึ้นแนบหู

“แม่...หนูปวดหัว” ผมไม่แปลกใจที่เขาโทรหาแม่ แต่แปลกใจกับสรรพนามที่เขาแทนตัวเองนี่แหละ...ไม่เคยได้ยินวินแทนตัวเองแบบนี้มาก่อนเลยซักครั้ง ดูน่ารักมากเสียจนผมต้องยิ้มออกมา

“หนูไม่สบาย ตัวอุ่นๆ...ไม่หนัก...ไม่เอา...พัตเช็ดตัวให้แล้ว...หนูไม่หิว...ไม่เอา” นั่งฟังวินคุยโทรศัพท์กับแม่อยู่อย่างนั้น เจ้าตัวไม่ได้สนใจผมแล้วครับ ปากเล็กเบะออกเหมือนจะร้องไห้แต่ก็ไม่ร้อง

ผมไม่รู้ว่าแม่วินพูดอะไรกับเขาบ้าง แต่อยู่ๆอีกคนก็ยื่นโทรศัพท์มาให้

“แม่จะคุยกับพัต” ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจที่ท่านจะคุยด้วย

“สวัสดีครับ” ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะลุกออกจากเตียงมาคุยที่ริมระเบียงเนื่องจากเห็นวินล้มตัวลงกับที่นอน ไม่อยากให้เสียงคุยโทรศัพท์รบกวนคนป่วย

(วินเป็นยังไงบ้างพัต เป็นหนักรึเปล่า) เสียงท่านถามออกมีอาการร้อนรนเล็กน้อย แน่นอนอยู่แล้วในเมื่อลูกชายป่วยทั้งคน

“ไม่มากเท่าไหร่ครับ ยังไม่ถึงขั้นต้องไปหาหมอ ผมคอยเช็ดตัวให้ตลอดแต่ว่ายังไม่ได้ให้ทานข้าวทานยาเพราะวินพึ่งตื่นครับ”

(งั้นเหรอจ๊ะ งั้นแม่ฝากพัตดูแลวินหน่อยนะลูก วันนี้พ่อกับแม่ดันติดงานเลยแวะไปดูแลวินไม่ได้)

“ไม่มีปัญหาครับคุณแม่ไม่ต้องห่วง ผมสัญญาว่าจะดูแลวินอย่างดีที่สุด”
(จ๊ะ นี่ตื่นมาคงงอแงเลยสิ...พัตต้องปวดหัวแน่ๆ เวลาวินป่วยนี่งอแงมากนะจ๊ะ ขัดใจเขานิดนึงไม่ได้เลย)

“ก็ยังไม่งอแงเท่าไหร่นะครับ” คงเพราะว่าพึ่งตื่นด้วย อาการแรกที่ผมเห็นคือแค่ร้องจะคุยกับแม่ก็เท่านั้น

(งั้นก็ดีแล้วจ๊ะ แม่อยากให้พัตเตรียมใจไว้ก่อน ถ้าอยู่เฉยๆวินงอแงแบบไม่มีเหตุผลก็ต้องพยายามใจเย็นนะจ๊ะ)

“ครับ ไม่มีปัญหา”

(จ๊ะ งั้นแม่ฝากวินด้วยนะ เดี๋ยวแม่ต้องวางแล้ว)

“ได้ครับ สวัสดีครับ” พอวางสายเรียบร้อยก็เดินกลับมาในห้อง บนเตียงมีเด็กนอนมองตามผมที่เดินเข้ามาหาตาไม่กระพริบ แถมยังทำหน้าเหมือนงอนอะไรผมด้วย

“เป็นไงบ้างครับ ปวดหัวมากไหม” เดินมานั่งลงที่เดิมแล้วก้มหน้าลงไปถามคนป่วย กระชับผ้าห่มที่อยู่เพียงระดับอกให้เขยิบขึ้นมาถึงคอ แม้ว่าในห้องจะไม่ได้เปิดแอร์แต่ก็ไม่วางใจ

ผมเปิดหน้าต่างหมดทุกบานแทนเครื่องปรับอากาศแล้วก็เปิดพัดลมเพดานเบาๆไม่ให้ร้อนจนเกินไป อากาศโปร่งๆถ่ายเทสะดวกจะได้ทำให้วินรู้สึกดีขึ้น

“ปวดหัว...”

“มากไหมครับ ไปหาหมอรึเปล่า”

“ไม่เอา ไม่ไป” แค่ถามว่าจะไปหาหมอไหมคนป่วยก็เริ่มงอแงซะแล้ว อีกคนทำหน้ายุ่งยากใจใส่จนผมต้องรีบบอก

“โอเคครับ ไม่ไปก็ไม่ไป...ทานข้าวกันหน่อยเนอะจะได้ทานยา พัตทำข้ามต้มหมูที่วินชอบให้ด้วย” ตอนนี้เป็นเวลา11โมงนิดๆ เลยเวลาอาหารเช้าจนเกือบจะถึงเวลาอาหารเที่ยงอยู่แล้ว ให้เขารีบทานข้าวจะได้ทานยาพักผ่อน

ดีที่ว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ไม่อย่างนั้นต้องได้หยุดเรียนทั้งคู่แน่ๆ แต่ถ้าพรุ่งนี้วินยังไม่หายดีผมก็คงต้องให้ขาดเรียน ส่วนตัวผมก็คงให้ไอ้กิมกับไอ้จีนเช็คชื่อให้แทนเหมือนกัน

“พัตทานรึยัง”

“ยังครับ รอทานพร้อมวินไง” วินพยักหน้าหงึกหงักให้จนผมยิ้มออกมาก่อนจะลูบหัวคนป่วยเบาๆแล้วลุกไปตักข้าวต้มที่ทำไว้แล้วเรียบร้อย มีสองชามทั้งของเขาและของผม ถือถาดอาหารเข้ามาเสร็จก็เอาวางไว้ก่อนแล้วพยุงวินขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง

“ปวด :( " พอลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงได้วินก็เอ่ยออกมา

“ปวดตัวเหรอ หรือปวดตรงไหน” ไม่แปลกเลยที่วินจะปวดตามเนื้อตามตัว เมื่อคืนยอมรับว่าตัวเองก็เอาแต่ใจไม่น้อย แม้ว่าผมจะพยายามทำเบาที่สุดแล้วแต่ครั้งแรกของวินก็คงถือว่าหนักสำหรับร่างเล็กๆน่าดู

“ปวดทุกตรง” วินทำท่าเหมือนจะร้องไห้แต่ไม่ใช่แบบที่ผู้ใหญ่ร้อง ดูเหมือนเด็กงอแงเสียมากกว่า คงจะเป็นอย่างที่คุณแม่บอกว่าเขาจะงอแงเป็นพิเศษในช่วงที่ป่วย ปกติแล้ววินไม่ใช่คนขี้แยอะไร ถึงจะดูเหมือนเด็กแต่มีเหตุผลเสมอ

“งั้นก็รีบกินข้าวนะครับ จะได้ทานยา...ทานยาแล้วจะได้หายปวด” ลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงแล้วหยิบชามข้าวต้มขึ้นมา ใช้ช้อนคนแล้วเป่าเล็กน้อย ตักเป็นคำเล็กๆเป่าอีกสองสามทีแล้วยื่นไปจ่อปากบางที่ซีดเซียวซึ่งวินก็อ้ารับไปอย่างง่ายดาย เรื่องกินแม้แต่ตอนป่วยก็ไม่มีปัญหา

“ทำไมไม่ทานพร้อมกัน” ป้อนได้ไม่กี่คำก็ถามขึ้นมา

“ก็พัตป้อนวินอยู่นี่ไง” ส่วนตัวผมแล้วไม่ได้เป็นอะไรจะทานตอนไหนย่อมได้อยู่แล้ว ห่วงแต่คนป่วยนี่แหละที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ

“นั่นสิเนอะ” เหมือนว่าเจ้าตัวจะพูดกับตัวเองเสียมากกว่าว่าในเมื่อผมก็ป้อนเขาอยู่แบบนี้แล้วจะเอามือที่ไหนไปทาน พอป่วยแล้ววินดูรวนๆ คิดนู้นคิดนี่คงจะประมวลออกมาช้ากว่าปกติ ส่วนหน้าหวานแค่ดูซีดเซียวกว่าเดิมเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถือว่าแย่มากอะไร

ผมป้อนคนตัวเล็กไปเรื่อยๆจนเจ้าตัวบอกว่าไม่ไหวแล้วถึงได้พอ จากนั้นก็อุ้มวินให้ไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำให้เรียบร้อย ออกมาก็จัดการเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใหม่(แม้ว่าเขาจะเขินแค่ไหนก็ตามที่ต้องเปลือยตัวต่อหน้าผม) เอายามาให้ทานวินก็รับไปกินอย่างว่าง่าย

ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจึงห่มผ้าให้เขาได้นอนพักผ่อน ส่วนผมเองก็นั่งกินข้าวต้มที่เย็นชืดไปแล้วข้างๆเตียง คนป่วยไม่ได้หลับแต่อย่างใดแม้ว่าผมจะย้ำให้เขานอนแค่ไหนก็ตาม วินก็ยังคงนอนตะแคงมองผมกินข้าวอยู่อย่างนั้นทั้งที่ตาเริ่มปรือเพราะฤทธิ์ยา พอผมกินเสร็จเขาก็เรียกขึ้นทันที

“พัต...”

“ครับ?” คิดไว้แล้วว่าคงมีเรื่องที่จะคุยด้วย

“...” คนเรียกทำหน้าขมวดมุ่นแล้วกลับเงียบเฉยไปซะอย่างนั้นไม่ได้เอ่ยอะไรต่ออีก ผมวางชามข้าวต้มที่กำลังเก็บไว้ที่โต๊ะแล้วขยับขึ้นไปหาร่างที่นอนอยู่ที่เตียง

“ว่าไงครับ จะเอาอะไรหรือเปล่า” วางมือลงที่หน้าผากเล็กเพื่อวัดความร้อน ถือว่าดีขึ้นมากแต่ยังไม่หายสนิท พอเรียกผมแล้วไม่พูดอะไรก็ทำให้อดกังวลไม่ได้ กลัววินจะรู้สึกไม่ดีกว่าเดิม

“...ม ตะ ติม”

“หืม? อะไรนะครับ พัตไม่ได้ยิน” เสียงเล็กๆที่แหบพร่าเพราะพิษไข้ดังลึกในลำคอ มันไม่ถูกส่งออกมาจนผมเองก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าวินพูดอะไร อาการของคนตรงหน้ามีเพียงแค่หลบตาตอนที่พูดเท่านั้น ผมเลยยังสรุปไม่ได้ว่าวินจะต้องการสื่อสารอะไรกันแน่

“อยากกินไอติม” ได้ยินแม้จะเบาเต็มทีก็ตาม

“ไม่เอาครับ ไม่สบายอยู่ นอนนะๆ” ตอบแบบไม่ลังเลยเลยซักนิด อยากตามใจทุกอย่างไม่อยากขัดใจแม้แต่อย่างเดียวถ้าทำได้ แต่เรื่องนี้ที่ไม่ยอมเพราะไม่อยากให้วินป่วยมากกว่าเดิม แม้จะนิดเดียวแค่ไหนผมก็ไม่ยอมเสี่ยง

“ไม่เอา จะเอาไอติม :( "

“วินครับ...ทานไม่ได้ เดี๋ยวปวดหัวไม่หาย” พยายามพูดอย่างใจเย็น

“ฮึก” โอเค โอเคเลยจริงๆ ไม่มีพูดพร่ำทำเพลง แค่เพียงเอ่ยย้ำออกไปอีกครั้งว่าไม่ได้น้ำตาวินก็ร่วงพราวลงมา จากที่นั่งอยู่ผมจึงรีบขยับตัวลงไปนอนกอดทันที

“ที่พัตไม่ให้กินเพราะเป็นห่วงนะ ถ้าวินไม่สบายหนักกว่าเดิมคนที่ลำบากจะเป็นวินเอง แล้วพ่อกับแม่วินจะยิ่งเป็นห่วงมากขึ้น พัตเองก็ด้วย...แค่เป็นแค่นี้ก็เป็นห่วงจะแย่แล้วนะครับ” แรงสะอื้นน้อยๆยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้ร้องไห้หนักอะไรแต่การที่วินมีน้ำตามันก็เป็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยซักนิด

“ฮะ เมื่อไหร่จะ ฮึก หาย”

“ถ้าอยากรีบหายก็ต้องนอนพักให้มากๆ ทานยาให้ครบ ไม่กินของเย็นด้วย” ไล้มือไปทั่วหลังเล็กเบาๆอย่างปลอบโยน คนป่วยมักอารมณ์อ่อนไหวง่าย เขาย่อมรู้สึกไม่ดีไวกว่าคนปกติอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นความใจเย็นคือสิ่งที่ผมต้องยึดเป็นหลัก

“หายแล้ว ตะ ต้องให้กินเลยนะ” มีข้อต่อรองด้วย

“ครับ แต่ต้องหายสนิทเลยนะ”

“อื้อ”

“งั้นนอนเนอะ ตื่นมาจะได้หายเร็วๆ” อีกคนขยับเช้ามาซุกตัวในอ้อมกอดมากขึ้น ผมลูบหลังเขาไปมาเบาๆเหมือนกล่อมเด็ก คงเนื่องจากอาการป่วยและยาที่เริ่มออกฤทธิ์เลยทำให้วินหลับไปในเวลาไม่นาน

เมื่อแน่ใจว่าคนป่วยหลับสนิทผมจึงค่อยๆลุกจากเตียง

“หายไวๆนะที่รัก” กดจูบไปที่หน้าผากเล็กเบาๆ ขยับผ้าห่มให้ชิดคางคนป่วยมากขึ้น มองหน้าเล็กๆที่ผมหลงรักแล้วได้แต่ขอให้เขาหายป่วยไวๆ



........................




“เป็นไงบ้างลูก”

“ดีขึ้นมากแล้วครับแม่” วินตอบคำถามของแม่ตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ วันนี้ท่านทั้งสองมาเยี่ยมลูกชายตัวเองตั้งแต่เช้า

เราสองคนต้องขาดเรียนเพราะวินยังไม่หายดี แม้ว่าเจ้าตัวจะยืนยันหนักหนาว่าไปไหวแต่ผมก็ไม่อยากเสี่ยงเลยสั่งให้หยุดเรียนหนึ่งวัน

“เลยต้องมาขาดเรียนทั้งสองคนเลย” แม่ของวินหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อย คุณพ่อก็นั่งข้างเตียงไม่ห่าง แต่ท่านทำเพียงมองมาอย่างเงียบๆตามสไตล์

“ก็พัตแหละ วินบอกว่าไหวก็ไม่ยอมให้ไปเรียน” ได้ทีฟ้องใหญ่เลย

“แต่แม่ว่าก็ดีนะจ๊ะ เผื่อยิ่งไปเรียนยิ่งจะเป็นหนักขึ้น...แต่เกรงใจพัตแย่ต้องมาขาดเรียนไปด้วย” ท่านหันมาพูดกับผมด้วยความเกรงใจ ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว การดูแลวินเป็นหน้าที่ผมถ้าผมไม่ดูแลวินแล้วจะเป็นใครกัน

“ไม่เป็นไรครับ” ถึงวันนี้ไปเรียนก็คงไม่เข้าหัวอยู่ดี

“แล้วไปทำอีท่าไหนถึงป่วยขึ้นมาได้” คำถามของพ่อวินทำเอาเราทั้งคู่เงียบกริบ คนป่วยดูเหมือนจะหน้าแดงขึ้นมาหน่อยๆ

“ก็...คงพักผ่อนน้อยอ่ะป๊า” ผมอมยิ้มน้อยๆกับคำตอบของอีกคน

ก็...พักผ่อนน้อยจริงๆ คำตอบของเขาไม่ได้โกหกเลยซักนิด แค่ไม่ได้บอกว่าทำไมถึงได้พักผ่อนน้อยก็เท่านั้น

“ดูแลตัวเองบ้างสิเรา” คนเป็นพ่อเอ่ยพร้อมกับลูบหัวลูกชายเบาๆ

“ครับ วินจะพยายามดูแลตัวเองอย่างดี พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงเลยน๊า”

“นี่พี่สาวเราพอรู้ว่าป่วยนี่เป็นห่วงใหญ่ แถมยังน้อยใจที่น้องเขาไม่โทรหาอีก”

“ ก็วินกลัวพี่วรรณเป็นห่วงนี่ครับ บอกพี่วรรณด้วยนะว่าให้รีบกลับมาหาไวๆ วินคิดถึงจะแย่”

ผมยืนฟังบทสนทนาทุกอย่างอย่างเงียบๆโดยไม่พูดอะไร เพลินเสียอีกที่ได้ยินวินกลับมาคุยจ้อเหมือนเดิม

Rrrrrrr~

แต่แล้วอยู่ดีๆเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นให้ต้องรีบล้วงออกจากกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะดังรบกวนทุกคนไปมากกว่านี้

“ขออนุญาตินะครับ” เอ่ยบอกพ่อกับแม่วินแล้วรีบเดินออกมารับสายแม่ที่โทรเข้ามาทันที

“ครับแม่”

(อยู่ไหนจ๊ะ)

“อยู่ห้องครับ”

(ได้ยินข่าวว่าน้องวินไม่สบายเป็นไงบ้างลูก) ข่าวแม่ไวเสียเหลือเกิน

“ดีขึ้นมากแล้วครับ แต่วันนี้ผมยังไม่ให้ไปเรียน อยากให้แน่ใจว่าหายสนิทจริงๆ”

(ดีแล้วจ้ะ พัตต้องเดูแลน้องวินดีๆรู้ไหม เอาลูกเขามาแบบนี้ดูแลไม่ดีระวังพ่อกับแม่เขาไม่ยอมยกให้)

“ครับผม สัญญาเลยว่าจะดูแลอย่างดี”

(ดีแล้วลูก เดี๋ยวว่างๆแม่จะพาพ่อไปหานะ) อยากมาหาวินมากกว่ามาหาผมเสียอีก แม่ผมเอ็นดูวินมาก โทรหาผมแต่ถามหาวินตลอด

“ครับแม่”

(จ๊ะ งั้นแม่วางนะ)

“ครับ สวัสดีครับ” ผมเก็บโทรศัพท์ลงที่เดิมจากนั้นจึงกลับเข้าไปในห้อง

“พ่อกับแม่คงต้องกลับแล้วเพราะมีประชุม เดี๋ยวเอาไว้แม่มาหาใหม่นะจ๊ะ” คุณแม่เอ่ยบอกผมทันทีที่เข้าไป

“ได้ครับ มาได้ทุกครั้งตามที่คุณแม่สะดวกได้เลย”

“ไม่อยากให้กลับเลย” วินพูดขึ้นมาทั้งๆที่ยังกอดพ่อตัวเองแน่น

“หรือเราจะกลับไปอยู่บ้าน วันจันทร์หน้าค่อยมาใหม่” พ่อวินถามขึ้น

“วินมีเรียนเช้าตั้งสองวันเลย เดี๋ยวเอาไว้กลับวันพฤหัสทีเดียวเลยดีกว่า” บ้านวินอยู่คนละฝั่งกับที่มอ ถ้ามีเรียนคงต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ถึงจะมาทันโดยที่รถไม่ติด

“แล้วแต่เราแล้วกัน ดูแลลูกฉันดีๆล่ะ” ประโยคหลังท่านหันมากำชับผม

“ครับ” พ่อแม่วินหอมและกอดลูกตัวเองใหญ่ ก่อนที่เราจะออกจากห้องไปส่งท่านทั้งสองกลับบ้าน วินมีสีหน้าอาลัยอาวรณ์เล็กน้อยแต่ก็ยังยิ้มได้อยู่ มีเพียงสายตาที่ดูซึมๆเท่านั้น

“เป็นไรครับ” ผมถามคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน

“คิดถึงพ่อกับแม่จัง” หัวเล็กๆเอนลงมาบนไหล่กว้างอย่างออดอ้อน คงเพราะอาการป่วยที่ยังไม่หายร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทำให้อ่อนไหวง่ายกว่าปกติ

“วันพฤหัสก็ได้กลับแล้ว เดี๋ยวพัตไปส่งถึงที่ หายห่วง” เอื้อมมืออ้อมไปกอดไหล่เล็กเข้ามา ลูบแผ่วๆไปตามแขนเล็กเบาๆ

“มารับเราด้วยนะ”

“แน่นอนครับ” รถวินเรียกได้ว่าแทบไม่ได้ใช้เลยทีเดียว เอามาจอดไว้เฉยๆที่ลานจอดคอนโด ส่วนมากเราจะใช้รถผมมากกว่า

“ง่วงจัง” ตอนนี้พึ่งจะแปดโมงเช้า ก็ไม่แปลกที่จะง่วง

“งั้นก็นอน เดี๋ยวพัตปลุกมากินข้าวอีกทีตอนเที่ยง”

“อื้อ” ตอบรับเพียงเท่านี้คนที่พิงไหล่อยู่ก็ค่อยๆนิ่งไป ถ้าเขาอยากนอนแบบนี้ก็ให้นอนไป ไว้หลับสนิทผมค่อยอุ้มไปนอนบนเตียงดีๆ

ช่วงที่วินหลับจะได้ถือโอกาสนี้ไปเอาของให้วินที่ห้องด้วย ผมให้คนที่บ้านลำเลียงของจากคอนโดนู้นมาเรื่อยๆ แต่มีบางอย่างที่ต้องดูแลเองจึงต้องเข้าไปจัดการ



..............................



“อ้าววิน ไม่สบายดีขึ้นแล้วเหรอ” เสียงไอ้กิมทักคนข้างตัวผมขึ้นในตอนที่เรานั่งอยู่ม้าหินอ่อนหน้าคณะสถาปัตย์

วันนี้เรามีเรียนบ่ายเหมือนกันแต่ผมต้องมาก่อนเพราะมีงานส่ง วินเลยออกมาพร้อมกันทีเดียว

“อื้อ หายดีแล้วล่ะกิม”

“ดีแล้วๆ...ไอ้จีนถึงไหนแล้ว” ประโยคหลังมันหันมาถามผม

“จะถึงแล้ว” ไอ้กิมพยักหน้ารับแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบไลน์ที่ดังไม่หยุด คงเป็นสาวอีกตามเคย

ผมไม่มีไรทำเลยนั่งมองคนตัวเล็กที่อมยิ้มกับโทรศัพท์ผมไม่หยุดแทน วินเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มตาหยีใส่ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้ดู เป็นคลิปหมาเห็นของกินที่ชอบแล้วทำตาโตใส่ ก็น่ารักดี

“อยากเลี้ยงเนอะ” อีกคนพึมพำบอก

“ตอนนี้เลี้ยงคนนี้ก็เปลืองจะแย่” ยกมือขึ้นโยกหัวเล็กเบาๆ วินหันมายู่ปากใส่

“ไม่เห็นเปลืองเลย”

“จริงเหรอ กินจุกว่าหมาอีกนะเนี้ย”

“พัตอ่ะ!” วินตีแขนผมเบาๆก่อนจะหันกลับไปสนใจโทรศัพท์ในมือต่อ

ที่จริงผมก็อยากเลี้ยงหมานะ แต่สถานที่เราไม่ค่อยเอื้ออำนวย ไม่มีพื้นที่ให้หมาวิ่งเล่นซักเท่าไหร่ เอาไว้ย้ายไปอยู่บ้านที่มีสนามกว้างๆค่อยว่ากัน ผมไม่คิดจะอยู่คอนโดตลอดไปอยู่แล้ว

“มายด์กับออมมายัง” ถามถึงเพื่อนสองคนของวิน ถ้าเพื่อนเขามาแล้วผมจะได้เดินไปส่งที่คณะแล้วกลับมาส่งงานของตัวเอง

“ออกมากันแล้ว คงใกล้แล้วแหละ”

“งั้นเดินไปเลยก็ได้ครับ กว่าจะถึงคงพอดีกัน”

“อื้อ” วินตอบรับพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ของผมคืนมาให้

“กูไปส่งวินที่คณะเดี๋ยวมา” หันมาบอกไอ้กิมที่กำลังกดโทรศัพท์มือเป็นระวิง

“ตามบาย”แม้แต่ตอบมันยังไม่เงยหน้ามองผมด้วยซ้ำ

“ไปครับ” เอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าเขามาถือแล้วจับมือเล็กๆเดินออกมา คณะเขากับคณะผมจะว่าใกล้ก็ใกล้จะว่าไกลก็ไกล แต่ใช้เวลาเดินพอสมควรเหมือนกัน “เย็นนี้แม่พัตจะแวะมาทานข้าวด้วยนะ”

“ทำไมพัตไม่บอกเราก่อน ของในตู้เย็นหมดแล้ว” วินหันมาถามตาตื่นเลย

“ไม่เป็นไรครับ แม่จะทำอาหารมาให้” คุณแม่จะทำของมาบำรุงน้องวินของท่าน บ่นว่าเพราะผมดูแลไม่ดีจนทำให้วินป่วย

“ได้ไงกัน ผู้ใหญ่มาทั้งที”

“แม่เตรียมตัวทำมาแล้ว ไว้คราวหน้าวินค่อยจัดการเนอะ”

“ไม่ยอมบอกเราก่อนอ่ะ” อีกคนยังคงกระเง้ากระหงอดไม่เลิก

“คราวหน้าสัญญาว่าจะบอกแต่เนิ่นๆ” ยิ้มเอาใจส่งไปให้ด้วย

“ลองไม่บอกดิ”

“หูย โหดด้วย” ท่าทางคำพูดควรจะดูน่ากลัวแต่หน้าหวานๆนั่นช่างไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย ไม่ว่าวินจะทำหน้าดุแค่ไหนมันก็ออกมาน่ารักอยู่ดี

“โหดมากกกกก พูดเลย”

“ครับๆ เชื่อครับ” เดินคุยกันมาเรื่อยๆจนถึงหน้าคณะวิน เห็นเพื่อนเขาสองคนกำลังยืนรออยู่พอดี “พัตไปแล้วนะ”

“อื้อ ตั้งใจเรียนนะ”

“ครับ วินห้ามถอดเสื้อกันหนาวนะ” ถึงอากาศจะร้อนแค่ไหนผมก็บังคับให้เขาใส่เสื้อมา กลัวว่าไข้จะกลับมาอีก

“รู้แล้ว บ๊ายบาย” คนตัวเล็กโบกมือให้ก่อนจะเดินไปหาเพื่อนตัวเอง ส่วนผมก็เดินกลับคณะ

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


“เพราะตาพัตดูแลเราไม่ดีใช่ไหมถึงป่วยได้ แย่จริงๆเลยลูกคนนี้”

“ไม่เลยครับ พัตดูแลวินดีมากเลยครับคุณแม่” ผมมองสองแม่ลูกที่คุยกันอยู่โดยไม่พูดอะไร นาทีนี้ผมทำอะไรก็ผิดครับ ตั้งแต่แม่กับพ่อมานี่โดนเหน็บไปหลายครั้งแล้ว

“นี่หายดีจริงๆใช่ไหมลูก”

“หายดีแล้วครับ กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมเลย..คุณแม่กับคุณพ่อล่ะครับเป็นไงบ้าง ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนอย่าลืมดูแลสุขภาพนะครับ”

“น่ารักจริงๆ พ่อกับแม่แข็งแรงดีจ้ะ...น้องวินทานอาหารเยอะๆนะลูก ตัวเล็กนิดเดียวเอง”
มีการตักอาหารให้ด้วย ผมกับพ่อมองหน้ากันเล็กน้อยราวกับทำใจ อะไรแม่ก็น้องวินๆ ผมกับพ่อกลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว

ต่างคนต่างนั่งกินข้าว มีเพียงแม่และวินที่พูดคุยกัน แม่จัดแจงนั่งข้างวินเรียบร้อยจนผมต้องนั่งกร่อยอยู่คนเดียวอีกฝั่ง ถึงแม้วินจะส่งสายตามาหาบ้างแต่มันก็ไม่ค่อยจะช่วยอะไรเลย แม่แย่งแฟนผมไปอยู่กับตัวแล้ว

“พัต ย้ายไปอยู่บ้านดีไหม” อยู่เฉยๆแม่ก็ถามขึ้นในขณะที่วินล้างจานอยู่ในครัว

“อะไรนะครับแม่”

“แม่กลัวน้องวินอึดอัด อยู่คอนโดมันก็ไม่เหมือนบ้าน เดี๋ยวแม่ดูบ้านให้ซักหลังดีไหม” นี่แม่คิดไปมากกว่าผมอีกนะเนี้ย ไม่ใช่ว่าผมไม่คิดเพียงแต่มันก็ยังเร็วไป ตอนนี้ทุกอย่างก็โอเคดี

“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมเองก็คิดเพียงแต่มันก็ยังเร็วไป เอาไว้รอเป็นขั้นตอนดีกว่า”

“พ่อก็ว่าอย่างนั้น ทำอะไรปุปปับเดี๋ยววินตกใจแย่ นี่ก็พึ่งย้ายมาอยู่ด้วยกันไม่นานเองคุณ เรื่องของเด็กให้เขาตกลงกันเองจะดีกว่า” พ่อช่วยพูดกับแม่ให้อีกแรง

“เอางั้นก็ได้จ้ะ แม่ถามเผื่อไว้ ถ้าเรายังชอบที่จะอยู่นี่กันแม่ก็ไม่ว่า”

“ครับแม่ เอาไว้ถ้าผมจะย้ายจะบอกแม่ทันที”

“จ้ะ” แม่ผมตอบรับเบาๆแล้วหันไปดูโทรทัศน์ต่อ เป็นจังหวะเดียวกับที่วินออกมาจากห้องครัวพอดี ทีนี้ไม่ต้องพูดกัน ผมกับพ่อกลายเป็นคนไม่มีตัวตนเช่นเคย==





TBC.

ออฟไลน์ ex-soulL

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-6
ตอนที่ 20

วันเวลาล่วงเลยจนอีกไม่กี่วันจะเข้าสู่เทศกาลการสอบไฟนอลของมหาวิทยาลัย ทุกคนรู้ดีว่ามันคือช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัสแค่ไหนสำหรับชีวิตนักศึกษา ไม่ว่าจะมองไปที่ใดจะเห็นนักศึกษาหมกมุ่นอยู่กับหนังสือกองโต บ้างก็เป็นงานชิ้นใหญ่
หอสมุดแทบไม่ต้องพูดถึง ทุกพื้นที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน บางคนต้องเร่งทำงานเร่งส่งโปรเจ็คมากมายล้านแปด

อาทิเช่นพวกผมเป็นต้น

“ไอ้เหี้ยพัต มึงเขียนแบบเทพขนาดนี้เห็นใจคนตัดอย่างพวกกูบ้าง”

“กรรไกรกูไปไหน ใครเอาไปวะ”

“กาวๆๆๆๆๆ”

เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นจนไม่รู้ว่าจากใครเป็นใคร ทุกคนนั่งทำงานกันมาแบบนี้โดยแทบไม่มีเวลาพักเป็นวันที่สามเข้าไปแล้ว ในหนึ่งวันได้นอนกันแค่วันละไม่กี่ชั่วโมง

ที่นั่งทำกันอยู่นี้คือโปรเจ็คใหญ่วิชาภาคสำหรับไฟนอล งานนี้เป็นงานกลุ่ม7คน พอสั่งเป็นงานกลุ่มยิ่งน่ากลัวเพราะความยากมันจะมากขึ้นกว่างานปกติห้าเท่าตัวเห็นจะได้ ไม่ใช่ว่ายิ่งมีเพื่อนแล้วจะสบาย ไม่ใช่เลยจริงๆ

“ใกล้ยังวะ กูอยากนอนจะแย่แล้ว ฮือๆ” ไอ้กิมที่นั่งทากาวจนมือเปื่อยบ่นอย่างนี้มาทั้งวัน แล้วถามว่ามันเคยได้นอนไหม...
ก็ไม่...และไม่มีใครสนใจเพราะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินประโยคแบบนี้ แค่นี้ก็ยุ่งกันจะตายแล้ว จะมีเวลามาสนใจอย่างอื่นที่ไหน

“จีน มึงตัดมุมให้คมกว่านี้หน่อย เดี๋ยวต่อไม่เนี้ยบ” ผมเอ่ยสั่งไอ้จีนออกไปเมื่องานที่ได้ยังไม่เป็นที่ต้องการ ไอ้จีนพยักหน้ารับเนือยๆเพราะไม่มีแรงที่จะตอบ ดูจากสภาพแต่ละคนแล้วเหมือนศพเดินได้ดีๆนี่เอง

ไม่สิ...แทบไม่ต่างจากศพแล้ว เพราะแม้แต่แรงที่จะเดินยังแทบไม่มี

“ไอ้พัต ของพวกมึงถึงไหนแล้ว ไปช่วยพวกกูดูหน่อย จะตายแล้วแม่ง” ไอ้ไปป์ เพื่อนในสาขาที่นั่งทำงานอยู่อีกฟากเดินมาหาถึงที่ หน้าตาบ่งบอกว่าสุดๆจริงๆ ไม่งั้นคงไม่ลงทุนเดินมาถึงตรงนี้

เนื่องจากตอนนี้เราทำงานรวมกันอยู่ที่ห้องรวมใหญ่ของคณะจึงมีหลายกลุ่มที่ต่างทำงานของใครของมัน เมื่อมีอะไรก็เลยสามารถถามและช่วยกันได้

“อีกนิดจะเสร็จตรงนี้แล้ว เดี๋ยวกูไปดูให้” ผมเอ่ยบอกโดยที่ไม่มองหน้าคนมาขอความช่วยเหลือเลยซักนิด ที่รู้ว่าเป็นใครเพราะจำเสียงได้ ตอนนี้จดจ่อกับงานอยู่ในมือตัวเองอย่างเดียว ยังไงวันนี้ก็ต้องเอาให้ถึงตรงที่ต้องการและวาดแบบไว้ อย่างน้อยจะได้มีเวลาพักกันบ้าง

.
.
.
.
.
.
.
.
.

“มีเวลาพักสองชั่วโมง เสร็จแล้วต้องมาลุยต่อ” พอพูดประโยคนี้จบทุกคนร้องโอดโอยทันที ที่ต้องเร่งขนาดนี้เพราะคืนนี้จะได้พักยาวทีเดียวหลังจากที่ทำมาสามคืนเต็ม ผมไม่ได้สนใจเสียงโวยวายพวกนั้นแต่เลือกเดินออกมาแล้วดูโทรศัพท์ที่พึ่งหยิบขึ้นจากพื้นห้องมาเปิดดูเพราะตอนทำงานวางทิ้งไว้ที่พื้นอย่างไม่ค่อยจะสนใจ มัวทำงานจนแทบไม่ได้จับมันเลยด้วยซ้ำ

มีสายที่ไม่ได้รับจากแม่สามสาย และอีกหกสายมาจากวิน

ผมเลือกจะส่งข้อความหาแม่เพราะเกรงว่าท่านจะนอนแล้ว หลังจากนั้นจึงต่อสายหาอีกคน

(ทำอะไรอยู่ เราโทรไปไม่รับเลย) เสียงเล็กๆดังแทรกท่ามกลางเสียงจอแจมากมายจากฝั่งปลายสาย ก่อนที่ไม่นานเสียงนั้นจะค่อยๆเงียบลงไป ทำให้เดาได้ว่าวินคงเดินออกมาคุยโทรศัพท์ที่อื่น

“ทำงานครับ พึ่งได้พัก...วินอยู่ไหน ที่เดิมรึเปล่า” เขาออกไปติวหนังสือกับเพื่อนที่หอสมุด แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนพอๆกัน ผมไม่ได้กลับคอนโดมาสามวัน มีเพียงแค่แวะเข้าไปอาบน้ำหรือเอาของ ส่วนวินก็ออกไปติวหนังสือกับเพื่อน เวลาเราเลยคลาดกัน แทบไม่ได้เจอกันเลยก็ว่าได้

(เราอยู่หอสมุดที่เดิมแหละ พัตกินอะไรบ้างรึยัง) ตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆจะเที่ยงคืน ซึ่งผมยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า

“ยังเลย พึ่งทำงานเสร็จตามที่ต้องการพัตเลยยังไม่ได้ทำอะไรซักอย่าง” เวลาทำงานของผมคือทำงาน จะไม่อยากทำอะไรอย่างอื่นนอกจากคิดว่าต้องทำให้เสร็จ ต้องทำให้ได้ที่ต้องการ เรื่องอาหารการกินจึงไม่ได้สนใจเลยซักนิด

(ไปหาอะไรทานเดี๋ยวนี้เลยนะ) เสียงดุถูกเอ่ยมาตามสาย

“ครับๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ วินล่ะจะกลับห้องตอนไหน วันนี้พัตไม่ได้กลับห้องอีกแล้วนะ” ถ้าคืนนี้ไม่ได้กลับอีกก็จะเป็นคืนที่สี่ที่ไม่ได้กลับไปนอนห้องและไม่ได้นอนกับวิน คิดถึงมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ที่พยายามเร่งงานก็เพราะอย่างนี้ อยากมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ยอมเหนื่อยยอมทรมานตอนนี้จะได้สบายทีเดียว

(ประมาณตีสามเราก็กลับแล้ว...งานใกล้เสร็จรึยัง คิดถึง) คำสุดท้ายที่ได้ยินทำเอาต้องหลับตาลงแน่น คิดถึงไม่ต่างกัน จะตายห่าอยู่แล้ว

“คิดถึงเหมือนกันครับ แต่พัตยังไม่แน่ใจว่าจะกลับตอนไหน จะพยายามรีบนะ”

(อื้อ ดูแลตัวเองนะ เดี๋ยวเรากลับแล้วจะไลน์หา)

“ครับ รักนะ”

(รักเหมือนกัน) ผมยิ้มกับหน้าจอโทรศัพท์ที่สายถูกตัดไปอยู่อย่างนั้นชั่วขณะ

เพราะพื้นหลังเป็นรูปของคนที่พึ่งจะวางสายไป...ไม่ได้เจอตัวเป็นๆแค่ได้เห็นในรูปภาพก็ยังดี

แม้ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนแต่พอได้คุยกันก็ทำให้มีกำลังใจขึ้นมา ผมเดินกลับเข้าห้องอีกทีก็เห็นเพื่อนหลายคนนอนข้างๆกองงานที่มีชิ้นส่วนมากมาย ที่จริงมันก็เหลืออีกไม่มากแต่จะว่าเหลือน้อยก็ไม่น้อย ที่เร่งงานแบบนี้เพราะอยากให้งานเสร็จเร็ว เหนื่อยตอนนี้แล้วสบายทีหลังมันดีกว่า เสร็จเร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งสบายใจ จะได้เหลือแค่เตรียมใจพรีเซ้นต์แค่นั้น

และแม้จะรีบเร่งให้เสร็จแต่งานก็ต้องออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด



...............................................



“อื้อ พะ พัต” คนนอนหลับที่ถูกกอดรู้สึกตัวขึ้นมาจากการหลับทันที คงเพราะสัมผัสได้ถึงแรงกอดรัดที่ไม่เบานักจากผม
คนที่ถูกรบกวนการนอนเงยหน้าขึ้นมองในตอนที่เรานอนตะแคงข้างเข้าหากัน แม้หน้าจะดูงงๆและตื่นไม่เต็มตาแต่ร่างเล็กก็ขยับเข้ามาในอ้อมกอดแล้วกอดผมแน่น

“ขอโทษที่ทำให้ตื่นครับ นอนต่อนะๆ” ค่อยๆลูบหลังคนในอ้อมกอดไปมา ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาตีห้ากว่าๆเห็นจะได้ เพราะเร่งงานกันอย่างหักโหมเลยเหลืออีกนิดหน่อยที่ต้องจัดการ เมื่อได้งานตามที่พอใจผมเลยบอกให้ทุกคนกลับไปพักแล้วค่อยลุยกันต่ออีกทีตอนดึกๆ พอกลับถึงห้องผมก็รีบจัดการอาบน้ำอย่างรวดเร็วแล้วเข้ามากอดวินทันที คิดถึงจะแย่

“ไม่นอน” จัดการพลิกตัวให้คนที่นอนตะแคงข้างขึ้นมานอนเกยบนตัวก่อนจะมองหน้าเล็กๆในความมืด

“ทำไมหืม” เขาเองก็พึ่งกลับมาจากหอสมุดตอนตีสามที่ผ่านมา ไหนจะต้องไปสอบย่อยตอนบ่ายของวันนี้อีก

“งานเป็นยังไงบ้าง โอเคใช่ไหม” วินไม่ตอบคำถามที่ถามไปแถมยังเป็นฝ่ายถามกลับมาแทน

“อีกไม่เยอะแล้วครับ วินล่ะ...บ่ายนี้มีสอบย่อยไม่ใช่เหรอ”

“อื้อ แต่ไม่อยากนอน...ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน คิดถึง” เสียงเล็กๆเอ่ยอย่างออดอ้อนพร้อมกับขยับหัวมาซุกที่อกเป็นสเต็ป การกระทำที่ทำให้เผลอเกร็งตัวอย่างช่วยไม่ได้เนื่องจากกลิ่นหอมๆที่กระจายมารบกวนจิตใจ ไหนจะความนุ่มนิ่มจากตัวเขาอีก
ความคิดถึงจากวินกำลังทำลายความอดกลั้นของผมลงเรื่อยๆ

“นอนนะ เดี๋ยวง่วงตอนสอบ” ยกมือขึ้นลูบหัวทุยเบาๆเผื่อว่าความอ่อนโยนจากฝ่ามือจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกง่วง ผมอยากให้เขาได้พักผ่อนเต็มที่ เวลาไปสอบสมองจะได้ปลอดโปร่ง ถ้าทำอะไรไปตอนนี้คนมีสอบอาจจะไม่ได้ไปสอบเลยก็ได้

“ฮื่อ” คนตัวเล็กครางเสียงอ่อนแล้วขยับหัวที่วางอยู่บนอกกว้างเบาๆ ไม่รู้ว่าปฏิกิริยานั้นหมายถึงอย่างไร

แต่พอผ่านไปหลายนาทีคนบนอกก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับ ผมเลยค่อยๆพลิกตัวเพื่อที่จะให้อีกคนได้นอนลงบนเตียงดีๆ

“ไม่เอา ไม่ลง”

“อ้าว ยังไม่หลับอีกเหรอ พัตนึกว่าหลับไปแล้ว” เสื้อนอนถูกมือเล็กขยุมกำไว้แน่น แสดงอาการต่อต้านว่าจะไม่ยอมลงจากตัวไปนอนข้างๆเด็ดขาดจนต้องขยับตัวกลับมานอนแบบเดิม แบบที่มีคนตัวเล็กทาบทับอยู่ข้างบน

“จะนอนบนนี้” อาจจะด้วยเพราะว่าช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยดูเหมือนว่าวินจะขี้อ้อนขึ้น และมันเป็นสิ่งที่ผมชอบมาก ชอบทุกเวลาที่มีร่างเล็กๆมาคลอเคลีย ยิ่งเขาทำตัวเหมือนแมวแบบนี้ยิ่งชอบใหญ่ แม้ตอนนี้อยากจะจับลงมาฟัดแรงๆซักที แต่ก็คงไม่ได้ ควรจะให้เขาได้นอนเสียที

“ครับๆ งั้นนอนนะ” ลูบไปทั้งตามหัว ตามไหล่และตามตัว สัมผัสเบาๆที่ดูเหมือนว่าอีกคนจะชอบ

ในเมื่อวินยืนยันว่าอยากนอนแบบนี้ก็ต้องตามใจ พอไม่มีเหตุผลให้ต้องทำอะไรแล้วผมเลยหลับไปทั้งอย่างนั้น
อย่างน้อยคืนนี้ก็เป็นคืนที่มีความสุขกว่าสามคืนที่ผ่านมา...ดีกว่าโคตรๆเลยล่ะ



....................................................




ฟอด

“หอมจัง” คนที่ถูกกอดสะดุ้งน้อยๆในขณะที่กำลังปรุงอาหารอยู่หน้าเตาแก๊ส

“เราตกใจหมดเลย” แม้จะตกใจในตอนแรกแต่พอตั้งสติได้วินก็กลับไปปรุงอาหารต่อเช่นเดิม ร่างเล็กหยิบช้อนที่วางอยู่ข้างมือตักอาหารในกระทะขึ้นมาชิม คงจะได้ที่แล้วมือบางเลยปิดเตาแก๊สเรียบร้อยแล้วหันมาหา “นอนอิ่มแล้วเหรอ”

“คิดถึงเลยอยากตื่นมาเห็นหน้าก่อนวินจะออกไปสอบ” ทั้งที่ใจอยากจะตื่นพร้อมกับที่คนที่นอนข้างๆแต่สังขารก็ฝืนไม่ไหวจริงๆ ความอ่อนล้าจากการไม่ได้พักผ่อนเต็มที่มาหลายวันเล่นงานจนพึ่งจะตื่นเอาตอนนี้ ตอนที่เกือบจะสิบเอ็ดโมงอยู่แล้ว

“วันนี้หลังสอบเสร็จเราว่าจะแวะไปหาอยู่แล้ว แล้วไหนว่าเมื่อคืนจะไม่กลับไง งานเสร็จแล้วเหรอ”

“เหลืออีกนิดเดียวครับ ไม่น่าเป็นห่วงแล้วเลยกลับมา เดี๋ยวพัตต้องออกไปอีกทีตอนดึกแล้วคงอยู่ถึงเช้าเลย...วินล่ะ วันนี้จะไปไหนรึเปล่า”

“หืม ไม่หรอก...ว่าจะอ่านหนังสืออยู่ที่ห้อง เห็นพัตบอกว่าไม่กลับเลยว่าจะแวะไปหาหลังสอบ แสดงว่าถ้าเราสอบเสร็จพัตก็ยังห้องอยู่ใช่ไหม”

“ครับ เดี๋ยวรออยู่นี่ไม่ไปไหน ไปอีกทีตอนเที่ยงคืน” พวกเราชอบทำงานตอนกลางคืนเพราะมันสงบทำให้หัวปลอดโปร่ง ส่วนที่เหลืออีกไม่มากจะต้องถูกจัดการให้เสร็จเรียบร้อยและคาดว่าจะได้แยกย้ายกันตอนเช้าของวันพรุ่งนี้ มีเวลาพักนิดหน่อยก่อนจะต้องลุยสอบอีกสามวันข้างหน้า คราวนี้สอบรวดเดียวสอบติดกันทุกวันแล้วก็ปิดเทอมอย่างเป็นทางการ

“โอเค...หิวรึยัง กินข้าวนะเราทำกับข้าวเสร็จพอดี ไม่ได้เจอสามวันผอมลงมาก ไม่ยอมกินข้าวเลยใช่ไหม” คนดุยกมือขึ้นมาลูบตามโครงหน้าผมเบาๆ แม้สีหน้าจะดูบึ้งแต่ก็ปิดความเป็นห่วงไว้ไม่มิด

“หิวมาก คิดถึงกับข้าวฝีมือวินที่สุด”

“คิดถึงก็ต้องกินเยอะๆเลย ปล่อยก่อนเร็ว...เดี๋ยวเราตักข้าวให้” เพราะแขนผมยังคงโอบรัดรอบเอวเล็กวินเลยขยับไปไหนไม่ได้ วันนี้เขาทำข้าวผัดอเมริกัน ในกระทะคือข้าวผัดที่ถูกผัดเรียบร้อย ไข่ดาว ไส้กรอกและผักถูกเตรียมไว้แล้วข้างๆ น่ากินจนน้ำย่อยในกระเพาะส่งเสียงประท้วง

“งั้นพัตไปเตรียมน้ำรอที่โต๊ะนะ”

จุ๊บ

กดริมฝีปากลงทาบทับปากบางเร็วๆทีนึงแล้วผละออกมา กินข้าวทั้งยังไม่อาบน้ำเลยด้วยซ้ำ ผมแค่ล้างหน้าแปรงฟันเท่านั้น เนื่องจากตอนนี้หิวมากและขี้เกียจเกินกว่าจะจัดการตัวเอง คาดว่าคงหลังจากที่วินออกไปแล้วถึงจะถึงเวลาชำระร่างกาย

.
.
.
.
.
.
.

“ตอนเย็นอยากทานอะไรครับ เดี๋ยวพัตทำไว้รอ” เอ่ยถามคนที่กำลังใส่รองเท้าขึ้นในขณะที่เขากำลังจะออกจากห้อง

“เดี๋ยวเราแวะซื้อเข้ามาดีกว่า พัตจะได้ไม่ต้องออกไปข้างนอก”

“ตามใจครับ เอางั้นก็ได้ ตั้งใจนะ...ขอให้ทำได้ทุกข้อ เนื้อหาตรงกับที่อ่านมาเป๊ะๆ” วินยิ้มรับคำอวยพรก่อนจะขยับเข้ามากอด ซบหน้าเล็กๆลงที่ลาดไหล่ของผม

“อื้อ ขอให้คำอวยพรของพัตเป็นจริง...พักผ่อนนะ เราเก็บข้าวผัดใส่กล่องให้แล้ว ถ้าหิวอีกก็อุ่นกินหรือว่าสั่งอะไรจากข้างล่างขึ้นมากินก็ได้” เสียงพูดดังขึ้นที่ข้างหู ในขณะที่ผมลูบท้ายทอยวินไปมาเบาๆ

“ครับ” ตอบรับประโยคของเขาก่อนจะผละออกแล้วขยับเข้าไปกดจูบที่ปากเล็ก

แลกเปลี่ยนสัมผัสของกันและกันอย่างอ้อยอิ่ง ให้ทุกนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า ซึมซับกับทุกความรู้สึกที่อยู่ตรงนี้

ความหอมหวานนี้ ปลายลิ้นนุ่มๆนี้...

จุ๊บ

“เดี๋ยวสายนะ” ผมยิ้มน้อยๆก่อนจะเช็ดมุมปากให้คนที่กำลังซบหน้าผากกันอยู่ตอนนี้ วินลืมตาขึ้นมองแล้วผละออกไปยืนทั้งที่หน้าเป็นริ้วแดงจางๆ

“ไปแล้วจริงๆนะ” พยักหน้าแทนคำพูดแล้วเปิดประตูห้องให้คนมีสอบได้รีบไป มองร่างเล็กๆเดินเข้าลิฟต์จนลับสายตาถึงได้กลับเข้าห้อง

ผมตัดสินใจอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยแล้วจึงกลับมานอนที่โซฟาหน้าโทรทัศน์ รอแค่เวลาที่คนพึ่งจะออกไปกลับมา





ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนบ่ายสามโมงครึ่ง คนที่มีสอบบอกว่าจะสอบเสร็จตอนสี่โมง กว่าจะแวะซื้อของเข้ามาอีกคงกินเวลาอีกไม่น้อย ผมสะลึมสะลือลุกขึ้นจากโซฟาไปล้างหน้าล้างตาแล้วกลับมานั่งที่เดิม ล้วงโทรศัพท์มือถือที่ไม่ได้แตะมาตั้งแต่เมื่อคืนมาดู นานแล้วที่ไม่ได้เข้าพวกโซเชียลมีเดียอะไรเลย ไหนๆวันนี้ก็ว่างแล้วดูบ้างก็ดีเหมือนกัน

??

ไอ้คนที่มันชอบแท็กหาแฟนผมในอินสตาแกรมคือใครกัน?

เพราะฟอลโลวคนเพียงไม่กี่คนจึงเห็นภาพที่วินอัพลงได้ในอันดับต้นๆ เป็นธรรมดาที่ผมจะเข้าไปดูอยู่แล้วว่าเขาอัพอะไรบนแอพพลิเคชั่นนี้บ้างเนื่องจากไม่ได้เข้ามาดูนาน ส่วนมากรูปที่วินอัพก็เป็นวิวทั่วๆไป แคปชั่นธรรมดาตามแบบเจ้าตัว แต่ทุกอย่างมันไม่ธรรมดาตรงที่พอกดเข้าไปตรงรูปที่เขาถูกแท็กนี่แหละ ปกติไม่ค่อยจะได้เข้ามาดูแต่แปลกที่วันนี้นึกอยากรู้ว่ามีภาพอื่นที่ผมไม่เห็นรึเปล่า

แล้วก็มีจริงๆ...

ไอ้ผู้ชายที่ชอบถ่ายรูปกอดคอวินนี่เป็นใครกัน

เคยเป็นกันไหมว่าเวลาที่มีอะไรที่รู้สึกว่าบางอย่างมันไม่ใช่สิ่งปกติสัญชาตญาณเราจะรับรู้ได้ทันที แม้จะยังไม่รู้เรื่องราว แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่บางอย่างในใจร้องเตือนว่ามันไม่น่าไว้ใจ

พอกดเข้าไปดูในไอจีของใครคนนั้นก็พบว่ามันมีมากเกินกว่าภาพที่วินโดนแท็กมาเสียอีก แม้ดูจากรูปจะไม่ได้ไปกันสองต่อสองแต่รูปที่เขาอัพมักจะเลือกลงแค่รูปที่ถ่ายคู่กับวินเท่านั้น ทุกที่ที่ถ่ายด้วยกันผมรู้ว่าเป็นที่ไหนเพราะเวลาจะไปไหนอีกคนจะบอกผมก่อนเสมอ

เกือบชั่วโมงที่นั่งดูนั่นดูนี่ในไอจีของผู้ชายคนนี้ทำให้พอจะประติดประต่อเรื่องได้ว่าเขาเป็นรุ่นพี่ในคณะของวิน จากยอดฟอลโลวแล้วคงป็อปปูลาร์ไม่น้อยอยู่เหมือนกัน ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ไม่ได้สนใจอะไรมากมายเช่นผมไม่รู้จัก ถ้าเอารูปไปให้ไอ้กิมกับไอ้จีนน่าจะไม่พลาด

คอมเม้นใต้ภาพที่เขาลงกับวินจะชอบมีเพื่อนๆเจ้าตัวมาแซวเสมอ และแม้คนในภาพจะบอกว่ารุ่นน้องแต่ผมก็ไม่ชอบใจซักเท่าไหร่

ไม่น่าไว้ใจ...ผมคงต้องถามจากวินบ้างแล้ว

แกร๊ก

“กลับมาแล้ว^^” คนที่กำลังนึกถึงเดินเข้ามาหาผมที่ยังนั่งนิ่งบนโซฟาตัวเดิม มือทั้งสองข้างของเขามีถุงอาหารมากมาย วินวางมันลงที่โต๊ะก่อนจะมาหยุดอยู่ข้างหน้า “เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองทำหน้าแบบไหนออกไปแต่พอเมื่อโดนท้วงจึงพยายามปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ และนั่นทำให้รู้ว่าก่อนหน้านี้คิ้วสองข้างถูกขมวดแน่น

“เปล่าครับ ไม่มีอะไร...เป็นไงบ้าง ทำข้อสอบได้ไหมครับ” อีกคนทรุดตัวลงนั่งโซฟาตัวเดียวกัน ปากบางฉีกยิ้มน้อยๆให้เดาได้ว่าการสอบวันนี้คงผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

“เพราะคำอวยพรของใครบางคนรึเปล่านะ วันนี้ทำให้เราทำข้อสอบได้แบบผ่านฉลุยเลย”

“หืม งี้ต้องให้รางวัลคนอวยพรรึเปล่านะ” แกล้งหลิ่วตาถามอย่างหยอกล้อ

ฟอด

พูดยังไม่ทันจบดีอีกคนก็กดปากลงที่แก้มผมทีนึง

“ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะ :) “ ทำตัวน่ารักขนาดนี้เป็นใครก็คงทนไม่ไหว

เช่นเดียวกับผม...

โทรศัพท์ในมือถูกวางลงข้างๆก่อนจะโน้มหน้าเข้าหาอีกคน

เสียงแลกเปลี่ยนน้ำลายดังชัดในความรู้สึกเพราะเราทั้งสองสัมผัสกันอย่างแนบชิด ตอนแรกวินตกใจเล็กน้อยแต่พอตั้งสติได้ก็ค่อยๆจูบตอบกลับมา ผมดูดดุนลิ้นเล็กเบาๆก่อนจะค่อยๆเพิ่มความร้อนแรงขึ้น

สองมือค่อยๆขยับเข้าไปดึงเสื้อนักศึกษาที่ถูกใส่ชายไว้ในกางเกงอย่างเรียบร้อยให้หลุดออก ค่อยๆเอนร่างเล็กให้นอนลงแนบกับโซฟา

“ขอนะ...ได้ไหมครับ” ทั้งเสียงและหน้าตาแสดงออกอย่างเว้าวอน

“ฮื่อ พูดทำไมเล่า” คนที่นอนอยู่ใต้ร่างซุกตัวกับซอกคอผมแน่น การกระทำที่ทำเอาต้องยิ้มออกมา
 
“งั้นไปที่ห้องนอนกันดีกว่าเนอะ ตรงนี้เดี๋ยวปวดหลัง...อึ๊บ” ไม่รอช้าที่จะจัดการอุ้มคนตัวเล็กท่ากระเตงขึ้นมา เพราะว่าไม่ทันได้ตั้งตัวสองขาของวินเลยรีบเกี่ยวหมับเข้าที่หลังเอว เป็นสัญชาตญาณที่ช่างเหมาะเจาะกันเหลือเกิน


ออฟไลน์ ex-soulL

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-6

เดินเข้ามาในห้องจนปิดประตูเรียบร้อยก่อนจะเดินเข้าไปวางลูกลิงไว้ที่เตียงโดยที่ผมทาบทับตามไปติดๆ พยายามไม่ทิ้งน้ำหนักตัวลงไปทั้งหมด มองคนที่หน้าแดงแจ๋ไม่ยอมสบตานิ่ง

ตั้งแต่ครั้งแรกก็ยังไม่มีครั้งที่สองเพราะต่างคนต่างยุ่ง วันนี้มีโอกาสก่อนที่จะกลับไปยุ่งอีกก็คงต้องจัดการเสียหน่อย หึหึ(เสียงหัวเราะชั่วร้ายมาก)

“รัก” คำสั้นๆถูกเอ่ยออกไปจากปากเรียกให้หน้าหวานๆที่หันไปทางอื่นหันกลับมาสบตา อยู่ดีๆก็แค่อยากพูดคำนี้ แทนความรู้สึก แทนความคิดทั้งหมดที่มีตอนนี้ ผมรักเขายังไงวันนี้ก็ยังอย่างนั้น ไม่มีลดน้อยลงแถมยังมากขึ้นทุกวันด้วยซ้ำ

คนที่นอนจ้องตากันอยู่ตรงนี้...คนที่เป็นเจ้าของหัวใจ

“รักเหมือนกัน” แม้จะเอ่ยออกมาทั้งที่หน้าแดงๆแต่ผมก็รับรู้ได้ทุกความรู้สึกที่เขามี ความรู้สึกที่ไม่ได้แตกต่างกัน
ระยะห่างระหว่างเราสั้นลงเรื่อยๆเมื่อผมเคลื่อนหน้าต่ำลง ใกล้จนริมฝีปากสัมผัสกันในที่สุด

สัมผัสที่ทั้งอ่อนโยนและร้อนแรงสลับไปมา กระดุมเสื้อนักศึกษาของคนตัวเล็กหลุดออกไปหมดออย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะค่อยๆหลุดออกจากเรียวแขนสวยทั้งสองข้างแล้วเหลือเพียงเสื้อกล้ามตัวบาง มาถึงตรงนี้ผมก็ไม่รอช้าที่จะถอดมันออกโดยที่เจ้าของก็ให้ความร่วมมืออย่างดี พอส่วนบนหลุดออกหมดข้างล่างก็ตามไปทีละชิ้น ทีละชิ้น

จนตอนนี้ร่างบางไม่เหลืออะไรติดตัวเลยแม้แต่ชิ้นเดียว พอจัดการเขาเสร็จจึงผละออกมาจัดการตัวเอง ใช้เวลาไม่นานก็กลับไปทาบทับคนที่นอนระทวยอยู่เช่นเดิม

เนื้อตัวเปล่าเปลื่อยสัมผัสกันและกันกระตุ้นความรู้สึกให้ลุกโชนยิ่งกว่าเดิม ผิวขาวจัดของวินขึ้นสีทั่วตัวราวกับกุ้งโดนน้ำร้อน น่ารักเสียจนผมค่อยๆลิ้มลองทีละนิด

“อะ...อื้อ...พะ...พัต” ซอกคอหอมหวานถูกไล้เลีย ขบเม้ม และดูดดึง กลิ่นหอมอ่อนๆยิ่งชวนให้ลุ่มหลงจนเผลอสัมผัสแรงขึ้นกว่าเดิม เพราะความที่ห้ามใจไม่ไหวคาดว่าหลังจากนี้มันจะต้องขึ้นรอยซักรอยสองรอยแน่นอน

จากลำคอขาวไล้ต่ำลงที่เม็ดตุ่มไตทั้งสองข้าง ตวัดลิ้นเลียเบาๆเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกคนได้คุ้นชินและเตรียมพร้อม

“อ๊า...อึก...ฮาห์” กายบางบิดเร้าน้อยๆเมื่อถูกสัมผัสที่ร้อนแรงคุกคามจนต้องดิ้นรนเพราะความเสียวซ่าน เสียงร้องที่ยิ่งกระตุ้นให้ผมแทบจะทนไม่ไหว ก่อนจะเคลื่อนปากลงต่ำเรื่อยๆจนถึงแก่นกลาง

แผล๊บ

“ฮ๊า...ฮึก...พัต...พัต” ลากลิ้นเลียช้าๆจากปลายจนถึงโคน สะโพกบางแอ่นขึ้นราวกับอยากหลีกหนีแต่นั่นกลับยิ่งเป็นการเชิญชวนมากกว่าเดิม ในที่สุดผมก็ครอบปากลงไปทั้งหมดแล้วดูดดึงที่ส่วนปลายแรงๆ

“ฮื่อ...พัต...สะ เสียว” ยิ่งอีกคนแสดงอาการเท่าไหร่ยิ่งทนไม่ไหว ผละตัวออกมาหยิบอุปกรณ์ที่ลิ้นชักโต๊ะข้างหัวเตียง ฉีกซองถุงยาแล้วสวมเรียบร้อย บีบเจลใส่มือก่อนจะขยับเข้าไปแทรกกลางตัวของคนที่นอนอยู่ แยกขาเล็กให้อ้าออกกว้างจนเห็นความสวยงามของกลีบกุหลาบข้างหน้า

“ถ้าเจ็บบอกพัตนะ” ข้อมือแกร่งถูกเคลื่อนเข้าไปใกล้ ลูบไล้เบาๆสองสามทีก่อนจะค่อยๆแทรกผ่านความคับแน่นเข้าไป อีกคนร้องออกมาเล็กน้อยผมจึงหยุดพัก พอเขาปรับตัวได้ก็ค่อยๆขยับเข้าไปใหม่ เป็นแบบนี้เรื่อยๆจนขยับเข้าไปได้หมด

ความอุ่นร้อนตอดรัดเป็นจังหวะจนต้องขยับมือ จากช้าๆสู่ความเร็วที่มากขึ้น

“อ๊ะ...ตรงนั้น..อะ...อ๊า” พอรู้ว่าเป็นตรงไหนนิ้วมือแกร่งก็ขยับจี้รัวจนคนที่ถูกรุกรานดิ้นพล่าน นิ่วมือถูกเพิ่มเข้าเป็นสองนิ้วโดยที่ไม่รู้ตัว แม้จะคับแน่นแต่เพราะโดนกระแทกที่จุดเสียวกระสันแรงๆไม่นานถูกอย่างก็ลื่นไหลอย่างที่มันควรจะเป็น จากสองนิ้วก็ถูกเพิ่มขึ้นเป็นสาม เคลื่อนเข้าเคลื่อนออกจนวินแทบทนไม่ไหว

พอเห็นดังนั้นผมจึงถอนนิ้วออกแล้วขยับเข้าไปจ่อแก่นกายตรงช่องทางสีสวยอย่างไม่รีรอ ถูไถเบาๆให้ได้เตรียมใจก่อนจะค่อยแทรกกายเข้าไป

“ไหวไหมครับ” เพราะความเกร็งแน่นของอีกคนทำให้แทบขยับไม่ได้จนต้องโน้มตัวลงไปทาบทับแล้วกระซิบถามคนหน้าหวานที่หลับตาแน่น อีกคนเปิดเปลือกตาที่มีน้ำคลอดวงตาขึ้นมาแล้วพยักหน้าเบาๆ

“ระ เราทนได้” ประโยคน่ารักจากแฟนตัวเองทำให้ผมต้องขยับไปจูบที่ปากแดงๆบวมเจ่อนั้นทันที ดึงความสนใจจากวินมาอยู่ตรงนี้โดยที่เขาจะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องข้างล่างมากนัก พออีกคนเผลอก็ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไป ขยับทีคนตัวเล็กก็เกร็งที แต่ผมก็ใจเย็นรอให้เขาปรับตัวเรื่อยๆจนสามารถเข้าไปได้จนสุด แรงตอดรัดทำเอาเสียวซ่านจนต้องครางต่ำออกมา

“อืมห์...พัตจะขยับแล้วนะ” กระซิบชิดริมฝีปากซึ่งวินก็พยักหน้ารับหงึกหงัก แม้เขาเองจะลำบากไม่น้อยแต่ก็ตอบรับอย่างเต็มใจ ผมค่อยๆถอนตัวตนออกมาก่อนแทรกเข้าไปใหม่ช้าๆ ทำแบบนี้จนทุกอย่างเคลื่อนที่ได้คล่องขึ้น

“อะ...ฮื่อ...อึก” เสียงเนื้อกระทบกันดังหยาบโลนไปทั่วห้อง เตียงตัวใหญ่ลั่นเอี๋ยดอ๊าดเบาๆเมื่อจังหวะเนิบๆถูกเปลี่ยนไป เสียงครางหวานของอีกคนก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับเสียงครางต่ำๆจากผม

“อืม...อาห์...วินครับ”

“พัต...ฮาห์...อิ..พะ พัต” แรงโยกจากสะโพกสอบถี่รัวขึ้นเรื่อยๆโดยที่อีกคนก็แอ่นรับอย่างไม่รู้ตัว ความเสียวซ่านเข้าครอบงำจนไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอื่นใด มือบางกำผ้าปูที่นอนแน่นจนมันยับยูยี่ ใบหน้าหวานเชิดขึ้นครวญครางอย่างไม่สามารถทนได้อีกต่อไป “ฮื่อ...มะ ไม่ไหว...ไม่ไหวแล้ว”

ไม่ใช่แค่วินแต่ผมเองก็ไม่ต่างกัน แรงตอดรัดถี่ทำให้ยิ่งต้องเร่งสะโพกมากขึ้น ทุกครั้งเสยเข้าที่จุดกระสันของอีกคนเต็มๆ เสียงร้องของวินดังขึ้นเรื่อยๆพร้อมแรงตอดรัดจากภายใน สัญญาณที่บ่งบอกว่าอีกคนใกล้ไปเต็มที่แล้ว

พับ...พับ...พับ

ความร้อนแรงถูกส่งไปมากขึ้นเรื่อยๆตามอารมณ์ที่พุ่งถึงขีดสุด

“อึก...อ๊า...เรา ไม่ไหว...ไม่ไหวแล้ว...พัต...พะ พัต...อาาาาห์”

“วิน...วินครับ...อืมมม” คนตัวเล็กเกร็งกระตุกก่อนจะพ้นทุกหยาดหยดออกมาเปรอะเปรื้อนทั้งท้องบางและท้องแกร่ง ในขณะที่แก่นกายผมก็กระตุกภายในตัวเขาแล้วปลดปล่อยทุกอย่างออกมา ผนังนุ่มตอดรัดบีบเค้นจนไปไหนไม่รอด

“แฮก แฮก” เสียงหอบน้อยๆดังขึ้นจากการที่วินหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอด ใบหน้าหวานแดงก่ำและชุ่มไปด้วยเหงื่อตามไรผมเล็กน้อย มือหนาถูกยกขึ้นไปเช็ดให้เบาๆทั้งที่ร่างกายเรายังเชื่อมต่อกัน ผมยังไม่ถอนกายออก

“เจ็บไหม” ครั้งนี้อาจจะดีขึ้นกว่าครั้งแรกที่มีอะไรกัน แต่นั่นก็ไม่ได้การันตีว่าวินจะไม่บาดเจ็บ

“นะ นิดหน่อย” คนเขินขยับขยับมาโอบรอคอผมแน่น ซุกตัวลงกับซอกคอแบบที่เจ้าตัวชอบทำ

“นอนพักนะ เดี๋ยวพัตเช็ดตัวให้” ท้องฟ้าข้างนอกถูกปกคลุมไปด้วยความสลัว นาฬิกาพรายน้ำในห้องนอนบอกว่าเป็นเวลาหกโมงกว่าๆ ตอนนี้ผมเลยอยากให้คนที่รับศึกได้พักผ่อนก่อนจะค่อยให้ตื่นขึ้นมากินข้าวทีหลัง

“ไม่เป็นไร พักด้วยกันนะ...เที่ยงคืนพัตก็ต้องออกไปอีก” การพักผ่อนของผมก็ทำไปแล้วนี่ไง

“ไม่เป็นไรครับ พัตพึ่งตื่นเอง...วินนอนเถอะเดี๋ยวพัตปลุก” ค่อยๆถอนตัวตนออกมาจากความอ่อนนุ่มจนอีกคนร้องออกมาเบาๆแล้วผละออกจากร่างที่โอบผมแน่นก่อนจะดันให้เขานอนลง กดจูบไปที่หน้าผากเล็กแผ่วเบา เสยผมนุ่มของอีกคนขึ้นให้ด้วย “พักนะครับ” พูดด้วยเสียงอ่อนๆอีกที

คงเนื่องด้วยเพราะความเหนื่อยจึงทำให้วินค่อยๆหลับตาลงอย่างว่าง่าย

ผมขยับออกมาถอดถุงยางทิ้งลงถังขยะเล็กๆก่อนจะลุกขึ้นไปใส่บ็อกเซอร์แล้วเข้าห้องน้ำไปเอากะละมังและผ้าผืนเล็กออกมาเช็ดตัวให้วิน เสร็จเรียบร้อยก็หาเสื้อผ้ามาใส่ให้ก่อนที่จะออกไปจัดการกับอาหารที่วินซื้อมาจากข้างนอก โทรศัพท์ที่ถูกทิ้งไว้ที่โซฟาถูกหยิบขึ้นมาดูอีกครั้ง

.
.
.
.
.
.
.
.
.

“กิม ช่วยหาข้อมูลคนคนนึงให้กูหน่อย”




TBC.



Talk

เดี๋ยวๆๆๆๆ หายไปนานกลับมาพร้อมความหื่นคืออะไร :-[ :-[ ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษที่หายไปนานนะคะ แต่ในเพจก็ยังแวะเวียนมาให้หายคิดถึงพัตวินเรื่อยๆเลยน๊าาาา...ตอนนี้ปิดเทอมแล้ว เวลาเลยมีมากกว่าที่ผ่านๆมา ที่หายไปคือทั้งสอบและโปรเจ็ค หนักหนาจนแทบสิ้นสติ :ling3: :ling3:

lส่วนเนื้อหาเรื่องโปรเจ็คพัตนี่มโนล้วนๆ ไม่มีความรู้เรื่องของสถาปัตย์ซักเท่าไหร่ถ้ามันไม่สมจริงต้องขออภัยด้วยนะคะ  :กอด1: :กอด1: ตอนแรกกะแต่งดราม่ากว่านี้ดันออกมาหวานจนต้องรีบกลับมาทิ้งปมไว้ ส่วนไอ้ช่วงสุดท้ายนี่ก็มายังไงก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ(อ่านแล้วเขินจัง ไม่ถนัดเอ็นซีเลย><)  :mew3: :mew3: หวังว่าจะชดเชยช่วงที่หายไปได้บ้างน๊า

ถึงจะมาช้าบ้างอะไรบ้างแต่มาจนจบแน่นอน ตามจิกตามทวงได้ที่เพจนะคะ...ไม่ต้องกลัวรำคาญ ยิ่งทวงยิ่งชอบค่ะ เพราะฉะนั้นทวงมาเยอะๆเลยนะ ยิ่งจะมีกำลังใจในการแต่งฮึบๆเลย^^

#ย้ำว่าไม่มีดราม่าหนักนะคะไม่ต้องกังวล เล็กน้อยจิ๊บจ๊อยมากๆ คู่นี้สายหวายน้ำตาลขึ้นพูดเลย  :mew1: :mew1:



พูดคุย ตามทวงได้ค่ะ>>>>  https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/  หรือพูดคุยทางทวิตผ่าน #เริ่มต้นจากการแอบรัก ได้เลย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ขนาดนี้แล้วไม่มีอะไรน่ากังวลหรอก

ออฟไลน์ mirin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
อ๊ากกกกก :pighaun: :pighaun: :pighaun:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
มาแล้วววววววว มาสองด้วย

พัตดูแลวินดีมาก ใจเย็นจริงๆ ตอนดูแลคนป่วย
ส่วนคนที่เข้ามาหาพัต วินค่อยเนียนๆจัดการไป
วินคงไม่ได้คิดอะไร คงไม่ได้ระวังตัว
รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ตอนไม่สบายวินน่ารักจัง
คุณแม่รอซื้อบ้านให้อยู่ด้วยกันแล้ว

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เขินจัง :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
คนเขามีเจ้าของอยู่แล้วแต่ยังทำหน้ามึนไม่รับรู้แบบนี้ก็ต้องถูกกำจัดออกไปให้พ้นทางเป็นธรรมดาใช่ไหมคะพัต :interest:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
อ่านสองตอนรวด หายคิดถึงเลยค่ะ ^^
เจนสัมผัสได้ถึงพลังงานของ คู่รักข้าวใหม่ปลามัน
มันมุ้งมิ้งๆ ฟรุ้งฟริ้งสุดๆไปเรย >\\\\\\<
อิรุ่นพี่ไม่น่าแทรกกลางได้หรอก...มั้ง~~~!!

ออฟไลน์ ujen

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-13

ออฟไลน์ Chrysan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พัตโหมดดาร์คมาแล้วครับ
ปฎิบัติการเปลี่ยนเดือน(?)ให้เป็นดิน
ไม่รู้วะแล้วว่าวินนี่เป็นของใคร
          :hao3:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
เข้ามาติดตามเรื่องนี้ด้วยอีกคน เนื้อเรื่องน่ารักมากๆค่ะ :katai2-1:

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
ใครกันนัชั่งบังอาจ

ออฟไลน์ Tatangth

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รุ่นพี่นี่ใครอีก!!!!
วินมีแฟนแล้วโว้ยยยยน

ออฟไลน์ Pisoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด