ตอนที่ 12
“ทำไมซื้อไข่กับกล้วยมาเยอะนักล่ะ...อกไก่ก็ด้วย” วินถามขึ้นในขณะที่เราสองคนกำลังช่วยกันจัดของเข้าที่ให้เรียบร้อย วันนี้เราออกไปซื้อของใช้เข้าห้องของผมครับ ไหนๆก็ไหนๆแล้วเลยซื้ออาหารพวกโปรตีนมาตุนไว้ซะเยอะเพราะมีเวลาเพียงสามอาทิตย์ในการฟิตหุ่น ฟิตเนสที่ไปอาทิตย์ละสองสามครั้งก็คงต้องเพิ่มเวลาซักหน่อย
ว่าแต่...ยังไม่ได้บอกวินเรื่องนี้เลยแฮะ
“ก็...คืองานกีฬาของมหาลัยพัตต้องไปถือป้ายสาขาอ่ะ แล้ว...” สายตาที่มองมาอย่างตั้งใจฟังทำเอาสติและความกล้าเริ่มจะหายไป กลัววินงอนอ่ะยอมรับเลย
“แล้ว?”
“คะ คือ...คอนเซปต์ของสาขาพัต...ผู้ชายต้อง...ถอดเสื้อ” ไอ้คำว่าถอดเสื้อนี่เบาจนแทบไม่ได้ยินแถมผมก็ยังไม่กล้าจะสบตาแฟนของตัวเองอีกด้วย พอพูดไปแล้วก็รับรู้ได้ถึงความเงียบที่ปกคลุมรอบตัว บรรยากาศเริ่มแผ่ความเย็นแปลกๆ “คือมันเป็นงานของสาขาอ่ะวิน เพื่อนมาขอให้ช่วยพัตก็ไม่อยากจะปฏิเสธ”
ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่มองมานิ่งๆด้วยสายตาหวาดหวั่น ตอนนี้คือขอยกเหตุผลร้อยแปดมาเอาตัวรอดก่อนเถอะ ถ้าไม่รีบอธิบายเกรงว่าอาจจะไม่มีชีวิตรอดไปช่วยงานเพื่อนก็เป็นได้
เมี่ยงเอ้ย...หางานมาให้ผมแท้ๆเลย
“วินครับ...” สืบเท้าเข้าไปใกล้คนที่ยังคงนิ่งพร้อมกับดึงมือที่อยู่ข้างลำตัวของคนตรงหน้าขึ้นมาจับ
“ถอดเสื้อ...งานกีฬามหาลัย...คนทั้งมหาลัย ไม่สิ มีคนข้างนอกมาด้วย...ก็ต้องเห็นกันหมดเลยเหรอ” ร่างเล็กๆขยับปากพูดทีละประโยคช้าๆ ดวงตาไหววูบที่แสดงออกทำให้ผมต้องลูบไล้มือบางเบาๆอย่างปลอบประโลม
“เห็นก็เอาไปไม่ได้ซักหน่อย มันเป็นงานของสาขาพัตช่วยได้ก็อยากจะช่วย งานเดียวงานสุดท้ายนะ...จริงๆ” เป็นใครก็ต้องคิดต้องรู้สึกบ้างผมเข้าใจ เพราะถ้าจะให้วินถอดเสื้อต่อหน้าคนอื่นผมเองก็ไม่โอเคเหมือนกัน ไม่โอเคอย่างแรงและไม่มีวันยอมให้ทำแบบนั้นด้วย
“...จะพยายามเข้าใจ” ถึงแววตาจะยังคงแสดงออกว่าทำใจไม่ได้ซักเท่าไหร่แต่วินก็พยายามยิ้มให้ผมเหมือนว่าเขาโอเคทั้งที่ลึกๆแล้วเขาก็ยังคงทำไม่ได้ทั้งหมดก็ตาม
ผมรั้งเดือนทันตะเข้ามาในก้อมกอดพร้อมกับลูบหลังเขาเบาๆเพื่อปลอบโยน มันยากที่จะทำใจผมรู้ดี
“อย่าคิดมากนะ พัตเองก็ไม่ได้อยากทำแต่นั่นมันเป็นงาน” ผมสัมผัสได้ว่าแรงรัดที่โอบรอบตัวจากคนในอ้อมกอดนั้นมากขึ้น หน้าของวินก็ซบอยู่ที่อกราวกับต้องการที่พึ่งพิง
“อื้อ...วันนั้นห้ามมองใครด้วย ห้ามมองเด็ดขาดเลยนะไม่ว่าจะดาวหรือเดือนของคณะไหนก็ตาม อ้อ...อนุญาตให้มองเดือนของคณะทันตะได้ ห้ามมองคนที่อยู่บนอัศจรรย์ด้วย พิธีกรนักร้องคอรัสก็ห้าม”
“หืม ไม่ห้ามก็ไม่มองใครอยู่แล้ว จะมองแค่เดือนทันตะคนเดียวแน่นอนสัญญาครับ วินก็เหมือนกัน...ห้ามมองใครเด็ดขาด หญ้าในสนามก็ห้ามมอง” วินเองก็ต้องเดินขบวนเหมือนกันในฐานะของเดือนคณะเขา แน่นอนว่าผมรู้ดีว่าต้องมีคนสนใจเขามากมายเช่นกัน ถ้าผมเห็นว่าใครส่งสายตาให้แฟนผมหลังจากเดินขบวนมีเคลียร์กันแน่ๆ
“ห้ามมองหญ้าอะไรกันเล่า งั้นเราจะต้องหลับตาเดินเลยไหม” วินผละออกมาให้เราได้มองหน้ากัน แต่มือก็ยังคงโอบเอวอีกฝ่ายไว้ทั้งคู่
“ถ้าได้ก็ดีน่ะสิพัตจะได้ไม่ต้องห่วง ใครมันส่งสายตามาวินจะได้ไม่เห็น ไม่หวั่นไหว”
“กี่คนส่งมาก็ไม่หวั่นไหวอยู่แล้ว พัตนั่นแหละที่ต้องระวัง...ต้องถอดเสื้อโชว์ด้วย แล้วนี่อยากโชว์มากเหรอถึงได้ซื้อทั้งไข่กล้วยแล้วก็อกไก่มาขนาดนี้ จะฟิตหุ่นให้สาวๆกรี๊ดใช่ไหม” แววตาที่เคยหวานกลับกลายแปรเปลี่ยนเป็นเข้มขึ้นทันที
ผมอมยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นท่าทางและคำพูดของวิน ผมไม่ได้อยากจะโชว์ใครหรอกครับแต่คนมันเยอะก็ต้องทำให้ตัวเองดูดีบ้าง ขืนถอดเสื้อทั้งที่พุงพลุ้ยนี่คงดูไม่จืดแน่ๆ
“ก็วันนั้นคนมันเยอะนี่นา...แต่ไม่ได้อยากจะโชว์ใครเลยนะนอกจากเดือนทันตะอ่ะ”
“ไม่ต้องมาพูดเลย ไม่อยากโชว์แล้วฟิตหุ่นทำไม”
“โถ่ที่รัก ไม่อยากโชว์แต่พัตก็ไม่อยากให้มันดูน่าเกลียดนี่นา”
“ทะ ที่รักอะไรเล่า มั่ว!” แล้วอารมณ์ที่ดูขุ่นมัวจากคนตรงหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นท่าทีตระหนกแบบที่ผมยังคงงงๆ
อ้อ...เป็นเพราะเมื่อกี้ผมเรียกวินว่าที่รักออกออกไปด้วยความลืมตัวสินะ แต่ถึงจะลืมตัวผมก็ไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหนในเมื่อวินเป็นที่รักของผมจริงๆ แต่ดูท่าว่าคนที่ผมโอบอยู่ตอนนี้จะยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่กับสรรพนามใหม่ หน้าเน่อนี่เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับสายตาที่เสมองไปทางอื่นไม่ยอมสบตาอย่างเคย ริมฝีปากเล็กก็เม้มแน่น
“พัตรักใครก็เรียกคนนั้นว่าที่รักไม่เห็นจะแปลกตรงไหน...จริงไหมครับที่รัก?” ผมยิ้มกว้างพร้อมกับส่งสายตาไปให้วินเพราะรู้ว่านั่นจะยิ่งเป็นการทำให้เขาเขินหนักขึ้นไปอีก
“พะ พอแล้ว...ปล่อยเลยนะ จะไปเก็บของต่อ” ของที่เรายังเก็บไม่เรียบร้อยยังคงวางอยู่ที่เดิม แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจของพวกนั้นเพราะวินาทีนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่ากับคนที่อยู่ตรงหน้าผมแล้ว
“ไม่ปล่อยครับ”
“พัต! ปล่อยเราเดี๋ยวนี้นะ” แรงดิ้นแค่นี้จะมาสู้อะไรผมได้ ยิ่งวินดิ้นผมก็เลยยิ่งแกล้งเขาโดยการรัดให้แน่นขึ้น
“หยุดดิ้นก่อนเร็ว เดี๋ยวพัตปล่อย” ที่จริงวินก็ดิ้นไม่แรงหรอกครับ แต่ถ้าเขาอยู่นิ่งๆก็คงจะดีกว่า
“แน่นะ?”
“ครับ” คนในอ้อมกอดค่อยๆผ่อนแรงดิ้นลงจนกลายเป็นยืนอยู่เฉยๆตามเดิม และนั่นแหละคือสิ่งที่ผมต้องการ “จูบได้ไหมครับ” มือที่โอบเอวบางถูกยกขึ้นมาลูบไล้ที่ริมฝีปากของวินแผ่วเบา สีหน้าที่เป็นปกติได้ไม่นานเริ่มกลับมาแดงอีกแล้ว
วินไม่ได้ตอบรับหรือว่าปฎิเสธ มีเพียงสายตาที่มองมาอย่างเขินอายและหวั่นไหวให้เท่านั้น เราทั้งคู่สบตากันเนิ่นนานก่อนที่ผมจะถือว่าความเงียบนั้นคือคำตอบรับว่าตกลง
และเป็นผมเองที่เคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเรื่อยๆ จากระยะที่ห่างพอประมาณก็สั้นลง สั้นลง และสั้นลงจนสามารถมองเห็นขนตาที่เรียงเป็นแพรของวินได้อย่างชัดเจน ดวงตาคู่นี้ที่ผมชอบ คิ้ว จมูก แก้ม ปาก ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าคือสิ่งที่ผมหลงใหล ลมหายใจระหว่างเราสั้นเรื่อยๆจนในที่สุดมันก็แทบจะกลายเป็นลมหายใจเดียวกันในจังหวะที่ต่างฝ่ายต่างค่อยๆหลับตาลง
ผมไล้ลิ้นชื้นแฉะของตัวเองไปบนริมฝีปากที่เผยอน้อยๆของวินไปมาอย่างแผ่วเบา ละเลียดราวกับมันเป็นขนมหวานที่ผมชอบที่สุดจนไม่อยากจะตะกรุมตะกรามกินให้มันหมดไปเร็วนัก ขบเม้มปากบางไปเรื่อยๆอย่างใจเย็นจนวินยอมเปิดทางให้ผมเข้าไปสำรวจภายใน เรียวลิ้นค่อยๆบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ของอีกฝ่ายก่อนจะสัมผัสเข้ากับกับลิ้นเล็กของเขาที่หดหนีทันทีเมื่อผมสัมผัสโดน แต่ผมไม่ได้กดดันเขา ก็ยังคงค่อยๆไล้เลียดลิ้นเกาะเกี่ยวตามวินไปอย่างแผ่วเบาจนในที่สุดก็สามารถครอบครองมันไว้ได้
“อือ อะ อะ อืม” เสียงครางจากในลำคอของคนที่ไม่ประสีประสาดังขึ้นอย่างทำให้ผมพอใจ
แรงดูดดึงเรียวลิ้นเล็กเริ่มเพิ่มมากขึ้นตามอารมณ์ที่โหมกระหน่ำ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็พยายามควบคุมมันไม่ให้มากเกินจนวินรับไม่ไหว ปฎิกิริยาของเขากำลังดีขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นเล็กเริ่มตอบสนองกลับมาเป็นฝ่ายจูบผมกลับบ้างตามสัญชาตญาณ ใบหน้าก็ปรับเอียงให้เราทั้งสองได้แนบชิดกันมากขึ้นอย่างที่มันควรจะเป็น มือผมค่อยๆลูบไล้ทั่วเอวบางไปมาในขณะที่อีกข้างก็ยังอยู่ที่ข้างแก้มวินเพื่อบังคับทิศทาง
จากที่ลูบเอวเล็กผ่านร่มผ้ามือของผมก็เริ่มสอดเข้าไปภายในเพื่อสัมผัสกับผิวเนียนโดยที่วินไม่รู้ตัวเพราะยังคงมัวเมากับจูบของผมอยู่ ผิวที่ผมได้สัมผัสนั้นเนียนราวกับเม็ดทรายเล็กละเอียด ยิ่งสัมผัสยิ่งต้องการมากขึ้น...มากขึ้น
จนในที่สุดก็ต้องเป็นผมที่ต้องตัดใจถอดถอนริมฝีปากออกมาจากปากบางอย่างอ้อยอิ่งแม้ว่าใจจะต้องการทำมากกว่านั้นก็ตาม
“แดงหมดเลย” ผมไล้มือไปยังปากที่บวมเจ่อนิดๆจากแรงดูดดึงของตัวเองพร้อมกับส่งสายตาไปให้คนที่ยืนหอบเล็กน้อยจากการจูบเมื่อครู่
“พะ เพราะใครกันเล่า” วินรีบซุกตัวเข้ามาในอ้อมกอดผมอีกครั้งคงเพราะอายเกินกว่าที่จะสู้หน้าผมล่ะมั้ง ทั้งที่ไม่เห็นมีอะไรจะต้องอายกันซักนิด ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของเราและวันนั้นผมก็สอนเขาไปเยอะแล้ว แต่ดูท่าว่าจะยังคงไม่เป็นผลเท่าไหร่ ไร้เดียงสายังไงก็ยังคงไร้เดียงสาอย่างนั้น
“หึหึ เลิกเขินได้แล้ว แฟนกันทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติวินควรจะชินได้แล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องเขินพัตซักหน่อย” ผมอยากให้เขาสบายกับทุกการกระทำที่ทำต่อผม ไม่ว่าจะทำอะไรก็ให้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ การแสดงออกของความรักแบบนี้ยิ่งไม่มีอะไรต้องอาย
“ก็มันยังเขินๆนี่นา ใครจะหน้าด้านเหมือนพัตกันล่ะ...แล้วมือน่ะเอาออกไปเลยนะคนทะลึ่ง เอาเข้ามาตอนไหนเนี้ยไวชะมัด” อ้าว รู้ตัวซะแล้ว คนกำลังเพลินเลย
“โอเคๆ งั้นจัดของต่อให้เสร็จดีกว่าเนอะจะได้เริ่มทำกับข้าวกัน” ผมหอมหัวคนในอ้อมกอดไปทีนึงก่อนจะผละออกมาซึ่งวินก็รีบถอยห่างไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวเราจัดการตรงนี้เอง” ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวการอยู่ในห้องครัวกับผมสองต่อสองซะแล้วล่ะ
“ครับๆ ตามใจ งั้นพัตไปรอข้างนอกนะ มีอะไรก็เรียกได้เลย” วินเขาจัดการเรื่องอาหารได้โดยที่ผมไม่ต้องช่วยอะไรได้อย่างสบาย เราทำอาหารเป็นทั้งคู่แต่ส่วนมากวินจะเป็นฝ่ายทำให้ผมกินซะมากกว่าเวลามาที่ห้อง และแน่นอนว่าาผมชอบอาหารที่เขาทำมากๆเลยล่ะ อร่อยทุกอย่างไม่ได้ยอเกินเหตุจริงๆ
.................................................
3 อาทิตย์ผ่านไป“ไอ้พัต ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยดิวะ”
“ดีเท่าที่จะทำได้แล้ว ตอนนี้กูง่วงจะตายห่า” ผมบ่นใส่ไอ้กิมทันที วันนี้เป็นวันกีฬาของมหาลัยแล้ว ไอ้เมี่ยงนัดให้มาตั้งแต่ตีสามทั้งที่ผมก็ไม่ได้จะต้องแต่งอะไรมากมาย แต่งเสร็จตั้งแต่ตีสี่ครึ่งต้องให้มานั่งรอจนตอนนี้เกือบจะหกโมงเช้าแล้วรอเดินขบวนตอนแปดโมงอย่างเดียว คือขอหลับก่อนได้ไหมวะ วันนี้ผมก็มีแข่งกีฬาช่วงบ่ายต่ออีก
“เออน่า เดี๋ยวรอไอ้จีนกลับมาก่อนมึงค่อยพัก หาไรรองท้องบ้าง...เมี่ยงบอกเดี๋ยวมันมาตามมึงอีกที” ไอ้จีนไปซื้อของกินที่เซเว่นให้อยู่ แล้วเดี๋ยวพวกมันก็ต้องออกไปดูความเรียบร้อยต่างๆแล้วก็ช่วยงานด้านอื่นๆด้วย
“สามี~ มาถ่ายรูปกันก่อนค่ะ” ประตูเปิดผ่างเข้ามาพร้อมเสียงที่พยายามดัดให้เล็กดังขึ้นจนผมหันไปมองผู้ที่เข้ามาใหม่อย่างเหนื่อยใจ นี่ขนาดใช้อำนาจอันไม่ชอบจนได้มาอยู่คนเดียวในห้องนี้แล้วนะ มันยังอุตสาห์ตามมาทำให้ผมเหนื่อยได้อีก
งานสุดท้าย...งานสุดท้าย ท่องไว้ในใจ
“ถ่ายทำไม” ผมมองหน้าไอ้ปาร์คช่างกล้องประจำสาขาอย่างอึนๆทันที ง่วงอย่างแรงจนปวดตาแล้ว
“ระดับมึงทั้งทีไม่เก็บภาพไว้ได้ไงวะ”
“ใช่ค่ะ ไม่เก็บภาพไว้ได้ไง ถอดเสื้อเร็วจะได้ถ่ายกันซักที ทีนี้มึงก็จะได้พักยาวจนกว่าจะเดินขบวนนู้น อยากเสร็จเร็วก็รีบถอดเลยค่ะ” ไอ้เมี่ยงกระดี๊กระด๊าบอกผมถอดเสื้อใหญ่จนอดคิดไม่ได้ว่ามันเอาการถ่ายรูปมาเป็นเหตุผลบังหน้ารึเปล่าเพราะตั้งแต่มาแต่งหน้าแต่งตัวผมก็ไม่เคยถอดเสื้อคลุมที่ใส่ทับไว้ออกเลย
“เก็บอาการหน่อย น้ำลายจะไหลแล้วนั่น” ไอ้กิมแซะไอ้เมี่ยงเพราะคงคิดไม่ต่างกัน
“ไหลเหลยอะไรอีกิม ไม่มีค่ะ กูไม่ได้คิดอะไรเลยจริงจริ๊งงงง....ถอดเลยค่ะสามี ด่วนค่ะด่วน” จะไม่เชื่อมันก็ตรงนี้นี่แหละ แต่ถึงอย่างนั้นสุดท้ายแล้วผมก็ต้องยอมถอดเสื้อคลุมออกอยู่ดี ไม่ใช่อะไรนอกจากจะได้ให้มันรีบๆออกไปให้ผมได้นอนซักที
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!! โอ๊ย อกอีแป้นจะแตก ซิกแพคที่กูใฝ่ฝันอยากเห็นมาตลอด เซ็กซี่ขยี้ใจมากค่ะผัว...มาเป็นผัวกูเถอะนะ กูขอร้อง” มันกรี๊ดแบบกรี๊ดจริงๆจนพวกผมสามคนที่อยู่ในห้องต้องยกมือขึ้นมาปิดหูทันที ไอ้เมี่ยงไม่พูดเปล่าแถมยังเขยิบมาประชิดตัวพร้อมกับลวนลามผมทางสายตาอีกต่างหาก ถ้าไม่ใช่เพื่อนนี่จะเตะให้จริงๆนะ
สามอาทิตย์ที่ผ่านมาผมก็พยายามฟิตร่างกายเท่าที่จะทำได้ ไปฟิตเนสเกือบทุกวันยกเว้นวันที่ผมต้องไปซ้อมบอลซ้อมวิ่งก็จะไม่ได้ไป ปกติก็ออกกำลังกายบ้างอยู่แล้วตามประสาคนชอบเล่นกีฬาร่างกายเลยมีกล้ามอย่างที่มันควรจะมี พอไปฟิตมากขึ้นก็เลยเห็นรูปร่างชัดขึ้นพร้อมกับดูหนาขึ้น
“กูมีแฟนแล้ว”
“กระเทยเซ็ง...ไม่ต้องย้ำค่ะกูรู้แล้ว ข่าวมึงดังทั่วมหาลัยขนาดนั้นใครไม่รู้คงไม่ได้มาเรียนหนังสือแล้วล่ะ นี่ถ้าไม่ใช่วินกูไม่ยอมง่ายๆหรอกนะ แต่วินตั้ลล้าคคคคคค...กูยอมให้ได้” มีการจีบปากจีบคอพูดทำเหมือนงอนผมเล็กๆด้วย แต่ผมก็ไม่ได้ถือสาอะไรมันหรอกครับ รู้ว่ามันทำเล่นๆพูดไปงั้น
“พอๆ เริ่มถ่ายกันได้แล้ว กูต้องไปตามเก็บภาพที่อื่นด้วย” ในที่สุดไอ้ปาร์คทนความไร้สาระของเราไม่ไหวจนต้องพูดออกมา
ปึง~
“อ้าว มาทำไรวะปาร์ค” ไอ้จีนที่พึ่งประตูเข้ามาพร้อมถุงของกินเต็มสองมือถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่ามีบุคคลเพิ่มขึ้นมาจากที่ควรจะมีแค่ผมกับไอ้กิมอยู่สองคน
“มาถ่ายรูปว่ะ ระดับไอ้พัตทั้งทีต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ซักหน่อย...พัตมึงเดินไปหน้าต่างเลย กูจะเอามุมนั้น” ผมเดินไปตามคำสั่งช่างกล้องทันทีเพราะอยากให้งานเสร็จไวๆ ระหว่างการถ่ายภาพก็มีไอ้เมี่ยงคอยจัดการนู้นจัดการนี่ ไม่ว่าจะเรื่องโพสต์เรื่องฉากเรื่องแสงมันก็ทำยิ่งกว่าช่างกล้อง ผมมีหน้าที่แค่ขยับร่างกายตามที่มันสั่งเพราะหน้ามีอยู่หน้าเดียวอยู่แล้วไม่ต้องทำอะไร กินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงผมก็ได้พักซักที
“เอ้อ...แล้วตอนนี้วินอยู่ไหนอ่ะ ออกมาคณะยัง” ไอ้จีนถามขึ้นในขณะที่เรากำลังกินของที่มันซื้อมาอยู่ ตัวผมกินแค่ไข่กับนมเท่านั้น คือทำมาตั้งสามอาทิตย์ก็กะว่าจะทำจนถึงตอนเดินขบวนเสร็จ หลังจากนั้นจะซัดให้เกลี้ยงเพราะต้องใช้พลังงานในการเล่นกีฬาด้วยไม่กินไม่ได้
“กำลังแต่งหน้าอยู่คณะ” ไลน์มาบอกผมแค่ตอนตีห้าแล้วก็หายเงียบไปเลยไม่ตอบไลน์ที่ผมส่งกลับไปใดๆ สงสัยคงจะวุ่นๆอยู่กับการแต่งตัวเหมือนกัน แต่ของวินก็ไม่ได้อะไรมากเช่นกันเพราะเขาก็แค่ต้องใส่ชุดนักศึกษาเต็มยศก็เท่านั้น
“แฟนมึงนี่ก็ดีไม่งอแง ถ้าเป็นเด็กกูนะป่านนี้ต้องเคลียร์กันยาวแล้ว” ไอ้กิมเอ่ยขึ้นมา ใครว่าไม่งอแงกัน พอโทรหาผมแล้วผมอยู่ฟิตเนสทีไรก็งอนตลอดหาว่าผมอยากฟิตหุ่นไปให้คนอื่นดู แต่ดีที่วินแค่งอนเล็กๆน้อยๆไม่ได้งี่เง่าอะไร
“ถ้ามาเห็นตอนนี้ก็ไม่แน่”
“กูว่าตามไอ้จีน แต่งหน้าแล้วเซตผมแล้วแถมยังลงครีมผิวแทนด้วยแม่งสาวคลั่งมึงแน่ ทีนี้แหละจะได้เคลียร์กับวินยาวจริงๆ” ที่พูดมาคือเมี่ยงจัดการหมดเลย ไอ้ครีมผิวแทนนี่ผมโคตรจะหงุดหงิดเพราะคือปกติก็ไม่ชอบทาอะไรเหนอะๆอยู่แล้วด้วย แต่ไอ้เมี่ยงมันบังคับขู่เข็ญจนผมต้องยอมทา มันบอกอย่างให้เห็นซิกแพ็คผมชัดๆ ยังดีที่ทาเพียงบางเบาให้ผิวดูแทนขึ้นนิดๆเพราะผมทาเองโดยมีไอ้จีนและไอ้กิมช่วย
“พอๆ ไม่ต้องมาไซโคกูให้เครียด พวกมึงจะออกไปตอนไหนก็ปิดไฟให้กูด้วยนะกูจะนอนแล้ว” ชั่วโมงนึงก็ยังดีก่อนที่จะโดนตามไปเตรียมตัว เพื่อนผมพยักหน้าให้เมื่อเห็นท่าทางผมก่อนจะเริ่มเก็บซากของกิน ส่วนผมก็เอนหลังลงนอนที่ที่ไอ้เมี่ยงเอาผ้ามาปูไว้ให้ทันที
....................................
“โอ๊ย กูจะเป็นลมกับซิกแพ็คพี่เขา”
“หุ่นดีสัดอ่ะมึง”
“แอร๊ย พี่พัตเดินขบวนด้วยเหรอ เลือดจะพุ่งแล้วขอยาดมด่วน”
“อยากได้อยากโดนค่าาา”
“หุ่นโคตรดีเลยว่ะ”บลาๆๆๆๆๆ
ถ้าจะพูดกันขนาดนี้ก็เดินมาพูดกับผมเลยก็ได้นะ คือไม่ได้หงุดหงิดเลยครับแต่ว่าเขาซุบซิบกันใกล้มากๆจนผมได้ยินหมดเลย ตรงจุดนี้เป็นจุดดรวมตัวแล้วคนเลยมาออกันเยอะ แล้วก็มีเสียงเซ็งแซ่อีกมากมายที่ผมจับใจความไม่ได้แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากอยากจะรีบเดินรีบเสร็จ
Rrrrr
“พัต วินโทรมาว่ะ” ไอ้จีนที่ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงชั่วคราวในระหว่างเดินขบวนเอ่ยบอกเพราะของทุกสิ่งอย่างของผมฝากไว้ที่มันหมดส่วนไอ้กิมเป็นประธานรุ่นต้องดูความเรียบร้อยต่างๆงาน
“วินอยู่ไหน” ผมรีบถามออกมาทันทีที่ยื่นมือไปรับโทรศัพท์แล้วสไลด์หน้าจอรับสาย คิดถึงใจจะขาด อยากเจอหน้าอยากได้กำลังใจ เมื่อซักครู่ก่อนออกจากห้องผมโทรหาเขาแล้วเขาไม่ได้รับสายนี่คงพึ่งได้จับโทรศัพท์ล่ะมั้งถึงโทรกลับมาได้
(กำลังไปที่จุดเริ่มขบวนแล้ว เราจะโทรมาถามว่าทาครีมกันแดดรึยัง แดดแรงมากเลยนะ) เสียงรอบข้างวินเองก็ดังไม่แพ้กัน ดูเหมือนว่าเขาค่อนข้างที่จะต้องใช้เสียงมากกว่าปกติที่ในการคุยกับผม
“ไม่ได้ทา พัตไม่ชอบทาครีม” คือดำก็ดำไปเถอะเพราะไม่ชอบทาจริงๆ ผมเองก็เล่นกีฬากลางแจ้งตลอดก็ไม่เคยทาเลย คล้ำลงแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับมาเป็นผิวสีเดิมผมเลยไม่ห่วง พ่อกับแม่เป็นคนขาวครับเลยไม่มีปัญหาด้านนี้ แต่อย่าให้พูดถึงวินนะ อันนั้นน่ะเรียกว่าโคตรขาวเลยเถอะ ขาวมากๆ
(ไม่ได้นะ ไม่ชอบยังไงก็ต้องทา ไม่งั้นผิวไหม้แน่ๆ)
“พัตไม่มีครีมกันแดด วินเอามาให้หน่อยดิ” อันนี้เป็นแผนการที่อยากจะเจอเขาเท่านั้นแหละ ใจจริงไม่ได้อยากทาครีมอะไรเลย
(น่าตีจริงๆคนอะไร เดี๋ยวเราจะรีบไปยังคงพอมีเวลาบ้าง พัตอยู่ตรงไหน)
“เดี๋ยวพัตรออยู่ตรงห้องน้ำฝั่งทิศตะวันออกนะ”
(อื้อๆ)
“กูไปห้องน้ำเดี๋ยวมา” เอ่ยบอกไอ้จีนทันทีที่วางสาย
“เร็วๆก่อนที่เขาจะเริ่มจัดแถวกัน เดี๋ยวไอ้เมี่ยงมาฉีกอกกูอีก” ผมพยักหน้าก่อนจะรีบวิ่งไปที่ที่บอกวินไว้ ตลอดทางก็พยายามไม่สนสายตาของคนที่มองมา คือไม่ได้ใส่เสื้อแล้ววิ่งไปทั่วคงไม่ใช่ภาพที่น่ามองเท่าไหร่หรอกมั้ง
“คนมองเต็มเลย” ปากเล็กเบะออกราวกับไม่พอใจอะไรซักอย่างอย่างรุนแรงเมื่อเห็นผมเดินเข้าไปหา ดวงตาโตกวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะส่งสายตาขุ่นเคืองมาให้
“เขามองวินต่างหาก...พัตหวงจะแย่แล้วเนี้ย” วันนี้วินแต่งหน้าเล็กน้อยพร้อมกับเซตผมขึ้นเปิดหน้าใสๆนั่นให้เห็นชัดๆเต็มตา ออร่าออกจนผมไม่อยากจะให้ไปเดินให้คนมองแล้ว หวง
“อย่าให้เห็นว่ามองใครที่ส่งสายตามาให้นะ เราจะโกรธไม่ยอมคุยด้วยเลยคอยดู”
“ไม่มีแน่นอนครับสัญญาเลย” อยากจะดึงวินมาจูบมาหอมใจจะขาดแต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้ การที่เราสองคนยืนอยู่ด้วยกันแบบนี้คนก็ให้ความสนใจจะแย่แล้ว ที่สาธารณะแบบนี้ก็ต้องวางตัวให้ดีจะทำอะไรรุ่มร่ามไม่ได้
“ใกล้ได้เวลาแล้ว เดี๋ยวเราฉีดสเปรย์กันแดดให้ผิวจะได้ไม่ไหม้ แดดร้อนขนาดนี้ต้องสุกแน่ๆ” แดดร้อนมากจริงๆครับ ขนาดนี่แค่เจ็ดโมงครึ่งยังขนาดนี้แล้วผมจะต้องเดินอยู่กลางแดดเกือบชั่วโมงคงสุกอย่างที่วินว่าจริงๆ “ยื่นแขนออกมาก่อนเดี๋ยวเปื้อนกางเกง” วินสั่งต่อและผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย
แฟนผมเดินไปห่างตัวหน่อยก่อนจะฉีดสเปรย์กันแดดให้ทั้งตัว แต่พอมาฉีกที่หน้าอกเป็นที่สุดท้ายแก้มขาวๆกลับแดงขึ้นมาซะงั้น
“ลูบให้ด้วยดิ” เอ่ยอย่างเหย้าหยอกเมื่อเห็นอาการคนตัวเล็ก
“ลูบเองเลย...เดี๋ยวเราต้องไปแล้วนะ เดินขบวนเสร็จแล้วไลน์มาด้วย” วินสั่งรัวๆ
“ครับ เดี่ยวพัตเดินไปส่งนะ”
“ไม่ต้องเลย จะเดินไปทั่วให้คนอื่นมองทำไมกัน....เราไปแล้วจริงๆนะ บ๊ายบาย”
“ครับ” วินแยกไปอีกทางในขณะที่ผมก็ต้องเดินไปอีกทาง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยืนมองจนคนตัวเล็กลับหายไปจากสายตาอยู่ดีแล้วค่อยรีบวิ่งกลับไปที่จุดของตัวเอง เอาล่ะ รีบๆเดินจะได้เสร็จซักทีนะ
.....................................................
“โอ๊ย ตอนที่มึงเดินเข้าสนามกูนึกว่าสนามจะแตก ทั้งผู้หญิงทั้งกระเทยกรี๊ดจนกูปวดหู”
“เออ เหมือนเหตุจราจลย่อมๆเกิดขึ้นเลยก็ว่าได้ ทุกคนนี้ลุกขึ้นมาดูกันใหญ่ แถมช่างกล้องแม่งยังจับแต่ซิกแพคมึงขึ้นฉายบนจออีกนะ”
ผมฟังเรื่องเจากไอ้กิมและไอ้จีนอยู่ในห้องพักอย่างเฉยๆ อยากทำอะไรก็ทำเถอะเพราะคงจะไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นผมทำอะไรแบบนี้อีก แล้วก็จะบอกว่าตลอดทางที่เดินขบวนผมโคตรอึดอัดกับสายตาที่มองมาเลยแม้ว่าคนในขบวนสาขาผมผู้ชายจะถอดเสื้อกันหมดก็เถอะ ช่างเป็นคอนเซปต์ที่หื่นกามจริงๆ==
“พวกมึงก็พูดโอเวอร์ ไปๆ ไปซ้อมบาสกันได้แล้ว” บาสคณะผมชิงที่สามครับโดยมีไอ้จีนกับไอ้กิมอยู่ทีมบาสและมีผมคนเดียวที่อยู่ทีมบอล ผมเองก็มีแข่งวิ่งกับบอลรอบชิงในช่วงบ่ายซึ่งบอลเป็นรายการสุดท้ายเลย
“ปะๆ” เราสามคนเลยเก็บของให้เรียบร้อยก่อนจะรีบออกจากห้องไปยิมแข่ง ผมไม่ได้มีหน้าที่แต่ก็ไปเพราะไม่มีเพื่อนอยู่ด้วย ไปนั่งเล่นที่ยิมแล้วค่อยไปเตรียมตัวแข่งวิ่งทีหลัง
“มาหานะ อยู่ยิมกลาง” นั่งอยู่บนอัศจรรย์ในขณะที่โทรหาวินไปด้วยแล้วก็อ้อนให้อีกฝ่ายมาหา วินไม่ได้ทำอะไรแล้ว วันนี้คนน่ารักเขามาแค่เดินขบวนเฉยๆ พูดแล้วก็เสียดายที่ไม่ได้เห็นแฟนตัวเองตอนเพราะตัวผมก็อยู่ในขบวนเช่นกัน
(ไม่ไป) หืม? เสียงเหมือนจะงอนอะไรหน่อยๆแฮะ
“มาเถอะนะ พัตอยากเจอจะแย่แล้ว” อารมณ์วินเขาคงจะนอยด์ๆเพราะบรรยากาศแปลกๆในสนามตอนผมเดินเข้าไปล่ะ
มั้ง ไหนจะตากล้องที่เอาแต่แพลนมาที่ตัวผมอยู่ตลอดนั่นอีก(คือแทบจะไม่ซูมหน้า) ได้ยินเสียงกรี๊ดดังขึ้นตลอดแต่ผมพยายามไม่สนใจ ทำหน้านิ่งๆแล้วก็เดินนิ่งๆไปตามหน้าที่
(อยากเจอจริงๆเหรอ ไม่ได้อยากเจอใครนอกจากเราคนเดียวนะ) อันนี้เริ่มไม่โอเค วินเริ่มที่จะคิดไปไกลแล้ว
“อยากเจอที่รักคนเดียวจริงๆครับ ว่างแล้วใช่ไหม? มาหาพัตนะ...นะครับ”
(กะ ก็ได้...เดี๋ยวเราไป) จุดอ่อนของวินคือคำว่าที่รักสินะ ผมเรียกเขาทีไรยอมใจอ่อนทุกที งั้นต่อไปต้องงัดมาใช้บ่อยๆซะแล้ว หึหึ
มองดูไอ้กิมกับจีนที่วอร์มร่างกายอยู่กลางสนามกับพวกในทีมไปเพลินๆไม่นานก็มีคนเดินมานั่งข้างๆ กลิ่มน้ำหอมที่ลอยมาไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร
“เหนื่อยไหม” ผมหันไปดึงมือวินมาจับทันที เขาล้างหน้าเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อของคณะเรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกับผม
“ไม่หรอก...พัตล่ะเหนื่อยไหม เมื่อคืนก็นอนนิดเดียวเอง” เมื่อคืนผมต้องไปช่วยพวกคัตเอาท์กว่าจะกลับมาก็ดึกแล้ว นอนไปแค่สองสามชั่วโมงก็ต้องออกมาแต่งตัวเลยเพลียๆหน่อย
“นิดหน่อยอ่ะ แต่เดี๋ยวแข่งกีฬาเสร็จก็คงหลับเป็นตาย” เรียกได้ว่าต้องสลบไปเลยแน่ๆหลังจากนั้น
“แล้วต้องไปซ้อมวิ่งกี่โมง”
“บ่ายโมงครึ่งครับ” อีกราวๆเกือบสองชั่วโมงเห็นจะได้
“งั้นนอนไหม นอนตักเราก็ได้....พักซักนิดก็ยังดี ต้องแข่งทั้งวิ่งทั้งบอลต่ออีกเดี๋ยวจะไม่ไหวนะ” พูดพร้อมกับหันไปหยิบเป้ของตัวเองที่วางอยู่ข้างๆมาไว้บนตักและนั่นทำให้ผมไม่ลังเลที่จะล้มลงนอนลงทันที เหยียดขาไปตามเก้าอี้แล้วพลิกตัวนอนหงายก่อนจะหลับตาลง
“บ่ายโมงสิบห้าปลุกพัตด้วยนะ” พูดทั้งที่หลับตาลงแล้ว
“อื้อ เดี๋ยวเราปลุก” สัมผัสแผ่วเบาจากมือนุ่มที่ลูบไปตามเส้นผมทำให้รู้สึกผ่อนคลายจนทำให้ผมหลับลงอย่างรวดเร็ว
TBC.
Talkพัตหุ่นแซ่บมาก

หน้าก็หล่อมากนะเออ แต่เอาแค่หุ่นมายั่วก็พอเพื่อให้เห็นภาพของตอนนี้ชัดขึ้น(นี่เป็นภาพพัตทั้งหุ่นทั้งหน้าเลยนะ^^)

กางเกงพัตก็ใส่แบบนี้แหละน๊าาาา(จะบอกว่าได้คอนเซปต์นี้มาจากสาขาเราจริงๆนะ คือให้ผู้ชายถอดเสื้อเดินค่า...อาหารตามากมายพูดเลย อิอิ) เขาหล่อจริงๆเนาะ
ตอนนี้อึนมากเลยค่ะ ง่วงมากกกกกกกกกกกกกกกก~ วันนี้ไปเหมานิยายมาหลายเล่มเลยมาต่อเพื่อที่จะได้อ่านนิยายอย่างสบายใจ55555555555 ...ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ

*ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และที่สำคัญคือขอบคุณทุกคอมเมนต์มากๆค่ะ

https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/timeline/?ref=aymt_homepage_panel