ตอนที่ 13
(Win Part)“ไม่เคยเห็นรู้เลยว่าวิ่งเก่งขนาดนี้ ทำไมปีที่แล้วพัตไม่ได้ลงล่ะ” ผมถามคนที่นั่งพักอยู่ข้างตัวขึ้นมาเมื่อเขาแข่งวิ่งครบทุกรายการ ไม่อยากจะชมแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพัตเป็นคนที่วิ่งเร็วมากๆ แม้ว่าร่างกายอาจจะไม่ได้เล็กเมื่อเทียบกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆแต่เขากลับคล่องแคล่วกว่าคนพวกนั้นเสียอีก กวาดรางวัลมาทุกรายการเลย
“ปีที่แล้วขี้เกียจลงแต่ปีนี้มีคนบังคับเลยเลี่ยงไม่ได้ ทั้งที่จริงแล้วก็ไม่อยากลงเลย...ขี้เกียจ” คนพูดยังคงหอบอยู่น้อยๆโดยมีผมใช้ผ้าเย็นคอยซับเหงื่อตามกรอบหน้าให้อยู่ไม่ห่าง พัตลงแข่งหลายรายการทั้งประเภททีมและประเภทเดี่ยวจึงไม่แปลกที่เหงื่อจะออกเยอะขนาดนี้ แดดวันนี้ก็ร้อนยิ่งกว่าอะไร
“แล้วสรุปว่าเล่นอะไรได้บ้าง เล่นหลายอย่างจัง”
“ถ้าพูดถึงเล่นได้ก็เล่นได้ทุกอย่างนะแต่ถนัดสุดคงน่าจะเป็นบอลนี่แหละ บ้านพัตดูบอลกันทั้งบ้านเลย เห็นแม่อย่างนั้นท่านนี่ตัวยงเลยนะ เลยกลายเป็นว่าเห็นมาตั้งแต่เด็ก พ่อชอบแม่ชอบพัตเลยชอบไปด้วย...แล้ววินล่ะชอบเล่นอะไร”
“อืม...ไม่ชอบอะไรเลย” ตอบพัตออกไปแผ่วเบาเลยได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆมาจากคนข้างๆ ก็ผมไม่ถนัดอะไรเลยนี่นา เรียกได้ว่าแทบจะไม่ถูกกันเลยด้วยซ้ำกับพวกกีฬา ขนาดว่ายน้ำที่เป็นกีฬาโคตรพื้นฐานยังว่ายไม่เป็นเลย เรื่องออกกำลังกายเลยกลายเป็นเรื่องยากไปด้วย
“พัตคงต้องบังคับให้วินเล่นบ้างแล้ว ไม่เล่นเดี๋ยวร่างกายไม่แข็งแรงเอา พอเล่นๆไปก็จะชินแล้วก็สนุกไปกับมันเองนั่นแหละ”
“ขี้เกียจ~” มือใหญ่ยกมาขยี้หัวเบาๆเพราะคำตอบที่ผมตอบออกไป อีกคนคงเอือมไม่น้อยเลย
Rrrrr
“พัต จีนโทรมา” ผมล้วงโทรศัพท์พัตออกมาจากกระเป๋าของตัวเองเพื่อให้อีกฝ่ายรับสายของเพื่อนสนิท พัตรับไปคุยไม่กี่ประโยคก็วาง
“มันบอกว่าจะมาหา”
“อืม เดี๋ยวเราก็ต้องไปหาเพื่อนเหมือนกัน นัดมายด์กับออมไว้ที่สแตนด์แล้ว” พอพัตเริ่มวอร์มร่างกายเพื่อที่จะแข่งบอลผมก็จะไปนั่งดูที่สแตนด์ซึ่งนัดกับเพื่อนเอาไว้ เมื่อครู่มายด์กับออมก็ไลน์มาบอกว่าจองที่ไว้แล้วด้วย
“อย่าลืมเชียร์พัตนะ”
“ไม่เชียร์แฟนแล้วจะให้เชียร์ใครเล่า...เดี๋ยวเราไปแล้วนะ สู้ๆ” ผมเก็บของเข้ากระเป๋าของตัวเองให้เรียบร้อยพร้อมกับแยกของๆพัตใส่ในกระเป๋าเขาเอาไว้ให้ แต่พอจะลุกออกไปพัตก็รั้งแขนไว้เสียก่อน
“ขอกำลังใจหน่อย อยากได้กำลังใจอ่ะ” ทำท่าทางไม่เข้ากับหน้าตาซักนิด ผมหลุดหัวเราะออกมาเพราะหน้าอ้อนๆนั้นจนได้
“กำลังใจอะไร ก็มาเชียร์แล้วนี่ไง”
“โหย ขอมากกว่านั้นดิ เนี้ยๆ ตรงนี้ไม่มีคนด้วย” เรานั่งอยู่ใต้ต้นไม้หลังสนามกีฬาซึ่งค่อนข้างจะห่างไกลผู้คนพอสมควร ก็จริงที่แถวนี้ไม่มีคนแต่มันก็ยังเป็นที่โล่งแจ้งอยู่ดี
“แข่งชนะค่อยมาเอารางวัล โอเคไหม?” จะให้รางวัลทั้งทีก็ต้องให้ตอนอยู่กันสองต่อสองสิเนอะ
“ตกลง แล้วถ้าพัตยิงได้ต้องให้รางวัลใหญ่ด้วยนะ” ได้คืบยังจะเอาศอก แต่ถึงอย่างไรผมก็พยักหน้าตกลงไปให้ได้เห็นอีกฝ่ายทำหน้าดีอกดีใจใส่จนได้ เห้อ นี่ผมตามใจเขามากเกินไปรึเปล่าเนี้ย หวังว่าคงไม่ขออะไรแผลงๆหรอกนะ “เราไปแล้วนะ”
“ครับ แข่งเสร็จเดี๋ยวโทรหานะ” พยักหน้ารับอีกคนก่อนจะเดินออกมาเพื่อไปยังสแตนด์เชียร์
............................
ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณของการเริ่มเกมในสนาม นี่เป็นการแข่งขันฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศของกีฬามหาวิทยาลัยระหว่างคณะสถาปัตย์และคณะวิศวะ ผมที่นั่งอยู่ติดขอบสนามกับมายด์และออมต่างก็จ้องไปที่เกมตรงหน้า มีผู้คนมาดูกันค่อนข้างเยอะเพราะเป็นกีฬาที่ถือว่าเป็นไฮไลท์เด็ดของงานเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าแดดจะร้อนเพียงใดแต่ทุกคนก็ยังสู้ไม่หวั่น
ที่ที่ผมนั่งอยู่ตอนนี้ผมสามารถเห็นพัตวิ่งในสนามได้ค่อนข้างชัดเจน
“อู๊ย พัตนี่หล่อจริงๆเนอะ”
“เมื่อเช้าได้ดูตอนเดินขบวนรึเปล่ามายด์ โอย ฉันใจละลายกับซิกแพคจนแทบกรี๊ดออกมา”
“ฉันมองจากจอยังกรี๊ดเลยอ่ะ”
“อยากลูบอ่ะ แอร๊ยยยย”
ที่พูดๆอยู่นั่นเพื่อนทั้งสองของผมเองครับไม่ใช่ใครที่ไหน พูดซะดูเหมือนว่าผมไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้เลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้คิดมากอะไรเพราะรู้ว่าเพื่อนทั้งสองของตัวเองนั้นแกล้งพูดไปอย่างนั้น(แม้รู้ว่าเกินกว่าครึ่งจะมาจากความรู้สึกจริงๆก็เถอะ) ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดถูกส่งไปยังแค่คนที่กำลังวิ่งตามลูกกลมๆอยู่ในสนามเท่านั้น
“วิน...เคยสัมผัสซิกแพคพัตไหมอ่ะ”
“หือ!” ตอนนี้จะไม่สนใจก็ไม่ได้ ดูคำถามของเพื่อนสิ บอกผมทีว่านี่คือคำพูดของผู้หญิง
แล้วพอมายด์ถามสมองก็เริ่มคิดภาพตาม งือออออออออ
“มายด์ถามวินว่าเคยจับซิกแพคพัตไหม” ออมย้ำออกมาให้อีกที ที่จริงไม่ต้องย้ำมากก็ได้ผมได้ยินตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ที่ร้องออกมาเพราะว่าตกใจคำถามต่างหาก-///-
“จะ จับ...จับทำไมเล่า พอเลยทั้งคู่ ดูบอลกันดีกว่านะ”
“โหว ก็เราอยากรู้นี่นา มีแฟนฮ็อตขนาดนี้ ได้จับได้ลูบไล้คงฟินน่าดู อิอิ”
“เนอะมายด์เนอะ แค่คิดยังฟินเลย”
ผมส่ายหน้าให้กับเพื่อนสนิททั้งสองของตัวเองกับความคิดแปลกๆนั่น เอ่อ...อยู่ดีๆจะให้ไปจับไปลูบก็คงจะไม่ดีมั้ง ดูหื่นกามยังไงก็ไม่รู้ ผมไม่เคยมีความคิดแบบนั้นเลยนะถึงแม้จะไม่ปฏิเสธเรื่องความหุ่นดีของพัตก็เถอะ
เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
แล้ววินาทีแห่งความดีใจก็มาถึงเมื่อผู้เล่นฝั่งสถาปัตย์ยิงประตูแรกเข้าไปได้อย่างสวยงาม ผู่เล่นที่ใส่เสื้อสีเดียวกันกับพัตวิ่งไปรุมใครคนนั้นใหญ่เลย
“ไปเข้าห้องน้ำกัน เราปวดฉี่อ่ะ” ออมเอ่ยออกมาเมื่อตอนนี้เป็นเวลาพักครึ่งของเกมการแข่งขัน
“ไปซื้อน้ำด้วยนะ หิวน้ำอ่ะ”
“โอเค” เราสามคนเอาของวางไว้ที่เดิมแล้วลุกออกไปเข้าห้องน้ำ หลังจากหมดครึ่งแรกสกอร์ก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สถาปัตย์ยังคงนำวิศวะอยู่1-0แต่ดูเหมือนว่าวิศวะจะเริ่มบุกมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงสิบนาทีหลังหวิดจะเข้าอยู่หลายลูกเหมือนกัน
พอกลับมาเกมก็เริ่มแข่งไปได้ซักพักแล้ว พวกเราสามคนจึงรีบกลับมานั่งที่พร้อมกับจดจ้องไปที่สนามด้วยความตื่นเต้น
เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
คราวนี้เสียงไม่ได้มาจากฝั่งพวกผมแต่มาจากอีกฝั่งตรงข้าม แน่นอนว่าเสียงจากฝั่งนี้ก็เงียบสนิทเมื่อวิศวะเป็นฝ่ายยิงเข้าบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลาให้เอาใหม่ ไม่นานนักเสียงกลองจากฝั่งสถาปัตย์ก็ดังขึ้นให้เชียร์กันต่อไปดังเดิม
ปี๊ดดดดดดดดดด
อะไรกัน?
ละสายตาไม่กี่นาทีพอหันกลับมาสนใจเกมในสนามก็ดูเหมือนว่าจะหยุดลงเพราะเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่าง เนื่องจากผมเองไม่มีความรู้เรื่องฟุตบอลเลยได้แต่นั่งงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่นานนักก็เห็นคนไปยืนเหมือนเป็นกำแพงโดยมีพัตเดินไปตั้งลูกฟุตบอลเตรียมจะเตะ
เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
ลูกฟุตบอลทะลุมือผู้รักษาประตูเข้าโกลด์ไปได้อย่างสวยงาม เสียงเชียร์จากอัศจรรย์ฝั่งผมและทั่วทั้งสนามดังขึ้นพร้อมกับหลายคนกระโดดโหยงเหยงด้วยความดีใจ มายด์และออมเองก็กรี๊ดออกมาในขณะที่ผมยิ้มกว้างเต็มหน้า ดีใจที่เขาทำได้ เหลือบมองเวลาปรากฏว่าตอนนี้เป็นนาทีที่80แล้ว พัตวิ่งไปทั้งสนามและเพื่อนในทีมก็วิ่งไปกอดเขา
“เหมือนพัตจะมองมาทางนี้ด้วยแฮะ ยิ้มให้ใครกันน๊าาา” ออมเอ่ยแซวออกมาเมื่อพัตวิ่งมาแถวๆที่เราพร้อมกับยิ้มกว้างออกมาก่อนที่เขาจะวิ่งกลับไป เราสบตากันชั่วครู่จากระยะห่างที่ไกลกันพอสมควร แต่มันก็ไม่ได้ไกลเกินกว่าที่จะมองเห็นกัน
พรึบ
แต่อีกเพียงไม่กี่นาทีจะจบเกมก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อเกิดการประทะกันจนมีคนล้มลงไป ผมจะไม่ตกใจเท่านี้เลยถ้าคนที่ล้มลงไปนอนไม่ใช่แฟนของตัวเอง เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมากแต่ผมก็ยังเห็นว่าการประทะกันเมื่อครู่มันแรงขนาดไหน
“วิน ใจเย็นๆก่อนนะ ฝ่ายพยาบาลเข้าไปดูในสนามแล้ว” มายด์เป็นฝ่ายดึงมือผมเบาๆให้นั่งลงเมื่อเห็นว่าพัตถูกหามออกไปข้างสนามโดยทีมงานจากคณะพยาบาล
ผมไม่รู้แล้วว่าตอนนี้ในสนามทำอะไรกันต่อไป ใจมีเพียงแค่คนที่ถูกหามออกนอกสนามไปเท่านั้น มองตามอย่างเป็นห่วงแต่สุดท้ายยังไงก็ต้องนั่งลงก่อน
“ไม่เป็นไรนะวิน พัตแข็งแรงจะตายแค่นี้คงไม่เป็นไรมากหรอก” ออมพูดปลอบโดยมายด์ก็เอ่ยเสริมพร้อมลูบหลังผมเบาๆไปมา
ติ๊ง
มาหาหน่อยครับ อยู่ห้องพักนักกีฬา2
พออ่านไลน์ที่ถูกส่งมาจากอีกคนผมก็รีบผุดลุกขึ้นทันทีทั้งที่เกมในสนามเหลืออีกไม่ถึงสามนาที
“มายด์ ออม เดี๋ยวเราแวะไปดูพัตก่อนนะ”
“โอเคๆ ฝากบอกพัตด้วยนะว่าให้หายไวๆ” ผมพยักหน้าให้กับเพื่อนก่อนจะรีบลุกออกไปทางด้านหลังแล้วเดินหาห้องพักนักกีฬาที่พัตอยู่
“พัต...เป็นไงบ้าง” ผมทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าต่อหน้าคนที่นั่งประคบน้ำแข็งอยู่ที่ข้อเท้า ไม่ทันแม้จะทักจีนกับกิมที่นั่งอยู่อีกมุมเลยด้วยซ้ำ
“นิดหน่อยครับ ขึ้นมานั่งข้างพัตก่อนมา” อีกฝ่ายตบที่ว่างข้างๆซึ่งเป็นเก้าอี้ตัวยาวให้ขึ้นมานั่งด้วยกัน ใบหน้าคมยังคงเปียกชื้นด้วยเหงื่อ ชุดบอลที่ใส่อยู่ก็เปียกไปหมด
“เดี๋ยวพวกกูออกไปเอาน้ำมาให้นะ” ได้ยินเสียงกิมพูดออกมาแว่วๆแต่ผมก็ยังสนใจแค่คนที่นั่งอยู่ข้างกัน
“ไม่เอาดิไม่ขมวดคิ้ว พัตไม่เป็นไรจริงๆ แป๊บเดียวก็หายแล้ว” คนพูดไล้ปลายนิ้วไปที่หัวคิ้วให้คลายออก ผมเองไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองทำหน้าแบบไหนออกไป รู้เพียงแต่เป็นห่วงเขามากก็เท่านั้น เพราะไม่มีความรู้ด้านนี้จึงไม่รู้ว่าอาการของพัตจะบาดเจ็บแค่ไหน แต่ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ผมก็เป็นห่วงเขาอยู่ดี ไม่อยากให้เจ็บตัวเลยซักนิดเดียว
“ชอบทำให้เราเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย” เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยระวังตัวเท่าไหร่ ชอบคิดแค่ว่าไม่เป็นไรๆ ตอนวิ่งก็ข้อเท้าเคล็ดนิดหน่อยพอมาเจอเหตุการณ์นี้เลยทำให้ผมเป็นห่วงไปใหญ่
“กีฬามันก็แบบนี้แหละ หลังจากนี้ก็ได้พัก ไม่มีอะไรแล้ว”
“ถ้าทำอะไรให้เราเป็นห่วงอีกจะไม่มาดูแล้วคอยดู”
“ไม่เอาแบบนั้นดิ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงครับ” ก็เป็นซะแบบนี้จะให้ผมทนโกรธเขาได้แค่ไหนกัน แค่พัตมองด้วยสายตาอ้อนๆพร้อมกับพูดเสียงอ่อนใส่ผมก็ทำท่าทีปั้นปึงใส่เขาต่อไม่ไหว ไม่รู้ว่าอีกคนรู้อยู่แล้วรึเปล่าว่าถ้าทำแบบนี้ผมจะโกรธไม่ลง
“ฮื่อ ไม่ต้องมาทำให้ใจอ่อนเลย เราเป็นห่วงแทบแย่...สรุปเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม” มองไปที่ข้อเท้าที่ถูกรัดด้วยผ้าห่อน้ำแข็งขนาดใหญ่คลุมไปหมด บอกว่าไม่เป็นอะไรมากจะเชื่อได้ไหม ถ้าไม่เป็นไรจะต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ
“ก็...ตอนประทะกันฝ่ายนั้นไม่ทันระวังเลยซัดมาเต็มแรงเลย แต่จากการที่พัตเช็คตัวเองคร่าวๆคงไม่ถึงกับแตกหักอะไร แค่นี้จิ๊บๆวินหายห่วงเนอะ” แค่จากที่พัตเล่ามาจะให้ผมทำใจไม่เป็นห่วงเขาได้ยังไง แล้วไหนจะภาพที่ผมเห็นในสนามอีก
“ไปหาหมอนะเดี๋ยวเราพาไป ให้หมอเอ็กซเรย์ว่าไม่มีส่วนไหนแตกหักจริงๆให้เราได้สบายใจนะ” ผมส่งสายตาอ้อนวอนไปหาเขา รู้ว่าถ้าไม่ทำแบบนี้พัตก็จะบอกว่าไม่เป็นไรแล้วปล่อยผ่านไป แต่ผมอยากให้เขาไปให้หมอตรวจซักหน่อย ให้ผมได้ฟังคำยืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรจริงๆจะได้สบายใจขึ้นได้บ้าง
“ถ้ามันจะทำให้วินสบายใจพัตก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว” อีกฝ่ายยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆพร้อมกับส่งยิ้มให้ ผมเอื้อมมือไปดึงมือที่วางอยู่บนหัวมาจับไว้แล้วบีบเบาๆ
“เป็นไงบ้างวะผล” พัตเอ่ยพูดกับคนที่เดินเข้ามาทางด้านหลังของผม คาดว่าน่าจะเป็นกิมกับจีน
“แหม ก็ตามนั้นแหละน่า กลัวอะไรวะมึงสังหารลูกนั้นทั้งที่เหลือเวลาอีกแค่สิบนาทีเอง...อะ เผื่อวินด้วย”
“อ่า ขอบคุณนะกิม” เอ่ยขอบคุณกิมเบาๆเมื่อเขาใจดียื่นขวดน้ำมาให้ผมด้วย พัตเอื้อมมือมาดึงขวดไปเปิดพร้อมกับเสียบหลอดให้ก่อนจะส่งคืนมาแล้วเปิดขวดของตัวเอง
“โอเค กูค่อยสบายใจหน่อย งั้นเดี๋ยวกูกลับเลยแล้วกันนะ ว่าจะแวะไปหาหมอก่อนซะหน่อย ฝากทางนี้ด้วย...เดี๋ยวกูไลน์บอกพี่ชาติอีกทีว่าวันนี้คงไม่ได้ไปเลี้ยงด้วย สังขารไม่เอื้อ”
“เออๆ พี่เขาคงเข้าใจแหละ เดี๋ยวทางนี้พวกกูดูให้”
“งั้นวินไปขับรถมาตรงข้างหลังเลย เดี๋ยวเราช่วยแบกมันขึ้นรถ” จีนหันมาพูดให้ผมรีบทำตาม
“ได้ๆ ไหนของพัตบ้างเดี๋ยวเราเอาไปให้เลย” แล้วก็เป็นจีนที่หยิบกระเป๋าของพัตมาให้เรียบร้อย พอเสร็จแล้วผมก็รีบไปเอารถมารับพัตทันที
...............................
“พัต...เดี๋ยวเรากลับห้องไปเอาของแป๊บนึงนะ ”
“อือ” คนที่บอกว่าไม่เป็นไรมากไข้ขึ้นไปซะแล้ว ตั้งแต่ที่อยู่โรงพยาบาลผมก็เริ่มรู้ว่าเขามีอาการไข้ร่วมด้วยเพราะไอร้อนจากร่างกายอีกคน หมอบอกว่าเพราะใช้ร่างกายหนักบวกกับพักผ่อนไม่เพียงพอ ยิ่งพอมามีอาการบาดเจ็บที่ขาไข้เลยเล่นงานเอาได้ง่ายๆ
ใจจริงอยากให้นอนดูอาการที่โรงพยาบาลซักคืนแต่คนป่วยแสนดื้อไม่ยอมนอนเลยต้องพาเขากลับมา ยังดีที่พัตยังประคองตัวเองเดินได้บ้างเพราะขาแค่มีอาการบวมจนต้องพันไว้ไม่มีส่วนใดแตกหักอย่างที่หวง ตอนนี้ก็ใช้ไม้ค้ำไปซักระยะก่อนห้ามลงแรงที่ข้อเท้าขวาเด็ดขาด
ผมรีบกลับไปเอาเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นที่คอนโดอย่างรวดเร็วเพื่อมาเฝ้าไข้คนป่วย เช็ดตัวแล้วก็ป้อนข้าวป้อนยาให้ก่อนออกมาแล้วหวังว่าจะไม่เป็นอะไรมาก
เห้อ...เป็นห่วงเขาจะตายอยู่แล้ว ไหนบอกไม่เป็นไรทำไมไข้ขึ้นกันล่ะ
พอถึงคอนโดวินก็รีบเข้าไปดูอาการพัตก่อนอันดับแรก เหงื่อเขาเริ่มออกทั้งๆที่พึ่งเช็ดตัวไปซึ่งนั่นก็ดีแล้วเพราะผมไม่ได้เปิดแอร์เลยซักนิดให้พัตได้เหงื่อออกเยอะๆไข้เขาจะได้ลดเร็วขึ้น
ผมจัดการเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนป่วยอีกครั้งก่อนจะเข้าไปอาบน้ำให้ตัวเอง แทบไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะตื่นมาดูอาการพัตทุกๆชั่วโมง พอเกือบจะสว่างไข้ถึงลดลงให้ผมได้คลายใจ
“อะ อือ” ผมที่นั่งจับมือพัตอยู่ข้างเตียงรีบเงยหน้าขึ้นมองคนที่เริ่มขยับตัวอย่างรวดเร็ว เปลือกตาที่หลับอยู่ค่อยๆปรือขึ้นก่อนจะลืมขึ้นในที่สุด เหมือนว่าคนที่นอนอยู่ต้องใช้เวลาประมวลผลก่อนซักหน่อยตอนนี้ถึงได้ดูยังจับต้นชนปลายไม่ถูกซักเท่าไหร่ “วิน...”
“หืม....พัตรู้สึกเป็นไงบ้าง ดีขึ้นไหม” รีบเอามืออังไปตามหน้าผากและคอของคนป่วยทันที แม้ว่าอุณหภูมิในร่างกายที่เคยสูงจะลดลงบ้างแล้วแต่ก็ยังวางใจไม่ได้อยู่ดี
“ไม่เป็นไร ละ แล้ว...ขอน้ำหน่อย” เสียงพูดนั้นยังกระท่อนกระแท่น แต่เมื่อจับใจความได้ผมก็รีบจัดการให้เขาทันที รินน้ำใส่แก้วแล้วประคองให้พัตขึ้นดื่ม “ได้นอนบ้างรึเปล่า”
พัตถามขึ้นหลังจากที่ดื่มน้ำเสร็จเรียบร้อย มือหนาถูกยกขึ้นมาลูบไล้ใต้ดวงตาของผมอย่างแผ่วเบา
“ใครกันล่ะที่ทำให้เราเป็นห่วงแทบแย่ แฟนนอนป่วยขนาดนี้จะให้หลับลงได้ยังไงกัน” ผมซบหน้าลงกับมือที่เลื่อนมาวางนิ่งไว้ข้างแก้ม อุ่นใจที่อย่างน้อยเขาก็อาการดีขึ้นแล้ว
“วินเลยต้องมาลำบากดูแลพัตเลย”
“ไม่ลำบากเลย ไม่พูดแบบนี้นะ...ไม่เคยคิดว่าทุกอย่างที่ทำให้เป็นสิ่งที่ลำบากเลย” ผมไม่อยากให้เขาเอ่ยคำนี้เลย ไม่ลำบากและไม่เคยลำบาก อะไรที่ทำเพื่อพัตผมไม่เคยมองว่ามันลำบากซักนิด
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากที่ดูแลพัต...ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ววินพักบ้างดีไหม ตาคล้ำหมดแล้ว”
“เดี๋ยวค่อยพักหลังจากพัตทานข้าวทานยาเรียบร้อยดีกว่า หิวรึยังเราทำข้าวต้มไว้ให้แล้วทานก่อนซักหน่อยนะจะได้ทานยาหรือจะเข้าห้องน้ำก่อนไหม”
“ขอพัตแปรงฟันแล้วก็ล้างตัวก่อนดีกว่า เหนียวตัวจะแย่”
“แค่ล้างตัวนะห้ามอาบน้ำ”
“ครับ” เมื่อตกลงกันได้ผมเลยค่อยๆเข้าไปพยุงคนตัวโตเอาไว้ พัตคงดีขึ้นมากแล้วถึงได้เดินเหินได้สะดวกขึ้นมากแม้ว่าต้องเดินด้วยเท้าข้างเดียวก็ตาม ผมเองก็ยืนรออยู่ข้างนอกโดยไม่ให้เขาปิดประตูห้องน้ำ
“วิน...พัตขอเสื้อผ้าชุดใหม่หน่อยสิ อยู่ตรงตู้เสื้อผ้าฝั่งขวามือ ส่วนกางเกงในอยู่ในลิ้นชัก” เสียงคนบอกออกมาจากในห้องน้ำให้ผมรีบเดินไปจัดการ แม้จะเขินอายมากที่ต้องสัมผัสกับของใช้ส่วนตัวของพัตแต่ก็พยายามคิดซะว่าผู้ชายเหมือนๆกันจะต้องอายอะไร พอจะเอาเข้าไปให้ก็เดินหลับตาเอาไปให้เขาในห้องน้ำซะเลย ไม่อยากเรียกให้พัตเดินมาเอาเพราะขาเขายังคงห้ามใช้งาน
“หึหึ หลับตาทำไมครับ” รู้หรอกว่าเขารู้ว่าผมอาย แต่ก็ยังชอบแกล้งอยู่เรื่อย
“รีบๆเอาไปเลยจะได้ไปกินข้าวซักที” พอพัตหยิบไปพร้อมเสียงหัวเราะน้อยๆในคอผมก็รีบหันหลังวิ่งออกมารอหน้าห้องน้ำทันที
ไม่นานนักอีกคนก็ส่งเสียงว่าเสร็จแล้วให้ผมได้พาเขากลับไปนั่งที่เตียง
“เดี๋ยวเราออกไปเอาข้าวมาให้นะ” ผมลุกขึ้นมาเตรียมอาหารให้เขาตั้งแต่เช้าเพราะนอนไม่ค่อยหลับ ตอนนี้จะเก้าโมงครึ่งคงต้องได้เวลาอาหารเช้าแล้ว ถ้าช้าเดี๋ยวจะเลยเวลาเอา
“กินเองได้ไหม ให้เราป้อนรึเปล่า” ถามเขาขึ้นก่อนที่พัตจะรับถ้วยข้าวต้มไปถือเอง ผมนั่งอยู่ข้างเตียงโดยที่ลากเก้าอี้ข้างนอกมานั่งในขณะที่คนป่วยนั่งพิงหัวเตียงอยู่
“ได้ครับ...พัตดีขึ้นมากแล้วไม่เป็นไรหรอก วินล่ะทานข้าวรึยัง”
“นี่ไงของเรา งั้นมาทานพร้อมกันเนอะ” เตรียมข้าวต้มมาสองชามเพื่อจะทานพร้อมเขาอยู่แล้ว
“กินให้หมดถ้วยเลยนะจะได้พักซักที” กลายเป็นคนป่วยสั่งคนปกติซะแล้ว
“งั้นกินให้หมดทั้งสองคนเลยนะ”
“โอเคครับ” กลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างต้องกินข้าวต้มในถ้วยของตัวเองให้หมด แม้ว่าผมจะอิ่มแค่ไหนแต่ก็อยากให้พัตกินของเขาให้หมดจะได้หายไวๆเลยต้องพยายามกินของตัวเองจนหมดถ้วย พอพัตกินหมดก็เก็บถ้วยให้เรียบร้อยแล้วเอายามาให้เขาทาน
“ขึ้นมานอนด้วยกันเร็ว” พัตเรียกไว้เมื่อผมจะเดินไปนอนตรงโซฟา เขาเองก็โดนสั่งให้นอนเหมือนกัน คนป่วยต้องพักผ่อนเยอะๆ
“ไม่เอา เดี๋ยวเรานอนเบียดพัต”
“ไม่เบียดหรอกเตียงออกจะกว้างขนาดนี้ ถ้าไม่ขึ้นมานอนพัตก็ไม่นอน” คนป่วยออกอาการดื้ออีกแล้ว
“โอเคๆ” สุดท้ายแล้วก็เลยต้องเดินขึ้นเตียงที่มีคนนอนอยู่จนได้ พอล้มตัวลงนอนไม่ทันไรก็โดนตวัดตัวไปกอดทันที ผมดิ้นเล็กน้อยเพราะไม่ทันได้ตั้งตัวก่อนจะกลายเป็นขยับให้เข้าที่เข้าทางแทนเสียอย่างนั้น
“นอนนะครับ เหนื่อยดูแลพัตมาทั้งคืนแล้ว” เสียงนุ่มของคนที่โอบกอดผมเอาไว้ราวกับสิ่งที่ขับกล่อมให้ร่างกายๆค่อยปิดสวิตช์ตัวเองลง อุ่นใจที่คนที่นอนกอดผมอยู่ตรงนี้ดีขึ้นมากแล้ว
(Win End Part)TBC.
Talkลืมกันไปแล้วยังน้อ~ ขอโทษที่มาช้าค่ะ ตอนนี้คนแต่งก็ป่วยและเปื่อยไม่ต่างจากพัตเลย...เค้าเป็นไข้หวัดอ่ะ ทั้งปวดหัวตัวร้อนและมีน้ำมูกเลย

ตอนนี้ฝนตกบ่อยก็อย่าลืมดูแลสุขภาพกันนะคะ

https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/?ref=aymt_homepage_panel