ตอนที่ 2
ยังไม่นอน?ในวันต่อมาตอนเกือบจะเที่ยงคืนผมก็ตัดสินใจทักเขาไปอีกเมื่อเห็นว่าอีกคนออนอยู่ วันนี้เอาแต่เข้ามาเช็คMessengerทั้งวัน เห็นเขาออนบ้างไม่ออนบ้างอยู่ตลอด แถมยังเอาแต่เปิดอ่านแชทที่คุยกันซ้ำๆ หึหึ ตลกตัวเอง
ทำงานนนนนนนนเด็กถาปัตย์ว่างรึไงรู้ได้ไงวะว่าผมเรียนถาปัตย์ จำได้ว่าไม่เคยบอกเขานะแล้วผมก็ไม่ได้ระบุในเฟสบุ๊คด้วยว่าเรียนคณะไหนหรือว่าเรียนที่ไหน
รู้ได้ไงว่าเราเรียนถาปัตย์?
คึคึ
ไม่บอกกกกกกกกวนนะเด็กทันตะรู้ได้ไงว่าเราเรียนทันตะ?นี่ลืมไปรึเปล่าว่าวันนั้นผมเอาร่มให้ที่ไหน ก็นั่นมันตึกทันตะนะครับ ทำงานจนเบลอรึไงวะ ฮ่าๆๆๆๆ แล้ววินก็เป็นถึงเดือนก็ต้องเคยเห็นตามโปสเตอร์ตามกิจกรรมของมหาลัยอยู่แล้ว แต่ว่ากวนเขาคืนหน่อยก็ดี
ไม่บอก หึหึ
นอกจากว่างแล้วยังขี้กวนใครกวนก่อน คิดดีๆใครรรรรรรรรรรรรรรรร๊??==:p
เดี๋ยวเราต้องไปทำงานแล้วนะครับ ใจจริงก็อยากจะบอกอะไรอยากจะพูดมากกว่านั้นแต่สถานะตอนนี้มันยังไม่สมควร ผมรู้ว่าคณะเขาเรียนหนักมากแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากบอกให้พักบ้างอยากบอกว่าสู้ๆ แต่ใช่ว่าคณะตัวเองจะไม่หนักนะ ก็งี้แหละถาปัตย์ตอนไม่มีงานก็ไม่ค่อยมี ส่วนมากเป็นงานชิ้น พอมีทีคือทำแบบไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกันเลย สภาพตอนนั้นเด็กแต่ละคนนี่เหมือนศพ หันไปทางไหนจะเจอแต่สีหน้าอันอ่อนเพลียอย่างที่ไม่เจริญหูเจริญตา
^^อีกฝ่ายตอบมาแค่นั้นก่อนที่จะเห็นว่าเขาออฟไปแล้ว เมื่อไม่มีอะไรทำผมก็กดล็อคโทรศัพท์แล้ววางไว้โต๊ะข้างเตียงก่อนจะหลับตาลงเพราะพรุ่งนี้มีเรียนเช้า
หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำงานจนเช้า....
...................................................................
“อะไร?” ไอ้กิมถามขึ้นเมื่อผมวางโทรศัพท์ลงตรงหน้ามัน ตอนนี้อยู่โรงอาหารคณะซึ่งยังแทบไม่มีคน มารอเรียนเกือบชั่วโมงเห็นจะได้ ก็เพราะไอ้กิมที่ไม่รู้ว่าคึกอะไรโทรปลุกทั้งผมและไอ้จีนตั้งแต่6โมงนั่นไง บอกว่าต้องมาถึงมอก่อนแปดโมง งอแงจนผมจะบ้า
“เปิดดูแชทเฟส” อย่างที่บอกไปว่าเราไม่มีเรื่องที่ปิดบังกัน แต่จะให้พูดผมก็กระดากเลยให้พวกมันอ่านเอาเองว่าผมจะสื่อถึงเรื่องอะไร แชทแรกเด่นหราขนาดนั้นคงจะเข้าใจนะ
“เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงร้องของเพื่อนทั้งสองที่สุมหัวกันดูโทรศัพท์ดังจนป้าขายข้าวแกงชะโงกหน้ามาดู
“ทักมาก่อนด้วยเว้ย แอดเฟสมึงมาก่อน?” ไอ้จีนถาม
“อืม”
“วู้ย เอาไงครับๆ ไหนบอกไม่จีบ วันที่สองมึงทักเขาไปก่อนนะเพื่อน”
“....จีบ ครั้งนี้ไม่ปล่อยไปแล้ว หึหึ” ผมตอบออกไปตามตรง ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังอยู่แล้ว ยิ่งกับพวกมันทั้งสองคนยิ่งไม่มีอะไรที่ต้องปิด ที่จริงผมเองเป็นคนที่ค่อนข้างชัดเจนนะ คิดอะไรจะทำอะไรชอบหรือไม่ชอบอะไรแสดงออกชัดหมด ยกเว้นอีเรื่องที่แอบมองเดือนทันตะมาเป็นปีๆนี่ล่ะที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่กล้าชัดเจนเหมือนเรื่องอื่นๆ
“โอ๊ย กูน้ำตาจะไหล มึงได้ยินเหมือนกูใช่ไหมจีน เพื่อนกูตัดสินใจแล้ว กูรอคำนี้มานานเหลือเกิน” บางทีก็สงสัยว่ามันเรียนถาปัตย์หรือนิเทศน์เอกการแสดง ผมทำหน้าเพลียๆใส่แต่ก็พูดไรไม่ได้อยู่ดี ต่อปากต่อคำกับไอ้กิมไม่มีวันชนะหรอก เหนื่อยเปล่าด้วยซ้ำ เก็บแรงไว้กระทืบมันอย่างเดียวตอนกวนมือกวนเท้ามากๆ
“เออออออ ชัดเจนแบบนี้หน่อย แต่ดูจากแชทแล้วก็ไปได้ดีนี่หว่า”
“ก็ดี แต่วินเป็นคนเฟรนลี่มึงก็รู้ เขาใจดี อาจจะคุยแบบนี้กับทุกคน” ผมคิดแบบนี้จริงๆ ไม่ใช่จะว่าเขาให้ความหวังคนอื่นไปทั่วนะ แต่ตามนิสัยเขาแล้วเวลามีคนมาทักมายุ่งด้วยเขาจะไม่ปฏิเสธแบบเย็นชาหรอก แล้วคนบางประเภทก็โคตรจะดื้อด้านแค่บอกดีๆไม่สะเทือน แต่ถึงจะคุยด้วยได้หมดก็คงมีขอบเขตบ้างแหละมั้ง แล้วที่เขายอมคุยกับผมก็คงเพราะว่าวันนั้นผมช่วยเขาไง
“ดูๆกันไปก่อน มึงเองก็ต้องชัดเจนว่าไม่ได้เต๊าะเล่นๆแบบคนอื่น อย่าให้เขามองว่ามึงเข้าหาเขาแบบที่คนอื่นเข้าหา เอาวะเพื่อนกู จะจีบใครทั้งทีก็เล่นซะคู่แข่งเยอะชิบหาย” ประโยคดีๆแบบนี้มีแต่ไอ้จีนเท่านั้นแหละ อย่างไอ้กิมนี่มีแต่พยักหน้าอย่างเดียว อะไรดีๆแบบนี้มันนึกไม่เป็นหรอก
“ก็ต้องลองดูซักตั้ง” ผมไม่ได้มั่นหน้าตัวเองหรือว่าอะไร มีโอกาสมาแล้วผมก็คว้าไว้เท่านั้น และสิ่งที่ผมเชื่อคือความจริงใจที่ตัวเองมี ถ้าเขาไม่โอเคก็ตามนั้น นั่นหมายถึงผมไม่ใช่สำหรับเขาและผมจะไม่เสียใจซักนิด อย่างน้อยผมก็ทำทุกอย่างอย่างที่สุดแล้วจริงๆ ได้ทำอย่างที่ตัวเองอยากทำ
“มีใครจะกล้าปฏิเสธน้องพัตกัน ฮอตกว่าเดือนคณะอีกนะรู้ยัง ฮ่าๆๆๆๆ” ผมโบกหัวไอ้กิมทันทีอย่างไม่ออมแรง ชอบเอาเรื่องนี้มาล้อผมอยู่เรื่อย คืองี้ครับ มหาลัยผมเขาจะคัดดาวเดือนด้วยการให้แต่ละชั้นปีส่งตัวแทนมาแล้วคัดกัน พอได้ดาวเดือนคณะแล้วก็จะเอามาแข่งกันทั้งมหาลัย ซึ่งตอนปี1รุ่นพี่เขาก็จะเอาผมแหละ แต่ผมก็พยายามปฏิเสธไปแล้วเพราะไม่ชอบอะไรแบบนี้ วันคัดตัวก็หนี ไม่ยอมเข้า พี่เขาเลยเหนื่อยใจที่จะตามแล้วหาคนอื่นแทนเลยรอดตัว ไอ้เพื่อนตัวดีของผมแม่งก็ชิงเป็นประธานชั้นปีแล้วก็รองประธานชั้นปีเลยรอดมาเหมือนกัน แล้วมันก็ชอบแซวว่าถ้าผมเข้าประกวดก็ชนะไปแล้ว ส่วนวินน่ะเขาก็ได้เป็นเดือนคณะเขาตอนปี1แถมยังได้รองเดือนมหาลัยอีกต่างหาก ส่วนของปีนี้ยังไม่ได้ประกวดครับ แต่ตัวแทนปี2ต้องไม่ใช่ผมแน่นอน ผมชิงรับผิดชอบงานด้านอื่นไปแล้ว
“พูดมากกูบอกไอ้เมี่ยงจับมึงเป็นนะปีนี้” ไอ้เมี่ยงกระเทยประจำชั้นปีครับ มันทำหน้าที่ตรงส่วนนี้
“บรื๋อ ไม่เอาอ่ะ”
ไอ้จีนยังส่ายหน้าใส่กับท่าทางปัญญาอ่อนของไอ้กิม ทั้งผมและไอ้จีนเลยปล่อยมันทิ้งไว้แล้วเดินไปซื้ออะไรมากินแทนดีกว่า ชีวิตมหาลัยก็งี้แหละครับ ไม่ได้อยู่บ้านก็ไม่มีคนทำอาหารไว้ให้ทานหรอก หากินเองทั้งนั้น พูดไปแล้วก็คิดถึงแม่ขึ้นมาทั้งที่เราก็คุยกันทุกวัน ไม่ได้กลับบ้านมาซักพักแล้วเพราะงานที่คณะ คงต้องหาเวลากลับบ้านบ้างแล้ว
...............................................................
(แม่ฝากเข้าไปเอาให้แม่หน่อยนะ พอดีวันนี้แม่ติดงาน แม่โทรบอกที่ร้านแล้ว พัตบอกชื่อแม่ไปได้เลยนะลูก)
“ครับๆ เดี๋ยวผมแวะไปเอาให้ แล้ววันเสาร์นี้จะเอาไปให้ที่บ้านนะครับ”
(โอเค แม่จะทำอาหารไว้รอนะจ๊ะ พ่อเรากลับมาจากญี่ปุ่นพอดีเลย)
“ครับแม่ ฝากบอกพ่อด้วยว่าอย่าลืมของฝากผม”
(ลูกคนนี้ก็...จ้ะๆ เดี๋ยวแม่บอกให้)
“สวัสดีครับ”
ผมยิ้มน้อยๆในขณะที่วางสายไป แม่โทรมาบอกให้มาเอาของให้ที่สยามน่ะครับเพราะว่าท่านติดธุระมาไม่ได้ ส่วนพ่อก็ยังไปดูงานที่ญี่ปุ่นยังไม่กลับมา ตัวผมเลิกเรียนแล้วพอดีเลยไม่มีปัญหาอะไร ก็ดีเหมือนกันถือโอกาสไปเดินเล่นด้วย
“สวัสดีค่ะ เชิญข้างในเลยค่ะ” พนักงานต้อนรับอย่างดีเมื่อมาถึงร้าน เป็นร้านเพชรที่ค่อนข้างหรูทีเดียว มีทุกอย่างทั้งเพชรเป็นเม็ด นาฬิกา สร้อยข้อมือ สร้อยคอ แหวน สรุปคือขายเครื่องประดับทุกอย่างที่ประดับด้วยเพชร บอกเลยว่าผมเองไม่เคยเดินเข้าร้านนี้แต่รู้ว่าเป็นร้านประจำของแม่ มองดูเพชรหลายเม็ดที่กระทบแสงจนเริ่มลายตา ทั้งร้านมีคุณหญิงคุณนายยืนดูอยู่สองสามคนทั้งที่ในตัวผมก็เห็นว่าเยอะแล้วนะ นี่ยังไม่พออีกเหรอครับ
“มารับของของคุณพิมพ์รรินทร์ครับ”
“อ๋อ ลูกชายคุณพิมพ์นี่เอง ซักครู่นะคะ” พนักงานยิ้มให้ก่อนจะเดินไปเข้าไป ผมเลยนั่งรอที่โซฟาสำหรับลูกค้า พนักงานอีกคนเดินเอาน้ำมาเสิร์ฟให้เรียบร้อย ซักพักพนักงานคนเดิมก็กลับออกมา แต่คราวนี้มากับผู้หญิงอีกคนที่คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้านที่หน้าตาท่าทางดูใจดี ไม่ได้มีเพชรตามตัวเหมือนคุณป้ากลุ่มนั้นด้วย
“พัตรึเปล่าลูก”
“ใช่ครับ สวัสดีครับ” ผมยืนขึ้นแล้วยกมื้อขึ้นไหว้ผู้ที่อวุโสกว่า แม่ผมสนิทกับเจ้าของร้าน เคยได้ยินเห็นท่านพูดถึงบ่อยๆอยู่เหมือนกัน แต่ผมเองไม่เคยเจอเพราะไม่เคยตามแม่มาที่นี่ ผู้ชายที่ไหนจะเข้าร้านเครื่องประดับแบบนี้จริงไหมครับ
“จ้ะ คุณพิมพ์โทรมาบอกป้าแล้วล่ะว่าให้ลูกชายมาเอาของแทน นี่จ้ะของที่แม่เราสั่ง เช็คของก่อนนะว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่า” เธอหันไปหยิบถุงที่เป็นตราสัญลักษณ์ของร้านจากพนักงานแล้วส่งให้ผม
“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวถ้ามีอะไรแม่คงคุยกับคุณป้าเอง” คือผมก็ไม่มีความรู้ทางด้านนี้เท่าไหร่ มันจะมีตำหนิที่ไหนเล็กน้อยยังไงคงไม่ละเอียดเท่าผู้หญิง อีกอย่างคือร้านหรูขนาดนี้น่าจะมีมาตรฐานที่เชื่อถือได้ด้านตัวสินค้าอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นแม่ผมคงไม่ไว้วางใจมาใช้บริการที่นี่เป็นประจำ
“จ้ะ...อ้าววิน มาแล้วเหรอลูก”
ชื่อนั้นทำเอาผมหันไปทางด้านหลังทันทีเมื่อรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามาภายในร้าน ภาวนาขอให้เป็นวินเดียวกันกับคนที่ผมคิด...
ร่างเล็กๆในชุดนักศึกษาที่เดินเข้าร้านมาเบิกตากว้างทันทีเมื่อมองเห็นว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ ทฤษฎีโลกกลมนี่มันใช้ได้จริงๆ
“อ้าว?”
“จริงสิ วินกับพัตเรียนที่เดียวกันนี่ รู้จักกันไหมจ๊ะ” คุณป้าหรือแม่ของวินหันมาถามผม
“รู้จักครับ” โมเมไว้ก่อนว่ารู้จัก คนตัวเล็กทำหน้าแปลกใจหนักกว่าเดิมอีกเมื่อผมพูดออกไปอย่างนั้น หึหึ ทำหน้าน่ารักเป็นบ้า
“ดีเลย แล้วเราจะดูอะไรต่อไหม เดี๋ยวให้วินเขาดูแลนะจ๊ะ วิน...ดูลูกค้าให้แม่ทีนะ ตามสบายเลยจ้ะ” ประโยคนั้นทำเอาผมยิ้มรับทันทีก่อนจะยกมือไหว้ลาท่าน แม่ของวินเองก็ยิ้มรับแล้วเดินเข้าไปทางที่เดินออกมาซึ่งคงเป็นส่วนของห้องทำงาน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ผมสนใจ ร่างเล็กที่ดูท่าว่าจะยังเอ๋อไม่หายต่างหากที่เป็นประเด็นของผม
“มาซื้อของเหรอ?” วินเอ่ยถามทั้งที่สีหน้ายังคงฉายชัดถึงความประหลาดใจกับเหตุที่เราเจอกันอีกครั้ง หน้าเล็กๆนั้นเอียงคอถามอย่างน่ารักเชียวล่ะ
“มาเอาของให้แม่” พูดพร้อมกับชูถุงในมือให้ดู อีกฝ่ายพยักหน้าเหมือนว่าเข้าใจแล้วแถมยังร้องอ๋อเบาๆกับตัวเอง
“อ้ะ เราไม่ได้เอาร่มติดมือมาด้วยอ่ะ รอได้เปล่าเดี๋ยวไปเอาที่รถให้” นี่ยังไม่ล้มเลิกที่จะเอาร่มคืนผมอีกเหรอเนี้ย ดื้อจริงๆด้วย
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องคืน ดื้อ” อีกคนยู่ปากใส่ราวกับปฏิเสธว่าตนไม่ได้เป็นอย่างนั้น เหมือนเมื่อครู่จะลืมตัวมากกว่าเพราะแป๊บเดียวก็รีบกลับมาทำหน้าปกติอย่างตื่นๆ อยากจะบอกอยู่เหมือนกันว่าจะทำหน้าแบบไหนผมก็รับได้ทั้งนั้น ดีซะอีกที่อีกคนแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมาให้ผมได้เห็นเขาในหลายๆมุม ไม่ใช่แค่มุมของวิน เดือนคณะทันตะอย่างที่แค่ทุกคนรู้ ผมอยากรู้จักเขามากกว่านั้น มากกว่าใครๆ
“โอเค เราจะไม่คืนแล้วแน่ๆ ว่าแต่จะดูอะไร เดี๋ยวลูกเจ้าของร้านแนะนำเอง บริการพิเศษเลยนะเนี้ย^^”
ผมอดยิ้มออกมากับท่าทางและคำพูดน่ารักนั่นไม่ได้ อืม...มองไปรอบๆร้านที่นี่ก็ไม่ได้มีแค่เพชรอย่างเดียว มีเครื่องเงินด้วย และนั่นแหละที่พอจะทำให้ยังได้ใกล้ชิดกับอีกฝ่ายบ้าง เพราะถ้าเป็นเรื่องเพชรนี่ผมขอบาย ไม่สนใจที่จะดูจริงๆ
“อยากได้สร้อยข้อมือเงินซักเส้น” พึ่งจะรู้สึกอยากได้เมื่อซักครู่สดๆร้อนๆเนื่องมาจากลูกเจ้าของร้านนี่เอง ปกติแล้วผมเองไม่ค่อยใส่เครื่องประดับอะไร ทั้งตัวก็มีแค่นาฬิกาเรือนเดียวเพราะเป็นคนขี้รำคาญ ใส่อะไรพวกนี้ไม่ค่อยทน
“โอเค งั้นต้องทางนี้เลย” แล้วผมก็เสียเงินซื้อสร้อยข้อมือมาจนได้ เพราะหลงเสน่ห์คนแนะนำล้วนๆพูดเลย แต่กว่าจะซื้อก็หลอกให้ลูกเจ้าของร้านอธิบายให้ฟังแทบจะทุกเส้นนั่นแหละ ผมชอบเวลาปากเล็กๆนั่นขยับพูดไปมา เสียงหวานๆที่ได้ยินทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ไม่เบื่อเลยซักนิด
“อุตสาห์ซื้อสร้อยข้อมือเพิ่มแล้วลูกเจ้าของร้านมีบริการไปกินข้าวเป็นเพื่อนลูกค้าไหม” มือที่ยื่นบัตรเครดิตคืนให้ผมชะงักจนสังเกตได้ เจ้าตัวคงแปลกใจไม่น้อยที่อยู่ดีๆผมก็เอ่ยชวนทานข้าวซะอย่างนั้น
“อืมมมมม ไปดีไหมนะ” ดูคำพูดเขา ทั้งกวนทั้งน่ารักเนาะ หมั่นไส้วะ
“...”
“งั้น...พาเราไปกินไอติมด้วยนะ

”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.คิดว่าผมจะปฏิเสธไหมล่ะ?
..................................................................................
หลังจากวันที่เราสองคนไปทานข้าวแล้วต่อด้วยไอติมอย่างที่เดือนทันตะบอกความสัมพันธ์ก็ดูเหมือนว่าจะสนิทกันขึ้น เราคุยเล่นกันมากกว่าเมื่อก่อน คำพูดก็ดูสนิทกันขึ้นเพราะผมทักเฟสเขาไปทุกคืน ตอนกลางวันก็คุยบ้างแต่ต่างคนก็ต่างเรียนไม่ได้คุยกันต่อเนื่องเหมือนช่วงดึก ตอนนี้ผ่านมาจะสองอาทิตย์แล้วที่คุยกัน ผมออนเฟสบ่อยจนไอ้กิมกับไอ้จีนแซว จากที่แต่ก่อนแทบไม่เข้าแชทเลย
“เหยๆๆๆ ดูเดือนทันตะตอบอาคดิวะ” ตอนนี้เราสามคนนั่งกินข้าวอยู่ที่ห้างหลังจากที่เรียนเสร็จ ไอ้จีนมันอยากกินชาบูเลยถ่อกันมาถึงที่นี่ กวาดทุกอย่างจนอิ่มแปล้ ตอนนี้เลยเป็นช่วงของของหวานตามหลักการ แต่แล้วอยู่ดีๆไอ้กิมก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมยื่นโทรศัพท์ให้ มันเจ้าพ่อโซเชียลครับ รู้ทุกอย่างบนโซเชียล(แถวบ้านผมเรียกว่าพวกชอบเสือก)
ตอนนี้คุยกับใครบ้างคะ
เพื่อน พ่อแม่ ญาติ คุยเยอะแยะเลยครับ 
พี่วินชอบคนแบบไหนคะ
อืมมมม ดูแลเราได้ล่ะมั้ง คนที่อยู่ด้วยแล้วเรารู้สึกเป็นตัวของตัวเอง
มีคนที่ชอบรึยังครับ
เอ๊ มีไหมน้าาาาา^^ถ้าบอกอะไรกับคนที่คุณอยากบอกได้ จะบอกว่า?
ขอบคุณสำหรับร่ม 
เขาตอบอาคอีกหลายคำถามแต่สายตาของผมหยุดแค่ประโยคนี้ ไม่ยอมเลื่อนไปไหน ใจเจ้ากรรมก็ดันเต้นแรงอย่างเข้าข้างตัวเองว่าสิ่งที่วินพูดหมายถึงผม คงจะมีแค่ผมที่ให้ร่มเขาไปใช่ไหม หรือเขาจะหมายถึงคนอื่นวะ
“ไอ้สัด ยิ้มหน้าบานเลยดิ สมัครอาคเลยสิครัชรออะไร” ผมไม่มีอาคครับเพราะไม่รู้ว่าจะเอาไว้ถามใคร รู้อยู่เหมือนกันว่าวินเล่นแต่ก็ไม่ได้สนใจ แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกแล้วว่าเล่นมันก็คงจะดีเหมือนกันมั้ง คิดได้ก็ล้วงโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาแล้วโหลดแอพทันทีพร้อมกับกดสมัครเรียบร้อยให้ไอ้เพื่อนตัวดีส่งเสียงแซวมากวน แต่แค่สมัครไว้เท่านั้นแหละยังไม่มีการอัพเดตหรือเปลี่ยนรูปอะไร อ๋อ กดฟอลไปหนึ่งคนถ้วนด้วย เจ้าของอาค
Winnapat_Winตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนนิดๆแล้ว
อ่านหนังสือทำการบ้านเสร็จถึงหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาดู ปรากฏว่ามีแชทจากใครบางคนส่งเข้ามา ผมรีบเปิดอ่านทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายส่งมาเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว เวลาทำงานหรืออ่านหนังสือจะเป็นอย่างนี้ ไม่สนใจโทรศัพท์ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น สมาธิจะจดจ่อแค่กับงานหรือสิ่งที่ต้องทำข้างหน้า
เหนื่อยยยยยย
TTหมอฟันเขาอ่านหนังสือครับเห็นว่าจะมีควิซพรุ่งนี้
พักก่อนๆไม่นานนักก็มีข้อความตอบกลับมาทันที สรุปนี่อ่านหนังสือหรือเล่นโทรศัพท์อยู่กันแน่==
พักอยู่ หิวด้วยไปหาไรกินดิขี้เกียจจจจให้มันได้อย่างนี้ เดี๋ยวก็ปวดท้องไม่ปวดดดดดดด
พัตทำอะไรพึ่งทำงานเสร็จจะนอนแล้วเหรอ?
ยังครับ คงอีกซักพัก
ไม่ไหวก็อย่าฝืนนะ แค่ไหนแค่นั้น
เข้าใจไหม
อื้ออออออ
งั้นเราอ่านหนังสือต่อก่อนนะครับ
นอนตอนไหนก็แชทมาครับบบบบบ ฝันดีล่วงหน้า
เช่นกัน
ดื้อ.ดื้อคือคำที่ผมใช้เรียกเขา อีกฝ่ายเพียงแต่ส่งสติกเกอร์เป็นหมีโมโหกลับมาให้เท่านั้น ผมยิ้มออกมากับความน่ารักนั้นเมื่อดันนึกภาพว่าถ้าอีกฝ่ายทำหน้าแบบนี้อยู่จะเป็นยังไง ก็คงจะน่ารักตามประสาเจ้าตัวนั่นแหละ
ออกจากเฟสแล้วก็ไปดูอย่างอื่น คิดได้ว่าพึ่งจะสมัครอาคไปเมื่อกลางวันเลยกดเข้าไปดูมันซะหน่อยเผื่อว่าหมอฟันเขาจะตอบอะไรอีก ผมชอบอ่านนะว่าเขาคุยอะไรกับใครบ้าง
ตอนนี้ทำอะไรอยู่ครับ
กำลังจะอ่านหนังสือครับบบบ
มีแฟนรึยัง
มีสองสามตัวที่ห้องแหนะ ^^ เย๊นเย็นเป็นแฟนกับพี่การ์ดเหรอคะ
เปล่าครับ พี่น้อง
การ์ดคือชื่อของรุ่นพี่ที่เป็นเดือนวิศวะ คงจะเป็นคนที่ไอ้กิมบอกว่าตามจีบวินอยู่เหมือนกัน พอผมอ่านคำตอบที่เขาตอบก็ยิ้มออกมา เอาวะ อย่างน้อยมันก็ยังไม่ได้นำผมไปก่อนซักเท่าไหร่ แม้ไม่รู้ว่าจะมีใครเป็นต่อผมบ้างไหมก็ตาม
พี่วินน่ารัก ใจดีด้วย
ขอบคุณครับ 
เดือนทันตะตอบเพิ่มแค่สี่คำถามเมื่อสี่ชั่วโมงที่แล้ว คงเพราะมัวแต่ยุ่งกับการอ่านหนังสือด้วย ตอนนี้ผมเองก็ยังว่างเลยอัพเดตอะไรหน่อยดีกว่า ตัดสินใจแคปชื่อแอคเคาท์อาคก่อนที่จะโพสลงไปในเฟสบุ๊คพร้อมแคปชั่นสั้นๆว่า “ว่าง” ไม่นานนักก็มีแจ้งเตือนจากอาคมาว่ามีคนถามคำถามมา
มีแฟนยังคะคำถามแรกก็โดนเลย ยืมคำหมอฟันมาตอบได้ไหมวะ ทำไมถึงต้องอยากรู้ประเด็นนี้กันนัก- -
ยังครับแต่ผมก็เลือกที่จะตอบออกไปตามตรง ถามว่ามีแฟนยังไม่ได้ถามว่ามีคนที่ชอบรึยังนี่เนอะ และดูเหมือนว่าแค่ผมตอบคำถามแรกไปก็มีคนส่งเข้ามาถามอีกเพียบจนอ่านแทบไม่ทัน
ตอนนี้พี่พัตทำไรอยู่
เล่นอาคครับ ว่างๆ
พี่นี่รอน้องพัตเล่นอาคมานานมากจนเกือบจะเลิกเล่นเลยรู้ไหม เดี๋ยวจะกระหน่ำถามทุกวัน ฮิฮิ
จะพยายามตอบทุกอันแล้วกันนะครับ
และอีกมากมายที่ถูกส่งมา มันก็สนุกดีเหมือนกันนะครับ ผมเองถึงจะไม่ค่อยพูดกับคนแปลกหน้าแต่ถ้ามีคนมาคุยด้วยก็ไม่ได้ว่าอะไร ยินดีจะตอบทุกคนเท่าที่ผมจะตอบได้ นอกจากอะไรที่มองว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆก็จะเลี่ยงไป อย่างเฟสบุ๊คผมเลือกรับแค่เพื่อนหรือคนที่รู้จักแต่ก็เปิดเป็นสาธารณะ เพื่อนตัวดีมาแซวรูปที่ผมลงแอคเคาท์อาคในเฟสแต่ผมไม่ได้สนใจ ยิ่งร้อนตัวพวกมันจะยิ่งแซว ปล่อยไปเฉยๆดีกว่า พอตอบอาคจนรู้สึกว่าสมควรแล้วก็วางโทรศัพท์แล้วนอน
เมื่อคืนหมอฟันส่งแชทมาบอกว่านอนแล้วช่วงเกือบตี4เห็นจะได้ ผมเลยส่งกลับไปในตอนเช้าสั้นๆว่าขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ซึ่งอีกฝ่ายยังไม่ตอบและไม่ได้อ่าน คาดว่าน่าจะทำสมาธิอยู่กับการสอบ วันนี้ผมมีเรียนแค่ถึงเที่ยงเลยแวะมาเดินที่สยามคนเดียว ไอ้กิมกับไอ้วินมีธุระทั้งคู่ หาอะไรดูเพลินๆแบบที่ไม่ได้เจาะจงว่าจะซื้ออะไรอย่างที่ทำประจำ ถ้าเจออันต้องตาต้องใจค่อยว่ากัน
ติ๊ง
ดูเหมือนว่ามันจะไม่ผ่านไปด้วยดีแหละ
TTเดี๋ยวนี้เปิดแจ้งเตือนMessengerแล้วนะครับ เหตุผลก็เพราะวินล้วนๆ...หมอฟันเขาสอบเสร็จแล้วสินะถึงมาตอบได้ ผมหยุดเดินแล้วพิมพ์ตอบไปอย่างไว
มันผ่านไปแล้ว
แล้วก็ผ่านไปด้วยดีเราไม่ค่อยมั่นใจเลย[/color]
ทำเต็มที่แล้ว ที่เหลือช่างมันอืม...
แล้วก็เงียบไปเลย ผมเข้าเขาใจนะ อารมณ์คงเหนื่อยๆเพราะอ่านหนังสือมาทั้งคืนไหนจะมาเจอตัวข้อสอบอีก
ออกมากินติมไหม? เลี้ยง
เอาจริงๆก็คืออยากเจอแล้วก็ไม่อยากเห็นเขาเครียดเลยชวนออกมาผ่อนคลาย และผมเองก็คาดหวังว่าเขาจะตอบรับคำชวนนั้นทั้งที่ตอนส่งไปก็ไม่ค่อยได้คิดเท่าไหร่ พิมพ์ออกไปตามความรู้สึกล้วนๆ
จริงนะ?
ไปปปป ตอนนี้พัตอยู่ไหนผมยิ้มออกมาเมื่ออ่านข้อความของอีกฝ่าย พอพูดเรื่องของหวานเข้าหายไปหมดแล้วอารมณ์ดรามงดราม่าที่ทำข้อสอบไม่ได้ ตลกจริงคนอะไร หึหึ แต่ก็ดีแล้วเพราะผมไม่อยากให้เขาเครียดเท่าไหร่
สยามโอเค เดี๋ยวเราไป^^********************************************
Talkเขามีไปทานคงทานข้าวกินติมกันด้วยย

วินน่ารักเนอะะ อยากมาต่อทุกวันแต่การบ้านและกิจกรรมที่มหาลัยไม่เอื้ออำนวยเลยค่ะ(แต่มาต่อเรื่อยๆแน่ค่ะ พยายามไม่เว้นนาน)

อีกหน่อยจะสอบมิดเทอมแล้วด้วย นี่ยังไม่แตะหนังสือเรียนซักตัว(แต่มาหมกอยู่กับนิยายได้555 ) บ่นอะไรไร้สาระแล้วมาเข้าเรื่องกันดีกว่า อิอิ ก็...ตามนั้นเลยค่ะตามข้างบน ไม่มีอะไรจะพูดมาก

คือไม่รู้ทำไมคนเขียนเป็นคนชอบอาคค่ะ เป็นแอพที่มีเสน่ห์ดีนะ เหมือนเราสนิทกับอีกคนมากขึ้นทั้งที่เขาไม่ได้รู้จักเรา

แล้วก็งงตัวเองว่าจนตอนนี้ทุกคนจะเลิกเล่นมันแล้วทำไมพึ่งมาเขียนนน

ชอบไม่ชอบยังไงคอมเม้นต์เป็นกำลังให้เค้าด้วยนะ pls~

ปล. ชื่ออาคของวินนั่นมีอยู่จริงๆนะเออ ใครอยากเข้าไปคุยเข้าไปถามอะไรเดือนทันตะถามมาได้เลย(Winnapat_Win) เขาน่ารักนะะะ อย่าลืมเข้าไปคุยนะวินเขารออยู่(ใครอยากเห็นหน้าว่าเดือนทันตะน่ารักขนาดไหนต้องเข้าไปถามๆ><)

ส่วนอาคเด็กถาปัตย์เขายังไม่ให้หรอก เล่นตัวๆ55 พัตบอกเดี๋ยวอยากคุยเมื่อไหร่จะบอก ตอนนี้คุยกับหมอฟันไปก่อน ^^