เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ  (อ่าน 308810 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีนังชะนีมิกะ เอาเรื่องงานมาอ้างอีกแระ แร่ดได้โล่เลยนะ

ออฟไลน์ GMJeam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ยาวๆเลย  :mew4:

ออฟไลน์ ex-soulL

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-6
ตอนที่ 23


หลังจากที่คุยธุระกับมิกะเสร็จผมก็ขึ้นไปห้องพักซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม พออาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยแล้วก็ต้องมาหนักใจเรื่องที่จะต้องบอกวิน

เห้อ

เรื่องงานต้องมาก่อนเรื่องส่วนตัว นั่นเป็นสิ่งที่พ่อบอกผมเสมอ...แต่มันก็ไม่ได้ทำง่ายขนาดนั้นเมื่ออีกคนสำคัญสำหรับผมมากกว่าอะไรทั้งหมด

ก้าวขึ้นเตียงเรียบร้อย เอนหลังนั่งพิงพนักหัวเตียงก่อนจะคว้าโทรศัพท์กดวิดิโอคอลไปหาคนที่อยู่คนละประเทศ รอสัญญาณไม่นานใบหน้าน่ารักๆก็ปรากฏขึ้นที่หน้าจอ

(งานวันนี้เรียบร้อยแล้วเหรอ) วินยังอยู่ในชุดที่คุยกันเมื่อตอนเย็นแค่ต่างที่ตอนนี้นั้นคนตัวเล็กอยู่ในห้องนอนของตัวเองไม่ใช่บ่อปลาหลังบ้านเช่นเดิม

“ครับ” ยิ่งเห็นหน้าวินก็ยิ่งคิดเรื่องที่จะบอกอย่างกลัดกลุ้ม

(พัต)

“ครับ?” ละสายตาที่เหม่อไปไกลกลับมายังเครื่องมือสื่อสารในมือ มองคนตรงหน้าที่กำลังขมวดคิ้วหน่อยๆ

(เป็นอะไรรึเปล่า เหนื่อยเหรอ) ใบหน้าหวานฉายชัดถึงความเป็นห่วง

“นิดหน่อยน่ะ วินครับ...พัตมีเรื่องจะบอก” ไม่ว่าจะลำบากใจในการที่จะบอกแค่ไหนแต่สุดท้ายแล้วก็ต้องบอกอยู่ดี

(อื้อ เรื่องอะไร ทำไมต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น)

“คือว่า...”

(...)

“...”

(ไม่ได้นอกใจเราใช่ไหม?)

“ไม่ใช่นะวิน!” คำพูดวินทำเอาผมต้องร้องออกมาอย่างตกใจ สีหน้าแววตาที่วินแสดงออกมามีความไม่มั่นใจอยู่ในนั้นจนผมร้อนรน อะไรที่ทำให้เขาคิดแบบนั้นกัน

“พัตไม่เคยคิดเรื่องนั้นเลยนะ ไม่เคยมองคนอื่นเลยด้วยซ้ำ”

(ก็พัตทำให้เรากลัว อึกๆอักๆแบบนั้นเราก็คิดไปเรื่องไม่ดีก่อนเลย) คนตัวเล็กเอ่ยตอบเสียงเบา

“เรื่องที่พัตจะบอกก็คือ...” แล้วเรื่องราวของมิกะก็ถูกถ่ายทอดออกมาให้วินฟังโดยไม่มีการปิดบังอะไรทั้งนั้น ตลอดเวลาที่ผมเล่าวินตั้งใจฟังเงียบๆโดยไม่พูดอะไร อีกคนมีสีหน้าเรียบเฉยที่ผมก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่บ้าง

“นี่แหละเรื่องที่พัตจะบอกวิน...”

(...)

“วินครับ” วินยังคงนิ่งจนผมกังวลไปหมด เราทั้งสองสบตากันผ่านหน้าจอเล็กๆท่ามกลางความเงียบรอบตัว ก่อนจะเป็นวินที่ค่อยๆถอนหายใจออกมา

(จะให้เราพูดว่าไม่เป็นไรก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกนะ เราเข้าใจถึงเหตุผลทุกอย่าง...เพียงแต่ก็อดไม่ชอบใจไม่ได้อยู่ดี จะให้แฟนไปดูหนังไปทานข้าวกับผู้หญิงคนอื่นเป็นใครก็ต้องทำใจยอมรับลำบากใช่ไหม ยิ่งเราอยู่ไกลกันแบบนี้แล้วด้วย...)

“พัตอยากให้วินเชื่อใจ ถ้าพัตจะสนใจมิกะพัตก็คงสนใจไปนานแล้ว...เพราะฉะนั้นวินจะเชื่อใจพัตได้ไหม สัญญาว่าวันนั้นจะไลน์หาตลอด” จะคอยรายงานว่าอยู่ไหนทำอะไร ไม่อยากให้เขาต้องกังวลหรือคิดไปเองว่าวันนั้นผมทำอะไรอยู่บ้าง ภาพในหัวมันมักจะไปไกลกว่าความจริงเสมอ

(...เห้อ เราจะพยายาม) รอยยิ้มจางๆถูกส่งมาให้จากคนที่อยู่คนละประเทศ ผมรู้ว่าวินก็คงไม่ได้สบายใจแต่ยังดีที่เขาเข้าใจไม่ได้โวยวายแบบไม่มีเหตุผล

“พัตรักวินนะ” เอ่ยย้ำคำนี้อีกครั้งให้เขามั่นใจ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมันจะเป็นอย่างนี้เสมอ ความรู้สึกผมไม่เคยเปลี่ยน

(เราก็รักพัตนะ...ขอบคุณที่ยังบอกกัน) ที่ผมตัดสินใจบอกเขาเพราะถ้าให้วินมารู้มาเห็นเรื่องนี้จากคนอื่นมันคงแย่กว่าที่เขารู้จากปากผมเอง เป็นคนรักกันไม่ควรจะมีเรื่องที่ปิดบังหรือเรื่องที่เป็นความลับต่อกัน พอพูดให้อีกคนฟังเราก็จะสบายใจขึ้น ไม่ต้องทำอะไรหลบๆซ่อนๆลับหลังกัน แม้ว่าจะเป็นการปิดบังเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจก็ตาม

“แล้วนี่ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอหืม” ผ่านเรื่องมิกะไปก็เป็นแค่เรื่องผมกับเขาสองคน ไม่มีความจำเป็นที่ต้องพูดถึงคนอื่นแล้ว

(ที่นี่พึ่งจะหกโมงกว่าๆเองนะ ยังไม่ดึกซักหน่อย) ที่ไทยหกโมงกว่าๆ ที่นี่ก็สองทุ่มกว่าๆ

“อาบเร็วไว้ก็ดีนะครับ จะได้ไม่เป็นหวัด...แล้วนี่ทานข้าวหรือยัง”

(ทานแล้ว~ พัตทานอะไรรึยัง) พอวินถามขึ้นผมถึงนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้ทานข้าวตอนเย็น

“ยังเลยครับ ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” ใช้คำว่าตื้อน่าจะใกล้เคียงที่สุด

(ไม่ได้นะ ไม่หิวก็ต้องทานอะไรบ้าง)

“ไม่มีแฟนกินข้าวด้วยอะไรก็ไม่อร่อยซักอย่าง” เอ่ยอ้อนคนรักออกมาจนอีกฝ่ายต้องหลบสายตาไป ดูเหมือนว่าแก้มที่ผมจำได้ดีว่านุ่มและหอมแค่ไหนนั้นจะขึ้นสีจางๆด้วยความเขิน ไม่บ่อยเลยที่ผมจะพูดแบบนี้

(ไม่ต้องมาทำเป็นพูดเลย เดี๋ยวก็ต้องไปดินเนอร์หรูกับสาวๆนี่ก็คงลืมแฟนไปแล้วมั้ง) ผมรู้ว่าวินยังคงคิดเรื่องนี้อยู่ตลอด มันคงยากที่จะให้เขาพยายามลืมๆไป

“โถ่วิน เลือกได้พัตก็ไม่อยากไปเลยซักนิด...คิดถึงคนที่อยู่เมืองไทยคนเดียว คิดถึงจะแย่ อยากนอนกอด อยู่นี่นอนไม่ค่อยหลับเลย” ไม่มีร่างนุ่มนิ่มคอยให้นอนกอดผมนอนไม่ค่อยจะหลับจริงๆ คิดถึงไม่คิดถึงก็แอบเอาเสื้อของวินติดมาด้วยคิดดูสิ เป็นเอามากจริงๆ

(ให้มันจริงเถอะ) สายตาค้อนขวับแต่ปากเล็กกลับฉีกยิ้มออกมาจนผมต้องยิ้มตาม

แล้วเราก็คุยกันต่อทั้งคืนจนวินเห็นว่าที่นี่ดึกมากแล้วนั่นแหละเลยบอกให้ผมเข้านอนเพราะต้องไปทำงานเช้าทุกวัน แม้ว่าอยากจะเห็นหน้าเขาอยากได้ยินเสียงเล็กๆนั่นต่อแค่ไหนแต่ก็ทำไม่ได้

.
.
.
.
.
.
.

ทุกๆวันผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึก เข็มนาฬิกากว่าจะขยับแต่ละทีช่างดูลำบากยากเย็น แต่ผมก็ยังต้องทำงานตามปกติจนเวลาล่วงเลยมาเป็นอาทิตย์ มิกะบอกว่าเธอยุ่งๆเลยยังไม่มีเวลาที่จะนัดวันมาซึ่งนั่นก็ทำให้ผมได้มีเวลาหายใจหายคอบ้าง แค่คิดว่าต้องอยู่กิบเธอทั้งวันก็พลันไม่อยากจะทำอะไรขึ้นมาทันที แต่เรื่องที่น่าเบื่อหน่ายและน่าหงุดหงิดไปยิ่งกว่านั้นก็คือวันนี้ทั้งวันผมยังติดต่อวินไม่ได้เลย!

เข้าไปดูทั้งในไอจีและเฟสบุ๊คเป็นรอบที่ล้านก็ไม่เห็นมีความเคลื่อนไหวอะไร หลังจากคืนที่เราคุยกันวินก็ปกติดีทุกอย่าง เราคุยกันบ่อยเท่าที่ผมจะมีเวลาให้ ทุกอย่างไม่ได้ผิดแปลกอะไรเลย

ก๊อก ก๊อก

วางโทรศัพท์ที่พยายามจะกดโทรไปหาคนทางนั้นลงเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู

“เชิญครับ”

“ทำอะไรอยู่เรา หน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว” แม่เป็นคนเอ่ยถามขึ้นเมื่อท่านเดินเข้ามาหาพร้อมกับพ่อที่ตามมาทางด้านหลัง พอคนเป็นแม่ท้วงถึงพึ่งรู้ตัวว่าตอนนี้คิ้วตัวเองขมวดกันแน่นแค่ไหน จนต้องยกมือขึ้นนวดหัวคิ้วเบาๆให้มันคลายออกเพราะเริ่มรู้สึกปวดตุบๆที่ขมับ

“ก็ตรวจเรื่องค่าใช้จ่ายในโรงแรมนี่แหละครับ พ่อกับแม่มีอะไรรึเปล่าถึงมาหาผมถึงที่นี่เลย” ถ้าเป็นปกติอาจจะโทรมาให้ผมไปพบที่ห้อง

“พอดีพ่อกับแม่มีนัดสำคัญตอนค่ำนะจ้ะ เลยมาบอกเรา...เคลียร์งานแล้วออกไปข้างนอกกัน” ก็คงจะเป็นนักธุรกิจนักการเมือง หรือเซเลปซักคนที่ต้องการเข้ามาคุยเพื่อความสัมพันธ์ที่จะเอื้อให้ทั้งสองฝั่งทำงานกันง่ายขึ้น ผมเบื่องานแบบนี้แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ การผูกสัมพันธ์กับคนเยอะๆจะทำงานของเราดำเนินไปได้ง่ายและรวดเร็ว

“ก็ได้ครับ ผมไม่ได้ติดอะไรอยู่แล้ว” ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสี่โมงเย็น แสดงว่าคงต้องออกไปในอีกไม่กี่ชั่วโมง
“แล้วตรวจงานเป็นไงบ้างล่ะเรา” คราวนี้เป็นพ่อที่เอ่ยถามขึ้นมา

“ก็ดีครับ แต่มีบางจุดที่ผมยังคิดว่าเรามีทางที่จะลดค่าใช้จ่ายลงได้อีกโดยที่ยังคงรักษามาตรฐานของโรงแรมเอาไว้ได้เช่นเดิม ยังไงเดี๋ยวผมจะเข้าไปคุยกับพ่ออีกที”

“โอเค งั้นพ่อกับแม่ไม่รบกวนแล้ว เจอกันตอนหกโมงเย็นแล้วกัน...ไปกันเถอะคุณ” ผมยิ้มให้ท่านทั้งสองก่อนที่จะกลับมาขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อประตูห้องปิดลง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาวินอีกก็ไม่ติด ในใจเริ่มกังวลไปหมด กลัวว่าเขาจะเป็นอะไรรึเปล่า






“คนนี้สำคัญมากเลยเหรอครับเราถึงต้องมากันทั้งหมดเลย” ในระหว่างที่กำลังเดินเข้ามาในร้านทางส่วนที่เป็นโซนห้องวีไอพีผมก็อดจะถามขึ้นมาไม่ได้

“ก็...สำคัญสิจ๊ะ มากเลยล่ะ” พอถึงห้องพนักงานก็ผายมือเชิญเราให้เข้าไป โดยที่ผมเดินเข้าไปเป็นคนสุดท้าย...

“วิน! มาได้ยังไงครับ?!” คนที่ผมพยายามจะติดต่อทั้งวันมานั่งฉีกยิ้มกว้างอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกัน! คิดว่าตัวเองฝันจนต้องถลาเข้าไปสัมผัสตามเนื้อตามตัวของคนที่นังอยู่บนพื้น ลูบหน้าลูบตาเขาไปมา

ตัวเป็นๆ ตัวจริงๆ...ไม่ได้ฝัน!

“ก็...นั่งเครื่องมา” ตอบแบบนี้นี่ตั้งใจจะกวนกันใช่ไหม คิดถึงจนอยากจับฟัดจะแย่แล้ว

แต่...เดี๋ยวนะ

“พ่อกับแม่ก็รู้เรื่องด้วยเหรอครับ” คราวนี้หันมาถามพ่อกับแม่ตัวเองที่นั่งยิ้มๆอยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่คิดเลยว่าทั้งสามคนจะรวมหัวกันเซอร์ไพร์สผมแบบนี้

“ใช่จ๊ะ รู้ตั้งแต่น้องวินขึ้นเครื่องจากเมืองไทยมาแล้วล่ะ” แม่ครับบบบบ

“ไม่ต้องมายิ้มเลย เดี๋ยวต้องเคลียร์กันยาวแน่ๆ...พัตเป็นห่วงแทบแย่ที่ติดต่อไม่ได้เลยทั้งวัน”

“เรื่องของเราเอาไว้ก่อนนะ...สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ขอโทษที่เสียมารยาทไม่ได้สวัสดีตั้งแต่แรกนะครับ” วินหันไปไหว้พ่อกับแม่ผม ท่านทั้งสองก็รับไหว้แล้วอมยิ้มเล็กน้อย โดยเฉพาะแม่ที่สัมผัสได้ว่าจะมีความสุขจนหน้าบานใหญ่ นี่แฟนผมหรือแฟนแม่กัน==

“ไม่เป็นไรลูก ลูกชายพ่อเข้าชาร์จเราเร็วขนาดนั้นจะเอาเวลาที่ไหน...พัตก็เข้าไปใกล้น้องอะไรขนาดนั้น เขยิบมาหน่อยก็ได้เดี๋ยววินอึดอัด” พ่อหันมาพูดกับผมที่ยังคงจับไหล่เล็กของวินไว้แน่น

“ถ้าสิงวินได้ผมคงทำไปแล้ว”

“พัต!” ฝ่ามือเล็กฟาดเบาๆลงบนหน้าขาพร้อมกับส่งค้อนมาให้ พ่อกับแม่ก็ส่ายหน้าใส่ด้วยความระอา แต่ถามว่าผมสนใจไหม? แน่นอนว่าไม่

“ยังไงตอนนี้ก็สั่งอาหารกันก่อนดีไหมจ๊ะ น้องวินพึ่งลงเครื่องยังไม่ได้ทานอะไรใช่ไหมลูก”

“ครับ” วินตอบรับ

ผมขยับมานั่งข้างวินดีๆหลังจากที่ตอนแรกนั่งหันหน้าเข้าหา เอื้อมมือไปคว้ามือเล็กมาวางไว้บนตักตัวเองโดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแม้ว่าเจ้าของมือจะพยายามดึงกลับไปแค่ไหน แสร้งทำเป็นกดกริ่งเรียกพนักงานเข้ามาสั่งอาหารให้วินต้องหยุดดิ้นไปก่อน

ปากเล็กบ่นขมุบขมิบแต่ท้ายสุดแล้วก็ต้องยอมให้จับ...

กลับไปโรงแรมต้องเคลียร์กันยาวนะตัวแสบ.








“เล่ามาให้หมดเลยนะครับ” ตอนนี้ผมกำลังทำการสอบสวนนักโทษอยู่...

“อ๊ะ...จะให้เราเล่าหรือจะทำอะไร มานอนทับเราทำไมกัน” เป็นการสอบสวนแบบพิเศษเลยต้องสอบสวนบนเตียง เพราะว่าพอสอบสวนเสร็จก็ต่อด้วยการลงโทษทันที จะเอาให้ลุกไม่ขึ้นเลยคอยดู

“ทั้งให้เล่าทั้งจะทำอะไร ถ้าไม่เล่างั้นจะทำอะไรก่อนแล้วนะ ค่อยคุยกันอีกทีพรุ่งนี้” โน้มหน้าลงไปใกล้เพื่อยืนยันว่าที่พูดไปนั้นไม่ได้พูดเล่นจนวินเบี่ยงหน้าหลบแล้วรีบละล่ำละลักบอก

“ฮื่อ เล่าแล้วๆ...เล่าแล้วนะ ฟังเราก่อน”

“โอเคครับ ให้เวลาพูดห้านาที” เพราะหลังจากนี้จะไม่ไห้พูดแล้ว

“พัตอ่ะ...ก็เราว่างสามวันก่อนที่จะเริ่มทำโปรเจ็ค ก็เลย...ก็เลย...แว๊ปมาหาพัตก่อน แล้วคุณแม่ท่านโทรมาหาเราก็เลยปรึกษาถามทางว่าโรงแรมอยู่ตรงไหน แล้วเราก็เป็นคนขอร้องให้ไม่ให้ท่านบอกพัตเองแหละ...ก็อยากเซอร์ไพร์สไง” ไม่ต้องมาพูดด้วยเสียงน่ารักและหน้าตาน่ารักใส่ให้ผมใจอ่อนเลย เขาจับจุดอ่อนผมได้ รู้ดีว่ายังไงผมก็ไม่กล้าดุเขามากอยู่แล้ว

“ไม่ต้องเลยนะครับ พัตเป็นห่วงนะไม่อยากให้เดินทางคนเดียวเลย...แล้วยิ่งติดต่อไม่ได้ทั้งวันอีกเป็นห่วงจะแย่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาพัตจะทำยังไง” แล้วนั่งเครื่องมาคนเดียวตั้งกี่ชั่วโมงกัน คอยบอกให้ผมรู้ก็จะได้สบายใจบ้าง นี่แค่คิดว่าระหว่างที่ผมติดต่อเขาไม่ได้เกิดวินเป็นอะไรขึ้นโดยที่ผมไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ไหนใจก็แทบจะทนไม่ไหวแล้ว

“เราไม่เป็นไรเลย ญี่ปุ่นนี่เคยมาบ่อยแล้วนะ...อีกอย่างคราวนี้คุณแม่ก็ส่งคนไปรับถึงสนามบิน หายห่วงแน่นอน” แล้วร่างเล็กก็ขยับเข้ามาคลอเคลียอย่างออดอ้อน

เห้อ ก็เป็นซะอย่างนี้ ใครจะกล้าดุเขาไปมากกว่านี้กัน

“ทีหลังถ้าจะมาก็บอกพัตก่อนนะรู้ไหม ต้องคอยบอกตลอดด้วยว่าถึงไหนอะไรยังไง ไม่ใช่ว่าหายมาเฉยๆแบบนี้อีกนะ”

“อื้อ หายโกรธนะ” หัวทุยๆซุกเข้าอกแล้วถูไถไปมาราวกับแมวอ้อนเจ้าของ

“ไม่โกรธครับ แต่ยังไงก็ต้องลงโทษนะ”

“ฮื่อ ลงโทษอะไรเล่า” คราวนี้วินผละออกมามองหน้ากัน

“อ้อนวอนแค่ไหนวันนี้พัตก็ไม่ให้นอนหรอก”

“อะ อื้อ!” แล้วกว่าที่วินจะได้นอนก็ตอนที่แสงสว่างของดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้านั่นแหละ ครั้งสุดท้ายที่ผมยอมปล่อยให้เขานอนก็ตอนที่วินหลับไปทันทีที่เสร็จสิ้นภารกิจในยกนั้น ยิ่งไม่ได้เจอกันเกือบอาทิตย์ยิ่งทำให้ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้ และอีกคนเองก็ไม่ได้ห้ามปรามหรือขัดขืนอะไร แม้จะเหนื่อยแค่ไหนแต่วินก็ให้ความร่วมมืออย่างดีจนร่างกายเขาทนไม่ไหวปิดสวิตซ์ตัวเองไป








“ตัวเราเป็นรอยอย่างกับตุ๊กแกเลย” วินโวยวายออกมาในตอนที่เรากำลังนั่งกินข้าวเย็นด้วยกัน ร่างกายเขาระบมจนต้องย้ายตัวเองมานั่งกินที่หน้าโซฟาแล้วเอาทั้งผ้าห่มและหมอนมารองให้นั่ง นี่คือข้าวมื้อแรกของเราทั้งคู่เพราะกว่าจะตื่นก็ปาไปสี่โมงเย็นแล้ว

“ก็ตอนทำเห็นวินร้องบอกว่าเอาอีกๆพัตเลยไม่ขัด”

หมอบใบเล็กลอยมาหวืดจากฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็วแต่ผมไหวตัวหลบทัน ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อประโยคล้อเลียนนั้นทำให้แฟนของผมเขินจนหน้าแดงและลามไปทั้งตัว

“จะพูดทำไมเล่า!” ยิ่งเห็นเขาเขินผมยิ่งอารมณ์ดี วันนี้พ่อกับแม่อนุญาตให้หยุดงานเป็นกรณีพิเศษเลยมีเวลาว่างที่จะอยู่ด้วยกัน
 
“ฮ่ะๆ แล้วนี่โปรเจ็คจะเริ่มทำวันไหนครับ” ตักอาหารในจานให้วินทานข้าวต่อก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเมื่อแกล้งเขาจนพอใจแล้ว ที่วินตามมาไม่ได้ในทีแรกเพราะปิดเทอมนี้เขามีโปรเจ็คที่ต้องส่งอาจารย์ ทั้งยังต้องไปเก็บข้อมูลถึงต่างจังหวัดเลยตามมาไม่ได้ กว่าที่งานจะเสร็จก็เป็นช่วงที่ผมกลับไทยพอดี

“ก็อีกสามสี่วันแหละ เพราะมัวแต่เสียเวลามาหาใครก็ไม่รู้อยู่นี่ไง”

“ใครไม่รู้ที่ไหนกัน...นี่แฟนไง หรือต้องบอกว่าเป็นสามีแล้วไหม”

“พัต!”

“เห้ย! วินครับ...นั่นแก้วๆ หัวแตกได้” มือเล็กๆนั่นไปอย่างรวดเร็วมาก คว้าแก้วข้างตัวมาไว้ในมือแล้วทำท่าเหมือนจะโยนใส่กัน อะไรจะเขินแรงขนาดนั้นครับ

“แตกไปเลย...พูดอะไรก็ไม่รู้” คนหน้าขึ้นสีวางแก้วลงที่เดิมก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างไม่ยอมสบสายตา

“โอ๋ ไม่แกล้งแล้วก็ได้” เดี๋ยวจะหาว่าผมใจร้ายชอบแกล้งแฟนตัวเอง(แฟนน่ารักขนาดนี้ใครไม่ชอบแกล้งนี่เป็นไปไม่ได้จริงๆ)

“ชอบแกล้งเรานะ เดี๋ยวเถอะ...จะงดเรื่องนั้นทั้งเดือน”

“ไม่เอา! ถ้างดขนาดนั้นก็ฆ่ากันเลยเถอะ...ไปหยิบมีดในครัวมาเลย” ให้ทนขนาดนั้นผมใจขาดตายพอดี

“งั้นก็เลิกแกล้งเราสิ...คนนิสัยไม่ดี : P "

“ไม่รักก็ไม่แกล้งหรอกนะครับ” พูดเสียงอ่อนพร้อมส่งสายตาไปให้อีกฝ่าย ถ้าวินรู้วิธีการที่จะอ้อนผม ผมก็มีวิธีการของผมเหมือนกัน ไม่มีเลยซักครั้งที่วินจะสู้ได้ เขาทนสายตากับเสียงอ่อนๆของผมไม่ได้นานหรอก หึหึ

“กะ กินข้าวต่อได้แล้ว!” แล้ววินก็รีบเปลี่ยนเรื่องไปทันที ตัวผมเองก็ยอมไม่แกล้งเขาต่อในที่สุด เราต่างกินข้าวกันไปโดยมีการตักอาหารให้กันบ้าง พูดคุยกันเรื่องเล็กๆน้อยๆบ้าง การมีวินอยู่ด้วยทำให้วันที่แสนน่าเบื่อของผมกลายเป็นวันที่แสนจะมีความสุข แต่ก็น่าเสียดายที่เขาอยู่ได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น แต่แค่นี้ก็ถือว่ายังดีแล้ว

“พัต คุณมิกะอะไรนั่นสวยมากไหม” อยู่ดีๆวินก็ถามขึ้นในขณะที่ผมนั่งดูงานผ่านไอแพดอยู่บนโซฟาโดยที่ตัวเขาก็นั่งดูรายการเกมโชว์อยู่ข้างๆ

“สำหรับพัตไม่ครับ” ผมไม่ชอบแบบนั้นนี่ ผมชอบแบบคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆกันตอนนี้มากกว่า

“มีรูปเธอรึเปล่า?”

“ไม่มีครับ วินอยากเห็นเหรอ?...เสิร์ชในเน็ตก็คงจะมีมั้งพัตเองก็ไม่แน่ใจ ไม่เคยสนใจ” เธอเป็นลูกหลานนักธุรกิจหรือที่เรียกง่ายๆว่าเซเลปก็เลยอาจจะมีภาพขึ้นตามอินเทอร์เน็ตบ้าง แต่ผมไม่เคยเปิดดูหรืออะไรทั้งนั้น ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยซักนิด ผมไม่เคยเห็นเธอผ่านหน้าจออะไรเลยด้วยซ้ำเพราะไม่สนใจจริงๆ

“อื้อ ก็อยาก...แต่เดี๋ยวเราหาเอง”

“ครับ ตามใจ...งั้นพัตดูงานต่อนะ” วินอยากจะทำอะไรก็ตามใจเขาผมไม่ห้ามอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเรื่องมิกะยิ่งไม่ได้สนใจเลย หันกลับมามองงานในมือต่อเมื่อวินไม่ได้พูดอะไรอีก เห็นแค่เขากดๆจิ้มๆที่ไอแพดส่วนตัวของผมเพียงเท่านั้น

“คนนี้เหรอ?” วินยกไอแพดในมือขึ้นให้ผมดูรูป

“ครับ...คนนี้แหละ เห็นไหมว่าเฉยๆ”

“เซ็กซี่จัง...” เหมือนคำนี้วินจะพูดกับตัวเองมากกว่า

“เซ็กซี่ไม่เท่าวินหรอก เห็นหมดขนาดนั้นยังมีอะไรให้ตื่นเต้นอีกครับ” มิกะชอบแต่งตัวเปิดเผยเนื้อหนังและโชว์ส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมไม่ชอบใจที่สุด ถ้าเป็นวินแค่สวมเสื้อยืดบางๆผมให้ไปเปลี่ยนเป็นตัวใหม่แล้ว ของแบบนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเปิดเผยให้คนอื่นดูซักนิด ถ้าอยู่ในห้องกับผมสองต่อสองก็ว่าไปอย่าง อันนั้นวินจะไม่ใส่อะไรเลยผมยิ่งชอบ

“ก็เธอสวย จะโชว์ขนาดนั้นก็ไม่แปลก...ถ้าเป็นเราก็คงมองตามเหมือนกัน”

“ใครให้มองหืม จะผู้ชายหรือผู้หญิงพัตก็ไม่ให้มองทั้งนั้นแหละ” ผมหวงเขา ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม

“ไม่เคยอยากมองเธอเลยเหรอ?” คราวนี้ผมวางไอแพดในมือลงแล้วดึงตัววินให้นั่งลงบนตัก แขนเล็กของคนในอ้อมกอดก็คล้องเข้าที่คอโดยอัตโนมัติ

“ไม่นะ เฉยๆเลย” ผมไม่ได้ตายด้านอะไรแบบนั้นหรอก เจอผู้หญิงคนอื่นก็มองบ้างตามธรรมดาของผู้ชายแต่ไม่ใช่ในสไตล์แบบนี้ ส่วนมากจะคล้ายๆวินมากกว่า คนที่ดูเรียบๆซื่อๆแต่มีเสน่ห์ที่ออกมาโดยไม่ต้องปรุงแต่งอะไรทั้งนั้น มองแล้วสบายตา

“แล้วเคยมองคนอื่นไหม?” นั่นไง วกเข้ามาถามจนได้สินะ คราวนี้ผมขยับตัวอย่างเกร็งๆ สายตาของคนตรงหน้าเริ่มนิ่งเฉย

“ก็...ยอมรับเลยว่านิดหน่อย แต่แค่มองไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆครับ” เห็นของสวยงามคนเราก็มองเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่ว่าผมอยากได้หรืออะไร แค่มองเฉยๆ

“โอเค ถ้าแค่มองเราไม่ว่าอะไร แต่ถ้าคิดมากเกินกว่านั้นล่ะก็...”

“...”

“จะเฉือนทิ้งให้หมดเลย!”






TBC.

Talk

มาเร็วเคลมเร็วมาก  :impress2: :impress2: คนเขียนน่ารักขนาดนี้ส่งกำลังใจให้กันเล็กๆน้อยๆหน่อยได้ไหมน๊าาาาา~  :mew2: :mew2:

รวั๊กกกกกก :mew1: :mew1:

Talk with me. >> https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/?ref=aymt_homepage_panel


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2016 22:41:04 โดย ex-soulL »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ GMJeam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่ารักสุด นอนดิ้นแปป  :ling1:  :ling1:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
น่ารักทั้งคู่  :mew1:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
น่ารักกก
น้องวินแอบโหดอ่ะ จะเฉือนทิ้งเลยหรา
 :laugh:

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
น่ารัก  :m1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:   เมียตามมาคุม อิอิ

ออฟไลน์ ssipra

  • นักอ่านมืออาชีพ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ชอบผู้ชายแบบพัตอ่าาา หาได้จากที่ไหน  :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ shijino

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
น่ารักกกกก อ่านไปก็เขิลไป  :-[ 

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ฟินกันไป ^^

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ผช อย่างพัตมีอยู่ที่ไหนอีกไหม (อยากได้ๆๆ)
ให้เกียรติแฟนทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ส่วนวินก็น่ารัก มีอะไรก็บอกก็คุยกับพัตตรงๆ
น่ารักมากเลยคู่นี้

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ดราม่าคุณมิกะมันต้องมาแน่ๆเลย แต่ถ้าไม่มาจะดีมากกกกกก

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
พัตสุดยอดดดด นายคือพระเอกในฝันเลยอ่า
หล่อ ฉลาด ไม่ปิดบัง น่าเชื่อใจ หึงแบบพอควร~~~
คือสุดยอดดดดดดด

ส่วนวิน ง้อแง้งนิดๆพอน่ารัก ดูมีเสน่ห์ มีเหตุมีผล เอ็นดูอ่ะ ^////^

ออฟไลน์ DE SaiKuNee

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-9

ออฟไลน์ am_am

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
วินแน่มาก ตามมาเคลียร์อย่างรวดเร็ว สุดยอดดดดด :laugh3:

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
โอ้ยน่ารักที่สุดเลยน้องวินนนนนนนนนน

ออฟไลน์ babaaa

  • tue10mar
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่ารัก :-[

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ex-soulL

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-6


ตอนที่ 24

“เอาของว่างอะไรไหมครับ ให้พัตสั่งขึ้นมาให้หรือว่าวินจะลงไปดูที่ห้องอาหารเองเดี๋ยวพัตให้ผู้ช่วยพาไป” เนื่องจากวันหยุดที่สามารถหยุดได้นั้นหยุดได้เพียงแค่วันเดียว วันต่อมาที่ผมต้องมาทำงานเลยมีวินติดสอยห้อยตามมาด้วย ซึ่งก็เป็นผมเองที่บังคับให้เขามาเพราะอยากมีเวลาอยู่ด้วยกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เป็นไปได้น้ำยังจะอาบพร้อมกันเลยถ้าวินยอม

“เดี๋ยวเราลงไปดูเองก็ได้ ไม่ต้องรบกวนคนอื่นหรอก...พัตก็ทำงานเถอะ” คนตัวเล็กพูดทั้งที่สายตายังคงสนใจไปรอบๆห้องอย่างสำรวจ ห้องทำงานผมก็ไม่ได้มีอะไรมากมายแต่วินทำเหมือนว่ามันน่าสนใจมากเสียอย่างนั้น ห้องกว้างๆนี้เน้นการตกแต่งให้โล่งไม่อึดอัดเสียมากกว่า เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งห้องจึงมีไม่มากชิ้น

“โอเคครับ ถ้าจะเอาอะไรก็บอกนะ” ทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงานก่อนจะเรียกผู้ช่วยเข้ามาเพื่อคุยกันเรื่องงานที่คั่งค้างทั้งหมด ซาโอริได้เจอกับวินก่อนที่เราจะเข้าห้องมา คนตัวเล็กเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายผู้ช่วยผมด้วยรอยยิ้มกว้างตามฉบับเจ้าตัว ดูจากท่าทางแล้วเธอคงเอ็นดูวินไม่น้อย ความสดใสของเขาทำให้คนอื่นตกหลุมรักได้ง่ายไม่น่าแปลกใจเลยซักนิด

“คุณวินจะรับอะไรไหมคะ” ซาโอริหันไปพูดกับวินเป็นภาษาอังกฤษเมื่อเราคุยเรื่องงานกันเป็นที่เรียบร้อย คนถูกถามซึ่งกำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาตัวใหญ่หันมาตอบทั้งที่โทรศัพท์ยังอยู่ในมือ

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณคุณซาโอริมากครับ^^”

“ค่ะ” คุณซาโอริยิ้มรับก่อนจะเดินออกจากห้องไปเมื่อวินไม่ได้ต้องการอะไร ผมมองแฟนตัวเองที่นอนกดโทรศัพท์พร้อมกับหัวเราะคิกคักก็อดจะถามออกมาไม่ได้

“คุยกับใครอยู่ครับ ทำไมดูวินสนุกจัง”

“คิกคิก เราคุยกับออมแล้วก็มายด์...พวกนั้นโวยวายใหญ่เลยที่เราหนีเที่ยว” ผมส่ายหน้าให้กับท่าทางเหมือนเด็กของแฟนตัวเองก่อนจะหันกลับมาสนใจงานตรงหน้าของตัวเองต่อ


ผ่านไปสองชั่วโมงคนที่ทนเบื่อไม่ไหวก็ขอลงไปข้างล่างซึ่งผมเองก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้าก็เริ่มจะทนไม่ไหวเมื่อไม่เห็นว่าวินจะกลับขึ้นมาซักที เขาลงไปข้างล่างเกือบจะสามชั่วโมงอยู่แล้ว จนตอนนี้เลยเวลาทานข้าวมาจนจะบ่ายโมงคนตัวเล็กก็ยังไม่ขึ้นมาจนในที่สุดผมก็ต้องวางมือจากงานที่ทำอยู่

“คุณซาโอริครับ วินอยู่ไหน” ออกมาหน้าห้องแล้วเอ่ยถามคนที่จะหาคำตอบให้ได้

“ซักครู่นะคะ” คุณซาโอริยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาใครซักคน ไม่นานนักก็ได้ตำแหน่งของเด็กซนที่กำลังตามหาว่าอยู่ตรงไหน “ตอนนี้การ์ดรายงานว่าคุณวินอยู่ที่ครัวของห้องอาหารค่ะ”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปทางลิฟต์แล้วกดชั้นล่างสุดซึ่งเป็นชั้นของห้องอาหาร 

“คุณวินอยู่ในส่วนของห้องครัวครับ” พอลงมาถึงห้องอาหารการ์ดก็ขยับเข้ามารายงานทันที เมื่อได้รับรายงานคิ้วผมก็ขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย วินเข้าไปทำอะไรตรงนั้นกัน?

แต่ไม่รอให้ความสงสัยอยู่กับตัวเองนาน สองขาก้าวเดินเข้าไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว

ความวุ่นวายชุลมุนคือสิ่งที่พบเจอเป็นอันดับแรกเมื่อเดินเข้าไป พนักงานหลายคนชะงักจากสิ่งที่ทำอยู่เมื่อหันมาเห็นคนที่เปิดประตูสำหรับพนักงานเข้ามา แต่ผมเพียงพยักหน้าส่งๆอย่างบ่งบอกว่าให้ทำงานในมือกันต่อทุกคนเลยเลิกสนใจ สองขาหยุดลงที่กลางห้องก่อนจะกวาดตาไปรอบๆ มองอยู่ชั่วครู่ก็เจอคนที่กำลังตามหา

“ช่วยหยิบแซลมอลให้หน่อยค่ะ” เสียงเอ่ยสั่งเป็นภาษาอังกฤษดังขึ้นให้ได้ยินเมื่อผมขยับเข้าไปใกล้

“ได้ครับ หู~ น่าทานมากๆเลยนะครับ” จากแฟนลูกเจ้าของโรงแรมกลายมาเป็นผู้ช่วยเชฟมือหนึ่งไปเสียแล้ว...

คนตัวเล็กวิ่งหยิบนู้นหยิบนี่ตามคำสั่งจนไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครมาหยุดอยู่ด้านหลัง

“อ๊ะ คุณพัต” เป็นเชฟมือหนึ่งของโรงแรมที่หันมาเห็นผมเสียก่อน เสียงอุทานเป็นภาษาญี่ปุ่นดึงดูดความสนใจจนวินหันมา ดวงตาโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็น

“มาซนอะไรตรงนี้ครับ” พอผมเอ่ยทักก็โดนคนตัวเล็กยู่ปากใส่ทันที เหงื่อเม็ดเล็กๆที่ผุดตามกรอบหน้าหวานทำให้ผมต้องล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้อย่างทนไม่ไหว จากที่ปกติแล้วเหมือนเด็กอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่

“เราไม่ได้ซนซักหน่อย” เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วก็เก็บผ้าเช็ดหน้าเข้าที่เดิม

“ยังไงก็ต้องขอตัวผู้ช่วยก่อนนะครับ” หันไปเอ่ยกับเชฟซึ่งเธอก็พยักหน้ารับทันที “ขึ้นไปข้างบนได้แล้วครับ เลยเวลาข้าวเที่ยงแล้วนะ”

“หือ กี่โมงแล้วอ่ะ?” ในแววตามีแววฉงนอย่างที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงมัวแต่เล่นจนลืมเวลาไปเลย

“บ่ายโมงนิดๆแล้วครับ”

“อ่า เราไม่ได้ดูเวลาเลย”

“ก็มัวแต่เล่นซนอยู่แบบนี้ไง...ไปครับ” คว้าข้อมือเล็กรั้งให้เดินออกจากครัวไปด้วยกัน หมดเวลาเป็นผู้ช่วยเชฟของเขาเสียแล้ว
เดินขึ้นมายังห้องทำงานเช่นเดิมโดยที่มือของเราทั้งคู่ยังคงจับกันไว้ตั้งแต่ที่ห้องอาหารจนขึ้นมาถึงที่นี่ พอผมทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ทำงานมือข้างที่จับกับมืออีกคนก็ออกแรงกระตุกจนวินถลาลงมานั่งที่ตักโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว

“พัต!” เสียงอุทานเนื่องจากความตกใจของวินดังขึ้น

“นั่งตรงนี้แหละ” สองมือกวาดกระชับเข้าที่เอวเล็กมั่นรั้งให้คนบนตักขยับเข้ามาชิดมากขึ้นทันที เป็นการกันวินไม่ให้ดิ้นหนีอีกทาง

“เดี๋ยวใครก็เข้ามาเห็นหรอก” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่วินก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนมากนัก แม้หน้าตาและคำพูดจะขัดกับการกระทำแต่ผมรู้ว่าเขาทำไปอย่างนั้น ที่จริงแล้ววินตามใจผมยิ่งกว่าอะไรเสียอีก

“นี่ห้องของพัต ถ้าไม่ได้รับอนุญาตใครจะเข้ามาได้นอกจากวิน”

“เหนื่อยจะพูดด้วยแล้ว อยากทำอะไรก็ทำเลย...นี่ๆๆ อยากให้เรานั่งตักมากใช่ไหม” วินพูดพร้อมกับขยับเข้ามากอด สองแขนเล็กรัดแน่นราวกับจะประชดกันที่ทำแบบนี้แต่นั่นกลับทำให้ผมชอบใจมากกว่าเดิม

“ไม่อยากให้กลับเลย” พอคิดว่าอีกเพียงไม่กี่วันวินต้องกลับผมก็ยิ่งใจหาย พอยิ่งได้เจอกันการจากลาก็ดูเหมือนว่าจะทำใจได้ยากมากขึ้น

“ฮื่อ อีกแค่ไม่กี่อาทิตย์พัตก็ได้กลับไทยแล้ว รีบๆกลับนะเราจะรอ” หัวเล็กๆเอียงซบที่ซอกคออย่างออดอ้อน ผมสูดหายใจลึกเอากลิ่นกายของคนในอ้อมกอดเข้าปอดราวกับเป็นการเติมพลังให้กับตัวเอง รั้งมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบแผ่นหลังเล็กไปมาเบาๆอย่างปลอบโยน ปลอบทั้งเขาและตัวเอง

“ครับ รีบกลับแน่นอน”

“เอ้อ แล้วทำไมพัตถึงลงไปตามเราข้างล่างอ่ะ กำลังสนุกเลย” วินผละตัวออกมาถามเล็กน้อย

“แฟนหายไปตั้งสามชั่วโมงใครจะทนกัน แล้วนี่ทำไมถึงไปซนอยู่ในห้องครัวได้ครับ”

“ก็...เราอยากเดินเข้าไปดูเลยขอพนักงานเข้าไป คนในนั้นยุ่งกันมากๆก็เลยอาสาช่วย วันนี้แขกเยอะมากเลยเนอะ” ที่วินได้รับอนุญาตให้เข้าไปง่ายๆเพราะผมเป็นคนบอกพนักงานไว้เองว่าเขาสามารถที่จะทำทุกอย่างในโรงแรมนี้ได้ทั้งหมด จะเข้าไปตรงไหนอะไรยังไงก็ได้

“ก็วันนี้วันหยุดนี่ครับ...สนุกใหญ่เลยใช่ไหม เล่นจนเหงื่อออกเลย”

“สนุกมากๆเลย เราชอบ^^”

ก๊อก ก๊อก

“ปล่อยเร็ว คุณซาโอริเอาข้าวมาให้แล้วแน่ๆ” ก่อนเข้ามาในห้องผมสั่งให้ผู้ช่วยเอาข้าวขึ้นมาให้เราทั้งสองคน ตอนนี้ก็คงจะเตรียมมาเรียบร้อยแล้ว

“เชิญครับ” ผมเอ่ยอนุญาตในตอนที่ปล่อยให้วินลุกขึ้นไปยืนข้างๆ คุณซาโอริเปิดประตูเข้ามาก่อนจะตามมาด้วยพนักงานที่เข็นรถอาหารขึ้นมาส่ง

“จะทานตรงไหนคะ”

“โต๊ะตรงนั้นเลยครับ” ห้องผมจะมีโต๊ะอาหารเล็กๆอยู่ตรงมุมห้องซึ่งตั้งแต่มาที่นี่ผมยังไม่ได้ใช้มันเลยซักครั้ง ส่วนมากเวลาทานข้าวก็จะทานแค่ตรงโซฟากลางห้องเพราะไม่ค่อยมีเวลามากนัก

พอพนักงานจัดการเรียบร้อยก็ออกไปทั้งหมดเหลือเพียงผมกับวิน แน่นอนว่าพอเห็นอาหารอีกฝ่ายวิ่งดุ๊กๆไปที่โต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว

“พัต มีเค้กด้วยอ่ะๆ” ยิ่งเห็นของกินที่ถูกใจคนตัวเล็กก็ยิ่งดูตื่นเต้นเหมือนเด็กเข้าไปใหญ่

“ครับๆ เลยเวลาทานข้าวเที่ยงมามากแล้วรีบทานดีกว่านะ”

“อื้อ!” คราวนี้วินไม่รอช้าที่จะนั่งลงแล้วจัดการทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะอย่างรวดเร็ว มัวแต่ไปซนที่ห้องอาหารจนลืมว่าตัวเองหิวเสียล่ะมั้ง ผมได้แต่มองอย่างอ่อนใจกับความเหมือนเด็กของวิน ก็เป็นเสียอย่างนี้ แค่มีของกินเขาก็อารมณ์ดีแล้ว เลี้ยงง่ายยิ่งกว่าอะไร







“อยากไปเที่ยวที่ไหนหรือเปล่าครับ” ตอนนี้ได้เวลาเลิกงานเป็นที่เรียบร้อย เราทั้งสองกลับขึ้นมาบนห้องพักก่อนที่ผมจะเอ่ยถามคนที่นอนเหยียดตัวบนโซฟาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่วินมาที่นี่เขายังไม่ได้ออกไปไหนเลยนอกจากวันแรกที่เราไปทานข้าวกันทั้งครอบครัว นอกนั้นก็อยู่แต่แค่ที่โรงแรม

“ไม่เอาอ่ะ ถ้าไปเที่ยวเวลาที่เราอยู่ด้วยกันก็จะดูสั้นลง อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว มาเที่ยวมาตอนไหนก็ได้นี่เนอะ” ประโยคน่ารักๆถูกตอบกลับมาให้ต้องยิ้มกว้างอย่างปลื้มใจ

จุ๊บ

“สัญญาว่ากลับไปจะชดเชยให้นะครับ” ทรุดตัวนั่งคุกเข่าลงข้างโซฟา ก้มลงกดจูบที่ปากบางเบาๆหนึ่งที เราทั้งสองสบตากันถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดที่มี

“อื้อ” คนที่นอนอยู่ยกมือขึ้นรั้งต้นคอผมให้ขยับเข้าไปใกล้ ริมฝีปากสีสดขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะทาบทับกันแนบสนิท ผมอมยิ้มเล็กน้อยกับการกระทำของแฟนตัวเอง ปล่อยให้ปลายลิ้นเล็กของอีกฝ่ายละเลียดบนริมฝีปากของตัวเองอย่างชอบใจ

ไม่บ่อยนักที่เขาจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ที่จริงแล้วไม่ว่าใครจะเริ่มก่อนสุดท้ายก็เหมือนกันอยู่ดี เพียงแต่เวลาที่วินเป็นฝ่ายเริ่มผมจะชอบรู้สึกชอบเป็นพิเศษ

เสียงครางฮือดังขึ้นในลำคอของอีกฝ่ายเมื่อผมพลิกจากผู้ตามเป็นฝ่ายขึ้นมาเป็นผู้นำบ้าง แรงดูดดึงมากขึ้นตามความปรารถนาจนวินต้องประท้วงออกมาเบาๆ

“อะ อื้อ” วินรีบโกยอากาศเข้าปอดเมื่อผมยอมถอนริมฝีปากออกมาในที่สุด หน้าเล็กๆนั่นแดงก่ำเนื่องจากหายใจไม่ทัน ท่าทางที่ทำให้วินดูเซ็กซี่โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยซักนิด

“อ่อยเหรอหืม” เอ่ยเหย้าให้เขาอายเล่น ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ได้ผลอย่างที่ต้องการ

“ระ รุ่นนี้ไม่ต้องอ่อยแล้วมั้ง” ทำเป็นเล่นหูเล่นตาทั้งที่ทั้งหน้าทั้งหูแดงเถือกไปหมด เสียงเอ่ยสั่นๆไม่ได้เข้ากับประโยคที่เขาพูดเลยซักนิด

“แน่นอน แค่เห็นหน้าก็คิดไปนู้นแล้ว”

“ทะลึ่ง!” แรงซัดจากฝ่ามือเล็กฟาดมาที่แขนไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรเลยซักนิด ดูก็รู้ว่าคนที่ตีไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ็บ

“ฮ่ะๆ ไม่แกล้งแล้วครับ ถ้าวินไม่อยากออกไปไหนงั้นเราทำกับข้าวทานเองที่ห้องดีไหม?” นี่เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ผมชอบทำ เวลาที่เราทำอาหารด้วยกันเหมือนได้ใช้เวลาเล็กๆน้อยๆที่มีอยู่ร่วมกัน คุยกันในหลายๆเรื่องระหว่างทำไป เป็นความสุขเล็กๆ

“ทำหลายๆอย่างเลยนะ” พอได้ยินสิ่งที่ถูกใจร่างเล็กก็ผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที ประกายในดวงตาสุกใสจนผมต้องยิ้มตาม

“ถ้างั้นก็ลุยเลยครับ” แล้วเราทั้งคู่ก็เดินตรงเข้าไปในห้องครัว ของสดมีเต็มตู้เย็นเรียบร้อยครบทุกอย่าง ผมและวินใช้เวลาในครัวค่อนข้างเยอะเพราะเราทำอาหารหลากหลายอย่าง แถมแฟนที่น่ารักยังใจดีนึกถึงพ่อกับแม่ของผมเลยยิ่งทำอาหารเยอะมากขึ้นไปอีก วันนี้ก็เลยเป็นอีกวันที่เราทานข้าวพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว






“ป๊า~ วินคิดถึงป๊ากับแม่มากๆเลยนะ” คนที่นอนคว่ำตัวอยู่บนเตียงเอ่ยทักคนที่อยู่อีกประเทศด้วยเสียงสดใส ผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขาวิดีโอคอลคุยกับพ่อของเจ้าตัวอยู่พอดี

(คิดถึงอะไรทำไมหนีไปถึงญี่ปุ่นหือเจ้าแสบ) เสียงของพ่อวินเอ่ยขึ้น ผมทรุดตัวนั่งลงที่โต๊ะหน้ากระจกทั้งเช็ดผมที่พึ่งสระให้แห้งแล้วก็ฟังเสียงบทสนทนาของสองพ่อลูกไปด้วย

“วินไม่ได้หนีเลยนะ ก็แค่มาเที่ยวเอ๊ง”

(ถ้าอยากไปเที่ยวบอกป๊าก็ได้นี่) ดูเหมือนว่าพ่อของวินจะเริ่มต้อนเจ้าตัวให้จนมุมซะแล้ว

“ป๊าอ่ะ ไม่ต้องมาแกล้งวินเลย” แม้จะมองไม่เห็นหน้าของแฟนตัวเองแต่ก็พอจะเดาได้ว่าเขาทำหน้าตาอย่างไร ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆจากคนที่อยู่เมืองไทยยิ่งแทบไม่ต้องเดาไปใหญ่

(ป๊าแกล้งที่ไหนกัน...แล้วอยู่ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง สะดวกสบายหรือเปล่า)

“ทุกอย่างดีมากๆเลยครับ แล้ววินก็สนุกมาก เดี๋ยววันมะรืนวินก็กลับแล้วป๊ามารอรับเลยน๊า” พอได้ยินวินเอ่ยซ้ำเรื่องนี้ขึ้นมาก็อดที่จะถอนหายใจกับตัวเองไม่ได้ วันเวลาดูเหมือนจะผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่เหมือนกับตอนที่ผมอยู่คนเดียวเลยซักนิด ถ้าวินกลับไปทุกอย่างในชีวิตก็คงกลับสู่สภาวะที่ทุกอย่างดูน่าเบื่อไปหมด

(โอเค ป๊ามีเซอร์ไพร์สรอเราด้วย)

“จริงเหรอครับ? บอกใบ้ได้ไหมว่าอะไร วินตื่นเต้นแล้วอ่ะ”

(ถ้าบอกแล้วเขาจะเรียกว่าเซอร์ไพร์สหรือไงหือ)

“ง่า ก็ได้ครับ วินจะรอเซอร์ไพร์สจากป๊าอย่างตั้งใจเลย...แล้วนี่แม่ไปไหนทำไมวินไม่เห็นเลย”

(แม่เราเขาดูละครหลังข่าวอยู่น่ะสิ...)

ผมที่นั่งฟังบทสนทนาของทั้งคู่อยู่เพลินๆจำเป็นต้องละความสนใจเมื่อโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้นว่ามีสายเข้า พอเห็นว่าใครโทรมาสายตาก็เหลือบไปมองคนที่อยู่บนเตียงทันที วินไม่ได้มีท่าทีจะสนใจผมอะไรเพราะเขามัวแต่คุยสนุกอยู่กับพ่อ เห็นดังนั้นผมเลยค่อยๆเดินออกไปที่ระเบียง เปิดประตูกระจกให้เลื่อนออกแล้วกดรับสาย

(พัตคะ ฉันโทรมาทวงสัญญาของเรา หวังว่าคุณจะจำมันได้นะ) ประโยคแรกที่ได้ยินก็ทำเอาต้องถอนหายใจออกมา

“แน่นอน คุณว่างวันไหนบอกมาเลย” แม้คุยกันเพียงผ่านทางโทรศัพท์ผมก็ยังไม่อยากจะใช้เวลานานมากเกินด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าป่านนี้วินจะรู้หรือยังว่าผมหายมารับสายมิกะ

(อีกสามวันข้างหน้านี้คุณว่างไหมคะ?) ใช้เวลานึกอยู่ในใจว่าอีกสามเป็นวันอะไรก่อนจะบอกอีกฝ่ายว่าขอดูตารางก่อนครู่หนึ่งก่อนจะผละโทรศัพท์การคุยมาเปิดโทรศัพท์ที่บันทึกตารางงานไว้คร่าวๆ ที่จริงมีเอกสารสำคัญที่ต้องดูแต่ผมจะเคลียร์ให้เสร็จก่อนวันทีมิกะนัดเพื่อทำให้ทุกอย่างมันจบเร็วๆ

“ว่าง ถ้าอย่างงั้นก็เอาตามนี้...เวลาไหนคุณนัดมาเลย”

(ซักเที่ยงๆแล้วกันนะคะ ไปทานข้าวกันแล้วค่อยไปดูหนัง หลังจากนั้นก็ไปเดินเล่นแล้วต่อด้วยดินเนอร์...อ้อ ดินเนอร์มื้อเย็นเป็นหน้าที่ของคุณนะคะ หวังว่ามันจะเออกมาอย่างที่ฉันคาดหวัง...สำหรับวันนี้ฝันดีค่ะ แล้วเจอกัน จุ๊บ)

มิกะไม่ปล่อยให้ผมเอ่ยแย้งอะไรทั้งนั้น ปลายสายถูกตัดไปโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวพร้อมๆกับประตูทางด้านหลังของผมถูกเปิดออก ตามมาด้วยร่างเล็กของใครอีกคน

“ใครโทรมาเหรอ” คนมาใหม่เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเมื่อผมหันหน้ากลับมาหา วินคงคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วถึงได้รู้ว่าผมอยู่ที่นี่

“มิกะน่ะครับ เธอโทรมานัดวัน” ผมเองก็ลำบากใจที่จะพูดให้วินฟังเพราะรู้ว่าคงเป็นเรื่องที่ทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ แต่ถ้าไม่บอกเขาก็คงจะไม่สบายใจยิ่งกว่า

“งั้นเหรอ...” ใบหน้าหวายฉายชัดถึงความไม่มั่นใจและความกังวลจนผมต้องขยับเข้าไปใกล้ เอื้อมมือไปจับมือเล็กๆทั้งสองข้างขึ้นมาพร้อมกับลูบเบาๆ อยากให้เขามั่นใจและเชื่อใจว่ามันจะไม่มีทางเกิดอะไรที่จะทำให้เขาต้องกลัวแน่นอน

“เชื่อใจพัตไหม” ส่งสายตาจากความรู้สึกที่มีให้วินได้รับรู้ การกระทำสำคัญกว่าคำพูดเสมอ ผมจะไม่บอกให้เขาทำใจให้สบายเพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำแบบนั้น สิ่งที่จะทำให้เราผ่านเรื่องนี้ไปได้คือการเชื่อใจของเราทั้งคู่ ราวกับเป็นอีกหนึ่งบททดสอบว่าเราจะผ่านมันไปได้ยังไง

“เรา..เชื่อใจพัตนะ เชื่อมากๆ แต่...ไม่รู้สิ” วินหลบสายตาแล้วมองผ่านไปทางด้านหลังเมื่อเขาไม่สามารถสบตากันได้อีกต่อไป มือบางเย็นชื้นจนผมต้องกระชับมันแน่นขึ้นให้เขารู้ว่าผมอยู่ข้างๆอยู่ตรงนี้เสมอ ประโยคที่ได้ยินเหมือนคนพูดก็จะยังสับสนกับตัวเองไม่น้อย

“พัตรักวิน รักมาก รู้แค่นี้พอนะครับ...เรื่องอื่นไม่ต้องคิด ถ้าพัตทำให้วินเสียใจในเรื่องนี้พัตก็ไม่สมควรที่จะได้ดูแลวินต่อไป แค่เรื่องแค่นี้ยังทำให้วินเสียใจแสดงว่าพัตเป็นคนที่แย่มาก”

“เรางี่เง่าใช่ไหม ถ้าเรื่องอื่นงี่เง่ามากกว่านี้พัตจะยังรับเราได้หรือเปล่า ยังจะทนไหม” คนตรงหน้าหันกลับมาสบตากันพร้อมกับเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นๆ

“ไม่มีคำว่าทน เราอยู่ด้วยกันด้วยความรักไม่ใช่เพราะความอดทนนะครับ...พัตรับทุกอย่างของวินได้ขอแค่นั่นคือตัวตนของวิน แสดงออกทุกอย่างมาเถอะนะ แบบที่วินเป็น...ไม่ต้องกังวลอะไรเลย”

“จริงๆนะ” ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้นแต่กดจูบไปที่หน้าผากเนียนอย่างหนักแน่นแทนคำตอบ รั้งร่างบอบบางเข้ามาในอ้อมกอดให้ภาษากายได้พูดแทนทุกอย่าง

“รักมากกว่านี้ก็ไม่รู้จะรักยังไงแล้วนะ ไม่มีทางปล่อยมือแล้วก็ไม่มีทางยอมให้วินปล่อยมือด้วย ถึงจะคิดได้ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว” พูดให้คนในอ้อมกอดผ่อนคลายมากขึ้นไม่อยากให้วินต้องเครียดไปมากกว่า แต่ทุกคำพูดมาจากทุกความรู้สึกจริงๆไม่ได้ล้อเล่น

“อยู่ด้วยกันไปนานๆนะ...รัก”

“จนวันสุดท้ายเลยครับ...แต่ตอนนี้เราเข้าไปข้างในก่อนไหม เดี๋ยวน้ำค้างลงแล้วจะไม่สบายนะ” อากาศตอนกลางคืนยิ่งดึกยิ่งเริ่มเย็นลง ตัวผมเองไม่ค่อยจะเท่าไหร่ เป็นห่วงก็แต่คนตัวเล็กนี่แหละ

“อื้อ อุ้มหน่อย” วินผละออกแล้วยกแขนทั้งสองข้างขึ้นอย่างย้ำกับคำที่พูด ผมส่ายหน้ายิ้มๆกับความขี้อ้อนของเขาก่อนจะค่อยๆขยับเข้าไปช้อนคนตัวเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

“นี่กินหมูไปกี่ตัวเนี้ยทำไมหนักจัง”

“พัตอ่ะ ก็ใครเล่าที่ไม่เคยห้ามเราเลย” ผมหลุดหัวเราะออกมากับคำตอบของวิน ที่จริงแล้ววินก็ไม่ได้หนักอะไรมากมายหรอก เพียงแต่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขาจะมีเนื้อมีหนังขึ้น แก้มกลมๆนั้นก็ดูเหมือนจะนุ่มขึ้นด้วย การที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันคงไม่ได้ทำให้การกินของเขาลดลง ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว แบบนี้ผมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเขามาก

“สรุปพัตผิดใช่ไหม”

“ใช่ ผิดมากๆ ถ้าเราอ้วนเหมือนหมูต้องรับผิดชอบด้วย”

“ครับๆ จะรับผิดชอบทั้งตัวและหัวใจเลย” ค่อยๆวางร่างของคนในอ้อมกอดลงบนที่นอนนุ่มก่อนจะขยับตัวลงไปดึงผ้าห่มที่ปลายเท้ามาห่มให้วินแล้วกดจูบลงไปที่ปากบางเบาๆ

“เดี๋ยวพัตออกไปปิดไฟแล้วจะกลับมานอนกอดนะ” คนที่กระชับผ้าห่มขึ้นถึงอกพยักหน้ารับเบาๆทั้งที่ตาเริ่มปรือเสียแล้ว ผมเดินออกไปปิดเช็คทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนจะเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง คนที่ตาปรือปรอยก็ยังคงไม่หลับไปก่อน พอผมตามขึ้นไปนอนข้างๆก็ขยับเข้ามาซุกทันที

“ฝันดีครับ”

“ฝันดี...” ดูเหมือนว่าวินจะฝืนตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีเขาก็หลับไปทั้งที่ผมยังไม่ทันจะได้ปิดไฟหัวเตียงด้วยซ้ำ ผมได้แต่หัวเราะกับท่าทางของแฟนตัวเองก่อนจะปิดไฟดวงสุดท้ายแล้วปิดเปลือกตาตามไป









TBC.


Talk

*ชี้แจงเรื่องภาษาในการสื่อสารนะคะเผื่อใครงง พัตพูดญี่ปุ่นได้นะคะเพียงแต่เวลาคุยงานส่วนมากก็จะภาษาอังกฤษ แล้วตอนที่วินคุยกับผู้ช่วยพัตและเชฟก็ภาษาอังกฤษนะคะ พนักงานในโรงแรมพัตพูดอังกฤษกันหมดน๊า



Follow me>> https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/ << in twitter #เริ่มต้นจากการแอบรัก  :กอด1:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
สวีทหวานๆกันไป
ไปดินเนอร์กับมิกะ เธอจะก่อเรื่องไรรึป่าว

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
เมื่อไหร่ยัยมิกะจะไปสักที

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ไว้ใจพัตนะ แต่นังมิกะนี่สิ ไม่น่าไว้ใจ
#เบื่อชะนีเจแปน  :o10:

ขอให้พัตรอดพ้นจากชะนี
รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีชะนีมันจะวางแผนไรอีกปะเนี่ยะ

ออฟไลน์ paraprove

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ้อนเข้าไว้วิน อ้อนไปเรื่อยๆ ให้พัตหลงแบบไปไหนไม่ได้  :laugh:

ออฟไลน์ GMJeam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ฟินทุกตอน
 :กอด1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
รอตอนต่อไปนะคะ :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด