ตอนที่ 17
“เห็นไหมว่าพัตหายเป็นปกติแล้วจริงๆ” เอ่ยบอกคนข้างตัวเมื่อเราเข้ามาในรถแล้วเรียบร้อยหลังจากที่แวะมาโรงพยาบาลให้คุณหมอดูอาการอีกรอบ วินเขาอยากให้ผมมาตรวจเพื่อความสบายใจของเจ้าตัว ให้ได้ยินจากปากหมอว่าผมหายดีแล้วจริงๆถึงจะสบายใจ
“ก็เพื่อความสบายใจของเรานี่นา งั้น...ไปดูหนังกันด้วยนะ” เสียงเล็กๆเอ่ยออกมาอย่างออดอ้อน
เนื่องด้วยวันนี้เราเลิกเที่ยงกันทั้งคู่เลยตกลงว่าจะทานข้าวนอกบ้านหลังจากที่มาหาหมอเสร็จ เราไม่ได้ใช้เวลาไปไหนมาไหนด้วยกันซักพักแล้วเพราะผมบาดเจ็บ วันนี้มีโอกาสเลยเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง
“ตามใจเลยครับ วันนี้จะตามใจทุกอย่าง...อยากไปไหน อยากทำอะไร อยากกินไร จะเอาอะไรก็จะให้หมดเลย”
“จริงนะ? งั้นไปทานข้าวก่อน หลังจากนั้นก็ไปดูหนัง ต่อด้วยช็อปปิ้ง แล้วค่อยพาเราไปกินขนมนะ” ถือว่าวันนี้เป็นของขวัญให้วิน เขาดูแลผมมามากแล้ว ให้ผมได้เป็นฝ่ายดูแลอีกฝ่ายบ้าง
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“เย้!” ร่างเล็กร้องออกด้วยความดีใจ ผมส่ายหน้าน้อยๆกับความเด็กของแฟนตัวเอง ในตัววินมีหลากหลายมุมที่ทำให้ผมประหลาดใจไม่น้อย บางทีดูเหมือนเด็กแต่ความคิดเขาเป็นผู้ใหญ่ บ้างก็ดูจริงจัง บ้างก็สดใส แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นแบบไหนผมก็หลงรักในทุกๆแบบที่เขาเป็น
ใช้เวลาพอสควรก็มาถึงจุดมุ่งหมาย
“เดี๋ยวเราแวะไปร้านก่อนแป๊บนึงนะ” เราตกลงกันว่าจะมาสยาม วินเลยถือโอกาสนี้แวะเข้าไปดูร้านด้วย
“ตามสบายเลย จะได้แวะเข้าไปไหว้คุณแม่วินด้วย” ถือโอกาสนี้ฝากเนื้อฝากตัวกับท่านเสียก่อน
“คุณพ่อน่าจะกลับมาจากฮ่องกงพรุ่งนี้ ถ้าเป็นวันเสาร์พัตโอเครึเปล่า?” วินถามขึ้นในระหว่างกำลังเดินไปร้าน ดีที่วันนี้คนไม่ค่อยเยอะมากเท่าไหร่คงเพราะยังเป็นเวลาราชการอยู่
“พัตได้หมด เอาที่พ่อกับแม่วินสะดวกเลย”
“เตรียมใจไว้ให้ดีด้วย^^” ไม่ต้องมาขู่ให้ผมกลัวหรือกังวลใจ บอกเลยว่ามันไม่ได้ผลหรอกครับ
ผมเชื่อมั่นในตัวเอง ถ้าเรามีความจริงใจท่านจะต้องรับรู้ได้ แล้วถึงแม้ว่าพ่อกับแม่วินจะไม่ยอมรับเรื่องที่เราสองคนคบกันผมก็จะทำทุกทางให้ท่านยอมรับให้ได้อยู่ดี
“ไม่ต้องขู่ครับ มันไม่ได้ผล”
“นี่พัตไม่กลัวหรือกังวลอะไรเลยเหรอ เรายังอดกลัวว่าที่บ้านพัตจะไม่ยอมรับไม่ได้เลย” วินหมายถึงก่อนที่จะพบแม่ผมวันนั้นน่ะครับ
“ไม่ครับ มันก็ไม่มีอะไรที่น่ากังวลนี่”
“เดี๋ยวเราจะรอดู~”
“หึหึ รีบเข้าไปหาคุณแม่ได้แล้วเร็ว” เดินมาถึงหน้าร้านแล้วเรียบร้อย อีกคนมัวแต่หยุดคุยกับผมอยู่นั่นไม่ยอมเดินเข้าไปซักที จนพนักงานเห็นเราแล้วเดินมาเปิดประตูให้
“สวัสดีค่ะคุณวิน มาหาคุณท่านเหรอคะ?”
“ใช่ครับพี่หวาน แม่ติดธุระอยู่หรือเปล่าครับ” วินหันไปตอบพนักงานที่เดินเข้ามาหา ฝ่ายนั้นก็หันมายิ้มทักทายผมด้วยเช่นกัน
“เปล่าค่ะ เชิญคุณวินเลยค่ะ” วินหันมามองหน้าผมแล้วพยักหน้าให้เดินตามเข้าไป พนักงานทุกคนเมื่อเห็นก็ต้อนรับลูกชายเจ้าของร้านอย่างดี วินเองก็เอ่ยทักกลับไปแล้วมุ่งหน้าไปส่วนข้างในที่เป็นออฟฟิศ
มือบางยกเคาะเบาๆที่หน้าห้องๆหนึ่ง พอได้รับคำอนุญาตก็เปิดเข้าไป
“อ้าววิน จะมาไม่เห็นบอกแม่ก่อนเลย”
“ก็วินอยากมาเซอร์ไพร์สแม่นี่ครับ คิดถึงจัง” คนตัวเล็กเดินเข้าไปกอดไปหอมแม่ตัวเองที่นั่งทำงานอยู่โต๊ะตัวใหญ่ ท่านก็กอดและหอมตอบเช่นกันก่อนจะหันมาเห็นผมที่ยืนนิ่งอยู่กลางห้อง
“อ้าว นั่นพัตนี่จ๊ะ มาได้ไงล่ะนี่”
“สวัสดีครับ” แม่ของวินรับไหว้ผมก่อนจะหันไปถามลูกตัวเอง บนใบหน้ามีแววสงสัยพร้อมกับประกายวาววับบางอย่าง
เหมือนว่าท่านจะรู้อะไร...
“แม่ครับ...นี่พัต” คนตัวเล็กตอบออกมาเสียงอ่อน
“แม่รู้แล้วว่านี่พัตที่เป็นลูกชายของคุณพิมพ์ แล้วยังไงเอ่ย...เพื่อนหรือจ๊ะ” สีหน้าของคนเป็นแม่ยังคงอ่อนโยนเช่นเดิมไม่เปลี่ยนไป ในขณะที่หน้าวินเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ ผมยืนมองภาพนั้นเงียบๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไร รอดูว่าวินจะทำยังไง ปล่อยให้เป็นเรื่องของแม่ลูก คนนอกอย่างผมยืนมองอย่างเดียวก็พอ
“แม่อ่ะ...กะ ก็รู้อยู่แล้วนี่นา”
“ฮ่ะๆๆ จ๊ะๆ แม่ไม่แกล้งแล้ว ต้องเอาใจเด็กดื้อคงเหนื่อยแย่เลยสินะพัต” แม่ของวินหันมาพูดกับผม
“ไม่เลยครับ วินต่างหากที่เหนื่อยเพราะต้องมาดูแลผม” คนที่เขินยิ่งเขินเข้าไปใหญ่เมื่อผมพูดออกไป วินซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดแม่มากขึ้นจนผมมองไม่เห็นหน้าเขาแล้ว
“ดูแลกันได้ก็ดีแล้วล่ะจ๊ะ แล้วนี่แวะมาทำอะไรกันเอ่ย”
“อ่า มาทานข้าวครับ เห็นแม่แล้วก็ลืมเลย” วินผละออกมาพูดอ่อยๆก่อนจะหันมาหาผม เขามีสีหน้ากังวลหน่อยๆ คงกลัวว่าผมจะหิวเพราะยังไม่ได้ทานอะไรเลยต่างจากอีกฝ่ายที่ทานขนมมาบ้างแล้ว แต่ผมไม่ได้มีปัญหาอะไร เนื่องจากบ่อยครั้งที่ต้องทำงานจนไม่มีเวลากินข้าว ไม่ได้กินก็ไม่เป็นไร หิวแต่ทนได้
“งั้นพากันไปทานข้าวเถอะลูก เดี๋ยวหิวแย่ อีกซักพักแม่ก็ต้องออกไปคุยกับลูกค้าข้างนอกเหมือนกัน”
“ครับแม่ เอ่อ...วันเสาร์นี้พ่อว่างใช่ไหมครับ งั้นวินพาพัตไปทานข้าวที่บ้านเรานะ” แม่ของวินอมยิ้มล้อเลียนใส่ลูกชายให้หน้าที่เริ่มเป็นสีปกติกลับมาแดงอีกครั้ง
“ว่างจ๊ะ งั้นเดี๋ยวแม่บอกคนที่บ้านไว้ว่าวันเสาร์บ้านเราจะมีแขก”
“ครับแม่ งั้นเดี๋ยววินโทรหาแม่นะ รักนะครับ” วินทั้งกอดทั้งหอมแม่ตัวเองอีกครั้งก่อนจะผละออกมาหาผม
ผมกล่าวลาท่านก่อนที่เราทั้งคู่จะเดินออกจากร้าน อันดับแรกต้องไปหาอะไรทานแล้วก็ดูหนังตามที่คนข้างตัวผมแพลนไว้ วันนี้เป็นวันของเขา อยากทำอะไรผมตามใจเต็มที่
วินบอกว่าอยากทานอาหารญี่ปุ่น ซึ่งปกติผมไม่ค่อยได้ทานซักเท่าไหร่แต่ก็ทานได้ไม่มีปัญหา เขาเลือกร้านที่มีห้องเป็นส่วนตัว บรรยากาศในร้านถือว่าดีเลยล่ะ
“เตรียมตัวดีๆก่อนเข้าบ้านเรานะ เผื่อจะกลับมาอย่างไม่ปลอดภัย” เป็นคำเตือนที่มาพร้อมกับแววตายิ้มนิดๆ สรุปแล้วไม่รู้ว่าวินเป็นห่วงผมหรือว่ายังไงกันแน่
“อืม...หาแฟนใหม่ที่พ่อไม่ดุดีไหมงั้น” พอผมพูดแบบนั้นคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็วางตะเกียบที่กำลังกินอยู่ทันที พลันทำให้ผมเองก็เลยหยุดกินไปด้วย
“...”
“โอ๋ๆ ล้อเล่นนิดเดียวเอง...ไม่ทำแบบนั้นหรอก ต่อให้พ่อตาจะเอาปืนมายิงยังไงก็ไม่เลิกเด็ดขาด” ผมล้อเล่นนิดเดียวเองนะแต่วินนี่ตาเขียวปั๊ดใส่เลย มองผมตาขวางด้วย เขาไม่ได้พูดไม่ได้โวยวายแต่แสดงออกให้รู้แบบเงียบๆว่าไม่พอใจ
แต่แปลกที่ผมกลับมองว่าการกระทำแบบนี้มันน่ารัก ผมชอบนะเวลาที่วินหึงหรือไม่พอใจ ให้เขาแสดงทุกความรู้สึกออกมาจริงๆ เพราะผมรับทุกอย่างในตัวเขาได้หมด การที่เราคบกันมันก็ต้องเห็นทุกๆด้านของกัน ยอมรับตัวตนของกันและกันได้ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม
“อาจจะมีวันที่ไม่เกี่ยวกับพ่อก็ได้นะ พัตอาจจะเลิกกับเราเองก็ได้” นั่นไง รู้สึกเหมือนงานจะเข้า จากเมื่อกี้ที่ดูเคืองๆเปลี่ยนไปทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้ว ถ้าไม่ติดว่าเขานั่งตรงข้ามนี่ผมดึงเข้ามากอดแน่ๆ ไม่น่าเล่นเลย
“ไม่มีทาง พัตอาจไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่วันนี้ตอนนี้เวลานี้มันจะไม่มีทางเกิดเรื่องแบบที่วินพูดมาแน่นอน” ผมเอื้อมมือไปจับมือบางที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วบีบเบาๆ ส่งผ่านทุกความรู้สึกให้อีกคนได้รับรู้ ผมว่าเขาไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งกังวลเรื่องแบบนี้เลยนะ ผมมั่นใจมากว่าความรู้สึกนั้นมันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน
“อื้อ...”
“ไม่เอาดิ พัตขอโทษครับที่พูดแหย่แบบนั้น ไม่คิดว่าจะคิดมากขนาดนี้” ถึงวินจะดูเหมือนเข้าใจแต่เขาก็ยังมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีอยู่ดี ทำเอาผมรู้สึกผิดสุดๆที่พูดแบบนั้นไป หรือที่ผ่านมาผมทำอะไรให้เขาไม่มั่นใจรึเปล่า
“ก็มีคนเข้าหาพัตเยอะนี่ ไม่ใช่ว่าเราไม่รู้นะว่าทุกๆวันยังมีคนทักมาหาอยู่เลย” ผมไม่เถียงในสิ่งที่วินพูดเพราะว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่ผมไม่เคยเปิดอ่านไลน์พวกนั้นเลยนะ ที่เข้าไลน์ทุกวันนี้คือคุยแค่กับวินซะส่วนใหญ่ ถ้าเป็นไอ้กิมกับไอ้จีนคือโทรหาเลย ขี้เกียจต้องมานั่งพิมพ์คุยกัน
“แต่พัตไม่เคยสนใจคนพวกนั้นแม้แต่นิด สนอยู่คนเดียว รักอยู่คนเดียวจะตายแล้ว” พูดให้อีกคนอารมณ์ดีขึ้นแล้วมันก็ดูเหมือนว่าจะได้ผลเมื่อวินหลุดยิ้มออกมานิดๆ โอเค ถือว่าสถานการณ์คลี่คลาย
“ต้องรักคนเดียวตลอดไปด้วย”
“ครับผม...ทานต่อได้แล้วเนอะ เดี๋ยวดูหนังเสร็จจะพาไปช็อปปิ้ง อยากได้อะไรจะซื้อให้ทุกอย่างเลย...เป็นการไถ่โทษดีไหม”
“งั้นเราจะเหมาให้หมดห้าง” วินขู่ออกมาแบบนั้นแต่ผมรู้ว่าเขาไม่มีทางทำจริงหรอก ปกติจะซื้ออะไรให้ยังไม่ค่อยรับเลย ทั้งที่ผมไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องนี้เลยนะ ผมให้ในสิ่งที่วินอยากได้ได้หมด อยากทำอะไรเพื่อเขาบ้าง
“ทานต่อได้แล้วเร็ว กินเยอะๆ”ผมคีบแซลมอนป้อนเพื่อเอาใจ แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่มีทางปฏิเสธเพราะเป็นของโปรดของเจ้าตัว พอได้กินก็กลับมายิ้มแย้มเหมือนเดิม เลี้ยงง่ายจริงๆ
เราทานกันไปเรื่อยๆ คุยนั่นคุยนี่กันหลายเรื่อง หลังจากทานข้าวเสร็จก็ต่อด้วยดูหนัง อันนี้ก็ให้วินเขาเลือกว่าอยากดูเรื่องอะไรเพราะผมมีหน้าที่แค่ตามใจเท่านั้น สองชั่วโมงครึ่งดูเสร็จก็ออกมาช็อปปิ้ง อันดับแรกวินเขาเดินเข้าร้านเสื้อผ้าก่อนเลย
“สวยไหม เราว่าตัวนี้เหมาะกับพัตดีนะ” มือบางยกเสื้อมาทาบตัวผมพร้อมกับพูดกับตัวเองไปด้วย “ชอบไหม”
“ชอบครับ ก็สวยดี” เป็นเสื้อแขนยาวสีดำผ้ายืด มีลูกเล่นที่แถบขาวดำตรงคอเสื้อและข้อมือ ไม่มีลายอะไรยกเว้นยี่ห้อตรงหน้าอกฝั่งขวา เรียบแต่ดูดี
“งั้นเอาตัวนี้นะ โอ๊ะ กางเกงยีนส์ตัวนั้นก็สวย” วินวิ่งเข้าตรงนู้นทีตรงนี้ที แต่ส่วนใหญ่ดล้วนเป็นของผมทั้งสิ้น ทั้งที่ผมบอกไปแล้วว่าให้เขาซื้อของของตัวเองแต่อีกคนก็ไม่ฟัง ดูเขาสนุกมากกับการเลือกเสื้อผ้าให้ผม เห็นเขามีความสุขเลยได้แต่เลยตามเลย แต่ถ้าตัวไหนที่ผมเห็นว่าเหมาะกับเขาก็จะลองถามเจ้าตัวดูว่าชอบไหม ถ้าโอเคก็ซื้อ
“เหนื่อยยัง” อีกคนนี่นั่งหอบไปแล้วครับ ไม่แปลกเลยเพราะเข้าหลายร้านวิ่งนู้นวิ่งนี่ ของนี่เต็มมือเราทั้งสองคนเลย
“เหนื่อยยยยย แต่ก็ยังอยากได้กระเป๋าตังอีก” ถึงเหนื่อยแต่ก็ยังยิ้มได้อยู่
“ไปกินติมกันก่อนไหมจะได้พักด้วย แล้วค่อยไปดูกระเป๋าตังเป็นอย่างสุดท้าย” ตอนนี้ก็สองทุ่มแล้วครับ กว่าจะกินกว่าจะซื้อกระเป๋าตังห้างก็คงใกล้ปิดพอดี
“โอเค ไปกินแพนเค้กดีกว่า อยากกินๆ”
“ครับๆ แล้วแต่แฟนเลย” ร่างเล็กยืนขึ้นทันทีที่ผมตกลง ใบหน้าหวานยิ้มกว้างก่อนจะส่งเสียงบอกว่าจะไปร้านขนมที่เจ้าตัวชอบกัน
พอกินจนพอใจก็เดินไปซื้อกระเป๋าตัง ซึ่งทีเด็ดมันอยู่ตรงนี้แหละครับ เพราะกระเป๋าตังใบที่วินหยิบขึ้นมามันใบละแปดหมื่น...
โอเค ก็แค่อีกนิดมันแสนนึงก็เท่านั้น
“วินครับ มันแพงไปไหม” ผมอดท้วงออกมาไม่ได้เมื่อเขาขอดูทุกสีของคอลเล็คชั่นนี้ ดูก็รู้ว่าคงซื้อแน่
ที่จริงแล้วมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขาแหละ แต่ผมก็ยังมองว่ามันไม่ค่อยจำเป็นอยู่ดี เราซื้อแบบธรรมดาก็ได้ คือมันก็ใส่ตังค์ได้เหมือนกัน
“ก็ ไม่ได้ซื้อบ่อยไง... ใบนี้ใช้มานานมากๆแล้ว นะ ให้เราซื้อนะ” พอเห็นผมเริ่มดุหน่อยก็เอาละ ทำตัวอ้อนใส่ทันที
“ถ้าซื้อใบนี้ ไม่อนุญาตให้ซื้ออะไรเพิ่มทั้งเดือนนะ ห้ามซื้อแม้แต่อย่างเดียว” ผมอยากให้เขาคิดเรื่องการใช้เงินให้มากกว่านี้ รวมค่าทุกอย่างที่ซื้อมาวันนี้ก็หมดไปเยอะ(มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก)แล้วนะ ไม่อยากให้วินเป็นคนฟุ่มเฟือย
“...ก็ได้ จะไม่ซื้ออะไรแล้ว” หงอยเลยเพราะผมจริงจัง ไม่ให้คือไม่ให้จริงๆ ถ้าซื้ออะไรไม่จำเป็นแม้แต่อย่างเดียวคือผมโกรธเขาแน่
“สัญญากันแล้วนะ”
“อื้อ” วินพยักหน้าหงึกหงักซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่พนักงานเอาของมาให้ดู ร่างเล็กเลยหันไปสนใจแต่ก็ยังเหลือบมองมาทางผมยืนดูนิ่งๆเป็นระยะ กระเป๋าใบแค่นี้แปดหมื่น ใส่แล้วเงินจะงอกมาไหมวะ==
พอดูเรียบร้อยแล้ววินก็ยื่นใบที่ต้องการส่งให้พนักงาน แต่ในจังหวะที่เขาจะหยิบบัตรออกมาผมกลับยื่นบัตรตัวเองให้พนักงานก่อน
“พัต! ไม่เอา...นี่ครับ” พนักงานมองเราเล็กน้อยก่อนจะจำใจรับบัตรของผมเพราะทนความกดดันจากผมไม่ไหว รับบัตรไปแล้วพนักงานก็รีบเดินออกไปทันที
“พัต...ของเราเราก็ต้องเป็นคนจ่ายนะ” วินเอ่ยออกมาเสียงอ่อย
“เวลาวินจะซื้อจะใช้อะไรจะได้คิดให้มากขึ้น พัตไม่ว่านะถ้าวินอยากได้อะไร อยากซื้ออะไร...แต่มันต้องจำเป็นและไม่ได้เกิดจากความฟุ่มเฟือย โอเคไหมครับ” เพราะว่ามันเป็นตังค์ผม เวลาที่เขาอยากได้ใหม่ อยากซื้ออะไรจะได้คิดก่อนว่าความสิ้นเปลืองนั้นมันจะมาอยู่ที่ผมแทน ผมไม่มีปัญหานะ เขาจะซื้อมากกว่านี้ก็ได้ถ้าไม่คิดถึงความรู้สึกผม
“จะไม่สิ้นเปลือง ไม่ฟุ่มเฟือยสัญญา...แต่พัตให้เราจ่ายเองเถอะนะ” คนตัวเล็กทำสีหน้าเว้าวอน ปกติวินก็เป็นคนขี้เกรงใจอยู่แล้ว และวันนี้ของเกินกว่าครึ่งผมเป็นคนจ่ายให้ เพราะทุกครั้งพนักงานจะทนสายตากดดันจากผมไม่ไหวเลยต้องรับบัตรของผมไป
“ไม่ครับ พัตจ่ายไปแล้วถือว่าแล้วไปนะ” พนักงานเดินเข้ามาเอาบิลให้ผมเซ็น พอเรียบร้อยก็ส่งของให้วิน อีกคนรับมาทำหน้าหงอยๆเลย
“กลับกันเลยไหม”
“อื้อ” ผมเดินอออกจากร้านนำมาก่อน ที่จริงอยากจับมือเดินใจจะขาดแต่ของเต็มทั้งสองข้างเลยทำไม่ได้ ส่วนอีกคนก็เดินตามมาเงียบๆ น่าจะยังคงคิดเรื่องเงินของผมอยู่ ทั้งค่าเสื้อผ้าค่าทุกอย่างของเขาผมเป็นคนจ่ายซึ่งถือว่าเยอะแล้ว เจอค่ากระเป๋าเข้าไปเลยยิ่งหนัก
แต่ผมไม่ค่อยคิดมากนะถ้าเขาอยากได้จริงๆ มันจำเป็นนานๆทีก็ไม่เป็นไร อีกอย่างนี่ก็เงินเก็บผมเอง ที่จริงผมทำงานไปด้วยแต่วินไม่รู้ มีเล่นหุ้นแล้วก็บริหารงานเกี่ยวกับธุรกิจที่บ้านไปด้วย ที่จ่ายๆวันนี้ไม่ใช่เงินของพ่อแม่แต่อย่างไร เงินที่ท่านให้ก็มีแต่อันนั้นเป็นอีกบัญชีครับ ผมไม่ใช้ พ่อกับแม่ส่งมาให้เท่าไหร่ก็นอนอยู่ในบัญชีแบบนั้น ถึงอย่างนั้นท่านก็จะโอนเงินเข้าให้ตลอด
“พัต...” ทันทีที่เราขึ้นรถมายังไม่ทันจะได้เคลื่อนรถออกคนที่นั่งอยู่เบาะข้างๆก็เอ่ยเรียกขึ้นก่อน ผมหันไปเลิกคิ้วถามว่ามีอะไรหรือเปล่า
“ว่าไงครับ”
“วินขอโทษ” หืม ผมไม่ได้คิดมากเรื่องนั้นแล้วนะ ถ้าเขาอยากได้ก็คือซื้อ ถ้าซื้อแล้วก็จบไปเท่านั้น แค่ให้วินคิดได้ว่าบางอย่างมันไม่จำเป็นนะ ไตร่ตรองเรื่องการใช้เงินมากขึ้นได้บ้างผมก็โอเคแล้ว ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้นผ่านแล้วก็แล้วไป
“พัตไม่ได้โกรธนะ ซื้อแล้วก็แล้วไปครับ ไม่ต้องคิดแล้ว...พัตแค่อยากให้เวลาวินจะซื้ออะไร ใช้จ่ายอะไรให้คิดให้มากขึ้นนิดนึง ของแพงๆอ่ะซื้อได้แต่ไม่ใช่ว่าซื้อตลอด เข้าใจใช่ไหม”
“อื้อ ไม่โกรธเราจริงๆนะ” ตาคู่สวยยังคงมีแววไม่มั่นใจ
“ครับ เลิกทำหน้าแบบนี้ได้แล้ว” ผมเอื้อมมือไปประครองหน้าวินไว้แล้วลูบเบาๆที่ตาดวงโต
“อือ...” ลากเสียงอ่อนพร้อมกับแนบหน้าเข้าหามือผมที่วางอยู่ข้างแก้มเจ้าตัวมากขึ้น ก่อนจะเปลือกตาวินจะค่อยๆปิดลง
“เหนื่อยรึเปล่า นอนนะ...เดี๋ยวถึงแล้วพัตปลุก” เพราะว่าวันนี้เขาวิ่งร้านนู้นทีร้านนี้ทีคงจะเหนื่อยและเพลียไม่น้อย
วินพยักหน้าน้อยๆตอบกลับทั้งที่ตายังปิด ผมเลยผละออกเพื่อปรับเอนเบาะให้เรียบร้อย หยิบเสื้อกันหนาวตรงเบาะหลังที่ชอบพกติดรถเอามาคลุมให้ แล้วหันกลับมาขับรถกลับคอนโด
มาถึงที่เรียบร้อยเห็นวินกำลังหลับสบายเลยไม่อยากปลุกขึ้นมา ผมตัดสินใจอุ้มคนตัวเล็กขึ้นห้องแทนที่จะปลุก พนักงานเข้ามาถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหมแต่ผมบอกว่าไม่มีอะไร อุ้มคนหลับขึ้นมาจนวางวินไว้ที่เตียงเรียบร้อย ผมจัดการถอดเสื้อผ้าเพื่อที่จะเปลี่ยนชุดใหม่ให้ แต่ต้องเช็ดตัวให้วินก่อน จะได้สบายตัวมากขึ้น
“อื้อ...พัต” คงเพราะโดนน้ำเย็นๆเข้าไปวินเลยรู้สึกตัวขึ้นมา
“ไม่มีอะไรครับ พัตเช็ดตัวให้เฉยๆ...นอนนะๆ” ผมกดจูบไปที่หน้าผากคนที่สะลึมสะลือพร้อมกับลูบไปตามหน้าวินเบาๆเพื่อเป็นการกล่อมให้เขาหลับลงไปอีกครั้ง ซึ่งดูเหมือนว่าสัมผัสนเบาๆของผมจะได้ผลอย่างดีเมื่อวินหลับไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ผมผละออกมาเช็ดตัวให้ต่อและเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเรียบร้อย
โดยพยายามเลี่ยงที่จะไม่เข้าใกล้จุดที่อันตรายตลอดการเปลี่ยนเสื้อผ้านั้น
มันเป็นจุดที่อันตรายต่อตัวผมเองนี่แหละ...แค่นี้ก็ต้องใช้ความอดทนมากแล้ว กลัวว่าจะตบะแตกปล้ำคนนอนไม่รู้เรื่องจนต้องรีบทำทุกอย่างให้เสร็จไวๆ
เพราะเห็นผิวขาวจัดเนียนไปทั้งตัวเลยต้องมา‘จัดการ’กับอารมณ์ตัวเองในห้องน้ำอย่างช่วยไม่ได้ วินไม่รู้หรอกว่าเวลาอยู่ใกล้กันผมก็คิดเรื่องพวกนี้บ่อยแค่ไหน ก็ผช.นี่ครับไม่คิดสิแปลก แต่ก็นะ...ให้อะไรๆมันลงตัวก่อนค่อยว่ากัน ผมไม่อยากเร่งรัดเขา
จัดการตัวเองเสร็จ ทั้งอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็ขึ้นเตียงมานอนกอดคนที่หลับปุ๋ยทันที พอผมรั้งวินมาในอ้อมกอดอีกคนก็ขยับตัวซุกเข้ามาด้วยความเคยชิน เรานอนท่านี้ประจำจนติดกันเป็นนิสัยไปแล้ว
กดจูบที่หัวของคนในอ้อมกอดเบาๆทีนึงก่อนจะหลับตาลง เหนื่อยมาทั้งวันแล้วได้เวลาพักเสียที...
(มีต่อ)