ตอนที่ 16
(Win Part)ผมอาศัยอยู่ที่นี่และคอยดูแลเจ้าของห้องที่มีอาการบาดเจ็บมาได้ห้าวันแล้ว คุ้นชินกับการที่มีใครอีกคนอยู่ด้วยทีละน้อย ไม่ว่าจะกินข้าว ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ ทำหลายๆอย่างภายใต้ห้องนี้ด้วยกัน อาการของพัตดีขึ้นจนสามารถถอดผ้าพันออกได้ ข้อเท้าที่เคยบวมเป่งก็เหลือเพียงอาการแดงและบวมน้อยๆ
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ขาข้างนั้นเพราะผมเองที่ยังไม่มั่นใจ อยากจะให้รอจนกว่าจะครบกำหนดหนึ่งอาทิตย์ตามที่หมอบอกเสียก่อน
(พัตเองก็ไม่แน่ใจ แต่ก็คงอีกซักพักเลยแหละ) ปลายสายเอ่ยบอกเมื่อผมโทรถามว่าเขาใกล้จะกลับหรือยัง วันนี้เราเลิกเรียนสี่โมงเย็นพร้อมกันแต่พัตมีประชุมต่อเกี่ยวกับงานของคณะผมเลยต้องกลับมาก่อน ไม่กิมก็จีนที่ต้องรับหน้าที่สารถีมาส่งอีกตามเคย
“ห้ามลงน้ำหนักที่เท้าขวาเด็ดขาดเลยนะ ต้องใช้ไม้ค้ำตลอดรู้ไหม” เอ่ยเตือนคนเจ็บเพื่อไม่ให้ทำอย่างนั้น เพราะตอนนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันจึงกลัวว่าเขาจะฝ่าฝืนสิ่งที่ผมห้าม
(ครับ สัญญาเลยว่าจะทำตามอย่างเคร่งครัด เดี๋ยวพัตต้องวางสายแล้ว ไว้เจอกันที่ห้องนะครับ)
“อื้อ เราจะทำกับข้าวไว้รอนะ” อีกฝ่ายตอบรับกลับมาก่อนจะวางสายไป ส่วนผมเองก็เลยวางโทรศัพท์ไว้ที่หน้าโทรทัศน์แล้วหมุนตัวเดินเข้าห้องครัวเช่นกัน ถามว่าเหนื่อยไหมกับการที่ต้องทำอาหารให้อีกคนตลอดทั้งตอนเช้าและตอนเย็นเป็นประจำ?
สำหรับผมแล้วไม่เหนื่อยเลยซักนิด หนึ่งคือการทำอาหารเป็นสิ่งที่ชอบอยู่แล้วจึงรู้สึกสนุกและมีความสุขทุกครั้งที่ทำ ยิ่งทำเพื่อคนที่เรารักยิ่งไม่มีอะไรที่ต้องเหนื่อยเลยว่าไหมครับ
พอทำอาหารสำหรับเราสองคนเสร็จเรียบร้อยผมก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เหลือบมองนาฬิกาที่อยู่บนฝาผนังกลางห้องรับแขกจึงพบว่าตอนนี้เป็นเวลากว่าหกโมงครึ่งแล้ว ป่านนี้ไม่รู้ว่าคนที่ประชุมเรื่องงานอยู่คณะจะใกล้เสร็จรึยัง แม้ว่าตอนนี้จะเริ่มหิวขึ้นมาบ้างแต่ก็จะรอกินพร้อมกัน
ติ๊งต่อง
เสียงออดดังขึ้นทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย พัตกลับมาแล้วเหรอ...เรามีคีย์การ์ดกันคนละใบแต่อีกฝ่ายมักจะให้ผมเป็นคนไปเปิดประตูให้ถ้ารู้ว่าผมกลับมาแล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกนักที่จะได้ยินเสียงออดดังขึ้น
“กลับมาแล้วระ...” เสียงที่กำลังจะเอ่ยทักเมื่อคิดว่าคนที่ยืนอยู่หลังประตูคือแฟนตัวเองเป็นอันต้องกลืนลงคอไปในทันทีเมื่อผมเห็นหน้าคนที่ยืนอยู่
“เอ๊? น้องวินมาทำอะไรที่นี่จ๊ะ แม่ว่าแม่ขึ้นมาไม่ผิดห้องนะ...คนที่มาเปิดจะต้องเป็นลูกชายของแม่ไม่ใช่หรือ” วินาทีนี้เข้าใจดีเลยว่าอาการช็อคเป็นยังไงเมื่อผมจำได้ดีว่าคนที่ยืนอยู่คือใคร ตกใจจนแทบจะหาเสียงของตัวเองไม่เจอ “แม่พึ่งรู้ว่าเราสองคนสนิทกันขนาดนี้ ได้ยินข่าวว่าอยู่คนละคณะไม่ใช่เหรอจ๊ะ”
อีกฝ่ายยังคงรัวคำถามมาใส่โดยที่ผมทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่แบบนั้น ใบหน้าสวยหวานที่ละม้ายคล้ายเจ้าของห้องมีแววสงสัยอะไรมากมาย และดวงตาคู่นั้นก็จ้องมองมาราวกับจับผิดอะไรบางอย่าง
แน่นอนล่ะ ท่านมาหาลูกชายตัวเองแต่คนที่เปิดประตูกลับเป็นผม!
“อะ เอ่อ...พัต พัตยังไม่กลับครับ เชิญคุณป้าเข้าข้างในก่อนดีกว่านะครับ” ไม่รู้แม้กระทั่งว่าประโยคที่ผมพูดนั่นมันสมควรแค่ไหน เชิญเจ้าของห้องเข้าห้องเนี้ยนะ!
ไม่น่าเลยวินTT
“ดะ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้นะครับ” เมื่อเห็นว่าท่านนั่งลงที่โซฟาเรียบร้อยผมก็รีบปลีกตัวออกมาทันที ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะต้องมาอยู่ในสถานการณ์ที่ยังไม่ได้เตรียมตัวเช่นนี้ ผมไม่รู้เลยว่าแม่ของพัตพอจะทราบเรื่องของเราบ้างหรือเปล่า และผมยังจำได้ว่าท่านพึ่งแนะนำให้เรารู้จักกันที่งานเลี้ยงอยู่เลย เป็นไปได้ว่าแม้แต่การที่เรารู้จักกันท่านก็อาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำ
แล้วอะไรคือการที่ผมใส่ชุดนอนอยู่ในห้องของลูกชายท่านกันล่ะ ให้ตายเถอะ...ตอนนี้ผมอยากร้องไห้ชะมัด
“น้ำครับ...” แม้ว่าไม่รู้จะเริ่มบอกคนที่นั่งอยู่โซฟายังไงแต่การหลบหน้าคงเป็นเรื่องที่เสียมารยาทอย่างยิ่ง ดังนั้นตอนนี้ผมจึงวางแก้วน้ำที่เอามาวางไว้ตรงหน้าแม่ของพัตแล้วถอยมานั่งโซฟาเดี่ยวที่อยู่ทางขวามือ
“น้องวินยังไม่ตอบคำถามแม่เลยนะจ๊ะว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วนี่ยังใส่ชุดนอนอยู่อีก...แม่ไม่ยักกะรู้ว่าเราสองคนสนิทกันขนาดนี้” น้ำเสียงที่เอ่ยเดาอารมณ์แทบไม่ได้ว่าท่านอยู่ในอารมณ์ไหน และนั่นทำให้ผมที่กังวลใจกับเรื่องของผมกับพัตอยู่แล้วยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก
กลัวว่าท่านจะรับเรื่องนี้ไม่ได้...พัตเป็นลูกชายคนเดียว ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่จะคาดหวังกับเขาขนาดไหน
แล้วการที่ลูกชายคนเดียวคบผู้ชายด้วยกันมันก็เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากไม่น้อย
“ผะ ผม...คือ” ไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรเพื่ออธิบายเรื่องทั้งหมด ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนเสียด้วยซ้ำ เสียงที่ออกมาจึงราวกับว่าเป็นอาการของคนติดอ่าง ผมไม่กล้าแม้แต่จะสบตาท่านจนทำได้เพียงก้มหน้าลงต่ำมองดูมือที่บีบกันแน่นบนตักของตัวเอง
“งั้นไม่เป็นจ้ะ ไว้แม่รอถามลูกชายแม่เองก็ได้...น้องวินมีอะไรก็ไปทำเถอะ” ประโยคที่ดูเหมือนไล่กลายๆทำเอาน้ำตาที่กลั้นไว้ในอกแทบจะไหลออกมา ผมทำอะไรให้แม่ของพัตไม่พอใจหรือเปล่า
พลัก
แต่ยังไม่ทันที่จะได้ลุกไปไหนเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน แล้วร่างสูงใหญ่ที่ยังใช้ไม่ค้ำเดินก็กำลังจะเดินเข้ามาหาเราทั้งคู่ ผู้มาใหม่แปลกใจไม่น้อยที่เห็นแม่ตัวเองนั่งอยู่กับผม พัตมีสีหน้าแปลกใจแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ตกใจเท่าไหร่นัก
“แม่มาได้ยังไงครับ”
“ก็นั่งรถมาน่ะสิจ๊ะ ว่าจะเซอร์ไพร์สมาดูอาการบาดเจ็บของลูกซักหน่อยแม่กลับมาเจอเซอร์ไพร์สเสียเอง...แม่ว่าเรามีเรื่องที่ต้องคุยกันซักหน่อยนะ” พัตเหลือบมามองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองหน้าแม่ตัวเองอีกครั้ง ผมเห็นเขาหรี่ตามองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยออกมา
“งั้นก็เชิญแม่ที่ห้องทำงานเลยครับ” คนเจ็บพูดเพียงเท่านี้แล้วเดินไปทางห้องทำงานซึ่งอยู่อีกฝั่ง แม่พัตเองก็ไม่รอช้าเดินตามลูกชายตัวเองไป เหลือเพียงผมที่ยั่งยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
มันจะไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับเรื่องของเราใช่ไหม...
....................................
(Pat Part)“นี่แม่แกล้งอะไรวินหรือเปล่าครับ ทำไมเขาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้น...แล้วไหนจะมาหาทั้งๆที่ผมไม่อยู่อีก” ผมหรี่ตามองแม่ตัวเองอย่างจับผิดเมื่อเราเข้าห้องมาแล้วเรียบร้อย ผมจะไม่สงสัยซักนิดว่านี่คือเรื่องบังเอิญที่ท่านมาหาถ้าไม่ใช่เพราะเห็นสายตาที่มีแววสนุกจากคนที่ให้กำเนิด และการที่แม่มาหาทั้งที่ก่อนหน้านี้ท่านโทรหาผมและรู้อยู่แล้วว่าผมมีประชุมที่คณะ
เหมือนว่าท่านจงใจมาหาคนที่อยู่ห้องเพราะรู้ดีว่าผมไม่อยู่
“ก็พัตไม่ยอมพาน้องวินไปเจอแม่ซักทีแม่ก็เลยมาหาถึงที่นี่ไงล่ะ แล้วพอเห็นหน้าน่ารักๆหน่อยแม่ก็เลยแอบแหย่ไปนิดเดียวเอง”
“นิดเดียวของแม่นี่มันแค่ไหนกันครับ” เพราะผมรู้ดีว่าแม่เป็นคนขี้แกล้งขนาดไหนเลยถามออกไปแบบนั้น แม้ว่าท่านจะเป็นคนใจดีมากแต่เรื่องแกล้งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งนิสัยประจำตัวเช่นกัน ขนาดผมเป็นลูกแท้ๆยังโดนเป็นประจำเลย
“ก็แค่แกล้งพูดเหมือนว่าแม่ไม่รู้เรื่องของเรากับน้องวิน แล้วก็เกร็งหน้าทำเสียงเรียบนิดๆหน่อยๆเอง” ดู่ทานถูกอกถูกใจกับการกระทำของตัวเองเป็นอย่างมาก ใบหน้าที่ยังคงสวยงามแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี และโอเค ผมพอรู้แล้วว่าทำไมวินต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ขนาดนั้น
ผมไม่เคยบอกเรื่องที่ครอบครัวผมรู้เรื่องของเราเลย เขาอาจจะคิดไกลไปแล้วเพราะว่าแม่ผมรับเรื่องนี้ไม่ได้
“ถ้าวินกลัวแม่จนไม่อยากเข้าใกล้ขึ้นมาอีกแม่จะมาโทษผมไม่ได้นะครับ ระวังเถอะว่าน้องวินของแม่จะไม่กล้าเจอหน้าแม่บ่อยๆอีก”
“ไม่ได้นะจ๊ะ! แม่แค่แกล้งนิดเดียวเองนะ หรือว่าน้องวินจะกลัวแม่ไปแล้วจริงๆ...แบบนี้ไม่ดี ลูกสะใภ้น่ารักๆแบบนี้หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว งั้นแม่ไปคุยกับน้องก่อนดีกว่า เดี๋ยวตัวเล็กของแม่จะฟุ้งซ่านคิดไปไกลว่าแม่ไม่ปลื้ม” แม่ทำทีจะเดินออกไปทันทีเมื่อคิดตามคำที่ผมพูด
“โอ๊ะ ว่าแต่ขาลูกเป็นยังไงบ้างจ๊ะ” ขอบคุณที่แม่ยังอุตสาห์ถามถึงอาการลูกชายตัวเองบ้าง ที่ท่านไม่ตกใจหรือแตกตื่นเมื่อทราบว่าผมได้รับบาดเจ็บเพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุ กีฬากับอุบัติเหตุเป็นของคู่กันอยู่แล้ว
ตั้งแต่เด็กจนโตผมก็ประสบมาหลายครั้ง เล็กบ้างใหญ่บ้างก็ว่ากันไป ถ้าครั้งไหนที่ผมไม่ไหวจริงๆจะบอกท่านทันที ไม่ฝืนร่างกายตัวเอง แม่ทราบดีครั้งนี้เลยไม่ตกใจอะไร คงมีบ้างที่เป็นห่วงแต่เพราะผมมีวินคอยดูแลอยู่แล้วด้วยท่านเลยเบาใจไปเยอะ คนเป็นพ่อเป็นแม่จะไม่ให้ห่วงเลยคงเป็นไปไม่ได้
“ไม่เป็นอะไรแล้วครับ ยังบวมอยู่นิดหน่อย ที่ยังใช้ไม่ค้ำอยู่เพราะวินอยากให้หายสนิทซะก่อนค่อยกลับมาเดินปกติ”
“น้องวินของแม่นี่น่ารักจริงๆเลย งั้นเดี๋ยวแม่ไปคุยกับน้องวินก่อนดีกว่าจ๊ะ ” ตั้งแต่ที่คุยกันมาแม่เรียกน้องวินของแม่มากกว่าเอ่ยชื่อของผมซะอีก มองตามคนเป็นแม่ของตัวเองเบาๆแล้วได้แต่ส่ายหน้าเล็กน้อย แต่ผมก็รู้สึกดีมากๆที่มีแม่ที่เข้าใจลูกแบบนี้ ดีใจที่ท่านรักวินอย่างที่ผมรัก
......................................
(Win Part)“น้องวินจ๊ะ แม่ขอโษนะลูกที่ทำเสียงดุใส่ เมื่อกี้แม่แค่แกล้งเล่นนิดหน่อยเองจ๊ะ...เรื่องของลูกพัตบอกแม่หมดแล้ว แล้วแม่ก็โอเคมากๆด้วย” ผมที่ยืนคิดเรื่องต่างๆอยู่ตกใจเล็กน้อยเมื่ออยู่ดีๆร่างทั้งร่างก็ตกอยู่ในอ้อมกอดแม่ของพัต
ระหว่างที่ทั้งคู่หายเข้าไปในห้องผมทั้งกังวลและคิดไปต่างๆนานา ตกอยู่ห้วงความคิดของตัวเองจนคนที่เข้ามากอดทำให้หลุดจากภวังค์ และเหนือสิ่งอื่นใดคือกำลังงงกับสิงที่ท่านพูดออกมาเมื่อซักครู่
“คะ คุณป้า ว่า...อะไรนะครับ”
“คุณป้าอะไรกัน เรียกแม่ว่าคุณแม่สิจ๊ะ...มาๆ เรามานั่งคุยกันตรงนี้ก่อนดีกว่า” ผมถูกแรงชักจูงของท่านพามานั่งที่โซฟาด้วยอาการมึนงง ท่าทางเรียบเฉยที่เคยมีเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ใบหน้าสวยยิ้มแย้มอย่างยินดีราวกับถูกใจอะไรนักหนา “วันนี้แม่ตั้งใจมาหาน้องวินเลยนะ เพราะพัตนั่นแหละที่ไม่ยอมพาลูกไปหาแม่ซักที ส่วนเมื่อกี้ที่แม่ถามเรื่องของน้องวินกับพัตแม่ก็แค่แกล้งไปอย่างนั้นเองจ๊ะ ที่จริงแม่รู้เรื่องของเราตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่งานเลี้ยงบ้านคุณหญิงนุชนู้นเลย”
“จะ จริงเหรอครับ...แล้วคุณป้าไม่ว่าอะไรเหรอครับ ทะ ที่พัต คบกับผม ที่เป็น...ผู้ชาย” แม้จะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเท่าไหร่แต่ผมก็ยังอยากทราบคำตอบของสิ่งที่ผมคิดมาตลอด สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือ
ท่านจะไม่ยอมรับเรื่องของผมกับพัต...จนเราต้องเลิกกัน
“แม่บอกให้เรียกคุณแม่นะจ๊ะ ถ้าเรียกคุณป้าอีกแม่จะงอนจริงๆด้วย...ส่วนเรื่องที่น้องกังวล ไม่ต้องเครียดนะลูก แม่ไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ตรงไหน ความสุขของลูกแม่ยังจะมีอะไรสำคัญกว่าอีกจ๊ะ แม่เข้าใจดีว่าเรื่องของความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก็ตาม เพราะฉะนั้นแล้วสำหรับแม่ลูกแม่รักใครแม่ก็รักด้วย ยิ่งเป็นน้องวินแล้วแม่ยิ่งรักค่ะ”
สิ่งที่ท่านพูดทำให้ผมซาบซึ้งจนกักเก็บน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว ทุกความกังวลที่ความคิดที่รวมอยู่ในหัวตอนนี้มันหายไปหมดราวกับยกภูเขาออกจากอก ทั้งโล่งใจและดีใจที่ท่านรับได้และเอ็นดูผมมากขนาดนี้
“ขอบคุณคุณแม่มากนะครับ วินขอบคุณจริงๆ” ผมยกมือไหว้ท่านทั้งที่น้ำตายังค่อยๆไหลซึมออกมา แม่ของพัตมองมาด้วยสายตาเอ็นดูก่อนที่ท่านจะขยับเข้ามากอดผมแล้วโยกตัวเบาๆราวกับกล่อมเด็กที่กำลังร้องไห้โยเย
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคะ แม่ยินดีมากๆที่น้องวินจะเข้ามาเป็นคนในครอบครัวเรา” สัมผัสที่ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเบาๆทำเอาผมคลายอาการสะอื้นลงไปได้ด้วยความสบายใจ อ้อมกอดของท่านอบอุ่นเหมือนกับแม่ของผมเลย
“นี่แม่ทำอะไรแฟนผมครับเนี้ย วินร้องไห้ใหญ่เลย” เสียงของพัตทำให้ผมผละร่างออกมาแล้วรีบเช็ดน้ำตาทันที
“ก็เราดีใจนี่นา...ไม่ต้องมาพูดเลย พัตไม่เคยเห็นบอกว่าเคยเล่าเรื่องของเราให้คุณแม่ฟังแล้ว” ส่งสายตาคาดโทษไปให้คนที่ทรุดตัวนั่งลงโซฟาเดี่ยวข้างๆ มีอย่างที่ไหนปล่อยให้ผมเครียดไม่รู้เรื่องราวอยู่คนเดียว มันน่าโมโหจริงๆ
คอยดูว่าตอนที่เข้าบ้านผมผมจะบอกป๊าเล่นให้หนักๆเลย พ่อผมโหดนะจะบอกให้
“ยอมรับเลยว่าลืม...แต่พัตไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่คุณแม่แกล้งวินวันนี้จริงๆนะ”
“เรานี่ก็ย้ำจังเลย แม่ขอโทษนะจ๊ะน้องวิน ไม่โกรธแม่ใช่ไหมลูก”
“ไม่ครับ...แค่คุณแม่เอ็นดูวินก็เกินพอแล้ว” ผมตอบออกตามความรู้สึกจริงไม่ได้คิดจะประจบหรือตอบเอาใจแต่อย่างใด แค่รู้ว่าท่านเอ็นดูและไม่รังกียจก็มากเกินพอแล้ว
“โอ๊ย น่ารักจริงๆเลยเด็กคนนี้ มา...มาให้แม่หอมทีนึง”
ฟอดดดดดดด
ผมไม่ทันแม้แต่จะตั้งตัวด้วยซ้ำ คุณแม่เข้ามาหอมแก้มผมทั้งซ้ายและขวาก่อนจะผละออกทั้งที่ผมยังคงนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น
อ่า ท่านจู่โจมเร็วชะมัด
“แม่ครับ นั่นแฟนผมนะ หอมจนแก้มวินช้ำหมดแล้ว”
“แฟนลูกก็ช่าง นี่ลูกคนเล็กแม่...แล้วนี่ทานข้าวกันรึยังจ๊ะ แม่ซื้ออาหารมาเพียบเลยนะ แต่ยังไม่ได้เอาขึ้นมาเพราะว่าอยากมาเจอลูกเร็วๆ” พอคุณแม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาผมก็พึ่งรู้ว่าลืมไปเสียสนิทว่าเรายังไม่ได้ทานข้าวเย็นกัน
“ยังเลยครับ” ผมตอบออกไป
“งั้นดีเลยจ๊ะ เดี๋ยวแม่โทรบอกคนให้เอาขึ้นมาให้ เสียดายที่พ่อของพัตไม่ได้มาด้วยเพราะติดประชุมไม่งั้นเราจะได้ทานพร้อมหน้าพร้อมตากันกว่านี้...เอาไว้เดี๋ยววันไหนว่างๆเรานัดทานข้าวทั้งสองครอบครัวกันบ้างดีกว่าเนอะ”
คุณแม่พูดออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนที่ท่านจะกดโทรศัพท์บอกให้คนเอาของขึ้นมา ที่จริงแล้วผมทำอาหารเอาไว้แล้วแต่ก็แค่สำหรับเราสองคนเท่านั้น ไม่ได้คิดว่าจะมีแขกเพิ่มมาอีกคน
“งั้นเดี๋ยวผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วล้างตัวหน่อยแล้วกันนะครับ วันนี้ทำงานทั้งวันเลย” ผมขยับเข้าไปพยุงพัตทันทีด้วยความเคยชิน ร่างสูงหันมายิ้มให้ก่อนจะค่อยๆเดินเขย่งโดยไม่ใช้ไม่ค้ำ
“ผมขอตัวไปช่วยพัตซักครู่นะครับ”
“จ๊ะ ตามสบาย” คุณแม่ยิ้มให้เราสองคนก่อนจะพยักหน้าอนุญาตเบาๆ ผมเลยพาพัตเข้าห้องมาเปลี่ยนเสื้อผ้และล้างตัว อีกฝ่ายยังอยู่ในชุดนักศึกษาอยู่เลย
“แม่พัตใจดีไหม วินอึดอัดรึเปล่า” พัตถามออกมาในขณะที่ผมกำลังหยิบเสื้อผ้าจากตู้ออกมาให้เปลี่ยน คนที่นั่งรออยู่ที่เก้าอี้เอ่ยขึ้นให้ผมเดินเข้าไปหาแล้ววางเสื้อผ้าไว้บนโต๊ะก่อนจะไปยืนแทรกที่หว่างขาของคนตัวสูง หน้าของพัตจึงอยู่ประมาณระดับอกเท่านั้น
“คุณแม่ใจดีมากๆ วินไม่อึดอัดเลย...ตกใจนิดหน่อยตอนก่อนที่พัตจะมาเพราะตอนนั้นเราเองก็ไม่รู้ว่าจะบอกท่านเรื่องของเราว่ายังไง กว่าว่าท่านจะรับไม่ได้” ตอบออกไปอย่างที่ใจคิดทั้งหมด คนที่นั่งอยู่จึงเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ทั้งสองข้างแล้วลูบเบาๆไปมา
“แม่พัตรับได้ พ่อเองก็เหมือนกัน ครอบครัวพัตรับได้วินไม่ต้องกังวลอะไรเลยนะ”
“อื้อ คนที่ต้องกังวลไม่ใช่เราแต่เป็นพัตต่างหาก...พ่อเราดุนะจะบอกให้^^” ถึงพ่อกับแม่ผมจะพอทราบเรื่องของผมกับพัตบ้างจากการที่ผมเอ่ยถึงคนร่างสูงบ่อยๆแต่ท่านก็ยังไม่ได้มีท่าทีอะไรมาก ไม่รู้ว่ารับได้หรือยอมรับแล้วหรือยัง แม่ผมท่านเป็นคนใจดีคล้ายๆแม่พัตคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ป๊านี่สิ...
ท่านเป็นคนค่อนข้างหวงผมมากเพราะเป็นลูกคนเล็ก หวงผมยิ่งกว่าพี่สาวเสียอีก ไม่รู้ว่าท่านจะว่ายังไงกับเรื่องนี้แต่ที่ผมไม่กังวลมากเพราะป๊าเป็นคนมีเหตุผล ท่านพร้อมจะยอมรับความคิดเห็นของผมเสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม เราคุยกันด้วยความเข้าใจ ค่อยๆอธิบายถึงความคิดของกันและกัน
“ดุแค่ไหนก็ไม่กลัวหรอก พัตจะทำให้ท่านเชื่อว่าพัตดูแลลูกชายท่านได้”
“พูดแล้วก็ต้องทำให้ได้ด้วย” เอ่ยออกไปเสียงเบา ทั้งสายตาที่หนักแน่นและคำพูดเมื่อครู่ทำเอาใจผมเต้นแรงพร้อมๆกับเลือดสูบฉีดบริเวณใบหน้า ทนสบตาคมไม่ไหวจนต้องทำเป็นเสมองอย่างอื่น
“แน่นอนครับ”
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เดี๋ยวคุณแม่ก็รอนานหรอก” เร่งอีกคนเมื่อเห็นว่าเราเข้ามากันนานพอสมควรจนจะกลายเป็นเสียมารยาทที่ทำให้ผู้ใหญ่ต้องรอ และพัตเองก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ผมไปส่งเขาที่ห้องน้ำเรียบร้อยแล้วยืนรอจนพัตทำธุระส่วนตัวเสร็จก็พาออกมาข้างนอก
“คุณแม่ไม่ต้องทำครับ เดี๋ยววินจัดการเอง” ผมรีบเดินเข้ามาช่วยทันทีเมื่อเห็นว่าท่านกำลังจัดการกับของกินมากมายที่ซื้อมา เป็นเพราะว่าเราคุยกันในห้องนานไปหน่อยเลยทำให้คุณแม่ต้องจัดการเอง ยิ่งทำให้รู้สึกว่าตัวเองนั้นเสียมารยาทเอามากๆ
“ไม่เป็นไรจ้ะ งั้นเราช่วยกันก็ได้เนอะ แม่เห็นว่ามีอาหารที่อยู่บนเตาด้วย ใครเป็นคนทำเหรอจ๊ะ”
“อ๋อ วินเป็นคนทำเองครับ ไม่รู้ว่าวันนี้คุณแม่จะมาด้วยเลยไม่ได้ทำเผื่อเลย เอาไว้วันหลังเดี๋ยววินทำให้คุณแม่ทานนะ”
“หือ เก่งจังเลยค่ะ ชอบทำอาหารเหรอลูก พัตเองก็ชอบเหมือนกันนะ ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าห้าวๆแบบนั้นจะทำอาหารเป็น แล้วนี่ลูกต้องทำอาหารให้พัตทานตลอดเลยเหรอจ๊ะ”
“ก็ถ้ามีเวลาวินก็จะพยายามทำตลอดครับ ส่วนมากก็เป็นตอนเช้ากับตอนเย็น พัตเองก็บอกว่าให้ซื้อเข้ามาก็ได้แต่วินว่าทำเองมันดีกว่า เราชอบแบบไหนยังไงก็กำหนดเองได้ สะอาดและปลอดภัยด้วย” ผมเอ่ยออกไปเสียงเจื่อยแจ้ว แทบไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดมากขนาดไหน
“งั้นวันหลังทำให้แม่ทานบ้างนะ แม่อยากลองชิมฝีมือน้องวินบ้าง ตาพัตนี่มีคนดูแลดีจริงๆเลย”
“ได้เลยครับ เอาไว้เดี๋ยววินทำให้คุณแม่ทาน...ตอนนี้เชิญคุณแม่ที่โต๊ะอาหารเลยนะครับ เดี๋ยววินจัดการยกออกไปเอง” เราจัดทุกอย่างใส่จานเรียบร้อยแล้วเหลือเพียงแค่ยกออกไปตั้งโต๊ะเท่านั้น ทุกอย่างที่ท่านซื้อมาส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารที่พัตชอบทั้งนั้น เยอะจนคิดว่าเราสามคนไม่น่าจะทานกันหมด
“เอางั้นก็ได้จ๊ะ” ผมค่อยๆทยอยยกอาหารไปตั้งโต๊ะซึ่งมีคุณแม่และพัตนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ที่จริงพัตเองก็ดื้อจะมาช่วยเหมือนกันแต่ผมสั่งไว้ไม่ให้เขาทำด้วยเพราะกลัวว่าจะบาดเจ็บขึ้นมาอีก พอตั้งโต๊ะทุกอย่างเรียบร้อยเราก็มานั่งทานข้าวด้วยกัน
“หืม ฝีมือน้องวินนี่อร่อยมากเลยนะคะ รู้อย่างนี้แม่ไม่ซื้อมาจากข้างนอกหรอก” ผมยิ้มรับกับคำชมของท่านเมื่อคุณแม่ลองทานอาหารที่ผมทำ
“อร่อยจนผมน้ำหนักขึ้นเลยล่ะครับ ทำให้ทานทุกวันเลยทั้งที่ผมบอกแล้วเชียวว่าให้ซื้อเอาก็ได้”
“แม่เห็นด้วยกับพัตนะจ๊ะ ถ้าเหนื่อยมากก็ไม่ต้องทำก็ได้ลูก หรือจะบอกคนที่บ้านทำมาส่งก็ได้นะ”
“ผมทำได้ไม่เหนื่อยเลยครับ...คุณแม่ทานเยอะๆนะ” ผมตักปลาช่อนลุยสวนที่ทำเองให้ท่านทานเพื่อที่ทั้งคู่จะได้ไม่ให้ความสนใจกับเรื่องทำอาหารของผม วันไหนผมทำได้ผมก็ทำ มันไม่ใช่เรื่องหนักหนาสาหัสอะไร แต่ถ้าผมเรียนหนักหรือมีงานดึกอันนั้นก็คงต้องเลี่ยงจริงๆ
“พัต...อย่าลืมทำทุกอย่างให้ถูกต้องเป็นขั้นเป็นตอนด้วยนะลูก” ในขณะที่เราทานข้าวเสร็จกันเรียบร้อยแล้วและเป็นช่วงเวลาของของหวานคุณแม่ก็เอ่ยบอกคนที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือ
“ครับแม่” คนที่ถูกเอ่ยเตือนเองก็ตอบรับเบาๆ ผมเองจึงพยายามไม่แสดงความสนใจจนออกนอกหน้าเพราะเป็นเรื่องของคุณแม่กับพัต ผมก็เพียงนั่งเงียบๆของตัวเองไป
“เอาไว้แม่จะมาหาใหม่นะจ๊ะ เดี๋ยวครั้งหน้าจะพาคุณพ่อมาด้วย” คุณแม่พูดขึ้นในขณะที่เราสองคนเดินมาส่งที่หน้าประตู ท่านกำชับว่าไม่ต้องลงไปส่งถึงที่รถแม้ว่าผมจะพยายามเกลี้ยกล่อมยังไงก็ตาม สุดท้ายแล้วเลยต้องยอมทำตามที่ท่านต้องการ
“ครับ ไว้ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่มาวินขออนุญาตทำอาหารให้ลองทานนะครับ”
“ได้เลยจ๊ะ แม่กับก่อนนะลูก...พัต ดูแลน้องวินดีๆนะจ๊ะ” คุณแม่เอ่ยย้ำกับอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆผม
“ครับ จะดูแลลูกแม่ให้ดีที่สุดเลย” คนร่างสูงตอบออกมาราวกับประชดหน่อยๆจนคุณแม่ต้องตีแขนลูกชายตัวเองเบาๆ
ร่างบอบบางขยับเข้ามากอดและหอมทั้งผมและพัตก่อนจากกันอีกที พอคุณแม่ไปแล้วเราก็เดินกลับเข้าห้อง ผมให้พัตเข้าไปอาบน้ำส่วนตัวเองก็เข้าไปจัดการกับถ้วยชามที่พึ่งทานเมื่อครู่ให้เรียบร้อย เสร็จแล้วเราต่างคนก็ต่างทำงานแล้วก็เข้านอนเมื่อเวลาล่วงเลยไปเกือบจะเที่ยงคืน
โดยที่คนตัวโตลากผมเข้าไปในอ้อมกอดอีกตามเคย จูบหน้าผากเสร็จก็ประทับริมฝีปากลงมาแล้วบอกฝันดี การกระทำที่ผมทุบเขาเบาๆแต่ก็ทำคืนเช่นเดียวกัน
จากนั้นเราก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปด้วยกัน...
TBC.
Talkคุณแม่พัตน่ารักมากๆเลยเนอะ ผ่านด่านบ้านนี้แล้วก็เหลือแต่บ้านนู้น พ่อวินเขาหวงลูกนะคะบอกไว้เลย มารอดูกันว่าพัตจะทำยังไง คิคิ
คราวนี้มาเร็วเพราะงั้นจงเม้นให้กับความน่ารักของคนแต่งซะดีๆ5555555555 ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และที่สำคัญที่สุดคือขอบคุณสำหรับคอมเม้นค่ะ
แล้วที่สำคัญญญญญญญญญญญญญญญญไปกว่าน้าน!
เข้าไปฟอลไปคุยไปฟินกับพัตวินในทวิตได้แล้วนะคะ>>>>@WWinnapat @PatKitipaisan เล้ยยยยยยย เย้ๆ
https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/