เล่ห์รักเทวาสวรรค์ บทที่49 บทส่งท้าย(จบ) ตอนที่24 (P.24วันที่ 1/12/58)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เล่ห์รักเทวาสวรรค์ บทที่49 บทส่งท้าย(จบ) ตอนที่24 (P.24วันที่ 1/12/58)  (อ่าน 197236 ครั้ง)

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
โฮววววว หยวนน้อยเสร็จเค้าแล้ว  :heaven :jul1:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9

ออฟไลน์ rule

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
เป็นนิยายจีนที่นายเอกเก่ง

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
นายเอกของเราตกเป็นของลู่เฟยโดยสมบูรณ์แบบแล้ว

แล้วนายเอกของเราจะท้องไหม

ฉากNCแต่งได้ดีมากๆ

แบบว่าคนอ่านอารมณ์มาเต็มเลย อิอิ

ออฟไลน์ shiroinu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
ใช้เวลาวันเดียวอ่านตามทัน อิอิ สนุกมากกกกกค่ะ รอตอนต่อไปปป > <

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
สุดท้ายก็ทั้งคืน สมกับอดอยากปากแห้งมานานนะลูเฟย จงหยวนน่าสงสาร ตื่นมาจะไข่ขึ้นรึเปล่าเนี้ย ครั้งแรกก็ยันเช้า สงสัยทบต้นทบดอก เพราะจะห่างกันและกว่าว่าหยวนน้อยของเราจะยอมอีกรึเปล่า ก็จัดหนักจัดเต็มแบบนี้ จะสงสารดีไหมน้อ แอบสงสารชาวบ้านที่ได้ยินเสียงค้างหวานๆทั้งคืน หยวนน้อยคงไม่ฟ้าเหลือนะ

ออฟไลน์ ikou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
ช่ำปอดเลยน่ะพี่เฟย 5555+
งานนี้หยวนน้อยมีสโพกคลากแน่ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lingfang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-0
บทที่ 35
ตอนที่ 9 เล่ม 2 พบเจอเมื่อสายเกินไป (P.9 วันที่23/9/58)
    
        เช้าวันรุ่งขึ้นลู่เฟยลุกออกจากที่นอนอย่างระมัดระวังมองดูร่างโปร่งบางที่หลับตาพริ้มด้วยความรัก ก่อนจะผละออกไปเตรียมน้ำอุ่นๆ ไว้ให้จิวชงหยวนอาบเพราะดูท่าทางคงไม่มีแรงลุกออกไปอาบน้ำเอง ถังน้ำใบใหญ่ที่ถูกเตรียมไว้ทางห้องอาบน้ำอย่างเรียบร้อย หลังจากที่เขาจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วจึงเดินกลับมาหาร่างโปร่งบางที่นอนหลับแล้วก้มลงจูบริมฝีปากที่เห่อแดงด้วยฝีมือของเขาเบาๆ
    “อื้อ” จิวชงหยวนครางตอบรับพร้อมดวงตาเรียวปรือขึ้นมามองก่อนจะหน้ามุ่ยเมื่อคนหื่นกามคร่อมอยู่บนร่างเขา
    “เช้าแล้ว อาบน้ำหน่อยนะ” เสียงนุ่มทุ้มและดวงตาอ่อนโยนที่ส่งมาพร้อมผละออกถอยให้เขาลุกขึ้นนั่ง
    “ซี๊ดดด” จิวชงหยวนเผลอครางเบาๆ กับความเจ็บช่วงล่าง ก่อนจะหันไปขวับไปค้อนให้คนที่หื่นกามเล่นฟัดกับเขาเกือบทั้งคืน ทว่าเจ้าตัวยังหน้าด้านมายิ้มให้เขาหงุดหงิดเล่นอีก
    “อย่ามองหน้าข้าอย่างนั้นสิ เมื่อคืนนี้เจ้ายังเร่งข้าแรงอีกแรงอีกอยู่เลย” จิวชงหยวนหน้าแดงหูแดงด้วยความอาย ก็ตอนเอามันมันส์ดีแต่ตอนนี้มันเจ็บโว้ย! ได้แต่บ่นในใจดวงตาเรียวมองคนหน้าด้านมาพูดเรื่องแบบนี้ตาแทบคว่ำ
    “ข้าพาเจ้าไปอาบเองดีกว่า” ลู่เฟยบอกด้วยรอยยิ้มเอ็นดูก่อนจะตวัดอุ้มร่างโปร่งบางที่เปล่าเปลือยอยู่แล้วเดินไปวางไปถังน้ำขนาดใหญ่ที่เตรียมเอาไว้ เรือนร่างที่สัมผัสกลับเรียกความปรารถนาของเขาอีกครั้ง รู้สึกว่าตั้งแต่เห็นเรือนร่างเต็มตัวของจิวชงหยวนความหื่นของเขาจะขึ้นระดับอย่างไม่รู้ตัว ทว่าสภาพน่าสงสารของเมียรักตอนนี้ได้แต่ฝืนกลืนความอยากจับกดร่างโปร่งบางลงไปไว้ในใจ
    “ข้าอาบเองได้” จิวชงหยวนหันไปบอกคนตัวโตกว่าอย่างอายๆ เพราะสายตาคู่นั้นทำให้ร้อนผ่าวไปทั่งร่าง ลู่เฟยยกยิ้มก่อนจะผละถอยออกไปทว่ากลับไปยืนกอดอกอยู่ห่างเขาเมตรเดียวเท่านั้น จิวชงหยวนกรอกตามองอย่างเซ็งๆ ในเมื่ออยากมองนักก็ตามใจ
    จิวชงหยวนพยายามอาบน้ำด้วยตัวเองทว่าความปวดร้าวตามร่างแทบทำให้กระดิกตัวไม่ไหว ช่องทางด้านหลังขยับทีน้ำตาแทบไหล ใบหน้างดงามนิ่วน้อยๆ แม้จะเจ็บแต่ก็พยายามไม่แสดงออกทางสีหน้า
    ลู่เฟยหยิบปิ่นหยกขึ้นมาถือเล่นแล้วมองคนที่อาบน้ำด้วยแววตาอ่อนโยน ความรักที่มีให้ร่างโปร่งบางมีมากมายนักแม้ชีวิตของเขาก็ยังให้ได้
    “ปิ่นหยกที่เจ้าให้ข้านับว่างดงามแล้ว แต่ยามนี้เจ้ากลับยิ่งงดงามกว่าปิ่นหยก” จิวชงหยวนเงยหน้าเหลือบตามองคนพูดด้วยใบหน้าหน้าแดงระเรื่ออย่างเขินอาย
    “น้ำเน่า” จิวชงหยวนตอบกลับอย่างเก้อเขิน หลบตาคมที่จ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา สายตาที่ส่งมาทำให้รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งร่างอีกครั้ง
    “ชงหยวน” เสียงเรียกจากทางหน้าบ้านทำให้จิวชงหยวนสะดุ้งสุดตัวก่อนจะครางแผ่วออกมาด้วยความเจ็บ หันขวับไปมองลู่เฟยที่ย่นคิ้วเหลือบตาไปทางหน้าบ้านอย่างไม่พอใจนิดๆ แต่ก็เดินออกไปรับหน้าก่อนที่จะเข้ามาเห็นเขาในสภาพนี้ เขามองตามลู่เฟยแล้วยกยิ้มบาง เพราะเหมือนเจ้าตัวก็ไม่อยากให้เสวี่ยอู่มาเห็นเขาสภาพนี้เช่นนี้
    จากนั้นจึงรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แม้จะเจ็บจนแทบขยับไม่ไหว แต่เขาไม่มีทางให้เสวี่ยอู่มาสงสัยในตอนนี้แน่ๆ เขาดึงลมปราณออกมาช่วยประคับประคองตัวเองไม่ให้ขายหน้าเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกไปหาเสวี่ยอู่ที่อยู่หน้าบ้าน เวลานี้อยู่ในช่วงเช้าและที่สำคัญเขาได้นอนไม่ถึงชั่วยามด้วยซ้ำไป
    “ชงหยวนเจ้าไปทำอะไรมาทำหน้าเหมือนคนไม่ได้นอนทั้งคืนเลย” เสียงที่เอ่ยทักพร้อมแววตาใสซื่อที่ถามมาแทบทำให้จิวชงหยวนสะดุดเท่าตัวเองล้ม
    “เรื่องของข้า เจ้ามีอะไรแต่เช้า” จิวชงหยวนหันไปมองคนถามตาดุ ใบหน้ายิ้มแย้มของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจนัก
    “เมื่อคืนข้าได้ยินเสียงแปลกๆ มาจากกระท่อมของเจ้า เลยว่าจะมาถาม...”
    แค่กๆๆ
    จิวชงหยวนที่กำลังนั่งจิบชาพ่นออกมาเต็มหน้าคนถามที่นั่งค้างอย่างตกใจไม่แพ้กัน ทว่าคนต้นเรื่องกลับนั่งนิ่งยกยิ้มบางอย่างน่าหมั่นไส้
    “แหวะ สกปรก เจ้าร้อนตัวอะไรหรือเปล่านี่” เสวี่ยอู่เช็ดหน้าตัวเองแล้วหันมาจ้องจับผิดคนงามที่หน้าแดงหูแดงไปหมดจนน่าสงสัย
    “เปล่าซะหน่อย ชาถ้วยนี้มันขมไปหน่อย” จิวชงหยวนแก้ตัวเสียงขุ่นแต่ตอนนี้สีข้างเขาคงผลอกไปหมดแล้ว
    “วันนี้พวกข้าจะเดินทางออกหมู่บ้านเจ้าจะยังไปด้วยหรือไม่” ลู่เฟยเอ่ยถามเสวี่ยอู่เพื่อเปลี่ยนเรื่องคุยและเหมือนเจ้าตัวจะพยักหน้ารับทันทีอย่างไม่เสียเวลาคิด
    “ไปสิ ว่าแต่พวกเจ้าจะไปที่ใดต่อ” เสวี่ยอู่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
    “ตำหนักธานตะวัน”
    แค่กๆๆ
    จิวชงหยวนเลิกคิ้วมองเสวี่ยอู่ที่สำลักน้ำชาใบหน้าแดงก่ำอย่างน่าสงสัย ดีแต่ว่าไม่พ้นใส่หน้าเขาคืน ดวงตาเรียวหันไปมองลู่เฟยที่คิ้วขมวดปมขึ้นไม่แพ้กัน เป็นไปได้ว่าคนตรงหน้ามีความสัมพันธ์กับคนพรรคธานตะวัน และหากเป็นเช่นนั้นก็ง่ายสำหรับเขาที่จะไปผูกมิตรด้วย
    “เจ้าจะไปทำไมที่นั่น” เสวี่ยอู่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนลน
    “ข้าแค่ไปหาพันธมิตรสร้างความสัมพันธ์ดีงามด้วย เพราะเจ้าน่าจะรู้จักชื่อเสียงจิวชงหยวนในเวลานี้ดี” จิวชงหยวนตอบกลับอย่างใจเย็น เสวี่ยอู่มีสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อยดวงตาคมมองพวกเขานิ่งๆ ก่อนจะบอกเสียงแผ่ว
    “หากเป็นเช่นนั้นข้าคงขอแยกทางจากพวกเจ้า”
    “ไม่ได้ เจ้าต้องไปกับข้าด้วย” จิวชงหยวนตอบกลับอย่างไม่เสียเวลาคิดหากคนตรงหน้าทำให้เขาเข้าตำหนักธานตะวันของฝ่ายธรรมะที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตำหนักของจ้าวยุทธภพอวี้เฟิ่งที่สามารถใช้กระบี่บินได้คนแรกในยุทธภพหลังจากมีข่าวเทพกระบี่ออกมา และทุกคนต่างคิดว่าเทพกระบี่ที่ปรากฏตัวเมื่อหนึ่งปีก่อนเป็นอวี้เฟิ่งแน่นอน
    “เจ้าเอาข้าไปไม่แน่อาจโดนกระบี่บินไล่ฟันหัวออกมานะสิ” น้ำเสียงอ่อยๆ ของเสวี่ยอู่ทำให้จิวชงหยวนมองตามอย่างครุ่นคิด
    “แล้วเจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับอวี้เฟิ่งล่ะ” ลู่เฟยเอ่ยถามเสียงนิ่งซึ่งจิวชงหยวนพยักหน้าอยากรู้ด้วยคน ใบหน้าหล่อเหลาเลิกลักครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มแหย
    “ข้า...ข้าเป็นสามีอวี้เฟิ่งอ่ะ”
    แค่กๆๆ
    จิวชงหยวนสำลักน้ำชาอีกครั้ง ดวงตาเบิกกว้างมองคนร่างโปร่งบางตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง แม้ใบหน้าจะดูหล่อเหลาแต่อย่างไรมันก็น่าจะเป็นฝ่ายรับมากกว่าไม่ใช่หรือไง ดวงตาเรียวหันกลับมามองลู่เฟยแล้วเบือนหน้าหนีมามองคนบอกว่าตัวเองเป็นสามีอีกครั้ง คนเรานี่ดูภายนอกไม่ได้จริงๆ
    “หากเป็นเช่นนั้นน่าจะง่ายขึ้นหากต้องการพบจ้าวตำหนัก” ลู่เฟยกล่าวตอบไม่ได้สนใจว่าใครผัวใครเมีย ทว่าเสวี่ยอู่ยกมือลูบหัวอย่างเก้อเขิน
    “มันก็ไม่ง่ายหรอกก็ในเมื่อตอนที่อวี้เฟิ่งเป็นเมียข้านั้นข้าวางยากำหมัดอีกฝ่ายจนไม่มีเรี่ยวแรงต่อสู้” น้ำเสียงอ่อยๆ ของเสวี่ยอู่ทำให้จิวชงหยวนเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน เจ้าบัณฑิตที่หน้าตาใส่ซื่อแต่วางยาปล้ำชาวบ้าน! น่าสะพรึงกลัว!
    “เสวี่ยอู่เจ้าชั่วร้ายมาก” จิวชงหยวนบอกเสียงสั่น ขยับตัวเข้าหาลู่เฟยอย่างหวาดหวั่น
    “แหม ข้าก็ไม่ได้ทำกับใครสักหน่อย หากเจ้าได้เห็นอวี้เฟิ่งที่งดงามและเย็นชาต้องตกหลุมรักเหมือนข้าแน่ๆ” คนพูดเริ่มทำตาลอยเหมือนจะหลงใหลอวี้เฟิ่งผู้นี้มากๆ จนจิวชงหยวนชักอยากเห็นตัวจริงแล้วสิ
    “แล้วหลังจากนั้นล่ะ” ลู่เฟยเอ่ยถามพร้อมมือหนากอดเอวบางเข้ามาใกล้ ซึ่งจิวชงหยวนที่กำลังตั้งใจฟังเสวี่ยอู่ถึงกับลืมตัวไปชั่วขณะ
    “เฮ้อ หลังจากอวี้เฟิ่งตื่นมากระบี่บินก็ไล่แทงข้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ดีแต่ว่าข้านั้นความเร็วเป็นเลิศเลยรอดตัวมาได้ทุกวันนี้ไงล่ะ” คำตอบของเสวี่ยอู่ทำให้จิวชงหยวนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจแล้วว่า ทำไมเสวี่ยอู่ถึงมีความเร็วติดตามเขาได้ทันเพราะท่าทางเจ้าตัวจะหนีกระบี่บินของอวี้เฟิ่งบ่อยๆ แต่จากที่ฟังเสวี่ยอู่บอกเล่ามาเหมือนเรื่องวุ่นวายจะตามมาหาเขาอีกอย่างไรอย่างนั้น
    จิวชงหยวนถอนหายใจอย่างเซ็งๆ มองคนที่ยิ้มแหย แล้วต้องถอนหายใจอีกครั้งเพราะหากเสวี่ยอู่ไปด้วยคงไม่พ้นกระบี่ไล่ฟันหัวเอาแน่ๆ
    “สรุปเจ้าจะแยกทาง” จิวชงหยวนเอ่ยถามย้ำเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ใบหน้าที่ดูใสซื่อครุ่นคิดไปชั่วครู่ก่อนจะถอนใจยาวตามเขาไปด้วย
    “ข้าเปลี่ยนใจแล้วไปง้อเมียด้วยดีกว่า” คำตอบที่ได้รับแทบทำให้จิวชงหยวนยกเท้ามากุมหน้าผากแทนมือเพราะปัญหาที่จะตามมาหาไม่พ้นเขาที่โดนหางเลขไปด้วยแน่ๆ คิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่จะให้เสวี่ยอู่ติดตามมาด้วย
    “ท่านหมอจิวแย่แล้วขอรับ” เสียงเด็กๆ ร้องเรียกพร้อมวิ่งเข้ามาหาเขาที่นั่งหน้ากระท่อมหลังเล็ก จิวชงหยวนหันไปเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจว่ามีอะไรแย่กว่าตัวปัญหาเสวี่ยอู่อีกหรือ
    “มีอะไรหรือ” ลู่เฟยเอ่ยถามเสียงเรียบ ปล่อยแขนออกจากเอวบางเมื่อดวงตาเรียวเริ่มหันมามองตาดุ
    “ตอนนี้มีคนสามคนมาขอพบท่านหมอขอรับ ชาวบ้านไม่ต้อนรับแต่คนผู้นั้นบอกว่ารู้จักท่านหมอจิวและได้บอกนามมาว่า เขาชื่อหมิงอี้ฟาน ขอรับ” เด็กน้อยวัยเก้าขวบปีบอกเสียงหนักแน่นดวงตากลมโตมองท่านหมอจิวที่ตอนนี้นั่งอึ้งไปกับข่าวที่ได้ยินแล้ว จิวชงหยวนเบือนหน้าไปมองลู่เฟยที่ส่งสายตาอำมหิตมาให้เหมือนจะเอ่ยถามว่ามันเป็นใคร
    “หยวนน้อยเจ้าแอบไปนอกใจข้ามาหรือ” คำถามพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนทว่าดวงตาที่ขุ่นมัวทำให้จิวชงหยวนกลืนน้ำลายลงคออย่างหวั่นๆ ใครจะคิดว่าเจ้าเด็กช่างตื้อนั่นจะตามเขามาถึงที่นี่
    “ข้าเปล่าซะหน่อย ข้าเจออี้ฟานก่อนเจ้าเสียอีก” จิวชงหยวนตอบกลับเสียงเรียบพยายามไม่ใส่ใจดวงตาขุ่นๆ ที่มองมา รอยยิ้มหวานของลู่เฟยเวลานี้เหมือนมันจะสยองชอบกลและไม่ใช่แค่เขาที่รู้สึกเพราะตอนนี้เสวี่ยอู่ขยับถอยห่างไปตามสัญชาตญาณ
    “ข้าว่าเราออกไปดูหน่อยเถอะ” จิวชงหยวนบอกพยายามไม่สนใจสายตาไม่พอใจของลู่เฟยลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหน้าหมู่บ้านแม้ตอนก้าวเดินจะทำให้เจ็บจนนิ่วหน้า ทว่าความเจ็บและแสบที่ได้รับแทบทำให้น้ำตาซึม แค่ลุกขึ้นไหวก็นับว่าเก่งแล้วแต่นี่ต้องมาทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนับว่างานหินสุดๆ สำหรับเขาในเวลานี้
    “เจ้าไหวไหม” ลู่เฟยที่มีสีหน้าไม่พอใจเพราะหึงหวงตอนนี้เหลือเพียงแค่ความห่วงใยให้กับร่างโปร่งบาง แม้คนอื่นจะไม่สังเกตเห็นแต่สำหรับเขาที่อยู่ด้วยกันมาตลอดหนึ่งปีพอจะเข้าใจนิสัยของจิวชงหยวนมากขึ้น
    จิวชงหยวนหันมามองคนเข้ามาจับมือเขาแล้วเม้มปากแน่น ถึงไม่ไหวก็ต้องไหว เพราะเขาไม่มีทางมาทำขายหน้าที่นี่แน่ เขาก้าวเดินไปต่อเหมือนไม่อะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งมาถึงกลางหมู่บ้านซึ่งมีกลุ่มคนสามคนนั่งอยู่บนโต๊ะไม้กลางหมู่บ้านและรอบๆ ก็มีชาวบ้านที่ยืนเหมือนคุมเชิงเอาไว้ ทว่าเมื่อเขาปรากฏตัวหมิงอี้ฟานก็ลุกขึ้นก้าวเดินมาหาเขาอย่างไม่สนใจสายตาทุกคนที่เฝ้ามอง
    “ในที่สุดข้าก็พบเจ้า” หมิงอี้ฟานกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ทว่าสำหรับสายตาเขาแล้วดูผิดปกติเหมือนไม่ใช่หมิงอี้ฟานคนเดิมที่เคยรู้จัก
    “เจ้าเปลี่ยนไป” หมิงอี้ฟานไม่ได้ตอบคำถาม ทว่าสายตาคมกลับไปหยุดนิ่งที่มือขวาของคนที่รักซึ่งบัดนี้มีมือหนาของใครบางคนกุมเอาไว้แน่น ดวงตาคมเงยหน้าเหลือบมองชายหนุ่มที่หล่อเหลาอีกทั้งแววตาคมกริบให้ความรู้สึกเย็นเยือกก็ทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้ พ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่ม แต่อย่าคิดว่าเขาจะยอมแพ้แค่นี้ขอแค่ให้จิวชงหยวนมองเห็นเขาบ้างสักนิดก็เพียงพอแล้ว
    “ข้ายังเป็นคนเดิม หัวใจข้ายังรักเจ้าเช่นเดิมมิเคยเปลี่ยน” น้ำเสียงจริงจังและแววตาแน่วแน่ของหมิงอี้ฟานทำให้จิวชงหยวนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มือหนาของลู่เฟยบีบมือเขาแน่นเหมือนจะบอกว่าหากปล่อยมือจากเขาเมื่อไหร่ได้มีการห่ำหั่นกันแน่ๆ เขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีไม่ต้องบอกว่าต่อไปนี้การเดินทางคงจะสนุกดีพึลึก
    “แหมๆ ชงหยวนเจ้านี่เสน่ห์แรงจริงๆ นะ แต่ข้าว่าเจ้าต้องทำใจหน่อยเพราะเหมือนเจ้าจะมาช้าไป” เสวี่ยอู่เดินลอยหน้าลอยตาขึ้นมาพร้อมเดินไปตบบ่าของหมิงอี้ฟานอย่างสนิทสนมและเหมือนหมิงอี้ฟานจะพอรู้จักกับเสวี่ยอู่ไม่น้อยเพราะยืนนิ่งไม่โต้ตอบอะไร ความเงียบของหมิงอี้ฟานทำให้เขารู้สึกแปลกๆ อาจเป็นเพราะยังไม่คุ้นชินไม่คิดว่าเจ้าเด็กน่าฆ่าคนนั้นจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้
    “อย่างน้อยเสน่ห์ข้าก็ใช้กับเจ้าไม่ได้ผลนี่” จิวชงหยวนตอบกลับไม่สะทกสะท้าน ซึ่งทำให้เสวี่ยอู่หัวเราะออกมาอย่างขำๆ
    “แหม เจ้านี่แค่ที่มีอยู่ก็สับเปลี่ยนไม่ทันแล้ว หากเพิ่มข้าไปอีกคนคงไม่ไหวหรอกกระมัง อีกอย่างหัวใจข้ามีอวี้เฟิ่งคนงามของข้าแล้ว” เสวี่ยอู่ตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน ทว่าตอนนี้ดวงตาคมของหมิงอี้ฟานเลิกคิ้วพันกันตีหน้ายุ่งก่อนจะเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ
    “ท่านว่าท่านอวี้เฟิ่งงดงามเช่นนั้นหรือ” คนถามทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกทำให้จิวชงหยวนมองอย่างสนใจ
    “อวี้เฟิ่งหน้าตาเป็นเช่นไรหรืออี้ฟาน” จิวชงหยวนเอ่ยถามเพราะไม่อยากได้ยินคำตอบจากเสวี่ยอู่ที่หลงใหลอวี้เฟิ่งจนมองไม่เห็นเป็นอื่นนอกจากงดงามอย่างเดียว
    “หากเจ้าไปเห็นก็จะรู้เอง” คำตอบที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยทำให้จิวชงหยวนรู้สึกอยากถีบคนอีกสักครั้งทว่าตอนนี้ร่างกายเขาไม่อำนวยได้แต่กัดฟันมองตามอย่างขัดใจเท่านั้น
    “เอ่อ... ในสายตาข้าท่านอวี้เฟิ่งนั้นหน้าตางดงามคมคายที่ไม่ว่าชายหรือหญิงยังต้องชายตาแลขอรับ เพียงแต่ท่านเย็นชาไปหน่อย” คำตอบที่ได้จากบุคคลที่สามทำให้จิวชงหยวนหันไปมองศิษย์น้องร่างเล็กของหมิงอี้ฟานอย่างพิจารณาซึ่งเขาจำได้ว่าชื่อจุ้ยซิง ใบหน้าที่ยิ้มละมุมทว่าดวงตากลับมีความเศร้าหมองหากไม่สังเกตจริงๆ ก็คงไม่เห็นข้อนี้ อีกคนที่ยืนนิ่งข้างๆ เป็นศิษย์พี่หนานจี้กงซึ่งเขาไม่ค่อยได้คุยด้วยนักเพราะพักอยู่ที่นั่นได้ไม่นาน
    “อืม เรื่องนั้นไว้ก่อนข้าจะออกเดินทางวันนี้ หากคาดไม่ผิดพวกเจ้าต้องตามข้าไปใช่หรือไม่” เพียงแค่เอ่ยปากทั้งสามคนรวมทั้งเสวี่ยอู่ก็พยักหน้ารับแข็งขัน จิวชงหยวนมองตามอย่างอ่อนใจ
    หลังจากที่ตกลงกันได้แล้วจึงได้กล่าวลาคนในหมู่บ้านกับแม่หมอที่บอกกับเขาว่าดวงชะตาเขาจะสูญเสียมิตรสหายในไม่ช้า ซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจได้แต่หวังว่าแม่หมอจะเดาผิดบ้าง และก่อนจากเขาได้มอบยารักษาอาการป่วยไข้ธรรมดาไว้ให้กับแม่หมอด้วยเช่นกัน
    การเดินทางกลับแผ่นดินใหญ่เร็วกว่ากำหนดจึงได้เริ่มขึ้นพร้อมผู้ติดตามที่ไม่คาดคิดรวมแล้วกว่าห้าชีวิต หวังว่าเวลามีศัตรูจะยังคงร่วมสามัคคีกันเหมือนเช่นตอนนี้นะ ไม่สิ ก็ตอนนี้ลู่เฟยกับหมิงอี้ฟานไปประลองกระบี่กันด้วยความหมั่นไส้ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ได้แต่หวังว่าไม่ฆ่ากันตายก่อนหรอกนะ
    “เจ้าไม่คิดไปห้ามพวกเขาหน่อยหรือ” จิวชงหยวนหันไปมองเสวี่ยอู่ที่เดินสะบัดพัดไปมาเหมือนสบายใจนักหนาทั้งๆ ที่ความจริงกำลังเอาคอไปให้ภรรยาเชือดถึงที่
    “ไม่ล่ะ ข้าว่าเจ้าน่าจะหัดออกกำลังไว้ก่อนนะ เมื่อไปถึงที่หมายคอจะได้ไม่หลุดจากบ่า” จิวชงหยวนตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก ทว่าคำตอบของเขากลับทำให้เสวี่ยอู่หน้าซีดทันทีเมื่อรู้ว่าเขาหมายถึงสิ่งใด อีกอย่างตอนนี้แค่เดินเขาก็แทบจะร้องไห้อยู่แล้วจะมีปัญญาไปห้ามพวกนั้นได้อย่างไร

  ขอบคุณทุกคอมเมนท์จ้า จุ๊บๆ  :3123:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9

ออฟไลน์ ikou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
ไม่ว่าใครจะว่ายังไง

คนที่งามที่สุดก็นายเอกของเราอยู่แล้ว

อี้ฟานโตขึ้นมากๆทั้งการคิดการอ่าน

ที่แม่หมอบอกว่าจะเสียสหายคือใครอ่าอยากรู้ๆ

ออฟไลน์ Zappp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านรวดเดียวจบเลย. ชอบเเนวนี้มากๆเลยค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
ขอให้แม่หมอทายผิดเถอะ สาธุๆ :call:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
เราติดเรื่องนี้หนักมากกกก
ตอนสอบเเบบอ่านไปตอนอ่านหนังตอนสลับกันอะ
ไปเจอในเด็กดี จากนั้นก็ตามธัญวลัย มาเจอในเล้าอีก รอเจ้าคะ งานดี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lingfang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-0
บทที่35
จ้าวตำหนักธานตะวัน
ตอนที่10เล่ม 2  (P.10 วันที่ 26/9/58)

        หลังจากใช้เวลานานกว่าหนึ่งสัปดาห์พวกเขาก็มาถึงแคว้นฉานซึ่งอยู่ทางตะวันออก ระหว่างทางไม่ได้ราบรื่นนักเพราะเจอคนของพรรคหมื่นพิษดักทำร้ายเช่นกัน ทว่าไม่ต้องทันถึงมือเขาก็ถูกพวกที่ติดตามจัดการเรียบ การเดินทางโดยมีคนติดตามมากขนาดนี้ทำให้จิวชงหยวนรู้สึกไม่คุ้นชินแม้แต่น้อย และรู้สึกน่ารำคาญเสียมากกว่า  เพราะยิ่งมากคนยิ่งมากความโดยเฉพาะสายตาฟาดฟันระหว่างลู่เฟยกับหมิงอี้ฟาน แม้เจ้าตัวจะไม่ใจร้อนวู่วามเหมือนเมื่อก่อนแต่ใช่ว่าจะยอมแพ้ง่ายๆ
    “บนยอดเขาตรงนั้นเป็นตำหนักของพรรคธานตะวัน” เสวี่ยอู่หันมาบอกกล่าวระหว่างพักกินข้าวตอนกลางวันใต้ร่มไม้ จิวชงหยวนเงยหน้ามองไปตามนิ้วเรียวที่ชี้บอก การที่เขาดั้นดนมาถึงที่นี่ก่อนเป็นอันดับแรกเพราะชื่อเสียงของอวี้เฟิ่งนับว่าเป็นที่หวาดกลัวของยุทธภพไม่น้อย
    พรึบ!
    ระวัง!
    จิวชงหยวนตะโกนบอกพร้อมเงาดับนับสิบสายพุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว จิวชงหยวนเอนหลังหลบคมดาวกระจายที่พุ่งเข้าหาด้วยความเร็ว
    เคร้ง เคร้ง เคร้ง...
    เสียงปะทะของทุกคนดังขึ้นเมื่อนักฆ่ามือดีพุ่งเข้ามาหาอย่างมีกระบวนท่าและรวดเร็วดุจสายลม ทว่าทุกคนต่างพุ่งเป้ามาที่เขาอย่างไม่ต้องนัดหมาย ลู่เฟยเข้ามาปกป้องได้ทันท่วงที หมิงอี้ฟานเองก็ไม่ได้น้อยหน้าสองคนต่างโอบล้อมเขาอย่างระมัดระวัง
    เปรี๊ยะ!
    กระบี่สองเล่มประทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดประกายไฟ จิวชงหยวนหลบการโจมตีดาวกระจายพร้อมด้วยเข็มพิษที่พุ่งเข้าหาด้วยความเร็ว
    ฉัวะ!
    จิวชงหยวนเบิกตากว้างมองหมิงอี้ฟานที่เอาตัวเองมารับดาวกระจายอย่างตกใจ เพราะเมื่อครู่เห็นพัวพันกับนักฆ่าสองคนอยู่ไม่คิดว่าจะเข้ามาเร็วขนาดนี้
    “งี่เง่า” ลู่เฟยด่าให้คนที่เอาตัวมาขวางทางให้จิวชงหยวน พร้อมกระบี่ในมือต้านรับมีดสั้นของศัตรูป้องกันให้หมิงอี้ฟานได้อย่างคล่องแคล่ว
    จิวชงหยวนเรียกกระบี่ออกมาต้านรับมองคนที่ตำหนิหมิงอี้ฟาน ทว่ากลับช่วยป้องกันให้อย่างจริงใจแล้วนึกขำไม่ได้ เหลือบไปมองเสวี่ยอู่ก็ทำให้หายห่วงไปได้เพราะเจ้าตัวหลบได้เร็วจริงๆ อีกทั้งสองศิษย์ที่ติดตามหมิงอี้ฟานก็ไม่ได้ทำให้เสียชื่อพรรคหยกขาวแต่อย่างไร
    เคร้ง เคร้ง
    ตูม!
    จิวชงหยวนใช้กระบี่รับอยู่สิบกระบวนท่าก่อนจะจะใช้ฝ่ามือซัดเข้ากลางอกของนักฆ่าผู้หนึ่งจนกระเด็นไกล ทว่าเพียงไม่นานพวกเขาก็คุมสถานการณ์ไว้จนหมดทว่ายังไม่ทันได้สอบปากคำพวกมันก็ด่วนปลิดชีพตัวเองเสียก่อน เขาวิ่งไปจับชีพจรหวังจะยื้อชีวิตของพวกมันไว้สักคนเพื่อสอบถามความจริงทว่ายาพิษที่พวกนี้อมไว้นั้นนับว่าร้ายแรงจนไม่อาจยื้อไว้ได้ทัน
    “จากที่ข้าดูพวกนี้ไม่ใช่พรรคไผ่เขียวสำนักนักฆ่า แต่มาจากพรรคโลหิตมาร เจ้าไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้” เสวี่ยอู่เอ่ยปากถาม โดยมือโบกพัดไปมาพร้อมชะโงกมองหน้านักฆ่าที่ตายเกลื่อนรอบบริเวณนั้น จิวชงหยวนเงยหน้ามองอย่างแปลกใจว่าเจ้าตัวรู้ได้อย่างไร
    “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นคนพรรคโลหิตมาร”
    “กระบวนท่าที่ใช้เมื่อครู่นี่ไง” เสวี่ยอู่ตอบกลับเหมือนเรื่องธรรมดา จิวชงหยวนเหลือบตามองคนพูดอย่างครุ่นคิดและสงสัยมากขึ้นว่าบัญฑิตทรงปัญญาอย่างเสวี่ยอู่จะรอบรู้เรื่องยุทธภพทุกเรื่องเลยหรืออย่างไร
    จิวชงหยวนลุกขึ้นยืนหันไปมองหมิงอี้ฟานที่ยืนหน้านิ่งๆ ทั้งๆ ที่ร่างกายกำลังโดนพิษจากดาวกระจาย เขาเดินเข้าไปหาแล้วจับแขนอีกฝ่ายขึ้นมาดู จากนั้นจึงช่วยทำแผลให้และยาแก้พิษให้กินโดยมีลู่เฟยมองตามอย่างไม่พอใจ ทว่าคนที่ทำให้เขาแปลกใจคือหนุ่มน้อยน่ารักนามจุ้ยซิงที่มองหมิงอี้ฟานด้วยความรักและห่วงใย แต่กลับไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้และเจ้าตัวเหมือนจะบาดเจ็บเช่นกัน หลังจากที่ทำแผลให้หมิงอี้ฟานเสร็จแล้วจึงเดินเข้าไปหาศิษย์น้องหมิงอี้ฟานพร้อมช่วยรักษาบาดแผลให้
    “ข้าไม่เป็นไรขอรับ”
    “แผลกายนั้นรักษาง่าย แต่แผลใจนั้นต้องใช้เวลา” จิวชงหยวนบอกเสียงเรียบโดยไม่ได้มองหน้าคนร่างเล็กที่ยืนตัวแข็งทื่อไปกับคำพูดของเขา และเขาพูดให้ได้ยินเพียงแค่สองคนเท่านั้นหลังจากเสร็จแล้วจึงถอยห่างออกมา
    “เรารีบเดินทางกันเถอะ” จิวชงหยวนหันไปบอกทุกคนก่อนจะเริ่มเดินขึ้นยอดเขาซึ่งตำหนักธานตะวันอยู่ที่นั่น  ลู่เฟยขยับมาเดินข้างๆ เขาดวงตาคมกริบที่มองมานั้นทำให้เขายกยิ้มบางพร้อมยื่นลูกกวาดที่แวะซื้อในเมืองให้คนข้างตัว
    “ของหวานจะช่วยให้อารมณ์ดี”
    “ใครอยากได้ลูกกวาดเล่า” ลู่เฟยตอบกลับอย่างงอนๆ แต่ก็รับลูกกวาดสีหวานเข้าปากพร้อมหันหน้าหนีอย่างงอนๆ จิวชงหยวนมองคนตัวโตที่ขี้งอนอย่างนึกขำ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขารู้สึกเอ็นดูและน่ามองก็ไม่รู้และตั้งแต่คืนนั้นลู่เฟยที่ชอบหื่นกามก็ทำได้แค่จับมือเขาเท่านั้น มือเรียวยื่นไปจับมือหนาเอาไว้อย่างง้อนิดๆ ซึ่งเจ้าตัวก็เหลือบตามองแล้วยกยิ้มบางอย่างดีใจ ใบหน้าและหูแดงเล็กน้อยพร้อมกระชับมือหนามากขึ้นความอบอุ่นที่ส่งมาทำให้เขารู้สึกสบายใจมากขึ้น
    หมิงอี้ฟานที่เดินตามจิวชงหยวนมาเงียบๆ ได้แต่มองตามมือเรียวบางที่ถูกกุมมือไว้แน่นด้วยความอิจฉา หัวใจเจ็บปวดรวดร้าวระบมจนแทบก้าวเดินต่อไปไม่ไหว ที่ว่างของหัวใจของจิวชงหยวนไม่มีให้เขาได้ก้าวเข้าไป ตำแหน่งข้างกายไม่หลงเหลือให้เขาอีกแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของเขาถึงได้ยอมเจ็บปวด ยอมแม้แต่เป็นคนนอกสายตาขอแค่ได้อยู่เคียงข้างและปกป้องก็พอแล้ว
     เสวี่ยอู่ที่เดินรั้งท้ายมองดูทุกคนแล้วส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ รักสามเส้าช่างน่าสงสารนัก แต่ก็อย่างว่าเรื่องของความรักนั้นหักห้ามกันไม่ได้ อีกทั้งเรื่องของเขายังเอาตัวไม่รอดจะไปช่วยผู้ใดได้ เป็นคนเก่งกาจมีชื่อเสียงขจรไกลแต่กลับพ่ายแพ้ให้ภรรยาที่งดงามแต่เย็นชา แต่วันนี้คงต้องไปง้ออย่างจริงจังแล้วสิ ไม่เช่นนั้นคงมีใครวางแผนมาสู่ขออวี้เฟิ่งของเขาคงอกแตกตายแน่ๆ
    
    ณ เวลานี้จิวชงหยวนถึงกับยืนอึ้งอย่างตกตะลึงและคาดไม่ถึงกับภาพตรงหน้า ดวงตาเรียวมองเสวี่ยอู่ที่หน้าซีดกอดขาจ้าวยุทธภพอวี้เฟิ่งด้วยน้ำตานองหน้า สาบานได้ว่านั่นเป็นวิธีขอคืนดีกับเมียของเสวี่ยอู่เห็นแล้วทำไมรู้สึกแปลกๆ ชอบกล แต่ที่ทำให้เขาตื่นตะลึงเพราะความงดงามที่เสวี่ยอู่กล่าวถึงนี่มันโคตรหล่อเลยถึงจะหล่อน้อยกว่าลู่เฟยก็เถอะแต่นับว่าสาวๆ ต้องแล สงสัยท่าทางสายตาเสวี่ยอู่จะมีปัญหาจนน่าเห็นใจ มองเห็นคนร่างสูงหนาและใบหน้าคมคายขนาดนี้งดงามได้อย่างไร
    “ปล่อยขาข้าเดี๋ยวนี้นะเสวี่ยอู่” เสียงเย็นเยือกพร้อมลากขาตัวเองออกจากมือตุ๊กแกของเสวี่ยอู่ใบหน้าคมคายนั้นฉายแววหงุดหงิด ทว่าใบหน้าและใบหูกลับแดงระเรื่ออย่างอายๆ
    “เมียจ๋า ยกโทษให้ข้านะ” คำเรียกขานของเสวี่ยอู่ทำให้กระบี่ลมปราณสีส้มเรืองรองผุดขึ้นฟาดเข้าหาร่างโปร่งบางจนเจ้าตัวพลิ้วไหวหลบไปด้วยความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
    “ใครเมียเจ้าไปตายซะ!” น้ำเสียงหงุดหงิดและดวงตาวาววับอีกทั้งกระบี่บินไล่ฟันเสวี่ยอู่อย่างเอาเป็นเอาตาย จิวชงหยวนยกมือลูบหัวมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกๆ แม้จะถูกต้อนรับทว่าหลังจากที่อวี้เฟิ่งเห็นเสวี่ยอู่เหตุการณ์ก็เป็นดั่งเช่นที่เห็น ในเวลานี้
    “เชิญพวกท่านไปที่พักที่ห้องก่อนขอรับเพราะคงอีกนานกว่าท่านประมุขจะกลับมาขอรับ” คนสนิทของอวี้เฟิ่งบอกกล่าวเชื้อเชิญพร้อมพาไปยังห้องพักสำหรับแขก บรรยากาศที่นี่ดูร่มรื่นไม่น้อย
    ตูม!
    เสียงการโจมตีของทั้งคู่ดังมาให้ได้ยินเป็นระยะๆ จิวชงหยวนหันไปมองเส้นแสงที่ทั้งคู่หายไปพร้อมยืนไว้อาลัยเสวี่ยอู่ให้ยังมีหัวตั้งอยู่บ่นบ่าเช่นเดิม
    “พวกเขาตีกันบ่อยหรือ” หนานจี้กงที่เดินเงียบมาตลอดทางเอ่ยถามคนสนิทของอวี้เฟิ่งด้วยความสงสัยใคร่รู้ ซึ่งคนนำทางได้แต่ยิ้มแหยแล้วบอกเสียงเบา
    “นั่นเป็นเรื่องปกติของทั้งคู่ขอรับ แต่ไม่เห็นจะฆ่ากันจริงๆ สักที เดี๋ยวไม่นานก็คงกลับมาสนทนากับพวกท่านเองขอรับ” คนนำทางบอกกล่าวก่อนจะโค้งหัวให้ถอยกลับไป จิวชงหยวนเดินไปนั่งโต๊ะรับแขกพร้อมรินน้ำชาให้ลู่เฟยกับหมิงอี้ฟานตามมารยาท
    “เหตุการณ์เป็นเช่นนี้เจ้าว่าเราจะคุยกับเขารู้เรื่องไหม” ลู่เฟยรับน้ำชามาดื่มพร้อมนั่งลงข้างกาย ตามมาด้วยคนอื่นๆ ที่นั่งจิบชารอจ้าวตำหนักไปพลางๆ
    “ไม่รู้เหมือนกันแต่จากที่รับรองเราขนาดนี้น่าจะรู้เรื่องอยู่มั้ง” จิวชงหยวนตอบกลับอย่างสบายๆ เพราะดูท่าทางและกิริยาเมื่อครู่นี้แล้วพวกเขาก็น่าจะรักกันดี คิดว่านะ ไม่เช่นนั้นเสวี่ยอู่คงไม่มีชีวิตมาทำหน้าซื่อตาใสแต่เจ้าเล่ห์เกินคนต่อหน้าเขาได้หรอก
    “สายของข้าบอกว่าคนของพรรคพยัคฆ์คำรนกำลังมุ่งหน้ามาแคว้นฉาน คงหมายจะปลิดชีพเจ้าโดยเฉพาะ ข้าได้ยินเรื่องพยัคฆ์คำรนตามหาเจ้ามานานไม่คิดว่าจะเป็นจิวชงหยวนคนที่ข้ารู้จัก” คำกล่าวของหมิงอี้ฟานทำให้จิวชงหยวนนิ่งงันไป คิ้วขมวดมุ่นนึกถึงพรรคพยัคฆ์คำรนพรรคที่หมายสังหารเขาตั้งแต่วันที่สองที่มาเหยียบโลกใบนี้
    จากวันที่เขาฆ่าต้าหลงในวันนั้นกลับสร้างความบาดหมางมายาวนานถึงเพียงนี้ แต่หากไม่ทำก็เป็นเขาเองที่ต้องตายตก มือขาวเนียนที่ช่วยชีวิตผู้คนมามากแต่กลับแปดเปื้อนเลือดคนชั่วมามากเช่นกัน แม้ภายนอกเขาจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทว่าใครจะรู้ว่าในใจเขาเจ็บปวดมากแค่ไหน และส่วนมากเขาจะใช้ยาสลบแบบรุนแรงพร้อมหลบหนีมามากกว่า ถึงทำให้ปัจจุบันมีศัตรูเพิ่มขึ้นมากทุกวัน
    “ข้าเคยสังหารต้าหลงอดีตองค์รักษ์ฝ่ายซ้ายของประมุขพยัคฆ์คำรน แต่หากข้าไม่ทำเช่นนั้นข้าก็คงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้ได้” จิวชงหยวนบอกเสียงเรียบพร้อมกรอกชาในถ้วยลงคออีกครั้ง
    “ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ยุทธภพนี้ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอด” ลู่เฟยยืนมือมาจับมือเรียวเอาไว้อย่างปลอบประโยนหัวใจ จิวชงหยวนเหลือบตามองเล็กน้อยก่อนจะดึงมือกลับอย่างเก้อเขินเมื่อเห็นสายตาสามคู่มองมาที่พวกเขา
    “ทำอะไรเกรงใจข้าบ้างสิ แค่นี้ข้าก็แทบกระอักโลหิตตายอยู่แล้ว” หมิงอี้ฟานบอกเสียงเรียบ ดวงตาฉายแววเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน ลู่เฟยเพียงแค่ยักไหล่อย่างไม่สนใจ จิวชงหยวนยิ้มแหยมองคนอกหักอย่างไม่รู้จะปลอบโยนอย่างไรดี ทว่าเมื่อมองคนร่างเล็กกว่าตนก็ได้แต่ถอนหายใจยาวเพราะหมิงอี้ฟานเองก็ไม่ได้มองคนข้างตัวเองเลยเช่นกัน เรื่องของความรักนี่มันสั่งหัวใจไม่ได้จริงๆ
    
    อวี้เฟิ่งมองคนหลบได้เร็วยิ่งกว่าลิงอย่างหงุดหงิด ยิ่งนานวันเจ้าตัวยิ่งเร็วกว่าเขาเป็นสิบเท่า ใบหน้าคมคายมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าเพราะความเหนื่อยแต่ยังไม่สามารถเอาเลือดชั่วๆ ของเสวี่ยอู่ออกมาได้เลยสักนิดจนน่าเจ็บใจกับความอ่อนหัดของตัวเอง มือขวาสะบัดกลางอากาศพร้อมกระบี่บินหายไป ตอนนี้เขาเหนื่อยจนไม่มีอารมณ์จะไล่ฟันคนเจ้าเล่ห์อย่างเสวี่ยอู่แล้ว เห็นใบหน้าใสซื่อนั่นมันลวงโลกชัดๆ ไม่เช่นนั้นเขาไม่ตกเป็นเมียของเจ้านั่นหรอก ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจไม่หาย
    “เมียจ๋า เหนื่อยแล้วหรือ” เสียงหวานๆ พร้อมชะโงกหน้ามาจากหลังต้นไม้ ทำให้อวี้เฟิ่งคิ้วกระตุอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจยาวอย่างเบื่อหน่ายเพราะทุกครั้งที่จบลงก็คือเขาเป็นคนวางมือเองเพราะเสวี่ยอู่ไม่เคยตอบโต้เขาสักครั้งเดียว มีดีได้แค่หลบไปมาจนน่าหงุดหงิดเท่านั้น
    อวี้เฟิ่งกอดอกยืนมองคนที่ค่อยๆ ชะโงกออกมาทั้งตัวพร้อมก้าวเข้ามาหาเขาอย่างกล้าๆ กล้วๆ ความจริงก็อยากจะพูดคุยให้รู้เรื่องรู้ราวไปเลย ครั้งแรกยอมรับว่าโกรธมากจนแทบฆ่าคนเจ้าเล่ห์อย่างเสวี่ยอู่ทว่าไปๆมาๆ หลายครั้งกลับทำให้เขาคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด
    “เจ้าไม่เห็นข้าหนึ่งเดือน เจ้าไม่คิดถึงข้าบ้างหรือ” เสวี่ยอู่เดินเข้ามาพร้อมเอ่ยถามด้วยใบหน้าน่าสงสาร ทว่าสำหรับอวี้เฟิ่งมันน่าโดนถีบสักทีสองที
    “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าเองก็คิดถึงข้า แต่ไม่กล้าจะบอกข้าใช่ไหมล่ะ” อวี้เฟิ่งมองคนที่มาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วขมวดคิ้วมุ่น ท่าทางคนตรงหน้าเขาสายตาจะมีปัญหาจริงๆ ถึงมองเขางดงามและยังไม่พอยังมองว่าเขาคิดถึงเจ้าตัวอีก ไหนๆ หมอเทวดาจิวชงหยวนก็มาเยือนถึงที่แล้วคงต้องให้ผ่าตัดดวงตาของเสวี่ยอู่ดูบ้างแล้ว และเป็นไปได้เขาอยากให้ผ่าสมองดูด้วยข้างในของใบหน้าปัญญาอ่อนนี่คิดออะไรอยู่กันแน่
    “เจ้าโกรธข้าหรือ แต่ข้าชอบเจ้าจริงๆ นะ ต่อให้ตายข้าก็ต้องทำให้เจ้ารักข้าให้ได้” อวี้เฟิ่งมองคนพูดแล้วทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะหันหลังหนีคนตรงหน้าพร้อมเดินกลับพรรคอย่างไม่สนใจคนร่างโปร่งบางที่ยืนมองเขานิ่งๆ แต่ก็นิ่งได้ครู่เดียวเท่านั้นเพราะตอนนี้เจ้าตัววิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาจนต้องหยุดเดิน
    “หลีกไป” อวี้เฟิ่งบอกเสียงเรียบ ดวงตาคมมองคนร่างโปร่งบางที่เขารู้ดีว่าภายในไม่ได้ผอมแห้งอย่างที่คิด อีกทั้งสวนนั้นมันใหญ่จนทำให้เขาลุกไม่ขึ้นเชียว แต่เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าและใบหูกลับแดงก่ำ ไม่นะ นี่เขากำลังคิดบ้าอะไรอยู่
    “เจ้าไม่สบายหรือ ทำไมหน้าแดงจัง” เสวี่ยอู่เอ่ยถามพร้อมยื่นหน้ามาใกล้ มือเรียวยกขึ้นแตะหน้าผากอวี้เฟิ่งอย่างเป็นห่วงจนเขาต้องเบือนหน้าหนี
    “กลับได้แล้วคนอื่นรออยู่” บอกเสียงเรียบก่อนจะเดินนำไป ทว่ากลับหยุดชะงักเมื่อมือเรียวยึดข้อมือเขาแน่น ดวงตาคมหันไปมองคนที่ร่างเล็กกว่าตนเองอย่างขัดใจ ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจเมื่อคนร่างโปร่งบางเกี่ยวคอเข้าโน้มลงจูบปากอย่างไม่ขออนุญาต รสจูบที่ร้อนแรงและอ่อนหวานทำให้เขาเผลอจูบตอบกลับอย่างลืมตัวอาจเป็นเพราะเขาคุ้นเคยกับริมฝีปากเรียวบางนี้ แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้กินยาอะไรอย่าหวังว่าจะได้รุกเขาเลย มือหนากอดเอวบางเข้าหาตนพร้อมบดขยี้จูบตอบจนเสวี่ยอู่ครางแผ่วออกมาอย่างลืมตัวเช่นกัน
    “นี่เมียคิดจะกดข้าจริงๆ หรือ” เสวี่ยอู่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มบางเมื่อตอนนี้ตัวเองโดนกดแนบกับต้นไม้ใหญ่
    “ข้าแค่จะเอาคืน” อวี้เฟิ่งตอบกลับแล้วยกยิ้มบางที่ทำให้คนมองตามหัวใจเต้นระรัวอย่างดีใจ ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ทำให้คนฟังหัวใจกระตุก
    “เพราะข้ารักเจ้าหรอกนะถึงได้ยอมเจ้า แต่ไม่ใช่ตรงนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่ามีแขกมาพบ” อวี้เฟิ่งมองคนพูดอย่างไม่ไว้ใจแม้คำว่ารักจะทำให้หัวใจสั่นไหวแต่ความเจ้าเล่ห์ที่เขารู้ดี ทำให้หวาดระแวงเช่นกัน
    “คิดจะวางยาข้าอีกหรือไง” อวี้เฟิ่งเอ่ยถามเสียงเรียบก่อนจะผละออกมาเพราะตอนนี้ไม่มีอารมณ์ต่อแล้ว ซึ่งเสวี่ยอู่ก็เดินตามมากอดแขนข้างขวาอีกฝ่ายอย่างไม่สะทกสะท้านกับดวงตาคมๆ ที่มองมา
    “เปล่า สัญญาแล้วไง แค่เจ้ามีแต่ข้า รักข้าจะให้เป็นผัวหรือเป็นเมียสำหรับข้าไม่มีปัญหาหรอก แค่มีเราสองคนก็พอแล้ว” อวี้เฟิ่งเบือนหน้าหนีด้วยความอาย หากเป็นเช่นดังที่เสวี่ยอู่กล่าวมาจริง เขาก็คงตกหลุมรักคนข้างตัวนี้เข้าแล้วล่ะ
     “เจ้าคงรู้ว่าจิวชงหยวนมาหาเจ้าทำไม” น้ำเสียงจริงจังที่นานๆ ทีจะได้ยินจากคนข้างตัวทำให้อวี้เฟิ่งเหลือบตามองเล็กน้อยแล้วครางรับในลำคอเบาๆ
    “อืม”
    “เจ้าคิดจะช่วยเขาไหม” อวี้เฟิ่งมองนิ่งไปข้างหน้านึกไปถึงหมอเทวดาจิวชงหยวนใบหน้าที่งดงามจนสะดุดตา แต่ที่เขายอมต้อนรับเพราะชื่อเสียงของหมอเทวดาหน้าหวานที่รักษาผู้คนไปทั่วหล้าต่างหาก และเขาคิดว่าน่าจะเป็นคนเดียวกันกับคนที่มาหาเขาในวันนี้
    “เจ้าน่าจะรู้จักพรรคธานตะวันดีไม่ใช่หรือไง” อวี้เฟิ่งตอบกลับเสียงเรียบ คนข้างตัวพยักหน้ารับรู้เขาจึงหยุดนิ่งหันมามองอย่างจริงๆ จังๆ
    “แล้วเหตุใดเจ้าถึงเดินทางมากับคนผู้นั้น”
    “เจ้าหึงข้าหรือดีใจจัง” น้ำเสียงที่เปลี่ยนเป็นร่าเริงและแววตาแพรวพราวทำให้อวี้เฟิ่งถอนหายใจยาวแล้วก้าวเดินหนีอีกครั้ง คิดผิดจริงๆ ที่คิดว่าจะคุยกับเสวี่ยอู่รู้เรื่อง...


      ขอบคุณทุกคอมเมนท์และทุกกำลังใจมากนะคะ ดีใจมากเลยที่อย่างน้อยก็มีคนชอบเรื่องนี้ ขอบคุณมากจ้าขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ  :3123: :L1:

ออฟไลน์ jamesnaka

  • วิหคเหมันต์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9

ออฟไลน์ Nighttime

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เพราะรักเท่านั้น จะรุกจะรับ ก็พร้อมเพราะรักได้ใจเลยค่

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
อ่านตอนนี้แล้ว

ตอนที่อวี้เฟิ่งปรากฏตัวนึกว่าเมะซะอีก

แต่ทำไมโดนเสวี่ยอู่ชายผู้บอบบางจับกดซะได้

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1251
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ขำแบบโพดโพ เข้าข่ายรุกรับสลับ(ทำ)รัก

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
อืม นายเอกผมกำลังจะเป็นศึกครั้งใหญ่ ถ้าไม่มคนช่วยก็แย่พอดูนะ แล้วจะสร้างมิตรได้ไหมเนี้ย

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด