เล่ห์รักเทวาสวรรค์ บทที่49 บทส่งท้าย(จบ) ตอนที่24 (P.24วันที่ 1/12/58)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เล่ห์รักเทวาสวรรค์ บทที่49 บทส่งท้าย(จบ) ตอนที่24 (P.24วันที่ 1/12/58)  (อ่าน 197517 ครั้ง)

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ขอให้จุ้ยซิงได้เจออี้ฟานไวๆนะ

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
มาให้กำลังใจจ้า

นึกว่าลืมเล้าไปแล้ว

มารอทุกวันเลยนะ

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
อ้ากกกกก ยังคงหน่วง จัดการเรื่องในวังให้เรียบร้อยนะครับ องค์ชายเจ็ดที่นักของผมล่ะ

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
โห่ มาทีอ่านจุใจมากๆๆ
ชงหยวนสู้ๆ ว่าแต่ลูกผิงเอ๋อร์ไปอยู่ไหนเนี่ย

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
สนุกมากกกก มากกกกกๆๆๆๆ รู้สึกดีใจมากที่กดเข้ามาอ่านไม่ยอมข้ามไป  :hao5:

ออฟไลน์ armize

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ ศตรัศมี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุกมากๆครับ เหมือนได้นั่งดูหนังจีนฟอร์มยักษ์เด็ดๆเรื่องนึงเลย

ออฟไลน์ lingfang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-0
 บทที่45ความวุ่นวายในวังหลวง
เล่ม 2 ตอนที่20 (P.20วันที่ 15/11/58)

        ทั้งสามคนได้เดินทางกลับเมืองลั่วหยาง วันที่เจ็ดก็เข้าเขตเมืองหน้าด่านเพราะไม่ได้ใช้ม้าเร็วในการเดินทางอีกทั้งรักษาผู้คนระหว่างทางมาด้วยทำให้ล่าช้ากว่าปกติ แต่ก็ถือว่าสะดวกสบายไม่ต้องระแวงว่าจะมีใครส่งนักฆ่ามาอีก การกลับมาเมืองลั่วหยางในครั้งนี้ทำให้จิวชงหยวนรับรู้ว่าฮ่องเต้ได้สละราชบัลลังก์แต่ยังคงเป็นความลับจนกว่าจะถึงเวลาเหมาะสม แต่สิ่งที่ทำให้ตกใจไม่น้อยคือองค์ชายสามก่อกบฏเป็นคนแรก คนที่เก็บตัวเงียบๆ มีมารดาเป็นเพียงแค่ตำแหน่งไฉเหรินเท่านั้น
    
        “ข้าพาเจ้าเข้าวังนะ หัดตื่นเต้นบ้างสิ”
    
         จิวชงหยวนหันกลับไปลากลูกศิษย์ที่เผลอเมื่อไหร่ต้องเหม่อลอยจนน่าห่วง เวลาคงจะช่วยเยียวยาเช่นเดียวกับเขา ที่ไม่อาจหยุดทุกอย่างเพียงแค่ความเสียใจเท่านั้นชีวิตยังต้องก้าวเดินต่อไปและหน้าที่สำคัญของเขาในเวลานี้คือรักษาคนมากกว่าการฆ่า
    
       “ข้าตื่นเต้นขอรับอาจารย์ ข้าเกิดมาเพิ่งเคยเห็นวังหลวงเป็นครั้งแรก”
    
        ใบหน้าน่ารักหันกลับมาตอบแต่ดวงตาไม่ได้ดูตื่นเต้นตามที่เจ้าตัวบอก จิวชงหยวนส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เห็นทีคงต้องหาอะไรให้ทำจนไม่มีเวลามาเหม่อลอยเช่นนี้ และเขายังต้องเอายาคลายเครียดให้กินจนกว่าจะแน่ใจว่าจะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิม
    
        ทว่าขณะที่ทั้งสามคนผ่านประตูเข้ามาเขตในได้แล้ว ก็เกิดความโกลาหลขึ้นภายในวังหลวงทหารวิ่งกันไปมาอย่างน่าตื่นตระหนก ลู่เฟยกระชากร่างของขันทีผู้หนึ่งไว้ซึ่งเจ้าตัวหันมามองแล้วเบิกตากว้างพร้อมก้มลงคุกเข่าด้วยอาการสั่นเทา
    
         “โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงร้อนลนและก้มหัวโขกพื้นอย่างหวาดกลัวทำให้ลู่เฟยกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย
    
         “เกิดเหตุอันใดขึ้น”
    
          “ทูลฝ่าบาทมีคนลอบปลงพระชนม์ชีพองค์จักรพรรดิพ่ะย่ะค่ะ” ลู่เฟยนิ่วหน้าก่อนจะรุดหน้าเดินเข้าไปในตำหนักในด้วยความเร็ว จิวชงหยวนกับจุ้ยซิงจึงรีบติดตามไปโดยไม่ต้องบอกกล่าวสิ่งใด ทว่าเมื่อพวกเขามาถึงคนที่ตกเป็นจำเลยกลับเป็นองค์ชายห้าเสียเองเพราะเจอหยกประจำตัวที่ร่างปลอมนั้นกำไว้แน่น ดูก็รู้ว่าหยกนั่นถูกสั่งทำโดยใครบางคนที่มีตำแหน่งสูงไม่น้อย
    
         สุดท้ายพวกเขาก็ถูกจับมากักขังอยู่ในคุกใต้ดิน ยกเว้นลู่เฟยที่อยู่ห้องอาญาของราชวงศ์รอการไต่สวน ส่วนเขาที่ยังไม่ได้ถูกแต่งตั้งเป็นชายาอย่างเป็นทางการจึงได้มานอนกินข้าวเหมือกในห้องนี้ เห็นข้าวที่ถูกวางไว้ให้แล้วรู้สึกอนาจใจนัก ข้าวแดงของคนในคุกจากโลกที่เขามายังดูดีกว่าอีก  ก่อนจะเหลือบมองลูกศิษย์คนเดียวที่ถูกขังอยู่ห้องเดียวกันอย่างขอโทษ ใครบอกว่าเจอเรื่องเลวร้ายจะดีขึ้นเหมือนกับฟ้าหลังฝน สงสัยว่านี่เป็นฤดูหนาวเขาถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนอยู่อย่างนี้
    
        “จุ้ยซิงข้าขอโทษที่พาเจ้ามาเดือดร้อนด้วยอีกแล้ว” จิวชงหยวนบอกคนร่างเล็กที่กอดตัวเองแน่นด้วยความหนาวอย่างสำนึกผิด ใบหน้าน่ารักเงยมามองเขาแล้วส่งยิ้มบาง
    
         “ข้าไม่กล่าวโทษท่านอาจารย์ หรอกขอรับ จะอยู่หรือตายข้ามิได้กลัว แค่อยู่กับท่านทำให้ข้าได้ประสบการณ์ชีวิตที่ตายไปก็คงคุ้มค่าขอรับ” คำตอบที่ได้รับทำให้จิวชงหยวนอึ้งไปไม่รู้ว่าจุ้ยซิงประชดประชันเขาหรือไม่แต่ดวงตาที่ฉายชัดนั้นกลับบริสุทธิ์ใจจนพูดไม่ออก
    
        ‘เจ้าเป็นคนดีไปแล้วจุ้ยซิงหมิงอี้ฟานต้องตาบอดแน่ๆ ที่ไม่รักคนอย่างเจ้า...’
    
        “เจ้าวางใจเถอะต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็ไม่ปล่อยให้เจ้าตายเพราะข้าอีกแล้ว” จิวชงหยวนบอกอย่างปลงตกและสาบานกับตัวเองจะไม่ให้ใครต้องมาตายเพราะเขาอีก...
    
        ขณะเดียวกันลู่เฟยที่ถูกกักขังอยู่ภายในห้องอาญาไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจกับการใส่ร้ายในครั้งนี้ แต่ที่แปลกใจคือคนที่เข้ามาเยี่ยมเขาในเพลานี้ ร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีเขียวอ่อนโอรสที่ทุกคนหลงลืมทำตัวเหมือนไร้ตัวตน
    
        “คารวะท่านพี่ ท่านอยู่ในนี้คงลำบากไม่น้อย ข้ามู่เหรินมาเยี่ยมท่าน”
    
        “มิคิดว่าเจ้าจะมา”
    
         “ข้ามาแจ้งข่าวแก่ท่านพี่ เป็นข้าผู้ไร้ตัวตนย่อมมิมีผู้ใดสนใจ” เสียงนุ่มละมุนตอบกลับมาอย่างแผ่วเบา ทั้งคู่มองสบตากันนิ่งๆ ก่อนที่มู่เหรินหรือองค์ชายสิบสามกล่าวต่อช้าๆ แผ่วเบา
 
    “เดือนดับนี้ทุกอย่างจะเริ่มขึ้น” ลู่เฟยมองคนแจ้งข่าวนิ่งๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างเขาใจแล้วเอ่ยถามหาคนรักที่ถูกจับแยกออกไป
    
       “เมียข้าเล่า”
    
       “ท่านพี่โปรดวางใจข้าส่งคนไปแจ้งข่าวแล้ว” 
    
       “ขอบใจ เจ้ากลับไปเถอะ ทุกอย่างยังคงเดิม” ลู่เฟยบอกคนแจ้งข่าวเสียงเรียบก่อนที่มู่เหรินจะทำความเคารพและจากไปเงียบๆ เหมือนกับการมา ความจริงแล้วนี่เป็นแค่แผนล่อจับคนร้ายตัวจริงที่ต้องการบัลลังก์ แม้จะเป็นการเสี่ยงที่อันตรายเพราะมีชีวิตจิวชงหยวนมาข้องเกี่ยวแต่ก็มั่นใจว่าคงไม่พลาดท่าเสียทีง่ายๆ เขาลงทุนมากขนาดนี้หวังว่าทุกอย่างจะจบโดยเร็ว
    
        แปะ!
    
       มีบางอย่างล่วงตกลงมาจากบนหลังคา จิวชงหยวนเหลือบตามองเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองทหารที่เฝ้าเวรยามที่นอนสัปหงกไปมาแล้วโล่งอก ความจริงเขารู้สึกมาได้ครู่หนึ่งแล้วที่ได้ยินคนวิ่งอยู่บนหลังคาแม้จะแผ่วเบาสำหรับเขาได้ยินชัดเจน เงาทมิฬคนเดิมที่เจอลูกหลงไปเมื่อครั้งต่อสู้กับเฒ่าราคะ เห็นหายไปนานวันนี้กลับมาพร้อมบางอย่าง ทุกอย่างคงวางไว้หมดแล้วสินะ น่าจะบอกกันก่อนไม่ใช่ให้ตกใจขวัญหายไปกับการอยู่ห้องขังสกปรกกับรังหนู อีกอย่างอาหารมื้อเย็นข้าวแดงในคุกประเทศไทยยังจะหรูกว่าเสียอีก
    
         ‘อดทนคืนเดือนดับจะจบลง จะมีคนนำทางไปหามังกรทำตามประสงค์’
    
        ข้อความในกระดาษที่ส่งมาไม่ใช่ลายมือลู่เฟย แต่คนส่งเป็นคนของลู่เฟย จิวชงหยวนทำลายกระดาษในมือนั่งคิดเงียบๆ มองลูกศิษย์ที่นอนหลับอย่างไม่สนโลกว่าที่นี่มีเพียงกองฟางกับหนูเท่านั้น เขาไม่ได้รังเกียจพื้นที่แห่งนี้เพราะเคยอยู่กลางดินกินกลางทรายก็เคยมาแล้ว แต่ที่แบบนั้นให้ความรู้สึกอิสระมากกว่าตรงนี้เยอะ
    
       “พรุ่งนี้สินะ” พึมพำเบาๆ แต่ก็ทำให้คนที่นอนลืมตาขึ้นมามอง เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดสิ่งใดต่อจึงหลับต่อ ทว่าริมฝีปากกลับเอ่ยบอกอย่างห่วงใย
    
        “ท่านอาจารย์ควรนอนพักเก็บแรงไว้ดีกว่าน่ะขอรับ” จิวชงหยวนยกยิ้มบางมองคนตัวเล็กกอดอกนอนหนาวอยู่ข้างกาย ไม่ว่าอย่างไรจุ้ยซิงก็ยังห่วงคนอื่นมากกว่าตนเสมอ เขาถอดเสื้อนอกมาคลุมให้ก่อนจะหลับตาเดินลมปราณของตัวเองไปไม่ได้สนใจสายตาใสๆ ที่มองมา แต่ที่ทำให้เขาขะงักไปชั่วครู่คือคำพูดแผ่วเบาของเจ้าตัว
    
       “เพราะท่านใจดีเช่นนี้ ศิษย์พี่ถึงรักท่านหมดใจ”
    
        เช้าวันรุ่งขึ้นจิวชงหยวนนั่งรออยู่ในห้องคุมขังเงียบๆ ไม่เรื่องมากไม่โวยวาย แต่กลับกินข้าวเหมือกๆ เหลวๆ นั่นไม่ลงเอาเสียเลย สงสัยจบงานนี้จะไปพังห้องครัววังหลวงเสียให้รู้ให้รอด เอาไปโยนให้สุนัขมันจะกินหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เมื่อหันไปมองลูกศิษย์แสนดีกลับกลืนความคิดนั้นลงคอเพราะจุ้ยซิงนั่งซดข้าวเหมือกๆ นั้นลงคออย่างไม่ใส่ใจรสชาติเสียด้วยซ้ำ
    
       “มันอร่อยไหม” เอ่ยถามอย่างระแวงกับรสชาติ อีกอย่างเจ้าลูกศิษย์นี่ไม่กลัวโดนวางยาพิษหรืออย่างไร
    
        “ข้าเคยเป็นเด็กกำพร้า อดมือกินมื้อบางทีก็ต้องไปคุ้ยถังขยะแย้งเศษอาหารจากพวกสัตว์เดรัจฉานมาปะทังชีวิต แค่นี้ถือว่าดีแล้วขอรับ” คำบอกเล่าของลูกศิษย์ผู้อาภัพทำให้จิวชงหยวนน้ำตาซึม ทำไมชีวิตใหม่เขามีแต่เรื่องเศร้าๆ และเรื่องเสี่ยงตายตลอด สงสัยคงต้องเปลี่ยนอาชีพจากหมอไปเป็นนักเขียนเล่าเรื่องท่าจะรุ่งไปอีกทาง ไม่ต้องหวาดกลัวว่าจะมีใครมาฆ่าอีกด้วย
    “อาจารย์น่าจะกินเสียหน่อยจะได้มีแรงเวลาเกิดเรื่องขึ้นขอรับ” น้ำเสียงและแววตาห่วงใยที่ส่งมายิ่งทำให้จิวชงหยวนรู้สึกผิด ก่อนจะยื่นยาให้เจ้าตัวอีกหนึ่งเม็ด ยาที่อยู่ในกล่องเล็กๆ ซึ่งเก็บไว้ในอกเสื้อ เทพโอสถผู้เป็นอาจารย์ลงอาคมมายาไว้ให้ทำให้ไม่ถูกทหารยึดไป
    
        “ข้ายังต้องกินอีกหรือขอรับ”
    
       “ใช่ สักระยะหนึ่ง เพราะหากเจ้าเป็นบ้าขึ้นมาอีก แล้ววันหนึ่งเกิดเจออี้ฟานเกิดใหม่ก็จำไม่ได้พอดี”
    
        “ถึงเวลานั้นข้าคงแก่หง่ำไปแล้วขอรับ” จุ้ยซิงหน้ามุ่ย แต่ดวงตากลับประกายด้วยความหวัง หวังจะได้พบเจออีกสักครั้ง จิวชงหยวนยิ้มบางอย่างน้อยคนตรงหน้าก็อาการดีขึ้นมาก
    
       พวกเขานั่งรอคืนนี้อย่างใจเย็นเพราะคืนนี้เป็นคืนที่ท้องฟ้ามืดมิดเหมือนกับข่าวที่ได้รับการแจ้งมา อาหารของจิวชงหยวนได้มาจากองค์รักษ์เงาที่แอบซ่อนเอามาให้ ในวังหลวงแห่งนี้คงเป็นสถานที่วิ่งเล่นของกลุ่มเงาทมิฬไปเสียแล้วกระมังเพราะไม่เห็นมีคนจับได้ว่าเขาได้กินข้าวจากที่อื่น
    
       พอดึกสงัดทุกอย่างข้างนอกเหมือนจะโกลาหลมีไฟไหม้ตำหนักในของเหล่านางสนม และเพียงไม่นานประตูห้องขังของเขาก็เปิดออก
    
       “มีคำสั่งจากฮ่องเฮาให้พระชายาไปรักษารัชทายาทที่ถูกวางยา” คนรายงานคือขันทีเก่าแก่ที่เขาเคยเห็นเมื่อราวหนึ่งปีก่อน เขาลุกขึ้นยืนแล้วตอบกลับเสียงเรียบ
    
       “ท่านกงกงข้าขอเอาผู้ช่วยของข้าออกไปด้วยมิเช่นนั้นข้าคงมิอาจปรุงยาแก้ได้” คำขอของจิวชงหยวนทำให้หลินกงกงกังวลเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับ จากนั้นพวกเขาจึงเดินออกจากห้องคุมขังได้โดยไม่ต้องแหกคุกออกไป ไฟไหม้ตำหนักด้านในเป็นเพียงการหลอกล่อเท่านั้น ต่อไปนี้คือของจริงสินะ
    
        พรึบ!
    
        ระหว่างทางไปตำหนักองค์รัชทายาทกลับถูกชายชุดดำออกมาขวางทางไว้ หลินกงกงตอนนี้ตกใจจนเซถอยหลบมาเบื้องหลังจิวชงหยวนด้วยความเร็ว ทหารที่ติดตามมาด้วยล้มตายเหลือเพียงเขา จุ้ยซิงและหลินกงกงเท่านั้นที่ยังอยู่ เพราะเขาได้สะบัดลมปราณทำลายอาวุธลับของอีกฝ่ายจนหมดสิ้น
    
       “ข้าคงไม่อาจให้ท่านไปได้ แม้ชื่อเสียงท่านจะเป็นที่หวั่นเกรงแต่หากทำลายความต้องการของนายข้า ข้าคงมิอาจปล่อยไว้” น้ำเสียงจริงจังที่กล่าวออกมาทำให้เขาเลิกคิ้วมองตามอย่างครุ่นคิดคล้ายเคยได้ยินเสียงนี้ ทว่าคนที่เอาตัวเข้ามาขวางกลับเป็นเงาทมิฬและมีด้วยกันถึงสามคน
    
        “พวกท่านรีบไปเถอะ พวกข้าจะรับมือเอง” คนร่างเล็กสุดกล่าวกับเขาอย่างจริงจังก่อนจะหันไปเตรียมรับมือกับชายชุดดำที่เพิ่มจำนวนมากมาขึ้น แต่สิ่งนั้นจิวชงหยวนไม่ได้สนใจเท่ากับเงาทมิฬยอมพูดกับเขาแล้วหรือ?
    
      “พระชายาเสด็จเถอะพ่ะย่ะค่ะ หากชักช้ากลัวจะไม่ทันการ” หลินกงกงเอ่ยเตือน แม้จะกลัวจนหัวหดแต่ความห่วงใยเจ้านายนี่น่านับถือหวังว่าลั่วเหยียนเจิ้งจะไม่เป็นอะไร
    
        พวกเขารีบเร่งเดินทางมายังตำหนักของรัชทายาท จิวชงหยวนเหลือบตามองทางตะวันออกที่ไฟมอดดับไปหมดแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะจับคนร้ายได้หรือไม่ เมื่อมาถึงตำหนักทุกคนกลับร่ำให้เหมือนมีคนตาย
    
       “ท่านหมอจิวโปรดช่วยลูกข้าด้วย เจ้าหวังสิ่งใดข้าจะหามาให้ทุกสิ่ง” ฮ่องเฮาพุ่งมาจับมือจิวชงหยวนเขย่าอย่างลืมกิริยามารยาท
    
       จิวชงหยวนนิ่วหน้าคารวะเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปหาคนป่วย ลมหายใจฟังดูติดขัดแต่หมอยาไม่น่าจะมาตายเพราะพิษ จึงเข้าไปจับชีพจรใกล้ๆ ทันทีที่เขาจับมือองค์รัชทายาท มือหนากลับบีบเขาแน่นพร้อมหรี่ตาขึ้นมามองพร้อมบ่งบอกสัญญาณบางอย่าง จิวชงหยวนยิ้มเจื่อนไม่รู้จะควรด่าดีไหมให้แม่ตัวเองมาร้องห่มร้องไห้เหมือนขาดใจอยู่อย่างนี้ แต่นี่เป็นเพียงเล่ห์เหลี่ยมที่กำยาพิษให้สีผิวม่วงคล้ำเฉยๆ
    
        “เรียนฮ่องเฮาร่างกายองค์รัชทายาทเพียงแค่โดนพิษไม่ร้ายแรง กระหม่อมให้ลูกศิษย์ไปต้มยามาดื่มเพียงไม่กี่เพลาก็หายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
    
        “จริงหรือ เหตุใดหมอหลวงถึงบอกว่ารักษาไม่ได้เล่า เจ้าโป้ปดเรางั้นรึ เอามันไปประหาร” ฮ่องเฮากล่าวกับจิวชงหยวนพร้อมหันไปตะคอกหมอหลวงที่ตัวสั่นเทาก้มกราบอยู่เบื้องล่าง
    
       จิวชงหยวนมองคนนอนแกล้งตายแต่เขย่ามือเขายิกๆ อย่างเอือมๆ ก่อนจะหันไปช่วยหมอหลวงที่เป็นคนของรัชทายาทอย่างจำใจ
    
       “ทูลฮ่องเฮาพระองค์อย่างเพิ่งทรงกริ้ว ยาพิษนี้คนธรรมดานับว่าร้ายแรง เพียงแต่กระหม่อมเป็นหมอเทวดาย่อมมีความสามารถที่เหนือกว่า หากลงโทษผู้มีความสามารถภายภาคหน้าหากกระหม่อมไม่อยู่จะมีผู้ใดช่วยเหลือพระองค์ โปรดทรงพิจารณาอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ”
    
       “เป็นเช่นนั้นเองรึ เอาเถิดเราจะละเว้นโทษทัฑณ์ไว้ก่อน ว่าแต่องค์รัชทายาทจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
    
        “พ่ะย่ะค่ะ” จิวชงหยวนตอบรับจากนั้นจึงให้จุ้ยซิงไปต้มยาบำรุงแบบที่เคยสอนระหว่างทางมาให้ โดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ถามอะไรให้มากความ หลังจากแสร้งดื่มยาบำรุงลั่วเหยียนเจิ้งก็แสร้งลุกขึ้นทำหน้าซีดเซียวอย่างน่าหมั่นไส้
    
        “เจิ้งเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรมากนับว่ามีวาสนาที่ลู่เฟยพาท่านหมอผู้นี้มาด้วย หากไม่ตบรางวัลให้ข้าคงไม่มีหน้าพบท่านหมออีก”
    
       “ฮ่องเฮากล่าวเกินจริงไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิได้หวังสิ่งของล้ำค่าใด เพียงแค่ได้ออกจากห้องคุมขังก็เพียงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
    
         “เจ้าโปรดวางใจ ช่วยเหลือองค์รัชทายาทในครานี้ย่อมมีคุณงามความดี หากอีกเจ็ดราตรีรัชทายาทได้ขึ้นครองบัลลังก์ยังสามารถแต่งตั้งให้เป็นหมอหลวงอันดับหนึ่งก็ย่อมได้”
    
         “มิกล้า มิกล้าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรักอิสระคงมิอาจอยู่ในกรงทองได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ” ลั่วเหยียนเจิ้งมองทั้งคู่สนทนาถ่อมตนและยกย่องกันไปมาแล้วส่ายหน้าอย่างปลงๆ
    
        “ฝ่าบาทจับกุมได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” เสียงด้านนอกดังแว่วเข้ามาทำให้ผู้ที่อยู่ด้านในตำหนักซะงักไปชั่วครู่ ลั่วเหยียนเจิ้งยกยิ้มร้ายเพียงชั่วครู่แม้จะไม่มีใครเห็นแต่มิอาจพ้นสายตาของจิวชงหยวนไปได้
    
       “เอาตัวเข้ามา”
    
       “ปล่อยข้า ข้ามิได้ทำผิดอะไรพวกเจ้าไม่มีสิทธิ์จับกุมข้าเช่นนี้” ชายร่างสูงที่ถูกลากเข้ามาพร้อมถูกจับรัดด้วยเชือกอย่างแน่นหนา จิวชงหยวนเลิกคิ้วมององค์ชายรองอย่างแปลกใจ
    
      “นี่เป็นหลักฐานเพียงพอต่อความผิดของเจ้าหรือไม่” ร่างโปร่งบางของลั่วหวังอู๋เดินเข้ามาพร้อมโยนศีรษะของใครบางคนลงมาด้วย ทำให้เหล่าเชื้อพระวงค์ยกมือปิดปากไม่กล้าส่งเสียงออกมา แต่ที่ทำให้จิวชงหยวนแปลกใจคือฮ่องเฮากลับนิ่งสงบสมกับเป็นแม่พระของแผ่นดิน หากเขาไม่มาเห็นพระนางร้องไห้มือไม้สั่นตอนที่ลั่วเหยียนเจิ้งแกล้งโดนพิษเขาคงคิดว่านางไร้หัวใจไปแล้ว
    
        “เจ้า!” ร่างขององค์ชายรองสั่นสะท้านศีรษะที่กลิ้งตกคือหัวของอำมาตย์ฝ่ายขวาตระกูลกุ้ย ที่ให้ความสนับสนุนองค์รองอย่างลับๆ
 
    “เจ้าอย่าได้มาปรักปรำข้า” องค์ชายร้องโต้แย้งอย่างไม่ยอมรับผิด ลั่วหวังอู๋จึงหยิบกระดาษการก่อกบฏที่มีลายพระหัตย์ขององค์ชายรองจนดิ้นไม่หลุด อีกทั้งชายชุดดำที่จับกุมได้ซึ่งเข้ามาขัดขวางจิวชงหยวนระหว่างทางที่หลินกงกงนำมาก็ซัดทอดเข้าหา
    
       เมื่อหลักฐานการลอบปลงพระชนม์เพียงพอ องค์ชายรองก็มิอาจหนีความผิดในครั้งนี้ได้ เพียงไม่นานทุกอย่างที่วุ่นวายก็สงบลง ลู่เฟยถูกปล่อยออกมาจากห้องอาญา แต่ในความคิดของจิวชงหยวนกลับรู้สึกว่ามันง่ายเกินไป ราชบัลลังก์ที่หอมหวานรออยู่เบื้องหน้าแต่ผู้ที่ทำการอุกอาจมีเพียงองค์ชายรองกับองค์ชายสามที่ถูกสังหารไปก่อนหน้านี้
    
      หลังจากจบเรื่ององค์ชายรองก็ถูกประหารในฐานะนักโทษก่อกบฏกับฮ่องเต้ พร้อมด้วยตระกูลกุ้ยที่ล้มสลายไปคุณหนูกุ้ยอิงก็โดนร่างแหไปด้วยอย่างไม่มีทางเลี่ยง เพราะโทษทัณฑ์ประหารเจ็ดชั่วโคตรทำให้ไม่อาจหนีพ้นไปได้แม้จะไม่มีความผิดก็ตาม
    
       “เจ้าคิดอะไรอยู่” จิวชงหยวนหันไปมองลู่เฟยที่เดินเข้ามาหาช้าๆ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจองค์รัชทายาทถูกแต่งตั้งเป็นฮ่องเต้คนต่อไปอย่างเป็นทางการ เวลานี้เขาอยู่ในตำหนักของลู่เฟยในฐานะพระชายาตี้ฝู้จิ้นที่ถูกแต่งตั้งเป็นทางการอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
    
        “เจ้าคิดว่ามันจบแล้วจริงๆ หรือ”
    
         จิวชงหยวนเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา แม้ทุกอย่างจะจบลงแต่ทำไมความรู้สึกบอกเขาว่ามันยังไม่จบ เวลานี้เหลือองค์ชายที่ถูกแต่งตั้งเป็นอ๋องถูกส่งไปยังหัวเมืองต่างๆ ตามหน้าที่ของแต่ละคน เวลานี้เหลือเหล่าองค์หญิงองค์ชายแค่สิบคนเท่านั้นซึ่งรวมกับฮ่องเต้คนปัจจุบันด้วย
   
       “อื้ม ใช่มันจบแล้วเจ้ากังวลสิ่งใดอีก” ลู่เฟยหันมองเขาแล้วส่งยิ้มบาง จิวชงหยวนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจในเมื่อเจ้าตัวบอกว่ามันจบ ก็คือจบเขาเองก็เป็นแค่คนนอก อีกไม่นานก็ได้ออกเดินทางเรื่องของในวังหลวงจะเกิดอันใดขึ้นอีกก็ไม่เกี่ยวกับเขาอีก
    
      “ข้ากำลังคิดอยากพังห้องครัวในวังหลวง ทำกับข้าวให้นักโทษได้แย่มาก เอาให้สุนัขหวังอู๋มันยังคงไม่กินหรอก”
    
       “ฮึ... อาหารนักโทษจะให้ดีได้อย่างไรเจ้านี่แปลกคน ไม่เช่นนั้นพวกมันไม่หมั่นทำความผิดพากันมากินข้าวในห้องขังหรอกรึ” ลู่เฟยเอ่ยตอบอย่างขำขัน แต่จิวชงหยวนไม่ขำด้วยใบหน้างดงามค้อนไห้อย่างหมั่นไส้เพราะที่เขาไปนั่งเล่นนอนเล่นให้ห้องขังก็เพราะเจ้าตัวไม่ใช่หรอกหรืออย่างไร หากวางแผนไว้ล่วงหน้าขนาดนั้นน่าจะบอกกล่าวกันบ้าง
    
      “ยังงอนอยู่หรือ เดี๋ยวคืนนี้ข้าจะไถ่โทษให้” คำหยอกล้อและใบหน้ากรุ้มกริ่มมองมา จิวชงหยวนสะดุ้งน้อยๆ ในอ้อมกอดลู่เฟย
    
        “ข้าเหนี่ยวตัวนัก ไปอาบน้ำก่อนนะ”
    
        จิวชงหยวนบอกก่อนจะพลิกตัวหลบออกมาอย่างว่องไว อีกอย่างเขาเห็นอ่างอาบน้ำของลู่เฟยซึ่งหมายตาไว้นานมากแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีโอกาสไปแช่เท่านั้น ไหนๆ วันนี้ทุกอย่างก็จบลงแล้วขอแช่น้ำอย่างสบายอารมณ์เสียสักวันก็แล้วกัน เสียงหัวเราะในลำคอที่ตามหลังมาทำให้หันไปมองอย่างหวาดระแวง แม้จะเคยมีอะไรกันแต่เขาก็ยังเก้อเขินอยู่ดี




    ใกล้จะจบลงทุกทีรู้สึกใจหายนิดๆ แฮะ แต่ไม่เป็นไรจบเรื่องนี้ยังมีเรื่อง เล่ห์ร้ายจอมราชันย์  หากใครยังสนใจเรื่องราวของรัชทายาท ลั่วเหยียนเจิ้ง ก็ติดตามต่อจากเรื่องนี้ได้เลยค่ะ คำเตือนสำหรับเรื่องของรัช เมะเด็ก เมะสวย หากไม่ชอบไม่เป็นไรฟางอยากเขียนแหวกแนวบ้างแหะๆ ตอนหน้า NC จัดหนักจัดเต็มอีกครั้งค่ะ ใช้เวลาเขียนกว่า3วัน ในฉากนี้หวังว่าจะไม่เบื่อ NC ฟางกันนะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
รู้สึกเหมือนหมอจิวเลยว่ามันง่ายเกิน เหมือนกับมีเบื้องหลังอีก

ปูลู.nc ไม่เบื่อค่าาา จัดมา!  :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
รอตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อจ๊ะ

ออฟไลน์ fahhee_zeze

  • Love you...YAOI~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ถามเลออจะมีรวมเล่มของรัชไหม 555555555555555 #ต้องมีนะ #งานบังคับก็มา  :hao7:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ไม่เบื่อแน่นอน จะคอยติดตามนะ

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
แสดงว่าลงทุกเว็บจนครบแล้วสินะครับ ยังติดตามเสมอครับ ออีกเรื่องเศร้ามากไหมอ่ะกลัวทำใจไม่ได้ คึคึ nc ผมว่ามีแต่คนรออ่านมากกว่านะ

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


รอคอยเธอมาแสนนาน..........

มาไวๆนะขอรับ

อยากรู้ตอนต่อไปแล้ว

อิอิ


ออฟไลน์ lingfang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-0
บทที่46เมือดอกรักบาน
เล่ม 2 ตอนที่21 (P.21วันที่ 16/11/58)


       จิวชงหยวนหลับตาพริ้มนอนแช่อ่างน้ำที่ไม่ได้ทำอย่างนี้มานานด้วยความคิดถึง ...คิดถึงอดีตที่จากมา เมื่อนึกถึงภาพที่เห็นนพดลแต่งงานแล้วรู้สึกยินดีไปกับเพื่อนด้วย แม้จะไม่มีใครเห็นแต่เขาก็ดีใจที่ได้กลับไปที่นั่นอีกครั้ง เพื่อนได้ภรรยาไปนอนเคียงหมอนแต่ไฉนเขาได้สามีแทนก็ไม่รู้ เขาไม่ได้อ่อนหวาน ไม่ได้เอาอกเอาใจเก่งเหมือนอิสตรีแต่ลู่เฟยก็ไม่เคยทอดทิ้งเขาตั้งแต่อดีตจนกระทั่งปัจจุบันทำให้หัวใจที่ไม่เหลือใครพองโตและรู้สึกขอบคุณที่อยู่เคียงข้างในวันที่เขาเสียใจที่สุด
   
      เสียงฝีเท้าแผ่วเบาที่เดินเข้ามาทำให้จิวชงหยวนลืมตาขึ้นมามอง ร่างสูงสง่าสวมใส่อาภรณ์ล้ำค่าขององค์ชายห้าทำให้ดูมีสง่าราศีจับยิ่งกว่าเดิมอีกทั้งดูน่ายำแกรง แต่สำหรับเขาแล้วไม่ว่าจะแต่งกายแบบไหนก็คือลู่เฟยคนเดิมที่เขารู้จัก ใบหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มมองมาทำให้ห่อตัวเข้าหากันอย่างไม่น่าไว้ใจ คิดผิดจริงๆ ที่มานอนแช่อ่างในเวลาที่ลู่เฟยอยู่ด้วย
    
       “หยวนน้อยเจ้าติดสัญญากับข้าอยู่จำได้หรือไม่”
    
        น้ำเสียงนุ่มทุ้มพร้อมร่างสูงทรุดนั่งข้างขอบอ่าง อีกทั้งจับปอยผมเขาไปสูดดมความหอม ทำให้หัวใจจิวชงหยวนเต้นโครมคราม ใบหน้าฟาดแดงอย่างเก้อเขินกับสายตาที่มองมา และนึกไปถึงคำมั่นสัญญาที่ลู่เฟยว่าหากกลับมาจะให้รางวัล แต่ในเวลานั้นยังมีเรื่องวุ่นวายมากจึงไม่อาจทำได้แต่เพลานี้เหตุการณ์สงบคนตรงหน้าจึงมาทวงถามที่ทำให้เขาอึกอักเป็นครั้งแรก แต่ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ไฉนเลยจะปฏิเสธ
    
       ดวงตาเรียวช้อนขึ้นมองใบหน้าคมคายของลู่เฟยที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ใบหน้าฟาดแดงเล็กน้อยเพราะนี่อาจเป็นครั้งแรกที่เขาเป็นคนเริ่มก่อน ขยับเข้าไปใกล้แล้วจุมพิตริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างยั่วเย้า ลู่เฟยชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะเริ่มคล้อยตามให้เขาเป็นผู้นำครั้งแรก ทว่ามือหนากลับลูบไล้ร่างเปล่าเปลือยของเขาจนเผลอครางออกมาอย่างเสี่ยวกระสัน
     
        “อยากอาบน้ำกับข้าหรือไม่”
    
        เมื่อผละออกจิวชงหยวนจึงเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา ทว่าคนฟังกลับตาเป็นประกายมุมปากยกยิ้มอย่างชอบใจ มือหนาจึงค่อยถอดเสื้อออกโดยไม่รีบร้อน เขาจึงช่วยถอดออกอีกแรง ร่างหนาแผ่นอกกว้าง เซ็กซี่ทำให้เผลอมองอยู่นานมือหนาจับคางเขาเงยหน้าขึ้นแล้วก้มลงจูบกลับมาอย่างเร่าร้อน ตอนแรกเขาเป็นคนเริ่มไฉนตอนนี้ลู่เฟยกลับเป็นฝ่ายกอดรัดเขาแทน
    
        ร่างสูงลงมาในอ่างเดียวกับเขาซึ่งอาบได้สองคนพอดี แผ่นหลังเขาราบไปกับขอบอ่าง ทว่าผิวกายที่พ้นน้ำอุ่นออกมาทำให้รู้สึกเหน็บหนาว แต่เพียงไม่นานร่างกายกลับร้อนผ่าวไปทั้งตัว ริมฝีปากแสนร้ายกาจเริ่มบรรเลงเพลงบนร่างกายเขาจนสั่นสะท้านด้วยเสียวซ่าน มือหนาบีบยอดอกไปมาอย่างหยอกเย้าอีกทั้งริมฝีปากดูดเม้มสร้างความวาบหวามไปทั้งร่าง
    
       “อื้ม...อ่า...อา...”
   
        “อ่า...”
    
        เสียงหวานครางกระเส่าเมื่อริมฝีปากลากไล้จุดสำคัญไปมา สร้างความปั่นป่วนในหัวใจ สมองพร่าเลือนไปกับรสจูบและมือหนาที่ลูบไล้ไปทั่งร่าง เมื่ออารมณ์ถูกปรุงเร้าจนขีดสุดแก่นกลางใหญ่ก็สอดแทรกเข้ามาภายในร่าง จิวชงหยวนเม้มปากแน่นด้วยคามเจ็บอาจเป็นห่างเหินมานาน คนร่างสูงเหมือนจะรับรู้ปลุกเร้าอารมณ์เขาอีกครั้ง มือหนาจับแก่นกายพร้อมขยับมือไปมาเบาๆ ก่อนจะเร็วขึ้นจนครางตอบรับความรู้สึกแปลกใหม่ การมีคนทำให้อย่างนี้รู้สึกดีกว่าการเล่นว่าวเองเสียอีก
    
        “อื้ม...อ่า...อา...”
    
        เพียงไม่นานจิวชงหยวนก็แตะปลายทางก่อน แต่เขารู้ดีว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นนั้นเมื่อร่างโปร่งบางถูกพลิกกลับลงมาในน้ำ หน้าอกชิดกับขอบอ่าง ลู่เฟยเบียดแก่นกายที่ยังอยู่ปากอ่าวทิ่มทางเข้ามาจนสุดทำเอาจุกไปไม่น้อย แต่ความเสียวซ่านที่ตอบรับกลับมาทำให้เขาครางออกมาอีกครั้ง
    
        “อ่ะ...อ่า...เร็วอีก...” อารมณ์พิศวาสถูกปลุกให้โลดแล่นไปตามครรลอง เสียงหวานกระเส่าร้องขอมีหรือว่าลู่เฟยจะไม่ให้ ร่างสูงขยับเคลื่อนสะโพกลงแรงและเร็วขึ้นมากกว่าเดิมตามคำเรียกร้อง ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขสม
    เสียงสายน้ำคลอเสียงเนื้อกายที่เข้ากระทบ แสงสีเขียวอ่อนจากหิ่งห้อยคลอแสงสะท้อนจากดวงจันทร์ที่กระทบผิวน้ำที่สาดส่องเข้ามาภายในห้อง บรรยากาศรอบด้านนั้นหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจแต่สองร่างที่แนบชิดกลับร้อนรุ่มราวกับเปลวเพลิงที่ไม่อาจมอดดับ
    
       ลู่เฟยก้มลงจุมพิตแผ่นหลังขาวเนียน ทว่าร่างโปร่งบางกลับสั่นสะท้านพร้อมเสียงหวานเปล่งออกมาทำให้ยกยิ้มร้ายมุมปากเมื่อจับจุดได้ว่าคนใต้ร่างเวลานี้ มีจุดเสียวกระสันอยู่ที่แผ่นหลังและต้นคอ เขาจึงจูบประทับซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    
       “อึก”
    
       “อ่า... อ่า...” จิวชงหยวนครางสะท้านร่างโปร่งบางอ่อนระทวยด้วยความเสียวซ่าน แผ่นหลังที่ไม่เคยมีใครสัมผัสกลับสร้างความวาบหวามอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาเรียวสวยหยาดเยิ้มประกายแสงสีนวลจากดวงจันทร์ชวนมองช้อนตามองร่างสูงที่โหมกระหน่ำลงมายังร่างโปร่งบาง มือหนากระชับสะโพกนุ่มไว้แน่น
    
        ลู่เฟยยกยิ้มบางให้คนใต้ร่างที่ดวงตาหวานเยิ้ม นิ้วเรียวเกลี่ยไปตามพวงแก้มพินิจใบหน้ารูปงาม ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกตกอยู่ในห้วงความรักไม่อาจขึ้นสู่ห้วงหัวใจนั้นได้อีกแล้ว ใบหน้ายั่วยวนในเวลานี้ทำให้เพลงสวาทรุนแรงมากขึ้น
    
       “ข้ารักเจ้า” คำบอกรักกระซิบเบาอ่อนโยน ทว่าร่างกายกลับร้อนแรงยิ่งกลัวเปลวเพลิง รอยยิ้มบางยกยิ้มก่อนจะก้มลงจุมพิตอีกครั้งซ้ำแล้วครั้งเล่า เสียงหวานภายใต้เรือนร่างครางกระเส่า
    
        "อ่ะ...อือ..." ยามเมื่อมือแกร่งที่เย็นเฉียบเเตะลงบนผิวกายที่ร้อนระอุ รูขุมขนตั้งชันไปทั่วทุกอณูของเรือนร่าง
    
         มือหนาลูบไล้ไปตามร่างโปร่งบาง ความสมบูรณ์แบบของจิวชงหยวน กล้ามเนื้อยามเมื่อลูบคลึงยิ่งเพิ่มตันหาราคะภายในจิตใจให้พลุกพล่าน ลู่เฟยพลิกร่างโปร่งบางกลับมากอดรัดอีกครั้ง ก่อนจะก้มลงจูบดูดดันที่เนินอก เมื่อเม็ดติ่งสีชมพูนั่นยั่วยวนหัวใจชวนให้น่าลิ้มรส แผ่นอกบางแอ่นกายกระสัน ความรู้สึกปั่นป่วนแล่นปราบจนไม่อาจสะกดกลั้นเสียงหวานสั่นเครือ
    
        "อ่ะ...อา ลู่เฟย..."
    
         ยิ่งได้ยินเสียงทุ้มหวานที่เอ่ยเรียก ภายในกายก็ยิ่งรู้สึกต้องการจิงชงหยวนมากขึ้นเท่านั้น ร่างแกร่งขยับขึ้นจุมพิตสบดวงตาเรียวสวยที่หลับพริ้ม ใบหน้าแดงซ่านตามอุณหภูมิของร่างกายที่พลุกพล่าน
    
       มือเรียวยึดจับไหล่แกร่งของลู่เฟนเอาไว้ ก่อนจะหายใจหนักหน่วงยามเมื่อเจ้าตัวผละริมฝีปากออกมา วงแขนแกร่งช้อนเอวคอดเพื่อแอ่นรับแก่นกายที่แข็งขืนร้อนดั่งเหล็กกล้าที่ตีไฟสวนเข้ามา
    
       ความรู้สึกปั่นป่วนยามเมื่อสัมผัสได้ถึงแก่นกายที่แข็งขืนกว่าเดิม ราวกับร่างกำลังแยกออกจากกันเป็นเสี่ยงๆ แต่ก็รู้สึกดีตีรวนกับความเจ็บปลาบที่รุนแรงโหมกระหน่ำเข้ามาจนอกกระสั่นร่างกายกระตุกเกร็ง วงแขนแกร่งที่โอบกอดเอาไว้คอยลูบแผ่นหลังปลอบประโลม ก้มลงจูบซับน้ำตาของจิวชงหยวนที่ไหลออกมาอย่างช้าๆ ความสุขล้นที่ทะลักทำให้ไม่อาจเก็บกลั้นความรู้สึกไว้ได้
    
       "ชงหยวน..."
    
       เสียงครางทุ้มต่ำเมื่อแก่นกายอยู่ในช่องทางที่คับแคบ มันบีบรัดและร้อนรุ่มจนไม่อาจที่จะทนฝืน อกของเขานั้นแทบจะระเบิดไม่อาจสะกดกลั้นความใคร่ยามเมื่อแก่นกายฝังลึกเข้ามา ยิ่งผิวกายที่ชื้นเหงื่อเบียดเสียดจนร่างกายแนบชิด ก็ยิ่งเพิ่มความกระสันปั่นป่วน เสียงน้ำกระทบกันรุนแรงตามแรงอารมณ์ที่โหมกระหน่ำ ยิ่งร่างโปร่งบางเกร็งมากเท่าไหร่ยิ่งบีบรัดแก่นกายจนแทบสะกดกลั่นไม่ไหว
    
        เสียงหวานของจิวชงหยวนชวนให้อยากดื่มด่ำกลืนกินไปทั้งร่าง ลู่เฟยยิ่งขยับกายสวนทางรวดเร็วและหนักหน่วง เสียงจวบจาบจากรสจูบช่างร้องแรงไม่ปราณี เมื่อความอดทนอดกลั้นนั้นถึงขีดสุด เหงื่อร้อนไหลอาบกายพร้อมน้ำอุ่นที่เริ่มเย็นในอ่างน้ำบรรเทาความร้อนรุ่มยามเมื่อร่างกายกำลังเสียดสี จิวชงหยวนยิ่งโอบกอดลำคอยึดไหล่แกร่งเมื่อร่างกายจวนเจียนแทบจะระเบิด
    
        “อ่ะ...อ่า... เร็วอีก ...ไม่ไหวแล้ว”
    
         ดวงตาเรียวสวยปรือขึ้นหยาดเยิ้ม สบตาคมบนใบหน้าคมคายที่ยกยิ้ม ลู่เฟยโหมกระหน่ำรุนแรงมากขึ้นตามคำเรียกร้อง รีบเร่งสะโพกของเขาเมื่อความคับแน่นนั้นถึงขีดสุด ยิ่งทำให้จิวชงหยวนถึงกับแอ่นร่างรับสัมผัสที่ลู่เฟยสวนเข้ามา แก่นกายที่แข็งขืนเสียดสีเข้ากับแผงกล้ามเนื้อของผู้ที่ทาบทับ ยิ่งทำให้รู้สึกกระสันปวดหนึบจนถึงขีดสุด เมื่อความคับแน่นสวนเข้ามาจนถึงสุดทางของความใคร่นั้น สิ่งที่อัดอั้นก็ไม่อาจที่อดทนอดกลั้นได้อีกต่อไป
    
        "อ่ะ... อา..."
    
         เสียงหวานครางกระเส่า ปล่อยน้ำรักเปรอะเปื้อนเต็มร่างกาย พร้อมๆกับที่ลู่กระแทกกระทั้นเข้ามาเป็นครั้งสุดท้าย ร่างกายกระตุกเกร็งถึงสองครั้ง ก่อนจะหยุดลงเมื่อปลดปล่อยน้ำรักออกมาจนหมดสิ้น...
    
         เสียงหอบหายใจหนักหน่วงคลออยู่ที่ลำคอของร่างสูง เมื่อร่างแกร่งยังคงทาบทับเรือนร่างของจิวชงหยวน ลู่เฟยประคองร่างที่อ่อนแรงของคนในอ้อมกอดแล้วยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ใบหน้างดงามอิดโรย ยามเมื่อเห็นดวงตาที่ปรือขึ้นเหงื่อเม็ดใสผุดพรายกระทบแสงจันทร์ที่สาดส่อง ความประทับใจนั้นทำให้เขาอยากจะกลืนกินอีกครั้ง และอีกครั้ง
   
         ริมฝีปากบางยกยิ้มกรุ้มกริ่ม สายตาของลู่เฟยที่ทอดมองลงมานั้นแทบอยากให้จิวชงหยวนใช้สองนิ้วจิ้มไปที่ดวงตาคมคู่นั้นเสีย เพียงแค่เห็นสายตาก็เดาใจของผู้ที่อยู่ตรงหน้าออก เขาเอ่ยดักคอเอาไว้ว่าอย่างรู้ทัน
    
      "เจ้าอยากจะฆ่าข้าให้ตายภายใต้อ้อมกอดของเจ้าหรือไร ถึงได้มองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น" ลู่เฟยกระตุกยิ้มที่มุมปาก สายตาเจ้าเล่ห์ชวนให้น่าหงุดหงิดใจ คิดผิดจริงๆ ที่ทำสัญญาอย่างนี้
    
        "ข้ามองเจ้าเช่นไรกัน หืม..."
     
        ลู่เฟยหยอกล้อพลางโน้มตัวเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ จนจิวชงหยวนต้องยกมือกั้นพร้อมดันตัวของลู่เฟยให้ผละออก ขยับร่างกายลุกขึ้นตาม แต่ความคับแน่นที่ไม่ยอมอ่อนลงทำให้เมื่อขยับกายความรู้สึกกระสันก็แล่นไปตามก้นกบ จนเผลอครางออกมา
    
       "อ๊ะ!" ใบหน้าแดงระเรื่อเหลือบมองคนร่างสูงที่ยกยิ้มกรุ้มกริ่ม
    
      “พอเถอะข้าหนาวจะแย่แล้ว” จิวชงหยวนใช้ไม้อ่อน น้ำในอ่างมันเริ่มเย็นจนร่างสั่นสะท้านไปแล้ว ทว่ามือหนากลับโอบกอดรัดร่างเขาแน่นขึ้น แก่นกายที่ยังคาอยู่ในร่างทำให้สะดุ้งน้อยๆ ดวงตาหันไปมองคนบ้ากามอย่างขวางๆ
    
       “ข้าห่างเจ้าตั้งนาน อีกอย่างเจ้ายั่วข้าเองนะ” จิวชงหยวนคิ้วขมวดมุ่นกับข้อหา เขายั่วตรงไหนกันก็แค่ทำตามสัญญา ต่อไปนี้จะไม่สัญญาเรื่องแบบนี้อีกแล้วเข้าตัวจริงๆ
    
       “ที่นี่เจ้าหนาวไปที่ห้องเราดีกว่า”
    
        พูดจบลู่เฟยก็ตวัดอุ้มร่างจิวชงหยวนลุกออกจากอ่างน้ำเดินไปยังห้องนอนที่อยู่ไม่ห่าง เขาอ้าปากค้างกับคนไม่ยอมฟังคำคัดค้าน ก่อนจะหลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรมของตัวเอง หวังว่าคืนนี้เขาจะได้นอนหลับบ้างนะ...

    
        หิมะโปรยปรายในยามเช้าบรรยากาศเย็นสบาย ทว่ายามนี้จิวชงหยวนกลับหน้าตาบูดบึ้งมองคนที่ตัวเองถีบตกเตียงอย่างหงุดหงิด เล่นทำให้เขาไม่ได้นอนทั้งคืนจนแทบจะลุกไม่ขึ้น นี่หากเขาไม่อึดเกินคนธรรมดาคงนอนเดี้ยงอยู่บนเตียง ลู่เฟยลุกขึ้นมองคนอารมณ์เสียแต่เช้าด้วยรอยยิ้มบาง ไม่สำนึกแม้แต่น้อยว่าตนกำลังทำให้เมียอารมณ์เสีย
    
       “หยวนน้อยเจ้าจะโทษข้าฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกนะ ก็เมื่อคืนนี้เจ้าบอกข้าว่าแรงอีกแรงอีก ข้าเป็นคนตามใจเมีย ขอมาอย่างนี้ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร”
    
      อึก!
    
       จิวชงหยวนชะงักกึกกับคำหยอกล้อของคนตรงหน้าที่ลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นตามร่าง ไม่ได้มีทีท่าจะเจ็บจากการที่เขาถีบลงเตียงอย่างสุดแรงแม้แต่น้อย เห็นแล้วพาลหงุดหงิดใจ ไหนมาพูดเรื่องน่าอายนั่นอีก ตอนนั้นสมองเขาไม่ทำงานเลยพูดอะไรไม่ยั้งคิดต่างหากเล่า
    
       “หุบปากเจ้าไปเลย” บอกอย่างหงุดหงิดแล้วเบือนหน้าหนีด้วยความอายก็เพราะเจ้าตัวทำให้เขาเผลอไผลยอมตามใจเลยเลยเถิดไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืนอย่างนี้
    
       “ฝ่าบาทเสด็จพ่ะย่ะค่ะ...”
    
        เสียงขันทีหน้าบานทวารดังขึ้น ยิ่งทำให้จิวชงหยวนตาเหลือกเพราะเจ้าตัวยังเปลือยเปล่าผิดกับอีกคนที่มีแรงลุกไปอาบน้ำอาบท่าจนน่าหมั่นไส้  มือเรียวดึงผ้าห่มมาคลุมกายอย่างรวดเร็ว ลู่เฟยหน้านิ่วมองคนที่ถือวิสาสะเข้ามาอย่างหงุดหงิดร่างสูงมายืนบังร่างงดงามของคนบนเตียงจนมิด
    
        “ถวายพระพรฝาบาท ขอให้พระชนม์มายุหมื่นปี หมื่นปี”
 
     ลู่เฟยก้มหัวทักทายตามประเพณีเล็กน้อย แต่ไม่ได้คุกเขาหัวจรดพื้นเหมือนคนอื่นๆ อาจเพราะเขาได้สิทธิ์พิเศษนั้นเลยไม่ต้องเรื่องมากกับพิธีการที่น่าเบื่อ
    
       “หืม...พวกเจ้าเพิ่งตื่นนอนหรอกหรือ”
    
         น้ำเสียงแปลกใจพร้อมดวงตาที่มองมานั้นมีแววกรุ้มกริ่มจนน่าหมั่นไส้ มองก็รู้ว่าเจ้าตัวกำลังแกล้งพวกเขาอยู่ ว่าไปอยากรู้นักว่าผู้ใดกันจะสามารถสยบจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ในคราบลูกแกะอย่างลั่วเหยียนเจิ้งได้อยู่หมัด
    
        “ไม่ได้นอนเลยต่างหาก” จิวชงหยวนบ่นงึมงำอย่างหงุดหงิดแต่กลับไม่พ้นคนหูดี ที่กำลังยกยิ้มบางที่ดูอย่างไรก็เจ้าเล่ห์ชัดๆ ไม่รู้พวกขุนนางคนอื่นตาบอดกันหรืออย่างไรถึงดูไม่ออกว่าคนผู้นี้มิได้อ่อนแออย่างที่แสดงให้เห็น
    
       “แหม พวกเจ้านี่พอบ้านเมืองสงบก็หวานชื่นกันใหญ่เลย มิน่าตอนข้าเข้ามาพวกขันทีแต่ละคนทำหน้าลำบากใจ เป็นเช่นนี่เอง ว่าไปพวกเจ้าก็บอกรักกันต่อเถอะข้าไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว” ลั่วเหยียนเจิ้งบอกกล่าวด้วยรอยยิ้มบางพร้อมหมุนกายจากไปปล่อยให้คนบนเตียงนั่งมองตามอย่างเข่นเขี้ยว
     
        “ฮ่องเต้มาทำไม”
    
        จิวชงหยวนหันไปถามคนต้นเรื่องอย่างแปลกใจ เพราะช่วงนี้ราชกิจลั่วเหยียนเจิ้งนั้นมีมากเนื่องจากเพิ่งได้รับตำแหน่งมาใหม่ๆ จึงต้องสะสางปัญหาที่สะสมมาจากฮ่องเต้องค์ก่อนซึ่งคนภายนอกคิดว่าสวรรคตไปแล้ว มีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้นที่รู้ว่าทรงสละราชบัลลังก์ออกผนวชตลอดอายุขัยที่เหลือ ตัดขาดจากโลกมุ่งสู่พระธรรม
    
       “หากคาดเดาไม่ผิดแค่อยากเห็นหน้าเจ้าได้แกล้งข้าเสียมากกว่า เพราะหากข้ากับเจ้าอยู่ที่นี่วันใดไม่ได้แกล้งคงไม่มีอารมณ์ทำงาน” คำตอบที่ได้รับทำให้จิวชงหยวนนิ่งไป ก่อนจะถอนหายใจอย่างปลงๆ เขาน่าจะนึกได้แต่แรกว่าพี่น้องกันนิสัยย่อมเหมือนกัน
    
       “หยวนน้อย” เสียงตะโกนลั่นดังมาจากหน้าประตูทำให้จิวชงหยวนกรอกตาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะพลิกตัวพุ่งทะยานหลบไปทางห้องน้ำ ปล่อยให้ลู่เฟยรับหน้ากับองค์ชายเจ็ดลั่วหวังอู๋เอง เพราะเขาจะจัดการกับตัวเองก่อนที่จะมีคนแห่เขามาในตำหนักมากกว่านี้
    
       หลังจากออกมาจากห้องน้ำก็เห็นลั่วหวังอู๋นั่งรออยู่เพียงคนเดียว ส่วนคนที่เขาให้ออกมารับหน้าหายไปไหนไม่รู้ ดวงตาเรียวมองลั่วหวังอู๋ที่ส่งยิ้มบางมาให้ ใบหน้าและดวงตาดูไร้เดียงสา หากไม่เห็นเจ้าตัวโยนศีรษะของเสนาบดีฝ่ายขวาต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเฮาคงเชื่อว่าเป็นคนจิตใจดีบริสุทธิ์ สรุปที่ในวังหลวงแห่งนี้หาคนน่ารักสมกับหน้าตาไม่ได้จริงๆ
    
      “เจ้ามีธุระอะไร” เอ่ยถามอย่างปลงๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหา แม้จะมีพลังลมปราณกล้าแกร่งแต่ไม่อยากบอกเลยเขาเจ็บสะโพกจนไม่อยากขยับ ได้แต่นิ่วหน้าน้อยๆ ทนความเจ็บไปเท่านั้น ทำไมชีวิตเขาน่าสงสารอย่างนี้ก็ไม่รู้
    
       “เอ่อ... เอ่อ...” ร่างโปร่งบางตรงหน้าทำท่าบิดกายไปมาอย่างเก้อเขินไม่สมกับเจ้าตัวป่วนแม้แต่น้อย จิวชงหยวนเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจว่ายังมีเหตุการณ์อันใดทำให้เจ้าตัวเก้อเขินอย่างนี้อีกหรือ
    
      “เจ้าจะบอกข้าได้หรือยัง” จิวชงหยวนเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามก่อนจะสะดุ้งน้อยๆ ด้วยความเจ็บ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันพยายามทำให้เป็นปกติที่สุด ก่อนจะรินน้ำชาให้ตัวเองกับคนที่ทำหน้าแดงจนน่าแตะออกนอกตำหนักอย่างหมันไส้
    
      “ข้าบอกเจ้าแล้วเจ้าอย่าเพิ่งแตะข้าออกจากตำหนักนะ” จิวชงหยวนเลิกคิ้วมองคนพูดอย่างหวาดระแวง แต่ก็พยักหน้ายอมรับด้วยสีหน้าอึกอักของอีกฝ่าย คงเป็นเรื่องร้ายแรงจนคิดไม่ตกแน่ๆ
    
      “คือ...ข้าอยากถามเจ้าว่า ตอนที่เจ้าโดนท่านพี่กอดแนบชิดกาย เจ็บมากไหมข้าได้ยินมาว่ามันเจ็บมาก”
    
      แค่กๆ ๆ ๆ
    
      จิวชงหยวนสำลักน้ำชาจนหน้าแดงก่ำ ตวัดสายตามองคนถามตาขวาง ดวงตาใสๆ ที่มองมาอย่างต้องการคำตอบทำให้กลืนน้ำลายลงคอ อยากเอากาน้ำชาที่อยู่ใกล้มือทุบหัวให้ลืมคำถามไปชั่วขณะจริงๆ แต่เมื่ออยากรู้อย่างนั้นหรือ ริมฝีปากยกยิ้มร้าย
    
       “เจ้าถามอย่างนี้แสดงว่าแม่ทัพห่านหลงยังไม่ได้แนบชิดกายกับเจ้า”
    
       “เอ่อ...” ใบหน้าลั่วหวังอู๋เวลานี้แดงระเรื่อก้มหน้าหลบสายตาโดยไม่ทันเห็นแววตาและรอยยิ้มที่ร้ายกาจบนใบหน้างดงาม
    
       “อื้ม...ข้ารู้คำตอบแล้ว เช่นนั้นฟังข้าดีๆ นะ หากเจ้าทำตามข้ารับรองไม่เจ็บแม้แต่น้อย” จิวชงหยวนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังมองเหยื่อตัวน้อยด้วยรอยยิ้มบาง
    
       “ไม่เจ็บหรือ ทำเช่นไรล่ะ” ดวงตาสีใสเหมือนลูกแก้วเงยหน้ามามองอย่างใครรู้ โดยไม่ทันเห็นว่าลูกแกะตัวนี้กำลังแปลงกายเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตามท่านพี่คนอื่นๆ ไปแล้ว
    
       “เจ้าแค่เอายานี้ผสมน้ำชาดื่มเพียงเล็กน้อย จากนั้นเจ้าจะไม่เจ็บ แต่ให้แม่ทัพมาดื่มด้วยนะ หากจะดีเจ้าก็ไล่พวกนางกำนัล ขันทีออกไปให้หมด”
    
         “เอ๋... ยานี่น่ะหรือจะทำให้ไม่เจ็บ แต่ข้าจะลองทำตามแนะนำดู วันนี้ข้ามีธุระขอบใจเจ้ามาก ไว้พรุ่งนี้ข้าจะมาหาอีก” ลั่วหวังอู๋บอกด้วยรอยยิ้มขอบคุณพร้อมเดินจากไปด้วยยาในมือ จิวชงหยวนมองตามแล้วยกยิ้มร้ายกาจก่อนจะพูดตามหลังร่างโปร่งบางเบาๆ
    
        “ขอให้โชคดีนะน้องลั่วหวังอู๋ พรุ่งนี้เจ้าคงลุกไม่ขึ้นไม่ต้องรีบมาหาข้าหรอก หึหึ”
    
       องค์รักษ์เงาที่แอบซ่อนอยู่คานไม้คอยอารักขาซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดถึงกลับลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มองตามหลังองค์ชายเจ็ดด้วยความสงสาร พร้อมสัญญากับตนเองว่าจะไม่เอ่ยถามคำถามเช่นนี้กับหมอเทวะมารเป็นอันเด็ดขาด
    
       ข้าขอให้ท่านโชคดีนะองค์ชายเจ็ด...
   
        ช่วงบ่ายจิวชงหยวนมาปรากฏตัวที่ห้องเครื่องของราชวัง เขาไม่ได้เข้ามาทำลายอย่างที่กล่าวไว้ แต่เข้ามาทำอาหารที่ไม่ได้กินนานเนื่องจากที่แห่งนี้หาได้ยากและไม่มีขายในโรงเตี๊ยมทั่วไป อาหารไทยที่แสนคิดถึงโดยมีจุ้ยซิงเป็นลูกมือ และนางกำนัลห้องเครื่องที่คอยมาแนะนำเครื่องเทศที่แตกต่างกันมาก รายการแรกที่ขาดไม่ได้คือต้มยำทะเลที่ในวังหลวงมีของพวกจึงไม่ต้องกังวลว่าเครื่องปรุงจะไม่ครบ ตามด้วยปลาสามรส ต้มกระทิสายบัวที่เขาเก็บมาจากสวนตำหนักดอกท้อซึ่งครั้งหนึ่งลงไปเพราะเรื่องขายหน้าไว้ พะแนงเนื้อที่ใช้พวกเนื้อแกะแทนและอีกสองสามรายการพร้อมด้วยขนมหวานบัวลอยไข่หวาน
    
         จิวชงหยวนวุ่นวายอยู่ในห้องครัวนานกว่าหนึ่งชั่วยามกว่าจะเสร็จเรียบร้อย รสชาติต้นฉบับรสจัดจ้านกลมกล่อม ใครทานด้วยไม่ได้ไม่สนใจเพราะเขาจะกินคนเดียว เหล่าบรรดาลูกมือต่างมองอาหารจานเด็ดด้วยความสนใจเพราะไม่เคยเห็นมาก่อนพอได้ลองชิมต่างออกเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อย
    
       “อาจารย์ท่านได้สูตรอาหารพวกนี้มาจากที่ใดกันน่าทานนัก” จุ้ยซิงมองด้วยตาเป็นประกาย การเป็นลูกมือไม่ได้ช่วยให้จดจำเครื่องเทศที่มากมายได้ ทั้งๆ ที่ตนเองก็ทำอาหารได้แต่อาหารตรงหน้าล้วนแปลกตาทว่ากลับอร่อยกลมกล่อม
    
       “มาจากดินแดนอันไกลโพ้นต่อให้สิ้นชีวีก็ยากที่จะได้พบเจอ” คำตอบปริศนาที่ได้รับไม่ได้ทำให้จุ้ยซิงกระจ่างมากนัก แต่คาดเดาคงมาจากสวรรค์ อาหารของเหล่าเทพเซียนกระมัง
    
       จิวชงหยวนตักบัวลอยไข่หวานและอาหารชุดหนึ่งให้ฮ่องเต้ลั่วเหยียนเจิ้ง คราแรกว่าจะใส่ปรอทลงไปเพื่อแก้แค้นเมื่อเช้าที่เข้ามากวนประสาทแต่เช้า แต่ไม่ดีกว่า มีวิธีที่ดีกว่านี้เยอะ อาหารไทยรสชาติอร่อยกลมกล่อมและขนมหวานที่หากินไม่ได้ในภพนี้ หากได้ลิ้มลองจะติดใจจนมิรู้ลืม หากลั่วเหยียนเจิ้งติดใจแต่ตัวเขาไม่อยู่ทำให้กินและไม่บอกสูตรอาหารพวกนี้กับใคร แค่คิดก็สนุกเสียแล้วสิ ริมฝีปากบางยกยิ้มร้ายเมื่อเขาจะใช้วิธีเสน่ห์ปลายจวักเป็นการแก้แค้น
    
       จิวชงหยวนให้คนยกสำรับเดินตามไปเฝ้าฮ่องเต้ลั่วเหยียนเจิ้งโดยเขาเดินนำไป เมื่อมาถึงตำหนักทรงงานก็รายงานกับองค์รักษ์เล็กน้อยก่อนจะถูกเชิญเข้าไป ทว่าทันทีลั่วเหยียนเจิ้งเห็นอาหารตรงหน้าก็นั่งจ้องไม่วางสายตาก่อนจะเงยหน้ามองเขาอย่างไม่แน่ใจ
    
        “เจ้าทำเองรึ” คำถามและใบหน้าแสดงความหวาดระแวงออกมาทำให้จิวชงหยวนยิ้มขำ แกล้งคนอื่นไว้มากเลยมาหวาดระแวงอย่างนี้
    
        “พ่ะย่ะค่ะ หากพระองค์ไม่กล้าเสวยเดี๋ยวกระหม่อมจะเสวยเป็นเพื่อน” บอกพร้อมเตรียมถ้วยชามสองชุดมาเผื่อเพราะคิดไว้อยู่แล้วว่าต้องหวาดระแวง
    
       “คิดว่าเจ้าไม่วางยาข้าหรอก แต่ข้ารู้สึกว่ามันมีมากกว่านั้น” คำตอบที่ได้รับทำให้จิวชงหยวนยกยิ้มบางสมกับเป็นฮ่องเต้จริงๆ
    
       “หืม พระองค์หวาดระแวงหม่อมฉันหรือพ่ะย่ะค่ะ” เลิกคิ้วถามพร้อมทำหน้าใส่ซื่อบริสุทธิ์แต่มีหรือว่าฮ่องเต้ที่ฉลาดหลักแหลมจะไม่รู้ทัน แต่ก็รับตะเกียบไปคีบปลาสามรสเป็นอันดับแรก อาจเป็นเพราะมันมีหน้าตาคล้ายกับอาหารที่นี่ที่สุด
    
        ลั่วเหยียนเจิ้งชะงักไปชั่วครู่เมื่ออาหารเข้าไปในปากรสชาติหอมหวาน กลมกล่อมอร่อยอย่างไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อน เงยหน้ามองสบตากับคนทำที่ทำหน้าใส่ซื่อจนน่าหมั่นเขี้ยว การเดินทางของจิวชงหยวนผู้นี้ทำให้นิสัยเจ้าตัวร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังคงเป็นตัวเองได้อย่างน่านับถือ
    
        “สิ่งนี้เรียกว่าปลาสามรส นี่ต้มยำทะเล ส่วนนี่พะแนงเนื้อ ต้มกระทิสายบัว แกงเขียวหวาน ส่วนขนมหวานเรียกว่าบัวลอยไข่หวาน พ่ะย่ะค่ะ” จิวชงหยวนแนะนำรายการอาหารอย่างไม่รีบร้อน
 
    ลั่วเหยียนเจิ้งก็ลองคีบรายการอื่นๆ ตามที่แนะนำอย่างสนใจ แม้จะมั่นใจว่าไม่มียาแต่กลับรู้สึกตะขิดตะขวงใจแบบแปลกๆ ทว่าเมื่อลิ้มลองทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้ากลับทำให้รู้สึกตรึงใจมิรู้ลืม หากได้กินอาหารเช่นนี้ตลอดคงมีความสุขมาก แต่เมื่อคิดมาถึงตรงนี้กลับชะงักงัน เหลือบตามองคนทำซึ่งยกยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ แล้วถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง
    
       พลาดแล้ว... ตนพลาดไปกับแผนการของคนตรงหน้าเสียแล้ว มือหนายกผ้าชับมุมปากแผ่วเบาแล้วมองสบตาร่างโปร่งบางตรงหน้าอย่างจริงจัง
    
        “อาหารที่เจ้าทำ คงมีแต่เจ้าที่ทำได้สินะ แล้วเจ้าก็ไม่บอกสูตรนี้แก่ใครใช่หรือไม่หยวนน้อย” เอ่ยถามจริงจังพร้อมแววตากดดันส่งกลับไปทว่าคนร่างโปร่งบางกลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ใบหน้างดงามมองเขาแล้วยกยิ้มบางเบามุมปากคำตอบก็กระจ่างทันที
 
    “ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่งนัก ไพร่ฟ้าแคว้นลั่วหยางคงอยู่ร่มเย็นเป็นสุขพ่ะย่ะค่ะ” จิวชงหยวนตอบรับโดยไม่ปฏิเสธการคาดเดาของอีกฝ่าย สมแล้วที่เป็นฮ่องเต้ไม่ผิดหวังจริงๆ
    
       “วันนี้กระหม่อมต้องไปปรนนิบัติสวามี มิอาจอยู่เป็นเพื่อนพระองค์ได้ ทรงเสวยให้สำราญเถิดพ่ะย่ะค่ะ” จิวชงหยวนโค้งกายนอบน้อมก่อนจะถอยห่างออกมาด้วยรอยยิ้มละไม เพียงเห็นสีหน้าสุขใจเวลาลิ้มลองอาหารของลั่วเหยียนเจิ้งก็รู้ว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ตนต้องการ
    
        อ่า... การได้แกล้งคนอื่นมันสนุกอย่างนี้นี่เอง




   ติชมหรือแนะนำได้นะคะ ฟางจะได้นำไปปรับปรุงในเรื่องต่อไป ขอบคุณทุกการติดตามและทุกคอมเมนท์มากจ้า จุ๊บๆ :mew1:

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
 :o8:ย้วยตายข้างฝาห้องนอนแล้ว

รอเรื่องต่อไป และรอให้จุ้ยซิงยิ้มได้

ออฟไลน์ Ryu7801

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ชอบมากหยวนน้อยน่ารัก  ฮ่องเต้แพ้แล้วสะใจมากๆๆๆๆๆๆ :hao7:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


งงกับตัวเองเหมือนกันว่า....

ทำไมเนื้อหาถึงขึ้นไม่คบ

แต่ก็ไม่เป็นไร ข้าเจ้าสามารถ(หาอ่านที่อื่น) แล้วกลับมาเมนต์ต่อ


มันช่างเป็นการเอาคืนที่.....

อิ่มจริงๆ

รอต่อขอรับ



ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ขี้แกล้งกันทั้งนั้นเลย

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
การแก้แค้นที่อิ่ม อร่อย
พี่ลู่เฟย แกได้วิตามินบีแหล่ะ กินตับเมามัน 555+
ไม่ให้ชงหยวนได้นอนเลย 5555+

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
555555 เป็นการแกล้งที่สนุกจริงๆ
หยวนน้อย >___< เขิลเลย

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
"วันนี้กระหม่อมต้องไปปรนนิบัติสวามี"

พูดได้เต็มปากเต็มคำแล้วเหรอ

ตอนแรกเห็นอายๆ

อยากให้ลู่เฟยได้ชิมอาหารที่หมอจิวทำบ้างจัง

พอได้กินแล้วคาดว่าลู่เฟยจะหลงหมอจิวขึ้นอีกเป็นเท่าตัวแน่ๆ

ปล ขอบคุณที่ลงให้ทันกับที่อื่น อ่านที่อื่นเม้นท์ให้ไม่ได้ เพราะจะติดเล้ามากกว่า

      อ่านสนุกมากๆ ชอบเรื่องนี้ที่สุด เป็นกำลังใจให้จ้า สู้ๆ

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2

ออฟไลน์ ศตรัศมี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นิยายจะจบแล้วจุ้ยซิงกับอี้ฟานจะได้เจอกันทันตอนจบมั้ยอ่า อยากให้กลับมาเจอกันฝุดๆ อยากให้จุ้ยซิงสมหวังในรัก ให้อีฟานหันมามองคนๆนี้บ้าง เป็นรางวัลตอบแทนให้คนที่รักและภักดีเสมอมา TT^TT

ออฟไลน์ fahhee_zeze

  • Love you...YAOI~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
 :ruready ตอนแรกว่าจะเขินกับตอนนี้นะ แต่พออ่านจบทำไมหัวเราะหว่า 555555555555555555  :laugh:

ออฟไลน์ lingfang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-0
บทที่47ป่วนรักในวังหลวง
เล่ม 2 ตอนที่22 (P.22วันที่ 20/11/58)

       เช้าวันใหม่อากาศเย็นสบายหิมะโปรยปรายสวยงาม ในเวลานี้กลับทำให้องค์ชายเจ็ดแห่งลั่วหยางผู้ที่ชนะการศึกร่วมเป็นร่วมตายกับแม่ทัพห่านหลงมาเนิ่นนานและยังกำจัดกบฏได้อย่างเด็ดขาด ทว่าเวลานี้กลับพลาดพลั้งเสียรู้ให้จอมเจ้าเล่ห์อย่างหมอเทวดาที่ถูกขนานนามใหม่ว่าหมอเทวะมาร ครานั้นตนยังคิดว่าฉายากล่าวอ้างเกินจริง แต่ ณ เวลานี้กลับได้พบเจอด้วยตนเองเอาจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าน่าอับอายยิ่งนัก
    
       “กระหม่อมสมควรตาย โปรดลงอาญากระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
    
        ลั่วหวังอู๋มองคนคุกเข่าก้มหัวจนติดพื้นไม่กล้าสบตาอย่างหงุดหงิดใจ เรื่องทั้งหมดตนเป็นผู้เริ่มจะโทษใครได้ ริมฝีปากเม้มเน้นอย่างเจ็บใจเรื่องที่ผ่านมาล้วนเพราะฤทธิ์ยาทั้งนั้น หากห่านหลงมีใจให้เขาบ้างคงไม่เจ็บปวดเช่นนี้
    
         “เจ้าจะคุกเข่าจนตายหรือไง”
    
         บอกด้วยความหงุดหงิด ทว่าคนที่คุกเข่าเพียงเหลือบตามามองเล็กน้อย ร่างโปร่งบางจึงพยายามลุกออกจากเตียงก่อนจะทรุดลงด้วยความเจ็บ ขาสั่นระริกจนทรงตัวไม่อยู่แต่ก่อนจะกระแทกลงพื้นจริงๆ ห่านหลงก็พุ่งเข้ามารับได้อย่างทันท่วงที ทั้งคู่เงยหน้าสบตากันแม้เพียงชั่วครู่แต่หัวใจกลับเต้นระรัว
    
       “ขออภัยฝ่าบาท”
    
         ห่านหลงกล่าวพร้อมตวัดอุ้มร่างโปร่งบางกลับนอนบนเตียงเหมือนเดิม ใบหน้าฝาดแดงระเรื่อทำให้น่ามองยิ่งนักแต่ฐานะรันดรที่ต่างกันทำให้มิอาจเอื้อม แต่ยามนี้ศีรษะเขาสมควรจะหลุดจากบ่าที่บังอาจไปล่วงเกินองค์ชาย อีกทั้งแปลกใจยิ่งนักเมื่อยามอยู่ใกล้องค์ชายส่วนที่อ่อนมาตลอดกลับลุกฮืออยากโรมรันกับร่างโปร่งบางครั้งแล้วครั้งเล่า
    
         “ฝ่าบาท กระหม่อม” แม่ทัพยิ่งใหญ่ผ่านศึกมามากมายกลับไม่เคยอึกอักเช่นนี้มาก่อน ทว่ายามนี้กลับทำให้ความมั่นใจสูญหายไป ร่างโปร่งบางสั่นระริกด้วยความเจ็บยิ่งรู้สึกสงสาร
    
         “ออกไปได้แล้วข้าอยากนอนพัก” ลั่วหวังอู๋บอกพร้อมหันหลังให้คนตีหน้ายุ่งลำบากใจด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เรื่องนี้จะโทษใครได้นอกจากตัวเองที่รนหาเรื่องเอง ไม่น่าไปทำให้จิวชงหยวนหมายหัวไว้เลย
    
           จิวชงหยวนนั่งห้อยขาอยู่บนต้นไม้กระติกเท้ามองภาพตรงริมหน้าอย่างสบายอารมณ์มุมปากยกยิ้มบางเบา ยาตัวเดียวช่วยได้ตั้งสองคนแม่ทัพก็หายจากโรคน่าอายที่ไก่ไม่ขัน และยังได้เมียที่หลงรักห่านหลงอีกต่างหาก แบบนี้เขาเรียกว่ายิงนกตัวเดียวได้มาตั้งสองตัว
    
          เมื่อเห็นทุกอย่างเป็นไปตามที่คิดจึงพุ่งทะยานกลับตำหนักตัวเอง เพราะมีนัดหมายกับลูกศิษย์จะไปป่วน เอ่อ...ไปสอนการปรุงยาที่ห้องยาของวังหลวง
    
          “เจ้าแอบไปทำอะไรมา” ทันทีที่ก้าวเข้าตำหนักเสียงทักทายอย่างรู้ทันของลู่เฟยดังขึ้น ร่างสูงในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มลายมังกรงดงามปักปิ่นหยกที่เคยซื้อให้ จิวชงหยวนยกยิ้มบางไม่ได้เดือดร้อนใจกับทักทายเพราะช่วงนี้จะทำอะไรมีแต่ลู่เฟยเท่านั้นที่จะรู้ทันเขาไปหมด ตอนแรกก็หงุดหงิดทว่านานเข้าก็เริ่มจะชินชา
    
         “วันนี้เจ้าไปที่ไหน” จิวชยวนเอ่ยถามคนแต่งกายเต็มยศอย่างใคร่รู้ ลู่เฟยยกยิ้มบางก่อนจะตอบคำถามที่ทำให้คนฟังตาเป็นประกาย
    
        “อ๋องจากแคว้นโหลวหลันมาแสดงความยินดีกับฮ่องเต้และได้ส่งบุตรีมาหมั้นหมาย”
    
         “น่าสนุก ว่าแต่เจ้ามิมีใครอยากมาหมั้นหมายอีกหรือ” จิวชงหยวนเอ่ยถามเมื่อนึกไปถึงอดีตสองสาวงามที่เทียวมาทำคะแนนและใส่ความเขาอย่างหน้าด้านๆ
    
          “เจ้าอนุญาตหรอกหรือ” คำถามและแววตาพราวระยับที่มองมาทำให้จิวชงหยวนคิ้วกระตุก ก่อนจะแสยะยิ้มแล้วตอบรับอย่างจริงจัง
    
        “อนุญาตสิ แต่จากนั้นข้าจะหาเมียสักเจ็ดคน สามภรรยา สี่อนุ เจ้าว่าน่าสนใจไหม” คำตอบที่ได้รับทำให้ลู่เฟยหน้าตึงขึ้นก่อนจะบอกเสียงดุ
    
        “หากเป็นเช่นนั้นข้าจะสังหารนางให้หมดและจับเจ้าไปขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน” จิวชงหยวนยกยิ้มบางแล้วพยักหน้ากับตัวเองก่อนพึมพำเบาๆ ว่าลู่เฟยคงอยากเล่นบทจำเลยรักนี่เอง แต่ขอโทษทีนะพอดีเขาไม่ได้อ่อนแอให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ
    
      “หืม นั่นขึ้นอยู่ที่เจ้าแล้วล่ะ เพราะเมื่อไหร่ที่เจ้ารับอนุเพิ่มข้าก็จะไปหาเพิ่มเหมือนกันยุติธรรมดีเจ้าว่าจริงไหม”
    
        พรึบ!
    
       พอกล่าวจบร่างสูงก็ตวัดร่างโปร่งบางเข้ามากอดก่อนจะยกยิ้มร้ายที่ทำให้จิวชงหยวนลุกลี้ลุกลน หันซ้ายขวามองหาตัวช่วย
    
       “เห็นทีเจ้าคงว่างมากเลยมีเวลาคิดอะไรไร้สาระ เดี๋ยวข้าจะทำให้ไม่ว่างตลอดวันนี้” จิวชงหยวนอ้าปากค้างมองคนตวัดอุ้มตัวเองเข้าไปในห้องก่อนจะร้องออกมาเสียงหลง
    
        “ม่ายยย ปล่อยข้า ข้ามีงานต้องทำ”
    
         เสียงร้องโวยวายของคนงาม ทว่าประตูกลับถูกปิดสนิทปล่อยให้จุ้ยซิงที่อาจารย์นัดมามองตามตาปริบๆ ยกมือเกาศีรษะอย่างปลงๆ เห็นทีวันนี้คงไม่ได้ไปปรุงยา ก่อนจะเดินกลับไปห้องตัวเองเมื่อรู้ว่าไม่มีประโยชน์จะรอ
    
         ส่วนเงาองค์รักษ์ที่ติดตามเงียบๆ ยกมือปิดปากกลั้นหัวเราะด้วยความขบขัน แกล้งคนอื่นมามาก กลับมาพ่ายแพ้ให้กับเจ้าเหนือหัวลั่วลู่เฟย เห็นทีงานนี้องค์ชายคงไม่ปล่อยให้คนงามไปป่วนที่ไหนได้อีกแน่ๆ
 
    ข้าขอให้ท่านโชคดี...

    
      “อ่ะ... เบาๆ หน่อย ข้าเจ็บ”
    
       “อื้ม... อา ดีมาก...”
    
       จิวชงหยวนมองคนที่นอนหลับตาร้องครางชวนให้เข้าใจผิดอย่างหงุดหงิด คิดว่าจะไม่รอดเสียแล้วแต่วิชาปลิ้นปล้อน เอ้ย วิชาประจบทำให้รอดพ้นเงื้อมมือมารมาได้อย่างหวุดหวิด และตอนนี้เขาเลยมาเป็นหมอนวดชั่วคราวให้เจ้าตัว ซึ่งหลับตาพริ้มเหมือนพึงพอใจจนอดกดน้ำหนักลงแรงๆ อย่างตั้งใจไม่ได้ ลู่เฟยปรือขึ้นมามองแล้วยกยิ้มร้าย
    
        “หากเจ้ายังนวดไม่ดีเห็นทีข้าจะต้องทำอย่างอื่นแทนแล้ว”
    
        “นวดแล้ว นวดแล้ว นี่ข้านวดแบบแผนไทยเลยนะ หนึ่งชั่วยามหลังจากนี้เจ้าต้องให้ข้าไปปรุงยาด้วย” จิวชงหยวนกล่าวอย่างต่อรอง ใบหน้างดงามนิ่วน้อยๆ อย่างอดกลั้นอารมณ์ คนนอนให้นวดเพียงแค่เลิกคิ้วกับคำพูดแปลกๆ ของร่างโปร่งบาง แต่เมื่อรู้ว่าคนที่ลงมือนวดหลังให้อยู่นี้ไม่ได้มาจากภพภูมินี้จึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก
    
       “วันนี้ทำบัวลอยไข่หวานให้กินอีกหน่อยสิ เมื่อวานหมดเร็วเกินข้ายังไม่รู้รสเลย” จิวชงหยวนมองคนอ้อนแล้วกรอกตาอย่างเซ็งๆ ไม่รู้รสบ้านบิดาเจ้าสิ กินไปตั้งหม้อบอกว่ายังไม่รู้รส
    
        “ของดีมีครั้งเดียว ไว้ข้าทำพายสตอเบอรี่ให้กิน”  จิวชงหยวนกล่าวตอบพร้อมนวดต้นคอไปด้วย น้ำหนักมือที่ลงทำให้รู้สึกไม่หนักเกินและไม่เบาเกินเป็นการนวดเพื่อผ่อนคลายเท่านั้น
    
       “อร่อยไหม” ลู่เฟยเอ่ยถามหลับตาพริ้มอย่างสบายๆ
    
      “หืม มีสิ่งใดที่ข้าทำแล้วไม่อร่อยบ้างหรือ”
    
       “มีสิเจ้าจำไม่ได้หรือ” คำตอบที่ได้รับทำให้จิวชงหยวนนิ่วหน้าพยายามนึกถึงสิ่งที่เขาทำให้ลู่เฟยกินและบอกว่าไม่อร่อย
    
       “เจ้าหมายถึงมันเผานะหรือ” เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ ขณะนวดอยู่นั้นกลับนึกบางอย่างออก เห็นทีเขาต้องผลิตยาหม่อง น้ำมันนวดขึ้นมาแล้ว และยังมียานั่นอีกเพราะทำทีไรเจ็บแสบทุกครั้งคงต้องสร้างเจลหล่อลื่นขึ้นมาเพิ่ม ก่อนจะหันไปมองหน้าคนที่ตอบกลับมา
    
       “นั่นแหละ”
    
       “มันเผารสชาติอย่างนั้นอยู่แล้วข้าไม่ทำอะไรเลยแค่โยนใส่ไฟเท่านั้น และที่เจ้ากินก็เป็นส่วนแมลงกินเลยทำให้ขมต่างหาก”
    
       จิวชงหยวนเถียงกลับ ก่อนจะยกยิ้มบางเมื่อนึกได้ตอนที่เผามันแต่เจอแมลงกัดกินเลยทำให้ขมไปบ้างแต่รสชาติของหัวอื่นๆ ก็ปกติ สงสัยจะไม่ชอบจริงๆ เห็นทีคงลองทำต้มมันหรือมันฝรั่งทอดกรอบให้ลองทานบ้างจะได้ไม่เข็ดเช่นนี้อีก
    
       ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม จิวชงหยวนจึงได้มาเดินทอดน่องอยู่สวนตำหนักระหว่างไปโรงยาของวังหลวง เพราะลู่เฟยต้องไปรับแขกต่างเมืองอีกทั้งจัดการปัญหาช่วยรัชทายาทให้เสร็จสิ้นก่อนจะร่วมเดินทางไปกับเขาอีกครั้ง คราแรกจะสละตำแหน่งยศฐาบรรดาศักดิ์แต่ลั่วเหยียนเจิ้งไม่เห็นด้วยและไม่อนุญาต เพียงแต่ให้เดินทางไปกับเขาได้ ทว่าเมื่อใดที่มีภัยมาถึงบ้านเมืองต้องกลับมา
    
      “อาจารย์ทำไมมาเร็วขอรับ ข้าคิดว่าท่านจะมาพรุ่งนี้เสียอีก” จุ้ยซิงที่ไม่มีอะไรทำจึงได้ใช้ป้ายคนสนิทของพระชายาตี้ฝู้จินมาลองผสมยาตามที่อาจารย์สอนเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
    
         จิวชงหยวนยืนมือไพล่หลังเดินเข้ามาหาจุ้ยซิงช้าๆ พร้อมนิ่วหน้าน้อยๆ เอียงคอมองคนถามอย่างฉงนก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ
 
    “เหตุใดว่าข้ามาเร็วทั้งๆ ที่ข้านัดเจ้าแต่เช้านี่จนตะวันตั้งอยู่กลางหัวแล้ว”
    
         “เอ่อ...คือ...” จุ้ยซิงหน้าแดงระเรื่อ อึกอักไปมาไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกมา
    
       ทว่าเพียงแค่นั้นก็ทำให้จิวชงหยวนเข้าใจแล้วว่าเจ้าตัวคงไปเห็นเขาโดนลู่เฟยอุ้มเข้าไปในห้อง  แต่เมื่อเห็นกิริยาเช่นนี้กลับรู้สึกเบาใจเพราะเจ้าตัวอาการเริ่มดีขึ้นมากแล้วเพียงแต่ไม่ควรปล่อยให้ว่างเกินไปเท่านั้นเอง
    
        “เอาเถิด ข้ามีหลายอย่างจะสอนเจ้า เราต้องสร้างยาหลายขนานก่อนออกเดินทาง”
    
       จิวชงหยวนตัดบทก่อนจะเดินนำไปยังห้องยาส่วนต่างๆ หมอหลวงที่เห็นพระชายาตี้ฝู้จิ้นต่างสะดุ้งหวาดกลัวไปตามกัน ไม่ใช่กลัวจะโดนสังหารแต่กลัวว่าสมุนไพรจะหมดไปเพราะระเบิดตูมตามอีกครั้ง
    
        จิวชงหยวนมองตามอย่างนึกขำกับการสร้างวีรกรรมไว้ครั้งที่ผ่านมาของตัวเองคงติดตาตรึงใจจนพากันสะดุ้งหวาดระแวงไปตามๆ กันเช่นนี้
    
        ครั้งนี้เขาไม่ได้แกล้งทำยาเสียแต่เก็บทุกรายละเอียดการทำยาเพื่อผลประโยชน์ในภายภาคหน้า อีกทั้งไม่มีเวลามาเล่นอย่างคนว่างงานเหมือนคราที่ผ่านมา ที่สำคัญยังมีลูกศิษย์ที่คอยทำตามอยู่เพราะฉะนั้นจะเป็นตัวอย่างไม่ดีเดี๋ยวเด็กน่ารักๆ อย่างจุ้ยซิงจะนิสัยเสีย อะแฮ้ม จะติดนิสัยเขาไป
    
       จิวชงหยวนใช้เวลาในการปรุงยาอยู่สามวันก็ถูกฮ่องเต้เชิญไปเข้าเฝ้า และคาดการไม่ผิดคงอยากกินอาหารฝีมือเขาเสียมากกว่า และเมื่อมาถึงเรื่องก็ไม่ได้เกินจากที่คิด จากมังกรผู้องอาจทำตัวเป็นหมาน้อยขอข้าวจากเจ้าของจนทำให้เขาพูดไม่ออก ไม่คิดว่าจะมีคนเห็นแก่กินจนนิสัยเปลี่ยนขนาดนี้ และที่สำคัญเขาเพิ่งรู้ว่าฮ่องเต้จอมเจ้าเล่ห์ชื่นชอบขนมหวานมากว่าข้าวปลาเสียอีก
    
         “กินของหวานมากไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวจะเป็นโรคเบาหวาน” จิวชงหยวนเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี มุมปากยกยิ้มอย่างขำขัน
    
        “มันคือสิ่งใด กินได้หรือไม่” ลั่วเหยียนเจิ้งเอ่ยถามอย่างฉงนเกิดมาจนอายุยี่สิบหกปียังไม่รู้จักโรคดั่งกล่าวเลย มิหนำซ้ำชื่อน่ากินด้วย จิวชงหยวนกรอกตาไปมามองคนบ้าของหวานอย่างเอือมๆ
    
       “กินได้ที่ไหน ช่างเถอะ กระหม่อมยังยุ่งอยู่กับการทำยาไม่มีเวลามาทำขนมให้ฝ่าบาทหรอกพ่ะย่ะค่ะ” จิวชงหยวนกล่าวตัดบทที่ทำให้คนฟังหน้ามุ่ย
    
        “หากเช่นนั้นข้าก็ไม่ให้เจ้าเอายาที่ปรุงสำเร็จออกนอกวังหลวง”
    
        ดวงตาจริงจังจ้องมองมาเหมือนจะบอกว่าเอาจริง ทำให้จิวชงหยวนหรี่ตามองคนไร้เหตุผลแล้วส่ายหน้าอย่างปลงๆ สรุปเขากำลังโดนข่มขู่เช่นนั้นหรือ เดี๋ยวใส่ปรอทเสียให้เข็ดเลยนี่ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายได้แต่ถอนหายใจอย่างระอา
 
   “กระหม่อมจะทำให้ฝ่าบาทเสวยอีกครั้งแต่กระหม่อมจะไม่บอกสูตรที่ทำกับผู้ใด หากอยากได้ไปยืนจำเองพ่ะย่ะค่ะ” จิวชงหยวนบอกพร้อมยักคิ้วให้คนไม่เคยเข้าครัว แต่กลับต้องแปลกใจเมื่อลั่วเหยียนเจิ้งพยักหน้ารับอย่างจริงจังยิ่งกว่างานราชการเสียอีก
    
         และแล้ว ณ ห้องเครื่องในเวลานี้กลับวุ่นวายไปหมด จิวชงหยวนมองลูกมือที่ช่วยปั้นแป้งบัวลอยแล้วอยากยกเท้าก่ายหน้าผากแทนมือ ลูกกลมๆ ที่ควรจะเป็นบิดเบี้ยวไปมาเล็กบ้างใหญ่บ้างหากลงหม้อต้มจริงๆ คงติดคอตาย ที่สำคัญใบหน้าหล่อเหลามีแป้งติดเต็มหน้าไปหมดเสื้อผ้าขาววอกไปตามกัน เห็นแล้วรู้สึกไมเกรนขึ้นเสียดื้อๆ
    
      “พอๆ กระหม่อมทำเอง ฝ่าบาทไปยืนดูอยู่ตรงนั้น”
    
        จิวชงหยวนบอกอย่างหงุดหงิด ดวงตาเรียวตวัดมองมาอย่างไม่พอใจทำให้ลั่วเหยียนเจิ้งยอมถอยออกไปง่ายๆ ดวงตาคมมองการทำบัวลอยไข่หวานที่แสนยากเย็นด้วยความสนใจ แต่รู้สึกว่าเขาจะไม่มีพรสวรรค์ในด้านนี้ถึงทำได้เละเทะไปหมด
    
        เพียงสองมือเรียวนั้นจับนู่นนี่เพียงครู่ทุกอยางกลับออกมางดงามมิหนำซ้ำไม่มีแป้งมาติดตามตัวเหมือนตนอีก เจ้าเล่ห์เพอุบายมาก็เยอะแต่กลับมาเสียรู้คนตัวเล็กด้วยฝีมือเสน่ห์ปลายจวัก เห็นทีครานี้จะคัดฮ่องเฮาคงต้องทำบัวลอยไข่หวานเป็นก่อนกระมั้ง
    
      จิวชงหยวนใช้เวลาครึ่งชั่วยามกับการทำบัวลอยไข่หวานและทำพายสตอเบอรี่เป็นของแถมเพิ่มอีกหนึ่งอย่างด้วย ครั้งนี้เขาได้ทำเผื่อลู่เฟยและองค์ชายเจ็ดที่งอนเขาไม่เลิกตั้งแต่สามวันก่อน เนื่องจากเจ้าตัวไข้ขึ้นจนเขาต้องไปดูแลให้ยาแก้อักเสบไว้ โดยตลอดสามวันแม่ทัพห่านหลงก็คอยแวะเวียนไปเยี่ยมตลอดไม่รู้ป่านนี้คืนดีกันหรือยัง
    
       “พระชายาเสด็จ...” เสียงขันทีรายงานองค์ชายเจ็ดดังขึ้นหน้าประตู แต่คำเรียกขานฟังทีไรก็ระคายหูจนน่าหงุดหงิด ให้เรียกแค่หมอจิวมันยากเย็นมากหรืออย่างไร
    
       “ข้าไม่อยากพบ” คำตอบจากคนข้างในทำให้จิวชงหยวนรู้ว่ายังไม่หายงอน แต่สกิลความหน้าด้านของเขามันมากพอจะก้าวเข้าไปโดยที่ทหารไม่กล้าขัดขวาง
    
        “มีอะไรอีกข้าหายป่วยแล้ว” ลั่วหวังอู๋บอกเสียงเรียบดวงตายังเหม่อมองหิมะโปรยปรายด้านนอกอย่างเศร้าๆ จากคนร่าเริงกลับทำตัวห่อเหี่ยวเช่นนี้แล้วรู้สึกผิดนิดหน่อย
    
         “ข้าทำขนมมาให้” จิวชงหยวนบอกพร้อมวางขนมไว้บนโต๊ะแต่ลั่วหวังอู๋กลับเมินหน้าหนีอย่างไม่สนใจ จิวชงหยวนเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกอดออกมองคนทุกข์ใจเรื่องรักแล้วถอดถอนใจ
    
         “ข้ากับองค์ชายห้ามิมีสิ่งใดเทียบเคียงกันได้ ฐานะรันดรข้าเป็นเพียงมนุษย์เดินดินธรรมดาผู้หนึ่งหาใช่เทพเซียน ยศฐาบรรดาศักดิ์ก็หามีไม่ แต่ลู่เฟยไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ เขารักที่ตัวข้ามิใช่สิ่งอื่น รักก็คือรัก ไม่รักก็คือไม่รัก ไยจะต้องมาคิดเรื่องอื่นให้ปวดหัวเพิ่ม” จิวชงหยวนบอกด้วยเสียงราบเรียบ แววตามองอีกฝ่ายนิ่งๆ ลั่วหวังอู๋หันมามองด้วยความสนใจ
    
          นั่นสิ ทำไมเขาไม่คิดถึงสิ่งนี้มาก่อน จิวชงหยวนเป็นเพียงหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงทั้งยุทธภพแต่มิได้มียศศักดิ์หรือมีสายเลือดของกษัตริย์ไม่ แต่ทั้งคู่กลับรักกันและฝ่าฟันอุปสรรค อีกทั้งร่วมเป็นร่วมตายกันมานาน แต่สิ่งนี้ตนมิได้มาใส่ใจเพียงแต่คนที่คิดมากกับเรื่องนี้คือห่านหลงแม่ทัพผู้ทรนงตนและรู้จักที่ต่ำที่สูงจนน่าหงุดหงิด
    
         “หากแม่ทัพห่านหลงคิดได้เช่นท่านข้าคงไม่มานั่งทุกข์ใจเช่นนี้หรอก” จิวชงหยวนยกยิ้มบางกับคำกล่าวก่อนจะตอบกลับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
    
         “เจ้าลองมีคนอื่นดูสิ แม่ทัพห่านหลงคงเดือดเป็นไฟ” ลั่วหวังอู๋มองตามอย่างสนใจ ก่อนจะยกยิ้มบางเมื่อเข้าใจความหมายที่สื่อมา งานนี้เขาไม่ยอมขาดทุนแน่ๆ
    
        “เจ้านี่นะ ถึงว่าท่านพี่ถึงไปไหนไม่รอด” ลั่วหวังอู๋บอกอย่างอ่อนใจเมื่อสุดท้ายก็ต้องยอมใจอ่อนให้คนมากเล่ห์ แต่เขาก็ไม่กล้างอนนานหรอกเดี๋ยวเจอการกลั้นแกล้งมากกว่านี้ ก่อนจะขมวดคิ้วมองกระบุกสีขาวบางอย่างวางมาให้
    
         “เจลหล่อลื่นข้าเพิ่งปรุงเสร็จจะช่วยให้ไม่เจ็บมาก อ่ะ นี่ของจริงไม่ได้แกล้ง ข้าตั้งใจทำให้ตัวเองแต่เป็นการไถ่โทษจากข้ารอบหน้าจะได้ไม่เจ็บตัวอีก” ใบหน้างดงามกล่าวอธิบายเสียงเรียบทว่าคนฟังกลับหน้าแดงระเรื่ออย่างเก้อเขินกับคนหน้าด้าน
    
        “เจ้ามันหน้าด้าน ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว ไหนขนมของเจ้า” ลั่วหวังอู๋หันไปคว้าตระกร้าขนมมาดูอย่างเปลี่ยนเรื่อง จิวชงหยวนหัวเราะในลำคออย่างรู้ทัน นี่เขาใจดีสุดๆ แล้วนะยังมาว่าเขาหน้าด้านอีก
    
       หรือว่าจะด้านจริงๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้เวลาหลอมรวมให้เขาเป็นคนเช่นนี้เอง...
   
        จิวชงหยวนกลับตำหนักหลังจากวันนี้หมดไปกับการทำขนมให้ฮ่องเต้เสวย ส่วนของลู่เฟยเขาได้เก็บไว้ให้เพราะเจ้าตัวไม่อยู่เห็นบอกว่าไปจัดการราชการที่นอกวังหลวง กลับมาก็มืดค่ำทุกค่ำคืนโดยไม่ได้มีเวลามากอดรัดเขาอีกซึ่งเป็นที่น่าพอใจไม่น้อย แต่ก็อดสงสารไม่ได้เพราะเจ้าตัวเร่งทำงานทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยก่อนจะร่วมเดินทางไปกับเขาอย่างจริงจัง
    
         จะมีสักกี่คนที่ทุ้มเทเพื่อความรักมากมายขนาดนี้ ยอมสละตำแหน่ง ละทิ้งความสบายในวังหลวงเดินทางร่วมทุกข์ร่วมสุข ค่ำไหนนอนนั่นไปกับเขา มือจับขลุ่ยหยกที่เขาไม่รู้ว่ามีกลไกอะไรเปลี่ยนเป็นกระบี่ได้ แต่เรื่องนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจนักเพราะอย่างไรก็มีกระบี่โชคชะตาอยู่แล้ว
    
         ขลุ่ยหยกแตะริมฝีปากก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงเดือนเพ็ญจากโลกที่จากมาอย่างแผ่วเบาทว่าความหวานละมุนนั้นดังสะท้อนออกไปไกลทำให้ตรึงใจคนฟัง ความหมายลึกซึ้งที่เอ่ยออกมาบ่งบอกอารมณ์ผู้บรรเลงได้เป็นอย่างดี
    
        ลู่เฟยกลับมาจากงานหยุดมองร่างโปร่งบางที่ยืนบรรเลงเพลงขลุ่ยอยู่ริมหน้าต่างด้วยสายตายากจะอ่านออก ก่อนจะเดินเข้าไปกอดร่างโปร่งบางแนบกายแล้วกระซิบแผ่วเบา
    
        “ข้ารักเจ้า และมีแต่เจ้าตลอดไป ที่นี่คือบ้านของเจ้าและข้า แม้จะวายชีวีข้าจะไม่ปล่อยเจ้ากลับไป” จิวชงหยวนหยุดชะงัก เงยหน้ามองดวงตาคมที่จริงจังทำให้ยกยิ้มบาง
    
       “ข้ารู้ ข้าอยู่ผิดที่มาตั้งแต่แรก จะอยู่ที่ไหนก็ได้แค่มีเพียงเจ้า” คำตอบที่ได้รับทำให้ลู่เฟยตื้นตันใจรั้งร่างโปร่งบางมากอดแนบอกที่สั่นระรัว ใบหน้าคมคายยกยิ้มบางอย่างดีใจ จิวชงหยวนไม่ใช่คนพูดอะไรหวานๆ หากเจ้าตัวไม่รู้สึกจริงคงไม่กล่าวสิ่งใดออกมา
    
        “เหม็นเหงื่อไปอาบน้ำได้แล้ว” คำพูดที่ขัดบรรยากาศหวานๆ พร้อมมือผลักไสออกห่างทำให้ลู่เฟยนิ่วหน้า จะหวานนานกว่านี้ไม่ได้หรืออย่างไร จิวชงหยวนเมื่อก่อนเป็นเช่นไรก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ดวงตาเรียวที่มองมาทำให้ยอมปล่อยเอวอย่างอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
   
         “อาบให้หน่อยสิ” จิวชงหยวนตวัดตามองคนเจ้าเล่ห์อย่างรู้ทัน
    
          “อาบเองสิหรือจะให้ข้าเรียกนางกำนัลให้”
    
          “ข้าอาบเองได้” ผู้ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับตัวเองตอบรับ ก่อนจะหมุนกายจากไป จิวชงหยวนมองตามแล้วยกยิ้มบางแต่เมื่อเห็นแก่ที่โหมงานหนักมาทั้งวันจะช่วยวันหนึ่งก็แล้วกัน แต่หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องตามครรลองของมันแล้วกัน...
    
          ทางด้านตำหนักเหลยหวังที่เป็นที่พักขององค์ชายเจ็ด ทว่ายามนี้กลับนั่งหัวเราะคิกกับองค์รักษ์คนสนิททำให้คนแอบมองรู้สึกหงุดหงิดใจ อีกทั้งแนบชิดใบหน้ากระซิบพูดคุยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มยิ่งทำให้กำมือแน่นด้วยความหึงหวง แม้จะบอกกับตัวเองว่าไม่คู่ควร แต่หัวใจกลับไม่ยินยอมที่จะรับฟัง โรคที่มิอาจบอกใครได้กลับหายไปเมื่ออยู่ใกล้ร่างโปร่งขององค์ชายลั่วหวังอู๋
    
         “เจ้าจะแอบมองอยู่แบบนั้นอีกนานไหม” เสียงทักทายทำให้คนที่แอบมองอยู่สะดุ้งเล็กน้อยแต่เมื่อหันไปมองคนที่เข้ามาโดยไม่อาจรับรู้ได้ก็มิได้แปลกใจอะไร
    
        “ถวายพระพรฝ่าบาท ขอ...” ลั่วเหยียนเจิ้งยกมือห้าม
    
       “ไม่ต้องมากพิธี ว่าแต่เจ้าไม่เข้าไปหรือไง”
    
         “เอ่อ...คือกระหม่อมมาตรวจเวรยามกำลังจะไปที่อื่นพ่ะย่ะค่ะ”  น้ำเสียงหนักแน่นที่ตอบกลับมาทำให้ลั่วเหยียนเจิ้งมองตามแล้วส่ายหน้า เขารับรู้เรื่องนี้มาจากจิวชงหยวนเพราะเจ้าตัวเข้ามาถามว่าคิดเห็นเช่นไรหากได้น้องเขยแทนน้องสะใภ้
    
         “แม้แต่ข้าเจ้ายังกล้าโป้ปด ต่อไปภายภาคหน้าข้าจะเชื่อใจเจ้าได้อีกหรือ”
    
           “กระหม่อมมิกล้า ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกริ้ว”
    
           “เจ้าคิดเช่นไรกับน้องข้าแม่ทัพห่านหลง” น้ำเสียงจริงจังและคำถามที่ไม่คาดคิดมาก่อนทำให้แม่ทัพคุกเขาก้มหน้าชิดพื้นหญ้าอย่างขอความเมตตา
    
           “ฝ่าบาทโปรดลงอาญากระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะที่หมายจะเด็ดบุบผางามที่สูงส่ง” ลั่วเหยียนเจิ้งมองแม่ทัพบูรพาที่ซื่อสัตย์ตรงหน้าอย่างพิจารณา
    
         “ดี! เป็นลูกผู้ชายต้องยอมรับความจริง แต่ความผิดของเจ้าคือทำให้น้องข้าเสียใจโทษหนักหนาสาหัสนักเจ้ายิมยอมรับโทษหรือไม่”
    
        “พ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงตอบรับกลับมาอย่างจริงจังลั่วเหยียนเจิ้งยกยิ้มพึงพอใจ ก่อนจะออกคำสั่งลงโทษที่ทำให้คนฟังตะลึงงันเงยหน้ามองพระพักตร์อย่างไม่แน่ใจ
    
         “โทษของเจ้า แต่งงานกับน้องเจ็ดซะ และข้าไม่อนุญาตให้เจ้ามีสามภรรยาสี่อนุ เจ้าจะยอมรับโทษทันณ์ครั้งนี้หรือไม่”
    
          “ฝ่าบาทกระหม่อมไม่เข้าใจ” แม่ทัพผู้ผ่านศึกมามากถึงกลับไปไม่เป็น เงยหน้ามองพระพักตร์เอ่ยถามอย่างสับสนว่าตนฟังผิดหรือไม่
    
          “ยังไม่ขอบพระทัยฝ่าบาทอีก” หยางซือหมิงองค์รักษ์ส่วนพระองค์กล่าวบอกอย่างไม่พึงพอใจ แม่ทัพห่านหลงหันไปมองผู้ปรากฏตัวมาใหม่ก่อนจะก้มหน้าขอบพระทัยฮ่องเต้ แม้ในใจยังคิดว่าตนเองต้อยต่ำแต่หากเป็นคำสั่งของห้องเต้แล้วไซร้ ไฉนเลยจะกล้าปฏิเสธ
    
         “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เมตตา” แม้จะตอบรับแต่ก็สัมผัสได้ถึงความลำบากใจ ลั่วเหยียนเจิ้งถอนหายใจแล้วบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
    
        “หากรักแล้วจะกังวลสิ่งใด ข้าประทานอภิเษกสมรสให้มิใช่ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดเช่นไรต่อกัน ข้ามิอาจใจร้ายกับความรักบริสุทธิ์ได้หรอก จากนี้ก็ขึ้นอยู่ที่เจ้าจะตามง้อน้องเจ็ดได้อย่างไร หวังว่าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” กล่าวจบก่อนจะหมุนกายจากไป ปล่อยให้แม่ทัพห่านหลงก้มหน้าส่งท้ายด้วยความซาบซึ้งในน้ำพระทัย
    
         “น้อมส่งเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”


    ขอบคุณทุกคอมเมนท์มากนะคะ ขอให้มีความสุขกับการอ่านจ้า จุ๊บๆ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด