ขออภัยจริงๆ ครับที่ไม่ได้มาต่อหลายอาทิตย์ คราวนี้มาต่อเรื่องของพิชยะซึ่งหายไปนาน ถ้าใครอยากรื้อฟื้นก็อยู่บทที่ 9, 10, 11 หน้า 2 ครับ เพราะกว่าจะเขียนตอนนี้จบ คนแต่งก็ต้องไปรื้อฟื้นมาเหมือนกัน 55
……………………………………………….
องค์กรลวงจิต Explicit Content
บทที่ 22 เจ้านายมือใหม่
[พิชยะ]
ผมตื่นนอนตอนเช้าตามเสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ หลังจากมึนๆ อยู่ซักพักว่าวันนี้เป็นวันอะไรทำไมถึงได้ตั้งปลุกตั้งแต่เช้า แล้วก็นึกได้ว่าเป็นวันเสาร์แต่นัดไว้ให้องค์กรเอาทาสที่ประมูลได้มาส่ง ช่วงนี้ผมทั้งทำงานที่บริษัทของครอบครัวแล้วก็เรียนโทภาคนอกเวลาไปด้วย แต่ยังดีที่เวลาเรียนเป็นเฉพาะช่วงเย็นวันธรรมดาเท่านั้น เสาร์อาทิตย์เลยยังได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง พูดถึงเรื่องทาสนี่ผมก็ยังกังวลอยู่ว่าจะใช้งานได้แค่ไหน กลัวจะเสียเงินไปเปล่าๆ อยู่เหมือนกัน ตั้งหกแสนแหนะ ผมเหลือบดูนาฬิกา เหลือไม่ถึงชั่วโมงจะถึงเวลานัด ดีที่องค์กรจะเอาทาสมาส่งให้ที่คอนโดเลยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ผมรีบเข้าไปอาบน้ำ คอนโดที่ผมอยู่นี้ค่อนข้างใหญ่และหรูหราไม่น้อย ไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของผมหรอก แต่เป็นของที่บ้านที่มีอยู่หลายที่ ห้องนี้ผมยืมมาอยู่ช่วงที่เรียนโทจะได้ไม่ต้องเดินทางไกล พอผมมาอยู่มันรกจนไม่สมราคา ทำไงได้ล่ะ ก็ผมงกค่าจ้างแม่บ้านนี่ ทำเองก็ได้นิดๆ หน่อยๆ ไม่มีเวลา
พอได้เวลานัด ผมก็ลงมารอที่ล็อบบี้ของคอนโดซึ่งเป็นจุดที่นัดไว้ ผมมองไปรอบๆ ไม่แน่ใจว่าคนขององค์กรจะรู้จักหน้าค่าตาผมหรือเปล่า ที่ล็อบบี้ ช่วงเช้าวันเสาร์อย่างนี้มีคนไม่น้อยที่เดียว กลัวเขาเอาไปส่งผิดคนอยู่เหมือนกัน
“สวัสดีครับ คุณพิชยะนะครับ ผมเอาสินค้าที่ประมูลได้มาส่ง”
ผมหันไปตามเสียงทักแล้วก็ตะลึงเล็กน้อย นี่คงเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์กร ว่าแต่ทำไมเขาถึงเอาคนที่หล่อขนาดนี้มาทำงานส่งของนะ ผมนึกในใจขณะที่กวาดตาเก็บรายละเอียดของชายหนุ่มตรงหน้าแบบไม่ให้เสียมารยาทด้วยเทคนิคเหล่หนุ่มที่ผมแสนจะชำนาญ ท่าทางน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับผม รูปร่างดีมากแต่ไม่หนาล่ำ ปากบางสีชมพูอมส้ม ที่เป็นจุดเด่นที่สุดคงเป็นดวงตาโตสวยแต่มีประกายคมกล้าแผงอยู่ มองดูดีๆ รู้สึกเป็นสายตาที่มีอำนาจทำให้ร้อนๆ หนาวๆ ได้เหมือนกัน แต่พอผมพยักหน้าเป็นการตอบรับว่า ตัวเองคือคนที่ตามหา เจ้าหน้าที่องค์กรก็ยิ้มให้อย่างสดใสจนผมตาพร่าไปหมด
“ผมขออนุญาตถามคำถามยืนยันตัวข้อนึงนะครับ”
ผมพยักหน้าให้อย่างมึนงงในออร่าความดูดีของคนตรงหน้า ถ้ามีแบบนี้มาประมูลเป็นทาส ผมจะไปขอมรดกล่วงหน้าจากพ่อมาประมูลแข่งเลยสิเอ้า แต่พอเจอคำถามยืนยันตัวผมก็ต้องตาลุกโพลงจนหายมึน
“คลิปหมวดเอ็มที่คุณดูบ่อยที่สุดคือคลิปอะไร” เจ้าหน้าที่องค์กรถามด้วยสีหน้าจริงจัง ว๊าก นึกว่าจะถามยืนยันตัวด้วยเลขบัตรประชาชนหรือวันเดือนปีเกิดอะไรทำนองนั้น จะให้ผมตอบเรื่องแบบนี้ต่อหน้าคนที่หล่อขนาดนี้เหรอ แล้วภาพลักษณ์ผมจะเหลืออะไรล่ะ
“เอ่อ ผมจำไม่ค่อยได้น่ะครับ มีคำถามอื่นให้ตอบแทนไหมครับ” คงต้องปัดๆ ไปก่อน
“ถ้าเป็นคำถามสำรองเกรงว่าท่านสมาชิกจะอายนะครับ น่าจะตอบคำถามธรรมดาๆ แบบนี้ดีกว่า ผมใบ้ให้ว่าเป็นคลิปที่คุณดูไป 246 ครั้งในช่วงเวลาหกเดือนที่เป็นสมาชิก ดูบ่อยจังเลยนะครับ เอ หรือจะลองเปลี่ยนไปเป็นคำถามสำรองดี”
“มะ ไม่ต้องครับ คำถามนี้ก็ได้ ผมนึกออกแล้ว เอ่อ คลิป ชิน เดือนบริหาร ถูกรุมล้างแค้นโดยเด็กมอต้นกางเกงน้ำเงินครับ” ผมหน้าร้อนผ่าว ทำไมถึงได้เป็นคำถามที่เจาะลึกขนาดนี้นะ ถ้านี่ถือว่าธรรมดา แล้วคำถามสำรองที่บอกว่าน่าอายมันจะขนาดไหน
“ถูกต้องครับ ตกลงว่าเป็นคุณพิชยะตัวจริง ไม่ต้องเขินอะไรผมหรอกครับ สมาชิกองค์กรนี้ก็หื่นกันประมาณนี้แหละ เพียงแต่คุณออกจะหักโหมไปนิด ก่อนจะเริ่มขั้นตอนการส่งมอบทาส ผมขอแนะนำตัวเองนิดนึงนะครับ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์กร เรียกผมง่ายๆ ตามรหัสว่าเบอร์ศูนย์แล้วกัน ปกติผมก็ไม่ค่อยได้มาเจอกับสมาชิกหรอก ก็อย่างที่ทราบว่าองค์กรเราจะบริหารจัดการเรื่องต่างๆ ผ่านแอพเป็นหลัก ยกเว้นจะเป็นการเอาทาสมาส่งมอบอย่างนี้ แล้วหลังๆ เราจะทำผ่านระบบวิดีโอคอลล์เป็นส่วนใหญ่เพราะสะดวกกว่า แต่ครั้งนี้เป็นการประมูลทาสครั้งแรกของคุณ ผมเลยมาส่งให้กับตัวจะได้พูดคุยอะไรบ้างนิดหน่อย”
“ดีเลยครับ ผมยังงงๆ อาจจะทำอะไรไม่ค่อยถูก มานึกๆ ดูแล้วผมคงไม่ค่อยได้ใช้งานทาสทำอะไรซักเท่าไหร่ อย่างเก่งก็ให้ช่วยทำความสะอาดห้องกับซ่อมรถถ้าเขาพอทำได้ ท่าทางคงจะไม่คุ้ม ว่าแต่ประมูลแล้วคืนไม่ได้ใช่ไหมครับ”
“คืนได้ครับ” หนุ่มหล่อตอบอย่างผิดความคาดหมาย ผมกำลังจะอ้าปากขอคืนตัวทาสแต่ก็ต้องหุบปากแทบไม่ทันพอได้ยินประโยคที่ตามมา
“แต่ไม่คืนเงิน” ผมคงเผลอทำหน้าตาประหลาดออกไปจนคนตรงหน้ายิ้มขำ อ๊าก ความหล่อเพิ่มขึ้นอีกยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์
“ผมล้อเล่นนะครับ คุณพิชนี่ตลกดี คืองี้ครับ พอทาสถูกประมูลได้ ทางเราจะเอาเงินที่ได้ไปชดเชยให้กับผู้เสียหายที่ถูกทาสกระทำ ในกรณีของทศที่คุณพิชประมูลได้นี่ เราได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้วครับ เพราะฉะนั้นคิดเรื่องจะหาทางใช้ทาสให้คุ้มค่าดีกว่าครับ” หนุ่มที่มีรหัสหมายเลขศูนย์แนะนำ
“เราใช้งานทาสในเรื่องอื่นๆ ก็ได้ใช่ไหมครับ คือผมคงไม่ได้ใช้งานใน เอ่อ เรื่องเซ็กส์หรืออะไรทำนองนั้น บอกตรงๆ ว่าทาสคนที่ผมประมูลได้นี่ไม่ใช่สเป็คผมเลยครับ แต่งบผมมีแค่นี้” ผมถามออกไปตรงๆ ถึงจะอายนิดหน่อย
“เรื่องสเป็คของคนเรานี่มันเปลี่ยนกันได้ ทาสที่คุณประมูลได้ก็ไม่เลวนะครับ แถมได้มาในราคาที่คุ้มค่ามาก คุณพิชใช้งานได้ทุกเรื่องครับขอให้อยู่ในกฎสามข้อของทาส เดี๋ยวผมทวนให้ฟังอีกทีนะครับ ข้อแรก ทาสจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเคร่งคัด ตราบเท่าที่ไม่ขัดต่อกฎข้อสองและข้อสาม ข้อสอง ทาสจะต้องไม่กระทำการที่ขัดต่อหลักกฎหมายในสาระสำคัญ และข้อสุดท้าย ทาสมีสิทธิที่จะปฏิเสธและสามารถปกป้องตนเองจากการกระทำหรืออันตรายที่อาจทำให้ตัวเองถึงแก่ชีวิต หรือเกิดการบาดเจ็บที่มากกว่าบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ”
ผมมองหน้าเบอร์ศูนย์ไปขณะที่เจ้าตัวทบทวนกฎของทาสให้ฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม คนหล่อๆ นี่ แค่พูดเฉยๆ ก็ยังดูดี มีแฟนหรือยังนะ ผมลองจีบดูดีไหม ถ้าได้คนในองค์กรเป็นแฟน ผมคงไม่ต้องกังวลเรื่องที่ตัวเองเป็นเกย์จะรั่วไหลออกไปจนทำให้ชื่อเสียงครอบครัวเสียหาย แต่องค์กรนี้ก็แอบน่ากลัวนิดๆ นะ พอลองคิดดูว่าองค์กรทำโน่นทำนี่ได้สารพัด ถ้าเป็นแฟนแล้วเกิดทะเลาะกันนี่ผมไม่ต้องโดนไปถ่ายคลิปขายในหมวดเอ็มหรือโดนเลหลังเป็นทาสในหมวดเอสเหรอ อยากก็อยาก กลัวก็กลัว แต่เบอร์ศูนย์นี่ยังเด็กอยู่เลย คงไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงหรอกมั๊ง ถ้าทะเลาะกันคงจะเอาอำนาจขององค์กรมาแกล้งผมไม่ได้
หนุ่มที่ผมแอบหมายปองแบบกะทันหันยังอธิบายต่อ
“ห้ามเจ้านายใช้งานทาสไปทำสิ่งที่ก่อให้เกิดภาระผูกพันกับตัวทาสในระยะที่ยาวเกินอายุสัญญา เช่น ใช้ให้ไปทำผู้หญิงท้อง ถึงฝ่ายหญิงจะเต็มใจก็ตาม อย่างนี้ไม่ได้ เพราะมันทำให้เกิดภาระความเป็นพ่อลูกซึ่งผูกพันเกินอายุสัญญา อ้อ เกือบลืมเรื่องสำคัญ นายทศ เป็นทาสระดับหนึ่ง จะมีข้อจำกัดในการใช้งานมากหน่อย คือห้ามใช้งานที่ทำให้เกิดความอับอายขายหน้าต่อสาธารณชนยกเว้นในกลุ่มคนจำกัดที่เจ้านายควบคุมได้ ห้ามมี Hard Sex หากทาสไม่เต็มใจ และห้ามใช้งานทาสในเชิงพาณิชย์ใดๆ”
ไม่รู้เพราะผมทำหน้างงๆ ออกไปหรือเปล่า เบอร์ศูนย์ถึงรีบพูดต่อ
“อาจจะดูเงื่อนไขเยอะหน่อยนะครับ คุณพิชจำไม่ได้หรือไม่แน่ใจก็ลองสั่งให้ทำดูเลยก็ได้ ถ้ามันผิดเงื่อนไข ทาสจะปฏิเสธออกมาเอง แต่ที่ต้องระวัง ถ้าทาสปฏิเสธที่จะไม่ทำเพราะผิดเงื่อนไข แล้วเจ้านายยังดึงดันจะให้ทำโดยบีบบังคับทางอ้อม เช่น ขู่ว่าถ้าไม่ทำจะสั่งให้ทำเรื่องอื่นที่แย่กว่าแต่อยู่ในอำนาจ อย่างนี้ก็ไม่ได้นะครับ องค์กรสามารถตรวจเจอแล้วเจ้านายจะโดนลงโทษ เชื่อผม คุณไม่อยากโดนองค์กรลงโทษหรอก”
“ไม่ต้องขู่หรอกครับ องค์กรมีเพาเวอร์ขนาดนี้ ผมสงสัยว่ามีสมาชิกคนไหนกล้าฝ่าฝืนด้วยเหรอ” ผมตอบตามที่นึก
เบอร์ศูนย์ยิ้มๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องไปที่การส่งมอบทาส
“เงื่อนไขทั้งหมดก็มีเท่านี้ครับ เดี๋ยวผมจะทำการส่งมอบนายทศให้เลย รอตรงนี้สักครู่นะครับ”
ผมนั่งรอที่โซฟาของล็อบบี้คอนโดในคณะที่เบอร์ศูนย์เดินออกไปด้านนอก เพียงอึดใจเดียวก็กลับมาโดยมีหนุ่มหน้าตาซื่อๆ เดินตามมาด้วย เบอร์ศูนย์ไม่รอช้ารีบแนะนำทันที
“คุณพิช นี่ทศครับ ทาสที่คุณประมูลได้ ทศ นี่คุณพิชยะ เจ้านายของเรา”
ทศยกมือไหว้ผมทั้งๆ ที่เขาอายุมากกว่า ผมรับไหว้พยายามวางท่าทางให้ดูภูมิฐานสมกับเป็นเจ้านาย ทศตัวจริงรูปร่างหน้าตาไม่เลว ดูดีกว่าในรูปและคลิปที่เห็นก่อนหน้านี้ ผิวออกจะคล้ำไปซักหน่อย แต่ท่าทางกล้ามจะแน่นมาก หน้าตาแมนๆ คมเข้ม ตาสีสนิมเหล็ก ริมฝีปากหนานิดหน่อยแต่ก็ดูไม่น่าเกลียด ก็หล่อแบบบ้านๆ ต่างจังหวัดล่ะนะ คงพอกล้อมแกล้มเป็นพวกเดือนวิทยาลัยช่างได้ เอ.. วิทยาลัยช่างมีเดือนหรือเปล่าผมไม่รู้แฮะ เอาเป็นว่าตัวจริงหล่อกว่าที่คาด แต่ถ้าเทียบกับเบอร์ศูนย์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ถือว่าห่างชั้น
“สวัสดีครับ โห เจ้านายหล่อจัง คนกรุงเทพนี่หน้าตาดีกันจริงๆ” ทศฉีกยิ้มแบบจริงใจเห็นฟันขาวตัดกับสีผิว ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นคำทักทายคำแรกจากทาสของผม มันควรต้องหงอกว่านี้สิ ผมคือเจ้านายเชียวนะ แต่ก็เอาเถอะนะ ก็ทศเล่นพูดความจริงที่ผมเถียงไม่ออกนี่ แต่เอาผมกับคุณเบอร์ศูนย์เป็นตัวแทนคนกรุงเทพนี่อาจจะไม่แฟร์กับคนต่างจังหวัดเท่าไหร่นะ
“หวัดดีทศ ผม เอ้ย ชั้นเป็นคนไม่เรื่องมากแต่ก็เข้มงวดอยู่บ้าง ถ้าคุณ เอ่อ ถ้านายทำตัวดี ชั้นก็ไม่ได้โหดอะไรหรอกนะ” ผมปั้นหน้าขรึมแต่ดันพูดตะกุกตะกัก ก็ผมไม่ชินนี่ครับ เบอร์ศูนย์หลุดหัวเราะมานิดนึงจนผมต้องปรายตาไปมอง เชอะ หล่อแต่มาทำอย่างงี้ใส่ผมก็หักคะแนนความปลื้มได้นะ
เอาจริงๆ นะครับ ผมวางท่าเป็นเจ้านายไม่ค่อยเป็นหรอก เห็นที่บ้านผมมีฐานะอย่างนี้ แต่พ่อแม่เลี้ยงมาแบบให้เกียรติบริวาร แม่บ้านและคนทำงานที่บ้านผมก็มีแต่รุ่นใหญ่ ผมเรียกป้าเรียกพี่มาตั้งแต่เด็ก ก็อยู่กันเป็นแบบครอบครัว ไอที่เรียกจิกหัวใช้แบบในละครผมก็ไม่รู้เขาไปเอามาจากที่ไหน งานที่บริษัท พ่อก็ให้ผมเริ่มจากระดับพนักงานธรรมดา ลูกโน้งลูกน้องก็ไม่มี พ่อบอกเพิ่งจบมาจะเอาอะไรไปบริหารเขา ต้องค่อยๆ เรียนรู้ไปก่อน
“ผมยินดีทำงานรับใช้เจ้านายอย่างเต็มที่ครับ เจ้านายถือว่ามีบุญคุณที่ประมูลผมมา องค์กรแจ้งผมมาแล้วว่าไม่มีใครประมูลผมเลยมีแต่เจ้านายคนเดียว ไม่งั้นผมอาจถูกลดระดับลงเป็นทาสระดับสองระดับสามจะนิ่งลำบากกว่านี้ เจ้านายใช้งานผมได้ทุกอย่างเลยครับ ถึงไม่อยู่ในเงื่อนไข ถ้าผมทำได้ผมก็จะทำให้ แต่ผมก็แค่คนบ้านนอกนะครับไม่ได้เรียนสูง ถ้าผมทำไม่เป็นผมก็พยายามไปเรียนรู้ศึกษามา”
ทศพูดพร้อมกับสบตาผมไปด้วย ประกายตาเขาดูซื่อแต่มุ่งมั่นทำให้ผมค่อนข้างแน่ใจว่าเขาหมายความอย่างที่พูดจริงๆ ผมเริ่มรู้สึกว่าการได้ทศมาเป็นทาสอาจจะไม่ใช่เรื่องผิดพลาดอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะสบอารมณ์กับทุกอย่างที่เขาพูดหรอกนะ
“ก็ดูกันไปแล้วกัน แต่เรียกชั้นว่าเจ้านายนี่มันฟังดูแก่ๆ ยังไงก็ไม่รู้ เบอร์ศูนย์ครับ ปกติทาสเค้าเรียกว่าเจ้านายตรงๆ อย่างนี้เลยเหรอ” ผมหันไปปรึกษาคนขององค์กรที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ
“ก็ประมาณนั้นแหละครับ บางคนให้เรียกนายท่านด้วยซ้ำ สมาชิกองค์กรก็จะไม่ค่อยมีอายุน้อยๆ ซักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เจ้านายก็จะอายุมากกว่าทาสอยู่แล้ว ไม่เห็นจะมีใครห่วงแก่ ก็มีคุณพิชนี่ล่ะที่อายุน้อยหน่อย ผมว่าให้นายทศเรียกคุณพิชว่านายน้อยสิครับ ฟังดูก็รู้ว่าเป็นเจ้านายแต่ดูเด็กกว่าจมเลย” เบอร์ศูนย์แนะนำยิ้มๆ เรียกนายน้อยนี่มันไม่ดูแบ๊วไปเหรอ ฟังไปฟังมาก็เหมือนหนังจีน
“นายน้อย นายน้อย ผมชอบครับ เหมาะมาก ผมทาสทศขอฝากตัวกับนายน้อยด้วยครับ”
เอิ่ม ดันมีคนเห็นด้วยแฮะ ผมยังไม่ได้ตกลงเลยนะ แต่ก็เอาเถอะใช้ไปก่อนอย่างน้อยก็ดูไม่แก่ ไว้นึกอะไรที่ดีกว่านี้ได้ค่อยเปลี่ยนแล้วกัน
“ถ้าตกลงว่าจะเรียกกันยังไงได้แล้ว มาส่งมอบทาสกันเลยครับ จะได้ไม่เสียเวลา” เบอร์ศูนย์บอกแล้วก็ดีดนิ้วที่ข้างหูทศซึ่งชะงักนิ่งไป
“ทศครับ คุณพิชยะหรือนายน้อยคือเจ้านายของคุณครับ ส่วนคุณเป็นทาสที่ต้องทำตามคำสั่งทุกอย่างของเจ้านายตามเงื่อนไขที่กำหนด”
เบอร์ศูนย์เอนตัวไปกระซิบที่ข้างหูทศอีกสองสามนาทีแต่ผมได้ยินไม่ชัด เสร็จแล้วก็ดีดนิ้วอีกครั้ง ทศสะดุ้งเล็กน้อยเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว
“การโปรแกรมเพื่อส่งมอบเรียบร้อยครับ ช่วยดูแลทศทาสของคุณไปอีกสองปีด้วยครับ”
เบอร์ศูนย์กล่าว แล้วก็บอกเรื่องสำคัญที่องค์กรขอความร่วมมือให้เจ้าของทาสช่วยปฏิบัติถึงจะไม่ได้ระบุไว้ในกฎก็ตาม ผมฟังแล้วก็หนักใจนิดๆ คงต้องดูกันต่อไปว่าพอจะทำได้มากน้อยแค่ไหน
พอแจ้งเรื่องดังกล่าวจบ ชายหนุ่มที่หล่อยิ่งกว่าดารานายแบบก็ขอตัวกลับทันที
“ถ้ามีปัญหาอะไร ผมจะติดต่อคุณได้ยังไงครับ” ผมเสี่ยงถามออกไป โอกาสสุดท้ายแล้ว ถึงไม่ได้เป็นแฟน แต่ได้เป็นเพื่อนไว้ปรึกษาเรื่องอะไรที่บอกคนอื่นไม่ได้ก็ยังดี ไหนๆ เขาเป็นคนขององค์กรที่รู้ความลับของผมอยู่แล้ว
“ไม่ต้องหรอกครับ ถ้าเกิดปัญหาที่ใหญ่ๆ ขึ้นมาจริงๆ องค์กรจะทราบเอง ส่วนคำถามเล็กๆ น้อยๆ คุณพิชสามารถถามได้ผ่านทางแอพ “The Firm” ขององค์กร ถ้าไม่มีอะไรปกติเราจะเจอกันอีกทีก็ตอนส่งมอบทาสคืนเลยครับ ตอนนั้นผมจะมาให้เลือกว่าจะยังให้ทาสจำเรื่องราวของคุณระหว่างเป็นทาสได้หรือเปล่า บางคนเขาก็ยังอยากรักษาความเป็นส่วนตัวไว้น่ะครับ ถ้ายังไงผมลาตรงนี้เลยแล้วกัน ฝากความระลึกถึงคุณอาของคุณพิชด้วยนะครับ ถึงท่านจะจำผมไม่ได้ก็เถอะ สวัสดีครับ”
ผมมองเจ้าหน้าที่ขององค์กรที่ตัดบทแล้วเดินจากไปด้วยความเสียดาย หล่อใสจริงๆ นานๆ ทีจะเจอคนที่ถูกใจแบบนี้ แต่ดูท่าแล้วคงอดสานต่อความสัมพันธ์แน่ๆ ผมหันกลับมาดูสิ่งที่มี ทศยังยืนรออยู่ที่เดิม อืม พอไม่มีคนเปรียบเทียบแล้วหมอนี่ก็ดูดีใช้ได้ รูปร่างหน้าตาให้อารมณ์ประมาณพวกนักมวย ที่จริงมันคงไม่แฟร์นักถ้าจะเอาไปเปรียบเทียบกับเบอร์ศูนย์ขององค์กรที่หน้าตาขนาดนั้น เอ หน้าตาขนาดไหนหว่า ทำไมนึกไม่ออก รู้สึกว่าจะเป็นหนุ่มหน้าตาดี ดูมีอำนาจแต่แอบกวนๆ ถ้าเจอหน้าอีกทีผมจะนึกออกไหมนะ มันตะหงิดใจแปลกๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ ผมเบนความสนใจไปยังทศที่ยืนรออยู่
“ทศ ไปคุยกันต่อที่ห้องชั้นแล้วกัน เรามีข้าวของมาด้วยใช่ไหม ขนไปพร้อมกันเลย”
จริงๆ ทศอายุมากกว่าผมสี่ปี ปกติผมคงเรียกพี่ไปแล้ว แต่นี่มาเป็นทาสผม จะเรียกพี่ก็คงแปลกๆ ไอแทนตัวเองว่าชั้นเหมือนกัน ไม่คุ้นปากเลยแฮะ ถ้ากับครอบครัวผมแทนตัวเองว่าพิชตลอด กับเพื่อนหรือคนรู้จักก็แทนว่าผมหรือไม่ก็กูมึงไปเลยถ้าสนิท
ทศชี้ไปที่กระเป๋าใบไม่ใหญ่มากที่วางแอบๆ อยู่ข้างโซฟา
“ของผมมีแค่นี้ครับนายน้อย เสื้อผ้าผมเอามาแค่ไม่กี่ชุด ผมมีแต่ชุดช่างกับชุดทำไร่ทำสวน เกรงว่าจะไม่เหมาะถ้าเอามาใส่ที่กรุงเทพ”
แล้วเสื้อตัดอ้อยลายสก๊อตที่ใส่มานี่เหมาะกับกรุงเทพตรงไหนฟ่ะ แต่จะว่าไปพอหรี่ตามองก็คล้ายๆ หนุ่มคาวบอยอยู่เหมือนกันนะ ผมก็เดินนำทาสคนแรกในชีวิตขึ้นลิฟท์กลับไปที่ห้อง พอเข้ามาในห้อง ทศก็มีท่าทางตื่นเต้นกับห้องชุดที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แถมตกแต่งไว้หรูใช้ได้ ผมก็แนะนำคร่าวๆ ว่าอะไรอยู่ตรงไหน แล้วก็มานั่งคุยถึงงานที่จะให้เขาทำ
“นายทำอะไรเป็นบ้าง ชั้นว่าจะให้นายช่วยทำความสะอาดห้องนี้ ซักรีดผ้า ทำอาหารถ้าทำได้ แล้วก็ดูแลน้องเต้าหู้ หมายถึงรถของชั้นน่ะ” ผมรีบบอกเมื่อเห็นทศทำท่างงๆ ตอนผมพูดถึงรถแสนรัก
“ผมว่าผมน่าจะทำได้ครับ แต่อาจไม่ค่อยคุ้นกับที่หรูๆ แบบนี้ ปกติผมก็เช่าหออยู่ในตัวเมืองใกล้ๆ อู่รถที่ผมทำอยู่ นายน้อยรู้อยู่แล้วใช่ไหมครับว่าผมเป็นช่างซ่อมรถ ตอนอยู่หอผมก็ต้องทำงานบ้านเองอยู่แล้ว วันหยุดถึงจะกลับไปบ้านพ่อแม่ที่อำเภอใกล้ๆ ไปช่วยเขาดูไร่ดูสวนอีกแรง”
“ก็ดี เดี๋ยวเก็บของเสร็จแล้วชั้นจะพาไปดูน้องเต้าหู้ ว่านายพอจะซ่อมมันได้ไหม เดี๋ยวนี้เริ่มจุกจิก ถ้าเป็นคนก็คงแก่มากแล้ว แต่ชั้นรักมันมาก นั่งมาตั้งแต่เด็กๆ”
“ถ้าเป็นไม่ใช่รถแบบทันสมัยจ๋าผมน่าจะซ่อมได้บ้างครับ หรือถึงไม่ได้ผมก็จะไปศึกษาเพิ่มเติม ส่วนอาหารผมก็ทำได้นะครับ แต่ไม่รู้จะถูกปากนายน้อยหรือเปล่า”
“ไว้ค่อยดูไปแล้วกัน อ้อ อีกอย่างชั้นคงต้องให้นายขับรถให้บ้างบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่ชั้นจะใช้รถไฟฟ้าซะมากกว่า คงเท่านี้แหละ หน้าที่ของนาย”
“อ้าว แล้วเรื่องนั้นล่ะครับนายน้อย” ทศถามเสียงดัง ท่าทางตกใจมาก
“เรื่องอะไร”
“ก็ ก็เรื่องเป็นทาสบำเรอหรืออะไรทำนองนั้น องค์กรบอกผมว่า ส่วนใหญ่ทาสที่โดนประมูลไป มักต้องไปทำหน้าที่อย่างว่าให้เจ้านาย”
“เอ่อ เรื่องนั้นชั้นยังไม่คิด ระหว่างนี้นายไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก” ผมยังคิดไม่ตกครับ ถ้าไม่ใช้เรื่องอย่างว่าก็ดูจะไม่คุ้มเท่าไหร่ แต่จะให้ทำอะไรกับนายทศ มันก็ยังไม่ใช่สเป็ก ถึงตัวจริงจะดูไปวัดไปวาได้กว่าที่คิด แต่ล่ำเถื่อนขนาดนั้นนี่มันไม่น่ากินเอาซะเลย
“ผมตั้งใจสนองให้นายน้อยทุกอย่างเลยนะครับ แล้วแต่นายน้อยจะสั่ง”
“วะ ไว้ค่อยว่ากันแล้วกันเรื่องนั้น ไหนลองเล่าซิว่าไปทำผิดอะไรมาถึงต้องมาเป็นนักโทษขององค์กร” ผมเปลี่ยนเรื่องทันที ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าแค่ทศบอกจะทำทุกอย่างตามที่สั่ง ทำไมผมต้องอายขนาดนี้ นี่ทาสผมเองแท้ๆ สเป็กก็ไม่ใช่