พิมพ์หน้านี้ - องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: barataku ที่ 12-07-2015 10:09:31

หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 12-07-2015 10:09:31
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

=================================================================
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 12-07-2015 10:20:48
องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทนำ

หนุ่มในชุดนักศึกษาสองคนเรียกแทกซี่จากหน้ามหาลัยชื่อดัง คนหนึ่งหน้าตาคมเข้ม ส่วนอีกคนก็หล่อใสไฮโซ เมื่อเข้าไปนั่งในรถ หนุ่มหน้าเข้มก็ปล่อยให้หนุ่มอีกคนเป็นคนบอกจุดหมายที่ต้องการไปกับคนขับ เขาเห็นเพื่อนคุยกับคนขับต่ออีกนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรจนเพื่อนเขาสะกิดให้อ่านไลน์ในมือถือ เมื่อเอาเครื่องขึ้นมาดูเขาก็ต้องขมวดคิ้วเพราะข้อความที่เด้งขึ้นมานั้นมาจากเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกันในรถนี่เอง

หนุ่มลุคไฮโซ : พนันกันไหม ถ้ากูเสกให้คนขับแทกซี่ชักว่าวให้ดูได้ มึงเลี้ยงข้าวกูนะ

หนุ่มหน้าเข้มยิ่งงงหนักว่าเพื่อนเขาเล่นอะไร ลอบมองคนขับแทกซี่ก็เห็นเป็นหนุ่มใหญ่ร่างบึกบึน แถมยังหน้าดุมีไรหนวดเคราขึ้นเต็มไปหมด เขาไม่แน่ใจว่าเพื่อนเขาเกิดจะเปลี่ยนใจเป็นเกย์อะไรตอนนี้ถึงได้อยากดูผู้ชายหุ่นหมีชักว่าวขึ้นมา ที่เพื่อนเขามันดูหล่อเนี้ยบเกินหน้าผู้ชายในคณะไปเยอะนี่ไม่ได้เพราะเป็นคุณหนูไฮโซอย่างเดียวใช่ไหม ว่าแล้วทำไมรุ่นน้องที่ชมรมบาสของเขาถึงชอบพูดถึงเพื่อนคนนี้แบบหื่นๆ ตลอด ว่าแต่ประเด็นมันไม่น่าอยู่ที่ตรงนั้น เขารีบตอบไลน์ทันที

หนุ่มหน้าเข้ม : มึงเล่นเหี้ยอะไร เดี๋ยวพี่เขาจับมึงกับกูมากระทืบหรอก หุ่นอย่างควาย

หนุ่มลุคไฮโซ : เออ กูทำได้ ไม่ต้องพูดอะไรกับพี่เขาด้วย แค่ร่ายเวทย์

หนุ่มหน้าเข้ม : มึงคิดว่ามึงเป็น Mage ในเกมออนไลน์เหรอ งั้นมึงลองเลยให้ไว ถ้าทำได้กูเลี้ยงข้าวสิบมื้อเลย

หนุ่มลุคไฮโซ : ตกลงตามนั้น มึงรอดูอย่ากระพริบตาเลยนะ

หนุ่มเจ้าของความคิดประหลาดประสานมือเหมือนนินจาแล้วยื่นหน้าไปพึมพำอะไรบางอย่างออกมาข้างๆ หูคนขับ ทันใดนั้นคนขับแทกซี่ก็รูดซิบกางเกงงัดของสงวนออกมาสาวทันที ความใหญ่ความยาวสมตัวใช้ได้ แต่ที่เด่นคือส่วนหัวสีคล้ำด้านเหมือนผ่านการใช้งานมาเยอะมาก ท่อนลำที่มีเส้นเลือดเส้นเอ็นปูดโปนดูน่าเกรงขาม หนุ่มหน้าเข้มตาค้างไปแล้ว เสียงหอบต่ำๆ ของแทกซี่ดังต่อเนื่องในขณะที่ยังขับรถไปตามถนน จนในที่สุดก็หลั่งออกมาตอนติดไฟแดงแยกหนึ่ง กลิ่นคละคลุ้งเต็มห้องโดยสารไปหมด จากนั้นโชเฟอร์หน้าโหดก็เอาผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดของตัวเองจนแห้งแล้วก็ขับไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนถึงจุดหมาย

หนุ่มหน้าเข้มเดินลงจากรถเหมือนคนละเมอปล่อยให้เพื่อนเป็นคนจ่ายเงิน เขาสงสัยว่าเพื่อนไฮโซของเขามีเวทย์มนต์จริงๆ หรือเขาโดนต้มจนเปื่อยกันแน่ แต่เพื่อนเขากับคนขับแทกซี่จะมีเวลาไปเตี๊ยมกันตอนไหน ที่มาด้วยแทกซี่นี่ก็ไม่ได้คิดกันล่วงหน้าด้วยซ้ำ ที่แน่ๆ เขาคงต้องเลี้ยงไอคนที่รวยกว่าเริ่มจากมื้อนี้เลย เพราะมันหันมาพูดยิ้มๆ กับเขาว่า

“เลี้ยงกูกระเพาะปลาฮ่องเต้ร้านนี้แหละ กูชอบ แพงดี ถ้ามึงเบี้ยวกูจะเสกให้มึงเต้นเปลือยโชว์คนในร้านซะเลย”

---------------------------------------

ชายหนุ่มเอากล้องถ่ายวีดีโอออกมาจากกระเป๋า เขาติดตั้งมันเข้ากับขาตั้งกล้องแล้วเริ่มตั้งค่าต่างๆ เอาเข้าจริงมันก็ใช้งานไม่อยากอะไร พอครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาได้ใช้อุปกรณ์ตัวนี้เขาก็เริ่มใช้มันได้อย่างแคล่วคล่องพอสมควร แต่ถึงยังไงเขาก็ว่าใช้ไอโฟนถ่ายง่ายกว่าอยู่ดี แต่พวกนั้นคงไม่พอใจในคุณภาพวิดีโอที่ได้ เขาคิดในใจขณะปิดหน้าจอของกล้องกลับด้านหน้าเพื่อจะเตรียมบันทึกภาพตัวเอง
นึกไปแล้ว ยังไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีเรื่องอะไรที่ตำแหน่งรัฐมนตรีของพ่อเขาจะช่วยปกป้องไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องที่ทำให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างเขาต้องมาทำเรื่องน่าอดสูขนาดนี้  แต่เขาก็ได้พิสูจน์มาเกินพอแล้วว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต่อต้าน สู้รีบทำไปให้เสร็จๆ ทางนั้นสัญญาว่าทุกอย่างจะเป็นความลับ เที่ยวนี้เขาต้องทำให้ดีที่สุด เผื่อถ้ายอดครั้งนี้ยังไม่พอ ครั้งหน้าจะได้มีคนอุดหนุนเยอะๆ จบครบ ไม่ต้องต่อครั้งที่สี่ครั้งที่ห้าให้อับอายไม่รู้จบ เขาเปิดไฟในคอนโดหรูจนสว่างโร่ตั้งใจจะให้ภาพออกมาชัดที่สุด คนพวกนั้นคงอยากจะเห็นให้ชัดทุกรูขุมขน เขาตรวจสอบความเรียบร้อยของกล้องอีกครั้งก่อนจะกดปุ่มบันทึกก่อนจะกลับหลังหันไปนั่งที่โซฟาหรูซึ่งเป็นจุดที่กล้องจับภาพอยู่

ชายหนุ่มยกมือสวัสดีกับกล้องและกล่าวแนะนำตัวเองคร่าวๆ เหมือนที่เขาทำครั้งที่แล้ว แต่สิ่งที่เขาจะทำต่อไปมันน่าอับอายกว่านั้นขึ้นไปอีก เขาภาวนาว่าในกลุ่มคนพวกนั้นจะไม่มีใครที่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว ถึงมันจะเป็นความลับที่ไม่มีใครเอาไปพูดต่อได้ แต่เขาคงอยู่ด้วยความระแวงไปอีกนานว่าอาจมีคนรู้จักเห็นสิ่งที่เขาจะทำต่อไปนี้
หนุ่มลูกนักการเมืองเริ่มปลดเสื้อผ้าออก ถึงจะรูปร่างหน้าตาดีแค่ไหนแต่เขาก็ไม่ใช่พวกชอบโชว์ ยิ่งฐานะทางสังคมระดับเขา แต่จะทำอย่างไรได้ เขาฉีกขาอย่างทุลักทุเลหันจุดสงวนไปทางกล้องเนื้อตัวร้อนวูบวาบด้วยความอาย บางทีเขาควรจะดื่มเหล้าย้อมใจซักหน่อยก่อนที่จะทำภารกิจนี้ เขาคิดขณะหยิบเจลหล่อลื่นที่เตรียมไว้ขึ้นมาเทชโลมนิ้วมือตัวเองจนชุ่มแล้วค่อยแหวกเพื่อเปิดช่องทางด้านหลัง ทำไมผู้ชายทั้งแท่งอย่างเขาต้องมาทำอะไรน่าสมเพชแบบนี้ด้วยนะ

เขาค่อยเพิ่มนิ้วขยายช่องทางไปทีละนิ้วจนถึงนิ้วที่สี่ก่อนจะหยิบอุปกรณ์ช่วยตัวเองของผู้หญิงขึ้นมา เขายัดอุปกรณ์ขนาดเขื่องเข้าไปในช่องทางคับแคบด้านหลังโดยที่มืออีกข้างพยายามเล่นกับท่อนลำของตัวเองเพื่อให้ลืมความเจ็บตามที่เขาได้ศึกษามาจากบทความในเวปเกย์แห่งหนึ่งก่อนจะพบว่ามันแทบไม่ช่วยอะไรเลย เขากลั้นเสียงร้องไม่อยู่ขณะพยายามสอดใส่อุปกรณ์เข้าไปที่ละนิด ถึงเจ็บแค่ไหนเขาก็ยังไม่วายมองไปที่กล้องเพื่อให้แน่ใจว่าไฟแสดงสถานะกำลังบันทึกของกล้องพอมั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด เขาก็เริ่มปล่อยสติให้ล่องลอยไปกับความรู้สึกแสนเจ็บปวดที่เริ่มมีความเสียวแปลกใหม่ที่ปนแทรกเข้ามา

---------------------------------------

บนเวทีคอนเสิร์ตฮอลล์ขนาดใหญ่ ดีว่าสาวใหญ่ชื่อเสียงโด่งดังทั้งร้องเพลงทั้งเอนเตอร์เทนคนดูในคอนเสิร์ตของเธออย่างสนุกสนานมาได้เกือบสองชั่วโมงแล้ว ช่วงนี้เป็นบรรยากาศหวานซึ้งชวนฝันด้วยธีมเทพนิยาย เธอกำลังสวมบทบาทเป็นเจ้าหญิงนิทราซึ่งกำลังรอจุมพิตจากเจ้าชายหนุ่ม จริงๆ ก็ไม่ถึงกับหนุ่มมากเพราะแขกรับเชิญที่ผู้จัดจัดมาคืออดีตดาราวัยรุ่นที่โด่งดังมากเมื่อสิบกว่าปีก่อน

ในตอนแรกนักร้องเจ้าของคอนเสิร์ตไม่ค่อยชอบใจนักเพราะดาราคนนี้มีชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดี ทั้งเรื่องไม่ค่อยรับผิดชอบงาน นิสัยชอบใช้ความรุนแรง รวมถึงข่าวที่ไปพัวพันกับการหลอกผู้หญิงมาล่วงเกินทางเพศ แถมล่าสุดมีข่าวว่าไปซ้อมผู้หญิงจนมีภาพหลุดมาทางโซเชียลเน็ทเวิร์ค ไม่รู้ทำไมยังอยู่ในวงการได้เรื่อยมา แต่พอเจอตัวจริงตอนซ้อมใหญ่เธอก็อดพอใจกับรูปลักษณ์ที่ดูดีทั้งหน้าตาทั้งหุ่นไม่ได้ ไม่น่าแปลกใจที่ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นอยู่แม้ว่าอายุจะสามสิบกว่าแล้ว นักร้องสาวใหญ่เสียงดีคิดไปว่า เรื่องจริงอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เป็นข่าวก็ได้ คงเพราะบุคลิคกวนๆ ร้ายๆ แบบเพลย์บอย อาจทำให้มีคนไม่ชอบหน้าจนไปต่อเติมเรื่องราวให้บานปลายในอินเตอร์เน็ท

ดีว่าสาวนอนรอการจุมพิตตามบทอยู่บนเตียงที่เซ็ทขึ้นอย่างสวยงามกลางเวที เสียงกรีดร้องของผู้ชมดังขึ้นทำให้เธอรู้ว่าดาราหนุ่มหล่อผู้สวมบทเจ้าชายได้ออกมาที่เวทีแล้ว ป่านนี้แฟนๆ คอนเสิร์ตของเธอคงรู้กันซะทีว่าแขกรับเชิญคนสุดท้ายที่อุบไว้คือใคร เสียงกรี๊ดยังดังไม่จบคงเพราะถูกใจหุ่นล่ำๆ  ก็แฟนๆ ของดีว่าตัวแม่อย่างเธอนี่มีแต่เก้งกวางบ่างชะนีทั้งนั้น อินโทรเพลง ‘เจ้าหญิง’ ดังขึ้น เธอนึกทบทวนคิวอยู่ในใจ เดี๋ยวพ่อหนุ่มคนนี้ก็จะร้องแค่สองท่อนเสร็จแล้วก็จะเดิมเข้ามาที่เตียงเพื่อโน้มตัวจูบหลอกๆ กับเธอ หลักจากนั้นเธอจะลุกขึ้นมาร้องเพลงร่วมกันอีกสองเพลงก่อนแขกรับเชิญจะลาไปเพื่อให้เธอเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของคอนเสิร์ต

นักร้องสาวใหญ่ที่ยังนอนคิดเพลินๆ ก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องฮือฮาจากผู้ชมดังสนั่น เธอแปลกใจมากเพราะหนุ่มแบดบอยคนนี้ไม่ได้ร้องเพลงเพราะมากขนาดจะได้เสียงเชียร์ที่ดังกว่าของเธอซะอีก เธอลอบมองเหตุการณ์บนเวทีจากมุมท่านอนแล้วก็เห็นว่าแขกรับเชิญของเธอตอนนี้ถอดเสื้อออกจนเปลือยท่อนบนโชว์ผิวขาวๆ กล้ามแน่นๆ เธอเริ่มไม่พอใจที่โดนเล่นนอกคิวที่ซ้อมกันไว้ ไม่รู้ตั้งใจจะขโมยซีนกันหรือเปล่า แต่ก็ยอมรับว่าดูดีจริงๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแค่กางเกงแนบเนื้อรัดติ้วสไตล์เจ้าชายยุโรป มองเพลินๆ ไปในที่สุดก็จบท่อนเพลงที่เตรียมไว้ สาวเจ้าของเสียงทรงพลังก็กลับไปนอนรอบทจุมพิตต่อ รอสักพักเจ้าชายก็ไม่มาซักที ทันใดนั้นเสียงกรี๊ดที่น่าจะดังเป็นสามเท่าของที่ผ่านมาก็กระหึ่มไปทั้งฮอลล์

อะไรกันอีกนี่  ดีว่าสาวใหญ่คิด เธอทนไม่ไหวจนต้องลุกขึ้นนั่งเพื่อจะมาเจอว่า เจ้าชายที่ควรจะมาจุมพิตเธอตามบท ตอนนี้ ยืนหันหน้าไปทางคนดูโดยหันหลังให้เธอห่างประมาณสองสามเมตร ทั้งเนื้อทั้งตัวเปลือยเปล่าเหลือแค่ถุงเท้าคู่เดียว กางเกงและรองเท้ากองอยู่บนพื้น จากด้านหลังเธอเห็นไม่ถนัดนัก แต่ท่าทางที่สั่นเป็นจังหวะเห็นก้นแกร่งขยับเข้าออกนี่มันกำลังช่วยตัวเองอยู่ไม่ใช่เหรอ ไอ้ดาราลามกนี่มันกล้ามาชักว่าวบนเวทีคอนเสิร์ตของเธอ นักร้องสาวใหญ่โมโหจนไม่สนบทสนคิวอะไรทั้งสิ้น เธอลุกขึ้นไปด้านหน้าเพื่อให้เห็นเหตุการณ์ชัดๆ พร้อมทั้งเอามือปิดตาเพื่อความเป็นกุลสตรีแต่ถ่างนิ้วออกเป็นคืบ ไฟสปอตไลท์ยังส่องสว่างไปที่ตัวนักแสดงหนุ่มใหญ่ทำให้เธอเห็นภาพอย่างชัดเจนจนเข่าอ่อนแทบทรุด 
คุณพระคุณเจ้า นี่มันของคนหรือของม้า เธอตกตะลึง ท่อนลำขนาดยักษ์ ขาว ตรง สวย หัวชมพูผลุบเข้าผลุบออกตามจังหวะอุ้งมือ แฟนๆ ชะนีเก้งกวางของเธอช่างโชคดีเหลือเกินที่มีโอกาสได้เห็นถึงจะจะไกลๆ ก็เถอะ ไม่สิ ภาพที่ขึ้นจอโปรเจคเตอร์ยังฉายอย่างต่อเนื่อง คงเห็นชัดแจ๋วไปถึงที่นั่งบัตรแปดร้อยแน่ แต่คนที่เห็นแทบประจันหน้าอย่างเธอนี่สิ

นักร้องสาวใหญ่ที่เหนื่อยล้ามาจากการแสดงที่ต่อเนื่องกว่าสองชั่วโมงพอเจอความกดดันทางเพศที่รุนแรงก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมากะทันหัน ไม่นะ ชั้นยังอยากดูจนจบ ชั้นยังไหว เธอกรีดร้องในใจก่อนสติจะดับวูบไปในที่สุด

[จบบทนำ]
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: Moko1212 ที่ 12-07-2015 12:14:46
 :a5: เกิดอะไรขึ้น
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทนำ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-07-2015 13:33:49
โห อะไรกันนี่ เหมือนถูกสะกดจิตเลยอ่ะ
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 1] 12/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 12-07-2015 14:21:03
องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 1

ในห้องสัมมนาโรงแรมขนาดสี่ดาวแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ที่กำลังคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่เข้ามาฟังสัมมนาจนเกือบล้นห้องขนาดร้อยห้าสิบที่ ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน แต่ก็มีผู้สนใจวัยนักศึกษาและวัยกลางคนบ้างประปราย ด้านหน้าห้องมีโต๊ะวางผลิตภัณฑ์ที่ทีมวิทยากรกำลังชุลมุนอยู่กับการสาธิตการใช้ ที่กลางห้องเยื้องไปทางด้านหลังมีช่างภาพกำลังบันทึกภาพด้วยกล้องวีดีโอตัวใหญ่

วิทยากรซึ่งก็คือเซลขายของนั่นแหละเป็นหนุ่มหน้าตาดีวัยประมาณสามสิบ รูปร่างล่ำสันแบบนักกีฬาในชุดสูทพอดีตัว บรรยายต่ออย่างคล่องแคล่วว่า

"หลังจากเราใส่น้ำธรรมดาให้ไหลผ่านเครื่องเอคัวพลัสนี้ แหล่งกำเนิดพลังพลาสม่ากำลังสูงภายในตัวเครื่องจะทำปฏิกิริยากับโมเลกุลของน้ำให้เรียงตัวเป็นโครงสร้างแบบเดียวกับสเต็มเซลล์ของร่างกายมนุษย์ พร้อมทั้งอัดประจุพลังลงไป ทำให้น้ำดังกล่าวกลายเป็นน้ำแห่งชีวิต"

ผู้เข้าฟังสัมมนาสาวหลายคนในห้องดูเคลิบเคลิ้มกับเสียงทุ้มนุ่มจากใบหน้าขาวคมเข้มของวิทยากร เช่นเดียวกับหลายๆ คนในห้องที่ล้วนแต่ตั้งใจฟังการสาธิตสินค้าโดยไม่มีอาการง่วงแม้แต่น้อย มีเพียงชายหนุ่มชุดดำหลังห้องที่ใส่หมวกแก๊ปทรงเท่ปัดลงจนปิดใบหน้าไปครึ่งหนึ่งที่ดูจะไม่ตื่นเต้นกับการบรรยายด้านหน้าห้องนัก ชายหนุ่มชุดดำดูเหมือนจะคอยอะไรสักอย่างอยู่

เซลแมนหนุ่มหล่อหน้าห้องยังคงบรรยายต่อ

"น้ำแห่งชีวิตที่ได้นี้ แม้แต่ผู้ป่วยมะเร็งยังสามารถหายขาดได้โดยการฟื้นฟูสภาพเซลล์จากภายใน”

“เพียงแต่ท่านดื่มน้ำจากเครื่องนี้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เรามีตัวอย่างจากประสบการณ์ของผู้ใช้จริงหลายราย” หนุ่มนักขายทดลองเปิดน้ำเข้าไปในเครื่องเอคัวพลัสแล้วเปิดสวิทช์ หลอดไฟสีฟ้าติดสว่าง เขาเอาแก้วน้ำมาลองใต้เครื่องแล้วเปิดน้ำจากเครื่องใส่ลงในแก้ว

“จะเห็นว่าน้ำที่ผ่านการปรับสภาพแล้ว เพียงถือขึ้นมาดูเราจะรู้สึกได้ถึงพลังที่ต่างจากน้ำธรรมดา” หนุ่มหล่อพูดพร้อมยกแก้วน้ำขึ้นในระดับสายตา

“งี่เง่า” ชายหนุ่มชุดดำพึมพรำในลำคอจากหลังห้อง หลังจากนั้นก็ยกมือและดีดนิ้วเสียงดัง หนุ่มวิทยากรหยุดชะงักไปเมื่อได้ยินเสียง เขาสะดุ้งตัวคล้ายหลุดจากภวังค์ มือถอดเน็คไทจากคอเสื้อออกมาวางไว้ที่โต๊ะข้างๆ แล้วปลดกระดุมเสื้อออกบางส่วน หลังจากนั้นจึงบรรยายต่อว่า

"แต่น้ำแห่งชีวิตนี้ก็ยังไม่ใช่น้ำชีวิตที่แท้จริง" วิทยากรหนุ่มกล่าวขณะเทน้ำในแก้วทิ้งไป

"น้ำแห่งชีวิตที่แท้จริง ต้องสามารถสร้างชีวิตใหม่ขึ้นมาได้" ชายหนุ่มพูดพร้อมกระชากสูทและเสื้อเชิร์ตออกโชว์หุ่นขาวล่ำพร้อมซิกแพ็คที่มีไรขนอ่อนทอดหายไปในกางเกงสลิมฟิทที่นุ่งอยู่

"ผมจะสาธิตการทำน้ำแห่งชีวิตของจริงด้วยเครื่องมือส่วนตัวของผมเอง" วิทยากรหนุ่มปลดเข็มขัดและรูดซิปการเกงลงอย่างว่องไว จากนั้นก็รูดกางเกงลงพร้อมกับกางเกงในและสะบัดทิ้งจนเหลือท่อนล่างเปลือยเปล่า เครื่องเพศขนาดใหญ่ค่อยๆ แข็งตัวจนลุกชูชันแถมยังยาวชี้โด่มาทางหนุ่มน้อยนักศึกษาที่นั่งโต๊ะตัวหน้าสุด ชายหนุ่มเอามือกวาดเครื่องทำน้ำแห่งชีวิตตกไปบนพื้นแล้วเอาร่างเปลือยปีนขึ้นไปยืนจังก้าบนโต๊ะเพื่อให้ทั้งห้องเห็นการสาธิตอย่างถนัดตา มือซ้ายสาวอวัยวะเพศตามจังหวะที่เร่งเร้าจนแดงเถือก ส่วนหัวแดงใสดูเหมือนผ่านศึกมาไม่มากนักในขณะที่ส่วนลำตัวกลับมีเส้นเอ็นขึ้นปูดโปนดูน่าเกรงขาม

ผู้เข้าสัมมนาทั้งห้องนั่งตะลึงอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ไม่มีใครส่งเสียงอะไรออกมาในขณะที่หนุ่มนักขายหน้าห้องยังคงสาวท่อนลำของตัวเองอย่างเมามัน สักพักหลังจากนั้นคนในห้องจึงเริ่มรู้สึกแล้วโวยวายออกมา

“เฮ้ย ทำอะไรวะ โรคจิตเหรอมึง”

แม้แต่ทีมงานที่จัดงานสัมมนาด้วยกันยังตกใจอ้าปากค้างกระซิบกันเองว่า

“พี่ธนัท แม่งเป็นอะไรวะ หรือทำยอดขายได้เยอะจนสติแตกไปแล้ว”

สาวๆ ในห้องเริ่มส่งเสียงร้องกรี๊ดก๊าดออกมาเหมือนจะอายแต่ตายังจ้องภาพตรงหน้าไม่กระพริบ ชายร่างใหญ่สองสามคนเดินออกไปหน้าห้องเหมือนตั้งใจจะเข้าไปห้ามพร้อมตะคอกเสียงดัง

“หยุดเลย อุบาทว์ว่ะ ผู้หญิงอยู่เต็มห้อง ทำได้ไงวะ สัด”

ยังไม่ทันจะถึงตัววิทยากร รปภ. ของโรงแรมสองคนก็วิ่งเข้ามาขวางไว้

“กรุณาอยู่ในความสงบด้วยครับ เดี๋ยวทางโรงแรมจะควบคุมสถานการณ์เอง ตอนนี้เราได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว”

แต่น่าแปลกที่ รปภ. ไม่มีท่าทีที่จะเข้าไปหยุดการกระทำอนาจารหน้าห้องแต่อย่างใด ดูเหมือนจะกันๆ ผู้เข้าสัมมนาไม่ให้เข้ามาใกล้ และพยายามคุมคนในห้องให้อยู่ในความสงบมากกว่า ปล่อยให้วิทยากรที่ตอนนี้รู้แล้วว่าชื่อธนัทเร่งจังหวะการสาวท่อนลำถี่ยิบ เวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่กับการเร่งมือปั่นอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดธนัทก็ทำหน้าแหยแกตัวเกร็งแล้วกระฉูดน้ำว่าวขาวขุ่นลงในแก้วที่เคยใส่น้ำแห่งชีวิตไว้ ระลอกแล้วระลอกเล่า ปริมาณมันช่างมากมายจนน่าแปลกใจ ตอนที่เขาถอนยวงออกจากแก้วและควงลำอวบโชว์ น้ำว่าวส่วนหนึ่งถึงกับกระเด็นไปโดนหนุ่มนักศึกษาที่ลืมตาโพลงอยู่ด้านหน้า ธนัทพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังผิดกับแววตาที่เหม่อลอยว่า

“และนี่คือน้ำแห่งชีวิตที่แท้จริงที่ผลิตมาใหม่สดจากห้องเครื่องของผมเอง ไม่ใช่จากเครื่องเฮงซวยหลอกลวงอันนี้”

ธนัทพูดขณะที่แอ่นเอวมาข้างหน้าพร้อมกับเอาอุ้งมือประคองพวงสวรรค์ที่ปกคลุมไปด้วยขนอ่อนๆ ของตัวเองยกขึ้นโชว์ให้เห็นกันชัดๆ อย่างภาคภูมิใจ ผู้เข้าสัมมนาซึ่งตอนนี้ได้กลายมาเป็นผู้ชมโชว์โดยไม่ตั้งใจหลายคนต่างรุมด่าเจ้าของการแสดงลามกตรงหน้า แต่ก็ไม่มีใครลงมือทำอะไรอาจเนื่องจากเห็นว่า รปภ. ของโรงแรมเข้ามาจัดการสถานการณ์แล้วและกำลังรอตำรวจอยู่

“คุณลูกค้าผู้ชายทำใช้เองกันได้เลยนะครับ ไม่ต้องไปซื้อเครื่องหลอกลวงราคาหลายหมื่น ส่วนคุณสุภาพสตรีก็ให้แฟนทำให้ใช้ได้ครับ”

หนุ่มหล่อล่ำยังคงบรรยายต่อ พลางเอานิ้วจุ่มลงไปในแก้วน้ำแห่งชีวิตในความคิดของเขา แล้วเอาขึ้นมาดูดเลียอย่างเอร็ดอร่อย

“เป็นอาหารเสริม มีทั้งโปรตีนและน้ำตาล”

ธนัทกระโดดลงมาจากโต๊ะที่เขาใช้เป็นเวทีโชว์ แล้วเดินไปทางทีมงานของเขาที่จับกลุ่มกันอยู่ใกล้ๆ ด้านข้าง ละเลงน้ำว่าวตัวเองไปบนผมของหนุ่มทีมงานคนหนึ่งแล้วปัดขึ้นจนตั้ง

“ใช้เป็นเจลแต่งผมก็ได้”

ว่าแล้วหันไปอีกทางจุ่มน้ำว่าวในแก้วทาไปบนหน้าที่มีสิวหนุ่มนิดๆ ของลูกน้องตัวเองอีกคน

“เป็นครีมบำรุงผิวก็เยี่ยม ปราศจากสารเคมีอันตรายอย่างแน่นอน”

หนุ่มโชคร้ายทั้งสองคนทำหน้าพะอืดพะอมแต่ก็ไม่กล้าทำอะไรหัวหน้าตัวเอง ธนัทเดินกลับแล้วกระโดดขึ้นบนโต๊ะตัวเดิม
แล้วหันหน้ามาทางผู้ชม

“ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมสัมมนากันในวันนี้ โปรดรักษาสุขภาพโดยการออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ ใครเจ็บไข้ก็ไปหาหมอรักษา อย่ามาเชื่อของหลอกลวงแบบเครื่องเอคัวพลัสนี้ ถ้าอยากได้น้ำแห่งชีวิตจริงๆ ก็ทำเองตามที่ผมสาธิตไปครับ”

ธนัทยกมือไหว้สวัสดีคนที่เข้าร่วมสัมมนาเสร็จก็เอามือจับลำอวบใหญ่ของตัวเองโปกไปมาเป็นการบ๊ายบาย เหมือนจะเป็นสัญญาญว่าการแสดงได้จบลง รปภ. ทั้งสองนายพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจยศสามดาวได้เข้าประชิดตัวธนัทแล้วเอาเสื้อสูทของธนัทมาคลุมไว้ นายตำรวจหยิบกุญแจมือขึ้นมา

ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังชุนละมุนกันผู้ต้องหาด้านหน้าอยู่นั้น ช่างภาพที่บันทึกภาพทั้งหมดด้วยกล้องวีดีโอไว้ ก็ถอดเมมโมรี่การ์ดออกจากกล้อง แล้วเอามายื่นให้กับชายหนุ่มชุดดำใส่หมวกแก็ปที่นั่งอยู่หลังสุด พร้อมกล่าวว่า

“ทั้งหมดอยู่ในนี้ครับ ผมบันทึกภาพแบบความละเอียดสูงเลย แจ่มทุกท่วงท่า”

หนุ่มชุดดำกล่าวขอบใจแล้วเดินออกไปนอกห้อง ก่อนจะพ้นประตู เขาดีดนิ้วขึ้นอีกครั้งแล้วเดินหายออกไปด้านนอก
ที่ทางด้านหน้าห้อง นายธนัทที่ขณะนี้ถูก รปภ. จับกุมตัวไว้โดยท่อนล่างยังเปล่าเปลือย เสื้อสูทตัวเองที่คลุมไว้ปิดบังท่อนลำที่บัดนี้อ่อนตัวลงแล้วได้ยังมีส่วนหัวแดงก่ำปลายเยิ้มเหลือโผล่ออกมาพอสังเกตเห็นได้ เมื่อเสียงดีดนิ้วจากชายชุดดำดังขึ้น ธนัทเหมือนจะได้สติคืนกลับมา เขาโวยวายเสียงดัง

“จับผมไว้ทำไม เฮ้ย! ทำไมผมแก้ผ้าอย่างนี้”

ตำรวจที่ประกบอยู่ตอบทันที “คุณกระทำอนาจารในที่สาธารณะ ผมจำเป็นต้องควบคุมตัวคุณไปที่โรงพัก”

“ผมไม่ได้ทำ... ผม.. ผม..ผมจำไม่ได้ ผมมาสาธิตขายสินค้า... ผมทำ..ผม..มันส์สุดๆ แต่ผมไม่ได้ทำ ผมไม่ตั้งใจจะทำ” ธนัทดูสับสน แต่เหมือนจะไม่ได้ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซะทีเดียว

“ขอเชิญตามผมไปที่โรงพักครับ”

นายตำรวจหนุ่มพยักหน้าให้ รปภ. โรงแรมคุมตัวผู้ต้องหาที่ตอนนี้ถูกใส่กุญแจมือแล้วเดินตามเขาไป ทางที่จะไปต้องเดินผ่านล็อบบี้โรงแรม ธนัทเดินก้มหน้าแดงก่ำ พยายามถึงย่อตัวลงต่ำเพื่อให้ชายเสื้อสูทปิดเครื่องเพศของเขาที่โผล่ส่วนปลายออกมา ตลอดทางมีคนจ้องมองเขามากมาย เพราะในล้อบบี้ช่วงก่อนเที่ยงเต็มไปด้วยแขกของโรงแรมทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่กำลังเช็คเอ้าท์ เขาจำเรื่องได้ลางๆ ว่าเขาเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดเอง ในตอนนั้น เขารู้สึกอยากทำและต้องทำให้ได้โดยไม่มีสตินึกถึงเรื่องอื่นซักนิดเดียว

ชายหนุ่มคร่ำครวญในใจ ว่าตนเองทำเรื่องน่าอายอย่างนั้นไปได้ยังไง เขากำลังเป็นผู้จัดการเขตการขายดาวรุ่งที่มียอดขายเครื่องทำน้ำแห่งชีวิตสูงสุด กลยุทธ์ที่เขาคิดขึ้นคือเน้นการสินค้าให้กับญาติพี่น้องของคนที่ป่วยหนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นมะเร็ง หลังจากลองผิดลองถูกมามากเขาถึงได้พบว่าคนที่สิ้นหวังเหล่านี้เป็นลูกค้าที่ดีที่สุดที่พร้อมจะซื้อเครื่องกรองน้ำราคาหลายหมื่นได้โดยไม่อิดออด

เขาใช้ความรู้จากการจบการศึกษาในคณะเทคนิคการแพทย์มาใช้โน้มน้าวลูกค้า จับผลงานวิจัยต่างๆ อ้างโยงไปโยงมาจนน่าเชื่อถือ รวมทั้งการให้ข้อมูลคลุมเครือเพื่อให้เกิดการเข้าใจผิดว่าเครื่องที่เขาขายมาจากการวิจัยใหม่ล่าสุดที่ยังไม่เปิดเผยโดยทั่วไปจึงสามารถรักษาโรคที่การแพทย์ปัจจุบันไม่สามารถรักษาได้ เขาบอกตัวเองว่าไม่ได้ทำผิดอะไรนี่หว่า เต็มใจซื้อกันเอง การดื่มน้ำมากๆ ก็ดีกับร่างกาย แถมยังได้กำลังใจไปต่อสู้กับโรคอีกด้วย

หนุ่มนักขายที่ใจลอยไปกับเรื่องของตัวเองรู้สึกตัวกลับมาที่ปัจจุบัน เขากำลังถูกดันให้เดินออกไปด้านหน้าของโรงแรมที่มีคนพลุกพล่านเนื่องจากอยู่ติดกับถนนในเมือง เขานึกไปถึงเรื่องที่เขาไปว่าวโชว์หน้าห้องว่าเขาทำไปได้อย่างไร มันไม่มีเหตุผลเลย แต่พอนึกถึงบรรยากาศในตอนนั้นที่คนทั้งห้องจ้องมาที่น้องชายของเขา เขากลับรู้สึกภูมิใจแปลกๆ ที่ท่อนลำน้องๆ ม้าของเขาที่น้อยคนจะได้เห็นนอกจากสาวๆ คู่ขา กลับได้โชว์ให้คนหมู่มากได้เห็น ให้รู้กันไปว่าเขานอกจากรูปร่างหน้าตาดีหาเงินเก่งแล้ว เครื่องเคราที่พ่อให้มาก็จัดว่ายอดเยี่ยมเกรดเอ เป็นบุญตาของคนพวกนั้นซะจริงๆ

พอคิดมาถึงตรงนี้เขาก็เกิดความเสียวซ่านขึ้นจนท่อนลำผงาดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ตรงฟุตบาทหน้าโรงแรมริมถนนย่านการค้าของตัวเมืองเชียงใหม่ที่มีคนเดินผ่านไปมามากมาย อวัยวะขนาดเขื่องแดงก่ำตั้งตะหง่านโผล่พ้นชายเสื้อสูทที่คลุมตัวอยู่ รปภ. ที่ตอนแรกยืนบังเขาอยู่อยู่ทำความเคารพนายตำรวจแล้วเดินกลับเข้าไปในโรงแรม ตอนนี้เขายืนเด่นอยู่ข้างรถตำรวจแสดงแสนยานุภาพท่อนล่างให้คนที่เดินผ่านไปมาอย่างชัดเจน เขาจะเอามือปิดก็ไปได้เพราะถูกใส่กุญแจมืออยู่ คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มชี้มาทางเขาพร้อมแสดงความเห็นกัน

“โรคจิตแน่ๆ  สงสัยทำอนาจารจนตำรวจจับ“

“เสียดาย หน้าตาก็ดีแท้ๆ”

“เหี้ย อย่างใหญ่สัด ถ้ากูหล่อใหญ่แบบนี้นะ กูไปเอาสาวให้มันส์ดีกว่า ไม่มาเป็นโรคจิตแบบนี้หรอก”

“ว๊าย! น้องอีฟ อย่าดูนะคะลูก รีบเดินมาทางนี้”

บางคนตั้งหลักได้เริ่มจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิป แต่ตำรวจหนุ่มรีบผลักธนัทเข้าไปในรถตำรวจ นั่งประกบด้านข้าง แล้วบอกให้ตำรวจอีกคนที่ประจำที่คนขับออกรถในทันที เมื่อขับมาได้ระยะหนึ่ง แทนที่รถสายตรวจดังกล่าวจะตรงไปยังสถานีตำรวจ รถกลับวิ่งออกไปบริเวณชานเมือง และจอดลงใกล้รถตู้หรูสีดำที่จอดอยู่บริเวณที่พักรถริมทาง ตำรวจหนุ่มเปิดประตูแล้วฉุดหนุ่มนักขายมือทองออกมาแล้วพาตัวเข้าไปนั่งด้านในรถตู้

“ขอบคุณมากผู้กอง ทำแต้มน่าดูนะช่วงนี้” เสียงคนที่นั่งอยู่ในรถดังขึ้น

“ยินดีครับบอส ผมเกลียดอยู่แล้วพวกหากินกับคนป่วย แต่กฎหมายก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าองค์กรของเรามีเคสอะไรให้ผมรับใช้อีกก็แจ้งมาเลยครับ นานๆ บอสจะขึ้นมาเชียงใหม่สักที”

“เดี๋ยวผมอัพคะแนนในระบบให้เลยนะครับ เผื่อผู้กองจะได้ใช้ทำอะไร” คนที่ผู้กองเรียกว่าบอสพูดต่อ

“ผมคงรอให้ได้เยอะๆ ก่อนครับ อยากได้ของดีๆ ไปเลยทีเดียว ตำรวจแบบผมที่ไม่ได้โกงกินรับส่วยก็เงินน้อยแบบนี้ล่ะครับ จะเอาเงินเยอะๆ ไปบริจาคเข้าองค์กรเพื่อซื้อของดีๆ คงไม่มีปัญญา ต้องทำงานแลกเอาแบบนี้” ผู้กองพูดยิ้มๆ

“อย่าพูดเหมือนน้อยใจสิ เราเลือกที่จะยึดมั่นในอุดมการณ์ก็ดีแล้ว การแบ่งเวลามาทำงานให้องค์กรของเราก็ถือเป็นการช่วยให้สังคมดีขึ้นนะ” บอสทำท่าเห็นใจ

“นั่นสิ งั้นผมไปก่อนนะครับ เดี๋ยวลูกน้องมันถามมาก”

ผู้กองเดินกลับมาที่รถ แล้วสั่งให้ลูกน้องขับรถกลับโรงพัก “ผู้กองครับ ทำไมเราไม่เอาตัวไอ้โรคจิตนั่นไปโรงพักล่ะครับ” ตำรวจที่ขับรถถาม

“ไอนั่นมันเส้นใหญ่ว่ะ นายเราสั่งลงมาว่าไม่ต้องดำเนินคดี ให้เอาไปส่งคนของเขาเอาตัวกลับไป ยังไงมันก็ไม่ใช่คดีร้ายแรงอะไรอยู่แล้ว” ผู้กองตอบตามที่นึกเตรียมไว้

“โห สงสัยเส้นอย่างยักษ์เลย เหตุเกิดแป๊บเดียว เรื่องถึงนายเราเลย เสียดายนะผู้กอง ของอย่างใหญ่ หล่อด้วย ถ้าเอาไปโรงพักผมจะขอดูชัดๆ หน่อย”

“มึงเป็นเกย์หรือไง ถึงเขาจะเป็นผู้ต้องหา แต่ก็ไม่ใช่มึงจะไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเขาได้ แค่นี้คนก็มองตำรวจแย่มากอยู่แล้ว ช่วยกันหน่อยเถอะว่ะ”

“ครับๆ แต่ผมไม่ใช่เกย์เหอะ เมียผมก็มี แค่อยากรู้เฉยๆ”

ผู้กองไม่พูดอะไรต่อแต่นึกในใจว่าถ้าลูกน้องเขาเป็นเกย์จริงก็คงจะรุ่งอยู่นะ ตำรวจหนุ่มเหนือ ตัวไม่ใหญ่มาก หุ่นผอมเพียวมีกล้ามกำลังดี หน้าใสกิ๊กหวานหน่อยๆ  แต่รุ่งทางสายรับนะ เพราะงั้นอย่าเป็นเลย ไม่งั้นจะเจ็บช่วงล่างเปล่าๆ ผู้กองนึกขำๆ

ณ ห้องสัมมนาที่งานล่มไปแล้ว คนในห้องยังดูงงๆ และไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงวิพากษ์วิจารณ์ระหว่างคนในห้องดังอื้ออึง มีคนตะโกนถามว่ามีใครในห้องเอาโทรศัพท์ถ่ายคลิปไว้บ้างหรือไม่ แต่น่าแปลกที่คนในห้องกว่าร้อยคน กลับไม่มีใครถ่ายเหตุการณ์ดังกล่าวไว้แม้แต่คนเดียว บางคนเริ่มโวยวายกับทีมงานที่เหลือของบริษัทว่าทำไมปล่อยให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น ทีมงานที่ตั้งสติได้ ก็ค่อยๆ อธิบายว่าวิทยากรที่โดนคุมตัวเป็นเป็นผู้จัดการเขตการขาย มีตำแหน่งใหญ่สุดในทีมที่จัดสัมมนา ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นถึงสติแตก อาจจะเกิดจากความเครียด ตอนนี้ผู้จัดการโดนคุมตัวไปแล้วเลยไม่รู้จะรับผิดชอบอย่างไร

ผู้เข้าฟังสัมมนาแม้ไม่พอใจแต่ก็ไม่รู้จะเรียกร้องอะไรเพราะงานนี้ก็เป็นแค่งานสัมมนาฟรี เจอเหตุการณ์นี้เข้าไปบางคนก็รังเกียจแต่บางคนก็ถือว่าเป็นอาหารตาชั้นยอด แล้วแต่รสนิยมใครรสนิยมมัน ในที่สุดคนในห้องก็แยกย้ายกันไป

หลังจากนั้นทีมงานได้ขอดูวีดีโอที่บันทึกไว้จากช่างภาพ ช่างภาพได้เปิดให้ดูซึ่งมีภาพเฉพาะช่วงเปิดงานไปจนถึงก่อนการเริ่มสาธิต พอช่างภาพพยายามเปิดดูช่วงหลังจากนั้นกลับพบว่าเมมโมรีการ์ดเสีย ซึ่งช่างภาพก็บ่นกับตัวเองว่าเสียได้ยังไง ปกติการ์ดพวกนี้มันทนจะตาย ไม่รู้จะโดนค่าปรับหรือเปล่า ช่างภาพลืมไปสนิทว่าตนเองได้เอาอะไรให้คนแปลกหน้าไป

หลังจากนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นก็กลายเป็นข่าวดังในโลกออนไลน์ มีผู้เห็นเหตุการณ์มายืนยันหลายคน แต่ไม่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อกระแสหลักเนื่องจากไม่มีหลักฐานอื่นๆ เช่นรูปถ่ายหรือคลิปวีดีโอ ทั้งๆ ที่มีผู้เห็นเหตุการณ์จำนวนมาก รวมทั้งมีนักข่าวที่ไปตามเรื่องจากทางโรงแรมและสถานีตำรวจก็ไม่พบข้อมูลแต่อย่างใด ในที่สุดหลายเดือนผ่านไป เรื่องก็ค่อยๆ เงียบหาย แต่ชื่อเสียงของบริษัทผู้จำหน่ายเครื่องเอคัวพลัสก็เสียไปอย่างมากโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 1] 12/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 12-07-2015 20:13:13
เรื่องนี้เน้นแนวหื่นใช่ไหมครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 1] 12/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: Moko1212 ที่ 12-07-2015 20:51:32
เนื้อหารุนแรงต่อสภาพจิตใจมาก  :m25:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 1] 12/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 13-07-2015 13:35:00
อืม น่าสนใจดีนะ
แต่ กำลังพยายามโฟกัสว่าใครเป็นตัวเอก
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 1] 12/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 13-07-2015 21:16:38

โห อะไรกันนี่ เหมือนถูกสะกดจิตเลยอ่ะ
ถูกเผงเลยครับ

เรื่องนี้เน้นแนวหื่นใช่ไหมครับ
ใช่ครับ พอพ้นช่วงปูเรื่องไปแล้วจะเริ่มมีเนื้อเรื่องด้วย แต่ก็จะมีฉากหื่นๆ ปนไปเรื่อยๆ

เนื้อหารุนแรงต่อสภาพจิตใจมาก  :m25:
ต้องขออภัยจริงๆ ครับ พอดีแต่งไปหลายตอนแล้วเพิ่งรู้สึกว่าอาจจะรุนแรงไปสำหรับที่เล้าเป็ด แต่ก็ไม่อยากตัดออกครับเสียดาย เดี๋ยวพ้นช่วงปูเรื่องไปแล้วจะมีส่วนที่เป็นนิยายวายมากขึ้น

อืม น่าสนใจดีนะ
แต่ กำลังพยายามโฟกัสว่าใครเป็นตัวเอก
จริงๆ นิยายเรื่องนี้มีตัวเอก 3 คนครับ จะสลับกันมาเดินเรื่องไปเรื่อยๆ ไม่แน่ใจว่าวิธีนี้จะทำให้คนอ่านงงหรือเปล่า ยังไงเม้นท์มาได้นะครับ 


ขอขอบคุณทุกๆ ความเห็นครับ เป็นกำลังใจได้มากจริงๆ
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 2] 13/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 13-07-2015 21:20:31
องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 2

ในรถตู้หรูสีดำคันใหญ่ที่กำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้าออกไปนอกเมือง หนุ่มที่เรียกกันว่าบอสกดปุ่มหมุนเก้าอี้เบาะหน้ากลับหลังมาเผชิญหน้ากับธนัทที่นั่งอยู่เบาะหลัง ที่แท้บอสก็คือชายหนุ่มชุดดำที่ไปสังเกตการณ์ในห้องสัมมนาและออกมาก่อนนั่นเอง ธนัทมีท่าทีระแวงและจ้องมองบอสอย่างไม่พอใจ

“ตำรวจหายไปไหน ทำไมเขาเอาผมมาที่นี่ แล้วคุณเป็นใคร เป็นตำรวจหรือเปล่า”

บอสยิ้มขำๆ “ผมไม่ได้เป็นตำรวจ แต่เป็นคนที่ช่วยไม่ให้เขาพาคุณไปโรงพัก คุณอยากไปโรงพักเหรอ”

“ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ช่วยเอาผมไปส่งที่โรงแรมด้วย ผมไปเอารถ ผมจะกลับบ้าน แล้วผมจะไปเคลียร์งานทีหลัง เดี๋ยวผมให้เงินเป็นค่าตอบแทนที่ช่วย”

“ยังห่วงงานอีกนะ คุณจำไม่ได้เหรอ คุณโชว์ไปขนาดนั้น คุณจะยังกลับไปทำงาน หรืออยู่ในวงการเดิมคงไม่ได้แล้ว แม้กระทั่งตอนนี้คุณยังเปลือยช่วงล่างอยู่เลยนะ” บอสสวนกลับ

หนุ่มนักขายก้มลงมองตัวเองแล้วรู้สึกเย็นโล่งขึ้นมา เขาถอดเสื้อสูทออกแล้วเอามาคลุมท่อนล่างไว้ แต่นั่นกลับทำให้แผงอกหนั่นหนาและหัวนมสีชมพูชูชันปรากฏต่อสายตาหนุ่มบอสที่นั่งอยู่ตรงข้าม

“คุณไม่ต้องอายหรอก ผมอยู่ในห้องสัมมนานั้นด้วย เห็นโชว์พิเศษของคุณหมดแล้ว ลีลาเยี่ยมไปเลย” บอสพูดแซว

ธนัททบทวนความทรงจำแล้วแล้วยิ่งแดงไปทั้งตัว บอสกลับมามีสีหน้าจริงจังแล้วพูดขึ้นว่า “แต่ยังไงซะ สิ่งที่คุณเจอในวันนี้ มันยังไม่พอที่จะชดเชยสิ่งที่คุณทำผิดมาตลอดเวลาหลายปีนี่หรอกนะ คุณยังต้องชดใช้อีกเยอะ”

“ผมทำผิดอะไร แล้วคุณเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น” ธนัทถามเสียงกร้าว

“คุณหลอกขายเครื่องผลิตน้ำจอมปลอมอะไรนั่นไปหลายร้อยเครื่อง คนเขาลำบากป่วยไข้อยู่แล้วกลับต้องมาเสียเงินที่ควรจะเก็บไว้รักษาตัว ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือคุณทำให้เขาสูญเสียโอกาสในการรักษาที่ถูกต้อง เพราะมาหลงเชื่องมงายกับน้ำลวงโลกของคุณ” บอสพูดในสิ่งที่ธนัทรู้สึกกึ่งผิดมาโดยตลอด แต่เขาก็ยังทำมันเพราะเงินตัวเดียว

“องค์กรของผมมีภารกิจที่จะทวงความเป็นธรรมให้กับคนที่ถูกคนอย่างคุณทำร้าย เอาเปรียบ ผู้ถูกกระทำต้องได้รับการชดเชยโดยผู้กระทำ ถ้าองค์กรเราจะลงโทษใคร เราจะสืบหาข้อมูลอย่างดีก่อนจนแน่ใจในความผิด เชื่อเถอะว่าเครือข่ายของเราหาข่าวได้ลึกและแม่นยำยิ่งกว่าตำรวจสันติบาลหรือหน่วยข่าวกรองของทหารซะอีก”

“ถ้าเรื่องที่กูทำมันผิดจริง แล้วไอ้องค์กรห่าเหวของมึงนี่จะเอายังไง จะให้กูเอาเงินคืนให้ไอพวกโง่ที่มาซื้อเครื่องกูไปเหรอว่ะ” ธนัทถามด้วยความหยาบคาย ใครก็ทำกันแล้วทำไมเขาต้องมาโดยกล่าวหาอยู่คนเดียว

“เราไม่เอาเงินของคุณโดยตรงหรอก ถึงยังไงนั่นก็ถือเป็นทรัพย์สินของคุณ แต่เราจะประเมินมูลค่าหนี้สังคมที่คุณก่อไว้ แล้วเอาตัวคุณไปหารายได้เพื่อมาชดเชยให้ผู้เสียหาย หรือคืนให้กับสังคมในจำนวนที่สมน้ำสมเนื้อกัน”

“กูไม่ทำ ไม่จ่าย ไม่อะไรทั้งนั้น มึงจะทำอะไรกูได้ บ้านเมืองมีกฎหมาย ถ้าสิ่งที่กูทำมันผิด บริษัทกูก็คงโดนปิดไปแล้ว คงไม่เจริญรุ่งเรืองอย่างนี้ มึงจะมาตั้งศาลเตี้ยแบบนี้ไม่ได้”

“นี่คุณยังไม่เข้าใจอะไรเลยใช่ไหมว่าคุณขัดขืนผมไม่ได้ เอาเถอะ วันนี้ผมมีเวลา เดี๋ยวผมสาธิตให้ดูอีกครั้งก็ได้ คุณช่วยลงไปนอนบนพื้นรถ ยกเอวพับขึ้น แล้วชักว่าวรดหน้าตัวเอง ให้ดูหน่อย”

“มึงจะบ้าเหรอ ใครจะทำ” ทันใดนั้นบอสสบตาธนัทเพียงแว้ปเดียว ธนัทก็สะบัดเสื้อสูททิ้ง ลงไปนอนกับพื้น แล้วพับตัวเอาท่อนลำมาจ่อหน้าตัวเองสาวอย่างเมามันจนถึงจุดสุดยอดภายในเวลาไม่ถึงสองนาที น้ำว่าวกระฉูดกระจายเต็มหน้าอย่างน่าประทับใจเมื่อคิดถึงว่าเขาเพิ่งปลดปล่อยมาแล้วก็อกใหญ่ในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงที่ผ่านมา

บอสเก็บไอโฟนรุ่นล่าสุดที่เพิ่งถ่ายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ในระยะประชิดแล้วพูดว่า

“คงรู้แล้วใช่ไหม ว่าที่คุณทำไปในห้องสัมมนาน่ะ ฝีมือใคร ผมยังทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิดซะอีก นี่ยังไม่นับอิทธิพลเครือข่ายองค์กรของผมที่มีอยู่ทั่วทุกวงการ”

ธนัทจ้องมองบอสด้วยสีหน้าตกตะลึง “มึงทำอะไรกู มึงวางยากูเหรอ ไอสัด มึงทำให้กูหมดอนาคต มึง.. มึง..” ธนัทพูดไม่ออก เขาโกรธแค้นคนที่มาทำกับเขาขนาดนี้

บอสจ้องกลับด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าคุณยังไม่หยุดหยาบคายแล้วมาพูดกันดีๆ ผมคงต้องทำให้คุณหมดแรงไปมากกว่านี้”

ทันทีที่บอสพูดจบ ธนัทก็รูดท่อนลำตัวเองอีกครั้งซึ่งคราวนี้เต็มไปด้วยความรุนแรง มือที่ว่างอีกข้างก็ทะลวงนิ้วไปช่องทางคับแน่นที่ก้นตัวเอง จากสองนิ้ว เพิ่มเป็นสาม และสี่ในที่สุด โดยไม่มีอะไรหล่อลื่นเลย หนุ่มหล่อครางเสียงดังด้วยความทรมาน จนปลดปล่อยน้ำกามออกมาในที่สุด แต่เที่ยวนี้ใสลงกว่าครั้งก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด

แม้จะเสร็จกิจไปแล้ว แต่มือของธนัทยังพยายามปลุกปล้ำอวัยวะเพศที่อ่อนตัวไปแล้วให้ลุกกลับขึ้นมาอีกครั้ง มืออีกข้างก็ยังกวาดคว้านไปทั่วช่องทางด้านหลัง ชายหนุ่มท่าทางอิดโรย น้ำตาคลอเป้า ถึงยังไงเขาก็ไม่ใช่เด็กรุ่นๆ ที่ฟื้นตัวเร็วจนทำเรื่องแบบนี้ต่อได้ทันที

บอสถามเสียงเรียบๆ “ถ้าผมให้คุณหยุด คุณจะเลิกหยาบคาย แล้วมาคุยกันดีๆ ไหม”

ธนัทพยักหน้าทันที เขาทั้งเสียวทั้งเจ็บทั้งอ่อนแรงจนพูดไม่ออก ทันใดนั้นทุกอย่างก็หยุดลง หนุ่มหล่อล่ำทิ้งตัวนอนแผ่ลงอย่างหมดสภาพ

บอสส่งกระดาษทิชชู่และขวดน้ำเปล่าให้ “เช็ดหน้าเช็ดตาดื่มน้ำแล้วค่อยมาคุยกันต่อ”

ธนัทรีบทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาเอากระดาษเช็ดคราบน้ำเชื้อของตัวเองออกจากใบหน้า มือ และลำตัว ดื่มน้ำอึกใหญ่ แล้วจึงลุกขึ้นมานั่งหมดแรงบนเบาะหลังตามเดิม คราวนี้เขาเปลือยเปล่าทั้งตัว ทิ้งเสื้อสูทเปื้อนคราบน้ำว่าวไว้บนพื้น ธนัทดูจะไม่แคร์หรืออายคนตรงหน้าแล้ว

บอสเก็บไอโฟนที่บันทึกภาพทุกอย่างไว้ลงในกระเป๋าเสื้อพร้อมทั้งเริ่มบทสนทนา “เราคุยกันถึงไหนนะ อ้อ ถึงตอนที่คุณต้องได้รับโทษ ไม่สิ เรียกว่าคุณต้องชดใช้ให้กับผู้เสียหายหรือสังคมตามมูลค่าที่นักเศรษฐศาสตร์และนักคณิตศาตร์ประกันภัยของเราคำนวณมา”

บอสหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาดู “ผมยังไม่ได้รับตัวเลขมูลค่าหนี้สังคมของคุณเลย แต่คงได้รับในไม่กี่นาทีนี้แหละ คนของเราทำงานเร็วมาก งั้นระหว่างนี้เรามาใส่ข้อมูลโปรไฟล์ของคุณให้ครบถ้วนกันดีกว่า”

บอสหยิบกล้องแบบมืออาชีพรุ่นล่าสุด พร้อมเลนส์เทพที่ถ้าโปรกล้องเห็นคงตาลุกวาวออกมา เขากดปุ่มปิดม่านหลังรถพร้อมทั้งเปิดไฟในรถ

“ผมขอถ่ายรูปหน้าตรงของคุณหน่อยครับ ช่วยขยับมาด้านนี้ วางมือทั้งสองข้างไว้ข้างลำตัว” ธนัททำตามทันที เขาไม่มีกำลังกายใจที่จะขัดขืนบอสแม้แต่น้อย

“อื้อหือ ขนาดเหนื่อยๆ ยังดูหล่อใสกิ๊กอยู่เลยนะ ขอภาพหน้าด้านข้างด้วยครับ” บอสร้องขอในขณะที่เก็บภาพไปเรื่อยๆ
“เดี๋ยวผมต้องขออนุญาตเก็บภาพแบบเต็มตัวนะครับ แต่ที่ทางในรถมันออกจะคับแคบไปหน่อยคงต้องไปถ่ายข้างนอก” บอสกดปุ่มเปิดแผงกันระหว่างคนขับออกแล้วบอกให้จอดริมทางด้านหน้า

บอสลงไปดูทำเลแล้วตะโกนบอก “คุณธนัทลงมาเลยครับ”

“ลงไปทั้งอย่างนี้นี่เหรอครับ ผมยังแก้ผ้าอยู่นะ” ธนัทเหมือนจะได้ความอายกลับคืนมา

“รูปโปร์ไฟล์ก็ต้องเป็นรูปเปลือยสิครับ ไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่าคุณมีดีอะไร ลงมายืนด้านนี้ รถตู้บัง คนผ่านไปผ่านมามองไม่ค่อยเห็นหรอกครับ”

ธนัทรีบเดินโทงๆ ลงมาทันที เขาอายก็จริงแต่ไม่กล้าเสี่ยงที่จะให้บอสโมโหอีก บอสได้มุมเหมาะๆ ที่ฉากหลังเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวต่อเนื่องจนจรดกับแนวทิวเขาใหญ่น้อย สูงขึ้นไปเป็นฟ้าใสสีน้ำเงินจัด แนวขอบถนนที่ธนัทยืนมีแนวขอบรั้วกันรถตกและหลักกิโลสีขาวสะอาด

แดดยาวบ่ายไม่ละมุนตานัก แต่ความจ้าทำให้เห็นรายละเอียดร่างเปลือยของธนัทได้อย่างถนัดตา ทั้งโครงหน้าเรียวได้รูป องค์ประกอบบนใบหน้าดูคมเข้มสมชาย  ผิวขาวเนียนละเอียดจนไม่น่าเชื่อว่าจะอายุสามสิบแล้ว ไล่มายังแผงกล้ามอกแน่นที่มีเม็ดสีชมพูประดับอยู่ เมื่อไล่สายตาลงมาอีกเล็กน้อยก็จะพบกับกล้ามท้องเป็นลอนที่มีไรขนอ่อนลากยาวต่อไปรวมกับกระจุกหมอยรกทึบที่ฐานเครื่องเพศที่สงบนิ่งทอดตัวยาวลงมาเกือบครึ่งหน้าขา บอสเก็บภาพธนัทในอิริยาบถต่างๆ ไปเรื่อยๆ ทั้งภาพซูมและภาพเต็มตัว เส้นเอ็นและไรขน ดูเด่นชัดท่ามกลางแสงแดดจ้า

ผู้คนที่ขับรถผ่านไปผ่านมาดูจะไม่สังเกตเห็นกองถ่ายนู๊ดเฉพาะกิจนี้ ยกเว้นมอเตอร์ไซค์ที่นานๆ จะผ่านมาซักที ที่บางคันสังเกตเห็นแล้วอ้าปากค้างหันกลับมามองเหมือนจะหยุดดู แต่เมื่อบอสหันไปสบตา ก็ขับออกไปทันที

“เดี๋ยวภาพชุดสุดท้ายผมขอแบบแข็งตัวนะครับ มีดีต้องโชว์”

ธนัทหน้าถอดสีทันที “ผมไม่ไหวแล้วครับ เอาน้ำออกติดกันหลายที ปวดไข่ไปหมดแล้ว”

“ว้า ลองพยายามดูหน่อยครับ ผมไม่อยากใช้จิตบังคับคุณอีก เดี๋ยวถ่ายรูปมาจะดูไม่เป็นธรรมชาติ”

ธนัทพยายามปลุกน้องชายตัวเองที่อ่อนปวกเปียกแต่ไม่เป็นผล ทันไดนั้นก็มีเสียงมอเตอร์ไซค์หลายคันแผดเสียงจนแสบแก้วหูดังใกล้เข้ามา

“เอ๊ะ แว้นบอยนี่นา แต่งรถซิ่งแถมขี่อันตรายเดือดร้อนชาวบ้านแบบนี้ ขอแรงเขามาช่วยงานหน่อยดีกว่า” บอสรีบถลาไปริมถนนแล้วโบกมือเรียกบรรดาขาซิ่งที่กำลังขับมาประชิด

“น้องๆ ครับพี่ขอแรงหน่อย” กลุ่มเด็กแว้นที่ตอนแรกเหมือนจะขับผ่านไปแบบไม่สนใจ หยุดรถแล้วมองหน้าบอสตาขวาง

“มึงจะเอาอะไร รถเสียเหรอ กูไม่เกี่ยว แต่ถ้าอยากมีเรื่องกูจัดให้” เด็กแว้นมากันสามคน ละอ่อนเหนือวัยสิบห้าสิบหก ดูๆ ไปก็ขาวๆ หน้าตาดีแบบวัยรุ่นผอมๆ ทั่วไป

พอเด็กสบตาบอสอีกทีเสียงก็เปลี่ยนทันที “ได้ครับพี่ ให้พวกผมช่วยอะไร”

“น้องๆ เดินมาทางด้านนี้เลยครับ ช่วยเพื่อนพี่หน่อย จัดให้แข็งที”

บอสนำทางไป ธนัทเห็นเด็กแว้นสามคนเดินมาทางตัวเองแล้วก็ตกใจ เอามือกุมของเหี่ยวๆ ของตนไว้ เด็กแว้นไม่มีท่าทีแปลกใจอะไร ต่างกรูกันเข้าไปรุมธนัทไว้ เด็กแว้นคนที่ผิวขาวจัดหน้าตาน่ารักคุกเข่าใช้สองมือสาวท่อนลำธนัทขึ้นลง แว้นสูงเพียวคิ้วเข้มเข้ายืนประกบหลังแล้วใช้นิ้วบี้หัวนมทั้งของธนัทไปมา

หัวหน้าเด็กแว้นรูปร่างหน้าตาหล่อสุดแต่ดันทำผมสีทองไม่ได้เข้าร่วมด้วยแต่แหกปากตะโกนให้คำแนะนำเพื่อนอีกสองคนอยู่ตลอด ผ่านไปซักพักก็ยังไม่เกิดผล น้องชายของธนัทยังคอพับคออ่อนอยู่สงสัยจะเหนื่อยมาก หัวหน้าเด็กแว้นทนไม่ไหว ตะโกนสั่งเด็กแว้นร่างเพียว

“มึงเลียนมพี่เขาเลย”

แล้วหันไปบอกเด็กแว้นน่ารักที่คุกเข่าสาวลำของธนัทอยู่

“มึงอมของพี่เขาสิวะ แต่ค่อยๆ นะมึง ใหญ่สัด”

แล้วก็บ่นกับตัวเอง

“ไม่ได้เรื่อง ต้องให้กูลงมือเอง”

ว่าแล้วหัวหน้าเด็กแว้นก็คุกเข่าที่ด้านหลังของธนัท แหกแก้มก้นออก เกร็งลิ้นแล้วฉกเข้าไปที่รูสวาทของธนัททันที ธนัทสะดุ้งวาบ เสียวไปทั้งตัวขาแทบทรุด เกิดมาตั้งสามสิบปีไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน

บอสที่เก็บภาพต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นอมยิ้มแล้วนึกกับตัวเองว่า เด็กพวกนี้ เป็นงานโคตรๆ อายุแค่นี้ไม่รู้ไปฝึกมาจากไหน โชคดีจัง

เมื่อโดนปลุกเร้าอย่างหนักทุกจุดพร้อมๆ กัน น้องชายของธนัทก็เริ่มขยายตัวเป็นมังกรยักษ์ประกาศศักดาให้เด็กรุ่นได้เห็นเป็นประจักษ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่อมของธนัทอยู่ถึงกับตาเหลือกแล้วสำลักท่อนลำแกร่งออกมา บอสได้โอกาสจึงตะโกนบอกเด็กแว้นว่า

“พอก่อนครับ พี่ขอเก็บภาพพี่เขาอีกชุดนึง” เด็กแว้นนั่งมองอย่างชื่นชมในขณะที่ธนัทโพสต์ท่าต่างๆ ให้บอสถ่ายรูปอย่างว่าง่าย เมื่อบอสเก็บภาพจนพอใจ หัวหน้าเด็กแว้นก็บอกกับธนัท

“พี่ครับ พอผมเป็นผู้ใหญ่ผมจะต้องหล่อและดูดีอย่างพี่ให้ได้” ธนัทรับคำอ้อมแอ้ม

บอสเลยเสริมขึ้นว่า “น้องๆ ก็หมั่นออกกำลังกาย กินอาหารดีๆ นอนให้เพียงพอ รักษาความสะอาด แล้วจะดูดีแบบพี่เขาเอง อ้อ แล้วก็อย่ายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเลยนะ เหล้าได้บ้างพอเข้าสังคม แต่บุหรี่ถ้าไม่สูบเลยได้ก็ดี ซิ่งรถก็อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่งท่อดังก็เพลาๆ ลงบ้าง”

เด็กแว้นพยักหน้าหงึกๆ

“ขอบใจน้องๆ มากที่มาช่วยพี่” บอสพูด

“พี่ครับ ให้ผมช่วยพี่จนเสร็จเลยไหมครับ” เด็กๆ พูดกับธนัท แต่ธนัทส่ายหน้า

“พี่ไม่ไหวแล้วครับ วันนี้หลายรอบแล้ว”

“โธ่พี่ พวกผมอุตส่าห์ช่วยพี่จนตัวเองค้างกันหมดแล้ว” บอสก้มลงมองก็เห็นเป้ากางเกงยีนส์เด็กแนวทั้งสามคนนูนป่องมาอย่างชัดเจน

บอสหัวเราะแล้วบอกว่า “ไปๆ ขึ้นไปบนรถ เดี๋ยวพี่มีตัวช่วยให้”

เด็กแว้นขึ้นไปนั่งเรียงกันที่เบาะหลังบนรถ บอสกับธนัทตามขึ้นไปนั่งที่เบาะด้านตรงข้าม

“ถอดกางเกงรอไว้เลยนะ เดี๋ยวพี่ให้ของดี” บอสว่าพลางก้มลงไปค้นในช่องเก็บของ หยิบของสามชิ้นส่งให้เด็กแว้น

“อะไรอ่ะพี่” เด็กแว้นสงสัย

“เทนก้า จิ๋มกระป๋อง แพงนะ ตอดยิ่งกว่าของจริง” บอสตอบ ไม่แปลกใจที่เด็กต่างจังหวัดไม่รู้จักของแบบนี้
 
หันกลับไปอีกทีเด็กทั้งสามก็พร้อมรบแล้ว ท่อนลำแรกรุ่นชูชัน ของเด็กอาร์ทขาวใสขนาดสมตัว เด็กแว้นหนุ่มเพียวของยาวเรียวออกจะสีเข้มกว่าสีผิวอยู่มาก คนสุดท้ายไว้ลายสมเป็นหัวโจกก์ แม้จะมีขนหมอยขึ้นแค่บางๆ ที่ขนาดแก่นกายดูจะล้ำหน้าเด็กรุ่นเดียวกัน และที่โดดเด่นคือเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ขลิปหนังหุ้มปลายออกไปแล้วโดยมีรอยรอบลำอย่างประณีตทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่ ในขณะที่เพื่อนอีกสองคนยังไม่ได้ขลิป ทำให้ดูน่ารักน่าชังแบบเด็กๆ

บอสเอากล้องขึ้นมา “น้องครับ พี่ขออนุญาตบันทึกภาพนะครับ แล้วจะมีอะไรเด็ดๆ ให้ดูเป็นของตอบแทน พี่ไม่เอาไปเผยแพร่ที่ไหนหรอก”

เด็กน้อยพยักหน้าพร้อมกัน บอสเริ่มตั้งกล้องบันทึกวิดีโอ

“น้องๆ เรียนโรงเรียนอะไรครับ โรงเรียนเดียวกันหรือเปล่า”

หัวหน้าแว้นตอบแทนเพื่อน “โรงเรียนเดียวกันครับ เทคโนฯ ไทยเชียงปิง”

“ชื่อคุ้นๆ นะ พี่ขอเช็คฐานข้อมูลนิดนึง” บอสปาดนิ้วไปมาบนแท็บเล็ต

“อ่ะ เจอแล้ว น้องๆ ชอบผู้ชายกันทั้งสามคนเลยใช่ไหมครับ”

“ผมไบ”

“ผมก็ไบ”

“ผมน่าจะเกย์ครับ” เด็กสามคนตอบอายๆ

“ใช้ได้ งั้นน้องรู้จัก นายพีรภัทร แวนเดนเบิร์ก ไหมครับ เคยอยู่โรงเรียนเดียวกับน้อง”

“รู้จักสิครับ พี่บรู๊คเขาเป็นไอดอลผมเลย ตอนผมอยู่ ปวช. ปีหนึ่ง พี่เขาอยู่ปีสามแล้ว ทั้งหล่อทั้งเก่งเป็นลูกเสี้ยวฝรั่งด้วยมั๊ง”

“พี่เขาดีหมดเลยครับ เสียอย่างเดียว แต่ก่อนพี่เขามีข่าวฉาวกับผู้หญิงเยอะมาก แต่หลังๆ มานี่ก็ไม่ได้ยินข่าวแล้วนะ สงสัยพี่เขาขึ้น ปวส. แล้วไปเป็นนายแบบด้วย คงทำตัวดีขึ้น” อีกคนเสริมขึ้น

“งั้นพี่จะให้พวกเราดูคลิปลับของนายคนนี้ เป็นกรณีพิเศษนะ ที่รุ่นพี่เราต้องมาทำแบบนี้ เพราะพฤติกรรมแย่ๆ ของเขาในอดีตนี้ล่ะ แต่เขาก็ชดใช้ไปเกือบหมดแล้วนะ”

บอสพูดแล้วก็กดปุ่มด้านหน้า ปรากฏจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่เลื่อนขึ้นมาจากคอนโซลกลาง บอสสะกิดให้ธนัทขยับกันไปนั่งด้านข้างเพื่อไม่ให้บังจอ แล้วบอสก็กดๆ เลื่อนๆ ในแท็บเล็ตเพียงแป๊บเดียวก็ปรากฏภาพชัดแจ๋วขึ้นบนจอ

เด็กหนุ่มในจอแต่งเครื่องแบบนักเรียน ปวช. ของสถาบันแห่งหนึ่ง เห็นชื่อปักชัดเจน เด็กหนุ่มผมดำนัยตาสีน้ำตาลอ่อน หน้าหล่อจัดแบบฝรั่ง แต่ก็ดูเป็นเด็กเกเรไม่ใช่น้อย เด็กหนุ่มในจอยกมือสวัสดีกล้องอย่างนุ่มนวลผิดกับบุคลิค

“สวัสดีครับผู้มีอุปการคุณทุกท่าน ผม นายพีรภัทร แวนเดนเบิร์ก หรือบรู๊ค อายุสิบแปดปี เรียนอยู่ ปวช. ปีสาม โรงเรียนเทคโนโลยีไทยเชียงปิงครับ คลิปนี้ก็เป็นคลิปที่สองแล้ว สำหรับคลิปหน้าท่านอยากให้ผมทำอะไรก็กดโหวตกันเข้ามาได้ครับ จะยากจะพิสดารแค่ไหนผมยินดีทำให้อย่างสุดความสามารถ ผมอยากระดมทุนช่วยคนที่ผมได้ทำร้ายไปโดยเร็วครับ”

“พี่บรู๊คจริงๆ ด้วยว่ะ หล่อเด้งออกมาเลย” เด็กแว้นสามคนกระซิบกระซาบกัน ท่าทางแปลกใจที่เห็นว่าเป็นรุ่นพี่ตัวเองจริงๆ

เด็กหนุ่มในจอบรรยายต่อ “สำหรับคลิปนี้กิจกรรมที่ได้รับการโวตสูงสุดคือกิจกรรมที่สี่ ให้ผมโกนขนทั้งตัวให้เกลี้ยงแล้วชักว่าวใส่กองขนที่โกนออกมา สำหรับกิจกรรมนี้ทำให้ผมสามารถระดมทุนได้ถึง สามแสนสี่หมื่นบาท ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้”

เด็กหนุ่มในจอพูดต่ออย่างมีความหวัง “นับว่าเข้าใกล้เป้าหมายมาหนึ่งในสามแล้ว ขอบคุณจริงๆ งั้นเรามาเริ่มกันเลยครับ”

เด็กหนุ่มในจอสูดหายใจ แล้วถอดเสื้อออก เผยให้เห็นลายเส้นของมัดกล้ามที่ชัดเจนทั้งตัว ด้วยความชัดของกล้องที่เกินกว่าจะเป็นระดับสมัครเล่น ทุกคนในรถสังเกตได้ถึงไรขนที่ปกคลุมทั่วร่างของเด็กหนุ่ม โดยมีเยอะเป็นพิเศษตรงบริเวณท้องน้อยและใต้วงแขน

บรู๊คยืนขึ้นเผยให้เห็นร่างสูงสมส่วน แล้วปลดเข็มขัดถอดกางเกงนักศึกษาพร้อมกางเกงในออกมาในคราวเดียวกัน เด็กแว้นที่สามอุทานอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองว่ารุ่นพี่ที่โครตป๊อบในโรงเรียนของตน แถมทางบ้านยังฐานะดีมาก จะทำเรื่องเช่นนี้

บรู๊คพูดต่อ “ขอให้ชื่นชมร่างกายของผมอย่างเต็มที่ ผมยินดีมอบสิ่งนี้ให้ทุกๆ ท่านตักตวงให้เต็มอิ่ม”

เหมือนเป็นการกระตุ้น เด็กแว้นสามคนเริ่มสาวลำน้องของแต่ละคนช้าๆ

“พี่บรู๊คครับผมขอโทษ แต่ผมขอเอาพี่มาว่าวหน่อยนะครับ ไม่ไหวจริงๆ”

ภาพในจอยังคงดำเนินไป บรู๊คชูแขนขึ้นโชว์ขนรักแร้รกทึบ แล้วหมุนรอบตัวเองช้าๆ “ทุกท่านช่วยจำภาพนี้ด้วยนะครับ ถือเป็นภาพก่อนปฏิบัติภารกิจ”

บอสเตือนเด็กๆ “ลองใช้เทนก้าสิ บีบปลายอย่างนั้น แล้วสอดเข้าไป เป็นไง ตอดดีอย่างที่บอกมั้ยล่ะ”

เด็กวัยรุ่นทั้งสามเสียวซ่านกับสัมผัสแปลกใหม่ที่ได้รับ บรู๊คกลับมาในจออีกครั้งพร้อมกับสบู่ มีดโกนหนวด และกาละมังใส่น้ำใบเล็ก

“มาเริ่มภารกิจหลักกันเลยครับ เอาตรงจั๊กกะแร้ก่อนเลย ยาวเหมือนกันแฮะ” เด็กหนุ่มเอาสบู่จุ่มน้ำแล้วถูวนที่รักแร้ข้างหนึ่งจนชุ่ม ใช้ใช้มีดโกนหนวดโกนไล่ลงมาจากบนลงล่าง และโกนซ้ำอีกรอบจนเกลี้ยง

“รู้สึกแปลกๆ นะ โกนอีกข้างให้เหมือนกันเลยดีกว่า” ว่าแล้วก็ทำต่ออีกข้างจนเหมือนกันแล้วปัดเศษขนไปกองรวมกันด้านข้างโซพาที่นั่งอยู่ เมื่อเสร็จแล้วเด็กหนุ่มก็ชูมือขึ้นโชว์วงแขนเรียนเนียนให้กล้อง ซึ่งให้อารมณ์แปลกตาเลยทีเดียว จากนั้นเด็กหนุ่มก็ทาสบู่แล้วโกนไล่จากหน้าอก แขน มายังบริเวณสะดือ ขนเป็นปื้นๆ ถูกโกนออกไปกองรวมกัน ขณะนี้ท่อนบนของบรู๊คเรียบเนียนเกลี้ยงเกลาแล้ว เหลือแต่ท่อนล่างที่ยังรกครึ้มอยู่

เด็กหนุ่มไม่รอช้า เดินหน้าต่อทันที ตอนนี้เหมือนเขาจะชำนาญขึ้น การโกนขนขาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนมาถึงคนบริเวณหัวเหน่า

“ขนตรงนี้เยอะมาเลยครับ ขออนุญาตใช้ตัวช่วย”

ว่าแล้วก็ลุกขึ้นไปหยิบแบตตาเลี่ยนไร้สายที่มีแบตเตอรี่อยู่ข้าง เปิดสวิทช์แล้วไถลัดเลาะไปตามแนวรอบๆ อวัยวะเพศ บรู๊คทำอย่างระมัดระวังเพราะถ้าพลาดขึ้นมาเป็นเรื่องใหญ่แน่ ในที่สุดก็เสร็จบรู๊คเก็บรายละเอียดด้วยมีดโกนอีกทีจนเกลี้ยงเกลา

“ยังเหลือขนที่ท่อนเนื้อ ขนที่ไข่ และขนตูดครับ” บรู๊คพากษ์ต่อ

“ขนที่น้องชายผมนี่ ต้องขอปั่นให้แข็งก่อนนะครับ ไม่งั้นหนังมันย่น น่าจะโกนยาก” บรู๊คหลับตาแล้วเอามือสาวไม่กี่อึดใจก็แข็งตัวเต็มที่สมกับเป็นหนุ่มวัยสิบแปด ความยาวกะด้วยสายตาน่าจะไม่ต่ำกว่าเจ็ดนิ้วครึ่ง

บรู๊คทาสบู่แล้วโกนขนที่มีอยู่บ้างตามท่อนลำอย่างปราณีต “ต่อตรงขนเงาะนะครับ”

ด้วยรูปทรงกลมๆ หุ้มด้วยหนังที่เหี่ยวย่น ทำให้การโกนเป็นไปด้วยความยากลำบากแต่ก็ทำจนเสร็จได้ในที่สุดด้วยความปราณีตบรรจง

“เหลือแค่ร่องก้นแล้วนะครับ” บรู๊คเอนตัวลงบนโซฟา ยกและฉีกขาเป็นรูปตัววี โชว์รูก้นฟิตของหนุ่นน้อยลูกเสี้ยวอย่างชัดเจน บรู๊คโผล่หน้ามาพูดกับกล้องจากกลางหว่างขาตัวเอง

“ตรงนี้ยากที่สุด ต้องค่อยๆ ทำ เด็กหนุ่มทาสบู่แล้วเริ่มโกนอย่างทุลักทุเล ท่อนลำขนาดใหญ่ที่แข็งตัวและพวงไข่ลูกเท่าไข่ไก่ที่อัดแน่นไปด้วยน้ำกาม ดูจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้เขามองไม่เห็นบริเวณที่กำลังโกนได้ดีนัก ขนรกเรื้อร่วงออกมาที่ละน้อยจนหมด

“อาจไม่เกลี้ยงมากนัก ผมมองไม่ค่อยถนัดเลย แต่คลำๆ ดูน่าจะใช้ได้แล้ว” เด็กหนุ่มท่าทางดีใจที่ทำภารกิจที่แสนยากจนสำเร็จ

บรู๊คกวาดรวบรวมเศษขนทั้งหมดมากองไว้บนโซฟา มันเยอะซะจนนึกว่าเป็นเศษผมของร้านตัดผม

“เดี๋ยวผมจะปิดท้ายด้วยการชักว่าวสไตล์พิเศษของผมเองครับ ใครจะเลียนแบบก็ได้ครับ เสียวดี” บรู๊คลุกขึ้นยืนหันข้างให้กับกล้อง แล้วคว่ำมือกำหลวมๆ ต่อกันสองข้างให้คล้ายเป็นกระบอก เด็กหนุ่มเสียบน้องชายขนาดเขื่องของตัวเองจนมิดสองกำมือ ส่วนหัวยังโผล่ออกมาจากอีกด้าน บรู๊คเลื่อนมือเข้าออกช้าๆ จากนั้นก็เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ เด็กน้อยทั้งสามมองลีลารุ่นพี่ดัวเองตาไม่ระพริบ ในที่สุดบรู๊คก็ระเบิดน้ำขาวข้นออกมาเป็นสายพุ่งลงไปบนกองเศษขนอย่างพอดิบพอดี

บรู๊คยกกล้องไปซูมภาพน้ำว่าวสีขาวเด่นตัดกับเศษขนสีดำที่เป็นพื้นหลัง เด็กหนุ่มหันมายิ้มให้กล้อง แล้วเอาน้ำว่าวที่ติดมืออยู่ลูบไล้ไปทั่วลำตัวที่เกลี้ยงเกลา

“เสร็จแล้วครับ เดี๋ยวผมจะโชว์ภาพก่อนและหลังเปรียบเทียบให้ดูกัน”

คลิปวิดีโอแบ่งออกเป็นฟาก ด้านซ้ายเป็นรูปบรู๊คยืนเปล่าเปลือยมีขนเต็มตัว ด้านขวาเป็นรูปบรู๊คยืนท่าและตำแหน่งเดียวกัน แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวเกลี้ยงเกลา

“ท่านชอบแบบไหนมากกว่ากันครับ ติชมมาได้ครับ สำหรับคลิปนี้ต้องขอลาไปแต่นี้ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ากว่าจะหาเงินเองมาได้ได้ละบาทมันยากเย็นขนาดไหน ขอเงินพ่อแม่จนชิน ขนาดผมมีช่องทางหาเงินอันนี้ที่ไม่ยากมากนักเพราะมีทุกท่านสนับสนุนยังรู้สึกว่าหนักในบางครั้ง ซึ้งเลยครับ ทุกท่านขอบคุณที่ติดตามชม สวัสดีครับ”

บรู๊คพนมมือไหว้กล้องอย่างนอบน้อมอีกครั้ง แล้วจอก็ดับมืดลงไป บอสกดปุ่มเก็บจอแล้วหันไปมองเด็กแว้นที่กำลังอ้าปากค้างอยู่ ท่าทางแต่ละคนคงจะเสร็จกันไปหลายรอบ ดูจากคราบน้ำที่ล้นออกมา

“เป็นยังไงบ้าง ไอดอลของโรงเรียน เด็ดมั้ย”

“ทำไมพี่ถึงมีคลิปนี้ได้ พี่บรู๊คไม่น่าจะมาทำอะไรแบบนี้ เงินบ้านเขาก็เยอะแยะ”

“พี่คงบอกอะไรไม่ได้ ให้รู้แค่ว่า บรู๊คเขาจำเป็นที่ต้องทำอย่างนี้ และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เขาต้องชดใช้สิ่งไม่ดีที่เขาทำลงไป”

“แต่พี่เขาเป็นถึงนายแบบเลยนะ ถ้าคลิปนี้หลุดออกไป อนาคตดับแน่ๆ” เด็กแว้นยังสงสัย

“อันนั้นไม่ต้องห่วง มันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ๆ พวกนายเองก็ลืมซะเถอะ” บอสดีดนิ้ว เด็กทั้งสามหยุดชะงักเหมือนตกอยู่ในภวังค์

บอสลงไปข้างนอกรถแล้วเรียกเสียงดัง “น้องๆ ลงมาได้แล้วครับ งานเสร็จแล้ว เทนก้าที่ถืออยู่พี่ให้ไว้เลยครับ ถือเป็นของขวัญ เอาไปล้างน้ำใช้ใหม่ได้หลายครั้ง แต่ของใครของมันนะ อย่าใช้มั่วกัน แล้วก็อย่าลืมนะ อย่าทำอะไรที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่งั้นอาจจะได้เจอภาคโหดของพี่”

แก็งค์เด็กแว้นเดินกลับไปที่รถอย่างงงๆ

“เมื่อกี๊โคตรมันส์”

“ใช่ๆ ว่าแต่มันส์เรื่องอะไรวะ”

“เออว่ะ”

“แล้วทำไมพี่หล่อๆ ในรถเขาแก้ผ้าวะ”

“แต่เราก็เข้าไปแอบชักว่าวบนรถพี่เขากันนี่หว่า”

“กูว่าจะไปถอดท่อซิ่งนี่ออกดีกว่า เสียงแม่งดังเกิน รำคาญแทนชาวบ้านเอา”

“เออ กูไปด้วย”

“ทำไมอยู่ๆ กูนึกถึงพี่บรู๊คก็ไม่รู้ พี่ที่เคยเป็นเดือน ปวช. เราอ่ะ เดี๋ยวนี้แม่งเป็นนายแบบไปแล้ว”

“กูก็นึกถึง เห็นในหนังสือ ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะ กูว่าหุ่นแบบนั้นต้องของใหญ่แน่ๆ”

“ใครจะได้เห็นวะ ถ้าไม่ใช่แฟนพี่เขา”

“ถ้ากูมีบุญได้เห็นก็ดีสิ ลำยาวเกือบแปดนิ้วอย่างนั้น”

“ทำไมมึงรู้ว่าแปดนิ้ววะ”

“ไม่รู้สิ ภาพมันแว้ปขึ้นมาในหัว”

เด็กแว้นคุยกันไปเถียงกันไปตลอดทาง เขาไม่รู้หรอกว่ามีคนหลายร้อยคนแล้วที่ได้เห็นท่อนลำเกรดเอของบรู๊ค และพวกเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 2] 13/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-07-2015 21:52:53
หื่นจริงๆด้วย
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 3] 14/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 14-07-2015 20:49:55
องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 3

รถตู้สีดำเริ่มเคลื่อนตัวไปตามถนน ภายในรถบอสหันมาคุยกับธนัทต่อ

“เราถึงไหนกันแล้วนี่ ขอโทษทีนะ แค่เก็บรูปโปรไฟล์ก็เสียเวลาขนาดนี้แล้ว พอดีเคสคุณนี่ ผมอยากทำให้สมบูรณ์แบบจริงๆ”

บอสหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาอีกครั้ง

“ผมมีประวัติส่วนตัวของคุณเกือบหมดแล้ว สูงร้อยเจ็ดสิบเก้า หนักหกสิบแปด พื้นเพเป็นคนลำปาง เลือดกรุ๊ปเอบี จบปริญญาตรีเทคนิคการแพทย์ มหาลัยดังซะด้วย รสนิยมทางเพศแบบปกติ”

บอสพึมพรำขณะไล่ดูข้อมูลในแท็บเล็ต

“ขาดข้อมูลขนาดอวัยวะเพศแค่นั้น” บอสเงยหน้ามองหนุ่มหล่อที่นั่งตรงข้าม

“ของผมน่าจะแปดนิ้วครับ” ธนัทตอบแต่โดยดี เขารู้ดีว่าไม่อาจขัดขืนบอสได้เลย

“ผมต้องวัดให้แน่ชัดครับ นี่เป็นข้อมูลสำคัญ อาจจะวัดจากจุดตั้งต้นไม่เหมือนกันแล้วคลาดเคลื่อนได้ บางคนแทบจะวัดจากไข่มา” บอสตอบแล้วพูดต่อ

“ช่วยปั่นให้แข็งอีกทีครับ ครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ สำหรับวันนี้”

ธนัทหน้าซีด “ผมไม่ไหวจริงๆ ครับ ไม่ได้พักเลย มันไม่ขึ้นหรอกครับ”

“งั้นผมช่วยแล้วกัน จะได้เสร็จเร็วๆ” บอสเคาะนิ้วลงบนแท็บเล็ตจนเกิดเสียงเบาๆ ใจของธนัทก็ระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตทันที

ในตอนนั้นเขาอายุยังไม่เต็มสิบสี่ดี เป็นวันมีสาวรุ่นพี่ชวนไปเล่นที่บ้าน เจ้าหล่อนชวนเขาเข้าไปในห้องนอน แล้วขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ กลับมาอีกในชุดเสื้อยืดโนบรากางเกงขาสั้น สาวเจ้ามานั่งข้างๆ แล้วบอกว่าขอกอดหน่อย คิดถึงน้องชายที่ไปเรียนอยู่กรุงเทพ ธนัทในวัยเด็กซบหน้าไปยังหน้าอกหน้าขนาดเกินเด็กมอปลายของสาวรุ่นพี่อย่างตื่นเต้น เขาไม่เคยได้ใกล้ชิดผู้หญิงสาวๆ อย่างนี้มาก่อน พี่สาวร่วมโลกเอามือเรียวบางสอดเข้าไปในขอบกางเกงในของหนุ่มน้อยแล้วกระซิบบอกว่าจะดูให้ว่าโตเป็นหนุ่มแล้วหรือยัง ท่อนลำที่ขนาดเกินเด็กวัยเดียวกันของธนัทขยายตัวทันทีจากการลูบไล้ของมือนุ่ม....

บอสสะกิดเบาๆ จนธนัทตื่นจากภวังค์

“ตั้งขนาดนี้ ใช้ได้แล้วมั๊ง เดี๋ยวผมขออนุญาตวัดเลยนะครับ”

บอสเอาสายวัดขยับมาที่ส่วนล่างของธนัท หนุ่มหล่อฉีกขาอำนวยความสะดวกให้แต่โดยดี ธนัทนึกประหลาดใจที่เครื่องเคราที่อ่อนแรงของเขาสามารถกลับมาแข็งตัวได้อีกเพียงแค่นึกถึงประสบการณ์ทางเพศครั้งแรกที่เขาเคยคิดว่าได้ลืมเลือนรายละเอียดไปนานแล้ว

บอสแหวกขนเพชรที่ค่อนข้างฟูของเขาออก ทาบปลายสายวัดเข้ากับฐานลำอวบใหญ่ แล้วไล่สายวัดขึ้นมาจนถึงปลายหัวบานใหญ่ที่มีน้ำเงี่ยนเอ่อตรงรูปัสสาวะ บอสก้มตัวลงไปอ่านขีด ธนัทตัวเกร็งเมื่อลมหายใจร้อนของบอสกระทบส่วนอ่อนไหวเขา แม้จะสั่งให้เขาทำเรื่องลามกมานับครั้งไม่ถ้วนตลอดวัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่บอสเข้ามาแนบชิดเขาขนาดนี้

ธนัทเหลือบมองหน้าบอสจากระยะใกล้แล้วนึกในใจ บอสยังดูหนุ่มมากเหมือนจะอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ เท่านั้น ที่เขาข้องใจอีกอย่างคือบอสหน้าตาดีมาก ถึงจะคนละแนวแต่อาจจะหล่อกว่าเขาด้วยซ้ำไป แต่ทำไมเขาไม่สะดุดตาในเรื่องนี้ตั้งแต่แรกเลย ถึงเขาไม่ใช่เกย์ก็เถอะ  แต่หล่อขนาดดาราแบบนี้ทำไมเขาเพิ่งมาสังเกตเห็น แม้กระทั่งเด็กแว้นสามคนนั่นก็ไม่ได้พูดถึงหน้าตาของบอสเลย เอาแต่ชมว่าเขาหล่ออย่างโน้น เท่อย่างนี้ไม่หยุดปาก

บอสเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วพูดว่า “แปดจุดสี่นิ้วครับ ใกล้เคียงกับที่คิดเลยแฮะ ส่วนเส้นรอบวงก็ หกจุดห้านิ้วครับ” บอสวัดต่อจนเสร็จแล้วกลับไปนั่งที่เดิม

“กลิ่นโอเคเลยครับ ได้กลิ่นน้ำเงี่ยนจางๆ คุณคงรักษาความสะอาดดีน่าดู” บอสพูดยิ้มๆ

ธนัทหน้าขึ้นสีเล็กน้อยแล้วกลับเข้าเรื่อง “ตกลงสิ่งที่ผมต้องทำเพื่อชดเชยคืออะไร ผมต้องทำเหมือนเด็ก ปวช. คนนั้นใช่ไหม แล้ววีดีโอผมจะเผยแพร่ไปขนาดไหน ขายให้ใครบ้าง”

ธนัทตัวสั่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิด ถ้าพ่อแม่พี่น้องเพื่อนฝูงเขาเห็นล่ะ เขาจะอับอายขายหน้าขนาดไหน

“ยังก่อนครับ วิธีการในการชดใช้ขึ้นอยู่กับหนี้ทางสังคมที่คุณมีว่ามากน้อยขนาดไหน  เพราะแต่ละวิธีจะมีศักยภาพในการหาเงินทุนได้ไม่เท่า สิ่งที่น้องบรู๊คทำโดยการระดมทุนผ่านวีดีโอนั้น เป็นวิธีสำหรับมูลหนี้สังคมขนาดกลางครับ แต่อย่างนั้นเขายังต้องออกตั้งห้าคลิปแน่ะครับถึงจะใช้หนี้หมด”

ธนัทหน้าซีดเผือดถามว่า “แล้วคลิปหลังๆ น้องเขาต้องทำอะไรบ้างครับ”

“คุณไม่อยากรู้หรอกครับ เชื่อผม” บอสตอบแล้วหัวเราะหึๆ ธนัทรู้สึกสงสารน้องบรู๊คจับใจ แต่คิดอีกทีเวลานี้เขาควรจะสงสารตัวเองมากกว่า

“ทางองค์กรเรามีวิธีในการหาทุนมาชดใข้ผู้เสียหายหรือสังคมอยู่หลักๆ สามวิธี โดยที่ทางเราจะเป็นผู้เลือกให้เองครับ”

“วิธีแรกสำหรับความผิดน้อยๆ หรือมูลค่าหนี้สังคมที่ไม่สูง เราจะให้ผู้กระทำผิดไปให้บริการสังคมตามชั่วโมงที่กำหนด

“วิธีที่สองสำหรับมูลหนี้ขนาดกลาง ก็อย่างที่น้องบรู๊คทำนั่นแหละครับ ผู้กระทำผิดจะเปิดระดมทุนในเครือข่าย Social Network ลับขององค์กรเรา คล้ายๆ การรับบริจาคนั่นแหละ แต่คุณต้องมีของตอบแทนเจ๋งๆ จากตัวคุณเอง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นรูปหรือคลิปอย่างที่เห็นล่ะครับ คอนเซ็ปมันจะเหมือนพวก  Crowd Funding ครับ”

“คุณจะได้แอคเค้าท์ชั่วคราวสำหรับโพสต์แนะนำตัว บอกวัตถุประสงค์ว่าคุณจะระดมทุนไปทำอะไร เสร็จแล้วคุณก็บอกของที่คุณจะให้ตอบแทน เช่น คลิปวีดีโอคุณอาบน้ำ อะไรก็ว่าไป แล้วก็ตั้งราคาแล้วเป้าที่ต้องการ เช่น ราคาหนึ่งพันบาทต้องการผู้สนับสนุนขั้นต่ำหนึ่งร้อยราย ถ้าภายในระยะเวลาที่กำหนด มีผู้บริจาคครบตามจำนวนขั้นต่ำ คุณก็ส่งคลิปเข้าระบบให้กับผู้สนับสนุน แล้วรับยอดเงินบริจาคมาปิดยอดหนี้สังคมที่คุณก่อขึ้น”

ธนัทนึกตาม เขาคุ้นกับระบบดังกล่าวอยู่บ้างว่าเป็นกระแสมาแรงในโลกอินเตอร์เนท ซึ่งช่วยให้คนที่มีไอเดียดีๆ สามารถระดมทุนจากมหาชนเพื่อพัฒนาและผลิตสินค้าใหม่ โดยไม่ต้องพึ่งบริษัทใหญ่

“แต่มันก็ไม่ง่ายนะครับ ถ้าคุณอยากได้เงินเยอะจริงๆ คุณต้องฟังเสียงลูกค้าหมู่มาก ซึ่งในบางครั้งก็พิสดารแหวกแนวไม่น้อย เราได้เตรียมเครื่องมือช่วยเหลือไว้ในระบบ เข่น โพลความคิดเห็นสำหรับโหวต หรือช่องคอมเม้นท์ เพื่อให้คุณใช้รวบรวมข้อมูลและวางแผนการขายของคุณได้อย่างสะดวก

บอสหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเปิดดูอีกครั้ง “ตามข้อมูลล่าสุด ผมเกรงว่ากรณีของคุณนี่เราต้องใช้วิธีที่สาม เพราะมูลหนี้สังคมคุณสูงถึงสี่ล้านห้าแสนบาท”

ธนัทตกตะลึง เขารู้ว่าเขาไม่สามารถขัดขืนองค์กรลึกลับนี้ได้ แต่เขาก็ทนไม่ได้จนต้องขออุทธรณ์ออกมา “ทำไมมันเยอะแยะอย่างนี้วะ ใครจะไปหามาได้”

“นี่เราก็ประเมินอย่างเป็นธรรมที่สุดนะครับ คุณไม่รู้หรอกบางบ้านเขาเดือดร้อนจริงๆ จากที่ต้องไปกู้หรือเอาเงินสำรองมาซื้อเครื่องผลิตน้ำจอมปลอมของคุณ กลุ่มนี้เราจะเอาเงินที่ได้คืนให้เขาเต็มจำนวนตามราคาที่ซื้อมา” บอสค่อยๆ อธิบาย

“กลุ่มที่อาการโรคทรุดลงเพราะไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องเพราะมาหลงเชื่องมงายกับน้ำลวงโลก เราจะช่วยเหลือให้ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐพร้อมสนับสนุนค่ารักษาพยาบาลให้ นี่เรากันเอาคนที่พอมีฐานะไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากนักออกไปแล้วนะไม่งั้นคุณจะโดนหนักกว่านี้อีกหลายเท่า ก็คุณขายเครื่องเฮงซวยนี่ ไปได้เป็นร้อยๆ เครื่องเลยนี่ ส่วนที่เราไม่ได้ชดเชยให้ผู้เสียหายโดยตรง นักเศรษฐศาสตร์ของเราจะประเมินความเสียต่อสังคมในภาพรวมแล้วให้คุณชดเชยกลับเป็นเงินบริจาคเข้ามูลนิธิหรือองค์กรการกุศลที่มีการดำเนินงานในขอบข่ายที่คุณทำผิดแทน”

หนุ่มหล่ออดีตนักขายมือทองนิ่งยอมรับ เขารู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต่อต้าน สู้ทำให้จบๆ ไปเลยดีกว่า “แล้วผมต้องทำอะไร ต้องขายตัวขายตูดด้วยเปล่า”

ธนัทถามจริงๆ ไม่ใช่การประชด เขาพอจะเดาออกว่าองค์กรนี้มีแนวทางในการระดมทุนแบบไหน

“อาจจะยิ่งกว่านั้นอีกครับ ผมขอเปรียบเทียบง่ายๆ ระหว่างการชดใช้ของเรากับบทลงโทษปกติตามกฎหมาย” บอสขยายความ

“วิธีที่หนึ่งการให้บริการสังคม อันนี้กฎหมายปกติก็มี องค์กรเราเรียกคนกลุ่มนี้ย่อๆ ว่า “C” Community Service”

“วิธีที่สองเหมือนการจ่ายค่าปรับในกฎหมายปกติแต่ของเราต้องมาจากเงินทุนที่หาได้จากการขายเนื้อหาที่สร้างสรรค์จากสรีระของตัวเอง เราเรียกว่า “M” Merchandise”

“ส่วนวิธีสุดท้ายมันจะเหมือนการจำคุกในกฎหมายปกติ แต่ของเราจะให้ขายตัวไปเป็นทาสเรียกว่า “S” Slave อันนี้แหละที่คุณต้องโดน” ธนัทไม่คิดว่าเขาจะตกใจอะไรไปมากกว่าสิ่งที่เจอมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขาคิดผิด

“สมัยนี้มันจะยังมีทาสอยู่ได้ยังไง แล้วผมต้องไปเป็นทาสใคร ผมต้องถูกโขลกสับ โบยตี ผมตายแน่” ธนัทสติแตกโวยวายออกมา

“ฮ่าๆ เราไม่โหดร้ายป่าเถื่อนอย่างนั้นหรอก แม้จะบอกว่าเป็นทาส แต่เราก็มีกฎที่เคร่งครัดในการปฏิบัติตัวระหว่างเจ้านายและตัวทาส คุณจะมีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติและจะถูกริดรอนสิทธิบางอย่างลงเท่านั้น เชื่อเถอะว่ามันดีกว่าโดนติดคุกของจริงแน่ๆ ยิ่งถ้าคุณได้เจ้านายใจดีด้วยละก็สบายเลยล่ะ” บอสอธิบาย

“แล้วเจ้านายผมเป็นใคร” ธนัทถามในสิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุด

“ยังไม่ทราบครับ ขึ้นอยู่กับการประมูล ตอนนี้ขอให้ผมส่งโปรไฟล์และมูลค่าหนี้สังคมของคุณเข้าประมวลผลในระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กรก่อนนะครับ จะได้รู้เงื่อนไขการเป็นทาสเพื่อเตรียมประมูลคุณต่อไป”

บอสจิ้มๆ ในแท็บเล็ตแล้วรอผล แค่อึดใจเดียวบอสก็ชูหน้าจอให้ธนัทดู ธนัทกวาดตามองพบว่าบนหน้าจอแสดงรูปหน้าตรงและรูปเต็มตัวของเขา โชคดีที่ไม่ใช่รูปโป๊อล่างฉ่างที่บอสถ่ายไว้เยอะมากเมื่อตอนบ่าย แต่เป็นรูปที่เขายืนในทุ่งหญ้าเห็นกล้ามเนื้อชัดเจนตลอดทั้งตัว ตรงของสงวนมีช่อดอกหญ้าบดบังอย่างเป็นศิลปะ หน้าจอด้านข้างมีรายละเอียดส่วนตัวของเขาแสดงไว้ครบถ้วน รวมไปถึงขนาดอวัยวะเพศของเขาด้วย กรอบหน้าจอด้านล่างแสดงเงื่อนไขของการเป็นทาสซึ่งมีระบุแค่เขาเป็นทาสระดับสอง อายุสัญญาสองปี ราคาเป้าหมายสี่ล้านห้าแสนบาท

ธนัทกลืนน้ำลายเอื้อกแล้วถามว่า “ใครจะมาซื้อผมล่ะ ราคาทั้งสี่ล้านกว่า จ้างคนใช้หลายคนได้เป็นสิบปีเลยมั๊ง”

“อย่าดูถูกตัวเองเลย รูปร่างหน้าตาอย่างคุณ เขาคงไม่มาเอาไปเป็นคนใช้หรอก แถมคุณยังเป็นทาสระดับสองที่คุณภาพระดับนี้ ไม่มีมาได้บ่อยๆ ที่สำคัญ คุณอย่าประเมินสมาชิกองค์กรผมต่ำเกินไป เงินก้อนนี้เหมือนจะสูงมากสำหรับคนทั่วไป แต่หลายๆ คนที่เป็นสมาชิกของเรามากกว่านั้นเยอะ ถ้าของมีคุณภาพ เขาสู้ราคา” บอสยืนยันหนักแน่น

“การประมูลมีสองรอบ รอบแรกสมาชิกทั้งหมดจะได้เห็นข้อมูลในหน้าประมูลของคุณตามที่ผมให้ดูเมื่อกี๊ ถ้ามีผู้สนใจ เขาจะแจ้งความประสงค์ที่จะเข้าไปร่วมในการประมูลจริง ในขั้นตอนนี้ ระบบจะกันวงเงินของสมาชิกท่านนั้นไว้สามในสี่ของมูลค่าเป้าหมาย เพื่อเป็นการรับประกันว่า ถ้าไม่มีคนอื่นสนใจมาแข่งเลย เขาต้องซื้อคุณไปในราคาสามในสี่ของมูลค่าเป้าหมาย”

“เมื่อระบบปิดรอบแรก ผู้ที่สนใจและวางเงินประกันแล้วทั้งหมดจะสามารถเข้าดูโปรไฟล์ลับของคุณได้แบบนี้”

บอสหันแท็บเล็ตให้ดู ธนัทปาดนิ้วเลื่อนดูรายชื่อไฟล์ที่แสดงเป็นรูปภาพเล็กๆ จำนวนมาก มีทั้งภาพโป๊ชุดเต็มหลายร้อยรูปที่ถ่ายเมื่อบ่าย คลิปที่เขาช่วยตัวเองในรถคันนี้ คลิปโชว์อนาจารต่อหน้าคนเป็นร้อยในงานสัมมนาเมื่อเช้า และที่น่าประหลาดใจก็คือ ภาพถ่ายของเขาตั้งแต่เด็กจนโต แน่ล่ะมันไม่ได้มีทุกรูปที่เขาเคยถ่ายไว้ แต่ก็ครบทุกช่วงอายุ ข้อมูลมีแม้กระทั่งคลิปที่เขาเคยแข่งบาสสมัยมัธยม คลิปร้องเพลงจีบสาวตอนมหาลัยที่มันหายไปกับมือถือเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว คลิปเอาหญิงที่เขาแอบตั้งกล้องไว้ด้วยความคึกคะนอง นี่ยังไม่รวมสมุดพก ผลการเรียน ผล TOEIC ใบทรานสคริปต์ ผลการตรวจสุขภาพ และอีกสารพัด

“เห็นความสามารถทีมข่าวของเราหรือยัง นี่เฉพาะที่เปิดเผยให้กับผู้ร่วมประมูลได้นะ ข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน หรืออื่นๆ ที่เป็นความลับ เราไม่ได้เปิดให้ดู ผู้เข้าร่วมประมูลสามารถดูและศึกษาข้อมูลได้จนถึงแค่ก่อนปิดการประมูล เพื่อให้เขาประเมินคุณค่าของคุณได้ตามเกณฑ์ของแต่ละคน ไม่ต้องห่วงนะถึงจะเปิดให้ดู แต่ข้อมูลพวกนี้ไม่มีทางรั่วไหล ต่อให้เอากล้องมาถ่ายจากหน้าจอก็ทำไม่ได้”

ถึงมันจะฟังดูเป็นไปไม่ได้ว่าจะห้ามไม่ให้แต่ละคนเอากล้องมาถ่ายได้อย่างไร แต่ธนัทก็เชื่อ

“มันเป็นการควบคุมระดับจิตใจน่ะ” บอสยักคิ้ว

ธนัทไม่รู้จะพูดอะไรอีก เหลือเพียงคำถามที่เขากังวลที่สุด “ถ้ามีคนสนใจแค่คนเดียวแล้วซื้อผมไปในราคาสามในสี่ล่ะ เงินที่ขาดไปจะทำยังไง หรือถ้าแย่กว่านั้น ไม่มีใครสนใจผมเลยผมต้องโดนอะไร”

“ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้น้อยครับ ถ้าคุณปฏิบัติงานเป็นทาสจนครบสัญญาแล้วยังเหลือเงินที่ต้องชดใช้ คุณอาจจะขอต่อสัญญากับเจ้านายจนครบ หรือทางเราจะปรับคุณลงมาเป็น M แล้วระดมทุนต่อจนได้ยอดครบก็ได้เหมือนกัน”

“แต่ที่น่ากังวลกว่านั้นคือถ้าไม่มีใครสนใจคุณเลย เราอาจต้องส่งคุณเข้าประมูลใหม่โดยปรับเงื่อนไขให้เป็นทาสระดับสาม ถ้าเป็นกรณีนั้นคุณขายออกชัวร์ แต่ภาวนาอย่าให้เป็นแบบนั้นจะดีที่สุด ถึงมันจะไม่ถึงตายก็เถอะ” ธนัทขนลุกทั้งตัวเมื่อนึกเดาถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับทาสระดับสาม

บอสตัดบท “นี่เกือบหกโมงเย็น สมาชิกน่าจะงานไม่ยุ่งมากแล้ว ผมว่าจะเปิดประมูลรอบแรกของคุณก่อนเลย เสร็จแล้วเราไปกินข้าวกัน แล้วค่อยกลับมาดูผล”

เขาปาดๆ จิ้มๆ บนหน้าจอแท็บเล็ต แล้วเก็บใส่กระเป๋า ซักครู่เดียวรถตู้ก็วิ่งมาจอดที่หน้าร้านอาหารเล็กๆ แต่บรรยากาศดูดี บอสเอาเสื้อและกางเกงฟุตบอลทีมชาติฮอลแลนด์ให้ธนัทใส่โดยปราศจากกางเกงใน หนุ่มหล่อก็รับมาใส่ทันทีไม่มีอิดออด

สองหนุ่มลงไปนั่งทานอาหารง่ายๆ สามสี่อย่าง ระหว่างที่ทานอยู่ ธนัทได้ยินเสียงเตือนจากแท็บเล็ตในกระเป๋าสะพายของบอสบ่อยมาก แต่ดูเหมือนบอสจะไม่สนใจ ทานอยู่ชั่วโมงเศษ บอสต้องคะยั้นคะยอให้ธนัทที่ดูจะไม่อยากอาหารเท่าไรนักทานโน่นทานนี่อยู่ตลอด เมื่อทั้งสองกลับขึ้นมาบนรถ บอสก็หยิบแท็บเล็ตมาเปิดดูเช่นเคยแล้วยิ้มให้ธนัท

“คุณน่าจะรอดนะครับ มีคนสนใจสามสิบกว่าคนแล้ว ตอนนี้เขาคงศึกษาโปรไฟล์ลับของคุณกันอยู่ การประมูลจริงจะเริ่มในช่วงสี่ทุ่มถึงห้าทุ่ม คุณจะได้เสร็จเรื่องคืนนี้เลย”

ธนัทนึกอดสูในใจว่า ทั้งความลับและของลับของเขากำลังจะถูกเปิดเผยให้คนอีกสามสิบคนดูเดี๋ยวนี้ แต่นึกอีกที เพิ่งเมื่อช่วงเช้าเองเขายังว่าวโชว์ให้คนกว่าร้อยคนดูเลย แค่นี้ยังถือว่าธรรมดา คิดได้ตามนี้แล้วเขาก็สบายใจขึ้น

“ระหว่างรอนี่คุณจะนอนเอาแรงไปก่อนก็ได้นะ ผลจะออกตอนห้าทุ่ม ยังมีเวลาอีกสามสี่ชั่วโมง” ธนัทเอนตัวลงอย่างว่าง่าย เขาหลับไปแทบจะทันที

ธนัทตื่นขึ้นเองในเวลาห้าทุ่มตรง รู้สึกสดชื่นขึ้น เขาเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วนึกในใจ ทำไมพอดีอย่างนี้นะ โดยไม่รู้ตัวว่าแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้ เขาก็ถูกโปรแกรมไว้ล่วงหน้าแล้ว

บอสนั่งอยู่ที่เดิมหันมาทางเขาแล้วบอกว่า “ผลออกพอดีครับ คนแข่งประมูลกันค่อนข้างดุเดือดทีเดียว คุณถูกขายเป็นทาสระดับสองให้กับคุณหมอพฤกษ์ในราคาเจ็ดล้านบาทถ้วน”

ธนัทตะลึงไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวัน ค่าตัวเขาสองปีสูงขนาดนี้เลยเหรอ เขาคิดคร่าวๆ นี่เท่ากับเกือบสามแสนบาทต่อเดือนเลยนะ ถ้าเขามีรายได้เท่านี้จริงๆ คงไม่มาต้องตากหน้าขายเครื่องกรองน้ำพาซวยแบบนี้หรอก

“ไม่ต้องตกใจนะ เราเคยประมูลกันสูงกว่านี้อย่างที่คุณคิดไม่ถึงเลยล่ะ” บอสกล่าวต่อ

“ที่จริงคุณไม่ได้ถามไว้ก่อนหน้านี้ แต่ผมต้องบอกให้ครบถ้วน ยอดเงินที่ได้เกินมาจากเป้า เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์จะถูกหักเป็นค่าใช้จ่ายและทุนสำรองในการดำเนินงานขององค์กร สามสิบเปอร์เซ็นที่เหลือจะคืนให้กับกับตัวทาสคนนั้นหลังหมดเสร็จภารกิจทั้งหมด ซึ่งในกรณีของคุณคืออีกสองปีนับจากนี้” บอสเล่าถึงสิ่งที่ธนัทไม่ได้มีอยู่ในหัวแม้แต่น้อย

“คุณนี้โชคดีใช้ได้นะ ได้ราคาดี แถมหมอพฤกษ์ก็ไม่โหดเท่าไหร่ แต่เท่าที่ผมคาดการณ์นะ เจ้านายคุณเตรียมใช้งานคุณหนักแน่ เขาถึงกล้าทุ่มขนาดนี้” ธนัทรับฟัง แต่ใจเขายังรู้สึกดีๆ ว่ามันไม่เลวร้ายอย่างที่คิดไว้ทีแรก

“เดี๋ยวผมเล่าคร่าวๆ เรื่องระดับของทาสให้ฟังแล้วกัน เพราะมันเกี่ยวกับหน้าที่ที่คุณต้องทำให้กับเจ้านายของคุณ” บอสเกริ่นนำ

“ทาสแต่ละคนจะมีเจ้านายได้คนเดียว แต่เจ้านายอาจมีทาสได้หลายคน ส่วนใหญ่ทาสจะต้องไปอาศัยอยู่กับเจ้านายยกเว้นเจ้านายให้ไปทำงานที่อื่น คุณก็เตรียมคิดเรื่องที่จะใช้อธิบายคนอื่นไว้ได้เลยว่าจะหายหน้าไปสองปี”

“ทาสต้องปฏิบัติตามกฎหลักสามข้อของทาส ซึ่งได้แก่”

“ข้อหนึ่ง ทาสจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเคร่งคัด ตราบเท่าที่ไม่ขัดต่อกฎข้อสองและข้อสาม”

“ข้อสอง ทาสจะต้องไม่กระทำการที่ขัดต่อหลักกฎหมายในสาระสำคัญ”

“ข้อสาม ทาสมีสิทธิที่จะปฏิเสธและสามารถปกป้องตนเองจากการกระทำหรืออันตรายที่อาจทำให้ตัวเองถึงแก่ชีวิต หรือเกิดการบาดเจ็บที่มากกว่าบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ”

“ฟังดูดีใช่ไหม นี่ผมประยุกต์มาจาก กฎสามข้อของหุ่นยนต์เชียวนะ” บอสหยุดเพื่อชมตัวเองเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อ

“กฎอีกส่วนที่สำคัญคือข้อจำกัดในการใช้งานทาส อันนี้เป็นสิ่งเจ้านายต้องรู้ ข้อจำกัดหลักเลยได้แก่ ห้ามไม่ให้ใช้งานทาสไปทำสิ่งที่ก่อให้เกิดภาระผูกพันกับตัวทาสในระยะที่ยาวเกินอายุสัญญา” ธนัทฟังจนมึน นี่ให้นักกฎหมายร่างให้หรือเปล่า

“ส่วนขอบเขตในการใช้งานทาสจะแบ่งตามระดับ” บอสบรรยายต่อ

“ทาสระดับหนึ่ง ห้ามใช้งานที่ทำให้เกิดความอับอายขายหน้าต่อสาธารณชนยกเว้นในกลุ่มคนจำกัดที่เจ้านายควบคุมได้ ห้ามมี Hard Sex หากทาสไม่เต็มใจ และห้ามใช้งานทาสในเชิงพาณิชย์ใดๆ”

“สำหรับทาสระดับสอง สามารถใช้งานที่ทำให้เกิดความอับอายขายหน้าต่อสาธารณชนได้แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎสามข้อข้างต้น และห้ามใช้งานทาสในเชิงพาณิชย์โดยตรงแต่อนุโลมให้ช่วยงานหรือธุรกิจของเจ้านายได้”

“ส่วนทาสระดับสามคุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” บอสปิดท้าย

ธนัททำหน้านิ่วเหมือนพยายามจะจำเงื่อนไขที่บอสเล่าให้ได้ทั้งหมด บอสหัวเราะและบอกว่า “ไม่ต้องจำครับ พอผมโปรแกรมคุณให้รับตำแหน่งทาสของหมอพฤกษ์เสร็จ คุณก็จะทำตามเงื่อนพวกนี้ได้เองโดยอัตโนมัติ”

บอสก้มลงเช็คแท็บเล็ต กดปุ่มเลื่อนจอมอนิเตอร์ขึ้น แล้วขยับมานั่งข้างธนัท “เดี๋ยวหมอพฤกษ์จะวิดีโอคอลล์เข้ามาครับ ผมจะโปรแกรมคุณแล้วส่งมอบให้หมอพฤกษ์เลย”

เสียงเรียกเข้าจากแท็บเล็ตของบอสดังขึ้น พอกดรับสาย ภาพของผู้โทรเข้าก็ไปปรากฏที่หน้าจอใหญ่ทันที ภาพคู่สนทนาที่เห็นผ่านจอคมชัดเหมือนเป็นวิดีโอความละเอียดสูงมากกว่าจะเป็นแค่วิดีโอคอลธรรมดา ธนัทสังเกตคนที่จะมาเป็นเจ้านายตัวเองอย่างสนใจ หมอพฤกษ์อายุน่าจะประมาณสามสิบเจ็ดปีหรือน่าจะอ่อนกว่านั้นด้วยซ้ำแต่ด้วยความภูมิฐานทำให้เขาเดาสูงไว้ก่อน ใส่แว่นสายตา หน้าตาสะอาดสะอ้านหมดจดดูสมกับเป็นหมอ ถึงจะอายุไม่มากอย่างที่เขานึกไว้ แต่ราศีความดูดีและความไฮโซก็แผ่มาอย่างชัดเจน ธนัทไม่แน่ใจว่าอีกฝั่งจะเห็นตัวเองหรือเปล่าแต่เขาก็ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม คนในจอยกมือรับไหว้

“ธนัทใช่ไหมครับ หล่อเหมือนในคลิปเลย” หมอพฤกษ์ทัก ธนัทพยายามจะไม่นึกถึงว่าคลิปไหนของตนที่เจ้านายกล่าวถึง
 
ธนัทพนมมือไหว้อีกครั้ง “ขอบพระคุณคุณหมอที่กรุณาครับ ผมต้องขอฝากตัวด้วย”

บอสส่งเสียงแซว “ครั้งนี้หมอทุ่มน่าดูเลยนะครับ ท่าทางธุรกิจใหม่จะไปได้ดี”

“นานๆ จะเจอที่ถูกใจจริงๆ อย่างนี้ครับ มากกว่านี้ผมก็สู้ แต่คู่แข่งถอดใจไปก่อนเอง” หมอหนุ่มใหญ่หัวเราะเบาๆ

“คุยกันไปอีกแป๊บนะครับ คุณธนัทจะได้ซึมซับหน้าตา ท่าทาง และเสียงของหมอพฤกษ์อีกซักหน่อย” บอสบอก หมอพฤกษ์เลยชวนคุยเรื่องที่ธนัทจบเทคนิคการแพทย์มา แล้วเปลี่ยนไปเล่าเรื่องกิจการคอมเพล็กซ์เพื่อสุขภาพครบวงจรขนาดใหญ่ที่ตนเปิดขึ้นหลายเดือนก่อนและกำลังไปได้ดี

บอสนั่งฟังซักพักแล้วขอแทรกการสนทนาของทั้งคู่ “ผมขอเข้าสู่ขั้นตอนส่งมอบทาสเลยนะครับ ห้าทุ่มครึ่งแล้ว”

บอสดีดนิ้วแล้วกล่าวต่อในขณะที่ธนัทเหมือนชะงักไป “คุณธนัทครับ คนที่คุณคุยด้วยเมื่อกี๊คือคุณหมอพฤกษ์เจ้านายของคุณครับ ส่วนคุณเป็นทาสที่ต้องทำตามคำสั่งทุกอย่างของเจ้านายตามเงื่อนไขที่กำหนด”

บอสเอนตัวไปกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูของธนัทกินเวลาไปเกือบสามนาที เสร็จแล้วบอสก็ดีดนิ้วอีกครั้ง ธนัทกระพริบตาปริบๆ เหมือนเพิ่งรู้สึกตัว

 “การโปรแกรมเพื่อส่งมอบเรียบร้อยครับ ช่วยดูแลทาสธนัทต่อไปอีกสองปีด้วยครับ” บอสกล่าว

ไม่รอช้า หมอพฤกษ์ออกคำสั่งแรกผ่านระบบวิดีโอคอลทันที “ธนัท ถอกของดีเธอโชว์หน่อย”

ธนัทลุกขึ้นในทันที  เขารูดกางเกงบอลลงไปกองตรงเท้า รวบท่อนลำขึ้น ดึงรั้งหนังหุ้มปลายไปด้านหลังจนสุด ธนัทแอ่นตัวหันทิศทางให้อวัยวะส่วนล่างจ่อไปที่หน้าจอให้ได้มากสุด

“ประทับใจจัง นี่แค่ลองทดลองเฉยๆ ใส่กางเกงเถอะธนัท แต่ระหว่างนี้ก่อนที่เราจะเจอกัน ห้ามช่วยตัวเองห้ามมีเพศสัมพันธ์ทุกรูปแบบนะ”

ธนัทรับคำ เขารู้สึกบอกไม่ถูก ตอนที่เขาโชว์ว่าวในห้องสัมมนา หรือแม้แต่ที่บอสสั่งให้เขาช่วยตัวเองในรถคันนี้จนแทบหมดแรง เขารู้สึกเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กึ่งจริงกึ่งฝัน ทำอะไรไปแบบควบคุมตัวเองไม่อยู่ แต่ที่เจ้านายสั่งเมื่อกี๊ เขายังมีสติสัมปชัญญะทุกอย่าง ยังควบคุมตัวเองได้แต่ที่ทำไปเพราะมีความรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ เหมือนฝึกซ้ายหันขวาหันเวลาเรียน รด. ถึงจะขี้เกียจ ถึงจะไม่อยาก แต่พอครูฝึกสั่งตัวก็ทำไปโดยอัตโนมัติ เขาไม่แน่ใจว่าแบบไหนจะแย่กว่ากันถ้าต้องทำอะไรที่มันน่าอายขึ้นมา ระหว่างไม่ค่อยรู้สึกตัวกับรู้สึกตัวเต็มร้อย

“หมอให้เวลาเราเคลียร์เรื่องต่างๆ ให้เสร็จในสามวัน แล้ววันศุกร์ก็ลงมาพบหมอที่กรุงเทพ หมอจะส่งตั๋วเครื่องบินและที่อยู่ไปให้ เคลียร์ให้ดีล่ะ อย่าให้ทางบ้านเป็นห่วงจนไปแจ้งความคนหาย ถ้าช่วงไหนไม่มีงาน หมออาจจะให้กลับมาเยี่ยมบ้านบ้าง แล้วเจอกัน” หมอพฤกษ์กลับไปล่ำลากับบอสอีกสองสามประโยคแล้วก็วางสายไป

บอสหันกลับมาพูดกับธนัท “เราคงต้องลากันแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่คอนโด รถคุณที่ทิ้งไว้ที่โรงแรมตอนนี้ก็จอดอยู่ที่คอนโดคุณแล้ว” ธนัทไม่ติดใจเรื่องรถว่าคนของบอสเอากุญแจรถเขามาจากไหน เขาว่าองค์กรนี้คงทำได้ทุกอย่างเขาถามเพียงว่า

“แล้วเราจะได้เจอกันอีกไหม”

“คงไม่ ยกเว้นคุณจะทำเรื่องเลวๆ ขึ้นมาอีก หรือไม่ก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกองค์การของผม ถ้าไม่ใช่สองอย่างนั้น ถึงบังเอิญพบกับ คุณก็จำหน้าผมไม่ได้หรอก”

ธนัทเชื่อสนิทใจ ตลอดวันที่เขานั่งกับบอสในรถตู้คันนี้ เมื่อละสายตาจากบอสแค่ไม่กี่นาที เขาก็นึกหน้าบอสไม่ออกแล้ว พอเขาสังเกตเห็นเลยแอบลองทดสอบดูหลายครั้ง ก็เป็นเหมือนกันหมด จะแอบถ่ายรูป เขาก็ไม่อยากจะทำอะไรที่เหมือนฆ่าตัวตายอย่างนั้น นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่มีใครสนใจความหล่อของบอสเลย

รถมาจอดตรงหน้าคอนโดที่เขาอาศัยอยู่ หนุ่มที่เพิ่งกลายเป็นทาสหมาดๆ ก้าวลงแต่ยังไม่ปิดประตู

“ยังไงก็ขอบคุณมาก ถึงสถานะของผมจะเป็นแค่นักโทษ แต่ผมรู้สึกเหมือนได้รับความห่วงใยจากคุณอยู่ลึกๆ ลาก่อนครับ”
ธนัทกล่าวลาพร้อมบอกความในใจ

รถตู้เคลื่อนตัวออกไปทันที สายตาของบอสยังมองตามธนัทที่เดินเข้าตึกไป

“มึงชอบเขาเรอะ” เสียงถามจากคนขับรถตู้

“ไม่ได้ชอบเว้ย แต่กูเคยเจอเขามาก่อน” บอสตอบ

“เมื่อไหร่” เสียงจากด้านหน้าถามต่อ

“ไม่ได้มีอะไรมาก แค่ตอนเด็กๆ กูเคยเจอพี่เขาสองสามครั้งตอนกูไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด แล้วพี่เขาสอนกูเล่นบาสเท่านั้นเอง” บอสระลึกความหลัง

“ว่าแล้วเคสนี้มึงถึงลงมาดูแลเองทั้งหมด แถมอธิบายเรื่ององค์กรซะละเอียด แล้วหมอพฤกษ์นี่ก็เตี๊ยมกันไว้ก่อนล่ะสิ” คนขับรถตู้ถาม

“ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ หมอเขาประมูลได้เองจริงๆ กูแค่กะว่า ถ้ากูไม่แน่ใจในตัวคนที่ได้พี่เขาไป กูอาจแกล้งทำระบบล่ม”

“เสียชื่อระบบกูตายห่า คิดอะไรไม่เข้าท่า” คนที่ท่าทางจะไม่ใช่แค่คนขับรถตู้พูดห้วนๆ

“ซีเรียสอะไรนักวะ ส่วนหนึ่งกูก็อยากมาดูตัวจริงพี่เขาด้วยแหละ จำได้ว่าตอนเด็กๆ พี่แม่งโคตรเท่ แต่ก็ไม่ได้ผูกพันอะไรนักหรอก เคยเจอแป๊บเดียวตอนเด็ก ยังไงเพื่อนรักนัมเบอร์วันของกูก็ยังเป็นมึงอยู่ดี” บอสทำเสียงกวนๆ

“ปัญญาอ่อน ไปๆ กลับไปนอน พรุ่งนี้จะได้บินกลับแต่เช้า” หนุ่มโชเฟอร์ตัดบทอย่างรำคาญ

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 3] 14/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 14-07-2015 21:04:53
ง่าาา
คู่คุณบอสกับเพื่อนรักนี่มัน  :hao6:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 3] 14/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 14-07-2015 21:51:23
อ่านตั้งแต่เริ่มอัพ รอดูเชิงก่อนว่าจะมาต่อยาวๆ หรือหาย

แต่ตอนนี้ ทำเอาอดใจไม่ไหวจริงๆ ต้องรีบลงชื่อเข้ามาเลย คุณบอสต้องเป็นเพื่อนคู่นั้นแน่ๆ

ที่ทำคนขับแท็กซี่ช่วยตัวเองอ่ะ ชิป่ะๆๆๆ

 :hao7:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 4] 15/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 15-07-2015 21:04:03
องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 4 ตอนพิเศษ “เบอร์ศูนย์ขี้หงุดหงิดกับเรื่องประหลาดในห้องน้ำของหนุ่มไฮโซ”

ผมบอสครับ หลายคนคงพอเดาออกแล้วว่าผมมีความสัมพันธ์กับ “องค์กร” ขนาดไหน ก็ขนาดเป็นคนตั้งมันมาเองกับมือนี่ครับ ผมไม่ได้ทำคนเดียวหรอกก็มีคนช่วยหลายๆ คน แต่เริ่มแรกมีผมกับเพื่อนซี้ปึ้กเท่านั้น ก็ไอคนที่มันเป็นสมาชิกเบอร์ 0001 นั่นไง มันเก่งเรื่องการวางระบบมาก ทั้งระบบงานและระบบไอทีขององค์กรก็ได้มันช่วยทำให้ถึงได้เจ๋งเป้งขนาดนี้ มันเปิดบริษัทไอทีของตัวเองด้วย มีผมเป็นหุ้นลมไม่ต้องทำอะไรรับปันผลอย่างเดียว ผมไม่ได้กินแรงเพื่อนนะ บางทีมันเจอคนที่งี่เง่าๆ มากๆ มันก็ให้ผมไปช่วยเคลียร์ พวกเล่นเส้น กินใต้โต๊ะ ขี้โกง อะไรพวกนั้น ผมก็ไปช่วยตลอดนะ ใช้ความสามารถพิเศษของผมนั่นแหละ

ถามว่าทำไมเพื่อนได้เป็นเบอร์ 0001 แล้วผมล่ะ ผมก็เป็นเบอร์ 0000 ไง หมายถึงผมไม่ได้เป็นสมาชิกหรอก ก็เลขศูนย์มันไม่ใช่เลขลำดับนี่ ผมไม่ต้องทำตามกฎอะไรทั้งสิ้น ผมเป็นผู้นำเป็นเจ้านายตามชื่อผมนั่นแหละ แต่ผมไม่เอาแต่ใจหรอกนะ พอก่อนดีกว่า ผมพล่ามมากไปแล้ว วันนี้วันหยุดผม ผมไม่คุยเรื่องงานนะ ไม่เล่าเรื่ององค์กรแล้วด้วย

ผมมาพักผ่อนที่ห้างหรูเปิดใหม่คนเดียว ปล่อยให้เบอร์หนึ่งมันทำงานไป รำคาญ ขยันเกิน ผมขับเข้าที่จอดรถแล้ว คนเยอะเหมือนกันนะนี่ ดีว่าผมขับรถไฮบริดคันเล็ก ประหยัดน้ำมัน ผมก็อยากช่วยลดโลกร้อนเหมือนกันนะ ไม่อยากเป็นจุดเด่นด้วย ผมไม่ชอบรถหรูคันใหญ่หรือรถสปอร์ตเครื่องแรง พวกนี้กินน้ำมันตั้งเท่าไหร่ ประเทศเราเป็นผู้นำเข้าน้ำมันนะ รถใหญ่เข้าจอดก็ลำบาก ไม่เหมือนของผม นี่ไง ผมเจอที่จอดแล้ว ช่องเล็กหน่อยรถผมก็เข้าได้ ไม่เหมือนรถสปอร์ตสีเหลืองที่เปิดไฟไล่หลังผมมา สวยก็สวยอยู่นะ ต้องชื่นชมคนออกแบบ แต่ทรงแบนใหญ่อย่างนี้ ไปหาที่จอดเอาข้างหน้าเถอะ ไปๆ ขึ้นชั้นบนไปเลย ไฟสวยจังแฮะ เอ๊ะ แล้วนั่นทำไมไปจอดที่จอดรถคนพิการ สงสัยเขาจะพิการ รีบลงจากรถตามไปดูดีกว่า เป็นห่วงเผื่อผมจะช่วยพยุงเขาออกจากรถได้ ก็รถมันเตี้ยขนาดนั้น คนที่ไม่พิการยังน่าจะออกยากเลย

อ้าว ก็ไม่พิการนี่ ดูแคล่วคล่องดีด้วย ใส่แว่นดำแต่คงไม่ได้ตาบอดมั๊ง ก็ขับรถมาได้นี่ หรือมีคนพิการจะนั่งมาที่เบาะข้าง ไม่น่าใช่ ก็หนุ่มคนขับกดล็อคประตูจะเดินไปเข้าห้างแล้วนี่ ตกลงพิการที่ใจใช่ไหม ไม่มีจิตสาธารณะเอาซะเลย เอาไงดี เรื่องมันเล็กเกินกว่าจะให้องค์กรมาจัดการ แต่เห็นแล้วหงุดหงิดไม่น่าจะปล่อยไว้ งั้นตัวแทนแห่งดวงจันทร์ จะลงทัณฑ์แกเอง พ่อหนุ่มไฮโซใจพิการ นายโชคร้ายมากที่มาทำชั่วให้ท่านบอสคนนี้เห็นต่อหน้า อ้าว เข้าห้างไปแล้วต้องรีบเดินตาม คราวนี้ใช้อะไรเป็นสัญญาณคุมจิตดีนะ

ดีดนิ้ว น่าเบื่อ

ตบมือ เดี๋ยวคนมอง

ผิวปาก จะไม่สุภาพหรือเปล่านะ

ไอ ดูขี้โรคไปไหม

งั้นจิ๊ปากแบบขัดใจแล้วกัน ดูเป็นนายน้อยเจ้าอารมณ์ดี รีบเดินตามให้ทัน เอ้า หนึ่ง สอง สาม

“จิ๊”... สำเร็จ แต่แอบบอกคุณๆ ไว้ตรงนี้เลยว่า ทำเป็นกิมมิคไปอย่างนั้นเอง ผมระดับเทพแล้ว สบตาเฉยๆ ก็พอ อิอิ

นั่น อย่างนั้น ถอดแว่นออก ตาสวยว่ะ ผิวก็ดี หล่อแบบลูกไฮโซของแท้ ท่าทางจะยังเรียนอยู่เลย ป้อนคำสั่งเสร็จแล้ว ไปไหนก็ไป แต่ในหกเดือนนี้นายคงไม่อยากออกนอกบ้านเท่าไหร่

ผมก็ขี้หงุดหงิดอย่างนี้แหละ พอเห็นอะไรไม่ถูกไม่ควรในสังคม บ้านเราจิตสำนึกบกพร่อง การบังคับใช้กฎหมายก็หย่อนยาน เลือกปฏิบัติ ผมเลยต้องตั้งองค์กรขึ้นมาไงล่ะ แต่มันก็ไม่ได้แก้ปัญหาได้มากอย่างที่ผมอยากให้เป็นหรอกนะ มันมีข้อจำกัด กลไกที่ผมกับเพื่อนออกแบบไว้มันขับเคลื่อนด้วยความหื่นของพวกเราชาวเกย์ ถ้าเรื่องไหนเกย์ไม่หื่นใส่ กลไกลมันจะทำงานไม่ครบวงจร งงไหม ผมก็งง

ผมอุตส่าห์มาเล่าให้ฟัง คุณๆ ก็อย่าไปเล่าต่อล่ะ โดยเฉพาะกับไอเบอร์หนึ่งผม รำคาญมัน มันชอบบ่นเวลาผมไปสะกดจิตคนพร่ำเพรื่อ หาว่าอันตรายเผื่อพลาดขึ้นมา ให้ใช้เฉพาะเวลาทำงานให้องค์กรเท่านั้น เพราะจะผ่านการตรวจสอบข้อมูลและประมวลผลโดยระบบคอมพิวเตอร์ของมันแล้ว ถ้าเคสไหนมีความเสี่ยง เทควนโด้สายดำอย่างมันจะตามมาเป็นบอดี้การ์ดให้ ผมยอมรับว่าการสะกดจิตของผมมีข้อจำกัดอยู่บ้าง ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องประกบตลอดก็ได้ งานมันเองก็เยอะ เวลาพักผ่อนก็น้อยอยู่แล้ว

ผดุงความยุติธรรมเสร็จแล้วสบายใจ ผมไปเที่ยวต่อล่ะ เดี๋ยวจะเดินดูเสื้อเชิร์ตไปฝากมันด้วย เวลาติดต่อลูกค้าจะได้ดูดี ส่วนหนุ่มไฮโซใจบอดจะเป็นยังไง คุณๆ ก็ตามไปดูผลกันเองนะ ไว้เจอกันคราวหน้า ถ้าผมว่างผมจะมาเล่าอะไรให้ฟังอีก

--------

เดือนที่หนึ่ง

ผมนายเมธัส ไฮโซรูปหล่อพ่อรวยตระกูลดัง อยากจะเป็นบ้า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ เดี๋ยวนี้ทุกครั้งที่ผมเข้าไปฉี่ที่ห้องน้ำสาธารณะนอกบ้าน พอเข้าไปที่ซองโถฉี่ปั๊บ ต้องปลดเข็ดขัด แล้วรูดกางเกงกับกางเกงในลงไปกองตรงหน้าแข้งตลอดถึงจะเริ่มฉี่ได้ ราวกับเป็นนิสัยที่ติดตัวมานานจนผมควบคุมไม่ได้ แบบเด็กติดดูดนิ้วอะไรทำนองนั้น แต่ผมก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนนะ

เดือนที่สอง

โอ้ย แสนจะกลุ้มใจ ผมพยายามแก้ปัญหาโดยการไปฉี่ในห้องน้ำ ปรากฏว่าฉี่เท่าไหร่ก็ฉี่ไม่ออกจนต้องรีบวิ่งมาปลดกางเกงเปลือยก้นแล้วฉี่ที่โฉฉี่แทบไม่ทัน ผมลองใส่เสื้อที่ชายมันยาวมากๆ จะได้คลุมปิดก้น ก็ไม่ได้ผล ถึงเวลาก็ต้องรวบชายเสื้อขึ้นให้พ้นเอวอยู่ดีถึงจะฉี่ออก ยิ่งเด่นเข้าไปใหญ่ จะพยายามไม่ฉี่บ่อยก็ลำบาก ผมมันพวกดื่มน้ำเยอะกลัวผิวหมอง

เดือนที่สาม

ตอนนี้ที่มหาลัยเริ่มมีคนสังเกตและตามดูแล้ว ใครๆ ก็คงอยากเห็นก้นขาวเนียนของหนุ่มไฮโซอย่างผมกันทั้งนั้น เคราะห์ดีที่เครื่องเคราผมเวลาสงบมันไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก ไม่งั้นมันคงห้อยโชว์ตรงหว่างขาเห็นได้จากด้านหลังเหมือนพวกฝรั่ง ต้องระวังแค่พวงไข่ของผมแหละ วันไหนมันห้อยยานมากหน่อย มีสิทธิโผล่มาทักทายคนที่มองมาทางด้านหลังได้เหมือนกัน

เดือนที่สี่

หลังๆ ผมเริ่มสังเกตว่า ถ้าเป็นที่ๆ ไม่ได้ขับรถหรือนั่งรถส่วนตัวของคนอื่นไป ผมจะฉี่ที่นั่นได้อย่างปกติ เคยขึ้น BTS ไปห้างที่นัดกับเพื่อนไว้เพราะรถมันติดมากๆ ก็ฉี่ดีๆ ได้เหมือนคนอื่น แต่พอขับรถไปเองอาการปลดกางเกงโชว์ก้นก็กลับมาอีก ลองสลับไปมาก็ได้ผลที่เป๊ะมากอย่างกับโปรแกรมเอาไว้ แต่หนุ่มไฮโซอย่างผมจะเที่ยวไปขึ้นรถเมล์ รถแท็กซี่เหมือนชาวบ้านได้ยังไง รถยนต์ก็เหมือนภาพลักษณ์ที่สะท้อนตัวตน จะบอกยังไงดี คือผมไม่ใช่คนไม่ติดดินหรือเป็นพวกชอบดูถูกคนอื่นนะ ตอนเด็กที่บ้านอบรมมาดีตามประสาผู้ดีเก่า แต่พอโตขึ้นมา ผมคิดเองว่าถ้ารูปหล่อพ่อรวยแบบผมไม่ขับรถเท่ๆ มันจะดูขัดตาผู้คนที่พบเห็น ผมไม่อยากให้ใครผิดหวังเลยต้องสรรหารถสวยๆ มาขับ แต่ถ้าผมยังมีอาการประหลาดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ สักวันอาจโดนเกย์หื่นขืนใจในห้องน้ำเพราะนึกว่าผมยั่วก็เป็นได้

เดือนที่ห้า

นี่ก็ห้าเดือนเข้ามาแล้ว ผมเริ่มมีอาการครั้งแรกตอนเข้าห้องน้ำที่ห้างหรูเปิดใหม่ ตอนเกิดเหตุผมก็นึกว่าตัวเองอาจจะแค่เบลอๆ แต่พอนึกย้อนไปวันนั้นผมเหมือนจะจอดรถที่คนพิการ ยอมรับว่าคงเผลอไปแต่ทำไมยามไม่มาเตือนผมล่ะ จริงๆ ผมเองก็ไม่ใส่ใจหรอก เข้าใจเอาเองว่าที่จอดพวกนี้มันมีไว้แค่ตามกฎหมาย คนพิการจริงๆ เขาก็คงนอนอยู่บ้านไป จะออกมาให้ลำบากทำไม ตอนนั้นผมคิดอย่างนั้นจริงๆ นะถึงอาจจะดูตื้นไปก็เถอะ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าที่ตัวเองเป็นแบบนี้เพราะผมไปจอดรถตรงนั้นแหละ ไม่รู้ไปเอาความคิดนี้มาจากไหนแต่ผมมั่นใจว่ามันเกี่ยวกัน ผมเลยต้องระวังตัวไม่ให้ทำอีก

เดือนที่หก

ผมว่าผมชินกับมันแล้วนะ เดี๋ยวนี้ไม่อายแล้วถ้าเป็นที่มหาลัย เผลอๆ ไข่ปลิ้นมาโชว์ทั้งพวงผมยังเฉยๆ ข้อดีของมันก็มีอยู่บ้าง เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยเที่ยวแล้ว ทั้งห้าง ทั้งผับ เพราะผมไม่ไว้ใจเท่าไหร่ว่าจะไม่โดนลวนลามเอาอีก ใช่ ผู้ชายแบบนายเมธัสคนนี้นี่แหละโดนลวนลามมาครั้งนึง

ถ้าไม่อยู่มหาลัยผมก็กลับบ้าน เทอมนี้เกรดผมดีเลยล่ะแถมตอนนี้ผมกลับมาเป็นลูกชายคนโปรดของคุณหญิงแม่แล้วด้วยเพราะกลับบ้านบ่อย นอกจากนั้นเดี๋ยวนี้ผมไม่ต้องเก๊กไฮโซอะไรก็มีคนทักทายห้อมล้อมสนิทสนมไปหมด ทั้งรุ่นพี่ เพื่อน น้อง ทุกคนบอกว่าผมดูติดดิน ไม่ถือตัว ดูเป็นคนง่ายๆ ชื่อเล่น “เม” ของผมที่มาจากชื่อจริง คนเคยเรียกกันว่า เม แลมโบฯ เพื่อไม่ให้ซ้ำ แต่ตอนนี้ทุกคนชอบเรียกผมเวลามีคนถามว่าพูดถึงเมไหนว่า เม ซาลาเปา ไง หรือไม่ก็ เม เปาแฝด ไม่รู้เอามาจากไหน

เดือนที่เจ็ด

เฮ้ ผมหายแล้วครับ ไม่รู้ทำไม แต่นายเมธัสคนนี้หายเป็นปกติแล้ว ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้กลับไปทำตัวเหมือนเดิมนะครับ แค่ไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆ สบายใจขึ้นไม่ต้องระวังในการเข้าห้องน้ำแล้ว รถผมก็ขับเองบ้างใช้รถสาธารณะบ้างตามความเหมาะสม แต่ที่แน่ๆ ผมไม่เคยจอดที่คนพิการอีกเลย ส่วนที่มหาลัยนี่ผมยังฉี่แบบเดิมนะครับ มันเป็น Signature ของผมไปแล้วนี่ พี่เมคนนี้เป็นคนที่น้องปีหนึ่งชื่นชอบและเข้าหามากที่สุด เจอกันในห้องน้ำครั้งสองครั้งน้องก็ทักทายสนิทสนมอย่างกับบ้านอยู่ข้างกันตั้งแต่เด็ก

ข้อเสียที่เหลือเพียงอย่างเดียวคือผมมีภาระต้องคอยบำรุงพื้นที่ตรงนั้นอย่างดีที่สุด ทั้งครีมทั้งเซรั่มทั้งวิตามินประโคมเข้าไป ไหนจะต้องคอยทำสปาขัดผิว นี่ถ้ามีคนทะลึ่งทำ Mask บำรุงก้นออกมาผมคงซื้อใช้แน่ๆ ก็ตรงนั้นมันเป็นหน้าเป็นตาผมเลยนะ ถ้าด่างดำแห้งกร้านขึ้นมาผมเสียชื่อแย่ นี่ต้องคอยให้เพื่อนๆ ช่วยจับเช็คดูตลอดว่ายังเนียนนุ่มดีอยู่หรือเปล่า พวกมันก็แย่งกันช่วยเหลือผมดีมาก บางคนอาสาช่วยขัดผิวไปจนถึงเล็มขนด้านในให้ด้วยซ้ำ นี่แหละที่เขาว่าเพื่อนแท้ต้องรักกันปานจะแหกตูดดมได้

- จบตอนพิเศษ –
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 4] 15/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 15-07-2015 21:27:59
ถ้ามีแบบบอสจริงๆก็ดีสิ เดี๋ยวนี้สังคมเราพัฒนาแต่วัตถุ แต่จิตใจกลับย่ำอยู่ที่บางคนถึงขั้นถอยหลัง

ถ้ามีแบบบอสจริงๆคงช่วยลดลงไปได้เยอะ

บอสสสส น้องเมเค้าสำนึกจริงหลอ ตามไปซ้ำเร๊วเหมือนจะชินไปซะละ  :katai1:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 5] 16/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 16-07-2015 22:39:33
องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 5

บอสออกจากบ้านทันทีที่ได้รับข้อความเตือนจากระบบขององค์กรถึงงานล่าสุด แต่รีบแค่ไหนก็ยังไม่ลืมส่งข้อความไปบอกเพื่อนซี้ที่ตอนหลังชอบทำตัวเหมือนเป็นพ่อเข้าไปทุกที ไม่งั้นมันชอบมาบ่นทีหลังรำคาญจะแย่ ขนาดรู้อยู่แก่ใจว่าเขาไปทำอะไรที่ไหนเพราะมันชอบใช้สิทธิความเป็นแอดมินแอบไปดูข้อความหรือตารางงานเขาเป็นประจำ

เขานึกบ่นในใจที่ช่วงหลังมีเคสตั้งด่านอย่างนี้มาเยอะจนทำให้เขาต้องนอนดึกอยู่บ่อยๆ จำนวนคนที่ต้องจัดการในแต่ละครั้งไม่ใช่น้อยๆ กว่าจะเคลียร์เสร็จทั้งหมดก็ปาเข้าไปตีสองตีสาม ยิ่งพื้นที่ไหนที่ตำรวจต้องการแค่จัดการปัญหาเสียงบ่นชาวบ้านให้จบโดยเร็วก็มักจะติดต่อองค์กรให้เข้าไปจัดการ ซึ่งก็ได้ผลดีกว่าการไปปรับเงินผู้ปกครองหรือส่งไปอบรมปรับพฤติกรรม ยกเว้นนานๆ ครั้งผู้ใหญ่อยากมีภาพผลงานให้เห็นเพื่อใช้ประชาสัมพันธ์ขึ้นมาก็ต้องทำไปตามกระบวนการปกติ

แต่ถึงจะบ่นอย่างไรบอสก็ชอบทำเคสแบบนี้เองอยู่ดี ก็เด็กแว้นที่ตำรวจตั้งด่านจับได้มีแต่วัยรุ่นหนุ่มๆ อายุตั้งแต่สิบสี่สิบห้ากระชุ่มกระชวยดีจะตาย แล้วแต่ละครั้งอย่างต่ำก็ยี่สิบคนละลานตาไปหมด ยิ่งตอนนี้งานบริการสังคมแบบใหม่ที่เขาคิดมาเพื่อเด็กแว้นพวกนี้โดยเฉพาะก็กำลังไปได้ดี ส่วนใหญ่ยังเป็นเยาวชนกันทั้งนั้นไม่อยากให้ไปทำงานที่หวือหวาเกินไป เอาแบบเน้นเรื่องใช้แรงงานแล้วก็ทำให้ได้อายบ้าง ก็เข็ดหลาบกันดี

บอสขับรถมาถึงที่ สน. ก็เกือบห้าทุ่มแล้ว มีมอเตอร์ไซค์แต่งซิ่งถูกล๊อคล้อจอดอยู่เต็มไปหมด นายตำรวจหนุ่มหน้าตาดีในเครื่องแบบรีบเข้ามารับบอสทันทีเนื่องจากรออยู่พักใหญ่แล้ว

“หวัดดีครับคุณบอส เที่ยวนี้ก็รบกวนดึกอีกแล้วนะครับ” คนในเครื่องแบบทักทายบอสอย่างคุ้นเคยเนื่องจากได้ร่วมงานกันหลายครั้งแล้ว

“ดีครับสารวัตร คืนนี้เหนื่อยหน่อยนะครับ ไม่รู้ด่านจับมาได้เยอะไหมครับ”

“ก็หนักหน่อยครับ ถึงขั้นปิดถนนซิ่งกันเลย สงสัยเพราะลูกพี่ใหญ่มาเองเลยคึกกันมาก จริงๆ ท้องที่ผมนี่ก็เพลาไปเยอะแล้วนะครับตั้งแต่คุณบอสมาช่วย ยอดวันนี้คงประมาณเกือบร้อยคนครับ”

บอสผิวปากหวือ “งั้นรีบเริ่มกันเลยครับ ไม่งั้นถึงเช้าแน่ ให้ผมทำงานที่ห้องเดิมใช่ไหมครับ จะได้ขนอุปกรณ์ไปเลย” บอสถามพร้อมกับหยิบเป้ใบใหญ่ออกมาจากรถ แล้วก้าวเดินตามสารวัตรไปด้านใน สน.

เมื่อเข้าไปถึงในโถงใหญ่ บอสก็เห็นเด็กวัยรุ่นกลุ่มใหญ่นั่งเรียงกับพื้นเป็นแถวตอนเหมือนหมู่ลูกเสือ เด็กทั้งหมดถอดเสื้อมัดมือตัวเองไพล่หลังอยู่ กว่าครึ่งมีรอยสักทั้งแบบยันต์น้ำมันและแบบศิลปะมากบ้างน้อยบ้าง บอสกวาดตามองด้วยความครึ้มใจเมื่อเห็นว่าเด็กกลุ่มนี้ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวังที่อุตส่าห์สละเวลานอนมา ถึงเป็นเด็กแว้นแต่หลายคนก็หน้าตาผิวพรรณดีไม่น้อย ส่วนใหญ่จะหุ่นผอมๆ มีกล้ามแบบลีนๆ แค่ด้วยความที่เป็นเด็กรุ่นหนุ่มก็ทำให้น่าดูน่ามองจริงๆ

บอสเข้าไปในห้องที่อยู่ใกล้ๆ อย่างคุ้นเคย ในห้องมีขนาดค่อนข้างใหญ่เหมือนจะเคยเป็นห้องประชุมมาก่อนแต่ตอนนี้มีเฟอร์นิเจอร์เหลือแค่ไม่กี่ชิ้น เขาหยิบกล้องตัวใหญ่ออกมาจากเป้ที่แบกมา ติดตั้งเข้ากับขาตั้งกล้องแล้วลองจัดแสงกับโคมไฟที่มีอยู่แล้วในห้องจนพอใจ จากนั้นก็นำคอมพิวเตอร์โน้ตบุคออกมากางแล้วเปิดโปรแกรมสองสามโปรแกรมที่ต้องใช้งานขึ้นมา หลังจากทดสอบแล้วว่าคอมพิวเตอร์และกล้องถ่ายรูปเชื่อมต่อกันดีแล้วบอสก็หันไปบอกกับนายตำรวจหนุ่มที่ยืนรออยู่

“สารวัตรครับ รบกวนเป็นแบบให้ที ผมจะลองกล้องหน่อย”

นายตำรวจหนุ่มยิ้มแหยๆ “ก็ได้ครับ แต่อย่าแกล้งผมอีกแล้วกัน”

บอสกระตุกมุมปากยิ้มนิดเดียวจนแทบดูไม่ออก นึกถึงครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับสารวัตรหนุ่ม ในตอนนั้น ถึงจะได้รับคำสั่งจากเบื้องบนโดยตรงแต่สารวัตรก็ยังดึงดันที่จะให้ความร่วมมือกับเขาเนื่องจากกลัวว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ต้องหาซึ่งยังเป็นเยาวชน บอสซึ่งไม่อยากแก้ปัญหาด้วยการสะกดจิตเพราะคิดว่ายังต้องร่วมงานกันไปอีกนานก็พยายามอธิบายวัตถุประสงค์ขององค์กรที่ต้องการจะช่วยแก้ปัญหาสังคมด้วยวิธีการที่กฎหมายไม่สามารถทำได้ แต่พอเล่าไปนายตำรวจหนุ่มเลือดร้อนที่รักความถูกต้องก็ต่อต้านแล้วด่าว่าบอสเป็นเกย์วิปริตที่ทำไปเพื่อสนองตัณหาทางเพศของตัวเอง

บอสเลือดขึ้นหน้าจนบังคับจิตให้สารวัตรหนุ่มกลายเป็นนายแบบกางเกงในเพื่อทดลองกล้องที่กำลังเซ็ทอยู่ตอนนั้น แล้วขู่ว่าถ้าไม่ยอมฟังดีๆ จะเอาภาพนี้ไปลงนิตยสารแฟชั่นแนวเซ็กซี่ให้ดังไปเลย แล้วเอาค่าตัวของสารวัตรไปช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนจากการกระทำของเด็กแว้นแทน นายตำรวจที่กำลังตกใจและงงว่าทำไมอยู่ๆ ตัวเองก็ถอดเครื่องแบบออกจนเหลือแต่กางเกงในแล้วไปโพสต์ท่าให้บอสถ่ายรูปซะยังกับเป็นนายแบบอาชีพก็เลยพยายามสงบใจและฟังเหตุผลขององค์กรจนเข้าใจ สุดท้ายก็จบลงที่จะลองให้ความร่วมมือกันไป แต่ถ้าแนวทางขององค์กรไม่ได้ผลหรือเกิดความเสียหายกับผู้ต้องหาที่องค์กรรับตัวไปดำเนินการสารวัตรจะเลิกทำเรื่องนี้ทันที ส่วนบอสก็ยอมที่จะลบรูปที่ถ่ายไว้ออกจากกล้องให้ทันที ซึ่งจริงๆ บอสได้แอบส่งไปเก็บไว้ในคอลเลคชั่นส่วนตัวเพื่อเป็นที่ระลึกเรียบร้อยแล้ว

บอสแอบอมยิ้มเมื่อนึกถึงรูปร่างล่ำสันแข็งแรงสมเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ของตำรวจหนุ่มตรงหน้า เขาแอบติดใจมาตั้งแต่วันนั้น ที่จริงด้วยพรสวรรค์ในการสะกดจิตของเขา เขาจะบังคับจิตให้สารวัตรโชว์สิ่งที่ซ่อนเร้นที่เขาแอบอยากเห็นเมื่อใดก็ได้ แต่เขายึดมั่นในหลักการที่จะไม่ใช้ความสามารถนั้นกับคนดีๆ ที่ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสารวัตร ในสังคมนี้ยังมีคนไม่ดีอีกเยอะที่รอให้เขาไปจัดการและหาความบันเทิงไปพร้อมกัน

“ยังไม่เลิกระแวงผมอีกเหรอครับ ผมสาบานเลยว่าผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีก ก็ตอนนั้นผมเลือดขึ้นหน้าจริงๆ ที่ไม่ฟังกันบ้างเลย แถมยังโดนด่าขนาดนั้น อ้อ ยกเว้นถ้าสารวัตรไปทำอะไรไม่ดีมาจนกลายเป็นผู้รับโทษขององค์กรนะครับ อันนั้นผมจะรีบลัดคิวให้เลย หล่อๆ ในเครื่องแบบแบบนี้ หึๆ” บอสหัวเราะในลำคอเหมือนจะขู่ เขาคงผิดหวังถ้าตำรวจดีๆ ที่หาได้ยากจะทำตัวไม่ดีตามน้ำไปกับเพื่อนร่วมอาชีพบางคน

“โธ่ อย่าล้อเล่นอย่างนั้นสิครับ ผมใจไม่ดีเลย ในฐานะคนรู้จักกัน ถ้าผมจะทำอะไรไม่ดีหรือหลงผิดไปบ้าง ช่วยรีบเตือนแต่เนิ่นๆ เลยนะครับ ผมไม่อยากชดใช้ด้วยวิธีขององค์กร” สารวัตรรีบบอก เขาเคยเห็นตัวอย่างเพื่อนตำรวจที่ใช้อำนาจในทางที่ผิดจนโดนองค์กรจัดการไปอย่างเสียวสาหัสแล้ว เคสที่พวกเด็กแว้นจะโดนนี่ยังนับว่าเบากว่ามากๆ

“เมื่อไหร่องค์กรจะขยายให้มีผู้รับโทษเป็นผู้หญิงบ้างนะครับ คุณบอสช่วยบอกหัวหน้าคุณให้หน่อยสิ ผมจะได้ขอเป็นสมาชิกบ้าง” สารวัตรทำตาเหม่อๆ เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะมีทาสสาวสวยมาคอยปรนนิบัติ เขาไม่รู้ว่าใครในองค์กรที่จะเป็นคนตัดสินใจในเรื่องนี้ แต่บอสคงพอจะเข้าถึงผู้ใหญ่ในองค์กรได้อยู่ ที่จริงบอสเองก็ดูมีบทบาทในองค์กรไม่น้อย แต่ด้วยอายุที่ยังน้อยอยู่ สารวัตรจึงปักใจเชื่อว่าบอสคงไม่ได้เป็นระดับสูงขององค์กร

“คงจะยาก ก็ผู้ก่อตั้งองค์กรเราเป็นเกย์นี่ครับ ถ้าสารวัตรไม่อยากรอก็เปลี่ยนใจเป็นไบหรือเป็นเกย์ดูสิครับ สินค้าแบบขาวๆ ตัวบางๆ น่ารักๆ ก็มีให้เลือกอยู่นะครับ” บอสแหย่ สารวัตรถือเป็นคนนอกจำนวนไม่มากที่เขาไว้ใจให้รู้ข้อมูลบางส่วนขององค์กร รวมถึงวิธีการชดใช้ความผิดของผู้รับโทษด้วย

“ไม่เป็นไรครับ เกรงใจ” นายตำรวจตอบ จริงๆ ถึงขั้นรู้สึกสยองด้วยซ้ำ แต่ถ้าพูดไปเดี๋ยวคนฟังจะนึกว่าเป็นการดูถูกคนที่เป็นเกย์ เดี๋ยวเขาจะซวยเอา ทั้งๆ ที่ก็แค่ไม่มีรสนิยมทางด้านนี้เอาเลย

จากนั้นสารวัตรก็ทำหน้าที่เป็นนายแบบลองกล้องให้ ซึ่งเป็นแค่การถ่ายรูปในชุดเครื่องแบบเท่านั้น แต่รูปที่กล้องบันทึกได้ก็ดูเร้าใจในความรู้สึกของบอสไม่น้อย ก็เล่นใส่เครื่องแบบฟิตเปรี้ยะรับกับหุ่นล่ำขนาดนั้น รูปที่กำลังถ่ายจากกล้องนั้นไปปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ทันทีด้วยการเชื่อมต่อแบบไร้สาย บอสสามารถสั่งลั่นชัตเตอร์หรือปรับค่าต่างๆ ของกล้องได้จากหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้เลย รูปที่ถ่ายไว้จะถูกส่งขึ้นไปเก็บในฐานข้อมูลองค์กรโดยอัตโนมัติ

“อุปกรณ์กับระบบพร้อมแล้วครับ สารวัตรจะส่งต่อให้ผมจัดการหมดเลย หรือเอาเฉพาะคนที่ไม่มีตังค์จ่ายค่าปรับ”

“เอาหมดเลยดีกว่า จะได้เข็ดทั้งแก๊งค์ตั้งแต่หัวหน้ายันปลายแถว ดูท่าทางแล้วกลุ่มนี้จะฐานะดีกันด้วยปรับไปก็คงกลับมาซ่าเหมือนเดิม หรือบางคนไม่ค่อยจะมีพ่อแม่ก็ต้องเดือดร้อนไปหยิบยืมชาวบ้านมาอีก ก็ระเบียบใหม่นี่ขยายจากไม่เกินห้าร้อยบาทขึ้นเป็นห้าพันบาทแล้ว หนักอยู่”

“ดีครับ ทางนี้ก็เริ่มขาดคนเหมือนกัน ก็ศูนย์ล้างรถการกุศลที่องค์กรเพิ่งขยายใหม่นี่คนมาใช้เยอะมาก ขนาดลูกค้ามีแต่เป็นกลุ่มเฉพาะทางจริงๆ คงจะบอกกันปากต่อปากกันด้วยแหละ เลยพามาใช้บริการกันเยอะ”

“งั้นผมให้คนช่วยพาเด็กเข้ามานะครับ ทีละห้าคนเหมือนเดิม”

บอสพยักหน้า ซักพักเด็กแว้นห้าคนแรกก็เข้ามาในห้อง ที่ด้านนอกคงมีจ่าหรือร้อยเวรมาช่วยเหมือนเดิม เจ้าหน้าที่เกือบทั้งหมดในโรงพักไม่รู้เรื่องของบอสและองค์กร พวกเขาทราบเพียงแต่ว่ามีหน่วยงานอิสระที่รับเข้ามาดูแลผู้ต้องหาแทน ซึ่งระดับสูงรับทราบและไฟเขียวกันมาทุกระดับแล้ว เจ้าหน้าที่ดีใจด้วยซ้ำเพราะไม่ต้องทำงานเอกสารจำนวนมากให้วุ่นวาย ลำพังเรื่องอื่นๆ ที่ประชาชนมาแจ้งความในแต่ละวันก็ดูแลแทบไม่ไหวแล้ว นอกจากนั้นดูเหมือนเคสที่หน่วยงานองค์กรอิสระนี้รับไปดูแลจะมีความประพฤติที่ดีขึ้นไม่กลับมาขึ้นโรงพักอีกเลย บางครั้งพ่อแม่ยังกลับมาขอบคุณอีกด้วยซ้ำ

บอสตรวจสอบรายชื่อผู้ต้องหาตามที่สารวัตรถ่ายข้อมูลให้ก่อนหน้านี้ เขาเรียกชื่อทีละคนเพื่อยืนยัน ระหว่างนั้นเขาก็สะกดจิตเด็กทุกคนแบบอ่อนๆ ให้ผ่อนคลายเปิดใจรับคำสั่งและคำชี้แจงต่างๆ ที่จะมีขึ้นไปจนกว่าจะจบกระบวนความในคืนนี้ หลังจากนั้นโปรแกรมจะตรวจสอบข้อมูลของเด็กแต่ละคนกับฐานข้อมูลขององค์กรถึงสิ่งผิดปกติ และตรวจสอบว่าเป็นผู้ที่มีความผิดอื่นที่ยังไม่ได้รับการลงโทษหรือ เพื่อจะได้ดำเนินการไปในทีเดียว การตรวจสอบทั้งหมดนี้กินเวลาแค่ห้าวินาทีเท่านั้นสำหรับผู้ต้องหาห้าคน

เมื่อเห็นว่าเด็กชุดนี้ไม่มีใครที่มีความผิดอื่นเพิ่มเติม บอสก็สั่งให้แต่ละคนไปถ่ายรูปเก็บข้อมูลเข้าระบบขององค์กร

“เอ้า ทุกคนคนถอดเสื้อผ้าออกให้หมด แล้วไปยืนถ่ายรูปทีละคนคนละสามท่านะครับ มีหันหน้า หันข้าง และหันหลัง ถ้าใครปั่นให้แข็งระหว่างถ่ายรูปด้วย จะลดโทษให้เป็นพิเศษ เริ่มจากคนแรกเลยครับ”

เด็กทั้งห้าคนปฏิบัติตามโดยดี ถึงจะถูกสะกดให้เปิดใจรับคำสั่ง แต่บอสก็ไม่ได้ลบความอายออกไป ที่หน้าบางหน่อยอย่างเด็กคนแรกจึงมีสีหน้าแดงก่ำ เด็กแว้นคนนี้อายุสิบเจ็ดปี เป็นคนรูปร่างหนาๆ ผิวพรรณดีไม่มีรอยสัก ที่สำคัญหล่อ น้องเอามือกุมเป้าไว้แน่นไม่ยอมชัก ไม่ยอมเงยหน้าแล้วบอกเสียงเบาๆ ว่า

“พี่ครับ ผมอาย ผมขอไม่ปั่นได้ไหมครับ”

“เป็นลูกผู้ชายแค่นี้จะอายทำไม ทีขับรถซิ่งทำชาวบ้านเดือดร้อนดันไม่อาย ไปทำงานใช้โทษต้องอายกว่านี้อีก ไม่ยอมชักเดี๋ยวต้องรับโทษเต็มๆ จะหาว่าไม่เตือน” บอสยังไม่ทันพูดอะไร แต่คนที่พูดกลับเป็นสารวัตรหนุ่มหน้าเข้มซะเอง ท่าทางจะเบื่อกับการไล่จับพวกเด็กแว้นไม่จบไม่สิ้นซักที

เด็กหนุ่มร่างใหญ่รีบเอามือชักท่อนลำของตัวเอง เห็นอายจนแดงไปทั้งตัวอย่างนี้ แต่พอสัมผัสตัวเองแค่แป๊บเดียวน้องชายก็ผงาดมาทันที เด็กวัยรุ่นนี่เลือดลมดีจริงๆ บอสคิดพลางตะโกนสั่งให้เด็กหนุ่มขี้อายโพสต์ท่าด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง เพื่อเก็บภาพจนครบ ถือว่าเป็นเด็กที่มีของใหญ่สวยตามมาตรฐานเด็กสมัยนี้เลยทีเดียว

ผู้ต้องหาคนต่อมาหน้าตาไม่หล่อมาก แต่มีดีตรงรูปร่างเพรียวแบบมีกล้ามและท่อนลำเรียวยาวเป็นพิเศษ คนนี่ไม่เขินไม่อายเดินแข็งโด่มาตั้งแต่ไกลพร้อมถ่ายรูปด้วยความมั่นใจ มีลายสักกราฟฟิกเท่ๆ ตรงแถวหน้าอกกับต้นแขนซึ่งก็ดูเข้ากันดี

เด็กคนที่สามขาวตี๋ขนานแท้ หน้าตาหล่อแบบเด็กๆ แต่ที่สะดุดตาคือน้องชายที่ขาวจั๊วสะอาดตา แทบมองไม่เห็นขนขึ้นเลย บอสเช็คประวัติอีกที อายุยังไม่เต็มสิบห้าก็จริงแต่ปกติเด็กวัยนี้ก็น่าจะมีไรขนขึ้นมากกว่านี้นะ สงสัยเป็นเด็กที่มีการเจริญพันธ์ช้าหน่อย ขนยังไม่ขึ้นริจะมาเป็นแว้นซิ่งซะแล้ว บอสบ่นในใจขณะถ่ายภาพ

เด็กคนที่สี่ก็ตามสไตล์เด็กแว้นทั่วไปที่ผิวจะคล้ำๆ หน่อย หุ่นก็ผอมๆ แบบวัยรุ่น ตัดผมสั้นแล้วไถข้างเป็นขีดๆ ซึ่งก็ดูเท่ดีไม่หยอก ขนาดเครื่องเคราก็ไม่น้อยหน้าเพื่อนๆ ส่วนคนสุดท้ายของกลุ่มแรกมาแปลก คนนี้หน้าตาออกไทยๆ แต่ดูทะลึ่งทะเล้น มีดีที่ง่ามขาเกลี้ยงเกลากับแก้มก้นที่นวลเนียน มาถึงก็ปั่นน้องชายสวยได้รูปแข็งรอไว้เลย พอถ่ายรูปเสร็จก็ยังชักไม่เลิกแล้วหันมาถามว่าถ้าชักให้แตกเลยจะลดโทษให้อีกไหมจนสารวัตรต้องไล่ไป รวมเวลาห้าคนก็ใช้ไปเกือบสิบนาที บอสเลยบอกสารวัตรให้ช่วยเร่งมือหน่อยเพราะยังเหลือเด็กอีกมาก สารวัตรเสนอให้เข้ามาทีละสิบคนเลย ส่วนเด็กที่ถ่ายรูปเสร็จแล้วบอสก็สั่งให้ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วไปนั่งรอที่เดิมอย่างสงบ

กลุ่มที่สองมีคนที่บอสให้ความสนใจอยู่คือเด็กแว้นที่สารวัตรบอกว่าน่าจะเป็นหนึ่งในกลุ่มหัวหน้าแก็งค์ ขนาดยังเป็นเด็กวัยรุ่นอยู่แต่ก็มีลักษณะเหมือนนักเลงหัวไม้ หน้าตาจะว่าหล่อก็ใช่อยู่แต่ในแบบโหดๆ แถมยังแสดงปฏิกิริยาไม่พอใจอยู่ตลอดเวลา บอสตรวจสอบประวัติในฐานข้อมูลองค์กรแล้วพบว่าเด็กคนนี้มีความผิดติดตัวอย่างอื่นซึ่งอยู่ในข่ายที่จะต้องรับโทษอยู่แล้วซึ่งคงจะใช้วิธีชดใช้แบบเดียวกับเพื่อนไม่ได้ บอสคิดในใจว่าจะต้องแยกเด็กคนนี้ออกมาจัดการต่างหาก

เมื่อถึงขั้นตอนถ่ายรูป หัวหน้าแว้นหันหน้ามาทางกล้องยืนถ่างจังก้าโชว์มังกรยักษ์ที่พ่อให้มาอย่างเยอะ สายตาจ้องเขม็งมาที่บอสโดยไม่ยอมพูดจา เด็กหนุ่มไม่ยอมปั่นของตัวเองให้แข็งเพื่อขอลดโทษ แต่ขนาดไม่แข็งตัว ท่อนลำที่ห้อยโตงเตงอยู่ก็มีความยาวเกือบคืบน่าจะได้ ผิวพรรณไม่ได้ขาวจัดแต่ทำไมพอเปลือยกายแล้วดูดีไม่ใช่น้อย พอหันหลังมาก็เจอแผ่นหลังรูปมังกรยักษ์ที่ถูกสักให้เลื้อยมายังแก้มก้น หางของมังกรตวัดล้อมร่องก้นไว้อย่างสวยงาม เป็นมังกรที่สมชายชาตรีผนวกกับเอวเจ้าของรอยสักที่คอดกิ่วจนทำให้ก้นกลมแต่แกร่งดูเด่นสะดุด

ระหว่างที่รอเด็กแว้นกลุ่มต่อไป สารวัตรก็ถามบอสขึ้นว่า “ผมสงสัยอยากถามมานานแล้ว ทำไมต้องเก็บรูปเปลือยของผู้ต้องหาทุกคนด้วย ทางองค์กรไม่ได้จะเอาภาพพวกนี้ไปขายไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ได้จะเอาไปขายครับ ความผิดยังไม่ถึงขั้นนั้น จริงๆ เรื่องการถ่ายรูปเราก็ทำกับคนที่มารับโทษทุกคน หลักๆ ก็เพื่อเก็บเป็นข้อมูลแล้วก็จะได้ดูความผิดปกติที่อาจเกี่ยวข้องด้วย นอกจากนั้นในเคสที่ความผิดไม่รุนแรงมากก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้ผู้รับโทษเกิดความอายจะได้ไม่ทำผิดอีก อาจจะเอาไว้ขู่ได้ด้วย แต่มีอีกอันที่สำคัญ”

“คืออะไรเหรอครับ” นายตำรวจสงสัย

“ก็เป็นเหมือนค่าจ้างของผมไงครับ ผมมาทำงานนี้ก็ด้วยใจรักเรื่องแบบนี้ สารวัตรก็รู้ว่าองค์กรเราไม่ได้แสวงหากำไร เงินที่ได้จากการเอาผู้รับโทษไปหาประโยชน์ เราก็เอาไปใช้ชดเชยความเสียหายให้คนที่เดือดร้อนจากการกระทำของเจ้าตัวเอง นอกนั้นก็เป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายออกไปจริงๆ เหลือก็เอาไปบริจาคการกุศลต่อ องค์กรเรายังมีคนที่ทำงานภาคสนามได้ไม่เยอะ ผมก็ขอเก็บอาหารตาดีๆ ไว้บ้าง เป็นค่าเหนื่อยไงครับ ไม่ต้องกังวลหรอกครับ เด็กๆ พวกนี้โดนแค่งานบริการสังคม ไม่เสียอนาคตแน่นอน” บอสอธิบาย

สารวัตรนึกในใจ ถึงจะดูมีเหตุผล แต่จริงๆ ก็เพื่อสนองความหื่นไม่ใช่เหรอ แต่พอเริ่มถ่ายรูปของกลุ่มต่อไปที่เข้ามา นายตำรวจหนุ่มก็พบว่ามันมีประโยชน์กว่าที่คิด เมื่อเขาเห็นบาดแผลที่เกิดจากการทรมานร่างกายบนตัวเด็กร่างเล็กอายุแค่สิบห้าปีที่กำลังยืนเปลือยอยู่หน้ากล้อง สารวัตรรีบเข้าไปซักถามทันที

“แผลพวกนี้ไปโดนอะไรมา” เขาโกรธตัวเองที่ไม่สังเกตเห็นบาดแผลพวกนี้มาก่อน ทั้งๆ ที่เด็กแว้นทั้งหมดถูกจับถอดเสื้อมาตั้งแต่แรกแล้ว อาจเพราะเด็กคนนี้อยู่รวมกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่มีรอยสักกันหลายคนทำให้แนวเขียวช้ำที่ปรากฎอาจดูคล้ายรอยสักเมื่อมองผ่านๆ นอกจากนั้นเจ้าตัวก็เหมือนจะพยายามปิดปังด้วย

“มะ ไม่มีอะไรครับ ผมแค่ตกบันไดที่โรงเรียนมา” เด็กหนุ่มที่เพิ่งพ้นวัยเด็กมาไม่นานรีบละล่ำละลักตอบท่าทางหวาดกลัว แต่จากประสบการณ์ที่เป็นตำรวจมาหลายปี มีหรือที่จะไม่รู้ว่านี่เป็นแผลที่เกิดจากการทำร้ายร่างกาย เขาคาดคั้นใหม่ให้ตอบตามความเป็นจริง แต่เด็กหนุ่มเอาแต่ร้องไห้ส่ายหน้าไม่ยอมพูดอะไร

“ใจเย็นๆ ครับ ให้น้องเขาสงบสติอารมณ์ก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกัน” บอสประคองหนุ่มน้อยไปนั่งที่โซฟาอีกด้านนึงของห้องแล้วทำยังไงไม่รู้เด็กหนุ่มแรกรุ่นก็หลับไปเลย บอสถอดเสื้อแจ็คเก็ตที่สวมอยู่ออกมาห่มให้

จากนั้นบอสและสารวัตรก็กลับมาทำงานต่อจนเก็บข้อมูลและถ่ายรูปได้เสร็จทุกคนก็เป็นเวลาเกือบตีสองแล้ว โดยรวมบอสพอใจกับเด็กกลุ่มนี้มาก รูปร่างหน้าตาจัดว่าดีกว่าค่าเฉลี่ยกันเป็นส่วนใหญ่ มีแค่สองสามคนที่ไม่ยอมทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวขณะบันทึกภาพ
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 5] 16/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 16-07-2015 22:41:07
บอสและสารวัตรช่วยกันเคลียร์อุปกรณ์ในห้องจนเรียบร้อยแล้วก็ให้เด็กแว้นทั้งหมดเข้ามาฟังคำอธิบายในห้องที่ดูจะเล็กลงไปถนัดตาเมื่อเด็กแว้นเกือบร้อยชีวิตยืนอัดเบียดเสียดจนเต็ม บอสปล่อยให้เป็นบทบาทของตำรวจหนุ่มในการสรุปความผิดให้วัยรุ่นคึกคะนองกลุ่มนี้ฟัง

“จริงๆ พวกเราก็รู้กันดีว่าการซิ่งป่วนเมืองที่ทำไปคืนนี้เป็นพฤติการณ์ที่สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ไม่ยำเกรงกฎหมาย และก่อให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ถือเป็นความผิดทาง พ.ร.บ.จราจรทางบก ที่ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ยิ่งครั้งนี้ที่กระทำการอุกอาจถึงขั้นปิดถนน ถ้าว่ากันตามกฎหมายละก็ อาจต้องถูกปรับหลายหมื่น หรือถูกริบรถเลยก็ได้นะ”

สารวัตรกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เด็กพรึมพรำซุบซิบกันด้วยความกังวล แต่มีบางส่วนนึกย่ามใจว่าแค่เงินไม่กี่หมื่นไม่เห็นจะเป็นปัญหา แค่โทรกริ๊งเดียวก็มีคนมาจัดการให้ จะริบรถไปเลยก็ได้ ดีซะอีกจะได้ซื้อคันใหม่

“แต่ทำไปก็เท่านั้น ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ แต่ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ก็ไม่สำนึก แถมเป็นการสร้างภาระให้พ่อแม่ผู้ปกครองเดือดร้อนหนักเข้าไปอีก ส่งไปอบรมตามค่ายทหารหรือศูนย์ปฏิบัติธรรมต่างๆ ก็เสียเวลาเสียงบประมาณเปล่า ระยะหลังนี่ทางตำรวจเลยจะส่งเคสแบบพวกเธอให้หน่วยงานอื่นจัดการ ขอเชิญเจ้าหน้าที่มาให้รายละเอียดครับ” สารวัตรส่งไม้ต่อให้บอส

“ตอนนี้พวกคุณอยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรผมแล้ว ขอบอกไว้ก่อนว่าไม่ว่าใครจะเส้นใหญ่มาจากไหนก็ต้องทำตามที่ผมบอก จะนักการเมือง ตำรวจ ทหาร ก็ช่วยพวกคุณไม่ได้ องค์กรผมจะเรียกว่าเป็นองค์กรใต้ดินก็ได้ เราไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย เรามีกฎของเราเอง ขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ ผมขอถามว่าตอนที่ต้องโดนถ่ายรูปเปลือยมีใครอยากทำบ้าง ยกมือ” บอสถามเสียงเฉียบขาด ไม่มีใครยกมือ ยกเว้นเด็กแว้นคนที่เสนอจะชักว่าวให้ดูเพื่อแลกกับการลดโทษเพิ่มเติมที่เหมือนทำท่าจะยกมือแต่ไม่กล้า บอสเกือบหลุดขำขึ้นมา แต่ก็รีบตีหน้าขรึมทำเป็นไม่สนใจ

“ถ้าไม่มีใครอยากทำ แล้วมีใครขัดขืนได้บ้าง” บอสถามต่อ เด็กวัยรุ่นมองหน้ากันเหมือนจะถามว่ามีใครไม่ต้องโดนถ่ายรูปบ้าง สุดท้ายก็ไม่มีใครยกมือ

“คงเห็นกันแล้วว่าพวกคุณทำตามที่ผมสั่งโดยไม่มีใครขู่เข็ญบังคับ ถึงพวกคุณอายแต่ก็ทำแต่โดยดี ผมคงไม่อธิบายอะไร ณ ที่นี้ แค่อยากจะบอกว่านี่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งที่องค์กรทำได้ อย่าพยายามขัดขืน เอาแค่เบาะๆ คุณคงไม่อยากให้รูปโป๊ของตัวเองไปติดอยู่หน้าโรงเรียนหรอนะ หรือถ้าแค่นั้นยังไม่อายพอเราก็มีวิธีจัดการคุณแบบอื่นๆ ที่ติดคุกไปเลยยังจะดีซะกว่า” บอสขู่ด้วยเสียงหนักแน่น

“นี่คือสิ่งที่คุณจะต้องทำ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ยกเว้นคนที่ผมแยกออกมาทีหลัง จะต้องชดใช้ความผิดโดยการทำงานบริการสังคมคนละห้าสิบชั่วโมง และเสียใจด้วยบริการสังคมขององค์กรเราไม่ได้หน่อมแน้มอย่างการไปเก็บขยะ ปลูกต้นไม้ อะไรพวกนั้น คุณต้องออกแรงกันหน่อย และที่สำคัญค่อนข้างเปลืองตัวเลยล่ะ ส่วนคนที่ไม่ได้ปั่นให้แข็งตอนถ่ายรูป จะต้องทำงานบริการสังคมแบบพิเศษเพิ่มขึ้นอีกคนละสามชั่วโมง” บอสพูดต่อ ส่วนกลุ่มเด็กแว้นก็กระซิบกระซาบกันด้วยความกังวลว่าจะต้องเจออะไรที่แย่กว่าการแก้ผ้าถ่ายรูปอีก

“ทางองค์กรจะส่งรายละเอียดและตารางการทำงานไปให้ทางโทรศัพท์ อีเมล หรือโซเชียลเน็ตเวิร์คที่คุณใช้ประจำ ไม่ต้องห่วงเรามีข้อมูลแทบทุกอย่างและติดต่อพวกคุณได้แน่นอน ได้รายละเอียดแล้วก็อย่านอนใจ งานที่เปิดช่วงนี้ถือว่าง่ายที่สุดแล้ว รีบๆ ไปทำกันให้ครบ ผมไม่แนะนำให้ลองของกับองค์กรของเรา ผมมีเรื่องพูดแค่นี้ หวังว่าพวกคุณคงไม่ทำผิดซ้ำจนกลับมาพบกับผมอีก ส่วนคนที่มีรายชื่อที่ผมจะเรียกต่อไปนี้ให้อยู่ก่อน ที่เหลือกลับบ้านได้เลย คุณตำรวจปลดล็อคมอเตอร์ไซค์ให้หมดแล้ว”

บอสเรียกชื่อเด็กวัยรุ่นขึ้นมาสามคน หนึ่งในนั้นคือหัวหน้าแก็งค์มาดนักเลงเจ้าของรอยสักรูปมังกรที่แผ่นหลังนั่นเอง เด็กที่เหลือต่างทยอยกันออกไปเอารถด้วยความดีใจที่จะได้กลับบ้านซะที ถึงในใจยังแอบหวั่นๆ ว่าจะต้องเจออะไรบ้างตอนไปทำงานบริการสังคม สารวัตรออกไปช่วยดูแลให้เป็นระเบียบ ส่วนบอสพูดกับเด็กวัยรุ่นสามคนว่า

“พวกคุณเป็นพวกที่มีความผิดอื่นนอกเหนือจากการปิดถนนแข่งรถซิ่งคืนนี้ โทษจะหนักกว่าคนอื่นมาก พวกคุณไม่ต้องไปทำงานบริการสังคม แต่จะต้องเอาตัวเองไปขายระดมทุนในเครือข่ายลับขององค์กรเราจนได้ยอดเงินบริจาคครบตามยอดหนี้สังคมที่คุณก่อขึ้น ขอบอกว่าอันนี้เปลืองตัวกว่าเยอะ”

หนุ่มรอยสักมังกรตะคอก “พวกกูไปทำอะไรไว้ มึงจะมาโยนความผิดมั่วๆ ให้กูไม่ได้นะ”

บอสนึกแปลกใจเล็กน้อยที่เด็กหนุ่มสามารถพูดคำหยาบใส่เขาได้ทั้งๆ ที่อยู่ภายใต้ควบคุมจิตอ่อนๆ ให้อยู่ในความสงบที่เขาสะกดไว้ตั้งแต่ก่อนถ่ายรูป คงจะเป็นคนจิตแข็งแล้วก็โกรธมากจนได้สติคืนมาบางส่วน แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้

“สงบอารมณ์หน่อย ผมไม่ใช่เพื่อนเล่นคุณนะ นี่นึกไม่ออกจริงๆ หรือว่าตัวเองไปทำอะไรมา อย่านึกว่าผมไม่รู้นะว่าเมื่อสามเดือนก่อนคุณทำอะไรไว้กับคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องยังไง แค่เขาเป็นญาติกับหัวหน้าแก๊งค์คู่แข่งของคุณเท่านั้นเอง ถ้าชอบความเร็วจริง ทำไมไม่แข่งกันตรงๆ ล่ะ คุณมันก็แค่หมาลอบกัด” ถึงตอนนี้สารวัตรจะไม่อยู่ในห้องแล้วแต่บอสก็ไม่ได้กลัวสามคนที่อยู่ตรงหน้าแม้แต่น้อย แถมยังแกล้งกระตุ้นความอารมณ์โกรธด้วยคำพูดแทงใจอีก

อันธพาลหนุ่มทำท่าจะเข้ามาชกบอส แต่กับถูกเพื่อนร่วมแก๊งค์สองคนล็อคแขนเอาไว้ คนนึงถึงกับเอามือล้วงไปบีบพวงไข่เขาด้วยซ้ำ เขามองด้วยความตกใจเพราะไม่รู้ว่าเพื่อนทั้งสองตกอยู่ใต้อำนาจจิตของบอสแล้ว

“เงียบแล้วฟัง คุณคงไม่อยากถูกเพื่อนตัวเองลวนลามหรอกนะ เอาเป็นว่าตอนนี้ทั้งคู่ตกอยู่ใต้อำนาจของผมแล้ว แม้แต่ตัวคุณเองผมก็บังคับจิตได้ง่ายๆ ถ้าคุณตกลงที่จะฟังแต่โดยดีผมจะถอนสะกดเพื่อนคุณให้” หนุ่มรอยสักพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ บอสดีดนิ้วเป๊าะเดียวเพื่อนเขาก็ปล่อยมือที่ล็อคแขนอยู่ออกทันทีด้วยความงงๆ คนที่ล้วงมือเข้าไปในกางเกงถึงกับสะดุ้งตกใจแล้วชักมือออกทันที แต่โดยรวมทั้งคู่ก็ยังอยู่ในอาการสงบ

“ตอนนี้ทางองค์กรยังรวบรวมข้อมูลเพื่อประมวลมูลค่าหนี้ทางสังคมที่คุณแต่ละคนต้องชดใช้อยู่ เอาเป็นว่าถ้าเสร็จและจัดสรรคิวได้ เราจะติดต่อไปนะครับ ระหว่างนี้ก็ไม่ต้องไปพยายามดิ้นรนขัดขืนหรือหนีไปไหน ไม่มีประโยชน์” บอสหยุดดูข้อมูลในมือถือนิดเดียวแล้วพูดต่อ

“อย่างคุณคนนี้ ผมรู้ว่าคุณลุงของคุณไม่ธรรมดาเลย แต่อย่าไปเอาท่านมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยจะดีกว่า นอกจากจะช่วยไม่ได้แล้ว ท่านจะกังวลใจจนโรคหัวใจเรื้อรังที่เป็นอยู่กำเริบซะเปล่าๆ” บอสหันไปขู่เพื่อนคนหนึ่งของหนุ่มรอยสักด้วยข้อมูลที่สังเกตเห็นจากระบบตั้งแต่ตอนถ่ายรูปแล้ว จากนั้นจึงบอกให้ทั้งสามแยกย้ายไปได้ ขณะที่สารวัตรซึ่งกลับเข้ามาตอนไหนไม่รู้ยืนฟังอยู่เงียบๆ รอจนเด็กหนุ่มทั้งสามกลับไป แล้วถึงหันมาคุยกับบอส

“นอกจากเรื่องการบังคับจิตแล้ว ก็ฐานข้อมูลข่าวกรองขององค์กรคุณนี่แหละ ที่ถือว่าเป็นอาวุธที่สุดยอดจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ใหญ่ยอมให้ความร่วมมือเพื่อแลกกับข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่องค์กรมี”

บอสซ่อนรอยยิ้มไว้ ไม่ใช่แค่เรื่องข้อมูลหรอกที่ทำให้ระดับสูงให้ความร่วมมือกับองค์กรเป็นอย่างดี แต่เรื่องบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องบอกออกไปหมดถึงสารวัตรจะเป็นคนที่ไว้ใจได้ก็ตาม

“ก็คงงั้น เกือบตีสามแล้ว ยังเหลือเรื่องเด็กคนนั้นที่ยังไม่ได้จัดการเลย” บอสเปลี่ยนเรื่อง

“อ้อจริง ผมก็ลืมไป เพื่อนของเด็กคนนั้นคนนึงยังไม่กลับ รออยู่ด้านนอกบอกว่าเป็นห่วงเพื่อน คุณบอสจะให้เขาเข้ามาไหม”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวผมออกไปคุยกับเขาเอง มีอะไรจะถามนิดหน่อย ฝากสารวัตรดูเด็กคนนั้นด้วยนะ”

สารวัตรเดินไปดูหนุ่มน้อยที่นอนหลับอยู่ตรงโซฟา ทั้งเนื้อทั้งตัวยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้ามีเพียงเสื้อแจ็คเก็ตของบอสห่มอยู่ เขามองหาเสื้อผ้าของเด็กหนุ่มที่น่าจะยังอยู่ในห้องแต่ก็ไม่พบ อาจจะถูกเพื่อนหยิบติดไป ยิ่งดูบาดแผลใกล้ๆ แล้วยิ่งสงสาร มีทั้งแผลเก่าแผลใหม่ที่ดูแล้วน่าจะเป็นรอยเฆี่ยนตี ที่น่าใจหายคือตรงหัวนมอมชมพูที่กลับมีรอยไหม้เหมือนโดนเอาบุหรี่จี้ ตำรวจหนุ่มรีบพลิกสำรวจไปบนร่างเปล่าเปลือยของเด็กหนุ่มเพื่อหาร่องรอยทำร้ายอื่นๆ ด้วยความกังวลว่าอาจจะมีการล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้นด้วย แต่นอกจากรอยถลอกแปลกๆ ที่อวัยวะเพศแรกรุ่นขาวใสแล้ว ส่วนอื่นๆ บริเวณอวัยวะดังกล่าว รวมทั้งช่องทางด้านหลัง ก็ไม่ปรากฏร่องรอยการข่มขืนใดๆ พบแต่แผลพกช้ำจากการถูกทำร้ายและร่องรอยการถูกมัดที่กระจายไปทั่วร่าง เขาหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปร่องรอยบาดแผลต่างๆ ทั้งตัวที่เปลือยเปล่าของหนุ่มแรกรุ่นเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน

บอสกลับเข้ามาในห้องแล้วพูดกับนายตำรวจหนุ่มว่า

“ผมให้เพื่อนเขากลับบ้านไปก่อนแล้ว คนนั้นก็ยังเด็กอยู่ นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณจะเอายังไงกับเด็กคนนี้ จะให้ทางองค์กรช่วยจัดการให้ไหม เรื่องสืบเสาะหาสาเหตุกับการลงโทษคนที่ทำทางเราไม่มีปัญหา แต่เรื่องการดูแลเด็กอาจจะลำบากหน่อย”

 บอสหารือ จริงๆ แล้ว แม้แต่คนที่เกี่ยวข้องเองก็ไม่ค่อยรู้ว่า องค์กรที่ดูเหมือนใหญ่และทรงอิทธิพลแห่งนี้ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่อะไรมากมายเลย เกือบทั้งหมดเป็นอาสาสมัครที่เจียดเวลามาช่วยทำงาน นอกนั้นก็เป็นสมาชิกที่เป็นคนสนับสนุนด้านการเงินและอาจจะใช้อิทธิพลให้ความช่วยเหลือได้ในเรื่องสำคัญๆ งานส่วนใหญ่ขององค์กรจะทำบนระบบไอทีอัตโนมัติที่เพื่อนของเขาออกแบบไว้ จึงแทบจะไม่ต้องใช้คนเลย ที่เหลือก็เป็นงานภาคสนามที่เขาต้องลงเองหากต้องมีการสะกดจิต แต่เขาก็กำลังพัฒนากระบวนการทำงานที่ลดการพึ่งพาการสะกดจิตลงเรื่อยๆ

“ผมจะเอาเขาไปอยู่ด้วยก่อนครับ ยังไงผมก็อยู่คนเดียวอยู่แล้ว ไม่อยากให้เด็กกลับไปเจอเรื่องเดิมๆ อีกอย่างน้อยก็ในช่วงนี้ ส่วนเรื่องคดี คราวนี้ขอให้ตำรวจอย่างผมลงมือเองบ้างเถอะครับ กรณีอย่างนี้ข้อกฎหมายก็ชัดเจนเพียงพอ ไม่อยากจะพึ่งองค์กรไปทุกเรื่อง แต่ถ้าคุณบอสมีข่าวหรือข้อแนะนำอะไรก็ยินดีครับ”

บอสโล่งใจที่สารวัตรจะรับเด็กคนนี้ไปดูแล เขาค่อนข้างหวงความเป็นส่วนตัวมากๆ นี่ยังไม่นับว่างานที่ทำมีเรื่องเปิดเผยไม่ได้เต็มไปหมด

“ดีแล้วครับ เท่าที่ผมทราบจากข้อมูลเบื้องต้น มีโอกาสสูงที่จะเป็นการกระทำของคนในครอบครัว เด็กคนนี้อยู่กับพ่อเลี้ยงและพี่ชายที่เป็นลูกของพ่อเลี้ยงครับ” ที่จริงบอสมั่นใจเลยล่ะ แต่ก็ให้คุณตำรวจลองสืบด้วยตัวเองอีกที

“ขอบคุณมากครับ ถ้ามีอะไร ผมจะติดต่อไปแล้วกัน ตอนนี้ขอพาเด็กคนนี้กลับไปนอนก่อน ดูสิ เสื้อผ้าก็หายหมด ตัวก็เล็กใส่เสื้อผ้าผมคงไม่ได้ ยังกะพ่อกับลูก”

สารวัตรคืนเสื้อให้บอสแล้วอุ้มเด็กวัยสิบห้าที่เปลือยทั้งร่างไว้กับอก เขาบอกว่าในรถมีผ้าห่มอยู่แล้ว บอสมองด้วยความทึ่งว่าถ้าเป็นตัวเขาคงไม่สามารถยกร่างเด็กหนุ่มวัยนี้ไหวอย่างแน่นอน สองคนเดินไปถึงที่จอดรถแล้วสารวัตรก็ขอรีบแยกตัวออกไปก่อนเพราะไม่อยากให้เด็กที่อุ้มอยู่โดนอากาศกลางดึกนานเกินไป ส่วนบอสถึงจะเริ่มง่วงแล้วแต่ก็ยังค่อยๆ เก็บของและอุปกรณ์ต่างๆ ใส่ในท้ายรถอย่างระมัดระวัง

ขณะที่บอสปิดฝากระโปงหลังลงนั้น กระจกหลังของรถยนต์ก็สะท้อนภาพให้เห็นเงาคนที่อยู่ด้านหลังกำลังเงื้อวัตถุบางอย่างฟาดมาที่เขา บอสเบี่ยงตัวหลบตามสัญชาตญาณอย่างรวดเร็ว แท่งไม้ในมือชายคนนั้นพลาดเป้าจากหัวมาโดนไหล่แทนแต่ก็สร้างความเจ็บปวดให้เป็นอันมาก เขาร้องออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ยังพยายามรวบรวมสติเพื่อหาทางป้องกันตัว บอสสบสายตากับคนที่ลอบทำร้ายตัวเองแล้วพบว่าคือแว้นตัวหัวหน้าเจ้าของรอยสักมังกรนั่นเอง แต่ความพยายามที่จะควบคุมจิตใจของฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตากลับล้มเหลวเนื่องจากความเจ็บปวดที่ไหล่และความตื่นตระหนกจนไม่สามารถรวบรวมสมาธิได้

เด็กหนุ่มรอยสักยิ้มเหี้ยมเดินถือไม้เข้าประชิดตัวบอสเตรียมที่จะฟาดลงมาอีกครั้ง ทันใดนั้น ร่างของคนที่กำลังลงมือทำร้ายก็กระเด็นไปด้านข้างตามแรงเตะของผู้มาใหม่ บอสหันไปมองคนที่เข้ามาช่วยแล้วตะโกนเรียกชื่อด้วยความโล่งใจ

“โป๊ป”

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 5] 16/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 16-07-2015 23:38:13
น่าสนใจ สนุกมาก
ขอแสดงตัว หลังจากเป็นนักอ่านเงามา 5 ตอน
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 5] 16/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 17-07-2015 00:25:26
 :hao7:  ท่านสารวัตร จะกินเด็กแล้ววว แบบนี้จะผิดกฏองค์กรมิ๊  :impress2:

ว่าแต่โป๊ปเนี่ย เบอร์ 1สินะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 5] 16/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 17-07-2015 22:09:39
ขอบคุณทุกกำลังใจมากๆ เลยครับ

คืนนี้สงสัยมาต่อให้ไม่ทัน ที่จริงแต่งล่วงหน้าไปได้ไกลแล้ว แต่ต้องมีปรับแก้บางบทเพื่อให้เนื้อเรื่องโอเคยิ่งขึ้น
ต้องขออภัยด้วย แต่จะรีบมาต่อให้โดยเร็วครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 5] 16/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 18-07-2015 07:09:10
มาต่อเร็วๆ นะ กำลังสนุกเลย
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 6] 18/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 18-07-2015 20:59:55
องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 6

เด็กหนุ่มหัวหน้าแก๊งค์ซิ่งนั่งสงบอยู่บนพื้นด้วยแววตาที่เหม่อลอย ตามเนื้อตัวมีบาดแผลพกช้ำหลายแห่ง บอสซึ่งเพิ่งสะกดจิตคนตรงหน้าเสร็จ ก็ถูกเพื่อนคนสนิทผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกหมายเลขหนึ่งขององค์กรดึงตัวไปสำรวจอย่างใกล้ชิดทันที

“เกือบไปแล้วนะมึง ถ้ากูมาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น ดูซิไหล่ช้ำไปหมด กูจะกระทืบแม่งอีกรอบ” โป๊ปท่าทางยังแค้นไม่เลิก

“พอแล้วโป๊ป แค่มึงทั้งชกทั้งเตะไปขนาดนั้นมันก็แทบปางตายแล้ว กว่าจะยอมส่งมาให้กูสะกดจิต มึงไม่ต้องห่วง ไอนี่มันต้องโดนกูเอาคืนอย่างหนัก ว่าแต่มึงมาช่วยกูได้ยังไงวะ ปกติเวลากูมาทำงานที่โรงพักนี่มึงไม่ค่อยเป็นห่วงไม่ใช่เหรอ” บอสดีใจที่เพื่อนมาช่วยไว้ทันเวลา แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าโป๊ปรู้ได้อย่างไรว่าจะเกิดเหตุขึ้น

“ก็พอมึงส่งข้อมูลรายชื่อเด็กแว้นชุดนี้เข้าระบบมา ฐานข้อมูลองค์กรก็ประมวลผลแบบอัตโนมัติโดยดึงข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆ ทั้งของรัฐและเอกชน พอวิเคราะห์เสร็จ ระบบมันก็ขึ้นเตือนว่าในกลุ่มนี้อาจมีคนที่มีสภาพจิตที่เข้มแข็งพอจะต้านการสะกดจิตแบบธรรมดาของมึงได้ กูกังวลเลยรีบขับรถตามมาดูนี่แหละ แต่พอมาถึงเห็นมึงเสร็จงานเดินออกมากับตำรวจพอดี นึกว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว กูเลยรอในรถกะว่ามึงขึ้นรถแล้วกูจะขับตามไปนอนค้างที่บ้านมึงซะเลย ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว” โป๊ปอธิบาย

บอสพยักหน้าอย่างหายสงสัยว่าทำไมเพื่อนรักถึงเข้ามาช่วยได้ถูกเวลาขนาดนี้

“มึงไม่รู้หรอกว่าตอนที่ได้ยินเสียงมึงร้อง กูตกใจขนาดไหน แล้วนี่มึงสะกดจิตมันดีแล้วใช่ไหม” โป๊ปถามย้ำ

“เออ ทีแรกกูประมาทไปหน่อย ทำแค่สะกดจิตหมู่แบบอ่อนๆ ให้พวกเด็กแว้นมันผ่อนคลายแล้วเปิดใจรับคำสั่งเฉยๆ ไม่คิดว่าจะมีคนจิตแข็งหลุดจากการสะกดมาได้ แต่คราวนี้กูจัดเต็มเลย ขนาดที่ถ้ากูตายไปตอนนี้มันเอ๋อไปตลอดชีวิตแน่” บอสไม่ได้พูดเล่น เขาใช้การสะกดระดับสูงที่มีแต่ตัวเขาเท่านั้นที่ถอนสะกดได้

“อย่าพูดเรื่องตายสิวะ แค่มึงโดนตีกูยังเจ็บแทนเลย แล้วนี่แผลมึงเป็นไงบ้าง เจ็บมากเปล่าวะบอส ไปโรงบาลกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวคืนนี้มึงไปนอนคอนโดกูแล้วกัน” ปกติถ้าว่างตรงกัน ทั้งสองมักจะไปนอนค้างด้วยกันที่ที่พักของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสมอ

“งั้นไอนี่ก็เอาไปไว้ที่คอนโดมึงด้วยแล้วกัน ให้มันไปรถมึงนะ มันชื่อจอม ตอนนี้มึงเรียกชื่อมันแล้วสั่งอะไรก็ได้ มันจะทำตามหมดเหมือนเด็กเล็กๆ แล้วกูจะค่อยๆ หาวิธีแก้แค้นให้สุดๆ เลย ไปเหอะ เจ็บจะตายห่าแล้ว” ถึงจะพูดหยาบคายใส่ แต่สายตาของบอสก็ดูเหมือนจะอ้อนให้โป๊ปเห็นใจในความเจ็บของตน

แล้วทั้งคู่ก็ขับรถตามกันไปหาหมอที่โรงพยาบาล ให้คนก่อเหตุนั่งรออยู่ในรถ โชคดีที่ตอนเกิดเหตุ บอสเบี่ยงหลบเป็นมุมเฉียงทำให้หัวไหล่ไม่ถูกแรงกระแทกโดยตรง บาดแผลฟกช้ำจึงไม่หนักหนามากนัก หมอให้มาทั้งยากินและยาทา รวมทั้งสเปย์พ่นระงับความเจ็บปวดด้วย จากนั้นก็เข้าไปที่คอนโดหรูของโป๊ป หัวหน้าเด็กแว้นเดินตามสองคนต้อยๆ เข้าไปในห้องเหมือนเด็กน้อย แววตาเหม่อลอยดูไม่มีพิษมีภัยอะไร

“แล้วมึงจะเอายังไงกับไอเหี้ยนี่” โป๊ปถาม

“คืนนี้ให้มันอยู่เอ๋อๆ อย่างนี้ไปก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้กูขอดูข้อมูลชุดเต็มของมันก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”

“ตามใจ แต่ให้มันอาบน้ำด้วยนะ โดนกูถีบจนคลุกฝุ่นไปทั้งตัว กูไม่อยากให้มันนอนห้องกูทั้งอย่างนี้”

“ได้ๆ เฮ้ย จอม ถอดเสื้อผ้าออกแล้วไปอาบน้ำที่ห้องน้ำตรงโน้น” บอสสั่ง

จอมถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่ตัวเปล่าเปลือยแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปทันที ส่วนบอสและโป๊ปก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำเช่นกัน ห้องของโป๊ปเป็นห้องชุดขนาดใหญ่ มีสองห้องนอนใหญ่พร้อมห้องน้ำในตัว นอกนั้นก็มีห้องทำงาน ห้องครัวบวกห้องกินข้าว ห้องกลางที่ใช้รับแขกและเป็นห้องพักผ่อนดูหนังไปในตัว ห้องน้ำด้านนอก รวมถึงห้องนอนเล็กอีกหนึ่งห้อง

เมื่อสองเพื่อนซี้กลับมาที่ห้องกลางอีกครั้งหลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็พบกับจอมยืนเปลือยกายอยู่มีหยาดน้ำเกาะพราวทั้งตัว บอสกลับไปในห้องแล้วออกมาพร้อมโยนผ้าสีขาวชิ้นเล็กๆ ให้จอมแล้วพูดว่า

“เอาไปเช็ดหน้าเช็ดตัวให้แห้ง” จอมทำตามทันที เริ่มจากเช็ดหัวก่อน ตามด้วยใบหน้าหน้า ตอนนั้นเองที่โป๊ปเริ่มเอะใจ

“เฮ้ย มึงเอากางเกงในให้มันเช็ดหน้าเลยเหรอ ซักยังวะ ดูโรคจิตชอบกล”

“ยังไม่ได้ซักว่ะ ก็กูไปเอาของที่มึงเพิ่งถอดมาเมื่อกี๊นี้เอง” บอสตอบหน้าตาย

“ไอสัด กางเกงในกู” โป๊ปร้อง บอสหัวเราะขำที่แกล้งเพื่อนได้

โป๊ปจะไปเอาคืนก็ดูจะสายไป ตอนนี้จอมพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเช็ดตัวด้านหลังด้วยกางเกงในผ้าบางๆ ของโป๊ป บอสชี้ไปที่แผ่นหลังของจอม

“โป๊ป มึงดู รอยสักแม่งโคตรสวยเลย มังกรเต็มแผ่นหลัง เล่นสีสดเหมือนพวกยากุซ่าเลยนะ” ถึงเป็นครั้งที่สองที่เห็น แต่บอสก็ยังอดชื่นชมศิลปะบนเรือนร่างเด็กหนุ่มผิวเนียนละเอียดที่มีมัดกล้ามพองามซึ่งรับกับรอยสักมังกรที่มีลายละเอียดที่น่าทึ่ง ส่วนหางของมังกรเลื้อยมายังแก้มก้น ตวัดล้อมร่องก้นไว้อย่างสวยงาม

“แล้วมึงดูมังกรยักษ์ด้านหน้านะ อันแม่งโคตรใหญ่ ขนาดไม่แข็งนะ เดี๋ยวกูให้มันปั่นให้ดูดีกว่า อยากรู้ว่าแข็งแล้วจะขนาดไหน”

“จะเล่นไปถึงไหน นอนเถอะมึง นี่ก็จะเช้าแล้ว มึงแดกยาหรือยัง” โป๊ปพูดแบบไม่สบอารมณ์

“ยังๆ เดี๋ยวกูเอายาให้มันทารอยที่โดนมึงอัดด้วย กูว่าจะถ่ายรูปมันอีกเยอะๆ เดี๋ยวดูมีตำหนิ แล้วให้มันนอนไหนดีวะ”

“มึงจะไปสนใจอะไรมันนักหนา นอนตรงพื้นข้างนอกนี้แหละ ปิดแอร์ซะมันคงพอนอนได้ ถึงไม่ได้ใส่เสื้อผ้าไม่มีผ้าห่มก็คงไม่หนาวตายหรอก ส่วนมึง มานอนกับกูเลย เผื่อแผลระบมแล้วมึงไข้ขึ้น กูจะได้รู้” โป๊ปบอก เวลาที่บอสมาค้างที่คอนโด บางครั้งก็นอนด้วยกันบางครั้งก็แยกกันนอนคนละห้อง แล้วแต่ว่าอารมณ์รักความเป็นส่วนตัวของบอสอยู่ในระดับใด

บอสรับคำ เมื่อตกลงกันได้ ทั้งคู่ก็เข้าไปนอนโดยปล่อยให้เด็กแว้นขาโหดนอนเนื้อตัวเปลือยเปล่าอยู่กับพื้นหน้าห้อง จบค่ำคืนอันแสนวุ่นวายนี้ในที่สุด

……………………..……..
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 6] 18/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 18-07-2015 21:02:37
บอสตื่นมาอีกทีก็เกือบเที่ยงแล้ว เขาหันไปดูเพื่อนที่นอนอยู่ด้วยกันแล้วพบว่ายังหลับสนิทอยู่ บอสขำในใจ ไหนว่าจะคอยดูแลเผื่อเขาไข้ขึ้นไง เมื่อลองสำรวจอาการตัวเองดูก็พบว่ายังค่อนข้างโอเค ที่หัวไหล่ยังปวดหนึบๆ อยู่ แถมสีก็ดูน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้มีไข้หรืออาการแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา

บอสไล่สายตาไปตามโครงหน้าของโป๊ป คนเหี้ยอะไรดูดีตลอดเวลาขนาดตอนหลับยังเหมือนถ่ายแบบ ความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนคนนี้มันปนเปชอบกล บอสยอมรับว่าด้วยรูปลักษณ์แล้ว โป๊ปดึงดูดใจคนที่เป็นเกย์อย่างเขามาก ใบหน้าหล่อคมสันติดจะเย็นชานิดๆ ร่างสูงสมส่วนมีกล้ามเนื้อพอดีๆ ตามแบบคนที่ฝึกศิลปะป้องกันตัว แต่เวลาที่เขาสบตาหนุ่มหล่อหุ่นดีคนนี้ เขากลับเห็นไอ้โป๊ป เด็กหน้าตากวนตีน เพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่ประถม คนที่เป็นยิ่งกว่าพี่น้อง รู้ใจเขามากกว่าที่เขารู้ใจตัวเอง คนที่บางทีเขาก็กลัวจนไม่กล้าเถียง คนที่เขาไม่เคยสะกดจิตได้สักนิดเพราะความรู้สึกที่ไม่อยากให้คนๆ นี้สูญเสียตัวตนเลยแม้แต่น้อย ถึงสิ่งที่เขารู้สึกมันจะหลากหลายยังไง แต่บอสมั่นใจว่ามันไม่ใช่ความรักในแบบชู้สาว หรือจะพูดอีกที มันอาจจะซับซ้อนกว่านั้นก็ได้

บอสซึ่งรู้ว่าตัวเองเป็นเกย์ตั้งแต่มอสองเคยคิดว่าโป๊ปเป็นผู้ชายปกติมาโดยตลอด จนวันที่เขาบอกกับโป๊ปว่าจะตั้งองค์กรขึ้น องค์กรแปลกๆ ที่จะเปลี่ยนความใคร่ของเกย์ให้กลายเป็นพลังที่จะช่วยให้สังคมดีขึ้นได้ พอรู้ถึงสิ่งที่เขาจะทำ โป๊ปก็รีบสารภาพทันทีว่าตัวเองเป็นไบและสนใจที่จะช่วยเขาตั้งองค์กรนี้ขึ้นมา บอสแปลกใจมากเพราะโป๊ปที่มีแต่ผู้หญิงมาลุมล้อมไม่เคยมีท่าทีว่าจะชอบผู้ชายมาก่อน ถึงจะเคยมีแฟนจริงๆ แค่ครั้งเดียวเมื่อตอนมอสี่ซึ่งก็คบกันได้ไม่นาน หลังจากที่รู้ว่าโป๊ปเป็นไบ บอสก็ชวนคุยถึงหนุ่มๆ ที่ตัวเองเห็นว่าหล่อน่ารัก แต่โป๊ปก็ดูเนือยๆ หลายครั้ง จนบอสปักธงว่าสเปคหนุ่มของเขากับของโป๊ปคงไม่ตรงกันเลย

บอสไม่แน่ใจในสิ่งที่โป๊ปรู้สึก ว่ามันเหมือนหรือต่างจากที่เขารู้สึกยังไง แต่ที่แน่ๆ โป๊ปเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด และมันน่าจะเพียงพอแล้วในขณะนี้

โป๊ปขยับตัวแต่ยังไม่ตื่น ผ้าหุ่มที่หลุดร่วงลงบนพื้นเผยให้เห็นรือยร่างแกร่งในเสื้อกล้ามและกางเกงบอกซ์เซอร์ บอสมองไปที่ยังจุดนูนเด่นตรงเป้า นึกสับสนในใจที่เพื่อนรักวัยเด็กดันโตขึ้นมาเป็นหนุ่มหล่อที่มีรูปลักษณ์ตรงสเปคเขาแทบทุกอย่าง ยิ่งพอหลับแบบนี้ ไม่ได้เห็นแววตาที่คุ้นเคยกับการพูดจาหมาไม่แดกของมันยิ่งทำให้โป๊ปในฐานะผู้ชายคนหนึ่งดูชัดเจนขึ้น บอสระงับความฟุ่งซ่านในใจแล้วรีบลุกจากเตียงเพื่อไปสงบใจข้างนอกห้อง

บอสเปิดประตูห้องออกมาแล้วเกือบสะดุดเข้ากับร่างที่นอนอยู่บนพื้นห้อง บอสยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าตัวเองยังมีของเล่นจากเมื่อคืนเอาไว้ดับอารมณ์คุกรุ่นที่เกิดขึ้นได้ เด็กหนุ่มหัวหน้าแก๊งค์ซิ่งนอนหงายอ้าซ่าโชว์มังกรยักษ์ที่ตอนนี้ขยายตัวเกือบเต็มที่ตามธรรมชาติยามเช้า ความโอฬารของมันไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ารอยสักมังกรขนาดใหญ่ที่แผ่นหลังเจ้าของเลย

ถึงจะอยู่ในวัยทำงานแล้ว แต่บอสยังไม่เคยมีประสบการณ์ทางเพศถึงขั้นลึกซึ้งเลย ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เขาเป็นเกย์ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อดูดีไม่แพ้เพื่อนซี้ มันคงง่ายซะยิ่งกว่าง่ายที่จะหาหนุ่มที่ถูกใจซักคนมาเป็นแฟน นี่ยังไม่นับพรสวรรค์เรื่องการสะกดจิตที่คงได้ผลยิ่งกว่าเสน่ห์ยาแฝดหากคิดจะใช้ในการนี้ เรื่องมันอยู่ที่นิสัยรักความเป็นส่วนตัวของเขาเอง อันที่จริงมันรุนแรงกว่านั้นจนบอสอยากจะเรียกว่าอาการทางจิตอ่อนๆ ด้วยซ้ำ เขาไม่ชอบโดนสัมผัสตัวโดยคนที่ไม่คุ้นเคย จริงๆ แม้กระทั่งตอนนี้ ก็มีคนแค่ไม่กี่คนที่เขาเปล่อยให้ถูกตัวได้อย่างสบายใจ

สมัยมหาลัยมีหลายคนที่เขาลองคบเป็นแฟน ไปเที่ยวกัน ทำความคุ้นเคยกันระยะหนึ่งจนพอจะให้แตะตัวได้แต่เขาก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี อย่างมากที่สุดก็จบลงแค่ภายนอก ไม่ใช่เขาไม่เกิดอารมณ์ แต่พอดำเนินไปถึงขั้นที่ต้องสอดใส่ก็ทำใจไม่ได้จนหมดอารมณ์ไปเลย ไม่ว่าจะเป็นคนรุกหรือคนรับก็ไม่ได้แตกต่าง คนสุดท้ายที่เขาลองคบด้วยหน้ามืดถึงขั้นจะใช้กำลังข่มขืนจนต้องสะกดจิตเอาตัวรอดมาได้ เขาไม่ได้ติดใจถือโกรธหนุ่มคนนั้นเพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำก็เหมือนไปยั่วก่อน แค่เก็บภาพเปลือยไว้เป็นที่ระลึกนิดหน่อย แต่พอโป๊ป รู้หนุ่มคนนั้นก็โดนซ้อมไปชุดใหญ่ แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พยายามลองคบใครอีกเลย 

นี่อาจเป็นสาเหตุให้เขามาทุ่มเทกับงานขององค์กร มันเป็นทางที่เขาจะระบายอารมณ์เก็บกดทางเพศไปกับบรรดาคนที่มารับโทษได้ บอสรู้สึกว่านับวันเขายิ่งหื่นขึ้นๆ เรื่อยๆ แต่ถึงหื่นยังไง เขาก็ยังยึดมั่นในหลักการขององค์กร ไม่ทำในสิ่งที่เกินกว่าความผิดของของผู้รับโทษแต่ละคน คนเหล่านี้ต้องมีใครสักคนมาลงโทษให้หลาบจำ เขาแค่อาสามาทำหน้าที่ตรงนั้นในแบบของเขาเอง โป๊ปไม่ค่อยเห็นด้วยนักกับสิ่งที่เขาทำ แต่ก็เคารพกับการตัดสินใจและคอยให้ความช่วยเหลืออย่างดี โป๊ปเตือนอยู่เรื่อยๆ ว่าอย่าให้ความหื่นส่วนตัวมันมีอิทธิพลเหนือความต้องการที่จะให้สังคมดีขึ้น

บอสเริ่มวางแผนที่จะเล่นสนุกกับจอมวันนี้ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะหนักได้ขนาดไหน ระบบคอมพิวเตอร์องค์กรยังประมวลข้อมูลสำหรับตัดสินความผิดของแว้นขาโหดคนนี้ไม่เสร็จ กระบวนการนี้ใช้เวลาค่อนข้างนานเพราะระบบต้องไปถึงข้อมูลจากที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่โทรศัพ์ อีเมล ไลน์ เฟสบุค โซเชียลเน็ทเวิร์คต่างๆ ฐานข้อมูลของรัฐ และเอกชน สมัยนี้ทุกอย่างล้วนเก็บเป็นดิจิตอลและเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ททั้งนั้น และแน่นอนว่าเจ้าของระบบหรือข้อมูลเหล่านั้นไม่ได้รับทราบหรือยินยอม มันเหมือนการแฮคข้อมูลดีๆ นี่เอง ข้อมูลดิบจะถูกประมวลอยู่ในคอมพิวเตอร์โดยระบบปัญญาประดิษฐ์ที่โป๊ปพัฒนาขึ้นเพื่อกลั่นกรองแยกแยะความเชื่อมโยงก่อน แล้วถึงสรุปความผิดไปประเมินเป็นมูลค่าหนี้สังคมโดยมีอาสาสมัครที่ใช้หลักเศรษฐศาสตร์ประกันภัยช่วยตรวจสอบอีกที
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 6] 18/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 18-07-2015 21:04:34
บอสตัดสินใจว่าระหว่างที่รอ จะอุ่นเครื่องแบบเบาๆ ไปก่อน เขาปลุกจอมให้ลุกขึ้น แล้วถอนการสะกดจิตจากระดับควบคุมจิตใจโดยสมบูรณ์เหลือระดับควบคุมตามเงื่อนไขแบบเดียวกับที่เขาใช้เวลาส่งมอบตัวตัวทาส ในระดับนี้ จอมจะมีสติรู้สึกตัวทุกอย่าง แต่ต้องทำตามที่เขาสั่งหากไม่เกินเงื่อนไขที่กำหนด บอสป้อนเงื่อนไขของทาสระดับสองให้กับหัวหน้าแก๊งค์ซิ่ง

“เป็นไงบ้าง รู้สึกตัวดียัง” บอสถามจอมเมื่อสะกดจิตเสร็จ

“รู้สึกตัวแล้วครับเจ้านาย” บอสยิ้ม จอมเรียกเขาว่านายแสดงว่าการสะกดจิตให้กลายเป็นทาสสำเร็จได้ด้วยดี

“เราจำเรื่องราวตั้งแต่เมื่อคืนได้ไหม” จอมพยักหน้าช้าๆ

เขาจำเรื่องราวได้ชัดเจนทั้งหมดจนถึงตอนที่เขาจะเอาไม้ฟาดบอสเป็นครั้งที่สองจนถูกอีกคนเตะจนกระเด็นแล้วโดนซ้อมนับไม่ถ้วน หลังจากนั้นก็เหมือนกึ่งจริงกึ่งฝันที่เขาตามสองคนนี้มาที่คอนโดหรูขนาดใหญ่ เขาถูกสั่งให้ไปอาบน้ำแล้วเช็ดตัวด้วยกางเกงในใช้แล้ว และนอนกับพื้นจนตื่นขึ้นมาเมื่อกี๊นี้ แต่น่าประหลาดที่เขาไม่รู้สึกโกรธแค้นบอสที่ถูกซ้อมถูกหมิ่นศักดิ์ศรีเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกทั้งหมดยังอยู่แต่ไม่รู้สึกโทษคนตรงหน้าเท่านั้นเอง ตอนนี้เขาเหลือแต่ความรู้สึกกังวลเรื่องลูกน้องเขาทุกคนที่ถูกถ่ายภาพเปลือยไปว่าจะถูกข่มขู่อะไร และที่สำคัญ ยังมีคนอีกคนที่เขาต้องคอยดูแลอยู่

“เดี๋ยวนายลงไปซื้อก้วยเตี๋ยวให้ชั้นกับเพื่อนกินหน่อย จะกินอะไรก็ซื้อมาด้วย” บอสส่งตังค์กับคีย์การ์ดให้

“ขอผมใส่เสื้อผ้าได้ไหมครับ” จอมขอร้อง เขารู้สึกกระดากกับสภาพเปลือยเปล่ากับท่อนเนื้อแข็งตัวของตัวเอง

“ได้สิ แต่อย่าใส่ชุดเดิมเลยนะ เหม็น เดี๋ยวชั้นเอาชุดใหม่ให้” บอสบอกอย่างใจดี หายไปซักครู่ก็กลับมาพร้อมกับกางเกงขาสั้นบางๆ สีขาว สภาพเก่าจนยางยืดย้วย

“ใส่ตัวนี้ตัวเดียวก็พอ ไปร้านซอยข้างๆ คอนโดนี่เอง” บอสแสยะยิ้มขณะเริ่มปฏิบัติการล้างแค้น

จอมรับกางเกงมาอย่างปฏิเสธไม่ได้ พอเขาสวมเสร็จก็พบมันไม่ช่วยในการพรางอวัยวะเพศขนาดใหญ่ของเขาแม้แต่น้อย ท่อนเนื้อชูชันตัดเนื้อผ้าบางๆ ออกจนตุง แถมยางยึดก็หย่อนหลุดตูดจนรู้สึกได้ว่าร่องก้นเขาคงโผล่ออกมาเป็นนิ้ว

บอสมองดูด้วยความขบขำแล้วบอกว่า

“ไหวไหมนั่น เอางี้ พอดีชั้นยังไม่หิวเท่าไหร่ นายจะชักว่าวก่อนลงไปก็ได้นะ แล้วแต่นายเลย แต่ต้องชักตรงนี้ แล้วถ้าจะเช็ด ก็ต้องเช็ดด้วยกางเกงตัวนี้เท่านั้น อย่าให้เลอะพื้นเด็ดขาด”

จอมชั่งใจ แต่สุดท้ายก็คิดว่าลงไปทั้งโด่ๆ แบบนี้ไม่ไหวแน่ หนุ่มรอยสักมังกรถอดกางเกงออกแล้วแล้วค่อยๆ สาวมังกรยักษ์ของตัวเอง ขณะที่บอสเอาโทรศัพท์มาเก็บภาพด้วยความเพลิดเพลิน จริงๆ จอมเป็นคนที่รูปร่างไม่ใหญ่มากแต่มีกล้ามเนื้อที่สวยงามได้สัดส่วน ทำให้ท่อนเนื้อขนาดมหึมาดูผิดสัดส่วนไปเลยเมื่ออยู่บนเรือนร่างสันทัด หลังจากนั้นไม่ถึงสองนาที จอมก็เตรียมตัวจะแตก เขามัววางแผนเรื่องการปิดถนนแข่งรถเมื่อคืนเป็นอาทิตย์ ไม่มีเวลาเอาน้ำออกเลย ในที่สุดก็ถึงจุด เขาก็รีบเอากางเกงขึ้นมารองรับน้ำที่ล้นทะลักส่งกลิ่นเฉพาะออกมาเต็มห้องไปหมด จอมดูปริมาณน้ำที่หลั่งออกมาด้วยความหนักใจ มันเปียกกางเกงตัวบางจนชุ่ม เขาเริ่มรู้สึกว่าตัดสินใจผิดที่ชักว่าวก่อนลงไปข้างล่าง แต่คงทำอะไรไม่ได้แล้ว

“เอ้า เสร็จแล้วก็รีบลงไปสิ พอออกประตูคอนโดเดินไปทางขวานะ ร้านก้วยเตี๋ยวหมูตุ๋นอยู่ซอยข้างๆ ด้านติดคอนโด ร้านที่สองจากถนนใหญ่นะ ชั้นเอาเส้นเล็กแห้งสอง นายจะกินอะไรก็ซื้อมาเลย”

จอมใส่กางเกงที่ด้านนึงชุ่มไปด้วยน้ำว่าวของตัวเอง ถึงจะอ่อนตัวลงไป แต่ท่อนเนื้อของเขาก็ดูอัดแน่นเป็นรูปเป็นร่างภายใต้กางเกงตัวนั้นอยู่ดี เขากำเงินและคีย์การ์ดเดินออกจากห้องไปตามทางเดินกลางเพื่อไปรอลิฟท์ โชคดีที่ไม่เจอใครเลย ท่าทางชั้นนี้จะมีคนอยู่ไม่กี่ห้อง จอมโล่งใจที่เห็นว่าลิฟท์ที่ขึ้นมารับก็ว่างเปล่าเช่นกัน เด็กหนุ่มรีบกดลงไปชั้นหนึ่งภาวนาไม่ให้มีใครกดเรียกลิฟท์ระหว่างนี้ แต่ไม่เป็นผลเมื่อลิฟท์จอดแวะรับผู้โดยสารที่ชั้นยี่สิบ เด็กในชุดนักเรียนมัธยมสองคนเดินคุยกันเข้ามาในลิฟท์ เด็กทั้งคู่ชะงักไปนิดแล้วซุบซิบกันเอง

“พี่เค้าร้อนขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“อย่ามองสิวะ ท่าทางน่ากลัวชะมัด”

“กลิ่นอะไรวะ แม่งคุ้นๆ”

จอมร้อนตัว นั่นคงเป็นกลิ่นน้ำเงี่ยนของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย เขารีบส่งสายตาวางอำนาจที่ลูกน้องในก๊วนกลัวหงอออกมา เด็กทั้งสองรีบหยุดทันที

“มึงรู้จักร้านก้วยเตี๋ยวหมูตุ๋นซอยข้างๆ ไหม”

เด็กทั้งคู่พยักหน้าอย่างหวาดๆ

“มึงพากูไปหน่อย”

ลิฟท์ลงมาถึงชั้นหนึ่งพอดี เด็กรีบบอกว่า

“เดี๋ยวผมบอกทางให้ครับ พะพี่เดิน..”

“กูบอกให้พาไปหน่อย เดินนำไปแค่นี้ น้ำใจมีบ้างไหม”

“ดะ ได้ครับ”

“มึงเดินหน้ากูคนนึง หลังกูคนนึง ไป”

จอมคิดแผนที่ใช้เด็กสองคนมาบังสายตา ขบวนที่ดูพิลึกพิลั่นนี้ก็เดินออกจากล้อบบี้คอนโดโดยมี รปภ. จ้องไม่วางตา แต่กลยุทธ์นี้ก็ได้ผลไม่น้อย เด็กสองคนช่วยบังช่วงล่างได้ดี แต่ริมถนนสายหลักในตอนเที่ยงวันเสาร์คนเยอะไม่น้อย สายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างจ้องมาที่หน้าอกเปลือยเปล่าของเขา บางคนก็มองซอกแซกไปตรงเป้าของเขาแล้วสะดุ้ง แม้จะเดินผ่านไปแล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็ยิ่งจ้องหนักขึ้นเมื่อเห็นรอยสักมังกรที่แผ่นหลังของเขา

แค่ระยะทางสั้นๆ ไม่กี่สิบเมตร แต่จอมรู้สึกอายมากกว่าตอนแก้ผ้าให้บอสดูเสียอีก คนหลากเพศหลายวัยต่างจ้องมองมาที่ตัวเขา น่าแปลกที่ความคิดนี้ทำให้มังกรยักษ์ของเขาที่อ่อนตัวลงไปมากแล้วกลับค่อยๆ ผงกหัวขึ้นมาอีก เขาพยายามเดินไปแล้วจัดแท่งลำให้พาดไปด้านข้างกันส่วนหัวโผล่พ้นขอบกางเกงขึ้นมา เลี้ยวเข้าซอยมาได้นิดเดียว เด็กคนแรกก็ชี้ไปร้านก้วยเตี๋ยวที่อยู่ตรงหน้า

“ร้านนี้ครับ ของพี่ใหญ่มากเลย ผมไปก่อนนะ มีสอบ”

“ผมก็ด้วย ไปละครับ พี่มังกรก้นสวย”

แล้วทั้งคู่ก็วิ่งหนีไปทันที

“เฮ้ย ขอบใจว่ะ” หนุ่มโหดตะโกนไล่หลัง

ร้านก้วยเตี๋ยวเป็นตึกแถวคูหาเดียว ด้านหน้าเป็นหม้อก้วยเตี๋ยวที่มีสาวใหญ่ยืนปรุงมือเป็นระวิงอยู่ ด้านในเป็นโต๊ะนั่งทานที่มีลูกค้านั่งแน่นไปหมด จอมเดินไปตรงหม้อก้วยเตี๋ยว เขารู้สึกได้ว่าสายตาลูกค้าในร้านเริ่มจับจ้องมาที่เขามากขึ้นๆ เขาพยายามไม่คิดอะไรแล้วพูดกับแม่ค้าวัยแม่ว่า

“พี่สาวครับ เอาเส้นเล็กแห้งสองห่อ แล้วก็... เอาเป็นสามห่อเลยแล้วกัน

แม่ค้าสาวใหญ่ตอบโดยยังไม่เงยหน้ามาจกชามที่กำลังปรุงอยู่ “ได้จ้า แต่คิวยาวหน่อยนะ ลูกค้าเต็มร้านเลย อีกยี่สิบนาทีไหวไหม ค่อยกลับมาเอาก็ได้ ว้าย หนุ่มมาจากคอนโดตรงนี้ใช่ไหมจ๊ะ ไม่ค่อยมีอย่างนี้นานแล้ว” แม่ค้ากรี๊ดกร๊าดเมื่อเงยหน้ามามองเต็มตา

“ขอไวๆ ได้ไหมครับ เจ้านายผมหิวแล้ว”

“ใช่จริงๆ ด้วย เที่ยวนี้หล่อเถื่อน เจ๊ชอบ แต่คงลัดคิวไม่ได้หรอกจ้า ก็เป็นลูกค้าด้วยกันทั้งนั้น” เจ๊ตอบตาหวานเชื่อม

“โธ่เจ๊ ช่วยผมหน่อย ผมอยู่นานไม่ได้เจ๊ก็เห็น” จอมหันรีหันขวาง เขารู้สึกว่าการยืนนิ่งๆ หน้าร้านก้วยเตี๋ยวมันดึงสายตาคนได้ดีกว่าการเดินซะอีก และความรู้สึกนี้มันยิ่งทำให้น้องชายพองตัวมากขึ้น

“เอาไงดี แต่หนุ่มยืนตรงนี้ก็เป็นอาหารตาให้เจ๊ดี เอางี้แล้วกัน ถ้าหนุ่มถลกกางเกงลงให้เจ๊ดูตรงนี้ เจ๊ลัดคิวให้เลย แว้ปเดียวก็พอ” เจ๊พูดเสียงเบาแต่มือก็ยังทำก้วยเตี๋ยวไม่หยุด

อิเจ๊ลามก จอมคิด อย่าให้รู้ว่าบ้านอยู่ไหนนะจะส่งลูกน้องไปเยี่ยวรด แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก คิดซะว่าตัวเองเป็นเด็กสามขวบที่เปิดจู๋ให้แม่ดูแล้วกัน เขาทำท่าให้เจ๊ตั้งใจดู แล้วดึงกางเกงลงพรวดเดียว ท่อนเนื้อแข็งปั๋งดีดตัวขึ้นมาอย่างแข็งแรง จอมรีบยัดกลับอย่างทุลักทุเล

เจ๊ทำตาโตเท่าไข่ห่าน มือทาบอก “สมใจอีเจ๊ที่สุด เจ๊ชอบเถื่อนๆ ใหญ่ๆ แบบนี้ เดี๋ยวเจ๊รีบทำให้เลย เล็กแห้งสามถุงนะ”

อีเจ๊สาละวนกันการปรุงไปครู่ใหญ่เสร็จแล้วก็ใส่ถุงส่งมาให้

“ร้อยห้าบาทเจ๊เอาร้อยเดียวพอ ราคาธรรมดาแต่เจ๊ใส่เครื่องให้มากกว่าแบบพิเศษอีก เจ๊ถูกชะตา แถมเอ็นหมูตุ๋นให้ด้วย แต่เอ็นร้านเจ๊มันชิ้นเล็กหน่อยนะ ไม่ดุ้นใหญ่เหมือนเอ็นอันนั้น” พูดพร้อมกับทำตาหวานใส่ จอมขนลุกไปทั้งตัว

“ให้น้ำซุปถุงเดียวเองเหรอ ถุงเล็กด้วย” จอมพูดหลังเอาของในถุงไปดู

“ไม่ต้องเอาไปหรอก เชื่อเจ๊ เจ๊ไม่ได้งกนะ เดี๋ยวหนัก”

จอมส่งเงินให้แล้วคิดในใจ ทำยังกะเขาจะถือไม่ไหวแน่ะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ขากลับจอมเดินคนเดียวไม่มีคนช่วยบัง เขาอาศัยถุงก้วยเตี๋ยวอำพรางเป้าตุงด้านหน้า ต้องขอบใจสายตาหวานเชื่อมของป้าร้านก้วยเตี๋ยวที่ทำให้ของเขาหดลงไปเยอะ เดินมาถึงป้ายรถเมล์ใกล้ๆ หน้าคอนโด มีสาวออฟฟิซยืนอยู่เต็ม สายตาทุกคู่จ้องมองมาที่เขาพร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก เขารู้สึกตื่นตัวขึ้นมาอีกเลยรีบเดินเข้าคอนโดไป ที่ทางเข้าคอนโด รปภ. ก็มองมาอย่างไม่ไว้ใจ แต่พอยื่นคีย์การ์ดให้ดูก็ปล่อยให้เขาเข้ามาที่ลอบบี้ได้ ปัญหาตอนนี้คือจอมตื่นเต้นจนจำเลขห้องไม่ได้ เหมือนจะชั้นยี่สิบกว่าๆ หรือไงนี่ เขาหันรีหันขวางซักพักจน รปภ. อีกคนท่าทางเป็นหัวหน้าเดินเข้ามา

“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”

“ผมลงมาซื้อก้วยเตี๋ยวให้เจ้านาย แล้วลืมเลขห้อง แต่ผมมีคีย์การ์ดนะครับ ตรวจสอบจากการ์ดได้ไหมว่าห้องอะไร”

“ฟังดูน่าสงสัยนะ ทางเราเช็คให้ได้แต่ต้องขอค้นอาวุธก่อน มาทางนี้”

รปภ. เดินนำจอมไปที่บริเวณหน้าลิฟท์ ให้ชูมือขึ้นแล้วตบๆ ไปตามตัวไล่ลงมาถึงช่วงล่างทั้งด้านหน้าด้านหลัง ซึ่งจอมก็ไม่เข้าใจว่าจะตบทำไมก็เขาทั้งเนื้อทั้งตัวมีกางเกงตัวเดียว จะซ่อนอาวุธไว้ตรงไหนได้ แถม รปภ. วัยหนุ่มใหญ่ยังเน้นพิเศษตรงเป้าแล้วถามว่า

“ไม่ได้ซ่อนอะไรไว้ใช่ไหม”

จอมอยากจะตอบว่าจับไปเต็มๆ ขนาดนั้น ยังคิดว่าเป็นอย่างอื่นได้อีกเหรอ แต่กลัวเรื่องจะยาวแล้วไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งเจ้านายได้เสร็จ เมื่อตรวจจนพอใจแล้ว รปภ. ก็บอกว่า

“โอเค เอาบัตรแตะที่เครื่องอ่านในลิฟท์ มันจะพาไปชั้นเจ้านายคุณเอง ถึงชั้นยี่สิบสี่แล้วก็เดินไปที่ห้อง 2402 นะ”

“อ้าว รู้ได้ยังไง ยังไม่ทันตรวจคีย์การ์ดผมเลย”

รปภ. ยิ้มให้เป็นครั้งแรกแล้วบอกว่า

“ก็ถ้าใส่ชุดแบบนี้มาก็มีห้องนี้ห้องเดียวนี่แหละ ผมชินแล้ว รอยสักสวยดีนะน้อง”

จอมรีบหิ้วถุงก้วยเตี๋ยวเข้าไปในลิฟท์ แตะการ์ดตามที่ รปภ.บอกเพื่อขึ้นไปชั้น 24 แต่ยังไม่ทันทีประตูจะปิด ก็มีกลุ่มหนุ่มวัยทำงานสามสี่คนเข้ามาพร้อมพูดคุยกันเองด้วยสำนวนจิกกัดแปลกๆ จอมเหลือบตามอง พบว่าตัวเองถูกหนุ่มๆ หุ่นดีท่าทางสำอางเหล่านี้มองอยู่ก่อนแล้ว

“น่ากินว่ะแก ละอ่อนอยู่เลย” เสียงกระซิบกันเอง

“น้องใจกล้าจังเลยครับ มีค่าเทอมยัง ไปคุยกันที่ห้องพี่ไหมครับ” คนนี้คุยกับเขาตรงๆ

“อ้าย แกดูห่อหมกปลาช่อนอเมซอนสิ แซบเว่อร์ หน้าท้องก็ใช่ หน้าอกก็เลิศ หนังหน้ายิ่งชนะขาด”

ถ้าไม่ติดทำภารกิจให้เจ้านายอยู่ ไอพวกนี้ต้องโดนเขาชกปากรายคน  จอมคิด เขาพยายามหันหน้าไปเข้ามุมลิฟท์

“โอ้ย มังกรบนแผ่นหลังแน่นๆ ดีงามมาก กล้ามก้นก็เป๊ะ” ยัง ยังไม่หยุด

ลิฟท์หยุดจอด มีคนนึงยัดนามบัตรใส่มือเขาแล้วบอกว่า

“อยากได้ค่าขนมหรือจะให้ช่วยเหลืออะไรติดต่อมาได้เลยนะ พวกพี่ถูกชะตาน้องมาก ไม่ใช่เรื่องอย่างว่าก็ยินดีช่วยนะ คุยกันเป็นพี่น้องก็ได้” แล้วทั้งหมดก็เดินออกจากลิฟท์ไปที่ชั้นยี่สิบ

จอมขึ้นต่อไปจนถึงชั้นยี่สิบสี่ เขาไม่แน่ใจว่ารู้สึกยังไงกับคนกลุ่มนั้น ความรู้สึกแรกคิดว่าโดนดูถูก เขาเคยเจอพวกตุ๊ดกระเทยมาบ้างในวงการแว้นที่เขาอยู่ แต่อารมณ์ก็ไม่เหมือนที่เจอมาเมื่อกี๊เท่าไหร่ จอมนึกไปเรื่อยเปื่อยขณะเดินกลับไปยังห้องของโป๊ป

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 5] 16/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: Vocaliist ที่ 18-07-2015 21:05:59
ชอบเรื่องนี้มากครับ ได้เห็นความเซ็กซี่รูปแบบใหม่ๆบ้าง

ในบอร์ดเห็นแต่เรื่องเดิมๆ จำเจ รักมหาลัย ม.ปลาย พี่รักน้อง บลาๆ

อยากเจอคนเขียนตรงๆแบบนี้มานานละ ชวนคิดถึงคุณ nariza6

ผมชอบแนวนี้นะ เพราะชีวิตจริงมันไม่มีมากนัก อ่านแล้วมีรมมากมาย

อยากอ่านอะไรแปลกๆ ชวนหลงไหลมากกว่านี้อีก

หวังว่าขึ้นต้นแรงๆขนาดนี้ คงไม่น่าเบื่อกลางเรื่องนะฮะ....

เป็นกำลังใจให้จ้าา ชอบแบบหื่นๆ จัดมาที 555+

หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 6] 18/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 18-07-2015 21:12:44
 :hao7: :hao7: :hao7:   ทำไมอ่านเท่าไหร่ก็ไม่พอจริงๆ แบบว่าแอบลุ้นอ่ะ ว่าจะเจออะไรที่แปลกแหวกแนวอีก

จะเจอคนเลวๆแบบไหนให้เราได้ชื่นชมกับความเซ็กซี่

ปล.ฟันธงเลย ว่าโป๊ปชอบบอส  :hao3:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 6] 18/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 18-07-2015 21:51:05
เชียร์เบอร์หนึ่ง ให้คู่กับเบอร์ศูนย์นะคะ แอบฟินเบาๆ
ท่าทางมีหลายรายแล้ว ที่โดนแบบจอม
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 6] 18/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 18-07-2015 22:02:35
โป๊บบอส   :-[
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 6] 18/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 19-07-2015 00:37:50
ค่อยๆ คลายเรื่องมาทีละนิดแล้ว
เรื่องนี้จะมีกี่คู่เนี่ย
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 7] 19/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 19-07-2015 19:39:28
องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 7

“มาซะที หิวแล้วนะ เข้าไปที่ห้องกินข้าวเลย” บอสทักทันทีที่จอมกลับเข้ามาในห้อง

จอมเดินตามบอสไปที่ห้องทานอาหาร เขาเตรียมจะแกะก้วยเตี๋ยวออกจากถุงแต่บอสห้ามไว้ก่อน

“อย่าเพิ่ง เอาถุงก้วยเตี๋ยวแขวนรอไว้กับตัวนายก่อน เดี๋ยวชั้นไปตามเพื่อนมากินด้วย”

จอมทำหน้างง บอสชี้ไปที่ส่วนกึ่งกลางลำตัวแล้วบอกว่า

“ถอดกางเกงออกแล้วแขวนไว้ที่ตะขอใหญ่ๆ ตรงหว่างขานายนั่นแหละ ถ้านายทำหล่น ชั้นจะให้ลงไปซื้อใหม่ ชั้นจะเอามือถือถ่ายวิดีโอไว้ตรงนี้ กันนายโกง” บอสเอามือถือตั้งไว้บนขาตั้งเล็กๆ แล้วกดอัดวิดีโอไว้

พอเข้าใจคำสั่งจอมก็ถอดกางเกงออกทันที เขาปั่นท่อนลำขนาดยักษ์จนแข็งตัวเต็มที่แล้วก็เอาถุงก้วยเตี๋ยวไปแขวนไว้ โชคดีที่รูปร่างแท่งเนื้อของเขามันทำมุมขึ้นเล็กน้อยทำให้ไม่มีปัญหาที่ถุงจะเลื่อนหล่นลงมา บอสยกนิ้วให้อย่างพอใจในความแข็งแรงของทาสชั่วคราวแล้วเดินออกไป จอมพยายามตั้งสมาธิคิดถึงเรื่องที่จะทำให้ลำแกร่งของเขาแข็งตัวไปเรื่อยๆ เขานึกขอบคุณป้าร้านก้วยเตี๋ยวที่ให้น้ำซุปถุงเล็กมาแค่ถุงเดียว ไม่อยากจะนึกว่าถ้าใส่น้ำซุปร้อนๆ มาเต็มๆ สามถุง ดุ้นของเขาจะรับน้ำหนักได้ยังไง ท่าทางป้าคงพอรู้อะไรมาบ้าง เจอกันคราวหน้าเขาอาจจะกลั้นใจหอมแก้มดูซักฟอด

จอมก้มมองช่วงล่างของตัวเอง เขาเคยได้ยินว่าถ้าของใหญ่มากๆ เช่นพวกฝรั่ง มันจะไม่แข็งเท่าไหร่ แต่นี่คงไม่ใช่กรณีของเขา เพราะกระบองยักษ์อันนี้ทั้งใหญ่ทั้งแข็งเป้ก ปัญหาที่เจอตอนนี้คงเป็นความร้อนของถุงที่แนบต้นขาจนทำให้พวงไข่ของเขาออกจะร้อนอยู่ซักหน่อย แต่ก็ยังพอทนไหว จอมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนมังกรเริ่มสงบลงนิดนึง เขาใจหายวาบ ไม่อยากต้องลงไปซื้อใหม่ เขาคิดถึงเรื่องที่จะทำให้มันแข็งตัวขึ้น หนังโป๊ สก้อยสวยๆ บทรักของแฟนคนเก่าๆ สายตาของคนที่มองมาตอนเขาลงไปซื้อก้วยเตี๋ยว น่าแปลกที่เรื่องหลังทำให้ของเขาผงาดขึ้นมาได้ดีกว่าเรื่องแรกๆ ซะอีก เขาคิดต่อไปถึงใบหน้าของคนที่เขาแอบเอาไว้ที่บ้านแล้วต้องหยุดทันที มันกระตุ้นได้ดีเกินไปจนเขากลัวว่าจะหลั่งออกมาซะก่อน เป็นภาวะที่ทรมานไม่น้อย

บอสกับโป๊ปเดินเข้ามาในห้องทานข้าว พอเห็นอาหารที่เตรียมไว้โป๊ปก็บ่นทันที

“มึงเล่นมุกนี้อีกแล้ว เอาไปแขวนไว้ตรงนั้น แล้วกูจะแดกลงไหมนั่น เหี้ยนี่ของแม่งโคตรใหญ่ แค่เห็นก็ขมคอแล้ว”

“มึงเป็นไบภาษาอะไรวะ ของดีขนาดนี้ทำเป็นไม่ชอบ ดูดีๆ จอมมันน่ารักนะเว้ย ตัวไม่ใหญ่มาก เอวคอด แล้วลายมังกรนั่นอีก ถ้าเอากูจะตัดใจยกให้”

“กูจะเอามาทำเหี้ยอะไร ใหญ่เกือบเท่าของกูเลย จะกินได้ยัง ไอจอมมึงหยิบออกมาได้แล้ว กูไม่ยอมไปหยิบมาจากของมึงเด็ดขาด” โป๊ปสั่ง

จอมมองหน้าบอสเหมือนเป็นเชิงถาม เขาถูกโปรแกรมจิตให้รับคำสั่งบอสเพียงคนเดียว เมื่อบอสยังไม่อนุญาต เขาก็ยังเอาออกไม่ได้ เมื่อบอสพยักหน้า เขาจึงหยิบถุงก้วยเตี๋ยวออกมาส่งให้โป๊ปอย่างโล่งใจ ส่วนตัวเองก็รีบไปนุ่งกางเกงตัวเดิมที่บอสให้ทันที

“สัด กางเกงกู ถ้ามึงจะให้มันใส่ ทำไมไม่ให้ของตัวเองวะ” โป๊ปโวยวายทันทีที่เห็นกางเกงที่จอมนุ่ง

“มึงก็รู้กูเป็นคนหวงของ ถ้าคนไม่คุ้นกูไม่ให้มาแตะของๆ กูหรอก” จริงๆ ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก บอสซีเรียสกับเรื่องสัมผัสตัวมากกว่า แต่เป็นแผนที่เขาจะแกล้งโป๊ปตั้งแต่แรกแล้ว

“งั้นมึงถอดออกเลยจอม เจ้าของเขาหวง” บอสหันไปสั่งจอม

“ไม่ต้อง กูไม่เอาคืนแล้ว” โป๊ปไม่ได้รังเกียจเพราะดูถูก เขาแค่ระแวงว่าเด็กแว้นอันธพาลแบบจอม อาจจะมีโรคอะไรติดมาก็ได้

จอมไม่ได้ใส่กางเกงกลับคืนเพราะบอสไม่ได้ยกเลิกคำสั่ง บอสก็ทำเป็นเฉยๆ เพราะชอบดูรอยสักมังกรของจอมซึ่งจะสวยสมบูรณ์ยามเปลือยกายมากกว่า

“งั้นกินก้วยเตี๋ยวกันได้แล้ว จอมก็กินไปพร้อมกันเลย เสร็จแล้วค่อยมาสรุปบทลงโทษกัน ป่านนี้ระบบคงประมวลผลเสร็จแล้ว”

ตั้งแต่โตมา นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาเปลือยกายกินข้าว จอมคิดอย่างสมเพชตัวเองขณะนั่งก้วยเตี๋ยวบนพื้นไปเงียบๆ มีเพียงเสียงพูดคุยกันระหว่างโป๊ปกับบอส

“วันนี้ป้าให้โคตรเยอะเลย บอส มึงสั่งพิเศษเหรอ”

“ไม่นี่ สั่งธรรมดา สงสัยจอมมันมีอะไรที่ถูกใจป้ามั๊ง”

แต่ในเมื่อบอสไม่ได้ถามเขาโดยตรง จอมก็เลยทำเป็นนั่งเงียบๆ ไม่เล่าถึงเหตุการณ์ที่เขาเสียท่า ต้องโชว์ของลับให้แม่ค้ารุ่นแม่และเป็นที่ถูกใจจนได้ของแถมกลับมา ถ้าอารมณ์เป็นปกติ เขาว่าก้วยเตี๋ยวป้าคงอร่อยอยู่ไม่น้อย แต่นี่มีเรื่องให้เขากังวลมากมาย ทั้งเรื่องลูกน้องเกือบร้อยที่ต้องโดนรับโทษจากบอส เรื่องคู่อริที่ยังเคลียร์ไม่หมด เรื่องสมาชิกใหม่รายล่าสุดที่ท่าทางมีปัญหารุนแรงกับที่บ้าน และที่สำคัญเรื่องคนที่เขาพยายามปกป้องที่ตอนนี้คงกระวนกระวายที่เขาไม่กลับไปซะที หวังว่าเพื่อนๆ ที่เขาเคยฝากให้ไปช่วยดูแลบ้าง คงจะทำหน้าที่ได้ดี แต่ถ้าเขายังติดอยู่นี่ เขาจะหาเงินก้อนนั้นที่จำเป็นต้องใช้ทันได้ยังไง

เมื่อกินอาหารเสร็จ บอสก็รีบเข้าไปดูผลวิเคราะห์ข้อมูลความผิดของจอม เขาอยากรู้ว่าบทลงโทษจะรุนแรงขนาดไหน เท่าที่เขาดูข้อมูลเบื้องต้นตอนถ่ายรูปจอมที่โรงพัก เด็กแว้นคนนี้คงจะต้องชดใช้ความผิดโดยหมวดเอ็มเป็นอย่างน้อย เผลอๆ พอระบบไปรวบรวมข้อมูลเพื่อวิเคราะห์อย่างละเอียด อาจเจอความผิดเพิ่มเติมจนต้องถูกประมูลขายเป็นทาสในหมวดเอส ก็เป็นกรณีที่พบอยู่บ่อยๆ

เมื่อเขาเปิดสรุปรายงานมูลหนี้ความผิดของจอมออกมาดูก็ร้องโวยวายเสียงดัง

“อะไรวะนี่ โป๊ปๆ มึงมาดูระบบมึงเลย รวนหมดแล้วมั๊งนี่” บอสเข้าไปลากตัวสมาชิกเบอร์หนึ่งแถมพ่วงตำแหน่งแอดมินระบบขององค์กรที่นั่งทำงานอยู่อีกห้องเข้ามาดูข้อมูลด้วยกัน

“โวยวายอะไรเสียงดังลั่นวะ ไอเบอร์ศูนย์” เวลาที่ทำงานขององค์กร โป๊ปจะชอบเรียกบอสว่าเบอร์ศูนย์ตลอด บอสถามก็ไม่ยอมตอบว่าทำไม ตอนหลังบอสก็เรียกว่าเบอร์หนึ่งกลับบ้างบางที เพื่อไม่ให้น้อยหน้ากัน

“มึงดูข้อมูลไอ้จอมเลย ตอนแรกข้อมูลเบื้องต้นบอกว่า นอกจากมันมีหนี้สังคมเรื่องเป็นแก๊งค์แว้นซิ่งแล้ว ยังมีเรื่องลักพาตัวกักขังหน่วงเหนี่ยวลูกพี่ลูกน้องของหัวหน้าแก๊งค์คู่อริ รวมๆ มันต้องไปชดใช้ด้วยหมวดเอ็มเป็นอย่างน้อย แล้วทำไมพอวิเคราะห์ละเอียดมันเหลือโทษแค่ไปทำงานบริการสังคมหมวดซีห้าสิบชั่วโมงเองวะ ระบบแม่งห่วย” บอสกล่าวโทษระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กรที่โป๊ปพัฒนาขึ้น

“ระบบมันไปเจอข้อมูลอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า ผลสุดท้ายถึงเปลี่ยน ไหนกูดูสิ” โป๊ปตอบอย่างใจเย็น เขาเชื่อมั่นในระบบของตัวเองมาก เขาเป็นคนพัฒนาระบบบริหารงานที่ซับซ้อนให้กับบริษัทใหญ่ๆ มากมาย ล้วนแต่ใช้งานได้อย่างดี ทั้งที่งานพวกนั้นเขาตั้งใจทำน้อยกว่าที่ทำให้องค์กรตั้งเยอะ

“นี่ไง ระบบมันตัดความผิดเรื่องลักพาตัวออกหลังจากมันสอบทานข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง เชิญคุณเบอร์ศูนย์ไปเรียกจอมมาคุยดีกว่า เพราะถ้าจะเข้าไปดูข้อมูลดิบจนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เสียเวลาเป็นวันๆ แน่” โป๊ปแนะ แล้วก็ปริ๊นท์รายการสรุปประเด็นความผิดของจอมพร้อมสถานะการตรวจสอบออกมา
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 7] 19/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 19-07-2015 19:40:28
บอสเดินไปตามจอมที่ยังเปลือยกายอยู่เข้ามาในห้อง แล้วก็ตัดสินใจจะคลายการสะกดทั้งหมดออกให้ อำนาจการสะกดของเขามีข้อจำกัดบางอย่าง และหนึ่งในนั้นคือเขาไม่สามารถสะกดจิตแล้วสั่งให้พูดความจริงออกมาได้ถ้ามันเป็นสิ่งที่ผู้ถูกสะกดตั้งใจจะปกปิดจริงๆ ยิ่งคนจิตแข็งอย่างจอมด้วยแล้ว วิธีที่ดีที่สุดคือการพูดคุยแบบจริงใจ ซึ่งนั่นทำให้เขาคงต้องเล่าเรื่ององค์กรให้จอมฟังถึงความพยายามที่จะลงโทษคนที่สร้างปัญหาให้สังคม ก็ไม่รู้ว่าเด็กแว้นอย่างจอมจะเข้าใจได้ขนาดไหน

บอสบอกให้เบอร์หนึ่งซึ่งบางครั้งก็ทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้เขาด้วยเตรียมคุมเชิง แล้วก็ปลดเงื่อนไขที่บังคับจิตจอมอยู่ออกทั้งหมด แววตาของจอมเปลี่ยนไปทันทีกลายเป็นสายตาดุดันปนระแวงจ้องมองมาที่บอส โป๊ปขยับเข้าใกล้พร้อมตั้งท่าเตรียมจู่โจมแบบเทควันโด บอสรีบพูดกับจอม

“ใจเย็นก่อนจอม ตอนนี้ชั้นคลายสะกดทั้งหมดให้นายแล้ว นายคงไม่อยากถูกสะกดจิตอีกใช่ไหม ชั้นอยากคุยกับนายดีๆ ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป ตกลงไหม”

จอมนิ่งคิดแค่ครู่เดียวแล้วก็พยักหน้าช้าๆ เขาไม่รู้ว่าบอสจะมาไม้ไหน แต่จากสิ่งที่เจอมาก่อนหน้านี้ เขารู้ตัวว่าตัวเองคงจะขัดขืนบอสได้ยาก นี่ยังไม่นับตัวเพื่อนมือหนักตีนหนักที่ยืนกำกับอยู่ข้างๆ อีกอย่างเขาก็อยากจะคุยกับบอสให้รู้เรื่องไปเลย เขายังมีภาระที่ต้องทำอีกมาก จะมาเสียเวลาตรงนี้ไม่ได้

“ดีแล้ว งั้นก่อนอื่นชั้นขอถามเรื่องเมื่อคืน ทำไมนายถึงเข้ามาทำร้ายชั้น” บอสเริ่มเรื่อง

“พวกผมก็เป็นแค่เด็กๆ ที่มารวมกลุ่มกันเพราะชอบความเร็ว  ความท้าทาย การแข่งขัน แล้วก็รักศักดิ์ศรี ไม่ได้อยากจะทำให้ใครเดือดร้อน หรือถ้าจะเบียดเบียนเรื่องถนนบ้าง ก็ถือว่าแบ่งๆ กันใช้ มันยังน้อยกว่าผู้ใหญ่ที่ชอบเอาเปรียบประเทศเป็นไหนๆ” จอมตอบ พยายามอธิบายความคิดของตัวเอง

ก็แค่ตรรกะวิบัติแบบเด็กแว้น บอสคิด ใครๆ ก็สามารถอ้างเรื่องโน้นเรื่องนี้เพื่อจะสร้างความชอบธรรมให้กับความผิดของตัวเอง ความคิดแบบนี้มันตื้นไป ปัญหาจากการซิ่งรถมันมากกว่าเบียดบังถนนเยอะ ทั้งเรื่องอุบัติเหตุต่อตัวเองและผู้อื่น ชาวบ้านไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ สร้างภาระของเจ้าหน้าที่และงบประมาณบ้านเมือง ที่สำคัญคือต่อยอดไปเรื่องค้ายาหรือขโมยรถอีกด้วย ก็เด็กแว้นจะเอาเงินที่ไหนมาแต่งรถกันเป็นหมื่นเป็นแสนล่ะ

“แล้วองค์กรพวกคุณมาจากไหนไม่รู้ มาทำกับเพื่อนผม น้องผมขนาดนั้น จับแก้ผ้าถ่ายรูป แถมตำรวจยังร่วมมืออีก คงมีอิทธิพลมาก เด็กๆ อย่างพวกผมจะไปสู้อะไรได้ แต่จะรอให้โดนทำร้าย โดนบังคับให้ไปทำงานอะไรอีกก็ไม่รู้ คงไม่พ้นขายตัวหรือขายยา ผมไม่ยอมให้คนในแก๊งค์ผมไปทำงานแบบนั้นให้พวกคุณหรอก กลัวก็กลัวนะครับ แต่คนอย่างผมถึงสู้ไม่ได้ก็ต้องสู้ อย่างมากก็ตาย ผมเลยกะจะเล่นคุณที่ท่าทางเป็นตัวการก่อนเลย น่าจะช่วยลูกน้องได้บ้าง” จอมระบายความรู้สึกต่อ

บอสสบตากับโป๊ป นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อน จะว่าไปพวกนี้ก็ยังเด็กอยู่มาก ความคิดอ่านยังไม่รอบด้าน แต่สิ่งที่เขาทำเมื่อคืนมันก็น่าสงสัยจริงๆ นั่นแหละ ปกติก่อนที่ผู้ทำผิดจะรับโทษ องค์กรจะอธิบายที่มาที่ไปขององค์กรพร้อมทั้งหลักการในการประเมินความผิดและการลงโทษให้ผู้ทำผิดทราบก่อน แบบที่บอสอธิบายให้ธนัทเซลขายเครื่องกรองน้ำลวงโลกฟัง จะยอมรับและเห็นด้วยหรือไม่ไม่เป็นไร แค่อยากจะให้รู้ตัวว่าทำไมถึงถูกลงโทษแล้วก็ฝังความคิดว่ายังมีองค์กรแบบนี้เฝ้าดูอยู่จะได้ไม่ทำผิดอีก

แต่การจะทำอย่างนี้สำหรับคนกลุ่มใหญ่ๆ แบบเมื่อคืนคงไม่ง่าย บอสเลยใช้วิธีขู่และควบคุมจิตให้ทำตามไปก่อน ส่วนเรื่องที่เหลือค่อยอธิบายตอนทำงานบริการสังคมหรือตอนนำตัวไปรับโทษวิธีอื่น ที่ผ่านมาวิธีนี้ก็ไม่เคยมีปัญหา จนมาเจอกรณีของจอมที่จิตแข็งจนหลุดจากการสะกดได้ก่อนเวลา คงด้วยความเลือดร้อนและความคิดแบบเด็ก จอมจึงพยายามช่วยคนในแก๊งค์ด้วยการทำร้ายเขา จะว่าไปเรื่องมันก็เกิดจากความประมาทของตัวบอสเองด้วย

“งั้นเหตุการณ์เมื่อคืนก็ตามที่เล่า แล้วเรื่องที่นายไปลักพาตัวญาติของหัวหน้าแก๊งค์คู่อริเพื่อมาใช้ข่มขู่ล่ะ” บอสถามถึงประเด็นความผิดที่โชว์ในตอนแรก แต่พอระบบประมวลผลละเอียดเสร็จกลับตัดออกโดยขึ้นสถานะว่า สอบทานแล้วไม่เป็นจริง

“มันไม่ใช่เรื่องจริงครับ ถึงผมจะจงใจให้คนเข้าใจแบบนั้น เด็กคนนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของคู่อริผมจริง เมื่อสามเดือนก่อนอริผมมาท้าผมแข่งรถ เอาผู้หญิงที่เป็นแฟนมันมาเดิมพัน ผมบอกมันไปว่าผมไม่ใช้คนเป็นของพนัน มันเลยบอกว่างั้นเอารถของผมก็ได้ ผมไม่อยากแข่งเลยถ้าเสียรถไปนี่ถือว่าหมดศักดิ์ศรีกันทีเดียว แต่ก็ตกลงแข่งเพราะสงสารผู้หญิงที่มันเอาเป็นเดิมพัน แล้วผมก็มั่นใจฝีมือตัวเองด้วย สุดท้ายผมก็ชนะกะว่าจะพาน้องผู้หญิงไปส่ง แต่คู่อริผมมันดันเบี้ยว มันเอาเด็กผู้ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องตัวเองมาให้แทน บอกว่าจะทำอะไรก็ได้ตามสบาย จะซ้อม จะข่มขืน หรือถ้าไม่ชอบแนวนี้ก็เอาไปขายต่อคนอื่นก็ได้ แล้วมันก็ขับหนีไปเลย ดูสิมันเหี้ยขนาดไหน เด็กสิบหกเองนะ”

“ผมก็ปลอบเด็กนั่นบอกว่าไม่ทำอะไรมันหรอก จะพาไปส่งที่บ้าน ปรากฏว่ามันร้องใหญ่ บอกว่ากลับไปต้องไม่รอดแน่ แต่มันก็ลูกคุณหนูมากนะ ไม่รู้จะไปค้างที่ไหน ผมเลยพากลับไปบ้านด้วย พอมันหายตกใจมันก็เล่าว่า พ่อแม่มันเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่เมื่อสองปีก่อน มันเลยมาอยู่กับลุงซึ่งเป็นพ่อของคู่อริผม ลุงดูแลมันดีและรักมันมาก คงเพราะสงสารที่มันกำพร้าแล้วมันก็เป็นเด็กดีเรียนเก่งขยันช่วยงานบ้านด้วย เทียบกับเหี้ยนั่นที่เกเรสร้างปัญหาเรื่อยๆ มันเลยกลายเป็นลูกรักไป ไอลูกชังเลยเกลียดมันมากๆ พยายามหาเรื่องมันตลอด แรงขึ้นๆ แต่พออยู่ต่อหน้าพ่อก็ทำเป็นดีด้วย"

“แค่นั้นมันยังพอทนได้ เพราะลุงดีกับมันมาก แต่ก่อนหน้านั้นซักเดือนได้ งานของบริษัทลุงมันที่เมืองนอกมีปัญหา ลุงมันเลยต้องบินไปเคลียร์แล้วติดพันกลับไม่ได้เพราะเหมือนเป็นคดีความอะไรกันด้วย จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้กลับเลย ลุงมันเลยโอนเงินมาให้เหี้ยนั่นบอกว่าให้ดูแลน้องด้วย ตัวพี่เลยตีปีก ไม่ให้เงินใช้ไม่ว่า รู้สึกมันจะซ้อมน้องตัวเองด้วย แถมเอาตัวไปตระเวณเป็นของเดิมพันแข่งรถ โชคดีที่ไม่มีใครเอาคงเพราะเป็นตัวผู้ ถ้าเป็นผู้หญิงคงไม่เหลือแล้ว จริงๆ น้องมันน่ารักนะ ดูคุณหนูใสๆ เชียว จนมาเจอผมนี่แหละ”

“น้องมันเลยขออยู่กับผมด้วย ไม่กล้ากลับไปแล้ว ไม่รู้จะโดนทำอะไรอีก เคยโทรบอกลุงแล้ว แต่ท่าทางจะไม่เชื่อ คงไม่คิดว่าลูกตัวเองจะเลวได้ขนาดนั้น ผมไม่รู้จะทำยังไง ก็แค่เด็กแว้นคนหนึ่ง เรียนไปทำงานไป จะดูแลคุณหนูอย่างนั้นได้ยังไง โชคดีในแก๊งค์ผมมีลูกคนมีฐานะอยู่บ้าง ก็ช่วยๆ กันไป ผมก็ต้องทำงานพิเศษเพิ่ม แล้วก็คอยรับคอยส่งเวลาไปโรงเรียน โคตรเป็นภาระเลย แล้วก็ต้องดูแลกลัวทางโน้นจะกลับมาทำอะไรน้องมันอีก ผมแกล้งปล่อยข่าวว่าเอาตัวมาอยู่ด้วยเพื่อทรมานแล้วใช้เป็นทาส เพราะเป็นน้องชายของคู่อริ มันจะได้นึกว่ายืมมือผมทำร้ายน้องมันสำเร็จ จะได้ไม่มาวุ่นวายอะไรอีก แต่ผมก็รอจังหวะอยู่ จะเอาแม่งให้หนักเลย” ถึงปากจะพูดว่าเป็นภาระ แต่แววตาของจอมกลับดูเป็นประกาย

จากเรื่องเล่ายาวเหยียด บอสก็เลยเข้าใจเหตุที่มูลความผิดของจอมเหลือแค่เรื่องปิดถนนซิ่งรถ ระบบคงดึงข้อมูลหลายๆ แหล่งมาวิเคราะห์เชื่อมโยงจนสรุปได้ว่าเรื่องนี้เป็นข่าวลวง บอสนึกเสียใจ งานนี้ถือว่าเขาพลาดสองเรื่องเลย ทั้งเรื่องไม่รอบคอบพอตอนสะกดจิตจนจอมได้สติก่อเรื่องขึ้น แล้วก็เรื่องที่ไม่รอให้ระบบประมวลผลเสร็จ จนทำให้เริ่มการลงโทษที่เกินเลยกับความผิดไปก่อนแล้ว แต่สิ่งที่ทำไปแล้วคงจะแก้ไขอะไรไม่ได้ โชคดีที่เขาเป็นเบอร์ศูนย์ไม่ต้องอยู่ในกฎขององค์กร ไม่งั้นอาจโดนทำโทษแบบสยิวๆ โดยเบอร์หนึ่งได้ เขาคงหาวิธีชดเชยให้จอมที่หลัง แต่นั่นต้องหลังจากที่จอมชดใช้ความผิดที่ทำจริงโดยการทำงานบริการสังคมให้ครบห้าสิบชั่วโมงก่อน

“โอเค ชั้นได้ยินเรื่องทางฝั่งนายแล้ว ทีนี้ขอให้นายเปิดใจฟังเรื่องทางฝั่งชั้นบ้าง นายจะใส่เสื้อผ้าก่อนไหม” ในเมื่อจอมไม่ได้เป็นนักโทษระดับเอสอย่างที่คิด คงไม่เหมาะที่จะให้นั่งแก้ผ้าอย่างนี้

จอทโบกมือ “ไม่ต้องครับ อย่างนี้ก็สบายดี เริ่มชินแล้ว”

จากนั้นบอสและโป๊ปก็ช่วยกันเล่ารายละเอียดและวัตถุประสงค์ขององค์กรให้จอมฟัง รวมไปถึงรูปแบบการลงโทษ วิธีการชดใช้ความผิด แล้วก็มาตรการในการปกป้องสิทธิส่วนบุคคลของผู้รับโทษ บอสขยายความว่างานที่ลูกน้องของจอมจะเจอก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เดี๋ยวจอมไปทำด้วยก็จะรู้เอง ทั้งคู่อธิบายให้ฟังอยู่นานแม้จะไม่หวังว่าเด็กแว้นอย่างจอมจะมาเข้าใจเรื่องอะไรอย่างนี้ แต่พอฟังเสร็จจอมกลับพูดขึ้นด้วยความทึ่ง

“โห เจ๋งอ่ะ ผมอยากให้มีอะไรแบบนี้มานานแล้ว ทุกวันนี้ก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร ตำรวจหรือ ก็อย่างที่รู้ๆ กัน แถมผู้ใหญ่นี่แหละตัวดี น้องๆ ในก๊วนผมเจอมาทุกรูปแบบ ทั้งใช้งานหนัก ทุบตี มาชวนไปขายยาบ้าง ขายตัวบ้าง เด็กผู้ชายมันยังเอาเลย ดูอย่างน้องคนล่าสุดที่มาเข้าแก๊งค์ผมนะ โดนที่บ้านทำร้ายตลอดเลย ผมกำลังหาทางช่วยมันอยู่ นี่ถ้าผมมีเวลามากกว่านี้นะ ผมจะอาสาช่วยงานองค์กรเลย แต่ตอนนี้ไม่ไหว ต้องเร่งทำงานพิเศษอื้อเลย ไอ้น้องที่มันมาอยู่กับผมต้องจ่ายค่าเทอมแล้ว ไอ้เหี้ยพี่มันได้เงินค่าเทอมมาแล้วอมไว้ มันเรียนภาคอังกฤษอะไรของมันไม่รู้ โคตรแพงเลย”

บอสกับโป๊ปสบตากันเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ ถึงเป็นเด็กแว้นแต่ดูจอมมันก็มีความคิดดีๆ อยู่มาก นี่ขนาดสภาพแวดล้อมเป็นอย่างนี้นะ

“เริ่มจากพวกแจ้งเบาะแสก่อนก็ได้ ไหนนายลองบอกข้อมูลของคู่อรินายกับทางบ้านของเด็กที่ถูกทำร้ายมาสิ ทางองค์กรจะเอาไปสืบดู ถ้าพวกมันมีความผิดจริง เราจัดการแน่ ไม่ส่งเรื่องให้ตำรวจก็เอามาทำเอง”

“แล้วเรื่องแบบไหนถึงส่งตำรวจแบบไหนถึงเอามาทำเองล่ะ ผมอยากให้ไอ้เชี่ยนั้นโดนองค์กรเล่นจัง คงสะใจดีพิลึก”

“ก็ถ้าหน้าตาพอดูได้ องค์กรจะเป็นคนจัดการเอง” บอสตอบอายๆ ยังไงองค์กรก็จัดการทั้งหมดไม่ไหวอยู่แล้ว ก็ขอคัดหน้าตาดีๆ หน่อยไม่ได้เหรอ ไหนๆ ก็ทำงานฟรี แต่พวกที่ส่งเรื่องให้ตำรวจก็ไม่ได้ทอดทิ้งนะ องค์กรจะคอยติดตามความคืบหน้าตำรวจไม่กล้าดองเรื่องแน่นอน

“ฮ่า ฮ่า งั้นมันโดนแน่ ขนาดมีสาวๆ ยอมมาเป็นของเดิมพันให้มันอย่างนั้น ไม่ต้องห่วงเรื่องหน้าตาเลย” จอมหัวเราะชอบใจ

หลังจากได้เบาะแสทั้งหมดจากจอมแล้ว โป๊ปก็ป้อนเข้าระบบแล้วสั่งให้วิเคราะห์ข้อเท็จจริงและความผิดของคนที่เกี่ยวข้องดู เพื่อเป็นการยืนยันเรื่องที่จอมเล่า และหาตัวคนมาลงโทษ

“งั้นคุณจะให้ผมกลับได้แล้วยัง” จอมยืนขึ้นเต็มความสูง ท่อนเนื้อขนาดน้องม้าห้อยยาวดูไม่สมดุลกับตัว

“เรียกพี่ก็ได้นะ ขอโทษนะที่ทำโทษนายแบบเกินความผิดไป ทั้งให้นอนบนพื้น ให้เดินโชว์ไปซื้อของ เอาถุงก้วยเตี๋ยวมาแขวนอีก เดี๋ยวจะหาโอกาสชดเชยให้ทีหลัง แต่นายก็ยังต้องไปทำงานบริการสังคมฐานซิ่งรถอยู่ดีนะ หาเวลาไปเก็บให้ครบล่ะ ห้าสิบชั่วโมงเอง เดี๋ยวระบบจะส่งรายละเอียดเข้าไปให้” บอสบอก

“ไม่เป็นไร ผมก็ฟาดไหล่พี่ไปเต็มแรงเหมือนกัน แล้วถ้าผมจะแจ้งเบาะแสเรื่องอื่นอีก จะติดต่อพี่ได้ทางไหน”

“เอาไลน์นี้ไป ในองค์กรพี่คือเบอร์ศูนย์นะ ส่วนคลิปที่ถ่ายเราไว้ เดี๋ยวพี่จะลบให้หมดเลยนะ ยกเว้นรูปที่โรงพัก

“ไม่เป็นไรพี่ ถ้าพี่ชอบของแบบนี้ ก็เก็บไว้ดูเล่นก็ได้ แต่อย่าเอาไปลงที่ไหนนะ ไม่อยากดัง” จอมพูดพลางโกยท่อนเนื้อขึ้นมาเดาะเล่นในมือ

เมื่อแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดเก่าแล้ว จอมก็รีบกลับไปทันที คงมีธุระที่ต้องไปจัดการอีกเยอะ

“ก็ยังไม่ชอบหน้ามันอยู่ดีแหละ ขี้อวดว่ะ นึกว่าใหญ่คนเดียวหรือไง” โป๊ปบ่นพึมพำ

........................................................

หลังจากนั้นสองสามวัน ก็มีเหตุให้จอมกลับมาที่คอนโดของโป๊ปอีก เพียงแต่คราวนี้ไม่ได้มาพบบอสหรือโป๊ป  พอเสร็จธุระที่ชั้นยี่สิบของคอนโดแล้ว จอมก็ลงมาชั้นล่างแล้วเดินไปทางซอยข้างๆ ที่เคยมาซื้อก้วยเตี๋ยว เพื่อจะขึ้นสะพานลอยข้ามไปฝั่งตรงข้าม ขณะเดินผ่าน สายตาก็เหลือบไปมองร้านก้วยเตี๋ยวอย่างอดไม่ได้ เขาเห็นคนกลุ่มใหญ่มุงอยู่หน้าร้านเลยเข้าไปดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น

ที่หน้าร้าน เขาเห็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปียืนอยู่หน้าบริเวณที่ปรุงก้วยเตี๋ยว ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงกางเกงในแบบบีกินี่ตัวจิ๋วที่ประคองความอวบอัดภายในไว้ไม่สำเร็จเพราะเห็นส่วนหัวแดงก่ำโผล่ออกมาเล็กน้อย บริเวณเป้าเปื้อนคราบน้ำอะไรสักอย่างเป็นดวงใหญ่ๆ ที่ยังไม่แห้งดี พอมองอีกทีก็เห็นด้านหลังกางเกงที่เป็นแบบเว้าสูงเกือบจะเป็นทีแบ๊คโชว์แก้มก้นขาวเนียนกล้ามแน่นตึง คนที่รุมอยู่พูดจาซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์สรีระของคนตรงหน้า บางคนก็เอามือถือมาถ่ายรูป จอมก็หยิบมาถ่ายเช่นกัน จะเอาไปให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายของคนตรงหน้าดู  ชายหนุ่มถือว่ามีรูปร่างหน้าตาที่ดีน้องๆ นายแบบดังๆ เลย ผิวขาว ไรขนสีดำตามช่วงขาและหน้าท้องแกร่งเรียงตัวเป็นระเบียบ หัวนมสีชมพูชูชันท้าสายตาคน ใบหน้าขาวแต่คมเข้มมีไรหนวดเคราเห็นได้ชัด  เขาได้ยินเสียงหนุ่มคู่อริเถียงกับแม่ค้าเสียงดัง

“อีแก่ เสร็จยังวะ นี่กูรอมาเป็นชั่วโมงแล้ว เจ้านายกูหิวแล้วนะ”

“เอ้า เอาไป ร้อยห้าสิบ จ่ายมา พูดจาหมาไม่แดกแบบนี้ หล่อยังไงเจ๊ก็ไม่โปรด”

จอมมองถุงใบใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยถุงก้วยเตี๋ยว เครื่องปรุง ผัก และน้ำซุปร้อนจี๋ถุงใหญ่ อย่างละสามชุดด้วยความสยอง เขานึกในใจว่าจะลองไลน์ไปหาบอสเพื่อจะขอคลิปเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เขาอยากรู้แค่สองเรื่อง เรื่องแรก ของที่ไม่มีกระดูกมันจะหักได้หรือไม่ และสอง ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ถึงจะลวกไข่สุก

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 7] 19/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 19-07-2015 20:00:31
55555  สะใจมาก o13
โป๊ปพูดงี้ แปลว่าของตัวเองก็ใหญ่ใช่ไหมล่ะ  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 7] 19/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 19-07-2015 20:18:37
ขำจอมมมม
 :m20:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 7] 19/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 19-07-2015 21:55:21
 :m20:  ชายโป๊ปก็จะบอกว่า ตัวเองมีดีเหมือนกันสินะ  :hao3:

ตายๆๆๆ ตอนแรกเห็นบอกว่ามีสามคู่ แบบนี้ชักอยากให้เพิ่มคู่น้องจอมด้วยจัง   :hao7:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 7] 19/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 19-07-2015 23:06:53
เนื้อเรื่องแปลกใหม่ดี. น่าติดตาม. ไม่เน้นรักหวานแหวว. หรือรักแบบตบจูบ.  มีสาระดี. ใครทำเลวไว้ สมัยนี้กรรมติดจรวด ไม่ต้องรอชาติหน้า
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 7] 19/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: pui_noizๆ ที่ 20-07-2015 18:59:22
ยังไงดีล่ะ อ่านจนหมด อึ้ง ทึ่งฮะ ปกติชอบแนวแฟนตาซีนะ ย้อนกลับไปอดีต มีเวทมนต์ แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่ มันอะไรยังไง แรงบันดาลใจคืออะไร มันแปลก มาก ถึง มากที่สุด เรียกว่าจับทางไม่ถูกเลยฮะ
ภาษาที่ใช้ การดำเนินเรื่อง ความน่าติดตาม เรียกว่า ยอดเยี่ยม
แต่ตัวเนื้อหานั้น อืม เม้นท์ไม่ถูกฮะ มันไม่ได้ล้ำไปโลกอนาคตแต่มันล้ำชนิดที่เกินการคาดเดา เขียนแนวนี้จะมีข้อดีอย่างหนึ่งคือจะผูกเรื่องยังไงก็ได้ ไม่มีผิด ไม่ต้องมีการพิสูจน์ ซึ่งถ้าองค์ประกอบทุกอย่างดีและลงตัว มันก็จะเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว
จะรออ่านจนจบเรื่องและจะเป็นกำลังใจให้นะฮะ
ขอบคุณมากฮะ
ปล. เข้าใจว่าคงตรวจทานตัวอักษรก่อนเอามาลงแล้วใช่ปะฮะ เพราะที่ผ่านตาคร่าวๆ ยังไม่เจอที่ผิดเลยฮะ เยี่ยมจริงๆ ฮะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 7] 19/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: Vocaliist ที่ 20-07-2015 18:59:50
ช่วยดัน จ้าา

มาต่อไวๆน้า ขอแบบเซ็กซี่ๆ บ้างก็ดีนะ

แบบเปิดทีละนิดทีละหน่อย อะจ้าา

 :hao6:

บางทีเปิดหมดเลยทีเดียวมันดู ไม่เร้าอารมณ์

พลังแห่งความหื่นจงเจริญ.....

 :hao7:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 7] 19/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: Moko1212 ที่ 20-07-2015 19:06:28
ชอบโป๊ปจุง  :hao3:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 8] 20/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 20-07-2015 23:49:29

องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 8

เด็กแว้นรุ่นเยาว์ที่มีร่องรอยถูกทำร้ายมาอยู่กับสารวัตรได้สามวันแล้ว แม้จะตัวเด็กเองจะยังไม่ยอมพูดถึงว่าสาเหตุคืออะไรและใครเป็นคนทำ แต่ระหว่างนี้นายตำรวจหนุ่มก็สืบเรื่องราวไปได้เยอะแล้ว เด็กหนุ่มกำพร้าพ่อและอยู่กันสองคนกับแม่มาตั้งแต่เด็กๆ แต่ก็ไม่ลำบากอะไรเพราะแม่เป็นนักบัญชีระดับหัวหน้าที่ทำงานเก่ง จนเมื่อสองปีก่อนแม่ของเขาก็ได้แต่งงานใหม่กับเจ้านายที่ทำงานของตัวเอง เด็กหนุ่มย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่ ฐานะดูจะยิ่งดีขึ้น ครอบครัวใหม่นอกจากพ่อเลี้ยงแล้วยังมีลูกติดของพ่อเลี้ยงอีกหนึ่งคน เมื่อปีที่แล้ว มีข่าวอื้อฉาวเรื่องการโกงของบริษัทที่แม่และพ่อเลี้ยงทำงานอยู่ แม่ของหนุ่มน้อยเป็นคนเดียวที่ถูกจับข้อหาตกแต่งบัญชี จนขณะนี้ คดีก็ยังอยู่ในชั้นศาล เนื่องจากคนเป็นแม่ถูกคุมขังระหว่างการไต่สวน เด็กหนุ่มจึงอยู่ในความดูแลของพ่อเลี้ยง

ถึงจะไม่มีระบบข้อมูลที่น่าทึ่งแบบขององค์กร แต่สารวัตรหนุ่มก็มีช่องทางในการหาข่าวของตัวเองเช่นกัน ตอนนี้เขาได้ข้อมูลมาแล้วว่า พ่อเลี้ยงไม่ได้ให้ความร่วมมือในการทำคดีนี้เท่าไหร่ทั้งๆ ที่มีข้อมูลและเงินเพียงพอเหมือนไม่อยากให้คดีจบ แหล่งข่าวบอกว่าจากรูปคดีแล้วแม่ของเด็กหนุ่มน่าจะถูกโยนความผิดให้และคนโกงจริงๆ อาจเป็นคนที่ควรไว้ใจอย่างสามีของตัวเอง

เรื่องพวกนี้ยังไม่น่าตกใจเท่ารสนิยมทางเพศของตัวพ่อเลี้ยง สายข่าวบอกว่าพ่อเลี้ยงมีคู่ขาหลายคนซึ่งมักจะพาเข้าไปร่วมหลับนอนในบ้านภายหลังจากที่ภรรยาตัวเองถูกคุมขัง บางคนในนั้นเป็นโสเภณีที่เป็นที่รู้กันว่าให้บริการแบบซาดิส ทั้งหมดนี้ ทำให้สารวัตรยิ่งมั่นใจว่าบาดแผลที่พบน่าจะเกิดจากพ่อเลี้ยงและคู่ขาแน่ แต่ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ความที่ตัวเด็กเองยังเป็นผู้เยาว์ ยิ่งทำให้การทำงานเรื่องนี้ยากขึ้น โดยสถานะที่พ่อเลี้ยงคือผู้ปกครองคนเดียวของเด็กในขณะนี้ทำให้ตำรวจอย่างเขาไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก

ในขณะที่ยังมืดแปดด้านว่าจะทำยังไงต่อองค์กรก็ติดต่อให้ความช่วยเหลือมา ข้อมูลที่ส่งมาให้ไขข้อข้องใจได้อย่างมาก แน่ล่ะ ข้อมูลที่ถูกแฮ็คมาแบบนี้มันใช้ในชั้นศาลไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็เอาไปใช้ขยายผลการสอบสวนได้ รวมถึงเอาไปโน้มน้าวสร้างเมตตาธรรมกับคนที่มีอำนาจในกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างไม่เป็นทางการได้ นายตำรวจหนุ่มเริ่มประติดประต่อเรื่องราวจากภาพและคลิปที่ได้รับ

เด็กหนุ่มถูกใช้เป็นเครื่องมือประกอบการมีเซ็กส์แบบซาดิสของพ่อเลี้ยงและคู่ขา เคราะห์ดีที่พ่อเลี้ยงไม่ได้มีอารมณ์โดยตรงกับเด็กผู้ชายจึงรอดจากการถูกข่มขืนไป จากหลักฐานที่ได้มา พ่อเลี้ยงจะทรมานเด็กหนุ่มด้วยวิธีต่างๆ ทั้งหยดน้ำตาเทียน มัดแขนมัดขา เฆี่ยนตี ช้อตไฟฟ้า เอาบุหรี่จี้หัวนม จนตัวเองเกิดอารมณ์ถึงที่สุดแล้วจึงไปร่วมเพศกับคู่ขาที่เป็นผู้หญิง ทั้งหมดนี้มีการถ่ายรูปและคลิปเก็บไว้ด้วย แต่พ่อเลี้ยงฉลาดพอที่จะไม่เผยแพร่ออกมาให้ตัวเองเดือดร้อน

ลูกชายพ่อเลี้ยงวัยสิบเก้าปีก็ถ่ายทอดความวิปริตมาได้ไม่แพ้กันแต่ฉลาดน้อยกว่านั้นเยอะ ดูเหมือนตัวลูกชายจะแอบเอารูปและคลิปที่พ่อบันทึกไว้ไปโพสต์เรียกคะแนนนิยมในเวปลับใต้ดิน จากนั้นก็ต่อยอดเอาตัวน้องชายนอกสายเลือดมาทรมานแบบวิปริตต่างๆ แล้วถ่ายเป็นคลิปขายหาเงิน ยังดีที่พรางหน้าให้แล้วก็ยังไม่รุนแรงถึงกับเป็นแผลหนักๆ พอมีข้อมูลมาอยู่บนอินเตอร์เน็ทอย่างนี้แล้ว ต่อให้เป็นความลับหรือมีมาตรการป้องกันอย่างไรก็ไม่พ้นมือองค์กรที่จะเจาะเข้าไปได้ คลิปที่สะเทือนใจสุดคงไม่พ้นคลิปล่าสุดที่พี่ชายโรคจิตรู้ว่าน้องชายไปเข้าแก๊งค์ซิ่งหวังจะให้คนในแก๊งค์ช่วย เลยบังคับให้น้องเอาจู๋อ่อนวัยยัดใส่ท่อไอเสียของรถมอเตอร์ที่ขับกลับมาจอดได้ซักพัก ความร้อนคงยังพอมีอยู่พอสมควร ในคลิปน้องเลยร้องไห้น่าสงสารมาก

ที่สารวัตรหนุ่มไม่เข้าใจคือทำไมหนุ่มน้อยไม่ขัดขืนเลย ยอมทำแต่โดยดี ถึงแม้สีหน้าจะแสดงว่าเจ็บปวดหวาดกลัวแค่ไหนก็ตาม แต่ในเมื่อรู้เรื่องถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสอบถามเจ้าตัวโดยตรง

นายตำรวจหนุ่มคุยกับเด็กน้อยอีกครั้ง คราวนี้เปิดตัวเลยว่ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว จะไปเอาเรื่องกับพ่อเลี้ยง เด็กร้องไห้โฮ ละล่ำละลักบอกว่า อย่าทำ ไม่งั้นพ่อเลี้ยงจะไม่ช่วยเรื่องคดีความแล้วแม่ตัวเองจะติดคุกตลอดชีวิต นี่คงเป็นเรื่องพ่อเลี้ยงใช้ขู่มาโดยตลอดอย่างได้ผล ทำไมคนเราถึงใจระยำกับเด็กที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกบุญธรรมได้ขนาดนี้ เด็กหนุ่มที่ยังใช้คำนำหน้าว่าเด็กชายอยู่เลยเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว

สารวัตรชั่งใจ ถึงจุดๆ นี้เขาควรจะขอให้องค์กรดำเนินการต่อเพื่อให้คนเลวได้รับโทษอย่างสาสมโดยเร็วที่สุด หรือจะให้เดินไปตามกระบวนการทางกฎหมายที่ช้าหน่อยแต่เขาก็เชื่อว่าจะได้รับความยุติธรรมในที่สุด ในฐานะผู้พิทักษ์กฎหมาย เขารู้ว่าความล่าช้าส่วนหนึ่งนั้นเป็นผลจากกระบวนเพื่อให้มั่นใจว่าคนบริสุทธิ์จะไม่ถูกตัดสินผิดๆ ในที่สุดสารวัตรก็ตัดสินใจได้ เขาจะดำเนินเรื่องตามกฎหมายตามปกติ ระหว่างนั้นถ้ายังไม่ถูกจับหรือจับแล้วได้ประกันตัว ก็ให้องค์กรเอาตัวไปรับโทษเรื่อยๆ ไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด คนเลวแบบนี้มันต้องโดนทั้งสองทาง

หลังจากได้ระบายเรื่องทั้งหมดออกมาพร้อมทั้งได้รับคำยืนยันจากสารวัตรว่าจะดูแลเรื่องของแม่ตัวเองให้ เด็กน้อยก็มีท่าทางสดใสและพูดคุยมากขึ้น ทั้งยังช่วยดูแลทำความสะอาดบ้านรกๆ แบบหนุ่มโสดที่มาอาศัยอยู่ด้วยเป็นอย่างดี ช่างเป็นเด็กที่เข้มแข็งจริงๆ สารวัตรคิด ตอนนี้เด็กแว้นตัวน้อยเริ่มเป็นห่วงว่าพวกเพื่อนๆ ที่ต้องไปทำงานกับองค์กรเพื่อล้างความผิดจะลำบากขนาดไหน ในขณะที่ตัวเขาเองได้รับยกเว้นจากองค์กรเพราะมีคดีโดนทำร้ายร่างกายที่ต้องสะสาง

สารวัตรจะบอกให้สบายใจก็บอกไม่ถูกเพราะไม่เคยเห็นกับตาสักทีว่าเด็กพวกนั้นไปทำอะไร ลำบากหรือเปล่า บอสเคยบอกว่าเป็นงานบริการเพื่อหาเงินไปสนับสนุนมูลนิธิต่างๆ เขาค่อนข้างไว้ใจบอสและองค์กรอยู่แล้วเลยไม่ได้ถามรายละเอียด รู้แต่ว่าเด็กที่ถูกจับแล้วไปทำงานนี้ก็อยู่ดีเป็นปกติทุกคน แถมดูๆ ความประพฤติก็ดีขึ้นด้วย พ่อแม่บางคนยังมาชมให้ฟังกับตำรวจเลย แต่คราวนี้เขาน่าจะลองไปดูด้วยตัวเองซักที จะได้มาเล่าให้ไอตัวยุ่งฟังได้ บอสเคยให้ใบปลิวโฆษณามาเมื่อหลายเดือนก่อน เขาถ่ายรูปเก็บไว้ในโทรศัพท์แล้วก็ไม่ได้สนใจอีกเลย

สารวัตรไล่หารูปดังกล่าวในโทรศัพท์ พบว่าใบปลิวที่ว่าโฆษณาไว้ตามนี้

######เปิดแล้ว บริการล้างรถการกุศลสำหรับชาวเกย์######
บริการล้างรถแนวใหม่ที่จะสร้างความซาบซ่านให้กับชีวิต
ค่าบริการล้างรถภายนอกเริ่มต้นที่ 300 บาท
กำไรทั้งหมดมอบให้การกุศล
##########รถสวย - อิ่มตา - อิ่มใจ - ได้บุญ##########

ดูแล้วก็งง ทำไมต้องสำหรับชาวเกย์ แล้วถ้าไม่ใช่จะเป็นอะไรหรือเปล่า หรือจะถามบอสก่อนดี สารวัตรคิดในใจ รบกวนเปล่าๆ งั้นชวนเพื่อนทหารเรือที่เป็นเกย์ไปด้วยดีกว่า ไปคนเดียวรู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน ตำรวจหนุ่มรีบโทรไปหาเพื่อนสนิทสมัยเรียนเตรียมทหาร ที่พอแยกเหล่าแล้วดันกลายพันธ์เป็นเกย์ไปซะงั้น แต่มันก็ไม่ได้แต๋วแตกอะไรนะ แมนเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนจากมีแฟนสาวเป็นแฟนหนุ่มเท่านั้นเอง และพอยิ่งแน่ใจว่าตัวเองไม่ใช่สเปคของทหารเรือหนุ่มอย่างแน่นอน ก็คบกันมาอย่างสนิทใจจนถึงเดี๋ยวนี้

ตำรวจหนุ่มขับรถไปรับเพื่อนทหารเรือถึงกองบัญชาการ เขาบอกให้เพื่อนโดดงานออกมาเร็วหน่อย รอซักพักหนุ่มทหารเรือร่างสูงโปร่งท่าทางอารมณ์ดีก็เข้ามานั่งในรถบ้างคนขับ

“เป็นไงวะ งานยุ่งเปล่า โทษทีที่รบกวน” สารวัตรถาม

“ไม่ยุ่งๆ พอย้ายมาอยู่ส่วนกลางอย่างนี้ ไม่ค่อยมีอะไรทำเลยว่ะ นี่กูก็อยากจะกลับไปอยู่สายบู๊เหมือนเดิมแล้ว แต่เจ้านายบอกว่ามาอยู่ไปก่อนให้ได้รู้จักผู้ใหญ่บ้างแล้วค่อยวนออกไปอยู่หน่วย มึงโทรมาก็ดี กำลังเซ็งๆ ว่าแต่จะพาไปไหนวะ ตอนโทรมาฟังไม่ค่อยทัน” เห็นท่าทางสะโอดสะองอย่างนี้ แต่เพื่อนเขาก็เป็นขาลุยตัวจริง ผลงานเพียบ

“จะเอารถไปล้าง” ตำรวจตอบตรงๆ

“แค่นี้อะนะ” ทหารแปลกใจ

“ล้างแบบเกย์ๆ” ตำรวจขยายความ

“งั้นต้องล้างตู้เย็นแล้ว ไม่ใช่ล้างรถ” ทหารปล่อยมุก

“...” ตำรวจเงียบเพราะไม่เข้าใจ

สารวัตรขับตรงไปยังสถานที่ที่ระบุในใบปลิว เขาแปลกใจตั้งแต่ทีแรกแล้วว่าแถวนั้นไม่น่าจะเป็นที่ที่ร้านล้างรถจะตั้งอยู่เลย ไม่ได้อยู่นอกเมืองก็จริง แต่ก็ไม่มีอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นห้าง ร้านค้า ร้านอาหาร เซเว่นยังไม่รู้จะมีไหม แล้วใครจะเอารถมาล้างกัน เดี๋ยวนี้มันต้องไปตั้งในที่จอดรถห้าง คนเอารถมาทิ้งไว้จะได้ไปซื้อของ ดูหนัง กินข้าวได้ ไม่ต้องมาคอยให้เสียเวลา แล้วอย่างนี้มันจะรอดได้ยังไง

ไม่ทันไรก็มาถึงสถานที่ที่ว่า คงเพราะพวกเขาออกมาตั้งแต่ช่วงบ่าย รถเลยไม่ติด ถึงติดถนนใหญ่แต่แถวนั้นก็ไม่มีอะไรจริงๆ ดูโล่งไปหมด ดูจากด้านนอก ร้านล้างรถเหมือนจะไม่มีสิ่งปลูกสร้างอะไร รั้วเป็นแผ่นโลหะทึบสำเร็จรูปแบบที่ใช้ในไซ้ท์งานก่อสร้างบังสายตาสิ่งที่อยู่ด้านในไว้หมด แนวรั้วที่เรียงยาวกันไปทำให้รู้ว่าร้านล้างรถแห่งนี้มีพื้นที่กว้างมากทีเดียว ด้านหน้ามีตัวอักษรขนาดใหญ่ติดอยู่ว่า “G-Wash”

สารวัตรขับรถไปที่ทางเข้า มีรถจอดรอคิวอยู่สองคันทำให้เขาแปลกใจเล็กน้อย นึกว่าจะไม่มีลูกค้าซะอีก ทางเข้าเป็นอาคารเล็กมีหลังคาคล้ายตู้ทางด่วน แต่ไม้กั้นอัตโนมัติจะเป็นแผงกั้นแทน แผงกั้นนี้ทึบตลอดแนวความสูง ถ้าปิดอยู่คนก็เดินผ่านเข้าไปไม่ได้ เขาเห็นรถคันหน้าเปิดกระจกมาจิ้มๆ หน้าจอที่ติดตั้งอยู่ตรงหน้าแผงกัน ซักพักก็เอาแบ็งค์แดงๆ ป้อนไป แล้วแผงกั้นก็เปิดออกให้รถคันหน้าขับเข้าไป ทันสมัยดีแฮะ ตำรวจหนุ่มคิด

พอถึงตาเขา เขาก็ให้เพื่อนทหารเรือยื่นหน้ามาช่วยดูด้วย พวกกลไกลอย่างนี้ตำรวจไม่ชำนาญเท่าไหร่ ทหารจะเก่งกว่า หน้าจอปรากฏข้อความดังนี้

*** โปรดตอบคำถามสุ่ม เพื่อเข้าระบบ เมื่อท่านกดปุ่มแดง จะต้องเลือกข้อที่ใช่ที่สุดภายในสิบวินาที ***

ตำรวจท่าทางงงๆ ทหารเลยบอกให้กดปุ่มสีแดง ทันใดนั้นหน้าจอก็แสดงปุ่มสี่เหลี่ยมขึ้นมาหกปุ่ม แต่ละปุ่มแสดงชื่อภาษาอังกฤษที่เขาไม่คุ้นตาเท่าไหร่ ด้านบนมีตัวเลขนับถอยหลัง 9 8 7…

คราวนี้ทหารก็งงเหมือนกัน สายตากวาดไปที่ชื่อแต่ละปุ่ม แล้วก็ร้องออกมาอย่างตื่นเต้นว่า

“มึงกดปุ่มนั้นเลย Bel Ami Bel Ami ล่างซ้าย ล่างซ้าย เร็วๆ สิ”

สารวัตรรีบกดปุ่มที่เพื่อนบอกได้ทันเวลาพอดี ถึงแม้จะไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น หน้าจอเปลี่ยนไปเป็นหน้าสำหรับเลือกประเภทบริการ ซึ่งมีตัวเลือกขึ้นมาเพียงอันเดียว คือล้างรถภายนอก 300 บาท หลังจากนั้น ระบบก็ให้ชำระค่าบริการ ตำรวจหนุ่มใส่แบ๊งค์ห้าร้อยลงไป เครื่องก็ทอนออกมาสองร้อยพร้อมตั๋วกระดาษแข็งเล็กๆ อันนึง จากนั้นแผงกั้นก็เปิดออก หน้าจอแจ้งว่าให้ขับไปยังช่องตามหมายเลขที่ระบุบนตั๋ว พร้อมข้อความเตือนว่า ห้ามบันทึกภาพและห้ามลงจากรถโดยเด็ดขาด

เมื่อขับรถผ่านแผงกั้นเข้ามา ตำรวจหนุ่มก็คิดว่าเหมือนลานจอดรถตามสวนอาหารมากกว่า เป็นพื้นซีเมนต์โล่งๆ ไม่มีสิ่งปลูกสร้างอะไรเลย ช่องที่ว่ามีลักษณะเป็นซองที่ใหญ่กว่าที่จอดรถปกติมากพอสมควร สิ่งที่คั่นแต่ละช่องออกจากกันคือกระถางต้นไม้ที่วางเรียงกันแน่นทั้งสามด้านจนเหมือนเป็นกำแพง ต้นไม้ในกระถางก็สูงประมาณท่วมหัวทำให้มองไม่เห็นด้านในของช่องที่อยู่ติดกันนอกจากที่เป็นรูระหว่างใบไม้

ช่องที่ว่าน่าจะมีราวๆ ห้าสิบช่อง เรียงกันไปบนลานซีเมนต์ แต่ละช่องมีหมายเลขกำกับ และบนถนนก็มีป้ายบอกว่าแต่ละซอยเป็นช่องที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่ สารวัตรขับไปจนถึงช่องที่ 21 ตามที่ระบุในตั๋ว พอเข้าไปจอดในช่องดังกล่าว ก็มีเด็กวัยรุ่นหุ่นดีขนเยอะคนหนึ่งนุ่งกางเกงในสีขาวตัวเดียวออกมายกมือไหว้ แล้วเอาป้ายผ้ามากางบนกระจกหน้า บนป้ายผ้ามีข้อความที่อ่านจากในรถได้จัดเจนว่า

เกี่ยวกับการบริการและการให้ทิป

ชุดมาตรฐานในการบริการคือกางเกงในตัวเดียว
ผู้ให้บริการอาจทำเกินกว่านั้นขึ้นอยู่กับความสมัครใจ
ผู้รับบริการอาจให้ทิปได้ที่ทางออกขึ้นอยู่กับความพอใจ
ค่าบริการหลังหักค่าใช้จ่ายเข้าการกุศลทั้งหมด
ทิปแบ่งให้ผู้ให้บริการครึ่งนึงและเข้าการกุศลครึ่งนึง

เมื่อต้องการเริ่มบริการให้ส่งสัญญาณมือ “OK”

พอเขาทำท่าโอเค เด็กวัยรุ่นคนนั้นก็เก็บป้ายผ้าไป แล้วเอาสายยางมาฉีดทั่วรถเพื่อล้างคราบฝุ่นทรายออกไปก่อน มีเด็กวัยรุ่นเข้ามาช่วยอีกสองคน ผิวเข้มมีกล้ามพอสวยคนนึง อีกคนผิวขาวตัวเล็ก ทั้งคู่ใส่กางเกงในสีขาวเช่นกัน สารวัตรสังเกตเห็นว่าที่กางเกงในของเด็กทั้งสามคนมีลายกราฟฟิกแปลกๆคล้ายๆ เป็นโลโก้พิมพ์หรือปักไว้ที่ด้านซ้ายของกางเกงในเหมือนกันทั้งสามคน คงซื้อมาพร้อมกันหรือไม่ก็เป็นเครื่องแบบ ขณะที่ตำรวจหนุ่มกำลังสงสัยว่ามันเป็นโลโก้ของร้านหรือเปล่า ก็ไปเห็นรอยสักบนหน้าออกขาวล่ำของเด็กหนุ่มคนแรก ลายสักเล็กๆ ที่ดูคล้ายกับลายที่กางเกงในแต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียว มองไปที่เด็กอีกคนก็มีเหมือนกันแต่อยู่ตรงหน้าท้อง งั้นคงเป็นลายอะไรซักอย่างที่นิยมกันในหมู่เด็กวัยรุ่น เขาสรุป

เด็กที่มาใหม่ช่วยกันเอาฟองน้ำเช็ดคราบฝุ่นออกจากตัวรถ สารวัตรสังเกตเห็นเพื่อนทหารเรือส่องแล้วส่องอีกท่าทางจะชอบมาก เด็กที่ถือสายยางอยู่ก็แกล้งฉีดน้ำใส่เพื่อนอย่างสนุกจนเปียกไปหมด พอกางเกงเปียก รูปร่างของสิ่งที่อยู่ในกางเกงในก็ยิ่งชัดขึ้น ลำเป็นลำ เงี่ยงเป็นเงี่ยง เงาะเป็นเงาะ โดยเฉพาะคนที่ผิวเข้ม สีมันตัดกับกางเกงในสีขาวเหลือเกิน ยิ่งตอนที่เด็กไปเช็ดบนหลังคาโดยเอาม้านั่งเตี้ยมารองตรงข้างประตูแล้วขึ้นไปยืนเพื่อจะได้เอื้อมกวาดไปได้ทั่วหลังคา จังหวะนั้นแหละ ที่เครื่องเคราทั้งพวงเบียดบี้ไปกับกระจกข้างที่หนุ่มนาวีนั่งอยู่ คนนี้กับคนที่ฉีดสายยางดูจะไม่อายเท่าไหร่เพราะปล่อยตัวเต็มที่ มีแต่เด็กตัวเล็กที่ดูหน้าบางพยายามเองมือกุมของไว้ตลอด นายทหารเรืออ้าปากค้างจ้องมองไม่กล้ากระพริบตาเลยจนพักยกแรกเพื่อเตรียมน้ำยาล้างรถถึงได้พูดว่า

“โอ้ย ไม่คิดว่าจะได้เจออย่างงี้ เสียวยิ่งกว่าแก้ผ้าหมดซะอีก น้องคนผิวเข้มๆ นี่กูชอบจัง เห็นหนุ่มๆ นุ่งกางเกงในตัวเดียวแล้วตัวเปียกแบบนี้ นึกถึงตอนปลอมตัวไปสืบข้อมูลเรือประมงเถื่อนชะมัด ชุดทำงานของหนุ่มตังเกบนเรือก็แบบนี้เลย กางเกงในตัวเดียว ฉี่ก็ฉี่กันตรงท้ายเรือไม่ปิดไม่อายทั้งนั้น ยิ่งเวลาอาบน้ำนะ ทั้งควักทั้งล้วงทีเป็นเกือบสิบคน กูอยาก...เฮ้ย... น้องมันฉี่ตรงนั้นเลยเหรอ” ทหารเรือหลุดจากโหมดรำลึกความหลังเมื่อเห็นน้องผิวเข้มที่ตัวเองชอบเบี่ยงตัวนิดนึง แล้วควักแท่งเนื้อที่สีเข้มยิ่งกว่าปลดปล่อยน้ำสีเหลืองตรงกระถางต้นไม้ใกล้ๆ เห็นได้พอรำไรๆ

พอผสมน้ำยาเสร็จ เด็กสามคนก็มารุมเอาฟองน้ำชุบน้ำยาถูไปตามตัวรถ เนื้อหนุ่มแน่นๆ ก็พลอยเบียดไปกับกระจกรถด้วย นายทหารเรือไม่รู้จะโฟกัสตรงไหน เพราะมีของที่น่าสนใจอยู่รอบตัวไปหมด

“น้องเข้มก็ดี คนโน้นพอขนเปียกน้ำก็เซ็กซี่ ตัวเล็กก็น่ารัก โอ้ย เดี๋ยวจู่โจมน้องเข้มนี่แหละ”

ขั้นตอนล้างน้ำยาเสร็จไปอย่างรวดเร็วเพราะช่วยกันสามคน ถัดจากนั้นก็เป็นการล้างน้ำเปล่าโดยการฉีดอย่างเดียว แล้วก็ถึงขั้นตอนเช็ดแห้งที่นายทหารเรือรอคอยเพราะหนุ่มทั้งสามจะเข้ามาประชิดรถอีกครั้ง

พอน้องผิวเข้มโฉบเข้ามา ทหารเรือก็ยกข้อความที่เขียนเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ให้ดู เด็กหนุ่มอ่านแล้วก็หัวเราะส่ายหน้า หนุ่มนาวีทำท่าขอร้องอีกรอบ หนุ่มผิวเข้มทำท่ายักไหล่ แล้วทำมือเป็นจีบเหมือนจะบอกว่านิดเดียวนะ จากนั้นก็ถลกกางเกงในลงต่ำประมาณครึ่งก้น โชว์หมอยดกดำแล้วก็ส่วนโคนของท่อนลำอวบ ค้างไว้อย่างนั้นไม่ได้เอาขึ้น แล้วก็ตั้งใจเช็ดน้ำให้แห้งต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนเสร็จโดยมีทหารหนุ่มมองตามไม่คลาดสายตาทุกจังหวะ

จากนั้นเด็กหนุ่มทั้งสามก็มายกมือไหว้เป็นการอำลา หนุ่มทหารเรือโบกมือกลับอย่างร่าเริงจนน่าหมั่นไส้ในสายตาของเพื่อนตำรวจ พอขับรถมาถึงทางออก ระบบเครื่องกั้นก็ให้คืนตั๋วพร้อมทั้งถามว่า จะให้ทิปเพิ่มเติมหรือเปล่า นายทหารเรือก็ควักแบ็งค์พันส่งให้อย่างไม่เสียดาย

สารวัตรขับรถออกมาจากที่ล้างรถ อย่างน้อยเขาก็สบายใจว่า พวกเด็กแว้นที่เขาจับส่งให้องค์กรไปจัดการต่อนั้น ไม่ได้ต้องทำงานเหนื่อยยากหรือโดนลงโทษรุนแรงอะไร ท่าทางดูสนุกเหมือนกันเห็นฉีดน้ำเล่นตลอด แต่ถ้าล้างติดต่อกันทั้งวันก็น่าจะเหนื่อยพอสมควร ที่เขากังวลคือจะมีใครแอบถ่ายรูปหรือคลิปแล้วเอาไปเผยแพร่หรือไม่ แม้ว่าจะมีประกาศห้ามไว้แต่คนเดี๋ยวนี้ชอบทำตามอำเภอใจ ยากที่จะมาเคารพกฎกติกาอะไรถ้าไม่มีถูกบังคับ ขนาดเข้าคิวยังไม่ค่อยจะเข้ากันเลย เขาหวังว่าองค์กรคงมีมาตรการป้องกันที่ดีกว่านี้ แต่อาจไม่เป็นอะไรก็ได้ เพราะน้องๆ ก็ไม่ถึงกับแก้ผ้ากัน มันไม่น่าจะต่างจากการใส่กางเกงในเล่นน้ำตกหรือหาปลาในคลองซึ่งเป็นเรื่องธรรมดามากๆ สำหรับผู้ชาย คิดมาถึงตรงนี้เขาก็เริ่มไม่ค่อยแน่ใจว่าวิธีนี้มันจะช่วยกำหราบหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กเกเรได้จริงๆ มันไม่เห็นจะน่าอายเท่าไหร่ ยิ่งถ้าเป็นคนหน้าหนาอาจไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ เผลอๆ จะสนุกด้วยแถมมีโอกาสได้ทิปอีก

เขาพาเพื่อนทหารไปกินข้าวก่อนที่จะพากลับไปส่งที่กองบัญชาการ ฝ่ายนั้นขอเลี้ยงข้าวเป็นการขอบใจที่แนะนำร้านล้างรถที่เด็ดขนาดนี้ ไม่งั้นเลยชาติเกิดเกย์แน่ถ้าไม่รู้จัก หลังจากวันนั้น เพื่อนทหารเรือมาเล่าทีหลังว่าติดใจจนไปล้างรถบ่อยมาก แถมยังลงทุนเปลี่ยนฟิล์มติดกระจกรถ จากสีดำเข้มไปเป็นแบบใสแต่กันความร้อนได้ซึ่งแพงหูฉี่ แล้วก็ไปบอกต่อในแวดวงเกย์ที่เป็นนายทหารด้วยกัน ส่วนตัวเขาคิดว่านอกจากเพื่อนเขาแล้ว ไม่น่าจะมีใครยอมจ่ายสามร้อยเพื่อไปล้างรถแบบบ้านๆ อย่างนั้น แต่จากที่เพื่อนเขาบ่นให้ฟังว่าถ้าเป็นตอนเที่ยงกับตอนเย็นคิวจะยาวมาก ทำให้รู้ว่ากิจการอันนี้ขององค์กรไปได้ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 8] 20/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 20-07-2015 23:55:23

หลังจากที่ตำรวจหนุ่มได้รู้แน่ชัดเรื่องงานที่สมาชิกแก๊งค์ซิ่งไปทำเป็นการรับโทษ เขาก็กลับมาเล่าให้หนุ่มน้อยฟังจนสบายใจ จริงๆ ตอนนี้เขาเริ่มสนิทกันแล้ว เด็กตัวเล็กวัยสิบห้าคนนี้ชื่อเล่นว่าคุน น้องติดนิสัยแทนตัวเองว่าน้องคุนเกือบทุกครั้ง เขาให้น้องคุนเรียกตัวเองว่าอา เพราะเทียบวัยแล้ว เขาคงพอจะเป็นพ่อเด็กหนุ่มได้ถ้ามีลูกตั้งแต่วัยรุ่น

หลังจากตัดสินใจได้ว่าเขาจะดำเนินการทางกฎหมายกับพ่อเลี้ยง แต่ในระหว่างที่ยังเอาผิดไม่ได้นั้น เขาจะให้องค์กรช่วยเข้ามาจัดการให้ได้รับโทษตามแบบขององค์กรไปเรื่อยๆ ก่อน สารวัตรก็รีบติดต่อองค์กรทันที สุดท้ายตกลงกันได้ว่าสารวัตรจะดูแลน้องคุนและดำเนินการส่งฟ้องพ่อเลี้ยงเมื่อได้หลักฐานครบ ส่วนองค์กรจะช่วยรวบรวมข้อมูลแก้ต่างคดีแม่น้องคุน และจัดการกับลูกพ่อเลี้ยงให้ด้วย ส่วนการเอาตัวพ่อเลี้ยงไปรับโทษขององค์กรก็จะทำทันทีเมื่อได้ข้อมูลคดีแม่น้องคุนครบแล้ว

ในตอนนี้เรื่องเร่งด่วนคือการเอาน้องคุนออกมาจากการดูแลของพ่อเลี้ยงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าน้องคุนอยู่กับเขานานไปกว่านี้โดยยังไม่จัดการอะไร แม้แต่ตำรวจอย่างเขาก็อาจถูกข้อหาพรากผู้เยาว์ได้ง่ายๆ นายตำรวจหนุ่มจึงรีบดำเนินการตามแผนโดยการโทรศัพท์ไปหาพ่อเลี้ยงทันที

“สวัสดีครับ ผมพันตำรวจตรีพยัคฆ์ สารวัตรจาก สน. ท้องที่ครับ ไม่ทราบว่าใช่ผู้ปกครองของน้องคุนหรือเปล่าครับ” สารวัตรเปิดเกมส์

“ใช่ครับ ลูกชายผมไม่กลับบ้านมาสามวันแล้ว ผมเป็นห่วงมาก กำลังจะไปแจ้งความ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรกับลูกผมครับ” ท่าทางตกใจจริงๆ คงกลัวตำรวจจะรู้ความลับละสิ สารวัตรคิด

“ใจเย็นๆ นะครับ คือทางโรงเรียนของน้องแจ้งว่าน้องคุนมีสภาพเหมือนถูกทำร้ายร่างกาย เจ้าพนักงานเข้าไปตรวจสอบแล้วพบบาดแผลจริง เราเลยต้องขอให้น้องมาอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กชั่วคราวระหว่างสอบสวนคดีครับ” ขอหย่อนระเบิดลูกใหญ่ลงไปก่อน

“... แล้วทำไมโรงเรียนไม่แจ้งผม ลูกผมทั้งคนนะ ผมจะไปรับกลับมาดูแลเอง” ร้อนตัวล่ะสิ แต่ก็ถือว่าควบคุมอารมณ์ได้ดีเลย ถ้าไม่รู้มาก่อนคงจับพิรุจไม่ได้

“คืออย่างงี้ครับ ปกติกรณีเด็กถูกทำร้ายร่างกาย มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดจากคนในครอบครัว เขาเลยมีระเบียบว่าต้องให้ตำรวจสอบสวนอย่างละเอียดก่อน ถึงจะให้กลับได้” จริงๆ มันไม่ได้มีระเบียบชัดขนาดนั้นหรอก แต่ต้องกดดันให้หนัก

“ไม่จริงนะครับ ผมรักน้องคุนมาก จะไปทำร้ายแกได้ยังไง” แล้วที่เอาบุหรี่จี้ล่ะ สารวัตรโกรธจนเกือบหลุดบท

“นั่นสิครับ ระเบียบยุ่งยากมาก อย่างกรณีของคุณ เราสืบประวัตินิดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ ถึงน้องคุนจะเป็นลูกบุญธรรมก็เถอะ ก็คุณเป็นตั้งผู้บริหารบริษัทใหญ่โต ไม่ทำเรื่องพวกนี้หรอก น้องคุนเองก็บอกว่าคุณไม่ได้ทำร้าย ผมว่าน่าจะเป็นพวกแก๊งค์รถซิ่งที่น้องเขาถูกล่อลวงไปมากกว่า”

“ใช่แล้วครับ หลังๆ ชอบไปมั่วสุมกับพวกนี้ ผมเป็นห่วงมากเลย” ฟังจากน้ำเสียงท่าทางโล่งอกเชียว

“เอาอย่างนี้นะครับ เพื่อไม่ให้ยุ่งยากทั้งสองฝ่าย เราจะขอให้คุณช่วยเซ็นต์มอบน้องคุณให้ทางเราดูแล น้องก็ยังไปโรงเรียนได้ตามปกติ เดี๋ยวผมจะรอซักพัก ไม่กี่สัปดาห์หรอกครับ ไม่ให้น่าเกลียด แล้วค่อยทำรายงานว่าคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทีนี้น้องคุนก็กลับไปอยู่กับคุณพ่อได้” สารวัตรวางเหยื่อล่อ

“ถ้าผมให้ความร่วมมือแล้ว ผมจะไม่โดนตรวจสอบอะไรใช่ไหม” ท่าทางเตรียมจะฮุปเหยื่อแล้ว

“ไม่หรอกครับ เราทำพอเป็นพิธีให้ครบตามระเบียบ แค่ให้ความร่วมมือเซ็นต์เอกสาร ทางตำรวจก็ไม่ติดใจอะไรแล้ว น้องคุนก็ยืนยันทุกครั้งว่าคุณพ่อไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ยังไม่ยอมบอกว่าใคร ก็คงไม่พ้นพวกเด็กแว้นนั่นแหละ” แกว่งเหยื่อให้ดูน่าหม่ำยิ่งขึ้น

“ต้องเอาตัวมาลงโทษให้ได้นะครับ พวกมันเป็นใคร ทำไมถึงเอาลูกผมไปเฆี่ยนตีขนาดนี้” เขายังไม่ได้พูดสักคำว่าน้องถูกเฆี่ยนตี บอกแต่ว่าถูกทำร้าย รู้ได้ยังไงถ้าไม่ได้ทำเอง คนโกหกยังไงมันก็ปิดไม่มิด

“แน่นอนครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะให้เจ้าพนักงานไปพบเพื่อเซ็นต์เอกสารนะครับ ระหว่างนี้ผมแนะนำว่าอย่าเพิ่งมาพบน้องเลยจะดีกว่า เดี๋ยวถูกมองว่าเป็นการข่มขู่พยาน” สารวัตรรู้สึกสะอิดสะเอียนกับคนๆ นี้เต็มทน เลยรีบปิดเรื่อง

“ยินดีครับ มาพบผมที่บริษัทได้เลย”

เมื่อได้เอกสารมาสารวัตรก็สบายใจ อย่างน้อยพ่อเลี้ยงก็ไม่สามารถมาวุ่นวายอะไรได้ซักระยะนึง เขานึกถึงบาดแผลของน้องคุน สารวัตรได้พาน้องคุนไปรักษาแผลทั้งเก่าทั้งใหม่ทั่วตัวที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันรุ่งขึ้นจากคืนที่เขาพาเด็กน้อยกลับบ้านมาด้วย หลังจากนั้น เขาก็เป็นคนที่คอยทายาแก้ฟกช้ำตลอดทั้งร่างวันละสองครั้งหลังอาบน้ำ เวลาทายา เขาให้น้องคุนถอดเสื้อผ้าออกหมดเพื่อความสะดวก น้องคุนเป็นเด็กสิบห้าที่ยังไม่โตเต็มหนุ่มเท่าไหร่ ใบหน้าน่ารัก ตากลมโตใสแจ๋ว ผิวขาวเนียนถ้าไม่นับร่องรอยที่ถูกทำร้าย ร่างกายเริ่มขยายและเปลี่ยนเป็นกล้ามเนื้อแล้วแต่ก็ยังมีไขมันแบบเด็กอยู่บ้าง หนวดเคราและขนรักแร้ยังไม่ขึ้น จู๋น้อยขาวใสกำลังมีพัฒนาการไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ส่วนหัวเป็นสีชมพู บริเวณฐานก็เริ่มมีขนอ่อนนุ่มขึ้นพอสมควรแล้ว ถ้าเป็นรอบค่ำ เมื่อทายาเสร็จ สารวัตรก็จะให้น้องนอนไปเลยโดยไม่ต้องใส่เสื้อผ้าให้เลอะยาอีก ให้เลอะเฉพาะผ้าห่มผืนเดียว เวลาที่มือเขาลูบไล้ยาไปทั่วร่าง น้องคุนจะหลับตาด้วยความอาย แต่ผ่อนคลายกว่าปกติซะอีก น้องคุนจะมีคำพูดติดปากเวลาถูกทายา

“อาเสืออย่ากดแรงนะครับ น้องคุนเจ็บ” พูดพร้อมกับหลับตาพริ้ม

ช่วงแรกๆ ที่มาอยู่ด้วย น้องคุนจะมีอาการผวาตอนหลับ บางครั้งก็ร้องไห้ บางครั้งก็ดิ้นทุรนทุรายเหมือนเจ็บปวด ตำรวจหนุ่มลองพยายามปลอบด้วยหลายๆ วิธีก็ไม่เป็นผล จนนึกได้ว่าน้องคุนจะรู้สึกผ่อนคลายกว่าปกติตอนเขาลูบไล้ไปทั่วร่างเพื่อทายา เขาจึงลองลูบไปทั่วเรือนกายเปลือยเปล่าของน้องดู ปรากฏว่าได้ผล น้องคุนสงบลงแล้วก็หลับสนิทไปจนรุ่งเช้า หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องกล่อมน้องให้หลับด้วยการลูปไปทั่วตัว

เวลาผ่านไป บาดแผลของน้องคุนก็ดีขึ้นจนหายสนิท แต่ภารกิจการทายาของสารวัตรยังไม่จบ ด้วยความที่เขาไม่อยากให้น้องคุนมีแผลเป็นที่อาจกระตุ้นความทรงจำที่ไม่ดีไปตลอดชีวิต จึงไปสรรหายาแก้รอยแผลเป็นมากมายหลายขนาน ทีแรกเขาหัดให้น้องคุนทายาพวกนี้เองเพราะไม่เจ็บแผลแล้ว แต่เรื่องนี้ก็ล้มเหลวไปเพราะคำพูดประโยคเดียวของน้องคุน

“แต่น้องคุนอยากให้อาเสือทาให้นี่ครับ” พร้อมทำปากยื่นเล็กน้อย จึงเป็นหน้าที่ของสารวัตรไปในการทายาไปตามรอยแผลจางๆ ทั่วตัวของน้องคุณ รวมไปถึงรอยบุหรี่ที่หัวนมสีชมพู และรอยถลอกจากท่อไอเสียรถที่จู๋น้อย

ที่จริงสารวัตรเป็นคนขี้ร้อนแล้วก็ชอบอึดอัดเวลาใส่เสื้อผ้านอน แต่พอน้องคุนมานอนด้วยทำให้เขาต้องใส่ชุดนอนทุกคืนเพราะรู้สึกว่าไม่เหมาะสม จนคืนหนึ่งซึ่งเป็นวันเสาร์ สารวัตรออกไปสังสรรค์กับเพื่อนหลังจากน้องคุนนอนหลับไปแล้ว พอกลับมาอีกทีตอนตีหนึ่งกว่า ก็ถอดเสื้อผ้าออกหมดแล้วคลานขึ้นเตียงอย่างเคยชินด้วยความง่วงและมึน

ช่วงสายของวันต่อมา เมื่อสารวัตรลืมตาขึ้น ก็เห็นน้องคุนนอนนิ่งเหมือนตกอยู่ในภวังค์ สายตาจ้องมองไปที่ร่างเปลือยเปล่าของตน หลังจากนั้น อาหลานร่วมโลก ก็นอนกอดกันแบบเนื้อแนบเนื้อทุกคืนด้วยคำพูดประโยคนี้ของน้องคุน

“น้องคุนอยากให้อาเสือถอดเสื้อผ้านอนเหมือนน้องคุน เราจะได้กอดกันๆ” น้องคุนพูดพร้อมกับรอยยิ้มน่ารัก

สำหรับสารวัตรแล้ว น้องคุนเหมือนมีนิสัยบางอย่างเปลี่ยนไปจากตอนมาใหม่ๆ ตอนแรกน้องคุนจะเหมือนเป็นเด็กเก็บกด หวาดระแวง ไม่ค่อยกล้าแสดงความรู้สึกออกมา หลังจากนั้นน้องคุยก็ค่อยๆ คลายความระแวงลงจนหมดกลายเป็นเด็กขึ้อาย พนได้รับความใกล้ชิดกับสารวัตรเรื่อยๆ น้องคุนก็เปลี่ยนไปอีกเป็นเด็กช่างซักช่างถามและออดอ้อนขอโน่นขอนี่มากขึ้น เวลาที่สารวัตรอยู่บ้าน น้องคุนจะตามติดตลอดคอยถามทุกเรื่องที่สงสัย นายตำรวจหนุ่มคิดว่าน้องคุนคงอยากได้ความอบอุ่นความรักความสนใจจากตนแทนพ่อตัวเองซึ่งเสียไปตั้งแต่น้องเด็กๆ เลยพยายามที่จะตามใจน้องเท่าที่ทำได้ อาจมีแค่เรื่องพวกนี้เท่านั้นที่เหมือนน้องคุนจะเอาแต่ใจ แต่เรื่องอื่นน้องคุนเป็นเด็กดีและทำตามที่สารวัตรบอกทุกอย่าง น้องคุนเลิกไปซิ่งรถ ตั้งใจเรียนหนังสือ ช่วยทำงานบ้านทุกอย่าง และพยายามหัดทำอาหารให้สารวัตรทาน แต่พอพูดถึงเรื่องเอาแต่ใจ บางครั้งสารวัตรก็นึกว่ามันเกินไปอยู่เหมือนกันในบางเรื่อง

“อาเสือครับ น้องคุนอยากอาบน้ำด้วย อาเสือถูหลังให้น้องคุนนะครับ แล้วน้องคุนจะถูตอบแทน”

“บางครั้งน้องคุนก็คิดอะไรแปลกๆ นะครับ น้องคุนอยากขอลองจับของอาเสือบ้างจัง ทำไมของน้องคุนมันเล็กกว่าอาเสือตั้งเยอะ”

“เพื่อนๆ ที่โรงเรียนของน้องคุนนะครับ น่าอิจฉามาก พี่ชายเขาดีมาก สอนน้องชายทุกเรื่องเลย อาเสือสอนให้น้องคุนช่วยตัวเองบ้างได้ไหม”

เอาเข้าจริงๆ สารวัตรเริ่มรู้ตัวเองมาซักพักแล้ว ว่าได้ถลำลึกเข้าไปในความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะคิดจากหลักกฎหมาย ศีลธรรม หรือจรรยาบรรณที่เขายึดถือ ความหอมหวานที่แสนทรมานของการรอคอยคือสิ่งเดียวเขาใช้ต้านทานมัน แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่ามันจะใช้เก็บกักสิ่งที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในได้นานแค่ไหน

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 8] 20/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 21-07-2015 07:58:31
สาราวัตร หลงเด็ก  :laugh:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 8] 20/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 21-07-2015 10:07:24
 :hao3:  ท่านสารวัตร จะหลงก็ไม่แปลกแหละ เด็กมันทั้งยั่วทั้งให้ท่าขนาดนั้น  อ้อยมากน้องคุน  :hao6:  แบบนี้สารวัตรเสร็จแน่ๆ

อยากได้คู่พ่อหนุ่มเครื่องกรองยักจังว่าจะโดนหมอทำอะไรบ้าง น้องจอมกับนู๋น้อยก็น่าสน  :hao5:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 8] 20/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 21-07-2015 19:36:50
มีคนเลวให้จัดการเยอะเลย
จะมีบทลงโทษแบบไหนกันอีกนะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 8] 20/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 21-07-2015 20:11:28
วายว๊ายยย  :laugh:
สารวัติจ๋าา จะกินเด็กอ่ะดิ
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 9] 22/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 22-07-2015 22:52:18
#### รบกวนอ่านสักนิดนะครับ ####

ขอบคุณทุกกำลังใจครับ ต้องขออภัยจริงๆ สำหรับแฟน โป๊ป-บอส พอดีที่ Stock ไว้หมดแล้ว พล๊อตในหัวมีเพียบกำลังแต่งต่ออยู่แต่คงใช้เวลาอีกพอสมควร

ระหว่างนี้ ไม่อยากให้ต้องรอกันนาน จึงขอเอาอีกพาร์ทนึงที่แต่งไว้ก่อนหน้านี้แล้วมาลงเป็นการคั่นเวลา จะลงติดกันสามบทครับ เป็นเรื่องของตัวเอกอีกคนหนึ่ง ใครอยากรอบอส ก็ข้ามไปก่อนได้ แต่ถ้าได้อ่านสามบทของพาร์ทนี้ น่าจะทำให้เข้าใจเรื่องราวขององค์กรได้ดีขึ้น ถือว่าเป็นตอนพิเศษก็ได้ฮะ

แต่เลขตอนขอรันต่อเนื่องไปเลยนะครับ กันงง เพราะ Timeline ก็เกิดขึ้นขนานกันไป ไม่ได้ย้อนไปย้อนมา

ตอนแรกอาจจะสั้นหน่อยนะครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 9] 22/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 22-07-2015 22:54:07
บทที่ 9

[พิชยะ]

อีกสามวันจะถึงวันเกิดครบรอบยี่สามปีของผม อยู่ดีๆ อาของผมก็พูดเรื่องแปลกๆ ขึ้นมาหลังจากที่เรากำลังนั่งพักเหนื่อยจากการตีเทนนิสกันบนคอร์ดส่วนตัวในบริเวณบ้าน

“วันเกิดพิชปีนี้ อามีของขวัญที่พิเศษสุดจะมอบให้ อาจะให้พิชเป็นสมาชิกองค์กรแทนอา” อาบอก

จะว่าไป ผมมักจะได้ของขวัญวันเกิดดีๆ จากอาอยู่เสมอตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนมัธยมต้นผมเคยได้ของขวัญเป็นคอร์สเรียนภาษาอังกฤษช่วงซัมเมอร์โดยไปพักกับโฮสต์ในประเทศเจ้าของภาษาที่ผมร้องไห้เกือบตายเพราะไม่อยากไปแต่สุดท้ายก็สนุกจนไม่อยากกลับ หรือรถหรูแต่เก่าจนคลาสสิกคันที่ผมใช้อยู่ตอนนี้อาก็ให้เป็นของขวัญเมื่อสองปีก่อนหลังจากที่ผมเพียรขอมาหลายปี ไม่ใช่ว่าอาหวงหรือขี้เหนียวหรอกแต่อาบอกคิดว่ามันเก่าไปต้องซ่อมบ่อยๆ จนอาปลดระวางไปหลายปีแล้ว ที่จริงอาเสนอจะซื้อรถสปอร์ตรุ่นใหม่ให้ผมแทนด้วยซ้ำ แต่ผมไม่เอา ที่ผมอยากได้รถคันนี้เพราะมันไม่เหมือนใครดี แถมผมรู้สึกผูกพันกับมันมากด้วยเพราะตอนเด็กอาชอบพาผมกับพี่ๆ ไปเที่ยวด้วยรถคันนี้ ผมตั้งชื่อมันว่า “น้องเต้าหู้” เพราะมันสีขาว น่ารักไหมครับ

ผมเชื่อใจอานะ ว่าจะมีของขวัญเจ๋งๆ เสมอ ถึงบางครั้งผมจะไม่ชอบมันในแว๊บแรกก็ตาม ด้วยความงก จะอะไรผมก็เอาไว้ก่อน พี่ๆ ยังอิจฉาผมเลยเวลาเห็นของขวัญที่ผมได้ แต่เขาก็รู้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าผมน่ะหลานรัก เนื่องจากผมกับอาสนิทกันมากที่สุด ทีพี่เขายังเป็นหลานรักของป้าใหญ่เลย

อาผมเป็นอธิการบดีของมหาลัยรัฐดังและบริหารธุรกิจบางส่วนของตระกูลไปด้วย พ่อและพี่ชายคนโตของผมตอนนี้ก็บริหารธุรกิจหลักของตระกูล พี่ชายคนรองฉีกตัวเองไปเป็นหมอ ส่วนผมเพิ่งเข้าไปช่วยงานที่บริษัทได้ไม่กี่เดือน หลังจบบริหารอินเตอร์มหาลัยในประเทศนี่แหละ ก็ผมไม่ชอบไปไหนไกลบ้านนี่ เรื่องของเรื่องคือผมกลัวใจแตก

โตป่านนี้แล้วยังกลัวจะใจแตกอะไรอีกบางคนอาจจะสงสัย จะบอกยังไงดีล่ะ มันเกี่ยวกับความลับของผมเลยนะ ผมรู้ตัวตั้งแต่ก่อนเข้ามหาลัยแล้วว่าผมเป็นเกย์ รู้ตัวช้าไปเหรอ ก็เหมือนจะรู้ๆ ตั้งแต่เริ่มเป็นวัยรุ่นแล้วมั๊ง แต่ยังไม่แน่ใจนะสิ ก็พี่ชายตัวดีทั้งสอง กีดกันไม่ให้ผมยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งกลั่นกรองเพื่อน ทั้งค้นห้อง ตรวจคอมพิวเตอร์ ค้นกระเป๋า ทั้งสรรหากิจกรรมต่างๆ นาๆ มาให้ทำจนหมดแรง แถมขู่สารพัดอีก เขาว่าเด็กแบบผมไม่เหมาะกับเรื่องพวกนี้ เอาเป็นว่าสมัยมัธยมผมไม่ค่อยได้คิดเรื่องเพศเท่าไหร่ พอจะเข้ามหาลัยพี่เขาก็เริ่มปล่อยๆ บ้าง ที่จริงน่าจะเพราะพวกพี่ๆ ไม่มีเวลากันมากกว่า ไหนจะเรื่องเรียนเรื่องแฟน แถมต้องไปช่วยงานบริษัทพ่ออีก

พอเข้าเรียนในมหาลัยก็เหมือนเปิดโลกทัศน์ ใครๆ ก็มีแฟนกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคู่ ชาย-หญิง ชาย-ชาย หญิง-หญิง ชาย-ชาย-หญิง ชาย-ชาย-ชาย เอิ่ม สองอันหลังมีจริงๆ นะ ผมก็อยากมีมั่ง นึกทบทวนไป เราไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหนเลยนี่นา กับผู้ชายก็มีใจสั่นๆ บ้าง ถ้ามีแฟนก็คงต้องเป็นผู้ชาย แล้วที่บ้านจะว่ายังไง คงรับไม่ได้แน่ๆ ตระกูลผมไม่ได้เก่าแก่อะไรแต่ได้รับการนับหน้าถือตาอย่างมากในสังคม ธุรกิจที่ทำก็ต้องระวังชื่อเสียงต่างๆ นาๆ  ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลจะมาเสียเพราะผมไม่ได้ พ่อแม่คงเสียใจ แต่ถ้าโชคดีพ่อแม่รับได้ (ซึ่งผมว่าโอกาสน้อยมาก) ผมกับแฟนก็คงต้องคบกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ แฟนผมคงเสียใจ พ่อแม่ก็คงเสียใจที่เห็นผมไม่มีความสุข ตกลงตัดเรื่องแฟนไป ยังไม่เห็นหนทาง

แต่ถึงยังไงผมก็ไม่อยากจะถือครองพรหมจรรย์ไปจนแก่นะ งั้นลดเป้าหมายเหลือทำยังไงถึงจะมีเซ็กซ์สนุกๆ เหมือนคนอื่นเขาบ้าง ก็ผมยังอยู่ในวัยกลัดมันอยู่นะ หากิ๊กหรือเซ็กซ์เฟรนด์ดีไหม แต่ปัญหาคือผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าเขาจะไม่เอาเรื่องผมไปพูดต่อ ตระกูลดังอย่างผมก็เป็นเป้าหมายของคนหลายกลุ่มอยู่นะ ทั้งศัตรูธุรกิจ นักข่าว พวกอยากดัง โอ๊ยถ้าเขาแอบถ่ายคลิปผมไปปล่อยในเน็ตล่ะ แบบว่าถูกจ้างมาเข้าหาผมเหมือนในนิยาย ไม่เวิร์คๆ

ซื้อกินไปเลยสิ ได้ยินเพื่อนกระเทยล้อกันเอง อืม ก็ไม่เลวนะ เราสุ่มไปตามร้านนวด หรือพวกไซด์ไลน์ที่ลงตามเน็ท เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่กินซ้ำ อิอิ พวกไม่หวังดีคงดักทางไม่ถูก วงการนี้มันใหญ่จะตาย แต่ผมไม่ค่อยชอบความคิดนี้เท่าไหร่ ไม่รู้ผ่านศึกกันมากี่รูกี่แท่งแล้ว ถึงจะป้องกันก็เถอะ ผมอยากได้แบบผูกปิ่นโตประจำมากกว่า แบบคุ้นเคยรู้สึกเหมือนอยู่บ้านอะไรทำนองนั้น ดูจากรถที่ผมใช้ก็รู้ใช่ไหม ผมเป็นพวกยึดติด แต่ถ้าผมจ้างเด็กขายประจำ ก็อาจโดนคนไม่หวังดีสืบเสาะหาหลักฐานไปทำร้ายครอบครัวผมได้อยู่ดี หรือเด็กขายประจำผมเองอาจจะวางแผนแบล็คเมลผมก็ได้

เฮ้อ นี่ผมเยอะใช่ไหม และโทษฐานของการคิดเยอะคือความซิงที่กำลังจะก้าวสู่วันเกิดปีที่ยี่สิบสามไปพร้อมกันกับผม บอกตรงๆ ผมเหมือนเป็นคนเก็บกดเรื่องนี้ไปแล้ว คงไม่ต้องบอกนะว่าพอพี่ชายไม่ได้คุมเข้มแล้วในคอมพิวเตอร์ผมจะเต็มไปด้วยหนังโป๊เกย์จำนวนมากมายขนาดไหน ผมมีทุกรูปแบบเลยก็ว่าได้ แม้แต่เซ็กส์แบบพิสดาร เช่น แบบหมู่ แบบใช้ของเล่น แบบโชว์ให้คนดู แบบทรมานกันพอเจ็บๆ คันๆ แบบฉี่ใส่กันผมยังมีเลยคิดดูสิ ผมเริ่มกลัวตัวเองแล้วถ้าผมยังไม่มีทางปลดปล่อยแบบคน (เกย์) ปกติเขาทำกัน นี่ถ้าผมกล้าเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพ่อกับแม่หรือพี่ชายผมก็ดีสิ  แต่ผมกลัวพวกเขาเสียใจ ขนาดกับอาผมยังกล้าแค่บอกว่าผมเป็นเกย์ไปเมื่อสองปีก่อนโดยที่พ่อแม่พี่ยังไม่มีใครรู้เลย อาเก็บเป็นความลับมาถึงทุกวันนี้ แต่ผมไม่ได้บอกปัญหาความเป็นหนุ่มซิงออกไปหรอกนะ

กลับมาเรื่องแปลกๆ ที่อาบอกผมมาเมื่อตอนเย็นหลังตีเทนนิส อาบอกว่าจะให้ผมเป็นสมาชิกองค์กรอะไรไม่รู้ ผมถามกลับ

“สมาชิกองค์กร? หมายความว่าจะให้ผมไปเป็นพนักงานที่บริษัทอาเหรอ หรือจะให้ผมไปต่อโทที่มหาลัยอา แล้วนั่นมันนับเป็นของขวัญวันเกิดตรงไหน”

“ไม่ใช่ซะหน่อย องค์กรที่อาพูดถึงมันเป็นองค์กรลับที่ไม่มีใครรู้จักหรอกนอกจากสมาชิก และก็ผู้ที่ต้องมารับโทษน่ะ” ประโยคหลังอาพูดเบาๆ

“โห เหมือนพวกสมาคมลับอิลลูมินาติเหรอ” ผมทำท่าทึ่งแบบโอเวอร์ใส่อา

“ถ้าอิลลูมินาติมันลับจริง พิชจะรู้จักได้ยังไงล่ะเจ้าบ๊องส์ องค์กรของอานี่ลับแบบลับเลย ชื่อเรียกยังไม่มีเลยมั๊ง เรียกกันแต่องค์กรๆ”

“แล้วอาเอาเรื่องนี้มาเล่าให้พิชที่เป็นคนนอกฟัง อากับพิชจะไม่ถูกฆ่าปิดปากเหรอ” ผมตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อย นึกถึงหนังแอคชั่นแนวองค์การก่อการร้ายที่เคยดู

“องค์กรอาไม่ทำอะไรโหดร้ายแบบนั้นหรอก เรามีวิธีที่ดีกว่าตั้งเยอะ ปกติอาก็เล่าไม่ได้หรอก แต่นี่อายื่นเรื่องไปแล้วว่าจะให้พิชเป็นสมาชิก เลยเล่าให้ฟังได้เป็นกรณีพิเศษ”

“ยิ่งฟังยิ่งงง สรุปองค์กรของอาทำอะไรกันแน่ครับ แล้วจะให้พิชเป็นสมาชิกไปทำไม” ผมสงสัย ถึงจะมั่นใจด้วยประสบการณ์ว่าของขวัญวันเกิดของอาต้องดีกับผมมากแน่ๆ แม้มันจะดูแปลกไปบ้างก็ตาม

“องค์กรนี้เป็นองค์กรที่มีสมาชิกที่เป็นเกย์หรือไบเท่านั้น มีข้อยกเว้นบ้างแต่น้อยมากๆ มีเป้าหมายหลักสองอย่าง อย่างแรกคือการสร้างความสุขให้กับเกย์ผู้เป็นสมาชิก อย่างที่สองคือการสร้างความเป็นธรรมและช่วยเหลือสังคมในกรณีจำเพาะบางอย่าง ผู้ก่อตั้งเก่งมากที่สามารถสร้างโมเดลการดำเนินงานขององค์กรให้สามารถตอบสนองหลักการสองข้อนั้นไปพร้อมกัน อาคงไม่เล่ารายละเอียดให้ฟังหรอก เพราะเดี๋ยวพอพิชเป็นสมาชิก พิชก็จะรู้เอง”

“สมาชิกทั้งหมดเป็นเกย์ งั้นอาก็เป็นด้วยเหรอครับ” ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย

“จะว่าอย่างงั้นก็คงใช่ อาเป็นไบ แต่ตอนนี้อาคงเป็นเกย์เต็มตัวไปแล้วมั๊ง”

อาผมเคยแต่งงานเมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่หย่าขาดจากภรรยาไปนานมากแล้ว มีลูกคนนึงชื่อน้องมาร์คกี้ อยู่กับแม่เขาที่ต่างประเทศ ตอนนี้อายุสิบสองแล้ว ช่วงปิดเทอมแม่เขาก็ส่งมาอยู่เมืองไทยกับอาทุกปี แล้วอาก็บินไปเยี่ยมบ่อยๆ อากับอดีตภรรยายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ผมเองก็สนิทกับมาร์คกี้มากอยู่นะ ได้ช่วยอาเลี้ยงช่วงที่น้องเขามาเมืองไทยทุกปี

อาเล่าต่อ “ที่อาไม่ได้บอกพิชว่าอาก็เป็นเกย์ตั้งแต่วันที่พิชมาเล่าให้อาฟัง เพราะอาอยากจะสังเกตดูพิชในหลายเรื่อง จนอามั่นใจว่าจะหาแนวทางที่ดีที่สุดในการดูแลพิชในเรื่องนี้ได้ การเป็นเกย์ในตระกูลของเรามันไม่ใช่เรื่องง่าย” ผมเข้าไปกอดอา น้ำตาปริ่มจะไหล รู้สึกเหมือนมีคนมาเข้าใจในสิ่งที่เราอัดอั้นไว้มานาน

“แต่ไม่ต้องกังวล หลังจากนี้ พิชจะมีตัวช่วยชั้นยอดในการจัดการปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตเกย์ของหลาน รวมทั้งเรื่องทางเพศด้วย ปัญหาใหญ่ของคนเป็นเกย์แอบๆ เลยนะนั่น” อาอมยิ้มเล็กๆ แล้วพูดต่อ

“พิชสามารถมาปรึกษาอาได้ตลอด แต่คงไม่จำเป็นเท่าไหร่ เพราะพอพิชรู้ว่าพิชจะทำอะไรได้บ้างจากการเป็นสมาชิกองค์กร พิชจะใช้มันแก้ปัญหาไปได้ด้วยตัวเอง และอีกอย่างเมื่อพิชเป็นสมาชิกแล้ว อาก็จะไม่รู้จักองค์กรนี้อีกต่อไป ไม่สามารถจำเรื่องราวที่เกี่ยวข้องได้ด้วยซ้ำ เพราะพิชได้เป็นสมาชิกจากการถ่ายโอนสถานะของอา อาจึงหมดสภาพความเป็นสมาชิกไป”

“ถ้ามันสำคัญกับอาขนาดนั้น พิชก็ไม่เอาหรอกครับ”

“อาเป็นสมาชิกมาตั้งแต่ยุคก่อตั้ง นี่ก็หกปีแล้ว อามีความสุขกับมันมาก และก็หมดเงินไปเยอะด้วย แต่คุ้มค่าทุกบาทจริงๆ ตอนนี้อาจะห้าสิบแล้ว อาอิ่มตัวกับเรื่องพวกนี้และอาก็มีคนดูแลเป็นตัวเป็นตนแล้วด้วย”

จะห้าสิบอะไร เพิ่งสี่สิบเจ็ด แถมยังแข็งแรงดูดีเหมือนคนอายุต้นสี่สิบ ผมเถียงในใจ แล้วไอคนดูแลอานี่ใคร ต้องสืบครับงานนี้

“อาอยากส่งต่อความสุขนี้ให้กับพิช ปกติการเป็นสมาชิกต้องได้รับเชิญจากผู้ก่อตั้งเท่านั้น แต่ในกรณีของพิชนี่ผู้ก่อตั้งอนุโลมให้เป็นพิเศษเพราะอาเคยช่วยงานบางอย่างตอนเขาก่อตั้งองค์กรใหม่ๆ นี่เป็นความลับนะ อาเดาว่าผู้ก่อตั้งน่าจะเป็นอายุไล่ๆ กับพิชนี่แหละ น่าจะเคยเรียนที่มหาลัยอาด้วย รู้ไว้เล่นๆ ก็พอ ยังไงถ้าเขาไม่อยากให้รู้ เดี๋ยวเราก็ลืมเองแหล่ะ”

“พิชยังงงๆ อยู่เลยครับ แต่ก็ขอบคุณอามาก พิชจะเป็นเกย์สุขภาพจิตดีให้ได้” ผมไหว้ขอบคุณอา แต่ไม่วายพูดจากวนๆ ใส่

“อีกอย่างหนึ่งที่อาจะขอ อาฝากดูแลมาร์คกี้ด้วย ถ้าโตแล้วเขาเป็นเกย์ขึ้นมา อาจมีอะไรที่อภิสิทธิความเป็นสมาชิกองค์กรของพิชจะช่วยเขาได้ แต่ไม่น่ามีอะไรน่ากังวลหรอก มาร์คกี้อยู่ทางโน้นและไม่ได้ใช้นามสกุลเราด้วย คงไม่กดดันเหมือนพิช”

มาร์คกี้ไม่น่าเป็นเกย์นะ คนเป็นเกย์มักจะหล่อดูดีแบบผม ไอนี่มันหน้าทะเล้นจะตาย ไอเด็กหน้าลิงเอ๊ย แต่ผมดูแลมันอยู่แล้ว น้องผมครับ น้องผม

“แล้วที่อาบอกว่าจะลืม หมายถึงต้องแกล้งทำเป็นจำไม่ได้ หรือจะโดนจับล้างสมองเลยครับ” ผมทำท่าสยอง

“ไม่มีอะไรอันตรายหรอก อาจะลืมไปจริงๆ แต่เฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับองค์กรนี้เท่านั้น อ้อ อีกอย่าง ของที่อาซื้อสะสมไว้ทั้งหมดตอนที่เป็นสมาชิก จะโอนเข้าบัญชีพิชนะ เยอะมาก รวมๆ น่าจะหมดตังค์ไปเป็นหลายล้าน ถ้าพิชเห็นอย่าหาว่าอาบ้ากามลับหลังแล้วกัน เด็ดๆ ทั้งนั้นใครจะทนไหว นี่อาจเป็นเรื่องเดียวที่อาเสียดายก็ได้ พิชเองก็ขยันหาเงินเยอะๆ ล่ะ คงมีเรื่องให้ได้ใช้ตังค์อีกเยอะ” อาซื้อของอะไรกันเนี่ย หมดเป็นล้านๆ ถ้าเป็นผมนะ ไม่มีทางเสียเงินเป็นล้านกับเรื่องอะไรที่ไม่ทำให้มีรายได้เพิ่มหรอก เงินต่อเงินเท่านั้นสำหรับผม

“แล้วผมต้องกรอกประวัติหรือใบสมัครอะไรไหมครับ” ปกติสมัครอะไรมันต้องมีนี่นา แล้วต้องแนบสำเนาโน่นนี่นั่นด้วย

อายีหัวผมเล่น “ไม่ต้องหรอก ป่านนี้องค์กรรู้เรื่องพิชมากกว่าแม่พิชอีกมั้ง เมื่อถึงเวลา เขาจะติดต่อพิชเอง”

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 9] 22/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: pakawatkheeta ที่ 23-07-2015 03:04:49
 :katai1: :katai1:

สุดดยอดดดดด...
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 9] 22/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 23-07-2015 10:38:59
 :m31:  อยากอ่านอีกๆๆๆๆ  โหวววว อยากรู้เลยว่าพิชจะได้ทำอะไรในองค์กร  :katai1:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 10] 23/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 23-07-2015 21:28:50

บทที่ 10

[พิชยะ]

ปีนี้วันเกิดผมตรงกับวันเสาร์ ผมตื่นแต่เช้ามาใส่บาตรกับครอบครัว เสร็จแล้วผมก็ไล่ทวงของขวัญจากทุกคน กำไรครับกำไร พอถึงอาที่มาจากบ้านหลังใหญ่อีกหลังแยกออกไปแต่อยู่ในรั้วเดียวกัน อาทำหน้างงๆ

“อาว่าอาให้ของขวัญพิชไปแล้วนะ แต่อาก็เบลอๆ ว่าอาให้อะไรพิชไป จำได้แค่ว่า มันสุดยอดที่สุด ขนาดเอาของขวัญที่อาเคยให้ตั้งแต่พิชเกิดมารวมกันยังไม่เท่าเลย”

ผมชะงัก นี่อาเล่นมุก หรือว่าสิ่งที่อาพูดไว้เมื่อสามวันก่อนมันกำลังเกิดขึ้น อาลืมเรื่ององค์กรไปแล้วจริงๆ

“อาโอนสมาชิกองค์กรให้ผมแล้วใช่ไหมครับ” ผมถาม

“สมาชิกอะไร อย่างพิชนี่ต้อง สมาชิกองค์การสวนสัตว์ จะอยู่กรงลิงหรือบ่อแมวน้ำ เลือกเอา” อาลืมไปแล้วจริงๆ แถมเล่นมุกฝืดด้วย ตลกตรงไหน

พี่ชายสองคนหัวเราะขำที่ผมไม่ได้ของขวัญจากอา เขาคงนึกว่าอาเล่นมุก แต่จริงๆ ผมคงกำลังจะได้เป็นสมาชิกองค์กรลับที่ยิ่งใหญ่ แต่ผมบอกพี่ไม่ได้ใช่ไหม เจ็บใจ ผมเดินกลับไปห้องนอน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเล่น เอ๋ มี SMS เข้ามาตอนเที่ยงคืน ไม่มีชื่อผู้ส่ง

“โฆษณาอะไรหรือเปล่า หรือใครอวยพรวันเกิดแบบโบราณมา” ผมบ่นแล้วคลิ้กเข้าไปดู ข้อความแสดงว่า

“การติดตั้ง App “FIRM” สมบูรณ์ โปรดตรวจสอบในแท็บเล็ตของท่าน”

รู้ได้ไงว่าเรามีแท็บเล็ต  ผมหยิบแท็บเล็ตที่ชาร์จทิ้งไว้มาดู แล้วเลื่อนหาแอพชื่อ FIRM ซึ่งก็เจออยู่ในหน้าสุดท้าย ผมสงสัยว่าระบบของแท็บเล็ตยี่ห้อนี้ ไม่น่าจะสามารถติดตั้งแอพจากระยะไกลได้โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวได้

พอกดเข้าแอพก็พบข้อความว่า

“กรุณาตั้งใจดูคลิปวิดีโอ”

หลังจากนั้นก็มีรูปมือและนิ้วที่เคลื่อนไหวเป็นสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ผมไม่เข้าใจฉายไปเรื่อยๆ ซักพักผมก็รู้ได้เองว่าต้องแตะไปบนหน้าจอที่จุดสามจุดโดยไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้ พอแตะเสร็จหน้าจอก็ขึ้นข้อความใหม่

“กรุณาตอบคำถามยืนยันตัว”

หลังจากนั้นก็มีชุดความถามที่เกี่ยวกับตัวผมเลื่อนขึ้นมา คำถามมีประมาณห้าสิบข้อผมทำเสร็จภายในเวลาไม่ถึงห้านาที หลังจากนั้นระบบก็สร้างพาสเวิร์ดเข้าระบบโดยการให้ผมจำโค๊ดสำหรับวาดหน้าจอเมื่อจะเข้าแอพ ซึ่งผมจำได้ในทันทีอย่างน่าแปลกใจ

ผมใช้โค๊ดที่ได้เข้าสู่แอพทันที ในแอพมีไอคอนหลักสามอัน แสดงด้วยตัว “C” “M” และ “S”ผมรู้วิธีใช้งานแบบหยาบๆ ได้เองโดยไม่ต้องมีใครบอก แปลกชะมัด ผมกดไอค่อนตัว “M” ซึ่งผมรู้เองว่าหมายถึงสินค้าหรือ Merchandise แล้วเข้าไป ตอนนี้ผมอยากดูว่าสินค้าที่อาเคยซื้อไว้และโอนต่อมาให้ผมมีอะไรบ้าง

“สินค้าที่ซื้อไว้แล้ว”

หน้าจอแบ่งออกเป็นสองส่วน ด้านซ้ายเป็นชื่อคนพร้อมปุ่มค้นหาและจัดเรียงหมวดหมู่ที่มีตั้งแต่ ชื่อตามตัวอักษร อายุ อาชีพ ราคา พื้นทื่ ความนิยม และอื่นๆ อีกหลายหมวด ผมกดไปที่หมวดอาชีพ แล้วเข้าไปที่กลุ่ม “ดารา-นักแสดง” ซึ่งดูสะดุดตาที่สุด หน้าจอแสดงรายการที่อาผมซื้อไว้ว่ามีจำนวน 58 รายการ

ผมเลื่อนๆ ดูรายชื่อที่ล้วนแต่คุ้นตา แล้วลองคลิ้กเลือกดารารูปหล่อชื่อลุฟที่ดังตั้งแต่เป็นวัยรุ่นหน้าใส จนตอนนี้หล่อขึ้นตามวัยโดยมีผลงานอย่างต่อเนื่องและความนิยมที่ไม่สร่างซา เมื่อสี่ปีก่อนดาราคนนี้มีข่าวลือว่าเมาแล้วขับรถชนคน แต่เรื่องก็เงียบหายไปหลังจากนั้น เมื่อคลิ้กชื่อ หน้าจอด้านขวาก็ปรากฏรูปและรายละเอียดของพี่ลุฟขึ้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ผมรู้อยู่แล้ว แต่บางเรื่องก็น่าตะลึงชวนให้คิดว่าคนใส่ข้อมูลนั่งเทียนมาหรือเปล่า เช่น รสนิยมทางเพศ และขนาดอวัยวะเพศ อย่างลุฟอ่ะนะ เป็นเกย์โบ๊ท เคยมีคนกดลงด้วยเหรอ พวกชาวเรานี่ชอบมโนจริงๆ ว่าดาราที่ตัวเองชอบยาวเท่านั้นเท่านี้

ถัดลงมาด้านล่าง มีรายชื่ออัลบัมภาพและคลิปวีดีโอของลุฟที่มีเครื่องหมายแสดงว่าซื้อไว้หมดแล้ว ผมเลือกคลิปวีดีโอแรกซึ่งมีชื่อว่า

“ลุฟสอนออกกำลังกายในยิม”

ราคาที่ซื้อไปคือ 7,000 บาท ผมคิดว่าน่าจะเหมือนวิดีโอสอนออกกำลังที่หนุ่มหล่อล่ำในยูทูปชอบเอามาลงชาแนลของตัวเอง แพงเหมือนกันนะพอเป็นลุฟนี่ ค่าตัวระดับดารานี่นะ อย่างน้อยก็เป็นภาษาไทยฟังง่ายเสียงลุฟก็นุ่มดีด้วย ภาพวีดีโอขยายเต็มแท็บเล็ต ลุฟนั่งอยู่คนเดียวในฟิตเนสแห่งหนึ่ง ที่ไม่มีคนอื่นใช้บริการอยู่เลยทั้งๆ ที่เป็นฟิตเนสขนาดใหญ่ มีอุปกรณ์ออกกำลังกายอย่างดีเต็มไปหมด

ลุฟในชุดเสื้อกล้ามสีดำกางเกงออกกำลังกายสีขาวพนมมือสวัสดีกล้องแล้วทักทายว่า

“สวัสดีครับ ผมลุฟเองครับ สาเหตุที่ผมต้องมาเจอกับทุกท่านในวันนี้ คงพอทราบกันจากข่าวบ้างนะครับ ผมเสียใจที่ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องจริงและมันเป็นความผิดของผมเอง ต่อไปผมจะไม่ขับรถในขณะมึนเมาอย่างเด็ดขาด โชคดีที่ผู้เคราะห์ร้ายไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็หนักอยู่ ผมจะขอทำอย่างเต็มที่เพื่อตอบแทนทุกท่านที่ให้การสนับสนุนเพื่อเอาเงินไปรักษาพยาบาลให้ดีที่สุด สำหรับคลิปแรกนี้ก็ตามหัวข้อที่มีผู้สนใจจนถึงเป้าก่อนเพื่อนคือการสอนออกกำลังกายครับ ผมจะสอนท่าพื้นฐานและสาธิตการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่น่าสนใจครับ”

ลุฟดูเด็กกว่าปัจจุบันนิดหน่อย ผมตัดสั้นทำหัวตั้งนิดๆ ต่างจากปัจจุบันที่ทำผมยุ่งๆ แนวหล่อเซอร์ คงถ่ายไว้ตั้งแต่สี่ปีก่อนจริงๆ ลุฟถอดเสื้อกล้ามออกแล้วโพสต์ท่าโชว์กล้ามหน้าอกสองสามท่า

“มาเริ่มกันเลยนะครับ สิ่งสำคัญอันแรก ก่อนออกกำลังกายเราต้องอบอุ่นร่างกายก่อน เพื่อปรับสภาพให้ร่างกายพร้อมออกกำลัง ป้องกันการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้น” ลุฟบิดคอแล้วเตรียมจะเริ่มสาธิตท่าต่างๆ  แต่เขาบ่นออกมาก่อน

“กางเกงยังไม่ได้ถอดเลย” ว่าแล้วก็ถอดกางเกงออกเหลือกางเกงในสีแดงขอบขาว กับรองเท้าผ้าใบเท่านั้น ผมว่าเขาลงทุนอยู่นะ แต่ลุฟเคยเป็นนายแบบด้วยเขาคงไม่อายมั๊ง คงเหมือนๆ เดินแบบกางเกงใน

หันไปดูอีกทีผมก็อ้าปากค้างเมื่อเห็นกางเกงในสีแดงที่ว่าลงไปกองอยู่บนพื้นแล้ว ลุฟยืนเปลือยเปล่าเห็นทั้งตัวได้ถนัดตา นี่ใช่นักแสดงดังตัวจริงหรือผมชักกังขา หรือจะเป็นแค่คนหน้าเหมือน แต่ที่ดูมานอกจากหน้าเหมือนแล้วเสียงก็เหมือน รอยสักภาษาจีนเล็กๆ ตรงแถววีเชฟก็ใช่ผมจำได้

พอแน่ใจว่าดาราดังตัวจริงเสียงจริงแน่ สายตาผมก็รีบจับจ้องไปที่กลางลำตัวพระเอกชื่อดังทันที ท่อนลำขาวของลุฟนอนสงบนิ่งอยู่ในพงหญ้าสีดำ นี่ขนที่ลับของลุฟยาวไป หรือน้องชายเขาสั้นไปกันแน่ ผมเกือบหัวเราะเมื่อเห็นของลับลุฟที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู ทั้งขนาดและหนังหุ้มปลายที่ย่นยาวจนเกือบจะเหมือนของเด็กขัดกับขนที่ยาวฟู อย่างนี้เจอมังกรกินหมี่บ่อยแน่ แล้วตกลงเรื่ององค์กรของอานี่มันจริงใช่ไหม ดาราดังขนาดถึงได้มาแก้ผ้าถ่ายคลิปให้ดูหน้าตาเฉยโดยไม่มีข่าวหลุดออกมาแม้แต่น้อย ถึงจะดูว่าลุฟไม่ได้มีความสุขกับการโชว์นักแต่ก็ไม่เหมือนถูกบังคับขู่เข็ญมา องค์กรนี่มีอิทธิพลมากมายขนาดไหนกันนะ นี่มันพิเศษมากๆ แค่คลิปนี้คลิปเดียวผมว่ามีแฟนๆ ของลุฟที่อาจยอมจ่ายเป็นแสนเป็นล้านเพื่อจะได้ดูมัน

ขอบคุณครับอา ความคิดที่ว่าผมสามารถเข้าถึงสิ่งที่น้อยคนจะได้สัมผัส ได้ล่วงรู้ถึงสิ่งที่เป็นเรื่องลับเรื่องส่วนตัวปกปิดของคนอื่นทำให้ผมรู้สึกฟินอย่างบอกไม่ถูก มันไม่ใช่แค่อารมณ์ทางเพศเหมือนการดูคลิปโป๊ทั่วไป แต่มันเป็นเพิ่มเติมด้วยความเสียวซ่านจากความรู้สึกเหนือกว่า ความมีอำนาจ และความได้เป็นผู้ครอบครอง

ลุฟทำท่าบริหารต่อจนถึงท่ากระโดดตบ ผมยิ่งขำเมื่อเห็นจู๋น้อยกระเด็นกระดอนดุ๊กดิ๊กตามจังหวะการกระโดด ถึงจะเล็กยังไงแต่ของของดาราดังก็เป็นอะไรที่น่าดู ลุฟเริ่มเหงื่อออกจากการออกกำลังกายชโลมทำให้เห็นมัดกล้ามมันวาวดูชัดเจน เหงื่อทำให้ขนหมอยฟูฟ่องของลุฟแฟบลง ตอนนี้ลุฟเหมือนรูปปั้นเทพบุตรกรีกมาก หน้าตาที่หล่อเหลา กล้ามเนื้อที่สมบูรณ์ไม่อ้วนไม่ผอมเกินไป และอวัยวะเพศขนาดย่อม

ตอนนี้ลุฟย้ายไปยกบาร์ในท่านอน กล้องจับภาพจากมุมต่ำเสยขึ้นไปทางหว่างขาที่อ้าอยู่ของลุฟเห็นไปถึงร่องก้นที่มีขนแพลม นักแสดงหนุ่มเกร็งกล้ามเนื้อหน้าอก แขน ไหล่ หน้าท้อง จนดูเหมือนทำด้วยเหล็กน่าเกรงขาม ช่างขัดกันกับจู๋น้อยในพงหญ้าที่ให้อิมเมจของลูกนกน้อยในรัง

ผมดูลุฟไล่สาธิตอุปกรณ์ออกกำลังกายไปทีจะเครื่องด้วยความเพลิดเพลินจนครบ ลุฟหล่อและดูดีมากจริงๆ เมื่อออกกำลังกายในท่วงท่าที่งามสง่าและทรงพลัง ถ้าไม่นึกถึงความน่ารักที่กึ่งกลางลำตัวนะ ลุฟกลับมานั่งตรงม้านั่งออกกำลังกายประจันหน้ากับกล้อง

“ก่อนจะจากกันไปผมขอทำความเข้าใจอีกเรื่องนึงก่อนไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด เผื่อบางท่านไม่ได้ติดตามคลิปต่อไปของผมอีก”

ลุฟพูดพลางเอามือไปเล่นจู๋น้อยของตัวเอง ช่างน่ารักเหมือนเด็กชายซนๆ ที่แอบทำเรื่องไม่ดี จู๋ของลุฟขยายตัวเล็กน้อย ลุฟเริ่มกำด้วยมือข้างนึงแล้วสาวไปตามความยาวที่ไม่ยาวมากนัก ผมจ้องมองด้วยความตื่นเต้น ลุฟขยับมือขึ้นลง ผมเริ่มสังเกตว่าระยะสาวของลุฟยาวขึ้นเรื่อยๆ ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้นลุฟก็ใช้สองมือต่อกันในการกำท่อนลำแล้ว พระเจ้า นี่มันไม่ใช่จู๋แล้วแต่มันคือมังกรยักษ์ของจริง

ลุฟปล่อยมือแล้วยืนขึ้นโชว์ลำขาวยาวใหญ่ให้เห็นอย่างกระจ่างตา กะด้วยสายตาคร่าวๆ ไม่น่าจะหย่อนจากแปดนิ้วซักกี่มากน้อย หนังหุ้มปลายรั้งกลับโชว์ส่วนหัวสีแดงขนาดกำลังพอดีเหมือนหัวปลาดุก กลุ่มขนสีดำฟูฟ่องที่ฐานไม่ได้ดูยาวไปอีกแล้ว ตรงกันข้ามกลับช่วยเสริมท่อนลำลุฟให้ดูเด่นและน่าเกรงขามยิ่งขึ้น ลุฟพูดกับกล้องยิ้มๆ

“ผมไม่เล็กนะครับ”

ทนไม่ไหวแล้ว ผมล้างมือเข้าไปในกางเกงแล้วเริ่มเล่นกับน้องชายที่ตื่นมาได้พักใหญ่แล้ว ตาผมไล่มองไปที่ใบหน้าหล่อเหลา หุ่นล่ำพอดีๆ และท่อนกลางลำตัวที่ผงาดง้ำ ทุกอย่างที่เห็นมันช่างน่าประทับใจ ร่างกายมนุษย์นี่ช่างหลากหลายและมหัศจรรย์จริงๆ

ลุฟพูดต่อ “กรุณาอย่าตัดสินอะไรจากสิ่งที่มองเห็นภายนอก เรื่องนี้เกือบๆ จะเป็นปมด้อยของผมเลยนะครับ ผมพยายามเลี่ยงไม่ให้ใครเห็น ขนาดไปออนเซนที่ญี่ปุ่นไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นดาราดังของไทย ผมยังไม่กล้าลงไปแช่บ่อรวมเลย อายเขา แต่ถ้าเป็นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังเล่นกีฬากับเพื่อนๆ แล้วเลี่ยงไม่ได้ ผมจะแอบปั่นให้แข็งก่อนแล้วค่อยถอด อายไปอีกแบบ แต่ไม่เสียศักดิ์ศรีครับ เพื่อนมันเลยเอาไปล้อว่าผมหื่นตลอดเวลา จนคนเอาไปลือว่าผมเป็นดาราขี้เงี่ยน แต่มันไม่จริงนะครับ”

ลุฟเอานิ้วแตะตรงส่วนปลายแล้วดึงออกให้น้ำเงี่ยนยืดเป็นสายเล่น “คลิปนี้ยังไม่มีน้ำแตกนะครับ ขออภัยด้วย ผมน่าจะต้องทำอีกสองสามคลิปถึงจะได้เงินพอค่ารักษา ยังไงช่วยอุดหนุนกันด้วยนะครับ รับรองจัดเต็ม ขอบคุณและสวัสดีครับ” ภาพวิดีโอในแท็บเล็ตก็ค่อยๆ มืดลง แล้วกลับมาที่รายการสินค้าของลุฟที่อาผมซื้อไว้หมดแล้ว

ผมค้างครับ อารมณ์สะดุด เดี๋ยวค่อยเอาใหม่ ตอนนี้อารมณ์อยากรู้ผมมีมากกว่า ผมรู้แล้วว่าจะคาดหวังอะไรได้จากของที่อาซื้อไว้ ผมรักอาครับ นี่มันยอดเยี่ยมเกินกว่าที่อาโม้ไว้เป็นร้อยเท่า รายการที่เหลือของลุฟมีวิดีโอชื่อ “ลุฟแอบเสียวเบาๆ ริมหาด” “เล่นว่าวแบบสิบสี่อีกครั้งกับนายลุฟ” และคลิปสุดท้าย “ลุฟตรวจสุขภาพแบบฮาร์ดคอร์”

แค่อ่านชื่อ จินตนาการผมก็บรรเจิดไปถึงไหนต่อไหน แต่อย่าเพิ่งดีกว่า ลุฟแซ่บขนาดนี้ต้องเก็บไว้ดูทีหลัง เดี๋ยวกลับไปหาหนังที่ลุฟเล่นไว้ตอนเป็นวัยรุ่นจนดังระเบิดมาดูรำลึกความหลังก่อน แล้วค่อยกลับมาดูคลิปน่าจะตื่นเต้นคูณสอง

ผมกลับมาที่รายชื่อหมวดดารา-นักแสดงด้วยมุมมองใหม่แล้วน้ำลายแทบหก แต่ละคนนี่มันฝันเปียกของสาวๆ ทั้งประเทศเลยนะ เสียดายไม่มีดาราหนุ่มนิสัยดีที่เป็นหนึ่งในไอดอลของผมรวมอยู่ด้วย ก็พี่เขาเป็นคนดีขนาดนั้น จะไปทำอะไรผิดจนองค์กรต้องให้มาหาเงินชดใช้ก็แปลกแล้ว

ผมออกจากหมวดดารา แล้วลองไล่หมวดอื่นดู ที่มีรายการเยอะหน่อยก็มีหมวดมัธยม หมวดคนในเครื่องแบบ หมวดนักศึกษา หมวดนายแบบ หมวดอื่นที่น่าสนใจก็มี หมวดนักกีฬา หมวดผู้ใช้แรงงาน หมวดพนักงานสายการบิน หมวดต่างประเทศ ผมคลิ้กเข้าไปดูรายละเอียดคร่าวๆ แล้วสังเกตเห็นว่า ถ้าเป็นคนมีชื่อเสียง ราคาที่ซื้อไว้จะค่อนข้างสูง แต่ถ้าเป็นคนทั่วไปราคาจะต่ำลงมา แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่พอสมควรตามรูปร่างหน้าตา อาชีพ หรือฐานะทางสังคม เช่น อาชีพผู้ใช้แรงงาน ราคาเป็นหลักไม่กี่สิบก็มี แต่ไม่ว่าจะมีโปรไฟล์แบบไหน ดูจากรูปแล้วทุกคนอย่างน้อยก็อยู่ในระดับหน้าใช้ได้ จะชอบหรือไม่ก็คงแล้วแต่รสนิยมของผู้ชมที่แตกต่างกันออกไป

ที่น่าสังเกตอีกอย่างคือ ถ้าชื่อวีดีโอดูเป็นภารกิจที่พิสดาร ก็ดูจะสามารถตั้งราคาที่แพงขึ้นได้ ถึงจะไม่ใช่คนดังก็ตาม เช่น

คลิปชื่อ “ประธานบริษัทหนุ่มใหญ่ ถูกรุมกินแบบ 6P 18 น้ำ” สามารถตั้งราคาได้ถึง  3,000 บาท

“พจน์ หนุ่มสจ๊วตสายการบินดัง กับของเล่น SM บนความสูงหมื่นฟิต” 2,500 บาท

“ภัทร นักกีฬาเยาวชน เล่นยิมนาสติกเปลือยน้ำแตกกลางสวนสุขภาพ” ขายที่ 1,500

“บรู๊ค เดือน ปวช. ภาคเหนือ โชว์โกนขนพ่วงโชว์ว่าว” ได้ราคา 1,200 บาท

ไม่รู้คนเหล่านี้ไปทำอะไรมา มีภาระต้องชดใช้ขนาดไหน แต่ถ้าขายให้สมาชิกได้ซักสองร้อยคน ก็ได้เป็นหลายแสนแล้ว เรื่องที่ต้องทำอาจจะดูหนักอยู่บ้าง แต่ก็ดีกว่าติดคุกแน่ๆ

ผมว่าชะตากรรมพวกเขาก็ไม่ได้แย่ ยังไงซะก็ขายไปในวงที่จำกัด ไม่มีทางจะเล็ดรอดออกไปให้เสียชื่อเสียง ไม่เหมือนคนตกอับที่ต้องจำยอมถ่ายนิตยาสารเกย์ อันนั้นกระจายวางขายไปทั่วประเทศ แถมมีคนอัพโหลดต่อให้ได้ดูกันทั้งโลกอีก นั่นน่าสงสารจริงๆ เงินก็ไม่รู้จะได้ซักกี่มากน้อย หวังว่าการทำทานให้ชาวเกย์ได้อิ่มตาอิ่มใจกัน ผลบุญจะได้ส่งให้ชีวิตดีขึ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 10] 23/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 23-07-2015 21:31:24

ผมพิมพ์ชื่อมหาลัยที่ผมจบมาลงไปเล่นๆ แล้วกดปุ่มแว่นขยาย เฮ้ย เจอด้วยสี่ห้ารายการ ผมสะดุดตากับรายการที่ขึ้นมาเป็นอันดับแรก

“ชิน เดือนบริหาร ถูกรุมล้างแค้นโดยเด็กมอต้นกางเกงน้ำเงิน”

ผมเข้าไปดูรายละเอียดทันที ใช่ไอชินเพื่อนคณะผมจริงๆ ด้วย แต่ผมไม่สนิทเท่าไหร่หรอก ไลพ์สไตล์ไม่ค่อยเหมือนกัน ชินมันชอบเที่ยว แข่งรถ แถมมีข่าวไม่ค่อยดีตลอด แต่ต้องยอมรับว่าหมอนี่หล่อสมเป็นเดือนคณะจริงๆ เสริมความเท่ด้วยการเป็นนักดนตรีไว้อวดสาว อันนี้ดูจะเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์อันเดียวที่มันสนใจ ฝีมือดีเลยล่ะ

ชินผิวเข้มๆ ดูดีแบบแบดบอย เวลายิ้มกว้างเห็นฟันขาวแล้วมีเสน่ห์มาก ผมแอบมองอยู่บ่อยๆ แต่ไม่ค่อยอยากคุยด้วย มันเกเร แต่พอขึ้นปีสี่ไอชินก็กลับตัวเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคน เที่ยวน้อยลง เลิกแข่งรถ แล้วก็ไม่ค่อยเกะกะระรานใครแล้ว เรื่องหนุ่มๆ สาวๆ ในสต๊อคก็ดูจะหายๆ ไป ผมเลยได้คุยกับมันมากขึ้น หลังจบแล้วก็ยังเจออยู่บ้างเรื่อยๆ

ผมดูเวลาในคลิปพบว่าอยู่ในช่วงปิดเทอมปีสามก่อนขึ้นปีสี่ พอกดปุ่มเล่นก็มีภาพของชินปรากฏขึ้น มันเล่าสาเหตุคร่าวๆ ที่ต้องมาชดใช้เนื่องจากไปหลอกฟันเด็กมัธยมถึงสามคนในช่วงปิดเทอม นี่มึงเป็นเกย์เหรอนี่ ดูไม่ออกเลย เด็กทั้งสามต่างก็คิดว่ามันจะจริงจังด้วย เพราะโดนหลอกว่ารักจนยอมมอบซิงให้ ชินบอกว่าเงินที่ระดมทุนได้จากการขายคลิปจะมอบเป็นทุกการศึกษาให้น้องทั้งสาม และจะชดเชยให้เพิ่มเติมโดยให้น้องมาเป็นแขกรับเชิญเพื่อล้างแค้นตัวเองในคลิปนี้ เพราะมันรู้ว่าเงินไม่ได้ช่วยชดเชยทางจิตใจให้กับเด็กที่ฐานะดีอยู่แล้วได้

เด็กสามคนเดินเข้ามาในมุมกล้อง ถึงจะใส่หน้ากากปิดปังครึ่งบนใบหน้าไว้แต่ก็พอจะมองออกว่าน่ารักมากๆ  ไอชินไหว้ขอขมาแล้วบอกให้น้องทำอะไรกับมันก็ได้อย่างที่อยากจะทำ เด็กคนที่ตัวโตหน่อยชกไปที่ท้องชินอย่างแรงเป็นสัญญาณเริ่มต้น น้องรุมกันถอดเสื้อผ้าชินออกแล้วกระจายกำลังกันไปจู่โจมทุกพื้นที่บนร่างกาย ทั้งบีบ ทั้งกัด ทั้งขยำขยี้จนเห็นรอยชัดเจนทั้งๆ ที่ชินเป็นคนผิวคล้ำ จากนั้นน้องก็จับชินพลิกคว่ำ น้องตัวเล็กสุดเอาไม้ปิงปองมาพาดไม่ยั้งตรงบั้นท้ายของชิน พาดไปเรื่อยๆ จนแดงก่ำ ชินสะอื้นด้วยความเจ็บปวดแต่เครื่องเพศกลับเริ่มขยายตัวน้องหยุดตีแล้วผลิกตัวชินกลับอีกครั้ง เขาจ้องมองอวัยวะเพศสีคล้ำของชินเหมือนจะหลงใหลปนเกลียดชัง ถ้าผมถูกของดำขนาด 7.5 นิ้วทะลวงตูดตั้งแต่อยู่มอต้นผมก็คงเกลียดเหมือนกัน

เด็กอีกคนที่ดัดฟันเอาเชือกลูกเสือมาพันรอบๆ Kแท่งเนื้อดำมะเมื่อมของชินผูกเป็นปมไว้แล้วโยงไปมัดกับไข่อีกที เด็กตัวเล็กเอาปากกาลบคำผิดมาวาดรูปและข้อความลามกไปบนหน้าและลำตัวของชิน ขณะที่เด็กตัวโตหยิบปากกาไฮไลท์ด้ามใหญ่หนาขึ้นมาแล้วยัดไปในรูตูดจีบแน่นโดยไม่มีอะไรช่วยหล่อลื่น ชินร้องครวญครางแต่ก็ไม่ขัดขืน เด็กดัดฟันเอายางลบดินสอสองก้อนมาประกบกับหัวนมของไอชินแล้วดึงถูไปมาจนชินร้องลั่น น้องตัวเล็กที่วาดรูปเล่นเสร็จแล้ว ก็หยิบเทปใสตัดเป็นท่อนๆ แล้วแปะเรียงกันไปบริเวณขนอุยใต้สะดือของชินจนเต็มพื้นที่ เสร็จแล้วก็กระชากออกทีเดียวพร้อมกัน มันร้องจ๊ากตัวงอ เด็กอีกสองคนยกนิ้วให้เด็กตัวเล็กผู้มีไอเดียโหด นี่ยังดีนะที่เป็นเทปใสที่กาวไม่เหนียวมาก ไม่งั้นมึงตายแน่ชิน ผมแอบสยองแทน เด็กดัดฟันเลิกเอายางลบถูหัวนมโดยเอาคลิปลวดหนีบกระดาษหนีบไว้แทน จากนั้นก็หันมาก๊อปไอเดียเพื่อนอย่างไม่อาย เขาเริ่มแปะเทปใสไปบนขนเพชรของชินจนเต็มแล้วกระชากอย่างแรง ชินร้องลั่นยังกะของลับทั้งพวงหลุดติดตามไปด้วย ผมดูไปเสียวก็เสียว สงสารก็สงสาร แต่จริงๆ แล้วขำมากกว่า นี่มึงทำตัวเองนะชินถึงต้องมาเจอ SM เครื่องเขียนจากบรรดาเหล่าเด็กมอต้นผู้น่ารัก การศึกษาของเราพัฒนาขึ้นแล้วใช่ไหม เด็กนักเรียนไทยถึงได้ประยุกต์เก่งอย่างนี้ ผมงี้ดีใจจนน้ำเงี่ยนไหล

เด็กๆ เลิกใช้อุปกรณ์แล้ว ตอนนี้เด็กตัวโตกับเด็กดัดฟัน รูดซิปกางเกงแล้วควักเจ้าจำปีอ่อนเยาว์ยัดเข้าไปในปากชินพร้อมๆ กัน ชินสำลักแต่ก็ไม่ปฎิเสธ เขาพยายามดูดเลียท่อนเนื้อขนาดห้านิ้วกว่าของทั้งคู่ไปพร้อมกัน เด็กตัวเล็กคลายเชือกที่มัดท่อนลำของชินออก ชินสบตาเหมือนจะขอบคุณ ของมันดูแข็งจนแทบจะระเบิดแล้ว ตกลงมึงชอบแบบนี้ใช่ไหมชิน เด็กตัวเล็กดูดเลียและแทะไปรอบแก่นกายของชินเหมือนแทะข้าวโพด ชินสะดุ้งเป็นระยะ ก็น้องเขามีเขี้ยวด้วยนี่นะ

ความเร่าร้อนดำเนินไปเรื่อยจนถึงช่วงสุดท้าย เด็กทั้งสองถอนยวงออกมาจากปากอุ่นของชินแล้วหยิบถุงยางขึ้นมาใส่ เด็กตัวโตเข้ามานอนซ้อนด้านหลังชินแล้วทะลวงประตูหลังด้วยแท่งทวนขนาดห้านิ้วเศษ ชินกัดฟันพอทนไหว แต่พอเด็กดัดฟันรวบพวงสวรรค์ของชินขึ้น เข้าประกบจากด้านหน้า แล้วแยงท่อนลำเข้าไปในรูคับแน่นที่มีแท่งเนื้อคาอยู่แล้วหนึ่งอันชินก็ถึงกับตาเหลือก เด็กตัวเล็กเห็นท่าไม่ดีจึงบอกให้เพื่อนหยุดชั่วคราวแล้วตัวเองก็รีบดูดอมท่อนเอ็นของชินที่อั้นอยู่นานจนกระฉูดน้ำกามข้นคลั่กออกมามากมาย เด็กตัวเล็กกวาดแทบทุกหยดใส่มือแล้วเอาเข้าไปป้ายที่จุดเชื่อมต่อของชินและเพื่อนอีกสองคน พอมีของหล่อลื่น เด็กดัดฟันก็กัดฟันแล้วแทรกตัวเข้าไปเบียดดุ้นของเพื่อนที่ครอบครองพื้นที่คับแคบอยู่ก่อน หลังจัดท่าทางอยู่สักพัก เด็กสองคนก็ประสานจังหวะในการเคลื่อนตัวเข้าออกอย่างพร้อมเพียง เด็กตัวเล็กที่ตอนนี้ได้ยัดเจ้าหนูขนาดน่ารักสมตัวเข้าในปากชิน ก็ซอยเข้าออกไปพร้อมกันกับเพื่อน ชินไม่น้อยหน้าเอามือสาวลำตัวเองที่กลับมาแข็งตัวอีกครั้งขึ้นลงตามจังหวะได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนสมเป็นมือกลองของคณะ ทั้งสี่ประสานจังหวะที่เร่งเร้าขึ้นเรื่อยๆ เสียงร้องครางประสานกันลงตัว ท่วงท่าที่สอดคล้องเป็นอันหนึ่งอันเดียว จนทุกคนกระฉูดออกมาแทบจะพร้อมกันในที่สุด

ชินที่รับบทหนักสุดหมดแรง หายใจหอบอยู่พักใหญ่ แล้วก็ลุกขึ้นมากล่าวลา “คลิปของผมคงมีคลิปเดียวครับ เพราะเงินค่าเสียหายมันไม่ได้สูงมาก และที่สำคัญ ผมได้ชดเชยสิ่งที่ผมไม่เคยให้ใครให้กับน้องๆ สามคนนี้แล้ว ขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนเงินและช่วยเป็นสักขีพยานการชดใช้ของผมในวันนี้” ชินยกมือไหว้แล้วหันกลับไปที่เด็กสามคน

“พี่ชดเชยให้ทั้งหมดที่มีแล้ว ถึงมันอาจไม่ช่วยลบความเสียใจของน้องๆ ลงได้ แต่ก็ขอให้น้องอโหสิให้พี่ด้วย หวังว่าน้องคงโชคดี ไม่พบเจอคนไม่ดีอย่างพี่อีก”

วีดิโอจบลงตรงนี้ คลิปนี้ราคาเกือบเท่าคลิปคนดังเลย สงสัยเพราะมีเด็กมอต้นมาแจมด้วย ค่าตัวมึงนี่เท่าดาราเลยนะไอชิน การได้เห็นเรื่องลับและของลับที่สุดของคนที่ใกล้ตัวเข้ามาทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นแบบแปลกๆ อารมณ์ประมาณกูเห็นมึงทั้งตัวแล้วนะไอ้เดือนคณะ มึงหล่อจริงๆ หล่อตั้งแต่หน้า นม สะดือ เอ็น ไปถึงรูตูดเลย เห็นมึงโดนอัดก้นสองดอกพร้อมกันด้วย แต่ไม่ต้องห่วงนะ เพราะกูบอกใครไม่ได้อยู่แล้ว กูเก็บไว้ชื่นชมมึงในใจเงียบๆ

ผมดูจนจบแล้วก็นึกอยากรู้ขึ้นมาว่าตอนนี้ไอชินเป็นยังไงบ้าง เจอกันล่าสุดสองเดือนก่อนตอนเพื่อนนัดเจอกันกลุ่มใหญ่มันก็ดูสดใสดี ผมรีบเปิด Facebook เลื่อนรายชื่อเพื่อนเพื่อเปิดเข้าไปดูหน้า Wall ของชิน เห็นโพสต์ล่าสุดลงไว้เมื่อสามวันก่อน ชินถ่ายกับเด็กมอปลายกางเกงน้ำเงินสามคนหน้างานอะไรซักอย่างหนึ่งบรรยายว่า

“พาน้องในวงมาแข่งรายการ Thailand Junior Band Contest ช่วยเชียร์กันด้วยครับ งานนี้ชินไม่ได้ลงด้วย อายุเกิน แต่ถ้าอยากเจอชินกับวงแบบเต็มๆ ก็ตามมาฟังที่ผับพี่ชายชินนะครับ ศุกร์เสาร์ สองทุ่มถึงสามทุ่มครึ่ง วงอนามัย น้องใกล้สอบเข้ามหาลัยกันแล้ว ^^”

ผมไม่รู้ว่าสามคนนี้คือเด็กในคลิปหรือเปล่า เพราะผมก็ไม่ได้เห็นหน้าจริงๆ และเวลาสองปีกว่าเด็กคงโตขึ้นอีกเยอะ แต่ดูมือที่วางบนบ่าชินของเด็กยักษ์หน้าหล่อด้านหลัง ท่ายืนที่ชิดเกินเหตุของเด็กคิ้วเข้มยิ้มแฉ่งเห็นฟันเรียงสวย และเด็กแบ๊วตัวเล็กผอมบางที่ยืนพิงตัวชินจากทางด้านหน้า ผมว่าอย่างน้อยต้องมีสักคนในนี้ ที่เป็นคู่กรณีเมื่อสองปีก่อนของชินแน่ หรืออาจจะทั้งสามคนเลย นี่มึงไม่เข็ด หรือน้องมันไม่เข็ดกันแน่วะชิน

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 10] 23/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: Vocaliist ที่ 23-07-2015 22:15:36
เม้น เบาๆ

ตามอ่านอย่างรวดเร็ว

สนุกดีๆ ขอให้พิชได้เจอคู่ขาที่หล่อล่ำโดนใจนาง

อยากเข้าองค์กรบ้าง ฝากบอก โป๊ปด้วยนะ!!

มาต่อเร็วๆน้าาาาาาาาาา
 :hao5:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 10] 23/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 24-07-2015 13:28:50
อ่านแล้วแอบคิดเลยว่ามันอาจจะมีองค์กรลับๆ แบบนี้อยู่จริงๆ ก็ได้
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 10] 23/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 24-07-2015 14:07:13
 :hao3:  คุณอาน้องพิชไม่เบานะเนี่ย มีอื้อเลย  :z3: อยากดูบ้าง  :serius2:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 11] 24/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 24-07-2015 20:50:23

องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 11


[พิชยะ]

ผมเป็นสมาชิกองค์กรมาได้หกเดือนจนใช้งานแอพขององค์กรในหมวด “เอ็ม” ได้อย่างแคล่วคล่องแล้วล่ะ ก็มันใช้ง่ายมาก แล้วผมก็ใช้บ่อยด้วยสิ ทุกครั้งที่เข้าไปใช้งานผมเจอแต่เรื่องตื่นเต้นมากมาย ได้ซื้อรูปซื้อคลิปเพิ่มหมดเงินไปหลายอยู่ ต้องคอยเข้าไปดูครับ เพราะว่ามันจะเปิดขายในระยะเวลาจำกัด และถ้าเขาระดมทุนได้ครบตามมูลหนี้สังคมของคนนั้นแล้ว ก็จะไม่มีชุดใหม่ออกมาขายอีก บางคนที่ดังๆ หรือหล่อเทพโปรไฟล์ดี แล้วมูลหนี้ไม่สูงมาก ออกมาคลิปเดียวยอดก็ทะลุเป้าไม่รู้กี่เท่าแล้ว ถ้าซื้อไม่ทันเสียดายตายเลย ผมต้องตั้งไว้ให้แอพแจ้งเตือนถ้ามีการเปิดขายสินค้าของคนที่โปรไฟล์ตรงกับแนวที่ผมชอบออกมา น่าเสียดายที่เรื่องที่น่าตื่นเต้นขนาดนี้ ผมจะไปพูดคุยหรือแชร์ความเห็นกับใครก็ไม่ได้เลย อาก็พึ่งไม่ได้เพราะอาลืมเรื่ององค์กรนี้ไปหมดแล้ว และผมก็ไม่รู้จักสมาชิกคนอื่นเป็นการส่วนตัวด้วย

ผมเคยเจอผู้รับโทษกลุ่มเอ็มคนนึงหน้าตาดูคุ้นๆ เหมือนจะเป็นเพื่อนพี่ชายผม แต่ผมไม่แน่ใจเพราะผมไม่รู้ค่อยรู้เรื่องอะไรของเพื่อนพี่คนนี้ที่จะพอตรวจสอบว่าตรงกับโปรไฟล์ของคนในคลิปไหม ผมเลยซื้อชุดเต็มมาทั้งอัลบั้มรูปทั้งคลิป ผมเลือกเปิดรูปที่พี่เขาใส่เสื้อผ้าปกติกะจะถือแท็บเล็ตไปให้พี่ชายดูว่าใช่เพื่อนเขาไหม พอคิดแค่นั้นแหละครับ มือผมก็กดปิดแอพทันทีโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมเอาใหม่ แต่พอคิดว่าจะเปิดให้พี่ชายดูอีกมือผมก็ทำแบบเดิมโดยควบคุมไม่ได้ ผมเปลี่ยนวิธีโดยการคุยกับพี่ถามถึงรายละเอียดส่วนตัวของเพื่อนพี่คนนี้ ก็คุยได้ปกติ แต่พอผมเริ่มจะพาดพิงถึงสิ่งที่รู้มาจากคลิป ลิ้นผมก็พันกันจนพูดไม่รู้เรื่องทันที พี่ผมขำใหญ่เลยต้องเลิกไป แต่ข้อมูลที่ได้จากพี่ก็พอจะบอกได้ว่าใช่เพื่อนพี่ผมจริงๆ ฟินไปซิครับงานนี้ เจอคนใกล้ตัวอีกแล้ว อยากเจอพี่เขาตัวเป็นๆ จัง เห็นเงียบขรึมแบบนั้นกลับเร่าร้อนดุเดือด ของก็สวยจริงๆ ไม่รู้พี่เขาไปทำผิดอะไรมา ไม่ได้บอกไว้ในคลิปซะด้วยสิ

ทีนี้ผมมั่นใจแล้วว่าระบบรักษาความปลอดภัยขององค์กรนี้มันเยี่ยมแค่ไหน มันไม่ใช่แค่ความปลอดภัยผ่านระบบไอที แต่มันมีกลไกลที่ควบคุมจิตแฝงอยู่ด้วย ผมไม่รู้ว่าเขาโปรแกรมจิตผมไปตั้งแต่ตอนไหนอย่างไร อาจจะตั้งแต่ผมดูคลิปแปลกๆ ตอนเซ็ทอัพโปรแกรมแล้วก็เป็นได้ แต่ผมไม่ซีเรียสอะไรหรอก ผมว่าผมวางใจในตัวองค์กรนะว่าเขาจะไม่ทำไม่ดีกับสมาชิก แม้แต่ผู้ชดใช้เอง ถึงกระทำผิดมา แต่องค์กรก็ดูแลปกป้องสิทธิในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการชดใช้เป็นอย่างดี

ตอนนี้ผมย้ายออกมาอยู่คอนโดคนเดียวเพราะเริ่มเรียนโทภาคนอกเวลาแล้ว และต้องทำงานบริษัทของที่บ้านไปด้วย เดินทางไม่ไหวครับ เพราะบางวันต้องทำเคสกับเพื่อนกลุ่มจนดึก แต่ออกมาอยู่คนเดียวก็ลำบากพอตัวครับ ผมเป็นเด็กที่ทำอะไรเองไม่ค่อยเป็น ก็อยู่บ้านมีคนทำให้หมดนี่ครับ ตอนนี้ต้องหาอาหารกินเอง ทำความสะอาดเอง ซักผ้ารีดผ้าไม่เป็นก็ต้องจ้างเขา ไม่ใช่ถูกๆ เลยนะ จะจ้างแม่บ้านให้มาทำความสะอาดด้วยเลยชะลอก่อน น้องเต้าหู้รถที่อาให้มาก็เสียวันเสียคืน นิดๆ หน่อยๆ ก็ต้องเข้าอู่ ก็ผมซ่อมเบื้องต้นไม่เป็นซักนิด ความรู้ด้านนี้ก็ไม่มีเลย ไม่รู้ถูกฟันหัวแบะไปแล้วบ้างเปล่า

มีแต่เรื่องต้องใช้เงินทั้งนั้น แต่ผมจะไม่ขอตังค์จากที่บ้านหรอกนะ ผมทำงานแล้ว ถึงจะเป็นบริษัทพ่อก็เถอะ เงินเดือนก็ไม่ได้น่าเกลียด ผมจะแสดงให้เห็นว่าผมโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ พ่อแม่อาจะได้ภูมิใจ และไอพี่สองตัวต้องทึ่งว่าผมไม่ใช่เด็กแล้ว

แต่ตอนนี้ผมต้องจัดการระเบียบเรื่องเงินก่อน ถ้าผมมีคนมาช่วยก็ดี ดูแลคอนโดและงานบ้านให้ผม อาจจะทุ่นค่าใช้จ่ายลงได้ ผมนึกถึงองค์กรขึ้นมา ผมพอคุ้นเคยกับระบบทาสในหมวด “เอส” บ้าง เคยเข้าไปดูมาแล้วแต่ตะลึงราคา สู้ไม่ไหว เรามันเด็กเพิ่งทำงานนี่ อาก็ไม่ได้ทิ้งตังค์ไว้ในบัญชีเลย ใจร้าย หรือจะลองเข้าไปดูอีกที เผื่อมีเกรดต่ำๆ ถูกๆ หลุดมาบ้าง ก็ไม่ได้เอามาใช้เรื่องเซ็กส์อยู่แล้วนี่ ผมรีบหยิบแท็บเล็ตเข้าหมวดเอสทันที ในตอนนี้ทาสที่อยู่ระหว่างประมูลมีอยู่ไม่กี่คน แต่เกือบทั้งหมด หล่อๆ ทั้งนั้น แต่พอผมเห็นราคาเป้าหมายใจก็ฝ่อแล้ว ผมเลื่อนไปดูล่างๆ อ้าว มีคนนี้มาใหม่ ทาสระดับหนึ่ง ราคาเป้าหมายแปดแสนบาท ผมคลิกเข้าไปดูด้วยความสนใจ ปกติหมวดเอส ไม่เห็นค่อยมีที่ราคาต่ำกว่าล้านสักเท่าไหร่ เพราะถ้าเป็นเงินหลักแสน ทำภารกิจถ่ายเป็นคลิปขายในหมวดเอ็มไม่กี่อันก็ได้แล้ว ถ้าหน้าตาดีจริงและใจกล้าหน่อย

พอเปิดไปดูรายละเอียดผมก็เข้าใจ ทาสคนนี้ชื่อ ทศ อายุยี่สิบเจ็ดปี เป็นคนโคราช ทศหน้าตาพอจะโอเค จริงๆ ก็ดูดีแนวคนใช้แรงงานล่ะนะ ผิวคล้ำ หุ่นแน่นแบบคนทำงานหนัก แต่ความหล่อถ้าเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ที่มาชดใช้หนี้สังคมกับองค์กรแล้วก็ต้องถือว่าต่ำกว่ามาตรฐาน ถ้าเป็นแถวต่างจังหวัดนอกๆ เมืองคงพอมีสาวมาจีบบ้างแหละ นอกนั้นคุณสมบัติอื่นๆ ก็ไม่น่าสนใจ ทาสระดับหนึ่งใช้งานได้จำกัดอยู่แล้ว เป็นชายแท้อีกต่างหาก ถ้าเป็นเกย์รุกผมจะให้ช่วยสอนวิทยายุทธ์ให้ซักหน่อย ถ้าเป็นเกย์รับ ผมจะ...จะ... เอาไม่ลงว่ะ ล่ำดำถึกแบบนี้ เฮ้อ ถึงผมจะไม่ได้กะหาทาสมาใช้เรื่องเซ็กส์ แต่ถ้าเลือกได้ ก็อยากได้แบบน่ารักๆ มากกว่านะ

ผมเกือบจะออกจากหน้าโปรไฟล์ของทศไปแล้วถ้าไม่บังเอิญเห็นอาชีพของทศซะก่อน ในนั้นระบุว่าทศเป็นช่างซ่อมรถ จบ ปวช. ช่างยนต์ มาด้วย ผมกลับไปคลิกขยายดูรูปโปรไฟล์รูปที่สองทศใส่เสื้อแบบช่างแต่ไม่ติดกระดุมเสื้อ ในมือถือประแจ ท่อนล่างใส่กางเกงในย้วยๆ ตัวเดียวเป้าตุง เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยน้ำมันเครื่อง แต่ที่ผมสนใจไม่ใช่ตัวทศเองแต่เป็นรถยนต์คันที่ทศกำลังซ่อมอยู่ คุณพระ ถึงจะเห็นแค่บางส่วนแถมไม่ชัด แต่นั่นมันรถรุ่นเดียวกันกับน้องเต้าหู้ของผมไม่ใช่เหรอ รุ่นนี้หายากแล้วนะ นี่สวรรค์ต้องประทานทศให้มาเป็นช่างประจำตัวของน้องเต้าหู้แน่ๆ ผมอุทานในใจ ลองประมูลดูดีไหม ถึงไม่ใช่สเป็ค แต่ผมก็ตั้งใจจะเอามาเป็นทาสใช้งานจริงๆ นี่ ไม่ได้เอามาบำเรอกามซะหน่อย ไม่รู้นอกจากซ่อมรถแล้วจะทำงานอื่นได้ไหม แต่ราคาแค่นี้คงเลือกมากไม่ได้ อย่างน้อยก็ดีตรงไว้ใจได้ ระบบขององค์กรคงควบคุมไว้รัดกุมแล้ว เอาก็เอาวะอายุสัญญาสองปี คงใช้ได้คุ้มอยู่ ผมตัดสินใจในที่สุด

ตามเงื่อนไขของหมวด เอส ผู้สนใจที่จะร่วมประมูล จะต้องวางเงินจำนวนสามในสี่ของราคาเป้าหมาย เพื่อให้ได้สิทธิเข้าร่วมในรอบประมูลจริง เมื่อแจ้งความประสงค์และนำเงินเข้าระบบแล้ว สมาชิกคนนั้นจะมีสิทธิเข้าไปดูโปรไฟล์ลับของทาสซึ่งประกอบไปด้วยข้อมูล เอกสาร รูปภาพ และวิดีโอลับเฉพาะมากมาย เพื่อให้ได้ใช้ประกอบการตัดสินใจว่าจะสู้ราคาประมูลได้ถึงเท่าไหร่ เมื่อถึงรอบประมูลจริง ผู้เข้าประมูลจะแข่งกันไปเรื่อยจนครบหนึ่งชั่วโมง ผู้ที่เสนอราคาสูงสุดก็จะได้ทาสไปครอบครอง ส่วนคนที่เหลือจะได้รับเงินที่วางประกันไว้คืนเข้าระบบ ในกรณีที่ไม่มีผู้สนใจเลยจนหมดเวลารอบแรก ระบบจะดึงสินค้ากลับแล้วปรับเงื่อนไขให้น่าสนใจขึ้น เช่น เพิ่มระดับของทาส หรือขยายอายุสัญญา ส่วนการลดราคาเป้าหมายมักไม่ค่อยใช้ เพราะทาสจะมีภาระหนี้สังคมที่ต้องชดเชยเป็นจำนวนที่แน่นอน หากหมดเวลารอบแรกแล้วมีผู้สนใจวางเงินแค่รายเดียว ทาสจะถูกขายให้สมาชิกรายนั้นในราคาสามส่วนสี่ของราคาเป้าหมายตามเงินที่วางทันที

เพื่อให้ผ่านเข้ารอบจริง ผมต้องเอาเงินหกแสนเข้าไปวางในระบบ ถ้าแค่นี้ไม่มีปัญหา ผมพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง ไม่ได้เยอะมากเพราะเงินที่ผมเก็บจริงๆ มาตั้งแต่เด็กจนโตจากที่ญาติผู้ใหญ่ทั้งหลายให้มาตามโอกาสต่างๆ ตอนนี้เอาไปลงทุนระยะยาวหมดแล้ว หนักๆ ก็แอบเอาไปซื้อที่แถวเขาใหญ่ไว้แปลงใหญ่ ทีหลังถ้ามีเวลาอยากไปทำพวกเกษตรอินทรีย์ดู ตอนนี้เทรนด์กำลังมา แต่ตอนรอบประมูลล่ะ ผมเหลือเงินสดอีกแค่สองแสนกว่าบาท จะสู้เขาไหวเหรอ เอ้า ลองดู ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนี่ ระบบรอบที่หนึ่งจะปิดลงภายในชั่วโมงนี้แล้วหลังจากลงประกาศมาตั้งแต่เจ็ดวันก่อนแต่ผมไม่ได้เข้ามาดู ผมรีบแจ้งความจำนงพร้อมโอนเงินออนไลน์ทันที เพียงไม่ถึงสิบวินาที ระบบก็แจ้งยืนยันว่าผมมีสิทธิเข้าร่วมการประมูล และสามารถเข้าไปดูข้อมูลโปรไฟล์ลับของทศได้แล้ว

ผมคลิกเข้าไปดูทันที จริงๆ ก็ไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่ แต่ดูไว้เผื่อได้รู้ว่าทศพอจะทำงานอะไรให้ผมได้บ้าง หน้าจอโชว์รายชื่อไฟล์ที่แสดงเป็นรูปภาพเล็กๆ จำนวนมาก มีภาพโป๊หลายชุด คลิปอาบน้ำ คลิปช่วยตัวเอง แต่ผมไม่สนใจจะดูหรอก คลิปในหมวดเอ็มผมทั้งหล่อทั้งเด็ดกว่านี้เยอะ ผมไล่ดูข้อมูลอื่นคร่าวๆ มีตั้งแต่ สมุดพก ผลการเรียนตั้งแต่เด็กจนจบโรงเรียนช่าง ทะเบียนบ้าน ใบเกณฑ์ทหาร บัตรประชาชน ใบขับขี่ และอีกสารพัด แต่ก็ไม่พบข้อมูลว่าทศจะมีทักษะอะไรที่เป็นประโยชน์กับผม ดูเหมือนจะใช้คอมพิวเตอร์ไม่คล่องด้วยซ้ำ เกรดวิชาคอมพิวเตอร์ต่ำขนาดนั้น ผมเข้าไปดูภาพถ่ายของทศตั้งแต่เด็กจนโตที่มีครบทุกช่วงอายุ เป็นเด็กบ้านนอกขนานแท้จริงๆ ดำแต่เด็กด้วย มีรูปตอนทำสวนหรือทำไร่อะไรสักอย่าง ใช้ให้ปลูกอะไรดีไหม แต่ผมอยู่คอนโดนี่นา เอาไงดี ชักไม่อยากได้แล้ว งั้นไม่ต้องสู้ประมูลแล้วกัน

“ตื้ดตื้ด” เสียงเตือนดังมาจากแอพที่ผมกำลังดูอยู่ ผมรีบเปิดเข้าไปดูข้อความจากระบบ

“ไม่นะ”ผมอุทานเมื่อเห็นระบบแจ้งว่า

“ขอแสดงความยินดีด้วย เนื่องจากคุณเป็นผู้เข้าร่วมประมูลทาสรหัส S1-0028D เพียงรายเดียว คุณจึงได้เป็นเจ้าของทาสรายดังกล่าวทันทีในราคาพิเศษ ระบบจะทำการหักเงินประกันจำนวน 600,000 บาทเพื่อชำระค่าตัวทาสเมื่อการส่งมอบทาสแล้วเสร็จ”

ซวยอะไรอย่างนี้ พอจะเปลี่ยนใจดันไม่มีใครประมูลด้วยเลย นี่ผมได้สินค้าเหลือเลือกมาใช่ไหม เอาวะ ถือว่าได้ซื้อในราคาลดยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ซัมเมอร์เซล

หลังจากนั้นมีข้อความเข้าระบบเพิ่มเติมเพื่อให้ผมเลือกเวลาและสถานที่ที่จะรับมอบทาส พรุ่งนี้วันศุกร์ผมทำงานทั้งวัน แล้วตอนเย็นก็มีกินเลี้ยงอีก ผมเลยเลือกเป็นเช้าวันเสาร์ที่คอนโด ไว้เจอกัน เจ้าทาสที่ไม่มีใครเอา ทำให้ผมต้องเสียเงินตั้งหกแสน

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 11] 24/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: Vocaliist ที่ 24-07-2015 22:40:37
วันนี้น้อยจัง อยากอ่านอีกอ่า

ทำไมไม่ได้ทาสหนุ่มหล่อๆหล่ะ

พอจิ้นแล้วมันขัดๆอะ แต่ก็เป็นกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 11] 24/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 25-07-2015 14:34:09
เอาน่าหกแสนจิ๊บๆ  :mew5: มันต้องมีทีเด็ดซิ ชายแท้ๆเชียวนะเออ
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 11] 26/07/15 มาต่อให้จบบท
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 26-07-2015 20:07:53
องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 11 [ต่อ]

[พิชยะ]

วันนี้ผมกับเพื่อนในสายรหัสที่โคๆ กันอยู่ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยรวมตัวกันมาเลี้ยงรุ่นน้องในสายครับ ตั้งแต่ทำงานแล้วก็ไม่ค่อยได้เลี้ยงน้องเลย นี่เห็นว่าจะมากันตั้งแต่ปีหนึ่งยันบัณฑิตที่เพิ่งจบโดยรุ่นผมแก่สุดเป็นเจ้าภาพ นี่กะจะมาล้มทับกันเลยใช่ไหม เรานัดน้องๆ ไว้ที่ผับของพี่ไอชิน ใช่ ไอ้ชินที่ถูกเด็กมอต้นสามคนเล่นซาดิสซ์ใส่คนนั้นนั่นแหละ

“มาคนแรกเลยนะมึง” ผมมาถึงที่ร้านแล้วเอ่ยทักไอชิน

“เอ้า ก็ร้านพี่กูนี่หว่า แล้ววันนี้วงกูมีเล่นด้วยตอนทุ่มครึ่ง กูเลยรีบมาคุยกับพวกแม่งก่อน เดี๋ยวจะต้องแว้บไปชั่วคราว” ไอ้ชินยังหล่อเหมือนเดิมเลย ยิ่งเดี๋ยวนี้มันไม่ดูแบดบอยเหมือนเก่า มึงดูดีมีออร่าขึ้นจมเลยว่ะชิน มองหน้ามันแล้วนึกถึงท่อนลำสีเข้มกับรูสวาทปิดแน่นของมันที่เห็นในคลิป แล้วเสียวซ่านกับคนตรงหน้าไม่น้อย

“เพื่อน เว้ย เพื่อน” ผมท่อง พยายามไม่คิดลามกกับเพื่อนตัวเอง

“บ่นเหี้ยไร แล้วเมื่อไหร่แม่งจะมากัน นี่กูรอนานแล้วนะ จะได้เริ่มแดกเหล้า” ไอ้ชินบ่น ถึงมึงเลิกเป็นแบดบอยแล้ว แต่มึงยังหยาบคายเหมือนเดิมเลยว่ะ

“กินข้าวก่อนดีไหม แต่ห้องนี้เจ๋งว่ะ จุคนได้กำลังดีเลย” ห้องมันสวยดีครับ

“พี่กูเพิ่งปรับปรุงเพิ่ม ให้เป็นห้องวีไอพี แยกออกมาจากส่วนผับ เผื่อพวกไฮโซจะมาเอากัน ค่อยลับตาคนหน่อย” หน้าตามันดูลามกมาก

“คิดชั่วนะมึง” ผมด่า ถึงไม่สนิทกันตั้งแต่ต้น แต่ช่วงหลังก็คุยกันได้โอเค

ซักพักน้องๆ และพวกเพื่อนที่เหลือก็ทยอยมากัน บรรยากาศตอนนี้เริ่มคึกคักแล้ว ผมสะดุดตากันน้องที่น่าจะอยู่ปีสี่คนนึงจนต้องกระซิบถามหลานรหัสผมที่อยู่ปีสี่เหมือนกันว่า

“เฮ้ย ไอนั่นมันเด็กไฮโซขี้เก็กรุ่นมึงที่กูเคยบ่นว่าไม่ชอบหน้าเปล่าวะ”

“ไหนพี่ อ๋อ น้องเปา เอ๊ย ไอ้เมธัสไงพี่ ใช่คนที่พี่ว่านั่นแหละ” หลานรหัสผมเริ่มกรึ่มแล้ว จะทำเวลาไปไหน

“ทำไมเดี๋ยวนี้มันน่ารักจัง แล้วทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องรุมเต็มเลย แต่ก่อนมีแต่คนไม่ชอบหน้าไม่ใช่เหรอ ขี้อวด ตีนไม่ติดดิน” มันเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ ครับ ป๊อบมาก หัวเราะร่าเริงกับคนโน้นคนนี้ตลอด เป็นจุดสนใจกลางงานเลย ไม่เหมือนเมื่อก่อนดูหยิ่งเข้าถึงยากตั้งแต่ยังเป็นแค่เด็กปีหนึ่งแท้ๆ

“ตั้งแต่ขึ้นปีสี่มา มันชอบทำอะไรตลกๆ ดูไม่ถือตัว ทำตัวติดดินขึ้น คนเลยชอบ มันดังมากเลยนะ คนรู้จักมันเยอะเพราะชอบโชว์ก้นตอนฉี่อ่ะ” หลานรหัสหัวเราะขำแล้วเล่าต่อ

“ทุกครั้งเลยที่มันเข้าห้องน้ำไปฉี่ที่โถ มันจะรูดกางเกง บอกเซอร์ กางเกงใน มีกี่ตัว ลงมากองที่หัวเข่าหรือข้อเท้าหมด ถึงจะฉี่ได้ คนเยอะแยะมันก็ไม่เกี่ยง” มันเล่าต่อเป็นชุด ผมนึกภาพตาม

“แปลกไหมละพี่ แต่ก็น่ารักดีนะ ก้นมันขาวเนียนด้วยไง กลมป๊อก ผมยังชอบดูเลย ที่นี้พอคนพูดกันปากต่อปากเข้า มีมาตามดูเลยนะ ไฮโซโชว์ก้น แต่คนเขาไม่ได้นึกว่ามันโรคจิตอะไร เขามองว่าเหมือนเด็กเล็กๆ ทำ หรือไม่ก็มองว่ามันติดดิน ง่ายๆ ไม่ถือตัวอะไร คนเลยเข้าหามันเยอะทั้งเพื่อนทั้งน้อง เลยได้ฉายา ซาลาเปาแฝดมาด้วย”

“โอ้ย พูดซะกูอยากเห็นเลย เดี๋ยวตามมันไปห้องน้ำดีกว่า” ผมพูดเล่นๆ

“เดี๋ยวนี้ถ้าไม่ใช่ที่มหาลัยมันไม่ค่อยทำงี้หรอก มันกลัวโดนลวนลาม แต่ในเมื่อปู่รหัสสุดหล่อผมว้อนท์ ผมจัดให้” หลานรหัสผมทำท่าประจบ

“เฮ้ย กูพูดเล่นๆ ไม่ได้อยากอะไรขนาดนั้น กูไม่ได้เป็นเกย์ซะหน่อย” ผมยังไม่ได้เปิดตัวครับ อย่างที่บอกกลัวที่บ้านเสียชื่อครับ ไอ้หลานรหัสตัวดีมันไม่ฟังเสียง มันลากผมเดินเข้าไปหาเมธัสที่ตอนนี้เริ่มเมากรึ่มๆ หยิบจานกระเบื้องมาเคาะเสียงดังเรียกความสนใจจากคนทั้งห้อง แล้วพูดกับเมธัสเสียงดังว่า

“น้องเปา นี่ลุงรหัสกู พี่พิช มึงรู้จักอยู่แล้วนี่ พวกพี่เขาเป็นเจ้าภาพเลี้ยงเราคืนนี้”

“ซาวัดดีคร๊าบพี่พิช” เมธัสยกมือไหว้ผมท่วมหัว ตาเยิ้มฉ่ำ

“มึงช่วยตอบแทนเจ้าภาพเขาหน่อยสิ โชว์ซาลาเปาแฝดไง”

“เฮ้ย ม่ายเอาหรอก กูอาย เพ่พิชไว้ปายดูที่มหาลัยน้าครับ”

“อย่างกน่า คนกันเองทั้งนั้น ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องของพวกเราเอง เร็วๆ เดี๋ยวพี่เขารอนาน”

“เอาง้านเหรอ ก็ได้ เห็นแก่พี่พิชน้า”

ไอเด็กนี่ลุกขึ้นไปยืนหันหน้าเขาหาผนังที่ว่างๆ ด้านหนึ่งแล้วเริ่มปลดเข็มขัด เอาจริงเหรอนี่ ถึงสายรหัสโคของผมจะเป็นผู้ชายซะเป็นส่วนใหญ่ แต่วันนี้ก็มีน้องผู้หญิงมาด้วยสองคนนะ ตอนนี้สายตากว่ายี่สิบคู่ในห้องจ้องไปที่เมธัส มีเพื่อนมันคนนึงรีบเข้าไปยืนประกบข้าง หลานรหัสผมกระซิบบอกว่าชื่อจั๊มพ์เป็นเพื่อนสนิทของไอเมมัน จั๊มพ์มันจะคอยประกบเพื่อเซฟเพื่อนมันตลอด

“ใจเย็นๆ นะครับ ช่วยกันปิดประตูอย่าให้คนนอกเข้ามา ขอร้องอย่าถ่ายรูปถ่ายคลิปเด็ดขาด อย่าทำร้ายพี่น้องกันเองนะครับ” เสียงไอจั๊มพ์ป่าวประกาศ แล้วตรวจความเรียบร้อยซักครู่จนมั่นใจ แล้วกระซิบข้างหูเพื่อนเบาๆ

หนุ่มไฮโซหน้าตาดีรูดกางเกงทุกตัวที่สวมอยู่ลงมาคาไว้ประมาณครึ่งก้น แล้วยืดตัวขึ้นเหลือเพียงเสื้อนักศึกษาตัวสั้น เสียงตะโกนเชียร์ เสียงผิวปาก ดังลั่นห้อง บั้นท้ายของเมธัสขาวเนียนมีออร่าไม่เสียราคาคุย ทั้งเรียบตึงไม่มีไฝฝ้าราคีแม้แต่น้อย แก้มก้นครึ่งบนที่เผยออกมามีรูปร่างกลมได้รูป แนวกล้ามเนื้อกระชับแต่ก็ดูหนั่นหนาน่าสัมผัส

“ยังไม่สุดเลยพี่เม ขอสุดๆ” เสียงเรียกร้องจากรุ่นน้องๆ ดังขึ้น ผมก็อยากตะโกนเหมือน แต่ต้องรักษาภาพลักษณ์

เมธัสตอบรับเสียงเชียร์ แล้วรูดกางเกงต่อรวดเดียวลงไปกองที่ตาตุ่ม ไรขนอ่อนเล็กน้อยแพลมมาจากร่องก้นที่โดนเบียดแน่น ผมโชคดีที่ยืนอยู่ตรงหน้าสุด ขนาดที่ยื่นมือไปสุดแขนไปก็เอื้อมถึงพอดี เสียงตะโกนเชียร์ดังกระหึ่มจากน้องๆ พวกปีหนึ่งปีสอง

“พี่เม เอาอีก พี่เม เอาอีก พี่เม เอาอีก...” นี่มึงนึกว่ามึงอยู่ห้องเชียร์กันหรือไง

สาวแว่นน่าตาน่ารักผู้แสนจะโชคดีที่ได้เห็นเหตุการณ์ในตำนานที่สาววายทั้งมหาลัยต่างเล่าขานถึงด้วยตาตัวเอง ตะโกนเสียงดังกว่าเพื่อนอย่างไม่อายว่า

“กรี๊ด พี่เม แหวกอีกนิดค่า โอย หนูฟิน”

พี่เมของน้องๆ เอี้ยวคอมาด้านหลัง โปกมือให้กองเชียร์แล้วตะโกนตอบว่า “ขอมาก็จัดไป”

เมธัสสะบัดขาข้างนึงให้หลุดออกจากกางเกงที่กรอมเท้าออก ยืนแยกขาเล็กน้อย แล้วก้มตัวเอาหน้าซบกับพนักพิงโซฟา โด่งก้นขึ้น คราวนี้แก้มก้นที่เบียดแน่นเริ่มแยกจากกันทันที ยังไม่ถึงกับเห็นรูก้นชัดแต่ก็พอจะบอกได้ว่า ถึงจะโชว์บ่อย แต่ไอ้น้องหล่อไฮโซนี้ก็ยังไม่พลาดท่าเสียทีใคร ขนอุยอ่อนรอบร่องก้นๆ ทำให้ยังดูเป็นผู้ชายถึงแม้แก้มก้นจะเนียนซะยิ่งกว่าผู้หญิง ขาที่แยกออกเล็กน้อยทำให้เห็นพวงไข่ย่นสีชมพูเข้มสวยห้อยยานแค่รำๆ ไรๆ

คราวนี้ในห้องดังลั่นไม่รู้เสียงอะไรเป็นอะไร ทั้งกรีดร้อง กระทืบเท้า เป่าปาก ปรบมือ แทบกลบเสียงตะโกนปรามว่าห้ามถ่ายคลิปจากเพื่อนของไอ้เม ต้องเรียกว่าเป็นก้นมหาเสน่ห์ที่ทรงพลังจริงๆ ผมจากที่เคยหมั่นไส้ความขี้เก็กของมัน ตอนนี้กลับเริ่มเอ็นดูขึ้นมา มันดูไม่หวงตัวและเป็นกันเองกับคนอื่นสุดๆ ทั้งที่เป็นไฮโซตระกูลเก่าแก่แท้ๆ ผมตื่นเต้นสุดๆ แม้จะเห็นคลิปเด็ดๆ ที่โจ๋งครึ่มขององค์กรมานับไม่ถ้วน แต่พอมาเห็นเหตุการณ์สดๆ เกิดขึ้นตรงหน้า ประกอบกับความหล่อดูดีระดับดาราของคนตรงหน้า ทำให้คึกคักอย่างบอกไม่ถูก ก็คนมันไม่เคยมีประสบการณ์จริงนี่ครับ

เมธัสเอามือลูบไล้คลึงเค้นแก้มก้นตัวเองได้พักใหญ่ หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนใจเอานิ้วแหวกเข้าไปในร่องก้นเล็กน้อย เพื่อนมันท่าทางกลัวว่าการโชว์จะบานปลายไปมากกว่านี้เลยรีบพูดขึ้นว่า

“พอได้แล้วมอม นี่เมาด้วยใช่ไหม เล่นไม่เลิก”

ผมอยู่ใกล้เลยได้ยินถนัด เมธัสนี่ชื่อเล่นชื่อเมไม่ใช่หรอ ทำไมเพื่อนมันเรียกว่ามอม เสียงน้องเมโวยวายอะไรซักอย่างใส่เพื่อน แต่ไอจั๊มพ์ก็ไม่สนใจ มันรีบเข้ามาประคองเมธัสให้ลุกขึ้นยืน แล้วช่วยดึงกางเกงขึ้นมาสวมให้ แต่ผมเห็นนะ แอบเอามือปิดไปลูบไปทั้งด้านหน้าด้านหลัง โดยเมธัสไม่ได้เอะใจอะไร มือไวไปแล้ว

หลานรหัสผมเบ้ปาก “ไอนี่ตลอด พอโชว์กำลังมัน มันต้องมาตัดจบทุกที”

ผมว่าต้องขอบใจมันมากกว่านะ ไม่งั้นสมบัติของคณะคู่นี้ คงยับเยินไปนานแล้ว เมธัสที่แต่งตัวเสร็จแล้วแสดงท่าทางว่าภูมิใจ แตะไฮไฟว์กับน้องๆ ไปตลอดทางที่เดินกลับที่นั่ง ผมคิดในว่าถ้าจะมีทาสซักคนก็อยากได้หล่อใสแบบนี้ ทำไมต้องได้แบบดำล่ำถึกมาด้วย เพราะกูเงินน้อยใช่ไหม

ผมมองหาไอชินอยากรู้ว่ามันมีท่าทียังไงกับโชว์เมื่อกี๊แต่ไม่เจอ มีคนบอกว่ามันออกไปเล่นดนตรีบนเวทีสดด้านในผับกับวงมันตั้งแต่ตอนทุ่มกว่าแล้ว ผมขอตัวออกมาเพื่อตามไปดูเพราะยังสงสัยกับเรื่องที่เกิดหลังจากคลิปนั้น วงไอชินบนเวทีมีแค่สี่คน ไอชินเป็นนักร้อง เครื่องดนตรีมีกลอง กีต้าร์ แล้วก็เบส เล่นโดยเด็กมอปลายหน้าอ่อนๆ สามคนที่ผมจำหน้าได้จาก Facebook ไอ้ชิน ผมแปลกใจนิดหน่อยเพราะจำได้ว่ามันเคยเป็นมือกลองมาก่อน

วงเริ่มเล่นเพลงสุดท้ายที่ชินบอกว่าเป็นเพลงประจำของวงมัน มันเป็นเพลงร็อคที่มีจังหวะกระแทกกระทั้น เสียงร้องโทนสูงของไอชินเต็มไปด้วยอารมณ์ บางครั้งแผดขึ้น บางครั้งคร่ำครวญ ไล่ล้อไปกับดนตรี  อาจจะฟังเหมือนผมหมกมุ่นจนเพี้ยน แต่ผมสาบานว่านี่มันคือจังหวะเดียวกับที่ไอชินถูกซอยในคลิปลับที่ผมดูบ่อยจนขึ้นใจ ทั้งสี่ประสานจังหวะที่เร่งเร้าหนักแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนไปจบเพลงที่จุดพีคสุด ถ้าเป็นในคลิปนี่คือตอนที่ทุกคนกระฉูดออกพร้อมกัน คนดูกรีดร้องกันอย่างบ้าคลั่ง ผมไม่แปลกใจ จังหวะที่หนักแน่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันขนาดนั้น ฝีมือเกินเด็กมอปลายไปหลายขุมแล้ว

วงของไอชินรีบลงจากเวทีและเดินเข้าไปห้องพักข้างหลังทันทีโดยไม่ได้มองมาทางผมแม้แต่น้อย ผมเดินตามเข้าไปเพื่อจะไปชมมัน ประตูลูกบิดถูกล็อคอยู่แต่ดันงับไม่สนิทผมเลยเปิดเข้าไปได้ หลังประตูมีทางเดินที่หักมุมก่อนจะเข้าไปในพื้นที่แต่งตัวของนักดนตรี ในห้องชินถอดเสื้อเชิร์ตตัวหลวมที่ใส่อยู่ออกเพื่อเช็ดเหงื่อ แต่คนที่เช็ดให้คือเด็กยักษ์หน้าหล่อ บริเวณเป้ากางเกงของชินที่ตอนแรกมีเสื้อบังอยู่ปูดออกอย่างเห็นได้ชัด เป้าของเด็กอีกสามคนก็ตุงโด่เช่นเดียวกัน ตอนอยู่บนเวทีคงมีกีต้าร์กับกลองช่วยบังไว้ ทั้งสี่ยังไม่สังเกตเห็นผมเพราะมัวแต่เถียงกันอยู่

“พี่บอกแล้วไม่ให้เล่นเพลงนี้ เล่นแล้วแม่งน้ำจะแตก ต้องเลิกก่อนเวลาทุกที” ชินพูดกับเด็กทั้งสามอย่างขัดใจ ผมชะงักไป มันใช่อย่างที่คิดใช่ไหม เลยตัดสินใจหลบอยู่หลังหลืบมุมทางเดินเพื่อสังเกตการณ์ต่อ

“ก็แฟนๆ เขาเรียกเรียกร้องนี่ พวกผมก็ชอบ เล่นแล้วได้จบเสียวทุกที” อีกสองคนพยักหน้าเห็นด้วย

“เฮ้ย วันนี้ไม่เอานะ พี่มีกินเลี้ยงกับเพื่อนอยู่”

“น้า..พี่ ขอเถอะ นะ นะ นะ เดี๋ยวผมเร่งจังหวะให้เร็วที่สุด นี่ก็พร้อมรบกันตั้งแต่อยู่บนเวทีแล้ว”

ชินอิดออดแต่ก็ยอมในที่สุด เหตุการณ์หลังจากนั้นอย่างกับเดจาวูห์จากในคลิป ทั้งตัวคน ตำแหน่ง ความพร้อมเพรียง และลีลาแบบทูอินวัน สิ่งที่ไม่เหมือนคือเด็กๆ โตขึ้นมาก ทั้งขนาดและพละกำลัง จังหวะที่เร็วรัวกว่าเดิม และรอยจีบของชินที่ไม่ปิดสนิทอีกต่อไป

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 11] 26/07/15 มาต่อให้จบบท
เริ่มหัวข้อโดย: เกลียวคลื่น ที่ 26-07-2015 21:59:47
ได้อารมณ์เหมือนอ่านเรื่อง แค้นวิปริต จิตสั่งกาม เลย 555
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 11] 26/07/15 มาต่อให้จบบท
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 27-07-2015 06:46:55
อ๊าก ไม่นึกว่าน้องเมจะกลับมามีบทบาทอีก
ชอบโชว์ไปแล้วใช่มั้ย :hao7:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 12] 27/07/15 โป๊ป-บอส กลับมาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 27-07-2015 21:04:10
องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 12

องค์กรเพิ่งได้รายชื่อผู้มีความผิดมาใหม่สองคนพร้อมๆ กัน ทั้งคู่มีความคล้ายคลึงกันหลายอย่างจนดูเผินๆ อาจจะนึกว่าเป็นญาติกัน คนหนึ่งอายุยี่สิบปี อีกคนอายุสิบเก้าปี ดูจากในรูป ส่วนสูงรูปร่างก็ไม่แตกต่างกันมากนัก ด้วยตัวเลขเฉียดร้อยแปดสิบรวมไปถึงผิวขาวขนดกพอประมาณเหมือนกันทั้งคู่ ใบหน้าขาวหล่อคล้ายกันแต่ให้ความรู้สึกคนละแบบ คนแรกหล่อร้ายมีเล่ห์เหลี่ยม ส่วนอีกคนดูเป็นเพลย์บอยหน้าตาดีแบบเถื่อนๆ ถึงแม้ทั้งสองคนจะมีหุ่นที่ดูดีตามสมัยนิยมแต่บอสยังไม่ค่อยพอใจเท่าใหร่ คนนึงดูเป็นกล้ามเนื้อที่ปั้นมาจากการเล่นฟิตเนสและโด๊ปอาหารเสริมจนไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ส่วนอีกคนมีกล้ามแต่ผอมไปหน่อย บอสชอบแบบที่ดูเป็นหุ่นนักกีฬามีกล้ามแน่นๆ ที่มาจากการออกกำลังหรือใช้แรงงานอย่างสม่ำเสมอมากกว่า

ระบบได้วิเคราะห์และสรุปมูลค่าหนี้สังคมของทั้งคู่ไว้สูงพอสมควร ถ้าโดยทั่วไป คงจะถูกเอาไปประมูลเป็นทาสระดับหนึ่งหรือระดับสองในหมวดเอสโดยมีเวลาชดใช้โทษซักประมาณหนึ่งปี แต่ด้วยความที่ทั้งคู่เพิ่งเรียนอยู่มหาลัยชั้นปีหนึ่ง บอสเลยลังเลที่จะให้ทั้งคู่รับโทษเป็นทาสอย่างเต็มรูปแบบ เพราะมันต้องเสียเวลาไปเป็นปีเพื่อไปอยู่ทำงานตามที่เจ้านายที่ประมูลได้สั่ง ไม่สามารถเรียนเสร็จตามกำหนด อาจจะบังเอิญอยู่ซักหน่อยที่ทั้งคู่เรียนมหาลัยรัฐแห่งเดียวกัน แต่อยู่คนละคณะ มหาลัยชื่อดังแห่งนี้เป็นที่นิยมของเด็กเรียนเก่งมานาน และช่วงหลังเมื่อออกนอกระบบก็ได้เปิดภาคพิเศษที่เข้าง่ายกว่าด้วยค่าเทอมสูงลิบ เด็กมีเงินก็เลยแห่กันมาเรียนด้วย

บอสมีความคิดที่จะเสนอเงื่อนไขการประมูลแบบมีข้อจำกัดเพิ่มเติมในการใช้งานสำหรับทาสทั้งสอง เงื่อนไขที่ว่าคือเจ้านายจะต้องไม่ใช้งานที่ทำให้ทาสต้องขาดเรียนจนมีผลกระทบต่อการเรียนจบ ไม่ใช่เพราะความปราณี แต่บอสไม่ชอบที่จะเห็นทรัพยากรโดยรวมของประเทศเสียไปโดยใช่เหตุ ปกติการตั้งเงื่อนไขเพิ่มเติมแบบนี้จะทำให้ความน่าสนใจของตัวทาสลดลงจนอาจไม่มีผู้เข้าร่วมประมูลก็ได้ แต่เขาตัดสินใจที่จะลองดูก่อน

อีกเกือบสองเดือนนักโทษสองคนนี้ถึงจะสอบไฟนอลประจำภาคเสร็จ บอสคิดว่าหลังจากนั้นถึงจะส่งคนทั้งคู่เข้าประมูลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับการเรียนในช่วงที่จะเข้าฤดูการสอบนี้ แต่ถึงจะแพลนไว้อย่างนั้น แต่เขาก็กะจะไปเอาตัวมาเลยเพื่อใช้เวลาที่เหลือให้ทั้งสองคนฟิตหุ่นให้ดีขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าในตอนที่เปิดประมูลจริง

เบอร์ศูนย์ขององค์กรตั้งใจจะจัดหนักกับนักโทษทั้งคู่เพราะสิ่งที่ทำไว้กับเหยื่อซึ่งคือคนที่มีศักดิ์เป็นน้องชายตัวเอง บอสคิดขณะที่ดูข้อมูลสรุปความผิดโดยย่อของคนแรกในระบบ

อาชีพ : นักศึกษาปีหนึ่งคณะมนุษยศาสตร์ภาคพิเศษ, หัวหน้าแก๊งค์ซิ่ง
อายุ : 20 ปี
มูลความผิด : ยักยอกทรัพย์, ทำร้ายร่างกาย, เอาผู้เสียหายไปใช้เป็นของพนันในการแข่งขัน, ล่อลวงผู้หญิงให้ไปมีความสัมพันธ์ทางเพศกับบุคคลอื่น
ผู้เสียหายหลัก : น้องชาย/ลูกพี่ลูกน้อง (ผู้เยาว์)

คนเลวๆ แบบนี้เขาไม่อยากจะจำชื่อให้เสียเวลา คนแรกถ้าได้ตัวมา เขาเลยตั้งใจจะเรียกมันว่าไอฝังมุก ตามอุปกรณ์เสริมสองเม็ดที่เจ้าตัวฝังไว้ที่ท่อนลำของตัวเอง พอทำการวิเคราะห์โดยละเอียดเสร็จ ฐานข้อมูลขององค์กรจะมีข้อมูลครบถ้วนครอบคลุมกระทั่งเรื่องแบบนี้

ส่วนคนที่สองความผิดก็ฐานทำร้ายน้องชายเหมือนกัน ไม่รู้นัดกันหรือเปล่า บอสเบ้ปาก

อาชีพ : นักศึกษาปีหนึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์, แอดมินเวบไซท์ใต้ดิน
อายุ : 19 ปี
มูลความผิด :  ทำร้าย/ทรมานร่างกายและจิตใจ, เผยแพร่ภาพอนาจารของผู้เสียหายเพื่อการพาณิชย์
ผู้เสียหายหลัก : น้องชายบุญธรรม (ผู้เยาว์)

คนนี้หุ่นผอมกว่าอีกคนนึง ตามร่างกายมีเจาะโน่นนิดนี่หน่อย ที่หูนี่ทั้งเจาะทั้งระเบิดใส่ทั้งหมุดทั้งจิว ดูๆ ไปก็เกือบเท่แต่ออกถ่อยซะมากกว่า สะดือก็เจาะ หัวนมก็เจาะ บอสเลยตั้งชื่อเรียกในใจว่าไอเจาะนม แต่เข้าวิศวะมหาลัยนี้ได้แถมไม่ใช่ภาคพิเศษด้วย น่าจะหัวดีเรียนเก่งพอควร ไม่น่าวิปริตเลย

บอสได้ตัวไอฝังมุกหัวหน้าแก๊งค์ซิ่งมาก่อน ตัวจริงที่เจอก็หน้าตารูปร่างเหมือนข้อมูลที่เขาเห็นในระบบยกเว้นผมสีทองซึ่งคงเพิ่งไปย้อมมาก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เขาป้อนเงื่อนไขของทาสระดับสองให้เป็นการชั่วคราว ในระดับนี้ นักโทษจะมีสติรู้สึกตัวเป็นปกติ แต่ต้องทำตามที่เขาสั่งทุกอย่างหากไม่เกินเงื่อนไขที่กำหนด เขาพาตัวมาที่ห้องของโป๊ปซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่เก็บข้อมูลทำโปรไฟล์เข้าระบบอยู่เป็นประจำ ขั้นตอนหลักๆ ก็มีถ่ายรูป ทำคลิปวิดีโอ และก็วัดขนาดอาวุธประจำกาย

เมื่อมาถึงก็ให้นักโทษแก้ผ้าออกหมด บอสสนใจมุกที่ฝังอยู่มาก เขาไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน ถึงกับเรียกเบอร์หนึ่งมาดูด้วยกัน เมื่อสอบถาม นักโทษเจ้าของท่อนลำฝังมุกอธิบายว่า มุกของมันใช้ไข่มุกจริงๆ มาฝัง ทำโดยอาจารย์ที่ดังที่สุดในเรื่องนี้ เม็ดมุกสามารถวิ่งได้ตลอดแนวความยาวและไปได้รอบท่อนลำด้วย ตั้งแต่ฝังมาก็ได้พัฒนาเทคนิคในการเอาสาวๆ จนเด็กในสังกัดทุกคนเสียวแทบขาดใจ บางคนติดใจมันมากจนโงหัวไม่ขึ้นเรียกว่ากลายเป็นทาสสวาทก็ว่าได้ ขนาดใช้ให้ไปนอนกับเพื่อนเขาหรือลูกน้องในแก๊งค์ก็ยอม ไอตัวฝังมุกยังเล่าเรื่องนี้ไม่หยุดอย่างภูมิใจ

บอสไม่ได้เชื่อเรื่องที่หนุ่มโฉดบอกเท่าไหร่ ถึงถูกสะกดจิตอยู่ก็ไม่ได้เป็นการทำให้พูดแต่เรื่องจริงเท่านั้น จากข้อมูลที่องค์กรรวบรวมมา มันมีความผิดฐานบังคับข่มขู่ผู้หญิงรวมอยู่ด้วย แต่เรื่องที่บอกว่าสาวๆ ติดใจกันนั้น อาจจะเป็นเรื่องจริง เพราะเด็กในสังกัดมันเยอะมากจริงๆ แต่ท่าทางมีคนที่สนใจเรื่องนี้ยิ่งกว่าเขา

“บอส มึงว่ากูไปฝังบ้างดีไหม มึงชอบเปล่า” เสียงไอเบอร์หนึ่งถามขึ้นหลังจากที่มันสัมภาษณ์ไอพี่ชั่วยกใหญ่ถึงเทคนิคที่ทำให้สาวหลง แถมยังลองรีดลองคลึงเม็ดมุกอย่างหนักหน่วงให้วิ่งไปวิ่งมาระหว่างที่ท่อนลำที่แข็งตัวจนเจ้าของหน้าแหยเก เรียกว่าลงทุนไม่น้อยเพราะปกติโป๊ปแทบจะไม่แตะต้องตัวนักโทษเลย

บอสมองไปที่เพื่อนตัวเองแล้วคิดอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ ไม่รู้ไอเบอร์หนึ่งมันจะเอาไปใช้กับใคร ของๆ เพื่อนเขามันใหญ่กว่าไอ้เลวนี่อีก ถ้าฝังมุกไปนี่คู่นอนจะไม่เสียเลือดเอาเหรอ ที่ผ่านมาเขาไม่รู้ชัดๆ ว่าเพื่อนตัวเองไปปลดปล่อยความต้องการที่ไหนยังไง เหมือนโป๊ปจะไม่ค่อยอยากให้เขารู้หรือยุ่งเรื่องนี้เท่าไหร่ บอสรู้แค่ว่าคู่หูเขาไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น จริงๆ เขาคิดเอาเองว่าโป๊ปอาจไม่มีคู่นอนเหมือนกับเขาด้วยซ้ำไป เพราะชอบมาชวนเขาดูหนังเกย์แล้วช่วยตัวเองไปพร้อมกัน นี่เป็นพฤติกรรมเดียวที่ทำให้บอสคิดว่าโป๊ปเป็นไบจริงๆ อย่างปากพูด เพราะนอกนั้นไม่เหมือนเลย แต่ถ้าโป๊ปเกิดอาการอยากจะฝังมุกขึ้นมาอย่างนี้ แสดงว่าต้องมีคนที่อยากจะใช้ด้วย บอสนึกด้วยความรู้สึกแปลกๆ ในอก น่าจะเป็นอาการหวงเพื่อนซี้ที่จะทิ้งกันไปมีแฟน

“ฝังไปทำไมวะ เดี๋ยวจู๋เน่า” มันก็อาจเกิดขึ้นได้ใช่เปล่า

“พูดเล่น แค่นี้ก็ใหญ่แล้ว เดี๋ยวจะเจ็บเกิน” ชัดเลย มันมีคนที่อยากจะทำเรื่องพวกนี้ด้วย ท่าทางจะแคร์คนๆ นั้นมากอีกต่างหาก

บอสรีบตัดบทโดยการสั่งให้ไอคนฝังมุกตัวจริงลงไปซื้อก้วยเตี๋ยว คราวนี้เขาจัดพิเศษด้วยกางเกงในบิกินี่ก้นเว้าสูงตัวจิ๋วที่เพิ่งซื้อมาทางเน็ตเป็นการแก้แค้นเผื่อจอมเด็กแว้นความคิดความอ่านดีที่ต้องโดนรับโทษแทนด้วยความเข้าใจผิด พอมันลงไปเขาก็ตามดูเหตุการณ์ผ่านกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ของคอนโดที่โป๊ปแฮ็คไว้ให้นานแล้ว ในลิฟท์ไอฝังมุกที่นุ่งแค่กางเกงในตัวเดียวต้องเจอกับสาวสวยกลุ่มใหญ่แต่งตัวกันสวยเซ็กซี่เต็มที่ท่าทางเหมือนกำลังจะไปงานสังสรรตอนเย็นที่ไหนสักแห่ง กลุ่มสาวสวยเบียดตัวกันที่ด้านหนึ่งของลิฟท์คงจะไม่ไว้ใจ นี่คงเป็นกลุ่มเพื่อนๆ ที่นัดกันมาแต่งตัวที่คอนโดของคนใดคนหนึ่งเพื่อจะออกไปงานพร้อมกัน ถ้าทั้งหมดเป็นคนที่อยู่ประจำจะต้องชินกับภาพหนุ่มหล่อมากหน้าหลายตาที่มาทำอะไรแปลกๆ เปลืองเนื้อเปลืองตัวอยู่เสมอจนแทบจะเป็นเรื่องปกติ

จากนั้นไอฝังมุกก็หายไปนานมากจนแทบจะนึกว่าถูกตำรวจจับข้อหาอนาจารไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะตำรวจท้องที่นี้ก็ถูกนายสั่งให้ชินกับเรื่องแบบนี้ไว้เหมือนกัน แถมขากลับยังเหมือนไปทะเลาะกับ รปภ. จนถูกจับแก้ผ้าค้นตัวอีกท่ามกลางสายตาคนที่เข้าออกลิฟท์ อันนี้บอสเห็นชัดจากกล้องวงจรปิดที่อยู่หน้าลิฟท์ ยังดีที่โดนจับหันหน้าเข้าหากำแพง โป๊ปบ่นหิวใหญ่จนพอไอหัวทองมันกลับมาเจอภารกิจตะขอแขวนมหาภัยแล้วรับน้ำหนักไม่ไหวอยู่สามสี่ทีโป๊ปก็สั่งให้เลิก กลัวของมันจะหักไปจริงๆ แสดงให้เห็นว่ามุกไม่ได้ช่วยเสริมด้านความแข็งแรงอะไร แต่แค่นั้นพวงไข่ที่ห้อยยานก็ถูกถุงร้อนๆ นาบจนแดงก่ำเกือบจะเหมือนเงาะของจริงอยู่แล้ว ครั้งนี้ถือว่าป้าจัดเต็มมาก ไม่รู้ไปทำอะไรให้เหม็นหน้าเอา ปกติหล่อๆ อย่างนี้ป้าจะชอบดูเอ็นจนเอ็นดูเป็นพิเศษ

“นายทำเรื่องที่สั่งไม่สำเร็จ คู่อรินายยังแข็งแรงกว่านี้ตั้งเยอะ เพราะงั้นชั้นจะให้ลงไปซื้อของอีกรอบเป็นการลงโทษ เดี๋ยวลงไปซื้อน้ำที่เซเว่นให้หน่อย ใส่ชุดเดิมไปนะ” บอสพูดหลังจากระลึกถึงท่อนลำที่แข็งปั๋งของเด็กหนุ่มรอยสักมังกรซึ่งเป็นคู่อริกับคนตรงหน้า

ไอ้ฝังมุกหน้าเสีย แล้วก็พูดขึ้นมาว่า “เจ้านายครับ ผมแสบไข่ไปหมด ใส่กางเกงรัดติ้วอย่างนั้นไม่ไหวหรอกครับ ขอกางเกงขาสั้นหรือกางเกงบอลแทนได้ไหม”

บอสชั่งใจ รอยโดนลวกไม่น่าจะรุนแรงขนาดนั้น ที่ดูว่าแดงมากน่าจะเพราะเป็นคนที่ขาวจนไข่แดงอยู่แล้ว แต่ปกติคนที่ถูกโปรแกรมให้เป็นทาสจะไม่ต่อรองกับคำสั่งที่ได้รับ นี่ถ้าไม่เจ็บมากจริงๆ จนสัญชาตญานในการป้องกันตัวมาปลดอำนาจที่ถูกบังคับจิตไว้ ก็อาจจะเป็นเพราะคนๆ นั้น ตะหลบตะแลงเป็นสันดานสามารถโกหกได้โดยไม่ต้องผ่านความนึกคิดที่ถูกควบคุมอยู่

“ถ้าเจ็บมากขนาดนั้น งั้นมึงก็ไม่ต้องใส่กางเกงลงไปแล้วกัน เอ้า กูเมตตาให้ใส่เสื้อตัวนี้ลงไปด้วย เดี๋ยวอุจาดตาเกิน แค่นี้คอนโดกูก็แทบจะเหมือนโชว์บาร์เกย์อยู่แล้ว” โป๊ปพูด พร้อมกับถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ส่งให้ไอ้ผมทอง โชว์หุ่นแกร่งที่ ถ้าเบอร์หนึ่งซึ่งดูคนเก่งกว่าเขาพูดอย่างนี้ แสดงว่าไอฝังมุกน่าจะตอแหล บอสเลยพยักหน้าให้ทำตามที่โป๊ปสั่ง

หัวหน้าแก๊งค์ซิ่งชะตาตกรับเสื้อยืดมาใส่โดยดี เขาทอดสายตาไปที่กางเกงในเล็กจิ๋วที่คราวนี้เขาไม่มีสิทธิ์ใส่อย่างอาลัย เสื้อยืดพอดีตัวสีแดงแบรนด์ดังทำให้ครึ่งบนของไอฝังมุกดูดีไม่น้อย แต่พอมองท่อนล่างบอสก็ต้องหลุดขำออกมาเพราะชายเสื้อยาวลงปิดส่วนปลายอวัยวะที่ห้อยหัวลงมาอย่างพอดิบพอดี ไอฝังมุกค่อยๆ เดินอย่างกระมิดกระเมี้ยนเหมือนหญิงสาวในชุดเดรสสั้นเสมอจิ๋มออกไปจากห้อง นี่ถ้าไปเจอสาวสวยในลิฟท์เหมือนตอนเที่ยวแรกแล้วตื่นตัวขึ้นมา ท่อนลำฝังมุกที่มันภูมิใจอันนั้นคงทำให้ชายเสื้อเลิกขึ้นจนเห็นไปถึงไหนๆ แน่ โชคดีที่เซเว่นอยู่ติดกับหน้าคอนโดเลยคงไม่ต้องตากหน้าคนข้างนอกเท่าไหร่ถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา

บอสนึกมาถึงตรงนี้ก็บอกตัวเองว่าควรจะรีบเคลียร์เรื่องการล่าตัวนักโทษอีกคนด้วย จะได้มารับโทษพร้อมกันไปเลย บอสเลยพักการติดตามชีวิตดาราจำเป็นจากกล้องวงจรปิดของคอนโดไว้ก่อน ยังไงวิดีโอที่กล้องวงจรปิดถ่ายไว้ช่วงนี้จะถูกส่งเข้าไปเก็นในฐานข้อมูลขององค์กรอยู่แล้ว เขาค่อยดูทีหลังก็ได้ บอสจัดตารางเวลาที่จะไปเอาตัวนักโทษคนที่สองมา และเคลียร์เรื่องอื่นๆ ไปซักพักใหญ่ ไอฝังมุกมันก็กลับมาในสภาพเหงื่อแตกท่วมตัวไปหมด หน้าตาตื่น ท่อนลำขยายตัวกว่าตอนที่ลงไป ดันชายเสื้อของโป๊ปที่คลุมไว้อย่างหมิ่นเหม่จนโป่ง มีน้ำซึมออกมาเปียกเป็นดวงเห็นได้ชัด บอสนึกในใจว่าคงไปเจอเจ้าที่มาซะแล้ว ไม่แน่ใจว่าเป็นพวกพี่ๆ เกย์สาวเก้งหนุ่มที่เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันมาซื้อห้องติดๆ กันที่ชั้นยี่สิบ หรือจะแม่หม้ายพราวเสน่ห์รุ่นใหญ่ห้องริมสุดชั้นเดียวกันนี้ หวังว่าคงจะไม่ซวยไปเจอพี่กระเทยสาวเสียบชั้นสิบสองที่นานๆ มาทีนะ ไว้ค่อยดูกล้องย้อนหลังอีกทีแล้วกัน

บอสรีบสั่งให้ไอฝังมุกถอดเสื้อออกไปซักทันทีก่อนที่โป๊ปที่ทำงานอยู่อีกห้องหนึ่งจะเห็น ถ้าไอเบอร์หนึ่งมันเห็นว่ามีน้ำเงี่ยนติดเสื้อมา มันคงเอาเสื้อทิ้งไปเลย เสียดายจะตายชัก พอซักเดี๋ยวเขาจะเอาซ่อนๆ ไว้ พอมันลืม ก็ค่อยเอาไปแอบใส่ตู้เสื้อผ้าคืน เดี๋ยวมันก็หยิบมาใส่ใหม่

บอสกลับเข้าระบบไปเพื่อดูยอดการระดมทุนในหมวดเอ็มของไอ้ฝังมุกที่เขาตั้งไว้ตั้งแต่ตอนที่ทำโปรไฟล์ของมันเสร็จ เขาตั้งมูลค่าเงินบริจาคสำหรับคลิปชักว่าวของมันไว้ที่ 800 บาท ซึ่งจะจัดทำขึ้นถ้ามีผู้บริจาค 75 คนขึ้นไป เพื่อให้ได้ยอดเงิน 60,000 บาท ปรากฏว่าสมาชิกองค์กรไม่ค่อยให้ความสนใจกับมันเท่าไหร่ ที่จริงหน้าตามันก็ใช้ได้ นี่คงเป็นเพราะย้อมผมทองแน่ๆ บอสคิด ถ้าเป็นแบบนี้คงไม่สามารถระดมทุนได้แน่ๆ

ปกติถ้าจะเอาผู้รับโทษไปประมูลเป็นทาสในหมวดเอสอยู่แล้ว องค์กรจะไม่เอาคนๆ นั้นไปหารายได้ในหมวดเอ็ม ยอดหนี้สังคมมีเท่าไหร่ก็จะรวมไปในราคาเป้าหมายการประมูลเลยทีเดียว  แต่เพราะการประมูลจะมีขึ้นอีกสองเดือนข้างหน้า แล้วไอตัวฝังมุกมีหนี้ที่อมเงินค่าเทอมของน้องชายตัวเองไปซึ่งเลยกำหนดชำระมากซักพักแล้ว บอสจึงเอาไอ้พี่สุดชั่วคนนี้มาเข้าหมวดเอ็มเพื่อจะหาเงินไปใช้หนี้ค่าเทอมน้องก่อน แต่ดูท่าทางจะไม่สำเร็จ จอมหัวหน้าแก๊งค์คู่อริกับไอฝังมุกที่ดูแลน้องชายแทนพี่เลวๆ นี้อยู่ คงลำบากไม่น้อยที่จะหาเงินก้อนนี้ให้ทัน

บอสไม่สามารถเอาเงินส่วนตัวไปช่วยเหลือได้เนื่องจากผิดกฎองค์กรที่แม้แต่เบอร์ศูนย์อย่างเขาก็ไม่อยากจะฝ่าฝืน กฎอันนี้เขากับโป๊ปร่วมกันกำหนดหลังจากก่อตั้งองค์กรได้ระยะหนึ่ง การทำงานให้องค์กรทำให้เขาต้องเจอและรับรู้เรื่องราวของคนที่เดือดร้อนมากมาย ถ้าต้องเข้าไปช่วยเองมีเท่าไหร่ก็ไม่พอแล้วก็จะทำให้เป้าหมายที่แท้จริงขององค์กรเสียไปได้ เขาสองคนจึงออกกฎให้การช่วยเหลือเยียวยาต้องทำผ่านกลไกขององค์กรเท่านั้น เพื่อให้คนผิดเป็นผู้รับผิดชอบเองโดยตรง บอสจึงหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อบอกเรื่องนี้ให้จอมรู้แล้วบอกว่าจะพยายามระดมทุนดูอีกครั้ง

.....................

บอสได้ตัวคนที่สองมาหลังจากนั้นสองวัน พอเจอตัวจริงบอสก็ไม่สบอารมณ์เท่าเรื่องทรงผมเท่าไหร่ คนแรกย้อมผมทองก็ว่าขัดลูกตาแล้ว คนนี้ไว้ผมค่อนข้างยาว ปัดเป๋ไปเป๋ แต่มีรอยสัก ที่หูมีทั้งหมุดทั้งจิว สะดือกับหัวนมก็ด้วย ดูแล้วก็งงว่าจะแนวเกาหลีหรือแนวเถื่อนกันแน่ บอสก็ได้เล่าเรื่องขององค์กรคร่าวๆ และแจ้งมูลความผิดให้ทราบแบบเดียวกับเคสอื่นๆ รวมทั้งไอฝังมุกด้วย แต่ตัวนักโทษก็ดูจะไม่สำนึกเหมือนกันทั้งคู่

บอสมีในใจไว้แล้วว่าจะเรียกคนนี้ว่าไอเจาะนม จะได้เข้าคู่กับไอฝังมุกที่มาก่อน แต่เรียกไปเรียกมาก็ยาว เลยย่อเหลือไอมุกกับไอมิลค์พอ ฟังดูเหมือนเป็นพี่น้องกันดีด้วย ไหนๆ ก็รูปร่างหน้าตาไม่ต่างกันมาก แถมเป็นพี่ที่ทำเหี้ยๆ กับน้องชายตัวเองเหมือนกัน งั้นจับมาเข้าคู่เป็นพี่น้องกันเองท่าจะดี

บอสก็พาไอมิลค์มาที่คอนโดของโป๊ปเหมือน ส่วนไอมุกก็นัดมันมาเจอที่เดียวกัน ระหว่างนี้เขาให้ไอมุกไปอยู่บ้านตัวเองเป็นหลักเพราะยังไม่ได้เป็นทาสเต็มรูปแบบ ให้มันไปเรียนหนังสือตามปกติ ถ้ามีอะไรก็ค่อยนัดมา จำเป็นจริงๆ ถึงให้ค้างแล้วแต่ภารกิจที่ให้ทำ บอสกะจะทำอย่างนี้กับไอมิลค์ด้วยเหมือนกัน ให้มันอยู่ที่บ้านพวกมันไป อีกตั้งสองเดือนกว่าจะถึงเวลาเอามาประมูลเป็นทาส ระหว่างนี้จะได้ไม่มาเกะกะลูกตา

ถึงจะเรียนปีหนึ่งที่มหาลัยเดียวกันแต่ไอสองคนนี้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อันที่จริงพอมันเจอหน้ากันครั้งแรกที่คอนโดมันก็เขม่นกันซะแล้ว พอคิดว่ารูปร่างหน้าตาคล้ายกันขนาดนี้ แสดงพวกมันน่าจะเหม็นหน้าตัวเองด้วย บอสเริ่มเก็บข้อมูลไอมิลค์เพื่อทำโปรไฟล์เข้าระบบแบบเดียวกับที่ไอมุกโดนเมื่อสองสามวันก่อน ถ่ายรูปเปลือยท่าต่างๆ ทำคลิปวิดีโอ และก็วัดขนาดอาวุธประจำกาย ซึ่งก็ดันมีขนาดใกล้กันอีกคือเกือบแปดนิ้ว ไอมิลค์มีเจาะหัวนมข้างซ้ายใส่จิวอันเล็กไว้ แล้วก็มีที่สะดืออีกอัน ไม่รวมรอยสักกราฟฟิกตรงไหล่ขวา ทำให้เวลาถ่ายรูปแล้วมีอะไรน่าสนใจ เห็นรูปร่างหน้าตาดีๆ แบบนี้ ใครจะรู้ว่ามีรสนิยมซาดิสต์ ชอบทรมานให้คนอื่นเจ็บปวด ไม่เว้นแม้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายตัวเอง บอสคิดอย่างรังเกียจ

พอเก็บข้อมูลทำโปรไฟล์เสร็จ บอสก็คิดว่าไหนๆ ไอมุกก็อยู่ด้วยแล้วเลยจัดชุดพิเศษให้ทั้งสองคนถ่ายรูปร่วมกันในแบบพี่ชายน้องชายแนว Bromance มีทั้งกอดคอ โอบไหล่ หนุนตัก ขี่หลัง วิ่งไล่กัน แถมหอมแก้มจูบหน้าผากด้วย แน่นอนว่าถ่ายทั้งเปลือยๆ นั่นแหละ ดูจากท่าทางแล้วไอสองคนนั้นมันคงขยะแขยงกันเองมาก โดยเฉพาะท่าที่หันหน้าชนหากันแล้วเอามือทาบประกบกันเหมือนเป็นเงาสะท้อนกระจก เห็นขนลุกขนชันทั้งคู่แต่ก็ขัดขืนไม่ได้ บอสถ่ายรูปและคลิปอยู่เพลินๆ โป๊ปก็กลับมาจากที่ทำงานมามองๆ ดู แล้วก็ส่ายหน้าให้กับความพิเรนทร์ของเบอร์ศูนย์ แล้วรีบเข้าห้องไปเหมือนทนดูไม่ได้ บอสรีบเก็บงานสุดท้ายที่ให้ทั้งคู่ปั่นจนแข็งเอาท่อนเนื้อมาเทียบขนาดกันแบบเนื้อแนบเนื้อ ซึ่งทั้งคู่ก็ต้องทำตามอย่างสะอิดสะเอียน

หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 12] 27/07/15 โป๊ป-บอส กลับมาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 27-07-2015 21:06:20

พอเสร็จชุดรูปคู่แล้ว บอสยังไม่ให้มิลค์ไปโดนรับน้องที่ร้านก้วยเตี๋ยวเพราะช่วงนี้กินบ่อยจนเบื่อ และเขาก็มีเรื่องขัดอกขัดใจที่อยากทำให้เสร็จก่อน เขาโทรไปที่ร้านซาลอนชายเจ้าประจำ ที่อยู่ไม่ไกลกับคอนโดนัก

“เจ๊ นี่บอสนะ มีเด็กจะส่งไปให้ช่วยจัดการหน่อย”

“ว้าย คุณบอส ไม่ได้ส่งคนมาซักพักแล้วนะคะ เจ๊คิดถึงจนจะลงแดงแล้ว”

“เที่ยวนี้มีสองคนเลย ไอ้หัวทองนี่ช่วยย้อมกลับมาเป็นสีดำให้หน่อย ส่วนคนที่เจาะนมทำผมทรงเกาหลีเสื่อมๆ นี่ ช่วยตัดสั้นๆ ให้เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาทีเถอะ ตัดทรงเดียวกันทั้งสองคนเลยก็แล้วกัน ขอฟรีเหมือนเดิมนะ”

“วุ๊ย ฟรีอีกแล้วเหรอค้า นี่มีย้อมด้วย เจ๊ไม่ได้อะไรเลย”

“ก็เหมือนเดิมไงเจ๊ กางเกงในตัวเดียว เที่ยวนี้หล่อคู่เลยนะ”

“แต่นี่มีย้อมด้วยนะ งั้นเจ๊ขอลูบๆ คลำๆ บ้างได้ไหม”

“อ่ะ ก็ได้ แต่ระวังอย่าให้ช้ำมากก็แล้วกัน เด็กยังใหม่อยู่”

“เริ่ดมากค่ะ ขออีกชั่วโมงนะคะ เจ๊จะเคลียร์ลูกค้าแล้วปิดร้านคอย”

“อย่าลืม ห้ามถ่ายรูปถ่ายคลิปเด็ดขาดนะเจ๊”

บอสวางสายลง เจ๊ร้านซาลอนไม่ได้รู้เรื่องอะไรขององค์กรหรอก แต่ก็ใช้บริการกันหลายครั้งแล้ว ดูเหมือนจะคิดไปว่าเขาเป็นพวกเอเจนซี่นายแบบนู๊ดอะไรไปโน่น คิดอะไรก็ช่าง ที่ใช้บริการเรื่อยๆ เพราะฝีมือดีแล้วก็ยอมทำให้ฟรี จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายองค์กร ร้านก้วยเตี๋ยวก็ไม่ได้มีอะไรกับองค์กรเหมือนกัน แต่ที่ดูเหมือนรู้เยอะ เพราะแกไปหลอกถามเด็กคนโน้นนิดคนนี้หน่อยแล้วมาประติดประต่อเองเรื่องผิดๆ ถูกๆ แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไร

หลังจากใกล้ครบหนึ่งชั่วโมง บอสก็ส่งทั้งสองคนไปที่ร้าน คราวนี้บอสสั่งอย่างว่า

“พวกนายลงไปที่ร้านซาลอนถัดจากคอนโดไปสองซอย ชั้นอนุญาตให้ใส่เสื้อผ้าได้หนึ่งชิ้น เลือกเอาเองแต่ห้ามเป็นกางเกงชั้นนอกนะ”

ไอมุกในฐานะผู้มีประสบการณ์มันตัดสินใจได้ทันทีว่าเอากางเกงในไว้ก่อน ถึงโดยรวมจะเผยเนื้อหนุ่มมากว่าการเลือกเสื้อ แต่เวลาเดินดูกระชับปลอดภัยกว่าเยอะ เขายังขยาดเหตุการณ์ถูกรุมบีบสยองในลิฟท์แบบจับมือใครดมไม่ได้มาแล้ว ส่วนไอมิลค์มาเหนือเมฆเพราะใส่มาทั้งบอกซ์เซอร์และกางเกงใน ก็เลือกบอกซ์เซอร์ซึ่งดูมิดชิดไปอย่างไม่ต้องคิดอะไรแล้วหันไปทำหน้าเยาะเย้ยเพื่อนร่วมชะตากรรม

ระหว่างทางไอมิลค์คิดว่าตัวเองโชคดีมากเพราะสายตาคนที่ผ่านไปผ่านมาจ้องไปที่ไอมุกคนเดียว ก็หนุ่มรูปร่างหน้าตาดีมาเกินนุ่งกางเกงในเป้าตุงอยู่ข้างถนนคงหาดูไม่ง่ายเท่าไหร่ นี่ขนาดหล่อแค่ครึ่งของเขาเองนะ ไอมิลค์คิด ส่วนเขาก็ใส่บอกซ์เซอร์เดินชิลล์ๆ ไม่ต้องเปลืองตัวเท่าไหร่ พอไปถึงร้านซาลอนก็มีเจ้าของร้านซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นกระเทยหรือผู้หญิงร่างใหญ่ออกมาต้อนรับ

“ว๊าย มาแล้วๆ หล่อน่าลากทั้งคู่เลย อาไร๊ หนูเจาะนมด้วยเหรอลูก น่าดูดเป็นที่สุด อุ๊ย น้องคนนี้เป้าอูมแน่นมาก ตื่นเต้นเหรอคะที่เจอหน้าเจ๊ เด็กๆ มาช่วยกันเร็ว ผู้ชายแซ่บๆ มาเสิร์ฟถึงที่แล้ว”

ทั้งคู่ตัวแข็งเมื่อเห็นกลุ่มคนหลากเพศหลายคนกรูกันเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง มีทั้งสาวประเภทสอง เกย์สาว คนที่ดูท่าทางน่าจะเป็นผู้ชายและผู้หญิงจริงๆ ก็มี เอาเข้าจริงก็ไม่แน่ใจกว่าใครเป็นอะไร แต่ที่แน่ๆ มือไม่รู้กี่มือก็ลูบคลำตามตัวไปหมด สองคนสามัคคีกันโดยไม่ตั้งใจ หันหลังพิงกันแล้วทั้งต่อยทั้งถีบไปที่เหล่าผู้ลุกล้ำน้อยใหญ่ที่รุมกันเข้ามา ปากก็ตะโกนด่า

“ไอสัด อยากแดกของกูเหรอ ได้ เอาตีนกูไปกิน”

ขณะกำลังชุลมุลอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เจ๊เจ้าของร้านวิ่งหลบหมัดพลางกดรับมือถือ

“เจ๊เหรอ ขอโทษที ไอสองคนนั้นไปถึงยัง ขอคุยกับมันนิดนะ” บอสส่งเสียง เขาลืมสั่งเรื่องสำคัญไป

“โอ๊ย กำลังอาละวาดใหญ่เลย ลูกน้องเจ๊แย่แล้ว ว้ายๆ อย่าถีบดั้งน้องเมนี่อย่างนั้น เพิ่งไปทำมา” เจ๊ลนลาน สองคนนี้ทั้งถ่อยทั้งเถื่อนไม่เหมือนคนก่อนๆ ที่ดูสงบเสงี่ยมดี

“ผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย เจ๊เปิดสปิกเกอร์โฟนดังๆ เลยนะ” เจ๊รีบทำตาม

“เฮ้ย ไอมุก ไอมิลค์ หยุด ห้ามมีเรื่องเด็ดขาด ไม่ว่าจะกับใคร” สองหนุ่มโฉดรีบหยุดทันที

“ให้พวกเจ๊เค้าตัดผมดีๆ เค้าจะลูบคลำบ้างก็อย่าไปหวงเนื้อหวงตัวปกปิดอะไร” บอสสั่งต่อ

“คนที่เจาะนมโกงนะคะ ใส่บอกซ์เซอร์มา ไหนตกลงกันไว้ว่าจะใส่กางเกงใน” เจ๊ฟ้อง

“อ้าวเหรอ งั้นมิลค์ นายถอดบอกซ์เซอร์ออกแล้วกัน เจ๊โอเคไหม แต่ถอดให้ดูอย่างนี้พวกเจ๊ห้ามจับนะ”

“กรี๊ด ได้ค่า เจ๊ดูของคนนึง แล้วไปจับอีกคนนึงก็ได้ ฟินพอกัน”

ไอมิลค์หน้าซีดเผือด นี่เขาต้องโชว์ของสงวนให้เหล่าเจ๊ดูกันจะๆ ตรงนี้เหรอ รู้งี้เขาเลือกกางเกงในอย่างไม่ต้องสงสัย แต่แล้วสมองก็สั่งให้ถอดบอกซ์เซอร์ออกจนเปลือยหมดทั้งตัว ท่อนเนื้อห้อยสงบนิ่งดูยาวใหญ่ทั้งที่หดตัวกว่าปกติด้วยซ้ำ บรรดาสาวๆ มองเป็นตาเดียวกัน ลืมความโหดของหนุ่มคนนี้ไปในบัดดล

“โอ้ย ของดีโอทอปอะไรอย่างนี้ โอ๋ๆ ไม่ต้องกลัวนะลูก พวกเจ๊ไม่ได้หื่นขนาดนั้น ขอดูด้วยสายตาก็พอ ส่วนพ่อหนุ่มคนนี้ เสียดายที่จะไม่ได้เห็น เจ๊ขอลูบๆ คลำๆ นิดหน่อยนะจ๊ะพอกระชุ่มกระชวย” เหล่าเจ๊ปลอบเมื่อเห็นทั้งคู่เหมือนจะรังเกียจเอามากๆ แต่ลับหลังแอบซุบซิบกันอย่างเจ้าเล่ห์

แล้วพวกเจ๊ก็แบ่งทีมกันทำงาน พาสองหนุ่มโฉดไปสระผม ระหว่างสระ ไอมุกก็โดนลูบไล้ร่างกายไปทั่ว แต่มันไม่เกิดอารมณ์ซักนิดเดียว จนสระผมเสร็จมานั่งเป่าผมบนเก้าอี้ ทีวีจอใหญ่ในร้านก็ฉายหนังเอวีญี่ปุ่นขึ้นมา เก้าอี้ถูกหมุนให้หนุ่มทั้งสองหันหน้าไปทางจอที่มีสาวญี่ปุ่นวัยรุ่นหลายคนกำลังประกอบกิจกามอย่างถึงพริกถึงขิง มีบางคนถูกทรมานจนร้องเสียงครางดังระงมไปหมด ไอมิลค์แย่หน่อยที่ไม่มีอะไรปกปิด ทั้งๆ ที่พยายามไม่สนใจแต่ท่อนเนื้อก็ผงกหัวขึ้นทีละนิดๆ จากฉากเอวีที่ออกจะซาดิสต์นิดๆ ถูกรสนิยมจนผงาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาอายจนหน้าแดงก่ำไปหมด ปกติเขาเป็นแต่ผู้กระทำแต่คราวนี้กลับถูกคนพวกนี้รุมมองเหมือนเป็นวัตถุทางเพศ ถ้าไม่ถูกองค์กรควบคุมจิตอยู่อย่างนี้ ไอ้อีพวกนี้ต้องโดนชกให้จมูกหักหรือปากแตก บางทีอาจจะเอาไม้ฟาดซ้ำ เขามองไปที่กรรไกรตัดผมแล้วคิดว่าถ้าเอาปลายแหลมๆ กรีดไปที่ผิวหนังของพวกที่รุมล้อมเขาอยู่นี้ให้เลือดออกซิบๆ มันจะสวยงามขนาดไหน ยิ่งคิดก็ยิ่งแข็งตัวจนบวมเป่งน้ำเงี่ยนไหลย้อยท้าสายตา เหล่าผู้ชมที่ไม่รู้ว่าคนตรงหน้ามีความคิดที่วิปริตแค่ไหนกับตัวเองต่างซี้ดปากอย่างสมใจในภาพสวยงามตรงหน้า

ทางฝั่งไอมุกก็เกิดอารมณ์ไม่แพ้กันแต่โชคดีที่กางเกงในมันค่อนข้างแน่นหนาทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงได้แค่ความโป่งพองจากภายนอก สาวคนนึงแท้ไม่แท้ไม่รู้เดินถืออุปกรณ์มาใกล้แล้วเหมือนเดินสะดุดจนของเหลวกลิ่นฉุนในขวดที่ถืออยู่ราดไปบนกางเกงของไอมุก

“อุ้ย ขอโทษค่า ว๊าย ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หกไปโดนเป้าเลย จะเอามาผสมน้ำยาย้อมผมซะหน่อย อันตรายมากนะคะ ต้องรีบล้างออก ไม่งั้นไข่ไหม้แน่”

ไอมุกรีบลุกขึ้นอย่างตกใจ รอยถูกนาบด้วยถุงก้วยเตี๋ยวร้อนๆ ยังเพิ่งจะค่อยยังชั่วขึ้น จะปล่อยให้มันไหม้อีกไม่ได้ เขารีบถอดกางเกงออกอย่างลืมอาย วิ่งโทงเทงไปที่อ่างสระผม แล้วเปิดน้ำราดทันที เกิดเหตุการณ์ขนาดนี้แล้วของเขายังไม่อ่อนตัวลงเท่าไหร่ สาวคนที่ทำให้เขาเกือบสูญพันธ์วิ่งถือกางเกงที่เขาถอดไว้วิ่งตามมาแล้วบอกว่า

“หนูช่วยล้างให้นะคะ ว๊าย ฝังมุกด้วย เจ๊ๆ มาดูกันค่า” ว่าแล้วก็ทั้งจับทั้งถูเป็นการใหญ่ ถูไปถูมาเจ้าหล่อนก็จับชักเอาดื้อๆ ไอมุกพยายามดิ้นหนีแต่ถูกล็อคตัวไว้ด้วยพละกำลังที่เกินชาย ท่อนลำยังถูกสาวอย่างต่อเนื่องจนหมดแรงดิ้นและกระฉูดน้ำขาวข้นมามาเต็มมือเจ๊ร่างยักษ์ที่แทนตัวเองว่าหนูในที่สุด เจ้าหล่อนชูมือที่เปรอะน้ำว่าวสดๆ ไปทางเพื่อนๆ อย่างภูมิใจ เสียงปรบมือชื่นชมดังสนั่น

ไอมิลค์มองความน่าสมเพชของอีกคนด้วยความขบขำ จะโง่ไปไหน ขนาดไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ยังไม่รู้จัก ส่วนตัวเขารู้จักดี ก็แค่น้ำยาล้างแผล เขาเอาไว้ใช้ทำแผลให้คู่นอนอยู่บ่อยๆ ตอนหายหน้ามืดจากอารมณ์ซาดิสต์หลังจากเสร็จกิจ บางทีก็ใช้รักษาแผลหลังทรมานน้องชายลูกติดแม่เลี้ยงเสร็จ ว่าแล้วก็คิดถึงเนื้อใสๆ อ่อนๆ เวลาเป็นรอยแดงขึ้นมา แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เหรอที่ทำให้เขาต้องถูกจับมารับโทษแบบนี้

“เอ้า หนุ่มอีกคนอยากจะโดนอย่างเพื่อนไหม เลือกเอาเลยจะคนไหน อุ้ย ลืมไป พวกเจ๊แตะตัวเราไม่ได้นี่นะ หุหุ งั้นช่วยชักว่าวให้พวกเจ๊ดูหน่อยนะ... ถ้าอยากได้ไอนี่คืน”

ว่าแล้วเจ๊เจ้าของร้านก็โบกกางเกงบอกซ์เซอร์ที่ไอมิลค์ถอดทิ้งไว้ไปมาทำให้เจ้าของกางเกงถึงกับหน้าเปลี่ยนสี ถ้าไม่มีกางเกงตัวนั้นเขาจะกลับคอนโดได้ยังไง หนุ่มวิปริตถึงกับกับน้ำตาคลอเมื่อค่อยๆ เอื้อมมือไปรูดแท่งเนื้ออวบยาว ท่ามกลางเสียงเชียร์ของลูกน้องเจ๊ที่รุมอยู่ สาวไปเรื่อยๆ แล้วก็เร่งจังหวะจนกระฉูดออกมาตามเพื่อนร่วมชะตากรรมไปอีกคนท่ามกลางเสียงปรบมือดังลั่น

“มุกนี้ใช้ได้เรื่อยๆ นะเจ๊ ไม่ต้องแกล้งทำเป็นสะดุดเหมือนอีนี่ด้วย แอ็คติ้งหยาบมาก วันนี้เป็นบุญตาจริงๆ ว่าแล้วทำไมเจ๊ไม่ย้ายร้านไปขึ้นห้างหรูๆ ให้สมฝีมือซักที” สาวสองผู้ช่วยพูดกับเจ้าของร้านอย่างอิ่มใจ

“อ้าว สองคนอย่าเพิ่งหมดแรง ยังไม่ได้ย้อม ไม่ได้ซอยเลย ทำต่อเลยนะ กางเกงยังไม่ต้องใส่หรอก พวกเจ๊เห็นกันหมดแล้ว ไม่ต้องอายนะ ของสวยงามอลังการดาวล้านดวงขนาดนี้ พวกเจ๊จะได้มีกำลังใจทำให้ออกมาหล่อๆ ขึ้นไปอีก”

ว่าแล้วเหล่าเจ๊ๆ ก็เริ่มขั้นตอนที่เหมือนร้านทำผมปกติซะที สองคนอายจนเลิกอาย ยอมให้ทำแต่โดยดี ถึงในใจจริงๆ จะแค้นมากแต่เนื่องจากมีคำสั่งของบอสไว้ว่าอย่ามีเรื่องกับใครจึงไม่สามารถทำอะไรได้ดั่งใจ อันที่จริงถ้าพวกเจ๊ทำในสิ่งที่สอดคล้องกับคำสั่งของเจ้านาย สองคนนี้จะไม่รู้สึกโกรธเลยเพราะเป็นเงื่อนไขที่ถูกควบคุมจิตไว้ แต่พอโดนทำในสิ่งที่เกินกว่าคำสั่งโดยใช้อุบายและการบังคับข่มขู่ ทั้งคู่จึงรู้สึกโกรธแค้นตามนิสัยจริง

พอย้อม สระ ซอย เสร็จ ทั้งคู่ก็มานั่งเซ็ทผมขั้นตอนสุดท้ายข้างๆ กัน ถึงจะเกลียดอีเจ๊พวกนี้แทบอยากจะฆ่าให้ตาย แต่หนุ่มโฉดทั้งคู่ก็ต้องยอมรับในใจว่าร้านนี้มีฝีมือจริงๆ ผมสีดำของทั้งคู่ถูกตัดเป็นทรงสั้นแบบเดียวกันดูดีอย่างมีรสนิยม ทำให้มีเสน่ห์แบบผู้ชายมากขึ้น ความปราณีตประหนึ่งทีมงานที่เซ็ทผมให้ดาราดัง พอตัดผมทรงเดียวกันยิ่งทำให้ทั้งคู่ดูคล้ายกันมากจนเจ๊ต้องออกปาก

“เอ เป็นพี่น้องกันหรือเปล่านี่ ดูเผินๆ ยังกะฝาแฝดเลยนะ แต่คงไม่ใช่หรอก เพราะเส้นหมอยมันหยิกคนละแบบกัน” เจ๊วิจารณ์อย่างผู้ชำนาญในเรื่องเส้นผม

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 12] 27/07/15 โป๊ป-บอส กลับมาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 27-07-2015 22:17:58
ทำผิดไว้เยอะโดนซะบ้าง!!
ชอบจังเลย โมเมนต์แอบรักเพื่อนเนี่ย แอบหวงกันเข้าไป
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 12] 27/07/15 โป๊ป-บอส กลับมาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 28-07-2015 14:17:32
ถ้าจำไม่ผิดคุณเคยเขียนนิยายแนวนี้ที่บอร์ดแห่งนึงปะคะ
ถ้าใช้การเขียนของคุณเป็นลายเซ็นมาก เรื่องนั้นก็สุดยอด เรื่องนี้ก็สุดยอดอีกเช่นเคย
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 12] 27/07/15 โป๊ป-บอส กลับมาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 28-07-2015 21:10:16
โดนแค่นี้ยังเบาๆ นะ ขอหนักๆ เลยได้เปล่า  :z1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 12] 27/07/15 โป๊ป-บอส กลับมาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Vocaliist ที่ 29-07-2015 07:21:42
เบาๆ

หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 12] 27/07/15 โป๊ป-บอส กลับมาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: RikuNaru ที่ 29-07-2015 09:03:35
 :m25:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 12] 27/07/15 โป๊ป-บอส กลับมาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 29-07-2015 09:08:46
เอิ่ม......เส้นฮะมอยมีหยิกต่างกันด้วยเหรอคะเจ๊??
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 12] 27/07/15 โป๊ป-บอส กลับมาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 30-07-2015 13:47:05
คุยกันซักนิดครับ

ขอบคุณทุกๆ คนที่ติดตาม มีหลายๆ คนให้กำลังใจกันสม่ำเสมอ ถึงจะเป็นแค่คนกลุ่มเล็กๆ เพราะเรื่องนี้มันค่อนข้างเฉพาะทางจริงๆ แต่ก็รู้สึกอบอุ่นมากครับ ทำให้มีกำลังใจเขียนต่อไปเรื่อยๆ
Moko1212
sirin_chadada
cheyp
★KVH™★
yymomo
korinasai
insomniac
Vocaliist
Pittabird
pui_noizๆ
pakawatkheeta
kothan
เกลียวคลื่น
bebe
RikuNaru

ใจจริงอยากตอบเม้นท์ทุกคนเลยครับ แต่เดี๋ยวมันอาจจะรุงรังไป เลยขออนุญาตหยิบมาเฉพาะที่อยากขยายความเพิ่มเติมให้นะครับ

ถ้ามีแบบบอสจริงๆก็ดีสิ เดี๋ยวนี้สังคมเราพัฒนาแต่วัตถุ แต่จิตใจกลับย่ำอยู่ที่บางคนถึงขั้นถอยหลัง

ถ้ามีแบบบอสจริงๆคงช่วยลดลงไปได้เยอะ

บอสสสส น้องเมเค้าสำนึกจริงหลอ ตามไปซ้ำเร๊วเหมือนจะชินไปซะละ  :katai1:

อย่าใจร้ายกับน้องเมเลยครับ เค้าแค่เผลอไป ตอนนี้สำนึกผิดแล้ว


ชอบเรื่องนี้มากครับ ได้เห็นความเซ็กซี่รูปแบบใหม่ๆบ้าง

ในบอร์ดเห็นแต่เรื่องเดิมๆ จำเจ รักมหาลัย ม.ปลาย พี่รักน้อง บลาๆ

อยากเจอคนเขียนตรงๆแบบนี้มานานละ ชวนคิดถึงคุณ nariza6

ผมชอบแนวนี้นะ เพราะชีวิตจริงมันไม่มีมากนัก อ่านแล้วมีรมมากมาย

อยากอ่านอะไรแปลกๆ ชวนหลงไหลมากกว่านี้อีก

หวังว่าขึ้นต้นแรงๆขนาดนี้ คงไม่น่าเบื่อกลางเรื่องนะฮะ....

เป็นกำลังใจให้จ้าา ชอบแบบหื่นๆ จัดมาที 555+

ชอบคุณ nariza6 มากๆ เหมือนกันครับ เวลาเขียนบทแบบนั้นไม่ออก ต้องไปแอบอ่านงานของคุณ nariza6 เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ


เนื้อเรื่องแปลกใหม่ดี. น่าติดตาม. ไม่เน้นรักหวานแหวว. หรือรักแบบตบจูบ.  มีสาระดี. ใครทำเลวไว้ สมัยนี้กรรมติดจรวด ไม่ต้องรอชาติหน้า

นอกจากความหื่นแล้ว นี่คือธีมของเรื่องอีกครึ่งหนึ่งเลยครับ อยากให้คนไม่ดี ได้รับผลกรรมเร็วๆ ถ้าบางเรื่องการบังคับใช้กฎหมายมันยังไม่ค่อยได้ผล ก็อยากให้มีองค์กรแบบนี้เข้ามาช่วย


ยังไงดีล่ะ อ่านจนหมด อึ้ง ทึ่งฮะ ปกติชอบแนวแฟนตาซีนะ ย้อนกลับไปอดีต มีเวทมนต์ แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่ มันอะไรยังไง แรงบันดาลใจคืออะไร มันแปลก มาก ถึง มากที่สุด เรียกว่าจับทางไม่ถูกเลยฮะ
ภาษาที่ใช้ การดำเนินเรื่อง ความน่าติดตาม เรียกว่า ยอดเยี่ยม
แต่ตัวเนื้อหานั้น อืม เม้นท์ไม่ถูกฮะ มันไม่ได้ล้ำไปโลกอนาคตแต่มันล้ำชนิดที่เกินการคาดเดา เขียนแนวนี้จะมีข้อดีอย่างหนึ่งคือจะผูกเรื่องยังไงก็ได้ ไม่มีผิด ไม่ต้องมีการพิสูจน์ ซึ่งถ้าองค์ประกอบทุกอย่างดีและลงตัว มันก็จะเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว
จะรออ่านจนจบเรื่องและจะเป็นกำลังใจให้นะฮะ
ขอบคุณมากฮะ
ปล. เข้าใจว่าคงตรวจทานตัวอักษรก่อนเอามาลงแล้วใช่ปะฮะ เพราะที่ผ่านตาคร่าวๆ ยังไม่เจอที่ผิดเลยฮะ เยี่ยมจริงๆ ฮะ

ขอเรื่องสะกดจิตไว้เรื่องหนึ่งครับ ที่เหลือจะพยายามเขียนให้สมจริงและมีเหตุมีผลให้มากที่สุด ตัวสะกดก็พยายามตรวจก่อนครับ แต่ก็อาจมีหลุดบ้าง


ช่วยดัน จ้าา

มาต่อไวๆน้า ขอแบบเซ็กซี่ๆ บ้างก็ดีนะ

แบบเปิดทีละนิดทีละหน่อย อะจ้าา

 :hao6:

บางทีเปิดหมดเลยทีเดียวมันดู ไม่เร้าอารมณ์

พลังแห่งความหื่นจงเจริญ.....

 :hao7:

555 รู้ตัวว่าหื่นไปครับ แต่ทำแบบค่อยๆ ถอดไม่ค่อยเป็น อ่านย้อนไป ก็มีแต่แบบถอดพรืดๆ จริงๆ ด้วย


:hao3:  ท่านสารวัตร จะหลงก็ไม่แปลกแหละ เด็กมันทั้งยั่วทั้งให้ท่าขนาดนั้น  อ้อยมากน้องคุน  :hao6:  แบบนี้สารวัตรเสร็จแน่ๆ

อยากได้คู่พ่อหนุ่มเครื่องกรองยักจังว่าจะโดนหมอทำอะไรบ้าง น้องจอมกับนู๋น้อยก็น่าสน  :hao5:

เรื่องของธนัทหนุ่มเครื่องกรองน้ำมีต่อแน่ครับ อดใจรอนิดครับ


วันนี้น้อยจัง อยากอ่านอีกอ่า

ทำไมไม่ได้ทาสหนุ่มหล่อๆหล่ะ

พอจิ้นแล้วมันขัดๆอะ แต่ก็เป็นกำลังใจให้นะ

เอาน่าหกแสนจิ๊บๆ  :mew5: มันต้องมีทีเด็ดซิ ชายแท้ๆเชียวนะเออ

พิชยะมีตังค์น้อย แถมเป็นคนงกอีกไม่ยอมเอาตังค์ที่บ้านมาใช้ เลยได้แค่นี้ครับ หนุ่มบ้านๆ อาจมีอะไรดีๆ ก็ได้นะเออ


ได้อารมณ์เหมือนอ่านเรื่อง แค้นวิปริต จิตสั่งกาม เลย 555

ถ้าจำไม่ผิดคุณเคยเขียนนิยายแนวนี้ที่บอร์ดแห่งนึงปะคะ
ถ้าใช้การเขียนของคุณเป็นลายเซ็นมาก เรื่องนั้นก็สุดยอด เรื่องนี้ก็สุดยอดอีกเช่นเคย

เรื่องแค้นวิปริต จิตสั่งกาม ของคุณโทรจิตคุง สุดยอดมากๆ ไม่แน่ใจว่าที่คุณ bebe หมายถึงคือเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า เรื่องแค้นวิปริตถือเป็นแรงบันดาลใจให้ผมแต่งเรื่ององค์กรลวงจิตขึ้นมาเลยครับ หลายๆ อย่างก็ขอต่อยอดไอเดียกันดื้อๆ เลยอาจจะดูคล้ายกันไปบ้าง ต้องขออภัยคุณโทรจิตคุงไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
ถึงจะไม่ดีเท่า แต่แต่งไปแต่งมาก็สนุกดี เลิกไม่ได้แล้วครับ 


ทำผิดไว้เยอะโดนซะบ้าง!!
ชอบจังเลย โมเมนต์แอบรักเพื่อนเนี่ย แอบหวงกันเข้าไป
 :hao6: :hao6:

โมเมนต์แอบรักเพื่อนของเบอร์ศูนย์กับเบอร์หนึ่งอาจจะมีไม่เยอะนะครับ แต่จะแทรกมาเรื่อยๆ ที่ละนิดละหน่อย พอดีเน้นหื่นอ่ะครับ

ตอนต่อไป ลงช่วงค่ำๆ วันนี้แน่นอนครับ เดี๋ยวเจอกัน
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 12] 27/07/15 โป๊ป-บอส กลับมาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: pakawatkheeta ที่ 30-07-2015 17:34:49
 :z3: :z3:

สวดยอดเลย รอติดตามผลงานอยู่ครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 12] 27/07/15 โป๊ป-บอส กลับมาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 30-07-2015 17:53:47
 :z3:   ไม่ว่างเข้าเล้าช่วงก่อนสิ้นเดือน แปปเดียวพุ่งไปหลายตอนเลย ขอเม้นแบบรวบยอดเลยละกัน 

เห็นมีคอมเม้นนึง ที่บอกว่าชอบตรงที่เรื่องนี้คล้ายๆ เรื่องที่ชื่อ ว่า แค้นวิปริต จิตสั่งกาม   อยากจะบอกว่าโคตรเห็นด้วยเลย

คือมันใช่มาก คิดอยู่ว่าคล้ายๆเรื่องไหนที่พระเอกมีพลังจิต แต่คิดไม่ออกเพราะเรื่องนั้นเคยอ่านเมื่อนานมาละ

เลยลืมๆชื่อเรื่องไป แต่เรื่องนั้นฮาร์ตมาก  แต่ก็ชอบนะ แถมพระเอกจิตหน่อยๆด้วย  แต่พอได้มาอ่านตอบคอมเม้นแล้วแทบกร๊ส

เพราะเรื่องนี้เอาหลายๆจุดของเรื่องนั้นมาต่อยอด จิกหมอนกันเลยทีเดียว  :laugh:

แต่เรื่องนี้บอสยังมีสติดีอยู่ทุกอย่าง  ที่ทำลงไปเพราะยอยากให้สังคมดีขึ้น เลยทำแบบนั้นลงไป  ช๊อบบบบ  :hao7:

รอตอนต่อไปจร้า เหลือ ระบบตัดสินโหมดสุดท้ายที่เรายังไม่รู้รายระเอียดคือระดับ S อยากรู้แล้วว่าระบบจะเป็นยังไง  :hao6:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 13] 30/07/15 โป๊ป-บอส
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 30-07-2015 19:43:10
องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 13

จอมกลับมาที่คอนโดเดิมเป็นครั้งที่สาม ครั้งแรกถูกเอาตัวมารับโทษ ส่วนคราวที่แล้วเขามาพบกับพี่คนหนึ่งในกลุ่มเกย์ที่ให้นามบัตรเขาไว้ตอนที่เจอกันในลิฟท์ที่คอนโดในสภาพที่เขานุ่งกางเกงในตัวเดียว ตามนามบัตรพี่เขาทำงานเป็นตากล้องอิสระ จากที่ลองคุยดูพี่เขาก็ไม่ได้ดูน่ากลัวหรือหื่นมากอย่างที่คิด บอกว่าตอนนั้นแซวกันขำๆ เพราะอยู่ในกลุ่มเพื่อนสนิทเลยอาจจะดูฮาร์ดคอร์ไปบ้าง แต่ที่ให้นามบัตรเพราะถูกใจในรูปร่างหน้าตาของจอมจริงๆ หลังจากหารือกันว่าพอจะมีงานอะไรให้จอมทำได้บ้างที่ได้เงินซักประมาณห้าหมื่นในเวลาสองสามวัน พี่เขาก็บอกว่าสงสัยคงต้องขายตัวแล้วเงินเยอะขนาดนั้น ถ้าเอาจริงพวกเขาจะลงขันซื้อตัวจอมมาแชร์กัน พอจอมลุกขึ้นจะเดินออกจากห้องพี่เขาถึงได้บอกว่าพูดเล่นแล้วเสนองานถ่ายแบบให้

พี่เขาบอกว่าเขาเป็นตากล้องที่มีชื่อเสียงพอสมควร งานถ่ายแบบที่ว่าเป็นการถ่ายกึ่งนู๊ดแต่จะเน้นในแนวศิลป์มากกว่า โดยงานนี้เป็นโปรเจคที่จะทำร่วมกับตากล้องอีกสองคนแต่ไม่ต้องมาถ่ายร่วมกัน ต่างคนต่างหานายแบบของตัวเองมาถ่ายตามสไตล์ของแต่ละคน ถ่ายเสร็จก็ค่อยเอามารวมทำเป็นหนังสืออัลบัมภาพออกขาย ตอนนี้ตากล้องอีกสองคนหานายแบบได้แล้วโดยเป็นนายแบบมืออาชีพที่รูปร่างหน้าตาดีมาก แต่ตัวพี่เขาอยากได้นายแบบสมัครเล่นมากกว่าเพราะอยากได้ความสดใหม่แบบที่ไม่ปรุงแต่ง พอเจอจอมวันนั้นก็เลยสะดุดตา คิดว่าน่าจะเป็นนายแบบที่ตัวเองตามหาอยู่ ยิ่งเห็นรอยสักมังกรที่แผ่นหลังแล้วยิ่งคิดว่าน่าจะเหมาะกับคอนเซปท์ที่ตัวเองคิดไว้ พี่ตากล้องบอกว่าพร้อมที่จะจ่ายค่าตัวห้าหมื่นบาทให้ตามที่จอมต้องการ

วันนั้นจอมเลยขอตัวกลับบอกว่าจะขอเวลาคิดก่อน เขายังไม่มั่นใจว่าเด็กแว้นแบบเขาจะเป็นนายแบบได้ยังไง แต่ที่สำคัญเขายังไม่มั่นใจในตัวพี่ตากล้องเท่าไหร่ ถ้าเขาถูกหลอกไปมอมยาเพื่อถ่ายรูปลามกอนาจารล่ะ เผลอๆ ถ่ายๆ ไป ตื่นมาอีกทีอาจจะเสียตูดไปแล้วก็ได้ ดูสายตาที่มองมาอย่างกับจะกลืนกินเขาอยู่แล้ว หัวหน้าแว้นซิ่งเลยตัดสินใจจะไม่ทำแล้วฝากความหวังไว้กับเงินเยียวยาจากคู่อริเขาที่บอสรับปากว่าจะพยายามเร่งให้ ซึ่งเขาก็ค่อนข้างมีหวังเพราะขากลับจากคอนโดเขาเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้ทราบว่าคู่อริเขาหรืออีกนัยหนึ่งก็คือไอพี่เลวของคนที่เขาดูแลอยู่ตอนนี้ถูกองค์กรเอาตัวมารับโทษแล้ว

แต่พอตอนเย็นวันเดียวกันนั้นจอมก็ได้ข่าวที่ทำให้ใจแป้ว บอสส่งข้อความในไลน์มาว่า

เบอร์ศูนย์ : พี่พยายามเอานักโทษไประดมทุนเพื่อให้ได้เงินมาชดใช้ค่าเทอมแต่ไม่สำเร็จ มีคนสนใจน้อยมาก

JomZa : ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณที่ช่วย T_T

จอมเลยตัดสินใจว่าอาจจะต้องไปถ่ายแบบจริงๆ ไม่งั้นไอลูกคุณหนูที่มาอาศัยอยู่กับเขาจะเอาอะไรเป็นค่าเทอมที่ผลัดผ่อนมานาน แต่ก็ติดเรื่องที่เขากังวลอยู่ พอคิดได้ว่าบอสซึ่งอยู่ที่คอนโดเดียวกันอาจจะรู้จักกับพี่ตากล้อง เขาเลยถามไปว่า

JomZa : พี่รู้จักพี่ตากล้องที่ดูเกย์ๆ หน่อยอยู่ชั้นยี่สิบคอนโดเดียวกับพี่ป่าวครับ เขาไว้ใจได้มั้ย ผมส่งรูปนามบัตรให้ดูด้วย

เบอร์ศูนย์ : ก็เคยเจอแล้วทักทายกันบ่อยๆ แต่ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว เรามีอะไรเหรอ

JomZa : จะลองไปทำงานด้วยแต่กลัวถูกหลอกอ่ะครับ

เบอร์ศูนย์ : ไม่น่านะ แต่คนเดี๋ยวนี้ก็ไว้ใจไม่ได้ ถ้าจะให้ชัวร์ต้องลองดูในฐานข้อมูลขององค์กร

เบอร์หนึ่ง : เดี๋ยวกูดูให้

จอมอึ้งไป นี่เขาไลน์คุยกันสองคนกับพี่บอส แล้วพี่โป๊ปโผล่มาจากไหน เขาไม่ได้แอดเป็นเพื่อนไว้ด้วยซ้ำ ระบบของไลน์ไม่น่าจะมีคนอื่นแทรกเข้ามาแบบนี้ได้ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรเพราะเขาออกจะเกรงโป๊ปอยู่มาก บอสโหดก็จริงแต่ยังเหมือนเข้าถึงตัวได้ แต่โป๊ปนิ่งๆ ชอบมองมาเหมือนไม่พอใจเขาเวลาที่อยู่กับบอส แล้วก็มีราศีบางอย่างที่ทำให้หัวหน้าแว้นอย่างเขายังไม่กล้าขัดใจ

เบอร์ศูนย์ : มึงแทรกเข้ามาอีกแล้ว กูคุยกับน้องอยู่ดีๆ ชอบมาแอบดู แต่มาก็ดี มึงเช็คเสร็จแล้วก็แจ้งน้องจอมด้วย กูจะไปอาบน้ำแล้ว

ทั้งเบอร์ศูนย์และเบอร์หนึ่งก็หายไปโดยที่บอสไม่กล้าทวงอะไรจนสักพักก็ตอบมาเอง

เบอร์หนึ่ง : เช็คแล้ว ประวัติดี คงไว้ใจได้

จากนั้นก็หายไปเลย ทิ้งให้จอมอึ้งกับความมาไวไปไวแถมสั้นห้วน แต่เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้น ถ้าองค์กรรับรองแบบนี้ก็น่าจะโอเคที่จะไปทำงานด้วย เหลืออีกเรื่องนึงคือไม่รู้ว่ามันจะโป๊ขนาดไหน แต่เขาว่าตั้งแต่เจอกับบอสมา เขามีภูมิกับเรื่องแบบนี้มากขึ้นเยอะ ถ้าไม่โจ๋งครึ่มจริงๆ ก็คงจะยอมๆ ไป เด็กแว้นที่ยังเรียนไม่จบอย่างเขาจะมีวิธีหาตังค์มากขนาดนี้ภายในวันสองวันได้จากไหนล่ะ

เรื่องทั้งหมดก็ทำให้จอมต้องกลับมาคอนโดแห่งนี้เป็นครั้งที่สาม เขาอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณมาอย่างดีจากบ้าน เพื่อความปลอดภัยเขายังชวนเพื่อนสนิทในแก๊งค์มาด้วยคนนึง ไอนี่มันฐานะดี ลุงมันก็เป็นนายทหารยศใหญ่มาก แต่ลูกหลานดันผ่าเหล่ามาหลงใหลในความเสี่ยงอันตรายของพาหนะสองล้อ แถมมาถูกชะตากับเขา ขอเข้ามาอยู่แก๊งค์เดียวทำหน้าที่เป็นรองหัวหน้าจนถูกจับเมื่อหลายคืนก่อนด้วยกัน เวลาขี่รถมันซ่ามาก แต่ตัวจริงดูดี ท่าทางสมาร์ทน่าเกรงขามคล้ายทหาร ยังดีที่ได้บุคลิคดีๆ ของลุงติดมามั่ง ถึงจะแปลกๆ ตรงที่ถ้ากับคนที่ไม่สนิทมันจะนิ่งๆ ไม่ค่อยพูดด้วยจนดูเหมือนหยิ่ง ทั้งๆ ที่นิสัยจริงๆ มันก็ดี เขาได้มันช่วยเหลือเรื่องไอลูกคุณหนูที่ถูกพี่รังแกอยู่หลายครั้ง แต่เรื่องค่าเทอมนี่มันช่วยไม่ได้จริงๆ มันถูกทำโทษตัดเงินตัดบัตรอยู่เพราะพ่อมันรู้เรื่องซิ่งรถจากไหนไม่รู้

วันนี้เขาเอาเพื่อนหลานทหารคนนี้มาเป็นกองหนุนด้วย กะเอาบุคลิกมันมาขู่ ไม่ได้กลัวนะถ้าสู้กันซึ่งๆ หน้า แต่ถ้าถูกวางยาปลุกหรือยาสลบล่ะ มีเพื่อนมาด้วยอุ่นใจกว่า ถึงเป็นผู้ชายเขาก็กลัวเหมือนกันนะ พอมาถึงคอนโดพี่ตากล้องก็ลงมารับตามที่นัดแนะกันไว้

“ถึงตรงเวลาดีจัง อ้าวนี่ใครล่ะ ไม่เห็นบอกว่าจะพามาด้วย” พี่เขาตอบแต่ตามองคนที่เพิ่งพบกันครั้งแรกด้วยท่าทีแปลกใจ

“เพื่อนผมครับ มันสนใจเรื่องการถ่ายแบบ เลยตามมาดู พี่ไม่ว่าใช่ไหมครับ” ที่จริงเอามาป้องกันตัวจากพี่ล่ะครับ จอมคิด

“ไม่หรอก แต่รูปร่างหน้าตาแบบนี้ถ้าสนใจถ่ายแบบจริงๆ พี่แนะนำว่าโมเดลลิ่งให้ได้นะ” ตากล้องบอกยิ้มๆ

พอเข้าไปในห้อง ก็เจอพวกพี่ๆ ที่เป็นเพื่อนกับตากล้องอีกสามคน จอมจำหน้าได้คับคล้ายคับคลาว่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่เจอที่ลิฟท์วันนั้น พี่ตากล้องก็กล่าวแนะนำขึ้น

“พวกเรา นี่น้องจอมนะ มากับเพื่อน จอม นี่พวกเพื่อนๆ พี่ตั้งแต่ที่เรียนสถาปัตย์ จบแล้วก็เลยชวนกันมาซื้อคอนโดอยู่ห้องติดๆ กันหมด แต่ไม่ได้ทำงานที่เดียวกันนะ”

จอมรีบยกมือไหว้ ตากล้องก็พูดไปเรื่อยๆ คนแรกเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นทำงานเป็นสถาปนิกแล้วที่บ้านก็มีบริษัทรับเหมาก่อสร้างด้วย อีกคนตัวเล็กๆ รับออกแบบตกแต่งภายใน คนสุดท้ายดูเซอร์ๆ มีบริษัทรับจัดสวน ทุกคนอยู่คนละบริษัทกันแต่ก็มีรับงานฟรีแล้นซ์มาทำร่วมกันบ้าง สรุปมีพี่ตากล้องคนเดียวที่ผ่าเหล่าไม่ได้ทำงานตรงสายสถาปัตย์ที่จบมาเท่าไหร่ ทุกคนก็ดูดีนะบางคนออกสาวหน่อยบางคนก็ดูแมนๆ แต่จอมมั่นใจว่าเป็นเกย์กันทั้งกลุ่ม

“ว๊าย แกได้ตัวมาจริงๆ ด้วย ตั้งแต่เห็นวันนั้นชั้นก็รักเลย มีแฟนยังจ๊ะน้องจอม”

“กล้ามแน่นมาก ออกกำลังกายอะไรครับ เล่นฟิตเนสที่ไหน วันหลังไปเล่นกับพี่ไหม”

“น้องจอมสักมังกรที่หลังใช่ไหม วันนั้นพี่เห็นในลิฟท์ ไปสักที่ไหนมาอ่ะ ขอดูชัดๆ หน่อยได้เปล่า”

“โอ้ย พวกแกแย่งกันถามอย่างนั้นใครจะไปตอบทัน น้องกลัวหมดแล้ว จอมนั่งพักก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยเงื่อนไขงานกันอีกนิด” ตากล้องตัดบทแล้วพาไปที่โซฟา ส่วนเพื่อนของจอมหาเก้าอี้ได้มุมนึง ก็ใส่หูฟังเอาแทปเล็ตมาเล่นอย่างมุ่งมั่นไม่สนใจใครอีก จอมก็รีบอธิบายพวกพี่ๆ ว่า

“ไอนี่มันเป็นคนเงียบๆ อย่างนี้เองครับ ไม่ค่อยคุยกับคนที่ไม่สนิท แต่ก็นิสัยง่ายๆ ไม่ได้มีอะไร ปล่อยให้มันอยู่เงียบๆ ของมันไปเถอะครับ”

จอมเห็นพี่ที่เป็นอินทีเรียไปคุยกับเพื่อนเขานิดหน่อย มันก็ตอบแค่คำสองคำจนพี่เขาเลิกไปเอง เขาก็หันไปคุยเรื่องงานต่อ

“ตกลงผมต้องถ่ายแบบไหนบ้างครับ”

“อย่างที่บอกคราวก่อนว่าเป็นถ่ายกึ่งนู๊ด แต่จะเน้นเป็นศิลป์ๆ มากกว่า ไม่น่าเกลียดอนาจารหรอกนะ ถึงตอนถ่ายจะมีฉากที่ต้องถอดเสื้อผ้าหมดด้วย แต่เวลาถ่ายจะมีมุมกล้องกับจัดแสงเงาไม่ได้เห็นตรงๆ ต้องดูหน้างานอีกที ตอนนี้พี่ยังตัดสินใจไม่ได้เรื่องธีมของงาน ทีแรกพี่กะจะถ่ายจอมให้ออกมาแบบแนวๆ อัธพาล แต่ก็ยังอยากให้มีอะไรน่าสนใจกว่านั้น ไม่อยากน้อยหน้าตากล้องอีกสองคนที่ร่วมโปรเจค”

“ยังไงก็ได้ครับ แต่รูปที่ออกมามันจะโป๊มากไหมครับ”

“เดี๋ยวก็ลองดูเอาแล้วกัน พี่ก็บอกไม่ถูก รูปแนวนี้มันเน้นการเล่นแสงเงากับสรีระของนายแบบเพื่อสร้างอารมณ์สุนทรียภาพ ก็ต้องเห็นสัดส่วนแบบเต็มๆ เป็นธรรมดา แต่พอถ่ายเสร็จเราค่อยมาเลือกด้วยกัน รูปไหนคิดว่าอนาจารพี่ก็จะไม่ตีพิมพ์ แต่ก็อยากให้เปิดใจมองในแง่ศิลปะดูก่อน”

“ลองดูก็ได้ เราถ่ายกันในห้องนี้ใช่ไหมครับ แล้วพวกเพื่อนพี่จะอยู่ด้วยเหรอครับ” จอมถามให้แน่ใจว่าจะอยู่กันเยอะแยะเลยหรอถ่ายรูปแค่นี้

“เอ่อ... อ๋อ วันนี้เอาพวกมันมาช่วยจัดไฟ แล้วก็คอยดูพวกเสื้อผ้าหน้าผมน่ะ” ตากล้องมองไปที่กลุ่มเพื่อนๆ เขาที่ทำเป็นนั่งคุยกันอยู่อีกด้านหนึ่ง แต่ก็อยู่ในระยะที่ได้ยินเขาคุยกับจอม

“เหรอครับ พี่เขามองจังเลย พี่เขาจะอยู่ดูกันตอนถ่ายผมก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าจะถูกเนื้อถูกตัวตอนผมเปลือยอยู่ ก็ช่วยบอกก่อนแล้วกัน ไม่งั้นผมอาจมือกระตุก ชกเอาง่ายๆ พอดีเป็นพวกแก๊งค์ซิ่งอันธพาลน่ะครับ สัญชาติญาณการป้องกันตัวมันไวไปหน่อย” จอมพูดพร้อมส่งยิ้มเหี้ยมๆ ไปทางกลุ่มที่แอบฟังอยู่ ก็พอจะรู้วัตถุประสงค์ที่มารวมตัวกันแหละ เขาไม่ใช่คนซื่อไม่ทันคน จริงๆ ก็ไม่ได้หวงตัวมาก ยิ่งเคยโดนองค์กรเล่นมาขนาดนั้นจนแทบจะชินแล้ว เห็นแล้วก็ใช่ว่าจะเอาไปได้ แต่อย่ามาลุกล้ำมากกว่านั้นแล้วกัน เขามารับงานถ่ายรูปไม่ได้มาขายตัว ก็เลยแกล้งพูดปรามๆ ไป

พวกเพื่อนๆ หลบสายตากันวูบวาบ ส่วนตัวตากล้องยิ้มเจื่อนๆ “ไม่หรอกครับ อาจจะแค่มาช่วยจัดทรงผม ซับเหงื่ออะไรพวกนั้น ยังไงจะให้เขาบอกก่อนนะ ส่วนค่าตัว ถ่ายเสร็จวันนี้แล้วตกลงเรื่องรูปที่จะตีพิมพ์กันได้ พี่จะให้เป็นเงินสดห้าหมื่นไปเลย มีอะไรอยากจะถามอีกไหม”

จอมส่ายหน้า ถ้าได้เงินก้อนนี้มา ก็จะแก้ปัญหาของไอลูกคุณหนูไปได้อีกเทอมนึง เทอมหน้าก็ว่ากันอีกที ถ้าลุงมันกลับมาก่อนก็ดีสิ แต่ก็คงต้องหาแผนสำรองเตรียมไว้ด้วย

“งั้นเรามาตกลงกันเรื่องธีมเถอะ ตอนแรกพี่ว่าจะเป็นแนวเด็กอันธพาลหรือเด็กช่าง แต่มันจะดูธรรมดาไป จอมลองถอดเสื้อมาดูรูปร่างหน่อย เผื่อได้ไอเดียอะไร”

จอมถอดเสื้อออกทันที เขาแถมกางเกงยีนส์ที่นุ่งอยู่ให้อีกตัวด้วย เหลือแต่บอกซ์เซอร์กับกางเกงใน ไม่รู้จะอายอะไร ทั้งกลุ่มก็เห็นเขาในชุดประมาณนี้มาแล้ว เสียงฮือฮาดังขึ้นเบาๆ พอเขาโชว์หุ่นและกล้ามแน่นตึง

“พวกแกก็เข้ามาดูแล้วมาช่วยคิดกันหน่อยสิ หัวศิลป์กันทั้งนั้น มาดูใกล้ๆ น้องเขาไม่ว่าอะไรหรอก....มั๊ง”

จอมพยักหน้า ขำนิดๆ จะกลัวอะไร เขาถอดให้ดูเองนี่ กลุ่มเพื่อนตากล้องก็เข้ามาดูแบบเกรงๆ นิดหน่อย คนที่เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นเข้ามาสำรวจลายสักมังกรอย่างสนใจ แล้วก็พูดว่า

“รอยสักมังกรนี่สวยมาก ลวดลายกับเทคนิคนี่พอๆ กับเซ็นเซดังๆ ที่ญี่ปุ่นเลย เราไปสักมาจากไหนล่ะ”

“เป็นคนญี่ปุ่นที่มารับงานสักที่เมืองไทยแล้วอยู่เที่ยวต่อครับ ผมช่วยเขาไว้จากนักเลงที่มีเรื่องกัน เขาเลยสักให้เป็นการตอบแทน แต่ไม่น่าจะเป็นช่างสักดังๆ หรอก ยังหนุ่มๆ อยู่” จอมเล่าประวัติของรอยสักที่ได้มาเมื่อสองปีก่อน

“มิน่าล่ะ ว่าแล้วไม่น่าใช่คนไทยสัก งั้นมีลายมังกรของแท้อย่างนี้ เราลองเอาธีมยากูซ่าไหม น้องเขาก็ดูหน้าตาให้ แล้วท่าทางดุดันขึงขังเอาเรื่องอยู่ น่าจะเข้ากัน” ลูกครึ่งยุ่นปรึกษากับตากล้อง

“ที่จริงเอาธีมนักเลงเหมือนเดิมก็ได้นะครับ ผมก็เด็กแก็งค์อยู่แล้ว เรียนช่างอยู่ด้วย รับรองเหมือน” จอมเสนอ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะรับบทเป็นยากูซ่าได้ ต้องทำท่าอะไรบ้างก็ไม่รู้ ขอเป็นเด็กอันธพาลดีกว่า ทำได้อยู่แล้ว แต่ตากล้องและเพื่อนทุกคนลงความเห็นว่าธีมยากูซ่าเหมาะที่สุด คนที่มารับงานอย่างเขาก็เลยต้องยอมตามนั้น

ช่วงแรกจะเป็นการถ่ายชุดทำงานของยากูซ่าซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก แค่ชุดสูทกับแว่นดำ เพื่อนตากล้องคนที่เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นบอกว่ารูปร่างตัวเองกับจอมน่าจะใกล้เคียงกัน จึงอาสาไปเอาสูทของตัวเองที่ห้องมาให้ แล้วก็จะหาชุดและอุปกรณ์แนวญี่ปุ่นๆ มาประกอบด้วย

จอมในชุดสูทสีดำเข้ารูปนิดๆ ดูดีไม่น้อย ยิ่งเมื่อเสริมกับแว่นกันแดดแบรนด์ดัง ตากล้องก็เริ่มเก็บภาพจากชุดสูทแบบเต็มยศ แล้วเริ่มให้ปลดกระดุมเสื้อตัวใน ถอดเสื้อนอก ไล่ไปถึงดึงชายเสื้อออกมา แล้วก็เริ่มปลดเข็มขัดเพื่อถอดกางเกงออกจนเหลือแต่เสื้อเชิร์ตกับกางเกงใน จอมถ่ายไปเรื่อยๆ ไม่มีเคอะเขิน แค่นี้ยังน้อยกว่าสิ่งที่เขาเจอมามากนัก และที่สำคัญ เขาแทบไม่ต้องโพสต์ท่าอะไรมากเลย แค่ทำหน้าเฉยๆ ดุๆ ซึ่งเขาก็ทำเป็นปกติอยู่แล้ว อาจมีแปลกๆ บ้างก็ท่าแสยะยิ้ม ซึ่งเขาทำได้แต่แบบโหดๆ ที่พวกพี่ๆ ถึงกับชมกันเปราะว่าได้อารมณ์ยากูซ่ามากมาย

ถัดมาก็เปลี่ยนเป็นชุดยูกาตะแบบญี่ปุ่น ซึ่งก็ไม่มีปัญหาเพราะใส่ไม่ยากอะไร ก็คล้ายผ้าคลุมอาบน้ำแล้วมีคนมาช่วยแต่งช่วยผูกให้ ถึงจะเกรงๆ เขาอยู่บ้างโดยบอกทุกครั้งก่อนที่จะแตะตัวตัว เมื่อถ่ายเสร็จก็เปลี่ยนมาเป็นใส่ชุดชั้นในญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมหรือฟุงโดชิซึ่งจอมเคยเห็นในภาพมาบ้างว่าด้านหน้าเหมือนเป็นผ้าบางๆ แล้วด้านหลังเหลือเป็นแค่เชือกๆ ฟุงโดชิที่พี่ลูกครึ่งญี่ปุ่นเอามาให้ เป็นแค่แถบผ้าสีขาวยาวๆ ซึ่งจอมก็สุดปัญญาที่จะใส่

“อันนี้พี่ต้องใส่ให้ผมแล้วล่ะครับ” จอมบอก

“เอ่อ มันจะใส่ยากนิดนึงนะ เพราะขั้นตอนมันเยอะ แล้วก็ต้องถอดเสื้อผ้าออกหมดก่อนด้วย เข้าไปแต่งในห้องน้ำดีไหม ตรงนี้คนเยอะ” พี่ยุ่นทำท่ากระมิดกระเมี้ยน

“แต่งตรงนี้เลยแหละครับ จะได้ไม่เสียเวลา” จอมพูดพร้อมทั้งถอดกางเกงในชิ้นสุดท้ายลง เขานึกในใจว่าไม่เห็นต้องลีลาอะไร สุดท้ายก็ต้องมีถ่ายฉากนู๊ดอยู่ดี แล้วที่พวกพี่ๆ ทุกคนมารวมตัวกัน ก็เพราะอยากดูสิ่งนี้ไม่ใช่เหรอ

สถาปนิกหนุ่มลูกครึ่งยุ่นสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นของที่เขาอยากเห็นมาโดยตลอดตั้งแต่วันที่เจอกับจอมในลิฟท์มาอยู่ตรงหน้า ทุกคนในห้องมองมาที่จุดเดียวกัน ยกเว้นเพื่อนสนิทจอมที่ยังเล่นเกมส์อย่างเมามันโดยไม่สนใจใคร ท่อนเนื้อตรงหน้าทอดตัวสงบนิ่ง หนุ่มยุ่นนึกในใจว่าขนาดยังอ่อนตัว มันยังใหญ่กว่าที่เขาจินตนาการไว้ตั้งเยอะ ที่เขาเสนอธีมยากูซ่าก็เพื่อสิ่งนี้ การเป็นคนเดียวที่ใส่ฟุงโดชิเป็น ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับท่อนล่างของจอมได้เต็มที่ เขามือไม้สั่นขณะที่ค่อยๆ พันผ้าอย่างระมัดระวังไม่ให้กระทบถูกสิ่งนั้นของจอมเพราะกลัวจะโดนชกเอา แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะขนาดที่อวบใหญ่ทำให้เกะกะไปหมด

“ไม่ต้องระวังขนาดนั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวเย็นก็ไม่เสร็จ เอ้า จับมาซักทีแล้วจะได้หายเกร็ง”

จอมคว้ามือของหนุ่มรุ่นพี่มาแปะตรงท่อนเนื้ออย่างเต็มๆ เขาออกจะขำๆ พี่คนนี้อยู่ไม่น้อย ท่าทางอยากแต่ก็กลัว หน้าตาก็มีส่วนคล้ายไอคุณหนูที่มาอยู่กับเขาทำให้นึกเอ็นดูนิดๆ แต่ถ้าให้เลือกกัน เขาเลือกคุณหนูจอมสร้างภาระแน่นอน คนนี้เขาอยากแค่แกล้งหยอกๆ เท่านั้นเอง

สถาปนิกลูกครึ่งเขินจนหน้าแดง ดื่มด่ำกับความอุ่นวาบที่ล้นอุ้งมือจนไม่อยากถอนมือออก เขาค่อยๆ ตัดใจพันผ้าเตี่ยวไปตามขั้นตอน แม้จะแกล้งเอามือไปโดนเป็นระยะแต่ก็คืบหน้าไปได้ด้วยดี เขาบอกให้จอมหันกลับไปเพื่อจะพันผ้าด้านหลัง แผ่นหลังรูปมังกรยักษ์แบบเต็มตัวไม่มีอะไรปกปิดทำให้เขาเกือบลืมหายใจ หางของมังกรเลื้อยมายังแก้มก้นตวัดล้อมร่องก้นไว้อย่างสวยงาม มันเป็นความงามแบบชายชาตรีจากศิลปะของช่างฝีมือที่รังสรรค์ลงบนเรือนร่างแกร่งสมส่วน มันทำให้หนุ่มลูกครึ่งคิดไปถึงคนรักเก่าชาวญี่ปุ่นที่มีรอยสักคล้ายกัน เขาพยายามตั้งสมาธิแล้วดำเนินการในขั้นตอนสุดท้ายคือบิดผ้าเป็นเกลียวจนเหมือนเชือกแล้วพันทบไว้รอบเอว ตอนนี้ด้านหลังของจอมเหมือนมีแค่เส้นเชือกพันรอบเอวแล้วมีเส้นตรงกลางวิ่งหายลับเข้าไปในร่องก้น ส่วนด้านหน้าก็เหลือเพียงผ้าสามเหลี่ยมบางๆ ปกปิดของสงวนไว้อย่างหมิ่นเหม่
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 13] 30/07/15 โป๊ป-บอส
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 30-07-2015 19:45:10
ตากล้องเริ่มถ่ายจากด้านหลังก่อน คราวนี้เห็นลายสักมังกรผงาดได้โดยแทบไม่เหลืออะไรบังสายตา ฟุงโดชิที่นุ่งอยู่ทำให้ดูเป็นญี่ปุ่นมากซะยิ่งกว่าลูกครึ่งที่ญี่ปุ่นที่นั่งดูอยู่ตาไม่กระพริบ ตากล้องที่เก็บภาพงามๆ ไว้ได้หลายภาพเริ่มยิ้มออกมาด้วยความสมใจ แต่พอเป็นรูปถ่ายด้านหน้าก็เริ่มเกิดปัญหา

“จอม ตรงนั้นมันนูนลงมาด้านล่างเกินไป มันดูเกินจริงไปเลย เอ่อ เรามีอารมณ์เหรือเปล่า จะไปปลดปล่อยก่อนก็ได้นะ พี่เข้าใจ อย่างนี้แหละ บางที่ถ่ายๆ ไปก็ตื่นตัวขึ้นมาเฉยๆ พี่เจอบ่อยๆ เข้าห้องน้ำไปเลย ไม่ต้องอาย”
.
จอมรีบเอามือไปคลำๆ ดู “เปล่านี่ครับ นี่ผมอ่อนตัวสุดๆ แล้ว แต่เนื้อตรงนั้นมันเยอะเอง มันเลยดันๆ ผ้าจนนูน”

“อ้าวเหรอ ถ้าเมื่อกี๊ไม่เห็นกับตาก็ไม่เชื่อแน่ๆ ทำยังไงดี ไม่งั้นถ่ายออกมามันจะดูเป็นจุดสนใจมากไป จอมลองจัดระเบียบดูหน่อยสิว่าพอไหวไหม” ตากล้องบอกเขินๆ

จอมลองล้วงมือขยับไปมา แต่ก็ไม่คิดว่าจะดีขึ้น มิหนำซ้ำยังทำให้พองตัวขึ้นมาดันผ้าเพิ่มขึ้นจนบางส่วนของเขาเริ่มเล็ดรอดออกมา จึงส่ายหน้าให้ตากล้อง

“เอายังไงดีวะ ถ้าเป็นรูปเปลือยไปเลยยังจะพอจัดแสงเงาช่วยได้ แต่รูปนี้มันต้องโชว์ฟุงโดชิ ยิ่งเป็นสีขาวด้วยหลบไม่ออกเลย” ตากล้องบ่นพลางเก็บภาพไปด้วย

“งั้นเอาแค่นี้ก่อน ยังเหลืองานยากอีก เอาไว้ไปใช้โฟโต้ชอปลบเอาทีหลังก็ได้วะ งั้นพี่ขอถ่ายชุดสุดท้ายที่เป็นภาพเปลือยเลยนะ เดี๋ยวจอมถอดฟุงโดชิออก พี่จะให้นุ่งผ้าเช็ดตัวไว้ พอจะถ่าย จัดท่าจัดแสงได้แล้วค่อยถอด ถ่ายเสร็จก็นุ่งไว้ก่อนรอฉากต่อไป ไม่ต้องเปลือยตลอด จอมจะได้สบายใจ” ตากล้องบอกขั้นตอนทำงานแบบมืออาชีพตามที่เขาใช้กับนายแบบดังๆ มาโดยตลอด ถือว่าเป็นการให้เกียรตินายแบบด้วย

“เสียเวลาพี่ เดี๋ยวนุ่งเดี๋ยวถอด ยังไงเดี๋ยวพี่ก็ให้ผมเลือกรูปที่น่าเกลียดออกไปอยู่ดีไม่ใช่เหรอ ผมขออนุญาตถอดหมดเลยนะ จะได้เสร็จไวๆ”

ว่าแล้วจอมดึงผ้าฟุงโดชิออกพรวด ไม่สนใจผ้าเช็ดตัวที่ตากล้องยื่นมาให้ เพื่อนๆ ตากล้องตาเป็นประกาย แสงจากไฟที่ส่องไว้ทำให้เห็นเรือนร่างของจอมชัดทุกสัดส่วน

ตากล้องถึงกับใจสั่นแต่ก็รวบรวมสมาธิได้สมกับเป็นมืออาชีพ จริงๆ อย่างงี้ทำงานสะดวกกว่าเยอะ ไม่ต้องคอยมาบังทำให้เสร็จได้ไว เขาเริ่มบอกให้โพสต์ท่าแล้วจัดแสงแบบต่างๆ เพื่อการถ่ายในแนวศิลป์ที่เน้นแสงเงากับสีหน้าแววตารูปร่างของนายแบบ ถึงแม้จะเปลือยกายถ่ายแต่ก็จะใช้มุมกล้องหรือแสงเงาซ่อนเร้นจุดที่จะล้ำเส้นอนาจารไว้อย่างมีรสนิยม รอยสักมังกรเองก็มีส่วนช่วยทำให้ตากล้องสามารถใช้พรสวรรค์ถ่ายทอดอารมณ์ดิบแบบอันธพาลลงมาในรูปถ่ายได้อย่างน่าทึ่ง แม้ว่าการจัดมุมกล้องจะทำได้ยากเพราะจอมมีท่อนเนื้อขนาดใหญ่บนรูปร่างที่สันทัดจนบังของตัวเองไม่ค่อยมิด บางครั้งจึงต้องพึ่งอุปกรณ์ประกอบฉากแนวญี่ปุ่นๆ ของหนุ่มสถาปนิกลูกครึ่งมาช่วยบ้าง

ฉากสุดท้ายเป็นการถ่ายในห้องน้ำ หลังจากเซ็ทไฟจนเกือบจะเสร็จ หนุ่มหลานทหารใหญ่เพื่อนจอมก็เดินมาดูการถ่ายรูปเป็นครั้งแรก แต่ด้วยวัตถุประสงค์อื่น

“ไอจอม กูจะขอพี่เขาฉี่หน่อย อ้าว กำลังใช้ถ่ายรูปกันเหรอ”

“ไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนพี่ก่อนก็ได้ เข้าประตูด้านใกล้ระเบียงไป” ตากล้องบอกอย่างใจดี

“ไม่เอาหรอกพี่ ห้องส่วนตัว เดี๋ยวของพี่หายผมจะซวยเอา”

“งั้นชั้นวานแกเขาไปเป็นเพื่อนน้องเขาหน่อย” ตากล้องหันไปบอกเพื่อนตัวเล็กหน้าตาดีคนที่ทำงานด้านตกแต่งภายใน คนนี้จริงๆ จะออกสาวกว่าเพื่อนแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียด แล้วตั้งแต่วันที่เจอในลิฟท์ เป็นคนที่แทะโลมจอมมากที่สุด แต่วันนี้พอโดนจอมขู่ซะตั้งแต่ต้น เลยสงบเสงี่ยมไม่ปริปากอะไรอีกเลย ได้แต่แอบมอง เจ้าตัวไม่ปฏิเสธ พาเพื่อนของจอมออกไปเงียบๆ

ในที่สุดก็ถ่ายภาพสุดท้ายเสร็จ ตากล้องภูมิใจมากรีบเอาไฟล์ลงคอมพิวเตอร์เพื่อมาเช็คความเรียบร้อย แล้วก็ให้จอมมาเลือกด้วยว่าภาพไหนที่ดูอนาจารเกินไปหรือไม่สบายใจจะได้เอาออก ไม่เลือกไปตีพิมพ์ นายแบบจำเป็นมานั่งไล่ดูรูปแล้วก็ต้องตะลึงไปกับผลงานระดับมืออาชีพที่ทำให้เขาดูดีอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน เขาคิดว่าถ้าไอลูกคุณหนูเห็นภาพพวกนี้จะว่ายังไงบ้างนะ โดยเฉพาะภาพเปลือยที่สะท้อนอารมณ์ดิบเถื่อนออกมาได้อย่างน่าตกตะลึง แล้วยังมีรอยสักรูปมังกรที่เล่นแสงเงาราวกับมีชีวิต สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เลือกภาพใดออก บอกแค่ว่า

“ได้หมดทุกรูปเลยพี่”

“เอาจริงเหรอ พี่ว่าบางรูปมันเห็นลำชัดไปหน่อย”

“ก็ไม่ได้เห็นส่วนหัวไม่ใช่เหรอ พี่เลือกเอาเลยแล้วกัน ผมยังไงก็ได้”

ตากล้องยิ้มอย่างดีใจ พอเขาเห็นผลงานตัวเองที่ถ่ายออกมาแล้วก็เสียดายไม่อยากตัดออกแม้แต่ภาพเดียว โชคดีที่จอมใจกว้างมากๆ แต่ก็คงต้องไปเลือกอีกที ยังไงก็ลงไม่หมด เพราะอัลบัมนี้ทำร่วมกับตากล้องอีกสองคน คงต้องแบ่งจำนวนหน้าที่จะลงคนละเท่าๆ กัน แต่เขามั่นใจว่าผลงานนี้คงจะไม่แพ้คนอื่นแน่ๆ

พอการทำงานตามสายอาชีพจบลง สัญชาตญาณเกย์ของตากล้องก็เริ่มกลับมา วันนี้เขาได้เห็นจอมทั้งเนื้อทั้งตัวอย่างที่อยากตั้งแต่วันแรกที่เจอ แต่ยังเหลือข้อข้องใจอีกอย่าง เขามองไปที่จอมที่ยังเปลือยเปล่าอยู่

“เอ่อ น้องจอมครับ ดูอย่างนี้แล้วของน้องใหญ่มากเลย แล้วจริงๆ ขนาดเท่าไหร่ครับ พอเต็มที่”

“ก็ยาวกว่านี้อีกครับ ไม่แน่ใจ”

“พี่ เอ่อ พอจะขอดูตอนแข็งได้ไหมครับ แค่อยากรู้น่ะครับ” ตากล้องทำท่ากล้าๆ กลัวๆ

จอมชั่งใจ เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำถึงขั้นนั้น แต่พอนึกถึงตอนที่ต้องทำตามคำสั่งบอสแล้วก็ตื่นเต้นขึ้นมานิดๆ จริงๆ เขาก็มีเรื่องที่อยากจะขอร้องตากล้องอยู่

“ถ้าอยากดูจริงๆ ก็ได้ครับ แต่ผมมีเงื่อนไข พี่พอจะมีเม็มสำรองไหมครับ ผมจะให้พี่ดูตอนแข็งแล้วพี่ก็ช่วยถ่ายรูปใส่เม็มนั้นให้ผมหน่อย เอาหลายๆ ท่าเลย แล้วเม็มนั้นผมก็ขอไปเลยนะครับ ขออนุญาตไม่ให้พี่เก็บรูปไว้ แล้วก็ขอภาพชุดแรกมาเก็บไว้ดูด้วย”

“ได้ครับ งั้นเดี๋ยวพี่ให้เพื่อนๆ กลับห้องไปก่อนนะครับ” ตากล้องรับตกลงอย่างดีใจ นอกจากจะได้เห็นแล้วยังได้ถ่ายรูปอีกด้วย มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากสำหรับคนเล่นกล้อง ถึงจะไม่ได้รูปเก็บไว้ก็เถอะ

“มาดูพร้อมๆ กันหมดนี่ล่ะครับ ไม่เป็นไร หรือพี่ใจร้ายจะดูคนเดียวไม่แบ่งเพื่อน” จอมเสนอ เขาไม่เห็นว่าจะเสียหายอะไร

ตากล้องรีบระล่ำระลักตกลง เขาคิดว่าจอมจะอายซะอีก แต่นี่ดูเหมือนจะแค่ไม่อยากให้ภาพหลุดออกไปเท่านั้นเอง อย่างอื่นเปิดกว้างเต็มที่ เขารีบตามเพื่อนๆ เข้ามา แต่ขาดไปคนหนึ่งโทรหาก็ไม่รับจนต้องตัดใจ ไม่งั้นล่าช้าไปจอมอาจจะเปลี่ยนใจได้

ตอนนี้จอมพร้อมที่จะถ่ายภาพชุดพิเศษแล้ว ผู้ชมในห้องนอกจากตากล้องแล้วก็มีสถาปนิกหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นกับหนุ่มเจ้าของบริษัทจัดสวนที่ต่างตื่นเต้นดีใจกับโอกาสที่ไม่คาดฝันนี้ จอมเริ่มสาวท่อนลำอย่างช้าๆ ได้ยินเสียงชัตเตอร์ดังขึ้นเพื่อเก็บภาพเป็นระยะ จนเมื่ออวัยวะส่วนนั้นขยายตัวเต็มที่ ความมหึมาของมันดูผิดสัดส่วนไปเลยเมื่ออยู่บนรูปร่างไม่ใหญ่มากแต่มีกล้ามเนื้อที่สวยงามได้สัดส่วนของจอม ผู้ชมในห้องต่างอึ้งไปกับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้ายกเว้นตากล้องที่ยังเก็บภาพอย่างต่อเนื่องถึงแม้จะไม่มีโอกาสได้ครอบครองภาพที่ถ่ายไว้ จอมโพสต์ท่าโน้นท่านี้ให้ถ่ายตามแต่จะคิดว่าเท่ จนความตื่นเต้นจากการได้โชว์ทำให้กลับไปสาวท่อนลำอีก ยิ่งคิดว่าถ้าเขาแกล้งทำเป็นเผลอให้ใครบางคนเห็นภาพชุดนี้มันทำให้เขาเกิดอารมณ์จนหยุดไม่อยู่ที่จะปล่อยตัวไปถึงขั้นสุดท้ายต่อหน้าผู้ชม ไม่เห็นเป็นไร ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วก็เร่งมือจนน้ำกระฉุดออกมาอย่างรุนแรง ทุกคนในห้องตกตะลึงจนอ้าปากค้างรวมถึงตากล้องด้วย แต่นิ้วก็ยังรัวชัตเตอร์ไม่หยุดตามสัญชาตญาณ

“ภาพตอนปล่อยสุดท้าย เก็บไว้ทันไหมครับ” จอมถาม

ตากล้องรีบเช็คทันที เขาไล่ภาพมาตั้งแต่ต้น อยากรู้ว่าผลงานตัวเองเป็นยังไง

“โอเค เป๊ะมาก องศาได้พอดี”

“งั้นขอเม็มด้วยครับ”

ตากล้องทำเป็นไล่เช็คภาพดูตั้งแต่ต้นจนจบอีกครั้ง แล้วถอดเม็มส่งโห้โดยดีอย่างอาลัยอาวรณ์ แต่แค่คิดว่าเขาได้บันทึกภาพที่สวยงามพวกนั้นด้วยมือของตัวเอง ก็ฟินไปครึ่งนึงแล้ว

จอมไปล้างตัวแล้วก็สวมเสื้อผ้า เขาได้รับเงินตามที่ตกลงกันกับตากล้องเรียบร้อยแล้วเลยเตรียมตัวกลับ เขามองหาคนเป็นเพื่อนก็ไม่เห็น หายไปไหนวะ มาแล้วก็ไม่เห็นช่วยอะไร ถ้าเขาโดนวางยาอย่างที่ระแวงตอนแรกป่านนี้มันก็คงยังไม่รู้เรื่อง หรือว่าหิวจนลงไปหาอะไรกิน นี่ก็บ่ายโมงกว่าแล้ว จอมคิด

ทันใดนั้นคนที่เขากำลังมองหาก็เปิดประตูห้องเข้ามา หัวเข็มขัดปลดค้างอยู่ ชายเสื้อหลุดลุ่ยออกมานอกกางเกง เหงื่อท่วมตัวแต่หน้าตาแช่มชื่นผิดจากก่อนหน้านี้เป็นคนละคน ส่วนคนที่เดินตามมาคือเพื่อนตัวเล็กของตากล้องที่ทำงานเป็นอินทีเรีย ปากแดงเจ่อ ไรผมเปียกน้ำเหมือนเพิ่งไปล้างหน้ามา จอมยกมือไหว้ทุกคนแล้วขอตัวชวนเพื่อนกลับทันทีเพราะหิวข้าวมากแล้ว พอทั้งคู่กลับไป เพื่อนคนอื่นรีบรุมเข้าไปอวดคนตัวเล็กที่เพิ่งกลับเข้ามา

“แกหายไปไหนมา เมื่อกี๊น้องจอมใจดีชักว่าวโชว์ให้ดูเลยนะเว้ย อลังการขนาดจะบอกว่าเท่าแขนเด็กประถมก็กลัวแกจะว่าโม้ ชั้นโทรหาแกจนมือหงิกเลย พลาดของดีที่สุดในชีวิตไปแล้ว”หนุ่มนักจัดสวนถาม

“เหรอ แล้วแกได้จับหรือเปล่า” หนุ่มนักออกแบบภายในถามเสียงเพลียๆ

“จับบ้าอะไร น้องเขาให้ดูก็บุญแล้ว เสียดายแทนแกว่ะ” คนรักต้นไม้ตอบ

“ถ้าแค่จับก็ยังไม่ได้จับ งั้นชั้นคงคุ้มแล้วที่พลาดไป ว่าแต่แกมียาอมบ้างป่ะ” คนที่เพื่อนเสียดายแทนถามแบบไม่ค่อยมีเสียง แต่ตาเป็นประกายอย่างอิ่มใจ

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 13] 30/07/15 โป๊ป-บอส
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 31-07-2015 00:40:08
ใช่คะ เราหมายถึงเรื่องนั้นเลยรูปแบบการเขียนคล้ายกันคะ แต่ของคุณจะมีโมเม้นแอบรักเพื่อนเข้ามาผสมด้วย
ซึ่งดูแต่งต่างและสนุกไปอีกแบบน่ารักดีคะ ตอนที่ผ่านมาก็สุดยอดอีกเช่นเคย
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 13] 30/07/15 โป๊ป-บอส
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 31-07-2015 10:24:13
เพิ่งมาตามอ่านได้2-3ตอน เนื้อแปลกแหวกแนวดี :hao7:

เดียวไล่อ่านจนทันแล้วจะกลับมาเม้นท์ อีกทีน้า
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 13] 30/07/15 โป๊ป-บอส
เริ่มหัวข้อโดย: Vocaliist ที่ 31-07-2015 17:44:54
ตอนที่13 หนุกดี ชอบๆ

บรรยายซะเห็นภาพตามเลย

มาต่อเร็วๆนะฮาฟฟ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 13] 30/07/15 โป๊ป-บอส
เริ่มหัวข้อโดย: Moko1212 ที่ 31-07-2015 19:04:25
ไม่ได้มาอ่านหลายตอน อ่านทีเดียวรวดเลย

อยากได้ตอนของเบอร์หนึ่งเบอร์สองอีก
FC บอส-โป๊ป

 :-[
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content พิเศษ ความหมายที่แท้จริงของเบอร์ศูนย์และเบอร์หนึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 31-07-2015 22:21:47

องค์กรลวงจิต Explicit Content

[พิเศษ] ความหมายที่แท้จริงของเบอร์ศูนย์และเบอร์หนึ่ง

สวัสดีครับ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะมาเล่าเรื่องให้ฟังโดยตรง ก็ไม่รู้นะครับว่าจะมีครั้งที่สองหรือเปล่า ผมไม่ใช่คนช่างพูดอะไร ผมเป็นสมาชิกหมายเลข 0001 ขององค์กร หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าเบอร์หนึ่ง หน้าที่ก็ต้องทำทุกอย่างในองค์กรล่ะครับ ยกเว้นเรื่องสะกดจิตกับการไปล่าตัวและทำโทษนักโทษ นี่ไม่นับว่าผมมีบริษัทวางระบบคอมพิวเตอร์เป็นของตัวเองด้วยนะ เบอร์ศูนย์มันเลือกทำเฉพาะงานที่มันอยากทำ เรื่องอื่นๆ ผมเลยรับเละ

ผมไม่รู้ว่าเบอร์ศูนย์ได้เล่าที่มาของเบอร์ศูนย์และเบอร์หนึ่งไว้ยังไง แต่ก็พอจะเดาได้ มันคงอธิบายว่าผมเป็นเบอร์หนึ่งซึ่งคือสมาชิกลำดับที่หนึ่งขององค์กร เพราะฉะนั้นต้องดูแลรับผิดชอบทุกอย่าง และต้องทำตามกฎขององค์กรอย่างเคร่งครัด ส่วนตัวมันเป็นเบอร์ศูนย์ ซึ่งไม่ใช่เลขลำดับ เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ได้เป็นสมาชิกขององค์กร ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรถ้ามันไม่อยากทำ ไม่ต้องทำตามกฎอะไรทั้งสิ้น มันเป็นเจ้านายตามชื่อของมันนั่นแหละ ออกจะเป็นความหมายที่เอาแต่ใจอยู่ซักหน่อยว่าไหมครับ แต่ผมไม่เดือดร้อนอะไรเลย ยังไงผมก็ทำตามใจมันอยู่แล้ว

เรื่องของเรื่องคือผมมีความหมายที่แท้จริงของเบอร์ศูนย์และเบอร์หนึ่งที่เป็นของผมเอง ความหมายที่เบอร์ศูนย์ไม่เคยได้รับรู้ และผมก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนผมถึงจะแชร์ความหมายอันนี้ให้มันฟัง

ผมเป็นคนไอที คอมพิวเตอร์เปรียบเสมือนร่างกายของผม ดิจิตอลก็เหมือนโลกของผม ในโลกนั้นมีเพียงตัวเลขสองตัว เลขศูนย์มีเพียงเลขหนึ่ง เลขหนึ่งก็มีเพียงเลขศูนย์ เลขสองตัวเป็นทุกอย่างของกันและกัน เลขสองตัวนั้นสามารถร่วมสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ มากมายในโลกดิจิตอล เบอร์ศูนย์กับเบอร์หนึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงก็เช่นกัน เบอร์ศูนย์เป็นทุกๆ อย่างของผม และผมก็เป็นทุกๆ อย่างของเบอร์ศูนย์ ถึงมันอาจจะไม่รู้ตัวก็ตาม เบอร์ศูนย์และเบอร์หนึ่งร่วมกันสร้างสิ่งมหัศจรรย์อย่างองค์กรขึ้นมา เราจะทำให้โลกดีขึ้น และนี่คือความหมายที่แท้จริงของเบอร์ศูนย์และเบอร์หนึ่ง ในมุมมองคนไอทีอย่างผม

ผมเป็นคนไอที...
ผมคือเบอร์หนึ่ง...
ถ้าคอมพิวเตอร์เปรียบเสมือนร่างกาย...
เบอร์ศูนย์ก็คงเป็นเหมือนจิตวิญญาณ...
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content พิเศษ ความหมายที่แท้จริงของเบอร์ศูนย์และเบอร์หนึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Maiiz Ellfiez ที่ 31-07-2015 22:23:28
อยากอ่านพาร์ท 1-0 เยอะๆ ค่า
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content พิเศษ ความหมายที่แท้จริงของเบอร์ศูนย์และเบอร์หนึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 31-07-2015 23:32:20
ว้าย! พอรู้ความหมายแล้ว เขินหนักมาก //บิดตัวไปมา
FC  0&1
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content พิเศษ ความหมายที่แท้จริงของเบอร์ศูนย์และเบอร์หนึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 01-08-2015 07:30:09
ซาบซึ้ง  :o8:
เบอร์หนึ่งนี่โรแมนติคผิดคาดแฮะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content พิเศษ ความหมายที่แท้จริงของเบอร์ศูนย์และเบอร์หนึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Moko1212 ที่ 01-08-2015 08:19:50
ดูแล้วโป๊ปนี้รักจริง เมื่อไหร่หนอบอสจะรู้  :katai5:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 14] 01/08/15 ข้อจำกัดของพลังที่ไร้ขีดจำกัด
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 01-08-2015 21:47:00

องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 14 ตอนพิเศษ ข้อจำกัดของพลังที่ไร้ขีดจำกัด

[บอส]

สวัสดีครับ เบอร์ศูนย์มารายงานตัวแล้ว หลายๆ คนมีข้อข้องใจผมเป็นใครมาจากไหน เป็นพวกเอ็กซ์เมนหรือเปล่า ทำไมเก่งอย่างนี้ บางคนอาจสงสัย ถ้าอยากจะทำให้สังคมดีขึ้น อยากลงโทษคนผิดให้หลาบจำ แล้วมีพลังในการสะกดจิตขนาดนี้ ทำไมไม่สะกดจิตให้ทุกคนสำนึกผิดเป็นคนดีให้หมดเลยล่ะ จะมาตั้งองค์กรให้เหนื่อยทำไม มันก็จริงนะ ถ้าผมมีพลังที่ไม่มีข้อจำกัดใดๆ  อย่างนั้นผมคงครองโลกไปแล้ว แต่เอาเข้าจริง พลังผมก็ใช้ไม่ได้ในหลายๆ เรื่อง หรือจะพูดให้ถูกน่าจะบอกว่า พลังของผมใช้ได้แค่บางเรื่องมากกว่า นี่ถ้าไม่ได้เบอร์หนึ่งมาช่วยคิดระบบการจัดการขององค์กรให้สอดคล้องกับข้อจำกัดของพลังผม องค์กรเราคงมาไม่ได้ไกลขนาดนี้

แล้วข้อจำกัดมันมีอะไรบ้างล่ะ ถ้าจะให้เข้าใจเรื่องนั้นผมคงต้องเล่าขอย้อนอดีตหน่อย ถือเป็นการทำความรู้จักผมไปในตัวว่าไม่ใช่เอ็กซ์เมนที่ไหน จริงๆ ผมก็เป็นคนธรรมดานี่แหละ แถมชีวิตค่อนข้างจะน่าเศร้าด้วย แต่ไม่ต้องสงสารผมหรอกนะ เพราะผมโชคดีที่มีคนที่รักผม และผมก็ทำทุกอย่างในชีวิตอย่างเต็มที่มาตลอด

ผมไม่มีแม่ตั้งแต่เด็กๆ อันที่จริงผมมีแม่นะ แล้วผมก็จำได้ลางๆ ด้วยว่าแม่รักผมมาก แต่ว่าตอนไหนไม่รู้ แม่ก็ไม่อยู่แล้ว พ่อก็ไม่ยอมบอกด้วยว่าแม่ไปไหน ยังอยู่หรือขึ้นสวรรค์ไปแล้ว

พ่อผมเป็นหมอ ตอนเด็กๆ ผมรู้แค่นั้น แต่พอโตมาผมก็รู้ทีหลังว่าพ่อผมเป็นศัลยแพทย์ทางด้านสมองที่มีชื่อเสียงมาก แต่พอผมอายุซักแปดเก้าขวบพ่อก็เบนเข็มมาทางด้านการทำวิจัย ผมไม่รู้รายละเอียดของงานของพ่อเท่าไหร่ แต่เท่าที่ประติดประต่อเรื่องทีหลังมันก็น่าจะเกี่ยวกับการนำการสะกดจิตมาใช้ในวงการแพทย์ ผมจำได้ว่าพ่อทำงานหนักมาก แต่ก็ยังพยายามหาเวลามาเล่นกับผมเสมอ

พอซักสิบขวบพ่อก็มีเกมแปลกๆ มาให้ผมลองเล่นดู อันแรกผมจำได้แม่นเลยคือการทำให้พ่อตื่นนอนเองโดยไม่ต้องปลุก พ่อสอนให้ผมทำจิตใจให้ว่างเปล่า แล้วจินตนาการเรื่องการตื่นนอนตอนตีห้าครึ่งไว้ในหัว คิดจนเห็นภาพอย่างชัดเจนติดในหัวตัวเอง จากนั้นก็จ้องตาพ่อแล้วจินตนาการว่าความคิดนั้นลอยจากหัวผมไปเข้าหัวพ่อผ่านทางสายตาพร้อมกับท่องเรื่องการตื่นนอนตีห้าครึ่งไปเรื่อยๆ ให้พ่อได้ยิน พอมั่นใจว่าความคิดถ่ายทอดไปหมดแล้วก็ให้ผมดีดนิ้วขึ้นเป็นอันจบ ผมลองเล่นเกมนี้กับพ่อทุกวันจนแค่วันที่สามผมก็ชนะ พ่อตื่นได้เองตอนตีห้าครึ่งจริงๆ

หลังจากนั้นพ่อก็มีเกมแปลกๆ แบบนี้มาให้ผมเล่นอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้พ่อจำหนังสือยากๆ ช่วยให้พ่อไม่ลืมกินยาก่อนอาหาร หรือช่วยให้พ่อลืมหนังผีที่ผมชวนดู แต่ละแนว พ่อจะสอนเทคนิคในการจินตนาการที่ต่างกัน ซึ่งผมก็ชนะได้ทุกครั้งใช้เวลามากบ้างน้อยบ้าง พอผมอวดพ่อว่าผมเก่งกว่าพ่อซะอีก พ่อก็หัวเราะบอกว่าพวกนี้มันง่ายๆ เพราะใจพ่อก็อยากทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ลองถ้าเป็นเรื่องที่พ่อไม่อยากทำละก็ ผมไม่มีทางชนะ ผมเลยแอบจินตนาการให้พ่อชอบกินมะเขือเทศที่พ่อเกลียด ซึ่งก็ไม่สำเร็จจริงๆ พ่อเกือบจะตักเข้าปาก แต่ก็ทำหน้าย่นแล้ววางลง

หลังจากนั้นพ่อก็ทำงานหนักมากขึ้น แต่นานๆ ทีก็มาสอนเรื่องใหม่ๆ ที่พ่อพบ จนเทอมปลายของชั้นมอหนึ่ง เรื่องร้ายก็เกิดขึ้น พ่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง แบบที่ทรมานมากด้วย แต่พ่อไม่ยอมกินยาหรือฉีดยาระงับปวด พ่อบอกว่าจะทำให้หัวสมองเบลอ ความคิดไม่แจ่มใส เดี๋ยวจะไม่สามารถทำงานวิจัยที่ค้างได้เสร็จก่อนหมดเวลาของพ่อ ผมร้องไห้ แต่พ่อปลอบว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องจากกัน และขอให้ผมช่วย พ่อสอนให้ผมสะกดจิตพ่อเพื่อระงับความปวด แรกๆ ผมก็ทำได้ดี พ่อกลับไปเขียนงานวิจัยที่ค้างไว้ได้อย่างคืบหน้า แต่พออาการพ่อแย่ลง การสะกดจิตของผมเริ่มเอาไม่อยู่ พ่อก็สอนเทคนิคระดับสูงที่ทำให้อำนาจเหนือจิตของผมมีพลังมากขึ้น ผมฝึกฝนอย่างเต็มที่อยากให้พ่อเจ็บปวดน้อยที่สุด ระหว่างนั้นผมได้เพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกันตั้งแต่ตอนปอหกมาช่วย มันย้ายเข้ามากลางคันตอนเทอมสองและพอขึ้นมอหนึ่งก็เริ่มจะสนิทกัน มันคอยดูแลเรื่องต่างๆ ให้ ไม่ว่าจะเรื่องเรียน อาหารการกิน กิจกรรมต่างๆ

ในที่สุดพ่อก็เขียนงานวิจัยเสร็จ พ่อฝากผู้ร่วมงานที่ไว้ใจได้ดูแลเรื่องการตีพิมพ์ผลงานวิจัยนี้ พ่อบอกว่าในนั้นมีเฉพาะเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์เท่านั้น แต่มีบางเรื่องที่พ่อค้นพบแล้วแต่ไม่เปิดเผยเพราะเห็นว่ามันอาจเป็นดาบสองคม จะมีแต่ผมเท่านั้นที่รู้ตามที่ได้สอนไปหมดแล้ว พ่อบอกว่าผมมีพรสวรรค์ด้านนี้ซะยิ่งกว่าพ่ออีก ขอให้ผมใช้มันเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมแต่ก็ขอให้ผมมีความสุขไปกับมันด้วย ในที่สุดพ่อก็จากไปอย่างสงบ ทิ้งสมบัติไว้มากพอที่จะให้ผมอยู่อย่างสบายจนเรียนจบ ผมไม่ได้กังวลเรื่องเงินแม้แต่น้อย สิ่งที่พ่อทิ้งไว้ให้ในหัวมันมีค่ากว่านั้นตั้งเยอะ

หลังจากนั้นผมก็ทำใจเรื่องพ่อได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก ส่วนหนึ่งคงเพราะความคิดที่ว่าผมได้ทำเต็มที่เพื่อพ่อแล้ว อีกส่วนก็มาจากเพื่อนคนนั้นที่กลายมาเป็นเบอร์หนึ่งในตอนนี้ พ่อได้ฝากให้คนที่ไว้ใจได้ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองตามกฎหมาย แต่คนที่ดูแลผมจริงๆ ก็คือไอโป๊ปและครอบครัวมันมากกว่า ผมแทบจะไปกินนอนอยู่บ้านมันเพราะไม่งั้นต้องอยู่คนเดียว นานๆ ถึงกลับมาบ้านตัวเองสักที ไอโป๊ปนี่หลังจากผมไปรื้อๆ ค้นๆ บ้านมันถึงรู้ว่า ก่อนจะย้ายกลางคันมาโรงเรียนผม มันเรียนอยู่โรงเรียนพิเศษสำหรับเด็กอัจฉริยะ แต่พอถามมัน มันก็บอกว่าเขาคงตรวจไอคิวมันผิด เรียนๆ ไปก็ไม่ไหว เลยต้องย้ายมาอยู่โรงเรียนธรรมดา

หลังจากพ่อเสียไปผมก็ไม่เคยใช้พลังสะกดจิตอีกเลย เพราะผมก็เคยสะกดจิตพ่อคนเดียวเท่านั้น ไอโป๊ปรู้เรื่องคร่าวๆ เกี่ยวกับสิ่งที่พ่อสอนผมตั้งแต่ตอนที่พ่อป่วย ซึ่งมันก็ประกาศกร้าวว่า ห้ามผมสะกดจิตมันเด็ดขาด อยากให้มันทำอะไรให้ก็บอกไม่ต้องเสียเวลาสะกด ผมก็เลยไม่มีที่ฝึกซ้อมอย่างที่ตั้งใจไว้

พอขึ้นมอสอง ผมก็เริ่มสงสัยว่าตัวเองจะเป็นเกย์ ผมเริ่มมองรุ่นพี่หล่อๆ หุ่นดีๆ ที่โรงเรียน ตอนแรกผมก็คิดว่าอาจจะแค่ชื่นชมอยากโตขึ้นแล้วเท่ๆ อย่างนั้นบ้าง แต่ก็เริ่มไม่แน่ใจก็ตอนที่รู้สึกวูบวาบกับพี่กันต์ประธานนักเรียนสุดหล่อมอหก พี่กันต์เป็นคนที่ผิวคล้ำเล็กน้อยแบบคนเล่นกีฬากลางแจ้ง หน้าตาคมเข้ม จมูกเป็นสันได้รูป รูปร่างก็กำยำล่ำสันตามแบบนักกีฬา เรียกว่าเป็นคนที่สมชายจริงๆ เท่านั้นยังไม่พอ  พี่เขาเรียนเก่งมากแล้วยังเฟรนด์ลี่สุดๆ ทักคนโน้นคนนี้ตลอดเวลา ผมพยายามแยกแยะความรู้สึกที่มีต่อพี่เขาแล้วก็พบว่ามีสองส่วน ส่วนแรกก็ความชื่นชมแบบไอดอล ส่วนที่สองไม่แน่ใจว่าเป็นความใคร่หรือความอยากรู้อยากเห็นกันแน่ แต่เวลาที่ผมไปดูพี่เขาถอดเสื้อแตะบอลแล้วก็อยากจะเห็นสิ่งที่ซ่อนเร้นมากกว่านั้น

ผมได้แต่แอบชื่นชมพี่เขาอย่างเงียบๆ จนวันหนึ่งผมยืนฉี่อยู่ในห้องน้ำฟากมอต้น แล้วก็มีคนมายืนฉี่ข้างๆ หันไปมองก็พบว่าเป็นพี่กันต์ไอดอลของผมเอง พี่เขาก็หันมายิ้มให้เห็นไรฟันขาวมีเสน่ห์ ผมรีบหันกลับใจเต้นแรงแล้วพยายามเหลือบตามมองเผื่อจะได้เห็นของที่อยากเห็น และไม่ผิดหวัง แผงกั้นโถฉี่ฝั่งมอต้นมันจะค่อนข้างเตี้ยในขณะที่พี่เขาสูงเกินร้อยแปดสิบซะอีก ประกอบกับท่าฉี่แบบไม่ระวังตัว เผยให้เห็นถึงมังกรพ่นน้ำตัวเขื่องในมือพี่เขา ท่อนลำพี่เขาอ่อนตัวมีหนังหุ้มปลายนิดๆ ผมแอบมองอยู่พักหนึ่งแล้วก็รีบเก็บของตัวเองเข้าที่ก่อนที่มันจะขยายตัวขึ้นมา ผมกดน้ำแล้วเดินไปล้างมืออย่างเสียดาย แต่ถ้ามองอยู่นานไปจะผิดสังเกตได้ ขณะล้างมือผมก็จินตนาการถึงภาพพี่เค้าจับท่อนลำพ่นน้ำที่ติดตาเมื่อครู่ไปเป็นภาพที่พี่เขารูดเข้าออกอย่างช้าๆ ตอนนั้นผมยังเด็ก พอรู้เรื่องอย่างนี้มาบ้างแต่ไม่เคยทำแบบจริงๆ เพราะแค่เอามือไปถูส่วนนั้นแค่นิดเดียว มันก็เสียวแทบทรุดแล้ว

พอล้างมือเสร็จ ผมก็ถอยออกมาจากอ่างโดยไม่ระวังจนชนคนที่เดินมาจากด้านหลัง ผมหันไปขอโทษพร้อมกับสบตา ปรากฎว่าเป็นพี่กันต์นั่นเอง ขณะสบตา ผมรู้สึกว่าภาพพี่เขาชักว่าวที่ติดอยู่ในหัวผมมันไหลไปยังความคิดพี่เขาผ่านทางสายตา พี่กันต์ชะงัก แล้วปลดเข็มขัดนักเรียนกับตะขอกางเกงออกแล้วรูดลง มือควักแท่งเนื้อสีน้ำตาลขึ้นมาสาวช้าๆ จนแข็งตัว ผมตื่นเต้นมากที่ประธานนักเรียนสุดหล่อที่ใฝ่ฝันมาโชว์สดๆ ตรงหน้า นี่ผมเผลอไปสะกดจิตพี่เขาเข้าหรือนี่ อยากดูก็อยากดูแต่ถ้าปล่อยให้พี่เขาทำต่อไปตรงนี้คงไม่ดีแน่ ตอนนี้ไม่มีคนอื่นก็จริง แต่อาจมีใครเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้

ผมจินตนาการให้พี่เขาหยุด สบตา แล้วดีดนิ้วตามวิธีที่ฝึกมากับพ่อ พี่กันต์หยุดทันที ท่าทางดูงงๆ

“อะไรวะนี่ ๆ จู่ๆ ก็...” แล้วก็หันมายิ้มเขินๆ ให้ผม

“น้องๆ ตกใจหรือเปล่า พี่ขอโทษครับ สงสัยทำงานมากจนเบลอ”

“ไม่ได้เอาน้ำออกมานาน จนมาเผลอทำในห้องน้ำต่อหน้าเด็กเนี่ยนะ เพี้ยนโครตๆ” พี่เขาก็บ่นกับตัวเอง ขณะพยายามจับของที่ยังแข็งตัวอยู่ยัดเข้าไปเก็บในกางเกงอย่างทุลักทุเลจนสำเร็จ แต่ก็ตุงมากๆ

“อยู่มอสองใช่ไหมเราน่ะ อย่าไปบอกใครล่ะ” พี่เขาเอานิ้วมาจุ๊ปากส่ายหน้านิดๆ อย่างเท่ แล้วก็เดินไปทางประตูห้องน้ำ

ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ความคิดที่จะเป็นคนดีมันหายไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ผมดึงเสื้อพี่เขาไว้ พอพี่เขาหันกลับมามอง ผมก็ป้อนสิ่งที่ต้องการเข้าไปขณะสบสายตา แววตาที่ตอนแรกมองมาอย่างสงสัยเปลี่ยนไปทันที

“เมื่อกี๊เห็นจ้องเอาๆ เหมือนทำไม่เป็น โตป่านนี้แล้วนะ พี่สอนให้ไหมครับ” พี่กันต์ถามผม สีหน้าอมยิ้มนิดๆ

ผมพยักหน้าอย่างอายๆ

พี่กันต์จูงมือผมเข้าไปห้องน้ำที่อยู่ใกล้สุด ล๊อคประตูแล้วหันมาพูดกับผมอย่างอ่อนโยน

“มอสองแล้วยังไม่เคยอีก ไม่มีพี่ชายใช่ไหม ไม่เป็นไร พี่สอนให้ พี่ก็เคยสอนน้องชายพี่เหมือนกัน เอ้า เราถอดกางเกงออกมาก่อน ไม่ต้องอาย นี่พี่ถอดเป็นเพื่อนแล้วไง”

ผมถอดกางเกงออกมาอย่างตื่นเต้น ยิ่งเห็นหนุ่มในฝันกำลังเปลือยท่อนล่างอยู่ตรงหน้า ท่อนเนื้อชูชัน ของผมก็เหมือนกัน แค่โดนนิดเดียวขาก็เสียวจนยืนแทบไม่อยู่ พี่กันต์มองมายิ้มๆ

“เราผิวขาวดีนะ ของเด็กนี่น่ารักจริงๆ ขนเพิ่งขึ้นเองเหรอ ขนาดใช้ได้ ลองทำตามพี่นะ เอามือกำตรงลำหลวมๆ แล้วก็สาวขึ้นลงช้าๆ”

พี่เขาสาธิตให้ดู ผมก็ทำตามอย่างกับถูกสะกดจิตซะเอง จังหวะสาวของพี่มันกินระยะทางมากกว่าผมเยอะ ก็ช่วงแกนพี่กันต์มันยาวกว่าแบบเด็กๆ อย่างผมเทียบไม่ติดนี่ครับ ก็เสียวก็เสียวแต่ไม่กล้าหยุด

“หัวเราสีชมพูสวยดีนะยังไม่เปิดเท่าไหร่เลย งั้นตอนรูดลง อย่ารุนแรงมากนะ ค่อยๆ ทำไป ให้หนังหุ้มปลายมันคลายตัวทีละนิดๆ เดี๋ยวทำบ่อยๆ มันก็เปิดได้สุดเอง ต้องหมั่นทำความสะอาดนะ ตอนอาบน้ำปลิ้นออกมาล้างด้วย” พี่เขาสอน

ผมสาวไปแค่อีกไม่กี่ทีก็ระเบิดออกมาใส่กำแพงด้านหนึ่ง นี่เกือบๆ จะเป็นน้ำแรกในชีวิตหนุ่มของผมเลยนะ ผมขาสั่นยืนแทบไม่อยู่ จนพี่ต้องวางมือประคองตัวผมพิงกับกำแพงห้องน้ำไว้

“ฮ่า ฮ่า ทรุดเลยเหรอ เด็กๆ นี่ไวจังนะ น้ำก็ยังค่อนข้างใสอยู่ เอาไงดี พี่ยังสอนไม่จบเลย งั้นเราช่วยรูดของพี่ให้หน่อย จะได้ชำนาญเร็วๆ” พี่กันต์ยื่นแท่งเนื้อที่ยังแข็งตัวมาให้ มือของผมตอนนั้น กำไม่รอบแล้วก็ยังเหลือความยาวอีกเยอะ สีผิวมือผมตัดกับสีน้ำตาลของท่อนลำพี่อย่างน่าดู ผมเหมือนรู้สึกถึงความอบอุ่นและจังหวะการเต้นหัวใจของพี่กันต์ผ่านทางมือที่กำอยู่ ส่วนพี่เขาตาเป็นประกายขณะอธิบายต่อ

“อย่างนั้น ดีครับ ไม่ต้องแน่นมาก อูย มีคนชักให้นี่ก็ดีแฮะ รูดขึ้นสุดลงสุดไปเลย ถ้าเรามีน้ำมันหรือเจลหล่อลื่นจะใส่ด้วยก็ได้ มันจะทำให้ไม่ฝืดมือแล้วก็เร่งจังหวะได้เร็วขึ้น แต่เอาไว้ชำนาญก่อนก็ได้ ถ้าต่อไปทำบ่อยจนเบื่อ ก็ลองเปลี่ยนเป็นมือข้างที่ไม่ถนัดดู” พี่กันต์เล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ แต่ก็สูดปากเป็นบางครั้ง ซักพักใหญ่ก็บอกให้ผมเร่งจังหวะ ตัวเองหลับตาพริ้มหน้าเหยเกแล้วกระฉูดน้ำอุ่นข้นออกมาจนเต็มมือผม

“โอ๊ะ ขอโทษทีครับ พี่บอกไม่ทัน มานี่มาเช็ดออกก่อน” พี่กันต์จับมือผมขึ้นมา เอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อบรรจงเช็ดจนเกือบแห้ง พี่เขาอ่อนโยนมากๆ จนผมรู้สึกเหมือนกลับเป็นเด็กแล้วมีพี่ชายใจดีมาดูแล พอเสร็จผมก็เอาผ้าผืนเดียวกันมาช่วยเช็ดส่วนปลายของพี่จนหมด

“เดี๋ยวก็ไปล้างมือฟอกสบู่ด้านนอกนะครับ เรามีอะไรจะถามเรื่องนี้อีกไหม”

“ไม่มีครับ ขอบคุณพี่มาก”

“คุยกันมาตั้งนาน เราชื่ออะไร” พี่กันต์ถามขึ้นขณที่เรายืนล้างมือข้างๆ กัน

“บอสครับ ผมชื่อบอส” ผมตอบพร้อมกับสบตาสวยๆ ของคนถาม ผมนึกถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้องน้ำ คิดว่ามันอยู่ในหัวพี่กันต์ แล้วจินตนาการให้มันดับวูบไปเหมือนปิดทีวีพร้อมกับดีดนิ้ว

พี่กันต์ชะงัก กรอกตานิดนึงแล้วกลับมาสบตาผมที่ยังมองพี่เขาค้างอยู่

“น้องมองพี่ทำไมครับ พี่มาหาอาจารย์ตรงตึกนี้ เลยขอแวะมาเข้าห้องน้ำของมอต้น หวงเหรอ” พี่กันต์พูดขำๆ ส่วนผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

“อยู่มออะไรแล้ว อ้อ มอสอง เป็นเด็กดีหรือเปล่า พี่เป็นประธานนักเรียนขาโหดนะ อย่าเกเรแล้วกันถ้าไม่อยากถูกพี่ลงโทษ” พี่กันต์พูดยิ้มๆ เหมือนจะแซว

“พี่ไปล่ะ พี่ชื่อกันต์นะ เรารู้จักหรือยัง ว่าแต่เราชื่ออะไรนี่ เผื่อเจอกันอีกก็ทักพี่ได้นะ” พี่กันต์พูดต่อตามประสาคนอัธยาศัยดี

“บอสครับ ผมชื่อบอส” ผมตอบขณะเอามือบังผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นลงไปเก็บอย่างมิดชิดในกระเป๋ากางเกง
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 14] 01/08/15 ข้อจำกัดของพลังที่ไร้ขีดจำกัด
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 01-08-2015 21:49:19

เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ผมต้องมานึกทบทวนความสามารถของตัวเอง ที่ผ่านมาผมไม่เคยสะกดจิตพ่อให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำได้สำเร็จ แต่ทำไมตอนนั้นผมถึงสะกดให้พี่กันต์ชักว่าวตรงหน้าห้องน้ำได้อย่างง่ายดาย มันน่าจะเป็นเรื่องที่ฝืนใจพี่เขามากๆ จนตอนนี้ผมก็ยังไม่ค่อยกล้าสู้หน้าประธานนักเรียนรูปหล่อเท่าไหร่ มันทั้งเขินอายแล้วก็รู้สึกผิดด้วยที่ปล่อยให้ความอยากของตัวเองมาลบล้างความยับยั้งชั่งใจ ทั้งๆ ที่พี่เขาก็จำเรื่องในวันนั้นไม่ได้เลย

ผมปรึกษาเรื่องนี้กับโป๊ป มันไม่ค่อยสนใจเรื่องสะกดจิตเท่าไหร่ แต่กลับไปบ่นเรื่องที่ผมไปให้พี่เขาสอนเรื่องการช่วยตัวเองให้ มันบอกว่าเรื่องแค่นี้ถามมันก็ได้ ผมเลยบอกมันไปตรงๆ ว่าผมน่าจะเป็นเกย์ แล้วก็ชอบพี่กันต์มากด้วย แต่มันมีหลายความรู้สึกปนกัน ทั้งความชื่นชมเหมือนเป็นไอดอล ทั้งนับถือแบบพี่ชาย และก็ความรู้สึกวูบวาบในฐานะที่พี่เขาเป็นผู้ชายที่น่าจะเรียกว่าตรงสเป็กผม แต่พอไอโป๊ปมันลองให้เลือกดูดีๆ ว่าระหว่างให้ผมกลายเป็นคนเท่ๆ เหมือนพี่เขา กับให้พี่เขาเป็นพี่ชายผมจริงๆ หรืออันสุดท้ายคือคบเป็นแฟนกับพี่เขา ว่าผมอยากได้อันไหนที่สุด ผมก็เลือกได้โดยไม่ต้องคิดว่าอยากเป็นน้องชายของพี่กันต์ ผมรู้สึกอบอุ่นมากๆ เวลาที่พี่เขามาทักทายแบบสนิทสนมเวลาที่เจอกันหลังจากนั้นโดยที่จำเรื่องวันนั้นไม่ได้เลย นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจลบความทรงจำของพี่เขาในวันนั้นโดยไม่รู้ตัวว่าทำไปเพราะอะไร จิตใต้สำนึกของผมคงอยากให้พี่เขาจำผมแต่ในเรื่องดีๆ มากกว่าที่จะมาสานต่อกันในเรื่องอย่างว่า

ผมสบายใจมากขึ้นเมื่อเคลียร์ความรู้สึกตัวเองไปได้ โป๊ปบอกว่าผมยังเด็ก ไม่น่าจะคิดเรื่องมีแฟนในตอนนี้ ซึ่งผมก็เห็นด้วย มันบอกว่าถ้าอยากรู้อะไรเรื่องเซ็กซ์ ก็ถามมันได้ อันนี้ผมสงสัยจริงๆ ว่ามันจะรู้เรื่องพวกนั้นมากกว่าผมได้ยังไง ส่วนเรื่องพี่ชาย ไอโป๊ปบอกว่าถ้าอยากมี มันจะเสียสละเป็นให้ก็ได้ ผมเลยตบหัวมันไป แก่กว่ากันไม่กี่เดือน คิดจะยกตัวขึ้นเป็นพี่ชายผม ฝันไปเถอะ

หลังจากนั้นผมก็ขอให้ไอโป๊ปช่วยเรื่องทดสอบความสามารถในการสะกดจิตของผม มันก็เตรียมการให้อย่างดีโดยออกแบบเป็นตารางการทดลองเคสต่างๆ มาให้ทำอย่างกับจะทำการทดลองวิทยาศาสตร์ แล้วก็ไปหาเพื่อนๆ มาให้ผมทดลอง แน่นอนว่าเราไม่บอกให้พวกมันรู้ตัวหรอก แต่ไอโป๊ปบอกว่าไม่ต้องกังวล มันคิดคำสั่งที่ไม่ได้ทำให้เพื่อนๆ เสียหายเดือดร้อนอะไรมาให้ผมใช้ทดลอง แล้วพอทดลองกับใครเสร็จก็พากันไปเลี้ยงข้าวเลี้ยงขนม ไอโป๊ปเป็นสปอนเซอร์ให้ตลอด ทั้งๆ ที่เพื่อนๆ ก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่พวกมันก็กินกันอย่างเต็มที่

หลังจากช่วยทำการทดลองอย่างกับเป็นนักวิทยาศาสตร์ใหญ่อยู่เป็นเดือนๆ ไอโป๊ปก็เอาผลมาสรุปให้ผมฟังว่า

“สรุปอย่างนี้นะบอส มึงสามารถสะกดจิตให้ใครทำในสิ่งต่างๆ ได้ แต่ผลของมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ถ้าเรื่องที่ให้ทำเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ขัดกับสำนึกของเขา เช่นให้ไปเปิดหน้าต่าง หยิบสมุด กินน้ำ อันนี้จะง่ายและได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์เลย แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบ เช่น สะกดคนที่ไม่ชอบผักให้เขากินผัก สะกดคนเกลียดหมาให้ไปเล่นกับหมา มึงต้องตั้งสมาธิให้แรงมากๆ ถึงจะสำเร็จ ยกเว้นคนที่จิตใจเข้มแข็ง อาจจะฝืนได้บ้าง แต่โดยรวมๆ เขามีแนวโน้มจะทำเรื่องเหล่านั้นมากขึ้น ยิ่งขัดความรู้สึกหรือสามัญสำนึกเท่าไหร่ ยิ่งสะกดได้ยาก”

“แล้วถ้าจะสะกดเพื่อบังคับไม่ให้ทำในสิ่งที่เขาชอบล่ะ จะเหมือนกันไหม” ผมถาม การฝืนใจมันไม่ได้มีแต่บังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบนี่นะ

“การสะกดไม่ให้ทำสิ่งที่อยากทำจะง่ายกว่ามาก เมื่อเทียบกับการสะกดให้ทำสิ่งในที่ไม่อยากทำ มึงจำตอนที่ทดลองสะกดไออ้วนได้ไหม มันชอบกินช็อคโกแลตแต่เกลียดผักชี ตอนมึงสะกดให้มันไม่แตะกินช็อคโกแลตของโปรด มันง่ายกว่าตอนสะกดให้มันกินผักชีตั้งเยอะใช่ไหม”

ผมนึกถึงตอนทดลองกับเพื่อนแล้วก็คล้อยตาม ถ้าอย่างนี้ผมก็สามารถใช้การสะกดจิตในการป้องกันตัวได้สิ เพราะถ้ามีใครอยากจะทำร้ายผม ผมก็สะกดไม่ให้เขาทำอย่างนั้นได้สบาย

“แต่มีอันนึงที่จะไม่สำเร็จแน่ๆ คือการสะกดให้เขาทำสิ่งที่ขัดกับสัญชาตญานในการเอาตัวรอดของมนุษย์ เช่น มึงไม่สามารถไปสั่งให้คนกระโดดตึกลงจากดาดฟ้าได้”

“กูจะทำอย่างนั้นทำไมวะ” ผมเป็นคนดีจิตใจอ่อนโยนนะ จะทำทำไม

“ไม่รู้สิ บอกเผื่อไว้ ต่อมาเป็นเรื่องเกี่ยวกับความจำ ถ้าเป็นความทรงจำที่มึงมีส่วนร่วมด้วย หรือรู้เหตุการณ์อย่างละเอียด มึงจะสามารถลบออกจากความจำเขาได้แทบจะสมบูรณ์ แต่ถ้าเป็นเหตุการณ์ที่เป็นประสบการณ์ของเขาเองที่มึงไม่ได้เกี่ยวข้องหรือรับรู้ด้วย มันจะยากมากที่มึงจะไปลบออก อย่างเก่ง ก็จะทำให้เขารู้สึกเหมือนเหตุการณ์นั้นเป็นกึ่งจริงกึ่งฝันหรือเดจาวูห์ อีกอย่างคือ มึงไม่มีความสามารถที่จะสร้างความทรงจำปลอมๆ ขึ้นมาได้” ผมนึกทวนสิ่งที่เคยลองมา ก็น่าจะจริงตามนั้น

“ส่วนระหว่างถูกสะกดคนที่โดนเขาจะรู้สึกยังไงนั้นขึ้นอยู่กับจินตนาการที่มึงคิดไว้ตอนถ่ายทอดเข้าไปในหัวเขา ถ้ามึงคิดเป็นข้อความคำสั่ง เขาจะทำไปโดยไม่รู้ตัวเบลอๆ ลอยๆ จนทำเสร็จถึงกลับมามีสติอีก แต่ถ้ามึงคิดเป็นภาพตอนเขาทำสิ่งที่มึงสั่ง เขาจะทำโดยรู้สึกตัวทุกอย่างแต่ห้ามตัวเองไม่ได้ และสุดท้าย ถ้ามึงจินตนาการเป็นอารมณ์ความอยาก เขาจะรู้สึกอยากที่จะทำสิ่งนั้นขึ้นมาเองแล้วก็ทำไปโดยรู้สึกตัวทั้งหมด” มันอย่างนี้นี่เอง พ่อผมสอนเทคนิคหลายแบบให้ แต่ผมไม่เคยสังเกตว่ามันให้ผลที่ต่างกันยังไง

“แต่ก็มีอันที่กูยังไม่เคลียร์ บางครั้งเหมือนมึงสามารถสั่งให้ทำในสิ่งที่ขัดความรู้สึกอย่างรุนแรงได้แบบง่ายๆ เลย อย่างกรณีพี่กันต์ อันนี้กูเดาๆ สาเหตุไว้แล้ว แต่ไม่แน่ใจเพราะเราไม่ได้ทำเรื่องแนวนี้กับเพื่อนๆ เรา เลยต้องทำการทดลองอันสุดท้าย วันนี้กูนัดพวกรุ่นพี่จากโรงเรียนเทควนโด้ที่กูไปเรียนอยู่มาเคลียร์ มันเขม่นกูมาสักพักแล้วเรื่องที่กูเรียนเก่งจนได้สายดำเท่าพวกมันแล้ว ทั้งๆ ที่กูเข้าทีหลังตั้งนาน”

นี่มันยังจะทำการทดลองอะไรอีกเหรอนี่ ผมสะกดคนโน้นคนนี้แทบทุกวันจนเอียนแล้ว

“นั่นไง สงสัยมากันแล้ว เดี๋ยวกูจะทดสอบการสะกดจิตกับพวกมัน มึงทำตามที่กูบอกเหมือนเดิมนะ” ไอโป๊ปพูดหลังได้ยินเสียงกริ่ง

ไอโป๊ปนี่มันเก่งขนาดได้สายดำแล้วครับ แต่ที่มันใช้ผูกเอวจะเป็นสายดำแดงเพราะอายุยังไม่ถึงสิบห้า มันเดินออกไปกดรีโมทเปิดประตูรั้วเอง วันนี้พ่อกับแม่มันไม่อยู่ กว่าจะกลับก็คงดึกๆ คนขับรถก็ไปด้วย ส่วนแม่บ้านสองคนมันให้ผมสะกดจิตให้ไปนอนหลับพักผ่อนในห้องตัวเองอย่างสบายตั้งแต่บ่ายแล้ว มีวัยรุ่นชายตัวโตห้าคนเดินตามมันมา ท่าทางน่าจะอยู่มอปลายกันหมด นี่คงเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเทควนโด้ของมัน

“เรียกพวกกูมาถึงบ้านมีอะไรวะ มึงใหญ่มาจากไหน ถือว่าอาจารย์ชอบแล้วจะไม่เห็นหัวรุ่นพี่งั้นสิ” พวกรุ่นพี่เริ่มทันทีเมื่อไอโป๊ปมันเชิญให้นั่งที่เก้าอี้ตรงศาลาข้างบ้าน ท่าทาง

“ใจเย็นๆ ครับพี่ ผมแค่อยากหาโอกาสเคลียร์กับพวกพี่ดีๆ ว่ามีอะไรไม่พอใจผมหรือเปล่า เราก็ศิษย์สำนักเดียวกัน”

“มึงรู้ตัวก็ดี แม่งชอบทำตัวน่าหมั่นไส้ ฝีมือก็งั้นๆ ดีแต่ประจบอาจารย์”

ไอโป๊ปมันแอบส่งกระดาษข้อความให้ผม ผมรับมาอ่านดูในนั้นมันเขียนว่าให้ผมสะกดจิตให้พวกรุ่นพี่มันทำหน้ากับท่าทางให้เหมือนลิง ผมขำนิดๆ แต่ก็ลองทำที่มันบอก

“พี่ๆ ครับ มองมาทางนี้นิดนึงครับ ผมมีเรื่องจะรบกวน” ผมเรียกด้วยความสุภาพ

พวกรุ่นพี่หันมาทันที ผมถือโอกาสสบตาแล้วสะกดจิตทีละคนด้วยความรวดเร็ว หลังจากทำการทดลองกับเพื่อนๆ อยู่เป็นเดือน ผมก็สามารถทำได้อย่างแคล่วคล่อง

มีรุ่นพี่คนเดียวที่ออกท่าออกทางเป็นลิง อีกสามคนยืนเฉยๆ แต่เริ่มทำปากยื่นมาด้านล่างเหมือนจะพยายามทำหน้าลิง ส่วนคนสุดท้ายที่หน้าดุๆ ไม่เกิดอาการอะไรเลย ผมรีบถอนสะกดชุดแรกออก

ไอโป๊ปมันส่งกระดาษข้อความอีกอันมาให้ผม คราวนี้ให้สะกดจิตให้ถอดเสื้อผ้าออกหมดเพื่อทาแป้ง มันเอาแป้งเด็กจากไหนไม่รู้หลายกระป๋องมาวางไว้บนโต๊ะ รุ่นพี่คนเดิมที่ทำท่าลิงเมื่อครู่ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ยืนทาแป้งลงบนร่างกายกำยำเปล่าเปลือยเหมือนเด็กเล็กๆ เพิ่งอาบน้ำเสร็จ อีกสองคนถอดจนเหลือแค่กางเกงใน คนที่สี่ถอดแต่เสื้อ ส่วนคนจิตแข็งหน้าดุคนสุดท้ายยังสวมเสื้อผ้าครบชุด แต่ทั้งหมดก็เอาแป้งมาทาตัวเท่าที่ทำได้เหมือนกัน ผมแอบเขินพี่คนที่ยืนเปลือยอยู่ หุ่นดีสมกับเล่นเทควนโด กล้ามเนื้อ เส้นขน และเครื่องเคราต่างๆ ก็พัฒนาสู่วัยรุ่นเต็มตัวแล้ว เสียดายที่มีพี่คนนี้คนเดียวที่จิตอ่อน ไม่งั้นคงได้เห็นหนุ่มๆ แก้ผ้าพร้อมกันห้าคนเลยน่าจะดีไม่น้อย

พอมาถึงคำสั่งชุดต่อไปที่ไอโป๊ปส่งมา ผมก็ชักสงสัย มันเขียนว่าให้สะกดจิตเพื่อให้ทั้งห้าคนถอดเสื้อผ้าเพื่อโชว์ให้คนดู มันจะให้ทำทำไมในเมื่อเมื่อกี๊ก็ลองสั่งให้ถอดเสื้อผ้าไปแล้ว มันได้ผลแค่คนเดียว ผมเลยถามมันออกไปโดยไม่ต้องเขียนส่งข้อความกันอีก เพราะตอนนี้ทุกคนอยู่ในโหมดถูกสะกดเพื่อรอรับคำสั่งอยู่

“ให้กูลองอันนี้ทำไมวะ เมื่อกี๊ก็ลองแล้ว มีพี่คนนั้นคนเดียวที่ได้ผล” ผมถามสิ่งที่สงสัยออกไป

“มันไม่เหมือนกันเว้ย มึงลองสะกดแบบคิดว่า แต่ละคนถอดเสื้อผ้าตัวเองออกเพื่อสนองความเงี่ยนในการโชว์ให้คนอื่นดูสิ ใส่อารมณ์หื่นของมึงลงไปเยอะๆ นะ” โป๊ปแนะนำ

ผมลองดูตามที่โป๊ปแนะนำ ซึ่งความรู้สึกในการสะกดต่างจากรอบที่แล้วอย่างชัดเจน ผมไม่ต้องรวบรวมสมาธิอะไรมากมายเหมือนรอบก่อนๆ ด้วยซ้ำ ปรากฏว่าได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ รุ่นพี่คนที่ยังไม่ถอดเสื้อผ้าก็ถอดออกกันหมด รวมถึงรุ่นพี่หน้าดุที่ก่อนหน้านี้แทบไม่ตอบสนองต่อการสะกดของผมด้วยซ้ำ ตอนนี้เบื้องหน้าผมมีหนุ่มๆ แก้ผ้ายืนเรียงกันห้าคน แต่ละคนแอ่นท่อนลำไปมาเหมือนอยากโชว์จริงๆ ผมละลานตามากครับ มันดีกว่าที่คิดไว้ซะอีก หนุ่มๆ หุ่นดีกันทุกคน ท่อนลำก็หลากสีหลายรูปทรง ส่วนขนาดมีให้เลือกจำกัดแค่ใหญ่กับใหญ่มาก ผมแอบชอบแบบที่ยังมีหนังหุ้มปลายนิดๆ มันชวนให้นึกถึงพี่กันต์ขึ้นมา ผมยังลืมภาพนั้นไม่ได้อีกเหรอ นั่นมันพี่ชายผมนะ

“เห้ย พอแล้ว มองเหมือนจะแดกเข้าไป มาทดลองต่อให้เสร็จ” มันตบหัวผมครับ ไอเลว

“เอ้า ต่อไปเป็นเซ็ทใหญ่นะ ให้พี่คนนี้เลียหัวนมคนข้างๆ คนตรงกลางชักว่าวไปคนเดียว ส่วนคนถัดมาอมกล้วยให้คนสุดท้าย” มันสั่งหน้าตาเฉย ไม่ใช่ร้านตามสั่งนะ

“ไอเชี่ย สั่งเป็นชุด แถมแต่ละอย่าง กูก็อายเป็นนะ” ผมอายจริงๆ นะ อย่างว่า ตอนนั้นเพิ่งมอสอง ยังไม่กร้านโลก ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็ หึๆ

“หรือมึงจะไม่ดู งั้นกูจะให้พวกพี่เขากลับ”

“อย่านะ ทำก็ได้” จะพลาดโอกาสได้ไง อยากดูอ่ะครับ

“ก็แค่นั้น เกย์น้อยอ่อนด๋อย แต่ดันหื่น” มันด่าผมอีกแล้วครับ ไอชั่ว

ไหนๆ ก็โดนด่าว่าหื่น ผมก็เลยจัดเต็มตามคำสั่งครับ ถึงแม้ลึกๆ จะสงสัยว่าพวกรุ่นพี่ที่ดูยังไงก็เป็นผู้ชายแท้ๆ จะทำเรื่องเกย์ๆ อย่างนั้นมันไม่ขัดสามัญสำนึกเขาไปหน่อยเหรอ อันนี้คงทำเพื่อเก็บผลว่าเป็นสิ่งที่การสะกดจิตทำไม่สำเร็จ

ปรากฏว่าผิดคาดครับ ตอนนี้คู่นึงตั้งหน้าตั้งตาเลียหัวนมกัน อีกคู่หนึ่งก็อมกล้วยกันแบบเมามัน ผมอดใจไม่ไหวแล้ว ฮอร์โมนวัยแตกหนุ่มมันพลุ่งพล่าน ผมมองไปที่พี่คนที่ชักว่าวอยู่คนเดียว สายตาผมจับจ้องไปที่ส่วนกลางที่ผลุบเข้าผลุบออกของพี่เขาเหมือนโดนสะกดจิตตาม บางทีผมน่าจะลองอมดูบ้าง หรือจะดูดเลียหัวนมที่ชูชันของพี่เขาดูก่อนดีนะ ผมขยับตัวเข้าไปหาพี่เขาเรื่อยๆ

“เพี๊ยะ” มันดีดหน้าผากผมครับ แถมยังมองตาเขียวอีก

“มึงจะทำอะไร”

“กูว่ากูอยากขอลองอมของพี่เขาดู”

“มึงยังเด็กอยู่นะ ไอพวกนี้มันเถื่อนจะตาย มีโรคอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้” ไอโป๊ปมันขู่ โรคเหรอ ไม่น่ามีมั๊ง

“ไม่หรอก ของพี่เขายังดูใสๆ หัวชมพูอยู่เลย ขอกูลองนิดเดียวนะ กูอุตส่าห์เป็นเกย์ทั้งที มีของอย่างนี้อยู่ตรงหน้า มึงจะให้กูเมินเหรอ” ผมเกาะแขนมันแล้วบีบๆ เป็นหนึ่งในท่าไม้ตายเลยนะ

“ใสตายล่ะ มึงไม่รู้อะไร ไอพี่พวกนี้มันไปขึ้นครูกันมาหมดแล้ว มึงคิดดูนะ ของๆ มันแหย่ลงไปในจิ๊มิ๊รุ่นป้ามาแล้ว มึงจะเอาเข้าปากลงเหรอ ของแบบนี้มันต้องคนเป็นแฟนกัน มึงต้องโตกว่านี้ หาแฟนได้ แล้วค่อยว่ากัน” ไอนี่ พูดซะหดหมดเลย ไม่ลองก็ได้วะ มารความสุขเพื่อน ผมขอฟ้องหน่อยครับว่า มันชอบปลูกฝังความคิดทำนองนี้ให้ผมบ่อยมาก ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ซะอีก แม้แต่ปัจจุบันมันก็ยังทำอยู่เรื่อยๆ ขู่เรื่องโน้นเรื่องนี้ตั้งแต่เด็กจนโต จนผมไม่กล้าจะให้ใครมาสนิทสนมใกล้ชิดด้วยแล้ว
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 14] 01/08/15 ข้อจำกัดของพลังที่ไร้ขีดจำกัด
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 01-08-2015 21:50:49

นอกเรื่องไปหน่อย กลับไปต่อที่เดิม ไอโป๊ปมันบอกว่าเก็บผลการทดลองได้จนพอใจแล้ว ให้ผมสั่งหยุดได้ แล้วดึงความทรงจำของรุ่นพี่ช่วงที่โดนทดลองออกให้หมด จากนั้นมันก็ชวนพวกรุ่นพี่นั่งคุยกันดีๆ ตรงศาลา ไอโป๊ปอธิบายพี่เขาว่าที่มันขยันซ้อมหรือคุยกับอาจารย์เยอะๆ มันไม่ได้มีเจตนาจะข้ามหัวหรือคิดจะเทียบรุ่นกับพวกรุ่นพี่เลย ตรงกันข้ามที่มันตั้งใจเพราะอยากเก่งอยากเท่แบบรุ่นพี่เร็วๆ แล้วมันก็พูดโน่นพูดนี่ผิดวิสัยตามปกติมันซึ่งเพื่อนสนิทอย่างผมสังเกตได้ทันที พอโดนสกิลตอแหลของมันไป พวกรุ่นพี่ก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด มันบอกต่อว่า วันนี้จะขอเลี้ยงข้าวเพื่อปรับความเข้าใจกัน มันสั่งไก่ทอดกับพิซซ่าไว้แล้ว เดี๋ยวคงมาถึง พวกรุ่นพี่ก็ถูกมันยอไปเรื่อยๆ จนพนักงานโทรเข้ามาว่าอาหารมาส่งแล้ว รออยู่หน้าบ้าน มันก็บอกกว่า เดี๋ยวกดรีโมทเปิดประตูให้ ช่วยเอาเข้ามาส่งข้างในหน่อย อึดใจเดียว พนักงานก็หอบของพะรุงพะรังเข้ามา

“มาทางนี้เลยครับ ตรงศาลานี่เลย” ไอโป๊ปเรียก พนักงานก็เดินตรงเข้ามา ผมว่ามันลืมอะไรไปนะ

มันหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมา “รบกวนพี่ๆ ช่วยออกไปรับของหน่อยครับ ผมนับเงินแป๊บเดียว”

รุ่นพี่เดินออกมารับของกันสองสามคน พนักงานส่งของตาค้าง

“นี่ครับ เอ่อ วันนี้น้องร้อนกันเหรอครับ” สายตาจับจ้องไปที่วัยรุ่นหุ่นดีที่เปลือยกายออกมารับถุงใส่อาหาร ท่อนเนื้อแกว่งไกวไปตามจังหวะการขยับตัว แต่พวกรุ่นพี่ดูจะไม่รู้สึกอะไร แถมยังขยับให้เห็นของสงวนชัดๆ เหมือนตั้งใจโชว์

ไอโป๊ปเอาเงินออกมาส่งให้

“พวกพี่เขาก็ชอบโชว์แบบนี้ล่ะ นี่ครับเงิน ไม่ต้องทอนนะครับ”

พนักงานส่งอาหารรีบกลับออกไปไปทันที ผมส่งสายตาไปประมาณว่ามึงตั้งใจแกล้งพวกรุ่นพี่ใช่ไหม มันก็คุยกับผมว่า

“อย่ามาว่ากู ก็มึงถอนสะกดไม่หมดเอง พวกพี่เขาก็เลยยังอยู่ที่โปรแกรมถอดเสื้อผ้าเพื่อโชว์ให้คนดูนะสิ สมน้ำหน้า ชอบแกล้งกูดีนัก คราวนี้กูก็ตั้งใจเคลียร์จริงๆ ให้เรื่องจบ ไม่อยากให้โรงเรียนมีปัญหา มึงก็เห็น กูยอมลงให้ขนาดไหน มึงเป็นพยานไว้นะ ถ้าหลังจากนี้ยังไม่จบ กูเล่นหนักแน่”

“มึงเป็นเด็กมอต้นเองนะ จะน่ากลัวไปไหน” ผมพูดจริงๆ นะ

“กูไม่โหดกับมึงหรอก แล้วไอพวกนั้นจะเอาไง จะถอนสะกดให้มันแต่งตัวเลยก็ได้นะ งานเราเสร็จทุกอย่างแล้ว”

ผมหันไปดูพวกรุ่นพี่ที่รุมอาหารที่อยู่บนโต๊ะ หันก้นตึงแน่นมาทางผม แล้วก็ตอบไปว่า

“ไม่เป็นไรมั๊ง ให้เขากินกันให้เสร็จก่อนก็ได้” อยู่แบบนี้คงเย็นๆ โล่งๆ ดี เจริญตาผมดีด้วย

กินกันจนเสร็จ ก่อนที่ผมจะคลายสะกดเพื่อให้พี่เขาแต่งตัวก่อนกลับบ้าน ไอโป๊ปก็มีไอเดียบรรเจิดขึ้นมาอีก

“พี่ๆ ครับ ไหนๆ เราก็ปรับความเข้าใจกันแล้ว ขอผมถ่ายรูปร่วมกับพี่เป็นที่ระลึกหน่อยได้ไหมครับ” เอาแล้วไง มันต้องเก็บภาพนี้ไว้ทำอะไรซักอย่าง ชักสงสารพวกรุ่นพี่แล้วสิ ไอโป๊ปมันส่งกล้องถ่ายรูปมาให้ผมเป็นคนเก็บภาพมันกับรุ่นพี่ตัวใหญ่ๆ เปลือยๆ ห้าคนซึ่งอำนาจสะกดทำให้ไม่ใส่ใจกับความโป๊ของตัวเองเลย โพสต์ท่าทำเป็นกอดคอกันยังกะสนิทสนมมาแต่ไหนแต่ไร ผมถ่ายไปได้หลายรูปแล้วก็เดินเข้าไปหาพวกรุ่นพี่

“พี่ๆ ครับ ถึงผมจะไม่เคยเจอพี่มาก่อน แต่พวกพี่เท่กันมากๆ เลยครับ ขอผมถ่ายรูปด้วยนะครับ เอ้า ไอโป๊ปถ่ายให้กูหน่อย”

แล้วเรื่องอะไรผมจะพลาดโอกาสถ่ายรูปร่วมกับหนุ่มนักกีฬาในชุดวันเกิดตั้งห้าคนล่ะครับ ของผมต้องพิเศษกว่ารูปของไอโป๊ป ผมจินตนาการถึงท่อนลำที่แข็งตัวเต็มที่พร้อมกับผสมอารมณ์หื่นของตัวเองลงไปแล้วก็สบตาพี่เขาทีละคน มันได้ผลจริงๆ แท่งเนื้อของพวกรุ่นพี่ทุกคนต่างก็ผงาดขึ้นโชว์ความกำยำเฉพาะส่วนที่แกร่งไม่น้อยหน้ากล้ามเนื้อวัยรุ่นของเจ้าของเลย พอถ่ายรูปเสร็จผมก็คลายสะกดให้ทุกคนใส่เสื้อผ้า แล้วก็พากันกลับไป น่าสงสารนิดหน่อยที่คงต้องตุงกันไปตลอดทางขากลับ

“ไหนมึงสรุปผลการทดลองมาซิ กูงงว่าทำไมกูสะกดเรื่องที่ออกจะฮาร์ดคอร์ขนาดนี้ได้ง่ายจัง ทั้งๆ ที่ตอนแรกทำเรื่องง่ายๆ ไม่สำเร็จด้วยซ้ำ”

“ก็ตามที่เห็นล่ะ ถ้าสิ่งที่มึงสะกดจิตให้ทำเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเซ็กส์หรือความรู้สึกทางเพศ มันจะได้ผลทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นคนที่จิตแข็งขนาดไหน หรือว่าสิ่งที่มึงสั่งจะอนาจารขนาดไหน เหมือนตอนสะกดให้แก้ผ้าเพื่อทาแป้ง แล้วสำเร็จแค่คนเดียว แต่พอมึงเปลี่ยนรูปแบบความคิดที่ใช้ในการสะกดให้เป็นการแก้ผ้าเพื่อสนองความใคร่ในการโชว์ กลับทำสำเร็จทุกคน ทั้งๆ ที่สุดท้ายก็เป็นการสั่งให้แก้ผ้าเหมือนกัน น่าจะฝืนความรู้สึกของคนถูกสะกดพอๆ กัน เอาเป็นว่ามึงจำหลักการง่ายๆ ไปแล้วกัน สั่งเรื่องลามก สั่งได้ไม่อั้น” ดีนะ มีสรุปหลักการให้ด้วย เห็นผมโง่นักเหรอ

“แล้วมันเป็นอย่างนี้ได้ยังไงวะ” ผมถามต่อ

“ไม่รู้ว่ะ ถ้าจะให้เดา น่าจะเป็นเพราะเวลามึงจินตนาการเพื่อสั่งให้ทำเรื่องแบบนั้น มึงใส่ความหื่นส่วนตัวลงไปด้วย มันเลยทำให้พลังรุนแรงกว่าปกติ งั้นกูขอทำนายเลยว่า ถ้าเป็นกับผู้หญิง มันน่าจะไม่ได้ผล หรือได้ผลแค่ไม่ต่างกับการสะกดจิตในเรื่องปกติ เพราะมึงไม่มีความหื่นใส่ผู้หญิงนี่”

อย่างนั้นหรอ ผมควรจะทดลองไหมเนี่ย แต่แค่คิดว่าต้องไปสะกดจิตสั่งให้เพศแม่มาทำเรื่องอย่างว่า ผมก็ไม่มีอารมณ์แล้ว งั้นคงจริงอย่างไอโป๊ปว่า

หลังจากการทดลองเรื่องความสามารถในการสะกดจิตจบลง ผมก็ฝึกฝนการสะกดจิตไปเรื่อยๆ บางเรื่องผมก็พัฒนาแก้ไขความไม่แน่นอนของผลการสะกดจิตไปได้เยอะ บางเรื่องก็ปรับปรุงอะไรไม่ได้ ผมเอาข้อมูลงานวิจัยที่พ่อทิ้งไว้มาให้ไอโป๊ปช่วยศึกษา แรกๆ มันก็ลองหัดเองบ้าง แต่มันไม่มีหัวทางนี้เลยครับ สุดท้ายก็เลิก มาทำหน้าที่เป็นโค้ชให้ผมอย่างเดียว

จากผลงานของพ่อทำให้ผมพัฒนาความสามารถใหม่ๆ เช่นการโปรแกรมให้ผู้ถูกสะกดรับคำสั่งของคนอื่นที่ผมกำหนดไว้ตั้งแต่แรก อันนี้ทำให้ผมพัฒนาระบบทาสขององค์กรขึ้นมาได้ในภายหลัง แต่ข้อจำกัดของคำสั่งของคนที่เป็นนายก็เหมือนกับที่ผมสั่งเอง เช่นสั่งให้ทำสิ่งที่เป็นอันตรายกับตัวเองไม่ได้ ทำเรื่องที่ฝืนจิตสำนึกมากๆ ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซ๊กซ์ ก็แทบจะไม่มีขีดจำกัดเลยเหมือนกับเวลาผมสั่งเองครับ

ผมมีโอกาสได้ใช้พลังสะกดจิตอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่จะใช้แอบช่วยเหลือเพื่อนๆ ในเรื่องเล็กๆ น้อย แต่ไม่ใช่กับไอโป๊ปนะครับ รายนั้นแทบไม่มีอะไรให้ผมต้องไปช่วยมัน มีแต่มันจะคอยช่วยเหลือดูแลผมในเรื่องอื่นๆ ที่การสะกดจิตใช้แก้ปัญหาไม่ได้ จนตอนผมอยู่มอห้าก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ผมคิดก่อตั้งองค์กรขึ้นร่วมกับไอโป๊ป ว่างๆ ผมจะมาเล่าให้ฟังแล้วกันครับ หลังจากนั้นผมก็ยิ่งได้ใช้การสะกดจิตอยู่เป็นประจำ ยิ่งใช้มากก็ยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆ มีไอโป๊ปคอยช่วยศึกษาทดลองให้พลิกแพลงวิธีการและรูปแบบใหม่ๆ เพื่อเอาไปประยุกต์ใช้กับงานขององค์กร

ตอนหลังแม้แต่การสะกดจิตในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเซ็กส์ผมก็พัฒนาขึ้น ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ขัดกับสามัญสำนึกมากๆ หรือเป็นคนที่จิตแข็งจริงๆ ผมก็แทบจะสั่งได้หมด อีกอันที่ผมภูมิใจก็คือความสามารถในการสะกดจิตหมู่ แม้แต่ในห้องที่มีคนหลายร้อยคนก็ทำสำเร็จได้ โดยไม่ต้องไล่สบสายตาทีละคนแต่ใช้ท่าทางคำพูดและน้ำเสียงประกอบ แล้วไอโป๊ปยังช่วยคิดวิธีตรวจสอบให้ด้วยว่าทั้งห้องถูกสะกดแล้วยัง

มีการสะกดจิตรูปแบบหนึ่งที่เราพยายามพัฒนามาต่อยอดจากการสะกดจิตหมู่และข้อมูลงานวิจัยของพ่อมาเป็นปีแล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ ถ้าทำได้สำเร็จผมอาจเปลี่ยนโลกได้จริงๆ นั่นคือการสะกดจิตหมู่ผ่านสื่อ ที่ได้ผลที่สุดคือผ่านสื่อวิดีโอเพราะมีทั้งภาพทั้งเสียง หลังจากที่เราสองคนช่วยกันลองผิดลองถูกอยู่ไม่รู้กี่ครั้ง ก็พบว่าการแทรกเฟรมสะกดจิตเข้าไปในวิดีโอเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด ภาพวิดีโอทั่วไปจะประกอบด้วยเฟรมหรือภาพนิ่งสามสิบภาพต่อหนึ่งวินาที ถ้าตัดต่อแล้วเปลี่ยนเฟรมหนึ่งในนั้นให้แสดงภาพหรือโค๊ดที่ใช้สะกดจิต เวลาดูวิดีโอนั้น สมองของคนดูจะไม่รู้สึกเพราะประมวลผลไม่ทัน แต่เฟรมที่ว่าจะถูกตามองเห็นแล้วส่งเข้าไปจิตใต้สำนึกโดยตรง เช่น ถ้าเราใส่เฟรมสะกดจิตลงไปในทุกๆ เฟรมที่สิบห้า ในคลิปวิดีโอความยาวสี่นาที จิตใต้สำนึกของคนดูก็จะรับข้อมูลการสะกดไปถึงสองร้อยสี่สิบเฟรม เพียงพอที่จะสั่งให้ทำในเรื่องที่ไม่ซับซ้อนได้สบาย

ตอนนี้หลักๆ เราใช้วิธีนี้เพื่อควบคุมพฤติกรรมไม่ให้สมาชิกองค์กรเปิดเผยเรื่องราวขององค์กรหรือเอาคลิปหมวดเอ็มไปเผยแพร่นอกองค์กร ไอโป๊ปแทรกเฟรมสะกดจิตพวกนี้เข้าไปในแอพ “THE FIRM” ที่สมาชิกใช้งาน และคลิปวิดีโอต่างๆ ที่สมาชิกซื้อไปดู ทำให้เรารักษาความลับขององค์กรได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

แต่การประยุกต์ใช้งานที่ซับซ้อนกว่านี้ยังมีปัญหาอยู่มาก ที่สำคัญคือผลที่คาดการณ์ไม่ได้จากความหลากหลายของคนจำนวนมาก ถ้าเขาดูบ้างไม่ดูบ้างจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเป็นการสะกดจิตหมู่โดยตรงเรายังสามารถตรวจสอบและแก้ไขได้ แต่การสะกดผ่านสื่อเป็นการสื่อสารทางเดียวทำให้เราคาดเดาผลได้ลำบาก ยิ่งถ้าใช้กับคนหมู่มากที่หลากหลายแล้ว ก็อาจเกิดเหตุการณ์ไม่ดีที่ควบคุมไม่ได้กันเลยทีเดียว ถ้าเปรียบไปก็อาจจะเหมือนเรื่องการตัดแต่งพันธุกรรมพืชหรือ GMO คือมีประโยชน์มหาศาลแต่ก็อาจมีโทษร้ายแรงที่คาดไม่ถึง

ถึงจะมีอุปสรรคมากแต่เราก็พยายามกันอยู่ ตอนนี้ผมบอกได้แค่ว่าองค์กรกำลังทดลองทำโครงการหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าสำเร็จก็จะขยายผลไปในโครงการอื่นๆ อีกมากมาย และเมื่อถึงวันนั้น สังคมไทยจะเปลี่ยนไปอย่างที่คุณคาดไม่ถึงแน่

ผมไปล่ะ ยังกับองค์กรชั่วร้ายคิดครองโลกในหนังการ์ตูนเข้าไปทุกที

[จบตอนพิเศษ]
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 14] 01/08/15 ข้อจำกัดของพลังที่ไร้ขีดจำกัด
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 02-08-2015 00:07:17
หนึ่งศูนย์ สุดยอด
โป๊ปโหดแต่เด็ก  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 14] 01/08/15 ข้อจำกัดของพลังที่ไร้ขีดจำกัด
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 02-08-2015 08:07:19
ปูเรื่องแบบจริงจังมาก ท่าทางจะเป็นเรื่องยาวเลยใช่เปล่าครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 14] 01/08/15 ข้อจำกัดของพลังที่ไร้ขีดจำกัด
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 02-08-2015 11:12:24
เบอร์หนึ่งหวงเบอร์ศูนย์ใช่ม้ะ?
ฮุฮุ  :laugh:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 14] 01/08/15 ข้อจำกัดของพลังที่ไร้ขีดจำกัด
เริ่มหัวข้อโดย: pakawatkheeta ที่ 02-08-2015 16:47:55
 :z3: :z3:

ติดงอมแงมแล้วครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 14] 01/08/15 ข้อจำกัดของพลังที่ไร้ขีดจำกัด
เริ่มหัวข้อโดย: Moko1212 ที่ 03-08-2015 15:28:54
โป๊ปนี่สันหาคำมาพูดไม่ให้บอสออกนอกลู่นอกทางจริงๆ

เราไม่ได้แตะใครก็ห้ามแตะ  :laugh: แบบนี้ป่ะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 14] 01/08/15 ข้อจำกัดของพลังที่ไร้ขีดจำกัด
เริ่มหัวข้อโดย: Vocaliist ที่ 03-08-2015 18:20:47
มาดันประจำวัน

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 14] 01/08/15 ข้อจำกัดของพลังที่ไร้ขีดจำกัด
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 03-08-2015 18:52:39
 :hao3: ตอนแรกคิดว่าโป๊ปไม่ร้าย กลายเป็นว่า โป๊ปเองรึ ที่เป็นต้นแบบให้บอสร้าย  :laugh:  แต่ก็นะ ดันไม่ยอมบอกว่าชอบเค้าซะได้โป๊ป
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 14] 01/08/15 ข้อจำกัดของพลังที่ไร้ขีดจำกัด
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 04-08-2015 01:41:03
สนุกมากเลย ขอตามติดตอนต่อไปด้วยคนจ้า  :call:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 15] 04/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 04-08-2015 20:29:44

องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 15

หลังจากเอาเงินค่าตัวที่ได้จากการถ่ายแบบนู๊ดไปเคลียร์ค่าเทอมให้กับลูกคุณหนูที่มาอาศัยอยู่กับเขาแล้ว จอมก็พยายามหาเวลาว่างมาทำงานบริการสังคมเพื่อชดใช้หนี้สังคมที่เขาค้างอยู่จากพฤติกรรมเด็กแว้นกวนเมือง องค์กรเรียกการชดใช้ความผิดแบบนี้ว่าหมวด “ซี” ซึ่งเขาต้องมาทำงานให้ทั้งหมดห้าสิบชั่วโมง ช่วงนี้เขายุ่งมากเพราะต้องทำงานพิเศษเพื่อมาเลี้ยงอีกคนอีกคน ที่จริงนอกจากค่าเทอมแล้ว ไอลูกคุณหนูนั่นก็ไม่ได้ใช้อะไรสิ้นเปลืองเท่าไหร่ แถมยังเจียมเนื้อเจียมตัวพยายามทำตัวเป็นประโยชน์โดยการช่วยเหลืองานบ้านอย่างขันแข็ง แต่เขาก็อยากเห็นสีหน้าดีใจเวลาที่ซื้ออะไรอร่อยๆ แพงๆ ที่เด็กนั่นเคยกิน อย่างขนมเค้กร้านดัง เข้าไปฝาก และที่สำคัญ เขาต้องเริ่มเก็บเงินสำรองเผื่อจะต้องใช้จ่ายค่าเทอมเทอมหน้าให้ลูกคุณหนูอีก ยังดีที่ตอนนี้เขาไม่ต้องไปรับไปส่งไอลูกคุณหนูทุกครั้ง พี่ชายลูกลุงมันโดนองค์กรเอาตัวไปจัดการแล้ว คงไม่มาสร้างปัญหาให้มันอีก เขาเลยมีเวลามาเคลียร์เรื่องนี้ที่ค้างอยู่

เขามาถึงสถานที่ทำงานตามข้อมูลที่ได้รับจากองค์กร มันมีตัวอักษรขนาดใหญ่ติดอยู่ว่า “G-Wash” โดยมีทางรถเข้าด้านหน้า แต่เขาซึ่งมาทำงานจะต้องเข้าทางประตูพนักงานซึ่งอยู่ด้านข้าง มีที่จอดรถให้เขาจอดมอเตอร์ไซค์คันเก่งอยู่ใกล้ๆ การเข้าไปข้างในไม่ได้ยุ่งยากอะไร เขาได้จองเวลาทำงานมาล่วงหน้าแล้ว ระบบแจ้งว่าถ้าเป็นการทำงานครั้งแรกให้มาก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง ตรงประตูเป็นไม้กั้นอัตโนมัติเหมือนทางเข้ารถไฟฟ้า แต่ทำเป็นแผงสูงระดับที่ปีนข้ามไม่ได้ เขายื่นหน้าไปสแกนตรงกล้องที่ติดอยู่ข้างๆ ตามป้ายแนะนำที่ติดไว้ ระบบก็คายสายรัดข้อมือมาให้เขาอันนึง เขาหยิบมาใส่แล้วเอาไปแสกนที่ประตูแผงกั้นตามที่ระบบแนะนำ แผงกั้นนั้นก็เปิดให้เขาไปอย่างสะดวก

เขาเดินเข้าไปตามทางเดินซึ่งไปทะลุออกห้องโถงโล่งขนาดใหญ่ที่มีเก้าอี้นั่งหลายสิบตัว มีคนนั่งอยู่แค่สามสี่คนซึ่งเขาไม่คุ้นหน้า ทั้งหมดนุ่งกางเกงในตัวเดียวแต่มีผ้าเช็ดตัวห่มอยู่ ดูคร่าวๆ ห้องไม่ได้หรูหราอะไรแต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกพอสมควร มีตู้กดน้ำร้อนน้ำเย็น พร้อมของกินพวกมาม่าคัพ โจ๊กคัพ เครื่องดื่มซองๆ และขนมรองท้องวางอยู่ด้านหนึ่ง อีกด้านมีชั้นหนังสือและทีวีที่เปิดเสียงแค่เบาๆ ส่วนทางด้านหลังมีเคาเต้อร์ที่มีคนยืนอยู่ด้านใน จอมจึงเดินไปติดต่อที่เคาเต้อร์ตามคำแนะนำ

พอเดินไปใกล้ๆ ก็เห็นว่าคนตรงเคาเต้อร์เป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาจอมก็เอ่ยปากจะทัก แต่ไม่ทันคนตรงหน้าที่ชิงพูดก่อน

“เฮ้ย พี่จอมเองเหรอนี่ หายไปไหนมา ไม่ได้เจอกันเลย ผมงี้นึกว่าแก๊งค์แตกไปแล้ว” คนตรงเคาเต้อร์ยิ้มด้วยความดีใจที่เจอหน้าหัวหน้าแก๊งค์ของตัวเอง

“แหม ก็โดนตำรวจจับขนาดนั้น มันคงต้องพักยาวบ้างสิ พอดีกูมีธุระสำคัญด้วย ส่วนแก๊งค์คงยังไม่แตกหรอกวะ แต่คงต้องปรับรูปแบบไป ยังไงกูก็ยังคิดถึงพวกมึงทุกคนโว้ย แล้วนี่พวกเราทำงานครบกันไปหมดหรือยัง” จอมทักตอบพอหอมปากหอมคอ

“ยังหรอกพี่ ตั้งห้าสิบชั่วโมง แต่ส่วนใหญ่ก็ทำกันได้เกินครึ่งแล้ว มีผมนี่แหละมาทำบ่อยหน่อย จนบางวันระบบก็มอบหมายให้ผมเป็นคนคุมกะอย่างวันนี้ ก็ดีเหมือนกัน ตากแดดบ่อยๆ เดี๋ยวตัวดำ” จอมมองผิวเข้มๆ ของลูกน้อง แล้วก็สงสัยว่ามันยังดำกว่านี้ได้อีกเหรอ

“แล้วงานที่ต้องทำนี่มีอะไรบ้าง” จอมถาม เขายังไม่รู้เลยว่างานที่องค์กรให้ทำ จะพิสดารพันลึกขนาดไหน

“ไม่แน่ใจเหมือนกันพี่ แต่ที่ผมเคยทำก็มีงานให้บริการล้างรถที่นี่แหละเป็นงานหลัก แล้วบางรอบก็จะโดนสุ่มให้เอาเงินเอาของไปบริจาคให้มูลนิธิ สุดท้ายก็งานนี้แหละ ทำหน้าที่เป็นคนดูแล เพิ่งโดนช่วงหลังๆ” หนุ่มแว้นผิวเข้มตอบ

ฟังดูธรรมดาไปนะ สำหรับงานขององค์กร จอมคิดแล้วก็ซักต่อ

“แล้วล้างรถนี่มันหนักมากไหมวะ พวกเราไหวกันเปล่า” จอมกลัวว่าน้องๆ ต้องไปทำอะไรแปลกๆ อย่างที่เขาเคยโดน

“โอ๊ย สบายมาก ก็ล้างรถธรรมดานี่แหละ แต่ต้องใส่แค่กางเกงในตัวเดียว ช่วยกันสองสามคน ล้างไปก็เล่นน้ำไป สนุกดี แถมได้ตังค์ด้วย”

“ได้ค่าจ้างด้วยเหรอ กูนึกว่าเป็นงานบริการสังคมเพื่อชดใช้ความผิดซะอีก” จอมสงสัย ไอ้งานนี้มันยังไงกันแน่นะ

“ก็ตามนั้นแหละพี่ ทำฟรีไม่มีค่าจ้าง แต่ถ้าลูกค้าให้ทิป เราจะได้ส่วนแบ่งครึ่งนึงตอนเสร็จงานแต่ละวัน หล่อๆ อย่างพี่นะ ทิปอื้อแน่ ถ้าใจกล้าหน่อย” หนุ่มแว้นชง ขนาดดำๆ อย่างเขา โชว์วับๆ แวมๆ ยังได้ส่วนแบ่งทิปมาวันนึงหลายร้อยเหมือนกัน

“ตกลงนี่มันเป็นการลงโทษเหรอ งานก็ไม่หนัก แถมได้ตังค์อีก อย่างนี้ใครมันจะเข็ดวะ” จอมบ่น รู้สึกงงตัวเองว่าอยากให้หนักหรืออยากให้เบากันแน่

“ไม่รู้สิพี่ แต่ผมว่าก็ดีนะ เหมือนจะฝึกให้รู้จักทำงานมากกว่า แล้วก็ตอนที่ไปบริจาคให้มูลนิธิต่างๆ เค้าก็ให้เราช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ด้วย อย่างช่วยดูแลคนป่วยหรือคนพิการจากอุบัติเหตุ บางมูลนิธิก็ให้ไปช่วยเลี้ยงเด็กกำพร้าที่พ่อแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ผมเห็นแล้วก็สะเทือนใจเหมือนกันนะ ว่าอุบัติเหตุบนถนนมันทำให้ชีวิตคนอื่นลำบากได้ขนาดนี้ ถ้าเกิดขึ้นกับเราบ้างล่ะ หรือถ้าตัวเราเป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องพวกนี้”

จอมอึ้งเล็กๆ ไอ้เด็กห้าวที่ทำให้พ่อแม่บ่นทุกวันคนนี้ มันคิดอะไรแบบนี้ได้ด้วยเหรอ

“ผมว่าทำๆ ไปมันก็คิดได้นะ แล้วเวลาเอาเงินเอาของไปให้มูลนิธิ มันก็อิ่มใจว่าเป็นเงินที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของเราเองที่พอจะช่วยคนลำบากได้บ้าง องค์กรเขาคงต้องการประมาณนี้แหละ แล้วก็ผมเห็นคนที่มาทำที่นี่มีแต่เด็กๆ ทั้งนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกซิ่งรถ หรือไม่ก็ยกพวกตีกัน ถ้าเป็นผู้ใหญ่คงโดนรับโทษแบบอื่นมั๊ง” หนุ่มผิวเข้มพูดต่อ จอมขนลุก จริงของมัน  จากที่เขารู้มาโคตรหนักเลย

“แล้วกูต้องทำอะไรบ้างวะ” ถามในฐานะน้องใหม่

“พี่มาครั้งแรกเลยใช่ป่ะ เอาสายรัดข้อมือที่ได้ไปใช้เป็นกุญแจล็อคเกอร์กับเอาไว้ยืนยันตัวตอนทำงาน เข้าประตูด้านข้างไปจะเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า มีตู้ล็อกเกอร์กับห้องน้ำ พี่ต้องใส่กางเกงในตัวเดียวออกมานะ นั่นคือชุดทำงาน พี่ใส่ไซส์อะไรดี หุ่นอย่างพี่ เบอร์เอ็มแล้วกัน”

“ขอแอลเถอะ ตัวไม่ใหญ่ แต่อย่างอื่นใหญ่”

“เป็นไส้เลื่อนนะเหรอ โอ๊ย ไอพี่จอม เบิร์ดกระโหลกมาได้โคตรเจ็บ พอเสร็จพี่กลับมารอที่ห้องนี้ ตรงมุมนั้นมีแท็บเลทวางอยู่ พี่เข้าไปดูวิดีโอวิธีล้างรถที่ถูกต้อง แล้วมันจะบอกรายละเอียดการปฏิบัติตัวต่างๆ ไว้ด้วย พอมีลูกค้าเข้ามา ระบบจะจัดคิวแล้วประกาศเรียกชื่อพี่กับคนในทีมให้ไปประจำตามช่องล้างรถตามหมายเลขที่กำหนด ตรงนั้นจะมีหน้าจอแนะนำอีกที ถ้าลูกค้าขาดช่วง อาจจะได้กลับมาพักที่นี่บ้าง อ้อ ของกินตรงนั้นกินได้ฟรีนะ แต่ต้องเก็บให้เรียบร้อย พอทำจนหมดชั่วโมงที่จองไว้ พี่ก็เปลี่ยนชุดกลับบ้านได้ ครั้งหน้าถ้าจะมาก็ต้องจองก่อนทุกครั้ง ไม่งั้นประตูทางเข้าจะไม่เปิดให้ ผมลองมาแล้ว” หนุ่มแว้นผิวเข้มอธิบายอย่างชำนาญ

“เกือบลืมไป นี่สติ้กเกอร์แทตทู พี่เอาไปลอกติดที่ตัวนะ แนะนำให้ติดตรงหน้าอก หรือตรงเหนือขอบกางเกงในด้านหน้า ติดทีอยู่ได้เป็นเดือนถ้าพี่ไม่ไปขูดออก แต่ถ้าลอกไปแม้แต่นิดเดียวให้มาขอติดใหม่นะ” ลูกน้องแก๊งค์ซิ่งของจอมยื่นระดาษแผ่นเล็กๆ มาให้

“ติดไปทำไมวะ” จอมรับมาดู สติ๊กเกอร์รอยสักนี้เป็นรูปกราฟิกแปลกๆ แต่ไม่เห็นจะมีความหมายอะไร

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่องค์กรบอกให้ติด พี่ก็ติดไปเถอะ ในวิดีโอแนะนำ เขาก็บอกแค่ว่าเพื่อความปลอดภัย นี่ผมก็ติด”

แว้นผิวเข้มเปิดเสื้อให้ดูรอยสักปลอมที่หน้าท้องเรียบเนียนมีกล้ามนิดๆ มันเป็นรูปกราฟิกแปลกๆ แต่ก็ไม่เหมือนอันที่เขาได้ จะว่าไปฟอร์มมันก็คล้ายกันอยู่บ้าง ของบนพุงคนตรงหน้าเป็นรูปวงรีสองอันวางเหลื่อมกัน อันของเขาไม่ใช่วงรีแต่เป็นรูปข้าวหลามตัดแนวนอนสองอันแทน ในวงรีกับข้าวหลามตัดก็มีลวดลายแปลกๆ แต่รวมๆ ก็ดูคุ้นตา

“ไม่ต้องไปเทียบกันหรอก มันมีหลายลายให้สะสม เอ้ย ล้อเล่น ไม่ต้องสะสมนะพี่ เปลือง”

จอมเอาสายข้อมือให้เด็กแว้นตัวดำสแกนเพื่อรับกางเกงในมา แล้วก็เดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องล็อคเกอร์ ในนั้นมีครบทั้งตู้ล็อคเกอร์เก็บของ ห้องสุขา ห้องอาบน้ำ และอ่างล้างหน้า สภาพคล้ายๆ กับของโรงยิมที่โรงเรียนแต่สะอาดกว่ามาก แถมยังมีครีมกันแดดขวดปั๊มป์ขนาดใหญ่ให้กดใช้กันอีก จอมเห็นเด็กหนุ่มคนนึงคอยถูพื้นที่เปียกจากคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ที่น่าประหลาดคือเด็กหนุ่มคนนั้นเปลือยทั้งร่างโชว์หุ่นสะโอดสะองกับท่อนลำเรียวยาวที่นอนสงบนิ่งในพงหญ้าสีดำ คนที่เดินผ่านไปมาก็มองแล้วอมยิ้มแต่ไม่มีใครไปยุ่งอะไร

จอมยิ้มให้กำลังใจเด็กหนุ่มคนนั้น เขาเดาว่าคงมีความผิดอะไรบางอย่างถึงโดนลงโทษตามแบบขององค์กร จอมถอดเสื้อผ้าออกหมดตรงหน้าล็อคเกอร์ เขาไม่ค่อยได้อายอะไรเท่าไหร่แล้วหลังเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้น แต่ก็หันหน้าเข้าหากำแพงก่อนจะถอดกางเกงในเพื่อเปลี่ยนเป็นตัวขององค์กร นี่ขนาดเบอร์แอลแล้วช่วงเป้ายังตึงขนาดนี้ แต่ถ้าจะเปลี่ยนให้ใหญ่ขึ้นอีกคงไม่ไหว นี่ก็ยางยืดแทบจะหลุดตูดอยู่แล้ว จอมสังเกตดูกางเกงในตัวใหม่ที่สวมอยู่ มันปักลายกราฟฟิกแปลกๆ สไตล์เดียวกับสติ้กเกอร์รอยสักที่เขาได้มา แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียว จอมเห็นแล้วก็นึกขึ้นได้ รีบเอาสติ้กเกอร์มาติดไว้ที่ผิวตรงแถววีเชฟด้านซ้าย มองไปมองมาก็ดูดีเหมือนกันแฮะ แต่ถึงเป็นลายน่าเกลียดเขาก็ติดอยู่ดีเพราะเขารู้สึกเชื่อถือในองค์กรมาก

จอมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็มาเปิดข้อมูลในแทบเล็ตดูก็ได้รู้ระเบียบปฏิบัติอีกมาก ส่วนวิธีล้างรถก็ไม่ได้ต่างจากล้างมอเตอร์ไซค์เท่าไหร่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซักพักก็มีเสียงประกาศคล้ายๆ กับเสียงเรียกคิวของธนาคารบอกให้เขาและใครอีกคนนึงไปทำงานที่ช่องล้างรถหมายเลขสิบสี่ เขารีบเดินไปตามทางที่มีป้ายบอกไว้อย่างชัดเจน เมื่อเดินไปถึงช่องสิบสี่ เขาก็เจอเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนนึงยืนรออยู่ข้างๆ หน้าจอที่ไว้บอกข้อมูลประจำช่อง มันทักเขาก่อนว่า

“หวัดดีโว้ย โชคดีจังได้ทำงานกับคนหน้าตาดี แถมเป้าตุงอีก เฮ้ย สักมังกรด้วย เจ๋งว่ะ”

จอมมองอย่างไม่ไว้ใจ หรือไอหมอนี่จะเป็นเกย์

“อย่ามองอย่างนั้น กูไม่ใช่เกย์ แค่หมายถึงว่า มึงกับกูหล่อทั้งคู่ ทิปก็จะไหลมาเทมาไงล่ะ ตั้งใจทำงานนะเว้ย วันนี้ระบบจัดให้แค่ช่องละสองคน ลูกค้าคงเยอะ มึงยังไม่ได้เอาสายรัดข้อมือมายืนยันตัวตรงหน้าจอเลย เดี๋ยวทำงานฟรีหรอก” มันรีบแก้ตัว จริงๆ จอมไม่ได้รังเกียจอะไรถ้ามันจะเป็นเกย์ อย่ามาควักมาล้วงอะไรของเขาแล้วกัน

“กูมาทำวันนี้วันแรก โดนไปห้าสิบชั่วโมงเรื่องซิ่งรถปิดถนน มึงโดนข้อหาอะไรวะ แล้วเหลืออีกกี่ชั่วโมง” จอมเอาสายรัดข้อมือไปสแกนตรงหน้าจอ พร้อมกับแนะนำตัวสร้างความคุ้นเคยไปด้วย

“ยกพวกตีกันว่ะ แม่งพวกรุ่นพี่เกณฑ์ไป ไม่ไปก็ไม่ได้ ไม่งั้นไม่มีคนคบ โดนตั้งร้อยชั่วโมง แต่ทำครบไปนานแล้ว”

“อ้าวแล้วนี่มึงมาทำไมอีก” จอมสงสัย

“กูอาสาสมัครเป็นตัวสำรองไว้ วันไหนคนไม่พอ ระบบจะขอให้กูมาช่วยเสริม”

“หมดแล้วทำไมไม่เลิกๆ ไป มึงอยากได้ทิปเหรอ” ทำไมกูสงสัยไปเรื่อยวะ จอมคิด

“เปล่าหรอก ที่บ้านกูพอมีตังค์ ถึงเคสที่เป็นอาสาสมัครเราจะได้เพิ่มเป็นเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของยอดทิปก็เถอะ พูดไปไม่รู้มึงจะหาว่ากูสร้างภาพหรือเปล่านะ แต่กูอยากช่วยหาเงินไปให้มูลนิธิเยอะๆ มีตอนที่องค์กรให้กูเอาเงินที่หาได้ไปบริจาคให้มูลนิธิที่ดูแลคนป่วย กูไปเจอเด็กที่โดนกระสุนลูกหลงจากเด็กช่างอย่างพวกกูตีกันนอนเป็นเจ้าชายนิทรามาหลายเดือน พ่อแม่เขาน่าสงสารมาก ยังหวังว่าลูกเขาจะฟื้นมาซักวันนึง เด็กคนนั้นยังอายุไม่เท่าไหร่เลย อ่อนกว่ากูอีกมั๊ง” เด็กช่างที่หล่อทั้งหน้าหล่อทั้งใจเล่าไปเรื่อยๆ

เล่ามาได้ถึงตรงนี้ หน้าจอก็ส่งเสียงเตือนขึ้น รถลูกค้าวิ่งเข้ามาพอดี
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 15] 04/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 04-08-2015 20:32:00

“มึงออกไปสวัสดีต้อนรับเขาแล้วเอาป้ายผ้าที่มีคำแนะนำไปคลุมกระจกหน้าไว้ กะว่าเขาอ่านจบแล้วก็เอาออก พอลูกค้าทำท่าโอเคเราก็เริ่มได้เลย ครั้งนี้กูให้มึงเป็นคนฉีดน้ำ เดี๋ยวกูไปถูล้างคราบฝุ่นเอง มึงคอยดูลีลากูไว้นะ รับรองทิปอื้อ”

จอมทำตามคำแนะนำ พอเขาเริ่มฉีดน้ำ ไอเด็กช่างก็เดินโยกซ้ายโยกขวาเข้าไปอย่างมีลีลา น่าแปลกที่เขารู้สึกว่าเท่ดีเหมือนกัน กล้ามเนื้ออาจจะไม่แน่นกระชับเท่าเขาแต่ก็ได้สัดส่วน เมื่อรวมกับผิวขาวเนียนแน่นตึงและรอยยิ้มการค้าที่ดูดีจนใจกระตุก ก็ทำให้ลูกค้าหนุ่มวัยทำงานในรถนั่งแทบไม่ติด จอมแกล้งฉีดน้ำไปโดนเป้ากางเกงในตัวบางของเพื่อนใหม่ทำให้รอยสัมผัสของความอวบอูมด้านในชัดเจนขึ้นมาทันที ใช้ได้ๆ ถึงจะสู้เขาไม่ได้แน่ๆ แต่ก็คงไม่เบา ลูกค้าเอาหน้าแนบติดกระจกจนจมูกบี้ ท่วงท่าในการเอาฟองน้ำถูรถนี่ก็ไม่ธรรมดา มีทั้งหนักแน่น เปี่ยมพลัง เกร็งกล้ามเนื้อจนขึ้นเป็นลูกๆ บางครั้งพลิ้วไหว เอาลำตัวแนบไปกับกระจกแล้วเลื่อนไหลไปกับสายน้ำ ติ่งเนื้อสีน้ำตาลอ่อนตรงหน้าอกบี้เบียดตรงกระจกข้างคนขับให้คนข้างในเห็นได้อย่างถนัดตา

จอมยอมรับว่าเด็กช่างคนนี้เหลือร้ายจริงๆ ป่านนี้ลูกค้าไม่เกร็งจนชักกระตุกไปแล้วเหรอ ซักพักบัดดี้เขาก็ส่งสัญญาณให้หยุดฉีดน้ำ แล้วไปหยิบถังแชมพูล้างรถกับฟองน้ำสองอันออกมา จอมเริ่มรู้งานว่าเดี๋ยวเขาต้องไปช่วยลงแชมพูให้ทั่ว ลูกค้ามองมาที่เขาอย่างสนใจ จอมรู้ตัวว่าไม่มีลีลาเด็ดที่จะสร้างความพอใจให้กับลูกค้าได้อย่างนั้น แต่ก็ไม่อยากเอาเปรียบเพื่อน เขาเลยเอาน้ำฉีดจนกางเกงในเปียกชุ่ม ความใหญ่ยาวข้างในทะลุมาตามรอยผ้าเปียกยิ่งกว่าหนังสามมิติ จอมยิ้มอย่างพอใจแล้วถลกขอบกางเกงลงอีกหน่อยก่อนจะเดินไปช่วยเพื่อนถูแชมพู

ลูกค้าในรถขยี้ตาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาดไป เด็กช่างหันมาเห็นแล้วก็หัวเราะชอบใจ

“ไอสัด กูยอม แม่งพกข้าวหลามมาก็ไม่บอก”

ทั้งสองคนแข่งกันดึงสายตาจากลูกค้าในรถ มันเป็นการประชันกันระหว่างลีลากับสรีระโดยแท้ แต่พอตอนใกล้จบที่แข่งกันเอาหลังถูกระจก จอมก็ชนะไปด้วยรอยสักมังกรที่ทำให้ลูกค้าไม่ละสายตาไปไหนอีกเลย

“มึงโกง ถ้าไม่ได้รอยสักนั่น กูไม่แพ้หรอก งั้นมึงล้างฟองไปเลย กูจะเป็นคนฉีดน้ำมั่ง” เด็กช่างพูดแบบไม่จริงจัง

จอมล้างรถไปจนสะอาด เขาไม่ได้ทำท่าอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องไปทุกการเคลื่อนไหว พอล้างฟองเสร็จ เด็กช่างก็มาช่วยเช็ดรถจนแห้ง ทั้งคู่เช็ดรถไป แกล้งจับเป้ากันเองไป ทำให้จอมนึกถึงเวลาแกล้งเพื่อนสมัยเด็ก นี่ทำให้เขารู้สึกสนิทใจกับเพื่อนใหม่ขึ้นมามากทีเดียว ส่วนลูกค้าในรถก็ไม่ต้องพูดถึง ลุ้นแล้วลุ้นอีกว่าใครจะจับโดนเป้าใครก่อน

พอเช็ดรถจนเสร็จ ลูกค้าก็ขับรถจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์ ซักครู่หน้าจอประจำช่องก็แสดงมูลค่าทิปที่ลูกค้าให้ตรงช่องทางออก

“พันสอง แม่เจ้า เยอะสัด นี่เพราะกูปล่อยลีลาเต็มที่กะโชว์น้องใหม่ หรือลูกค้าเมามังกรตัวหน้ากะมังกรตัวหลังของมึงวะ” เด็กช่างผิวปากหวือ

“พี่เค้าคงใจดีด้วยมั๊ง” จอมให้ความเห็น เท่าที่ดูรายละเอียดในคลิปมา การให้ทิปเป็นความสมัครใจแต่ฝ่ายเดียวของลูกค้า จะไม่ให้เลยก็ไม่มีใครว่าอะไร ไม่มีการกดดันใดๆ ทั้งสิ้นเพราะจะไปให้ทีเดียวตอนขาออก

คู่บัดดี้คำนวณให้เบ็ดเสร็จ

“มึงจะได้ส่วนแบ่งครั้งนี้สามร้อย เข้าการกุศลสามร้อย ครึ่งๆ ส่วนกูจะได้สี่ร้อยยี่สิบ เข้าการกุศลร้อยแปดสิบ เจ็ดสิบสามสิบเพราะกูเป็นอาสาสมัคร ก็ไม่เลวนะ สำหรับมือใหม่ ส่วนของกู กูจะเอาไปบริจาคทั้งหมดแหละ”

“แล้วมึงจะทำงานนี้ไปเรื่อยๆ เหรอ”

“ก็คงงั้น อย่างที่บอกกูอยากช่วยหาเงินให้การกุศล อีกส่วนหนึ่งเพราะกูว่าสนุกดี ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ตลอด ได้ทำงานร่วมกัน เห็นว่าใครชอบอู้ ใครขี้โกง มึงอย่าคิดอู้หรือโกงเชียวนะ องค์กรแม่งจับผิดได้เก่งมาก เดี๋ยวต้องโดนไปแก้ผ้าทำความสะอาดห้องน้ำ หรือโดนริบกางเกงในตอนล้างรถ ทีนี้ล่ะ ทิปอื้อซ่ายังกะขายตัวเลย รุ่นพี่กูเคยโดนมาแล้ว แต่มันก็ไม่เข็ดนะ พอทำครบชั่วโมงมันก็ไปหาเรื่องโรงเรียนคู่อริอีก โดนจับมาชดใช้ความผิดรอบสอง พอไปมีเรื่องรอบสามนี่เห็นหายไปเลยไม่ได้มาทำที่นี่ สงสัยองค์กรเอาไปทำอย่างอื่นแล้วมั๊ง”

ไม่ต้องเดาก็รู้ งานอย่างอื่นที่ว่าจะน่าอับอายขายหน้าขนาดไหน แล้วจอมก็เลิกคิด หันไปสนใจลูกค้ารายใหม่ที่กำลังขับรถเข้ามาจอด เด็กช่างร้องอย่างดีใจ

“รถคันนี้กูจำได้ พี่เขาเป็นทหารเรือ ใจดีด้วย ขนาดตอนนั้นทีมกูล้างโคตรห่วย ไม่มีลีลาพิเศษด้วยเพราะวันนั้นกูป่วย ยังทิปตั้งห้าร้อยแน่ะ แล้วมึงดูรถพี่เขา เอี่ยมยังกะเพิ่งล้างมาเมื่อวาน เราล้างแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว พี่เขาโคตรไม่คุ้มเลยว่ะ ค่าล้างค่าทิปเกือบพัน หรือว่าพี่เขาชอบทำบุญวะ”

จอมรีบฉีดน้ำใส่เพื่อนแบบหยอกๆ แกมหมั่นไส้ พูดเก่งจริงๆ ว่ะ แป๊บเดียวได้เป็นสิบประเด็นเลยมั๊ง ฟังไม่ทัน พอตัวเปียก ลีลามันก็เริ่มออก ลูกค้าใส่เครื่องแบบทหารเรือจริงอย่างที่มันบอก มองเข้าไปเห็นได้ชัดเพราะกระจกรถใสเหมือนไม่ได้ติดฟิล์ม สายตาพี่เขามองท่วงท่าการถูฟองน้ำของไอเด็กช่างอย่างชื่นชม มันจัดเต็มกว่ารอบที่แล้วอีกครับ มีขยับขอบกางเกงในลง จนเห็นไรเส้นขนครึ้มพอเร้าใจ แต่ไม่นานก็เสร็จเพราะรถสะอาดอยู่แล้ว จอมรีบเข้าไปจอยช่วงล้างด้วยแชมพู เขาดึงกางเกงโชว์เส้นขนไม่ให้น้อยหน้าเพื่อน จอมแปลกใจที่แทนที่นายทหารเรือหนุ่มจะตั้งใจดูโชว์ที่เขาทั้งคู่จัดให้ กลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู สงสัยจะมีธุระสำคัญ แต่ท่าทางก็ล่อกแล่กชอบกล หันโทรศัพท์ไปทางโน้นทีทางนี้ทีเหมือนไม่ได้ตั้งใจคุยเท่าไหร่

ในที่สุดขั้นตอนการลงแชมพูและล้างฟองก็เสร็จลง จอมกับเด็กช่างก็ช่วยกันเช็ดรถให้แห้ง ระหว่างนั้นจอมก็พูดขึ้นว่า

“กูเสียดายตังค์แทนพี่เขาว่ะ ล้างแป๊บเดียวก็เสร็จ แถมติดสายตลอดเลยคงไม่ค่อยได้ดูเท่าไหร่ กูว่าจะจัดพิเศษให้เขาว่ะ”

“กูไม่มีปัญหา มึงกล้าแค่ไหนว่ามาเลย” คนที่ทำงานนี้มาก่อนถามน้องใหม่กลับ

“กูขอหนึ่งนิ้วนับจากโคน” จอมเสนอพร้อมกับมองอย่างท้าทาย

“ไม่มีปัญหา แต่กูให้สองนิ้วเลย ถ้ามึงแมนพอก็ตามมา” เด็กช่างเย้ย

เกทับกันพอหอมปากหอมคอเสร็จ หนุ่มช่างก็ดึงกางเกงในลงมาคาอยู่ที่ระดับสองนิ้วนับจากฐานของท่อนเนื้ออวบสีน้ำตาลอ่อนอย่างไม่ลังเล ของลับทอดตัวสงบนิ่งกลางขนรกครึ้มสีดำที่ขึ้นเต็มบริเวณนั้นไปหมด

จอมไม่ได้ตั้งใจทำขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่มีปัญหากับมันแต่อย่างใด ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่กล้า แต่เขาในตอนนี้เคยทำขนาดชักว่าวโชว์ตอนถ่ายแบบมาแล้ว แค่นี้เด็กๆ  จอมเลื่อนกางเกงในลงในระดับเดียวกับเพื่อน เขาอาจจะแพ้ที่ขนของเขาแค่อุยๆ ไม่ครึ้มขนาดอีกคน ส่วนความยาวยังไม่รู้เพราะไม่ได้รูดลงสุดทั้งคู่ แต่ความอวบหนานี่เขาชนะแน่ๆ  แค่เห็นตรงโคนก็รู้แล้ว ยกเว้นเพื่อนใหม่ของเขาจะเป็นพวก “บานปลาย”

ทั้งคู่เช็ดรถไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ยังนุ่งกางเกงในแค่ครึ่งก้น ตั้งใจจะคืนกำไรให้ลูกค้า แต่คนในรถก็ยังไม่สนใจมาดูอย่างจริงจัง ยังถือโทรศัพท์แนบหูแต่ไม่ได้ขยับปากเท่าไหร่ เหมือนฟังอีกปลายสายพูดฝ่ายเดียว ท่าทางก็ยังล่อกแล่กเหมือนเดิม หันหัวไปทางซ้ายทีขวาที จนเช็ดรถเสร็จ นายทหารเรือก็ขับรถออกไปทันที

“เสียดายว่ะ สงสัยมีเรื่องด่วน ไม่ค่อยมองเราเลย ปกติทำขนาดนี้ต้องได้ทิปซักพันนึง หรือมึงหล่อไม่พอวะ พี่เขาอาจไม่ชอบของใหญ่ๆ แบบมึง อิจฉาอะไรงี้” เด็กช่างบ่นออกมา

เสียงสัญญาณดังขึ้นจากหน้าจอประจำช่องล้างรถ เด็กช่างเดินไปดูแล้วตะโกนออกมาอย่างดีใจว่า

“เฮ้ย ได้ทิปตั้งสองพันว่ะ กูว่าแล้วเรตติ้งกูต้องไม่ตกขนาดนั้น”

ให้ทิปเยอะแสดงว่าถูกใจสิ แล้วทำไมไม่ตั้งใจดู จอมคิด หรือสิ่งที่เขาตะหงิดใจจะเป็นจริง

“ที่นี่เขาห้ามถ่ายรูปถ่ายคลิปใช่ไหม” จอมถาม

“เออสิ ไม่งั้นใครจะกล้ามาทำ”

“แล้วถ้าลูกค้าแอบถ่ายล่ะ”

“ไม่หรอกมั๊ง ไม่เห็นเคยมีประเด็นนี้เลย ไม่งั้นต้องดังไปทั่วเน็ตแล้ว พวกที่ทำมารุ่นก่อนกูก็บอกว่าไม่เคยมีปัญหา” เด็กช่างนึกทบทวน  ไม่เห็นใครเคยพูดถึงเลยว่าโดนแอบถ่าย

“เหรอ” จอมคิดว่าเขาอาจจะระแวงมากไป หรือไม่ก็องค์กรคงมีวิธีจัดการ แต่ทำยังไงก็ไม่รู้

หลังจากนั้นเขาก็ช่วยกับเพื่อนใหม่ล้างรถไปได้อีกหลายคัน จนถึงเวลาปิดบริการตอนหกโมงเย็น บริการล้างรถของ G-Wash เป็นกลางแจ้งทั้งหมด พอมืดแล้วเห็นอะไรไม่ชัดก็ไม่ค่อยตอบโจทย์ลูกค้าเท่าไหร่ จอมกับเพื่อนใหม่เดินกลับไปที่อาคารกลาง ระหว่างทางเขาขอเดินออกนอกเส้นทางสำรวจพื้นที่ไปเรื่อย เพื่อนใหม่ก็แนะนำเรื่องต่างๆ เท่าที่รู้ จอมสังเกตเห็นว่าพื้นที่ทั้งหมดกว้างมาก ยังมีส่วนที่ไม่ได้ใช้งานอีกเยอะ สงสัยไว้เผื่อขยาย ใกล้ๆ ทางออกยังมีต้นไม้ใหญ่หลายต้นขึ้นร่มรื่น สงสัยจะเป็นของเดิมไม่ได้ตัดออก พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ จอมก็บอกเพื่อนใหม่ว่าขอไปชงกาแฟซองกินก่อนกลับ มันห้ามไว้ทันที

“กินเข้าไปได้ไงวะ โคตรจะไม่อร่อย น้ำล้างทีนชัดๆ”

“สัด ของฟรีมีให้กินก็ดีแค่ไหนแล้ว ถึงกูจะชอบกินกาแฟอร่อยๆ แต่ให้ไปกินแก้วละหลายสิบ เผลอๆ เป็นร้อย ไม่เอาหรอก ไว้นานๆ ค่อยกินที”

“ถ้ามึงไม่รีบ ไปกะกู กูพาไปกินกาแฟอร่อยๆ ฟรีด้วย” เพื่อนใหม่ชวน

“ไกลป่าว” จอมชักสนใจ

“ไม่ไกลมาก เลยเข้าเมืองไปอีกหน่อย มึงมายังไง เด็กแว้นน่าจะขี่มอเตอร์ไซค์มาใช่เปล่า มึงขับตามรถกูไปตรงย่านธุรกิจข้างหน้าโน้น”

จอมคิด เพื่อนใหม่ไม่ธรรมดาแฮะมีรถขับด้วย และก็จริง เพราะเมื่อขับรถตามไปถึงร้านกาแฟขนาดใหญ่ในย่านธุรกิจที่ห่างออกไปไม่ถึงกับไกลนัก เด็กช่างก็บอกว่าเป็นร้านกาแฟสาขาของที่บ้านเขาเอง ให้สั่งได้เต็มที่ถ้าไม่กลัวนอนไม่หลับ จอมมองบรรยากาศของร้านที่แต่งอย่างงดงาม หัวค่ำแล้วแต่ยังมีคนคึกคักอาจเพราะทำเลและมีขายอาหารด้วย เมื่อลองชิมกาแฟก็ต้องติดใจในรสชาติและความหอมกรุ่น

เขาเป็นคนชอบดื่มกาแฟดีๆ ออกจะผิดวิสัยเด็กแว้นไปซักหน่อย แต่ไม่ได้มีโอกาสบ่อยนักเพราะมันฟุ่มเฟือยเกินไป เขาพยายามจะหาร้านถูกๆ ดีๆ ในละแวกก็หายากเพราะของพวกนี้มันขึ้นอยู่กับคุณภาพวัตถุดิบด้วย อย่างเก่งก็ตามปั๊มป์ที่มีร้านกาแฟดได้มาตรฐานในราคาที่ไม่สูงไป

เขามองเพื่อนใหม่ที่ดูท่าทางฐานะดีกว่าเขาลิบลับแล้วก็สะท้อนใจ ตัวเขาเองไม่เท่าไหร่ แต่พอมีอีกปากอีกท้องที่ต้องดูแลก็อยากจะทำให้ดีที่สุด ไหนจะค่าเทอมเทอมต่อๆ ไปอีก เขาอยากมีอาชีพที่มั่นคงมากกว่าพวกงานพิเศษที่ทำอยู่ แต่เด็กที่ยังเรียนอยู่อย่างเขาจะทำได้ยังไง ต่อให้เรียนจบก็เถอะ ไปทำงานโรงงานจะได้เท่าไหร่กัน เขาไม่ได้โลภ แต่เมื่อมีภาระมากก็ต้องพยายามหาทางจัดการให้อยู่รอดกันไป งานถ่ายแบบคงไม่ใช่อะไรที่ยั่งยืน

คงต้องหาธุรกิจทำ จอมนึกไปถึงร้านล้างรถขององค์กรที่เพิ่งไปทำมา แม้วัตถุประสงค์น่าจะเพื่อใช้ลงโทษดัดนิสัยเด็กพร้อมกับหาเงินเข้าการกุศลไปด้วย แต่โดยรูปแบบแล้วมันก็คือธุรกิจๆ หนึ่งที่อยู่ได้ด้วยตัวเอง ต่อให้ไม่ต้องใช้องค์กรไปเกณฑ์คนมา เขาเชื่อว่าถ้าเจาะหาแรงงานให้ถูกแหล่งน่าจะมีคนอยากมาทำแบบสมัครใจ ขนาดวันนี้เขาทำแค่สามสี่ชั่วโมงยังได้ส่วนแบ่งทิปมาเป็นพันเลย ถ้าเขาสามารถคิดธุรกิจใหม่ๆ แบบนี้ขึ้นมาได้ มันน่าจะไปได้สวยนะ แต่ถ้ามันง่ายขนาดเด็กแว้นอย่างเขาคิดออก คงมีคนอื่นทำไปก่อนแล้ว หรือบางที เราอาจจะไม่ต้องคิดใหม่ทั้งหมด จอมนึกมาถึงตรงนี้ก็โพล่งถามเพื่อนใหม่ลูกเจ้าของร้านกาแฟว่า

“มึงรู้ป่ะ ทำร้านกาแฟเล็กๆ ซักที่นึง ใช้เงินเท่าไหร่”

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 15] 04/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 04-08-2015 20:59:24
พอเห็นอัพรีบเข้ามาอ่านเลย ทีแรกคิดว่าต่อไปจอมจะได้มาเป็นสมาชิกช่วยงานหลักขององค์กรซะอีก แต่นี่คิดจะไปเปิดร้านกาแฟเองซะแล้ว ยังไงเชื่อว่าก็คงยังวนๆ เวียนๆ เกี่ยวข้องกับองค์กรต่อไป ^^

แล้วคุณพี่ทหารเรือนี่พยายามจะแอบถ่ายคลิปจริงหรือเปล่า แต่แบบว่าพอจะถ่าย มันก็ทำไม่ได้ไปโดยอัตโนมัติ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 15] 04/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 05-08-2015 03:49:05
คืนกำไรให้ลูกค้าชัดๆ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 15] 04/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: Moko1212 ที่ 05-08-2015 14:15:18
กำลังง่วงๆจะนอน แต่เห็นอัพเลยจอดอ่านก่อน

ตอนนี้ขอไปสลบต่อ  :a12:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 15] 04/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 06-08-2015 05:30:18
รอดูว่าจะมีคลิปหลุดไหม
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 15] 04/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: yoome ที่ 06-08-2015 07:20:33
 :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 15] 04/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 06-08-2015 08:51:36
ชอบ part sexy ของเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆๆ ขอเยอะๆ เลย อิอิ
พลอตเรื่องก็แปลกดีชอบๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 16] 06/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 06-08-2015 19:53:45

องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 16

ณ อาคารสำนักงานแห่งในย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพเป็นที่ตั้งของบริษัทแห่งหนึ่ง บริษัทนี้เป็นบริษัทขนาดกลางแต่ก็มีการบริหารที่ได้มาตรฐานเพราะเป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ถ้าถามพนักงานบริษัทนี้ว่ามีเรื่องอะไรของบริษัทที่รู้สึกภูมิใจบ้าง หนึ่งในหลายๆ เรื่องที่พนักงานตอบออกมาคงไม่พ้นเรื่องผู้บริหารของบริษัทโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่การเงินหรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่าซีเอฟโอคนปัจจุบัน

ซีเอฟโอคนที่พูดถึงนี้ นับว่าเป็นลูกหม้อขนานแท้ของบริษัทที่ทำงานมาตั้งแต่ยุคต้นๆ นอกจากจะเก่งขนาดสามารถใช้การบริหารเงินพลิกฟื้นบริษัทให้รอดพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนแล้ว อายุอานามก็ยังแค่สี่สิบต้นๆ ซึ่งถือว่าเด็กมากสำหรับผู้ที่ขึ้นมาถึงตำแหน่งดังกล่าวในบริษัทระดับนี้ เท่านั้นยังไม่พอ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาภูมิฐานสมวัยกับมนุษยสัมพันธ์ชั้นเยี่ยมทำให้ซีเอฟโอคนนี้เป็นที่กล่าวขวัญถึงจากพนักงานทุกระดับอย่างชื่นชม

ถ้าจะมีจุดด่างพร้อยอยู่บ้างในประวัติและคุณสมบัติที่ดีพร้อมคงเป็นเรื่องครอบครัว พนักงานทราบเพียงว่าซีเอฟโอผ่านการมีครอบครัวมาแล้วตั้งแต่ยังหนุ่ม เพราะเป็นพ่อหม้ายเรือพ่วงที่มีลูกชายหนุ่มหล่อโตขนาดเข้าเรียนวิศวะปีหนึ่งของมหาลัยดัง เมื่อสองปีก่อนพ่อหม้ายเนื้อหอมคนนี้คงพลาดท่าอะไรซักอย่างถึงได้ไปแต่งงานกับแม่หม้ายลูกติดอายุไล่เลี่ยกันซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกบัญชีในสายงานของตัวเอง

เธอคนนี้เพิ่งย้ายมาร่วมงานกับบริษัทเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น นี่เองที่ความผิดพลาดได้เกิดขึ้น ภรรยาใหม่ของซีเอฟโอถึงจะดูเป็นคนเป็นคนขยันตั้งใจทำงานดี แต่จริงๆ กลับคิดทำเรื่องร้ายแรงอย่างการโกงเงินและตกแต่งบัญชีบริษัทเพื่อปกปิดความผิด ปกติเวลาเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ สามีซึ่งเป็นหัวหน้าสายงานน่าจะมีส่วนร่วมหรือรู้เห็นเป็นใจด้วย แต่พนักงานและผู้บริหารคนอื่นต่างรู้ดีว่าตัวซีเอฟโอไม่มีทางทำเรื่องอย่างนี้แน่ จึงร่วมกันให้ข้อมูลกับตำรวจและช่วยกันปกป้องคนที่ควรปกป้อง ในที่สุดสวรรค์ก็คุ้มครองคนดี ตัวภรรยาใหม่ซึ่งคงเป็นตัวการทั้งหมด ก็ถูกดำเนินคดีไปคนเดียวอย่างสาสมและถูกคุมขังระหว่างการไต่สวนในชั้นศาล ทิ้งภาระซึ่งก็คือเด็กหนุ่มลูกติดไว้ให้ซีเอฟโอดูแล ซึ่งก็ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ทั้งๆ ที่เป็นลูกของคนที่ทำให้ชื่อเสียงเสียหายแท้ๆ ช่างเป็นคนที่ดีมีมนุษยธรรมจริงๆ เหล่าพนักงานคิด

แต่ถึงจะชื่นชมศรัทธาในตัวซีเอฟโอแค่ไหน แต่พนักงานหลายคนก็เริ่มรู้สึกว่าซีเอฟโอของพวกเขามีพฤติกรรมแปลกๆ ในระยะหลัง มันดูจะเริ่มต้นเมื่อตอนงานสัมมนาสายงานบัญชีการเงินที่จัดขึ้นที่โรงแรมเมื่อเดือนก่อน ในงานมีการทำเวิร์คช็อปร่วมกันเพื่อระดมความคิดในการปรับปรุงการทำงาน เป็นที่รู้กันว่างานแบบนี้จะไม่เคร่งเรื่องการแต่งตัวมากนักเพราะส่วนใหญ่อยากจะให้บรรยากาศเป็นกันเอง

วันนั้นซีเอฟโอมาในชุดเสื้อกล้ามพอดีตัวชายเสื้อสั้นระดับเอว คู่กับกางเกงยีนส์เอวต่ำ ด้วยรูปร่างหน้าตาของคนใส่ มันก็ดูเข้ากันใช้ได้ถ้าไม่คำนึงถึงกาลเทศะและสถานะของผู้ใส่ และเมื่อถึงช่วงทำกิจกรรมระดมความคิด ซีเอฟโอหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนแสดงความเห็นพร้อมยกไม้ยกมือทำท่าทางประกอบอย่างที่ถนัด แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครฟังรู้เรื่องเพราะมัวแต่มองขนรักแร้ที่กระพือตามท่วงท่า กับไรขนรอบสะดือบนกล้ามหน้าท้องแกร่งที่โผล่ขึ้นทุกครั้งที่ยกมือจนรั้งชายเสื้อสั้นให้เลิกขึ้น

พอซีเอฟโอหันหลังไปก้มๆ เงยๆ เขียนกระดานฟลิปชาร์ท ทุกคนในห้องก็เห็นร่องก้นอันสวยงามของผู้บริหารระดับสูงของบริษัท กางเกงที่ไหลต่ำลงไปเกาะที่บริเวณสะโพกแสดงให้เห็นว่าซีเอฟโอหนุ่มใหญ่ไม่ได้นุ่งกางเกงในมา คนในห้องไม่มีใครกล้าทักอะไร ได้แต่ซุบซิบกันเอง บางคนก็มองในแง่ดีว่าอาจจะมีปัญหาสุขภาพอะไรซักอย่างทำให้ไม่ได้ใส่กางเกงใน แต่ส่วนใหญ่รู้สึกว่าหัวหน้าไม่ให้เกียรติลูกน้องตัวเอง

หลังจากวันนั้นก็มีคนพบเห็นพฤติกรรมประหลาดๆ ของผู้บริหารหนุ่มใหญ่คนนี้อีกหลายต่อหลายครั้ง พนักงานงานหน่วยงานงบประมาณคนนึงเล่าว่า วันก่อนหลังจากประชุมร่วมกับซีเอฟโอเสร็จ เขาเดินมาเข้าห้องน้ำพร้อมกัน ตัวเขาก็เดินเข้าไปฉี่ที่โถฉี่ เห็นซีเอฟโอยืนอยู่ที่หน้าอ่างล้างมือคิดว่าคงเข้ามาล้างมือเฉยๆ พอเขาฉี่เสร็จเดินไปล้างมือ ก็เห็นว่าซีเอฟโอกำลังฉี่ใส่อ่างล้างมือหน้าตาเฉย แถมหันมาชวนเขาคุยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนแรกก็ไม่มีใครเชื่อที่หนุ่มงบประมาณคนนี้พูด แต่พอคนหน่วยงานบัญชีเจอเรื่องนี้พร้อมกันสามคน ข่าวก็แพร่สะพัดไปในหมู่พนักงานอย่างรวดเร็วพร้อมข้อมูลเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอย่างความอวบใหญ่ สีออกขาวแต่คล้ำกว่าตัวเล็กน้อย กับส่วนหัวที่หนังหุ้มปลายถูกขลิบออกไปแล้วอย่างสวยงาม

คนขับรถของซีเอฟโอถึงกับสาบานตอนเล่าเรื่องให้กับคนขับรถของผู้บริหารอีกคนนึงฟังว่า เมื่อวานตอนเขาไปส่งซีเอฟโอไปประชุมข้างนอก เขามองกระจกหลังแล้วเห็นเจ้านายตัวเองควักท่อนลำออกมารูดเล่นฆ่าเวลาขณะรถติด จนต้องแอบเอี้ยวตัวมาดูว่าตาไม่ได้ฝาดซึ่งก็เห็นอย่างเต็มตาเพราะความใหญ่ของมัน พอส่งเสร็จเจ้านายลงเสร็จ เขาต้องไปสำรวจที่เบาะหลังให้แน่ใจว่าไม่มีคราบน้ำอะไรเปรอะเปื้อนอยู่ เรื่องนี้ไปสอดคล้องกับ รปภ. ของบริษัทที่เคยเห็นคนรูปร่างคล้ายซีเอฟโอก้มหน้าก้มตาช่วยตัวเองในลิฟท์ผ่านกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ ไม่มีใครกล้าเอาเรื่องพวกนี้ไปรายงานต่อผู้บังคับบัญชา มีเพียงข่าวลือไม่ระบุที่มาที่กระพือไปทั่วบริษัท

แม่บ้านที่เข้ามาเก็บกวาดและดูความเรียบร้อยห้องทำงานของซีเอฟโอในช่วงเย็นหลังเลิกงานกำลังหนักใจ กองผ้าเล็กๆ บนพื้นที่เธอเห็นแว้บๆ ตอนเข้ามาเสิร์ฟกาแฟให้แขกของซีเอฟโอเมื่อตอนบ่ายที่แท้มันคือกางเกงใน มิหนำซ้ำยังเป็นกางเกงในยี่ห้อดังที่เปื้อนคราบน้ำอะไรต่อมิอะไรส่งกลิ่นคาวออกมาจนเธอต้องย่นจมูก นี่แสดงว่ามันกองอยู่ที่เดิมตลอดทั้งบ่าย แล้วนี่คนเข้าออกมาคุยกับซีเอฟโอตั้งเท่าไหร่ ทุกคนคงเห็นกันหมดแล้ว แต่ปัญหาของเธอคือจะทำยังไงกับสิ่งนี้ดี จะเก็บเอาไปทิ้งโดยพลการก็กลัวจะโดนถามหาทีหลัง ท่าทางจะแพงด้วย จะพับเก็บแล้วเอาไปวางให้เหม็นหึ่งที่โต๊ะก็กลัวจะเป็นการบกพร่องต่อหน้าที่ทำความสะอาด จะเอาไปซักให้ก็รังเกียจแล้วก็เกินหน้าที่แม่บ้านสำนักงานไปมาก แต่ที่แน่ๆ คงปล่อยทิ้งไว้บนพื้นไม่ได้ ในที่สุดเธอก็ส่งต่อการตัดสินใจนี้ให้คุณเลขาหน้าห้องโดยการหยิบกางเกงในเจ้าปัญหามาใส่ถุงเอาไปวางที่โต๊ะเลขาพร้อมโน้ตว่า “ของเจ้านายค่ะ สงสัยถอดลืมไว้” แล้วจากไปพร้อมความคับข้องใจที่ต้องรีบไประบายกับเพื่อนแม่บ้านให้เร็วที่สุด

จากปากต่อปาก ข่าวลือเกี่ยวกับซีเอฟโอก็แพร่กระจายไปในหมู่พนักงาน หลายคนไม่เชื่อ แต่พอได้รับการยืนยันจากหลายแหล่งก็คล้อยตาม ยิ่งพอมีคนประสบเหตุด้วยตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งเป็นการยืนยันถึงความผิดปกติของตัวผู้บริหารหนุ่มใหญ่คนนี้ ตอนนี้ระดับผู้บริหารด้วยกันก็เริ่มได้ยินข่าวบ้างแล้ว ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ปักใจ แต่ความไว้วางใจก็สั่นคลอนอย่างหนักเมื่อตอนประชุมบอร์ดบริษัทครั้งล่าสุด

ซีเอฟโอซึ่งมีคิวจะต้องพรีเซ้นต์งบการเงินของบริษัทในวาระถัดไปได้ขอตัวออกไปเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม เขาสังเกตว่ามีคนมองเขาแปลกๆ ระหว่างที่เขากำลังยืนฉี่อยู่ ซึ่งมันเกิดขึ้นเกือบจะทุกครั้งในระยะหลัง อาจจะต้องโทษหน้าตาของเขาเอง เขาฉี่ไปส่องกระจกไปด้วยความภูมิใจ ด้วยหน้าตาที่มีหล่อเหลามีเสน่ห์ทำให้ชีวิตการทำงานของเขาง่ายกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว เขาสะบัดท่อนลำเพื่อสะเด็ดน้ำแล้วก็เปิดก๊อกเพื่อล้างมือพร้อมกับล้างท่อนลำไปด้วย หลังๆ ขั้นตอนนี้มันดูสะดวกกว่าเดิมยังไงไม่รู้ จากนั้นก็ดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมในกระจก ทุกครั้งที่เขาพรีเซ้นท์ มันจะเริ่มต้นและจบลงด้วยความสมบูรณ์แบบเสมอ

หนุ่มใหญ่เดินกลับเข้าไปในห้อง หลังจากนั่งฟังการประชุมต่อไปได้ครู่ใหญ่ก็ถึงวาระนำเสนอของเขา เขาลุกขึ้นยืนด้วยความมั่นใจ ก้าวไปด้านหน้าห้องแล้วหันกลับมาสบตาคนในห้องด้วยรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ เขาชอบที่จะยืนพรีเซ้นท์อย่างนี้เพื่อเน้นรูปร่างและบุคลิกที่ดูดี เสียงคนในห้องฮือฮาขึ้นมาทันทีด้วยเรื่องอะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้ เขากำลังจะเริ่มนำเสนอแต่ประธานบอร์ดตรงหัวโต๊ะก็กระแอมขึ้นมาพร้อมพูดว่า

“เอ่อ วันนี้คุณไม่สบายหรือเปล่า ถึงละ ลืมเก็บให้เรียบ...”

ซีอีโอหรือประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทรีบตัดบททันที

“ท่านประธานครับ เดี๋ยววาระนี้ผมจะเป็นคนนำเสนอเอง แล้วขออนุญาตให้ซีเอฟโอไปพักผ่อนนะครับ” ประธานพยักหน้าทันที

“คุณไปรอผมที่ห้องตัวเอง เสร็จจากตรงนี้แล้วผมจะเข้าไปคุยด้วย” ซีอีโอกระซิบใส่หูเร็วปรื๋อ ไม่เปิดโอกาสให้เขาโต้แย้งอะไรทั้งสิ้น

ซีเอฟโอเดินกลับไปที่ห้องด้วยความไม่เข้าใจ ปกติถ้าเป็นเรื่องการเงินเขาจะได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างมาก แต่นี่กลับทำเหมือนไล่เขาออกกลางห้องประชุม ตลอดทางคนที่เดินสวนมาต่างสะดุ้งตกใจเมื่อเจอเขา ทั้งๆ ที่เขาก็ยิ้มทักทายไปเรื่อยตามปกติ เรื่องพวกนี้เขาต้องฝึกตัวเองให้ทำเป็นประจำเพราะรู้ดีว่ามันช่วยสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้นได้ดี

จนเดินกลับไปถึงห้อง เลขาเขาก็ทำหน้าตกใจไม่แพ้คนอื่น เธอชี้มาที่เป้ากางเกงเขาแล้วก็หน้าแดงก่ำ เขาก้มลงมองก็ไม่พบอะไรผิดปกติ เธอก็ยังชี้ไม่เลิกจนเขารำคาญเดินเข้าห้องไป เขากลับไปคิดเรื่องที่โดนไล่ออกนอกห้องประชุม หรือคณะกรรมการจะระแคะระคายเรื่องโกงเงินตกแต่งบัญชีคราวนั้น ไม่น่านะ เพราะเขาก็ป้ายความผิดทั้งหมดให้นังเมียหน้าโง่ไปแล้วแถมไม่มีใครสงสัยในตัวเขาเลย

เงินก้อนนั้นยังจิ๊บๆ ถ้าเทียบกับเงินก้อนใหญ่ที่เขาจะดูดออกจากบริษัทเมื่อแผนการใหม่สำเร็จ ยิ่งตอนนี้ยัยเมียตัวดีที่เคยเป็นก้างชิ้นใหญ่อยู่ในคุกก็ยิ่งง่าย ที่เขาแต่งงานด้วยก็เพื่อจะหลอกใช้นี่แหละ ไม่งั้นใครจะไปแต่งกับผู้หญิงจืดชืดที่ไม่สามารถสนองอารมณ์เซ็กส์ที่เต็มไปด้วยสีสรรค์ของเขาได้ ยังดีที่มีลูกชายทิ้งไว้ให้เขาได้ทรมานเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ได้อย่างดี เสียดายที่ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่งั้นเขาคงเล่นสนุกได้มากกว่านี้

ตอนนี้ลูกเลี้ยงเขาไปอยู่ในความดูแลของตำรวจเพราะเรื่องที่โดนทำร้าย แต่ก็อีกไม่นานหรอก พอตำรวจสอบสวนเป็นพิธีเสร็จก็ต้องส่งคืนเขาอยู่ดี และไม่มีทางสาวมาถึงตัวเขาได้แน่ เด็กนั่นจะไม่ยอมปริปากบอกอะไรเพราะโดนเขาขู่เรื่องแม่ไปขนาดนั้น มันรักแม่มันยังกะอะไรดี ถ้าได้ตัวคืนมาคราวนี้จะเอาให้หนัก ดูแล้วว่าเด็กน่าจะโตพอที่จะรับการทรมานที่รุนแรงขึ้นได้แล้ว

เขารู้ว่าลูกชายแท้ๆ ของเขาก็แอบเอาลูกเลี้ยงไปเล่นทรมานเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร ก็คนนั้นเป็นลูกที่เขาแสนจะภูมิใจนี่ ทั้งหน้าตา บุคลิก ความฉลาด และรสนิยมชั้นสูงทางเพศ ล้วนถ่ายทอดเอาสิ่งดีๆ ไปจากเขา แม่มันที่หนีหายไปเพราะทนการร่วมเพศกับเขาไม่ไหวแอบเอาลูกไปด้วยกันไม่สำเร็จ เขาจึงได้เพาะบ่มเลี้ยงดูลูกชายคนนี้จนเป็นเหมือนที่เขาเป็นทุกอย่าง แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอหน้าเจอตาเลย มีธุระหรือกิจกรรมได้แทบทุกวัน บางทีก็ไปค้างข้างนอกด้วย

เลขาโทรมาบอกว่าซีอีโอเลิกประชุมแล้วกำลังจะมาหาเขาที่ห้อง เขานึกในใจอย่างรำคาญ ไม่รู้มีเรื่องอะไร ปกติซีอีโอไว้ใจเขาจะตาย ไม่เคยมายุ่งเรื่องในสายงานการเงินเลย นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาสามารถหาโอกาสดีๆ ในการถ่ายเงินของบริษัทออกมา จริงๆ เขาก็ไม่ได้โลภอะไรมากมายหรอก แค่อยากได้เงินเยอะๆ ไว้ทำให้ฝันเป็นจริง เดี๋ยวนี้จะซื้อหาคนที่จะมารองรับอารมณ์อันพิสดารโลดโผนของเขาได้ยากทุกที เขาอยากได้แบบสาวรุ่นๆ ไปเลยซึ่งกฎหมายก็เข้มงวดขึ้นมาก แถมที่สมัครใจก็มักไม่ค่อยยอมเจ็บตัวแลกกับเงินที่ไม่มากพอ แต่ถ้ามีเงินแบบไม่อั้น เขาอาจจะซื้อเด็กผู้หญิงจากพ่อแม่โดยตรงเอามาเป็นทาสหลายๆ คน ฉากหน้าอาจจะเล่นบทเป็นเศรษฐีใจบุญที่รับเด็กมาอุปถัมภ์หรือรับเป็นลูกบุญธรรมหลายๆ คนไปเลย บทนี้เขาถนัดนัก

นึกมาถึงตรงนี้ ซีอีโอหน้าโง่ที่ไม่เคยทันเกมเขาก็มาถึงห้องพอดี พอเข้ามาก็ปิดประตูมายืนตรงหน้าโต๊ะทำงานเขาแล้วระเบิดออกมาว่า

“คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง ทีมผู้บริหารเราจะเสียเครดิตแค่ไหนในสายตาของกรรมการบริษัท”

“ผมทำอะไร มีแต่คุณนั่นแหละที่แย่งผมไปรายงานงบการเงิน” แรงมาก็แรงกลับ เขาลุกขึ้นยืนเพื่อไม่ให้เสียเปรียบแล้วโต้กลับไป

ซีอีโอผงะไปเมื่อเห็นเขายืนขึ้น แล้วชี้มาที่เป้ากางเกงเขา

“นี่คุณยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ”

เขาก้มมองที่เป้ากางเกงอีกครั้งก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกประหลาด

“ของคุณมันห้อยออกมาทั้งลำขนาดนั้น ผมว่าคุณน่าจะมีปัญหาอะไรแล้วล่ะ”

เขากลับไปมองท่อนลำขนาดเขื่องที่ห้อยหัวทอดตัวยาวออกมานอกซิปกางเกงตัวหรูที่สั่งตัดพร้อมกับสูท มันก็ปกติไม่ใช่เหรอ หรือไม่ใช่ ตายห่า ของสิ่งนี้มันควรเก็บไว้ในกางเกงนี่นะ ไม่ควรเอาออกมาโชว์ใครๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการบริษัท นี่มันโผล่ออกมาตั้งแต่ตอนนั้นหรือเปล่านะ ร่างกายเขาเย็นเฉียบไปทั้งตัวเมื่อคิดว่าภาพลักษณ์ของเขาจะป่นปี้ไปสักแค่ไหน เขาหันหลังให้แล้วรีบเก็บแท่งเนื้อเข้าที่

ซีอีโอในวัยใกล้เกษียณปาดเหงื่อหัวล้านแล้วบอกว่า

“ผมว่าคุณน่าจะไปหาหมอนะ ลองไปตรวจดูให้ละเอียด อาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ก็ได้ ผมได้ยินว่าบางคนมีอาการสารเคมีในสมองไม่สมดุลทำให้มีพฤติกรรมแปลกๆ แต่กินยาไปซักพักก็หาย จริงๆ ผมตั้งใจไว้แล้วจะให้คุณลาพักผ่อนเป็นกรณีพิเศษ มันก็หลายเรื่องนะ ยิ่งตอนนี้มีข่าวลือแปลกๆ เรื่องคุณในหมู่พนักงาน ระหว่างนี้ผมจะให้บริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีจากข้างนอกมาช่วยดูบัญชีบริษัทเราย้อนหลังด้วย”

ซีอีโอโบกมือเมื่อเห็นซีเอฟโอทำท่าจะประท้วง

“ไม่ใช่ว่าผมไม่ไว้ใจคุณนะ ทำงานด้วยกันมาตั้งนานขนาดนี้ แต่พอดีเหมือนกรรมการบางท่านไปได้ข้อมูลที่ไม่เคลียร์มาจากทางอื่นเลยเถียงกันเยอะหน่อยในห้องประชุม บางคนก็โยงไปเรื่องภรรยาคุณด้วย พอคุณมาเบลอจนเอาน้องชายห้อยออกมากลางห้องประชุมคนก็ยิ่งกังขา ผมว่าเอาคนนอกมาตรวจสอบเลยก็ดีเหมือนกันจะได้สบายใจกันทุกฝ่าย คุณก็รู้ว่าความถูกต้องของงบการเงินบริษัทในตลาดหลักทรัพย์มันซีเรียสขนาดไหน ถ้าพลาดไปความผิดมันเท่ากับคดีฉ้อโกงประชาชนเลยนะ ไม่งั้นภรรยาคุณคงไม่ต้องอยู่ในห้องขังจนถึงตอนนี้หรอก”

ซีเอฟโอมองดูซีอีโอเดินออกจากห้องไปหลังพูดธุระจบด้วยความกังวล เขาเพิ่งได้รับอนุมัติให้ลาพักผ่อนเป็นเวลาสองสัปดาห์ ระหว่างนี้จะมีคนมาตรวจบัญชีบริษัท เรื่องนั้นยังไม่น่ากังวลเท่าไหร่ เขามั่นใจว่าเอกสารทุกอย่างแนบเนียนเพียงพอ จุดที่ผิดปกติจริงๆ เขาก็ปัดไปอยู่ในความรับผิดชอบของเมียซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดีหมดแล้ว ถึงตัวเขาจะไม่มาทำงาน แต่คนในสายงานเขาคงยังพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งเขาโดยไม่สงสัยอะไรเหมือนเคยด้วยความศรัทธาและเครดิตที่สร้างสมไว้ แต่ที่หนักใจคือเรื่องนี้อาจกระทบแผนไซฟ่อนเงินออกจากบริษัทครั้งใหญ่ของเขาได้
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 16] 06/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 06-08-2015 19:55:07

บอสยิ้มเมื่อทราบข่าวการพักงานของพ่อเลี้ยงวิปริต ตอนนี้แผนการของเขากำลังดำเนินไปได้ด้วยดี ปกติก็แค่ไปสะกดจิตเอาตัวมาลงโทษหลังจากระบบขององค์กรสรุปได้แน่ชัดแล้วว่าผิดจริง แต่เคสนี้มันยากกว่านั้นเพราะต้องหาหลักฐานทางด้านบัญชีการเงินเพื่อเอาไปใช้เคลียร์คดีให้แม่ของเด็กชายที่โดนป้ายความผิดด้วย ซึ่งเรื่องทางบัญชีนี่ไม่ใช่อะไรที่ทั้งเขาทั้งโป๊ปรู้เรื่องเอาซะเลย โอเค ไอโป๊ปอาจจะรู้เรื่องมากกว่าเขา แต่ของพรรค์นี้มันเป็นวิชาชีพที่ต้องใช้คนที่มีความรู้ประสบการณ์จริงๆ เขาจึงให้อาสาสมัครขององค์กรคนหนึ่งที่เป็นผู้สอบบัญชีระดับหัวหน้าของบริษัทใหญ่เข้ามาช่วย ส่วนตัวเขาก็ขอไปทำงานถนัดอย่างการสะกดจิตให้พ่อเลี้ยงชั่วทำเรื่องหื่นๆ ทุเรศๆ สมกับจิตใจให้คนในบริษัทเห็นเพื่อทำให้เสียเครดิตในบริษัทก่อน

จากข้อมูลที่ได้มา คนในบริษัทเชื่อมั่นศรัทธาในตัวพ่อเลี้ยงมาก ทำให้เกิดการปกป้องให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนจนตัวซีเอฟโอขี้โกงวิปริตรอดตัวไปได้ทุกครั้ง บอสมั่นใจว่าเรื่องทุเรศๆ ที่เขาสะกดจิตให้ทำลงไป จะทำให้คนข้างในประเมินตัวพ่อเลี้ยงใหม่ ไม่ติดกับภาพลักษณ์ที่สวยหรูในอดีต คงช่วยให้งานของเขาสำเร็จในที่สุด

ผู้สอบบัญชีที่มาช่วยงานนี้เป็นคนที่เหมาะสมอย่างมาก เขาบังเอิญเคยเป็นหัวหน้าทีมสอบบัญชีให้กับบริษัทนี้เมื่อสองปีก่อนแต่ตอนหลังถูกเปลี่ยนออกเป็นบริษัทอื่นโดยไม่ทราบสาเหตุ บอสเคยเจอตัวแล้วสองสามครั้งตอนที่มาทำงานอาสาอื่นให้องค์กร เป็นหนุ่มวัยสามสิบเศษ หน้าตาก็ขาวตี๋ใส่แว่นตามแบบนักบัญชี รูปร่างอาจไม่มีกล้ามเป็นมัดๆ แต่ก็สมส่วนไร้ไขมันส่วนเกิน คงแค่ไม่มีเวลาออกกำลังกายอย่างจริงจังเพราะอาชีพนี้ทำงานค่อนข้างหนัก

บอสขอให้โป๊ปแฮ็คข้อมูลดิบที่ใช้ลงบัญชีทั้งหมดของบริษัทส่งให้ผู้สอบบัญชีหน้าตี๋ไปศึกษาเพื่อหาหลักฐานให้คนผิดจริงถูกลงโทษให้ได้ มันเป็นงานที่ค่อนข้างหนักทีเดียว แต่คราวนี้หนุ่มตี๋ขอไม่รับค่าตอบแทนตามปกติ แต่ขอโอกาสเข้าร่วมประมูลด้วยหากมีการนำตัวซีเอฟโอหนุ่มใหญ่มาประมูลเป็นทาส นับว่าแปลก ปกติอาสาสมัครที่มาช่วยงานองค์กรจะได้รับของตอบแทนเป็นเครดิตเงินไว้ใช้ซื้อของในหมวดเอ็มของคนที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงได้ และถ้าทุ่มเทมุ่งมั่นกับการช่วยงานอย่างต่อเนื่องก็อาจได้รับเชิญเป็นสมาชิกได้ในที่สุด การที่หนุ่มบัญชีหน้าตี๋จะมาประมูลซื้อทาสแข่งกับสมาชิกองค์กรที่ล้วนแต่มีทุนทรัพย์มากมายนี่แทบไม่มีโอกาสชนะเลย แต่บอสก็รับปากไป

และก็ไม่ต้องแปลกใจที่หนุ่มตี๋คนเดียวกันนี้ก็ได้รับมอบหมายจากบริษัทผู้สอบบัญชีต้นสังกัดให้เข้าไปดูแลเคสนี้เมื่อได้รับการติดต่อจากตัวซีอีโอเอง นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ จากบอส หลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ หนุ่มตี๋ก็ติดต่อมาเพื่อรายงานความคืบหน้า

“สวัสดีครับคุณบอส เคสซีเอฟโอ ผมสรุปคร่าวๆ ตามนี้นะครับ ตอนนี้ผมไล่ดูเอกสารตัวจริงที่บริษัทหมดแล้ว ส่วนมากก็สอดคล้องกับข้อมูลในคอมพิวเตอร์ที่เบอร์หนึ่งแฮ็คมาให้ จริงๆ ตอนนี้เรามีหลักฐานเอาผิดตัวซีเอฟโอได้เลยครับ แต่คนที่ไม่รู้เรื่องจะเดือดร้อนไปด้วย”

“ยังไงนะครับ” บอสตามไม่ทัน

“คือเอกสารหลักฐานที่จะใช้เอาผิดซีเอฟโอเพียงคนเดียวมันยังไม่ชัด ถ้าจะฟ้องศาล คงต้องใช้อันที่มีคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย ทั้งๆ ที่พวกเขาดำเนินการ หรือลงนามรับรองไปเพราะเชื่อใจซีเอฟโอเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ถ้าฟ้อง คงติดคุกกันไปตามๆ กัน”

“อย่างงี้จะทำยังไงดีครับ ผมอยากให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว สงสารคนที่ติดอยู่ในคุกตอนนี้ด้วย”

“ผมก็พยายามเต็มที่อยู่ครับ นี่เบอร์หนึ่งก็รับปากจะใช้ระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กรช่วยเจาะค้นหาในฐานข้อมูลของราชการและบริษัทเอกชนอื่นๆ ให้ด้วย เอ๊ะ นี่เอกสารอะไร ใครเพิ่งเอามาวางไว้ เดี๋ยวซักครู่ผมติดต่อกลับไปใหม่นะครับ พอดีพบข้อมูลสำคัญ” มีเสียงพลิกกระดาษกรอบแกรบแล้วหนุ่มบัญชีก็วางสายทันที

ซักพักใหญ่หนุ่มตี๋ก็ติดต่อกลับมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ได้เรื่องแล้วครับ ข้อมูลใหม่ที่ได้มา เหมือนเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายเลยครับ ตอนนี้เราเชื่อมโยงวิธีการไซฟ่อนเงินของเขาได้หมด แถมยังมีหลักฐานไว้กันตัวภรรยากับคนที่ไม่รู้เรื่องด้วยออกจากคดีได้เลย สงสัยต้องรีบแล้วล่ะครับ ดูเหมือนจะเตรียมตัวทำชุดใหญ่อีกรอบนึง ถ้าสำเร็จบริษัทอาจล้มได้เลยนะครับ คงมีคนตกงานกันเป็นร้อยๆ คน”

นับเป็นข่าวดีจริงๆ บอสคิด แล้วข้อมูลนี้ไปติดอยู่ตรงไหน ทำไมไม่ได้มาตั้งแต่แรกนะ

“ยังไงฝากขอบคุณเบอร์หนึ่งด้วยนะครับ สำหรับข้อมูลชุดนี้ สุดยอดจริงๆ ไม่รู้รู้ได้ยังไงว่านี่เป็นข้อมูลที่ขาดอยู่ เก่งอย่างนี้มาทำงานเป็นผู้สอบบัญชีแทนผมได้สบายเลย จริงๆ ผมก็รออยู่ คอยเช็คในคอมพิวเตอร์ตลอดว่ามีอะไรเพิ่มเติมมาให้หรือเปล่า ไม่นึกว่าจะส่งเป็นกระดาษใส่ซองอย่างดีมาวางบนโต๊ะ กว่าจะเห็นก็ตอนโทรคุยกับคุณบอสนั่นแหละครับ นึกว่าจะส่งทางคอมเหมือนคราวก่อนๆ”

บอสสะดุดใจทันที ไอโป๊ปมันเป็นพวกคลั่งไอทีจะตาย มันไม่มีทางถ่ายเอกสารใส่ซองให้คนเดินไปส่งแบบเชยๆ อย่างนั้นหรอก

“อ๋อครับ เดี๋ยวผมรบกวนช่วยถ่ายรูปเอกสารทั้งหมด แล้วก็ตัวซองด้วยส่งเข้าระบบมาให้ด้วยครับ พอดีตอนไปส่งรีบไปหน่อย ไม่ได้สำเนาเก็บไว้” บอสบอก เขาคงต้องเอาเรื่องนี้ไปถามโป๊ปดู

“ได้ครับ เดี๋ยวผมสแกนไปให้ชัดๆ เลย เอกสารมีค่าขนาดนี้”

หลังจากนั้นไม่นานไอโป๊ปก็กลับมาจากทำงาน บอสเล่าเรื่องนี้ให้ฟังมันก็ยืนยันความคิดเขาว่ายังไม่ได้ส่งอะไรเพิ่มเติมไปให้หนุ่มตี๋เลย โป๊ปเปิดเข้าไปในระบบดูภาพสแกนของเอกสารดังกล่าวที่หนุ่มบัญชีส่งเข้ามา

“เอ้า เบอร์ศูนย์ลองดูแล้ววิเคราะห์ซิ ว่าเอกสารนี้มีที่มายังไง ใช้หัวสมองมั่ง เอาแต่สะกดจิต เรื่องคิดมีแต่ให้กูคิดคนเดียว สมองฝ่อหมด”

“อันนี้เป็นเอกสารที่ถ่ายสำเนาจากตัวจริง ไม่ได้มาจากคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่เอกสารของบริษัทเองด้วยซ้ำ แต่เป็นของบริษัทคู่ค้า กูรู้แล้ว คนที่บริษัทคู่ค้าคงรู้เรื่องที่บริษัทจ้างผู้ตรวจสอบบัญชีมาตรวจสอบทุจริต เลยส่งหลักฐานมาให้ โอ๊ย” บอสสรุปไม่ทันจบ ก็โดนโป๊ปเขกหัว

“ด่วนสรุปนะมึง ถูกแค่ครึ่งแรก แต่กูว่าไม่ใช่คนบริษัทคู่ค้าหรอกว่ะ เพราะวิธีการโกงที่พ่อเลี้ยงใช้ มันสุ่มเอาไม่ได้ทำทุกครั้ง ถ้าดูเฉพาะที่ฝั่งคู่ค้า มันก็จะเป็นเอกสารปกติเหมือนกันทุกใบ ไม่มีทางรู้ว่าอันไหนโกงอันไหนไม่โกง เราต้องจับมาเทียบกับเอกสารฝั่งบริษัทแบบเป๊ะๆ ถึงจะเห็น มันต้องเป็นคนที่มีข้อมูลทั้งสองฝั่งถึงจะเลือกออกมาได้ถูกจากเอกสารเป็นร้อยๆ ฉบับ ไม่รู้ว่าเป็นใครนะ เพราะขนาดระบบขององค์กรยังเจาะไม่ถึง ก็บริษัทคู่ค้าเล่นเก็บเป็นกระดาษหมด ไม่เอาขึ้นคอมพิวเตอร์เลย ใครจะไปเจาะได้ เห็นแล้วคันมือ อยากไปทำระบบคอมพิวเตอร์ให้ฟรีเลยเอ้า”

บอสขำ ไอโป๊ปคงหงุดหงิดมากที่ระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กรที่มันแสนจะภูมิใจว่าสามารถเจาะข้อมูลได้ทั่วโลก กลับมาตกม้าตายเมื่อเจอการเก็บข้อมูลแบบบ้านๆ ของบริษัทคู่ค้า

“งั้นใครเป็นคนส่งข้อมูลมากันแน่นะ” บอสสงสัย เขาเปิดดูรูปซองเอกสารที่ส่งมาก็ไม่มีข้อความที่ระบุชื่อผู้ส่งแต่อย่างใด ซองที่ว่าเป็นซองอย่างดีตามที่ผู้สอบบัญชีหนุ่มบอก เนื้อกระดาษมีลายเยื่อไม้ดูแปลกตาชวนคิดไปถึงกระดาษโบราณ ที่มุมซองมีสัญลักษณ์เล็กๆ คล้ายกับเป็นรูปภูเขาทรงสูงแบบจีนติดกันหลายลูกเรียงความสูงลดหลั่นกันลงมา

“งั้นกูจะลองค้นหาดูว่าสัญลักษณ์นี้หมายถึงอะไร เผื่อจะได้เบาะแสบ้าง ดูๆ เขาคงไม่ได้ไม่หวังดีอะไร อาจจะแค่อยากช่วยคนบริสุทธิ์” โป๊ปบอก แต่บอสยังไม่ปักใจเชื่อ ถ้าหวังดีจริงทำไมไม่เปิดเผยตัวมาล่ะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 16] 06/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 06-08-2015 19:56:12

ซีเอฟโอกลับมาทำงานในเช้าวันจันทร์หลังจากหยุดพักผ่อนโดยไม่เต็มใจไปสองอาทิตย์ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นห้องตัวเองถูกล็อคจากด้านนอกอยู่ มองหาเลขาก็ไม่เห็น ทันใดนั้นซีอีโอพร้อมกับตำรวจและ รปภ. ซึ่งเหมือนรอท่าอยู่แล้วก็เข้ามาประกบ มีคนหลายคนทั้งที่เขารู้จักและไม่รู้จักรุมล้อมเต็มไปหมด ซีอีโอซึ่งดูแก่ไปกว่าที่เจอครั้งก่อนพูดด้วยเสียงที่อ่อนแรงว่า

“ทางบริษัทรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ผมผิดหวังในตัวคุณมาก ไม่คิดเลยว่าคนที่อยู่กับบริษัทมาตั้งแต่ต้นอย่างคุณ จะทำเรื่องแบบนี้ได้ลงคอ คุณไม่คิดเหรอว่าถ้าบริษัทล้มไป พี่ๆ น้องๆ ที่ร่วมงานกันมากับคุณ เขาจะอยู่ยังไง ครอบครัวจะเดือดร้อนแค่ไหน แต่คุณคงไม่แคร์สินะ ขนาดภรรยาตัวเองคุณยังส่งเข้าคุกได้เลย ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไปคุณหมดสภาพความเป็นผู้บริหารของบริษัท ขอเชิญเก็บข้าวของส่วนตัวของคุณออกไป หลังจากนี้ก็เป็นเรื่องของตำรวจที่จะเอาตัวคุณไปดำเนินคดีอาญาต่อ ส่วนตัวบริษัทเอง เราก็เตรียมจะฟ้องทางแพ่งคุณด้วย”

จากนั้นผู้จัดการแผนกบุคคลและ รปภ. ก็พาตัวเขาเข้าไปเก็บของส่วนตัวในห้องโดยมีนายตำรวจยืนคุมอยู่ห่างๆ เขาเก็บไปก็นึกสงสัยว่าทำไมถึงไม่มีใครติดต่อเขาเพื่อส่งข่าวนี้เลยซักคน พวกลูกน้องที่เชื่อใจเขามีตั้งมากมาย น่าจะมีใครรู้เรื่องนี้บ้าง เพราะมันต้องมีการสอบข้อมูลทางบัญชีซึ่งก็อยู่ในสายงานของเขาก่อน ซีเอฟโอรูปหล่อไม่ได้รับรู้เลยว่าพฤติกรรมแปลกๆ ที่เขาทำไปโดยไม่รู้ตัว รวมถึงคลิปที่เขาช่วยตัวเองในลิฟท์ที่ถ่ายจากกล้องวงจรปิดซึ่งได้กระจายออกไปในหมู่พนักงาน ทำให้เกิดความคลางแคลงใจ ในเมื่อความไว้เนื้อเชื่อใจที่ว่ามีพื้นฐานมาจากภาพลักษณ์ที่ดูดี มันก็เลยหมดไปง่ายดายเมื่อภาพลักษณ์ถูกทำลายลง ยิ่งเมื่อมีหลักฐานหนักแน่นจากบุคคลที่สามที่เข้ามาตรวจสอบทุกอย่างก็ชัดเจน

ก่อนที่ตำรวจจะพาตัวเขาออกไป ผู้จัดการแผนกบุคคลก็ปราดเข้ามาแล้วพูดว่า

“เดี๋ยวก่อนครับ ผมจำได้สูทชุดนี้เป็นสวัสดิการที่เราตัดให้ผู้บริหาร รวมถึงเสื้อเชิร์ตตัวในด้วยก็เป็นยูนิฟอร์มที่เราให้พนักงานทุกคน เพราะฉะนั้นผมต้องขอให้ถอดคืนบริษัทด้วยครับ”

ซีเอฟโอหนุ่มหล่ออึ้งไปเหมือนจะบอกว่านี่มันเรื่องล้อเล่นอะไรกัน แต่ตำรวจก็บอกว่า

“ถอดเร็วๆ สิครับ ไม่งั้นผมต้องเพิ่มข้อหายักยอกทรัพย์อีกข้อนึง”

เขาดื้อแพ่งไม่ปฏิบัติตาม เขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น ข้อหายักยอกทรัพย์แค่นี้มันไม่ได้ร้ายแรงอะไร เขายอมชดใช้ให้เลยทีหลังสิบเท่าก็ยังได้ แต่จะไม่ยอมถอดเสื้อผ้าคืนอย่างเด็ดขาด วันนี้เขาใส่กางเกงในแบบ Jockstrap หรือกางเกงในนักกีฬาซึ่งด้านหลังจะมีแค่แถบผ้ายืดสามแถบรัดตรงเอวและต้นขาสองข้างเท่านั้น ปล่อยตรงส่วนก้นโล่งโจ้ง แต่พอเขาสบตากับผู้ชายหน้าตาดีที่ยืนอยู่กับตำรวจแต่ไม่ได้ใส่เครื่องแบบเขาก็ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออกทันที

เสื้อตัวนอกถูกถอดส่งให้กับผู้จัดการแผนกบุคคลที่ยืนรออยู่ ตามด้วยเสื้อเชิร์ตที่มีโลโก้บริษัท เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แน่นตึงผิดคนวัยเดียวกัน เอวเริ่มหนานิดหน่อยแบบผู้ใหญ่แต่เต็มไปด้วยมัดกล้าม หน้าอกและหน้าท้องมีขนขึ้นเป็นไรสีดำตัดกับสีผิวขาวๆ อย่างน่าดู หัวนมค่อนข้างใหญ่ที่ไม่น่าเชื่อว่ายังเป็นสีชมพูเข้มอยู่ อดีตซีเอฟโอของบริษัทถอดกางเกงสะแล็คทรงสวยออกอย่างฝืนตัวเองไม่ได้เผยให้เห็นกางเกงในแนวสปอร์ตที่เขาใส่อยู่ มันมีเพียงผ้ายืดบางๆ หุ้มเครื่องเคราด้านหน้าจนตึงแน่นโชว์เส้นสายรูปร่างอวบของสิ่งที่อยู่ข้างในอย่างชัดเจน ด้านหลังเปิดโล่งไม่มีผ้าปิดตรงส่วนก้น ไรขนเซ็กซี่ตามแนวร่องก้นเบียดแน่นที่เขาภูมิใจคงปรากฏต่อสายตาคนพวกนี้แล้วสินะ เขาคิดเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักอย่างอดไม่ได้ของพนักงานเด็กๆ ที่มามุงดูเหตุการณ์อยู่

นายตำรวจหนุ่มคุมตัวเขาที่สวมกางเกงในโชว์ก้นแค่ตัวเดียวเดินออกไปตามทางเดิน หนุ่มหล่อสายตาคมกล้าคนนั้นเดินตามมาพร้อมกับหนุ่มตี๋ดูดีสวมแว่นที่เขาคุ้นหน้าแต่นึกไม่ออก ตลอดทางมีแต่คนจ้องมองและซุบซิบนินทา กว่าครึ่งเป็นอดีตลูกน้องของเขาทั้งนั้น สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายเมื่อลิฟท์ที่เรียกมามีคนขึ้นอยู่เกือบเต็มแล้ว เขาคิดหนักว่าจะยืนหันหน้าเข้าหาคนในลิฟท์เพื่อไม่ให้เห็นเบื้องหลังที่เปลือยเปล่าของเขาดีหรือไม่ แต่ก็เปลี่ยนใจเมื่อรู้สึกว่าสู้สายตาคนในลิฟท์ไม่ได้ เขายืนเบียดคนในลิฟท์โดยการหันหน้าเขาหาประตูลิฟท์ตามปกติ ระยะทางยี่สิบสองชั้นยาวนานเหมือนไม่สิ้นสุด ท่ามกลางลิฟท์ที่เบียดกันแน่น เขาสาบานได้ว่ามีมือใครไม่รู้มาลูบไล้ไปทั่วทั้งแก้มก้นเขา แถมพยายามสอดนิ้วเข้าไปเพื่อเขี่ยพวงสวรรค์ของเขาด้วยซ้ำ ไม่น่าเชื่อว่าสัมผัสแค่นี้ทำให้ส่วนหน้าของเขาตื่นตัวจนเริ่มพองออก

เขาเดินตามนายตำรวจต่อไปยังลานจอดรถ จนถึงตอนนี้เขาอายจนหน้าชาไปหมด ตลอดชีวิตเขาเป็นแต่ผู้กระทำผู้ควบคุมมาโดยตลอดไม่เคยต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ความทระนงว่าตัวเองฉลาดจนกรรมยังตามไม่ทันเริ่มหมดไป เขาเดินมาจนถึงรถกระบะสองตอนที่มีตราโล่สีเลือดหมู นายตำรวจหนุ่มขึ้นไปประจำตำแหน่งคนขับคู่กับหนุ่มสายตาคมกล้า ส่วนตัวเขาถูกให้ไปนั่งเบาะหลังคู่กับหนุ่มแว่น

เขาหลับตาคิดแผนการว่าจะสู้คดีนี้อย่างไร ก่อนอื่นคงต้องเรียกลูกชายที่เขาภูมิใจให้ช่วยจัดเตรียมหลักทรัพย์เผื่อการประกันตัว เขายังมีพรรคพวกในวงการอีกมากที่พอจะช่วยวิ่งเต้นเรื่องคดีได้ เงินที่ได้มาจากการโกงบริษัทคราวก่อนคงพอจะช่วยปิดปากใครบางคนไว้ได้ โชคดีที่เขารอบคอบพอเลยยักย้ายถ่ายเทไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัยแล้ว

“คุณจำผมได้ไหม” เขากำลังคิดวางแผนอย่างตั้งใจแต่อยู่ๆ หนุ่มแว่นข้างๆ ก็ส่งเสียงถามขึ้นจนเขาเสียสมาธิ

“ว่าไงนะ”

“ผมถามว่า คุณจำผมได้เปล่าครับ” หนุ่มแว่นถามซ้ำ น้ำเสียงเกือบจะเป็นการตั้งความหวัง

อดีตซีเอฟโอลอบมองหน้าตาของเพื่อนร่วมเบาะนั่งอีกครั้ง เขาคุ้นหน้าคนๆ นี้มาก แต่ถ้านึกไม่ออกก็แสดงว่าน่าจะไม่ใช่คนสำคัญอะไร ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องพูดดีด้วย แต่ในสถานการณ์อับจนแบบนี้ ถ้าเขายังไม่รู้ว่าคนๆ นี้เป็นใคร ผูกมิตรไว้ก่อนคงไม่เสียหาย

“ขอโทษจริงๆ ครับ ผมจำได้ว่าเราเคยพบกันมาก่อน แต่นึกชื่อคุณไม่ออกจริงๆ คงเพราะผมมีเรื่องยุ่งยากจนสมองเบลอไปหมด คุณก็เห็น” รอยยิ้มทรงเสน่ห์ถูกส่งออกไป แม้ในยามยากจนเหลือกางเกงในตัวเดียวแบบนี้ สกิลการสร้างภาพของเขายังคงทำงานได้ดี

หนุ่มแว่นยิ้มเย็นๆ ไม่ได้มีทีท่าผิดหวังแต่อย่างใด

“เมื่อสองปีก่อนผมเคยเป็นหัวหน้าทีมผู้สอบบัญชีที่ไปทำให้บริษัทคุณไงครับ แล้วคุณก็สั่งคนไว้ไม่ให้เปิดเผยข้อมูลบางส่วนที่ผมขอ เมื่อไม่ได้ข้อมูลที่สำคัญ ผมเลยต้องเซ็นรับรองงบการเงินบริษัทคุณแบบมีเงื่อนไข ซึ่งมันก็เป็นไปตามจรรยาบรรณวิชาชีพผู้สอบบัญชี คุณก็รู้ แต่คุณกลับไม่พอใจจนใช้อิทธิพลเปลี่ยนบริษัทผู้สอบบัญชีใหม่ เรื่องนี้ทำให้อาชีพผมที่กำลังรุ่งเรืองสะดุดเลยรู้ไหม”

อดีตผู้บริหารที่ถูกพาดพิงถึงนิ่งคิด เขานึกออกทันทีถึงผู้สอบบัญชีหนุ่มไฟแรงที่ซ่อนสายตามุ่งมั่นร้อนแรงไว้ภายใต้กรอบแว่นสายตา ตอนนั้นเขาจำเป็นต้องปิดบังรายละเอียดข้อมูลบางส่วนไว้เพราะอาจจะถูกนำไปเชื่อมโยงกับแผนไซฟ่อนเงินที่เขาได้เริ่มดำเนินการไปแล้วส่วนหนึ่งได้ ปกติเรื่องแบบนี้มันพอจะคุยได้ ยิ่งระดับซีเอฟโออย่างเขาออกปากเอง แต่ผู้สอบบัญชีคนนี้ไม่ยอมและยืนยันที่จะลงชื่อรับรองงบการเงินบริษัทแบบมีเงื่อนไข นี่อาจทำให้นักลงทุนเสียความเชื่อมั่นได้ เพื่อตัดปัญหาเรื่องนี้ในปีหน้า เขาจึงบีบผู้เกี่ยวข้องให้เปลี่ยนบริษัทผู้สอบบัญชีใหม่ทันที

“แล้วยังไง ก็เลยจะโทษผมงั้นสิ ไม่คิดว่าเรื่องแค่นั้นจะทำให้อาชีพคุณตกต่ำขนาดนี้” ในเมื่อคนๆ นี้เป็นแค่ผู้สอบบัญชีธรรมดาคนหนึ่ง ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเกรงอกเกรงใจกันอีก

“อย่าเข้าใจผิดสิครับ ผมไม่ได้โกรธเคืองอะไรคุณเลย แล้วอาชีพการงานผมก็เจริญก้าวหน้าเป็นอย่างดี อีกไม่กี่ปีผมคงได้ขึ้นเป็นพาร์ทเนอร์ของบริษัทแล้ว แต่ผมคงไม่รอหรอก เดี๋ยวผมก็จะลาออกแล้ว ผมมีเป้าหมายอื่นที่น่าสนใจกว่านั้น”

หนุ่มใหญ่นั่งนิ่งไม่ได้โต้ตอบอะไร เขาเริ่มรู้สึกว่าสายตาหลังแว่นวาวที่มองมามันมีแววประหลาดที่ชวนขนลุก

“แล้วถ้าเผื่อคุณไม่รู้ ผมนี่แหละที่เป็นคนที่มาตรวจสอบบัญชีย้อนหลัง จนได้หลักฐานในการเอาผิดทั้งหมด แต่คุณคงไม่ติดคุกเร็วๆ นี้หรอกครับ น่าจะต้องไปชดใช้ความผิดที่อื่นก่อน แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้าคุณถูกเอามาขายเป็นทาส ผมจะพยายามทุกทางเพื่อประมูลเอาคุณมาให้ได้” หนุ่มแว่นพูดต่อ

อดีตซีเอฟโอฟังแล้วกัดฟันอย่างเคียดแค้น ตัวการคือไอนี่ใช่ไหม แถมยังพูดจาแปลกๆ เรื่องทาสห่าเหวอะไรฟังไม่รู้เรื่อง ยังไม่มันที่เขาจะทำอะไร รถตำรวจก็แวะจอดที่ข้างทาง หนุ่มแว่นหน้าตี๋ขอบคุณตำรวจที่แวะมาส่งแล้วก็หันมาทางเขา เอานิ้วมือตัวเองมาสูดดมอย่างชื่นใจพร้อมยิ้มให้เขา

“ผมได้เป็นเจ้าของกลิ่นคุณแล้ว ต่อไปผมจะเป็นเจ้าของตัวคุณ แล้วพบกัน” ว่าแล้วก็ลงจากรถไป หนุ่มใหญ่ขนลุก นี่มันไม่ตลกนะ หรือว่าหนุ่มโรคจิตคนนี้จะเป็นคนที่แอบจับก้นแล้วเอานิ้วเขี่ยไข่เขาในลิฟท์

สุดท้ายเขาก็ไม่ได้คำตอบอะไรซักอย่าง รวมถึงเรื่องการซื้อขายทาสแปลกๆ ที่หนุ่มนักบัญชีพูดถึงด้วย แต่จุดโฟกัสความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อไปถึงจุดหมายปลายทางแล้วพบว่ารถตำรวจไม่ได้กลับไปที่โรงพัก แต่มาจอดตรงหน้าคอนโดหรูหราแห่งหนึ่ง

“ทำไมไม่เอาผมไปที่โรงพัก พาผมมาที่นี่ทำไม จะข่มขู่ผู้ต้องสงสัยเพื่อรีดข้อมูลใช่ไหม ผมไม่ยอมหรอก ผมต้องการพบทนายตามสิทธิ์ของผม” หนุ่มใหญ่โวยวายได้นิดเดียวแล้วก็หุบปากสนิทเหมือนมีใครสั่ง

“อย่าบ่นมากได้ไหม เป็นผู้ใหญ่แล้ว ลูกชายคุณยังไม่โวยวายเท่านี้เลย ผมพามานี่ก็จะมาถ่ายรูปทำโปรไฟล์ให้คุณ แล้วตอนนี้มิลค์ เอ่อ หมายถึงลูกชายคุณก็อยู่ที่นี่ด้วย คุณจะได้พบหน้าลูกชายเพื่อร่ำลา หลังจากนี้คงจะมีโอกาสเจอกันยากหน่อย อย่างน้อยก็จนกว่าจะชดใช้โทษหมด ไป ลงจากรถกันได้แล้ว หลังจากนี้คุณจะทำตามคำสั่งผมทุกอย่างไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ขอบคุณสารวัตรมากครับ ระหว่างนี้ช่วยเอาหลักฐานที่ได้ เคลียร์คดีความของแม่เด็กไปก่อนนะครับ ส่วนของนักโทษคนนี้เดี๋ยวผมตัดสินใจเรื่องโทษในส่วนขององค์กรแล้ว ค่อยมาคุยเรื่องคดีอีกที” บอสพูดแล้วหันไปฝากเรื่องกับสารวัตร

สารวัตรกล่าวคำอำลาขณะมองหน้าอดีตผู้บริหารหนุ่มใหญ่ด้วยแววตาสมเพชปนรังเกียจ เขารอจนผู้โดยสารทั้งคู่ลงจากรถแล้วถึงขับออกไป พ่อเลี้ยงในชุดกางเกงในโชว์ก้นดินตามบอสต้อยๆ ไปอย่างเชื่อฟัง แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความสงสัยและกังวลเมื่อคนที่ดูจะมีอำนาจเหลือเกินตรงหน้าพูดพาดพิงถึงลูกชายที่รักของเขา คนสามสี่คนที่อยู่บริเวณลอบบี้มองมาที่ท่อนล่างของเขาอย่างสนใจ เมื่อถึงหน้าลิฟท์ รปภ. ก็รี่เข้ามาอำนวยความสะดวกให้พร้อมกับทักทาย

“สวัสดีครับคุณบอส กลับไวเชียว เอ๊ะ วันนี้มีหน้าใหม่มาด้วย คราวนี้เล่นรุ่นใหญ่เลยเหรอครับ แต่ก็ภูมิฐานดี หล่อมากเลยนะครับ”

บอสแค่ยิ้มบางๆ ตอบขณะพาหนุ่มใหญ่รูปหล่อจน รปภ. ออกปากชมเข้าไปในลิฟท์ หนุ่มใหญ่คนที่ยังไม่รู้ตัวว่าจะต้องเจอกับอะไร หนักหนาซักแค่ไหนหลังจากนี้

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 16] 06/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 06-08-2015 20:28:01
หมดไปอีกหนึ่งคดี
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 16] 06/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: Moko1212 ที่ 06-08-2015 22:49:32
ดูแล้วคุณคนทำบัญชีจะแค้นมาแต่ครั้งก่อน  :laugh:

นี่คือเตรียมใช้เวล่ร่วมกับทาสเลยสินะ ตายแน่แก... จำชื่อไม่ได้  :ruready
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 16] 06/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 07-08-2015 03:30:08
มาจนคุณรปภ. จำได้แม่นเลยสิ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 16] 06/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 08-08-2015 06:34:06
สงสัยจะโดนหนัก เรื่องของตาพ่อเลี้ยง CFO นี่หมดแล้วหรือจะมีมาอีกครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 16] 06/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 08-08-2015 21:39:20
เหอเหอ ไม่ได้โกรธนะ แต่จะทำทุกทางเพื่อประมูลทาสให้ได้แค่นั้นเอง ไม่ได้โกรธจริงๆนะ

ว่าแต่จะมีฉากกุ๊กกิ๊กของเบอร์ศูนย์กับเบอร์หนึ่งไหมอ่ะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 16] 06/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: Vocaliist ที่ 09-08-2015 21:21:28
รู้สึกว่าพอตัวเลขขึ้น 40 แล้วผมจิ้นไม่ออกจริงๆ

มันดูแก่ ไปสำหรับผม  5555

ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนกันรึเปล่า
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 16] 06/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 09-08-2015 21:31:31
รู้สึกว่าพอตัวเลขขึ้น 40 แล้วผมจิ้นไม่ออกจริงๆ

มันดูแก่ ไปสำหรับผม  5555

ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนกันรึเปล่า

ผู้ชายอายุเยอะแต่ยังดูดีคงประมาณดาราอย่าง พี่ตุ้ย ธีรภัทร์ (42), ปีเตอร์ คอร์ป (40), พี่ติ๊ก เจษฎา (38) จิ้นออกยัง  :laugh:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 16] 06/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 10-08-2015 21:49:54
จริงๆ เห็นด้วยนะครับว่าพอเห็นเลขสี่จะดูแก่ขึ้นมาทันที เหมือน 39 กับ 40
39 จะรู้สึกดีกว่าเยอะ

แต่คนเดี๋ยวนี้หลายๆ คนดูแลตัวเองดีมาก 40 ยังดูดีอยู่เลย อย่างที่คุณ j123 ช่วยยกมาก็แซ่บทุกคน
แต่ไม่เป็นไรครับ ไม่ชอบคนพ่อ เดี๋ยวมาต่อคนลูกให้แบบเด็ดๆ ถ้าว่างลองแวะเข้ามาอ่านดูครับ ค่ำๆ พรุ่งนี้

ส่วนฉากหวานของเบอร์ศูนย์กับเบอร์หนึ่งเรื่องยังเดินไปไม่ถึงครับ แต่มีตอนพิเศษที่แต่งไว้แบบเฉียดๆ อีกประมาณสองตอนจะเอามาลงให้ครับ แต่เค้าจะค่อยๆ เริ่มทีละนิดนะครับ ไม่ได้ถอดพรืดเหมือนตัวละครอื่นในเรื่อง
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 16] 06/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 11-08-2015 01:40:58
ดีค่ะ ตัวละครหลักต้องพิเศษนิดนึง จริงๆ แล้วเผลอๆ บอสนี่โดนโป๊ปสะกดจิตแบบเนียนๆ ชอบพูดขู่นั่นนี่ ทำให้บอสเป็นคนไม่ชอบให้ใครมาสัมผัสใกล้ชิด แล้วโป๊ปนี่จริงๆ (อีกรอบ) เป็นเด็กอัจฉริยะ แต่คิดถึงบอส เลยบอกว่าโรงเรียนพิเศษตรวจไอคิวผิด เลยเรียนไม่ไหวต้องย้ายกลับมา ใช่ป่าว  :laugh:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 16] 06/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: Vocaliist ที่ 11-08-2015 17:29:06
รอจ้า

ตอนต่อไปมาเร็วๆน้า

 :katai5:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 17] 11/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 11-08-2015 21:59:46
องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 17

บอสกำลังคิดว่าเรื่องไอมุกกับไอมิลค์จะเอายังไงดี เหลือเวลาอีกแค่เดือนกว่าๆ ก่อนการประมูล ช่วงนี้เขาเริ่มมีเวลาเพราะกำลังจะเคลียร์เคสพ่อเลี้ยงซีเอฟโอซึ่งเป็นพ่อของไอมิลค์จบ เขาไปเอาตัวคนพ่อมาทำโปรไฟล์แล้วส่งขึ้นระบบเพื่อเปิดประมูลแล้ว อีกไม่กี่วันคงดำเนินการตามขั้นตอนเสร็จ เขาเปิดโอกาสให้พ่อลูกได้พบหน้ากันนิดหน่อย ทั้งคู่ต่างตกใจมากที่รู้ว่าอีกฝ่ายโดนเอาตัวมาลงโทษเหมือนกัน บอสได้ยินพ่อลูกแอบคุยกันเรื่ององค์กร ส่วนใหญ่จะเป็นไอมิลค์เล่าให้พ่อมันฟังเพราะมันรู้รายละเอียดมากกว่า ก็ดี จะได้ไม่ต้องเปลืองแรงอธิบายมาก บอสคิด สุดท้ายไอมิลค์ก็กังวลว่าจะโดนถ่ายรูปคู่แนวพ่อลูกเหมือนตอนที่โดนถ่ายแนวพี่น้องแบบ Bromance กับไอมุกมาแล้ว บอสสงสัยว่ามองยังไงถึงคิดว่าเขาโรคจิตขนาดนั้น

เรื่องไอมุกกับไอมิลค์ บอสคิดว่าเขาต้องรีบฟิตหุ่นทั้งคู่ให้ดูดีขึ้นไปอีกจะได้ราคาดีๆ ไม่อยากพลาดเหมือนตอนที่เอาไอมุกไประดมทุนขายคลิปแล้วได้ไม่ถึงเป้า วันก่อนที่ให้ไปตัดผมมาก็ทำให้ดูหล่อขึ้นเยอะ สุดท้ายบอสก็ตัดสินใจที่จะพาสองคนไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนรถไฟตอนเย็นทุกวัน อยากให้ไปรับลมรับแดดดูบ้างด้วยไม่งั้นจะดูซีดเกิน แล้วใกล้ๆ วันประมูลค่อยส่งไปเสริมหล่อชุดใหญ่

พอไปถึงบอสก็จัดการเช่าจักรยานให้ตัวเองสำหรับขี่กำกับ ส่วนไอสองตัวนั้นก็เตรียมตัววิ่ง รอบใหญ่ของสวนรถไฟก็ประมาณสามกิโลนิดๆ บอสกะว่าจะให้วิ่งวันละสามรอบก่อน พออยู่ตัวแล้วค่อยเพิ่มรอบ บรรยากาศที่สวนรถไฟดีมาก มีคนทุกเพศทุกวัยมาวิ่งหรือขี่จักรยานกันคับคั่ง นักวิ่งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หุ่นดีหน้าตาดีก็มีไม่น้อย บอสชอบจริงๆ แต่คนที่เขาพามาด้วยสองคนก็ดูดีไม่น้อยหน้า

บอสบอกให้ทั้งสองออกวิ่ง ส่วนตัวเองก็ขี่จักรยานตาม วิ่งยังไม่ถึงครึ่งรอบบอสก็ชักไม่พอใจกับการวิ่งที่เหยาะแหยะของทั้งคู่ ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ๆ ท่าทางจะไม่ชินกับการวิ่งบนทางจริงที่ไม่ใช่สายพานวิ่งในฟิตเนสติดแอร์ ถึงจะถูกสะกดจิตให้ทำตามคำสั่ง แต่ก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะทำกันแบบทุ่มสุดตัว อย่างนี้ต้องมีของกระตุ้นกันหน่อย

“ชั้นลืมบอกพวกนายไป แต่ละรอบนี่ ใครวนกลับมาถึงจุดเริ่มต้นใหม่หลังเพื่อน จะต้องถอดเสื้อผ้าออกหนึ่งชิ้นตอนวิ่งรอบต่อไปนะ”

บอสตะโกนสั่งจากจักรยานที่ขี่ตามหลัง ขณะที่มุกยังมึนๆ อยู่ มิลค์ก็เร่งฝีเท้าหนีไปหลายช่วงตัว เอาเถอะ ของอย่างนี้มันอยู่ที่ความอึด ลองดูกันหน่อยว่าไอมิลค์มันจะรักษาความเร็วอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ได้ไหม บอสคิด

มุกเริ่มจะหายงง เขามองไปที่นักวิ่งหลายคนที่วิ่งตามๆ กันไป กลุ่มนักเรียนหญิงที่ขี่จักรยานสวนมา หนุ่มสาวที่มานั่งพลอดรักกัน ผู้สูงอายุที่จับกลุ่มกันรำมวยจีนอยู่บนเนินหญ้า แล้วนึกได้ว่าถ้าต้องโชว์แถวนี้ ผู้ชมจะมีเป็นร้อยคนเลย เลยเร่งฝีเท้าตามมิลค์ที่เห็นหลังอยู่ลิบๆ ไป

ทั้งคู่วิ่งแข่งกันอย่างเอาเป็นเอาตายจนมาถึงจุดที่เริ่มต้นที่มิลค์ชนะไปเพียงไม่กี่ช่วงตัว บอสให้ทั้งคู่หยุดพักแล้วแบมือไปทางมุก

“นายจะถอดชิ้นไหนเลือกมา ไม่นับถุงเท้ารองเท้านะ”

มุกหน้าซีด เขาเลือกไม่ถูก ถ้าถอดเสื้อ มันคงเป็นเป้าสายตาเห็นได้จากในระยะไกล แต่ถ้าถอดกางเกงเหลือเสื้อกับบอกซ์เซอร์ ถ้าไม่สังเกตคนอาจจะคิดว่าเป็นกางเกงวิ่งขาสั้นธรรมดา แต่พอเหงื่อออกล่ะ มันอาจจะบางแนบเนื้อจนเห็นไปถึงไหนๆ พักนี้เขายิ่งถูกกระตุ้นง่ายอยู่ด้วย จากภารกิจก่อนๆ ที่ทำกับบอส ทำให้บางทีของเขาก็ตื่นตัวขึ้นมาเองเวลามีคนจ้องมากๆ มุกมองไปทางสนามบาสที่มีคนถอดเสื้อเล่นอยู่แล้วก็ตกลงใจได้ ยังไงผู้ชายแมนๆ อย่างเขา แค่ถอดเสื้อวิ่งไม่น่าจะผิดปกติตรงไหน คิดได้อย่างนั้นเขาก็ถอดเสื้อชุ่มเหงื่อส่งให้บอส บอสรับไปใส่ไว้ในตะกร้าจักรยาน แล้วก็บอกให้ทั้งคู่วิ่งต่อในรอบสองด้วยเงื่อนไขเดิม

มุกวิ่งด้วยความตั้งใจเต็มที่ จริงๆ ด้วยพละกำลังเขาไม่น่าจะแพ้ไอเด็กเจาะนมนั่น รอบแรกเขาประมาทไปหน่อย เห็นมันผอมกว่าเลยคิดว่าจะวิ่งไม่อึด ที่สำคัญ ถ้ารอบนี้เขาแพ้อีก รอบหน้าเขาต้องวิ่งไปรอบสวนโดยใส่แค่บอกเซอร์ตัวเดียว นั่นทำให้เขาวิ่งนำมิลค์ตั้งแต่ต้นจนจบ มุกคิดถูกครึ่งเดียวว่าแค่ผู้ชายถอดเสื้อวิ่งน่าจะไม่เป็นที่สนใจของคนที่ทำกิจกรรมในสวนเท่าไหร่ แต่พอคนที่ถอดเสื้อเป็นผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาดีอย่างมุกก็เลยตกเป็นเป้าสายตาไม่น้อย แต่ก็เป็นการมองด้วยความชื่นชมซะมากกว่า

ก่อนวิ่งรอบสุดท้ายมิลค์ก็เลือกถอดเสื้อออกเหมือนกัน รอบนี้สำหรับคนแพ้บอสขอแค่ให้ถอดกางเกงในหรือบอกซ์เซอร์ออกตอนขากลับคอนโด หนุ่มหล่อสองคนถอดเสื้อวิ่งคุมเชิงกันไปตามทางในสวนเรียกสายตาคนให้หันมามองยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่หุ่นบางกว่า มีรอยสักเท่ๆ เจาะตรงหัวนมและสะดือใส่จิวเล็กๆ ดูแปลกตาสำหรับคนแถวนั้นไม่น้อย มุกผ่อนฝีเท้าให้มิลค์แซงขึ้นหน้าไป เขาไม่อยากวิ่งใกล้กันสองคนให้ดูเด่น อีกอย่างเขาเหนื่อยมาก รอบละสามกิโลกว่านี่มันหนักไม่น้อย ถึงจะเป็นชายหนุ่มสุขภาพแข็งแรงอย่างเขา มุกตั้งใจว่าเขาจะปล่อยให้มิลค์ชนะไปในรอบนี้ แค่ไม่ใส่กางเกงในตอนขากลับมันไม่เห็นมีอะไรเลย ยังไงเขาก็กลับรถบอสอยู่แล้วไม่ได้จะไปเจอใครสักหน่อย

ในที่สุดมิลค์ก็ชนะไปในรอบสุดท้ายตามที่มุกตั้งใจ เขาไปถึงเส้นชัยช้ากว่ามิลค์เกือบห้านาที เมื่อไปถึงก็เจอแต่มิลค์ใส่เสื้อเรียบร้อยแล้วยืนรออยู่ ส่วนบอสไม่อยู่แล้ว

“เจ้านายกลับไปก่อนแล้วบอกมีธุระ ให้กูกับมึงไปรอที่คอนโดเลย” มิลค์พูดห้วนๆ แจ้งเรื่องที่บอสสั่งไว้

“ชิบหายแล้ว แล้วกูจะกลับยังไงวะ”

“เจ้านายให้ขึ้นรถไฟฟ้าไป เอ้า นี่เสื้อมึง”

มุกต้องถอดกางเกงในออกตามคำสั่ง รู้งี้เขาน่าจะวิ่งให้ชนะคนตรงหน้านี่ เขาเอาเสื้อที่ยังเปียกอยู่มาพันเอวไว้ แล้วหลบมุมไปแอบหลังต้นไม้ ถอดกางเกงออกมาโดยเร็วเพื่อเอากางเกงในออกมาแล้วรีบสวมกางเกงกลับเข้าไป โชคดีที่ไม่มีใครสังเกตเห็น จริงๆ เขาจะไปถอดในห้องน้ำก็ได้ แต่มันต้องเดินอีกไกลแล้วเขาก็หมดแรงเต็มทน มิลค์ยืนมองเงียบๆ ด้วยความสมเพช ยังไงเขาก็ต้องรอไอหน้าโง่ตัวนี้เพื่อกลับพร้อมกันตามคำสั่งนาย เห็นมันนุ่งกางเกงขาสั้นโดยไม่ใส่กางเกงในแล้วก็อุจาดตา ถึงเขาสองเคยจะเห็นกันมามากกว่านี้ขนาดแก้ผ้าเอาเนื้อแนบเนื้อถ่ายรูปกันมาแล้วก็เถอะ หวังว่ามันคงไม่เกิดอาการโด่เด่อะไรบนรถไฟฟ้านะ ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาคงต้องทำเป็นไม่รู้จักมัน

หลังจากนั้นถ้าไม่ติดอะไร บอสก็จะพาสองคนมาวิ่งเกือบทุกวัน เขาก็ถือโอกาสมาออกกำลังด้วยโดยวิ่งรอบหรือสองรอบที่เหลือก็ขี่จักรยานตาม กำลังของสองคนนี้ใกล้กันจริงๆ ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะตลอด ทำให้ยังไม่มีใครโดนวิ่งโดยถอดกางเกงเหลือแค่กางเกงในตัวเดียว ส่วนรอบสุดท้ายมักจะเป็นมุกที่แพ้ เพราะเดี๋ยวนี้เขาไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่กับการขึ้นรถไฟฟ้าโดยไม่ใส่กางเกงใน จะนูนบ้างโป่งบ้างเขาก็เฉยๆ ไป อาจโดนซุบซิบนินทาหัวเราะคิกคักบ้างก็ช่าง เลยไม่ได้พยายามจะวิ่งรอบสุดท้ายอย่างเต็มที่เหมือนไอมิลค์

พอผ่านมาได้ประมาณครึ่งเดือนบอสก็เห็นว่าควรจะเพิ่มรอบเป็นสี่รอบเพื่อเร่งการพัฒนากล้ามเนื้อของทั้งคู่ให้แกร่งขึ้น พอสั่งออกไปมุกกับมิลค์ก็สบตากันเองอย่างไม่ไว้วางใจ นี่เท่ากับมีความเสี่ยงสามรอบไม่นับรอบสุดท้ายที่มีผลแค่ห้ามใส่ชั้นในตอนขากลับ ถ้ามีใครแพ้รวดทั้งสามรอบเท่ากับคนนั้นต้องแก้ผ้าวิ่งทั่วสวนรถไฟในรอบที่สี่ พอเริ่มรอบแรกทั้งคู่ก็วิ่งอย่างเต็มที่ชิงความได้เปรียบก่อนปรากฏว่าไอมุกชนะไป รอบสองมิลค์ตีตื้นขึ้นมา และชนะต่อเนื่องในรอบที่สาม มุกเลยต้องวิ่งทั้งบอกซ์เซอร์ตัวเดียวในรอบที่สี่ รอบนี้เรียกสายตาคนดูรอบสวนรถไฟได้ดีจริงๆ ชายหนุ่มหน้าตาดีสองคนถอดเสื้อทั้งคู่วิ่งไล่กันไปตามทางในสวน ขาประจำหลายคนเริ่มจำได้เพราะเห็นมาวิ่งกันอยู่บ่อยๆ คนหนึ่งเรียกสายตาได้ตรงรอยสักเท่ๆ ที่หัวไหล่ และจิวเล็กๆ ที่ใส่ตรงหัวนมและสะดือที่เจาะ แต่รอบนี้อีกคนชนะขาดเรื่องความน่าดูเพราะช่วงล่างเหลือแค่บอกซ์เซอร์ตัวเดียว ยิ่งพอวิ่งเต็มที่อย่างนี้ยิ่งเห็นการเคลื่อนไหวของท่อนเนื้อภายใต้ผ้าเนื้อบางนั้นอย่างชัดเจน ยิ่งพอเปียกเหงื่อยิ่งเห็นเป็นลำถนัดตา เป็นอันรู้กันว่าหนุ่มคนนี้ไม่ได้นุ่งกางเกงใน  บางคนวิ่งผ่านไปแล้วยังต้องแกล้งทำเป็นวิ่งกลับมาดูให้เห็นชัดๆ

หลังจากวันนั้น มุกก็ได้รู้ถึงความขายหน้าเวลาที่ต้องโชว์ให้คนจำนวนมากเห็นในที่โล่งแจ้ง เขาจึงขอทำสัญญาสงบศึกกับมิลค์ว่ารอบที่หนึ่งกับรอบที่สองจะผลัดกันแพ้คนละตา แล้วก็ค่อยไปวัดดวงเอารอบที่สาม ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดการแพ้รวดสามรอบแล้วต้องวิ่งเปลือยไปรอบสวนรถไฟ ยิ่งหลังๆ เหมือนจะมีคนสังเกตการวิ่งแต่ละรอบของทั้งคู่จนเดาได้ว่าใครแพ้จะต้องถอดที่ละชิ้น เลยรวมตัวกันคล้ายๆ เป็นแฟนคลับคอยตามดูตามเชียร์ทั้งคู่เป็นกลุ่มใหญ่

......................................

บอสพานักโทษทั้งสองมาวิ่งเหมือนปกติ เย็นวันนี้อากาศดูครึ้มๆ น่าสบาย ก่อนจะเริ่มวิ่งครั้งนี้บอสก็ประกาศออกมาว่า

“ครั้งสุดท้ายจะเป็นครั้งสุดท้ายสุดท้ายแล้วที่ชั้นจะพามาวิ่ง อาทิตย์หน้าพวกนายจะเริ่มสอบปลายภาคกันแล้ว ชั้นอยากให้มีเวลาเตรียมตัวเต็มที่ พอหลังจากสอบเสร็จก็จะเริ่มการประมูลเลย หลังจากนั้นเจ้านายใหม่จะมารับช่วงจัดการกับพวกนายเอง ในเวลาสั้นๆ ก็ถือว่าพวกนายรูปร่างดีขึ้นใช้ได้ แต่วันนี้จะขอพิสูจน์ผลความตั้งใจที่ผ่านมาของพวกนายอีกครั้ง ใครอู้ ใครตุกติก ใครฮั้วกัน จนกำลังไม่อยู่ตัวคงได้เห็นกัน วันสุดท้ายนี้ชั้นขอให้เริ่มวิ่งโดยไม่ต้องใส่เสื้อทั้งคู่ เงื่อนไขอื่นเหมือนเดิม”

เด็กหนุ่มทั้งคู่ถึงกับตาเหลือก ถ้าเป็นอย่างนี้ วันนี้ต้องมีคนแก้ผ้าวิ่งอย่างน้อยรอบนึง หรือถ้าแพ้ติดกันสองครั้งตั้งแต่แรก ก็ต้องวิ่งเปลือยไปตลอดสองรอบหลัง มุกรู้ตัวดีว่าเรื่องวิ่งเขาไม่อึดเท่ามิลค์เพราะชอบอู้ในรอบสุดท้าย แต่เมื่อเงื่อนไขเป็นอย่างนี้เขาเลยวิ่งเต็มที่ตั้งแต่รอบแรกเพื่อตุนไว้ก่อนโดยไม่สนเรื่องที่ฮั้วกันว่าจะให้มิลค์ชนะก่อน มิลค์ไม่คิดว่าจะโดนหักหลัง รอบแรกก็เลยวิ่งสบายๆ แต่พอโดนแซงในช่วงท้ายจนแพ้ไปในรอบแรกก็รู้ตัวว่าโดนหักหลังจนเสียเปรียบแล้ว นี่แปลว่าทั้งรอบที่สองและรอบที่สามเขาจะแพ้ไม่ได้อีกเลย ไม่งั้นโดนแก้ผ้าทันที มิลค์พยายามมองหน้าเพื่อกล่าวโทษมุก แต่อีกฝ่ายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จนมิลค์ยิ่งแค้นหนัก

รอบที่สองมิลค์ในกางเกงบอกซ์เซอร์ตัวเดียวจึงวิ่งอย่างเต็มที่ แต่อีกฝ่ายก็พยายามอย่างที่สุดเช่นกัน ทั้งคู่ผลัดกันนำอย่างสูสี แต่สุดท้ายมิลค์ก็เฉือนชนะไปเพียงนิดเดียว มิลค์รู้สึกว่าท่อนลำที่กวัดแกว่งกระทบหน้าขาของเขาไปมาทำให้เสียสมาธิจนเกือบจะพลาดไป

พอเริ่มรอบที่สามซึ่งเป็นรอบที่สำคัญที่สุด มุกกับมิลค์ในชุดบอกซ์เซอร์ตัวเดียวทั้งคู่จึงวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต พอมาได้ครึ่งทาง ฟ้าที่ครึ้มมาตั้งแต่เริ่มวิ่งแล้วก็เริ่มมีฝนพรำลงมา พอถนนลาดยางเปียกและเริ่มมีน้ำขังการวิ่งก็ยิ่งลำบากขึ้น บอกเซอร์ผ้าบางที่เปียกลู่น้ำทำให้สัดส่วนของทั้งคู่ปรากฏต่อสายตาของกองเชียร์ที่เฝ้าติดตามโดยไม่ย่อท้อต่อฝน ส่วนคนที่มาใช้บริการสวนรถไฟโดยทั่วไปก็ต่างพากันหลบฝนหนีหายกันไปเกือบหมด

พอใกล้หมดรอบ ฝนก็ยิ่งตกหนัก กองเชียร์บางส่วนก็ทยอยกันกลับเพราะคิดว่าการวิ่งแข่งสุดเซ็กซี่นี้คงจะจบลงเพียงเท่านี้ ที่ผ่านมาก็ถือว่าครั้งนี้วาบหวิวที่สุดแล้วที่ได้เห็นท่อนเนื้ออวบใหญ่ในผ้าบางๆ แนบเนื้อเพราะเปียกฝนของทั้งคู่พร้อมกัน เมื่อถึงทางตรงสุดท้ายก่อนถึงเส้นชัย มิลค์ที่แอบออมแรงไว้อย่างมีกลยุทธ์ก็เร่งความเร็วเต็มที่ไม่สนใจแรงประทะรุนแรงตามจังหวะกระแทกของท่อนเนื้อและพวงไข่จนเข้าเส้นชัยไปได้ก่อนมุกซึ่งวิ่งนำมาก่อนหน้านั้น กองเชียร์กลุ่มใหญ่กลุ่มสุดท้ายก็รีบแยกย้ายหนีฝนที่กำลังตกหนักกลับไปทันทีหลังจากยอมยืนตากฝนชมการแข่งอยู่นานจนรู้ผลให้หายข้องใจแล้ว

ถ้ากองเชียร์กลุ่มนั้นจะรอซักนิด ตอนนี้ก็คงจะได้เห็นหนุ่มหล่อมาดแมนถอดกางเกงตัวสุดท้ายออกท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ ร่างหนุ่มแน่นกำยำที่มีแนวเส้นขนสีดำที่พลิ้วตามสายน้ำจะตัดกับผิวสีขาวอย่างมีเสน่ห์ได้ชัดเจน สายฝนที่กระหน่ำกระทบร่างชายหนุ่มแล้วไหลลงมาตามแนวลำตัวไปรวมกันที่พื้นที่สามเหลี่ยมรกทึบตรงหน้าขาที่พอเปียกน้ำแล้วดูเป็นระเบียบขึ้น สายน้ำไหลลงไปตามท่อนเนื้อขนาดเขื่องที่ทอดยาวไปถึงหนังส่วนปลายที่หดตัวเข้าหากันด้วยความเย็นของสายฝน น้ำฝนไหลจากส่วนปลายที่ว่าลงมาเป็นสายไปกระทบพื้นราวกับว่าชายหนุ่มคนนั้นยืนฉี่อยู่

มุกเตรียมออกวิ่งรอบสุดท้ายด้วยความรู้สึกที่สับสนปนเป เขาทั้งอาย ทั้งหนาว ทั้งเจ็บใจ แล้วก็เหนื่อยจนบอกไม่ถูก แต่พอเริ่มวิ่งเขาก็รู้สึกเหมือนได้พบกันสิ่งที่ไม่ได้สัมผัสมานาน ร่างกายที่เปลือยเปล่าแหวกฝ่าสายฝนที่กระหน่ำอย่างหนักมันช่างอิสระ สดชื่น และสนุกจนเหมือนกับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ใช่ มันเหมือนตอนเขาเป็นเด็กเจ็ดแปดขวบแก้ผ้าเล่นน้ำฝนที่หน้าบ้านอย่างเพลิดเพลินลืมเวลาจนตัวซีด ต่างกันเพียงแค่น้ำหนักของท่อนเนื้อที่กระทบหน้าขาและหน้าท้องตามจังหวะการวิ่งที่บอกว่าเขาไม่ใช่เด็กอีกต่อไป

สายฝนที่กระหน่ำกับเมฆดำทึบในช่วงเวลาเย็นทำให้สวนรถไฟมืดลงจนเกือบจะเหมือนหัวค่ำ คนสองสามคนที่ยังติดฝนอยู่ตรงศาลาในสวนแทบจะไม่เชื่อสายตาว่าเขาเห็นชายหนุ่มรูปร่างดีทั้งร่างเปลือยเปล่าใส่แค่รองเท้าวิ่ง และมีหนุ่มหุ่นดีอีกคนใส่บอกซ์เซอร์ตัวเดียว วิ่งตามกันไปจนหายลับไปกับสายฝนและความมืด นอกจากคนโชคดีที่ติดฝนอยู่ตรงศาลาสามสี่แห่งที่กระจายทั่วสวนรถไฟแล้ว แม่ค้าที่ขายน้ำและขนมขบเคี้ยวในร้านเล็กๆ กำลังนั่งเซ็งที่ฝนตกจนน่าจะขายของไม่ได้ รวมถึง รปภ. ตรงป้อมยามต่างก็เห็นเหตุการณ์เดียวกันแต่ก็ไม่แน่ใจว่าตาฝาดไปหรือไม่ พอมองให้แน่ใจอีกทีก็เห็นแค่บั้นท้ายซึ่งไม่รู้ว่าเปลือยหรือเป็นกางเกงสีเนื้อเปียกฝนวิ่งไปลิบๆ เพิ่งจะรู้ว่าเป็นเรื่องจริงก็เมื่อตอนที่ได้ยินข่าวลือเรื่องนี้ทีหลัง แต่หลังจากนั้น ก็ไม่มีใครได้เห็นหนุ่มสองคนที่ว่าในสวนรถไฟอีกเลย
 
.............................................................
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 17] 11/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 11-08-2015 22:01:28

มุกกำลังอยู่บนแทกซี่เพื่อจะไปยังสถานที่หนึ่งตามคำสั่งของเจ้านายตั้งแต่เช้าตรู่ หวังว่าวันนี้จะเป็นวันที่ไม่แย่มากนะ เจ้านายสั่งว่าเขาต้องไปอยู่ที่นั่นทั้งวันเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการประมูลที่จะเกิดภายในหนึ่งสัปดาห์หลังเขาสอบเสร็จ เมื่อวานเขาเพิ่งสอบวิชาหลักตัวสุดท้ายไปซึ่งเขาก็ทำไม่ค่อยได้ตามปกติ ไอพวกเชี่ยนั่นก็ใจดำไม่ยอมให้เขาลอกเลย ตอนนี้เหลือเก็บพวกวิชาเลือกนอกคณะอีกแค่ตัวสองตัว ศุกร์นี้ก็เสร็จหมด แล้วคงถูกเจ้านายเอาตัวไปประมูลขายให้กับเจ้านายใหม่ มุกขนลุกเมื่อคิดว่าเจ้านายใหม่จะเป็นยังไง

บอสโหดก็จริง แถมการลงโทษแต่ละอย่างก็ทำให้เขาอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน แต่ก็ไม่เคยล่วงเกินทางเพศเขา อย่างมากก็จับส่วนนั้นส่วนนี้แบบไม่จริงจัง แต่เจ้านายใหม่จะเป็นใครก็ไม่รู้ ที่แน่ๆ คือเป็นเกย์เพราะสมาชิกองค์กรเป็นเกย์ทั้งนั้น คงเป็นเกย์แก่ๆ ถึงมีตังค์พอจะประมูลเขาไปได้ แล้วที่น่ากลัวคือยังไม่รู้ว่าเขาต้องเป็นทาสระดับไหน ถ้าเป็นระดับสองละก็ตายแน่ เพราะเจ้านายสามารถใช้ให้มีเซ็กส์ด้วยได้

ที่เขาไม่เข้าใจคือความผิดของเขาที่องค์กล่าวหามันไม่เห็นจะมีอะไรเลยทำไมต้องโดนรับโทษขนาดนี้ ก็แค่เขาเอาเด็กกาฝากที่ทำตัวเป็นภาระของพ่อเขาให้คนอื่นเก็บไปเลี้ยงแทน บังเอิญคนอื่นที่ว่านี่เป็นคู่อริของเขาเอง จนถึงตอนนี้ก็ไม่เห็นกลับบ้านซะที ได้ข่าวว่าไอจอมหัวหน้าแก๊งค์คู่แข่งของเขาเอาตัวมันไปใช้งานเป็นทาส แอบหวังให้ไอจอมมันเอาผู้ชายเป็นว่ะ ไอเด็กนั่นคงตูดบาน สะใจจริงๆ ชอบทำเป็นประจบแย่งความสนใจของพ่อกูไปจากกู มุกคิด ไม่ได้แยแสซักนิดว่าลูกพี่ลูกน้องตัวเองจะไปตกระกำลำบากแค่ไหน ขอแค่ให้พอพ่อเสร็จงานที่ต่างประเทศกลับมา เขาจะได้รับความสนใจเป็นที่หนึ่งเหมือนเดิม

มุกเป็นคนที่ต้องการความสนใจจากคนรอบข้างมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งพอสูญเสียแม่ไปตอนสิบขวบก็ยิ่งกระหายสิ่งนั้น พอเป็นวัยรุ่น เขาก็ตั้งแก๊งค์ซิ่งของตัวเอง ความชอบในพาหนะสองล้อก็ส่วนหนึ่ง แต่เหตุผลหลักคือในแก๊งค์จะเป็นที่ๆ เขาโดดเด่นที่สุดทั้งเรื่องหน้าตาและฐานะ ลูกน้องในแก๊งค์ต่างเข้าหารุมล้อมซูฮก จะเพื่อหวังประโยชน์หรืออะไรเขาไม่แคร์ ขอให้ตัวเองเป็นที่สนใจก็พอ ในด้านผู้หญิงเขาก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ดูดี ลีลาลำหักลำโค่นบนเตียง พร้อมออฟชั่นเสริมเป็นมุกสองเม็ด ทำให้มีผู้หญิงมารุมล้อมมากมาย เด็กในสังกัดเขามีไม่รู้กี่คนต่อกี่คน มีทั้งที่ติดใจลีลาและที่หลงรักเขาจริงๆ

พอเข้ามหาลัย เขาก็อยากได้ความสนใจการยอมรับจากเพื่อนในสังคมใหม่ แต่ก็เริ่มไม่ง่ายเพราะภาคพิเศษที่เขาเรียนมีแต่คนรวยด้วยกันทั้งนั้น ความเป็นหัวหน้าแก๊งค์ซิ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่สังคมใหม่จะให้ราคา เขาจึงเริ่มเอาผู้หญิงในสังกัดมาแบ่งปันกับเพื่อนฝูง ใครเข้าหาเขาก็จะได้สาวๆ ไปนอนด้วยเป็นรางวัล เด็กๆ ในสังกัดเขาบางคนก็เต็มใจเองที่จะไปสนุกกัน บ้างก็ต้องจ้างหรือซื้อของให้ แต่บางส่วนก็ทำไปเพราะคำหวานล่อลวงของเขา มีเพื่อนเข้ามารุมล้อมมากมายเพื่อหวังประโยชน์ในเรื่องผู้หญิง ในที่สุดเขาก็ได้รับความสนใจเป็นที่หนึ่งในสังคมใหม่สมความปรารถนา

มุกเหลือบตามองไอคนที่นั่งมาด้วยข้างๆ ในแทกซี่แล้วก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ นี่ก็เดือนกว่าแล้ว เขาเกลียดขี้หน้าไอ้เด็กเจาะนมนี่ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ยังไงก็อย่างงั้น ทำเป็นนิ่งๆ หยิ่งๆ แต่ธาตุแท้มันเลวยิ่งกว่าเขาอีก แอบได้ยินมาว่ามันมีรสนิยมวิปริตทำร้ายคู่นอน เห็นว่าทำทารุณกับน้องบุญธรรมด้วย มุกคิดว่าตัวเองยังดีกว่าตั้งเยอะที่ไม่ได้ทำร้ายร่างกายลูกพี่ลูกน้องกาฝากแบบจริงๆ จังๆ แค่หาทางกำจัดไปให้พ้นหูพ้นตาเท่านั้นเอง แล้วทำไมคนที่ความผิดไม่เยอะอย่างเขา ต้องมาโดนรับโทษแบบเดียวกับพวกความผิดหนักอย่างไอมิลค์ด้วย

ที่น่าโมโหอีกอย่างนึงก็คือ ทั้งๆ ที่ต้องรับโทษเป็นแพ็คคู่ด้วยกันมาเป็นเดือน มันกลับไม่สนใจเขาเลย ใช่ว่าเขาจะแคร์อะไรมัน แต่คนที่ต้องได้รับความสนใจเป็นที่หนึ่งอย่างเขามักจะทนไม่ได้ที่ถูกเมิน เคยหลุดปากไปครั้งนึง  มันบอกว่าถ้ายอมให้มันลองเอามีดกรีดหน้าอกดู มันอาจจะสนใจก็ได้ วิปริตชิบหาย มุกคิด

ในที่สุดแทกซี่ก็พาทั้งคู่มาถึงจุดหมาย มันเป็นคอมเพล็กซ์เพื่อสุขภาพครบวงจรขนาดใหญ่สำหรับไฮโซโดยเฉพาะที่เปิดมาได้ยังไม่ถึงปี มุกรู้จักเพราะเคยสนใจอยู่เหมือนกันตามประสาคนที่ดูแลตัวเองเพื่อใช้รูปร่างหน้าตาล่อลวงสาว ได้ยินว่าข้างในมีทั้งฟิตเนส ซาวน่า สระว่ายน้ำ สนามกีฬาประเภทต่างๆ อย่างดีและครบครันที่สุด นอกจากนั้นยังมีส่วนที่เกี่ยวกับการเสริมสร้างรูปลักษณ์อย่างสปา ซาลอน ศูนย์ดูแลผิวพรรณ ไปจนถึงคลินิกศัลยกรรมความงาม ทั้งหมดนี้จะให้บริการเฉพาะผู้ชายเท่านั้น เพราะจุดขายคือการบริการด้านรูปลักษณ์และสุขภาพเฉพาะทางที่ดีที่สุดสำหรับผู้ชาย

มุกไม่รู้ว่าองค์กรส่งเขากับไอมิลค์มาที่นี่ทำไม คอมเพล็กแห่งนี้ทั้งหรูหราและราคาสูงมาก ขนาดเขาที่เคยสนใจพอทราบราคาแล้วก็ยังไม่กล้าสมัครเลย ได้ข่าวว่าเจ้าของเป็นหมอไฮโซที่มีธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพและความงามหลายตัว แต่ที่นี่เป็นธุรกิจล่าสุดและหรูหราที่สุดแล้ว สงสัยองค์กรจะให้เขาสองคนมาทำงานอะไรที่นี่เพื่อชดใช้ความผิด

พอมาถึงเข้าไปด้านในก็มีพนักงานมาต้อนรับเหมือนทราบอยู่แล้วว่าพวกเขาจะมา

“ยินดีต้อนรับครับคุณมุกและคุณมิลค์ เดี๋ยวเรียนเชิญคุณผู้ชายทั้งสองขึ้นรถกอล์ฟทางด้านนี้เพื่อไปที่อาคารกลาง ครั้งหน้าถ้าขับรถมาเองก็สามารถเอารถไปจอดที่นั่นได้เลยครับ” พนักงานหนุ่มหน้าตายิ้มแย้มเข้ามาต้อนรับราวกับเขาเป็นแขกวีไอพี

นี่เป็นครั้งแรกที่มุกกับมิลค์คิดตรงกันว่ากูไม่ได้ชื่อนั้นโว้ย ตั้งแต่เจอกับองค์กรมาพวกเขาก็โดนเรียกด้วยชื่อที่มีที่มาทุเรศๆ นี่ตลอด ยังดีว่าย่อลงแล้วนะ เวลาบอสเรียกทั้งคู่ไม่รู้สึกโกรธเคืองอะไรเพราะนั่นคือเจ้านาย แต่พอโดนคนอื่นเรียกมันก็หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

ระหว่างทางที่นั่งรถกอล์ฟเข้าไป ทั้งคู่ชมก็ชื่นชมกับบรรยากาศที่สวยงามราวกับอยู่ในรีสอร์ทหรูหราที่ไหนซักแห่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ในกรุงเทพนี่เอง ถึงจะไม่ใช่ย่านใจกลางเมืองก็เถอะ

เมื่อไปถึงอาคารส่วนกลางที่หรูหราราวกับโรงแรม ก็มีหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีมาก อายุน่าจะประมาณยี่สิบกลางๆ ดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ผิวใสกิ๊กไม่มีไฝฝ้าราคีแม้แต่น้อย เดินเข้ามาต้อนรับ

“สวัสดีครับคุณมุก คุณมิลค์ ผมธนัท เป็นผู้ช่วยของคุณหมอพฤกษ์ เจ้าของที่นี่” ขณะที่มิลค์กำลังไม่สบอารมณ์กับชื่อที่ถูกเรียก มุกก็โพล่งออกมาอย่างไร้มารยาท

“โห เด็กจัง แต่เป็นถึงผู้ช่วยของหมอนักธุรกิจชื่อดังแล้ว”

ธนัทยิ้มให้อย่างไม่ถือสา

“ไม่เด็กหรอกครับ ผมสามสิบสามแล้ว และก็ไม่ได้เป็นผู้ช่วยด้านธุรกิจคุณหมอหรอกครับ เป็นแค่ผู้ช่วยส่วนตัว จะเรียกว่าเป็นคนรับใช้ส่วนตัวก็ได้”

พอทราบอายุของคนตรงหน้า แม้แต่คนนิ่งๆ ไม่สนใจใครอย่างมิลค์ยังอึ้ง ไม่ว่าจะดูยังไง คนตรงหน้าก็อ่อนกว่าอายุจริงจะเป็นสิบปีเอา

“สงสัยเมื่อก่อนผมดื่มน้ำกรองแห่งชีวิตเป็นประจำน่ะครับ” ธนัทเสริมด้วยมุกตลกร้ายที่เขาเข้าใจอยู่คนเดียว

“สำหรับโปรแกรมของคุณทั้งสองในวันนี้จะเป็นคอร์สเสริมความหล่อแบบเร่งรัดในหนึ่งวัน เห็นแค่วันเดียวอย่างนี้ แต่จริงๆ รายการยาวเหยียดเลยครับ เดี๋ยวต้องเริ่มจากการตรวจสภาพปัจจุบันก่อน แล้ว..”

“อย่างงี้มันจะมันจะกี่บาทกันครับ ผมไม่ได้เตรียมเงินมาจะจ่ายที่แพงๆ อย่างนี้หรอกครับ” มุกแทรกมาอย่างร้อนใจ คราวนี้มิลค์แอบเห็นด้วย สงสัยต้องขายคลิปทรมานน้องบุญธรรมอีกเป็นร้อยคลิป ถึงจะพอกับค่าคอร์สที่ว่า

“ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ เป็นความร่วมมือของทางเรา กับ....” ธนัทเลือกใช้คำ “ต้นสังกัดของคุณ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงานใหญ่ของคุณที่จะมีขึ้น”

มุกดูจะไม่คิดอะไร แต่มิลค์กลับจ้องตาธนัทแล้วถามว่า

“คุณทราบเรื่องใช่ไหม ที่นี่เป็นขององค์กรด้วยใช่เปล่า พวกเราจะโดนอะไรบ้างหลังจากถูกประมูลไป”

ธนัทถอนหายใจ ดวงตามีแววเห็นใจปรากฏแว้บนึง เขาตัดสินใจถอดหน้ากากทางธุรกิจออก

“ตามปกติทาสอย่างเราๆ ไม่ค่อยมีใครอยากพูดถึงองค์กรตรงๆ เท่าไหร่หรอกนะ แต่เห็นพวกนายยังเด็ก พี่จะแนะนำบางเรื่องจากประสบการณ์การตกเป็นทาสให้แล้วกัน”

ทาสมือใหม่ทั้งคู่ร้องออกมาด้วยความคาดไม่ถึง

“โอ๊ะ พี่ก็เป็นทาสด้วยเหรอ ไม่น่าเชื่อ ไปไงมาไงครับ งั้นที่นี่ก็เป็นขององค์กรจริงๆ ด้วย”

“ไม่ใช่หรอก ที่นี่เป็นของหมอพฤกษ์ คนที่ประมูลพี่ได้เมื่อหกเดือนก่อน หมอพฤกษ์เป็นแค่สมาชิกคนหนึ่งขององค์กร ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโดยตรงนอกจากการร่วมบริจาคซื้อคลิปหมวดเอ็ม หรือเข้าร่วมประมูลทาส แต่อาจมีกรณีที่องค์กรขอความช่วยเหลือมาเอง อย่างที่ส่งพวกเรามาวันนี้”

“พี่เป็นทาสจริงๆ ด้วย แต่เห็นพี่ก็ยังดูดีเอามากๆ เลย ท่าทางไม่ได้ถูกทารุณหรือใช้งานหนักๆ แถมได้อยู่ที่หรูหราอย่างนี้อีก แสดงว่าเป็นทาสก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด”

“มันไม่ใช่อย่างที่เห็นซะทีเดียวหรอก พี่ยอมรับว่าโชคดีที่ได้เจ้านายที่ค่อนข้างโอเค แต่เป็นทาสมันก็เหมือนติดคุกแหละ ต่อให้คุกสภาพดียังไงก็คงไม่มีใครอยากอยู่ มันขาดอิสระ และก็ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ หมอพฤกษ์ก็ไม่ใช่จะใจดีในทุกเรื่อง ในทางธุรกิจแกก็ใช้พี่คุ้มเหมือนกัน บางครั้งก็ใช้เรื่องส่วนตัวที่น่าอับอายซึ่งพี่คงขอไม่เล่า”

“ใช้ในเรื่องธุรกิจยังไงเหรอครับ”

“ดูพี่สิ หกเดือนที่พี่มาอยู่นี่ เข้าคอร์สอะไรสารพัดไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แล้ว ถ้าคิดตามราคาจริงคงเป็นหลายล้านแล้วมั๊ง  ไฝฝ้าราคีรอยเหี่ยวย่นอะไรไม่มีเหลือ ขี้แมงวันซักนิดก็ยังต้องเลเซอร์ออก แล้วเวลาทำ ทำทั้งตัวนะไม่ใช่แค่หน้า ไหนจะสปาผิว ทรีทเม้นทร์ โน่นนี่นั่นอีก หัวนมยังทำ พี่ก็เป็นผู้ชายแมนๆ นะไม่ได้อยากจะเป๊ะอะไรขนาดนี้ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตุ๊กตาเคนเข้าไปทุกที”

ถึงธนัทจะพูดอย่างงั้นแต่มุกกับมิลค์ก็ไม่ได้เห็นด้วย ธนัทเรียบเนียนไปทั้งตัวก็จริงแต่ไม่ได้ดูประหลาดหรือเป็นผิวพลาสติกอย่างที่ดาราหญิงชอบทำกัน ตรงกันข้าม กลับดูดีและเป็นธรรมชาติเอามากๆ

“จะกินอะไรอย่างที่อยากก็ไม่ได้ ต้องคอยออกกำลังตามโปรแกรมอีก พี่ก็อยากให้ตัวเองดูดีนะแต่นี่มันมากไป จริงๆ งานหลักอันนึงของพี่ก็เหมือนอาหารพลาสติกที่โชว์หน้าร้านอาหารญี่ปุ่นนั่นแหละ” ธนัทพรั่งพรูออกมาเหมือนไม่เคยมีใครให้ระบาย

“ยังไงนะครับ” ทั้งคู่ไม่เข้าใจสิ่งที่ธนัทยกมาเปรียบเปรย

“ก็เวลามีลูกค้าวีไอพีมาเลือกคอร์สปรับปรุงความหล่อ ไม่ว่าจะเป็นหน้า ผิว หุ่น ถ้าหมอพฤกษ์มาต้อนรับเองเป็นต้องเรียกพี่ไปโชว์เป็นสินค้าตัวอย่าง แล้วพวกไฮโซน่ะ พวกเรื่องสุขภาพความงามนี่เขาสนใจจริงจัง เวลาดูก็แทบจะดูถึงไส้ติ่ง พี่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตุ๊กตายางเลยว่ะ”

ธนัทนึกถึงเวลาที่เขาต้องถอดเสื้อผ้าออกหมดให้พวกไฮโซดูหุ่นเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบ ว่าอยากจะได้กล้ามน้อยกว่านี้หรือมากกว่านี้ แทนที่จะสนใจกล้ามหน้าอก หรือกล้ามหน้าท้องที่เขาอุตส่าห์เบ่งให้ดู กลับมัวแต่ไปดูกล้ามตรงหว่างขาซะได้ แถมยังบอกให้เขาเบ่งกล้ามขาที่สามให้ดูซะด้วย บางทีไม่ทันใจก็จับรูดกันดื้อๆ

“โชคดีที่ไม่โดนทำพวกศัลยกรรมด้วย คงเพราะกฎขององค์กรที่ห้ามเจ้านายทำอะไรที่เป็นภาระติดตัวตัวทาสในระยะยาว ไม่งั้นหน้าเปลี่ยนแย่”

มิลค์คิดว่าถึงไม่มีกฎข้อนั้นก็ไม่น่าจะมีใครอยากจะทำอะไรกับใบหน้าที่แสนเพอร์เฟ็คท์ของคนตรงหน้าให้เสียของหรอก

“พี่ก็บ่นไปอย่างนั้นแหละ จริงๆ ของพี่นี่ถือว่าโชคดีมากๆ แล้ว พี่เป็นทาสระดับสอง ถ้าตามกฎจริงๆ ยังโดนหนักกว่านี้ได้อีกเยอะ แค่อยากบอกว่า เป็นทาสน่ะ มันไม่สบายหรอก ต่อให้เจ้านายดีขนาดไหน เขาซื้อเรามาก็ต้องหวังใช้งานอยู่แล้ว”

นี่คงเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ที่น่ากังวลที่สุดสำหรับทั้งสองคน คือไม่รู้จะได้เจ้านายแบบไหน

“คำแนะนำของพี่มีแค่ว่าพยายามคิดทบทวนวิเคราะห์ความผิดที่เราทำให้ดี ว่ามันมีผลกระทบหรือความเสียหายกับคนที่เกี่ยวข้องยังไง ถ้าเราเป็นเขาโดนทำอย่างนี้เราจะรู้สึกยังไง ไม่ใช่เฉพาะร่างกายนะ ทางจิตใจก็ด้วยด้วย ไล่ถึงผลกระทบในระดับชุมชน สังคม ไปจนถึงประเทศ คิดดีๆ นะ คิดในหลายๆ แง่มุม ยิ่งเราคิดเรื่องนี้ออกเร็วเท่าไหร่ เราจะอยู่ในสภาพทาสได้อย่างเข้าใจในความผิดตัวเอง นั่นจะทำให้เราทำใจกับมันได้ดีที่สุด” ธนัทพูดต่อ

มุกรู้สึกผิดหวัง ฟังมาตั้งนาน นึกว่าจะได้คำแนะนำอะไรดีๆ ซะอีก ดันกลับมาบอกให้ทำใจ แต่ความที่คนพูดดูจริงใจและมีแววตาห่วงใยเขา ทำให้ไม่ได้ปากเสียใส่ไปอย่างนิสัยปกติ

“วันนี้เราอาจฟังพี่แล้วไม่เข้าใจ แต่ลองค่อยๆ ใช้เวลาคิดทบทวนไปเรื่อยๆ นี่เป็นคำแนะนำที่สำคัญที่สุดที่พี่จะให้ อย่าลืมนะว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต่อต้านองค์กร เขามีอำนาจโยงใยมากกว่าที่เราจะคิดได้” ธนัทปิดท้าย
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 17] 11/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 11-08-2015 22:02:40

ธนัทชวนเด็กหนุ่มทั้งคู่ไปเริ่มตรวจสอบสภาพปัจจุบันเพื่อจะกำหนดโปรแกรมเสริมหล่อได้เหมาะสม เมื่อเข้าไปถึงห้องตรวจซึ่งหน้าตาดูคล้ายห้องทำสปามากกว่าจะเป็นห้องตรวจทางการ มีชายหนุ่มในชุดกาวน์สองคนยืนรออยู่ ธนัทแนะนำว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวพรรณ หนุ่มทั้งสองถูกขอให้ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดแล้วขึ้นไปนอนบนเตียงคนละเตียงซึ่งมีผ้าม่านกั้น มิลค์กับมุกสบตากันแล้วก็ยักไหล่ ช่วยไม่ได้สินะ ถ้าไม่ทำแต่โดยดีเรื่องไปถึงบอสพวกเขาก็ลำบากอีก โดนมามากกว่านี้ตั้งเยอะยังผ่านมาได้ แล้วทั้งสองคนก็ถอดเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่าแล้วขึ้นไปนอนบนเตียงของใครของมัน

เจ้าหน้าที่เอากล้องมาถ่ายหน้าเขาแบบโคลสอัพแล้วก็เอาผ้าชุบโคโลญจน์อุ่นๆ หอมกรุ่นมาปิดตา มีเสียงบอกให้ทำตัวตามสบาย หนุ่มทั้งสองไม่รู้ว่าตัวเองถูกทำอะไรบ้างหลังจากนั้น เท่าทีรู้สึกคือตัวร้อนๆ เหมือนถูกไฟส่อง แล้วก็ได้ยินเสียงชัตเตอร์กล้องดังเป็นระยะๆ อวัยวะส่วนต่างๆ ถูกจับยกจับพลิกอย่างเบามือ อวัยวะส่วนที่ปลิ้นได้ก็ถูกปลิ้นออกมาสำรวจจนหมดสิ้น จากนั้นก็ถูกพลิกให้นอนคว่ำซึ่งก็ไม่อึดอัดอย่างที่คิดเพราะเตียงเป็นแบบเตียงนวดที่มีช่องให้เอาหน้าคว่ำลงไปได้ ทั้งคู่รู้สึกได้ว่าช่วงบั้นท้ายและก้นเป็นจุดที่ถูกตรวจโดยละเอียด เพราะมีการประคองให้ยกก้นขึ้น มีการแหกแก้มก้นออกจากกัน พร้อมกับรู้สึกอุ่นๆ เหมือนโดนส่องไฟในที่สุดก็เสร็จแล้วถูกจับพลิกตัวให้นอนหงายเหมือนเดิม จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็มากระซิบขออนุญาตตรวจสภาพการแข็งตัวของอวัยวะซึ่งทั้งคู่ก็อนุญาตอย่างจำยอมซึ่งก็มีมือใครไม่รู้มาทำการปลุกเร้าช่วงล่างในทันที ด้วยความที่ยังหนุ่มยังแน่นเพียงครู่เดียวก็แข็งตัวกันเต็มที่ ได้ยินเสียงชัตเตอร์ชุดจากนั้นพนักงานก็เอาชุดคลุมอาบน้ำผ้าเนื้อดีมาให้ใส่แล้วพาไปหาธนัทที่กำลังอ่านสรุปผลการตรวจสภาพของทั้งคู่อยู่

“นั่งก่อนครับ ดูแล้วสองคนก็ไม่ได้แย่นะ แต่คงไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองเท่าไหร่ล่ะสิ รายการที่ต้องทำวันนี้ก็มี ตัดแต่งจัดทรงผมและขนทั้งตัว นวดบำรุงและทำสปาขัดผิวหน้าและผิวกายทั้งตัว บำรุงและตัดแต่งเล็บ กำจัดไรขนที่ใบหน้า ทำทรีทเม้นต์ร่วมกับเลเซอร์หน้าใส และสุดท้ายทำผิวชมพูเฉพาะจุดสี่ที่”

“เยอะจัง แถมต้องทำทั้งตัวด้วย อย่างนี้จะทำทันวันนี้เหรอครับ” มิลค์บ่นออกมาเมื่อเห็นรายการยาว ทีแรกคิดว่าน่าจะทำแค่พวกสปาขัดผิวอะไรทำนองนั้น”

“ไม่ต้องห่วง ของเราเป็นคอร์สเร่งรัด อะไรทำพร้อมกันได้จะทำด้วยกันไปเลย เพราะงั้นต้องไปทำที่ห้องทรีทเมนต์อเนกประสงค์นะ เพราะมีเครื่องมือทุกอย่างพร้อมในห้องเดียว ปกติคอร์สแบบนี้เป็นหลายแสนเลยจะจัดให้วีไอพีเท่านั้น แต่เราสองคนองค์กรขอมาก็เหมือนกับวีไอพีนั่นแหละ”

และที่ธนัทพูดก็ไม่ได้ผิดความจริง ร่างเปลือยของทั้งคู่ถูกมะรุมมะตุ้มด้วยจำนวนคนที่มากที่สุดในชีวิต ทีมช่างชุดนึงดูแลสระผม ทำทรีทเม้นท์บำรุง ตัดซอย เป่าแห้ง จัดทรง อยู่ทางหัว อีกชุดเก็บไรขนจุดที่รกๆ ไปทั่วร่าง พร้อมตัดแต่งตรงรักแร้และซอยขนลับที่รกทึบให้ดูบางเบาสะอาดตาขึ้น ตัดแต่งยันไปจนถึงขนที่ก้น ทีมขัดเล็บมือเล็บเท้าก็ทำหน้าที่ไป ทีมดูแลเส้นผมเส้นขนทำงานเสร็จก็มีทีมสปาผิวทั่วเรือนร่างเข้ามาต่อ ทีมนี้เข้าพร้อมกับทีมทรีทเม้นท์และเลเซอร์หน้าใส และที่บอกว่าทั่วเรือนร่างก็หมายความตามนั้นจริงๆ ตรงท่อนลำและพวงสวรรค์ก็ได้รับการดูแลไม่น้อยหน้า ทีมนี้ขั้นตอนเยอะมากจนถึงเวลาเที่ยงก็ยังอยู่ในสภาพที่พันผ้าเพื่อให้ทรีทเม้นท์ซึมสู่ผิว ทั้งคู่ถูกประคองให้อยู่ในท่านั่งบนเตียง แล้วก็มีถาดใส่อาหารหรูหรามาเสิร์ฟให้ถึงที่ ทานเสร็จก็ทำทรีทเม้นท์สูตรที่ร้อยแปดต่อ มีทั้งครีมทั้งโคลนอะไรไม่รู้สาระพัด กว่าจะเสร็จ มิลค์ก็เหนื่อยแทนพนักงานเต็มที ขนาดเขานอนเฉยๆ ยังเหนื่อยเลย ตอนนี้เขาอายจนเลิกอายแล้ว ถึงคนจะเยอะแต่ก็เป็นผู้ชายทั้งหมด ขนาดตอนหลังโดนนวดไปนวดมาจนของขึ้นเขาก็ยังรู้สึกเฉยๆ

พอถึงช่วงทำผิวชมพูเฉพาะจุดสี่จุด มิลค์ก็เริ่มคิดว่าน่าจะเสร็จเร็วกว่าที่คิดไว้ พนักงานเอาพลาสเตอร์ที่เจาะเป็นช่องพอดีกับรูปปากและหัวนมของเขามาปิดกันเนื้อส่วนที่ไม่เกี่ยวข้อง จากนั้นก็เอาครีมมาทาริมฝีปากบน ริมฝีปากล่าง หัวนมด้านซ้าย หัวนมด้านขวา ของเขา นับรวมได้สี่จุดตามโปรแกรม จากนั้นก็เอาเครื่องมาฉายไฟอุ่นๆ ใส่ ทิ้งไว้หนึ่งชั่วโมงก็มาเอาออกแล้วทำความสะอาดทั้งสี่จุดจนเรียบร้อย เขาชำเลืองดูหัวนมข้างที่เจาะของเขา ชมพูขึ้นจริงๆ ดูดีเลยเรา

เท่านี้ก็เสร็จซะที มิลค์คิด ขณะเตรียมลุกขึ้น

“คุณผู้ชายจะไปไหนครับ”

“อ้าว เสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ยังครับ เหลือทำผิวชมพูเฉพาะที่อีกสองจุดครับ”

“อ้าว ก็ทำไปแล้วสี่จุดไม่ใช่เหรอ”

“หามิได้ครับ ริมฝีปากกับหัวนมนับรวมกันเป็นอย่างละหนึ่งจุด ยังเหลืออีกสองจุดที่รอบรูก้น กับส่วนอวัยวะเพศทั้งหมดครับ มีส่วนหัว ส่วนลำ และถุงอัณฑะครับคุณผู้ชาย” พนักตอบ

“ผมไม่ทำ ยังไงๆ ก็ไม่ทำ” มิลค์ยื่นคำขาด ได้ยินเสียงโวยวายจากไอมุกที่อยู่เตียงข้างๆ ดังขึ้นมาด้วยเรื่องเดียวกัน อวัยวะส่วนบอบบางขนาดนั้นใครจะไปกล้า แค่ที่หัวนมยังหวั่นๆ อยู่เลย สารเคมีที่ใช้คืออะไรก็ไม่รู้ ถ้ามันทำให้แพ้จนผิวส่วนนั้นตายด้านขึ้นมาล่ะ อดเสียวตลอดชีวิตแน่ ต่อให้บอสมาสั่งตรงหน้า เขาก็คงต้องเถียงกลับไป

“ไปเชิญคุณธนัทมาเร็ว” พนักงานคนนึงร้องบอก

ธนัทมาถึงในชั่วอึดใจเดียว

“เป็นอะไรกัน สองคน ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีอะไรอันตราย” มองมิลค์ที่น้ำตาคลอนิดๆ อย่างเห็นใจ ยังไงก็ยังเด็กล่ะนะ

“พี่ก็พูดได้สิ ไม่ได้มาโดนอย่างผม ตรงนั้นบอบบางจะตาย แถมมีเส้นประสาทเยอะแยะอีก เอาสารเคมีอะไรก็ไม่รู้มาทา ถ้าทำแล้วตายด้านหมดความรู้สึกล่ะ ชีวิตจบสิ้นตั้งแต่หนุ่มๆ แน่ ฮือๆ”

ธนัทถอดกางเกงออกจนท่อนล่างเปลือยเปล่าต่อหน้าเด็กทั้งสองและพนักงานอีกเต็มห้อง เขาประคองท่อนลำอวบที่เกินหน้าคนทั้งคู่ยื่นให้มิลค์กับมุกดู พร้อมกับปลิ้นหนังหุ้มปลายออกจนสุด

“เอ้า ลองดูด้วยตาตัวเอง พี่ทำมาตั้งหลายเดือนแล้ว ยังปกติดีอยู่”

มิลค์มองท่อนลำอวบตรงหน้า ส่วนหัวเป็นสีชมพูใสสวยจริงๆ ให้ความรู้สึกเหมือนของเด็ก แต่เด็กที่ไหนจะใหญ่เว่อร์อย่างนี้

“แล้วยังเสียวดีอยู่เปล่าพี่”

“ก็ปกตินะ เวลา... เฮ้ย จับเลยเหรอ อย่าแตะตรงนั้น ซี้ดส์ อย่า...”

มิลค์เอานิ้วแตะไปตรงส่วนหัวโดยไม่ลังเล ผิวสัมผัสก็ดูเรียบลื่นชุ่มชื่นปกติดี เขาเอานิ้วแตะซ้ำๆ เพื่อดูปฏิกิริยา แป๊บเดียวก็ได้ผล ท่อนลำของธนัทค่อยๆ ผงาดขึ้นอย่างน่าเกรงขาม รูที่ส่วนหัวมีน้ำเหนียวใสเอ่อขึ้นมาพอเยิ้มๆ

“ท่าทางจะยังเสียวอยู่จริงๆ ด้วย” มิลค์ตาโตกับขนาดที่อลังการ เขาว่าของเขากับไอมุกก็ใหญ่มากแล้วนะ แต่นี่เหนือกว่าไปอีกระดับ

“เออสิวะ ก็พี่บอกอยู่ พอเถอะ หมอพฤกษ์เจ้านายพี่ไม่ให้พี่เอาน้ำออกพร่ำเพรื่อ ของที่นี่เป็นน้ำยาธรรมชาติที่วิจัยขึ้นมาเอง ปลอดภัยและได้ผลดีกว่าวิธีอื่นๆ วางใจได้ ไม่งั้นหมอพฤกษ์ไม่กล้าสั่งให้พี่ทำหรอก ถ้าเกิดผิดพลาดอะไรขึ้น หมอพฤกษ์โดนสอบสวนจากองค์กรข้อหาทำร้ายร่างกายทาสเกินกว่ากฎแน่ ต่อให้เป็นหมอพฤกษ์ก็ไม่กล้าหรอก ทีนี้ก็ไปทำต่อได้แล้ว” ประโยคที่เกี่ยวกับองค์กร ธนัทกระซิบให้ได้ยินกันแค่สามคน

“เดี๋ยวครับ ขอดูที่รูก้นด้วยได้ไหม”

ธนัทยอมอย่างเสียไม่ได้เพื่อปัดรำคาญ เขาเอาตัวไปเท้าโต๊ะ หันหลังเอามือแหวกแก้มก้นให้คนช่างสงสัยเห็น พนักงานเอาไฟมาส่องให้อย่างรู้งาน ทั้งคู่ก้มไปมองอย่างใคร่รู้ นี่มันดูดีเกินไปแล้ว ไรขนที่น่าจะผ่านการจัดแต่งอย่างดีแต่ก็ดูเป็นธรรมชาติ รอยจีบสีชมพูเรื่อๆ ดูไม่ปิดสนิทแน่นมากอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ถึงกับจะบ่งบอกได้ชัดว่าผ่านการมีอะไรกับผู้ชายมาแล้ว อาจเป็นที่สรีระของแต่ละคน ที่สำคัญที่มิลค์ไม่ได้สังเกตตั้งแต่ทีแรกเพราะมัวแต่กลัวอยู่ คือทุกสิ่งทุกอย่างในร่มผ้านวลเนียนไปทั้งหมด ไฝฝ้าราคีรอยด่างดำถ้าอาจจะมีบ้างน้อยนิดก็แทบจะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ที่ธนัทบอกว่าโดนทำมากจนเหมือนตุ๊กตาไม่จริงเลย เหมือนเทวดาซะมากกว่า

หลังจากมั่นใจแล้วทั้งคู่ก็ขึ้นเตียงไปทำต่อ ขั้นตอนก็คล้ายๆ กับตอนทำที่ริมฝีปากกับหัวนม แต่ไม่มีการฉายแสง ธนัทไม่ได้ลุกไปไหนนั่งชวนคุยเป็นเพื่อน เขาเล่าว่าสารสกัดธรรมชาติที่ตอนนี้ทาอยู่บนส่วนหัวของทั้งคู่แพงมากและมีที่นี่ที่เดียว เวลาใช้ต้องมีการผสมเพื่อให้ได้เฉดสีที่ต้องการ ช่างของที่นี่ชำนาญมากในการที่แนะนำว่าลูกค้าผิวเดิมสีอะไร ควรจะทำสีชมพูโทนไหนให้ดูดีและเป็นธรรมชาติตามอวัยวะส่วนนั้นๆ

ไฮโซทั่วไปก็มีมาทำตรงจุดนั้นบ้างแต่ไม่มากเพราะส่วนใหญ่ก็ไม่ได้คิดจะไปโชว์ใคร ยกเว้นในหมู่เกย์ไฮโซที่ค่อนข้างเป็นที่นิยม แต่กลุ่มที่ใช้บริการเยอะจริงๆ คือพวกนักแสดงหนังโป๊ชายหลากหลายค่ายทั้งอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ต้นสังกัดจะเป็นสปอนเซอร์ส่งมาทำที่เมืองไทยกันครั้งนึงหลายคน ถือโอกาสมาเที่ยวกันด้วย ถึงเป็นกลุ่มอาชีพนี้ หมอพฤกษ์ก็ไม่ได้รังเกียจ แต่จัดให้บริการในในสถานที่ที่แยกต่างหากจากสมาชิกของคอมเพล็กซ์ ป้องกันลูกค้าไม่สบายใจ ทั้งๆ ที่นักแสดงมืออาชีพจริงๆ ค่ายหนังจะดูแลเรื่องการตรวจเลือดและการรักษาสุขภาพเป็นอย่างดี

หมอพฤกษ์พยายามส่งเสริมความเข้าใจอันดีต่อกลุ่มอาชีพนี้โดยเชิญคนที่เป็นนักแสดงดังๆ มาสาธิตการใช้เครื่องมือออกกำลังกายประเภทต่างๆ ที่ฟิตเนสของคอมเพล็กซ์ ปรากฏว่าเหล่าไฮโซสมาชิกศูนย์สุขภาพของหมอพฤกษ์รู้จักนักแสดงเหล่านี้มากกว่าที่คิด ธนัทเห็นเรียกชื่อได้ถูกต้องกันก็หลายคน แถมมีตามไปคุยกันต่อในห้องอาบน้ำอีก

หมอพฤกษ์มีการทำวิจัยเพื่อปรับปรุงคุณภาพร่วมกับกลุ่มอาชีพนี้ด้วย โดยขอเก็บข้อมูลต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของสีตามเวลาและจำนวนครั้งในการร่วมเพศ การเปรียบเทียบกลิ่นและรสก่อนและหลังทำ รวมไปถึงเทรนด์ความนิยมในการจับคู่สีใหม่ๆ เช่น ลำน้ำตาลเข้มกับหัวชมพูแก่ ลำขาวอมชมพูกับหัวชมพูเข้ม ลำขาวเหลืองกับหัวชมพูอมส้ม ลำสีดำกับหัวชมพูอมม่วง ถ้าไม่ได้ขลิบก็จะเลือกได้อีกว่าจะเป็นแบบสีตัดกันหรือจะเป็นแบบไล่เฉดสี หมอพฤกษ์ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากจนบางครั้งต้องเจียดเวลาบินไปดูงานด้วยตัวเอง

เมื่อเด็กหนุ่มทั้งสองคนได้รับบริการจนครบทั้งคอร์สแล้ว ธนัทก็บอกว่าองค์กรขอให้ทำการสักลายให้ทั้งคู่ด้วย มิลค์เป็นพวกชอบรอยสัก แต่ทีแรกก็กลัวว่าจะเป็นการสักเพื่อแสดงความเป็นทาสแบบในหนัง ประเภทสักหมายเลขทาสลงบนหน้าผาก หรือสักคำว่า “SLAVE” ไว้ที่หน้าอก แต่พอเห็นลายที่เอามาให้เลือกก็พบว่าเป็นแค่ลายกราฟฟิกเล็กๆ รูปร่างดูแปลกๆ หน่อย มีให้เลือกหลายแบบหน้าตาไม่เหมือนกัน แต่ก็คล้ายกันตรงที่จะเป็นทรงเลขาคณิตแบบเดียวกันสองอันวางเหลื่อมต่อกัน ด้านในมีลวดลาย มิลค์เลือกอันที่เขาคิดว่าสวยที่สุด

“ผมเอาลายนี้ครับ องค์กรเขาให้สักไปทำไมครับพี่”

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ของพี่ก็โดน เราน่าจะเห็นแล้วตอนพี่ถอดให้ดู เลือกตำแหน่งที่จะสักด้วย องค์กรเขาบอกให้เลือกบริเวณที่ไม่ห่างจากอวัยวะเพศมากนะ”

มิลค์นึกออกว่าธนัทมีรอยสักเล็กๆ ตรงบริเวณหัวเหน่าด้านซ้ายเห็นได้ชัดบนผิวเนียนใส แต่ตอนนั้นนึกว่าสักเท่ๆ เขาเลือกสักบริเวณสะดือแต่ต่ำลงมาเกือบติดขนอุย มันน่าจะช่วยเสริมจิวที่ใส่อยู่ตรงสะดือของเขาได้

“แล้วไม่ต้องกังวลนะ หมึกที่ใช้เป็นแบบกึ่งถาวร ถ้าไม่ไปทำอะไรเลยมันจะจางออกเองเมื่อผ่านไปประมาณสามปี หรือถ้าอยากเอาออกก่อนหน้านั้น ก็ใช้น้ำยาพิเศษเช็ดออกได้ รับรองผิวเนียนใสเหมือนเดิม แต่กรณีเราคงต้องรอองค์กรสั่งก่อน” ธนัทอธิบายต่อ

เมื่อเสร็จ ธนัทก็ขอให้เขากลับไปนอนบนเตียงที่ใช้ตรวจสภาพตอนแรก มิลค์แหล่มองรอยสักของมุกที่เดินมาข้างๆ กัน แล้วนึกบ่นในใจว่าเสือกเลือกลายคล้ายกันอีกแน่ะ ที่บนเตียงก็ไม่ได้ทำอะไร แค่ปล่อยให้เจ้าหน้าที่จับโน่นพลิกนี่เพื่อถ่ายรูปเหมือนที่ทำตอนแรก

จนเมื่อทั้งคู่แต่งตัวเสร็จก็เป็นเวลาเกือบทุ่มแล้ว ธนัทเชิญทานอาหารเย็นด้วยกัน ทั้งคู่ตกลงและพูดคุยกับธนัทอย่างถูกคอระหว่างนั่งทานอาหารเลิศรส แม้ว่ามุกกับมิลค์จะไม่คุยกันเองโดยตรงซึ่งธนัทก็สังเกตเห็นแต่ไม่ได้พูดอะไร ธนัทเล่าประสบการณ์ที่น่าสนใจในการทำงานที่รีสอร์ทสุขภาพแห่งนี้ให้ฟังอย่างสนุกสนาน แต่พอมุกถามถึงว่าเคยโดนหมอพฤกษ์สั่งให้ทำอะไรที่ทนไม่ได้มากที่สุด ธนัทก็เงียบไปและปฏิเสธที่จะพูดถึง

ก่อนกลับธนัทยื่นอัลบั้มรูปให้ทั้งคู่คนละเล่ม

“เอ้า เก็บไว้เป็นที่ระลึก พอดีเราอยู่ทานข้าวต่อ มีเวลาพี่เลยสั่งให้เขาทำเสร็จทันพอดี”

มิลค์กับมุกรับไปพลิกดูก็พบว่า เป็นอัลบั้มรูปขนาดใหญ่ภาพคมชัดสีสันงดงาม ภาพในนั้นทั้งหมดเป็นรูปของเขาแต่ละคนเอง อัลบั้มใครอัลบั้มมัน หน้าแรกเป็นรูปเขาในชุดที่ใส่มาวันนี้ท่าทางเป็นธรรมชาติเหมือนโดนแอบถ่าย มีรายละเอียดส่วนตัวนิดหน่อย แค่อายุ เชื้อชาติ น้ำหนัก และส่วนสูง จากนั้นก็เป็นรูปแอบถ่ายในอิริยาบถต่างๆ ระยะไกลบ้าง เต็มตัวบ้าง โคลสอัพบ้าง แต่หน้าต่อจากนั้นไปจนจบ เป็นรูปเปรียบเทียบตัวเขาระหว่างก่อนและหลังการเข้าคอร์สเสริมหล่อที่เพิ่งเสร็จไป แน่นอนว่าเป็นรูปเปลือย มีทั้งรูปถ่ายเต็มตัว และรูปโคลสอัพอวัยวะทีละส่วน ตั้งแต่ใบหน้า ริมฝีปาก ลำตัว หน้าท้อง หน้าอก หัวนม แขน ขา รักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ท่อนลำทั้งแบบเปิดหัว ปิดหัว และแบบแข็งตัว รูปถ่ายเปรียบเทียบมีไปจนถึงแก้มก้นและรูก้น แต่ละรูปเห็นความแตกต่างระหว่างก่อนทำและหลังทำได้มากบ้างน้อยบ้าง แต่แม้แต่ในส่วนที่ดูต่างกันน้อยที่สุด ก็ยังบอกได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

“อะไรกันนี่พี่” มิลค์ออกจะตกใจ

“อัลบั้มทำไว้ให้ลูกค้าดูไง เวลาเขามาเลือกคอร์ส คนไหนรูปร่างสีผิวคล้ายๆ เรา เอาให้ดูเขาจะนึกภาพออกมากกว่า อันนี้ทำแล้วเป็นยังไง ไหนๆ ต้องทำแล้ว พี่เลยทำเผื่อพวกเราด้วย”

“อย่างนี้ผมก็อายแย่สิ เอารูปแบบนี้ไปให้ใครดูก็ไม่รู้” มิลค์ไม่สบายใจเลย

“เราไม่ได้รับรู้ด้วยซะหน่อย เขาดูแป๊บๆ เลือกคอร์สได้ก็ลืมแล้ว และก็ไม่ได้ให้ดูพร่ำเพรื่อด้วยนะ ต้องเป็นคนที่รูปร่างสีผิวใกล้เคียงกับเราและสนใจคอร์สแบบที่เราทำเท่านั้น อันนี้หมอพฤกษ์ขอองค์กรเป็นของตอบแทนที่ให้เรามาทำฟรีๆ นี่แหละ”

ธนัทอธิบายต่อเมื่อเห็นทั้งคู่ทำหน้าไม่แน่ใจ

“อย่าไปคิดมาก พี่โดนยิ่งกว่านี้อีก อัลบั้มพี่มีเป็นสิบๆ เล่มเลย แถมส่วนใหญ่ต้องเอาของจริงไปโชว์ลูกค้าด้วย หมอพฤกษ์บอกว่า ร้อยทั้งร้อยพอเห็นตัวอย่างจากพี่ ก็ตัดสินใจเลือกคอร์สแพงสุดโดยไม่ลังเล นี่ถือว่าเราโชคดีทั้งคู่แล้วนะที่ได้มาทำคอร์สนี้ ยิ่งเราดูดีเท่าไหร่ โอกาสประมูลสำเร็จก็ยิ่งมาก ไม่งั้นถ้าไม่มีใครร่วมประมูลขึ้นมา เวลาเอากลับไปประมูลใหม่ครั้งที่สองต้องโดนเพิ่มจำนวนปีหรือโดนปรับเพิ่มระดับทาสจะยิ่งแย่เอา เห็นหมอพฤกษ์เล่าว่าองค์กรค่อนข้างกังวลกับเราสองคน เพราะเห็นว่าเคยตั้งระดมเงินบริจาคในหมวดเอ็มโดยใช้คลิปของมุกเป็นของตอบแทน ต้องการยอดแค่ห้าหกหมื่นเอง ยังระดมทุนได้ไม่ครบเลย แล้วมุกกับมิลค์ก็รูปร่างหน้าตาคล้ายๆ กันด้วย เขาก็เลยไม่แน่ใจจนต้องหาทางช่วยนี่แหละ แต่เรื่องนี้พี่ก็แปลกใจนะ เราสองคนดูดีมากๆ ตั้งแต่ตอนก่อนทำแล้ว ทำไมถึงระดมทุนไม่ได้นะตอนนั้น”

นี่เป็นข้อมูลใหม่ที่ทำให้ทั้งคู่เสียความมั่นใจไปมากโข ทีแรกรู้สึกว่าไม่อยากให้เวลาประมูลมาถึงเลย แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าจากประมูลให้จบๆ ไปโดยเร็วคงดีกว่ามานั่งทรมานใจกับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้น

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 17] 11/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 11-08-2015 23:17:48
ตอนนี้ได้ทราบข่าวคราวของธนัท ทาสคนแรกๆ ของเรื่องด้วย ชีวิตทาสก็น่าจะโอเคอยู่นะ ^^

ลายกราฟฟิกนั่นต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่าง ทำให้พวกทาสปลอดภัยรึเปล่า ตอนเด็กๆ ทำงานล้างรถขององค์กรก็มีสติ้กเกอร์แทตทูลายกราฟฟิกให้แปะก่อนทำงานด้วย
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 17] 11/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: Moko1212 ที่ 14-08-2015 19:10:55
 :z1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 17] 11/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: pakawatkheeta ที่ 19-08-2015 01:05:30
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 17] 11/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 19-08-2015 03:47:23
ว๊าวมากไม่นึกว่าเรื่องแรงแบบนี้จะมีในบอร์ดนีเนะ ตกใจมากกก
แต่สนุกมาก ภาษาสวย อ่านแล้วสนุกเพลินจริงๆ
โมเมนต์เบอฯ์ศูนย์-หนึ่งน่ารักมาก จอก็แลดูห่วงลูกำฮโซมาก สนุกมาก ชอบมาก
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 17] 11/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 19-08-2015 10:29:49
เทกมีออฟเบบี้เฟสยังอายเลยนะนี่
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 17] 11/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 21-08-2015 18:35:43
อยากอ่านต่อแล้ว ติดเลยเรื่องนี้
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] Teaser ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 23-08-2015 17:01:10
หายไปนานครับ พอดีที่ทำงานส่งไปเรียนหนังสือ งานปกติก็ยังต้องทำอยู่ เลยหาเวลามาแต่งต่อไม่ได้เลย คงอีกซักพักนะครับ
วันนี้เลยเอาตอนพิเศษที่แต่งไว้เกือบเสร็จก่อนหน้านี้แล้วมาเกลาๆ ลงให้แก้ขัดก่อน เผื่อมีคนรออยู่ครับ ขอเตือนนิดนึงว่าตอนนี้มันออกจะเพี้ยนๆ หน่อยนะครับ

------------------------------------------------------------------

องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 18 ตอนพิเศษ

[Teaser]

ชายหนุ่มร่างสูงกลับเข้ามาถึงคอนโดหรูของตัวเองในตอนหัวค่ำ ท่าทางเหนื่อยอ่อนแต่ก็ดูมีความสุข งานเปิดตัวโครงการคอนโดหรูริมแม่น้ำแห่งใหม่ของเขาเมื่อบ่ายนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่อยากเชื่อว่าคอนโดที่แพงระยับอย่างนี้จะมียอดจองล้นทะลักในยุคที่เศรษฐกิจก็ไม่ได้เฟื่องฟูอะไรนัก ชายหนุ่มไม่คิดอย่างนั้น เขาเชื่อว่า ถ้าสินค้าบริการไหนสามารถทำให้เกิดความพรีเมี่ยมที่แตกต่างได้อย่างเหนือชั้น แพงแค่ไหนก็มีคนที่พร้อมจะยอมจ่าย มันไม่ใช่แค่ความพอใจจากคุณภาพที่สุดยอดของสินค้า แต่มันแฝงไปด้วยความภูมิใจที่ได้ครอบครองในสิ่งที่น้อยคนจะมีโอกาสได้สัมผัส ยิ่งถ้ามีข้อจำกัดว่าไม่ใช่ทุกคนที่มีเงินจะมีโอกาสได้เป็นเจ้าของ แต่สงวนสิทธิ์ให้เฉพาะคนที่ได้รับเลือกเท่านั้น ร้อยทั้งร้อยแทบจะตัดสินใจโดยไม่สนใจเรื่องราคาเลย

คอนโดของเขาที่เพิ่งเปิดตัวไปก็ใช้กลยุทธ์นี้เช่นกัน นอกจากความหรูหราเหนือระดับในทุกตารางนิ้วแล้ว เฉพาะบุคคลที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดีแล้วเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์จองได้ นอกจากจะทำให้เกิดความภาคภูมิใจแก่ผู้ที่ได้เป็นเจ้าของแล้ว ยังเป็นการการันตีว่าจะมีแต่เพื่อนบ้านที่มีระดับ นี่เป็นเคล็ดลับความสำเร็จของเขาในวันนี้

ชายหนุ่มรู้สึกครึ้มใจมาก เขาอยู่ในอารมณ์ที่อยากจะฉลองความสำเร็จให้กับตัวเอง ไวน์ดีๆ สักขวดน่าจะเป็นคำตอบในค่ำคืนนี้ และเขารู้ว่าจะหาไวน์คุณภาพสุดยอดได้ที่ไหน

นักธุรกิจหนุ่มหยิบแท็ปเลทขึ้นมาเปิดเข้าไปที่หน้าเวปไซท์ของร้านขายไวน์ออนไลน์ที่เขาเคยใช้บริการมาสองสามครั้งแล้ว ร้านนี้จะจำหน่ายให้เฉพาะกับสมาชิกซึ่งจะต้องได้รับเชิญ และมีการยืนยันตัวกลั่นกรองคุณสมบัติมากมาย เขาเข้าไปที่หน้าเลือกไวน์ ที่ร้านนี้มีไวน์ที่พร้อมส่งขายครั้งละไม่กี่ขวด นอกนั้นเป็นไวน์ที่อยู่ระหว่างการบ่ม และไวน์พิเศษที่ต้องประมูล บางคนก็ไปสั่งจองไวน์ที่อยู่ระหว่างการบ่มเลยโดยการจ่ายเงินมัดจำเพื่อให้มั่นใจว่าไวน์ขวดที่ตัวเองหมายตาจะไม่ถูกซื้อไปซะก่อน ระยะเวลาที่ต้องรอปกติก็จะไม่เกินหนึ่งเดือนยกเว้นไวน์บ่มใหม่ซึ่งอาจจะใช้เวลาถึงสี่เดือน ชายหนุ่มไม่มีเวลามากขนาดนั้น ไวน์ที่พร้อมส่งก็มีคุณภาพยอดเยี่ยมเช่นกัน อันที่จริงให้เขาหลับตาเลือกเลยก็ยังได้ ไม่คิดว่าจะผิดหวังกับไวน์ขวดไหนๆ ของร้านนี้ แต่ในเมื่อวันนี้โชคดีมีไวน์ให้เลือกถึงเกือบสิบขวด เขาก็ขอสั่งอันที่น่าสนใจที่สุดแล้วกัน

ชายหนุ่มเลื่อนหน้าจอแท็ปเลทเพื่อดูรายการไวน์ น่าสนใจทุกขวดจริงๆ เขาเริ่มตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ ขณะพิจารณาไวน์แต่ละขวด หลังจากเข้าไปดูรายละเอียดได้สามขวด แล้วยังตัดสินใจไม่ได้ เขาต้องมาสะดุดใจกับขวดที่สี่ที่คลิ๊กเข้ามา ขวดนี้รูปทรงสวยมาก สีสันก็เป็นแบบที่เขาชอบ เหลือบดูปี ค.ศ. ที่ผลิตก็ถูกใจกับอายุไวน์ที่กำลังพอดีกับรสนิยมของเขา แต่พอเห็นว่าเป็นไวน์รสเบอรี่รวม เขาก็เริ่มจะลังเล เขายังไม่เคยชิมไวน์รสนี้มาก่อน ไม่แน่ใจว่ามันจะอร่อยเท่ากับรสผลไม้เขตร้อนที่หอมกรุ่นด้วยกลิ่นสัปปะรดที่เขาชื่นชอบหรือไม่ ระหว่างนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นรายละเอียดเพิ่มเติมว่าไวน์ขวดนี้เป็น First Harvest หรือไวน์ที่เก็บเกี่ยวครั้งแรก เขาก็ตัดสินใจสั่งซื้อทันที ไม่น่าเชื่อว่าจะหลุดรอดมาจนเป็นไวน์พร้อมส่งได้โดยไม่ถูกจองไปก่อน สงสัยมีคนจองแล้วยกเลิกกะทันหันเพราะไม่พร้อมรับสินค้า เป็นโชคดีของเขาจริงๆ

หลังจากกดสั่งซื้อไวน์ขวดนั้น หน้าจอก็เข้ามาสู่การเลือกหีบห่อบรรจุภัณฑ์ซึ่งมีมากมายหลายแบบให้เลือกตามความพึงพอใจของลูกค้า ใจจริงเขาชอบลายพรางแบบทหารแต่มันดูไม่เหมาะกับไวน์ขวดนี้เท่าไหร่ ในที่สุดเขาก็เลือกหีบห่อเรียบๆ สีเข้มดูเป็นทางการ ซึ่งน่าจะตัดกับสีขวดไวน์ได้อย่างลงตัว

สุดท้ายก็มาถึงหน้าข้อมูลการจัดส่งและชำระเงิน เขาเลือกอ๊อฟชั่นส่งด่วนซึ่งใช้เวลาไม่เกินสองชั่วโมง เพื่อให้ทันการฉลองในค่ำคืนนี้ ถึงจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นอีกก็ตาม รวมราคาที่เขาตัดผ่านบัตรเครดิตไปมันอาจจะสูงไปสำหรับไวน์ขวดเดียวจนน่าตกใจถ้าได้ทราบ แต่ส่วนตัวเขาคิดว่ามันคุ้มกับการฉลองความสำเร็จที่เกิดจากการทุ่มเททำงานในช่วงที่ผ่านมาแล้ว

พนักงานได้นำไวน์มาส่งให้อย่างทะนุถนอมถึงประตูห้องก่อนเวลาเล็กน้อย บริการยังยอดยอดเยี่ยมเหมือนเดิม เขารับขวดไวน์ไว้พร้อมกับลงชื่อรับและให้ทิปไปอีกพอสมควร ไวน์ขวดนี้ดูสวยงามกว่าที่เห็นผ่านเวบไซท์มาก หีบห่อเรียบหรูที่เขาเลือกก็ดูเนี้ยบลงตัวดีอย่างที่คิด เขาอดใจไม่ไหวจนต้องเอามือถือออกมาถ่ายรูปขวดไวน์ก่อนแกะห่อเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก ห่อสีกรมท่าเข้ากันกับสีขาวนวลตาเหมือนงาช้างของไวน์ขวดนี้

เขาค่อยๆ บรรจงแกะห่อสีกรมท่าชั้นนอกออกจนเหลือแต่ห่อชั้นในสีขาวสะอาดตา สัมผัสที่ได้รับจากวัสดุเนื้อดีที่ห่อหุ้มอยู่ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยม เขาพักตรงนี้เพื่อเก็บภาพอีกรอบ ความรู้สึกคล้ายกับตอนแกะกล่องไอโฟนรุ่นใหม่ แต่ยอดเยี่ยมกว่าเป็นสิบเท่า ไม่น่าแปลกใจเพราะราคาก็ต่างกันเป็นหลายต่อหลายเท่าเหมือนกัน เขาลงมือแกะต่อจนหมด ตอนนี้ไวน์ขวดสวยไม่เหลือวัสดุหุ้มห่อใดๆ ยกเว้นตรงบริเวณจุกคอร์ก เขารู้สึกอยากที่จะชิมไวน์ขวดนี้จนทนไม่ไหว

เขาเอามือสัมผัสจุกคอร์กเบาๆ มันค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดของขวด เขาแกะวัสดุนุ่มมือที่ห่อหุ้มอยู่ออกจนหมด จุกคอร์กที่สวยงามก็ปรากฏแก่สายตา ถึงจะมีขนาดที่ใหญ่ไปหน่อยจนอาจจะดื่มยาก แต่ก็มีรูปทรงและสีสันน่าดูมาก พอก้มหน้าลงไปดมใกล้ๆ ก็ได้กลิ่นหอมเบอร์รี่อ่อนๆ โชยมา เขาเอามือถือมาถ่ายอีกหลายรูปก่อนจะเริ่มดำเนินการตามขั้นตอนการรินไวน์ ใช้เวลาเพียงครู่เดียวไวน์หอมหวานก็ไหลออกมาไวสมกับเป็นไวน์ที่เก็บเกี่ยวครั้งแรก เขาค่อยๆ จิบอย่างดื่มด่ำในรสชาติ มันละเมียดละไมกว่าที่จินตนาการไว้มาก หวานละมุนหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นเบอร์รี่จนไวน์ที่รินออกมารอบแรกหมดโดยไม่รู้ตัว

หนุ่มนักธุรกิจพักรอเพื่อจะรินไวน์รอบต่อไป เขาใช้เวลาช่วงนี้ถ่ายรูปขวดไวน์ในมุมต่างๆ ลองเปลี่ยนฉากหลายๆ แบบดู มันช่างน่าหลงไหลไปทุกมุมมอง จริงๆ เขาควรจะรออีกซักพัก แต่ก็อดใจไม่ไหวจริงๆ เขาเริ่มทำการรินไวน์เป็นครั้งที่สองอย่างไม่ติดขัดอะไร ตอนนี้เขาเริ่มชินกับจุกคอร์คที่ค่อนข้างใหญ่แล้ว ความหอมหวานไม่ผิดเพี้ยนไปจากครั้งแรก แต่ปริมาณจะลดลงไปเล็กน้อย เขาดูดกลืนไวน์ที่ล้ำค่าทุกหยดจนไม่เหลือ เท่าไหร่ก็รู้สึกไม่พอจริงๆ

ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะพักผ่อนหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน เขาปิดไฟแล้วหิ้วขวดไวน์ที่สวยงามนี้ไปบนเตียงด้วย ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเห่อขนาดนี้ ภายในปากเขายังกรุ่นไปด้วยกลิ่นเบอร์รี่หอมๆ ออกจะไม่อนามัยไปสักหน่อยแต่มันรู้สึกดีจนเขาไม่อยากเข้าไปแปรงฟันอีกรอบ ชายหนุ่มตั้งใจว่าวันรุ่งขึ้นเขาจะตื่นแต่เช้าเพื่อมารินไวน์อีกครั้ง เขามีเวลาเรื่อยๆ อีกเกือบทั้งวัน ก่อนจะต้องคืนขวดไวน์ให้กับพนักงานของทางร้านที่จะมารับเมื่อครบยี่สิบสี่ชั่วโมง สงสัยเสร็จแล้วต้องเข้าไปเขียนรีวิวห้าคะแนนห้าดาวเต็มกับไวน์ตัวนี้ในเว็บไซท์ของร้านสักหน่อย มันเป็นการใช้เงินที่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ นี่แสดงให้เห็นว่า แม้แต่นักธุรกิจที่มากประสบการณ์อย่างเขา ก็ยังต้องติดกับกับกลยุทธ์ทางธุรกิจแบบเดียวกับที่ตัวเองใช้มาจนช่ำชองอย่างเต็มใจที่สุด
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 23-08-2015 17:07:06
องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 18 ตอนพิเศษ ร้านขายไวน์ของนายบอส Boss’ Winery

[บอส]

เรื่องมันเริ่มขึ้นมาเมื่อเกือบสองปีก่อน ตอนนั้นบริษัทไอทีที่โป๊ปทำกำลังเติบโตและมีชื่อเสียงขึ้นในวงการอย่างรวดเร็ว จะว่าไปมันก็ดีกับผมด้วยเพราะผมมีหุ้นอยู่ในบริษัทนั้นไม่น้อย ยิ่งกำไรเยอะผมก็ได้ปันผลมาก แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกห่างไกลจากโป๊ปไปนิดๆ

เปล่าหรอกครับ โป๊ปไม่ได้บ้างานจนมีเวลามาขลุกอยู่กับผมน้อยลง แต่มันเป็นความรู้สึกที่ว่าโป๊ปโตขึ้นและไปประสบความสำเร็จในโลกการทำงาน ส่วนผมตั้งแต่เรียนจบมาก็ไม่ได้ทำงานอื่นนอกจากงานขององค์กรซึ่งก็เจริญก้าวหน้าสมความตั้งใจเช่นกัน แต่ผมก็ยังแอบคิดว่า ถึงจะยิ่งใหญ่แค่ไหนแต่มันยังไม่ใช่ธุรกิจจริงๆ ออกจะคล้ายพวกมูลนิธิมากกว่าเพราะไม่ได้แสวงหากำไร เมื่อเทียบกับโป๊ป โป๊ปก็ทำงานองค์กรเหมือนกันกับผมแต่ยังมีธุรกิจที่ประสบความสำเร็จของตัวเองไปพร้อมกันได้ เชื่อเถอะว่าเด็กยุคผมทุกคนก็อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองทั้งนั้น ถ้าผมสามารถสร้างธุรกิจซักตัวให้ไปได้สวย ผมน่าที่จะรู้สึกว่าช่องว่างระหว่างผมและโป๊ปมันลดลงก็ได้

ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องสร้างบริษัทใหญ่โตเหมือนอย่างโป๊ป แต่ก็อาจจะเริ่มต้นจากจุดที่คล้ายๆ กัน โป๊ปรักพวกไอทีถึงได้สร้างบริษัทระบบคอมพิวเตอร์ขึ้นมา ผมก็น่าที่จะเริ่มจากสิ่งที่ผมชอบก่อน แล้วผมชอบอะไรบ้างล่ะ อาหาร ฟุตบอล ไวน์ ผู้ชาย ฮ่าๆๆ ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าจะทำธุรกิจอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ บางทีผมน่าจะคุยกับนักธุรกิจเก่งๆ ดูอาจจะได้ไอเดียอะไรบ้าง

สมาชิกขององค์กรมีคนทำธุรกิจเก่งๆ อยู่หลายคน แต่คนที่ผมคุ้นเคยมากที่สุดก็เห็นจะเป็นหมอพฤกษ์ หมอพฤกษ์เป็นลูกค้ารายใหญ่ขององค์กรเลยก็ว่าได้ คลิปหมวดเอ็มเป็นพันๆ คลิป แกซื้อหมดแถมประมูลทาสหมวดเอสไปแล้วหลายคน บางครั้งมีงานหมวดซีใหญ่ๆ แกก็เป็นสปอนเซอร์ให้ เรียกว่าถ้าองค์กรเป็นบริษัท ต้องเชิญแกมาเป็นผู้ถือหุ้นไปแล้ว

นอกจากนั้น ความที่แกมีคลินิกและโรงพยาบาลเอกชนในเครือหลายแห่ง ทำให้เวลาองค์กรต้องการตรวจสุขภาพหรือรักษาพยาบาลให้กับผู้เสียหายหรือผู้รับโทษเอง แกก็บริการให้อย่างดี ค่าใช้จ่ายก็ไม่ยอมคิดจนผมต้องคืนให้ในรูปของเครดิตไว้ให้แกใช้ในหมวดเอ็มหรือหมวดเอส ซึ่งทีหลังแกก็รวมๆ คืนกลับให้องค์กรเวลาประมูลทาส โดยแกล้งเพิ่มราคาประมูลไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครแข่งด้วยแล้ว จนผมเลิกพยายามที่จะจ่ายค่าใช้บริการต่างๆ ให้กับแก

ผมได้คุยกับแกอยู่หลายครั้งในฐานะผู้บริหารองค์กร หมอพฤกษ์บอกว่าปลื้มกับแนวคิดขององค์กรมากจึงอยากสนับสนุนให้เต็มที่ อีกอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกสนิทใจกับแกเพราะพอพูดคุยไปหลายๆครั้ง ก็รู้เลยว่าระดับความหื่นของแกเยอะพอๆ กับผม แกเล่าว่าคลิปหมวดเอ็มทั้งหมดขององค์ที่แกซื้อไปแก แกดูหมดทุกคลิป แถมบางคลิปก็ดูหลายๆ รอบไม่รู้เบื่อ ยิ่งพอเล่าเรื่องว่าแกทำอะไรกับทาสที่ประมูลไปบ้าง ผมยิ่งยอมรับเลยว่าเจอคู่แข่งด้านความหื่นที่สูสีแล้ว ขนาดผมมีพลังสะกดจิตบางทียังทำไม่ได้ขนาดนั้นเลย ของแบบนี้มันอยู่ที่จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์จริงๆ เราเลยเหมือนจะเป็นเพื่อนต่างวัยกัน หมอพฤกษ์อายุเท่าไหร่ไม่รู้คงเยอะกว่าผมพอสมควรแต่ดูยังหนุ่มอยู่เลย หลังๆ ผมไม่ได้พรางใบหน้ากับแกแล้วซึ่งมีไม่กี่คนเท่านั้นที่ผมจะทำอย่างนี้ด้วย

ผมนำความคิดเรื่องการทำธุรกิจไปหารือกับหมอพฤกษ์ แกแนะนำว่า

“เรื่องความชอบเป็นเรื่องที่สำคัญก็จริงนะบอส แต่ต้องดูจุดแข็งหรือความได้เปรียบที่เรามีด้วย เราต้องหาธุรกิจที่ผสมผสานสิ่งเหล่านั้นเข้าด้วยถึงจะประสบความสำเร็จ ดูตัวอย่างของหมอนะ หมอชอบในเรื่องเรือนร่างและสรีระของเพศชาย หมอมีข้อได้เปรียบกว่าคนทั่วไปตรงที่จบแพทย์มา แล้วก็มีฐานธุรกิจและทุนทรัพย์ของครอบครัว หมอเลยเลือกจับธุรกิจสุขภาพและความงามเฉพาะผู้ชาย จนประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ นี่แหละเป็นผลจากการได้ทำในสิ่งที่ชอบและได้เปรียบ” หมอพฤกษ์แชร์ประสบการณ์ของแกให้ผมฟัง แกชอบแทนตัวเองว่าหมอกับทุกคน

“โห แค่เริ่มก็ยากแล้ว ของที่ผมชอบก็ไม่ต่างจากหมอหรอก แต่จุดแข็งนี่สิไม่เห็นจะมีเลย ไม่นับการสะกดจิตนะ เพราะถ้าผมจะใช้มันจริงๆ ก็ไม่ต้องทำธุรกิจหรอก สะกดให้คนเอาเงินมาให้เลยง่ายกว่า แต่นี่ผมไม่ได้อยากได้เงินนะ แค่อยากจะทำอะไรให้สำเร็จด้วยความสามารถของตัวเองดูบ้าง”

“ของแบบนี้บอสก็ค่อยๆ คิดไป มันไม่ได้คิดออกกันในวันสองวันหรอก แต่เห็นแก่ที่เป็นขาหื่นเหมือนกัน หมอจะเฉลยให้ข้อนึง ในโลกธุรกิจ การมีคอนเน็คชั่นดีๆ ก็ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจนะ อย่าคิดว่าเป็นการหาประโยชน์จากเพื่อน เราต้องหาจุดต่อยอดที่สามารถสร้างโอกาสได้กับทั้งสองฝ่าย ในสังคมระดับสูงเขาก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้น”

“ก็พอเข้าใจอยู่แหละครับ แต่ผมไม่เห็นจะมีเพื่อนฝูงในธุรกิจอะไรเลย”

“อ้าว ก็หมอนี่ไง นายแพทย์นักธุรกิจหนุ่มหล่อไฮโซอยู่ตรงหน้านี่แล้ว หมอพร้อมที่จะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบอสเสมอ แต่เราต้องมีข้อเสนอทางธุรกิจดีๆ ที่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายด้วยนะ”

ปลื้มก็ปลื้มอยู่นะ ที่มีคนเชื่อมั่นในตัวเรา แต่ผมก็ยังนึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะทำอะไร หมอพฤกษ์เห็นท่าทางผมก็บอกว่า

“ใจเย็นๆ มันไม่มีใครคิดได้ตั้งแต่ทีแรกหรอก ลองดูไปก่อน มีอะไรก็ค่อยมาคุยกันใหม่ได้ อีกเคล็ดลับนึงที่อยากจะบอกคือ ขายของให้คนรวยมันสบายกว่าขายให้คนทั่วไปเยอะ พวกนี้เรื่องมากจุกจิกก็จริง แต่ถ้าเราทำคุณภาพให้ยอดเยี่ยมเกินระดับที่เขาคาดหวังได้ ราคาเท่าไหร่ก็ไม่เกี่ยง อย่างโครงการคอมเพล็กซ์สุขภาพสำหรับตลาดบนที่หมอกำลังจะเปิดตัว รับรองต้องตะลึงกับทั้งความหรูหราทั้งราคา” หมอพฤกษ์ทิ้งท้ายไว้

จากนั้นบทสนทนาก็เปลี่ยนไปเป็นหัวข้อที่ผมชอบมากที่สุดเวลาคุยกับหมอพฤกษ์

“โห หมอเคยมีทาสพร้อมกันทีเดียวห้าคนเลยเหรอ ผมเห็นหมอประมูลได้อยู่บ้าง แต่ไม่นึกว่าจะมีเยอะขนาดนั้น คิดว่าประมูลไปแทนทาสที่หมดอายุสัญญาไปซะอีก”

“ก็ตั้งใจอย่างนั้นแหละ แต่ช่วงนั้นเห็นมีล๊อตใหม่เด็ดๆ ก็เอามาไว้ก่อน แล้วล๊อตเก่าก็ยังไม่ทันไป เลยเยอะไปนิด”

“แล้วหมอเคยเอามาทำอะไรเสียวๆ พร้อมกันไหม”

“เอิ่ม ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แค่เห็นมีเยอะๆ เลยลองให้มาว่าวแข่งกัน”

นั่นยังไม่เรียกว่าเอามาทำอะไรเสียวๆ อีกเหรอ สงสัยผมอาจจะต้องยอมแพ้หมอเรื่องความหื่นจริงๆ

“เอามาแข่งกัน แล้วตัดสินตัดสินจากอะไรล่ะครับ ความไกลเหรอ” สงสัยครับ

“ตอนแรกก็กะอย่างงั้นเหมือนกัน แต่ก็นึกเสียดาย เลยให้แตกใส่มือตัวเอง แล้วแข่งกันที่รสชาติ” หมอยิ้มเขินๆ

“นี่อย่าบอกนะว่า...” หมอพยักหน้า โอเค ผมยกตำแหน่งจอมหื่นให้หมอไปเลย

“แล้วผลเป็นยังไงครับ” จอมหื่นอันดับสองอย่างผมก็อดอยากรู้ไม่ได้

“ก็มีสูสีกันสองคน คนนึงหมอไม่ติดใจอะไร เพราะอายุน้อยที่สุดก็ต้องหอมหวานกว่าเป็นธรรมดา แต่อีกคนนี่อายุมากกว่าเพื่อน แต่รสชาติดีเหมือนกัน หมอก็สงสัย ถามไปถามมาบอกว่าชอบกินสับปะรดเป็นประจำเลยสงสัยทำให้น้ำหวาน”

“โหย พูดซะอยากชิมมั่งเลย”

“หมอไม่หวงหรอกนะ แต่เราน่ะไปขอโป๊ปให้ได้ก่อนเถอะ”

หลังจากได้แนวทางจากหมอพฤกษ์มา ผมก็คิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง คิดยังไงก็คิดไม่ออก จนค่ำวันหนึ่งผมอยู่ที่บ้านตัวเอง ไอโป๊ปตามมาค้างด้วยพร้อมรีเควสอาหารที่อยากกิน ผมก็ไม่ขัดความประสงค์ครับ เตรียมของมาหมักไว้ตั้งแต่ตอนเย็น ไอโป๊ปมันอยากกินพอร์คช็อป พอมันกลับมาจากที่ทำงานมาถึง ผมก็เอาพอร์คช็อปที่เตรียมไว้มาย่างให้ด้านนอกพอเกรียมในกระทะ กลิ่นหอมไปทั่วครัว แล้วก็เอาไปเข้าเตาอบต่อให้ค่อยๆ สุกช้าๆ จากนั้นผมก็หันมาทำเครื่องเคียงซึ่งก็มีผักต้มเคล้าเนย มันบด แล้วก็เอาสับปะรดลงย่างในกระทะเดิม พอเอาไปเสิร์ฟ โป๊ปมันถึงกับกลืนน้ำลาย

“กูกินเลยนะ”

“เดี๋ยวเว้ย ผู้ดีเขาต้องแดกกับไวน์ มึงรอก่อน”

แล้วผมก็ไปหยิบไวน์ที่เลือกเตรียมไว้แล้วจากในตู้แช่ ผมชอบจิบไวน์ดีๆ ไปพร้อมกับอาหารอร่อยๆ การเลือกไวน์ให้เข้ากับมื้ออาหารถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมชื่นชอบ แต่ปกติก็ไม่ได้ดื่มจนเมานะครับ มื้อหนึ่งก็แก้วสองแก้ว แล้วก็ไม่ได้ดื่มทุกวันด้วย ผมรินไวน์ใส่แก้วส่งให้ไอโป๊ปแล้วก็รินให้ตัวเองด้วย มันหั่นพอร์คช็อปมากินชิ้นนึง จิบไวน์ตาม แล้วทำหน้ามีความสุขจนน่าหมั่นไส้ ผมก็เริ่มกินเหมือนกัน ฝีมือผมนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ พอร์คช็อปหอมเครื่องเทศออกรสเค็มเข้ากับสับปะรดย่างหวานๆ ได้ดี ผมจิบไวน์ตามแล้วก็มองหน้าหล่อๆ ของไอโป๊ปไปด้วยแล้ว น้ำหวานฉ่ำที่ไหลของสับปะรดออกมาเวลากัดโดนทำให้ผมนึกไปถึงเรื่องที่คุยกับหมอพฤกษ์มาเมื่อวันก่อน ผมมีความคิดดีๆ ปิ๊งขึ้นมาในสมอง

“โป๊ป บริษัทมึงเคยไปรับงานวางระบบฐานข้อมูลการบริหารงานให้พวกโรงเรียนเอกชนบ้างเปล่าวะ”

“เคยทำให้พวกโรงเรียนใหญ่ๆ อยู่สองสามโรง ส่วนใหญ่ลูกค้ากูเป็นพวกบริษัทมากกว่า”

“มึงยังเจาะเข้าระบบได้อยู่เปล่า กูจะขอข้อมูลนิดนึง”

“มึงจะเอาโรงเรียนไหน ไม่เห็นต้องเป็นโรงเรียนที่กูเคยทำระบบไว้ซะหน่อย กูเจาะได้หมดแหละ”

“ดีเลย กูขอข้อมูลประมาณนี้ มึงส่งให้กูเลยนะ”

ผมหยิบกระดาษขึ้นมาเขียนข้อมูลที่ต้องการส่งให้โป๊ป มันอ่านแล้วก็เลิกคิ้ว

“เอาไปทำไมวะ งานขององค์กรเหรอ”

“เอ่อน่า กินต่อเถอะเดี๋ยวเย็นหมด” ผมเติมไวน์ให้มันแล้วคุยเปลี่ยนเรื่อง

หลังจากนั้นสองสามวันผมก็ได้ข้อมูลทั้งหมดที่ขอจากไอโป๊ป เพื่อนผมนี่สุดยอดจริงๆ ผมหาข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ จากในเน็ตแล้วก็ลงพื้นที่เองด้วย ใช้เวลาอยู่เกือบเดือน ผมก็มั่นใจว่าไอเดียธุรกิจใหม่ของผมน่าจะไปได้ ผมเอาประสบการณ์ในการทำงานกับองค์กรมาใช้คิดแผนงานในการบริหารธุรกิจนี้จนพร้อมแล้วจึงนัดหมอพฤกษ์คุย

“ไหน มีอะไรมาให้หมอช่วยดูให้” หมอพฤกษ์ยกย่องให้เกียรติผมมากในฐานะผู้ก่อตั้งองค์กร แต่ในเรื่องธุรกิจผมยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลยต้องให้แกช่วย

“ผมมีโครงการจะมาเสนอครับ ถ้าหมอสนใจจริงๆ ผมก็อยากได้คุณหมอมาเป็นพันธมิตรธุรกิจด้วย แต่ถ้าไม่สนใจก็ไม่เป็นไรครับ ที่สำคัญ ผมไม่อยากให้ตัดสินจากความที่เราถูกอัธยาศัยกัน แต่ขอให้ดูจากโอกาสทางธุรกิจจริงๆ”

หมอพฤกษ์พยักหน้าเป็นทีท่าตกลง

“หมอจบหมอมาใช่ไหมครับ แถมเชี่ยวชาญเรื่องผู้ชายอีก หมอบอกได้ไหมครับว่าน้ำของผู้ชายวัยไหนน่าจะรสชาติดีสุด”

“ก็ต้องเด็กรุ่นๆ สิ ซักสิบห้าขึ้นไปน้ำกำลังหอมหวาน ถ้าเด็กกว่านั้นน้ำอาจจะยังใสไป ถ้าแก่กว่านั้นไปหลายๆ ปีน้ำจะเริ่มคาว” หมอพฤกษ์ตอบยิ้มๆ

“แล้วถ้ามีเด็กสิบห้าสิบหกสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์เลือกกินแต่อาหารดีๆ มีประโยชน์ หมอว่าน้ำเขาน่าจะหอมอร่อยกว่าปกติไหมครับ”

“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ แต่เรื่องกลิ่นคงขึ้นอยู่กับว่าเขาชอบกินอะไรด้วย อาหารบางอย่างมันก็กลิ่นแรง”

“แล้วถ้าเด็กกลุ่มนั้นเขากินแต่พวกอาหารออร์แกนิกแล้วหลีกเลี่ยงพวกเนื้อสัตว์หรือเครื่องเทศที่กลิ่นรสแรง อย่างเนื้อสัตว์ใหญ่ พริก กระเทียม ของหมักดอง น้ำชา กาแฟ แล้วก็ระวังพวกเครื่องปรุงรสหรืออะไรที่มีสารเคมีเจือปนล่ะครับ”

“ก็น่าจะได้กลิ่นที่เป็นธรรมชาติของเด็กมากขึ้นนะ”

“แล้วถ้าน้องๆ พวกนั้น นอกจากระวังเรื่องอาหารการกินที่ทำให้กลิ่นรสของน้ำเสียไปแล้ว ยังเน้นทานของที่ทำให้น้ำหอมหวานอย่างพวกสับปะรด แอปเปิ้ล ธัญพืช และสมุนไพรหอมๆ อย่างพวกใบมินท์ละครับ”

“มันคงจะเยี่ยมมากเลย” หมอตอบตาเชื่อม

“แล้วถ้าน้องๆ เขาปฏิบัติตัวอย่างนี้เป็นหลายๆ เดือนจนกระทั่งเหงื่อยังหอมเลยล่ะครับ”

“...” หมอนิ่งเหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกนึงแล้ว

“แล้วน้องๆ ทุกคนมีหน้าตารูปร่างดี ทั้งหล่อทั้งน่ารัก ผิวพรรณดี พูดจาสุภาพเรียบร้อย ในตัวเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำหอมหวานที่มีจากการหมักบ่มมาเป็นหลายๆ เดือนตามที่ผมว่า แถมน้องๆ ยังไม่ได้ปลดปล่อยมาเป็นเดือน อยู่ในชุดที่หมอชอบ อาจจะเป็นชุดนักเรียน ชุดร.ด. หรือชุดลูกเสือ หรือชุดหล่อเนี้ยบอื่นแล้วแต่คุณหมอจะเลือก พร้อมที่จะมาให้หมอดูดชิมลิ้มรสน้ำหวานที่อัดแน่นอยู่เต็มเปี่ยม เหมือนน้องเขาเป็นไวน์ที่หมักบ่มมาจนได้ที่พร้อมที่จะเสิร์ฟให้กับคุณหมอผู้ต้องการแต่สิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น”

หมอพฤกษ์ฟังอย่างเคลิบเคลิ้มราวกับถูกสะกดจิต เปล่านะ ผมไม่ได้ใช้พลังซักนิด หมอเขาจินตนาการตามจนเห็นภาพเอง

“น้องๆ มาทำด้วยความเต็มใจ ไม่มีการบังคับไม่ว่าจะทางใด แล้วพอคุณหมอเลือกอุดหนุนไวน์อันสุดยอดที่น้องเค้าผลิตขึ้นน้องๆ จะได้รับค่าตอบแทนจากความเหนื่อยยากจากการเตรียมตัวหลายเดือนนี้ไป อาจจะเอาไปจ่ายค่าเทอม เอาไปช่วยใช้ลดภาระให้คุณพ่อคุณแม่ คุณหมอช่วยทำให้ชีวิตน้องเขาดีขึ้น”

หมอพฤกษ์พยักหน้าเบาๆ อย่างคล้อยตาม

“แล้วมีแต่บุคคลระดับสูงอย่างคุณหมอเท่านั้นที่ได้รับการคัดเลือกให้สามารถเป็นเจ้าของไวน์หรูเหล่านี้ได้ ความเลิศรสล้ำค่าสำหรับคนพิเศษในโอกาสพิเศษจริงๆ ไวน์ที่ผลิตได้ทีละไม่กี่ขวดเพราะเราคัดสรรเฉพาะวัตถุดิบคุณภาพจริงๆ ว่าไงครับ คุณหมอจะจ่ายค่าไวน์ที่ต้องใช้เวลาและความทุ่มเทขนาดนี้เท่าไหร่ดี”

“เท่าไหร่ก็ยอมจ่าย” หมอพึมพำเหมือนละเมอ

“งั้นผมถือโอกาสสรุปว่าหมอสนใจโครงการนี้นะครับ เดี๋ยวผมจะให้ดูรายละเอียดของน้องๆ ไวน์บอยที่ผมไปทาบทามมาร่วมโครงการของเรานะครับ”

“ไวน์บอย” หมอทวนศัพท์ใหม่ที่เพิ่งเคยได้ยิน

“หมายถึงเด็กๆ ที่จะมาเข้าคอร์สควบคุมอาหารและการปฏิบัติตนเพื่อให้น้ำของน้องๆ มีกลิ่นรสที่สุดยอดไงครับ ผมประมาณการว่าต้องใช้เวลาสามถึงสี่เดือนเลยทีเดียว นี่ผมไปคัดเด็กๆ จากโรงเรียนเอกชนหลายๆ แห่งในกรุงเทพ น้องๆ เหล่านี้รูปร่างหน้าตาดี ความประพฤติดี ตั้งใจเรียน แต่มีปัญหาบางอย่างที่ทำให้ต้องค้างค่าเทอม ผมให้เบอร์หนึ่งช่วยดึงข้อมูลประวัติและรูปถ่ายของนักเรียนที่ค้างค่าเล่าเรียนอยู่ มาไล่ดูจนตาแฉะเลยครับ แล้วลองคัดที่เจ๋งๆ มาสามสี่คนก่อน ผมได้ไปดูตัวและพูดคุยมาหมดแล้ว อยากให้หมอได้เจอตัวจริงจังครับ น่ารักใสๆ จนแสบตาเลย”

“แล้วน้องๆ สนใจกันไหม” หมอกลืนน้ำลายแล้วถามอย่างคาดหวัง

“ทุกคนสนใจครับ ผมให้รายละเอียดไปแล้วว่าน้องจะได้รับการดูแลอย่างดีระหว่างที่มาเก็บตัวเพื่อบ่มไวน์ให้หอมล้ำ และไม่มีการขายตัวเด็ดขาด เราจะคัดลูกค้าอย่างดีว่าเป็นคนที่ไว้ใจได้ และน้องๆ จะได้รับการปฏิบัติอย่างให้เกียรติ ไม่มีการล่วงเกินใดๆ นอกจากการถ่ายรูป การสัมผัสภายนอก และการดื่มไวน์จากตัวน้อง ซึ่งทุกอย่างจะเก็บเป็นความลับ ทั้งหมดนี้น้องๆ รับได้ครับ จริงๆ บางคนถึงขั้นสิ้นหวังจะไปขายตัวจริงๆ อยู่แล้ว ซึ่งก็คงได้เงินไม่ถึงเสี้ยวของที่จะได้จากโครงการของเรา”

“แล้วจะให้หมอร่วมธุรกิจนี้ยังไง” หมอดูตื่นเต้นมาก

“ผมจะเป็นคนไปคัดสรรไวน์บอยที่ดีที่สุดมาให้ครับ แล้วก็ดูแลด้านการจัดทำหน่ายไวน์ เพราะผมมีฐานข้อมูลขององค์กรกับความสามารถในการเจาะข้อมูลของโป๊ปอยู่ ส่วนหมอก็ช่วยดูแลเรื่องที่อยู่ อาหารการกิน และการปฏิบัติตัวระหว่างที่น้องๆ เก็บตัวบ่มไวน์ เพราะหมอชำนาญด้านสุขภาพอยู่แล้ว”

“เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกนะ แต่หมอต้องมารับผิดชอบเด็กๆ เป็นหลายๆ เดือนนี่สิ”

“ลองดูรูปน้องๆ ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้ ผมว่าบางคนหล่อกว่าคลิปดาราหมวดเอ็มที่หมอซื้อไปอีกนะครับ และรับรองว่าเป็นเด็กดีทุกคน ไม่ได้นิสัยแย่เหมือนพวกในหมวดเอ็มหรอกครับ” ผมส่งรูปน้องๆ ที่ไปทาบทามมาแล้วให้หมอ แกอึ้งไปอึดใจเลยทีเดียว บอกแล้วว่าคัดมาแบบสุดๆ

“กะ ก็ได้ นี่หมออยากจะช่วยเหลือน้องๆ เขาหรอกนะ ส่วนตัวธุรกิจที่บอสว่ามาก็น่าจะพอใช้ได้ แต่ความเสี่ยงก็สูงอยู่ว่าลูกค้าจะยอมจ่ายหรือเปล่า” หมอพฤกษ์ตอบอย่างไว้เชิง

“ไม่ต้องห่วงครับ” ผมมั่นใจมากในเรื่องการขาย

“เพื่อช่วยสนับสนุนธุรกิจของบอส ยังไงน้องๆ ชุดนี้หมอจะช่วยรับเป็นลูกค้าไว้เลยนะ เดี๋ยวขายไม่ได้ตั้งแต่ชุดแรก บอสจะเสียกำลังใจ” หมอพฤกษ์พูดอ้อมแอ้ม

“ไม่ต้องก็ได้นะครับ น้องตั้งหลายคน ผมกะจะตั้งราคาสูงซะด้วยสิ เดี๋ยวเป็นภาระคุณหมอ ยังไงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนี้ ผมจะให้โป๊ปช่วยวิเคราะห์จากฐานข้อมูล น่าจะเจาะไปยังคนที่ยินดีจ่ายของที่พิเศษขนาดนี้ได้” ผมโม้ไปก่อนครับ จริงๆ ยังไม่กล้าบอกโป๊ปเรื่องนี้เลย เอาไว้ใกล้เสร็จแล้วค่อยบอก ไม่งั้นสังหรณ์ใจว่ามันจะให้เลิกยังไงไม่รู้

“มะ ไม่เป็นไร เท่าไหร่ก็ไหว หมออยากช่วย เอาเป็นว่าหมอจองไว้เลยแล้วกัน” เสร็จโจร ล๊อตแรกปิดการขายได้แล้ว
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 23-08-2015 17:10:01

หลังตกลงธุรกิจกันได้ ผมก็พาน้องๆ ไวน์บอยชุดแรกมาเก็บตัวที่คอมเพล็กสุขภาพแห่งใหม่ของหมอพฤกษ์ ที่นี่เพิ่งสร้างเสร็จ แต่ยังไม่เปิดให้บริการ อยู่ระหว่างตกแต่งเก็บรายละเอียด แล้วก็รอติดตั้งอุปกรณ์ฟิตเนสและอุปกรณ์ทางการแพทย์บางส่วน แต่ในส่วนที่จะจัดให้เป็นที่พักของน้องๆ ก็พร้อมใช้งานแล้ว หมอพฤกษ์ดูทุ่มเทกับงานนี้มากจนผมว่าเกินกว่าจะแค่อยากช่วยผมแล้ว ทั้งศึกษาค้นคว้าโปรแกรมอาหาร การออกกำลังกาย และการปฏิบัติตัวที่จะทำให้ได้คุณภาพของน้ำที่ดีที่สุด น้องๆ ต้องกินอาหารตามที่จัดไว้ให้ทุกมื้อ และห้ามช่วยตัวเองเด็ดขาดยกเว้นจะหลั่งออกมาเองตอนนอนหลับ ดูไปก็คล้ายนักบวชฝึกหัด ผมแอบช่วยเหลือนิดหน่อยโดยการสะกดจิตอ่อนๆ ให้น้องๆ ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะเด็กวัยนี้ก็อาจจะทนไม่ไหวแอบไปทานของที่ชอบหรือแอบไปเอาน้ำออกตอนที่โรงเรียนก็ได้

 ผมกับหมอพฤกษ์ช่วยดูแลโครงการนี้อย่างจริงจังจนใกล้จะเก็บผลผลิตจากน้องๆ ไวน์บอยชุดแรกได้แล้ว ช่วงนั้นเองที่ไอโป๊ปรู้เรื่องนี้จนได้ สงสัยอาจจะรู้จากที่ผมหลุดคุยเรื่องนี้ทางไลน์กับหมอพฤกษ์ ไอนี่มันชอบแฮ๊กเข้ามาดูไลน์ผมเรื่อยๆ มันมาคาดคั้นจนรู้รายละเอียดทั้งหมด ด้วยท่าทางดูโกรธๆ จนเกินเหตุ ผมไม่เข้าใจว่ามันกลัวผมจะขาดทุนหรืออะไร จริงๆ ก็ใช้เงินไม่เยอะนะเพราะหมอพฤกษ์ก็ช่วยสนับสนุนให้ตั้งหลายเรื่อง ผมอยากเอาใจมันเลยชวนมันไปชิมไวน์ที่เพิ่งบ่มเสร็จพร้อมจำหน่ายด้วยกัน ตอนแรกมันเหมือนไม่อยากไปแต่ก็เปลี่ยนใจทีหลังพอผมบอกว่าจะไปคนเดียว

ไวน์ขวดที่หมอพฤกษ์เตรียมไว้ให้หล่อใสมากๆ น้องไวน์บอยเป็นนักเรียนมอสี่โรงเรียนกางเกงน้ำเงินชื่อดัง เมื่อปีที่แล้วธุรกิจที่บ้านถูกโกงเลยไม่มีเงินมาจ่ายค่าเล่าเรียน ตอนที่ผมไปเจอน้องคิดจะไปขายตัวอยู่แล้วแลกกับเงินแค่หมื่นเดียว โชคดีที่ผมติดต่อเข้าไปก่อน น้องเป็นคนแรกที่เข้าโปรแกรมบ่มอย่างสมบูรณ์จนครบกำหนดเวลาเก็บเกี่ยว รวมแล้วก็สี่เดือนพอดี สูตรหมักไวน์ของน้องเขาจะเสริมด้วยผลไม้ต่างๆ โดยเน้นที่สับปะรดเป็นพิเศษ ทีมงานของหมอพฤกษ์รายงานว่า น้องเป็นเด็กดีตั้งใจทำตามโปรแกรมทุกอย่างน่าจะให้รสชาติสมบูรณ์ที่สุด วันนี้หมอพฤกษ์เลยนัดผมมาชิมไวน์ที่พัฒนาจนสมบูรณ์ขวดแรกก่อนจะเริ่มจำหน่ายจริง

หมอพฤกษ์ให้น้องแต่งตัวด้วยชุดนักเรียนปกติด้วยรู้ใจว่าผมชอบ น้องรออยู่ด้วยท่าทางร่าเริงบอกว่าดีใจที่จะรู้ว่าสิ่งที่ตั้งใจทำตลอดมาได้ผลแค่ไหน น้องดูสดใสมีออร่ามากเมื่อเทียบกับตอนที่เจอผมครั้งแรกจากการกินอาหารที่ดีมีคุณภาพ ในห้องชิมไวน์มีแค่น้องไวน์บอย หมอพฤกษ์ แล้วก็โป๊ปกับผม ผมเริ่มการชิมไวน์โดยขออนุญาตน้องเขาก่อน นี่เป็นธรรมเนียมของพิธีการดื่มไวน์ประเภทใหม่นี้ที่ผมกับหมอพฤกษ์ตั้งขึ้น ผู้ดื่มจะต้องแสดงการยอมรับในคุณค่าของไวน์ขวดนั้นๆ โดยการให้เกียรติกัน

“พี่ขออนุญาตแกะห่อไวน์ออกก่อนนะครับ”

น้องตอบตกลงด้วยเสียงสั่นนิดๆ ท่าทางจะตื่นเต้นพอสมควร ผมค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อนักเรียนสีขาวของน้องแล้วถอดออกจนหมด น้องขาวใสไปทุกตารางนิ้วจริงๆ หัวนมสีชมพูดูสุขภาพดี  มีกล้ามเนื้อขึ้นเล็กๆ พอดูดี จากนั้นผมก็ถอดเข็มขัดออก ปลดกางเกงสีน้ำเงินลง น้องตื่นเต้นจนเหงื่อออกนิดๆ แทนที่จะได้กลิ่นตัวแบบเด็กวัยรุ่นทั่วไป ผมกลับได้กลิ่นผลไม้หอมกรุ่นโชยมาจากตัวน้องแทน ผมรีบถอดกางเกงในสีขาวสะอาดตาของไวน์บอยรูปหล่อออก  จุกคอร์กของน้องดีดตัวออกมาจากกางเกงทันที มันพุ่งชูชันราวกับชวนให้รีบเข้ามาดื่ม ท่อนลำขาวออกน้ำตาลนิดๆ แล้วค่อยๆ ไล่สีเป็นชมพูหวานใสตรงส่วนหัว เส้นไหมตรงส่วนฐานมีไม่เยอะนักแถมดูนุ่มมือมาก ผมมองพวงไข่สีชมพูซึ่งคงอัดแน่นไปด้วยน้ำไวน์เลิศรสอยู่ในนั้น วิธีที่ดีที่สุดในการดื่มไวน์ประเภทนี้คงไม่พ้นการดื่มจากจุกคอร์กโดยตรง ผมหันไปมองหน้าไอโป๊ปที่จ้องมาตาเขม็ง ไวน์ที่บ่มเสร็จแล้วมีขวดเดียว ไหนๆ ชวนมันมาแล้วคงต้องแบ่งให้มันชิมบ้าง มันเป็นไบ เจอไวน์บอยน่ารักขนาดนี้คงอยากอยู่เหมือนกัน

“เดี๋ยวแบ่งกันชิม มึงเอาก่อนก็แล้วกัน ต้องดูดจากจุกคอร์กอันเดียวกันเผื่อมึงรังเกียจ แล้วเดี๋ยวกูค่อยดูดทีหลังจากมึง กูไม่ถือ” ผมเสียสละให้มันดูดก่อนครับ ไม่ได้รังเกียจน้ำลายมันหรอก เพื่อนกัน

“ไม่เอาหรอกกูดูดไม่เป็น มึงดื่มไปก่อนเลยเดี๋ยวกูค่อยแบ่งชิม”

ผมรีบตกลงอย่างยินดี ผมอดใจไม่ไหวแล้วที่จะชิมผลพวงจากความพยายามในการปลุกปั้นธุรกิจใหม่ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา มันเหมือนวินาทีตัดสินเลย ถ้ามันรสชาติไม่สุดยอดจริงๆ ธุรกิจของผมคงไปต่อไม่ได้

ผมเอามือกำจุกคอร์กขนาดกำลังพอดีของน้อง ถ้าใหญ่กว่านี้อาจจะคับปากจนดื่มลำบาก ถ้าเล็กกว่านี้อาจจะดูจุ๋มจิ๋มน่ารักเกินไป เส้นไหมของน้องนุ่มมือมากอย่างที่คิด ผมค่อยๆ รูดท่อนลำอุ่นมือไปเรื่อยๆ จนหมอพฤกษ์ต้องเตือน

“น้องเขาเก็บมาเป็นเดือนแล้ว ไวน์น่าจะไหลออกมาง่ายมาก ระวังไวน์หกนะ รีบเอาปากครอบเลยสิ”

ผมรีบเอาปากครอบตามคำแนะนำ ท่อนลำสวยงามนี่เต็มปากผมพอดี น้องสะดุ้งเฮือกหลับตามพริ้ม ผมเป็นพวกไม่ค่อยชอบให้คนอื่นสัมผัสตัวก็จริงแต่ถ้าผมเป็นคนไปสัมผัสเองจะค่อนข้างโอเค จุกคอร์กเอ็นเนื้อเต้นตุบๆ อยู่ในปากผม ยังไม่ทันที่ผมจะเริ่มห่อปาก น้ำไวน์ที่อัดแน่นของน้องก็ทะลักล้นออกมา มันหอมหวานไม่มีกลิ่นคาวแม้แต่น้อย ไม่ได้หวานแหลมเหมือนน้ำผลไม้หรือเข้มข้นเหมือนไวน์ แต่มันเป็นรสสัมผัสที่ซับซ้อนละเอียดอ่อนยิ่งกว่านั้น ถ้าจะเปรียบเทียบให้ใกล้เคียงที่สุดก็คงต้องบอกว่า หวานละมุนเหมือนน้ำมะพร้าวอ่อน หอมกรุ่นเหมือนผลไม้ ข้นมันเหมือนนมสด องค์ประกอบอื่นๆ ในการดื่มไวน์ขวดนี้ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาที่แสนจะหล่อน่ารักของเจ้าของไวน์ ผิวเยาว์วัยเนียนใสลื่นมือ ไรขนนุ่มละไม ไปจนถึงท่อนลำขาวใสอมชมพู ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดประสบการณ์ที่สุดยอดอย่างที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน

ผมดูดแท่งเนื้อที่อ่อนตัวลงนิดหน่อยจนรีดเค้นน้ำไวน์หอมหวานที่ค้างอยู่ออกมาได้ทุกหยาดหยดแล้วค่อยๆ ถอนปากออก น้องไวน์บอยยังหลับตาอยู่ หายใจหอบนิดๆ ผิวกลายเป็นสีแดงระเรื่อทั่วตัว ผมหันไปทางโป๊ปแล้วบอกว่า

“รอให้น้องพักซักนิดเดี๋ยวมึงก็ดื่มต่อได้ ขั้นตอนก็ตามที่กูทำให้ดูนั่นแหละ”

“กูไม่ถนัด เดี๋ยวกูชิมๆ เอาจากมึงก็พอ”

ว่าแล้วโป๊ปก็เอาปากมาประกบที่ปากผมโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ลิ้นของมันตวัดเกี่ยวไปทั่วช่องปากของผมเหมือนจะดูดกลืนไวน์เลิศรสที่ยังค้างอยู่ รสชาติและความหอมกรุ่นของไวน์ที่ค้างอยู่ในปากผสมกับความร้อนแรงจาบจ้วงของริมฝีปากและ ลิ้นที่แข็งแรงแคล่วคล่องของโป๊ปทำให้ผมเหมือนกับมีดอกไม้ไฟปะทุขึ้นในหัว นี่มันรู้สึกดีเกินไป มากเกินไปจริงๆ มันทำให้รสสัมผัสของไวน์เพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัวเลยทีเดียว แม้กระทั่งเมื่อกลิ่นและรสชาติของไวน์ค่อยๆ จางไปจนหมด โป๊ปยังคงอ้อยอิ่งไม่ถอนปากออกจากผม น่าแปลกที่ความรู้สึกหอมหวานยังไม่ไปไหน ผมตกอยู่ในภวังค์ครู่ใหญ่แล้วจึงค่อยๆ ผลักโป๊ปออกอย่างอ่อนแรงเมื่อรู้สึกว่าตัวเองจะระเบิดออกมาด้วยอารมณ์ประหลาดที่ล้นอยู่ในอก

โป๊ปยิ้มแปลกๆ ให้กับผม ตาเป็นประกายแล้ววิจารณ์ว่า

“หอมหวานมาก ยิ่งชิมยิ่งหวาน ยิ่งนานยิ่งหอม”

ผมก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน แสดงว่าไวน์ที่ผมร่วมเพาะบ่มมา มันหอมหวานเข้มข้นมากจนพอเจือจางในปากผมกับโป๊ป ก็ยิ่งแสดงความหอมความหวานออกมาได้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อความแน่ใจ ผมเลยขอลองอีกทีด้วยวิธีเดิม ซึ่งโป๊ปก็ไม่ปฏิเสธ มีแต่หมอพฤกษ์ที่หัวเราะชอบใจอะไรไม่รู้

เมื่อทดสอบจนพอใจแล้ว ผมตกลงกับหมอพฤกษ์ที่จะเริ่มจำหน่ายไวน์กันจริงๆ เสียที ตอนนี้เรามีไวน์ที่จะพร้อมส่งอยู่สามคนแล้ว ไวน์บอยที่อยู่ระหว่างการบ่มให้ครบสี่เดือนก็มีอีกหลายคน เมื่อเราขายไวน์ได้ครั้งหนึ่งต้องเอากลับมาบ่มใหม่อีกหนึ่งเดือนถึงจะพร้อมขายได้อีกครั้ง ราคาที่ตั้งไว้ก็สูงลิบให้สมกับเป็นของพรีเมี่ยม ผมตกลงส่วนแบ่งกับหมอพฤกษ์ว่า จะแบ่งกันที่ 25:25:50 ผมกับหมอได้คนละยี่สิบห้าเปอร์เช็นต์ ส่วนน้องไวน์บอยจะได้ห้าสิบเปอร์เซ็นที่เหลือ และถ้าผมหรือหมอพฤกษ์จะซื้อไวน์ไปดื่มเอง เราจะจ่ายแค่ส่วนห้าสิบเปอร์เซ็นต์ให้ไวน์บอยเท่านั้น

ที่จริงสัดส่วนนี้หมอพฤกษ์น่าจะขาดทุนด้วยซ้ำเพราะต้องเป็นคนดูแลที่พักและความเป็นอยู่ของไวน์บอย ไหนจะค่าอาหารออร์แกนิคปรุงพิเศษทุกมื้ออีก แต่หมอบอกว่าสถานที่ก็ใช้ของคอมเพล็กซ์สุขภาพแห่งใหม่ซึ่งมีอยู่แล้วไม่ได้ต้องลงทุนเพิ่มอะไร อาหารก็เสียแค่ค่าวัตถุดิบเพิ่มนิดหน่อยแล้วให้พ่อครัวของคอมเพล็กซ์ทำให้ หมอสอนว่านี่แหละคือการต่อยอดทางธุรกิจ อีกอย่างแกอยากให้ไวน์บอยได้ส่วนแบ่งเยอะหน่อยเพราะต้องอดทนในหลายๆ เรื่องเป็นเวลาหลายเดือนกว่าจะบ่มไวน์จนได้ที่ หลังจากนั้นก็ขายได้แค่คนละครั้งต่อเดือนเป็นอย่างมาก หมอพฤกษ์สรุปว่าจะรับส่วนแบ่งแค่นี้แลกกับการให้ไวน์บอยไปช่วยงานในฟิตเนสบ้างบางวันแล้วก็ขอเป็นคนตรวจคุณภาพไวน์เอง

ผมเปิดร้านขายไวน์ทางออนไลน์และก็เชิญคนที่เข้าข่ายจะเป็นลูกค้ามาเป็นสมาชิกโดยความช่วยเหลือของโป๊ป พอผมไม่ต้องปิดบังมันเรื่องนี้แล้วผมก็ใช้งานมันได้อย่างเต็มที่ มันไม่ได้ต่อต้านอย่างที่คิดไว้ทีแรก การดื่มไวน์ประเภทใหม่ที่ผมคิดขึ้นนี้ มันก้ำกึ่งกับเรื่องเซ็กซ์อยู่ไม่น้อย ปกติมันจะหาเรื่องสารพัดไม่ให้ผมหมกมุ่นกับเรื่องแบบนี้เกินไป แต่คราวนี้มันบอกว่าถ้าผมอยากดื่มก็ดื่มได้แต่มันต้องอยู่ควบคุมทุกครั้งเพื่อคอยดูไม่ให้ผมติด ไวน์เป็นของซื้อของขาย ถ้าคนขายเสพติดของตัวเองคงเจ๊งกันหมดแน่

สรุปว่า มันจะคอยช่วยธุรกิจนี้ของผมอย่างเต็มที่ แต่ผมต้องแบ่งไวน์ให้มันชิมด้วยทุกครั้งที่ผมซื้อไวน์มาดื่มเอง มันจะช่วยแชร์ค่าไวน์ด้วย แล้วทำไมผมจะไม่ตกลงล่ะครับ ได้คนเก่งๆ มาช่วยงานฟรีๆ แถมมาช่วยออกค่าไวน์ด้วย ไวน์นั้นผมก็แทบจะได้ดื่มคนเดียว มันขอแบ่งแค่ที่ค้างๆ อยู่ในปากผมแค่นั้น กำไรสุดๆ

ความคิดใหม่แวบเข้ามาในหัว แต่ทำไมต้องดื่มต่อจากปากผมด้วยล่ะ ครั้งแรกยังพอว่า แต่ครั้งต่อๆ ไปมันก็น่าจะหัดดื่มเองจากจุกคอร์กไปเลยสิ หรือมันจะคิดอะไรกับผม ไม่น่านะ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ถ้ามันจะชอบผมจริง ก็คงบอกไปนานแล้ว หรือไม่ก็คงหลุดแสดงอาการอะไรออกมาบ้าง แต่ที่มันทำกับผมไม่เห็นเหมือนคนที่อยากจะเป็นแฟนกันเลย มีแต่ชอบดุ คำพูดหวานๆ ก็ไม่มี แถมทำตัวอย่างกับเป็นพ่อผม จุกจิกจู้จี้ไปหมด ไอ้โน่นทำยัง ไอนี่ดีกับมึงนะ ห้ามทำไอนั่นนะ สารพัด

ผมเลยถามมันไปตรงๆ

“ไม่หัดดื่มเองดูเหรอ”

“ไม่ล่ะ กูสะดวกแบบนี้มากกว่า มึงจะกินอีกทีเมื่อไหร่ กูว่ากูอยากลองชิมดูอีกทีแล้ว”

ก็ตามใจแล้วกัน แต่ผมแปลกใจนิดๆ ที่ขนาดคนนิ่งๆ อย่างโป๊ปมันยังดูชื่นชอบไวน์ผมขนาดนี้ แสดงว่าธุรกิจผมต้องไปได้ดีแน่ๆ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 23-08-2015 17:19:18
[Outro]


หนุ่มนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ถอนหายใจ วันนี้เป็นวันเกิดเขา จริงๆ เขามีแผนที่จะกลับไปฉลองวันเกิดกับครอบครัวที่อยู่ภูเก็ต ซึ่งนับเป็นเรื่องดีที่สุดแล้วสำหรับนักธุรกิจหนุ่มโสดที่มีธุระยุ่งอย่างเขา แต่ก็มีงานด่วนติดพันเข้ามาซะก่อน ทำให้คืนนี้เขาต้องฉลองวันเกิดอยู่เพียงลำพัง เขาคิดถึงพ่อแม่แล้วก็หลานๆ แต่ดูคงต้องอีกสองวันถึงจะบินไปได้ แล้วเขาก็นึกอะไรออก ถ้ามีไวน์ดีๆ สักขวด คืนนี้คงจะกลายเป็นคืนพิเศษขึ้นได้ไม่ยากอะไร เขาเปิดเว็บไซต์ร้านขายไวน์ร้านโปรด “Boss’ Winery” เพื่อเข้าไปเลือกดูไวน์ขวดต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่น่าสนใจ เขามองไปที่ไวน์ขวดนึงที่ดูคุ้นเคย มันเป็นไวน์ขวดเดิมกับที่เขาเคยสั่งมาฉลองความสำเร็จในการเปิดตัวคอนโดแห่งใหม่ เมื่อหลายเดือนก่อน

หนุ่มนักธุรกิจยังจำได้ถึงรสชาติหอมหวาน และรูปร่างหน้าตาหล่อปนน่ารักของไวน์บอยวัยมัธยมคนนั้นได้ดี เขาลองคลิกไปดูรายละเอียด แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า ไวน์ขวดนี้ขึ้นสถานะเป็น Last Harvest ซึ่งแสดงว่าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ที่ร้านจะนำไวน์บอยคนนี้ออกมาจำหน่าย เขามองไวน์ขวดนี้อย่างชั่งใจ เขาไม่เคยสั่งซื้อไวน์ขวดเดิมซ้ำ ถือว่าได้เคยลิ้มรสมาแล้ว สู้เก็บเงินไปชิมไวน์ ใหม่ๆ ที่น่าดื่มอีกไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ดีกว่า แต่เขาก็รู้สึกใจหายอย่างประหลาด เมื่อคิดว่าจะไม่ได้มีโอกาสเจอไวน์บอยคนนี้อีกต่อไป

ยังไม่ทันที่จะคิดทบทวนอะไร ชายหนุ่มก็กดใบสั่งซื้อไวน์ขวดนี้ทันที หีบห่อที่เหมาะสมที่สุดสำหรับไวน์ขวดนี้ คงไม่ผลชุดนักเรียนกางเกงน้ำเงินของตัวเด็กหนุ่มเอง หลังจากนั้นอีกไม่ถึงสองชั่วโมง พนักงานก็นำไวน์มาส่งถึงประตูห้องของเขา เขายื่นทิปก้อนโตให้เหมือนเคยแล้วก็จูงมือไวน์บอยรูปหล่อเข้ามาในห้อง เด็กหนุ่มมอปลายทักทายเขาอย่างดีใจ

“อ้าว พี่หล่อเข้มจริงๆ ด้วย ผมว่าแล้วว่าคอนโดนี้มันคุ้นๆ กำลังภาวนาให้เป็นพี่อยู่เลย”

“น้องจำพี่ได้ด้วยเหรอ” หนุ่มนักธุรกิจถาม พยายามกลั้นยิ้มที่เกิดจากความดีใจที่น้องจำเขาได้

“จำได้สิครับ ก็พี่เป็นคนแรกที่สั่งซื้อผมมานี่ครับ พี่ทำให้ประสบการณ์แรกของผมเป็นเรื่องที่น่าจดจำ”

“จริงดิ พี่นึกว่าเราจะไม่พอใจซะอีกที่พี่รีดไวน์จากเราไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบเหมือนคนตะกละเลย ถ้าเราโอเคก็ดี แล้วนี่เราจะเลิกแล้วเหรอ เหมือนทำได้ไม่กี่เดือนเองนะ” หนุ่มอายุมากกว่ารู้สึกอาวรณ์แปลกๆ

“อ๋อครับ พอดีทุนการศึกษาที่ผมยื่นไปเขาตอบรับมาพอดี ผมคงไม่ต้องมาทำงานแบบนี้อีกแล้ว จริงๆ ค่าเทอมโรงเรียนผมก็ไม่ได้ถึงกับแพงมาก แต่ก่อนหน้านี้ ไม่อยากรบกวนบ้านลุง บ้านนั้นเขาไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่ เงินที่ผมสะสมไว้จากการทำงานนี้ น่าจะพอเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวไปถึงตอนผมเรียนปริญญาตรีได้เลยครับ ค่าเล่าเรียนก็จะพยายามสอบทุนเอา ถ้าไม่ได้จริงๆ ผมก็จะยืมเงิน กยศ ”

“แล้วงานนี้มันลำบากมากขนาดนั้นเลยเหรอ เลยไม่อยากทำต่อ”

“ก็ไม่หรอกครับ ที่จริงมาทำงานนี้ ได้รับการดูแลดีมากๆ เลย สบายกว่าอยู่บ้านลุงตั้งเยอะ เพื่อนๆ ที่ทำด้วยกันก็นิสัยดี แต่ผมก็ยังรู้สึกไม่สนิทใจอย่างไรก็ไม่รู้ ที่ต้องมาให้บริการลูกค้าเปลี่ยนคนไปเรื่อยทุกเดือน จริงๆ ถ้าไม่ติดเรื่องนี้ ก็อยากทำต่อไปนะครับ ที่พักก็ดี เพื่อนๆ ก็น่ารัก หลังเลิกเรียนเราก็ชวนกันเล่นกีฬา ออกกำลังกาย แล้วก็ติวหนังสือด้วยกันครับ บางวิชาที่ไม่ถนัดจริงๆ ก็มีเพื่อนหรือรุ่นพี่ๆ เก่งๆ สอนให้จนเข้าใจเลย แต่ผมก็ยังรู้สึกว่า งานบริการแนวๆ นี้ถ้าไม่จำเป็นถึงที่สุดจริงๆ ก็อย่าทำเลยดีกว่า ถึงจะไม่ใช่การขายตัวก็เถอะ”

“เรานี่แนวคิดน่าสนใจนะ เดี๋ยวค่อยคุยกันต่อ ตอนนี้พี่ขอจิบไวน์ซักอึกก่อน พี่ลืมดูรายละเอียดไป ของเรารสเบอร์รี่รวมเหมือนเดิมใช่ไหมครับ”

“ผมเพิ่งเปลี่ยนรอบนี้เองครับ พอกินพวกผลไม้เบอร์รี่ติดต่อกันหลายเดือน ผมก็เริ่มเบื่อครับ ขนาดผมชอบสตรอเบอร์รี่มากแท้ๆ เลยขอเปลี่ยนมาเป็นรสธัญพืชผสมน้ำผึ้งแทน ผมก็เลยได้มาเน้นอาหารเสริมพวกข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต งาดำ ลูกเดือยอะไรพวกนี้ ผสมน้ำผึ้งด้วยทั้งหอมทั้งอร่อย เขาว่าไวน์ที่บ่มได้จะมีรสชาติหอมมันกว่าปกติ เดี๋ยวพี่ลองแล้วก็วิจารณ์ได้นะครับว่าเป็นยังไง ทางร้านเขาจะได้เอาไปปรับปรุง”

ชายหนุ่มกลืนน้ำลายเอือกเมื่อนึกถึงไวน์ที่ขาวข้นหวานมันตามคำบรรยาย

“งั้นพี่ขอพิสูจน์กลิ่นก่อนเลยนะ”

ว่าแล้วก็ซุกหน้าลงไปที่ซอกคอของไวน์บอยแรกรุ่น กลิ่นหอมละมุนจากเนื้อตัวแท้ๆ ของเด็กหนุ่มกรุ่นอยู่ที่ปลายจมูก เมื่อบ่มจนได้ที่แล้ว ไวน์บอยจะไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมน้ำหอมใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อให้สัมผัสกลิ่นตัวตามธรรมชาติที่เกิดจากร่างกายวัยหนุ่มที่แข็งแรงสมบูรณ์กับอาหารจากวัตถุดิบชั้นเลิศได้อย่างชัดเจน ยิ่งเหงื่อออกก็จะยิ่งได้กลิ่นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการปรุงกลิ่นของไวน์บอยแต่ละคนกระจายออกมาได้ชัดขึ้น

ชายหนุ่มได้กลิ่นเหมือนขนมปังอบใหม่ๆ กับกลิ่นข้าวหอมมะลิที่เพิ่งหุงเสร็จ ผสานกับกลิ่นน้ำผึ้งจากเกสรของดอกไม้ป่า ที่เจือกับกลิ่นสตรอเบอร์รี่จางๆ คงยังเปลี่ยนถ่ายจากเบอร์รี่ไม่สมบูรณ์ซะทีเดียว แต่กลับทำให้ความหอมยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก เป็นกลิ่นที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก กลิ่นที่ทำให้หายคิดถึงบ้านที่ภูเก็ต

เขาถอดเสื้อนักเรียนสีขาวสะอาดตาออก แล้วลองฝังจมูกลงไปที่ใต้วงแขนขาวที่มีขนขึ้นบางๆ ของหนุ่มน้อยมัธยม กลิ่นหอมแบบเดียวกันก็เตะจมูกขึ้นมา แต่ที่จุดนี้จะมีกลิ่นเฉพาะแบบผู้ชายผสมผสานอยู่ด้วย มันไม่ใช่กลิ่นตัวที่ฉุนเฉียวแต่ออกจะเป็นกลิ่นเหงื่อผู้ชายจางๆ ที่ช่วยเสริมให้กลิ่นหอมจากการบ่มไวน์มีมิติน่าหลงใหลขึ้น

หนุ่มนักธุรกิจค่อยๆ ถอดกางเกงสีน้ำเงินออก เครื่องแบบนักเรียนชุดนี้ทำให้อารมณ์เขาพลุ่งพล่านดีจริงๆ ที่สำคัญมันทำให้เขานึกถึงเรื่องราวดีๆ ในอดีตสมัยที่เขายังเป็นนักเรียนกางเกงน้ำเงินเช่นกัน เหล่าเพื่อนซี๊ กีฬาสี ความรักครั้งแรก ตอนนี้น้องเหลือแค่กางเกงในสีดำตัวเดียวที่ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งในการกักขังมังกรน้อยไว้ข้างใน เขาถอดออกอย่างอดใจไม่ไหว ท่อนเนื้อขนาดค่อนข้างใหญ่ดูเกินตัวดีดผึงออกมาทันที ช่วงลำยาวตรงขาวอมชมพูไล่สีเข้มขึ้นตรงส่วนหัว ท่าทางน้องพร้อมที่จะให้เขาดูดกลืนนำไวน์ล้ำค่านี้แล้ว

พอก้มหน้าลงไปอม ก็ได้กลิ่นแบบเดิมที่หอมแรงยิ่งขึ้นจนเขาต้องสูดหายใจอย่างแรงเพื่อดื่มด่ำความรัญจวนนั้น ชายหนุ่มห่อปากแล้วรูดเข้าออกเพื่อกระตุ้นให้น้ำไวน์หอมหวานไหลออกมา แต่ท่าทางไวน์บอยจะมีประสบการณ์มากขึ้นจึงไม่ถูกกระตุ้นง่ายๆ นักธุรกิจหนุ่มเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ จนเด็กหนุ่มเริ่มจะทนไม่ไหว ในที่สุดก็ต้องยอมปล่อยน้ำขาวข้นที่หมักบ่มมาร่วมเดือนให้กับลูกค้าอย่างมากมายล้นทะลักให้สมใจอยาก ชายหนุ่มรองรับปริมาณทั้งหมดไว้ในปากแล้วค่อยดูดกลืนทีละนิดโดยยังไม่ปล่อยท่อนเอ็นที่ร้อนผ่าวให้เป็นอิสระ มันยอดเยี่ยมกว่าครั้งที่แล้วขึ้นไปอีก ความหวานอ่อนๆ และหอมมันแบบน้ำธัญพืชเข้มข้นที่ถูกปรุงแต่งด้วยกลิ่นหอมแรงของน้ำผึ้งระคนด้วยกลิ่นเบอร์รี่จางๆ ทำให้หนุ่มนักธุรกิจรู้สึกเหมือนบินได้

“พี่ครับเป็นไงบ้าง ไม่อร่อยเหรอ” ไวน์บอยถามเมื่อหลังจากที่เห็นลูกค้าหนุ่มนิ่งไปเหมือนตกอยู่ในภวังค์ทั้งๆ ที่น่าจะดูดกลืนไวน์ของตนไปหมดแล้ว เขากังวลว่ารสชาติมันอาจจะไม่ดีอย่างที่คิด ทั้งๆ ที่ตั้งใจเต็มที่ว่าจะทำให้การบริการครั้งสุดท้ายนี้เป็นที่ประทับใจของหนุ่มหน้าเข้มตรงหน้าให้ได้มากที่สุด

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองแล้วถอนปากออกจากท่อนลำที่เริ่มอ่อนตัวเพื่อตอบคำถาม

“ตรงกันข้าม อร่อยจนเกือบลืมหายใจเลย”

“ดีขนาดนั้นเลยเหรอครับ ไม่น่าเชื่อ นี่ผมเป็นอาสาสมัครคนแรกที่ลองบ่มไวน์ด้วยสูตรนี้เลยนะครับ”

“ก็ลองชิมเองสิ ถ้าเราไม่รังเกียจ” นักธุรกิจหนุ่มตอบ ในฐานะลูกค้า เขาไม่มีสิทธิ์ล่วงเกินไวน์บอยไปมากกว่าการถ่ายรูป การลูบคลำซุกไซร้ และการดื่มไวน์ ยกเว้นว่าจะเป็นการตัดสินใจของไวน์บอยเอง แต่ทั้งนี้ห้ามการมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่โดยเด็ดขาดถึงจะเต็มใจด้วยกันทั้งสองฝ่ายก็ตาม

หนุ่มน้อยนิ่งคิดสักครู่ก่อนจะพยักหน้า ชายหนุ่มจึงตอบสนองด้วยการประคองใบหน้าที่ชวนหลงใหลแล้วประกบปากลงไปเพื่อแบ่งปันความหอมล้ำที่เด็กหนุ่มผลิตขึ้นมาเองได้ลิ้มลองดู

เด็กหนุ่มตาโตด้วยประสบการณ์ใหม่อย่างที่สองที่เขาได้รับจากชายตรงหน้า เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกมหัศจรรย์ที่สัมผัสอยู่มันเกิดขึ้นมาจากอะไรกันแน่ จากไวน์หอมล้ำของเขาเอง หรือความเร่าร้อนของหนุ่มหน้าเข้มที่กำลังพัวพันอยู่ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้สนใจจะค้นหา ได้แต่ปล่อยตัวไปกับการชักนำของคนที่มีประสบการณ์มากกว่า

ฝ่ายนักธุรกิจหนุ่มเองก็ได้เพิ่งค้นพบวิธีดื่มไวน์แบบใหม่ที่เร่งเร้ารสสัมผัสขึ้นไปถึงขีดสุดอย่างคาดไม่ถึง มันรู้สึกดีเกินไปจนเขากลัวจะเป็นความหลงใหลมัวเมาไม่สิ้นสุด แต่เวลานี้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว จากที่ตั้งใจจะหยุดเมื่อความหวานที่หลงเหลือถูกทั้งสองฝั่งดูดกลืนจนจางหาย แต่พอยิ่งนานยิ่งหวานเขาต้องต้องถลำลึกไปจนเด็กหนุ่มต้องผลักออกเองเพราะหอบจนหายใจไม่ทัน

หนุ่มหน้าเข้มให้เวลาไวน์บอยได้พักหายเหนื่อยอยู่พักใหญ่แล้วก็บอกว่า

“มันสุดยอดจริงๆเดี๋ยวพร้อมเมื่อไหร่บอกนะ พี่จะขอต่อรอบสอง แต่ไม่ต้องรีบหรอก เรายังมีเวลาอีกเยอะ”

“พี่อยากได้ความสุดยอดแบบเมื่อกี๊ไปเรื่อยๆ ไหมครับ” เด็กหนุ่มตั้งใจว่าจะเสนอสิ่งที่เพื่อนไวน์บอยสอนมาซึ่งเขายังไม่เคยลองทำเลย

“ยังไงล่ะ พี่ก็ตั้งใจว่าจะกินของเราไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว” ชายหนุ่มถามกลับ

“มีคนบอกว่า ถึงเป็นอาหารชั้นเลิศที่เราประทับใจอย่างมากเมื่อทานคำแรก แต่พอคำที่สองที่สามความพึงพอใจจะค่อยๆ ลดลงเพราะเราเริ่มชินกับความสุดยอดของมันแล้ว ทางแก้คือ ต้องมีของธรรมดาๆ มาทานสลับเพื่อให้ลิ้นของเราปรับตัวไปมา ไม่ชินกับรสชาติใดรสชาติหนึ่ง” หนุ่มน้อยเล่า พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ

“แล้วยังไงล่ะ” หนุ่มหล่อเข้มถามเหมือนไม่สนใจเท่าไหร่

“งั้นผมยกตัวอย่างให้เห็นชัดขึ้นนะครับ เวลาที่นักชิมไวน์เขาทำการชิมไวน์จากแหล่งต่างๆ เพื่อเปรียบเทียบกัน เขาจะล้างรสไวน์ที่ชิมไปก่อนหน้า ด้วยการทานขนมปังเปล่าๆ เพื่อให้ลิ้นพร้อมที่จะรับรู้รสของไวน์ที่จะชิมต่อไปได้อย่างเต็มที่” เด็กหนุ่มขยายความ

“งั้นเราจะให้พี่หาอะไรล้างปากก่อนเหรอ”

“ก็คล้ายๆ อย่างนั้นล่ะครับ ระหว่างที่รอไวน์รอบใหม่จากผม ผมว่าพี่น่าจะหาไวน์ธรรมดามาดื่มไปก่อน

“ลองดูก็ได้ งั้นพี่ไปเอาไวน์ในตู้แช่มาเปิดนะ” ชายหนุ่มนึกถึงไวน์จากองุ่นจริงๆ ที่เขามีติดห้องไว้บ้างเหมือนกัน

“มันเป็นไวน์คนละแบบกันผมว่ารสมันจะตีกันนะครับ ต้องใช้ไวน์ขาวๆ แบบของผมนี่ล่ะครับ แต่เอาของธรรมดาที่ไม่ได้บ่มมา” เด็กหนุ่มตื่นเต้นว่าลูกค้าหน้าหล่อจะรับข้อเสนอเขาไหม

“แล้วพี่จะไปหามาจากไหนล่ะ”

“ก็เอาของพี่นั่นแหละครับ เดี๋ยวผมช่วยรินออกมาให้ ช่วยเปิดจุกคอร์กออกมาหน่อยครับ” พูดออกไปจนได้ เด็กหนุ่มคิดด้วยความเขินอาย

หนุ่มนักธุรกิจรับข้อเสนอทันที่โดยไม่ต้องคิดแม้แต่น้อย เขารูดกางเกงชุดอยู่บ้านที่ใส่ออก แล้วควักท่อนลำที่แข็งตัวมาตั้งแต่เอาหน้าไปซุกซอกคอน้องแล้ว เขาแอบไม่มั่นใจนิดๆ เพราะของเขาคงไม่หอมกรุ่นเหมือนของเด็กหนุ่มตรงหน้า แต่ไม่เป็นไรมั๊งของตามธรรมชาติก็อย่างนี้แหละ อย่างน้อยเขาก็รักษาความสะอาดเป็นอย่างดี เด็กมัธยมตรงหน้ากุมแท่งเนื้อสีเข้มขนาดใหญ่เข้าปากอย่างโหยหา เขาไม่เคยทำอย่างนี้มาก่อนแต่มีเพื่อนไวน์บอยเคยเล่ารายละเอียดให้ฟัง เคล็ดลับสำคัญคือที่จำได้คือต้องห่อปากแล้วพยายามอย่าให้โดนฟัน ตอนฟังเพื่อนมันดูเหมือนง่ายแต่พอเจอของใหญ่จนคับปากแบบนี้เขาก็ไม่รู้จะเอาฟันไปหลบที่ไหน ส่วนเรื่องห่อปากก็ลืมไปได้เลยเพราะแค่นี้ก็เหมือนปากจะฉีกแล้ว แต่ถึงยังไงก็ต้องตั้งใจอย่างดีที่สุดเพราะอยากให้พี่หล่อเข้มคนนี้มีความทรงจำสุดท้ายที่ดีๆ กับเขาก่อนจะไม่ได้พบกันอีก

ถึงจะทำได้ไม่ดีนักแต่สุดท้ายมวลน้ำขาวข้นจำนวนมหาศาลก็ไหลออกมาจนช่องปากเล็กของเด็กหนุ่มเก็บไว้ได้ไม่หมด เขารีบลุกขึ้นไปประกบปากกับชายหนุ่มอย่างเงอะๆ งะๆ แม้มันจะมีรสคาวจางๆ ไม่ได้หวานหอมเหมือนของตัวเองแต่เด็กหนุ่มก็รู้สึกดีอยู่ลึกๆ

นักธุรกิจหนุ่มไม่ได้ชอบรสชาติไวน์เถื่อนของตัวเองเท่าไหร่ แต่ภาชนะอุ่นนุ่มสีแดงฉ่ำที่บรรจุมันมาส่งถึงปากเขาก็ทำให้ประสบการณ์แรกในการดื่มผลิตผลของตัวเองดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ และจริงอย่างที่เด็กหนุ่มบอก หลังจากที่ภายในปากเขาซึมซับไวน์ขาวที่รสชาติไม่ดีเท่าไหร่จนเต็มที่ การกลับไปดื่มไวน์ชั้นเลิศที่ออกมาจากร่างกายที่สวยงามของหนุ่มน้อยตรงหน้า ก็ทำให้เขาเหมือนขึ้นสวรรค์ได้ยิ่งกว่าครั้งแรกเสียอีก

ทั้งคู่ผลัดกันรีดผลัดกันป้อนไวน์ส่วนตัวของแต่ละคนไปตลอดคืน ไม่น่าเชื่อว่าไวน์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์จะทำให้รู้สึกเมามายด้วยความลุ่มหลงและโหยหาได้มากขนาดนี้ เด็กหนุ่มแทบขาดใจตายด้วยความสุขจนหลับไปด้วยความอ่อนเพลียตอนใกล้รุ่งสาง

เมื่อเด็กหนุ่มตื่นขึ้นมาตอนใกล้เที่ยง เขาก็ไม่พบลูกค้าคนสุดท้ายเสียแล้ว มีเพียงข้อความทิ้งไว้ว่ามีงานด่วนต้องไปทำ ให้ทานอาหารที่เตรียมไว้ให้บนโต๊ะ แล้วพนักงานจะมารับก่อนเวลาตอนบ่ายสามโมง

หนุ่มน้อยไวน์บอยอดเสียใจไม่ได้ที่คนหน้าเข้มไม่ได้อยู่ร่ำลากันสักนิด แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ทำครั้งสุดท้ายกับคนที่เป็นคนแรกอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ความทรงจำนี้คงอยู่กับเขาไปแสนนาน เด็กหนุ่มทานอาหารที่มีของหวานเป็นเค้กสตรอเบอร์รี่หวานฉ่ำซึ่งเป็นผลไม้โปรดของเขา นี่ก็คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญ จากนั้นก็แต่งตัวรอเวลาที่พนักงานร้านไวน์จะมารับตัวกลับไปอย่างเซื่องซึม

[จบตอนพิเศษ]
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 23-08-2015 18:49:53
เบอร์ศูนย์กับเบอร์หนึ่งเขาจูบกันแล้ววววววววววววววววว ฟินมากกกก
แต่อย่างบอสเนี่ย เรียกบื้อได้ไหมเนี่ย หมอเขายังรู้เลย
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: kothan ที่ 24-08-2015 17:25:47
อร๊ายยยย เห็นด้วยกัยรีบน เขาจ๊วบบบกันแล้ววว
ว่าแต่เบอร์หนึ่งมักน้อยจังพอใจแค่ชิมจากปากเบอร์ศูนย์เองเหรอ มากกว่านั้นหน่อยเซ่
ส่วนเบอร์ศูนย์ เบอร์หนึ่งเขาดูดจนปากจะเปื่อยอยู่แล้วยังไม่รู้เรื่องอีกเน๊อะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 24-08-2015 21:45:55
[แถม]

ผมหัวเราะหึๆ อย่างชอบใจเมื่อเข้าไปดูเว็บไซท์ร้านขายไวน์ของตัวเองจนโป๊ปต้องถาม

“มีอะไรวะบอส หัวเราะหึๆ กวนประสาท”

“ไม่เกี่ยวกับมึงเว้ย มีลูกค้าแจ้งขอให้เปิดบริการใหม่ กูได้ช่องทางทำเงินเพิ่มอีกแล้ว”

“บริการอะไรวะ ร้านมึงก็ขายแต่ไวน์ไม่ใช่เหรอ”

“บริการรับฝากไวน์ส่วนตัว”
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 25-08-2015 01:37:19
คือแบบว่า อยากดื่มไวน์แบบนี้บ้างอะไรบ้าง
สุดยอดไอเดีย ขอคารวะเลยครับ

แล้วก็บอสโป๊ป จูบปากกันแล้ว ฟินหนักมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 25-08-2015 13:30:52
[แถม]

ผมหัวเราะหึๆ อย่างชอบใจเมื่อเข้าไปดูเว็บไซท์ร้านขายไวน์ของตัวเองจนโป๊ปต้องถาม

“มีอะไรวะบอส หัวเราะหึๆ กวนประสาท”

“ไม่เกี่ยวกับมึงเว้ย มีลูกค้าแจ้งขอให้เปิดบริการใหม่ กูได้ช่องทางทำเงินเพิ่มอีกแล้ว”

“บริการอะไรวะ ร้านมึงก็ขายแต่ไวน์ไม่ใช่เหรอ”

“บริการรับฝากไวน์ส่วนตัว”

ตอนนี้ต้องอาศัยจินตนาการ และความหื่น นะเนี่ย ถึงเขียนออกมาได้   :hao3:

คือ เอาแฟน/เด็กลูกค้ามาบ่มไวน์ให้หรอ?  :laugh:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 25-08-2015 23:07:15
เมื่อไหร่บอสกับโป๊ปจะได้กัน?
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 26-08-2015 00:36:01
บางทีบอสก็ดูซื่อบื้อไปนะ โป๊ปนี่เอาเปรียบชัดเจน
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 31-08-2015 18:44:49
ชอบเรื่องนี้ที่สุดละ เสียวอย่างมีรสนิยม 555
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 10-09-2015 11:45:42
ชอบอ่ะ จินตนาการล้ำมาก มาต่อเร็วๆนะ รออยู่
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: Fujoshi ที่ 12-09-2015 22:06:47
ชอบอ่ะ
มาต่ออีกนะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: lovely tham ที่ 14-09-2015 00:10:40
 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: แรงมากเลย เราอ่านไปสั่นไปเลยอ่ะ  :mew5: :mew5:สยองยิงกว่าดูหนังผีอีก
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: lovely tham ที่ 14-09-2015 00:41:28
พิชยะ อยากอ่านของคนนี้อีก :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 16-09-2015 00:46:04
เรื่องนี้มันล้ำจริงๆ หื่นแบบแปลกๆ ฮาแบบหื่นๆ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 22-09-2015 22:19:20
เรื่องนี้มันล้ำจริงๆ เอาซะอยากดื่มไวน์ ฮ้าๆๆๆ
แอร๊ยยยยย เขินนนน  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 27-09-2015 14:14:56
สนุกสุดๆไปเลยอะคราบ :katai5:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 28-09-2015 00:38:34
เหนือจินตนาการ ล้ำเกินกว่านิยายใดๆในโลกนี้ อยากตะโกนออกมาดังๆว่า "โคตรรรรรหื่นน เลยโว้ยยยยย!!"

นี่มันแจ่มมากๆเลยนะครับ เป็นมิติใหม่เลย ฮ่าๆๆๆๆ

อยากชิมไวน์บ้างอะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 29-09-2015 15:41:50
สนุกที่สุดดดด
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 18] ตอนพิเศษ 23/08/15
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 30-09-2015 02:47:50
เรื่องนี้ล้ำมากอ่ะ จินตนาการแหวกแนวออกไปเลย ถึงจะบอกว่า Theme เรื่องนี้เน้นความหื่น แต่มันเป็นความหื่นที่ออกไปทางฮาสุดๆ อ่านแล้วแบบหัวเราะออกมาดังๆ เลยอ่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 19] 02/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 02-10-2015 21:38:29
องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 19

สารวัตรเสือรู้สึกหงุดหงิดตัวเองอยู่ไม่น้อย นี่ก็เข้าเดือนที่สองแล้วที่น้องคุณเด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีที่ถูกทำร้ายร่างกายเพื่อสนองความวิปริตทางเพศโดยพ่อเลี้ยงได้กลับไปอยู่บ้านกับแม่ของตัวเอง ก่อนหน้านั้น เขาได้ให้เด็กหนุ่มมาอยู่ที่บ้านเขาชั่วคราวในระหว่างที่เขารวบรวมหลักฐานต่างๆ เพื่อเอาผิดกับพ่อเลี้ยงและช่วยเหลือแม่ของน้องคุนที่ถูกฝากขังอยู่เนื่องจากความผิดเรื่องการตกแต่งบัญชีบริษัทที่พ่อเลี้ยงป้ายความผิดให้ ด้วยความช่วยเหลือขององค์กร สารวัตรหนุ่มจึงสามารถจบเรื่องดังกล่าวได้ภายในเวลาไม่ถึงห้าเดือน

แม่ของเด็กหนุ่มได้รับการยืนยันความบริสุทธิ์และทุกปล่อยตัวออกมา สารวัตรเสือได้พาน้องคุนไปรับและอธิบายเรื่องต่างๆ ทั้งหมดให้ฟัง เธอคับแค้นใจมากที่ลูกชายคนเดียวที่เธอรักที่สุดถูกเอาไปใช้เพื่อสนองความวิปริตทางเพศโดยสามีที่เธอไว้ใจ สารวัตรได้ช่วยดำเนินการเรื่องหย่าซึ่งก็ใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์เพราะตอนนั้นพ่อเลี้ยงก็ถูกคุมตัวโดยองค์กรไปแล้วไม่มีปากเสียงอะไร ในที่สุดก็ได้รับแบ่งสมบัติครึ่งหนึ่งจากพ่อเลี้ยงซึ่งเธอก็ถือว่าเป็นการชดเชยที่ทำให้สองแม่ลูกต้องลำบาก หลังจากเคลียร์ปัญหาต่างๆ จบแล้วเธอก็รับน้องคุนกลับไปอยู่ด้วย รวมเวลาก็เกือบหกเดือนที่อาเสือกับน้องคุนอยู่ด้วยกัน

สิ่งที่สารวัตรภูมิใจในตัวเองมากที่สุดในเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ใช่การที่สามารถช่วยคนบริสุทธิ์หรือเอาคนผิดมารับโทษได้สำเร็จ แต่เป็นการที่เขาสามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้ขย้ำเด็กช่างยั่วอย่างน้องคุนได้ นั่นต้องใช้ความอดกลั้นอย่างมหาศาล น้องคุนอายุยังไม่ถึงสิบแปด ตำรวจอย่างเขาจะต้องไม่ทำผิดกฎหมายซะเอง อีกอย่างนึง หลังจากหลอกล่อถามโน่นถามนี่จากเจ้าตัว เขาก็พอจะรู้สาเหตุที่น้องคุนมาทำตัวเหมือนมาอ่อยเขาขนาดนั้น มันประกอบด้วยหลายเรื่องตั้งแต่การขาดความอบอุ่นจากพ่อตั้งแต่เล็กๆ การเห็นเขาเป็นฮีโร่ที่มาช่วยเหลือจากคนร้าย หรือแม้แต่ความประทับใจจากรูปร่างหน้าตาของเขาเอง แต่ที่สำคัญคงเป็นความกลัวและสับสนว่าเขาจะไม่อยากดูแลตัวเองแล้วจะถูกส่งกลับไปอยู่กับพ่อเลี้ยง ไม่รู้ดูละครมากไปหรืออะไรถึงจะใช้วิธีเอาร่างกายตัวเองมาผูกมัด

สารวัตรนึกย้อนไปตอนนั้นแล้วก็อดขำไม่ได้ แต่ถ้าจะว่ากันตามจริงละก็ สิ่งที่น้องคุนทำมันยิ่งกว่าได้ผลอีก ลองนึกภาพเด็กหนุ่มตัวเล็กน่ารักหน้าตาดีมาออดอ้อนขออาบน้ำด้วย ระหว่างอาบน้ำก็ผลัดกันถูหลังพร้อมคำถามมากมายเกี่ยวกับสรีระของเขาดังมาจากปากแดงๆ ช่างพูด ทั้งๆ ที่ตัวเองก็อายจนแทบจะปิดตาอยู่แล้ว ไหนจะตอนที่แกล้งมาขอให้เขาสอนวิธีช่วยตัวเองอีกล่ะ นายตำรวจหนุ่มนึกถึงตอนนั้นแล้วก็ต้องหัวเราะออกมาดังๆ จะเป็นไปได้ยังไงที่เด็กสิบห้าในยุคอินเตอร์เน็ตอย่างนี้จะไม่รู้เรื่องทางเพศเลย แต่พอเขาลองเล่นไปตามบทก็พบความจริง มันก็ใช่ที่น้องคุนไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดที่แกล้งแสดงออกมา แต่ความประสีประสาในเรื่องเพศก็น้อยกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้เยอะ อาจจะเคยช่วยตัวเองบ้าง แล้วก็คงได้เห็นพ่อเลี้ยงมีเซ็กส์กับคู่ขาหลังโดนทรมานเสร็จ แต่ก็แค่นั้น เด็กหนุ่มไม่เคยผ่านการมีเซ็กส์มาแน่ๆ แม้แต่จูบยังไม่เป็นด้วยซ้ำ สารวัตรได้พิสูจน์มาแล้วด้วยตัวเอง

หลังจากนั้น  ตลอดระยะเวลาเกือบครึ่งปีที่อยู่ด้วยกัน ทั้งคู่อาบน้ำด้วยกันทุกวัน นอนกอดกันแบบเนื้อแนบเนื้อทุกคืน เขาหอมจูบซุกไซร้กันจนเป็นกิจวัตรประจำวัน อนาคอนด้าของสารวัตรคือของเล่นส่วนตัวของหนุ่มน้อย ในขณะที่พื้นที่ทุกตารางนิ้วบนตัวเด็กหนุ่มก็ถูกสำรวจโดยนายตำรวจหนุ่มมาไม่รู้จะกี่รอบ เสือรู้สึกขอบคุณโรงเรียนเตรียมทหารและโรงเรียนนายร้อยตำรวจที่ได้ฝึกเขามาจนมีวินัยและความอดทนอดกลั้นเป็นเลิศ มิฉะนั้นเขาคงไม่สามารถทนมาจนได้ส่งตัวลูกชายที่ยังคงความบริสุทธิ์กลับสู่อ้อมอกมารดา ถึงจะไม่ผุดผ่องเท่าไหร่จากที่โดนเขากอดจูบลูบคลำมาก็เถอะ ใครใช้ให้เด็กน้อยของเขาน่ารักน่ากินขนาดนี้ล่ะ

สารวัตรทอดถอนใจเมื่อนึกย้อนเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น ตอนนี้น้องคุนกลับไปอยู่กับมารดาทำให้โอกาสที่จะทำอะไรด้วยกันเหมือนเดิมแทบไม่มี ยกเว้นนานๆ ครั้งที่เด็กหนุ่มจะขออนุญาตมานอนค้างกับเขาได้ ไม่รู้ว่าน้องคุนไปเล่าอะไรให้ฟังบ้างแต่ท่าทางแม่ของน้องคุณจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่ไม่น้อย อาจจะด้วยความซาบซึ้งในบุญคุณที่เขาได้ช่วยให้พ้นข้อหาทั้งหมด ทำให้แม่ของน้องคุนไม่ได้ขัดขวางมากอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ได้ปล่อยซะทีเดียว

“จะทำอะไรแม่ไม่ว่า แม่อยากให้น้องคุนมีอิสระในการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ชดเชยที่น้องคุนต้องมารับเคราะห์เพราะความโง่ของแม่เอง สารวัตรก็เหมือนคนที่มาช่วยเราสองแม่ลูกให้หมดเคราะห์ ถ้ามันเป็นความต้องการของน้องคุนจริงๆ แม่ก็ยินดี แม่ขออย่างเดียวคือให้น้องคุนเข้ามหาลัยได้เสียก่อนค่อยพัฒนาความสัมพันธ์กันต่อไป ระหว่างนี้ก็เป็นพี่น้องกันไปก่อน” แม่ของเด็กหนุ่มบอกกับทั้งคู่หลังจากเธอรู้เรื่องจากปากลูกชาย

“ไม่เอาหรอก น้องคุนไม่ได้อยากให้อาเสือมาเป็นพี่ชายน้องคุนนี่ ถ้าจะต้องเรียกพี่ น้องคุนขอเรียกว่าป๋ายังจะดีซะกว่า ยังจะดูเป็นคนรักกันมากกว่าอีก” เมื่อได้มารดากลับคืนมา เด็กหนุ่มดูจะกลับไปเป็นเด็กน้อยร่าเริงขี้เล่นแถมเอาแต่ใจตัวเองเล็กๆ ไม่เหลือภาพเด็กที่เซื่องซึมหวาดผวาการถูกทำร้ายคนนั้นอีกเลย สารวัตรรู้สึกดีใจที่เด็กหนุ่มที่ไม่มีอาการฝังใจในเรื่องที่ผ่านมา แถมยังเห็น ถึงจะรู้สึกแปลกๆ ที่ตัวเองต้องกลายเป็น “ป๋า” ขึ้นมาซะอย่างงั้น

“ว๊าย ไม่พูดจาอย่างนั้นนะคะน้องคุน” แม่ของน้องคุนว่าแล้วก็หันมาทางสารวัตรหนุ่มแทน

“คุณเสือ แม่คงหวังให้เจ้านี่ถนอมเนื้อถนอมตัวไม่ได้ คงต้องขอให้คุณเสือเป็นคนรับปากเรื่องที่แม่ขอไว้นะคะ จนกว่าน้องจะเข้ามหาลัย แม่ขออย่าให้มีอะไรเกินเลยไปกว่าที่ผ่านมา มันน่าจะดีกับน้องคุนเองที่จะได้ตั้งใจสอบเข้ามหาลัย ส่วนคุณเสือก็จะได้มีเวลาที่จะทบทวนตัวเองว่าจะจริงจังกับความสัมพันธ์นี้แค่ไหน ยิ่งคุณเสือเป็นนายตำรวจอนาคตไกล การที่จะมีคู่รักเป็นผู้ชายมันอาจจะทำให้อะไรหลายๆ อย่างไม่ราบรื่น ที่พูดนี่ไม่ใช่ว่าแม่จะกีดกันหรือจะอยากให้ลูกกลับไปเลือกทางเดินปกติอะไรนะ ลูกชายแม่คงไปเป็นสามีใครไม่ได้อยู่แล้ว นิสัยง้องแง้งขนาดนี้ เมื่อถึงเวลานั้น ถ้าคุณเสือยังยืนยันเลือกลูกชายแม่ แม่ก็ยินดีอย่างยิ่งที่เราจะมาเป็นครอบครัวเดียวกัน”

“โธ่ แม่พูดอะไรอย่างงั้นอ่ะครับ เดี๋ยวอาเสือเปลี่ยนใจ น้องคุนก็แย่สิ” เด็กหนุ่มโวยวาย

“ไม่เปลี่ยนใจหรอกเจ้าแสบ แต่จะรักมากรักน้อย ขึ้นอยู่กับคณะที่เข้าได้นะ ถ้าเข้าคณะดีๆ ได้ อาเสือจะรักมากเลย”

ตำรวจหนุ่มจำได้ว่าวันนั้นเขาหยอดไว้อย่างนี้ เพื่อจะหลอกล่อให้หนุ่มน้อยเจ้าของดวงใจของเขาตั้งใจอ่านหนังสืออย่างเต็มที่ ปรากฏว่ามันได้ผลเกินคาด น้องคุนยึดถือเรื่องนี้เป็นจริงเป็นจังและโหมอ่านหนังสืออย่างเต็มที่ตั้งใจว่าจะเข้าคณะนิติศาสตร์ของมหาลัยอันดับหนึ่งให้ได้ ไม่รู้ว่าอยากจะเป็นผู้พิพากษาหรืออัยการหรือเปล่านะ ข่มกันทางสายอาชีพชัดๆ สารวัตรเสือคิดขำๆ แต่ที่ขำไม่ออกก็คือเวลาที่จะได้เจอกันซึ่งมีอยู่ไม่เยอะอยู่แล้ว กลับถูกตารางเรียนพิเศษบ้าง นัดติวบ้าง เข้ามาเบียดบัง จนเขาต้องขอให้เด็กนักเรียนเตรียมสอบคนนี้มาค้างอยู่บ่อยๆ จะได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันให้หายอยาก แต่น้องคุนก็ไม่ได้มาบ่อยเท่าที่ใจอยาก บอกว่ามาเจอกันทีไรพอกลับไปก็เห็นแต่หน้าอาเสือลอยไปลอยมาจนอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเป็นวันๆ น่ารักอย่างนี้เขาถึงไปไหนไม่รอดไง ก็ทนๆ ไป อีกสองปีเอง

หลังรำลึกความหลังเสร็จ สารวัตรเสือก็ยังหงุดหงิดตัวเองไม่หาย นี่ไม่เจอน้องคุนแค่สามวันเขาก็มานั่งคิดถึงอยู่ได้ สงสัยต้องออกไปเฮฮากับเพื่อนฝูงซักหน่อย ยิ่งช่วงนี้โดนประณามว่าติดเด็กจนไม่เป็นอันทำอะไรอยู่ด้วย ก็พอดีมีโทรศัพท์จากเพื่อนเข้ามา

“ไอเสือหรอ ว่างเปล่า เย็นนี้ออกไปด้วยกันหน่อยสิ กูจะพาไปเลี้ยงกาแฟ แล้วค่ำๆ ไปกินเหล้ากันกับแก๊งค์เดิม” เพื่อนทหารเรือรูปหล่อแต่เป็นเกย์ส่งเสียงมาตามสาย

“นึกไงวะมาเลี้ยงกาแฟตอนนี้” ปกติตอนเย็นสารวัตรหนุ่มก็ไม่ค่อยดื่มกาแฟเท่าไหร่

“เอ่อน่า มึงไม่อยากกินกาแฟ ก็สั่งนมปั่นสตรอเบอร์รี่ปั่นอะไรไปก็ได้ ไปนั่งเล่นชิลล์ๆ บรรยากาศดีๆ เดี๋ยวอีกชั่วโมงกูไปรับ” ว่าแล้วก็วางสายไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้อีกคนได้ปฏิเสธ

นายตำรวจหนุ่มใช้เวลาที่ยังเหลืออยู่เก็บเอกสารคดีที่ปิดไปแล้วลงลังเพื่อไม่ให้เกะกะห้องทำงาน หนึ่งในนั้นเป็นคดีการตกแต่งบัญชีบริษัทของซีเอฟโอหนุ่มใหญ่อดีตพ่อเลี้ยงของเด็กหนุ่มคนรักของเขา คดีนี้มีหลักฐานครบครัน รวมถึงเส้นสายในวงการของพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ถูกตัดขาดด้วยอิทธิพลขององค์กร ทำให้สามารถจบลงได้โดยไม่ลำบากอะไร ที่ยากหน่อยก็ตรงที่ต้องเลือกแสดงหลักฐานและทำสำนวนให้ลดมูลความผิดลงเพราะองค์กรร้องขอไว้ไม่อยากให้ตัวซีเอฟโอถูกส่งเข้าคุกจริงๆ คดีเลยจบลงที่ศาลตัดสินจำคุกสองปีแต่ให้รอลงอาญาไว้

ในฐานะเจ้าพนักงาน นี่อาจดูไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนักตามกฎหมาย แต่ในแง่ความยุติธรรม สารวัตรเสือรู้ดีว่าการส่งให้พ่อเลี้ยงหนุ่มไปรับโทษจากองค์กรแทนมันสาสมกับสิ่งที่พ่อเลี้ยงวิปริตคนนี้ทำเป็นไหนๆ  ถึงจะไม่รู้รายละเอียดการลงโทษมากนัก แต่คงไม่พ้นการนำตัวไปประมูลเป็นทาสเพื่อเอาเงินมาชดใช้ผู้เสียหายแน่ๆ เขามั่นใจเพราะได้แอบได้เห็นตัวเลขเงินชดเชยที่มารดาของน้องคุนเอามาให้ดูแล้วมันสูงไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะด้วยรูปร่างหน้าตาบุคลิกของซีเอฟโอคนนี้ก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าดาราชื่อดังในวัยเดียวกันเลย เขาหวังแต่ว่า คนที่ประมูลได้ไปจะไม่ใช่คนใจดีนักจะได้ถูกทรมานให้สมกับความวิปริตที่ได้ทำร้ายเด็กของเขาอยู่หลายเดือน

หลังจากเก็บเอกสารเสร็จได้ไม่นาน นายทหารเรือก็มารับเขาด้วยรถยนต์คันสวย สารวัตรรีบขึ้นไปนั่งข้างคนขับทันที

“ไง จะพาไปกินกาแฟที่ไหน ร้านกาแฟนางเงือก หรือว่าร้านกาแฟนกแก้ว”

“เฮ้ย พวกนั้นมันธรรมดาไป ที่นี่พิเศษกว่านั้น”

“เอาเถอะ ไปไหนก็ไป” เสือตัดบทเพราะขี้เกียจจะเซ้าซี้

ปรากฏว่า สถานที่ที่เพื่อนทหารเรือพามา ก็คือร้านล้างรถ G-Wash ที่ตัวสารวัตรเสือเอง เป็นคนแนะนำให้นายทหารเรือรู้จักเมื่อหลายเดือนก่อน สิ่งที่นายตำรวจไม่ได้บอกเพื่อนก็คือ ร้านล้างรถการกุศลสำหรับชาวเกย์แห่งนี้เป็นธุรกิจที่ไม่แสวงหากำไรที่องค์กรตั้งขึ้นมาอย่างไม่ออกหน้าเพื่อเอาเด็กวัยรุ่นที่กระทำผิดมาทำงานชดใช้ความผิดแบบเบาะๆ

“นี่มึงยังมาล้างรถที่นี่อยู่เหรอ นึกว่าเบื่อไปแล้ว” เสือสงสัย ในสายตาคนที่ไม่ได้เป็นเกย์มาตั้งแต่ต้นอย่างเขา ไม่เข้าใจว่าการมาใช้บริการล้างรถโดยหนุ่มๆ นุ่งน้อยห่มน้อยจะน่าสนใจขนาดนั้น ถ้าอยู่ใกล้ๆ ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่มันอยู่คนละทิศกับบ้านหรือที่ทำงานเพื่อนเขาเลย

“ใครจะเบื่อ ยิ่งมีน้องหน้าใหม่ๆ เอ๊าะๆ เข้ามาอยู่เรื่อยๆ ไม่รู้ไปหามาจากไหน แต่ละคนน่าอุปการะมาก นี่กูหมดค่าทิปไปเป็นหมื่นแล้ว” หนุ่มทหารเรือพูดด้วยสีหน้าปลื้มปริ่ม ไม่มีท่าทีเสียดายเงินที่ว่าแต่อย่างไร

“ระวังอย่าไปพรากผู้เยาว์เอาก็แล้วกัน กูจับมึงแน่” เสือขู่

“เอาเลยครับ ท่านสารวัตรใหญ่ เตือนตัวเองก่อนไหม ที่พาเด็กมอต้นไปกินข้าวดูหนังอยู่บ่อยๆ อย่านึกว่าเพื่อนไม่รู้นะ ระวังพ่อแม่เขาพามากองปราบหรือดีเอสไอมาจับล่ะ”

“น้องเค้าอยู่มอสี่แล้วโว้ย และคุณแม่ยายก็เปิดทางให้ด้วย ไม่เหมือนพวกไม่มีคนเอา ต้องคอยมาส่องเด็กล้างรถ” สารวัตรเย้ยกลับ

“เห้ย มันไม่ใช่เรื่องนั้น กูแค่ชอบของกูแนวนี้ ถ้าเป็นไปได้อยากเก็บไว้เป็นคอลเลกชั่นเลยว่ะ”

“มึงคงไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้นะ เขาห้ามไม่ใช่เหรอสัด” เสือนึกไปถึงนิสัยแปลกๆ ของเพื่อน ที่เวลาไปเจอหนุ่มหน้าตาดีที่ไหน จะชอบแอบเอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปเก็บไว้

“ทำเป็นเล่นไป กูเคยแอบถ่ายรูปกับคลิปตอนน้องๆ กำลังล้างรถอยู่แบบนี้จริงๆ แหละ ทำเป็นยกโทรศัพท์ขึ้นคุย ก็ถ่ายได้นะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่พอกูจะส่งรูปไปให้เพื่อนอีกคนดูทางไลน์ เท่านั้นแหละ เครื่องรวนไปหมดเลย พอปิดแล้วเปิดเครื่องมาใหม่ ปรากฏว่าทั้งรูปทั้งคลิปที่ถ่ายไว้หายหมดเลย เสียดายเกือบตาย ตอนแรกก็นึกว่าบังเอิญนะ แต่พอครั้งที่สองกูทำอีก ไปแอบถ่ายแล้วส่งเข้าอีเมลตัวเองจะเก็บสำรองไว้ พอกดส่งได้แป๊บเดียวเครื่องเจ๊งเลย ไปใช้เครื่องคอมเปิดดูที่อีเมลที่ส่งออกมาจากโทรศัพท์ก็เหมือนโดนไวรัสอะไรไม่รู้ เครื่องช้าไปเป็นอาทิตย์เลยกว่าจะหาย ตอนหลังกูเลยลงทุนซื้อโทรศัพท์ใหม่ เชื่อเปล่าว่าเจออาการเดิมเลย ไม่รู้ที่นี่เล่นของอะไรหรือเปล่า ว่าแล้วคนมาใช้บริการเยอะขนาดนี้ แต่ไม่มีภาพหลุดออกไปเลย”

สารวัตรนึกในใจว่าเพื่อนของเขาคงเจอระบบอะไรซักอย่างขององค์กรเข้าให้แล้ว ถึงมันจะดูไม่น่าเป็นไปได้ แต่เขารู้ดีว่าเรื่องแบบนี้องค์กรถนัดนัก คงต้องเตือนเพื่อนซักหน่อย

“ทีหลังมึงอย่าทำอะไรที่ละเมิดข้อห้ามของที่นี่แล้วกัน กูบอกมึงได้แค่ว่า แบ็คของที่นี่ใหญ่มาก อย่าว่าแต่กูเลย นายของนายกูก็ยังไม่อยากจะมีเรื่องด้วย”

“ถึงมึงไม่บอกกูก็พอเดาได้ แต่ถ้ามึงมีโอกาสเจอ ฝากบอกด้วยแล้วกันว่า ในฐานะเกย์คนหนึ่ง ขอบคุณมากๆ เลยที่ทำร้านนี้ขึ้นมา” ลูกทัพน้ำพูดอย่างชื่นชม

“แล้วไหนว่าจะพาไปร้านกาแฟไง อยู่อีกไกลเปล่า เดี๋ยวไปกินข้าวไม่ทันนะ” สารวัตรถามเมื่อเด็กล้างรถหุ่นดีเป้าตุงยกมือไหว้ขอบคุณเป็นสัญญาณว่าเสร็จสิ้นการล้างแล้ว

“ทันแน่นอน ร้านก็อยู่ในนี้แหละ” นายทหารหนุ่มบอกขณะขับรถไปตรงก่อนถึงทางออกแล้วจอดรถตรงหน้าร้านกาแฟขนาดกลาง รูปทรงของตัวร้านออกแบบไว้แปลกตา แต่ก็ดูมีเสน่ห์ลงตัวด้วยสีสันการตกแต่งและสวนที่ร่มรื่น สารวัตรนึกชมอยู่ในใจตามประสาอาชีพที่ต้องช่างสังเกตว่า ร้านนี้ไม่ได้ใช้วัสดุหรูหราราคาแพงเลยแต่ดูดีได้ขนาดนี้คนออกแบบคงต้องเก่งมาก นับว่าสร้างเร็วไม่น้อยเพราะหลายเดือนก่อนที่เขามาที่นี่ยังเป็นที่ว่างๆ มีแต่ต้นไม้อยู่เลย

ทั้งคู่เดินเข้าไปในร้านด้านในที่ค่อนข้างกว้างและตกแต่งไว้อย่างมีสไตล์ มีลูกค้าใช้บริการอยู่พอสมควรแต่กระจายกันไปตามโซฟาน่าสบายที่มุมต่างๆ เด็กเสิร์ฟเดินให้บริการอยู่ประปราย ทุกคนเป็นเด็กหนุ่มหุ่นดีใส่กางเกงในตัวเดียวเหมือนพนักงานล้างรถ ที่น่าสังเกตคือทุกคนมีรอยสักเล็กๆ เหนือขอบกางเกงในคล้ายๆ กับที่พนักงานล้างรถมี เสือสรุปเอาเองว่าร้านกาแฟนี่คงเป็นขององค์กรเหมือนกันเลยใช้พนักงานกลุ่มเดียวกับร้านล้างรถ

จอมเด็กหนุ่มหน้าหล่อเข้มอดีตหัวหน้าแก๊งค์ซิ่งรถกำลังพัลวันกับเครื่องชงกาแฟตรงเค้าเตอร์ เขาอยู่ในชุดกางเกงในตัวเดียวเหมือนพนักงานเสิร์ฟ แต่มีผ้ากันเปื้อนเต็มตัวลายตารางหมากรุกคาดด้านหน้าเหลือแผ่นหลังเปลือยที่มีรอยสักมังกรไว้เหมือนจะตั้งใจโชว์ จอมเงยหน้าขึ้นมามองดูลูกค้าที่เข้ามาใหม่แล้วสะดุ้ง

“เฮ้ย ตะ ตำรวจ” จอมตกใจอยู่แค่แว้บนึงแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเดี๋ยวนี้เขาไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายแล้ว ก็เลยทักทายคนที่เขาจำหน้าได้ดีว่าเป็นนายตำรวจที่จับกุมเขาเมื่อหลายเดือนก่อนเหมือนกับเป็นลูกค้าปกติ

“สวัสดีครับ วายบอยคาเฟ่ยินดีต้อนรับ วันนี้จะรับอะไรดีครับ” จอมส่งยิ้มการค้าให้ ทำเหมือนไม่เคยเจอสารวัตรเสือมาก่อน ทั้งที่เหตุการณ์ในวันนั้นเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาได้เจอกับองค์กรจนเปลี่ยนชีวิตเขามาเป็นอย่างทุกวันนี้

“ขออเมริกาโน่ร้อนแล้วกัน แล้วมึงล่ะ... อีกแก้วเป็นมอคค่าปั่นนะ” นายตำรวจหนุ่มสั่งเครื่องดื่มให้ตัวเอง แล้วก็หันไปถามคนที่มาด้วยเพื่อสั่งไปพร้อมกัน เพื่อนทหารขอตัวออกไปหาที่นั่งด้านนอกบอกว่าบรรยากาศดีกว่าข้างใน

เด็กหนุ่มรับเงินมาจากสารวัตร แล้วทอนให้อย่างแคล่วคล่อง

“นี่เงินทอนครับ กาแฟที่สั่งกรุณารอซักครู่ เดี๋ยวเราจะเอาไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะนะครับ” เด็กหนุ่มนึกโล่งใจ ท่าทางจะไม่มีอะไรแล้ว ยังไงๆ  เขาไม่ค่อยถูกกับตำรวจเท่าไหร่

“เดี๋ยวนะ หน้าคุ้นๆ เรานี่เป็นพวกเด็กแว้นหรือเปล่า รู้สึกจะเป็นหัวหน้าด้วย จำชั้นได้ไหม” สารวัตรเอ่ยปากถามด้วยท่าทางเป็นมิตร เขาจำจอมได้ก็ตอนที่เห็นรอยสักสวยงามสไตล์ยากูซ่าที่แผ่นหลัง น้องคุนเคยเล่าเรื่องของจอมให้ฟังว่าที่จอมรับตัวเองเข้าแก็งค์เพราะจะได้มีพวกไว้หาทางช่วยเรื่องที่ถูกพ่อเลี้ยงทรมาน ถึงสุดท้ายจะไม่ได้ผลนัก

“จำได้สิครับ พี่เป็นตำรวจคนที่จับพวกผมตอนนั้น แล้วก็เป็นคนที่ช่วยไอ้คุณไว้ มันโทรมาบอกไว้เหมือนกันว่าไม่ต้องห่วงมันแล้ว ต้องขอบคุณมากๆ นะครับที่ดูแลน้องในแก๊งค์ผม ก่อนหน้านี้มันถูกทำร้ายหนักจนผมเป็นห่วงจริงๆ” จอมเริ่มรู้สึกสนิทใจกับคนตรงหน้า จากที่ได้คุยกับคุนมา คนๆ นี้น่าจะเป็นตำรวจที่ดีจริงๆ

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ตอนนี้น้องคุนกลับไปอยู่กับแม่แล้ว” สารวัตรบอก ปรากฏว่าทั้งสองรู้จักเรื่องของกันมากกว่าที่คิด

“ผมทราบแล้วครับ คุนมันโทรมาบอก พักนี้มันหายไปเลย เห็นว่าเรียนหนัก”

“แล้วนี่ไปไงมาไงถึงมาทำงานพิเศษที่ร้านกาแฟนี้ได้ล่ะ จริงๆ เราต้องไปทำงานชดใช้ที่ร้านล้างรถไม่ใช่หรอ เผลอๆ อาจต้องไปเจอที่หนักกว่านั้นด้วย” สารวัตรชวนคุย ส่วนหนึ่งก็อยากรู้ว่า จอมที่เป็นหัวหน้าแก็งค์ จะโดนโทษอะไรที่มากกว่าปกติหรือไม่

“ที่ร้านล้างรถผมทำชดเชยครบหมดแล้วครับ ส่วนร้านกาแฟนี่ ผมเป็นเจ้าของเอง” จอมตอบด้วยความภูมิใจ

“โห แค่ไม่กี่เดือนนี่ เราถึงกับเปิดร้านกาแฟได้เลยหรอ จริงๆ เป็นลูกคนรวยเหรอ” สารวัตรทึ่งไม่น้อย แต่ก็คงเป็นเด็กบ้านรวยอยู่แล้ว ถึงเอาเงินมาลงร้านกาแฟสวยๆ แบบนี้ได้

“รวยอะไรครับ ผมปากกัดตีนถีบจะตาย แค่มีคนที่จะต้องคอยดูแล เลยต้องผลักดันตัวเองมากหน่อย ไม่งั้นผมเลี้ยงเขาไม่ไหวหรอก” อดีตเด็กแว้นพูดด้วยแววตามุ่งมั่น

“แล้วทำไมถึงมาทำที่นี่ได้ล่ะ ไม่คิดว่าที่นี่จะให้คนนอกเข้ามาทำอะไรได้ง่ายๆ นะ” สารวัตรสงสัย อย่างองค์กรคงไม่มาแบ่งที่ให้เช่าเพื่อหารายได้แค่นี้หรอก

“คือพอดีผมไปขอร้องเจ้าของที่นี่ได้มานะครับ”

“เจ้าของ เรารู้จักเจ้าของที่นี่ด้วยหรอ” สารวัตรสงสัยว่าบอสได้เปิดเผยตัวกับจอมด้วยหรือ

“ใช่ครับ สารวัตรก็คงพอรู้เรื่องเจ้าของที่นี่บ้างอยู่แล้วใช่ไหมครับ ผมเห็นทำงานร่วมกันอยู่นี่ครับ” จอมหยั่งเชิง เขาไม่อยากพูดเรื่ององค์กรออกมาตรงๆ ถ้าอีกฝ่ายไม่เริ่มก่อน

“ถ้าเรารู้จักเจ้าของจริง บอกได้ไหมล่ะว่าเจ้าของที่นี่หมายเลขอะไร” สารวัตรถามเป็นนัย ถ้าเด็กหนุ่มตรงหน้ารู้เรื่องขององค์กรจริง ก็คงจะเข้าใจในสิ่งที่เขาถาม

“สารวัตรหมายถึงเบอร์ศูนย์ใช่ไหมล่ะครับ ผมก็พอรู้เรื่ององค์กรอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ทราบทั้งหมดหรอกนะครับ สารวัตรคงรู้มากกว่า เพราะร่วมงานกันอยู่ จริงๆ ที่รู้บ้างเพราะผมก็โดนองค์กรเล่นงานมาพอสมควร” จอมนึกไปถึงการลงโทษอันน่าอับอายสารพัดที่บอสทำกับเขา แล้วสาบานกับตัวเองว่า จะไม่ทำอะไรที่ทำให้มีโอกาสไปเป็นนักโทษขององค์กรอีกแน่ๆ

สารวัตรทำท่าเห็นใจแล้วถามต่อ

“เราเป็นเจ้าของร้านนี้จริงๆ เหรอ นึกว่าของบอสซะอีก ไปหาตังค์มาจากไหนลงทุนนี่ ทำเรื่องผิดกฎหมายมาหรือเปล่า”

“โอ๊ย ใครจะกล้าครับ ผมเข้ามาพัวพันกับองค์กรขนาดนี้ ถ้าทำเรื่องไม่ดีขึ้นมา ผมก็โดนองค์กรจับไปลงโทษแย่สิครับ ขนาดโดนไปนิดหน่อยยังเข็ดจนตาย” จอมนึกถึงบทลงโทษขององค์กรที่เขาโดนมากับตัวเองและที่ได้ยินได้ฟังมา แล้วอดสยองไม่หาย

“งั้นเรื่องเป็นมายังไงล่ะ น่าสนใจดี ถ้าเราสะดวกไปคุยกันหน่อยซิ พอดีเพื่อนฉันรอนั่งรออยู่นานแล้ว ไปนั่งเล่าให้ฟังด้วยกันหน่อย แต่ไม่ต้องพูดถึงองค์กรล่ะ เดี๋ยวจะวุ่นวายเกินไป” เสือชวน

จอมที่ทำเครื่องดื่มที่สองเพื่อนซี้สั่งไว้เสร็จพอดีรับคำ เขาเรียกเด็กคนหนึ่งให้มาเฝ้าที่หน้าเคาเตอร์แทน แล้วปลดผ้ากันเปื้อนออกเตรียมจะเอาเครื่องดื่มเดินตามสารวัตรเสือไปนั่งคุยกัน นายตำรวจหนุ่มสังเกตเห็นว่าจอมที่ตอนนี้นุ่งกางเกงในตัวเดียวไม่ได้สักลายแบบเดียวกับเด็กเสิร์ฟคนอื่นไว้ก็เอ่ยปากถาม

“ไม่เห็นเรามีรอยสักอันเล็กๆ เหมือนคนอื่นเลย”

“ผมก็เคยมีครับตอนทำงานล้างรถ จริงๆ มันเป็นสติ๊กเกอร์แทตทูที่องค์กรเขาออกกฎให้แปะไว้เวลาทำงาน มันถูออกทีหลังได้ ส่วนน้องๆ ที่มาช่วยงานส่วนใหญ่ก็มีอยู่แล้วเพราะยังทำงานล้างรถอยู่ แต่คนที่มาเสิร์ฟอย่างเดียวเบอร์ศูนย์ก็แนะนำให้ติดไว้ทุกคนเหมือนกันครับ”

“เขาให้ติดไว้ทำไมเหรอ”

“ไม่รู้เหมือนกันครับ เคยถามเบอร์ศูนย์เขาก็บอกว่าเป็นความลับ แต่ก็แย้มๆ มาทีหลังว่าไว้ปกป้องความเป็นส่วนตัวของเด็กที่มาทำงานล้างรถ”

มันยังไงกันนะ จะเกี่ยวกับที่เพื่อนของเขาไม่สามารถส่งรูปที่แอบถ่ายออกไปให้คนอื่นได้หรือเปล่า นี่อาจเป็นมาตรการอย่างหนึ่งที่ปกป้องน้องๆ เยาวชนที่ต้องมาทำงานพวกนี้ในชุดวาบหวิว สารวัตรคิด คราวหน้าถ้าเขาเจอกับบอสเขาจะลองถามดู
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 19] 02/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 02-10-2015 21:41:01
ทั้งคู่เดินไปยังโต๊ะด้านนอกที่นายทหารเรือนั่งรออยู่ ตรงสวนหย่อมที่อยู่ติดกันนั้นจอมทำเป็นลานออกกำลังกายขนาดย่อมๆ มีอุปกรณ์ฟิตเนสแบบง่ายๆ ให้เด็กๆ ที่เสร็จงานล้างรถแล้วมาเล่นกัน  ผลพลอยได้ก็คือเป็นอาหารตาของคนที่มานั่งดื่มกาแฟที่ร้านของเขา ตัวอย่างก็เพื่อนของสารวัตรที่นั่งน้ำลายหกมองหนุ่มๆ นุ่งกางเกงตัวเดียวหลายคนที่ยกเวทอยู่บ้าง โหนบาร์อยู่บ้างละลานตาไปหมด

สารวัตรแนะนำให้สองคนรู้จักกันแบบคร่าวๆ แล้วชวนจอมนั่งคุยต่อเป็นการฆ่าเวลาเพราะนัดเพื่อนไว้ค่ำๆ นายทหารเรือส่งสายตาโลมเลียจอมในชุดกางเกงในตัวจิ๋วตัวเดียวแล้วทำท่าทางตื่นเต้นระริกระรี้

“มึงรู้จักกับน้องเขาด้วยเหรอว่ะ น้องครับจำพี่ได้หรือเปล่า น้องเคยล้างรถให้พี่น่าจะซักสองครั้งได้ แล้วพี่ก็มาอุดหนุนกาแฟที่ร้านนี้หลายทีแล้ว”

“จำได้สิครับ พี่เป็นทหารเรือใช่ไหม ผมเคยเห็นพี่ใส่เครื่องแบบมาด้วย เด่นจะตายทำไมจะจำไม่ได้” จอมตอบ เขาเคยเห็นคนตรงหน้าใส่เครื่องแบบสีขาวสะดุดตามาใช้บริการหลายครั้ง

“โอ๊ยดีใจ มาๆ นั่งคุยกันหน่อย พี่ชอบลายสักมังกรของน้องมากเลยนะ” ทหารเรือหนุ่มดีใจมาก เขาติดใจใบหน้าหล่อเข้มแววตาท่าทางเอาเรื่องของหนุ่มรอยสักมังกรคนนี้มาตั้งแต่แรกเจอ

“เออ นี่กูก็ชวนมานั่งคุย จะให้เล่าให้ฟังหน่อย ว่าไปไงมาไงถึงมาเป็นเจ้าของร้านกาแฟได้ เมื่อไม่กี่เดือนก่อน จอมมันยังเป็นเด็กแว้นอยู่เลย กูไปสกัดจับมายกแก็งค์เองแหละ” เสือปูพื้นให้เพื่อนฟัง

“จริงเหรอ ว่าแล้วท่าทางนักเลงไม่เบา” หนุ่มลูกทัพน้ำมองจอมอย่างทึ่งๆ

“ต่อจากที่คุยค้างไว้ ตกลงแล้วเราเอาเงินที่ไหนมาเปิดร้านใหญ่ขนาดนี้นะ” สารวัตรเริ่มบทสนทนาที่คุยค้างไว้

“ที่มามันก็ไม่น่าภูมิใจเท่าไหร่หรอกครับ จริงๆ ทีแรกเลย ผมเดือดร้อนต้องหาเงินค่าเทอมให้น้องชาย เงินเยอะอยู่เหมือนกัน ก็เลยตัดสินใจไปถ่ายแบบนู้ด ไม่ได้โป๊อะไรมากมาย ออกแนวเซ็กซี่ซะมากกว่า ก็เลยได้รู้จักกับพี่ตากล้อง แล้วก็กลุ่มเพื่อนๆ เขา ทีนี้บังเอิญว่าหนังสือขายดีขึ้นมา ทางบริษัทแม่ที่ต่างประเทศของสำนักพิมพ์ ก็เลยติดต่อมาว่าอยากจะรวมอัลบั้มภาพพิเศษของผมอีกเล่ม ทีแรกผมก็ตอบปฏิเสธไปเพราะไม่คิดจะเป็นนายแบบอย่างจริงจัง อัลบั้มแรกที่เกิดได้รับความนิยมขึ้นมา ก็คงเพราะเป็นนายแบบโนเนมหน้าใหม่ทำให้อาจจะดูแปลกตาไปบ้าง แต่ถ้าไปถ่ายหลายๆ ครั้งคนก็คงเบื่อไปเอง แต่พี่ช่างภาพก็ตื้ออยู่หลายรอบว่าสำนักพิมพ์ยินดีสู้ราคา ผมกำลังอยากจะทำร้านกาแฟอยู่พอดีก็เลยตกลง ได้เงินมาก้อนหนึ่ง”

จอมเท้าความถึงเรื่องราวที่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาในเวลาไม่กี่เดือน จากนั้นก็เล่ารายละเอียดต่อ

“ตอนนั้นผมได้ศึกษาเรื่องการทำร้านกาแฟอย่างจริงจังมาพักนึงแล้ว ก็อาศัยไปทำงานพิเศษเพื่อฝึกชงกาแฟอยู่ที่ร้านของเพื่อนที่รู้จักกันตอนมาล้างรถนี่แหละ ระหว่างนั้นผมก็หาทำเลที่จะเปิดร้านกาแฟไปเรื่อยๆ รู้สึกได้เลยว่าอาจจะเป็นเรื่องยากที่สุด เพราะเดี๋ยวนี้ร้านกาแฟมีเปิดทั่วไปแทบจะทุกแห่งหน ร้านกาแฟใหม่ๆ ถ้าไม่ได้มีจุดขายจริงๆ ก็จะต้องอยู่ในทำเลที่ดีมากๆ ถึงจะไปได้ ตอนหลังก็เลยมาปิ๊งไอเดียว่าที่ร้านล้างรถ G-Wash นี่น่าจะเหมาะ เน้นขายลูกค้าที่ล้างรถเสร็จอยากจะนั่งชิลล์ๆ ก่อนกลับ เลยใช้ชุดพนักงานแบบเดียวกันไปเลย ลูกค้าน่าจะชอบ ประหยัดผ้าดีด้วย พนักงานในร้านก็น้องๆ พนักงานล้างรถนี่แหละ คนที่ผมสนิทหน่อย เลิกล้างรถเสร็จก็มาหารายได้พิเศษที่นี่ ตอนล้างรถลูกค้าคุยกับพนักงานไม่ได้ก็มาคุยที่ร้านผมแทน จีบได้นะครับไม่หวง แต่ระวังหน่อยส่วนใหญ่ยังไม่ถึงสิบแปดเลย”

นายทหารเรือรู้สึกว่าพนักงานที่ร้านนี้เป็นจุดขายจริงๆ นั่นแหละ อาจไม่ได้ดูดีขนาดดารา แต่ก็หล่อน่ารักขี้เล่นใสๆ สมวัย ที่สำคัญคือชุดพนักงานนี่กางเกงในตัวเดียวเหมือนกับชุดล้างรถเลย อาจจะเสียเปรียบอยู่บ้างที่ไม่ได้เปียกน้ำจนแนบเนื้อ แต่ก็ชดเชยด้วยระยะที่ประชิดกว่า มากินกาแฟร้านนี้แค่ได้ดูพนักงานเดินไปเดินมาใกล้ๆ ก็คุ้มแล้ว บางคนชอบชวนลูกค้าคุยแถมไม่ค่อยหวงเนื้อหวงตัวอีก

“พอผมเอาเรื่องนี้ไปคุยกับ เอ่อ เจ้าของร้านล้างรถเพื่อขอเช่าที่ทำร้านกาแฟ เขาก็ตกลงทันทีบอกว่าคอนเซ็ปท์ตรงกันกับร้านล้างรถ น่าจะไปกันได้ แล้วก็ขอเข้าหุ้นด้วยนิดหน่อยจะได้บริหารให้เป็นธุรกิจจริงๆ เพราะพอมีหุ้นจะต้องมีการทำบัญชีเพื่อคิดเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น ก็พอดีกับเพื่อนผมคนที่บ้านทำร้านกาแฟอยู่แล้วมาช่วยแนะนำหลายๆ อย่าง ก็อยากเข้าหุ้นด้วย เลยตกลงผมเป็นหุ้นใหญ่ แล้วมีหุ้นเล็กอีกสองคน” ในตอนนั้นจอมได้เข้าไปเสนอธุรกิจนี้กับบอสโดยตรง แต่เขาเลี่ยงที่จะเล่าอย่างละเอียดเพราะสารวัตรก็เกริ่นไว้แล้วว่าเพื่อนเขาไม่ได้รู้เรื่ององค์กร

“แล้วเจ้าของร้านล้างรถนี่เป็นใครกันล่ะ พี่อยากรู้จักเหมือนกัน เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์หื่นแจ่มจริงๆ” นายทหารเรือถามถึงด้วยความรู้สึกชื่นชมจริงๆ

จอมสบตากับสารวัตรแล้วตอบผ่านๆ

“ผมก็รู้จักแค่ผิวเผินเท่านั้นแหละครับ ที่บอกว่ามาลงทุนด้วย จริงๆ ก็ไม่ได้มีเอกสารหลักฐานอะไร หุ้นที่เป็นส่วนของเขาก็ยังใช้ชื่อผมอยู่ เวลามีปันผลเขาก็ให้บริจาคเข้าพวกมูลนิธิหรือองค์กรการกุศลต่างๆ ไปเลย”

“เขาก็ไว้ใจเราดีนะ เงินที่มาลงคงหลายตังค์อยู่ ไม่กลัวโดนโกงบ้างหรือ พี่ไม่ได้หมายถึงว่าเราจะโกงนะ แค่พูดแบบทั่วไปน่ะ” นายทหารหนุ่มตั้งข้อสังเกต

จอมยิ้มๆ ไม่ได้ตอบอะไร เขาและสารวัตรแอบคิดตรงกันว่า ใครจะไปกล้าโกงองค์กรกันล่ะ คนที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรยังสนใจถามต่อ

“ถึงจะมีคนมาร่วมลงทุนด้วยบ้าง แต่ร้านสวยขนาดนี้ก็ยังน่าจะต้องใช้เงินเยอะอยู่ดีนี่”

“จริงๆ ค่าก่อสร้างและตกแต่งร้านนี้ก็ไม่ได้แพงมากนะครับ บังเอิญเพื่อนๆ ของพี่ตากล้องที่ถ่ายอัลบั้มให้ผม เขาทำงานเป็นพวกสถาปนิกและตกแต่งภายในอยู่หลายคน ก็เลยช่วยออกแบบให้ดูดี โดยไม่ต้องใช้วัสดุที่แพงมาก แต่เฉพาะตัวร้านก็หลายแสนอยู่ครับ แถมต้องมีพวกเครื่องชงกาแฟ อุปกรณ์ต่างๆ แล้วก็ค่าใช้จ่ายหมุนเวียนอีก รวมๆ ก็มากโขสำหรับผมอยู่ดี” จอมชี้แจง แต่ไม่ได้บอกออกไปว่า กว่างานออกแบบก่อสร้างจะเสร็จ เขาต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวให้กับกลุ่มนั้นที่มาช่วยงานฟรีๆ ไปตั้งเท่าไหร่

“แล้วเราไปเอาเงินมาจากไหนมากมายล่ะ ลำพังแค่ถ่ายอัลบั้มนู้ดนิดๆ หน่อยๆ ไม่น่าจะได้เงินเยอะขนาดนั้น” ทหารเรือรูปหล่อเริ่มเจาะประเด็นที่เขาสนใจ

“จริงๆ ก็ไม่นิดหน่อยเท่าไหร่หรอกครับ ก็ถ่ายแบบหมดจดเลย ออกจะอล่างฉ่างเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ยังเป็นภาพแบบแนวศิลป์นะครับ ไม่ได้เป็นหนังสือโป๊ พอดีช่างภาพเก่งมาก ถ่ายออกมาซะผมดูดีเลย แต่หนังสือขายที่ต่างประเทศนะครับ ไม่ได้ขายเมืองไทย คิดว่าน่าจะไม่ผิดกฎหมาย” จอมแอบเหลือบมองสารวัตรดูว่าจะว่าอะไรไหม

“อยากเห็นอ่ะ หนังสือชื่ออะไร เผื่อพี่จะฝากเพื่อนซื้อจากต่างประเทศ” ทหารหนุ่มตาลุดโพลงเมื่อรู้ว่าเป็นอัลบั้มรูปเปลือยติดเรต

“ชื่อ A Yakuza Boy In Bangkok ครับ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่ต่างประเทศมันมีขายที่ไหน”

“อ้าวเหรอ แต่พี่อยากดูจริงๆ นะเนี่ย ยังไงคงต้องให้เพื่อนไปลองหาดู” นายทหารเรือบอกด้วยท่าทางมุ่งมั่น

“ถ้าพี่อยากได้จริงๆ ผมก็พอมีเก็บไว้บ้างเหมือนกันครับ ทางสำนักพิมพ์ส่งมาให้ดู แต่ผมไม่รู้จะขายให้พี่เท่าไหร่ดี”

“จริงดิ พี่เอาๆ ให้ราคาตามปกเลย เดี๋ยวทิปให้ด้วย”

“จะดีเหรอครับ รู้สึกมันตั้งเจ็ดสิบเก้าเหรียญเลยนะครับ แล้วเป็นหนังสือติดเรตอย่างนี้ ไม่รู้จะโดนสารวัตรจับหรือเปล่า” จอมพูดพลางเหลือบตาไปมองทางนายตำรวจ

“มันจะจับทำไม แค่ไล่จับโจรก็งานล้นมือแล้ว เราก็อายุเกินสิบแปดแล้วไม่ใช่เหรอ ไปเอามาเลย พี่ให้สามพัน” คนที่อยากดูรูปเปลือยของคนตรงหน้าเต็มทนรีบตัดบท พร้อมเสนอราคาให้อย่างใจปล้ำ

จอมรับคำแล้วรีบเดินเข้าไปในห้องทำงานเล็กๆ ด้านในร้าน ที่นั่นไม่ได้มีหนังสือ A Yakuza Boy In Bangkok แค่เล่มสองเล่มอย่างที่บอก แต่กลับมีหนังสือใหม่เอี่ยมบรรจุใส่ลังไว้เป็นสิบลัง เขาหยิบมาหนึ่งเล่มอย่างดีใจที่ขายได้ราคาดี จอมไม่ได้คิดว่าเขาโก่งราคาลูกค้า เพราะรู้มาว่าตามร้านที่เมืองนอกก็ขายกันราคานั้นจริงๆ เพียงแต่เขาแอบได้มาจากสำนักพิมพ์ในราคาพิเศษตามที่พี่ตากล้องประสานงานให้ เรียกว่ากำไรเกินครึ่งกันเลยทีเดียว เวลาขายก็แอบๆ อ่อยกับลูกค้าที่ท่าทางดูดีมีฐานะอย่างนี้แหละ ทำเป็นเผลอเล่าเรื่องให้ฟัง อัตราความสำเร็จที่ลูกค้าสนใจและขอซื้อเกินเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ถือเป็นรายได้พิเศษที่เขาเก็บไว้เป็นทุนสำรองเผื่อมีอะไรฉุกเฉินในอนาคต

จอมรู้สึกเขินนิดหน่อยตอนเอาหนังสือมาส่งให้ นายทหารเรือไม่ได้คิดเลยว่าเขาจะอายบ้างหรือเปล่าเพราะพอได้มาก็รีบเปิดดูรูปในหนังสือที่พิมพ์ด้วยกระดาษอย่างดีทันที ในนั้นนอกจากจะมีรูปวาบหวิวเซ็กซี่ๆ เปลือยมั่งไม่เปลือยมั่งอัดแน่นเต็มอัลบั้มแล้ว รูปที่เด็ดจริงๆ ก็มีอยู่มากมายหลายรูป อย่างรูปที่จอมยืนเปลือยทั้งร่างหันหน้าส่องเข้ากระจกเต็มตัว มือประสานไว้ที่ท้ายทอยโดยมีท่อนลำที่กำลังแข็งตัวชี้ไปที่กระจก มีอีกรูปที่เขากำลังนั่งอ้าขาบนโซฟา แล้วเอามือรวบส่วนหัวของท่อนลำมาไว้ที่เหนือสะดือทำให้เห็นพวงสวรรค์ใบเขื่อง  และที่เด็ดสุดคงเป็นรูปที่เขานอนหงายบนโซฟา ปากแดงที่มีไรหนวดอ่อนแบบวัยรุ่นเผยอออกด้วยอาการหอบนิดๆ อย่างเร้าอารมณ์ รูปนี้เป็นรูปที่ถ่ายไว้หลังจากจอมปลดปล่อยออกมาชุดใหญ่ และหลักฐานของเหตุการณ์ที่ว่าก็ไม่ต้องไปมองหาที่ไหน คงต้องใช้คำว่าเจิ่งนองอยู่บนตัวของจอมเอง น้ำขาวข้นกระจายเปรอะไปทั่วทั้งหน้าท้องและหน้าอก แม้แต่สะดือของจอมก็มีน้ำเชื้อของตัวเองขังอยู่เต็ม นี่ยังไม่นับหยาดน้ำข้นคลั่กตรงปลายแท่งทวนอวบใหญ่ที่ยังไม่ยอมอ่อนตัวแม้ว่าจะปลดปล่อยไปชุดใหญ่แล้ว น้ำว่าวไหลอาบชโลมลงมาจนมันวาวน่าเกรงขามไปทั้งลำ ความคมชัดของรูปทำให้ท่อนลำที่ว่าโดดเด้งออกมากระแทกตาราวกับภาพสามมิติ

ถ้าเป็นแต่ก่อนจอมคงรู้สึกอายอยู่บ้างเหมือนกันที่เห็นรูปลับเฉพาะของตัวเองกลายมาเป็นหนังสือขายให้คนทั่วไป ถ้าเป็นเรื่องหุ่นหรือหน้าตาเขามั่นใจในตัวเองพอสมควร แต่นี่ต้องแก้ผ้าโชว์แบบแข็งตัวซึ่งเขาคิดมาตลอดว่าของตัวเองมันใหญ่จนน่าตลก แต่ถ้าคนอ่านชอบกันขนาดที่สำนักพิมพ์ยอมจ่ายค่าตัวเขาตั้งหลายแสนเพื่อจะพิมพ์อัลบั้มเฉพาะกิจที่เขากำลังถืออยู่ในมือเล่มนี้ เขาก็จะตัดความไม่มั่นใจนั้นออกแล้วถือว่ามันเป็นงานอย่างหนึ่งแล้วกัน

สารวัตรหนุ่มมองเพื่อนตัวเองที่ร้องอู้หูอู้หาอย่างมีอารมณ์ระหว่างที่พลิกหน้าหนังสือไปเรื่อยๆ แล้วก็นึกขำในใจ นี่จะไม่สำรวมอาการหื่นบ้างเลยเหรอ ทั้งๆ ที่ตัวนายแบบก็นั่งอยู่ตรงหน้า สารวัตรก็ชำเลืองมองรูปของจอมเหมือนกันด้วยความอยากรู้อยากเห็นแล้วก็รู้สึกโล่งใจนิดหน่อยที่ตัวเองไม่ได้มีอาการอยากมากขนาดเพื่อนข้างๆ เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรแถมยังยอมรับว่าช่างภาพถ่ายทอดสรีระที่ดูดีอยู่แล้วของอดีตเด็กแว้นตรงหน้ามาได้อย่างงดงามและมีศิลปะจริงๆ แสดงว่าการที่เขารักและมีอารมณ์กับน้องคุนไม่ได้ทำให้เขากลายเป็นเกย์ไปอย่างเต็มตัวอย่างที่กังวล แต่ถึงจะเป็นเกย์ไปจริงๆ เขาก็ไม่ได้แคร์เท่าไหร่แล้ว ตอนนี้คนรอบตัวเขาหลายๆ คนก็เป็นกัน ที่สำคัญเกย์เกือบทั้งหมดที่เขาเจอมาก็ล้วนแต่เป็นคนดีและนิสัยน่าคบทั้งนั้น

“เห้ย พอก่อน เก็บไว้ดูที่บ้านบ้างก็ได้” สารวัตรตัดบท เมื่อเห็นว่าเพื่อนของเขาไม่มีทีท่าว่าจะเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือแต่อย่างใด

“โอ้ย น้องจอมนี่อย่างแซ่บ พี่ถามจริงๆ นะ รูปที่ถ่ายนี่ไม่ได้รีทัชใช่ไหม อะไรพ่อจะให้มาเยอะขนาดนี้” ทหารเรือหนุ่มยังไม่อยากเชื่อว่า เด็กหนุ่มเอวคอดรูปร่างสันทัดตรงหน้าจะมีเครื่องเคราโอฬารน่าเกรงขามขนาดนั้น

“โธ่ ของจริงสิพี่ ไว้พี่มาทานกาแฟร้านผมครบยี่สิบครั้งเมื่อไหร่ ผมพาไปดูในห้องน้ำเลย แต่อย่าจับนะครับ น้องชายผมหวง” จอมวางเหยื่อล่อ นายทหารเรือหนุ่มตรงหน้าน่าจะเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเขาได้ในอนาคต หวังว่าน้องชายร่วมโลกท้องชนกันที่พูดถึงคงไม่หวงมากนักนะถ้ามารู้ทีหลัง ทุกอย่างที่ทำก็เพื่ออนาคตร่วมกันของตัวเองและไอลูกคุณหนูคนนั้น

หลังจากนั้นก็อีกพักใหญ่กว่าสารวัตรจะลากเพื่อนทหารเรือออกมาจากร้านของได้ ส่วนตัวแล้วเขารู้สึกชื่นชมที่จอมสามารถถีบตัวเองจากเด็กแว้นที่เหมือนจะเป็นขยะสังคมให้กลายมาเป็นเจ้าของร้านกาแฟที่ขายดิบขายดีได้ เป็นการสร้างอนาคตให้กับตัวเองแถมยังช่วยสร้างงานให้กับคนในแวดวงเดียวกันด้วย ถึงจะได้เปรียบตรงที่จอมสามารถเอารูปร่างหน้าตาและขนาดที่อลังการมาแปลงเป็นเงินทุนได้ แต่การทำธุรกิจอย่างนี้ก็ไม่ใช่แค่มีเงินแล้วจะประสบความสำเร็จ จอมคงต้องศึกษาและพยายามอย่างหนักมาเช่นกัน องค์กรเองก็อาจจะมีส่วนช่วยจอมอยู่เบื้องหลังด้วย

กว่าสารวัตรเสือกับเพื่อนทหารจะมาถึงร้านอาหารที่นัดกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ไว้เวลาก็เฉียดฉิวเต็มทน ต้องโทษเพื่อนตัวดีของเขาที่นั่งแทะโลมจอมอย่างเปิดเผยไม่ยอมลุก นี่ขนาดจอมพูดเป็นนัยๆ ว่ามีคนของตัวเองอยู่แล้วนะ เขานั่งทานข้าวไปดื่มไปกับเพื่อนกลุ่มใหญ่จนเสร็จตอนเกือบสี่ทุ่ม ทั้งหมดสลายตัวแยกย้ายกันไป ที่ไม่ได้ไปไหนต่อก็เพราะหลายคนในกลุ่มมีพันธะแล้วและวีซ่าไม่ผ่านเลยต้องรีบกลับ

สารวัตรเสือถอนใจ ถ้าเป็นตอนที่น้องคุนยังอยู่กับเขา เขาก็คงรีบกลับเหมือนกัน เขาโทรไปคุยกับน้องคุนก็ได้แค่พอชื่นใจเพราะอีกฝ่ายกำลังโหมอ่านเตรียมสอบใหญ่พรุ่งนี้ เขาเตรียมตัวจะเดินออกไปแทกซี่กลับบ้านที่ด้านหน้าเพราะเพื่อนทหารเรือกลับไปก่อนแล้วเห็นว่าต้องไปทำธุระให้อาม่าก็พอดีผ่านโซนที่เป็นผับและมีดนตรีสดเลยตัดสินใจว่าจะลองเข้าไปดู ถ้าบรรยากาศดีก็จะนั่งดื่มชิลล์ๆ แก้เซ็งเพราะไม่รู้จะรีบกลับไปทำไม

ภายในผับยามสี่ทุ่มมีคนคึกคักอยู่พอสมควร หลังจากเดินดูบรรยากาศไปรอบๆ เห็นว่าใช้ได้ ดนตรีก็เล่นดี สารวัตรก็เลยมายืนเล็งๆ อยู่ว่าจะเข้าไปนั่งที่บาร์หรือเปิดโต๊ะไปเลยดี ในตอนนั้นเองก็มีคนเข้ามาทัก

“โทษครับ สารวัตรพยัคฆ์ จำผมได้ไหม”

……………………………………………….

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 19] 02/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 03-10-2015 05:38:28
มาต่อแล้ว
 o13
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 19] 02/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 03-10-2015 10:28:51
มาแว้วววว แต่จอมก็แอบร้ายนะ ฮ้าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 19] 02/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 03-10-2015 13:51:06
รอนานมาก ชอบๆ ตอนนี้มีจอมออกมาด้วย แต่ยังไงชอบอ่านตอนบอสกับโป๊ปมากกว่า มาต่อเร็วๆ นะ  :call:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 19] 02/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 03-10-2015 22:50:56
สนุกมากๆอยากอ่านอีก เอาอีกๆ :haun4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 19] 02/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 04-10-2015 07:05:46
เพื่อนทหารเรือของสารวัตรแอบถ่ายคลิปจริงๆ ด้วยอ่ะ งั้นจอมไม่มีสติ๊กเกอร์แทตทูติดจะไม่โดนแอบถ่ายเหรอ หรือว่าเต็มใจ เพราะเดี๋ยวนี้ดูจอมจะใจกล้าขึ้นเยอะนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 19] 02/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 04-10-2015 15:17:11
อยากอ่านเรื่องของหมอพฤษต่อจังเลยค่า ชอบคู่นี้
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 19] 02/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 05-10-2015 01:14:30
จอมร้ายกาจมาก อ่านแล้วอยากได้โฟโต้บุคเลย
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 19] 02/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: lovely tham ที่ 05-10-2015 04:09:15
[พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ] :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
อยากอ่านขอลงคึนนี้อีก
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 20] 09/10/15 Warning SM
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 09-10-2015 23:04:16
ขอบคุณทุกๆ คนมากครับที่ยังติดตามกันอยู่และมาช่วยเม้นท์เป็นกำลังใจกัน ขนาดคราวก่อนโน้นหายไปตั้งเดือนกว่า

ช่วงนี้ชีวิตกลับมาปกติแล้ว จะพยายามมาต่อให้ได้อาทิตย์ละครั้งนะครับ ตอนนี้เขียนตุนอยู่
แล้วก็เพิ่งได้เข้าไปเห็นว่าในกระทู้นิยายแนะนำ มีเพื่อนๆ ช่วยเข้าไปแนะนำเรื่องนี้กันอยู่ เรื่องเฉพาะทางที่แต่งตามใจคนเขียนยังมีคนเห็นคุณค่า ขอบคุณมากครับ j123 lovely tham buzeative

มาต่อกันเลยครับจากตอนที่แล้ว อ่านตอนนี้เสร็จมีเรื่องปรึกษาหน่อยครับ
สำหรับแฟน 0-1 คราวหน้ามาแน่ครับ ส่วนแฟนพิชยะ แฮ่ะๆ ยังไม่ได้แต่งเลย มีพล๊อตในหัวอยู่บ้างแต่ยังไม่ลงตัว จะพยายามนะครับ

-------------------------------------------

องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 20

“โทษครับ สารวัตรพยัคฆ์ จำผมได้ไหม”

สารวัตรหันไปมอง พบว่าคนที่เข้ามาทักเป็นหนุ่มหน้าตี๋ใส่แว่นวัยไล่เลี่ยกันกับเขา

“จำได้สิครับ ที่มาช่วยสอบบัญชีคดีผู้บริหารฉ้อโกง สบายดีไหมครับ ตั้งแต่จบงานนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย วันนี้มาเที่ยวเหรอครับ ยังไงเรียกผมว่าเสือแล้วกัน มาที่อย่างนี้ ไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ว่าเป็นตำรวจเท่าไหร่”

สารวัตรทักทายกลับอย่างเป็นกันเอง ผู้ตรวจสอบบัญชีคนนี้ทำงานให้กับองค์กรจึงจัดว่าเป็นคนที่ไว้ใจได้ และที่ผ่านมาก็ช่วยเขาไว้เยอะในการทำคดีพ่อเลี้ยงวิปริตของน้องคุน

“ได้ครับคุณเสือ งั้นก็เรียกผมอาร์ตละกัน วันนี้แต่งตัวอย่างนี้ดูวัยรุ่นไม่เบานะครับ มากับเพื่อนเหรอครับ ได้โต๊ะหรือยัง”

“อ๋อ มาทานข้าวกับเพื่อนที่อีกโซนนึงนะครับ แต่ตอนนี้กลับกันไปหมดแล้ว ผมว่าจะมานั่งจิบอะไรที่เคาเต้อร์บาร์ซักหน่อยก่อนกลับ”

“งั้นถ้าไม่รังเกียจ มานั่งกับพวกผมไหมครับ มากันไม่กี่คนเอง ตอนนี้ก็เมากันไปพอสมควรแล้ว”

“ก็ดีครับ ไปนั่งที่บาร์คนเดียวก็คงเหงาๆ แนะนำผมว่าเป็นเพื่อนที่เคยร่วมงานกันก็แล้วกัน”

สารวัตรเดินตามหนุ่มตี๋อาร์ตไปที่โต๊ะและได้รับการแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม ได้ความว่าเป็นเพื่อนสมัยเรียนที่คณะบัญชี แต่ละคนออกอาการกรึ่มๆ อยู่ไม่น้อย แต่ก็ทักทายต้อนรับเสืออย่างเป็นมิตร จากนั้นวงเหล้านี้ก็คุยกันเสียงดังต่ออย่างไม่ต้องเกรงใจใครเพราะโต๊ะที่นั่งค่อนข้างอยู่แอบเข้าไปหลืบอย่างเป็นส่วนตัวมากกว่าโต๊ะอื่นๆ จนอาจเรียกได้ว่าเป็นโต๊ะวีไอพี สารวัตรนั่งจิบเหล้าไปเรื่อยๆ เขาฟังเรื่องที่คุยกันในวงรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่ก็สนุกดี ถึงเป็นบรรดาหนุ่มนักบัญชีที่ดูเนี๊ยบๆ แต่พออยู่ในวงเหล้าก็เฮฮาไม่ต่างจากเพื่อนๆ ตำรวจทหารของเขาเหมือนกัน ฟังไปเพลินๆ ก็มีเรื่องที่สะดุดหูขึ้นมา

“แล้วตกลงตอนนี้นายไปรับตรวจบัญชีเอง เป็นไงบ้างวะ” เพื่อนคนหนึ่งในวงถามอาร์ตขึ้นมา

“นั่นสิ อยู่บริษัทผู้สอบบัญชียักษ์ใหญ่อย่างนั้น แถมจะได้เป็นพาร์ทเนอร์อยู่แล้ว ดันลาออกซะได้ กิจการตอนนี้เป็นไงแล้ว” อีกคนก็ถามต่อ ท่าทางเป็นห่วง

“ก็ดีนะ มาทำของตัวเองก็เป็นอิสระดี มีเวลาไปทำเรื่องที่อยากทำ ลูกค้าเก่าๆ ที่เชื่อมือกัน เขาก็เอาพวกบริษัทเล็กๆ หรือบริษัทส่วนตัวมาให้ทำบัญชีบ้างสอบบัญชีบ้าง ลูกค้าใหม่ๆ ก็เริ่มเข้ามาเยอะ ตอนนี้เลยต้องรับน้องๆ มาเสริมทีมอีกสองสามคน พอดีของเราไม่ได้รับทำบัญชีอย่างเดียว แต่ทำเป็นคล้ายๆ ที่ปรึกษาการเงินไปด้วยในตัว เวลาเราตรวจบัญชีแล้วเจอบริษัทไหนมีจุดที่น่าปรับปรุงได้ในแง่การเงิน เราก็ส่งต่อให้พี่ที่ทำอยู่ด้วยกันเอาไปวิเคราะห์ด้านการเงินต่อ ถ้ามีอะไรแนะนำได้ก็จะไปเสนอลูกค้าเป็นบริการเพิ่มเติม พักหลังลูกค้าเริ่มติดใจ เพราะได้กลยุทธ์ดีๆ ไปใช้ที่บริษัท แถมค่าที่ปรึกษาก็ไม่แพงมากเหมือนไปใช้พวกที่ปรึกษาการเงินจริงๆ”

“แล้วไปได้คนที่มาช่วยงานด้านนี้จากไหนนะ คงต้องเก่งมากๆ เลยถึงจะไปทำแข่งกับพวกบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินใหญ่ๆ ไหว”

“พี่เขาเป็นอดีตซีเอฟโอบริษัทมหาชนเลยนะ เรื่องการเงินนี่เก่งจริง พอออกมาแล้วก็วางมือชั่วคราว ตอนนี้มาช่วยงานเราแบบไม่ออกหน้า นี่เรานัดพี่เขาไว้ให้มาที่นี่ด้วย พวกนายจะได้รู้จัก จริงๆ พี่เขาก็อยู่กับเราที่โฮมออฟฟิซแหละ แต่พอดีตอนเย็นพี่เขาขอไปเยี่ยมลูกเลยจะตามมาทีหลัง”

สารวัตรนั่งฟังไปก็ตงิดใจ โปรไฟล์แบบนี้มันไอพ่อเลี้ยงของน้องคุนชัดๆ แต่ทำไมถึงมาทำงานกับอาร์ตที่เป็นคนเอาตัวมันเองเข้าคุกได้ ถ้าคนที่พูดถึงเป็นไอชั่วนั่นจริงก็คงจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

“พูดถึงก็มาพอดีเลย พี่เอ็กซ์ ทางนี้ครับ”

นักบัญชีหนุ่มรีบลุกออกจากโต๊ะไปส่งเสียงเรียกคนที่นัดไว้ เสือมองตามก็พบกับพ่อเลี้ยงวิปริตของน้องคุนจริงตามที่คาดไว้ เพิ่งรู้ว่าชื่อเล่นชื่อเอ็กซ์ อดีตผู้บริหารหนุ่มใหญ่มาในชุดสูทครบชุดเหมือนจะไปทำงานมากกว่าจะมาในสถานที่บันเทิงยามค่ำคืนแบบนี้ ถึงจะขยะแขยงคนที่มาใหม่แค่ไหน แต่สารวัตรก็อดยอมรับไม่ได้ว่าอดีตนักโทษที่ถูกให้รอลงอาญาไว้คนนี้มีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาภูมิฐานเหมาะกับชุดสูทที่ใส่มามาก

เสือนึกถึงเรื่องที่อาร์ตเล่าแล้วก็ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ นี่แสดงว่าพอดำเนินคดีเสร็จแล้วองค์กรรับไปจัดการต่อ ตัวพ่อเลี้ยงก็ถูกส่งมาอยู่กับหนุ่มนักบัญชีคนนี้ จะให้มาโดยตรงหรือผ่านการประมูลอะไรยังไงเขาไม่ค่อยรู้รายละเอียดเท่าไหร่ แต่ฟังๆ ดูก็ไม่ได้ลำบากตรงไหน แค่มาช่วยทำงานการเงินให้ ตัวหนุ่มนักบัญชีเองก็ดูสุภาพเรียบร้อยไม่น่าจะสร้างความลำบากอะไรให้ไอชั่วที่กำลังเดินมาได้ องค์กรน่าจะมีวิธีทำโทษที่สาสมความผิดมากกว่านี้ เขารู้สึกผิดหวังมากที่อุตส่าห์ช่วยปรับสำนวนคดีไม่ให้ตัวพ่อเลี้ยงไปติดคุกจริงๆ เพราะหวังจะให้มารับโทษกับองค์กรอย่างเต็มที่

พอถึงโต๊ะ เอ็กซ์หันมาเห็นสารวัตรเสือแล้วชะงักเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรเพิ่มเติม นักบัญชีหนุ่มแนะนำเพื่อนๆ ในโต๊ะให้รู้จัก มีบางคนจ้องมองหน้าคนที่เพื่อนพามาแนะนำอย่างข้องใจ แต่ก่อนที่จะมีใครได้ถามอะไร เอ็กซ์ก็พูดกับอาร์ตว่า

“เดี๋ยวผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”

หนุ่มนักบัญชีพยักหน้าแล้วตอบกลับเบาๆ ว่า

“กลับมาเร็วๆ นะครับ เสร็จแล้วไม่ต้องรูดซิปขึ้น”

สารวัตรหันหน้าไปมองอาร์ตทันที เขาสงสัยว่าหูฝาดไปหรือเปล่า มองไปที่คนในโต๊ะก็ไม่เห็นมีใครสะกิดใจอะไร ไม่รู้ว่าไม่ได้ยินหรือเขาฟังผิดคนเดียวกันแน่ แต่แล้วความสนใจของเขาก็ถูกดึงไปที่บทสนทนาในวง

“เฮ้ย นั่นมันซีเอฟโอคนที่เป็นข่าวโกงแล้วตกแต่งบัญชีบริษัทไม่ใช่เหรอ” เพื่อนคนหนึ่งในวงตั้งประเด็นขึ้นทันที

“นั่นสิ กูว่าใช่นะ หล่อๆ อย่างนี้ไม่น่าเป็นคนอื่น ไปไงมาไงวะ หรือศาลเขาตัดสินแล้วว่าไม่มีความผิด แต่ไม่น่าจบเร็วอย่างนี้นะ ปกติพวกตำรวจชอบดองคดีจะตาย” อีกคนตอบรับแถมวิจารณ์การทำงานของตำรวจจนเสืออดรนทนไม่ได้ต้องแทรกขึ้นมา

“เรื่องจบแล้วครับ ศาลตัดสินจำคุกสองปีแต่ให้รอลงอาญาไว้ เห็นตำรวจเขาก็ทำคดีนี้เต็มที่เหมือนกัน”

“คุณเสือก็ทราบเหรอครับ นึกว่าคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการการเงินจะไม่สนใจคดีพวกนี้ซะอีก”

“พอดีผมอ่านเจอในหนังสือพิมพ์น่ะครับ” เสืออ้อมแอ้มตอบ

“งั้นก็ผิดจริงสินะ เสียดายแทน อุตส่าห์เป็นถึงผู้บริหารรุ่นใหม่อนาคตไกล หน้าตาก็ดีมากๆ ด้วย ว่าไงอาร์ต นายเอามาทำงานด้วยอย่างนี้จะไม่เสียชื่อเสียงเหรอ” เพื่อนคนเดิมออกปากถาม

“ก็ไม่เกี่ยวนี่ เรื่องความผิดก็ว่ากันไป มันก็มีบทลงโทษของมันอยู่ แต่เรื่องงานเขาก็เก่งจริง แล้วเราก็ไม่ได้ให้เขาออกหน้าด้วย ไม่มีปัญหาหรอก เดี๋ยวพี่เขากลับมาร่วมวงด้วยพวกนายก็อย่าพูดเรื่องนี้แล้วกัน อ้อ แล้วก็มีอีกอย่างที่ต้องเตือนไว้ พี่เอ็กซ์แกเป็นพวกชอบทำอะไรแปลกๆ น่ะ ยิ่งถ้าดื่มพอกรึ่มๆ อาจจะเผลอแก้ผ้าแก้ผ่อนหรือทำอะไรแปลกๆ ออกมาบ้าง ก็อย่าถือสาอะไรนะ”

“เฮ้ย จริงดิ กูชอบๆ จะเป็นไรไป พวกเราทั้งแก๊งค์ไม่เกย์ก็ไบอยู่แล้วนี่ ให้แก้จริงเถอะ หล่อๆ อย่างนี้ ถึงเป็นแก่กว่าพวกเรา แต่ทั้งหน้าทั้งหุ่นนี่เป๊ะกว่าพวกหนุ่มๆ อีก เอ่อ คุณเสือคงไม่ถือใช่ไหมครับ”

ประโยคหลังหันมาถามสารวัตรซึ่งเขาก็งึมงำตอบไปว่าไม่เป็นไร ใช่ เขาไม่ถือ แต่จากข้อมูลที่ทราบ พ่อเลี้ยงน้องคุนถึงจะชอบมีเซ็กซ์แบบซาดิสท์แต่ก็ไม่ใช่พวกชอบโชว์ของแน่ๆ ยิ่งตอนที่เขาไปรับตัวมาดำเนินคดีแล้วถูกเบอร์ศูนย์แกล้งให้สวมกางเกงในโชว์ก้นแค่ตัวเดียวเดินออกมานั้น อดีตซีเอฟโอก็มีท่าทางอายจนแทบจะแทรกแผ่นดิน เพราะฉะนั้นนิสัยชอบโชว์ที่ว่าคงเป็นนิสัยที่อุปโลกน์ขึ้นมาใหม่แน่ แต่จะโดยใครหรือเป็นมากน้อยแค่ไหนคงต้องรอดูกันไป

“ถ้าไม่มีใครรังเกียจก็ดีแล้ว เรื่องบางเรื่องมันห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ ถ้าเกิดอะไรขึ้น พวกนายก็ทำเฉยๆ ไว้แล้วกัน ไม่อยากให้พี่เขารู้สึกไม่ดี”

คนในโต๊ะพยักหน้ารับคำ ก็พอดีกับที่อดีตผู้บริหารหนุ่มใหญ่เดินกลับมาจากห้องน้ำด้วยท่าทางปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกติคือซิปกางเกงที่ยังรูดลงจนสุดเห็นชายเสื้อเชิร์ตขาวโผล่มาจากด้านในอย่างชัดเจน สายตาคนในโต๊ะจับจ้องไปที่จุดเดียวแต่ไม่มีใครพูดอะไร เสือคิดในใจว่ากว่าจะเดินจากห้องน้ำมาถึงนี่ไม่รู้ว่าผ่านสายตาคนมากี่สิบคนแล้ว ถึงในผับจะค่อนข้างมืด แต่ชายเสื้อขาวตัดกับกางเกงดำนี่มันเห็นได้ชัดตั้งแต่ระยะไกล

“มาๆ นั่งเลยครับพี่เอ็กซ์ ผสมอะไรดี โซดาน้ำเหมือนเดิมนะครับ”

หนุ่มนักบัญชีจัดแจงให้เอ็กซ์เข้ามานั่งที่โซฟาตัวยาวแทรกระหว่างตัวเองกับนายตำรวจหนุ่ม เสือขยับตัวออกเล็กน้อยไม่ให้เบียดเกินไป พออยู่ในท่านั่งรอยแยกของซิปที่ไม่ได้รูดยิ่งอ้าออกจนเห็นได้ชัด

“ว่าแต่ใส่มาเต็มยศอย่างนี้ หล่อก็จริง แต่มันดูเยอะไปไหมครับ ถอดสูทกับเน็คไทออกก่อนสิ จะได้ไม่อึดอัด” อาร์ตพูดด้วยโทนเสียงเรียบๆ ซึ่งเสือไม่แน่ใจว่าเป็นคำแนะนำหรือเป็นคำสั่ง

เอ็กซ์ทำตามอย่างว่าง่าย เขาถอดสูทออกมาพาดไว้กับโซฟาแล้วปลดกระดุมคอเสื้อเชิร์ตแบะออกหลังถอดเน็คไท คนในโต๊ะต่างก็อึ้งอีกครั้งเมื่อเห็นปลอกคอหนังที่ตอกหมุดสีเงินสวมอยู่ที่รอบคอของหนุ่มใหญ่

“เอ่อ พี่เอ็กซ์ใส่ปลอกคอด้วยเหรอครับ แปลกดี” มีคนในโต๊ะอดรนทนไม่ไหวโพล่งถามขึ้นมา

“นี่เหรอ เอ่อ.. คือ.. อ๋อ มันเป็นคล้ายๆ สร้อยคอที่ทำจากหนังน่ะครับ ลูกชายผมบอกว่ากำลังนิยม ผมเลยลองใส่เล่นๆ ดูวัยรุ่นดี” เอ็กซ์ตอบติดๆ ขัดๆ

คนถามนึกในใจว่าสร้อยคออะไรทำไมถึงเส้นใหญ่อย่างนี้ นี่มันเหมือนปลอกคอหมาชัดๆ แต่ก็ไม่อยากทำให้คนที่เพิ่งรู้จักอึดอัด เลยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“พี่เอ็กซ์ลูกโตยังครับ เรียนอยู่โรงเรียนไหน”

“โตแล้วครับ เรียนอยู่ปีหนึ่งแล้ว”

เสียงฮือฮาดังมาจากรอบโต๊ะ

“ลูกเข้ามหาลัยแล้ว พี่เอ็กซ์อายุเท่าไหร่กันแน่ครับ ตอนแรกผมว่าไม่น่าจะแก่กว่าพวกผมเท่าไหร่ ซักสามสิบห้าสามสิบหก”

“อย่าเพิ่งตอบครับพี่ พวกนายลองทายดูสิ” อาร์ตตั้งเป็นคำถามขึ้นอย่างนึกสนุก

“เฮ่อะ เดี๋ยวนี้ดูกันยาก ตัวช่วยมันเยอะ เลเซอร์ โบทอกซ์ ร้อยไหม คลินิกเกลื่อนเมือง เคยเห็นในฟิตเนส บางคนหน้าตึงใสเลย แต่ขอโทษครับ พอถอดเสื้อออกมาข้างในเหี่ยวหมดแล้ว คงไม่มีงบทำทั้งตัว” คนนึงในโต๊ะพูดออกมาแบบไม่เกรงใจ

“งั้นแฟร์ๆ พี่เอ็กซ์ถอดเสื้อเลยดีกว่าครับ” อาร์ตบอก

เอ็กซ์ถอดเสื้อเชิร์ตที่สวมออกทันที เขามีกล้ามเนื้อที่แน่นตึงผิดคนวัยเดียวกัน กล้ามแขน กล้ามหน้าอก และกล้ามหน้าท้องก็ชัดได้รูปราวกับนายแบบ หน้าอกและหน้าท้องมีขนขึ้นเป็นไรสีดำตัดกับสีผิวขาวๆ อย่างน่าดู หัวนมสีชมพูเข้มก็ดึงดูดสายตาไม่น้อย แต่ท่ามกลางความขาวเนียนก็ยังมีคนตาดีบางคนเห็นรอยแดงๆ เหมือนถูกหนีบอยู่หลายแห่งตามแผงลำตัวล่ำ แต่ก็เลือกที่จะไม่เอ่ยอะไรออกมา

“เอ้าว่าไงครับ เห็นแบบนี้แล้วทายว่าอายุเท่าไหร่กัน” อาร์ตไล่ถามคนในโต๊ะ

“โหย ซ่อนรูปมากเลย กล้ามงี้อย่างฟิต ผมว่าพี่เพิ่งสามสิบห้าอ่ะ น่าจะมีลูกตั้งแต่ยังวัยรุ่น” คนในโต๊ะประเมินเอาจากรูปร่างหน้าตา

“ผมสี่สิบสองแล้วครับ มีลูกตอนอายุยี่สิบสาม” เอ็กซ์ตอบพร้อมขยายความเรื่องลูก

เสียงฮือฮาดังขึ้นอย่างไม่เชื่อว่าหุ่นดีขนาดนี้จะเข้าวัยสี่สิบแล้ว

“พี่เอ็กซ์ยังมีอะไรเด็ดๆ ที่เราคาดไม่ถึงอีกเยอะ มาๆ ลองมาเดาเรื่องนี้กัน เห็นเป็นผู้ใหญ่ชอบแต่งตัวเป็นทางการอย่างนี้ ลองทายซิว่า วันนี้พี่เอ็กซ์ใส่กางเกงในสีอะไร” อาร์ตมีคำถามใหม่มาให้เล่น

“สีขาว” คนที่เมาๆ หน่อยเริ่มทายกันอย่างนึกสนุก

“สีดำ”

“ไม่น่าใช่ ไม่งั้นมันธรรมดาไป ไออาร์ตคงไม่เอามาทาย สีแดงแรงฤทธิ์ใช่เปล่า”

จริงๆ เสือรู้คำตอบแล้วตั้งแต่ตอนเอ็กซ์ถอดเสื้อออก เขานั่งอยู่ใกล้สุดจึงมองเห็นทะลุเข้าไปในช่องซิปที่เปิดอ้าออกโดยไม่มีชายเสื้อมาบัง แต่เขาคงไม่ตอบออกไปเพราะอยากรู้ว่าเรื่องจะดำเนินต่อไปอย่างที่เขาคิดไว้หรือไม่

“ใครจะทายอีกไหม.... โอเค งั้นให้พี่เอ็กซ์เฉลยเลย โชว์หลักฐานด้วยนะพี่” อาร์ตหันหน้าไปบอกเอ็กซ์

เอ็กซ์ลุกขึ้นยืน ปลดตะขอกางเกงออก แล้วอ้าสาบกางเกงแอ่นโชว์ให้คนในโต๊ะเห็นชัดๆ ทุกคนมองตาแทบถลนเมื่อเห็นเส้นไหมรกทึบปกคลุมฐานอวัยวะเพศอยู่ลางๆ

“สรุปว่าไม่ได้ใส่นะครับ ไม่มีใครทายถูก” อาร์ตประกาศเสียงดังอย่างชอบใจ

เอ็กซ์รีบนั่งลงทันที ท่าทางดูอับอาย แต่ก็ไม่ได้ใส่เสื้อหรือติดตะขอกางเกงและรูดซิปกลับ จากนั้นวงเหล้าก็ดำเนินต่อ แต่รู้สึกว่าโชว์ของเอ็กซ์เมื่อสักครู่จะทำให้บทสนทนาลามไปที่เรื่องใต้สะดือมากขึ้น เฟรนช์ฟรายที่สั่งไปเพิ่มเติมเพื่อเป็นกับแกล้มถูกยกมาเสิร์พพร้อมกับเครื่องจิ้มเป็นซอสมะเขือเทศและมายองเนส หนุ่มนักบัญชีเอานิ้วจิ้มไปที่ถ้วยมายองเนสเข้ามาดูใกล้ๆ แล้วบ่นว่า

“อยากจิ้มมายองเนสกินกับเฟรนช์ฟรายจัง แต่กลัวเลี่ยน เดี๋ยวนี้ชอบทำมายองเนสมาซะหวานเลย งั้นพี่เอ็กซ์ช่วยชิมให้หน่อย ดูดให้เหมือนอย่างว่าเลยนะ เสร็จแล้วเลียให้สะอาดด้วย”

เอ็กซ์คว้านิ้วเปื้อนมายองเนสของหนุ่มบัญชีไปอมทันที เขาเม้มปากแล้วรูดเข้ารูดออก บางจังหวะก็วนปากไปรอบๆ นิ้ว  แลบลิ้นออกมาแล้วลากไปตามความยาวของนิ้ว ท่าทางและน้ำลายปนมายองเนสที่ไหลยืดออกมาทำให้เหมือนเอ็กซ์กำลังทำสิ่งนั้นจริงๆ ยิ่งพออาร์ตเอามือข้างที่ว่างมาจับหัวเอ็กซ์โยกเข้าโยกออก ก็ทำให้ทุกคนในโต๊ะอ้าปากหวอตามไปด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่สารวัตรรู้สึกว่าอาร์ตน่าจะไม่ใช่นักบัญชีเนิร์ดๆ ธรรมดาๆ อย่างที่เข้าใจ

“โอ๊ย ทำอะไรกันวะ เสียวไปไหม พี่เอ็กซ์ก็ไปตามใจแม่ง” หนึ่งในสมาชิกร่วมโต๊ะโพล่งขึ้นมา ยิ่งดึกก็ยิ่งเมา ทำให้ภาษาที่ใช้ในวงนี้ดูรุนแรงขึ้นจากตอนแรก

“ต่อให้ยิ่งกว่านี้ พี่เอ็กซ์ก็ไม่ขัดใจเรา มามะพี่ มาดูดนมที”

อาร์ตว่าแล้วก็คว้าตัวเอ็กซ์ที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อเข้ามา อีกมือหนึ่งก็ควานหยิบน้ำแข็งในแก้วขึ้นมาแล้วเอาไปวนๆ ที่หัวนมสีชมพูเข้มของเอ็กซ์จนตั้ง จากนั้นอาร์ตก็ก้มหน้าไปดูดเลียอย่างเมามัน เท่านั้นยังไม่หนำใจ อาร์ตเริ่มกัดไปรอบๆ หัวนมจนเริ่มมีรอยฟันแดงๆ เห็นได้ชัด

“อาร์ต เมาแล้วเปล่าวะ พอเหอะ” เพื่อนในวงถาม ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เริ่มครองสติไว้ไม่อยู่เหมือนกัน

“มันส์ชิบ ดูดนิดเดียวของขึ้นเลยเหรอพี่” อาร์ตแซวหนุ่มรุ่นพี่เมื่อเห็นของๆ เอ็กซ์เริ่มพองตัวดันกางเกงที่รูดซิปอ้าไว้จนโป่งขึ้นมา คราวนี้เห็นโคนของท่อนลำขาวอวบได้อย่างชัดเจนท่ามกลางพงหญ้าที่รกทึบ เหลือส่วนปลายที่ยังซ่อนตัวอยู่ภายในเป้ากางเกงสแล็คเนื้อดี
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 20] 09/10/15 Warning SM
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 09-10-2015 23:07:16
“ทำไมปล่อยให้ขนรกชะมัด มาๆ ผมช่วย” นักบัญชีหน้าตี๋บ่นพึมพำ แล้วก็เอื้อมมือควานลงไปในถังน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลเพื่อหยิบที่คีบน้ำแข็งขึ้นมา สารวัตรมองตามด้วยความหวาดเสียวเมื่อเห็นอาร์ตจ่อฟันปลาแหลมคมของที่คีบน้ำแข็งไปที่เป้าของเอ็กซ์ คนในโต๊ะที่นั่งห่างๆ ออกไปต่างลุกขึ้นยืนมามุงดูราวกับจะเป็นสักขีพยานกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

“ผมช่วยถอนให้นะครับ เผื่อตรงนั้นจะได้ดูเด็กลงอีก”

ว่าแล้วอาร์ตก็คีบฟันปลาไปบนกลุ่มเส้นขนที่ปกคลุมหัวหน่าวของเอ็กซ์แล้วออกแรงดึงจนเส้นขนที่ถูกขบอยู่ระหว่างซี่หลุดออกมาทีเดียวเป็นสิบๆ เส้น คนที่มุงดูทั้งโต๊ะสะดุ้งโหยงไปกับจังหวะการกระตุกที่รุนแรงจนเสียวท้องน้อยแทน ไม่ต้องพูดถึงคนที่ถูกถอนขนตัวจริงที่ตอนนี้เกร็งไปทั้งตัวใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด ท่อนลำอวบหดตัวลงทันที หนุ่มนักบัญชีหน้าตี๋ที่ตอนนี้เริ่มเผยพฤติกรรมด้านมืดไม่สมกับใบหน้าใสๆ เนิร์ดๆ ออกมาไม่ได้แสดงอาการเห็นใจอะไร แถมยังเอาขนที่ถอนออกมาได้ไปทิ้งไว้ในแก้วเหล้าของเจ้าของเส้นขนจนลอยฟูฟ่องเต็มไปหมด

“แบบนี้ก็สะดวกดีนะครับ ง่ายกว่าไปซอยออกอีก เดี๋ยวผมทำให้ทั่วๆ เลย”

“เห้ย พอแล้วมั๊ง พี่เขาเจ็บไปหมดแล้ว อาร์ตนายชักดูน่ากลัวแล้วว่ะ” เพื่อนบางคนในกลุ่มที่ยังพอมีสติอยู่ร้องเตือนออกมา

“ก็ไม่ได้บังคับอะไรนี่ พี่เอ็กซ์ครับ ผมว่าน่าจะทำต่อจนหายรก พี่ว่ายังไง”

“ถ้าคุณอาร์ตว่าอย่างนั้นผมก็ว่าดีครับ เชิญต่อเลย” เอ็กซ์อนุญาตท่ามกลางความไม่เข้าใจของคนที่มุงดูอยู่ ก็เห็นอยู่ว่าเจ็บจนแทบน้ำตาร่วง ทำไมถึงไม่ขัดขืนอะไรเลย

“งั้นต่อเลยนะครับ” ไม่ทันขาดคำอาร์ตก็ใช้ที่คีบน้ำแข็งอันเดิมถอนขนลับของหนุ่มใหญ่อย่างเมามันอยู่หลายครั้ง จนแก้วเหล้าของเอ็กซ์เต็มไปด้วยเส้นขนจนเกือบเต็ม เอ็กซ์หน้าซีดแต่ดวงตาแดงก่ำ เขาเจ็บจนน้ำตาไหลพรากออกมาโดยไม่รู้ตัว แถมยังกัดปากตัวเองจนห้อเลือด

“ผมว่ามันดูบางลงแล้วนะ เอ้าพี่เอ็กซ์ ลุกขึ้นยืนให้เพื่อนผมดูหน่อย” อาร์ตบอก อดีตผู้บริหารระดับสูงทำตามอย่างเชื่อฟัง เขายืนขึ้นแล้วแอ่นเป้าไปให้ผู้ร่วมโต๊ะดูทีละคนเพื่อฟังความเห็น

“ดูบางแล้วนะ”

“ใช่ๆ พอดีแล้ว ไม่ต้องทำต่อแล้ว”

“บางไปมันจะดูไม่เป็นธรรมชาตินะ พอแค่นี้แหละ”

แต่ละคนรีบตอบด้วยความสงสาร แต่พอวนมาถึงสารวัตรเสือซึ่งเป็นคนสุดท้าย นายตำรวจหนุ่มนึกไปถึงสิ่งที่เอ็กซ์ทำกับน้องคุนลูกเลี้ยงที่อายุแค่สิบห้าปี ทั้งหยดน้ำตาเทียน มัดแขนมัดขา เฆี่ยนตี ช้อตไฟฟ้า เอาบุหรี่จี้หัวนม และอีกสารพัด เขาก็แค่นยิ้มแล้วตอบว่า

“ผมว่ายังดูรกอยู่เลย ถอนอีกซักสิบทีเถอะครับ”

เอ็กซ์มองหน้าเสือทันที เขาจำได้ว่าคนๆ นี้คือนายตำรวจที่ทำคดีฉ้อโกงและตกแต่งบัญชีของเขา แต่เรื่องนั้นมันก็จบไปแล้วนี่ ไม่น่าจะแค้นอะไรเป็นการส่วนตัว แต่ทาสอย่างเขาก็ขัดขืนไม่ได้ ทำได้แค่กัดฟันตอนที่คนที่ขาขัดขืนไม่ได้เริ่มถอนขนลับเขาไปเรื่อยๆ ครั้งแรกๆ ว่าเจ็บจนทนไม่ได้แล้ว แต่ครั้งหลังๆ กลับยิ่งทรมานมากขึ้นไปอีก ทั้งเจ็บทั้งแสบร้อน ท่าทางผิวหนังบริเวณนั้นของเขาคงจะบอบช้ำเต็มทน

เอ็กซ์พยายามคิดไปถึงเรื่องอื่นเพื่อให้ลืมความเจ็บขณะถูกถอนขน แต่สมองเจ้ากรรมดันนึกไปถึงสารคดีที่เขาดูเมื่อหลายเดือนก่อน รายการพูดถึงที่มาของขนเป็ดที่ใช้ใน เสื้อกันหนาว "Down Jacket" หรือที่เรียกกันว่า "เสื้อขนเป็ด" เสื้อหนาวประเภทนี้เป็นทรงพองตัว มีขนเป็ดยัดอยู่ข้างใน ถือเป็นเสื้อกันความหนาวในระดับสูง เป็นที่นิยมในประเทศเขตหนาว ยุโรป และอเมริกา ขนเป็ดที่เรียกกัน จริงๆ แล้ว ในการใช้งานจริงจะใช้ขนห่าน และเกรดที่ดีที่สุดต้องเป็นขนห่าน จากฮังการี่ที่ถือว่ามีคุณภาพดีที่สุดในโลกเพราะขนมีน้ำหนักเบา ทน ฟู และเก็บความร้อนไว้ได้ดีที่สุด เอ็กซ์มีเสื้อกันหนาวแบบที่ว่าอยู่ตัวสองตัว แต่ที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนคือ เสื้อหนาวแบรนด์ดังที่เป็นที่นิยมส่วนใหญ่จะใช้ขนที่ถอนจากห่านที่ยังมีชีวิตอยู่ ห่านตัวหนึ่งจะถูกถอนขนแล้วรอให้งอกเพื่อถอนใหม่ประมาณห้าถึงหกครั้งในช่วงชีวิต ตอนที่ดูสารคดี เขาก็ไม่ได้รู้สึกเห็นใจสัตว์โลกน่าสมเพชนี้เท่าไหร่ ออกจะขำด้วยซ้ำเมื่อเห็นภาพห่านที่เพิ่งถูกถอนขนมาสดๆ เดินโซซัดโซเซเหลือขนหรอมแหรมเหมือนเป็นขี้เรื้อน แต่วันนี้เขารู้ซึ้งแล้วว่าการถูกถอนขนสดๆ มันทรมานเพียงใด

เมื่อเอ็กซ์ถอนใจอย่างสุดกลั้นเมื่อการถอนขนอีกสิบครั้งในชุดที่สองจบลง ขนที่ถูกเอามาทิ้งไว้ในแก้วของเขาล้นจนกระจายออกมาที่จานอาหาร เพื่อนร่วมโต๊ะที่นั่งข้างๆ เขาขยับจานและแก้วหนีไปด้วยความรังเกียจ เสียงสั่งให้เขายกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มทำให้ต้องทำตามด้วยความพะอืดพะอม เขาพยายามเม้มปากขณะดื่มเพื่อไม่ให้เส้นขนของตัวที่ลอยฟูฟ่องอยู่ในแก้วหลุดเข้าปากไป สัมผัสสากๆ ของเส้นขนที่จ่ออยู่ที่ริมผีปากทำให้เกิดอาการอยากอาเจียน ตอนนี้บริเวณช่วงล่างของเขาไม่รู้สึกอะไรนอกจากความปวดแสบปวดร้อน พอก้มมองลงไปที่ซิปกางเกงที่เปิดอ้าอยู่ก็ต้องสมเพชตัวเองที่เหลือแค่ขนลับเป็นกระหย่อมๆ ผิวตรงบริเวณนั้นแดงเข้มจากรูขุมขนที่บอบช้ำตัดกับผิวขาวๆ ส่วนที่เหลือ ทั้งโต๊ะเงียบกริบไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์อะไร ต่างมองไปที่เอ็กซ์ด้วยความสงสาร แต่นั่นคงไม่รวมถึงสารวัตรเสือ

ในตอนนั้นเอง เด็กเสิร์ฟก็นำเหล้าที่นายตำรวจสั่งไว้ก่อนหน้านี้มาส่ง

“นี่ครับ วอดก้าแก้วใหญ่ที่สั่ง” เหล้าดีกรีแรงถูกเสิร์ฟพร้อมกับมะนาวผ่าซีกและเกลือ

“โห เล่นวอดก้าเลยเหรอครับคุณเสือ กลัวเมาไม่ทันพวกผมหรือไง” คนหนึ่งในโต๊ะแซวขึ้นทั้งที่ไม่อยู่ในอารมณ์นั้นเท่าไร่ แต่ด้วยอยากเปลี่ยนจุดสนใจออกจากเอ็กซ์ไปเรื่องอื่นบ้าง

สารวัตรเสือยิ้มๆ ไม่ตอบอะไร รับวอดก้ามาจากเด็กเสิร์ฟแล้วก็จิบนิดหน่อย

“แรงดีจริงๆ ครับ” พอพูดจบเสือก็เอาเกลือและบีบมะนาวผสมลงไปในวอดก้าแก้วใหญ่ ทั้งโต๊ะมองตามด้วยความแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นใครดื่มวอดก้ากับเกลือและมะนาวด้วยวิธีนี้

สารวัตรถือแก้วขึ้นมาวนๆ ในระดับสายตาเหมือนตั้งใจจะทำให้ส่วนผสมเข้ากัน ทันใดนั้นเองมือของเขาก็เอียงลงสาดของเหลวระดับสี่สิบดีกรีลงไปบนพื้นที่สามเหลี่ยมตรงเป้าที่เปิดอ้าซ่าของคนที่นั่งข้างๆ จนหมดแก้ว เอ็กซ์สะดุ้งสุดตัว ส่งเสียงร้องโหยหวน เดิมว่าปวดแสบปวดร้อนแล้วแต่พอโดนของเหลวที่เป็นส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เกลือ และน้ำมะนาวราดสดๆ ลงบนเนื้อที่บอบช้ำจากการถูกถอนขนนี่ความแสบเหมือนจะคูณสิบ เขาตะคอกใส่คนข้างๆ ทันที

“เหี้ย ทำอะไรวะ ไอสัตว์ มึงตาย” เอ็กซ์ตะคอกแล้วกำหมัดแน่นเพื่อเตรียมจะชกหน้า ไม่สนแล้วว่าจะเป็นตำรวจหรือใคร

“พี่เอ็กซ์ ไม่เอาครับ คุณเสือเขาไม่ได้ตั้งใจ มาๆ ผมจุ๊บปลอบใจให้” เอ็กซ์หยุดท่าทีที่เหมือนจะฆ่ากันทันทีราวกับถูกติดเบรก อาร์ตประคองหน้าของหนุ่มใหญ่มาประกบปากอย่างนุ่มนวล ถึงจะบอกว่าจุ๊บ แต่ที่จริงมันเป็นดีพคิสที่รุนแรงเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมากันหมดแล้วหรือเพราะเจอเรื่องแปลกๆ มาตลอด คนในวงเลยไม่มีท่าทางแตกตื่นอะไรอีก บางทีการดูดปากกันอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นตอนนี้ อาจจะเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจน้อยที่สุดที่อาร์ตทำกับเอ็กซ์ในคืนนี้ก็เป็นได้

กินเวลาอยู่หลายอึดใจกว่าที่นักบัญชีหนุ่มจะถอนปากออก สารวัตรถือโอกาสนี้พูดขึ้นอย่างเสแสร้ง

“ขอโทษจริงๆ ครับ ไม่รู้เป็นอะไรอยู่ๆ ก็มืออ่อนขึ้นมา งั้นขออนุญาตชนแก้วกับคุณเอ็กซ์เป็นการขอขมาแล้วกัน”

อาร์ตปรายตามองมาแล้วพยักหน้า ทำให้อดีตซีเอฟโอจำใจต้องยกแก้วที่เต็มไปด้วยเส้นขนหยิกหยอยขึ้นชนกับสารวัตรแล้วกลั้นใจจิบลงคอไปอีกรอบท่ามกลางความสยองของคนในโต๊ะ

หลังจากนั้นซักพักหนุ่มตี๋นักบัญชีก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับเอ่ยปากชวนเอ็กซ์ไปด้วย หนุ่มใหญ่ลุกขึ้นทั้งๆ ที่ยังเปลือยท่อนบนอยู่มือรวบตะขอกางเกงที่เปิดอ้าอยู่เข้าด้วยกันเพื่อลดความอุจาดแล้วเดินกระย่องกระแย่งตามออกไปโดยไม่คิดที่จะแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อน ท่าทางจะเป็นเป้าสายตาคนในผับไปตลอดทาง สารวัตรรออยู่สักครู่กะว่าน่าจะทำธุระใกล้เสร็จแล้วก็เดินตามไปตั้งใจจะไปดักถามเรื่องที่ข้องใจกับอาร์ต พอเดินไปถึงหน้าห้องน้ำก็พบว่าคนที่ตามหายืนสูบบุหรี่อยู่ก่อนแล้ว

“ผมก็คิดๆ ไว้แล้วว่าคุณเสืออาจจะตามมา มีอะไรจะคุยกับผมเปล่าครับ” อาร์ตถามด้วยท่าทีสุภาพเรียบร้อยผิดกับการกระทำก่อนหน้านี้

“คุณอาร์ตสูบบุหรี่ด้วยเหรอ” สารวัตรชวนคุยเรื่องอื่นก่อนที่จะเข้าประเด็น

“ปกติไม่สูบหรอกครับ แต่เวลามาเที่ยวอย่างนี้ก็อยากสูบบ้าง”

“แล้วไอเอ็กซ์มันยังไม่ออกมาเหรอ” สารวัตรเรียกอย่างไม่เคารพ

“พอดีผมให้ทำอะไรอยู่ข้างในนิดหน่อยนะครับ ท่าทางคุณยังแค้นพี่เอ็กซ์อยู่จริงๆ ด้วย”

“ก็แค้นแทนลูกเลี้ยงเขาน่ะครับ คุณอาร์ตก็ทราบอยู่แล้วตอนที่ไปทำคดีด้วย ว่าแต่ดูเหมือนคุณอาร์ตจะสั่งมันได้ทุกเรื่องเลยนะครับ” ตำรวจหนุ่มเริ่มเข้าประเด็นที่อยากรู้

“หึๆ ก็ไม่ทุกเรื่องหรอก แต่ก็มีข้อยกเว้นไม่เยอะ สารวัตรก็รู้ไม่ใช่เหรอ เรื่องทาสน่ะ ยังไงก็ทำงานให้องค์กรเหมือนกัน”

“ก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดเท่าไหร่หรอก เพิ่งเห็นของจริงวันนี้ มันทำตามทุกอย่างที่สั่งไม่มีบิดพลิ้วเลยจริงๆ น่าทึ่งมาก แต่ก็น่ากลัวด้วย” เสือเลยสรุปได้ว่าตัวเองเดาถูก เอ็กซ์กลายมาเป็นทาสภายใต้การจัดการขององค์กร นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นของจริงว่าทาสต้องปฏิบัติตามเจ้านายโดยไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้เลย

“ถึงยังไงก็ต้องอยู่ในขอบเขตที่องค์กรกำหนด คุณก็น่าจะรู้ดีกว่าผมอีกว่าองค์กรมีระบบที่ดีแค่ไหน ไม่มีใครกล้าละเมิดหรอก แล้วองค์กรก็ไม่มีทางทำอะไรไม่ดีให้ผู้พิทักษ์กฎหมายอย่างสารวัตรไม่สบายใจอยู่แล้ว”

“ถึงทำจริง ผมก็จะไปห้ามอะไรได้ อำนาจเขามีมากมายหลายรูปแบบซะขนาดนั้น แต่ก็คงไม่มีอะไรไม่ดีอย่างที่คุณอาร์ตว่านั่นแหละ ผมสังเกตสิ่งที่องค์กรทำมาเป็นปีแล้ว ผมว่าอุดมการณ์เขาหนักแน่นจริงๆ ว่าแต่คุณอาร์ตเป็นสมาชิกองค์กรมานานยัง ทีแรกผมนึกว่าเป็นพวกมาช่วยงานเฉยๆ”

“ผมก็เป็นแค่คนช่วยงานแหละครับ ยังไม่มีวาสนาเป็นสมาชิกองค์กร”

“แล้วทำไมถึงประมูลทาสมาได้ล่ะ ผมนึกว่าต้องเป็นสมาชิกเท่านั้น หรือผมเข้าใจผิด”

“ถูกแล้วครับ พอดีผมได้รับยกเว้นเป็นพิเศษ ผมไปขอมาจากเบอร์ศูนย์น่ะครับ ว่าจะไม่เอาค่าตอบแทนในการช่วยงานองค์กรอีกเลย แลกกับสิทธิเข้าร่วมประมูลตัวพี่เอ็กซ์ครั้งนี้”

“แล้วเวลาประมูลนี่แพงไหมครับ ถึงจะร่วมงานกับองค์กรอยู่เรื่อยๆ แต่เรื่องนี้ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเลย”

“เท่าที่ทราบก็มีหลายระดับนะครับ แล้วแต่คุณภาพของนักโทษที่เอามาประมูล แต่ของพี่เอ็กซ์นี่ เรียกว่ากรณีหายากของจริง อดีตผู้บริหารระดับสูงมันสมองเป็นเลิศ รูปร่างหน้าตาก็ยังกับดารา แล้ววัยนี้หลายคนก็ชอบนะครับ ผมทุ่มสุดตัวเลยกว่าจะชนะมาได้ เสียวๆ อยู่เหมือนกันว่ายอดจะพุ่งถึงเลขแปดหลัก โชคดีที่คู่แข่งถอดใจไปก่อน”

“โห ทำไมรวยจังครับ ไม่นึกว่าอาชีพนักบัญชีจะมีเงินขนาดนี้ หรือว่าทางบ้านมีฐานะอยู่แล้ว” เสือถามอย่างนึกไม่ถึง

“เงินเก็บจากการทำงานล้วนๆ ครับ เป็นผลพลอยได้จากการทำงานสอบบัญชีอย่างเต็มที่ตั้งแต่เริ่มงานกับบริษัท ผมตั้งใจอยู่แล้วครับว่าจะออกมาทำของตัวเองเลยพยายามหาประสบการณ์ให้เยอะที่สุดระหว่างที่ทำกับบริษัทใหญ่ งานอะไรผมไม่เคยเกี่ยง ไปเร่ของานเขามาทำด้วยซ้ำ เลยได้ค่าตอบแทนเยอะหน่อย”

“ทำไมถึงต้องทุ่มขนาดนี้ด้วยครับ หรือมีความแค้นอะไรกับมันมาก่อน”

อาร์ตนิ่งคิดว่าจะถ่ายทอดสิ่งที่เขารู้สึกออกมาให้สารวัตรฟังอย่างไร แค้นหรือ นั่นคือสิ่งที่คนที่รู้เรื่องทั้งหมดอย่างเบอร์ศูนย์หรือแม้แต่ตัวเอ็กซ์เองด้วยเข้าใจว่าเขาอยากแก้แค้นเรื่องเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นเอ็กซ์ใช้อำนาจในฐานะซีเอฟโอกลั่นแกล้งเขาที่เป็นหัวหน้าทีมผู้สอบบัญชีแล้วไม่ยอมช่วยปกปิดความผิดปกติที่เอ็กซ์ทำไว้ บริษัทเขาถูกเลิกสัญญาแถมเอ็กซ์ยังพาลหาเรื่องใส่ความไปแจ้งกับหัวหน้าเขาด้วย โชคดีที่บริษัทเขายึดมั่นในหลักการและตรวจสอบความข้อเท็จจริงทั้งหมดและเห็นด้วยว่าเขาทำถูกแล้ว

อาร์ตนึกขำในใจ เรื่องแค่นั้นเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายหรอก ถ้าอยากจะแค่แก้แค้นจริงๆ เขาก็มีวิธีอื่นที่ไม่ต้องทุ่มแรงทุ่มเงินขนาดนี้ สิ่งที่ผลักดันเขาไม่ใช่ความแค้นแต่มันเป็นความหลงใหล หรือถ้าคนที่มีความซับซ้อนทางความคิดอย่างเขาจะมีได้เขาก็อยากจะเรียกมันว่าความรัก

ตั้งแต่แรกพบ เขาก็หลงใหลไปกับความเฉลียวฉลาดเฉียบขาดผสมผสานกับความเจ้าเล่ห์เลือดเย็นที่ซ่อนเร้นไว้อย่างแนบเนียนภายใต้หน้ากากหล่อเหลาที่อบอุ่นและเป็นมิตรพร้อมที่จะจู่โจมหรือแว้งกัด เหมือนงูพิษหายากที่มีสีสันสดใสลวดลายงดงาม ถึงคนทั่วไปจะกลัวหรือรังเกียจแต่ก็ยังมีคนที่ยินดีจะจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อหามาเป็นสัตว์เลี้ยง การได้ครอบครองเป็นเจ้าของชีวิตของอสรพิษร้ายที่สวยงามมันคงเป็นความรู้สึกเดียวกับที่เขามีในตอนนี้

หนุ่มตี๋สบตาสารวัตรขณะตอบคำถามด้วยแววตาประหลาด

“แค้นหรือครับ ไม่เลย ถ้าบอกว่ารักอาจจะใกล้เคียงกว่า ผมชื่นชมพี่เอ็กซ์ตั้งแต่ที่เจอครั้งแรก  ผมแค่อยากมีส่วนร่วมในทุกๆ อย่างของพี่เอ็กซ์ อยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งในทุกความรู้สึกของพี่เขา ทั้งดีใจ ตื่นเต้น เสียใจ หวาดกลัว เจ็บปวด อับอาย อดสู สิ้นหวัง ยิ่งเขาทำตัวไม่ดีก็ยิ่งอยากกำราบให้สยบลงไปด้วยมือผมเอง”

“งั้นคุณก็ไม่ได้ตั้งใจจะลงโทษเขาจริงๆ สิ” เสือค่อนข้างผิดหวัง

“การลงโทษไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในความตั้งใจของผม ผมแค่ทำในสิ่งที่อยากทำ ซึ่งพี่เอ็กซ์ก็คงไม่ได้ชอบมันเท่าไหร่นักหรอก แล้วนี่ก็แค่เริ่มต้น ในสามปีที่เขาตกเป็นทาสผม ผมมีเรื่องที่อยากทำกับเขามากมายเต็มไปหมด” นักบัญชีหนุ่มแสยะยิ้มอย่างมีความสุข แล้วก็ตบไหล่สารวัตรเบาๆ อย่างถือวิสาสะ

“แต่ก็เอาเถอะ ผมเข้าใจว่าคุณเสืออยากเอาคืนให้คนของคุณ ผมรับรองได้ว่าสิ่งที่ผมเตรียมไว้ให้พี่เอ็กซ์ มันไม่ยิ่งหย่อนกว่าการติดคุกจริงๆ หรอกนะ ไว้ถ้าสะดวกวันไหนก็มาเยี่ยมสังเกตการณ์ที่บ้านผมเลยก็ได้ ถ้าพอใจเมื่อไหร่ก็ขอให้คุณเสือช่วยบอกอดีตภรรยาและลูกเลี้ยงอโหสิกรรมให้พี่เอ็กซ์ด้วยละกัน ผมไม่อยากให้คนของผมมีอะไรติดค้าง”

สารวัตรเริ่มคิดว่า การที่เขาหย่อนบทลงโทษทางกฎหมายลงให้มารับจากองค์กรแทน น่าจะเป็นทางเลือกที่ถูกแล้ว ยังไงซะตอนนี้คงต้องถอยห่างออกมาเป็นผู้ชมรอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเอ็กซ์ต่อไป

“ผมขอตัวเข้าไปดูพี่เอ็กซ์ในห้องน้ำก่อนนะครับ สั่งไว้ให้ถ่ายคลิปชักว่าวใส่โถฉี่ทีละโถจนครบ ไม่รู้ป่านนี้เสร็จหรือยัง ตอนแรกจะให้ทำอย่างอื่นแต่เห็นว่าช่องด้านหลังยังช้ำจากหางแมวที่ใส่ให้เข้าชุดกับปลอกคอหนัง ถ้ายังไงเจอกันที่โต๊ะเลยนะครับ”

หนุ่มหน้าตี๋ทิ้งท้ายแล้วเดินกลับไปที่ห้องน้ำ สารวัตรมองตามอย่างอึ้งๆ หางแมวนี่มันคืออะไร เกือบจะรู้สึกเห็นใจพ่อเลี้ยงชั่ววัยสี่สิบขึ้นมา ถ้าห้องน้ำโซนผับเป็นเหมือนที่โซนร้านอาหารที่เขาไปเข้ามาแล้วรอบนึง มันน่าจะมีเกือบๆ สิบโถเลยนะ

TBC

-------------------------------------------------------------

มีเรื่องปรึกษาก็คือ ตอนนี้มันแรงไปไหม หมายถึงในเชิงความโรคจิตของตัวละคร ถ้าพอรับได้จะขีดเส้นไว้ว่าไม่เกินนี้ แต่ถ้ารู้สึกกันว่ามันเกินเลยไปจะพยายามลดลงครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 20] 09/10/15 Warning SM
เริ่มหัวข้อโดย: lovely tham ที่ 10-10-2015 00:21:56
แรงนะสำหรับเรา เพราะเราไม่ได้สายซาดิส แต่ถ้าเป็นพวกสายซาดิสยังเบาไปมั้ง  :mew1: :mew1:รอพิชยะยุนะ :mew2: :mew4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 20] 09/10/15 Warning SM
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 11-10-2015 05:09:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 20] 09/10/15 Warning SM
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 11-10-2015 17:50:08
กำลังดีครับ ผมคิดว่ามาแนว ทำอาย ทะลึ่งๆ หื่นๆ ไม่เน้นเลือดสาดซาดิสมากนักจะดีกว่าครับ ยกเว้นว่าตัวละครนั้นมันจะเหี้ยจริงๆ เอาให้เละ ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 20] 09/10/15 Warning SM
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 12-10-2015 21:06:57
้่่คิดว่าหลายคนแอบเข้ามาอ่าน แต่ไม่กล้าเม้น ฮ่าๆ
อยากแต่ง อยากเขียนแบบไหนก็เต็มที่ไปเลยจ้า
แรงมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์คนอ่านแต่ละคนแล้วแหละ
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 21] 16/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 16-10-2015 20:38:23
ตอนที่แล้วจัดหนักไปหน่อยครับ ตอนนี้เลยเบาๆ ใสๆ กรุบกริบ

เขียนมายี่สิบกว่าตอนแล้ว รู้สึกเหมือนยังอยู่แค่ช่วงปูเรื่อง แถมมีตัวละครใหม่เพิ่มเรื่อยๆ อ่านแล้วงงกันบ้างไหม ว่าใครเป็นใคร จริงๆ ถ้าไม่ใช่ตัวละครหลัก ไม่ค่อยอยากตั้งชื่อให้เท่าไหร่ แต่พอไม่มีชื่อ เขียนบรรยายยากมากเลยต้องตั้งชื่อให้ พอมีชื่อ ก็รู้สึกว่าต้องมีบทบาทอะไรบ้างต้องแต่งเพิ่มให้อีก เรื่องเลยวนไปมาไม่ไปไหน ขออภัยครับ

-------------------------------------------------

องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 21

“ไอบอส ทำอะไรอยู่วะ ยังไม่รีบไปอาบน้ำแต่งตัวอีก เดี๋ยวก็สายหรอก มึงยิ่งอาบน้ำแต่งตัวนานเป็นชาติอยู่ด้วย” คนตัวสูงกว่าถาม จริงๆ ก็ยังมีเวลาอีกเยอะก่อนจะถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางไปงานเลี้ยงคืนนี้ แต่ต้องเร่งกดดันไอคนชอบอู้ตั้งแต่เนิ่นๆ

“ใครจะไปเหมือนมึงล่ะ ไอ้พวกอาบน้ำห้านาที แล้วอย่างนี้จะมีใครมาสนมึงไหม ถึงไม่มีแฟนอยู่นี่ไง”

โป๊ปฟังที่บอสสวนกลับมาแล้วก็ขำในใจ นี่มันไม่รู้เลยหรือว่ามีสาวๆ หนุ่มๆ อยากเป็นแฟนกับเขาตั้งเยอะแยะ แต่ที่เขาไม่เอาด้วย มันเพราะใครกันล่ะ ขอเวลาอีกไม่นานนะ อิสระของคุณมึงใกล้จะหมดลงแล้วเบอร์ศูนย์

เมื่อเพื่อนไม่ได้ตอบอะไรมา คนที่ยังไม่รู้ตัวก็พูดต่อโดยไม่เงยหน้ามองอีกฝั่ง

“อีกแป๊บนึง กูทำนี่เกือบเสร็จแล้ว เดี๋ยวกูส่งเมลให้ มึงก็เอาไปเข้าระบบต่อ”

“ทำอะไรวะ” โป๊บเดินเข้าไปดูบอสที่กำลังทำอะไรยิกๆ อยู่หน้าคอมด้วยความสงสัย ปกติมักจะเป็นฝ่ายเขาที่นั่งทำงานอยู่หน้าคอมแล้วมีไอเบอร์ศูนย์เป็นตัวป่วนชวนไปทำโน่นทำนี่

พอเห็นหน้าโปรแกรมออกแบบกราฟฟิคที่หน้าจอของบอส หนุ่มเจ้าของธุรกิจระบบคอมพิวเตอร์ก็เข้าใจทันที เพื่อนรักของเขากำลังออกแบบลายกราฟฟิคที่จะเอาไปทำสติ๊กเกอร์แทตทูหรือบางครั้งก็เอาไปใช้สักจริงให้นักโทษอยู่นี่เอง

“ลายเก่าก็มีตั้งเยอะแยะไม่เห็นต้องรีบทำเพิ่มเลยนี่”

“พอดีกูดูสารคดีศิลปะของชาวเผ่ามายามาได้ไอเดียปิ๊งๆ เลยรีบมาทำไว้ก่อนเดี๋ยวลืม อีกอย่างเบื่อจะตายลายเดิมๆ เดี๋ยวมีนักโทษเข้ามาเพิ่ม จะได้ให้สักลายใหม่สวยๆ ไม่จำเจ”

“ไม่เห็นจะต้องมาเสียเวลามากเลย มึงก็รู้ว่ามันไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงาม”

โป๊ปบ่น ลายพวกนี้มีไว้เพื่อเป็น “มาร์คเกอร์” หรือการทำตำหนิว่าคนที่สักหรือติดสติ๊กเกอร์ลายเล็กๆ แปลกๆ เหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับองค์กร จุดประสงค์ไม่ได้เพื่อให้คนเหล่านั้นจำกันได้ แต่มีไว้ให้ระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กรใช้ตรวจสอบ เบอร์หนึ่งได้แอบวางเครือข่ายแฝงไปทั่วทั้งอินเตอร์เนท หลักๆ จะฝังตัวลงไปในเซิร์ฟเวอร์ของของผู้ให้บริการใหญ่ๆ เหมือนเป็นกาฝาก ไล่ตั้งแต่โซเชียลเนทเวิร์คทุกเจ้าที่เป็นที่นิยมไม่ว่าจะเป็นเฟซบุค ทวิตเตอร์ ไอจี ไลน์ และอื่นๆ ไปจนถึงระบบอีเมล เวปไซท์ บริการฝากรูปฝากไฟล์ และระบบเก็บข้อมูลกลุ่มเมฆเจ้าต่างๆ แล้วยังดักอีกชั้นตรงที่ผู้ให้บริการอินเตอร์เนทรายต่างๆ เครือข่ายแอบแฝงเหล่านี้จะทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลโดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปภาพและวิดีโอที่มีการแชร์หรือส่งถึงกันผ่านอินเตอร์เนทเพื่อดูว่ามีข้อมูลใดที่อยู่ในลิสที่องค์กรไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่ออกไปหรือไม่ แน่นอนว่าเจ้าของระบบหรือบริการเหล่านั้นไม่ได้รู้เห็นเป็นใจให้มีการตรวจสอบกลั่นกรองที่ว่า แต่ด้วยฝีมือการแฮ๊คระดับโป๊ปแล้วทุกอย่างก็แนบเนียนอย่างที่ตั้งใจไว้

ลายสักหรือมาร์คเกอร์พวกนี้จะต้องมีรูปร่างที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์จากสัญลักษณ์ที่มีใช้กันอยู่ เพื่อจะทำให้ระบบตรวจเจอได้อย่างรวดเร็วเวลาติดอยู่ในรูปถ่ายหรือวีดิโอ จริงๆ โป๊ปสามารถให้ระบบตรวจสอบจากใบหน้าที่ปรากฏอยู่ในรูปก็ได้ แต่นั่นต้องใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์และแยกแยะใบหน้าซึ่งอาศัยพลังประมวลผลของคอมพิวเตอร์มากเกินไป แถมยังไม่สะดวกเวลาใช้กับคนเยอะๆ ที่มีการหมุนเวียนอย่างเด็กที่มาทำงานร้านล้างรถ

เครือข่ายแฝงเหล่านี้สามารถทำงานได้อย่างอื่นเช่นการรวบรวมหลักฐานข้อมูลสำหรับการหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ แต่หลักๆ ก็ใช้เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมกับองค์กร และก็เพื่อไม่ให้กิจการบางอย่างขององค์กรเผยแพร่ไปจนเป็นที่สนใจของสังคมหมู่มาก อย่างที่ร้านล้างรถ ถ้าเครือข่ายแฝงตรวจพบว่ามีการนำรูปแอบถ่ายน้องๆ พนักงานส่งขึ้นไปบนอินเตอร์เน็ท ไม่ว่าจะเป็นการส่งไลน์หรืออีเมลให้เพื่อน โพสต์ลงเฟซบุค หรือแม้แต่การเก็บสำรองรูปถ่ายแบบอัตโนมัติซึ่งโทรศัพท์ส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้ก็มีกัน ระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กรจะดักข้อมูลไว้ไม่ให้ไปถึงปลายทางแล้วส่งไวรัสไปที่เครื่องต้นทางเพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มเติมและทำลายข้อมูลที่เป็นปัญหาในเครื่องทิ้ง จากนั้นจะวิเคราะห์ว่าบุคคลต้นทางจะเป็นภัยคุกคามองค์กรหรือไม่เพื่อแจ้งเตือนต่อผู้ดูแลระบบซึ่งก็คือโป๊ปต่อไป

ตั้งแต่เบอร์หนึ่งติดตั้งเครือข่ายแฝงตัวนี้ได้สำเร็จ องค์กรก็สามารถขยายขอบข่ายการดำเนินงานไปได้กว้างขึ้นไม่จำกัดอยู่กับเฉพาะกับสมาชิกที่ใช้การฝังโปรแกรมจิตซึ่งยุ่งยากกว่า ตอนนี้แค่ให้ติดหรือสักลายแทตทูที่กำหนดลงไปแถวๆ บริเวณพื้นที่สงวนซึ่งเป็นจุดที่คนจ้องจะแอบถ่ายก็สามารถป้องกันการเผยแพร่จากคนนอกได้แล้ว นี่คือความลับที่ทั้งเบอร์ศูนย์และเบอร์หนึ่งไม่ได้บอกใคร ถ้ามีคนรู้เรื่องนี้ในวงกว้าง ก็จะแก้ได้ง่ายๆ โดยการลบหรือปิดทับรอยสักก่อนที่จะส่งรูปขึ้นอินเตอร์เนต

“เออหน่า อย่างน้อยเวลาไปอยู่บนตัวคน มันจะได้ดูเท่ๆ หน่อย ตั้งแต่มึงทำระบบนี้ขึ้นมา กูสบายขึ้นเยอะ ไม่ต้องคอยระวังว่าจะมีอะไรหลุดจนเป็นข่าวใหญ่ให้ตามล้างตามเช็ด” บอสเอ่ยปากชม

“ระบบกูเจ๋งใช่ไหมล่ะ ถ้ากูแอบเอาระบบไปขาย คงจะเป็นมหาเศรษฐีไปแล้ว คิดไปมันน่าจะยิ่งใหญ่กว่าพลังสะกดจิตของมึงซะอีก” โป๊ปโม้ด้วยความภูมิใจ

บอสก็แค่ยักไหล่ตอบว่า “แล้วไง สุดท้ายมึงก็เอาใช้งานเพื่อกูอยู่ดี”

เบอร์หนึ่งขององค์กรถึงกับไปไม่เป็นเมื่อถูกแทงใจดำ เขาวางฟอร์มแล้วแอบเปลี่ยนเรื่องแบบเนียนๆ

“เสร็จยังวะ เออ คราวนี้สวยดี เดี๋ยวกูเอาเข้าฐานข้อมูลให้ มึงก็ไปอาบน้ำได้แล้ว”

โป๊บที่ไล่บอสไปอาบน้ำได้สำเร็จก็เอาลายแทตทูอันใหม่เข้าระบบไปสมทบกับลายเดิมจำนวนหลายสิบรูปที่บอสได้ออกแบบไว้ ถึงดูเผินๆ จะเห็นว่าแต่ละลายมันไม่เหมือนกันเลย แต่จริงๆ แล้วมันจะมีส่วนที่คล้ายกันอยู่ ทุกรูปจะมีทรงสองอันแบบเดียวกันวางข้างๆ กัน จะมองว่าเป็นดวงตาคู่หนึ่งก็ได้ถ้าทิศทางมันจะไม่ผิดปกติอย่างที่เป็นอยู่ บอสเคยอธิบายว่าจริงๆ แล้วก็เป็นรูปดวงตานั่นแหละ เพียงแต่ไม่ใช่ตาซ้ายกับตาขวา มันเป็นรูปตาขวาสองข้างเพื่อแสดงหลักการขององค์กรที่อิงหลักกฎหมายโบราณ “An Eye For An Eye” หรือตาต่อตา ที่ให้คนที่ทำร้ายผู้อื่นต้องถูกลงโทษด้วยการถูกทำร้ายในลักษณะเดียวกัน ถ้าผู้ใดควักนัยน์ตาขวาของผู้อื่นออก ผู้นั้นต้องโดนควักนัยน์ตาขวาของตนออกเช่นกัน เหมือนกับที่องค์กรจะพยายามหาวิธีการลงโทษที่สาสมกับความผิดที่นักโทษได้ทำโดยไม่ยึดติดกับกรอบของกฎหมายปัจจุบัน

เบอร์หนึ่งถือโอกาสเข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยระบบขององค์กรอยู่พักใหญ่แล้วจึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดออกงาน คืนนี้มีกาล่าดินเนอร์การกุศลรายการใหญ่ที่บรรดาแขกล้วนแต่เป็นไฮโซหรือผู้มีอิทธิพลในวงสังคมและธุรกิจ จริงๆ ประธานบริษัทคอมพิวเตอร์ขนาดกลางแถมยังหน้าใหม่อย่างเขาคงยังไม่ถึงขั้นจะได้รับเชิญให้ไปงานนี้หรอก แต่ด้วยความที่ที่ผ่านมาเขาบริจาคเงินเพื่อการกุศลค่อนข้างมากทั้งในนามบริษัทและในนามส่วนตัว ทำให้ได้รับเชิญมางานนี้เป็นกรณีพิเศษ จริงๆ เงินที่บริจาคส่วนตัวก็เงินขององค์กรนั่นแหละ เขาชวนเบอร์ศูนย์ไปงานด้วยกันโดยให้เหตุผลว่าไปในฐานะเจ้าของเงินตัวจริง แต่ที่บอสไม่รู้ก็คือ ธรรมเนียมปฏิบัติของงานนี้ ผู้เข้าร่วมงานจะมากับคู่สมรสหรือคู่ชีวิต หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นคู่เดทที่ค่อนข้างจริงจัง

รออยู่อีกครู่ใหญ่บอสถึงเดินออกมาจากห้องแต่งตัว วันนี้เพื่อนรักของเขาหล่อเนี้ยบมากในชุดสูทเข้ารูปแบบเป็นทางการ โบว์ไทที่ผูกแทนเน็คไททำให้ดูน่ารักแบบแปลกๆ จนโป๊ปต้องออกปาก

“มึงผูกหูกระต่ายแล้วน่ารักดีว่ะ”

“น่ารักพ่องสิ หล่อโว้ย ไปๆ เดี๋ยวสายจะมาโทษกูอีก”

หนุ่มตัวสูงกว่าเดินตามพร้อมกับนึกเถียงในใจ ก็น่ารักจริงๆ นี่หว่า คืนนี้คงมีคนที่ดูดีมีชาติตระกูลมากมายทั้งชายและหญิง แต่เขาตัดความกังวลเรื่องที่จะมีใครมาจีบคนของเขาออกไปได้เลย ตั้งแต่ก่อตั้งองค์กรขึ้น บอสจะใช้พลังจิตอำพรางใบหน้าตัวเองตลอด ต่อให้ไปคุยกับใครนานแค่ไหนพอคล้อยหลังไม่นาน คนๆ นั้นจะยังจำเรื่องที่พูดคุยได้แต่จะจำหน้าบอสไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่ใครจะมาสานต่อกับเบอร์ศูนย์ของเขาได้ทีหลังแน่ ถึงจะแอบถ่ายรูปเก็บไว้ได้ พอละสายตาจากรูปก็ลืมอยู่ดี แต่เพื่อความไม่ประมาท ระบบเครือข่ายแฝงของเขาจะทำการลบหรือเซ็นเซอร์รูปบอสอย่างอัตโนมัติเมื่อมีใครส่งขึ้นมา กรณีนี้เขาเลือกใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์และแยกแยะใบหน้าจึงไม่ต้องใช้แทตทูแต่อย่างใด วิธีการแบบเดียวกันนี้ถูกใช้กับไวน์บอยซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัวของบอสด้วย เพราะบอสไม่ต้องการให้สินค้าชั้นสูงต้องมีตำหนิจากการติดลวดลายอะไรลงไป

.........................................

บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความหรูหราดังคาด เหล่าเซเลปและดารานักแสดงก็มากันไม่น้อย แต่ที่ทางผู้จัดเน้นจริงๆ คือนักธุรกิจและบรรดาไฮโซกระเป๋าหนักทั้งหลายเพราะหวังให้ยอดบริจาคในคืนนี้สามารถไปจัดซื้อเครื่องมือแพทย์สำหรับโรงพยาบาลที่ห่างไกลได้อย่างเพียงพอ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการสร้างสัมพันธ์ทางธุรกิจไปด้วย งานคืนนี้จึงมีกิมมิคในการจัดที่นั่งแบบสุ่มเพื่อให้เหล่านักธุรกิจมีโอกาสพบปะผู้คนใหม่ๆ ไปด้วย

สองหนุ่มเพื่อนซี้ไปลงทะเบียนเพื่อดูโต๊ะที่จัดไว้ให้ เบอร์ศูนย์กวาดสายตามองรายชื่อแขกในโต๊ะแล้วอดใจไม่ไหวต้องสะกิดบอกคนข้างๆ

“มึงๆ บังเอิญชะมัด แขกที่นั่งโต๊ะเรามีแต่คนที่เกี่ยวพันกับองค์กรเกือบทั้งนั้นเลย”

อันที่จริงก็ไม่แปลก เพราะสมาชิกขององค์กรในช่วงแรกๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นบุคคลระดับนี้ทั้งนั้น ที่บอสเห็นผ่านๆ ตาในงานก็น่าจะมีเป็นสิบคนเลยทีเดียว

“ไหนวะ กูรู้จักแค่หมอพฤกษ์คนเดียว คนอื่นนี่ก็เป็นสมาชิกของเราด้วยเหรอ”

โป๊ปถาม เขาไม่ค่อยรู้จักสมาชิกองค์กรเท่าไหร่ถึงจะสามารถเข้าไปดูข้อมูลได้ทั้งหมดเพราะเน้นดูแลระบบมากกว่า บอสซึ่งเป็นคนลงหน้างานและดูแลสมาชิกด้วยจึงรู้จักมากกว่าเขาเยอะ

“ก็มีที่เป็นสมาชิกบ้าง แล้วก็มีที่เกี่ยวข้องทางอื่น เหลือแค่คู่เดียวที่ไม่เกี่ยวเลย กูค่อยกระซิบบอกตอนนั่งโต๊ะจะได้เห็นตัวจริงด้วย” บอสขยายความ ตามรายชื่อที่เขาดู มีแค่สองสามีภรรยาที่มีนามสกุลเป็นที่คุ้นหูในวงสังคมเท่านั้นที่ไม่ได้เกี่ยวพันอะไรกับองค์กร

บริกรพาทั้งคู่ไปนั่งที่โต๊ะที่จัดเตรียมไว้ให้  แต่ละโต๊ะมีสิบที่นั่งหรือจริงๆ ต้องบอกว่าห้าคู่เพราะงานนี้จะต้องมาเป็นคู่อยู่แล้ว มีแขกที่มาถึงก่อนแล้วสามคู่ หนึ่งในนั้นคือหมอพฤกษ์ซึ่งกล่าวทักทายอย่างยินดีเมื่อสองเพื่อนรักยกมือไหว้

หมอพฤกษ์ซึ่งจัดว่าเป็นผู้กว้างขวางในวงสังคมเลยทำหน้าที่เปิดวงสนทนาและแนะนำเพื่อนร่วมโต๊ะให้รู้จักกัน

“ผม หมอพฤกษ์ครับน่าจะพอรู้จักกันอยู่แล้ว ขออนุญาตแทนตัวว่าหมอนะครับ ส่วนนี่ก็ธนัท ผู้ช่วยของหมอเอง” ทุกคนมองตามหมอนักธุรกิจหนุ่มหล่อไปยังผู้ช่วยที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนแรกก็คิดว่าผู้ช่วยของหมอเป็นดาราดังที่ไหน เพราะดูดีมีออร่าราวกับนักร้องนักแสดงที่มีทีมงานดูแลเสื้อผ้าหน้าผมให้ในแบบมืออาชีพ โป๊ปคับคล้ายคับคลาว่าเคยเห็นหน้าคนๆ นี้มาก่อน ยังไม่ทันที่จะสะกิดถามบอส เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า ธนัทคือเซลขายเครื่องกรองน้ำลวงโลกที่บอสกับเขาไปล่าตัวมาเมื่อปีที่แล้วถึงเชียงใหม่ ถึงจะไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไหร่เพราะบอสรู้จักมาก่อนแล้วดูเหมือนจะห่วงธนัทอยู่หน่อยๆ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าธนัทดูดีขึ้นมากทั้งๆ ที่เดิมก็หล่ออยู่แล้ว ดีที่ว่าหลังจากส่งตัวไปเป็นทาสให้หมอพฤกษ์แล้วเบอร์ศูนย์ของเขาก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรอีก ธนัทไม่มีท่าทีว่าจะจำหน้าบอสได้ แสดงว่าบอสเองก็ไม่ได้คิดจะไปรื้อฟื้นว่าเคยรู้จักกันในวัยเด็ก

“ธนัทเขาเป็นคนดูแลงานที่คลินิกและคอมเพล็กซ์สุขภาพของหมอเองครับ ได้เข้าโปรแกรมดูแลผิวพรรณมาแล้วทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย ถ้าสนใจอะไรก็พูดคุยสอบถามได้ครับ” หมอพฤกษ์ไม่วายถือโอกาสขายของ

“ทุกท่านครับ เดี๋ยวหมอขอแนะนำคนในวงทั้งหมดนะครับเผื่อว่าใครยังไม่รู้จักกัน นี่คุณโป๊ป เจ้าของบริษัทวางระบบคอมพิวเตอร์ที่กำลังมาแรงครับ มากับคุณบอสหุ้นส่วน แล้วก็เพื่อนรักตัวติดกัน” โป๊ปเผลออมยิ้มมุมปากเมื่อหมอพูดจบ ทำเป็นรู้ดีนะหมอ

“ส่วนทางนี้ คุณอรรถ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หนุ่มที่ประสบความสำเร็จเป็นอันดับต้นๆ ของวงการ หลังๆ นี่ได้ข่าวว่ามือขึ้นมากเลย คอนโดหรูโครงการต่อไปจะเปิดตัวเมื่อไหร่นะครับ เห็นว่ามียอดจองเข้ามาตั้งแต่ยังไม่ตั้งชื่อโครงการ”

คนที่ถูกแนะนำยิ้มๆ พลางก้มศีรษะให้เป็นการทักทายคนในโต๊ะ เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาคมคายผิวเข้มหุ่นนักกีฬา ถ้าไม่บอกก็คงนึกว่าอรรถเป็นบีชบอยหรือนักเล่นเซิร์ฟบอร์ดมากกว่านักธุรกิจใหญ่ เขามากับเด็กหนุ่มวัยมัธยมผิวขาวจัดที่นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ คุณหมอก็พูดเกินไป นี่...น้องซูกัส เอ่อหลานชายของผมครับ พอดีใกล้สอบแล้วเอาแต่อ่านหนังสือ ผมเลยพามาเปิดหูเปิดตาซะหน่อย เอ้า ไหว้พี่ๆ รอบโต๊ะเลยนะ” หนุ่มน้อยยกมือไหว้ทุกคนด้วยกิริยางดงามอย่างคนที่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดีเป็นที่ประทับใจของหลายคนในโต๊ะ พอเงยหน้ามาก็เห็นหน้าตาที่หล่อใสกิ๊กแก้มแดงระเรื่อเป็นธรรมชาติแบบคนสุขภาพดี  ธนัทที่นั่งอยู่ติดกันยิ้มให้แล้วเอามือยีหัวเหมือนรู้จักกันมาก่อน อรรถที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งหน้าตึงแล้วโอบตัวเด็กหนุ่มให้เอียงไปฝั่งตัวเองทันที

“ต๊าย หน้าตาดีจังเลยนะคะ อย่างกับเทวดาเลย โตอีกนิดหล่อแน่” หญิงสาวคนเดียวในโต๊ะอุทานขึ้น

“อย่าแซวเด็กสิครับ คุณศิ” หมอพฤกษ์ปรามแบบทีเล่นทีจริง เจ้าตัวน่าจะอยู่ในวัยยี่สิบปลาย รูปร่างหน้าตาการแต่งตัวเรียกได้ว่าสวยเฉี่ยวแฝงไว้ด้วยท่าทางที่สง่าและมั่นใจ

“สำหรับท่านนี้คงไม่ต้องแนะนำมาก คุณศศิกานต์ ทายาทกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย อ้อ ไม่สิ ตอนนี้คุณศิรับช่วงธุรกิจบางส่วนจากคุณพ่อแล้ว ต้องเรียกว่าผู้บริหารหญิงกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ถึงจะถูก”

“แหม แนะนำซะเขินเลยนะคะ ศิยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ นี่แฟนศิเองค่ะ ปกติไม่ค่อยมางานสังคมเท่าไหร่ พอดีนี่เป็นงานการกุศล เลยยอมมาด้วย”

แฟนของศศิกานต์ซึ่งเป็นหนุ่มแว่นหน้าตาดีแบบซื่อๆ ติดขี้อายหน่อยๆ ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ก้มศีรษะทักทายคนในโต๊ะอย่างสุภาพ ถ้าไม่บอกคงไม่มีใครคิดว่าคนที่ดูไม่ค่อยโดดเด่นคนนี้จะเป็นคนรักของผู้บริหารหญิงทายาทธุรกิจหมื่นล้านเป็นแน่

“โชคดีจัง โต๊ะนี้มีแต่ผู้ชายหล่อๆ ทั้งนั้นเลย แถมมากันเป็นคู่ๆ อีก ที่รักคะ ศิปลื้มมาก”

“ไม่เอาหน่าคุณศิ เดี๋ยวเขาอึดอัดกัน” แฟนหนุ่มปรามแต่หญิงสาวทำท่าไม่สนใจ

ตอนนี้แขกในโต๊ะนั่งประจำที่กันเรียบร้อยแล้วยกเว้นอีกสองที่ที่ติดกับโป๊ปยังว่างอยู่ บริกรเริ่มเสิร์ฟจานเรียกน้ำย่อยที่เล็กๆ ซึ่งเป็นฟัวกราส์ย่างกระทะราดซอสเบอร์รี่ คนในโต๊ะที่กำลังหิวก็เริ่มรับประทานอาหารพร้อมจิบไวน์อย่างเอร็ดอร่อย ไม่นานนักจานที่สองก็ตามมาเป็นสลัดปูอลาสก้าเรดคิงกับก้านเซเลอรี่ ซึ่งก็อร่อยสมกับเป็นงานใหญ่ที่เชิญเชฟอาหารตะวันตกชื่อดังหลายคนมาปรุงให้เป็นการเฉพาะ

แขกคู่สุดท้ายมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกับอาหารจานที่สอง แทนที่จะเป็นคู่สามีภรรยานามสกุลเก่าแก่ที่บอสเห็นรายชื่อตอนลงทะเบียน กลับกลายเป็นหนุ่มวัยมหาลัยสองคนมาด้วยกัน คนหนึ่งหน้าตาคมเข้ม ส่วนอีกคนก็หล่อใสไฮโซ เนื่องจากขณะนั้น คนในโต๊ะอยู่ระหว่างการรับประทานอาหาร ทำให้ไม่ได้มีการแนะนำตัวอย่างละเอียดเหมือนตอนแรก หนุ่มที่ท่าทางดูไฮโซบอกแค่ว่าคุณลุงคุณป้าติดธุระด่วน จึงให้เขามาแทนเพื่อนำเช็คเงินบริจาคมามอบให้ เขาเลยถือโอกาสพาเพื่อนมารับประทานอาหารด้วย แต่อาจจะอยู่ได้ไม่ดึกนักเพราะพรุ่งนี้ต้องไปออกค่ายกันตั้งแต่เช้ามืด

ขณะที่ทุกคนเพลิดเพลินกับการทานอาหารอยู่นั้น นักธุรกิจหญิงก็ตั้งข้อสังเกตขึ้น

“น้องซูกัสไม่เห็นค่อยทานเลยนะคะ ไวน์ก็ไม่ดื่ม”

“พอดีผมทานพวกอาหารสุขภาพอยู่น่ะครับ ของบางอย่างก็ทานไม่ได้ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมทานอะไรลองท้องมาแล้ว เมื่อกี๊ก็เพิ่งทานขนมปังธัญพืชของเขาไป อร่อยมากครับ” หนุ่มมัธยมคนเดียวในโต๊ะอธิบายพร้อมกับยิ้มจนตาหยีให้

“แล้วสลัดเซเลอรี่นี่ก็ไม่ทานเหรอคะ พี่ศิว่ามันน่าจะเป็นอาหารสุขภาพได้อยู่”

“ทานไม่ได้ครับ พอดีเป็นผักที่ค่อนข้างมีกลิ่นแรง”

“แปลกจังเลยนะคะ ผักมีกลิ่นก็ไม่ได้ สงสัยผสมผสานหลักการทานเจเข้าไปด้วย” ศศิกานต์สรุปเอาเอง
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 21] 16/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 16-10-2015 20:40:06
อาหารจานที่สามมาเสิร์ฟอย่างต่อเนื่อง หน้าตาดูสวยงามจนบอสต้องหยิบรายการอาหารขึ้นมาดูด้วยความสนใจ อาหารจานนี้คือแคนาเดียนล็อบสเตอร์สอดไส้ฮาลาพินโญ่  ดูแล้วน่าจะปรุงโดยการลวกล็อบสเตอร์จนสุกพอดีแกะเอาแต่เนื้อมาสอดไส้ด้วยฮาลาพินโญ่ซึ่งเป็นพริกหยวกสีเขียวของทางเม็กซิโก คลุกเคล้ากับซอสให้ทั่วแล้วนำไปจัดวางลงในเปลือกของล็อบสเตอร์สีแดงส้มอีกครั้งหนึ่ง ดูแล้วทั้งหรูหราและน่าอร่อยสมกับเป็นงานกาล่าดินเนอร์ใหญ่ของปี ชิ้นล็อบสเตอร์ ที่จัดเรียงมาค่อนข้างใหญ่ บอสจึงตัดครึ่งให้พอดีคำแล้วใช้ส้อมจิ้มเข้าปาก เนื้อล็อบสเตอร์ปรุงสุกกำลังดีได้ความหวานตามธรรมชาติ ไส้ที่ทำจากฮาลาพินโญ่ก็เผ็ดกำลังดีสำหรับปากคนไทย น้ำซอสรสเลิศที่คลุกเคล้ามาก็เข้ากันดีและช่วยลดทอนความเผ็ดให้กลมกล่อมขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังเพลิดเพลินกับอาหารจานหรู  หนุ่มน้อยหลานชายนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หนุ่มก็ร้องอุทานออกมา

“เผ็ดๆ” ซูกัสสูดปากแล้วแลบลิ้นเล็กๆ สีแดงอมชมพูน่ารักออกมาผึ่งข้างนอกสลับกับการจิบน้ำ ท่าทางน่าเอ็นดูชวนให้คิดถึงกระต่ายตัวน้อย

“เป็นอะไรคะ เผ็ดมากขนาดนั้นเลยหรอ พี่ว่ามันเผ็ดกำลังดีเลยนะคะ” หญิงสาวคนเดียวในโต๊ะถาม

“คืออาหารสุขภาพ สูตรที่ผมทานอยู่ จะห้ามไม่ให้ทานอาหารที่มีกลิ่นรสรุนแรงเลยครับ ผมทานแบบรสอ่อนๆ ต่อเนื่องมาหลายเดือนเลยไม่ชินกับรสเผ็ดเท่าไหร่ แล้วฮาลาพินโญ่นี่มันคืออะไรกันครับ เห็นเขียวๆ นึกว่าเป็นผักซะอีก ผมเคี้ยวทีเดียวทั้งชิ้นใหญ่เลยครับ เผ็ดจัง ตอนนี้ร้อนไปหมดแล้ว”

เด็กหนุ่มตอบด้วยปากแดงที่เจ่อนิดๆ ขณะที่เอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อเม็ดเล็กๆ ที่ผุดไปทั่วบนใบหน้าขาวใส จากนั้นเด็กหนุ่มก็ขออนุญาตถอดเสื้อนอกและกระพือเสื้อเชิ้ตตัวบางที่สวมอยู่เพื่อไล่ความร้อนและเหงื่อ กลิ่นหอมหวานกระจายออกมาทันที คนในโต๊ะต่างสูดจมูกด้วยความแปลกใจ

“กลิ่นอะไรเนี่ยหอมๆ น่ากินเหมือนขนมเลย” หนุ่มไฮโซที่มาทีหลังทักขึ้น คนในโต๊ะที่ไม่รู้ที่มาของกลิ่นจึงร่วมวิพากษ์วิจารณ์ทันที

“นั่นสิ คล้ายๆ กลิ่นน้ำผึ้งผสมกับสตอเบอรี่ หรือว่าเป็นกลิ่นของหวานที่เราจะทานกันครับ”

“ไม่น่าจะใช่นะคะ ยังเหลืออาหารคาวอีกตั้งสองจาน หรือว่ากลิ่นจะมาจากห้องครัว”

“โรงแรมระดับนี้แล้ว เขาคงไม่ปล่อยให้กลิ่นจากห้องครัวลอยมาถึงห้องจัดเลี้ยงหรอกครับ”

“แต่ว่ามันหอมจริงๆ นะ ได้กลิ่นแล้วอยากทานอะไรสักอย่าง”

“ผมว่ากลิ่นมาจากทางน้องซูกัสนะ ตอนกระพือเสื้อยิ่งได้กลิ่นชัดเลย”

“จริงด้วยค่ะ หรือว่าจะเป็นกลิ่นน้ำหอมที่น้องใส่มา ใช้ตัวไหนอยู่หรือจ๊ะ ของดีมากเลยใช่ไหม ยิ่งเหงื่อออกยิ่งหอม”

เด็กหนุ่มตอบไม่ถูก เขากับเจ้าของไวน์ที่นั่งอยู่ข้างๆ อาจจะชินกับกลิ่นนี้เกินไป เลยไม่รู้สึกว่ามันจะหอมแรงขนาดนั้น ถ้ารู้อย่างนี้ เขาคงไม่ถอดเสื้อนอกออกมาผึ่งให้เหงื่อแห้งเป็นแน่ ไม่รู้จะตอบอย่างไร เลยต้องโบ้ยให้คนข้างๆ

“จำชื่อไม่ได้เหมือนกันครับ คุณอาซื้อมาฝาก”

“ผมสั่งมาจากทางออนไลน์นะครับ เป็นน้ำหอมสั่งทำพิเศษ คงไม่มีชื่อ” อรรถตอบ เขาไม่ได้โกหกทั้งหมดนะ เพราะทีแรกก็ซื้อทางออนไลน์จริงๆ นี่นา

“โห เอ็กคลูซีฟมากเลยนะคะ ท่าทางจะแพง”

“จะว่าแพงก็แพงมากนะครับ แต่ผมว่ากลิ่นนี้คุ้มจริงๆ” ชายหนุ่มอมยิ้ม

“ว่าแต่น้องซูกัสนี่ พอถอดเสื้อนอกแล้วถึงเห็นชัดๆ ผิวดีมากจริงๆ นะคะ สงสัยเพราะทานอาหารสุขภาพอย่างเคร่งครัด ศิก็อยากลองทานบ้างจัง แต่ถ้าจะให้ทานแต่จืดๆ ก็คงไม่ไหว” หญิงสาวยังให้ความสนใจต่อ

“จริงๆ ถ้าคุณศิเป็นผู้ชาย ก็อยากชวนให้ไปลองคอร์สดูแลผิวพรรณของหมออยู่เหมือนกัน รับรองผิวดี ไม่แพ้ทานอาหารสุขภาพเลยล่ะครับ แต่พอดีศูนย์สุขภาพของหมอ ให้บริการเฉพาะผู้ชายเท่านั้น” หมอพฤกษ์เสริมขึ้น

“น่าเสียดายจังเลยค่ะ ถ้าเปลี่ยนใจให้บริการผู้หญิงเมื่อไหร่ก็บอกนะคะ เอ หรือว่าจะให้สามีศิไปลองก่อนดี ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวจะหน้าเด็กกว่าศิมากเกินไป”

“จริงๆ ผมก็สนใจนะครับ อยากขาวกว่านี้หน่อย” อรรถพูดขึ้น เขามีผิวออกแทนๆ ดูดีที่เสริมบุคลิกให้มีเสน่ห์แปลกไปจากสไตล์หล่อขาวใสที่เป็นที่นิยมกัน แต่หนุ่มใต้แบบเขาก็อยากลองมีผิวขาวๆ ดูบ้าง

“หมอไม่ค่อยแนะนำให้เปลี่ยนสีผิวเท่าไหร่ครับ หมอเชื่อว่าผู้ชายสามารถดูดีได้ด้วยสีผิวตามธรรมชาติของตัวเอง ที่คลีนิคเลยเน้นความเนียนใสของสีผิวเดิมๆ ครับ ยังไงลองถามน้องซูกัสก็ได้ ว่าอยากให้คุณอาขาวกว่านี้ หรือว่าแบบนี้ดีแล้ว”

“แบบนี้ดีแล้วครับ ผมชอบแบบนี้” ซูกัสตอบซื่อๆ แต่ก็ทำให้คนผิวเข้มหน้าแดงเรื่อๆ ได้

โทรศัพท์ของโป๊ปส่งเสียงเตือนขึ้น เจ้าตัวหยิบขึ้นมาไล่เปิดข้อมูลดูแล้วขมวดคิ้ว เขาลุกขึ้นสะกิดบอสให้เดินตามออกมาด้านนอก โดยบอกทุกคนว่าจะมาเข้าห้องน้ำ

“เกิดเรื่องว่ะ มีคนเอารูปมึงขึ้นอินเตอร์เน็ท ระบบของกูตรวจสอบเจอเลยดักไว้แล้วแจ้งเตือนมา”

“รูปกูตอนไหนวะ”

“ตอนนี้เลย ที่โต๊ะอาหาร ถ่ายติดกูไปด้วย มึงดูเอาเองแล้วกัน”

โป๊ปยื่นโทรศัพท์ที่กำลังเปิดรูปที่ว่าให้ บอสรับมาดูพบว่าเป็นรูปเขากับเพื่อนขณะที่เอียงหน้ามาคุยกันตอนทานอาหารเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ มุมของรูปเหมือนถูกแอบถ่ายจากคนในโต๊ะที่นั่งอยู่ถัดออกไปซักสองสามคน

“มึงว่าใครวะ ดูจากตำแหน่งแล้ว ไม่คุณศิก็น้องหล่อๆ ลูกคุณหนูที่มากับเพื่อน”

“ตอนนี้ระบบกูกำลังเจาะเข้าไปดูข้อมูลแวดล้อมอื่นๆ อยู่ ส่วนรูปมึงในเครื่องของคนที่ทำ เดี๋ยวระบบจะเข้าไปค้นหาแล้วลบทั้งหมดโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว ระหว่างนี้มึงเล่ามาดีกว่าว่ารู้จักใครในโต๊ะนั้นบ้าง เผื่อกูจะได้ดูว่าจะมีใครคิดร้ายกับมึงบ้างหรือเปล่า”

“หมอพฤกษ์ตัดออกไปได้ ส่วนพี่ธนัทมึงน่าจะจำได้ คนนั้นอยู่ระหว่างเป็นทาส ทาสไม่สามารถคิดไม่ดีกับองค์กรได้อยู่แล้วต่อให้เป็นคำสั่งของเจ้านายก็ตาม อีกอย่างกูยังไม่ได้ปลดล็อคให้เขาจำกูได้ด้วย” บอสเริ่มไล่ไปทีละคู่

“คู่คุณอรรถเจ้าชายแห่งวงการอสังหาก็ไม่น่าเกี่ยวอะไร คุณอรรถเป็นลูกค้าร้านไวน์กูเองแต่ก็ไม่เคยพบกัน ส่วนน้องซูกัสเป็นไวน์บอยที่ร้าน เคยเจอกูมาสองสามครั้งตอนกูไปทาบทามมาแล้วก็ตอนปฐมนิเทศ แต่กูไม่ได้ให้เขาจำกูได้เหมือนกัน น้องเขาเป็นเด็กดีมากด้วย หมอพฤกษ์ที่เป็นคนดูแลอยู่คงยืนยันได้”

“กูเดาแล้วว่าน้องเขาเป็นไวน์บอย กลิ่นหอมซะขนาดนั้น ว่าแต่ทำไมอาเขาถึงปล่อยให้หลานมาเป็นไวน์บอยวะ เป็นตั้งนักธุรกิจใหญ่”

“อาจริงๆ ที่ไหนล่ะมึง น่าจะเรียกว่าป๋ามากกว่า จริงๆ น้องเขาจะเลิกเป็นไวน์บอยแล้ว แต่คุณอรรถซึ่งเป็นลูกค้าคนสุดท้ายติดต่อมาที่ร้านไวน์กู บอกว่าอยากให้เพิ่มบริการรับฝากไวน์ส่วนตัว แล้วก็ส่งน้องซูกัสมาให้หมอพฤกษ์ดูแลต่อ ก็คือกินอยู่เหมือนไวน์บอยคนอื่น แต่ถือเป็นไวน์ส่วนตัวของคุณอรรถคนเดียว คุณอรรถก็จ่ายเป็นค่าบริการแทน เดือนๆ นึงหลายตังค์นะมึง กูเลยเปิดบริการนี้ขึ้นเป็นทางการ ก็มีคนสนใจจริงๆ บางคนเอาแฟนเด็กมาฝาก บอกว่าอยากให้ช่วยดูแลให้หุ่นดีสุขภาพดี ส่วนน้ำหวานๆ ก็เป็นผลพลอยได้ ฮิตขึ้นมาอีก”

“พอก่อนๆ ค่อยโม้ทีหลัง เรื่องเฉพาะหน้าสำคัญกว่า” โป๊ปตัดบทขี้เกียจฟังเพื่อนคุยฟุ้งเรื่องร้านขายไวน์ที่ประสบความสำเสร็จอย่างงาม ก็น่าสนใจนะถ้าเขาไม่ได้ฟังมันมาเป็นสิบรอบแล้ว

“เออ กูก็เพลินไป ส่วนคุณศศิกานต์นี่เป็นเคสแปลก จริงๆ แกเป็นสมาชิกองค์กรด้วยล่ะ”

“กูนึกว่ามึงรับแต่ผู้ชายซะอีก”

“ก็ใช่ แต่อันนี้เป็นกรณียกเว้น เธอเป็นสมาชิกโดยการสืบทอดจากคุณพ่อ เจ้าสัวคุณพ่อของคุณศิมึงคงจำได้ ที่ช่วยเหลือเราไว้มากตอนก่อตั้งองค์กร กูเลยให้เป็นสมาชิกกิตติมาศักดิ์ถึงแม้จะไม่ได้เป็นเกย์ก็ตาม แกก็สมกับเป็นนักธุรกิจนะ ถ้ามีนักโทษที่มีความรู้ด้านธุรกิจหรือเป็นตำรวจทหารที่มีฝีมือในการต่อสู้ เจ้าสัวมักจะประมูลไปช่วยงานหรือไปเป็นบอดี้การ์ด เพราะคนที่เป็นทาสจะไม่มีทางหักหลังเจ้านายได้ เห็นบอกว่าไว้ใจได้ดีกว่าไปจ้างใครที่ไหนก็ไม่รู้ พวกนั้นเลยสบายไป ไม่ต้องถูกทำอะไรเสียวๆ ที่นี้เมื่อปีก่อน คุณศิกลับจากเมืองนอกเพื่อเตรียมรับมอบธุรกิจ เจ้าสัวอยากให้คุณศิมีลูกน้องที่ไว้ใจได้เลยมาขอให้องค์กรโอนความเป็นสมาชิกของแกไปให้คุณศิ คุณศิจะได้มีสิทธิประมูลทาสมาใช้ในการทำงานได้ จริงๆ เรื่องโอนความเป็นสมาชิกให้ทายาทนี่ทำได้นะ กูก็ทำให้ไปสองสามรายแล้ว แต่กรณีนี้กูต้องปฏิเสธไปเพราะผิดกฎตรงที่คุณศิเป็นผู้หญิง แต่เจ้าสัวขอร้องมาอีกหลายครั้งกูเกรงใจเลยยอม หรือจริงๆ กูควรลบความจำแกไปเลยวะ”

“ไม่หรอก อย่างนี้ดีแล้ว เจ้าสัวก็มีบุญคุณกับองค์กรจริงๆ คุณศิคงไม่สร้างปัญหาอะไร...มั๊ง”

“ส่วนแฟนคุณศิ กูไม่รู้จักเลย แต่ดูหน้าตาท่าทางแล้วไม่น่าจะมีอะไร” บอสบอก

“งั้นก็เหลือคู่สุดท้าย”

“หล่อทั้งคู่ เสียดายที่กูก็ไม่รู้จัก เขาไม่ได้แนะนำตัวกับคนในโต๊ะด้วย แต่ว่าคนที่ดูเป็นลูกคุณหนูไฮโซอ่ะ กูคุ้นหน้ามากๆ น่าจะเคยเจอมาก่อนแต่นึกไม่ออก แต่ไม่ใช่สมาชิกหรือนักโทษหมวดเอสแน่ๆ หมวดเอ็มก็ไม่น่าจะใช่ เดี๋ยวลองไปถามหมอพฤกษ์ดู แกเป็นแฟนพันธ์แท้หมวดเอ็ม ที่เป็นไปได้มากที่สุดคือพวกหมวดซี เพราะเจอแป๊บๆ เดี๋ยวก็กระจายไปทำงานบริการสังคมแล้วพ้นโทษไป” บอสพยายามนึกกรณีที่เป็นไปได้

โป๊ปที่คุยไปด้วยดูข้อมูลในมือถือไปด้วยแทรกขึ้นมาว่า

“ไม่ต้องเดาแล้ว เจอตัวคนทำซะที ระบบกูแกะรอยไปที่ปลายทางที่เขาตั้งใจจะส่งรูปขึ้นไป มันเป็นกลุ่มลับในเฟสบุ๊ค”

“ใครวะ แล้วเขาทำไปทำไม

“มึงอ่านเฟสเองดีกว่า แล้วค่อยดูว่าเข้าใจเหมือนกูหรือเปล่า”

-----------------------------------------------------------
เม้าท์วายสไตล์คุณเจ๊
Closed Group . 1784 Members

เรียกเจ้ว่าเจ้สิ added 4 new photos to the album: คู่หนุ่มหล่อร่วมโต๊ะ
4 mins
ค่ำคืนนี้เจ๊มาดินเนอร์การกุศลกับคุณแฟน ไม่นึกไม่ฝันว่าคนร่วมโต๊ะจะเป็นหนุ่มหล่อมากันเป็นคู่ๆ ตั้งสี่คู่แบบไม่ต้องจิ้น เจ๊ว่าแต่ละคู่โอกาสเรียลเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ช่วงนี้เอาโมเม้นท์ดีงามมาแชร์คู่ละหนึ่งรูปก่อนนะจ๊ะ เจ๊กำลังแอบถ่ายเพิ่มอยู่ อิอิ ละลานตาไปหมดไม่รู้จะมองตรงไหน แฟนเจ๊ตกกระป๋องไปเลยเจอหนุ่มๆ เซ็ทนี้
17 Likes     6 Comments

Marasri Chan : ว๊ายเจ๊ ทำไมเจ๊เจอแต่โมเม้นท์ดีๆ แบบนี้ตลอดเลย เมื่อเช้าตักบาตรด้วยอะไรคะ ปอลิง มาต่อนิยายด้วยนะ
    เรียกเจ๊ว่าเจ๊สิ : เจ๊บอกตามตรง ที่ผ่านมาอาจจะมีจัดฉากบ้าง แต่นี่ของจริง 100% เลยนะจ๊ะ

เจนหนี้ เรียนโทสุพรรณ : นี่คนหรือ Angel คะ ทำไมหล่อใสกันได้ขนาดนี้ หัวใจจะ Y แต่แค่คู่ละรูปมันไม่พอยาไส้เลยค่ะเจ๊ขา จัดเพิ่มมาหน่อย #เจนหนี้ขอร้อง

ย้งยี้ Piyada : น้องเด็กๆ ที่นั่งคู่พี่หล่อๆ ผิวเข้มนี่ชื่ออะไรคะ ถ้าคู่นี้ไม่ real นู๋จะไปสู่ขอมาเป็นพ่อของลูก
    เรียกเจ๊ว่าเจ๊สิ : จุ๊ๆ บอกไม่ได้จ้า เดี๋ยวกระเทือนอนาคตของชาติ นี่ลูกชายเจ๊เลยนะ แต่เรียกนามแฝงว่าน้องท็อฟฟี่ก็ได้

เลขาสมาพันธ์วายแห่งช่องนนทรี : เป็นอะไรที่เลอค่ามากอ่า มีทั้งคู่วัยทำงาน คู่วัยเรียน แถมยังมีคู่ผสมวัยทำงานกับวัยเรียนอีก แล้วหน้าตาแบบนี้ ปกติเค้านั่ง ฮ. ไปไหนมาไหนกันหรอค้า ถึงไม่เคยพบเห็นตามรถไฟฟ้า งานจัดที่ไหนคะ เค้าตามไปดูจะทันมั้ยหนอ อยากเห็นเป็นบุญตา

Premmika Sukkhosamosorn : พี่สองคนรูปสามอยู่มหาลัยเราเอง ตัวจริงล้อหล่อ ทั้งคู่เลย เค้าลือกันว่าจริงค่ะ พี่คนที่นามสกุลดังๆ เป็นเคะ

Niña Pavarotti : ขุ่นพี่คะ ทำไมรูปที่สี่ไม่ขึ้นคะ น้องรีเฟรชแล้วรีเฟรชอีกก็ไม่ขึ้น
    เรียกเจ๊ว่าเจ๊สิ : ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน สงสัยรูปเสีย ในเครื่องเจ๊ก็พลอยหายไปด้วย เสียดายมาก ขอบอกว่าคู่นี้หล่อที่สุด แถมเรียล 100% เจ๊ดูแววตาก็รู้แล้ว คนนึงหล่อแมนๆ ยิ่งกว่านายแบบ อีกคนก็ ว๊าย ทำไมเจ๊ลืมหน้าซะได้ เดี๋ยวสองคนนี้กลับจากห้องน้ำเมื่อไหร่เจ๊จะแอบถ่ายใหม่ ว่าแต่เขาไปกันนานจัง หรือว่า…อร้าย ฟิน

-----------------------------------------------------------

“สาววาย?” บอสมองหน้าโป๊ปเป็นเชิงถามเมื่ออ่านหมด เขาไม่เข้าใจบางอย่างที่เขียนกันในนั้นแต่ก็พอเดาเรื่องรวมๆ ได้

“น่าจะอย่างนั้น”

“ตกลงชื่อเฟสบุ๊ค ‘เรียกเจ๊ว่าเจ๊สิ’ นี่คือคุณศิเหรอ” บอสยังไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงแถวหน้าผู้ทรงอิทธิพลในโลกธุรกิจเมืองไทย จะเจียดเวลามาทำเรื่องอะไรแบบนี้

“น่าจะอย่างนั้น แล้วมึงจะเอายังไงต่อ”

“รูปลบไปแล้วคงไม่มีอะไรแล้วมั๊ง ท่าทางก็ไม่ได้คิดร้ายอะไรนี่ เดี๋ยวกลับไปค่อยเช็คดูอีกที ตอนนี้กลับไปกินข้าวต่อดีกว่า คุณศิเขายิ่งคิดว่าเราสองคนไปทำอะไรๆ กันในห้องน้ำอยู่ด้วย” บอสสรุป

“ป่ะ” โป๊ปพูดพร้อมเนียนเอามือเกาะไหล่บอสไว้แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะพร้อมกัน ในใจนึกเตือนตัวเองว่ากลับไปจะต้องตรวจสอบให้ละเอียดเพราะรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 21] 16/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: lovely tham ที่ 16-10-2015 22:05:22
[พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ][พิชยะ]
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :m16: :m16: :m16: :m31: :m31: :m31: :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 21] 16/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 17-10-2015 12:02:16
เจอสาววายในเล้าซะแล้ว.
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 21] 16/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 17-10-2015 14:02:58
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 21] 16/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 17-10-2015 14:27:46
มาต่อแล้ววววว ดีดดิ้นดีใจ งื้อออออ
คู่น้องไวน์บอยน่ารัก แอบสงสารคุณเอ็กแสบแย่  :hao5:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 21] 16/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 17-10-2015 22:32:42
มาต่อแล้วหรอ ยังไม่ได้อ่านเลย มาๆๆๆๆ ช่วงนี้งานเยอะ

อ่านเรื่องนี้ทีไลหายเครียดทุกที
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 21] 16/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 18-10-2015 13:23:56
ว้าย คุณศินี่แซ่บไม่เบา เห็นเงียบๆ นี่เวลาเล่นเฟสนี่จัดเต็มนะ 5555

เห้ยยย จะบอกว่าเพิ่งมีโอกาสได้อ่าน
ชอบคอนเสปที่ตาต่อตาฟันต่อฟันมาก ไม่ค่อยเจอๆ
ภาษาดี ความหื่นก็มาเต็ม

ที่สำคัญ คู่รัก 01 น่าลุ้นมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 21] 16/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 19-10-2015 09:51:09
0101 น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 21] 16/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 21-10-2015 23:12:57
 :m20:  บอสกับโป๊ป รู้จักสาววายน้อยไปซะแล้ววว
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 21] 16/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 21-10-2015 23:27:20
แอบมโนกลิ่นน้องซูกัสเบาๆ  o18  งานนี่คุณศิฟินไปเต็มๆ  :hao7: 
สำหรับตอนที่ 20 ถ้ามองว่าเป็นการลงโทษนายเอ็กซ์พ่อเลี้ยงน้องคุน ก็ถือว่าไม่แรงนะ จะได้เข้าใจความรู้สึกของผู้ถูกกระทำซะบ้าง  o12
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 21] 16/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 22-10-2015 02:34:08
โอ้ย น่ารักอะชอบ มาต่ออีกเร็วๆนะ นี่กลิ่นผลไม้กับน้ำผึ่งลอยมาเลย :mew2:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 21] 16/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 31-10-2015 08:58:56
ยังไม่มาต่ออีกเหรอ
รออยู่ครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 21] 16/10/15
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 01-11-2015 10:14:36
มาต่อเถอะน้าาาาาา  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 22] เจ้านายมือใหม่ [พิชยะ 4] 7/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 07-11-2015 17:22:17
ขออภัยจริงๆ ครับที่ไม่ได้มาต่อหลายอาทิตย์ คราวนี้มาต่อเรื่องของพิชยะซึ่งหายไปนาน ถ้าใครอยากรื้อฟื้นก็อยู่บทที่ 9, 10, 11 หน้า 2 ครับ เพราะกว่าจะเขียนตอนนี้จบ คนแต่งก็ต้องไปรื้อฟื้นมาเหมือนกัน 55

……………………………………………….

องค์กรลวงจิต Explicit Content
 
บทที่ 22 เจ้านายมือใหม่

[พิชยะ]

ผมตื่นนอนตอนเช้าตามเสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ หลังจากมึนๆ อยู่ซักพักว่าวันนี้เป็นวันอะไรทำไมถึงได้ตั้งปลุกตั้งแต่เช้า แล้วก็นึกได้ว่าเป็นวันเสาร์แต่นัดไว้ให้องค์กรเอาทาสที่ประมูลได้มาส่ง ช่วงนี้ผมทั้งทำงานที่บริษัทของครอบครัวแล้วก็เรียนโทภาคนอกเวลาไปด้วย แต่ยังดีที่เวลาเรียนเป็นเฉพาะช่วงเย็นวันธรรมดาเท่านั้น เสาร์อาทิตย์เลยยังได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง พูดถึงเรื่องทาสนี่ผมก็ยังกังวลอยู่ว่าจะใช้งานได้แค่ไหน กลัวจะเสียเงินไปเปล่าๆ อยู่เหมือนกัน ตั้งหกแสนแหนะ ผมเหลือบดูนาฬิกา เหลือไม่ถึงชั่วโมงจะถึงเวลานัด ดีที่องค์กรจะเอาทาสมาส่งให้ที่คอนโดเลยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ผมรีบเข้าไปอาบน้ำ คอนโดที่ผมอยู่นี้ค่อนข้างใหญ่และหรูหราไม่น้อย ไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของผมหรอก แต่เป็นของที่บ้านที่มีอยู่หลายที่ ห้องนี้ผมยืมมาอยู่ช่วงที่เรียนโทจะได้ไม่ต้องเดินทางไกล พอผมมาอยู่มันรกจนไม่สมราคา ทำไงได้ล่ะ ก็ผมงกค่าจ้างแม่บ้านนี่ ทำเองก็ได้นิดๆ หน่อยๆ ไม่มีเวลา

พอได้เวลานัด ผมก็ลงมารอที่ล็อบบี้ของคอนโดซึ่งเป็นจุดที่นัดไว้ ผมมองไปรอบๆ ไม่แน่ใจว่าคนขององค์กรจะรู้จักหน้าค่าตาผมหรือเปล่า ที่ล็อบบี้ ช่วงเช้าวันเสาร์อย่างนี้มีคนไม่น้อยที่เดียว กลัวเขาเอาไปส่งผิดคนอยู่เหมือนกัน

“สวัสดีครับ คุณพิชยะนะครับ ผมเอาสินค้าที่ประมูลได้มาส่ง”

ผมหันไปตามเสียงทักแล้วก็ตะลึงเล็กน้อย นี่คงเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์กร ว่าแต่ทำไมเขาถึงเอาคนที่หล่อขนาดนี้มาทำงานส่งของนะ ผมนึกในใจขณะที่กวาดตาเก็บรายละเอียดของชายหนุ่มตรงหน้าแบบไม่ให้เสียมารยาทด้วยเทคนิคเหล่หนุ่มที่ผมแสนจะชำนาญ ท่าทางน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับผม รูปร่างดีมากแต่ไม่หนาล่ำ ปากบางสีชมพูอมส้ม ที่เป็นจุดเด่นที่สุดคงเป็นดวงตาโตสวยแต่มีประกายคมกล้าแผงอยู่ มองดูดีๆ รู้สึกเป็นสายตาที่มีอำนาจทำให้ร้อนๆ หนาวๆ ได้เหมือนกัน แต่พอผมพยักหน้าเป็นการตอบรับว่า ตัวเองคือคนที่ตามหา เจ้าหน้าที่องค์กรก็ยิ้มให้อย่างสดใสจนผมตาพร่าไปหมด

“ผมขออนุญาตถามคำถามยืนยันตัวข้อนึงนะครับ”

ผมพยักหน้าให้อย่างมึนงงในออร่าความดูดีของคนตรงหน้า ถ้ามีแบบนี้มาประมูลเป็นทาส ผมจะไปขอมรดกล่วงหน้าจากพ่อมาประมูลแข่งเลยสิเอ้า แต่พอเจอคำถามยืนยันตัวผมก็ต้องตาลุกโพลงจนหายมึน

“คลิปหมวดเอ็มที่คุณดูบ่อยที่สุดคือคลิปอะไร” เจ้าหน้าที่องค์กรถามด้วยสีหน้าจริงจัง ว๊าก นึกว่าจะถามยืนยันตัวด้วยเลขบัตรประชาชนหรือวันเดือนปีเกิดอะไรทำนองนั้น จะให้ผมตอบเรื่องแบบนี้ต่อหน้าคนที่หล่อขนาดนี้เหรอ แล้วภาพลักษณ์ผมจะเหลืออะไรล่ะ

“เอ่อ ผมจำไม่ค่อยได้น่ะครับ มีคำถามอื่นให้ตอบแทนไหมครับ” คงต้องปัดๆ ไปก่อน

“ถ้าเป็นคำถามสำรองเกรงว่าท่านสมาชิกจะอายนะครับ น่าจะตอบคำถามธรรมดาๆ แบบนี้ดีกว่า ผมใบ้ให้ว่าเป็นคลิปที่คุณดูไป 246 ครั้งในช่วงเวลาหกเดือนที่เป็นสมาชิก ดูบ่อยจังเลยนะครับ เอ หรือจะลองเปลี่ยนไปเป็นคำถามสำรองดี”

“มะ ไม่ต้องครับ คำถามนี้ก็ได้ ผมนึกออกแล้ว เอ่อ คลิป ชิน เดือนบริหาร ถูกรุมล้างแค้นโดยเด็กมอต้นกางเกงน้ำเงินครับ” ผมหน้าร้อนผ่าว ทำไมถึงได้เป็นคำถามที่เจาะลึกขนาดนี้นะ ถ้านี่ถือว่าธรรมดา แล้วคำถามสำรองที่บอกว่าน่าอายมันจะขนาดไหน

“ถูกต้องครับ ตกลงว่าเป็นคุณพิชยะตัวจริง ไม่ต้องเขินอะไรผมหรอกครับ สมาชิกองค์กรนี้ก็หื่นกันประมาณนี้แหละ เพียงแต่คุณออกจะหักโหมไปนิด ก่อนจะเริ่มขั้นตอนการส่งมอบทาส ผมขอแนะนำตัวเองนิดนึงนะครับ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์กร เรียกผมง่ายๆ ตามรหัสว่าเบอร์ศูนย์แล้วกัน ปกติผมก็ไม่ค่อยได้มาเจอกับสมาชิกหรอก ก็อย่างที่ทราบว่าองค์กรเราจะบริหารจัดการเรื่องต่างๆ ผ่านแอพเป็นหลัก ยกเว้นจะเป็นการเอาทาสมาส่งมอบอย่างนี้ แล้วหลังๆ เราจะทำผ่านระบบวิดีโอคอลล์เป็นส่วนใหญ่เพราะสะดวกกว่า แต่ครั้งนี้เป็นการประมูลทาสครั้งแรกของคุณ ผมเลยมาส่งให้กับตัวจะได้พูดคุยอะไรบ้างนิดหน่อย”

“ดีเลยครับ ผมยังงงๆ อาจจะทำอะไรไม่ค่อยถูก มานึกๆ ดูแล้วผมคงไม่ค่อยได้ใช้งานทาสทำอะไรซักเท่าไหร่ อย่างเก่งก็ให้ช่วยทำความสะอาดห้องกับซ่อมรถถ้าเขาพอทำได้ ท่าทางคงจะไม่คุ้ม ว่าแต่ประมูลแล้วคืนไม่ได้ใช่ไหมครับ”

“คืนได้ครับ” หนุ่มหล่อตอบอย่างผิดความคาดหมาย ผมกำลังจะอ้าปากขอคืนตัวทาสแต่ก็ต้องหุบปากแทบไม่ทันพอได้ยินประโยคที่ตามมา

“แต่ไม่คืนเงิน” ผมคงเผลอทำหน้าตาประหลาดออกไปจนคนตรงหน้ายิ้มขำ อ๊าก ความหล่อเพิ่มขึ้นอีกยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์

“ผมล้อเล่นนะครับ คุณพิชนี่ตลกดี คืองี้ครับ พอทาสถูกประมูลได้ ทางเราจะเอาเงินที่ได้ไปชดเชยให้กับผู้เสียหายที่ถูกทาสกระทำ ในกรณีของทศที่คุณพิชประมูลได้นี่ เราได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้วครับ เพราะฉะนั้นคิดเรื่องจะหาทางใช้ทาสให้คุ้มค่าดีกว่าครับ” หนุ่มที่มีรหัสหมายเลขศูนย์แนะนำ

“เราใช้งานทาสในเรื่องอื่นๆ ก็ได้ใช่ไหมครับ คือผมคงไม่ได้ใช้งานใน เอ่อ เรื่องเซ็กส์หรืออะไรทำนองนั้น บอกตรงๆ ว่าทาสคนที่ผมประมูลได้นี่ไม่ใช่สเป็คผมเลยครับ แต่งบผมมีแค่นี้” ผมถามออกไปตรงๆ ถึงจะอายนิดหน่อย

“เรื่องสเป็คของคนเรานี่มันเปลี่ยนกันได้ ทาสที่คุณประมูลได้ก็ไม่เลวนะครับ แถมได้มาในราคาที่คุ้มค่ามาก คุณพิชใช้งานได้ทุกเรื่องครับขอให้อยู่ในกฎสามข้อของทาส เดี๋ยวผมทวนให้ฟังอีกทีนะครับ ข้อแรก ทาสจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเคร่งคัด ตราบเท่าที่ไม่ขัดต่อกฎข้อสองและข้อสาม ข้อสอง ทาสจะต้องไม่กระทำการที่ขัดต่อหลักกฎหมายในสาระสำคัญ และข้อสุดท้าย ทาสมีสิทธิที่จะปฏิเสธและสามารถปกป้องตนเองจากการกระทำหรืออันตรายที่อาจทำให้ตัวเองถึงแก่ชีวิต หรือเกิดการบาดเจ็บที่มากกว่าบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ”

ผมมองหน้าเบอร์ศูนย์ไปขณะที่เจ้าตัวทบทวนกฎของทาสให้ฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม คนหล่อๆ นี่ แค่พูดเฉยๆ ก็ยังดูดี มีแฟนหรือยังนะ ผมลองจีบดูดีไหม ถ้าได้คนในองค์กรเป็นแฟน ผมคงไม่ต้องกังวลเรื่องที่ตัวเองเป็นเกย์จะรั่วไหลออกไปจนทำให้ชื่อเสียงครอบครัวเสียหาย แต่องค์กรนี้ก็แอบน่ากลัวนิดๆ นะ พอลองคิดดูว่าองค์กรทำโน่นทำนี่ได้สารพัด ถ้าเป็นแฟนแล้วเกิดทะเลาะกันนี่ผมไม่ต้องโดนไปถ่ายคลิปขายในหมวดเอ็มหรือโดนเลหลังเป็นทาสในหมวดเอสเหรอ อยากก็อยาก กลัวก็กลัว แต่เบอร์ศูนย์นี่ยังเด็กอยู่เลย คงไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงหรอกมั๊ง ถ้าทะเลาะกันคงจะเอาอำนาจขององค์กรมาแกล้งผมไม่ได้

หนุ่มที่ผมแอบหมายปองแบบกะทันหันยังอธิบายต่อ

“ห้ามเจ้านายใช้งานทาสไปทำสิ่งที่ก่อให้เกิดภาระผูกพันกับตัวทาสในระยะที่ยาวเกินอายุสัญญา เช่น ใช้ให้ไปทำผู้หญิงท้อง ถึงฝ่ายหญิงจะเต็มใจก็ตาม อย่างนี้ไม่ได้ เพราะมันทำให้เกิดภาระความเป็นพ่อลูกซึ่งผูกพันเกินอายุสัญญา อ้อ เกือบลืมเรื่องสำคัญ นายทศ เป็นทาสระดับหนึ่ง จะมีข้อจำกัดในการใช้งานมากหน่อย คือห้ามใช้งานที่ทำให้เกิดความอับอายขายหน้าต่อสาธารณชนยกเว้นในกลุ่มคนจำกัดที่เจ้านายควบคุมได้ ห้ามมี Hard Sex หากทาสไม่เต็มใจ และห้ามใช้งานทาสในเชิงพาณิชย์ใดๆ”

ไม่รู้เพราะผมทำหน้างงๆ ออกไปหรือเปล่า เบอร์ศูนย์ถึงรีบพูดต่อ

“อาจจะดูเงื่อนไขเยอะหน่อยนะครับ คุณพิชจำไม่ได้หรือไม่แน่ใจก็ลองสั่งให้ทำดูเลยก็ได้ ถ้ามันผิดเงื่อนไข ทาสจะปฏิเสธออกมาเอง แต่ที่ต้องระวัง ถ้าทาสปฏิเสธที่จะไม่ทำเพราะผิดเงื่อนไข แล้วเจ้านายยังดึงดันจะให้ทำโดยบีบบังคับทางอ้อม เช่น ขู่ว่าถ้าไม่ทำจะสั่งให้ทำเรื่องอื่นที่แย่กว่าแต่อยู่ในอำนาจ อย่างนี้ก็ไม่ได้นะครับ องค์กรสามารถตรวจเจอแล้วเจ้านายจะโดนลงโทษ เชื่อผม คุณไม่อยากโดนองค์กรลงโทษหรอก”

“ไม่ต้องขู่หรอกครับ องค์กรมีเพาเวอร์ขนาดนี้ ผมสงสัยว่ามีสมาชิกคนไหนกล้าฝ่าฝืนด้วยเหรอ” ผมตอบตามที่นึก

เบอร์ศูนย์ยิ้มๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องไปที่การส่งมอบทาส

“เงื่อนไขทั้งหมดก็มีเท่านี้ครับ เดี๋ยวผมจะทำการส่งมอบนายทศให้เลย รอตรงนี้สักครู่นะครับ”

ผมนั่งรอที่โซฟาของล็อบบี้คอนโดในคณะที่เบอร์ศูนย์เดินออกไปด้านนอก เพียงอึดใจเดียวก็กลับมาโดยมีหนุ่มหน้าตาซื่อๆ เดินตามมาด้วย เบอร์ศูนย์ไม่รอช้ารีบแนะนำทันที

“คุณพิช นี่ทศครับ ทาสที่คุณประมูลได้ ทศ นี่คุณพิชยะ เจ้านายของเรา”

ทศยกมือไหว้ผมทั้งๆ ที่เขาอายุมากกว่า ผมรับไหว้พยายามวางท่าทางให้ดูภูมิฐานสมกับเป็นเจ้านาย  ทศตัวจริงรูปร่างหน้าตาไม่เลว ดูดีกว่าในรูปและคลิปที่เห็นก่อนหน้านี้ ผิวออกจะคล้ำไปซักหน่อย แต่ท่าทางกล้ามจะแน่นมาก หน้าตาแมนๆ คมเข้ม ตาสีสนิมเหล็ก ริมฝีปากหนานิดหน่อยแต่ก็ดูไม่น่าเกลียด ก็หล่อแบบบ้านๆ ต่างจังหวัดล่ะนะ คงพอกล้อมแกล้มเป็นพวกเดือนวิทยาลัยช่างได้ เอ.. วิทยาลัยช่างมีเดือนหรือเปล่าผมไม่รู้แฮะ เอาเป็นว่าตัวจริงหล่อกว่าที่คาด แต่ถ้าเทียบกับเบอร์ศูนย์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ถือว่าห่างชั้น

“สวัสดีครับ โห เจ้านายหล่อจัง คนกรุงเทพนี่หน้าตาดีกันจริงๆ” ทศฉีกยิ้มแบบจริงใจเห็นฟันขาวตัดกับสีผิว ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นคำทักทายคำแรกจากทาสของผม มันควรต้องหงอกว่านี้สิ ผมคือเจ้านายเชียวนะ แต่ก็เอาเถอะนะ ก็ทศเล่นพูดความจริงที่ผมเถียงไม่ออกนี่ แต่เอาผมกับคุณเบอร์ศูนย์เป็นตัวแทนคนกรุงเทพนี่อาจจะไม่แฟร์กับคนต่างจังหวัดเท่าไหร่นะ

“หวัดดีทศ ผม เอ้ย ชั้นเป็นคนไม่เรื่องมากแต่ก็เข้มงวดอยู่บ้าง ถ้าคุณ เอ่อ ถ้านายทำตัวดี ชั้นก็ไม่ได้โหดอะไรหรอกนะ” ผมปั้นหน้าขรึมแต่ดันพูดตะกุกตะกัก ก็ผมไม่ชินนี่ครับ เบอร์ศูนย์หลุดหัวเราะมานิดนึงจนผมต้องปรายตาไปมอง เชอะ หล่อแต่มาทำอย่างงี้ใส่ผมก็หักคะแนนความปลื้มได้นะ

เอาจริงๆ นะครับ ผมวางท่าเป็นเจ้านายไม่ค่อยเป็นหรอก เห็นที่บ้านผมมีฐานะอย่างนี้ แต่พ่อแม่เลี้ยงมาแบบให้เกียรติบริวาร แม่บ้านและคนทำงานที่บ้านผมก็มีแต่รุ่นใหญ่ ผมเรียกป้าเรียกพี่มาตั้งแต่เด็ก ก็อยู่กันเป็นแบบครอบครัว ไอที่เรียกจิกหัวใช้แบบในละครผมก็ไม่รู้เขาไปเอามาจากที่ไหน งานที่บริษัท พ่อก็ให้ผมเริ่มจากระดับพนักงานธรรมดา ลูกโน้งลูกน้องก็ไม่มี พ่อบอกเพิ่งจบมาจะเอาอะไรไปบริหารเขา ต้องค่อยๆ เรียนรู้ไปก่อน

“ผมยินดีทำงานรับใช้เจ้านายอย่างเต็มที่ครับ เจ้านายถือว่ามีบุญคุณที่ประมูลผมมา องค์กรแจ้งผมมาแล้วว่าไม่มีใครประมูลผมเลยมีแต่เจ้านายคนเดียว ไม่งั้นผมอาจถูกลดระดับลงเป็นทาสระดับสองระดับสามจะนิ่งลำบากกว่านี้ เจ้านายใช้งานผมได้ทุกอย่างเลยครับ ถึงไม่อยู่ในเงื่อนไข ถ้าผมทำได้ผมก็จะทำให้ แต่ผมก็แค่คนบ้านนอกนะครับไม่ได้เรียนสูง ถ้าผมทำไม่เป็นผมก็พยายามไปเรียนรู้ศึกษามา”

ทศพูดพร้อมกับสบตาผมไปด้วย ประกายตาเขาดูซื่อแต่มุ่งมั่นทำให้ผมค่อนข้างแน่ใจว่าเขาหมายความอย่างที่พูดจริงๆ ผมเริ่มรู้สึกว่าการได้ทศมาเป็นทาสอาจจะไม่ใช่เรื่องผิดพลาดอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะสบอารมณ์กับทุกอย่างที่เขาพูดหรอกนะ

“ก็ดูกันไปแล้วกัน แต่เรียกชั้นว่าเจ้านายนี่มันฟังดูแก่ๆ ยังไงก็ไม่รู้ เบอร์ศูนย์ครับ ปกติทาสเค้าเรียกว่าเจ้านายตรงๆ อย่างนี้เลยเหรอ” ผมหันไปปรึกษาคนขององค์กรที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ

“ก็ประมาณนั้นแหละครับ บางคนให้เรียกนายท่านด้วยซ้ำ สมาชิกองค์กรก็จะไม่ค่อยมีอายุน้อยๆ ซักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เจ้านายก็จะอายุมากกว่าทาสอยู่แล้ว ไม่เห็นจะมีใครห่วงแก่ ก็มีคุณพิชนี่ล่ะที่อายุน้อยหน่อย ผมว่าให้นายทศเรียกคุณพิชว่านายน้อยสิครับ ฟังดูก็รู้ว่าเป็นเจ้านายแต่ดูเด็กกว่าจมเลย” เบอร์ศูนย์แนะนำยิ้มๆ เรียกนายน้อยนี่มันไม่ดูแบ๊วไปเหรอ ฟังไปฟังมาก็เหมือนหนังจีน

“นายน้อย นายน้อย ผมชอบครับ เหมาะมาก ผมทาสทศขอฝากตัวกับนายน้อยด้วยครับ”

เอิ่ม ดันมีคนเห็นด้วยแฮะ ผมยังไม่ได้ตกลงเลยนะ แต่ก็เอาเถอะใช้ไปก่อนอย่างน้อยก็ดูไม่แก่ ไว้นึกอะไรที่ดีกว่านี้ได้ค่อยเปลี่ยนแล้วกัน

“ถ้าตกลงว่าจะเรียกกันยังไงได้แล้ว มาส่งมอบทาสกันเลยครับ จะได้ไม่เสียเวลา” เบอร์ศูนย์บอกแล้วก็ดีดนิ้วที่ข้างหูทศซึ่งชะงักนิ่งไป

“ทศครับ คุณพิชยะหรือนายน้อยคือเจ้านายของคุณครับ ส่วนคุณเป็นทาสที่ต้องทำตามคำสั่งทุกอย่างของเจ้านายตามเงื่อนไขที่กำหนด”

เบอร์ศูนย์เอนตัวไปกระซิบที่ข้างหูทศอีกสองสามนาทีแต่ผมได้ยินไม่ชัด เสร็จแล้วก็ดีดนิ้วอีกครั้ง ทศสะดุ้งเล็กน้อยเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว

 “การโปรแกรมเพื่อส่งมอบเรียบร้อยครับ ช่วยดูแลทศทาสของคุณไปอีกสองปีด้วยครับ”

เบอร์ศูนย์กล่าว แล้วก็บอกเรื่องสำคัญที่องค์กรขอความร่วมมือให้เจ้าของทาสช่วยปฏิบัติถึงจะไม่ได้ระบุไว้ในกฎก็ตาม ผมฟังแล้วก็หนักใจนิดๆ คงต้องดูกันต่อไปว่าพอจะทำได้มากน้อยแค่ไหน

พอแจ้งเรื่องดังกล่าวจบ ชายหนุ่มที่หล่อยิ่งกว่าดารานายแบบก็ขอตัวกลับทันที 

“ถ้ามีปัญหาอะไร ผมจะติดต่อคุณได้ยังไงครับ” ผมเสี่ยงถามออกไป โอกาสสุดท้ายแล้ว ถึงไม่ได้เป็นแฟน แต่ได้เป็นเพื่อนไว้ปรึกษาเรื่องอะไรที่บอกคนอื่นไม่ได้ก็ยังดี ไหนๆ เขาเป็นคนขององค์กรที่รู้ความลับของผมอยู่แล้ว

“ไม่ต้องหรอกครับ ถ้าเกิดปัญหาที่ใหญ่ๆ ขึ้นมาจริงๆ องค์กรจะทราบเอง ส่วนคำถามเล็กๆ น้อยๆ คุณพิชสามารถถามได้ผ่านทางแอพ “The Firm” ขององค์กร ถ้าไม่มีอะไรปกติเราจะเจอกันอีกทีก็ตอนส่งมอบทาสคืนเลยครับ ตอนนั้นผมจะมาให้เลือกว่าจะยังให้ทาสจำเรื่องราวของคุณระหว่างเป็นทาสได้หรือเปล่า บางคนเขาก็ยังอยากรักษาความเป็นส่วนตัวไว้น่ะครับ ถ้ายังไงผมลาตรงนี้เลยแล้วกัน ฝากความระลึกถึงคุณอาของคุณพิชด้วยนะครับ ถึงท่านจะจำผมไม่ได้ก็เถอะ สวัสดีครับ”

ผมมองเจ้าหน้าที่ขององค์กรที่ตัดบทแล้วเดินจากไปด้วยความเสียดาย หล่อใสจริงๆ นานๆ ทีจะเจอคนที่ถูกใจแบบนี้ แต่ดูท่าแล้วคงอดสานต่อความสัมพันธ์แน่ๆ ผมหันกลับมาดูสิ่งที่มี ทศยังยืนรออยู่ที่เดิม อืม พอไม่มีคนเปรียบเทียบแล้วหมอนี่ก็ดูดีใช้ได้ รูปร่างหน้าตาให้อารมณ์ประมาณพวกนักมวย ที่จริงมันคงไม่แฟร์นักถ้าจะเอาไปเปรียบเทียบกับเบอร์ศูนย์ขององค์กรที่หน้าตาขนาดนั้น เอ หน้าตาขนาดไหนหว่า ทำไมนึกไม่ออก รู้สึกว่าจะเป็นหนุ่มหน้าตาดี ดูมีอำนาจแต่แอบกวนๆ ถ้าเจอหน้าอีกทีผมจะนึกออกไหมนะ มันตะหงิดใจแปลกๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ ผมเบนความสนใจไปยังทศที่ยืนรออยู่

“ทศ ไปคุยกันต่อที่ห้องชั้นแล้วกัน เรามีข้าวของมาด้วยใช่ไหม ขนไปพร้อมกันเลย”

จริงๆ ทศอายุมากกว่าผมสี่ปี ปกติผมคงเรียกพี่ไปแล้ว แต่นี่มาเป็นทาสผม จะเรียกพี่ก็คงแปลกๆ ไอแทนตัวเองว่าชั้นเหมือนกัน ไม่คุ้นปากเลยแฮะ ถ้ากับครอบครัวผมแทนตัวเองว่าพิชตลอด กับเพื่อนหรือคนรู้จักก็แทนว่าผมหรือไม่ก็กูมึงไปเลยถ้าสนิท

ทศชี้ไปที่กระเป๋าใบไม่ใหญ่มากที่วางแอบๆ อยู่ข้างโซฟา

“ของผมมีแค่นี้ครับนายน้อย เสื้อผ้าผมเอามาแค่ไม่กี่ชุด ผมมีแต่ชุดช่างกับชุดทำไร่ทำสวน เกรงว่าจะไม่เหมาะถ้าเอามาใส่ที่กรุงเทพ”

แล้วเสื้อตัดอ้อยลายสก๊อตที่ใส่มานี่เหมาะกับกรุงเทพตรงไหนฟ่ะ แต่จะว่าไปพอหรี่ตามองก็คล้ายๆ หนุ่มคาวบอยอยู่เหมือนกันนะ ผมก็เดินนำทาสคนแรกในชีวิตขึ้นลิฟท์กลับไปที่ห้อง พอเข้ามาในห้อง ทศก็มีท่าทางตื่นเต้นกับห้องชุดที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แถมตกแต่งไว้หรูใช้ได้ ผมก็แนะนำคร่าวๆ ว่าอะไรอยู่ตรงไหน แล้วก็มานั่งคุยถึงงานที่จะให้เขาทำ

“นายทำอะไรเป็นบ้าง ชั้นว่าจะให้นายช่วยทำความสะอาดห้องนี้ ซักรีดผ้า ทำอาหารถ้าทำได้ แล้วก็ดูแลน้องเต้าหู้ หมายถึงรถของชั้นน่ะ” ผมรีบบอกเมื่อเห็นทศทำท่างงๆ ตอนผมพูดถึงรถแสนรัก

“ผมว่าผมน่าจะทำได้ครับ แต่อาจไม่ค่อยคุ้นกับที่หรูๆ แบบนี้ ปกติผมก็เช่าหออยู่ในตัวเมืองใกล้ๆ อู่รถที่ผมทำอยู่ นายน้อยรู้อยู่แล้วใช่ไหมครับว่าผมเป็นช่างซ่อมรถ ตอนอยู่หอผมก็ต้องทำงานบ้านเองอยู่แล้ว วันหยุดถึงจะกลับไปบ้านพ่อแม่ที่อำเภอใกล้ๆ ไปช่วยเขาดูไร่ดูสวนอีกแรง”

“ก็ดี เดี๋ยวเก็บของเสร็จแล้วชั้นจะพาไปดูน้องเต้าหู้ ว่านายพอจะซ่อมมันได้ไหม เดี๋ยวนี้เริ่มจุกจิก ถ้าเป็นคนก็คงแก่มากแล้ว แต่ชั้นรักมันมาก นั่งมาตั้งแต่เด็กๆ”

“ถ้าเป็นไม่ใช่รถแบบทันสมัยจ๋าผมน่าจะซ่อมได้บ้างครับ หรือถึงไม่ได้ผมก็จะไปศึกษาเพิ่มเติม ส่วนอาหารผมก็ทำได้นะครับ แต่ไม่รู้จะถูกปากนายน้อยหรือเปล่า”

“ไว้ค่อยดูไปแล้วกัน อ้อ อีกอย่างชั้นคงต้องให้นายขับรถให้บ้างบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่ชั้นจะใช้รถไฟฟ้าซะมากกว่า คงเท่านี้แหละ หน้าที่ของนาย”

“อ้าว แล้วเรื่องนั้นล่ะครับนายน้อย” ทศถามเสียงดัง ท่าทางตกใจมาก

“เรื่องอะไร”

“ก็ ก็เรื่องเป็นทาสบำเรอหรืออะไรทำนองนั้น องค์กรบอกผมว่า ส่วนใหญ่ทาสที่โดนประมูลไป มักต้องไปทำหน้าที่อย่างว่าให้เจ้านาย”

“เอ่อ เรื่องนั้นชั้นยังไม่คิด ระหว่างนี้นายไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก” ผมยังคิดไม่ตกครับ ถ้าไม่ใช้เรื่องอย่างว่าก็ดูจะไม่คุ้มเท่าไหร่ แต่จะให้ทำอะไรกับนายทศ มันก็ยังไม่ใช่สเป็ก ถึงตัวจริงจะดูไปวัดไปวาได้กว่าที่คิด แต่ล่ำเถื่อนขนาดนั้นนี่มันไม่น่ากินเอาซะเลย

“ผมตั้งใจสนองให้นายน้อยทุกอย่างเลยนะครับ แล้วแต่นายน้อยจะสั่ง”

“วะ ไว้ค่อยว่ากันแล้วกันเรื่องนั้น ไหนลองเล่าซิว่าไปทำผิดอะไรมาถึงต้องมาเป็นนักโทษขององค์กร” ผมเปลี่ยนเรื่องทันที ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าแค่ทศบอกจะทำทุกอย่างตามที่สั่ง ทำไมผมต้องอายขนาดนี้ นี่ทาสผมเองแท้ๆ สเป็กก็ไม่ใช่
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 22] เจ้านายมือใหม่ [พิชยะ 4] 7/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 07-11-2015 17:24:54
“ผมไม่ได้ตั้งใจครับ คือผมมีเพื่อนคนนึง มันหน้าตาหล่อคารมดี สาวติดกันตรึมเลย มันติดเงินผมอยู่หมื่นนึง ทวงแล้วทวงอีกมันก็ผัดผ่อนมาเรื่อยๆ จนอยู่ๆ มันก็บอกผมว่ามันจะพาเด็กมันหรือไม่ก็สาวไซด์ไลน์ให้มานอนกับผมแทนเป็นการใช้หนี้ ให้ห้าคนเลยแต่มันจะทยอยพามาทีละคนแล้วแต่วันที่ผมสะดวก ผมงี้ทีแรกก็ว่าจะไม่เอาแต่ก็อดอยากมานาน ทำแต่งานไม่ได้มีเวลาไปจีบสาวเลย อีกอย่างถ้าไม่รับเงื่อนไขนี้ ท่าทางเงินต้นก็คงไม่ได้คืนแน่ ผมเลยตกลง”

“หนี้หมื่นนึงนี่ตกครั้งละสองพันเลยนะ มันไม่แพงไปหน่อยเหรอ” ผมไม่รู้ราคาเรื่องพวกนี้หรอก แต่คิดเอาเอาว่าเป็นช่างซ่อมรถอย่างทศนี่ จะเที่ยวผู้หญิงทีเสียเงินเป็นพัน มันน่าจะเกินฐานะไปหรือเปล่า

“ก็แพงครับ แต่เพื่อนมันรับประกันว่ามีแต่สวยๆ  ทำไงได้ล่ะครับ ถึงไม่เอาท่าทางเงินก็ไม่ได้คืนอยู่ดี ก็เลยต้องยอม แต่ผมก็กะว่าจะเอาให้คุ้มที่สุด” ทศบอก ว่าแต่เอาให้คุ้มนี่มันต้องเอาขนาดไหนฟะ ยังไม่ทันได้ถาม ทศก็เล่าต่อ

“หลังจากที่ตกลงกันได้ เพื่อนก็พาผู้หญิงมาหาผมที่ละคน คนแรกก็ไม่มีอะไรครับ หน้าตาโอเค ทีแรกเห็นมาทะเลาะกันหน้าห้องผม เหมือนผู้หญิงจะด่าเพื่อนผมว่าไอ้แมงดา เกาะเค้ากินแล้วยังจะให้มานอนกับคนอื่นอีก แต่พอผมเปิดประตูออกไปจะไปเคลียร์ ผู้หญิงหันมามองหน้าผมแล้วก็บอกว่า ถ้าเป็นคนนี้ก็โอเค ก็นัวกันทั้งคืนล่ะครับ คนนี้ผมเฉยๆ เชี่ยวเกินไปหน่อยแต่ก็แก้ขัดได้ คนที่สองก็ไม่ต่างกันคนแรก เห็นหน้าผมปุ๊บก็จัดกันเลย พอคนที่สามนี่ผมต้องไปเอาที่ห้องเพื่อน มันให้ผมรอในห้องน้ำก่อน มันถึงไปพาผู้หญิงเข้ามาพอมันเล้าโลมได้ที่มันถึงให้ส่งสัญญาณให้ผมมาเปลี่ยนตัว ทีแรกผู้หญิงก็ตกใจนะครับ แต่ลีลาผมก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ลงลิ้นซักพักก็ระทวยเป็นตุ๊กตาให้ผมจับพลิกคว่ำพลิกหงายได้ทุกท่า มีคนที่สี่นี่แหละที่พอเปลี่ยนตัวปั๊บ ดิ้นไม่ยอมท่าเดียว จนผมต้องใช้กำลังเล็กน้อย”

“เฮ้ย นั่นมันเข้าข่ายข่มขืนแล้วนะ ตกลงนี่ผู้หญิงเขาไม่เต็มใจใช่ไหม” ผมว่าผมไม่ชอบการกระทำของทศกับเพื่อนเอาซะเลย ถ้าพวกผู้ชายแท้ๆ จะเห็นผู้หญิงเป็นเหมือนสิ่งของที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายแบบนี้ ผมว่าเป็นเกย์แอบๆ แบบผมยังจะดีซะกว่า

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนผมไปคุยยังไงไว้ถึงพาผู้หญิงพวกนั้นมาให้ผมเอาได้ ตอนนั้นผมคิดแต่ว่าไม่ใช่ความรับผิดชอบผม มันก็เหมือนผมจ่ายตังให้เพื่อนผมหาผู้หญิงมาให้ เพื่อนผมมันคงไม่เลวขนาดไปหลอกเอาคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่มามั๊ง อีกอย่างนึง พอเอากันเสร็จ ก็ไม่มีคนไหนจะโวยวายอะไรแม้แต่คนที่สี่ที่ตอนแรกไม่ยอม พอจบมีแต่จะขอเบอร์โทรผมกันทั้งนั้น แต่ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่สานต่ออะไรกับใคร ไม่อยากให้เหมือนแต่ก่อนที่มีผู้หญิงที่ผมควงๆ อยู่สองคนมาตบแย่งผมกันที่อู่ เสียลูกค้าหมด”

ผมฟังอย่างทึ่งๆ ว่าหนุ่มบ้านนอกตรงหน้านี้มีเสน่ห์ขนาดนั้นเชียวเหรอ สงสัยรสนิยมของผู้หญิงแถวโน้นอาจไม่เหมือนกับในกรุงเทพ แต่ผมก็ไม่ได้คิดดูถูกอะไรหรอกนะ

“ถ้าสุดท้ายทุกคนสมยอมหมด ก็ไม่น่าจะโดนโทษหนักขนาดต้องมาเป็นทาสอย่างนี้สิ”

ผมก็ไม่รู้เกณฑ์ในการลงโทษอะไรขององค์กรหรอก แต่พอเปรียบเทียบกับพวกที่มาชดใช้ความผิดในหมวดเอ็มที่ผมมีสะสมคลิปไว้เยอะแยะ บางคลิปก็มีเล่าความผิดที่ทำให้ต้องถูกลงโทษด้วย ผมก็เห็นความผิดพอๆ กับที่ทศเท่าให้ฟัง เผลอๆ ของทศยังเบากว่าด้วยเพราะสุดท้ายทุกคนก็สมยอม

“ตอนนี้ผมรู้ตัวแล้วครับว่าที่ทำไปมันก็เหมือนส่งเสริมให้เพื่อนผมไปหลอกหรือไปบังคับผู้หญิงมา ผมที่เป็นคนสนองก็ผิดไม่ต่างกัน ยังดีที่สุดท้ายก็รู้สึกดีกับเซ็กซ์ของผมทุกคน แต่เรื่องมันมาหนักตรงคนสุดท้ายคนที่ห้านี่ล่ะครับ ตอนนั้นเพื่อนผมมันก็พาผู้หญิงมาเคาะห้องผมตอนกลางคืน ท่าทางเมามาทั้งคู่ ผู้หญิงแทบไม่มีสติแล้ว เห็นว่าไปดื่มกันมาก่อนที่จะมาหาผม เพื่อนมันบอกว่าคนสุดท้ายแล้ว มันเลยอ๊อฟไซด์ไลน์เกรดเอมาให้เป็นพิเศษ แต่ขอมันเอาก่อน ผมก็ไม่ยอมเพราะถือว่ามันเอามาแลกกับหนี้ผมต้องได้เอาก่อน สุดท้ายมันก็ตกลงนอนรออยู่ด้านนอก ให้ผมเข้าไปเอาในห้องให้เสร็จแล้วค่อยมาตามมันไปเอาต่อ”

“แล้วยังไงต่อ” ผมเร่ง ถ้าให้พูดตรงๆ ก็ต้องบอกว่าผมมีอารมณ์นิดหน่อย ก็ฟังทศเล่าถึงลีลาเซ็กซ์ของตัวเองซะขนาดนี้ ถึงเป็นเรื่องชายหญิงก็เถอะ แต่ท่าทางทศจะลีลาดีไม่น้อย ผมอาจให้ทศสอนเทคนิคเบสิคๆ ให้บ้าง น่าจะเอามาใช้กับกรณีชายชายได้เหมือนกัน

“จริงๆ ผมก็ตะหงิดใจนิดๆ เพราะผู้หญิงขาวสวยมาก อายุก็ยังงน้อยไม่น่ามาทำอาชีพอย่างนี้ แถมดูมึนๆ ไม่ค่อยรู้ตัวจนผิดปกติ แต่ผมก็พยายามบอกตัวเองว่าไม่มีอะไรคิดมากไปเอง ตอนนั้นความเงี่ยนมันบังตาจริงๆ ครับ ผมจับแก้ผ้าเองเลยเพราะน้องเขาไม่ค่อยรู้สึกตัว พอลงลิ้นตรงนั้นจนแฉะแล้วผมก็ใส่ไม่ยั้ง นายน้อยครับ มันฟิตที่สุดเท่าที่ผมเคยเอามาเลย นมก็ยังนุ่มแน่นไม่เหลวเป๋ว ในตอนนั้นก็คิดแต่ว่านี่มันสมกับเป็นของเกรดเอเลยนี่หว่า รอบแรกอั้นไม่อยู่แป็บเดียวเสร็จ ฟิตมากจนตอนถอนยวงออกมาเปลี่ยนถุงยางนี่เสียงดังป๊อกเลยครับ ผมไม่รอช้าจัดต่ออีกสองรอบแบบช้าๆ เน้นๆ แต่หนักหน่วง น้ำแตกไปสามรอบค่อยหายเงี่ยนหน่อย ผมออกไปตามเพื่อนมาเอาต่อตามสัญญาแต่มันหลับไม่ตื่น ผมเลยเข้าไปต่ออีกไม่รู้กี่รอบจนเกือบเช้า รอบหลังๆ เหมือนน้องเขาจะรู้สึกตัวแล้วดิ้นหนีแล้ว แต่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอย่างนั้นจะให้หยุดก็ไม่ได้ ทำได้แค่กระแทกให้ลึกๆ จนน้องเขาร้องหมดแรงดิ้นไปเอง”

ทศเล่าไปในขณะที่ตรงเป้ากางเกงลายทหารที่เขาสวมอยู่ก็ค่อยๆ นูนขึ้น ท่าทางจะเกิดอารมณ์ขึ้นมาซะแล้ว

“สรุปผู้หญิงเขาไม่ได้เป็นเด็กไซด์ไลน์ใช่ไหม”

ผมพอจะเดาเรื่องได้แล้ว ถ้าเป็นเด็กขายจริงๆ ทศคงไม่ได้กลายมาเป็นทาสอย่างนี้ อย่างมากก็คงจ่ายเงินชดเชยค่าใช้บริการหนักเกินกว่าเหตุ

“ก็ตามนั้นล่ะครับ ไอเพื่อนเลวของผมไม่รู้ไปหลอกมาจากไหน พอเช้าขึ้นมาก็เป็นเรื่อง น้องเขาโวยวายทั้งๆ ที่ยังระบมอยู่ ว่าถูกมอมมาให้ผมข่มขืน เขาจะแจ้งข้อหาเพื่อนผมฐานล่อลวง ส่วนผมนี่จะโดนเล่นข้อหาข่มขืนเลย ขนาดผมอธิบายไปแล้วว่าผมถูกหลอกเหมือนกัน ไอคนที่หลอกน้องมากระทำชำเราจริงๆ คือเพื่อนผมต่างหาก แต่น้องกลับแค้นผมมากกว่าซะอีก หาว่าผมไปฉีดมาแล้วยังเอาทนเอานานจนของเขากลวงโบ๋ไปหมดปิดไม่สนิทเหมือนเดิมแล้ว ผมเสนอจะจ่ายค่าทำขวัญให้ก็ไม่ยอม บอกว่าจะแจ้งตำรวจเท่านั้น ผ่านไปสองวันไม่รู้ยังไง แทนที่จะเป็นตำรวจกลับเป็นคนขององค์กรมาเอาตัวผมไปลงโทษแทน มูลค่าความผิดก็อย่างที่เห็นล่ะครับ เกือบเป็นล้าน ทั้งค่าทำขวัญ ค่าศัลยกรรมซ่อมแซมช่วงล่างของน้องเขา ไหนจะต้องเสียเงินปิดข่าวอีก”

เฮ้อ ทศมันก็ผิดจริงๆ ล่ะนะ แต่พอมาฟังความจากปากแล้ว ก็พอจะเข้าใจ ส่วนหนึ่งก็มาจากความซื่อคิดน้อยของเขา อีกส่วนก็มาจากความเงี่ยนแท้ๆ

“แล้วเพื่อนนายไม่โดนอะไรเลยเหรอ” จะว่าไปคนที่เป็นต้นเรื่องน่าจะเป็นเพื่อนของนายทศซะมากกว่า

“จะเหลือเหรอครับ น่าจะถูกองค์กรมาเอาตัวไปไล่ๆ กับผม วันก่อนที่มันโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบแล้วขอโทษผมใหญ่ ยังไม่ชัวร์ว่ามันจะต้องโดนขายเป็นทาสด้วยหรือเปล่า มันเล่าว่าตอนนี้ถ่ายคลิปขายไปสองรอบแล้วยังได้เงินไม่พอ นายน้อยช่วยอุดหนุนมันบ้างได้ไหม ยังไงก็เพื่อนกัน แล้วขอผมดูด้วยนะครับ”

“อ้าว แล้วจะอยากดูทำไม เพื่อนกันไม่ใช่เหรอ” ตรรกะของทศก็แปลกๆ นะครับ ให้ผมช่วยซื้อคลิปเพื่อช่วยเพื่อนมันให้ได้เงินถึงเป้าชดเชยความผิดเร็ว แต่ตัวทศเองจะขอดูด้วยทำไม

“คือจริงๆ ผมอยากดูว่ามันโดนทำอะไรบ้าง ทุเรศแค่ไหน อยากสมน้ำหน้ามันครับ ผมอยู่ดีๆ มันก็เอาความซวยมาให้ซะงั้น นะๆ นายน้อย ช่วยซื้อคลิปมันให้ผมดูหน่อย มันหน้าตาดี นายน้อยคงไม่ถึงกับเสียเงินเปล่าหรอกครับ”

ตกลงยังแค้นอยู่ว่างั้นเถอะ ผมเลยตอบปัดๆ ไปว่าไว้ว่ากันอีกที แล้วจึงวกกลับไปเรื่องที่ทศยังเล่าค้างอยู่

“ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นเขายังไม่เคยเลยเหรอ โดนของนายเข้าไปถึงกับหุบไม่ลง กล้ามากับผู้ชายสองต่อสอง ไม่น่าจะซิงเท่าไหร่นะ”

“พอดีของผมมันอวบหน่อยครับ เด็กบางคนยังว่าผมไปฉีดมาเหมือนกัน น้องเขาไม่น่าจะซิงหรอกแต่ก็ฟิต เพิ่งอยู่มหาลัยปีสองคงผ่านมาไม่เท่าไหร่ เจอของจริงไปเลยปลิ้น”

“อะไรจะขนาดนั้น สงสัยต้องพิสูจน์” ผมพูดขำๆ

ทศยืนขึ้นถอดกางเกงนอกกางเกงในพรวดเดียวก็เปลือยท่อนล่างล่อนจ้อนอล่างฉ่าง ไม่แค่นั้น เขาเอาลำกล้องที่แข็งตัวเต็มที่ส่ายไปมาอยู่ในระดับสายตาผมที่ยังนั่งอยู่ ท่อนลำของนายทศนี่ดูเถื่อนกว่าหน้าตาเป็นไหนๆ นอกจากจะมีขนาดอวบใหญ่สมกับที่ทำให้น้องผู้หญิงคนนั้นถึงกับหุบไม่ลง เส้นเลือดปูดโปนมีอยู่ทั่วยิ่งทำให้ดูน่าเกรงขาม น้ำที่เยิ้มอยู่ตรงส่วนปลายทำให้ดูลามกอย่างน่าประหลาด จากที่เคยเห็นใจทศอยู่บ้าง ตอนนี้ผมกลับไปเห็นใจน้องผู้หญิงคนนั้นเหมือนเดิมแล้ว มิน่า น้องเขาถึงหาว่าทศไปฉีดมา แต่ถ้าฉีดมาจริง ทรงมันไม่น่าจะสวยได้รูปแบบนี้

“ตามคำสั่งครับ ขอเชิญนายน้อยพิสูจน์ดูให้เต็มที่” ทศนำเสนอเหมือนเป็นเรื่องปกติ

“เฮ้ย ชะ ชั้นไม่ได้ตั้งใจสั่ง พูดเล่นเฉยๆ” ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ครับ หลุดปากไปเหมือนพูดเล่นกับเพื่อน ประมาณว่าแน่จริงก็เอามาโชว์สิอะไรทำนองนั้น ลืมไปเลยว่าทาสต้องทำตามคำสั่งเราทุกอย่าง แต่ที่พูดไปเมื่อกี๊ไม่ได้คิดจะพิสูจน์กันขนาดนี้ซะหน่อย น่าจะมีวิจารณญาณกันบ้าง ต่อไปคงต้องคิดดีๆ ก่อนจะพูดอะไรออกไป

จะว่าไปผมก็ยังไม่เคยเห็นของคนอื่นในระยะประชิดอย่างนี้เลยนะ ตั้งแต่รู้ตัวว่าเป็นเกย์ ผมก็พยายามไม่พาตัวเองเขาไปอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมจะทำให้ความแตกขึ้นมา อย่างที่เคยเล่านั่นแหละ ผมแคร์สายตาคนอื่นมาก ไม่อยากทำให้ครอบครัววงศ์ตระกูลเสียชื่อเสียง พวกการอาบน้ำรวมกับเพื่อนตอนเล่นกีฬาอะไรเทือกๆ นั้นผมจะเลี่ยงตลอด แม้แต่ตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นผมยังไม่ยอมไปแช่ออนเซ็นกับเพื่อนเลย กลัวพวกมันรู้ ตอนหลังยิ่งเจ็บใจเพราะเห็นคนมาเล่าว่ามีนักกีฬาเบสบอลที่พักโรงแรมเดียวกันลงไปแช่ยกทีม หนุ่มๆ นักกีฬาญี่ปุ่นนี่อย่าให้พูดเลย เจอที่ล๊อบบี้นี่ขาวใสหล่อทั้งทีม ถ้าผมไปคนเดียวละก็จะไปแช่ออนเซ็นเก็บรายละเอียดที่ละคนให้ตัวเปื่อยเลย เสียดายไม่หาย

นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมที่ดูเหมือนจะเป็นคนลามกสะสมหนังสะสมคลิปไว้ตั้งเยอะ ถึงได้มีประสบการณ์เป็นศูนย์ พอเห็นของจริงแบบแข็งตัวเต็มที่อยู่ตรงหน้าก็อดที่จะมองไม่ได้ แถมไม่มองเปล่า ยังไปวิจารณ์ของเขาอีก

“เส้นเลือดปูดเยอะจัง อย่างนี้เวลาจับรูดมันไม่ฝืดมือแย่เหรอ”

ผมพูดกับตัวเองเบาๆ นึกเทียบกับของผมเองที่ท่อนลำก็เรียบๆ ไม่ได้มีเส้นเลือดเส้นเอ็นปูดโปนแบบนี้ เวลาชักของตัวเอง (เป็นประสบการณ์ทางเพศอย่างเดียวที่ผมมีโดยตรง) ยังรู้สึกฝืดนิดๆ จนบางครั้งต้องใช้เจลหล่อลื่นช่วย แล้วของทศที่มีเส้นเลือดปูดโปนตรงโน้นตรงนี้จะฝืดขนาดไหน

ทศเข้ามาประชิดตัวผมจนบ้องข้าวหลามแทบชนหน้าแล้วจับมือผมมากุมท่อนลำอวบใหญ่ของเขาไว้

“ฝืดไม่ฝืด นายน้อยทดลองได้ตามใจเลยครับ”

นั่นไง ผมพลาดอีกแล้ว เพิ่งจะเตือนตัวเองอยู่แหม็บๆ ว่าต่อไปต้องคิดให้ดีก่อนจะพูดอะไรออกไป เดี๋ยวจะกลายเป็นคำสั่งทาสโดยไม่ตั้งใจ แล้วนี่ทศจะคิดยังไงว่าผมเป็นคนยังไง เป็นเกย์หื่นแตกที่น่ารังเกียจใช่ไหม

“ลองรูดดูได้เลยครับ นายน้อยจะได้หายสงสัย”

ทศสบตาผมด้วยแววตาซื่อและจริงใจเหมือนครั้งแรกที่เจอ ไม่ได้มีความรังเกียจหรือดูถูกปนอยู่ในนั้นแม้แต่น้อย ผมค่อยๆ คลายความกังวลลง จริงสิ ทศเป็นทาสของผม เขามีหน้าที่ต้องทำตามความต้องการของผม ผมไม่จำเป็นต้องแคร์ว่าเขาจะรู้สึกยังไงให้มากเกินไป

ผมใจเต้นเมื่อรู้สึกถึงท่อนลำร้อนผ่าวที่เต้นตุบๆ จริงอยู่ที่ทศอาจจะไม่ใช่สเป็คผมอย่างหนุ่มขาวหล่อพิมพ์นิยมอย่างในคลิปหมวดเอ็มที่ผมซื้อสะสมไว้เต็มไปหมด แต่ผมเริ่มคิดว่าระหว่างหนุ่มหล่อใสแต่เห็นได้จากแค่ในจอ กับหนุ่มเถื่อนๆ แบบผู้ชายแท้ๆ แต่มายืนตัวเป็นๆ ให้สัมผัสลูบคลำได้เต็มที่ตรงหน้า อย่างหลังอาจจะดีกว่าก็เป็นได้ ตอนนี้ทศยังสวมเสื้ออยู่ แต่ท่อนล่างเปลือยเปล่าหมดแล้ว ของจริงนี้มันดีกว่าจริงๆ และที่สำคัญ นี่คือทาสของผม ผมไม่ต้องอายอะไรเขา ผมสามารถทำอะไรกับเขาก็ได้ตามที่ใจต้องการ

ผมนึกไปถึงเรื่องที่เบอร์ศูนย์บอกว่าองค์กรขอความร่วมมือขอให้เจ้านายมีการใช้งานทาสให้เกิดความอับอายหรือลำบากใจหรือฝึกความอดทนหนักๆ บ้าง อย่างน้อยก็อาทิตย์ละครั้ง ไม่งั้นถ้าทาสเจอเจ้านายที่ใจดีขึ้นมาระบบการลงโทษผ่านการเป็นทาสจะไม่ได้ผล พอพ้นโทษไปทาสอาจจะไม่หลาบจำอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผมที่เป็นเจ้านายมือใหม่แถมท่าทางใจดี เบอร์ศูนย์เลยต้องย้ำเป็นพิเศษเพราะไม่อยากให้หลุดเรื่องนี้ไป

ตอนนี้ผมคงต้องออกกฎอะไรบางอย่างให้ทศไปก่อนแล้วล่ะ ส่วนเรื่องการลงโทษอย่างจริงจังไว้ค่อยคิดอีกที ผมนึกทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็กลั้นความอายสั่งออกไป

“เอาล่ะ นอกจากเรื่องงานบ้านหรืองานอื่นๆ ที่จะให้ทำแล้ว ชั้นยังมีกฎสองข้อที่นายต้องปฏิบัติ ข้อแรกห้ามนายไปมีอะไรกับผู้หญิงรวมทั้งห้ามช่วยตัวเองด้วยถ้าชั้นไม่อนุญาต”

“รับทราบครับ” ถึงจะรับคำโดยดี แต่ผมก็แอบเห็นแววตาทศไหววูบขึ้นมา ท่าทางคงจะตกใจที่ถูกสั่งห้ามแม้กระทั่งการช่วยตัวเอง

ผมตั้งกฎข้อนี้เพราะอยากจะแก้อาการเซ็กส์จัดของทศ เท่าที่ฟังมาความผิดเขาก็มาจากเรื่องนี้เป็นหลัก พื้นฐานจริงๆ ก็ดูเป็นคนซื่อๆ ไม่ได้เลวร้ายอะไร อาจจะคิดน้อยไปหน่อย แต่ที่ไปยอมให้เพื่อนเอาผู้หญิงมาใช้หนี้แทนเงินกับการไม่แยกแยะให้ดีว่าผู้หญิงเต็มใจมาหรือถูกหลอกมาคงเพราะความเงี่ยนมันบังตาเป็นหลัก การที่ฝึกให้เขาอดกลั้นในเรื่องเซ็กส์เป็นเวลานานๆ น่าจะทำให้เขาลดความต้องการตรงนี้ลงไปได้ แล้วก็เป็นการลงโทษตามที่องค์กรขอความร่วมมือไปในตัว

ผมตั้งสติอีกเล็กน้อยก่อนจะพูดคำสั่งข้อสองออกไป พยายามบอกตัวเองว่าไม่มีอะไรน่าอาย ก็แค่เจ้านายสั่งงานทาสธรรมดา

“ข้อสอง ต่อไปเวลาที่นายอยู่กับชั้นตามลำพัง นายต้องถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” ทศพยักหน้ารับคำแล้วถอดเสื้อเชิร์ตลายสก๊อตที่สวมอยู่ออกจนเปลือยเปล่าทั้งตัว จริงสิ ก็ตอนนี้อยู่กันสองคนตามลำพังเข้าเงื่อนไขที่เพิ่งตั้งไปพอดี

ช้าก่อนครับ อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าผมกลืนน้ำลายตัวเองที่ปากบอกว่านายทศนี่ไม่ใช่สเป็กแต่ดันไปอยากดูเขาแก้ผ้า มันมีเหตุผลอยู่ ผมขอเท้าความปัญหาของผมอีกทีครับ ผมเป็นเกย์แอบๆ มีแต่อาที่รู้ ส่วนคนอื่นๆ ในครอบครัว ผมยังไม่พร้อมที่จะบอก กับเพื่อนๆ ผมยิ่งเก็บเป็นความลับเพราะไม่อยากให้เรื่องนี้รั่วออกไปจนทำให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียง พอไม่เปิดตัวว่าเป็นเกย์แถมยังต้องระวังตัวเรื่องหน้าตาของครอบครัว ก็เลยไม่มีแฟนหรือกิ๊กหรือแม้แต่วันไนท์สแตนด์ให้ปลดปล่อยจนเป็นหนุ่มซิงถึงทุกวันนี้ อุตส่าห์โชคดีได้เข้ามาเป็นสมาชิกองค์กรก็หวังว่าจะได้ทาสหล่อน่ารักใสๆ มาคบกันแบบเก็บความลับได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ดันมีตังค์น้อยได้มาแค่บ้านๆ เถื่อนๆ โอเคเรื่องนี้ตัดใจได้ แต่ความที่เป็นหนุ่มซิงไร้ประสบการณ์ทำให้ผมต้องระวังตัวเองไม่ให้เกิดสถานการณ์ที่ล่อแหลมจะทำให้ความแตกขึ้นมา ซึ่งก็ทำให้ผมเสียโอกาสเยอะแยะ เช่นอดแช่ออนเซ็นที่ญี่ปุ่นอย่างที่เคยเล่าไปแล้ว ถ้าผมมีภูมิต้านทานหนุ่มหุ่นดีแบบเปลือยๆ มากกว่านี้ ผมจะได้ไม่ต้องระวังตัวมากเกินไป

ทศก็เลยเป็นอะไรที่ผมสามารถใช้ฝึกสายตาให้ชินกับหนุ่มๆ ได้เหมาะที่สุด ถึงหน้าตาจะไม่ใช่สเป็ก แต่หุ่นนี่แป๊ะมาก กล้ามเนื้อชัดแน่น ถ้าไม่ดูหน้านี่น้ำลายจะไหลเอา แถมเครื่องเคราก็อลังการงานสร้าง ถ้าผมชินตากับท่อนลำของทศได้ เวลามองของคนอื่นคงเหมือนดูจู๋เด็กหมดความตื่นเต้นแน่ๆ

วิธีที่จะให้ชินตาเร็วที่สุดก็อย่างที่สั่งไปละครับ ให้ทศแก้ผ้าให้ดูทุกครั้งที่มีโอกาส ผมว่าดูบ่อยๆ ดูย้ำๆ ซ้ำๆ ทุกวันจนเคยชินก็คงหายตื่นเต้นไปเอง ทำไปเดือนสองเดือนพอสำเร็จก็ค่อยสั่งเลิก โดนสั่งให้แก้ผ้าทศก็ต้องอายแน่ๆ เป็นการลงโทษตามที่องค์กรขอไปในตัว ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย ผมนี่ฉลาดจริงๆ ขนาดทาสเกรดไม่ค่อยดีผมยังเอามาใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่าที่สุด ผมว่าเดี๋ยวผมต้องมีไอเดียบรรเจิดในการใช้งานทศออกมาเรื่อยๆ แน่ รอติดตามกันนะครับ

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 22] เจ้านายมือใหม่ [พิชยะ 4] 7/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 07-11-2015 19:30:52
อร๊าาาา กลับมาแล้วว  :pig4:

นู๋พิช นู๋จีบเบอร์ศูนย์เนี่ย ความผิดร้ายแรงเลยนะ

เบอร์ศูนย์นั้นเป็นสมบัติของบอสแต่เพียงผู้เดียว  :z2:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 22] เจ้านายมือใหม่ [พิชยะ 4] 7/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 07-11-2015 19:54:00
เจ้านายมือใหม่น่ารักดี รออ่านว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป :laugh:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 22] เจ้านายมือใหม่ [พิชยะ 4] 7/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-11-2015 21:27:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 22] เจ้านายมือใหม่ [พิชยะ 4] 7/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 07-11-2015 23:18:07
ว้ายยย พอชยะคัมแบค
เอ้อ นางน่ารักอะ อยากเห็นว่าจะทำอะไรก็พ่อหนุ่มนี่ได้บ้าง
เชื่อว่าต้องแซ่บ ต้องได้โดนกันบ้างหละ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 22] เจ้านายมือใหม่ [พิชยะ 4] 7/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 08-11-2015 01:16:49
บทลงโทษของนักบัญชีแรงมากจริงๆ อ่านแล้วสะดุ้งแวบเลย

เจอสาววายตัวจริงเสียงจริงเบอร์ศูนย์เบอร์หนึ่งคงใกล้เข้าไปทุกที่ละ

นายน้อยกับทาสหนุ่ม อร๊างฟินไป
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 22] เจ้านายมือใหม่ [พิชยะ 4] 7/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 08-11-2015 22:44:46
ขอบคุณครับ แต่อ่านแพร๊บเดียวจบยังไม่ค่อยสะใจเลย
ตอนหน้านี่ของใครครับ หนูพิชก็อยากอ่านต่อ แต่คู่ศูนย์หนึ่งกับสาววายก็กิ๊วก๊าวดี หมอพฤกษ์เองก็ยังไม่เคยได้อ่านแบบเต็มๆ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 22] เจ้านายมือใหม่ [พิชยะ 4] 7/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 09-11-2015 15:02:48
คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ในองค์กรนอกจากเบอร์ศูนย์ (บอส) กับเบอร์หนึ่ง (โป๊ป) แล้วมีคนอื่นไหมคะ เบอร์ 3,4 ... น่าจะมีตอนเจ้าหน้าที่คนอื่นทำงานบ้างเน๊าะ แบบคนอื่นไม่มีอำนาจสะกดจิตแบบบอสจะจัดการกับนักโทษองค์กรได้อย่างไร
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 22] เจ้านายมือใหม่ [พิชยะ 4] 7/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: lovely tham ที่ 10-11-2015 20:48:31
 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven พิชยะ เคะน้อยผู้อ่อนต่อโลก (sex) อ่ะนะ นางน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 22] เจ้านายมือใหม่ [พิชยะ 4] 7/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 11-11-2015 03:38:46
ว๊าวๆๆๆๆ มาแล้วรออยู่นะ เคะน้อยกับเมะซื่อๆ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 22] เจ้านายมือใหม่ [พิชยะ 4] 7/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-11-2015 09:42:36
ถ้าไม่ใช่คู่หลักก็อยากให้จบในตอนหรือสองสามหรือสิบตอนก็ว่าไปนะคะ เพราะแอบค้าง อยากอ่านต่อ
แบบที่เขียนอยู่ก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไรนะคะ พอเริ่มมีคู่ใหม่ๆเข้ามาก็จะเริ่มสนใจอีก สุดท้ายก็ต้องรอทุกคู่(เข้าใจว่าคนเขียนต้องการให้เรื่องดำเนินไปพร้อมๆกัน) แต่รู้สึกว่าตัวละครจะเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ เกรงว่าสุดท้ายจะเยอะเกินไป
แต่ยังไงก็ต้องแล้วแต่การตัดสินใจของคนเขียนนะคะ เราคนอ่านน่ะไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แค่เสนอแนวทาง(ที่แอบแฝงความต้องการของตัวเอง ฮา)เล็กน้อยเท่านั้น ว่าจะดีกว่ามั้ยถ้าให้เบอร์ศูนย์และเบอร์หนึ่งเป็นตัวเดินเรื่องไปเรื่อยๆ เจอกับคนทำผิดเป็นรายๆไป แล้วก็มีเรื่องราวเล็กๆว่าหลังจากนั้นถูกลงโทษยังไงบ้าง บทสรุปเป็นอย่างไร แล้วก็ผ่านไปเจอกับคนทำผิดรายอื่นต่อไป โดยที่ตอนถัดไปก็อาจจะมีตัวละครที่เรื่องราวมีบทสรุปไปแล้วมาแจมบ้างเป็นสีสัน อะไรประมาณนี้

ปล. อยากอ่านเรื่องของหมอพฤกษ์กับธนัทค่ะ อยากรู้ว่าธนัทอยู่กับหมอแล้วเป็นยังไงบ้าง
เรื่องของพิชยะก็อยากอ่านเช่นกัน :D
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 23] รีวิวจากผู้ใช้งานจริง [พิชยะ] 15/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 14-11-2015 23:58:03
องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 23 รีวิวจากผู้ใช้งานจริง

[พิชยะ]

นายทศมาเป็นทาสผมได้หลายเดือนแล้ว หลายคนคงอยากรู้ว่าประมูลทาสมาใช้งานนี่คุ้มไหม ผมว่าผมมารีวิวทาสให้ฟังเลยดีกว่า เห็นเดี๋ยวนี้เขานิยมออกมารีวิวโน่นนี่นั่นกันเต็มไปหมด ตั้งแต่เครื่องสำอาง ร้านอาหาร โทรศัพท์มือถือ ไปจนถึงรถยนต์ ใครๆ ก็อยากฟังจากผู้ใช้จริงที่ไม่ใช่คำโฆษณาจากคนขาย  เผื่อใครโชคดีได้เป็นสมาชิกองค์กรบ้างจะได้เป็นข้อมูลประกอบว่าควรจะกัดฟันประมูลมาใช้งานไว้ซักคนสองคนบ้างหรือเปล่า แต่ขอออกตัวก่อนนะครับ ทาสของผมนี่ถ้าดูจากราคาก็น่าจะถือว่าเป็นเกรดล่างๆ เลย ยิ่งเป็นทาสระดับหนึ่งด้วย ข้อจำกัดในการใช้งานก็ยิ่งมาก คงไปเทียบกับพวกตัวท็อปๆ ที่ประมูลกันเป็นหลักสิบล้านไม่ได้ แต่ก็อย่างว่าละครับ ทาสก็เป็นคน แต่ละคนก็มีความหลากหลายมีข้อดีข้อเสียในตัวเอง รสนิยมความชอบของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน คงจะเปรียบเทียบกันตรงๆ ไม่ได้

เกริ่นมาเยอะแล้ว ถ้าเข้าใจตรงกันก็ตามมาดูเลยครับ รีวิวจากผู้ใช้งานจริง ในระหว่างการรีวิว ถ้าผมมีคำถามคำตอบที่ผมถามผ่านแอพไปที่องค์กร ผมจะเอามาใส่ไว้ให้ด้วยครับ จะได้เข้าใจรายละเอียดของระบบทาสมากขึ้น

มาเริ่มที่การทำงานทั่วไปตามสั่งก่อนนะครับ ผมเอาอันนี้มาเล่าเป็นอันแรกเพราะคิดว่าเป็นเหตุผลหลักๆ เลยของคนที่คิดจะมีทาสเป็นของตัวเอง อุตส่าห์เสียเงินเสียทองมากมายประมูลมาก็คงหวังว่าจะใช้งานได้อย่างเต็มที่ ในเรื่องงานทั่วไป ทศเป็นคนขยันหัวไวแล้วก็ตั้งใจทำงานตามคำสั่งผมมาก ผมไม่รู้ว่านี่เป็นนิสัยของเขาตั้งแต่แรกหรือเป็นเพราะการโปรแกรมจิตขององค์กร มาลองดูแต่ละวันกันครับเขาทำงานอะไรให้ผมบ้าง

เริ่มจากตอนเช้าครับ ทศจะเข้ามาปลุกผมขึ้นมาอาบน้ำตามเวลาที่ผมบอกไว้ ผมเป็นคนตื่นยากครับ ตอนเด็กๆ นี่แทบจะรุมปลุกกันทั้งบ้าน พอโตเป็นหนุ่มขึ้นมา ผมก็ให้แต่ไอพี่ชายสองคนเท่านั้นเป็นคนปลุก ก็ผมเป็นวัยรุ่นชายสุขภาพดีนี่ครับ ตอนเช้าๆ ก็ต้องมีปึ๋งปั๋งกันบ้างไม่ควรที่จะให้ป้าๆ แม่บ้านมาเห็นอะไรที่ผงาดง้ำค้ำโลกตั้งแต่เช้าเดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไป พอมาอยู่คอนโดคนเดียวเลยลำบาก ตื่นบ้างไม่ตื่นบ้าง แต่ให้ทศเป็นคนปลุกนี่ทีแรกก็ไม่ค่อยเวิร์คครับ เขาไม่กล้าปลุกแบบรุนแรง ไม่เหมือนพี่ชายผม สองคนนั้นทำมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกระโดดทับ จั้กกะจี้เอว เอาผ้าห่มมาพันทั้งตัวเป็นมัมมี่ ถีบตกเตียงก็มี ชั่วสุดก็เอาน้ำหยอดจมูก ผมโดนมาขนาดนั้นภูมิต้านทานการปลุกนี่อยู่ระดับเซียนเหยียบเมฆ มาปลุกค่อยๆ แบบทศนี่กว่าจะตื่นก็สายเหมือนเดิม ตอนหลังผมอนุญาตไว้เลยว่าถ้าผมไม่ยอมตื่น ให้ทศจับผมถอดเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำให้ ถามว่าผมอายไหม ตอบเลยว่าอายครับ ทั้งๆ ที่นายกับทาสไม่ควรจะต้องมาอายอะไรกันให้มากความใช่ไหม แต่นั่นช่วยทำให้ผมตาสว่างและยอมตื่นจริงๆ ก่อนที่จะถูกถอดชุดนอนจนล่อนจ้อนทั้งตัว

พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็จะมาทานอาหารเช้าแบบง่ายๆ ที่ทศเตรียมไว้ให้ พวกสลัด ขนมปัง โยเกิร์ตใส่ผลไม้ ไข่ดาว ไข่ลวก เขาก็พอทำได้ครับ จริงๆ ทศก็ไม่ได้บ้านนอกคอกนาอะไรขนาดนั้น หรือด้วยความที่เป็นช่างด้วยมั๊งครับ พวกอุปกรณ์เครื่องครัวอะไรนี่สอนครั้งเดียวเขาก็ใช้เป็น ถ้าไม่ทำเอง ทศก็ลงไปซื้อพวกน้ำเต้าหู้หรือโจ๊กมาให้ตามแต่ผมจะอยากกิน มีความสุขครับ กลับไปอยู่บ้านใหญ่ยังไม่มีคนเอาใจเท่านี้ เรื่องซักผ้ารีดผ้าก็ทำได้ดีไม่มีปัญหาอะไร สรุปเรื่องงานบ้านนี่เอาสี่ดาวไปเลยครับ ทำไมไม่ได้ห้าดาวนะเหรอ แหม ก็ถ้าเทียบความเนี้ยบของผลงานโดยรวมแล้ว ยังสู้ทีมป้าๆ แม่บ้านที่บ้านใหญ่ไม่ได้ ก็ผู้ชายทำนี่ครับ แล้วมาตรฐานผมก็สูงซะด้วย พอดีคุ้นชินกับความประณีตบรรจงตั้งแต่เด็ก (แต่อย่าให้ผมทำเองนะ ที่ทศทำดีกว่าเป็นล้านเท่า แหะๆ)

ทานเสร็จแล้วก็พร้อมออกไปทำงาน จะใครล่ะครับถ้าไม่ใช่ทศที่ขับน้องเต้าหู้คันเก่าแต่หรูคลาสสิคไปส่งผมถึงที่ทำงาน ทศดูแลรถผมอย่างดีเลยครับ ผมว่าเขาเก่งจริง ขนาดจบแค่ ปวช. นะครับ แต่ประสบการณ์ทำงานซ่อมรถเยอะมาก แถมลูกค้าประจำของเขาที่ต่างจังหวัดคนนึงก็ใช้รถรุ่นเดียวกับผม เขาเลยชำนาญ หาอะไหล่จุกจิกมาเปลี่ยนเองได้ ถ้าไม่มีของก็ดัดแปลงเอา ผมลดค่าซ่อมลงไปได้ครึ่งค่อนเลย ไม่ซ่อมเปล่านะครับ ดูแลล้างขัดเงาให้ด้วยแทบจะวันเว้นวันเลย เรื่องรถนี่ให้ห้าดาวเต็มเลยครับ ไม่ผิดหวัง

กลายเป็นเดี๋ยวนี้ถ้าขาดทศไปเหมือนผมจะทำอะไรไม่เป็น ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าอุตส่าห์ออกมาอยู่ข้างนอกคนเดียว พ่อแม่พี่ๆ จะได้เห็นว่าผมเป็นผู้ใหญ่แล้วดูแลตัวเองได้กลับกลายเป็นช่วยตัวเองไม่ได้หนักกว่าเก่า มีอะไรก็ต้องเรียกใช้แต่ทศ ขนาดกลับไปนอนที่บ้านใหญ่ ยังต้องเอาทศตามไปดูแลด้วย ผมบอกกับที่บ้านว่า ทศเป็นพี่ชายของลูกพี่ลูกน้องของแฟนของน้องรหัสที่เข้ามาทำงานที่กรุงเทพแล้วยังไม่ลงตัวเรื่องที่อยู่ น้องรหัสเลยขอร้องให้มาพักอยู่กับผมก่อนโดยให้ช่วยดูแลห้องให้เป็นการตอบแทน ทีแรกแม่ผมก็ไม่สบายใจนักเพราะไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่พอได้คุยกับทศคงพอมองออกว่าเป็นคนซื่อๆ จริงใจเลยวางใจให้พักอยู่กับผมได้ แถมยังบอกว่าดีแล้วที่มีคนช่วยดูแลงานบ้านให้ ไม่งั้นคอนโดหรูที่ตัดใจให้ผมไปอยู่คงเละจนราคาตกแน่

ส่วนตัวทศเองก็ไม่ธรรมดาครับ ตอนมาบ้านผม พอหายตกใจกับความใหญ่โตหรูหราแล้ว ก็แอบไปตีซี้กับป้าๆ แม่บ้านที่ดูแลผมมาตั้งแต่เด็กๆ เห็นว่าได้เคล็ดลับงานบ้านไปเพียบ แถมยังไปสอดแนมความลับต่างๆ นาๆ ของผมด้วย อย่างพวกชอบกินอะไร ชอบสีอะไร นิสัยตอนเด็กๆ เป็นยังไง เกลียดอะไร เทือกๆ นั้นบอกว่าจะได้ดูแลน้องพิชคุณหนูของป้าให้เต็มที่ พวกป้าๆ ก็ชอบใจไปสิ ตั้งวงเล่าเรื่องผมซะยืดยาว เอาน้ำเอาขนมมาให้ทศกินเต็มที่ ตกลงทศมันซื่อหรือมันฉลาดกันแน่

โดยรวมหมวดประสิทธิภาพการทำงานนี่เอาไปห้าดาวเต็มครับ คุ้มค่าจริงๆ เอ๋ ถามว่าทำไมถึงได้ห้าดาวเต็มนะเหรอ ไหนว่าถูกหักคะแนนความเนี้ยบของงานบ้านออก ก็มันมีคะแนนพิเศษบวกให้ เห็นแก่ที่เวลาทศทำงานบ้านที่คอนโดนี่ เขาต้องเปลือยตลอดเลยครับถ้าผมอยู่ด้วย ลืมกันไปแล้วใช่ไหม คำสั่งอันนี้ยังอยู่นะครับ แต่เดี๋ยวผมเก็บรายละเอียดเรื่องนี้ให้อีกทีในรีวิวหมวดถัดๆ ไป

คะแนนประสิทธิภาพในการทำงาน *****

ถัดจากเรื่องการทำงานก็มาว่ากันเรื่องความอดทนแล้วก็พละกำลังครับ อันนี้น่าจะพอเดากันได้ หนุ่มบ้านๆ วัยฉกรรจ์ ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ กล้ามเนื้อเป็นมัด อาชีพหลักเป็นช่างซ่อมรถ ทำไร่ทำสวนเป็นอาชีพเสริม ทนถึกสุดๆ ไปเลย มาดูกันสิว่าวันๆ ทศทำอะไรบ้าง เริ่มจากตอนเช้ามืด ก่อนที่จะได้เวลาปลุกผม ทศจะลงไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้ๆ คอนโดเอาเหงื่อก่อน พอขับรถไปส่งผมเสร็จ ก็จะรีบทำงานบ้านทั้งหลายให้เรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเช้า ถึงจะเป็นแค่คอนโด แต่ห้องผมก็กว้างไม่น้อยนะครับ แถมทศยังกวาดถูล้างห้องน้ำทุกวัน ไหนจะซักผ้ารีดผ้าอีก เรียกว่าถ้าเป็นผมทำเอง คงหมดแรงตั้งแต่สิบโมงแล้ว

ช่วงบ่ายก็ดูแลซ่อมแซมน้องเต้าหู้ไป ไม่รู้ทศไปตีสนิทกับอู่ใกล้ๆ คอนโดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อู่ใหญ่เหมือนกันครับ เห็นว่าได้อาศัยไปยืมเครื่องไม้เครื่องมือไว้ซ่อมน้องเต้าหู้ ประหยัดเข้าไปอีก ล้างรถลงแว๊กซ์ก็ไปทำที่อู่เหมือนกัน ผมรู้ทีหลังก็บอกว่าน่าจะให้เงินเขาบ้าง ถึงผมจะงกนิดหน่อยแต่ก็ไม่ชอบเอาเปรียบใคร ทศบอกว่าเจ้าของอู่เขาไม่คิด เพราะเวลาไปที่อู่ทศก็ช่วยงานเขาตลอด หนักๆ เข้าเจ้าของอู่ถูกใจฝีมือถึงกับจ้างให้ไปทำเป็นงานพิเศษ ทศก็มาขออนุญาตผมก่อน ผมก็ตอบตกลงไปแต่มีข้อแม้ว่าทศต้องจัดสรรเวลาอย่าให้กระทบงานที่ต้องทำให้ผม จริงๆ ผมก็เห็นใจทศเหมือนกัน ถึงช่วงที่มาเป็นทาสทศจะกินอยู่กับผมไม่ต้องใช้เงินอะไรมาก แต่เขาอาจมีภาระที่ต้องดูแลพ่อแม่พี่น้องที่ต่างจังหวัด ผมยังไม่เคยถามเรื่องนี้ตรงๆ ซักที เคยแต่ถามว่ามาอยู่กับผมมีปัญหาติดขัดภาระอะไรบ้างซึ่งทศก็ยืนยันขันแข็งว่าไม่มี

ยังไม่หมดครับ ช่วงเย็นทศก็ไปจ่ายกับข้าวมาเตรียมไว้แล้วค่อยไปรับผมที่ทำงาน วันไหนผมมีเรียนเลิกสามสี่ทุ่ม ทศจะไป เตะตะกร้อที่ลานแถวๆ นั้น ไม่แน่ใจว่ากับพวกช่างที่อู่หรือพวกตำรวจชั้นประทวนหนุ่มๆ ที่อยู่ตรงแฟล็ตตำรวจเลยไปไม่ไกล พอรับผมกลับมาถึงคอนโดก็ยังไม่ได้พักครับ ผมนั่งทำงานนั่งเรียนมาทั้งวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ ทศก็อาสามานวดให้อีก นวดผู้ชายนี่ใช้แรงเยอะนะครับ เดี๋ยวเรื่องการนวดนี่เอาไว้รีวิวช่วงหน้า

ที่พูดมาว่ากันด้วยวันธรรมดา ถ้าเป็นวันหยุดนอกจะจะทำคล้ายๆ ไอที่ว่ามาแล้ว ยังเพิ่มเรื่องการไปฟิตเนสกับผมด้วย วันธรรมดาถ้าพอมีเวลาผมก็เล่นฟิสเนสของคอนโดบ้าง แต่วันเสาร์อาทิตย์นี่ต้องจัดเต็มครับ กินดีอยู่ดีขนาดนี้ไม่ระวังตัวเดี๋ยวพุงออก ผมให้ทศไปเป็นเพื่อนเพราะติดการดูแลของทศไปแล้ว แต่ปรากฏว่าที่ฟิตเนส กล้ามของทศนี่ขโมยซีนมาก ขนาดพวกเทรนเนอร์ที่นั่นยังอิจฉา จริงๆ ทศไม่ได้กล้ามใหญ่โตแบบพวกเพาะกายมืออาชีพหรอกครับ เทียบกับพวกเทรนเนอร์ก็อาจจะย่อมกว่าด้วยซ้ำ แต่ที่ดูดีกว่าเพราะทศมีกล้ามที่ชัดและสมดุลสม่ำเสมอทั้งตัว ก็กล้ามเนื้อของทศได้มาจากการเล่นกีฬาแล้วก็ทำงานหนักมาตลอดนี่ครับ มันเลยดูต่างจากกล้ามที่ปั้นมาจากการเร่งรัดออกกำลังเฉพาะส่วนและพวกอาหารเสริมต่างๆ ผมเห็นคนที่เริ่มเล่นใหม่ๆ ชี้ไปที่ทศแล้วบอกเทรนเนอร์ว่าขอโปรแกรมที่ทำให้ได้กล้ามแบบนี้ แอบภูมิใจเหมือนกันแฮะ ถึงไม่ใช่กล้ามตัวเองแต่ก็ถือว่าผมเป็นเจ้าของกล้ามนี้เหมือนกัน แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าพวกเทรนเนอร์จะหมั่นไส้ทศนะ เท่าที่ผมสังเกตดู ช่วงแรกๆ อาจจะมีเขม่นบ้าง แต่พอเจอทศชวนคุยตามสไตล์จริงใจของเขาแหละ รับเป็นพวกเฉยเลย พวกกล้ามเหมือนกันคงคุยกันถูกคอ เห็นมีพาไปโชว์ตัวให้ลูกค้าคนอื่นดูประหนึ่งเป็นผลงานของฟิตเนสนี้ยังไงอย่างนั้น อีตาทศก็ยิ่งชอบใส่กางเกงสั้นๆ บางๆ ด้วยสิ สงสัยต่อมอายจะถูกผมทำให้ด้านไปซะแล้ว

มาสรุปคะแนนกัน เรื่องพละกำลังและความอึด ได้สี่ดาวครับ อย่าเพิ่งประท้วงสิครับ ดีงามขนาดนี้ทำไมได้แค่สี่ดาว ขอบอกว่าโดนหักคะแนนความอดทนครับ มีอย่างที่ไหน ผมอุตส่าห์จะช่วยแก้อาการเซ็กส์จัดของทศที่ทำให้เขามีปัญหามากมายโดยสั่งเรื่องห้ามไม่ให้มีอะไรกับผู้หญิงไม่ให้ช่วยตัวเองด้วย ผ่านไปแค่อาทิตย์นึง แทนที่จะดีขึ้น หมอนี่กลับกลายเป็นคนที่เงี่ยนอยู่ตลอดเวลา ถามว่าทำไมผมถึงรู้นะเหรอ ก็จากคำสั่งข้อที่ให้ทศต้องแก้ผ้าตลอดเวลาที่อยู่ตามลำพังกับผม อันนี้เลยทำให้ผมเห็นตัวชี้วัดได้ชัดเจน คนบ้าอะไรจะแข็งตัวอยู่ได้ตลอด ตอนดูดฝุ่น ถูบ้าน ล้างจานทำกับข้าว อ้อ ตอนทำกับข้าวผมจะให้ใส่ผ้ากันเปื้อนนะครับ เพื่อสุขอนามัยที่ดี กันเส้นขนหรือสารคัดหลั่งต่างๆ ปนเปื้อนลงไปในอาหาร

ผมคิดมากไปเหรอ ไม่นะ ถ้าได้มาเห็นทศตอนทำงานบ้านแบบเปลือยๆ จะเข้าใจ ตรงส่วนปลายนี่มีน้ำเยิ้มตลอด บางทีก็ยืดเป็นสายยังกะใยแมงมุม นี่ถ้าผมเรียกเขาว่าปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ทศจะเข้าใจไหม ยิ่งของเขาความยาวไม่ธรรมดาอยู่ด้วย เหวี่ยงทีรัศมีทำการครอบคลุมกว้างไกลเลยครับ ใส่ผ้ากันเปื้อนแหละดีแล้ว เมื่อรวมกับที่ผมเคยตื่นมาเห็นเขาแอบซักผ้าห่มตอนเช้ามืดซึ่งบ่งบอกว่าเก็บกดจนเอาไปฝันเปียก สรุปว่าความอดทนอดกลั้นยังไม่ผ่าน เพราะฉะนั้นหมวดนี้หักหนึ่งดาวครับ

คะแนนความอดทนและพละกำลัง ****

อ้างถึง
Q. เราสามารถสั่งห้ามทาสได้ในเรื่องที่เป็นความต้องการตามธรรมชาติได้หรือไม่

A. เจ้านายสามารถสั่งทาสได้เกือบจะทุกเรื่องตามเงื่อนไขซึ่งขึ้นกับระดับของทาส แต่เรื่องที่เป็นความต้องการตามธรรมชาติของมนุษย์ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ เจ้านายจะไม่สามารถห้ามได้ เช่นการห้ามไม่ให้ทาสไปปัสสาวะ สามารถห้ามได้แค่ช่วงเวลาหนึ่ง พอถึงจุดที่ทาสปวดจนต้องปล่อยออกมาจริงๆ คำสั่งเจ้านายจะไม่มีผล /0

เล่ามาถึงตรงนี้น่าจะพอเห็นแล้วว่าถ้าคิดในเชิงธุรกิจแล้ว การที่ผมประมูลทศมาออกจะคุ้มค่าไม่น้อย รีวิวหมวดนี้จะว่าถึงความสามารถอื่นๆ ซึ่งหนุ่มบ้านๆ คนนี้ยังมีเป็นออฟชั่นเสริมอีกสองสามอย่าง เริ่มจากเรื่องหลักที่ผมปลื้มที่สุดคือการนวดแผนไทย มันเริ่มมาจากวันหนึ่ง เขาเห็นผมกลับมาจากเรียนภาคค่ำมาเหนื่อยๆ ก็เอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาบริการให้ ตอนนั้นผมเหนื่อยจนใช้ให้ทศเช็ดหน้าเช็ดคอให้เลย ทศเช็ดไปแล้วก็บีบๆ ตรงต้นคอผมแล้วก็บอกว่าเส้นผมตึงมากน่าจะนวดคลายเส้นซะหน่อย จริงๆ ผมชอบนวดมากแต่เดี๋ยวนี่ไม่ค่อยมีเวลาไป กว่าจะเลิกเรียนก็สามสี่ทุ่ม ร้านก็ปิดหมดแล้ว ร้านที่ยังเปิดอยู่ก็ไม่ได้ให้บริการนวดไทยอย่างเดียวออกจะเน้นบริการอย่างอื่นมากกว่า จริงๆ ถ้าเป็นพนักงานนวดหนุ่มๆ ผมก็สนเหมือนกันนะครับถ้าไม่ติดเรื่องว่าต้องรักษาความลับไว้ไม่ให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสีย ที่เคยไปนวดมาเลยจะเป็นหมอผู้หญิงมากกว่า ไม่งั้นความแตก

พอทศลองจับๆ เส้นผมดูแล้วอาสาว่าถ้าไม่รังเกียจจะให้เขานวดให้ก็ได้ ผมก็ตารุกวาวเลยสิครับ แถมทศบอกกว่าเขาพอมีวิชาอยู่บ้างเพราะหมอนวดที่มานวดยายเขาเป็นประจำสอนให้ตั้งแต่เด็ก จริงๆ เอาแค่บีบๆ ขยำๆ ผมก็พอใจแล้ว นั่งจนเมื่อยมาทั้งวัน พอนวดจริงนี่ฟินครับ ปกติผมนวดกับหมอนวดผู้หญิง แรงกดมันจะไม่หนักแน่นสะใจแบบนี้ ที่ทศบอกว่ามีวิชาอยู่บ้างก็ไม่ได้โม้เกินจริง รีดเส้นทีนี่เจ็บจนแทบร้องแต่พอเสร็จนี่โล่งมาก นวดไปทศก็เปรยว่าเส้นตึงแข็งมากเหมือนยายเขาเลย เอิ่ม สงสัยเรียนมายังไม่จบหลักสูตร ถึงแยกอาการเส้นยึดเพราะแก่กับอาการออฟฟิซซินโดรมไม่ออก ทศแนะนำว่าถ้าได้นวดน้ำมันจะแก้อาการได้ดีกว่านี้ ผมตกลงทันทีครับ เพราะไม่ได้ไปนวดมานานแล้ว และจากที่ลองนวดเมื่อกี๊ น้ำหนักมือของทศดีมากจนติดใจ

ทศบอกว่าขอให้ผมไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดเป็นบ๊อกเซอร์หรือผ้าขาวม้าจะได้ไม่เปื้อนน้ำมัน คงคิดว่าผมจะอายละซิ เห็นผมไม่เคยอาบน้ำกับเพื่อนผู้ชาย คิดผิดแล้วครับ ผมมั่นใจเรื่องรูปร่างหน้าตาของตัวเองมากอยู่ ถึงจะไม่มีกล้ามเป็นมัดๆ เหมือนทศ แต่ก็รูปร่างดีขาวใสแบบคนหนุ่มสุขภาพดีละครับ ที่ผมไม่อาบน้ำกับเพื่อนผู้ชายเพราะกลัวความสุขภาพดีของตัวเองนี่แหละว่าจะไปตื่นตัวใส่เพื่อนๆ จนความแตกเอา เวลาไปนวดกับหมอนวดผู้หญิงนี่ผมใส่แค่กางเกงในกระดาษของทางร้านกับผ้าผืนเล็กไว้ปิดๆ บังๆ ผมยังไม่อายเลย เพราะงั้นกับทศที่เป็นทาสผมแท้ๆ ผมจะอายทำไมละครับ แต่จะแก้หมดก็กระไรอยู่ผมเลยนุ่งผ้าขาวม้าไว้ กางเกงในไม่ต้องเดี๋ยวเปื้อน อาจจะดูไม่เหมาะกับหนุ่มสมัยใหม่แบบผมเท่าไหร่ แต่ผมก็ชอบนะ เป็นไทยดี

ทศมีน้ำมันนวดมาจากบ้านด้วย เขาบอกว่าเป็นสูตรที่คลายปวดเมื่อย ผมดมแล้วกลิ่นมันหอมเย็นๆ ดี ทศให้ผมนอนคว่ำก่อนซึ่งก็ดีเพราะผมจะได้ไม่ต้องเห็นทศที่เปลือยทั้งตัวในระยะประชิด มันรู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้ เขาเริ่มนวดจากฝ่าเท้าอย่างไม่รังเกียจทั้งๆ ที่ผมไม่ได้สั่ง คงเต็มใจทำให้จริงๆ สัมผัสลื่นๆ และกลิ่นหอมๆ ของน้ำมันนวดสบายจนผมเคลิ้ม พอนวดฝ่าเท้าเสร็จ ทศขอไปล้างมือแล้วมานวดตัวต่อ เขาชโลมน้ำมันแล้วไล่นวดตั้งแต่น่องขึ้นไปต้นขา นวดสะโพกนิดหน่อย แล้วถึงไปที่แผ่นหลังและช่วงไหล่ ลงน้ำหนักมือกำลังดี ผมที่เหนื่อยมาทั้งวันก็เริ่มง่วง นวดด้านหลังไปพักใหญ่จนผมสลึมสลือ ได้ยินเสียงแว่วๆ ถามว่าจะให้นวดก้นด้วยหรือเปล่าเขาต้องขอเอาผ้าขาวม้าขึ้นนิดนึง ผมที่ง่วงเต็มทนไม่อยากให้ทศหยุดก็เหมือนจะตอบไปว่าอยากนวดอะไรก็นวดไป แล้วผมก็เคลิบเคลิ้มไปกับความสบายจนหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้

อ้างถึง
Q. ทำไมบางครั้งทาสถึงทำตามคำสั่งที่สั่งไปคร่าวๆ ได้ดีถูกใจโดยไม่ต้องบอกละเอียดว่าต้องทำอย่างไร แต่บางเรื่องสั่งไป กลับไปทำอีกในแบบที่ไม่ได้คาดไว้ 

A. ทาสยังมีความรู้สึกนึกคิดที่เป็นอิสระอยู่ เพียงแต่จะถูกโปรแกรมจิตให้รู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบที่จะต้องทำตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเต็มความสามารถ แต่ถ้าคำสั่งกว้างไปหรือไม่ละเอียดเพียงพอ ทาสอาจจะปฏิบัติไม่ถูกต้อง หรือตีความไปในทางที่ตัวทาสอยากให้เป็นได้ แนะนำว่าในการสั่งงานประเด็นสำคัญๆ เจ้านายควรจะสั่งให้ละเอียดที่สุดเท่าที่เป็นไปได้เพื่อไม่ให้เกิดการเบี่ยงเบนไปจากความต้องการจริงของเจ้านาย /1

ผมมาตื่นอีกทีก็ตอนที่รู้สึกตึงๆ ไหล่เหมือนถูกดึง ปรากฏว่าผมอยู่ในท่านอนหงายแล้ว ผ้าขาวม้าที่เคยพันอยู่ที่เอวตอนนี้ทำหน้าที่เป็นผ้าปูรองก้นอย่างเดียวด้านบนผมเลยเปลือยหมด ผมงงๆ ว่าไปอนุญาตทศตอนไหน ทศนั่งทับอยู่ที่ช่วงต้นขาของผม แล้วประคองตัวผมก้มมาทางด้านหน้าคล้ายๆ ท่าซิทอัพ เขานวดแล้วกดไหล่ผมบริเวณด้านหลังโน้มมาทางด้านหน้าจนหน้าของผมไปจ่ออยู่กับท่อนล่างของเขาที่นั่งทับต้นขาผมอยู่อย่างช่วยไม่ได้ จากที่เคยคิดว่าจะไม่อายก็อายขึ้นมาหน่อยๆ ก็เนื้อแนบเนื้อขนาดนี้นี่ครับ 

ตอนนี้สายตาผมจับจ้องอยู่ตรงท่อนลำสีน้ำตาลที่เห็นจนคุ้นแต่ยังไม่ชิน ถึงปกติของทศจะแข็งตัวอยู่ตลอดเวลาที่แก้ผ้าอยู่กับผม แต่ไม่มีครั้งไหนที่มันจะบวมเป่งและดูแกร่งเหมือนหินผาเท่ากับครั้งนี้ น้ำใสเหนียวที่เยิ้มตรงส่วนปลายอยู่เป็นประจำคราวนี้มีมากกว่าทุกทีจนเคลือบส่วนหัวสีชมพูคล้ำมันวาวสะดุดตา ผมรู้สึกคอแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายเอื้อก ทศเห็นผมตื่นแล้วเลยอธิบายว่าท่านี้เป็นการรีดเส้นบริเวณหลัง ไหล่ และต้นคอของผมซึ่งตึงมากเลยต้องค้างไว้ซักพัก ไม่รู้ทำไมผมถึงละสายตาจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ พอมองใกล้ขนาดนี้ผมต้องยอมรับของๆ ทศทั้งใหญ่ทั้งสวยจริงๆ แท่งสีเข้มที่มีรอยเส้นเลือดปูดชัดตามลำกล้องทำให้ดูกร้านแกร่งแต่ก็มีเสน่ห์ที่ผมนึกไม่ถึงมาก่อน พอคิดมาถึงตอนนี้ของๆ ผมก็เริ่มขยายตัวขึ้นมาเหมือนกัน ถึงขนาดจะสู้ไม่ได้ แต่ของผมน่าจะได้เปรียบที่ความขาวใสใหม่เอี่ยมที่ถนอมเก็บมายี่สิบกว่าปี ทศดูเหมือนจะสังเกตเห็นแต่เขาไม่ได้พูดอะไร

ปกติถ้าเกิดอารมณ์ขึ้น ผมก็จะใช้พวกคลิปหมวดเอ็มในการปลุกเร้าจินตนาการขณะที่ปลดปล่อยมันออก ผมนึกสงสัยว่าถ้าทศเป็นนักโทษหมวดเอ็มคลิปของเขาจะออกมาแบบไหน เลยสั่งให้ทศช่วยตัวเองให้ดูตรงนั้นเลย ทศมีสีหน้าประหลาดใจแต่ไม่มีท่าทีต่อต้าน เขาบอกแค่ว่าถ้าผมไม่รีบจะขอไปล้างมือที่เปื้อนน้ำมันก่อน อารมณ์ผมตอนนั้นมันพลุ่งพล่านจนไม่อยากรอแล้วผมเลยสั่งไปว่ามือผมยังไม่เปื้อนผมจะทำให้เองถ้ากลัวแสบ ทศท่าทางตกใจมากแต่ผมรู้ว่าเขาก็อยากปลดปล่อยเต็มแก่แล้วเหมือนกัน ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาผมไม่ได้อนุญาตให้เขาปลดปล่อยเลยนอกจากจะฝันเปียกตามธรรมชาติ

ผมคว้าหมับไปที่ท่อนลำตรงหน้า มันใหญ่มากจริงๆ จนกำไม่รอบ ความอุ่นร้อนและจังหวะการสูบฉีดเลือดที่เต้นตุบๆ อยู่ในกำมือผมให้ความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ผมเริ่มสาวไปตามความยาวเบาๆ ทศทำหน้าเสียวเหมือนแทบจะขาดใจ ผมก้มลงไปดูใกล้ๆ จนได้ยินเสียงเฉอะแฉะตามจังหวะ ของจริงนี่มันดีกว่าคลิปหมวดเอ็มตรงที่รูปรสกลิ่นเสียงมันมาเต็มๆ นี่เอง เดี๋ยวครับ เผลอพูดคล้องจองไปเฉยๆ เรื่องรสนี่ไม่ทราบนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมชิมไปแล้ว ใครจะไปทำไหว คงได้มีปากฉีกกันบ้าง เพื่อไม่ให้เสียเวลามืออีกข้างผมก็สาวของตัวเองไปด้วย

เสียงหอบหายใจของทศดังขึ้นเรื่อยๆ ซักพักตัวเขาก็กระตุกสั่นๆ แล้วน้ำจำนวนมหาศาลก็พุ่งออกมาเกือบสิบระลอก พูดไปก็เหมือนผมโม้ แต่มันเยอะมากจริงๆ ขนาดที่ผมไม่เคยเห็นในหมวดเอ็มมาก่อน เอาเป็นว่ากระฉอกแรกๆ นี่พุ่งไปเลอะหน้าเลอะตาของทศเอง แล้วไล่มาตรงหน้าอกและหน้าท้องแกร่ง ส่วนหลังๆ ก็อาบชุ่มอยู่ตรงมือผมนี่แหละ ทศหอบเหมือนคนวิ่งมาราธอนแต่ของของทศในมือผมยังแทบไม่อ่อนตัวลงเลย ผมเร่งมืออีกข้างที่ชักของตัวเองอยู่จนแตกตามไปในเวลาอันรวดเร็ว เสียวสุดๆ เลยเหมือนกัน ทศยกมือไหว้ผมขอบคุณผมแต่ไม่ยอมสบตา ผมไม่รู้ว่าเขาอายหรือโกรธผมกันแน่

อ้างถึง
Q. ทาสสามารถโกรธเจ้านายได้หรือไม่

A. ไม่ได้ ทาสจะโดนโปรแกรมจิตไม่ให้เกิดความรู้สึกทางลบ เช่น โกรธ หรือเกลียด กับเจ้านาย แต่อารมณ์อื่นๆ เช่น ดีใจ กลัว เขินอาย จะยังมีอยู่ตามปกติ /0

ท่าทางผมจะเผลอเล่าละเอียดไปทั้งๆ ที่ตอนหลังๆ ไม่ได้เกี่ยวกับหมวดความสามารถเสริมนี้เลย เอาเป็นว่าทศนวดเก่งมาก ต้นไม้ตรงระเบียงก็ได้ฝีมือเขาทั้งดูแลบำรุงทั้งไปหามาเพิ่มจนกลายเป็นสวนน่ารักขนาดย่อม เล่นตะกร้อเก่งมาก ชกมวยก็ได้เห็นว่าตอนมอต้นเคยเป็นนักมวยไทยรุ่นเด็ก ส่วนเรื่องที่เพิ่งเล่าไปเมื่อกี๊ไม่รู้ว่าจะจัดเป็นความสามารถเสริมได้หรือเปล่าเพราะทศก็ไม่ได้ทำอะไรแค่นอนให้ยืมของที่พ่อให้มาเฉยๆ ที่เหลือผมเป็นคนทำทั้งนั้น แต่หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้ทำมันอีก มันรู้สึกดีเกินไปจนผมกลัวตัวเอง ต้องขอเวลาทบกวนอะไรซักพักก่อน เอาเป็นว่าจะนับหรือไม่นับ หมวดนี้ผมขอให้ห้าดาวเต็มไปเลยแล้วกัน

คะแนนความสามารถเสริม *****
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 23] รีวิวจากผู้ใช้งานจริง [พิชยะ] 15/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 15-11-2015 00:02:21
รีวิวถัดมาคือเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก หมวดนี้เป็นหมวดที่ให้คะแนนยากมากเพราะความเห็นไม่สอดคล้องกัน ว่าไงนะครับ ให้ยึดความเห็นผมเป็นหลัก นั่นละครับที่ไม่ตรงกัน คือตอนเจอทศตัวจริงครั้งแรกผมบอกได้เลยว่าหน้าตาเถื่อนๆ ดำๆ อย่างนี้ไม่ใช่สเป็ค ถ้าจะมีอะไรที่พอจะโอเคบ้างก็คงเป็นแค่เรื่องหุ่นดีกล้ามแน่นแค่นั้น ถึงไงคนก็คงดูที่หน้าตาก่อนอยู่ดี พอมาเป็นทาสผมเต็มตัว ก็เห็นข้อดีเพิ่มอีกอย่าง ก็เรื่องของใหญ่สวยนั่นไง แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมจะเอาไปอวดใครได้ อันนี้ว่ากันด้วยรูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียวนะครับ เรื่องนิสัยขยันขี้เกียจหรืออะไรไม่เกี่ยว อันนั้นยังไงเป็นทาสผมสั่งได้อยู่แล้ว แต่มาหน้าตาบ้านๆ นี่ จะให้สั่งให้หล่อขาวใสขึ้นมามันเป็นไปไม่ได้

อันนั้นความรู้สึกช่วงแรกนะครับ พออยู่ๆ ด้วยกันไป เห็นหน้ากันทุกวัน ผมก็เริ่มรู้สึกว่าหน้าตาของทศก็ไม่ได้แย่อะไร อันนี้เข้าใจว่าเป็นเพราะความชินตามั๊งครับ ทศคงไม่ได้หล่อขึ้นมาจริงๆ ในสองสามเดือนหรอก เห็นทุกวันมันคงคุ้นจนไม่ได้รู้สึกว่าหล่อหรือไม่หล่อ เหมือนเพื่อนสมัยเรียนที่มันเป็นเดือน ตอนปีหนึ่งรู้สึกว่ามันหล่อมากจนเขินๆ เวลาคุยด้วย แต่พอคบๆ ไปก็รู้สึกว่ามันหน้าตาธรรมดาเรือหาย ทศก็คงเหมือนกัน พอชินตามากๆ เข้าจากหน้าตาเถื่อนๆ บ้านๆ ก็กลายเป็นหน้าตาปกติไป

อันนี้ที่ผมคิดนะครับ แต่ก็มีคนเห็นแตกต่างไป อย่างยายดีนี่เพื่อนตั้งแต่ปอตรีแล้วยังมาเรียนปอโทด้วยกัน ตั้งแต่ที่นางเจอทศตอนไปรับผมกลับบ้านก็เอาแต่พร่ำเพ้อเซ้าซี้ถามผมว่าทศเป็นใครจนเพื่อนๆ คนอื่นก็พลอยอยากรู้ไปด้วย ผมเลยแกล้งบอกไปว่าทศเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวที่ทางตระกูลใหญ่ส่งมาอารักษณ์ขา เว่อร์มากใช่ไหมครับ แต่ไอพวกเพื่อนๆ ยิ่งเว่อร์กว่า นอกจากจะเชื่อเป็นตุเป็นตะ แต่ละคนยังแสดงภูมิกันใหญ่ว่านึกแล้วว่าผมไม่ใช่คนธรรมดา นอกจากจะหน้าตาดูเป็นคุณหนูคุณชาย เป็นหลานของอธิการบดีมหาลัยที่เรียนอยู่ นั่งรถหน้าตาแปลกๆ ที่น่าจะสั่งประกอบเป็นพิเศษ (ก็น้องเต้าหู้แหละครับ แต่รุ่นมันเก่าจนไม่มีใครรู้จัก) ยังมีบอดี้การ์ดประจำตัวที่เรียกนายน้อยทุกคำ สรุปว่าผมน่าจะเป็นทายาทของกลุ่มอิทธิพลที่ซ่อนเร้นตัวเพื่อควบคุมประเทศนี้อยู่ ว่าเข้าไปโน่น

พูดถึงกลุ่มอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังประเทศนี้อยู่ พ่อผมเคยบอกว่ามันมีจริงๆ นะ เห็นว่าสืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ ไม่เชิงว่าควบคุมแต่เป็นการประคับประคองมากกว่า หากเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมืองจนมีท่าทีว่าจะเสียสมดุลย์ถึงจะยื่นมือเข้าคลี่คลาย จะมีจริงหรือไม่ยังไงก็ไม่ใช่บ้านผมหรอก ถ้าพวกมันเอานามสกุลผมไปกูเกิ้ลดูสักนิดก็คงรู้แล้วว่าบ้านผมก็นักธุรกิจธรรมดานี่แหละ แค่มีญาติบางคนรับราชการตำแหน่งใหญ่บ้าง แต่เรื่องธรรมดาๆ แบบนี้พวกมันมักจะไม่เชื่อกัน ต้องเป็นอะไรที่พิสดารพันลึกถึงจะถูกจริต จริงๆ ไม่น่ามาเรียนโทบริหารกันเลย ไปเรียนนิเทศซะก็หมดเรื่อง

ที่จริงผมไม่อยากไปต่อความยาวสาวความยืดอะไรกับพวกมันหรอก อยากเข้าใจว่าอะไรก็เข้าใจไป แต่ยายดีนี่ซึ่งตอนนั้นเป็นคนเดียวที่เคยเห็นหน้าทศชัดๆ นี่สิ นางเอาไปเล่าใส่ไข่อะไรซะมากมายว่าบอดี้การ์ดผมหล่อล่ำอย่างนั้นอย่างนี้ จนชะนีเก้งกวางในรุ่นต่างพากันเรียกร้องให้ผมเอาทศมาโชว์ตัวชัดๆ พอดีกับที่ผมเริ่มกังขาแล้วว่า ตกลงอย่างหน้าทศนี่เรียกว่าหล่อตามมาตรฐานคนกรุงด้วยเหรอ ผมไม่อยากจะเชื่อสายตาดีนี่เท่าไหร่ ก็หล่อนเป็นสาวลูกครึ่งนี่ครับ ผมรู้มาเหมือนกันว่าสาวฝรั่งจะชอบหนุ่มไทยตัวดำๆ บ้านๆ อะไรทำนองนี้ รสนิยมนางคงเอามาเป็นเกณฑ์ไม่ได้ ผมเอาทศไปโชว์ตัวกับเพื่อนทั้งกลุ่มเลยดีกว่า คนอื่นน่าจะเห็นเหมือนผมว่าทศนี่มันบ้านๆ เกินกว่าจะเรียกว่าหล่อ แต่ไหนๆ ดันบอกไปแล้วว่าทศเป็นบอดี้การ์ดก็ต้องทำให้สมจริงหน่อย

ผมเอาชุดสูทสีดำตัวเก่าให้ทศลองใส่ ทศสูงกว่าผมนิดหน่อยแต่สวมแล้วก็ไม่ได้ดูเต่อไป แต่ความหนานี่สิ สูทและกางเกงของผมเป็นทรงเข้ารูปอยู่แล้วพอทศใส่ยิ่งฟิตกับตัวจนเห็นสัดส่วนมัดกล้ามได้ลางๆ เห็นทศในชุดแบบนี้ดูแปลกตาจริงๆ จนผมนึกอิจฉาว่าหุ่นแบบนี้ใส่อะไรก็ดูดี แต่พอมองหน้าทศผมก็กระหยิ่มใจเล็กน้อย ตอนนี้ทศมีไรหนวดเคราสั้นๆ ขึ้นจนดูถ่อยเถื่อนขึ้นอีกหลายช่วงตัว ผมสั่งให้ทศหยุดโกนหนวดมาได้อาทิตย์กว่าแล้วตั้งแต่ที่คิดไว้ว่าจะพาทศไปทดสอบเรตติ้งกับเพื่อน ผมไม่ได้โกงนะ ถ้าทศหล่อจริง แค่มีหนวดมีเครานิดหน่อยคงซ่อนจากสายตาสอดรู้สอดเห็นของพวกเพื่อนผมไม่ได้

ดูรวมๆ น่าจะอุปโลกน์เป็นบอดี้การ์ดได้แล้ว ยังขาดพร้อพอีกนิดหน่อย ผมหยิบแว่นดำให้เขาใส่ ตามด้วยหูฟังบลูทูธหน้าตาไฮเทคอีกอัน ใช้ได้ ให้ความรู้สึกเหมือนบอดี้การ์ดของผู้นำกลุ่มผู้ก่อการร้ายระดับโลกอะไรเทือกนั้น ผมนึกขำในใจ แทบจะอดใจรอไม่ไหวว่าพวกเพื่อนที่เรียกร้องว่าเจอหน้าบอดี้การ์ดส่วนตัวผมว่าจะตะลึงขนาดไหน ที่นี่ล่ะคงไม่มีใครกล้ามากวนทีนใส่ผมอีกแน่ ผมนัดแนะให้ทศแต่งชุดนี้ไปรับผมหลังจากเลิกเรียนภาคค่ำเสร็จ ผมเลิกเรียนตอนสามทุ่ม บางวันก็อาจต้องทำงานกลุ่มกับเพื่อนต่อในห้องที่ทางหลักสูตรจัดไว้ให้ถึงสี่ห้าทุ่ม ปกติพอเสร็จผมจะเดินออกมาเองให้ทศรออยู่ที่รถ แต่คราวนี้ผมให้ทศเดินเข้าไปรอผมที่ห้องทำเคสเลยก่อนเวลาที่น่าจะเลิกสิบห้านาที

ผลนะหรือครับ ตาค้างทั้งห้องน่ะใช่ แต่ไม่ใช่ในแบบที่ผมเดา ทีแรกพอทศเดินเข้ามา คนในห้องดูงงๆ คงไม่รู้ว่าเป็นใคร มีแต่สะกิดกันจนทั้งห้องจ้องมาที่ทศเป็นตาเดียว ทศกวาดตามองหาผมอยู่ซักพักแล้วเดินเข้ามาหาถามเสียงดังว่า นายน้อยจะให้ผมรอที่ไหน เท่านั้นแหละครับ เสียงเซ็งแซ่เลย ลุกขึ้นมารุมล้อมผมกับทศถามโน้นถามนี่กันใหญ่ ผมเล่าเองคงจะบรรยายความวุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่ได้ ขอตัดเอาบรรยากาศตอนนั้นมาแล้วกันครับ

“หนูพิช นี่บอดี้การ์ดคนที่ว่าเหรอ หล่อเร้าใจเจ้มาก” คนนี้เป็นเพื่อนรุ่นพี่ครับ น่าจะสามสิบแล้ว อย่างว่าเรียนโท MBA เพื่อนร่วมชั้นก็หลากหลายอย่างนี้แหละ มีทั้งมีประสบการณ์ทำงานมาเป็นสิบปี มีทั้งหน้าอ่อนๆ จบมาไม่นาน แต่ที่เคืองอยู่ก็ตรงชอบเรียกผมว่าหนูนี่สิ ที่ผมยังไม่เรียกเจ้ว่าป้าเลย

“ไม่ได้นะคะเจ้ หนูเจอก่อน พี่ชื่ออะไรคะ หนูเป็นเพื่อนสนิทของพิช ดีนี่ค่ะ พี่อายุเท่าไหร่คะ ปีนี้ดีนี่ยี่สิบสี่ น่าจะห่างกันกำลังดี” แล้วเธอจะเทียบไปทำไมละจ๊ะ ดีออก เอ้ย ดีนี่

“ผมชื่อทศครับ เป็นบอดี้การ์ดของนายน้อย เอ่อ อายุยี่สิบเจ็ดปีครับ” ทศตอบตามที่เตี้ยมกันมา แต่ไออายุนี่ไม่ต้องบอกก็ได้มั๊ง

“อร๊าย วัยฉกรรจ์ หล่อคมเข้มครบสูตร ละลายเลยฮ่า ใครว่าหล่อยกมือขึ้น” เสียงดังมาจากคนหลังๆ คลาสผมไม่น่ามีกระเทยควายแบบนี้ คงเป็นไอเพื่อนที่มันทะลึ่งๆ ดัดเสียงมาแซว

แต่ที่งงคือมือที่ชูขึ้นสลอนเต็มไปหมด ไม่รู้มันเตี้ยมกันมาดีหรือพวกนี้เห็นพ้องกันว่าทศหล่อจริงๆ สงสัยเพราะแว่นดำที่ใส่อยู่แน่เลย แว่นดำทำให้หล่อขึ้นสามสิบเปอร์เซ็นซ์ ข้อมูลจากจากสำนักวิจัยพิชยะเองครับ

“ทศ ถอดแว่นออกสิ มืดแล้ว” ถ้าเห็นหน้าตาชัดๆ บวกกับสายตาซื่อๆ บื้อๆ ของทศคงจะตาสว่างกันบ้าง

เสียงฮือฮาดังขึ้นเมื่อทศถอดแว่นออก

“คิ้วหนา ตาคม ใส่แว่นก็หล่อ ถอดแว่นมายิ่งเห็นแววตาจริงใจ แบบนี้ต้องทำหน้าที่บอดี้การ์ดปกป้องน้องพิชอย่างไม่มีที่ติแน่”

เหล่าเพื่อนร่วมคลาสที่เป็นรุ่นใหญ่หน่อยชมกันเปาะ เออ ลืมไป ทศมันมีไม้ตายใช้สายตาซื่อๆ เรียกความเอ็นดูจากบรรดาป้าๆ ได้

“แบบพิชผมก็ชอบนะฮะ แต่เพื่อนกันมันไม่ดี จริงๆ ผมชอบแบบพี่มากกว่า อยากสร้างสัมพันธ์กับผมแทนนายน้อยของพี่ไหมฮะ มากิ๊กกันๆ ฮ่าๆๆ”

ไอเพื่อนตัวเล็กน่าตาน่ารักเข้าไปประกบ นี่มันคิดอะไรกับผมมาก่อนหรือนี่ แล้วที่ชวนทศมาเป็นกิ๊กนี่ พูดจริงหรือพูดเล่นวะ
 
“ขอจับหน่อยค่า อุ้ย กล้ามแขนแข็งดีจัง ดีนี่ว่าพี่ทศฟิตขนาดนี้ น่าจะซิกแพ็คสวยมากๆ แน่เลย”

ยายดีนี่ครับ นางยังไม่หยุด กระแซะอยู่นั่น ผมว่าจริงๆ แล้วพวกมันแกล้งผมกับทศเล่นซะมากกว่า ปัญญาชนกันทั้งนั้น แต่ก็ว่าไม่ได้ กลัวเป็นแบบทีเล่นทีจริง แต่ถ้าเผลอก็เอา

“ไม่เชิงนะครับ ผมว่ากล้ามท้องผมนี่ขึ้นแปดลูกเลย ที่เพิ่มมาสองลูกนี่อาจไม่ชัดมาก แต่ก็มีคนชมเรื่อยๆ ครับ”

“ถ้าจะตอบละเอียดขนาดนั้น ก็แหวกเสื้อโชว์เลยสิ” ผมบ่นอุบอิบ แต่ทศดันหูดีได้ยิน

“ได้ครับนายน้อย” ทศบอกแล้วก็ปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตตัวในออกจนหมด พอแหวกเสื้อออกจนเห็นหน้าท้องแกร่งสีน้ำตาลเข้มด้วยท่วงท่ายังกะซุปเปอร์แมน เสียงกรี๊ดก็ดังสนั่นห้อง

ไม่นะ ผมไม่ได้สั่งซะหน่อย ไม่เข้าใจเหรอว่าพูดประชด

“กล้ามท้องอย่างกะพี่บัวขาว แต่หล่อโฮกกว่าเยอะ” มีเสียงซุบซิบกันเองดังระงม พูดแบบนี้ พี่บัวขาวรู้เข้าจะไม่เสียใจแย่เหรอ

“ผมว่าพี่ถอดเสื้อออกมาเลยดีกว่า มาประชันกับผมเลยว่าใครเจ๋งกว่ากัน พี่ก็แค่น่ากิน เอ้ย ได้เปรียบตรงที่ผิวเข้มแหละ กล้ามเนื้อมันเลยดูชัด ถอดมาประกบตัวต่อตัวกับของผมดู ผมว่าผมไม่แพ้ ถ้าผมแพ้ ผมยอมพี่เลยเอ้า” 

เอาแล้วไง ไอเด็กขาวตี๋ตัวล่ำที่ชอบนั่งหน้าห้อง ผมว่าแล้วว่าชอบทำตัวแมนๆ แต่จริงๆ เป็นใช่ไหม ตกลงไม่ได้แอบสินะ ดูออกจะเปิดเผย

ทศเริ่มหน้าเครียด มือทำท่าจะถอดเสื้อออก แต่หันมาสบตาผมก่อน ผมรีบสั่นหน้าให้รู้ว่าอย่าทำ ของๆ ผมนะ จะยอมให้คนอื่นมาแทะโลมได้ไง

“ทศ นายไปรอที่รถก่อน เสร็จแล้วชั้นจะตามไป” ผมตัดบทก่อนที่มันจะวุ่นวายไปมากกว่านี้

ผมรู้ดีว่าทศขีดความอดทนในบางเรื่องต่ำแค่ไหน ยายดีนี่ก็กระแซะอยู่ได้ ทำอย่างนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเอานมไปถูแหละ แล้วไม่ใช่ไม่สวยนะ สาวลูกครึ่งสวีเดนนี่ไม่ต้องพูดเลย คุณพ่อฝรั่งให้มาซะล้นทะลัก แล้วยังมีมือใครต่อใครที่ไปลูบกล้ามท้องอีก ถ้าอะไรๆ มันผงาดขึ้นมาหนาวกันทั้งห้องแน่ จริงๆ มันเริ่มแล้วด้วยซ้ำ แต่ท่าทางจะยังไม่มีใครสังเกต หรือเห็นแต่ไม่พูดก็ไม่รู้ ให้ทศออกไปก่อนแหละดีแล้ว นี่ไม่ใช่ว่าผมหวงทศหรอกนะ

เพื่อนๆ บ่นเสียดายกันใหญ่ แถมยังบอกว่าวันหลังให้พามาอีก เชอะ ใครจะพามา แค่นี้ของๆ ผมก็เสียราคาไปไหนต่อไหนแล้ว เจอมนุษย์หื่นพวกนี้

“โอ้ย น้องพิช บอดี้การ์ดน้องนี่แซบหลาย ทั้งหล่อ ทั้งล่ำ”

“อย่างนี้เรียกว่าหล่อเหรอพี่ ดำเถื่อนจะตายไป หล่อๆ มันต้องแบบผม ไม่เห็นพวกดารานายแบบจะมีหน้าตาแบบนี้ซักคน มีแต่หล่อขาวใส” ผมอธิบาย

“ไปอยู่ที่ไหนมาจ๊า นี่เขาเรียกว่าสายหล่อเซอร์ มาดเข้ม แมนๆ แกร่งๆ แบบผู้ชายแท้ๆ พวกหล่อใสเขาไว้ดูเล่นๆ สบายตา แต่หล่อเข้มมีแต่คนจะเอาในชีวิตจริงย่ะ”

“จริงที่สุด ไม่งั้นนักบอล นักมวย หรือพวกนักกีฬาตากแดดตัวดำๆ จะมีสาวๆ ตามกรี๊ดขนาดนี้เหรอ”

“เห ทศมันก็ไม่ได้หล่อขนาดนั้นมั๊ง” ผมก็ยังเชื่อในสเป็คตัวเองว่าคงไม่ตกเทรนด์ขนาดนั้น

“หล่อย่ะ ยังจะมาเถียง หล่อกว่าพวกนักกีฬาดังๆ อีก แล้วนี่พิช ชั้นสังเกตหลายทีแล้ว พี่ทศเขาก็อายุมากกว่าเราตั้งหลายปี ทำไมแกถึงไม่เรียกเขาว่าพี่วะ ถึงเป็นคนของทางบ้านแกก็น่าจะให้เกียรติกันบ้าง เขาอุตส่าห์มาช่วยดูแลถึงจะเป็นงานก็เถอะ ปกติแกไม่ใช่คนอย่างนี้นี่หว่า”

ดีนี่พูดตรงๆ ถึงจะชอบจิกกัดผมมาตั้งแต่ตอนเรียนปอตรี แต่ดีนี่ก็เป็นห่วงผมอยู่นะ มีอะไรนางก็พูดก็เตือนกับผมตรงๆ เรียกว่าสนิทในระดับที่ไม่โกรธกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้หรอก แต่ถ้าจะมาคิดเคลมทาสผมนี่ก็ต้องฉะกันซักตั้งนะ

แต่เรื่องที่เจ้าตัวออกความเห็นมา ผมก็ยังไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นะ ก็นางไม่รู้ความจริงเรื่องผมกับทศนี่

“แต่..”

“เจ้ก็ว่าอย่างนั้นนะหนูพิช เรายังเด็ก ต้องเจอคนอีกเยอะ การผูกมิตรไว้กับคนทุกระดับเป็นสิ่งดี การนับพี่นับน้องเป็นธรรมเนียมที่เป็นเอกลักษณ์ของสังคมไทย อย่างเจ้านายที่บริษัทเจ้ ใครอายุมากกว่าเขาก็เรียกพี่ ไม่เห็นจะมาถือศักดิ์ศรียศอย่างอะไร การบริหารงานก็ราบรื่นดี ใครจะสั่งงานใครมันก็เป็นบทบาทหน้าที่ของแต่ละคน ไม่เกี่ยวว่าเรียกพี่แล้วจะปกครองกันไม่ได้” เจ้รุ่นใหญ่ในกลุ่มผมเข้ามาสนับสนุน

คิดไปคิดมาก็จริงของดีนี่กับเจ้นะ ผมว่าที่ผมยึดติดกับกรอบว่าผมเป็นเจ้านายต้องอย่างนั้น ทศเป็นทาสต้องอย่างนี้ มันก็คิดมากจุกจิกเกินไป ผมว่าทศเขาก็เชื่อฟังผมดีอยู่แล้ว น่าจะไม่ใช่เพราะโปรแกรมจิตขององค์กรอย่างเดียวด้วย บางอย่างถึงผมไม่สั่งแต่ถ้าทศเดาได้ว่าน่าจะดีกับผมเขาก็จะทำให้อย่างเต็มที่ ผมว่าความสัมพันธ์ของเรามันน่าจะเป็นเหมือนนายกับบัตเลอร์หรือพ่อบ้านประจำตัวซะมากกว่า ทุกวันนี้ทศ เอ่อ พี่ทศก็ทำให้ผมทุกอย่างแล้ว นึกถึงวันที่หมดสัญญากันในอีกปีครึ่งแล้วก็ใจหาย ก็รู้ตัวนะว่าเป็นคนคิดมาก เงื่อนไขเยอะ แต่จากนี้ไปคงต้องปรับปรุงตัวเองในจุดนี้ให้ดีขึ้น อยากทำอะไรผมก็จะไม่คิดมาก เริ่มจากเรื่องของผมกับพี่ทศก่อนเลย

พอเคลียร์เรื่องงานกลุ่มเสร็จ ผมก็ไปขึ้นรถตรงที่พี่ทศจอดรอประจำ เขายิ้มทักทายเห็นฟันขาวตัดกับสีผิด ยิ่งตรงนั้นยิ่งมืดๆ อยู่ด้วย หน้าตาอย่างนี้เหรอที่พวกเพื่อนๆ ผมลงความเห็นว่าหล่อแมนเซอร์ อย่างที่บอกแหละครับ ผมชินตาจนไม่รู้สึกว่าหล่อหรือไม่หล่อแล้ว ผมมองเป้าที่นูนเด่นของพี่ทศแล้วตัดสินใจย้ายไปนั่งด้านหน้าคนขับ

“วันนี้อยากนั่งหน้า พี่ทศขับกลับคอนโดได้เลย”

อืม เรียกแบบนี้แล้วมันถนัดปากกว่าจริงๆ พี่ทศท่าทางแปลกใจ แต่ไม่ได้ว่าอะไร ผมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่ทศที่กำลังขับรถอย่างตั้งใจแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปไว้ มันไม่ถึงกับชัดมากเพราะเป็นตอนกลางคืนดีที่มีแฟลชทูโทนช่วยไว้ จากด้านข้างเห็นความเหลี่ยมคมโครงหน้าและไรหนวดเคราของพี่ทศได้ชัดเจน ผมโพสต์รูปที่เพิ่งถ่ายลงไปในเฟสบุคส่วนตัวที่นานๆ จะลงอะไรซักทีด้วยคำบรรยายสั้นๆ ว่า ‘สารถีรถฟักทอง’ แล้วอมยิ้มเล็กน้อย

ไม่รู้ด้วยอารมณ์เปลี่ยวยามใกล้เที่ยงคืน หรือความค้างคาใจตั้งแต่ตอนที่ช่วยกันหลังนวดเสร็จในคืนนั้น ผมถึงได้มีความคิดแปลกๆ อย่างนี้

“พี่ขับไปเฉยๆ นะ พิชอยากเล่นอะไรหน่อย”

ผมบอกพี่ทศแล้วก็เอื้อมมือไปปลดเข็มขัดแล้วรูดซิปกางเกงพี่ทศลง

“ยังแข็งอยู่เลย เจอหน้าอกเพื่อนผมเข้าไปเหรอครับ”

“นะ นายน้อย”

“เรียกน้องพิชสิครับ พี่ๆ ป้าๆ แม่บ้านที่บ้านใหญ่ก็เรียกกัน อย่างนี้ พี่ทศก็ได้ยินแล้วนี่นา”

ผมควักท่อนลำขนาดใหญ่ขึ้นมา น้ำเหนียวๆ ที่ส่วนปลายยังเยอะเหมือนเดิม ผมกำแท่งร้อนด้วยความรู้สึกคุ้นมือชวนให้โหยหา พอเริ่มรูดขึ้นรูดลงอย่างช้าๆ พี่ทศก็ครางออกมาเสียงแหบพร่าจนผมรู้สึกเสียวไปด้วย

“ดูทางดีๆ นะ ยังไม่อยากเป็นอะไรไปก่อนถึงคอนโด หรือจะให้พิชหยุดมือก่อน”

พี่ทศส่ายหน้าเร็วรัวจนผมอดขำไม่ได้ ผมไม่ได้ตั้งใจจะชักให้แตกหรอกครับ ไม่อยากให้เลอะน้องเต้าหู้ ไหนจะเรื่องกลิ่นอีก พี่ทศก็เป็นคนรักรถแถมเป็นผู้ดูแลน้องเต้าหู้ด้วยคงจะคิดเหมือนกัน (แต่ถ้าถามตอนนั้นก็ไม่แน่) ผมแค่มากำๆ เล่น แล้วรูดให้แข็ง ผมล้วงลงไปคลึงพวงสวรรค์ยานใหญ่แล้วรู้สึกนุ่มๆ อุ่นๆ สบายมือดี ฝ่ามือผมก็ทับอยู่บนลำที่แข็งโป๊ก ส่วนข้อมือก็เสียดสีกับกลุ่มขนหนาให้ความรู้สึกทั้งนุ่มทั้งหยาบ เป็นเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันแต่ผสมผสานลงตัวอยู่ในการล้วงแค่ครั้งเดียว

“พี่ อดทนไว้อย่าแตกนะ”

พี่ทศท่าทางเต็มกลั้นกัดฟันแน่นเชียวจนผมต้องผ่อนมือ งั้นถือว่านี่เป็นการลงโทษตามที่องค์กรขอความร่วมมือมาแล้วกัน ผมควักท่อนลำให้ออกมาตั้งโด่อยู่นอกกางเกงเพื่อมาเล่นกับแสงไฟที่วูบวาบเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างจากเสาไฟและรถที่สวนผ่าน มันดูน่าเกรงขามแต่ก็ลึกลับไปในตัว พี่ทศท่าทางอึดอัดมากคงเพราะของเขาใหญ่แต่ต้องมาถูกกางเกงคับๆ รั้งอยู่ตรงส่วนล่าง ผมเอามือคลึงไปเรื่อยตลอดทางกลับบ้าน น่าแปลกที่มันทำให้ความเครียดจากการทำงานและเรียนที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่เช้าหายไปได้ นี่มันได้ผลยิ่งกว่าลูกบอลฟองน้ำเนื้อแน่นๆ ที่เอาไว้บีบคลายเครียดซะอีก หรือเพราะความเครียดมันย้ายไปอยู่ที่พี่ทศกันแน่เห็นนั่งตัวเกร็งไปตลอดทาง แต่ผมรู้ว่าจะช่วยพี่เขาปลดปล่อยความเครียดได้ยังไง รอให้กลับถึงห้องก่อนเถอะ

ในที่สุดก็มาถึงคอนโดอย่างปลอดภัย ผมหยิบโทรศัพท์ที่ปิดเสียงไว้ขึ้นมาดู มีแจ้งเตือนจากเฟสบุคเต็มไปหมด ทุกอันเป็นคอมเม้นท์รูปพี่ทศที่ผมโพสต์ไปตอนนั่งรถกลับ เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงทำไมทั้งเม้นท์ทั้งไลค์ถึงได้เยอะขนาดนี้

อ้างถึง
Pichaya T.
27 mins

‘สารถีรถฟักทอง’

Baew P., ดีนี่ Chalita Johnsson, Nana KittyCat and 86 others like this.

Comments
4 of 31

ย้งยี้ Piyada : ใครคะพิช คนขับแทกซี่เหรอ หล่อจัง ว่าแต่กลับบ้านดึกจังน้า เรียนหนักชิมิ ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว รถฟักทองเลยต้องรีบพากลับก่อนเวทย์มนต์เสื่อม อิอิ

Nana KittyCat : งานดีคร่า มดลูกเจ๊สั่นไปหมด #แพ้เครา

ดีนี่ Chalita Johnsson : เห็นแค่เสี้ยวหน้า ยังแซ่บขนาดนี้ อิจฉาแกว่ะ

Darawadee Na Penang : คนที่เข้ามาในห้องเมื่อกี๊นี่ เราขอเบอร์หน่อยได้ไหม ไม่ว่ากันนะ หล่อ หุ่นดี น่าจะไปเคสติ้งที่บริษัทเราดู

ผมดูคอมเม้นท์อื่นๆ ก็เห็นมีแต่ชมพี่ทศว่าหล่อเข้มอย่างนั้นอย่างนี้ โลกมันเปลี่ยนไปแล้วใช่ไหม งั้นคนหล่อแบบขาวใสอย่างผมคงอยู่ยากแล้วสิ ไปตากแดดให้ดำบ้างดีกว่า

ผมเลยสรุปคะแนนรูปลักษณ์ไม่ถูกครับ ไม่รู้ว่าจะให้คะแนนเท่าไหร่ ถ้าเป็นความรู้สึกแรกของผม คงให้หนึ่งหรือสองดาว เพราะไม่ใช่สเป็คผมเลย ดีหน่อยก็ตรงกล้าม ถ้าปัจจุบันนี้ผมคงให้กลางๆ เพราะไม่ได้มองว่าพี่ทศหล่อหรือไม่หล่ออีกแล้ว รู้สึกแค่ว่าเป็นใบหน้าที่คุ้นชินที่มองแล้วก็สบายใจดี แต่ถ้าเอามาตรฐานของเพื่อนๆ ผม คงหล่อระดับสี่ห้าดาวไปเลยมั๊ง

คะแนนรูปลักษณ์ภายนอก ***??

ก็ขอจบการรีวิวไว้เท่านี้ก่อนนะครับ สรุปว่าคุ้มค่าน่าดู ผมสังหรณ์ใจว่ายิ่งผมเปิดใจมากขึ้นเท่าไหร่ สิ่งที่ได้รับมันน่าจะยิ่งใหญ่กว่าเงินทองใดๆ

คะแนนประสิทธิภาพในการทำงาน *****
คะแนนความอดทนและพละกำลัง ****
คะแนนความสามารถเสริม *****
คะแนนรูปลักษณ์ภายนอก ***??
คะแนนเฉลี่ย 4.25+



อ้างถึง
Q. เจ้านายกับทาสสามารถรักกันได้หรือไม่

A. ความรักเป็นเรื่องของแต่ละคน ไม่มีใครสามารถสั่งใครได้ ตัวเราเองยังห้ามหัวใจไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับโปรแกรมควบคุมจิต องค์กรไม่ได้มีข้อห้ามใดๆ ในการที่เจ้านายและทาสจะรักกัน ทั้งในระหว่างที่เป็นทาสและหลังจากนั้น รักที่สมหวังเป็นเรื่องของคนสองคนที่คิดตรงกัน ขอให้โชคดีในความรัก ^^ /01
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 23] รีวิวจากผู้ใช้งานจริง [พิชยะ] 15/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-11-2015 08:45:02
อั๊ยยะ พิชยะปรับตัวเข้าหาพี่ทศด้วย ไปๆมาๆอย่างกับสามีภรรยา อิอิ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 23] รีวิวจากผู้ใช้งานจริง [พิชยะ] 15/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: Fujoshi ที่ 15-11-2015 09:10:05
ต๊ายยยยยย อยากอ่านต่อจังค่ะ
สุดท้ายนี่คงตะได้อีกคู่ใช่มั้ยคะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 23] รีวิวจากผู้ใช้งานจริง [พิชยะ] 15/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 15-11-2015 11:43:15
มารีวิวซะงั้น แต่ใช้งารไม่ค่อยคุ้มเลยน้าาาหนูพิช อิอิ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 23] รีวิวจากผู้ใช้งานจริง [พิชยะ] 15/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: numin ที่ 15-11-2015 13:02:03
อ่านรวดเดียวจนมาถึงตอนปัจจุบัน เอิ่ม รู้สึกฟินแบบแปลกๆ เอิ๊กๆๆๆๆ

รออ่านคู่หมายเลขหนึ่งกะศูนย์อยู่ รอวันที่ศูนย์โดนจับกิน 5555+

 :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 23] รีวิวจากผู้ใช้งานจริง [พิชยะ] 15/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 15-11-2015 21:35:05
 :katai2-1: อ๊ากชอบอ่าๆๆๆๆ ตกหลุมรักซะแล้วหรอหนูพิช อิอิอิ หวงซะด้วย

เอาอีกครับๆๆๆๆๆ รวมเล่มเลยนะผมรอซื้อ :hao6:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 23] รีวิวจากผู้ใช้งานจริง [พิชยะ] 15/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 15-11-2015 22:41:50
 พี่ทศคนซื่อ น่ารักจัง :hao7:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 23] รีวิวจากผู้ใช้งานจริง [พิชยะ] 15/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-11-2015 00:58:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 23] รีวิวจากผู้ใช้งานจริง [พิชยะ] 15/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: lovely tham ที่ 16-11-2015 01:05:15
พิชยะ เอาอีกๆ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: นางน่ารักเอานางมาอีก :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 23] รีวิวจากผู้ใช้งานจริง [พิชยะ] 15/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 21-11-2015 08:10:25
Review ซะอยากซื้อเลย
เสาร์อาทิตย์นี้จะมาต่อเปล่าครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 23] รีวิวจากผู้ใช้งานจริง [พิชยะ] 15/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 21-11-2015 22:29:23
รอๆเมื่อไรท่านจะมาต่อ :mew2:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 23] รีวิวจากผู้ใช้งานจริง [พิชยะ] 15/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 22-11-2015 00:22:51
 อิจฉาคุณพิช คนอื่นตาไม่ถึงเลยไม่ได้ประมูลพี่ทศไปสินะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 23] รีวิวจากผู้ใช้งานจริง [พิชยะ] 15/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 22-11-2015 18:04:28
มาต่อเห้ออออ รออยู่น่าา  :ling1: :katai5:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 23] รีวิวจากผู้ใช้งานจริง [พิชยะ] 15/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 27-11-2015 21:18:26
มารอๆ :hao5:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 23] รีวิวจากผู้ใช้งานจริง [พิชยะ] 15/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 28-11-2015 23:19:25
รออยู่จ้า  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 24] วันสบาย (?) กับนายบอส [บอส] 29/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 29-11-2015 12:38:15
ขอโทษด้วยครับที่มาต่อช้าไปมากๆ อาทิตย์ที่แล้วเป็นหวัดนอนซม แถมตอนนี้ยังเขียนยากอีก เพราะเป็นบทส่งท้ายที่ผมอยากจะเคลียร์ประเด็นที่ค้างอยู่ออกไป ลองไปติดตามกันดูครับ

-------------------------------------------------------------------------------

องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 24 วันสบาย (?) กับนายบอส

[บอส]

หลายคงคงคิดว่าชีวิตผมนี่แสนจะสบาย มีทั้งพลังสะกดจิต มีเพื่อนซี้เข้าขั้นอัจฉริยะที่คอยช่วยเหลือดูแลทุกอย่าง มีองค์กรยิ่งใหญ่พร้อมเครือข่ายที่ทรงอำนาจ ทำร้านไวน์ก็ประสบความสำเร็จ งานก็แสนจะง่ายดายแถมสนุก แค่ใช้อำนาจสะกดจิตไปเอาตัวหนุ่มหล่อๆ ที่ทำผิดมาลงโทษ ใครที่คิดอย่างนั้นผมอยากให้มาเห็นจังว่าวันๆ ผมทำอะไรบ้าง เหนื่อยแค่ไหน การรันองค์กรใต้ดินอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ผมต้องทุ่มเทความพยายามมากมายในการดูแลให้มันเดินไปด้วยดีถูกทิศทางที่ควรจะเป็น บางครั้งก็เหนื่อยจนท้อใจ ไอที่จะลาพักร้อนห้าวันสิบวันเพื่อไปเที่ยวต่างประเทศเหมือนมนุษย์เงินเดือนนี่ไม่มีทางเลยจริงๆ

การเป็นองค์ใต้ดินมีข้อดีตรงที่เราไม่ต้องยึดติดกับกรอบของกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม หรือกฎเกณฑ์ใดๆ ของสังคม นั่นทำให้เราสามารถเอาตัวคนผิดมารับโทษเพื่อชดใช้ให้กับผู้เสียหายได้รวดเร็วและตรงตัว แต่ความอิสระนี้ก็เป็นข้อเสียเช่นกัน เราต้องระมัดระวังตัวอย่างมากที่จะไม่ให้อำนาจที่เรามีไปสร้างความเดือนร้อนให้คนบริสุทธิ์หรือทำให้เกิดความอยุติธรรมขึ้นมาซะเอง ผมกลัวจะเป็นอย่างคำกล่าวที่ว่า พลังอำนาจที่สมบูรณ์เบ็ดเสร็จเกินไป จะนำมาซึ่งความล่มสลายในที่สุด

องค์กรใต้ดินไม่มีใครคอยมาตรวจสอบ ชี้แนะ หรือตัดสินให้ เอาแค่เรื่องการตัดสินความผิด มันเป็นเรื่องที่ยากเย็นจริงๆ ในบริบทของสังคมที่ซับซ้อนวุ่นวายนี้ มันไม่มีสีขาวหรือดำที่แยกกันชัดเจนอีกต่อไป ในกระบวนการยุติธรรมบนดินยังมีความเห็นจากหลายด้านมาถ่วงดุลย์กัน มีระบบศาลอุธรณ์ ศาลฎีกา ให้ทวนสอบคำตัดสิน บางประเทศก็ใช้ระบบลูกขุนเพื่อความเป็นกลาง แต่ที่องค์กร เราต้องหาข้อมูลมากมาย ทวนสอบ วิเคราะห์แล้ววิเคราะห์อีก แล้วจึงตัดสินด้วยตัวเองทั้งหมด

ในส่วนการปฏิบัติงานก็เช่นกัน เราต้องหาคนมาช่วยงานเพื่อให้สามารถขยายการดำเนินงานให้กว้างและเร็วยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องระวังไม่ให้มีการใช้อำนาจขององค์กรไปในทางที่ผิดซะเอง ระบบของโป๊ปช่วยได้มากที่ทำให้งานหลายอย่างเดินไปได้แบบอัตโนมัติ แต่ถึงยังไงก็ยังเหลือเรื่องที่ผมต้องลงมือเองอยู่ดี

ถ้าเหนื่อยขนาดนั้น ทำไมไม่หยุดพักทำเท่าที่ทำได้แค่นั้นพอ อาจมีคนถาม ผมบอกเลยว่าผมคงไปเรื่อยๆ เฉื่อยๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามีคนมากมายกำลังเดือดร้อนไม่ได้ คนชั่วคนทำผิดที่ลอยนวลได้รับความนับหน้าถือตาก็ยังมีเต็มไปหมด บางครั้งกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายก็ดูจะช้าเกินไป ระบบอุปถัมถ์แบบไทยๆ ก็มีจุดอ่อนที่ทำให้เกิดการปกป้องพวกพ้องโอบอุ้มคนผิด ผมมีแต่จะต้องเร่งขยายงานขององค์กรให้ช่วยคนได้เร็วและมากที่สุด ผมอยากจะใช้อำนาจสะกดจิตที่ได้รับจากพ่อให้ท่านภูมิใจ

ที่ว่ามาดูซีเรียสผิดนิสัยผมใช่ไหมครับ จริงๆ ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ นานๆ จะมีโอกาสได้บ่นซะที ผมบ่นแต่กับไอโป๊ปจนมันรำคาญ บางทีแค่พูดว่าอยากหยุดยาวไปเที่ยวญี่ปุ่นหรือนิวซีแลนด์บ้าง โป๊ปก็หันมามองหน้าแล้วถามว่าช่วงที่ไปผมจะปล่อยวางได้เหรอ แค่นี้ผมก็ต้องหยุดกึกแล้ว มันรู้ทั้งรู้ยังจะมาจี้ใจดำผมอีก

เกริ่นมาซะยาวก็แค่จะชวนว่าลองตามไปดูผมทำงานซักวันกันไหม เผื่อจะมีคนเห็นใจผมขึ้นมาบ้าง ก็ทำงานองค์กรนี่มันเหมือนปิดทองใต้ฐานพระยังไงยังงั้น ต้องปกปิดตัวเองให้ใครมารู้ไม่ได้ นี่ถ้าส่วนหนึ่งของงานไม่ใช่เป็นการทำหื่นใส่หนุ่มๆ หล่อเลวนะ ผมคงท้อไปนานแล้ว เรียกว่ามีความหื่นเป็นพลังขับเคลื่อนหลัก ฮ่าๆ แล้วก็เพราะเบอร์หนึ่งนี่แหละที่คอยสนับสนุนทุกอย่างโดยไม่บ่น ทั้งๆ ที่มันมีภาระหลายด้านมากกว่าผมซะอีก

วันนี้ผมต้องออกแต่เช้าครับ ภารกิจเต็มเอี้ยดทั้งวัน งานแรกผมต้องไปตามล่าตัวคนทำผิดที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง แค่คิดก็แซ่บแล้วใช่ไหมเด็กหนุ่มขาสั้น อย่าเพิ่งหวังมากครับ รายนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร จากเบาะแสก็น่าจะหุ่นดีอยู่ แต่จะหน้าตาดีด้วยหรือเปล่าต้องไปลุ้นเอา

เคสนี้ไม่ง่ายครับ องค์กรพยายามสืบมาสองสามสัปดาห์แล้วยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่ล่าสุดก็ตีกรอบเข้ามาได้จนถึงจุดที่ผมต้องออกโรงเองในวันนี้ เหยื่อเป็นสาวน้อยวัยมัธยมโดนหนักถึงขั้นถูกวางยาแล้วข่มขืนเลยครับ น้องเขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น จำได้แค่ว่าวันนั้นเป็นช่วงเช้าวันเสาร์ เธอกำลังขับรถกลับจากการวิ่งออกกำลังที่สวนสาธารณะใกล้ๆ ซึ่งไปเป็นประจำ ไม่ได้ออกถนนใหญ่ด้วยเพราะยังไม่มีใบขับขี่ พอถึงช่วงในซอยที่ห่างจากบ้านเธอไม่ถึงกิโล ก็มีคนขี่จักรยานมาชนแล้วทั้งคนทั้งจักรยานก็ล้มลงไปนอนนิ่งท่าทางเหมือนสลบ น้องเขาด้วยความที่ตกใจก็รีบหยุดรถลงไปดูอาการคนเจ็บ พอไปถึงตัว ผู้ชายคนที่นอนสลบอยู่ก็เอาผ้าโปะมาที่หน้าแล้วเธอก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย

ตอนที่เด็กสาวโชคร้ายรู้สึกตัวอีกทีก็บ่ายโมงกว่า เธอนั่งอยู่ในรถตัวเองซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุเมื่อเช้า พอได้สติน้องเขาสำรวจตัวเองก็รู้ว่าถูกข่มขืน ที่เบาะข้างมียูเอสบีไดรฟ์วางอยู่บนกระดาษเอสี่ที่มีข้อความพิมพ์ว่าให้เปิดดูซะถ้าไม่อยากเดือดร้อน ในนั้นมีไฟล์วิดีโอคลิปที่บันทึกภาพเธอถูกข่มขืนแบบไม่ได้สติอยู่พร้อมข้อความขู่ว่าให้เลิกยุ่งกับแฟนหนุ่มของเธอซะ ไม่งั้นคลิปจะถูกเผยแพร่

เหยื่อถึงขั้นสติแตก โชคดีที่เธอไม่คิดสั้นในทันทีแต่เลือกที่จะไปโพสต์ระบายความสับสนสิ้นหวังในเฟสบุคส่วนตัวว่าอยากตาย นั่นทำให้เครือข่ายขององค์กรไปเจอเข้าและเปิดเคสเพื่อสืบสวนให้ความช่วยเหลือ ยูเอสบีไดรฟ์และคลิปวิดีโอในนั้นเป็นเบาะแสเพียงอย่างเดียวที่มี คนร้ายฉลาดพอที่จะไม่ทิ้งหลักฐานอะไรที่จะมัดตัวเองได้ คลิปเห็นหน้าผู้หญิงอย่างชัดเจนแต่ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าผู้ชายเป็นใครเพราะเห็นแค่ช่วงล่างเท่านั้น ถ้าคลิปนี้ถูกส่งไปข่มขู่เหยื่อทางอีเมลหรือโซเชียลเน็ตเวิร์คเหมือนทุกทีเรื่องจะง่ายกว่านี้มาก แค่ไม่ถึงชั่วโมง เบอร์หนึ่งขององค์กรก็สามารถระบุตัวคนทำหรืออย่างน้อยก็เครื่องต้นทางได้แล้ว แต่นี่มาเป็นยูเอสบีไดรฟ์ธรรมดาๆ โป๊ปเลยหมดปัญญาที่จะสืบต่อว่ามาจากไหน

จากเงื่อนไขที่สั่งให้เลิกกับแฟน ก็พอจะเดาได้ว่าเหตุจูงใจอาจจะเป็นเรื่องชู้สาวทั่วไป เจ้าหน้าที่องค์กรได้พยายามสืบจากคนใกล้ตัวของเหยื่อ แต่ก็ยังไม่พบความเชื่อมโยงว่าใครที่น่าจะเป็นคนร้าย แฟนหนุ่มของเหยื่อเป็นคนเจ้าชู้และควงสาวๆ อยู่หลายคนแต่เหยื่อเป็นคนที่คบออกหน้าออกตามากที่สุดเพราะทางบ้านมีธุรกิจร่วมกัน ถ้าดูจากแรงจูงใจ คนที่บงการอาจเป็นหนึ่งในสาวๆ เหล่านี้ก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นผู้ต้องสงสัยจะยิ่งกว้างเพราะเธอเหล่านั้นอาจจะไปขอหรือจ้างให้ใครมาทำก็ได้ คลิปวิดีโอให้เบาะแสว่าคนร้ายน่าจะเป็นเด็กหนุ่มผิวขาวหุ่นดีมีกล้ามเนื้อแต่ส่วนสูงยากจะบอกได้เพราะเห็นแต่ช่วงล่าง เคราะห์ดีของเหยื่อที่เขาใส่ถุงยางด้วยจึงตัดปัญหาท้องหรือติดโรคไปได้ อวัยวะเพศคนร้ายค่อนข้างใหญ่แต่เอียงมาทางซ้ายมาก จากคลิปที่เห็น คนร้ายไม่มีรอยสักหรือตำหนิที่ชัดเจนใดๆ พอจะต่อยอดการสืบสวนได้

พอการหาเบาะแสเริ่มตัน โป๊ปก็เอาเอสบีไดรฟ์มาตรวจสอบอีกที โชคดีที่พอใช้การกู้ข้อมูลกลับในระดับสูงก็เจอว่าไดรฟ์อันนี้เคยบันทึกไฟล์มาก่อนหน้านี้แต่ถูกลบและฟอร์แมตก่อนก็อปปี้วิดีโอใส่ โป๊ปพยายามอย่างมากจนดึงไฟล์เล็กๆ ที่ว่ามาได้สำเร็จ มันเป็นแค่ไฟล์เวิร์ดของรายงานฉบับหนึ่งซึ่งยังทำไม่เสร็จ ตรงหน้าปกไม่มีชื่อผู้ที่ทำรายงานอย่างที่หวัง แต่เคราะห์ดีที่ได้มีการพิมพ์ชื่อวิชา ชื่ออาจารย์ และโรงเรียนที่สังกัดลงไปแล้ว ผมให้เครือข่ายขององค์กรไปสืบก็พบว่าอาจารย์ท่านนั้นสอนวิชานี้เมื่อเทอมที่แล้วให้กับนักเรียนชั้นมอห้าสายวิทย์ทั้งหมดแปดห้อง ถึงจะไม่สามารถระบุตัวคนได้ชัดเจน แต่ถ้าคนร้ายเป็นเจ้าของรายงานฉบับนั้นจริงก็นับว่าเราเข้าใกล้มามากแล้ว

โป๊ปเอารายชื่อนักเรียนชายของทั้งแปดห้องที่ว่าป้อนเข้าไปในระบบฐานข้อมูลขององค์กรเพื่อสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมในอินเตอร์มาทำการวิเคราะห์ว่าใครน่าจะเป็นคนร้ายตัวจริง ผลออกมาว่าไม่เจออะไรที่ผิดปกติ คนร้ายดูจะระวังตัวหรือไม่ก็ไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ทเป็นประจำ

นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องมาล่าตัวคนร้ายเองที่โรงเรียนในวันนี้พร้อมกับโป๊ปซึ่งบ่นไม่หายว่างานนี้ยากกว่าทุกที ผมไปพบกับ ผอ. โรงเรียนแต่เช้าเพื่อขอความร่วมมือ

“สวัสดีครับท่าน ผอ. ผมมาจากวิทยาลัยพาณิชย์นาวีที่จะมาแนะนำหลักสูตรพิเศษให้กับนักเรียนตามที่ติดต่อไว้ครับ”

“หือ ยังไงนะ ผมไม่เห็นทราบเรื่องเลย” ผอ. ตอบแบบงงๆ แต่พอสบตาผมก็พูดต่อทันที

“อ๋อ จำได้แล้วครับ ผมต้องทำอะไรบ้าง” ผอ. ให้ความร่วมมืออย่างดี ขอโทษนะครับที่ต้องใช้พลังสะกดจิตนิดนึง

“ผมจะขอรบกวน ผอ. ช่วยเตรียมห้องประชุมที่พอจะจุเด็กได้ซักสองร้อยคน ขอเป็นห้องที่มิดชิดหน่อยนะครับ แล้วช่วยประกาศเรียกนักเรียนชายมอห้าสายวิทย์ทั้งหมดมาเข้าฟังหลังจากเคารพธงชาติด้วย ไม่ต้องเชิญอาจารย์ท่านอื่นมาด้วยครับ ขอให้แจ้งไปว่า ผอ.จะเป็นคนดูแลเอง คงใช้เวลาไม่นานนักหรอกครับ”

“งั้นคงต้องเป็นที่ห้องโสตทัศนศึกษา เดี๋ยวผมจะให้คนพาไปนะครับ”

จากนั้น ผอ. ก็ขอตัวไปประสานงานและสั่งการตามที่ผมมอบหมาย ส่วนผมกับโป๊ปก็ไปสำรวจสถานที่ เป็นห้องประชุมติดแอร์มิดชิด มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกพวกไมโครโฟนและเครื่องฉายแอลซีดีให้พร้อม เหมาะดีจริงๆ แต่ไม่ได้จัดที่นั่งไว้นะครับ คงให้นั่งกับพื้นซึ่งก็ดูสะอาดดี

พอได้เวลา นักเรียนชายที่เป็นกลุ่มเป้าหมายก็ทะยอยเดินเข้ามาในห้องอย่างงงๆ บางคนก็ดีใจที่ไม่ต้องเข้าเรียน พอเข้ามากันหมดแล้วผมก็ปิดประตูห้องโดยขอให้ ผอ. เฝ้าอยู่ด้านนอก รู้สึกเกรงใจท่านอยู่เหมือนกัน พอจบเรื่องคงต้องขอให้โป๊ปบริจาคเงินให้ ผอ. ใช้สนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนบ้างแล้วกัน

ในห้องเด็กๆ พูดคุยกันเจี๊ยวจ๊าว ผมเดินไปยืนด้านหน้าแล้วกวาดสายตามองไปทั่วๆ ไม่เลวแฮะ เด็กสมัยนี้เป็นหนุ่มกันไวจัง หน้าตาดีๆ ทั้งนั้น เด็กกางเกงดำนี่ไม่ได้แพ้กางเกงน้ำเงินเลย ผมเริ่มงานโดยการส่งเสียงเรียกความสนใจ

“น้องๆ ครับฟังทางนี้หน่อย”

เกือบทั้งหมดหันมาตามเสียงเรียก ผมเริ่มทำการสะกดจิตหมู่โดยใช้เทคนิคที่ฝึกมาเป็นอย่างดี ซักครู่เดียวเด็กส่วนใหญ่ในห้องก็เชื่อมต่อกับอำนาจสะกดของผม ยังมีเด็กบางคนที่ยังก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์หรือคุยกับเพื่อนโดยไม่สนใจ ผมจึงเริ่มทำการตรวจสอบตามเทคนิคที่โป๊ปช่วยคิดให้ ผมนึกภาพให้เด็กจับหูซ้ายตัวเองแล้วกระจายคำสั่งนี่ไปทั่วห้องผ่านทางสายตา โป๊ปซึ่งดูอยู่หลังห้องก็จะรู้ได้ว่าเด็กที่ไม่ได้เอามือจับหูคือคนที่ยังไม่อยู่ในอำนาจสะกด โป๊ปไล่สะกิดเด็กพวกนั้นให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาผมทีละคน เพียงครู่เดียวผมก็ควบคุมเด็กทั้งห้องสองร้อยกว่าคนได้ทั้งหมด

ถึงตอนนี้ผมสามารถเปลี่ยนมาใช้วิธีสั่งการด้วยเสียงเพราะสะดวกกว่าและสั่งให้ทำเรื่องที่ซับซ้อนได้

“ขอให้น้องๆ ทุกคนลุกขึ้นยืนแล้วถอดกางเกงออกให้หมด กางเกงในด้วยครับ ไม่ต้องอาย เราจะมาหาตัวคนที่ไปทำความผิดไว้มาลงโทษครับ ขอความร่วมมือด้วย”

อย่างที่ผมเคยเล่าไป พลังสะกดผมไม่ใช่จะทำได้ทุกอย่าง อยู่ๆ จะมาสะกดให้รับสารภาพเรื่องที่ปกปิดออกมานี่ทำไม่ได้ ผมเลยต้องมาสืบหาตัวคนร้ายจากเบาะแสชิ้นสุดท้ายที่ได้จากคลิปวิดีโอ

เด็กๆ เริ่มทำตามที่ผมสั่ง บางคนก็ทำเลยทันที แต่คนที่จิตแข็งหน่อยก็ทำท่าอิดออดแต่ก็ยอมถอดในที่สุด คำสั่งนี้มันคงขัดกับจิตสำนึกของน้องๆ ไปหน่อย แต่ก็ไม่เกินกำลังที่ผมจะควบคุมได้ อยากให้ได้มาเห็นภาพในตอนนี้จัง เด็กมอห้าวัยใสสองร้อยกว่าคนยืนเปลือยท่อนล่างท่าทางเขินอาย บางคนก็ยังเป็นหนุ่มไม่เต็มที่ดูน่ารักแบบเด็กๆ แต่บางคนนี่ทั้งหุ่นทั้งขนาดผู้ใหญ่ยังต้องอาย น้ำลายจะหก ผมท่องในใจว่านี่เป็นงาน พยายามรวบรวมสติ ไม่อยากคิดไม่ดีกับน้องโดยไม่จำเป็น อารมณ์หื่นที่เกิดขึ้นผมขอสะสมไปลงกับคนร้ายทีเดียวแล้วกัน เพี้ยง ขอให้หน้าตาพอใช้ได้ด้วยเหอะ

ผมเตรียมจะมองหาว่าใครมีลักษณะใกล้เคียงกับคนร้ายมากที่สุด แต่ท่าทางจะทำได้ยาก เด็กโรงเรียนนี้ก็ขาวๆ หุ่นดีๆ กันกว่าครึ่ง จะไล่เทียบดูทีละคนก็คงเสียเวลาไม่ใช่น้อย ผมถอนหายใจ คงต้องรบกวนให้น้องๆ เปลืองตัวอีกนิด

“น้องๆ ครับ ให้ทุกคนนอนราบไปกับพื้น แล้วค่อยๆ ชักให้น้องชายแข็งตัวนะครับรบกวนหน่อย เดี๋ยวหาคนร้ายเจอแล้วพี่มีรางวัลให้”

คราวนี้มีคนอิดออดมากกว่าคราวแรก ก็แหงล่ะ อยู่ๆ ให้มาทำอะไรคล้ายๆ กับการชักว่าวหมู่ น้องคนโน้นตัวแดงแจ๋เลยแฮะ ท่าทางจะขี้อาย ผมคงต้องให้เวลาอีกหน่อย น้องๆ นอนหงายบนพื้นแล้วค่อยๆ ใช้มือช่วยปลุกอารมณ์ตัวเอง ในที่สุดอาวุธแรกรุ่นของทุกคนก็ตั้งตระหง่านใหญ่บ้างเล็กบ้างแต่ก็แข็งขันสมวัย มองไปก็ละลานตาเหมือนทุ่งดอกกระเจียว หรือไม่ก็ลานเห็ดโคน ประทับใจจังแฮะ อยากถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกจัง แต่ไม่ดีหรอก สงสารน้องๆ ถึงสุดท้ายจะลืมหมดก็ตาม แล้วอีกอย่างนึง ถ้าทำจริงๆ ไอโป๊ปต้องว่าแหงๆ ขี้เกียจทะเลาะกับมันเรื่องแบบนี้

ผมเดินไล่ดูทีละแถว แท่งงอๆ เอียงซ้ายอยู่ไหนนะ ต้องยอมรับไว้ตรงนี้ว่า สติสตังไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวจริงๆ เดินไป แต่ละดุ้นแต่ละท่อนนี่มันชวนให้หัวใจวายดีจริงๆ บางคนก็หล่อน่ารักจนผมอยากทาบทามไปเป็นไวน์บอยซะเลย เดินซ้ำไปวนมาแถวเดิมก็ยังไม่รู้ตัว จนโป๊ปต้องตะโกนใส่

“บอส เร็วๆ หน่อยสิ น้องๆ จะได้ไม่เสียเวลามาก” เตือนดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องทำเสียงดุเลย

ในที่สุดผมก็เจอแท่งใหญ่ๆ ที่งอไปทางซ้ายจนแปลกตาตรงแถวสุดท้าย ดูจากรูปร่างสีผิวแล้วน่าจะใช่ตัวคนร้ายแน่ๆ มองหน้าตาแล้วก็ต้องถอนใจ เข้าตำราหล่อเลวอีกแล้วสิเด็กคนนี้ แต่ก็ดี จะได้ทำโทษสนุกหน่อย ผมขอให้โป๊ปมาพาตัวแยกออกจากแถวไป คงต้องสอบสวนกันทีหลัง ตอนนี้ต้องรีบเคลียร์ตรงนี้ก่อน

พอผมหันกลับไปที่แถวก็ต้องกลืนน้ำลายเอือก เด็กส่วนหนึ่งเริ่มชักว่าวแบบเป็นจริงเป็นจังแล้ว บางคนนี่ถึงกับผลัดกันชักกับเพื่อน นี่แหละที่ผมไม่ค่อยอยากสะกดจิตหมู่นักถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ผลของมันบางทีคาดเดาได้ลำบากเพราะแต่ละคนจะตอบสนองต่อการสะกดไม่เหมือนกันซะทีเดียว ผมเร่งพลังสั่งให้ทุกคนยกเลิกสิ่งที่กำลังทำอยู่แล้วแต่งตัวให้เรียบร้อย ถึงจะอยากเห็นแค่ไหนแต่ถ้าปล่อยให้เด็กครึ่งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นอย่างว่าตอนกลับไปเช้าชั้นเรียนคงไม่ดีแน่

ผมกลับมาสู่ขั้นตอนสุดท้ายตามที่ตั้งใจไว้

“มอห้านี่วิชาอะไรยากสุดครับ” ผมยิงคำถาม

เสียงส่วนใหญ่ตอบว่าเลข

“แล้ววิชาเลขนี่บทไหนเข้าใจยากสุดครับ”

น้องๆ ค่อนข้างจะเห็นพ้องกันว่าเรื่องฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึมนี่หินสุดๆ

“น้องคนไหนที่คิดว่าตัวเองเข้าใจเรื่องนี้ดีที่สุด พี่ขอสามคนครับ ช่วยติวให้เพื่อนๆ หน่อย”

มีเด็กคนนึงลุกออกมาอย่างมั่นใจ แล้วตามมาอีกสองคน ท่าทางก็สมกับเป็นเด็กเรียนเก่งจริงๆ แต่คนแรกสุดนี่ผมจำได้ เห็นใส่แว่นท่าทางเนิร์ดๆ อย่างงี้แต่ของใหญ่สวยอมชมพูมาก ซิกแพ็คก็มาเต็ม ซ่อนรูปชะมัด

ผมให้น้องทั้งสามคนแบ่งกันว่าใครจะติวให้เพื่อนช่วงไหนในเรื่องฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชันลอการิทึม คนที่ไม่ได้พูดก็ต้องตั้งใจฟังเพื่อตรวจสอบว่าสอนถูกหรือไม่ และสามารถเสริมเทคนิคต่างๆ ได้ จากนั้นผมก็สะกดจิตให้กระตุ้นการรับรู้และความจำของคนฟัง ผมคาดว่าให้ติวกันไปซักชั่วโมงกว่าน่าจะเข้าใจและจำได้แม่นกว่าไปเรียนหรืออ่านหนังสือเองเป็นเดือนอีก นี้เป็นของรางวัลที่มอบให้ทุกคนเพื่อชดเชยที่ต้องมาเปลืองเนื้อเปลืองตัวกับการตามล่าตัวผู้ร้ายของผม

ระหว่างที่รอน้องๆ ติวกันให้เสร็จ ผมก็โทรเรียกจอมให้ช่วยบิดมอเตอร์ไซค์มารับตัวนักโทษไปดูแลก่อน เดี๋ยวผมจะต้องมีไปทำภารกิจอื่นต่อ ตอนนี้จอมมาเป็นอาสาสมัครช่วยงานองค์กรแบบเต็มที่แล้ว หน้าที่หลักคือการดูแลร้านล้างรถ แต่ก็ทำงานพวกสืบข้อมูล

ผมกำลังคิดว่าจะรับจอมให้มาเป็นเจ้าหน้าที่หมายเลขขององค์กรซะที เด็กคนนี้เก่งหลายด้านถ้ามีคนให้โอกาส ผมว่าเขาจะเป็นกำลังสำคัญให้กับองค์กร จอมมีภาวะผู้นำบริหารจัดการคนได้ดี ไม่รู้เพราะเคยเป็นหัวหน้าแก๊งค์มาก่อนหรือเปล่า ขนาดตอนนี้จอมทั้งเรียน ปวช. ทั้งดูแลร้านกาแฟของตัวเอง แล้วก็ทำงานให้องค์กรไปด้วย ทุกอย่างยังราบรื่นไม่มีปัญหาอะไร เด็กๆ ที่มาทำงานล้างรถกับเด็กๆ ที่ร้านกาแฟก็รักและนับถือจอมมาก

ผมรอซักพักจอมก็มาถึง

“หวัดดีครับพี่บอส รอนานไหมครับ นี้ผมรีบที่สุดแล้ว ฝากน้องดูร้านได้ก็รีบบึ่งมาเลย”

จอมเอ่ยปากทักทาย เห็นท่าทางดุๆ นักเลงๆ แบบนี้แต่จริงๆ เป็นน้องชายที่นิสัยดีมาก ผมไม่ได้เจอกับจอมซักพักนึงแล้ว เห็นใบหน้าหล่อคมคายกับสายตาดุๆ แต่เจือแววตารักและนับถือของมันแล้วหมั่นเขี้ยวจะเอามือไปโอบไหล่จอมมาตบเป็นการทักทาย

“ทะ ทำอะไรครับพี่” จอมเด้งตัวหนีทำหน้าตาตื่น

“อะไรวะ ก็แค่จะกอดคอพาเข้าไปข้างใน โป๊ปเฝ้านักโทษที่จะให้เราดูแลรออยู่แล้ว คดีคลิปวางยาข่มขืนที่เคยให้เราช่วยสืบไงล่ะ”

“แว๊ก เบอร์หนึ่งมาด้วยยิ่งไม่ได้ใหญ่ พี่ก็นำไปสิครับ ผมจะเดินตามไปห่างๆ” จอมท่าทางหวาดๆ

ผมทำหน้าขัดใจใส่ อะไรนักหนา ก็แค่เห็นเป็นน้องนุ่งจะแสดงความสนิทสนมซะหน่อย แล้วเมื่อไหร่จะเลิกกลัวโป๊ปซะที พอเจอโป๊ปนี่หลุดมาดนักเลงทุกที โป๊ปมันไม่เห็นมีอะไรเลย

พอเข้าไปถึงในห้อง น้องๆ ยังตั้งใจฟังเพื่อนติวเลขกันอยู่ โป๊ปนั่งเล่นมือถือเฝ้าเด็กนักโทษที่ยังยืนเปลือยอยู่หลังห้อง

“ไอจอมมาแล้ว” ผมส่งเสียงเรียก โป๊ปละความสนใจจากมือถือหันไปมองหน้าจอมเขม็ง จอมรีบยกมือไหว้แล้วยกมือท่วมหัวบุ้ยปากมาทางผมพร้อมส่ายหน้าไปด้วย โป๊ปพยักหน้านิดนึงจอมถึงได้มีท่าทีผ่อนคลายลง เล่นอะไรกันวะสองคนนี้ เหมือนมีโค้ดลับกัน นึกว่าไม่สนิทซะอีก

“จอม เราเอาตัวเด็กนี่ไปก่อน พี่มีธุระต่อ ระหว่างนี้เราก็สอบสวนมันไปด้วยเหตุจูงใจคืออะไร มีใครเป็นคนบงการหรือมีคนอื่นร่วมมือด้วยหรือเปล่า จะปลอบจะขู่อะไรก็ขึ้นอยู่กับฝีมือเราเองนะตอนนี้พี่แค่สะกดจิตไม่ให้คิดหนีเฉยๆ แล้วก็เล่าเรื่ององค์กรเรื่องวิธีลงโทษไปด้วยเลย เดี๋ยวค่ำๆ พี่จะมารับตัวไปจัดการต่อจะได้ไม่เสียเวลา”

“ไอนี่เหรอครับคนร้ายข่มขืนในคลิป หน้าตาก็ดี ไม่น่าคิดสั้นเลย”

จอมผิวปากวือ พลางสำรวจรอบๆ ตัวของนักโทษคนใหม่ที่ยืนเปลือยก้มหน้าข่มความอายอยู่

“ว่าแต่พี่มั่นใจได้ไงว่าเป็นมัน หลักฐานพยานอะไรก็แทบไม่มีเลยไม่ใช่หรอครับ ผมเสียวจะผิดตัว” จอมซัก ซึ่งถือเป็นสัญญานที่ดีว่าจอมให้ความสำคัญกับหลักการพื้นฐานของกระบวนการยุติธรรมจนกล้าที่จะตั้งประเด็นนี้กับผม ยิ่งตอกย้ำว่าจอมเหมาะที่จะได้เป็นเจ้าหน้าที่ประจำขององค์กรจริงๆ

“เราก็เห็นคลิปนั้นแล้ว น่าจะจำได้ว่าอาวุธประจำตัวของคนร้ายมันงอซ้ายขนาดไหน พอโป๊ปช่วยหาหลักฐานตีกรอบได้แคบเข้า พี่ก็ชี้ตัวมันได้จากเรื่องนี้แหละ ของแปลกๆ แบบนี้คงไม่บังเอิญผิดคนหรอก แต่ตอนนี้ของมันอ่อนตัวลงแล้วมองไม่ค่อยออก ให้มันโชว์หลักฐานชัดๆ เลยดีกว่า” ว่าแล้วผมก็สั่งให้ไอคนร้ายหน้าหล่อสาวของตัวเองอีกรอบจนอวัยวะเพศขนาดเขื่องของมันค่อยๆ แข็งตัวขึ้นมาเอียงทำมุมไปทางซ้ายเกือบเก้าสิบองศาโดดเด่นจนเป็นหลักฐานมัดตัวเทียบกับในคลิปได้

“จริงด้วยพี่ แท่งนี้แหละ แปลกจังเลยนะ ทำไมถึงงอเอียงได้ขนาดนั้น แต่ก็ดูจะใช้งานได้ดี”

“เดี๋ยวเรารับตัวไปเลย เอาไปสอบปากคำเท่าทีทำได้ เอาพวกเรื่องเหตุจูงใจ มีคนร่วมมือด้วยเปล่า หรือมีใครบงการ เดี๋ยวเย็นๆ ค่ำๆ พี่จะเข้าไปเอาตัวมาจัดการต่อ”

ผมส่งข้อมูลของคนร้ายที่โป๊ปเพิ่งรวบรวมมาแบบสดๆ ร้อนๆ ให้จอม พร้อมกับคุยสัพเพเหระไปด้วย

“แล้วเรื่องงานขององค์กรที่ให้ทำร่วมกับสารวัตรเสือเป็นไงบ้าง อ้อ คงต้องเรียกว่าท่านรองผู้กำกับเสือแล้วสินะ อย่าไปทำท่ากลัวเขามากนะ ถึงเราจะเด็กกว่าเยอะ แต่ก็แบกศักดิ์ศรีขององค์กรอยู่”

“โอ๊ย ไม่แล้วพี่ ผมหงอแค่ตอนแรกๆ ก็แกเป็นคนที่เคยจับผมเลยนะ แต่ตอนนี้ซี้กันแล้ว เพื่อนแกที่เป็นทหารเรือผมก็สนิท ลูกค้าประจำร้านผมเลย ที่สำคัญเด็กแกก็เคยอยู่แก๊งค์ผม แถมสนิทกันกับเด็กผมด้วย จากเด็กน่าสงสารถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายกลายมาเป็นคุณนายรองผู้กำกับ ไปๆ มาๆ ก็ดองกันหมด รองฯ เสือแกยังขำๆ เลยว่าเจอผมตอนแรกเป็นเด็กแว๊น มาเจออีกทีกลายเป็นนายแบบนู้ดกับเจ้าของร้านกาแฟ พอตอนนี้กลายเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรไปแล้ว ก็เฮฮากันไป เรื่องตีซี้คนขอให้บอก”

“เก่งจังนะ แล้วทำไมกับคนนั้นถึงตีซี้ไม่ได้ซะทีละวะ” ผมบุ้ยปากไปทางไอโป๊ปที่หลบไปโทรศัพท์เรื่องงานตรงมุมห้อง

“เบอร์หนึ่งอะนะ ตายๆ ผมน่ะอยากจะซูฮกเฮียเขาจะตาย คนอะไรทั้งเท่ทั้งเก่ง แต่เพราะพี่บอสนั่นแหละ ชอบเล่นถึงเนื้อถึงตัวผม มาจับถอดเสื้อขอดูรอยสักมังกรบ้าง เอารูปโป้ผมในโฟโต้บุคมาเปิดล้อผมบ้าง เฮียเขาก็เหม็นหน้าผมเอาสิ ยังจะไม่รู้ตัวอีก”

อะไรของไอจอมมันวะ ผมต่างหากควรเป็นไอดอลของมัน ทั้งหล่อทั้งเก่งกว่าเบอร์หนึ่งอีก แล้วเรื่องที่จอมว่ามันไปเกี่ยวกับเรื่องโดนเขม่นตรงไหน ถ้าผมกับโป๊ปเป็นแฟนกันก็ว่าไปอย่าง แต่นี่แค่สนิทกันยิ่งกว่าแฟน หรืออาการหวงเพื่อนของไอโป๊ปจะกำเริบหว่า

“ไม่เห็นจะเกี่ยว” ผมยังยืนยันความคิดเดิม

“หึ เรื่องของเฮียผมจะไม่ยุ่ง ผมจะรอวันที่พี่บอสได้ ‘รับ’ รู้เอง แล้ววันนั้นผมจะมาแสดงความยินดีให้สาแก่ใจเลย ใช้งานผมเยอะดีนัก”

ทำไมต้องเน้นเสียงแปลกๆ แล้วแสดงความยินดีนี่เขาทำด้วยความสาแก่ใจด้วยเหรอ

พอโป๊ปกลับมาจอมก็หยุดจ้อทันที เมื่อกี๊ยังแทบจะเล่นหัวผมอยู่เลย ลิงหลอกเจ้าชัดๆ ผมเลยให้จอมพาตัวนักโทษไป รอจนน้องๆ ติวกันเสร็จผมก็คลายสะกดให้พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนความทรงจำนิดหน่อยแล้วบอกให้แยกย้ายกันไปเรียนตามปกติ หวังว่าตอนสอบอาจารย์คงไม่ตกใจนะที่เห็นนักเรียนทำเลขเรื่องนี้ได้คะแนนดีกันหมด ตอนที่นักเรียนกระจายตัวกันออกไป ผมสังเกตเห็นว่าบางคนทำท่าหยอกล้อกันถึงเนื้อถึงตัวกว่าตอนที่เข้ามา โดยเฉพาะพวกเล่นจับไข่กัน ผมกังวลนิดๆ ว่ามันเป็นผลข้างเคียงจากการสะกดจิตหมู่หรือเปล่า อย่างที่บอก การสะกดจิตหมู่บางทีก็เกิดเรื่องที่เราคาดไม่ถึงขึ้นได้ ปัจจัยตัวแปรมันเยอะ ผมถึงไม่ค่อยอยากทำถ้าไม่จำเป็น หวังว่าถ้านี่เป็นผลข้างเคียงจริงๆ มันจะไม่ตกค้างอยู่นาน

พอเคลียร์เรื่องที่โรงเรียนเสร็จแล้วผมก็แยกกับโป๊ปเพื่อมาทำภารกิจถัดไป ปล่อยมันไปทำงานทำการบ้าง เดี๋ยวบริษัทจะเจ๊งซะก่อน อู่ข้าวอู่น้ำของผมเลยนะนั่น
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 24] วันสบาย (?) กับนายบอส [บอส] 29/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 29-11-2015 12:40:30
งานต่อไปนอกจากจะต้องลุยเดี่ยวแล้วยังไม่มีอะไรสยิวๆ ให้ชื่นใจแบบตอนเช้า แต่ถึงยังไงก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการตอนนี้องค์กรกำลังเกาะติดกับธุรกิจแชร์ลูกโซ่แอบแฝงธุรกิจหนึ่งอยู่ ปกติองค์กรจะไม่ค่อยยุ่งกับเรื่องที่จัดว่าเป็นคดีเศรษฐกิจใหญ่ๆ อย่างนี้เพราะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่หน่วยงานภาครัฐต้องเข้ามาดูแลเอง อีกอย่างองค์กรก็ไม่มีมีคนหรือความชำนาญมากพอที่จะจัดการกับเรื่องใหญ่และซับซ้อนอย่างนี้ แต่เนื่องจากแชร์ลูกโซ่ตัวนี้เน้นเอาหนุ่มหล่อบุคลิคดีมีมาดนักธุรกิจหลายคนเข้ามาเป็นแม่ข่ายเพื่อใช้เสน่ห์ในการหลอกล่อลูกข่ายให้เข้าเป็นสมาชิก แน่นอนว่านี่คือการหลอกลวงโดยใช้ทั้งความโลภและความหื่นเป็นเครื่องมือซึ่งเป็นสิ่งที่ผมรับไม่ได้อย่างที่สุด ทรัพยากรหนุ่มหล่อของชาติควรใช้เพื่อสร้างความสุขในทางสันติให้กับสังคมเท่านั้น

ที่จริงแชร์ลูกโซ่กับธุรกิจขายตรงจริงๆ ก็แยกกันไม่ยาก แชร์ลูกโซ่จะมีการเก็บค่าสมัครสมาชิกและบังคับให้ซื้อสินค้าคุณภาพต่ำ ราคาสูง ไม่มุ่งเน้นการขายสินค้า แต่เน้นให้หาสมาชิกใหม่เพื่อรับผลตอบแทนจากการหาสมาชิกเพิ่ม แต่ธุรกิจขายตรงเน้นการขายสินค้าและสร้างองค์กรเพื่อสร้างรายได้จากยอดขายสินค้า ถึงจะสังเกตไม่ยากแต่พอถึงเวลาจริงก็มักถูกความโลภบังตาจนคิดตรึกตรองไม่ถี่ถ้วน ยิ่งกรณีนี้มีการเอาหนุ่มหล่อๆ มาพูดให้เคลิบเคลิ้มอีกด้วย

ตอนนี้องค์กรได้สืบขบวนการนี้จนได้ข้อมูลเกือบหมดแล้ว หนุ่มหล่อๆ ที่เกี่ยวข้องก็ถูกหมายหัวไว้เรียบร้อย เหลือแค่พิสูจน์ว่าตั้งใจหลอกคนอื่นทั้งๆ ที่รู้ หรือเจ้าตัวไม่รู้เรื่องแต่ถูกหลอกมาเหมือนกัน แล้วค่อยจัดการลงโทษตามมูลความผิด แต่ไหนๆ ทำมาขนาดนี้แล้ว ผมเลยอยากถอนลากถอนโคนไปเลย จะได้ไม่ต้องมีคนหลงผิดเสียเงินเสียงทองมาเป็นเหยื่ออีก แต่ติดที่ยังสาวไม่ถึงตัวผู้ก่อการที่อยู่เบื้องหลัง เข้าใจว่าคงใช้การสั่งการโดยวาจา เงินทุนเริ่มต้นก็คงจะถ่ายโอนกันด้วยเงินสด ทำให้ไม่มีร่องรอยที่ระบบของเบอร์หนึ่งใช้แกะรอยได้ วันนี้ผมเลยจะเข้าไปหาข้อมูลเองที่สำนักงานใหญ่ของธุรกิจฉ้อฉลแห่งนี้ ถึงการสะกดจิตจะไม่สามารถสั่งให้เปิดเผยความคิดที่เจ้าตัวตั้งใจปกปิดได้โดยตรง แต่ถ้าแค่สะกดจิตให้ผ่อนคลายแล้วใช้การหลอกล่อถามข้อมูลเอา ก็น่าจะได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมมาไม่น้อย นี่คือสิ่งที่ผมตั้งใจจะทำในวันนี้

เมื่อผมไปถึงสำนักงานใหญ่ที่ตั้งอยู่ในอาคารหรูก็ต้องประหลาดใจที่พบว่ามันร้างผู้คน จริงอยู่ว่าบริษัทพวกนี้จะใช้การเช่าออฟฟิซในระยะสั้นเพื่อสร้างภาพพอเรื่องแดงถึงค่อยปิดหนีหายไป แต่ล่าสุดแชร์ลูกโซ่เจ้านี้ยังหลอกลวงคนได้ดีอยู่ไม่น่าจะรีบปิดขนาดนี้ ผมถาม รปภ. ประจำชั้นเขาก็บอกว่าไม่ทราบเรื่องเหมือนกัน เมื่อวานยังเห็นมีคนมาทำงานคึกคัก

ผมลองเข้าไปก็ติดอยู่แค่โซนที่รับแขกเพราะประตูที่จะเข้าไปสำนักงานล็อคอยู่ ผมไม่คิดจะบุกเข้าไปเพราะไม่น่าจะได้อะไรมากกว่าที่โป๊ปได้เจาะระบบดูดข้อมูลไปหมดแล้ว ที่ผมต้องการคือตัวคนที่เกี่ยวข้องเพื่อจะเอามาสอบถามข้อมูลต่างหาก พอมองกลับมาที่เค้าเต้อร์ต้อนรับก็เห็นกระดาษปึกนึงวางไว้อยู่เหมือนพวกใบปลิวแจก ผมหยิบมาดูแผ่นหนึ่งก็พบข้อความว่า

อ้างถึง
บริษัท เอ็กซ์ฟันด์ จำกัด กำลังอยู่ระหว่างการถูกประเมินจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ หากท่านเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทนี้ กรุณารวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องส่งไปที่ ตู้ ปณ. 842 ปณจ.ตลาดรถไฟ กรุงเทพฯ  11123 เพื่อรับการเยียวยาในเบื้องต้น

มีอะไรแปลกๆ หลายอย่างในเรื่องนี้ ที่แน่ๆ ไม่ใช่การกระทำของหน่วยงานราชการ มันดูไม่โปร่งใสอย่างที่ควรจะเป็น ถ้าให้ผมเดา น่าจะเกิดการหักหลังกันเองแล้วฝ่ายหนึ่งต้องการรวบรวมหลักฐานเอาไปเล่นงานหรือแบล็คเมลอีกฝ่าย ผมคงต้องกลับไปหาข้อมูลเพิ่มแล้วก็ปรึกษาโป๊ปก่อน ที่แน่ๆ ต้องเอาใบปลิวที่ว่านี้ติดไปด้วยซักสองแผ่นเพื่อใช้เป็นเบาะแส

โอเค งานที่สองคว้าน้ำเหลว แต่ก็ถือว่าทำให้ผมได้มีเวลาพักกินข้าวเที่ยงแบบสบายๆ ไม่ต้องเร่งมาก โชคดีที่ตึกนี้มีฟู๊ดคอร์ทขนาดใหญ่ใช้รวมกันทุกบริษัทที่เช่าพื้นที่ในตึก ผมเลยได้นั่งกินชิลล์ๆ เหล่หนุ่มออฟฟิซในเสื้อเชิร์ตทรงสลิมพอดีตัวกับกางเกงสแล็คฟิตๆ เป้าตุงๆ ไปด้วย หนุ่มวัยทำงานมีเสน่ห์คนละแบบกับเด็กมอปลายที่เจอเมื่อเช้า ถามว่าผมชอบแบบไหนนะเหรอครับ ผมเหมาหมด ฮ่าๆ นั่งๆ ไปก็มีคนเหล่ผมตลอดเหมือนกัน แต่เสียใจด้วย พอเดินผ่านไปพวกนายก็ลืมหน้าผมอยู่ดี ไม่มีโอกาสได้สานต่อหรอก ยกเว้นไปทำชั่วมาจนเป็นนักโทษขององค์กรนะ แต่พวกนายคงไม่ชอบเท่าไหร่

ผมกินข้าวเสร็จก็เดินไปที่ลานจอดรถเพื่อจะไปทำภารกิจต่อไป ยังพอมีเวลาแต่ไปถึงเร็วหน่อยก็ดี พอไปถึงก็เห็นรถคันนึงจอดขนานขวางอยู่ ที่จริงที่จอดรถก็ไม่ได้เต็มขนาดนั้น แต่ช่องจอดที่ว่างๆ มันต้องเดินไกลหน่อย ส่วนของผมโชคดีได้จอดตรงกับทางเข้าตึกเลย สงสัยต้องออกแรงเข็นหน่อย รปภ. ก็ดีครับกุลีกุจอมาช่วยเข็นให้

กึก เข็นไม่ไปครับ ผมส่องไปในรถที่ติดฟิล์มแบบใสไว้ เห็นชัดเลยครับใส่ทั้งเกียร์พีทั้งเบรคมือ ทำไมทำอย่างนี้นะ ลืมหรือว่าอะไร ผมจับที่ฝากระโปงรถก็ค่อนข้างเย็น แสดงว่ามาจอดได้พักใหญ่แล้ว รปภ. ก็ทำหน้าเลิ่กลั่ก เห็นพยายามวิทยุติดต่อแก้ปัญหา ซักพักใหญ่ รปภ. อีกคนก็เอาแม่แรงเคลื่อนที่ที่มีล้อไว้เคลื่อนย้ายรถได้มาสมทบ ทั้งคู่ช่วยกันเอาแม่แรงสอดไว้ใต้ท้องรถเตรียมจะ

“เฮ้ย จะทำอะไรวะ ห้ามเข็นเว้ย ใครอนุญาต เดี๋ยวรถกูเป็นรอย ยามอย่างพวกมึงเจอดีแน่”

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ บุคลิคเหมือนผู้บริหาร ตะโกนมาแต่ไกล ท่าทางจะเป็นเจ้าของรถ มาก็ดีแล้ว ว่าแต่ทำไมพูดจาไม่ดีเลย หน้าตาท่าทางออกจะดูดี คนเราเดี๋ยวนี้เน้นแต่ปรุงแต่งรูปลักษณ์ภายนอกแต่ไม่รู้จักขัดเกลากิริยาความคิดความอ่านภายในเลย

“นี่คุณไม่เห็นเหรอว่าจอดขวางรถผมอยู่ ผมออกไม่ได้ รปภ. เขามาช่วยเคลียร์ให้ตามหน้าที่ ไปว่าเขาทำไม มาแล้วก็ช่วยเลื่อนรถให้หน่อยครับ ทีหลังอย่าลืมปลดเกียร์ว่างอีกแล้วกัน นี่ถ้าเจอคนที่เขามีธุระด่วนหรือมีเรื่องคอขาดบาดตายจะทำยังไง”

ผมจัดชุดย่อมๆ ให้หนุ่มออฟฟิซเจ้าของรถ เบื่อพวกหลงๆ ลืมๆ ไม่ระวัง ทำให้คนอื่นเดือดร้อน

“อะไรนักหนาวะ จอดลงไปทำธุระแป๊บเดียวรอหน่อยไม่ได้เหรอ เกียร์ว่างปลดได้ไง เดี๋ยวมีคนเข็นมั่วไปชนโน่นชนนี่รถเป็นรอยใครจะรับผิดชอบ คนเดี๋ยวนี้ไม่ระวังของคนอื่นแถมยังไม่มีความอดทนเลย” หนุ่มตี๋ร่างใหญ่โพล่งมาอย่างไม่สำนึก

เฮ้ย หมอนี่มาจากต่างดาวเหรอวะ ทำไมตรรกะความคิดถึงได้ป่วยไปหมดแบบนี้ หลังๆ ไม่ค่อยอยากจะใช้พลังไปกับเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ แต่คนแบบนี้คงปล่อยไปไม่ได้

ผมเดินไปเคาะกระจกก่อนที่ หนุ่มอารณ์ร้อนทำท่าจะไม่เปิดแต่พอสบตาผมผ่านกระจกใสๆ ก็ชะงักไปแล้วก็กดปุ่มเลื่อนกระจกลง ผมโปรแกรมจิตตามที่ต้องการลงไปใส่สมองหมอนี่จนเรียบร้อยแล้วก็ถามว่า

“นายจะไปไหนต่อ”

“กลับบ้านที่แถวเยาวราช วันนี้ไปพบลูกค้าข้างนอกช่วงเช้าเลยแวะเข้ามาเคลียร์งานที่ออฟฟิซต่อ ช่วงบ่ายลา”

“งั้นไปเถอะ แล้วก็อย่าลืมล่ะว่าสิ่งที่จะเกิดกับนายไปอีกหนึ่งเดือนนี้ เป็นผลมาจากความเห็นแก่ตัวในวันนี้ ถ้าเข็ด ทีหลังก็อย่าทำนิสัยแบบนี้อีก”

หน่มออฟฟิซตรรกะป่วยก็ขับรถออกไปทันทีท่ามกลางความโล่งใจของ รปภ. ผมทิปปลอบขวัญให้ทั้งคู่ในฐานะที่ทำหน้าที่ได้ดี ระหว่างที่ออกรถเพื่อขับไปยังจุดหมายถัดไปผมก็นึกเล่นๆ ว่าจากอาคารนี้ไปถึงเยาวราชจะผ่านกี่ไฟแดงกันหนอ เปล่าครับผมไม่ได้จะไปเยาวราช หมอนั่นต่างหาก บทลงโทษเล็กๆ น้อยของผมไม่รุนแรงอะไรออก ก็แค่โปรแกรมจิตให้ต้องถอดเสื้อผ้าออกชิ้นนึงทุกครั้งที่รถติดไฟแดง ผมว่าคงล่อนจ้อนตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งทาง นี่ต้องขับไปกลับทุกวันสินะ ถือว่าเป็นอาหารตาให้รถติดไฟแดงคันข้างๆ หรือมอเตอร์ไซค์ที่ซอกแซกไปมาดูแก้เบื่อแล้วกัน

ขับไปไม่นานก็มาถึงสำนักงานขนส่งทางบกเพื่อทำภารกิจที่สามของวัน เปล่าครับผมไม่ได้มาทำใบขับขี่ ต่อทะเบียนรถ หรืออะไรทำนองนั้น ผมมาทำภารกิจเล็กๆ อย่างพวกการสับเปลี่ยนข้อมูลนิดหน่อย ที่นี่เป็นสาขาสุดท้ายแล้วที่ไม่ได้เชื่อมข้อมูลที่ผมต้องการสับเปลี่ยนแบบออนไลน์ แต่ใช้การเล่นจากแผ่นแทน ลำบากผมต้องเอาแผ่นมาเปลี่ยนด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เผลอๆ ไม่ต้องมีพลังสะกดจิตยังทำได้เลย แค่เดินเข้าไปในห้องอบรม เปลี่ยนแผ่น แล้วก็เดินออกมา งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการใหญ่ที่องค์กรกำลังทำอยู่ ไว้มีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังครับ

เสร็จแล้วก็ต่อด้วยภารกิจที่สี่ซึ่งไม่ใช่ที่อื่นไกลแต่เป็นมหาลัยที่ผมคุ้นเคยนั่นเอง วันนี้ผมไปที่คณะแพทย์ครับ งานนี้ไม่มีอะไรยากเป็นแค่การสังเกตการณ์เฉยๆ แค่ต้องอาศัยการพรางตัวนิดหน่อย ปกติถึงจะไม่มีเรื่องอะไรที่ผิดสังเกต ผมก็มักจะวางแผนไปแอบดูพฤติกรรมระหว่างเจ้านายกับทาสอยู่เสมอ คนเราพอได้มีอำนาจเหนือผู้อื่นอย่างสมบูรณ์ก็มีแนวโน้มที่จะใช้มันจนเกินเลยไป จริงอยู่ที่องค์กรมีกฎในการใช้งานทาสอย่างเคร่งครัดรัดกุม แต่บางครั้งก็ยังมีช่องโหว่ที่ยังไม่รู้หรือยังไม่เจอ การไปสังเกตการณ์วิธีใช้งานทาสนอกจากจะเป็นการช่วยปกป้องไม่ให้ทาสถูกละเมิดจนเกินความตั้งใจขององค์กรไปโดยเอาช่องโหว่มาปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องแล้ว ในบางครั้งผมยังได้ไอเดียใหม่ๆ ในการใช้งานหรือลงโทษนักโทษขององค์กรไปด้วย เช่นร้านล้างรถซึ่งเป็นงานบริการสังคมที่ผมใช้ลงโทษนักโทษหมวดซี ผมก็ได้ไอเดียมาจากการสังเกตการใช้งานทาสของเศรษฐีหนุ่มนักสะสมรถยนต์ตัวยง

ผมได้ข้อมูลมาว่าวันนี้สมาชิกขององค์กรซึ่งเป็นอาจารย์แพทย์ที่มหาลัยแห่งนี้จะนำทาสมาใช้งานนอกสถานที่เป็นครั้งแรก อาจารย์ได้ประมูลนักโทษที่ผมตั้งชื่อให้ว่ามิลค์เมื่อสองเดือนก่อน จะว่าไปมิลค์มันก็คือพี่ชายบุญธรรมของเด็กที่ตอนนี้คือว่าที่แฟนสุดที่รักของรองผู้กำกับเสือนั่นเอง พ่อของมิลค์อดีตซีเอฟโอบริษัทใหญ่ก็ถูกขายเป็นทาสเช่นเดียวกัน เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ ก็ไปผลัดกันทำร้ายแบบวิปริตใส่ลูกเลี้ยงตัวเองนี่นะ

ตอนนี้มิลค์เป็นเรียนปีหนึ่งวิศวะอยู่ที่มหาลัยเดียวกันนี้แหละ ความที่เป็นเด็กยังเรียนหนังสืออยู่ ผมก็ไม่อยากให้กระทบการเรียนมากนัก ตอนประมูลก็เลยกำหนดเป็นเงื่อนไขพิเศษว่าการใช้งานทาสจะต้องไม่ทำให้เกิดผลกระทบกับการเรียน คนประมูลเลยหายไปเยอะ แต่เอาเข้าจริงก็ประมูลได้ราคาดีทีเดียว ไม่เสียแรงที่ผมอุตส่าห์ส่งไปอัพเกรดความหล่อที่คอมเพล็กซ์สุขภาพของหมอพฤกษ์มาชุดใหญ่ คนชนะก็อาจารย์หมอยังหนุ่มคนนี้นี่แหละ คงเห็นว่าอยู่มหาลัยเดียวกัน ถึงต้องปล่อยให้ไปเข้าเรียนตามปกติแต่เวลาว่างก็คงเรียกมาใช้ได้สะดวก

ผมเปลี่ยนชุดเป็นชุดนักศึกษาแล้วแอบตามเด็กปีสามเข้าคลาสของอาจารย์ไป คราวนี้นอกจากจะพลางใบหน้าไม่ให้คนจำได้แล้วผมยังต้องเพิ่มความรู้สึกคุ้นเคยว่าเป็นรุ่นเดียวกันเข้าไปด้วย ไม่ใช่ว่าหน้าแก่จนไม่เนียนหรอกนะ ผมว่าหน้าผมยังเด็กกว่าบางคนอีก แต่พวกนักศึกษาแพทย์นี่เขาเหนียวแน่นกันมาก ก็เรียนด้วยกัน ทำแลปด้วยกัน ท่องตำราด้วยกันตลอด ถ้ามีคนแปลกหน้าเข้าไปเขาคงจับได้ทันที

พลังลวงจิตผมใช้งานได้ดีเสมอ ตอนนี้ผมเนียนไปนั่งในห้องเล็คเชอร์ขนาดใหญ่รวมกับนักเรียนแพทย์ปีสามตรงด้านหน้าสุดด้วยซ้ำ ด้านข้างที่นั่งติดกันเป็นสาวแว่นผมเปียท่าทางคงแก่เรียนส่วนอีกด้านเป็นช่องทางเดิน สาวแว่นหันมามองหน้าผมพยักหน้าให้นิดนึงแล้วหันกลับไปทันทีทำท่าเหมือนจะเตรียมตัวเรียน คงจะเป็นพวกหัวกระทิสินะ หรือไม่ก็เขินความหล่อผม ที่แน่ๆ คงแอบไปคิดว่าผมชื่ออะไร ทำไมจำไม่ได้ ฮ่าๆ

อาจารย์หมอเข้ามาในห้องแล้ว มิลค์ในชุดนักศึกษาเดินก้มหน้างุดๆ ตามเข้ามาด้วย พอเอาเอกสารของอาจารย์ที่ถือมาไปวางบนโต๊ะด้านหน้าแล้ว ก็เข้าไปนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ตรงมุมห้อง อาจารย์หมอก็เริ่มบรรยายเนื้อหาในวิชาไป แกเป็นสมาชิกองค์กรมาได้สองสามปีแล้ว จากประวัติเรียกได้ว่าเป็นคุณหมอคนดังเลย ทั้งฝีมือในการรักษา ผลงานวิจัยที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงชื่อเสียงในฐานะผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ออกทีวีอยู่บ่อยๆ ทั้งที่ยังอายุไม่มากนัก คุณสมบัติยอดเยี่ยมสมเป็นสมาชิกองค์กรผมเลย จริงๆ มีชื่อเสียงขนาดนี้เป็นคนอื่นคงไม่มานั่งสอนเด็กปีสองปีสามแบบนี้แล้ว นี่แกคงรักในความเป็นอาจารย์จริงๆ

“ถึงวิชาบทนำเวชศาสตร์คลินิกนี้จะดูไม่มีอะไรมาก แต่มันเป็นพื้นฐานที่จะใช้ในการวินิจฉัยโรคต่างๆ ให้กับคนไข้ต่อไป เล็คเช่อร์ก่อนหน้านี้จะเน้นไปที่อาการของโรคต่างๆ แต่หลังจากนี้ เราจะไปเน้นที่การซักประวัติอาการ การเข้าถึงคนไข้ และการตรวจร่างกายตามระบบ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องง่าย........”

อาจารย์หมอบรรยายไปเรื่อยๆ ผมมองไปรอบๆ ห้องเห็นมีคนแอบหลับบ้าง ผมว่าอาจารย์เขาไม่ได้สอนน่าเบื่อนะ น้ำเสียงท่าทางการพูดสมชวนติดตามกับเป็นคนที่ออกทีวีบ่อยๆ ขนาดผมเป็นคนนอกแฝงตัวเข้ามายังรู้สึกสนใจเลย แต่ก็อย่างว่าแหละ เรียนหมอมันหนักจะตาย คงมีคนท่องหนังสือดึกจนมาสลบในห้องเรียน

“.......การตรวจร่างกายคนไข้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คนไข้มาหาหมอด้วยสภาวะทางร่างกายและอารมณ์ที่แตกต่างกัน บางคนหงุดหงิดมาจากความเจ็บป่วย บางคนกลัวว่าจะตรวจเจออะไรร้ายแรง บางคนอายไม่กล้าบอกอาการหรือสาเหตุจริงๆ เพื่อให้พวกคุณเห็นภาพมากขึ้น ผมจะขอให้ผู้ช่วยสอนของผมมาร่วมทำการสาธิตให้ทั้งคลาสดูเรื่องการตรวจร่างกายว่าคนไข้จะมีความกังวลอะไรบ้าง”

มิลค์ลุกขึ้นเดินมาที่หน้าห้อง เขาเงยหน้าขึ้นมากวาดสายตาไปทั้งห้องแล้วมีท่าทางประหม่า มีช่วงที่เขามองมาทางผมที่นั่งอยู่ด้านหน้า พอสบตากันผมก็รีบปลดล็อคจิตให้เขาจำผมได้ มิลค์ลืมตาโพลงด้วยความตกใจ ผมทำท่าจุ๊ปากไม่ให้เขาพูดอะไรออกมาแล้วก็ยกนิ้วให้กำลังใจ ถึงเป็นนักโทษแต่ผมก็ให้โอกาสทุกคนเสมอ ไปอยู่กับอาจารย์หมอเฮี๊ยบๆ ที่ทุ่มเทน่าจะได้ซึมซับอะไรดีๆ มาบ้าง

“อาสาสมัครช่วยสอนของผมชื่อมิลค์ เป็นนักศึกษามหาลัยเรานี่แหละ คงจะเจอกับพวกคุณไปเรื่อยๆ ทั้งเทอม ผมอยากให้พวกคุณให้เกียรติเขาเสมือนเป็นผู้ให้ความรู้กับพวกคุณในทางหนึ่งด้วย อ่อ แต่ไม่ต้องขนาดให้เป็นอาจารย์ใหญ่นะ”

ผมได้ยินเด็กในห้องพึมพำกันพอได้เห็นหน้ามิลค์ชัดๆ

“หล่อว่ะ นี่มันน้องปีหนึ่งวิศวะที่เห็นมีรูปโดนแอบถ่ายลงเพจคิ้วท์บอยอยู่บ้างนี่”

“ใช่ๆ ได้ยินว่ารุ่นพี่เล็งจะให้ประกวดเดือนด้วยซ้ำ แต่น้องมันไม่เข้าร่วมกิจกรรมอะไรเลย เลยโดนตัดออก”

“ชั้นว่าน้องเขาหล่อกว่าตอนเทอมหนึ่งอีกนะ ขาวใสปากชมพู ดูหุ่นก็แน่นขึ้นด้วย เจาะหูอีก สเป็คเลย”

“ได้ยินข่าวว่าพ่อเขาถูกคดีอะไรไม่รู้ น่าสงสารอ่ะ”

เดี๋ยวๆ ไหนว่านักศึกษาแพทย์เรียนหนักจนไม่มีเวลารับรู้ความเป็นไปนอกคณะไง แต่นี่มันอะไร

คราวนี้บรรยากาศในห้องเรียนดูคึกคักขึ้น ทุกคนตั้งใจดูการสาธิตที่อาจารย์หมอพูดถึง

“วันนี้ผมจะยกตัวอย่างการตรวจร่างกายที่ทำให้คนไข้กระอักกระอ่วนใจค่อนข้างมาก นั่นคือการตรวจทางทวารหนักด้วยนิ้วมือ หรือพีอาร์ ที่เราใช้ตรวจหาความผิดปกติระบบทางเดินอาหาร ตรวจอาการต่อมลูกหมากโต และอาการอื่นๆ อีกหลายอย่าง ก่อนเริ่มการตรวจเราต้องอธิบายให้คนไข้ทราบว่าขั้นตอนเป็นอย่างไรซึ่งพวกคุณจะได้เรียนในครั้งต่อๆ ไป แต่ตอนนี้ผมอยากเน้นไปที่ความรู้สึกของคนไข้ก่อน”

ว่าแล้วอาจารย์ก็หันไปถามมิลค์ที่ยืนรออยู่ใกล้ๆ

“มิลค์ คุณรู้สึกยังไงพอรู้ว่าต้องโดนตรวจตรงนั้น”

“กลัวครับ ผมว่ามันน่าจะเจ็บ แล้วก็คงจะอายหมอด้วย มันน่าจะมีวิธีตรวจแบบอื่น”

ยังจะอายเรื่องแบบนี้อีกเหรอ ก็โดนผมเทรนซะอ่วมมาแล้ว ทั้งโดนถ่ายนู๊ดคู่กับไอมุกนักโทษอีกคน ทั้งส่งไปให้เจ๊ๆ ร้านซาลอนลวนลาม ทั้งพาไปวิ่งแบบแทบไม่นุ่งผ้าที่สวนรถไฟอีก

“นี่ไงครับ เราต้องอธิบายให้เข้าใจว่ามีความจำเป็น รวมถึงต้องบอกขั้นตอนต่างๆ ให้ครบ คนไข้จะได้ไม่ตกใจตอนตรวจจริง พออธิบายครบถ้วนแล้ว เราก็จะขอให้คนไข้ถอดเครื่องแต่งกายช่วงล่างที่สวมอยู่ออกให้หมด แล้วไปนอนตรงเตียงตรวจ โดยทั่วไปการตรวจพีอาร์จะให้คนไข้นอนตะแคงเอาเข่าแนบหน้าอกเพราะคนไข้จะรู้สึกสะดวกใจกว่า แต่วันนี้เพื่อให้เห็นกันชัดๆ จะให้คนไข้สาธิตขึ้นเก้าอี้แบบตรวจภายใน”

อาจารย์หมอดึงผ้าคลุมออกเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่หน้าห้องออก เผยให้เห็นเก้าอี้ปรับเอนได้ที่มีขาหยั่งสองข้าง มิลค์ซึ่งได้รับคำสั่งให้ถอดกางเกงออกก็เริ่มถอดการเกงสแล็คที่สวมอยู่ออกเหลือแต่กางเกงในโชว์ท่อนขาขาวที่มีกล้ามเนื้อแบบนักวิ่ง จากนั้นมิลค์ก็ล้วงมือเข้าไปกุมของตัวเองในกางเกงในแล้วใช้มืออีกข้างดึงกางเกงในลงเพื่อถอดออกอย่างทุลักทุเล ทุกคนในห้องต่างก็ลุ้นไปตามๆ กัน แต่มิลค์ก็ทำสำเร็จที่สามารถกุมเครื่องเคราทั้งพวงของตัวเองไว้ได้ โผล่แค่เส้นขนและถุงไข่นิดหน่อย จากนั้นเขาก็ขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ขาหยั่งแล้วฉีกขาออกเป็นรูปตัวเอ็ม ช่องทางด้านหลังที่ปิดแน่นพร้อมไรขนนิดๆ เผยให้เห็นต่อหน้าคนทั้งห้อง ขนาดผมเห็นของมิลค์มาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้วยังรู้สึกตื่นเต้นเลยแล้วคนอื่นในคลาสจะไปเหลือหรอครับ

อาจารย์เริ่มปรามเมื่อเห็นหลายคนยืนขึ้นชะโงกเพื่อ “พวกคุณต้องเริ่มฝึกตัวเองตั้งแต่ตอนนี้นะ ตามจรรยาแพทย์เราต้องไม่รู้สึกไปในทางอกุศลกับคนไข้ แต่ครั้งนี้เป็นอาสาสมัครช่วยสอน ยังไม่ใช่คนไข้จริง จะอนุโลมให้แล้วกัน ลุกขึ้นมามุงกันใกล้ๆ ได้”

เด็กทั้งห้องกรูกันไปรุมทันที แน่นอนครับ ผมได้อยู่หน้าสุดเหมือนเดิม แม่สาวแว่นเปียก็ด้วย บางคนนี่ถึงกับลงไปนั่งแล้วมองเสยขึ้นมา ไม่รู้มุมนั้นมีดีอะไร

อาจารย์หมอก็เริ่มบรรยายต่อ

“เมื่อคนไข้จัดท่าทางเสร็จเราก็ควรจะเอาผ้าคลุมบริเวณที่ไม่เกี่ยวข้องกับการตรวจไว้ อันนี้จะช่วยคนไข้ให้สบายใจมากขึ้นและก็จะได้ไม่หนาวด้วย”

อาจารย์หมอเอาผ้ามาคลุมของสงวนของมิลค์ไว้ทำให้มิลค์สามารถเอามือออกได้หลังจากที่กุมไว้อย่างเหนียวแน่นมาตลอด จากนั้นอาจารย์ก็หยิบถุงมือยางขึ้นมาสวมแล้วบีบเจลหล่อลื่นลงไปที่นิ้วชี้

“เมื่อพร้อมเราต้องขออนุญาตคนไข้ที่จะสอดนิ้วเข้าไป แต่อย่าเพิ่งสอดทันที ให้วางนิ้วไปตรงบริเวณขอบของช่องทางก่อนให้คนไข้รู้ตัวแล้วถึงค่อยสอดนิ้วจริง”

อาจารย์บรรยายไปด้วยพร้อมกับแหวกแก้มก้นของมิลค์เพื่อสอดนิ้วไปอย่างชำนาญ ช่องทางสีชมพูปิดสนิทที่ได้รับการแต่งเติมสีสรรมาเป็นพิเศษจากทีมงานของหมอพฤกษ์กำลังถูกทะลุทะลวงต่อหน้าคนนับร้อย มิลค์บิดตัวไปมาส่งเสียงอี๊อ๊าเบาๆ ใบหน้าหล่อเหยเก ไม่รู้ว่าเจ็บหรือเสียว

“ขั้นตอนนี้ต้องระวังไม่ให้คนไข้เจ็บถึงบางครั้งจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ตาม ยังไงก็ใส่เจลหล่อลื่นให้เยอะหน่อยแล้วกัน เมื่อใส่ไปจนสุดแล้วเราจะขอให้คนไข้ขมิบกล้ามเนื้อหูรูดเพื่อดูจังหวะการตอดรัด จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วสัมผัสความผิดปกติต่างๆ เช่น พวกติ่งเนื้อ ควงนิ้วสามร้อยหกสิบองศาด้วยเพื่อตรวจดูให้ครบ”

อาจารย์หมอพูดไปควงนิ้วไปจนผมเสียวแทน

“การตรวจที่สำคัญอีกอันสำหรับคนไข้ชายคือการตรวจต่อมลูกหมาก เราจะใช้ปลายนิ้วคลำเพื่อดูขนาด ความสมดุลระหว่างด้านซ้ายกับด้านขวา ผิวสัมผัสว่าเรียบหรือขรุขระ แล้วก็ความยืดหยุ่นซึ่งต้องใช้การกดทดสอบ”

มิลค์ครางเสียงดังแบบกลั้นไม่อยู่ตามจังหวะการกดของผู้สาธิต ท่อนลำของเขาเริ่มขยายตัวขึ้นจนดันผ้าที่คลุมอยู่โป่งขึ้นเห็นได้ชัด ใบหน้าที่แดงก่ำและไรเหงื่อเม็ดเล็กๆ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากจริงๆ

อาจารย์หมอก็สังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเลยอธิบายว่า

“อาการนี้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่แสดงว่าอาสาสมัครช่วยสอนของผมมีสุขภาพทางเพศที่สมบูรณ์อย่างที่วัยรุ่นควรจะเป็น ต่อมลูกหมากเป็นจุดเร้าที่ทำให้เกิดการกระตุ้นได้ง่าย เอาแบบชาวบ้านก็คงเรียกว่าจุดกระสันมั๊ง ถ้าคนไข้กังวลอย่างเห็นได้ชัดเราอาจจะพูดให้สบายใจได้ว่ามันเป็นปฏิกิริยาปกติที่เจอได้ในการตรวจแบบนี้ มิลค์ พอเกิดอาการนี้ เธอกังวลอะไรไหม”

“ผมกลัวหมอจะว่าผมเป็นเกย์ครับ”

“นั่นไง เรียกว่าเป็นความเข้าใจผิดที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ จะเป็นชายแท้ เกย์ หรือไบ ก็เกิดอาการนี้ได้เหมือนกัน”

“พอเสร็จทั้งหมดก็ค่อยๆ ดึงนิ้วออก ถ้าเป็นคนไข้จริง อาจมีสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ติดมาด้วย ต้องระวัง เตรียมทิชชู่รอไว้แล้วก็ต้องไปหัดวิธีถอดถุงมือแบบไม่ให้เปื้อน แต่อาสาสมัครของเรารักษาความสะอาดเป็นพิเศษก่อนมาสอนพวกคุณ ไม่ต้องกังวล”

อาจารย์หมอสรุปจบ พร้อมทั้งถอนนิ้วออกมาแล้วถอดถุงมือทิ้งอย่างรวดเร็วเรียบร้อย ส่วนมิลค์ก็ยังนั่งรูโบ๋นิดๆ เพราะอารมณ์ค้าง พอสงบใจได้จึงเอาทิชชู่ที่อาจารย์หมอส่งให้เช็ดทำความสะอาดคราบเจลหล่อลื่นที่เหลืออยู่แล้วไปหลบมุมใส่กางเกงอยู่เงียบๆ

“หวังว่าการสาธิตวันนี้จะทำให้พวกคุณเข้าใจความรู้สึกคนไข้มากขึ้น ควิซใหญ่ครั้งหน้า คนที่ได้คะแนนสูงสุดห้าอันดับแรก ผมจะให้สิทธิ์มาเข้าแลบฝึกตรวจร่างกายมิลค์เป็นกลุ่มพิเศษ และแน่นอน ที่หนึ่งจะได้รางวัลเพิ่มเติมด้วย วันนี้เลิกคลาสได้”

สาวแว่นข้างๆ ผมกดโทรศัพท์ออกทันที

“คุณพ่อเหรอคะ ช่วยหาอาจารย์พิเศษให้หนูหน่อยได้ไหม เอาอาจารย์หมอเก่งๆ เลย............. มีเวลาแค่อาทิตย์เดียวค่ะ เนื้อหาตั้งเยอะ................ ค่ะ...... เนื้อหาเกี่ยวกับอาการของโรค แต่มันรวมที่เรียนมาตั้งแต่ต้นเทอม อายุรกรรม ศัลยกรรม สูติ-นรีเวช กุมารเวชกรรม จักษุ และโสต ศอ นาสิก.............  อาจารย์ท่านนั้นเก่งที่สุดในกระทรวงเลยเหรอคะ............ ก็ได้ค่ะ............ ยังไงหนูต้องท๊อปวิชานี้ให้ได้............... ขอบคุณค่ะ รักพ่อนะคะ”

พอวางหูไปเจ้าหล่อนก็หันมามองผมด้วยสายตาคมปลาบ

“นายก็คงอยากเข้าแลบพิเศษเหมือนกันสินะ แต่เสียใจด้วย อย่างมากนายก็ได้ที่สอง เอาเถอะ ถ้านายติดเข้ามาเป็นหนึ่งในห้าจริง ชั้นจะให้นายเป็นคนสอดนิ้วก็ได้ นายหน้าตาไม่เลว เหมาะจะมาประดับบารมีน้องมิลค์”

โอ๊ว ช่างมีพลังมุ่งมั่นที่น่ากลัวจริงๆ เห็นแล้วนึกถึงเจ๊ศศิกานต์เลยแฮะ ผมไม่สู้อยู่แล้วครับ ใครจะไปจำอาการโรคสารพัดสารเพได้ขนาดนั้น

พอผมมองไปอีกทีมิลค์ที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็กำลังถูกรุมล้อมด้วยเหล่าบรรดารุ่นพี่หมอปีสามที่เพิ่งเลิกคลาส

“น้องมิลค์หล่อที่สุดเลย ขอบคุณนะคะที่อาสามาช่วยสอนพวกพี่”

“เฮ้ย อาจารย์บอกอยู่ว่าต้องให้เกียรติ เรียกอาจารย์มิลค์สิวะ”

“อาจารย์มิลค์มีไลน์ไหมคะ พี่ขอหน่อย เผื่อจะได้ปรึกษาเรื่องเรียน”

“’จารย์มิลค์จะกลับคณะวิศวะอีกหรือเปล่า เฮียไปส่งเอาไหม ยังไงเฮียจะไปหาเพื่อนที่นั่นอยู่แล้ว เอาเบอร์หรือไลน์มาก็ได้ จะไปไหนมาไหนเฮียไปส่งได้”

“มึงมีเวลาเหรอ แค่อ่านหนังสือยังไม่ทันเลย อาจารย์มิลค์ให้พี่ดูแลดีกว่า พี่เทพเรื่องเรียนอยู่แล้ว มีเวลาเทคแคร์ได้เต็มที่”

เสียงเช็งแซ่จนอาจารย์หมอต้องเดินมาดู

“เลิกเรียนแล้วก็ไปกันได้แล้ว หนังสืออ่านกันหมดหรือยัง แล้วเรื่องไลน์เรื่องเบอร์โทรนี่ไม่ต้องขอเลยนะ มิลค์เขาต้องเจียดเวลาเรียนไปช่วยผมสอนรุ่นพี่ปีสีห้าหกของพวกคุณอีก เขาไม่มีเวลาให้พวกคุณหรอก เอาเป็นว่าผมจะตั้งเป็นรางวัลให้คนที่เรียนวิชาผมได้ดีในครั้งต่อๆ ไปแล้วกัน ทีนี้ก็แยกย้ายกันไปได้แล้ว”

อาจารย์หมอพูดแล้วก็พามิลค์ออกจากห้องไปท่ามกลางความเสียดายของทุกๆ คน ผมสบตาแล้วยกนิ้วให้กำลังใจมิลค์อีกครั้งก่อนจะปิดล็อคความทรงจำเรื่องหน้าตาของผมออกไป

เป็นอันว่าภารกิจที่สี่ของวันก็จบลงไปได้ด้วยดี อาจารย์หมอเอาทาสมาใช้ได้ดีกว่าที่คิดเยอะ เป็นการลงโทษที่รุนแรงไม่น้อยแต่ก็เป็นประโยชน์กับส่วนรวมด้วย กว่าจะหมดสัญญา มิลค์คงเข็ดไปจนตาย ฉลาดเว่อร์สมเป็นหมอคนดังจริงๆ ว่าแต่แนวทางของอาจารย์หมอนี่ทำให้ผมเกิดไอเดียอะไรต่อมิอะไรขึ้นมาเยอะเหมือนกัน เดี๋ยวจะลองเอาไปต่อยอดดู
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 24] วันสบาย (?) กับนายบอส [บอส] 29/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 29-11-2015 12:46:44

ผมดูเวลาแล้วก็เห็นว่ายังน่าจะเก็บภารกิจได้อีกอันก่อนจะไปรับตัวนักโทษใหม่ที่ฝากไว้กับจอม แต่เรื่องไปเยี่ยมน้องๆ ไวน์บอยนี่คงไม่ทัน ยังไงหมอพฤกษ์ก็ดูแลดีอยู่แล้ว เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน

ผมเช็ครายละเอียดของงานสุดท้ายในโทรศัพท์ โชคดีที่ไม่ต้องไปไหนไกล เป้าหมายกำลังมาถึงที่ ผมแค่ย้ายไปรอที่คณะบริหาร งานนี้ก็เป็นการสังเกตการณ์อีกเหมือนเคย พิชยะเป็นสมาชิกองค์กรหน้าใหม่ที่ได้รับสืบทอดมาจากคุณอาซึ่งเป็นอธิการบดีของมหาลัยแห่งนี้เอง คุณอาเป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งที่ให้ความช่วยเหลือในหลายๆ เรื่องจนผมได้ใช้ที่นี่เป็นฐานปฏิบัติการในบางงาน ที่มหาลัยนี้มีนโยบายที่ก้าวหน้ารวมถึงมีระเบียบปฏิบัติที่ยืดหยุ่นเปิดกว้างก็เพราะได้แนวทางส่วนหนึ่งมาจากองค์กรนี่เองโดยมีผมหนุนหลังที่ช่วยให้อิทธิพลต่างๆ ภายนอกไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้ ตัวอย่างก็เช่นคลาสของอาจารย์หมอเมื่อกี๊ ถ้าเป็นในต่างประเทศอาจเป็นเรื่องปกติที่จะมีการสาธิตแบบนี้ในชั้นเรียน แต่สำหรับเมืองไทยนี่คงกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วถ้าไม่เกิดขึ้นในมหาลัยนี้ ถึงคุณอาของพิชยะจะไม่ได้เป็นสมาชิกและลืมเรื่องขององค์กรในระดับสมาชิกไปแล้ว แต่คุณอาและทีมผู้บริหารมหาลัยก็ยังรับรู้และมีความร่วมมือแบบเดียวกันกับที่องค์กรมีกับสำนักงานตำรวจ

พิชยะเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกันที่ผมถูกชะตาด้วย นอกจากเขาจะเป็นหลานชายสุดรักของคนที่สนับสนุนองค์กรมาโดยตลอดแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งคงเพราะผมรู้มาว่าเขาเป็นเกย์ที่ยังเป็นหนุ่มซิงอยู่จนอายุยี่สิบกว่าแล้ว เรียกว่าอยู่ในสถานการณ์เดียวกับผมเลย ผมไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงของเขาแต่คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องการรักษาหน้าตาให้วงศ์ตระกูลอะไรทำนองนั้น ไม่เหมือนผมที่ดูจะเป็นปัญหาที่ลึกกว่าจากนิสัยรักความเป็นส่วนตัวที่เกินปกติของผม ผมไม่สนิทใจที่จะให้ใครมาถูกตัวอย่างใกล้ชิด บ้าบอจริงๆ แล้วจะไปหาประสบการณ์ทางเพศจากที่ไหนได้

ผมเป็นกังวลกับเขานิดหน่อยที่เขาได้ประมูลทาสคนแรกไปได้ไม่กี่เดือนก่อน ทศเป็นทาสที่ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกประมูลไปในราคาที่ต่ำขนาดนั้น ระบบไม่ได้มีอะไรผิดพลาดแต่อาจเป็นความผิดของผมเองที่หยิบเอารูปที่มุมกล้องและแสงไม่ค่อยดีไปใส่เป็นรูปโพรไฟล์ของทศ พอดีกับตอนนั้นมีรายการประมูลทาสที่เด่นๆ หลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอดีตดาราวัยรุ่นที่โด่งดังมากเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่ปัจจุบันยังคงรักษาความหล่อและฐานแฟนคลับไว้ได้อย่างเหนียวแน่นแม้จะมีชื่อเสียงบางเรื่องที่ไม่ค่อยดีก็ตาม พอไม่มีคู่แข่ง พิชยะก็ได้ตัวทศไปในราคาขั้นต่ำซึ่งตั้งไว้ตามมูลความผิด กรณีนี้ทำให้ผมสนใจ ความที่พิชยะยังอายุน้อย ไม่มีประสบการณ์ทางเพศ เป็นคนประหยัดซะด้วยซ้ำทั้งๆ ที่บ้านก็มีฐานะ คนแบบนี้จะเอาทาสไปใช้ยังไงผมยังนึกไม่ออก ไม่ได้กลัวว่าจะเกิดอะไรไม่ดีหรอกครับเพราะยังไงแล้วพิชยะก็เป็นคนจิตใจดี แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ นี่ก็ผ่านไปหลายเดือน อะไรๆ น่าจะลงตัวแล้ว

แอพพิเศษในมือถือของผมที่โป๊ปทำให้บอกกว่าคนที่ผมรอกำลังมาถึงแล้ว รถจากัวร์รุ่นเก่าสีขาวคลาสิกวิ่งเข้ามาจอดในลานจอดของคณะ ดูจากเวลาแล้ว พิชยะมาถึงก่อนเวลาเริ่มเรียนโทค่อนข้างมาก วันนี้อาจจะเลิกงานเร็วหรือตั้งใจมาหาอะไรกินก่อนเข้าเรียนก็ได้

พิชยะลงมาก่อน ยังหล่อขาวใสเหมือนเดิม ตามด้วยทศหนุ่มเข้มล่ำที่ดับเครื่องยนต์แล้วกุลีกุจอมารีบถือของ ผมรีบเดินตามไปประกบพร้อมพลางใบหน้าไม่ให้เกิดความรู้สึกสนใจจากสองคนนั้น มันไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ขนาดเหมือนผมหายตัวได้ แต่ก็ช่วยให้เข้าใกล้เป้าหมายได้มากขึ้นโดยไม่ดึงความสนใจจนเกินไป

สองคนเดินเถียงกันไปขณะมุ่งตรงไปทางโรงอาหาร ไม่ได้สนใจผมเลยแม้แต่น้อยทั้งที่เดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง ปกติพลังของผมในเรื่องนี้มันไม่ได้ผลขนาดนี้ สงสัยมัวแต่ใจจดใจจ่อกันเอง

“พิชบอกพี่ทศแล้วว่าให้ศึกษามาสอนพิชบ้าง ไม่ใช่แค่สาธิตอย่างเดียว”

“ก็พี่ทำตามในแผ่นที่ไปศึกษามานั่นแหละ ทำไปเรื่อยๆ พิชไม่เห็นว่าอะไร พิชก็รู้ว่าแค่สั่งคำเดียวพี่ก็ต้องหยุดถึงจะต้องอดกลั้นขนาดไหนก็ตาม”

“ไม่รู้แหละ บางทีพิชก็เผลอไปบ้าง ใครใช้ให้พี่เชี่ยวนักล่ะ พิชไม่เคย พิชก็ต้องลองดูให้รู้ทุกๆ แบบก่อน แต่พิชก็อยากเป็นคนทำเหมือนกันนะ”

“ตามใจพิชเลย พิชอยากได้อะไรไม่ต้องสั่งพี่ก็ทำให้ แต่ของแบบนี้มันต้องค่อยๆ ศึกษาไป ไม่งั้นทำไม่ระวังมันหักได้เลยนะ ที่พี่เป็นเร็วเพราะพี่ทำกับผู้หญิงมาเยอะแล้ว แต่พิชยังไม่เคย”

“หญิงเยอะนักเหรอ นี่พิชยังไม่หายโกรธเลยนะ ดีล่ะ วันนี้พี่ต้องโดนทำโทษ ที่พิชสั่งไม่ให้พี่ใส่กางเกงในมาทำตามหรือเปล่า”

“ทำสิ พี่ขัดคำสั่งพิชได้ที่ไหน พิชจะแกล้งอะไรพี่อีก อย่าแรงมากนะ พี่พร้อมทำตามที่พิชสั่งทุกอย่างแหละ แต่ไม่หวงพี่บ้างเหรอ ชอบเอาพี่ไปโชว์คนอื่นอยู่ได้ พี่เป็นทาสของพิชคนเดียวนะ”

“ก็พิชภูมิใจนี่ กล้ามแน่นๆ บนตัวพี่มันเป็นของพิชทั้งนั้น แต่คราวนี้ไม่หรอก พิชแค่จะฝึกความอดทนพี่เท่านั้น เดี๋ยวตอนที่พิชเข้าไปเรียน พี่ทศไปยืนเฝ้าตรงระเบียงเลยนะ ห้ามนั่ง ช่วงนี้มีน้องปอตรีสาวๆ สวยๆ น่ารักทั้งนั้นเลยเรียนอยู่ห้องข้างๆ ถ้าเขาเดินไปมาหรือเข้ามาคุยแล้วพี่แข็ง ก็อับอายขายหน้าไปนะ”

“งั้นไม่มีปัญหา เดี๋ยวนี้ดูนางแบบในหนังเอ็กซ์หนังอาร์พี่ยังเฉยๆ อย่างว่าพี่เคยได้ชื่นชมอะไรที่มันสุดๆ มาแล้ว อย่างอื่นมันก็ธรรมดาไปหมด”

“ให้มันจริงแล้วกัน เฮ้อ วันนี้เลยปวดตัวไปหมด นั่งทำงานทั้งวัน เดี๋ยวก็ต้องเรียนต่ออีกสามชั่วโมง คืนนี้พี่ต้องนวดชุดใหญ่ให้พิชด้วยนะ”

“เดี๋ยวพี่จัดชุดใหญ่ให้แน่ๆ ไม่ต้องห่วง”

ฟังได้แค่นี้คงไม่ต้องสืบต่อ ถึงมันจะไม่ใช่ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับทาสที่เกิดขึ้นบ่อยนัก แต่ก็ยินดีด้วยแล้วกันนะพิชยะ เท่ากับผมหมดเพื่อนซิงไปอีกคน ก็ต้องดูกันต่อไปว่าพอหมดสัญญาทาสแล้วจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า ถึงตอนนั้นคงขึ้นกับคนสองคน ไม่ใช่เรื่องที่องค์กรจะเข้าไปยุ่งได้อีก แต่ผมว่าสิ่งที่พูกพันทั้งสองคนไว้ในตอนนี้ มันก็เกินกว่าพันธะสัญญานายทาสไปไหนๆ แล้ว ทศที่ดูจะมีลูกล่อลูกชนขึ้นแต่ผมคิดว่ามันเกิดจากความรักความเอ็นดูที่มีให้กับพิชมากกว่า ในเนื้อแท้แล้วเขาก็เป็นคนซื่อและจริงใจเหมือนเดิม ส่วนพิชยะเองก็เหมือนจะเอาแต่ใจมากขึ้น แต่ถ้าผมเดาไม่ผิด นั่นคือการอ้อนในแบบของเขา

ผมโทรไปหาจอมว่ากำลังจะไปรับตัวเด็กนักโทษเอาไปจัดการต่อ จอมก็บอกว่าเด็กคนนั้นหลับไปแล้ว เพราะถูกเขาสอบสวนอย่างหนัก แล้วก็ช่วงบ่ายให้ไปช่วยงานที่ร้านกาแฟเพราะคนขาด ผมก็ดุจอมไปว่าห้ามใช้งานคนที่ยังไม่ถูกตัดสินโทษ จอมขอโทษแล้วบอกว่าท่าทางเรื่องมันจะซับซ้อนกว่าที่คิด เด็กคนนั้นเหมือนถูกบังคับมาอีกที น่าจะถูกวางยาด้วยตอนมีอะไรกับเหยื่อ แต่ไม่ยอมซัดทอดใคร จอมขอเวลาให้เขาได้ตะล่อมถามอีกวันเพราะตอนนี้เด็กเริ่มจะไว้ใจเขาแล้ว

ผมวางหูจากจอมแล้วก็ถอนใจ คนเลวๆ หลายคนก็ไม่ได้อยากทำเรื่องที่ไม่ดีถ้ายังเหลือทางเลือกอื่นบ้าง งั้นวันนี้ก็เลิกงานเร็วหน่อยแล้วกัน ผมตั้งใจจะกลับไปนอนบ้านบ้างหลังจากโดนไอโป๊ปอ้างโน่นอ้างนี่จนต้องค้างกับมันลากยาวไปเกือบอาทิตย์ พอคิดได้แล้วผมก็โทรไปหามันทันที

“โป๊ป วันนี้กูกลับไปนอนบ้านนะ ไม่ได้ไปนานแล้ว”

“กลับไปทำไม บ้านมึงไม่ได้หนีไปไหนซะหน่อย”

“เอ๊ะ ก็กูกลับไปดูบ้านบางไม่ได้เหรอ บ้านไม่มีคนอยู่เดี๋ยวมันโทรมนะ”

“ถ้ามึงอยากไปค่อยไปพรุ่งนี้ก็ได้ เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อนด้วย คืนนี้มานอนนี่ก่อน กูมีอะไรอยากให้ดู”

“อะไรวะ ถ้าไม่น่าสนใจกูไม่ไปนะ”

“รูปถ่ายมึง.........กับลานเห็ดโคนเมื่อเช้า” โป๊ปมันรู้ครับว่าผมเรียกอย่างนี้เพราะผมกระซิบบอกมันเอง

“มึงแอบถ่ายเหรอ เลวว่ะ สงสารน้องๆ”

“ก็ไม่ได้ทำให้เค้าเดือดร้อนนี่ มึงดูคนเดียว ระดับกูแล้วไม่มีทางหลุดออกไปไหนแน่ แค่ถ้าไม่เอาก็จะลบแล้วนะ”

ผมสองจิตสองใจ ส่วนหนึ่งก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ แต่อีกใจหนึ่งก็บอกว่ามันไม่ได้มีใครเสียหายอย่างโป๊ปว่า ว่าแต่เที่ยวนี้มาแปลก ปกติโป๊ปไม่ค่อยได้มาเสนอเรื่องแบบนี้ให้กับผม เพราะลำพังเรื่องหื่นที่ผมสร้างสรรขึ้นเองก็มากมายจนมันตามไม่ทันแล้ว

“โอเคงั้นลบเลย”

“เดี๋ยวๆ ของแบบนี้จะไปหาจากที่ไหนได้อีก ให้กูไปทำใหม่โดยไม่มีเหตุจำเป็นกูก็ทำไม่ลงว่ะ ไหนๆ มึงก็ถ่ายมาแล้วกูก็ขอเก็บเป็นที่ระลึกแล้วกัน”

“งั้นกูมีเงื่อนไข มึงต้องอยู่กับกูตลอดสองเดือน จะที่คอนโดกูหรือบ้านมึงก็ได้ แล้วแต่วันไหนสะดวกที่ไหน แล้วมึงต้องทำอาหารให้กูกินอาทิตย์ละสามครั้ง”

“อะไรของมึงวะ ทำไมต้องมากะเกณฑ์อะไรเอากับกูด้วย วันไหนกูสะดวกก็เข้าไปอยู่แล้ว”

ใช่ครับ อย่าว่าแต่มันติดผมเลย ผมก็ติดมันเหมือนกัน ถึงชอบบ่น แต่มันก็ตามใจผมตลอด นี่ถ้ามันไม่เคยปฏิเสธผมแข็งขันว่าไม่ได้คิดอะไรในเชิงชู้สาวกับผมคงจีบมันเป็นแฟนไปแล้ว เพราะถึงไงมันก็เป็นคนสำคัญที่สุดที่ยังเหลืออยู่ในชีวิตผม

“ช่วงนี้กูกำลังทำงานใหญ่ กูต้องการกำลังใจ มึงต้องมาดูแลกู ฝึกไว้จะได้ชิน อีกไม่นานแล้ว”

“งานใหญ่งานช้างอะไรวะ มึงเก่งจะตาย ทำแป๊บเดียวก็เสร็จ” หลังๆ โป๊ปชอบพูดอะไรแปลกๆ แบบนี้ แต่ผมติดใจเรื่องงานของมันมากกว่า

“งานนี้ระดับปลาวาฬสีน้ำเงินเลย ถึงเป็นกูก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ ว่าแต่มึงจะเอาไม่เอา กูมีถ่ายเจาะน้องน่ารักแบบเหี้ยๆ เมื่อเช้านี้อีกหลายคนแถมให้ด้วย สเป็คมึงทั้งนั้น ถ้าไม่เอาก็ตามใจ จะลบแล้ว”

โอ้วว์ มีถ่ายเจาะด้วย คอลเลคชั่นผมจะได้มีเด็กดีๆ เก็บไว้บ้าง ตอนนี้มีแต่พวกหล่อเลวทั้งนั้น

“เดี๋ยวๆ กูตกลง เดี๋ยวกูเข้าไปหามึงเลย”

ผมรีบรับปากเบอร์หนึ่งก่อนจะขับรถไปทางคอนโดมัน ใจก็นึกสงสัยว่างานใหญ่อะไร ในเมื่อผมไม่รู้ ก็คงไม่ใช่งานองค์กร หรือจะเป็นโปรเจ็คที่บริษัทมันไปรับมา แต่ไม่ว่าโปรเจ็คจะยากหรือใหญ่แค่ไหนก็ไม่เห็นมันเคยบ่นมาก่อน เอาเถอะ เดี๋ยวมันอยากบอกมันก็บอกเอง ตอนนี้วางแผนสำคัญดีกว่าว่าสัปดาห์ละสามมื้อจะทำอะไรกินดี เอาที่บำรุงสมอง เสริมสร้างกำลัง โป๊ปจะได้ทำงานอึดๆ และแน่นอนว่าต้องอร่อยด้วย ก็ฝีมือผมนี่นะ

---------------------------------------------------

ผมว่าเคลียร์ประเด็นเก่าไปได้น้อยกว่าประเด็นใหม่ที่เพิ่มมาอีกนะครับ 555

เอาเป็นว่าเป็นบทส่งท้ายเพื่อเริ่มภาคใหม่ของเรื่องนี้ คราวหน้าตัวร้ายจะออกโรงบ้างแล้วครับ จริงๆ ก็ออกมานานแล้วแต่ยังไม่เด่น รูปแบบการเขียนอาจเปลี่ยนไปบ้างเพื่อจะสอดรับกับการเดินเรื่องที่จะเข้มข้นขึ้น ยังไงก็ติดตามอ่านกันต่อไปนะครับ

ขอขอบคุณทุกคน  :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 24] วันสบาย (?) กับนายบอส [บอส] 29/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 29-11-2015 14:16:58
ขอบคุณที่มาต่อจ้า เป็นกำลังใจให้
และจะรอติดตามเหมือนเดิมไม่หนีไปไหน อิอิ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 24] วันสบาย (?) กับนายบอส [บอส] 29/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 30-11-2015 13:41:11
งานใหญ่ของเบอร์หนึ่งคือการจีบเบอร์ศูนย์รีป่าว :hao3:
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 24] วันสบาย (?) กับนายบอส [บอส] 29/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 05-12-2015 01:35:41
โอ้ มาต่อแล้วเพิ่งเห็น รอๆอีกครับ สนุกมากอะผมชอบสุดๆ

มันแปลกแหวกแนวดีจัง
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 24] วันสบาย (?) กับนายบอส [บอส] 29/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 06-12-2015 18:32:24
แนวเขียนแปลกดี ชอบอ่ะ
อยากให้มีโมเมนต์ มุ้งมิ้ง ของบอสโป๊ปเยอะๆๆ
ว่าแต่โป๊ปมีเซอร์ไพรส์ อะไรหว่า
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 24] วันสบาย (?) กับนายบอส [บอส] 29/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-12-2015 20:14:16
โห อาจารย์หมอทุ่มเทกับการสอนสุดๆเลย
โป๊ปกำลังเดินหน้าจีบแล้วใช่มะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 24] วันสบาย (?) กับนายบอส [บอส] 29/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 09-12-2015 11:03:53
ชอบพิชยะกับทศมากเลย โผล่มาแวบๆเอง ขอเต็มๆอีกตอนได้ไหมเห็นฝั่งพิชไปเยอะแล้วอยากรู้ความคิดทศบ้าง อย่างที่เบอร์0บอกเลยพิชประมูลไปด้วยคุ้มราคาจริงๆ คิดดูเฉลี่ยเป็นเดือนก็เดือนละ 25,000 เอง เหมือนจ่ายตังค์จ้างพ่อบ้านอะ 555
ทศก็โชคดีมากนะได้เจ้านายดี ถึงจะออกคำสั่งอะไรทำร้ายจิตใจ(ความหื่น)บ้าง แต่ไม่เคยฝืนความรู้สึกเกินไป (คงเป็นเพราะทาสระดับเบาด้วย) แต่ดูทศก็เต็มใจทำงานจริงๆนะชอบทำเกินคำสั่งด้วย 555
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 24] วันสบาย (?) กับนายบอส [บอส] 29/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 13-12-2015 16:46:58
รออยู่จ้า :)
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 24] วันสบาย (?) กับนายบอส [บอส] 29/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 15-12-2015 01:33:19
 :man1:  สนุกมากเยครับ มารอตอนต่อไป

สงสัยอะบางคนที่เลวมากๆ มันแก้หายไหมนะ
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 25] เปิดตัวฝ่ายตรงข้าม 16/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 16-12-2015 21:39:32
มาต่อแล้วครับ ขอบคุณที่ยังติดตามกันอยู่ถึงคนเขียนจะมาบ้างไม่มาบ้าง

อย่างที่บอกไปครับ บทที่แล้วเป็นเหมือนสรุปจบของเรื่องในท่อนแรก บทที่ 25 ไปจะเหมือนเป็นภาคใหม่ของเรื่อง ที่การเดินเรื่องจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ไม่ต้องห่วงครับ ตัวละครหลักยังอยู่ครบ

ส่วนใครที่ยังค้างคากับเนื้อเรื่องในภาคแรกก็ต้องขออภัยครับ จริงๆ ยังมีไอเดียโน่นนี่นั่นจะเขียนอีกเยอะ ที่ได้จากเม้นท์ของท่านๆ ก็มี แต่กลัวเนื้อเรื่องจะไม่ไปไหนซักที เลยต้องตัดใจมาต่อภาคนี้ แต่สัญญาครับ ว่าจะทะยอยเขียนเป็นตอนพิเศษมาแทรกให้

สำหรับตอนนี้ตอนแรกของเนื้อหาภาคใหม่ ขอเปิดตัวตัวร้ายก่อนเลย ที่จริงเขาก็มีบทบาทสั้นๆ ตรงโน้นตรงนี้มาตั้งแต่ภาคแรก ไม่รู้พอจะจำกันได้หรือเปล่า แต่คราวนี้เขาจัดเต็มครับไปลองอ่านกันดู

……………………………………………….

องค์กรลวงจิต Explicit Content
 
บทที่ 25 เปิดตัวฝ่ายตรงข้าม

[เมธัส]

สวัสดีครับ ผมเมธัสครับ เพื่อนๆ เรียกว่าเม แต่ชื่อเล่นจริงๆ ผมที่พ่อแม่ตั้งให้คือ เอ่อ ไม่อยากจะบอกเลย ผมชื่อมอมแมมครับ หัวเราะเสร็จแล้วก็ช่วยเหยียบไว้ตรงนี้ให้หน่อย คงไม่มีใครคิดหรอกว่าหล่อใสไฮโซแบบผมจะชื่อเหมือนน้องหมาแบบนี้ แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ได้รังเกียจนะครับ เพราะเป็นชื่อที่บุพการีตั้งให้ แล้วก็มีที่มาด้วย พ่อบอกว่าตั้งใจจะตั้งชื่อลูกๆ ให้มีความหมายเกี่ยวกับดิน เพื่อเตือนใจว่าต่อให้สูงส่งแค่ไหน คนทุกคนก็อยู่บนดินเหมือนกัน ทุกคนเท่าเทียมกัน พี่ชายพี่สาวผมชื่อก้อนดินกับรากแก้ว พอเรียกพี่ดินพี่แก้วก็ฟังดูปกติดี ไม่เหมือนชื่อผมที่ถึงขั้นคลุกดิน ไม่ใช่แค่ติดดินแล้ว พอโดนเรียกสั้นๆ ว่าน้องมอมก็ชวนให้นึกถึงหมาแมวอีก แต่ช่างเถอะ ถึงจะเปลี่ยนไปเรียกแมม ก็คงไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ดีที่เพื่อนมหาลัยเรียนเรียกแค่เมเฉยๆ ไม่มีใครรู้ครับ อย่างมากก็เรียกน้องเปา หรือไม่ก็เปาแฝด ก็มาจากซาลาเปาแปดขาวเนียนตรงบั้นท้ายที่ผมแสนจะภูมิใจนั่นแหละครับ

ที่บอกว่าบ้านผมไฮโซก็ไม่ได้พูดโก้ๆ ตระกูลผมนี่ผู้ดีเก่าจริงๆ สืบกันขึ้นไปได้ไม่รู้จะกี่ชั่วคน เป็นตระกูลขุนนางที่รับใช้ชาติรับใช้แผ่นดินมาอย่างต่อเนื่อง แต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไปก็ไม่ออกหน้าเหมือนในอดีต ถึงตระกูลผมจะยังมีอำนาจอยู่แต่ก็ลดบทบาทเบื้องหน้าไปเน้นการทำธุรกิจมากขึ้น ก็ประสบความสำเร็จดีครับ อาจไม่รวยถึงกับติดอันดับหนึ่งในสิบของเมืองไทยแต่ไม่หนีจากนั้นเท่าไหร่ แล้วถ้าจะพูดถึงอิทธิพลละก็ไม่น้อยหน้าใครแน่ๆ แต่ผมไม่ค่อยรู้รายละเอียดเท่าไหร่หรอกครับ แค่เคยเห็นคนสำคัญๆ ของประเทศมาหารืออะไรๆ กับพ่อผมอยู่บ้าง

เล่าเรื่องส่วนตัวไปเยอะแล้ว แต่จริงๆ น่าจะจำผมได้จากพฤติกรรมการฉี่แบบแปลกๆ ของผมใช่ไหมครับ ที่ต้องปลดกางเกงลงโชว์ก้นขาวๆ ตอนฉี่จนคนตามดูกันใหญ่ ถึงจะไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไรแต่ตอนนี้ผมหายแล้วครับ ถ้าจะยังทำอยู่บ้างก็เพราะอยากทำเอง วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องแปลกๆ ที่ผมเจอมาสองสามครั้งแล้วในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่เป็นพฤติกรรมของคนอื่นนะครับ

อย่างที่เล่าเมื่อคราวก่อน ในช่วงที่ผมมีปัญหากับการขับรถส่วนตัวไปที่ต่างๆ ผมเลยต้องหันมาใช้บริการรถแทกซี่เป็นบางครั้ง หลังจากที่หายแล้ว ผมก็ยังใช้อยู่บ้าง บางทีมันก็สะดวกกว่า ไม่ต้องหาที่จอดให้วุ่นวาย เดี๋ยวเผลอไปจอดในที่คนพิการอีกจะซวยเอา เดี๋ยวนี้ผมไม่ได้ติดหรูอะไรที่จะต้องขับรถสปอร์ตแพงๆ ตลอด

ผมเจอเหตุการณ์นี้ครั้งแรกเมื่อซักสี่เดือนก่อน เรื่องมันเริ่มจากฟอร์เวิร์ดไลน์ที่ผมได้มาจากกลุ่ม “เก้งหล่อ BA67” ที่ผมเป็นสมาชิกอยู่ ไม่ต้องตกใจครับ ผมยังไม่ได้เป็นเกย์ กลุ่มเก้งหล่อนี้เป็นพวกเพื่อนๆ คณะในรุ่นผมที่ค่อนข้างเปิดเผยตัวเองว่าเป็นเกย์ มีทั้งหล่อเข้มหล่อน่ารักกันตามชื่อกลุ่มละครับ ตอนแรกก็ไม่ถึงกับสนิทมาก แล้วทีนี้มีอยู่คนนึงในกลุ่มนั้นเห็นผมชอบโชว์ก้นในห้องน้ำแถมหน้าตาก็ดีเลยนึกว่าผมเป็นเกย์เหมือนพวกมัน ก็เลยส่ง Invite มาให้ผมเข้ากลุ่มด้วย ผมก็กดรับไปขำๆ กะเข้าไปแซวว่ากูไม่ใช่เกย์นะ แต่พอเข้าไปบอกก็โดนรุมจีบซะงั้น พวกมันบอกว่าผมน่ารักดี เดี๋ยวนี้อัธยาศัยดีไม่เหมือนแต่ก่อน บางคนบอกว่าชอบแอบตามดูผมเข้าห้องน้ำด้วย ผมเลยถ่ายรูปก้นแน่นๆ ของผมส่งเข้าไปให้เป็นของขวัญ ทีนี้ล่ะขนาดเกย์คิงยังกรี๊ดซะแต๋วแตก

สุดท้ายผมก็ยังอยู่ในกรุ๊ปต่อเพราะชอบอ่านอะไรขำๆ ที่พวกมันส่งมา อย่างพวกข่าวซุบซิบนินทาในคณะ ใครแอบ ใครแมน ใครรุก ใครรับ ใครได้กินใคร หนุ่มคณะไหนแซ่บ เด็กผู้ชายโรงเรียนไหนน่ารัก บางทีก็มีคนโชว์รูปตัวเองทำท่าแมนๆ มา ก็จะจิกกัดกันเองวุ่นวายไปหมด ปากจัดกันมาก ด่าทีสะเทือนไตกันหมด นึกตามแล้วก็ขำดี ทีนี้เมื่อสองสามวันก่อนก็มีคนฟอร์เวิร์ดไลน์แปลกๆ เข้ากลุ่มมาตามนี้ครับ ไม่รู้เคยได้กันหรือเปล่า

อ้างถึง
######## ด่วน ลองแล้วได้ผลจริง เดี๋ยวนี้แทกซี่บางคันมีบริการพิเศษสำหรับชาวเราแล้วนะ ##########
ถ้าคุณขึ้นแทกซี่แล้วเจอคนขับถามว่าต้องการรับแพ็คเกจเสริมไหม คุณโชคดีแล้วครับ เพียงคุณบอกรหัสลับประจำเดือนด้านล่างนี้ลงไป คุณจะได้รับชมโชว์ชักว่าวระหว่างการเดินทางจากคนขับรถโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ถ้าคุณไม่สะดวกรับชมก็ไม่ต้องทำอะไร แทกซี่จะให้บริการตามปกติ กรุณางดบันทึกภาพหากแทกซี่ไม่ยินยอม สามารถแชร์ข้อความนี้ต่อๆ กันไปได้แต่ขอให้อยู่ในเฉพาะกลุ่มชาวเราเท่านั้น
*หากพบว่ามีผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ทางเราขอสงวนสิทธิในการแจกรหัสลับประจำเดือนถัดไป
####### รหัสลับประจำเดือนกุมภาพันธ์ 25XX  : กุมภา8879DA  ########

ผมอ่านผ่านตาไปขำๆ นี่มันฟอร์เวิร์ดไลน์หลอกลวงชัดๆ ในกลุ่มอ่านแล้วยังด่ากันเลยว่าปัญญาอ่อน ผมว่าคงมีแต่เก้งกวางบ่างกระเทยต่อมมโนอักเสบที่จะหลงเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้ เฮ้ย นี่ผมติดใช้สำนวนแบบเกย์ไปแล้วใช่ไหม

หลังจากเห็นไลน์ที่ว่าได้สองสามวัน ผมได้เรียกแท็กซี่จากมหาลัยไปห้างใหญ่ใจกลางเมือง ขี้เกียจขับรถไปหาที่จอดยาก รถก็ติดกว่าจะกลับรถได้ ผมบอกจุดหมายแล้วขึ้นไปนั่งเบาะหลัง พี่คนขับแทกซี่น่าจะอายุซักสามสิบกว่าแล้วเรียกผมน้องครับ คงเห็นเป็นนักศึกษา แกยังไม่ออกรถหันถามผมว่า

“น้องจะรับแพ็คเกจเสริมไหม”

ผมนิ่งไป ออกจะงงๆ แพ็คเกจเสริมอะไรหว่า เดี๋ยวนี้แทกซี่มีงี้ด้วยเหรอ จะเป็นเบาะนวดไฟฟ้า หรือว่าคาราโอเกะพร้อมไมค์

“มีรหัสลับหรือเปล่าน้อง” พี่คนขับถามต่อแบบเกร็งๆ

รหัสลับ แทกซี่ แพ็คเกจเสริม เริ่มคุ้นๆ แล้วแฮะ มันจะใช่ในฟอร์เวิร์ดไลน์อันนั้นหรือเปล่า จริงๆ ผมจำเนื้อหาและพาสเวิร์ดได้นะถึงจะอ่านแค่ผ่านๆ ตา เพราะผมเป็นคนความจำดีขนาดเกือบจะจำอะไรๆ เป็นภาพได้เลย แต่เรื่องนี้มันพิสดารจริงๆ ขอดูอีกทีว่าไม่ได้ฝันไปแล้วกัน ผมรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาไล่ดูในไลน์กลุ่มเก้งหล่อทันที อ่ะ เจอแล้ว มีบอกรหัสลับถูกเป๊ะตามที่ผมจำได้เลย เอาไงดี ตูจะอยากดูผู้ชายชักว่าวไปทำไม แต่ก็อยากรู้ว่าจะจริงไหม

พอเห็นผมไม่ตอบอะไร พี่แทกซี่ก็ขับรถไปตามปกติแล้ว ผมลังเล แอบมองหน้าพี่แกอีกที หน้าตาก็โอเคแบบบ้านๆ นะ คิ้วยุ่งๆ หน่อย จมูกดูเป็นสันเชียวมองจากด้านหลังเฉียงๆ หุ่นออกผอมๆ แต่พอมีกล้าม ผิวสองสีไม่ขาวไม่ดำ เฮ้อ รถก็ติดจริง ยังรอไฟเขียวแยกหน้าอยู่ไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ เอาวะ ถึงโดนหลอกก็ไม่ได้เสียอะไรนี่
 
“รหัสอันนี้หรือเปล่าครับ – กุมภา8879DA –”

พี่แทกซี่ชะงักนิดนึงเหมือนตกใจ แต่ก็พยักหน้าในที่สุด เขาเลิกเสื้อขึ้น ปลดตะขอกางเกงรูดซิปลง แล้วงัดท่อนลำออกมาเริ่มสาวช้าๆ ผมงี้จ้องตาแทบถลนเลยนึกว่าตาฝาด อยากบอกว่าตกใจมาก ไม่คิดว่าฟอร์เวิร์ดไลน์อันนั้นจะเป็นเรื่องจริง
 
อาวุธประจำกายพี่เขาตรงสวย เอ่อ ผมไม่ได้มองว่าของผู้ชายด้วยกันสวยนะ หมายถึงรูปทรงสวย สีคล้ำกว่าตัวเล็กน้อย ขนาดกลางๆ ถูกสาวจังหวะเร็วขึ้น ผมชะโงกหน้าไปดูใกล้ๆ เอิ่ม.. ของพี่รูปร่างหน้าตาใช้ได้ แต่กลิ่นต้องปรับปรุงหน่อยนะครับ สงสัยหมักมาตั้งแต่เช้าจนเย็น แต่ดมแล้วรู้สึกเงี่ยนๆ ดีเหมือนกัน  ไฟเขียวมาพอดี พี่แทกซี่มือนึงจับพวงมาลัย อีกมือจับเกียร์รถสลับกับเกียร์ตัวเองดูทุลักทุเล ผมจะขอแกช่วยสาวเกียร์ให้ดีไหม ไม่ได้อยากนะแต่กลัวเกิดอุบัติเหตุ รถเคลื่อนตัวได้ไม่ไกลมากแล้วก็ติดหยุดนิ่งต่อ พี่แทกซี่ระดมความเร็วในการสาวคงกะจะให้เสร็จกิจในไฟแดงนี้ จนในที่สุดก็แตกออกมาโดยเอามืออีกข้างมากำหัวกันน้ำกระจายไว้
 
“น้อง ช่วยหยิบทิชชู่ในกล่องให้หน่อย” แกเอามาซับน้ำขาวขุ่นในมือจนแห้ง เช็ดส่วนปลายเก็บกลับเข้าที่ แล้วกลับไปตั้งใจขับรถต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ที่จริงๆ ดูจากสีหน้าท่าทาง ผมว่าพี่เขาอายนะ  ผมอดไม่ไหวถามว่า
 
“พี่ทำขนาดนี้ทำไมอ่ะ มีใครจ้างมาเหรอ”

ผมนึกถึงฟอร์เวิร์ดไลน์แล้วคิดตามประสาคนเด็กบริหารว่า อาจเป็นแผนไวรัลมาร์เก็ตติ้งแบบพิสดารของบริษัทโฆษณาสักแห่งนึง

“ไม่มี มันเป็นเอง ไม่รู้ทำไม รู้สึกเหมือนต้องทำเพื่อล้างหนี้ที่ไปปฏิเสธผู้โดยสาร อย่าถามต่อนะ อาย ไม่อยากพูดถึง”

พี่แทกซี่ตัดบท

“เฮ้ย พี่ อาการแบบควบคุมตัวเองไม่ได้เลยใช่ไหม ถึงอายแต่ก็ต้องทำ ผมก็เคยเป็น”

ผมนึกถึงเรื่องของตัวเองเมื่อหลายเดือนก่อน พี่แทกซี่ดูสนใจขึ้น

“จริงดิ ต้องไปชักโชว์แบบนี้ไม่อายแย่เหรอ น้องหน้าตาหล่อเรียนมหาลัยดังด้วย”

ขอบคุณที่ชมครับ แต่อันนี้เป็นเรื่องที่รู้ๆ กันอยู่ หลักฐานชี้ชัดบนใบหน้าไม่รู้จะปฏิเสธหรือปกปิดยังไง แต่ตอนนี้ผมสนใจที่พี่เขาต้องทำเรื่องหน้าอายโดยควบคุมตัวเองไม่ได้มากกว่า เหมือนที่ผมเคยเป็นเลย

“ไม่ถึงขนาดนั้นครับ ของผมโชว์นิดๆ หน่อยเอง ตอนนั้นก็อายละครับ แต่ตอนนี้สบายมาก ให้โชว์มากกว่านั้นยังได้ แล้วตอนนี้ผมก็หายแล้วด้วย”

“ทำไงถึงหายล่ะ บอกหน่อย ของพี่ลำบากมาก อายก็อาย กลัวคนข้างนอกเห็น วันๆ ไม่รู้จะต้องไปชักโชว์ใครบ้าง หรือจะโดนข้อหาอนาจารไหม ตอนน้องขึ้นมาพี่ก็ภาวนาให้น้องไม่รู้รหัสลับนะ เออ แล้วรหัสลับนี้ได้มายังไง ที่ผ่านมายังเหมือนจะรู้แค่ผู้ชาย แต่พี่กลัวจะโดนผู้หญิงเข้าสักวัน”

“อยู่ๆ ก็หายเองพี่ ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก รหัสที่ได้ก็ส่งต่อๆ กันมามางโทรศัพท์ ผมยังนึกว่าเรื่องโม้เลย นี่ก็เพิ่งเจอของพี่เป็นคันแรก ไหนพี่ลองเล่าเรื่องที่พี่รู้มาให้ฟังหน่อย จะได้เทียบดูกับของผม เผื่อจะรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง”

พี่แทกซี่เริ่มเล่าเรื่องที่ทราบให้ผมฟังในระหว่างทางที่รถติด แกบอกว่าเกิดขึ้นมาได้สองเดือนแล้ว แกจำเวลาได้แม่นเพราะเป็นตอนแกไปต่อใบขับขี่แทกซี่มาพอดี แกเริ่มมีความคิดแปลกๆ เกิดขึ้นในหัว โดยในแต่ละครั้งที่แกปฏิเสธผู้โดยสาร แกจะรู้สึกว่าตัวเองมีหนี้เพิ่มขึ้นหนึ่งครั้ง ถ้าปฏิเสธผู้โดยสารรายใหม่อีก ก็จะจำว่ามีหนี้สะสมทบจำนวนไปเรื่อยๆ ซึ่งต้องหาทางใช้คืน โดยทุกครั้งที่รับผู้โดยสารขึ้นรถมาได้ แกจะเหมือนโดนสั่งให้ถามผู้โดยสารก่อนออกรถว่าต้องการรับแพ็คเกจเสริมหรือไม่ ให้แจ้งรหัสลับมา ถ้าผู้โดยสารไม่รู้เรื่องรหัสลับดังกล่าว แกก็จะให้บริการไปตามปกติได้ แต่ถ้าผู้โดยสารบอกรหัสที่ถูกต้องออกมา แกก็ต้องชักว่าวให้ผู้โดยสารดูระหว่างทางจนน้ำแตก ถือว่าชดใช้หนี้สำเร็จ แกก็จะลดจำนวนหนี้ที่เหลือลงได้หนึ่งครั้ง ตราบใดที่ยังมียอดหนี้สะสมจากการปฏิเสธผู้โดยสารเหลืออยู่ แกต้องถามผู้โดยสารที่รับมาเรื่อยๆ จนใช้หนี้หมด

“แล้วตอนนี่พี่เหลือหนี้อยู่เท่าไหร่แล้ว”

ผมถาม พยายามคุ้ยสิ่งที่แทกซี่เล่าให้ได้มากที่สุด ผมว่าเรื่องนี้มันแปลกมาก แปลกกว่าของผมเยอะ

“ตอนนี้ยังเหลือหนี้อยู่สองครั้งเลย ตั้งแต่พอแน่ใจว่าอะไรเป็นอะไร ผู้โดยสารเรียกไปไหน พี่ก็พยายามจะไป จะได้ไม่เป็นหนี้เพิ่ม แต่บางครั้งก็ไม่ไหวจริงๆ คนละทางกับโซนที่พี่วิ่งอยู่เลย ยิ่งถ้าใกล้เวลาส่งรถด้วย พี่ต้องปฏิเสธ ยอมอายดีกว่าขาดทุน” พี่แกท่าทางเหนื่อยกับชีวิตมาก

“แล้วรหัสลับนี่เปลี่ยนทุกเดือนใช่ไหม แล้วพี่จะรู้รหัสใหม่ได้ยังไง”

“ทุกสิ้นเดือนพี่ต้องส่ง SMS บอกยอดจำนวนหนี้ที่พี่ปฏิเสธผู้โดยสารและจำนวนหนี้ที่พี่ชดใช้ได้สำเร็จในเดือนนั้นๆ ไปที่เบอร์ๆ หนึ่งซึ่งก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปจำมาจากไหน และทำไมต้องทำอย่างนี้ เหมือนเป็นหน้าที่ที่ทำไปโดยอัตโนมัติเลย แต่พี่ก็รู้สึกตัวอยู่นะ เสร็จแล้วจะมี SMS ส่งมาบอกรหัสลับของเดือนใหม่

ฟังเรื่องแสนพิสดารจากพี่แทกซี่เพลินจนถึงหน้าห้างดังที่เป็นจุดหมาย แต่ผมยังอยากรู้เรื่องนี้ต่อนะ

“ผมให้พี่เลยห้าร้อยไม่ต้องทอน ทิปค่าโชว์ไปเลย ผมจะเข้าไปเอาของที่สั่งซื้อไว้แป็บเดียว ถ้าพี่รอได้ เดี๋ยวผมกลับมาขึ้นรถพี่กลับมหาลัย จะได้คุยกันหาข้อมูลต่อ แล้วพี่จะได้ล้างหนี้อีกรอบด้วยไม่ต้องไปเสี่ยงกับผู้โดยสารใหม่ ไหนๆ ผมก็เห็นหมดแล้ว ถ้าพี่โอเค เดี๋ยวขากลับผมให้อีกพันนึง”  ผมยื่นข้อเสนอให้ก่อนจะลง

พี่แทกซี่รับเงินห้าร้อยพร้อมกล่าวขอบคุณแล้วบอกว่าจะรอตรงนี้

ผมเข้าไปเอาของโมเดลกันดั้มที่สั่งไว้กับร้านเจ้าประจำ ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที เสร็จแล้วก็รีบกลับไปที่หน้าห้าง แทกซี่คันเดิมยังอยู่ แต่เปิดกระโปรงหน้ารถและไฟกระพริบ หรือว่ารถจะเสีย ผมเดินเข้าไปถามพี่คนขับคนเดิมที่ยืนอยู่ตรงหน้ากระโปรงรถ

“รถเสียหรอพี่”
 
พี่แทกซี่ตอบออมเสียง “เปล่าหรอกน้อง ตรงนี้หน้าห้างคนเยอะ พี่กลัวคนมาเรียกแล้วไม่ไปพี่จะโดนเพิ่มหนี้อีก เลยแกล้งทำเป็นรถเสีย เปิดเช็คโน่นเช็คนี่ไปเรื่อยรอน้องนี่แหละ ไปกันเลยไหม”

ผมขึ้นไปนั่งในรถ คราวนี้เลือกนั่งที่เบาะหน้าข้างคนขับจะได้คุยกันใกล้ชิด ก่อนออกรถพี่แกก็ถามเหมือนเดิม

“น้องจะรับแพ็คเกจเสริมไหม”

“ผมต้องบอกเลยหรือบอกทีหลังได้” ผมถามกลับ

พี่แทกซี่ตอบ “ไม่แน่ใจเหมือนกัน เคยมีคนตอบช้ามากๆ จนนึกว่าเขาไม่รู้แล้ว แต่พอตอบถูกพี่ก็ต้องทำให้ดูนะ”

ผมชวนคุยเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ ขอเบอร์โทรศัพท์ที่แกต้องส่งข้อความไปรายงานผล ขอเบอร์โทรศัพท์ตัวพี่เขาไว้ด้วยเผื่อถามข้อมูลเพิ่มเติม แกเล่าว่าตั้งแต่เกิดเรื่องนี้ขึ้น แกยังไม่เคยเจอผู้โดยสารผู้หญิงที่รู้รหัสลับเลย ถือว่าโชคดีอยู่เหมือนกัน แต่ที่หนักสุดคือเจอนักเรียนมัธยมชายเต็มคันรถ พวกน้องเขาหัวเราะคิกคักส่งเสียงเชียร์วิพากษ์วิจารณ์ลีลาเครื่องเคราพี่เขาไปตลอดทาง

ท่าทางรถจะติดรอไฟแดงอีกนาน ผมจะลองทดสอบอะไรดู

“เดี๋ยวผมจะลองพูดรหัสดูนะ แล้วพี่อยู่เฉยๆ พยายามฝืนไว้”

พี่เขาพยักหน้า

“กุมภา8879DA”

พี่แทกซี่รูดซิบงัดลำยาวตรงออกมาสาวทันทีโดยไม่ได้เกร็งหรือขัดขืนอะไรเลย ถึงแม้หน้าตาจะดูฝืนมาก

“มันเป็นแบบนี้แหละ เหมือนโดนสั่งจิต ควบคุมไม่ได้เลย” แกพูดเซ็งๆ

“แล้วผู้โดยสารขอจับได้ไหม” ผมอยากรู้เรื่องที่คิดไว้เล่นๆ ตอนขามาที่จะช่วยพี่เขารูดเกียร์เพื่อความปลอดภัย

“อันนี้น่าจะไม่โดนสั่งจิตไว้ อยู่ที่พี่เลย มีคนดื้อจะมาจับทั้งๆ ที่พี่บอกแล้วว่าไม่ให้ ที่โดนสั่งจิตไว้หลุดเลย เหมือนได้ล้างหนี้ครั้งนั้นเสร็จเลยไม่ต้องชักต่อ เวลาจะมีคนหยิบโทรศัพท์จะถ่ายเหมือนกัน ถ้าเราบอกแล้วเขาไม่เลิก เราหยุดได้เลย”

พี่เขายังสาวลำไปเรื่อยๆ ระหว่างคุยจนถึงรอบไฟเขียว

“เดี๋ยวผมขอชักให้ดีกว่า พี่จะได้ขับสะดวก”

พี่แทกซี่ดูลังเล “เอางั้นเหรอ เกิดมาไม่เคยให้ผู้ชายชักให้เลยนะ แต่ถ้าน้องให้พันนึงตามที่บอกไว้แน่ๆ ก็ได้นะ”

ผมพยักหน้าแล้วเอามือไปกุมแก่นกายสวยตรงสีคล้ำทันที ผมขอยืนยันตรงนี้อีกทีว่าผมไม่ใช่เกย์นะ แต่ทำไปเพื่อการทดลอง ผมกุมรอบท่อนลำ อุ่นดีแฮะ เสียดายของพี่เขาไม่ใหญ่มาก ขนาดไล่ๆ กับของผมเอง อยากลองจับที่ใหญ่กว่านี้จัง น่าจะเต็มมือดี เอิ่ม แบบว่าอยากรู้เฉยๆ ผมสาวไปเรื่อยๆ พี่เขาซูดปากดูท่าทางเสียวมาก ซักพักผมก็เร่งมือ แล้วเอามืออีกข้างล้วงไปคลึงพวงไข่ของพี่แกด้วย แป๊บเดียวก็ได้เรื่องครับ กระฉูดเต็มมือผมทั้งๆ ที่แกก็ปล่อยชุดใหญ่ไปรอบนึงแล้ว มันแปลกๆ ดีเหมือนกันที่ได้ลองชักให้คนอื่น ผมละเลงน้ำที่โชกมืออยู่ลงไปบนหน้าท้องแกร่งของพี่แทกซี่แล้วถึงเอากระดาษเช็ดมือจนแห้ง

ผมให้แทกซี่เข้ามาส่งที่ที่จอดรถในมหาลัย จ่ายไปอีกหนึ่งพันตามสัญญา พี่แกดูดีใจนะบอกว่าอยากรู้อะไรอีกโทรมาถามได้ ผมเข้ามาในรถตัวเองนั่งนึกทบทวนเรื่องที่เพิ่งเจอมา ผมค่อนข้างแน่ใจว่าอาการที่ผมเคยเป็นกับที่พี่แทกซี่เป็นมันน่าจะมีสาเหตุคล้ายๆ กันและเป็นเรื่องที่มีคนจงใจทำขึ้น เพราะมันมีเงื่อนไขที่แน่นอนในการจะกระตุ้นการกระทำบางอย่างออกมา สามารถทำซ้ำได้เมื่อเข้าเงื่อนไขอย่างที่ผมเคยลองกับตัวเองแล้ว มันเป๊ะมากเกินไป ผมสงสัยมากว่าใครล่ะเป็นคนที่ทำเรื่องนี้แล้วเขามีวัตถุประสงค์อะไร และที่น่าสงสัยยิ่งกว่าคือเขาทำได้ยังไง การบังคับจิตหรือพฤติกรรมคนอื่นมันทำได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ มีคนที่โดนบังคับจิตแบบนี้มากน้อยขนาดไหน และถ้าผมสามารถเข้าใจรูปแบบหรือเงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้ผมจะเอามาใช้ประโยชน์อะไรได้หรือเปล่า

คิดไปคิดมาชักฟุ้งซ่าน ผมยกมือข้างที่ใช้ช่วยพี่แทกซี่ขึ้นมาดม กลิ่นเค็มฉุนๆ ที่คุ้นเคยยังติดมือชัดเจน เงี่ยนเหมือนกันนะ ได้แต่ดูของคนอื่น ยังไม่ได้โชว์เองเลย ผมจะขับรถกลับบ้านเลยหรือหรือจะไปโชว์ในห้องน้ำดี เย็นๆ อย่างนี้ ห้องน้ำแถวสนามบอล คนกำลังเยอะจัดแบบพิเศษไปเลยน่าจะดี ผมคิดแล้วก็ขับรถไปทางสนามบอล

........................................................
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 25] เปิดตัวฝ่ายตรงข้าม 16/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 16-12-2015 21:44:15
หลังจากวันนั้นผมพยายามไปไหนมาไหนด้วยแทกซี่มากขึ้น เผื่อจะเจอกรณีแบบนั้นอีก แต่ก็คว้าน้ำเหลวตลอด จนเลยมาช่วงต้นเดือนมีนาคมผมก็เจอเคสที่สอง วันนั้นผมไม่มีเรียนบ่าย เลยจะนั่งแทกซี่กลับบ้าน ใช่ครับ ช่วงนั้นผมใช้บริการแทกซี่ตลอด อยากรู้ว่าจะเจอเหตุการณ์แบบวันนั้นอีกไหม แทกซี่วันนี้หนุ่มกว่าพี่คนวันนั้นเยอะเลยเรียกว่าอยู่ในวัยรุ่นก็ได้ ไม่แน่ใจว่าแก่กว่าผมเปล่าเพราะผมเพิ่งยี่สิบเอ็ดเอง ผมบอกจุดหมายที่จะไป แล้วเข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับเผื่อโชคดีเจอแทกซี่มีแพ็คเกจเสริม จะได้เห็นใกล้ๆ

พอคนขับกดมิเตอร์เสร็จ ก็ถามผมทันที

“พี่จะรับแพ็คเกจเสริมไหม”

บิงโก ในที่สุดก็เจอ โชคดีจริงๆ วันนี้ เอ แต่ผมว่าอายุผมไม่น่าเป็นพี่เขานะ แต่ไม่เป็นไร คงเป็นการให้เกียรติลูกค้า งั้นนายเป็นน้องไปแล้วกัน

“มีรหัสลับหรือเปล่าครับ” น้องแทกซี่ถามต่อ

“รอแป๊บครับ”

ผมบอก น้องแทกซี่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ท่าทางลุ้นว่าผมจะมีรหัสจริงๆ ไหม

ผมได้ฟอร์เวิร์ดไลน์ของเดือนนี้มาแล้วจากในกรุ๊ปเดิม เพื่อนคนอื่นยังไม่เคยเจอครับ ผมเคยแกล้งถามไปแล้ว คงเพราะพวกมันไม่ค่อยได้นั่งแทกซี่ ผมจำข้อความทั้งหมดได้ชัดเจนเพราะผมสนใจที่จะพิสูจน์เรื่องนี้อยู่แล้ว ตามนี้เลยครับ

อ้างถึง
######## ด่วน ลองแล้วได้ผลจริง เดี๋ยวนี้แทกซี่บางคันมีบริการพิเศษสำหรับชาวเราแล้วนะ ##########
ถ้าคุณขึ้นแทกซี่แล้วเจอคนขับถามว่าต้องการรับแพ็คเกจเสริมไหม คุณโชคดีแล้วครับ เพียงคุณบอกรหัสลับประจำเดือนด้านล่างนี้ลงไป คุณจะได้รับชมโชว์ชักว่าวระหว่างการเดินทางจากคนขับรถโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่กรุณางดบันทึกภาพ ถ้าคุณไม่สะดวกรับชมก็ไม่ต้องทำอะไร แทกซี่จะให้บริการตามปกติ สามารถแชร์ข้อความนี้ต่อๆ กันไปได้แต่ขอให้อยู่ในเฉพาะกลุ่มชาวเราเท่านั้น ตอนนี้ยอดแทกซี่ที่เข้าร่วมรายการ กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
*หากพบว่ามีผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ทางเราขอสงวนสิทธิในการแจกรหัสลับประจำเดือนถัดไป
####### รหัสลับประจำเดือนมีนาคม 25XX : มีนา69412RE  ########

ผมมองหน้าน้องแทกซี่อีกที หล่อมากเลยล่ะ ยังดูเป็นวัยรุ่นอยู่เลย ตัวค่อนข้างผอม ผิวสีน้ำผึ้ง ตาโต ขนตายาว ปากแดงบาง มีไรหนวดอ่อนๆ เรียกว่าน่ารักน่าจะเหมาะกว่า แต่ก็ดูเป็นผู้ชายอยู่นะ ไม่ได้หน้าสวยหวานเหมือนผู้หญิงอะไร ออกไปในแนวพวกหน้าอ่อนมองแล้วชวนเอ็นดูมากกว่า

“มีนา69412RE” ผมบอกออกไปประหนึ่งร่ายเวทมนต์ ครึ้มอกครึ้มใจเหมือนตัวเองเป็นแฮรี่ พอตเตอร์

น้องแทกซี่หน้าแดงก่ำแต่ก็รีบปลดกางเกงทันที ควักของขึ้นมารูดจนแข็งตัว โอ้วว หน้าเด็กแต่ของใหญ่เว้ยเฮ้ย ความยาวเกินมาตรฐานไปนิดหน่อย แต่ความอวบนี่ยอมเลยครับ สงสัยกำไม่รอบ ผมก้มหน้าไปดูใกล้ๆ กลิ่นก็ดีด้วย ไม่เหม็นอับ มีแต่กลิ่นเฉพาะตัวของตรงนั้น ออกสดๆ บวกกับกลิ่นแป้งหรือกลิ่นสบู่หอมๆ น้องเขาก็รูดไปขับรถไป ผมบอกให้เลี้ยวเข้าซอยใหญ่ที่ใช้เป็นทางลัดได้ แล้วบอกให้น้องเขาจอดแอบข้างทางตรงจุดที่ไม่ค่อยน่าจะมีคนผ่านไปผ่านมา

“แวะจอดตรงนี้ก่อนครับ ผมกลัวขับไปชักไปมันจะอันตราย” ผมสั่ง

น้องก็แวะจอดอย่างว่าง่าย แล้วตั้งใจชักเต็มที่ หน้าตาแบบทั้งเสียวทั้งอาย ผมอยากจะขอน้องเขาช่วยชัก แต่กลัวจะเป็นการผิดเงื่อนไขที่บังคับจิตอยู่ เดี๋ยวจะชวดไปทั้งหมด ผมเลยดูเรื่อยๆ พยายามเอาหน้าเข้าไปใกล้ที่สุด จนน้องเขาน้ำแตกใส่ทิชชู่ที่เตรียมรอไว้ เสร็จแล้วก็เช็ดทำความสะอาดด้วยทิชชู่เปียก จบด้วยการเอาขยะไปทิ้งในถุงซิบกันกลิ่นอย่างดี

“ไปต่อเลยนะครับ” น้องถาม ท่าทางอายไม่กล้าสบตาผม

“เดี๋ยวก่อนครับ เสร็จไปเมื่อกี๊ ตอนนี้ยังเหลือหนี้อีกกี่ครั้งครับ”

น้องทำท่าตกใจ “พี่รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอครับ”

“ผมติดตามเรื่องนี้อยู่มาระยะนึงแล้วครับ ตอนนี้ได้ข้อมูลมาค่อนข้างเยอะ แต่อยากคุยกับน้องเผื่อได้อะไรที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติม” ผมพยายามทำท่าเหมือนรู้เรื่องนี้ดี

“ดีเลยครับ ผมอยากมีคนมาปรึกษาเรื่องนี้อยู่พอดี ไม่กล้าถามใครกลัวเขาว่าบ้า”น้องโชเฟอร์ตอบท่าทางกลุ้มใจ

ตกลงเลยจอดรถกันอยู่ที่เดิม ผมซักประวัติน้องเขาได้ความว่าชื่อแดน น้องอายุยี่สิบสอง มาจากกาญจนบุรี จบ ปวช. ด้านอาหารและโภชนาการ ทำงานที่กาญจนบุรีมาสี่ปี ตอนนี้กำลังจะเรียนต่อ ปวส. ที่กรุงเทพ แต่ก็ต้องส่งทางบ้านด้วย เลยมาขับแทกซี่ช่วงกลางวัน ตอนเย็นก็ไปทำงานเป็นผู้ช่วยเชพที่ร้านแห่งนึงไม่ใหญ่มาก วันเสาร์อาทิตย์ถึงไปเรียน ปวส. ภาคพิเศษ ในสาขาเดิม

“แล้วเรามีอาการนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถาม

“ก็ตั้งแต่ได้ใบขับขี่แล้วเริ่มขับเลยครับ สามเดือนแล้ว”

“แล้วนี่โดนบ่อยเหรอ เห็นมีอุปกรณ์ทำความสะอาดพร้อมเลย” ผมตั้งข้อสังเกต

“โดนบ่อยครับ ผมยังไม่ค่อยรู้จักทาง ถ้าผู้โดยสารเรียกให้ไปที่ๆ ผมไม่รู้จัก ผมก็ไม่กล้าไป กลัวหลงทางกลับไม่ถูก ผมเลยต้องเตรียมที่ทำความสะอาดไว้ กลัวมีกลิ่นไม่ดี และถ้าผ่านปั๊มป์ ผมจะแวะลงไปล้างพอกสบู่โรยแป้ง เผื่อต้องโชว์ จะได้ไม่มีกลิ่นไม่ดีให้ผู้โดยสารดม”

ว่าแล้วของถึงได้หอมอย่างนั้น ผมประทับใจกับความใส่ใจของเขานะ เป็นเด็กฉลาดแต่ก็ดูซื่อจริงใจ แถมรักสะอาดด้วย

“ตอนแรกๆ ไม่ค่อยเจอผู้โดยสารที่รู้รหัสเท่าไหร่ แต่หลังๆ นี่ เหมือนคนรู้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่เยอะครับ ซักหนึ่งคนในสิบคนเห็นจะได้ แล้วก็มีแต่ผู้ชาย ส่วนใหญ่ก็ให้เกียรติผมดีครับ ตอนแรกๆ นี่ผมกลัวว่าเขาจะว่าว่าผมโรคจิตด้วยซ้ำ บางคนให้ทิปเยอะมาก นี่ผมเล่าให้ฟังนะครับ ไม่ใช่จะขอทิป พี่คงรู้อยู่แล้วว่านี่เป็นบริการฟรี” แดนเล่าต่อ

“แต่ผมก็ยังไม่สบายใจนะครับ อายก็อาย ก็ผมยังไม่เคยมีแฟนนี่ครับ กลัวว่าจะต้องโดนโชว์ให้ผู้หญิงหรือลูกเล็กเด็กแดงดู กลัวจะโดนตำรวจจับ กลัวโดนลวนลาม บางทีก็รู้สึกเหมือนตัวเองมาขายตัว นี่ก็อยากจะเลิกขับแทกซี่แล้วแต่จนใจไม่รู้จะทำอะไรแทนที่จะได้เงินพอส่งที่บ้าน” น้องระบายความรู้สึกมาอย่างต่อเนื่อง

“แล้วตอนนี้ยังเหลือหนี้กี่ครั้ง” ผมถามพร้อมวางแผนไว้ในใจ

“อีกเจ็ดครั้งแน่ะครับ อย่างที่ผมบอก ผมต้องปฏิเสธผู้โดยสารวันนึงสองสามครั้งเป็นอย่างน้อย ไม่ค่อยรู้จักทางครับ”

“เดี๋ยวผมขอเก็บข้อมูลอีกรอบครับ ผมจะจ่ายค่าแทกซี่ให้แล้วลงจากรถ แล้วจะกลับมาขึ้นเหมือนเป็นผู้โดยสารใหม่ น้องก็ทำตามที่จิตถูกบังคับไป แต่คราวนี้ผมจะขอถ่ายวิดีโอไว้เพื่อศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียดต่อไป”

ผมพยายามปั้นหน้าให้ดูเป็นนักวิชาการที่สุด

“ผมไม่เอาหรอกครับ เดี๋ยวเกิดหลุดไป อีกสองเดือนก็ผมจะเริ่มเรียนแล้ว ผมกลัวมีปัญหา” แดนท่าทางไม่สบายใจรีบปฏิเสธทันที เป็นเด็กที่ฉลาดจริงๆ ด้วย

“อันนี้เป็นการทำเพื่อทางวิชาการจริงๆ ครับ รับประกันว่าไม่หลุดไปอย่างแน่นอน ถ้าเรารู้ข้อมูลเชิงลึกมากกว่านี้ เราก็อาจหาแนวทางแก้อาการนี้ได้นะ ผมให้หนึ่งพันบาทเป็นค่าเก็บข้อมูลแล้วกัน” ผมล่อหลอกทุกวิถีทาง

“ถ้าแก้ได้จริงๆ ก็ดีสินะ แล้วถ้าผมยอม พี่จะถ่ายหน้าผมด้วยเปล่า” แดนดูมีทีท่าลังเล

“จำเป็นต้องถ่ายครับ เราต้องได้ข้อมูลที่ละเอียดที่สุด เอาอย่างนี้นะ ผมให้ค่าเก็บข้อมูลเป็นสามพันบาท น้องจะได้เก็บเป็นเงินสำรองไว้ ช่วงเปิดเทอมต้องใช้เงินเยอะนะ มีค่าใช้จ่ายจุกจิกที่บางทีเราไม่รู้ล่วงหน้า แต่ผมต้องขอเก็บข้อมูลแบบลงลึกเลยนะ อาจต้องมีการสัมผัสตรงนั้นด้วย”

ผมหว่านล้อม พร้อมทั้งขอเพิ่มเงื่อนไขที่วางแผนไว้ในใจ

“ก็ได้ครับ แต่สามพันผมว่ามันเยอะไป กลัวพี่ลำบาก เห็นพี่ก็ยังเรียนอยู่เหมือนกัน ผมขอพันห้าแล้วกันครับ ขอเอาเก็บเป็นทุนสำรองตอนช่วงเปิดเทอม แต่พี่ต้องสัญญานะครับว่าจะเก็บเป็นความลับจริงๆ”

“พี่สัญญาด้วยเกียรติเลยครับ”

เสร็จโจร อิอิ แล้วอีกอย่าง น้องดูไม่ออกเลยใช่ไหมว่าพี่แบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้าขนาดนี้ แล้วนาฬิกาเลขเจ็ดหลักนี้อีก เงินเท่านี้พี่จะไปเดือดร้อนอะไร ว่าแต่น้องแดนนี่เป็นคนดีเกินไปเปล่าวะ รู้สึกผิดเลย

ผมจ่ายค่าแทกซี่ตามมิเตอร์ให้ แล้วทำเหมือนโบกแทกซี่น้องแดนมาใหม่ ผมกลับเข้าไปนั่งข้างคนขับหยิบโทรศัพท์ออกมาเริ่มอัดคลิป น้องแดนกดมิเตอร์แล้วถามว่าจะรับแพ็คเกจเสริมไหม หลังจากนั้นก็สเต็ปเดิมครับ น้องแดนออกรถ งัดของลับออกมา และเริ่มสาวไปตามความยาว แต่ที่เพิ่มคือ

“เดี๋ยวผมขอลองชักให้นะครับ เก็บเป็นข้อมูลว่าชักเองกับผู้โดยสารชักให้ จำนวนหนี้จะลดลงเปล่า” ที่จริงผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าใช้ได้เหมือนกัน จากที่เคยทดลองกับพี่แทกซี่คันแรก แต่ที่ผมยังไม่ได้ลองก็คือ....

หมับ ลำใหญ่ขนาดนี้ครับ ผมจับลงไปที่ส่วนนั้นของน้อง เต็มไม้เต็มมือจนล้นจริงๆ ด้วย ท่อนลำใหญ่ๆ แบบนี้มันดีจริงๆ ผมชักอิจฉาแล้วสิ ผมกำเอ็นร้อนสาวขึ้นลงไปเรื่อยๆ น้องทำท่าเสียวมาก คงยังไม่เคยมีใครทำให้ เห็นว่าไม่เคยมีแฟนนี่ ผมเริ่มเร่งจังหวะ น้องครางออกมาเสียงน่ารักมาก ในที่สุดน้องก็ปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาเต็มมือผม น้องทำท่าเกรงใจแล้วแวะเข้าจอดข้างทาง

“ขอโทษด้วยพี่ เลอะไปหมดแล้ว ผมน่าจะให้พี่เอาทิชชู่รองไว้ก่อน” น้องกุลีกุจอหาทิชชู่ส่งให้ผมซับมือ แล้วตามด้วยทิชชู่เปียก ผมค่อยเช็ดออกจนหมด เหลือแค่ส่วนที่เปื้อนปลายนิ้วไว้นิดนึง เหลือไว้ทำไมนะเหรอครับ

“แค็ก แค็ก” ผมทำเป็นไอ แต่จริงๆ เพื่อจะแกล้งเอามือปิดปากแล้วแอบชิมน้ำที่ติดปลายนิ้วอยู่ แค่อยากรู้น่ะครับ เอิ่ม เหมือนจะรสชาติปะแล่มๆ คาวหรือเปล่าไม่แน่ใจ เพราะเหลือมานิดเดียวไม่รู้รสเท่าไหร่ ไว้คราวหน้าละกัน

ผมให้น้องแดนขับมาส่งถึงหน้าตัวบ้าน ก็ระยะทางจากรั้วมาถึงบ้านผมนี่ไม่ธรรมดานะครับ น้องท่าทางตกตะลึงกับอภิมหาคฤหาสน์ตรงหน้าไม่น้อย

“โห บ้านพี่อะไรจะใหญ่ขนาดนี้ ตรงโน้นมีรถสวยๆ จอดเต็มไปหมด แล้วพี่มานั่งแทกซี่ทำไม” แดนถามด้วยเสียงตื่นเต้น

“อ๋อ ขี้เกียจขับรถน่ะ ไม่มีอะไรหรอก แล้วตอนนี้ยอดหนี้ลดลงไหม”

“ลดลงเหลือหกครั้งแล้วครับ แสดงว่าให้ผู้โดยสารทำให้ก็ใช้ได้เหมือนกัน”

แว๊ก อย่าบอกนะว่าจะทำจริง เอาไงดี อีกตั้งหกครั้ง ไม่อยากให้น้องต้องโดนสายตาคนอื่นโลมเลีย แล้วพอปฏิเสธผู้โดยสารอีกก็ต้องโดนเพิ่มใช่ไหม คิดสิคิด ว่าจะช่วยน้องได้ยังไง

“แดน อย่าเพิ่งกลับนะ เดี๋ยวพี่มา มีของจะให้”

เรียกชื่อสนิทสนมแล้วครับ ผมถือว่าได้จับของสงวนของน้องเขาแบบนั้นก็ไม่น่าจะใช่คนแปลกหน้ากันแล้ว แดนงงๆ แต่ก็รับคำ

ผมขอกุญแจรถคันนึงจากหัวหน้าพ่อบ้าน ใช่ครับ พ่อบ้านแบบในหนังแบทแมนนั่นแหละ แล้วเข้าไปถอด GPS แบบแยกชิ้นออกมาจากรถคันนั้น ผมเดินกลับมาที่แทกซี่น้องแดน

“เอานี่พี่ให้ยืมเครื่อง GPS นำทาง จะได้ติดไว้เวลาเราไปรับรถมาขับ ทีนี้ผู้โดยสารจะให้ไปไหนที่ไม่รู้จักก็ไม่ต้องปฏิเสธ ยกเว้นที่ที่มันดูไม่ปลอดภัย ถ้าไม่ให้ผู้โดยสารบอกทาง ก็ตั้งค่าจุดหมายที่เครื่องนี้ให้มันนำทางไป ส่วนขากลับ เราก็ตั้งที่ที่เราคุ้นไว้เป็นบ้าน จะเอาเป็นที่อู่แทกซี่ก็ได้ แล้วกดปุ่มกลับบ้าน มันจะนำทางกลับให้เอง”

ผมค่อยๆ สอนวิธีการใช้งานให้ น้องเขาเกรงใจบอกจะไม่เอาในทีแรก แต่ผมบอกว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเก็บข้อมูลเพราะในเครื่อง GPS จะมีการส่งพิกัดมาเป็นระยะซึ่งผมเข้าไปดูตำแหน่งปัจจุบันกับเส้นทางที่ไปได้ทางเวปไซท์ แล้วก็แลกเบอร์โทรศัพท์กันเพื่อไว้ติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูล

“งั้นเดี๋ยวไปกันเลย  เอานี่ พี่ให้ค่าแทกซี่และค่าเก็บข้อมูลเที่ยวนี้ก่อนพันห้าตามที่ตกลงกัน”

น้องไหว้ขอบคุณอย่างงามแต่ถามต่อว่า

“อ้าว พี่จะไปไหนอีก พี่ถึงบ้านแล้วไม่ใช่เหรอครับ”

“ก็จะได้ทดลองใช้ GPS ดูไง แล้วพี่ก็ต้องลองทดสอบเงื่อนไขในการควบคุมจิตเพิ่มเติมด้วย เอาหน่า เรายังมีหนี้เหลืออีกหกครั้งไม่ใช่เหรอ จะได้ลดจำนวนหนี้ลงด้วยนะ”

“ไม่รู้อีกรอบผมจะไหวหรือเปล่านะครับ วันนี้ก็สามครั้งแล้ว ยิ่งครั้งที่พี่ทำให้ยิ่งเสียวซะจนหมดแรง” แดนบอกเสียงอ่อยๆ

ผมเข้าไปนั่งในรถแล้วหยิบของที่แวะไปเอามาด้วย มันคือกล้องถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงรุ่นท๊อป ผมเหลือบมองนาฬิกา น่าจะพอมีเวลาอีกสามชั่วโมง ผมหมายมั่นจะให้แดนชดใช้หนี้กับผมให้ได้จำนวนครั้งมากที่สุด ยิ่งเหลือศูนย์ได้ยิ่งดีถ้าน้องเขาไหว

และแล้วเรื่องก็เป็นไปตามแผน น้องเข้าใช้หนี้จนหมดในสามชั่วโมง ผมสงสารน้องมากคงปวดไปหมดต่อให้หนุ่มแน่นยังไงน้ำหลังๆ แทบไม่เหลืออะไร แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ไปเจอใครที่ไหนไม่รู้ พอกลับมาส่งที่บ้านผมก็ให้เงินไปอีกน้ำละพันห้า น้องตกใจใหญ่ปากคอสั่นบอกว่า

“ผมขอแค่ค่ามิเตอร์ก็พอครับ แค่ที่พี่ให้ตอนแรกก็เยอะแล้ว ไหนยังจะให้ยืม GPS อีก”

แทกซี่ดีๆ มีอยู่จริงครับท่านผู้ชม

“ไม่ได้นะ เราตกลงกันแล้วว่าพันห้า นี่อีกหกครั้งก็เก้าพัน รับไปซะถ้าไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนผิดสัญญา” ผมตีหน้าเข้ม

“โธ่พี่ ก็ตอนนั้นผมนึกว่าพี่จะเอาแค่ครั้งเดียวนี่ครับ ผมไม่สบายใจเลย เงินตั้งมากมายขนาดนี้”

“ถ้าเราไม่เอาก็ถือว่าผิดสัญญา พี่ก็จะไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้เหมือนกัน งั้นคงต้องทบทวนดูอีกทีเรื่องที่จะเก็บคลิปนี้เป็นความลับ”

ตรรกะโลกไหนเนี่ย แต่ไว้ขู่เด็กก็พอได้อยู่

“ก็ได้ครับ พี่รับปากแล้วนะครับว่าจะเก็บคลิปไว้เป็นความลับ เอาอย่างนี้แล้วกัน เวลาพี่จะไปไหนถ้าเป็นช่วงกะกลางวันวันธรรมดา พี่โทรมาบอกผมได้เลยครับ ผมจะบริการให้ฟรี ปกติก็จะวิ่งโซนนี้อยู่แล้ว แต่เสาร์อาทิตย์ต่อไปผมมีเรียน ไม่ได้รับรถมาขับครับ”

น้องจำยอมอย่างไม่มีทางเลือก แต่ก็ไม่วายเสนออะไรตอบแทนมาให้อีก

เข้าทางเลย เพราะผมก็อยากเจอแดนอีก บอกตรงๆ ว่าประทับใจหลายอย่าง ทั้งนิสัย หน้าตา ความคิด และ....ขนาด ยังไงผมคงต้องเก็บข้อมูลหลายๆ แบบเพิ่มเติมจากน้องอีก

..............................................

มีต่อด้านล่างอีกท่อนนะครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 25] เปิดตัวฝ่ายตรงข้าม 16/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-12-2015 21:46:25
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 25] เปิดตัวฝ่ายตรงข้าม 16/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 16-12-2015 21:53:01
ครั้งที่สามที่ผมเจอแทกซี่มีแพ็คเกจเสริมเป็นหลังจากนั้นไม่นาน วันนั้นผมเลิกเรียนค่ำหน่อย เลยตั้งใจจะออกไปกินข้าวเย็นกับเพื่อนแถวตลาดโต้รุ่งย่านดัง ใช่ครับ หนุ่มไฮโซอย่างผมนี่แหละจะไปกินข้าวที่ตลาดโต้รุ่ง ก็ตั้งแต่ผมเป็นคนป๊อบขึ้นมาก็คบเพื่อนหลากหลายขึ้น ใครชวนไปไหนก็ไปด้วย เลยได้รู้ความลับว่าของกินบ้านๆ ข้างทาง บางทีก็อร่อยกว่าร้านหรูๆ ดังๆ ซะอีก ผมไปกับไอจั๊มพ์เพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กเพราะที่บ้านรู้จักกันแล้วยังเรียนที่เดียวกันอีก จั๊มพ์มันเป็นคนหนึ่งในจำนวนอันน้อยนิดที่ไม่ใช่ญาติ ที่รู้ชื่อเล่นที่บ้านของผม มันชอบแกล้งเผลอเรียกผมว่ามอมบ่อยๆ จนต้องไล่เตะ

เราตกลงจะนั่งแทกซี่ไปเพราะแถวนั้นหาที่จอดยาก เวลาแบบนี้ผมไม่ได้เรียกใช้บริการน้องแดนเพราะเขาคงส่งรถไปแล้ว ผมโบกแทกซี่แล้วขึ้นไปนั่งด้านหลังกันสองคน พี่แทกซี่คราวนี้ไม่ได้หล่อน่ารักเหมือนน้องแดน แต่ตัวใหญ่ ไว้หนวดเคราสั้นๆ หุ่นหมีๆ หน่อยมีกล้าม หน้าตาดุๆ น่าจะอายุสามสิบปลายหรือสี่สิบแล้ว พอพี่เขากดมิเตอร์ก็หันมาถามทันที

“ต้องการรับแพ็คเกจเสริมหรือเปล่าครับ”

แจ๊คพอตครับ ทำไมต้องมาเจอตอนนี้ด้วย มีไอจั๊มพ์นั่งมาด้วยผมจะเล่นกับพี่เขาได้ยังไง หุ่นแบบนี้ถึงไม่ใช่สเป็คมากแต่ผมก็อยากลองดูนะ ว่าหุ่นกับท่อนลำมันจะสัมพันธ์กันหรือเปล่า ไอจั๊มพ์ทำหน้างงๆ ส่วนผมทำหน้าเฉยๆ ไม่ได้ตอบอะไร พี่แทกซี่ก็เลยขับรถไปตามปกติ ผมคิดแผนการต่อในใจ เอาไงดี ปล่อยไปก็เสียดาย ใช่ว่าจะเจอแบบนี้ได้บ่อยๆ จะไล่ไอจั๊มพ์ลงมันคงด่าไปอีกเป็นชาติเศษ แล้วผมก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมา

ผมหยิบโทรศัพท์ส่งไลน์ไปหาไอจั๊ม

MayTwinPao : พนันกันไหม ถ้ากูเสกให้คนขับแทกซี่ชักว่าวให้ดูได้ มึงเลี้ยงข้าวกูเลยนะ

นี่ไง แผนยิงนกนัดเดียวได้ปืนสองกระบอกของผม ผมพยักเพยิดทำท่าให้ไอ้จั๊มพ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มันทำหน้างงๆ เหมือนจะถามว่านั่งติดกันอย่างนี้จะส่งไลน์ทำเหี้ยอะไร ผมมองตามันก็รู้ว่ามันคิดด่าผมในใจ

มันอ่านแล้วอึ้งไป หันไปมองหน้าพี่แทกซี่ แล้วพิมพ์ตอบมา

Jumping Hunk : มึงเล่นเหี้ยอะไร ทะลึ่งถามไป เดี๋ยวพี่เขาจับมึงกับกูมากระทืบหรอก หุ่นอย่างควาย

MayTwinPao : เออ กูทำได้ ไม่ต้องพูดอะไรกับพี่เขาด้วย แค่ร่ายเวทย์

Jumpping Hunk : มึงคิดว่ามึงเป็น Mage ในเกมออนไลน์เหรอ งั้นมึงลองเลยให้ไว ถ้าทำได้กูเลี้ยงข้าวสิบมื้อเลย แต่ถ้าไม่ได้ มึงต้องไปโชว์ก้นที่ชมรมบาสกู กูจะเก็บเงินค่าดูกับไอพวกรุ่นน้องหื่นให้รวยเลย

เฮ้ย โชว์ที่ชมรมบาสนี่เป็นอะไรที่น่าลองมาก ทำไมผมคิดไม่ออกมาก่อนหน้านี้นะ หรือจะแกล้งแพ้พนันดี ไม่ต้องสิ ถ้าผมอยากโชว์ผมไปเองก็ได้ ไม่เห็นต้องแพ้พนันเลยนี่นา

MayTwinPao : ตกลงตามนั้น มึงรอดูอย่ากระพริบตาเลยนะ

ผมหลับตา แล้วแกล้งประสานมือเหมือนนินจา จากนั้นก็ท่องรหัสลับประจำเดือนที่แอบจำไว้เมื่อกี๊ออกมาเสียงดังพอให้คนขับได้ยิน พี่แทกซี่รูดซิบงัดท่อนลำออกมาสาวทันที ความใหญ่ความยาวใช้ได้ ถึงความอวบจะแพ้น้องแดนอยู่พอควร แต่ที่เด่นคือส่วนหัวสีคล้ำด้าน เหมือนผ่านการใช้งานมาเยอะมาก ท่อนลำที่มีเส้นเลือดเส้นเอ็นปูดโปนดูน่าเกรงขาม ไอจั๊มพ์มันตาค้างไปแล้ว เสียงหอบต่ำๆ ของพี่แทกซี่ดังต่อเนื่องจนในที่สุดก็หลั่งออกมา พี่เขาเอาผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดจนแห้งแล้วก็ขับไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนถึงตลาด ไอจั๊มพ์เดินลงจากรถเหมือนคนละเมอ ผมจ่ายค่ารถแล้วแอบทิปให้ห้าร้อยบาทค่าที่ช่วยทำให้ผมชนะพนันไอจั๊มพ์ สะใจมากครับ พี่แทกซี่ไม่มีท่าทีเขินอายคงชินกับเรื่องนี้แล้ว หรืออาจจะมีประสบการณ์โชกโชนอยู่แล้วก็เป็นได้

ผมลากไอจั๊มพ์มานั่งตรงร้านที่ผมอยากกิน มันเหมือนเพิ่งได้สติ

“มึงทำได้ไง มึงมีเวทย์มนต์จริงๆ เหรอ”

ผมพยักหน้า หลอกมันไปก่อน ถ้าให้เล่าเรื่องจริงๆ คืนนี้คงไม่จบ แถมมันอาจจะหาว่าผมเป็นเกย์ขึ้นมาอีก หรือไม่ก็จะหาเรื่องเบี้ยวเดิมพัน

“เจ๋งว่ะ สัด กูไม่อยากเชื่อเลย แล้วใช้กับผู้หญิงได้เปล่า สอนกูหน่อย”

มึงเชื่อคนง่ายไปไหม สัดจั๊มพ์

“ไม่ได้ว่ะ มันต้องมีสายเลือดสืบทอดกันมา แล้วก็เป็นความลับโว้ย ถ้ามึงยังไม่หยุดถามเรื่องนี้ มึงได้ชักว่าวกลางตลาดแน่”

ผมแกล้งจ้องตามัน แล้วทำมือประสานนินจาแบบที่ทำบนรถ ไอจั๊มพ์ตกใจหน้าซีด

“อย่าทำกู กูเพื่อนมึงนะ กูไม่ถามแล้ว” มันรีบบอก

เออ กูทำไม่เป็น แต่ถ้าทำได้ อยากลองเหมือนกันนะ หุ่นนักบาสแบบมึงนี่ ฮ่า ฮ่า

“เออ กูไม่ทำเพื่อนหรอก แต่มึงต้องเลี้ยงข้าวกูครบสิบครั้งนะ เอ้า อาหารมาแล้ว แดกๆ ไปเต็มที่ เดี๋ยวมึงจ่าย”

ผมจัดกระเพาะปลาฮ่องเต้ตัวท๊อปมาครับ เห็นเป็นแค่ร้านในตลาดโต้รุ่งแต่หม้อนี้ก็หลายร้อยอยู่ตามคุณภาพวัตถุดิบ มันยังมองผมหวาดๆ แต่รีบกินทันที ขอโทษนะเพื่อน มื้อนี้มึงคงกินไม่อร่อยเท่าไหร่

หลังจากนั้นไอจั๊มพ์ก็ดูระแวงผมนิดๆ แต่มันก็ต้องมาเจอผมบ่อยๆ เพื่อเลี้ยงข้าว ผมเลยต้องบอกมันว่า

“ไม่ต้องกลัวกู กูไม่ทำอะไรมึงหรอก อีกอย่างถ้ากูจะทำมึงจริง พอกูประสานมือ มึงแค่วิ่งหนีไปซักสิบยี่สิบเมตรก็พ้นแล้ว”

มั่วไปเรื่อยครับ แต่เพื่อให้มันเลิกระแวง ซึ่งก็ได้ผล มันดูผ่อนคลายลง คงเห็นว่าผมบอกเคล็ดลับให้คงไม่ทำอะไรมันจริงๆ

หลังจากสองสามสัปดาห์จนได้ให้ไอจั๊มพ์เลี้ยงข้าวจนครบสิบมื้อ ถูกบ้างแพงบ้างแล้วแต่ อยู่ๆ ไอจั๊มพ์ก็มาตบหัวผมซะคะมำ

“ไอสัด มึงหลอกกู กูรู้เรื่องหมดแล้ว กูสืบเกือบตาย นี่ถ้าไอเหนือเมฆ ภาคไฟแนนซ์ มันไม่มาบอกใบ้นะ กูคงงมโข่งอีกนาน เรื่องนี้มันรู้กันเฉพาะกลุ่มเกย์นี่หว่า ไอรหัสลับอะไรนั่นกูก็เห็นแล้ว นี่กูอุตส่าห์เข้าไปสมัครในเวปไซท์เกย์เลยนะกว่าจะหาเจอ”

ไอจั๊มพ์โวยวายใหญ่ ช่วยไม่ได้ โง่เองนี่หว่า เดี๋ยวกูต้องไปเล่นงานไอเหนือเมฆ เพื่อนคนนึงในกลุ่มไลน์ “เก้งหล่อ BA67” ไม่แปลกที่มันจะรู้ แต่สงสัยกว่ามันกล้าบอกไอจั๊มพ์ได้ไง เรื่องนี้เขาปิดในวงการเกย์จะตาย เพราะคำเตือนที่ว่า ถ้าเรื่องรั่วไหลไปข้างนอก จะไม่ส่งรหัสลับเดือนถัดไปออกมาอีก หรือว่ามันจะแอบชอบไอจั๊มพ์อยู่ ไม่น่าใช่ ไม่งั้นคงได้กล้ามชนกล้ามกันบ้าง ไอเหนือเมฆมันก็รูปหล่อกล้ามโตเหมือนกัน ผมขนลุก

“ยังนิ่งอีก ตกลงมึงเป็นเกย์ใช่ไหม ถึงได้รู้เรื่องนี้ ส่วนที่พนันไว้มึงชดเชยกูมาเลยนะ”

“ไม่ได้เป็นเว้ย กูแค่อยู่ในกรุ๊ปไลน์ของเกย์คณะเราด้วยเลยเห็นที่เขาส่งต่อๆ กันมา เดี๋ยวกูคืนเงินให้ หรือจะให้กูเลี้ยงคืน”

“หือ มีกรุ๊ปไลน์เกย์คณะเราด้วยเหรอ ไอเหนือเมฆอยู่ด้วยใช่ไหม งั้นมึงแอดกูเข้าไปเลยนะ เผื่อมีอะไรใหม่มากูจะได้ไม่ถูกมึงหลอกอีก”

ไอจั๊มพ์ มึงเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ มึงจะเข้าไปกรุ๊ปเกย์ทำไม เดี๋ยวโดนจีบหรอก เรื่องของมึงนะ กูแอดให้

“แล้วกูไม่ให้มึงคืนเงินหรือเลี้ยงกูคืนหรอก มึงกับกูก็รวยขนาดนี้ มันไม่สาสมกับโทษฐานที่หลอกกู มึงรู้ไหม กูขวัญผวาอยู่กี่วัน จิตใจกูได้รับความกระทบกระเทือนขนาดไหน ไม่รู้ล่ะ มึงต้องทำตามเงื่อนไขที่พนันไว้ด้วย ไม่งั้นกูถือว่ามึงไม่เห็นกูเป็นเพื่อน”

มึงเป็นสาวน้อยจิตใจอ่อนไหวเหรอสัด

“ที่จะให้กูไปโชว์ที่ทีมบาสแล้วให้มึงเก็บเงินค่าดูเหรอ กูไม่ทำ กูไม่ขายเรือนร่าง”

ผมแอบตื่นเต้นครับ นี่มันเข้าทางผมเลยแต่เก็บอาการก่อน

“ไม่ต้องขนาดนั้น มึงแค่ไปโชว์ให้น้องๆ ในทีมกูดูเฉยๆ คืองี้นะ วันพฤหัสทีมกูมีแข่งกับมอคู่ปรับ ที่คราวก่อนเคยแพ้มาไง จริงๆ แพ้เพราะ Point Guard ตัวเก่งกูติดธุระอยู่ต่างประเทศกลับมาไม่ทันหรอก แต่พวกแม่งเหมือนจะเริ่มไม่มั่นใจฝีมือตัวเอง นี่ถ้าคราวนี้แพ้อีก ไอพวกใจปลาซิวนี่คงลาออกกันหมด กูอยากให้มันฮึดสู้ เลยบอกไปว่าวันแข่งมึงจะไปเชียร์ด้วย แล้วถ้าชนะ มึงจะจัดโชว์พิเศษให้ที่ห้องน้ำล็อคเกอร์หลังแข่งเสร็จเลย”

ไอจั๊มพ์ท่าทางกระตือรือร้น อธิบายเรื่องราวออกมาอย่างเร็ว

“มึงบอกน้องไปแล้วเหรอ” ผมลากเสียงสูงเป็นเชิงถาม

“เออ กูสัญญากับพวกมันแล้ว แฟนคลับมึงทั้งนั้นเลยนะ ไฟต่อสู้รุกโชนกันทุกคน”

ทำอย่างนี้ไม่ถูกนะ แทนที่มาขอผมก่อน ผมจะได้เตรียมตัว ไม่ใช่ล่ะ

“นี่มึงวางแผนไว้ล่วงหน้าใช่ไหม แล้วทำมาเป็นสะเทือนใจ ขวัญผวา สัด”

“คือ ก็นิดหน่อย เอาหน่า นึกว่าช่วยรุ่นน้องตาดำๆ กอบกู้ศักดิ์ศรีของมหาลัย น้องๆ เขาชาบูมึงจะตาย ทีตอนเลี้ยงสายรหัสโค ที่พวกพี่พิชยะเป็นเจ้ามืออ่ะ มึงยังโชว์ให้ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องเห็นเลยนะ เอาแค่ประมาณนั้นก็ได้ แค่นี้พวกแม่งก็ดีใจฟินตายแล้ว”

ผมนึกถึงหน้าใสๆ ของรุ่นน้องชมรมบาสที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่หลายคน พวกนี้เป็นแฟนคลับผมจริงๆ แหละ แต่ไม่ใช่น้องคณะโอกาสได้เห็นโชว์พิเศษคงยังไม่มี  ถ้าไม่ติดว่าต้องซ้อมบาสหนัก คงมาตามดูโชว์ผมตามห้องน้ำมากกว่านี้แล้ว

“เอางั้นก็ได้ ถือว่าทำเพื่อมหาลัย แต่มึงต้องปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับนะ กูไม่อยากรำคาญคนอื่นมาวอแวอีก”

จริงๆ ผมยอมตั้งแต่แรกแล้ว แต่ขอทำตัวให้มีมูลค่าหน่อย

“โอวว์ ขอบใจมากเพื่อนรัก เดี๋ยวกูรีบไปคอนเฟิร์มข่าวกับน้องก่อน มันจะได้ขยันซ้อม เรื่องนี้เป็นความลับแน่นอน กูยังไม่อยากให้ห้องล็อคเกอร์แตก หรือให้แฟนคลับมึงมาป่วนจนงานล่มเหมือนกัน”

มันพล่ามเสร็จแล้วก็รีบจรลีไปทันที

TBC
……………………………………………….

จริงๆ ฉากแทกซี่คันที่สามข้างบนนี้เป็นบทเปิดตัวของเรื่องนี้เลยนะครับ ลองย้อนกลับไปอ่านดูได้ที่หน้าแรก สมกับเป็นตัวร้ายฝ่ายตรงข้ามไหมครับ เล่นขโมยซีนคู่พระเอกตั้งแต่ฉากแรกสุด
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 25] เปิดตัวฝ่ายตรงข้าม 16/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 16-12-2015 23:14:18
จำได้ค่ะฉากแรกของเรื่อง แต่พออ่านเรื่องไป เลยนึกว่าหนุ่มหล่อใสไฮโซคือบอส

บทนี้ก็ยาวนะ แต่อ่านแล้วเรื่องยังไม่ค่อยคืบเท่าไหร่ คือจะอะไร ยังไงหรอ
นายเมธัส นี่จะมาเป็นตัวร้ายของเรื่องหรอ ???
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 25] เปิดตัวฝ่ายตรงข้าม 16/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: Zurruz ที่ 17-12-2015 08:48:00
อ้าว เป็นตัวร้ายหรออออออ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 25] เปิดตัวฝ่ายตรงข้าม 16/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 17-12-2015 23:43:08
หื่นคงเส้นคงวามากครับ
ขึ้นภาคใหม่ก็ยังหื่นอยู่
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 25] เปิดตัวฝ่ายตรงข้าม 16/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 19-12-2015 13:07:48
ฮ่าๆๆ ชอบครับ บทนี้ดีกว่าบทแล้วๆ ถามว่าทำไม

เพราะว่าบทก่อนๆชอบอธิบายซ้ำ คือพยายามใส่เหตุและผลของเทคนิคลองจิตเข้าไป ซึ่งจริงๆแล้วไม่ต้องอธิบายแล้วก็ได้

เพราะอ่านมาถึงตรงนี้แล้วน่าจะเข้าใจกันหมดแล้ว


ชอบการบรรยายแนว diary แบบนี้ครับ ลื่นไหลดี


สนุกมากครับชอบหื่นๆฮ่าๆๆๆๆๆ  เอาอีกๆๆๆๆๆ :z10:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 25] เปิดตัวฝ่ายตรงข้าม 16/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 26-12-2015 16:42:39
ขอบคุณที่มาต่อจ้า แต่แอบเสียใจ
ฝ่ายตรงข้ามเป็นหนุ่มก้นงามมม ฮือออ

ยังไงก็เชียร์บอสนะ  :-[
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 26] รางวัลแห่งความตั้งใจ 29/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 28-12-2015 23:58:43
รู้สึกจะเป็นนิยายรายเดือนเข้าไปทุกที ขอบคุณทุกๆ ความเห็นครับ คนเขียนมือใหม่ รู้สึกเหมือนกันว่ามันไม่ค่อยลงตัว แต่ไม่รู้จะปรับปรุงตรงไหน คำแนะนำจากคนอ่านช่วยได้เยอะครับ

……………………………………………….

องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 26 รางวัลแห่งความตั้งใจ

[เมธัส]

ช่วงก่อนวันแข่งไอจั๊มพ์ท่าทางมีความสุขจนน่าหมั่นไส้ มันบอกว่าน้องๆ ในทีมตั้งใจซ้อมมาก คราวนี้มันต้องชนะล้างอายได้แน่ ในที่สุดก็ถึงวันแข่ง สนามนี่ใช้ที่ของมหาลัยผมเองครับ ผมให้น้องแดนให้ขับแทกซี่มาส่งและนัดให้กลับมารอตอนบ่ายสามซึ่งเป็นเวลาที่แข่งเสร็จ ถ้าผลการแข่งออกมาว่าเราชนะ หลังโชว์ผมคงมีอารมณ์ไม่น้อย ให้น้องแดนขับรถพากลับบ้านคงปิดฉากวันนี้ได้ดีทีเดียว

ผมมีนัดทำงานกลุ่มกับเพื่อนช่วงเช้า กินข้าวกลางวันเสร็จ ก็แอบมาจิบเครื่องดื่มเย็นๆ รอเวลา ไอจั๊มพ์ไม่ได้อยู่ด้วยครับ มันไปเตรียมความพร้อม สักพักมันก็โทรมาตามผมไปให้ไปเจอที่ห้องล็อคเกอร์ของโรงยิมซึ่งมีห้องน้ำในตัว บอกว่าให้ช่วยเข้าไปให้กำลังใจทีมหน่อย ผมเดินเข้าไปก็เจอทีมบาสกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้ากันอยู่ ทีมนี้เหมือนเขาคัดหน้าตาเข้ามาครับ แต่จริงๆ ฝีมือดีทุกคน มีจากศึกษาพละ วิศวะ เกษตร เศรษฐศาสตร์ และคณะอื่นๆ ประปราย พอเห็นผมทุกคนก็กรูกันเข้ามารุมล้อมตาเป็นประกาย

“พี่เมมาจริงๆ ด้วย กัปตันเราเจ๋งไปเลย โอ้ยตัวจริงยิ่งน่ารัก ไม่ไหวแล้ว พี่เมช่วยเชียร์พวกผมด้วยนะ เราจะชนะให้ได้”

“ไอจั๊มพ์ เอ้ย กัปตันบอกแล้วใช่ไหมครับ ว่าถ้าชนะ พี่จะมีรางวัลพิเศษให้” ผมเอารางวัลเข้าล่อ ถึงไงก็อยากให้ทีมมหาลัยตัวเองชนะ ยิ่งเล่นในบ้านตัวเองด้วย พี่ดินพี่ชายผมเคยบอกว่าครับว่าถ้าผมไม่เก็กจะเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก มากจนจูงใจคนได้หมู่มากได้ถ้าผมรู้จักใช้ จริงหรือเปล่าคงต้องใช้งานนี้พิสูจน์กัน

พวกมันพยักหน้าหงึกๆ ท่าทางคาดหวังมาก ตาเป็นประกายเหมือนเด็กสามขวบเห็นขนมโปรด เอิ่ม ถ้าจะทำหน้าแบ๊วขนาดนี้ ได้โปรดระลึกถึงหุ่นล่ำสาวกรี๊ดและหน้าหล่อๆ ของพวกเอ็งไว้บ้างเถอะนะ

“พี่ขอมาบอกเงื่อนไขเพิ่มอีกหน่อย เดี๋ยวพี่จะไปนั่งเชียร์ด้วย ถ้าเราเล่นได้ดี โชว์จะยิ่งพิเศษขึ้น ตกลงไหม แต่ไม่ใช่แย่งซีนกันเองนะ พี่จะดูจากภาพรวมและความเป็นทีมเวิร์ค”

ทั้งทีมเอามือมาประสานกัน แล้วร้อง เฮ้ เสียงดัง พวกเอ็งยังไม่ต้องคึกตอนนี้ก็ได้ เอาไว้ลงสนามก่อน บางคนยังใส่แต่กางเกงในอยู่เลย ผมว่าไม่ใช่เพราะเสน่ห์ชักนำมวลชนอะไรที่พี่ดินพูดถึงแล้ว พวกมันเพี้ยนมากกว่า

“ขอให้โชคดีครับ เดี๋ยวพี่ออกไปรอเชียร์ข้างนอก ว่าแต่ ห้องน้ำไปทางด้านไหนครับ พี่จะแวะไปฉี่ก่อนออกไป”

“ด้านนี้ครับ ด้านนี้ ผมพาไปเอง” “ผม ผม” “ผมเอง” แย่งกับตอบซะฟังไม่รู้เรื่องเลย

ในที่สุดก็ยกโขยงกันไปหมด ทุกคนคงรู้ดีถึงนิสัยของผมที่ต้องรูดกางเกงลงจนสุดเวลาฉี่ ก็มันเป็นเรื่องที่ทำให้ผมชื่อเสียงโด่งดังจนกลบความเป็นไฮโซขี้แก็กนิสัยไม่ดีไปจนหมด รู้สึกดีนะ ที่กลายมาเป็นที่รักของคนทั้งมหาลัย แต่ไม่รู้จะโกรธหรือจะขอบคุณคนที่ใส่โปรแกรมบังคับจิตอันนั้นมาให้ผมดี

ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าโถฉี่แล้ว กำลังปลดเข็มขัดและตะขอออกเพื่อรูดกางเกงลง เสียงดังอื้ออึงเมื่อผมเผยแก้มก้นตึงต่อหน้านักบาสทั้งทีม ผมเริ่มฉี่ตามปกติขณะที่น้องๆ พึมพำชื่นชมว่าเป็นขวัญตาจริงๆ ที่ได้เห็นซาลาเปาแผดสมบัติของคณะบริหาร ตื่นเต้นอะไรกันนักหนานะ ในคณะเวลาฉี่ผมก็ทำแบบนี้ตลอด วันนึงมีสองสามครั้งเป็นอย่างน้อย เขาเห็นกันจนเบื่อแล้ว ผมเลยแยกขาเพิ่มขึ้นแล้วแอ่นบั้นท้ายไปด้านหลังเล็กน้อย ท่านี้น่าจะได้เห็นลึกขึ้นแบบรำไรๆ เสียงฮือฮาดังขึ้นอีก

“ทำอะไรวะไอ้มอม เอ๊ย ไอเม กูบอกให้มาให้กำลังใจ ไม่ใช่มาทำให้พวกแม่งขาสั่น เดี๋ยวก็ลงแข่งกันไม่ไหว” ไอจั๊มพ์เดินเข้ามาด่าเสียงดัง มันชอบหลุดทุกที ผมเตือนไม่รู้กี่ครั้งว่าอย่าเรียกชื่อนั้นต่อหน้าคนอื่น

“ไม่หรอกครับกัปตัน นี่พวกผมมีกำลังใจเต็มที่เลย ทีมคู่ต่อสู้ตายแน่”

“เออ ให้มันจริง ไปแต่งตัวกันให้เรียบร้อย ไอเม เดี๋ยวออกไป ไปนั่งตรงที่นั่งโค้ชนะ ช่วงพัก พวกมันจะได้ดีใจ”

ผมออกมานั่งเชียร์ตรงที่นั่งโคชตั้งแต่ต้นจนจบ ถามว่าสนุกไหม จะตอบยังไงดีล่ะ ถ้าจะพูดไป ก็ต้องถือว่าเป็นการเล่นที่ยอดเยี่ยมมาก การรุกรับประสานกันอย่างดี ชู๊ตสามแต้มลงกันเป็นว่าเล่น เรียกว่าเป็นเกมการเล่นที่บ้าพลังยิ่งกว่าแข่งรอบชิงเสียอีก แต่ที่พูดถึงนี่หมายถึงการเล่นของทีมผมเท่านั้นนะ เพราะถ้าพูดถึงการแข่งขันละก็เรียกได้ว่าไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย มหาลัยผมนำยาวตั้งแต่ต้นจนไปจบเกมที่สกอร์ 134 ต่อ 51 ทีมฝั่งตรงข้ามคอตกรีบขึ้นรถตู้กลับไป ขณะที่น้องๆ ในทีมไอจั๊มพ์หน้าบานระรื่นเหมือนกำลังจะได้ไปเที่ยวดีสนี่ย์แลนด์

แดนไลน์มาบอกว่ามารออยู่แล้ว ไม่ต้องรีบ จะกลับเมื่อไหร่ค่อยเรียกเขา ผมกะคร่าวๆ ผมโชว์พิเศษให้รางวัลกับน้องๆ ทีมบาสคงใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงแน่ๆ เพราะน้องๆ เล่นได้ดีขนาดนี้ เอาไงดี ไม่อยากให้แดนต้องรอนานโดยไม่ได้ทำอะไร ก็เขาเป็นคนขยันนี่ แล้วผมก็อยากให้เขาเห็นผมในแง่มุมอื่นด้วย ตอนนี้เขามองผมแบบผู้มีพระคุณอย่างเดียวจนเกินไป ผมอยากให้เขาเห็นว่าผมก็คนธรรมดา เป็นเพื่อนกับเขาได้ ไม่ได้สูงส่งไฮโซจนอยู่คนละโลกกัน ผมคิดแล้วก็ตัดสินใจตามแดนมาเจอกัน

“คุณเมเรียกผมมามีอะไรจะใช้ผมหรือเปล่าครับ” แดนยกมือไหว้

ผมส่ายหน้า น่าตีจริง ตั้งแต่วันนั้นแดนก็ไม่เรียกผมว่าพี่อีกเลย บอกว่าลองเอานามสกุลที่ป้ายหน้าบ้านผมไปค้นดู เห็นแล้วก็ไม่กล้าตีตัวเสมอ เลยเปลี่ยนมาเรียกคุณท่าน ผมที่อายุแค่ยี่สิบเอ็ดนี่นะ ผมทั้งขู่ทั้งปลอบยังไงก็ไม่ยอมเปลี่ยน จนมาตกลงกันที่เรียกแค่คุณเม

“ไม่มีอะไรหรอก ท่าทางจะอีกพักใหญ่ เลยให้ลงมาอยู่ด้วยกัน”

“จริงๆ ให้ผมรออยู่ในรถก็ได้ จะได้ไม่เกะกะคุณเมทำธุระกับเพื่อน เสร็จแล้วผมมารับถึงกะไดตึกให้เลยครับ”

“เอาเถอะ พี่จะให้เรามาดูอะไรนิดหน่อยด้วย”

ผมตัดบท ถึงไม่ยอมเรียกผมว่าพี่แต่ผมก็ยังแทนตัวเหมือนเดิม แดนจะทำอะไรได้

ผมสะพายกระเป๋าเป้ใบค่อนข้างใหญ่ที่เอาติดมาด้วยตั้งแต่เช้าเดินนำเข้าไปที่ห้องล็อคเกอร์ ก่อนเข้าไปผมกระซิบบอกแดนว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องตกใจ เป็นแค่การเล่นกันในหมู่เพื่อนๆ ให้แดนแค่สังเกตการณ์เฉยๆ ในห้อง พอเข้าไปห้องก็พบน้องๆ ในทีมทั้งตัวจริงตัวสำรองรอกันอยู่แล้ว ท่าทางจะอาบน้ำกันเสร็จแล้วเป็นส่วนใหญ่ เนื้อตัวยังเปียกๆ กันอยู่ นุ่งผ้าเช็ดตัวบ้าง นุ่งกางเกงในบ้าง ที่ยังเปลือยอยู่ก็รีบกระมิดกระเมี้ยนเอาผ้าเช็ดตัวมานุ่ง น้องๆ ส่งเสียงเรียกผมอย่างดีใจ

“พี่เมมาแล้ว พี่เม พวกผมเก่งเปล่า ทำได้แล้ว เย้” คนโน้นเรียก คนนี้เรียก ไม่รู้จะยิ้มให้ใครก่อน เลยโปรยให้ทีเดียวทั่วๆ กัน

“มาแล้ว เทพธิดาแห่งชัยชนะ” ไอจั๊มพ์ครับ มันกวนตีน เทพธิดาพ่อง

ผมแนะนำน้องแดนเร็วๆ ว่าเป็นคนติดตามของผม มาช่วยดูแลความเรียบร้อย น้องแดนยกมือไหว้ทุกคนเลยครับ เด็กปีสองปีสามทั้งนั้น ผมว่าน้องแดนแก่กว่าแน่นอน เพราะจริงๆ ผมยังอายุน้อยกว่าแดนเกือบปีนึงเลย แต่น้องหน้าเด็กคงไม่เป็นไร ไอจั๊มพ์ยังถามว่าเป็นเด็กที่บ้านเหรอ

ผมบอกรายละเอียดสิ่งที่ผมจะทำและเงื่อนไขคร่าวๆ เพื่อให้ไอจั๊มพ์ไปถ่ายทอดให้น้องๆ และควบคุมให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ผมขอ จากนั้นผมก็กล่าวแสดงความยินดีกับน้องๆ ในทีม

“วันนี้ทำได้ดีมากครับ พี่ประทับใจ น้องๆ แต่ละคนเก่งกันมาก และพอเล่นเป็นทีมที่เข้าขากัน ยิ่งเก่งเข้าไปใหญ่ พี่ไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้ก่อนแข่งนะครับ แต่อยากบอกน้องๆ ว่า ไม่อยากให้น้องๆ ทำกันเต็มที่เฉพาะเวลามีของรางวัล หรือมีสิ่งจูงใจ แต่อยากให้เต็มที่ทุกครั้งที่เราทำสิ่งที่เป็นหน้าที่รับผิดชอบหรือแม้แต่การทำสิ่งที่เราชอบ จะไม่ได้มานั่งเสียใจทีหลัง พี่อยากเห็นความพยายามอย่างต่อเนื่องของพวกเรา ไม่ใช่เฉพาะแค่วันนี้”

น้องปีสองด้านหน้าถึงกับหน้าเสีย “แล้ววันนี้พวกผมจะไม่ได้รางวัลบ้างเหรอครับ ผมสู้เพื่อพี่เต็มที่เลย”

ทั้งห้องเงียบกริบเหมือนกลั้นใจฟังคำตอบ

“พี่แค่บอกว่าอยากให้ทำเต็มที่ทุกครั้งไม่ว่าจะมีรางวัลหรือไม่ก็ตามครับ ไม่ได้บอกว่าวันนี้จะไม่ให้ น้องๆ เล่นดีกันขนาดนี้นี่นา” ทั้งห้องเฮลั่นเลยครับที่นี้

“พี่มีสิ่งที่อยากขอร้องให้น้องช่วยปฏิบัติตามด้วย เดี๋ยวให้กัปตันของน้องๆ มาอธิบายให้ฟังครับ พี่ขอไปเตรียมตัวก่อน”

ผมเดินออกมายังโซนห้องน้ำที่อยู่ติดกัน แต่ยังได้ยินเสียงไอจั๊มพ์บอกรายละเอียดกับน้องอยู่

“วันนี้พี่เมจะจัดพิเศษให้น้องๆ ครับ ปกติพี่เมเขาจะแต่โชว์ท่อนล่างด้านหลังตอนฉี่แบบที่พวกเราเห็นก่อนแข่ง แต่ครั้งนี้พี่เมเขาจะไปอาบน้ำในห้องน้ำที่พวกเราใช้กันโดยไม่รูดม่านปิดครับ” เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที

ไอจั๊มพ์พูดต่อ “แต่คงได้เห็นแค่ด้านหลังแหละนะ เมมันยังไม่เคยโชว์ด้านหน้ามาก่อน แม้แต่ในคณะบริหารเอง สิ่งที่พี่เมขอร้องคือ อย่าบันทึกภาพใดๆ ทั้งสิ้น และขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับจะได้ไม่เกิดความยุ่งยากตามมา มีใครปฏิบัติไม่ได้บ้าง” ไม่เห็นได้ยินเสียงใครตอบนะ

“ดี งั้นเดี๋ยวไปกันเลย เมคงพร้อมแล้ว”

เสียงพูดคุยด้วยความตื่นเต้นดังเต็มห้อง ขณะที่ไอ้จั๊มพ์ต้อนน้องๆ มาที่โซนห้องน้ำ

ตอนนี้ผมยืนอยู่ในห้องอาบน้ำแล้วแต่ยังใส่เสื้อผ้าอยู่ ห้องอาบน้ำที่นี่แบ่งเป็นห้องฝักบัวเล็กๆ ห้าห้องปูกระเบื้องสีน้ำเงิน ไม่มีประตูแต่ติดเป็นราวม่านพลาสติกแทน ผมอยู่ในห้องริมด้านนอกสุดรูดเปิดม่านไว้ แดนยืนอยู่ตรงหน้าห้องถือกระเป๋าเป้ของผมไว้เพื่อควรอำนวยความสะดวกให้ ห้องน้ำที่นี่ติดไฟสว่างมองเห็นได้ชัดถนัดตาจริงๆ น้องๆ ทีมบาสตอนนี้มายืนออเบียดกันตรงหน้าห้องที่ผมอยู่โดยทิ้งระยะห่างออกไปเล็กน้อยเพื่อให้ได้เห็นทั่วถึงกันทุกคน ผมหันหลังมายิ้มให้ทุกคนแล้วเริ่มถอดเสื้อออก ส่งให้แดนที่ยืนคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ เสียงฮือดังขึ้นทันที

“พี่เมขาวมากกกกก เนียนไปทั้งตัว”

“น.. น่ะ... นม ชมพู น่าร๊าก”

“พี่เม ซ่อนรูปอ่ะ หุ่นดีเชียว มาอยู่ทีมบาสด้วยกันดีกว่า”

ถึงผมจะโชว์บ่อยเวลาฉี่ แต่ก็ไม่ค่อยได้ถอดเสื้อให้ใครเห็น ผมหมุนตัวหันกลับไปด้านฝักบัว ถอดกางเกงออกตามด้วยกางเกงใน แล้วยื่นส่งไปด้านหลังเพื่อให้แดนรับไว้โดยไม่หันหน้ามาทางน้องๆ ตอนนี้ร่างเปลือยทั้งตัวของผม คงปรากฏต่อสายตาของเด็กในทีมทั้งหมด รวมถึงไอจั๊มพ์และน้องแดนด้วย มาแล้วครับเสียงเชียร์ เสียงร้องแสดงความคึก เสียงเป่าปาก เสียงแสดงความเห็น ดังระงม

“พี่เม พี่เม พี่เม...” คร๊าบบ พี่ชื่อเม สมัครเป็นแฟนคลับพี่ด้วยนะครับ

“อ๊ากกก น่ากอดที่สุดไม่ไหวแล้ว” ได้แค่กอดนะครับ
“อยากเอาหน้าซุกไปตรงนั้น” ตรงไหนครับน้อง เดี๋ยวขอถูสบู่ให้หอมก่อน

ผมเปิดน้ำฝักบัวให้ไหลชโลมทั่วเรือนร่าง ผมว่าเวลาตัวเปียกนี่ก็น่าจะเซ็กซี่ดีนะครับ แบบไรขนอ่อนๆ มันจะลู่ไปตามแนวน้ำไหลดูเป็นระเบียบดี พิสูจน์ได้จากเสียงเชียร์ที่ดังขึ้นอีก ผมลูบไล้ไปทั่วตัวเปล่าเปลือย แล้วแยกขาออกก้มตัวลงไปข้างหน้าเพื่อล้างเท้าและช่วงขา ท่านี้คงเผยให้เห็นอะไรๆ ของผมจากทางด้านหลังมากขึ้น เสียงเฮดังขึ้นอีก

ผมเอื้อมมือไปขอสบู่ก้อนจากน้องแดน เหมือนน้องเขาจะมือสั่นนะนี่ตอนส่งให้ ผมถูสบู่ไปทั่วลำตัวด้านหน้าด้านหลัง ผมลองถูหลายๆ ท่าไปตามอวัยวะส่วนต่างๆ อยากรู้ว่าแบบไหนน้องๆ จะชอบที่สุดโดยฟังจากความดังของเสียงเชียร์ มติเป็นเอกฉันท์ครับ ท่าที่เอาสบู่ไปถูแนวร่องก้น แบบโก้งโค้งหน่อยๆ ชนะเลิศ เสียงเชียร์ดังถล่มถลาย

แค่นี้พอยังนะ ผมนึก แต่น้องๆ พยายามกันมากจริงๆ ผมอยากให้อะไรเป็นพิเศษที่น้องๆ จะไม่มีวันลืม ผมให้ฝักบัวรดหัวอีกรอบปิดน้ำ จากนั้นก็วางสบู่ไว้ต้องที่วางใต้ฝักบัว ผมขอให้แดนส่งแชมพูมาให้แทน ผมเทแชมพูออกมาสระผมในปริมาณที่มากกว่าปกติจนฟองฟูฟ่องไปหมด ผมเอาฟองมาโปะๆ ที่ตรงของสงวนแล้วหันตัวกลับไปเผชิญหน้ากับน้องๆ เสียงเชียร์เงียบกริบทันที

ผมใจเสียขึ้นมา นี่มันไม่น่าดูใช่ไหม ผมเห็นไม่ชัดว่าน้องๆ มีสีหน้ายังไงเพราะผมหรี่ตาอยู่กลัวแชมพูเข้าตา ใช่ซี่ของผมมันไม่ได้เรื่อง ไม่ใหญ่เหมือนของไอ้แดน มันโชว์คนมาตั้งกี่คนแล้วคงมีแต่คนชื่นชม แล้วพอผมอยากโชว์มั่งถึงเล็กไปหน่อยก็น่าจะให้กำลังใจกันบ้าง โดนน้ำเย็นมันก็หดไปเป็นธรรมดา นี่ก็เอาฟองปิดกันอุจาดตาให้แล้วไง มันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ แหงสิของพวกมึงมีแต่ใหญ่ๆ กันทั้งนั้นนี่ กูแอบเห็น แล้วไง คนไม่ใหญ่จะไม่ให้มีที่ยืนในสังคมเลยหรือ ผมสติแตกไปแล้ว

ทันใดนั้นเสียงร้องระงมดังประมาณสามเท่าของก่อนหน้านี้ก็ดังขึ้นแก้วหูแทบแตก

“ในที่สุด ชีวิตนี้ก็นอนตายตาหลับแล้ว” มึงเพิ่งยี่สิบเองมั๊ง คิดเรื่องตายเร็วไปเปล่า

“น่ารักโฮก ไอเท็มขาวอมชมพูในตำนานที่ไม่มีใครเคยเห็น ในที่สุดบอสก็ดรอปมาแล้ว ออร่าวิ๊งค์ทะลุฟอง” มึงเป็นเด็กติดเกมใช่ไหม ตอบ

“ไอ้ฟองบ้าๆ กูเกลียดมึง ฮือๆ” ฟองมีประโยชน์นะน้อง ไม่มีเลยเบียร์คงไม่น่ากิน

“แม่ครับ ขอโทษครับ ผมคงมีเมียมีหลานให้ไม่ได้แล้ว คงต้องเป็นสาวกของพี่เมไปชั่วชีวิต” คุณหญิงแม่น้องจะมาด่าพี่ไหมครับ

“สงบสติอารมณ์หน่อยพวกมึง จะมาหื่นใส่เพื่อนกูเพื่อ? นี่รุ่นพี่มึงนะ รุ่นพี่”  หือ ไอ้จั๊มพ์ นึกว่าจะชมกูด้วย กำลังฟินๆ เสียรมณ์

แต่ผมก็เห็นจริงตามมันนะ เดี๋ยวน้องคุมสติไม่อยู่ มารุมล้อมคนหล่อขอรายเซ็น เดี๋ยวกลับบ้านช้าแย่เลย ในที่สุดเมธัสคนนี้ก็ยังเป็นที่หนึ่ง จะด้านหน้าด้านหลัง ความมั่นใจผมกลับมาเต็มร้อยห้าสิบแล้วครับ ผมหันกลับไปล้างฟองออกจนสะอาด ขอผ้าเช็ดจากแดนมานุ่งแล้วเดินมาคุยกับน้องต่ออีกนิด หัวนมแอบแข็งเพราะน้ำมันเย็น

“พี่ทำตามสัญญาแล้วนะครับ ชุดพิเศษจริงๆ น้องคณะพี่ยังไม่เคยเห็นเลย ขออย่าเอาไปเล่าให้ใครฟังนะครับ เป็นความลับระหว่างพี่กับพวกเรา”

น้องๆ ยกมือไหว้ขอบคุณพร้อมเพรียงกัน มันน่ารักดีจริงๆ เด็กทีมนี้ ถึงจะตัวควายไปหน่อยก็เถอะ ผมกวาดสายตาไปทั่วๆ เอิ่ม มึงจะตุงโด่อะไรกันนักกันหนา เริ่มไม่น่ารักแล้ว อิจฉาเฟ้ย

“และอย่างที่บอก พี่อยากให้ทำเต็มที่ทุกครั้งไม่ว่าจะมีรางวัลหรือไม่ก็ตามครับ พี่รู้ครั้งนี้พวกเราทำเต็มที่เพื่อพี่ซึ่งพี่ก็ดีใจและภูมิใจ แต่ครั้งต่อๆ ไป พี่อยากให้พวกเราทำเต็มที่เพราะมันเป็นสิ่งที่พวกเรารัก ทำเพื่อมหาลัย ทำเพื่อตัวเราเอง การที่เรามุ่งมั่นฝึกฝนตัวเองจนสำเร็จในสิ่งที่ท้าทายที่เป็นเรื่องดีอย่างกีฬา มันจะทำให้เรามีจิตใจที่เข้มแข็ง สามารถพัฒนาตนเองไปถึงจุดหมายได้ ซึ่งเป็นประโยชน์กับน้องๆ เอง ในการเรียนการทำงานต่อไป”

ผมพูดตามโพยที่ไอจั๊มพ์แอบยัดใส่มือมาครับ

“พี่จะคอยเชียร์พวกเรา ยังไงก็อาจได้เจอกับอะไรที่พิเศษๆ แบบนี้อีก” ผมหยอดไว้นิดเป็นกำลังใจ

“แล้วระหว่างนี้พี่ไม่มีอะไรเป็นกำลังใจทิ้งไว้ให้พวกผมหน่อยเหรอครับ แบบที่จับต้องได้ ไอพี่จั๊มพ์ฝึกหนักจะตาย”

ได้คืบจะเอาศอก ไอเด็กพวกนี้ เอาก้นตูเป็นแบบหล่อปูนพลาสเตอร์ทิ้งไว้ให้แม่งเลยดีไหม

“อะไรล่ะครับ พี่นึกไม่ออก” ผมไม่มีอะไรจะให้ ของที่โชว์ไปเมื่อกี๊ก็มีอันเดียวตัวเดียวซะด้วย

น้องหันไปซุบซิบกันแล้วส่งตัวแทนมาบอกเขินๆ ว่า

“พวกผมขอกางเกงในที่พี่ถอดตอนอาบน้ำได้ไหมครับ”

ผมอึ้งไปนิด กางเกงในผมเป็นยี่ห้อหรูเนื้อดีก็จริง แต่พวกเอ็งก็ดูไม่จน ทำไมถึงอยากจะได้ของมือสองแบบนี้ แล้วนี่มีตัวเดียวน้องตั้งเยอะใครจะได้ไปล่ะ ของแบบนี้เขาคงไม่ใส่ร่วมกันนะ

“จะเอาจริงๆ เหรอ พี่ก็ไม่ได้หวงหรอกนะ แต่มันมีตัวเดียว ให้พี่ซื้อมาแจกคนละตัวไหมล่ะ” เดี๋ยวผมจะไปเก็บเงินจากไอจั๊มพ์ น้องทีมมันนี่นะ

“เอาแค่ของพี่ตัวเดียวนี่และครับ” น้องๆ ยืนยัน

“งั้นให้คนที่เล่นดีที่สุดคนเดียวดีไหมครับ เดี๋ยวให้กัปตันน้องเป็นคนตัดสิน” เอาอย่างนี้แล้วกันครับ อย่างน้อยคนที่ได้ไป ยังเอาไปใช้ได้

น้องแต่ละคนทำท่ามีความหวัง แต่ก็เหมือนลังเลไม่แน่ใจ น้องหันไปซุบซิบกันอีกทีแล้วยืนยันว่า

“ขอให้เป็นของทั้งทีมดีกว่าครับ ความสำเร็จมันก็เกิดจากการเล่นร่วมกันเป็นทีม รวมถึงการสนับสนุนของตัวสำรองด้วย”

ผมปลื้มปริ่มจนน้ำตาแทบไหล นี่น้องเข้าใจถึงสิ่งที่ผมพยายามบอกแล้วใช่ไหม

“เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวพี่กลับบ้านไปซักแล้วจะฝากไอจั๊มพ์มาให้”

น้องที่กำลังเตรียมจะเฮ ร้องเฮ้ยตกใจแล้วรีบบอกปากคอสั่น

“ไม่ได้นะครับ เอ่อ คือหมายถึงผมเกรงใจนะครับ ขอเอาไว้เลยดีกว่าจะได้ไม่ต้องยุ่งยาก ผมกลัวพี่ลืมด้วย”

แหม ผมไม่ได้ขี้ลืมขนาดนั้นนะ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมขอเป้มาจากแดน แล้วค้นๆ แล้วหยิบกางเกงในที่ถอดไว้ตอนอาบน้ำออกมา แดนพับให้เรียบร้อยเลยแฮะ บริการดีจริงๆ

หึหึ หมั่นไส้ผมกันมากไหม อะไรจะใสซื่อขนาดนั้น ผมไม่ได้ไร้เดียงสาแบบนั้นหรอก แต่ก่อนสมัยเป็นคุณชายขี้แก๊ก ไม่ค่อยมีใครอยากคบ ก็เคยใสจริงอยู่หรอกกับเรื่องแบบนี้ แต่พอป๊อบขึ้นมา คบกับเพื่อนหลากหลาย มีคนเข้าหาต่างๆ นาๆ ก็พอรู้อยู่บ้างแหละครับ ไม่งั้นคงไม่สามารถรักษาตัวมาได้จนถึงทุกวันนี้ แต่ไอเด็กพวกนี้มันน่ารักไง และผมก็มองออกว่ามันชื่นชมแล้วก็นับถือผมจริงๆ แบบเป็นไอดอลอะไรอย่างนั้น ถึงบางทีจะเกินเลยไป แต่มันคงไม่ได้ขนาดจะคิดมารุมโทรมผมหรืออะไรแนวๆ นั้น ผมเลยพยายามมองข้ามอะไรที่มันดาร์คๆ ไปบ้าง อยากจะเก็บแต่ภาพดีๆ ไว้ ยังไงผมก็ตัดสินใจยกให้ไปแล้ว จะเอาไปทำอะไรก็เรื่องของพวกมัน

ผมส่งกางเกงในให้ไอน้องตัวหัวโจก มันไหว้ขอบคุณอย่างงาม ไอพวกเด็กๆ มารุมกันใหญ่ ก้มดูใกล้ขนาดนั้น สวมหัวไปเลยดีกว่าไหมไหม ได้ยินเสียงน้องคุยกันว่าให้เอาใส่ถุงพลาสติกปิดให้สนิท อีกคนเตรียมร่างกติกาการใช้งานร่วมกัน เป็นอะไรมากไหมพวกเอ็ง

ผมแต่งตัวเพื่อเตรียมจะกลับบ้าน มีน้องคนนึงเข้ามาถาม

“พี่เมครับ สบู่ก้อนที่พี่ลืมไว้ในห้องน้ำ ผมขอได้ไหมครับ ที่นี้ไม่ค่อยมีสบู่ใช้เลยหายบ่อย เดี๋ยวผมจะอาบน้ำอีกที ร้อนๆ ยังไงก็ไม่รู้”

ผมพยักหน้า น้องเขารีบเข้าไปอาบน้ำในห้องที่ผมอาบทันที

น้องคนอื่นที่ได้ยินรีบวิ่งเข้ามา “ไอสัด กูอาบด้วย ทำไมกูนึกไม่ถึงวะ” อัดกันเข้าไปได้ไงวะนั่นตั้งห้าคน ห้องน้ำก็แคบๆ ใยกล้วยไม่พันกันบ้างเหรอ

เสียงคุยกันในห้องอาบน้ำได้ยินถนัด

“เฮ้ย มึงว่าเส้นนี้ของพี่เขาเปล่าวะ”

“เอามาจากบนสบู่หรือบนพื้น”

“เจอบนพื้นว่ะ”

“ห้องนี้พวกเราอาบกันก่อนหน้าพี่เขาซักสองคนได้มั๊ง ความน่าจะเป็นหนึ่งในสาม ถ้าไม่ใช่ของพี่เขาก็ของพวกเรากันเองนี่แหละ มึงจะเสี่ยงเหรอ”

“ไอสัด กูจะอ้วก มึงทำลายความหวังกู เฮ้ย อย่าเบียดมากสิวะแทบลงร่องกูแล้ว”

จริงๆ ถ้ากล้ามาขอกับผมตรงๆ ผมก็กล้าให้นะ จะล้วงไปถอนให้ตอนนั้นเลย ไม่ต้องเดา

ผมว่าผมไปดีกว่า ชักจะไปกันใหญ่แล้ว ไม่น่าให้แดนมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้เลย  ไอจั๊มพ์มายืนเป็นเพื่อนผม รอแดนไปเอารถมา

“ขอบใจมึงมาก กูล้างอายคราวที่แล้วได้แล้ว ไม่เคยเห็นพวกมันตั้งใจซ้อมตั้งใจแข่งขนาดนี้มาก่อนเลย”

“ช่วยๆ กัน ชดเชยที่กูไปหลอกมึงก่อน”

“แต่กูว่าต่อไปถ้ามึงจะโชว์อีกต้องระวังตัวหน่อย วันนี้กูยังเกือบเอาไม่อยู่ ขนาดน้องๆ ในทีมกูเองนะ ถ้าไม่มีฟองบังนะ มึงคงเสร็จไปแล้ว ฟีโรโมนล้นเหลือจริงๆ กูยังเคลิ้มเลย ขนาดเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก เด็กที่มึงพามาด้วยหน้าแดงแล้วแดงอีก”

“คงไม่แล้วอ่ะโชว์แบบนี้ต่อหน้าคนเยอะๆ กูก็เสียวเกิน เดี๋ยวควบคุมตัวเองไม่อยู่”

“ดี กูเริ่มหวงๆ แล้วเหมือนกัน”
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 26] รางวัลแห่งความตั้งใจ 29/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 29-12-2015 00:01:13

แดนวนแทกซี่มาจอดตรงหน้า แล้วรีบลงมาเปิดประตูให้ ไอจั๊มพ์ดูงงๆ

“มึงไปแทกซี่เหรอ นึกว่ารถที่บ้านมารับ อ้าว นั่นน้องแดนนี่”

“แดนเขาขับแทกซี่เป็นรายได้เสริมน่ะ กูเลยช่วยอุดหนุน กูไปล่ะ ไว้เจอกันมึง”

ผมขึ้นไปนั่งเบาะข้างคนขับตามที่ทำมาโดยตลอดในช่วงหลัง

“ต้องการรับแพ็คเกจเสริมหรือเปล่าครับ” แดนถามหลังกดมิเตอร์ ผมให้แดนกดมิเตอร์ตลอดครับถึงจะให้เขาเป็นเหมาจ่ายทั้งวันก็ตาม

“อ้าว ไปปฏิเสธผู้โดนสารมาเพิ่มเหรอ หลังๆ นี่พอเราใช้ GPS แล้วไม่ค่อยโดนหนี้เพิ่มแล้วนี่ เมื่อเช้าตอนมาส่งพี่ก็ยังไม่มีเลย”

ก็ตามนั้นแหละครับ พอแดนใช้ GPS ที่ผมให้เป็น ก็ไม่ค่อยจะต้องปฏิเสธผู้โดยสารเท่าไหร่ แถมถ้าเกิดมีหนี้ขึ้นมา แดนมักจะเก็บไว้มาชดใช้หนี้กับผม แดนเขาสังเกตจนรู้ว่า ถ้าผู้โดยสารที่รับมา มีเด็ก ผู้หญิง หรือคนแก่ขึ้นมาด้วย จะไม่โดนบังคับจิตให้โชว์ เขาเลยสามารถจัดการได้บ้างบางส่วนเพื่อรอมาเจอผม

“เอ่อ คือพอดีเขาเรียกไปต่างจังหวัดอ่ะครับ ผมคงกลับมาไม่ทัน มีรหัสลับหรือเปล่าครับ” แดนถามตามบท

ผมบอกรหัสประจำเดือนที่ใช้บ่อยจนขึ้นใจออกไป ทุกอย่างก็เป็นไปเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนแดนจะแข็งตัวรออยู่ก่อนแล้วและมากเป็นพิเศษด้วย แดนเริ่มสาวลำไปเรื่อยๆ ผมลังเลว่าจะช่วยแดนดีหรือไม่ อยากก็อยากอยู่นะเพราะผมมีอารมณ์สะสมมาตั้งแต่ตอนโชว์แล้ว แต่สงบไว้ได้ด้วยน้ำเย็นๆ แต่ที่กังวลคือตอนนี้ผมไม่ได้ใส่กางเกงในนะสิ ถ้าช่วยแดนคงโป่งเป็นเต้นท์แน่ถึงจะไม่ใหญ่เท่าไหร่ก็ตาม

แดนหันมาสบตาผมสีหน้าเหมือนจะอ้อนวอน นี่เขาขอให้ผมช่วยอยู่ใช่ไหม เอาไงเอากัน วันนี้น้องก็เห็นไปตั้งเท่าไหร่แล้ว แค่เป้านูนแค่นี้จะเป็นไรไป ผมคว้าหมับที่ท่อนลำน้อง นี่มันทั้งแข็งทั้งร้อนกว่าปกติจริงๆ แถมมีน้ำส่วนปลายชึมออกมาเยอะมาก ผมสาวเบาๆ แบบปลอบประโลมก่อนจะค่อยเร่งมือขึ้น แดนพยายามอั้นเสียงไว้แต่ก็มีเล็ดรอดมาบ้าง เขาไม่ได้มีหนี้ที่ต้องมาล้างกับผมมาสัปดาห์นึงได้แล้ว ใช้เวลาไม่นานแดนก็ปลดปล่อยน้ำออกมามากมายมหาศาล มันเต็มมือผมจนล้นมาอาบข้อมือ มีบางส่วนไหลย้อยไปถึงข้อศอก แดนรีบส่งผ้าขนหนูที่เขาเตรียมไว้ประจำให้ ตามด้วยเจลล้างมือ ทิชชู่เปียก ทิชชู่แห้ง ให้ผมทำความสะอาดจนเสร็จครบกระบวนความ

และก็เป็นไปตามคาดครับ เป้ากางเกงผมตุงขึ้นมาแล้ว วันนี้ใส่สแล็คมาด้วย กางเกงในก็ถูกเด็กขอไป ผมเห็นแดนเหลือบตามาทางผมบ่อยๆ ไม่รู้มองกระจกมองข้างซ้าย หรือมองอะไรที่ต่ำและใกล้กว่านั้น ผมว่าน้ำจากส่วนปลายมันเริ่มซึมผ่านกางเกงออกมาเป็นดวงแล้วล่ะ ก็ไม่มีกางเกงในมาคอยซับนี่นา

ผมนึกเคืองนิดหน่อย นี่ถ้าเข้าบ้านกว่าจะเดินถึงห้อง ผ่านพ่อบ้านแม่บ้าน เผลอๆ เจอคุณหญิงแม่ต้องคุยทักทายออดอ้อนกันอีก ยังดีที่คุณพ่อคงยังไม่กลับหรอกช่วงเวลานี้ ถึงผมจะไม่รังเกียจการโชว์แต่ก็ไม่ใช่กับคนในบ้านนะ จะโทษแดนคนเดียวก็ไม่ได้ ก็ปกติผมก็ทำให้มันเกือบทุกครั้งที่มันมาล้างหนี้ จะว่าไอพวกที่เอากางเกงในผมไปก็ไม่เต็มปาก ก็มันเล่นเต็มที่จนชนะขนาดนั้น แค่นี้ยังน้อยไปเลย

“พี่เปลี่ยนใจแล้ว เดี๋ยวไปส่งพี่ที่คอนโดแทน”

ผมบอกแดน สรุปว่าวันนี้ผมไปค้างที่คอนโดแล้วกันถึงพรุ่งนี้จะต้องไปพบคุณพ่อเห็นว่ามีเรื่องสำคัญ คอนโดผมไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ จะเลยเข้าไปในเมืองอีกหน่อย แดนกลับรถเพื่อเปลี่ยนเส้นทางไปที่คอนโด ผมนึกได้ว่ามีงานอีกชิ้นที่ต้องทำอยู่ที่บ้าน เลยโทรไปบอกพ่อบ้านให้คนไปหยิบมาเตรียมไว้พร้อมจัดเสื้อผ้าให้เพิ่มเติม แดนเคยไปส่งผมที่คอนโดสองสามครั้งแล้ว ก่อนหน้านี้ผมนอนที่คอนโดตลอดเพราะสะดวกดีเวลาไปเที่ยวไหน แต่ตั้งแต่ที่มีปัญหาเรื่องการฉี่นอกสถานที่ผมก็ไม่ค่อยได้ไปไหนกลับบ้านบ่อยจนติด แต่ก็ยังมานอนที่คอนโดบ้างเพราะบางทีงานเยอะ ปีสี่แล้ว

แดนส่งผมลงตรงทางเข้าลอบบี้ รปภ. รีบมาปิดประตูให้ทันที คอนโดนี้เขาหรูครับ การบริการสะดวกสบาย ความปลอดภัยเลิศ ผมบอกให้แดนเอารถไปส่งที่อู่แล้วนั่งแทกซี่ไปที่บ้านผมเพื่อไปเอาของกับเสื้อผ้าของผมมาส่งให้ที่คอนโด ผมบอกให้แดนขับรถคันเล็กกลับมาจะได้มาจอดทิ้งไว้คอนโด เพราะเมื่อวันก่อนผมขับกลับไปบ้านแล้วนั่งแทกซี่ของแดนออกมา ที่บ้านผม หัวหน้าพ่อบ้านยัน รปภ. รู้จักแดนหมดแล้วครับ ผมบอกว่าเป็นลูกน้องที่ผมไว้ให้ช่วยงานตอนอยู่ข้างนอก ผมเรียก รปภ. คอนโดให้มาจำหน้าแดนไว้จะได้ให้เขากดลิฟท์ส่งแดนขึ้นไปที่ชั้นห้องผมตอนมาถึง

ผมนอนเล่นแท็บเล็ตอยู่ในห้องนอนที่คอนโด พยายามไม่รื้อข้าวของอะไรให้รกเพิ่มอีก เพราะแม่บ้านที่จ้างไว้ทำความสะอาดขอกลับไปดูแลลูกสาวที่เพิ่งคลอดหลานที่ต่างจังหวัดบ้านลูกเขย เดิมแกขอร้องไว้ว่าอย่าแจ้งคอนโดเพราะแกจะถูกตัดเงิน และถ้าไปนานเขาอาจให้คนอื่นมาทำแทนแกได้ แต่ไปๆ มาๆ แกเพิ่งติดต่อมาเมื่อวานว่าคงไม่กลับมาทำแล้วเพราะลูกสาวขอให้อยู่ช่วยเลี้ยงหลานและลูกเขยก็ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไม่อยากให้แม่มาลำบาก ผมก็เซ็งเล็กน้อยเพราะห้องรกมาเป็นสัปดาห์ แถมเพิ่งแจ้งมาด้วย อีกนานกว่าคอนโดหาคนใหม่ที่ไว้ใจได้ แต่ก็อวยพรไปตามเรื่องเพราะยังไงแกก็ไปได้ดีอยู่กับลูกหลาน และตอนทำงานให้ผมก็ขยันซื่อสัตย์ไว้ใจได้ดี

ผมเล่นไลน์อยู่ กำลังขำรูปที่ไอเหนือเมฆถ่ายตัวเองในยิมแล้วส่งมาในกลุ่ม “เก้งหล่อ BA67” แล้วโดนเพื่อนเก้งในกลุ่มรุมวิจารณ์อยู่ ทั้งขนจั๊กกะแร้รกบ้างล่ะ เลี้ยงสาหร่ายที่สะดือบ้าง บางคนบอกว่าไหนว่าป่าดงดิบเมืองไทยมันถูกโค่นไปหมดแล้วไง จิกกัดสารพัด อ่านเพลินๆ ก็มีฟอร์เวิร์ดไลน์รหัสลับการใช้บริการแพ็คเกิจเสริมแทกซี่ประจำเดือนนี้ขึ้นมา อ้าว วันนี้มันวันที่หนึ่งของเดือนใหม่แล้วเหรอ ลืมวันลืมคืนแล้วตู แล้วทำไมรหัสลับของเดือนที่แล้วยังใช้กับแดนได้อยู่เลยเมื่อตอนขามาคอนโด ผมค่อนข้างแน่ใจว่ารหัสในแต่ละเดือนจะไม่สามารถใช้ข้ามเดือนได้แม้แค่เพียงวันเดียว เพราะพี่แทกซี่คันแรกที่เจอเคยบอกไว้ และแดนเองก็เคยบอกไว้เหมือนกัน ผมนึกเหตุการณ์ต่างๆ ประกอบกันจนคิดว่าน่าจะได้ข้อสรุปแล้วก็อมยิ้ม เดี๋ยวเถอะเจ้าเด็กแสบ เห็นเรียบร้อยนิสัยดีอย่างนี้กลับมาหลอกกันได้

ช่วงเดือนที่ผ่านมาที่ผมได้คุยกับแดนเรื่อยๆ ทั้งเพื่อเก็บข้อมูลเรื่องการบังคับจิตแทกซี่ และคุยเรื่อยเปื่อยเวลาน้องขับรถให้ ผมว่าผมทราบนิสัยใจคอและความเป็นมาของน้องเป็นอย่างดีเพราะน้องเป็นคนซื่อมีอะไรคิดอะไรก็บอกมาตรงๆ ที่เห็นว่าชื่อแดนเหมือนฝรั่งแต่จริงๆ น้องชื่อจริงว่าชายแดนครับ พ่อของน้องตั้งให้ เขาเป็นตำรวจตระเวนชายแดนแต่เสียชีวิตในหน้าที่ไปตั้งแต่น้องยังเล็กๆ แม่น้องก็พยายามกัดฟันเลี้ยงดูน้องมา โชคดีที่บ้านที่กาญจนบุรีที่น้องอยู่มีญาติพี่น้องฝั่งแม่อยู่กันหลายครอบครัว ถึงจะฐานะไม่ดีมากนักแต่ก็ได้ช่วยเหลือเจือจุนกันไป น้องเลยมีตายายลุงป้าดูแลอบรมมาตั้งแต่เด็กถึงมีนิสัยดีอย่างนี้ พอจบแค่ ปวช. ก็ไม่เรียนต่อรีบทำงานหาเงินไว้เป็นเงินเก็บให้แม่แล้วก็เป็นทุนในการเรียนต่อด้านอาหารอย่างที่ตั้งเป้าชีวิตไว้ จนครบสี่ปี น้องก็เก็บเงินพอที่จะมาเรียนต่อที่กรุงเทพ ใช้กู้ กยศ. ช่วยด้วย แต่ความที่ไม่อยากให้แม่เป็นภาระกับญาติพี่น้องทางโน้นจนเกินไป น้องเลยมาขับแทกซี่ไปด้วย เพราะได้รายดีพอที่จะส่งเงินให้แม่ได้

เสียงเคาะประตูดังขึ้น แดนน่าจะมาถึงแล้ว ผมลุกขึ้นไปส่องตาแมวแล้วเปิดประตูให้น้องเข้ามาในห้อง น้องทำท่าตื่นเต้นกับความหรูหราของห้อง นี่ขนาดผมแต่งแบบเรียบๆ แล้วนะ

“ทำไมมันหรูหราอย่างนี้ครับคุณเม”

น้องอดไม่ได้พูดขึ้นมา ทั้งๆ ที่ปกติเขาจะไม่ตื่นเต้นกับของหรูหราไฮโซของผมเท่าไหร่ แต่ผมว่าผมรู้นะว่าทำไม ก็สายตาน้องเขามองเลยไปด้านในที่เป็นโซนทำครัวและรับประทานอาหาร เคาเตอร์ลอยทำอาหารปูแกรนิตสีดำขนาดใหญ่คงสะดุดตาเขาไม่น้อย ก็คนเรียนทำอาหารนี่นา ส่วนผมนะเหรอ ทำไม่เป็นเลยครับ แต่ที่มีเพราะผมว่ามันให้ความรู้สึกอบอุ่นดีและเผื่อเพื่อนมาปาร์ตี้ด้วย

“ให้ผมเอาของไปเก็บตรงไหนครับ เดี๋ยวผมจะได้รีบกลับ ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณเม อ้อ กุญแจรถผมวางไว้ตรงนี้นะครับ” เด็กแสบทำท่าหันรีหันขวาง

อาจจะสงสัยทำไมผมถึงชอบเรียกแดนว่าเป็นเด็ก ทั้งๆ ที่แก่กว่าผมตั้งปี ก็แดนน่ะมีบุคลิคน่ารักเหมือนเด็กเอามากๆ ใสซื่อแบบเด็กต่างจังหวัดน่ะครับ หน้าตาก็เหมือนเด็ก ผมซึ่งเป็นน้องเล็กมาตลอด เหมือนถูกกระตุ้นสัญชาติญาณความเป็นพี่ขึ้นมาเลยครับ แต่น้องเขาไม่ได้บื้อนะครับ ออกจะฉลาด แต่ด้วยความที่เป็นคนจริงใจ ตรงไปตรงมา เลยอาจคิดไม่ทันคนที่มีเพทุบายย้อนแย้ง แบบผมนี่ไง

“วางไว้ตรงนั้นแหละ แต่เรายังกลับไม่ได้ คงต้องคุยกันก่อนเรื่องแพ็คเกจเสริมแทกซี่ที่ให้ช่วยรวบรวมข้อมูล”

ผมวางสีหน้าเรียบเฉย แล้วพยักเพยิดให้แดนไปนั่งตรงโซฟาตัวด้านข้างที่ผมนั่ง

“ได้ครับ แต่ผมนั่งบนพื้นดีกว่า ขับรถมาทั้งวัน ตัวคงไม่สะอาดเท่าไหร่”

โห ไอ้คนสกปรก อนามัยจ๋าขนาดนั้น ผมรู้นิสัยมันดีว่ารักความสะอาดขนาดไหน คงเพราะอยากเป็นเชฟด้วยมั๊ง แต่ที่แน่ๆ อาบน้ำบ่อยกว่าผมอีก

“เอางั้นก็ได้ แต่พรมทอมือตุรกีที่เรานั่งอยู่ ราคาแพงกว่าโซฟาซักห้าเท่าได้มั๊ง ขึ้นมานั่งโซฟาดีกว่าไหม” โม้ครับ ผมไม่รู้หรอกว่าอะไรมาจากไหนราคาเท่าไหร่ แต่กับเด็กแบบนี้ก็ต้องไม้นี้ล่ะครับ ซึ่งก็ได้ผล น้องสะดุ้งรีบลุกขึ้นมานั่งแบบไม่เต็มก้นบนโซฟา แถมยังไม่ยอมวางเท้าบนพรม ยกลอยๆ ไว้ เมื่อยไหมนั่น

“คุณเมจะถามข้อมูลอะไรเหรอครับ แต่ผมว่าผมน่าจะบอกไปหมดแล้ว แถมช่วงหลังๆ ผมแทบไม่ได้ให้บริการแพ็คเกจเสริมกับผู้โดยสารคนอื่นเลยยกเว้นคุณเม”

น้องสุภาพนอบน้อมจนเกินเหตุ จริงๆ ผมว่าน้องเขาไม่ได้กลัวผมหรืออะไรมากมายหรอก ก็เห็นเวลามาขับรถให้ก็คุยจ้อเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่หยุด แต่เหมือนน้องจะกำหนดตัวเองไว้ว่าผมเป็นผู้มีประคุณ เป็นเจ้านาย เลยไม่กล้าทำตัวสนิทสนมจนเกินไป นี่ขนาดผมจับของน้องอยู่เรื่อยๆ นะ จะต้องให้เนื้อแนบเนื้อขนาดไหนถึงจะมองว่าผมเป็นคนปกติเหมือนกัน นี่ขนาดลงทุนให้ไปดูโชว์แล้วนะ งั้นต้องดำเนินการตามแผน

“ก็ใช่ แต่พี่พบว่ามันมีข้อมูลไม่สอดคล้องกันอยู่ เลยต้องตรวจสอบเพิ่มเติม” ผมทำหน้าเฉยๆ ไม่ยิ้มอย่างเคย

“ได้ครับ” น้องทำหน้าเครียดตาม

“ปกติเราได้รหัสของเดือนต่อไปตอนไหน”

“ตอนวันสิ้นเดือนครับ ผมส่งยอดสรุปของเดือนนั้นตอนไหน ก็จะมีข้อความตอบกลับที่มีรหัสลับของเดือนถัดไปมาทันที แต่ถ้าผมส่งช้า หรือเผลอหลับไป ตอนเที่ยงคืนก็จะมีข้อความเข้ามาเอง”

“แล้วรหัสผ่านของเดือนที่แล้ว มาใช้ต่อเดือนถัดไปได้กี่วัน”

“ไม่ได้เลยครับ พอเดือนใหม่ต้องใช้ของใหม่ตั้งแต่วันที่หนึ่ง”

น้องพูดแล้วสะดุ้งเหมือนนึกอะไรได้ “เอ่อ ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันนะครับ”

“วันแล้ววันนี้ทำไมพี่ใช้รหัสของเดือนที่แล้วถึงใช้ได้ล่ะ” ผมถามเสียงเข้ม

น้องตกตะลึง ผิวสีน้ำผึ้งก็ซีดได้แฮะ

“ยะ ยังไงนะครับ ผมไม่เข้าใจ” ตอบเสียงตะกุกตะกักเชียว

“ก็รหัสที่พี่บอกไปตอนขากลับ จริงๆ มันใช้ไม่ได้สินะ” ผมตีสีหน้าขรึม

แดนละล่ำละลักน้ำหูน้ำตาไหลพราก รีบลงมานั่งข้างล่างกอดขาผมเอาหน้าถูไปมา พูดพลางสะอื้น

“พี่เมครับ ขอโทษครับ ผมไม่ดีเอง อย่าโกรธผมเลยครับ ลงโทษอะไรก็ได้ แต่พี่เมอย่าเกลียดผมเลยครับ” ทีงี้เรียกพี่ได้เชียว แล้วพรมตุรกีทอมือที่นั่งทับอยู่ไม่กลัวทำเสียแล้วเหรอ

“แล้วเราทำอะไรไม่ดีไว้ล่ะ บอกมาตามจริงแล้วพี่จะดูเรื่องลงโทษให้เหมาะสม” ผมลูบหัวแดนเบาๆ ฟินอ่ะ นี่มันคนหรือแมว

“ผะ ผม วันนี้ผมไม่ได้มีหนี้เหลือเลยฮะ แต่พอดูที่พี่เมอาบน้ำแล้วผมก็รู้สึกแปลกๆ ผมก็นึกไปว่า ถ้าผมได้ขับแทกซี่ให้พี่เมนั่งแล้วทำเหมือนที่เคยทำ มันจะรู้สึกดีขนาดไหน ตะ แต่ผมสาบานว่าไม่ได้คิดลามกกับพี่เมเลยนะครับ แค่อยากได้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนที่เคยได้ ไม่รู้สิ ผมเหงาด้วย ต้องมาอยู่กรุงเทพคนเดียว ยังไม่เปิดเรียน เพื่อนก็ยังไม่มี ผมไม่ได้ตั้งใจ พี่เมยกโทษให้ผมนะครับ”

เรียกพี่เมทุกคำเลยเว้ยเฮ้ย แต่ผมก็รู้ในใจเขาอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ถึงปากเรียกคุณเม คุณเม แต่แววตาเขาไม่ใช่ มันแฝงความผูกพันไว้มากกว่านั้น และก็อาจจะไม่เป็นในเชิงชู้สาว มันเป็นอะไรที่ซับซ้อนขึ้นไปอีก ผมว่างั้นนะ

“แล้วเราก็มาหลอกพี่อย่างงั้นสิ ทำไมไม่พูดกันตรงๆ เห็นพี่เป็นตัวตลกเหรอ” ตัวตลกอะไรจะหน้าตาดีขนาดนี้ แต่ต้องกดดันอีกนิด เพื่อผลลัพธ์ที่เป็นเลิศ

“ไม่ครับ ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย แต่เรื่องแบบนี้ผมจะบอกพี่ได้ยังไง พี่เป็นใคร แล้วผมเป็นใคร ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ผมก็โทรกลับไปเล่าให้แม่ฟัง แต่ไม่ได้พูดเรื่องนั้นนะครับ บอกแต่ว่าโชคดีเจอผู้โดยสารคนนึง ช่วยผมแก้ปัญหาที่ไม่ค่อยรู้จักทาง หาวิธีให้แล้วยังให้ยืมของราคาแพงมาใช้อีก แล้วก็ให้เงินผมเยอะมาก บอกให้เก็บไว้ใช้ตอนเปิดเทอม รวยมากๆ น่าจะเป็นลูกหลานตระกูลดัง ผมบอกนามสกุลพี่ที่ผมเห็นที่ป้ายหน้าบ้านไปด้วย แม่ผมก็บอกว่า ตระกูลพี่มีบุญคุณกับประเทศเรามาตั้งแต่อดีต ผมได้เจอกับลูกหลานที่ไม่ถือตัว  มีน้ำใจให้คนบ้านนอกอย่างเรา แสดงว่าเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ผมได้มีโอกาสพบเจอถือเป็นมงคล ผมต้องเคารพ ให้เกียรติ อย่าตีตนเสมอ แล้วก็ต้องเจียมเนื้อเจียมตัว ถึงพี่จะให้ความสนิทสนม”

นี่เองสาเหตุที่ทำให้น้องเขาปฏิบัติตัวเหมือนผมเป็นเจ้านาย แต่นี่มันยุคไหนกันแล้ว คนรุ่นใหม่เขาน่าจะต้องคบกันที่เนื้อแท้ นิสัยใจคอ เรื่องชาติกำเนิดอะไรนี่ไม่น่าเกี่ยว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังทึ่งกับมุมมองความคิดของแม่น้องแดนมากครับ ปกติเวลาคนนึกถึงตระกูลผมก็มักจะคิดถึงแต่ว่าเป็นตระกูลเก่าที่มีอิทธิพลและเงินทองมากมาย แต่จริงๆ พื้นฐานตระกูลผมเติบโตมาด้วยการใช้ความรู้ความสามารถรับใช้แผ่นดินมาโดยตลอด อาจจะด้วยความสำเร็จทางธุรกิจในระยะหลังทำให้กลบภาพตรงนี้ไป ทั้งๆ ที่ยังมีคนในตระกูลทำหน้าที่ดั้งเดิมจากรุ่นสู่รุ่นมาอย่างต่อเนื่อง

ถึงเรื่องพวกนี้จะไม่ใช่เรื่องลับอะไร แต่การที่แม่น้องเขามองทะลุถึงแก่นของตระกูลผมในมุมที่คนอื่นละเลยไป ทำให้ผมรู้ว่าทำไมน้องถึงเป็นคนพิเศษที่มีความคิดและจิตใจที่ดีงาม ผมเองในฐานะลูกหลานของตระกูลก็ซึมซับแนวความคิดหลักการจริยธรรมพวกนี้มาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นผมถึงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แค่ในช่วงหนึ่งของวัยที่อยากทำตัวนอกคอกบ้างจนเจอบทเรียนบทใหญ่ครั้งนั้นเข้า

แต่การที่ผมบอกว่าผมไม่ใช่คนเลวก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะเป็นคนดีผุดผ่องไปทุกด้าน โดยเฉพาะในช่วงวัยฮอร์โมนพลุ่งพล่านอย่างนี้ อย่างน้อยก็ไม่ได้ดีเท่ากับที่น้องเข้าใจ คุณคงทราบว่าหลายๆ สิ่งที่ผมทำไปก็เพื่อประโยชน์ของผมเอง อย่างเช่นสิ่งที่จะทำต่อไปนี้ แต่ผมก็จะระวังไม่ให้เกิดผลที่ไม่ดีกับน้องยกเว้นเรื่องโดนเอาเปรียบเล็กๆ น้อยๆ แล้วกัน

“เอาล่ะ อย่าร้อง พี่พอเข้าใจเรา แต่ยังไงซะคนผิดก็ต้องถูกลงโทษก่อนถึงจะได้รับการให้อภัย” น้องปาดน้ำตา ท่าทางมีความหวัง

“จะให้ผมทำอะไรครับ พี่สั่งมาได้ ผมทำได้ทุกอย่าง แค่ขอให้ยกโทษก็พอ”

“อย่ารีบรับปากจะดีกว่า พี่ไม่ใจดีหรอกนะครั้งนี้”

“พี่เมสั่งมาได้เลยครับ” แดนหน้าจ๋อยแต่ก็ไม่มีท่าทีจะถอดใจ

“พี่จะลงโทษเราด้วยการถ่ายรูปเปลือยเราส่งไปให้เพื่อนๆ กลุ่มใหญ่พี่ดูทางไลน์ กล้าหรือเปล่า ว่าไง บอกแล้วว่าพี่ไม่ใจดีอีกแล้วนะ”

แดนสีหน้าตะลึงไปเลย โอ๊ะๆ เหมือนได้ยินใครด่าผมว่าไอเลว ทำเด็กไม่มีทางสู้ แหม มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น ผมไม่ได้กะจะถ่ายให้ติดหน้าแดนหรอกนะ แต่จะยังไม่เฉลยตอนนี้ ให้เด็กมันกดดันอีกนิด ถามว่าผมทำอย่างนี้ทำไมเหรอ เหตุผลก็ง่ายๆ หนึ่ง ลองใจแดนว่าจะยอมทำตามที่ผมบอกทุกอย่างไหม สอง อยากอวดในกรุ๊ปไลน์ “เก้งหล่อ BA67” ว่าเด็กผมของใหญ่ให้พวกมันน้ำลายหก สาม ค่อยๆ ปรับแก้นิสัยขี้อายของแดนทีละนิด เผื่อทีหลังจะได้โชว์คู่กับผมบ้าง ฮ่าๆ

ผมรู้ เหตุผลกะโหลกกะลาไปหน่อย ว่าแต่ไม่อยากรู้กันเหรอว่าเด็กขี้อายอย่างแดนเจอแบบนี้จะทำยังไง

หลังจากนิ่งไปพักนึง แดนก็มองหน้าผม ตาแดงๆ แล้วก็พูดขึ้นว่า

“ได้ครับ ถ้าเป็นความต้องการของพี่เม ผมทำให้ได้ทุกอย่าง ผมคงไม่โชคร้ายขนาดรูปถูกส่งต่อๆ ไปจนเพื่อนที่วิทยาลัยมาเจอหรอกนะครับ เอ่อ ผมไม่ได้ไม่เต็มใจทำนะครับ ผมทำให้พี่เมได้ทุกอย่างเลย”

ฮือ น่าสงสารอ่ะครับ นี่ผมแกล้งแรงไปหรือเปล่า น้ำตาคลอนิดๆ น่ารักน่าแกล้งที่สุด แหม โชว์นิดโชว์หน่อยเองหน่า

“งั้นเริ่มรูปแรกเลยนะ พี่ขอกางเกงในตัวเดียวก่อน”

แดนทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาถอดเสื้อผ้าออกหมดจนเหลือกางเกงในตัวเดียว ผมเอามือถือมาถ่ายไปสามสี่รูป แต่เลือกรูปที่เขาบิดตัวหันหน้าไปข้างหลังจนไม่รู้ว่าเป็นใครส่งไปในกรุ๊ปเก้งหล่อจริงๆ มีไลน์ตอบมารัวๆ แต่ผมยังไม่เข้าไปอ่านตอนนี้ ขั้นต่อไปผมให้แดนถอดกางเกงในออกแล้วเอามือกุมเป้าไว้ เห็นแต่ขนโผล่ออกมา ผมถ่ายเจาะตรงเป้าไปอีกหลายรูป แดนใส่สายรัดข้อมืออันเดิมที่ผมเห็นเขาใส่ตั้งแต่ที่เจอกันตอนแรก มันก็สวยดี มีลายกราฟฟิคแปลกๆ ด้วย ในรูปเห็นลายชัดเลยเพราะผมถ่ายใกล้เห็นแต่ข้อมือกับเป้าที่แดนกุมไว้แน่น

ผมเลือกมารูปนึงแล้วส่งไลน์ไปอีก คราวนี้มันเหมือนเออเร่อร์ รูปไม่ไปขึ้นเป็นกากบาทในกรุ๊ปไลน์ ผมเปิดรูปจะส่งใหม่แต่รูปล๊อตสองนี้หายไปหมด ผมแปลกใจเล็กน้อย ปกติโทรศัพท์ผมเสถียรมากไม่เคยเป็นอย่างนี้ ผมให้แดนทำท่าเดิมแล้วถ่ายใหม่อีกชุด แล้วก็ถ่ายชุดต่อไปเลยเป็นภาพโคลสอัพท่อนลำสวยๆ ที่ยังอ่อนตัวของแดน ผมส่งรูปที่กุมเป้ารูปนึงและรูปท่อนลำอันเขื่องอีกรูปนึงเขากรุ๊ปไลน์ไปพร้อมกัน ปรากฏว่าขึ้นแต่รูปท่อนลำแต่รูปกุมเป้าไม่ขึ้น แถมภาพที่ติดสายรัดข้อมือของแดนยังหายไปจากเครื่องผมหมดหลังจากส่งไลน์ออกไป

“แดน สายรัดข้อมือที่ใส่นี่มันลายอะไร ได้มาจากไหน”

ผมถามแดนหลังจากที่ทดลองอีกสองสามรอบจนแน่ใจว่าเรื่องประหลาดนี้จะเกิดเฉพาะกับภาพที่ถ่ายติดลายกราฟฟิคที่อยู่บนสายรัดข้อมือของแดนไป และเกิดกับทุกโปรแกรมที่ส่งข้อมูลขึ้นอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะ ไลน์ เฟสบุค หรืออีเมล

แดนหน้าตาตื่น เขาคงใจคอไม่ดีที่เห็นผมหน้าเครียดมาพักใหญ่แล้ว แต่ไม่กล้าถามอะไร

“ลายบนนี้เหรอครับ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน สายรัดนี้เขาแจกตอนผมไปอบรมทำใบขับขี่แทกซี่มานะครับ พออบรมเสร็จไม่รู้ผมนึกยังไง ใส่มาตลอดเลยครับ ยิ่งตอนขับแทกซี่ยิ่งรู้สึกต้องใส่ ขนาดลืมไว้ที่ห้องยังต้องวนรถกลับมาเอาเลยครับ”

นั่นไง ถึงจะฟังดูเหลือเชื่อ แต่ผมว่านี่เป็นระบบอะไรซักอย่างที่คนโปรแกรมจิตบริการเสริมของแทกซี่วางไว้เพื่อไม่ให้ภาพหรือคลิปชักว่าวของแทกซี่เผยแพร่ไปในอินเตอร์เนต ผมจะตัดประเด็นว่าเขาทำได้ยังไงออกไปก่อนนะครับ เพราะลำพังการบังคับจิตมันก็แสนจะไม่น่าจะเป็นไปได้อยู่แล้ว แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ผมเจอเข้ากับตัวเองมาแล้ว

ผมเอาคอมพิวเตอร์มาค้นดูคลิปของแทกซี่คันแรกที่เคยถ่ายไว้แต่ก็ไม่ได้เอามาดูอีกเลยเพราะของแดนน่าดูกว่าตั้งเยอะ แล้วก็เจอลายกราฟฟิกคล้ายๆ กันแต่เป็นรอยสักที่ข้อมือคนขับเลยแคปภาพออกมาเก็บไว้เป็นข้อมูล ผมว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ผมสาวไปถึงคนที่ทำเรื่องพวกนี้ได้

……………………………………………….
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 26] รางวัลแห่งความตั้งใจ 29/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 29-12-2015 13:50:30
มาต่อแล้วขอบคุณมาก หื่นเหมือนเดิม แต่

มันมีส่วนที่ยังทำความเข้าใจได้ยากอยู่ตรงที่วางตัวเมธัสเป็นตรงข้ามคำว่า "ตรงข้าม" นี้ไม่รู้ว่าคนเขียนต้องการให้ออกมาในรูปแบบของศัตรู เพราะเมธัสเกิดรับไม่ได้ที่มีคนถูกสะกดจิตให้ทำอะไรหื่นๆ แบบตน หรือแค่ต้องการทราบว่าใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุหื่นๆ นี้ "เฉยๆ"
เพราะถ้ามองแบบศัตรูเมก็ทำตัวไม่ต่างจากบอสเท่าไหร่เลยนะ ตอนแรกยังไม่แน่ใจว่าเมจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้มันชัดแล้ว คือเมก็ใช้เหตุหื่นๆ สนองนีตตัวเองเหมือนกัน ไม่ต่างจากบอสเลยแล้วอย่างนี้จะเป็นฝ่ายตรงข้ามแบบศัตรูกันได้ไง อันนี้ งง....

ส่วนเตื่องรสนิยมของเมธัส ตอนก่อนๆ อธิบายไว้ว่าเม "ไม่ได้เป็นเกย์" ต่างจากบอสที่รู้ตัวเองชัดว่าเป็นเกย์ ทุกการกระทำของบอสสอดคล้องกับรสนิยม แต่กับเมที่บอกตอนแรกว่าแค่สนใจ แค่ชอบโชว์ แต่อ่านๆ มาชักขัดแปลกๆ ชอบโชว์(แต่มีแค่ผชที่เห็น)และชอบให้ผชส่งเสียงเชียร์ บอกแค่สนใจ...แต่เล่นทำตัวติดแดน วางแผนเหมือนจะอยากได้มาครอบครอง(อันนี้ไม่รู้คิดไปเองมั้ย) สนใจอาวุธลับของแดนอยากจับ อยากชัก..... หรือ ชัก....ตลอดเดือนที่ใช้บริการ แม้จะบอกว่าช่วยล้างหนี้ แต่ผู้ชายคนนึงจะทำได้ขนาดนี้เลยหรอ อยากถ่ายรูปเปลือยของแดนไปโชว์? อยากอวดว่ามีเด็ก(ผช) ?????? ทุกสิ่งทุกอย่างของเมมันขัดๆ นะ



ยังไงก็รอติดตามจ้า สู้ๆ :)
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 26] รางวัลแห่งความตั้งใจ 29/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 29-12-2015 14:05:33
ผมเข้าใจคนเขียนนะ ฝ่ายตรงข้ามในที่นี้อาจจะไม่ได้เป็นศัตรูจอมโหดที่คอยทำเรื่องชั่วร้ายอะไรขนาดนั้น
แต่เป็นคนปกติเนี่ยแหละที่ชอบท้าทาย อยากรู้อยากเห็น ซึ่งการกระทำเหล่านี้อาจส่งผลเสียต่อองค์กรได้

ผมคิดว่าเมธัท นี่จะหื่นและช่างสังเกตุกว่าคนอื่นๆอาจเป็นเพราะตัวเองเคยโดน แถมบ้านรวยแล้วก็ยังฉลาด
ก็เลยหาจุดเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆได้ จนมาล่าสุดสังเกตุเห็นสัญลักษ์พิเศษขององค์กรแล้ว คงสืบต่อไปเรื่อยๆแน่

ส่วนเรื่องรสนิยมก็มันนิยายเกย์หนิเนอะฮ่าๆๆๆๆๆๆ

สนุกมากครับอยากดูเป็นซีรีย์เลยอะ ผมว่าหื่นฮาดี
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 26] รางวัลแห่งความตั้งใจ 29/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 29-12-2015 14:09:37
จริงๆจะว่าไปแล้ว เมธัทก็ยังมีสันดานเดิมอยู่นะครับ เพียงแต่เห็นว่าได้ประโยชน์ก็เลยทำต่อ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 26] รางวัลแห่งความตั้งใจ 29/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 29-12-2015 18:40:47
ขอบคุณสำหรับความเห็นข้างบนครับ ผมขออธิบายสิ่งที่พยายามจะสื่อในนิยายช่วงนี้ครับ อาจข้ามไปไม่ต้องอ่านก็ได้เพราะเหมือนจะสปอยล์การเดินเรื่องนิดๆ

พาร์ทของเมธัสจะเป็นการเล่าเรื่องโดยเจ้าตัวเอง เพราะฉะนั้น สิ่งที่บรรยายออกมาจะเป็นสิ่งที่เมธัสคิดหรืออยากให้คนอื่นเข้าใจอย่างนั้น อาจไม่ใช่ข้อเท็จจริงก็ได้ เรื่องที่เมธัสเป็นชายแท้จริงๆ หรือเปล่า ผมตั้งใจจะให้คนอ่านรู้เองจากพฤติกรรมที่ทำ แต่พอเขียนจริงๆ ฝีมือไม่ถึง เลยพาให้งงกันกลายเป็นคาแรคเตอร์หลุด ขออภัยจริงๆ ครับ

เรื่องที่น้องเมตัวร้ายฝ่ายตรงข้ามทีม 0-1 อันนี้ก็ความผิดผมอีกแหละครับ เล่นมากไปหน่อย พอดีผมมีไอเดียว่าในโลกความจริง ทั่วๆ ไปคงไม่มีพระเอกแบบเต็มร้อยหรือตัวร้ายแบบสุดขั้ว ผมเลยอยากทดลองว่า ถ้าประกาศไปเลยว่าตัวละครนี้เป็นตัวร้าย อ่านๆ ไปจะมีใครเชียร์ไหมถ้าค่อยๆ เห็นมุมอื่นของตัวละครนั้นด้วย เท่าที่เห็นผลน่าจะแป๊ก น่าจะเพราะพอเรารู้สึกว่าตัวละครนี้เป็นตัวร้าย ใจมันคงไม่เปิดรับเท่าไหร่ จะเก็บไปปรับปรุงครับ

ขอกำลังใจซักนิดครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ผมแต่ง อยากทดลองไปเรื่อย  แต่งบทหลังก่อนแล้วย้อนกลับมาแต่งบทหน้าๆ ก็มี ความสมดุลระหว่างความหื่น ความสัมพันธ์ตัวละคร และการเดินเรื่องก็ยังหาจุดลงตัวไม่ได้ รวมๆ คงมีอะไรที่ทันย้อนแย้งอยู่เยอะ แต่คนแต่งไม่รู้ตัวหรอกครับ ดีที่มีคนอ่านช่วยให้ความเห็นบ้าง ต้องขอขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 26] รางวัลแห่งความตั้งใจ 29/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 04-01-2016 00:30:34
ยิ่งอ่านยิ่งน่าหลงไหล ในเนื้อเรื่อง
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 26] รางวัลแห่งความตั้งใจ 29/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 04-01-2016 02:03:16
คิดถึงฝั่งบอสแล้วสิ เฮ้อ แค่ฝั่งหนูเมก็สนุกดี
พอบอกฝั่งตรงข้ามแล้วจะลุ้นนะว่าต่อไปจะทำอะไรให้ฝั่ง 10 เดือดร้อนรึเปล่า
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 26] รางวัลแห่งความตั้งใจ 29/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: plugie ที่ 05-01-2016 06:12:22
สนุกแบบหื่นๆดี ชอบๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 26] รางวัลแห่งความตั้งใจ 29/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 05-01-2016 09:16:05
ปีใหม่แล้ว ตอนใหม่เมื่อไหร่จะมาาา  :-[
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 26] รางวัลแห่งความตั้งใจ 29/12/15
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 05-01-2016 20:58:51
แต่งดีแล้วครับ สนุกด้วย เอาตามที่ผู้แต่งคิดว่าสนุก ชอบ เอาแบบนั้นเลยดีกว่าครับ
เพราะว่ามันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน

สวัสดีปีใหม่นะครับ ขอให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความสุขมากนะครับ มาต่อเร็วๆนะ

มีเฟสบุ๊คไหมครับ
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 27] ราคาของความไว้ใจ 09/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 09-01-2016 10:20:35
องค์กรลวงจิต Explicit Content
 
บทที่ 27 ราคาของความไว้ใจ

[เมธัส]

วันนี้วันศุกร์ ทั้งๆ ที่ควรจะเป็นวันดีๆ แท้ๆ ผมตั้งใจมาเรียนแบบสบายๆ ตอนเย็นกินข้าวเฮฮากับเพื่อนๆ แล้วกลับไปที่บ้านอย่าให้ดึกนัก เห็นคุณพ่อบอกว่ามีเรื่องจะคุย แต่คำพูดของคนที่มาทักผมเมื่อครู่ทำให้ผมแทบหงายหลัง สงสัยผมจะโดนหักหลังเข้าแล้วครับ ไอ้พวกเด็กตัวแสบ เสียแรงที่อุตส่าไว้ใจ

“นายว่าอะไรนะ”

ผมถามไอหนุ่มร่างยักษ์ตรงหน้า ชื่ออะไรไม่แน่ใจ ไม่ได้สนิทกับมันเท่าไหร่แค่เคยเจอกันบ้าง ตัวบึกๆ ใหญ่ๆ อยู่ปีเดียวกัน แบบว่าเป็นเพื่อนของเพื่อนของเพื่อน รู้สึกจะอยู่วิทยาศาสตร์การกีฬาหรือศึกษาพละอะไรเทือกๆ นั้น

“ขอร้องเถอะนะเม ไปช่วยทีมรักบี้เราหน่อย แบบที่นายไปช่วยทีมบาสน่ะ ให้ไหว้ก็ยอม” มันไม่พูดเปล่า ยกมือไหว้ท่วมหัว

“เราไปช่วยทีมบาสตอนไหน เราเล่นบาสเก่งซะที่ไหน ยิ่งรักบี้อีก เราเล่นไม่เป็นเลยนะ” นิ่งไว้ มันอาจไม่รู้ก็ได้

“ก็ไม่ได้จะให้ไปช่วยสอน แบบว่าแค่ไปให้กำลังใจแล้วมีมีรางวัลพิเศษให้ถ้าแข่งชนะ เหมือนที่นายทำให้ทีมบาสไง”

ชัดเลยครับ มันรู้เรื่องนั้นจริงๆ

“เฮ้ย เราไม่ทำแบบนั้นแล้ว ครั้งนั้นมันสุดวิสัยจริงๆ”

ถึงผมจะไม่รังเกียจการโชว์ แต่ก็ไม่ใช่จะทำไปทั่วนะครับ ต้องเฉพาะที่สนิทใจและผมมั่นใจว่าเซฟตัวเองได้ กับน้องทีมบาสผมยังพอคุ้นๆ อยู่ ก็ไอจั๊มพ์มันเป็นกัปตันทีมนี่ แต่ทีมรักบี้นี่ผมไม่คุ้นเลย ตัวคงยิ่งกว่าถึก มองยังไงคงไม่น่ารักแน่ แล้วถ้าพวกมันรุมสกรัมผมแบบในสนามล่ะ

“ของเราก็จำเป็นจริงๆ รอบชิงชนะเลิศที่ไม่เคยเข้ามาตั้งเจ็ดปีเชียวนะ ทีมตรงข้ามแข็งมากจริงๆ ถ้าทีมเราไม่ลงแบบกำลังใจเต็มร้อยนี่แพ้แน่นอน ไม่งั้นเราไม่บากหน้ามารบกวนนายหรอก เกรงใจจะตาย ทำไมทีทีมบาสนายยังช่วยได้เลย แล้วไม่ช่วยทีมรักบี้ล่ะ มันก็ทีมของมหาลัยเหมือนกัน ทำเพื่อมหาลัยเหมือนกัน ของเรารอบชิงด้วย ของทีมบาสนัดนั้นยังแค่แข่งกระชับมิตรเฉยๆ”

มีเรียกร้องความเป็นธรรมด้วยเว้ย ถ้าเอาตรรกะนี้มาใช้ ต่อไปใครไปแข่งอะไรที่ไหนตั้งแต่แปรอักษรไปยันโต้วาที ไม่ต้องเอาตูดผูกโบว์ใส่พานเป็นของรางวัลกันทุกงานเหรอ

“ยังไงก็ไม่ได้จริงๆ นายบอกให้ทีมนายตั้งใจซ้อมเถอะ”

“ไม่นะ เราขอร้องจริงๆ ไม่งั้นเราจะคุกเข่าอยู่ตรงนี้จนกว่านายจะตกลง”

เอาแล้วไง ไอยักษ์ลงไปคุกเข่าตรงหน้าผมแล้ว นี่มึงดูหนังจีนมากไปเปล่าวะ มึงไม่อายแต่กูอาย โปรดสำเหนียกว่าคนผ่านไปผ่านมาเป็นร้อย นี่ผมยังไม่บอกใช่ไหมว่าจุดที่เราคุยกันคือตรงลานกว้างในสวนหน้าห้องสมุด

“นายลุกเถอะ คนมองหมดแล้ว” ไม่มองเปล่าด้วย ได้ยินซุบซิบกันแว่วๆ ว่าขอความรักหรือเปล่า สาด กูไม่ใช่เกย์นะ แล้วไอถึกนี่น่าเอาทำเมียตรงไหน

“ไม่ เราไม่ลุกจนกว่านายจะรับปาก” คนเริ่มมุงแล้วสัด เอาไงดี ผมยิ่งคนดังด้วยไง

“ขอเราไปคิดดูก่อนได้เปล่า แต่นายต้องเล่ามาว่าใครเป็นคนบอกนายเรื่องนี้”

ตามน้ำไปก่อน ผมต้องรู้ให้ได้ว่าใครเอาเรื่องนี้ไปเปิดเผย

ไอ้ยักษ์รีบลุกขึ้นมาทันที ที่จริงมึงก็เมื่อยแล้วใช่ไหม

“เอ่อ เราบอกไม่ได้จริงๆ เราสัญญาไว้ แล้วน้องมันก็ไม่ได้ตั้งใจจะบอกด้วย อย่าว่ามันเลยนะ”

รุ่นน้องจริงๆ ด้วย งั้นก็ตัดมึงไปหนึ่งไอจั๊มพ์ แต่จริงๆ ผมก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นคนบอกอยู่แล้ว

“เราไม่ถามชื่อก็ได้ แต่ถ้านายให้ข้อมูลเรื่องอื่นๆ ดี เราจะพิจารณาเรื่องที่นายขอแบบอารมณ์ดีหน่อย”

“ขอบใจมาก นายถามมาได้เลย” ไอล่ำชมรมรักบี้ท่าทางมีความหวัง

ผมลากมันออกมาแล้วก็ถามข้อมูลจนได้ความว่า มันรู้เรื่องนี้จากวงเหล้าในคณะที่มีน้องทีมบาสคนหนึ่งร่วมด้วย ดวลกันในวงจนเมากันได้ที่คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปจนมาถึงเรื่องผม น้องทีมบาสก็อวดว่ามันเป็นแฟนคลับอันดับหนึ่ง จนถูกเพื่อนในวงสบประมาทว่าหน้ามันผมยังไม่เคยเห็นเลยมั๊ง น้องมันเคืองมากเลยเล่าเรื่องที่ผมให้รางวัลทีมบาสออกมาว่ามันได้เห็นอะไรพิเศษที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน ในวงก็ไม่มีใครเชื่ออีก

น้องทีมบาสดูโมโหมากเอาไอโฟนมาเปิดคลิปให้ดูพักนึงยังไม่เห็นอะไรมากแต่พอดูรู้ว่าเป็นผม คนในวงก็เลยเชื่อแล้วรุมกันจะแย่งโทรศัพท์จากน้องทีมบาสเอามาดูคลิปต่อ น้องไม่ยอมหนีจนจนมุมเลยขว้างโทรศัพท์ตัวเองทิ้งลงสระข้างคณะไป วงเหล้าเลยแตกแยกย้ายกันไป ผมฟังเรื่องแล้วเคืองสุดๆ ถึงขนาดแอบถ่ายคลิปไว้ด้วยทั้งๆ ที่ผมขอร้องแล้ว นี่ถ้าไอ้จั๊มพ์รู้มันเจอหนักแน่

ผมต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้จบโดยเร็วก่อนที่จะบานปลาย ไอยักษ์ เอ่อ ตกลงยังไม่รู้เลยว่ามันชื่ออะไร ยืนยันว่าคนอื่นในวงเหล้าเมากันมากจนไม่น่าจำได้ เหลือแต่เด็กทีมบาสที่ผมรู้ข้อมูลพอที่น่าจะสืบต่อได้ว่าคือใคร แต่ที่ไม่รู้คือเด็กคนอื่นมีถ่ายคลิปเก็บไว้ด้วยไหม งั้นคงต้องล้างบางทั้งหมดทีเดียว

จริงๆ ผมไม่ค่อยกลัวเรื่องคลิปจะหลุดไปข้างนอกเท่าไหร่ มหาลัยผมดีอย่าง อธิการบดีนี่เปิดเสรีสุดๆ อย่างกับเมืองนอก นักศึกษาจะทำอะไรในมหาลัยก็ทำไป ถ้ามันไม่ผิดหลักศีลธรรมสากลเจ้าหน้าที่ก็จะไม่ห้ามอะไร บางเรื่องนี่ถ้าเป็นข้างนอกถือว่าอนาจารไปแล้ว วันก่อนผมเห็นเด็กภาคโฟโต้มาตั้งกองถ่ายภาพนู๊ดกันข้างสระน้ำคนดูกันเต็มแต่เจ้าหน้าที่ก็หยวนๆ อาจจะมองว่าเป็นการทำงานศิลปะ เห็นแค่มาขอดูบัตรประชาชนนายแบบว่าอายุถึงสิบแปดหรือยัง นายแบบก็ดูเหมือนจะเป็นเด็กปีหนึ่งที่มหาลัยนี่แหละ หุ่นดีหน้าตาหล่อเลย แต่ขอโทษ ตรงไอนั่นฝังมุกซะงั้น เห็นกองถ่ายเรียกน้องมุกๆ ไม่รู้ชื่อจริงหรือฉายา เรื่องแบบนี้ขนาดในห้องเรียนยังมีเลย เพื่อนที่เรียนหมอบอกผมว่าเดี๋ยวนี้อาจารย์หมอเอาคนจริงๆ มาสาธิตเรื่องระบบสืบพันธ์เพศชายในห้องแล็คเชอร์เลย คนเข้าเรียนกันตรึม มีชั้นปีอื่นมาซิทอินด้วยเพราะนายแบบสาธิตหล่อน่ารักของใหญ่เห็นองคาพยพตามหัวข้อศึกษาได้ชัดเจน นับเป็นความก้าวหน้าทางการศึกษาอย่างแท้จริง

เห็นมีเหตุการณ์อย่างนี้บ่อยๆ ในมหาลัย แต่ก็ไม่เคยมีรูปหรือคลิปหลุดไปข้างนอกเลย เท่าที่ฟังมาเป็นอย่างนี้มาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่ามีคนดูแลอยู่หรืออะไร ทำได้ไงก็ไม่รู้ นี่เป็นสาเหตุที่ผมไม่ค่อยกังวลกับเรื่องคลิปหลุดเท่าไหร่ถึงได้กล้าโชว์ไปขนาดนั้น แต่ผมคงต้องลงโทษน้องชมรมบาสให้หลาบจำ เลยให้ไอจั๊มพ์เรียกเด็กที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นทุกคนมาพบกันที่ห้องล็อคเกอร์เดิมหลังเลิกซ้อม โดยบอกมันไปตรงๆ ว่าต้องการเคลียร์เรื่องที่มีคนเล่าเรื่องรางวัลพิเศษออกไปข้างนอก ไอจั๊มพ์ตกใจมากขอโทษผมใหญ่และบอกว่าจะเอาเรื่องน้องในทีมให้หนัก แต่ผมขอว่าจะจัดการเรื่องนี้เองให้มันไปรอข้างนอก

น้องๆ รออยู่ในห้อง ทั้งหมดยังอยู่ในชุดบาส คุยกันเสียงดังท่าทางตื่นเต้น พอผมเข้าไปถึงก็ทักทายอย่างดีใจ ท่าทางคงยังไม่รู้ตัวว่าที่ให้รอเจอผมเพราะอะไร

“พี่เมหวัดดีครับ โห ไม่รู้ว่าวันนี้พี่เมจะมา ไม่งั้นผมจะตั้งใจซ้อมให้หนักเลย” เรื่องของมึง เดี๋ยวสลดแน่

“การตั้งใจซ้อมก็เป็นหน้าที่พวกเราอยู่แล้ว และพอดีวันนี้พี่ไม่ได้มาเชียร์ว่ะ” ผมตีหน้าเรียบ

“อย่าทำหน้าเครียดสิครับ ไม่เหมาะกับพี่เลย งั้นพี่มีอะไรให้พวกเรารับใช้เหรอครับ” น้องๆ ถาม ท่าทางสงสัย

“วันนี้พี่มาทวงความเป็นธรรม น้องๆ ไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ ใครเป็นคนเอาเรื่องวันนั้นไปเล่าให้คนอื่นฟัง” น้องๆ ทั้งหมดหน้าเสียทันที

“จริงเหรอพี่ ผมไม่ได้พูดนะ ใครมันกล้าผิดสัญญา เฮ้ย ใครเอาไปพูดวะ พี่ไม่ต้องห่วงนะผมจะลากตัวมาให้พี่ลงโทษให้ได้”

น้องๆ เริ่มโวยวาย หันไปไล่เบี้ยกันเอง

“พี่อยากให้สารภาพมาเองมากกว่า ใครทำผิดต้องรู้ตัวดีอยู่แล้ว น้องรู้เปล่าว่าที่น้องไม่รักษาสัญญาครั้งนี้ ทำให้พี่ลำบากแค่ไหน”

“ผมเองครับ ผมขอโทษ” น้องที่อยู่คณะวิศวะยกมือขึ้นแล้วยืนหน้าเสียขณะโดนสายตาอาฆาตจากเพื่อนร่วมทีม ผิดคาดแฮะ ไม่น่าใช่น้องคนนี้

“แต่ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ ผมแค่ไปตั้งสเตตัส เฟซบุค ว่า - ดีใจจัง วันนี้แข่งชนะจนได้รางวัลจากคนที่ชอบ – แค่นี้เองครับ ไม่นึกว่าจะสร้างปัญหาให้พี่ได้” ว่าแล้วไงว่าไม่ใช่

“อันนี้ไม่ใช่ครับ ที่พี่โดนมันร้ายแรงกว่านี้มาก แต่ก็ขอบใจที่บอก เรื่องแค่นั้นไม่เห็นเป็นไรเลย คราวหน้าแอดเฟรนด์มาแล้ว โพสต์ที่หน้าวอลล์พี่บ้างก็ได้”

น้องวิศวะทำท่าดีใจโล่งอก เด็กนี่น่ารักเกินไปแล้ว ว่าแต่คนทำจริงๆ ยังไม่สารภาพเลย

“เอ้า คนที่ทำจริงๆ ว่าไงครับ พี่ให้โอกาสสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่พูดพี่ก็คงไม่มีอะไรจะเกี่ยวข้องกับทีมบาสนี้อีกต่อไป”

ผมกดดันต่อ คราวนี้น้องๆ หน้าซีดยกทีมแล้วครับ

“ผมเองครับ ผมทำเอง ผมเลวเอง เพื่อนในทีมไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย พี่ลงโทษผมแค่คนเดียวเถอะครับ”

น้องพ้อยท์การ์ดศึกษาพละครับ คนที่ผมเอาไปหลอกแดนว่าได้ทุนกีฬานั่นแหละ ผมกะอยู่แล้วแต่คนในทีมท่าทางคาดไม่ถึง ก็น้องคนนี้เป็นถึงว่าที่กัปตันต่อจากไอจั๊มพ์นี่นา เพราะจากฝีมือและความฉลาดในการวางแผน แต่เหมือนว่ามันจะยังไม่ตกลงจะรับตำแหน่งนะ ไอ้จั๊มพ์เล่าว่ามันยังรักสนุกอยู่ ไม่อยากรับผิดชอบมาก

“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ คิดว่าทำอะไรไว้แล้วจะไม่รับผิดชอบเหรอ” ผมกดดันเพิ่ม

“เปล่าครับ ผมไม่กลัวจะโดนลงโทษ แต่ผมไม่กล้าครับ ผมไม่อยากให้พี่มองผมไม่ดีและผิดหวังในตัวผม”

“ไหนลองบอกเพื่อนสิว่าเราทำอะไรไว้กับพี่บ้าง”

เรื่องที่น้องเล่า ก็เหมือนที่ผมได้ยินมาจากไอยักษ์กัปตันทีมรักบี้รุ่นพี่มันนั่นแหละ มันโดนเพื่อนหยามว่าไม่ได้รู้จักกับผมจริงๆ แล้วมาแต่งเรื่องโม้จนทนไม่ไหว เอาคลิปที่แอบถ่ายไว้ให้ดูกันหน่อยนึงจนไปจบที่ปาโทรศัพท์ทิ้งน้ำนั่นแหละ ตอนเล่าถึงที่มันแอบถ่ายคลิปนี่ สายตาเพื่อนในทีมทิ่มแทงมันมาก

“ผมขอโทษครับ แต่ตอนนั้นผมเมามากจนขาดสติจริงๆ ส่วนเรื่องคลิป ผมแค่ตั้งใจจะเก็บไว้เป็นหลักฐานกับตัวเองจริงๆ ว่าเหตุการณ์วันนั้นไม่ได้ฝันไป”

พอพูดถึงเหตุผลที่ถ่ายคลิป น้องคนอื่นดูทำท่าเหมือนจะเห็นใจแปลกๆ แฮะ กลับมาอยู่ข้างผมกันก่อน

“ผมยินดีรับโทษทุกอย่าง จะให้คนมากระทืบผมก็ได้ ขอแค่พี่อย่าเกลียดผมก็พอ แล้วหลังจากพี่ลงโทษผมแล้ว ผมจะขอลาออกจากทีมบาสเพื่อไม่ให้ชื่อเสียงทีมในสายตาพี่เสียหายไปด้วย”

น้องพ้อยการ์ดพูดต่อ คนในทีมท่าทางตกใจ แหงล่ะ ถึงจะไม่พอใจการกระทำครั้งนี้ของเพื่อน แต่น้องๆ คงผูกพันกันมาก

“ใจเย็นก่อน เรื่องความผิดที่เราทำต่อพี่ พี่จะลงโทษเราอย่างหนักวันนี้แหละ ส่วนความผิดที่เรามีต่อทีม พี่จะให้ชดใช้โดยให้เราไปเสนอตัวและพิสูจน์ตัวเองเพื่อขอเป็นกัปตันคนต่อไป ถ้าพี่จั๊มพ์เพื่อนพี่และคนอื่นๆ ในทีมยอมรับพี่ถึงจะยกโทษส่วนนี้ให้”

ไอ้จั๊มพ์ต้องดีใจมาก ชมรมส่วนใหญ่พอเปิดเทอมได้ซักพัก กัปตันที่อยู่ปีสี่มักจะมอบตำแหน่งต่อให้น้องปีสาม เพราะปีสี่เรียนหนัก ต้องทำโปรเจ็ค ต้องเตรียมตัวจบ แต่ของชมรมนี้ ยัดเยียดให้ใครก็ไม่มีใครเอา ไอจั๊มพ์มึงเลี้ยงข้าวกูเลย กูหาตัวตายตัวแทนให้แล้ว คราวนี้มึงจะได้เป็นฝ่ายเล่นตัวบ้าง

“ผมจะทำให้ได้ครับ ส่วนของวันนี้ พี่บอกมาเลย ผมอยากชดเชยให้พี่เร็วๆ”

“ได้ พี่ถือคติ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน สิ่งที่พี่จะให้เรามันอาจจะรุนแรงไป แต่พี่อยากให้เรารู้สึกแบบเดียวกับที่พี่โดน ถ้าเรารับไม่ได้จะไม่ทำพี่ก็ไม่ว่า พี่จะอโหสิให้แล้วก็ต่างคนต่างอยู่ไม่ข้องเกี่ยวกันอีก”

“พี่สั่งมาเลยครับ อย่างมากก็แค่ตาย”

“พี่จะทำเหมือนวันนั้น แต่สลับบทบาทกัน วันนี้เราต้องไปอาบน้ำให้พี่ดู แล้วพี่จะถ่ายวิดีโอเก็บไว้ พี่มีสิทธิจะเอาวิดีโอให้คนในมหาลัยนี้ดูเมื่อไหร่ก็ได้ ทีนี้ชีวิตเราต้องตกอยู่ในความพะวงว่าใครจะเห็นวิดีโอนี้บ้างไปจนเรียนจบ”

เป็นไงครับ การล้างแค้นแบบตาต่อตาฟันต่อฟันของผม ที่จริงมันโดนแรงกว่าที่ผมโดนด้วย เพราะผมชอบโชว์อยู่แล้ว ไม่ได้อายเท่าไหร่ ส่วนมัน ชีวิตคงต้องระแวงไปอีกเป็นปี สาแก่ใจยิ่งนัก

“แล้วยังไงต่อครับ ผมจะโดนกระทืบเมื่อไหร่” ท่าทางน้องมันงงๆ คงช๊อคไปกับการแก้แค้นทางจิตวิทยาที่โหดร้ายของผม

“ไม่ยังไงครับ ก็แค่นี้ แต่พี่ขอถ่ายด้านหน้าชัดๆ ด้วยนะ ว่าไง จะทำหรือไม่ทำ พี่รู้ว่ามันโหด แต่เราทำพี่ก่อนเองนะ” กดดันมันต่อครับ

“หมายความว่ายังไงครับ ไอนี่มันจะได้อาบน้ำต่อหน้าพี่ แล้วพี่ก็จะถ่ายคลิปมันไปด้วยนี่นะ” ทำไมถึงเป็นน้องๆ คนอื่นมาโวยวายกับการลงโทษของผม คงสงสารเพื่อนละสิ

“ก็ใช่สิ ไม่ต้องมาขอร้องให้เพื่อนนะ พี่ไม่ลดโทษให้ นี่พี่เอากล้องมาด้วยรับรองชัดแจ๋ว” ผมชูกล้องถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงราคาแพงให้ดู

“ไม่ได้นะครับ ทำไมไม่เป็นกูวะ เฮ้ยพี่ คือว่าที่พี่สอนพวกผมไว้ เราต้องมีทีมเวิร์ค ทำร่วมกันเป็นทีม ครั้งนี้เพื่อนผมทำผิด ผมก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ผมจะรับการลงโทษแบบเดียวกัน” “ผมด้วย” “ผมด้วยๆๆๆ” เด็กในทีมส่งเสียงกันระงม

“เฮ้ยไม่ต้อง นี่คือการลงโทษของกู กูขอทำคนเดียว พวกมึงรีบออกไปเลย”

“เงียบปากไปเลยมึง ไม่งั้นพวกกูไม่ยอมรับมึงเป็นกัปตัน พี่เมก็ไม่ยกโทษให้มึงอยู่ดี” ไอเด็กทำผิดหน้าจ๋อยเลยครับ

จากนั้นก็เป็นอะไรที่ชุลมุนมากครับ

“พวกเราจะรับการลงโทษจากพี่เมพร้อมกันหมดครับ นี่คือสปิริตของทีม เดี๋ยวไปอาบตรงฝักบัวรวมด้านนี้นะครับ คนเยอะ

“พี่เมเอาขาตั้งกล้องมาหรือเปล่าครับ ไม่มีเหรอ งั้นเดี๋ยวผมหาให้นะครับ ภาพจะได้ชัดๆ”

“เปิดไฟให้หมดจะได้เห็นชัดๆ ใครไปเอาไฟสนามมาทีซิ เออ ต่อแล้วยิงแสงไปตรงที่อาบน้ำเลย เดี๋ยวหน้ากูมืดไม่ขึ้นกล้อง”

“พี่เม ผมเอาเก้าอี้มาวางให้แล้วนะครับ พี่นั่งตรงนี้เลย รับรองดูชัด มุมนี้น้ำไม่กระเซ็นมาโดนด้วย”

ท่าทางจะอีกยาวครับ ผมเลยเลี่ยงมาโทรบอกไอจั๊มพ์ที่รออยู่ข้างนอกว่าไม่มีอะไรแล้ว ให้มันกลับได้เลย ผมขอลงโทษคนผิดต่อจนจบแล้วจะกลับเหมือนกัน

พอผมกลับเข้าไปพวกมันก็เตรียมสถานที่เสร็จแล้ว มีที่นั่งอย่างกับเป็นผู้กำกับ น้ำดื่มพร้อม กล้องผมติดบนขาตั้งกล้องแล้ว มีไฟสนามแบบเคลื่อนย้ายได้ส่องไปที่อาบน้ำจนสว่างโร่ ที่อาบน้ำด้านนอกนี้เป็นลานกว้างปูกระเบื้องแล้วมีแค่ฝักบัวติดเรียงกันประมาณสิบอันโดยไม่มีผนังใดๆ กั้น วันก่อนผมไม่เห็นใครมาใช้ตรงนี้นะ

ผมเข้าไปนั่งตรงที่ที่จัดเตรียมให้ แล้วซูมกล้องจนได้ภาพที่พอดี น้องๆ ชมรมบาสเข้าประจำที่ใต้ฝักบัวโดยยังสวมเสื้อผ้าอยู่ เนื่องจากมีคนสิบกว่าคน พวกปีหนึ่งจึงต้องอาบคู่กันใต้ฝักบัวเดียว ผมกดปุ่มบันทึกแล้วส่งสัญญานบอกน้องๆ พวกมันเริ่มถอดเสื้อผ้าที่ละชิ้น เสื้อบาส กางเกงบาส บอกเซอร์ กางเกงใน ตอนนี้น้องทุกคนยืนเปลือยเปล่าเรียงหน้ากระดาน ผมไล่มองหน้าน้องจากซ้ายไปขวา อืม หน้าตาผ่านทุกคน ไม่เห็นมีใครเขินอายกันสักคน แต่ตาเยิ้มอยู่นะ แล้วผมก็ลดสายตาลงมาระดับเอวแล้วไล่กลับจากขวาไปซ้าย อืม ขนาดก็ผ่านทุกคนเช่นกัน อิจฉาครับผม ถ้าเฉพาะขนาดคงบอกไม่ได้ว่าใครปีหนึ่งใครปีสาม ต้องดูจากร่องรอยการใช้งานถึงพอจะเห็นความแตกต่างระหว่างชั้นปีบ้าง

น้องๆ เริ่มเปิดน้ำให้ไหลรดไปตามลำตัว ผมเคยบอกแล้วยังว่าเวลาอาบน้ำผมชอบมองไรขนตัวเองที่เปียกลู่ไปตามน้ำไหลมันดูเรียงตัวเป็นระเบียบดี ชวนให้นึกถึงต้นไม้น้ำที่โบกตัวเองตามกระแสน้ำในลำธาร ทีนี้พอมานั่งดูน้องๆ สิบกว่าคนที่ถึงจะสูงยาวเข่าดีกันหมด แต่ก็มีความแตกต่างในสรีระทางด้านสีผิวและความดกของเส้นขน ผมดูด้วยความสนใจพร้อมบอกตัวเองว่า นี่คือความงดงามทางธรรมชาติอย่างหนึ่ง ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเป็นเกย์หรือไม่

คนที่ผิวคล้ำเมื่อผิวโดนโดนน้ำแล้วต้องแสงไฟ มันจะมีความมันวาวเป็นประกายที่โดนเด่น ยิ่งเมื่อฉากหลังเป็นกระเบื้องสีขาวด้วย ถ้าผิวคล้ำขนไม่ดก ก็จะไม่มีอะไรรกตาทำให้เห็นผิวที่มันวาวได้อย่างชัดเจน ถ้าเป็นคนผิวคล้ำขนดก เมื่อขนพลิ้วไปกับสายน้ำก็จะเกิดเป็นมิติที่แปลกตาชวนสัมผัส มาฝั่งคนผิวขาวบ้าง คนผิวขาวเมื่อตัวเปียกน้ำต้องแสงไฟ จะทำให้เหมือนมีออร่าเปล่งประกายออกมา คนผิวขาวที่ขนน้อย เมื่อโดนน้ำจะดูบริสุทธิสะอาดประหนึ่งเด็กน้อย ส่วนคนผิวขาวที่ขนดก แนวเส้นขนสีดำที่พริ้วตามสายน้ำจะตัดกับผิวสีขาวอย่างมีเสน่ห์ได้ชัดเจนที่สุด

ตอนนี้น้องๆ หันมาถูสบู่กัน พอมีฟองบดบัง ก็ทำให้เกิดเป็นความรู้สึกแบบแปลกๆ เหมือนมีอะไรปิดบังซ่อนเร้นชวนตื่นเต้น แต่ก็ไม่ได้ซ่อนเร้นอยู่นาน เพราะหลังจากนั้น ต่างคนต่างก็ทำความสะอาดตามลีลาของแต่ละคน ทั้งยก แหวก ล้วง ปลิ้น ตามอวัยวะส่วนต่างๆ หลายสเต็ปไปหมด เกือบไม่เหลืออะไรให้สงสัย พอน้องๆ ล้างตัวให้สายน้ำพัดพาไรขน เสน่ห์ที่ผมหลงใหลก็กลับมาอีก

ในที่สุดผมก็อดใจไม่ได้ ถือกล้องออกมาเข้าไปดูและซูมถ่ายน้องใกล้ๆ ทีละคน น้องไม่ได้มีท่าทีตกใจขัดขืนใดๆ กลับทำหน้าแก็กมั่ง หน้าทะเล้นมั่งใส่กล้อง ผมถ่ายไล่ตามใบหน้า ช่วงอก หน้าท้อง ไปจนถึงช่วงขาและเท้า และขอให้น้องหมุนตัวเพื่อถ่ายด้านหลังด้วย ไล่ไปทีละคนจนผมเกือบจะเป็นลมเพราะต้องไล่ถ่ายขึ้นลงสิบกว่าคน แถมเวลาไปถ่ายใครส่วนล่างของคนนั้นมักจะตื่นตัวขึ้นอีกด้วย บางคนก็ประคองขึ้นมาอวด แถมบางคนถึงกับถอกโชว์ ยิ่งทำให้ผมตื่นเต้นเข้าไปอีก จนต้องกลับไปนั่งที่เดิมแล้วเอากล้องกลับไปตั้งบนขาตั้งเหมือนเดิม

ขณะที่ผมกำลังนึกว่าน่าจะลงโทษเพียงพอแล้ว เพราะน้องแต่ละคนก็อาบน้ำกันจนตัวซีดไปหมด เด็กพ้อยท์การ์ดตัวต้นเรื่องก็เดินมายืนที่หน้าผม มือก็ประคองอวัยวะเพศที่กึ่งแข็งตัวมาที่ระดับสายตาผมที่นั่งอยู่ น้องบอกด้วยเสียงอ้อนๆ ว่า

“พี่เมครับ ในฐานะที่ผมทำให้พี่เดือดร้อน ผมขอชดเชยพิเศษให้พี่ พี่ช่วยถ่ายภาพที่น่าอับอายที่สุดของผมไว้ด้วยครับ” ว่าแล้วน้องก็เริ่มสาวท่อนลำไปเรื่อยๆ ต่อหน้าต่อตาผมจนขยายตัวเต็มที่ ตาจ้องมาที่หน้าผมตลอดเวลา “ถ่ายให้เห็นหน้าผมด้วยเลยครับ” ผมรู้สึกเหมือนถูกสะกดจิต ค่อยปรับมุมกล้องเงยขึ้นเล็กน้อย ให้เห็นหนุ่มผิวขาวรูปร่างสูงโปร่งทั้งร่างแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อที่ดูเพียวเข้ารูป ใบหน้าหล่อแบบเนี้ยบๆ แต่ริมฝีปากบนรูปสามเหลี่ยมสีอมชมพูกับฟันกระต่ายนิดๆ ทำให้ดูน่ารักไปพร้อมกัน ท่อนลำขนาดเขื่องสีอ่อนที่ถูกรูดเข้าออกดูแดงก่ำและบวมเป่งเหมือนกำลังโกรธ  น้องเร่งมือขึ้นเรื่อยๆ ตาก็ยังจ้องมาที่ผม ให้ตายเถอะ ผมนึกว่าที่ผมเล่นของแดนบ่อยๆ จนถึงขั้นติด จะทำให้ผมเคยชินกับเรื่องพวกนี้ แต่นี่ทำไมใจผมยังเต้นโครมคราม ละสายตาไม่ได้อย่างนี้ ตาน้องจ้องผม ตาผมจับจ้องจังหวะช่วงล่างของน้อง จนน้องครางชื่อผมเบาๆ แล้วปลดปล่อยออกมาเต็มมือในที่สุด น้องแบมือที่เต็มไปด้วยน้ำที่ปล่อยมาให้กล้องบันทึกภาพ แล้วหันมาสบตาผม “เพื่อพี่เมครับ”

ผมสูดหายใจเฮือกใหญ่เพื่อตั้งสติ แล้วรีบปิดกล้องบันทึกภาพ พร้อมประกาศเสียงดัง ผมกลัวน้องคนอื่นจะเอาอย่างบ้าง แต่วันนี้ผมคงรับความตื่นเต้นเพิ่มไม่ไหวแล้ว ต้องรีบตัดจบ

“การลงโทษเสร็จแล้วครับ แต่งตัวกันได้แล้วเดี๋ยวไม่สบาย อย่างที่ตกลงกันนะครับ คลิปวีดิโอนี้พี่จะเก็บไว้ แล้วอาจจะเอาให้คนในมหาลัยนี้ดูเมื่อไหร่ก็ได้ เราจะได้รู้ว่าความรู้สึกที่พี่โดนเป็นยังไง แต่ตอนท้ายพี่จะตัดออกให้นะครับเพราะพี่ก็ไม่ได้โดนขนาดนั้น”

น้องๆ ได้ฟังก็ไหว้ขอบคุณผม แล้วทะยอยกันออกไปแต่งตัว

น้องพ้อยท์การ์ดเดินเข้ามาหาแล้วบอกว่า “คลิปตอนท้ายของผม ไม่ต้องลบหรอกครับ ผมมอบให้พี่เมแล้ว พี่จะเอาไปทำอะไรก็ตามใจ ให้พี่รู้ว่าผมยอมพี่ทุกอย่าง”

“พี่ทำแน่ พี่ไม่ได้ใจดีหรอกนะ รอรับผลจากการกระทำของตัวเองได้เลย” น้องยิ้มให้เหมือนจะบอกว่าเชิญเลยครับ

“แล้วคลิปในโทรศัพท์ที่ทำตกน้ำไป เรามีเก็บไว้ที่อื่นอีกไหม”

ลืมเรื่องนี้ไปเลย ถึงเครื่องตกน้ำไปก็ใช่ว่าจะจบ เดี๋ยวนี้คนใช้แบบคลาวด์แบ็คอัพอัตโนมัติกันเยอะ

“เอาเป็นว่า จะไม่มีคนอื่นได้เห็นมันอีก พี่ก็มีคลิปผมแล้ว น่าอายกว่าด้วย แลกกันไงครับ”

น้องยิ้มเขินๆ ผมอยากคาดคั้นให้น้องรับปากว่าจะลบคลิปอันนั้นไป แต่เมื่อดูส่วนล่างของน้องที่เริ่มขยายอีกครั้ง ผมก็เลยไล่ให้ไปแต่งตัว ช่างเถอะ อยากเก็บไว้ก็ตามใจในเมื่อของมาแลกก็เกินสมน้ำสมเนื้ออยู่

----------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 27] ราคาของความไว้ใจ 09/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 09-01-2016 10:25:14

ผมกลับมาพักที่บ้านแล้วครับ จริงๆ อยากจะนอนหลับคร่อกไปเลยเพื่อหนีความวุ่นวายที่ชมรมบาสก่อไว้ แต่ตอนนี้ต้องขอไปคุยกับคุณพ่อตามบัญชาก่อน นานๆ ท่านจะดูเป็นการเป็นงานกับลูกขึ้นมาสักที

ผมเข้าไปในห้องหนังสือขนาดใหญ่ที่คุณพ่อใช้ทำงาน ก็พบว่าคุณแม่ พี่ก้อนดิน และพี่รากแก้วก็นั่งรออยู่กับคุณพ่อด้วย มันอะไรกันนี่ จะคุยพร้อมหน้าขนาดนี้ทำไมไม่คุยไปตั้งแต่ตอนทานข้าวเย็นก็ไม่รู้

“มาได้ซะทีเจ้ามอมแมม นี่กำลังจะให้พี่แก้วขึ้นไปตามอยู่พอดี”

ชื่อใครฟ่ะ ช่างเหมือนชื่อน้องหมา อ่อ ชื่อตูเอง ฮือ จำได้เปล่าครับที่ผมเคยเล่าให้ฟัง

“นี่มีเรื่องอะไรร้ายแรงเปล่า ทำไมถึงต้องคุยพร้อมหน้าขนาดนี้”

“ปีนี้เราก็จะเรียนจบแล้วใช่ไหม พ่ออยากให้เราเริ่มมาช่วยงานของตระกูล พี่ดินกับพี่แก้วเริ่มทำไม่ไหวแล้ว พ่อก็เตรียมจะวางมือทีละส่วน”

“ให้มอมไปทำที่บริษัทเหรอ มอมเคยไปฝึกงานแล้วนะครับ แล้วปีสี่นี่ก็งานยุ๊งยุ่ง”

“โม้ละสิ ปีสี่บริหารไม่หนักหรอก ยิ่งหัวอย่างเราด้วย ที่พ่อจะให้ทำมันเป็นงานอีกส่วนของตระกูล จะว่าไปมันคือฐานอำนาจของพวกเราเลยนะ ทีแรกพ่อก็ไม่คิดหรอกว่ามอมจะเหมาะสม แต่หลังๆ เราฉายแววขึ้นมาเด่นมาก น่าจะทำได้ดีกว่าก้อนดินซะอีก”

“ให้มอมทำอะไรครับ” อย่าเอางานยากมาให้ผมนะ ผมยังเด็ก

“อย่างที่รู้ตระกูลเราเป็นตระกูลที่เก่าแก่มานาน เคยสงสัยไหมว่าทำไมเราถึงคงอำนาจและความสำคัญไว้ได้ทั้งๆ ที่รุ่นหลังๆ เราก็ไม่ได้เข้าไปมีส่วนในการปกครองประเทศเหมือนในอดีต จริงๆ พวกเราออกจะหลีกเลี่ยงการรับราชการหรือเล่นการเมืองด้วยซ้ำ จะว่าเป็นเพราะธุรกิจที่เรามีก็ไม่ใช่ มันใหญ่มากก็จริง แต่ก็ไม่ได้ขนาดจะมีอิทธิพลมากมายกับประเทศได้

ผมส่ายหน้าอย่างเดียวครับ ไม่เคยสังเกตขนาดนั้น จริงๆ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตระกูลผมมีอิทธิพลขนาดที่คุณพ่อว่ามา

“จริงๆ หน้าที่ที่ตระกูลเราสืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตคือการเป็นผู้โยงใยตระกูลใหญ่ๆ ที่ขับเคลื่อนประเทศนี้อยู่เบื้องหลัง ตระกูลเหล่านั้นคือตระกูลขุนนาง คหบดี พ่อค้า และผู้มีอิทธิพลตั้งแต่ยังเป็นสยามประเทศที่มารวมตัวกันเพื่อชี้นำและแก้ไขปัญหาต่างๆ ของบ้านเมืองอย่างลับๆ เราทำอย่างนี้ต่อเนื่องกันมาเป็นร้อยปี เมื่อเวลาผ่านไป บางตระกูลก็ผันตัวเองไปเป็นนักการเมืองบ้าง เป็นนักธุรกิจบ้าง หรือแม้แต่ผู้นำทางความคิดในวงการต่างๆ”

นี่มันค่อนข้างพิสดารไม่น้อย แต่ไม่เห็นพี่ก้อนดินกับพี่รากแก้วจะตื่นเต้นเลย แสดงว่าทุกคนคงรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว คุณพ่อจิบน้ำชาแล้วเล่าต่อ

“ตระกูลเหล่านี้รวมตัวกันแบบลับๆ เรียกว่าสมาพันธ์ โดยมีตระกูลเราเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงความร่วมมือและการตัดสินใจต่างๆ แม้แต่ตระกูลในสมาพันธ์เองก็ยังไม่รู้แน่นอนว่าตระกูลใดเป็นสมาชิกอยู่บ้างและเรื่องไหนใครเป็นผู้ดูแลยกเว้นตระกูลเรา นั่นทำให้เราเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุด ใครอยากจะขอความร่วมมือหรือความช่วยเหลือจากคนอื่นต้องมาผ่านที่เรา ดูเผินๆ มันอาจจะเหมือนเป็นระบบอุปถัมภ์พวกพ้องเพื่อประโยชน์ส่วนตนของแต่ละตระกูล แต่จริงๆ เจตนารมณ์หลักก็เพื่อผลักดันแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองที่ระบบการปกครองหน้าฉากไม่สามารถแก้ไขได้ แน่ล่ะ มันต้องมีประโยชน์แบบพวกพ้องแผงอยู่บ้างเพื่อดึงดูดให้สมาพันธ์รวมตัวกันติด เพราะลูกหลานของตระกูลต่างๆ แต่ละรุ่นไม่ใช่จะมีอุดมการณ์เหมือนบรรพบุรุษกันหมด เป็นหน้าที่ของตระกูลเราอีกนั่นแหละที่จะต้องหาจุดสมดุลเพื่อให้สมาพันธ์ดำเนินเดินหน้าไปได้ และต่อไปลูกต้องเป็นคนทำหน้าที่นั้น มอมแมม”

คุณพ่อสบตาผมด้วยแววตาที่จริงจัง

“มอมจะทำได้เหรอครับ ฟังดูไม่เห็นว่าจะเหมาะกันมอมตรงไหน”

“ลูกเป็นคนที่สามารถดึงดูดคนได้ จะเรียกว่าเป็นเสน่ห์หรือคาริสม่าก็ไม่รู้ล่ะ พอดึงดูดแล้วก็กลายเป็นศูนย์กลางที่สามารถจูงใจคน พรสวรรค์อันนี้แหละที่จะรวมใจและสั่งการตระกูลต่างๆ ในสมาพันธ์ได้ ก่อนหน้านี้เรายังไม่ฉายแววชัดเท่าไหร่ แต่พอปีที่ผ่านมาคงรู้ตัวใช่ไหม่ว่าตัวเองกลายเป็นศูนย์รวมความสนใจของคนทั้งคณะทั้งมหาลัย นี่ยังไม่นับความจำที่เหนือกว่าคนปกติของลูกอีก การสื่อสารและออกคำสั่งของสมาพันธ์จะใช้วิธีดั้งเดิมแบบโบราณที่สืบทอดกันมาเพื่อรักษาความลับ เพราะงั้นจะต้องจำพวกอักขระลับหรือกาพย์กลอนโคลงฉันท์ที่มีความหมายซ่อนเร้นมากเป็นพิเศษ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะพื้นฐานมันอยู่ในเกมทายคำที่คุณปู่เล่นกับลูกมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว”

ผมนึกไปถึงคุณปู่ผู้แสนจะใจดีที่ชอบเอาตัวหนังสือยึกยือแล้วก็บทกลอนแปลกๆ มาให้ผมท่องจำเล่น แล้วก็มาเรียงสลับกลับหน้ากลับหลังพลิกบนพลิกล่างให้ผมทาย แลกกับขนมอร่อยๆ ถ้าทำได้สำเร็จ

“ถึงอย่างงั้นก็เถอะครับ มอมไม่รู้จะทำงานใหญ่อย่างนี้ได้ยังไง ถ้าทำอะไรพลาดไปแล้วพาให้ประเทศล่มจมล่ะ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก จริงๆ ในช่วงสิบกว่าปีหลัง สมาพันธ์ของเราก็ลดบทบาทลงมากแล้ว ในอดีต การเมืองยังไม่พัฒนาระบบราชการยังล่าช้า ผู้คนยังขาดการศึกษา ข้อมูลข่าวสารยังกระจุกตัวอยู่ การผลักดันประเทศเลยต้องทำโดยคนเพียงหยิบมือเดียวที่มีความรู้ความเข้าใจและเข้าถึงข้อมูลได้ สมาพันธ์จึงต้องตัดสินใจแทนคนทั้งประเทศ แต่เดี๋ยวนี้ทุกคนมีการศึกษา ความรู้ข่าวสารเริ่มเท่าเทียมกัน ชนชั้นปกครองไม่สามารถชี้นำหรือตัดสินใจแทนคนหมู่มากได้แล้ว สมาพันธ์จึงเน้นไปที่เรื่องการผลักดันแก้ไขเศรษฐกิจและกำจัดทุจริตคอรัปชั่นมากกว่า โดยทำเรื่องปัญหาสังคมด้วยตามโอกาส ส่วนเรื่องการเมืองนี้แทบไม่ได้เข้าไปยุ่งแล้วเพราะเดี๋ยวนี้มันซับซ้อนเกินไป ต้องปล่อยให้มันเข้าจุดสมดุลของมันเอง”

อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเรื่องการเมืองนะ แต่ก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี

“พี่ว่าเราทำได้แน่นอน ช่วงแรกพี่จะยังไม่วางมือ อยู่ช่วยเราไปก่อน แล้วก็ยังมีพ่อคอยดูแลพวกเราอีกที คราวก่อนพี่ทำเคสที่มีซีเอฟโอทำธุรกรรมอำพรางโกงเงินบริษัท ก็แทบจะไม่ต้องทำอะไร แค่เอาข้อมูลที่ยังขาดไปส่งให้ถูกที่ถูกทางก็เท่านั้น เครือข่ายสมาพันธ์นี่ทั้งกว้างทั้งลึก ส่วนใหญ่ไม่มีอะไรพ้นมือเราไปได้หรอก ยิ่งน้องมอมเราเสน่ห์แพราวพราวขนาดนี้ ติดต่อไปที่ตระกูลไหน เขาก็รีบให้ความร่วมมือทั้งนั้น”

พี่ก้อนดินก็ช่างพูดให้กำลังใจตามประสาพี่ชายที่แสนดี แต่ผมว่าผมก็เริ่มมั่นใจขึ้นแล้วล่ะ นึกถึงพวกเด็กชมรมบาสสิ ผมสั่งให้ทำอะไรก็ทำ

“งั้นอาทิตย์หน้า ซักครึ่งวันไหนที่ไม่มีเรียน ก็เข้าไปรับงานจากพี่เขาเลยนะ อีกอย่าง พอเราเรียนจบก็นับว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว เริ่มหาคนที่มาประจำตำแหน่งนิ้วทั้งห้าได้แล้วนะ”

คุณพ่อสรุปจบ ในขณะที่คุณแม่กับพี่สาวก็มาพูดให้กำลังใจผม ส่วนเรื่องนิ้วทั้งห้าที่คุณพ่อพูดถึง ไม่ใช่เรื่องใหม่เหมือนกับเรื่องสมาพันธ์ ผมคุ้นเคยกับธรรมเนียมนี้ของตระกูลตั้งแต่เด็กแล้ว ไว้ผมจะมาเล่าให้ฟังทีหลังครับ

-----------------------------------------------------------------------------------------

หลังจากนั้นได้สองสามวันยังไม่ทันจะได้ไปรับงานสมาพันธ์ งานเก่าก็เข้าผมซะก่อน จำไอยักษ์กัปตันชมรมรักบี้ได้ไหมครับ ตอนนี้มันกลับมาทวงสัญญาที่ผมบอกว่าจะลองไปคิดดูเรื่องที่จะให้รางวัลพิเศษถ้าน้องในชมรมมันแข่งชนะ

“นายสัญญาแล้วนะเม ตกลงนายจะให้รางวัลเป็นอะไร ขอไม่น้อยหน้าชมรมบาสเลยนะ”

“เฮ้ย เรายังไม่ได้ตกลงเลยนะ เราแค่บอกว่าจะไปลองคิดดู”

“ได้ไงล่ะเม นี่เราไปเกริ่นๆ กับน้องในทีมไว้แล้วนะ ถ้าไม่จริงชมรมต้องล่มสลายแน่ นายทำเพื่อศักดิ์ศรีมหาลัยแค่นี้ไม่ได้เหรอ”

“นายรีบไปบอกทำไม ทำอย่างนี้ก็เหมือนนายบีบเราทางอ้อมเลยนะ นายโชว์พวกมันเองเหอะ”

“ถ้าพวกมันอยากดูของเราก็ดีสิ เราจะแก้ผ้าไปเชียร์ที่ขอบสนามให้ดูเลย มันอยากดูแต่ของนายนะ”

“งั้นเราไปฉี่โชว์ให้ก็ได้” ผมเสนอทางออกครับ แค่นี้ไม่เป็นไร ผมทำบ่อยๆ ที่คณะเห็นกันจนเบื่อแล้ว

“ไม่พอหรอก มันไม่พิเศษ อย่างน้อยก็ต้องเท่าๆ ชมรมบาส” ไอยักษ์ยังตื้อต่อ

“ถ้าเรื่องมันหลุดไปจะทำยังไง แค่ตอนชมรมบาสเราก็แก้ปัญหาเกือบตายแล้ว ถ้าหลุดไปอีกนี่ ทุกชมรมไม่วิ่งมาหาเราหมดเหรอ”

“เรารับประกันเลย เด็กๆ ชมรมเราไว้ใจได้ ไม่เหมือนพวกชมรมบาสหรอกนะ”

“แค่พูดใครก็ทำได้ พอเกิดเรื่องขึ้นมา ก็ไม่มีใครมาช่วยเราแก้ไข” ผมบ่น

“นายจะให้พวกเรารับประกันยังไงบอกมาเลย เราทำได้หมด เราพร้อมเสียสละเพื่อมหาลัย”

ผมชั่งใจ พอผมต้องรับงานสมาพันธ์ผมควรจะมีเครือข่ายพรรคพวกไว้เยอะๆ ถ้าผมสร้างบุญคนกับคนไว้ได้มากเท่าไหร่ ก็อาจได้ใช้ประโยชน์กับงานสมาพันธ์ได้ภายหลัง เท่าที่ถามมาพวกคนในชมรมรักบี้ก็ไม่เลว มีคนเก่งๆ และลูกพวกผู้มีอิทธิพลอยู่ไม่น้อย ถึงรูปร่างจะใหญ่โตไม่น่ารักก็เหอะ

“งั้นเราขอไปคิดวิธีมาบอกนายแล้วกัน”

“เห นายตกลงแล้วใช่ไหม ขอบใจมาก เราขอพรุ่งนี้นะ เพราะอาทิตย์หน้าจะแข่งแล้ว” กัปตันชมรมย้ำอย่างดีใจ

“เออๆ”

ผมกลับมาคิดที่คอนโด ผมยังไม่ได้เล่าใช่ไหมว่าตอนนี้ผมให้แดนมาพักอยู่ที่คอนโดผมแล้ว ให้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของผม จริงๆ ผมได้ไอเดียมาจากรุ่นพี่คนหนึ่งที่มีบอดี้การ์ส่วนตัวคอยดูแล พี่เขาเป็นพี่คณะผมนี่แหละแต่จบไปแล้ว ตอนเรียนก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก ผมว่าพี่เขาออกจะเขม่นผมด้วย แต่พอมาเจอกันทีหลังที่พวกพี่เขามาเลี้ยงเหล้าน้องๆ พี่แกก็เหมือนจะมาถูกอกถูกใจอะไรผมก็ไม่รู้ หลังจากนั้นได้เจอกันอีกบ้างเพราะพี่เขาเรียนต่อโทที่คณะผมก็คุยสนิทสนมกันมาเรื่อยๆ เจอกันทีไร ผมเห็นมีบอดี้การ์ดส่วนตัวควรดูแลตลอด แล้วเฮียบอดี้การ์ดนี่ก็เท่จริงๆ หล่อเข้ม หุ่นนี่ดีมากแต่ไม่ใช่แบบกล้ามปูเทอะทะ ถึงจะบอกว่าเป็นบอดี้การ์ดแต่เฮียแกเหมือนพ่อบ้านส่วนตัวมากกว่า เอาอกเอาใจทำโน่นทำนี่ให้สารพัด นิสัยก็ดีสุดๆ แบบเป็นคนซื่อจริงใจและเทิดทูนรุ่นพี่ผมมาก ผมรู้เพราะเข้าไปคุยตีซี้มาแล้ว เห็นว่าอยู่ด้วยกันที่คอนโด ดูแลให้หมดทั้งงานบ้าน เสื้อผ้า อาหารการกิน ขับรถให้ด้วย รุ่นพี่ผมงี้สบายไปเลย มีคนดูแลเอาใจอย่างกับเป็นแฟนกัน

ผมอยากได้อย่างนั้นบ้าง หน้าที่บอดี้การ์ดคงไม่ต้องเพราะผมไม่ได้มีศัตรูที่ไหน นึกไปนึกมาตอนนี้ผมก็ให้แดนขับรถให้อยู่แล้ว งั้นก็เอามาอยู่ดูแลผมที่คอนโดไปเลยดีกว่า แดนเป็นเด็กสะอาด ทำอาหารก็เก่งเพราะเรียนสายนี้อยู่ มาอยู่กับผมน้องมันจะได้ประหยัดค่าที่พักด้วย ผมอ้างเรื่องความผิดของแดนที่เคยโกหกผมเพราะมีความเก็บกดทางเพศเกินไป ต้องมาควบคุมความประพฤติเพื่อแก้ไข แต่ผมก็ให้ค่าจ้างในส่วนที่ต้องทำงานให้ผมด้วยนะ แดนดูกังวลมากเหมือนจะเกรงใจแต่ไม่กล้าปฏิเสธเพราะเข้าใจว่ามีความผิดติดตัวอยู่

พอเข้ามาในห้อง แดนก็เตรียมอาหารว่างแสนอร่อยไว้คอยท่า เด็กคนนี้ดูแลคอนโดผมได้ดีไม่มีที่ติจริงๆ สะอาดเรียบร้อย กินเสร็จผมก็ลองถามแดนดูเล่นๆ

“ดูแลคอนโดพี่ได้เนี้ยบอย่างนี้ อยากได้อะไรเป็นรางวัลไหม”

“โหยพี่เม ไม่เอาหรอกครับ มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว ค่าจ้างที่พี่ให้ก็ตั้งเยอะ ผมไม่กล้าเอาเงินพี่อีกแล้วล่ะครับ”

“ก็ยังไม่ได้บอกนี่ว่าจะให้เป็นเงิน พี่จะให้รางวัลเป็นอย่างอื่น เช่น แดนอยากทำอะไรกับตัวพี่บ้างไหม”

ผมหยอกๆ แดนเล่นแก้เซ็ง

“ยะ อย่ามาล้อผมเล่นครับ หัวใจจะวาย ผมไม่กล้าคิดล่วงเกินอะไรพี่เมเลยครับ”

“ก็อย่าคิดว่าเป็นตัวแดนสิ ไหนลองนึกสิว่า ถ้าแดนเป็นคนอื่น แดนจะอยากทำอะไรกับพี่”

“ถ้าผมเป็นคนอื่นๆ เหรอครับ ผะ ผม คงอยากลองจับ กะก้นพี่เมดู” แดนพูดเหมือนละเมอ เสร็จแล้วก็สะดุ้งรีบบอกว่า

“เอ้ย ไม่ใช่นะครับ ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น แค่บอกว่าคนอื่นอาจจะคิด”

“หึหึ อย่างนั้นเหรอ”
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 27] ราคาของความไว้ใจ 09/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 09-01-2016 10:27:28

ผมเข้าไปนอนคิดในห้อง มีเรื่องที่ต้องจัดการเต็มไปหมด เรื่องต้องไปรับงานสมาพันธ์ ของเก่าอย่างเรื่องบริการพิเศษบนแทกซี่ก็ยังไม่ได้สืบต่อ ดันมีเรื่องชมรมรักบี้แทรกเข้ามาอีก เรื่องรางวัลพิเศษที่ต้องให้พวกเด็กชมรมรักบี้ ผมพอได้ไอเดียจากแดนแล้วครับ แต่ปัญหาคือ ผมไม่อยากเปลืองตัวมากเกินไป จะว่าเลือกที่รักมักที่ชังก็ได้ แต่ผมไม่คุ้นเคยกับน้องชมรมรักบี้เลย ไม่เหมือนพวกชมรมบาส แถมน้องรักบี้มีแต่ตัวใหญ่ๆ ถึกๆ ไม่ค่อยน่าเอ็นดูเท่าไหร่ ผมชอบอะไรที่น่ารักๆ มากกว่า อย่างน้องแดนนี่ไง มือเท่าใบพายแบบพวกนั้น ถ้ามาคลึงเคล้นก้นผมแรงๆ ก็ช้ำหมดสิ

กลุ้มใจๆ เรื่องทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้นถ้าไอน้องพ้อยท์การ์ดนั่นมันไม่ปูดเรื่องนี้ออกมา ยิ่งคิดยิ่งแค้น ผมเปิดทีวีแล้วหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาค้นๆ หาคลิปอาบน้ำของไอเด็กพ้อยท์การ์ดมาดูให้หายเจ็บใจ ส่งเข้าเวปเกย์ซะดีไหม ผมเปิดคลิปแล้วส่งภาพไปออกจอทีวีขนาดยักษ์เพื่อความสะใจ เยี่ยม ภาพชัดดีมาก ผมเลื่อนคลิปไปตอนที่ซูมถ่ายน้องพ้อยท์การ์ดใกล้ๆ มันยิ้มหน้าทะเล้นใส่ผมที่เป็นคนถ่าย ภาพในจอไล่ตามใบหน้า ช่วงอก หน้าท้อง ไปจนถึงช่วงขาและเท้า จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงตัวเองในทีวีบอกให้น้องหมุนตัวเพื่อถ่ายด้านหลัง พอมาดูอีกรอบ ผมถึงเก็บรายละเอียดได้ว่าก้นเด็กพ้อยท์การ์ดก็สวยไม่ใช่น้อย ทรงคล้ายๆ ของผม แต่มีไรขนขึ้นเยอะทำให้ดูไม่สะอาดตาเท่าไหร่ แต่พอซูมดูใกล้ๆ ดูเป็นคนผิวดีเหมือนกันนะ

ผมว่าผมได้ไอเดียแล้วล่ะว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง ใครทำก็ให้คนนั้นรับผิดชอบสิ ผมรีบโทรหาไอจั๊มพ์เพื่อขอเบอร์น้องพ้อยท์การ์ด พอได้มาก็กดโทรทันที

“ครับ”

มันรับสายแค่นี้จริงๆ ครับ จะสั้นไปไหน ว่าแต่มันชื่ออะไรนะ เรียกแต่พ้อยท์การ์ดๆ ลืมถามไอจั๊มพ์มา

“เอ่อ นั่นใครครับ” ผมถาม

“ฟีฟ่า มีไร” มันตอบห้วนได้อีก ถูกคนหรือเปล่าวะ ทำไมมันดูโหดๆ ไม่เหมือนที่เจอมาเลย

“ที่เป็นพ้อยท์การ์ดใช่ไหมครับ คือนี่พี่เมที่เป็นเพื่อนกับพี่จั๊มพ์นะ....”

“พี่เม... โอ้ย พี่เมโทรหาผม นี่ดีใจอย่างกับฝันไปแน่ะ อันนี้เป็นเบอร์ที่พี่ใช้ประจำใช่ไหมครับ ขออนุญาตเม็มเก็บไว้นะ พี่เมเป็นไงครับ ผมคิดถึงมาก ไม่ได้เจอกันตั้งสามวันแน่ะ พี่ได้ดูคลิปของผมที่พี่ถ่ายไปวันนั้นหรือยัง ชัดไหม ตอนท้ายผมว่ายังไม่ได้อารมณ์เท่าไหร่ พอดีผมตื่นเต้นน่ะครับ พี่จะให้ผมไปถ่ายซ่อมดีไหม วันไหนนัดมาเลย แล้วนี่พี่เมมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ แต่คงไม่ใช่ทวงกางเกงในวันนั้นคืนนะครับ ยังไม่ถึงตาผมเลย พวกในทีมมันให้ผมเป็นคิวสุดท้ายโทษฐานที่ทำให้พี่เมโกรธ ไอพวกนี้พี่เมอย่าไปสนิทกับมันมากนะครับ ปากบอกว่าให้เกียรติพี่เมอย่างงั้นอย่างนี้ แต่จริงๆ พอลับหลัง ทุกตัวเลยมาขอดูคลิปที่ผมถ่ายพี่เมไว้ ผมไม่ให้ดูหรอก บอกไปว่าหายไปกับไอโฟนที่จมน้ำแล้ว แล้วพี่เม...”

“โว้ย ฟังพี่ก่อน” นี่มันคนเดียวกันจริงเหรอ ทีงี้พูดเป็นน้ำไหลไฟดับไม่มีช่องว่างให้แทรกเลย

“โทษทีครับ พี่เมว่ามาเลย ฟีฟ่าคนนี้พร้อมรับฟัง” มึงชื่อฟีฟ่าแต่มาเล่นบาสนี่นะ

“พี่จะบอกว่าปัญหาที่เราทำไว้ มันยังไม่จบเลย ตอนนี้ชมรมรักบี้มายื่นคำขาดให้พี่ต้องให้รางวัลพิเศษถ้าทีมมันแข่งชนะ ก็เพราะเราไปปูดเรื่องนี้ไว้นะสิ”

“โหได้ไง อย่างงี้ผมเอาพวกเราทีมบาสไปถล่มมันเลยดีกว่า ถึงเป็นรุ่นพี่คณะผมก็ไม่กลัว ตายเป็นตาย”

“ไม่ต้องโว้ย ชมรมกีฬาเหมือนกัน มอเดียวกัน จะตีกันทำไม ไม่รู้แหละ เราต้องมาช่วยพี่ พี่คิดวิธีไว้แล้ว แค่ทำตามที่พี่สั่งก็พอ”

“รับแซบครับ พี่เมจะให้ทำอะไรบอกมาเลย”

“ตอนนี้ยังไม่ทันค่ำ เราสะดวกมาหาพี่ที่คอนโดไหม คอนโดพี่อยู่ตรง...” ผมกำลังเตรียมบอกทาง

“ผมรู้จักคอนโดพี่ครับ ห้อง B1808 อีกยี่สิบนาทีเจอกัน ขอไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะครับ จุ๊บๆ”

เฮ้ย มันรู้จักได้ไงวะ ชักเริ่มกลัวแล้วสิ คงไม่เป็นไรมั๊ง มีแดนอยู่ด้วย

ยังไม่ทันถึงยี่สิบนาทีดี นายฟีฟ่า ก็ไอน้องพ้อยท์การ์ดนั่นแหละ ก็โทรมา ผมส่งแดนลงไปรับ หายไปพักหนึ่ง ก็กลับขึ้นมาหอบของพะรุงพะรัง นี่มันจะไปเที่ยวกลางคืนหรือเปล่านี่ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม จัดเต็มจริง หล่อจริง

ทันทีที่เจอหน้าผม มันก็ใส่ชุดใหญ่

“โอ๊ยพี่เม ผมนึกว่าฝันไปที่พี่โทรมาเข้าเครื่องผม แถมยังได้มาหาพี่ที่คอนโดอีก นี่รู้เปล่าผมร่ำๆ จะมาซื้อห้องที่คอนโดนี้ตั้งหลายทีแล้ว จะเอาห้องข้างๆ พี่เลย แต่ม๊ายังไม่อนุมัติซักที เอ้ย ไม่ใช่ แต่พอดีนึกได้ว่านักศึกษาทุนกีฬาจนๆ อย่างผมจะไปมีปัญญาซื้อคอนโดได้ยังไง ใช่ ผมคุยกับน้องแดนมาแล้วตอนอยู่ข้างล่าง เขาน่ารักดีนะ ซื่อๆ ผมไม่ได้บอกอะไรเขาหรอก พี่อยากให้ผมเป็นอะไรผมเป็นได้หมด นี่น้องเขาอยู่กับพี่ที่คอนโดนี่เหรอ อิจฉาจัง ผมมาสมัครเป็นเด็กรับใช้ของพี่เหมือนน้องเขาบ้างได้ไหม ไม่เอาเงินเดือนเลยนะ นี่ผมเอาเครื่องดื่มมาด้วย เผื่อพี่อยากดริ๊งค์ แดนๆ เอาไปแช่ตู้เย็นไว้ก่อนดีไหม เมื่อกี๊คุยกันสนุกดีนะ นายรู้เรื่องพี่เมเยอะเหมือนกันนี่ ไว้มาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เห็นบอกว่านายเป็นคนทำกับข้าวให้พี่เมกินด้วย พี่เมเค้าชอบกินอะไร ทีหลังนายสอนเราทำบ้างนะ พี่เมผมขอเข้าไปดูห้องนอนพี่ได้ไหม นะๆ นิดเดียวก็ได้ ผม....”

“แดน ไปหาอะไรมาให้ฟีฟ่ากินหน่อย จะได้หยุดพูด”

“พี่เมรำคาญผมเปล่า ผมไม่ตั้งใจนะ ผมดีใจอ่ะ”

“มาคุยงานก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน นายต้องมาช่วยพี่แก้ปัญหาชมรมรักบี้”

“ได้ๆ พี่จะให้ผมทำอะไร”

“เอ่อ มันต้องเปลืองตัวหน่อยนะ แต่ก่อนอื่นต้องทดสอบก่อน ว่านายใช้การได้หรือเปล่า”

“ได้สิพี่ ของผมฟิตปั๋งตลอด วันก่อนพี่ก็เห็น”

“ไม่ใช่เรื่องนั้นโว้ย พี่จะให้เราเป็นสแตนด์อินก้นให้พี่ หันหลังมา ช่วยถกก้นให้พี่ดูหน่อย”

ฟีฟ่ารูดกางเกงลงพรืดทันที ไม่มีอิดออดแม้แต่น้อย ก้นเด็กพ้อยท์การ์ดสวยกว่าที่คิด ผิวจริงๆ ก็เนียนใช้ได้ ปัญหาคือ มันเหมือนหรือต่างจากของผมแค่ไหน สงสัยต้องให้บุคคลที่สามช่วยดู

“แดนๆ” ผมตะโกนเรียกแดนให้ออกมาจากในครัว

แดนวิ่งออกมาทันที พอเห็นฟีฟ่าเปลือยท่อนล่างอยู่ก็ทำหน้างงๆ

“แดน นายลองดูก้นฟีฟ่าซิ แล้วลองวิจารณ์ว่าต่างจากก้นพี่แค่ไหน”

แดนหันไปมองอย่างละเอียด ฟีฟ่าก็ไม่ได้อายเลย โด่งก้นโชว์ซะงั้น

“ผมว่ามันไม่เหมือนครับ เรื่องสีน่าเป็นเรื่องที่ต่างกันมากที่สุด แต่ถ้าจะเอาละเอียดเป็นจุดๆ ผมก็ยังจำของพี่เมไม่ได้ขนาดนั้นครับ ผมเคยเห็นแค่ครั้งเดียวเอง”

“งั้นก็มาเทียบข้างๆ กันเลยดีกว่า” ผมถอดกางเกงในกางเกงนอกที่สวมอยู่ทันที กับสองคนนี้ผมไม่อายเท่าไหร่ ก็ผมเห็นของทั้งคู่มาแล้วหมดแล้วนี่ครับ โดยเฉพาะของแดนนี่ชักให้ไม่รู้กี่ทีแล้ว

ผมไปยืนข้างๆ ฟีฟ่า หันก้นมาทางแดน

“เอ๊ะ ก้นคุณฟีฟ่าเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้วครับ แขนขาก็ด้วย

“พี่เมครับ ผมเขิน พี่เมมายืนแก้ผ้าข้างๆ กัน หัวใจเต้นตึกตักๆ ไปหมดแล้ว ผมตื่นตัวเต็มที่แล้ว อายจัง”

ผมไม่แน่ใจว่าฟีฟ่าอายจริงเปล่าเพราะแววตาเป็นประกายซะขนาดนั้น แต่ที่แน่ๆ เรื่องตื่นตัวเต็มที่นี่มันพูดเรื่องจริง เพราะลำตรงสวยที่ผมดูในคลิปเมื่อหัวค่ำ ตอนนี้ตั้งขนานกับพื้นห้องเรียบร้อยแล้ว ส่วนปลายฉ่ำเยิ้ม

“ทนไว้ก่อน ทำธุระของพี่ให้เสร็จก่อน แดน ลองดูเปรียบเทียบ สีไม่ต้องสนใจนะ เอาแค่ขนาด รูปทรง แล้วก็สัมผัส”

ผมแน่ใจว่าแดนคงทำหน้าที่อย่างตั้งใจ แต่จะเขินอายแค่ไหนไม่รู้เพราะผมหันหลังอยู่ ซักพักใหญ่แดนก็เอื้อมมือมาสัมผัสก้นผม แดนลูบไล้ไปทั่วแล้วบีบเบาๆ  ผมรู้สึกได้ว่าแดนมือสั่นๆ ซักพักก็สรุปเสียงเครือ

“รูปร่างและขนาดคล้ายกันครับ แต่ของพี่เมจะกลมกว่าหน่อย ส่วนของคุณฟีฟ่ามีลอนกล้ามเนื้อมากกว่า ส่วนสัมผัส ของคุณฟีฟ่าจะแน่นๆ ผิวเรียบเนียนแต่แห้งนิดๆ มีไรขนค่อนข้างเยอะครับ ของพี่เมจะเอ่อ นุ่ม นุ่มมาก ผิวเนียนละเอียดเรียบลื่นเหมือนผ้าแพร เหมือนมีแรงดึงดูดที่ทำให้ปล่อยมือแทบไม่ได้ครับ”

“พี่เมครับ ผมไม่เชื่อว่ามันต่างกันในแบบที่แดนว่า ผมขออนุญาตสัมผัสเปรียบเทียบเพื่อให้ความเห็นครับ”

จริงๆ ผมก็ไม่เชื่อน้ำยาไอเด็กนี่เท่าไหร่ แต่ก็ลองความเห็นหลายๆ ทางดู ผมเลยพยักหน้าให้แล้วหันหลังไปสังเกตการณ์ ฟีฟ่าเดินเข้ามาด้านหลังผมแล้วคุกเข่าลง ก้นผมห่างน่าจะลอยเด่นห่างจากหน้ามันไม่เกินสามนิ้ว ถ้าผมดูไม่ผิด ฟีฟ่าเหมือนจะมีน้ำตาคลอนิดๆ ผมเมื่อยจนหันหน้ากลับ ซักพักก็รู้สึกถึงมือกร้านแบบนักบาสวางอย่างแผ่วเบาลงบนบั้นท้ายผม จากนั้นก็ค่อยๆ ลูบไล้ไปทั่วแบบเดียวกับที่แดนทำแต่ช้ากว่ามากจนกินเวลาอึดใจใหญ่แล้วจึงเปลี่ยนมาเป็นการโอบประคองด้วยมือสองข้างแล้วบีบเบาๆ ทำซ้ำๆ ด้วยน้ำหนักที่ค่อยๆ แรงขึ้นๆ มันเกือบจะกลายเป็นการนวดเลยทีเดียว ขณะที่ผมเริ่มจะเพลิดเพลินกับสัมผัส ความเสียวรูปแบบใหม่ก็เกิดขึ้นเมื่อรู้สึกถึงปลายนิ้วที่เริ่มไล่มาตามแนวร่องก้นอย่างช้าๆ จนเกือบถึงรอยจีบ

“เฮ้ย พอๆ เล่นเอากูเคลิ้มเชียวนะ” ผมได้สติกลับมาอย่างหวุดหวิด เกือบเสียซิงหลังซะแล้วสิ ไอแดนก็กระไร ไม่เตือนมั่งเลย ผมหันไปเตรียมจะเล่นงานทั้งสองคนเต็มที่ ปรากฏว่าสิ่งที่เจอคือเด็กทั้งสองน้ำตาไหลพราก กอดกันกลมแถมยังตบหลังให้กัน แดนแกกอดมันลงได้ยังไงวะ ก็อาวุธประจำกายของฟีฟ่ายังโด่ไม่ยอมลงเลย

“ดีใจที่ได้เกิดมาจริงๆ ขอบคุณป๊า ขอบคุณม๊า”

“ผมเข้าใจครับคุณฟีฟ่า ผมเข้าใจ”

“ไม่ต้องเรียกคุณแล้ว เราผ่านเหตุการณ์นี้มาด้วยกัน ยังจะเรียกหาเป็นคนอื่นคนไกลได้ไฉน นับจากนี้เราเป็นสหายร่วมสาบานกัน เราจะเป็นสาวกที่ใกล้ชิดพี่เมที่สุดร่วมกัน”

“โว้ย หยุดๆ เพ้อเจ้อกันไปใหญ่แล้ว ได้งานบ้างไหมนี่ เดี่ยวไล่ออกนอกห้องให้หมด”

“ว๊าก ไม่เอาครับพี่ นี่ไง ผมกำลังจะสรุปให้ฟัง ถ้าเปรียบแล้ว ก้นพี่เรียบละมุนเหมือนกลีบกุหลาบ ส่วนก้นผม เหมือนถนนลูกรัง”

“พอๆ ไม่ได้เรื่อง คิดๆ ดูแล้ว ไม่เหมือนกันก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ ไอพวกทีมรักบี้มันจะไปรู้ได้ยังไงว่าของจริงเป็นยังไงถ้ามันมองไม่เห็น เราแค่ปรับปรุงอย่าให้มันต่างกันชัดเจนพอ ฟีฟ่า เราไปนอนคว่ำตรงโซฟา ยังไม่ต้องใส่กางเกงนะ”

ฟีฟ่ารีบลุกไปที่โซฟาทันที แต่เดี๋ยวเดียวมันหันกับมาเบ้หน้า

“พี่เม ผมนอนคว่ำไม่ได้ น้องผมยังตื่นอยู่ มันเจ็บ”

“โอ้ย เรื่องมากจริง แดน ไปช่วยสหายร่วมสาบานของตัวเองซิ ให้มันนอนคว่ำหน้าแค่ช่วงบนก็พอ ท่อนเอวก็พาดไว้แถวขอบโซฟาแล้วเอาขายันพื้นไว้ ไอ้ที่โด่เด่อยู่จะได้ไม่โดนทับ”

ผมใส่กางเกงจนเสร็จ ก็เห็นว่าแดนจัดท่าให้เพื่อนเรียบร้อยแล้ว ผมก้มหน้าสำรวจก้นมันอย่างใกล้ชิดอีกรอบ แดนก็มาช่วยดูอยู่ข้างๆ

“ที่น่าทำได้ก็จะมีเรื่องขนนี่แหละ แล้วก็บำรุงผิวช่วยน่าจะพอถูไถไปได้ แดนไปเอาครีมบำรุงที่อยู่หน้ากระจกในห้องนอนพี่มาให้หน่อย กวาดมาหมดเลยแล้วกันถ้าหยิบไม่ถูก” ผมสั่งแดน ส่วนตัวเองก็ไปค้นๆ ในลิ้นชักแล้วหยิบเอามีดโกนหนวดออกมา

ผมสำรวจพื้นที่อีกครั้ง ในร่องคงไม่ต้อง เพราะของผมก็มีบ้างเหมือนกัน แต่คงต้องเล็มออกบ้าง ผมให้แดนช่วยเอาหนังสือพิมพ์มาปูรอง แล้วให้ฟีฟ่าแหวกแก้มก้นตัวเองออกจากกัน ผมเอากรรไกรไล่ซอยขนในร่องให้บางเบาลง ฟีฟ่ารักษาความสะอาดใช้ได้ ไม่มีกลิ่นอับโชยมาให้รำคาญ จริงๆ ออกจะมีกลิ่นสบู่อ่อนๆ ด้วยซ้ำ

พอเสร็จก็ถึงขั้นตอน ผมละเลงโฟมโกนหนวดจนเต็มบั้นท้ายของฟีฟ่าแล้วเอามีดโกนหนวดบรรจงโกนจนเกลี้ยงเกลา ผมให้ฟีฟ่าไปล้างตัว ส่วนแดนก็ปลีกตัวไปทำอาหารค่ำ ฟีฟ่าเช็ดตัวจนแห้งกลับมาอีกครั้ง เชื่อไหมว่าอะไรที่โด่อยู่ตอนนี้ก็ยังไม่ยอมลงเลย มันก็ไม่อายด้วย ผมขี้เกียจจะสนใจแล้ว เลยรีบสอนให้มันขัดผิว ทำมาสก์บำรุง แล้วก็ทาครีมเพื่อรักษาความชุ่มชื่น ผมบอกให้มันทำทุกวันจนกว่าจะถึงวันแข่งของทีมรักบี้

“ผมทำไม่ค่อยเป็นหรอก อยู่ด้านหลังทำยากด้วย ผมมาให้พี่ทำให้ทุกวันไม่ได้เหรอ”

“เกินไปแล้วนะ ที่ต้องลำบากอยู่นี่มันความผิดใครล่ะ”

“เอาหน่าพี่ ผมจะได้ใช้ครีมของพี่ไปเลย ไม่ต้องไปซื้อใหม่ทั้งชุด ยังไงก็ใช้แค่ไม่กี่วัน ประหยัด”

“บางวันพี่ก็ไม่มีเวลานะ กลับดึกด้วย”

“ไม่เป็นไร ผมก็มานั่งคุยกับไอแดนไปก่อนก็ได้ ถ้าพี่กลับดึกจริงๆ ผมให้มันทำให้ก็ได้ แต่ผมว่ามันก็ทำไม่ดีเท่าพี่หรอก เวลาเหลือน้อยไม่ใช่เหรอ ต้องเร่งบำรุง”

“เอางั้นเหรอ แต่นายจะต้องกลับบ้านดึกมาก”

“งั้นผมขอมานอนที่นี่เลยดีกว่า นอนกับไอแดนก็ได้ ไม่รบกวนพี่หรอก จะได้ทำหลักสูตรเร่งรัดไปเลย”

“จะดีเหรอ พี่ยังไม่ได้บอกนายนี่นะ ว่าในคอนโดพี่มันมีกล้องติดเต็มไปหมด เอ่อ พี่เอาไว้เก็บข้อมูลเพื่อรักษาพฤติกรรมบางอย่างของแดนน่ะ นายมาอยู่อาจไม่เป็นส่วนตัวนะ”

“พี่ว่าเรื่องแบบนี้ผมจะแคร์ไหม จริงๆ ให้ผมแก้ผ้าลงลิฟท์ไปที่ล้อบบี้ผมยังไม่อายเลย แค่กลัว รปภ. คอนโดพี่จะเรียกตำรวจซะก่อน ว่าแต่ห้องนี้กล้องอยู่ตรงไหนอ่ะ”

พอผมชี้ให้ดู ฟีฟ่ามันก็เดินดุ่มๆ เข้าไปตรงหน้ากล้อง ทำหน้าทะเล้น แล้วสาวท่อนลำที่ยังแข็งตัวอยู่ใส่หน้ากล้อง

“พี่เมๆ จะออกแล้ว ขอทิชชู่ด่วน”

ผมรีบดึงทิชชู่ออกมาแบบนับไม่ถ้วนแล้วรีบส่งให้ฟีฟ่าทันที มันเอาไปรองน้ำที่ทะลักออกมาทันอย่างฉิวเฉียด ไอเด็กเปรต เกือบเลอะพรมแล้วไหมล่ะ ไอน่าดูมันก็น่าดูหรอก หวังว่ากล้องจะเก็บภาพไว้ได้แจ่มๆ นะ

“เออ เอ็งมันแน่ เราเชี่ยวขนาดนี้ ก็ช่วยสอนแดนเพื่อนเราหน่อยแล้วกัน เรื่องแบบนี้มันซื่อเกิน เวลาเรามาอยู่นี้ก็ชวนมันช่วยตัวเอง ดูหนังโป๊ อะไรไปตามเรื่องนะ พี่ไม่ค่อยมีเวลาสอนมัน แต่พี่จะติดตามพฤติกรรมผ่านกล้องที่ติดไว้”

“ถ้าเป็นเรื่องแบบนี้ไม่ต้องเป็นห่วง ยังไงพอเสร็จเรื่องผมขอรางวัลบ้างนะครับ” หน้ามึงหื่นมาก ขอบอก

--------------------------------------

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 27] ราคาของความไว้ใจ 09/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: ρℓuto ที่ 09-01-2016 11:12:46
อยากอ่านเรื่องของ 1-0 จังง   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 27] ราคาของความไว้ใจ 09/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: llSJAr34 ที่ 09-01-2016 16:10:08
แอบส่องเว็บนี้ 2ปี สมัคสมาชิกไว้จะเม้น หลายเรื่องละ ขอเรื่องนี้เป็นเม้นแรกละกับ ชอบมาก แปลกดี สนุก เป็นไรที่ฟินสุดๆ หรือผมหื่น 55 ขอบคุณครับ o13
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 27] ราคาของความไว้ใจ 09/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-01-2016 16:12:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 27] ราคาของความไว้ใจ 09/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: lovely tham ที่ 09-01-2016 16:45:38
 :m25: :beat: :beat: :beat: :beat:   เนื้อเรื่องดูขัดๆนะว่าป่ะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 27] ราคาของความไว้ใจ 09/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 09-01-2016 19:47:54
มาต่อแล้ววว ดีใจ ช่วงนี้เรื่องเมยาวจริงๆ นะ
เป็นไปได้เล่าสลับแบบตอนแรกๆ ก็ได้ดูหลากหลายดี ยังไงก็ขอบคุณที่มาาต่อนะ เป็นของขวัญวันเด็กที่ดีจริงๆ สู้ต่อไปจ้า เป็นกำลังใจให้  o13
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 27] ราคาของความไว้ใจ 09/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 09-01-2016 19:51:00
เป็นอะไรที่หื๊นหื่น 5555+ คิดว่าเมน่าจะไม่มีแฟนเป็นตัวตนแต่มีฮาเร็มหนุ่มๆส่วนตัวแทน 555
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 27] ราคาของความไว้ใจ 09/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 09-01-2016 23:05:39
กรี๊ด นังบอกเด็กนักบาส โอ้ย อ่านไปก็ขำไป ทำไมอยากโดนลงโทษขนาดนั้นลูก
ที่สุดคือเด็กพอยท์การ์ดฟีฟ่า ความแฟนคลับนี่ล้นมาก อ่านแล้วขำ

ที่น้องเมต้องเข้าไปรับตำแหน่งนี่ต้องเกี่ยวข้องกับบอสแน่ๆ
หวังว่าพวกนางจะเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 27] ราคาของความไว้ใจ 09/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: llSJAr34 ที่ 10-01-2016 15:07:59
เมธัสตอนแรกทีเปิดตัวเป็นฝ่ายตรงข้าม รู้สึกไม่ชอบตอนนี้โอเเล้วแอบหื่นเหมือนกันนะเม  รู้สึกว่าจะเป็นฝ่ายตรงข้ามที่สมน้ำสมเนื้อดีเป็นผู้นำเหมือนกัน   แอบอยากให้คลิปทีถ่ายไว้หลุดหรือไรที่ทำให้คนเดือดร้อนแล้วโดนจับไปลงโทษจริงๆ อยากรู้จักองค์กรนักนิ  o18
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 27] ราคาของความไว้ใจ 09/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 10-01-2016 21:29:51
ชอบน้องเมมาก ไม่คิดว่าจะเป็นตัวร้ายจริงๆอ่ะนะ แต่ต้องดูต่อไปว่ารับตำแหน่งแล้วจะทำอะไรต่อ คงไม่ได้เอาอิทธิพลที่ได้มาสร้างฮาเร็มหรอกนะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 27] ราคาของความไว้ใจ 09/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 13-01-2016 01:31:08
นี่คิดว่าเมไม่น่าใช่ตัวร้ายเลยนะ นางจะสร้างฮาเรมของตัวเองด้วยเลยมั้ยนิ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 27] ราคาของความไว้ใจ 09/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 17-01-2016 22:22:03
ยังค
รักษามาตรฐานคงามหื่นไว้ได้อย่างเหนียวแน่น :hao7:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 28] วิกฤตการณ์ทางการเงิน 17/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 17-01-2016 23:10:12
องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 28 วิกฤตการณ์ทางการเงิน

บอสแทบไม่อยากเชื่อว่าองค์กรจะต้องมาถังแตกขนาดนี้ เขาไม่เคยประสบปัญหาด้านการเงินมาก่อน ถ้าพูดถึงเรื่องฐานะส่วนตัว บิดาที่เสียไปก็ทิ้งมรดกไว้ให้มากพอดู ถึงจะไม่เข้าขั้นเศรษฐีในนิยามของสังคมคนกรุง แต่ก็มีให้กินให้ใช้ได้ตามใจ ยิ่งพอเรียนจบเข้าวัยทำงาน เงินปันผลที่ได้จากหุ้นลมในบริษัทคอมพิวเตอร์ของโป๊ปก็มากพอที่จะให้ใช้จ่ายอย่างสบาย ไหนจะกำไรจากธุรกิจไวน์ขาวของเขาอีก เรื่องเงินหรือวัตถุภายนอกไม่ใช่เรื่องที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ ในชีวิตของบอสมานานแล้ว จะว่าไปมันก็นับตั้งแต่ที่เขาได้ก่อตั้งองค์กรขึ้นเพื่อเอาพลังพิเศษที่มีไปใช้ขยายผล ถ้าจะให้เรียงลำดับตอนนี้ ความหื่นน่าจะสำคัญอันดับหนึ่ง ส่วนเรื่องช่วยคนนี่ไล่ๆ กันมาที่อันดับสอง

ที่ผ่านมา นอกจากทุนดำเนินการในช่วงแรกแล้ว เขาหรือโป๊ปไม่เคยต้องเอาเงินส่วนตัวเข้าไปอุดหนุนกิจการขององค์กรเลย ก็เม็ดเงินที่ได้จากการขายภาพขายคลิปในหมวดเอ็ม กับยอดประมูลทาสหมวดเอสในแต่ละทีมันสูงลิบ ถึงยอดเปอร์เซ็นต์ที่องค์กรหักไว้เป็นค่าใช้จ่ายมันจะน้อยนิดเพื่อให้ได้เงินไปชดเชยผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด แต่องค์กรก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมาย หลักๆ ก็มีแต่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเบอร์หนึ่งก็ออกแบบไว้อย่างดีและคุ้มค่ามากที่สุด คนทำงานก็เป็นอาสาสมัครที่ไม่ได้รับค่าจ้างแต่ได้เป็นเครดิตไว้ซื้อคลิปแทน แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น องค์กรถึงได้มีค่าใช้จ่ายมากมายจนติดตัวแดงแบบนี้ บอสนึก

“ไอโป๊ป มึงมาดูเลย บริหารยังไง เงินสำรองขององค์กรถึงได้ร่อยหรออย่างนี้”

ทันทีที่รู้เรื่อง บอสก็ไม่รอช้ารีบแฉ่งกับโป๊ปผู้ซึ่งมีอำนาจในการบริหารเงินขององค์กรเท่าเทียมกับเขาทันที

เบอร์หนึ่งซ่อนอาการตกใจไว้ภายใต้สีหน้าชิลล์ๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โต

“อ้าว มึงเห็นแล้วเหรอ กูว่าจะบอกอยู่พอดี”

“ที่กูเข้าไปดูย้อนหลัง มันก็เกิดขึ้นเกือบเดือนแล้ว มึงคิดจะบอกกูเมื่อไหร่ มีปัญหาอะไรก็มาคุยกันสิ องค์กรนี้เราก็ทำด้วยกัน ช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ ว่าแต่มึงสั่งจ่ายเงินไปทำอะไรตั้งเยอะวะ โอนไปต่างประเทศด้วย ในบัญชีเห็นลงไว้แค่ว่าลงทุนปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์ ก็ไม่ได้จะไม่ไว้ใจอะไรหรอกนะ มึงก็ทำเพื่อกู เพื่อองค์กรมาตั้งขนาดนี้ แต่ก็น่าจะบอกกูไว้หน่อย”

เบอร์ศูนย์บ่น เขาไม่ได้มีความคิดแม้แต่น้อยว่าโป๊ปจะโกงเงินหรืออะไรทำนองนั้น ที่ผ่านมาเรื่องสำคัญๆ เกี่ยวกับองค์กรโป๊ปต้องมาถามแนวทางจากเขาก่อน แต่คราวนี้ทำระบบอะไรก็ไม่รู้ แถมใช้เงินตั้งมากมาย ไม่บอกซักคำ

“อย่าโกรธโป๊ปเลยนะ เห็นบอสยุ่งช่วงนี้เลยไม่อยากให้ปวดหัวเพิ่ม อันนี้ก็แค่ขยายระบบเพิ่มเผื่อจะรองรับสมาชิกให้มากขึ้น แล้วบริษัทของเราก็งานล้น เลยต้องจากต่างประเทศทำ จะได้ตั้งศูนย์ข้อมูลที่เมืองนอกเลย ปลอดภัยขึ้นไปอีก”

โป๊ปเห็นเพื่อนโกรธมากเลยเข้าโหมดพูดเพราะทันที บอสได้ยินก็อ่อนลง นานๆ เพื่อนรักของเขาจะทำเสียงอ้อนแบบนี้ซักที จริงๆ เขาก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรเรื่องเงินหรอก ทุกวันนี้ก็รายได้เขาก็มาจากการทำงานของโป๊ปทั้งนั้น เขาก็นึกว่าองค์กรมีปัญหาอะไรร้ายแรงเสียอีก

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร บอสเห็นเงินมันหายไปเยอะจนน่าตกใจ แล้วนี่จะทำยังไง เอากำไรสะสมของบริษัทระบบคอมพิวเตอร์โป๊ปมาโปะก่อนได้เปล่า”

เห็นเพื่อนพูดเพราะมา บอสก็เผลอพูดเพราะตอบ

“อย่าเลย เก็บไว้ขยายงานของบริษัทดีกว่า ถ้าบริษัทไม่มั่นคง เดี๋ยวพนักงานจะแย่ไปด้วย ทุกคนฝากอนาคตไว้กับเราเชียวนะ แล้วอีกอย่างเงินตรงนั้นก็ไม่พอหรอก เพราะโป๊ปยังต้องจ่ายค่าระบบอีกหลายงวด บอสยังมีเงินสำรองร้านไวน์อยู่ใช่ไหม ขอมาหมุนตรงนี้ก่อนเดี๋ยวค่อยจัดการต่อ”

“ตรงนั้นก็ได้แค่ไม่กี่ล้านเองนะ ที่เหลือจะทำยังไง ให้บอสไปสะกดจิตหลอกคนมาดื้อๆ หรือจะให้เอาเงินที่เตรียมไว้ช่วยเหลือผู้เสียหายมาใช้ บอสไม่ทำหรอกนะ”

“การเงินมีปัญหา แต่งชุดนักศึกษาไปหาเสี่ยสิบอส”

โป๊ปยิ้มกริ่มเหมือนคิดแผนไว้ในใจอยู่แล้ว

…………………………………………………..

นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่ต้องมาพบกับนายทุนใหญ่ในวันนี้ เอาเข้าจริงก็ไม่ใช่เสี่ยแต่เป็นประธานกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย ที่มีทั้งโรงแรม สายการบิน ห้างสรรพสินค้า สื่อบันเทิง และธุรกิจอื่นๆ อีกมากมายในสังกัด ปกติการขอนัดพบคนระดับนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายแม้จะเป็นเจ้าของบริษัทวางระบบคอมพิวเตอร์ดาวรุ่งอย่างโป๊ปก็ตาม แต่พอแค่ติดต่อขอนัดในนามองค์กรผ่านข้อความในแอพที่สมาชิกทุกคนต้องมีติดตั้งไว้ในมือถือ ท่านประธานใหญ่ก็รีบรับนัดในวันรุ่งขึ้นทันที ใช่แล้ว ว่าที่นายทุนใหญ่ก็เป็นสมาชิกขององค์กร

“ขออภัยที่ให้รอนะครับ คุณศศิกานต์ขอเรียนเชิญที่ห้องทำงานส่วนตัวของท่านได้เลยครับ”

สองเพื่อนซี๊ที่นั่งรอในห้องรับรองหรูบนชั้นสูงสุดของอาคารสำนักงานขนาดใหญ่มาได้แค่ไม่กี่นาที ก็เดินตามเลขาหนุ่มมาดดีไปยังห้องผู้บริหารสาวทันที บอสรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเป็นมืออาชีพของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ติดอันดับโลก ไม่ได้ง่ายๆ เป็นกันเองเหมือนบริษัทของโป๊ป แต่คนที่มีอำนาจควบคุมจิตคนอื่นได้อย่างเขาก็ไม่ได้รู้สึกประหม่าอะไร ก็แค่ไม่ชิน

ศศิกานต์ลุกขึ้นจากโซฟาหรูในห้องทำงานขนาดใหญ่เป็นการต้อนรับ สองหนุ่มยกมือไหว้ผู้บริหารสาวในฐานะที่มีวัยวุฒิสูงกว่า ศศิกานต์ในมาดนักธุรกิจนี้ดูสง่าเฉียบคมแม้จะยังอายุไม่ถึงสามสิบดี

เมื่อส่งแขกถึงตัวเจ้านายแล้ว เลขาหนุ่มก็ขอตัวออกไปพร้อมกับปิดประตูจนสนิท ศศิกานต์เชิญแขกทั้งสองนั่งแล้วก็เริ่มบทสนทนา

“ตายจริง คุณโป๊ป เจ้าของบริษัทคอมพิวเตอร์ดาวรุ่ง เราเคยเจอกันครั้งนึงในงานกาล่าดินเนอร์เมื่อปลายปี ไม่นึกว่าคุณโป๊ปจะเป็นคนขององค์กร ถ้าทราบตั้งแต่ตอนนั้นเราคงมีเรื่องได้คุยกันอีกเยอะ”

ศศิกานต์ทักทายอย่างเป็นกันเองแต่ก็ไม่ทิ้งมาดเฉียบคมแบบนักธุรกิจ สองหนุ่มไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ เพราะในงานดินเนอร์เธอก็เป็นอย่างนี้

เมื่อทักทายโป๊ปเสร็จ นักธุรกิจสาวสวยก็หันมาทางบอส

“ส่วนทางนี้ เราคงไม่เคยพบกันมาก่อน ดิฉันศศิกานต์ค่ะ เป็นสมาชิกองค์กรต่อจากคุณพ่อ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

บอสเคยเจอกับศศิกานต์มาหลายครั้งแล้ว ถ้าไม่นับในงานกาล่า ก็เป็นตอนที่เขาเอาทาสไปส่งมอบให้ในช่วงแรกๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นระบบวิดีโอคอลล์ภายหลัง

“จริงๆ เราเคยเจอกันในงานกาล่าแล้วครับ ผมไปพร้อมกับโป๊ป คุณศิคงทราบว่าทำไมถึงจำผมไม่ได้ ถ้าผมจะบอกว่าผมคือเบอร์ศูนย์ขององค์กร หรือชื่อจริงๆ คือบอสครับ”

ศศิกานต์หลับตา มือทั้งสองข้างกำแน่นยกขึ้นข้างตัว เธอสูดหายใจเข้าออกอย่างแรงอยู่หลายครั้งก่อนจะลืมตามาจ้องหน้าบอสราวกับจะต้องการจำรายละเอียดทุกอย่างบนใบหน้าของบอสให้ได้

“ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ค่ะที่ได้มีโอกาสพบกับเบอร์ศูนย์ขององค์กร ก่อนคุณพ่อจะโอนความเป็นสมาชิกให้ดิฉัน ท่านได้เล่าเรื่องขององค์กรให้ฟังอยู่บ้างค่ะแต่จะเน้นเรื่องการใช้งานทาสในทางธุรกิจและให้เป็นบอดี้การ์ด ตอนนั้นดิฉันไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ไม่คิดว่าจะมีใครมีพลังพิเศษได้อย่างเบอร์ศูนย์ขององค์กร จึงไม่ได้ซักถามรายละเอียดอะไร จนตอนนี้ท่านจำเรื่องของคุณไม่ได้แล้ว ที่แท้คุณคือเพื่อนของคุณโป๊ปที่มาด้วยกันวันนั้น คุณทำให้ดิฉันค้างคาใจมากเลยนะคะ ว่าทำไมถึงจำหน้าคนที่ได้รับการแนะนำว่าเป็นเพื่อนรักของคุณโป๊ปไม่ได้ ทั้งๆ ที่คุณทั้งคู่ออกจะ... เอ่อ หมายถึงออกจะดูสนิทกันมากนะค่ะ ไหนจะเรื่องรูปที่หายไปตอนส่งเข้าเฟสบุ๊คอีก เอ๊ะ”

ศศิกานต์ชะงักแล้วหยุดพูดไปเฉยๆ เหมือนจะรู้สึกว่าเธอเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรออกไป

“คุณศิไม่ต้องระวังตัวขนาดนั้นก็ได้ครับ ไม่ได้จะละลาบละล้วงอะไรหรอกนะครับ แต่องค์กรเรารู้เรื่องงานอดิเรกที่ไม่เปิดเผยของคุณอยู่พอสมควร  คุณเป็นสมาชิกคนเดียวขององค์กรที่เป็นผู้หญิงก็จริง แต่ทางองค์กรก็ไม่ได้ปิดกั้นรสนิยมความชอบของคุณศิแต่อย่างใด ขอให้อยู่แต่ในกฎที่เรากำหนด”

“แล้วการใช้งานทาสของดิฉันมีปัญหาผิดกฎอะไรหรือเปล่าคะ ถึงได้มาพบถึงที่นี่ ถ้ามีอะไรผิดพลาดไปดิฉันยินดีแก้ไขค่ะ ขอแค่อย่าตัดสิทธิความเป็นสมาชิกของดิฉัน”

ศศิกานต์ดูร้อนลน ผิดกับท่าทางสุขุมเยือกเย็นแบบนักธุรกิจในตอนแรก คงจะกังวลว่าการใช้งานทาสที่เธอประมูลไปได้นั้นมันเบี่ยงเบนไปจากความตั้งใจของผู้เป็นพ่อไปมากมาย จริงๆ หลังจากกาล่าดินเนอร์วันนั้น โป๊ปก็ได้เริ่มตรวจสอบข้อมูลของศศิกานต์ว่ามีอะไรที่จะเป็นภัยคุกคามขององค์กรหรือไม่ เรื่องที่เขาพบมันก็ค่อนข้างน่าประหลาดใจไม่น้อย ปรากฏว่าศศิกานต์เป็นสาววายตัวแม่ ไม่ใช่แต่เธอจะมีแฟนเพจทั้งที่เป็นกลุ่มลับและที่เปิดสาธารณะเกี่ยวกับเรื่องวายหรือผู้ชายรักกันหลายกลุ่ม เธอยังมีผลงานนิยายวายลงในเวปบอร์ดเฉพาะทางอีกหลายเรื่อง เรียกว่ามีแฟนๆ ติดตามผลงานกันงอมแงม ที่น่าประหลาดไปกว่านั้นคือนิยายเหล่านั้นเป็นการแต่งร่วมกันระหว่างเธอและแฟนหนุ่ม หนุ่มแว่นหน้าตาดีแฟนของศศิกานต์เป็นนักคิดนักเขียนที่มีผลงานเป็นหนังสือเบสเซลเลอร์มากมาย เป็นกูรูด้านการตลาดสมัยใหม่ และเป็นอาจารย์พิเศษในมหาลัยชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ

โป๊ปไม่ได้คิดจะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของสมาชิกขนาดที่จะไปสืบว่าที่จริงแล้วแฟนของศศิกานต์เป็นเกย์แต่คบกันบังหน้าหรือว่าอะไร เขาไปเน้นเรื่องน่าสนใจในการใช้งานทาสของสมาชิกหญิงเพียงคนเดียวเป็นหลัก ตอนนี้ศศิกานต์เป็นเจ้าของทาสเกือบยี่สิบคน เธอไม่ได้ประมูลมาเป็นบอดี้การ์ดหรือมาช่วยงานธุรกิจอย่างที่เจ้าสัวบิดาของเธอตั้งใจไว้ตอนโอนความเป็นสมาชิกให้ ทาสของศศิกานต์มีที่อยู่ที่กินอย่างสบาย หน้าที่หลักก็ทำตัวให้หล่อๆ แล้วเล่นตามบทบาทวายตามแต่ที่เธอจะสั่ง ส่วนใหญ่ก็จะเอามาจากนิยายวายที่แต่งแล้วถ่ายเก็บไว้เป็นซีรี่ย์ บางครั้งเธอก็ให้หนุ่มๆ เหล่านี้ไปทำท่าเป็นแฟนกันตามที่สาธารณะแล้วแจ้งเบาะแสไว้ล่วงหน้าให้สาววายลูกเพจไปแอบดู ทาสบางคนก็ไปทำงานที่บัทเลอร์คาเฟ่แห่งแรกและแห่งเดียวของเมืองไทยที่ศศิกานต์และเพื่อนสาววายร่วมหุ้นกันเปิดโดยมีแฟนหนุ่มนักเขียนเป็นผู้ดูแล โป๊ปสืบมาได้คร่าวๆ แค่นี้ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดต่อ

รวมๆ ก็ดูไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ยกเว้นกรณีล่าสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมาที่เป็นเรื่องเป็นราวระดับประเทศ นักธุรกิจสาววายประมูลทาสซึ่งเป็นอดีตดาราวัยรุ่นที่โด่งดังมากเมื่อสิบกว่าปีก่อนมาได้ ดาราหนุ่มคนนี้ชื่อนิค มีชื่อเสียงมากทั้งในฐานะดาราและชื่อเสียงทางลบจากเรื่องไม่ค่อยรับผิดชอบงาน นิสัยชอบใช้ความรุนแรง รวมถึงข่าวที่ไปพัวพันกับการหลอกผู้หญิงมาล่วงเกินทางเพศ แถมล่าสุดมีข่าวว่าไปซ้อมผู้หญิงจนมีภาพหลุดมาทางโซเชียลเน็ทเวิร์ค แต่กระนั้นก็อยู่ในวงการได้เรื่อยมาเพราะรูปลักษณ์ที่ดูดีทั้งหน้าตาทั้งหุ่นและฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น ข่าวลือพวกนั้นเป็นความจริงเกือบหมดและยังมีพฤติกรรมที่เลวร้ายอีกมากที่ถูกปิดข่าวไว้ ทั้งฉุดคร่ากักขังผู้เยาว์ วางยานางแบบ ซ้อมนักแสดงรุ่นน้องที่ไม่ชอบหน้าจนสาหัส ข่มขู่แบล็คเมล ไปถึงพัวพันยาเสพติด

ในที่สุดองค์กรก็ยื่นมือเข้ามาจัดการก่อนที่จำนวนรวมของเหยื่อจะพุ่งไปที่หลักร้อย นิค ดาราหนุ่มหล่อแต่สันดานเน่าเฟะเลยได้กลายมาเป็นของประมูลค่าตัวสูงลิ่วจากรูปร่างหน้าตา ศักดิ์ศรีความเป็นดารา และสถานะทาสระดับสามที่นานๆ จะมีคนที่มีความผิดถึงขั้นนั้นสักที เจ้านายแทบจะไม่มีข้อจำกัดใดๆ ในการใช้งานทาสระดับสาม ขอแค่อย่าให้ถึงตายหรือพิการ โป๊ปจำได้ว่าเป็นการประมูลที่ดุเดือดมากจนไปจบที่เลขเก้าหลัก

ถ้าเป็นสมาชิกคนอื่นคงเอาดาราหนุ่มหล่อคนนี้ไปใช้สนองความต้องการของตัวเองอย่างคุ้มค่า หรืออาจจะแบ่งปันความสนุกกันในหมู่เพื่อนฝูงด้วยซ้ำ แต่ศศิกานต์มีไอเดียที่แจ่มแจ๋วกว่านั้น เธอสั่งให้นิคทาสร้อยล้านของเธอไปแก้ผ้าชักว่าวบนเวทีคอนเสิร์ตของนักร้องคุณภาพสาวใหญ่ที่นิคไปเป็นแขกรับเชิญท่ามกลางสายตาผู้ชมหลายพันคน หลังจากคอนเสิร์ตล่มไปไม่กี่ชั่วโมงก็มีมือดีมาโพสต์คลิปเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มถอดเสื้อผ้าไปจนถึงตอนที่น้ำพุ่งกระฉูดอย่างทะลักล้นอย่างชัดแจ๋วแหววจนเชื่อได้ว่าถูกถ่ายจากกล้องหลักที่ใช้บันทึกภาพในคอนเสิร์ตนั่นเอง ผลที่ตามมามันเกินกว่าจะคาดเดา

เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ลงเป็นข่าวหน้าหนึ่งทุกหัวหนังสือพิมพ์และเป็นข่าวร้อนทางทีวีอยู่หลายวัน แม้แต่สำนักข่าวต่างประเทศก็ยังเอาไปรายงาน นักร้องสาวใหญ่กลับมาดังเปี้ยงป้าง ดีวีดีคอนเสิร์ตครั้งนั้นขายดีอย่างเป็นประวัติการ เพลงของเธอขึ้นอันดับหนึ่งทุกชาร์ตเพราะเด็กรุ่นใหม่ๆ ได้มีโอกาสมาฟังและประทับใจในเสียงของศิลปินตัวจริงขึ้นมา ทางด้านดาราหนุ่มก็ดังขึ้นกว่าเดิมเป็นสามสี่เท่า ทุกคนรู้จักและเป็นที่กล่าวขวัญถึงขนาดท่อนลำที่สวยงามใหญ่โต รายการเล่าข่าวต่างๆ ก็เอาเรื่องราวไม่ดีในอดีตมาพูดคุยอย่างสนุกปาก หนังเก่าๆ ที่นิคแสดงไว้ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนของขาดตลาดภายในไม่กี่วัน เจ้าของหนังสือนู๊ดและค่ายหนังโป๊ต่างติดต่อไปที่ผู้จัดการส่วนตัวของนิคจนสายไหม้ หน่วยราชการและตำรวจก็ตามตัวกันจ้าละหวั่นทั้งข้อหาอนาจารและคดีต่างๆ ที่ถูกขุดคุ้ยขึ้นมา แต่ไม่มีใครพบตัวนักแสดงหนุ่มที่ฮ๊อตที่สุด ณ วินาทีนี้อีกเลย

เรื่องนี้กลายเป็นกระแสสังคมต่อเนื่องไปจนถึงปัจจุบัน ไม่มีใครรู้ว่าเหตุจูงใจของดาราหนุ่มคืออะไร ในขณะที่องค์กรซึ่งเป็นต้นเรื่องก็ไม่รู้ว่าเจ้าของทาสทำไปเพื่ออะไร แต่จะว่าไปศศิกานต์ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎสำหรับทาสระดับสาม เพียงแต่มันเด่นเกินไป อยู่ในความสนใจมากเกินไป และแพร่หลายไปทั่วอย่างรวดเร็ว จนแม้แต่ความสามารถในการสะกดจิตของบอส หรือการแฮ็คข้อมูลคอมพิวเตอร์ของโป๊ป ก็ไม่สามารถปิดปังเรื่องนี้ได้เหมือนทุกที สองหนุ่มไม่คิดว่าเรื่องนี้จะทำให้เกิดการสาวมาถึงองค์กรได้เพราะมีระบบป้องกันแน่นหนาก็จริง แต่ก็ไม่ควรจะให้เกิดขึ้นอีกเพราะอาจมีปัจจัยที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นภายหลัง นี่เป็นอีกสาเหตุที่พวกเขามาพบกับศศิกานต์ในวันนี้นอกจากเรื่องเงินทุนแล้ว

“ก็เรื่องของนิคนั่นแหละครับ มันไม่ผิดกฎก็จริงแต่ก็ครึกโครมเกินไป เรายังไม่พร้อมที่จะให้สังคมภายนอกรู้เรื่องขององค์กรในตอนนี้ ปกติเราก็มีระบบที่จะควบคุมเรื่องแบบนี้ไม่ให้ลุกลามอยู่หรอก แต่นิคเขามีชื่อเสียงมากเป็นที่สนใจของคนทั่วไป แถมพยานพบเห็นก็มีเป็นหลายพันคน นิคเป็นทาสระดับสามอีกเราเลยไม่ได้จำกัดเรื่องการเผยแพร่คลิปไว้ในระบบป้องกัน”

“ขอโทษจริงๆ ค่ะ ดิฉันจะระวังให้มากกว่านี้ แต่ดิฉันก็มีเหตุผลนะคะที่ทำอย่างนี้ ไม่ใช่จะทำเล่นสนุกๆ ดิฉันต้องการให้นิคไม่มีที่ยืนในวงการได้อีก ถ้าเขากลับเข้าไปหลังพ้นโทษ เขาจะใช้ความได้เปรียบตรงนั้นหลอกลวงหรือทำร้ายผู้คนไปได้เรื่อยๆ สู้ให้เขาเสียชื่อเสียงและตัดขาดออกมาเลยดีกว่า แถมยังมีผลพลอยได้ที่ทำให้นักร้องที่ดิฉันชื่นชมตั้งแต่เด็ก ได้กลับมาเป็นที่รู้จักในหมู่เด็กรุ่นใหม่ได้อีก”

บอสคำนวณในใจ นั่นอาจจะเป็นเหตุผลหลัก แต่ก็มีผลพลอยได้ทางธุรกิจที่ศศิกานต์ไม่ได้พูดถึงด้วย บริษัทสื่อบันเทิงในเครือของศศิกานต์ก็เป็นผู้จัดคอนเสิร์ตครั้งนั้นเอง แถมก่อนหน้านั้นบริษัทดังกล่าวก็ได้ไปขอซื้อสิทธิ์ในผลงานเก่าๆ ของนิคไว้ได้หมด เรื่องครั้งนี้ทำให้ยอดขายดีวีดีคอนเสิร์ตและยอดขายหนังเก่าๆ พวกนั้นเพิ่มขึ้นกว่าปกติไปหลายเท่าตัว เป็นการเอาทุนคืนแบบนักธุรกิจจริงๆ ถึงกำไรส่วนเพิ่มมันน่าจะน้อยกว่าเงินที่เสียไปในการประมูลอยู่มากโขก็เถอะ แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นการทำผิดกฎแต่อย่างใด นิคเป็นทาสระดับสาม สั่งให้ไปเล่นหนังโป๊หรือเอาไปเร่ขายตัวก็ยังทำได้เลย

“อันนี้ก็แล้วแต่คุณศิครับ ผมแค่นึกๆ ดูว่านิคเหมือนจะหมดอนาคตเลยนะครับ สมมุติว่าเขากลับตัวกลับใจได้ในระหว่างที่เป็นทาส พอพ้นโทษนี่ไม่รู้จะทำมาหากินอะไรดี”

“ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ดิฉันเตรียมอนาคตของนิคไว้แล้ว รับรองเขาไม่ลำบากหรอกค่ะถ้าเขากลับใจได้จริง อันที่จริงสมัยวัยรุ่น ดิฉันเป็นแฟนหนังของนิคน่ะค่ะ ยังตามเรียกพี่นิคๆ ตามงานโชว์ตัวอยู่เลย พอเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วกลายมาเป็นคนไม่ดีอย่างนี้ก็รู้สึกเศร้าใจ อาจจะเพราะเขาดังตั้งแต่อายุยังน้อยก็ได้เลยถูกคนรอบข้างสปอยล์ จริงๆ นิคเขาทำดิฉันผิดหวังตั้งแต่ห่างเหินกับพระรองคู่จิ้นแล้วไปควงชะนีทีเดียวสองคนนั่นแล้ว”

“เรื่องอันธพาลกางเกงน้ำเงินใช่ไหมครับ กับเพื่อนที่เป็นประธานนักเรียน ตอนเด็กๆ ผมดูแล้วก็สมมุติว่าตัวเองเป็นประธานนักเรียนแล้วเป็นแฟนกับพระเอก จับมือ หอมแก้มกันอะไรอย่างนี้ ตอนนั้นยังเด็กๆ ใสๆ ฮ่าๆ”

“ว๊ายๆ คุณน้องคิดเหมือนกันใช่ไหม เจ๊ปลื้มปริ่มมาก ดูไม่รู้กี่รอบ ยิ่งฉากฝนตกที่พระเอกสละร่มให้ชะนีนางเอกกลับบ้านกับเพื่อนไปก่อน พอฝนไม่หยุดง่ายพระเอกก็ถอดเสื้อมาบังฝนให้ตัวเองกับประธานเดินกอดคอกันไปนี่ฟินสุดๆ ถ้าสมัยนั้นกระแสวายมาแรงเหมือนทุกวันนี้ คงได้มีแฟนฟิคระหว่างพระเอกกับพระรองออกมาแล้วนะน้องบอส นี่ถ้าน้องโป๊ปดูอันธพาลกว่านี้อีกหน่อยนะ คู่น้องโป๊ปกับน้องบอสนี่ใช่เลย เอ๊ะ ขอโทษค่ะ พอดีลืมตัวไปหน่อย”

ศศิกานต์ที่พอได้คุยเรื่องถูกใจก็หลุดมาดนักธุรกิจหมื่นล้านไปแล้ว เธอพยายามดึงตัวเองกลับมาด้วยไม่แน่ใจว่าคนที่ลึกลับอย่างเบอร์ศูนย์ผู้ก่อตั้งองค์กร จะยินดีพูดคุยสนิทสนมกับคนนอกสักแค่ไหน

“ไม่เป็นไรครับ เรียกผมอย่างนั้นก็ได้จะได้เป็นกันเองกัน จริงๆ นอกจากมาสอบถามเรื่องนิคให้มั่นใจว่าจะไม่มีเรื่องเอิกเกริกอย่างนั้นแล้ว องค์กรก็มีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากคุณศิด้วย ซึ่งถ้าตกลงกันได้เราคงได้เจอกันบ่อยๆ”

“เรียกเจ๊ศิสิคะ เจ๊ล่ะอยากจะรู้จักสนิทสนมกับคนในองค์กรตั้งนานแล้ว มีอะไรคันปากอยากจะเม้าท์มอยเรื่ององค์กรก็พูดให้คนอื่นฟังไม่ได้ ว่าแต่มีอะไรจะให้เจ๊ช่วยก็บอกว่าได้เลยค่ะ ถึงเจ๊จะนึกไม่ออกว่ามีอะไรที่องค์กรจะต้องให้คนอื่นมาช่วยก็เถอะ”

ศศิกานต์พูดอย่างกระตือรือร้น องค์กรเป็นอะไรที่ทำให้ฝันหลายๆ อย่างที่เงินซื้อไม่ได้ของเธอเป็นจริง ถ้าช่วยอะไรได้เธอก็อยากช่วยเต็มที่ นี่ยังไม่นับว่าสองหนุ่มผู้ก่อตั้งองค์กรนี่เหมาะสมกันอย่างกับคู่วายในอุดมคติ ถ้าเธอได้เจอทั้งคู่บ่อยๆ คงเป็นอะไรที่อิ่มใจมาก กังวลก็แค่ว่าเธอจะถูกทำให้ลืมใบหน้าเบอร์ศูนย์ขององค์กรอีกในภายหลัง มันน่าเสียดายจริงๆ

“เดี๋ยวขอให้โป๊ปเป็นคนอธิบายนะครับ”

บอสส่งไม้ต่อให้โป๊ปซึ่งรับช่วงเข้ามาอธิบายสถานะถังแตกขององค์กรได้อย่างนุ่มนวลน่าฟัง เขาเล่าถึงความตั้งใจที่จะนำเงินจากการหมวดเอ็มและหมวดเอสไปชดเชยให้ผู้เสียหายให้ได้มากที่สุดโองค์กรจึงหักค่าใช้จ่ายไว้เพียงน้อยนิด ความยากลำบากในการวางระบบที่ใช้ในการรักษาความลับให้สมาชิกและนักโทษให้เหมาะสม ไหนจะความจำเป็นที่ต้องลงทุนระบบคอมพิวเตอร์ใหม่เพื่อความปลอดภัยและขยายงานเพื่อรองรับสมาชิกและนักโทษให้ได้มากขึ้น

ระหว่างการเล่าเรื่องและโน้มน้าวให้ศศิกานต์ฟัง บอสก็กุมมือโป๊ปไปด้วยอย่างให้กำลังใจ ช่วงที่พูดถึงความท้อแท้บอสก็เอื้อมมือไปตบไหล่เบาๆ พอเล่าตอนที่บอสต้องเสี่ยงภัยไปจับตัวนักโทษจนหวิดถูกทำร้าย บอสก็ทำตัวสั่นจนโป๊ปต้องโอบกอดเบาๆ อย่างปลอบประโลม มีการประสานสายตาเอย่างเข้าอกเข้าใจกันเป็นระยะ กว่าเรื่องจะจบทั้งคู่ก็สกินชิฟกันไปหลายรอบ นี่เป็นไอเดียของโป๊ปที่เตี๊ยมกันไว้ก่อนจะมาซึ่งบอสต้องทำตามอย่างขัดไม่ได้ โป๊ปบอกว่าศศิกานต์เป็นสาววาย ถ้าทั้งสองคนแสดงท่าทีว่าเป็นมากกว่าเพื่อนกันน่าจะได้รับความเห็นใจเพิ่มและมีโอกาสได้ทุนมากขึ้น บอสไม่รู้ว่าจักพวกสาววายพอจะบอกได้ว่าจริงหรือเปล่า แต่ก็พยายามเล่นตามบทบาทอย่างเต็มที่จนไปจบที่การหอมขมับโป๊ปส่งท้าย

ศศิกานต์ฟังอย่างสนใจแต่ตามีประกายวิบวับผิดปกติ ในที่สุดเธอก็แสดงความเห็นออกมา

“เราสองคนนี่ก็นะ ทั้งๆ ที่มีความสามารถจะหาเงินมากเท่าไหร่ก็ได้แต่ไม่ทำ ถ้าเป็นทางธุรกิจเจ๊ก็ต้องบอกว่าสูญเสียโอกาสไปเปล่าๆ แต่ในอีกมุมหนึ่ง เจ๊ก็ชื่นชมที่เรายึดมั่นในความถูกต้องและอุดมการณ์ที่จะไม่เอานักโทษไปหาประโยชน์นอกเหนือจากเพื่อชดเชยให้กับผู้เสียหาย เอาเป็นว่าเจ๊ตกลงจะช่วยอย่างเต็มที่แล้วกัน ขอดูแผนการใช้เงินหน่อยสิคะ”

โป๊ปส่งตารางที่เตรียมมาให้ ศศิกานต์ที่เหมือนจะเปลี่ยนกลับมาเป็นมาดนักธุรกิจรับไปดูอย่างสนใจ

“อืม ใช้เงินเยอะกว่าที่คิดนะ ถ้าปกติเจ๊ก็พอจะช่วยได้หรอก แต่นี่เจ๊เพิ่งทุ่มเงินสดส่วนตัวไปประมูลนิคจนเกือบหมด ทรัพย์สินอื่นๆ ก็ต้องใช้เวลากว่าจะแปลงเป็นเงินได้ ส่วนเงินหมุนเวียนในธุรกิจมันมีระบบควบคุมอยู่ ต่อให้เป็นประธานอย่างเจ๊ก็ไม่สามารถดึงมาใช้อย่างไม่มีเหตุผลได้”

บอสพูดด้วยสีหน้าผิดหวัง

“นั่นนะสิครับ เงินเยอะขนาดนี้ ผมน่าจะรู้แต่ต้นแล้ว ยังไงก็ขอขอบคุณเจ๊มากนะครับที่รับฟังและพยายามช่วย หลังจากพวกเรากลับไป เจ๊จะลืมเหตุการณ์ในวันนี้ทั้งหมด แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ เจ๊ยังเป็นสมาชิกขององค์กรเหมือนเดิม ยังไง.....”

“เดี๋ยวสิคะ เจ๊แค่ไล่ปัญหาไปทีละเปราะ ไม่ได้หมายความจะช่วยไม่ได้ซะหน่อย นี่ใคร นี่เจ๊ศิ เจ้าแม่วงการวาย เอ้ย วงการธุรกิจ เรื่องแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้ เดี๋ยวเจ๊ขอเช็คอะไรหน่อย”

ศศิกานต์พูดขัดขึ้นแล้วต่อโทรศัพท์บนโต๊ะไปคุยกับใครซักคนหนึ่งอยู่ครู่ใหญ่ ซักพักเธอก็เปิดอีเมลและสั่งพิมพ์กระดาษสามสี่แผ่นออกมายื่นให้โป๊ป

“นี่เป็นรายการโครงการด้านไอทีทั้งหมดที่จะทำในปีนี้ของบริษัทในกลุ่มพร้อมวงเงินงบประมาณและรายละเอียดย่อๆ น้องโป๊ปลองเอาไปศึกษาดู ถ้ามีโครงการทีคิดว่าบริษัทน้องโป๊ปทำได้ถูกกว่าวงเงินที่เขียนไว้ เจ๊จะให้บริษัทน้องโป๊ปรับไปทำเลยโดยไม่ต้องประมูล เจ๊จะยกเว้นข้อกำหนดปลีกย่อยทั้งหมดเพื่อให้น้องโป๊ปลดต้นทุนลงได้ขอแค่ให้งานสุดท้ายออกมาใช้ได้แล้วกัน กำไรที่เหลือจะได้อาไปใช้ลงทุนระบบขององค์กร ไม่ต้องลำบากหาเงินมาคืนด้วย”

โป๊ปเอาข้อมูลไปพลิกดูอย่างตั้งใจอยู่พักใหญ่แล้วก็เงยหน้าไปคุยกับศศิกานต์ด้วยสีหน้าแช่มชื่นขึ้น

“ตอนนี้ผมยังพูดไม่ได้เต็มปากต้องขอดูรายละเอียดตัวเต็มของโครงการก่อน แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่ามีสองสามโปรเจ็คในนี้ที่จะทำให้องค์กรได้เงินตามต้องการ โดยผมรับประกันว่าผลงานที่บริษัทเจ๊ได้รับ จะดีกว่ามาตรฐานและเสร็จเร็วกว่ากำหนดอีกด้วย”

“วุ้ย เจ๊มองไม่ผิดเลยจริงๆ นี่ผู้ช่วยประธานด้านไอทีที่เจ๊คุยด้วยเค้าก็บอกถ้าเป็นบริษัทน้องโป๊ปเขาคิดว่าน่าจะทำงานได้ดีจากผลงานที่เขาเคยเห็นมา แต่ที่บริษัทเจ๊ยังไม่เคยใช้เพราะเขาคิดว่าเจ๊คงไม่มั่นใจในบริษัทขนาดกลางหน้าใหม่สักเท่าไหร่ ถ้าเจ๊ไฟเขียวเขาพร้อมลุยเลย ยังไงก่อนกลับเดี๋ยวเจ๊ให้เลขาเอานามบัตรเขาให้น้องโป๊ปไว้ติดต่อรายละเอียดโดยตรงเลยละกัน ถ้าตกลงกันได้อย่างนี้ น้องบอสคงไม่ลบความจำเจ๊ใช่ไหม”

บอสส่ายหน้า เป็นอันว่าน่าจะมีทางออกสำหรับปัญหาถังแตกขององค์กรแล้ว แถมดูเหมือนจะได้พี่สาวคนใหม่ที่เขาไม่ต้องปกปิดตัวตนเพิ่มมาอีก ถึงจะรู้สึกเสียวๆ กับสายตาที่เจ๊มองเขากับโป๊ปอยู่หน่อยๆ

..................................
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 28] วิกฤตการณ์ทางการเงิน 17/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 17-01-2016 23:11:32

หลังจากนั้นบอสและโป๊ปก็ได้มีโอกาสเจอกับศศิกานต์เรื่อยๆ ช่วงแรกก็เป็นเรื่องงานระบบคอมพิวเตอร์ที่บริษัทของโป๊ปรับไปทำซึ่งก็ไปได้สวย มีบางโครงการที่ไม่ใหญ่มากก็ทยอยเสร็จ ฝ่ายไอทีชมกันเปราะทั้งระยะเวลาที่เร็วกว่ากำหนดแถมคุณภาพดีกว่าบริษัทใหญ่ๆ เสียอีก  หลังๆ ผู้บริหารสาวก็มีนัดทานข้าวบ้างเพื่อสร้างความสนิทสนมเป็นการส่วนตัว ศศิกานต์ได้ปรึกษาว่าเธอไม่รู้จะหาบทลงโทษนิคแบบไหนดี ตามที่องค์กรขอความร่วมมือขอให้เจ้านายมีการใช้งานทาสให้เกิดความอับอายหรือลำบากใจหรือฝึกความอดทนหนักๆ บ้างจะได้หลาบจำ ศศิกานต์ค่อนข้างลำบากใจ ถึงเธอเป็นสาววาย ชอบดูหนุ่มๆ มุ๊งมิ๊ง ไปจนถึงโป๊ๆ เปลือยก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีรสนิยมที่จะเอาตัวหนุ่มๆ มาทรมานแบบฮาร์ดคอร์ เต็มที่ก็ทำให้ได้อายแบบที่ทำไปแล้ว แต่แค่ครั้งเดียวก็ยังดูไม่น่าเพียงพอกับความผิดมากมายที่นิคได้ทำไว้

บอสซึ่งชำนาญเรื่องแบบนี้ที่สุดก็ได้ให้คำแนะนำที่แสนจะครีเอทไปพอสมควร ปัญหาก็คือศศิกานต์ไม่กล้าลงมือด้วยตัวเอง จะให้แฟนหนุ่มทำก็อาจติดปัญหาเรื่องความลับขององค์กร แถมเจ้าตัวก็กลัวจะทำให้แฟนตัวเองเปลี่ยนรสนิยมเป็นซาดิสท์ไปด้วย บอสเลยออกไอเดียที่จะให้ผู้เสียหายจากการกระทำของนิคเป็นคนมาลงโทษดาราหนุ่มแทน ศศิกานต์เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ทั้งคู่จึงช่วยกันสุ่มเลือกตัวผู้เสียหายที่จะมาทำหน้าที่ดังกล่าวซึ่งได้มาชุดแรกสามคน

คนแรกเป็นนักแสดงหนุ่มรุ่นน้องที่ถูกซ้อมจนสาหัสเพียงเพราะนิคไม่ชอบใจนางเอกละครที่เขาหมายตาไปสนิทสนมด้วย ตามด้วยผู้ช่วยผู้กำกับหนังเกย์หนุ่มเซอร์ที่โดนเส้นสายของนิคเขี่ยจนตกงานหลังจากเผลอหลุดว่าแอบชอบนิคอยู่  และสุดท้ายเพื่อนสมัยเรียนที่น้องสาวโดนนิคย่ำยีโดยอาศัยความเป็นเพื่อนพี่ชายเข้าหา  โป๊ปซึ่งมาเห็นรายชื่อทีหลังถึงกับส่ายหน้า ปากบอกว่าสุ่มเลือกแต่เอาเข้าจริงก็คัดมาแต่คนหล่อๆ ทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ ทั้งที่เหยื่อส่วนใหญ่ของนิคเป็นผู้หญิงแต่กลับไม่มีติดมาซักคน โป๊ปคิด

จริงๆ ทั้งสามคนนี่รวมถึงเหยื่อคนอื่นๆ ทั้งหมดก็ได้รับค่าเสียหายไปแล้วจากเงินประมูลตัวนิค ผู้เสียหายจะรับทราบแค่ว่าเป็นเงินชดเชยจากนิคโดยไม่ทราบเรื่ององค์กร แต่คราวนี้บอสติดต่อสามคนนั้นอีกครั้งโดยบอกว่านิคยังรู้สึกผิดอยู่และจะขอใช้ร่างกายชดใช้ให้โดยตรง ทั้งสามคนดูจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ตกลงที่จะมาเจอนิคอีกครั้ง บอสแนะนำให้จัดคนมาทำโทษอาทิตย์ละคนนิคจะได้ค่อยๆ สำนึกความผิดตัวเองไปทีละเรื่อง

นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องที่เคยถูกนิคซ้อมจนสาหัสเป็นคิวแรกที่จะได้ล้างแค้นนิค สถานที่ที่ใช้คือโรงแรมแห่งหนึ่งในเครือของศศิกานต์นั่นเอง เธอเปิดห้องไว้สองห้อง ห้องแรกเป็นห้องที่ใช้ทำกิจกรรมล้างแค้นซึ่งมีกล้องวิดีโอหลายตัวบันทึกภาพพร้อมถ่ายทอดสดมายังห้องที่สองซึ่งมีเธอและบอสร่วมสังเกตการณ์อยู่ นิคนั่งรออยู่ในห้องแรก เขาได้รับคำสั่งให้พูดจาโต้ตอบหรือเถียงคนที่มาล้างแค้นได้อย่างเต็มที่ จะได้เคลียร์ใจกันทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าเป็นคำสั่งลงโทษ นิคต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีเงื่อนไข

ดาราหนุ่มรุ่นน้องเดินเข้ามาในห้อง ใส่หมวกใส่แว่นดำจนจำหน้าไม่ได้ เขามองไปที่นิคแล้วยกยิ้มขึ้นบางๆ

“โอ๊ะ พี่นิคจริงๆ ด้วยไม่น่าเชื่อเลยว่าผมจะได้พบกับดาราที่ดังที่สุดตอนนี้ ไม่สิ เรียกว่าฉาวที่สุดดีกว่า”

“มึงเป็นใครวะ”

ดารารุ่นน้องหันหลบมุมกล้องยื่นหน้าไปใกล้ๆ นิคแล้วถอดแว่นดำออก

“มึง มึง ไอ้....”

“ไม่เอาครับ อย่าพูดชื่อผม ห้องนี้กล้องเต็มไปหมด ผมยังไม่อยากดังเหมือนพี่ถ้าคลิปหลุดออกไป”

นิคปิดปากทันทีตามคำสั่ง หนุ่มรุ่นน้องยกยิ้มที่มุมปากแล้วพูดต่อ

“ว่าง่ายขนาดนี้ไม่สมกับเป็นพี่นิคเลย เป็นเกียรติจริงๆ ครับที่ยังจำผมได้อยู่ นี่ขนาดตอนผมนอนโรงพยาบาลเพราะฝีมือพี่ตั้งเกือบเดือน พี่ไม่ได้มาเยี่ยมผมซักครั้งนะ ครั้งนั้นก็มีแต่ทางค่ายกับผู้จัดการส่วนตัวของพี่มาเคลียร์ให้”

“มึงกวนตีกูไอสัด ก็รู้อยู่ว่ากูจีบนางเอกอยู่ ยังไปนัวเนียหยามหน้ากูอีก กูรุ่นพี่ในวงการมึงนะ โดนแค่นั้นยังน้อยไป กูน่าจะเอาให้หนัก”

ดาราหนุ่มหล่อรุ่นน้องมีสีหน้าแปลกใจแว้บหนึ่ง

“ก็น้องนางเอกเขารังเกียจพฤติกรรมพี่เขาก็หนีมาให้ผมช่วย จริงๆ ผมได้รับการติดต่อมาว่าพี่สำนึกผิดแล้ว อยากจะให้ผมมาลงโทษเพื่อขออโหสิกรรมอีกครั้งเพิ่มจากก่อนหน้านั้นที่ผมได้เงินชดเชยมาก้อนใหญ่ แต่ดูแล้วพี่ยังหยิ่งยะโสไม่ได้สำนึกผิดอะไรเลย ท่าทางจะถูกบังคับมาล่ะซิ นี่คงเลวไปทั่วจนเจอของจริงเข้าให้ ที่ไปชักว่าวโชว์ทั่วประเทศนั่นก็คงโดนบังคับหรือแบล็คเมลสินะ ผมว่าแล้ว งั้นที่บอกว่าให้ผมแก้แค้นอะไรก็ได้นี่ก็เรื่องจริงสิ ผมจะทำอะไรดีนะ”

นิคหน้าซีด เขารู้ดีว่าตอนนั้นเขาเล่นคนตรงหน้าหนักมือไปหน่อย นี่จะต้องโดนซ้อมแบบเดียวกันหรือนี่ จริงๆ ตั้งแต่เขามาเป็นทาสของนายหญิงก็ยังไม่เคยโดนทำร้ายร่างกายอะไร ที่แย่ที่สุดก็คือต้องไปชักว่าวโชว์บทเวลาอับอายเสียชื่อเสียงทั่วประเทศ แล้วก็โดนทาสรุ่นพี่แกล้งแบบทะลึ่งๆ บ้าง กับโดนถ่ายละครรับบทเกย์ๆ น่าขยะแขยง แต่นอกนั้นก็ได้รับการดูแลอย่างดี

“โอกาสดีๆ อย่างนี้จะทำอะไรกับพี่ดีน้า เสียดายผมไม่ใช่เกย์ ไม่งั้นคงพี่คงได้โดนแบบเดียวกับพฤติกรรมเลวๆ ที่ทำไว้กับผู้หญิงดูบ้าง ในห้องนี้มีของเตรียมไว้พร้อมเลยนะครับ มีเตียงพร้อมที่รัดข้อมือข้อเท้าอีกต่างหาก เห็นเขาบอกว่าทางโน้นมีอุปกรณ์จัดเตรียมไว้ให้ด้วย”

นักแสดงหนุ่มเดินไปดูกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่เปิดอ้าวางไว้บนโต๊ะ เขาหยิบอุปกรณ์มาดูทีละชิ้นอย่างสนใจ จะว่าไปก็เคยเห็นผ่านตาบ้างในหนังแต่ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เขาไม่ใช่สายเอสนี่นะ อุปกรณ์มีมากมายหลายอย่างทั้งแบบพื้นๆ อย่างโซ่แส้กุญแจมือ เทียนไข ไม้หนีบผ้า ดิลโด้แบบต่างๆ ไปจนถึงของเฉพาะทางอย่างที่ซ๊อตไฟฟ้า หรือห่วงล็อคอวัยวะเพศชาย ซึ่งแน่นอน เขาไม่รู้จักหรอกแต่รูปประกอบบนกล่องก็ทำให้เข้าใจ นิคมองอุปกรณ์ที่รุ่นน้องนักแสดงเลือกขึ้นมาแต่ละชิ้นอย่างหวั่นใจ แน่นอนว่าสายเอสอย่างเขารู้จักดีหมดทุกอัน เขานึกถึงสาวๆ ที่ถูกล่อลวงมาบิดตัวดิ้นพล่านด้วยความเจ็บปวดยามที่เขาบรรจงใช้อุปกรณ์เหล่านี้บนเรือนร่างบอบบาง

ชายหนุ่มขนลุกเมื่อนึกว่าจะต้องเอาเป็นคนเอาอุปกรณ์เหล่านี้ไปใช้กับผู้ชายด้วยกันแบบนิค หรือว่าจะชกหน้าซักทีแล้วกลับ จริงๆ นักแสดงหนุ่มเป็นคนจิตใจดี ไม่อาฆาตผูกใจเจ็บมากมายอะไร แล้วเขารู้สึกว่าก็ได้รับชดเชยมาพอสมควรแล้ว ตั้งแต่ตอนโน้นที่ค่ายหนังให้โอกาสเขารับบทพระเอกในหนังเรื่องถัดมาแลกกับการไม่เอาเรื่องนิค ไหนจะเงินชดเชยก้อนโตที่ได้มาทีหลังอีก ตอนนี้เขาออกจะสมเพชดารารุ่นพี่อย่างนิคด้วยซ้ำที่ต้องมาตกต่ำอย่างนี้ แต่ไหนๆ ตอนนั้นเขาก็เจ็บตัวไม่น้อย ก็ขอเอาคืนพอหอมปากหอมคอแล้วกัน เผื่อคนอย่างนิคจะสำนึกได้บ้าง

แล้วเขาก็เห็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ถูกทับอยู่ด้านล่างสุด ถ้าเป็นชิ้นนี้ละก็เขาน่าจะพอใช้ได้ ความซุกซนแบบคนขี้แกล้งในวัยเด็กกลับมาอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ถึงจุดอ่อนเล็กๆ น้อยๆ ของดาราชื่อดังอย่างนิคที่ทีมงานเสื้อผ้าในกองถ่ายเล่าให้ฟัง

“ผมขอใช้ชิ้นนี้แล้วกันครับพี่นิค รับรองไม่เจ็บ”

หนุ่มรุ่นน้องพูดขึ้นด้วยประกายตาวิบวับอย่างซุกซนขณะหยิบขนนกขนาดใหญ่ปลายยาวเฟื้อยขึ้นมา นิคมองตามแล้วหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นว่าหนุ่มรุ่นน้องรู้เรื่องส่วนตัวที่เขาไม่ค่อยอยากเปิดเผย ใช่แล้ว เขาเป็นคนบ้าจี้ขนาดหนัก นั่นทำให้เวลามีเซ็กส์เขาถึงชอบจะเป็นผู้กระทำแต่ฝ่ายเดียวเพราะกลัวจะถูกจุดบ้าจี้ตอนเล้าโลม แล้วก็เริ่มจับคู่นอนมัดจนพัฒนามาเป็นรสนิยมซาดิสท์ในภายหลัง

“เอ้า รออะไรล่ะครับ ไปนอนบนเตียงตรงนั้นสิ ผมจะได้มัดข้อมือข้อเท้าให้ แล้วเราจะได้เริ่มกันซะที อ้อ ถอดเสื้อผ้าให้หมดเลยแล้วกัน ผมจะได้จั๊กกะจี้ถนัดๆ”

นิคถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วเดินไปนอนที่เตียงตามคำสั่ง เขาจัดตำแหน่งตัวเองจนแขนและขาตรงกับจุดที่มีแถบหนังสีดำหรับตรึงร่างกายไว้กับเตียง นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องเข้ามารัดสายหนังเข้ากับข้อมือข้อเท้าของนิคจนหนาแน่น ตอนนี่นิคอยู่ในท่านอนหงายกางแขนกางขาเป็นรูปตัวเอ็กซ์เผยให้เห็นเรือนกายขาวล่ำกำยำและท่อนลำขนาดใหญ่ที่ทอดตัวสงบนิ่งอยู่ในพงหญ้าสีดำ

หนุ่มรุ่นน้องถึงกับผิวปากวือ

“อายุสามสิบกว่าอย่างพี่แต่หุ่นนี่หนุ่มๆ ยังสู้ไม่ได้ ถ้านิสัยไม่ชั่วมากคงอยู่ในวงการไปได้อีกนาน แล้วดูไอนั่นของพี่สิ ผมเห็นในคลิปนี่โคตรใหญ่จนบางคนว่าตัดต่อด้วยซ้ำ คนเอเชียอะไรจะใหญ่ขนาดนั้น แต่นี่ท่าทางของจริงเนื้อๆ เน้นๆ โครตอิจฉาเลยว่ะ มิน่าล่ะสาวๆ ถึงได้เข้าแถวมาให้พี่หลอกได้ไม่ซ้ำหน้า น่าหมั่นไส้ งั้นเริ่มบทลงโทษเลยดีกว่า ทนเอาหน่อยนะ ไม่ถึงกับปางตายอย่างที่ผมโดนหรอก”

เหยื่อในอดีตของนิคยื่นมือเข้าไปที่เอวของนิค ยังไม่ทันจะถึงตัว นิคก็เกร็งร่างกายจนกระตุกแล้วบิดตัวไปมาอย่างขลุกขลักเพราะถูกมัดอยู่

“เอ้า บ้าจี้หนักเลย ผมยังไม่ทันโดนตัวเลย” หนุ่มรุ่นน้องยิ้มขำอย่างนึกสนุก เขาเปลี่ยนจุดหมายไปที่รูหูโดยเอาปลายขนนกแหย่ไปเบาๆ เพียงแค่นี้นิคก็ถึงกับดิ้นพล่าน บิดหน้าไปมาอย่างทรมาน

“วะ ฮะฮ่า อย่า อย่าแหย่หูกู เชี่ย ฮ่ะ ฮ่า”

คนทำโทษเปลี่ยนพื้นที่ตามคำขอ คราวนี้เขามุ่งเป้าไปที่รักแร้ทั้งสองข้างซึ่งก็ทำให้นิคทั้งกระตุกทั้งเกร็งดิ้นไปมายิ่งกว่าเก่าอีกจนหอบเสียงดัง เขายอมรับว่าเวลานิคยิ้มถึงจะจากการหัวเราะเพราะถูกจั๊กกะจี้แต่ก็มีเสน่ห์ดูดีกว่าเวลาทำหน้าหยิ่งๆ ตามปกติเป็นไหนๆ ชายหนุ่มเปลี่ยนจุดเป้าหมายไปเรื่อยๆ เขารู้สึกสนุกที่จะดูว่าจุดไหนที่นิคมีปฏิกิริยามากที่สุด จนได้ข้อสรุปว่านิคบ้าจี้รุนแรงแทบทุกจุดที่เขานึกออก ไม่ว่าจะเป็นหู ซอกคอ รักแร้ หัวนม สะดือ ฝ่าเท้า ร่องก้น พวงไข่ ไปจนถึงปลายดุ้นเขื่อง

ตอนนี้ทั้งตัวของนิกแดงก่ำไปหมดจากการหัวเราะอย่างหนัก นิคน้ำตาคลออย่างทรมาณ เขาทั้งดิ้นทั้งกระตุกจนเหนื่อยแ บจะที่สุดในชีวิต ไหนจะหัวเราะจะครางจนเกือบจะไม่มีเสียงแล้ว พอโดนจี้อย่างต่อเนื่องเขาแอบบหวังว่าร่างกายจะค่อยๆ ชินแต่ก็เปล่า ปฏิกิริยาโต้กลับของร่างกายกลับยิ่งรุนแรงขึ้น จนตอนหลัง นักแสดงรุ่นน้องแค่ขยับตัวนิดเดียวเขาก็หัวเราะ โดนตัวตรงจุดที่เขาไม่เคยบ้าจี้มาก่อนก็หัวเราะ เขาเหนื่อยแทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว จริงๆ ซ้อมเขาให้น่วมไปเลยยังจะดีซะกว่า

“กูขอร้อง ให้กูพักหน่อยเถอะ กูจะตายอยู่แล้ว ให้กูไหว้ก็ยอม”

พอถึงจุดที่ทนไม่ไหว นิคก็ทิ้งศักดิ์ศรีลง ถ้านานกว่านี้อีกนิดเขาคงขาดใจตายไปจริงๆ

“เอางี้ ถ้าพี่อมของตัวเองจนน้ำแตกได้ ผมจะเลิกจั๊กกะจี้พี่เลย”

หนุ่มรุ่นน้องท้าทายอย่างนึกสนุก เคยได้ยินในวงเหล้าว่ามีคนทำได้ แต่เขาไม่เคยคิดจะลอง

นิครับคำทันที ตอนนี้ให้ทำอะไรเขาก็จะทำ ทำไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้ ขอให้พ้นการถูกจั๊กกะจี้นี้ได้เป็นพอ หนุ่มรุ่นน้องปลดสายหนังที่รัดข้อมือข้อเท้าเขาออกจนหมด นิคพักหายใจอยู่พักหนึ่งแล้วลุกมานั่งเหยียดขาไปข้างหน้า เขาเอามือรูดท่อนลำขึ้นลงจนแข็งตัวเพื่อร่นระยะทางลง ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะยังสามารถปลุกอารมณ์ตัวเองได้ไม่ยากหลังจากผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้หมดแรงมา นิคพับตัวเองไปด้านหน้าจนถึงระยะที่เขาเอาปากครอบหัวบานใหญ่ของตัวเองได้สำเร็จ กลิ่นฉี่ตัวเองอบอวนในช่องปากจนขมคอ ท่าทางเขาจะหัวเราะมากจนฉี่แตกโดยไม่รู้ตัวมาก่อนหน้านี้

ทาสหนุ่มรู้สึกขอบคุณการฝึกโยคะที่เขาทำเป็นประจำกับความยาวที่เกินมาตรฐานไปมากของน้องชายตัวเอง แต่ตอนนี้ความใหญ่ของมันทำให้เขาลำบาก มันคับมากจนเขาไม่สามารถใช้ปากรูดขึ้นลงได้ ลำพังไอที่ทำอยู่ ก็ท่ายากมากพออยู่แล้ว แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะแตก แต่ถ้าล้มเลิกกลางคันแล้วต้องไปโดนจี้อีก เขาต้องตายแน่ๆ นิครำพันกับตัวเอง

นิคตัดสินใจทำสิ่งที่น่าอับอาย เขาใช้มือที่ว่างอยู่สอดไปยังช่องทางด้านหลังของตัวเอง พวกทาสรุ่นพี่บอกว่าจุดเสียวมันอยู่ข้างใน ถ้านวดกระตุ้นดีๆ ถึงกับน้ำแตกได้เลย ทาสหนุ่มไม่สนใจเรื่องความเจ็บอีกต่อไป เขาทะลวงนิ้วชี้พรวดเข้าไปจนมิดแล้วใช้ปลายนิ้วหาจุดที่ว่าอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดก็เจอจุดหยุ่นๆ อันนึงที่พอกดปลายนิ้วลงไปแล้วความเสียวก็พุ่งจี๊ดถึงสมอง เขากดปลายนิ้วย้ำๆ ปากที่ได้แต่อมไม่สามารถรูดขึ้นลงได้ก็ใช้วิธีส่งปลายลิ้นไล่ฉกไปตามร่องปัสสาวะและบริเวณเงี่ยงเพื่อเกิดความเสียวสูงสุด ในหัวก็จินตนาการถึงตอนที่เขาได้ชำแรกแก่นกายเข้าไปในช่องทางของสาวๆ ระดับท๊อปที่เขาติดใจ มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาดจนบอกไม่ถูกที่เกิดขึ้นกับอวัยวะหลายส่วนพร้อมๆ กัน เขาเร่งมือให้ความเสียวพุ่งถึงขีดสุดจนปลดปล่อยน้ำขาวข้นระลอกแล้วระลอกเล่าคาวเต็มปากแทบจะสำลัก

หนุ่มรุ่นน้องตบมือให้เสียงดัง

“บราโว่ ไม่น่าเชื่อว่าพี่จะทำได้สำเร็จ กลืนลงไปให้หมดเลยนะ นั่น อย่างนั้น แม่ง ดูเกย์ฉิบหาย”

ประโยคหลังนักแสดงหนุ่มผู้รับบทเป็นคนลงโทษพึมพำกับตัวเอง ทันใดนั้นก็มีข้อความเข้าโทรศัพท์มา

‘คุณพอใจกับการลงโทษแล้วใช่หรือไม่’

‘ใช่ครับ’

‘งั้นก็ขอบคุณมาก ทางเราจะส่งวิดีโอที่ถ่ายทำไปให้คุณภายหลังเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่ห้ามเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ทางเราอาจนำวิดีโอชุดเดียวกันไปเผยแพร่ในวงจำกัด โดยไม่มีการอ้างอิงถึงคุณ คุณจะยินยอมหรือไม่’

‘ตกลงครับ’

นักแสดงหนุ่มรีบตกลงทันที เขาไม่รู้ว่าผู้ที่ทำเรื่องนี้คือใคร แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะขัดใจ ไม่อยากตกอยู่ในสภาพเดียวกับนิค ยังไงในคลิปก็ไม่เห็นหน้าเขาชัดๆ อยู่แล้ว เขาสงสัยว่าตัวเองได้เข้ามาพัวพันกับอิทธิพลมืดที่น่ากลัวหรือเปล่า คงต้องอโหสิกรรมให้นิคไว้ตรงนี้แล้วไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเลย ชายหนุ่มคิดก่อนจะเดินจากห้องไป

..................................
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 28] วิกฤตการณ์ทางการเงิน 17/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 17-01-2016 23:14:03

วันนี้ศศิกานต์ถือโอกาสที่โป๊ปทำโครงการใหญ่ให้เธอสำเร็จไปอย่างดีนัดสองหนุ่มมาเลี้ยงอาหารฟูลคอร์สหรูหราจนบอสรู้สึกเกรงใจ แต่เพราะนานๆ ทีเชฟระดับสามดาวมิชลินจะบินมาปรุงอาหารให้ทานถึงเมืองไทยซักทีนึง คนชอบทำอาหารอย่างเขาก็ปฏิเสธไม่ลง หลังๆ พวกเขาแทบไม่ได้พูดเรื่องธุรกิจกันอีกเลย มีแต่จะคุยกันเรื่ององค์กรและเรื่องในวงการวายของศศิกานต์เป็นส่วนใหญ่ แต่บอสก็ยังระมัดระวังที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลที่สำคัญขององค์กรออกไปทั้งที่เขาก็ไว้ใจศศิกานต์ในระดับหนึ่ง

อาหารอร่อย ไวน์ดี การสนทนาก็ยิ่งออกรส

“ต๊าย นี่น้องบอสยังไม่ปลดล็อคถาวรให้เจ๊จำใบหน้าน้องบอสได้จริงๆ ด้วย ว่าแล้วกลับไปเจ๊นึกหน้าน้องบอสไม่ออกทุกที นึกหน้าน้องโป๊ปได้คนเดียวมันแห้งๆ ฟินไม่สุดยังไงไม่รู้ นี่ยังไม่ไว้ใจเจ๊อีกเหรอคะ เจ๊น่ะไม่มีทางคิดร้ายกับน้องบอสและองค์กรได้หรอกค่ะ ไม่แม้แต่จะคิดหาประโยชน์จากพลังพิเศษของน้องบอส นี่ถ้าเป็นนักธุรกิจคนอื่นรู้เข้าคงตาลุกวาวหาทางทำเงินจากพลังของน้องบอสไปแล้ว แล้วอีกอย่างเจ๊จะไปกล้าได้ไง แค่น้องบอสไม่ให้เจ๊เป็นสมาชิกต่อ ชีวิตเจ๊ของหมดความหมาย”

“ไม่ใช่ไม่ไว้ใจหรอกครับ มันเคยชินแบบกันไว้ก่อนน่ะครับ เอาเป็นว่าวันนี้กลับไป เจ๊นอนฝันถึงหน้าผมได้เลย ไม่ลืมแน่นอน”

บอสตกลงใจที่จะปลดล็อคถาวรให้ศศิกานต์ตามคำขอ ก่อนหน้านี้เขาไม่อยากผลีผลาม

“ดีใจจังค่ะที่เจ๊เป็นที่ยอมรับของน้องบอสซะที นี่ถ้าเจ๊ไม่มีภารกิจเยอะแยะทั้งเรื่องงานและเรื่องงานอดิเรกวายๆ ของเจ๊ เจ๊คงขอสมัครเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์กรไปด้วยเลย”

แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าเจ๊เอาเวลาที่ไหนมาอัพเพจอัพนิยายอยู่แล้ว บอสนึกในใจ

“พูดถึงเรื่องวายของเจ๊ อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลย ผมสงสัยมานานแล้วว่าแฟนเจ๊น่ะ จริงๆ เป็นเพื่อนสาวใช่ไหม ก็ดูแมนอยู่หรอก แต่ผมเห็นแต่งนิยายวายอย่างเทพ ขึ้นท็อปชาร์ตตั้งหลายเรื่อง ผู้ชายจริงๆ เขาจะมาทำเรื่องอย่างนี้เหรอ”

โป๊ปที่เริ่มมึนไวน์ถามโพล่งออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผิดนิสัยขรึมๆ ตามปกติ บอสที่ดื่มไปไม่เยอะรีบกระทืบใส่เท้าโป๊ปให้รู้สึกตัวอยู่ใต้โต๊ะ

“ขอโทษทีเจ๊ที่เพื่อนผมมันปากเสีย ปกติมันไม่เป็นแบบนี้นะ”

บอสรีบตัดบทแก้ตัวแทนเพื่อน ถึงจะเริ่มสนิทกันแล้วแต่ก็ไม่ควรจะไปละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าแถมมีหน้ามีตาในสังคมอย่างนั้น

“อุ๊ยถามได้ค่า จริงๆ ก็อยากเม้าท์เรื่องนี้ตั้งนานแล้ว แฟนเจ๊น่ะ ฮีเป็นหนุ่มวายสายนอร์มอล ของแรร์เลยนะจ๊ะ เทพพิทักษ์สาววายคงส่งให้มาเป็นเนื้อคู่ของเจ๊ คุยเรื่องวายๆ กันถูกคอเป็นที่สุด แถมเห็นอย่างนั้นนะ จริงๆ หล่อล่ำซ่อนรูปอีกต่าง จิ้นเป็นเมะก็ดีแต่เป็นสามีก็แซ่บ อรั๊ย”

แล้วหญิงสาวคนเดียวของโต๊ะก็พร่ำเพ้อถึงแฟนหนุ่มที่ช่วงนี้ไม่ได้เจอหน้ากันเพราะฝ่ายชายบินไปสัมนาที่ต่างประเทศจนบอสขี้เกียจจะซักถึงเรื่องหนุ่มวายสายนอร์มอลว่าคืออะไร

“พูดถึงเรื่องแฟนเจ๊ไปแล้ว แล้วเราสองคนล่ะ ทีแรกๆ เห็นทำเป็นจับมือหอมแก้มกันเจ๊หัวใจจะวาย หลังๆ นี่ไม่มีเลยนะ หมดโปรโมชั่นเหรอ”

“ก็ไอโป๊ปนะสิเจ๊ มันบอกว่าเจ๊เป็นสาววาย ชอบเห็นผู้ชายนัวเนียกัน ทำแล้วเจ๊จะได้ใจอ่อนให้ทุนกับองค์กร มันบอกเรียกว่าแฟนเซอร์วิส มันรู้ดี แม่นมมันเคยเป็นสาววายมาก่อน ใช่ไหมวะไอโป๊ป”

บอสหันไปพยักเพยิดกับโป๊ปซึ่งทำหน้ามึนกลับมา แล้วบอสก็พูดต่อ

“ขอโทษที่หลอกเจ๊นะ ถึงผมเป็นเกย์ก็จริง แต่ไอโป๊ปนี่มันเป็นเพื่อนซี๊เฉยๆ ไม่ได้เป็นแฟนกันหรอก ถึงจะสนิทกันยิ่งกว่าแฟนก็เถอะ”

“อ๊ะอ๊ะ ตอนแรกเจ๊ก็ฟินนะเรียลมาก พอดูอีกทีเอ๊ะไม่ใช่ แต่พอเจอกันหลายครั้งเข้าเจ๊ก็พอจะดูอะไรๆ ออก เจ๊นี่ระดับสาววายตัวแม่เชียวนะ ในความจริงมีความลวง ในความลวงมีความจริง ใช่ไหมน้องโป๊ป”

โป๊ปหัวเราะหึหึแบบน่าหมั่นไส้ในสายตาของบอส แต่ไม่ตอบอะไร บอสเลยหันไปคุยกับศศิกานต์ในเรื่องอื่น

“ตอนนี้องค์กรไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินแล้ว ผมก็อยากจะขยายงานให้จริงจังซักทีแต่ก็ค่อนข้างลำบากจังครับ เรื่องระบบไอทีที่จะซับพอร์ตไม่มีปัญหา แต่มาคอขวดอยู่ที่การทำงานภาคสนามอย่างเดียว ถึงเราจะเพิ่มจำนวนอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ขึ้นได้ แต่คนที่มีพลังคือผมคนเดียว หลายๆ เรื่องคนอื่นก็ทำแทนได้ลำบาก เวลาไปล่าตัวนักโทษก็ต้องใช้วิธีลักพาตัวกันดื้อๆ หรือไม่ก็เอาข้อมูลที่โป๊ปแฮ็คมาได้ไปแบล็คเมลแทน ซึ่งทำแบบนั้นมันก็เสียเวลาปลืองกำลังคนแถมเสี่ยงด้วย ถ้าผมแยกร่างได้ก็คงจะดี คนหล่อๆ เลวๆ ก็มีเพิ่มขึ้นทุกวัน ที่จริงผมยังทำให้เยอะว่ากว่านี้อีก แต่ไอนี่มันไม่ยอม”

“กูไม่อยากให้มึงเหนื่อยเกิน แค่นี้ก็เกินตัวมึงไปเยอะแล้ว อะไรที่ฝืนไปก็ไม่ดี”

โป๊ปบอกพร้อมกับเอามือลูบหัวบอสอย่างนุ่มนวล ศศิกานต์แอบฟินเบาๆ

“ผมกับโป๊ปเลยคิดโครงการขึ้นมาที่จะใช้พลังของผมแก้ปัญหาสังคมกับคนกลุ่มใหญ่ๆ ไปทีเดียว แต่มันก็เสี่ยงมากเหมือนกัน คนเยอะก็คุมลำบาก ตัวแปรก็เต็มไปหมด ตอนนี้เลยทดลองกับเรื่องเล็กๆ ก่อน ถ้าไม่มีปัญหาจริงๆ ถึงขยับไปเรื่องที่ใหญ่ขึ้น”

“น่าสนใจมากค่า ถ้าทำได้จริงๆ เจ๊จะขอให้เปลี่ยนโลกนี้ให้เป็นวายให้หมดเลย”

“เพี้ยนแล้วเจ๊ เดี๋ยวมนุษยชาติก็สูญพันธ์กันหมดหรอก”

เสียงโป๊ปเปรยมาแบบตั้งใจให้ได้ยิน

“ล้อเล่นย่ะ แต่ที่น้องบอสระวังมันก็ถูก อย่างบริษัทเจ๊จะออกผลิตภัณฑ์อะไรใหม่ๆ ที ยังต้องทดสอบแล้วทดสอบอีกจนมั่นใจ ยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับพฤติกรรมลูกค้าด้วย ขนาดทำวิจัยตลาดอย่างดีแล้ว ของจริงกลับไม่เป็นอย่างที่คาดก็เจอบ่อยๆ เรื่องความคิดของคนร้อยพ่อพันแม่มันยากที่จะเดาจริงๆ ว่าแต่ตอนนี้ทำเรื่องอะไรกันอยู่เหรอคะ เผื่อเจ๊มีอะไรจะแนะนำ”

“เรื่องแทกซี่ฮะเจ๊ ผมสองคนลองพยายามแก้ปัญหาแทกซี่ปฏิเสธผู้โดยสารกัน มันสร้างความลำบากกับคนทั่วไปจริงๆ นะครับ ระดับเจ๊ไม่ได้นั่งแทกซี่อาจจะนึกภาพไม่ออก ขนาดที่มีทั้งกฎหมายทั้งศูนย์ร้องเรียนก็ยังไม่ได้ผลเลย ผมใช้วิธีสะกดจิตหมู่เอาน่ะครับ ให้แทกซี่ถูกทำโทษให้ได้อายถ้าไปปฏิเสธผู้โดยสารเข้า หวังว่าคนขับแทกซี่จะไม่กล้าทำแล้วค่อยๆ ปรับทัศนคติได้ในที่สุด”

แล้วบอสกับโป๊ปก็ช่วยกันเล่าเงื่อนไขรายละเอียดของบทลงโทษให้ศศิกานต์ ซึ่งเธอก็ฟังอย่างสนใจเป็นที่สุด

“โอ๊ย เป็นวิธีที่แซ่บมาก ถ้าไม่หื่นจริงคิดไม่ได้นะเนี่ย แต่ที่ไม่ให้ผู้โดยสารหญิงมีส่วนร่วมเลยนี่ออกจะกีดกันทางเพศไปหน่อยนะ”

“แหมเจ๊ เดี๋ยวมันจะเกินเลยไปใหญ่สิครับ เอาแค่กลุ่มเกย์นี่ผมก็เสียวๆ จะแย่แล้ว”

“ว่าแต่แทกซี่มีเป็นหลายหมื่นคันหมื่นคันเลยมั๊ง แล้วน้องบอสทำยังไงถึงไปสะกดจิตได้หมดล่ะ”

“ผมพัฒนาการสะกดจิตผ่านสื่อวิดีโอมานานแล้วครับ แต่ยังไม่ได้มาใช้จริงๆ จังๆ เพราะกลัวผลมันควบคุมไม่ได้ โป๊ปเอาวิดีโออบรมเรื่องการขับขี่ยานยนต์สาธารณะมาให้ผมสอดแทรกโค๊ดการสะกดจิตลงไปแล้วเอาไปเปลี่ยนที่สำนักงานขนส่งในเขตกรุงเทพทั้งหมด พอคนขับแทกซี่มาทำใบขับขี่หรือมาต่ออายุ ก็จะได้ดูวิดีโอนี้ตอนอบรม แค่นี้พวกคนขับแทกซี่ก็จะค่อยๆ ได้รับการโปรแกรมจิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ใช้เวลาหน่อยครับ ส่วนการเก็บข้อมูล เราก็ให้คนขับส่งกลับทาง SMS

“ว้าว น่าทึ่งมากเลยพลังของน้องบอสเนี่ย แล้วผลเป็นไงบ้างจ๊ะ”

“อยู่ระหว่างการรวบรวมอยู่เลยครับ ก็ดูเหมือนจะได้ผลดี แต่คงต้องดูอีกซักระยะให้มั่นใจ ผมคิดไว้แล้วถ้าอันนี้สำเร็จ ผมจะทำเรื่องแก้ปัญหาพวกเด็กช่างตีกันต่อ”

ศศิกานต์อดขำไม่ได้ทั้งๆ ที่ลึกๆ ก็กังวล ได้แต่เอาใจช่วยให้ผลออกมาดีไม่มีปัญหาอะไร ในสายตานักธุรกิจอย่างเธอมองว่ามันเล่นกับคนเยอะเกินไป ทั้งคนขับ ทั้งผู้โดยสาร การติดตามผลก็ทำได้จำกัด หวังว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นนะ เธอรักในอุดมการณ์ของเด็กสองคนนี้เหลือเกิน

เม๊าท์มอยกันจนดึก หมดไวน์ไปสามขวดนิดๆ ศศิกานต์สั่งให้ลีมูซีนของโรงแรมไปส่งสองหนุ่มที่คอนโดเพราะทั้งคู่ตั้งใจไม่เอารถมาจะได้ไม่เมาแล้วขับตอนขากลับ หญิงสาวยังสั่งบริกรให้เอาไวน์ขวดที่สี่ที่ยังเหลืออยู่เกือบเต็มขวดให้สองหนุ่มเอากลับไปด้วย ทันทีที่ถึงคอนโด โป๊ปก็เอาไวน์ที่ติดมารินใส่แก้วเดินตรงมาที่บอส

“ยังจะดื่มอีกเหรอ นี่ก็หมดไปหลายแก้วแล้วนะ” บอสปราม เขารู้สึกมึนและคิดอะไรไม่ค่อยออกแล้ว

“ฉลองกันต่ออีกหน่อยนะ ติดลมว่ะ ไหนๆ เจ๊ก็ให้มาแล้ว ไวน์ของเจ๊ศินี่อย่างดีเลย กลิ่นก็หอม ท่าทางจะแพงมาก”

“ก็เอาสิ แล้วทำไมไม่เอาแก้วมาเผื่อกูด้วยว้า หยิบมาใบเดียว”

บอสตามใจเพื่อนด้วยเห็นว่านานๆ ที ทั้งที่ก็เกินลิมิตของเขาไปเยอะแล้ว

“บอส เรามาลองดื่มไวน์แบบนั้นกันอีกไหม ไม่ได้ไปมานานแล้วนะ ยุ่งๆ กันอยู่”

โป๊ปเสนอด้วยประกายตาฉ่ำระยิบระยับ ดูมีเสน่ห์กว่าปกติ

“แบบที่ดื่มของไวน์บอยเหรอ แต่นี่มันไวน์ธรรมดานะ” บอสท้วง

โป๊ปยิ้มไม่ตอบอะไร แต่ยกแก้วไวน์ที่ถืออยู่ในมือขึ้นจิบแล้วเอาปากมาประกบกับปากบอสทันที ลิ้นอุ่นนุ่มที่ชุ่มด้วยไวน์ของโป๊ปตวัดเกี่ยวไปทั่วช่องปากเหมือนจะแบ่งปันรสชาติให้กับเพื่อนสนิท บอสที่ยังพอมีสติอยู่นึกในใจว่าทั้งที่เป็นไวน์ปกติ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกดีและวาบหวิวไปทั้งร่างไม่ต่างจากการดื่มไวน์ขาวชนิดพิเศษจากไวน์บอยเลย ความรู้สึกประหลาดที่ล้นอยู่ในอกนี้มันเกิดจากไวน์หรืออะไรกันแน่ ไม่ทันที่จะได้คำตอบ ความร้อนแรงจากสัมผัสของโป๊ปที่ถาโถมเข้ามา ทำให้ในหัวของบอสขาวโพลนจนนึกสงสัยอะไรต่อไม่ออก ลิ้นของทั้งคู่รุกไล่ตวัดเกี่ยวกันราวจะแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันของเลขศูนย์และเลขหนึ่ง อารมณ์หอมหวานแต่พลุ่งพล่านจนระเบิดตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ภายในหัวของบอส

บอสลืมตาจับจ้องแก้วไวน์บนโต๊ะที่ยังมีไวน์เหลืออยู่ครึ่งค่อนแล้วก็นึกขึ้นได้ นี่มันไม่ใช่การดื่มไวน์อะไรแล้ว มันคือจูบล้วนๆ เขาเพิ่งจูบกับโป๊ป จูบแบบหนักหน่วงและดื่มด่ำเสียด้วย และที่สำคัญเขารู้สึกดีกับมันมาก บอสค่อยๆ ผลักใบหน้าของโป๊ปออกเมื่อเริ่มรู้สึกตัว เสียงหอบหายใจของทั้งคู่ดังประสานกัน แต่นี่กลับเป็นแค่ช่วงเวลาพักยกเมื่อโป๊ปโอบกระชับใบหน้าของบอสเข้ามาพร้อมกับรุกล้ำริมฝีปากแดงฉ่ำตรงหน้าอีกระลอกใหญ่ มืออีกข้างของโป๊ปก็ไม่อยู่เฉยแต่ถือโอกาสรุกคืบเข้าไปใต้เสื้อเชิร์ตเนื้อดีของบอสเพื่อลูบไล้ผิวสัมผัสที่น่าหลงไหลยิ่งกว่า สองนิ้วบดบี้หัวนมข้างหนึ่งของบอสอย่างหยอกล้อ ถึงแม้จะไม่ปรากฎต่อสายตาในขณะนี้ แต่โป๊ปก็รู้ดีว่าสิ่งที่สัมผัสอยู่ เป็นสีชมพูธรรมชาติที่น่าลิ้มลองขนาดไหน เขาไม่รีรอที่จะพิสูจน์รสชาติด้วยการเลิกเสื้อของบอสขึ้นจนจุดสีชมพูคู่แฝดบนหน้าอกขาวแน่นแบบชายหนุ่มสุขภาพดีชูเด่นอยู่ตรงหน้า ปากที่เพิ่งถอนมาจากริมฝีปากของบอสจู่โจมไปที่จุดหมายใหม่ทันที บอสสะดุ้งเฮือกกับสัมผัสเสียวซ่านแปลกใหม่ที่ได้รับ ในสมองไม่มีสติแยกแยะแล้วว่าสิ่งที่ดำเนินอยู่มันเหมาะสมหรือไม่สำหรับคนเป็นเพื่อนกัน เขาไม่รู้จะโทษแอลกอฮอล์หรืออะไรดี ได้แต่ปล่อยตัวปล่อยใจไร้กำลังจะต่อต้านแม้ยามที่มือแกร่งเริ่มปลดเข็มขัดกางเกงของบอสออกแล้วแนบร่างกำยำล่ำสันประชิดเข้ามา

…………………………………….
 
TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 28] วิกฤตการณ์ทางการเงิน 17/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 18-01-2016 00:15:33
โป๊ปปปปปปปปป นังคนขี้อ่อน นังคนจอมวางแผน กรี๊ดดดดดดด
โอ้ย เป็นตอนที่ฟินมาก เริ่ดดด
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 28] วิกฤตการณ์ทางการเงิน 17/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: ρℓuto ที่ 18-01-2016 00:51:23
ตายอย่างสงบ  ฮอลลลลลลล  :hao6:
ต้องการตอนต่อไปด่วนๆ  :katai4: 
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 28] วิกฤตการณ์ทางการเงิน 17/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 18-01-2016 03:21:45
วางแผนไว้แล้วใช่ไหมมมม
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 28] วิกฤตการณ์ทางการเงิน 17/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: pakawatkheeta ที่ 18-01-2016 09:37:41
 :katai4: :katai4:

F5 รัวๆๆ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 28] วิกฤตการณ์ทางการเงิน 17/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 18-01-2016 19:56:54
เกลียดดดด  อ่อยให้อยากแล้วจากไปปปปป :haun4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 28] วิกฤตการณ์ทางการเงิน 17/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 18-01-2016 21:36:46
ตอนนี้กิ๊วก๊าวใจมาก
โป๊บบอสมาเต็มม เขินเลย  :mew3:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 28] วิกฤตการณ์ทางการเงิน 17/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 19-01-2016 11:49:13
ขอบคุณที่มาต่อจ้า บอสหนูจะสละเวอจิ้นละหรอ!??
อย่าหักมุมนะขอร้อง  :hao5:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 28] วิกฤตการณ์ทางการเงิน 17/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 20-01-2016 12:35:56
มาต่อแล้ว
แต่ตัดตอนได้ค้างมากมายอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 28] วิกฤตการณ์ทางการเงิน 17/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 20-01-2016 21:38:34
กรี๊ดดดดดด  โป๊ป บอส มาเลยๆๆๆๆๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 28] วิกฤตการณ์ทางการเงิน 17/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 21-01-2016 21:35:14
 :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 29] เพื่อนสนิท สะกิดเมื่ออยาก 24/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 23-01-2016 23:58:21

องค์กรลวงจิต Explicit Content
 
บทที่ 29 เพื่อนสนิท สะกิดเมื่ออยาก

ตอนที่บอสรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็น่าจะเป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้วดูจากแสงแดดกล้าที่ส่องผ่านรอยแยกเล็กๆ ของผ้าม่านหนาทึบเข้ามา คนธุระเยอะอย่างเขาไม่ได้นอนจนตะวันโด่งอย่างนี้มานานแล้ว นานๆ ทีขออู้บ้างจะเป็นไรไป วันนี้ยิ่งรู้สึกสบายเบาเนื้อเบาตัวเป็นพิเศษ บอสบิดตัวเกลือกกลิ้งไปมาบนเตียงขนาดคิงไซส์จนไปชนเข้ากับร่างแกร่งของเพื่อนร่วมเตียง โป๊ปซึ่งยังนอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขขยับตัวเล็กน้อยจนผ้าห่มเลื่อนลงมาเผยให้เห็นแผงอกหนาที่มีกล้ามเนื้อชัดเจน บอสขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักนอนไม่ใส่เสื้อทั้งที่เป็นคนขี้หนาวเลยดึงผ้าห่มฝั่งตัวเองตั้งใจจะเอาไปห่มเพิ่มความอบอุ่นให้โป๊ป แต่ก็ต้องแปลกใจมากกว่าเดิมเมื่อพบร่างกายตัวเองเปลือยเปล่าอยู่ภายใต้ผ้าห่ม เขาหันไปมองเพื่อนหน้าหล่อที่หลับสบายอยู่ข้างๆ แล้วตัดสินใจกระชากผ้าห่มที่พันตัวของโป๊ปออก

“ฉิบหายแล้ว”

บอสหลุดปากออกมาเบาๆ เมื่อเรือนร่างเปลือยเปล่ากำยำของเบอร์หนึ่งปรากฎให้เห็นตรงหน้าอย่างกระจ่างชัดทุกอณูไม่เว้นแม้เบอร์หนึ่งน้อยที่ขึงขังประกาศศักดาความเป็นหนึ่งอยู่แทบจะทิ่มหน้าคนมอง บอสพยายามเรียกความทรงจำว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่ก็จำได้แค่ภาพเหตุการณ์แวบๆ ไม่ปะติดปะต่อนัก  ยังไม่ทันที่จะคิดอะไรได้ต่อบอสก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อโป๊ปเอามือควานมาถึงแล้วกอดรัดตัวเขาเหมือนปลาหมึก แถมยังซุกหน้าลงไปหน้าท้องเรียบเนียนมีกล้ามนิดๆ ของบอสแล้วก็บ่นงึมงำ

“หนาวอ่ะ.... อ่า...ตรงนี้อุ่นดีจัง”

“เชี่ยโป๊ป ปล่อยสิวะ ขี้เซาหรือเมายาวะนี่ อย่าโดนตรงนั้น โป๊อยู่ ไอสัด กูเสียว”

บอสร้องไปดิ้นไปให้พ้นการกอดรัดของโป๊ป แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเหมือนจะทำให้ส่วนล่างของเขาถูไถกับลำตัวของโป๊ปจนคึกคักขึ้นมาไม่น้อยหน้าน้องชายโป๊ปที่ตื่นก่อนพี่มันเสียอีก บอสรวบรวมกำลังแล้วอาศัยความได้เปรียบที่ตื่นเต็มตาแล้วหามุมเหมาะๆ ถีบโป๊ปลงไปกองที่ข้างเตียง

“โอ๊ย บอส ซาดิสท์อะไรแต่เช้านี่ คนกำลังฝันดีๆ ถีบมาได้”

โป๊ปที่ตกเตียงจนตื่นเต็มที่ ปีนกลับขึ้นมานั่งหน้างอบนเตียงพร้อมต่อว่าเพื่อน

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะโป๊ป มึงกับกูแก้ผ้ากันทั้งคู่เลยนะ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นวะ”

บอสโวยวายใส่ โป๊ปมีท่าทางอารมณ์ดีมาทันที เขาลอบชื่นชมกับร่างเปลือยของคนที่ตื่นเต้นจนลืมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยอย่างหนำใจ

“นึกไม่ออกว่ะ เกิดอะไรขึ้น ไหนมึงลองเล่าซิว่าจำอะไรได้แค่ไหน”

โป๊ปซ่อนยิ้มไว้ภายใต้สีหน้าเคร่งเครียดขณะย้อนถามเพื่อน

“เมื่อคืนกูมึนใช้ได้เลยว่ะแต่ยังพอจำได้ลางๆ มึงคอแข็งกว่ากูทำไมจำไม่ได้เลยวะ มึงกับกูกลับมาถึงคอนโดมันก็ดึกแล้ว แล้วมึงก็เอาไวน์ที่เจ๊ศิให้มาดื่มต่อ ยังไงต่อวะ อ่อ มึงจูบกู ใช่ๆ มึงจูบกู”

บอสเล่ามาถึงเรื่องแล้วจ้องตาโป๊ปเหมือนจะถามว่าทำไม

“กูทำอย่างงั้นเหรอ เราแค่ดื่มไวน์ด้วยกันแบบไวน์จากร้านมึงรึเปล่า”

“ไม่ๆ มึงจิบไวน์แค่นิดเดียว แต่มึงดูดปากกูยาวเลย”

“กูทำแค่นั้นเองอ่ะนะ”

“ไม่สิ มึงจูบกู จูบแล้วจูบอีกจนกูมึน แล้วมึงก็ดูดนมกู เชี่ย นมกูไอสัด นี่เพื่อนนะเว้ย ไม่ใช่เมีย”

“อย่าเพิ่งเปลี่ยนประเด็นสิบอส แล้วมึงนึกอะไรออกอีก”

“กูนึกไม่ออกแล้ว มันรู้สึกเหมือนเสียวสุดยอด แต่ไม่รู้ว่ากูฝันไปหรือเราทำอะไรกันจริงๆ วะ”

“มึงว่าไงล่ะ มึงนึกออกแค่ไหนก็แค่นั้นมั๊ง”

“กูว่ามันมากกว่านั้น ตื่นมากูงี้ตัวเบาเลย แต่กูไม่เจ็บก้นนะ มึงเจ็บเปล่าวะโป๊ป”

“กูเจ็บว่ะ เพราะมึงไอบอส” โป๊ปทำท่าคลำก้นแล้วตอบด้วยท่าทางขึงขัน

“โป๊ป กูขอโทษ ซิงตูดมึง กูว่าแล้วต้องพลาดเข้าซักวัน กูเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าหน้าตามึงพอโตขึ้นมานี่สเป็กกูมาก กูจะทำไงดีวะ มึงโกรธกูมากเปล่า ต้องไปโรงบาลไหม”

บอสพูดขึ้นมาอย่างร้อนรนเพราะแคร์เพื่อน

“ใจเย็นบอส มึงคิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย กูเจ็บตูดก็เพราะมึงถีบตกเตียงเมื่อกี๊นี่แหละ”


“อ้าว เหรอ กูคลับคล้ายคลับคลาว่าเสียวมาก เลยนึกว่ากูจับมึงเสียบหรือไม่มึงก็เมาจนขึ้นนั่งออนท๊อปให้กูไปซะแล้ว”

“เพ้อเจ้อนะมึง จริงๆ กูเริ่มนึกออกแล้วแหละว่าต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้น มึงจำไม่ได้แต่พอคุ้นๆ ความรู้สึกใช่ไหม งั้นลองดูนะว่า กูทำให้มึงรู้สึกแบบนี้ใช่เปล่า”

โป๊ปผลักให้บอสที่ไม่ทันตั้งตัวนอนราบไปบนเตียง เขาไม่รอช้ารีบฉกปลายลิ้นเข้าไปที่ร่องสะดือวนไปวนมาอย่างช่ำชอง บอสเสียวท้องน้อยวูบจนไม่มีแรงต่อต้าน เมื่อเล่นกับสะดือยาวรีสวยได้รูปของบอสจนหนำใจแล้ว โป๊ปก็ลากปลายลิ้นผ่านลำตัวขาวเนียนขึ้นด้านบนเพื่อทบทวนความทรงจำกับยอดอกสีชมพูเม็ดเล็กที่เมื่อคืนไม่ได้เห็นถนัดตาเท่าไหร่ มือหนาก็ลูบไล้คลึงเคล้นไปทั่วร่างโดยละเว้นส่วนสำคัญไว้ก่อน

“อย่างนี้ใช่ไหมบอส ที่รู้สึกเมื่อคืน”

“ชะ ใช่ แต่เหมือนมันมีมากกว่านี้อีก” บอสตอบเสียงสั่น

“มากกว่านี้เหรอ ใช่ตรงนี้หรือเปล่า”

โป๊ปเปลี่ยนเป้าหมายไปที่พวงสวรรค์อมชมพูโดยลากลิ้นไปมาตามแนวฝีเย็บ บอสบิดตัวไปมาอย่างเสียวซ่าน เพื่อนตัวดีมันเก่งเกินไปแล้วคงต้องขอพักยกก่อน ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปาก โป๊ปก็ครอบริมฝีปากอุ่นชื้นเข้ากับบอสน้อยที่พองตัวจนเหมือนจะปริ บอสสะดุ้งเฮือก ตัวเกร็ง ปลายเท้าจิกกับที่นอนโดยไม่รู้สึกตัว ใช่เลย ความรู้สึกแบบเดียวกับที่เขาเจอเมื่อคืน โป๊ปรูดปากขึ้นลงเพียงไม่กี่ทีบอสก็ปลดปล่อยน้ำขาวข้นออกมามากมาย เพื่อนรักหักเหลี่ยมดูดเม้นผลงานตัวเองไว้ได้ทั้งหมดแล้วไม่รอช้าจับเจ้าของผลิตภัณฑ์มาประกบปากทันที ลิ้นทั้งคู่เกี่ยวพันกันอย่างคุ้นเคยเพราะนี่ก็เหมือนกับการดื่มไวน์ชนิดพิเศษที่ทำร่วมกันมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นอะไรที่สุดยอดมากในความรู้สึกของทั้งคู่ทั้งๆ ที่ไวน์ขาวของบอสไม่ได้เพาะบ่มจนหอมหวานอย่างที่ทำขาย บางทีคำตอบของรสชาติที่ลึกล้ำอาจอยู่ที่ “ของใคร” และ “กับใคร”

หลังจากแบ่งกันดูดกลืนไวน์ขาวข้นจนหมด บอสก็ลงไปนอนแผ่อย่างหมดแรงบนเตียงอีกรอบ โป๊ปตามไปประกบหอมแก้มขณะที่เนียนจับมือบอสมากอบกำช่วงล่างอันอวบใหญ่ของตัวเองไว้แล้วพามือของบอสรูดขึ้นรูดลงตามความยาวของท่อนลำพร้อมกันเร่งจังหวะขึ้นมาเรื่อยๆ เบอร์ศูนย์หลับตาด้วยความอายแต่ก็รู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวของเบอร์หนึ่งน้อยที่เต้นตุบๆ อยู่ในกำมือของตัวเองได้อย่างชัดเจน จะว่าแปลกใหม่ก็ใช่แต่ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก มันเหมือนว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำอย่างนี้แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยไปชักให้ใครเมื่อไหร่ ครั้งสุดท้ายที่ได้แกล้งจับไข่ไอโป๊ปมันก็ตั้งแต่สมัยมอต้น

“เมื่อคืนนี้ใช่ประมาณนี่ไหมบอส หรือว่าน้อยไป”

โป๊ปกระซิบอยู่ที่ข้างหูของบอสแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่ บอสที่ยังเบลออยู่กับการจู่โจมครั้งแล้วครั้งเล่าของเพื่อนรักรีบรวบรวมสติและละล่ำละลักตอบ

“มะ มากไปด้วยซ้ำ เฮ้ย เอาประเด็นสำคัญสิโป๊ป เรื่องนี้มันไม่ถูกต้อง”

“ไม่ถูกต้องยังไงครับผม”

โป๊ปพูดใส่หูบอสพร้อมกับเอาลิ้นร้อนฉ่ำไล่กวาดไปทั่วใบหูอย่างเมามัน

“เราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนไม่น่าทำกันแบบนี้”

“แบบไหนเหรอ ใครเป็นคนกำหนดว่าเพื่อนกันจะทำแบบนี้ไม่ได้”

“มันไม่ดี คนอื่นจะคิดยังไง แล้วแฟนมึงล่ะ แล้วแฟนกูอีก”

“ละเมออีกแล้ว บอสมีแฟนที่ไหน ก็เป็นโรคกลัวสัมผัสของคนอื่นจนไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอ”

“ทำไมต้องพูดเพราะด้วยวะ แล้วพวกเด็กๆ มึงล่ะ”

“มโนไปเรื่อย ก็เห็นอยู่ว่าโป๊ปทำแต่งาน พอเสร็จก็อยู่กับบอสตลอด โป๊ปจะเอาเวลาที่ไหนไปมีแฟนครับ”

“แต่เราเป็นเพื่อนกันนะ ไม่ใช่แฟน”

ไปๆ มาๆ บอสก็วนกลับมาที่เรื่องเดิม

“ก็เป็นเพื่อนกันนี่แหละ แค่สนิทแนบแน่นทุกสัดส่วนกันมากขึ้น เรื่องอื่นค่อยว่ากัน เอาเป็นว่าตอนนี้โป๊ปขอประกาศนิยามใหม่ของคำว่าเพื่อนระหว่างเราเป็นตามนี้นะ โป๊ป-บอส เพื่อนสนิท สะกิดเมื่ออยาก”

เมื่อประกาศนิยามเสร็จ โป๊ปก็เร่งมือที่ประสานกับมือของบอสจนเบอร์หนึ่งน้อยที่ไม่น้อยพ่นน้ำขาวข้นคลั่กออกมาชุดใหญ่เต็มมือของทั้งคู่

“สัด เต็มมือกูหมด นิยามอะไรวะโคตรเหี้ย กูว่ามันแปลกๆ เวลาที่ทำกันนี่ไง มันเหมือนมึงไม่ใช่มึงเลย”

บอสหลุดปากออกมาหลังจากอึ้งไปอึดใจที่ถูกเพื่อนรักยืมมือไปประกอบกิจกามจนเสร็จ

“ก็อาจจะดูแปลกไปบ้างเพราะคนเราก็มีความรู้สึกต่อกันในหลายด้านหลายมุม อย่างโป๊ปก็คิดกับบอสในหลายมุมที่บอสอาจไม่รู้ แต่โป๊ปก็ยังเป็นโป๊ปคนเดิม คนที่หวังดีกับบอสที่สุด บอสก็ลองเปิดมุมมองใหม่ๆ สิ ลองคิดดูนะ ถ้าเราเป็นเพื่อนกันแบบที่ว่า บอสจะได้ประโยชน์เต็มๆ เลยนะ โอ๊ย อย่าเอามาละเลงหัวโป๊ปสิบอส”

โป๊ปโวยวายเมื่อบอสเอาน้ำขาวข้นที่ติดมืออยู่มาป้ายผมของเขาอย่างเจตนาจะแกล้ง ท่าทางเพื่อนสนิทเขาจะหายตกใจแล้วเลยกลับไปเป็นคนหื่นๆ เหมือนเดิม

“ฮ่าๆ โทษฐานที่เอามือกูไปใช้โดยไม่ขออนุญาต ว่าแต่กูจะได้ประโยชน์ยังไงวะ”

“มาเป็นเพื่อนสนิทสะกิดเมื่ออยากกับโป๊ปได้มากกว่าที่คุณคิด โป๊ปจะให้บริการระดับ สาม ส. เลยนะ ส. แรก ส. สะดวก เราเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วใช่ไหม อยู่ด้วยกันประจำ บอสอยากเมื่อไหร่ก็จัดเลย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง สมมุติต่อให้บอสเกิดหายจากโรคกลัวการสัมผัสจากคนอื่นขึ้นมา จะมีแฟนก็ต้องจัดเวลาว่างให้ตรงกัน ต้องเดินทางไปหา ต้องเอาอกเอาใจกว่าจะได้กิน วุ่นวายจะตาย ถ้าเป็นโป๊ปนะสะกิดทีเดียวรู้เรื่องเลย หรือถ้าบอสงานเยอะจนลืมโป๊ปก็จะทวงสิทธิของบอสให้เอง จะจัดประจำหรือทบต้นทบดอกก็ได้ สะดวกจะตายไป”

บอสเผลอพยักหน้าช้าๆ อย่างคล้อยตาม

“ส่วน ส. ที่สองก็ ส. สะอาด ไม่ต้องกลัวโรคไม่ต้องกลัวสกปรก โป๊ปบอกแล้วบอสก็ไม่ยอมเชื่อว่าโป๊ปไม่มีใคร จะจริงๆ หรือเล่นๆ ก็ไม่มี บอสก็เหมือนกัน เพราะงั้นเราสองคนสะอาดสุดๆ ประหนึ่งผักกางมุ้งเกษตรอินทรีย์ ทานได้สดๆ”

โป๊ปได้ใจโฆษณาต่อ เรื่องล่อลวงเพื่อนสนิทนี่ขอให้บอก เขาชำนาญมาตั้งแต่เด็กแล้ว ครั้งนี้คงได้ผลเหมือนทุกทีเพราะบอสหลุดปากถามกลับมาอย่างสนใจ

“ส. สุดท้ายล่ะโป๊ป”

“ส. สุดท้ายก็ ส. สะเด่าไง เมื่อคืนรอบเมื่อเช้ารอบเมื่อกี๊อีกรอบยังไม่รู้อีกเหรอบอส นี่โป๊ปอุตส่าห์ฝึกปรือมาเป็นอย่างดีกับน้องๆ มาเลยนะ”

“ไอเชี่ยโป๊ป ไหนมึงว่าไม่มีใครไง แล้วน้องๆ นี่คืออะไรวะ”

“ฮ่าๆ อย่าหึงสิบอส น้องๆ ก็น้องกล้วย น้องแอปเปิ้ล น้องส้มไง มา โป๊ปเปิดคลิปให้ดูที่ที่ถ่ายตอนฝึกไว้”

โป๊ปหยิบโทรศัพท์มาเปิดให้ดูผลงานที่เขาภาคภูมิใจ

“เริ่มจากน้องแอปเปิ้ลก่อนนะ เอาแอปเปิลลูกใหญ่ๆ มาเฉาะออกไปชิ้นนึงให้เหมือนเป็นซอก อันนี้ฝึกการใช้ลิ้นให้ตะหวัดไปตามร่องได้คล่องๆ ประยุกต์ใช้ได้หลายที่เลยนะ เมื่อคืนที่ลองนี่บอสแอ่นซะเหมือนตัวจะลอยได้เลย”

ภาพวิดีโอในโทรศัพท์โชว์โป๊ปที่กำลังตะหวัดลิ้นไปตามตามร่องของแอปเปิ้ลสีแดงลูกใหญ่ที่เฉาะเป็นร่องไว้ ทั้งเลียทั้งฉกไปตามมุมต่างๆ อย่างชำนิชำนาญจนบอสเสียวท้องน้อย สีหน้าและแววตาในคลิปดูหื่นลามกแต่ก็ดูหล่อมีเสน่ห์ไปพร้อมๆ กัน

“ต่อที่น้องกล้วย อันนี้คงไม่ต้องบอกอะไรมาก บอสก็ชอบกำกับบทให้นักโทษองค์กร อมกันเองบ่อยๆ นี่ ว่าแต่ของบอสนี่รสชาติดีกว่ากล้วยตั้งเยอะ” โป๊ปเปิดคลิปต่อมาพร้อมอธิบายอย่างไม่คิดเลยว่าคนที่ถูกเอาไปเปรียบกับกล้วยจะอายหรือเปล่า

“โอเค เข้าใจล่ะ แต่น้องส้มนี่จะฝึกยังไงนึกไม่ออก”

บอสเริ่มสนใจเมื่อเห็นคลิปการฝึกวิชาแบบพิศดารของเพื่อนซี๊

“บอสยังนึกไม่ออกเพราะโป๊ปยังไม่ได้ใช้วิชาน้องส้มกับบอสเลย งั้นมาดูคลิปนี้ โป๊ปฝึกโดยเอาส้มมาปลอกเปลือกให้หมด พวกใยๆ เก็บไว้ก็ได้สมมุติว่าเป็นเส้นขน แล้วตรงขั้วมันจะเป็นจุดที่กลีบส้มมาประสานรวมกันใช่ไหม ให้มองว่าเป็นรอยจีบแล้วฝึกโดยการเกร็งลิ้นให้แข็งฉกลงไป พยายามทะลวงให้ลิ้นแทรกลงไปให้ลึกที่สุด โอ๊ย อยากลองของจริง”

“โห เจ๋งว่ะโป๊ป เดี๋ยวกูไปซื้อผลไม้มาลองบ้าง ไม่งั้นกูแพ้มึงแน่”

“เปลืองผลไม้ มีของโป๊ปให้หัดอยู่แล้ว บอสจะไปซื้อของปลอมมาทำไม จะลองหลักสูตรน้องกล้วยเลยมะ”

โป๊ปถามพร้อมเอามือโกยน้องกล้วยของจริงขึ้นมาให้เห็นชัดๆ เหมือนจะโชว์สินค้า

“มะ ไม่ต้อง เอ๊ย ใช่ที่ไหนเล่า กูยังไม่ตกลงเลยนะเรื่องเพื่อนสนิทสะกิดเมื่ออยากอะไรของมึงเนี่ย ทำใจไม่ได้โว้ย”

“คิดสิ บอส คิด สะดวก สะอาด สะเด่า สะดวก สะอาด สะเด่า สะดวก สะอาด สะเด่า” โป๊ปจ้องตาเพื่อนไปด้วยขณะพูด

“สะดวก สะอาด สะเด่า สะดวก สะอาด สะเด่า สะดวก สะอาด สะเด่า เชี่ย นี่มึงสะกดจิตกูเปล่าวะ” บอสผู้สะกดจิตผู้คนมานักต่อนักถึงกับงงงวยต่อการหลอกล่อของเพื่อนจนเผลอท่องสโลแกนตาม

“เปล่า โป๊ปสะกดจิตเป็นที่ไหนล่ะ ก็แค่เน้นย้ำคุณภาพ ถ้ายังสงสัยในสินค้าและบริการตรงไหน สอบถามได้เลยครับผม” โป๊ปถามขณะที่ยังกำ ‘สินค้า’ อยู่ในมือ

“งั้นกูถามคำเดียว ถ้าจะทำกันขนาดนี้ ทำไมไม่เป็นแฟนกันเลยวะ” บอสตั้งข้อสังเกตอย่างอดไม่ได้

“นี่คือคำขอหรือเปล่าบอส”

……………………………………………….
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 29] เพื่อนสนิท สะกิดเมื่ออยาก 24/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 24-01-2016 00:01:30

หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบมึนๆ งงๆ แต่เสียวทั้งตัวเสียวทั้งใจมาได้สองสามวัน บอสก็สามารถกำจัดอาการเคอะเขินที่เกิดขึ้นเวลามองหน้าโป๊ปไปได้ในที่สุด ตอนนี้ทั้งคู่กลับมาทำตัวเป็นเพื่อนกันตามปกติถึงแม้ต่างคนจะไม่รู้ว่าในใจของอีกฝ่ายมีอะไรเปลี่ยนไปหรือเปล่า เรื่องการเป็นแฟนกันก็ยังไม่ได้ข้อสรุป โป๊ปที่เหมือนจะตื่นเต้นดีใจอย่างมากกับคำถามของบอสกลับไม่พยายามสานต่อจนบอสเองก็แปลกใจ แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกว่ากำลังจะก้าวข้ามเส้นอะไรบางอย่างที่ยังไม่แน่ใจเช่นกัน เลยคงสถานะความเป็นเพื่อนไว้เหมือนเดิมที่เพิ่มเติมคือสะกิดกันได้ โดยบอสได้ยืนกรานไปว่าเฉพาะภายนอกแบบเพื่อนช่วยเพื่อนเท่านั้นสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นแฟนกัน

หลังจากนั้น ถึงแม้ทั้งคู่มีงานมากมายถาโถมยิ่งกว่าเดิม แต่บอสก็ยังได้สะกิดโป๊ปอยู่บ่อยๆ จริงอย่างที่โป๊ปว่า บริการสาม ส. ของโป๊ปทำให้บอสมีที่ระบายความหื่นที่มีอยู่มากมายออกไปบ้าง ไม่งั้นเขาก็จะเอาไปลงกับการลงโทษนักโทษอย่างเดียวซึ่งทำให้เสียเวลางานไม่น้อย ระยะหลังๆ บอสก็จะลงโทษนักโทษที่จับตัวมาได้แค่พอกรุบกริบ แล้วส่งต่อเข้าระบบลงโทษขององค์กรไปทันที ทำให้งานคืบหน้าไปได้อย่างมากไม่เสียเวลาเหมือนแต่ก่อน บอสเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีว่าตัวเองเป็นฝ่ายตักตวงประโยชน์จากร่างกายเพื่อนเอาแต่ฝ่ายเดียว ทั้งๆ ที่โป๊ปก็ทำงานหนักไม่แพ้กันเผลอๆ จะมากกว่าด้วยเพราะช่วงนี้ต้องหักโหมรับงานของบริษัทเจ๊ศิเพื่อหาเงินมาจ่ายระบบคอมพิวเตอร์ใหม่ให้องค์กร แต่พอเปรยเรื่องขึ้มาโป๊ปกลับหัวเราะใส่แล้วลากขึ้นเตียงไปเลย บอสเลยเข้าใจเอาว่าโป๊ปไม่ถือที่จะให้ตัวเองยืมร่างกายไปใช้อย่างเอาเปรียบ

วันนี้เคลียร์งานที่มีอยู่ได้เร็ว บอสเลยเตร็ดเตร่ดูหนังสืออยู่ในห้าง ก็ไปเจอหนังสือแฟชั่นปกหนึ่งที่ทำให้เขานึกเรื่องแชร์ลูกโซ่หลอกลวงชื่อเอ็กซ์ฟันด์ขึ้นมาได้ บริษัทนั้นเน้นเอาหนุ่มหล่อบุคลิคดีมีมาดนักธุรกิจหลายคนเข้ามาเป็นแม่ข่ายเพื่อใช้เสน่ห์ในการหลอกล่อลูกข่ายให้เข้าเป็นสมาชิก ก่อนหน้านั้นบอสกำลังจะไปจับสมาชิกบางคนมาลงโทษแต่ปรากฏว่าทั้งบริษัทถูกกวาดล้างไปซะก่อน พอให้โป๊ปเช็คดูคร่าวๆ ทีหลังก็คิดว่าไม่น่าจะใช่ฝีมือของหน่วยราชการและก็ไม่ใช่คนในแก๊งค์หักหลังกันเองด้วยเพราะโดนกันหมด แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็งานยุ่งไม่ได้สืบต่อจนเรื่องผ่านมาได้สองสามเดือนแล้ว

แมกกาซีนที่ทำให้บอสนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นหนังสือแฟชั่นที่เน้นเอาหนุ่มๆ ทั่วไปที่หน้าตาดีหรือนายแบบที่ไม่มีชื่อเสียงมาถ่ายแฟชั่นแบบวับๆ แวมๆ พอเห็นขนเห็นโคนนิดหน่อยมาวางขายทั่วไป แต่ที่ไม่ธรรมดาเพราะหลังจากนั้นอีกพักใหญ่ ก็มักจะมีหนังสือโป๊ใต้ดินของนายแบบคนเดียวกันออกมาวางขายด้วย อาจจะไม่ได้เป็นอย่างนี้ทุกคนแต่ก็เจ็ดสิบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ท่าทางเจ้าของจะเป็นคนเดียวกัน ที่ไม่ธรรมดาเพราะนายแบบของปกนี้คือหนึ่งในอัพไลน์ต้นๆ ของแชร์ลูกโซ่ที่ว่าซึ่งบอสเคยเล็งไว้จะเอาตัวมาลงโทษ คนๆ นี้เคยแต่งเนื้อแต่งตัวใส่สูทอย่างดี เคลมตัวเองว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จทั้งที่อายุยังน้อย ตอนนี้กลับต้องมาถ่ายแบบในชุดกางเกงในตัวเดียวลงหนังสือปลุกใจเก้งป่า

พอนึกอีกทีก็น่าจะเป็นโอกาสดีที่จะสืบเรื่องนั้นต่อว่าเกิดอะไรขึ้น และถ้าหนุ่มคนนี้ยังไม่กลับเนื้อกลับตัวจะได้เอามาลงโทษต่อซะเลย ไหนๆ ช่วงนี้ก็พอมีเวลาอยู่บ้าง บอสเลยซื้อหนังสือเล่มนั้นติดมือกลับมาเพื่อให้โป๊ปลองหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากสำนักพิมพ์ดู ปรากฏว่าโป๊ปซึ่งเจาะข้อมูลเข้าไปได้อย่างง่ายดายก็พบว่ากิจการของสำนักพิมพ์นี้ก็เป็นอย่างที่บอสคิด ในคลังรูปถ่ายนายแบบมีทั้งแบบปกติและแบบนู๊ดหมดจด เท่ากับว่าสำนักพิมพ์นี้ผลิตทั้งแมกกาซีนบนดินและใต้ดินโดยจะปล่อยหัวบนดินออกมาก่อนเพื่อเรียกความสนใจและสร้างภาพให้นายแบบดูดี หลังจากนั้นก็ปล่อยฉบับใต้ดินตามมา แต่ในกรณีของอดีตนักธุรกิจแชร์ลูกโซ่คนนี้ ยังไม่มีภาพนู๊ดอยู่ในระบบแสดงว่ายังไม่ได้ตัดสินใจถ่ายแบบใต้ดิน

พอสืบเสาะจากข้อมูลเดิมที่มีอยู่กับข้อมูลใหม่ของสำนักพิมพ์ก็พบว่าหนุ่มคนนี้ย้ายออกจากคอนโดไปอยู่อพาร์ทเม้นท์เช่า แถมยังทำงานอยู่ร้านสะดวกซื้ออีก บอสจึงไปดักพบเพื่อหาข้อมูล

เป้าหมายเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อหลังเลิกกะ หน้าคมหุ่นดีจนน่าจะเป็นหนุ่มเซเว่นที่หล่อที่สุดในเขตนี้แล้วล่ะ บอสเดินตรงเข้าไปแล้วทักเบาๆ แค่พอได้ยินกันสองคนว่า

“สวัสดีครับ ผมขอคุยด้วยหน่อย”

ซึ่งก็โดนสายตามองกลับมาอย่างไม่ไว้วางใจพร้อมคำตอบแบบตัดบท

“เห็นผมจากในหนังสือละสิ ผมไม่ได้ขายตัวนะ ขอตัวด้วยครับ”

ถึงไม่รับแขกเท่าไหร่ แต่คำพูดคำจาก็ยังสุภาพอยู่ บอสเลยพอให้อภัยได้ เขาดีดนิ้วหนึ่งครั้ง นายแบบสมัครเล่นตรงหน้าก็เดินตามมาอย่างว่าง่ายทันที ทั้งคู่เดินหลบไปอีกช่วงตึกหนึ่งซึ่งมีโต๊ะม้าหินอ่อนเล็กๆ ของร้านค้าที่ปิดไปแล้วตั้งอยู่ บอสปล่อยให้เป้าหมายยังมีสติอยู่เต็มที่แค่สะกดให้เปิดใจตอบคำถามแต่โดยดี แต่จะเป็นคำตอบที่เป็นความจริงหรือเปล่าอำนาจสะกดของเขาไม่สามารถบังคับได้

“นายเคยทำงานชักชวนคนมาเข้าแชร์ลูกโซ่ที่ชื่อเอ็กซ์ฟันด์สินะ เป็นไงมาไงถึงได้ตกอับแบบนี้”

“คุณจำผมได้เหรอ เป็นลูกข่ายผมหรือเปล่า ผมไม่มีอะไรจะให้แล้วนะ ข้างของเงินทองผมถูกยึดไปหมดแล้ว คอนโดยังโดนบังคับขายเลย สมบัติที่เหลือผมก็อยู่ในกองทุนเอ็กซ์เหมือนกัน โดนโกงเหมือนกัน คุณติดต่อไปที่ตู้ ปณ. ที่ลงประกาศไว้หรือยังล่ะ เขาเอาเงินที่ยึดได้ทั้งหมดไปเฉลี่ยคืนได้บ้าง ตามหลักฐานที่แต่ละคนมี”

“ไม่ใช่หรอก ผมแค่เคยตามสืบเตรียมจะเอานายไปลงโทษชดใช้เรื่องที่หลอกลวงคนอื่น พอดีบริษัทนายโดนทะลายซะก่อน”

“ผมไม่มีอะไรจะชดใช้ให้แล้ว หมดตัวแล้ว ผมก็ถูกหลอกอีกต่อเหมือนกัน นี่เงินที่ยืมที่บ้านมาก็ถูกเจ้าหนี้เร่งรัด ผมคงต้องไปถ่ายหนังสือเกย์หาเงินไปคืนแน่ๆ เลย”

“โดนหลอกหรือโลภเอง นายเป็นสมาชิกระดับต้นๆ ข่าย น่าจะรู้บ้างแหละ”

“ก็พอรู้บ้างว่ามันเสี่ยงมาก แต่ผมคิดว่าจะทำไปซักพักพอได้เงินก้อนก็จะออก แล้วก็จะบอกให้ลูกข่ายออกเหมือนกัน ไม่คิดว่าความจริงมันจะโกงล้วนๆ ไม่มีการเอาเงินไปลงทุนทำธุรกิจเลย สงสารพวกลูกข่ายพลอยมาติดไปกับผมด้วย”

หนุ่มหล่อรำพึงอย่างรู้สึกผิด

“ตกลงคนที่มาทะลายบริษัทนี่คือใคร เป็นหน่วยราชการหรือเปล่า”

“ผมไม่รู้ ไม่น่าจะใช่ พวกนั้นดูลึกลับกว่านั้น ผมรู้แต่หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง กับพวกธนาคารด้วย ให้ความร่วมมือกับพวกนั้นดีมาก เหมือนจะพูดกันว่าผู้ใหญ่ขอมา แต่ผมแอบได้ยินระดับสูงบอกว่าเคสของสมาพันธ์อะไรนี่แหละ”

บอสซักต่อไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้รายละเอียดของสมาพันธ์อะไรนี่เท่าไหร่ รู้แต่ว่าอดีตเป้าหมายของเขาโดนยื่นข้อเสนอขอริบทรัพย์สินทั้งหมดบวกกับเงินอีกก้อนที่ทางบ้านเขาต้องไปกู้นอกระบบมาเพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย สมาพันธ์อ้างว่าจะเอาเงินดังกล่าวไปชดเชยผู้เสียหาย ซึ่งเป้าหมายของเขาก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า

เมื่อเห็นว่าเป้าหมายไม่น่าจะรู้อะไรไปมากกว่านี้แล้ว บอสก็เลยถามเรื่องว่าจะเอายังไงกับอนาคตต่อเพราะเขาเสียดายรูปร่างหน้าตาอยู่พอสมควร

“ก็คงต้องยอมไปถ่ายหนังสือโป๊ล่ะครับ ไม่งั้นที่บ้านจะเดือดร้อน นี่ผมอยากกลับไปเรียนต่อ ออกมากลางครันมาทำไอ้บริษัทบ้านี่ ทีแรกก็ได้เงินเยอะดีหรอก นึกว่าจะสบายไปทั้งชาติ นี่ไม่รู้ว่าเป็นนายแบบโป๊แล้วมหาลัยเขาจะให้เรียนหรือเปล่า”

“ถ้านายจะทำถึงขนาดนั้นก็มาขายคลิปกับสมาชิกองค์กรไหม เปลืองตัวพอกันแต่คลิปไม่กระจายออกไปข้างนอกแน่”

แล้วบอสก็เล่าเรื่ององค์กรให้ฟังทั้งเรื่องการจับคนทำผิดมาลงโทษ เรื่องหมวดเอ็มหมวดเอส แถมบอกว่าตัวคนฟังเกือบจะถูกจับไปขายเป็นทาสในหมวดเอสซะแล้ว แต่ตอนนี้คงไม่ต้องเพราะถือว่าได้ชดใช้ไปแล้ว แต่ถ้าอยากได้เงินบอสจะให้โอกาสพิเศษเข้ามาขายคลิปในหมวดเอ็มแล้วได้เงินเป็นของตัวเองไปเลย

“นี่ถ้าผมไม่โดนเรื่องสมาพันธ์อะไรนี่มาก่อนคงไม่เชื่อว่ามีหน่วยงานอะไรใต้ดินแบบนี้ในเมืองไทยด้วย แต่ผมก็ว่าถึงจะดีกว่าไปถ่ายลงหนังสือเกย์ แต่สุดท้ายก็หลุดอยู่ดีแหละ คนซื้อไปหลายๆ คนจะไปคุมยังไงได้”

“รู้จักดาราคนนี้ไหม” บอสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปให้ดู

“รู้สิ ลุฟเค้าดังจะตาย”

“แล้วเชื่อไหมว่าลุฟเค้าเคยถูกลงโทษให้มาขายคลิปชดใช้ความผิดเรื่องเมาแล้วขับรถชนคนตั้งแต่สองสามปีก่อนแล้ว แต่จนป่านนี้อย่าว่าแต่คลิปหลุดเลย ข่าวลือซักแอะยังไม่มี”

บอสอธิบายแล้วเปิดคลิปดาราหนุ่มชักว่าวเห็นหน้าชัดเจนให้ดู คู่สนทนาตกใจจนอึ้งไปแล้ว

“โหย โคตรเจ๋ง ลุฟนี่ใหญ่จริงๆ เห็นตอนถ่ายชุดว่ายน้ำโดนหนังสือพิมพ์แซวว่าห่อหมกเล็ก จริงๆ ซ่อนรูปมากเลย งั้นถ้าผมถ่ายคลิปไปขายก็เป็นความลับเหมือนกันซิ”

ในที่สุดก็ตกลงกันได้ ถึงแม้จะได้ข้อมูลไม่มากแต่บอสก็รู้สึกดีที่ช่วยหาทางออกให้คนจนตรอกได้ ดูๆ ไปอดีตเป้าหมายของเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก ถึงจะเคยโลภจนไม่คำนึงถึงวิธีการแต่ก็ได้ชดใช้ไปแล้ว พอคิดถึงตรงนี้เขาก็เริ่มไม่ค่อยพอใจไอสมาพันธ์อะไรที่ว่านี่ขึ้นมาตะหงิดๆ จริงอยู่ที่ว่ามีองค์การใต้ดินที่มีอุดมการณ์คล้ายๆ กันมาจัดการคนเลวๆ ไปได้ก็ดี แต่ดูสมาพันธ์นี้จะมีอิทธิพลสูงจนเน้นแต่ผลงานในภาพใหญ่ ไม่ดูลายละเอียดให้ถี่ถ้วนว่าใครตั้งใจโกง ใครแค่ติดร่างแหไปด้วย แล้วการชดเชยความผิดโดยการยึดทรัพย์นี่ก็เท่ากับสร้างความเดือดร้อนเป็นลูกโซ่ไปถึงครอบครัวของคนผิดด้วย ไม่เหมือนวิธีการขององค์กรที่จะไม่ยุ่งกับเงินทองของนักโทษเลยใช้แค่ร่างกายไปหาเงิน อาจจะอายจะเหนื่อยต้องถูกจำกัดอิสรภาพ แต่นั่นก็คือการลงโทษไม่ให้กลับมาทำพฤติกรรมที่ไม่ดีอีกโดยไม่ต้องเดือดร้อนไปถึงครอบครัว วิธีของเขาดีกว่าเห็นๆ นอกจากนั้นใครจะรู้ว่าเงินที่ยึดไปจะถึงผู้เสียหายจริงๆ หรือเปล่า บอสนึกขวางในใจ

บอสกลับมาเล่าให้โป๊ปฟังเรื่องสมาพันธ์อย่างตื่นเต้น โป๊ปช่วยหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็ไม่ยังไม่เจออะไรที่เข้าเค้า คำว่าสมาพันธ์เป็นคำกลางๆ เกินไปทำให้ถูกกล่าวถึงมากมายโดยไม่รู้ว่าพูดถึงสมาพันธ์นี้หรือสมาพันธ์ไหน ถ้าจะไล่อ่านทั้งหมดคงไม่ต้องทำอะไรกันพอดี หรือแม้แต่จะให้คอมพิวเตอร์ช่วยประเมินผลก็ยังหาแนวทางไม่ถูก

“วันนั้นมึงไปถึงสำนักงานใหญ่ของเอ็กซ์ฟันด์แล้วกลับมาเล่าว่าบริษัทถูกปิดแต่มีในปลิวแจ้งให้ผู้เดือดร้อนส่งหลักฐานไปที่ตู้ ปณ. อะไรซักอย่าง ข้อมูลยังอยู่หรือเปล่า ลองสืบจากตรงนั้นดูไหม”

โป๊ปถามเมื่อนึกขึ้นมาได้

“เออใช่ กูหยิบมาแผ่นหนึ่ง เก็บๆ ไว้แถวนี่แหละน่าจะยังอยู่”

บอสไปควานๆ หาในลิ้นชักจนได้กระดาษเนื้อแปลกมาแผ่นหนึ่ง โป๊ปรับไปพลิกดูแล้วก็พิมพ์หาข้อมูลในคอมพิวเตอร์อยู่ครู่ใหญ่

“ยังไม่เจออะไรเท่าไหร่ ในฐานข้อมูลของไปรษณีย์ที่เจาะมาบอกว่าเจ้าของตู้ ปณ. นี่เป็นร้านค้าเล็กๆ แถวนั้น ถ้าสมาพันธ์มีอิทธิพลมากอย่างที่เล่า คงให้ใครไปช่วยเปิดไว้ก็ได้ ว่าแต่ตรงมุมล่างกระดาษนี่ ส่องดีๆ มันเหมือนมีลายน้ำเป็นสัญลักษณ์อะไรหรือเปล่านะ”

“เออใช่ เหมือนเป็นรูปเขาแบบจีน หรือว่าจะเสิร์ชพวกคำว่าสมาพันธ์บรรพตอะไรอย่างนี้ดู”

“กูว่ากูเคยเห็นสัญลักษณ์แบบนี้นะ เออใช่ รูปเดียวกับที่อยู่บนซองหลักฐานที่มีคนส่งให้ผู้สอบบัญชีที่มาสอบทุจริตพ่อของไอมิลค์ไง หลักฐานสำคัญเลยล่ะ ผู้สอบบัญชีนึกว่ากูเป็นคนหามาให้ แต่จริงๆ ไม่รู้ใครส่งมา ตอนนั้นกูเคยเอารูปนี้ไปเสิร์ชหาอยู่แต่ไม่พบอะไร จริงๆ ก็เจอติดกับภาพถ่ายทั่วไปอยู่บ้างนะ แต่ไม่ได้เชื่อมโยงกับอะไรที่สำคัญ”

บอสเอากระดาษหลักฐานไปดูอีกครั้ง เขาสังเกตสัญลักษณ์ที่ว่าอย่างละเอียด มันคล้ายกับรูปภูเขาทรงสูงแบบจีนห้ายอดอยู่ติดเรียงความสูงลดหลั่นกันลงมา ลูกตรงกลางจะสูงสุด

“ถ้ารูปนี้เกี่ยวข้องกับสมาพันธ์ที่ว่าจริง แล้วสมาพันธ์ก็ดูจะยิ่งใหญ่มีอิทธิพลแทรกซึมไปวงการต่างๆ มากกว่าของเราซะอีก ทำไมถึงเสิร์ชอะไรไม่เจอเลยวะ”

“อาจจะเหมือนกับเราคือใช้ระบบไอทีกลบร่องรอยตัวเองได้เก่งมาก หรือไม่ก็โลว์เทคจนไม่ได้ใช้ระบบไอทีหรืออินเตอร์เนตในการทำงานเลย”

“ดูๆ เขาเล่นเรื่องที่ใหญ่กว่าเรานะ แต่กูไม่ชอบวิธีทำงานเขาอยู่ดี มันก็ไม่ต่างกับระบบทางกฎหมายที่มีอยู่ซักเท่าไหร่ ตรวจสอบกันดีแค่ไหนก็ไม่รู้ เรื่องเงินเรื่องทองอีกจะเชื่อใจได้ขนาดไหน ว่าแต่ถ้าเราเริ่มรู้สึกการมีอยู่ของเขา แล้วเขาจะรู้ถึงการมีอยู่ของเราบ้างไหมวะ”

บอสเริ่มกังวล เขาไม่ได้กลัว แต่ไม่อยากเสียเวลาที่จะช่วยคนหากต้องมาวอแวรบรากับสมาพันธ์อะไรนี่

“ก็อาจเป็นได้ ยังไงต่อไปทำอะไรก็ระวังหน่อยแล้วกัน ก่อนหน้านี้ก็มีคนส่งรูปที่มีมาร์คเก้อร์ตาขวาสองข้างของมึงขึ้นมาถี่ๆ ตอนแรกก็กลัวว่าจะมีคนพยายามทดสอบการทำงานของมันหรือเปล่า แต่เห็นเป็นรูปเวอร์ชั่นที่ใช้กับโครงการแทกซี่กูเลยคิดว่าน่าจะเป็นพวกผู้โดยสารแอบถ่ายแล้วพยายามส่งให้เพื่อนมากกว่า พอมีแทกซี่ที่ถูกโปรแกรมจิตเยอะๆ เข้า จำนวนมันก็เลยถี่ไปด้วย อย่ากังวลมากเกินไป ระบบกูเจ๋งอยู่แล้ว”

โป๊ปนึกถึงการแจ้งเตือนที่เกิดขึ้นบ่อยเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน แต่ก็คิดว่าน่าจะเกิดจากโครงการแทกซี่มากกว่า

“โอเค ยังไงกูจะลองไปสืบจากคนที่เกี่ยวข้องดูอีกที”

บอสปิดท้าย เขาสบายใจขึ้นบ้างจากการได้พูดคุยกับโป๊ป แต่ถ้าจะให้หายขาด ก่อนนอนคงต้องสะกิดซักรอบจะได้หลับสบาย สงสารโป๊ปเหลือเกินที่มีเพื่อนหื่นอย่างเขา

……………………………………………….

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 29] เพื่อนสนิท สะกิดเมื่ออยาก 24/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 24-01-2016 16:04:24
เอาแล้วววว เสือสองตัวจะอยู่ถ้ำเดียวกันได้ไหมน้า
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 29] เพื่อนสนิท สะกิดเมื่ออยาก 24/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 24-01-2016 17:02:28
ไม่ต้องสงสารหรอก อิโป๊ปมันชอบ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 29] เพื่อนสนิท สะกิดเมื่ออยาก 24/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 24-01-2016 23:51:04
สมาพันธ์ไรนี่ดูน่าสงสัยนะ จัดหนักให้โป๊ปเลยบอส
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 29] เพื่อนสนิท สะกิดเมื่ออยาก 24/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 28-01-2016 15:50:22
อ้อมันเป็นเยี่ยงนี้นี่เอง กำลังมันเลยครับ :hao7:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 29] เพื่อนสนิท สะกิดเมื่ออยาก 24/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 29-01-2016 16:45:45
สมาพันธ์อะไรนี่ ของ เมธัส หรือเปล่า

แต่ว่านะ บอสนี่ทั้งซื่อ ทั้งหื่น  งานนี้โป๊ปได้กำไรเน้นๆ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 29] เพื่อนสนิท สะกิดเมื่ออยาก 24/01/16
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 08-02-2016 00:10:58
รอตอนต่อไป :ling1:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 30] ไล่ล่าปีศาจ 14/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 14-02-2016 11:24:38
ขออภัยในความล่าช้าครับ เหตุเกิดจากงานหล่นทับ ค่อยๆ คลานกลับมาต่อได้ก็วาเลนไทน์พอดี  :L1:

องค์กรลวงจิต Explicit Content
 
บทที่ 30 ไล่ล่าปีศาจ

[เมธัส]

งานสมาพันธ์ไม่ได้ยากอย่างที่ผมคิด หลักๆ ผมมีหน้าที่ตรวจสอบกรณีต่างๆ ที่แต่ละตระกูลรวบรวมหรือร้องขอมา จากนั้นผมก็มอบหมายงานให้สายงานหรือตระกูลต่างๆ ไปดำเนินการซึ่งอาจจะไม่ใช่กลุ่มที่รายงานเรื่องดังกล่าวมาก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมมากกว่า พอดำเนินการเสร็จ ผู้ที่ได้รับมอบหมายก็จะส่งสรุปผลงานขึ้นมา ทั้งหมดนี้จะติดต่อผ่านรหัสลับโบราณเพื่อความปลอดภัยและเป็นการยืนยันว่าคำสั่งการมอบหมายงานต่างๆ มาจากศูนย์กลางของสมาพันธ์จริงๆ เป็นความฉลาดของบรรพบุรษที่วางกลไกไว้ไม่ให้แต่ละตระกูลติดต่อกันเอง ในชีวิตจริงจะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ความร่วมมือทั้งหมดต้องทำผ่านตระกูลผมเท่านั้นเพราะรหัสที่ใช้ติดต่อแต่ละตระกูลจะไม่เหมือนกัน แม้แต่รหัสที่ตระกูลนั้นๆ ส่งมา กับรหัสที่ส่วนกลางส่งไปก็ไม่เหมือนกัน ทำให้ไม่สามารถปลอมแปลงกันได้เลยถึงแม้จะมีคนทรยศในตระกูลต่างๆ ก็ตาม

งานที่ยากจริงๆ คือการขอความร่วมมือจากตระกูลที่มีอิทธิพลสูงๆ ซึ่งมีอยู่สองสามตระกูลมากกว่า พวกนี้ไม่ค่อยจะต้องพึ่งพาความร่วมมือจากพันธมิตรในสมาพันธ์เท่าไหร่ บางครั้งเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองก็ไม่ให้ความร่วมมือเอาดื้อๆ ถึงได้รับคำสั่งจากตระกูลผม ถ้าเจอแบบนี้ผมต้องใช้จิตวิทยาและวาทศิลป์พอดู บางครั้งจำเป็นผมก็จะไปพบผู้นำของตระกูลด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นการแสดงความไว้ใจจากตระกูลหลัก ร้อยทั้งร้อยถ้าผมไปเองจะเสร็จผมหมด ไม่ว่าคนแก่หรือคนหนุ่มผมก็มีวิธีการที่จะกล่อมจนอยู่หมัด ไม่งั้นชมรมกีฬาเกือบทั้งมหาลัยไม่อยู่ใต้อาณัติผมหรอก

พอความร่วมมือมาเต็มที่ผมก็สามารถมอบหมายแก้ปัญหาภัยของชาติไปได้หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นแชร์ลูกโซ่ที่มาในคราบธุรกิจสมัยใหม่แบบแปลกๆ ตั้งหลายบริษัทที่ทำต่อเนื่องมาตั้งแต่ตอนพี่ก้อนดินดูแล หรือการทอนอำนาจของกลุ่มมาเฟียรัสเซียที่มาปักหลักอยู่พัทยาจนธุรกิจท้องถิ่นได้รับความเดือดร้อนไปทั่ว งานช้างอันต่อไปคือพวกปั่นหุ้น กับพวกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่หลอกให้โอนเงินทางเอทีเอ็ม พวกนี้เริ่มจัดการยากแล้วเพราะไม่เป็นกลุ่มเป็นก้อนแถมเดี๋ยวนี้ติดต่อกันทางอินเตอร์เน็ทตามรอยยากมาก

จริงๆ ผมก็มีข้อสังเกตว่าไอที่ทำเสร็จไปแล้วบางทีผมก็ไม่รู้ว่าผลเป็นไปตามที่รายงานมาจริงหรือเปล่า พวกตระกูลต่างๆ ที่มอบหมายไปจะทำได้ละเอียดรอบคอบแค่ไหน แต่พี่ก้อนดินก็บอกว่าเราไปตรวจสอบเองไม่ไหวก็ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ถึงยังไงตระกูลต่างๆ ก็ต้องอาศัยระบบอุปภัมถ์เพื่อเอื้อประโยชน์กันในด้านต่างๆ ซึ่งจะได้ผลมากเมื่อมาทำผ่านสมาพันธ์ เพราะงั้นคงไม่มีใครอยากทุบหม้อข้าวตัวเอง

ในเวลาแค่ไม่กี่เดือน ผมก็แสดงฝีมือให้เห็นเป็นที่ไว้ใจจนคุณพ่อเรียกไปชมกันต่อหน้าทุกคนในครอบครัวซึ่งถือว่าเป็นเรื่องพิเศษมาก เพราะอย่างพ่อผมไม่ค่อยชมใครง่ายๆ

“ว่าไง เจ้ามอมแมม ทำงานสมาพันธ์เหนื่อยไหม” คุณพ่อเอ่ยขึ้นหลังจากเรียกทุกคนเข้าไปในห้องทำงาน ซึ่งในครอบครัวผมแปลว่าเรื่องที่จะคุยกันสำคัญพอสมควร

“สนุกดีครับ คุณพ่อน่าจะให้มอมทำตั้งนานแล้ว”

“ก็เรายังเด็กอยู่ ก็เน้นเรื่องเรียนไปก่อน แต่ถึงมาเริ่มทำทีหลังแต่ลูกก็ทำได้ดีมากนะ แสดงว่าสิ่งที่พ่อกับคุณปู่ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ เรื่องการจูงใจและใช้งานคนนี่ไม่เสียเปล่าจริงๆ”

“ขอบคุณครับ”

“วันนี้พ่อมีสองเรื่องที่จะบอกมอม เรื่องแรกคือพ่อจะวางมือถาวรจากสมาพันธ์แล้ว ให้ลูกเป็นคนจัดการทั้งหมด แต่พ่อจะให้พี่ดินประกบดูแลกันไปก่อนจนกว่าลูกจะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวจริงๆ ที่พ่อบอกว่าวางมือก็หมายความตามนั้นจริงๆ พ่อจะไม่เข้าไปรับรู้ยุ่งเกี่ยวกับงานของสมาพันธ์อีกยกเว้นมอมแมมหรือก้อนดินจะตั้งใจเอาเรื่องนั้นมาปรึกษาพ่อเอง”

“พี่ดินยังช่วยดูอยู่ก็ดีครับ แต่ที่บอกว่าจนกว่ามอมจะเป็นผู้ใหญ่นี่คืออะไร มอมก็โตแล้วเหอะ ยี่สิบกว่าแล้ว ไม่ใช่เด็กแล้ว” ผมเบะปากที่คุณพ่อยังมองผมเป็นเด็กอยู่

“ฮ่าๆ นี่นะที่บอกว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังงอนเป็นเด็กๆ อยู่เลย ที่พ่อพูดคือการเป็นผู้ใหญ่ตามความหมายของตระกูลเรา มอมก็รู้นี่ ความหมายของนิ้วมือทั้งห้าที่เป็นสัญลักษณ์ของตระกูล ถ้าเรายังมีคนในตำแหน่งนิ้วทั้งห้าไม่ครบก็ถือว่ายังไม่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว”

สัญลักษณ์ตระกูลเราไม่ได้มีอะไรพิเศษ เป็นแค่รูปนิ้วมือทั้งห้าเรียงชิดติดกัน แต่ความหมายที่ซ่อนอยู่คือการอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัย จะเรียกว่าระบบเส้นสายระบบอุปภัมถ์อะไรก็ตามแต่ สุดท้ายมันก็คือความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลผมและตระกูลอื่นๆ ในสมาพันธ์ เหมือนนิ้วทั้งห้าที่ต่างช่วยเหลือกันในการทำงานต่างๆ แต่ละนิ้วก็มีบทบาทหน้าที่ของตัวเองเพื่อให้งานบรรลุไปได้ สัญลักษณ์อันนี้เลยถูกใช้เป็นลักษณ์ลับๆ ของสมาพันธ์ด้วย

นอกจากจะมีความหมายในเชิงความเกื้อกูลอุปภัมถ์ซึ่งกันและกันแล้ว นิ้วแต่ละนิ้วยังแทนตำแหน่งที่คนในตระกูลจะเลือกคนที่มีความสำคัญในชีวิตที่นอกเหนือคนในครอบครัวขึ้นมาตามความสัมพันธ์ที่แทนด้วยนิ้วต่างๆ  ตำแหน่งนิ้วโป้ง คือคนที่เข้มแข็งเป็นที่พึ่งพึงสนับสนุนให้กับเรา ตำแหน่งนิ้วชี้ คือคนที่คอยให้แนวทางชี้นำในเรื่องต่างๆ ให้กับเรา ส่วนตำแหน่งนิ้วกลางจะเป็นคนที่อยู่สูงกว่า ไม่ใช่ในเชิงเจ้านายแต่ในลักษณะเป็นแบบอย่างให้เราผลักดันตัวเองขึ้นไปให้ดีให้เก่งเท่าเขา
ตำแหน่งสวมแหวนอย่างนิ้วนาง จะแทนคนที่เป็นที่รักของเรา โดยทั่วไปก็จะเป็นสามีหรือภรรยา ส่วนตำแหน่งนิ้วก้อยน้อง น้อยคือคนที่เราอยากจะปกป้องดูแล

เรื่องนี้ผมรู้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่ความหมายจริงๆ ของมันเพิ่งจะมาเข้าใจไม่นานนี้ ตำแหน่งเหล่านี้เมื่อมอบให้ใครแล้วถึงแม้จะไม่รู้ตัวก็ตาม คนๆ นั้นจะได้รับการยอมรับจากคนในตระกูลไปด้วย และเมื่อมอบไปแล้ว จะไม่ค่อยมีการเปลี่ยนกันเพราะถือว่าเสียหน้าที่เลือกคนผิดหรือจะถูกมองว่าจิตใจโลเล

“ตอนนี้ผมยังนึกไม่ออกหรอกครับ น่าจะมีแต่นิ้วก้อย ไว้ผมจะพามาพบนะครับ”

ผมนึกถึงแดน เด็กที่ผมเอ็นดูเป็นพิเศษ

“ฮ่าๆ น้องเล็กสุดของบ้านจะเป็นพี่คนขึ้นมาแล้วเหรอ ดีๆ จะได้เป็นผู้ใหญ่เร็วๆ ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ก็รีบๆ หาให้ครบล่ะ ว่าแต่ตำแหน่งนิ้วนางนี่ จะหาได้สาวหรือหนุ่มกันนะ”

คุณพ่อแซวส่งท้าย คุณแม่กับพี่ๆ ก็หัวเราะกันใหญ่ เรื่องนี้เป็นหัวข้อที่คนในบ้านชอบแซวผมมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เรื่องสมัยก่อนผมก็จำไม่ได้หมดหรอก แต่คุณแม่เล่าว่า ตอนเด็กๆ ผมจะชอบคนหน้าดีเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะผู้หญิงผู้ชาย ถ้าเจอ ผมจะชอบไปขอให้เขาอุ้มบ้างขอหอมแก้มบ้าง โตขึ้นมาหน่อย ก็ชอบไปตีซี๊กับเพื่อนๆ ที่หน้าตาดี ไม่รู้ว่าเพราะที่บ้านผมมีแต่คนหน้าตาดีๆ ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ พี่ชาย พี่สาว หรือเปล่า เลยรู้สึกผูกพันกับคนหน้าตาดีไปทั่ว โดนพี่ๆ ล้อตลอดว่าเป็นพวกหลงรูป

พอเป็นวัยรุ่น ผมก็ยังชอบคนหน้าตาดีทั้งผู้หญิงผู้ชายอยู่ แต่เริ่มรู้สึกว่า สาวๆ เดี๋ยวนี้ ถึงจะสวยแต่ก็ดูคล้ายๆ กันไปหมด ไม่รู้ว่าด้วยสไตล์การแต่งหน้าหรือแอบไปศัลยกรรมจนเป็นพิมพ์เดียวกัน หลังๆ ผมเลยมองหนุ่มๆ ที่ดูจะมีความหลากหลายของความหน้าตาดีมากกว่า ที่บ้านก็สังเกตเห็นอีกเวลาผมเอาเรื่องคนโน้นคนนี้มาเล่าว่าหล่อบ้าง เท่บ้าง น่ารักบ้าง จนกลายเป็นหัวข้อใหม่ในการแซว แต่ผมก็ยังมั่นใจว่าตัวเองไม่ใช่เกย์ซะทีเดียว เพียงแค่ชอบมองอะไรที่มันดูดีสบายตาก็เท่านั้นเอง

เอาเข้าจริงผมก็ไม่ได้ซีเรียสนักหรอกที่จะต้องหาตำแหน่งนิ้วทั้งห้าให้ได้เร็วๆ เพื่อจะได้มีอิสระอะไรที่ว่า เพราะหลังจากนั้นสองสามวัน พี่ก้อนดินก็แอบมาตกลงลับๆ กับผมว่า ไหนๆ ผมก็ทำงานนี้ได้ดีแล้ว ช่วงนี้แกขอทุ่มเวลาที่มีไปกับภรรยาที่กำลังท้องอ่อนๆ ให้ผมบริหารสมาพันธ์ได้เต็มที่เลย ผมเห็นแก่พี่สะใภ้กับหลานในท้องนะเลยยอม ไม่ใช่อยากจะกุมบังเหียนสมาพันธ์คนเดียวซะหน่อย

ย้อนกลับไปเรื่องปัญหาของชมรมรักบี้ที่ค้างอยู่ ในที่สุดชมรมนี้ก็เข้ามาอยู่ในสังกัดผมเหมือนๆ กับชมรมบาส อย่านึกนะครับว่าผมยอมจะเปลืองตัวกับเด็กตัวควายๆ พวกนี้นะครับ  เรื่องบางเรื่องถ้าเราไม่อยากทำก็ต้องใช้ตัวแทนได้โดยไม่ต้องให้ใครรู้ และเด็กฟีฟ่าก็คือผู้โชคดีที่ได้ทำหน้าที่นี้ ผมไม่ได้ตั้งใจแกล้งนะแต่เพราะปัญหานี้เกิดจากมันก็ต้องให้รับบทหนักที่สุดในการแก้

“พี่เมจะให้ผมทำจริงๆ เหรอ มันน่าสยองมากนะ ให้ผมชดเชยความผิดด้วยวิธีอื่นเถอะครับ” ฟีฟ่าทำท่าอิดออดเมื่อรู้ว่าต้องทำอะไร

“ไม่ต้องมาโอดครวญ คิดว่าเรื่องทั้งหมดนี่เกิดขึ้นเพราะใครกัน แล้วที่พี่อุตส่าห์บำรุงผิวก้นนายมาตลอดเดือนนึงนี่ไม่ได้ทำเล่นๆ นะ”

“โธ่ ผมนึกว่าพี่จะให้ผมไปโชว์คู่กันหรืออะไรทำนองนั้น ไม่นึกว่าพี่จะผลักภาระให้ไอพวกชมรมรักบี้มาจับก้นตูดแบบนี้ ศักดิ์ศรีนักกีฬาของผมปี้ป่นหมดแล้ว จะมีหน้าไปพบใครได้”

“ไม่มีใครรู้ซะหน่อย เล่นตามที่พี่จัดฉากไว้ พวกนั้นก็นึกว่าเป็นก้นพี่กันหมดแหละ”

ใช่แล้วครับ ผมใช้พีฟ่าเป็นรางวัลให้กับชมรมรักบี้ที่ดันได้แรงฮึดจากเรื่องนี้จนเอาชนะแชมป์เก่าไปได้อย่างขาดลอย แต่นี่คือการต้มหมู พอประกาศว่ารางวัลคือจะได้ลูบก้นเปลือยของผมคนละที พวกเด็กรักบี้ก็เฮกันลั่น ที่เหลือก็แค่จัดห้องจัดฉากปิดไฟให้น้องเข้าไปในห้องทีละคนไปยืนตรงจุดที่มีโต๊ะกั้นอยู่แล้วยื่นได้เฉพาะมือมาสัมผัสก้นผมคนละไม่เกินหนึ่งนาที แน่นอนว่าของจริงเป็นก้นของฟีฟ่าที่ซ่อนตัวอยู่ ส่วนผมจะยืนพากย์อยู่ติดกันให้น้องๆ ได้ยินเสียงในความมืดจะได้เข้าใจว่ากำลังลูบคลำก้นผมอยู่ ทุกคนตื่นเต้นกับสัมผัสนุ่มเนียนบนกล้ามก้นกระชับของฟีฟ่าขณะเคลิบเคลิ้มกับเสียงพากย์ของผมจนไม่มีใครสงสัยอะไร สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดีจนคนสุดท้าย ผมบอกให้กัปตันเคลียร์น้องชมรมออกไปให้หมดจนเหลือแต่ฟีฟ่ากับตูดที่ชอกช้ำอยู่ในห้องมืด ผมว่าพอปิดไฟไม่ต้องเห็นหน้าว่าใครเป็นใคร น้องๆ รักบี้เลยทำซะเต็มที่อย่างที่อยาก ทั้งขยำขยี้ มีทั้งควักทั้งล้วง แถมบางคนยังตีก้นอีก แล้วคิดดูว่าแรงนักรักบี้นะครับ ขนาดฟีฟ่าที่เป็นนักกีฬากล้ามตูดแน่นจะตายยังระบมเลย

พอจบเรื่องกัปตันทีมรักบี้ก็มาขอบอกขอบใจผมเป็นการใหญ่ บอกว่าถ้ามีเรื่องอะไรจะให้ทีมรักบี้ช่วยก็บอกได้เลย จุดนี้ทำให้ผมเกิดความคิดที่จะสร้างเครือข่ายในลักษณะเดียวกับสมาพันธ์ขึ้นมาเพื่อให้ผมใช้งานเป็นการส่วนตัว ผมเลยเริ่มเก็บจากชมรมกีฬาเล็กๆ ก่อน พวกนี้ไม่ยาก แค่ไปให้กำลังใจเปลืองตัวนิดๆ หน่อยๆ ก็สำเร็จแล้ว ทีนี้พอใครมาเป็นชมรมในสังกัดผมอย่างลับๆ ผมก็ช่วยให้ธุรกิจที่อยู่ในเครือข่ายสมาพันธ์มาช่วยเป็นสปอนเซอร์ให้ด้วย เงินก็ไม่กี่มากน้อยถ้าเทียบกับขนาดของธุรกิจเหล่านั้น แต่น้องๆ ก็ดีใจกันเพราะช่วยให้พวกเขามีงบสำหรับฝึกซ้อมกีฬาหรือเดินทางไปแข่งได้สะดวกสบายมากขึ้น ชมรมหลังๆ เลยยิ่งง่าย ยิ่งมีข่าวลือแพร่ไปลับๆ ว่าผมเป็นตัวนำโชค ชมรมไหนมาเข้าสังกัดเชียร์ของผมจะโชคดีในการแข่งก็ยิ่งทำให้ชมรมที่เหลือวิ่งวุ่นขอให้ผมเข้าไปช่วย จนตอนนี้ชมรมกีฬาทั้งมหาลัยอยู่ในสังกัดผมหมดยกเว้นชมรมเดียว

ชมรมที่เป็นจุดด่างพร้อยในความสำเร็จของผมคือชมรมฟุตบอลซึ่งเรียกได้ว่าเป็นชมรมที่ใหญ่ที่สุดและมีผลงานการแข่งที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับชมรมอื่นๆ ในมหาลัยผม โอเค ถึงชมรมนี้จะไม่ได้มีปัญหาเรื่องฝีมือหรือสปอนเซอร์ แต่ก็ไม่น่าจะรังเกียจกำลังใจเพิ่มเติมหรือเงินสนับสนุนเล็กๆ น้อยๆ จากผมสิ ปัญหาอยู่ที่กัปตันชมรมชมรมฟุตบอลครับ มันอยู่ปีสี่เหมือนกับผม ปกติควรจะวางมือให้น้องปีสามเข้ามาแทนแล้วแต่นี่ไม่รู้หวงตำแหน่งหรืออะไร ตอนที่ผมติดต่อไปก็โดนปฏิเสธเสียงแข็งจนเกินเหตุ ผมไปสืบมาทีหลังถึงรู้ว่ามันเป็นพวกแอนตี้เกย์อย่างรุนแรงเลยมองไปว่าการเอาโชว์ของผมไปเป็นรางวัลล่อใจลูกทีมเป็นเรื่องที่เกย์เขาทำกันซึ่งรับไม่ได้ ไม่รู้จะโบราณคร่ำครึไปไหน วัยรุ่นเดี๋ยวนี้เขาเปิดกว้างในเรื่องแบบนี้ไปไหนต่อไหนแล้ว ถึงเป็นชายแท้ก็มองผู้ชายหล่อๆ น่ารักๆ ได้เหมือนกัน ผมเชื่อทฤษฎีที่ว่าคนเราล้วนแต่มีความเป็นไบเซ็กชวลอยู่ในตัว แต่จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง ขนาดผมที่ไม่ใช่เกย์ยังชอบดูผู้ชายหน้าตาดีเลย หรือต่อให้เป็นผู้ชายแท้ๆ ที่ไม่รู้สึกอะไรเลยก็ยังน่าจะมองเป็นเรื่องสนุกเฮฮาร่วมกับเพื่อนได้ ไม่เห็นจะต้องรังเกียจปิดกั้นกันขนาดนี้เลย

แต่ระดับกุนซือของสมาพันธ์อย่างผมแล้วเรื่องแค่นี้ไม่ครนามือหรอกครับ ผมใช้กลวิธีทำให้สั่นคลอนจากฐานรากโดยให้คนไปเป่าหูพวกเด็กๆ ในชมรมฟุตบอลว่าให้ผมมาเชียร์แล้วจะสุดยอดยังไง ทั้งรางวัลสยิวล่อใจ ทั้งเงินสปอนเซอร์ที่ไหลมาเทมา ไหนจะความโชคดีของผมที่จะไปข่มดวงคู่ต่อสู้ ตัวการในการปล่อยข่าวก็ไม่ใช่ใครครับ นายฟีฟ่าของเรานี้เอง อย่าไปได้ยินเวลาที่มันบรรยายถึงก้นผมนะครับ ความหื่นมาเต็ม น้องๆ ทีมฟุตบอลท่าทางจะเคยได้ยินข่าวลือพวกนี้มาบ้างอยู่แล้ว ส่งไอเจ้าฟีฟ่าไปชงไม่กี่ทีคนในทีมก็ก่อหวอดประท้วงกัปตันตัวเองให้เอาชมรมฟุตบอลเข้าสังกัดผมบ้างจนสุดท้ายกัปตันต้องจำยอมเพราะกลัวทีมแตก

หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 30] ไล่ล่าปีศาจ 14/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 14-02-2016 11:25:41

ในที่สุดผมก็กุมอำนาจของชมรมกีฬามหาลัยไว้ได้ทั้งหมด ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่จริงๆ เหมาะผมเป็นผู้สนับสนุนพวกมันมากกว่า ทั้งต้องคอยไปเชียร์ ตั้งรางวัลเป็นกำลังใจ หาสปอนเซอร์ให้อีก เหนื่อยเหมือนกันนะ แต่ก็โอเค ได้เป็นที่รักของหนุ่มๆ นักกีฬาหลายร้อยคน ผมยอม ตอนนี้ถึงคงเวลาที่ผมจะได้ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายใหม่ที่ผมสร้างขึ้นเพื่อสืบเรื่องราวที่ยังคั่งค้างต่อ

ผมให้คนของชมรมกีฬาส่งตัวแทนชมรมละสี่ห้าคนมาคุยพร้อมกันเพื่อมอบหมายงานให้ไปทำ ช่วงที่ผ่านมาผมสืบเรื่องคนที่ทำโปรแกรมจิตแทกซี่ไปได้บ้างแต่ยังไม่ได้เบาะแสที่เป็นชิ้นเป็นอันนัก ที่แน่ใจก็มีอยู่สองสามข้อ ข้อแรกคนที่ทำเรื่องนี้จะชอบโปรแกรมบังคับจิตผู้ชายให้โชว์เรื่องทางเพศหรือโป๊ๆ เปลือยแบบน่าอาย ข้อสองเขามารถดักข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้จากทางอินเตอร์เน็ต ถ้าเอาขึ้นเน็ตเมื่อไหร่ข้อมูลจะถูกทำลายหมด ข้อเขาใช้รูปกราฟฟิคคล้ายๆ กับดวงตาสองดวงเป็นสัญญลักษ์ และเหมือนจะใช้เป็นตัวบ่งชี้ข้อมูลที่จะทำลายหากมีการเอาขึ้นเน็ตด้วย ผมจะใช้เบาะแสพวกนี้สืบต่อโดยเริ่มจากที่มหาลัยนี่แหล่ะ ผมขอเรียกในใจว่าภารกิจจับปีศาจบังคับจิตตามที่ผมแอบตั้งฉายาไว้แล้วกัน

“มากันครบทุกชมรมแล้วใช่ไหม วันนี้พี่มีเรื่องจะขอความช่วยเหลือพวกเราหน่อย คงไม่รบกวนเกินไปนะ”

ผมกวาดตามองบรรดาตัวแทนที่มา รู้สึกว่าจะไม่มีพวกปีสี่อยู่เลย รุ่นผมส่วนใหญ่น่าจะวางมือจากชมรมเพื่อเร่งโปรเจ็คหรือทีสิสจบกันหมดแล้ว ผมเลยถือโอกาสแทนตัวเองว่าพี่ซะเลย

“ได้เลยพี่เม มีอะไรจะให้ช่วยก็บอกพวกผมได้เลย ยิ่งกว่ารบกวนก็ไม่มีปัญหา หรือพี่เมอยากอัดคลิปพวกผมอีก”

เสียงตอบจากไอเด็กคิ้วเข้มหน้าทะเล้นชมรมฟันดาบพร้อมกับเสียงสนับสนุนจากชมรมอื่นๆ ผมไม่น่าไปขอถ่ายคลิปสยิวของมันเลย นี่ก็คงไปลือกันใหญ่ว่าผมถ่ายคลิปหนุ่มๆ ซึ่งก็จริง เอ๊ย มันใช่ไหมเนี่ย

“อย่าเพิ่งคิดไปไกล พี่แค่อยากจะถามอะไรบางอย่าง แล้วก็ให้พวกเราช่วยรวบรวมข้อมูลให้หน่อย เริ่มจากอันแรกนะ ใครเคยเห็นคนในมหาลัยเรา ผู้ชายนะ ที่มาโชว์ของดีให้คนอื่นดูในสถานการณ์แปลกๆ บ้าง เหมือนจะถูกบังคับแต่ก็ไม่เชิง เอาเป็นว่าแบบที่คนทั่วไปคงไม่ทำ”

คนเกือบทั้งห้องยกมือกันพรึบ ผมตกใจ มันมีกรณีที่ว่าในมหาลัยผมเยอะอย่างนี้เชียวเหรอ แล้วผมไปอยู่ที่ไหนมาถึงไม่รู้เรื่อง ผมระงับความประหลาดใจแล้วซักต่อ

“เห็นที่ไหนแล้วใครเป็นคนโชว์ครับ เอ้า น้องชมรมแบดพูดก่อนแล้วกัน”

“ก็พี่เมไงครับ โชว์มันทุกชมรมแล้ว แต่ต่างคนก็เก็บเป็นความลับของชมรม ผมเลยไม่รู้ว่าที่ชมรมอื่นพี่เมโชว์เด็ดแค่ไหน อยากเห็นจัง”

ผมแทบหงายหลังด้วยความผิดคาด แต่จะว่าไปผมก็เคยเป็นเหยื่อของปีศาจบังคับจิตนี่เหมือนกันนะ

“เฮ้ยไม่ใช่ ไม่รวมพี่สิ เอาใหม่ ขอยกมืออีกครั้งนึง ไม่รวมพี่นะ”

จำนวนมือที่ยกเหลือแค่หรอมแหรม ผมไล่ถามก็เป็นเรื่องที่เคยได้ยินมาแล้วซึ่งก็ก้ำกึ่งว่าเป็นการบังคับจิตหรือสมัครใจทำจริงๆ มีเรื่องเด็กปีหนึ่งที่คณะศิลปกรรมชอบใช้เป็นแบบนู๊ดอยู่บ่อยๆ กับคณะแพทย์ที่มีการใช้ตัวอย่างเป็นคนจริงๆ มาเปลือยกายสาธิตเรื่องสรีระและเรื่องระบบสืบพันธ์เพศชาย ผมเลยขอให้ไปหาคนในชมรมที่พอจะเข้าถึงตัวสองคนนี้ช่วยไปสืบดูว่ามีที่มาที่ไปยังไงแล้วทำไมถึงยอมทำ นอกจากนั้นผมก็ให้น้องที่มาฟังไปกระจายข่าวในชมรมตัวเองเพื่อช่วยสืบเรื่องแทกซี่ โดยผมบอกรายละเอียดเกี่ยวกับสัญลักษณ์รูปดวงตาสองข้างไป ถ้าน้องเจอให้ช่วยสัมภาษณ์เรื่องบริการพิเศษมาให้ละเอียดมากที่สุด

หลังจากกระจายข่าวไป ก็มีน้องไปเจอแทกซี่แบบที่ว่าหลายคันแต่ก็ไม่ได้ข้อมูลมากไปกว่าเดิม หลังจากนั้นไม่นานก็โชคดีครับ คันล่าสุดที่เจอนี่พิเศษตรงที่พอเด็กผมสอบถามไป พี่แทกซี่ก็บอกมาว่าเกิดอาการอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว จากข้อมูลของผม นับว่าเป็นคันที่โดนมานานที่สุด แล้วก็ไม่ได้เกิดขึ้นหลังจากไปสอบต่อใบขับขี่เหมือนคนอื่น แต่เกิดหลังจากมีคนจ้างให้ไปทำแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการขับแทกซี่ซึ่งต้องมีดูวิดีโอด้วย ที่สำคัญเบอร์โทรที่ให้ส่งเอสเอ็มเอสไปรายงานยอดในตอนแรกๆ ไม่ได้เป็นเบอร์เดียวกับที่คนอื่นใช้อยู่ เพิ่งมาเปลี่ยนเป็นเบอร์เดียวกับคนอื่นหลังจากคนขับแทกซี่ได้ไปต่อสอบต่อใบขับขี่มา คนขับแทกซี่เล่าว่า พอเปลี่ยนเบอร์แล้วเขาก็ลืมเบอร์เก่าไปสนิท แต่ที่ยังเอาเบอร์มาได้ก็เพราะดูจากประวัติในโทรศัพท์ตัวเอง

ผมเอาเบอร์ที่ได้มาไปตรวจสอบชื่อเจ้าของเผื่อว่าจะมีเบาะแสเพิ่มเติม ปรากฎเป็นเบอร์ที่จดทะเบียนโดยบริษัททำระบบคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่ง เหมือนจะเป็นการเปิดใช้บริการทีเดียวหลายๆ เบอร์สำหรับไปใช้ในธุรกิจ เส้นสายของสมาพันธ์ช่วยสืบให้ว่า เจ้าของเป็นคนหนุ่มไฟแรง บริษัทเพิ่งเปิดมาได้ไม่กี่ปีแต่เริ่มมีชื่อเสียงว่าสามารถพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ได้อย่างยอดเยี่ยมและคุ้มค่า ผมนึกไปถึงระบบดักจับภาพที่มีลัญลักษณ์แปลกๆ พวกนั้นติดไปแล้วค่อนข้างมั่นใจว่าเรื่องทั้งหมดอาจเป็นฝีมือของบริษัทนี้

แต่พอให้เส้นสายเข้าไปสืบจากคนข้างใน เขาก็บอกว่าบริษัทนี้รับงานของลูกค้าทางธุรกิจหรือองค์กรทั่วไปตามปกติ ไม่ได้ทำอะไรพิศดารแต่อย่างใด จะมีแต่เจ้าของบริษัทที่ชอบมีโปรเจคส่วนตัวแปลกๆ มาให้ลูกน้องช่วยเขียนโปรแกรม แต่ได้กันคนละส่วนสองส่วนไม่ปะติดปะต่อกัน แล้วเจ้าของเป็นคนเอาไปเขียนต่อแล้วรวมเอง เลยไม่มีใครรู้ว่าเป็นโปรเจคอะไร ผมเลยกะจะมุ่งเป้าไปที่เจ้าของบริษัทนี้ จริงๆ เห็นว่ามีหุ้นส่วนด้วยอีกคน แต่คนในบริษัทที่เป็นคนให้ข้อมูลดูจะงงๆ พูดเหมือนจะรู้จักคุ้นเคยดี แต่พอถามชื่อถามหน้าตาก็ตอบไม่ถูก ถ้าสมมุติฐานของผมเป็นจริง เป็นไปได้ว่าจะโดนการโปรแกรมจิตดักป้องกันไว้ เพราะฉะนั้นนี่อาจเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุดก็ได้

ผมก็เลยให้นักสืบฝีมือดีที่สมาพันธ์ใช้งานอยู่บ่อยๆ ไปสะกดรอยตามเจ้าของบริษัทว่ามีการติดต่อกับใครหรือมีอะไรแปลกๆ หรือไม่ เจ้าของบริษัทไม่ค่อยมีรูปหรือข้อมูลส่วนตัวเผยออกมามากนักผิดวิสัยของคนทำธุรกิจ ขนาดเสิร์ชหาในเน็ตยังแทบจะไม่เจออะไรเลย แต่พอผมเห็นรูปที่นักสืบหามาให้ก็อึ้งไป คือเป็นคนที่ดูดีมาก นึกว่าพวกทำงานไอทีจะโทรมๆ ตาคล้ำๆ ซะอีก แต่นี่หล่อ หุ่นดี แล้วก็คงเก่งและฉลาดมากแน่ๆ ถึงได้สร้างธุรกิจของตัวเองขึ้นมาได้ขนาดนี้ ผมอยากได้มาเป็นพวกจัง ถ้าเป็นคนนี้ผมอาจจะยกตำแหน่งนิ้วใดนิ้วให้ก็ได้ ที่แน่ๆ ผมว่าผมเคยเจอเขามาก่อน น่าจะเป็นงานกาล่าดินเนอร์เมื่อปลายปี ต้องขอบคุณความจำอันยอดเยี่ยมของตัวเอง

หลังจากนั้นอีกเกือบอาทิตย์ นักสืบก็โทรมารายงานที่เบอร์มือถือที่ผมเปิดขึ้นใหม่โดยเฉพาะเพื่อปกปิดตัวตน ผมรู้ว่ากำลังเล่นกับอะไรที่ไม่ธรรมดา ใช่ว่าผมจะใช้อิทธิพลหรือเส้นสายของสมาพันธ์มาจัดการได้ง่ายๆ เหมือนในงานของตระกูล เลยต้องป้องกันไว้ก่อน ตัวนักสืบเองก็ไม่รู้ว่าผมเป็นใคร

“คุณผู้ว่าจ้างครับ ผมกำลังจะได้ข้อมูลที่ต้องการมาแล้ว จริงๆ ก็ไม่ยากครับ ผมตามมาหลายวันแล้ว เขามาเจอกับคนๆ นี้ทุกวัน ผมคิดว่าน่าจะพักอยู่ด้วยกันด้วย ดูสนิทกันมากครับ”

“แล้วคนๆ นั้นรูปร่างหน้าตาเป็นยังไงครับ”

“ผมก็ยังไม่เห็นหน้าชัดๆ ครับ น่าจะรุ่นๆ เดียวกัน ผิวขาว รูปร่างสมส่วน ส่วนใหญ่จะใส่แว่นดำหรือไม่ก็ปัดผมมาปิดหน้าเวลาออกมาข้างนอก ผมเห็นแค่จากระยะไกลแต่คิดว่าหน้าตาดีมากเหมือนกันครับ ตอนนี้ทั้งคู่เข้าไปซื้อของในซุปเปอร์ครับ ผมตั้งกล้องซูมรอไว้แล้ว ยังไงก็ต้องผ่านมาขึ้นรถทางนี้ เดี๋ยวผมส่งภาพไปให้ทางไลน์นะครับคุณผู้ว่าจ้าง อ้อ แล้วไม่ต้องห่วงนะครับ ผมปกปิดตัวเองอย่างดี เป้าหมายไม่รู้ตัวแน่นอน”

“ขอบคุณคุณนักสืบมากเลยครับ ทำงานดีสมกับที่ผู้ใหญ่แนะนำมาเลยครับ”

ผมแกล้งพูดประหนึ่งว่าตัวเองไม่ใช่คนของสมาพันธ์ หลังจากนั้นผมก็นั่งทำงานรอไปเรื่อยๆ วันนี้ผมอาจจะได้รู้ซะทีว่าใครที่ควบคุมจิตผมให้ต้องถอดกางเกงเปลือยก้นฉี่อยู่ตั้งหลายเดือน ใครที่เป็นคนโปรแกรมให้แทกซี่เป็นหลายร้อยคนต้องคอยมาชักว่าวโชว์ผู้โดยสาร ใครที่เป็นคนทำให้นักศึกษาบางคนในมหาลัยผมลุกขึ้นมาทำอะไรแปลกๆ เฉียดอนาจารกันอยู่เนืองๆ เขาใช้วิธีการไหนกับเรื่องที่เหมือนจะเป็นไปไม่ได้เหล่านี้ แล้ววัตถุประสงค์ล่ะ ถ้าปล่อยทิ้งไว้จะเป็นภัยคุกคามกับประเทศหรือเปล่า คนที่เหมือนกับปีศาจคนนี้ ถ้าถึงขนาดนั้น สมาพันธ์จะยื่นมือเข้าไปจัดการอย่างเต็มกำลัง จะต้องระดมคนทั้งหมดของตระกูลพันธมิตรมาก็คงต้องทำ

เสียงสัญญาณไลน์จากโทรศัพท์ที่ผมเปิดเพื่อการนี้โดยเฉพาะดังขึ้น มาจากนักสืบอย่างที่คาด หายไปนานจนนึกว่าคลาดกับเป้าหมายซะแล้ว ผมเปิดคลิปวิดีโอที่นักสืบหนุ่มส่งมา วันนี้จะได้เห็นซักทีว่าคนที่เหมือนกับปีศาจคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง แต่พอเปิดดูผมถึงกับตะลึง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แทนที่จะเป็นภาพแอบถ่ายของเป้าหมาย คนในคลิปกลับกลายเป็นตัวนักสืบหนุ่มที่ผมจ้างเอง ผมจำหน้าได้จากแฟ้มประวัติของสมาพันธ์ นักสืบหนุ่มหน้าตาใช้ได้กำลังเหยียดแขนเพื่อส่องภาพตัวเองจากมุมสูงที่ถ่ายจากในรถเห็นชัดทั้งใบหน้าและลำตัวท่อนล่างที่ล่อนจ้อนหมด อาวุธประจำกายนักสืบลำยาวชูชันขึ้นมาท่ามกลางพงขนหยิกหยอยรกๆ สีดำ

“นี่ครับที่ผมสืบได้ ความลับ เอ๊ย ของลับของผมเอง วันๆ วุ่นวายกับเรื่องคนอื่นจนไม่ได้สนใจของตัวเอง คุณผู้ว่าจ้างว่ามันโอเคไหม สั้นไปยาวไปบอกได้นะ แต่ผมว่ามันใช้งานดีมาก ถึงผมไม่ค่อยจะได้ใช้ก็เถอะ ถ้าสนใจผมให้ยืมไปใช้ได้”

นักสืบหนุ่มเปิดประตูรถออก แล้วหันมาพูดกับกล้องต่อ

“เดี๋ยวผมขอลงจากรถแป๊บนะครับ จะไปรับคำสั่งจากสองคนนั้นต่อ อ้อ เขาฝากบอกมาว่า คุณผู้ว่าจ้าง คุณเป็นรายต่อไปครับ”

ผมหวาดเสียวแทนเลย จะเดินโทงเทงในลานจอดรถบิ๊กซีนี่นะ นักสืบผมโดนเข้าแล้วใช่ไหม คลิปวิดีโอหยุดลงแค่ตรงนี้ ผมเริ่มร้อนใจ รู้สึกผิดนิดๆ ที่ทำให้นักสืบต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ แต่คงต้องโทษฝ่ายตรงข้ามด้วยที่สามารถทำอะไรเหนือมนุษย์ได้ขนาดนี้ ผมพยายามติดต่อกลับนักสืบ ทั้งไลน์ ทั้งโทร แต่ไม่สำเร็จ จนมีเสียงเตือนว่ามีไลน์เข้า ปรากฎว่าไม่ใช่จากไลน์ของนักสืบหนุ่มซึ่งเป็นคอนแทคเพียงคนเดียวของเครื่องนี้ ไลน์แปลกปลอมที่ว่าส่งรูปมาสองรูป รูปแรกเป็นรูปนักสืบหนุ่มกำลังเดินโทงเทงกลางลานจอดเห็นหน้าเห็นตาและเครื่องเคราต่างๆ อย่างชัดเจน แต่รูปที่สองกลับทำให้ผมต้องขนลุกอย่างเสียวสันหลังเมื่อเห็นภาพกูเกิ้ลแมพที่ปักหมุดไว้ตรงตำแหน่งคอนโดที่ผมนั่งอยู่ ณ ตอนนี้

ผมกำลังถูกขู่

ผมรีบปิดโทรศัพท์แล้วแกะซิมไปทิ้งในชักโครกอย่างลนลาน ใจเย็น ผมบอกตัวเอง แค่ตามรอยสัญญานมือถือได้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรู้ตัวผม อย่างน้อยในคอนโดนี้ก็มีคนอยู่หลายร้อยคน คงไม่ได้ตามกันได้ง่ายๆ มั๊ง ซิมนี้ผมก็ได้มาหลายทอดรับรองสาวมาถึงตัวโดยการตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนไม่ถูกแน่ แต่ผมคงต้องระวังเรื่องการรับส่งข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ตให้มากๆ เคราะห์ดีที่การติดต่อประสานงานของสมาพันธ์จะใช้การสื่อสารแบบเก่าที่เข้ารหัสด้วยกาพย์กลอนต่างๆ ที่คนนอกไม่มีทางเข้าใจ

ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่าอำนาจบังคับจิตเป็นของจริง รับมือยากแน่ๆ แถมฝ่ายนั้นยังได้เปรียบเรื่องการแกะข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็วอีกอีก แต่ที่เขาทำอย่างนี้ก็ถือว่าพลาดเหมือนกัน มันทำให้รู้ว่าคนๆ นั้นกับเจ้าของบริษัทคอมพิวเตอร์รูปหล่อเป็นพวกเดียวกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น ผมคนนี้จะล่าปีศาจให้ดู
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 30] ไล่ล่าปีศาจ 14/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 14-02-2016 11:27:22

หลังจากนั้นผมก็สืบเรื่องนี้อย่างระวังมากขึ้น ใจจริงผมอยากจะใช้ฟีฟ่าหรือน้องแดนไปสืบต่อแต่มันอันตรายเกินไป ฟีฟ่าถึงส่วนตัวมันจะไม่อายกับเรื่องกามๆ แบบนี้ แต่พ่อแม่มันก็เป็นนักธุรกิจที่มีหน้ามีตาในสังคม ถ้าพลาดขึ้นมามีภาพอนาจารของลูกตัวเองออกมาคงไม่ดีแน่ ส่วนแดนถึงจะเป็นเด็กโนเนม แต่ก็ซื่อเกินแถม ยังเป็นว่าที่นิ้วก้อยของผม ผมจะใช้ให้ไปทำอะไรเสี่ยงๆ ได้ยังไง ผมเลยจ้างนักสืบคนใหม่ แต่คราวนี้ไม่ส่งไปประกบตัวใครเพื่อติดตามสะกดรอยแล้ว ไม่มีประโยชน์ ถูกจับได้เปล่าๆ ผมแค่ให้เขารวบรวมข้อมูลในอดีตของเจ้าของบริษัทหนุ่มหล่อมาให้ได้มากที่สุด และทำทุกอย่างโดยไม่ผ่านอินเตอร์เน็ต อีกทางหนึ่งผมก็ให้น้องๆ ในชมรมกีฬาผลัดเปลี่ยนกันไปหาเรื่องคุยกับพนักงานในบริษัทโดยไม่ให้ผิดสังเกต เป้าหมายคือข้อมูลของหุ้นส่วนลึกลับคนที่นักสืบคนที่แล้วทิ้งเบาะแสไว้ให้นั่นเอง

แผนการสืบโดยไม่เข้าถึงตัวและพยายามหลีกเลี่ยงอินเตอร์เน็ตเป็นไปได้ด้วยดี ถึงจะจำหน้าหรือชื่อของหุ้นส่วนบริษัทคอมพิวเตอร์ที่ตัวเองทำงานอยู่ไม่ได้ แต่ก็มีพนักงานคนหนึ่งคลับคล้ายคลับคลาว่าหุ้นส่วนคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าของบริษัท น่าจะสนิทกันมาตั้งแต่เด็กด้วยซ้ำ คนให้ข้อมูลก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่จำอะไรเกี่ยวกับคนๆ นี้มากกว่านั้นไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่รู้สึกว่ามาหาเจ้านายที่บริษัทเป็นประจำ แถมมาทักทายคุยเล่นกับตัวเองก็บ่อย

พอได้เบาะแสอย่างนี้การสืบสวนก็พุ่งเป้าไปที่เรื่องราวสมัยเด็กของหนุ่มหล่อเจ้าของบริษัท พอผมได้อ่านข้อมูลต่างๆ จำนวนมหาศาลที่นักสืบและน้องๆ ชมรมกีฬาได้ไปรวบรวมมา ชื่อของคนๆ หนึ่งที่เป็นเพื่อนห้องเดียวกันสมัยมอต้นก็เด่นขึ้นมาในความทรงจำอันแม่นยำของผม แปลกที่คนๆ นี้เหมือนมีชื่อปรากฏแค่ช่วงเวลานั้น หลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏที่ไหนอีกเลย ต่อให้คนๆ นี้เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ช่วงนั้น ก็คงต้องมีร่องรอยมากว่านี้

แค่การขยายผลจากชื่อๆ เดียวที่น่าสงสัย ผมก็พบงานวิจัยหลายชิ้นจากศาสตราจารย์แพทย์ที่ใช้นามสกุลเดียวกัน งานวิจัยทั้งหมดเกี่ยวกับการนำเอาการสะกดจิตมาใช้ในทางการแพทย์ บิงโก ผมว่าผมเจอตัวปีศาจที่ว่าแล้ว แต่ผมก็ดีใจได้อยู่ไม่นาน เพราะการสืบข้อมูลต่อจากนั้นไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์มากนัก ผมรู้เพิ่มเติมแค่ว่า คนๆ นั้นเป็นลูกชายของนายแพทย์เจ้าของงานวิจัย เคยอยู่ห้องเดียวกับเจ้าของบริษัทคอมพิวเตอร์ตอนมอต้น แต่ไม่มีข้อมูลอะไรเลยทั้งก่อนและหลังจากนั้น รูปถ่าย การศึกษาหลังจากนั้น ที่อยู่ ที่ทำงาน เป็นไปได้อย่างไรที่ข้อมูลของคนๆ หนึ่งจะหายไปเฉยๆ อย่างนี้ การสัมภาษณ์คนที่น่าจะเคยเป็นเพื่อนก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ไม่มีใครจำอะไรเกี่ยวกับเพื่อนคนนี้ได้ บางคนเหมือนจะนึกออกลางๆ แค่เรื่องบางเรื่อง ไม่ต่างอะไรกับพนักงานบริษัท แต่นี่ก็ยืนยันให้เห็นว่าปิศาจสามารถแม้กระทั่งลบความทรงจำของคนได้ ผมไม่กล้ารุกคืบมากกว่านี้เพราะกลัวเป้าหมายจะรู้ตัวอีก ปล่อยให้เขาเข้าใจว่าผมกลัวคำขู่จนถอดใจไปแล้ว

ถ้าปีศาจไล่ลบความทรงจำของคนที่เกี่ยวข้องในอดีตทั้งหมด มันจะมีใครเหลือรอดบ้างไหมนะ ผมเริ่มการวิเคราะห์ ถ้าเราลองหาจากคนที่ไกลตัวออกไปอีกอาจจะมีใครที่ยังไม่ถูกลบความทรงจำไปก็เป็นได้ ผมกลับไปดูข้อมูลของเจ้าของบริษัทคอมพิวเตอร์ที่ได้มาช่วงแรกๆ แล้วตัดสินใจลองสืบจากพวกโรงเรียนสอนพิเศษหรือพวกกิจกรรมต่างๆ หนุ่มหล่อเจ้าของบริษัทเคยเรียนตอนมอต้น เคราะห์ดีที่มีเด็กชมรมเทควนโด้มหาลัยผมเป็นลูกศิษย์ที่เดียวกับโรงเรียนสอนเทควนโด้ที่เพื่อนของปีศาจเคยเรียนเลยได้ข้อมูลมาค่อนข้างง่าย และที่โชคดีไปกว่านั้นเมื่อผมพบว่ามีรุ่นพี่โรงเรียนเทควนโด้คนหนึ่งที่น่าจะเรียนอยู่พร้อมๆ กับเจ้าของบริษัทคอมพิวเตอร์ ตอนนี้ทำงานอยู่ที่บริษัทลูกของตระกูลในเครือข่ายของสมาพันธ์เอง ผมไม่รอช้าที่จะใช้เส้นสายของสมาพันธ์ในการนัดเข้าไปพบรุ่นพี่คนนี้ถึงบ้าน

ผมมากดกริ่งที่หน้าบ้านขนาดกลางในหมู่บ้านจัดสรรที่ดูน่าอยู่ไม่น้อย เงินเดือนระดับผู้จัดการของบริษัทหนึ่งในเครือข่ายของสมาพันธ์ก็น่าจะมากอยู่พอสมควร ชายหนุ่มผิวขาวร่างสูงล่ำสันในวัยใกล้สามสิบเดินออกมารับที่หน้าประตู เขาทำหน้าประหลาดใจที่เห็นผมยืนรออยู่ คงไม่คิดว่าคนที่บริษัทแม่แจ้งให้มาพบจะเป็นเด็กมหาลัยอย่างผม ผมยกมือไหว้ในฐานะที่อายุน้อยกว่าแม้ว่าบทบาทอื่นผมจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าเขาอย่างเทียบไม่ได้

“สวัสดีครับ ผมมาจากที่บริษัทแม่ประสานงานไว้”

ผู้จัดการหนุ่มยังทำหน้าแปลกใจอยู่ แต่ก็เชิญผมให้เข้าไปในบ้านซึ่งตกแต่งไว้อย่างสวยงามถึงจะเห็นว่ามีข้าวของเด็กเล็กวางเกลื่อนกลาดอยู่

“รกหน่อยนะครับ พอดีภรรยาผมพาลูกไปเยี่ยมที่บ้านแม่เขา เดี๋ยวผมจะตามไปตอนบ่ายเพราะต้องอยู่รอพบคุณก่อน ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรเหรอครับ เห็นเจ้านายผมบอกว่ามีคนขอมาพบเพื่อสอบถามข้อมูลบางอย่าง”

“ขอบคุณที่อยู่รอครับ ผมคงใช้เวลาไม่นาน ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานเลยครับ ผมแค่อยากจะถามว่า พี่รู้จักคนๆ นี้หรือเปล่า”

ผมส่งรูปเจ้าของบริษัทคอมพิวเตอร์ส่งให้ คนตรงหน้ารับไปดูแล้วขมวดคิ้ว

“คลับคล้ายคลับคลาอยู่นะครับ แต่นึกไม่ออกจริงๆ”

“แล้วถ้ารูปนี้ล่ะครับ” ผมส่งรูปในวัยมอต้นของคนคนเดิมให้

ผู้จัดการหนุ่มสีหน้าแววตาเปลี่ยนไปแว้บนึง แต่ก็ไม่เร็วเกินกว่าที่ผมจะสังเกตเห็น เขาผลักรูปทั้งสองใบกลับ

“ไม่รู้จักครับ ถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องงานผมคงช่วยอะไรน้องไม่ได้”

“ไม่รู้จักจริงๆ หรือครับ ลองนึกทบทวนอีกทีว่าใช่คนที่เคยฝึกเทควนโด้ร่วมกับพี่หรือเปล่า”

“ไม่รู้จักครับ ไม่ทราบว่ามีอะไรอีกไหมครับ ผมจะรีบไปหาภรรยากับลูกแล้ว” พี่เขาตัดบทหน้าตึง คงเห็นว่าผมเป็นเด็กเลยไม่ค่อยเกรงใจเท่าไหร่

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายอย่างใจเย็น หลังจากคุยกับปลายสายสั้นๆ ไม่กี่ประโยค ผมก็ส่งโทรศัพท์ให้กับคนที่มองมาอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

“พี่ลองคุยกับสายนี้ดูก่อนครับ แล้วค่อยว่ากัน”

“ครับ .... ใช่ครับผมธนชัยแผนกการตลาดต่างประเทศครับ .... หา ท่านประธานเหรอครับ ...... ครับ ท่านรองแจ้งมาก่อนแล้ว แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะถามถึงเรื่องส่วนตัว ........ ให้บอกทุกอย่างเลยเหรอครับ แต่ ..... แต่ ....... ครับ ผมทำงานก็หวังความก้าวหน้า เรื่องงานผมทำเต็มที่อยู่แล้ว ........ ให้ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องงานด้วยเหรอครับ .......... ครับผม ผมจะไม่ทำให้เขาไม่พอใจเด็ดขาด ...... ไม่ทำให้ท่านผิดหวังอยู่แล้ว ...... สวัสดีครับ”

พี่ธนชัยปาดเหงื่อหลังจากส่งโทรศัพท์คืนให้ผมด้วยสีหน้าเจี๋ยมเจี้ยม

“เดี๋ยวผมจะเล่าให้ท่านฟังหมดเลยครับ จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังหรอก มันเป็นเรื่องน่าอายในอดีตของผมกับเพื่อน”

ผมหัวเราะ

“โอ๊ย พี่ไม่ต้องเรียกผมว่าท่านหรอกครับ ผมก็คนธรรมดานี่แหละ เรียกผมว่าน้องเหมือนเดิมดีแล้ว แล้วก็การพบกันครั้งนี้เป็นความลับนะครับ ผมไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน”

“แต่คนที่น้องถามถึงนี่แหละตัวเดือดร้อนเลย แต่ถ้าน้องบอกว่าทั้งหมดเป็นความลับพี่ก็สบายใจขึ้น คนในรูปที่น้องเอามาให้ดูมันชื่อไอโป๊ป เป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนเทควนโด้พี่เอง แต่ไม่ได้เรียนมัธยมที่เดียวกันนะ”

ถึงตอนนี้ก็ยังเป็นข้อมูลที่ผมรู้มาก่อนหน้านั้น พี่เค้าเล่าต่อ

“สมัยเด็กพี่ก็เกเรนิดหน่อย ไอนี่มันเข้ามาเรียนทีหลัง แถมเด็กกว่าอีก แต่ฝีมือมันก้าวหน้าเอาก้าวหน้าเอาจนพวกพี่หมั่นไส้ พี่กับเพื่อนๆ อีกหลายคนเลยชอบหาเรื่องแกล้งมัน ก็ตามประสาเด็กวัยรุ่นแหละ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรรุนแรงมากนะ”

“แล้วพี่โป๊ปอะไรนี่เขามีเพื่อนสนิทไหมครับ”

“พี่กำลังจะเล่าต่อพอดี รู้สึกว่ามันมีเพื่อนซี้ที่โรงเรียนอยู่คนนึง ชื่อโบ๊ทหรือบอสอะไรนี่แหละ แต่น้องคนนั้นไม่ได้เรียนเทควนโด้ด้วย พี่ได้เจอแค่ครั้งเดียว ตอนนั้น พอพี่แกล้งไอโป๊ปมากๆ เข้า มันเลยนัดพวกพี่ไปเคลียร์ที่บ้านมันหรือบ้านเพื่อนมันก็ไม่รู้ พี่ไปกันห้าคนกะว่ายังไงมันก็สู้ไม่ได้ ตอนนั้นพี่มอหกกันแล้ว พวกมันเพิ่งมอสาม แต่ไปถึงบ้านมันแล้วพวกพี่จำได้คร่าวๆ ว่ามันมาอธิบายว่ามันไม่ได้ตั้งใจปีนเกลียวอะไรเลย แต่เรื่องอื่นจำแทบไม่ได้ว่าทำอะไรไปบ้าง หลังจากนั้นพวกพี่ก็ซาๆ เรื่องแกล้งมันไปบ้าง จนไม่กี่เดือนหลังจากนั้นที่อาจารย์ของพวกพี่ดันเลือกมันเป็นตัวแทนไปแข่งระดับจังหวัด ทั้งๆ ที่มันอาวุโสน้อยกว่า พวกพี่หมั่นไส้มันมากเลยหาเรื่องแกล้งมันหนักกว่าเก่าอีก”

“แล้วเกิดอะไรขึ้นครับ”

ที่เล่ามายังไม่เห็นมีอะไรน่าอาย แต่ผมเดาว่าจุดไคล์แมกซ์มันน่าจะหลังจากนี้

“อยู่ก็มีรูปส่งมาที่พวกพี่ทั้งห้าคน อัดมาใบใหญ่เชียว ที่น่าตกใจมันคือใบหนึ่งเป็นรูปพวกพี่ห้าคนเปลือยกายหมดถ่ายกับไอโป๊ปที่ใส่เสื้อผ้าปกติ อีกรูปหนึ่งก็เหมือนเหมือนกันแต่ถ่ายกับเพื่อนมันที่ชื่อโบ๊ทมั๊ง แถมรูปนี้น่าเกลียดกว่าเก่าเพราะพวกพี่ไอนั่นแข็งกันทุกคน มีข้อความติดมาด้วยว่าถ้ายังไม่หยุด รูปพวกนี้จะเผยแพร่ออกไป พวกพี่เลยยอม ไม่งั้นคนคงคิดว่าพี่โรคจิตแน่ๆ ไปแก้ผ้าถ่ายรูปกันเองกับเด็กผู้ชาย แต่ที่น่าแปลกคือไม่มีใครจำได้เลยว่าไปถ่ายกันตอนไหน ทำไมถึงยอมทำอย่างนี้”

“แล้วรูปพวกนั้นยังอยู่ไหมครับ”

พี่เข้าหน้าขึ้นสีเลยครับ ทั้งๆ ที่เป็นผู้ชายแต่งงานมีครอบครัวแล้วไม่น่าจะอายกับเรื่องแบบนี้

“ของคนอื่นพี่ไม่รู้เหมือนกัน เห็นบางคนมันก็ฉีกหรือเผาไปตั้งแต่ตอนที่ได้มา ของพี่ยังเก็บไว้ ไม่รู้สิ พี่ว่ามันอาจมีประโยชน์ในอนาคต แต่พี่ขอไม่ให้ดูได้ไหม”

“สิ้นปีนี้โบนัสสิบสองเดือนพร้อมขึ้นเงินเดือนพิเศษพอจะช่วยได้ไหมครับ ผมพูดจริงๆ นะ”

พี่เขาสบตาผมอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ถอนใจ

“พี่เชื่อว่าเราทำได้ โอเค พี่ก็อยากได้เงินอยู่เหมือนกัน แฟนพี่เขาอยากมีลูกอีกคนเร็วๆ ถึงพี่ไม่ยอมเราก็คงบังคับเอาจนได้ งั้นรอเดี๋ยว พี่ไปเอารูปจากที่ซ่อนไว้ก่อน”

ผมรอด้วยความครึ้มใจที่มาเจอข้อมูลชั้นเยี่ยมอย่างไม่คาดฝันหลังจากคว้าน้ำเหลวมาหลายรอบแล้ว เงินโบนัสหรืออะไรที่ต้องให้ก็ไม่ได้มากเทียบกับการได้ครอบครองรูปถ่ายปีศาจ แถมผมไม่ต้องเสียเงินเองด้วยเพราะผมแค่ไปขอกับตระกูลที่เป็นเจ้าของบริษัทที่พี่เขาทำอยู่ ผมตรวจสอบมาพี่เขาก็ทำงานงานดีอยู่แล้วถือเป็นกำลังใจให้พนักงานให้พนักงานไปก็แล้วกัน ระบบเส้นสายในสังคมไทยนี่มันเวิร์คจริงๆ

“เอานี่รูปทั้งสองใบที่พี่เก็บไว้”

แค่รูปใบแรกผมก็เลือดกำเดาแทบกระฉูด พี่โป๊ปในวัยมอต้นหน้าตาฉายแววหล่อแมนแต่เด็กสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยยืนกอดคอกับรุ่นพี่มอหกหน้าตาดีตัวใหญ่ๆ เปลือยๆ ห้าคนซึ่งยิ้มร่าเหมือนไม่ใส่ใจกับความโป๊ของตัวเองเลย เด็กมัธยมหุ่นดีมีกล้ามไม่หนาเกินตามแบบนักกีฬาเทควนโด้ยืนโชว์ท่อนลำอวบๆ ที่สงบนิ่งในพงหญ้าดกดำ ถึงเป็นเด็กมัธยมแต่ก็อยู่ในวัยที่เกือบจะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว รูปใบที่สองนี่ยิ่งกว่ารูปแรก นอกจากแท่งทวนทั้งห้าแท่งที่สงบนิ่งในรูปแรกจะมาโชว์ความแข็งขันใหญ่ยาวอย่างเต็มที่ในรูปนี้แล้ว เด็กมอสามตรงกลางที่ควรจะเป็นปีศาจที่ผมตามหา กลับมาในคราบของเทพบุตรน้อย ความหล่อสูสีกับพี่โป๊ปในวัยเด็กแต่เสริมด้วยความน่ารักชวนหลงใหล

“น่ารักมากใช่ไหมล่ะ น้องอีกคนตรงกลาง นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่ตัดใจทิ้งภาพนี้ไม่ลงก็ได้ แต่ตอนนี้พี่ก็มีครอบครัวที่ดีแล้ว น้องเอาภาพพวกนี้ไปก็ดีเหมือนกัน มันเป็นอดีตที่พี่ไม่ควรจะเก็บไว้ ถึงไงบทเรียนจากครั้งนั้นก็ทำให้พี่ทิ้งนิสัยไม่ค่อยดีไปได้เยอะเหมือนกัน”

“ในรูปพี่ก็หล่อนะครับ ใหญ่ด้วย” ผมแซวเล่น

“ตอนนี้ใหญ่กว่านั้นอีก” พี่เขาตบมุกกลับมาขำๆ

“ไม่เชื่อครับ พิสูจน์หน่อย” ผมนึกอะไรไม่รู้ โพล่งกลับไป

“เฮ้ย จะดีเหรอ พี่มีลูกมีเมียแล้วนะครับ” พี่เขาหน้าตาตื่น

“ผมก็ขอดูเฉยๆ เอง แต่ถ้าพี่ให้ถ่ายรูปด้วย พักร้อนพิเศษยี่สิบวันครับ” ผมยื่นข้อเสนอ

พี่เขาชะงักทันที ผมรู้ว่าชีวิตมนุษย์เงินเดือนจะหาเวลาไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวแสนจะยากเย็น แล้วก็ได้ผลครับ

“เอาก็เอา อย่าให้หลุดเชียวนะน้อง ถ้าเมียพี่เห็นเข้าบ้านแตกแน่ แม่จ๋า พ่อทำเพื่อทริปญี่ปุ่นของเรานะ”

พี่เขาพึมพำขณะถอดเสื้อผ้าไปด้วย หุ่นอดีตนักกีฬาที่กลายมาเป็นคุณพ่อยังหนุ่มนี่มันก็เร้าใจไปอีกแบบ ผมคิดขณะเก็บภาพเปลือยพี่เขาไปตามมุมต่างๆ ของบ้าน ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ที่ถ่ายคลิปน้องๆ ในชมรมบ้างพวกนั้นมันก็เต็มใจเอง แต่พอมาทำแบบบังคับนิดๆ นี่มันช่างตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ผมว่าผมเข้าใจความรู้สึกของปีศาจขึ้นมาบ้างแล้วสิ

ผมเชียร์ให้พี่เขาปั่นให้แข็งเพื่อเปรียบเทียบกับในภาพสมัยมัธยม ใหญ่ขึ้นจริงๆ ด้วย สงสารแฟนพี่เขาเหมือนกัน คงรับศึกหนักตลอด ผมยอมรามือแค่นี้เพราะยังไงพี่เขาก็เป็นพ่อคนแล้ว ไม่อยากทำอะไรที่ดูจะเป็นการผิดศีลข้อสามไปมากกว่านี้ พอเก็บภาพแท่งไอติมบิ๊กเบิ้มสีชมพูคล้ำเรียบร้อยแล้ว ผมก็เตรียมตัวกลับ พี่เขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็เอารูปประวัติศาตร์มายัดใส่มือผม

“พี่ไม่ถามนะว่าเราคิดจะทำอะไร แค่อยากเตือนว่าสองคนนี้ไม่ธรรมดา ยังไงก็อย่าให้เพื่อนพี่ในภาพนี้เดือดร้อนไปด้วยแล้วกัน พูดไปก็รู้สึกผิดนะที่เอาภาพพวกมันไปให้คนอื่น สงสัยต้องนัดมาเลี้ยงข้าวเลี้ยงซะแล้ว”

“งั้นพี่ไปที่ร้านนี้ได้เลยครับ ผมให้พี่เลี้ยงเพื่อนฟรีได้เลยหนึ่งมื้อใหญ่ ไปกี่คนก็ได้แค่บอกชื่อพี่กับผู้จัดการ”

ผมส่งชื่อร้านอาหารสุดหรูในเครือข่ายไปให้

“โอ้ ขอบคุณมาก ถ้าเรียบร้อยแล้วพี่ขอปิดบ้านไปหาภรรยาที่รักเลยนะ ขอไปทำน้องให้ลูกชายพี่หน่อย เงี่ยนตั้งแต่ตอนถ่ายรูปแล้ว”

พี่เขาพูดขำๆ แต่รีบปิดบ้านแล้วบึ่งรถอย่างเร็วออกไปก่อนผมซะอีก

……………………………………………….

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 30] ไล่ล่าปีศาจ 14/02/16 P.9-P.10
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 14-02-2016 12:38:48
บอสกับโป๊ปจะเป็นไรไหมเนี่ย คนเขียนดูแลนายเอกให้ด้วย อย่าให้มีดราม่า หรือปัญหาแรงๆ ใส่นะ ยังไงน่าจะตกลงคุยกันได้ ใช่ไหม  :ling3:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 30] ไล่ล่าปีศาจ 14/02/16 P.9-P.10
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 14-02-2016 14:11:10
ไม่ใช่ว่าน้องเมจะมาติดใจบอสหรือโป๊ปนะนั่น

จริงๆ นางเก่งอะ ตามสืบจนได้ ถ้าได้มาเป็นนิ้วทั้งห้าแล้วร่วมมือกันก็น่าจะเริ่ด
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 30] ไล่ล่าปีศาจ 14/02/16 P.9-P.10
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-02-2016 14:43:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 30] ไล่ล่าปีศาจ 14/02/16 P.9-P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 14-02-2016 16:04:04
เบอร์ศูนย์กับเบอร์หนึ่งคงไม่ยอมเป็นลูกน้องใคร  เมเตรียมตัวเตรียมใจนะจ๊ะ ศึกครั้งนี้คงยืดเยื้อน่าดู ใครจะอยู่ใครจะไป  มาลุ้นกัน
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 30] ไล่ล่าปีศาจ 14/02/16 P.9-P.10
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 14-02-2016 18:21:56
 :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 30] ไล่ล่าปีศาจ 14/02/16 P.9-P.10
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 20-02-2016 05:01:53
มาต่อเร็วๆ นะครับ
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 31] ความเพลี่ยงพล้ำ 21/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 21-02-2016 08:30:52
ตอนนี้ไม่หื่น ไม่หวาน วิชาการล้วนๆ 555
................................................................

องค์กรลวงจิต Explicit Content
 
บทที่ 31 ความเพลี่ยงพล้ำ

น้องมิลค์เด็กปีหนึ่งวิศวะเป็นเบาะแสอีกคนหนึ่งของผม เขาเป็นเด็กที่อาจารย์คณะแพทย์ท่านหนึ่งชอบเอาไปใช้เป็นแบบเปลือยเพื่อการศึกษาอยู่เป็นประจำ การสืบจากคณะแพทย์โดยตรงไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวเท่าไหร่เพราะพวกรุ่นพี่นักศึกษาแพทย์เอ็นดูน้องมิลค์มาก ไม่ยอมแพร่งพรายข้อมูลอะไรที่อาจจะทำให้น้องมิลค์เสื่อมเสียออกมาเลย ปกป้องกันประหนึ่งแม่ยก ไม่รู้กลัวน้องจะเสียหายหรือกลัวน้องไม่ยอมมาเป็นแบบต่อกันแน่ นักศึกษาแพทย์ไม่ค่อยอยู่ชมรมกีฬาด้วยสิ อย่างมากก็อยู่แค่ปีหนึ่งปีสอง พอปีหลังๆ ก็ออกกันหมดเพราะเรียนหนัก

ที่ได้รู้ว่าคนในข่าวลือคือน้องมิลค์นี่ผมก็ต้องเอาฟีฟ่าไปเซ่นเพื่อนของเพื่อนที่เป็นเกย์อยู่หมอปีสี่ซะหนึ่งยก อย่าเพิ่งตกใจครับ ผมไม่ใจร้ายขนาดส่งน้องรักอันดับสองไปให้เพื่อนเกย์หน้าใสกินตับเอาหรอก ก็แค่ใช้ให้ไปเดทด้วยหนึ่งวันแค่นั้น แต่ก็ทำให้ฟีฟ่างอนผมไปหลายวันจนผมแทบจะต้องเอาตับตัวเองใส่พานให้ฟีฟ่าเป็นการแลกเปลี่ยน สุดท้ายก็เจรจาตกลงกันได้ที่กิจกรรมกรุบกริบแบบโบรมานซ์ที่แดนเป็นกรรมการให้ เปลืองตัวชะมัด

ผมมั่นใจว่าน้องเขาก็เป็นหนึ่งในเหยื่อของปิศาจเหมือนกัน ใครมันจะไปอยากแก้ผ้าแหกโน่นแหกนี่ให้คนทั้งห้องดู แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงเข้าหาน้องมิลค์โดยตรงเพราะไม่รู้ว่าปิศาจเฝ้าดูน้องเขาใกล้ชิดขนาดไหน ผมใช้วิธีที่เนียนกว่านั้นโดยการส่งน้องชมรมแบดวิศวะปีหนึ่งที่เรียนเซ็คเดียวกับน้องมิลค์เข้าไปตีสนิท ตอนแรกมันก็ไม่กล้าบอกว่าน้องมิลค์หน้าตาดีเกินไป แถมยังเก็บตัวแปลกๆ ไม่แน่ใจว่าหยิ่งหรือเก็บกด แต่เห็นตอนหลังก็มาบอกว่าตีซี้ได้แล้วเพราะน้องมิลค์แทบไม่มีเพื่อนเลย มีที่คุยกันอยู่บ้างชื่อมุก ปีหนึ่งเหมือนกันเรียนอยู่คณะมนุษยศาสตร์ภาคพิเศษ แต่เด็กชมรมแบดบอกว่าเหมือนคู่กัดกันมากกว่าไม่เชิงเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ

เรื่องมันชักเข้าเค้า เพราะน้องมุกนี้ก็เป็นอีกคนที่คาดว่าถูกปิศาจบังคับให้ทำเรื่องอับอายขายหน้าอยู่เรื่อยๆ เหมือนกัน ผมเคยเห็นน้องมุกต้องมาเป็นแบบนู๊ดกลางแจ้งให้พวกภาคโฟโต้ถ่ายรูปกับตาอยู่ทีนึง เสียดายตอนนั้นผมไม่ทันได้สังเกตว่ามีรอยสักหรือสัญลักษณ์ดวงตาสองข้างหรือเปล่า คงต้องสืบต่อไป แต่ตอนนี้เรื่องทางฝั่งมิลค์ค่อนข้างคืบหน้าไปมากกว่า

ความคืบหน้าที่ว่ามาในรูปของภาพแอบถ่ายจากสมุดไดอารี่ของมิลค์ที่น้องชมรมแบดก็อปใส่แฟลชไดรว์มาให้โดยที่ไม่ผ่านอินเตอร์เน็ตอย่างที่ผมห้ามไว้ น้องชมรมแบดมองหน้าผมอย่างชั่งใจก่อนจะส่งข้อมูลทั้งหมดให้

“ผมเอามาให้พี่ตามที่รับปากไว้แล้วนะครับ บอกตามตรงผมไม่ค่อยอยากทำอย่างนี้เลย ถึงผมจะไปตีสนิทกับมันตามที่พี่สั่ง แต่ตอนนี้ผมก็ถือว่ามันเป็นเพื่อนคนนึงของผมเหมือนกัน ชีวิตมันน่าสงสารมากนะครับ ผมไม่รู้ว่าเรื่องพิสดารที่มันเขียนไว้เป็นเรื่องจริงหรอเปล่าแต่ผมก็เชื่อมัน ในอดีตมันทำเรื่องร้ายแรงมาแต่ตอนนี้มันก็กำลังใช้กรรมของมัน คงไม่มีใครอยากเกิดมาเป็นคนโรคจิตหรอกครับ ไหนจะเรื่องพ่อของมันอีก ถ้าพี่เมช่วยมันไม่ได้ก็อย่าทำอะไรให้มันเดือดร้อนไปมากกว่านี้เลยนะครับ ถือว่าผมขอร้อง”

ไดอารี่นี้เป็นไอเดียของผมเอง ผมหาไดอารี่อย่างดีที่มีกุญแจล็อคได้มาให้น้องชมรมแบดเอาไปให้น้องมิลค์ โดยให้บอกว่า ถ้ามีเรื่องอะไรเก็บกดที่บอกใครไม่ได้ก็ให้เขียนระบายใส่ไดอารี่เล่มนี้แทน น้องมิลค์รับไปโดยไม่รู้ว่ายังมีกุญแจอีกชุดเก็บไว้ที่น้องชมรมแบด ผมสั่งให้แอบถ่ายรูปสิ่งที่น้องมิลค์บันทึกไว้มาให้ผม แรกๆ ก็นึกว่าจะคว้าน้ำเหลวเพราะไม่เห็นว่ามิลค์จะเขียนอะไรลงไป แต่วันหนึ่งหลังจากที่พ่อของมิลค์มาเยี่ยม น้องชมรมแบดก็บอกว่ามิลค์กลับไปเขียนบันทึกมากมายจนมันหาโอกาสแอบถ่ายมาส่งผมได้ในวันนี้

“อีกอย่างผมว่าองค์กรที่ไอมิลค์มันพูดถึงมันดูน่ากลัวมากนะครับ ผมเป็นห่วงพี่เมเหมือนกัน พี่เมช่วยสนับสนุนชมรมแบดมาก็มาก เอาเป็นว่าช่วยดูแลตัวเองแล้วก็ดูแลเพื่อนผมด้วยนะครับ ผมขอไปเรียนก่อน ไว้เจอกันวันหลังนะพี่”

“ขอบใจมากนะ แล้วพี่จะบอกให้กัปตันเลือกเราเป็นตัวจริงในงานกีฬามหาลัยที่จะถึงนี้ เราจะได้เก็บประสบการณ์เยอะๆ”

ผมเสนอด้วยความหวังดี ไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่น้องมันกลับหน้าเสียนิดนึง

“อย่าเลยพี่ มันไม่ดีหรอก ว่ากันตามฝีมือดีกว่า ผมอยากให้วงการกีฬาบ้านเรามันสะอาดใสซะที แค่นี้ระดับประเทศก็เล่นเส้นกันจนเละเทะแล้ว อย่าให้มันลามลงมาถึงระดับมหาลัยเลย”

ผมสะอึกกับคำโต้แย้งอย่างตรงไปตรงมาของน้อง แต่ก็เห็นจริงตามนั้น ผมคงติดนิสัยระบบเส้นสายของสมาพันธ์มากเกินไป คงต้องระวังตัวและคิดอะไรให้รอบคอบมากกว่านี้  เด็กคนนี้เป็นเด็กดีจริงๆ รวมถึงความรักเพื่อนของมันด้วย

ผมรีบอ่านข้อมูลใหม่ที่ได้รับด้วยความตื่นเต้น หลังจากอ่านจบผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไรกับเรื่องของ ‘องค์กร’ เนื้อหาที่บันทึกไว้ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ผมอยากรู้ตรงๆ นัก เป็นการระบายความรู้สึกกับตัวเองมากกว่า บางอย่างที่เป็นข้อสงสัยของผมก็ถูกพูดข้ามไป บางอย่างก็ดูว่าเจ้าตัวจะไม่ทราบรายละเอียดเหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ คนที่ครอบครัวอบอุ่นอย่างผมก็สะเทือนใจไปกับเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่แอบไปรู้ว่าพ่อตัวเองมีรสนิยมวิปริต แถมยังซึมซับรสนิยมแบบเดียวกันมาจากพ่อ

พอเข้าสู่วัยรุ่น ความรู้สึกอันนี้มันก็พลุ่งพล่านรุนแรงขึ้นจนต้องไประบายกับน้องชายบุญธรรมที่ตกเป็นเหยื่อของพ่อตัวเองไปก่อนแล้ว เท่าที่อ่านดูมิลค์ก็รู้สึกผิดและสงสารน้องแต่ห้ามใจตัวเองไม่ได้ จนเรื่องบานปลายเมื่อองค์กรของปีศาจยื่นมือเข้ามา พ่อเขาถูกจับและส่งขายเป็นทาส ตัวมิลค์เองก็ถูกกลั่นแกล้งสารพัดจากคนที่ชื่อบอสก่อนจะถูกประมูลขายให้กับอาจารย์หมอที่เอาเขามาใช้งานในเรื่องต่างๆ ตามแต่จะสั่ง ทุกวันนี้นานๆ ถึงจะได้เจอพ่อที ถึงพ่อจะวิปริตและอาจมีส่วนที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้แต่เขาก็ยังรักและเป็นห่วงพ่อ

เรื่องราวขององค์กรมีสอดแทรกอยู่อย่างประปราย ผมพอประติดประต่อเรื่องได้ว่า องค์กรลึกลับที่น่ากลัวแห่งนี้ ใช้ความสามารถในการสะกดจิตของคนที่ชื่อบอสมากักขังหน่วงเหนี่ยว ทำสื่อลามกอนาจาร บังคับขู่เข็ญ ไปจนถึงการค้ามนุษย์ องค์กรนี้แทรกซึมอิทธิพลไปในหลากหลายวงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพวกตำรวจ นี่ยังไม่นับความน่ากลัวทางการแฮ็คข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีเจ้าชองบริษัทคอมพิวเตอร์ที่ชื่อโป๊ปอยู่เบื้องหลัง ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าบอสเป็นคนเดียวกับปีศาจที่ผมสืบอยู่ ผมไม่เชื่อว่าองค์กรจะทำเรื่องนี้เพื่อความยุติธรรมอย่างที่แอบอ้าง เป้าหมายของพวกเขาน่าจะเป็นไม่เรื่องเงินก็อำนาจ ผมเห็นประวัติศาสตร์มานักต่อนัก ยิ่งพวกมีอิทธิพลแบบตระกูลใหญ่ๆ ในสมาพันธ์นี่แหละตัวดี ถ้าไม่มีตระกูลผมคอยคุมอยู่ ป่านนี้คงแย่งชิงอำนาจกันจนประเทศชาติล่มจมไปหมดแล้ว

แต่ความคิดอีกมุมก็สะกิดใจผมบ้างเหมือนกัน จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่เหยื่อขององค์กรเท่าที่รู้ก็ล้วนแต่เป็นคนที่ทำเรื่องไม่ดีมา จะเรื่องเล็กอย่างแทกซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร หรือเรื่องใหญ่อย่างการทำร้ายร่างกายเด็กที่มิลค์ทำ ถึงจะดูค่อนข้างเกินกว่าเหตุ แต่องค์กรใต้ดินนี้อาจทำเพื่อตั้งใจลงโทษคนผิดจริงๆ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นเงินมหาศาลที่หาประโยชน์เอาจากร่างกายและอิสรภาพของนักโทษมันหายไปไหน เรื่องนี้มิลค์ไม่ได้พูดถึงไว้ เขาอาจไม่ทราบหรือไม่มันก็เข้ากระเป๋าบอสและเพื่อนไปจนหมด

........................................................................


ผมเอารูปที่ได้มาอย่างยากลำบากขึ้นมาเทียบดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ตอนนี้เป้าหมายของผมนั่งอยู่ในร้านกาแฟที่มีธีมป่าดงดิบคนเดียวชิลล์ๆ ซึ่งเป็นโอกาสอันหาได้ยาก ช่วงกลางวันของวันทำงานแบบนี้คนน้อยมาก ถึงคนๆ นี้ดูต่างออกไปบ้างจากรูปสมัยมอสามเมื่อประมาณสิบปีก่อนที่ผมถืออยู่ในมือ แต่ผมก็มั่นใจว่าต้องใช่บอสอย่างแน่นอน

พอได้เห็นตัวจริงชัดๆ ก็ต้องยอมรับเลยว่าบอสเป็นคนที่หล่อมาก ขนาดผมชินตากับคนหล่อๆ ที่รายรอบตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในกระจกที่ผมเห็นอยู่ทุกวัน ยังต้องอึ้งกับความหล่อดูดีของคนที่ผมลอบติดตามอยู่ รูปสมัยเป็นเด็กมัธยมต้นที่ผมได้มาก็ว่าหน้าตาดีมากแล้ว แต่พอโตขึ้นเป็นหนุ่มเต็มตัวยิ่งเพอร์เฟ็คท์ งดงามหล่อเหลาราวกับรูปลักษณ์ในฐานะเทวดาของลูซิเฟอร์ก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจไปตลอดกาล  ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคนที่เคยเห็นหน้าตาแบบนี้แล้วจะลืมไปจนหมดได้ยังไง เอาเป็นว่าถ้ามีคนหน้าตาแบบนี้แล้วนิสัยไปด้วยกันได้ ผมยอมเป็นเกย์แล้วยกตำแหน่งนิ้วนางให้เลย

ผมต้องหยุดความฟุ้งซ่านไว้ก่อน ถึงจะดูดียังไง แต่คนที่เหมือนกับปีศาจคนนี้ก็เป็นผู้ก่อตั้งองค์การร้ายที่หวาดหวั่น องค์กรที่เอาการสะกดจิตลึกลับมาใช้งานอย่างน่ากลัว ผมยังไม่ปักใจเชื่อว่าการสะกดจิตจะให้ผลได้ขนาดนั้น อาจจะใช้ยากล่อมประสาทร่วมด้วย ก่อนที่องค์กรลึกลับนี้จะเป็นภัยคุกคามระดับประเทศ ผมคงต้องใช้อำนาจของสมาพันธ์มาจัดการก่อน ครั้งนี้เป็นโอกาสดีนี้เข้าไปหยั่งเชิงที่ตัวหัวหน้าโดยตรง

ผมตัดสินใจแล้ว ถึงจะเสี่ยงแค่ไหน แต่ถ้าผมไม่รุกวันนี้ วันหน้าองค์กรก็คงรู้ตัวในที่สุด ผมถือแก้วกาแฟเย็นที่เพิ่งได้มาหมาดๆ ไปนั่งที่เก้าอี้ว่างตรงข้ามกับบอสที่เลือกนั่งในมุมที่อับสายตาผู้คน แล้วจู่โจมแบบไม่ให้ตั้งตัวทันที

“ขอโทษครับ จำผมได้หรือเปล่า”

หนุ่มหล่อตรงหน้ามีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย เขามองหน้าผมซักครู่แล้วคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย อ่า มันช่างสว่างไสวจนเหมือนตาจะพร่า ไม่ได้สิ คนที่เคยแต่หว่านเสน่ห์ใส่คนอื่นอย่างผมจะมาพ่ายแพ้อะไรกับออร่าของฝ่ายตรงข้ามซะแบบนี้ ผมยิ้มกว้างแบบที่ฝึกมาแล้วว่าดูจริงใจที่สุดกลับไปจนคนตรงหน้าหน้าแดงเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรไปมากกว่านั้น เพียงแค่ตอบกลับมาอย่างสุภาพ

“ทักคนผิดหรือเปล่าครับ ผมน่ะ ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนักหรอก”

มีกระแสความเหงาเจืออยู่ในคำพูดที่เขาตอบกลับผม แต่ผมจะไขว้เขวไม่ได้ ผมตั้งสมาธิและดำเนินการเจรจาตามที่ได้วางแผนไว้

“คือว่าอย่างนี้นะครับ.......”
.
.
.
.
.
.
.
.
.

ผมจำเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่ได้เลย ใบหน้าของคนที่ผมมาเฝ้าติดตามอยู่หลายวันก็จำไม่ได้ รู้สึกตัวอีกทีผมก็นั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะตัวเดิม อีกฝ่ายหายไปตอนไหนไม่รู้ แต่ดูจากแก้วกาแฟที่น้ำแข็งละลายไปแยะแล้ว ผมว่าเวลาน่าจะผ่านมาเกินชั่วโมงแล้ว ผมเสียท่าเขาใช่ไหม ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้กินหรือสูดดมอะไรที่น่าจะเป็นยากล่อมประสาทได้ ตกลงอำนาจสะกดจิตเพื่อลบความทรงจำคงมีอยู่จริง รูปสมัยมอต้นของบอสที่ผมพกมาหายไปแล้ว แต่อย่างอื่นปลอดภัยเพราะผมตั้งใจไม่เอาโทรศัพท์หรือกระเป๋าเงินติดตัวมาด้วย การจะสาวถึงตัวผมโดยอาศัยของเหล่านั้นคงทำไม่ได้

แต่ผมก็รู้ดีเกินกว่าที่จะหลอกตัวเอง ป่านนี้ทางโน้นอาจจะรู้แล้วว่าผมเป็นใคร ส่วนผมล่ะ หน้าตาของปีศาจเป็นอย่างไรผมนึกไม่ออกเลยแม้แต่น้อย ความจำที่เข้าขั้นอัจริยะของผมไม่ได้ช่วยอะไรอย่างที่เคยแอบหวังไว้ ผมยังพอจำได้ว่าตัวเองตั้งใจมาทำอะไรแต่เรื่องหลังจากนั้นมันหายไปเฉยๆ เลย ผมคลำกระดุมเม็ดที่สองของเสื้อเชิร์ตที่ใส่อยู่อย่างใจลอยแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

เมื่อกลับไปถึงห้องผมก็เอาเมมโมรี่การ์ดเล็กๆ ออกมาเปิดดูกับคอมพิวเตอร์ทันที ใบหน้าหล่อเหลาของคนที่กำลังเล่าเรื่องอยู่ปรากฏให้เห็นบนจอมอนิเตอร์อย่างชัดเจน ไม่น่าเชื่อว่ากล้องสปายรูปกระดุมราคาไม่แพงจากเมืองจีนจะบันทึกภาพและเสียงไว้ได้คมชัดขนาดนี้ ผมฟังเรื่องขององค์กรที่ออกจากปากบางสีชมพูอมส้มที่กำลังเล่าเรื่องอย่างออกรสโดยไม่รู้สึกเบื่อ ท่าทางบอสอัดอั้นอยากจะเล่าเรื่ององค์กรที่เขาภูมิใจให้ใครก็ได้ที่ผ่านเขามา ถึงแม้คนๆ นั้นจะเป็นศัตรูอย่างผมก็ตาม

จากที่ฟังมา ถึงจะไม่ได้รู้วิธีการทำงานขององค์กรแต่ผมได้คำตอบเรื่องเป้าหมายและคำตอบว่าเงินจำนวนมหาศาลนั้นไปอยู่ที่ไหน ได้เอาไปช่วยคนที่เดือดร้อนจากการกระทำของเหล่านักโทษอย่างไร

ผมไม่อยากคิดว่าบอสจะโกหก ทั้งจากแววตามุ่งมั่นที่ผมสังเกตเห็น และจากข้อเท็จจริงที่ว่าบอสจะโกหกไปทำไมในเมื่ออีกไม่นานหลังจากนั้นเขาตั้งใจจะลบความทรงจำทั้งหมดของผมไปอยู่แล้ว แต่มันก็เชื่อได้ยากว่าจะมีคนที่ตั้งใจเสียสละแรงกายแรงใจและความสุขในชีวิตส่วนตัวมาทำตามอุดมการณ์ได้ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่จะเอาความสามารถพิเศษที่มีไปใช้หาความสุขใส่ตัวอย่างไรก็ได้ ถ้าเรื่องทั้งหมดที่ออกจากปากบอสเป็นเรื่องจริง ผมอาจจะพบนิ้วกลางของผมเข้าให้แล้วล่ะ คนที่ผมจะยึดเอาเป็นเป้าหมายเพื่อทำตัวให้ดีให้เก่งได้เท่าเทียมกัน

พอบอสเล่าเรื่ององค์กรเสร็จก็หันมาซักถามต่อว่าผมเป็นใคร มีวัตถุประสงค์อะไร ด้วยบรรยากาศที่ไม่รู้สึกถึงความคุกคามแต่อย่างใด ตัวผมในคลิปวิดีโอก็ตอบไปว่า เริ่มจากสงสัยเรื่องบริการเสริมแทกซี่จนทำให้อยากรู้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องพวกนี้ แล้วไปเชื่องโยงกับเรื่องที่ผมเคยต้องถอดกางเกงฉี่อยู่เป็นหลายๆ เดือน บอสหัวเราะอย่างน่ามองแล้วเฉลยว่าเป็นฝีมือของเขาจริงๆ เป็นการลงโทษที่ผมไปจอดรถทับที่คนพิการ บอสบอกว่าทีแรกก็จำผมไม่ได้หรอกแต่พอผมพูดขึ้นมาก็เลยนึกออกว่าเคยทำเรื่องแบบนี้ไว้ ผมว่าเขาไม่ได้เชื่อผมทั้งหมดหรอก อย่างน้อยก็คงสงสัยว่าเด็กมหาลัยธรรมดา ต่อให้บ้านรวย จะมีปัญหาควานหาตัวเขาเจอได้ยังไง แต่เขาก็ไม่ได้ซักไซร้อะไรต่อ ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องสมาพันธ์ออกไปเลย แสดงว่าอำนาจควบคุมจิตของบอสไม่ได้มากขนาดทำให้ต้องสารภาพเรื่องที่เราไม่อยากพูดออกไป

ตลอดเวลาที่พูดคุยกัน บอสแทนตัวเองว่าพี่กับผมตลอด ทำให้รู้สึกดีๆ เพิ่มขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่ง ผมดูมาจนถึงตอนท้ายๆ ของคลิป ก็ต้องหักคะแนนความชื่นชมในตัวพี่บอสออกไปเมื่อเห็นพี่บอสสั่งตัวผมในคลิปว่า

“เอ้า พี่จะต้องไปแล้ว เก็บค่าฟังเรื่องทั้งหมดแล้วกัน หันมาทางนี้หลบมุมหน่อย ชักว่าวให้พี่ดูรอบนึงสิ ไม่ต้องถอดหมดนะ เดี๋ยวคนแตกตื่น ปลดแค่ซิปลงมาแล้วกัน ดีครับ ควักออกมาเลย เดี๋ยวพี่ขออัดคลิปชัดๆ หน่อย ยิ้มให้กล้องด้วยครับ สาวช้าๆ ก่อน อย่างนั้น นี่นายแข็งสุดแล้วเหรอ ไม่รู้สิ สงสัยหลังๆ พี่เห็นแต่ของใหญ่ๆ มั๊ง เอาเถอะ ก็น่าเอ็นดูสมกันคนหล่อน่ารักอย่างนายดี”

ผมตาค้างมองตัวเองในคลิปที่ชักว่าวตามเสียงพากย์ของพี่บอสอย่างเชื่อฟัง อำนาจการสะกดจิตของพี่บอสมันช่างน่ากลัว ถึงผมจะชอบโชว์แต่ก็ไม่เคยทำขนาดนี้ ในร้านกาแฟกลางวันแสกๆ ดีที่เป็นที่นั่งหลบมุม มองออกไปก็เป็นสวนที่ไม่มีใครเดินมา ผมรู้สึกทั้งอายทั้งตื่นเต้นเมื่อเห็นตัวเองสาวท่อนลำสีสวยขนาดมาตรฐานชายไทยตามเสียงเชียร์เบาๆ ของบอสจนกระทั่งกระฉูดน้ำขาวข้นออกมาจนหมดก๊อก พี่บอสส่งกระดาษทิชชู่ให้ผมใช้เช็ดผลงานตัวเองจนแห้ง พี่บอสหยิบกระดาษจากมือผมไปดมพิสูจน์กลิ่น ยิ้มเขินๆ แบบโคตรน่ารัก แล้วก็ยัดเก็บไว้ที่กระเป๋ากางเกงของผมเอง จากนั้นก็เก็บของเตรียมตัวกลับ

พี่บอสหันมาพูดกับผมเป็นเชิงร่ำลา

“ไปล่ะ นายน่ารักมาก ถึงนายจะจำพี่ไม่ได้ แต่พี่จำหน้านายได้แม่นแล้ว เจอกันครั้งหน้าไม่รู้เราจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนกันนะ”

พูดจบพี่บอสก็ดีดนิ้วดังเป๊าะแล้วเดินจากไป ทิ้งผมที่รูดซิปกางเกงเรียบร้อยแล้วนั่งนิ่งเหมือนตกอยู่ในภวังค์อยู่ที่โต๊ะคนเดียว

ผมหยุดคลิปไว้ตรงนี้ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ไอพี่บอส ไอหื่น นึกว่าจะเป็นคนดี ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองทำอะไรอย่างนั้นลงไป ผมล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองไปก็พอกับทิชชู่ยังเปียกชื้นไปด้วยน้ำเหนียวเหนอะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความจริง

ผมไม่รอช้ารีบประเมินสถานการณ์ความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างผมกับพี่บอสทันที ผมเห็นหน้าพี่บอส พี่บอสก็เห็นหน้าผม ได้หนึ่งแต้มเท่ากัน แต่พี่บอสยังไม่รู้ตัวว่าผมจำหน้าหล่อๆ ของพี่บอสได้แล้วจากคลิป แถมยังไม่รู้เรื่องสมาพันธ์อีก ผมได้อีกสองแต้มรวด รวมนำเป็นสามต่อหนึ่ง แต่ดันมาเสียท่าตอนจบที่พี่บอสได้เห็นของของผมแบบเต็มๆ มีคลิปอีกต่างหาก คะแนนกลายเป็นสามต่อสอง

สรุปนัดแรกผมนำครับท่านผู้ชม แต่ทำไมรู้สึกเปลืองตัวแปลกๆ ที่สำคัญผู้สนับสนุนหลักของพี่บอสอย่างพี่โป๊ปยังไม่ออกโรงเลย

หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 31] ความเพลี่ยงพล้ำ 21/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 21-02-2016 08:31:48

ยิ่งได้รับรู้ความน่ากลัวของอำนาจสะกดจิตของไอพี่บอสด้วยตัวเองผมยิ่งต้องเร่งสร้างขุมกำลังของตัวเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ผมไม่สามารถจะเอาอำนาจของสมาพันธ์มาใช้ในเรื่องส่วนตัวอย่างนี้ได้มากนักเดี๋ยวจะผิดสังเกต ถ้าพี่ก้อนดินหรือคุณพ่อสงสัยขึ้นมา ผมคงจำเป็นต้องเปิดเผยเรื่องขององค์กรออกมาซึ่งผมยังไม่อยากทำในตอนนี้ จริงอยู่ที่ผมรู้สึกว่าองค์กรอาจเป็นภัยคุกคามกับประเทศได้ในอนาคตและควรรีบแจ้งให้ตระกูลทราบเพื่อหาทางกำจัดโดยเร็ว แต่ผมยังอยากเชื่อว่าไอพี่บอสอาจจะทำไปด้วยเจตนาที่ไม่แย่นัก ผมหลงใหลไปกับความคิดที่มีอุดมการณ์ รูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาชวนให้ใจเต้น และความสามารถพิเศษที่น่าอัศจรรย์ของพี่บอส จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมสามารถกล่อมให้เขามาร่วมมือกับผมได้ อำนาจในการควบคุมจิตและความสามารถด้านไอทีที่องค์กรมีอยู่คงทำให้ผมปรับเปลี่ยนสมาพันธ์ให้เป็นไปอย่างที่ผมต้องการได้

ผมเร่งขยายเครือข่ายตัวเองจากชมรมกีฬาไปสู่ชมรมอื่นๆ ชมรมนักศึกษาของภาคต่างๆ ก็เป็นที่ถูกใจผมไม่น้อย จะชมรมเด็กใต้ก็หน้าตาคมเข้ม ชมรมเด็กอีสานก็ล่ำได้ใจ หรือชมรมเด็กเหนือที่ขาวน่ารัก พวกชมรมค่ายอาสาพัฒนาต่างๆ ก็เข้ามาเสริมให้เครือข่ายผมได้ภาพลักษณ์ที่ดี แถมมีโอกาสทำกิจกรรมสนุกๆ ตอนออกค่ายด้วย พวกชมรมดนตรีกับชมรมการแสดงก็พลาดไม่ได้ เพราะรวมคนเท่ๆ เป็นศูนย์กลางดึงดูดใจคนให้ติดตามกิจกรรมต่างๆ ที่ผมจัดขึ้นได้ แม้แต่พวกชมรมวิชาการผมก็กวาดหมด สรุปว่าผมเหมาหมดทั้งมหาลัย ผมมีเวลาถึงแค่จบปีสี่ จะต้องฝังรากเพื่อสร้างฐานกำลังให้ได้เร็วที่สุด

ผมไม่จบแค่การทำตัวเป็นขวัญใจหรือหาสปอนเซอร์ให้ชมรมต่างๆ แต่ผมใช้วิธีต่อยอดให้คนต่างชมรมกันหันมามีกิจกรรมร่วมกันเอง ชมรมวิชาการมาติวหนังสือให้ชมรมกีฬา ชมรมกีฬาคอยช่วยสอดส่องพวกเด็กเกเรหรือแก็งค์อันธพาลต่างๆ ในมหาลัย ชมรมดนตรีเปิดคอนเสิร์ตหาเงินสนับสนุนให้ชมรมค่ายอาสา ชมรมคหกรรมทำอาหารที่อร่อยและมีประโยชน์ในงานกิจกรรมต่างๆ ชมรมกีฬามาสอนการออกกำลังง่ายๆ ให้ชมรมที่ใช้แต่สมอง และกิจกรรมต่างๆ อีกมากมายที่ผมคิดขึ้น

ผมใช้วิธีการเช่นเดียวกับการบริหารความสัมพันธ์ของตระกูลต่างๆ ในสมาพันธ์มาใช้อย่างได้ผล ประโยชน์ในการเข้าสังกัดผมมีหลากหลาย สาวกของผมทั้งทางตรงและทางอ้อมเพิ่มขึ้นมากทุกที ที่สำคัญในระยะยาว เด็กๆ พวกนี้จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นทั้งด้านการเรียน สุขภาพ  ทักษะในการทำงาน และคอนเน็กชั่นระหว่างกันเอง ในอนาคตเมื่อจบออกไปก็น่าที่จะเจริญก้าวหน้าในวงการต่างๆ และกลับมาส่งเสริมน้องๆ ที่เข้ามาใหม่ เท่ากับว่าเครือข่ายของผมจะค่อยๆ เข้มแข็งและมีอิทธิพลขึ้นเรื่อยๆ จนผมสามารถต่อกรกับองค์กรได้โดยไม่ต้องพึ่งพาสมาพันธ์ในที่สุด

นั่นคือสิ่งที่ผมเล็งผลเลิศสำหรับอนาคต ผมจัดตั้งแฟนเพจขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางในการสื่อสารกับเด็กในสังกัดและคนทั่วไป ในมุมหนึ่งผมอาจจะดูเหมือนเน็ตไอดอลที่มีคนติดตามมากมายทั้งจากเด็กในสังกัดและคนนอกที่ไม่รู้เรื่องข้างใน แต่เชื่อเถอะว่าผมชักใยคนเหล่านั้นได้มากกว่าที่คุณคิด พลังของมวลชนนี่มันช่างน่ามหัศจรรย์ กิจกรรมต่างๆ ที่ผมสร้างสรรค์ขึ้นถูกเอามาโปรโมทในแฟนเพจและช่องทางต่างๆ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของผม ผมทำตามคำสอนที่ซึมซับมาจากคุณปู่ว่าการสร้างภาพที่ดีที่สุดคือการทำตัวเองให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจและมุ่งหวังให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องได้ประโยชน์ ถึงจะเหนื่อยหน่อยกับสารพัดเรื่องที่เข้ามา แต่ก็คุ้มเมื่อคิดถึงเครือข่ายขนาดใหญ่ที่ผมสั่งการได้ตามใจ จริงๆ เรื่องแบบนี้มันคือหลักการทำธุรกิจสมัยใหม่ การสร้างประโยชน์ร่วมกับสังคมและชุมชนจะทำให้ธุรกิจเติมโตได้อย่างยั่งยืน

เด็กในสังกัดของผมเกือบร้อยคนผลัดเปลี่ยนกันไปประกบไอพี่บอสอย่างห่างๆ ผมอยากรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด อยากรู้ว่าวิธีการทำงานขององค์กรเป็นอย่างไร องค์กรร่วมมือกับหน่วยงานรัฐบ้างหรือไม่ ผู้นำขององค์กรอย่างพี่บอสมีจุดอ่อนตรงไหน พี่บอสมีคนใกล้ชิดคนอื่นหรือเปล่า หนักๆ เข้าผมอยากรู้แม้กระทั่งเรื่องส่วนตัวประเภทพี่บอสชอบกินอะไร ดูหนังแบบไหน มีแฟนหรือยัง จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรที่คืบหน้ามากนัก น้องๆ ของผมบางคนที่สืบได้ก้าวหน้ามากอยู่ดีๆ ก็หายไปเฉยๆ เปล่าครับ ไม่ได้ถูกเก็บหรือโดนเอาไปถ่วงอ่าวไทย โดนข่มขู่ด้วยคลิปโป๊ตัวเองซึ่งไม่รู้ว่าไปถ่ายเมื่อตอนไหน

กำลังที่ร่อยเหรอไปบ้างไม่กี่คนไม่ได้กระทบอะไรผมเลย ผมยังมีน้องที่พร้อมทำตามคำสั่งของผมอีกมาก ผมจับทางองค์กรได้ว่า เขาไม่ได้อยากทำร้ายน้องๆ พวกนั้นเท่าไหร่ อย่างเก่งก็ทำให้อายนิดๆ หน่อยๆ อัดคลิปโป๊ไว้ขู่แล้วก็ปล่อยไป คลิปที่ว่าก็ไม่เคยหลุดออกมาอย่างที่ขู่ แต่ผมก็ไม่เสี่ยงส่งคนเดิมไปอีกถ้าถูกจับได้แล้ว เพราะไม่รู้ว่าองค์กรจะทำยิ่งกว่านั้นหรือเปล่า ผมยังมีเด็กในสังกัดอีกเยอะที่จะเปลี่ยนหน้าไป

“พี่เมครับ เด็กที่ให้ไปสะกดรอยตามเป้าหมาย ตอนนี้เงียบหายไปสามคน แล้วมีมาขอถอนตัวไปอีกสองคนครับ สองคนหลังนี่น่าเสียดายมาก เห็นว่าได้ข้อมูลเกี่ยวกับทางฝั่งตำรวจที่คาดว่าร่วมมือกับทางเป้าหมายอยู่มาพอสมควรแล้ว อยู่ๆ ก็หน้าตาตื่นมากบอกว่าไม่กล้าทำงานนี้ต่อแล้ว แถมลบข้อมูลไปหมดด้วย ทางโน้นคงรู้ตัวแล้วถูกขู่อะไรมาอีกแน่เลย”

ฟีฟ่าที่มาช่วยงานผมอย่างขยันขันแข็งประหนึ่งมือขวาของผมรายงาน คิดจะเปิดศึกกับองค์กรผมต้องหาคนช่วยเยอะๆ อย่างไอจั๊มพ์เพื่อนสนิทแต่เด็ก ผมก็จับมันมาช่วยงานพวกกิจกรรมต่างๆ ในการขยายเครือข่ายของผม แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับองค์กรที่ผมยังไม่อยากให้ใครรู้ ก็มีแต่ฟีฟ่ากับแดนที่รู้รายละเอียดทั้งหมด

“งั้นก็ช่วยไม่ได้ เอาสองคนนั้นออกไปทำงานอื่นแล้วหาคนใหม่ไปแทน ถ้าเป็นคนนอกมหาลัยเราได้ยิ่งดี องค์กรคงเริ่มจับทางเราได้แล้ว”

“ส่วนทีมที่พยายามแทรกซึมเข้าไปในร้านล้างรถก็ยังไม่สำเร็จครับ พื้นที่ของพนักงานมันใช้การสแกนใบหน้าเป็นการควบคุมความปลอดภัย ตอนนี้เลยพยายามเข้าไปตีสนิทกับเจ้าของร้านกาแฟที่อยู่ในนั้นแทน คาดว่าจะมีความสัมพันธ์กับองค์กรถึงเข้าไปตั้งร้านข้างในได้ แต่พอเปลี่ยนคนที่ส่งไปทีไรโดนหลอกให้ซื้อหนังสือโป๊ของเจ้าของร้านกลับมาทุกที เจ้าของร้านทั้งหล่อ ทั้งใหญ่ มีรอยสักมังกรด้วย ภาพที่ถ่ายก็สวยอยู่หรอกครับ แต่หนังสือแพงบรรลัยเลย”

“เอาตังค์ที่พี่ไปใช้คืนแล้วกัน คราวหน้าเอามาให้พี่เล่มนึงนะ ขอเอามาศึกษาเป็นข้อมูล” แม้แต่ข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ก็พลาดไม่ได้นะ ต้องเก็บให้หมด

“แต่ทีมที่ไปเฝ้าเรื่องค้าบริการเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดนี่คืบหน้าไปได้ด้วยดีครับ ตอนนี้เรารู้แล้วว่าเขาน่าจะเอาตัวเด็กไปขังรวมกันที่คอมเพล็กสุขภาพระดับไฮโซแห่งหนึ่ง อันที่มีหมอพฤกษ์ หมอนักธุรกิจไฮโซที่ดังๆ เป็นเจ้าของอ่ะครับ เข้าใจว่าพอมีลูกค้าออร์เดอร์มาก็จะเอาเด็กๆ พวกนั้นออกไปส่งให้ถึงที่ น่าสงสาร เด็กๆ หล่อๆ ทั้งนั้นเลย มอต้นก็มี แต่เขาก็พยายามไม่ให้ผิดสังเกตนะครับ เด็กพวกนั้นยังไปโรงเรียนตามปกติทุกคน แต่ไม่รู้ทำไมตอนอยู่ที่โรงเรียนถึงไม่หนีกัน”

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งได้เบาะแสมาไม่นาน มันดูขัดๆ กับอุดมการณ์ที่ผมได้ยินมาจากพี่บอส ผมเลยอยากสืบเพิ่มให้รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงขององค์กรเป็นอย่างไร

“คงสะกดจิตสั่งไว้แหละ แล้วได้เบาะแสบ้างยัง ว่าลูกค้าใช้ช่องทางไหนในการซื้อบริการ” ผมให้ความเห็นแล้วก็ถามต่อ

“เท่าที่มีข่าวแว่วมา น่าจะเปิดเป็นร้านดอกไม้หรือร้านไวน์บังหน้าครับพี่เม แต่ยังระบุชัดๆ ไม่ได้ว่าร้านอยู่ตรงไหน”

“งั้นทุ่มกำลังเข้าไปอีก คนเรามีเยอะ ใช้ๆ ไปเถอะ จะได้ช่วยกันหา ฝั่งนี้ดูท่าจะไม่ค่อยอันตรายเท่าไหร่ เห็นว่าพี่บอสไม่ค่อยได้เข้ามาดูใช่ไหม”

“ครับ งั้นผมให้ชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเข้าไปเป็นทีมเสริมแล้วกัน เพิ่งเสร็จงานอีเว้นท์เทรนดี้สีเขียวไป เริ่มว่างกันแล้ว”

“ดีๆ งานเทรนดี้สีเขียวจัดได้ดีเลย ยิ่งมีปั่นจักรยานด้วย คนนอกมหาลัยสนใจกันใหญ่ เอาไปโพสต์ให้หลายๆ ที่เลยนะ แอบแปะลิงค์มาที่เพจของพี่ด้วย อย่าลืมจัดพวกเราเข้าไปอวยให้เนียนๆ หน่อย เราต้องสร้างกระแสให้ต่อเนื่อง แล้วภาพที่ให้ชมรมถ่ายภาพแอบถ่ายพี่ตอนเก็บขยะ กับตอนช่วยเด็กที่พลัดหลงผู้ปกครอง เลือกมุมสวยๆ ตอนพี่ไม่มองกล้อง ให้คนเอาไปแปะหน้าเพจด้วยทำเหมือนเป็นคนนอกแอบถ่ายไว้แล้วมาเขียนชื่นชม”

“เดี๋ยวรีบไปทำให้เลยพี่ คืนนี้ผมไปค้างห้องพี่นะ โหลดหนังโป๊มาใหม่จะเอาไปดูกับไอแดน ให้มันทำอาหารเย็นอร่อยๆ ให้ผมด้วย ไปล่ะ งุงิ งุงิ”

โอ๊ย ไม่รู้จะเงี่ยนหรือจะหิวกันแน่ ไอฟีฟ่านี่พลังมันเหลือเพือ ขนาดผมใช้งานมันเยอะแล้วนะ ไหนจะเรียน ไหนจะต้องซ้อมบาสอีก ผมเคยคิดว่าตำแหน่งนิ้วโป้งซึ่งจะเป็นกำลังสนับสนุนหลักในชีวิตของผม จะต้องเป็นคนเก่งมีอิทธิพล อำนาจ ความสามารถต่างๆ มากมาย แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าเรื่องบางเรื่องผมคงต้องทำด้วยตัวเอง ตำแหน่งนิ้วป้องควรจะเป็นใครที่พร้อมจะสนับสนุนผมในทุกเรื่องอย่างเต็มใจ ความสัมพันธ์และความไว้วางใจที่มีต่อกันน่าจะสำคัญกว่า ผมตัดสินใจแล้วว่าจะให้น้องฟีฟ่าเป็นนิ้วโป้งของผม เดี๋ยวผมคงพามันไปเปิดตัวพร้อมกับน้องแดนในตำแหน่งนิ้วก้อยให้ตระกูลผมทราบเร็วๆ นี้

แต่เย็นนี้ผมคงกลับไปกินข้าวกับพวกมันไม่ได้หรอก ผมนัดกับตัวแทนของตระกูลหนึ่งในสมาพันธ์ไว้ มีเรื่องต้องเจรจานิดหน่อย หลังๆ สายของตระกูลนี้ชอบทำอะไรเกินเลยคำสั่ง ถ้าตั้งใจดีจะไม่ว่าเลย แต่นี่ดูแล้วเจตนาจะหาประโยชน์เข้าตัวเอง จริงๆ ทีแรกผมก็ไม่รู้หรอก ปกติงานของสมาพันธ์จะอาศัยความไว้ใจกัน แต่ดันทำซะเอิกเกริกจนตระกูลอื่นแอบฟ้องมา

ผมมาถึงที่ร้านอาหารสุดหรูตามเวลานัด บริกรนำผมไปนั่งที่โต๊ะในมุมส่วนตัวที่จองไว้ล่วงหน้า เขาแจ้งว่าแขกของผมมาถึงแล้วแต่ไปเข้าห้องน้ำอีกสักครู่กลับมาที่โต๊ะ ผมเงยหน้าขึ้นมองจะกล่าวคำทักทายเมื่อรู้สึกว่ามีคนเดินมาที่โต๊ะ ไม่ใช่ใบหน้าขาวผอมมีเคราเล็กน้อยอย่างที่ผมคาดไว้ แต่กลับเป็นใบหน้าหล่อคมสันติดจะเย็นชาของอีกคนที่ผมจำได้ดีถึงแม้จะไม่เคยคุยกันมาก่อน พี่โป๊ป เจ้าของบริษัทคอมพิวเตอร์ดาวรุ่งมาแรงผู้มีบทบาทสำคัญอีกคนหนึ่งในองค์กร ถ้าเป็นในตระกูลผม พี่โป๊ปคงเป็นนิ้วโป้งของพี่บอสแน่ๆ พี่เขามาทำอะไรที่นี่ เรื่องไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นทำให้ผมถึงกับนั่งตัวเกร็ง

พี่โป๊ปถือวิสาสะนั่งลงตรงข้ามผมแล้วยกยิ้มมุมปากอย่างที่ชวนให้เสียวสันหลังมากกว่าจะเป็นการทักทาย

“น้องเม เน็ตไอดอลคนดีศรีสังคม ทายาทโฮโซตระกูลดัง ผู้บัญชาการลับๆ ของชมรมทั้งมหาวิทยาลัย ตัวจริงหล่อจังนะครับ สมกับที่ชาวเน็ตคลั่งไคล้”

เรื่องเน็ตไอดอลนี่ผมจำเป็นต้องทำเพื่อดึงดูดคนให้เข้ามาสนใจเครือข่ายผมเยอะๆ จากคำพูดของพี่โป๊ป แสดงว่าการที่เขามาที่นี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เป้าหมายของเขาคือผม ในหัวผมหมุนติ้วเพื่อประเมินความเป็นไปได้ว่าทำไมถึงรู้ว่าผมมีนัดที่นี่เวลานี้ หรือตระกูลที่ผมนัดมาวันนี้จะแอบไปร่วมมือกับองค์กร หรือที่แย่ไปกว่านั้นคือองค์กรสามารถถอดรหัสที่ใช้ในการติดต่อสั่งการสมาพันธ์ได้ ไม่น่าเป็นไปได้ทั้งคู่ ต่อให้เป็นองค์กรปีศาจนี้ ก็ไม่น่าจะทำเรื่องที่ว่าได้ พอตั้งสติได้ ผมก็โต้ตอบกลับไปโดยท่าทางสงบนิ่งที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

“เป็นเกียรติมากครับที่นักธุรกิจคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ชื่อดังอย่างคุณโป๊ปจะรู้จักเด็กๆนักศึกษาปีสี่ อย่างผมด้วย ถ้าคุณโป๊ปอยากนั่งตรงนี้ผมก็ไม่รังเกียจหรอกครับ แต่เกรงว่าเพื่อนร่วมโต๊ะของผมที่กำลังมาถึงจะไม่มีที่นั่ง ถ้ายังไงเราย้ายไปโต๊ะที่ใหญ่กว่านี้ดีไหมครับ”

“ถ้าหมายถึงนายหน้าแหลมมีเคราคนนั้นละก็ ป่านนี้คงไปยืนชักว่าวถ่ายคลิปตัวเองอยู่ตามที่สาธารณะที่ใดที่หนึ่งในละแวกนี้แล้วมั๊ง”

พี่โป๊ปตอบด้วยสีหน้านิ่งเฉย เรียกซะเสียหายเลยว่าไอ้หน้าแหลม จริงๆ คนนั้นเขาก็หล่อใช้ได้นะครับถึงหน้าจะยาวนิดนึง แต่คงไปเทียบกับหนังหน้าที่โคตรหล่อของพี่โป๊ปไม่ได้หรอก เห็นอย่างนั้นก็เจ้าของธุรกิจนำเข้ารถยนต์รายใหญ่เลยนะนั่น ชอบทำตัวเป็นเซเลบ ออกสื่อบ่อยๆ ถ้าให้ไปยืนชักว่าวจริงนี่อย่างโหดอะครับ ชื่อเสียงป่นปี้หมด

“งั้นคุณคงมีธุระสำคัญกับผมถึงขนาดช่วยเคลียร์แขกที่นัดไว้ก่อนออกให้ จะคุยกันเลยหรือจะสั่งอาหารก่อนดีครับ”

ผมทำใจดีสู้เสือ ทั้งๆ ที่ผมถูกที่บ้านฝึกฝนให้อ่านอารมณ์ความรู้สึกคนมาเป็นอย่างดี แต่ผมกลับอ่านคนๆ นี้ไม่ออก

“หึ จริงๆ ชั้นก็ไม่อยากจะวุ่นวาย แต่นายมันล้ำเส้นไปมากแล้ว แบบไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ด้วย ก่อนหน้านี้ชั้นยังรู้สึกว่าเก่งที่สืบหาตัวบอสผ่านทางชั้นจนเจอ แถมหลอกล่อจนรู้ใบหน้าจริงของมันได้ แต่หลังจากนั้นก็เลิกตามชั้น ส่งคนเยอะแยะไปตามไอบอส รู้เปล่าว่าใครเป็นใคร ชั้นนี่แหละเบอร์หนึ่งขององค์กรตัวจริง”

“พี่บอสไม่ใช่เหรอที่เป็นผู้นำองค์กร ส่วนคุณเป็นผู้ช่วยด้านไอที”

ผมแย้งตามความเข้าใจที่ประติดประต่อเรื่องมา

“คิดได้แค่นี้แล้วยังมีหน้ามาตั้งตัวเป็นคู่แข่งองค์กร ไปตามบอสน่ะไม่มีประโยชน์หรอก คนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังทั้งหมดคือชั้นเอง นายทำอะไรชั้นรู้หมด ไอเครือข่ายงี่เง่าเด็กอมมือที่นายพยายามจะตั้งขึ้นน่ะ ทำอะไรองค์กรไม่ได้หรอก แต่ชั้นยังปราณีเด็กที่ถูกนายหลอกใช้ ถ้าจะให้สนุก นายเอาสมาพันธ์ออกโรงมาเป็นคู่มือยังจะให้ชั้นมีอะไรแก้เบื่อได้ซะกว่า คุณผู้สั่งการของตระกูลหลัก น้องมอมแมม”

พี่โป๊ปพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาดำสนิทแฝงไปด้วยความเย็นชาและเล่ห์เหลี่ยม คนๆ นี้น่ากลัว ว่าแต่ท่าทางอบอุ่นอ่อนโยนเวลาอยู่กับพี่บอสในรูปที่เด็กๆ ในสังกัดผมเคยแอบถ่ายมาได้มันคืออะไร แบบไหนคือตัวจริงของคนตรงหน้าผมกันแน่

ที่สำคัญ ถ้าเรียกชื่อผมว่ามอมแมมซึ่งมีแต่คนในตระกูลเท่านั้นที่เรียก แสดงว่าเรื่องต่างๆ ของผม รวมถึงความลับที่ผมเป็นผู้นำของสมาพันธ์ คงถูกคนๆ นี้เชื่อมโยงข้อมูลได้แล้ว ความได้เปรียบที่ผมมีต่อองค์กรกำลังหมดไป

“กรุณาอย่าเรียกผมด้วยชื่อนั้น นั่นสำหรับคนในครอบครัว คุณอาจจะรู้อะไรมาบ้าง แต่ผมว่าคุณประมาทกำลังของสมาพันธ์ไป ถ้าคุณรู้ฐานอำนาจทั้งหมดของสมาพันธ์จริง คุณจะไม่พูดแบบนี้”

ผมสวนกลับ ถึงแม้ว่าในยุคสังคมข่าวสารแบบนี้ อำนาจของสมาพันธ์จะเริ่มถดถอยลงไปไม่น้อย แต่ของแบบนี้ มันต้องบลัพกันไว้ก่อน

“เอาเถอะ องค์กรก็ยังไม่ได้คิดจะกำจัดนายหรือสมาพันธ์ตอนนี้หรอก นายอาจมีประโยชน์อะไรบางอย่าง ถ้านายยอมเชื่อฟัง เราก็อาจอยู่ร่วมกันได้ มอมแมม”

“ผมบอกแล้วว่าอย่าเรียกผมชื่อนั้น แล้วทำไมผมต้องทำตามคุณด้วย”

ไอพี่โป๊ปนี่มันกวนประสาทน่าดู ผมค่อนข้างแน่ใจว่า คนตรงหน้าคงจะเอาคลิปที่ผมถูกพี่บอสสะกดจิตให้ชักว่าวในร้านกาแฟมาเป็นตัวต่อรองบังคับให้ผมทำตาม แต่ผิดคาดเมื่อเขายกเงื่อนไขอื่นขึ้นมาพูดแทน

“อดีตกัปตันชมรมบาสที่ชื่อจั๊มพ์ คนนี้เป็นเพื่อนสนิทของนายสินะ ไม่เลว รูปร่างหน้าตาดี พื้นฐานทางบ้านก็ไฮโซไม่ต่างจากนาย ถ้ามีรูปอนาจารเผยแพร่ออกไปคงจะน่าอับอายมากทีเดียว”

ผมกัดฟันกรอด ทำไมต้องทำกับเพื่อนผมที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย ผมไม่ได้ให้จั๊มพ์มันมารู้เรื่องแผนการต่างๆ ของผมเลยเพราะกลัวมันไปบอกที่บ้านผม แต่มันก็คอยช่วยเรื่องกิจกรรมต่างๆ ที่ผมจัดขึ้นโดยนึกว่าผมทำไปเพราะเป็นคนดี ผมคิดว่าผมจับทางองค์กรได้แล้วนะว่าถ้าไม่ใช่คนที่เกี่ยวข้องจริงๆ องค์กรก็จะไม่ทำอะไรรุนแรงเท่าไหร่

“อย่ายุ่งกับเพื่อนผม เขาไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย ผมคิดว่าองค์กรจะหลักการมากกว่านี้ซะอีก เห็นคนอื่นๆ ที่ผมส่งไปคุณยังไม่ทำอะไรมากเลย”

“พวกนั้นมันแค่แมงหวี่แมงวัน ชั้นเลยไม่ได้สนใจ แต่ถ้าจะทำให้ได้สิ่งที่ต้องการ ชั้นก็ไม่ได้สนวิธีการหรอกนะ พอดีไม่ใช่พวกสร้างภาพซะด้วย ส่วนที่บอกว่าอย่ายุ่งกับเพื่อนนาย เสียใจด้วย ชั้นจัดการไปแล้ว เอ้า ลองดูที่ชั้นส่งเข้าเครื่องนายไปสิ รูปนี้ของเพื่อนนายดูดีพอหรือยัง เพื่อนนายนี่สะกดจิตง่ายดีนะ”

ผมรีบเปิดมือถือขึ้นมาดู ไอ้จั๊มพ์จริงๆ ด้วย ถ่ายรูปตัวเองเปลือยทั้งร่างในกระจกเห็นหน้าตาชัดเจน สีหน้าไม่ได้บ่งบอกว่าถูกบังคับแสดงว่ามันคงอยู่ภายใต้อำนาจสะกดเหมือนผมเคยโดน ในรูปจั๊มพ์แอ่นท่อนล่างที่แข็งตัวให้เห็นอย่างเต็มตา พอโตมามันไม่เคยแก้ผ้าให้ผมดูเลย ไม่คิดว่ามันจะใหญ่อย่างนี้ ตอนเด็กๆ ก็มุ๊งมิ๊งน่าเอ็นดูเหมือนของผมแท้ๆ

“คุณสะกดจิตได้ด้วยเหรอ ผมนึกว่าพี่บอสสะกดจิตได้คนเดียวอีก”

“หึ ชั้นคือเบอร์หนึ่งของเชียวองค์กรนะ”

ก็รู้แล้ว ย้ำอยู่ได้น่ารำคาญ ตกลงหมายถึงพี่โป๊ปก็สะกดจิตได้ด้วยใช่ไหม น่ากลัวเข้าไปอีก วันนี้ผมไม่ได้เตรียมตัวซ่อนกล้องมาด้วย ถ้าโดนสะกดจริงๆ คงไม่รู้ตัวแน่ ผมจะป้องกันยังไงดีนะ ต้องไม่สบตากับพี่เขาหรือเปล่า

“ต้องการอะไรกันแน่”

ผมถามออกไปตรงๆ ยังไงผมก็ปล่อยให้ภาพแบบนั้นหลุดไปไม่ได้

“หยุดส่งคนตามไอบอสซะ นั่นมันแค่หุ่นเชิด ชั้นคือเบอร์หนึ่งขององค์กรตัวจริง อีกอย่างนายไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ หรอก ความลับของนายมันไม่ใช่ความลับอีกแล้ว ต่อไปชั้นจะสั่งงานนายโดยตรง อย่ามายุ่งกับคนของชั้นอีก”

คนของเขา คำๆ นี้สำหรับพี่โป๊ปมันหมายถึงอะไรกันแน่นะ

“อย่าฝันเลยว่าจะเอาอำนาจของสมาพันธ์ไปใช้ทำเรื่องไม่ดี ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงต้องขอให้เพื่อนผมเป็นผู้เสียสละ”

ผมพูดจริงๆ นะ ถ้าผมยอมทำตาม องค์กรคงเหมือนเสือติดปีก ไม่รู้จะไปสร้างความวุ่นวายให้สังคมขนาดไหน ไอจั๊มพ์ มึงคงต้องยอมให้ชาวบ้านเห็นเรือนร่างกับเครื่องเคราอันเร้าใจของมึงแล้ว ขอโทษจริงๆ ว่ะเพื่อน งานนี้ส่วนรวมต้องมาก่อน

“องค์กรไม่เคยทำเรื่องไม่ดี อย่างน้อยก็ตามมาตรฐานของเราเอง สมาพันธ์ต่างหาก อาศัยพวกพ้องเส้นสายไปเอาเปรียบคนอื่น แม้แต่งานที่อ้างว่าเป็นภารกิจทำเพื่อปกป้องประเทศชาติ เคยลงไปดูไหมว่าหน้างานเละเทะแหลกเหลวแค่ไหน มีพวกเข้าไปเพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเองอีกตั้งเท่าไหร่”

ผมหน้าชา จะเถียงออกไปก็พูดได้ไม่เต็มปาก การทำงานของสมาพันธ์จะใช้การถ่ายทอดคำสั่งลงไปเป็นชั้นๆ แล้วรายงานผลกลับขึ้นมา เป็นวิธีดั้งเดิมที่อาศัยความเชื่อใจกันเป็นหลัก แต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไป ข้อร้องเรียนระยะหลังบ่งบอกว่าเรื่องที่โดนพี่โป๊ปกล่าวหาน่าจะมีมูล

แต่การตั้งรับที่ดีคือการรุกกลับ

“แล้วองค์กรนี่ดีนักเหรอ ทั้งกักขังหน่วงเหนี่ยว ทำสื่อลามกอนาจาร บังคับขู่เข็ญ จารกรรมข้อมูล ค้าประเวณีเด็ก ค้าทาสอีกต่างหาก”

ผมใส่เป็นชุด เรื่องพวกนี้คือสิ่งที่ผมติดใจอยู่ อุดมการณ์ที่ผมเคยได้ฟังจากพี่บอสมันก็ดูดีอยู่หรอก แต่เวลาทำงานจริงมันต้องมีหลุดมีรั่วบ้าง คนทำงานให้องค์กรคงมีเป็นร้อยเป็นพัน จะควบคุมได้ยังไงไหว ก็คงเหมือนๆ กับสมาพันธ์นั่นแหละ แต่ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยไม่ใช่เหรอ

“นายเข้าใจไปขนาดนั้นเลยเหรอ ช่วยไม่ได้สินะ แต่ยังไงชั้นก็เป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง คงไม่ยอมกลับไปมือเปล่าแน่ ลองแลกเปลี่ยนข้อมูลกันดูไหม อยากรู้เรื่องขององค์กรนักไม่ใช่เหรอ นายก็เอาข้อมูลหลักฐานเคสต่างๆ ของสมาพันธ์มาแลกเปลี่ยนกับเคสขององค์กรสิ ค่อยๆ แลกไปทีละเคสสองเคส คิดว่ามีประโยชน์ค่อยทำต่อ ถ้าตกลงเรื่องนี้กับเรื่องที่ไม่ไปรบกวนไอบอส ชั้นสัญญาว่าจะไม่ไปยุ่งกับเพื่อนนาย”

ผมประเมินข้อเสนอของคนตรงหน้า มันอาจจะเป็นแผนเพื่อล้วงข้อมูลสมาพันธ์ก็ได้ แต่ความคิดที่ว่าผมจะได้เห็นข้อมูลและเคสต่างๆ ขององค์กรมันช่างเย้ายวนใจ ลองดูก่อนก็ได้ ถ้าไม่ดีก็ไม่ต้องทำต่อ

“ตกลงตามนั้น”

ผมตอบออกไป รู้สึกเหมือนทำสัญญากับปีศาจ ผมคงไม่ทำให้สมาพันธ์ต้องล่มสลายลงในรุ่นผมหรอกนะ

“ดี งั้นชั้นจะลบรูปและคลิปของเพื่อนนายทิ้งให้หมดเดี๋ยวนี้”

 คลิปงั้นเหรอ ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหม คลิปของไอจั๊มพ์

“อย่าเพิ่งครับ มีคลิปด้วยเหรอ ช่วยส่งทั้งหมดให้ผมก่อนลบได้ไหม”

ผมรีบร้องออกไป ตั้งแต่ที่ผมได้ถ่ายคลิปแดน คลิปฟีฟ่า แล้วก็น้องๆ บางคนในชมรมเป็นต้นมา ผมก็รู้สึกหลงใหลเรื่องพวกนี้ ใช่ว่าผมจะคิดอกุศลกับพวกมัน แต่เหมือนเป็นความอยากเก็บสะสมซะมากกว่า แบบสะสมแสตมป์อะไรทำนองนั้น ยิ่งเป็นของคนที่ผมรู้จักยิ่งรู้สึกมีคุณค่า เหมือนเป็นตัวแทนความรู้สึกดีๆ ที่ผมมีต่อสรีระที่งดงามของพวกเขา

พี่โป๊ปมองหน้าผมอย่างคาดไม่ถึง แล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเป็นครั้งแรก ขอบอกว่าหล่อโฮกคูณสามครับ

“ฮ่าๆ ก็เอาสิ เพื่อนนายนี่นะ”

พี่โป๊ปพยายามกลับไปตีสีหน้าเรียบเฉย แต่มุมปากยังกระตุกนิดๆ เหมือนกลั้นไม่ไหว นี่คือบุคลิกแท้จริงของพี่เขาหรือเปล่านะ เหมือนเวลาที่อยู่กับพี่บอส หรือผมแค่คิดไปเอง
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 31] ความเพลี่ยงพล้ำ 21/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 21-02-2016 08:32:47

หลังจากวันนั้นผมก็ถอนทีมทั้งหมดออกจากการติดตามพี่บอสและกิจการต่างๆ ขององค์กร พี่โป๊ปไม่ได้มาหาผมอีกเลยแต่ก็มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างระมัดระวังกันมาเรื่อยๆ ผมได้รู้เรื่องขององค์กรผ่านเคสต่างๆ ที่เอาข้อมูลของสมาพันธ์ไปแลกมา หลักฐานที่มีมาด้วยทำให้ผมค่อนข้างแน่ใจว่านักโทษทั้งหลายขององค์กรคือคนที่ทำผิดจริงๆ ทั้งนั้น องค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลเพื่อตรวจสอบความผิดได้อย่างถูกต้องและง่ายดายโดยผ่านระบบไอทีและการเจาะข้อมูล นี่คือสิ่งที่สมาพันธ์ขาดไป แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเลียนแบบกันได้ง่ายๆ

ประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนที่ผมได้ดูจะมีเพียงแค่นี้ แต่ฝั่งองค์กรกลับใช้ประโยชน์จากผมได้มากมาย พี่โป๊ปเป็นคนที่ฉลาดเจ้าเล่ห์อย่างขาดไม่ถึง เรียกว่าผมโดนหลอกล่อปั่นหัวอยู่ตลอดเวลา

จะว่าไปผมก็โดนหลอกตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอพี่โป๊ปเลย เรื่องนี้ผมมารู้ตอนที่ผมตัดสินใจลองคุยกับไอจั๊มพ์เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปเกือบเดือนแล้ว

“จั๊มพ์ มึงจำอะไรตอนที่โดนสั่งให้แก้ผ้าถ่ายรูปได้บ้างเปล่า”

ไอ้จั๊มพ์สะดุ้งโหยง

“อะไรของมึงวะ จะอำอะไรกูอีก”

“ก็รูปนี้ไง ตอนถ่ายมึงจำอะไรได้บ้างเปล่า ว่าใครสั่ง”

ผมเปิดรูปที่น่าจะอับอายขายหน้าน้อยที่สุดให้มันดู คือเห็นแค่จั๊มพ์น้อยที่ยังไม่แข็งตัวลางๆ ในเงามืด

“เฮ้ย ไปเอามาได้ยังไง กูไม่เคยส่งให้ใครเลยนะรูปนี้” ไอจั๊มพ์ตกใจโวยวายทันทีที่เห็น

“มึงจำได้เหรอ” ผมแปลกใจเล็กน้อย ตอนที่ผมโดน ผมจำอะไรไม่ได้เลย

“จำได้สิวะ ก็กูถ่ายเองจากในกระจก ตอนนั้นเพิ่งซื้อโทรศัพท์ใหม่มา ลองถ่ายรูปตัวเองไปมาเลยเงี่ยนแก้ผ้าถ่ายซะเลย มันหลุดไปได้ไงวะ กูไม่เคยส่งไปไหนถ่ายเสร็จก็อยู่ในโทรศัพท์ตลอด โทรศัพท์ก็ยังอยู่กับกูไม่เคยหาย กูตายแน่ ดังแน่นอนกูหล่อซะขนาดนี้ มึงได้มาจากไหนวะ”

“เดี๋ยวก่อน รูปนี้มึงถ่ายไว้นานยังวะ” ชักมีอะไรแปลกๆ แล้ว ตกลงรูปพวกนี้มันถ่ายตัวเองไม่ได้ถูกสะกดจิตหรือนี่

“ก็ตั้งแต่ตอนมึงชอบแก้ผ้าในห้องน้ำใหม่ๆ กูนึกยังไงไม่รู้ เลยลองทำมั่ง”

นั่นมันเกิดตั้งหลายเดือนแล้ว ตอนนั้นผมยังไม่เริ่มตามเรื่ององค์กรเลย สรุปว่าพี่โป๊ปแค่เจาะข้อมูลจากโทรศัพท์เพื่อนผมไป ไม่ได้สะกดจิตถ่ายรูปจริงๆ

ผมเลยพูดปัดๆ ไอจั๊มพ์ไปให้มันสบายใจว่าอยู่ๆ ก็ได้เมลจากมันรูปนี้รูปเดียว มันคงเผลอกดส่งมั๊ง เดี๋ยวจะลบให้ แต่จริงๆ ผมมีครบคอลแลคชั่นเลย ไม่ลบด้วย ฮ่าๆ

ผมคาดโทษพี่โป๊ปอยู่ในใจฐานที่หลอกลวงให้ผมหลวมตัวร่วมมือด้วย ไม่กี่วันพี่โป๊ปก็โทรมาเพื่อใช้งานผมตามปกติ รู้สึกไม่ดีเลยแฮะปกติผมเป็นคนใช้งานบงการคนอื่นตลอด แต่ทำไมถึงยอมน่ะหรือครับ ก็ดูเอาสิ

“ชั้นมีงานใหม่ อยากได้ข้อมูลที่เกี่ยวกับคดีเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว”

ผมไม่ทันจะปฏิเสธ พี่โป๊ปก็ร่ายยาวถึงข้อมูลที่เขาต้องการซึ่งอยู่ในหน่วยราชการแห่งหนึ่งที่เครือข่ายสมาพันธ์มีเส้นสายอยู่

“ทำไมไม่เจาะข้อมูลไปเองเล่า เก่งนักไม่ใช่เหรอ ทีโทรศัพท์เพื่อนผมคุณยังเจาะเข้าไปเอารูปมันมาได้เลย มีหน้ามาบอกว่าสะกดจิตเอง”

“นี่รู้แล้วเหรอ แล้วไง  จะถ่ายเองหรือโดนองค์กรบังคับถ่าย ถ้าหลุดไปเพื่อนนายก็เดือดร้อนอยู่ดี ตอนนั้นนายก็แลกเปลี่ยนได้คุ้มค่าแล้วนี่ ส่วนงานคราวนี้ ถ้ามันอยู่ในฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ ชั้นก็เอาออกมาเองได้สบายอยู่แล้ว แต่หน่วยงานนั้นคร่ำครึจะตาย คงเก็บเป็นแฟ้มๆ หรือใส่ลังไว้จนกระดาษเหลือง ให้คนในสมาพันธ์นายเอามาให้หน่อย ถ่ายรูปมาก็ได้ มันคงไม่กี่หน้าหรอก”

“ผมไม่ทำ สมาพันธ์เสียเปรียบตลอด คุณใช้ๆ แต่ทางผม” ผมโวยวายใส่ให้เห็นว่าผมจะไม่พี่โป๊ปอีกต่อไป

“อ้าวไอเด็กนี่ แล้วข้อมูลพฤติกรรมฉ้อโกงของคนในสมาพันธ์ ที่ชั้นรวบรวมให้คราวก่อนล่ะ นายจะบอกว่าไม่เป็นประโยชน์เลยงั้นสิ”

“อันนั้นคุณก็ได้ข้อแลกเปลี่ยนไปเกินคุ้มแล้วนะ ผมต้องส่งน้องๆ ชมรมกีฬาเป็นร้อยคนไปช่วยงานคุณเป็นเดือน เปลืองจะแย่ ไม่รู้แหละ ครั้งนี้ถ้าอยากให้ผมช่วย ผมขอเจอพี่บอส ไม่อยากคุยกับคุณแล้ว”

“ชั้นไม่ตกลง อย่างนายน่ะจะเจอคนของชั้นอีกต้องพิสูจน์ตัวเองมากกว่านี้ เอาเป็นว่าครั้งนี้ฉันมีข้อเสนอดีๆ มาให้ นายจะปฏิเสธก็แล้วแต่”

“อะไรอีก คราวนี้ผมไม่หลงกลหรอกนะ”

“คลิปพร้อมภาพชุดพิเศษของอดีตประธานนักเรียนสุดหล่อ ที่นายชื่นชมสมัยมัธยมไง”

“พี่เซจิ คุณหมายถึงพี่เซจิใช่ไหม ไม่จริง พี่เขาเป็นคนดีมาก ไม่มีทางทำอะไรให้องค์กรจับมาลงโทษได้หรอก”

“คนเราก็มีหลงผิดชั่ววูบกันได้ โทษเขาไม่เยอะหรอก แค่สามคลิปก็ใช้หนี้มูลความผิดหมดแล้ว น่าเสียดายนะที่นายจะไม่ได้เห็น ประธานนักเรียนของนายถ่ายไว้ตั้งแต่สมัยเพิ่งขึ้นปีหนึ่ง ลูกครึ่งญี่ปุ่นหน้าใสกิ๊ก ผิวงี้ขาวเนียนไปทั้งตัว น้องเขาคงแช่ออนเซ็นบ่อยแน่ๆ จุดไหนที่ควรจะเป็นสีชมพูก็เป็นสีชมพูสดใสราวกับเด็กห้าขวบ แล้วตรงท่อนลำนะ อย่านึกว่าหน้าตาน่ารักยังกะเด็กผู้ชายอย่างนี้จะ...”

“ยะ หยุดได้แล้ว อย่าพูดถึงรุ่นพี่ที่ผมเคารพด้วยน้ำเสียงแบบนั้นนะ ผมตกลงแล้ว งานที่คุณสั่งจะรีบทำให้ แล้วส่งมาให้ครบเลยนะ ทั้งรูปทั้งคลิปของพี่เซจิ”

แล้วดูไอพี่โป๊ปทำสุ่มทำเสียงสิ เคยขายแผ่นโป๊มาก่อนเปล่าวะ ถามจริง

“ชั้นเปลี่ยนใจแล้ว นายทำชั้นเสียเวลามามาก ถ้ายังอยากได้คลิปประธานนักเรียนของนายอยู่ นายต้องเอารูปคู่อริเก่าของชั้นมาแลกด้วย”

“คู่อริเก่าของคุณ หมายถึงพี่ธนชัย พนักงานบริษัทที่เคยเรียนเทควนโด้โรงเรียนเดียวกับคุณสมัยเด็กใช่ไหม คุณรู้ได้ไงว่าผมถ่ายเก็บไว้ เขามีลูกมีเมียไปแล้วนะ จะอาลัยอาวรณ์อะไรอีก”

“จะอ๊วก คิดว่าชั้นคิดอะไรกับมันหรือไง นี่ถ้าไอบอสไม่อยากรู้ว่าโตขึ้นมามันเป็นยังไง ยังหุ่นดีหรือเปล่า ชั้นก็ไม่อยากจะได้หรอก อย่าพูดมาก จะเอาไม่เอา ถ้าไม่ตกลงก็บอกลาพี่เซจิของน้องมอมแมมได้เลย”

แล้วผมจะต้านทานได้เหรอครับ เป็นการแลกเปลี่ยนที่โคตรจะไม่เป็นธรรม แต่ก็คุ้มค่า พี่เซจิครับ พี่จะได้เข้ามาอยู่ในคอลเล็คชั่นของผมแล้วนะ คนอะไรทั้งเท่ ทั้งเก่ง ทั้งน่ารัก ไอดอลสมัยมอปลายของผมเลยนั่น

……………………………………………….

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 31] ความเพลี่ยงพล้ำ 21/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 21-02-2016 09:24:50
โอ๊ย น้องเม เพลี้ยงพล้ำอย่างแรงเลย  :m20: โดนหลอกใช้แบบ รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก ถถถถ น้องเมฉลาดแล้วก็ยังตามพี่โป๊บไม่ทันจริงๆ อิพี่โป๊บนี้ก็นะ ย้ำอยู่ได้ว่าตนเองเป็นเบอร์หนึ่งๆ แต่ที่ไม่บอกคือบอสเป็นเบอร์ศูนย์ ฮ่าๆ แน่ะ มีหวงบอสอีกไม่ยอมให้มาเจอน้องเม แต่โป๊บคงเอ็นดูมอมแมมไม่น้อยแหละ เมื่อรู้ว่ารสนิยมหื่นน่ารักเหมือนบอสรุย ความจริงระดับเมน่าจะได้เป็นสมาชิกองค์กรนะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 31] ความเพลี่ยงพล้ำ 21/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 21-02-2016 14:35:12
ทำไมรู้สึกถึงความสามพีที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้55555555
บอสคะ เบอร์หนึ่งมันร้าย
เมก็ตกหลุมรักบอสไปเต็มๆ แล้วสินะ
ไม่รู้ตอนนี้บอสจะคิดอะไรอยู่กันแน่น้า
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 31] ความเพลี่ยงพล้ำ 21/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-02-2016 15:04:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 31] ความเพลี่ยงพล้ำ 21/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 21-02-2016 16:07:24
ดูรูปการณ์แล้วน่าจะเป็นความร่วมมือกันที่ดี ไม่มีดราม่า :laugh:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 31] ความเพลี่ยงพล้ำ 21/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: temaripik ที่ 21-02-2016 17:35:46
โป๊ปนี่ก็ห้วงหวงเนอะ 555
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 31] ความเพลี่ยงพล้ำ 21/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: pakawatkheeta ที่ 21-02-2016 18:36:02
โอย.. เริ่มสนุกแล้วสินะ

แต่ขออย่างได้มั้ยครับ

ช่วยเปลี่ยนสรรพนามพี่โป๊ปที ... แทนตัวว่า "ชั้น" ตลอดเลย ... เลือกเป็น "ผม" หรือ "พี่" น่าจะเข้ากับเรื่องดีนะครับ

 :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 31] ความเพลี่ยงพล้ำ 21/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 21-02-2016 22:11:47
โอ้ล่ะพ่อคร้าา
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 31] ความเพลี่ยงพล้ำ 21/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 23-02-2016 18:54:22
โอ้ยชอบสนุกมากฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  มันระดับอาทิมิสฟาวล์เลยหล่ะครับ

สรรพนาม ชั้น ถูกแล้วแหละครับ เพราะแสดงถึงความไม่เป็นกันเอง เพราะแน่นอนว่าไม่ถูกกันแอบมาชอบบอสได้ยังไงฮิอิ

หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 31] ความเพลี่ยงพล้ำ 21/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: shokung ที่ 24-02-2016 01:00:38
อ่านรวดเดียวจนจบ สนุกมากๆครับ

บอสกับเมนี่คล้ายกันจริงๆ แทบจะถอดแบบกันเลย
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 31] ความเพลี่ยงพล้ำ 21/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: GGamy ที่ 26-02-2016 17:59:46
แมะ เป็นข้อแรกเปลี่ยนที่คุ้มค่าจริงๆ
ขนาดบอสไม่แสดงตัวนะเนี้ย ยังส่งพลังหื่นได้ขนาดนี้  :hao6:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 32] ครั้งที่สามของการพบกันครั้งแรก 28/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 28-02-2016 21:28:02
องค์กรลวงจิต Explicit Content

บทที่ 32 ครั้งที่สามของการพบกันครั้งแรก

[เมธัส]

แม้ผมจะค่อนข้างเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ แต่การร่วมมือกับไอพี่โป๊ปที่ผ่านมาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก ถึงจะดูโหดและเด็ดขาดแต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้เป็นคนเจ้าอารมณ์หรือไม่มีเหตุผล ที่ผมต้องระวังก็แค่ไม่ไปถามถึงพี่บอสให้พี่แกอารมณ์เสียเท่านั้นเอง สิ่งแลกเปลี่ยนที่พี่โป๊ปขอมันก็ไม่ใช่ว่าจะเหลือบ่ากว่าแรงอะไร ส่วนใหญ่จะเป็นการขอแรงงานน้องๆ ในสังกัดผมไปช่วยงานที่ต้องอาศัยคนเยอะๆ อย่างพวกการทำสำรวจความเห็นหรือเก็บข้อมูลอะไรบางอย่าง อีกส่วนก็เป็นการขอให้เส้นสายในสมาพันธ์ของผมทำเรื่องบางอย่างให้ ซึ่งโชคดีที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่จนเป็นที่ผิดสังเกตว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับงานของสมาพันธ์ จริงๆ หลายๆ ครั้งผมก็อยากปฏิเสธไปเหมือนกัน แต่ไอพี่โป๊ปก็จับจุดผมได้ทุกครั้ง จนผมอดเอ่ยปากถามไม่ได้

“ครั้งที่แล้วผมมก็ยอมพี่ไปแล้วนะ ถามจริงๆ เถอะ พี่ก็เพิ่งรู้จักผมได้ไม่ถึงสองเดือน ทำไมถึงจับทางผมได้ตลอด เดาใจได้ยังกะรู้จักกันมานาน”

ผมถามขึ้นตอนที่กำลังเจรจางานล่าสุดกับไอพี่โป๊ป ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ที่จริงเรื่องการอ่านใจคนหรือชั้นเชิงด้านการเจรจา คนที่ได้รับการฝึกจากตระกูลมาตั้งแต่เด็กอย่างผมก็ไม่น่าจะแพ้นะ แต่พอพี่แกเอาเรื่องอย่างว่ามาล่อ ทำไมผมเสร็จทุกที

พี่โป๊ปเหยียดยิ้มแบบที่ทำให้ใบหน้าหล่อดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมานิดๆ

“เด็กหื่นๆ อย่างมึงจะไปมีอะไร กูรู้จักคนๆ นึงที่หื่นกว่านี้อีก แล้วกูก็รู้ใจมันทุกอย่างด้วย ในเรื่องแบบนี้ มึงมันก็ไม่ต่างอะไรกับคนๆ นั้นของกูเท่าไหร่ แถมสกิลยังต่ำกว่าด้วย เพราะงั้นเรื่องเดาใจมึงว่าจะเอาอะไรมาล่อ มันหมูๆ”

โอเค ผมเก็ทล่ะ คนๆ นั้นของไอพี่โป๊ปคงไม่พ้นพี่บอส ถึงพี่โป๊ปจะไม่ชอบให้ผมพูดหรือถามถึงพี่บอส แต่ตัวแกเองนั่นแหละ คุยๆ ไปก็ชอบหลุดอะไรที่เกี่ยวกับพี่บอสออกมาเองตลอด ผมเป็นคนความจำดีซะด้วย มีอะไรนิดอะไรหน่อยผมสามารถจับมาเชื่อมโยงกันได้หมด ที่จริงคนที่เก่งและฉลาดอย่างพี่โป๊ป ถ้าไม่อยากให้ผมรู้เรื่องพี่บอสก็ไม่น่าจะหลุดออกมาเยอะขนาดนี้ แต่พอวิเคราะห์ตามทักษะการอ่านใจคนที่ผมฝึกฝนมา ผมคาดว่าความคิดและการกระทำของพี่แกเกินครึ่งมันเกี่ยวข้องกับพี่บอสอยู่แล้ว เลยพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว

แต่ที่ยอมไม่ได้คือมาหาว่าผมหื่นนี่แหละ แถมเอาไปเทียบกับพี่บอสที่โคตรหื่นอีกอีก ถึงผมจะยังไม่รู้จักกับพี่บอสเป็นการส่วนตัว แต่ก็พอจะวิเคราะห์ได้คร่าวๆ จากสิ่งที่องค์การทำและสิ่งที่พี่โป๊ปหลุดปากพูดถึงออกมาบ่อยๆ ว่าพี่บอสน่าจะหื่นตัวพ่อ พี่โป๊ปซะอีกที่เป็นถึงเบอร์หนึ่งขององค์กรใต้ดินสุดหื่นแต่กลับดูท่าทางไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ผมเคยแอบคิดว่าพี่โป๊ปอาจจะไม่ได้เป็นเกย์ด้วยซ้ำ

ผมเลยตอบกลับไปอย่างสุภาพอย่างทุกที ถึงหลังๆ พี่โป๊ปจะขึ้นมึงกูกับผมตลอด ผมจะถือว่านั่นเป็นการแสดงความสนิทสนมในแบบของแกแล้วกัน

“ผมไม่ได้หื่นนะ ที่ผมยอมทำงานแลกคลิปพวกนั้นเพราะแค่อยากสะสมเท่านั้นเอง มันก็อารมณ์เหมือนสะสมนาฬิกา รองเท้า หรือโมเดลกันดั้ม อะไรเทือกๆ นั้นแหละ”

ผมโต้กลับเพื่อให้พี่โป๊ปเข้าใจว่าผมไม่ได้เป็นเกย์ แล้วก็ไม่ได้หื่นแบบพี่บอสด้วย แค่ชื่นชมในสรีระของผู้ชายอยู่บ้าง พอเจอที่ชอบก็อยากสะสม ยิ่งเป็นของคนที่ผมรู้จักก็ยิ่งอยากเก็บให้ได้มากที่สุด พอสะสมมากๆ เข้า มันก็หยุดไม่ได้เท่านั้นเอง เข้าใจผมนะครับ

“ยังจะมาปากแข็งอีก หื่นก็บอกว่าหื่นสิว้า ทีคนรู้จักของกูนะ มันยอมรับว่าตัวเองหื่นตั้งแต่มอต้นเลยมั๊ง ไม่เห็นเป็นไร ถึงยังไงเรื่องแบบนี้มันก็เป็นสันดานผู้ชายอยู่แล้ว ถึงหื่นก็ยังน่ารักได้”

ชัวร์ครับ หลุดพูดถึงพี่บอสอีกตามเคย ผมน่ะเก็บข้อมูลไว้ได้เพียบเลยนะครับ ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองรู้จักคุ้นเคยกับพี่บอสเข้าไปทุกทีทั้งๆ ที่หลังจากครั้งนั้นแล้วก็ไม่ได้เจออีกเลย ไม่รู้สิ ผมว่าทั้งพี่บอสและพี่โป๊ปเป็นคนที่น่าสนใจ อย่างพี่โป๊ปนี่ คนอะไรจะทั้งเก่งทั้งฉลาดขนาดนี้ อ่านความคิดก็ยาก เป็นคนที่ผมไม่รู้จะทำยังไงถึงจะบงการหรือใช้ประโยชน์ได้เหมือนที่ผมใช้งานคนอื่น ผมเคยพยายามลองๆ ดูแต่ก็รู้ว่ายากที่จะสำเร็จ สุดท้ายผมก็เลยต้องปลงว่า คนอย่างพี่โป๊ป คงคบได้แบบเพื่อน แบบพี่ อย่าไปหวังประโยชน์อะไรให้ยาก

พอรู้จักพี่โป๊ปก็ทำให้ยิ่งอยากรู้จักพี่บอส หมายถึงแบบรู้จักกันจริงๆ ที่ไม่ใช่ผ่านสิ่งที่พี่โป๊ปหลุดปากออกมา ผมว่าถ้าไม่นับเรื่องหื่น พี่เขาเป็นคนมีอุดมการณ์และเป็นคนจิตใจดีมากนะครับ ดูจากสิ่งที่เขาทำ แต่ผมไม่กล้าไปแอบตามพี่เขาแบบครั้งก่อนหรอก พี่โป๊ปขู่ไว้ แถมผมยังเสียวๆ ด้วยว่าเจอจริงๆ จะถูกสะกดจิตเอาอีก

นั่นก็เลยทำให้ผมตกใจปนสมหวัง เมื่อพี่บอสเป็นฝ่ายเข้ามาหาผมเองถึงห้องสมุดที่มหาลัยหลังจากนั้นไม่กี่วัน

“พี่บอส....” ผมเรียกชื่อพี่เขาออกมาโดยไม่ตั้งใจ หลังจากเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมามองเมื่อรู้สึกว่ามีคนมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“จำพี่ได้จริงๆ ด้วย น้องมอมแมม พี่เรียกชื่อนี้นะ น่ารักดี”

พี่บอสยิ้มให้อย่างคนอัธยาศัยดี ตัวเป็นๆ นี่โคตรของโคตรหล่อ เอาจริงๆ ถึงผมจะเคยเจอพี่บอสมาก่อนหน้านี้มาแล้วถึงสองครั้งแต่ก็ถูกลบความทรงจำไปหมด เพราะงั้นใบหน้าของพี่บอสในหัวของผมถึงเป็นแค่ภาพจากคลิปวิดีโอที่ผมแอบถ่ายไว้

ผมไม่รู้ว่าพี่บอสมีวัตถุประสงค์อะไร พี่เขาจะมาทำอะไรผมหรือเปล่าฐานที่รู้ความลับของเขา ถึงผมจะติดต่อกับพี่โป๊ปแต่ทางโน้นก็ไม่เคยบอกว่าพี่บอสคิดยังไงกับสิ่งที่ผมทำ ผมเริ่มคิดหาทางออก ถ้าหลับตาคุยผมจะรอดจากการสะกดจิตไหม หรือผมควรจะวิ่งหนีไปเลย แต่ก็เสียดายโอกาสที่จะได้คุยกับพี่บอสอีกครั้งอยู่มาก ผมเลยตัดสินใจหยั่งเชิงตอบพี่บอสไปโดยสายตายังทำเป็นมองหนังสือเรียนอยู่

“ถ้าอยากเรียกชื่อนั้นจริงๆ ก็เรียกผมว่ามอมเฉยๆ แล้วกันครับ พี่มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”

ถ้ารู้ชื่อเล่นจริงๆ ของผม พี่บอสคงรู้เรื่องอื่นๆ ของผมมาพอสมควรแล้ว

“มีอะไรอยากคุยกับเรานิดหน่อย ว่าแต่วันนี้แอบอัดคลิปอีกหรือเปล่า”

ผมรีบส่ายหน้า ก็ไม่มีจริงๆ นั่นแหละ ใครจะไปรู้ว่าอยู่ๆ พี่แกจะมาหาถึงถิ่นแบบนี้

“ดี คราวนั้นแสบมากเลยนะ นึกไม่ถึงว่าจะซ่อนกล้องไว้ พี่ไม่เคยพลาดขนาดนั้นมาก่อน แต่ไม่ต้องกลัว คราวนี้พี่ไม่ลบความจำเราแล้วล่ะ เราก็รู้เรื่ององค์กรเยอะแล้วนี่”

ผมค่อยโล่ง คนที่สะกดจิตคนได้เป็นว่าเล่นอย่างพี่บอสไม่มีความจำเป็นจะต้องมาหลอกให้ผมตายใจ ผมว่างั้นนะ ตอนนี้ผมเลยรีบเงยหน้ามองหน้าหล่อๆ ของพี่บอสแบบเต็มๆ โดยไม่กลัวว่าจะถูกสะกดจิตอีก ฟินมากครับ ดีกว่าภาพในวิดีโอเป็นร้อยเท่า พี่เขาหล่อมากนะครับ จริงๆ พี่โป๊ปก็หล่อสูสี แต่พี่บอสถึงจะหล่อแบบผู้ชายแต่ก็ดูน่ารักไปในคราวเดียวกัน ไม่รู้บุพการีพี่เขาปั้นมายังไง คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ พี่ก้อนดิน พี่รากแก้ว น้องมอมแมมจะเอาคนนี้

“พี่รู้เรื่องทั้งหมดจากพี่โป๊ปแล้วใช่ไหม ผมไม่ได้คิดไม่ดีกับพวกพี่นะครับ แล้วตอนนี้ผมก็ช่วยงานองค์กรอยู่ด้วย”

ผมรีบรายงานเพื่อทำคะแนน

“พี่รู้แล้ว แต่ไม่ได้รู้จากไอโป๊ปหรอกนะ มันปิดเงียบเลย เล่นมาคุยกับน้องน่ารักๆ แบบนี้คนเดียว”

เอิ่ม พี่ครับ อย่างผมนี่ ผู้ชายแท้ๆ แมนๆ ไม่น่าจะเรียกว่าน่ารักได้ แต่ก็เอาเถอะ ผมยังคิดว่าพี่บอสน่ารักเลย

“พี่โป๊ปเขาก็ไม่ได้อะไรกับผมหรอก เรื่องงานล้วนๆ ผมอยากเจอพี่บอสจะตาย แต่พี่โป๊ปน่ะกันท่า ไม่ยอมให้ผมเข้าไปเกี่ยวข้องกับพี่เลย”

พี่บอสตบโต๊ะดังปัง จนเด็กที่นั่งอ่านหนังสือห่างออกไปหลายโต๊ะหันมาทำท่าตำหนิใส่ผม เปล่านะเพื่อน กูไม่ได้ทำ

“ว่าแล้วเชียว นี่พี่เลยจะมาถามว่า พวกนักศึกษาจากมอนี้ที่ไปสะกดรอยตามพี่เมื่อสองสามเดือนก่อนนี่ ฝีมือเราใช่ไหม”

“ใช่ครับ” ผมตอบเสียงอ่อยๆ พี่บอสคงมาต่อว่าที่ผมส่งคนไปรบกวนแน่เลย

“แล้วจู่ๆ หยุดไปทำไม” พี่แกเล่นถามด้วยเสียงเคืองๆ ครับ ทำเอาผมงงไปเลย

“อะ อ้าว ก็พี่รำคาญเลยให้พี่โป๊ปมาขู่ผมให้เลิกยุ่งกับพี่ไม่ใช่เหรอ”

ผมบอกไปตามที่เข้าใจ

“แม่ง ว่าแล้ว ฝีมือไอโป๊ป มารความสุขจริงๆ”

พี่บอสบ่นพึมพำ แล้วหันมาคุยกับผมต่อ

“หนุ่มๆ หุ่นดีๆ ทั้งนั้น มาแทบไม่ซ้ำหน้า เราไปหามาจากไหนวะ พี่โคตรชอบเลย พอคนไหนเริ่มได้ข้อมูลพี่ไปเยอะแล้ว พี่ก็จับมาเล่นสนุกนิดหน่อยแล้วก็ขู่ไปเล่นๆ แค่นี้ก็เผ่นแนบกลับไปแล้ว นึกถึงหน้าอ่อนๆ ที่เหรอหราเวลาพี่ให้ดูคลิปเสียวของตัวเอง แต่ละคนคิดเกือบตายว่าไปถ่ายคลิปน่าอายแบบนั้นเมื่อไหร่ ฮ่าๆ สนุกจัง”

เอิ่ม แค่คุยกันไม่กี่ประโยค พี่บอสก็เผยความหื่นชนิดจัดเต็มมาแล้วครับ สงสารน้องๆ ที่ผมส่งไปจัง

“เอ่อ พี่ไม่ได้ทำรุนแรงกับน้องๆ เขาใช่ไหมครับ แล้วพวกคลิปพวกนั้นคงไม่ได้เผยแพร่ออกไปใช่ไหม”

“ใครจะไปทำลง เด็กดีๆ น่ารักๆ ทั้งนั้น ไม่ได้ไปทำผิดอะไร พี่ไม่ทำอะไรหรอกน่า พอเลิกตามพี่ ไม่กี่วันน้องๆ ก็ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นกันหมด ที่จริงเด็กพวกนี้ก็ถือว่าเป็นรุ่นน้องพี่นะ พี่ก็จบจากที่นี่เหมือนกัน”

อันนี้เป็นความรู้ใหม่เลยครับ ถึงก่อนหน้านี้ผมจะสืบหาเจอแต่ว่าพี่โป๊ปจบที่นี่แล้วไม่เจออะไรเกี่ยวกับพี่บอสเลยก็เถอะ แต่ผมก็ไม่แปลกใจหรอก

“งั้นผมก็รุ่นน้องพี่เหมือนกัน”

ผมรีบเก็บแต้มต่อครับ เน้นให้พี่เขารู้สึกเอ็นดูผมบ้าง

“ถึงรุ่นน้องแต่ถ้าทำอะไรไม่ดีพี่ก็ไม่ละเว้นนะ ยิ่งหล่อๆ ด้วยยิ่งต้องสั่งสอน อย่างเรานี่ก็ร้ายไม่เบานะ ผู้บัญชาการตระกูลหลัก”

ผมหัวเราะแหะๆ หวังว่าสมาพันธ์คงไม่ได้ไปทำอะไรที่พี่เขาคิดว่าไม่ดีนะ ไม่งั้นผมคงรอดยาก

“ผมไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีนะครับ ทำตามที่พี่โป๊ปบอกทุกอย่างเลย”

“นั่นไงที่พี่ไม่ปลื้มเท่าไหร่ ไปฟังมันมากทำไม พอหยุดส่งน้องๆ มา พี่เลยไม่ค่อยมีที่ระบาย ต้องกลับไปสะกิดไอโป๊ปเหมือนเดิม มันทำงานก็เหนื่อยแล้ว พี่ไม่อยากกวนมันมาก”

ดูเค้าแคร์กันแปลกๆ นะ ผมไม่แน่ใจว่าเดาเรื่อง ‘สะกิด’ อะไรนี่ถูกไหม ถ้าเป็นอย่างที่คิด ผมก็อยากจะอาสาแทนจัง แต่สังหรณ์ใจว่าอายุอาจจะไม่ยืน เลยไม่ได้พูดออกไป

“ก็แค่นี้แหละที่อยากจะมาถาม ว่าแต่พี่ทึ่งมากนะที่เราเอาพวกชมรมต่างๆ เข้ามาอยู่ในสังกัดได้ เผลอๆ เจ๋งกว่าพลังสะกดจิตของพี่อีก ว่าแต่ถ้าไม่ติดอะไร ก็ส่งคนมาสะกดรอยตามพี่ได้ใหม่นะ”

“แล้วพี่โป๊ปเขาจะไม่ว่าเอาเหรอครับ เขาเป็นเบอร์หนึ่งขององค์กรสั่งไว้ ถึงพี่บอสจะใหญ่รองลงมาก็ไม่ควรขัดคำสั่งไม่ใช่เหรอ”

ผมก็ว่าไปตามอำนาจการสั่งการครับ คิดว่าขององค์กรก็คงเหมือนที่สมาพันธ์ ผู้มีอำนาจสูงสุดสามารถสั่งได้ทุกคนโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ไม่งั้นจะบริหารองค์กรใต้ดินแบบนี้ได้ยังไง

“ไอโป๊ป กล้ามาก หลอกเด็กแบบหน้าด้านๆ จะเล่ายังไงดี เออ มันก็เบอร์หนึ่งจริงๆ นั่นแหละ แต่พี่เป็นเบอร์ศูนย์ไง”

แล้วพี่โป๊ปก็เล่าถึงเรื่องเบอร์ศูนย์กับเบอร์หนึ่งกับอำนาจการบริหารองค์กรจนผมเข้าใจ เฮ้อ โดนสับขาหลอกอีกแล้ว ไอพี่โป๊ปมันก็ทำให้ผมเข้าใจผิดได้โดยไม่ต้องพูดโกหกซักนิด งั้นผมควรจะมาเกาะกับคนที่ใหญ่ที่สุดดีกว่า #ทีมพี่บอส ดีที่สุด

ผมได้ทีที่จะหาโอกาสสนิทสนมกับพี่บอสให้มากขึ้น ถึงจะคุยกันได้ไม่นาน ผมว่าพี่บอสใจดีกว่าเห็นๆ อำนาจก็เยอะกว่า แถมไม่ค่อยเจ้าเล่ห์ด้วย พี่บอสจะได้กันไม่ให้พี่โป๊ปมาใช้งานผมเยอะๆ ด้วย แต่ผมคงต้องแน่ใจอีกเรื่องหนึ่งก่อน

“เรื่องที่จะให้ผมส่งคนไปให้พี่เล่นสนุกอีกจะเอาจริงเหรอครับ ถึงพี่จะเป็นผู้นำองค์กรตัวจริง พี่โป๊ปเขาจะไม่ว่าเอาเหรอ ถึงยังไงเขาก็เป็นแฟนพี่”

ผมกลั้นใจโยนหินถามทางเรื่องที่สองคนนี่เป็นแฟนกันออกไป จริงๆ ผมอยากถามประเด็นนี้กับพี่โป๊ปตั้งนานแล้ว แต่คาดว่าแค่อ้าปากคงถูกกินหัวแน่ๆ พอเป็นพี่บอส คิดว่าน่าจะปลอดภัยพอที่จะถามได้

“ฮ่า ฮ่า เอาอะไรมาคิดวะ เพื่อนกันเฉยๆ จริงๆ สมัยก่อนพี่คุ้นๆ ว่า เคยเผลอไผลถามมันไปเหมือนกันว่าเป็นแฟนกันไหม มันก็หาว่าล้อเล่นแล้วเปลี่ยนเรื่องเฉยเลย พี่ว่ามันคงไม่อยากปฏิเสธออกมาตรงๆ”

อันนี้ผิดคาดไปมาก ผมว่าทางฝั่งพี่โป๊ป ถึงจะอ่านยากยังไง แต่เรื่องนี้ผมว่าผมดูไม่ผิด ยิ่งเห็นการกระทำยิ่งชัด แต่พี่บอสก็ยืนยันขันแข็งว่าไม่ใช่ หรือจะเป็นแค่อาการหวงเพื่อน ส่วนฝั่งพี่บอสล่ะ คิดยังไง ผมอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

“แล้วพี่บอสล่ะ รักพี่โป๊ปหรือเปล่า”

“อยากรู้อะไรมากมายฮะเรา ตอนนี้พี่ไม่ได้รักมันแบบนั้นแล้ว”

ผมจับจ้องไปที่ใบหน้าของพี่บอสตอนที่ตอบคำถามนั้นออกมา ไม่มีวี่แววของการโกหก อย่างน้อยผมก็อ่านไม่ออก หรือว่าจะเป็นอย่างที่พี่บอสว่าจริงๆ แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้องอยู่ดีในความรู้สึกของคนทั้งคู่ เอาเถอะ ตอนนี้ผมคงพักเรื่องนี้ไว้ก่อน

“ถ้าไม่มีเรื่องนั้นก็แล้วไปครับ คืองี้ครับ ผมว่าพี่บอสไม่ต้องเหนื่อยสะกดจิตพวกเด็กๆ เองหรอก พวกชมรมกีฬาน่ะเด็กผมทั้งนั้น ผมพาพี่ไปทัวร์ทีละชมรมดีกว่า ยังไงผมก็ต้องไปทักทายให้กำลังใจพวกมันบ่อยๆ อยู่แล้ว เวลามีซ้อมหรือมีแข่งผมพาพี่เข้าไปดูที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านักกีฬาได้เลย เด็กๆ พวกนี้เวลาเปลี่ยนชุดหรืออาบน้ำมันไม่อายกันหรอก”

“จริงๆ เหรอ” พี่บอสทำท่าสนใจ ผมคิดไม่ผิดเลยจริงๆ

“ผมรู้ว่าพี่สะกดจิตคนให้ทำอะไรๆ ได้หื่น ได้พิศดารกว่านี้ แต่นี่หนุ่มๆ อยู่กันแบบธรรมชาติเลยนะครับ เปลือยกันแบบแมนๆ บางทีก็หยอกกันแกล้งกันเอง ไม่ได้ถูกบังคับ ผมว่ามันคงให้อารมณ์แปลกใหม่ไปอีกแบบ พี่ว่าน่าสนใจไหม ถ้าพี่ไม่บอกพี่โป๊ป เดี๋ยวผมพาไปดู”

จริงอยู่ที่ผมอ่านความคิดของคนฉลาดเจ้าเล่ห์อย่างพี่โป๊ปแทบไม่ออก แต่พอเป็นพี่บอส ผมกลับเข้าใจความคิดพี่เขาได้อย่างง่ายดาย อย่างน้อยก็ตรงส่วนความหื่นนี่แหละ ไม่รู้เพราะผมฟังเรื่องพี่บอสจากพี่โป๊ปมาเยอะ หรือเพราะพี่บอสกับผมมีความคิดที่ตรงกันในเรื่องนี้ ไม่สิ คงไม่ใช่อย่างหลัง เพราะผมไม่ใช่คนที่หื่นเหมือนพี่บอสนี่นะ จะอะไรก็แล้วแต่ เอาเป็นว่าข้อเสนอของผมน่าจะเป็นที่ถูกใจพี่บอสไม่น้อย ก็ฉากในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านักกีฬานี่ มันน่าจะติดหนึ่งในสิบของเรื่องที่เกย์หนุ่มๆ ฝันถึงมากที่สุด

“ถ้าพี่จำไม่ผิด ที่มหาลัยเรานี่ มีเป็นยี่สิบสามสิบชมรมกีฬาเลยใช่ไหม”

มหาลัยผม เรียนดี กิจกรรมเด่น สนับสนุนมันทุกอย่าง ชมรมกีฬาเลยมีเกือบตั้งสามสิบชมรม สมาชิกก็มีตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อย

“ใช่พี่ แล้วมันน่าดูตรงไหนรู้ไหมครับ จริงๆ พี่คงพอทราบอยู่แล้วว่า หุ่นนักกีฬาแต่ละประเภทมันจะมีเอกลักษณ์เฉพาะ อย่างนักว่ายน้ำ ช่วงบนกล้ามอกกล้ามไหล่จะใหญ่ส่วนเอวจะค่อนข้างกิ่ว นักวิ่งจะหุ่นเพียวๆ นักบอลช่วงขาจะล่ำๆ นักแบดจะมีกล้ามเนื้อแน่นพองามแบบปราดเปรียว ขนาดนักยกน้ำหนักกับนักเพาะกายก็ยังมีกล้ามใหญ่ไปคนละแบบ พวกนี้มันเป็นเสน่ห์ของหนุ่มๆ แต่ละชมรม รับรองไม่มีเบื่อเลยครับ”

พี่บอสกลืนน้ำลายแล้วร้องออกมา

“โอ๊ย ใครจะไปเบื่อกัน กล้ามชัดๆ แกร่งๆ แบบนักมวยก็ดีนะ พี่ว่า”

“ใช่พี่ วันนี้เราลองไปเซิร์ฟๆ ชมรมเล็กๆ ก่อนดีไหมครับ ผแนะนำเป็นชมรมฟันดาบก่อน อาจจะจำนวนคนไม่เยอะไม่ละลานตา แต่ก็อบอุ่นเป็นกันเอง ทีเด็ดคือมีเดือนนิติปีสองอยู่ด้วย ผมใบ้ให้ว่าดาบส่วนตัวของน้องเขา ทั้งขนาดทั้งสีสันไม่ธรรมดาเลย”

“ไปเว้ย น้องมอม ห้าโมงแล้ว ไปเปิดห้องซ้อมกันเลย”

พี่บอสเข้ามาลากคอผมเหมือนจะไปให้ได้เดี๋ยวนั้นจนผมเก็บของแทบไม่ทัน จะว่าไปผมก็รู้สึกดีนะที่พี่เขาให้ความสนิทสนม พี่บอสมีโอกาสจะเป็นอะไรหลายๆ อย่างสำหรับผมได้ เป็นไอดอล เป็นพี่ชาย เป็นนิ้วกลาง หรืออาจจะเป็นได้แม้แต่นิ้วนาง

..............................................................
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 32] ครั้งที่สามของการพบกันครั้งแรก 28/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-02-2016 21:30:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 32] ครั้งที่สามของการพบกันครั้งแรก 28/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 28-02-2016 21:35:10

ตอนที่ผมพาพี่บอสเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของชมรมต่างๆ ผมแนะนำว่าพี่บอสเรียนที่มหาลัยนี่แหละ มาช่วยงานและเป็นที่ปรึกษาด้านกิจกรรมต่างๆ ให้ผม น้องๆ ก็ซุบซิบคุยกันจนผมจับใจความได้ว่า น้องๆ เข้าใจว่าพี่บอสเป็นเพื่อนผม คงเพราะหน้าตาพี่เขาดูเด็ก ทั้งที่ถ้านับตามรุ่นจริงๆ พี่บอสน่าจะแก่กว่าผมซักสี่ห้าปีได้ แต่ที่น้องๆ สงสัยคือทำไมไม่เคยเห็นหน้าพี่บอสในมหาลัยเลย ทั้งๆ ที่หล่อสะดุดตาขนาดนี้ ขอโทษเถอะนะ ถึงตอนนี้เห็นแล้ว เดี๋ยวพวกเอ็งก็ลืม บางคนก็เป็นคนที่ผมเคยให้ไปสะกดรอยพี่บอสด้วยซ้ำ ก็ยังจำไม่ได้

แล้วก็ตามคาดละครับ พอน้องเห็นว่าพี่บอสเป็นเพื่อนผม เป็นคนที่ผมไว้ใจ พวกมันก็ทำตัวกันตามสบายเหมือนเดิม จะใส่จะถอด ล้วงแคะแกะเกา ก็ทำกันเต็มที่ ไอเด็กพวกนี้ไม่รู้เป็นอะไร ชอบเข้ามาคุยกับผมทั้งเปลือยๆ กับพี่บอส พวกมันก็ไม่อาย อาบน้ำเสร็จ

บางชมรมที่ผมสนิทด้วยหน่อย ขนาดผมไม่ได้ซ้อมกีฬาอะไรด้วยซักนิด พวกมันยังมาชวนผมไปอาบน้ำหมู่ด้วยกันเลย กับเด็กพวกนี้ผมไม่ค่อยอายหรอกครับ เพราะทุกชมรมผมก็เคยไปโชว์มาหมดแล้ว มากบ้างน้อยบ้าง แต่ผมเขินพี่บอสที่ตามมาดูอย่างสนใจนี่สิ เคยไหมครับที่ถ้าเป็นคนที่เราปลื้ม เราจะอยากให้เขาเห็นแต่แง่มุมดีๆ ของเรา แล้วถ้าผมไปแก้ผ้าอาบน้ำกับไอพวกลิงนั่น พี่บอสจะยังมองผมเป็นคนเท่ๆ อยู่หรือเปล่า แต่คิดอีกที ผมเคยโชว์อะไรที่น่าอายกว่านั้นให้พี่บอสเห็นจะๆ ตามาแล้วนี่น่า ถึงจะถูกสะกดจิตก็เถอะ งั้นผมคงไม่ต้องอายอะไรแล้วใช่ไหม

ถึงไอจั๊มพ์เพื่อนผมจะวางมือจากการเป็นกัปตันชมรมไปแล้ว แต่ชมรมบาสก็ยังเป็นชมรมที่ผมสนิทด้วยที่สุด อาจเพราะเป็นชมรมแรกที่ผมมาโชว์ หรือเพราะกัปตันคนปัจจุบันก็คือไอฟีฟ่าน้องรักนิ้วโป้งของผมนี่เอง ชมรมนี้เลยเป็นชมรมแรกที่ผมไปอาบน้ำร่วมกับเด็กๆ ให้พี่บอสดู แต่ผมไม่ได้แก้ผ้าหมดหรอกครับ ของแบบนั้นเก็บไว้เป็นแรงจูงใจสำหรับโอกาสพิเศษจริงๆ อย่างได้แชมป์รายการใหญ่ๆ ผมนุ่งบ๊อกเซอร์สีขาวตัวเดียว ส่วนไอพวกเด็กๆ นะเหรอ พอผมรับคำ ก็ถอดผ้าถอดผ่อนวิ่งโทงๆ ไปรอที่ฝักบัวรวมแล้ว นำโดยไอฟีฟ่านี่เลย

ผมลอบมองพี่บอสซึ่งก็เห็นมองไปที่พวกเด็กๆ อย่างไม่วางตา ผมกะแล้วว่าถึงพี่บอสจะผ่านเรื่องหื่นๆ มาเยอะจากงานขององค์กร แต่พื้นฐานแกเป็นคนจิตใจดี ย่อมน่าจะชอบคนที่เป็นคนดีด้วย พวกนักโทษขององค์กร ถึงจะหล่อเหลาแซ่บเวอร์ขนาดไหน แต่ส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นคนเลวหรือไม่ใช่คนจิตใจดีเท่าไหร่ พอมาเจอเด็กนักกีฬามหาลัยที่สดใสสมวัย ศึกษาดี พื้นฐานครอบครัวก็อบอุ่น น่าจะทำให้พี่บอสชื่นชมได้ไม่ยาก เหมือนที่ผมรักเด็กๆ พวกนี้เหมือนน้องเหมือนนุ่งมาแล้ว นี่ยังไม่พูดถึงว่ารูปร่างหน้าตาของเด็กๆ ส่วนใหญ่ก็ไม่ธรรมดา ผมกวาดตามองเรือนร่างเปล่าเปลือยของน้องๆ ที่กำลังเตรียมตัวอาบน้ำกันอยู่แล้วก็ต้องชมในใจ พวกเด็กปีหนึ่งสมาชิกใหม่ที่ก่อนหน้านี้ ยังตัวแห้งๆ บางๆ อยู่เลย ตอนนี้มีกล้ามเนื้อขึ้นมาเห็นได้ชัด สมกับที่ฝึกซ้อมอย่างตั้งใจมาโดยตลอด ไม่ต้องพูดถึงพี่ปีสูงๆ ที่ตอนนี้หุ่นดียิ่งกว่านายแบบ เป็นกล้ามเนื้อแบบนักกีฬาจริงๆ ไม่ใช่แบบเน้นปั๊มกล้ามเป็นส่วนๆ

พวกนักบาสนี่หุ่นจะมีกล้ามอกกล้ามแขนจะเยอะหน่อย กล้ามส่วนอื่นๆ ก็จะมีแบบสมส่วน ความสูงเฉลี่ยที่มากกว่านักกีฬาประเภทอื่นทำให้พวกนักบาสดูเท่สาวกรี๊ดได้จริงๆ ส่วนขนาดท่อนลำนี่ผมไม่รู้ว่ามันสัมพันธ์กับส่วนสูงหรือเปล่า แต่จากที่ตระเวณดูมาทุกชมรมแล้วบอกได้คำเดียวว่าอลังการ

“พี่เม เข้ามาอาบน้ำได้แล้ว ยืนเหม่ออะไรอยู่ได้ มาๆ มาเล่นน้ำกัน” ไอฟีฟ่าส่งเสียงเรียกครับ เห็นมันเปลือยๆ เทียบกับคนอื่นแบบนี้แล้วก็ดูเป็นหนุ่มหล่อมีเซ็กส์แอพพีลอยู่มากเหมือนกัน ปกติมันชอบไปแก้ผ้าเล่นที่คอนโดผมก็ไม่ได้นึกอะไรเท่าไหร่

อาบๆ ไป พวกน้องๆ ก็เริ่มมานัวเนียผมมากขึ้น บางคนมาช่วยถูหลังให้ บางคนก็มานวดบ่าให้ อีกส่วนมาอ้อนขอให้ผมถูสบู่ให้ มาถามว่าหุ่นดีหรือยังควรปรับปรุงส่วนไหน โอ๊ย จะเป็นลม เด็กๆ ใสๆ ทั้งนั้น ท่อนลำของหลายคนก็เริ่มคึกคักกึ่งแข็งตัวขึ้นมา ยิ่งนัวเนียของก็ยิ่งขึ้น ผมว่ามันเริ่มจะเยอะไปเดี๋ยวกลายเป็นหนังเกย์ขึ้นมาพี่บอสจะคิดยังไง

“เฮ้ย วันนี้น้องๆ เป็นอะไรวะ มานัวมาอ้อนกันจัง”

ผมคว้าคอไอฟีฟ่าเข้ามากระซิบถาม โดยต้องระวังไม่ให้ท่อนลำอันเขื่องแข็งโป๊กของมันมาเบียดเข้ากับเป้าผม

“มันคิดถึงพี่กัน พี่ไม่ได้มาจอยกับพวกมันแบบนี้นานแล้ว แล้วก็วันนี้พี่มีแขกมาด้วย มันเลยอยากอวดกันให้เพื่อนพี่เห็นว่าพวกมันสนิทกับคนดังอย่างพี่มาก เด็กๆ มันก็ขี้อวดอย่างนี้แหละ มันคงไม่ทำอะไรเกินเลยไปกว่านี้หรอก”

อ๋อ อย่างนี้นี่เอง แต่พอฟีฟ่าพูดยังไม่ทันขาดคำ น้องปีสองตัวสูงใหญ่ที่ฝีมือดีจนได้เป็นเซนเตอร์ก็เริ่มสาวท่อนลำสีเข้มของตัวเองอย่างจริงจัง นอกจากขนาดจะใหญ่น่าเกรงขามแล้วความยาวยังเกินมาตรฐานไปมากโข เสียงน้ำเฉอะแฉะดังตามจังหวะของหัวบานใหญ่สีชมพูคล้ำผลุบโผล่อยู่ในอุ้งมือหนา น้องหน้าตาหล่อเข้มแบบไทยๆ คิ้วหนา ริมฝีปากหยักสวยอ้าออกเพื่อส่งเสียงครางเบาๆ น้องหันมาสบตากับผมเมื่อเห็นว่าผมจ้องมองการแสดงสดของตัวเองอยู่

“อ่าส์ พี่เม ผมไม่ไหวแล้ว ไม่ได้ว่าวมาตั้งหลายวัน โทษทีนะครับ อ่าส์ เสียวชิป พี่เมมองมา”

“เฮ้ยกูชักมั่ง”

“ได้ไงวะ กูจะโชว์พี่เมด้วยเหมือนกัน”

การอาบน้ำหลังซ้อมกำลังจะกลายเป็นมหกรรมชักว่าวหมู่ไปแล้ว ผมทำอะไรไม่ถูก หรือจะสั่งให้พวกมันหยุด ผมเชื่อว่าถึงอยู่ในอารมณ์เงี่ยน แต่เด็กๆ พวกนี้คงยังฟังที่ผมบอกอยู่ ก่อนที่จะเอ่ยปากห้ามออกไป ผมก็นึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างนึง ทำไมอยู่ๆ เด็กๆ พวกนี้ถึงเงี่ยนขึ้นมาได้ หรือว่าจริงๆ จะเป็นการสะกดจิตของพี่บอส ผมหันไปมองหน้าพี่บอสที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่าง พี่บอสยิ้มให้แต่ดูหน้าแดงๆ อย่างน่ารัก ใช่แน่ๆ พี่บอสคงอยากดูอะไรที่มันถึงใจขึ้น ถ้าผมไปสั่งห้ามตอนนี้พี่บอสจะโกรธเอาได้ เดี๋ยวพอจบเรื่องพี่บอสคงลบความทรงจำพวกนี้เอง ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่มีอะไรต้องกังวล สนุกไปกับพวกน้องๆ ดีกว่า

“เอ้า เต็มที่เลยครับ ใครไม่แข็งเดี๋ยวพี่ช่วยชักให้”

ผมตะโกนอย่างคะนองปาก แต่น้องฟังแล้วกลับคิดเป็นจริงเป็นจังแ กรูกันเข้ามาทั้งที่แข็งและไม่แข็งเต็มไปหมดจนไอฟีฟ่าต้องสั่งเสียงกร้าว

“เข้าแถวสิวะ พวกมึงจะรุมโทรมพี่เมหรือไง กูเป็นกัปตันกูเป็นหัวแถวให้ มาเข้าแถวต่อกูกัน”

เสียงโวยวายดังขึ้นแต่ฟีฟ่าไม่สนใจ มันแอ่นน้องชายใหญ่ยาวอย่างภูมิใจมาที่มือผม

“รบกวนพี่เมด้วยนะครับ”

ทำเสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อนจนน่าหมั่นไส้

ผมมองแถวที่ต่อกันยาวเป็นสิบกว่าคนแล้วก็ถอนใจ พลั้งปากไปแล้วทำไงได้ อีกอย่างพี่บอสดูอยู่ผมไม่อยากเป็นคนที่เสียคำพูดหรือปฏิบัติกับน้องๆ อย่างไม่เป็นธรรม

“เอ้า มา พี่ชักให้คนละสิบครั้งเท่านั้นนะ ที่เหลือไปชักต่อเอง”

จริงผมก็เคยชักของคนอื่นมาแล้ว ก็พวกแทกซี่ที่ถูกพี่บอสโปรแกรมจิตมาไง แต่นั่นผมถือว่าเป็นการทดลอง เอาเถอะ ยังไงพวกนี้ก็เป็นน้องๆ ที่ผมสนิทสนมด้วย อีกอย่างเดี๋ยวมันก็ลืม จริงๆ อยากชวนพี่บอสมาจอยกัน แต่พอนึกไปถึงใครอีกคน ผมว่าผมศพไม่สวยแน่ถ้าเอาพี่บอสเข้ามาเกี่ยว

พอลงมือทำจริงๆ ผมก็มันมือไม่น้อย คิดดูนะครับ ดุ้นใหญ่ๆ อุ่นๆ อัดแน่นไปด้วยความเป็นหนุ่มนักกีฬาสุชภาพดี เต็มไม้เต็มมือที่สุด จากที่เคยกะๆ ด้วยสายตา คราวนี้ผมรู้เลยด้วยมือตัวเองว่าใครอวบใหญ่กว่าใคร กว่าจะเสร็จทั้งแถวก็เล่นเอาผมเลือดสูบฉีดตามไปด้วย จนชักให้น้องคนสุดท้ายเสร็จผมก็รู้สึกเสียดายขึ้นมาหน่อยๆ ไอ้ความรู้สึกที่มีเอ็นใหญ่ๆ อุ่นๆ เต้นตุบๆ อยู่ในกำมือนี่มันจั๊กกะจี้หัวใจอยู่ไม่น้อย ไหนจะใบหน้าหล่อที่มาทำท่าเสียวซ่านเหยเกอยู่ตรงหน้าอีกละ มีบางคนถึงกับแตกในมือผมจนโดนเพื่อนๆ ล้อว่านกกระจอกไม่ทันกินน้ำ จนเกิดการไล่เตะกันขึ้น

ในที่สุดน้องๆ ก็ทยอยแตกกันจนครบมหกรรมชักว่าวหมู่ กลุ่มสุดท้ายนี่มีการแข่งระยะทางกันด้วยตามประสานักกีฬา น้องเซ็นเตอร์หน้าเข้มที่เป็นผู้จุดชนวนเรื่องทั้งหมดเป็นผู้ชนะไป คนตัวสูงใหญ่นี่ได้เปรียบตลอดไม่ว่าจะระยะช่วงแขนในการเล่นบาสหรือระยะฐานปล่อยจรวดที่ล้ำหน้ากว่าคนอื่นๆ พอน้ำแตกจนหายเงี่ยนแล้วก็ทำท่าเหนียมอายกันใหญ่ ผมก็รีบล้างตัวแล้วแต่งตัวจนเรียบร้อยเพื่อจะชวนพี่บอสกลับ น้องๆ กรูกันมาส่งที่นอกประตูทั้งๆ ที่ยังไม่ได้นุ่งผ้าจนผมต้องไล่กลับไป

“เป็นไงบ้างครับพี่บอส ชมรมบาสนี่ก็ไม่เลวใช่ไหมครับ ผมนี่สนิทกับชมรมนี้ที่สุด”

“เป็นอะไรที่เด็ดมากๆ ทั้งจำนวน ขนาด และคุณภาพ ยังกะยกฉากในหนังเกย์มาเลย เด็ในทีมก็ดูนิสัยดี น่ารักมาก หรือพี่จะเลิกทำองค์กร มาช่วยงานของมอมดี”

พี่บอสเอ่ยปากชมน้องๆ ขนาดนี้ ผมก็พลอยได้หน้าไปด้วย

“โอ๊ย พี่ก็ว่าไป งานของพี่มันสำคัญขนาดนั้นจะเลิกได้ยังไง เอ่อ ว่าแต่พี่ลบความทรงจำของน้องๆ เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

อันนี้เรื่องสำคัญครับ ผมกลัวว่าพี่บอสจะลืมเหมือนกัน ไม่งั้นเจอน้องๆ คราวหน้า ผมมองหน้าไม่ติดแน่

“เรียบร้อย พี่ทำจนเป็นนิสัยอัตโนมัติอยู่แล้ว น้องๆ เขาจำหน้าพี่ไม่ได้หรอก เขาจะจำได้แค่มีเพื่อนของน้องมอมเข้ามาดูเขาอาบน้ำชักว่าวด้วย แต่จะนึกไม่ออกว่าเป็นใคร หน้าตาเป็นยังไง จนกว่าจะเจอกันครั้งหน้าแล้วพี่ปลดล็อคจิตให้”

เอ๋ หรือผมเข้าใจอะไรผิดไป

“แล้วพี่ไม่ต้องลบเรื่องที่พี่สั่งจิตให้พวกมันเกิดอารมณ์จนอยากชักว่าวเหรอครับ”

พี่บอสขมวดคิ้ว

“ฝีมือพี่ที่ไหนเล่า พี่ไม่เที่ยวลบความทรงจำของใครซี้ซั้วหรอกนะ น้องๆ เขาเงี่ยนเอง แต่จะว่าเค้าก็ไม่ถูกนะ ก็เราน่ะใส่แค่บอกเซอร์ผ้าบางๆ สีขาวตัวเดียวไปอาบน้ำด้วย พอเปียกก็เหมือนไม่ได้ใส่แหละ เบียดไปเบียดมา ไม่ยั่วก็เหมือนยั่ว น้องๆ จะเกิดอารมณ์ก็ไม่แปลก ใครใช้ให้เราหล่อน่ารักผิวดีขนาดนี้ล่ะ”

ชิปหายแล้ว ผมรีบต่อโทรศัพท์ไปหาฟีฟ่าทันที

“ฟีฟ่า นายได้บอกคนทีมไหม ว่าเรื่องเมื่อกี๊ให้เก็บเป็นความลับ”

“เปล่าครับพี่ ก็ทุกทีถ้าเรื่องไหนที่ไม่อยากให้คนนอกชมรมรู้ พี่เมก็กำชับไว้ก่อนทุกที”

“งั้นนายรีบไปบอกทุกคนเลยนะว่า พี่ขอให้เก็บเป็นความลับระหว่างเรา”

“ไม่ทันแล้วพี่ บางคนก็กลับไปแล้ว ที่เหลือผมก็เห็นแช้ตกันกระจาย นี่ผมยังไลน์ไปอวดชมรมรักบี้อยู่เลยว่าชมรมบาสได้สิทธิพิเศษเหนือชมรมอื่นอีกแล้ว”

ไอฟีฟ่า ไอปากมอม เอ่อ ไม่ดีๆ นั่นชื่อตูเอง ไอปากน้องหมา แล้วอย่างนี้ผมไม่แคล้วคงต้องถูกชมรมอื่นขอให้ทำอะไรแบบเดียวกับจนปฏิเสธไม่ไหวแน่

จากเหตุการณ์วันนั้นก็ถือว่าพี่บอสทำให้ผมต้องเปลืองตัวไปอีกนาน ถึงพี่เขาจะไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยก็ตาม เอาเถอะ ยังไงซะ การที่ผมพาพี่บอสไปทัวร์ตามชมรมต่างๆ ก็เกิดผลดีไม่น้อย ทั้งทำให้ผมสนิทกับพี่บอสได้ตามที่ตั้งใจ คนอะไร ทั้งความคิดความอ่าน ทั้งรูปร่างหน้าตา ล้วนแต่มีเสน่ห์ชวนหลงใหล ตอนนี้พี่บอสกลายเป็นเหมือนโค้ชที่ปรึกษาของชมรมกีฬามหาลัยผมไปแล้วครับ ให้คำปรึกษาด้านไหนนะเหรอ ก็พวกปัญหาชีวิตอะไรเทือกๆ นั้น ใครที่มีปัญหาจนขาดสมาธิในการซ้อมหรือการแข่ง พี่บอสจะเข้าไปคุยด้วย แป๊ปเดียวเท่านั้นก็กลับมาตั้งใจซ้อมเหมือนเดิม แล้วปัญหาชีวิตของเด็กวัยรุ่นจะไปมีอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องแฟน เคสที่พี่บอสเข้าไปช่วยเป็นครั้งแรกนี่มันช่างน่าทึ่ง

เด็กคณะเกษตรปีสามนักกีฬาเทควนโด ความหวังของมหาลัยที่จะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปลงแข่งกีฬามหาลัยโลกที่ประเทศไต้หวัน ดันมาถูกแฟนที่คบกันมาตั้งแต่มอปลายขอเลิกแค่สองอาทิตย์ก่อนหน้าที่จะลงแข่งคัดตัวรอบสุดท้าย อย่าว่าแต่จะไปซ้อมหรือลงแข่งเลย แค่กินข้าวยังไม่มีปัญญา

พี่บอสรู้เรื่องนี้เข้าตอนผมพาไปทัวร์ที่ชมรมเทควนโดเป็นครั้งที่สอง พี่บอสสลัดความหื่นทิ้งไปทันทีแล้วเข้าไปคุยกับน้องคนที่ถูกแฟนทิ้งแค่ครู่เดียว คนที่ซึมกระทือเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง ก็กลับมาซ้อมอย่างปกติจนกัปตันและเพื่อนในชมรมงงไปตามๆ กัน

“มึงไม่เศร้าแล้วเหรอ”

“ก็เศร้าอยู่ แต่ได้มาเล่นเทควนโด้แล้วรู้สึกดีขึ้น”

เพื่อนๆ ก็ไม่ได้ติดใจอะไร ต่างก็ยินดีที่เพื่อนตัวเองกลับมาฮึดสู้เพื่อเป็นความหวังของประเทศได้อีก มีแต่ผมที่รู้ว่ามันไม่มีคำปรึกษาอะไรที่จะทำให้คนดีขึ้นมาได้อย่างทันตาเห็นขนาดนั้นหรอก

“พี่บอส พี่ทำอะไรเขาอ่ะ สะกดจิตให้ลืมเรื่องที่ถูกทิ้งเหรอ”

ผมถามทันทีที่ดึงพี่บอสปลีกตัวออกมาได้

“เปล่า พี่แค่สะกดจิตให้เขาลืมความรู้สึกรักที่มีต่อแฟนเก่า แต่ก็เฉพาะเวลาที่เขาคิดถึงเทควันโด้เท่านั้นนะ จะซ้อมจะแข่งหรือแค่วางแผนก็ใช้ได้หมด แต่เวลาอื่นเขาจะกลับไปเหมือนเดิมจนกว่าอาการอกหักจะหายไปเอง”

“โห พี่ทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ งั้นทำไมพี่ไม่สั่งให้น้องเขาลืมไปให้หมดเลยล่ะ สงสารน้องมัน”

“ไม่ดีหรอก การอกหัก เจ็บปวด หรือผิดหวัง เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่สำคัญของคนเรา การทำใจและเรียนรู้ที่จะเริ่มต้นใหม่มันต้องทำด้วยตัวเอง น้องเขาจะโตขึ้นเป็นคนที่เข้าใจตัวเองและผู้อื่นได้ดีแค่ไหน ประสบการณ์เหล่านี้แหละที่จะหล่อหลอมขึ้นมา อีกอย่างหนึ่ง ถึงพี่จะทำให้ลืมได้ แต่มันก็แค่จิตสำนึกในระดับที่เรารู้ตัวปกติ แต่ลึกๆ ลงไปความเศร้ามันก็ยังอยู่ เหมือนเราเป็นแผลมีหนอง วิธีการรักษาคือต้องทำความสะอาดฆ่าเชื้อแล้วดูแลให้แผลค่อยๆ ตื้นขึ้นทีละน้อย ถ้าไปเย็บปิดแผลเลย หนองที่อยู่ข้างในก็จะกลายเป็นฝีที่คอยจะสร้างความเจ็บปวดและรอวันที่จะปะทุมาเมื่อไหร่ไม่รู้ นั่นมันจะยิ่งทำให้เกิดเป็นแผลเรื้อรังที่ยากจะรักษาได้ วิธีที่ดีที่สุดคือต้องให้เจ้าตัวทำใจให้ได้เอง เพื่อนหรือคนรอบตัวทำได้แค่คอยดูแลให้กำลังใจ”

“พี่บอสเจ๋งสุดๆ ไปเลย ไม่นึกว่าการสะกดจิตของพี่มันจะลึกซึ้งอย่างนี้”

ประทับใจจังครับ พี่บอสของผม

“เดิมทีการสะกดจิตที่คุณพ่อพี่พัฒนาขึ้น มันก็เพื่อการรักษาคนไข้ในด้านต่างๆ อยู่แล้ว พี่จะเน้นเรื่องนี้เป็นพิเศษก็ไม่แปลกหรอก”

แต่ก่อนผมเคยคิดว่าพี่โป๊ปดูเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดความอ่านมากกว่าพี่บอส แต่พอฟังอย่างนี้พี่บอสก็มีความเป็นผู้ใหญ่ไม่แพ้กันเลย ปลื้มสุดๆ คิดถูกแล้วที่เลือกอยู่ทีมพี่บอส

ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีนะครับ เอาเรื่องเล็กๆ ก่อน ตอนนี้ทุกชมรมก็ผ่านการเยี่ยมเยียนของพี่บอสหมดแล้ว และนี่ก็เป็นที่มาของข่าวลือแปลกๆ แหม ก็ทุกคนจำได้แต่ว่าผมมีเพื่อนหน้าตาดีๆ ตามไปทักทายพวกเขาถึงในห้องแต่งตัวกัน แต่พอคุยกันไปกันมาก็ไม่มีใครจำหน้ากันได้ซักคน มันแปลกไหมล่ะครับ เลยลือกันว่าผมมีองค์ หรือไม่ก็เป็นวิญญาณอารักษ์ หรือเทพพิทักษ์ไปโน่น ดีนะว่าพี่บอสหน้าตาดีไม่งั้นคงลือกันไปว่าผมมีวิญญาญพยาบาทตามวนเวียนอยู่ บรื่ย

เรื่องที่ไม่เชิงเป็นข้อดีอีกอันก็คือตัวพี่บอสเอง เห็นเวลาปกตินี่ก็แสนจะเป็นคนดี แต่อย่าให้อะไรไปกระตุ้นด้านมืดของพี่เขาขึ้นมานะ โคตรน่ากลัว แล้วคนที่น่ากลัวมาบวกกับพลังขนาดนี้ ผมเข้าใจแล้วว่าพวกนักโทษขององค์กรจะรู้สึกอย่างไร ที่บอกว่าน่ากลัวมันก็ไม่เชิงว่าเหมือนกับพี่โป๊ปหรอกครับ แต่มันดาร์คๆ ยังไงชอบกล

...............................................................
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 32] ครั้งที่สามของการพบกันครั้งแรก 28/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 28-02-2016 21:40:36
!!!Warning!!! เนื้อหาใน Reply นี้อาจจะแรงนิดหน่อย ไม่แน่ใจก็อ่านข้ามไป Reply ถัดไปได้เลย ไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องโดยรวม แค่ทำให้เข้าใจด้านมืดของพีเบอร์ศูนย์นิดหน่อย พอดีมีเพื่อนใน fb เขาอยากให้ลองแต่งแนวนี้ดูอ่ะครับ

...............................................................

ผมประสบเข้ากับมุมนี้ของพี่บอสครั้งแรกก็ตอนชวนพี่บอสไปเชียร์ชมรมฟุตบอลแข่งรอบตัดเชือกกับทีมมหาลัยเอกชนชื่อดังคู่ปรับเก่า หมดครึ่งแรกเสมอกันอยู่หนึ่งหนึ่งแต่ทางฝั่งผมครองบอลและมีโอกาสทำประตูได้มากกว่า พอเริ่มครึ่งหลังได้แค่สิบนาที ศูนย์หน้าตัวยิงของมหาลัยผมที่โดนกองหลังฝ่ายตรงข้ามประกบอยู่ ก็ลงไปนอนหน้าเขียวอยู่กลางสนาม ตอนเกิดเหตุมันชุลมุนจนไม่มีใครเหตุการณ์ชัดๆ แต่ผู้เล่นของอีกฝ่ายก็ออกมาทำท่าว่าเป็นอุบัติเหตุแล้วยกมือขอโทษ กรรมการให้ใบเหลือง แต่ตัวยิงของเรายังนอนจุกอยู่ โค้ชเลยต้องเปลี่ยนตัวสำรองลงไปเล่นแทน เกมส์ที่กำลังได้เปรียบก็กลับไปเสีบเปรียบนิดๆ ดีว่าโกลฝั่งเราเหนียวสกอร์จึงไปจบที่เสมอหนึ่งหนึ่งจนต้องไปต่อกันที่ลูกโทษ ซึ่งนายประตูมือกาวของมหาลับผมก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เซฟลูกได้มากกว่าเลยได้เข้ารอบไป แต่กระนั้นกองเชียร์ก็บ่นกันอุบว่าถ้าศูนย์หน้าไม่เจ็บ ป่านนี้คงชนะสามหนึ่งเป็นอย่างน้อย

ผมพาพี่บอสไปเยี่ยมน้องๆ นักฟุตบอลในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า โค้ชแกมีธุระเลยกลับไปก่อนแล้ว ตอนนี้กัปตันชมรมฟุตบอลก็เปลี่ยนจากปีสี่ที่เกลียดเกย์เข้าไส้มาเป็นเด็กปีสามที่อัธยาศัยดี ทำให้คนในทีมที่เป็นเกย์แสดงออกมากขึ้น หรือแม้แต่เพื่อนในทีมที่เป็นเกย์หรือเปล่าไม่รู้แต่กินกันเองก็ไม่อึดอัดใจเหมือนแต่ก่อน ถึงจะทำให้ในชมรมเกิดบรรยากาศอมม่วงมากกว่าแต่ก่อนแต่เพื่อนที่เป็นผู้ชายแท้ๆ ก็ไม่ได้มีใครรังเกียจ ซึ่งก็เป็นทัศนคติที่ดีเพราะเดี๋ยวนี้นักฟุตบอลเก่งๆ ก็มีที่เป็นเกย์เยอะขึ้น*

ศูนย์หน้าที่ค่อยยังชั่วจากอาการจุกแล้วก็เล่าให้เพื่อนที่เพิ่งแข่งเสร็จฟัง

“แม่ม ไอเบอร์สิบเอ็ดนั่นมันประกบกูอยู่ดีๆ พอได้มุมลับตากรรมการมันก็เอามือมาโดนเป้ากูเฉยเลย แต่ดีว่าของกูแกร่งพอเลยยังครองบอลได้ กูนึกว่ามันอาจจะไม่ได้ตั้งใจ อยู่ๆ มันก็สไลด๋ตัวล้มลงแล้วเข่าหรือศอกมันไม่รู้กระแทกไข่ก็เต็มๆ เชี่ยกูทั้งเจ็บทั้งจุกที่สุดในชีวิต น้ำตาเล็ดนึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วเลย ลงไปนอนแผ่ จุกจนพูดไม่ออก จะฟ้องกรรมการก็ไม่ได้ จนโดนหามเข้ามาในนี้ พักตั้งนานกว่าจะค่อยยังชั่ว ตอนนี้ก็ยังร้าวๆ อยู่เลย ต้องเอาน้ำแข็งประคบ”

“ไหน เป็นไงบ้าง เจ็บมากเปล่า”

ผมเอ่ยทัก สงสารมันเหมือนกัน อุตส่าห์ฝึกซ้อมมาอย่างดี แต่ไม่ได้แสดงฝีเท้าเต็มที่

“อ๊ะพี่เม พี่บอสด้วย”

น้องพวกนี้จะจำพี่บอสได้เฉพาะเวลาที่เจอหน้าเพราะพี่บอสจะปลดล็อคจิตให้

“เจ็บจังเลยครับ พี่ดูสิ เขียวขึ้นเป็นแนวเลย”

ไม่พูดเปล่า แต่คนเจ็บกลับถอดกางเกงบอลออกอย่างกระท่อนกระแท่นแล้วโกยท่อนลำให้พาดขึ้นเพื่อโชว์ไข่ขาวจั๊วแต่เหี่ยวเล็กน้อยให้ผมกับพี่บอสเห็นรอยกระแทกที่บริเวณขาอ่อนเฉียดไข่ลูกเขื่องด้านซ้ายไปนิดเดียว

พี่บอสดูแล้วไม่พูดอะไร สั่งให้ใส่กางเกงให้เรียบร้อยแล้วจูงมือผมกับน้องคนเจ็บออกไปข้างนอกท่ามกลางสายตาที่ไม่เข้าใจของคนในห้อง

ทีแรกผมนึกว่าพี่บอสจะพาน้องไปโรงพยาบาล แต่จุดหมายของพี่บอสก็คือห้องพักนักกีฬาของทีมตรงข้าม พอเดินตามกันไปข้างในคนของอีกทีมก็หันมามองอย่างสงสัยแต่พอสบตาพี่บอสก็ไม่มีใครพูดอะไร

ไอนักบอลเบอร์สิบเอ็ดของฝั่งตรงข้าม นั่งคุยฟุ้งอยู่กับเพื่อนๆ ซึ่งไม่มีใครสังเกตเห็นการมาของพวกเราอย่างน่าแปลกใจ

“เห็นไหม ถ้ากูไม่ตัดสินใจเอาไอศูนย์หน้านั่นออก ป่านนี้พวกเราพรุนไปแล้ว แพ้ลูกโทษแบบนี้ก็ยังไม่น่าเกลียด ทีแรกตอนประกบมัน กูแค่หมั่นไส้เฉยๆ พลิ้วดีนัก กูจกไข่แม่งเลย เป้าใหญ่ชิบหาย บอลมันก็ยังไม่หลุดมาอีก คราวนี้กูเลยแกล้งล้มใส่ แล้วให้ศอกกูไปโดนเต็มๆ ไข่มัน ไม่ตายก็คงเลี้ยงไม่โต กูละแช่งให้มันเป็นหมัน ฮ่าๆ”

ไม่มีใครหัวเราะร่วมด้วย แต่ละคนทำท่าเอือมระอากับเพื่อนร่วมทีมอันธพาลคนนี้แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร น้องคนเจ็บได้ยินเรื่องทั้งหมดก็ปรี่เข้าไปเหมือนจะไปซัดอีกฝ่ายอย่างเหลืออด แต่พี่บอสดึงไว้แล้วพูดขึ้นมาว่า

“การแก้แค้น มันต้องตาต่อตา ฟันต่อฟัน”

ไอเบอร์สิบเอ็ดหันมาตามเสียงพูด คนในห้องเหมือนจะได้สติชี้มือมาทางที่พวกผมยืนเหมือนจะสับสนว่าเข้ามาได้ยังไง พี่บอสดีดนิ้วขึ้นแค่หนึ่งครั้ง สถานการณ์ที่เหมือนจะสับสนวุ่นวายก็สงบลง

“ทุกคนยืนอยู่กับที่ อยากทำอะไรก็ทำไปแต่ห้ามก้าวออกจากที่ตัวเองอยู่ เบอร์สิบเอ็ด ถอดกางเกงออกซะ แล้วมายืนถ่างขาตรงนี้”

ทุกคนทำตามที่สั่งอย่างน่าทึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพลังของพี่บอสอย่างใกล้ชิด ไม่นับครั้งที่โดนด้วยตัวเองแต่จำไม่ได้นะ เบอร์สิบเอ็ดถอดกางเกงบอลและกางเกงในออกจนหมดเผยให้เห็นช่วงล่างที่มีไรขนทั้งดกทั้งหยิกปกคลุมไปทั่วตั้งแต่สะดือไปจนถึงหน้าแข้ง เป็นคนที่ขนดกไม่ใช่เล่น ดีว่าผิวขาวเลยไม่ดูเถื่อนมากนัก

ท่อนลำที่ยังเหี่ยวอยู่ห้อยตัวลงมาจากพงขนหยิกหยอยที่รกทึบเหมือนผลไม้รูปร่างแปลกตา ยิ่งมายืนถ่างขาตามคำสั่งของพี่บอสยิ่งทำให้พวงไข่ทั้งสองใบห้อยยานโทงเทงอยู่ในถุงอัณทะที่หย่อนคล้อยลงมากว่าคนปกติ ไข่แฝดดูเหมือนเงาะผลใหญ่ที่มีขนสีดำ

น้องศูนย์หน้าทีมผมทำหน้าตื่นๆ เหมือนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง คงกำลังหวั่นใจอยู่ว่าฝ่ายตรงข้ามทั้งทีมจะเข้ามารุมสกรัมตัวเองเมื่อไหร่ แต่ทางฝั่งโน้นก็ไม่มีใครขยับซักแอะ ถึงแม้จะมีกระสับกระส่ายอยู่บ้าง

“เอ้า ไอน้อง แก้แค้นเลยสิ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน แตะผ่าหมากมันคืนเลย มันตั้งท่ารอให้เราเอาคืนแล้ว”

น้องศูนย์หน้าทำท่าเหมือนจะวิ่งหนีกลับไปหาเพื่อน ดีที่ผมยึดแขนไว้ก่อน ผมส่งสัญญาณทางสายตาให้น้องเขาทำตามที่พี่บอสบอก ใครจะไปกล้าขัดใจพี่บอสในอารมณ์นี้ล่ะ โคตรน่ากลัว

น้องมันทำท่าอิดออดแล้วก็หันไปต่อรองกับพี่บอส ช่างกล้ามาก อยากรู้ถ้าน้องมันรู้อะไรเหมือนที่ผมรู้ มันจะกล้าอย่างนี้ไหม

“พี่บอสครับ ผมไม่กล้าเตะไข่มันหรอก ผมนักฟุตบอลนะพี่ ของแบบนี้ผมกะแรงไม่ถูกหรอก ถ้าแรงไปไข่แตกตายขึ้นมา หรือเป็นหมันไร้คนสืบตระกูลไปทั้งชีวิต ผมรับผิดชอบไม่ไหวหรอกครับ”

พูดได้ดีมาก สมกับเป็นเด็กในสังกัดผม ผมได้แต่เชียร์อยู่ในใจ ไม่กล้าออกหน้า จะว่าปอดแหกก็ได้ แต่ตูกลัวพี่บอสในโหมดนี้จัง

พี่บอสดูจะเอ็นดูในความคิดของน้องมันเหมือนกัน เลยหันมายิ้มให้นิดนึง ความตึงเครียดในห้องเลยลดลงไปสี่ส่วน

“เอางั้นก็ได้ ไอเบอร์สิบเอ็ด นอนลงไปซิ นอนหงายลงไปกับพื้นเลย แหกขากว้างๆ ด้วย มอม เราเอามือถือมาถ่ายคลิปไว้นะ ให้เห็นแต่หน้าของอีกฝั่ง อย่าถ่ายให้ติดฝั่งเรา เอออย่างนั้นแหละ คราวนี้ตาเรามาล้างแค้นแล้ว จับถุงไข่มันขึ้นมาเลยนะ หนังเยอะชิบ บีบให้ไข่มันมาอยู่รวมกันตรงด้านล่าง รีดให้หนังไข่มันตึงๆ นะ”

พี่บอสพากย์ไป น้องนักบอลผมก็ทำตามอย่างมึนๆ ตอนนี้ไข่สองใบถูกรีดตึงจนหนังหุ้มเป็นมันวาวสีชมพูเข้มอยู่ในมือซ้ายของน้องผม เจ้าของพวงไข่ผงกหัวขึ้นมามองชะตากรรมตัวเองด้วยสีหน้าแหยแกน่าสงสาร ตอนนี้มันคงยังไม่เจ็บแค่ตึงๆ แต่ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ผมนี่เสียวท้องน้อยวาบแทนมันจริงๆ

พี่บอสสั่งการต่อ

“เอามืออีกข้าง ดีดมะกอกไปที่ไข่มันเลย กะให้สมน้ำสมเนื้อกับที่เราโดน”

เจ้าของไข่หลับตาปี๋ด้วยความหวาดเสียว น่าแปลกที่มันไม่พยายามจะต่อต้านเลย แต่คนที่มีอาการคือพรรคพวกในทีมที่ทำท่าเหมือนจะขัดคำสั่งพี่บอสโดยการพุ่งเข้ามาช่วยเพื่อน

พี่บอสกวาดสายตามองคนทั้งห้องอีกครั้ง ทุกคนกลับไปอยู่ในความสงบแต่ไม่ปกติ ที่ว่าไม่ปกติเพราะตอนนี้ทุกคนเริ่มลูบคลำล้วงควักน้องชายตัวเองเป็นว่าเล่น บางคนถึงกับเอาออกมาชักข้างนอกโดยไม่อายสายตาคนอื่น แต่ก็นั่นแหละ ตอนนี้ไม่มีใครสนใจใครอยู่ดี

“เร็วเข้า พี่อยากให้เราลงโทษให้เสร็จก่อนพวกนั้นจะแตก เราท่าทางไม่ใช่เกย์หนิ คงไม่อยากรอดูหรอกมั้ง”

น้องศูนย์หน้ารีบส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาหามุมเหมาะๆ เพื่อดีดไข่ของคนทำความผิดที่นอนหลับตาปี๋รอรับบทลงโทษแต่โดยดี น้องผมก็เป็นคนดีนะ อุตส่าห์มีแจ้งเตือน แต่ผมว่ามันทำให้ยิ่งน่ากลัวเข้าไปอีกนะ

“ผมจะดีดไข่คุณแล้วนะ เม็ดทางซ้าย เตรียมรับแรงปะทะในอีก 5.. 4.. 3.. 2.. 1..เพี๊ยะ”

จัดไปเน้นๆ ตรงๆ ไม่แรงแต่ก็ไม่เบา แต่แค่นั้นก็ทำให้ไอหนุ่มดวงซวยถึงกับดิ้นพล่านใบหน้าบูดเบี้ยวจนหมดท่า ใบหน้าขึ้นสีแบบที่ผมก็บอกไม่ถูกว่ามันเขียวอย่างที่เขาว่าๆ กันหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คือคงจุกจนร้องไม่ออก

“พี่ว่าเบาไปนะ ครั้งต่อไปเอาให้แรงกว่านี้อีก”

น้องผมท่าทางลังเลแต่ก็รับคำ

“คุณครับ เที่ยวนี้เม็ดทางขวา จะแรงกว่าครั้งที่แล้วนะครับ เตรียมตัวรับแรงปะทะในอีก 5.. 4.. 3.. 2.. 1..เพี๊ยะ”

เนื้อๆ เน้นๆ แบบไม่มีอะไรป้องกันเหมือนเดิมครับ คราวนี้ตัวงอ ตาเหลือก ปากจู๋แบบโคตรตลก น้ำลายแตกฟองตรงมุมปาก แต่ผมขำไม่ออกหรอกนะ จะต้องจุกขนาดไหนกันถึงทำหน้าแบบนั้นออกมาได้ น้ำตาลูกผู้ชายซึมออกมาพร้อมกับศักดิ์ศรีของหนุ่มนักฟุตบอลขนดก สักครู่ใหญ่ถึงจะเริ่มส่งเสียงออกมาได้

“พอเถอะครับ ผมไหว้แล้ว ให้กราบก็ได้ ผมผิดไปแล้ว จะไม่ทำอย่างนี้กับใครอีกแล้ว”

ไม่พูดเปล่า แต่ยกมือพนมท่วมหัวไปด้วย พูดขอร้องไปก็สะอื้นไป

“พอเถอะพี่ ผมไม่อยากจับไข่มันแล้ว ขนโคตรเยอะ มันหยึยมือยังไงไม่รู้”

“เอางั้นเหรอ ไม่ลองถอนขนเงาะมันเล่นดูก่อนล่ะ”

น้องผมรีบส่ายหน้า ท่าทางอี๋ขนเงาะที่ว่ามาก

“ก็ได้ งั้นก็พอแค่นี้ คนที่ชักว่าวอยู่ก็เลิกได้ ใครควรจะต้องจำอะไรก็จำไปนะ ใครไม่เกี่ยวข้องก็ลืมๆ มันไป กลับกันซะทีก็ดี ไอน้องคงอยากล้างมือเต็มทน”

แล้วคนในห้องก็กลับไปทำสิ่งที่ตัวเองทำค้างอยู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีแค่บางคนที่ร้องทักอย่างแปลกใจที่เห็นเพื่อนร่วมทีมตัวเองลงไปนอนแก้ผ้าแหกแข้งแหกขาอยู่บนพื้นสกปรก โชว์อัณทะที่เริ่มแดงบวมอย่างไม่มีแรงจะปกปิด

ผมพาน้องกลับไปส่งที่ห้อง น้องท่าทางงงๆ แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นซะทีเดียว พอร่ำลาคนในชมรมเสร็จ ผมก็ถามพี่บอสอย่างอดใจไม่อยู่เมื่อลอบสังเกตดูจนมั่นใจว่าพี่แกกลับมาอารมณ์ดีแล้ว

“เวลาพี่ทำงานขององค์กร ก็คล้ายๆ อย่างนี้เหรอครับ”

“ก็ประมาณนี้แหละ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ลงโทษเลยนะ ยกเว้นหมั่นไส้จริงๆ”

พี่บอสตอบแบบสบายๆ

“แล้วทำไมตอนนั้น พี่ต้องให้คนในห้องชักว่าวด้วยครับ”

“อำนาจสะกดของพี่ ถ้าเป็นเรื่องทั่วๆ ไป ก็จะมีแค่ประมาณหนึ่ง ทีแรกพี่สะกดให้ทุกคนอยู่เฉยๆ รอดูสิ่งที่เกิด แต่พอเห็นเพื่อนกำลังจะถูกทำร้าย แต่ละคนก็จะอยากจะเข้าไปช่วยเพื่อน ถ้าคนไหนมีความตั้งใจที่แรงกล้าจริงๆ อาจหลุดจากอำนาจพี่ได้ พี่เลยสั่งให้แต่ละคนสนใจกับเครื่องเพศของตัวเอง เพราะถ้าเป็นเรื่องเซ็กซ์ เรื่องลามก หรือเรื่องหื่นๆ พี่จะสั่งได้แทบไม่มีข้อจำกัดเลย

คะโคตรน่ากลัว พี่โป๊ปตกอันดับไปเลยถ้าเทียบกับอำนาจของพี่บอส

.............................................................
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 32] ครั้งที่สามของการพบกันครั้งแรก 28/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 28-02-2016 21:43:12

 “ไอมอม กล้ามากนะมึง”

พี่โป๊ปตะโกนใส่หูโทรศัพท์ทันทีที่ผมรับสาย มาอย่างงี้ ไม่แคล้วคงรู้เรื่องที่ผมชวนพี่บอสไปทำอะไรๆ ตามพวกชมรมกีฬาแล้ว แต่เสียใจ ผมไม่กลัวหรอก ผมมีพี่บอสเป็นพวกทั้งคน พี่บอสเป็นทั้งผู้นำองค์กร มีทั้งพลังสะกดจิต พี่โป๊ปสู้ไม่ได้แน่นอน

“ว่าไงพี่ ผมก็แค่พาพี่บอสไปเปิดหูเปิดตา จะให้ทำแต่งานองค์กรงกๆ เหรอ น่าสงสาร เพื่อนก็ไม่มี หรือมีก็จำพี่เขาไม่ได้ เป็นอย่างงี้ต่อไป พี่เขาจะไม่มีสังคมเอานะ”

“มันเรื่องของกูกับไอบอส กูเป็นทุกอย่างให้มันได้อยู่แล้ว”

คำพูดแปลกๆ ที่หลุดมานี่ ผมบันทึกลงสมองเป็นข้อมูลไว้เรียบร้อย

“ไม่รู้แหละ ผมทำตามความต้องการของพี่บอส ถ้าพี่จะให้เลิก ก็ต้องไปเคลียร์กับพี่บอสเอาเอง”

“จะเอางั้นใช่ไหม ได้ ตอนนี้มึงทำอะไรอยู่”

ทำท่าขึงขังอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนเรื่องเฉยเลย นี่แหละที่ผมถึงบอกว่าเดาทางอะไรพี่โป๊ปมันไม่เคยได้

“ผมนั่งทำรายงานอยู่ที่คอนโด ปีนี้ผมจะจบแล้ว แถมงานสมาพันธ์ งานกิจกรรมชมรมต่างๆ ก็เยอะ ผมไม่มีเวลามาโวยวายใส่ใครด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องหรอก”

ผมได้ทีจิกกัดพี่โป๊ปกลับไปบ้าง ผมมีพี่บอสเป็นพวกแล้ว หมดเวลาหงอซะที ระดับผู้บัญชาการมาพันธ์ ระดับผู้นำความคิดนักศึกษาอย่างผม ไม่ควรต้องเป็นเบี้ยล่างใคร

“ถึงยุ่งแค่ไหน ก็น่าจะเจียดเวลามาทำงานที่กูสั่งไว้ด้วยสิ ช้ามากนะไอมอม ไม่เอาแล้วเหรอคลิปดาราขวัญใจของมึงอ่ะ”

“ไม่ต้องมาล่อลวงผมแล้วครับ คลิปพวกนั้น ไว้ผมไปขอเอาจากเบอร์ศูนย์องค์กรก็ได้ ไม่ต้องมาขอจากเบอร์หนึ่งอย่างพี่หรอก คนเราก็แปลก เป็นรองเขาแท้ๆ กลับมาโม้อย่างงั้นอย่างนี้”

ผมตอกหน้าพี่โป๊ปไปด้วยความสะใจครับ

“หึ มึงนี่น้า คิดว่าไอบอสเอ็นดูเข้าหน่อยแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นสิ ทำรายงานค้างอยู่ไม่ใช่เหรอ รายงานใหญ่เลยนี่ เหมือนพวกธีสิสเลยใช่ไหม ไม่ผ่านคงไม่จบงั้นสิ”

ผมขมวดคิ้ว ไอพี่โป๊ปรู้ได้ยังไง นี่เป็นโปรเจ็คจบที่ผมทุ่มเททำมาตั้งแต่เทอมที่แล้ว ต้องรวบรวมข้อมูลมากมาย มีการทำเซอร์เวย์แบบสอบถามเป็นร้อยๆ ชุด เอาผลมานั่งวิเคราะห์เพื่อทำแผนธุรกิจอีก นี่ก็ทำมาได้ค่อนทางแล้ว ผมกะจะทำให้เสร็จเร็วหน่อย ช่วงหลังจะได้สบาย ว่าแต่รายงานที่ผมพิมพ์ค้างไว้มันไม่ตอบสนองขึ้นมาซะงั้น ผมเลยปิดไปแล้วเปิดขึ้นมาใหม่ แต่ไฟล์กลับติดพาสเวิร์ดซะงั้น ทั้งๆ ที่ไม่เคยใส่

“พี่โป๊ป รอเดี๋ยวนะ พอดีไฟล์รายงานมันมีปัญหานิดหน่อย พี่ไปเคลียร์กับพี่บอสก่อนไป ตกลงกันได้ยังไงค่อยมาบอกผม”

“จะรีบไปแก้ไฟล์ติดพาสเวิร์ดล่ะสิ เสียใจด้วยนะ มึงคงต้องทำใหม่ทั้งหมด ข้อมูลที่เกี่ยวข้องก็๔กเข้ารหัสเหมือนกันนะ ฮ่าๆ”

เสียงไอพี่โป๊ปพูดผ่านโทรศัพท์มาด้วยความสะใจ เลวมาก มาทำอย่างนี้กับนักศึกษาอนาคตของชาติได้ยังไง ผมก็ลืมไปว่ากำลังเล่นอยู่กับพ่อมดคอมพิวเตอร์ จากข้อมูลที่เคยรวบรวมมา บริษัทของพี่โป๊ปมันไม่ธรรมดา แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือความสามารถในการเจาะข้อมูลองค์กรนี่แหละ ผมยังไม่เคยได้ยินว่าจะมีใครทำได้ขนาดนั้น ต่อให้เป็นแฮ็คเกอร์ชื่อดังหรือองค์กรก่อการร้ายข้ามชาติก็เถอะ

“อย่ามาขู่ให้ยากเลย ผมสำรองไฟล์ไว้บนอินเตอร์เน็ทตั้งหลายที่ เดี๋ยวก็เอามาแทนได้”

“คิดว่ากูจะปล่อยให้รอดเหรอ มีกี่ที่กูก็จัดการไปหมดแล้ว”

งื้อ ผมเชื่อแบบไม่สงสัยเลยครับ

“แต่ผมยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะครับ องค์กรจะจัดการเฉพาะคนไม่ดีไม่ใช่เหรอ ต้องยึดมั่นในหลักการสิ”

“หรา พอดีว่านี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวว่ะ กูทำเอง ไม่เกี่ยวกับองค์กร ว่าไง จะเอาหรือเปล่าพาสเวิร์ด บอกไว้ก่อนนะ ถ้านานไป กูอาจจะลืมได้ว่า ตั้งเป็นอะไรไว้ หรือว่าถ้ายังไม่เข็ด กูจะเข้าไปแก้เกรดมึงที่สำนักทะเบียนให้แม่งเป็นบ๊วยคณะไปเลย”

การข่มขู่แบล็คเมลเป็นหนึ่งในเรื่องที่ผมเกลียดมาก ตระกูลผมเป็นตระกูลขุนนางที่สืบทอดกันมายาวนานทำให้ผมมีความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีอย่างที่สุด การที่จะยอมก้มหัวให้ใครเพราะถูกข่มขู่มันไม่ใช่เรื่องที่คนระดับผู้นำอย่างผมจะทำได้ ผมเลยตอบกลับไปทันที

“น้องมอมไม่ได้ตั้งใจท้าทายพี่โป๊ปเลยครับ พอดีพอสนิทกับพี่บอส ก็ชอบล้อกันเล่นแบบนี้ เลยเผลอมาล้อเล่นกับพี่โป๊ปด้วย นี่งานที่พี่โป๊ปให้มา น้องมอมก็ทำอยู่จะเสร็จแล้ว อย่าให้รายงานของน้องมอมต้องมาติดขัดเลยครับ เดี๋ยวงานสำคัญของพี่โป๊ปจะล่าช้าไปด้วย

แต่การยืดหยุ่นพลิกแพลงต่อสถานการณ์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้นำพึงมีเช่นกัน ถ้าต้องให้ไปทำรายงานโหดหินอันนั้นใหม่ ผมขอยอมตกเป็นเบี้ยล่างพี่โป๊ปไปก่อน นับว่าเป็นการเสียสละศักดิ์ศรีส่วนตนเพื่อความก้าวหน้าทางการศึกษา ช่างน่าชื่นชมเป็นที่สุด

“งานที่มึงติดกูอยู่ ส่งพรุ่งนี้ เรื่องวันนี้มึงห้ามไปบอกไอบอสเด็ดขาด ถ้ามันชวนไปดูชมรมต่างๆ อีก ก็ไปได้ จะไปเชียร์ข้างสนามหรือลงไปซ้อมด้วยก็ตามใจ มันจะได้พบปะผู้คนบ้าง แต่ให้เข้าไปดูในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ไม่เกินสิบห้านาที แล้วมึงต้องหาข้ออ้างอะไรก็ได้ พามันมาส่งที่คอนโดกูให้เร็วที่สุด อย่าให้มันแวะไปที่อื่น ไลน์บอกกูล่วงหน้าด้วย”

“ถ้าดูแค่นั้นแล้วกลับ พี่บอสเขาจะไม่เก็บกดเหรอครับ”

เป็นห่วงครับ คนหื่นๆ แบบพี่บอส ดูแค่นั้นมันจะไปพออะไร

“กูจัดการเอง”

โอเคครับ  พี่จะจัดการพี่บอสเอง พี่จะเป็นทุกอย่างของพี่บอส มีอะไรอีกไหม

คำพูดแปลกๆ ที่หลุดมาเป็นครั้งที่สองของวัน ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะโพล่งถามขึ้นมาทั้งๆ ที่ก่อนนี้ยังไม่กล้า

“พี่โป๊ป ผมถามจริงๆ อย่าโกรธผมนะ พี่กับพี่บอสเป็นแฟนกันหรือเปล่า”

เสียงปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งจนผมต้องแอบกลั้นหายใจ

“เป็นไม่ได้”

เสียงที่ตอบกลับฟังดูสั่นพร่า จนผมไม่แน่ใจว่าคนพูด พูดสลับกับคำว่า ‘ไม่ได้เป็น’ หรือเปล่า แต่เมื่อปลายสายกดวางโทรศัพท์ไปแล้ว ผมก็ไม่กล้าพอที่จะโทรกลับไปเซ้าซี้ต่อ

……………………………………………….
 
TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 32] ครั้งที่สามของการพบกันครั้งแรก 28/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 28-02-2016 23:19:25
"เป็นไม่ได้"

แอบเศ้ราอะ

แต่ตอนบนๆบอกได้เลยครับว่า "โคตรพื่นนนนนนนนนเลยยยยยยยยยยยยยเพ่!!!!!!!!!!" :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 32] ครั้งที่สามของการพบกันครั้งแรก 28/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 28-02-2016 23:51:03
พี่บอสกับน้องมอมมมมม มีความมุ้งมิ้งไปอีก
ลุ้น คสพ. ของคู่นี้ว่าจะเป็นยังไง เชื่อว่านางต้องได้เป็นซักนิ้วของน้องเมแน่ๆ
สงสารพี่โป๊ปตอนจบ ต้องเศร้าอยู่แน่ๆ ยิ่งบอสบอกว่าตอนนี้ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นด้วยแล้ว
โอ้ย เจ็บแทนเลย...
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 32] ครั้งที่สามของการพบกันครั้งแรก 28/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: Kissa_O ที่ 29-02-2016 00:21:50
บอสสะกดจิตให้ตัวเองลืมเรื่องความรักไปหรือเปล่า ว่าแต่สะกดจิตตัวเองได้ไหม?อ่านตอนก่อนๆไปก็ลืม  o22
#ทีมบอส
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 32] ครั้งที่สามของการพบกันครั้งแรก 28/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 02-03-2016 20:44:51
 o13
แต่รู้สึกตอนต้นๆ เรื่องกับตอนหลังมันดูเหมือนเปลี่ยนแนวอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 32] ครั้งที่สามของการพบกันครั้งแรก 28/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: chuxm ที่ 03-03-2016 16:35:44
สนุกกกมากกก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 32] ครั้งที่สามของการพบกันครั้งแรก 28/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 03-03-2016 19:28:22
มันมีอะไรใน่อไผ่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 32] ครั้งที่สามของการพบกันครั้งแรก 28/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 04-03-2016 09:48:52
อยากให้เบอร์ศูนย์กับเบอร์หนึ่งลงเอยกันสักที. เหมือนเมื่อก่อนบอสเคยรักโป๊ปแต่ตอนนี้ตกลงเป็นเพื่อนกัน  สงสารโป๊ป.  บอสกับเมเข้าขากันได้ดีมาก. คู่หื่น.  แต่ดูแววว่าสายเคะเหมือนกัน คงเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้อง.  สนุกมาก. รอตอนต่อไป. ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 32] ครั้งที่สามของการพบกันครั้งแรก 28/02/16
เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ 04-03-2016 18:56:54
แหมะ..นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ตัดสินใจจะว่าจะตอบนานมากที่สุด  :hao7:  เป็นนิยายแหวกแนวมากกกก แต่ทำไมอ่านไปเหมือนดูหนังโป๊ไปด้วย ว้าาาา?  :ruready
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 06-03-2016 10:51:08
เนื่องจากตอนใหม่เขียนไม่ทันครับ เลยเอาตอนพิเศษสั้นๆ มาให้ก่อน และเพื่อเป็นการชดเชย เลยขอเอาดาราที่ค่าตัวแพงที่สุดในเรื่องมาให้ครับ

[Warning] อาจมีความรุนแรงแฝงในเนื้อหาด้านล่างนี้

----------------------------------------------------

องค์กรลวงจิต Explicit Content
 
ตอนพิเศษ ด้านมืดของโป๊ป

[โป๊ป]

ผมน่ะไม่ใช่คนดีเท่าไหร่หรอก ถ้าเพื่อสิ่งที่ผมต้องการล่ะก็ ผมก็ไม่ค่อยจะเลือกวิธีการนัก

ตอนนี้ผมนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับของรถตู้สีดำติดฟิล์มทึบ ผมขับรถคันนี้มาจอดรอที่หน้าโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งมาได้ซักพักแล้ว ใจผมกำลังจดจ่ออยู่กับเป้าหมายที่กำลังจะเลิกเรียนในไม่ช้า เอาจริงๆ ช่วงนี้ผมยุ่งถึงยุ่งมากที่สุด ทั้งงานองค์กร งานบริษัท แล้วก็โปรเจ็คพิเศษที่ผมกำลังทำอยู่อีก เวลาที่มีให้กับบอสก็น้อยลงไป ยังดีที่มีไอเด็กมอมแมมคอยพาบอสไปทำโน่นทำนี่กับพวกชมรมกีฬาที่มหาลัยเก่าของพวกเรา เอาจริงๆ ผมก็ไม่ชอบใจเท่าไหร่หรอก แต่จะปล่อยให้ไอเบอร์ศูนย์อยู่เหงาๆ คงไม่ดี ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาของผม หวังว่าไอเด็กนั่นคงไม่คิดการใหญ่หรอกนะ

ถ้าผมไม่อยากจริงๆ คงไม่เจียดเวลาอันมีค่ามาทำเรื่องแบบนี้หรอก ผมมองนาฬิกา ถึงเวลาที่นัดกันไว้แล้วทำไมยังไม่ออกมาซะที ก่อนที่ผมจะเริ่มหงุดหงิด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นซะก่อน

“ที่นัดผมไว้ใช่ไหมครับ พี่อยู่ตรงไหนแล้ว”

“รออยู่บนรถตู้สีดำ หน้าโรงเรียนเรานั่นแหละ”

ซักครู่ก็มีเสียงเคาะกระจกจากประตูด้านตรงข้าม ผมหันไปมองก็เห็นเด็กมัธยมหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งยืนอยู่ด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ คงมองเข้ามาไม่เห็นข้างในเพราะฟิล์มที่ติดอยู่ ไม่ผิดแน่ นี่เป็นเด็กคนเดียวกับที่บอสสนใจ

ผมเลื่อนกระจกลง น้องเขารีบเอ่ยปากถามทันที ท่าทางกลัวก็กลัว อยากก็อยาก

“ใช่พี่ที่คุยกันในเกมใช่ไหมครับ พี่จะให้ไอเทมนั้นกับผมจริงๆ เหรอ ฟรีเลยใช่เปล่าครับ”

“ใช่ ขึ้นรถมาก่อน ขอย้ายที่ไปตรงอื่น ไม่ไกลหรอก ตรงนี้คนมันพลุกพล่านเกินไป”

น้องทำท่าไม่แน่ใจ มองหน้าผมอยู่สักครู่แล้วก็พึมพรำกับตัวเอง

“ไม่มีอะไรหรอก หน้าตาดีท่าทางรวยอย่างพี่เขา คงไม่มาทำเด็กหรอก”

พอน้องขึ้นมา ผมก็ขับรถลัดเลาะออกเข้าไปในซอยที่อยู่ห่างไปไม่ไกลมาก เป็นที่ๆ เหมาะไม่น้อยเพราะแทบจะไม่มีคนสัญจรผ่านไปมาเลย

พอจอดรถเสร็จ ผมกับเด็กหนุ่มก็ย้ายไปที่ด้านที่นั่งของรถตู้คันหรูที่ถูกปรับพนักเบาะจนราบไปกลายเป็นพื้นที่กว้างขวางให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่ผมจะทำต่อไป

“เอ่อ แต่พี่จะให้ไอเทมนั้นกับผมจริงๆ นะเหรอ ถ้าเอาไปขายกันนอกเกมนี่น่าจะได้เป็นหลายหมื่นเลยนะ ไอเทมหายากขนาดนั้น ผมไม่รู้ต้องทำอะไรเพื่อตอบแทนบ้าง แต่พี่โอนให้ผมก่อนเลยได้ไหมครับ อย่าหาว่าผมงกเลยนะพี่”

ใจหนึ่งก็สมเพชน้องเขานะครับ ยอมออกมากับคนแปลกหน้าเพียงเพื่อจะเอาของในเกมออนไลน์ ใครจะรู้ว่าคนสมัยนี้จะคิดยังไง ผมว่าน้องเขาคงคิดไม่ถึงกับสิ่งที่จะเกิดกับตัวเองแน่

“งั้นโอนให้ตอนนี้เลยก็ได้ แต่เรื่องที่เราต้องทำเพื่อแลกเปลี่ยน เราไม่มีสิทธ์คัดค้านแล้วนะ”

ผมหยิบโน้ตบุคมาเปิดหน้าเกมที่เข้าค้างไว้ น้องทำตาโตเมื่อเห็นไอเทมหายากต่างๆ ที่อยู่ในคลังของผม จริงๆ ผมก็ไม่ได้สะสมเองหรอก ตัวละครที่ผมเล่นอยู่ก็เพิ่งสมัครเข้าไปเมื่อวันก่อน แต่ไอเท็มและเลเวลต่างๆ ที่ดูเหมือนจะอยู่ในระดับท็อปเพลเยอร์นี่ก็มาจากการแฮ็คระบบทั้งนั้น แน่นอนว่าการแฮ็คระดับของผม ผู้ดูแลระบบไม่มีสิทธิแม้จะรู้ตัว

ผมโอนไอเทมที่ตกลงกันไว้ไปให้กับตัวละครที่น้องเขาเล่นอยู่กันต่อหน้า แล้วก็ยังแถมไอเท็มรองๆ ลงมาพร้อมเงินเอ็มให้อีกจำนวนมาก หวังว่ามันคงจะคุ้มค่าสิ่งที่น้องเขาต้องเสียไปนะ

“โอ้โห สุดยอดเลยพี่ ใจดีจัง อย่างงี้ผมตั้งตัวเป็นหัวหน้ากิลด์ได้เลย เพื่อนๆ ต้องตกใจแน่”

น้องพูดด้วยตาเป็นประกายวิบวับ ถ้าโตเป็นหนุ่มเต็มตัวคงหล่อมากแน่ๆ

“เราชอบเล่นเกมมากเลยเหรอ”

ผมออกปากถาม

“ชอบมากครับ รองลงมาจากเล่นกีต้าร์เลย”

วูบหนึ่งผมรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ทำไงได้ล่ะ ความอยากมันมีมากกว่า

“งั้นเราก็ตอบแทนพี่มาได้แล้ว ขอบอกก่อนนะว่าอย่าตุกติกหรือคิดจะเบี้ยวเด็ดขาดถ้าไม่อยากให้ครอบครัวเดือดร้อน พี่ไม่ใช่คนใจดีอย่างที่เห็นหรอกนะ”

ถ้าผมมีพลังสะกดจิตแบบบอสคงไม่ต้องขู่อะไรให้ยุ่งยากอย่างนี้หรอก แต่เรื่องนี้ยังไงก็ให้บอสรู้ไม่ได้ซะด้วย น้องหน้าเสียลงนิดนึงแต่พยายามยิ้มสู้

“ก่อนอื่นก็ถอดเสื้อออกแล้วนอนลงไปที่เบาะ”

ผมออกคำสั่งแรกทันที

................................................

ผมเปิดฉากด้วยการบีบเจลชนิดพิเศษที่สั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ทออกมาจากหลอดจนเต็มนิ้ว ผมป้ายเจลลงไปที่จุดซ่อนเร้นของเด็กหนุ่มตรงหน้า น้องสะดุ้งนิดหน่อยคงด้วยความเย็นของเจล ผมละเลงเจลไปจนทั่ว สัมผัสของเส้นขนที่ขึ้นอยู่ตรงบริเวณนั้นเมื่อผสมกับเนื้อเจลทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ผมเตรียมการในเรื่องอื่นๆ จนคิดว่าทุกอย่างพร้อมแล้วก็เริ่มลงมือทันที ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้มันต้องกัดฟันทำไปเลยรวดเดียว ถึงจะเจ็บมากหน่อยแต่ก็ดีกว่าจะต้องมาทรมาณทีละนิดแต่สุดท้ายก็เจ็บอยู่ดี

เพื่อไม่ให้เรื่องมันโหดร้ายเกินไป ผมคงไม่ขอเล่าละเอียดมากนะครับ เอาเป็นว่าเสียงกรีดร้องของน้องยังก้องในหูผมอยู่เลย ถึงจะเป็นผู้ชายที่เริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้ว แต่มาเจอเรื่องแบบนี้ เด็กก็ยังเป็นเด็ก ผมเห็นน้ำตาของน้องแล้วก็นึกสงสาร หวังว่ามันคงจะคุ้มกับความสุขที่ผมกำลังจะได้รับ
.
.
.
.
.
.
.
น้องนอนสะอื้นอย่างหมดแรงหลังเรื่องโหดร้ายได้ผ่านพ้นไป อวัยวะส่วนที่ถูกกระทำยังคงเปิดอ้าหุบไม่ลงเผยให้เห็นอาการบวมแดงที่ตัดกับผิวขาวๆ อย่างน่ากลัว ผมหวังว่าเจลที่ใช้จะมีประสิทธิภาพดีพอที่จะไม่ทำให้น้องเลือดออกแต่ก็ไม่แน่ใจอยู่เหมือนกัน ผมทำความสะอาดเสร็จก็ป้ายยาที่เตรียมมาให้อย่างดี เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปความรู้สึกผิดก็ยิ่งท่วมท้น แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมคงทำอย่างเดิมอยู่ดี

....................................

หลังเหตุการณ์นั้นผ่านได้ไม่ถึงสัปดาห์ บอสกำลังเปิดดูคลิปวิดีโออันใหม่ที่คอนโดผมอย่างมีความสุข ภาพและเสียงถูกส่งให้ไปขึ้นบนจอทีวีขนาดยักษ์ในห้องนอนผม ชุดเครื่องเสียงเซอร์ราวด์ที่ต่ออยู่กับทีวีทำให้เสียงที่ได้ยินเสียงครวญดังกระหึ่มจนผมขอให้เบาเสียงลงเพราะไม่อยากให้ข้างห้องได้ยิน

“มึงดูสิโป๊ป แม่งโคตรฟิน เด็กใสๆ หน้าตาขนาดนี้มาโชว์ให้ดู ลีลาอย่างพริ้ว กูงี้เป็นแฟนคลับของน้องเขาเลยนะโว้ย ไอที่น่ารำคาญแบบคลิปก่อนๆ ก็ไม่มีแล้วด้วย”

“มึงชอบก็ดีแล้ว เห็นมึงมีความสุขกูก็มีความสุขไปด้วย”

สิ่งที่ผมทำมันให้ผลคุ้มค่าแล้ว น้ำตาของเด็กคนหนึ่งกลายไปเป็นดวงตาที่เป็นประกายของคนที่อยู่ข้างกายผม สีหน้ามีความสุขของบอสคือสิ่งที่ทำให้ผมยอมทำเรื่องที่โหดร้ายลงไป ผมเห็นในคลิปวิดีโอที่บอสเปิด หน้าตาน้องเขากลับมาสดใสเหมือนเดิมแล้ว หวังว่าคงไม่คิดมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นนะ

“กูงี้รอมาตั้งสองอาทิตย์ พอคลิปที่แล้วน้องเขาทิ้งท้ายไว้ว่าจะโควฟ์เวอร์เพลงนี้ กูก็ตั้งตารอเลย เพลงโปรดกู หน้าก็หล่อ เสียงก็ดี เล่นกีต้าร์อย่างเทพ โคตรมีเสน่ห์ ทำไมน้องเขาไม่ไปประกวดวะ เป็นนักร้องได้ชัวร์ ในบรรดาคนที่กูติดตามในยูทูปอยู่ ตอนนี้กูชอบคนนี้ที่สุด”

ผมยิ้มเมื่อนึกถึงต้นเหตุของเรื่องเมื่อสองสัปดาห์ก่อน

อ้างถึง
“โป๊ปๆ มึงดูน้องคนนี้ซิ ร้องเพลงเล่นกีต้าร์เสียงโคตรเพราะ หน้าตาดีมากด้วย ยังน่าจะเป็นเด็กมัธยมเอง ทำไมถึงเก่งอย่างนี้”

ผมดูคลิปในไอแพดที่โป๊ปยื่นให้ เห็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีใส่เสื้อกล้ามดีดกีต้าร์ร้องเพลงอย่างมีความสุขอยู่ ถือว่าเสียงดีมากเลยทีเดียว ผมก็ชอบฟังนะคลิปพวกนี้ แต่ไม่ถึงขนาดไปขวนขวายหาอย่างไอบอสมัน

“อืม เพราะดี มึงนี่ชอบดูคลิปร้องเพลงในยูทูปจริงๆ เลยน้า”

ผมตอบกลับไปอย่างเอ็นดู

“เพราะดีอะไรของมึง โคตรเพราะต่างหาก นี่น้องเขาลงมาเป็นสิบๆ คลิปแล้ว กูตามไปไลค์ไปเม้นท์ให้ตลอด เสียอย่างเดียว น้องมันชอบใส่เสื้อกล้ามหรือไม่ก็ถอดเสื้อเล่นกีต้าร์ตลอด ห้องแม่งไม่มีแอร์เหรอวะ แล้วมึงดู เวลาเล่นแม่งขนจั๊กกะแร้พะเยิบพะยาบตลอด เล่นไปก็พริ้วไหวไป เด็กอะไรวะ ขนจั๊กกะแร้ยาวเฟื้อยไม่เข้ากับหน้าตา ก็ดูแล้วจะฟินก็ฟินไม่สุด ใจมันคอยพะวงไปที่ขนของน้องเค้าเวลาโยกตัวหรือเปลี่ยนคอร์ด มันใช่ไหม ลุคใสๆ แบบนี้ มันต้องขนบางๆ หน่อย ไม่ใช่ดกดำแบบนี้ ฮื่ย ขัดใจว่ะ”

“มึงจะไปคิดมากอะไร เสียงดี เล่นกีต้าร์เพราะ ก็น่าจะโอเคแล้ว อันอื่นมันก็เรื่องภายนอกเล็กๆ น้อยๆ เปล่าวะ มึงน่าจะมองไปที่ความสามารถมากกว่า”

ผมโยกหัวมันเล่น บางทีผมก็ไม่เข้าใจไอบอสนะครับ จะอะไรกันนักหนา จะให้ทุกคนหล่อเพอเฟ็คท์เหมือนมันหมดเลยเหรอ

“มึงไม่เข้าใจกู กูก็ไม่ใช่ว่าจะมองคนที่ภายนอก แต่มันเสียดายเข้าใจไหม คลิปของคนอื่นทั่วไปกูก็ไม่ได้เรื่องมากเลย แต่นี่น้องเขาเก้าสิบเก้าจุดห้าเปอเซ็นต์สมบูรณ์แบบแล้วไง เหมือนภาพเขียนที่โคตรสวยเข้าถึงจิตวิญญาณของศิลปะ แล้วดันมามีหยดหมึกสีดำอยู่ตรงมุมภาพ กูเสียใจ ถ้าน้องเขาร้องแย่ว่านี้อีกนิดหรือเล่นกีต้าร์ห่วยลงหน่อยกูก็คงไม่อะไรหรอก เพราะรู้สึกว่ายังไงมันก็ไม่มีทางสมบูรณ์ แต่นี่มันอีกนิดเดียว อีดนิดเดียวจริงๆ”

เป็นเอามากไหมครับ คนของผม หน้าตาซีเรียสจริงจังมาก

“ถ้าคลิปหน้า น้องเขาไม่มีขนบ้านั่น กูจะมีความสุขมากๆ”

บอสหลับตาจินตนาการแล้วทำท่ามีความสุข นั่นทำให้ใจผมกระตุก จะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่ไหน ผมก็อยากทำให้กับบอสทั้งนั้น ผมรู้ว่าด้วยพลังที่บอสมี บอสจะทำเรื่องนี้เองมันง่ายแค่ไหน แต่บอสจะไม่มีวันทำอย่างนั้น เขาจะไม่มีวันใช้พลังไปกับคนที่ไม่มีความผิดเพื่อความต้องการของตัวเอง ถ้าเด็กคนนั้นเป็นเด็กไม่ดีก็ว่าไปอย่าง แต่ผมไม่ใช่ ผมน่ะไม่ใช่คนดีเท่าไหร่หรอก ถ้าเพื่อสิ่งที่ผมต้องการล่ะก็ ผมก็ไม่ค่อยจะเลือกวิธีการนัก และผมจะทำมัน เพื่อบอส


ผมนั่งดูบอสเปิดดูคลิปเดิมของไอเด็กแสนซวยเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้อย่างมีความสุข มันคุ้มค่าแล้วจริงๆ หวังว่าไอน้องคงได้บทเรียนที่จะไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าทางอินเตอร์เน็ต ครั้งนี้มันเสียแค่ขนจั๊กกะแร้แค่สองกระจุก แต่หน้าตาดีๆ อย่างนี้ ถ้าไม่ระวังตัวก็อาจตกเป็นเหยื่อของคนที่ไม่หวังดีจนเสียอะไรที่มากกว่านี้ได้ นี่แค่เจ็บหน่อยตอนที่ผมกระชากผ้าที่แปะทับเจลถอนขนขึ้นมา แต่เห็นว่าวิธีนี้ทำให้ขนที่เกิดใหม่ขึ้นช้าแล้วไม่อุดตันด้วย

ผมไม่แน่ใจว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่กว่าที่ขนที่ขึ้นใหม่จะยาวจนทำให้บอสรำคาญขึ้นมาอีก ตอนนี้ผมคงเฉยๆ ไว้ก่อน แต่ถ้าบอสเอ่ยปากบ่นเมื่อไหร่ น้องมันคงโดนผมจัดการอีกแน่ๆ ไม่รู้ครั้งต่อไปจะเอาอะไรไปล่อดี อาจจะเป็นกีต้าร์ใหม่ซักตัว ผมลองเข้าไปในเกมออนไลน์อันเดิมก็พบว่าน้องเลิกเล่นไปแล้ว คงเข็ดกับการไว้ใจคนในเกมไปอีกนาน ถึงเกมออนไลน์จะไม่ใช่สิ่งไม่ดีถ้ารู้จักการแบ่งเวลาในการเล่น แต่คนที่มีความสามารถอย่างน้อง เอาเวลาไปทุ่มเทให้กับการเรียนและดนตรีก็อาจจะดีกว่า ไว้เจอกันครั้งหน้านะไอน้อง

ถ้าเพื่อบอสแล้ว ต่อให้เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่ไหน ด้วยวิธีการอะไร ผมก็จะทำ นี่คือด้านมืดของผม

[จบตอนพิเศษ]

ห้ามปาข้าวของนะครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 06-03-2016 11:30:40
ตกใจหมดเลย โป๊ปนี่ลงทุนสุดๆ ฮ่าๆ โดนคนเขียนหลอกสนิทเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 06-03-2016 11:38:48
โดนหลอกเหมือนกัน 5555 นี่เรียกด้านมืด ไม่ใช่ด้านน่ารัก ใช่ไหม  :laugh:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-03-2016 12:28:32
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: ρℓuto ที่ 06-03-2016 12:40:55
เป็นด้านมืดที่มุ้งมิ้งมาก บอกเลย
รอตอนต่อไปน้าาา  :hao6:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: Maiiz Ellfiez ที่ 06-03-2016 13:59:08
อ่านตอนพิเศษตอนแรก ๆ นี่ตกใจมาก  พออ่านจบเท่านั้นล่ะ ขำก๊ากเลย
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 06-03-2016 15:38:33
โอ๊ยย บ้าบอสารภาพดลยว่าคิดไปไกลมาก
สุดท้ายแค่ ขนจุ๊กแร้ ยินดีด้วยผู้เขียน คุณทำสำเร็จ
คุณหลอกเราด้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 06-03-2016 17:55:46
เป็นด้านมืดที่น่ารักมากกกกกอ่ะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: meanmena ที่ 06-03-2016 17:57:05
อืมม.."ห้ามปา" ขอก้านคอแทนได้ป่าว
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 06-03-2016 19:13:22
5555555555555555555
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 06-03-2016 20:18:21
อ่านแล้วอมยิ้มเลย  อิจฉาบอส ทำบุญด้วยอะไรนะ โป๊ปถึงทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 08-03-2016 04:12:24
ยอมรับเลยตอนแรกงงทำไมโป๊ปทำงี้ พออ่านเสร็จ!!

 :a5: กูโดนเล่นแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: soul love ที่ 08-03-2016 07:56:09
มืดจริงๆ ด้านมืดคนเขียนนะ ฮาฮาฮา
รออ่านต่อไป
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 08-03-2016 11:36:30
5555555555555+

โอ๊ย อ่านจบแล้วขำแทบตาย

ขอเรียกพี่โป๊บสปอยด์เมียได้ไหม
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 10-03-2016 07:25:05
โป๊ปน่ารักขนาดนี้
บอสเลิกรักไปได้ยังไง
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 20-03-2016 15:38:08
มานั่งรอตอนใหม่  :hao3:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 20-03-2016 22:27:28
มาถอะๆ รออยู่น้า  :sad4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: pakawatkheeta ที่ 28-03-2016 19:59:38
 :hao5: good
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 01-04-2016 16:56:05
ท่านหายไปไส ท่านมีแฟนเพจไหม
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: ้Sin.7 ที่ 01-04-2016 19:39:42
 :hao5:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 01-04-2016 23:05:34
ฮือๆ ขอโทษครับผม
งานท่วมหัวไม่เลิก ไม่มีเวลาแต่งเลย พล๊อตเรื่องในหัวจะบูดหมดแล้ว
น่าจะพอมีเวลาแต่งอีกทีก็ช่วงสงกรานต์เลย
แต่ไม่ทิ้งคนอ่านแน่นอนครับ
ขอบคุณที่ยังคิดถึงกัน
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [ตอนพิเศษ] ด้านมืดของโป๊ป 06/03/16
เริ่มหัวข้อโดย: pakawatkheeta ที่ 03-04-2016 00:04:36
 o13 o13
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 33] การทดลองวิทย์แสนสนุก 17/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 17-04-2016 19:56:18

หายหัวไปเดือนกว่า ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ กลับมาแล้ว หวังว่าจะคนอ่านจะยังรออยู่นะครับ คิดถึงทุกคนเลย
ดูทรงแล้ว เรื่องนี้น่าจะเขียนจบได้แน่ๆ เพราะงั้นไม่ต้องกลัวนะครับ (ถ้าหายไปอีก) 555

-----------------------------------------------

องค์กรลวงจิต Explicit Content
 
บทที่ 33 การทดลองวิทย์แสนสนุก

[เมธัส]

ผมไม่เคยเจอพี่โป๊ปกับพี่บอสตอนอยู่ด้วยกันเลย ทั้งๆ ที่ผมก็เข้ามาพัวพันกับสองคนนี้ได้หลายเดือนแล้ว นั่นก็เลยทำให้ผมตื่นเต้นและแปลกใจอยู่ไม่น้อยเมื่อพี่บอสโทรมานัดผมให้ออกไปกินข้าวเย็นด้วยกันที่คอนโดของพี่โป๊ปโดยพี่บอสจะเป็นคนทำอาหารเอง นี่เป็นสัญญาณที่ดีที่บอกว่าเขาสองคนเริ่มวางใจผมมากขึ้นแล้ว อีกอย่างก็เป็นโอกาสที่ผมจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคนทั้งคู่ บอกตรงๆ ผมล่ะสงสัยในความสัมพันธ์ของพี่สองคนจริงๆ ถ้าเป็นอย่างที่พูดว่าไม่ได้คบกัน ผมก็อยากเสนอตัวให้พี่เขาพิจารณาผมดูบ้าง

คอนโดพี่โป๊ปก็ดูดี อาจไม่หรูหรามากขนาดคอนโดผมแต่ก็ไม่ธรรมดา ผมเดินนำหน้าฟีฟ่าและแดนเข้าไปในเข้าไปติดต่อที่เค้าเตอร์ แปลกใจไหมล่ะครับว่าทำไมสองคนนี้ถึงมาร่วมได้ ผมก็แปลกใจเหมือนกันแต่ในคำเชิญกึ่งสั่งของพี่โป๊ประบุไว้ชัดว่าให้ผมเอานิ้วโป้งกับนิ้วก้อยไปด้วย เรื่องนิ้วทั้งห้านี่ผมไม่เคยเล่าให้พี่โป๊ปหรือพี่บอสฟังเลยนะครับ แต่ผมก็ไม่แปลกใจหรอกที่พวกเขาจะรู้เรื่องลึกๆ ของผม ผมว่าตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา พวกพี่เขาประเมินตัวผมอย่างละเอียดเพื่ออะไรบางอย่าง

ก่อนหน้านี้ผมก็เตรียมการยกใหญ่ครับ ฟีฟ่าไม่เท่าไหร่เพราะมันรู้เรื่องเกือบทั้งหมดแล้ว ตัวพี่บอสเองมันก็เคยเจอ ถึงจะโดนลบความจำทุกทีก็เถอะ ส่วนแดนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เท่าไหร่ ก็ต้องเล่ากันยาวครับ เท้าความไปตั้งแต่ที่แดนและคนขับรถแทกซี่กลุ่มใหญ่ถูกบังคับจิตให้ชักว่าวให้ผู้โดยสารดู  จนในที่สุด ทั้งคู่ก็รู้เรื่องขององค์กรและสมาพันธ์เป็นอย่างดี ท่าทางแดนจะกลัวทั้งพี่โป๊ปและพี่บอสมาตั้งแต่ยังไม่ได้เจอหน้า ถ้าผมไม่บังคับ วันนี้ก็คงไม่ยอมมา

พอผมกดกริ่งหน้าห้องตามหมายเลขที่พี่เขาบอกไว้ ก็มีคนเปิดประตูออกมาเกือบจะทันที คนที่ออกมารับพวกผมเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นหน้าตาหล่อแบบโหดๆ เหมือนพวกนักเลง ฟีฟ่าชี้หน้าทันที

“เฮ้ย นายมัน....”

ฟีฟ่ามันไปรู้จักคนท่าทางแบบนี้มาจากไหนหว่า แต่จะว่าไปผมก็คุ้นๆ หน้าอยู่เหมือนกันนะ เสียงพี่บอสตะโกนอะไรบางอย่างออกมาจากในห้อง เด็กหนุ่มตาดุหันกลับไปตะโกนรับคำ พอหันกลับมาอีกทียังมีรอยยิ้มน้อยๆ ค้างอยู่บนใบหน้า โคตรมีเสน่ห์ ยิ่งยิ้มก็ยิ่งคุ้นตาเกือบจะถามออกไปแล้ว แต่ฟีฟ่าทักขึ้นมาก่อน

“นายมันนายแบบอัลบั้มรูปยากูซ่าบอยนี่หว่า พี่เม คนที่ผมเอาหนังสือมาให้พี่ดูไง ที่มีรอยสักมังกรอ่ะ มันทำงานอยู่ร้านกาแฟในร้านล้างรถที่พี่เมให้ผมไปสังเกตการณ์อ่ะ”

คนตรงหน้าฉีกยิ้มกว้างขึ้นอีก ตอนนี้ออร่ามาเต็มเหมือนตอนถ่ายอัลบั้ม เฮ้ย เป็นเด็กที่ดูดีไม่แพ้พวกหล่อๆ ในชมรมกีฬาเลยนะ

“ที่แท้ก็แฟนหนังสือผมนี่เอง เชิญเข้ามาเลยครับ”

ฟีฟ่าถลึงตาใส่เหมือนจะบอกว่า พวกกูไม่ได้เป็นแฟนหนังสือมึงโว้ย ซึ่งก็จริง ที่ต้องซื้อมาหลายเล่มเพราะตอนที่ผมยังสืบเรื่องขององค์กรอยู่ เด็กๆ หลายคนที่ผมส่งเข้าไปตีสนิทเพื่อหาข้อมูลกับร้านกาแฟที่อยู่ในร้านล้างรถขององค์กร กี่คนกี่คนก็โดนหลอกให้ซื้อหนังสือนู๊ดเล่มนี้กลับมาทุกที หนังสือก็ราคาแพงมากสำหรับน้องๆ นักศึกษา จนผมต้องซื้อต่อมาจนหมด เจ้าของร้านกาแฟที่ว่าก็คือจอมนี่เอง การที่มาเจอเขาที่คอนโดของพี่โป๊ปก็แสดงว่าที่ผมสันนิษฐานไว้ตอนนั้นว่าเจ้าของร้านกาแฟมีความสัมพันธ์กับองค์กรก็ถูกต้องแล้ว

พวกผมเดินตามจอมเข้าไปในห้องของพี่โป๊ป จัดว่าเป็นคอนโดที่กว้างขวางอยู่ไม่น้อย ขนาดตอนนี้อยู่กันหลายคนก็ยังไม่อึดอัด ในห้องมีของคุ้นตาที่ผมจำได้ว่าเป็นของพี่บอสเต็มไปหมด หมวก แว่นตา กระเป๋า รองเท้าเกือบครบทุกคู่ที่ผมเคยเห็นพี่บอสใส่ ผมเป็นคนความจำดีครับ ยิ่งเป็นของคนที่สนใจด้วยแล้ว เห็นแล้วชักใจเสียครับ นี้เขาสองคนอยู่ด้วยกันตลอดที่คอนโดนี้เลยหรือเปล่า ผมเห็นบางชิ้นเป็นแบบคู่กันด้วย หมวก แว่นตา กระเป๋า มีอย่างละสองชิ้นเหมือนกันเป๊ะๆ ที่ช้ำใจคือแก้วน้ำคู่ที่ลายมันต่อกันแบบที่คู่รักใช้ ไม่เอา อย่าคิดอะไรไปเอง ผมเคยได้ยินจากปากทั้งสองคนแท้ๆ ว่าไม่ได้เป็นแฟนกัน

นอกจากจอมและพี่โป๊ปแล้ว ในห้องก็ยังมีหนุ่มใหญ่อีกหนึ่งคนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงโซฟา ผมไม่เห็นพี่บอสแต่จากกลิ่นอาหารหอมๆ ที่อบอวลอยู่เชื่อได้ว่าพี่บอสคงกำลังวุ่นอยู่ในครัว แดนทำจมูกฟุดฟิดด้วยความสนใจตามประสาคนทำอาหารเหมือนกัน

พี่บอสเดินออกมาจากในครัวในชุดอยู่บ้านสบายๆ ที่มีผ้ากันเปื้อนลายหมีสีน้ำตาลผูกอยู่ ใบหน้าขาวมีไรเหงื่อเล็กๆ ผุดขึ้นประปราย พี่บอสในลุคนี้ดูเป็นพ่อบ้านที่โคตรน่ารักจนผมต้องร้องทัก

“ผ้ากันเปื้อนน่ารักดีนะครับ”

“น่ารักเหรอ ไม่รู้สิ ไอโป๊ปมันซื้อมาจากไหนไม่รู้ตั้งหลายผืน มันเองไม่ได้ใช้ซะหน่อย นี่พี่เอาลายที่แหววน้อยที่สุดมาใช้ก่อนนะ ลายอื่นจะคิกขุไปถึงไหน”

ผมหุบยิ้มทันที ถ้าพี่โป๊ปไม่คิดอะไร ทำไมถึงเลือกลายแบบนี้ให้เพื่อนผู้ชายแมนๆ วะ น่าสงสัย แต่พี่บอสดูจะไม่สนใจอะไร ตะโกนเรียกความสนใจจากแขกที่อยู่ในห้อง

“เอ้ามาพร้อมกันแล้ว อาหารเหลืออีกสองอย่างก็เสร็จหมดแล้ว โป๊ปช่วยเปิดไวน์มาดื่มอุ่นเครื่องก่อนดีไหม รินให้มอมแมมกับน้องๆ เขาด้วย จอม ถ้าไม่ถนัดเบียร์ในตู้เย็นก็มีนะ รองฯ เสือจะเอาอะไรดีครับ”

ประโยคสุดท้าย พี่บอสหันไปถามชายหนุ่มที่ท่าทางอาวุโสสูงสุดในห้องที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ พี่เขาน่าจะอายุสามสิบกว่า หน้าตาดีท่าทางสมาร์ท ผมประเมินแวบเดียวในใจก็เชื่อว่าคนบุคลิคอย่างนี้ต้องเป็นคนในเครื่องแบบอย่างแน่นอน

หลังจากแจกจ่ายเครื่องดื่มจนครบแล้ว พี่บอสก็แนะนำคนในห้องให้รู้จักกัน พี่คนที่ชื่อเสือเป็นนายตำรวจระดับรองผู้กำกับที่ทำงานร่วมกับองค์กรมาหลายปีแล้ว เห็นว่าองค์กรกับผู้ใหญ่ระดับสูงบางคนในกรมตำรวจมีความตกลงลับๆ เรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ส่วนจอมก็เป็นอาสาสมัครช่วยงานองค์กรอยู่ ตอนนี้เรียนอยู่ ปวส. ปีสอง แล้วก็เป็นเจ้าของร้านกาแฟด้วย เคยถ่ายแบบโป๊มาสองครั้งไม่ได้ทำเป็นอาชีพ ส่วนทางผม พี่บอสก็แนะนำกับพี่เสือไปตรงๆ เลยว่าผมทำงานให้สมาพันธ์ คนที่เป็นลูกน้องสายตรงของผู้ใหญ่ระดับสูงในกรมตำรวจอย่างนี้ น่าจะพอรู้เรื่องราวของสมาพันธ์มาบ้าง เลยไม่ต้องอธิบายอะไรกันยืดยาว

“รู้จักกันแล้วเดี๋ยวค่อยมาคุยเรื่องงานกันต่อตอนทานอาหารนะครับ ผมขอเข้าไปจัดการส่วนที่เหลือให้เสร็จ อีกไม่เกินสิบห้านาทีก็จะเริ่มเสิร์ฟแล้ว”

พี่บอสรายงาน แดนมีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็อาสาเข้าไปช่วยพี่บอสทำอาหารด้วย เด็กคหกรรมก็อย่างนี้แหละ สักพักก็เห็นคุยกันงุ้งงิ้งเรื่องทำอาหาร พออาหารเสร็จ พี่บอสกับแดนก็ยกมาเสิร์พ ผมรู้สึกปลื้มมากที่ได้มาร่วมทานข้าวฝีมือพี่บอส ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นที่ยอมรับขึ้นมาอีกขั้น

พี่บอสถอดผ้ากันเปื้อนออกเผยให้เห็นเสื้อโปโลสีม่วงเข้มที่สวมอยู่ ถึงเป็นสีที่ผู้ชายไม่ค่อยใส่กันซักเท่าไหร่แต่มันดูดีมากเมื่ออยู่บนผิวขาวๆ ของพี่บอส ปัญหามันอยู่ที่พี่โป๊ปก็ใส่สีเดียวกันเป๊ะ  ถึงจะไม่ใช่เสื้อคู่เพราะแบบไม่เหมือนกัน แต่มันจะบังเอิญไปหรือเปล่า ผมทนไม่ไหวกระซิบถามเบาๆ 

“เสื้อสีสวยดีนะพี่บอส นึกยังไงวันนี้ถึงใส่สีนี้อ่ะ ทุกทีไม่เห็นเคยใส่”

“อ้าวเหรอ เมื่อเช้าอาบน้ำเสร็จ เห็นไม้แขวนเสื้อตัวนี้มันยื่นออกมาจากราว พี่เลยหยิบออกมาใส่ซะเลยขี้เกียจคิด ไอโป๊ปเพิ่งตะโกนถามอะไรยากๆ มาพอดี”

ถ้านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ คนที่วางแผนก็ต้องรู้จักนิสัยพี่บอสดีมากๆ ว่าแต่นิสัยโหดๆ อย่างพี่โป๊ปจะมาลงมือทำอะไรที่มันมุ้งมิ้งในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้เชียวหรือ มันดูเป็นเด็กประถมเอามากๆ ผมแอบมองหน้าหล่อโหดของพี่โป๊ปแล้วเชื่อไม่ลงจริงๆ

ระหว่างทานอาหาร พี่โป๊ปเป็นคนที่เกริ่นเข้าเรื่องที่ชวนคนทั้งหมดมาในวันนี้ เขาเล่าถึงโต๊ะพนันบอลขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลมากเจ้าหนึ่ง ตอนแรกองค์กรก็แค่ตามเรื่องคนถูกทวงหนี้รุนแรงเกินกว่าเหตุ พอสืบไปสืบมาก็พบว่าเป็นการทวงหนี้ของโต๊ะบอลแห่งนี้ เหยื่อก็มีทั้งนักเรียน นักศึกษา เป็นส่วนใหญ่ มีวัยทำงานอยู่บ้าง

“งานนี้มันใหญ่กว่าที่องค์กรเคยทำ ปกติเราจะจัดการคนทำผิดเป็นคนๆ ไป ที่เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ก็มีบ้างแต่เป็นคดีเบาๆ ที่ไม่ซับซ้อน อย่างพวกแว้นซิ่งรบกวนชาวบ้าน แต่เคสนี้มันทำกันเป็นขบวนการมีเครือข่ายที่ใหญ่มาก รู้จักกันในชื่อโกลคลับ มีการกระจายโต๊ะบอลเป็นสาขาต่างๆ แต่ละสาขาจะมีขาใหญ่ประจำถิ่นเป็นเจ้าของและดูแลโดยจะไม่เกี่ยวข้องกับสาขาอื่น มีโต๊ะใหญ่คุมตรงกลางเพื่อให้แต่ละสาขาดำเนินการตามกฎที่วางไว้ คอยดูไม่ให้แข่งกันเอง และเป็นคนเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐให้ มันเหมือนการเปิดเฟรนชายด์ ยังไงยังงั้น”

พี่โป๊ปปูที่มาที่ไปให้ โดยมีพี่บอสคอยเสริม

“ถึงเราจะไล่เก็บไปทีละสาขา ไม่รู้จะเอาคนทั้งหมดไปลงโทษยังไง ไปประมูลขายเป็นทาสทีละหลายสิบคน คงปั่นป่วนน่าดู ราคาตกหมด”

“ทำไมพี่ไม่ส่งต่อให้ตำรวจจัดการไปตามกฎหมายล่ะ”

ผมถามด้วยความข้องใจ คิดว่าอย่างพี่บอสน่าจะเลือกคนหล่อๆ ไว้ให้องค์กรลงโทษ ส่วนที่เหลือก็ส่งตำรวจไปรับโทษตามกฎหมายก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร

คราวนี้รองผู้กำกับเสือเป็นคนตอบซะเอง

“พวกนี้เส้นใหญ่มาก ทหาร อัยการ กรมสอบสวนคดีพิเศษ แม้แต่ตำรวจบางส่วนเองก็หนุนหลังอยู่ ถ้าไม่มีหลักฐานเอาผิดชัดๆ แบบดิ้นไม่หลุด เจ้านายพี่ก็ยังไม่กล้าชน อีกอย่างเรายังสาวไม่ถึงตัวคนบงการโต๊ะบอลใหญ่ตัวจริง ถ้าจะจัดการตอนนี้ก็ได้แต่สาขาเล็กๆ วิธีการใต้ดินแบบองค์กรหรือสมาพันธ์น่าจะทันการณ์กว่า”

“เลยเรียกผมมาคุยวันนี้เพราะอยากให้สมาพันธ์เข้าร่วมใช่ไหมครับ ผมไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้หรือเปล่านะครับ เพราะเรื่องธุรกิจการพนันอะไรอย่างนี้ไม่ได้อยู่ในขอบข่ายภารกิจของสมาพันธ์ เราถือว่าคนเล่นเล่นพนันด้วยความสมัครใจเอง ไม่ได้ถูกหลอกลวงไป”

ผมพูดไปตามตรง ไม่ใช่ไม่อยากช่วย แต่สมาพันธ์มีหลักการที่ชัดเจนว่าจะเข้าไปเกี่ยวข้องกรณีไหนบ้าง แม้ผมจะเป็นคนสั่งการอยู่ ณ ตอนนี้ แต่ก็ไม่ใช่จะเปลี่ยนแปลงกฎของสมาพันธ์ได้ง่ายๆ อีกอย่างหนึ่งผมก็นึกแปลกใจที่องค์กรให้ความสนใจเคสนี้มากกว่าปกติ ผมค่อนข้างไว้ใจพี่บอส แต่กับพี่โป๊ปยังเสียวๆ อยู่ว่าจะถูกหลอกใช้อะไรหรือเปล่า ผมเลยถามต่ออีก

“แล้วผมก็สงสัยด้วยครับว่าโต๊ะบอลก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ ถึงจะไม่ถูกกฎหมาย แต่การพนันกับคนไทยก็เป็นของคู่กันจะให้เลิกเด็ดขาดก็คงยาก ทำไมพวกพี่ต้องมาสนใจกรณีนี้ด้วยครับ”

“ถ้ามันเหมือนโต๊ะบอลอื่นๆ พี่ก็คงปล่อยผ่าน แต่พวกโต๊ะบอลในสังกัดนี้ ทำอะไรฮึกเหิมมากขึ้นทุกที คนเดือดร้อนก็เยอะขึ้น มีทั้งโดนทำร้าย โดนอุ้ม โดนลักพาตัว บางคนยังหายสาบสูญหาตัวไม่เจอ โต๊ะบอลอื่น ก็มีที่ทวงหนี้กันรุนแรงไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเน้นการขู่ซะมากกว่า เพราะสุดท้ายก็อยากได้เงินเป็นหลัก ไม่ได้ตั้งใจจะเอาให้ถึงตาย แต่นี่ไม่ใช่ โต๊ะบอลนี้เหมือนอยากได้ตัวคนไปมากกว่าอยากจะได้เงินซะอีก”

“พวกค้ามนุษย์เหรอพี่”

นี่มันคดีอุกฉกรรจ์เลยนะ น่าจะให้ตำรวจทหารจัดการมากกว่า อ้อ ลืมไป แก็งค์นี้มีตำรวจทหารเป็นแบ็คอัพอยู่เพียบ

“ท่าทางจะเป็นอย่างนั้น ถ้าสมาพันธ์ยังไม่สะดวกร่วมมือด้วยก็ไม่เป็นไร ตอนนี้พี่อยากได้ความร่วมมือเป็นการส่วนตัวจากนายมากกว่า ขอคนซักกลุ่มนึงแผงตัวเข้าไปเป็นลูกค้าของโต๊ะบอลนี้เพื่อไปเก็บหลักฐาน เราเก่งอยู่แล้วนี่เรื่องแบบนี้ ตอนนี้ทางพี่มีหลักฐานน้อยมาก เหยื่อที่กล้าจะไปให้ปากคำเป็นพยานก็ไม่มี ที่สำคัญยังสาวไม่ถึงตัวการเลย”

พี่โป๊ปขยายความ

“โป๊ป กูว่าอย่าเลย งานนี้มันอันตรายเกิน น้องๆ ก็ยังเด็ก ถ้าพลาดไปกูไม่อยากคิด”

พี่บอสแย้งสิ่งที่พี่โป๊ปบอกออกมา ปลื้มใจจัง ท่าทางเป็นห่วงผมจริงๆ

“ก็มีพวกเรากับรองเสือแบ็คอัพอยู่ไม่เป็นไรหรอก แล้วเป้าหมายที่พวกมันต้องการก็ต้องแบบเด็กพวกนี้แหละ”

ถ้าไม่เอาสมาพันธ์เข้ามาเกี่ยว ลำพังผมกับน้องๆ จะช่วยอะไรได้ ที่น่าแปลกคือ ด้วยความสามารถในการสะกดจิตของพี่บอสกับการแฮ็คข้อมูลของพี่โป๊ปรวมถึงเส้นสายต่างๆ ขององค์กร การสืบอะไรเรื่องพวกนี้น่าจะทำได้ไม่ยากเลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากจะลองดู

“พี่ต้องการคนแบบไหนครับ”

พี่บอสเป็นคนตอบ

“เป็นผู้ชาย เรียนมหาลัยดัง หน้าตาดี แล้วก็ต้องมีจุดเด่นอื่นประกอบด้วย อย่างเป็น เดือนภาคเดือนคณะ เชียร์หลีดเดอร์ นักเรียนเหรียญทอง นักกีฬาระดับแชมป์ ประธานนักศึกษา เน็ตไอดอล อะไรเทือกๆ นี้ ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ขอพวกที่เรียนคณะดังๆ หมอ วิศวะ”

“โหย นี่มันจะคัดตัวไปเข้าวงการหรืออะไรนี่พี่”

“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่เหยื่อที่ติดหนี้แล้วโดยอุ้มไปก็มีแต่พวกแบบนี้ทั้งนั้น ว่าไง อย่าบอกนะว่าหาแนวนี้ไม่ได้”

พี่โป๊ปพูดเหมือนจะรู้ ก็เด็กในสังกัดผมก็โปรไฟล์ระดับนี้ทั้งนั้น เรียกว่าหาคนหน้าตาธรรมดายังยากกว่าเลย

“ก็พอได้อยู่พี่ จะเอากี่คนล่ะ”

“ขั้นแรกเอาซักห้าคนก่อน เจาะไปที่สาขาที่เกิดเรื่องมากที่สุดก่อน ถ้ามีคนที่เป็นพวกศิลปะการต่อสู้ได้ยิ่งดี เผื่อไว้ก่อน”

ผมนึกในใจ ถึงจะมีพวกพี่เขาคอยช่วยอยู่ แต่งานนี้ต้องเข้าถ้ำเสือก็ถือว่าเสี่ยงอยู่ ขณะกำลังคิดเพลินๆ ว่าจะเลือกใครไปดี ก็มีคนมาเขี่ยรัวๆ ที่เอว หันไปดูเห็นฟีฟ่าทำตาอ้อนวอนใส่

“พี่เม ให้ผมไปนะ ท่าทางน่าสนุก เหมือนในซีรีย์สืบสวนสอบสวนเลย ผมอยากทำ นะๆ หน้าตาผมขนาดนี้ ผ่านแน่ๆ พี่บอสครับ ขอผมไปด้วย นะนะ”

อ้อนผมไม่พอยังหันไปอ้อนพี่บอสด้วย ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไร ก็มีคนขัดขึ้นมาก่อน

“พี่บอส มีงานนี้ทำไมไม่บอกผม ถ้าจะเอาคนแบบนี้ไป ให้ผมไปซะยังจะดีกว่า อย่างน้อยผมก็ดีกรีนายแบบโฟโต้บุคที่ขายดิบขายดี ไม่ใช่พวกตัวสูงเป็นเปรต ทำเป็นอ้อน น่ารักตายล่ะ”

เป็นสัญญานท้ารบมาจากจอมครับ เฮ้ย สองคนนี้ไปเขม่นกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วคนอย่างฟีฟ่ามีเหรอจะยอมอยู่เฉย

“โธ่ กะอีแค่นายแบบหนังสือโป๊ทำมาเป็นภูมิใจ ขายดีจริงทำไมต้องมาหลอกขายคนอื่นด้วยวะ ที่ขายๆ ไปนี่เขาซื้อไปฉีกรองก้นถังขยะหรือเปล่า หน้าตาก็บ้านๆ ตัวก็เตี้ย ของก็งั้นๆ ยังมีหน้ามาถ่ายโชว์”

จอมมันไม่ได้เตี้ยนะครับ รูปร่างสมส่วนแล้วก็หุ่นแกร่งมาก แต่เทียบกับกัปตันชมรมบาสอย่างฟีฟ่า ก็ต้องเตี้ยกว่าอยู่แล้ว

“หล่อไม่หล่อไม่รู้ แต่ก็มีคนซื้อไปตั้งสองเล่ม ฮ่าๆ เปิดดูแล้วเคกูทิ่มตามึงไหม พวกตัวสูงโย่งก็งี้แหละ ส่วนใหญ่ของแม่งสั้น”

จอมโต้กลับ เทรนด์ผู้ชายปากหมากำลังมาแรงจริงๆ

“ของกูใหญ่กว่าของมึงเยอะเหอะ  ตอนนั้นมึงหลอกให้กูซื้อ กูตามสืบเรื่ององค์กรอยู่ เห็นมึงเปิดร้านกาแฟอยู่ข้างในร้านล้างรถขององค์กร นึกว่าช่วยซื้อหนังสือมึงแล้วจะได้ข้อมูลอะไรมั่ง ไม่บอกห่าอะไรเลย”

“อ้าว กูจะไปรู้กับมึงเหรอ ว่าแล้วเห็นทำมาถามโน่นถามนี่ กูก็นึกว่ามาหลงเสน่ห์กูอีกคน อุตส่าห์แบ่งขายหนังสือให้ไปตั้งสองเล่ม ราคาแพงพิเศษเลยนะนั่น สมน้ำหน้า มึงเจตนาไม่บริสุทธิ์เอง ข้อมูลองค์กรไม่มีทางหลุดไปจากกูหรอก กูไม่หักหลังพี่บอสอยู่แล้ว แต่ถึงยังไง มึงก็ไม่มีสิทธิ์จะเอาหนังสือกูมากางแล้ววิพากย์พิจารณ์สัดส่วนกูแบบเสียๆ หายๆ กลางร้านกาแฟกูอย่างที่มึงทำ” 

“กูก็ว่าไปตามที่เห็น ของมึงดูในรูปเหมือนยาวก็จริง แต่เพราะมึงตัวแคระไงมันเลยดูยาว แล้วขนาดจะผอมไปไหน นึกว่าไม้จิ้มฟัน”

ฟีฟ่าตอบกลับอย่างไม่ลดราวาศอก

“คุณฟีฟ่าครับ ไปว่าคนอื่นอย่างนั้นไม่ดีนะ คุณจอมก็อย่าไปถือสาเลยครับ”

แดนพยายามเข้าไปไกล่เกลี่ยด้วยเสียงซื่อๆ แต่คู่กรณีสองคนไม่สนใจ

“ไม้จิ้มฟันหรือข้าวหลามมาพิสูจน์ให้เห็นตรงนี้เลยมั้ย เทียบกันชัดๆ ไปเลยว่าของใครเหนือกว่า ว่าแต่มึงกล้าหรือเปล่าไอไก่อ่อน”

จอมท้าขึ้นมาคงด้วยความเจนเวทีในฐานะที่เป็นนายแบบหนังสือโป๊มาก่อน แต่ขอโทษครับ ฟีฟ่านี่เด็กปั้นผม เรื่องหน้าด้านชอบโชว์นี่มันไม่แพ้ใครแน่ๆ ฟีฟ่าถอดกางเกงพรวดตรงโต๊ะอาหารอย่างไม่ลังเลแล้วจับท่อนลำอันเขื่องมาสาวเอาๆ อย่างไม่เขินอาย ถึงผมจะไม่รังเกียจของแบบนี้แต่นี่มันที่กินข้าวนะ ดีว่าทุกคนกินอิ่มกันแล้ว รองฯ เสือส่ายหน้าท่าทางระอาใจกับเด็กวัยรุ่นสมัยนี้แล้วเดินเลี่ยงไปนั่งที่โซฟา พี่โป๊ปทำท่าเหมือนจะห้ามแต่พี่บอสสะกิดเป็นเชิงว่าให้ปล่อยไปก่อน จอมก็สมกับที่เป็นคนท้าก่อน ถอดกางเกงตามทันที พี่บอสหันหน้ามาพยักเพยิดกับผมนิดเดียวผมก็เดาความต้องการของพี่แกออกทันที ผมหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาบันทึกภาพวิดีโอเหตุการณ์ตรงหน้าให้ได้ชัดแจ่มที่สุด
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 33] การทดลองวิทย์แสนสนุก 17/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 17-04-2016 19:58:57

“หึ ก็แค่มือสมัครเล่น”

จอมสบประมาท พร้อมรูดท่อนลำในมือด้วยลีลาแบบมืออาชีพแถมด้วยการโยกเอวเรียกแขก ไส้กรอกฟุตลองดุ้นใหญ่สีสวยในมือดูน่าลิ้มลองจนผมอยากจะตบมือให้ดังๆ ถ้าไม่เกรงใจฟีฟ่า น้องผมมันจุ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์แล้วเรียกหาตัวช่วยทันที

“แดน นายมาช่วยปลุกอารมณ์เราสิ เอาแบบที่เคยสอนไปอ่ะ”

แดนหน้าแดงนิดๆ แต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย เขาประกบฟีฟ่าจากด้านหลัง เลิกเสื้อเชิร์ตของคู่หูตัวเองขึ้นแล้วลูบไล้ไปตามเนื้อตัวที่มีแต่กล้ามแน่นๆ ของฟีฟ่าเน้นหนักตรงยอดอกสีชมพูเข้มจนฟีฟ่าต้องสูดปาก ลีลาคู่นี้ก็ดูเข้าขากันไม่เบาจนผมชักสงสัยว่าลับหลังผมน้องมันไปทำอะไรกันมาบ้าง

ลีลาการชักทั้งประเภทคู่และประเภทเดี่ยวของคู่แข่งขันดูเร้าใจไม่แพ้กัน จอมเพิ่มออพชั่นสู้ด้วยการถอดเสื้อออกโชว์รอยสักมังกรที่สวยงามเร้าใจแล้วเปลี่ยนจากท่ามาตรฐานเป็นการชักแบบสองมือต่อกันซึ่งดูเท่มากสำหรับคนที่มีท่อนลำยาวๆ แบบจอม ฟีฟ่าก็ใช้เพื่อนให้เป็นประโยชน์เพิ่มเติมโดยถูไถร่างเปลือยและน้องชายไซส์ขวดน้ำอัดลมของตัวเองไปตามตัวแดนที่ยังสวมเสื้อผ้าอยู่ครบ ทำให้เกิดความเปรียบต่างเชิงศิลปะที่น่าดู แต่ละคนพยายามโชว์ให้ประทับใจพี่บอสกับผมที่เหมือนจะกลายเป็นคอมเม้นเตเตอร์ไปโดยไม่ตั้งใจ

“กูแข็งเต็มที่แล้ว” ฟีฟ่าตะโกนออกมา

“กูก็พร้อม” จอมแหกปากตอบ

พี่บอสถือสายวัดที่ไปหยิบมาตอนไหนไม่รู้เข้ามาด้วยสายตาเป็นประกายเหมือนเด็กได้ของเล่น อร๊างง หล่อน่ารักมากครับผม เห็นแล้วอยากเอากลับบ้านเลย ไอพี่โป๊ปดูเหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่เพราะจากสายตาเอ็นดูที่มองพี่บอสอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนเป็นสายตาข่มขู่เมื่อหันมามองทางผม นึกว่าผมจะกลัวเรอะ โธ่เอ้ย ผมแอบโต้ในใจ

ทั้งคู่แอ่นท่อนลำที่แข็งตัวเต็มที่ให้พี่บอสวัดอย่างไม่มีใครยอมใคร ทีละคนก็ได้มั๊ง ไม่ต้องแย่งกันจ่อซะเหมือนจะฟันดาบกันเอง ขอบอกว่าอลังการทั้งคู่ ถ้ากะด้วยสายตาคร่าวๆ ผมคิดว่าจอมอาจจะได้เปรียบเพราะยาวกว่าเห็นๆ แต่ก็ไม่แน่เพราะของฟีฟ่าดูอวบอ้วนกว่าพอดู ไม่แน่ใจว่าของแบบนี้เขาแข่งกันที่ความยาวหรือความอวบกันแน่ พี่บอสคงไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะพอวัดเสร็จก็ทำท่าลำบากใจหันไปปรึกษากับพี่โป๊ป

“ตัดสินไม่ถูกว่ะ ของจอมยาวกว่าแต่ก็อวบไม่เท่าของฟีฟ่า หรือต้องคำนวณปริมาตร เฮ้ยโป๊ป สูตรปริมาตรทรงกระบอกว่ายังไงนะ พายอาร์กำลังสองคูณความสูงใช่เปล่า แต่รัศมีวัดตรงไหนวะ มันไม่น่าเท่ากันนะถ้าวัดตรงโคนกับตรงกลางๆ”

“ไม่เห็นต้องคิดมากเลยพี่บอส ที่ไหนๆ เค้าก็ตัดสินตรงความยาวกันทั้งนั้น ที่วิทยาลัยผมตอนรับน้องตัดเกรดหาเทพของรุ่น ก็วัดกันตรงความยาวนี่แหละ ทำกันมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว”

จอมอ้างอิงข้อมูลอย่างน่าเชื่อถือ ถ้าตอนรับน้องวัดกันตามความยาวจริงๆ ตำแหน่งเทพของชั้นปีที่ว่าคงไม่หนีจอมไปแน่ๆ ดีไม่ดีครองตำแหน่งเทพของทั้งวิทยาลัยด้วย ใจลึกๆ ผมแอบให้จอมนะ เพราะใหม่สดกว่า รอยสักมังกรก็โคตรเท่ ส่วนดุ้นของไอฟีฟ่า ใหญ่ก็จริง แต่บอกตรงๆ เห็นจนเบื่อแล้ว ความตื่นเต้นสดใหม่มันไม่มี แล้วฟีฟ่ารูปร่างสูงใหญ่ ของมันเท่านั้นก็ดูไม่แปลกอะไร ไม่เหมือนจอมที่ตัวเล็กกว่า ทำให้เครื่องเคราดูอลังการเกินตัวสะใจดี ลีลาตอนโยกเอวก็พริ้วกว่า โทษทีนะ ถึงจะเป็นนิ้วโป้งน้องรักของผม แต่เรื่องแบบนี้มันตัดสินตามอารมณ์ว่ะ ผมนึกไปเรื่อยแต่ก็ยังเอามือถือเก็บภาพวิดีโอต่อเนื่องไม่หยุด ทั้งถ่ายห่างๆ เพื่อเก็บบรรยากาศ สลับกับถ่ายแบบจ่อเพื่อเก็บรายละเอียด ขึ้นกล้องทั้งคู่เลย

“ได้ไงว่ะ พี่เม ช่วยพูดหน่อยสิ อย่างนี้มันไม่ยุติธรรม”

ฟีฟ่าโวยวาย ผมบุ้ยปากไปให้พี่บอสตัดสิน ทำทีเป็นวุ่นอยู่กับการเก็บภาพ ความลำบากใจตกอยู่ที่พี่บอสครับ หน้ายู่เลย

“ถ้าจะให้พี่ตัดสิน เอาไงดี งั้นพี่ขอลองจับชักทีละคนแล้วกัน ใครทำให้พี่รู้สึกว่าหนักมือกว่าคนนั้นชนะไป”

พี่บอสปิ๊งไอเดียใหม่ขึ้นมา กวาดตาไปรอบๆ เหมือนจะขอความเห็น แต่แล้วก็ต้องทำหน้าแหยเมื่อพี่โป๊ปตะโกนเสียงดังใส่

“หยุดเลยไอบอส เรื่องแค่นี้ก็คิดไม่ได้ พวกมึงก็เหมือนกัน ตอนมอต้นไม่เคยเรียนวิทย์กันหรือไง ถ้วยยูเรก้าน่ะรู้จักบ้างไหม”

พี่โป๊ปบ่นอย่างหงุดหงิดใส่รอบวง น่ากลัวอ่ะคนๆ นี้ แล้วพี่แกเดินเข้าไปหยิบเหยือกน้ำใบใหญ่วางซ้อนมาในกาละมังใบเล็กออกมาจากในครัว พี่โป๊ปวางอุปกรณ์ที่ไปขนมาลงกับพื้นแล้วรินนำใส่ลงในเหยือกจนเต็มโดยไม่อธิบายอะไร

“เอ้า ไอ้จอม จุ่มเคมึงลงไปในเหยือกซิ ให้สุดเลยนะให้น้ำล้นออกมา เงอะงะว่ะมึง เอาตัวคร่อมลงไปแล้วทำท่าเหมือนวิดพื้นไง”

เอิ่ม ของแบบนี้จะให้คล่องได้ไงครับ คงไม่ได้ทำกันบ่อยๆ ผมนึกเถียงในใจแต่ก็เห็นจอมเชื่อฟังเป็นอย่างดี จะว่าไปก็แปลกที่คนที่ดูไม่ยอมคนอย่างจอมจะไม่เถียงซักคำ ผมถ่ายวิดีโออย่างตั้งใจ เหมือนรายการวิทยาศาตร์เพื่อเยาวชนเลยถ้าวัตถุในการทดลองจะไม่ติดเรท 18+ แบบนี้

จอมจุ่มอวัยวะแข็งปั๋งลงไปอย่างตั้งใจ น้ำล้นออกมามากพอดู ดีว่าเหยือกใบสูงพอสมควรไม่งั้นคงไม่พอความยาวของจอม โป๊ปสั่งการให้เอานำที่ล้นออกมาเทใส่ในถ้วยตวงวัดปริมาตรที่เอาออกมาจากในครัวด้วย ได้ปริมาตรแล้วก็จดไว้ทำเป็นการเป็นงานดีมาก พอเสร็จก็เริ่มกันใหม่ คราวนี้เป็นทีของฟีฟ่าบ้าง พอเอาผลมาเปรียบเทียบกัน ไม่น่าเชื่อครับว่าปริมาตรจะใกล้เคียงกันมาก

“ถ้าใกล้กันขนาดนี้ก็ต้องถือว่าเสมอล่ะ เพราะวิธีการวัดแบบนี้ย่อมมีค่าความคลาดเคลื่อนอยู่ประมาณนึง”

พี่โป๊ปสรุปผลการทดลองได้เหมือนนักวิทยาศาตร์มาก แต่สงสารไอสองคนนั้น ลงทุนทำสารพัด สุดท้ายก็ตัดสินผลไม่ได้

“ถ้างั้นกูให้น้องจอมชนะแล้วกัน ตัวเล็กกว่าแต่ขนาดตรงนั้นเท่ากันถือว่าให้แต้มต่อชนะไป”

พี่บอสลังเล แต่ก็ตัดสินออกมาในที่สุด

“ได้ไงพี่ ผมไม่ยอม ถ้าให้ผมแพ้เพราะตัวใหญ่กว่ามัน งั้นผมขอส่งเพื่อนผมไปแก้มือแทน ไอจอม มึงมาแข่งกับแดนเพื่อนกูเลย ตัวพอๆ กัน ไม่มีข้ออ้างให้มึงแล้วว่าเสียเปรียบได้เปรียบ”
ฟีฟ่า มึงเป็นเด็กเกรียนประถมหรือไงฟ่ะ พอเล่นเกมแพ้ก็ไปตามเพื่อนมาแก้แค้น ยังไม่ทันได้มีใครออกปากคัดค้านอะไร ฟีฟ่าก็ใช้ความแคล่วคล่องของนักบาสเข้าไปปลุกปล้ำถอดเสื้อผ้าแดนออก น้องแดนร้องปฏิเสธเสียงดัง มือก็ปัดป่ายการจู่โจมของฟีฟ่า หน้าแดงก่ำอย่างน่าสงสาร

“ไม่เอาครับคุณฟีฟ่า ผมอาย ผมไม่แข่ง ให้คุณจอมเขาชนะไปเถอะ”

สงสารก็สงสาร แต่ผมออกจะชอบฉากนี้นะ ดูเหมือนหมาป่าขย้ำขืนใจลูกแกะน้อยดี พี่บอสก็ดูจะเอ็นจอยมากเหมือนกัน เห็นจ้องตาไม่กระพริบ จนพี่โป๊ปแสยะยิ้มใส่ แล้วเอียงหน้าไปพูดใกล้ๆ หูพี่บอส ผมได้ยินไม่ชัดหรอก แต่พออ่านปากได้ว่า ชอบแบบนี้เหรอ กูจัดให้มั้ยคืนนี้ หรืออะไรประมาณนี้ ความสัมพันธ์ของสองคนนี้มันช่างน่าสงสัยซะจริง ก่อนจบงานโต๊ะบอลนี้ ผมคงพอสืบรู้จนได้รู้ความจริง จะได้ตัดสินใจซะทีว่าผมจะเดินเกมยังไงกับพี่บอสต่อ

“เพื่อนมึงอ่อนด๋อยแบบนั้นจะสู้มังกรยักษ์ของกูได้ยังไง ไม่ต้องแข่งก็รู้ผลอยู่แล้ว ฮ่าๆ”

จอมหัวเราะเยาะความพยายามของฟีฟ่า แต่พอแดนถูกลอกคราบจนล่อนจ้อนทุกคนก็อ้าปากค้างกับความอลังการของแดนน้อยที่ถูกฟีฟ่าปลุกปล้ำจนผงาดศักดาน่าเกรงขามผิดกับหน้าตาที่ใสซื่อของเจ้าตัว

“วี๊ดวิ้ว”

พี่บอสถึงกับผิวปากด้วยความทึ่ง ผมเอาโทรศัพท์ไปจ่อถ่ายท่อนลำที่เห็นจนชินตาแต่ยังน่ามองอยู่ดี ของๆ แดนยาวไม่เท่าของสองคนนั้น แต่ความอวบใหญ่นี่เกินหน้าเกินตาไปเยอะ ดูเผินๆ เหมือนกับบ้องข้าวหลามยังไงอย่างงั้น ผิวสีน้ำผึ้งเนียนใสไปทั้งตัวของแดนออกแดงระเรื่อด้วยความอาย น้องนิ้วก้อยของผมตัวผอมกว่าจอมยิ่งทำให้ท่อนลำที่อวบหนาดูโดดเด่น ส่วนหัวแดงบานโร่ทำให้ดูดุดันยิ่งขึ้น

“เหี้ย โคตรใหญ่”

จอมถึงกับหลุดปากออกเสียงดัง ฟีฟ่ายิ้มกริ่มประหนึ่งเป็นของๆ ตัวเอง เขากำท่อนลำของแดนขึ้นมาอวดอย่างไม่เกรงใจเจ้าของที่อายจนไม่กล้าสบตาใคร อันที่จริงก็กำไม่รอบหรอก อวบซะขนาดนั้น ถ้วยยูเรก้าแบบตามมีตามเกิดถูกนำมาใช้งานอีกครั้ง น้ำที่ล้นออกมาวัดปริมาณได้เยอะกว่าอีกสองคนแบบไม่ต้องลุ้น ฟีฟ่าดูจะอารมณ์ดีขึ้นที่เอาเพื่อนมาแก้มือได้สำเร็จ ส่วนจอมก็ยังทึ่งกับขนาดของแดนอยู่จนเหมือนจะลืมเรื่องที่เขม่นกับฟีฟ่าไปชั่วคราว

“ใหญ่ชิบหาย กูยอมเหอะ ไม่เห็นกับตาคงไม่เชื่อ ขอกูดูใกล้ๆ หน่อยซิ”

จอมหันไปพูดกับแดน

“กูบอกแล้วว่าเพื่อนกูเด็ดจริงอะไรจริง มึงลองจับดูสิ เต็มมือดีชิบหาย กูจับออกบ่อยเพลินดี เห็นหงิมๆ อย่างนี้ของมันสู้มือโคตรๆ จับนิดจับหน่อยก็ขึ้นแล้ว”

ฟีฟ่าเชิญชวนอย่างมีน้ำใจพร้อมบอกเล่าสรรพคุณให้เสร็จสรรพ ไม่ได้ดูเลยว่าแดนอายจะตายอยู่แล้ว ผมสงสารก็สงสาร แต่ขำซะมากกว่า

จอมตอบรับคำเชิญของฝ่ายตรงข้ามไม่มีอิดออด เขาจับพลิกซ้ายพลิกขวาอย่างสนใจแล้วออกปากว่า

“ใหญ่อย่างนี้แฟนมึงยอมให้เอาเหรอ น่ากลัวโบ๋จริงๆ”

แดนอายจนยกมือปิดหน้าหนี ไม่ยอมตอบอะไร จนฟีฟ่าต้องตอบแทน

“มันมีที่ไหนเล่าแฟนน่ะ วันๆ ถ้าไม่ไปเรียนหนังสือก็ไปทำงานโน่นงานนี่ กูไม่อยากจะพูด ตั้งแต่รุ่นพี่พาไปขึ้นครูตอน ปวช. แล้ว มันก็ไม่เคยได้หญิงอีกเลย เห็นว่าสาวรุ่นเดียวกันที่เคยคบๆ กันอยู่  พอจะมีอะไรกัน ฝ่ายหญิงก็เจ็บจนเอาเข้าไม่ไหว ก็อย่างว่า ใหญ่แล้วหัวยังบานอีก เด็กสาวๆ คงรับไม่ไหว ไอนี่ก็ปอดแหกด้วย กลัวเค้าเจ็บสารพัด สุดท้ายสาวเจ้าก็มาขอเลิก จริงๆ อย่างไอนี่ต้องเล่นพวกรุ่นใหญ่มีประสบการณ์หน่อย พวกสาววัยทำงานหรือเมียน้อยเสี่ย มันก็บอกไม่เอา จะมีอะไรกับคนที่จะคบเป็นแฟนจริงจังเท่านั้น โคตรพระเอกเลยว่าป่ะ”

ฟีฟ่าเอาความลับเพื่อนมาเผาให้จอมฟังซะงั้น บางเรื่องผมยังไม่รู้เลย ว่าแต่มันไปญาติดีกับจอมตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงได้คุยกันโขมงโฉงเฉงอย่างนี้

“คุณฟีฟ่าพอเถอะครับ ผมจะโกรธจริงๆ แล้ว ทีหลังผมจะไม่เล่าอะไรให้ฟังอีก”

บทสนทนาที่น่าจะตัดจบลงที่ตรงนี้ กลับถูกต่อยอดเมื่อพี่บอสเข้ามาร่วมวง

“อย่างนี้น้องแดนก็เกือบซิงเลยสิ น่าสงสารจัง แต่ยังดีกว่าพี่นะ พี่นี่ซิงของแท้เลย”

ผมเกือบจะนึกว่าตัวเองหูฝาดถ้าจอมกับแดนไม่มีท่าทีตกตะลึงไม่ต่างกัน  คนหล่อโคตรๆ อย่างพี่บอสอ่ะนะจะยังซิงจนอายุป่านนี้ เรื่องที่ว่าพี่บอสเป็นเกย์ก็ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคอะไร จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่น่าจะปฏิเสธพี่เขาได้ลง นี่ยังไม่นับว่าพี่บอสสามารถสะกดจิตใครก็ได้ที่สนใจอีกนะ

“มึงพูดมากไปแล้วนะ มันใช่เรื่องอะไรที่ต้องไปป่าวประกาศให้คนเขารู้ เมาไวน์เหรอวะ”

พี่โป๊ปตัดบทแล้วลากพี่บอสที่ก็ไม่ได้ดื่มไปมากมายออกไปอีกทาง ท่าทางหวงก้างแบบนี้ทำให้ผมสงสัย ถ้าพี่บอสยังซิงอยู่จริง เรื่องที่ผมสงสัยว่าพี่โป๊ปกับพี่บอสเป็นแฟนกันก็ไม่น่าจะใช่ ถ้าพี่โป๊ปชอบพี่บอสจริงแล้วพี่บอสก็มีใจ พี่โป๊ปคงไม่ปล่อยให้พี่บอสมาลอยหน้าลอยตาอวดความซิงอยู่ได้จนถึงตอนนี้หรอก หรือมันจะมีอะไรมากกว่านั้น แต่ที่แน่ๆ มันทำให้ผมมีกำลังใจเรื่องพี่บอสอีกโขเลย ต่อให้ไอพี่โป๊ปจะทำท่าหวงก้างกีดกันแค่ไหนก็ตาม

“พอๆ นอกเรื่องกันมามากแล้ว พวกมึงก็ใส่เสื้อผ้าซะ ใครไปตามรองเสือกลับมาหน่อย  จอมมึงเอาเหยือกกับถ้วยตวงนี่ไปเก็บ เอ่อไม่ต้อง ทิ้งไปเลยดีกว่า กูใช้ไม่ลงแล้ว บอส มึงไปซื้อใหม่มาด้วย ถ้ามึงเอาของพวกนี้ไปทำขนม กูไม่กิน”

“อย่าครับ อย่าทิ้ง ของยังดีๆ ทั้งนั้น ล้างแล้วก็ใช้ได้ งั้นผมขอแล้วกันนะครับ เอาไว้ตวงทำเค้ก”

ลืมไปว่ายังมีแดนจอมประหยัดอยู่อีกคน จากที่เงียบไม่พูดอะไรด้วยความอายกลับโวยวายออกมาด้วยความเสียดายของ เค้กที่ว่านี่คงไม่ได้ทำให้ผมกินใช่ไหม เอาเถอะ ก็ของคนคุ้นหน้าคุ้นตากันทั้งนั้น

เสียเวลากันไปจนพี่โป๊ปดูหงุดหงิด แต่พอนายตำรวจหนุ่มกลับมาร่วมวง บรรยากาศก็ค่อยเป็นการเป็นงานขึ้น รองผู้กำกับสรุปข้อมูลของโกลคลับซึ่งเป็นโต๊ะบอลเป้าหมายให้ทีมฟัง พฤติกรรมมันน่าสงสัยจริงๆ อย่างที่พี่บอสเกริ่นไว้แต่ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกคุ้นๆ กับรูปแบบอย่างบอกไม่ถูก อาจจะแค่เดจาวูห์ หรือถ้าจะมีอะไรจริงๆ พอผมเข้าไปสืบคงนึกออกเอง ท้ายสุดรองผู้กำกับก็กำชับให้ระวังตัวให้มาก เพราะโกลคลับแม้ภายนอกจะดูราวกับเป็นผับหรูมากกว่าโต๊ะบอล แต่ก็มีการ์ดที่เป็นนักเลงหัวไม้ร่วมงานอยู่ พวกนี้จะเป็นคนคอยดูแลความเรียบร้อย ติดตามทวงหนี้ ไปจนถึงข่มขู่ใช้กำลังตามแต่โต๊ะจะสั่ง ยังไม่นับการ์ดมืออาขีพจากโต๊ะบอลใหญ่ที่คอยสนับสนุนโต๊ะสาขาอีก แต่ผมก็อุ่นใจไม่น้อย ที่ทั้งพี่บอสพี่โป๊ปรวมถึงรองเสือด้วยบอกว่าพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือตลอดหากเกิดปัญหาอะไรขึ้น พวกเราเตรียมช่องทางการสื่อสารทั้งทางโทรศัพท์และไลน์เพื่อจะได้ส่งข่าวกันได้ทันท่วงที

----------------------------------------------------------

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 33] การทดลองวิทย์แสนสนุก 17/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: singlia ที่ 17-04-2016 20:07:23
ตอนใหม่มาแว๊วววววว
 :-[
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 33] การทดลองวิทย์แสนสนุก 17/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 17-04-2016 20:45:13
โอ๊ย อ่านแต่ละตอนเราจะเครียดทีไรขำก่อนทุกที


เจอมุกยูเรก้าเข้าไปนี่ เราจะมองถ้วยตวงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 33] การทดลองวิทย์แสนสนุก 17/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 17-04-2016 21:27:22
กลับมาแว้วววววววววววววววววววววววว ดีใจจัง
มาพร้อมกับวิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก(หรา)
ขอบคุณที่มาต่อนะ จะรอติดตามต่อไปจ้า  :katai2-1: :katai5:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 33] การทดลองวิทย์แสนสนุก 17/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: ρℓuto ที่ 17-04-2016 22:03:44
คิดถึงเรื่องนี้ ดีใจจังที่กลับมา  :hao5:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 33] การทดลองวิทย์แสนสนุก 17/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 20-04-2016 12:15:25
ขอบคุณครับที่มาต่อ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 33] การทดลองวิทย์แสนสนุก 17/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 20-04-2016 13:40:56
ยังคงไม่รู้เหตุผลของโป๊ปต่อไป ทั้งรักทั้งหวงแต่ก็ยังคงความสัมพันธ์แบบเพื่อนเอาไว้ 
รออ่านตอนหน้าจ้า
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 33] การทดลองวิทย์แสนสนุก 17/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: GGamy ที่ 20-04-2016 16:11:37
ขอ nc โป๊ป บอส ซักตอนจะเป็นพระคุณมาค่ะ
น้องบอสก็อายุปานี้ละ ยังซิงอยู่อีก โป๊ปจัดที่เถอะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 33] การทดลองวิทย์แสนสนุก 17/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: vermilion ที่ 21-04-2016 01:23:59
ยังคงรักษาความคิดสร้างสรรค์(แบบหื่นๆ)ไว้ได้ ยังคงติดตามเรื่องนี้ และเป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 33] การทดลองวิทย์แสนสนุก 17/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 21-04-2016 05:44:41
ติดตาม
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 33] การทดลองวิทย์แสนสนุก 17/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: pakawatkheeta ที่ 21-04-2016 15:51:36
น่าจะวัดปริมาณน้ำ ... กันด้วยโนะ...

อิอิ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 33] การทดลองวิทย์แสนสนุก 17/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 21-04-2016 22:33:04
คงไม่ใช่ว่าโต๊ะพนันนั้นเป็นสมาพันธ์ซะเองหรอกนะ  :hao4:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 34] สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ 23/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 23-04-2016 08:48:43
องค์กรลวงจิต Explicit Content
 
บทที่ 34 สิ่งที่เป็นไปไม่ได้

[เมธัส]

หลังจากวันนั้นผมก็จัดทีมเข้าไปตามแผนที่วางไว้ เราต้องเจาะเข้าทางสาขาใดสาขาหนึ่งเพราะโต๊ะบอลใหญ่ไม่เปิดให้คนนอกเข้าไปโดยตรง สาขาที่เราเลือกเป็นสาขาขนาดใหญ่เปิดให้บริการใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงด้านหน้าตาและฐานะของนักศึกษาเป็นพิเศษ สายข่าวบอกว่าสาขานี้เน้นให้บริการนักศึกษามอเอกชนแห่งนั้นเป็นหลัก แต่ทีมของผมจะไปใช้บริการก็ไม่เป็นที่ผิดสังเกตเพราะอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยของผมไปไม่ไกล

ทีมสืบสวนชุดแรกมีห้าคน มีผมกับน้องๆ ชมรมกีฬาที่เรียนคณะวิศวะอีกสองคนเข้าไปในฐานะลูกค้ากลุ่มเดียวกัน จอมจะแยกตัวไปเป็นลูกค้าเดี่ยวทำทีว่าไม่รู้จักกับกลุ่มผมมาก่อน ส่วนแดนถึงหน้าตาจะเข้าทีแต่ไม่ตรงกับสเป็คเหยื่อแบบที่โต๊ะบอลต้องการตัว เพราะเป็นแค่เด็กต่างจังหวัดจนๆ ที่เข้ามาเรียน ปวส. สถาบันไม่ดัง จุดเด่นจริงๆ ก็มีแต่ซ่อนแอบอยู่ในเป้ากางเกงคงเอามาใช้กับงานนี้ไม่ได้ ผมเลยให้แดนเข้าไปสมัครเป็นผู้ช่วยพ่อครัวในส่วนที่เป็นผับของโกลคลับที่เปิดรับอยู่พอดี เผื่อจะได้ข่าวอะไรอีกทางหนึ่ง สำหรับฟีฟ่าจะให้เข้าไปเสริมทีหลังเพราะเข้าไปพร้อมๆ กันทีเดียวกลัวจะผิดสังเกตมากไป

ตอนที่ผมกับน้องเข้าไปโกลคลับเป็นครั้งแรกก็รู้สึกผิดคาดพอสมควร ไม่ว่าใครจะคิดภาพโต๊ะพนันบอลแบบไหนไว้ในใจขอบอกไว้เลยว่าไม่เหมือนกับที่นี่แน่ ลืมไปเลยกับภาพบ่อนพนันเล็กๆ โทรมๆ ที่เปิดอย่างหลบๆ ซ่อนๆ ที่นี่สถานที่ใหญ่โตกว้างขวางและมีป้ายติดอย่างเปิดเผยเหมือนเป็นเรื่องถูกกฎหมาย ภายในตกแต่งไว้อย่างทันสมัยและลงตัวภายใต้บรรยากาศแบบเป็นกันเอง มีที่นั่งสบายๆ เหมาะกับการพูดคุยกันจัดไว้หลายจุดพร้อมทีวีจอยักษ์สำหรับเชียร์บอล ด้านในเข้าไปอีกเป็นโซนร้านอาหารและผับที่สามารถสังสรรค์พร้อมกับเชียร์บอลไปด้วย

พนักงานของโกลคลับคอยเดินให้บริการลูกค้าไปทั่ว ทั้งหมดเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีมาพร้อมกับไอแพดในมือซึ่งใช้แจ้งข้อมูลการแข่งพร้อมอัตราต่อรองกับลูกค้าและรับแทงไปในตัว ผมเห็นพนักงานเหล่านี้ประกบคุยกับลูกค้าคนอื่นอย่างสนิทสนม บางคนดูเหมือนจะเป็นนักศึกษาจากมหาลัยแห่งนี้มาทำงานพิเศษด้วยซ้ำถ้าฟังจากบทสนทนา

พนักงานตี๋หล่อคนนึงปราดเข้ามาหลังจากเห็นผมสามคนยืนสังเกตการณ์อยู่ซักพักพร้อมทักทายด้วยท่าทางสุภาพเป็นกันเอง

“สวัสดีครับ เพิ่งมากันครั้งแรกใช่ไหม ขออนุญาตให้ผมได้แนะนำสถานที่ก่อนดีไหมครับ แล้วจะเป็นลูกค้ากันต่อหรือเปล่าค่อยตัดสินใจ แค่แวะมาเราก็ดีใจแล้วครับ”

นับว่าเขาเทรนพนักงานมาได้ดีทีเดียว ทำให้คนที่เข้ามารู้สึกสบายใจ แล้วก็ไม่ได้มีท่าทีจะเร่งรัดว่าต้องรีบแทงรีบไป หนุ่มตี๋เล่าเรื่องสถานที่และการบริการต่างๆ พร้อมพาเดินชมไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน พอครบก็พากลุ่มผมมานั่งที่โซฟาสบายๆ เพื่อคุยกันต่อ

“อย่างที่เห็นล่ะครับ ที่โกลคลับเราเปิดบริการตลอด อยากจะเข้ามานั่งเล่นพูดคุยเมื่อไหร่ก็มาได้ เราบริการฟรีครับ เป็นนโยบายของนายใหญ่ที่อยากให้มีสถานที่สบายๆ ให้หนุ่มๆ ที่รักฟุตบอลมาพูดคุยหรือมานั่งเชียร์บอลกัน จะไม่แทงบอลเลยก็ไม่เป็นไร หรือถ้าจะแทงเพื่อให้การเชียร์บอลสนุกขึ้นก็เรียกพนักงานได้เลยครับ จะแทงมากแทงน้อยแค่ห้าสิบบาทร้อยบาทเราก็ยินดี เราแค่อยากให้โกลคลับคึกคักมีคนเข้ามาเยอะๆ ครับ”

นี่ขนาดผมรู้วีรกรรมของโต๊ะบอลนี้มาก่อน พอเจอบรรยากาศดีๆ พนักงานหล่อๆ สุภาพเป็นกันเองฟังแล้วยังเคลิ้มเลยครับ หรือว่าจะมีการเข้าใจอะไรผิดกัน บางทีโกลคลับอาจเป็นแค่โต๊ะบอลยุคใหม่ที่เอาการจัดการแบบลาสเวกัสมาใช้ก็ได้ แต่พอเหล่มองโต๊ะข้างๆ ก็แอบเห็นว่ายอดแทงมันไม่ใช่ห้าสิบบาทร้อยบาทอย่างที่ว่านะสิ ดูแล้วงงเลยว่านักศึกษาที่ยังขอเงินพ่อแม่อยู่จะเอามาจากไหนมากมายขนาดนั้น

“ถ้ายังไงสมัครสมาชิกไว้ก่อนก็ได้ครับ เผื่อวันไหนมีแมทช์ที่อยากเชียร์ให้สนุกขึ้น ก็แวะมาลงซักร้อยนึงขำๆ แล้วก็อยู่ดูบอลที่นี่เลยก็ได้ แทงเท่าไหร่ จะมีแต้มให้เอาไปใช้สั่งอาหารและเครื่องดื่มได้ ถ้าคืนไหนครึ้มใจลงเยอะหน่อย นั่งกินดื่มฟรีไปได้ทั้งคืนเลยครับ ยิ่งถ้าชนะด้วย ได้แถมเงินกลับบ้านไปอีก”

ฟังไปฟังมามันก็มีมาตรการหลอกล่อปนอยู่ แต่มันก็เป็นเรื่องปกติที่ธุรกิจอย่างนี้ก็หวังจะให้คนเล่นพนันกันเยอะๆ

“เห็นสถานที่และบริการเราค่อนข้างดีแบบนี้ ขอบอกเลยนะครับว่า อัตราต่อรองของเราถูกกว่าพวกโต๊ะบอลเล็กๆ อีก รองเช็คเปรียบเทียบกันได้เลย ผมรับประกัน ความน่าเชื่อถือก็ไม่ต้องห่วง ไม่มีเบี้ยวแน่นอน สนใจจะเข้าเป็นสมาชิกเลยไหมครับ สมัครฟรีครับ”

หนุ่มตี๋จูงใจเสร็จก็วกกลับมาที่การสมัครสมาชิก ซึ่งแน่นอนว่าพวกผมทำอยู่แล้ว ไหนๆ ก็เข้าถ้ำเสือมาขนาดนี้  พอตอบตกลงไป พนักงานก็หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาพูดทันที

“จีเอ็มวอสอง จีเอ็มวอสอง”

“วอสอง” มีเสียงตอบมาจากปลายทาง

“มีมาสมัครใหม่สามคน น่าจะระดับเอพลัสขึ้นไป ย้ำ ระดับเอพลัสขึ้นไปทั้งสามคน”

“รับทราบ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ วอหนึ่ง”

“ล้อบบี้ข้างตู้ปลา”

พนักงานคุยผ่านวิทยุเสร็จก็หันมายิ้มให้

“รอสักครู่นะครับ ผู้จัดการกำลังมา ผมเชิญมาเป็นพิเศษเพราะผู้จัดการน่าจะมีโปรโมชั่นและสิทธ์พิเศษดีๆ ให้กับทั้งสามท่านแน่นอน”

“ที่มาสมัครใหม่อย่างเราก็ได้ทุกคนเหรอครับ”

ผมถามออกไปทั้งๆ ที่พอจะเดาได้บ้างแล้วว่าสาเหตุคืออะไร น้องสองคนที่มากับผมด้วยเป็นนักกีฬาที่ความหล่อระดับเดือนภาคทั้งคู่ คนนึงถึงกับเคยถ่ายโฆษณาด้วย ส่วนความหล่อของผมนี่ไม่ต้องพูดถึง หลักฐานเต็มหน้าไม่รู้จะปกปิดยังไง

ผู้จัดการในวัยสามสิบเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ พอเห็นหน้าผมสามคนชัดๆ ก็ชะงักค้างไปนิดนึงแล้วยิ้มกว้างในแบบที่ชวนให้ขนลุกอยู่หน่อยๆ

“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับนะครับทั้งสามคนเลย ผมเป็นผู้จัดการสาขานี้ เด็กๆ พนักงานจะเรียกว่าจีเอ็ม แต่พวกน้องเรียกเฮียก็ได้จะได้สนิทกันไว้ เรียนอยู่ที่มอนี้กันเหรอ ทำไมเฮียไม่คุ้นหน้าเลย นี่ก็เข้าไปดูในเพจคิ้วท์บอยของมหาลัยอยู่บ่อยๆ แล้วนะ”

ชัดเลย เฮียใช่แน่ๆ

“พวกผมมาจากมหาลัยโน้นอ่ะครับ”

“อ๋อ ที่ใหญ่ๆ ดังๆ ใช่ไหมเก่งจัง เฮียนะ อยากให้โกลคลับไปเปิดสาขาที่นั่นบ้างจัง จะรับอาสาไปบุกทะลวง เอ้ย บุกเบิกเอง”

มุกเสื่อมมากเฮีย พวกผมนี่เสียววาบเลย

“เอาอย่างนี้ ถึงจะเพิ่งเจอกัน แต่เฮียถูกชะตากับพวกเรายังไงไม่รู้ เฮียจะให้น้องทั้งสามคนเป็นสมาชิกวีไอพีเลย แล้วก็จะมีส่วนลดยอดเดิมพันเป็นพิเศษด้วยสูงสุดสามสิบเปอร์เซ็นต์ คือสมมุติเราแทงร้อยนึง ถ้าได้ก็ได้ไปเต็มๆ ตามอัตราต่อรอง แต่ถ้าเสียก็จ่ายแค่เจ็ดสิบ”

“โห เจ๋งมากๆ เลยเฮีย แต่บอกว่าสูงสุดสามสิบเปอร์เซ็นต์ แล้วทำไงถึงได้ส่วนลดสูงสุดที่ว่าล่ะ”

“ก็ถ้ายอดถึงหนึ่งแสนขึ้นไปก็จะได้สามสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าไม่ถึงส่วนลดก็จะลดหลั่นกันลงมา”

“โหเฮีย แล้วเด็กอย่างพวกผมจะไปเอาเงินขนาดนั้นมาจากไหนล่ะ”

“ไม่ต้องเอาเงินสดมาแทงก็ได้ สมาชิกวีไอพีทางโกลคลับมีเครดิตให้เริ่มต้นที่ห้าแสนบาท พอเล่นไปเรื่อยๆ ก็จะเพิ่มวงเงินให้เอง ถ้าเราจะค่อยเป็นค่อยไป ก็เริ่มไม่ต้องเยอะก่อน แล้วก็สะสมไปเรื่อยๆ เก็บจากเงินที่แทงถูกบ้าง ค่อยหาทุนมาเพิ่มบ้าง แล้วก็แทงให้หนักขึ้น แต่ถ้าใจร้อน ก็ปรึกษาเฮียได้ เอาเครดิตที่มีนี่แหละมาแทงหนักๆ แบบจับเสือมือเปล่าเลยทีเดียว แต่ต้องรอแมทช์ที่ชัวร์ๆ นะ เฮียแนะนำให้ได้เป็นการส่วนตัว แต่ก็อย่างว่าแหละลูกกลมๆ อะไรก็ขึ้นได้ เฮียคงการันตีผลให้ไม่ได้ แต่โอกาสรวยมีสูงมาก”

ถ้าเฮียเก่งขนาดนั้นป่านนี้คงรวยโคตรๆ ไปแล้ว ฟังดูก็รู้ว่าเป็นการหลอกล่อให้เหยื่อติดกับ แต่ผมก็ต้องเล่นตามบทต่อ

“สุดยอดเลยเฮีย แต่ถ้าพลาดขึ้นมาผมไม่ตายเหรอ แบบว่าโดนสั่งเก็บเพราะไม่มีเงินจ่าย”

“ฮ่าๆ ที่นี่เขาไม่โหดอย่างนั้นหรอก เรื่องหนี้ก็คุยกันได้ ไม่มีจริงๆ ก็มาทำงานใช้หนี้แทน ใครเขาจะไปสั่งเก็บล่ะ เสียของหมด”

เฮียพูดแล้วก็อมยิ้มอย่างมีเลสนัยประมาณอยากให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นไวๆ

“งั้นพวกผมลองดูกันเองก่อนซักแมทช์สองแมทช์ ถ้าเข้าท่าจะมาขอรวยลัดกับเฮียแล้วกัน”

จริงๆ จะขอไปตั้งหลักเพื่อวางแผนกันต่อ ดูๆ ก็สืบไม่ยาก วันเดียวก็ได้รู้อะไรเยอะเหมือนกัน ไม่รู้ทำไมระดับพี่โป๊ปกับพี่บอสถึงต้องการความช่วยเหลือจากผม หรือที่ยากมันจะอยู่ที่การสาวไปถึงผู้บงการใหญ่

พอหว่านล้อมข้อดีของสมาชิกวีไอพีเสร็จ เฮียก็เอาใบสมัครมาให้กรอก อื้อหือ ใบสมัครอะไรต้องใส่ข้อมูลเพียบยังกะจะเข้าประกวดดาราหน้าใหม่ อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง การศึกษา เบอร์โทรศัพท์ มีช่องให้กรอกประวัติ กิจกรรม และรางวัลอื่นๆ ที่น่าสนใจด้วย

“พวกเรามีใครเป็นเดือนคณะหรืออะไรทำนองนั้นก็กรอกลงไปด้วยนะ หรือเคยประกวดได้รางวัลอะไรมาก็ใส่เข้าไปด้วย เดี๋ยวเฮียขอถ่ายรูปติดบัตรไว้หน่อย”

ข้อมูลพวกนี้มันเกี่ยวตรงไหนกันฟ่ะ ต่อให้ผมไม่รู้เรื่องของโกลคลับมาก่อนผมก็คงเอะใจอยู่ดี แต่สิทธิประโยชน์ของสมาชิกวีไอพีก็เยอะมากจนคนทั่วไปคงยอมให้ข้อมูลไป ผู้ชายแมนๆ ขาบอลส่วนใหญ่คงไม่คิดมากกับเรื่องแค่นี้ เฮียตาโตเมื่อเห็นน้องที่มากับผมกรอกตำแหน่งเดือนภาคคณะวิศวะทั้งคู่

พอสมัครเรียบร้อย เฮียก็พาชมพื้นที่เฉพาะของวีไอพี ซึ่งมีแต่หนุ่มหน้าตาดีๆ ใช้บริการอยู่อย่างเมามัน ผมสังเกตเห็นคนที่ท่างทางเหมือนการ์ดตามที่พี่โป๊ปบอกอยู่เหมือนกัน ถึงจะแต่งตัวดีใส่สูทดำนะแต่หน้าตาท่าทางนี่นักเลงคุมบ่อนชัดๆ แต่พวกนี้จะซุ่มอยู่ห่างๆ ไม่เข้ามาวุ่นวายอะไรกับลูกค้า ก่อนกลับผมแกล้งอ้อนขอเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเฮียบอกว่าจะโทรมาปรึกษาเรื่องการวิเคราะห์บอล แกท่าทางอิดออดบอกว่าติดระเบียบของโกลคลับ แต่พอโดนผมยอหน่อยว่าระดับผู้จัดการเก่งๆ อย่างเฮียพิจารณาเองได้อยู่แล้วว่าอะไรควรไม่ควร แกก็ดูภูมิใจแล้วให้เบอร์มาในที่สุด

สงสัยใช่ไหมครับว่าผมเอาเบอร์เฮียแกมาทำไม ผมก็เอามาให้พี่โป๊ปแฮ็กเข้าไปในโทรศัพท์แกนะสิครับ อีกทางหนึ่ง ผมก็รีบโทรเล่าเรื่องที่เจอมาวันนี้ให้จอมฟัง จอมจะเริ่มเข้าไปที่โกลคลับในวันถัดไป ผมนัดแนะให้จอมเน้นหาข้อมูลจากลูกค้าคนอื่นเป็นหลัก ส่วนฝั่งแดนผมไม่หวังอะไรมากเพราะเข้าไปอยู่ในครัว อยากให้น้องได้มีส่วนร่วมในจุดที่ไม่อันตรายเกินไปมากกว่า

ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ เราก็มารวมตัวกันห้าคนเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเองก่อน แต่ละคนก็คืบหน้าไปได้เยอะพอสมควร จอมถึงจะไม่ได้รับสิทธิให้เป็นสมาชิกวีไอพีแต่ก็สามารถเข้าไปตีสนิทกับลูกค้าขาประจำได้หลายคน หนึ่งในนั้นบอกจอมว่าดีแล้วที่ไม่ได้เป็นสมาชิกวีไอพี เพราะเขาเห็นเพื่อนที่เป็นจบไม่สวยซักราย พวกวีไอพีจะถูกยุให้พนันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยให้เครดิตไม่อั้น ถ้าถูกขึ้นมาก็จะโดนยุให้เอาเงินที่ได้ไปพนันเพิ่ม ถ้าเสียก็จะเสนอโปรโมชั่นจูงใจให้มาแก้มือ แต่ไม่ว่าจะโชคดีแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องมีพลาดกันบ้าง พอหนี้สะสมสูงจนหามาคืนไม่ไหว ทางโกลคลับก็จะมีข้อเสนอบางอย่างให้แทนการชำระหนี้

ลูกค้าประจำเล่าว่า ที่นี่ทวงหนี้โหดไม่ใช่เล่น แล้วก็ไม่ได้เน้นอยากได้เงินคืนด้วย เหมือนอยากให้รับข้อเสนอมากกว่า ทั้งใช้ความรุนแรง ทั้งขู่ว่าจะแจ้งทางบ้านหรือมหาลัย ไม่มีใครกล้าเบี้ยวหนี้หรือแจ้งตำรวจ  เพราะเป็นที่รู้กันว่าโต๊ะบอลนี้เส้นใหญ่จริงๆ พอยอมรับข้อเสนอ ลูกหนี้คนนั้นก็จะหายไปหลายๆ วัน กลับมาอีกทีส่วนใหญ่ก็เลิกเล่นไปเลยโดยไม่บอกว่าโดนอะไรมาบ้าง มีบ้างที่ยังติดพนันต่อจนแทบเสียผู้เสียคน บางคนได้ข่าวว่าไปขายตัวขายเพื่อหาเงินเอามาเล่นพนันด้วยซ้ำ

น้องชมรมกีฬาก็คอนเฟิร์มว่าข้อมูลตรงกัน มีคนที่โกลคลับโทรมาชวนให้แทงคู่โน้นคู่นี้เกือบทุกวัน แถมโปรโมชั่นส่วนลดจูงใจพิเศษให้ตลอด ทางผมเองไม่ได้โดนรุกขนาดนั้น อาจเพราะผมไม่ได้ให้ประวัติจริงๆ ไป ความน่าสนใจเลยจะสู้เด็กวิศวะที่เป็นเดือนภาคกับนายแบบอย่างสองคนนั้นไม่ได้ เราตกลงกันที่จะให้น้องที่เป็นเดือนภาคโยธาแทงหนักๆ ไปเลยเพื่อจะดูว่าเกิดอะไรกันแน่เวลาเป็นหนี้ขึ้นมา

ในขณะที่คนอื่นคืบหน้าไปได้เยอะ ทางฝั่งแดนกลับไม่ได้เรื่องได้ราวเท่าไหร่ มีมาเล่าว่าที่นี่ทำอาหารสไตล์ไหน พ่อครัวมีกี่คน เด็กเสิร์พมีใครบ้าง แถมยังภูมิใจอีกว่าตัวเองอาสาช่วยงานเขาไปทั่ว เลยเป็นที่เอ็นดูของคนในแผนกอาหารซะงั้น สรุปคือไม่ได้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเรื่องโต๊ะบอลเลย เอาเถอะ ผมก็ไม่ได้หวังอะไรมากอยู่แล้ว

ผมขอชื่อนักศึกษาที่มีข่าวว่าติดพนันแล้วแอบขายตัวมาจากจอม เป็นเด็กปีสองเรียนคณะวิศวะ หาตัวง่ายมาก ก็วนเวียนอยู่ในโกลคลับนั่นแหล่ะ หน้าตาหล่อแมนเลยล่ะแต่ดูโทรมๆ ไม่ได้แบบเท่ๆ เซอร์ๆ นะ โทรมแบบคนอดนอนขอบตาคล้ำ ผมเข้าไปคุยพักนึงก็ออฟมาได้จริงๆ ด้วยค่าตัวห้าพันบาท ผมพาไปเปิดห้องที่โรงแรมสี่ดาวใกล้ๆ ราคาก็ตามเกรดของโรงแรมนั่นแหละ เด็กที่ผมออฟมาถึงกับเอ่ยปากเมื่อเข้ามาในห้อง

“ทำไมพี่เปิดห้องหรูจัง มีที่ถูกกว่านี้ตั้งเยอะ ผมรู้จักหลายที่ สะอาดด้วย”

“ไม่เป็นไรหรอก พี่อยากนั่งคุยกับเราสบายๆ ก่อน”

“งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ พี่จะให้ผมรับหรือเปล่า จะได้ทำความสะอาดตรงนั้นด้วย”

ผู้ชายแมนๆ กลับถามเรื่องแบบนี้หน้าตาเฉย

“เรารับได้ด้วยเหรอ ดูแมนขนาดนี้”

“ได้ไม่ได้ก็ผ่านมาหมดแล้ว ผมคงไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้ พี่จะเล่นซาดิสม์ยังได้ หรือจะชวนเพื่อนมาหมู่ก็ไหว ขอค่าเหนื่อยค่าเจ็บตัวเพิ่มให้ผมละกัน”

ผมอึ้งไป ทำไมเด็กวัยรุ่นคนนึงต้องมาตกต่ำขนาดนี้นะ ยอมทำสารพัดเพื่อเงินไม่เท่าไหร่

“พี่ไม่ชอบแบบนั้นเหรอ อย่างอื่นก็ได้ ผมทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่เอาแบบเล่นสกปรกนะ ผมไม่ไหวจริงๆ เต็มที่ผมให้ได้แค่พี่เยี่ยวรดผม ห้ามเข้าปากนะ พี่จะถ่ายคลิปเก็บไว้ก็ได้ อย่าให้เห็นหน้าผมชัดๆ ก็พอ ถ้าถูกใจผมขอทิปหน่อยนะครับ ผมอยากได้เงินจริงๆ เสาร์นี้มีบอลคู่ที่ผมต้องลงให้หนัก ผมชนะแน่ จะได้สบายซะที ระหว่างนี้ถ้าพี่มีเพื่อนหรือใครก็ช่วยแนะนำมาใช้บริการผมหน่อยนะครับ ผู้หญิงผู้ชายกระเทยผมรับหมดไม่เรื่องมาก แก่ๆ อ้วนๆ ผมก็รับเป็นปกติอยู่แล้ว นานๆ ทีถึงเจอหล่อแบบพี่”

ฟังเด็กที่โดนผีพนันเข้าสิงพูดแล้วผมหมดอารมณ์ป๋าขึ้นมาทันที เด็กนี่โดนมายับเยินขนาดไหนแล้วนี่

“เราอยากได้เงินอีกเท่าไหร่”

“ผมกะแทงสามหมื่นเลยถ้าหาลูกค้าได้พอ นี่ยังน้อยนะ แต่ก่อนที่ยังมีเครดิตอยู่ผมเล่นทีเป็นแสนๆ พอได้เที่ยวนี้ผมจะเอาทั้งต้นทั้งกำไรทุ่มครั้งหน้าไปอีก ผมได้เทคนิคอ่านทางบอลมาใหม่ ทีนี้แหละจะได้เลิกรับงานแบบนี้ซะที ถ้าพี่ติดใจก็รีบๆ มาเบิ้ลนะ ผมคงทำอีกไม่นาน”

“งั้นครั้งนี้พี่จะให้สามหมื่นเลยก็ได้ แต่เราต้องตอบคำถามทุกอย่างอย่างละเอียดเลยนะ ห้ามปิดบังอะไร ถ้าพี่พอใจ เราก็รับสามหมื่นนี้ไป ไม่งั้นก็ได้แค่ห้าพัน”

“สามหมื่นกับแค่ตอบคำถามนี่เหรอ จริงๆ นะ พี่ถามมาเลย ผมจะตอบทุกอย่าง”

เด็กหนุ่มตาวาวเมื่อเห็นผมตกลงกับยอดเงินขนาดนั้นง่ายๆ

“งั้นถอดเสื้อผ้าออกให้หมด พี่ขอดูสภาพร่างกายเราหน่อย”

คนตรงหน้าถอดเสื้อผ้าออกทันทีตามคำสั่ง ผมไม่ใช่จะพิศวาสอะไรนะครับ อารมณ์มันหดหู่ชวนเวทนามากกว่า ผมต้องการตรวจร่างกายนิดนึงว่าโดนมาขนาดไหน กะจะใช้เป็นข้อพิสูจน์ด้วยว่าเรื่องที่เล่าจริงหรือเปล่า พอน้องแก้ผ้าออกหมด ไม่ต้องถามก็รู้ว่าโดนมาหนักจริงๆ ตามเนื้อตัวมีรอยแดง รอยถูกมัด ถูกหนีบที่เป็นรอยใหม่ๆ ไม่นับของเก่าที่มีทั้งรอยบุหรี่จี้ รอยกัด และรอยถูกโบยตี ที่คงโดนมาหลายเดือนแล้วเหลือแผลเป็นจางๆ อวัยวะเพศมีรอยถลอกจากการกระทำบางอย่างซึ่งไม่น่าใช่การร่วมเพศแบบปกติแน่ ประตูหลังของน้องก็ดูบานปลิ้นและสีออกคล้ำๆ จากการเสียดสีเหมือนถูกกระทำมาอย่างหนัก

“ข้างหลังยังระบมอยู่นิดหน่อยครับ วันก่อนโดนหนักจริงๆ แต่พี่อยากเอาก็เอาได้นะ ผมสบายอยู่แล้ว อาจจะดูเยินไปนิด แต่ข้างในยังแน่นครับ ผมนักว่ายน้ำเก่ากล้ามเนื้อแข็งแรง”

น้องออกตัวอย่างน่าสมเพช คงกลัวผมไม่พอใจกับสภาพยับเยินของตัวเอง

“พี่ยังไม่เอาเราตอนนี้หรอก บอกแล้วว่าอยากสอบถามอะไรเฉยๆ ไหน ว่ามาสิ เราโดนอะไรมา เอาตั้งแต่ต้นเลยว่ามาตกอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง แล้วโกลคลับทำอะไรกับเราบ้าง ไม่ต้องกลัวนะ พี่แค่อยากรู้ความจริง ไม่ทำให้เราเดือดร้อนหรอก”

“ผมไม่ได้กลัวตัวเองจะเดือดร้อนหรอก สินค้าที่หมดสภาพแล้วอย่างผม นายใหญ่เขาไม่มาสนใจอะไรหรอก โน่น เขาไปเล็งวีไอพีหน้าใหม่ๆ ใครพลาดขึ้นมาก็โดนไปทำงานใช้หนี้ พอใช้จนครบหมดความสดใหม่แล้วนายใหญ่ก็จะเลิกยุ่งกับเรา ก็มีแต่เสี่ยกับเฮียที่สาขานี่แหละที่อาจมีงานเสริมมาป้อนให้ถ้าเรายังอยากได้เงินไปเล่นพนันต่อ แต่ผมไม่ค่อยรับหรอกถ้าเลี่ยงได้ โดนหักหัวคิวเยอะแล้วลูกค้าก็ซาดิสม์ทั้งนั้น ผมรับงานเองดีกว่า ที่โกลคลับเขาไม่ต้องระวังตัวอะไรเพราะเส้นเขาปึ๊กจริงๆ มา คงไม่มีใครทำอะไรเขาได้หรอก แต่ถ้าพี่อยากรู้ผมจะเล่าให้หมดเลย”

น้องนักพนันเล่าว่านายใหญ่ดูเหมือนจะเป็นคนที่คุมโกลคลับทั้งหมด ส่วนสาขานี้เจ้าของคือเสี่ยและมีเฮียผู้จัดการเป็นคนดูแลแทน
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 34] สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ 23/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 23-04-2016 08:51:15

“ตอนแรกผมก็เล่นพนันพอสนุกๆ นี่แหละ แต่อยู่ๆ เฮียก็ปรับให้ผมเป็นวีไอพี ผมก็ดีใจสิ สิทธ์พิเศษเยอะไปหมด พนักงานก็เชียร์ให้เล่นคู่นั้นคู่นี้ แรกๆ ก็เล่นแล้วได้ เพื่อนใหม่ที่เป็นวีไอพีเหมือนกันก็บอกว่ากำลังมือขึ้นให้แทงเยอะๆ เพราะโต๊ะบอลให้เครดิตไว้แล้ว พอเสียขึ้นมามันก็บอกว่านานๆ ก็ต้องมีพลาดบ้างให้ทุ่มสุดตัวแก้มือไปเลย เขาก็ทำแบบที่ว่าจนรวยแล้ว คนโน้นก็เชียร์คนนี้ก็เชียร์ สุดท้ายผมกลายเป็นมีหนี้หลายแสน ไอพวกวีไอพีที่เชียร์กันจังผมเพิ่งรู้ทีหลังว่าเป็นหน้าม้า ไม่รู้จะบอกที่บ้านยังไง ช่วงหลังบ้านผมกิจการไม่ค่อยดีด้วย แค่หาเงินมาหมุนก็ลำบากแล้ว จะหนีก็ไม่รู้จะไปไหน พวกการ์ดทวงหนี้ก็มาข่มขู่ทุกวันบีบให้รับข้อเสนอ โดนซ้อมด้วย ผมไม่รู้จะทำยังไงสุดท้ายก็ยอม”

ก็น่าเห็นใจอยู่ ไม่ใช่ทุกคนจะทันเล่ห์เหลี่ยมของคนอื่น

“ตอนนั้นผมคิดว่าอะไรก็ได้ ขอให้พ้นสภาพนี้ไปแล้วจะเลิกเล่นเด็ดขาด พอตกลง เฮียก็ส่งผมไปที่โต๊ะบอลใหญ่ ที่นั่นก็ไม่ได้แย่มาก มีคนดูแลแบบมืออาชีพเลย ขอประวัติรูปถ่ายแบบละเอียดยิบ  ให้ผมไปตรวจเลือดด้วย เสร็จแล้วก็มีสัญญาให้เซ็นต์ว่าผมรับงานนี้ด้วยความเต็มใจเพื่อล้างหนี้ที่ติดอยู่ ให้พูดออกเสียงอัดเป็นวิดีโองานด้วย งานที่ผมต้องทำคือไปให้บริการผู้มีอุปการคุณของโกลคลับ นายใหญ่จะเป็นคนคัดเลือกเองตามความต้องการของท่านๆ เหล่านั้น ผมไม่เคยพบนายใหญ่หรอก มีแต่คนมาบอกว่านายใหญ่สั่งอย่างโน้นอย่างนี้ มีคนมาสอนให้ด้วยว่าทำความสะอาดประตูหลังทำยังไง ต้องปฏิบัติตัวยังไงกับท่านๆ ทำไงให้เซฟตัวเองให้เจ็บตัวน้อยที่สุด”

เรื่องพวกนี้ก็คอนเฟิร์มสิ่งที่พี่โป๊ปเล่ามา น้องเล่าต่อด้วยแววตาที่หม่นแสงลง

“ช่วงนั้นผมก็รับงานตามคำสั่งไปเรื่อยๆ ผู้มีอุปการคุณที่ผมไปให้บริการส่วนใหญ่ก็มีอายุแล้ว ผมเดาว่าก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่สนับสนุนโกลคลับอยู่นั่นแหละ ไปถึงก็จะชอบถามว่าผมเรียนวิศวะจริงเหรอ ผมไม่ได้มีโอกาสเห็นหน้าหรอก บางครั้งผมโดนปิดตาตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่โดนหรอกเพราะพวกนี้อยากเห็นหน้าผมชัดๆ ตัวเขาจะคาดหน้ากากผ้าหรือไม่ก็ใส่แว่นดำกัน เหมือนในหนังเอวีนั่นแหละ บางคนดูก็รู้ว่าเป็นข้าราชการระดับสูง คือท่าทางมีอำนาจ หรือไม่ก็ดูผึ่งผายแบบตำรวจทหารถึงจะแก่แล้ว แบบที่ดูนิ่มๆ เป็นเกย์ก็มีแต่ไม่เยอะ ผู้หญิงแทบไม่มีครับ เคยเจอแค่คนเดียว คราวคุณน้า บางคนถึงคาดหน้ากากอยู่ แต่ผมก็จำเสียงกับท่าทางได้นะ เห็นในทีวีบ่อย คนใหญ่โตทั้งนั้น”

น้องเล่าต่อด้วยท่าทางเหมือนชาชินกับชะตาชีวิตตัวเอง

“คนพวกนี้เก็บกดมาจากไหนไม่รู้ ผมผู้ชายแท้ๆ นะครับ แค่โดนเอาก็แย่แล้ว แต่นี่ผมถูกกระทำมากกว่านั้นเยอะ โซ่แส้กุญแจมือนี่ปกติไปเลย แต่ละคนรสนิยมก็วิปริตพิศดารไม่เหมือนกัน บางคนก็ชอบเอาเท้ามาเหยียบหน้าเหยียบตัวผมมั่ง เยี่ยวรดก็มี ที่เจ็บตัวจริงก็พวกชอบเล่นแส้ เล่นน้ำตาเทียน ไม้หนีบผ้า กัดหัวนม จี้บุหรี่ ดีว่ากลับไปมีทีมรักษาให้เสร็จสรรพ น้าผู้หญิงที่ผมบอก ให้ผมเล่นเป็นลูก จับผมใส่ผ้าอ้อมแล้วดูดนม แต่แม่ที่ไหนจะขึ้นคร่อมขย่มลูกชายแบบนั้นล่ะครับ ที่ผมไม่ค่อยไหว ก็พวกที่ชอบเล่นรูตูด สารพัดจะเอาไอ่โน่นไอนี่ยัดเข้าไป มีทั้งสั่นได้ควงได้ ดิลโลที่เลือกมางี้ ไซส์ผิดมนุษย์มนาทั้งนั้น มีคนพยายามจะยัดเข้ามาทั้งมือด้วยซ้ำ ผมนี้ร้องไห้ยกมือไหว้ขอเลยครับ กลัวจริงๆ ยังดีที่เขายอม ผมต้องทำงานใช้หนี้อยู่เดือนนึง รวมแล้วเกินสามสิบคนอีกเพราะมีแบบหมู่ด้วย อันนั้นรับงานพร้อมกับเด็กติดพนันบอลอีกสองคนนึงที่ผมไม่เคยเห็นหน้า คงมาจากสาขาอื่น น่วมกันทั้งสามคนเลยครับ ผมซวยกว่าเพื่อนโดนทีเดียวสองดุ้นส่งท้ายก่อนเลิก หลังจากนั้นผมก็โดนปล่อยตัวมา หนี้สินทั้งหมดก็ถูกเคลียร์หมดจริงๆ”

“แล้วทำไมยังเล่นพนันบอลอยู่ ไม่เข็ดเหรอ”

ผมไม่เข้าใจจริงๆ ครับ โดนขนาดนี้แล้วทำไมไม่เลิก

“ผะ ผมไม่รู้ครับ ผมเลิกไม่ได้ ถ้าทิ้งช่วงไปนานๆ ไม่ได้เล่น ผมจะหงุดหงิดมาก เหมือนชีวิตไม่มีจุดมุ่งหมาย แล้วอีกอย่าง ชีวิตผมต้องมาตกต่ำแบบนี้เพราะแทงบอล ถ้าผมยังหาทางรวยจากมันไม่ได้ ผมจะเลิกได้ยังไง ผมว่าตอนนี้ผมวิเคราะห์จับทางบอลได้หมดแล้ว ขอให้โชคเข้าข้างผมรวยได้ไม่ยาก”

กู่ไม่กลับแล้ว ไม่รู้ผมพอจะช่วยอะไรได้ไหม น่าสงสาร แต่ก็ทำตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า

“พอกลับมาผมก็โดนปลดจากสมาชิกวีไอพีแล้ว ผมเลยรู้ว่าตำแหน่งวีไอพีมีไว้เพื่อล่อหลอกคนหน้าตาดีๆ ให้มาติดหนี้บอล ส่วนผมหมดความสดใหม่แล้วเลยไม่มีความหมายสำหรับโกลคลับ เป็นแค่ลูกค้าธรรมดา อ้อ จริงๆ เฮียมาชวนผมไปเป็นหน้าม้าคอยเชียร์พวกวีไอพีให้แทงหนักๆ หรือไม่ก็ไปชวนเพื่อนหน้าตาดีๆ มาสมัครเยอะๆ เขาให้เป็นค่าหัว มีออร์เดอร์มาเลยนะ ว่าอยากได้รูปร่างหน้าตาแบบไหน เรียนคณะอะไร พวกตำแหน่งเดือนนี่รับไม่อั้น ออร์เดอร์เด็กมัธยมก็มี ผมไม่เอาด้วยหรอก ผมไม่อยากให้ใครมาตกในสภาพเดียวอย่างผม ผมขายตัวหาตังค์เองยังจะสบายใจกว่า คงไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้แล้ว”

ผมถามข้อมูลต่ออีกเรื่องระบบงานข้างในของโกลคลับ น้องไม่รู้อะไรมากนัก แต่ก็พอได้เบาะแสประมาณนึง สุดท้ายผมก็บอกว่าตอบคำถามพอแล้ว เตรียมตัวกลับได้ ผมเตรียมจ่ายเงินตามที่สัญญาไว้

น้องทำหน้าแปลกใจ

“แล้วพี่ไม่เอาผมเหรอ เสียเงินตั้งเยอะ ผมบริการดีนะ สั่งได้ทุกอย่าง”

“ไม่เอาหรอก”

ผมตอบสั้นๆ

“หรือพี่จะเป็นรับ โธ่ แล้วก็ไม่บอก ไม่ต้องอายหรอกพี่ จริงๆ ผมถนัดรุกมากกว่า แต่ลูกค้าผมส่วนใหญ่ชอบเอาผู้ชายแมนๆ แบบผมนี่แหละ ค่าตัวก็เรียกได้เยอะกว่าด้วย หล่ออย่างพี่ไม่น่าเป็นรับเลยนะ อย่าเข้าใจผิดนะ ผมไม่ได้ดูถูกอะไร เรื่องแบบนี้มันแล้วแต่ชอบจริงๆ พี่จะถอดเสื้อผ้าเองหรือให้ผมถอดให้ ผมไม่ได้แกล้งยอนะ พี่โคตรหล่อเลย  ยังกะดารา พอคิดว่าจะได้เสียบพี่ของผมงี้ขึ้นเลย ขนาดจริงๆ ผมยังชอบผู้หญิงอยู่นะ”

น้องเดินย่างสามขุมเข้ามาหาผมที่นั่งอยู่ที่โซฟา  ท่อนลำแข็งตัวน้ำเงี่ยนไหลซึมแสดงว่ามีอารมณ์จริงๆ อย่างปากว่า ผมตะลึงจนเกือบตะโกนห้ามไม่ทัน

“ยะ หยุด หยุดตรงนั้นเลย เงี่ยนมากก็ชักว่าวให้หายก่อน รีบชักเลย”

ท่าทางน้องเขาจะชินกับการถูกสั่งจริงๆ เขานอนหงายลงบนพรมตรงปลายเท้าผมแล้วเริ่มชักว่าวอย่างเมามัน พออารมณ์มาเต็มที่ปากก็ร้องอ้อนวอนอย่างลืมตัว

“เจ้านาย ช่วยด้วย เอาเท้าที่สูงค่าเหยียบลงมาบนทาสต้อยต่ำคนนี้ด้วยเถิด”

ผมตะลึงกว่าเก่าจนทำอะไรไม่ถูก เรื่องแบบนี้ผมไม่ค่อยเชี่ยวเลยครับ อาจจะเคยหยอกเล่นกับพวกฟีฟ่า พวกแดน หรือน้องๆ ชมรมกีฬาบ้าง แต่ไม่เคยอยู่ในบรรยากาศทางเพศที่ตึงเครียดและบิดเบี้ยวแบบนี้  น้องหยุดมือ ชันตัวขึ้นมาถอดถุงเท้าผมออก แล้วจับฝ่าเท้าข้างหนึ่งของผมไปถูไถกับท่อนลำของตัวเอง ผมรู้สึกเหมือนถูกไฟลวกเมื่อเอ็นอุ่นสัมผัสกับเท้าเย็นเฉียบของผมเอง น้องเร่งมือชักว่าวไปพร้อมกับเท้าของผมซึ่งดูเหมือนไปกระตุ้นความรู้สึกทางเพศให้น้องเขาจนระเบิดน้ำคาวข้นออกมาไม่ถึงนาทีหลังจากนั้นจนเปรอะเท้าไปหมด เสียงครางกระเส่าทำเอาผมหูอื้อไปหมด

“เท้าเจ้านายงามเหลือเกิน ขออภัยที่ต้องมาแปดเปื้อนความไม่เจียมตัวของทาสคนนี้ จะรีบทำความสะอาดให้เดี๋ยวนี้ครับ”

ท่ามกลางความคาดไม่ถึงของผม น้องจับเท้าผมขึ้นมาดูดเลียเอาคราบน้ำว่าวตัวเองออกไปทีละนิด ถึงผมจะมั่นใจในความสะอาดของอวัยวะทุกส่วนของตัวเองรวมถึงเท้าด้วยแต่มาทำแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ น้องเอาลิ้นไล่ฉกไปตามซอกนิ้วทำเอาผมเสียวซ่านจนตัวแทบบิด ยิ่งโดนน้องดูดนิ้วโป้งแจ่บๆ เหมือนเด็กดูดนมก็ยิ่งเสียว น้องชายผมแข็งขึ้นมาได้ไงไม่รู้ ไม่จริงนะ หรือผมฟังเรื่องวิปริตของโกลคลับมากจนวิปริตตามไปด้วย

“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ นอนนิ่งๆ”

ผมรีบตัดบทก่อนที่อะไรๆ มันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ โชคดีที่น้องเชื่อฟังคำสั่งอยู่ นอนนิ่งไม่กระดุกกระดิกอวัยวะใดๆ ยกเว้นดุ้นตรงกลางลำตัวที่ผงาดขึ้นมาใหม่สั่นงึกๆ ค้านคำสั่ง

ผมมือสั่นนับเงินที่รับปากไว้แทบไม่ถูก

“อย่าเพิ่งลุก บอกเบอร์โทรเรามา เผื่อพี่มีอะไรจะสอบถามทีหลัง”

ผมเมมเบอร์ตามคำบอกเสร็จก็ออกคำสั่งต่อ

“พี่วางเงินไว้ตรงนี้นะ อย่าเพิ่งลุกจนกว่าพี่จะออกจากห้องไปแล้ว พี่จะลงไปจ่ายค่าห้องแล้วกลับเลย ส่วนน้องจะกลับหรืออยู่ต่อก็ได้ โรงแรมมีอาหารเช้าให้ เช็คเอ้าท์ก่อนเที่ยงพรุ่งนี้ พี่ไปล่ะ”

น้องยกมือไหว้จากท่านอน ผมรีบเผ่นออกจากห้องไปก่อนจะเจออะไรที่ไม่คาดฝันขึ้นมาอีก จริงๆ ก็อยากเตือนให้เลิกขายตัวเลิกพนันบอลนะ แต่พูดไปตอนนี้คงไม่มีประโยชน์ เด็กคนนี้เสพย์ติดการพนันอย่างหนัก เอาไว้หาวิธีช่วยเหลือแบบจริงจังให้ได้ซะก่อน

ผมคิดเรื่องของโกลคลับไปตลอดทางที่ขับรถกลับบ้าน ถ้าทำถึงขนาดนี้ได้ โกลคลับก็ไม่ใช่โต๊ะบอลธรรมดาจริงๆ มันเข้าข่ายหลอกลวงค้ามนุษย์กลายๆ แล้วเรื่องเอาเด็กๆ ไปปรนเปรอพวกพ้องคนใหญ่คนโตนี่อีก หรือว่าการตั้งโต๊ะบอลเพื่อหาเงินจะไม่ใช่วัตถุประสงค์หลัก เป้าหมายจริงๆ คือการสร้างเครือข่ายอำนาจจากคนเหล่านั้น ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้ สมาพันธ์ของตระกูลผมถึงไม่รู้เรื่องเลย ก่อนหน้านี้ ผมเช็คไปตามตระกูลสาขาต่างๆ ด้วยซ้ำ ไม่มีรายงานอะไรที่ผิดปกติเกี่ยวกับโกลคลับเลย บอกว่าเป็นแค่โต๊ะบอลธรรมดา ผมถึงได้เบาใจคิดว่าข่าวทางพี่โป๊ปน่าจะผิด จะว่าไป พอนึกถึงเรื่องสมาพันธ์ ผมก็คิดเล่นๆ ขึ้นมาว่า โกลคลับที่มีการบริหารงานเหมือนสมาพันเลยแฮะ มีส่วนกลางแล้วก็สาขา แต่ละสาขาไม่เกี่ยวกัน ส่วนกลางคุมเป็นคนคุมทั้งหมดให้ แต่ถ้าพูดถึงสิ่งที่ทำมันคล้ายองค์กรมากกว่า ดูๆ ไปเหมือนลูกผสมระหว่างองค์กรกับสมาพันธ์เลย

พอขับมาถึงที่จอดรถคอนโด ผมก็หยิบโทรศัพท์มาดูด้วยความเคยชิน ปรากฏว่ามีข้อความไลน์เข้ามาหลายสิบข้อความ มาจากน้องนักพนันนั่นเอง ลืมไปเลยว่าการที่ผมเมมเบอร์น้องเขาไว้ในโทรศัพท์เท่ากับเป็นการแอดไลน์โดยอัตโนมัติ ผมกดเข้าไปดูบทสนทนาไล่อ่านตั้งแต่ต้นด้วยความอยากรู้นิดหน่อย

แมนๆ รับงานได้หมด : ขอบคุณพี่มากนะครับวันนี้

แมนๆ รับงานได้หมด : ได้เล่าเรื่องออกไปรู้สึกดีขึ้นเหมือนได้ระบาย

แมนๆ รับงานได้หมด : ไม่อยากเชื่อว่าพี่จะให้ค่าตัวผมเยอะขนาดนี้

แมนๆ รับงานได้หมด : ถ้าผมแทงชนะผมจะเอาไปคืนนะครับ

แมนๆ รับงานได้หมด : อีกอย่างเท้าพี่สวยจริงๆ ครับ แกร่งแต่นุ่ม

แมนๆ รับงานได้หมด : อยากให้พี่มาเหยียบหน้าผมจัง

แมนๆ รับงานได้หมด : ส่งรูปมาให้ดู พี่อย่าลืมผมนะ

รูปที่ส่งมาน่าจะถ่ายในโรงแรมนั้นนั่นแหละ เป็นรูปเซลฟี่มุมกดจนเห็นร่างกายเปลือยเปล่าท่อนล่างด้วย ใบหน้าดูสดใสไม่โทรมเหมือนตัวจริง คงผ่านแอฟมาพอประมาณ แต่ก็ทำให้พอนึกออกว่า น้องคงเคยเป็นเด็กหนุ่มหล่อหน้าใสแบบนี้ก่อนที่ชีวิตจะมาตกต่ำลงเพราะโกลคลับ ผมตัดสินใจที่จะลบไลน์น้องทิ้งเพราะไม่อยากต่อความยาวอะไรเป็นการส่วนตัวอีก แต่ตาก็เหลือบไปเห็นข้อความต่อไปซะก่อน

แมนๆ รับงานได้หมด : ผมมานึกๆ ดู จริงๆ พี่ตั้งใจมาสืบเรื่องโกลคลับอย่างเดียวใช่ไหม ไม่ได้จะมาใช้บริการผม

แมนๆ รับงานได้หมด : เด็กขายอย่างผมคงน่ารังเกียจสำหรับพี่

แมนๆ รับงานได้หมด : แต่ถึงยังไงผมก็ยินดีช่วยพี่เสมอนะครับ ไม่คิดเงินเพิ่มด้วย

แมนๆ รับงานได้หมด : ตอนที่ผมถูกกักตัวอยู่ที่โต๊ะบอลใหญ่ ผมคิดนะครับว่าถ้าออกไปได้จะเอาตำรวจมาเล่นงานพวกมันให้หมด ผมเลยแอบเก็บข้อมูลต่างๆ ไว้ตลอด จำที่ได้ยินมาแล้วพิมพ์ใส่โทรศัพท์ไว้ บางทีพวกมันเผลอเปิดหน้าจอคอมไว้หรือทดอะไรบนกระดาษทิ้งไว้ ผมก็ถ่ายรูปมา กระดานไวท์บอร์ดมันจดอะไรไว้เต็ม ผมก็แอบถ่ายมา

แมนๆ รับงานได้หมด : มันไม่ค่อยระวังหรอก ขนาดโทรศัพท์มือถือผม มันยังไม่ยึดเลย คงคิดว่าไม่มีใครทำอะไรมันได้

แมนๆ รับงานได้หมด : ซึ่งก็คงจริง ผมได้ไปนอนกับเส้นสายมันมาหลายคนแล้วนี่

แมนๆ รับงานได้หมด : หลังจากถูกน้าคนที่แอบได้ยินว่าเป็นบิ๊กในวงการเครื่องแบบทะลวงตูดเอา ผมก็เลิกคิดที่จะเอาเรื่องนี้ไปแจ้งความเลย (น้าแกบิ๊กจริง ทั้งตำแหน่งทั้งเค)

แมนๆ รับงานได้หมด : ที่โน่นมีโทรศัพท์ไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีสัญญาณเลย ไม่รู้ทำไม ยังดีที่แอบเอาไว้ถ่ายรูปได้ อ้อ เอาไว้ฟังเพลงกับเล่นเกมแก้เหงาด้วย

แมนๆ รับงานได้หมด : ข้อมูลที่ผมแอบเก็บไว้ผมให้พี่เลยแล้วกัน ยังไงผมก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี ตอบแทนทุกสิ่งอย่างที่พี่ทำให้ผม

แมนๆ รับงานได้หมด : แต่อาจไม่มีประโยชน์ก็ได้ ส่วนใหญ่ก็เป็นข้อมูลที่ไม่สำคัญ ที่ดูจะสำคัญผมก็อ่านไม่รู้เรื่อง

น้องส่งรูปถ่ายข้อมูลต่างๆ มายี่สิบกว่ารูป ผมดูคร่าวๆ ถ้าไปประกอบกับข้อมูลอื่นๆ ที่ทีมสืบมา ก็มีบางรูปที่น่าจะ/เป็นเบาะแสสำคัญได้ โดยเฉพาะรูปหน้าจอคอมที่เปิดทิ้งไว้ แต่ในโทรศัพท์ตัวมันเล็กมองไม่ชัด

แมนๆ รับงานได้หมด : เกือบหมดแล้วครับ เดี๋ยวจะส่งรูปสุดท้ายให้

แมนๆ รับงานได้หมด : รูปนี้ถ่ายจากสมุดที่พวกมันเผลอทิ้งไว้ แต่แป็บเดียวก็รีบกลับมาเอา

แมนๆ รับงานได้หมด : ผมเลยถ่ายได้หน้าเดียวครับ ได้ยินฝีเท้ามันวิ่งกลับมา ต้องรีบเก็บโทรศัพท์แล้วเนียนไปอยู่ที่มุมอื่น

แมนๆ รับงานได้หมด : เป็นอันเดียวที่พวกมันทำท่าตกใจ

ผมกดเข้าไปดูรูปสุดท้ายแล้วถึงกับช็อค มันเป็นข้อความภาษาไทยธรรมดาที่จดลงในสมุดปกแข็งเล่มใหญ่ แต่คนในตระกูลอย่างผมเท่านั้นที่จะรู้ว่า มันเป็นข้อความเข้ารหัสของสมาพันธ์ แบบที่ส่งออกจากตระกูลหลักด้วย ไม่ใช่แบบที่ตระกูลรองใช้ตอบกลับ โกลคลับมีส่วนเกี่ยวพันกับตระกูลของผมอย่างนั้นหรือ แล้วใครล่ะ ในเมื่อคนที่จะใช้รหัสแบบนี้ได้ ก็มีแต่...

ผม พี่ก้อนดิน คุณพ่อ

เป็นไปไม่ได้!

----------------------------------------------------------

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 34] สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ 23/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 23-04-2016 12:50:56
น่าน ว่าแล้ว ต้องมีเอี่ยว  :ling1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 34] สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ 23/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 23-04-2016 15:02:16
อาวแหล่วววว งานงอกแล้วทีนี้  o22 o22
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 34] สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ 23/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: GGamy ที่ 24-04-2016 01:05:34
คดีอาจพลิกค่าาา
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 34] สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ 23/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: lovely tham ที่ 24-04-2016 10:59:30
  :a5: :a5: :a5: อยากให้เมธัสรับเด็กขายตนนั้นมาเป็นเด็กนาง

ป.ล ถ้ามีตอนพิเศษ ขอเกี่ยวกับพิชยะกับทศหน่อยนะ ถ้าไม่ละก็ ฮึๆ :ruready :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 34] สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ 23/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 24-04-2016 17:12:44
 :serius2:

ไม่นะ จะมีดราม่ากับครอบครัวเหรอ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 34] สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ 23/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: Fenfen2537 ที่ 24-04-2016 18:48:27
นี่ที่คนเขียนเคยบอกหรือเปล่าว่า เม จะกลายเป็นศัตรูอ่ะ
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 35] ตัวร้ายก็คือตัวร้าย 27/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 27-04-2016 21:50:06

องค์กรลวงจิต Explicit Content
 
บทที่ 35 ตัวร้ายก็คือตัวร้าย

[เมธัส]

เรื่องน่าช็อคที่ผมได้รับรู้มาทำเอาผมคิดไม่ตกอยู่หลายวัน คุณพ่อหรือพี่ก้อนดินนี่นะจะเป็นนายใหญ่ของโกลคลับ ผมรู้ว่าทุกอย่างมีความเป็นไปได้หมดแม้จะน้อยนิดซักเพียงไหน แต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะไม่เชื่อ ไม่ใช่เพราะทั้งคู่เป็นคนในครอบครัว แต่เพราะผมรู้จักสองคนนั้นดีตลอดชีวิตของผม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ทั้งคู่ไม่มีทางทำอย่างที่โกลคลับทำแน่นอน

พอตัดความสงสัยแคลงใจไปได้แล้ว ผมยิ่งมุ่งมั่นที่จะสืบเรื่องโกลคลับให้ได้เร็วที่สุด ถ้าพี่โป๊ปเจอหลักฐานที่เชื่องโยงโกลคลับเข้ากับตระกูลผมเมื่อไหร่ ผมคงถูกตัดออกจากวงสืบสวนนี้ทันที และนั่นจะทำให้การหาความจริงเพื่อล้างมลทินให้กับพ่อและพี่ชายยากขึ้นไปอีก องค์กรเป็นขุมกำลังที่ดีที่สุดที่ผมมี ผมรู้ว่าสมาพันธ์ไม่ใช่ตัวเลือกที่ปลอดภัยสำหรับกรณีนี้อีกต่อไป การที่ผมไม่ได้รับรายงานความผิดปกติของโกลคลับจากสมาพันธ์ก็เป็นเครื่องยืนยันที่ดีว่ามีคนในสมาพันธ์ปกปิดข้อมูลนี้อยู่ แต่ใครกันล่ะ ในเมื่อข้อความเข้ารหัสที่ผมเห็น เฉพาะคนในตระกูลหลักที่ผ่านการฝึกฝนตั้งแต่เด็กอย่างผมเท่านั้นถึงจะเขียนขึ้นมาได้ ถ้าคิดว่านายใหญ่คือคุณพ่อหรือพี่ต้นกล้า มันก็จะอธิบายตรรกะทุกอย่างได้หมด แต่ผมก็มั่นใจในตัวพ่อและพี่ชายเหมือนกัน

ผมเอาข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากน้องวิศวะที่ติดการพนันคนนั้นยกเว้นรูปถ่ายข้อความเข้ารหัสของสมาพันธ์ไปให้ทีมช่วยกันวิเคราะห์ พี่โป๊ปบอกว่ารูปถ่ายหน้าจอคอมพิวเตอร์ช่วยตอบข้อสงสัยได้มาก แอดเดรสของระบบฐานข้อมูลที่โชว์อยู่บนหน้าจอแสดงว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของแต่ละสาขากับโต๊ะบอลใหญ่ไม่ได้เชื่อมกันผ่านอินเตอร์เน็ต แต่เป็นระบบปิดที่เชื่อมต่อกันเองผ่านสายโทรศัพท์ต่อตรงที่เช่าจากผู้ให้บริการเป็นการเฉพาะ เป็นระบบที่เรียกว่าค่อนข้างล้าสมัยไปแล้วในปัจจุบัน แต่นี่กลับกลายเป็นข้อดีสำหรับโกลคลับเพราะไม่มีจุดเชื่อมต่อจากภายนอกให้พี่โป๊ปแฮ็คระบบได้ ถ้าจะเอาจริงก็ต้องเข้าไปนั่งทำที่หน้าเครื่องเองซึ่งไม่รู้จะลักลอบเข้าไปยังไง ต่อให้ใช้พลังสะกดจิตของพี่บอสก็เสี่ยงเกินไป คนเยอะๆ กระจัดกระจายอย่างนั้น ไม่นับว่าพวกการ์ดที่เป็นนักเลงส่วนใหญ่มักจะจิตแข็ง สะกดจิตในเรื่องทั่วไปไม่ค่อยได้ผล

“มีทางนึง พี่จะทำยูเอสบีไดร์ฟพิเศษขึ้นมา ถ้ามีใครเอาไปเสียบที่คอมพิวเตอร์หลักได้ มันจะแฮ็คเข้าระบบแล้วค่อยๆ ดูดข้อมูลมาเก็บไว้โดยอัตโนมัติ ทิ้งไว้ซักวันนึงก็น่าจะได้อะไรเยอะแล้ว แล้วเราค่อยกลับไปเอา พี่ทำไว้หลายๆ อันเผื่อพลาด ต่อให้ใครไปเจอตอนที่เสียบทิ้งไว้ ถ้าเขาถอดรหัสไม่เป็นก็จะเห็นเป็นไดร์ฟธรรมดาใส่เพลงเอ็มพีสามไว้”

“โหพี่ พูดก็ดูง่ายแหล่ะ แต่เอาจริงๆ คอมพิวเตอร์ที่ว่าอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ คงไม่ใช่โซนที่ลูกค้าเข้าไปได้สะดวกแน่ ไหนจะการ์ดเดินกันขวักไขว่”

ฟีฟ่าโอดครวญ คราวนี้แม้แต่จอมก็พยักหน้าเห็นด้วย

“ก็ต้องลองดูหลายๆ วิธี เอาไปก่อนคนละอันสองอันพกไว้เผื่อมีโอกาส ถ้าสำเร็จงานเราอาจจบเร็วกว่าที่คิด จุดสังเกตคือมันจะต้องเป็นเครื่องคอมที่เปิดอยู่ตลอดเวลา พี่จะจดวิธีถอดรหัสเพื่อดูข้อมูลให้นะ  มันอาจจะซับซ้อนหน่อย ถ้าทำไม่ได้จริงๆ ก็เอามาให้พี่ก็ได้”

พี่โป๊ปบอก พอเป็นเรื่องงานแกก็ดูโอเคดีนะ น้องที่มาช่วยงานนี้อีกคนเรียนวิศวะคอมพิวเตอร์ ยังบอกเลยว่าจบแล้วจะไปสมัครงานกับพี่เขา พวกนี้รู้แค่ว่าพี่โป๊ปเป็นที่ปรึกษาเฉยๆ ผมไม่ได้เล่าเรื่ององค์กรให้ฟังเลย

น้องคนที่เป็นเดือนภาคโยธาก็บอกว่า ตอนนี้โดนรุกหนักทุกวัน ทั้งพนักงานทั้งหน้าม้าเชียร์กันตรึม ทีแรกยอดหนี้สะสมขึ้นมาเป็นหลายแสนแล้วแต่ดันแทงถูกสองแมทช์ติดกัน เลยต้องกลับมาสะสมหนี้ใหม่ ครั้งหน้าจะแทงให้เต็มเพดานเลย จะได้โดยทวงไวๆ น้องพูดอย่างนึกสนุก

หลายวันถัดมา แดนก็เดินหน้าระรื่นมาหาผม

“พี่เม ผมลองเสียบนี่กับเครื่องคอมในห้องเสี่ยมาได้แล้วนะ ไม่รู้ใช้ได้เปล่า”

“เฮ้ย เข้าไปได้ยังไง”

ผมตกใจเลยครับ ขนาดจอมกับฟีฟ่าที่ดูคล่องๆ ก็ยังไม่คืบหน้าเท่าไหร่ ได้มาแต่ข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เก่าๆ ที่ตั้งไว้เปิดเพลงในโกลคลับ เสียแรงลุ้นจริงๆ  แล้วแดนที่ไปหมกตัวทำงานอยู่แต่ในครัว ทำไงถึงได้เข้าไปถึงห้องทำงานเสี่ยได้ ห้องอยู่ตรงไหนยังไม่มีใครรู้เลย

”ผมเข้าไปประจำเลยครับ  เอาอาหารไปเสิร์ฟให้เสี่ย ทีแรกผมก็ไม่รู้หรอก เห็นพี่เด็กเสิร์ฟคนที่คุยกันบ่อยๆ  มารับอาหารชุดใหญ่ในครัว พะรุงพะรังไปหมด ขนาดมีรถเข็นเล็กๆ แล้วนะ ไหนจะเครื่องดื่มอีก ถึงช่วงพักของผมพอดีเลยอาสาไปช่วยถือนึกว่าจะเอาไปเสิร์ฟลูกค้า ที่ไหนได้ พี่เด็กเสิร์ฟพาผมเดินไปโซนด้านใน หน้าห้องมีการ์ดคุมอยู่สองคน เขาตบๆ ตามตัวผมแล้วตรวจรถเข็นอีกนิดหน่อยก็อนุญาตให้เข้าไปได้ ข้างในเป็นห้องทำงานกึ่งห้องนั่งเล่น เหมือนจะมีห้องนอนและห้องน้ำในตัวด้วย”


“อยู่ด้านในแถมมีการ์ดคุมอยู่อย่างนี้ ถึงรู้ว่าอยู่ที่ไหน แต่ไม่มีคนพาไปก็เข้าไม่ได้อยู่ดี”

ผมบ่น มิน่าล่ะ คนอื่นถึงหาไม่เจอซักที

“ผมช่วยจัดจานอยู่ซักแป๊บ ก็มีผู้ใหญ่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับเด็กหนุ่มๆ อีกสองคน เด็กสองคนนั้นไม่นุ่งผ้าเลยซักชิ้น แปลกมาก พี่คนเสิร์ฟบอกให้ผมไหว้เสี่ยซะผมถึงได้รู้ว่าเป็นใคร”

“เสี่ยหน้าตาเป็นไงวะแดน”

“ก็หน้าเหมือนพวกเสี่ยตัวโกงในละครอ่ะครับ ไว้หนวด หุ่นหมีๆ แน่นๆ แต่ไม่ลงพุงเท่าไหร่ เสี่ยถามว่าผมเป็นใคร พี่เขาก็บอกว่าเป็นผู้ช่วยพ่อครัว ซื่อ ขยัน ไม่มีปัญหาแน่นอน เสี่ยก็บอกว่าดี แล้วเรียกผมไปดูหน้าใกล้ๆ แถมชวนผมคุยตั้งหลายคำ เสี่ยถามว่ามาจากไหน เรียนอยู่หรือเปล่า แล้วก็ถามต่อว่ามาทำงานที่นี่ได้เล่นพนันบอลกับเขาบ้างเปล่า พอผมตอบว่าไม่ได้เล่น เก็บเงินไว้เรียนหนังสือดีกว่า เสี่ยก็หัวเราะเสียงดังบอกว่า ฉลาดดีนี่ ไม่เหมือนไอพวกนี้ แล้วเสี่ยก็เอาเท้าเขี่ยไปที่เด็กสองคนที่นอนแก้ผ้าอยู่บนพื้นหน้าโซฟาที่เสี่ยนั่ง เสี่ยเขาใช้เท้าเหยียบไปที่ไข่ด้วย เจ็บจนตัวงอ แต่สองคนนั้นก็ไม่เห็นโวยวายอะไร ทำไมเสี่ยเขาทำอย่างนั้นล่ะครับ ไม่น่ารักเลย พอจัดโต๊ะเสร็จ ผมก็รีบออกมาเลย”

“แล้วเราเข้าไปในห้องนั้นอีกได้ยังไงตั้งหลายครั้ง”

“พี่คนเสิร์ฟเขาเห็นเสี่ยถูกชะตาผมมั๊ง ทีหลังเขาเลยให้ผมไปเสิร์ฟแทน เขาบอกเขาไม่ใช่เกย์ ไม่ค่อยชอบเข้าไปห้องเสี่ยเท่าไหร่ ผมขัดไม่ได้ เข้าไปครั้งที่สอง เสี่ยก็ให้ผมร่วมกิจกรรมเซ็กส์หมู่กับแกเลย”

“เชี่ยแล้ว”

ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ ชิบหายแล้ว น้องนิ้วก้อยของผมโดนเสี่ยกระทำชำเราไปแล้ว เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่รีบมาบอก นี่ผมทำอะไรลงไป ไร้สมองสิ้นดีถึงได้ส่งแดนเข้าไปในที่อันตรายอย่างนั้น ผมสงสารน้องจับใจ แต่ตีโพยตีพายตอนนี้ไปคงไม่มีประโยชน์ ผมควรจะแก้ไขสิ่งที่เกิดไม่ให้มันเลวร้ายลงไปกว่านี้

“มันได้ใส่ถุงยางไหม โดนไปกี่คนละนี่ โธ่โว้ย มีบาดแผลฉีกขาดอะไรหรือเปล่า พี่จะพาเราไปตรวจเลือดตอนนี้เลย ให้หมอจ่ายยาต้านไวรัสให้ ทรมานหน่อยนะ แต่ลดความเสี่ยงการติดเชื้อได้”

ผลพวงจากการข่มขืนหรือการมีเซ็กส์โดยไม่ป้องกันมันร้ายแรงมากนะครับ ถ้าเป็นผู้หญิงก็มีโอกาสท้อง ถึงเป็นผู้ชายก็ยังมีเรื่องการติดเชื้อเอชไอวีให้ต้องกังวลอีก ยิ่งเป็นเซ็กส์หมู่ด้วยแล้ว ความเสี่ยงยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ สมัยนี้มันมียาต้านครับ ถ้าเจอเหตุการณ์อย่างนี้มา รีบไปหาหมอซักประวัติจ่ายยา จะช่วยลดโอกาสติดเชื้อลงได้ แต่ต้องกินเป็นเดือน แล้วมีผลข้างเคียงเป็นอาการคลื่นไส้อาเจียน

“พี่เมรู้ได้ยังว่าผมมีแผล”

แดนถามงงๆ เอ้า เอ๋อได้อีกน้องกู รูตูดผู้ชาย โดนครั้งแรกไม่น่ารอด ยกเว้นของเสี่ยมันจะเล็ก

“ถอดกางเกงให้พี่ดูก่อนนะครับ”

แดนดูมึนๆ แต่ก็ทำตามที่ผมสั่ง ผมแหวกแก้มก้นแดนออกก็เจอกับรอยจีบที่ปิดสนิท ไม่มีร่องรอยของการถูกล่วงล้ำแม้แต่น้อย

“ยังไงกันแดน เราไม่ได้ถูกเอาตูดหรอกเหรอ แล้วแผลที่บอกล่ะ”  หรือว่าเสี่ยจะเป็นรับ ไม่น่านะ

แดนชูนิ้วชี้ที่มีแผลมีดบาดให้ดู ผมเอ๋อแดกเลย แดนมันไม่ได้กวนตีนผมใช่ไหม ต้องตั้งสติแล้วถามใหม่

“ตกลงที่บอกไปทำกิจกรรมเซ็กส์หมู่กับเสี่ยนี่ทำอะไรกันแน่ มีใครได้ล่วงเกินอะไรเราหรือเปล่า ต้องแก้ผ้าไหม”

แดนตอบด้วยความซื่อเหมือนเดิม

“ไม่ครับ ผมยังใส่เสื้อผ้าปกติ ตัวเสี่ยเองก็ไม่ได้แก้ผ้าเหมือนกัน เขาแค่ให้ผมยืนดูเขาทำเรื่องแปลกๆ กับพวกเด็กหนุ่มๆ ในห้องนั้นครับ ผมว่ามันก็คล้ายๆ กับในหนังโป๊ที่คุณฟีฟ่าเปิดให้ดูแหละ แต่บางอันมันก็พิศดารเกิน บางทีเสี่ยก็เรียกให้ผมเข้าไปดูใกล้ๆ หรือให้ช่วยถ่ายคลิป เหมือนจะแกล้งให้เด็กพวกนั้นอาย เห็นเสี่ยบอกว่าฝึกไว้ จะได้ชินเวลาไปบริการลูกค้าในงานปาร์ตี้หรือไปถ่ายหนัง คนกรุงเทพนี่รูปร่างหน้าตาดีๆ กันทั้งนั้นเลยนะครับ ผมเห็นคนที่เสี่ยพามาแต่ละคนขาวๆ หล่อๆ ทั้งนั้น ถ้าไปแถวบ้านผมสาวติดตรึม กะจู๋ก็สมส่วนดี ไม่ใหญ่เกินเหมือนของผม”

“ใครจะไปใหญ่เหมือนเอ็งล่ะ ขนาดชนะจอมกับฟีฟ่าได้ก็ต้องถือว่าสุดๆ”

ผมแซว โล่งใจขึ้นเยอะ ว่าแต่แล้วเดี๋ยวนี้หัดวิจารณ์สรีระผู้ชายนะน้องผม หรือคนรอบตัวผมจะเป็นเกย์กันหมด จะว่าไปก็เคราะห์ดีที่เสี่ยยังไม่พิศวาสแดนถึงขั้นนั้น อาจจะแค่ถูกชะตาเลยเอาไปเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากเพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจ แต่ก็วางใจไม่ได้ วันดีคืนดีเสี่ยขาดแคลนเหยื่อพนันบอลขึ้นมา คว้าเอาน้องชายตัวดำๆ ของผมไปแก้ขัดจะทำยังไง แต่การที่ให้แดนอยู่ตรงนั้น ก็เป็นประโยชน์กับการสืบสวนโกลคลับจริงๆ คงต้องเร่งมือให้จบเร็วๆ

จอมยิ้มอายๆ แล้วเล่าต่อ

“เวลาที่เสี่ยเขาเรียกผมไปให้ดูเขานัวเนียกับเด็ก เขาจะไม่ให้ผมไปไหน ให้อยู่ดูในห้องนั้นแหละ แต่ถ้าช่วงที่เขาไม่ใช้ผมให้ถ่ายคลิปหรือหยิบส่งอุปกรณ์สารพัดให้เขาเอาไปเล่นกับเด็ก ผมก็พอจะลุกเดินไปเดินมาแก้เมื่อยได้ จังหวะนี้แหละที่ผมเอาแฟลชไดร์ฟที่พี่โป๊ปให้มาไปเสียบเครื่องคอมที่อยู่ในห้อง เครื่องนี้แหละที่เปิดทิ้งไว้ตลอดเลยอย่างที่พี่โป๊ปบอกให้สังเกต เวลาเสี่ยเล่นสนุกของแกอยู่ แกไม่สนใจอะไรหรอก วันก่อนผมทำแก้วแตกเสียงดัง แกยังไม่รู้เรื่องเลย วันนี้พอเสี่ยเรียกเข้าไปอีก ผมก็ไปถอดเก็บไว้เอามาให้พี่เมนี่แหละ หรือพี่เมจะให้ผมเอาไปให้พี่โป๊ป ผมแวะไปที่คอนโดพี่เขาได้นะครับ”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่จัดการเอง แดนยังไม่ต้องบอกใครนะว่าได้ข้อมูลนี้มา พี่จะตรวจสอบดูก่อน ถ้ามันไม่ใช่ขึ้นมาจะได้ไม่ผิดหวังกัน”

ผมกำชับแดนครับ จริงๆ ผมกลัวว่าในนี้จะมีอะไรที่สาวไปถึงความเกี่ยวข้องกันของโกลคลับและสมาพันธ์ขึ้นมา แดนส่งยูเอสบีไดร์ฟให้แล้วขอตัวไปนอนหอฟีฟ่า ผมได้โอกาสที่จะตรวจสอบข้อมูลที่อยู่ข้างใน ผมทำตามวิธีถอดรหัสเพื่อเปิดข้อมูลตามที่พี่โป๊ปจดไว้ให้โดยไม่มีปัญหาอะไร ไม่น่าเชื่อว่าไดร์ฟอันนี้จะดูดข้อมูลมาได้เต็มไปหมด ข้อมูลหลายส่วนในนั้นเป็นไฟล์กแปลกๆ ที่ผมไม่รู้จัก แต่โชคดีที่มีไฟล์รูปภาพจากการแคพเจอร์หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นระยะอยู่เป็นร้อยรูป พี่โป๊ปคงตั้งเวลาในการจับภาพไว้ นั่นทำให้ผมพอจะเดาได้ว่ามีการใช้งานคอมพิวเตอร์ตัวนี้รับส่งข้อมูลอะไรกันบ้าง ผมไล่ดูไปด้วยความเครียดและกังวล พอผ่านไปไม่ถึงครึ่งผมก็ต้องพักเพื่อสงบสติอารมณ์

ไม่อยากเชื่อว่าเรื่องที่ผมกลัวจะกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา แต่ข้อมูลตรงหน้าก็ชัดเจนเกินกว่าจะคิดเป็นอย่างอื่นได้ ระหว่างครอบครัวกับสิ่งที่ผมคิดว่าถูกต้อง ผมควรจะเลือกยืนอยู่ข้างไหนกันนะ สับสนจัง ไหนจะเป็นห่วงคนใกล้ตัวอีก ผมภาวนาให้สิ่งที่จะทำต่อไป เป็นทางเลือกที่จะทำให้มีคนเสียใจและผิดหวังในตัวผมน้อยที่สุด ผมคิดขณะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อต่อไปที่หมายเลขหนึ่ง

_____________

ผมทบทวนแผนการที่คิดไว้ในใจ ถ้ามีอะไรผิดพลาดไปเพียงนิดเดียวผมเสร็จแน่ ไหนจะสวัสดิภาพของคนที่ผมห่วงใยอีกล่ะ ผมรู้ดีว่าอีกฝั่งนึงน่ากลัวมากแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรผมต้องทำให้สำเร็จให้ได้ แม้จะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม

“พี่บอสถึงแล้วยังครับ เร็วหน่อยได้ไหม ผมกลัวเสี่ยจะออกไปซะก่อน เดี๋ยวแผนเราจะเสียหมด”

“พี่ถึงแล้ว กำลังเข้าไปตามทางที่มอมบอก”

พี่บอสกำลังมา ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ผมบอกให้พี่บอสช่วยมาสะกดจิตเสี่ยเจ้าของโกลคลับสาขานี้ให้ทำสิ่งที่อุบาทว์ลามกที่สุด เอาให้ยิ่งกว่าที่เสี่ยทำกับเหยื่อหนุ่มๆ ลูกหนี้พนันบอลตามที่แดนเคยเล่าให้ฟังซะอีก จะได้อัดคลิปไว้แบล็คเมล์ข่มขู่ให้เสี่ยร่วมมือกับเรา

เสี่ยนั่งรออยู่ในห้องกระจกใหญ่โดยไม่มีลูกน้องแวดล้อมอย่างเคย ผมปลอมรหัสคำสั่งของโต๊ะบอลใหญ่บอกให้เสี่ยมารอพบคนของนายใหญ่เพื่อรับมอบหมายงานพิเศษโดยตรง เสี่ยนั่งรออย่างกระวนกระวายคงจะกังวลว่างานที่ว่าคืออะไร ยากแค่ไหน ผมแอบดักรอพี่บอสตรงประตูเล็กด้านข้าง พี่บอสเดินมาถึงด้วยท่าทางสบายๆ ไม่มีวี่แววของความกังวลอะไร คงจะมั่นใจในอำนาจการสะกดจิตของตัวเองมาก

“เข้าไปเลยครับพี่ เสี่ยอยู่ข้างในคนเดียว เดี๋ยวผมจะรอดูต้นทางให้ด้านนอก พี่ถ่ายคลิปมาให้เต็มที่เลยนะครับ ขอให้เห็นหน้าชัดๆ ให้อายมากๆ ไปเลย”

ผมซักซ้อมความเข้าใจกับพี่บอส

“ไม่ต้องห่วงหรอก นี่มันงานถนัดของพี่อยู่แล้ว รับรองพอเสี่ยมาเห็นคลิปตัวเองทีหลัง จะต้องช๊อคตาตั้งไปเลย”

“ระวังตัวด้วยนะพี่”

พี่บอสพยักหน้าแล้วยิ้มขำๆ คงนึกว่าผมตื่นเต้นเกินไปหรือเปล่า แต่ผมก็มีเหตุให้กังวลจริงๆ

ผมแอบดูอยู่ข้างนอก เสี่ยลุกขึ้นมาต้อนรับพี่บอสอย่างดี คงเข้าใจว่าเป็นคนที่นายใหญ่ส่งมา พอสบตากับพี่บอสเพียงนิดเดียว เสี่ยก็ปลดกระดุมเพื่อถอดเสื้อเชิร์ตที่สวมอยู่ออก ตามด้วยกางเกงและกางเกงในจนเนื้อตัวล้อนจ้อน เสี่ยน่าจะอายุสี่สิบกลางๆ หุ่นอวบนิดๆ แต่ดูเนื้อแน่นดี หน้าท้องไม่มีกล้ามแต่ไม่ถึงกับลงพุง ผิวขาวจัดตัดกับไรขนที่ดำสนิท หัวนมและพวงไข่สีออกชมพูแดงเข้ากับผิวขาวๆ  อวัยวะเพศเล็กไม่สมส่วนกับไข่ใบโตที่ห้อยอยู่ด้านล่าง

พี่บอสออกคำสั่งอะไรบางอย่าง เสี่ยเริ่มสาวหนอนน้อยนุ่มนิ่มจนแข็งตัวแต่ก็ไม่ได้ช่วยเรื่องความยาวเท่าไหร่ ผมว่าไม่น่าถึงสี่นิ้ว เส้นหมอยดำชี้ฟูของแกยังจะดูยาวกว่าเลย พี่บอสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพอย่างชำนาญ เสี่ยชักว่าวด้วยความเร็วถี่ยิบจนถึงจุดสุดยอดอย่างรวดเร็ว ผมแปลกใจที่เสี่ยปลดปล่อยน้ำเมือกขาวข้นให้รดรองเท้าหนังที่ถอดทิ้งไว้จนเปรอะไปหมด แต่เสี่ยก็ไม่ปล่อยให้ผมสงสัยอยู่นาน เขาหยิบรองเท้าตัวเองขึ้นมาดูดเลียน้ำกามที่เลอะอยู่อย่างเอร็ดอร่อยจนรองเท้ากลับมาสะอาดเอี่ยมอ่องเหมือนถูกขัดลงแวกซ์อย่างดี ภาพทุกแง่มุมของเหตุการณ์ถูกพี่บอสถ่ายเก็บไว้หมด

เสี่ยรับโทรศัพท์ของพี่บอสมาแล้วเริ่มถ่ายภาพเซลฟี่เปลือยของตัวเอง หน้าหื่นๆ ไว้หนวดดูไม่เข้ากับอวัยวะเพศขนาดย่อม เสี่ยเปลี่ยนมุมถ่ายในท่าต่างๆ แหกโน่นแหกนี่อย่างทุเรศทุรังจนไม่น่าจะกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของคนทั่วไปได้ เอาเถอะ อย่างน้อยก็ทำให้ผมที่เครียดกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสองสามสัปดาห์หลังหัวเราะขึ้นมาได้บ้าง

พี่บอสรับโทรศัพท์คืนมาด้วยท่าทางรังเกียจคราบน้ำว่าวที่ติดมานิดหน่อย ภาพเซ็ทสุดท้ายเป็นรูปเสี่ยที่ยังเปลือยเปล่าพร้อมท่อนลำขนาดเล็กชูชันยืนถือบัตรประชาชนตัวเองที่หยิบมาจากกระเป๋ายิ้มร่าให้กล้องอย่างเต็มที่ พี่บอสสั่งให้เสี่ยไปนั่งพักแล้วกวักมือเรียกผมเข้าไป

“เรียบร้อยแล้ว ที่นี้ล่ะ เสี่ยคงต้องทำทุกอย่างที่เราต้องเพื่อไม่ให้ภาพเหล่านี้หลุดออกไปได้ เก่งมากมอมแมมที่แยกเสี่ยออกมาคนเดียวได้ เอาไง เรากลับกันเลยไหม พี่จะได้ถอนสะกดให้เสี่ยเลย”

“ผมขอโทษครับพี่บอส แต่เรื่องวันนี้ยังไม่จบ”

ผมพูดออกไปอย่างฝืนความรู้สึกตัวเอง

คนกลุ่มใหญ่เดินออกมาจากห้องด้านหลังซึ่งสามารถใช้เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดในห้องผ่านทางกระจกด้านเดียวใบใหญ่ที่กินพื้นที่เต็มผนังด้านเดียวกันทั้งหมด

ผมถือโอกาสที่พี่บอสยังตกใจจนไม่ทันตั้งตัว หลบวูบเข้าด้านหลังกลุ่มคนที่เข้ามาใหม่

“มอม มอม นี่มันอะไรกัน คนพวกนี้เป็นใคร”

พี่บอสตะโกนเสียงดัง คงจะไม่ไว้ใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผมไม่ตอบ ได้แต่หวังว่าพี่บอสจะไม่แสดงอาการขัดขืนจนพวกเขาต้องลงมือรุนแรง

“น่าประทับใจมาก สามารถสั่งเสี่ยมันให้ทำถึงขนาดนี้ได้ พลังของเธอเป็นของจริง ถ้าไม่เห็นกับตาชั้นคงไม่เชื่อ”

นายใหญ่ของโกลคลับปรบมือให้พี่บอสอย่างชื่นชม พี่บอสคงพอเดาเรื่องที่เกิดขึ้นได้จึงพยายามที่จะสบตากลุ่มคนที่รุมล้อมอยู่เพื่อสะกดจิต แต่ความพยายามนั้นก็ไร้ผล คนทั้งหมดสวมหมวกกันน๊อคแบบเต็มใบตามที่ผมแนะนำ ผมบออกนายใหญ่ไปว่าไม่แน่ใจทั้งหมดเรื่องการส่งผ่านพลังสะกดของพี่บอส แต่การที่พี่บอสไม่สามารถสบสายตากับเป้าหมายได้ ดูจะปิดกั้นอำนาจการสะกดได้มากพอดู

พี่บอสมีท่าทางร้อนรนอย่างเห็นได้ชัดและพยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยการดีดนิ้วซึ่งผมเตือนนายใหญ่ไปแล้วว่าเป็นการเพิ่มช่องทางสื่อการสะกดจิต การ์ดสามสี่คนในนั้นหยุดชะงักแล้วเริ่มง่วนกับการลูบคลำเป้าตัวเอง เกิดเป็นจุดอ่อนให้พี่บอสเอาตัวกระแทกแรงๆ หนีจากวงล้อมไปยังประตูทางออกที่อยู่ไม่ไกล พอเปิดประตูได้พี่บอสก็ต้องผงะเมื่อเจอขวดสเปรย์ในมือของการ์ดที่ดักรออยู่หลังประตูฉีดพ่นเข้าที่ใบหน้า พี่บอสร้องลั่นด้วยเสียงที่แสดงความเจ็บปวด นายใหญ่พูดเปรยขึ้นมาว่าเป็นสเปรย์พริกไทย จริงก็ไม่จำเป็นต้องบอกเพราะผมเป็นคนเอาสเปรย์นั้นไปให้การ์ดเอง การ์ดที่เหลือกรูเข้าไปรุมอย่างย่ามใจเมื่อเห็นดวงตาของพี่บอสปิดสนิท พวกนี้ทำงานได้รวดเร็วสมกับเป็นมืออาชีพจริงๆ ภายในแค่อึดใจเดียว พี่บอสก็ถูกพันธนาการทั้งมือและเท้าอย่างแน่นหนา ดวงตาทั้งสองข้างถูกบดบังด้วยแผ่นปิดตาสีดำแผ่นใหญ่ ผมไม่อยู่ในจุดที่จะช่วยอะไรพี่บอสได้นอกจากพึมพำถ้อยคำขอโทษกับตัวเอง

“ระวังหน่อย อย่าทำอะไรรุนแรงกับแขกของชั้นนักสิ”

นายใหญ่ตำหนิลูกน้องตัวเองที่ฉุดกระชากเอาตัวของพี่บอสที่ถูกมัดเท้าจนเดินด้วยตัวเองไม่ได้ให้มานั่งที่โซฟาอย่างไม่ปราณีปราศัยเท่าไหร่

“มอมแมม ตอนนี้ถ้าพวกชั้นเอาหมวกกันน็อคออกคงปลอดภัยแล้วใช่ไหม”

“ได้แล้วครับ ระวังอย่าให้ที่ปิดตาของพี่บอสหลุดแล้วกัน”

ผมตอบ พี่บอสหันหน้ามาในทิศทางที่ได้ยินเสียงผมแล้วตะโกนออกมา

“มอม ทำไมทำกับพี่อย่างนี้ พี่ไว้ใจเรามาตลอด”

ผมเลือกที่จะไม่ตอบโต้อะไรออกไป นายใหญ่ถอดหมวกกันน็อคออกเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลามีสง่าราศีในแบบคุณชายของหนุ่มใหญ่ในวัยสามสิบกว่า

“อย่าไปว่าหลานชายชั้นเลย เขาเป็นเด็กฉลาดที่ตัดสินใจแบบนี้  ชั้นหวังว่าเธอเองก็จะฉลาดเหมือนกัน ชั้นอยากให้เรามาร่วมมือกัน แล้วอำนาจทั้งหมดจะเป็นของพวกเรา มันจะยิ่งใหญ่กว่าองค์กรกระจอกที่เธอทำเป็นไหนๆ”

ผมมองไม่เห็นสีหน้าของพี่บอส แต่ก็รู้สึกได้ว่าพี่บอสคงไม่ให้ค่อยพอใจคนที่ดูถูกองค์กรเป็นแน่

“คุณเป็นใคร ทำไมผมต้องร่วมมือกับคุณด้วย”

“ชั้นก้องฟ้า เป็นอาของเจ้ามอมแมม ชั้นกำลังจะเป็นผู้นำคนใหม่ของสมาพันธ์  ไม่สิ ชั้นกำลังจะล้มล้างสมาพันธ์ และตั้งอะไรที่มันยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก สมาพันธ์ในทุกวันนี้อ่อนแอเกินไป ขนาดโต๊ะบอลที่ชั้นตั้งขึ้นมาเล่นๆ ไม่กี่ปียังมีอำนาจเกินกว่าสมาพันธ์ไปแล้ว ถ้าเธอร่วมมือกับชั้น เราจะควบคุมประเทศนี้ได้อย่างสมบูรณ์ อะไรที่อ่อนแอจะถูกกำจัดไป ประเทศเราจะกลับมาเป็นผู้นำได้อีกครั้ง นี่คือสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่เหรอ”

หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 35] ตัวร้ายก็คือตัวร้าย 27/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 27-04-2016 21:52:35
อาก้องฟ้าเป็นลูกของน้องชายคุณปู่ผม  พ่อแม่แยกทางกันตอนอาก้องฟ้าอยู่ประถมต้น หลังจากนั้นไม่นาน พ่อของอาก้องฟ้าก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ คุณปู่จึงรับอาเข้ามาเลี้ยงดูเช่นเดียวกับคนในตระกูลหลักทุกอย่าง อาก้องฟ้าจึงเหมือนกับเป็นน้องชายแท้ๆ ของคุณพ่อของผม ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆ อาก้องฟ้าก็สนิทกับผมตามประสาอาหลาน เมื่อโตขึ้น อาก็ไปเรียนต่อต่างประเทศจึงห่างๆ กันไป พอจบด๊อกเตอร์กลับมา คุณพ่อซึ่งในตอนนั้นได้รับมอบตำแหน่งผู้นำของตระกูลจากคุณปู่แล้ว ได้ให้อาก้องฟ้ามาช่วยงานในสมาพันธ์ แต่ก็ทำได้แค่สองปี  อาก้องฟ้าก็ออกจากสมาพันธ์แล้วแยกบ้านออกไปบริหารธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทของตัวเองที่พ่อแท้ๆ ทิ้งไว้ให้ คุณพ่อเอาพี่ก้อนดินที่ยังเรียนอยู่เข้าไปช่วยบริหารสมาพันธ์แทน เรื่องนี้น่าจะเกิดขึ้นมาเจ็ดแปดปีแล้ว หลังจากนั้น ผมแทบไม่เจออาก้องฟ้าอีกเลยยกเว้นงานรวมญาติประจำปีและจากข่าวสังคมที่กล่าวขวัญถึงเซเลปหนุ่มไฮโซดีกรีดอกเตอร์ที่ทั้งเก่งและหล่ออยู่เสมอ

พี่บอสไม่ตอบข้อเสนอของอาก้องฟ้า เขาพยายามหันหน้ามาทางที่คาดว่าผมอยู่แล้วพูดเสียงดังว่า

“มอม เลือกอยู่ข้างนั้นเพราะเป็นญาติกันเหรอ มันไม่ถูกต้อง เราก็เห็นว่าวิธีการของเขามันทำให้คนเดือดร้อนแค่ไหน หรือว่าถูกเขาข่มขู่อะไร ไม่ต้องกลัว ติดต่อโป๊ปสิ โป๊ปมันต้องหาทางออกได้แน่ๆ”

อาก้องฟ้าหัวเราะแล้วพูดอย่างมั่นใจว่า

“ไม่ยอมจริงๆ ด้วยสิ น่าเสียดาย แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องทำในสิ่งที่ชั้นต้องการ เรื่องติดต่อเพื่อนเธอคนนั้นไม่ต้องเป็นห่วง  ชั้นนี้แหละจะเป็นคนติดต่อไปเอง แล้วก็อย่าพยายามกล่อมหลานชั้นให้เปลี่ยนใจเลย เขารู้ดีว่าต้องอยู่กับใครถึงจะเปลี่ยนสังคมที่เน่าเฟะนี้ได้”

อาก้องฟ้าหันไปสั่งหัวหน้าการ์ดซึ่งทำงานได้น่าประทับใจสมเป็นมืออาชีพ

“เอาตัวคุณบอสไปไว้ที่โรงแรม ดูแลให้ดีล่ะ เขาเป็นคนที่สำคัญกับแผนการใหญ่ของเรา ระวังตัวด้วย อย่าเผลอให้ถูกสะกดจิตซะเอง ทำตามคำแนะนำที่หลานชั้นบอกไว้ให้ดี อ้อ แล้วอย่าให้ใครเข้าไปในห้องที่ใช้คุมตัวคุณบอสล่ะ แม้แต่หลานชั้นเองก็ห้ามเด็ดขาด”

พี่บอสถูกพาตัวออกไปอย่างระมัดระวัง คงมีจุดหมายอยู่ที่โรงแรมใดโรงแรมหนึ่งของอา ในห้องเหลือแต่ผม อาก้องฟ้า การ์ดอีกสองคน แล้วก็เสี่ยที่ยังนั่งแก้ผ้าตาลอยอยู่

“แล้วไอนี่เอายังไง ไม่ได้ให้บอสถอนสะกดออกก่อนไปด้วย”

อาหนุ่มรูปหล่อชี้ไปที่เสี่ย

“งานแบบนี้พี่บอสคงไม่ได้สะกดไว้ลึกอะไร อาลองตบหน้าเบาๆ ดูสิครับ”

อาก้องฟ้ามองไปที่ร่างเปลือยเปื้อนน้ำกามของเสี่ยอย่างรังเกียจ เขาหันไปสั่งลูกน้องแทน การ์ดคนสนิทตบไปที่ใบหน้าของเสี่ยอย่างไม่ยั้งมือจนได้สติขึ้นมา เสี่ยมองสภาพตัวเองอย่างมึนงง

“เฮ้ย อะไรวะ เกิดอะไรขึ้น อ้าว นายใหญ่ มาตั้งแต่เมื่อใหร่ ขออภัยครับที่อยู่ในสภาพนี้ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ขอไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะออกมาต้อนรับท่านใหม่”

เสี่ยท่าทางลนลาน ท่าทางจะกลัวอาก้องฟ้ามาก

“ไม่ต้องไปไหนเสี่ย ไม่ต้องอายด้วย เราเห็นเสี่ยทำยิ่งกว่านี้มากแล้ว มาดูในมือถือที่ชั้นถ่ายเก็บไว้สิ”

เสี่ยท่าทางอายจนตัวแดงไปทั้งตัวแต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งอาก้องฟ้า เอามือกุมอวัยวะเล็กจิ๋วของตัวเองไว้จนแน่นแล้วมองไปที่หน้าจอที่อายื่นให้ พอเห็นว่าคนในคลิปเป็นใคร ใบหน้าแดงก่ำของเสี่ยก็สีหน้าซีดเผือดเป็นกระดาษทันที

“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ผมไปทำเรื่องแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงจำอะไรไม่ได้เลย นายใหญ่เอามาจากไหนครับ”

“หึๆ จำไม่ได้จริงๆ ด้วย พลังนี่มันยอดเยี่ยมมาก เสี่ยออกไปเถอะ แล้วอย่าคิดเล่นไม่ซื่อกับชั้นเป็นอันขาด ไม่งั้นลูกเมียเสี่ยได้เห็นคลิปนี้แน่”

“ได้โปรดครับนายใหญ่ อย่าให้พวกเขารู้เด็ดขาด ผมภักดีกับนายใหญ่มาตลอด ไม่มีทางทรยศอย่างแน่นอน”

เสี่ยร้องอ้อนวอนอย่างน่าสงสารในขณะที่ลนลานเก็บเสื้อผ้าตัวเองเดินออกจากห้องไปตามคำสั่ง

“เราก็กลับไปได้แล้วมอมแมม คนฉลาดอย่างเราคงรู้ดีนะว่าถ้าทรยศอาจะเกิดอะไรขึ้น อาสัญญาว่า ภายใต้การนำของอาตระกูลเราจะกลับมายิ่งใหญ่อย่างที่บรรพบุรุษเองก็ทำไม่ได้”

ผมกลับออกมาตามคำสั่งอย่างกังวลใจ พี่บอสที่ถูกพาตัวไปจะโดนบังคับขู่เข็ญขนาดไหนก็ไม่รู้ แต่ในเมื่อผมเลือกทางที่ไม่อาจย้อนกลับได้ ก็มีแต่จะต้องเดินหน้าต่อไป

อาก้องฟ้าเป็นคนที่ฉลาดมากสมกับที่จบดอกเตอร์จากยูชื่อดัง โกลคลับเป็นเหมือนสนามซ้อมที่อาใช้ในการทดลองสร้างฐานอำนาจให้กับตัวเอง สมาพันธ์สามารถรวมกำลังและอำนาจจากหลายตระกูลเข้ามาด้วยผลประโยชน์ร่วมกันผ่านความไว้วางใจในตัวตระกูลหลัก แต่โกลคลับใช้แรงตัณหาทางเพศที่หลบซ่อนอยู่ในตัวบุคคลผู้ทรงอำนาจในสังคมมาเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน อาก้องฟ้าเลือกที่จะวางเป้าหมายเป็นเกย์หรือไบที่อยู่ในตำแหน่งสำคัญๆ ของบ้านเมือง หลายคนในนี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการทางเพศของตัวเองได้อย่างใจ บางคนมีลูกเมียแล้ว บางคนเปิดเผยความเป็นเกย์ไม่ได้ด้วยฐานะที่ดำรงอยู่

คนเหล่านี้พร้อมที่จะให้โกลคลับหยิบยืมอำนาจที่มีอยู่เพื่อแลกกับการได้ปรนเปรอทางเพศด้วยชายแท้สดซิงหน้าตาดีที่ติดหนี้พนันกับสาขาต่างๆ ของโกลคลับ ต่อให้เป็นคนที่ไม่ต้องปกปิดซ่อนเร้นในเรื่องเหล่านี้ก็ยังยอมร่วมมือเพราะคุณภาพและความสดใหม่ของเหล่าเด็กหนุ่มที่ตกอยู่ในสภาวะจำยอมที่ไม่อาจหาได้จากเด็กขายทั่วไป

ถึงจะออกจากสมาพันธ์มาหลายปีแล้ว แต่อาก็ยังมีพรรคพวกเหลืออยู่ในนั้นไม่น้อย คนเหล่านั้นให้การสนับสนุนอาลับหลังตระกูลหลัก อาเอาวิธีการในการบริหารสมาพันธ์มาใช้กับโกลคลับ สร้างเครือข่ายอิทธิพลของตัวเองด้วยผลประโยชน์ทางเพศ และตอนนี้อาจะล้มล้างสมาพันธ์เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้ชักใยประเทศนี้อย่างเต็มตัว อาต้องการให้ผู้มีอำนาจในประเทศนี้ ตัดสินใจเลือกข้าง ทิ้งการสนับสนุนสมาพันธ์แล้วมาอยู่ฝั่งอาแทน

-----------------------------

วันนี้เป็นการเตรียมการขั้นสุดท้าย แหล่งข่าวบอกอาว่าพี่โป๊ปกำลังวิ่งวุ่นร้อนรนกับการหายตัวไปของพี่บอส พออาติดต่อไปพี่โป๊ปก็ตกลงที่ตะมาพบทันที ผมเตือนอาไปแล้วว่าพี่โป๊ปอาจเป็นตัวอันตรายได้มากกว่าพี่บอสเสียอีกจากความสามารถด้านไอทีที่เข้าขั้นอัจฉริยะ อาหัวเราะแล้วบอกว่าเทคโนโลยีจะดีแค่ไหน แต่สุดท้ายก็สู้คนไม่ได้ การโจมตีทางไซเบอร์ที่พี่โป๊ปภูมิใจ ไม่สามารถทำอะไรโกลคลับได้เพราะอายังคงใช้วิธีการบริหารแบบเดียวกับที่สมาพันธ์ใช้ซึ่งไม่ได้พึ่งพาเทคโนโลยีจนมีจุดอ่อนด้านไอที

พี่โป๊ปถูกนัดให้มาพบกับอาที่โรงแรมหรูที่อาใช้เป็นที่ควบคุมตัวพี่บอสอยู่ ผมได้รับอนุญาตให้มาร่วมด้วยแต่ก็ถูกจำกัดไม่ให้มีบทบาทอะไร พี่โป๊ปมาถึงโรงแรมด้วยใบหน้าอิดโรยตาหมองคล้ำเหมือนคนไม่ได้นอนแต่ในแววตามีความมั่นใจบางอย่าง

“ขอบคุณมากที่มาตามคำเชิญของผม คุณโป๊ป ผมดอกเตอร์ก้องฟ้า หรืออีกนัยหนึ่งคือนายใหญ่ของโกลคลับ ยินดีที่ได้รู้จัก เราคงได้ร่วมงานกันอีกมาก”

พี่โป๊ปไม่มีท่าทีแปลกใจว่านายใหญ่ขององค์กรคือใคร ทั้งๆ ที่อาเพิ่งเปิดเผยตัวออกไป

“ไม่ต้องลีลามาก ผมต้องการคนของผมคืน”

พี่โป๊ปตอบกลับด้วยแววตาและท่าทีที่แข็งกร้าว

“ดูท่าทางคุณจะไม่แปลกใจเลยที่เจอกับผม หรือหลานชายปากโป้งของผมไปบอกกันหล่ะ”

“ผมไม่ได้บอกนะครับคุณอา พี่เขารู้เองมาจากไหนไม่ทราบ”

ผมพยายามอธิบาย พี่โป๊ปหันหน้ามาตามเสียงของผม แล้วเบือนหน้ากลับไปเหมือนมองเห็นเศษขยะชิ้นหนึ่ง

“เรื่องแค่นี้ ผมหาเองได้ ความอดทนผมมีไม่มากนักหรอก ปล่อยตัวคนของผมมาเดี๋ยวนี้”

“คนของคุณนี่คนไหน คุณบอส หรือเด็กพวกนี้”

การ์ดของอาก้องฟ้าคุมตัวคนกลุ่มหนึ่งออกมาจากด้านหลังห้อง แดน ฟีฟ่า จอม รวมถึงน้องเดือนภาควิศวะอีกสองคนที่ร่วมอยู่ในทีมสืบสวนโกลคลับอยู่กันครบ ผมตกใจมาก นี่ลอบตามพี่โป๊ปกันมาหรือ ทั้งๆ ที่น่าจะถอนตัวกันไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่รู้พี่โป๊ปรู้เรื่องด้วยหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่อยู่ในสภาวะที่จะช่วยอะไรได้

“นี่หรือกำลังเสริมของคุณ ให้เด็กพวกนี้มาปะปนกับแขกของโรงแรม มือสมัครเล่นพวกนี้จะช่วยอะไรคุณได้ การ์ด เอาพวกนี้ไปขังไว้ เราจะเก็บไว้ใช้งานเหมือนพวกลูกหนี้”

การ์ดคุมตัวทั้งห้าคนออกไป เสียงเรียกชื่อผมกับพี่โป๊ปอย่างวิงวอนขอความช่วยเหลือดังขึ้นจากทั้งห้าคน พี่โป๊ปไม่ตอบโต้ เขาเพียงแต่กำหมัดแน่นเหมือนพยายามระงับอารมณ์

“แล้วผมก็ยังรู้อีกด้วยว่า องค์กรคุณมีเส้นสายกับตำรวจอยู่พอตัว แต่เสียใจด้วยนะ ผมก็มี ตอนนี้กำลังตำรวจที่คุณเรียกมาแสตนด์บายอยู่รอบๆ โรงแรม ถูกเรียกตัวกลับหน่วยไปหมดแล้ว”

อาก้องฟ้าพูดจบก็ยิ้มอย่างสมเพชในคนที่อ่อนประสบการณ์กว่า ผมไม่เคยเห็นคนเก่งอย่างพี่โป๊ปเสียทีจนมีสีหน้ากังวลแบบนี้มาก่อน ถึงพี่โป๊ปจะเก่งมากๆ แต่อาก้องฟ้าก็เก่งในระดับอัจฉริยะเหมือนกัน ถ้าไม่ได้ขัดแย้งกันในเรื่องการบริหารสมาพันธ์อย่างรุนแรง คุณพ่อก็อาจจะยกตำแหน่งผู้สั่งการสมาพันธ์ให้อาไปแล้วแทนที่จะเป็นพี่ก้อนดินหรือผม

“คนหนุ่มอย่างคุณต้องเรียนรู้ที่จะทิ้งความหยิ่งผยองลงบ้าง ที่เชิญมาวันนี้ ผมแค่จะขอความร่วมมือจากคุณให้ช่วยเกลี้ยกล่อมคุณบอสให้ร่วมมือกับเรา เพื่อนคุณมันหัวแข็งและยึดมั่นในอุดมการณ์เกินไป แต่คุณน่าจะเข้าใจอะไรๆ ได้ดีกว่า จะว่าไปองค์กรของคุณ สมาพันธ์ของพี่ชายผม และสิ่งที่ผมกำลังจะทำ มันก็มีเป้าหมายที่ไม่ต่างกันที่อยากจะให้ประเทศนี้ดีขึ้น แต่ผมบอกได้เลยว่าองค์กรคุณที่ทำได้แต่เรื่องจิ๊บจ้อย หรือสมาพันธ์ที่โบราณคร่ำครึ ไม่มีวันทำเรื่องนี้สำเร็จ ประเทศที่เน่าเฟะนี้ต้องการคนที่รวบอำนาจเพื่อสั่งการทั้งหมด เราปล่อยอำนาจไว้กับประชาชนไม่ได้ คุณก่อนเห็น มีแต่จะเละเทะขึ้นทุกวัน ไม่ต้องห่วงนะ ทั้งหมดผมจะชักใยอยู่หลังฉาก ภาพลักษณ์ที่ออกไปในประชาคมโลก เราจะเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ปรองดองสมานฉันท์กันเป็นอย่างดี ผมต้องการพลังของคุณบอสมาเพื่อทำให้เรื่องนี้สำเร็จได้เร็วขึ้น หลานผมบอกว่าคุณเป็นคนเดียวที่จะเกลี้ยกล่อมเขาได้”

“อุดมการณ์ของบอสก็คืออุดมการณ์ของผม ผมไม่รู้ว่าคุณจะรวบอำนาจไว้เพื่อตัวเองหรือเพื่อประเทศกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเพื่ออะไร ผมบอกได้เลยว่าวิธีการมันผิด การใช้อำนาจเผด็จการไม่มีทางนำมาซึ่งความเจริญแบบยั่งยืน”

พี่โป๊ปตอบโต้ ผมว่าเขาสามารถกลับมาสงบสติอารมณ์และดูเย็นใจอย่างน่าประหลาดสำหรับคนที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้

“งั้นผมก็ไม่อยากเสียเวลาแล้ว วิธีทำให้บอสร่วมมือก็ใช่ว่าจะมีวิธีเดียว แต่ไม่ต้องห่วง คุณยังเป็นหมากตัวสำคัญอยู่ บอสคงทนไม่ได้แน่ๆ ถ้าเห็นเพื่อนเขาต้องถูกทรมาณ”

“คุณอาครับ นี่มันไม่เหมือนที่ตกลงกัน ไหนบอกว่าจะพยายามเกลี้ยกล่อมพี่โป๊ปให้ได้”

ผมร้องออกมาเสียงดัง อามองหน้าผมอย่างเอือมระอา 

“ถ้ามัวแต่เลือกวิธีการ แล้วจะทำงานใหญ่สำเร็จได้ยังไง You can't make an omelette without breaking eggs”

อาตำหนิแล้วพูดสุภาษิตฝรั่งออกมาเร็วปรื๋อ

“แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อย่างการตอกไข่นะครับ ผมไม่อยากให้อาทำร้ายใครไปมากกว่านี้”

“แล้วไงล่ะ จะกลับไปอยู่ฝั่งโน้นก็เอาสิ การ์ด จับตัวเขาไว้”

อาสั่งการโดยไม่สนใจคำขอร้องของผม

“อย่าให้ใครเข้ามาถ้าคุณยังไม่อยากเสียใจ”

พี่โป๊ปตะโกนออกมา ในมือโชว์โทรศัพท์มือขึ้นมา

“ผมเตรียมการไว้แล้ว ถ้าคุณไม่ปล่อยตัวพรรคพวกของผมทุกคนมา ผมจะสั่งการให้ระบบโจมตีธุรกิจของคุณเดี๋ยวนี้ ผมอาจไม่สามารถทำอะไรโกลคลับได้เพราะคุณไม่ได้ออนไลน์ระบบไอทีไว้ แต่ธุรกิจคุณ โรงแรมคุณ รีสอร์ทคุณ ยังไงก็หนีอินเตอร์เน็ตไปไม่พ้น แค่ผมกดสั่งงานมือถือทีเดียว ข้อมูลทุกอย่าง รายละเอียดธุรกิจ ข้อมูลส่วนตัวลูกค้า ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดในโรงแรม ข้อมูลบัญชีที่ตกแต่งไว้ จะถูกเผยแพร่ออกสู่อินเตอร์เน็ตทันที โรงแรมที่ทำความลับลูกค้ารั่วไหล เอาภาพวงจรปิดในที่ส่วนตัวลูกค้าไปเผยแพร่ แถมยังหลบเลี่ยงภาษี ไม่มีทางที่จะทำธุรกิจได้อีกต่อไป คิดดีๆ ว่าคุณจะเอาธุรกิจมูลค่ามหาศาลของตัวเองมาแลกเหรอ”

พี่โป๊ปยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะหลังจากเผยไพ่ตายที่เก็บไว้ แต่อาก้องฟ้ากลับไม่มีสีหน้าตกใจแม้แต่น้อย เขาหันไปพยักหน้ากับการ์ดที่อยู่ใกล้ๆ การ์ดคนนั้นรีบไปเปิดสวิทช์อุปกรณ์ที่ซ่อนไว้

พี่โป๊ปมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด เขารีบก้มไปดูหน้าจอมือถือทันทีแล้วก็มีสีหน้าสิ้นหวังแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

“แค่เครื่องส่งคลื่นรบกวนเพื่อตัดสัญญานมือถือราคาไม่กี่พันบาทก็ล้มแผนของใครบางคนได้ง่ายๆ เทคโนโลยีมันมีไว้เพื่อรับใช้คน สุดท้ายก็วัดกันที่คนอยู่ดีว่าใครฉลาดกว่ากัน”

อาก้องฟ้าเปรยขึ้นลอยๆ ขณะที่การ์ดรุมกันเข้ามาจับตัวพี่โป๊ปได้ในเวลาไม่นาน ใช่ว่าระดับเทควันโดสายดำอย่างพี่โป๊ปจะไม่พยายามสู้ แต่จำนวนคนที่ต่างกันเกินไปก็ทำให้ต้องสยบลงในที่สุด พี่โป๊ปมองมายังผมและอาด้วยสายตาคับแค้นในขณะที่ถูกเอาตัวออกไป

“จำไว้ มอมแมม ถ้าจะคิดการใหญ่ อย่าให้อารมณ์ส่วนตัวมาทำให้เราไขว้เขว วันนี้อาผิดหวังในตัวเรามาก ครั้งต่อไปอย่าได้แสดงความอ่อนแอแบบนี้ออกมาอีก”

-----------------------------------------------------------------------------------

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 35] ตัวร้ายก็คือตัวร้าย 27/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: GGamy ที่ 27-04-2016 22:08:17
เมดูเลวมากอ่ะ ถึงจะงงๆก็เถอะ
ผัวหลวงอยู่ไหนคะ มาช่วยผัวอีกคนของเจ๊เร็วววววววว :katai1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 35] ตัวร้ายก็คือตัวร้าย 27/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 27-04-2016 23:11:17
กำลังเข้มข้น. มาต่อเร็วๆ นะคะ. ลุ้นมาก.  เม บอส โปป น่าจะมีแผนอะไรสักอย่าง. หวังว่าเมจะเป็นคนดี
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 35] ตัวร้ายก็คือตัวร้าย 27/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: soul love ที่ 27-04-2016 23:21:04
มอมคงมีแผนการกันใช่ไหม??? ไม่ยอมนะถ้ามอมทำแบบนี้  จะโกรธ
บอส โป๊ปสู้ๆ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 35] ตัวร้ายก็คือตัวร้าย 27/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 28-04-2016 11:06:28
เมดูเป็นคนโลเลไม่ชัดเจนอะไรสักอย่าง ตั้งแต่เรื่องรสนิยมแล้ว
ที่ยังมั่นใจว่าตัวเองยังเป็นผู้ชายแท้อยู่ ไม่รู้สิถ้าเป็นแผนก็ดูจะมั่นใจในตัวเองสูงมาก
ที่สามารถจัดการปัญหาอะไรได้ด้วยตัวคนเดียวว ยังไงก็รอดูต่อไป
ขอบคุณที่มาต่อจ้าาา
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 35] ตัวร้ายก็คือตัวร้าย 27/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 28-04-2016 12:06:58
เมดูตกงง่ายเกิด เดาว่าแผน...มั้ง
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 35] ตัวร้ายก็คือตัวร้าย 27/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 29-04-2016 15:25:37
โอ้ยยยยยยยยยย อะไรเยอะแยะ
นังมอมแมม ถ้าไม่มีแผนนี่จะโกรธ

สงสารบอส อุตส่าห์ไว้ใจคนแบบนี้ มาโดนตลบหลัง
ขอให้พันธมิตรที่เหลือขององค์กรออกมาช่วยเถอะ พลีสสส
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 35] ตัวร้ายก็คือตัวร้าย 27/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 29-04-2016 16:58:07
ถ้าไม่ใช่แผนนะ ชั้นจะสาปส่งแก นังมอมแมม  :angry2:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 35] ตัวร้ายก็คือตัวร้าย 27/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 29-04-2016 22:34:22
ผมว่าแผน แต่มอมแมมทำคนเดียวหรือว่าบอสโป๊ปร่วมด้วยไม่แน่ใจ
เอาซะค้างเลย เสาร์อาทิตย์นี้จะมาต่อหรือเปล่าอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 35] ตัวร้ายก็คือตัวร้าย 27/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 29-04-2016 23:16:46
ทำไมมอมทำกับบอสอย่างนี้ :ling1: :katai4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 35] ตัวร้ายก็คือตัวร้าย 27/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 29-04-2016 23:55:13
อิชั่วววววววววววววววววววววววว :katai1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 35] ตัวร้ายก็คือตัวร้าย 27/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 30-04-2016 01:00:16
มาต่อเดี้ยวนี้เลยนะกำลังมันเลยอะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 36] บทลงทัณฑ์ของผู้เดินทางผิด 30/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 30-04-2016 14:45:27

องค์กรลวงจิต Explicit Content
 
บทที่ 36 บทลงทัณฑ์ของผู้เดินทางผิด


หลังจากได้ตัวพี่บอสและโป๊ปไป ก้องฟ้าก็ดำเนินการตามแผนการใหญ่ที่จะกุมอำนาจในวงการต่างๆ อยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม เป็นข้อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาทำไม่ใช่การคิดการใหญ่เกินตัวแต่อย่างใด บุคคลสำคัญและมีอำนาจที่อยู่ในเครือข่ายโกลคลับถูกเชิญมาเพื่อร่วมประชุมลับ เมธัสรู้สึกตกใจที่ในจำนวนนั้นมีหลายคนที่เป็นคนในตระกูลสาขาของสมาพันธ์อยู่ด้วย ถ้าเขาไม่ได้เข้าร่วมกับอาของเขาเสียก่อน คงไปได้รู้ตัวอีกทีตอนที่สมาพันธ์ถูกล้มล้างสำเร็จตามที่ก้องฟ้าได้แสดงเจตจำนงค์ไว้ นี่ทำให้เมธัสรู้สึกว่าเขาตัดสินได้ถูกต้องในเรื่องนี้

ห้องประชุมหรูหราในโรงแรมห้าดาวใจกลางเมืองหนึ่งในสินทรัพย์ของก้องฟ้าถูกจัดเตรียมไว้เพื่อการประชุมนี้ ห้องมีลักษณะเหมือนโรงหนังขนาดเล็ก มีเวทีด้านหน้าและที่นั่งสโลปที่จุคนได้ประมาณหนึ่งร้อยคน แขกรับเชิญค่อยๆ ทะยอยมาถึง ไม่มีการลงทะเบียนหน้าห้อง ทุกอย่างเป็นความลับ อันที่จริงก้องฟ้าได้สั่งปิดปีกขวาทั้งโซนเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้าร่วมประชุม แขกหลายคนใส่แว่นดำขนาดใหญ่เพื่อปกปิดใบหน้า แต่อีกหลายๆ ก็มั่นใจในอำนาจของตนจนไม่พยายามที่จะปิดบังตัวตนแต่อย่างไร

เมื่อแขกทุกคนที่เชิญไปมากันครบ ก้องฟ้าก็เริ่มกล่าวถึงวัตถุประสงค์ที่เชิญประชุมกันทันที

“..... และอย่างที่ทราบกัน เครือข่ายความร่วมมือในโกลคลับเข้มแข็งขึ้นมากจากความร่วมมือของทุกท่าน เราสามารถเสนอบริการส่วนบุคคลได้ทุกรูปแบบตามความต้องการของทุกท่าน ที่สำคัญทุกอย่างเป็นความลับเฉพาะ เหล่าบรรดาลูกหนี้ฝากขอบคุณทุกท่านมา ณ ที่นี้ ที่เมตตาให้พวกเขาได้ปลดหนี้พนันบอลโดยการให้บริการทุกท่าน ถือเป็นการทำบุญร่วมกันที่ได้ช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก เพียงแต่ท่านช่วยกันสนับสนุนโกลคลับต่อไป ท่านก็สามารถช่วยปลดหนี้ให้เด็กหนุ่มที่น่าสงสารเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องเสียเงินซักบาทเดียว........”

ก้องฟ้าจับจุดได้อย่างถูกต้อง ถึงผู้ทรงอิทธิพลเหล่านี้จะอยากได้เด็กหนุ่มๆ มาปลดปล่อยความต้องการทางเพศต่างๆ นาๆ ของตน แต่ส่วนใหญ่ก็ยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง เขาถึงได้ขายเรื่องราวว่าเด็กเหล่านี้อยู่ในวัยที่คึกคะนองพลั้งเผลอเล่นพนันอย่างไม่ยั้งคิดจนเป็นหนี้เป็นสินถึงขั้นจะเสียอนาคต พอผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ให้การสนับสนุนคุ้มครองโกลคลับจากการปราบปรามของภาครัฐ โกลคลับก็สามารถนำรายได้ที่ได้จากลูกค้าทั่วไปมาชดใช้หนี้ให้แทน ส่วนเด็กพวกนี้ก็มาให้บริการตอบแทนบุญคุณ เรื่องราวโลกสวยที่ว่าตัวเองสามารถมีความสุขทางเพศไปพร้อมกับการทำบุญไปด้วย มันช่างถูกจริตกับความฉาบฉวยของคนยุคนี้ จนทำให้ผู้สนับสนุนของโกลคลับมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีใครสนใจว่าความจริงเป็นอย่างไร

“.......แต่สิ่งที่ผมกำลังจะเสนอต่อไปนี้ มันจะยิ่งพิเศษขึ้นไปอีก ผมจะขอให้ทุกท่านให้การสนับสนุนผมในทุกๆ เรื่อง เครือข่ายของเราจะได้มีอำนาจเข้มแข็งอย่างเต็มที่ ทีนี้ผมจะตอบแทนทุกท่านด้วยสิ่งที่แม้แต่ความฝันที่ดีที่สุดของท่านก็ยังเทียบไม่ได้”

“มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ ดอกเตอร์ก้องฟ้า แค่ที่พวกเราให้การสนับสนุนโต๊ะบอลผิดกฎหมายอย่างออกหน้าออกตา มันก็เสี่ยงพอดูอยู่นะ ทุกวันนี้ สังคมข่าวสาร ชุมชนออนไลน์ มันก็พยายามตรวจสอบชนชั้นปกครองอย่างเราจนแทบกระดิกตัวทำอะไรไม่ได้ แล้วนี่จะให้ไปสนับสนุนทุกเรื่อง ผมว่ามันเกินไป”

แขกรับเชิญคนหนึ่งตั้งประเด็นขึ้นมาได้อย่างคนที่มีประสบการณ์สูง หลายๆ คนในห้องก็เริ่มแสดงอาการเห็นด้วย

ก้องฟ้ายิ้มอย่างใจเย็นแล้วพูดขึ้นว่า

“ถ้าผู้มีอำนาจอย่างพวกเรารวมตัวกันเข้มแข็ง ต่อให้ถูกสังคมรากหญ้าพวกนั้นตรวจสอบเข้มข้นซักแค่ไหน ก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอกครับ ผมรับอาสาที่จะเป็นตัวกลางเพื่อเอาอำนาจจากทุกท่านมาบริหารให้เกิดประโยชน์ร่วมกันเอง ยังไม่ต้องรีบตัดสินใจครับ ลองดูประโยชน์ที่ท่านจะได้ก่อน ผมรับรองว่าท่านจะปฏิเสธไม่ได้”

คนในห้องเงียบลงแล้วรอฟังข้อเสนออย่างสนใจ

“จริงๆ แค่การรวมอำนาจทุกคนมาให้ผมบริหารมันก็แทบจะทำอะไรทุกอย่างได้อยู่แล้ว แต่กว่าจะสำเร็จมันต้องใช้เวลาอยู่บ้าง ในระหว่างนี้ผมจะมีของตอบแทนให้กับทุกท่านที่ตกลงร่วมมือ คือทาสบำเรอกามที่จะตอบสนองความต้องการของท่านทุกๆ อย่าง ไม่บ่น ไม่รังเกียจ ไม่ปฏิเสธ และที่สำคัญจะไม่แพร่งพรายความลับของท่านออกไปอย่างเด็ดขาด”

“ก็ไม่เห็นจะต่างกับเอาเด็กที่เป็นหนี้มาให้บริการเราตรงไหน”

มีเสียงแย้งมาจากผู้ฟัง ก้องฟ้ายิ้มรับแล้วแล้วชี้แจงอย่างมั่นใจ

“แล้วถ้าเด็กที่ว่าเป็นดาราดังที่ท่านชื่นชอบล่ะ หรือเป็นทายาทหนุ่มตระกูลไฮโซที่ไม่มีวันลดตัวไปทำแบบนี้ให้ใคร คนที่ท่านต้องการอาจจะเป็นหมอฟันหนุ่มหล่ออัธยาศัยดีที่ท่านไปพบทุกหกเดือน  หรือผู้เข้าประกวดรายการเรียลลีตี้โชว์ที่ภรรยาของท่านชวนดูอยู่ทุกสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นใคร สถานะทางสังคมเป็นอย่างไร พวกเขาจะมาให้บริการท่านประดุจทาสที่ซื่อสัตย์ แล้วก็กลับไปโดยที่จำอะไรไม่ได้เลย ท่านไม่ต้องกังวลกับการปกปิดตัวเองจนต้องเสียอรรถรสในกิจกรรมสร้างความสุขต่างๆ ไป”
   
เสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างตื่นเต้นกับเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้นี้

“เอาล่ะ พูดไปคงไม่เชื่อ ผมขอสาธิตให้ดูเลยดีกว่า”

ก้องฟ้าพยักหน้าให้ลูกน้องที่อยู่ด้านข้างเวที หลังจากนั้นเพียงอึดใจ การ์ดก็ฉุดกระชากชายหนุ่มหน้าตาดีลักษณะไฮโซขึ้นมาบนเวที ชายหนุ่มแสดงอาการตกใจพร้อมกับขัดขืนไปด้วย

“คุณอาทำอะไรครับ ให้พวกนี้ลากผมขึ้นมาบนเวทีทำไม โอ๊ย เจ็บนะ”

เมธัสร้องตะโกนเมื่อการ์ดคนหนึ่งจับใบหน้าของตัวเองหันไปให้ผู้คนที่อยู่ในห้องเห็นชัดๆ เสียงฮือฮาดังขึ้นมาอีก

“หลายท่านในนี้คงรู้จักชายหนุ่มคนนี้ดีนะครับ ใช่ครับ คนๆ นี้เป็นหลานชายผม หนุ่มไฮโซตระกูลดังเน็ตไอดอลนักกิจกรรมของมหาลัย แต่อีกฐานะหนึ่งเขาคือผู้สั่งการคนปัจจุบันของสมาพันธ์ คนระดับพวกเราคงพอรู้จักสมาพันธ์กันอยู่แล้วนะครับ หลายท่านในนี้ก็เป็นสมาชิกระดับสูงด้วยซ้ำ ท่านใดพอจะช่วยยืนยันได้ไหมครับ ว่าคนๆ นี้คือผู้สั่งการของสมาพันธ์ตัวจริง”

หลายคนในนั้นยกมือขึ้นแสดงการรับรอง เสียงซุบซิบดังขึ้นทั่วห้องทันที

“ด้วยเกียรติของท่านเหล่านั้นคงเป็นที่เชื่อถือได้นะครับ ขอให้ท่านจับตาดูให้ดี บุคคลระดับหลานชายผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาทำอะไรอย่างนี้ นี่ไม่ใช่การจัดฉากแน่นอน อย่างที่ท่านทราบ ผมกับตระกูลหลักของสมาพันธ์ไม่ได้มีความข้องเกี่ยวกันมานานแล้ว ผมขอเสียสละหลานชายผมเพื่อแสดงการสาธิต ณ บัดนี้”

การ์ดฉุดกระชากเมธัสไปหลังฉาก บอสที่โดนปิดตานั่งรออยู่โดยมีคนคุมประกบ ก้องฟ้าตามเข้ามาแล้วสั่งการทันที

“บอส สะกดจิตหลานชายชั้นตามที่ตกลงกันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นโป๊ปเพื่อนเธอต้องเจ็บตัวอีกแน่ อย่าเล่นตุกติกเด็ดขาด”

การ์ดจับใบหน้าของเมธัสไปประจันกับบอสแล้วเปิดผ้าปิดตาออกทันที บอสไม่ได้ขัดขืนอะไรเพียงแต่แสยะยิ้มเหมือนสะใจแล้วจ้องลึกเข้าไปในตาของเมธัส ไม่ถึงครึ่งนาที บอสก็ส่งสัญญานว่าเรียบร้อยแล้ว เมธัสเดินตามก้องฟ้ากลับไปที่หน้าเวทีอย่างเชื่อฟัง ต่างจากอาการขัดขืนที่แสดงออกในตอนแรก

แขกทั้งหมดมองมายังเวทีอย่างตั้งใจ เมธัสเริ่มถอดเสื้อผ้าตัวเองออกทีละชิ้น ยิ่งเหลือน้อยชิ้นลงแค่ไหน เหล่าผู้ชมก็ยิ่งฮือฮาเสียงดังกับความผิวพรรณขาวใสแบบลูกผู้ดี ในที่สุดเมธัสก็สลัดชั้นในชิ้นสุดท้ายออกเผยให้เห็นร่างกายเปลือยเปล่าหมดจดงดงามราวกับรูปปั้นกรีก บรรดาแขกลุกขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทุกอย่างในตัวเมธัสดูพอดีลงตัวไปหมด ใบหน้าหล่อเหลาแต่แฝงความอ่อนโยนไม่แข็งกร้าวจนเกินไป ผิวขาวเนียนที่ไม่ปรากฏไฝฝ้าราคีแม้แต่น้อย หัวนมสีชมพูตั้งชูได้รูปน่าลิ้มลอง ลอนกล้ามเนื้อแบบผู้ชายก็มีแค่พอเหมาะไม่มากหรือน้อยจนเกินไป ท่อนลำขนาดแค่มาตรฐานชายไทยไม่ใหญ่โตอย่างเด็กยุคใหม่แต่ก็น่ามองด้วยความขาวใสอมชมพูมีร่องรอยการถูกใช้งานมาไม่มาก

เหล่าผู้ชมซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ชื่นชอบในสรีระของผู้ชายเห็นแล้วถึงกับอ้าปากค้างไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตา เมธัสหมุนตัวเพื่อเปิดโอกาสให้คนดูได้ให้บั้นท้ายแน่นได้รูปแต่งอนเล็กน้อยอย่างมีเสน่ห์ทำเอาทุกคนในห้องเกือบลืมหายใจ หลายคนคิดว่า ลำพังเมธัสเพียงคนเดียว เขาก็แทบจะตกลงกับข้อเสนอของก้องฟ้าซะเดี๋ยวนี้ ดาราชื่อดังอะไรก็ไม่น่าจะมีเสน่ห์เท่านี้อีกแล้ว เมธัสเริ่มสาวท่อนลำอย่างช้าๆ ให้คนในห้องเห็นส่วนหัวแดงสวยวาวใสผลุบโผล่ในอุ้งมือสะท้อนแสงไฟอย่างถนัดตา แขกรับเชิญเริ่มเชื่อมั่นในข้อเสนอของก้องฟ้า พวกเขาจินตนาการซึ่งเป้าหมายทางเพศที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะเป็นไปได้ต่อให้ตนมีอำนาจแค่ไหน

ก้องฟ้าเห็นแผนการเรียกความเชื่อมั่นของตนไปได้ด้วยดีก็ยิ้มย่องอยู่ในใจ ไม่เสียแรงที่ลงทุนเสียสละหลานชายไปเป็นอาหารตาให้คนเหล่านี้ดู เขาไม่ได้เกลียดชังเมธัสขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกสนิทสนมเหมือนตอนเด็กๆ ออกจะหมั่นไส้ด้วยซ้ำที่พี่ชายมอบตำแหน่งผู้สั่งการของสมาพันธ์ให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างนี้ อีกอย่างการเอาตัวผู้สั่งการมาทำอย่างนี้ มันเป็นการสั่นคลอนอำนาจของสมาพันธ์และตระกูลหลักอย่างรุนแรงซึ่งจะเป็นประโยชน์กับเขาในที่สุด

ก้องฟ้าสั่งให้เมธัสหยุดมือที่กำลังช่วยตัวเองอยู่ท่ามกลางความเสียดายของคนในห้อง แล้วก็ให้ไปยืนโพสต์ท่าประสานมือไว้หลังศีรษะพร้อมแอ่นเครื่องเพศที่ชูชันค้างไว้ข้างหน้ายืนนิ่งค้างอยู่ข้างๆ ตัวเอง  เขาตั้งใจสั่งอย่างนี้เพื่อดึงดูดสายตาและความสนใจของผู้ชมให้มองมาทางเขาตลอดเวลา

“อย่างที่เห็นครับ ผมค้นพบวิธีบางอย่างที่ทำให้เราสามารถบังคับใครก็ได้ให้ตกเป็นของเล่นทางเพศได้อย่างง่ายดาย ผมจะขอใช้มันในการตอบแทนทุกท่านที่จะให้ความร่วมมือกับผมต่อไปอย่างเต็มที่”

“ผมยังไม่เชื่อ เขาเป็นหลานของคุณ คุณอาจจะเตี้ยมกันมาก็ได้ ผมอยากพิสูจน์ให้มากกว่านี้ คุณน่าจะอมของๆ หลานคุณให้เห็นกันไปเลย ถ้าเขายังมีสติอยู่ เขาต้องขัดขืนให้เห็นแน่ กล้าลองหรือเปล่า”

ก้องฟ้ามองไปที่หลานชายรูปหล่อที่ยืนเปลือยกายอยู่ ทำไมจะไม่ล่ะ เขาเองก็ไม่รังเกียจของแบบนี้ เขาเดินไปหยุดตรงหน้าเมธัสที่ยังยืนนิ่งโพสต์ท่าตามคำสั่ง ก้องฟ้าโน้นตัวไปใกล้ๆ ช่วงล่างของเมธัสจนได้กลิ่นเฉพาะตัวตรงนั้นของชายหนุ่มแต่แล้วก็เปลี่ยนใจเดินกลับไปยืนที่เดิม

“ผมไม่มีความจำเป็นต้องทำอะไรอย่างนั้น คุณจะไม่เชื่อก็ตามใจ”

ก้องฟ้านึกแปลกใจตัวเองที่ไม่ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก แต่ภาพใบหน้าตอนเด็กของเมธัสที่ลอยขึ้นมาทำให้เขารู้สึกไม่อยากเกินเลยกับหลานชายไปมากกว่านี้

“ผมขอถอนตัว คุณใช้วิธีอะไรมาบังคับผมไม่รู้ ต่อให้ไม่รู้สึกตัว แต่การกระทำอย่างนี้มันจะต่างอะไรกับโจรมอมยาข่มขืน โกลคลับก็เหมือนกัน ผมข้องใจมาซักพักแล้วกับเด็กหนุ่มที่คุณส่งมาให้ช่วงหลังๆ บางคนเหมือนถูกล่อลวงมา บางคนมีสภาพเหมือนโดนทำร้ายมาด้วยซ้ำ ตกลงภาพสวยหรูที่คุณบอกว่าเราช่วยปลดหนี้ให้กับคนที่บังเอิญพลาดพลั้งเรื่องพนันบอลไปนี่มันจริงหรือเปล่า”

ชายวัยต้นห้าสิบท่าทางมีสง่าราศีลุกขึ้นถามอย่างไม่เกรงใจ ก้องฟ้ามีสีหน้าลังเลเล็กน้อยขณะตอบ

“ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นนะครับ ผมกำชับให้ลูกน้องดูแลเรื่องนี้อย่างดีในทุกสาขา ยังไงผมจะตรวจสอบให้”

“จริงๆ ผมก็สงสัยเหมือนกัน เครือข่ายนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่คุณก็สามารถหาเด็กมาป้อนได้ตลอดโดยคุณภาพไม่ตกเลย หนุ่มหล่อที่พลั้งพลาดติดพนันบอลมันจะมีเยอะขนาดนี้เลยเหรอ”

คนในห้องประชุมเริ่มถกเถียงกันเอง บางคนก็กังวลว่าการกระทำที่ก้องฟ้าเสนอมันเป็นการบังคับขืนใจโดยไม่ยินยอมหรือไม่ บางคนบอกว่าในเมื่อเจ้าตัวไม่รู้สึกตัวแถมยังจำอะไรไม่ได้ ก็ไม่น่าจะผิดอะไร บางคนถึงรู้ว่าผิด แต่ข้อเสนอที่ได้รับมันเย้ายวนเกินกว่าจะห้ามใจจนต้องออกปากสนับสนุน

“เอาเป็นว่าผมจะไม่มาโต้เถียงตรงนี้แล้วกัน ใครที่อยากอัพเกรดความร่วมมือกับผมแล้วได้รับรางวัลงามๆ ระดับเดียวกับหลานชายผมก็รออยู่ที่นี่ ใครไม่เห็นด้วยก็เชิญถอนตัวออกไป”

ก้องฟ้าตัดบทแล้วเร่งรัดให้คนทั้งห้องอยู่ในสภาวะที่ต้องตัดสินใจ มีชายคนหนึ่งลุกออกไปโดยไม่พูดอะไร หลังจากนั้นก็มีคนทะยอยตามออกไปเรื่อยๆ จนจบที่คนสุดท้ายที่ดูสองจิตสองใจแต่ก็ตัดใจลุกขึ้นในที่สุด

ก้องฟ้าลอบยิ้มอย่างพอใจ ผู้สนับสนุนลุกออกไปไม่น้อย แต่ก็ยังเหลือคนที่ต้องการสนับสนุนเขาเต็มตัวมากกว่าที่คิด เรียกว่าเกินพอสำหรับแผนการต่อไปของเขาเลยทีเดียว นี่ยังไม่นับว่า เขาสามารถต่อยอดพลังของบอสและอำนาจของคนเหล่านี้เพื่อหาผู้สนับสนุนรายใหม่ๆ ที่มีอำนาจสูงขึ้นไปได้อีก การตัดใจเอาเมธัสมาใช้เป็นสินค้าตัวอย่างนี่มันได้ผลดีจริงๆ ถึงจะรู้สึกผิดอยู่บ้างกับหลานชายที่อุตส่าห์มาเข้าพวกพร้อมด้วยข้อเสนอดีๆ อย่างพลังอำนาจของบอส แต่ก็นั่นแหละ ใครจะรู้ว่าถ้าถึงเวลาที่ต้องทำลายสมาพันธ์และอำนาจของตระกูลหลักจริงๆ เมธัสจะไม่เปลี่ยนใจกลับไปเข้ากับพ่อตัวเอง สู้เอามาใช้ประโยชน์ให้เต็มที่ตั้งแต่ต้นดีกว่า

การ์ดหลายคนช่วยกันไปปิดล็อคประตูทางออกทุกด้านจนแน่นหนา ก้องฟ้าขมวดคิ้ว เขายังไม่ได้สั่งอะไรออกไป อย่างนี้ถ้ามีคนเปลี่ยนใจย้อนกลับมาก็เข้าไม่ได้กันพอดี เขาหันไปมองด้านข้างเพื่อจะสั่งลูกน้องให้ไปเปิดประตูแต่ไม่เจอใคร ทันใดนั้น ไฟในห้องก็มือลง เครื่องแอลซีดีที่ติดตั้งอยู่ในห้องฉายภาพวิดีโอมาที่ฉากบนเวทีทันที

ก้องฟ้าร้องออกมาเบาๆ ด้วยความแปลกใจ คนในห้องพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้น ต่างเข้าใจว่าเป็นเซอร์ไพรส์ที่ก้องฟ้าเตรียมไว้ สิ่งที่ฉายขึ้นบนเวทีเป็นภาพคลิปวิดีโอของเด็กหนุ่มหน้าตาดีกำลังถูกรุมทำร้ายโดยกลุ่มคนที่แต่งตัวเหมือนการ์ดของโกลคลับ ภาพตัดไปเป็นคลิปที่เด็กหนุ่มอีกคนถูกรุมข่มขืนอย่างสนุกสนานจากการ์ดอีกกลุ่มหนึ่ง ความรุนแรงวิปริตที่คนในคลิปถูกกระทำชวนให้รู้สึกคลื่นไส้ทั้งๆ ที่หลายคนในห้องก็มีรสนิยมพิศดารอยู่ไม่น้อย คลิปสัมภาษณ์ต่างๆ ถูกฉายขึ้นทำให้ปะติดปะต่อได้ว่าสาขาต่างๆ ของโกลคลับ ใช้วิธีหลอกล่อให้คนติดพนันอย่างไร พอใช้หนี้คืนด้วยการรับข้อเสนอของโกลคลับแล้ว  คนเหล่านี้ยังถูกเอาไปหาประโยชน์ต่อเนื่องจากสาขาและพวกการ์ดจนแทบเสียอนาคต

“ไม่จริง”

ก้องฟ้าเบิกตากว้างมองหลักฐานที่ฉายอยู่ตรงหน้า เขาจำหน้าคนในคลิปได้หลายคน มีทั้งเจ้าของสาขาต่างๆ รวมไปถึงบรรดาพวกการ์ด แม้แต่คนสนิทของเขาเองก็ถือโอกาสเอาเด็กหนุ่มที่ถูกคุมตัวอยู่ไปหาความสำราญส่วนตัวกันในหมู่เพื่อนฝูง รวมไปถึงเอาไปให้บริการลูกค้าที่มีรสนิยมวิปริตแลกกับเงินก้อนโตเข้ากระเป๋าตัวเอง

“เรื่องพวกนี้อารู้หมดแล้วไม่ใช่เหรอครับ”

เมธัสที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วพูดขึ้นเบาๆ แต่ก็ทำให้ก้องฟ้าสะดุ้งจนเสียฟอร์ม

“มอมแมม แกหลุดจากการสะกดจิตได้ยังไง”

“เปล่าครับ ผมไม่ได้ถูกสะกดจิตตั้งแต่แรกแล้ว ทุกอย่างเป็นการแสดง”

“แกจะบอกว่าการสะกดจิตของบอสเป็นเรื่องหลอกลวงงั้นเหรอ”

“พลังสะกดจิตของพี่บอสเป็นของจริงครับ เพียงแต่เขาเอาไปใช้กับคนอื่นไม่ใช่กับผม”

ก้องฟ้าเพิ่งสังเกตว่ามีลูกน้องคนสนิทและการ์ดหลายคนของเขาแก้ผ้าออกจนเหลือตัวล่อนจ้อน แถมตอนนี้กำลังสาวท่อนลำตัวเองอย่างเมามัน

“คนไหนที่โดนสะกดจิตให้เป็นทาสแล้ว พี่บอสจะสั่งให้ถอดเสื้อผ้าออก จะได้จำได้ง่ายๆ”

เมธัสอธิบาย ก้องฟ้ากวาดตาไปทั่วห้องและพบว่าการ์ดเกือบทั้งหมดถอดเสื้อผ้าออกมาแล้ว เหลือเพียงกลุ่มเล็กๆ กลุ่มเดียวแต่ก็กำลังปลดกระดุมเสื้อตัวเองอยู่ เขาไม่เข้าใจว่าพลาดท่าเรื่องบอสไปตั้งแต่ตอนไหน เขาทำทุกอย่างด้วยความระวังตามที่เมธัสบอก ไม่มีทางที่บอสจะมีโอกาสใช้สายตาหรือเสียงดีดนิ้วสะกดจิตคนของเขาได้  หรือจริงๆ คนที่เขาพลาดท่าให้จะไม่ใช่บอส แต่เป็นหลานชายจอมเจ้าเล่ห์ของเขาเอง

เมธัสมองมาที่อาของตัวเองแล้วยิ้มแผล่

“โทษทีครับ ที่ผมบอกว่าต้องระวังสายตากับเสียงดีดนิ้วของพี่บอส ผมอาจจะไม่ได้บอกละเอียดพอ อาลองคิดดูสิครับว่า แค่เสียงดีดนิ้วยังมีอำนาจขนาดนั้น แล้วเสียงพูดล่ะจะสามารถสะกดจิตได้ขนาดไหน คนทั้งหมดที่อาให้มาคุมตัวพี่บอสถูกสะกดให้เป็นทาสตั้งแต่วันแรกแล้ว ทางสะดวกมาก ผมกับพี่โป๊ปยังเอาขนมไปฝากแล้วนั่งคุยเล่นกับพี่บอสจนดึกเลย แต่ก็ไปหาบ่อยไม่ได้หรอก ผมกับพี่โป๊ปถูกชมรมการแสดงติวเข้มอยู่ สำหรับอาโดยเฉพาะเลยนะครับ ผมว่าพี่เขาไม่ค่อยมีพรสวรรค์ทางนี้เท่าไหร่ สู้ผมก็ไม่ได้ แต่พี่โป๊ปเอาจริงเอาจังมาก ซ้อมหนักจนอดนอนเลย ไหนจะต้องเตรียมการเพื่อจัดการกับผู้สนับสนุนของอาอีก”

แขกที่ยังเหลืออยู่ท่าทางเลิกลั่กกับสถานการณ์ที่เผชิญหน้าอยู่ หลายคนอยากลุกหนีออกไปจากห้องแต่ถูกการ์ดที่ยืนแก้ผ้าล่อนจ้อนร่างกายบึกบึนหลายคนคุมเชิงไว้ บอสกับโป๊ปเดินออกมาจากด้านหลังเวที มีการ์ดในชุดวันเกิดคอยอำนวยความสะดวกให้ ก้องฟ้าจับตามองอย่างไม่ไว้วางใจแต่ก็ไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม เขาไม่กล้าสบตาบอสด้วยซ้ำเพราะเกรงว่าจะถูกสะกดจิตเข้าให้ บอสไม่สนใจก้องฟ้าแม้แต่น้อย เขาหันหน้าไปทางแขกที่ยังเหลืออยู่กว่าค่อนห้องแล้วรับไมค์ที่การ์ดส่งให้มาพูดกับแขกในห้องทันที

“ผมจะไม่อ้อมค้อม ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ผมถือว่าเป็นคนที่มีระดับศีลธรรมต่ำเตี้ยเรี่ยดินที่คิดจะหาความสุขใส่ตัวบนความทุกข์ของผู้อื่น ก่อนอื่น ผมขอมอบบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ให้เป็นของขวัญส่งตรงถึงมือถือทุกคน ลองเปิดดูกันได้เลย”

สิ้นเสียงของบอส โทรศัพท์มือถือของแต่ละคนก็มีสัญญาณเตือนดังขึ้น หลายคนหยิบขึ้นมาดูอย่างสงสัย เมื่อพบว่าเป็นคลิปวิดีโอเข้ามา ก็เปิดดูอย่างเคยชินแล้วก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น

“ไม่จริง”

หนึ่งในนั้นตกใจจนหน้ามืดเมื่อเห็นลูกชายสุดที่รักที่เรียนหนังสืออยู่ต่างประเทศกำลังช่วยตัวเองด้วยแววตาเหม่อลอยอยู่ในคลิปที่ได้รับ คนอื่นๆ ในห้องก็ไม่ต่างกัน ล้วนแต่ได้รับคลิปของคนที่ตัวเองรักกระทำการน่าอายต่างๆ นาๆ ด้วยท่าทางที่เหมือนไม่รู้สึกตัว ส่วนใหญ่ก็เป็นลูก แต่ของบางคนก็เป็นน้องชาย หลานชาย หรือแม้แต่คนรัก ความตกใจเริ่มเปลี่ยนไปเป็นความโกรธ

“ลูกชายผมเกี่ยวอะไรด้วย ทำไมต้องทำกับเขาแบบนี้ เขาเพิ่งอายุสิบหกเท่านั้นแล้วก็เป็นเด็กดีจริงๆ แกมันเลวสิ้นดี”

“ใช่ น้องชายของผมก็เหมือนกัน ไม่สมควรต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เขาทำงานรับใช้ชาติเสียสละขนาดไหนรู้ไหม”

“เด็กที่ผมส่งเรียนอยู่ก็ด้วย ลำพังชีวิตเขาก็ลำบากอยู่แล้ว ไม่มีหัวใจ”

รายหลังนี้พูดถึงคนรักลับๆ รุ่นลูกที่แอบส่งเสียอยู่

เสียงในห้องดังเซ็งแซ่ไปด้วยความโกรธแค้น บอสไม่ใส่ใจอะไร เขาเพียงแค่ย้อนถามกลับไป

“พอเป็นคนที่พวกคุณรักก็คิดแบบนี้กันใช่ไหม ไหนว่าถ้าไม่รู้สึกตัวและจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ก็ไม่เป็นไรไง แล้วคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวที่พวกคุณตั้งใจจะร่วมมือกับดอกเตอร์ก้องฟ้าเอาตัวมาปรนเปรอทางเพศให้ตัวเองล่ะ เขาผิดอะไร ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย เขาก็เป็นลูก เป็นน้อง เป็นที่รักของคนอื่นเหมือนกัน”

คนทั้งห้องนิ่งเงียบเมื่อถูกย้อนเข้าอย่างจัง

“โกลคลับที่พวกคุณสนับสนุนยิ่งเลวร้าย คงเห็นจากในคลิปหลักฐานที่ผมฉายให้ดูแล้ว เด็กหนุ่มที่คุณฉกฉวยประโยชน์ทางเพศจากเขาส่วนใหญ่ถูกล่อลวงให้ตกเป็นหนี้พนันบอล แถมหลังจากไปใช้หนี้กับพวกคุณแล้วบางคนก็ยังไม่พ้นวงจรอุบาท การเป็นคนเสพติดการพนัน ต้องไปขายตัว หรือหาทางออกไม่ได้จนติดยา เสียอนาคตไปก็หลายคน พวกคุณพอใจกับความคิดตื้นเขินที่ว่าสิ่งที่คุณทำเป็นการช่วยเหลือคนเดือดร้อน มันไม่ต่างอะไรกับคนโง่ๆ ที่ไปซื้อนกมาปล่อยทำบุญหรอก ยิ่งคุณปล่อยมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งไปไล่จับนกมาขังเพิ่ม มีนกบาดเจ็บหรือตายระหว่างทางอีกล่ะ เรื่องนี้คนระดับพวกคุณมีหรือจะไม่เฉลียวใจ แค่ถามเด็กพวกนั้นซักคำก็คงได้คำตอบแล้ว แต่คุณก็ปล่อยผ่าน หลับหูหลับตาเชื่อ เพราะไม่อยากเสียแหล่งสนองตัณหานี้ไปใช่ไหม”

หลายคนในห้องถึงกับสะอึกเมื่อถูกพูดแทงใจดำ

“ผมจะยังไม่ตัดสินโทษพวกคุณสำหรับความผิดที่ผ่านมา คุณอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการจริงๆ ก็ได้ แต่การที่คุณตกลงร่วมมือกับดอกเตอร์ก้องฟ้าในวันนี้แสดงให้เห็นว่าพวกคุณขาดซึ่งคุณธรรมสำหรับคนระดับผู้นำบ้านเมือง จำไว้ว่าหลังจากนี้คุณจะถูกจับตามองอย่างเข้มงวด ถ้ามีการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมอีก พวกคุณจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอย่างนี้อีก เชิญออกไปได้แล้ว จำไว้ว่าผมจับตาพวกคุณอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นแค่การขู่  บทลงโทษจะเลวร้ายกว่านี้อีกมาก”

บอสดีดนิ้วขึ้นครั้งนึง คนในห้องก็ทะยอยเดินออกไปอย่างไม่รู้สึกตัว เขากำหนดให้คนทั้งหมดจำได้เฉพาะในสิ่งที่ควรจำ คลิปในโทรศัพท์ของแต่ละคนถูกลบโดยอัตโนมัติโดยฝีมือของโป๊ป ที่พวกเขายอมเอาตัวเข้าไปเสี่ยงก็เพื่อต้องการแยกคนดีออกมาจากกลุ่มคนเหล่านี้ คนที่ปฏิเสธความร่วมมือกับก้องฟ้าและกลับไปก่อนหน้านี้ จะได้รับการติดต่อในภายหลังเพื่อเชิญให้เข้ามาเป็นสมาชิกขององค์กร นี่เท่ากับเป็นการสลายฐานอำนาจของโกลคลับแล้วเอามาเพิ่มให้องค์กรแทน ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 36] บทลงทัณฑ์ของผู้เดินทางผิด 30/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 30-04-2016 14:52:34

ก้องฟ้านั่งจมอยู่กับความคิดตัวเองตรงมุมห้อง ทุกอย่างมันผิดพลาดไปหมด ขนาดโกลคลับที่เขามั่นใจ ก็ยังมีสิ่งที่ไม่คาดคิดซ่อนอยู่ ก้องฟ้าไม่ได้เป็นคนเลวบริสุทธิ์โดยสันดาน เขาอาจไม่แคร์กับวิธีการนัก แต่ก็ไม่ได้อยากทำร้ายใครมากขนาดนี้ เมธัสเดินมานั่งข้างๆ อาของตัวเองแล้วเริ่มบทสนทนา

“เด็กพวกนั้นน่าสงสารมากเลยนะครับ บางคนยังจมปลักกับการพนันและการขายตัว คนที่หลุดพ้นไปได้ก็เหมือนมีฝันร้ายติดตัวไปตลอด อาไม่น่าสร้างโกลคลับขึ้นมาเลย”

“ชั้นไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ ชั้นรู้ว่าเรื่องจริงมันคงไม่โลกสวยขนาดที่ชั้นบอกพวกผู้สนับสนุนไป แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายแบบนี้ ชั้นมีแนวทางที่ชัดเจนให้กับเจ้าของสาขาและพวกการ์ดไป พวกมันเกรงกลัวอำนาจของชั้นมาก ไม่คิดว่ามันจะกล้าทำเกินเลยกว่าที่สั่ง”

ก้องฟ้าขยายโกลคลับได้อย่างรวดเร็วเพราะใช้วิธีเหมือนการเปิดเฟรนช์ชายด์ เขาหาพวกผู้มีอิทธิพลในพื้นที่มาเป็นเจ้าของสาขา พวกการ์ดก็รวบรวมมาจากพวกนักเลง อันธพาล แมงดา มาเฟีย ตามแต่จะหาได้ ไม่ได้คัดกรองอะไรกันมากเพราะเขามั่นใจว่าควบคุมอยู่

“อาเอาคนแบบนี้มาใช้มันเสี่ยงมาก ความคิดของพวกเขามีแต่จะหาประโยชน์เข้าตัวและไม่สนใจหลักการหรือศีลธรรมใดๆ ทั้งสิ้น ยิ่งระบบของอามันขาดการตรวจสอบด้วยแล้วความผิดพลาดก็ยิ่งรุนแรง”

“แต่ชั้นก็เอาวิธีการของสมาพันธ์มาใช้นะ สมาพันธ์ยังอยู่มาได้เป็นร้อยปีเลย”

“สมาพันธ์มันมีความสัมพันธ์เชื่อใจอันยาวนานของแต่ละตระกูลมาค้ำจุนไว้นะสิครับ แต่สมัยนี้เรื่องนั้นก็อ่อนแอลงไปมาก
การขาดระบบตรวจสอบที่ดีก็ทำให้สมาพันธ์มีปัญหามากขึ้นทุกที คุณพ่อถึงไม่อยากขยายบทบาทและเป้าหมายของสมาพันธ์ไปมากกว่านี้ ไม่งั้นสมาพันธ์อาจจะตกอยู่ในสภาพเดียวกับโกลคลับไปแล้ว”

ก้องฟ้านึกถึงความเห็นแย้งในเรื่องการบริหารสมาพันธ์ที่เขามีกับพี่ชายเมื่อหลายปีก่อน ไม่น่าเชื่อว่าเขาเพิ่งจะมาเข้าใจเหตุผลจริงๆ ของพี่ชายก็วันนี้เอง ในตอนนั้นเขาพยายามจะครอบงำสมาพันธ์จนพี่ชายต้องใช้อำนาจให้เขายุติบทบาทในสมาพันธ์ลงเป็นเหตุให้เข้าหน้ากันไม่ติดจนทุกวันนี้

“แกตั้งใจหลอกชั้น ชั้นก็โง่ให้โดนหลอกได้นะเจ้ามอมแมม เจ้าแผนการเหมือนพี่ชายชั้นไม่มีผิด แต่เอาเถอะ ชั้นเองก็ใช่ว่าจะดี ขอโทษด้วยที่บีบให้ต้องทำเรื่องน่าอายลงไป”

เมธัสยิ้มแปลกๆ

“ก็ไม่ได้แย่หรอกครับ จะมีซักกี่คนที่ได้โชว์คนใหญ่คนโตบนเวทีอย่างนี้”

ก้องฟ้าสะกิดใจเล็กน้อย ทำไมหลานเขาถึงได้พูดเหมือนกับเป็นเรื่องสนุกกันนะ

“ถึงเวลาตัดสินโทษของคุณแล้วครับ คุณก้องฟ้า”

บอสและโป๊ปเข้ามาตัดบทสนทนาระหว่างอาหลาน ก้องฟ้ามองหน้าคนทั้งคู่ด้วยความไม่เข้าใจ

“พลังอำนาจขนาดนี้ จะครองโลกก็ยังได้ ทำไมพวกคุณถึงได้มามัวทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างที่องค์กรทำ”

“ก็ผมไม่ได้อยากครองโลกนี่ ผมแค่อยากให้ทุกคนดีขึ้น สังคมดีขึ้น ทีละนิดก็ยังดี แต่มันต้องไม่ไปทำให้คนอื่นเดือดร้อน หรือแก้ปัญหาหนึ่งแต่ไปสร้างอีกปัญหาหนึ่ง ผมถึงทำแค่เล็กๆ เท่าที่ผมมั่นใจว่าคุมทุกอย่างได้อยู่ เพราะถ้าขยายเร็วไป มันก็อาจจะลงเอยเหมือนโกลคลับ คุณว่าคุณควรจะได้รับโทษจากความหละหลวมอันนี้แค่ไหนล่ะครับ ดอกเตอร์ก้องฟ้า”

บอสตอบกลับ

เมธัสมีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที ถึงก้องฟ้าจะเลือกเดินทางผิดและทำเรื่องที่ร้ายกาจขนาดนี้ลงไป แต่ด้วยความเป็นญาติที่เคยสนิทกันตอนเขายังเป็นเด็ก เมธัสก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี เขาตัดสินใจที่จะลองขอร้องบอสดูถึงแม้จะรู้ว่าความหวังมันริบหรี่ก็ตามที เขาเหลือบตามองอาของเขาที่ยืนหน้านิ่งเหมือนไม่หวาดหวั่นกับเรื่องที่จะเกิดขึ้น แล้วพูดขอร้องแทนผู้กระทำผิดเพราะรู้ดีว่าคนที่หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีอย่างก้องฟ้าคงไม่ยอมก้มหัวให้ใครแน่

“พี่บอสพอจะช่วยอาก้องฟ้าได้ไหมครับ ถือว่าผมขอร้อง เรื่องจะชดเชยคนที่เสียหายผมเชื่อว่าอาก้องฟ้ายินดีใช้เงินส่วนตัวออกให้ทั้งหมดตามที่องค์กรจะเห็นสมควร แต่อย่าเอาอาผมไปขายเป็นทาสได้ไหมครับ ผมสงสารอา สงสารคุณพ่อด้วยถ้าท่านต้องมาได้ยินข่าวไม่ดีของน้องชาย”

เมธัสกล่าวออกไปด้วยความหวั่นใจ จากที่รู้เรื่ององค์กรมาในระดับหนึ่ง โทษของก้องฟ้าคงถูกขายเป็นทาสแน่ๆ ท่าทางจะเป็นทาสระดับสามด้วยถ้าดูจากจำนวนคนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอาของเขา เขานึกไปถึงชะตากรรมของทาสระดับนี้ที่เคยได้รับรู้มา เกือบทั้งหมดจะถูกเจ้าของสั่งให้ไปทำอนาจารในที่สาธารณะ อย่างดาราหนุ่มนิคที่ถูกสั่งไปแก้ผ้าชักว่าวบนเวทีคอนเสิร์ตของนักร้องสาวใหญ่ท่ามกลางสายตาผู้ชมหลายพันคนนั่นก็ตัวอย่างหนึ่ง หล่อเหลาไฮโซมีชื่อเสียงอย่างอาเขาคงได้พาดหัวขึ้นหน้าหนึ่งอยู่หลายวันแน่ๆ

“นายจะขอร้องยังไง พี่ก็ปล่อยไปไม่ได้หรอก พี่เองก็มีหลักการของพี่ ถ้าพี่ยอมที่เราขอเพราะเห็นแก่ที่รู้จักสนิทสนมกัน หรือถ้ามอมคิดจะช่วยคนที่ทำความผิดเพียงเพราะเป็นญาติกัน มันจะไปต่างอะไรกับระบบเส้นสายในสังคมอุปถัมภ์ที่รั้งความเจริญของประเทศชาติมาหลายสิบปีล่ะ แค่เอาเงินฟาดหัวชดเชยความผิดแล้วเรื่องก็จบไป พี่ยอมไม่ได้ และหวังว่าเราจะไม่ต้องคุยกันเรื่องนี้อีก”

บอสตัดบทอย่างเย็นชา พอเห็นเบอร์ศูนย์ขององค์กรเอาจริง เมธัสออกจะขยาดเหมือนกัน แต่เขาก็พยายามเจรจาต่อ

“ให้อาก้องฟ้าชดเชยความอย่างอื่นร่วมด้วยก็ได้ครับ แบบไปช่วยงานสาธารณะงานบริการสังคมหรืออะไรทำนองนั้น ขอแค่ไม่ต้องไปเป็นทาสก็พอ ขอร้องเถอะครับพี่บอส”

“งานจิ๊บจ๊อยหมวด “C” แบบนั้นมันจะสาสมความผิดได้ยังไง คนเดือดร้อนเพราะการกระทำของเขาตั้งเท่าไหร่ อย่างน้อย เขาต้องถูกขายไปเป็นทาสและโดนสั่งให้ขายหน้าทั่วประเทศ เหมือนอย่างที่นิคเคยโดน ทีเขายังสั่งให้นายที่เป็นหลานชายแก้ผ้าต่อหน้าคนตั้งแยะโดยไม่เห็นรู้สึกอะไร”

บอสยังยืนยันความคิดเดิม เมธัสมองหน้าบอสแล้วกลับไปมองหน้าก้องฟ้าอย่างหมดหวัง

“แต่....” เมธัสยังไม่ทันจะได้ขึ้นประโยคก็ถูกอาหนุ่มตัดบททันที

“พอได้แล้วเจ้ามอม เรื่องของชั้น ชั้นจัดการได้เอง คนในตระกูลของเราไม่จำเป็นต้องไปก้มหัวขอร้องใคร”

ก้องฟ้าที่ประติดประต่อเรื่องราวอยู่ซักพักจนเข้าใจและเข้ามายุติการเจรจาที่เริ่มจะยืดเยื้อ เขาหันไปพูดกับบอสและโป๊ปอย่างหยิ่งทะนง

“สิ่งที่ผมทำกับพวกคุณผมจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้นเพราะพวกคุณจงใจวางแผนนี้ขึ้นมาเพื่อล่อให้ผมตกหลุมเอง ผมขอยืนยันไว้ตรงนี้ ว่าองค์กรของคุณไม่มีทางทำเรื่องใหญ่ได้สำเร็จหรอกถ้ายังยึดติดกับวิธีการ คุณก็จะทำได้แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปเรื่อยๆ จนหมดแรงในที่สุด พวกคุณไร้เดียงสาเกินไปกับโลกของผู้ใหญ่”

บอสไม่อยากยอมรับ แต่สิ่งที่ก้องฟ้าพูดก็มีส่วนจริง เขาไม่ตอบอะไรจนก้องฟ้าเริ่มพูดต่อ

“ส่วนเรื่องโกลคลับ ผมก็ไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ผมทำเป็นสิ่งผิด มันก็เหมือนการพนันทั่วไปนั่นแหละ ในประเทศที่เจริญแล้วเป็นสิ่งถูกกฎหมายด้วยซ้ำ ผมพลาดไปนิดเดียวตรงที่คุมลูกน้องไม่ดีจนพวกมันไปทำเรื่องที่เกินเลยไปแค่นั้น แต่เอาเถอะ ในเมื่อวันนี้อำนาจอยู่ในมือพวกคุณ เล่นตามเกมของพวกคุณก็ได้ ผมจะชดใช้ความเสียหายทั้งหมดให้กับคนที่ถูกล่อลวงให้มาเล่นพนันหรือถูกบังคับเก็บหนี้ด้วยความรุนแรง แต่คนที่เสียพนันปกติจะแค่เอาเงินของโต๊ะบอลที่เหลือเฉลี่ยคืนให้ ได้แค่ไหนก็แค่นั้นเพราะพวกนั้นมันเล่นของมันเอง”

“ก็ฟังดูมีเหตุผลดี แต่ความผิดของคุณล่ะ” บอสตอบ

“ผมต้องโดนประจานให้ฉาวโฉ่เหมือนดาราคนนั้นใช่ไหม ได้ มีข้อแม้ว่าผมจะทำเอง อย่ามาสะกดจิตผม ผมไม่ชอบถูกใครบงการ ถ้าผมจะต้องอับอายขายหน้าคนทั้งโลกผมขอทำมันด้วยตัวเอง”

“ดี ขอให้ทำได้อย่างที่พูดแล้วกัน คุณจัดการเอาเองว่าแค่ไหนถึงจะสาสมกับความผิด”

บอสตอบตกลง อะไรบางอย่างทำให้เขาเชื่อว่าคนตรงหน้าจะรักษาคำพูดตัวเอง

“อาครับ ถ้าอย่างงั้นผมว่ายอมเป็นทาสไปน่าจะแก้ข่าวทีหลังได้ง่ายกว่านะครับ ถ้าได้เจ้านายใจดีอาจจะโดนโชว์แค่ครั้งเดียว”

เมธัสส่งเสียงคัดค้านขึ้นมา

“เงียบ เจ้ามอม คนอย่างชั้นจะเป็นทาสใครได้ยังไง นี่คุณบอส ผมตกลงตามนั้น เรื่องมูลค่าความเสียหายคุณประเมินแล้วส่งรายละเอียดมาได้เลย นอกจากตัวเงินแล้ว ผมจะหาทางช่วยเหลือคนพวกนั้นด้วยวิธีอื่นด้วย ส่วนเรื่องการลงโทษขอเวลาหน่อย แล้วคุณจะได้เห็นเอง”

“ได้ ผมจะให้เวลาคุณ คงรู้นะ ทำแค่ครั้งสองครั้งมันไม่พอหรอก แล้วถ้าสิ่งที่ออกมามันไม่สาสมล่ะก็ องค์กรจะจัดการคุณเอง”

บอสทิ้งท้ายไว้ ก้องฟ้ารับคำแล้วเดินออกจากห้องประชุมไป

เมธัสมองตามหลังร่างสูงของอาด้วยความเป็นห่วง คนฉลาดอย่างอาคิดอะไรกันแน่ถึงได้ตกลงไปอย่างนั้น ถ้าคิดจะเล่นตุกติก ไม่มีทางที่จะรอดจากเบอร์ศูนย์กับเบอร์หนึ่งไปได้แน่ๆ แล้วถ้าต้องทำเรื่องที่ว่าบ่อยขนาดนั้น มันไม่มีทางหาข้ออ้างอะไรมาตอบสังคมได้เลย ทาสระดับสามคนอื่นๆ ใช้เหตุผลต่างๆ กันไปมาอธิบายการกระทำของตัวเองเพื่อให้สามารถกลับมามีที่ยืนในสังคมได้เมื่อหมดโทษ เมาเหล้า แก้บน แพ้พนันเพื่อน คึกคะนองแบบวัยรุ่น ไปจนถึงเหตุผลสิ้นคิดอย่างเมายาแก้แพ้ แต่ดอกเตอร์ก้องฟ้าไฮโซคนดังผู้ทรงเกียรติจะใช้ข้ออ้างแบบนั้นได้ยังไงเขาคิดไม่ออกจริงๆ

เมธัสได้แต่หวังว่า ถ้ามีโอกาสที่บอสอารมณ์ดีๆ เมื่อไหร่ เขาจะลองขอร้องดูอีกครั้ง เขาไม่ถึงกับจะผูกพันห่วงใยอาก้องฟ้ามากนัก เล่นร้ายขนาดนั้นนี่ แต่ยังไงก็เป็นญาติกัน ที่สำคัญเขาเป็นห่วงพ่อตัวเองว่าจะรู้สึกยังไง ที่จะต้องมาเห็นน้องชายตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชขนาดนั้น

ขณะที่เมธัสกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ ก็มีเสียงตะโกนเรียกเขาดังขึ้นพร้อมกันหลายเสียง

“พี่เม”

ฟีฟ่า แดน และเด็กชมรมกีฬาสองคนที่มาช่วยสืบเรื่องโกลคลับวิ่งเข้ามารุมล้อมเมธัสไว้ จอมเดินตามมาห่างๆ เด็กพวกนี้ถูกจับตัวไปตอนที่แอบตามโป๊ปมาเพราะไม่รู้แผนที่บอส เมธัส และโป๊ปเตรียมการไว้เพื่อล่อหลอกให้ก้องฟ้าเรียกผู้สนับสนุนตัวเองมารวมตัวกัน เมธัสหรือโป๊ปจะช่วยออกมาเลยก็ไม่ได้เพราะจะเป็นที่ผิดสังเกต บอสที่สามารถสั่งการการ์ดบางส่วนได้แล้วก็ไม่ทราบเรื่องเพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เด็กพวกนี้เลยตกค้างอยู่จบเรื่องโป๊ปถึงได้ไปเอาตัวออกมาและอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟังได้

“พี่เม พวกผมล่ะใจเสียหมดเลย นึกว่าพี่ไปเข้าพวกกับโกลคลับจริงๆ ผมน่ะบอกไอจอมแล้วว่าพี่เมไม่มีทางเป็นคนอย่างนั้นหรอก นี่พวกผมโดนจับไปตั้งสองวันแหน่ะ โดนไอพวกการ์ดมันปู้ยี่ปู้ยำด้วยล่ะ น่าขายหน้าชะมัด”

ฟีฟ่ารายงานเป็นคนแรกตามประสาเด็กพูดมาก เมธัสทักทายสอบถามแล้วก็พบว่าทุกคนโดนการ์ดจับแก้ผ้าถ่ายรูปเพื่อเตรียมเป็นข้อมูลไว้ให้ผู้มีอุปการะคุณของโกลคลับเลือกไปให้บริการ มีถูกการ์ดที่เป็นเกย์ล่วงเกินภายนอกบ้าง เด็กชมรมกีฬาโดนมากหน่อยเพราะเป็นที่สนใจในฐานะที่เป็นเดือนภาคของคณะวิศวะทั้งคู่ สองคนนั้นขัดขืนหนักเลยโดนซ้อมนิดหน่อยแล้วถูกจับมัดทิ้งไว้ทั้งๆ ที่ยังแก้ผ้า แต่นั่นคือแรงสุดแล้วเพราะการ์ดจะไม่กล้าทำอะไรรุนแรงจนทำให้สินค้ามีตำหนิ

“แต่ผมแอบได้ยินพวกการ์ดมันก็คุยกันนะครับว่า ถ้าพวกผมให้บริการผู้มีอุปการะคุณจนหมดแล้ว มันจะแอบเอาตัวออกไปเป็นของเล่นในหมู่เพื่อนฝูงให้หนำใจแล้วค่อยขายหารายได้พิเศษต่อ”

แดนเล่าเรื่องที่ประสบมาให้เมธัสฟังด้วยความสยอง บอสกับโป๊ปก็มาร่วมฟังไปด้วยตั้งแต่ต้น

“ไอพวกการ์ดในโกลคลับนี่ก็ต้องโดนจัดการเหมือนกัน  อย่างนี้ต้องสอบสวนความผิดรายคน แล้วเอาไปลงโทษให้หมด”

โป๊ปชี้ไปที่การ์ดที่ตอนนี้ตกเป็นทาสภายใต้การสะกดจิตของบอสยืนแก้ผ้าเรียงรายรอรับคำสั่งอยู่เป็นสิบๆ คน

“นี่ยังไม่หมดนะ ยังมีพวกที่สาขาต่างๆ อีก จะเอาไปลงโทษยังไงดีเยอะแยะไปหมด กูไม่เอาไปเข้าระบบลงโทษขององค์กรหรอกนะโป๊ป มีแต่ดำๆ ถึกๆ ไม่ก็ขี้ก้าง สักลายพร้อยเป็นตุ๊กแก เสียมาตรฐานของกูหมด”

บอสบ่นพึมพำใส่โป๊ป

“ให้ผมช่วยคิดไหมครับ ผมว่าน่าจะเอาไปใช้งานที่ทั้งเจ็บทั้งอาย แต่มีประโยชน์กับสังคมไปด้วย”

หนึ่งในเด็กชมรมกีฬาเสนอขึ้น ท่าทางจะแค้นการ์ดพวกนี้ไม่เบา

“เฮ้ย ทำอย่างงั้นได้ด้วยเหรอ ดีเหมือนกัน ลองความคิดสร้างสรรค์ของเด็กรุ่นใหม่ดูบ้าง มอมแมม นายเป็นคนควบคุมน้องๆ นะ เอาให้หนักๆ แต่อย่าเกินเลยมูลความผิดไปมาก ว่างๆ พี่จะแวะเข้าไปดู”

บอสเห็นเป็นโอกาสดีที่จะมอบหมายงานขององค์กรให้เมธัสได้ทำบ้าง เขาอยากให้ผู้นำในอนาคตของสมาพันธ์ได้เข้าใจวิธีการแบบตาต่อตาฟันต่อฟันแบบที่องค์กรใช้ว่ามันก็เหมาะสมกับคนบางประเภท ค่อยๆ ให้ซึมซับกันไป เด็กพวกนี้น่าจะเป็นกำลังสำคัญให้องค์กรได้ในอนาคต เขาไม่อยากทำงานนี้กันแค่สองคนกับโป๊ปแล้ว มันเหนื่อยเกินไป ถึงเวลาที่องค์กรจะต้องขยายใหญ่ขึ้นเพื่อจัดการคนไม่ดีที่มีมากขึ้นทุกที

-----------------------------------------------------------------------------------

TBC

ไม่พลิกอะไรแล้วนะครับ สำหรับน้องเม

ช่วงนี้ท็อปฟอร์มครับ ลงถี่หน่อย ได้ Ipad ใหม่มา พอลง Microsoft Word  แล้ว แต่งนิยายสะดวกมาก มีช่วงว่างนิดๆ ก็หยิบขึ้นมาแต่งได้ตลอด
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 36] บทลงทัณฑ์ของผู้เดินทางผิด 30/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: GGamy ที่ 30-04-2016 16:24:36
ว่าจะทักอยู่ทำไมช่วงนี้ลงถี่จัง 555
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 36] บทลงทัณฑ์ของผู้เดินทางผิด 30/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 30-04-2016 21:08:00
ต่อเร็วดี ถูกใจมาก  :pig4:
ว่าแล้วน้องเมของเราต้องไม่ทำให้บอสกับโป๊ปผิดหวัง  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 36] บทลงทัณฑ์ของผู้เดินทางผิด 30/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 30-04-2016 21:45:42
สวยงามม  :katai2-1:
ขอบคุณที่มาต่อจ้า
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 36] บทลงทัณฑ์ของผู้เดินทางผิด 30/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: soul love ที่ 30-04-2016 22:02:52
มันต้องอย่างนี้สิคะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 36] บทลงทัณฑ์ของผู้เดินทางผิด 30/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 01-05-2016 14:47:15
ก้องฟ้าจะทำยังไงนะ  :z2:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 36] บทลงทัณฑ์ของผู้เดินทางผิด 30/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 01-05-2016 20:39:31
องค์กรจะขยายแล้ว :D
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 36] บทลงทัณฑ์ของผู้เดินทางผิด 30/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 01-05-2016 22:35:09
กอดน้องเมแรงๆ น่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 36] บทลงทัณฑ์ของผู้เดินทางผิด 30/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 02-05-2016 20:57:33
เคลียร์ไปอีกเรื่อง
รอดูคุณอาโชว์
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 36] บทลงทัณฑ์ของผู้เดินทางผิด 30/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: Tim2-2 ที่ 04-05-2016 11:17:28
 o18 ชอบจังเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 36] บทลงทัณฑ์ของผู้เดินทางผิด 30/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: rear ที่ 04-05-2016 12:30:07
แอบอยากให้น้องมอมมีคู่อ่ะ > V < (จับคู่กับคุณอาโล้ด /พลั่ก!)  :hao5:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 36] บทลงทัณฑ์ของผู้เดินทางผิด 30/04/16
เริ่มหัวข้อโดย: pultima1 ที่ 06-05-2016 09:44:06
อยากอ่านตอนคุณอาเป็นทาสอ่า
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 37] ดวงใจที่เปราะบาง 07/05/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 07-05-2016 08:39:28
องค์กรลวงจิต Explicit Content
 
บทที่ 37 ดวงใจที่เปราะบาง

[เมธัส]

ชมรมมวยสากลของมหาลัยผมกำลังมีกิจกรรมเชิญชวนให้นักศึกษาที่สนใจมาเรียนมวยไชยาเพื่อใช้ป้องกันตัวเอง มวยไชยาเป็นแขนงหนึ่งของมวยไทยโบราณ ผมว่าหลายคนคงแปลกใจที่ชมรมมวยสากลจะมาสอนมวยไทยอย่างนี้ แต่ถ้าจะเรียนมวยสากลจนมีฟุตเวิร์คแคล่วคล่องและการออกหมัดที่สวยงามขนาดใช้ป้องกันตัวเองได้คงต้องฝึกกันเป็นปีๆ ผู้หญิงและเด็กที่มักเป็นเป้าหมายของการทำร้ายอาจไม่มีเวลาและร่างกายที่แข็งแรงขนาดนั้น

มวยไชยาเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ไม่ได้ถูกตัดทอนด้วยกติกาจากกีฬาเช่นปัจจุบัน เรียกว่าก็ใกล้เคียงกับการจำลองการต่อสู้ในศึกสงคราม เพราะสามารถทำได้เกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะ ต่อยเตะเข่าศอก จับทุ่มหักล็อค ตามซ้ำ จู่โจมจุดอ่อนสำคัญอย่างเช่น ลูกตา กระเดือก กระโปก รูทวาร รวมถึงการกัด เพียงแต่ไม่นิยมทำกันนักด้วยถือว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานจนเกินไป ถ้าฝึกท่วงท่าให้ถูกต้องและชำนาญ ผู้หญิงธรรมดาหรือแม้แต่เด็กก็สามารถล้มผู้ชายตัวใหญ่จนมีเวลาหนีรอดไปได้

น้องเดือนภาคคอมที่ไปร่วมลุยโกลคลับมาด้วยกันเป็นคนเสนอโครงการนี้และอาสาเป็นครูฝึกให้ด้วย ถึงจะอยู่ชมรมมวยสากล แต่บ้านที่สุราษฎร์ก็เป็นสำนักมวยไชยาขนานแท้ที่สืบทอดวิชามาตั้งแต่บรรพบุรุษ พอข่าวแพร่ออกไปก็มีสาวๆ และหนุ่มหน้าหวานมาสมัครกันมากมายเพื่อนอยากใกล้ชิดกับผู้สอน ทางชมรมก็ได้สัมภาษณ์เพื่อคัดคนที่สนใจและมีความจำเป็นต้องใช้ในการป้องกันตัวจริงๆ

นักเรียนรุ่นแรกที่คัดมามีทั้งหญิงสาวที่เคยเกือบตกเป็นเหยื่อการข่มขืน สาวนักกิจกรรมที่บ้านอยู่ในซอยเปลี่ยน ผู้ชายร่างเล็กหน้าหวานที่เคยถึงเพื่อนต่างห้องฉุดไปทั้งๆ ที่เจ้าตัวเป็นชายแท้ เกย์สาวปากร้ายแต่ใจนางฟ้าที่เคยเกือบคู่อริรุมโทรม รุ่นแรกนี่มีแต่พวกความเสี่ยงสูงทั้งนั้น ส่วนคนที่มีความจำเป็นรองลงมาก็ไว้รอรอบต่อไป

การฝึกสอนท่าต่างๆ เป็นไปได้ด้วยดี นักเรียนมีความตั้งใจกันมาก วันนี้พี่บอสเข้ามาดูด้วยว่ากิจกรรมนี้มีการใช้ประโยชน์จากพวกการ์ดที่เป็นนักโทษอย่างไร

“เมื่อวานพวกเราซ้อมท่าดับตะเกียงกันได้ดีมาก วันนี้เราจะฝึกพิเศษเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมใช้งานจริงกันมากขึ้น จำท่างัดหน้าที่เราเรียนไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้ไหม เดี๋ยวจับคู่ซ้อมเพื่อทบทวนท่าให้คล่องกันก่อนนะ”

ครูฝึกรูปหล่อดีกรีเดือนภาควิศวะคอมพ์กำลังสอนอย่างตั้งใจ พี่บอสกับผมยืนดูอยู่ด้านหลังห้องฝึก ท่าต่างๆ ที่เลือกมาสอนจะเน้นท่าที่ทำได้ง่ายแต่ได้ผล แม้แต่ผู้หญิงแรงน้อยก็สามารถหยุดผู้ชายร่างยักษ์ได้ถ้าทำอย่างถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อให้มีเวลาหนีไปขอความช่วยเหลือต่อไป เพราะด้วยข้อจำกัดทางกายภาพ ยังไงก็ไม่สามารถจะเอาชนะคนร้ายได้อย่างเด็ดขาดได้อยู่แล้วด้วยการฝึกเพียงเท่านี้

เมื่อซ้อมทบทวนกันจนคล่องแล้ว ครูฝึกก็ให้เริ่มการฝึกกับของจริงเพื่อให้ชินและไม่ตื่นกลัวเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง

“เดี๋ยวเราจะมีอาสาสมัครที่จะมารับบทเป็นคนร้ายให้ ให้พวกเราทำตามที่ฝึกได้เต็มที่เลย ไม่ต้องกังวลนะครับ เราอาจดูไม่รู้ แต่อาสาสมัครเขาจะใส่เครื่องป้องกันมาเป็นอย่างดีแล้ว ไม่เจ็บอะไรเลย แต่ถ้าเราทำได้ถูกต้อง เขาจะทำท่าเหมือนเจ็บปวดมาก ทั้งหมดเป็นการแสดงครับ ให้เราคุ้นกับสถานการณ์จริง”

นักเรียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ ทั้งหมดรู้สึกตื่นเต้นที่จะต้องลองใช้กับคนจริงๆ

นักเรียนคนแรกที่เริ่มการฝึกเดี่ยวเป็นหญิงสาวร่างเล็ก อาสาสมัครหน้าตาโหดดุไว้หนวดไว้เคราเดินออกมาจากประตูข้าง ถึงจะแต่งตัวรุ่มร่ามแต่ก็ดูออกว่าตัวใหญ่หนาเต็มไปด้วยมัดกล้าม นักเรียนคนอื่นที่ดูอยู่ซุบซิบกันด้วยความทึ่ง

“เขาไปหามาจากไหนนะ หน้าตาเหมือนโจรจริงๆ”

“ไปว่าเขา เขาอุตส่าห์มาช่วยเราฝึก สงสัยเขาแกล้งทำให้เหมือนสถานการณ์จริงที่สุดมั๊ง”

“แก ถ้าเจอข้างนอกตอนกลางคืน ชั้นวิ่งก่อนเลย”

อาสาสมัครยื่นมือไปที่นักเรียนสาวทำท่าเหมือนจะจับหน้าอก เธอคนนั้นนับท่าอยู่ในใจแล้วยกมือบังบริเวณหน้าอกพร้อมกับโล้ตัวไปด้านหลังเพื่อหลีกการจับ มือที่บังหน้าอยู่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามของเธอมองไม่เห็นเท้าขวาที่เธองัดขึ้นมาอย่างเร็วและเตะเข้าตรงเป้ากางเกงของอาสาสมัครที่แสดงเป็นคนร้าย ฝ่ายที่โดนกระทำหน้าแหยเก ทรุดตัวลง มือกุมเป้าด้วยความเจ็บปวด นักเรียนสาวทำท่าลังเลเหมือนจะอยากเข้าไปซ้ำ ครูฝึกเลยรีบร้องเตือน

“ถ้าคนร้ายเจ็บจนเคลื่อนที่ไม่ได้แล้ว ช่วงเวลานี้คุณควรวิ่งไปในทิศที่ทางปลอดภัย และร้องขอความช่วยเหลือนะครับ”

นักเรียนสาวรีบปฏิบัติตามโดยการวิ่งกลับมารวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ที่ดูอยู่ เสียงปรบมือดังเกรียวกราวในความสามารถของเพื่อนที่ทำได้ดีทั้งๆ ที่เป็นคนแรก ครูฝึกก็กล่าวชมเช่นกัน

“ดีมากครับ ท่าทางถูกต้อง การลงมือไม่มีลังเล แต่ตอนโล้ตัวไปข้างหลังยังเหมือนจะเซนิดๆ ไม่ว่ากันครับเพราะอันนี้มันเกี่ยวกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อด้วย ยังไงต้องหมั่นออกกำลังกายไว้”

ฟีฟ่าและแดนมาประคองอาสาสมัครที่ยังนอนจุกอยู่กับพื้นออกไปด้วยสีหน้าสะใจ

“ขอเสียงตบมือให้อาสาสมัครของเราด้วยครับ แหม แสดงได้สมจริงมาก นี่แสดงว่าแรงแตะยังไม่แรงเท่าไหร่ครับ ไม่งั้นเขาจะแสดงอาการเจ็บแบบดิ้นพล่านให้ชมกัน”

เดือนภาคคอมพ์ก็กล่าวชมอาสาสมัครด้วยท่าทางสะใจเช่นกัน เสียงตบมือดังอย่างชื่นชมในความสมจริงของนักแสดง

พี่บอสกระซิบถามผม

“ไอท่างัดหน้าอะไรนี่มันก็แค่เตะผ่าหมากไม่ใช่เหรอวะ”

“ก็ใช่แหละพี่ แต่มันมีเทคนิคปลีกย่อยอะไรอีกพอควร นี่ลูกชายสำนักมวยไชยาของแท้มาสอนเองเลยนะ”

“ไอนั่น แม่งใจเสาะไปเปล่าวะ หน้าเขียวไม่เท่าไหร่เอง” พี่บอสบ่น

“เดี๋ยวมันคงวนมาอีกรอบหน้ามั๊ง นี่คงสลับให้เพื่อนมันออกบ้าง”

ผมเดา แต่อันนี้ก็แล้วแต่พวกน้องๆ เขาจะจัด ผมมอบให้รับผิดชอบแล้ว พวกการ์ดชุดนี้คือพวกที่คุมตัวและทำอะไรอุบาทว์ๆ กับน้องๆ ของผมไว้ไม่น้อย คงไม่ได้อยู่สบายหรอก

อาสาสมัครหรือจริงๆ คือนักโทษคนที่สองเป็นหนุ่มขี้ยาผอมเกร็งมีรอยสักเต็มเนื้อตัวส่วนที่โผล่พ้นเสื้อผ้ามา ตาขวางๆ แบบคนโรคจิตของมัน ทำให้สาวหวานคนที่สองหวาดกลัวจนแตะพลาดไปในครั้งแรก ที่พอเริ่มกันใหม่ หนุ่มขี้ยาก็โดนเตะเข้ากล่องดวงใจอย่างจังจนสะดุ้งมือกุมเป้าเข่าอ่อนลงไปนอนกับพื้นเหงื่อแตกพลั่ก เสียงตบมือดังลั่นกับการแสดงที่สมจริงของอาสาสมัครคนที่สอง

หลังจากนั้น อาสาสมัครก็ผลัดเปลี่ยนหน้ากันมาให้เหล่านักเรียนร่วมฝึกซ้อมทีละคนจนครบ ครูฝึกหนุ่มหล่อเห็นหลายคนยังไม่คล่องเท่าไหร่เลยให้ลองใหม่กันอีกรอบนึง หนุ่มร่างบึกไว้เคราที่ออกมาเป็นคนแรกวนมาถี่มากจนพี่บอสสงสัย

“ทำไมไอนั่นเวียนมาบ่อยจังวะ ไข่บวมแล้วมั๊ง”

ฟีฟ่าที่เข้ามายืนร่วมวงกับพวกผมได้ซักพักแล้วเป็นคนเฉลย

“มันทำกับน้องเค้าไว้เยอะครับพี่บอส พอเห็นน้องเค้าเป็นเดือนวิศวะเข้าหน่อยก็มาจับแหกโน่นแหกนี่ถ่ายรูปส่งไปให้คนอื่นดู เกือบจะเล่นพิเรนทร์เอาไข่สั่นมายัดก้นน้องเขาด้วย ดีว่าการ์ดคนอื่นห้ามไว้ว่าช่องทางยังไม่เคยถูกใช้งานเดี๋ยวนายใหญ่รู้ น้องมันถึงได้แค้นมาก วันที่พี่บอสส่งตัวมา ก็โดนจับไปเป็นคู่ซ้อมแม่ไม้มวยไทยถ่ายเป็นคลิปไว้เผยแพร่เพื่อการศึกษา เอาซะน่วมเลย แต่ไอล่ำบึกนั่นมันอึดครับ แป๊บๆ ก็ฟื้นตัวแล้ว พลังชีวิตยังกะแมงสาบ”

พอเห็นว่าทุกคนทำได้ดีแล้ว ครูฝึกหนุ่มผู้ซ่อนความแค้นไว้ภายใต้หน้าหล่อยิ้มแย้มก็แจ้งแผนการฝึกต่อไป

“ขั้นต่อไปเราจะฝึกให้สามารถใช้ท่านี้ในเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ผมจะให้เข้าไปในห้องลับทีละคน เมื่อเข้าไปแล้วก็พยายามประยุกต์เอาตามสถานการณ์ พอเสร็จให้ออกมานั่งรอเพื่อนที่ตรงโน้น ห้ามบอกคนที่ยังไม่ได้เข้าโดยเด็ดขาดว่าเจออะไร ส่วนใครที่รับมือไม่ไหวจริงๆ ก็ให้ออกมาก่อนได้ ตั้งใจกันให้ดี สติเท่านั้นที่จะช่วยเราได้ในสถานการณ์คับขัน แล้วก็ขอย้ำอีกที ทุกอย่างคือการแสดงทั้งสิ้น ทำให้เต็มที่ไม่ต้องยั้งมือ คิดแต่ว่าเราต้องรอดออกไปให้ได้”

นักเรียนที่เริ่มด่านนี้เป็นคนแรก เป็นเกย์สาวหน้าสวยไม่แต่งหญิง เธอหายเข้าไปซักพักก็กรีดร้องวิ่งออกมาปากคอสั่นจนฟีฟ่าต้องพาไปสงบอารมณ์ นักเรียนที่เหลือคุยกันเสียงเซ็งแซ่ ท่าทางกังวลว่าในห้องนั้นมีอะไรกันแน่ ชายหนุ่มร่างเล็กเข้าไปเป็นคนที่สอง ซักพักคนที่รออยู่ข้างนอกก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดจนตกใจกันไปหมด ไม่นาน เด็กหนุ่มที่เข้าไปก็ออกมาแล้วแยกไปนั่งอยู่อีกทางโดยไม่ปริปากบอกเพื่อนว่าเจออะไรมา

พี่บอสซักถามอย่างสงสัย ฟีฟ่าเลยชวนผมกับพี่บอสไปที่ห้องข้างๆ ที่นั่นมีการตั้งจอมอนิเตอร์ที่ถ่ายทอดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องลับจากกล้องวิดีโอที่ตั้งไว้ นักเรียนรายที่สามเข้ามาในห้องแล้วมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง ทันใดนั้นเอง ชายร่างใหญ่ผิวคล้ำหนึ่งในอาสาสมัครก็โผล่พรวดมาจากหลังฉากบังตาในสภาพที่เปล่าเปลือยพร้อมอวัยวะเพศที่แข็งตัวตั้งตระหง่าน หญิงสาวกรีดร้องมาอย่างสุดเสียง ชายผิวคล้ำเดินเข้ามาหาด้วยท่าทีคุกคาม เจ้าหล่อนเหมือนจะวิ่งหนีแต่ก็ควบคุมตัวเองได้ในที่สุด จังหวะที่อีกฝ่ายทำท่าจะคว้าตัวไป เธอก็ใช้ท่างัดหน้าแตะผ่าหมากเข้าไปโดนลูกกระโปกที่ห้อยยานอย่างจังจนลงไปนอนลิ้นจุกปากอยู่อย่างสิ้นแรง หญิงสาวตามเข้าไปเตะซ้ำเข้าที่จุดเดิมอีกสองทีอย่างขวัญเสียแล้วรีบวิ่งออกไปทันที

หลังจากดูภาพผ่านกล้องไปอีกสองคน ฟีฟ่าก็พาไปต่อที่จุดรวมตัวของนักโทษ คนที่ผ่านห้องลับมาแล้ว จะนั่งแหกขาเพื่อไม่ให้ไข่ที่บวมแดงกระทบกระทั่งกับขาหนีบตัวเองให้เจ็บหนักกว่าเดิม บางคนยังนอนแผ่เพราะจุกจนลุกไม่ขึ้น ท่าทางพอเป้หมายแก้ผ้า จะทำให้นักเรียนเล็งจุดที่ต้องเตะได้ง่ายขึ้น ถึงได้โดนจังๆ กันแทบทุกคน การ์ดที่เหลือก็ยืนแก้ผ้ายืนเรียงแถวเพื่อรอให้ถึงคิวตัวเองขวัญเสียแต่ก็ไม่มีใครขัดขืนเพราะโดนโปรแกรมจิตไปก่อนหน้านี้แล้ว

พี่บอสเอาเท้าไปเขี่ยๆ ดูพวงไข่ของคนที่นอนเจ็บอยู่ แล้วก็แสดงความเห็นขึ้นมา

“ก็ไม่เป็นไรกันมากนี่ พักอีกหน่อยก็คงหาย กล่องดวงใจของผู้ชายเรานี่เปราะบางจังเลยนะ ตัวใหญ่ๆ ถึกๆ อย่างไอพวกนี้  เจอลูกเตะของผู้หญิงตัวเล็กๆ ทีเดียวถึงกับจอด”

“ผมว่าพวกนี้มันคงช้ำมาตั้งแต่รอบก่อนแล้วล่ะ”

ฟีฟ่าให้ความเห็น แล้วก็สั่งการจัดท่าให้ไอพวกที่นั่งพักไข่มาแหกแข้งแหกขาให้น่าเกลียดยิ่งกว่าเดิมจนเห็นอวัยวะเพศบวมแดงได้อย่างถนัดตาเพื่อถ่ายรูปส่งไปให้แดน จอม และเด็กวิศวะสองคนที่ร่วมชะตากรรมจากฝีมือการ์ดพวกนี้ด้วยกันมา ฟีฟ่ายังไม่หนำใจ เปิดแอพแต่งภาพมาคาดตาให้บางๆ แล้วส่งไปให้เพื่อนเกย์ชมรมวอลเลย์บอลบอกให้เอาไปกระจายต่อในเวบไซต์เฉพาะกลุ่มของคนที่ชื่นชอบพวกกรรมกรและผู้ใช้แรงงาน

“เสร็จจากนี่แล้วพี่บอสจะไปไหนต่อหรือเปล่าครับ”

ฟีฟ่าถาม

“ไม่แล้วล่ะ พี่เผื่อเวลามาที่นี่ไว้เยอะเลยนึกว่ามีอะไรต้องช่วย แต่เราทำงานกันเรียบร้อยดีมาก น่าประทับใจ”

ฟีฟ่ายิ้มปริกับคำชม แล้วก็หันมาถามผม

“หรือว่าพี่เมจะชวนพี่บอสไปดูงานทำความสะอาดดี”

พี่บอสเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย จนฟีฟ่าต้องอธิบายต่อ

“งานนี้เป็นไอเดียผมเองครับ พอดีลุงผมมีกิจการบริษัทรับทำความสะอาดอยู่ครับ ผมเลยเสนอให้เอานักโทษของโกลคลับที่ความผิดไม่รุนแรงมากเท่าไอพวกนี้ ไปรับทำความสะอาดให้บ้านคนหรือคอนโด เราใช้ชื่อบริการว่า “มาแต่ตัว” คือเราจะส่งนักโทษไปแต่ตัวเพื่อทำความสะอาดให้ แต่จะใช้อุปกรณ์และน้ำยาทำความสะอาดที่มีอยู่ที่บ้านหรือคอนโดนั้นๆ”

“แล้วใครมันจะไปอยากใช้บริการวะ”

พี่บอสสงสัยเหมือนกับทีแรกที่ผมสงสัยเลย

“คอนเซ็ปท์คือเราจะไม่ให้เอาอะไรจากข้างนอกเข้าไปเลยเพื่อเจ้าของบ้านจะได้ตรวจสอบง่ายๆ ว่าคนทำความสะอาดไม่ได้หยิบอะไรจากในบ้านซ่อนไปในถังหรืออุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ ตอนที่ออกมา”

เจ้าของความคิดอธิบาย

“น่าสนใจ แต่ถ้าเป็นบริษัทที่ไว้ใจได้อยู่แล้ว คนคงไม่ซีเรียสกับเรื่องนี้มั๊ง”

“แต่ของเราห้ามเอาเข้าทุกอย่างเลยครับ ชุดที่พนักงานทำความสะอาดใส่มา จะถูกถอดออกจนหมดตรงหน้าประตูมอบไว้ให้เจ้าของบ้านเก็บไว้ แล้วจะมาขอคืนอีกทีตอนทำงานเสร็จแล้วเท่านั้น”

พี่บอสคิดภาพตามแล้วยิ้มกว้าง

“เยี่ยมมาก”

“เป็นที่นิยมมากจริงๆ ครับ ค่าจ้างที่ได้บริษัทของลุงผมจะไม่หักไว้แม้แต่บาทเดียว ส่งให้การกุศลหมด อ้อ แบ่งให้พวกนักโทษก่อนครับ วันละสามร้อยบาทตามค่าแรงขั้นต่ำ เหลือกำไรไปทำบุญได้อื้อเลย ลูกค้าก็ชอบครับ เราคัดกลุ่มลูกค้าที่น่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายหน่อย เกย์ส่วนใหญ่ก็จะโสดอยู่คนเดียวกันอยู่แล้ว ทีนี้นั่งดูกันเพลินเลย ลูกค้าบางคนมีรีเควสพิเศษ ขอให้ถูบ้านด้วยผ้าขี้ริ้วเท่านั้น ห้ามใช้ไม้ถู ก็บริการกันไป”

“น่าสนใจมาก พี่ขอใช้บริการตอนนี้เลยได้ไหม จ่ายเงินให้ตามปกติ บ้านพี่น่าจะฝุ่นเยอะแล้ว ไม่ได้กลับไปนอนจะเป็นเดือน อยู่แต่คอนโดโป๊ปมัน พี่จะเข้าไปดูหน่อย อยากให้ทำที่สวนให้ด้วย แต่พี่มีเวลาให้แค่สามชั่วโมงนะ นัดโป๊ปไว้ค่ำๆ”

“ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวผมจัดทีมเข้าไปทีเดียวสิบคนเลย จะได้เสร็จไวๆ แต่ผมเข้าไปด้วยไม่ได้นะครับ ต้องอยู่ช่วยทางนี้ก่อน แต่พวกที่จะไปก็ผ่านการเทรนมาอย่างดีแล้ว คงจัดการได้เรียบร้อย”

ฟีฟ่าพูดจบก็หันมาถามที่อยู่จากพี่บอสแล้วโทรศัพท์ไปนัดแนะกับทีมงานทันที

“งั้นผมไปเป็นเพื่อนครับ พี่บอส”

ผมอาสา จะได้มีเวลาคุยกับพี่บอสนานๆ ด้วย
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 37] ดวงใจที่เปราะบาง 07/05/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 07-05-2016 08:41:43

ผมอยู่ที่บ้านพี่บอสได้เกือบชั่วโมงแล้ว เป็นบ้านหรูขนาดกลางในย่านที่ต้องเป็นคนมีฐานะอยู่พอสมควร นี่ท่าทางจะเป็นบ้านที่พี่บอสกับพ่ออยู่ด้วยกันมา มีหนังสือทางการแพทย์เก็บไว้อย่างเป็นระเบียบเต็มไปหมด ชายหนุ่มสี่ห้าคนกำลังเปลือยกายทำความสะอาดบ้านของพี่บอสอย่างขะมักเขม้น ฝ่ายปัดกวาดก็เดินไปมาหนอนน้อยแกว่งดุ๊กดิ๊ก ฝ่ายถูก็ถูกันก้นโด่งจะว่าไปมันก็ดูเพลินตาไม่น้อย หนึ่งในนี้มีคนหน้าตาดีอยู่ด้วย เป็นพวกอดีตลูกหนี้ที่ถูกส่งไปบำเรอผู้สนับสนุนของโกลคลับจนใช้หนี้หมดแล้ว แต่ยังติดใจกับการพนันจนยอมรับเป็นหน้าม้าคอยหลอกคอยเชียร์ให้เป้าหมายใหม่ๆ เข้ามาติดกับเพื่อหาค่าเปอร์เซ็นต์ไปแทงบอลไปวันๆ มองออกไปข้างนอกก็มีหนุ่มๆ อีกกลุ่ม กำลังง่วนกับการตัดหญ้าเล็มกิ่งไม้ การได้ดูหนุ่มๆ แก้ผ้ามาก้มๆ เงยๆ ยกโน่นเก็บนี่จนเหงื่อท่วม มันได้อารมณ์ไปอีกแบบจริงๆ ไม่แปลกใจที่บริการอันนี้ถึงได้รับความนิยมอย่างสูงภายในเวลาไม่นาน

ผมกับพี่บอสมานั่งชมวิวที่ว่าภายในห้องรับแขกที่ทำความสะอาดจนเสร็จไปก่อนหน้านี้แล้ว ผมปลื้มใจมากที่ได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของพี่บอสขนาดนี้ จริงๆ ความสนิทสนมและไว้วางใจระหว่างผมกับพี่บอสมันได้เพิ่มมากขึ้นไปอีกตั้งแต่ตอนร่วมมือกันทำแผนซ้อนแผนอาก้องฟ้าที่โกลคลับแล้ว

หลังจากที่ได้เบาะแสว่าสมาพันธ์อาจมีความเกี่ยวข้องกับโกลคลับ ผมก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจสืบเสาะจนได้รู้ว่าตัวต้นเหตุน่าจะเป็นอาก้องฟ้า ตอนนั้นผมลังเลใจมากว่าจะเอาเรื่องนี้เข้าไปหาคุณพ่อหรือพี่บอสดี ผมรู้ว่าผมไม่มีทางหยุดอาก้องฟ้าได้ด้วยตัวเพียงคนเดียว ถ้าไปหาคุณพ่อ ผมรู้ดีว่าเรื่องของอาก้องฟ้าจะเงียบหายไปเพราะนั่นคือแนวทางของตระกูลที่จะปกป้องพวกเดียวกัน แม้แต่คุณพ่อก็ต้องยึดถือหลักอันนี้ไว้ไม่งั้นจะเป็นการสั่นคลอนความเชื่อมั่นของของสมาพันธ์ได้ ไม่นับว่าอาก้องฟ้าคือน้องชายที่คุณพ่อรักเช่นกัน

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็นในความรู้สึกของผม โกลคลับของอาก้องฟ้ามันทำให้ผู้คนเดือดร้อนมากเกินไป อาควรจะต้องรับผิดชอบในการกระทำของตัวเองบ้าง และผมเชื่อว่าองค์กรจะทำการเยียวยาคนเดือดร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าสมาพันธ์ ผมเลือกที่จะไว้ใจพี่บอสจนยอมเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ฟัง ทั้งๆ ที่มันเป็นการเปิดเผยความลับหลายๆ อย่างที่เกี่ยวกับสมาพันธ์และตระกูลของผมให้คนนอกทราบจนอาจเป็นจุดอ่อนให้ถูกโจมตีได้

แต่พี่บอสและพี่โป๊ปก็ตอบสนองความเชื่อใจที่ผมมอบให้ด้วยความเชื่อใจที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน การใช่ตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้อาก้องฟ้าและเหล่าผู้สนับสนุนของโกลคลับเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา มันทำให้เกิดสภาวะเสี่ยงที่จะโดนผมหักหลังเมื่อไหร่ก็ได้ ยิ่งพี่บอสเปิดใจผมก็ยิ่งเห็นมุมที่น่ารักๆ ของพี่บอสมากขึ้น เรื่องทั้งหมดนี้ ทำให้ผมตัดสินใจที่จะรุกคืบพี่บอสให้มาเป็นนิ้วนางของผมให้ได้

“พี่บอสสนิทกับพี่โป๊ปขนาดนี้ จะเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟน”

ผมคุยกับพี่บอสไปเรื่อยๆ จนสบช่องให้ลากการสนทนาเข้ามาหัวข้อนี้

พี่บอสหัวเราะและตอบว่า

“ก็ไม่ต้องหาสิ  อยู่กับไอโป๊ปนี่ยิ่งกว่ามีแฟนอีก ทำตัวยังกะเป็นพ่อพี่”

“ถ้าดูจากสายตาคนนอก พี่ทั้งคู่อย่างกับเป็นแฟนกันจริงๆ นี่ครับ แต่คนนอกที่จะจำพี่บอสได้ มันแทบไม่มีเลยนี่ ไม่งั้นคงมีคนทักไปแล้ว ว่าแต่พี่บอสไม่ได้รักพี่โป๊ปจริงๆ นะ ผมว่าผมเคยถามไปแล้วแต่เห็นสนิทสนมกันขนาดนี้ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจ”

เรื่องนี้ต้องเคลียร์ให้ชัดเจนครับ ถ้ามีพี่โป๊ปเข้ามาเอี่ยวด้วย ผมคงแพ้ตั้งแต่ในมุ้ง

“ก็ไม่ได้รักจริงๆ นี่”

พี่บอสตอบอย่างเต็มเสียง แต่ผมยังจับได้ถึงอาการลังเลเพียงเล็กน้อยที่ปนอยู่

“งั้นถามใหม่ฮะ ผมรู้ว่าพี่กับพี่โป๊ปไม่เคยเป็นแฟนกัน เมื่อกี๊พี่ก็ยืนยันว่าพี่ไม่ได้รักพี่โป๊ป แล้วพี่เคยรักพี่โป๊ปบ้างไหม”

พี่บอสมองเข้ามาในดวงตาผมแล้วถอนหายใจเบาๆ

“เคยสิ”

พี่บอสตอบแล้วหลับตาเหมือนพยายามสะกดอารมณ์ คำตอบที่เปลี่ยนไปทำให้ผมใจกระตุก

“ดีเหมือนกัน พี่ก็เห็นเราเหมือนน้องนุ่ง อยากเล่าเรื่องนี้ให้ใครสักคนฟังมานานแล้ว”

พี่บอสเปรยขึ้นแล้วก็นิ่งไปครู่ใหญ่เหมือนพยายามจะเรียบเรียงเรื่องราว

“มอมแมมเคยตกหลุมรักใครไหม”

การเล่าเรื่องเริ่มต้นด้วยคำถามที่ผมไม่คาดคิด แต่มันอาจเป็นช่องทางให้ผมได้เผยท่าทีกับพี่เขาก็ได้

“แบบว่าเห็นหน้าแล้วถูกใจนี่บ่อยเลยครับ แต่ถ้าถึงขั้นตกหลุมรักจริงๆ เลยนี่ ไม่แน่ใจครับ อาจจะมีคนนึง ที่ผมรู้สึกดีด้วยมากๆ แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันใช่ความรักหรือเปล่า”

ผมอยากตะโกนออกไปดังๆ ว่าก็พี่บอสนั่นไง เป็นคนที่ผมรู้สึกดีด้วย แต่ก็ไม่แน่ใจ เพราะผมก็รู้สึกอย่างนี้กับอีกหลายคน แดน ฟีฟ่า น้องๆ ชมรมกีฬา และใครต่อใคร เพียงแต่ของพี่บอส ดูจะรุนแรงที่สุด ถ้าความรู้สึกนี้คือความรัก จะแปลกไหมที่ผมรักคนหลายคนพร้อมๆ กัน แล้วทำไมในบรรดาคนเหล่านี้ถึงได้ไม่มีผู้หญิงอยู่เลย ผมไม่คิดว่าตัวเองเป็นเกย์เพราะผมยังมีความสุขกับผู้หญิงได้ แต่นั่นก็นานมาแล้วนะ

สายตาพี่บอสดูเหม่อลอยแต่ปากก็ยังตั้งคำถามใส่ผม

“สมมุติว่าถ้ามันใช่ความรักนะ มอมคิดว่าความรู้สึกนั้นมันเป็นความสุขหรือความทุกข์กันล่ะ”

“ความสุขสิครับ เรารู้สึกดีกับเขา แบบว่าจะอายๆ เวลาที่อยู่ใกล้ แล้วก็อยากรู้เรื่องทุกอย่างของเขาไปหมด อยากจะเป็นมากกว่าคนรู้จัก”

ผมนึกถึงอารมณ์เวลาเจอคนที่ถูกชะตา รูปร่างหน้าตามาเป็นอันดับแรกก็จริง แต่นิสัยใจคอจะเป็นเหมือนจุดตัดสิน ถ้าเป็นคนนิสัยดี ความปลื้มจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับพี่บอส มันไปตามสเต็ปนั้นเลยล่ะ

“แล้วรู้สึกไหม ว่าอยากจะให้เขารักเราตอบ”

“แน่นอนครับ ถ้าได้ลองเป็นแฟนกันก็คงดี”

“พี่ว่าที่เรารู้สึกกับคนนั้น อาจยังไม่ใช่ความรักก็ได้ มอมอาจจะแค่ปลื้มเขา ถ้าตกหลุมรักจริง ความรู้สึกมันจะรุนแรงกว่านั้นมาก”

พี่บอสตั้งข้อสังเกต

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมอยากอยู่ใกล้ แต่ก็ไม่ถึงกับทุรนทุรายถ้าไม่ได้เจอ”

“นั่นแหละที่พี่อยากจะบอกว่าเรายังไม่ถึงขั้นนั้น ซึ่งอาจจะโชคดีก็ได้ เพราะการตกหลุมรักมันไม่ได้มีแต่ด้านดีนะ ถ้าเรารู้ว่าคนที่เราตกหลุมรักด้วย ไม่มีวันจะรักเรา ไม่ว่าจะได้ใกล้ชิดสนิทสนมเท่าไหร่ ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์ทางกายด้วยกันไปแล้ว แต่คนๆ นั้นก็ไม่มีวันจะคิดกับเราเกินกว่าคำว่าเพื่ิอนล่ะ มอมคิดว่าการตกหลุมรักจะยังเป็นความสุขได้อีกหรือเปล่า”

“คงทรมานนะ ถ้าเป็นผม ผมจะทำให้เต็มที่ แต่ถ้าสุดท้ายผมแน่ใจแล้วว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางจะรักเรา ผมคงตัดใจ คนเราไม่ควรรั้งตัวเองไว้ให้ทรมาน”

“หึ ถ้าตัดใจได้ง่ายๆ มันก็คงดีนะ พี่ถึงบอกไง ว่ามอมคงยังไม่ได้รักคนๆ นั้นจริงหรอก พี่ขอถามต่อ ถ้าสมมุติเราตัดใจได้แล้ว และไปหลงรักคนใหม่ แต่ก็เกิดเหตุการณ์แบบเดิมล่ะ”

“ก็คงเสียใจมากมั๊งครับ แต่ชีวิตก็ต้องเดินต่อ สุดท้ายคงหาคนที่จะรักกันได้ในครั้งต่อๆ ไป”

“แล้วถ้าสำหรับคนๆ นั้น ครั้งต่อๆ ไปมันก็เป็นแบบเดิมล่ะ ตกหลุมรักซ้ำๆ ซากๆ แล้วก็อกหักทุกครั้งไป”

“คงเหมือนตกนรก แต่ใครมันจะโชคร้ายขนาดนั้น คงไม่มีหรอก”

“พี่นี่ไง ตกหลุมรักซ้ำๆ ซากๆ กับคนๆ เดิมที่เขาไม่มีวันจะรักตอบ”

“เป็นไปได้ไง พี่หมายถึงพี่โป๊ปเหรอ แสดงว่าเมื่อก่อนนี้เคยรักจริงๆ สินะ ตอนไหนครับ สมัยมัธยมเหรอ”

“เคยรักมันตอนไหนนะเหรอ หึ ก็ตอนเรียนอยู่ปีหนึ่งมั๊ง แล้วก็ตอนปีสาม อีกทีตอนก่อนรับปริญญา แล้วก็ตอนมันตั้งบริษัทใหม่ๆ ถัดมาก็เมื่อสองปีก่อน ต่อด้วยเมื่อปีที่แล้ว แล้วก็เมื่อหกเดือนก่อน แล้วก็สามเดือนก่อน แล้วก็เมื่อเดือนที่แล้ว พี่ไม่ไหวแล้วว่ะ ตกหลุมรักมันครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วก็ผิดหวังซ้ำๆ มันทรมานเกินไป”

“มันจะเป็นไปได้ไง พี่จะบอกว่าพี่รักพี่โป๊ป แล้วก็ตัดใจจากเขา แล้วก็กลับมารักใหม่ซ้ำๆ ได้เกือบสิบครั้ง คนนะพี่ไม่ใช่หุ่นยนต์ จะได้มาตั้งโปรแกรมกันใหม่ได้เรื่อยๆ”

พูดๆ ไป ผมก็ตัวเย็นวาบด้วยความเป็นไปอย่างนึงที่แว่บเข้ามาในหัว

“หรือว่าพี่ตัดใจจากพี่โป๊ปด้วยการสะกดจิตตัวเอง พะ พี่ทำอย่างนี้ทำไม ไหนเคยบอกว่าการสะกดจิตให้ลืมความรักไปมันไม่ดีไง พี่บอกว่า ถึงจะทำให้ลืมได้ แต่มันก็แค่จิตสำนึกในระดับที่เรารู้ตัวปกติ แต่ลึกๆ ลงไปความเศร้ามันก็ยังอยู่ เหมือนรักษาแผลไม่ถูกวิธีเกิดเป็นแผลเรื้อรังที่คอยสร้างความเจ็บปวด แล้วทำไมพี่ทำอย่างนี้กับตัวเอง”

“ก็แล้วจะให้พี่ทำยังไง พี่ทนความทรมานขนาดนั้นไม่ไหวหรอกนะ ครั้งแรกที่ทำมันช่วยได้มากจริงๆ ความอึดอัดปวดร้าวมันหายไปหมด พี่ยังขำตัวเองเลยว่ารักโป๊ปมันขนาดจะเป็นจะตายอย่างนั้นไปได้ยังไง คิดว่าคงกลับมาเป็นเพื่อนสนิทโดยไม่มีเรื่องแอบแฝงกันไปตลอด แต่พี่คิดผิด ทุกสิ่งที่โป๊ปทำให้พี่ ความห่วงใยใส่ใจทุกอย่างมันยังเหมือนเดิม พี่มารู้ตัวอีกทีก็ตกหลุมรักโป๊ปไปแล้วเป็นครั้งที่สอง”

พี่บอสโพล่งออกมาเหมือนจะระบายความอัดอั้นที่มีมายาวนานเป็นแรมปี

“แล้วพี่ได้ลองพยายามดูอีกทีหรือเปล่า ครั้งแรกอาจจะมีเหตุอะไรที่พี่โป๊ปยังรับรักพี่ไม่ได้”

ผมพยายามช่วยพี่บอสคิดบวก ไม่อยากเห็นพี่บอสเป็นแบบนี้เลย พี่บอสที่เด็ดขาดเปี่ยมไปด้วยอำนาจ สดใส มีอุดมการณ์ เป็นตัวของตัวเอง มันช่างต่างจากชายหนุ่มที่นั่งตาแดงรื้อราวกับจะมีน้ำตาจะหยดลงมาได้ทุกเมื่อ

“พี่ทำแล้ว และก็ถูกเบี่ยงประเด็นว่าเป็นเรื่องล้อเล่น พี่อ่านแววตาโป๊ปมันออก มันไม่อยากให้พี่เสียใจเลยไม่พูดตรงๆ พี่ทนไม่ได้ ขนาดโป๊ปไม่มีใครนะ ถ้าเมื่อไหร่มันมีคนรักขึ้นมา พี่คงขาดใจตาย พี่เลยสะกดจิตตัวเองอีกครั้ง มันไม่ง่ายหรอกนะ ที่จะตัดใจลงมือทำสิ่งที่จะทำให้เราลืมความรักเราไป ความรักมันมีค่าสำหรับพี่ ถึงจะแม้โป๊ปจะไม่รักตอบก็เถอะ”

“แล้วพี่ไม่พยายามเริ่มต้นกับคนใหม่ดูล่ะ”

ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผมลองถามไปก็เพื่อตัวเองนิดๆ ถึงโอกาสดูจะเลือนลางเต็มทน

“ใครว่าพี่ไม่พยายาม ช่วงที่เรียนปีสุดท้าย พี่ก็ลองคบกับคนโน้นคนนี้ มีทั้งคนที่นิสัยหรือรูปร่างหน้าตาคล้ายกับโป๊ป ลองไปจนถึงคนที่ทุกอย่างแทบจะตรงข้ามกับโป๊ปหมด แต่ไม่ว่าใครก็เข้ามาในหัวใจพี่ไม่ได้ แม้แต่เรื่องเซ็กส์ พี่ทำใจให้คนอื่นมาแตะตัวพี่ไม่ได้จริงๆ พี่ค่อยๆ เลิกรากับแฟนแต่ในนามเหล่านั้นพร้อมๆ กับตกหลุมรักโป๊ปอีกครั้ง มันน่ะเข้าใจว่าสาเหตุเพราะพี่เป็นโรคกลัวสัมผัสจากคนอื่น แต่จริงๆ พี่เป็นโรคโหยหาสัมผัสจากมันต่างหาก”

“หลังจากเรียนจบแล้วมีอะไรดีขึ้นไหมครับ”

“มีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ โป๊ปมันดีกับพี่เหมือนเดิม ทั้งดูแลใส่ใจ บางครั้งเหมือนจะหึงหวงด้วยซ้ำจนพี่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง แล้วเรื่องมันก็เหมือนเดิม วนๆ ซ้ำๆ พี่ตกหลุมรักมันอีกครั้งและอีกครั้ง จนบางที พี่ก็อยากหนีไปไกลๆ แต่พี่ก็ตัดมันออกจากชีวิตไม่ได้จริงๆ มันมีอยู่จริงนะ คนที่เป็นทุกอย่างสำหรับเรา ดูจากการกระทำแล้ว พี่ก็คงเป็นทุกอย่างสำหรับมันเหมือนกัน ยกเว้นคนรัก”

เสียงพี่บอสในประโยคสุดท้าย มันช่างแผ่วเบาและอ่อนแรงจนน่าใจหาย

“ยังไงพี่ก็มีกันและกันอยู่ มันคงไม่แย่ไปกว่านี้หรอกครับ”

“มันกำลังแย่ลง อำนาจการสะกดของพี่มันเกือบจะเอาไม่อยู่แล้ว จากที่เคยอยู่ได้เกือบสองปี ระยะหลังๆ นี้ พี่กลับไปรักมันใหม่เร็วขึ้นๆ เรื่อยๆ ครั้งล่าสุดนี่ไม่ถึงสามเดือนเอง ไม่รู้ว่าจิตใต้สำนึกของพี่มันเริ่มต่อต้าน ไม่ก็เป็นตัวพี่เองที่รักมันใหม่เร็วเกินไป หรืออาจเพราะช่วงหลังพี่อดใจไม่ไหวจนยอมมีสัมพันธ์ทางกายกับมัน ถึงจะแค่ภายนอกก็เถอะ แต่สัมพันธ์ทางกายก็ดูจะเร่งเร้าให้ความสัมพันธ์ทางใจมันรุนแรงยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร แผลที่กลัดหนองอยู่ภายใต้รอยเย็บที่ปราณีต มันใกล้จะประทุขึ้นมาแล้ว”

“ผมว่าพี่เลิกสะกดจิตตัวเองเถอะ ถ้าฝืนขนาดนั้นก็ไม่ต้องทำแล้ว ไหนๆ มันก็ไม่ค่อยได้ผลแล้วไม่ใช่เหรอ  แล้วกับพี่โป๊ป พี่จะเอายังไงต่อ”

นี่มันเศร้าเกินไปแล้ว ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าถ้าต้องมาผิดหวังซ้ำๆ กับคนเดิมๆ  มันจะรู้สึกยังไง คนดีๆ อย่างพี่บอสไม่น่าจะต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ เพราะรักเหรอจึงต้องทน มันจะไม่มีทางออกจริงๆ นะหรือ

“จะให้พี่ทำยังไงล่ะ ก็คงต้องทนทรมานอยู่อย่างงี้ไปจนกว่าโป๊ปมันจะเจอใครที่มันต้องการใช้ชีวิตคู่ด้วยจริงๆ โป๊ปมันอาจจะมีแล้วนะแต่ไม่กล้าบอกพี่ พักหลังนี่มันวุ่นอยู่กับอะไรก็ไม่รู้ ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ พี่เหมือนคนเห็นแก่ตัวเลยว่ะ   คอยให้มันมาดูแล ใช้งานมันเรื่ององค์กร  แถมยังอาศัยความเป็นเพื่อนสนิทให้มันช่วยปลดปล่อยเรื่องอย่างว่าอีก เอาเป็นว่าถ้าถึงวันที่มันพร้อมจะบอกว่ามันมีใคร พี่คงต้องหายไปจากชีวิตมันจริงๆ อยู่ไปก็เหมือนตาย สู้หายไปเลยดีกว่า ให้มันยังจดจำพี่ไว้ในฐานะเพื่อนสนิทที่สุด  ถึงพี่จะไม่รู้จะอยู่ยังไงถ้าไม่มีมันอีกแล้วในชีวิต”

“โธ่ พี่บอส ผมว่าถ้าพี่โป๊ปรู้...”

“มอมแมม อย่าบอกโป๊ป พี่ไม่อยากให้มันอึดอัดใจ อย่าบอกโป๊ปเด็ดขาด”

พี่บอสกำชับผมด้วยเสียงแผ่วเบาแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้าเป็นการยุติบทสนทนา
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 37] ดวงใจที่เปราะบาง 07/05/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 07-05-2016 08:43:47

จนถึงตอนนี้ผมรู้ดีว่าผมคงไม่มีหวังในตัวพี่บอสอีกต่อไป ไม่สิ ความหวังอันนั้นมันไม่เคยมีไม่ว่าจะกับผมหรือกับใคร ใจของพี่บอสเป็นของพี่โป๊ปมาโดยตลอด ขนาดถูกพี่โป๊ปหักอกมาครั้งแล้วครั้งเล่า นี่คือรักแท้ที่ผมไม่เคยได้สัมผัส ผมสัญญากับตัวเองว่าจะตัดใจจากพี่บอสและทำทุกอย่างให้พี่โป๊ปมาลงเอยกับพี่บอสให้ได้ ผมไม่เชื่อหรอกว่าพี่โป๊ปจะไม่มีใจให้พี่บอส มันต้องมีเหตุผลอะไรซักอย่าง

หลังจากผ่านเหตุการณ์เรื่องโกลคลับมาด้วยกัน ผมก็ได้สนิทกับพี่โป๊ปมากขึ้น โอเค อาจไม่สนิทกันขนาดนั้น แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่าจริงๆ พี่โป๊ปไม่ได้โหดเหมือนหน้าตา ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ คงรู้ใช่ไหมว่ายกเว้นเรื่องพี่บอสไว้เรื่องนึง สรุปว่ามันทำให้ผมกล้าเข้าไปคุยกับพี่โป๊ปมากขึ้น รวมถึงเรื่องนี้ด้วย

“พี่โป๊ป พี่เคยบอกผมใช่เปล่าว่าพี่ไม่ได้รักพี่บอส ไม่สิ พี่บอกว่ารักไม่ได้”

“กูไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้”

“ผมอยากรู้จริงๆ นะ”

“ทำไม ถ้ากูไม่ได้รักมัน มึงจะไปจีบมันเหรอ”

พี่โป๊ปมองหน้าผมด้วยสายตาพิฆาต ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงหงอไปแล้ว แต่นี่คือภารกิจเพื่อพี่บอส ผมถึงต้องหยั่งเชิงดู

“แล้วได้หรือเปล่าละครับ ไม่ต้องห่วงนะพี่ ถึงต่อไปพี่บอสตกลงเป็นแฟนผม แต่ผมก็เข้าใจว่าพี่สองคนสนิทกันมานาน ผมคงไม่ไปกีดกันพี่บอสออกมาจากพี่หรอก พี่บอสก็ยังมีพี่เป็นเพื่อนซี้เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีผมเป็นแฟน ผมจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระการดูแลพี่บอสมาจากพี่ด้วย เห็นไหม วินๆ”

“อย่ายุ่งกับบอส ถ้าไม่อยากให้ธุรกิจที่บ้านมึงมีปัญหา กูขยับเม้าส์คลิกเดียว ครอบครัวมึงต้องตามแก้ปัญหาเป็นเดือนๆ แน่ ต่อให้มีสมาพันธ์หนุนหลังก็เถอะ ดีไม่ดีอาจต้องปิดบริษัทไปซักที่สองที่ จะเอาอย่างนั้นใช่ไหม”

ถ้าผมเป็นกระดาษ ผมคงลุกไหม้เป็นขี้เถ้าไปแล้วด้วยสายตาของพี่โป๊ปที่มองมา แต่ผมเวอร์ชั่นสตรองนี่ไม่หวั่นครับ

“ฮ่าๆ พี่ไม่ทำอย่างงั้นหรอก ผมทำผิดอะไร ครอบครัวผมทำผิดอะไร ไหนจะพนักงานที่บริษัทอีกล่ะ อุดมการณ์ของพี่ ไม่สิ อุดมการณ์ของพี่บอสที่พี่รับมา คือไม่ทำให้ใครเดือดร้อนโดยไม่มีความผิดไม่ใช่เหรอ ผมแค่มาบอกกล่าวว่าจะจีบเพื่อนสนิทพี่ก็เท่านั้น พี่บอสก็ยังไม่มีแฟน ผมก็ไม่มี ไม่มีตรงไหนที่ผิดศีลธรรม ผมจะเป็นคนที่ใช่หรือเปล่า พี่บอสน่าจะตัดสินใจได้เอง”

พี่โป๊ปมองผมอย่างประเมินอะไรบางอย่าง แล้วก็ถอนหายใจ

“มึงมันเจ้าเล่ห์  คิดจะทำอะไรกันแน่ ไหนประกาศไปทั่วว่าตัวเองไม่ใช่เกย์ แต่ดูคนที่มึงดึงมาอยู่รอบตัวสิ ผู้ชายหน้าตาดีๆ ทั้งนั้น ฟีฟ่า แดน พวกเด็กชมรมกีฬา ไหนจะไอเด็กติดพนันบอลที่มึงไปหาบ่อยๆ อีก คิดจะตั้งฮาเร็มหรือไง ทำอะไรก็อย่าให้ประเจิดประเจ้อนัก มาถึงขนาดนี้กูก็ถือว่าพวกมึงเป็นคนในองค์กรเหมือนกัน กูตั้งระบบให้มันตรวจสอบกลั่นกรองระแวดระวังภัยให้พวกมึงด้วย เพราะงั้นมึงไปทำอะไรที่ผิดสังเกตหน่อยกูรู้หมด แต่ไม่ต้องห่วง กูไม่ได้จะตัดสินมึงจากสิ่งที่มึงทำ ไม่คิดจะไปบอกใครด้วย อะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัวของมึง กูไม่ยุ่ง ตอนนี้มึงอยู่ในช่วงทดลองค้นหาตัวเองอะไรก็ตามแต่ก็เป็นเรื่องของมึง แต่สุดท้าย มึงจะเป็นเกย์จริงๆ หรือเปล่า กูก็ไม่อยากให้มายุ่งกับเพื่อนกู”

นานๆ ครั้งพี่โป๊ปถึงจะปริปากพูดอะไรที่มันยืดยาวขนาดนี้ แถมเรื่องที่พูดยังเล่นเอาผมหน้าชา แม้จะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ผมก็เข้าใจความหมายที่แกต้องการจะสื่อ ว่าเรื่องลับๆ ที่ผมทำไป มันอยู่ในสายตาของพี่โป๊ปทั้งหมด โอ้ย อาย

ผมพยายามข่มความรู้สึก แล้วถามต่อไปเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“พี่จะหวงพี่บอสไว้ทำไม ไม่รู้หรือว่าพี่บอสทรมานขนาดไหน”

ดวงตาพี่โป๊ปไหววูบขึ้นมา

“ทรมานเรื่องอะไร  มึงไปรู้อะไรมา”

“ผมรู้เรื่องที่พี่บอสเคยรักพี่แล้ว”

พี่โป๊ปถอนหายใจอีกครั้ง แววตาที่คมกล้ากลับหม่นแสงลง

“นึกว่าเรื่องอะไร บอสคงเล่าให้ฟังล่ะสิ  เขาเอ็นดูมึงมากนะถึงได้ปริปากพูดเรื่องนี้ มึงเป็นน้องชายมันน่ะดีแล้ว นิสัยคล้ายกันยังกะอะไร  อย่าไปคิดอะไรเกินเลย มันอยากได้น้องชายมากกว่าแฟนอีก”

“ตกลงพี่ก็รู้สินะ  ว่าพี่บอสรักพี่จริงๆ”

“ใช้คำว่าเคยรักจะถูกกว่า  เรื่องมันก็หลายปีมาแล้ว  บอสมันทำใจได้ตั้งนานแล้วล่ะ”

เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ พี่โป๊ปไม่รู้เรื่องที่พี่บอสต้องทรมานกับการสะกดจิตตัวเอง อยากจะชกเบ้าตาเฮียแกให้หนักๆ  ฉลาดในทุกเรื่อง อยู่ด้วยกันทุกวัน ทำไมถึงไม่สังเกตอะไรบ้าง แต่ถึงผมเฉลยไปตอนนี้มันคงไม่ช่วยอะไร ผมต้องรู้สาเหตุให้ได้ก่อนว่าทำไมพี่โป๊ปถึงปฏิเสธพี่บอสไปในครั้งแรก

“แล้วทำไมพี่กับพี่บอสถึงไม่ได้รักกัน  อ๊ะ  อย่าเพิ่งเถียง  นึกว่าผมดูไม่ออกเลยใช่ไหม  อาการของพี่  สิ่งที่พี่ทำ ไหนจะสายตาอีกล่ะ นึกว่าตัวเองเนียนนักเหรอ  ผมจะบอกให้ ขนาดซื่อๆ  อย่างไอแดน เจอพี่กับพี่บอสอยู่ด้วยกันครั้งแรกยังถามผมเลยว่าพี่สองคนเป็นแฟนกันใช่ไหม แล้วทำไมล่ะ ทำไมพี่ถึงทำกับพี่บอสอย่างนี้”

“มันยังไม่ถึงเวลา”

“เวลาอะไร ใครเป็นคนกำหนด ทั้งๆ ที่พี่เป็นทุกอย่างของพี่บอสแท้ๆ”

“ผิดแล้ว มึงลองคิดดูดีๆ อะไรที่ทำให้บอสเป็นบอสอย่างในทุกวันนี้ มันไม่ใช่แค่กู นั่นแหละคือสิ่งที่กำหนด แต่กูก็ไม่เถียงหรอกนะ ว่าที่กูกับบอสไม่ได้เริ่มต้นกันตั้งแต่ตอนนั้น มันเพราะความเห็นแก่ตัวของกูเอง กูมันคนโลภ อยากจะได้ไว้ทั้งหมด”

ผมไม่เข้าใจ พี่โป๊ปที่ทุ่มเททุกอย่างให้พี่บอสนี่นะ จะปฏิเสธพี่บอสเพราะความเห็นแก่ตัว หรือว่า...

“พี่มีคนอื่นด้วยใช่ไหม ถึงได้พูดว่าโลภจนอยากจะได้ไว้ทั้งหมด ทำไมพี่เป็นคนแบบนี้ ฮือ ผมเสียใจแทนพี่บอสจริงๆ ถ้างั้นพี่ก็ไปกับคนๆ นั้นเลยซี่ จะเอาตัวมาผูกกับพี่บอสทำไม ไอคนจับปลาสองมือ ไอคนหลายใจ ไอเลว ฮือ”

สิ่งที่พี่บอสคิดมันเป็นเรื่องจริงเหรอนี่ สงสารพี่บอสจับใจ ผมจัดหนักแทนพี่บอสให้เอง เข้าใจอารมณ์เมียหลวงในละครขึ้นมาเลย

“โว้ย โวยวายซะยังกับเป็นเมียกูซะเอง บ้าเปล่าวะ เดี๋ยวนี้สาวแตกนะมึง ถึงกูจะเห็นแก่ตัวยังไงแต่กูไม่เคยมีใคร กูจะไปมีคนอื่นได้ยังไง ในเมื่อ...”

พี่โป๊ปด่าผมเสียงลั่น แล้วก็ทิ้งประโยคสุดท้ายไปเฉยๆ

“งั้นเพราะอะไรล่ะ หรือพี่ไม่อยากเป็นเกย์ ครอบครัวใช่ไหม ทางบ้านพี่ต้องต่อต้านรับไม่ได้เลยกีดกันไม่ให้พวกพี่รักกัน”

อา ดราม่าครอบครัวนี่เองที่เป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด

“ที่บ้านกูเขาย้ายไปตั้งรกรากที่เมืองนอกกันหมดแล้วตั้งแต่ตอนพวกกูเข้ามหาลัย เขาไม่มายุ่งเรื่องนี้หรอก มึงก็อย่าพยายามเดาเลย เรื่องมันซับซ้อน ที่คุยกันวันนี้มึงก็ไม่ต้องเอาไปบอกบอสล่ะ เรื่องเกิดเพราะกู กูจัดการเอง กูจะพยายามให้มากขึ้น ช่วงนี้กูอาจไม่ว่างเท่าไหร่ มึงก็ไปอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายมึงด้วย อย่าปล่อยให้มันเหงา”

“พี่ชายผม?”

ยอมรับว่างงครับ พี่ก้อนดินมาเกี่ยวอะไร

“ใช่ พี่ชายมึง ก็ไอบอสนั่นแหละ มึงเป็นได้แค่น้องชาย  ไม่ต้องคิดอะไรมากกว่านั้น กันพวกแมงวันแมงหวี่ให้กูด้วย ถึงไอบอสจะพรางตัวเองด้วยพลังของมันตลอด แต่กูก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี ถ้ามึงทำตัวดี ความลับของมึงก็ยังเป็นความลับอยู่ มึงคงยังอยากเป็นเด็กดีใสซื่อในสายตาของไอบอสอยู่ใช่ไหม”

พี่โป๊ปที่น่ากลัวกลับมาแล้ว แถมเอาจุดโหว่เล็กๆ ที่ผมคิดไม่ถึงเข้ามาขู่อย่างได้ผล ถึงจะรู้ว่าไม่มีทางสู้ แต่ผมก็อดเถียงไม่ได้

“มันก็ไม่ใช่ความผิดอะไรมากมายซะหน่อย ผมยังวัยรุ่นอยู่ก็ต้องค้นหาตัวเองไปเรื่อยๆ ใครๆ ก็ทำกัน”

“มึงจะบอกว่าไอแดนไอฟีฟ่า หรือคนส่วนใหญ่ก็ทำเรื่องแบบนี้เหรอ คนอย่างมึง หน้าตาดี ฉลาด มีทั้งเงิน ชื่อเสียง และอำนาจ อายุก็ยังน้อย แต่ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง มึงมันเหมือนบอสสมัยก่อนไม่มีผิด ถ้าไม่มีคนคุม มึงจะเตลิดไปไกลจนไม่แคล้วเป็นเหมือนอาก้องฟ้าของมึง”

ผมอ้าปากจะเถียง แต่พี่โป๊ปชี้หน้าให้หยุด

“หยุด กูรู้แล้ว กูต้องหาคนมาเป็นหลักให้มึง จริงๆ กูเจอแล้วด้วยซ้ำโดยบังเอิญ แต่กูไม่อยากเผือกเรื่องของชาวบ้าน มึงไม่ต้องคิดแล้วว่าจะชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย กูจะคิดแทนให้ อย่างมึงต้องมีคนคุม นี่เห็นแก่ว่ามึงก็มาเผือกเรื่องของกูสองคนเหมือนกันเลยจะสงเคราะห์ให้ แล้วมึงจะต้องมาขอบคุณกูทีหลัง ฮะฮ่า”

พี่โป๊ปหัวเราะลั่นเหมือนนึกเรื่องสนุกๆ ขึ้นมาได้ ผมขนลุกซู่ไปทั้งตัว ทำไมมันถึงวกมาที่เรื่องของผมกันล่ะนี่ พี่โป๊ปในลุคนี้ น่ากลัวกว่าเดิมอีก ผมแค่อยากทั้งสองคนได้ลงเอยด้วยกันดี ทำไมมันกลายเป็นทำคุณบูชาโทษอย่างนี้ล่ะ

-------------------------------------------------

TBC
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 37] ดวงใจที่เปราะบาง 07/05/16
เริ่มหัวข้อโดย: rear ที่ 07-05-2016 10:26:49
เย้!!! น้องมอมจะมีคู่แล้ว!!!  :hao5: :hao6:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 37] ดวงใจที่เปราะบาง 07/05/16
เริ่มหัวข้อโดย: GGamy ที่ 07-05-2016 13:10:59
แล้วเมื่อไรจะถึงเวลาละโป๊ปปปป
บทของน้องมอมจะไม่พลิกแล้ว แต่ของโป๊ปกับบอสนี่ยังไง
ว่าแต่น้องมอมจะรุกหรือรับ 5555 แต่คิดว่าตัวเองเดาถูกนะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 37] ดวงใจที่เปราะบาง 07/05/16
เริ่มหัวข้อโดย: soul love ที่ 08-05-2016 10:45:19
คู่นี้มันยังไงนะเฉลยเร็วๆนะ
แล้วใครจะมาคุมมอมแมมล่ะจ๊ะ???
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 37] ดวงใจที่เปราะบาง 07/05/16
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 08-05-2016 14:54:37
เอ๊ ยังไงกันนะ
เหมือนจะเฉลย แต่ก็ยังไม่ได้เฉลย

รอตอนต่อไปค่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 37] ดวงใจที่เปราะบาง 07/05/16
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 08-05-2016 16:30:57
จบลงด้วยดี นึกว่ามอมแมมจะหักหลังบอสจริงๆซะแล้ว  อยากให้เฉลยซักทีว่าทำไมโป๊ปถึงไม่ยอมคบกับบอส แล้วใครจะคู่กับมอมแมม รอตอนต่อไปอยู่นะคะ  :katai4: :hao7:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 37] ดวงใจที่เปราะบาง 07/05/16
เริ่มหัวข้อโดย: Maiiz Ellfiez ที่ 08-05-2016 16:31:36
กรี๊ด มอมแมมจะโดนโป๊บเล่นแล้วสิลูก
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 37] ดวงใจที่เปราะบาง 07/05/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 08-05-2016 19:57:46
เรื่องโป๊ปบอสขออีกสองตอนนะครับ เฉลยแล้วเรื่องนี้ก็จบเลย
แอบเกร็งนิดหน่อยด้วยกับสองบทสุดท้าย ไม่ได้ตั้งใจจะกั๊กหรือแกล้งคนอ่านเลย แต่วางพล๊อตเรื่องมาแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วครับ

ขอบคุณที่ติดตามครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 37] ดวงใจที่เปราะบาง 07/05/16
เริ่มหัวข้อโดย: pakawatkheeta ที่ 20-05-2016 16:05:42
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 37] ดวงใจที่เปราะบาง 07/05/16
เริ่มหัวข้อโดย: HypnosisDreams ที่ 21-05-2016 17:27:58
อ่านรวดเดียวเลย สนุกมาก รอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 37] ดวงใจที่เปราะบาง 07/05/16
เริ่มหัวข้อโดย: buzeative ที่ 05-06-2016 16:27:41
เมื่อไรจะมาต่อเนี่ย  :ling1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 37] ดวงใจที่เปราะบาง 07/05/16
เริ่มหัวข้อโดย: HypnosisDreams ที่ 13-06-2016 08:58:04
หายไปนานแล้วนะ อยากให้รู้ว่ามีคนรออยู่ :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 37] ดวงใจที่เปราะบาง 07/05/16
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 24-06-2016 21:05:51
 :hao7:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 37] ดวงใจที่เปราะบาง 07/05/16
เริ่มหัวข้อโดย: luckyyuyu ที่ 01-07-2016 18:08:48
เกลียดเรื่องนี้มากๆ
ไม่ชอบคนเขียนด้วย
:fire:
...คุณทำให้เราอ่านเรื่องอื่นแล้วไม่สนุกอีกเลย
กรุณารับผิดชอบด้วยการมาอัพให้ด้วยค่ะ55555
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 37] ดวงใจที่เปราะบาง 07/05/16
เริ่มหัวข้อโดย: darkside8 ที่ 16-07-2016 06:57:54
เนื้อเรื่องแปลกดี อ่านแล้วชอบครับ
อยากให้มาต่อจนจบ
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 38] ความรู้สึกในอดีตที่เลือนหาย 18/07/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 18-07-2016 15:29:32

องค์กรลวงจิต Explicit Content
 
บทที่ 38 ความรู้สึกในอดีตที่เลือนหาย

หลังจากที่ไปคุยเปิดใจกับทั้งสองฝั่งมา ผมก็ฝากความหวังไว้กับพี่โป๊ปที่รับปากว่าจะจัดการกับเรื่องของพี่บอสเอง แต่นี่ก็ผ่านไปจะเป็นเดือนแล้ว น่าผิดหวังที่ไม่มีอะไรคืบหน้ามาจากทางพี่โป๊ปเลย มิหนำซ้ำ ยังหายตัวไปหมกมุ่นอยู่กับอะไรไม่รู้ปล่อยให้ผมต้องเป็นคนช่วยดูแลพี่บอสแทน พี่บอสไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังหรอก แต่จากคนเคยตัวติดกันตลอด พอห่างกันไปจะสังเกตเห็นได้ง่ายมาก ขนาดผมยังรู้สึก แล้วตัวพี่บอสล่ะ จะเสียใจขนาดไหน  พี่บอสยิ้มน้อยลงและชอบคิดอะไรเหม่อลอยอยู่บ่อยๆ ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากที่พี่บอสเลิกสะกดจิตตัวเองให้ลืมความรักที่มีต่อพี่โป๊ปตามคำแนะนำของผม ผมทำได้แค่เอาคำพูดพี่โป๊ปบอกว่าไม่เคยมีใครและยังไม่คิดจะมีไปเล่าให้พี่บอสฟัง อย่างน้อยก็เพื่อปลอบใจไม่ให้คิดมากกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปทั้งๆ ที่จริงๆ ผมเองก็ยังสงสัยในตัวพี่โป๊ปอยู่มาก

ผมพยายามคิดในแง่ดีว่าพี่โป๊ปกำลังเร่งจัดการอะไรบางอย่างที่ทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถเป็นแฟนกันได้อยู่ แต่ก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกไปเพราะไม่อยากให้พี่บอสตั้งความหวัง ผมพยายามเคลียร์งานอื่นๆ เพื่อให้มีเวลามาอยู่กับพี่บอสมากขึ้น เอาแดนมาช่วยด้วยเพราะพี่บอสถูกชะตาและจะอารมณ์ดีขึ้นถ้าได้คุยเรื่องทำอาหารกับแดน งานสมาพันธ์ผมก็ผลักคืนไปให้พี่ก้อนดินช่วยบ้างหลังใช้ข้ออ้างเมียท้องมาอู้อยู่ได้ตั้งนาน เรื่องเรียนไม่มีอะไรผมเอาอยู่อยู่แล้ว ผมลดงานออกสื่อสร้างฐานมวลชนลงเพราะตอนนี้ทำกิจกรรมอะไรไปก็โดนข่าวอาก้องฟ้ากลบอยู่ดี

อาก้องฟ้านี่เป็นอะไรที่ฮ๊อตสุดๆ ต่อเนื่องมาหลายเดือนแล้ว เรียกว่าสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้สังคมไทยเลยทีเดียว มีทั้งคนชอบและรังเกียจ ยิ่งสองฝั่งนี้เถียงกันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้อาก้องฟ้าดังระเบิดระเบ้อยิ่งขึ้นเท่านั้น สื่อต่างๆ ก็จับตามองตลอด เรื่องที่อายกมาเล่นก็เป็นประเด็นใหญ่ๆ ทั้งนั้น แล้วกิจกรรมเพื่อสังคมก๊อกๆ แก็กๆ อย่างชวนเก็บขยะ ชวนถีบจักรยานที่ผมทำมันจะเอาอะไรไปสู้ล่ะ ยิ่งนามสกุลเดียวกัน ทำอะไรไปคนก็เอาไปเปรียบเทียบอยู่ดี เด็กมหาลัยอย่างผมจะไปสู้อาได้ยังไง ทุนทรัพย์ก็น้อยกว่า เสน่ห์แบบผู้ใหญ่อย่างอาก็ไม่มี การให้ความเห็นเวลาสัมภาษณ์ก็เทียบระดับดอกเตอร์ไม่ได้ ที่สำคัญ ผมยังใจกล้าไม่เท่าจริงที่จะโชว์ไปทั่วโลกแบบนั้น

ตอนแรกอาทำเพราะถูกบังคับก็จริงแต่หลังๆ ผมว่าอินเนอร์แล้ว พูดถึงเรื่องนี้แล้วอยากจะลุกขึ้นตบมือรัวๆ ให้กับอาตัวเองที่สร้างสถานการณ์ในการแก้ผ้าได้พระเอกมาก ผมรู้เหมือนที่พี่บอสและพี่โป๊ปรู้ว่าเกินครึ่งน่าจะเป็นการสร้างภาพของอา ทีแรกสองคนนั้นจะไม่ยอมด้วยหาว่าอาผิดเงื่อนไขตรงที่ใช้เหตุผลที่ดูดีจนไม่น่าจะอายให้สมกับเป็นการลงโทษ อาก็เถียงกลับว่าทำไมจะไม่อาย ยิ่งคนที่อยู่ในฐานะอย่างอาด้วยแล้วโคตรจะอายเลย ถ้าไม่เชื่อ งานหน้าให้มาแก้ผ้าพร้อมกับอาจะได้รู้ว่าอายหรือเปล่า สองคนนั้นเลยยอมแต่มีการแก้เก้อว่าที่ยอมเพราะเห็นว่าสิ่งที่อาทำก็มีประโยชน์กับสังคมจริงๆ ไม่ใช่แค่เป็นการทำบุญทางสายตาให้คนดูเหมือนนักโทษระดับสามคนอื่นๆ เรื่องก็เลยตกลงกันได้

ช่วงนี้ผมเลยงดกิจกรรมอื่นๆ ไปหมด อาศัยความเป็นหลานเกาะกระแสอาก้องฟ้าดังไปด้วยสบายๆ แค่เอาหนังหน้าไปมอบดอกไม้หรือโพสต์ข้อความให้กำลังใจ แค่นี้เหล่าแฟนคลับของอาที่มีตั้งแต่เด็กยันแก่ก็กรี๊ดแล้ว นึกๆ ก็อยากดังอย่างอาบ้างแต่ความใหญ่ไม่สู้อาจริงๆ เลยเอาไว้ก่อน

วันนี้ผมตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ทันตีห้าเลย เมื่อคืนนอนเร็วไปหน่อย วันนี้ผมว่างทั้งวัน ไม่มีเรียนเพราะผมลงซัมเมอร์มาเรื่อยๆ จนปีสี่เทอมสุดท้ายแทบไม่เหลือวิชาเรียนแล้ว ส่วนพี่บอสโทรมาบอกตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าวันนี้พี่โป๊ปจะให้เวลาเต็มที่เลยหนึ่งวันเลยจะไปเที่ยวกันที่อัมพวาแล้วจะค้างคืนนึงด้วย เสียงพี่บอสดีใจมากเพราะช่วงนี้พี่โป๊ปยุ่งมากจนไม่ค่อยได้ทำอะไรอย่างนี้ จริงๆ พี่บอสเคยบอกว่าตัวเองเป็นคนที่ชอบเที่ยวมาก อยากไปสถานที่สวยๆ เจอผู้คนใหม่ๆ ชิมอาหารแปลกๆ แต่เพราะตั้งองค์กรขึ้นมาตั้งแต่ตอนเข้ามหาลัย เลยต้องคอยดูแลไม่สามารถไปไหนไกลๆ ได้เลย เรื่องพบเจอเพื่อนใหม่ๆ ยิ่งแล้วใหญ่ ขนาดเพื่อนเก่ายังต้องสะกดจิตให้ลืมตัวเอง นั่นทำให้พี่บอสแทบจะเหลือพี่โป๊ปเพียงคนเดียว

พอพี่โป๊ปมาชวนไปเที่ยวอย่างนี้ ผมเลยดีใจไปกับพี่บอสด้วย นี่น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีว่าพี่โป๊ปกำลังพยายามอย่างที่บอกกับผมไว้ ถ้าทำตัวดีอย่างนี้เรื่อยๆ ผมจะเป็นคนบอกพี่โป๊ปเองว่าพี่บอสยังรักพี่โป๊ปมาโดยตลอด ไม่ใช่ตัดใจได้ไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนตามที่พี่โป๊ปเข้าใจ แล้วทีนี้เจ้าหญิงกับเจ้าชายก็จะครองรักกันอย่างมีความสุขอันเป็นตอนจบของนิทานเรื่องนี้ เรื่องต่อไปจะได้มีผมเป็นพระเอกซะที

ผมมองเวลาอีกที เหลืออีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าแดนจะตื่น นี่เพียงพอจะให้ผมไปลักหลับแดนซักหนึ่งยกหลังจากที่ว่างเว้นเรื่องนี้มานานแล้ว

ผมเดินเข้าไปในห้องนอนเล็กของคอนโดที่ผมยกให้แดนใช้แลกกับการคอยดูแลงานบ้านให้ผมจะได้ไม่ต้องไปเช่าห้องให้เปลืองเงิน แดนไม่ได้ล็อกห้องแต่ถึงล็อกผมก็มีกุญแจไขเข้าไปได้อยู่ดี ผมเปิดไฟจนสว่างโร่เพื่ออรรถรสในการลักหลับ ข้อดีของแดนคือเป็นคนหลับง่ายและถ้ายังไม่ถึงเวลาตื่นจะหลับลึกมาก เด็กอะไรเรียบร้อยกระทั่งเวลาหลับ ท่านอนหงายตัวตรงเหน็บผ้าหุ่มถึงคอสองแขนอยู่ข้างลำตัวตามระเบียบเป๊ะ ปากเผยอเล็กน้อยตาหลับพริ้มเห็นขนตายาวเป็นแพ ใบหน้าตอนหลับยิ่งเหมือนเด็กเข้าไปใหญ่ ดูไร้เดียงสาและไม่ได้รับรู้แม้แต่น้อยว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาในเวลารุ่งสาง

ผมดึงผ้าหุ่มออกอย่างเบามือ แดนยังหลับสนิทหายใจเป็นจังหวะแต่เป้ากางเกงขาสั้นตัวจ้อยที่นุ่งอยู่โป่งพองขึ้นมาอย่างที่ชายหนุ่มสุขภาพดีพึงเป็นในยามเช้า ผมคลึงเคล้นท่อนเนื้ออวบอ้วนของนิ้วก้อยน้องรักผ่านผ้าบางๆ อย่างมันมือ ความอวบใหญ่ที่คุ้นเคยทำให้ผมนอยด์นิดหน่อยที่ทำไมของใครๆ ที่ผมรู้จักถึงได้ใหญ่ยาวกว่าผมทั้งนั้น รู้สึกหมั่นไส้จนเผลอถลกกางเกงแดนออกพรวดเดียวช่วงล่างล่อนจ้อนหมด แท่งเนื้อแข็งปั๋งดีดตัวขึ้นมาสั่นงึกๆ ผมอดใจไม่ไหวที่จะเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายวิดีโอไว้ทั้งๆ ที่ผมมีคลิปแบบเดียวกันนี้ของแดนไม่รู้กี่สิบคลิปแล้ว

เมื่อวัตถุเป้าหมายอยู่ตรงหน้า ผมก็เอามืออีกข้างที่ว่างมาสาวขึ้นลงตามความยาวทันที ท่อนเนื้อสีน้ำผึ้งกับส่วนหัวแดงๆ   ตัดกับมือขาวๆ ของผมอย่างน่าดู ลำอวบๆ นี่เต็มไม้เต็มมือดีจริงๆ ผมออกจะอิจฉาแดนนิดหน่อย ถ้าของผมมันใหญ่ได้เท่านี้การโชว์หรือการชักว่าวของผมคงมีรสชาติขึ้นอีกเยอะ

ผมชักอยู่ซักพักแล้วก็สลับไปถ่ายที่บริเวณใบหน้า แดนหลับตาปี๋และทำหน้าเหยเกแบบไม่เป็นธรรมชาติ สงสัยผมจัดหนักไปนิดนึงน้องเลยรู้สึกตัว หรือไม่ก็ใกล้เวลาตื่นของแดนแล้ว นานๆ ทีแดนจะตื่นขึ้นมาระหว่างที่โดนผมลักหลับ ทุกครั้งที่รู้ตัวแดนจะแกล้งทำเป็นยังหลับอยู่แบบที่ทำอยู่ตอนนี้ซึ่งไม่ได้มีความเนียนเอาซะเลย ผมก็ไม่รู้ว่าแดนจะอายอะไรนักหนาทั้งๆ ที่ผมก็เล่นของแดนอย่างกับเป็นของตัวเองตั้งแต่ตอนแดนขับแทกซี่แล้ว ยิ่งมาอยู่คอนโดเดียวกัน ต่อให้กลางวันแสกๆ ถ้าผมนึกอยากขึ้นมาก็เรียกแดนมาล้วงซะงั้น แดนยอมแต่โดยดีแต่ก็อายหน้าแดงทุกครั้ง

ผมยิ่งเห็นแดนรู้สึกตัวแล้วก็ยิ่งแกล้งโดยการเร่งมือจนแดนกลั้นเสียงไว้ไม่อยู่ขณะที่ปลดปล่อยน้ำเชื้อสดๆ ออกมา ผมมองผลงานตรงหน้าแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ มันใสไปแล้วปริมาณก็ไม่เยอะเหมือนทุกทีด้วย ผมคาดโทษฟีฟ่าไว้ในใจ ไม่รู้ชวนแดนไปทำอะไรแผลงๆ มาอีก คงต้องเตือนกันหน่อย เด็กพวกนี้ชักจะหมกมุ่นกับเรื่องอย่างว่าเกินไปแล้ว  ผมป้ายน้ำว่าวของแดนที่ติดมืออยู่ลงบนหน้าท้องแบบราบมีลอนกล้ามเนื้อเล็กๆ ของแดน ถึงตอนนี้แดนก็ยังทำเป็นหลับอยู่ เดี๋ยวพอผมออกไปแดนก็คงลุกมาทำความสะอาดเอง

ผมกลับมาที่ห้องก็กดโทรศัพท์หาฟีฟ่าทันทีโดยไม่สนใจว่าจะเพิ่งตีห้าครึ่ง ถ้าเห็นว่าเป็นสายจากผมมันรับแน่ๆ จริงดังคาด หลังจากรอประมาณสิบตื้ด  ฟีฟ่าก็รับโทรศัพท์ด้วยเสียงงัวเงียแต่ก็แฝงความดีใจเหมือนทุกทีที่ผมโทรไป

“ฮ้าว พี่เมโทรหาผมแต่เช้าเลย วันนี้โชคดีทั้งวันแน่ๆ มีอะไรให้น้องฟีฟ่ารับใช้ฮับ”

“รับสายซะน่ารักเกินวัยไปเปล่า พี่จะโทรมาเล่นงานเราต่างหาก เอาแดนไปทำอะไรมา น้ำแห้งหมดตัวซะขนาดนี้”

“ฮะฮ่า พี่เมรู้เร็วจัง ผมเอาไอแดนไปกำหราบไอเด็กปีนเกลียวปีหนึ่งที่ชมรมมาเมื่อวาน ไอนี่มันเพิ่งเข้าชมรมมากลางปี ฝีมือดีอยู่ แต่นิสัยไม่ค่อยโอ ของใหญ่นิดหน่อยชอบโชว์กร่างตอนอาบน้ำจนพวกผมรำคาญลูกกะตากันจะแย่ ใครจะไปอยากดูของแบบนี้กัน ไม่ได้น่ารักอย่างพี่เมนี่ ผมเลยให้ไอแดนเข้าไปที่ชมรม หลอกมันว่าเป็นเด็กปีหนึ่งเหมือนกัน จะได้หักหน้ามันตอนอาบน้ำ แม่ง หน้าเสียไปเลย แต่ก็ยังโยกโย้ว่าถ้าวัดดีๆ แล้วมันยาวกว่าอย่างโน้นอย่างนี้ จนผมต้องเอาวิธีถ้วยยูเรก้าของพี่โป๊ปมายัด แดนก็ชนะเห็นๆ พยานเต็มห้องน้ำ ก็หาว่าใหญ่แต่ไม่มีคุณภาพอีก สุดท้ายมันขอท้าดวลระยะยิงไกลกับแดน แดนก็บ้าจี้รับคำท้าเฉยเลย สงสัยปฏิเสธคนไม่เป็น แข่งกันเอาสองในสาม แดนมันโดนไปสามน้ำติดมันก็เลยซีดอย่างที่เห็นแหละ”

“เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง ตกลงแดนชนะหรือเปล่า”

ผมสงสัย ปกติของแดนพุ่งแรงไม่ใช่เล่น แต่แข่งกับเด็กปีหนึ่งซึ่งคงอายุน้อยกว่าแดนหลายปีไม่รู้จะเป็นยังไง

“โอ้ย จะไม่ชนะได้ไง แค่น้ำสอง ไอน้องปีหนึ่งนั่นมันก็แค่รีดออกมาได้แบบกะปริบกะปรอยแล้ว แต่ก็ยังดื้อแพ่งจะแข่งน้ำสามอีก บอกว่าถ้าเอามาเฉลี่ยมันอาจจะพลิกมาชนะก็ได้ ดูมันสิ”

“ขำดีแฮะ อยากเห็นตอนแข่งจัง” ผมเปรย

“ผมกะไว้แล้วเลยช่วยกันถ่ายคลิปกับเพื่อนมาเป็นของขวัญให้พี่เม ได้หลายมุมกล้องเลย เดี๋ยวผมส่งให้ทางเมล์นะ”

ดีมาก ฟีฟ่าไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ผมถึงได้ชอบชมรมบาสที่สุด

“แธงค์กิ้ว น้องรัก ส่วนน้องปีหนึ่งนั่น ถ้ายังไม่ปรับปรุงตัว เดี๋ยววันหลังพี่จะชวนพี่บอสไปแวะที่ชมรม รับรองหายซ่าแน่”

“ดีเลยพี่ พวกผมอยากให้พี่กับพี่บอสมาเยี่ยมอยู่พอดี แต่ดูท่าทางคงไม่ต้องให้พี่บอสจัดการหรอก เด็กมันไม่ได้มีอะไรมาก อยากโชว์พาวเฉยๆ  ตอนนี้โดนทำโทษให้ซ้อมบาสในชุดวันเกิดทุกวันวันละครึ่งชั่วโมงไปจนกว่าจะถึงวันเกิดมันจริงๆ ก็อีกสองเดือนโน่น ว่าแต่ทำไมวันนี้พี่ตื่นเช้าจัง”

“วันนี้ไม่มีเรียน งานของทั้งสมาพันธ์แล้วก็องค์ก็ไม่มี พี่เลยจะไปไล่เก็บอะไรๆ ที่อยากทำไว้ให้หมดในวันนี้ทีเดียว”

“ว้า อยากไปเป็นเพื่อนจัง แต่ผมมีเรียนแล้วก็ซ้อมบาสด้วย”

“ถึงว่างก็ไม่ให้เราไปหรอก เรื่องส่วนตัวทั้งนั้น”

“เสียใจอ่ะ งั้นไหนๆ ก็ตื่นเช้าแล้ว มาออกกำลังกายกันเถอะ ร่างกายจะได้แข็งแรง”

“เอางั้นเหรอ จะทำอะไรล่ะ พี่มีแค่ครึ่งชั่วโมงนะ จะออกแต่เช้าเลย”

“เต้น T25 กันครับ”

“พี่เต้นไม่เป็น”

“เต้นตามผม พี่เอาไอแพดมาวางสิ เดี๋ยวผมเฟสไทม์ไปหา”

“นายแก้ผ้าเต้นนะ เหมือนคราวก่อน”

“แว๊ก คราวก่อนมันเล่นเวทก็พอไหว แต่นี่มันเต้นๆ กระโดดๆ ตลอดนะ ไม่นุ่งผ้า ไส้เลื่อนกันพอดีสิพี่เม”

“ไม่เกี่ยวกัน อันนั้นมันความเชื่อผิดๆ ไม่เอาก็ได้นะ พี่ว่าจะแก้เป็นเพื่อนซะหน่อย”

“เอาครับพี่ เอา แต่เวลากระโดดแล้วมันแกว่งเยอะ พี่อย่าขำผมนะครับ”

พอตกลงกันได้ผมก็เล่น T25 กับฟีฟ่าไปจนจบ เหนื่อยมากเหมือนกันแต่ก็เพลินดี ก็ได้โค้ชหน้าหล่อหุ่นนักกีฬาแบบฟีฟ่านี่ ยิ่งพอเหงื่อท่วมๆ ไปทั้งตัวยิ่งดูมีเสน่ห์ฟีฟ่าตบท้ายด้วยการว่าวโชว์ซึ่งเกิดขึ้นเกือบจะทุกครั้งที่เปิดกล้องคุยกัน หลังจากนั้นก็แยกย้ายไปอาบน้ำ

แต่งตัวเสร็จ ผมยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อยเลยเอาคลิปใหม่ที่ได้มาลงเครื่องคอมพ์ให้เป็นระเบียบ มีคลิปลักหลับแดนกับคลิกฟีฟ่าแก้ผ้าเต้น T25 เมื่อเช้านี้ แล้วก็คลิปแดนดวนกับเด็กปีหนึ่งชมรมบาสที่ฟีฟ่าส่งให้ ผมเอามาจัดเก็บตามหมวดหมู่ให้เป็นระเบียบ ตอนนี้คอลเลคชั่นของผมใหญ่ขึ้นมาก ผมเน้นเก็บรูปและคลิปของคนรู้จักเป็นหลัก มีทั้งถ่ายเองและคลิปขององค์กรที่พี่โป๊ปให้มาเป็นค่าจ้างทำงาน แน่นอนว่าของแดนกับฟีฟ่ามีเยอะเป็นพิเศษ แต่ก็มีของน้องๆ ชมรมกีฬาอีกหลายสิบคน ทั้งเดี่ยวทั้งกลุ่ม  ก็เป็นแบบโป๊ๆ เปลือยๆ ไม่ฮาร์ดคอร์อะไร หลังๆ ผมเริ่มสะสมผลงานของอาก้องฟ้าด้วย ชื่นชมครับว่าอาผมทั้งหล่อทั้งเก่งแถมใหญ่ด้วย

อาจจะดูว่าผมหมกมุ่นกับเรื่องพวกนี้เกินไป แต่ผมก็มีเหตุผลของผม ตั้งแต่ที่ได้คุยเปิดอกกับพี่บอสจนรู้ถึงความสัมพันธ์ซับซ้อนที่มีกับพี่โป๊ปแล้ว ผมก็ตัดสินใจที่จะเลิกหวังในตัวพี่บอส อย่างที่ผมเคยบอกว่าผมจะยอมเป็นเกย์ถ้าได้พี่บอสมาเป็นแฟน หรือถ้าจะพูดให้เท่ๆ แบบพระเอกในนิยายวาย ก็จะต้องบอกว่า ผมไม่ได้เป็นเกย์ เพียงแต่คนรักของผมเป็นผู้ชายแต่ในเมื่อผมหมดสิทธิ์เรื่องพี่บอสแล้ว ผมจะเป็นเกย์ไปทำไมล่ะ ผมรู้ตัวดีว่าชมชอบในสรีระของผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แต่ผมก็ยังมีอะไรกับผู้หญิงได้ ในขณะที่ยังไม่มีอะไรเป็นเรื่องเป็นราวกับผู้ชาย ผมว่าผมควรจะเลิกทำอะไรแบบนี้แล้วกลับไปเป็นผู้ชายปกติดีกว่า

อย่าเข้าใจผมผิดนะ ผมไม่ได้เกลียดเกย์ หรือรังเกียจความเป็นเกย์ถ้าจะเป็นซะเอง แต่ถ้าเลือกได้ เป็นผู้ชายปกติไม่ดีกว่าเหรอ ช่วงนี้เลยเป็นช่วงที่ผมตั้งใจทำอะไรๆ แบบเกย์ๆ ให้เต็มที่ อะไรที่เคยอยากรู้อยากลองจัดไปให้หมด เอาให้เอียนท่อนเอียนดุ้นกันไปเลย พอเบื่อจนได้ที่แล้วจะได้เลิกไปเอง ฟีฟ่ากับแดนรับบทหนักหน่อยแต่มันก็เข้าใจผมดี ผมทำอย่างนี้มาซักระยะนึงแล้ว ถึงตอนนี้ผมจะยังรู้สึกสนุกตื่นเต้นกับมันอยู่ แต่พอถึงจุดๆ หนึ่งผมคาดว่าผมจะเบื่อแน่ๆ หักโหมซะขนาดนี้

ช่วงเช้าผมมีนัดกับชมรมว่ายน้ำ ทั้งทีมมีการฝึกซ้อมตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า คงได้ทำอะไรเสียวๆ กันหลังซ้อมบ้าง ผมชอบหุ่นนักว่ายน้ำซะจริงๆ ช่วงไหล่ช่วงอกกล้ามเนื้อหนาใหญ่ตัดกับช่วงเอวช่วงสะโพกที่สอบได้รูป เหมือนพวกการ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่ยังไงยังงั้นเลย สายๆ อาจจะไปหาจุดเหมาะๆ ในมหาลัยถ่ายรูปเอ๊าท์ดอร์ แล้วตอนเที่ยงๆ ค่อยไปโชว์ในห้องน้ำที่ศูนย์เรียนรวมที่มีพวกเด็กปีหนึ่งเยอะๆ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 38] ความรู้สึกในอดีตที่เลือนหาย 18/07/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 18-07-2016 15:31:53
สำหรับเย็นนี้ผมมีนัดพิเศษครับ ผมแอบมาทำสิ่งที่ไม่อยากบอกใคร แดนกับฟีฟ่าไม่รู้ พี่บอสก็ไม่รู้ อาจจะมีพี่โป๊ปที่เคยพูดเป็นนัยๆ ว่าแกรู้เรื่องนี้แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของผม ยังจำน้องวิศวะอีกมหาลัยนึงที่เป็นติดพนันบอลจนต้องขายตัวได้ไหมครับ น้องเขาช่วยให้ข้อมูลสำคัญจนเราจัดการเรื่องโกลคลับของอาก้องฟ้าได้สำเร็จ ไม่งั้นคงต้องเสียเวลาสืบอีกนาน นอกจากจะได้รับการชดเชยความเสียหายตามที่องค์กรกำหนดด้วยเงินก้อนโตจากอาก้องฟ้าไปแล้ว อาก้องฟ้ายังหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยบำบัดอาการติดการพนันให้กับเหยื่อที่ถูกโกลคลับล่อลวงด้วย น้องเขาก็เข้ารับการบำบัดเหมือนกัน

ที่ผมแอบนัดเจอกับน้องบ่อยๆ ก็เพราะติดใจครับ อะไรที่ผมไม่กล้าทำกับคนอื่น ผมจะมาลองกับน้องเค้าหมด บอกตรงๆ ว่าลืมไม่ลงจริงๆ กับตอนที่โดนน้องเขาดูดเลียเท้าผม ทั้งเสียวทั้งจั๊กกะจี้อย่างบอกไม่ถูก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเท้าก็กระตุ้นความต้องการทางเพศได้ขนาดนี้  ทีแรกผมก็กลัวว่าตัวเองจะเป็นพวกจิตวิปริตหรือเปล่า แต่พอลองไปศึกษาดูก็พบว่าคู่รักชายหญิงบางคู่ก็ชอบเล่นแบบนี้เหมือนกัน ผมประทับใจที่น้องเขาทำให้ผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอโดยไม่รังเกียจ ต่อไปถ้าผมมีแฟนเป็นผู้หญิง แฟนผมเขาจะทำแบบนี้ให้ไหมนะ คงต้องตักตวงโอกาสนี้ให้เต็มที่ เอาให้เบื่อเร็วๆ นี่เป็นสาเหตุที่ผมนัดเจอน้องเขาค่อนข้างบ่อย

น้องรออยู่ในห้องของโรงแรมที่นัดเจอกันแล้ว ดูหน้าตาสดใสขึ้น ไม่โทรมเหมือนครั้งแรกที่เจอ แสดงว่าการบำบัดเป็นไปได้ด้วยดี หล่อแมนจนรู้สึกเสียดายประวัติน้องที่ต้องมาเสียเพราะการพนัน
 
“พี่เม ผมคิดถึงพี่จังเลย”

น้องดึงตัวผมไปแล้วก้มหน้ากระซิบข้างหูผม

“ไม่เอาครับ อย่าเรียกชื่อพี่ เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่เรียกชื่อกัน พี่ไม่อยากให้เกิดความผูกพันระหว่างเรา อย่าหาว่าพี่เย็นชาเลยนะ แต่พี่คงทำแบบนี้ไปอีกไม่นาน พอถึงเวลาที่จากกัน จะได้ไม่มีใครเสียใจ คิดซะว่าพี่เป็นลูกค้าคนนึงแล้วกัน”

ผมย้ำเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน ไม่อยากให้น้องมายึดติดอะไรกับผมมาก

“ใจร้ายเหมือนเดิมเลยนะครับ แต่ไม่เป็นไร ก็พี่เป็นลูกค้าคนพิเศษของผมนี่ แค่พี่ไม่รังเกียจผม ผมก็ดีใจแล้ว”

น้องหน้าจ๋อยไปนิดนึง แต่แล้วก็สบตาผมแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“แต่ผมจะทำทุกอย่างให้พี่ติดใจ วันนั้นจะได้มาถึงให้ช้าที่สุด”

ผมติดใจน้องเขามากจริงๆ นั่นแหละ แต่ที่น้องไม่รู้คือผมยังมีแดน มีฟีฟ่า แล้วก็เด็กๆ ชมรมกีฬาอีก เพราะงั้นผมคงเบื่อเรื่องแบบนี้เร็วกว่าที่น้องเขาคิดแน่

“แล้วรักษาไปถึงไหนแล้ว”

ถึงจะไม่อยากผูกพันมาก แต่ผมก็อดเป็นห่วงคนตรงหน้าไม่ได้อยู่ดี ก็อาของผมเองเป็นคนทำให้ชีวิตเด็กหนุ่มอนาคตสดใสคนนึงต้องมาเป็นอย่างนี้นี่ คนติดการพนันขนาดนี้ มันไม่ใช่เรื่องความโลภอย่างเดียว แต่เป็นอาการทางกายและจิตร่วมกันจนเกิดการเสพติด ความตื่นเต้นที่เกิดจากการเล่นพนันทำให้สารเคมีบางอย่างในสมองหลั่งออกมาจนเป็นความเคยชิน พอหยุดกระทันหันเลยเกิดอาการลงแดงเหมือนคนติดยาจริงๆ

“ก็ดีขึ้นครับ หมอให้ยามาช่วยด้วย แล้วก็มีกิจกรรมบำบัดต่างๆ มาทดแทนการเล่นพนัน ก็พอบรรเทาไปได้บ้าง”

“คงต้องใช้เวลาซักพักแหละ ติดมาเป็นปี พี่เอาใจช่วยนะ แล้วนี่ยังรับงานอยู่อีกเหรอ ตอนนี้ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินแล้วนี่”

“ก็รับบ้างครับ จะเลิกไปเลย ลูกค้าประจำก็ไม่ยอม ผมก็ไม่ได้เอาตังค์แล้ว เขาก็เลี้ยงข้าวหรือซื้อของมาให้แทน เหมือนเป็นเซ๊กส์เฟรนด์กันมากกว่า อีกอย่าง มันช่วยให้ผมลืมความอยากเล่นพนันบอลได้ดีเลยล่ะ”

“จริงๆ พี่อยากให้เลิกนะ แต่ตัวเองก็ใช้บริการเราอยู่ เลยพูดไม่ได้เต็มปาก”

“พี่ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก ผมผ่านอะไรมาเยอะแล้ว ต่อจากนี้ถือเป็นกำไรชีวิต ยังไงเทอมนี้ผมก็ต้องดร็อปอยู่แล้ว ขอทิ้งทวนซะหน่อย ก่อนจะกลับไปเรียนต่อ ไม่เอาแล้ว พี่อย่าชวนคุยสิ เดี๋ยวเวลาสนุกมีน้อย”

น้องไม่ยอมเสียเวลาอีกเข้าจู่โจมทันที ผมรู้ว่าน้องเขาช่ำชอง แต่ถึงขนาดปลดเสื้อผ้าตัวเองกับเสื้อผ้าผมไปพร้อมๆ กันนี่มันเก่งเกินไปจริงๆ น้องมองผมที่เปลือยไปทั้งตัวด้วยแววตาที่โคตรหื่นแล้วลงลิ้นไปตามจุดต่างๆ บนตัวผมทันที น้องเขาใช้ปากโคตรเก่ง จะอมเลียดูดดึงดุนฉกเทคนิคแพรวพราวไปหมด แค่เอาลิ้นลากไปตามสีข้าง ผมก็ขนลุกชันไปทั้งตัวแล้ว ที่ๆ ผมไม่คิดว่าจะเป็นจุดกระตุ้นอารมณ์ได้น้องก็เอามาใช้ประโยชน์ได้หมด ขนาดง่ามแขน ง่ามขา ข้อพับ รักแร้ ก็ยังทำเอาผมเกร็งไปทั้งตัว เพราะงั้นไม่ต้องพูดถึงจุดยอดนิยมอื่นๆ

น้องยกขาผมขึ้นจนเท้าอยู่ในระดับสายตาแล้วแลบลิ้นเลียริมฝีบางตัวเองด้วยท่าทางที่ลามกอย่างบอกไม่ถูก

“เจ้านายครับ อยากให้ทาสคนนี้ทำอะไรสั่งมาได้เลย”

น้องเขาชอบเล่นเป็นทาสครับ โดนมาเยอะจนรสนิยมเปลี่ยน ว่าไงว่าตามกันครับ ครึ้มๆ ใจดีเหมือนกัน ผมชี้ไปที่เท้าตัวเองแล้วกระดกปลายเท้าขึ้น วางท่าเป็นเจ้านายสุดๆ น้องรับคำสั่งแล้วลากลิ้นไปตามฝ่าเท้าผมทันที น้องเอาลิ้นไล่ฉกไปตามซอกนิ้วทำเอาผมเสียวซ่านจนตัวแทบบิด นิ้วเท้าแต่ละนิ้วถูกน้องดูดเลียอย่างเอร็ดอร่อย เสียงแจ่บๆ ดังอยู่ตลอดเวลา ผมรู้สึกเหมือนครั้งนี้ยิ่งเสียวกว่าครั้งที่ผ่านๆ มาอีก น้องเลียสูงขึ้นมาเรื่อยๆ ไปตามท่อนขาจนผมนึกขำทั้งๆ ที่ยังเสียวซ่านแทบขาดใจว่าไอที่เขาเรียกว่าเลียแข้งเลียขามันเป็นอย่างนี้หรือเปล่า ผมเพลิดเพลินไปกับลีลาที่ช่ำชองของน้องจนมารู้สึกตัวอีกทีก็ถูกน้องยกขาแยกออกจากกันแล้ว ผมผงกหัวขึ้นมาดูก็เห็นใบหน้าของน้องจ่ออยู่ที่ช่องทางด้านหลังของผมแล้ว

“มะ ไม่เอา”  เสียงตัวเองที่เปล่งออกมันระทวยจนผมตกใจ

“ลองนิดนะพี่ ตรงนี้เสียวสุดแล้ว ก้นพี่ขาวเนียนขนาดนี้ ผมอยากละเลงลิ้นให้ใจจะขาดแล้ว ไว้ใจผมเถอะครับ”

ใจนึงผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอายจริงๆ ที่จะให้ใครมาเลียก้นให้แบบนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากลองให้สุดๆ ไปเลยซะตอนนี้ พอเลิกทำอย่างนี้ไปมีแฟนเป็นผู้หญิง จะได้ไม่มานั่งคาใจว่ารู้สึกยังไง

ผมพยักหน้าให้น้องแล้วเอาหมอนปิดหน้าด้วยความอาย น้องจับขาผมแยกให้กว้างขึ้นแล้วดันไปข้างหน้า ท่านี้คงทุเรศน่าดูดีที่ผมไม่ต้องเห็นตัวเองในสภาพนี้ เอาหมอนปิดหน้าซะก็ปลอดภัย แล้วผมก็สะดุ้งเฮือกเมื่อลิ้นอุ่นๆ แข็งแรงของน้องฉกลงไปที่รู้ก้นของผม เชี่ย เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยเสียวแบบนี้มาก่อน ลิ้นน้องเขาทั้งลากทั้งฉกจนตัวผมจะบิดเป็นเลขแปดอยู่แล้ว หัวใจผมเต้นถี่ด้วยความตื่นเต้น อดไม่ได้ที่จะจับเมธัสน้อยมาสาวเอาๆ จนกระฉูดเต็มหน้าน้องที่เงยหน้ามามองพอดี

น้องหัวเราะแล้วเลียน้ำที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากเข้าไป

“เสียวมากขนาดนั้นเลยเหรอพี่ บอกผมก่อนก็ได้ ให้ผมใช้ปากให้ มีผมอยู่ทั้งคนพี่ไม่น่าต้องมาเมื่อยมือเองเลย”

“ถ้าเราดูดให้พี่ก็ไม่ได้เลียก้นสิ”

น้องดีดนิ้วดังเปราะ

“คราวหน้าให้ผมพาเพื่อนมาด้วยเอาไหม มันไว้ใจได้ หล่อเข้มๆ หุ่นล่ำๆ หน่อย ไม่รู้พี่ชอบแบบนั้นหรือเปล่า แต่รับรอง สนุกคูณสองแน่”

นี่มันจะเลยเถิดไปใหญ่แล้ว หรือว่าควรตกลงดี จะได้เบื่อเร็วๆ

“ไม่ไหวมั๊ง แค่นี้ก็เสียวจะขาดใจแล้ว”

“พี่อยากลองเสียวกว่านี้อีกไหม ให้ผมเสียบสิ รับรองฝีมือระดับผม ไม่เจ็บ มีแต่มัน”

น้องไม่พูดเปล่า พยายามเอานิ้วกลางแทรกเข้ามาที่ประตูหลังผม ผมขมิบกั้นทันที

“เฮ้ย อย่ามาเนียน พี่บอกแล้วไงว่าพี่ไม่ใช่เกย์”

น้องมองหน้าผมแล้วยิ้มแปลกๆ

“ครับ ไม่เอาก็ไม่เอา ผมตามใจพี่อยู่แล้ว แล้วพี่อยากเอาผมไหมครับ  ผมยอมพี่ทุกอย่างเลย พี่ดูสิ ก้นผมน่าเอาใช่ไหมล่ะ”

น้องขึ้นไปนอนฉีกขาบนเตียงอย่างยั่วยวน พอเห็นผู้ชายแมนๆ ด้วยกันมาทำท่าร่านๆ ใส่อย่างปรารถนาในความเป็นชายของผมแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกมีอำนาจอย่างบอกไม่ถูก นี่ละมั๊งเขาถึงบอกว่าชายได้ชายคือยอดชาย ผมฉีกถุงยางมาสวมน้องชายที่แข็งรอตั้งแต่แรกแล้ว น้อยใจเหมือนกันที่ของๆ ผมถึงจะได้มาตรฐานแต่ก็ดูจะเล็กกว่าคนรอบตัวไปหมดไม่เว้นแม้แต่คนตรงหน้า แต่ไม่เป็นไร จะใหญ่ยังไงผมก็ได้เป็นคนเสียบอยู่ดี

ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้ขึ้นมาตั้งใจจะถ่ายคลิปให้เห็นหน้าหล่อๆ ที่ต้องเหยเกอย่างเสียวซ่านตอนถูกผมเอา แต่ยังไม่ทันจะเปิดถ่ายวีดิโอก็มีเสียงเรียกเข้าจากสายที่ผมไม่รับไม่ได้เข้ามาเสียก่อน

“มอม พี่ไม่ไหวแล้วว่ะ ช่วยมาหาพี่ที”

เสียงพี่บอสในโทรศัพท์สั่นเครือ เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ เพิ่งกลับจากไปเที่ยวกับพี่โป๊ปมา น่าจะอารมณ์ดีแท้ๆ พี่บอสตัดสายไปในทันที โทรกลับไปหาก็ไม่รับ ผมรีบออกมาทันทีบอกน้องที่กำลังเบิกทางให้ตัวเองอยู่ว่าจะชดเชยให้วันหลัง ผมโทรหาแดนบอกว่าเรียนเสร็จให้ตามไปเจอกันที่ห้องพี่โป๊ปผมจะล่วงหน้าไปก่อน พอไปถึง ผมก็เห็นพี่บอสนั่งซึมอยู่คนเดียว ส่วนพี่โป๊ปซึ่งผมเดาว่าเป็นตัวต้นเหตุไม่อยู่ที่ห้อง

“เป็นอะไรไปพี่ แล้วพี่โป๊ปไปไหนล่ะ เพิ่งกลับมาจากอัมพวาด้วยกันไม่ใช่เหรอ”

“มันไปแล้ว” พี่บอสตอบด้วยท่าทางซึมๆ

ผมขมวดคิ้ว ไปไหนล่ะ กลับไปทำงานเหรอ ขยันจริงๆ กลับมาจากเที่ยวก็ทำงานต่อเลย แต่ก็เป็นเรื่องปกติของพี่โป๊ปในช่วงหลังๆ ไม่ใช่เหรอ

“กลับเข้าไปทำงานต่อเลยเหรอ คงมีงานเร่งมั๊ง ก็เมื่อวานพี่เขามาอยู่กับพี่บอสทั้งวันนี่”

“โป๊ปมันบอกว่าจะไม่อยู่ซักพัก ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ  อาจไม่ได้ติดต่อกลับเท่าไหร่ งานอะไรก็ไม่บอก ไม่รู้สิ พี่สังหรณ์ใจแปลกๆ ว่าจะไม่ได้เจอมันอีก  ยิ่งมันบอกว่าไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่พี่ยิ่งใจหาย กลัวมันจะไม่กลับมาอีก กลัวมันจะไปอยู่กับครอบครัวที่โน่นอย่างที่พ่อแม่มันขอร้องมาตลอด เรื่องงานอาจเป็นแค่ข้ออ้าง มันไม่เคยต้องไปทำโปรเจกต์อะไรที่เมืองนอกอย่างนี้มาก่อน”

“ไม่น่ามีอะไรหรอกพี่ งานพี่เขาขยายมากขึ้น ก็อาจจำเป็นต้องมีไปอย่างนี้บ้าง”

ผมปลอบ แต่ก็เข้าใจนะว่าทำไมพี่บอสถึงได้คิดมาก ก็สองคนนี้ไม่เคยจะห่างกันมาก่อน ไหนจะความเปลี่ยนแปลงในช่วงหลังของพี่โป๊ปอีกล่ะ  พี่บอสที่ไม่ได้สะกดจิตตัวเองแล้วเลยดูจะเปราะบางอ่อนไหวเป็นพิเศษ

แดนมาถึงพอดี หอบข้าวของมาเต็มมือซึ่งล้วนแต่เป็นวัตถุดิบในการทำอาหาร เป็นไอเดียของผมเองที่ให้แดนมาชวนพี่บอสทำอาหารจะได้เลิกคิดฟุ้งซ่าน งั้นจัดปาร์ตี้เลยดีกว่า ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจจะโทรตามจอม ฟีฟ่า แล้วก็น้องชมรมกีฬาอีกสองคนที่ไปลุยโกลคลับมาด้วยกัน พวกนี้คุ้นเคยกับพี่บอสแล้ว เดี๋ยวมีเหล้ามีไวน์ซะหน่อยพี่บอสน่าจะร่าเริงเหมือนเดิม ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นข้อความแจ้งเตือนว่ามีไลน์จากพี่โป๊ปเข้ามา สงสัยมัวแต่คุยกับพี่บอสเลยไม่ได้เช็คดู

เบอร์หนึ่ง : กูไม่อยู่แล้ว ดูแลบอสด้วย

ผมเอะใจแปลกๆ บอกว่าไม่อยู่แล้ว นี่มันนานแค่ไหนกันล่ะ สงสัยจะคิดมากตามพี่บอสไปแล้ว ผมพิมพ์ถามอะไรไปก็ไม่อ่านไม่ตอบ ผมพยายามสลัดความคิดนี้ทิ้งไปแล้วเข้าไปช่วยเตรียมงานปาร์ตี้
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 38] ความรู้สึกในอดีตที่เลือนหาย 18/07/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 18-07-2016 15:34:56
หลังจากวันนั้นมาหลายวัน สถานการณ์ฝั่งพี่บอสก็ยังไม่ดีขึ้น พี่โป๊ปหายไปเลย ไม่มีใครสามารถติดต่อได้ ไม่มีใครรู้ว่าพี่โป๊ปไปทำงานที่ประเทศไหน อันที่จริง ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าพี่โป๊ปไปต่างประเทศจริงหรือเปล่า มีเพียงข้อความที่ประกอบด้วยวงกลมวงเดียวส่งผ่านไลน์มาจากพี่โป๊ปถึงพี่บอสวันละครั้ง

“o”

พี่บอสเองก็ไม่รู้ว่าความหมายของวงกลมเล็กๆ ที่ได้รับ และไม่ว่าจะถามอะไรไป พี่โป๊ปก็ไม่เคยตอบกลับ แต่ข้อความที่ว่าก็มาอย่างสม่ำเสมอทุกวัน อย่างน้อยก็ทำให้ทุกคนสบายใจขึ้นบ้างว่า คงไม่ได้เกิดอะไรร้ายแรงกับพี่โป๊ป

เหตุการณ์ผ่านไปได้สองสัปดาห์ซึ่งผมคิดว่ามันนานเกินไปเลยยุให้พี่บอสบุกถึงบริษัทที่โป๊ปเพื่อจะได้ถามข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องงานที่พี่โป๊ปไปทำ ยิ่งถ้ามีคนที่บริษัทไปกับพี่โป๊ปด้วย ก็อาจจะติดต่อกันผ่านทางคนนั้นได้

พี่บอสทำตามที่ผมบอกแต่ก็ดูไม่มีกระจิตกระใจสักเท่าไหร่ พอไปถึงก็เจอคนที่พี่บอสบอกว่าเป็นลูกน้องที่พี่โป๊ปสนิทมากพี่บอสเลยคลายล๊อคจิตให้จำตัวเองได้

“อ้าว พี่บอส ไม่เจอกันนานเลยครับ ผมนึกว่าพี่ไปเที่ยวกับเฮียโป๊ปซะอีก เห็นมาลางานกับน้องๆ เป็นเดือน”

พี่บอสถามกลับอย่างงงๆ

“อ้าว โป๊ปมันไม่ได้ติดงานใหญ่อยู่เหรอ เห็นวุ่นตั้งแต่สองสามเดือนก่อนแล้ว”

“งานใหญ่อะไรล่ะครับ หลายเดือนมานี้พี่โป๊ปไม่ให้รับโปรเจ็คเพิ่มเลย พวกผมเลยสบาย คนลาไปเที่ยวกันเยอะแยะ มีช่วยงานส่วนตัวเฮียกันบ้างแต่ก็ไม่หนักเท่าไหร่ เฮียทำเองเป็นหลัก”

“ถ้าไม่ได้ยุ่งงานที่รับจากลูกค้าก็คงงานส่วนตัวนั้นนั่นแหละ โป๊ปบอกว่าจะขยายระบบให้ใหญ่ขึ้น ใช้เงินเยอะจังนะ ระบบคอมพิวเตอร์แบบนี้ แต่ก็นะ มีผู้ใช้เป็นหลายพันคนเลยนี่”

อันนี้พี่บอสคงหมายถึงระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กร เห็นว่ากำลังต้องขยายความสามารถขึ้นอีก พี่บอสเล่าว่าต้องใช้เงินเยอะมากจนองค์กรเกือบเจ๊ง ต้องไปหานายทุนมาเป็นสปอนเซอร์ให้ พี่บอสพึมพำจำนวนเงินมหาศาลก้อนนั้นออกมาจนลูกน้องของพี่โป๊ปได้ยิน

“ไม่ใช่แล้วล่ะพี่ คนใช้งานไม่กี่พันคนเองนี่นะ ถ้ามีเงินขนาดนั้นแล้วให้เฮียเป็นคนทำระบบ คงลองรับได้เป็นหลายสิบล้านคนเลยมั๊ง”

ลูกน้องพี่โป๊ปหัวเราะกับจำนวนเงินที่ได้ยิน พี่บอสหน้าซีดเผือดแล้วนิ่งไป ผมสอบถามพี่ลูกน้องพี่โป๊ปต่อจนมั่นใจว่าไม่มีใครรู้ว่าพี่โป๊ปหายไปไหนและไม่ได้ไปเรื่องงานแน่ๆ ก็พาพี่บอสกลับ พี่บอสมีท่าทีสับสนกังวลใจ

“มอมแมม พี่ไม่เข้าใจ โป๊ปโกหกเหรอ ถ้าไม่ได้ใช้ทำระบบให้องค์กร แล้วโป๊ปเอาเงินมากมายขนาดนั้นไปทำไม ทั้งเงินขององค์กร เงินของสปอนเซอร์ที่ให้มา แล้วตอนนี้ตัวมันเองไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้”

ผมอยากจะปลอบใจพี่บอสแต่ก็พูดไม่ออก ถ้าเป็นเรื่องของคนอื่นผมคงฟันธงไปได้เลยว่าพี่บอสโดนหลอกเอาเงินแล้วถูกทิ้งให้รับผิดชอบปัญหาคนเดียว แต่ในเมื่ออีกฝั่งเป็นพี่โป๊ป ถึงจะไม่รักพี่บอสแต่ก็ไม่น่าจะทำกับเพื่อนตัวเองขนาดนี้ มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ ในความรู้สึกของผม

“ผมว่าเรื่องมันไม่ใช่อย่างที่เราคิดหรอก เอางี้ไหม ระหว่างที่รอพี่โป๊ปกลับ เราไปตามล่าพวกหล่อเลวที่อยู่ในบัญชีที่ต้องถูกจัดการขององค์กรกันดีกว่า พี่จะได้ไม่ต้องคิดมาก พอได้ตัวมาเรามาคิดวิธีลงโทษแบบใหม่ๆ กันดีกว่า”

พี่บอสดูเนือยๆ แต่ก็ยอมทำตามที่ผมบอกโดยหยิบแทปเล็ตที่ใช้เช็คงานขึ้นมา แต่พอแตะๆ จิ้มๆ ไปได้ซักพักพี่บอสก็ขมวดคิ้ว

“ทำไมพี่เข้าระบบขององค์กรไม่ได้ ไม่สิ ก็เข้าได้แต่เหมือนไม่มีสิทธิเจ้าไปดูรายละเอียดนักโทษ หรือเป้าหมายที่เราต้องไปจัดการเลย ปกติรหัสพี่เข้าได้หมดทุกอย่างเทียบเท่าโป๊ปเลยนะ”

“หรือระบบจะเสีย เดี๋ยวผมลองเข้าของผมดูนะ”

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าระบบขององค์กรที่ผมยังได้รับสิทธิแค่เป็นสมาชิกคนหนึ่ง ก็เข้าได้ปกติ ดูหมวดขายคลิป หมวดประมูลทาส ก็ทำงานได้เหมือนเดิม

“ของผมเข้าได้ปกติพี่”

พอเห็นแววตาเจ็บปวดของพี่บอสแล้วผมก็นึกเสียใจที่ไม่ได้โกหกพี่เขาไป

“มึงพรากหัวใจกูไปแล้ว ยังจะมาพรากองค์กรที่เราสร้างขึ้นมาอีกหรือโป๊ป”

พี่บอสหลับตาพูดกับตัวเอง ในใจคงปวดร้าวจนผมจินตนาการไม่ออก ไม่กล้าพูดปลอบใจอะไรออกไปอีก


-----------------



เวลาล่วงเลยไปกว่าเดือนแล้วที่พี่โป๊ปหายตัวไป พี่บอสกลับไปมีทีท่าสงบนิ่งไม่เศร้าซึมเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ แต่เป็นความสงบนิ่งที่ใช้คำว่าไร้วิญญานอาจจะถูกต้องกว่า จนถึงตอนนี้ พี่บอสก็ยังกลับไปเข้าระบบขององค์กรไม่ได้ ไม่มีพี่โป๊ป ไม่มีองค์กร พี่บอสก็เหมือนกับไม่ใช่พี่บอสคนเดิม ผมและพวกน้องๆ ช่วยกันทุกวิถีทางที่จะทำให้พี่บอสร่าเริงขึ้นมาบ้าง สิ่งที่พวกเราได้รับกลับมาคือรอยยิ้มแสแสร้งที่หลอกเด็กอนุบาลยังไม่ได้ ข้อความวันละครั้งที่ได้รับจากพี่โป๊ปคือสิ่งเดียวที่หล่อเลี้ยงพี่บอสไว้ถึงแม้มันจะมีแค่ตัวอักษร “o” และ “x” ซ้ำๆ ที่หาความหมายอันใดไม่ได้ก็ตาม

พวกผมไม่อยากให้พี่บอสคิดถึงพี่โป๊ปอยู่ตลอดเวลาจึงคิดกันว่าน่าจะจัดห้องใหม่เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ พี่บอสดูจะไม่ใส่ใจเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ห้าม ผ้าม่านสีสดใสถูกนำมาเปลี่ยนแทนของเดิมสีเทาขรึมที่สะท้อนบุคลิคของพี่โป๊ปมากไปหน่อย เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นถูกสับเปลี่ยนด้วยความหวังจะชดเชยความร่าเริงที่หายไปจากห้อง โต๊ะทำงานพี่โป๊ปเป็นจุดที่โดนเพ่งเล็งมากที่สุดเพราะทำให้แววตาพี่บอสหม่นลงทุกครั้งที่หันไปมอง แดนมาช่วยเก็บของพี่โป๊ปให้เป็นระเบียบแล้วกำลังหาทางซ่อนไว้หลังฉากตกแต่งบ้านดีไซน์แปลกตาที่เตรียมมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

“พี่เม ผมเจอกระดาษแผ่นนี้หล่นมาจากกองหนังสือของพี่โป๊ป ไม่รู้เดิมมันถูกสอดไว้ในหนังสือเล่มไหน ถ้าเก็บไม่ถูกที่เดี๋ยวพี่โป๊ปกลับมาหาไม่เจอ ไม่รู้สำคัญหรือเปล่า”

ผมรับกระดาษแผ่นนั้นมาดู ขอบกระดาษเริ่มเหลืองนิดๆ บ่งบอกถึงเวลาที่คงล่วงเลยมาหลายปี ข้อความที่ดูเหมือนจะไม่สำคัญแต่มันช่างสำคัญเหลือเกินในความรู้สึก ผมไม่รู้ว่ามันจะทำให้เรื่องดีขึ้นหรือแย่ลง รู้แต่ว่าผมต้องเอามันไปให้พี่บอสดู

[บอส]

ผมรับกระดาษแผ่นนั้นมาจากมอมแมม ลายมือหนักแน่นดูคุ้นเคยถึงแม้ไม่ได้เห็นบ่อยนักเพราะเจ้าของเป็นคนที่ชอบพิมพ์ในคอมพิวเตอร์มากกว่าจะมาเขียนอะไรลงบนกระดาษอย่างนี้

“ผมเป็นคนไอที คอมพิวเตอร์เปรียบเสมือนร่างกายของผม ดิจิตอลก็เหมือนโลกของผม ในโลกนั้นมีเพียงตัวเลขสองตัว เลขศูนย์มีเพียงเลขหนึ่ง เลขหนึ่งก็มีเพียงเลขศูนย์ เลขสองตัวเป็นทุกอย่างของกันและกัน เลขสองตัวนั้นสามารถร่วมสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ มากมายในโลกดิจิตอล เบอร์ศูนย์กับเบอร์หนึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงก็เช่นกัน เบอร์ศูนย์เป็นทุกๆ อย่างของผม และผมก็เป็นทุกๆ อย่างของเบอร์ศูนย์ ถึงเบอร์ศูนย์อาจจะไม่รู้ตัวก็ตาม เบอร์ศูนย์และเบอร์หนึ่งร่วมกันสร้างสิ่งมหัศจรรย์อย่างองค์กรขึ้นมา เราจะทำให้โลกดีขึ้น และนี่คือความหมายที่แท้จริงของเบอร์ศูนย์และเบอร์หนึ่ง ในมุมมองคนไอทีอย่างผม

ผมเป็นคนไอที...
ผมเป็นเบอร์หนึ่ง...
ถ้าคอมพิวเตอร์เปรียบเสมือนร่างกาย..
เบอร์ศูนย์ก็คงเป็นเหมือนจิตวิญญาณ...”

ผมน้ำตาซึม ไม่รู้ว่าโป๊ปเขียนบันทึกนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มันคงนานจนความรู้สึกเลือนหายไปกับกาลเวลาแล้วใช่ไหม ถึงยังไงผมก็ดีใจที่รู้ว่าครั้งหนึ่งเราก็เคยมีความรู้สึกที่ตรงกัน  ไม่ว่าวันนี้โป๊ปจะไปเพราะอะไรก็ตาม ผมก็ต้องขอบคุณที่ยอมเสียเวลามาช่วยให้ความฝันของผมเป็นจริง

ในด้านสว่าง องค์กรคือความฝันของผมที่จะใช้พลังที่ได้รับจากพ่อมาช่วยเหลือผู้คน ในด้านมืด องค์กรคือที่ที่ผมใช้ปลดปล่อยความปรารถนาซ่อนเร้นที่ไม่อาจทำได้อย่างถูกศีลธรรม ทั้งสองอย่างเป็นแรงผลักดันให้ผมทำงานขององค์กรอย่างหนักแม้จะเหนื่อยเพียงใดก็ตาม แต่โป๊ปไม่ใช่ โป๊ปทำองค์กรเพราะผม และนี่มันก็มากเกินกว่าที่คนๆ หนึ่งจะทำให้กับเพื่อนได้ มันคงถึงเวลาที่โป๊ปต้องไปทำตามความฝันของตัวเองซะที ถึงแม้โป๊ปจะจากไปด้วยของที่สำคัญที่สุดสองอย่างในขีวิตของผม แต่ผมก็มีความรู้สึกดีๆ ให้มันเสมอ หวังว่าสักวันหนึ่งเมื่อมันกลับมา ผมจะเป็นเพื่อนกับมันได้อย่างบริสุทธิ์ใจ

[TBC]

-------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 38] ความรู้สึกในอดีตที่เลือนหาย 18/07/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 18-07-2016 15:56:19
หายไปนานมากๆๆๆ

ไม่ขอแก้ตัวอะไร แต่บทท้ายๆ เขียนยากมากจริงๆ
ถ้ายังมีคนอ่านเหลืออยู่บ้าง ก็ติดตามกันต่อได้เลยนะครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะหายไปไหน เพราะเขียนจนจบแล้ว
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 39] สิ่งที่อยากทำเป็นครั้งสุดท้าย 18/07/16
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 18-07-2016 15:58:47
หวังว่าเหตุผลของโป๊ปจะเพียงพอนะ
ส่วนน้องเมจะเสียซิงเร็วๆ นี้หรือเปล่า  :laugh:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 39] สิ่งที่อยากทำเป็นครั้งสุดท้าย 18/07/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 18-07-2016 16:03:38


องค์กรลวงจิต Explicit Content
 
บทที่ 39 สิ่งที่อยากทำเป็นครั้งสุดท้าย

ชายหนุ่มจ้องมองคำเชิญให้เข้าร่วมเครือข่ายสังคมออนไลน์แปลกๆ อันหนึ่งที่ได้รับผ่านทางอีเมลส่วนตัว

“Social Eyes Online”

เขาไม่เคยได้ยินชื่อเครือข่ายนี้มาก่อน แต่ชื่อเพื่อนที่เป็นคนแนะนำมาก็สำคัญเกินกว่าที่เขาจะเพิกเฉยได้ เพื่อนสนิทสมัยประถมที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ประกาศข่าวชื่อดัง รายการเล่าข่าวของเพื่อนเขาคนนี้มีอิทธิพลต่อสังคมไทยเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มเองอาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างนั้นด้วยความที่เป็นแค่ครูพละพ่วงหน้าที่ครูปกครองในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งแต่ทั้งคู่ก็ยังติดต่อกันไปมาหาสู่กันตลอดตามโอกาส เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ว่านักข่าวชื่อดังเป็นเกย์ แต่จะแปลกอะไรในเมื่อตัวเขาเองก็เป็นไบ

ครูพละหนุ่มอ่านคำเชิญนั้นอีกครั้งแล้วตัดสินใจคลิ้กลิงค์เข้าไปเพื่อสมัคร น่าแปลกที่เขาไม่ต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวอะไรเลยในระบบมันขึ้นมาให้เองอย่างถูกต้อง การสมัครเลยใช้เวลาเพียงนิดเดียว ทันทีที่เขาสมัครเสร็จ เพื่อนนักข่าวที่ร้อยวันพันปีจะมีเวลาว่างก็โทรเข้ามาด้วยเสียงที่กระตือรือล้น

“มึงสมัครเกมที่กูส่งให้ไปแล้วใช่ไหม ขอบใจนะ กูได้แต้มเพิ่มเยอะเลย นี่เกือบอัพเลเวลได้แล้ว”

“โธ่ กูก็นึกว่าจะแนะนำอะไรดีๆ ให้เพื่อน ที่แท้ก็แค่อยากได้แต้ม คนดังอย่างมึงจะเชิญใครก็ได้ คงมีคนมาสมัครตามมึงเป็นพันเป็นหมื่นคน”

“ไม่ใช่ มึงไม่เข้าใจ มันไม่ใช่อยู่ๆ จะเชิญใครก็ได้ มันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ ตอนนี้มึงเป็นคนเดียวที่ระบบยอมให้กูส่งคำเชิญได้ มึงเข้าไปเล่นเถอะ อัพเลเวลเร็วๆ”

“ตกลงมันเป็นเกมเหรอ นึกว่าเป็นพวกโซเชียลแบบเฟสบุค”

“มันเป็นมากกว่านั้นอีก เล่นไปเถอะแล้วมึงจะขอบใจกู ขนาดกูยุ่งตลอดยังต้องหาเวลามาเล่นเลย”

“สนุกขนาดนั้นเชียว  หรือว่าเล่นแล้วได้ตังค์เหรอ”

ครูหนุ่มถามขำๆ

“ได้มากกว่านั้นอีก แต่มึงต้องทำตามกฎในเกมทุกอย่างนะถ้าไม่อยากซวย กูต้องวางแล้ว ไว้ค่อยคุยกัน”

ปลายสายวางหูไปอย่างรีบเร่ง ครูพละหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจในคำพูดของเพื่อน ปกติเขาไม่ใช่พวกชอบเล่นเกมออนไลน์ แต่ในเมื่อคนที่งานรัดตัวขนาดนั้นยังเล่นเขาก็ว่าจะลองซักหน่อย เขาลองเสิร์ชข้อมูลเกี่ยวกับเกมนี้ดูเผื่อจะมีคำแนะนำแบบง่ายๆ ในการเล่นเกมแต่ไม่พบอะไรข้อมูลอะไรที่เกี่ยวกับเกมนี้เลย น่าแปลก หรือเกมมันใหม่จนยังไม่มีใครพูดถึงนะ

เขาเปิดเกมตามลิงค์ที่ส่งมา ระบบมีคำแนะนำที่ทำตามได้ง่ายมากๆ จนคนที่ไม่เคยเล่นเกมอย่างเขาก็ทำตามได้ทันที เริ่มจากการให้เขาเลือกอาชีพซึ่งมีสี่อาชีพให้เลือก

ผู้พิทักษณ์ Guardian
นักสืบ Detective
ลูกขุน Juror
นักล่า Hunter

เขางงนิดหน่อยว่าแต่ละอาชีพมันแตกต่างกันยังไง แต่ระบบก็แนะนำให้เขาเลือกอาชีพนักล่าโดยอธิบายว่าเมื่อพิจารณาจากโปรไฟล์ส่วนตัวแล้ว เหมาะกับเขามากที่สุด สงสัยจะรู้ว่าเราเป็นครูปกครอง เขาคิดอย่างขำๆ แต่พอเขาเลือกอาชีพนักล่าไปจริงๆ ระบบกลับมีคำเตือนขึ้นมา

อาชีพนักล่าเป็นอาชีพขั้นสูง ในระหว่างนี้คุณจะได้รับภารกิจของอาชีพนักสืบและอาชีพลูกขุนไปก่อนจนกว่าจะได้ระดับสามสิบ

อ้าว ก็แนะนำตูเอง จะภารกิจของอาชีพอะไรก็ช่างเถอะ ส่งๆมาซะที ครูพละหนุ่มคิด แต่พอได้รับภารกิจมาจริงๆ มุมมองของเขาที่มีต่อเกมนี้ก็เปลี่ยนไป

ภารกิจที่เกมให้ทำเป็นภารกิจในโลกของความเป็นจริงไม่ใช่ภารกิจเกมออนไลน์อย่างที่เขาคิด เป็นงานง่ายๆ ไม่เหลือบ่ากว่าแรง ส่วนใหญ่ก็ทำอยู่ในโรงเรียนที่เขาสอนหรือละแวกใกล้เคียง งานนักสืบจะเป็นการไปหาข้อมูลต่างๆ เช่น มีเด็กในโรงเรียนถูกรังแก เขาจะได้รายชื่อเด็กคนนั้นมาก็จะไปปลอบไปถามในลักษณะส่วนตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นคนทำ ด้วยความที่เป็นครูปกครองมาหลายปีทำให้เขามีจิตวิทยาพอที่จะทำให้เด็กไว้วางใจ ได้ข้อมูลหลักฐานมาเขาก็เอาไปป้อนเข้าระบบ เขาไม่รู้ว่าระบบรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก แต่มันก็เป็นประโยชน์กับเขาในฐานะครูที่ทำให้ได้รับทราบปัญหาจะได้ช่วยหาทางแก้ไข แต่ส่วนใหญ่พอเขาป้อนข้อมูลกลับไปไม่นานปัญหาของเด็กคนนั้นก็จะถูกแก้ไขในรูปแบบต่างๆอย่างน่าประหลาดโดยที่เขายังไม่ทันลงมือทำอะไรเลย

งานสายอาชีพลูกขุนก็มีมาเหมือนกันแต่ไม่เยอะเท่า งานนี้ก็สนุกไปอีกแบบ เขาจะได้รับข้อมูลหลักฐานของกรณีปัญหาต่างๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กนักเรียน ข้อมูลที่ได้ละเอียดมากแต่เขาจะไม่ทราบชื่อเด็ก ไม่รู้ว่าเหตุการณ์เกิดที่ไหนโรงเรียนอะไร พอศึกษาข้อมูลเสร็จเขาจะต้องวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้น หลักฐานข้อเท็จจริงที่มีน่าเชื่อถือหรือเปล่า มีอะไรที่ต้องสืบเพิ่มหรือไม่ ถ้าข้อมูลชัดเจนแล้ว ก็ต้องตัดสินว่าใครเป็นคนผิด ความผิดหนักเบาแค่ไหน และควรจะใช้วิธีไหนเพื่อแก้ปัญหา ขั้นตอนนี้เขาไม่ได้ทำคนเดียว แต่จะมีลูกขุนคนอื่นอีกเป็นสิบคนร่วมตัดสิน เขาไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นใครแต่จะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันผ่านระบบจนได้ข้อสรุปร่วมกัน พอทำภารกิจนี้ไปได้ไม่กี่ครั้งเขารู้สึกว่ามันเป็นประโยชน์กับอาชีพครูอย่างเขามากจริงๆ ลูกขุนแต่ละคนมีมุมมองความรู้ที่กว้างและหลากหลาย ยิ่งพอมาแลกเปลี่ยนถกเถียงกันยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าการที่โรงเรียนจะตัดสินความผิดของเด็กแบบรวบรัดโดยครูแค่คนสองคนมันอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้

ทุกครั้งที่เขาทำภารกิจเสร็จจะได้แต้มและเงินเอ็มสะสมขึ้นมาเรื่อยๆ แต้มนี่เขารู้ว่าเมื่อสะสมได้เยอะๆ จะได้เลื่อนเลเวลสูงขึ้น แต่การจะเลื่อนระดับได้คะแนนความดีต้องถึงด้วย ไม่รู้ว่าใครเป็นคนให้คะแนนความดีที่ว่า น่าจะเป็นสมาชิกด้วยกัน พอเลเวลสูงขึ้นภารกิจก็จะมียากๆ ที่ได้แต้มเยอะปนมา ส่วนเงินเอ็มนี่เขาไม่แน่ใจว่าไว้ทำอะไร ในระบบมีอะไรหลายอย่างที่เขายังไม่ได้เข้าไปดู แค่ภารกิจที่ทำอยู่เขาก็สนุกและอิ่มใจว่าได้ทำประโยชน์ให้กับสังคมอย่างน่าพอใจอยู่แล้ว แม้ระบบจะไม่เคยป่าวประกาศเรื่องการทำประโยชน์แต่เขาสังเกตได้จากภารกิจที่ทำและผลที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงที่เขาบังเอิญได้รับรู้มา ถ้าครูธรรมดาคนหนึ่งอย่างเขายังมีส่วนช่วยได้มากขนาดนี้ แล้วนักข่าวชื่อดังอย่างเพื่อนเขาล่ะ ยิ่งถ้าคนมีอำนาจเข้าร่วมด้วย สังคมไทยคงดีขึ้นอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ แต่เขาคงหวังเกินไป คนใหญ่คนโตจะมาสนใจอะไรแบบนี้ ถ้าคนพวกนั้นมีศีลธรรมหรือความอยากช่วยประเทศจริงๆ เมืองไทยคงไม่เป็นอย่างทุกวันนี้

แต่พอครูพละหนุ่มอัพเลเวลมาถึงระดับสามสิบเขาก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาใหม่ จริงอยู่ที่ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นคนดีอยากช่วยเหลือสังคม แต่ถ้ามีแรงจูงใจหรือรางวัลที่มากพอ คนพวกนั้นก็อาจจะยอมทำก็ได้ และตอนนี้ระบบกำลังเสนอแรงจูงใจที่ว่ามาให้เขา

“ยินดีด้วยที่คุณได้เลื่อนเป็นระดับสามสิบ คุณจะเริ่มได้รับภารกิจนักล่านับจากนี้เป็นต้นไป แต่ก่อนอื่นขอเชิญรับของขวัญแทนคำขอบคุณจากพวกเรา”

เมื่อคลิ๊กลิงค์ที่ระบบส่งมาให้ชายหนุ่มก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่ออัลบั้มภาพเปลือยของลุฟดาราหนุ่มชื่อดังปรากฎให้เห็นอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่แนวอาร์ตวับๆ แวมๆ แต่เป็นภาพเห็นหน้าและอวัยวะเพศที่แข็งขันอย่างชัดเจน วูบหนึ่งเขามั่นใจว่าเป็นภาพตัดต่อเพราะนักแสดงที่มีชื่อเสียงขนาดนี้ไม่น่าจะมาถ่ายนู้ดโดยไม่มีข่าวออกมาเลย แต่ถ้าตัดต่อจริงคนทำต้องเทพมาก รูปถ่ายจากหลายมุมหลายท่าล้วนดูสมจริงอย่างไม่น่าเชื่อ

ตอนท้ายของอัลบั้มมีคลิบวิดีโออยู่ด้วยไฟล์หนึ่ง พอเปิดดูก็เจอลุฟตัวจริงเสียงมานั่งคุยหน้ากล้องในสภาพเปลือยเปล่า นี่มันของจริงนี่หว่า ไม่มีทางที่ใครจะมาตัดต่อวิดีโอได้เนียนขนาดนี้ ลุฟในคลิบถ่ายทอดเรื่องราวด้วยเสียงทุ้มน่าฟัง

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Social Eyes Online อัลบั้มชุดนี้ลุฟตั้งใจถ่ายมากเพราะอยากให้เป็นของขวัญเพื่อนๆ ที่ร่วมสร้างสรรค์ให้สังคมเราดีขึ้น หลายคนคงแปลกใจที่เห็นลุฟกล้าทำขนาดนี้ ไม่กลัวหลุดไปถึงคนนอกหรือถูกคนนำไปหาประโยชน์เหรอ ลุฟอยากให้ทุกคนมั่นใจครับว่าเรามีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่สามารถแทรกซึมตรวจสอบอย่างละเอียดพร้อมทั้งพลังมวลชนของสมาชิกที่คอยสอดส่องดูแลกันเอง ระบบที่คอยกำกับการทำงานของพวกเราก็เป็นปัญญาประดิษฐ์ระดับสูงที่ทำงานได้อย่างไม่มีข้อผิดพลาด นโยบายและกฎระเบียบต่างๆ จะถูกกำหนดโดยคณะลูกขุนชุดใหญ่ที่มีทั้งความรู้และความดี แต่ถ้าเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ เราจะมีการโวตจากสมาชิกทั้งหมด เพราะฉะนั้นลุฟถึงได้มั่นใจครับว่าไม่มีใครปล่อยหลุดอย่างแน่นอน คุณเองก็คงไม่อยากถูกนักล่าของเราจัดการใช่ไหมครับ

ถ้าเพื่อนๆ ยังไม่จุใจ ลุฟก็ยังมีรูปและคลิปเด็ดๆ อีกมากที่ลุฟบริจาคไป บางอันลุฟมาดูทีหลังยังอายตัวเองเลย เก็บเลเวลและเงินเอ็มกันไว้เยอะๆ นะครับแล้วไปเลือกซื้อหากันได้ บ้ายบายครับ

เมื่อเล่นคลิบจบ ระบบแสดงข้อความขึ้นมาว่า

“รูปและคลิปได้รับการบริจาคจากคุณลุฟซึ่งเป็นสมาชิกคนหนึ่งของเรา ชื่นชมกับการกระทำของเขาใช่ไหม คุณเองก็มีส่วนร่วมได้ ถ่ายภาพและคลิปส่วนตัวของคุณบริจาคให้เรา คุณจะได้รับเงินขั้นต่ำ 30,000 เอ็มพร้อมทั้งเลื่อนระดับอีกหนึ่งระดับทันที คุณสามารถนัดหมายช่างภาพมืออาชีพของเราได้เพื่อภาพถ่ายที่สมบูรณ์แบบ”
[เลือกช่างภาพและนัดหมายวันถ่ายแบบ] [แสดงตัวอย่างหน้าสินค้าของคุณ]

ครูหนุ่มกดเลือก [แสดงตัวอย่างหน้าสินค้าของคุณ] ด้วยความอยากรู้

หน้าจอแสดงคำโปรยบอกจุดที่น่าสนใจในตัวเขาจนรู้สึกเขินไม่น้อย

“อาจารย์พละและอาจารย์ปกครองหนุ่มหล่อหุ่นดีของโรงเรียนชายล้วนชื่อดังแห่งหนึ่ง ขณะที่ถ่ายภาพชุดนี้เขายังเป็นแค่นักล่าฝึกหัด แต่จากผลงานโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมาบวกกับฝีมือในศิลปะป้องกันตัวชั้นสูงคงการันตีได้ว่าเราจะได้นักล่าฝีมือดีมาเป็นกำลังสำคัญอย่างแน่นอน”

ภาพตัวอย่างที่ระบบจำลองขึ้นเป็นกราฟฟิคชายหนุ่มหุ่นแกร่งในชุดคาราเต้แต่ไม่ได้สวมกางเกง เสน่ห์ดิบเถื่อนในภาพนั้นทำให้เขาตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกแค่คิดว่าจะมีคนเห็นความเท่ของตัวเองในแบบนี้ ชายหนุ่มรู้สึกลังเลแต่ก็มั่นใจในเครือข่ายขึ้นมาเย่างยอกไม่ถูก หวังว่ารูปร่างหน้าตาของเขาจะพอเป็นแรงจูงใจให้สมาชิกร่วมกันทำให้สังคมดีขึ้นเล็กน้อยก็ยังดี ชายหนุ่มกดนัดหมายช่างภาพไป เขาเลือกช่างภาพหน้าตี๋หล่อในวัยใกล้เคียงกันจะได้ทำความสนิทกันง่ายหน่อย

ระบบมีคำแนะนำเพิ่มเติมให้เขาเชิญเพื่อนมาเป็นสมาชิกของเครือข่ายโดยเปิดให้เฉพาะลูกศิษย์คนสนิทของเขาที่เป็นประธานนักเรียนชั้นมอห้า เขาเข้าใจแล้วว่าไม่สามารถเชิญคนเข้าร่วมสุ่มสี่สุ่มห้าได้ ระบบคงวิเคราะห์คัดกรองออกมาว่าใครควรได้เข้าร่วมกับเครือข่าย เด็กคนนี้เป็นเด็กดีเป็นที่ไว้วางใจของเพื่อนๆและรู้จักคนไปทั่ว ถ้าได้เข้ามาเป็นสมาชิกเครือข่ายคงช่วยเป็นหูเป็นตาสอดส่องได้อย่างดี จะว่าไปหลังจากเขาได้เข้าร่วมกับเครือข่ายนี้ปัญหาในโรงเรียนก็ลดน้อยลงไปมาก บางอย่างเขาก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลยทำให้เริ่มสงสัยว่าอาจมีคนอื่นที่เป็นสมาชิกเครือข่ายอยู่อีก แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีแต่อย่างใด เขาเลยตกลงใจส่งคำเชิญไปที่ลูกศิษย์ตัวเองและไม่ลืมที่จะส่งไลน์ไปกำชับให้ตอบรับ

ภารกิจนักล่าอันแรกสร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับครูหนุ่มอย่างคาดไม่ถึง มีเสียงโทรศัพท์เข้ามาปลุกเขากลางดึก พอรับสายก็เป็นเสียงผู้หญิงที่น่าจะเป็นเสียงสังเคราะห์บอกว่ามีภารกิจด่วนให้รีบเข้าไปดูในโปรแกรมเครือข่ายทันที รายละเอียดภารกิจพร้อมหลักฐานแนบทำให้เขาตาสว่างรีบออกไปตามพิกัดที่ได้รับ พอขับรถไปจอดริมรั้วบ้านหลังหนึ่งในย่านที่มีบ้านเช่าพวกนักเรียนนักศึกษาอยู่เยอะใกล้ๆกับคอนโด ครูพละหนุ่มก็ปืนข้ามรั้วบ้านที่ไม่สูงมากนักเข้าไปได้อย่างง่ายดาย อุปกรณ์งัดแงะอย่างดีที่มีคนส่งมาให้หลายวันก่อนทำให้เขาลอบเข้าไปในบ้านได้โดยไม่เสียเวลา ชายหนุ่มสำรวจไปถามห้องต่างๆ จนเจอห้องที่ล็อคประตูอยู่แล้วก็เคาะอย่างแรง ขณะกำลังช่างใจอยู่ว่าจะงัดเข้าไปเลยหรือไม่คนข้างในก็เปิดประตูออกมาพร้อมเสียงบ่นว่า

“ไหนว่ามึงจะไม่เอาด้วยไง พอพวกกูส่งรูปให้ดูแม่งแจ้นกลับมาเชียว เงี่ยนละสิมึง เฮ้ย มึงไม่ใช่ไอแจ็คนี่หว่า เข้ามาได้ยังไงวะ”

ครูพละใช้ท่ายึดทุ่มสยบเด็กช่างในชุดเสื้อชอปที่กำลังตกใจตรงหน้าไว้ได้ทันที ต้องขอบคุณทักษะการวิวาทและศิลปะการป้องกันตัวที่เขาทั้งฝึกซ้อมทั้งใช้สู้จริงมาตั้งแต่เริ่มเข้าวัยรุ่น เด็กหนุ่มถูกใส่กุญแจมือล่ามไว้กับราวบันไดขณะที่เขาเข้าประตูไป ในห้องมีเด็กอีกคนในห้องเปลือยกายช่วงล่างกำลังเอามือถือถ่ายรูปทุกซอกทุกมุมของเด็กผู้หญิงที่นอนเปลือยกายสลบไสลอยู่บนเตียง ไอเด็กนั่นมันเงี่ยนไม่สนใจอะไร เลยถูกเขาจัดการไปอย่างรวดเร็ว เขากดปุ่มแจ้งความคืบหน้าเข้าระบบเป็นระยะๆ ซักครู่ระบบก็ตอบกลับว่าให้นำตัวเด็กสาวไปส่งให้กับตำรวจที่กำลังจะมาถึงในอีกห้านาที

วิญญาณความเป็นครูทำให้เขาสลดใจกับเด็กผู้หญิงที่ถูกมอมยาตรงหน้ามาก ไม่ว่าจะถูกหลอกมาหรือยินยอมแต่เด็กคงคิดไม่ถึงว่าจะต้องโดนอะไรขนาดนี้ ยังดีที่มาช่วยทัน เขาแต่งตัวให้กับเด็กสาวที่ยังไม่ได้สติพอเสร็จก็ได้รับแจ้งจากระบบพอดีว่าตำรวจมาถึงหน้าบ้านแล้ว เขาประคองเด็กสาวลงไปส่งให้กับตำรวจที่มาด้วยรถหวอเปิดไฟวิบวับ ตำรวจหนุ่มกล่าวขอบคุณขณะรับตัวไปแล้วทำท่าจะกลับจนเขาต้องท้วงออกมา

“แล้วไม่เอาตัวเด็กที่ก่อเหตุไปด้วยเหรอครับ มีสองคนผมล่ามมันไว้ข้างบน”

ตำรวจหนุ่มยิ้มให้แล้วบอกว่า

“ไอพวกนั้นเครือข่ายบอกว่าเป็นหน้าที่ของนักล่าครับ ผมมีหน้าที่แค่พาน้องผู้หญิงไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแล้วพาไปส่งที่บ้าน เด็กนรกอย่างพวกมันทางกฎหมายเอาไปก็แก้สันดานมันไม่ได้หรอก คุณครูคงเพิ่งมาเป็นนักล่า คืนนี้งานยังไม่จบครับ ลองดูรายละเอียดในระบบได้ ผมไปล่ะ”

ชายหนุ่มนึกแปลกใจ หรือว่าตำรวจคนนี้จะเป็นสมาชิกเครือข่ายเหมือนกัน อย่างนี้ก็สะดวกดีนะ ที่เขาถูกมอบหมายให้มาช่วยเด็กสาวก่อนคงเพราะอยู่ใกล้ที่สุด ว่าแต่เครือข่ายรู้ได้อย่างไรว่าเกิดเหตุนี้ขึ้นที่นี่ หรือจะเป็นการดักฟังทางไลน์ เห็นเด็กอีกคนบอกว่าส่งรูปเด็กสาวคนนั้นไปให้เพื่อนด้วยนี่ ทีนี้ยังต้องทำอะไรต่ออีกล่ะ เขานึกสงสัยขณะหยิบโทรศัพท์ขึ้นดู คำสั่งที่ได้รับมันพิศดารชวนให้กระอักกระอ่วนใจไม่น้อย

เขากลับไปบนบ้านแล้วบังคับให้เด็กหนุ่มสองคนแก้ผ้าออกเพื่อถ่ายรูปเก็บไว้ตามที่ระบบบอก จากนั้นก็พูดจาข่มขู่ตามสคริปต์ที่ได้รับ ชายหนุ่มนึกประหลาดใจกับรายละเอียดของข้อมูลที่เอาไว้ใช้ขู่ เด็กหนุ่มคนแรกหน้าซีดเผือดเมื่อเขาบอกว่าจะเอาพฤติกรรมเลวร้ายต่างๆ ที่เด็กคนนั้นทำไปฟ้องยายที่ต่างจังหวัด เด็กอีกคนเหมือนจะเป็นโรคกลัวที่แคบจนถึงกับตาเหลือกหายใจติดจัดเมื่อเขาพรรณาว่าถ้าไม่ฟังคำสั่งจะถูกจับไปขังในกระโปรงท้ายรถหรือไม่ก็หีบศพจนขาดอากาศหายใจ

ชายหนุ่มไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นนักแสดงที่เก่งอะไรปานนั้นแต่ประสบการณ์จากการเป็นครูปกครองทำให้เขาหน้านิ่งพอที่จะกำหราบเด็กเกเรพวกนี้ได้อยู่หมัด คำสั่งสุดท้ายทำให้เขาลำบากใจมากที่ต้องบังคับให้เด็กทั้งคู่ผลัดกันอมท่อนลำของกันและกันเพื่อเก็บภาพไว้ให้เครือข่ายใช้แบล็คเมล์ ถึงเด็กสองคนนี้จะไม่ใช่ลูกศิษย์ของเขาแต่ก็เป็นเด็กในวัยเรียนที่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในฐานะครูก็ยังคงอยู่ จะเกิดอะไรขึ้นถ้านักล่าอย่างเขาใช้ข้อมูลที่ได้จากเครือข่ายมาข่มขู่เด็กสองคนนี้ให้ทำอะไรเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศของตัวเอง

เด็กทั้งคู่มองช่วงล่างของกันและกันแล้วทำท่าขนลุกแต่ก็ไม่กล้าบิดพริ้ว คนแรกคว้าอวัยวะที่อ่อนปวกเปียกของเพื่อนขึ้นมาจ่อที่ปากแล้วทำหน้าผะอืดผะอม

“เหม็นเยี่ยวชิบ มึงล้างบ้างเปล่าวะ ไอเหี้ย กูไม่กล้าถอก แม่งต้องมีขี้เปียกเต็มไปหมดแน่”

เด็กหนุ่มรังเกียจของเพื่อนจนน้ำตาคลอ แต่ก็กลัวในสิ่งที่โดนขู่ไว้จนต้องกลั้นใจเอาเข้าปาก กลิ่นเฉพาะตัวของเพศผู้แผ่ซ่านไปทั่วช่องปากจนขมคอไปหมด ยังไม่ทันจะได้ตั้งท่าถ่ายรูป ท่อนเนื้อที่เคยนุ่มนิ่มในปากก็เริ่มขยายคับปากจนแทบหายใจไม่ออก เด็กหนุ่มนึกถึงเวลาที่เขาแกล้งเด้าปากกระเทยที่วิทยาลัยไปจนสุดคอหอย ไม่รู้ว่ามันจะทรมานอย่างนี้ ไอเพื่อนเลวก็ไม่น่าจะมาแข็งตัวในปากผู้ชายด้วยกันได้

ครูหนุ่มมองดูอย่างเห็นใจ เขาไม่ได้แกล้งให้เด็กหนุ่มอยู่ในสภาพทรมานนานขนาดนี้ แต่เขาต้องเก็บรูปภาพของทั้งคู่ตามที่ระบบบอก การจัดมุมกล้องให้เห็นหน้าทั้งคนดูดและคนโดนดูดชัดๆ มันยากไม่น้อย เขาลองผิดลองถูกซักพักถึงจะได้ภาพที่น่าพอใจ

ถึงคราวต้องสลับกันบ้าง เด็กหนุ่มมองปลายท่อนลำของตัวเองที่มีน้ำเงี่ยนยังเยิ้มติดอยู่ เขาไม่ได้พิศวาสที่เพื่อนจะอมให้แต่มันค้างมาจากตอนที่เห็นร่างเปลือยของเด็กสาวคนนั้นแล้ว เขาตั้งใจจะเอามือปาดออกก่อนแต่เพื่อนเขากลับลนลานรีบคว้าเข้าปากไปซะก่อน เอาเถอะ อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนซกมกอย่างมัน ทันทีที่ความอุ่นวาบของช่องปากเพื่อนเข้ามาครอบส่วนหัว เขาก็บรรลุสัจจธรรมทันที มันไม่เกี่ยวว่าจะเป็นปากของผู้หญิงกระเทยเกย์หรือผู้ชาย ความอบอุ่นอ่อนนุ่มชุ่มชื้นมันคือของจริง อาวุธที่พ่อให้มาพองตัวจนเต็มปากเพื่อนเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี เขาขยุ้มหัวเพื่อนโยกเข้าโยกออกอย่างลืมตัว อาการดิ้นรนของเพื่อนทำให้เขายิ่งสะใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งตอนเขาปลดปล่อยน้ำเชื้อชุดใหญ่เข้าปากเพื่อนไปจนมันสำลักน้ำหูน้ำตาไหลยิ่งรู้สึกดี เพื่อนเขาบ้วนส่วนที่เหลือทิ้งลงพื้นแล้วมองมาอย่างโกรธแค้น มันไม่ยอมที่จะถ่ายใหม่แม้ว่าคราวที่ผ่านมาเก็บภาพไว้ได้ไม่ทัน เขาต้องกระซิบว่าจะยกแฟนตัวเองให้เอาเป็นการขอโทษมันถึงตกลง

คุณครูหนุ่มมองเรือนกายเปลือยเปล่าท่อนลำอวบๆ และก้นแกร่งที่น่าลิ้มลองของเด็กหนุ่มสองคนตรงหน้าแล้วถอนใจ มันน่าตื่นเต้นเร้าใจชวนให้เกิดอารมณ์เขายอมรับ แต่มันก็แค่ความคิดวูบนึง อาจเพราะวัยของเด็กพวกนี้ด้วยกระมัง ถึงยังไงเขาก็ยังรู้สึกเหมือนเด็กพวกนี้เป็นลูกศิษย์เกเรที่ต้องสั่งสอนให้กลับตัวเป็นเด็กดีอยู่ดี

ขั้นตอนสุดท้ายครูหนุ่มรู้สึกเหมือนกำลังสั่งการบ้าน เขาถ่ายถอดสิ่งที่ระบบบอกออกไปให้เด็กสองคนฟัง เครือข่ายกำหนดให้เด็กสองคนนี้ต้องปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมไม่ดีต่างๆ รวมถึงผลการเรียนด้วย ทั้งหมดมีเป้าชี้วัดและระยะเวลาชัดเจนซึ่งก็ไม่ได้สูงเกินไปถ้าตั้งใจจริง เขาสั่งออกไปพร้อมทั้งเงื่อนไขที่ว่าเด็กทั้งคู่จะต้องมารายงานตัวกับเขาเดือนละครั้ง เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเครือข่ายถึงได้เลือกให้เขาทำหน้าที่นี้ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เป็นครูของเด็กสองคนนี้ด้วยซ้ำ

“อย่าลืมนะ ถ้าไม่ทำตามที่ครูบอก รูปที่ถ่ายไว้วันนี้จะถูกส่งให้กับลูกน้องเราที่วิทยาลัย คงไม่ต้องบอกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

เขาชะงักนิดนึงเมื่อนึกขึ้นได้ นี่เขาเผลอตัวแทนตัวเองว่าครูกับเด็กพวกนี้ไปเหรอ แต่ก็ไม่เห็นเด็กจะมีท่าทางสงสัย เขาเลยทำเนียนพูดต่อ แค่ไล่ชื่อของลูกน้องในแก๊งตามที่ระบบบอกให้ฟังเด็กก็ตะลึงแล้วว่ารู้ได้ยังไง เท่านี้เขาก็มั่นใจว่าเด็กสองคนไม่มีทางออกนอกลู่นอกทางได้อีกต่อไป
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 39] สิ่งที่อยากทำเป็นครั้งสุดท้าย 18/07/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 18-07-2016 16:05:59
หลังจากวันนั้นครูหนุ่มก็ได้รับงานในฐานะนักล่ามากขึ้น เลเวลเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับคะแนนความดีที่พุ่งทะยาน เขามารู้ที่หลังว่าทุกๆ ภารกิจจะมีการประเมินการปฏิบัติงานของเขาว่าเป็นไปอย่างถูกต้องตามระเบียบและหลักมนุษยธรรมอันดีหรือเปล่า คนประเมินก็คือสมาชิกสายนักสืบที่ไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว คนเหล่านี้จะได้รับมอบภารกิจให้มาสุ่มรีวิวข้อมูลหลักฐานรวมถึงไปสัมภาษณ์นักโทษในภารกิจที่เขาทำเสร็จไปแล้ว การที่เขาปฏิบัติกับนักโทษทุกคนอย่างยุติธรรมมีเมตตาและจริงใจ ทำให้ได้คะแนนประเมินค่าความดีของเขาอยู่ในระดับสูงมาก เขาทะยอยรับทราบรายละเอียดเงื่อนไขพวกนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยตามระดับที่สูงขึ้น

นอกจากงานนักล่าแล้ว งานต่อเนื่องอย่างการคุมความประพฤติของเด็กเกเรที่อยู่ระหว่างรับโทษก็ถูกส่งให้ตลอด จะว่าไปเขาก็ไม่ต้องทำอะไรมาก เครือข่ายจะมีรายงานสรุปมาให้ทุกสัปดาห์ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเบื้องหลังข้อมูลและรายงานพวกนี้มีสมาชิกจำนวนมากเป็นผู้รวบรวมกลั่นกรองอย่างเป็นระบบตามภารกิจที่แต่ละคนได้รับ เขามีหน้าที่แค่ให้เด็กพวกนั้นมาพบเดือนละครั้งเพื่อซักถามปัญหาช่วยคิดวิธีแก้และให้กำลังใจ ยิ่งเด็กพวกนี้มีการปรับตัวดีขึ้นแค่ไหน เขาก็ยิ่งได้แต้มมากขึ้นเท่านั้น แต่ทุกวันนี้เขาก็ทำด้วยความสุขที่มีโอกาสช่วยเยาวชนของชาติมากกว่าจะหวังแต้มหรือเงินเอ็ม

ทั้งๆ ที่ดูเหมือนงานจะเยอะ แต่ชีวิตเขากลับสบายและมีความสุขกว่าเมื่อก่อนมากนัก ยิ่งเขาเลื่อนระดับสูงขึ้นมากแค่ไหน สิ่งดีๆ ก็เข้ามาในชีวิตอย่างไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ก่อนเขาต้องระมัดระวังการใช้เงินอยู่บ้างเพราะเงินเดือนครูก็ไม่ได้มากมายอะไร ไหนจะต้องส่งครอบครัวที่ต่างจังหวัดอีก แต่พอเขาเลื่อนถึงระดับห้าสิบ ก็มีคนมาชวนไปเป็นครูสอนศิลปะป้องกันตัวที่โรงเรียนในห้างใกล้ๆ เงินเดือนดีด้วย พอเลื่อนเป็นระดับเจ็ดสิบ พี่เจ้าของก็เสนอให้เขาถือหุ้นด้วย หรือตอนที่แม่เขาหกล้มเข้าโรงพยาบาลที่ต่างจังหวัด ก็มีคนย้ายไปเข้าโรงพยาบาลเอกชนดูแลราวกับเป็นวีไอพีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายซักบาท ตอนเขาไปเยี่ยมถึงได้รู้ว่าคุณหมอเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนั้นเป็นผู้ดูแลด้วยตัวเอง พอเข้าไปพบเพื่อขอบคุณด้วยตัวเอง คุณหมอหนุ่มใหญ่ก็บอกว่าดีใจที่ได้พบนักล่ารูปหล่อที่เป็นความภูมิใจของเครือข่าย คุณหมอยังบอกยิ้มๆ ว่าอยากให้เขาถ่ายอัลบั้มบริจาคอีก คุณหมอจะรอติดตามผลงาน จนเขารู้สึกเขินไม่น้อย

นี่ยังไม่นับในโรงเรียนว่างานหรือโครงการอะไรที่เขาเป็นผู้เสนอจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่อย่างดี บางเรื่องที่ต้องส่งไปขออนุมัติที่กระทรวงศึกษา ยังผ่านฉลุยภายในไม่กี่วัน ทั้งๆ ที่ปกติจะโดนดองเป็นเดือนๆ ทีมกีฬาของโรงเรียนที่เขาคุมก็มีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุน จนเพื่อนครูคนอื่นแซวกันว่าถ้าไม่ได้เป็นคนโชคดีมากๆ ก็คงเล่นของ แต่เขารู้ดีว่าเครือข่ายเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความโชคดีเหล่านั้น จะว่าเป็นการเล่นพรรคเล่นพวกก็ไม่เชิงเพราะเขารู้ว่ามันมีการกลั่นกรองอย่างละเอียดไม่ให้เกิดการทำในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร ของรางวัลที่ได้รับจากการเลื่อนขั้นในแต่ละเลเวลก็แสนจะเร้าใจ คลิปหนุ่มหล่อชื่อดังในวงการต่างๆ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเข้าร่วมกับเครือข่ายด้วยมีมาเรื่อยๆ ที่เป็นของจริงๆ ก็มี เช่นไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดถูกส่งมาเป็นของขวัญแทนเครื่องเก่าที่เริ่มไม่ทันใจเวลาใช้งานโปรแกรมของเครือข่าย

ของขวัญอันล่าสุดเป็นคำเชิญจากนักร้องหนุ่มที่มีชื่อเสียงจากเสียงอันไพเราะและหน้าตาหล่อน่ารักขี้เล่นของเจ้าตัวให้ไปร่วมรับประทานอาหารค่ำที่เพนเฮ้าส์ส่วนตัว ทีแรกครูหนุ่มก็รู้สึกเกร็งกับความหรูหราของสถานที่จนอยากจะขอตัวกลับก่อน แต่พอเจอตัวนักร้องหนุ่มจริงๆ กลับรู้สึกถูกชะตาซึ่งกันและกันจนกลายเป็นค่ำคืนที่แสนวิเศษ เขาได้ช่วยนักร้องหนุ่มทำอาหารอย่างสนุกสนานซึ่งผลที่ได้ก็เป็นมื้อค่ำเลิศรสจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นฝีมือของนักร้องดังที่มีงานชุกตลอด

“ถ้าผมไม่ได้มาเป็นนักร้อง ก็คงไปเป็นเชฟ ผมชอบทำอาหารแต่เด็กแล้ว คนอื่นอาจจะชื่นชอบซุปเปอร์ฮีโร่คนนั้นคนนี้ แต่ตอนเด็กนี่ หัวหน้าพ่อครัวของตระกูลคือไอดอลของผมเลยนะ”

นักร้องหนุ่มไขข้อข้องใจหลังจากที่เขาถามว่าทำไมถึงทำอาหารเก่งจัง

“คุณนี่ลูกคุณหนูตัวจริงเสียงเลยนะ มีหัวหน้าพ่อครัวประจำตระกูลด้วย ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด ตอนนี้ก็เป็นแค่ครูธรรมดา ส่วนคุณเป็นถึงซุปเปอร์สตาร์ ถ้าคุณไม่ได้รับภารกิจอันนี้ โลกของเราของไม่ได้เฉียดกันเลยสินะ”

ครูหนุ่มพึมพำ เขาไม่ได้นึกน้อยใจ เท่าที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ก็มีความสุขเกินจะพอแล้ว เขาเพียงแค่เสียดายว่ามิตรภาพดีๆ ของคนที่คุยกันถูกคออย่างบอกไม่ถูก จะต้องจบลงในไม่กี่ชั่วโมงเพียงเพราะความต่างทางสังคมที่มากเกินไป

“ใครว่าล่ะ คุณก็รู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องทำทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายก็ได้ ผมว่าผมโชคดีต่างหากที่ระบบเลือกให้ผมทำภารกิจมอบรางวัลให้คุณในวันนี้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เราต้องมีความสอดคล้องอะไรกันบางอย่างระบบถึงจับคู่ให้ ผมว่าเราทั้งคู่ก็พอจะรู้แล้วนะว่าหลายๆ อย่างในตัวเรามันตรงกัน ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณต่อไปเรื่อยๆ ถ้าคุณไม่รังเกียจเพื่อนคนนึงที่อาจจะไม่ค่อยมีเวลาให้คุณอย่างคนปกติ”

“เป็นเพื่อนที่แตกต่างกันเหลือเกินนะ”

ครูหนุ่มพูดอย่างขำๆ

“ขึ้นอยู่กับจะมองมุมไหน ในเครือข่ายผมก็เป็นแค่ผู้พิทักษ์ระดับกลางๆ ส่วนคุณเป็นถึงนักล่าระดับสูง เรื่องนี้ทำให้คุณไม่อยากเป็นเพื่อนกับผมหรือเปล่าล่ะ”

นักล่าหนุ่มส่ายหน้า

“ผู้พิทักษ์น่ารักอย่างนี้ใครจะไม่อยากเป็นเพื่อนด้วยล่ะครับ จริงๆ ผมยังไม่เคยทำงานเกี่ยวข้องกับผู้พิทักษ์มาก่อน พวกคุณมีหน้าที่อะไรเหรอ”

“คุณไม่เคยเจอก็ไม่แปลกหรอก พวกเราผู้พิทักษ์ทำหน้าที่ดูแลรักษาระบบของเครือข่าย เห็นอย่างนี้แต่ผมก็จบคอมพิวเตอร์มานะ นอกจากสายคอมพิวเตอร์แล้ว พวกผู้พิทักษ์ก็ยังจะมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินการบริหารกฎหมายการขนส่งอีกมากมาย ก็เหมือนเป็นแม่บ้านหรือฝ่ายสนับสนุนส่งกำลังบำรุงของระบบนั่นแหละ”

“งั้นคุณก็ต้องรู้สิว่าใครเป็นคนสร้างเครือข่ายนี้ขึ้นมา ผมถามใครก็ไม่มีใครรู้ ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าจะมีใครคิดอะไรที่มันซับซ้อนจนดึงเอาคนจำนวนมากมาทำงานร่วมกันเพื่อให้สังคมดีขึ้นอย่างนี้ได้ เขาเป็นคนยังไงกันนะ”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน บอกได้อย่างเดียวว่าเป็นอัจฉริยะแน่ๆ ผมได้รับเชิญให้เข้าร่วมเครือข่ายตั้งแต่แรกๆ ก็ยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร ดูเหมือนเขาจะเตรียมการไว้อย่างดี พอขึ้นระบบสำเร็จจนมันเดินได้ด้วยตัวเองเขาก็หายไปเลย จะว่าไปก็แปลกนะ ระบบใหญ่ที่ซับซ้อนขนาดนี้ คนสร้างน่าจะติดตามดูอีกหน่อย ไม่ควรหายไปเร็วอย่างนี้”

“หวังว่าคงไม่เกิดอะไรกับเขานะ คนดีๆ มักอายุสั้น”

ครูหนุ่มหล่อไม่แน่ใจว่าทำไมตัวเองถึงได้มีความคิดลบออกมาแบบนี้

“พูดอะไรอย่างนั้น อย่าทำให้ผมเครียดสิ ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนกันแล้ว ตอนนี้ผมขอชวนเพื่อนไปแช่น้ำคลายเครียดกัน”

ผู้พิทักษ์หน้าใสบอกแล้วก็ลากนักล่าหนุ่มหล่อไปที่อ่างจากุชชี่ส่วนตัวที่ติดตั้งไว้กลางห้องน้ำหรูขนาดใหญ่

นักร้องหนุ่มถอดเสื้อผ้าออกจนหมดท่ามกลางความตะลึงของฝ่าย ครูหนุ่มมองไปที่ผิวขาวใสและรูปร่างที่สมส่วนของซุปเปอร์สตาร์ชื่อก้องอย่างห้ามสายตาตัวเองไม่ได้

“เป็นอะไรล่ะ ทำไมไม่ถอดเสื้อออก รังเกียจผมเหรอ”

“ปะ เปล่า”

“ถอดเลยสิ ผมอยากดูว่าหุ่นคุณแกร่งอย่างในรูปหรือเปล่า”

นักล่าหนุ่มถอดเสื้อผ้าออกตามคำเชิญชวนราวกับถูกสะกดจิต แต่พอผ้าผืนน้อยชิ้นสุดท้ายหลุดออกไป ส่วนกึ่งกลางตัวที่แข็งขืนก็ทำให้ครูพละหุ่นแกร่งได้แต่เอามือกุมไว้ไม่กล้าก้าวลงไปในอ่าง

“มาสิ เพื่อนกันไม่ต้องอายหรอก”

นักร้องหนุ่มพูดพลางยกขาข้างนึงขึ้นมาพาดขอบอ่างทำให้เห็นส่วนพึงสงวนโผล่พ้นน้ำรำไรด้วยท่าทางเหมือนไม่ได้ตั้งใจ   สัญชาตญาณนักล่าของครูหนุ่มถูกปลุกให้ตื่นขึ้น เขาปล่อยมือที่กุมท่อนลำออกมาประกาศศักดาโดยการชี้หน้าเพื่อนใหม่จนอีกฝ่ายถึงกับกลืนน้ำลาย

“ผมไม่ชอบเป็นที่ระบายอารมณ์ชั่วคราวของใครหรอกนะ”

ถึงจะเกิดอารมณ์ แต่ครูหนุ่มก็ไม่ชอบอะไรที่มันฉาบฉวยวันไนท์สแตนด์อย่างนี้

“อย่าคิดมากสิ แค่มาแช่น้ำจิบไวน์เป็นเพื่อนผมมันไม่เปลืองตัวขนาดนั้นหรอก มา ผมจะร้องเพลงสดๆ ให้ฟัง โอกาสแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายๆ หรอกนะ”

ครูหนุ่มก้าวลงไปแช่น้ำตามคำชวน แรงนวดของน้ำอุ่นๆ ในจากุชชี่กับผิวสัมผัสนุ่มลื่นของคนข้างๆ ทำให้รู้สึกสบายตัว ยิ่งเมื่อเสียงเพลงสดๆ โดยไม่มีดนตรีดังขึ้นข้างหู เขาก็ยิ่งรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกจนเผลอเอามือไปลูบไล้กายเปลือยเปล่าของเจ้าของเสียงเพลงที่แสนไพเราะ

“ไหนว่าไม่ชอบอะไรที่เป็นชั่วครั้งชั่วคราวไง”

คนที่ถูกกระทำท้วงขึ้นอย่างพยายามสะกัดกั้นอารมณ์ตัวเอง แต่คนรุกอย่างนักล่าหนุ่มกลับพลิกพริ้วไปอีกทาง

“ก็ไม่ได้ชอบอะไรฉายฉวย แต่กว่าจะเป็นสัมพันธ์ที่ยาวนานมันก็ต้องมีจุดเริ่มต้นก่อนไม่ใช่เหรอ เพื่อนช่วยเพื่อนนิดหน่อยคงไม่เป็นไร”

นักร้องหนุ่มที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสรุกเร้าแต่อ่อนโยนพยักหน้าอย่างคล้อยตามในขณะที่มือควานลงต่ำเพื่อหาจุดเกาะกุมอันเขื่องที่หมายตาไว้ก่อนหน้านี้
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 39] สิ่งที่อยากทำเป็นครั้งสุดท้าย 18/07/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 18-07-2016 16:07:23

[บอส]

ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะผ่านชีวิตที่ไม่มีทั้งโป๊ปไม่มีทั้งองค์กรมาได้กว่าสองเดือนแล้ว ถึงผมจะเข้าระบบขององค์กรไม่ได้แต่ก็ยังมีเครือข่ายบุคคลเหลืออยู่บ้าง ตอนนี้ในวงการเกย์ที่มีอิทธิพลในเมืองไทยเริ่มมีข่าวลือถึงระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์ลึกลับที่มีอะไรบางอย่างคล้ายกับองค์กรอย่างน่าแปลกใจ ผมยังไม่รู้รายละเอียดของเครือข่ายนี้ และไม่มีกะจิตกะใจที่จะไปสืบเรื่องนี้ด้วย แต่เท่าที่ได้ยินมา มันสามารถสั่นคลอนองค์กรได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร ถ้าโป๊ปยังอยู่ มันคงตรวจสอบเรื่องนี้ให้ผมได้ภายในไม่กี่อึดใจ แต่ครั้งนี้ผมกลับสังหรณ์ใจแปลกๆ ว่าตัวโป๊ปเองอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ ผมไม่เข้าใจ ต่อให้โป๊ปไม่อยากทำองค์กรต่อไปแล้ว ทำไมมันต้องสร้างอะไรขึ้นมาเพื่อทำลายองค์กรด้วย เพื่ออะไร อำนาจเหรอ หรือว่าเงิน หรือว่าถูกใครบังคับ

ผมรู้ว่าคงไม่มีหวังที่โป๊ปจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ถ้าจะจากกันไป ผมก็อยากจะขอบคุณมันจากใจสักครั้งที่คอยอยู่ข้างกันมาตลอด และผมก็อยากจะแน่ใจจริงๆ ว่าโป๊ปไม่ต้องการที่จะคืนองค์กรที่เราสองคนร่วมกันสร้างให้กับผม ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงผมก็จะกลับไปเริ่มต้นใหม่ ผมจะใช้พลังที่พ่อให้สร้างองค์กรขึ้นมาใหม่ตามลำพัง เพราะนั่นเป็นสีงเดียวที่ยังเหลืออยู่

นั่นคือความคิดของผมก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ผมเริ่มคิดถึงอะไรที่มันเลวร้ายกว่านั้น โป๊ปที่ผมรู้จักมาทั้งชีวิตไม่ใช่คนที่จะหายไปเฉยๆ แล้วทิ้งผมไว้กับความสับสนอย่างนี้ ถึงโป๊ปจะไม่คิดกับผมแบบคนรัก แต่ผมมั่นใจว่าความเป็นเพื่อนระหว่างเราคือของจริง ผมไม่แน่ใจแล้วว่าข้อความ “x” และ “o” ที่ส่งถึงผมทุกวันจะมาจากโป๊ปจริง มันอาจจะมาจากระบบคอมพิวเตอร์อันใดอันหนึ่งของโป๊ปก็เป็นได้ ความเชื่อมั่นที่ผมบอกตัวเองว่าโป๊ปยังไม่เป็นอะไรเริ่มสั่นคลอน คืนก่อนนี้ผมฝันว่าโป๊ปแต่งตัวหล่อหน้าตาสดใสมาร่ำลาผม บอกว่าได้ทำสิ่งที่ตั้งใจไว้สำเร็จแล้ว มันช่างเหมือนฝันบอกเหตุที่ผมเคยได้ยินคนแก่ๆ เล่าให้ฟัง

พอตื่นมาผมก็คิดเรื่องนี้ทั้งวันจนไม่เป็นอันทำอะไร ถ้ารู้ว่าเราอาจจากกันชั่วชีวิตแบบนี้ ผมคงยอมมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับมันไปนานแล้ว ไม่น่าตั้งเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นคนรักก่อนถึงจะมีอะไรกันได้ นั่นอาจเป็นความพยายามอันน่าสมเพชของผมที่หวังให้มันเปลี่ยนใจมาเป็นคนรักกัน แค่มันรักผมแบบเพื่อนมากขนาดนี้ก็น่าจะพอที่ผมจะทำอะไรก็ได้เพื่อมันแล้ว แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจแล้วว่าโป๊ปจะไม่รักผมแบบคนรักหรือแม้แต่จะไปจากผม ขอแค่ให้มันปลอดภัยก็พอ ผมนอนคิดเรื่องนี้จนหลับไป

ผมตื่นมาอีกทีกลางดึก ความรู้สึกอบอุ่นคุ้นเคยที่ชวนให้อาวรณ์คุกรุ่นอยู่รอบกาย ผมรู้สึกเหมือนโป๊ปกลับมาหาผมอีกครั้งจนต้องเอื้อมมือไปควานหาข้างกายแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า นี่ผมคงฝันไปอีกแล้ว กลิ่นน้ำหอมที่โป๊ปใช้เป็นประจำลอยมาจางๆแทบไม่รู้สึก ผมตัวเย็นวาบ หรือโป๊ปจะมาลาผมจริงๆ ผมลุกขึ้นนั่งแล้วเพ่งตาผ่านแสงสลัวไปที่รูปคู่ของเราที่วางไว้บนโต๊ะเล็กข้างหัวเตียง ผมนึกอธิษฐานในใจ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใดก็อยากจะเจอโป๊ปอีกครั้ง ผมเหม่อในท่านั้นจนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่แล้วก็ตื่นจากภวังค์เมื่อหางตาเห็นเหมือนมีเงาวูบผ่านไป ทันใดนั้นผมก็รู้สึกเหมือนถูกรัดอย่างแรงจนอึดอัด กลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้ผมรู้ว่านี่คือโป๊ป แต่ร่างที่เย็นยะเยือกเกินมนุษย์ทำให้ผมน้ำตาไหล  ผมรู้ทันทีว่านี่คงไม่ใช่โป๊ปในสถานะเดิม แต่ไม่ว่าเป็นอะไรก็ไม่ทำให้ผมกลัวหรือรังเกียจคนที่ผมรักสุดหัวใจคนนี้ได้เลย

“โป๊ปกลับมาหาบอสใช่ไหม ขอบใจนะที่อุตส่าห์มาลา ไม่ต้องห่วงทางนี้ กูจะเข้มแข็ง กูรักมึงนะถึงชาตินี้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว”

ผมสะอื้นขณะพร่ำบอกความในใจไปยังสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม ร่างทะมึนภายใต้แสงสลัวพรมจูบไปทั่วใบหน้าของผม สัมผัสหยาบกร้านบอกผมว่านี่ไม่ใช่โป๊ปคนเดิมแต่สมองผมมึนงงเกินกว่าจะคิดอะไรออก ถ้ามันเป็นความปรารถนาสุดท้ายของโป๊ปผมก็พร้อมจะพลีให้ทุกอย่าง ท่ามกลางความรู้สึกกึ่งฝันกึ่งจริง ผมถูกชักพาไปตามลีลาของเพื่อนรักที่ช่ำชองจนน่าโมโห พื้นที่ทุกตารางนิ้วบนตัวผมถูกขบเลียดูดกลืนอย่างไม่รู้เบื่อ ผมซึ่งล่องลอยไปกับการปรนเปรอ ต้องมาสะดุ้งเฮือกเมื่อโป๊ปพยายามสอดใส่ท่อนลำขนาดมหึมาเข้ามา จิตสำนึกที่ยังหลงเหลืออยู่น้อยนิดของผมเริ่มเคืองไอเพื่อนตัวดี ใช่ ผมรู้ดีว่ากายเนื้อของมันมีสิ่งนั้นที่ใหญ่แค่ไหน แต่ในเมื่อมันจะมาเสพย์สมกับผมเป็นครั้งสุดท้ายด้วยกายละเอียดอย่างนี้ มันก็ควรจะลดขนาดของมันลงซักเบอร์สองเบอร์สิ กลุ่มก้อนของพลังงานมันน่าจะเปลี่ยนรูปได้อย่างอิสระไม่ใช่เหรอ ไม่คิดบ้างว่าครั้งแรกของผมเจอไซส์สามเอ็กซ์แอลอย่างนี้จะเจ็บขนาดไหน หรือเป็นแผนของมันที่จะให้ผมขาดใจตายไปเป็นเพื่อน

ในหัวของผมคิดฟุ้งซ่านมาถึงตรงนี้ก็กลายเป็นสีขาวโพลนเมื่อมันเร่งจังหวะเร็วขึ้น ความเจ็บปวดแปรเปลี่ยนไปเป็นความเสียวซ่าน มันดีเกินไปจนเหมือนไม่ใช่ความจริง ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับคนที่เรารักมันช่างวิเศษ ผมคิดไม่ถึงว่าโป๊ปจะซอยและควงท่อนลำยักษ์ได้คล่องแคล่วขนาดนี้ พอๆ กับที่ไม่รู้ว่าช่องทางข้างหลังของตัวเองจะตอดรัดขมิบถี่ได้รวดเร็วสูสีกัน เมื่อคลื่นความสุขเสียวระลอกแล้วระลอกเล่าถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ผมก็เริ่มตระหนักในที่สุดว่าความปรารถนาสุดท้ายของโป๊ปไม่ใช่การมีอะไรกับผมครั้งนึงก่อนจากลา แต่น่าจะเป็นการมีอะไรกับผมหลายๆ ครั้งไม่รู้จบมากกว่า ผมไม่สามารถจะคิดอะไรต่อได้อีก มีแต่จะปล่อยตัวไปตามท่วงท่าแล้วแต่มันจะชักพาไป ก่อนที่สติจะเลือนหายผมรู้สึกเหมือนได้ขึ้นไปขย่มท่อนลำของมันอย่างเมามันด้วยซ้ำ

ผมตื่นขึ้นมาอย่างเต็มอิ่มในความรู้สึก แสงแดดกล้าที่ส่องเข้ามาทำให้ผมรู้ว่าเวลาที่โป๊ปจากไปคงล่วงเลยมานานแล้ว ที่ว่างข้างตัวช่วยยืนยันความคิดนี้ได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยโป๊ปคงไปอย่างไม่รู้สึกติดค้างอะไร ผมจมอยู่กับความเศร้าที่ปวดหนึบในหัวใจจนน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง แต่แล้วผมก็ต้องปาดน้ำตาออกแล้วขยี้ตาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น โป๊ปยืนแหกแข้งแหกขาเอาแป้งเด็กโรยไข่อยู่ตรงปลายเตียง โป๊ปคนเดิมที่เปลี่ยนไปเพียงแค่ผมเผ้าหนวดเคราที่ยาวรกรุงรัง ผมที่ยังไม่รู้จะตกใจหรือดีใจดีก็พยายามเด้งตัวขึ้นมาหวังจะไปกอดคนที่ดูดีแม้กระทั่งทำท่าทุเรศแบบนี้อยู่ ความเจ็บปวดช่วงล่างที่แปล๊บขึ้นมาทำให้ผมทำสิ่งที่คิดไม่สำเร็จแถมยังต้องร้องโอ๊ยออกมา

“เป็นอะไร บอส เจ็บเหรอ”

โป๊ปวิ่งโทงๆ เข้ามาหา ผมคว้าหมับไปที่ตัวการความเจ็บปวดที่ชี้หน้าผมอยู่ ความอุ่นระดับสามสิบเจ็ดองศาของท่อนเอ็นที่เริ่มขยายตัวในกำมือทำให้ผมแน่ใจว่าคนๆ นี้เป็นคนจริงๆ ไม่ใช่วิญญาณห่วงอาวรณ์ที่ไหน

“อย่าซนสิเมีย เดี๋ยวก็เจ็บตัวอีกหรอก” โป๊ปกระซิบเสียงพร่า

ผมหน้าเห่อร้อนด้วยความอายกับถ้อยคำเรียกขานแปลกหู ถึงมีเรื่องจะบอกมันมากมาย ความรู้สึกที่อัดอั้นกังวลไม่เข้าใจในหลายเรื่อง แต่ผมเลือกเพียงประโยคเดียวที่บอกออกไป

“ไอสัดโป๊ป มึงหายหัวไปไหนมา”

[TBC]
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 40] ความคิดโง่ๆ ของคนที่รักหมดใจ 18/07/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 18-07-2016 16:11:11


องค์กรลวงจิต Explicit Content
 
บทที่ 40 ความคิดโง่ๆ ของคนที่รักหมดใจ

[โป๊ป]

“มึงทำอย่างนี้กับกูได้ยังไง”

เสียงตัดพ้อของบอสทำให้ผมใจกระตุก ผมรู้ดีว่าบอสมันเจ็บปวดกว่าท่าทางที่แสดงออกมากนัก ผมรู้เรื่องที่มันต้องสะกดจิตตัวเองอยู่เป็นปีๆ มาจากมอมแมมไม่กี่วันก่อนที่ผมจะจากไป นั่นเป็นจุดที่ทำให้ผมตัดสินใจเร่งทำตามแผนเร็วขึ้นทั้งที่ยังไม่พร้อมซะทีเดียว ผมไม่อยากให้บอสมันทรมานต่อแม้อีกแค่หนึ่งวัน เชื่อเถอะว่ามันเจ็บแค่ไหน ผมก็ยิ่งเจ็บมากกว่าเป็นหลายเท่า เจ็บที่เห็นคนรักของผมต้องเจ็บ เจ็บที่ผมเป็นคนทำให้มันเจ็บปวดซะเอง เจ็บที่ต้องสะกดกลั้นความรู้สึกที่มีไว้ข้างใน

คนรักของผม ใช่ ตอนนี้ผมสามารถใช้คำๆ นี้ได้เต็มปากแล้ว ทุกสิ่งที่ผมเฝ้าทำมาตลอดหลายปีมันสำเร็จลงซะที หวังว่าบอสคงเข้าใจและไม่โกรธผมนานนะ ภายนอกผมจะดูดุโหดนิ่งขรึมยังไงก็แล้วแต่ แต่ผมรู้ตัวมาโดยตลอดว่าผมต้องเป็นคนกลัวเมียแน่ๆ เมีย... คำๆ นี้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ถึงแม้บอสจะมีท่าทางแปลกๆ กับผม แต่มันช่างมีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ ผมอยากจะกรีดร้องให้แต๋วแตกว่าเขาเป็นของผมแล้ว ทุกซอกทุกมุมทั้งข้างในและข้างนอกผมได้ตีตราแสดงความเป็นเจ้าของไว้หมด ไม่นับลูกๆ นับล้านที่คงยังค้างอยู่ในตัวเขา แค่คิดของผมก็ตั้งขึ้นมาอีกรอบแล้ว ไม่สิ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาหื่นแตก ผมต้องเคลียร์เรื่องระหว่างเราให้จบก่อน

“ถามทำไมไม่ตอบ ไอสัดโป๊ป”

ผมใจชื้นขึ้น การที่เขาโวยวายใส่ผมเป็นนิมิตรหมายอันดีว่ายังไม่โกรธถึงขีดสุด ถ้าเขามองผ่านไปเหมือนผมเป็นอากาศธาตุผมคงจะทนไม่ได้แน่ๆ ทำไมปากกระจับสีแดงที่กำลังขยับด่าผมอยู่มันถึงได้น่าดูดอย่างนี้นะ ผมตกอยู่ในภวังค์ของความลุ่มหลงอีกแล้ว

“มึงจะพูดไม่พูด ต้องให้ลงมือใช่ไหม”

บอสกำหมัดเหมือนจะชกผม ผมหลบวูบด้วยความกลัวว่าเขาจะเจ็บมือ นั่นไง ผมเป็นพวกกลัวเมียจริงๆ ด้วย ผมชกหน้าตัวเองไปสองสามที ไม่แรงแต่ก็ไม่เบา แล้วหันไปพูดอ้อนกับคนน่ารักตรงหน้า

“บอสไม่ต้องเปลืองแรง โป๊ปชกหน้าไอคนเลวให้แล้ว”

บอสทำท่าตกใจนิดหน่อยแล้วก็สะบัดหน้าหนี มันก็ไม่ได้ดูสาวนะ แต่น่ารักมากจริงๆ

“บอสให้โอกาสโป๊ปอธิบายหน่อยนะ โป๊ปผิดไปแล้วจริงๆ”

“มึงกลับมาจากต่างประเทศเมื่อไหร่”

“โป๊ปไปแค่อาทิตย์กว่าเอง พอติดตั้งเซิร์ฟเวอร์เสร็จก็บินกลับมาเลย”

บอสมองหน้าผมเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง

“มึงจะบอกว่า ตลอดเวลาที่กูพยายามตามหามึง เป็นห่วงมึง มึงก็ยังอยู่เมืองไทยอย่างมีความสุขโดยไม่พยายามติดต่อกูเลยซักนิดอย่างนั้นเหรอ นี่กูคิดไปเองใช่ไหมว่ากูเป็นคนสำคัญสำหรับมึงถึงแม้จะไม่ได้เป็นคนรักกัน”

บอสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงความโกรธแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความตัดพ้อ ผมใจหาย เมื่อคืนนี้ผมมีความความสุขมากกับการได้ครอบครองบอสจนลืมไปว่าอีกฝั่งหนึ่งจะยังคงสับสนด้วยความไม่เข้าใจขนาดไหน ที่จริงผมตั้งใจจะเคลียร์กับบอสให้รู้เรื่องก่อนจะผูกพันเราสองคนให้เป็นหนึ่งเดียวกันหลังจากที่ต้องห้ามใจมาไม่รู้กี่ปี แต่รู้สึกตัวอีกทีก็พุ่งตัวไปกอดบอสไว้แล้วด้วยความคิดถึงที่ท่วมท้น บอสเมื่อคืนมีท่าทีที่แปลกไปแต่ก็โอนอ่อนยินยอมตามผมทุกอย่างจนผมห้ามใจไว้ไม่อยู่ เอาเถอะ ก็ถือว่าผมไม่ได้ผิดสัญญากับตัวเอง ก็ในเมื่อผมทำมันลงไปในวันที่ผมสามารถรักเขาได้อย่างไม่มีข้อจำกัดใดๆ แล้ว ถ้าเรื่องเมื่อคืนมันยังไม่ดีพอ ผมก็พร้อมที่จะชดเชยให้ใหม่อย่างไม่รู้เบื่อ

“บอสจะด่าโป๊ปอีกกี่ครั้งก็ได้แต่อย่าร้องเลยนะ โป๊ปมันไม่ดีเองที่ทำให้บอสต้องเสียใจ ถึงกลับมาเมืองไทยแล้วโป๊ปก็ไม่ได้ซ่อนตัวเพื่อให้บอสทรมานหรอกนะ โป๊ปแค่อยากมีสมาธิกับสิ่งที่ทำ โป๊ปต้องเร่งทั้งวันทั้งคืนให้เสร็จ จะได้กลับมาหาบอสเร็วๆ ไงล่ะ นี่โป๊ปก็ส่งข้อความหาบอสทุกวันแล้วไง”

“ไอข้อความ “o” “x” บ้าๆ หาความหมายอะไรไม่ได้นี่นะ กูนึกว่ามึงตายห่าไปแล้ว”

“ในอินเตอร์เน็ต “o” ก็หมายถึงกอดไง ส่วน “x” ก็แปลว่าจูบ”

ผมพยายามอธิบาย แต่เหมือนจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น

“แล้วมึงหายไปทำอะไร ทำไมถึงให้กูรู้ไม่ได้ มึงไม่ไว้ใจกูเหรอ”

“โป๊ปไม่ไว้ใจตัวเองมากกว่า สิ่งที่โป๊ปทำมันอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด ถ้าบอสรู้บอสคงไม่เห็นด้วย ถ้าเป็นคนอื่นที่ฉลาดกว่าโป๊ปมากๆ เขาคงคิดวิธีที่ดีกว่านี้ได้ วิธีที่เราสองคนจะทำไปด้วยกันโดยไม่มีใครต้องเจ็บปวด แต่คนโง่ๆ อย่างโป๊ปมันคิดได้แค่นี้ มันคือทางออกเดียวที่จะแก้ปัญหาให้เราสองคนรักกันได้ ถ้าบอสรู้ก่อนและคัดค้านอย่างจริงจัง โป๊ปคงไม่มีแรงทำมันให้สำเร็จ แถมคนโง่ๆ คนนี้เตรียมการมาไม่ดีอีก แทนที่จะใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนอย่างที่คิดไว้ กลับมีปัญหาโน่นนี่เต็มไปหมด  รู้ไหมขนาดโป๊ปทำงานทั้งกลางวันกลางคืนจนแทบไม่ได้นอนเลยยังต้องทิ้งให้บอสเจ็บปวดตั้งสองเดือนแน่ะ”

“สองเดือนกับแปดวันต่างหาก ถึงเร่งแค่ไหนก็ไม่น่าจะถึงกับไม่โกนหนวดโกนเคราแบบนี้ แล้วตกลงมึงกลับมาที่ห้องของเรากี่โมงกันแน่ คงไม่ใช่เพิ่งถึงเมื่อเช้านี้หรอกนะ”

ผมดีใจที่เขายังห่วงใยในสภาพอันดูไม่ได้ของผมอยู่บ้าง รวมถึงคำว่าห้องของเราที่เขาหลุดปากออกมา แต่แปลกใจนิดหน่อยที่เขาดูพะวงกับเวลากลับที่แน่นอนของผมซะเหลือเกิน

“โป๊ปกลับมาถึงกลางดึกเมื่อคืน เห็นบอสนอนหลับไปแล้วเลยไม่กล้าปลุก โป๊ปออกมาอาบน้ำที่ห้องน้ำข้างนอกเพราะไม่อยากเสียงดังกวนบอส เครื่องทำน้ำอุ่นดันมาเสียอีก ดึกๆ น้ำเย็นโคตร แถมบอสยังเปิดแอร์ทิ้งไว้อย่างหนาวเลย โป๊ปนี่ตัวสั่นเป็นลูกนก ดีว่าได้อ้อมกอดที่ร้อนแรงของบอสช่วยไว้”

บอสทำสีหน้าประหลาดสลับกันไปมาจนผมอดขำไม่ได้ มันช่างน่ารักจนผมอดใจไว้ไม่อยู่ จะเป็นอะไรไหมนะถ้าผมจะขอตุนกำลังใจไว้อีกซักรอบ กว่าผมจะอธิบายเรื่องทั้งหมดเสร็จมันคงกินเวลาเป็นวัน

พอคิดได้ดังนั้นผมก็จู่โจมบอสทันทีก่อนที่เขาจะตั้งตัวติด

“โป๊ปรักบอสนะ รักมาตลอด ไม่เคยรักคนอื่น รักมานานแล้ว ไม่เคยไม่รักบอส”

ถ้อยคำหวานเลี่ยนที่ไม่เคยคิดว่ามันจะหลุดออกมาจากปากตัวเองถูกกระซิบข้างหูของคนที่ผมรักสุดหัวใจ น่าแปลกที่บอสดูจะไม่สามารถต้านทานมันได้เช่นกัน ท่าทีที่เหมือนจะขัดขืนในทีแรกกลับกลายเป็นตุ๊กตาให้ผมชักนำได้ตามต้องการ ผมกอบเอาน้องชายขาวใสที่เริ่มผงกหัวขึ้นมาอย่างแข็งขันของบอสให้มาพบปะกับพี่ชายตัวโตล่ำสันโดยการถูไถไปมาด้วยกัน เมื่อคืนว่าสุดยอดแล้ว แต่แสงสว่างของกลางวันทำให้ผมเห็นความสดใสน่ารักทุกตารางนิ้วบนตัวของบอสอย่างชัดเจน ริมฝีปากแดงเจ่อนี่ของผม หัวนมสีทับทิมคู่นี้ก็ของผม สะดือรีได้รูปบนหน้าท้องแบนราบมีกล้ามนิดๆ นี่ก็ใช่ ผมใช้ปลายลิ้นตรวจสอบสมบัติส่วนตัวของผมทีละชิ้นอย่างใจเย็น เมื่อไล่ลงถึงด้านล่าง ผมแยกพี่ชายน้องชายออกจากกันเพื่อจะพิจารณาหน้าตาของน้องชายให้หายคิดถึง มันน่ารักไม่เคยเปลี่ยน ตอนเด็กเป็นยังไงตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมแม้ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาก ผมขบเม้มแล้วดึงหนังหุ้มปลายที่ค่อนข้างยืดได้ยาวเป็นพิเศษของบอสขึ้นมา ความคุ้นเคยที่ผมเล่นมาตั้งแต่เด็กๆ โดยที่บอสไม่รู้ตัว ผมมันก็แค่ไอเด็กแก่แดดหื่นแตกคนหนึ่ง ตั้งแต่เด็กแล้ว คืนไหนที่มันนอนซุกตัวผมมันจะหลับสนิทไม่รู้สึกตัวไปจนถึงเช้า แล้วผมจะทนไหวเหรอ น้ำแรกในชีวิตของมันก็เสร็จในปากผม คงไม่ต้องบอกว่ากว่าจะโตมาด้วยกันถึงวันนี้ มันโดนลักหลับไปเป็นพันครั้งแล้ว ผมดีใจที่ท่อนลำที่ผมทะนุถนอมมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้มันได้กลายมาเป็นของผมอย่างสมบูรณ์ถึงเจ้าตัวจะยังไม่เอ่ยปากยินยอมก็ตาม คิดแล้วก็อยากจะให้รางวัลกับท่อนลำอวบที่ยังคงความน่ารักมาตั้งแต่เด็ก ผมห่อปากแล้วรูดขึ้นลงอย่างชำนาญ ก็ผมฝึกกับมันตอนหลับมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่ ตอนที่มีสัมพันธ์ภายนอกกันบอสเคยถามว่าผมไปฝึกกับใครมาทำไมถึงช่ำชองนัก ผมไม่กล้าบอกความจริงเลยโกหกว่าฝึกกับกล้วยบ้างอะไรบ้าง

บอสชอบบ่นว่าตัวเองเป็นคนน้ำน้อยดูไม่เท่เลย แต่มันไม่รู้หรอกว่ามันน่ะน้ำเยอะกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ แต่ดันมีโจรขโมยน้ำอย่างผมแอบมารีดออกอยู่บ่อยๆ จนลูกบอลแฝดน่ารักคู่นี้ผลิตไม่ค่อยจะทัน หลักฐานคือน้ำขาวข้นปริมาณมหาศาลที่พุ่งออกมาเต็มปากผมอยู่ในตอนนี้ ก็ผมไม่ได้แอบมารีดน้ำให้กว่าสองเดือนแล้วนี่ ผมดูดกลืนน้ำทั้งหมดเข้าไป ของเมียนี่ถึงคาวบ้างแต่ผมยังรู้สึกมีความสุขกว่าการได้จิบไวน์จากไวน์บอยชั้นยอดจากร้านไวน์ของบอสซะอีก

ผมเปลี่ยนความสนใจไปที่ช่องทางสีสวยด้านหลัง พอเอานิ้วแหย่เพื่อเปิดช่องทาง ความชื้นแฉะข้างในทำให้ผมรู้ว่าน้ำของผมยังค้างอยู่ในตัวบอส บอสคงไม่รู้วิธีเอาออก เดี๋ยวพ่อจะส่งพี่ๆ น้องๆ เข้าไปอีก ขอโทษนะ ชิดในเบียดๆ กันนิดนึง ผมนึกในใจกับลูกนับล้านของตัวเอง

--------


“มึงยังเคลียร์กับกูไม่จบเลย มีสิทธ์อะไรมาทำกับกูอย่างนี้”

บอสต่อว่าผมหลังจากที่สติและพลกำลังเริ่มฟื้นคืนจากการจัดเต็มสองยกติดกัน ไม่รู้ว่าหน้าแดงๆ นั้นโกรธหรืออายกันแน่ ผมก็รู้สึกผิดนะที่ไม่รีบอธิบายให้เข้าใจกัน แต่ความอิ่มใจจากการได้ครอบครอบคนที่ตัวเองรักมันปรี่ล้นจนแทบกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้ ผมพอจะรู้ว่าบอสไม่ได้โกรธผมจริงจังแล้ว มันเป็นคนโกรธยากหายเร็วอย่างนี้แหละ น่ารักที่สุด ไอเรื่องโกรธก็เรื่องหนึ่ง แต่หลายๆ เรื่องที่ผมทำให้มันติดค้างในใจต้องรีบเคลียร์ก่อนที่มันจะฝังใจไปมากกว่านี้

“ก่อนอื่นนะ โป๊ปอยากจะให้บอสฟังโป๊ปเล่าเรื่องงานที่ไปทำมาซะก่อน อย่าเพิ่งถามอะไรได้ไหม หลังจากนั้นโป๊ปจะตอบทุกๆ อย่างเอง”

ผมขอร้องจนบอสรับปาก ผมหยิบคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเพื่ออธิบายเรื่องของเครือข่าย Social Eyes Online ให้บอสฟัง บอสตั้งใจทำความเข้าใจอย่างดี ยิ่งฟังไปเขาก็มีสีหน้ากังวลมากขึ้นทุกที ผมอดทนที่จะไม่ปลอบประโลมเขาเพื่อจะได้เคลียร์กันทีเดียวเมื่อเล่าจบแล้ว หลักการของเครือข่ายซับซ้อนไม่น้อยจนผมต้องใช้เวลาอยู่นาน

“บอสรู้ไหม ทำไมโป๊ปถึงต้องสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา”

ผมถามเขาเมื่อเล่าจบ บอสทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“กูคิดว่ารู้ แต่อย่าให้กูเดาเลย มึงบอกมาเถอะ”

ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรใหญ่โตไปถึงไหน สงสัยคงต้องรวบรัดกว่านี้

“เอาอย่างนี้ คือว่าช่วงหลัง โป๊ปรู้สึกว่า องค์กรเป็นอุปสรรคที่ทำให้โป๊ปไม่สามารถครอบครองบอสได้อย่างเต็มที่”

บอสน้ำตาซึมทันที กูว่าแล้ว เริ่มต้นมาก็ใช้คำพูดไม่ถูกแล้ว

“โป๊ปไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น จะบอกยังไงดี งั้นโป๊ปคงต้องเล่าถึงความรู้สึกตั้งแต่ต้น โป๊ปรักบอสนะ รักมาตั้งแต่แรกเจอแล้ว แต่โป๊ปคงไม่สามารถรักบอสได้อย่างที่อยากถ้าองค์กรยังเป็นอย่างนี้อยู่ แต่จะให้โป๊ปบอกให้บอสเลิกทำองค์กรก็ไม่ได้ โป๊ปรู้ว่านั่นคือความภูมิใจที่สามารถใช้พลังที่พ่อให้มาทำประโยชน์กับสังคมได้ในแบบของบอส โป๊ปรู้จักพลังของบอสดีเพราะเป็นคนที่ทดลองหาข้อมูลเกี่ยวกับพลังของบอสมาตั้งแต่แรก พลังของบอสมันมีอำนาจได้ด้วยความหื่น บอสจะต้องมีความรู้สึกทางเพศกับเป้าหมายอยู่บ้างถึงจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังควบคุมจิตได้ นั่นทำให้องค์กรถึงต้องมีรูปแบบอย่างที่เป็นอยู่ แล้วถ้าเราเป็นคนรักกัน โป๊ปคงทนไม่ได้หรอกนะที่จะปล่อยให้บอสไปทำเรื่องแบบนั้นกับคนอื่น โป๊ปมันคนเห็นแก่ตัว ถ้ารักใครแล้วก็อยากครอบครองไว้ทั้งหมด ไม่อยากแบ่งให้ใครแม้แค่นิดเดียว”

ความในใจที่พรั่งพรูออกมาของผม ทำให้บอสมองมาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

“ขอโทษนะ ในระหว่างที่กูเอาแต่คิดว่าทำไมมึงถึงมองไม่เห็นความรู้สึกของกู มึงก็ทรมาณเหมือนกัน”

บอสเริ่มเปิดใจมากขึ้น ทั้งๆ ที่ปกติพอไปแตะเรื่องขององค์กร เขาจะไม่ค่อยรับฟังอะไร นั่นทำให้ผมมีกำลังใจที่จะเล่าต่อ

“โป๊ปได้แต่กลั้นใจนะ ยิ่งมาได้ยินว่าบอสตัดใจจากโป๊ปได้แล้ว ก็แทบขาดใจ โป๊ปเผลอตัวจะบอกความรู้สึกออกไปตั้งหลายครั้ง แต่ถ้าเราตกลงเป็นแฟนกันเมื่อไหร่ โป๊ปต้องหาทางทำลายองค์กรและพลังของบอสโดยไม่รู้ตัวแน่เลย แต่ถ้าไม่มีพลังและองค์กร บอสก็คงไม่ใช่บอสคนเดิมที่โป๊ปรัก โป๊ปพยายามหาทางออกที่จะได้ทุกอย่างที่ต้องการไว้ แต่มันยากเหลือเกิน”

บอสนิ่งไปครู่ใหญ่แล้วถามออกมาด้วยท่าทางไม่แน่ใจ

“เพราะงั้นโป๊ปถึงได้ทำลายองค์กรทิ้งใช่ไหม”

นั่นเป็นข้อกังวลของผมว่าบอสจะไม่เข้าใจ  ผมพยายามเรียบเรียงคำพูดเพื่ออธิบาย

“บอสฟังโป๊ปนะ โป๊ปไม่ได้สร้างเครือข่าย Social Eyes Online มาเพื่อทำลายองค์กร แต่เครือข่ายคือองค์กรต่างหาก คำว่า Eyes ในชื่อของเครือข่าย นอกจากจะหมายถึงดวงตาของมวลชนที่จะคอยสอดส่องดูแลซึ่งกันและกันแล้ว ยังหมายความถึงหลักการ “An Eye For An Eye” หรือ “ตาต่อตา” ที่องค์กรใช้ ลองดูโลโก้ของเครือข่ายก็ได้ โป๊ปเอารูปดวงตาสองข้างที่บอสออกแบบไว้มาใช้ล่ะ มันสะท้อนว่าบางครั้งเราก็ต้องจัดการความรุนแรงด้วยความรุนแรงที่เทียบเคียงกัน หลักการอันนี้มีอยู่ในเครือข่าย Social Eyes Online อย่างเต็มเปี่ยม ไม่สิ หลักการทุกอย่างขององค์กรได้ถูกถ่ายทอดมาทั้งหมดโดยเฉพาะความหื่น  ไม่เชื่อลองดูตัวย่อของเครือข่ายสิ Social Eyes Online S.E.O. หรือชื่อเล่น เครือข่ายเสียวไง”

บอสหลุดหัวเราะออกมานิดนึงทำให้ผมมีกำลังใจที่ตะอธิบายต่อ

“เครือข่ายก็คือองค์กร องค์กรที่เป็นของบอส องค์กรที่เป็นของโป๊ป ของจอม มอมแมม แดน ฟีฟ่า หมอพฤกษ์ เจ๊ศิ รองผู้กำกับเสือ และคนอื่นๆ ที่บอสรัก องค์กรที่เป็นของทุกๆ คน ทุกคนมีส่วนร่วมกันได้ องค์กรที่ไม่ต้องพึ่งพาพลังของบอสเพียงอย่างเดียว บอสจะไม่ต้องเหนื่อยอีกแล้ว จะมีคนดีๆ อีกมากมายในสังคมที่มาช่วยดูแล บอสอยากจะพักเมื่อไหร่ อยากจะไปเที่ยวที่ไหนก็ไปได้”

การยกข้อดีมาพูดคงไม่เพียงพอที่จะทำให้บอสปล่อยความรู้สึกยึดติดกับองค์กรได้ ผมรู้ดีว่าบอสผูกพันกับองค์กรมากเกินกว่าจะทิ้งไปเฉยๆ เพียงเพราะหวังความสบายส่วนตัว บอสคิดเสมอว่าเขาต้องเอาพลังที่พ่อให้มาทำให้เกิดประโยชน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ผมจึงต้องย้ำในจุดนี้อีกครั้ง

“บอสเก็บพลังที่มีไว้ใช้ตามที่อยากใช้ได้เลย จะเพื่อความสนุก เพื่อช่วยคน หรือจะใช้หื่นใส่โป๊ปก็ตามใจ แต่มันจะไม่ใช่ภาระหน้าที่อีกต่อไป มันคือของขวัญที่พ่อมอบให้กับบอส เพื่อให้บอสมีความสุขไปกับมัน”

“อย่างนี้เท่ากับกูไม่ได้มีส่วนช่วยอะไรเลยสิ มึงทำของมึงคนเดียวทั้งหมด”

บอสพูดเสียงสั่น เขาคงรู้สึกใจหายที่ต้องปล่อยมือจากของสำคัญ

“ไม่จริงเลยบอส โป๊ปทำองค์กรกับบอสก็เพื่อบอส เครือข่ายนี่ยิ่งแล้วใหญ่ โป๊ปคิดทำขึ้นมาเพื่อบอสคนเดียวจริงๆ ถ้าไม่มีบอส โป๊ปคงทำมันไม่สำเร็จ จิตวิญญาณและแรงบันดาลใจทุกอย่างที่อยู่ในเครือข่ายมันมาจากบอส บอสคิดว่าการที่คนๆ หนึ่งจะทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้สำเร็จมันเป็นเรื่องง่ายเหรอ ถ้าไม่มีบอส ต่อให้มีโป๊ปสิบคนก็ไม่มีทางทำเรื่องนี้ได้”

ผมรู้ว่าพอบอสได้เข้าไปรู้จักเครือข่ายมากขึ้น เขาจะเข้าใจเองว่าทุกๆ อย่างที่เขาคิดในองค์กรได้ถูกถ่ายทอดมาที่เครือข่ายทั้งหมด ต่างกันแค่เพียงที่เครือข่ายเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามามีส่วนร่วมพร้อมทั้งมีระบบตรวจสอบกันเองที่แข็งแรง เพราะใช่ว่าคนที่มาเข้าร่วมจะเป็นคนดีอย่างบอสกันหมดทุกคน

“บอสเป็นสมาชิกสายนักล่าระดับสูงสุดของเครือข่าย สูงกว่าโป๊ปที่อยู่สายผู้พิทักษ์ซะอีก บอสจะได้รับมอบภารกิจเหมือนที่บอสทำให้กับองค์กร ต่างกันตรงที่ถ้าบอสไม่ว่างทำ ระบบก็จะมอบหมายให้นักล่าคนอื่นทำแทน คนที่มีปัญหาหรือเหยื่อที่ถูกทำร้าย จะไม่ต้องเสียเวลารอการช่วยเหลือจากคนในใดคนหนึ่ง ความหื่นชนิดจัดเต็มก็ยังมีอยู่อย่างครบถ้วนเพื่อเป็นแรงจูงใจให้สมาชิกพยายามมีส่วนร่วมในการดูแลสังคม แต่เราจะค่อยๆ ขยายแรงจูงใจในรูปแบบอื่นออกไปเรื่อยๆ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในวงกว้าง แม้แต่เด็กหรือคนแก่ก็จะมีส่วนร่วมได้ในที่สุด”

บอสมีสีหน้าที่ดีขึ้นมาก ผมรีบพูดต่อเพื่อให้บอสเห็นภาพจุดหมายปลายทางที่ผมวาดฝันไว้จากแรงบันดาลใจที่ได้จากบอส

“บอสจะเห็นว่าเครือข่ายก็คือองค์กรนั่นแหละ แต่เป็นองค์กรที่มีความยั่งยืนด้วยตัวของมันเอง ลองคิดดูว่าพอเราเปิดเครือข่ายให้กับคนทั่วไปที่ไม่ใช่เกย์ มันจะช่วยคนในวงกว้างได้อีกสักแค่ไหน คนมากมายจะเข้ามาร่วม ต่อให้ถึงวันที่โป๊ปและบอสไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว เครือข่ายจะยังทำงานของมันไปได้เรื่อยๆ ด้วยพลังมวลชน ลูกขุนจะคอยปรับนโยบายกฎระเบียบให้เข้ากับยุคสมัยภายใต้ความเห็นชอบของสมาชิก  ผู้พิทักษ์จะคอยอัพเกรดระบบคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่ตลอด นักสืบจะมีเครือข่ายข้อมูลที่ทั้งกว้างและลึกครอบคลุมแม้ในปัญหาเฉพาะทางด้านต่างๆ นักล่าจะเก่งและมีอำนาจขึ้นจนแม้แต่ผู้มีอิทธิพลก็ไม่อาจต้านทานได้ ทุกอย่างจะมีการตรวจสอบถ่วงอำนาจกันเองโดยมีพลังมวลชนเป็นผู้ตัดสินตามน้ำหนักของความรู้และความดีที่มีในแต่ละคน ในระยะยาว ระบบนี้มันจะเกื้อหนุนผลักดันให้คนดีมีคุณธรรมก้าวขึ้นมีเป็นผู้นำในสังคมและวงการต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ บอสคิดว่าสังคมเราในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรล่ะ”

บอสหลับตาแล้วยิ้มออกมา นี่แหละรางวัลที่ผมรอคอย ผมยอมลำบากอดทนอดกลั้นก็เพื่อสิ่งนี้ มีคนบอกว่าเบื้องหลังของคนที่ยิ่งใหญ่ทุกคนจะมีคนๆ หนึ่งเป็นกำลังใจ ผมคงไม่สามารถเอาตัวเองไปเทียบเคียงคนเหล่านั้นได้ แต่ผมกล้าพูดว่ากำลังใจเบื้องหลังของผมยิ่งใหญ่กว่าใคร

ผมรักบอส

เบอร์หนึ่งรักเบอร์ศูนย์

พวกเรารักกัน

เราคงไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้ แต่พยานความรักของเราจะแฝงตัวดูแลสังคมนี้ตลอดไป

[จบบริบูรณ์]
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 40] ความคิดโง่ๆ ของคนที่รักหมดใจ 18/07/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 18-07-2016 16:19:39
ในที่สุดก็เขียนจบ
ไม่รู้ว่าคนอ่านจะคิดยังไง แต่การจบแบบนี้ผมคิดไว้ตั้งแต่ตอนแต่งเรื่องนี้ไปได้ไม่กี่ตอน

มานึกดูแล้ว เรื่องนี้มั่วซั่วมาก ช่วงไหนอยากแต่งแนวไหน อยากหื่น อยากซึ้ง อยากตลก อยากสืบสวน  ก็ยัดๆ ลงไป ทำให้โทนของเรื่องคงกระโดดไม่น้อย บรรยายก็ยืดยาดอีกต่างหาก

ขอบคุณที่ยังติดตามกัน ถ้าใครยังรู้สึกติดค้างอะไรตรงไหน ก็มาเม้นท์ทิ้งไว้ได้ครับ คงได้เข้ามาอธิบายเพิ่ม หรือถ้าขยัน อาจแต่งเป็นตอนพิเศษซะเลย
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 38, 39, 40] หน้า14 18/07/16 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 18-07-2016 19:56:23
ขอบคุณค่ะ สนุกมากๆเลย o13 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 38, 39, 40] หน้า14 18/07/16 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: soul love ที่ 18-07-2016 23:01:14
มีครบทุกอารมณ์จริงๆ
ทั้งหื่น ซึ้ง เศร้า และhappy ending คงคิดถึงเรื่องนี้น่าดู
ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากที่เขียนให้เราอ่านนะ
รออ่านเรื่องต่อไปจ้า
 :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 38, 39, 40] หน้า14 18/07/16 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Darkwiser ที่ 18-07-2016 23:57:18
ขอบคุณครับ  ที่มาต่อตอนจบให้  ติดตามมาไม่นาน เพราะอ่านรวดเดียวถึงตอน 37 เลย   และสมัครสมาชิกเพราะเรื่องนี้จริงๆ
เรื่องสนุกมากครับ  :-[ :-[ :-[

ปล.ถ้าขยัน ผมอยากอ่านตอนพิเศษของ พิซกับทศอ่ะครับ  o18 o18 o18 o18 o18

//ทำท่าอ้อนสุดฤทธิ์
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 38, 39, 40] หน้า14 18/07/16 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: narumo ที่ 19-07-2016 01:31:37
มาต่อตอนพิเศษเถอะค่ะ หลายคู่ยังค้างอยู่เลย เรื่องคู่ของน้องมอมด้วย ชอบเรื่องนี้มากรู้สึกถึงความหื่น หุหุ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 38, 39, 40] หน้า14 18/07/16 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 19-07-2016 16:53:15
 o13
สนุกมากจริงๆ
ตามอ่านมานานแต่ไม่ค่อยได้เมนท์
ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนึกๆมาให้อ่านกันนะคะ จบแล้ว
เรื่องนี้เป็นเรื่องหื่นๆ แต่ถ้าสังเกตดูให้ดี ฉากมีอะไรกันจริงๆแทบไม่มีเลย มีแค่ตอนจบฉากเดียวเองมั้ง (กับตอนเด็กมัธยม3คนอีกนิดหน่อย)
ตอนนี้เครือข่ายของโป๊บยังไม่สมบูรณ์และทรงพลังที่แท้จริงนะเพราะยังขาดสมาชิกนักล่าระดับสูงสุดของบอสที่ยังไม่ได้รับภารกิจ
ถ้าบอสมาร่วมด้วยคงทำให้เครือข่ายน่ากลัวขึ้นแน่ๆเพราะเป็นเหมือนเอาองค์กรมาผนวก เพราะรู้สึกว่าถึงเครือข่ายโป๊บจะดีมากแต่ก็ทรงพลังน่ากลัวไม่เท่าองค์กรนะ น่าเสียดายถ้าองค์กรต้องปิดตัวลง แต่ต้องยอมรับว่าองค์กรขับเคลื่อนด้วยบอสคนเดียวจริงๆ แบบนี้จะยั่งยืนกว่า
สุดท้าย ไหนล่ะคู่น้องเม น้องเมยังเข้าใจผิดว่าตัวเองไม่ใช่เกย์อยู่เลย ขอตอนพิเศษของน้องเมด้วยยยย
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 38, 39, 40] หน้า14 18/07/16 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: pakawatkheeta ที่ 20-07-2016 12:15:31
 :hao5:  ซึ้งๆๆ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 38, 39, 40] หน้า14 18/07/16 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 20-07-2016 21:58:49
ขอบคุณที่มาต่อจนจบน้า ถึงใจจริงอยากจะอ่านรายละเอียดบทลงโทษขององค์กรในแบบเดิม อีกหลายๆ เคส หลายกรณี
แต่ต้องยอมรับจริงๆ ว่าระบบใหม่ที่โป๊บสร้างขึ้นมันเก๋กู๊ดมากๆ ชอบคู่คุณครูกับนักร้องมากน่ารัก เรียบง่าย สุภาพและไม่ฉาบฉวย
อยากอ่านภารกิจในมุมมองต่างๆ ของคนอาชีพอื่น หลายๆ เหตุหื่น หลายๆ เหตุการณ์อ่ะ ถ้ายังไม่เหนื่อยจะแต่งต่อรบกวนทำตอนพิเศษได้มั้ย ช่วงหลังๆ มีแต่บทบรรยายของน้องมอมแมม ไม่ค่อยมีบทลงโทษหื่นๆ ที่ตื่นเต้นอย่างช่วงแรกๆ เลย

ขอบคุณอีกครั้งที่แต่งเรื่องสนุกๆ แหวกแนวมาให้อ่านนะ เป็นกำลังใจให้จ้า (ขอตอนพิเศษหลายๆ ตอนนะๆๆ)  :impress2:
ปล.ดูคำผิดด้วยนะ พิมพ์ผิดเยอะเลย เช่น จาก "บ" เป็น "ย"
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 38, 39, 40] หน้า14 18/07/16 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: HypnosisDreams ที่ 21-07-2016 01:01:22
ขอบคุณมากสำหรับนิยายดีๆเรื้องนี้
แต่เรื่องน้องเมยังไม่เคลียร์เลย จบแล้วจริงๆเหรอ
ขอตอนพิเศษหน่อยนะ :impress2:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [End] ต่อตอนพิเศษ จุดเริ่มต้นขององค์กร 26/07/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 26-07-2016 22:13:41
มาต่อตอนพิเศษกันครับ เป็นช่วงที่บอสกับโป๊ปเรียนมอปลาย น่ารักใสๆ สมวัย ส่วนที่ขอกันมากำลังทะยอยเขียนอยู่นะครับ


องค์กรลวงจิต Explicit Content

ตอนพิเศษ จุดเริ่มต้นขององค์กร

[บอส]

จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหกเจ็ดปีก่อน ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่มอหก นอกจากโป๊ปแล้วผมก็มีเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทอยู่กลุ่มหนึ่ง โดนัทเป็นเพื่อนผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มนั้น เธอเป็นเด็กสาวที่สดใสร่าเริง ออกจะห้าวๆ ด้วยซ้ำ พอเข้าเทอมสองโดนัทก็มีแฟนกับเด็กชั้นมอหกโรงเรียนเดียวกันแต่คนละห้อง ที่จริงพวกเพื่อนในกลุ่มก็ไม่ค่อยเห็นด้วยนักเพราะไอเทมส์แฟนของโดนัทนั้นมีเสียงลือถึงพฤติกรรมที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทั้งเรื่องทะเลาะต่อยตี ข่มขู่ ไปจนถึงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เรื่องพวกนี้ยังอึมครึม ไม่เคยมีการลงโทษจากโรงเรียน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ได้ทำจริงหรือเพราะความสามารถระดับโอลิมปิกวิชาการที่เทมส์ใช้สร้างชื่อให้กับโรงเรียน แต่เพื่อนในกลุ่มก็เข้าใจและยอมรับการตัดสินใจของเธอ

โดนัทคบกับหนุ่มหล่อแบดบอยที่สาวๆ ทั้งโรงเรียนหลงใหลได้อยู่นานหลายเดือนจนเป็นที่แปลกใจของบรรดาแฟนเก่าของเทมส์ ก่อนจะจบลงด้วยฝันร้ายฝ่ายหญิงที่คนทั้งโรงเรียนรู้ว่าเธอมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเทมส์จากคลิปหลุดที่แพร่ไปทั่วโรงเรียน ถ้าพูดตามทัศนะของคนยุคใหม่ คงจะไม่ใช่เรื่องผิดที่คนหนุ่มสาวที่เป็นแฟนกันจะมีอะไรกันถ้ามันเกิดจากความยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่ายและมีการป้องกันอย่างเหมาะสม แต่ในกรณีของโดนัท ความผิดคงอยู่ที่เธอไว้ใจคนที่ไม่ควรไว้ใจแม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นแฟนของเธอเอง ภาพในคลิปถ่ายโดยฝ่ายชาย ในช่วงต้นฝ่ายหญิงพยายามปิดบังใบหน้าไม่ยอมให้ถ่าย แต่ด้วยการหว่านล้อมและการฉกฉวยโอกาสระหว่างที่กิจกรรมที่ดำเนินไปมันรุกเร้าอารมณ์ฝ่ายหญิงจนไม่เหลือสติที่จะระวังตัว แม้ภาพใบหน้าของฝ่ายชายจะเห็นไม่ชัดมากนัก แต่คนที่รู้จักก็พอจะบอกได้ว่านี่คือไอเทมส์อย่างแน่นอน

เรื่องของโดนัทกลายเป็นประเด็นร้อนที่คนทั้งโรงเรียนพูดถึงกัน หลายคนขยายความให้เรื่องเลวร้ายมากขึ้น น่าแปลกที่ฝ่ายชายซึ่งชัดเจนว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้เพราะเป็นคนถ่ายคลิปไว้เองกลับไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อะไรเลย แต่เพื่อนของผมกลับถูกประณามด่าทออย่างรุนแรงราวกับเป็นโสเภณี ทั้งๆ สิ่งที่เธอทำก็ไม่ต่างอะไรกับวัยรุ่นจำนวนมากที่ยอมมีอะไรกับคนรัก เด็กผู้ชายในโรงเรียนบางคนถึงกับเอาคลิปที่ว่ามาข่มขู่ให้โดนัทมามีอะไรกับตัวเอง ทางโรงเรียนก็ไม่คิดจะจัดการอะไรกับกับเรื่องนี้อาจเพราะไม่อยากให้กระทบกับเด็กนักเรียนเหรียญทองอย่างไอเทมส์

โดนัทที่เคยสดใสร่าเริงเปลี่ยนไปเป็นราวกับเป็นคนละคน เธอไม่กล้าออกไปไหน ไม่กล้าที่จะรับโทรศัพท์ หรือเม้จะเปิดดูโซเชียลเน็ตเวิร์คเพราะกลัวถ้อยคำหยาบคายต่างๆ นาๆ ของบางคนที่ชอบทำเป็นสูงส่งด้วยการเหยียบย่ำคนอื่น พวกเราในกลุ่มช่วยกันโดนัทออกมาจากคนที่น่าขยะแขยงพวกนั้น โป๊ปที่เชี่ยวชาญเรื่องคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่เด็กพยายามเก็บกวาดคลิปดังกล่าวออกไปจากคนในโรงเรียน แต่โชคร้ายที่เริ่มมีหลุดรอดออกไปในอินเตอร์เน็ทบ้าง แม้จะผิดหวังและเสียใจมาก แต่พ่อแม่ของโดนัทก็เข้าใจและอยู่เคียงข้างลูก พวกท่านตัดสินใจที่จะส่งโดนัทไปเรียนต่อเทอมสุดท้ายของมอหกที่ต่างจังหวัด

ผมไม่เข้าใจว่าเพื่อนผมทำผิดอะไร ไม่เข้าใจสังคมที่เหยียบย่ำซ้ำเติมคนพลาดพลั้งกันได้ขนาดนี้ และเหนือสิ่งอื่นใด ทำไมคนผิดถึงอยู่ลอยหน้าลอยตาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ได้รับความชื่นชมเป็นไอดอลในความเป็นแบดบอยทั้งที่ได้ทำลายอนาคตของคนๆ หนึ่งไป ถ้าผมมีอำนาจผมคงไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ไม่สิ ถึงผมจะไม่มีอำนาจแต่ผมก็มีความสามารถในการสะกดจิตที่ได้จากพ่อ ผมแทบจะไม่ได้ใช้ทำอะไรเลยนอกจากเพื่อความอยากรู้อยากเห็นตามประสาเกย์วัยรุ่น พ่อจะภูมิใจไหมนะถ้าผมใช้พลังนี้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเพื่อนตัวเอง

หลังเลิกเรียนคาบสุดท้าย ผมนัดไอเทมส์ให้รอคุยกันก่อน ไอเทมส์รู้ดีกว่าผมกับโดนัทเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เพราะผมเคยขอร้องเขาเมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้ว่าอย่ายุ่งกับเพื่อนผมถ้าจะเล่นๆ แต่เทมส์ก็ทำท่ากวนตีนแล้วไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้นจนเกิดเรื่องไม่ดีนี้ขึ้น แต่ที่นัดวันนี้ผมไม่ได้ยกเรื่องโดนัทขึ้นมาเพราะรู้ดีว่ามันคงไม่สนใจที่จะรอคุยกับผมอีก แต่ผมบอกแค่ว่าจะขอคุยเรื่องน้องชายของเทมส์ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมรู้ดีว่ามันจะต้องรอพบผมอย่างแน่นอนถ้าอ้างเรื่องนี้

“มึงมีอะไร พูดมาเร็วๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องโดนัทเพื่อนมึง กูไม่มีอะไรจะคุย” หยาบคายและก็ไม่สนใจความรู้สึกคนอื่นเหมือนเดิม ไม่รู้โดนัทรักเข้าไปได้ยังไง

“ใจเย็น วันนี้เรานัดคุยเรื่องน้องชายนายจริงๆ แต่มันก็เกี่ยวพันกับโดนัทด้วย เราอยากให้นายชดใช้ความผิดที่ทำต่อโดนัทไว้”

“กูเป็นลูกคนเดียว น้องชายอะไรวะ ถ้าจะคุยเรื่องงี่เง่าแบบนี้ กูไม่คุยล่ะ เสียเวลา แล้วบอกโดนัทเพื่อนมึง อย่าพยายามติดต่อกูอีก เดี๋ยวกูเสียชื่อไปด้วย”

เลวไหมละครับ มันไม่สำนึกเลยสักนิดว่าสิ่งที่มันทำมันเลวร้ายกับผู้หญิงคนนึงแค่ไหน

“งั้นหรือ งั้นลองดูนี่ก่อนดีไหม” ผมเปิดคลิปในโทรศัพท์ให้เทมส์ดู

“ไทน์...”

เทมส์อ้าปากค้างเมื่อเห็นหนุ่มน้อยหน้าตาดีในคลิป ไทน์น้องของเทมส์เรียนอยู่มอสี่โรงเรียนเดียวกัน แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นพี่น้องกัน  ไทน์กับเทมส์ใช้คนละนามสกุลกันเพราะไทน์ถูกตากับยายและน้าสาวขอมาเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ที่โรงเรียนสองคนไม่เคยสุงสิงกันผมเดาว่าเพราะเทมส์ไม่อยากให้น้องมีชื่อเสียงไม่ดีตามตัวเองไปหรือถูกคู่อริของเขาเล่นงาน แต่จากที่สืบมาพี่น้องคู่นี้รักกันมาก

“น้องนายตกเป็นทาสภายใต้การสะกดจิตของเรามาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”

ในตอนนั้น ผมยังควบคุมพลังสะกดจิตไม่ได้ดีนัก การบังคับให้ใครทำอะไรที่ฝืนจิตสำนึกมากๆ ผมจะต้องสะกดให้เขาไม่รู้สึกตัวไปเลย ตลอดเวลาที่ทำตามคำสั่ง คนที่โดนสะกดจะทำไปในลักษณะเหม่อลอยไม่รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนเมื่อทำเสร็จก็จะจำอะไรไม่ได้เลย ถ้าผมใช้พลังนี้แก้แค้นกับเทมส์ตรงๆ เขาจะไม่ได้รับความอับอายอย่างที่ผมอยากให้เป็น ผมต้องการให้เทมส์ได้รับความอับอายโดยมีสติรับรู้อยู่ตลอดเวลาที่ทำตามคำสั่งที่จะทำให้เขาไม่เหลือศักดิ์ศรีใดๆ ไว้เลยเช่นเดียวกับที่โดนัทถูกหลอกล่อด้วยคำลวงและเซ็กส์

ถ้าเป็นผมในทุกวันนี้ คงทำเรื่งนี้แบบที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนั้นผมจำเป็นต้องดึงคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาเพื่อใช้เป็นหมากในการบังคับเทมส์ และไทน์ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ไทน์เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี ร่าเริง เรียนเก่ง และเป็นนักกีฬา ถ้าเทมส์รักน้องมากอย่างที่ทราบ เทมส์จะไม่ปล่อยให้มีใครมาทำลายอนาคตที่สวยงามของไทน์แน่ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะเปิดคลิปวิดีโออันหนึ่งให้ไอเทมส์ดู

ผมถ่ายคลิปนี้มาตั้งแต่เมื่อวาน ผมไปดักเจอน้องไทน์ที่ห้องสมุด แล้วใช้พลังสะกดให้ตามผมไปที่ห้องน้ำชั้นบนสุดที่ไม่ค่อยมีใครขึ้นไปใช้ ผมบอกให้น้องนั่งบนชักโครกแล้วโปรแกรมสิ่งที่เขาต้องทำตั้งแต่ต้นจนจบลงไปในจิตใต้สำนึก จากนั้นผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพสิ่งที่เกิดขึ้น

ไทน์มองมาที่กล้อง แม้จะถูกสะกดจนเหม่อลอยแต่เขาก็ยังดูใสซื่อจนผมรู้สึกผิด สิ่งที่ผมกำลังทำมันต่างอะไรกับสิ่งที่พี่ชายเขาทำกับเพื่อนผม ผมถามตัวเอง ไม่สิ มันต่างแน่ ถ้าเรื่องทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมวางแผนไว้ ไทน์จะไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เลย ไทน์เริ่มทำตามที่ผมสั่งจิตเขาไว้ เขาแนะนำตัวเองกับกล้อง

“หวัดดีฮะ ผมชื่อไทน์ เรียนอยู่ชั้นมอสี่ทับหนึ่ง โรงเรียนอะไรเห็นเครื่องแบบก็คงเดาออกนะครับ ส่วนชื่อจริงก็ตามนี้เลย“
 ไทน์เอามือดึงเสื้อนักเรียนตรงอกที่ปักชื่อไว้ให้ดึง แล้วหันมาให้ผมถ่ายชัดๆ ถึงน้องจะถูกควบคุมจิตจนเหม่อลอย แต่ท่าทางและลักษณะการพูดจาที่ร่าเริงของน้องตามอุปนิสัยจริงที่ยังเหลืออยู่ทำให้น้องดูหล่อน่ารักมาก

น้องถอดเสื้อนักเรียนออกมา กลิ่นหอมจากตัวน้องผสมกลิ่นเหงื่อเล็กน้อยกระจายอยู่ในห้องน้ำแคบๆ น้องดูเป็นหนุ่มเกือบจะเต็มตัวแล้ว แผงหน้าอกเห็นเป็นกล้ามชัดเจน กล้ามที่หัวไหล่ แขน หน้าท้อง พอเห็นขึ้นเป็นแนว ไรขนขึ้นบางๆ ไม่เยอะมาก มีเฉพาะตรงใต้วงแขนและใต้สะดือ ไทน์ใช้มือลูบไล้ตัวเองไปทั่วร่างกายส่วนบนแล้วไปจบลงที่การหยอกล้อหัวนมสีชมพูของตัวเอง

“ที่โรงเรียนผมก็เหมือนเด็กมอปลายธรรมดานี่และครับ ตั้งใจเรียน ทำกิจกรรม เล่นกีฬา แต่ก็เล่นบ้าง ที่สำคัญยังไม่มีแฟนครับ”

ไทน์ค่อยๆ ปลดเข็มขัดนักเรียนรูดซิบลง ขยับก้นเล็กน้อย เพื่อดึงกางเกงลงมาจนเหลือแต่กางเกงใน แล้วก็พูดตามบทที่ผมแต่งขึ้นโดยไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย

“ผมมีปัญหานิดหน่อย ที่บ้านค่อนข้างเข้มงวดครับ นี่ผมอยากได้โทรศัพท์ดีๆ ใช้กับเขาบ้าง ก็ไม่ยอมซื้อให้ จะเก็บตังค์ซื้อก็ไม่ทันใจ ผมว่าผมเอาร่างกายแลกดีกว่า”

ตอนนี้น้องรูดกางเกงในออกจากตัวแล้วครับ อวัยวะเพศรุ่นหนุ่มยังใสๆ โชว์ต่อหน้ากล้องอย่างชัดเจน ไทน์อ้าขาออกกว้างเพื่อให้กล้องถ่ายเจาะอย่างละเอียด ทั้งท่อนลำ ทั้งพวงไข่ แล้วพยายามยกขาเป็นรูปตัววีชี้ขึ้นเพดานจากท่านั่งบนชักโครกเพื่อโชว์ช่องทางคับแคบด้านหลังต่อกล้อง

“เห็นไหมครับว่าของที่ผมมีมันดีขนาดไหน ถ้าจะใช้มันแลกโทรศัพท์สักเครื่องสองเครื่องคงไม่มากไปนะครับ จะข้างหน้าข้างหลังผมก็ยังซิงทั้งนั้น อัตราค่าเปิดซิง ข้างหน้าผมขอหมื่นนึง ข้างหลังขอสามหมื่นครับ”

ตั้งราคาเสร็จสรรพแล้ว ผมก็ส่งปากกาเขียนไวท์บอร์ดที่เตรียมมาส่งให้ไทน์จากทางหลังกล้อง ไทน์รับไว้แล้วเอามาเขียนเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวลงไปที่ขาอ่อนตัวเอง แล้วโชว์ให้กล้องจับภาพ

“ใครสนใจก็ติดต่อตามเบอร์ตรงนี้นะครับ เพิ่มเติมให้ ถ้าให้ผมใช้ปากให้นี่คิดแค่ห้าพันนะครับ ส่วนใครเห็นวิดีโอนี้ช้าไม่ทันผมขายซิงไปแล้วก็ไม่ต้องเสียใจครับยังติดต่อมาได้เรื่อยๆ ถึงไม่ซิงแล้วผมว่าผมก็น่าจะยังแซ่บอยู่นะครับ เดี๋ยวผมให้ราคาพิเศษ ส่วนใครยังไม่สะดวกไม่พร้อมไม่เป็นครับ ดูเสร็จก็ช่วยส่งคลิปนี้ต่อๆ กันไป ช่วยผมหาลูกค้าหน่อยถือเป็นค่าดูแล้วกัน อ้อ ผมรับแต่ผู้ชายกับเกย์นะครับ ผู้หญิงไม่ต้องติดต่อมา”

แน่นอนว่านี่เป็นบทที่ผมแต่งขึ้นเท่านั้น ถึงบ้านน้องกับไอ้เทมส์จะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ก็ไม่ลำบากแน่นอน โทรศัพท์เครื่องสองเครื่องคงไม่ใช่ปัญหาจนมาเร่ขายตูดแบบนี้

โฆษณาขายของเสร็จ ไทน์ก็เริ่มจัดการตัวเอง บอกว่าช่วงท้ายนี้เป็นการสาธิตสินค้าตัวอย่าง น้องใช้มือสาวท่อนล่างจนตื่นตัวเต็มที่ ถึงจะเพิ่งมอสี่แต่ขนาดของน้องไม่ธรรมดาเลย ขาว ใส อวบ นี่ถ้าวิดีโอนี้เผยแพร่ไปจริงๆ คงมีคนโทรมาจนสายไหม้แน่ มือซ้ายรูดไป มือขวาก็นวดคลึงอยู่แถวประตูหลัง น้องครางเสียงแหบพร่าเซ็กส์ซี่แล้วก็เร่งจังหวะขึ้นจนปล่อยออกมาใส่หน้าท้องตัวเอง น้ำว่าวบางส่วนไหลลงมาขังที่สะดือสวยได้รูปของน้อง งดงามราวกับเป็นภาพวาดของเทวดาที่แปดเปื้อน น้องหลับตาด้วยความเหนื่อยอ่อน มีน้ำตาซึมออกมา ผมไม่รู้ว่ามันแค่อาการเคืองตาหรือว่ามาจากความเสียใจที่ต้องทำเรื่องที่ขัดกับจิตสำนึก ขอโทษนะ ถ้ามีโอกาส ซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่ พี่จะชดเชยให้ ผมคิดในใจ

“ไม่จริง... ไทน์...”  เทมส์พูดเสียงแผ่วตลอดเวลาที่ดูคลิป เขาดูเจ็บปวดราวกับจะร้องไห้แต่ทนฝืนไว้ จนจบคลิปเทมส์ถึงได้พูดด้วยความโกรธแค้นขึ้นมา

“มึงทำอะไรน้องกู มึงวางยาน้องกูเหรอ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอก ก็บอกแล้วไงว่าสะกดจิตนิดหน่อย กับนายเราก็สะกดได้นะ อย่างตอนครู่นี้ เราสั่งให้นายเอามือซุกกางเกงในตัวเอง นายยังไม่รู้ตัวเลย”

ไอเทมส์ฟังอย่างไม่เชื่อ แต่พอก้มลงมองที่เป้าตัวเอง มันก็สะดุ้งเพราะมือมันซุกอยู่ในกางเกงในตัวเองจริงๆ มันกลับมามองผมด้วยสายตาหวาดระแวง

“นายคงไม่รู้ใช่ไหม ว่าเวลาคนที่เรารักต้องถูกประณามและอับอายไปทั่วประเทศถึงขั้นจะฆ่าตัวตาย มันรู้สึกยังไง เราก็แค่อยากให้นายรู้สึกอย่างเดียวกัน ว่าแต่น้องชายที่น่ารักของนายนี่ลีลาเด็ดจังนะครับ เรารอจะปล่อยคลิปไม่ไหวแล้ว”

“ไอสัด ถ้ามึงทำ มึงไม่ได้ตายดีแน่ ป่านนี้น้องกูจะเป็นไง”

“น้องนายสบายดีครับ อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ไม่เชื่อลองโทรไปถามเลยสิครับ แต่จะยังอยู่ดีมีอนาคตสดใสต่อไปหรือเปล่าก็แล้วแต่พี่ชายเขาล่ะครับ”

ไอ้เทมส์รีบโทรหาน้องมันทันที มันรีบถามทันทีที่อีกฝ่ายรับ

“ไทน์เหรอ เป็นไงบ้าง”

“สบายดีพี่ แล้วนึกยังไงถึงโทรตอนอยู่ที่โรงเรียน ไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ไม่ใช่เหรอ”

ได้ยินเสียงไทน์ลอดออกมา แต่ในห้องน้ำมันเงียบ เลยพอฟังออก

“มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเรามั้ยช่วงนี้”

“หือ พี่นึกยังไงถึงถามนี่ ก็ไม่นะ ปกติดี แต่มีเบลอๆ บ้าง ยังตลกตัวเองอยู่เลย คือเมื่อวานตอนจะอาบน้ำ ไทน์เจอรอยปากกาเขียนเบอร์โทรไว้ที่ขา ลายมือก็เหมือนของไทน์นะ เบอร์โทรก็เบอร์ไทน์เอง สงสัยคืนก่อนจะอ่านหนังสือง่วงเบลอจนเขียนไว้เอง ละเมอหรืออะไรไม่รู้ แต่แปลกนะ เขียนไว้ที่ต้นขาเกือบจะด้านในเลย ถ้าไม่ถอดกางเกงคงเขียนไม่ได้ พิลึกจัง เฮ้ย เล่าเพลินเลย พวกเพื่อนตามแล้ว เสาร์อาทิตย์มาหาไทน์บ้างสิ คิดถึงนะพี่”

เทมส์รับคำแล้วกดวางโทรศัพท์ไปหันมาจ้องผมแววตาเคียดแค้น ถึงเป็นคนเลวก็ยังรักน้องจริงๆ ด้วย อย่างนี้งานผมก็ง่ายขึ้น ผมเดินตามเกมต่อ

“เป็นไงล่ะ บอกแล้วตอนนี้น้องนายสบายดี เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรลงไป แต่น่าเสียดายนะที่คงเป็นอย่างนี้อีกไม่นาน พอคลิปนี้ถูกปล่อยออกไป รับรองกลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืนแน่ๆ เขาจะตกใจขนาดไหนนะกับสิ่งที่เขาคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำ”

“มึงจะเอายังไง กูทำเพื่อนมึงก็มาเอาคืนที่กูสิ ทำน้องกูทำไม น้องกูไม่รู้เรื่องด้วย”

“เอาคืนนายอย่างนั้นมันง่ายไป เราจะสะกดจิตนายเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ทำกับนายมันก็งั้นๆ นายมันประวัติเสียจะตาย จะมีคลิปช่วยตัวเองหลุดอีกสักเรื่องนายก็คงไม่สะทกสะท้านอะไร น้องนายดีกว่า เด็กดีแบบนั้นพอเกิดอะไรน่าอายแล้วมันดังดี เหมือนโดนัทเพื่อนเราไง ยกเว้นนายจะยอมทิ้งศักดิ์ศรีทำตามที่เราสั่งทุกอย่าง เราอาจจะพิจารณาไม่ยุ่งกับน้องนายก็ได้”

เทมส์กัดฟันแน่นจ้องมองหน้าราวกับจะฆ่าผมด้วยสายตา

“กูยอม กูจะชดใช้ให้ทุกอย่าง อย่ายุ่งกับไทน์ มึงจะเอาเงินใช่ไหม เท่าไหร่ กูจะพยายามหามาให้”

“ไม่ การชดใช้มันต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน นายต้องทำตามที่เราสั่งสามข้อแล้วเป็นอันจบเรื่องความแค้นที่นายทำกับเพื่อนเราไว้ตรงนี้ ไม่งั้นคลิปของน้องชายนายถูกปล่อยออกไปแน่ๆ”

“จะให้ทำอะไรก็รีบสั่งมา แต่มึงต้องเลิกยุ่งกันไทน์โดยเด็ดขาด ไม่งั้นมึงจะเสียใจ”

ใจผมนึกลังเล ผมไม่เคยใช้พลังไปกดดันใครอย่างงี้มาก่อน แล้วเรื่องที่จะสั่งให้มันไปทำล่ะ ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่ามันเป็นการลงโทษจริงๆ หรือมันคือความต้องการลึกๆ ของผมกันแน่ แต่ภาพของโดนัทที่กรีดร้องราวกับคนเสียสติเมื่อรู้ว่าแฟนหนุ่มทำอะไรลงไปบอกให้ผมเดินหน้าต่อ  ถ้าไม่ให้บทเรียนกับคนพวกนี้ตั้งแต่ต้น ต่อไปจะมีผู้หญิงอีกกี่คนที่ต้องเสียใจอย่างโดนัท ไม่ต้องเดาเลยว่ารูปร่างหน้าตาอย่างเทมส์ถ้าเข้ามหาลัยไปแล้วจะมีคนหลงมาเป็นเหยื่อมากมายสักแค่ไหน

ผมยักไหล่แล้วออกคำสั่งแรกทันที

“งานแรก ที่จะมีสอบชีวะวันศุกร์นี้ นายจะต้องชักว่าวใส่กระดาษคำตอบก่อนส่งให้อาจารย์ ถ้าทำไม่สำเร็จ พอหมดเวลาสอบ คลิปน้องนายจะถูกปล่อยออกทันที อ้อ ต้องแตกใส่กระดาษตรงๆ เลยนะ ห้ามนายเอาอะไรไปเช็ดด้วยนะ ไม่งั้นเป็นโมฆะ เราจะนั่งดูอยู่ข้างๆ เลยล่ะ”

เทมส์ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะต้องทำอะไรที่ฟังดูโรคจิตขนาดนี้ แต่นี่เป็นแค่บทลงโทษแรกเท่านั้น หวังว่ามันคงแทรกซึมเข้าไปจิตสำนึกบ้างนะเทมส์

“ไอเหี้ย ทุเรศสัด ไอ้เกย์วิปริต”

เทมส์ด่าทอผมอย่างไม่กลัวใครจะได้ยิน หน้าตาที่โกรธแค้นของเขาทำให้ผมตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

“พูดไม่เพราะเลยนะเทมส์ นายจะไม่ทำก็ได้นะ ว่าแต่นายว่าหลังปล่อยคลิปน้องนายไป อีกกี่วันน้า คุณน้าสาวคนสวยของน้องนายถึงจะได้เห็น คุณน้าเขาใช้อินเตอร์เน็ทบ่อยไหม แล้วคุณพ่อนายล่ะ”

“มึงหยามกูขนาดนี้ มึงฆ่ากูเลยไหม”

“จุ๊ จุ๊ ถึงนายตายไป เราก็ไม่ยกโทษให้หรอก น้องนายก็โดนอยู่ดี นายตายไปแล้วใครจะช่วยน้องนาย สู้นายทำตามเราบอกให้ได้ครบสามอย่าง เราสาบานว่าจะเลิกแล้วต่อกัน แต่นายเตรียมตัวเตรียมใจได้เลย เรายังโรคจิตกว่านี้ได้อีกในภารกิจที่เหลือ เอ หรือเราจะเอาซิงน้องนายไปขายจริงๆ แบบหมู่ไปเลยเราจะได้จอยด้วย”

ผมไม่อยากเชื่อเหมือนกัน ว่าตัวเองจะทำท่าทางขึงขังไซโคคนอื่นแบบผู้ร้ายโรคจิตอย่างนี้ได้ ก็ไม่รู้ว่ามันเนียนหรือเปล่าแต่คนตรงหน้าก็ดูจะเชื่อสนิทใจ

“กูยอมแล้ว อย่าทำน้องกู จะให้ทำห่าทำเหี้ยอะไรมึงสั่งมาเลย”

การที่เห็นคนสันดานแย่ๆ แบบเทมส์ถูกกดดันจนจำยอมอย่างหมดหวังทำให้ผมตื่นเต้นอย่างประหลาด มันคละเคล้ากันระหว่างความสะใจและความเป็นผู้เหนือกว่า ผมรู้สึกเหมือนได้เหยียบย่างเข้าไปในโลกของความรู้สึกใหม่ที่ไม่อาจถอนตัวได้

“นายเอาขั้นแรกให้ผ่านก่อนเถอะ วันศุกร์นี้นะ ระหว่างนี้นายห้ามว่าว ห้ามเอาหญิง ถ้าวันศุกร์น้ำน้อยหรือน้ำไม่ข้น นายโดนทำภารกิจแถมแน่”

ผมสั่งด้วยความรู้สึกพลุ่งพล่านเหมือนจะหยุดตัวเองไม่ได้ การควบคุมคนอื่นโดยไม่ใช้พลังสะกดจิตมันรู้สึกดีอย่างนี้เลยเหรอ พอแยกจากเทมส์ผมก็รีบไปหาโป๊ปทันที

“โป๊ป กูทำมันลงไปแล้วว่ะ”

ผมไม่ใช่คนจิตใจหยาบกระด้างที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้โดยไม่รู้สึกอะไร ผมต้องการกำลังใจ

“ถ้ามึงคิดดีแล้วก็ทำไปเถอะ แต่ถ้ามึงรู้สึกฝืนเมื่อไหร่ก็หยุด กูจะเป็นคนจัดการมันเอง แล้วถ้ากูลงมือ มันโดนหนักแน่”

โป๊ปรู้เรื่องนี้มาโดยตลอด ไม่ได้สนับสนุนแต่ก็ไม่ห้ามปราม โป๊ปแค่บอกให้ผมดูแลน้องไทน์ดีๆ อย่าให้ได้รับผลกระทบจาการล้างแค้นครั้งนี้

“ไม่ กูจะทำต่อ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน แล้วอีกอย่างเราก็ต้องการเงินไปเคลียร์ปัญหาด้วย”

เพราะมีโป๊ป ผมเลยมีความกล้าที่จะทำอย่างที่ใจคิด ผมรู้ว่าเพื่อนรักของผมจะอยู่เคียงข้างและคอยช่วยเหลือผมยามเกิดปัญหา แต่ที่ผมไม่รู้ก็คือ สิ่งที่ผมตัดสินใจในวันนั้น มันจะเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของผมในอนาคต
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [End] ต่อตอนพิเศษ จุดเริ่มต้นขององค์กร 26/07/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 26-07-2016 22:16:27
ในที่สุดก็ถึงวันสอบชีวะ ผมสะกดจิตอาจารย์คุมสอบให้จัดให้ผมกับไอ้เทมส์นั่งติดกัน โดยมันจะนั่งด้านหลังสุดติดกำแพงด้านซ้าย ส่วนผมก็นั่งด้านขวาของมันอีกที ผมเอากล้องปากกาอย่างดีมาเพื่อบันทึกวีดิโอด้วย พอเริ่มสอบ ไอเทมส์ทำท่ากระวนกระวาย มันคงเครียดที่ต้องทำที่ผมสั่งให้เสร็จในระยะเวลาสอบ ไม่งั้นผมจะปล่อยคลิปไทน์ออกไป มันเริ่มให้ความสนใจกับข้อสอบตรงหน้าแล้วทำข้อสอบไปเรื่อยๆ นานพอดู ซักสี่สิบห้านาทีเห็นจะได้ ถึงได้หันมาสบตาผมนิดนึง พยักพเยิดเหมือนจะบอกว่าจะเริ่มแล้ว

เทมส์มองไปรอบๆ ผมก็มองตาม เด็กทั้งห้องกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำข้อสอบ อาจารย์นั่งอ่านหนังสืออยู่ด้านหน้า เทมส์รูดซิบกางเกงอย่างเบามือแล้วควักหนอนอวบแต่ตัวอ่อนปวกเปียกออกมาทันที สงสัยเทมส์จะใส่แค่บ๊อกเซอร์ไม่ติดกระดุมหรือไม่ใส่กางเกงในถึงควักมาอย่างง่ายดาย เทมส์พยายามใช้โต๊ะนักเรียนบังสายตาอาจารย์ไม่ให้เห็น จากนั้นจึงใช้มือปลุกปล้ำน้องชายตัวเองอย่างไม่เป็นผลนัก ท่าทางจะกลัวคนเห็นจนหด ผมหวังว่ากล้องปากกาอันเล็กนี้ จะถ่ายท่าทางอันน่าสมเพชของมันไว้ได้หมด

ผมทำเป็นขยับนาฬิกาข้อมือดูเพื่อกดดันมัน มันดูค่อนข้างเครียดแต่ก็พยายามเล่นช่วงล่างตัวเองไปเรื่อยๆ ซักพักก็เริ่มได้ผล มังกรตัวขาวน่าดูไม่ต่างจากของน้องไทน์แต่อวบใหญ่กว่าตั้งตระหง่านขึ้นมาเต็มที่ หัวแดงชมพูของมันทำให้ผมลืมข้อสอบตรงหน้าไปในทันที คราวนี้เทมส์เริ่มประสบความยากลำบากในการซ่อนท่อนลำของตัวเองไว้ใต้โต๊ะ มันใช้มือซ้ายจับอวัยวะเพศแนบลำตัวให้ชี้ไปทางขวาที่ผมนั่ง แล้วสาวไปในแนวซ้ายขวาแทนเพื่อไม่ให้โผล่ออกมาพ้นขอบโต๊ะ คงลำบากพิลึกแถมน่าจะเจ็บด้วย มือขวามันก็ทำท่าจับดินสอทำข้อสอบไปด้วย สายตามันกวาดไปทั่วห้องตลอดเวลาเพื่อระวังอาจารย์ที่เฝ้าอยู่หน้าน้องและเพื่อนนักเรียนที่อาจหันหลังมา ถ้ามีใครขยับตัวมันจะหยุดมือรอดูท่าทีก่อน ผมเฝ้าดูอาการมันด้วยความครื้นเครง ต่อให้เป็นพวกแหกกฎที่เกเรไม่แคร์สังคมขนาดไหน แต่ถ้าโดนอาจารย์จับได้ว่ามาทำเรื่องแบบนี้ตอนสอบก็คงอับอายขายขี้หน้าจนไม่รู้จะมาเรียนยังไงไหว

เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง มันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะแตก คงเพราะการชักไประวังคนเห็นไปมันคงทำอารมณ์ได้ยากเกินไป อย่างนี้ไม่ดีแน่ เพราะถ้ามันทำไม่สำเร็จ ตามที่ผมขู่มันไว้คือจะปล่อยคลิปน้องมันทันที ซึ่งผมไม่ได้กะจะทำอย่างนั้นจริงๆ แต่ผมต้องการจะให้มันอายและเสียหน้าให้มากกว่านี้ในภารกิจต่อไปที่เตรียมไว้ก่อน สงสัยต้องช่วยมันนิดๆ หน่อยๆ

พอไอเทมส์มันกวาดสายตาระวังภัยไปรอบๆ ห้องจนมาถึงด้านที่ผมนั่ง ผมก็สบตามันและใช้อำนาจจิตกระตุ้นอารมณ์ทางเพศมันขึ้นมา จริงๆ ผมในตอนนั้นก็ยังไม่เก่งขนาดควบคุมอารมณ์คนได้ตามใจชอบหรอก แต่ผมใช้วิธีให้กระตุ้นให้จิตของไอ้เทมส์นึกถึงประสบการณ์ทางเพศที่มันเคยผ่านขึ้นมา จะเป็นกับใครหรือเรื่องแบบไหนผมไม่รู้ ผมไม่สามารถอ่านใจคนได้ แต่คงเป็นอันที่เด็ดพอดูเพราะตอนนี้มันดูมีอารมณ์แรงขึ้น ท่อนลำมันวาวบวมเป่งเป็นสีแดงก่ำจากเลือดที่สูบฉีดเข้าไปเลี้ยง มันขยับมือเร่งความเร็วขึ้นและดูไม่ค่อยระวังตัวเหมือนเดิม โชคดีที่อาจารย์หน้าห้องเหมือนจะติดพันกับนิยายที่กำลังอ่านอยู่จนไม่เงยหน้าขึ้นมามองหลังห้องเลย

เสียงครางของไอ้เทมส์เล็ดรอดการสะกดกั้นออกมาเบาๆ ทำให้เพื่อนที่นั่งด้านหน้ามันหันมามองแล้วตาลุกโพลงอย่างกับถูกผีหลอก คนที่นั่งหน้าเป็นเพื่อนซี้ของไอ้เทมส์เอง พอหายตกใจ เพื่อนไอเทมส์ก็หันกลับไปทำข้อสอบต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังพยายามนั่งยึดตัวเพื่อบังไอเทมส์อีก ถือเป็นเพื่อนที่ดีใช้ได้

ไอเทมส์กำลังใกล้จะถึงจุด มันเลื่อนเอากระดาษคำตอบมารอไว้ใกล้ส่วนปลาย อีกอึดใจเดียวมันก็ปลดปล่อยน้ำขาวข้นออกมาบนกระดาษคำตอบจนหมดพร้อมหลุดเสียงกระเส่าแหบพร่า เด็กสามสี่คนแถวใกล้ๆ หันมามองแล้วอ้าปากค้าง วินาทีนั้น ความรู้สึกใหม่ในตัวผมก็พุ่งทะยานขึ้น มันเติมเต็มบางอย่างในชีวิตที่ผมไม่เคยรู้ตัวว่าขาด ผมเก็บรายละเอียดสิ่งที่เกิดขึ้นไว้ทั้งหมด น้ำของเทมส์เยอะมาก มันคงเชื่อฟังที่บอกว่าไม่ให้ว่าวไม่ให้เอาหญิงในช่วงนี้ เทมส์รีบเอามือรูดสะเด็ดน้ำตรงส่วนปลายแล้วรีบเก็บท่อนลำเข้าในกางเกงทันที เด็กที่มองค้างอยู่รีบหันกลับไปทันทีที่เจอสายตาเหี้ยมโหดกวาดตาไปมอง

ผมดูแบบสะใจแต่ก็แอบเกิดอารมณ์ไปด้วย ก็ไอ้เทมส์มันหล่อจริงๆ เครื่องเคราก็เกรดเอ แถมเหตุเกิดในห้องสอบนี่กระตุ้นความเสียวได้ดีจริงๆ แต่เรื่องนี้ยังไม่จบครับ ผมอยากรู้ว่ามันจะทำยังไงตอนส่งกระดาษคำตอบที่มีน้ำว่าวกองใหญ่เบ้อเร้ออยู่ด้วยเพราะผมห้ามมันเช็ด เวลาสอบยังเหลืออีกชั่วโมงครึ่ง ผมเห็นมันทำท่ากลุ้มใจมองกระดาษคำตอบแล้วหันมามองหน้าผมเหมือนจะขอร้อง แต่ผมทำเป็นไม่สนใจ สุดท้ายมันก็ทำสิ่งที่ผมนึกไม่ถึง มันยกกระดาษคำตอบขึ้นเล็กน้อยแล้วก้มหน้าลงเอาปากจ่อแล้วสูดน้ำของมันเองเข้าปากไปขณะที่สบตาผมไปด้วย ผมอึ้งจนไม่รู้จะห้ามมันหรือให้มันทำต่อดี เลยปล่อยให้มันกินของตัวเองจนหมด ผมเห็นไม่ชัดแต่ดูเหมือนมันจะดูดออกได้เกลี้ยง แถมกระดาษคำตอบแบบคอมพิวเตอร์เนื้อมันค่อนข้างแน่นด้วยคงเหลือร่องรอยไม่เท่าไหร่

เทมส์เอาหลังมือเช็ดปากเล็กน้อยแล้วทำหน้าเย้ยผมเหมือนจะบอกว่ากูทำสำเร็จแล้ว จากนั้นก็เอากระดาษคำตอบโบกไปมาซักพัก เอามือจับๆ เหมือนจะดูว่าแห้งหรือยัง แล้วมันก็เดินไปส่งอาจารย์อย่างหน้าตาเฉย ชิบหาย นี่มันทำเสร็จตั้งแต่แรกแล้วเหรอ ผมก็มัวแต่สังเกตมันอยู่ยังทำได้ไม่ถึงครึ่ง ตอนนี้เหลือไม่ถึงชั่วโมงผมเลยรีบปั่น อาจารย์ที่ตอนแรกเอาแต่นั่งอ่านหนังสือตอนนี้กลับเดินตรวจไปมาแบบจ้องจับผิด สงสัยจะรู้แกวเด็กว่าถ้าจะลอกน่าจะลอกกันช่วงชั่วโมงหลังที่คนเก่งๆ ทำเสร็จแล้ว มิน่าล่ะ ตอนแรกนั่งนิ่งเลย แต่เดินไปเดินมาอย่างนี้ ผมเสียสมาธินะ ยิ่งทำไม่ทันอยู่ด้วย

สุดท้ายผมก็ทำเสร็จแบบเฉียดฉิว พอออกจากห้องสอบผมโทรหาไอเทมส์ให้มันมาเจอกันที่ม้าหินหลังตึกซึ่งแทบจะไม่มีคนเพราะคงจะรีบไปผ่อนคลายกันหลังสอบเสร็จกันหมด ไอเทมส์มาถึงมันก็ตะคอกถามผมทันที
 
“มึงไม่ได้ปล่อยคลิปน้องกูใช่ไหม” ห่วงน้องเสมอต้นเสมอปลายดี

“นายรักษาสัญญา เราก็รักษาสัญญา ถึงนายจะทำไม่ค่อยตรงเงื่อนไขที่ห้ามเช็ดก็เถอะ”

ผมสร้างความเชื่อมั่นให้มัน เพราะอยากให้มันทำภารกิจต่อไปที่เตรียมไว้ให้เต็มที่

“กูก็ไม่ได้เช็ดไง แล้วมึงก็ไม่ห้ามให้กูกินด้วยด้วย”

ก็จริง ผมจะไปห้ามทำไม ในเมื่อยิ่งทำอย่างนี้มันยิ่งน่าสมเพศขึ้น

“ถามจริง นายกลืนลงได้ไง ไม่ขยะแขยงบ้างเหรอ”

แม้อาจจะทำให้ความน่าเกรงขามของผมลดลง แต่ผมอยากรู้จริงๆ เลยอดถามมันไม่ได้

“เอ้า ไอเหี้ยนี่ ของก็ของกูเองสะอาดจะตาย ในชีวะก็เรียนว่ามันประกอบด้วยอะไรบ้าง กินได้ทั้งนั้น สงสัยวิชานี้มึงตกชัวร์ ทำทันไม่นั่น เห็นมองแต่ของกู อยากกินมั่งเหรอ หรือจริงๆ แล้วมึงอยากโดนกูเอา ตกลงกันดีๆ ไหม กูจะกลั้นใจเอาตูดมึงก็ได้ ถ้ามึงจะเลิกจองเวรกูซะที”

ไอเทมส์ลูบกางเกงนักเรียนองมันจนบริเวณเป้านูนเด่นเป็นลำอวบเหมือนจะโฆษณาสินค้า ท่าทางดูถูกเหยียดหยามที่มันแสดงทำให้ผมเลือดขึ้นหน้า ใช่ ผมเป็นเกย์ แต่ถึงเป็นเกย์ผมก็ไม่ได้อยากจะได้ผู้ชายทุกคน ยิ่งคนเลวๆ อย่างมันด้วย

ผมไม่แสดงอารมณ์โกรธออกมา จะทำงานใหญ่ใจต้องนิ่ง แต่ผมจะเอาความแค้นนี้ไปลงในภารกิจต่อไปของมันให้เต็มที่ หมดแล้วความปราณีในฐานะเพื่อนร่วมชั้น

“เราไม่สนใจหรอก ดุ้นสาธารณะใช้งานมั่วซั่วแบบนี้ ภารกิจวันนี้ยังไม่ถึงหนึ่งในร้อยของที่นายทำกับโดนัทเลย เราอยากให้นายได้รู้รสความอายบ้าง แต่ดูนายจะด้านเกินไป ไม่เป็นไร เพราะอีกสองภารกิจที่เตรียมไว้ หนักกว่านี้อีกเยอะ นี่แค่อุ่นเครื่อง”

“งั้นมึงสั่งมาเถอะกูจะรีบทำให้มันจบๆ ไป”

“ไม่ต้องรีบ เพราะถึงยังไงก็ต้องรอจนถึงงานกีฬาสีที่สีฟ้าของนายต้องลงแข่งบาสกับสีเหลือง คราวนี้นายต้องลงด้วย เงื่อนไขคราวนี้ยากมาก แต่ก็เพื่อน้องนายนะ ยังไงนายต้องทำให้สำเร็จ”

แล้วผมก็บอกรายละเอียดของภารกิจที่มันต้องทำในการแข่งให้ฟัง

“ไอสัด มึงจะไม่ให้กูมีที่ยืนในสังคมเลยใช่ไหม ให้กูทำแบบนั้นกูจะมีหน้าไปพบใครได้”

“คิดดีๆ นายอยู่โรงเรียนนี้ก็อีกแค่ไม่ถึงปีเดี๋ยวก็เข้ามหาลัยแล้ว แต่ถ้าคลิปน้องนายถูกปล่อยไปล่ะ น้องนายจะทนมองหน้าคนในโรงเรียนไปอีกกี่ปีกว่าจะจบ”

มันคอตกเหมือนจำยอม

ยังมีเวลาอีกเกือบเดือนก่อนการแข่งขัน ระหว่างนี้ผมกับไอโป๊ป ก็พยายามแก้ไขเรื่องคลิปของโดนัทที่แพร่ไปนอกโรงเรียน โป๊ปใช้ความรู้คอมพิวเตอร์ด้านมืดของมันขู่และโจมตีตามเวปไซท์ใหญ่ที่เป็นที่เผยแพร่คลิปโดนัทจนไม่มีใครกล้าเอามาลงอีก แต่มันบอกว่ายังมีเวปเล็กๆ อีกมากที่ตามไปจัดการไม่ไหว เลยอาจจ้างพวกแฮ็คเกอร์ที่มันรู้จักในสังคมใต้ดินคอยเฝ้าเอาคลิปออกรวมถึงการโจมตีคอมพิวเตอร์ของคนที่แชร์คลิปมา ค่าจ้างรวมๆ ก็คงเป็นแสนเพราะต้องจ้างหลายคนเฝ้าหลายเดือนจนเรื่องเงียบ เพื่อนๆ ในกลุ่มช่วยกันหาตังค์มาจ่ายตรงนี้ก่อน แต่ผมคุยกับโป๊ปแล้วว่าต้องให้ไอเทมส์มันเป็นคนชดใช้เงินตรงนี้ให้หมด

เวลาผ่านไปจนถึงงานกีฬาสี เรื่องการกำจัดคลิปในอินเตอร์เน็ทเป็นไปได้ด้วยดี อาจจะมีเหลือก็คงแค่วงแคบๆ ที่แชร์กันเองส่วนตัวในหมู่เพื่อนซึ่งพวกผมทำอะไรไม่ได้ ไอ้เทมส์มีเวลาเตรียมใจอยู่เกือบเดือนซึ่งเป็นสิ่งที่ผมตั้งใจ เพราะระหว่างนั้นมันจะได้ทรมานกับเรื่องน่าอับอายที่นับถอยหลังมาเรื่อยๆ ผมแอบไปดูมันซ้อมบาสก็เห็นว่ามันไม่มีสมาธิเลยจนหัวหน้าทีมทำท่าจะตัดมันออก มันถึงกลับมาตั้งใจเต็มที่ เพราะถ้ามันไม่ได้ลงแข่ง เท่ากับมันไม่ผ่านภารกิจนี้แล้วคลิปน้องมันจะโดนปล่อยตามที่ผมขู่ไว้ เงื่อนไขแรกที่ผมสั่งมันไว้คือมันจะต้องใส่กางเกงบาสที่ผมเตรียมไว้และห้ามนุ่งบ๊อกซ์เซอร์หรือกางเกงในใดๆ ผมเอากางเกงให้มันช่วงเช้าของการแข่ง ดูเผินๆ มันก็เหมือนกางเกงบาสสีขาวธรรมดาที่ทีมของสีมันใช้ แต่จริงๆ แล้วผ้าบางกว่ามาก

“อ่ะ นายใส่กางเกงตัวนี้ แล้วห้ามใส่กางเกงชั้นในนะ”

เทมส์รับกางเกงไปดูแล้วทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่าผม อะไร ผ้าบางนิดบางหน่อยทำเป็นมีปัญหา ผมทวนรายละเอียดภารกิจที่มันต้องทำคร่าวๆ แล้วตีก้นมันเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ จากนั้นผมก็ไปเตรียมอุปกรณ์บันทึกภาพชุดใหญ่แล้วไปนั่งที่ริมสนามตรงที่โค้ชและตัวสำรองของทีมของเทมส์นั่งอยู่โดยอ้างชื่อชมรมโสตทัศนศึกษา ผมเสียดายมากที่วันนี้คนดูน้อยเพราะโรงยิมแอร์เสียจนอากาศร้อนอบอ้าวไปหมด

ตอนนี้นักกีฬาเริ่มทยอยเข้ามาในสนาม คนอื่นคงไม่ได้สังเกตอะไร แต่ผมซูมกล้องไปที่เป้าไอเทมส์จนเห็นว่ามันไม่ได้ใส่กางเกงในจริงๆ  ดูจากรอยนูนยาวที่แกว่งตัวเล็กน้อยตามจังหวะการเดิน ผมเสียดายนิดหน่อยที่กางเกงหลวมไปนิด ไม่งั้นน่าจะเห็นชัดเป็นลำกว่านี้  ผมแพนกล้องตามตัวเทมส์เก็บรายละเอียดทั้งสีหน้า ท่าเดิน มันดูเกร็งๆ คงไม่ชิน หรือไม่คงคิดถึงภารกิจที่มันต้องทำ

การแข่งดำเนินไปเรื่อยๆ ถึงไอเทมส์จะดูกังวลและไม่มีสมาธิ แต่มันก็ยังเล่นได้ดีและดูเท่มาก เหงื่อที่ไหลท่วมจากอุณหภมิที่อบอ้าวทำให้กางเกงบางๆ ของมันลีบติดตัวมากขึ้น ผมว่าตอนนี้บางคนคงเริ่มสังเกตเห็นว่าแล้ว โดยเฉพาะเวลามันกระโดด หรือโยกซ้ายโยกขวา จะเห็นท่อนลำมันแกว่งตัวในกางเกงได้ค่อนข้างชัด กางเกงด้านหลังก็แนบแก้มก้นจนเห็นเป็นร่องถนัดตา เสียดายที่พวกแก็งค์นางฟ้าของโรงเรียนไม่สู้อากาศร้อนเลยไม่ได้เข้ามาเห็นของดีที่ผมตั้งใจจัด คนดูส่วนใหญ่เป็นพวกเพื่อนๆ ของนักบาสที่ลงแข่งรวมถึงนักกีฬาสีอื่นที่มาสอดแนมด้วย

ถึงแม้จะคนดูส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายด้วยกันที่คงไม่ได้สนใจเป้าของนักกีฬาในสนามแต่ก็มีบางคนเริ่มสังเกตแล้ว มีคนซุบซิบกับเพื่อนชี้ให้ดูไอเทมส์แล้วหัวเราะกัน ผมถ่ายเก็บการเคลื่อนไหวทั้งหมดของเทมส์ไว้ เวลาเล่นกีฬามันดูดีและน่าหลงใหลจริงๆ ไม่นับลำอวบๆ ที่แกว่งอยู่ใต้ผ้าบางที่ผมซูมไปเก็บรายละเอียดเป็นระยะๆ ตอนนี้ผมว่าคนดูกว่าครึ่งนึงน่าจะเห็นอะไรๆ ตามที่ผมตั้งใจแล้ว สังเกตจากเสียงฮือฮาผิดปกติเวลาเทมส์ได้ครองลูก เกมดำเนินต่อไปจนจบครึ่งแรก พอเทมส์ออกมาข้างสนาม ผมก็ส่งสัญญานให้มันเดินเข้ามาหา
 
“ไอเหี้ย กูโคตรอาย เล่นไม่ออกเลยสัด” มันกระซิบใส่ผม ท่าทางมันอายจริงๆ

“นายเล่นได้ดีนะเราขอชมจริงๆ แต่ครึ่งหลังต้องตั้งสมาธิดีๆ ล่ะ เพราะมันจะยิ่งกว่านี้”

“กูต้องทำจริงๆ เหรอ มึงให้กูทำอย่างอื่นไม่ได้เหรอ กูขอร้องล่ะ”

เทมส์มองผมตรงๆ หน้ามันนิ่ง แต่เหมือนมีแววตาอ้อนวอนอยู่ในนั้น

ผมเกือบใจอ่อนแล้ว แต่พอนึกถึงน้ำตาของโดนัทและสิ่งที่มันทำไว้ผมก็ควบคุมความเห็นใจได้

“ถ้านายอยากให้น้องนายรับแทนก็ได้นะ”

“ไอสัด อย่ายุ่งกับน้องกู กูทำได้ จะอุบาทว์ขนาดไหนกูทำเอง” มันมองผมอย่างเครียดแค้น

“งั้นก็ดี เดี๋ยวช่วงสุดท้ายตั้งใจให้ดีอย่าให้พลาด ถ้าไปได้สวย มันจะดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ นายจะได้ไม่ต้องอายมากนัก แต่ถ้าไม่เนียนละก็ หาคำอธิบายดีๆ เอาเองล่ะล่ะ” ผมขู่

“อ้อ แล้วก็ครึ่งหลังนี่นายอย่าพยายามโดนตัวคนอื่นจะดีกว่านะ”

ผมจ้องมองไปในดวงตาของมันขณะพูด ใช่ครับ ผมสะกดจิตมันไปเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ใช่จะไปบังคับการกระทำอะไรของมันหรอก อย่างที่บอก ผมอยากให้มันรับรู้ความอับอายจากการกระทำของตัวเองโดยมีสติสัมปชัญญะเต็มร้อย ที่ผมสะกดจิตมันนี่แค่ให้มันระลึกถึงประสบการณ์ทางเพศของตัวเอง เวลาที่มีคนมาแตะตัวมันเท่านั้นเอง

เทมส์กลับไปรวมตัวกับทีม ดูท่าทางมันจะไม่ได้ใส่ใจคำเตือนผมที่อย่าให้ใครมาโดนตัว เพราะไม่ทันไรมันก็ไปเบียดไหล่ชนไหล่กับกับเพื่อนในทีมซะแล้ว ผมไม่รู้ว่าประสบการณ์อันไหนที่มันนึกถึง แต่ดูท่าทางจะเด็ดไม่น้อยเพราะตอนที่มันลงไปในสนามอีกทีมันก็อยู่ในสภาพกึ่งแข็งตัวแล้ว ผมบอกได้เลยว่าครึ่งหลังนี้น่าดูกว่าครึ่งแรกมาก ลองนึกภาพเด็กหนุ่มนักกีฬา หล่อ หุ่นดี วิ่งไปมาในสนามบาส โดยมีท่อนลำโป่งออกมาค้ำกางเกงบาสสีขาวบางๆ ส่ายเป็นงวงตามจังหวะการวิ่ง แถมยังเป็นตัวทำแต้มตลอด เพราะทั้งคนประกบทั้งคนเข้ามาแย่งลูก ไม่มีใครมองลูกมองแต่ลำ มันเลยหลุดไปทำแต้มสบายๆ ยิ่งท่าเลย์อัพเวลามันลอยตัวขึ้นเป้ามันยิ่งเด่นเด้งท้าทายสายตาคนดู เสียงเฮดังลั่นทุกครั้งที่มันได้ลูก ผมว่าคนดูประทับใจอย่างอื่นมากกว่า ตอนนี้ผมหยิบกล้องอีกตัวมาถ่ายภาพนิ่งแอคชั่นสวยๆ ของมันได้เป็นสิบๆ ภาพ ไม่นับวีดิโอที่ถ่ายไว้ตลอด

หลังจากนั้นเลยมีคนมาประกบมันเต็มไปหมด ถึงกติกาบาสจะไม่ให้โดนตัว แต่เอาเข้าจริงเทมส์มันก็ถูกเบียดไปเบียดมาตลอด แล้วที่ผมสะกดจิตไว้จะเหลือเหรอครับ พอเหลืออีกสิบนาทีจะหมดเวลา ไอเทมส์ก็แข็งตัวเต็มที่แล้ว ตอนนี้เป้ามันตุงเป็นกระโจมเลย ผมว่าผมเห็นน้ำเงี่ยนมันซึมเป็นวงด้วยนะแต่กางเกงสีขาวมันเห็นไม่ชัด เด็กนักเรียนด้วยกันทั้งที่เป็นกรรมการและทีมงานกีฬาสีไม่มีใครกล้ายุติการแข่งขันหรือพูดอะไรมีแต่มองไอเทมส์ตาโต ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตะลึงกับความอลังการหรือไม่อยากยุ่งกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นอันธพาลอย่างไอเทมส์ อาจารย์พละที่มาคุมการแข่งก็เอาแต่เล่นโทรศัพท์ แต่ก็ดีที่ผมไม่ต้องเปลืองแรงสะกดจิตคนที่จะมาขัดขวางการแข่งขัน ที่แน่ๆ ตอนนี้ คนดูกว่าครึ่งสนาม ยกมือถือมาถ่ายรูปหรืออัดวิดีโอการแข่งกันทั้งนั้น ก็ดี จะได้ช่วยกันแพร่ข่าวออกไป

ตอนนี้เทมส์หน้าแดงก่ำ คงทั้งเหนื่อยทั้งเงี่ยนทั้งอาย แถมยังเหลือสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จก่อนจบการแข่งขันเพื่อปิดภารกิจนี้ ผมรู้ว่ามันทั้งยากและทำใจลำบาก แต่นี่ก็เพื่อให้เป็นบทลงโทษที่สาสมกับสิ่งที่มันทำ เวลาเหลืออีกไม่ถึงสามนาทีกับแต้มที่เสมอกันอยู่ ผมว่าไอเทมส์คงลงมือรอบนี้แหละไม่งั้นก็ไม่ทันแล้ว ผมรีบปรับโหมดกล้องให้เป็นถ่ายต่อเนื่องแล้วย้ายจุดไปถ่ายมุมที่คิดว่าดีที่สุด ไอเทมส์ทำท่าขยุกขยิกเหมือนจะจัดกางเกง แต่ผมรู้ว่ามันแอบปลดเชือกที่ผูกกางเกงไร้ยางยืดแสนหลวมที่ใส่อยู่ออก ทีมสีเหลืองของไอเทมส์เริ่มบุก มันรับลูกบาสจากเพื่อนแล้วเลี้ยงลูกมือเดียววิ่งขึ้นไปในขณะที่อีกมือหนึ่งจับกางเกงไว้ ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาประกบ เทมส์เหมือนจะรอจังหวะนี้อยู่ มันเข้าไปเบียดกับตัวอีกฝ่ายแล้วทำทีเซเล็กน้อยเหมือนเกิดการปะทะพร้อมปล่อยมือที่จับขอบกางเกงไว้ กางเกงของไอเทมส์ไหลลงไปกองที่ปลายเท้าทันที ไอเทมส์ทำทีเป็นติดพันจนไม่สนใจ มันสลัดกางเกงออกแล้วเลี้ยงบอลต่อทั้งท่อนล่างเปลือยเปล่า ท่อนลำชูชัน กระแทกหน้าท้องและหน้าขาตามจังหวะการวิ่ง ทีมตรงข้ามตะลึงกันหมด ไม่มีใครขยับตัวไปไหนปล่อยไอเทมส์ลอยตัวขึ้นเหมือนจะเลย์อัพลงห่วงตามปกติ แต่หนนี้มันลอยสูงมากแล้วโชว์สเต็ปเทพดั้งลงห่วงไปทั้งเปลือยๆ

คนทั้งเชียร์ทั้งโห่ร้องทั้งส่งเสียงกรี๊ด ผมว่าคงมีเพื่อนเกย์แอ๊บหลุดกันไปหลายคน ผมไม่ยักกะรู้ว่ามันดั๊งได้ด้วย สงสัยใช้ความโกรธที่มีต่อผมมาเป็นพลัง ไอเทมส์ทำเป็นเพิ่งรู้ตัวแล้ววิ่งเคเด้งกลับมาใส่กางเกงที่กองทิ้งไว้เหมือนสิ่งที่ทำไปเป็นเรื่องปกติ ผมรู้ว่ามันอายมากแต่ก็นับถือการแอคติ้งของมันที่ทำได้เนียน นักกีฬาทั้งหมดไม่มีใครสนใจจะแข่งต่อจนกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขันไปอย่างงงๆ สีเหลืองของเทมส์ชนะไปด้วยลูกสุดท้ายที่มันได้มาอย่างโปร่งใสไร้อาภรณ์ปิดบังท่อนล่าง อาจารย์พละที่เพิ่งรู้เรื่องหลังใครเขาเดินไปคุยกับไอเทมส์ซักครู่แล้วเอาโทรโข่งมาประกาศเสียงดัง

“นักเรียนเงียบๆ หน่อย ฟังที่ครูกำลังจะพูด”

กินเวลาซักพักกว่าที่เสียงฮือฮาจะซาลง

“เรื่องที่เกิดครูสอบถามนายธีรพลแล้วมันเป็นอุบัติเหตุจากการที่เชือกกางเกงหลุด อย่าหัวเราะเพื่อนกันล่ะ ในการแข่งกีฬาเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ ครูขอความร่วมมือว่าใครถ่ายภาพหรืออัดคลิปไว้ช่วยลบออกด้วย เพื่อรักษาหน้าตาของเพื่อนและชื่อเสียงของโรงเรียนไว้ คนนอกจะได้ไม่เข้าใจผิดๆ ทุกคนเข้าใจไหม”

เสียงนักเรียนตอบรับ แต่ผมจะคอยดูว่าจะมีอะไรหลุดมาหรือเปล่า คนบางคนก็เห็นความเดือดร้อนอับอายของคนอื่นเป็นเรื่องสนุก ผมหวังว่าคนพวกนี้จะทำให้เทมส์โด่งดังเพิ่มขึ้นอีก แต่ผลงานที่ผมถ่ายเก็บไว้ด้วยกล้องคุณภาพสูงผมคงไม่เผยแพร่ออกไปในตอนนี้ รวมทั้งคลิปที่มันชักว่าวในห้องสอบด้วย ผมคงหาทางทำเงินกับรูปและคลิปพวกนี้ก่อน ตอนนี้พวกผมหมดเงินไปเป็นแสนแล้วกับค่าจ้างคนที่มาคอยลบคลิปของโดนัทออกจากอินเตอร์เน็ต

ผมนึกถึงแฟนคลับของไอเทมส์ที่ผมจะเอาคลิปพวกนี้ไปขายแต่ แต่สุดท้ายคงได้เงินไม่เท่าไหร่ ผมรอดูภารกิจสุดท้ายก่อนดีกว่า ถึงไงคนที่เป็นคนทำเรื่องนี้ไว้จะต้องรับผิดชอบทั้งหมด แต่ถึงไอเทมส์จะหาเงินจำนวนนั้นมาให้ผมก็ไม่เอา มันต้องได้รับบทเรียนที่สาสมกับสิ่งที่ทำ มันต้องเอาร่างกายเข้าแลกเพื่อหาเงินมาแก้ไขเรื่องนี้ จริงๆ แค่ผมสะกดจิตหรือบังคับให้ไอเทมส์ถ่ายนู้ดไปขายหนังสือเกย์ก็น่าจะได้เงินก้อนนี้เลย แต่ผมก็ไม่อยากให้มันเสียอนาคตขนาดนั้น ถึงไงก็เป็นเพื่อนห้องเดียวกันมาและคลิปหลุดของโดนัทมันก็ไม่ได้ตั้งใจซะทีเดียว อย่าคิดว่าผมใจดีล่ะ เพราะสิ่งที่มันต้องทำเพื่อหาเงินนี่อาจจะน่าอายมากกว่าถ่ายรูปนู้ดหลายเท่า แค่ไม่กระจายไปในคนหมู่มากเท่านั้นเอง
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [End] ต่อตอนพิเศษ จุดเริ่มต้นขององค์กร 26/07/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 26-07-2016 22:24:25
ผมเริ่มติดต่อกับคนที่น่าจะเป็นลูกค้าที่จะมาจ่ายเงินเพื่อใช้บริการเรือนร่างของไอเทมส์ ก็คนในโรงเรียนนี่แหละ เพราะในบรรดาคนที่รู้จักมันน่าจะมีคนที่แค้นมันหรือหลงเสน่ห์มันจนยอมจ่ายเงินแพงๆ โชคดีที่โรงเรียนผมมีเด็กฐานะดีมากๆ อยู่ไม่น้อย ผมเริ่มรวบรวมข้อมูลนักเรียนในโรงเรียนรวมทั้งศิษย์เก่าที่น่าจะเข้าข่ายได้หลายคนแล้วก็ไปพบเพื่อสอบถามความสนใจ ผมเล่าคร่าวๆ ว่า ไอเทมส์มีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับแฟนเก่าที่ต้องใช้เงินเยอะมาก มันจึงขอเอาร่างกายมาขายโดยจะให้มันทำอะไรก็ได้ให้ลูกค้าเสนอมาพร้อมค่าจ้าง โดยให้ผมทำหน้าที่เป็นนายหน้าให้เพราะมันอาย ผมสั่งไอเทมส์ให้อัดคลิปเสนอขายร่างกายมาให้ดูด้วยเพื่อยืนยันว่าข้อเสนอของผมทำได้จริงๆ ผมได้ติดต่อไปแบบนี้จนได้ลูกค้าที่ตกลงจะจ่ายค่าตัวมันแสนนึง ส่วนคนอื่นผมก็ลบความทรงจำออกไปเพื่อไม่ให้เรื่องสาวมาถึงผมทีหลัง ลูกค้าคนนี้เป็นรุ่นพี่ที่จบไปแล้วครับ แกเคยอยู่ชมรมถ่ายภาพตอนนี้เรียนปีสองนิเทศศิลป์ภาคโฟโต้ พี่แกฝีมือดีมากๆ ตอนเรียนอยู่นี่ได้รางวัลประกวดภาพถ่ายต่างๆ เต็มไปหมด

 กรณีของพี่คนนี้ไม่ได้แค้นเคืองอะไรไอเทมส์เท่าไหร่หรอกครับ แค่ตอนที่แกอยู่มอหกแล้วพวกผมอยู่มอสี่ แกมาตามตื้อจะให้ไอเทมส์เป็นนายแบบให้อยู่พักใหญ่ จะจ่ายค่าจ้างให้เยอะด้วยแต่ไอเทมส์ก็ไม่สน จนตอนหลังมันรำคาญหนักเข้ามันก็ด่าพี่เค้าไปแรงๆ เลยเลิกตื้อกันไป ผ่านไปสองปี ผมว่าแกยังติดอยู่ในใจเลยยอมจ่ายตั้งแสนเพื่อให้ได้ไอเทมส์มาเป็นนายแบบ แต่อย่างว่า ลูกเจ้าของรีสอร์ทหลายแห่งอย่างพี่เค้า เงินแค่นี้สบายอยู่แล้ว พี่เขานัดให้ผมซึ่งตอนนี้เหมือนเป็นผู้จัดการส่วนตัวของไอเทมส์ไปแล้ว พามันไปที่บูติครีสอร์ทหรูติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่บางกระเจ้า ถามไปก็ได้ความว่านี่เป็นรีสอร์ทของบ้านพี่เค้าที่ใกล้ที่สุดแล้ว พี่แกนัดแต่เช้าตรู่ พอไปถึงก็พบว่าเป็นรีสอร์ทที่ทั้งสวยทั้งสงบ ก็พี่แกเล่นปิดทั้งรีสอร์ทเลยแถมให้พนักงานทั้งหมดลาไปพักผ่อนทั้งวัน เอากับแกสิลงทุนจริงๆ

ผมกับไอเทมส์เข้าไปถึงก็เจอพี่เค้ากับทีมงานรออยู่แล้ว ที่บอกว่าทีมงานแต่จริงๆ ก็เพื่อนๆ พี่เค้าทั้งนั้น ทั้งคนจัดไฟ แต่งหน้า ทำผม รวมไปถึงฝ่ายเสื้อผ้า ทั้งผู้หญิงผู้ชายรวมกันก็สี่ห้าคน รุ่นพี่รีบมาลากผมไปคุยกระซิบกระซาบกันสองคน

“เราเอาน้องเทมส์มาได้จริงๆ ด้วย ว่าแต่น้องเค้าจะยอมถ่ายจริงๆ นะ ไม่ใช่อาละวาดไล่เตะพวกพี่นะ”

“ชัวร์พี่ พี่ก็เห็นคลิปแล้วนี่ มันยอมทำทุกอย่างเลย”

รุ่นพี่ผมกลืนน้ำลายเอื้อก

“ถ้าจริงก็ดี งั้นช่วงแรกพี่จะขอถ่ายแนวแฟชั่นก่อนนะ เสร็จแล้วค่อยต่อแนวศิลป์”

“หึๆ แบบไหนก็ได้ พี่สั่งมาได้เลย รับรองมันทำคุ้มค่าจ้างแน่”

ผมตามพี่เข้าไปบรีฟงานให้ทีมกับไอเทมส์ฟังสักพัก พี่แกก็สรุป

“ตามนี้นะครับ ตอนนี้แสงกำลังสวยต้องรีบหน่อย เดี๋ยวน้องเทมส์เปลี่ยนเสื้อผ้าเซ็ทแรกเลย ใช้ตรงห้องน้ำลอบบี้ได้เลย”

ผมได้ทีรีบบอก

“ไม่ต้องหรอกครับ พี่รีบกันไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวแสงเปลี่ยน เทมส์เค้าเปลี่ยนตรงนี้ได้เลย ใช่ไหมเทมส์”

เทมส์พยักหน้าอย่างจำยอม เคลียร์กันมาก่อนแล้วครับว่ามันต้องทำตามที่ผมพูดทุกอย่าง

“หรือพี่ๆ ผู้หญิงถือครับ”

ผมถามลองเชิง พี่ๆ ผู้หญิงทำตาโต รีบส่ายหน้า

“ไม่ถือค่า ไม่ถือ พวกเรากันเอง จะได้เสร็จเร็วๆ”

นั่นแหน่ จริงๆ ก็อยากดูกันใช่ไหมครับ เดี๋ยวให้มันเซอร์วิสเต็มที่

ผมบอกให้ไอเทมส์ถอดชุดเดิมจนเหลือแต่กางเกงใน แล้วค่อยให้พี่ๆ มาแต่งหน้าเซ็ทผมให้ ผมว่ามันแอบอายพี่ๆ เค้านิดหน่อยนะ

“น้องเทมส์หุ่นดีมาก ไม่น่าเชื่อว่าอยู่แค่มัธยม คิดๆ ไปก็ดีนะที่ตอนมอสี่ยังไม่ให้พี่ถ่าย มาตอนนี้โครงสร้างกับลายเส้นกล้ามเนื้อสมบูรณ์เต็มที่เลย”

รุ่นพี่ผมชมตามประสาคนที่มีสายตาทางศิลปะ ส่วนผมมองออกแค่ว่าหุ่นมันน่ากินดี

พอมันเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นเสร็จ ต้องยอมรับว่าดูดีมาก ปกติมันใส่แต่เสื้อผ้าวัยรุ่นแมนๆ ไม่ได้แฟชั่นจ๋าแบบนี้ พี่เค้าก็ถ่ายไปเรื่อยๆ ให้มันโพสต์ท่าโน้นท่านี้ มันก็ทำโดยไม่มีเกี่ยงงอน เวลาเปลี่ยนชุด ผมก็ให้มันเปลี่ยนตรงที่ถ่ายเลย ถึงพี่เค้าจะเปลี่ยนโลเคชั่นไปด้านนอก ยังไงมันก็ใส่กางเกงในอยู่

ถ่ายแฟชั่นเซ็ทสุดท้ายไปจบที่ท่าเรือริมแม่น้ำเจ้าพระยาของรีสอร์ท ความที่แม่น้ำเจ้าพระยาช่วงนั้นเป็นช่วงที่อยู่ระหว่างท่าเรือคลองเตยกับปากน้ำที่เชื่อมกับทะเล ทำให้มีเรือสินค้าขนาดใหญ่ผ่านไปมาตลอดเวลา พอถ่ายจบตากล้องรุ่นพี่ก็มีไอเดียเพิ่มเติม

“ไหนๆ มาถ่ายริมน้ำแล้ว พี่อยากถ่ายเป็นบรรยากาศคนหาปลาแบบบ้านๆ ดู ประมาณนุ่งกางเกงในตัวเดียว ลงไปถือแหแช่ในน้ำซักท่วมเข่า”

ว่าแล้วก็ก็ใช้ให้พี่อีกคนไปเอาแหมาเป็นอุปกรณ์ประกอบฉาก

ไอเทมส์รู้หน้าที่ มันถอดชุดออกเหลือกางเกงในตัวเดียวตามคอนเซ็ปต์ แต่ผมว่ามันมีอะไรไม่ถูกต้องนะ

“พี่ครับ กางเกงใน CK มันดูไม่เป็นคนหาปลาเลยครับ”

“จริงว่ะ เฮ้ย เรามีกางเกงในบ้านๆ บ้างเปล่า หมวยๆ ดูหน่อยซิ”

“มีรอสโซ่สีเนื้ออยู่ตัวอ่ะแก แต่ชั้นว่ามันจะตัวเล็กไปหน่อย”

“เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ”

ว่าแล้วผมก็เอากางเกงในตัวนั้นมาดึงๆ ฉีกๆ ให้ตะเข็บมันรุ่ยๆ แถมเอากุญแจในกระเป๋ามาเจาะเนื้อผ้าให้เป็นรูอีกสองสามจุด

“จะได้สมจริง เทมส์ นายมาเอาไปใส่สิ”

ไอเทมส์รับกางเกงในไปท่าทางเคืองๆ  วันนี้มึงยังทำงานไม่คุ้มค่าตัวเลยนะ เทมส์หันไปถามรุ่นพี่เจ้าของรีสอร์ทว่าห้องน้ำด้านนอกอยู่ตรงไหน แต่ผมดึงแขนมันไว้

“เทมส์ เปลี่ยนตรงนี้”

ไอเทมส์ทำท่าเหมือนจะไม่พอใจ แต่ก็พยายามเก็บอาการ คงกลัวผมโกรธเดี๋ยวมันจะโดนหนักกว่านี้
พี่ผู้หญิงรีบแสดงความเป็นกุลสตรีออกมา

“เปลี่ยนในห้องน้ำก็ได้จ้าน้องเทมส์ จะได้ไม่ต้องเขินพวกพี่” แต่พี่ดูหน้าตาเสียดายนะ

“ตรงนี้แหละครับ จะได้ไม่เสียเวลา พวกพี่เค้าเป็นมืออาชีพ เค้าไม่มาคิดอะไรกับนายหรอก เทมส์”

ผมพูดไปอย่างนั้นแหละครับ ดูหน้าสองสาวนั่นก็รู้ว่าเจ๊แกคิดไปถึงไหนๆ แล้ว แถมพี่ๆ ผู้ชาย ก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้ ผมว่าเกือบทั้งหมดนั่นแหละที่คิดหื่นกับไอเทมส์ ไม่มากก็น้อย เทมส์ มึงยังต้องชดใช้อีกเยอะ

เทมส์ไม่พูดอะไร มันเดินไปที่ริมน้ำ หันหลังให้พวกผม แล้วก้มลงถอดกางเกงในออกจนเปลือยทั้งร่างแล้วสวมตัวใหม่ที่ออกจะขาดๆ รุ่ยๆ ด้วยฝีมือผมด้วยความรวดเร็ว

สรุป มันยอมเสี่ยงให้คนบนเรือที่ผ่านมาผ่านไปเห็น แทนที่จะเป็นพวกพี่ทีมตากล้อง แต่แค่ก้นแน่นๆ นั้น พวกพี่ก็ดูจะฟินกันไม่น้อย

หลังจากได้แหจับปลามาประกอบฉาก รุ่นพี่ช่างภาพก็กะเกณฑ์ให้ไอเทมส์ลงไปแช่น้ำทำท่าเป็นชาวบ้านหาปลา ตอนแรกก็ดูไม่เข้าเท่าไหร่ เพราะมันดูดีราศีจับเกินไป ต้องให้ช่างแต่งหน้าหาอะไรมาทาหน้าทาตัวให้ดูเป็นคราบเปื้อนๆ  จะได้เหมือนคนใช้แรงงานหน่อย มันดูเซ็กซี่มากเวลาที่เปียกน้ำ ยิ่งกางเกงในสีเนื้อรุ่ยๆ ที่แนบไปกับสัดส่วนจนเห็นเส้นสายรูปทรงอย่างชัดเจน มีขนแพลมออกมาทางรูขาดๆ ผมว่าถ้าภาพชุดนี้เผยแพร่ออกไปคงมีคนอยากเป็นเมียคนหาปลากันเยอะ ถ่ายไปอีกชุดใหญ่ พี่ตากล้องถึงให้ขึ้นจากน้ำ ผมไปช่วยดึงตัวไอเทมส์ขึ้นจากน้ำ พอมันขึ้นมาได้ ผมก็ชี้ไปที่กางเกงในมันแล้วตะโกนว่า

“ปลิงๆ ปลิงอยู่ในกางเกง”

ไอเทมส์ตกใจ มันรีบคลำไปที่ของสงวนแต่ไม่พบสิ่งผิดปกตินอกจากเครื่องเคราของตัวเอง มันมองมาที่ผมท่าทางร้อนลน ผมถือโอกาสสะกดจิตมันเบาๆ ให้รู้สึกเหมือนมีอะไรตอดๆ อยู่ร่างกายท่อนล่าง เทมส์เต้นเร่าๆ ร้องโวยวาย

“ปลิงมันไชเข้ามาแล้ว”

พี่ๆ กรูเข้ามา ท่าทางตกใจ แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง ผมรีบตะโกนบอกต่อว่า

“เทมส์ถอดกางเกงออกก่อน พี่ๆ ช่วยกันคลำหาเร็ว ถ้ามันไชเข้ารูไหนซักรูได้ เทมส์มันจะแย่เอา”

ไอเทมส์รีบถอดปราการชิ้นสุดท้ายสะบัดทิ้งไปทันที จากนั้นก็นอนลงมือทุกคนก็กรูเข้ามาลูบคลำไปทั่วทุกสัดส่วนบนร่างกายท่อนล่างไอเทมส์  พอไม่พบอะไรก็ยิ่งตกใจ รีบช่วยกันทั้งปลิ้นทั้งแหกอวัยวะทุกส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปัสสาวะและรูก้นที่เวียนกันดูครบทุกคน ระหว่างนั้นไอเทมส์ยังร้องโวยวายไม่เลิก ผมแอบถ่ายคลิปไว้ได้จนพอใจก็ไปฉุดเทมส์ลุกขึ้นแล้วปลดสะกดจิตมัน

“เฮ้ย สงสัยเราดูผิดว่ะ น่าจะเป็นใบไม้แห้งสีดำๆ ติดมามากกว่า นายยังรู้สึกอะไรหรือเปล่า”

“ไม่รู้สึกอะไรแล้ว”

เทมส์หายตกใจทันทีที่ผมคลายสะกด ตอนนี้มันยืนเปลือยกายอยู่ข้างๆ ผม ผิวแดงระเรื่อจากความตกใจและความเหนื่อยจากการตะโกนไปดิ้นไปเมื่อครู่นี้ พี่ๆ ก็หายตกใจเช่นกัน ตอนนี้ต่างก็มองมาที่ร่างเปลือยที่น่าหลงไหลของมัน และแน่นอน จุดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นท่อนลำขนาดเขื่องที่ห้อยตัวอย่างสงบอยู่ในพงหญ้าสีดำ พี่ผู้หญิงหน้าแดงจนจะระเบิดไปแล้วนั่น

“เดี๋ยวผมพาเทมส์ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะได้มาถ่ายส่วนภาพศิลป์ต่อ”

ผมพาเทมส์มาอาบน้ำที่ห้องน้ำตรงสระว่ายน้ำ ผมตามเข้าไปถ่ายคลิปมันตอนอาบน้ำด้วย มันมองหน้าผมแล้วก็ทำเหมือนปลงๆ ซักพักมันก็ถามผมว่า

“มึงหลอกกูใช่ไหมเรื่องปลิง” ผมยักคิ้วให้มัน

“ก็ยังดีกว่าเจอของจริงแหละ กูโคตรขยะแขยงเลย”

มันพูดต่อ คนหล่อนี่ ตอนอาบน้ำยังดูดี แต่นิสัยเชี่ยมาก

“กูยอมมึงทุกอย่างขนาดนี้แล้ว อย่าทำอะไรน้องกูเลยนะ มันเป็นเด็กดี”

มันบ่นพึมพรำไปเรื่อยจนอาบน้ำเสร็จ มันเอาผ้าขนหนูสำหรับแขกใช้ที่สระมาห่อตัวไว้เตรียมจะกลับไปสมทบกับทีมกล้อง

“เดี๋ยวเทมส์ หลังจากนี้ มึงไม่ต้องใส่เสื้อผ้าแล้ว”

ผมบอกสีหน้าเรียบๆ เทมส์นิ่งไปมองหน้าผมเหมือนจะถามว่ามึงเอาจริงแล้วมันก็ถอนใจปลดผ้าขนหนูออก แล้วเดินตัวเปล่าไปที่ทีมงาน ผมรีบวิ่งนำหน้ามันไป แล้วบอกทีมงานว่า

“เทมส์บอกว่า ไหนๆ ก็เห็นของเขากันหมดแล้ว ขอแก้ผ้าทำงานเลยแล้วกัน ยังไงช่วงนี้ก็เป็นถ่ายศิลป์อยู่แล้ว ไม่ต้องคอยปิดๆ ปังๆ งานจะได้เดินเร็ว พวกนักกีฬาก็อย่างนี้แหละครับ ไม่ค่อยอายหรอกครับ เอ หรือว่าพี่ๆ ถือฮะ”

“มะ ไม่ถือครับ น้องเทมส์นี่เปิดเผยดีจัง แนวคิดเหมือนพวกนายแบบอินเตอร์มืออาชีพเลย”
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [End] ต่อตอนพิเศษ จุดเริ่มต้นขององค์กร 26/07/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 26-07-2016 22:25:35
จากนั้นก็เป็นการถ่ายในแนวศิลป์ที่เน้นแสงเงากับสีหน้าแววตารูปร่างของนายแบบ ถึงแม้จะเปลือยกายถ่ายแต่ก็จะใช้มุมกล้องหรือแสงเงาซ่อนเร้นจุดที่จะล้ำเส้นอนาจารไว้อย่างมีรสนิยม พอหายตกใจรุ่นพี่ผมก็กลับมาเป็นตากล้องพรสวรรค์ที่ถ่ายทอดอารมณ์ลงมาในรูปถ่ายได้อย่างน่าทึ่ง เทมส์เองก็ทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว จริงๆ มันอาจจะเหมาะกับการเป็นนายแบบมากกว่าที่มันคิดก็ได้ ผมขอดูรูปหลังกล้องแล้วก็ต้องตะลึงไปกับภาพเปลือยที่สะท้อนอารมณ์ต่างๆ ของเพื่อนร่วมชั้นตัวเอง
การถ่ายล่วงเลยมาจนถึงบ่ายสาม ระหว่างนั้นมีพักทานข้าวที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้ตั้งแต่เช้าแต่ไม่มีคนเสิร์ฟ ไอเทมส์ก็ยังเปลือยกายเดินไปมาตอนช่วยจัดอาหารจนมานั่งกิน มันเชื่อฟังที่ผมสั่งดีมาก พอถ่ายเสร็จ รุ่นพี่ผมก็บอกให้ทีมงานกลับไปก่อน แกจะขอนั่งคุยระลึกความหลังกับรุ่นน้องโรงเรียนก่อน หลังจากทีมงานกลับกันไปหมด พี่แกก็ลากผมมากระซิบอีกรอบ

“น้องเทมส์แม่งสุดยอด ยอมทุกอย่าง ถ้าเป็นแต่ก่อนนี่พี่โดนสอยสลบไปแล้ว เราทำไงวะ”

“ตอนนี้มันก็ยังโหดอยู่พี่ แต่อย่างที่บอกมันร้อนเงินไง พี่ยอมซื้อตัวมันตั้งแสน มันก็พร้อมทำให้พี่เต็มที่”

“ยิ่งกว่าคุ้มอีกว่ะ เงินแสนเดียวมันทำขนาดนี้ แค่พี่ปิดรีสอร์ทวันนึงก็เสียมากกว่านี้แล้ว”

“พี่รวยนี่นาก็พูดได้ แต่คนที่เค้าไม่มีจริงๆ เงินน้อยกว่าไม่กี่พันทำให้ตายก็หาไม่ได้ ว่าแต่พี่เสร็จยัง จะถ่ายอีกให้ยิ่งกว่านี้มันก็ทำให้ ผมรับเงินพี่มาแล้วนี่”

“เออ จริงๆ มีอีกชุดเหมือนกันที่พี่อยากลองๆ ถ่ายดู แต่อย่าเลย น้องมันยังไม่ถึงสิบแปดเลยนี่”

รุ่นพี่ดูอึกอัก ท่าทางเหมือนอยากแต่ไม่กล้า คงอายด้วยล่ะ ผมรู้ทันทีว่าพี่แกต้องการอะไร มันเป็นสิ่งที่ผมลุ้นมาทั้งวัน

“ผมรู้ครับ พี่ไม่ต้องพูดแล้ว เทมส์มันทำได้และเต็มใจทำด้วย”

“จริงเหรอ เรารู้จริงๆ นะว่าน้องเทมส์ต้องทำอะไร น้องเขายังอยากได้เงินเพิ่มอีกหรือเปล่า ถ้าเขาทำพี่ให้อีกห้าหมื่นเลย อะ อีกแสนนึงก็ได้”

“ไม่ต้องให้ตังค์เพิ่มหรอก แสนนึงนี่ก็เยอะแล้ว เดี๋ยวเทมส์มันไปทำงานอื่นมันก็ได้เงินมาอีก แต่พี่ต้องสัญญาว่าจะไม่ไปตีพิมพ์หรือส่งให้คนอื่น พี่ก็รู้ว่าอย่างเทมส์น่ะ ถ้ามันจะถ่ายหนังสือเกย์จริงๆ มันได้เยอะกว่านี้อีก แล้วผมต้องขอก็อบปี้ไฟล์ภาพต้นฉบับทั้งหมดมาให้เทมส์เก็บไว้เป็นหลักฐานด้วยนะครับ”

“พี่รู้ พี่ไม่ทำร้ายน้องโรงเรียนตัวเองหรอก พี่แค่อยากลองถ่ายแนวที่มันสุดๆ ไปเลยดูบ้าง ยังไงแนวนี้ที่เมืองไทยก็ไม่เป็นที่ยอมรับหรอก”

“พี่เริ่มเลยไหม จะได้ไม่เสร็จค่ำมาก”

“เอาสิ ยังไงเราไปเคลียร์กับเทมส์เลยนะว่าภาพชุดนี้พี่ถ่ายเป็นการฝึกฝีมือตัวเองแค่นั้น ไม่เอาไปให้ใครดูแน่ ส่วนภาพแนวศิลป์ที่ถ่ายไป พี่ก็คงไม่เอาไปเผยแพร่เหมือนกันถ้าเป็นรูปที่เห็นแล้วรู้ว่าเทมส์เปลือยอยู่ ก็เทมส์ยังไม่สิบแปดเลยนี่ พี่กำลังสะสมชื่อเสียงอยู่ ไม่ทำอะไรที่หมิ่นเหม่กับกฎหมายหรอก ทีมงานพี่ก็ยังไม่มีใครได้ไฟล์รูปทั้งหมดไป พี่คงคัดแค่ที่จะเผยแพร่ได้ให้พวกมันไป แล้วพี่ก็กำชับแล้วว่าเรื่องที่เกิดวันนี้อย่าเล่าให้ใครฟัง รูปหรือคลิปหลุดอะไรก็คงไม่มีเพราะพี่ให้ทีมงานพี่เก็บโทรศัพท์ไว้ในรถกันหมด บอกเทมส์สบายใจได้”

พี่เป็นคนดีอย่างนี้ผมก็หมดสนุกสิ มันยังชดใช้ไม่เต็มที่เลย แต่ไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่ผมไปพูดกับเทมส์โดยที่รุ่นพี่ไม่ได้ยินก็คือ

“เดี๋ยวชุดสุดท้ายมึงต้องถ่ายแนวเอ็กซ์ พอดีพี่เขาจะลองเอาไปเสนอนิตยาสารเกย์ดู ถ้าโชคดีไม่มีใครซื้อมึงก็รอดไป แต่ถ้ามีเล่มไหนถูกใจขึ้นมา นายได้ดังทั่วประเทศแน่”

เทมส์กัดฟันแน่น มันคงพยายามระงับสติอารมณ์ไม่ให้ชกหน้าผม

“แต่งานก็ต้องเป็นงาน มึงต้องถ่ายชุดสุดท้ายให้เต็มที่ ถ้าออกมาได้ประทับใจจริงๆ พี่เขาอาจเก็บไว้ดูเองก็ได้ พี่เขารวยขนาดนั้น อารมณ์ศิลปินด้วย ได้ยินว่างานชิ้นเยี่ยมๆ เขาไม่เผยแพร่ออกมาเลยนะ”

ผมหลอกล่อให้ความหวังมัน มันจะได้ทำเต็มที่ เป็นการตอบแทนรุ่นพี่ตากล้องที่เป็นคนดีจริงๆ
ซีนแรกเรามาเริ่มกันที่ห้องน้ำขนาดใหญ่ของรีสอร์ท

“เอา เริ่มเลยนะเทมส์ ไม่ต้องเกร็ง พี่รู้ว่าเราไม่เคย พี่เองก็มือใหม่กับภาพแนวนี้เหมือนกัน เดี๋ยวเทมส์มายืนหน้ากระจกบานใหญ่นี้นะ แนบตัวไปกับกระจก เปิดหน้าขาเล็กน้อย ให้น้องชายเทมส์ทอดตัวด้านข้าง อย่างนั้น ใช่ ให้สะท้อนภาพในกระจก จะได้เน้นของงามๆ ที่เรามี ดีครับ ดี”

พี่ตากล้องกดถ่ายภาพไปเรื่อยๆ

“คราวนี้เทมส์ไปอยู่ใต้ฝักบัวนะ ทำท่าอาบน้ำ พี่อยากให้เทมส์ปลุกน้องชายให้กึ่งๆ แข็ง แต่ไม่ต้องสุดนะ เมื่ออาบๆ น้ำแล้วถูไปถูมาแล้วมันตื่นขึ้นแบบไม่ตั้งใจ แล้วพี่อยากให้น้องถอกให้เห็นหัวชมพูด้วย เยี่ยมครับ ขนาดยังไม่แข็งสุด ก็ขนาดนี้เชียวเหรอ พี่ได้ไอเดียแล้ว เดี๋ยวโพสต์ในห้องน้ำอีกสามสี่ท่าแล้วเราออกไปที่ท่าน้ำกัน”

พอเสร็จซีนแรก เทมส์ก็เดินโทงๆ ตามรุ่นพี่ไปที่ท่าน้ำ ตอนนี้เกือบห้าโมงเย็นแล้ว เรือที่แล่นมาแล่นไปก็เยอะมากขึ้น โชคดีที่ท่าน้ำขอรีสอร์ท มีต้นจากขึ้นอยู่ประปรายทำให้ไม่เปิดโล่งต่อสายตาคนมากนัก แต่บางมุมก็เห็นเต็มๆ เหมือนกัน รุ่นพี่ขอให้เทมส์ปั่นจนแข็งตัวเต็มที่ แล้วให้เทมส์ไปโพสต์ท่าต่างๆ ตามที่สั่ง ตอนหลังพอผมได้ภาพจากพี่เขามาทั้งหมดแล้ว ภาพที่ผมชอบที่สุดคือภาพที่เทมส์หันข้างให้กับกล้อง ผมที่ไม่ยาวมากนักปลิวไปตามแรงลม เทมส์ยกแขนข้างนึงยกขึ้นไปจับที่ท้ายทอยเอียงตัวนิดๆ อย่างเท่ อวัยวะเพศขนาดใหญ่ชูชันชี้ไปด้านหน้า มีแบ็คกราวด์เป็นเรือเร็วที่ขับผ่านเฉียดตลิ่งไป คนที่นั่งเต็มเรือหันมามองด้วยความประหลาดใจ

ถัดมาก็เป็นฉากริมสระว่ายน้ำที่รุ่นพี่ต้องการจับภาพวินาทีที่เทมส์ช่วยตัวเองจนกระฉูดน้ำขาวขุ่นออกมาชุดใหญ่ ด้วยความที่เป็นมือใหม่ในการถ่ายภาพแนวนี้ ปรากกฎว่าพี่ตากล้องจับภาพไว้ไม่ทัน พี่เขาขอโทษขอโพยไอเทมส์ใหญ่ แต่ก็ขอให้มันลองอีกที เทมส์มันดูเซ็งๆ แต่พอเริ่มใหม่มันก็ทำอย่างเต็มที่ เที่ยวที่สองมันยังแรงดีอยู่กระฉูดมาด้วยปริมาณและความแรงเกือบเท่าครั้งแรก คราวนี้พี่ตากล้องเก็บได้หมดไม่มีพลาด พี่เขาให้มันลงไปล้างตัวในสระเลย

ไอเทมส์ถาม “ฉากต่อไปคืออะไรครับ”

พี่เขาเลยเอาชุดในถุงส่งให้เทมส์ใส่ ปรากฏว่ามันคือชุดนักเรียนโรงเรียนผมเอง ผมว่าพี่เขาต้องฝังใจกับไอเทมส์สมัยที่ยังเรียนอยู่มากแน่ พี่เขาให้เทมส์ใส่เสื้อนักเรียนแบบไม่ติดกระดุม กางเกงสีน้ำเงินก็ให้นุ่งแต่ครึ่งก้น เข็มขัด ตะขอ และซิปเปิดอ้าหมดโชว์ความเป็นชายที่ห้อยออกมาข้างนอก พี่เขาดูจะชอบไอเทมส์ในชุดนี้มาก ถ่ายทุกท่า ทั้งแข็งตัว ทั้งอ่อนตัว กว่าจะเสร็จผมว่าเซ็ทนี้มีไม่ต่ำกว่าสองร้อยรูป ผมว่าเทมส์เริ่มหมดแรงแล้ว เลยทิ้งให้มันพักโดยยังไม่ได้ถอดชุดนักเรียน ผมว่าผมรู้แล้วทำไมรุ่นพี่ถึงฝังใจกับไอเทมส์มาก ผมเลยดึงพี่เขามาคุยกันสองคน

“ตอนที่พี่เรียนอยู่ พี่แอบชอบเทมส์มันใช่ไหม”

“ระ เรารู้ได้ยังไง ตอนนั้นพี่หลงใหลเทมส์มากเลยนะ แอบถ่ายรูปไว้เยอะมาก”

“แล้วตอนนี้พี่ยังชอบมันอยู่หรือเปล่า”

“ก็ยังชอบแบบชื่นชมนะ แต่พี่ไม่ได้อยากให้น้องเทมส์มาเป็นแฟนหรอก คนจะคบกันได้มันมีปัจจัยอื่นๆ อีกมาก แล้วน้องเขาก็ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วย”

“แล้วพี่อยากได้อะไรเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ ไหม ผมจัดการให้”

ผมลากรุ่นพี่ไปตรงที่ไอเทมส์นอนหลับตาอยู่ มันยังอยู่ในชุดนักเรียนหลุดรุ่ย เครื่องเครายังโชว์หราเหมือนเดิม
ผมพูดกับมัน

“เทมส์ ไม่ต้องลืมตานะ หลับตาไปเรื่อยๆ พี่เขาขอทำอะไรกับนายหน่อย เป็นสิ่งที่เขาอยากทำตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน นายปล่อยตัวตามสบายไม่ต้องขัดขืนอะไรนะ”

“พี่มีเวลาห้านาทีเดี๋ยวผมกลับมา”

ผมเดินไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา กะว่าได้เวลาห้านาทีผมก็เดินกลับ พี่เขาน่าจะทำสิ่งที่อยากทำเสร็จแล้ว ตอนนี้นั่งมองไอเทมส์ที่ยังนอนหลับตาอยู่เฉยๆ ผมรียกไอเทมส์บอกให้มันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า รุ่นพี่ก็คุยกับผมว่า

“ขอบใจมากนะ วันนี้พี่มีความสุขมาก พี่ได้ทำสิ่งที่ติดค้างในใจเมื่อสองปีก่อนสำเร็จ เดี๋ยวพี่โอนเงินให้เพิ่มอีกแสนนึง เราสองคนไปแบ่งกันแล้วกัน”

ผมอยากจะปฏิเสธ แต่มองเห็นความตั้งใจของพี่เขาแล้วก็คิดว่ารับไว้ดีกว่า พอเทมส์มันแต่งตัวเสร็จ ก็มาลาพี่เขาแล้วลงเรือข้ามฟากมาต่อรถไฟฟ้ากัน ผมกระซิบถามไอเทมส์

“พี่เขาทำอะไรมึงบ้างวะ”

ไอเทมส์นิ่งไปซักพักแต่ก็ตอบออกมา “พี่เขาจูบหน้าผากกู หอมแก้ม แล้วก็จูบน้องชายกูว่ะ”

ผิดจากที่คาดไปเยอะเหมือนกันแฮะ

“พี่เขาทำแค่นั้นเองเหรอ แน่ใจนะว่าจูบไม่ใช่ดูด แล้วมึงรู้สึกยังไง”

“ก็ไม่ยังไง กูแก้ผ้าให้พี่เขาดูทั้งวันแล้ว แค่นี้กูไม่รู้สึกอะไรหรอก”

“มึงว่าที่มึงโดนมาทั้งหมด มันสมกับความผิดมึงหรือยังวะ”

“กูไม่รู้หรอก มันอยู่ที่มึง ยังไงมึงก็ทำตัวเป็นผู้พิพากษาตั้งแต่แรกแล้วนี่”

ผมนิ่งไปกับคำถามที่ได้รับ ผมทำตัวเป็นผู้พิพากษางั้นเหรอ แล้วไง ถ้าผมไม่ทำแล้วใครจะทำ ใครจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับผู้ถูกกระทำอย่างโดนัทเพื่อนผมได้ อำนาจจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบ

“งั้นเราขอบอกว่า นายชดใช้หมดแล้ว จากนี้เราจะไม่ยุ่งอะไรกับนายอีก เราลบคลิปน้องชายนายไปแล้วด้วย”

“อือ ถ้าหมดธุระแล้ว งั้นกูไปล่ะ”

เทมส์หันหลังเหมือนจะเดินจากไปแต่ก็หันกลับมาอีก

“เดี๋ยว  โดนัทเป็นไงบ้าง”

ผมไม่คาดคิดเหมือนกันว่าเทมส์จะมีท่าทีห่วงใยแฟนเก่าแบบนี้ ก่อนหน้านี้ยังไม่สนใจเลยว่าเพื่อนผมจะเป็นจะตายยังไง

“ก็ดีขึ้น ที่โรงเรียนใหม่สงบดี เราพยายามสะกดจิตให้โดนัทลืมเรื่องที่เกิดขึ้น แต่มันก็ได้ผลไม่เต็มที่หรอก เรื่องบางเรื่องมันฝังลึกเกินไป แต่ก็ถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพงไม่ใช่เหรอ”

“...” เทมส์ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เปลี่ยนใจแล้วเดินจากไป

พอกลับถึงบ้านก็เจอโป๊ปมารอถามข่าวอยู่แล้ว ผมเลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้โป๊ปฟัง

“ตกลงเที่ยวนี้เราขายตัวเทมส์ได้สองแสนบาทเลยนะ พี่เขาใจดีมาก มึงว่าพอค่าจ้างแฮ็กเกอร์เปล่า”

“เกินจะพอ ใช้จริงๆ ก็แค่แสนสองเท่าที่จ่ายไปแล้ว หลังจากนี้ไม่ต้องแล้วล่ะ กูเขียนโปรแกรมบ็อทใหม่สำเร็จแล้ว มันจะแทรกซึมไปตามเครือข่ายโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คใหญ่ๆ คอยกลั่นกรองเซ็นเซอร์ข้อมูลที่เราไม่ต้องการออก ตอนนี้โปรแกรมกูกวาดล้างคลิปออกจากอินเตอร์เน็ตหมดแล้ว ถ้ามีคนส่งเข้ามาใหม่ โปรแกรมบ็อตกูก็จะคอยเฝ้าและจัดการเอาออกเอง”

“เจ๋งว่ะ งั้นสามหมื่นกูจะเอาไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ส่งเป็นของขวัญให้น้องไทน์ลงชื่อว่ามาจากพี่ชายมัน ก็ได้มาจากหยาดเหงื่อและหยาดน้ำเงี่ยนของพี่มันจริงๆ นี่ ที่เหลือห้าหมื่นกูเอาไว้เองแล้วกัน”

“มึงไม่ควรจะเก็บเงินนั้นไว้นะ ไม่เอาให้ไอเทมส์ ก็น่าจะคืนรุ่นพี่ที่จ้างไป” โป๊ปแย้งขึ้นมา

“เรื่องรุ่นพี่ไม่ต้องห่วง กูจะส่งของที่เขาอยากได้มากกว่าเงินไปให้ พวกคลิปทั้งหมดของเทมส์ที่กูถ่ายไว้ ทั้งตอนว่าวในห้องสอบ ทั้งตอนแข่งบาส กูจะให้เขาหมดเลย ไม่ต้องเก็บไว้ขายแล้วนี่”

“ถึงยังไงมึงก็ไม่ควรเอาเงินที่เหลือไปใช้เพื่อตัวเองอยู่ดี”

โป๊ปทำหน้าดุใส่

“กูยังไม่บอกซักคำว่าจะเอาไปใช้ส่วนตัว กูมีความคิดว่าอยากจะทำแบบนี้อีกว่ะ อยากจะใช้ความสามารถที่พ่อให้มาช่วยเหลือคนที่ถูกทำร้าย ล้างแค้นพวกชั่วๆ ทำโทษจนมันกลับใจ กูรู้สึกดีมากกับสิ่งที่ทำลงไป เงินก้อนนี้กูจะเอาเป็นทุนตั้งต้นเวลาจะใช้ช่วยใครก่อนจะได้ไม่เสียเวลา แล้วกูค่อยไปเอาคืนจากคนผิดอีกที ยิ่งถ้าเป็นพวกหล่อๆ แบบไอเทมส์นะ กูสะกดจิตถ่ายคลิปมันไปขาย ก็ได้เงินสบายๆ แล้ว มึงนึกดูนะ กูได้เล่นสนุกกับไอพวกหล่อเลวแบบนี้ ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นเกย์เลยนะ”

“อย่าเลย กูว่าไม่ดีหรอก มึงต้องคอยไปทำเรื่องลามกกับผู้ชายมากหน้าหลายตา เปลืองตัวจะตาย”

โป๊ปท้วงด้วยท่าทางร้อนรนไม่สุขุมเหมือนปกติ

“เอ้า ก็กูเป็นเกย์ กูชอบของกูแบบนี้ เคสของไอเทมส์มันสนุกมากเลยนะ มึงเป็นผู้ชายแท้ มึงไม่เข้าใจหรอก”

“ใครบอกกูเป็นผู้ชาย จริงๆ แล้วกูเป็นไบ กูสนใจจะช่วยมึงทำเรื่องนี้ว่ะ กูเก่งคอม ช่วยมึงได้แน่นอน”

โป๊ปโพล่งขึ้นมาสร้างความประหลาดใจให้กับผม

“เฮ้ย มึงเป็นไบเหรอ ทำไมกูไม่รู้มาก่อนเลย ดีๆ เพื่อน มาช่วยกัน  เดี๋ยวนี้พวกหล่อเลวมันเยอะ ว่าแต่มึงรู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ว่าเป็นไบ นี่มึงคงไม่ได้เล็งจะเอาตูดเกย์รูปหล่ออย่างกูไว้หรอกนะ สัด ฮ่าๆๆ”

ผมยิงมุกใส่โป๊ปไปด้วยความครึ้มใจที่ได้เพื่อนรักมาเป็นแนวร่วม ในตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พูดจะเข้าตัวจริงๆ ในอีกหลายปีให้หลัง

[จบตอนพิเศษ]
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [End] ต่อตอนพิเศษ จุดเริ่มต้นขององค์กร 26/07/16
เริ่มหัวข้อโดย: Darkwiser ที่ 27-07-2016 15:17:06
 :impress2: :impress2: :impress2:
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษครับสนุกมว๊ากกกกกกก

ยังติดตามเสมอนะครับ จุ๊บๆ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [End] ต่อตอนพิเศษ จุดเริ่มต้นขององค์กร 26/07/16
เริ่มหัวข้อโดย: ρℓuto ที่ 27-07-2016 16:11:46
รักเรื่องนี้ เสียดายที่จบแล้ว
อยากอ่านตอนบอสกับโป๊ปเยอะๆจัง
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [End] ต่อตอนพิเศษ จุดเริ่มต้นขององค์กร 26/07/16
เริ่มหัวข้อโดย: Chiren ที่ 27-07-2016 20:14:38
จบแล้วเสียดายจังรักเรื่องนี้มาก
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [End] ต่อตอนพิเศษ จุดเริ่มต้นขององค์กร 26/07/16
เริ่มหัวข้อโดย: HypnosisDreams ที่ 28-07-2016 10:20:31
รักเรื่องนี้ :L2:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ ก้องฟ้า 06/08/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 06-08-2016 18:17:03
ขอเอาตอนนี้มาลงใหม่อีกทีนะครับ ใครเคยอ่านแล้วผ่านได้เลย

--------------------------

องค์กรลวงจิต Explicit Content

ตอนพิเศษ จับเข่าเล่าประเด็น [Live]

พิธีกรชาย : ขอต้อนรับเข้าสู่ “จับเข่าเล่าประเด็น” รายการที่จะล้วงลึกถึงประเด็นร้อน โดยมานั่งจับเข่าคุยกันสบายๆ กับเจ้าของประเด็นตัวจริงในแบบที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน

พิธีกรหญิง : และแขกรับเชิญของเราในวันนี้ เป็นไฮโซหนุ่มดีกรีดอกเตอร์ ประธานเครือโรงแรมและรีสอร์ทหรูระดับหลายพันล้าน แถมเรียกได้ว่า ฮ๊อตยิ่งกว่าดารา ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แขกรับเชิญของเรา ได้ขึ้นหน้าหนึ่งอยู่เป็นประจำ ขอเสียงต้อนรับคุณก้องฟ้า หรือดอกเตอร์ก้องค่า (เสียงตบมือและกรี๊ดของผู้ชม)

แขกรับเชิญ : (ยิ้มกว้าง) สวัสดีครับ สวัสดีครับ (แฟนคลับยกป้ายไฟเชียร์)

พิธีกรชาย : นับว่าเป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ดอกเตอร์ก้องมาให้สัมภาษณ์ในรายการสดแบบนี้

พิธีกรหญิง : ทางรายการต้องขอขอบคุณจริงๆ ค่ะ

แขกรับเชิญ : ผมเป็นแฟนรายการนี้อยู่แล้วครับ ชอบที่เป็นการจัดแบบสดๆ ดูจริงใจดีครับ

พิธีกรชาย : แหม นึกว่าชอบพิธีกรหญิงของเราซะอีก

พิธีกรหญิง : (หน้าแดง)

แขกรับเชิญ : (หัวเราะ) ก็ชอบพิธีกรด้วยครับ ทั้งคู่เลย

พิธีกรชาย : (หัวเราะกลบเกลื่อน)

พิธีกรหญิง : เรามาเข้าประเด็นร้อนกันเลยดีกว่าค่ะ ท่าทางผู้ชมจะอดใจรอไม่ไหวกันแล้ว ดิฉันว่า ณ วินาทีนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักดอกเตอร์ก้อง กับสิ่งที่ เอ่อ ดิฉันขอใช้คำว่าวีรกรรมที่ทำมาตลอดหลายเดือน

แขกรับเชิญ : (หัวเราะ) ไม่ถึงขนาดเป็นวีรกรรมหรอกครับ เรียกว่าเป็นสิ่งที่ผมอยากทำเพื่อตอบแทนสังคมมากกว่า

พิธีกรชาย : ครั้งแรกที่ออกมาแสดงตัวจนเป็นที่จับตามองของสังคมแบบนี้ คือการคัดค้านร่างพระราชบัญญัติการพนัน หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า พรบ.บ่อน ทำไมถึงไม่เห็นด้วยกับ พรบ. ฉบับนี้ครับ

แขกรับเชิญ : โดยหลักการมันก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ผมว่าบ้านเราไม่พร้อมกับเรื่องนี้ แทนที่จะเป็นการดึงดูดการท่องเที่ยวและหารายได้เข้าประเทศ กลับจะเป็นการมอมเมาประชาชนซะมากกว่า ภาษีที่จะเก็บได้ ผมว่าก็ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยหรอก สุดท้ายก็หาทางเลี่ยงกันได้อยู่ดี รายได้รัฐไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก แต่ต้องมาเกิดรายจ่ายจากปัญหาสังคมที่ตามมา คนไทยภูมิต้านทานกับเรื่องการพนันต่ำ จะหมดตัวกันซะเปล่าๆ ผมมีประสบการณ์โดยตรงกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะกับโต๊ะบอล แต่ขอไม่ลงรายละเอียดแล้วกันครับ

พิธีกรชาย : นั่นคือความเห็นของดอกเตอร์ก้องครับท่านผู้ชม ขอเข้าประเด็นเลยแล้วกัน ผมเข้าใจว่ามันเห็นต่างกันได้ แต่ทำไมต้องแก้ผ้าประท้วงด้วย

แขกรับเชิญ : มันมีสองเหตุผลครับ อันแรกเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่า ถ้าปล่อยให้มีการเปิดบ่อนอย่างถูกกฏหมาย จะมีคนสิ้นเนื้อปะดาตัวเหลือแต่ตัวล่อนจ้อนแน่ๆ ส่วนอีกประเด็นเป็นเชิงการสื่อสาร พอเราทำอะไรที่แปลกและแตกต่างในเรื่องที่ปกติจะหลบๆ ซ่อนๆ อย่างการแก้ผ้า คนจะสนใจ สื่อต่างๆ เอาไปออกข่าว คนทั่วไปก็จะรับทราบเนื้อหาที่เราต้องการสื่อไปในตัว ทำให้ความเห็นของเราถูกสะท้อนออกไปในวงกว้าง

พิธีกรชาย : เรียกได้ว่าเป็นการทำพีอาร์โดยไม่ต้องใช้เงินเลยนะครับ (ถามเสียงเบา) มีคำถามจากพิธีกรร่วมของผมว่าแก้จริงๆ เลยใช่ไหมครับ

พิธีกรหญิง : (เอาศอกกระแทกพิธีกรชาย)

แขกรับเชิญ : (หัวเราะ) แก้จริงครับ ไม่เหลือซักชิ้น รูปที่ไม่เซ็นเซอร์มีอยู่เต็มอินเตอร์เน็ตไปหมด หาดูได้ครับ

พิธีกรชาย : จริงๆ ผมเห็นแล้วล่ะครับ เห็นครั้งแรกต้องร้องอื้อหือเลย

พิธีกรหญิง : (รีบตัดบท) ทำไมถึงเลือกวิธีนี้ น่าจะไม่เป็นที่ยอมรับเท่าไหร่นะคะ

แขกรับเชิญ : การแก้ผ้าประท้วงทำกันทั่วไปในต่างประเทศครับ เป็นการเรียกร้องความสนใจจากสื่อ แต่บ้านเราอาจจะไม่คุ้นเท่าไหร่ วัฒนธรรมไทยจะปลูกฝังให้ปกปิดร่างกายตัวเอง แต่ฝรั่งหรือแม้แต่เอเซียเหนืออย่างญี่ปุ่น จีน เกาหลี เขามองว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ได้น่าอายหรือต้องปกปิดอะไร ผมอยากให้บ้านเราเปิดกว้างตรงนี้มากขึ้น

พิธีกรชาย : หลังจากนั้นเห็นว่าต้องขึ้นโรงพัก?

พิธีกรหญิง : ตำรวจออกมาแถลงข่าวว่าเรียกไปเปรียบเทียบปรับ

แขกรับเชิญ : ครับ เสียค่าปรับห้าร้อยข้อหากระทำอนาจารในที่สาธารณะ

พิธีกรชาย : แหม ก็เล่นไปประท้วงหน้าทำเนียบซะขนาดนั้น

พิธีกรหญิง : แต่เงินเท่านี้คงไม่กระทบขนหน้าแข้งระดับดอกเตอร์หรอกนะคะ

แขกรับเชิญ : จริงๆ เป็นเรื่องของการเสียเวลามากกว่าครับ ผมเสนอขอจ่ายค่าปรับล่วงหน้าไปเลยแสนนึง บอกว่าคงต้องมาเสียอีกหลายครั้ง ตำรวจก็ไม่เอา (หัวเราะ)

พิธีกรหญิง : แล้วนี่ยังต้องขึ้นโรงพักอยู่บ่อยๆ หรือเปล่าคะ?

แขกรับเชิญ : ไม่ต้องแล้วครับ ผมยื่นอุธรณ์ไป แล้วศาลท่านก็มีเมตตาวินิจฉัยว่ากรณีของผมเป็นการแสดงจุดยืนทางความคิด ไม่ได้มีเจตนาเพื่อการลามกอนาจารหรือยั่วยุทางกามารมณ์ ตำรวจเลยไม่เข้ามายุ่งแล้ว ตอนหลังส่งคนมาอำนวยความสะดวกให้อีก เพราะคนมารอดูกันเยอะ เขากลัวจะเกิดความวุ่นวาย

พิธีกรชาย : อะไรคือแรงจูงใจกันแน่ มีคนบอกว่าอยากดัง?

พิธีกรหญิง : แต่จริงๆ ดอกเตอร์ก้องก็ดังอยู่แล้ว ในพันทิปเขาวิเคราะห์กันถึงขั้นว่าเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจโปรโมทโรงแรมตัวเอง

แขกรับเชิญ : ก็ไม่ได้คิดขนาดนั้น พออยากทำก็ทำเลย แต่ก็ดังขึ้นจริงๆ แหละ ทุกวันนี้ไปไหนก็มีแต่คนมาทัก มีกลุ่มแฟนคลับด้วย ส่วนเรื่องธุรกิจ ขอยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจ ธุรกิจผมดีมากอยู่แล้ว แต่พอเป็นข่าวออกไปยอดจองโรงแรมในเครือยิ่งพุ่งทะลัก ผมยังกังวลอยู่เลยว่าจะกระทบกับลูกค้าประจำ

พิธีกรชาย : หรือจะเป็นการปูทางเพื่อเล่นการเมืองภายหลัง?

พิธีกรหญิง : ยิ่งเดี๋ยวนี้นักการเมืองหนุ่มๆ หน้าตาดีๆ เริ่มมีเยอะขึ้น

แขกรับเชิญ : (ส่ายศีรษะอย่างแรง) ไม่ใช่อย่างแน่นอนครับ ผมไม่ได้ทำไปเพื่อหวังผลทางการเมืองอะไร พูดถึงเรื่องนี้ จริงๆ ก็มีนะครับในต่างประเทศ ผู้สมัครที่เป็นสุภาพสตรีมีโชว์หน้าอกตอนหาเสียง แต่ผมก็ไม่เห็นว่าใครจะได้รับเลือกตั้งกันซักคน แต่ถ้าเกิดมาได้ผลกับผม ผมอาจจะคิดเล่นการเมืองบ้างก็ได้ (หัวเราะ)

พิธีกรชาย : หลังจากนั้นก็ยังใช้วิธีการนี้ประท้วงอย่างต่อเนื่อง?

แขกรับเชิญ : ครับ ก็มีกระแสต่อต้านมากเหมือนกัน แต่เสียงสนับสนุนก็มีไม่น้อย หลังจากนั้นผมก็มีออกมาอีกสองสามแคมเปญเพื่อคัดค้านในเรื่องที่ผมไม่เห็นด้วย ใช้วิธีเดียวกันนี่แหละ แต่ยิ่งทำสื่อก็ให้ความสนใจมากขึ้น อาสาขอถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เน็ตให้ฟรีๆ ก็มี กระแสแรงต่อเนื่อง สื่อต่างประเทศก็เอาไปลง มีมาติดต่อขอสัมภาษณ์ด้วย แต่ผมยังไม่สะดวก

พิธีกรชาย : ไม่ทราบว่าดอกเตอร์ก้องทราบหรือเปล่า หนึ่งในกระแสที่ต่อต้าน เขาตีในประเด็นที่ว่า ถ้าเป็นการแก้ผ้าเพื่อการประท้วงจริงๆ ทำไมบางครั้ง อวัยวะเพศต้องแข็งตัวด้วย

พิธีกรหญิง : (ทำตาโต) จริงๆ เหรอคะ

พิธีกรชาย : จริงครับ ผมเห็นรูปมาแล้ว ก็ไม่ได้ขนาดแข็งตัวเต็มที่ แต่ก็เกิดขึ้นหลายครั้ง ฝ่ายต่อต้านเขาเลยกล่าวหาว่าดอกเตอร์ก้องทำไปเพื่อสนองความต้องการทางเพศของตัวเอง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรครับ

แขกรับเชิญ : ไม่ใช่อย่างนั้นแน่ครับ ใครจะไปมีอารมณ์จากการแก้ผ้าในที่สาธารณะ พอดีผมทานยาสมุนไพรบางอย่างอยู่ เป็นพวกยาอายุวัฒนะอะไรทำนองนั้น แล้วมันมีผลข้างเคียงที่ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวในบางครั้งโดยไม่ตั้งใจและไม่เกี่ยวกับอารมณ์ทางเพศแต่อย่างใด

พิธีกรหญิง : อ๋อ เป็นอย่างนั้นเองหรอคะ แปลกดี

แขกรับเชิญ : ครับ ผมได้ทำหนังสือชี้แจงเรื่องนี้ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงวัฒนธรรมแล้ว ส่วนใครจะคิดยังไงก็ช่างเขาเถอะครับ

พิธีกรหญิง : เป็นกำลังใจให้ค่ะ

พิธีกรชาย : ก็ถือว่าดอกเตอร์ก้องได้ออกมาเคลียร์เรื่องนี้ผ่านรายการแล้วนะครับ ผมมีอีกประเด็นที่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า ขออนุญาตโชว์ภาพการประท้วงของดอกเตอร์ก้องในครั้งแรกกับครั้งล่าสุดเปรียบเทียบกันนะครับ (ยกแผ่นภาพที่เตรียมไว้ขึ้นมา) กล้องจับภาพได้นะครับ ผมเซ็นเซอร์ไว้แล้ว (เสียงกรี๊ดจากผู้ชม)

พิธีกรหญิง : (หน้าแดงเล็กน้อย) เพื่อเอาภาพมาวางคู่กันแบบนี้จะเห็นชัดเลยนะคะว่าหุ่นดีขึ้นมาก หน้าใสกิ๊ก ดูเด็กลงไปอีก ทั้งที่เดิมก็ดูดีมากอยู่แล้ว ลุคใหม่นี่ดิฉันใจสั่นเลยค่า อะไร ยังไงคะ ไขข้อข้องใจหน่อยว่าไปทำอะไรมาหรือเปล่า?

แขกรับเชิญ : ทำมาบ้างครับ แต่ก็แค่เพิ่มการดูแลตัวเอง ไม่ได้ไปศัลยกรรมอะไร คิดว่าไหนๆ ถ้าจะใช้วิธีการนี้ในการเสนอจุดยืนหรือความเห็นต่างของเราให้สังคมทราบอยู่แล้ว ก็น่าจะทำตัวให้ดูดีหน่อย อายุก็สามสิบกว่าแล้ว คนคงไม่อยากดูอะไรเหี่ยวๆ เลยให้เทรนเนอร์จัดโปรแกรมเพิ่มความฟิตให้หน่อย ส่วนเรื่องผิวพรรณ มีคนแนะนำให้ไปใช้บริการศูนย์ดูแลสุขภาพของคุณหมอท่านหนึ่ง เขาดูแลให้ทั้งตัวเลยครับ ไม่เฉพาะผิวหน้า

พิธีกรหญิง : ไม่มีอะไรเหี่ยวเลยค่า ยังตึงแน่นทุกส่วน ดิฉันยืนยันได้ (จับกล้ามแขนแบบทีเล่นทีจริง)

พิธีกรชาย : พอจะบอกได้ไหมครับว่าไปใช้บริการที่ไหน ผิวเนียนจนผมอิจฉาเลยครับ

แขกรับเชิญ : ของหมอพฤกษ์ครับ

พิธีกรชาย : (สูดปาก) สงสัยผมจะสู้ราคาไม่ไหว

พิธีกรหญิง : แต่ดิฉันยอมสู้หมดตัวเลยนะคะ บังเอิญคุณหมอพฤกษ์เขาไม่รับลูกค้าผู้หญิง

แขกรับเชิญ : (แตะไหล่พิธีกรชาย) ผมสปอนเซอร์ให้ได้นะครับ แต่มีข้อแม้ว่าคุณต้องขึ้นเวทีประท้วงเป็นเพื่อนผม (หัวเราะ)

พิธีกรชาย : (หน้าซีด) มะ ไม่เป็นไรครับ หุ่นผมไม่น่าดูเท่าของดอกเตอร์หรอก

พิธีกรหญิง : ก็น่าลองนะคะ ดิฉันจะไปเชียร์

แขกรับเชิญ : คนรุ่นใหม่ไม่น่าจะปิดกั้นตัวเองนะครับ รูปร่างหน้าตาอย่างคุณ ไม่เห็นจะต้องอายเลย

พิธีกรชาย : ช่างผมเถอะครับ (ก้มหน้างุด)

พิธีกรหญิง : คู่หูดิฉันอายม้วนไปแล้ว งั้นขอเข้าประเด็นถัดไปนะคะ อันนี้เป็นเรื่องฮ๊อตมาก เรียกว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนักกว่าการแก้ผ้าประท้วงอีก แต่เรื่องนี้ไม่น่าให้ผู้หญิงเป็นคนเกริ่นเลยนะ (ปรายตาไปที่พิธีกรชาย) เรื่องคลิปที่ลงในยูทูบ

แขกรับเชิญ : อ๋อครับ คลิปสอนการใส่ถุงยางให้ถูกวิธี

พิธีกรชาย : มีคำถามหลายคำถามในเรื่องนี้ครับ ทำไมคิดทำเรื่องนี้ ทำไมต้องสาธิตกับของจริง แล้วก็ทำไมถึงต้องให้เห็นหน้าตาตัวเองชัดขนาดนี้ ไม่อายเหรอครับ

แขกรับเชิญ :  (ตอบทันที) ไม่อายหรอกครับ เป็นคลิปเพื่อการศึกษา ทัศนคติบ้านเรามองว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องน่าอาย  แต่จริงๆ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าผมที่เป็นคนสาธิตยังอาย ไม่ยอมเปิดเผยใบหน้า คนที่เข้ามาดูก็จะถูกตอกย้ำความคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ควรปกปิด ไปซื้อถุงยางก็อาย การแก้ปัญหาเรื่องเพศในบ้านเราคงไม่ไปถึงไหน ปัญหาสังคมหลายอย่างเกิดจากจุดนี้ การท้องในวัยเรียน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือทัศนคติที่ผิดๆ

พิธีกรชาย : ก็เลยเปิดเผยซะเต็มที่ ว่างั้น

แขกรับเชิญ : คงไม่มีใครเอาไปดูแล้วเกิดอารมณ์หรอกมั๊งครับ(หัวเราะ)  ที่ต้องสาธิตกับของจริง ไม่งั้นเด็กมาดูเขาจะงงได้ อย่างการไล่ลมออก ถ้าเอาถุงยางไปสวมนิ้วหลวมโครกแล้วทำให้ดู เด็กที่เพิ่งเข้าสู่วัยเจริญพันธ์เขาจะนึกภาพไม่ออก ผมอยากให้เด็กไทยมีความเข้าใจที่ถูกต้องถึงวิธีการป้องกันตัวเอง เห็นเหมือนง่ายๆ นะครับ แต่บางคนใส่ผิดวิธีอยู่หลายปี มันก็เกิดปัญหาตามมา ถุงยางแตกบ้าง หลุดบ้าง บางทีใส่ถูกแต่ถอดผิดวิธีก็มีโอกาสติดเชื้อได้เหมือนกัน อีกอันที่เป็นประเด็นมากคือ คนเราชอบซื้อถุงยางไซส์ที่ใหญ่กว่าขนาดจริง ไม่รู้จะหลอกตัวเองไปทำไม พอใช้จริงก็หลุด คุณพิธีกรชายใส่ไซส์ไหนละครับ หลุดบ่อยหรือเปล่า?

พิธีกรชาย : (ก้มหน้าหูแดงก่ำ) ไม่แน่ใจครับ

พิธีกรหญิง : (มองพิธีกรชายอย่างประเมิน) ดิฉันไม่ขอออกความเห็นในเรื่องนี้ค่ะ

พิธีกรชาย : มาต่อกันดีกว่า ชาวเน็ตเขาเม้าท์กันว่าคลิปนี้มันดูยั่วยุทางเพศเกินไป ทำไมต้อง เอ่อ ปั่นให้แข็งขนาดนั้น? ไหนจะทำหน้าเซ็กซี่อีก

แขกรับเชิญ : อ้าวคุณ ถ้าไม่ของแข็งมันจะใส่ถุงยังไงล่ะ? แล้วหน้าของผมก็เป็นอย่างนี้เอง ผมว่ามันก็ธรรมดานะ

พิธีกรหญิง : ดิฉันไม่เคยเข้าไปดูหรอกนะคะ แต่ได้ยินว่ายอดวิวนี่พุ่งไปกว่าสิบล้านวิวแล้ว เด็กชายวัยรุ่นตอนต้นของไทยที่ต้องการศึกษาเรื่องนี้มีเยอะขนาดนั้นเลยเหรอคะ?

แขกรับเชิญ : ไม่ทราบเหมือนกันครับ เขาอาจดูซ้ำหลายหนเพื่อฝึกซ้อมให้ชำนาญ

พิธีกรชาย : พูดถึงยอดวิว ผมสงสัยเหมือนกัน ว่าคลิปที่เห็น เอ่อ อวัยวะเพศอย่างชัดเจนขนาดนี้ ยูทูบเขาไม่ลบออกหรือครับ?

พิธีกรหญิง : นั่นสิคะ

แขกรับเชิญ : เป็นคลิปเพื่อการศึกษาครับ ไม่มีปัญหา

พิธีกรชาย : ยอดวิวเยอะๆ อย่างนี้ ได้เงินจากยูทูบบ้างหรือเปล่า

แขกรับเชิญ : ได้ครับ รวมๆ น่าจะหลายพันเหรียญเหมือนกัน ผมให้เจ้าหน้าที่บัญชีของผมไปบริจาคหมดแล้ว แต่ก็มีมาเพิ่มเรื่อยๆ ทุกเดือน

พิธีกรหญิง : ใจบุญจังค่ะ แล้วจะมีคลิปใหม่ๆ มาลงอีกไหมคะ?

แขกรับเชิญ : ผมว่าจะทำเป็นซีรี่ส์เลย ให้เด็กๆ ที่กำลังจะเป็นหนุ่มดูกัน เรื่องการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม การดูแลรักษาความสะอาดเฉพาะจุด อาการฝันเปียก การคุมกำเนิด การสำเร็จความใคร่ อะไรพอจะสาธิตจริงได้โดยไม่น่าเกลียดเกินไป ก็ว่าจะสาธิตจริงไปเลย

พิธีกรชาย : ไม่คิดว่าจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอกเหรอครับ

แขกรับเชิญ : ทุกวันนี้สื่ออย่างว่ามันเข้าถึงได้ง่ายมาก ถึงเราไม่สอน เขาก็ไปหาเองได้ แต่ผมกลัวจะได้รับความรู้แบบผิดๆ มากกว่า การสอนเรื่องเพศศึกษาในโรงเรียนบ้านเรามันล้าหลัง พ่อแม่ก็ไม่ค่อยอยากพูดเรื่องนี้กับลูก ที่เมืองนอกเขาให้คนจริงๆ มาสอนและสาธิตด้วยซ้ำไป ผมเริ่มจากการเผยแพร่วิดีโอความรู้ที่ถูกต้องก่อน แต่ที่อยากทำจริงๆ คือการเข้าไปสอนในโรงเรียนเลย แต่คงต้องรอให้เป็นที่ยอมรับมากกว่านี้ก่อนครับ

พิธีกรหญิง : เล่าถึงแคมเปญล่าสุดให้ฟังหน่อยค่ะ

แขกรับเชิญ : ปีนี้เมืองไทยขาดแคลนน้ำมาก ผมเลยมีโครงการรณรงค์เรื่องการประหยัดน้ำ

พิธีกรชาย : อะไร ยังไง ที่ไหนครับ

แขกรับเชิญ : คือจะมีการกันพื้นที่กิจกรรมตรงบริเวณสยาม สร้างห้องอาบน้ำชั่วคราวแบบเป็นกระจกใสรอบด้าน แล้วผมจะเข้าไปสาธิตการอาบน้ำแบบประหยัดน้ำให้ได้เอากลับไปลองทำกัน มีวันละสามรอบครับ แปดโมงครึ่ง เที่ยงครึ่ง และทุ่มครึ่ง ทุกวันตลอดสัปดาห์หน้าครับ

พิธีกรหญิง : นั่นมันไพรม์แอเรียเลยนะคะ ไหนจะค่าทำห้องอาบน้ำอีก มีสปอนเซอร์ออกค่าใช้จ่ายให้หรือเปล่า?

แขกรับเชิญ : ออกเองหมดครับ จริงๆ พอข่าวจากออร์แกไนเซอร์หลุดออกไป ก็มีแบรนด์พวกครีมอาบน้ำแชมพูติดต่อมาเยอะเลย แต่ผมไม่อยากให้เข้าใจผิดว่าเป็นการทำเชิงพาณิชย์ จ่ายเองสบายใจกว่า

พิธีกรชาย : แล้วคราวนี้จะแก้หมดไม่มีอะไรปกปิดเลยเหรอครับ? เห็นเป็นที่ใจกลางเมืองอย่างนั้น

พิธีกรหญิง : เหมือนดิฉันจะมีธุระแถวนั้นอยู่พอดี

แขกรับเชิญ : ไม่ครับ คงมีอะไรบังสายตาบ้าง

พิธีกรชาย : คิดอยู่เหมือนกันว่าดอกเตอร์ก้องคงไม่กล้า

พิธีกรหญิง : (ทำท่าเสียดาย)

แขกรับเชิญ : ครับ เพราะยังไงซะการอาบน้ำก็ต้องมีฟองสบู่หรือละอองน้ำมาบังบ้าง

พิธีกรชาย : อ้าว สรุปว่าแก้ผ้าหมด

พิธีกรหญิง : (ลุ้น)

แขกรับเชิญ : ครับ เวลาคุณอาบน้ำคุณไม่ถอดเสื้อผ้าเหรอครับ

พิธีกรชาย : (ทำหน้างงๆ) ถอดครับ

พิธีกรหญิง : เอาเป็นว่าถอดหมดค่ะ ใครสนใจก็ไปเจอกันที่สยามได้ แต่ถ้าไปไม่ได้ ก็หาทางติดตามชมกันเอาเองนะคะ งานนี้ทีวีคงต้องเซนเซอร์ภาพกันเหมือนเดิม

แขกรับเชิญ : เสิร์ชอินเตอร์เน็ตเลยครับ มีหมด เข้าทางเฟสบุ๊คผมก็ได้

พิธีกรหญิง : เราจะขึ้นตัววิ่งเอาไว้ให้นะคะ ใครสนใจก็จดไป

แขกรับเชิญ : เข้ามาฟอลโล่กันเยอะๆ นะครับ

พิธีกรหญิง : (รับกระดาษที่เจ้าหน้าที่รายการนำมายื่นให้) ขออนุญาตแทรกตรงนี้นิดนึงนะคะ มีประเด็นน่าสนใจจากทางบ้านค่ะ ย้ำอีกครั้งนะคะ รายการเราเป็นรายการสด เมื่อสักครู่ ดอกเตอร์ก้องบอกว่าจะทำคลิปการศึกษาเรื่องเพศให้กับเด็กชายวัยเจริญพันธ์ออกมาอีกเป็นซีรี่ส์ มีความเห็นแย้งมาจากผู้ชมทางบ้านคะ แจ้งว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาวัยรุ่น โทรมาขอให้ทางรายการแจ้งกับดอกเตอร์ก้อง ว่าตัวดอกเตอร์เองไม่เหมาะจะเป็นผู้สาธิตเรื่องที่ว่าให้กับเยาวชน

แขกรับเชิญ : (ทำหน้าประหลาดใจ) ทำไมล่ะครับ?

พิธีกรหญิง : (หน้าแดง) เอิ่ม อ่านให้หน่อยค่ะ (ส่งกระดาษโน๊ตให้พิธีกรชาย)

พิธีกรชาย : เขาให้เหตุผลว่า ของดอกเตอร์ก้องใหญ่และยาวเกินไป อาจทำให้เด็กเข้าใจผิดว่านี่คือมาตรฐานชายไทยและเกิดความกังวลกับขนาดของตัวเองได้ เรียกว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี

พิธีกรหญิง : เห็นด้วยมากๆ อุบส์

แขกรับเชิญ : (ยิ้มมุมปาก) ถ้าท่านที่แจ้งเข้ามายังชมอยู่ ผมก็ขอขอบคุณในความห่วงใยที่มีต่อเยาวชนของชาติด้วยครับ ผมอยากบอกว่า เด็กไทยรุ่นใหม่ก็ไม่ธรรมดานะครับ ท่านผู้เชี่ยวชาญที่ว่าอาจไม่ได้อัพเดทการพัฒนาทางสรีระของเจนเนอเรชั่นใหม่ๆ เอาเป็นว่าผมจะเชิญแขกท่านอื่นมาร่วมสาธิตด้วย ก็ดีเหมือนกันครับ เด็กจะได้เรียนรู้ถึงความหลากหลายในเชิงขนาด รูปร่าง และสีสรรค์

พิธีกรชาย : ใครสนใจเรื่องนี้ ก็ติดตามผลงานของดอกเตอร์กันไปนะครับ มาประเด็นถัดไปกันดีกว่า คุณก้องคิดยังไงกับการที่เกิดพฤติกรรมเลียนแบบขึ้นกับสิ่งที่คุณทำ?

พิธีกรหญิง : ที่เป็นข่าวใหญ่โตไปในอาทิตย์ก่อนกรณีกลุ่มนักศึกษาชายของมหาลัยแห่งหนึ่งแก้ผ้าประท้วงหน้าหอประชุมเพื่อขับไล่คณะบดี

แขกรับเชิญ : ผมว่าเคสนี้สังคมคงต้องช่วยกันตรวจสอบล่ะครับว่าข้อเท็จจริงคืออะไร เกิดอะไรขึ้น การบริหารของสถาบันแห่งนั้นเป็นอย่างไร ทำไมเด็กๆ ถึงลุกขึ้นมาทำขนาดนี้ 

พิธีกรชาย : เรื่องนั้นเห็นว่าทางสภามหาลัยก็รับเข้าไปดูแล้วครับ แต่ในแง่พฤติกรรม ไม่คิดว่ามันไม่เหมาะสมบ้างหรือ?

พิธีกรหญิง : สำหรับคนที่เรียกได้ว่าเป็นปัญญาชน

แขกรับเชิญ : ส่วนตัวแล้วผมคิดว่ามันเป็นวิธีการแสดงออกให้เห็นว่าเราจริงจังกับเรื่องที่ต้องการแสดงจุดยืนมากน้อยแค่ไหน ถ้าจะบอกว่ามันมีส่วนทำให้ผู้รับผิดชอบเข้ามาแก้ปัญหาเร็วขึ้นคงไม่ผิด แต่ก็เข้าใจว่ามันเซ้นซิทีฟเพราะยังเป็นนักศึกษากันอยู่ ผมถึงได้แนะนำไปว่าให้เอาเฉพาะคนที่บรรลุนิติภาวะแล้ว

พิธีกรชาย : แสดงว่ายอมรับว่าเด็กกลุ่มนั้นเลียนแบบสิ่งที่คุณทำ?

พิธีกรหญิง : นั่นสิคะ เมื่อกี๊บอกว่าเขามาปรึกษาก่อนด้วยใช่ไหมคะ?

แขกรับเชิญ : ก็ไม่เชิงครับ เขามาปรึกษาในเชิงหลักการมากกว่า ว่ากรอบมันอยู่ตรงไหนอะไรคือความเหมาะสม พอทำสำเร็จก็ดีใจกัน ก็ส่งคลิปผลงานมาให้ผมด้วย คงอยากอวดแบบเด็กๆ

พิธีกรชาย : ส่งต่อให้ผมได้ไหม?

พิธีกรหญิง : (หัวเราะอย่างถูกใจแล้วตีแขนพิธีกรชาย)

แขกรับเชิญ : ไว้ผมถามน้องๆ ดูก่อนนะครับ

พิธีกรหญิง : แล้วมีอะไรจะพูดผ่านรายการไปถึงน้องๆ กลุ่มนั้นไหมคะ?

แขกรับเชิญ : (ปรบมือ) ผมชื่นชมในความกล้าของทุกคนนะครับ ทำได้ดีมาก เมื่อเปรียบเทียบว่าครั้งแรกที่ผมทำ ผมอายมากจริงๆ

พิธีกรชาย : (มองอย่างจับผิด) สรุปว่ายังไงกันแน่? ตอนต้นรายการบอกไม่อาย แต่ตอนนี้กลับมาบอกว่าอาย

พิธีกรหญิง : จริงด้วยค่ะ

แขกรับเชิญ : (นิ่งคิด) คือที่บอกว่าไม่อาย ในความหมายคือผมไม่เห็นว่าการกระทำแบบนี้เพื่อแสดงจุดยืนของตัวเองมันจะเป็นเรื่องน่าอาย แต่พอทำจริงมันก็อายอ่ะครับ

พิธีกรหญิง : ดิฉันฟังแล้วงง สรุปว่าอายใช่ไหม? แล้วทำไมถึงยังทำอยู่

แขกรับเชิญ : ก็มันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำไงครับ จะอายแค่ไหนก็หยุดไม่ได้

พิธีกรชาย : ฟังอย่างนี้เหมือนถูกบังคับเลยนะครับ?

พิธีกรหญิง : (พยักหน้าเห็นด้วย)

แขกรับเชิญ : (มองหน้าพิธีกรชาย) พูดอย่างนี้หมายความยังไงครับ?

พิธีกรชาย : (ยกผ้าขึ้นซับเหงื่อ) ปะ เปล่าครับ ผมหมายถึงว่าถ้าคนทำไม่ใช่ไฮโซอย่างดอกเตอร์ก้อง อาจจะนึกว่าโดนจ้างหรือถูกบังคับมา แต่เรื่องแบบนั้นจะเป็นไปได้ยังไงใช่ไหมครับ?

พิธีกรหญิง : ใช่คะ ระดับดอกเตอร์ไม่มีทางต้องทำตามคำสั่งใครหรอกคะ

แขกรับเชิญ : (หน้าตาไม่พอใจ) ผมทำเพราะผมพอใจเท่านั้น ใครก็สั่งผมไม่ได้ คุยต่อไหมครับ ผมว่าเราออกนอกประเด็นกันไปมากแล้ว

พิธีกรหญิง : ค่ะๆ

พิธีกรชาย : งั้นไปประเด็นต่อไป คุณรู้สึกยังไงที่ในอินเตอร์เน็ต มีคนมาวิพากษ์วิจารณ์ เอ่อ อวัยวะของคุณอย่างไม่สุภาพเท่าไหร่? หรือโพสต์ข้อความในแง่ที่เป็นการคุกคามทางเพศกับตัวคุณ ตัวอย่างเช่น ถ้อยคำอาจจะหยาบนิดนึงครับ อันแรกบอก ยอมแล้วทูนหัวอยากมีผัวเป็นดอกเตอร์ อันนี้บอก เห็น(ตื้ด)แปดนิ้วเลี่ยมทองของพี่ก้องแล้วอยากนั่งเทียนให้ อีกอันโพสต์ว่า ชอบโชว์ยั่วแบบนี้ ร่านนักเหรอ อย่าให้เจอแถวบ้านนะ กูจะ(ตื้ด)ให้ร้องขอชีวิตเลย แมนๆ อย่างมึง

พิธีกรหญิง : (มือทาบอก) เขาโพสต์กันแรงอย่างนี้เลยเหรอคะ?

พิธีกรชาย : นี่ยังน้อยครับ มีแรงกว่านี้อีก แต่ผมคงต้องดูดเสียงตัวเองจนฟังไม่รู้เรื่อง ที่น่าแปลกคือผู้ชายเข้ามาเยอะมาก

แขกรับเชิญ : ผมขำๆ นะครับ เกรียนคีย์บอร์ด เผลอๆ คนโพสต์อาจเป็นแค่เด็กนักเรียนปิดเทอมก็ได้

พิธีกรหญิง : คือไม่ถือสา?

แขกรับเชิญ : ครับ อ่านแล้วก็สนุกดี โพสต์กันเยอะๆ นะครับ อยากรู้ว่า ถ้ามาเจอผมจริงๆ จะกล้าทำอย่างที่ว่าหรือเปล่า (หัวเราะ)

พิธีกรชาย : ก็ถือว่าเคลียร์กับไปเกือบทุกประเด็นแล้วนะครับ มาช่วงท้ายรายการ อยากจะขอพูดถึงเรื่องที่ซีเรียสหน่อย ทางครอบครัวญาติพี่น้องได้ต่อต้านกับสิ่งที่คุณทำไหมครับ?

แขกรับเชิญ : คุณแม่แยกทางกับคุณพ่อแล้วไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่ผมยังเด็ก แล้วไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ส่วนคุณพ่อผมก็เสียไปหลังจากนั้นไม่นาน แต่ก็ยังมีญาติร่วมนามสกุลอยู่บ้าง ตระกูลผมเป็นตระกูลเก่าแก่ครับ ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาคิดยังไง โดยเฉพาะพี่ชายผมที่ตอนนี้เป็นประมุขของตระกูล

พิธีกรหญิง : พี่น้องไม่ได้คุยกันเลยเหรอครับ?

แขกรับเชิญ : หลังๆ ต่างคนต่างยุ่งก็ห่างๆ กันไป ก็หวังว่าเขาจะเข้าใจในสิ่งที่ผมทำ แต่ก็มีคนสนับสนุนบ้างนะครับ อย่างหลานชายผม ตอนนี้ก็เป็นแอดมินดูแลแฟนเพจให้

พิธีกรหญิง : ก็น่าเห็นใจนะคะ ตระกูลเก่าแก่อย่างนี้ด้วย แต่ส่วนตัวดิฉันเห็นด้วยกับสิ่งที่ดอกเตอร์ก้องทำนะคะ วิธีการอาจจะแตกต่าง แต่ก็น่าจะช่วยให้สังคมดีขึ้นได้ แต่ในฐานะสื่อ เราคงต้องวางตัวเป็นกลาง

พิธีกรชาย : เอาใจช่วยครับ แล้วมีปัญหากับพนักงานในปกครองบ้างหรือเปล่า? ในเรื่องความน่าเชื่อถือหรืออะไรทำนองนี้

แขกรับเชิญ : ไม่มีเลยครับ ออกจะเป็นผลดีซะมากกว่า แต่ก่อนลูกน้องจะค่อนข้างกลัวผม ไม่เข้าหา พอผมคุยด้วยก็เกร็งไปหมด แต่เดี๋ยวนี้บรรยากาศในการทำงานผ่อนคลายเป็นกันเองมากขึ้น มีคนกล้าแซวผมด้วย คงเพราะเขาได้รู้จักผมในอีกแง่มุมมั๊งครับ

พิธีกรหญิง : เป็นดิฉันก็คงอยากเข้าหาเหมือนกัน (หัวเราะมีจริต)

พิธีกรชาย : สุดท้ายแล้วครับ จะมีอะไรที่แรงกว่านี้ ออกมาอีกหรือเปล่า?

พิธีกรหญิง : นี่ยังไม่แรงอีกหรือคะ?

แขกรับเชิญ : ก็คงมีอะไรพิเศษขึ้นครับ แย้มนิดนึงก็ได้ว่า  อีเว้นท์หน้าจะมีคุณนิคที่เป็นนักแสดงมา เค้าเรียกอะไรนะ ภาษาสมัยนี้ เค้าจะมาฟีเจอริ่งด้วย

พิธีกรหญิง : (ตกใจ) คุณนิค ดาราดังที่ไปทำอัตกามบนเวทีคอนเสิร์ตใหญ่ของดีว่าสาวใหญ่จนคอนเสิร์ตล่มเมื่อปีที่แล้วนะเหรอคะ หายไปจากวงการเลย ไม่นึกว่าจะกลับมาร่วมงานกับคุณก้อง

พิธีกรชาย : (ตื่นเต้น) สมัยก่อนเป็นดาราในดวงใจผมเลยครับ เท่มาก แต่เที่ยวนี้คงไม่กล้าทำขนาดคราวที่แล้วแล้วมั๊งครับ

แขกรับเชิญ : ยังบอกไม่ได้ครับ ขออุบไว้ก่อน ขึ้นอยู่กับความพอใจของคนที่ติดตามดูผมอยู่ แล้วก็เจ้านายของคุณนิคเค้า

พิธีกรหญิง : คนที่ติดตามอยู่คงหมายถึงเหล่าแฟนคลับสินะคะ? เอ คุณนิคมีเจ้านายด้วยหรอ ตั้งแต่เกิดเรื่อง เขาก็ออกจากต้นสังกัดเดิมไปแลัว หรือตอนนี้ไปทำงานประจำอยู่?

แขกรับเชิญ : (ไม่ตอบ)

พิธีกรชาย : หมดเวลาพอดี รายการของเราต้องขอขอบคุณดอกเตอร์ก้องฟ้าเป็นอย่างมาก วันนี้รู้สึกว่าเราจะจับเข่าคุยกันลึกมาก  (หัวเราะ)

แขกรับเชิญ : (ลุบเข่าพิธีกรชาย) จับเข่าคุยกันอย่างนี้ก็ดีครับ

พิธีกรชาย : (หน้าซีด)

พิธีกรหญิง : สวัสดีค่ะ พบกับรายการจับเข่าเล่าประเด็นได้ใหม่สัปดาห์หน้า วันและเวลาเดิม สวัสดีค่ะ

แขกรับเชิญ : สวัสดีครับ (ผู้ชมปรบมือ)

-----------------------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ ก้องฟ้า 06/08/16
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 06-08-2016 20:20:54
จับเข่าคุย55555555555555
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ ก้องฟ้า 06/08/16
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 06-08-2016 23:20:26
ท่าทางคุณก้องจะสนใจพิธีกรชายเป็นพิเศษ  อิอิ

ดีใจที่บอสกับโป๊ปสมหวังมีความสุขกันทั้งคู่   แถมคู่มอมแมมด้วยสิคะ  อยากรู้ว่าจะคู่กับใคร เป็นรุกหรือรับ

เรื่องนี้สนุกมากค่ะ  ชอบมาก  สมัยนี้ต้องตาต่อตา ฟันต่อฟัน 

ขอเรื่องใหม่อีกนะคะ  ติดตามค่ะ  ขอบคุณมาก
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ ก้องฟ้า 06/08/16
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 07-08-2016 02:34:57
ขอบคุณที่มาต่อตอบพิเศษจ้า เด็ดดวงและน่ารักเหมือนเคย อิอิ  :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ ก้องฟ้า 06/08/16
เริ่มหัวข้อโดย: HypnosisDreams ที่ 08-08-2016 17:47:53
อาก้องฟ้าน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ ก้องฟ้า 06/08/16
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 26-08-2016 01:40:08
ขอบคุณสำหรับนิยายดีนะครับ อ่านเพลินมากกกก
ว่าแต่ช่องทางสมัครอยู่ไหนครับ อยากเข้าร่วมด้วย 555
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ ก้องฟ้า 06/08/16
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 26-08-2016 13:25:56
มาอีกนะๆๆ พลีสสสสส  :hao5: :impress2:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ ก้องฟ้า 06/08/16
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 27-08-2016 11:19:44
เป็นเรื่องที่พล็อตแหวกแนวมาก  :hao6:

1. อยากอ่านเรื่องของเม(มอมแมม)ต่อ เอาให้ไปเคลียร์ไปเลยว่าจะเบื่อสรีระผู้ชายไหม ฮาเรมเหลือเกินคนนี้

2. คู่เอสเอ็ม นักบัญชีกับซีอีโอวัย 40 จะลงเอยกันม๊ายยยย? คาใจมากกว่าเรื่องเมอีก 555

3. หมอพฤกษ์กับธนัท ชั่วคราวหรือจริงจัง?

4. น้อง(ฝัง)มุก น้อง(เจาะ)มิลค์ สุดท้ายเป็นยังไง? จำได้ว่าน้องเขายังไม่ค่อยสำนึกเลย แถมดูมีปัญหาทางจิตใจด้วยทั้งคู่

5. น้องจอม คนนี้จุดยืนชัดเจน แต่แทบไม่มีฉากกับตัวจริงของน้องเลย

6. คู่พิชกับหนุ่มช่าง น่ารักดีค่ะ ขอเป็นของหวานปิดท้ายรายการน้าาาา

ป.ล. อาก้องฟ้าหาทางออกได้ฉลาดมากกกก

:pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ ก้องฟ้า 06/08/16
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 27-08-2016 19:05:10
บอสเลยเสริมขึ้นว่า “น้องๆ ก็หมั่นออกกำลังกาย กินอาหารดีๆ นอนให้เพียงพอ รักษาความสะอาด แล้วจะดูดีแบบพี่เขาเอง อ้อ แล้วก็ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเลยนะ เหล้าได้บ้างพอเข้าสังคม แต่บุหรี่ถ้าไม่สูบเลยได้ก็ดี ซิ่งรถก็อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่งท่อดังก็เพลาๆ ลงบ้าง”

เจอคำผิดจ้า อ่านแล้วสะดุ้งเลย 555
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ ก้องฟ้า 06/08/16
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 30-08-2016 14:59:55
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วใจสั่น คือแบบแรงกดดันแลความหื่นมากเกินใจรับไหวค่ะ ยอมใจจริงๆค่ะเรื่องนี้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสนุกมาก ฟิน ชอบโป๊ปกับบอสที่สุดแอบหวังเหมือนกันว่า nc ของทั้งคู่จะร้อนแรงบรรยายชัดเจนเหมือนฉากหื่นหลายๆฉาก อย่างว่าแหละโป๊ปเค้าหวง แต่ถ้าคนเขียนจะแง้มฉากnc ของทั้งสองชัดในตอนพิเศษก็จะดีมากค่าาา  :hao6: (แหม ฉัน...หื่นยังไม่พอ?)
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ ก้องฟ้า 06/08/16
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 01-09-2016 14:27:10
อ่านรวดเดียวจบเลย สนุกและนาาติดตามมาก
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ ก้องฟ้า 06/08/16
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 02-09-2016 22:43:01
พล็อตคือดีมากเลยแหวกแนวดีมีคติเยอะ  ขอบคุณสําหรับผลงาน ^^
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ ก้องฟ้า 06/08/16
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 03-09-2016 01:26:26
เป็นเรื่องที่พล็อตแหวกแนวมาก  :hao6:

1. อยากอ่านเรื่องของเม(มอมแมม)ต่อ เอาให้ไปเคลียร์ไปเลยว่าจะเบื่อสรีระผู้ชายไหม ฮาเรมเหลือเกินคนนี้

2. คู่เอสเอ็ม นักบัญชีกับซีอีโอวัย 40 จะลงเอยกันม๊ายยยย? คาใจมากกว่าเรื่องเมอีก 555

3. หมอพฤกษ์กับธนัท ชั่วคราวหรือจริงจัง?

4. น้อง(ฝัง)มุก น้อง(เจาะ)มิลค์ สุดท้ายเป็นยังไง? จำได้ว่าน้องเขายังไม่ค่อยสำนึกเลย แถมดูมีปัญหาทางจิตใจด้วยทั้งคู่

5. น้องจอม คนนี้จุดยืนชัดเจน แต่แทบไม่มีฉากกับตัวจริงของน้องเลย

6. คู่พิชกับหนุ่มช่าง น่ารักดีค่ะ ขอเป็นของหวานปิดท้ายรายการน้าาาา

ป.ล. อาก้องฟ้าหาทางออกได้ฉลาดมากกกก

:pig4:


ใช่เลยคิดเหมือนกัน  :hao6: มีหลายคู่เลยที่ค้างคาใจอยากได้บทสรุปหรือบทบรรยายเพิ่ม
มีคนคิดเหมือนกันแล้วรู้สึกว่า เอ้อ ไม่ใช่เราคนเดียวนะที่ไม่ได้อยากติดตามเรื่องของเมมาก เพราะรายนั้น
เค้ามาสายฮาเรม เลยพอเดาๆ ได้

***แต่น้องนักโทษคนอื่นคือส่วนใหญ่ (ถ้าจำไม่ผิดก็เกือบทั้งหมด) เป็นชายแท้
อยากให้ขยายความบทลงโทษหรือขมวดปมตอนใช้โทษเสร็จสิ้นแล้วก็ยังดี
มีหลายคู่มากที่อยากฟินอีก เช่น น้องไวน์บอย คู่นี้น่ารักมากกก คู่มุกกับมิลค์ก็โผล่มาหน่อยเดียว
แทบทุกคู่ที่เป็นนักโทษอยากได้รายละเอียดอีกมาก เพราะอย่างคู่บอสโอเครู้ตอนจบเดาได้
น้องเมบั้นปลายชีวิตเป็นยังไงเดาได้ แต่กับพวกนักโทษมันคาใจมั๊กๆ อ๊าาาา  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ ก้องฟ้า 06/08/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 03-09-2016 17:00:57
ขอบคุณสำหรับการติดตาม ถึงเรื่องนี้จะจบลงไปแล้ว มีเรื่องแจ้ง/แก้ตัวนิดหน่อยตามนี้ครับ

- ตอนพิเศษก็ทะยอยๆ แต่งอยู่ครับ เนื่องจากมันมีประเด็นที่จะเอามาต่อได้เยอะ เฉพาะนักโทษรายต่างๆ ก็หลายคนแล้ว ไม่รู้จะเริ่มจากใครก่อนดี แล้วเขียนยังไงก็เหมือนมันจะไม่จบ เป็นกรรมที่เปิดประเด็นไว้เยอะ ตอนนี้เหมือนเขียนของหลายคนไปพร้อมกัน อันไหนตันก็ย้ายไปเขียนของอีกคน เลยไม่เสร็จซักอัน 555 เอาเป็นว่าจะพยายามเคลียร์ไปทีละคนนะครับ

- บทมีอะไรกัน จริงๆ ก็สงสัยตัวเองอยู่ว่า เรื่องนี้ยังต้องมีบทอย่างว่าอีกเหรอ ในเมื่อเนื้อเรื่องมันก็เต็มไปด้วยฉากหื่นอยู่แล้ว 55 แต่ก็อย่างที่เห็นครับ พอลองแต่งมาแล้วมันดูขาดๆ เกินๆ แปลกๆ สรุปว่าคนแต่ง แต่งไม่ค่อยเป็นครับ ยิ่งของบอสกับโป๊ปนี่ยิ่งแต่งไม่ออกกันเลยทีเดียว มีความรู้สึกเหมือนเอาลูกเอาหลานมาปู้ยี่ปู้ยำ ไม่แน่ใจว่าจะมีบทแบบนี้ออกมาในตอนพิเศษอีกเปล่า แต่อย่าคาดหวังอะไรมากนะครับ แต่งไม่ค่อยเป็นจริงๆ คนแต่งค่อนข้างใสซื่อ

- เรื่องน้องเมฮาเร็ม อันนี้พยายามเขียนอยู่ จริงๆ อยากให้มาเป็นตอนพิเศษตอนแรกด้วยซ้ำ แต่แต่งไม่ได้ดังใจซะที เขียนๆ ลบๆ อยู่หลายรอบแล้ว คงไม่เร็วนะครับ ขอโทษจริงๆ
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [1] 03/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 03-09-2016 17:03:44

องค์กรลวงจิต Explicit Content
ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [1]

เด็กหนุ่มก้าวเข้ามาในคณะแพทยศาสตร์ด้วยความรู้สึกประหม่า บรรยากาศของวันปฐมนิเทศดูคึกคัก เขาสังเกตเห็นว่านักศึกษาปีหนึ่งคนอื่นๆ ส่วนใหญ่จะใส่ชุดนักศึกษาทรงพอดีตัวแบบทันสมัยทำให้ชุดที่แม่เขาซื้อให้ดูรุ่มร่ามไปถนัดใจ รูปร่างหน้าตาบุคลิคเด็กบ้านนอกอย่างเขาก็สู้เด็กในเมืองไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกผิดที่ผิดทางเข้าไปอีก

เด็กหนุ่มไม่มีเพื่อนที่โรงเรียนติดคณะเดียวกันเลย ก็โรงเรียนในจังหวัดเล็กๆ อย่างน่านที่เขาจบมา อย่าว่าแต่คณะแพทย์ของมหาลัยชื่อดังใจกลางกรุงอย่างนี้เลย แค่ของมหาลัยในพื้นที่ภาคเหนือยังติดกันแค่คนสองคน เขานึกเสียดายที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมแรกพบที่จัดขึ้นก่อนเปิดเทอม ถ้าได้ไปร่วมตอนนี้อาจรู้จักเพื่อนซักคนสองคน แต่ติดที่คุณยายไม่สบายอยู่ที่โรงพยาบาล พอมอบตัวเสร็จเขากับแม่ต้องรีบกลับไปช่วยเฝ้าไข้ทันที

เด็กหนุ่มพยายามมองหาคนที่ดูเป็นมิตรพอที่จะเข้าไปทำความรู้จักได้ เขารู้ตัวดีว่าไม่ได้มีจุดเด่นอะไรแถมมนุษยสัมพันธ์ก็แย่  ขนาดที่โรงเรียนต่างจังหวัดเขาก็เป็นแค่เด็กแว่นเนิร์ดน่าเบื่อคนหนึ่งที่มีเพื่อนคบบ้างเพราะเรียนเก่งที่สุดในชั้น แต่ในคณะแพทย์ที่มีแต่คนเก่งๆ เรื่องนี้คงไม่ช่วยอะไร เขาอยากมีเพื่อนอยากได้รับความสนใจบ้าง เด็กหนุ่มสอดส่ายสายตามองเพื่อนร่วมชั้นปีแล้วก็รู้สึกว่ามีแต่คนที่ดูดีจนไม่กล้าเข้าไปทำความรู้จัก

แต่ท่ามกลางคนหน้าตาดีมากมาย เด็กหนุ่มกลับไม่สามารถละสายตาไปจากคนๆ หนึ่งได้ คนๆ นั้นมีทุกอย่างที่ทำให้เป็นจุดสนใจ ใบหน้าขาวหล่อเหลามีร่องรอยของหนวดเคราที่โกนไว้เรียบร้อย  รูปร่างสูงโปร่งเฉียดร้อยแปดสิบที่มีกล้ามเนื้อพอเหมาะ ชุดนักศึกษาเข้ารูปพอดีตัวรวมทั้งเครื่องประดับเท่ๆ ที่ดูมีรสนิยม แต่ที่เขาติดใจมากเพราะคนๆ นั้นกำลังถูกรุมล้อมโดยบรรดารุ่นพี่ ไม่ใช่ปีสอง แต่พี่ปีสูงๆ ที่ใส่ทั้งกาวน์สั้นกาวน์ยาวต่างทะยอยกันมาทักทายแล้วรีบกลับไปเหมือนแอบแวบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

เด็กปีหนึ่งคนอื่นๆ เริ่มสังเกตเห็นแล้วมองมาอย่างสงสัย พอใกล้เวลาพิธีรุ่นพี่ที่รุมล้อมอยู่ก็ค่อยๆ แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน เด็กหนุ่มพยายามข่มความประหม่าแล้วเดินตรงไปยังคนที่เขาเฝ้ามองอยู่ นี่คือไอดอลของเขา เขาอยากเป็นอย่างนี้ อยากได้รับความสนใจ เป็นคนดังของรุ่น เป็นที่รู้จักไปจนถึงพี่ปีสูงๆ ถ้าเขาสามารถตีสนิทคนๆ นี้ได้เขาอาจจะรู้เคล็ดลับดีๆ ที่ทำให้เขาเข้าใกล้สิ่งที่หวังบ้างก็เป็นได้

เด็กหนุ่มเร่งฝีเท้าจนเป็นปีหนึ่งคนแรกที่เข้าถึงตัว เขาข่มความประหม่าแล้วกล่าวทักทายอย่างตะกุกตะกัก

“น่ะนาย เราติดที่นี่คนเดียว ไม่มีเพื่อนเลย เราขอไปกับนายด้วยได้เปล่าตอนเข้าปฐมนิเทศ”

เด็กหนุ่มระงับความอาย เขาไม่รู้ว่าจะเข้าหายังไงให้ดูดี มีแต่ต้องพูดไปตรงๆ

อีกฝั่งมองหน้าเขา แววตาไม่บ่งบอกว่ารู้สึกประทับอะไรเลย ก็แหงล่ะ เขามันเป็นแค่เด็กบ้านนอกเชยๆ หน้าตาจืดๆ คนหนึ่ง เขากลั้นใจรอคำปฏิเสธจากคนตรงหน้า

“อือ”

เป็นคำตอบที่ผิดคาด ถึงอีกฝ่ายจะหน้าตาไม่ยินดียินร้ายอะไร แต่เขาก็อดลิงโลดในใจไม่ได้ ถือเป็นโอกาสอันดี ถ้าเขาทำตัวได้น่าสนใจ คนตรงหน้าก็อาจจะอยากเป็นเพื่อนกับเขาจริงๆ ปัญหาคือนอกจากจะหน้าตาธรรมดาแล้ว เขาเป็นคนคุยไม่สนุกเอาซะเลยเขารู้ตัวดี

“เอ่อ นายชื่ออะไร เราชื่อเต้าหู้ มาจากน่าน”

“มิลค์”

ถึงจะห้วนๆ แต่เต้าหู้ก็ดีใจมาก

“นายชื่อมิลค์เหรอ”

อีกฝั่งไม่ตอบอะไรกลับมา เขาเลยไม่รู้จะต่อบทสนทนาอย่างไร เขาลอบมองเสี้ยวหน้าที่ดูดีของคนที่เดินอยู่ข้างๆ แล้วก็สังเกตเห็นว่าหูของมิลค์มีหมุดสีดำใส่อยู่ตรงติ่งหู แล้วตามแนวใบหูก็มีห่วงกับหมุดโลหะใส่ไว้หลายอัน เขาไม่คุ้นกับของแบบนี้ คลับคล้ายคลับคลาว่าพวกดาราวัยรุ่นจะใส่กัน แต่ที่โรงเรียนเขาไม่มีใครใส่

“นายใส่ตุ้มหูด้วยเหรอ เหมือนผู้หญิงเลย แปลกดี”

อีกฝั่งมองกลับมาด้วยสายตาดุปนรำคาญจนเขาใจเสีย นี่เขาคงพูดอะไรผิดไปจนมิลค์ไม่อยากคุยด้วย ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือเปล่าที่ตอนนี้คงปลีกตัวแยกกันไม่ได้แล้ว พวกเขาได้ที่นั่งด้วยกันในห้องประชุม มิลค์นั่งติดกับช่องทางเดินตรงกลางโดยมีเขาขนาบอีกข้าง เด็กปีหนึ่งคนอื่นก็ทะยอยมานั่งที่ที่เหลือจนเต็ม

พี่ปีสูงคนหนึ่งเดินปรี่มาทักทาย

“ว๊าย อาจารย์มิลค์มาเป็นรุ่นน้องพี่จริงๆ ด้วย พี่เรียนหนักจนตกข่าว นี่เพิ่งรู้จากเพื่อนเลยแวะมาต้อนรับ  มาเป็นนักเรียนแพทย์ซะเองนี่จะมายังช่วยอาจารย์สอนอีกเปล่าคะ พี่ละคิดถึง พี่ตั้งเรียนจนได้ท็อปก็เพราะอยากเข้าคลาสพิเศษของอาจารย์มิลค์เลยนะคะนี่ ถ้าเลิกไปพี่จะเอากำลังใจมาจากไหน”

“คงยังช่วยอยู่ละครับ ปีหนึ่งยังไม่หนักมาก เห็นอาจารย์ว่าจะให้ไปช่วยแลบออสกี้เป็นหลัก”

มิลค์ตอบด้วยท่าทางสุภาพผิดกับบุคลิค

“กรี๊ด ตรงกับของปีพี่พอดีเลย อาจารย์มิคล์จะมาเล่นเป็นคนไข้สมมุติให้ใช่ไหมคะ อย่างนี้เหมือนใบ้ข้อสอบเลยน้าว่าจะเป็นโรคแนวไหน”

“อย่าชะล่าใจไปครับ ผมเตือนได้แค่นี้”

“อย่าขู่กันสิคะอาจารย์มิลค์ ไม่รู้แหละ คราวนี้อาจารย์ต้องมาช่วยติวพวกพี่ด้วย เทอมที่แล้วเอาแต่ไปติวให้แก๊งค์หนุ่มๆ”

“ฮ่าฮ่า ก็พวกพี่กลุ่มโน้นเขาเลี้ยงของอร่อยนี่ครับ”

“จ้า อย่าให้รู้นะว่าไปเพราะทางนั้นหล่อ”

เต้าหู้แอบฟังทุกคำถึงแม้จะไม่เข้าใจนัก ดูแล้วมันก็มีเบื้องหลังจริงๆ ที่ทำให้มิลค์เป็นที่รู้จักของรุ่นพี่ได้ขนาดนี้ ถึงไม่นับเรื่องนั้น ด้วยบุคลิคของมิลค์เองที่โดดเด่นและมั่นใจในตัวเองขนาดนี้ อีกไม่นานคงเป็นที่โด่งดังในหมู่เพื่อนๆ เต้าหู้รู้สึกว่ามิลค์มีออร่าที่เหมือนพวกดาราคือเป็นคนที่ชินกับการเป็นจุดสนใจของคนอื่นจนเป็นเรื่องปกติ ถ้าเขาได้เป็นเพื่อนกับคนๆ นี้ คนอื่นอาจจะรู้จักเขาไปด้วยก็ได้

ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่เต้าหู้รู้สึกว่าความเป็นไปได้มันลางเลือนจริงๆ ตลอดเวลาการปฐมนิเทศ มิลค์ไม่ได้มีท่าทีสนใจจะคุยกับเขาเลย พอเขาพยายามชวนคุย มิลค์ก็จะตอบบ้างไม่ตอบบ้างแล้วก็หันไปเล่นโทรศัพท์ จนกระทั่งจบพิธีการช่วงเช้า เต้าหู้รู้ว่าโอกาสของเขากำลังจะหมดลง เด็กปีหนึ่งกลุ่มอื่นๆ ก็แสดงความสนใจที่จะทำความรู้จักกับมิลค์เหมือนกัน พวกที่นั่งแถวหน้ากับแถวหลังก็ดูจะพยายามตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ถ้าไม่ติดว่าต้องชะโงกคุยกันในห้องประชุม

อยู่ๆ ความบ้าดีเดือดก็มาจากไหนไม่รู้ เต้าหู้คว้ากระเป๋าสะพายข้างของมิลค์มาถือไว้แล้วพูดแบบมัดมือชกออกไป

“เดี๋ยวไปกินข้าวกลางวันด้วยกันนะ เราถือกระเป๋าให้”

พูดเสร็จเขาก็รีบเดินหนีออกไปจากฝูงชนที่เริ่มรุมล้อมพูดคุยกันด้วยความหวังว่ามิลค์จะตามมา เด็กหนุ่มใจเต้นตุบๆ เขาไม่น่าทำอะไรที่บ้าบิ่นแบบนี้เลย ถ้าจะโดนชกคงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ มิลค์รีบเดินตามมาด้วยท่าทางน่ากลัว

“นายมันน่ารำคาญจริงๆ เอากระเป๋าชั้นคืนมา”

มิลค์พูดเมื่อเดินตามมาทัน

“เราแค่อยากจะเป็นเพื่อนกับนาย นายไม่สนใจเราเลย”

“ทำไมนายไม่ไปทำความรู้จักกับคนอื่นล่ะ ชั้นไม่สนใจจะสนิทกับใครหรอกนะ”

“อย่างน้อยก็ขอให้ได้คุยกันสักนิดก่อนสิ ถ้านายไม่ชอบหน้าเราจริงๆ เราจะไม่มากวนใจนายอีก ยังไงนายก็ต้องกินข้าวไม่ใช่เหรอ เราเลี้ยงข้าวนายก็ได้จะได้คุยกัน”

มิลค์ถอนใจ มันดูไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่เขาจะคุยกับไอแว่นหน้าจืดคนนี้ แต่ก็เอาเถอะ ถือว่ามีคนเลี้ยงข้าวก็แล้วกัน

“แล้วจะไปกินที่ไหน นี่ไม่ใช่ทางไปโรงอาหารหรอกนะ”

“เราไม่รู้เหมือนกัน เราไม่ได้มาตอนวันแรกพบอ่ะ”

“งั้นไปนี่แล้วกัน ตอนนี้ที่โรงอาหารคนคงเยอะมาก”

มิลค์พาเดินลัดเลาะไปซอกตึก เพียงแป๊บเดียวก็มาทะลุออกที่ใต้อาคารใหญ่อีกแห่งหนึ่งซึ่งมีศูนย์อาหารติดแอร์เล็กๆ อยู่ด้านใน

“นี้เป็นโรงอาหารของพวกที่เรียนโทบริหารธุรกิจ กลางวันไม่ค่อยมีคน จะไปแน่นช่วงเย็นกับวันเสาร์อาทิตย์ จะกินอะไรก็สั่ง นายเลี้ยงนี่”

มิลค์อธิบาย เต้าหู้รู้สึกดีที่ได้ยินมิลค์พูดยาวๆ กับเขาบ้าง พอสั่งกับข้าวไปสองสามอย่าง เขาก็ลองพยายามอีกครั้งกับโอกาสที่ได้รับ

“ทำไมนายไม่อยากเป็นเพื่อนกับเราล่ะ เพราะเรามาจากต่างจังหวัดเหรอ หรือเพราะหน้าตาเป็นแบบนี้”

“แล้วนายล่ะ ทำไมถึงอยากเป็นเพื่อนชั้น เราไม่เคยเจอกันมาก่อน นายจะรู้ได้ยังไงว่าชั้นนิสัยเป็นยังไง นายก็คงเข้าหาชั้นเพราะรูปร่างหน้าตาภายนอกใช่ไหม”

“เปล่านะ เอ่อ จริงๆ ก็มีส่วน เราเห็นนายดูดีน่าจะเป็นคนที่เพื่อนให้ความสนใจ ยิ่งเห็นพวกรุ่นพี่เข้ามารุมล้อมเต็มไปหมด เราไม่อยากเป็นคนที่ถูกเพื่อนๆ ลืมไปจนเรียนจบ”

“พูดง่ายๆ ก็คืออยากดังสินะ ก็ยังดีที่นายพูดออกมาตรงๆ แต่เสียใจด้วย ชั้นช่วยนายเรื่องนี้ไม่ได้ มันไม่เห็นจะน่าสนุกเลย”

“ขอร้องล่ะ ถ้าเราได้เป็นเพื่อนกับคนดังอย่างนาย ไม่ต้องสนิทก็ได้ คนอื่นๆ ก็อาจจะรู้จักเราบ้าง”

“งี่เง่า แค่นั้นมันจะทำให้นายมีตัวตนในสายตาเพื่อนได้ยังไง ก็ดูนายทำตัวเองสิ แว่นหนาเตอะ ผมเด๋อด๋าปรกหน้าปรกตา”

มิลค์เอื้อมมือมาถอดแว่นตาของคู่สนทนาออก เต้าหู้ผงะนิดนึงด้วยความตกใจแต่ก็ยอมแต่โดยดี

“ยิ่งถอดแว่นยิ่งหน้าจืดเข้าไปใหญ่แฮะ แถมยังดูง่วงๆ อีก เอาเถอะ หน้าจืดมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ขนาดเพื่อนไม่คบ ดีที่เป็นคนขาวนะ นายเป็นคนเหนือใช่เปล่า แต่สิวพวกนี้ทำให้ดูเป็นคนเก็บกดยังไงไม่รู้”

เต้าหู้หน้าแดง เขาไม่ได้คาดหวังปาฏิหาริย์ว่าแค่ถอดแว่นเสยผมแล้วรูปลักษณ์ตัวเองจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือกลายเป็นหนุ่มหล่อขึ้นมา แต่ก็ไม่คิดว่าจะถูกวิจารณ์ตรงๆ อย่างไม่ทันตั้งตัวแบบนี้

“ชั้นไม่รู้สึกสนุกหรอกนะที่ต้องมาช่วยนายทำอะไรแบบนี้ เห็นแก่ที่นายเป็นคนแรกที่กล้ามาคุยตรงๆ กับชั้นแบบนี้ จะทิ้งคำแนะนำไว้ให้ก็แล้วกัน ถ้านายทำตัวให้โดดเด่นไม่ได้ก็อย่าทำตัวแตกแยกจากเพื่อน เสื้อผ้าทรงคุณลุงแบบนี้เขาไม่ใส่กันแล้ว”

มิลค์พูดพร้อมกับเอามือมาตบๆ ตามเสื้อตัวหลวมของเต้าหู้ แต่ต้องกลายเป็นฝ่ายที่ร้องออกมาอย่างแปลกใจแทน

“เอ๊ะ ทำไมถึงแข็งแบบนี้ ไหนนายถอดเสื้อออกสิ”

“ตรงนี้เลยเหรอ”

เต้าหู้ถามกลับด้วยความลังเล ถึงคนมาทานอาหารจะมีไม่มากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นที่สาธารณะ

“เออน่า ไม่มีอะไรหรอก ถ้าอยากเป็นเพื่อนกันนายควรจะฟังที่ชั้นพูดนะ”

เพียงแค่เท่านั้นทำให้เต้าหู้ถอดเสื้อนักศึกษาออกทันที มิลค์ถึงกับตกตะลึงในผิวเนียนขาวและรูปร่างที่ดูล่ำสันแข็งแรงของคนตรงหน้า

“นายเล่นเวทเหรอ หรือเล่นกีฬาอะไร  ทำไมถึงได้หุ่นดีกล้ามแน่นไปทั้งตัวอย่างนี้”

คนในร้านอาหารซุบซิบกันที่เห็นเต้าหู้ถอดเสื้อโชว์หุ่นล่ำจนเจ้าตัวประหม่า แต่เมื่อเห็นมิลค์ยังรอคำตอบอยู่อย่างไม่สนใจอะไร จึงบอกเหตุผลออกไป

“เปล่า เราช่วยงานที่บ้านตั้งแต่เด็ก บ้านเราทำไร่ยาสูบแล้วก็มีโรงงานบ่มใบยาสูบด้วย  เรายกมัดใบยาสูบหนักๆ ประจำ บางช่วงก็ออกไปช่วยพี่ๆ คนงานในไร่ งานหนักเหมือนกัน”

“แล้วทำไมผิวขาวจัง ถึงจะเป็นคนเหนือก็ไม่น่าจะขาวอมชมพูได้ขนาดนี้”

“คงเพราะพ่อเราขาวมั๊ง คุณปู่เราเป็นคนรัสเซีย”

“อืม ถึงว่า ชั้นอาจจะเปลี่ยนใจนะ ถ้านายทำให้ชั้นรู้สึกสนุกได้ ชั้นอาจจะคบนายเป็นเพื่อนได้”

เต้าหู้คอตกทันที

“งั้นคงไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้วล่ะ เราเป็นคนน่าเบื่อเรารู้ นายคุยด้วยคงไม่สนุก”

“ชั้นไม่ได้หมายถึงสนุกแบบนั้น นายกินอิ่มยัง ชั้นขอพิสูจน์อะไรอีกอย่างนึง ถ้าเป็นอย่างที่คิด เราก็เป็นเพื่อนกันได้”

“จริงๆ นะ เราอิ่มแล้ว งั้นเราเรียกเก็บเงินเลยนะ”

เมื่อพนักงานมาเก็บเงิน มิลค์ก็เจอเรื่องประหลาดใจเล็กๆ อีกครั้ง เมื่อว่าที่เพื่อนใหม่หุ่นล่ำหยิบกระเป๋าเงินแบรนด์เนม ภายในบรรจุด้วยธนบัตรสีเทาอัดแน่นเป็นฟ่อนออกมาชำระค่าอาหาร น่าสนใจแฮะ ดูท่าไร่ยาสูบและโรงบ่มที่ว่าคงจะไม่ใช่ธุรกิจเล็กๆ นี่มันน่าสนุกกว่าที่คิดไว้อีก มิลค์คิดอย่างนั้นแล้วก็ออกปากบอกเต้าหู้ทันที

“ก่อนกลับขอแวะเข้าห้องน้ำก่อนนะ นายก็ไปเป็นเพื่อนชั้นด้วยสิ”

เต้าหู้ตอบตกลง นึกว่ามีแต่พวกผู้หญิงที่ชอบชวนไปเข้าห้องน้ำด้วยกันซะอีก

“ชั้นอยากดูหุ่นนายเต็มๆ ถอดกางเกงออกซิ”

มิลค์พูดขึ้นทันทีที่เข้ามาในห้องน้ำชายกันสองคน เต้าหู้ถึงกับช๊อค

“เฮ้ย ทำไมต้องให้เราทำอย่างนั้นด้วย”

“นานอยากเป็นเพื่อนกับชั้นไม่ใช่เหรอ ชั้นแค่ดูว่านายมีความจริงใจให้ชั้นแค่ไหน”

“เอางั้นเหรอ คนกรุงเทพนี่คิดอะไรแปลกๆ แต่ก็ได้ ผู้ชายเหมือนกัน ไม่เห็นเป็นไร”

เต้าหู้บ่นแต่ก็ยอมถอดเสื้อผ้าออกแต่โดยดี มิลค์นึกขำในใจ บางทีหมอนี่ก็คิดน้อยไปนะ ถึงจะงับประตูห้องน้ำไว้แต่ก็ไม่มีกลอน จะมีคนโผล่เข้ามาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ในที่สุดเต้าหู้ก็ถอดกางเกงออกจนเหลือแต่บ๊อกเซอร์เผยให้เห็นเรือนร่างขาวโพลนเต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นๆ ทั้งตัวอย่างที่มิลค์คิดไว้

“ลองทำท่าเบ่งกล้ามซิเพื่อน”

มิลค์จงใจเน้นเสียงตรงคำว่าเพื่อน  ซึ่งก็ได้ผล เต้าหู้ดีใจที่อีกฝ่ายยอมรับตัวเองเป็นเพื่อนจึงทำตามอย่างไม่อิดออด เขาโพสต์ท่าแล้วเบ่งแบบนักกล้ามตามที่เคยเห็นมา มิลค์นึกทึ่งกับกล้ามโตๆ ที่มีไลน์กล้ามเนื้อชัดเจนเห็นเป็นลูกๆ หัวนมสีแดงตัดกับผิวขาวๆ นั่นก็ดึงดูดสายตาได้ดีจริงๆ

ความรู้สึกบางอย่างในตัวมิลค์พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที เขาอยากทำบางอย่างกับร่างกายนี้  เซ็กส์เหรอ ไม่ใช่ เขาไม่เชิงว่าอยากมีเซ็กส์กับหมอนี่ เขาอยากทำอะไรที่มันดูมีอำนาจมากกว่านั้น เอาแส้มาเฆี่ยนจนผิวขาวๆ เป็นรอยแดง หรือเอาคัตเตอร์มากรีดให้เป็นแผลซิบๆ อา.. นี่ถึงจะดูตื่นเต้นขึ้นมาหน่อย มันคงทำให้เขารู้สึกมีอำนาจเหนืออีกฝ่ายได้จริงๆ เหมือนที่เขาเคยทำกับน้องบุญธรรมที่ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ถ้าทำอย่างนั้นองค์กรคงมาจัดการเขาอีกรอบแน่ๆ แล้วอีกอย่างนึงเขาก็ไม่ได้อยากทำร้ายใครอย่างแต่ก่อนเท่าไหร่ หลายเดือนที่ผ่านมาเขาต้องใช้ร่างกายไปช่วยเจ้านายสอนนักศึกษาแพทย์มาไม่รู้กี่คลาสต่อกี่คลาส เรื่องอับอายก็เรื่องนึง เขาไม่เคยชินได้ซักที แต่ที่เขาซึมซับมาคือความตั้งใจของพี่ๆ นักเรียนแพทย์ที่พยายามศึกษาเรียนรู้เพื่อที่จะจบออกไปเป็นคุณหมอรักษาคน เขาเห็นความทุ่มเทของอาจารย์หมอเจ้านายเขาและเพื่อนร่วมงานในโรงพยาบาลที่จะรักษาคนป่วยให้หายดี มันทำให้เขารู้สึกว่าร่างกายคนเรามันมีค่าเกินกว่าที่จะมาทำลายกันเพื่อความสนุก สิ่งนี้แย้งกับรสนิยมทางเพศที่เขาได้รับการถ่ายถอดจากพ่อ ความสับสนที่เกิดขึ้นทำให้เขาตัดสินใจซิ่วจากวิศวะมาคณะแพทย์ ถ้าเขาเป็นหมอขึ้นมาจริงๆ เขาคงมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะกรีดมีดลงบนเนื้อคนไข้ ไม่ใช่เพื่อทำลายแต่เพื่อรักษา

แต่ก็อีกหลายปีกว่าเขาจะเป็นหมอเต็มตัว แล้วระหว่างนี้ล่ะเขาจะจัดการความรู้สึกที่พลุ่งพล่านนี้ได้ยังไง มิลค์มองไปที่ร่างแกร่งกำยำของเพื่อนใหม่ตรงหน้า มันจะรู้สึกดีซักแค่ไหนนะถ้าคนๆ นี้ตกอยู่ใต้อำนาจของเขา มิลค์นึกภาพเต้าหู้ถูกปิดตามัดมือมัดเท้าเหมือนในหนังซาดิสม์ ไม่เลว แค่วางยานอนหลับแล้วก็จับมัด แต่จินตนาการที่เขาคิดไว้ก็พังลงเมื่อภาพเหตุการณ์ที่เขาได้รับรู้มาเร็วๆ นี้แทรกเข้ามา เขาคงหมดอารมณ์กับแนวเอสเอ็มแน่ๆ ถ้าภาพติดตานั้นยังอยู่

เต้าหู้ยังเบ่งกล้ามโพสต์ท่าไปเรื่อยอย่างเชื่อฟัง หมอนี่เชื่องดีแฮะ บอกอะไรก็ทำ ความคิดใหม่แวบเข้ามาในหัวมิลค์ ถ้าเขาค่อยๆ เปลี่ยนความคิดของเต้าหู้ให้ทำตามที่เขาบอกทุกอย่างได้ อย่างนี้เท่ากับเขามีอำนาจเหนือเพื่อนใหม่ที่ล่ำเหมือนคิงคองเผือกคนนี้สิ อำนาจที่เหนือกว่าทางร่างกายคืออำนาจควบคุมจิตใจ ใช่ ทำไมเขาคิดไม่ถึงมาก่อนหน้านี้นะ องค์กรก็เป็นตัวอย่างเห็นๆ อำนาจสะกดที่สั่งได้ทุกอย่าง มิลค์ตื่นเต้นมากเมื่อจินตนาการว่าตัวเองสามารถควบคุมความคิดและการกระทำของเต้าหู้ได้ ท่อนเอ็นของเขาขยายคับแน่นกางเกงสแล็คพอดีตัวที่สวมอยู่จนอึดอัด บ้าจริง ตอนบ่ายนี้เขาต้องไปเป็นแบบสาธิตกล้ามเนื้อมัดต่างๆ ให้ปีสองที่จะมาติวคลาสอานาโตมี่ก่อนจะเริ่มเรียนจริง ถ้าไม่เอาน้ำออกก่อนคงได้แข็งตัวจนขายหน้าแน่

ขณะที่มิลค์กำลังเสียวซ่านกับความคิดแปลกใหม่อยู่ก็มีคนเปิดประตูห้องน้ำเข้ามา ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นนักศึกษาปริญญาโทเอ็มบีเอของที่นี่ คนมาใหม่มองดูเต้าหู้ในชุดบอกเซอร์ตัวเดียวที่กำลังเบ่งกล้ามโชว์อย่างงงๆ พอเห็นว่าอะไรเป็นอะไรทั้งคนดูคนโชว์ก็หน้าขึ้นสีด้วยความอายทั้งคู่ ยิ่งเต้าหู้แล้วยิ่งอายจนผิวขาวๆ แดงไปทั้งตัว

คนมาใหม่พูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก

“ขอโทษทีครับ จะมาล้างมือนิดหน่อย ไม่รู้ว่าพวกน้องกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้ากันอยู่”

มิลค์มองอาการเขินอายจนเกินผู้ชายปกติของหนุ่มร่างโปร่งแล้วก็นึกอะไรดีๆ ขึ้นมาได้

“ไม่เป็นไรครับ พี่มาก็ดีเลย พอดีผมคุยกับเพื่อนอยู่ว่ามันไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่  กลัวจะเข้ากับเพื่อนใหม่ไม่ได้ ผมพยายามบอกมันว่ามันก็มีอะไรดีๆ ในตัวหลายอย่าง รูปร่างก็ดี พี่ยืนยันให้หน่อยว่าหุ่นมันดีจริงๆ เต้าหู้ นายอย่าปิดสิ โชว์กล้ามให้พี่เขาเห็นหน่อยเขาจะได้ช่วยวิจารณ์ถูก”

“จะดีเหรอ เราเพิ่งเจอพี่เขาเองนะ”

“ถ้าแค่นี้ยังอาย นายจะเข้ากับเพื่อนใหม่ได้ยังไง คนที่นี่เขาต้องเปิดเผยกัน ไม่ใช่มาปิดๆ แอบๆ เพื่อนจะหาว่าเรามีลับลมคมใน พี่ว่าจริงไหม”

“จะ จริงครับน้อง มา พี่ช่วยดูให้ ยังไงก็รุ่นน้องมหาลัยเดียวกัน ไม่ต้องอายหรอกครับ”

เต้าหู้ลดอาการต่อต้านลงทันที มิลค์สังเกตได้ว่าการได้รับการยอมรับว่าเป็นพวกเดียวกันคือสิ่งที่เพื่อนใหม่ปรารถนา  หนุ่มปอโทรีบคว้าโอกาสดีๆ ที่ได้มาอย่างไม่คาดฝัน เด็กปีหนึ่งคนนี้ทั้งขาวทั้งล่ำ กล้ามเป็นมัดๆ จนเขาละสายตาไปไม่ได้ ทั้งๆ ที่หน้าตาก็จืดๆ ธรรมดา เทียบกันแล้วเพื่อนอีกคนหล่อกว่าเยอะ แต่ความขาวเนียนล่ำนี่มันมีเสน่ห์ดึงดูดจนเขามึนไปหมด ยิ่งพอทำท่าเบ่งกล้ามตามคำยุของเพื่อน พอเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่าผิวเนียนใสอย่างไม่มีที่ติ กลิ่นสบู่อ่อนๆ ผสมกลิ่นหนุ่มทำให้ต้องกลืนน้ำลายลงคอ ไรขนอ่อนสะอาดตาวิ่งไล่จากสะดือหายลับไปในบ๊อกเซอร์ก็น่ามองพอๆ กับซิกส์แพคและสะดือรีได้รูป รอยนูนอวบใหญ่ของห่อหมกบ่งบอกถึงความเป็นพ่อพันธ์ชั้นดีโดยไม่ต้องเห็นของจริง

มิลค์สังเกตปฏิกิริยาของรุ่นพี่อย่างสมใจ เขาอยากรู้ว่าจะสั่งเต้าหู้ได้ถึงระดับไหนกัน

“ดีมากเต้าหู้ เบ่งกล้ามอย่างนั้น นายมีดีเกินกว่าที่จะมาหลบซ่อนไว้ ลองให้พี่เขาจับดูสิว่ากล้ามนายแน่นแค่ไหน”

รุ่นพี่ปอโทจับกล้ามแขนที่ขึ้นเป็นลูกของเต้าหู้ตามคำเชิญชวน ความแกร่งแน่นของมันทำให้เกย์แอบๆ อย่างเขาระทวย เขาลูบไล้ไปมาอย่างหลงไหล ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะบ้ากล้ามได้มากขนาดนี้ เทรนด์สมัยนี้ก็ไม่ได้เน้นกล้ามใหญ่ๆ แต่ความสมบูรณ์แบบที่สัมผัสได้ทำให้อาจต้องเปลี่ยนใจมาเป็นสาวกกล้าม ไหนจะแววตาใสซื่อของหนุ่มน้อยที่ชื่อเต้าหู้นี่อีก เขาย้ายมาชื่นชมแผงอกที่ทั้งแน่นและได้รูป เห็นเม็ดหัวนมแดงๆ นั่นแล้วอยากจะดูดเลียเม้มให้สมใจ แต่เขาทำได้แค่ลูบไล้มือผ่านๆ เหมือนไม่ตั้งใจ แต่แค่นั้นก็ทำให้หัวนมในความสนใจชูชันขึ้นทันที

“นายอยากลองเปิดใจกับพี่เขาดูไหม แสดงให้เขาดูสิว่านายมีดีอะไรอีก ใต้บ๊อกเซอร์นั่นไงมันซ่อนอะไรไว้  พี่เขาก็ไม่ใช่คนอื่นไกลที่ไหน ก็พี่ๆ น้องๆ ในรั้วมหาลัยเดียวกัน”

เต้าหู้รั้งขอบบ๊อกเซอร์ลงต่ำจนไรขนแพลมออกมาแต่ก็เปลี่ยนใจดึงกลับไปที่เดิม

“เราว่ามันแปลกไปแล้ว พอเถอะ”

“ตามใจนายแล้วกัน”

มิลค์ไม่คิดจะรุกต่อ นี่อาจจะยังเร็วเกินไป แต่เขายังมีโอกาสที่จะเล่นกับเต้าหู้อีกเยอะ ไม่เหมือนพี่ปอโทที่ดูท่าทางจะเสียดายซะเหลือเกิน เขาให้เต้าหู้แต่งตัวและรีบชวนออกมา มิลค์เหลือบดูนาฬิกาแล้วก็ตกใจเมื่อพบว่าใกล้เวลาที่เขาต้องปลีกตัวออกไปเข้าคลาสอานาโตมี่ของพวกปีสองแล้ว ถ้าไปสายไม่รู้จะถูกเจ้านายลงโทษอะไรบ้าง แค่ไปแก้ผ้าเพื่อเป็นหุ่นสาธิตด้านกายวิภาคให้นักศึกษาดูทั้งห้องก็น่าอับอายขายหน้าพออยู่แล้ว เขาไม่อยากจะถูกสั่งให้ไปกระโดดตบ วิดพื้น หรือทำท่าสะพานโค้งทั้งเปลือยๆ เป็นการทำโทษที่มาสายให้น่าอายขึ้นไปอีก แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ไม่มีเวลาที่จะไปทำความสะอาดน้องชายที่เปียกแฉะจากน้ำเงี่ยนที่ซึมออกมาก่อนเข้าห้องเรียนแล้ว

เต้าหู้มองเพื่อนใหม่ที่ขอตัวจากไปอย่างเร่งรีบด้วยความแปลกใจ อีกฝ่ายบอกแค่ว่าจะต้องไปทำภารกิจที่ห้องเลคเชอร์อานาโตมี่ของปีสอง เต้าหู้อดสงสัยไม่ได้ว่ามีธุระอะไรนะถึงไม่เข้ากิจกรรมรอบบ่าย แต่มิลค์ก็ดูเชี่ยวและรู้จักคนเยอะมากจนไม่จำเป็นต้องไปฟังการแนะนำคณะเพิ่มเติม  เขากังวลแค่ว่าตัวเองจะต้องหาเพื่อนใหม่รอบบ่ายไม่งั้นคงต้องแกร่วอยู่คนเดียว เด็กหนุ่มนึกถึงเหตุการณ์ในห้องน้ำแล้วสงสัยว่าการที่เขาหุ่นดีอย่างที่มิลค์บอกมันจะทำให้มีเพื่อนสนใจขึ้นมาบ้างจริงๆ นะหรือ เต้าหู้ปลดกระดุมเสื้อออกสองเม็ดแล้วแหวกออกเพื่อโชว์แผงอก แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจติดกลับเข้าไปก่อนที่จะเดินไปรวมกับกลุ่มน้องใหม่ปีหนึ่ง

..........................
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [1] 03/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 03-09-2016 17:07:14
มิลค์วิ่งเข้าตึกคณะแพทย์อย่างเร่งรีบ ปรากฎว่าเขาเข้าสายไปหนึ่งนาทีซึ่งก็โดนเจ้านายคาดโทษไว้จัดการทีหลัง เจ้านายของเขาหรืออาจารย์หมอของนักศึกษาแพทย์ในห้องก็สั่งให้เขาถอดเสื้อผ้าออกให้หมดต่อหน้าเด็กทั้งห้อง ทั้งที่ควรจะชินแต่วันนี้เขากลับอายมากเป็นพิเศษ นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาเป็นแบบสาธิตให้กับนักศึกษากลุ่มนี้ เด็กปีสองซึ่งเป็นรุ่นพี่คณะของเขาในตอนนี้ จริงๆ ก็คือเพื่อนร่วมมหาลัยรุ่นเดียวกันกับเขาในปีที่แล้ว ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่หลายคน สาวๆ บางคนเป็นแฟนกับเพื่อนเขาที่วิศวะด้วยซ้ำไป

เขาถอดเสื้อผ้าออกหมดอย่างอัตโนมัติตามคำสั่งเจ้านาย และอย่างที่เขาคิด  พวกนี้มันไม่ได้สุภาพให้เกียรติเขามากเหมือนรุ่นพี่ปีสูงๆ เสียงเป่าปาก เสียงแซว เสียงฮือฮาดังขึ้นไปทั่วห้องเมื่อเห็นอวัยวะพึงสงวนของเขาปรากฎต่อสายตา อาจจะเห็นว่าเป็นเพื่อนๆ กันมาก่อน

“โอ๊ย หล่อล่ำใหญ่อย่างนี้ อยากให้มาช่วยสอนทุกวันเลย จะไม่โดดเลยฮะ”

“ฮ่าๆ ไอมิลค์มันแก้จริงๆ ว่ะ”

“ว๊าย พัตเตอร์เจาะนมด้วย เซ็กซี่มากเลยค่า”

“เฮ้ยของใหญ่ว่ะ แม่ง หล่อแล้วพ่อยังรักมากอีก อิจฉาว่ะ”

“แกๆ นี่ไงพัตเตอร์ เพื่อนแฟนชั้น ที่รุ่นพี่เรียกว่าอาจารย์มิลค์ ไม่น่าเชื่อนะว่าตะยอมทำแบบนี้”

พัตเตอร์คือชื่อเล่นจริงๆ สุดเท่ของเขา แต่ตั้งแต่ตกเป็นนักโทษขององค์กร ไอพี่บอสก็ตั้งให้ใหม่ว่ามิลค์ มาจากที่เขาเจาะหัวนมใส่หมุดแค่นี้ บ้าบอชะมัด อาจารย์หมอที่มาประมูลเขาไปก็เรียกตาม แถมแนะนำคนอื่นก็เรียกชื่อนี้ สุดท้ายในคณะแพทย์ก็เรียกกันแต่มิลค์ จนเหลือคนที่รู้ชื่อเล่นจริงๆ ก็พวกเพื่อนวิศวะหรือคนที่รู้จักเขามาก่อนหน้านี้เท่านั้น

เจ้านายเขาทุบโต๊ะเสียงดัง

“หมอ เงียบๆ หน่อย ถ้าหมอจบออกไปแล้วไปหัวเราะวิพากษ์วิจารณ์คนไข้แบบนี้ เขาจะเชื่อถือหมอกันไหม จรรยาแพทย์หายไปไหนหมด ถึงหมอจะเพิ่งอยู่ปีสอง แต่ก็ต้องฝึกไว้ตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว อีกอย่าง มิลค์เขามาเป็นอาสาสมัครช่วยสอน ก็ต้องถือว่าเป็นอาจารย์ของพวกเราด้วย ไหนเรียกอาจารย์มิลค์สิ”

“อาจารย์มิลค์”

ทั้งห้องส่งเสียงเรียกยานคาง แต่ก็แอบหัวเราะกันเองนิดหน่อย เจ้านายเขาพยักหน้าแล้วเริ่มบทเรียน

“วันนี้ผมจะยังไม่สอนอะไรมาก อย่างที่รู้ว่าอานาโตมี่เป็นวิชาที่ว่าด้วยกายวิภาคของมนุษย์ เราจะมีเล็คเช่อร์กันแค่ไม่กี่ครั้งเพื่อให้หมอไปท่องชื่อเรียกระบบกล้ามเนื้อเส้นประสาทกระดูกและอวัยวะต่างๆ  แต่ที่เราเน้นจริงๆ คือภาคปฏิบัติในแลบที่ทุกคนคงพอทราบกิตติศัพท์กันดี

วันนี้อาจารย์หมอมีผู้ช่วยอีกคนเป็นนักศึกษาปีสี่จากคณะศิลปกรรม เทอมที่แล้วมิลค์เคยร่วมงานกันมาหลายครั้งแล้ว เขาจะทำหน้าที่เขียนลายมัดกล้ามเนื้อลงไปจริงๆ บนตัวมิลค์ด้วยสีที่ใช้สำหรับเพ้นท์ผิวหนัง อาจารย์หมออธิบายกล้ามเนื้อมัดต่างๆ ไปเรื่อยขณะที่เขาวาดตามไปอย่างรวดเร็วจนน่าทึ่ง

การเรียนไล่ไปตามกล้ามเนื้อสำคัญกลุ่มต่างๆ ไล่มาจากช่วงคอ แขน หน้าอก มาจนถึงหน้าท้อง เมื่ออาจารย์หมอพูดถึงกล้ามเนื้อมัดไหน รุ่นพี่ศิลปกรรมก็จะวาดกล้ามเนื้อมัดนั้นลงไปตำแหน่งจริงๆ บนตัวมิลค์ กว่าจะอธิบายหน้าที่การทำงานเสร็จ ลายเส้นและรูปร่างที่ชัดเจนก็ปรากฎบนตัวมิลค์เรียบร้อยแล้ว มิลค์สังเกตว่าวิธีนี้ทำให้จำและเข้าใจได้ดีกว่าอ่านจากหนังสืออย่างเดียว ยิ่งพอเขาขยับกล้ามเนื้อเพื่อแสดงให้เห็นการทำงาน รอยเพ้นท์บนตัวเขาก็จะยืดหดไปด้วยทำให้เห็นภาพมากขึ้น

“กล้ามเนื้อกลุ่ม Vastus เป็นกล้ามเนื้อบริเวณต้นขา ประกอบไปด้วย.....”

เสียงอาจารย์หมออธิบายไป นักศึกษาคณะศิลปกรรมก็นั่งลงเพื่อเขียนลายกล้ามเนื้อบริเวณต้นขามิลค์ เขาทำจมูกฟืดฟีดแล้วถามเบาๆ

“มึงไปทำอะไรมาวะ กลิ่นหึ่งเชียว”

“โทษทีพี่ รีบมากเลยไม่ได้ล้าง”

มิลค์กระซิบตอบ

“เงี่ยนมากเหรอมึง พอเข้ามาดูใกล้ๆ น้ำเงี่ยนเยิ้มเชียว”

มิลค์หน้าเสีย ตอนถูกสั่งให้แก้ผ้า เขาก็แอบเอากางเกงในซับเร็วก่อนถอดแล้ว แต่อารมณ์มันคงติดพันอยู่ หวังว่าคนในห้องคงไม่สังเกตเห็นนะ

รุ่นพี่ที่กำลังเพ้นท์รูปอยู่ชวนคุยต่อต่อตามประสาคนทะลึ่ง

“หมอปีสองนี่มีสวยๆ หลายคนนะ ใครว่าเด็กเรียนจะเปรี้ยวไม่เป็น มึงเห็นกิ๊บแดงแถวสองตรงกลางเปล่า เสื้อแม่งรัดขนาดนั้น กูว่าไม่ธรรมดา มึงมาทำแบบนี้บ่อยๆ คงมีคนเข้าหาเยอะสินะ เหมือนมาแกะกล่องสินค้าให้ดูกันก่อนจะๆ ตาว่ายังไงก็ไม่ผิดหวัง ทั้งหล่อทั้งใหญ่หุ่นดี คงได้กินเรื่อยๆ สินะ”

มิลค์นึกถึงคนหลากหน้าหลายตาทั้งผู้หญิงผู้ชายที่มาเสนอตัวให้เขาแล้วถอนใจ ถ้าเขาไม่โดนสั่งห้ามจากผู้เป็นนายอย่างเด็ดขาดคงเสร็จเขาไปหลายคนแล้ว หนุ่มหน้าใสตัวเล็กที่นั่งข้างกิ๊บแดงที่รุ่นพี่ชี้ให้ดูก็เหมือนกัน ยั่วเขามาหลายครั้งแล้วตั้งแต่ตอนปีหนึ่ง เห็นปากแดงๆ แล้วใจสั่น รู้สึกตัวอีกทีมิลค์น้อยก็ขยายตัวนิดๆ ปลายเยิ้มกว่าเดิมแล้ว

“เฮ้ย ชวนคุยหน่อยเดียวมึงของขึ้นเลยเหรอ อย่านะโว้ย เดี๋ยวคนนึกว่ากูแอบทำอะไรปลุกอารมณ์มึง”

หนุ่มรุ่นพี่โวยวายขึ้นมา เขารีบลงรายระเอียดของมัดกล้ามสุดท้ายแล้วปลีกตัวออกไปด้านข้างเพื่อโชว์ผลงานให้นักศึกษาในห้องชม

เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้งเมื่อมีคนเริ่มสังเกตสัดส่วนที่ขยายตัวขึ้นของมิลค์ มิลค์พยายามสะกดอารมณ์ตัวเองแล้วคิดถึงเรื่องต้นไม้ใบหญ้าจนเริ่มรู้สึกควบคุมตัวเองได้อีกครั้ง เขานึกด่ารุ่นพี่ศิลปกรรมในใจที่มาชวนคุยแบบนี้ในระหว่างที่เขาปฏิบัติภารกิจอยู่

“อาจารย์ครับ อวัยวะเพศชายนี่มีกล้ามเนื้อหรือเปล่าครับ แล้วการแข็งตัวอ่อนตัวของมันนี่ กลไกเหมือนกับการเบ่งกล้ามใบ่ไหมครับ”

นักศึกษาแพทย์ที่นั่งแถวหน้ายกมือถามคำถามขึ้น มิลค์สบตาคนถามแล้วก็นึกรู้อยู่ในใจว่ามันจงใจกวนตีน เขาไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวแต่เหมือนเคยมองเขม่นกันอยู่ตอนสมัยรับน้องมหาลัยปีที่แล้ว รู้สึกว่ามันจะได้เป็นเดือนแพทย์ของปีสองด้วย

“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิง กล้ามเนื้อที่อวัยวะเพศชายน่าจะเรียกว่าวเนื้อเยื่อมากกว่า มีลักษณะคล้ายฟองน้ำ ส่วนแกนจะมีอยู่ด้วยกันสามชิ้น สำหรับกลไกการแข็งตัว อาจารย์มิลค์เชิญทางนี้หน่อย”

มิลค์รู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นแต่เขาก็ขัดคำสั่งคนที่เป็นเจ้านายไม่ได้ อาจารย์หมอให้เขายืนแอ่นเอวไปข้างหน้าแล้วก็เอามือที่เพิ่งสวมถุงมือยางประคองอวัยวะสำคัญของเขาขึ้นมาให้นักศึกษาในห้องเห็นกันชัดๆ

“การแข็งตัวอาจจะจะเกิดขึ้นจากอารมณ์ทางเพศหรือการปลุกเร้าจากภายนอกก็ได้ ส่งผลให้เลือดสูบฉีดเข้าไปในเนื้อเยื่อคล้ายฟองน้ำเป็นลำยาวตลอดองคชาต”

อาจารย์ใช้ปลายนิ้วคลึงไปที่ส่วนหัวและเส้นสองสลึงได้อย่างชำนาญสมกับเป็นอาจารย์ภาควิชายูโร ท่อนลำที่เพิ่งสงบลงกลับค่อยๆ ขยายตัวใหม่ มิลค์อายจนอยากจะหลับตาหรือเบือนหน้าหนีแต่เคยโดนสั่งไว้ว่าอย่าแสดงอาการใดๆ ที่ดูเป็นการต่อต้านระหว่างทำภารกิจเด็ดขาด อีกอย่างเขาไม่อยากแสดงอาการอะไรที่บ่งบอกว่าเขาต้องฝืนใจทำเรื่องพวกนี้ มันทำให้ดูน่าสมเพชโดยเฉพาะกับไอเดือนแพทย์ที่เป็นเจ้าของคำถามพาซวยอันนี้ มิลค์ปั้นหน้าเรียบเฉยราวกับว่าการมายืนโชว์ท่อนเอ็นแข็งโป๊กหน้าห้องเรียนเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สุด

“ถ้าเป็นคนที่สุขภาพแข็งแรงไม่ได้มีปัญหาทางเพศเนื้อเยื่อฟองน้ำที่ขยายจากการดูดซับเลือดไว้จะไปกดทับหลอดเลือดดำไว้ไม่ให้เลือดไหลออกมา องคชาตจึงสามารถแข็งตัวอยู่ได้นานพอที่จะสืบพันธ์สำเร็จ ในกรณีของอาจารย์มิลค์ก็ถือว่าเป็นตัวอย่างของเพศชายที่มีองคชาตที่แข็งแรงสมบูรณ์และขนาดที่ใหญ่กว่าเกณฑ์ปกติ จะเห็นว่าเมื่อองคชาติของอาจารย์มิลค์ขยายเต็มที่หนังหุ้มปลายก็จะค่อย ๆ ร่นลงโดยอัตโนมัติเพื่อทำการเปิดหัวองคชาตให้พร้อมใช้งานต่อไป แต่ว่าบางคนอาจจะต้องร่นหนังหุ้มปลายลงด้วยมือ”

อาจารย์หมออธิบายไปพร้อมสาธิตไปด้วย นักศึกษาให้ความสนใจกันมากไม่เว้นแม้นักศึกษาชายทั้งที่เรื่องนี้คงเป็นเรื่องปกติที่ทำกันแทบทุกวัน นักศึกษาหญิงตาโตกับขนาดที่ใหญ่โตและชี้ทำมุมขึ้นอย่างน่าเกรงขาม นักศึกษาขออนุญาตมามุงดูใกล้ๆ เบียดจนแทบจะขี่คอกัน

“ขออนุญาตช่วยอาจารย์สาธิตครับ”

เดือนแพทย์ปีสองโพล่งขึ้นมาท่ามกลางความแปลกใจของเพื่อนๆ  อาจารย์มองหน้าคนขอด้วยความแปลกใจแต่ก็ยักไหล่

“ก็เอาสิ”

เดือนแพทย์ปราดเข้ามารับหน้าที่เป็นผู้ร่วมสาธิต มิลค์กัดฟันด้วยความคับแค้นใจที่ตกเป็นเบี้ยล่าง

“จริงๆ หมอต้องสวมถุงมือยางก่อนนะ แต่ก็เอาเถอะ อาจารย์มิลค์ได้รับการตรวจสุขภาพเป็นประจำว่าไม่ได้เป็นโรคติดต่อทั้งหลาย เมื่อกี๊ผมพูดถึงไหนแล้ว ต่อจากนั้นเลยแล้วกัน หลังจากการหลั่งน้ำอสุจิหรือหลังจากการยุติของสิ่งเร้า  ปกติองคชาตจะอ่อนตัวลง แต่เวลาที่ใช้อาจจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความยาวและความหนาขององคชาต กรณีของอาจารย์มิลค์คงต้องใช้เวลาซักพัก แต่ผมว่าเราคงไม่ต้องสาธิตถึงขั้นนั้นหรอก จะเสียเวลามากเกินไป”

อาจารย์หมอพูด แต่ไม่ทันแล้ว  เดือนแพทย์ที่รับหน้าที่สาธิตแทนอาจารย์หมอสาวท่อนลำของมิลค์ไปตามแนวยาวอย่างช่ำชอง อีกมือนึงก็เล่นกับหัวนมที่เจาะใส่หมุดไว้จนมิลค์ครางออกมาเบาๆ อย่างลืมตัว ความอัดอั้นที่สะสมมาตั้งแต่ในห้องน้ำจนถึงตอนนี้ทำให้มิลค์สุดจะอดกลั้นจริงๆ เขาลืมไปหมดว่ากำลังอยู่ต่อหน้าคนหลายสิบคน ลืมว่าเจ้าของมืออุ่นๆ ที่กำลังปรนเปรอความสุขให้คือคนที่ไม่ชอบหน้า มิลค์กระฉูดน้ำว่าวขาวข้นออกมาอย่างแรงล้นอุ้งมือใหญ่ของเดือนแพทย์หกลงมาเลอะพื้นไปหมด มิลค์สูดหายใจแรงๆ สติเริ่มกลับคืนมา นี่เขาทำอะไรลงไป เขาโดนจับชักว่าวต่อหน้ารุ่นพี่ปีสองจนแตกอย่างหมดท่า ถึงเขาจะโดนเจ้านายสั่งให้ทำเรื่องแบบนี้บ่อยซักแค่ไหน เขาก็ไม่เคยชินซักที

“เอาล่ะวุ่นวายกันมามากแล้ว ผมมีเคสด่วนต่อคงต้องขอเลิกคลาสก่อนเวลา  จริงๆ ในคลาสแรกนี้ผมตั้งใจเอาอาจารย์มิลค์มาสาธิตเพื่อให้เห็นว่าอนาโตมี่เป็นวิชาที่น่าสนใจและกล้ามเนื้อต่างๆ ของมนุษย์มันก็มีความงามในตัวมันเอง จะว่าไปมันก็คือศิลปะที่ธรรมชาติสร้างขึ้น บางคนคงยังไม่รู้ว่าคณะศิลปกรรมก็มีเรียนอนาโตมี่ด้วยเพื่อที่จะวาดภาพคนให้เหมือนจริง ผู้ช่วยสอนที่มาเพ้นท์รูปกล้ามเนื้อบนตัวอาจารย์มิลค์วันนี้ก็เป็นรุ่นพี่จากคณะศิลปกรรมที่ชำนาญในเรื่องนี้ อาจารย์มิลค์เองก็ช่วยสอนช่วยสาธิตเรื่องพวกนี้มาจนเชี่ยวชาญเหมือนกัน ผมจะให้พวกคุณใช้เวลาที่เหลือ จำชื่อกล้ามเนื้อมัดต่างๆ ที่ถูกวาดขึ้นในคลาสนี้ จับกลุ่มคุยกันก็ได้ เดียวอาจารย์มิลค์จะเดินไปให้แต่ละกลุ่มดูอย่างใกล้ชิด ใครไม่แน่ใจชื่อหรือหน้าที่ของกล้ามเนื้อแต่ละชุดก็ถามกับเขาได้เลย อ้อ ผมลืมแจ้งไป พอเราเรียนเลคเชอร์จนครบหมดแล้วจะมีสอบภาคทฤษฎีก่อนที่จะขึ้นแลบ ใครได้คะแนนสูงสุด จะได้รับสิทธ์ให้ยืมอาจารย์มิลค์ไปใช้เป็นหุ่นสาธิตได้หนึ่งวัน เอาล่ะ แบ่งกลุ่มกันได้ ผมขอตัวก่อน”

นักศึกษาในห้องย้ายที่กันวุ่นเพื่อจับเป็นกลุ่ม หลายคนมีท่าทางมุ่งมั่นที่จะคว้าคะแนนสูงสุดมาให้ได้ หนึ่งในนั้นคือเดือนคณะที่เข้าไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนโดยไม่คิดที่จะไปล้างมือ แถมเมื่อมิลค์มองไปยังเอามือข้างนั้นมานั่งดมแล้วส่งสายตาที่อ่านไม่ออกกลับมาอีก มิลค์เลิกสนใจแล้วเดินไปโชว์ร่างเปลือยเปล่าที่กลุ่มแรกตามคำสั่งที่ได้รับ มันไม่ควรเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่หลังจากที่เขาน้ำแตกอย่างไร้ยางอายต่อหน้าคนพวกนี้  คราบเลอะที่หว่างขายังส่งกลิ่นคาวประจานตัวเองอยู่ตลอดเวลา จากความอายเริ่มกลายเป็นความโกรธ ถ้าไอเต้าหู้มันไม่ซื่อจนทำให้เขาเกิดอารมณ์มาตั้งแต่ในห้องน้ำ เขาคงสามารถควบคุมตัวเองได้มากกว่านี้ ไอเดือนแพทย์ปีสองอีก เขาต้องแก้แค้นพวกมันให้ได้ การแก้แค้นที่ต้องแนบเนียนพอที่จะไม่ให้เจ้านายหรือองค์กรผิดสังเกต

ท่ามกลางความชุลมุนและความสนใจที่พุ่งไปที่ตัวมิลค์ นักศึกษาปีหนึ่งที่บังเอิญเข้ามาอยู่ในเหตุการณ์โดยไม่ตั้งใจ ค่อยๆ แอบออกไปทางหลังห้องโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ปีหนึ่งคนนั้นคือเต้าหู้หนุ่มหน้าจืดนี่เอง เขาตบแก้มตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติ การแนะนำคณะเมื่อช่วงบ่ายจบลงไปก่อนหน้านี้ซักพักแล้ว เต้าหู้ที่ยังหาเพื่อนใหม่นอกจากมิลค์ไม่ได้ ไม่รู้จะไปไหนกับใครจึงได้เดินถามๆ รุ่นพี่เพื่อมาดักรอมิลค์ที่ห้องเลคเชอร์วิชาอานาโตมี่ เขาเห็นประตูเปิดแง้มอยู่จึงส่องเข้าไปว่าเพื่อนใหม่ยังอยู่ในห้องหรือเปล่า สิ่งที่เขาเห็นมันน่าตกใจจนต้องแอบแฝงตัวเข้าไปดูใกล้ๆ จนตอนนี้ก็ยังไม่อยากเชื่อสายตาในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่คลิปวิดีโอที่เขาแอบบันทึกภาพไว้เพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ฝันไปก็เป็นหลักฐานอย่างดี ภาพหนุ่มหล่อหุ่นดีบนร่างกายเปล่าเปลือยมีรอยเพ้นท์เป็นรูปกล้ามเนื้อต่างๆ จนเหมือนกับหลุดออกมาจากหนังไซไฟ ถูกหนุ่มหน้าตาดีอีกคนชักท่อนลำขนาดเขื่องอย่างเมามันจนน้ำแตกท่ามกลางผู้ชมหลายสิบคนในชุดนักศึกษาถูกระเบียบ มันประหลาดจนเขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ดี แต่ในวูบหนึ่งเขารู้สึกอิจฉาที่มิลค์ได้รับความสนใจจากอาจารย์และคนทั้งห้อง

[TBC]

ย้ายมาในห้องนิยายจบแล้ว ไม่รู้ว่าจะยังมีคนอ่านหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [1] 03/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 03-09-2016 21:55:28
ว้าววววว ตอนพิเศษมาแล้วววว มิลค์ค์ค์ค์~~~~ 555 ชอบชื่อตอนค่ะ เต้านมสด  :ling1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [1] 03/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-09-2016 22:15:44
ทีแรกเห็นชื่อตอนก็คิดว่าตอนนี้น่าจะใส ๆ ฮา
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [1] 03/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 03-09-2016 23:07:40
มีจ้า ขอบคุณที่มาต่อน้า  :hao6: :hao7: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [1] 03/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 03-09-2016 23:44:44
กรี๊ด เรนอ่านค๊าาาา ชอบอ่านแบบรวดเดียวจบ เลยสิงอยู่แถวนี้แหละ 555

ชอบคนเจาะหัวนม อ่านแล้วมันช่างเร้าใจ  :m25:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [1] 03/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 04-09-2016 09:54:55
แฮะแฮะ ยังไม่ได้เริ่มอ่านแต่ว่ามีคนแนะนำมาให้อ่าน พอดีอ่านบทนำแล้วรู้สึกว่า

พล็อตเรื่องแปลกใหม่ดีมากค่ะ ชอบพล็อตแหวกแนววว สรุปเกิดอะไรขึ้นทำไมทุกคนทำตัวแปลกๆกัน  :ruready

ยังไงก้รอติดตามเรื่องใหม่ๆนะคะ ส่วนเรื่องนี้ ขอตัวชะแว้บไปอ่านก่อนน :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [1] 03/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: HypnosisDreams ที่ 05-09-2016 20:03:46
เต้าหู้นมสด นึกว่าจะแบ๊วๆ พออ่านแล้ว......
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [1] 03/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 24-09-2016 13:12:48
อ่านชื่อตอน นมสด นี่นึกถึง มิลค์ เลย ลืมชื่อเล่นจริงๆไปแล้ว
อย่าบอกนะว่าเต้าหูจะทำแบบมิลค์ ดีจังเลยมิลค์จะได้มีเพื่อน ^_^
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [1] 03/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 25-09-2016 14:36:11
เต้าหู้จะทำอะไรต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [1] 03/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 28-09-2016 22:11:54
สนุกมากกกกกกกกกกกกก ชอบบอสมากกกก  :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:

โครตสนุก โครตชอบ ไม่เคยอ่านแนวนี้มาก่อน  :mew3:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [2] 30/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 30-09-2016 18:06:36
องค์กรลวงจิต Explicit Content
ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [2]

แม้อาจารย์จะออกจากห้องไปแล้วแต่ภารกิจในวันนี้ของมิลค์ยังไม่หมด เขาต้องไปสาธิตมัดกล้ามที่ลงสีไว้ให้นักศึกษาดูทีละกลุ่มทั้งๆ ที่ท่อนล่างยังเฉอะแฉะ สายตาเป็นสิบๆ คู่ที่จ้องมายังร่างกายเปลือยเปล่าในระยะประชิดทำให้เขาอับอายอย่างบอกไม่ถูก ยังดีที่พอเขาอธิบายชื่อและการทำงานของมัดกล้ามเนื้อต่างๆ อย่างคล่องแคล่วไม่แพ้อาจารย์เองทำให้นักศึกษาหันไปสนใจเรื่องวิชาการมากกว่าเรื่องเนื้อตัวของเขา จนกระทั่งกลุ่มสุดท้ายที่มีเดือนแพทย์คู่กรณีเป็นหัวโจกของกลุ่ม เขาถูกขอให้เบ่งกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ โชว์ มิลค์จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะอีกฝ่ายอ้างว่าเพื่อให้เห็นกล้ามเนื้อชัดขึ้น มิลค์ต้องโพส์ต์ท่าต่างๆ ราวกับประกวดชายงามจนนักศึกษากลุ่มอื่นๆ เข้ามามุงดู เดือนแพทย์วิพากษ์วิจารณ์เรือนร่างของมิลค์อย่างสนุกสนานโดยเฉพาะประเด็นที่เขาเจาะหัวนม

มิลค์นึกแค้นอยู่ในใจที่ถูกทำให้กลายเป็นตัวตลกอย่างนี้ แต่ภายใต้คำสั่งของอาจารย์ที่เป็นเจ้านาย เขาก็ทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากจะปฏิบัติหน้าที่ให้จบๆ ไป แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่หยุดแค่นั้น เดือนแพทย์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพน่าอับอายของมิลค์หลายภาพติดๆ กัน

“เฮ้ย อาจารย์ห้ามถ่ายรูป น้องเขาอุตส่าห์มาเป็นแบบให้เรา นายไม่ควรถ่ายภาพเก็บไว้นะ”

เพื่อนในกลุ่มร้องเตือนแต่เดือนแพทย์ยังไม่หยุด เขาถอยห่างออกเล็กน้อยเพื่อให้ได้มุมที่เห็นหน้าและท่อนลำช่วงล่างของมิลค์ไปพร้อมๆ กัน

“ใช่ๆ ถ้าหลุดไปจะทำยังไง อาจารย์มิลค์เดือดร้อนแย่เลย”

เพื่อนอีกคนปราม

“ไม่เห็นจะเป็นไร ผมแค่ถ่ายเก็บไว้เทียบกับในเทคบุ๊คที่เราเรียน จะได้เข้าใจมากขึ้นไง”

เดือนแพทย์ตอบอย่างไม่สนใจขณะที่ถ่ายจ่อไปที่อวัยวะเพศที่แห้งกรังไปด้วยคราบขาวของคนตรงหน้า มิลค์ทำอะไรไม่ถูก ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดปัญหานี้เพราะนักศึกษาทุกคนต่างให้เกียรติเขาเป็นอย่างดี ไม่นับว่าทุกครั้งอาจารย์ก็อยู่ในห้องเรียนด้วยจนจบ เขาอยากจะต่อต้านแต่ก็ฝืนคำสั่งอาจารย์ไม่ได้ ครั้งต่อไปเขาต้องขออนุญาตไว้ล่วงหน้าเผื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก

มิลค์อดทนจนเป็นอิสระเมื่อหมดเวลาการเรียนการสอน นักศึกษารีบออกจากห้องไปเพราะมีเรียนต่อ รุ่นพี่ศิลปกรรมหนีกลับไปก่อนโดยลืมทิ้งอุปกรณ์ทำความสะอาดไว้ให้ จะให้แต่งตัวไปก่อนแล้วไปล้างในห้องน้ำมิลค์ก็กลัวเสื้อผ้าจะเลอะสีเพ้นท์ตัว เขาจำใจต้องใช้กางเกงในเช็ดสีออกไปก่อนเท่าที่ทำได้แล้วแต่งตัวเรียบร้อยโดยไม่ได้ใส่กางเกงใน เขาเดินออกมานอกห้องอย่างโล่งใจที่ภารกิจอันน่าอับอายจบลงไปอีกวัน วันนี้มิลค์ไม่กลับหอแต่จะไปหาพ่อตามที่นัดกันไว้ เห็นว่าจะมาทำธุระแล้วผ่านแถวนี้พอดี เด็กหนุ่มเร่งฝีเท้าเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาที่นัดกันไว้แล้ว

“มิลค์ เราขอคุยด้วยหน่อยสิ”

มิลค์ที่กำลังรีบตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเพื่อนใหม่หน้าจืดลุกขึ้นพรวดจากม้านั่งตรงหน้าห้องเลคเชอร์เหมือนรอเขาอยู่

“ทำไมมานั่งตรงนี้ นายมีอะไร เราไม่สะดวก จะรีบไปหาพ่อ”

“งั้นเราเดินไปคุยไปกับนายก็ได้ เราเห็นเรื่องที่นายทำในห้องเลคเชอร์แล้ว มันแปลกจริงๆ นายไม่อายบ้างเหรอ”

โคตรอายเลยล่ะ แต่จะให้กูทำยังไง มิลค์คิดในใจ เขานึกรำคาญเต้าหู้ที่ดูจะวุ่นวายเรื่องของเขาไม่รู้จบ แต่ต่อให้ไม่ใช่เพราะความจุ้นของไอจืดนี่ สักพักเด็กปีหนึ่งก็คงรู้เรื่องอยู่ดี เขาไม่ได้คิดจะปกปิดอะไรเพราะรู้ว่าไม่มีประโยชน์

“ก็แค่ช่วยอาจารย์ ไม่เห็นจะมีอะไร ถ้านายไม่มีเรื่องอื่นก็แยกกันตรงนี้เถอะ พ่อเราจะมารับแล้ว”

มิลค์ตัดบทอย่างไม่แคร์แล้วหันไปโทรศัพท์เช็คว่าพ่อถึงไหนแล้ว แต่เต้าหู้ก็ยังเดินตามมาแล้วถามต่อทันทีที่มิลค์วางโทรศัพท์ลง

“เราแค่อยากรู้ว่าที่นายเป็นที่รู้จักของรุ่นพี่เยอะๆ เพราะไปช่วยสอนอย่างนี้ใช่ไหม นายทำมาก่อนหน้านี้แล้วสิ”

ทั้งคู่เดินมาถึงบริเวณหน้าคณะ มิลค์ชะเง้อมองว่าพ่อมาถึงแล้วหรือยังโดยไม่สนใจจะตอบคำถามของเต้าหู้ รถแวนเอนกประสงค์สัญชาติญี่ปุ่นคันใหญ่วิ่งเข้ามาเทียบ มิลค์เดินไปที่รถคันดังกล่าวอย่างเร่งรีบพร้อมๆ กับที่กระจกฝั่งผู้โดยสารเบาะหน้าก็ลดลงเผยให้เห็นใบหน้าของหนุ่มใหญ่ที่ละม้ายคล้ายคลึงกับมิลค์อย่างเห็นได้ชัด

เต้าหู้มองตามอย่างสนใจ ถ้ามิลค์ไม่บอกว่าพ่อจะมารับเขาคงคิดว่าเป็นพี่ชายที่อายุห่างกัน เขาสืบเท้าเข้าไปหาเพื่อจะทำความเคารพพ่อของเพื่อนตามที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี

“คุณพ่อครับ ผมชื่อเต้าหู้ครับเป็นเพื่อนของมิลค์”

คนบนรถชะงักไปนิดนึงแล้วทักทายกลับด้วยน้ำเสียงแปลกใจเล็กๆ

“เพื่อนของพัตเตอร์เหรอนี่ เพิ่งเข้าปีหนึ่งใช่ไหม ดีๆ เจ้านี่น่ะไม่เคยเอาเพื่อนมาแนะนำกับพ่อตัวเองหรอก อาจะได้ฝากฝังให้ช่วย...”

“พ่อ ไปกันได้แล้ว อาอาร์ตจะได้ไม่รอนาน นายก็ไปได้แล้วเต้าหู้”

มิลค์รีบตัดบทเมื่อเห็นความผิดปกติบางอย่าง เขารีบขึ้นไปนั่งแล้วเร่งให้คนขับออกรถทันที

เต้าหู้ยกมือไหว้อำลาคุณพ่อยังหนุ่มของเพื่อนแทบไม่ทัน เขามองตามรถไปพลางนึกในใจว่าคนกรุงเทพนี่ดูแลตัวเองดีจริงๆ ขนาดมีลูกโตจนเรียนมหาลัยแล้วแต่ยังหล่อหุ่นดีไม่มีไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะกล้ามหน้าอกที่ฟิตแน่นเห็นได้ชัดเพราะพ่อของมิลค์ไม่ได้ใส่เสื้อ นึกมาถึงตรงนี้เต้าหู้ก็เพิ่งรู้สึกผิดสังเกต เขาลืมไปว่าที่นี่ไม่ใช่แถวบ้านเขาที่ผู้ชายถอดเสื้อทำงานกันเป็นปกติ ไม่คิดว่าคนในกรุงเทพจะถอดเสื้อนั่งรถไปไหนมาไหนอย่างนี้ด้วย

.............

“พ่อ หวัดดีครับ อาอาร์ต หวัดดีครับ”

มิลค์กล่าวคำทักทายคนที่นั่งคู่กันตรงเบาะหน้าหลัง เขาไม่ได้มองไปที่คนที่เขากล่าวสวัสดีเลยแม้แต่น้อย มิลค์ต้องการเวลาทำใจอีกซักพักก่อนจะรับรู้ว่าวันนี้พ่อของตัวเองมาด้วยสภาพแบบไหน

“รอไม่นานใช่ไหม งั้นกลับกันเลยแล้วกัน”

เสียงพ่อของเขาถามขึ้นจากด้านหน้ารถ มิลค์เห็นด้วยที่สุดที่จะรีบกลับโดยเร็ว

“ไม่ถามไถ่อะไรลูกเลยเหรอพี่เอ็กซ์ เราหิวหรือเปล่า อยากแวะทานอะไรก่อนกลับบ้านไหม พัตเตอร์”

เสียงอาร์ตถามอย่างมีน้ำใจ มิลค์รีบปฏิเสธทันที ต่อให้หิวจนแสบกระเพาะ เขาก็ไม่ขอแวะที่ไหนเด็ดขาด จนนักบัญชีหนุ่มขับรถพ้นจากบริเวณมหาลัย เขาถึงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอก

มิลค์เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นพยายามไม่สนใจอะไร ขณะที่นั่งเพลินๆ อาร์ตซึ่งเป็นคนขับก็เอ่ยถามอะไรบางอย่างที่เขาได้ยินไม่ถนัด เขาเผลอยื่นหน้าไปฟังใกล้ๆ ตามความเคยชินแล้วก็เหลือบไปมองพ่อตัวเองโดยไม่ตั้งใจ เด็กหนุ่มถึงกับสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นชายวัยสี่สิบต้นๆ ผู้เป็นบิดาบังเกิดเกล้านั่งเปลือยกายล้อนจ้อนอยู่ข้างคนขับ แม้จะเตรียมใจไว้บ้างแต่ก็ไม่นึกว่าเดี๋ยวนี้อาร์ตจะเล่นแรงขนาดนี้ เขาหวังว่าเมื่อสักครู่เต้าหู้จอมจุ้นจ้านจะยังไม่ได้มองเข้ามาถึงในตัวรถ

 ในฐานะทาส พ่อเขามีหน้าที่ทำทุกอย่างเพื่อให้อาร์ตที่เป็นเจ้านายพอใจอยู่แล้ว คนที่เป็นทาสเหมือนกันอย่างเขาเข้าใจดีที่สุด มิลค์ได้แต่ทำท่าเหมือนว่า การมาแก้ผ้านั่งรถไปไหนต่อไหนยามบ่ายแก่ๆ เป็นเรื่องธรรมดาที่สุด ซึ่งก็อาจจะจริงเพราะก่อนนี้เขาก็เพิ่งโดนชักว่าวน้ำแตกต่อหน้าคนทั้งชั้นมาเหมือนกัน มิลค์ประชดในใจต่อชะตากรรมที่เขาสองพ่อลูกต้องตกเป็นทาสทั้งคู่

รถแวนของอาร์ตติดฟิล์มเข้มพอที่มิลค์จะเบาใจว่าคนข้างนอกคงมองเข้ามาเห็นอะไรไม่ชัดเท่าไหร่ ปัญหาคือกระจกบานหน้าที่ค่อนข้างใสเพื่อทัศนวิสัยการขับขี่ที่ดี แต่รถแวนคันนี้ค่อนข้างสูงจนต่อให้เป็นคนที่นั่งท้ายรถกระบะคันหน้า ก็น่าจะมองเห็นแค่ระดับอกของพ่อเขาเท่านั้น มิลค์ไม่ได้กระอักกระอ่วนใจที่จะเห็นร่างเปลือยของพ่อตัวเอง ความที่เป็นครอบครัวพ่อเลี้ยงเดี่ยวมาทำให้เขากับพ่อสนิทกันมากและอาบน้ำด้วยกันบ่อยๆ  แต่เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นพ่อถูกกระทำซาดิสท์ต่างๆ จากผู้เป็นนาย อาร์ตไม่ได้จงใจโชว์แต่ก็ไม่ปิดบังซะทีเดียว มิลค์รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนทุกครั้งเวลาเดาเรื่องว่าพ่อถูกทำอะไรมาบ้าง นั่นทำให้เขาขยาดกับการกระทำทางเพศแบบเอสเอ็มทั้งที่เคยชื่นชอบ

มิลค์นั่งนึกเรื่องเหล่านี้วนเวียนในหัวจนกระทั่งรถมาจอดติดไฟแดงหลังรถบรรทุกหกล้อที่ขนคนงานมาเต็มคันรถ สายตาของคนงานหลายคนมองมาที่พ่อเขาอย่างไม่เชื่อสายตา อาร์ตยิ้มอย่างพอใจแล้วหยิบของบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อมาถือไว้ในมือ ท่ามกลางความเงียบในห้องโดยสาร มิลค์ได้ยินเสียงหึ่งเบาๆ เหมือนมอเตอร์กำลังทำงาน พ่อของเขาส่งเสียงอ๊ะออกมาเบาๆ และบิดตัวอย่างทรมาน ท่อนลำของพ่อเริ่มขยายตัวขึ้นทีละน้อย อาร์ตกดปุ่มอุปกรณ์ในมืออีกครั้ง เสียงหึ่งของมอเตอร์ก็ดังด้วยความถี่สูงขึ้นพร้อมๆ กับเสียงครางและอวัยวะเพศของพ่อที่ขยายใหญ่โชว์ความโอฬารเด่นชัดจนคนงานบนรถคันหน้าทั้งคันรถชี้ชวนกันดูอย่างประหลาดใจ มิลค์เดาว่าในประตูหลังของพ่อเขาคงมีอุปกรณ์อย่างพวกไข่สั่นยัดอยู่และถูกควบคุมแบบไร้สายผ่านทางรีโมทในมือของอาร์ต

มิลค์ละสายตาออกมาไม่ได้ เขายังไม่เคยเห็นของพ่อเวลาแข็งตัวชัดๆ อย่างนี้มาก่อน ขนาดรูปร่างสีสรรแทบไม่ต่างอะไรกับท่อนลำที่แสนจะคุ้นเคยของตัวเอง ดูท่าว่าหัวเงี่ยงที่บานใหญ่แบบนี้คงเป็นยีนเด่นของตระกูล วูบหนึ่งมิลค์รู้สึกภูมิใจที่ได้สืบทอดเชื้อพันธ์ชั้นดีอย่างนี้ เขามองดูพวงไข่ขนาดใหญ่ที่คงอัดแน่นไปด้วยน้ำเชื้อชั้นยอดที่ว่าแล้วนึกทึ่งในกลไกของธรรมชาติ เมื่อยี่สิบปีก่อนเขาเป็นแค่อสุจิตัวนึงที่ว่ายแข่งกับเพื่อนๆ จากลูกบอลแฝดยานๆ คู่นั้นไปตามลำกล้องใหญ่ยาวจนประสบความสำเร็จในการผสมกับไข่ อาร์ตกดปุ่มเร่งการสั่นขึ้นอีกราวกับจะจำลองเหตุการณ์ในอดีตให้เขาเห็น เมื่อถึงที่สุด พ่อก็ครางเสียงดังลั่นแล้วกระฉูดเชื้อพันธ์ชั้นดีจำนวนมากออกมาไม่ต่างอะไรกับตัวเขาในคลาสอานาโตมี่เมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมา พอช่วงเวลาแห่งความเสียวผ่านพ้นไป พ่อก็เหลือบมาเห็นว่าเขาเป็นผู้ชมอย่างใกล้ชิด พ่อมองหน้าเขาด้วยสายตาอับอายแล้วก็เบือนหน้าหนีไป มิลค์เองก็กระอักกระอ่วนใจไม่น้อยกับโชว์สดๆ ของพ่อตัวเอง เขาไม่น่าปล่อยให้ความอยากรู้อยากเห็นมาครอบงำจนทำให้อึดอัดใจด้วยกันทั้งสองฝ่ายแบบนี้

“อย่าจ้องของๆ อาขนาดนั้นสิพัตเตอร์” 

อาร์ตแซวลูกชายของเอ๊กซ์อย่างอารมณ์ดี เขาเอ็นดูเด็กคนนี้มากเพราะรูปร่างหน้าตาที่ละม้ายคล้ายคลึงกับเอ็กซ์ สมัยหนุ่มๆ ทาสของเขาก็คงหล่อใสประมาณนี้  แถมเด็กคนนี้ยังเก่งเหมือนเอ็กซ์อีกด้วย เรียนวิศวะมหาลัยดังก็ว่าเยี่ยมแล้ว พอเปลี่ยนใจจะไปเรียนหมอก็ยังสอบติดด้วยคะแนนลำดับต้นๆ เขารู้สึกภูมิใจแทนเหมือนกับเป็นลูกชายตัวเอง วันนี้เขาไปเอานาฬิกาเรือนหรูราคาหลายหมื่นที่แอบสั่งไว้เป็นของขวัญให้กับพัตเตอร์ อาร์ตรู้สึกเสียใจอยู่บ้างที่เขากับพัตเตอร์ไม่ได้สนิทกันเท่าที่ไหร่ แต่ก็เข้าใจได้ว่า สิ่งที่เขาทำกับคนเป็นพ่อ คงทำให้เด็กคนนี้ระแวงเขาอยู่พอสมควร

อาร์ตไม่ได้ตั้งใจจะทำให้สองพ่อลูกต้องมาอับอายกันเอง เขาแค่อยากให้พัตเตอร์ได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับเอ็กซ์อย่างที่เป็นอยู่จริงๆ    จะช้าหรือเร็ว เขาก็อยากจะให้คนที่เป็นลูกชายเข้าใจและยอมรับให้ได้ เขาอยากเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ตลอดไป  อาร์ตมองไปที่คนข้างๆ อย่างมีความสุข เอ็กซ์ช่างหล่อภูมิฐานและดูดีเสมอแม้ในยามที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำกามจนเต็มหน้าท้องแกร่งแบบนี้ สายตาที่แสดงความอึ้งทึ่งเสียวของคนงานบนรถเมื่อสักครู่เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดี เขาอยากโชว์คนทั้งโลกว่าคนๆ นี้มีดียังไง ท่อนลำอวบใหญ่เฉียดๆ แปดนิ้วยังไม่อ่อนตัวลงเท่าไหร่แม้จะปลดปล่อยออกไปแล้วบ่งบอกถึงความฟิตที่เหนือว่าคนวัยเดียวกัน กล้ามเนื้อที่แกร่งยิ่งกว่าหนุ่มๆ เป็นเครื่องยืนยันอย่างดี ไม่เสียแรงที่เขาอุตส่าห์จัดโปรแกรมฝึกต่างๆ นาๆ ให้

มิลค์นั่งรถอย่างสงบพยายามไม่สนใจกับพ่อหรืออาร์ตอีกแม้ว่าฝ่ายหลังจะแซวอะไรมา เขาอยากให้บรรยากาศอึดอัดในรถจบลงเร็วๆ ซะที โชคดีที่เมื่อผ่านแยกรถติดหนักนั้นมาได้ ถนนก็โล่งจนขับมาดึงโฮมออฟฟิศของอาร์ตในเวลาไม่นาน เขาไม่ได้กลับมาที่นี่เกือบเดือนแล้ว เพราะปกติจะอยู่หอที่อาจารย์หมอจัดให้ บ้านจริงๆ ของเขากับพ่อได้โอนให้อดีตแม่เลี้ยงเป็นค่าชดเชยที่ถูกป้ายความผิดให้จนต้องติดคุกอยู่หลายเดือน ส่วนเงินค่าประมูลทาสก้อนใหญ่ของเขากับพ่อ องค์กรคงเอาไปให้อดีตน้องบุญธรรมที่ถูกเขากับพ่อผลัดกันปู้ยี่ปู้ยำจนยับเยิน

โฮมออฟฟิศของอาร์ตอยู่ไม่ไกลจากย่านธุรกิจใจกลางเมืองเท่าไหร่ บริษัทบัญชีที่เขาตั้งขึ้นประสบความสำเร็จอย่างดีจนต้องรับพนักงานเพิ่มเข้ามาเกือบยี่สิบคน ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณความสามารถด้านการเงินของทาสหล่อล่ำอดีตซีเอฟโอคนนี้ที่ทำให้บริการด้านบัญชีของเขาแตกต่างด้วยการเสริมการให้คำปรึกษาทางการเงินไปด้วย ลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดกลางและเล็กล้วนติดใจคำแนะนำที่มากประสบการณ์ของอดีตซีเอฟโอบริษัทในตลาดหลักทรัพย์อย่างเอ็กซ์ ถึงจะเป็นทาสแต่นักบัญชีหนุ่มก็ให้เงินเดือนและส่วนแบ่งผลประโยชน์กับเอ็กซ์อย่างเต็มที่ภายใต้ข้อแม้ที่เอ็กซ์จะไม่ได้ออกหน้าหรือได้เครดิตว่าเป็นคนให้คำปรึกษาพวกนั้น

รถแวนวิ่งเข้ามาจอดในลานจอดรถซึ่งใช้รวมกับพนักงานและลูกค้า มิลค์เหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือ ห้าโมงกว่าแล้วแต่ที่ออฟฟิศก็ยังมีพนักงานเหลืออยู่ มีสองสามคนออกมาสูบบุหรี่ตรงบริเวณสวนด้านข้าง ถึงจะมาค้างที่นี่ไม่บ่อยแต่มิลค์ก็คุ้นเคยพอที่จะรู้ว่างานสอบบัญชีต้องอยู่ทำโอทีกันเป็นประจำ เด็กหนุ่มมองดูพ่อตัวเองในชุดวันเกิดแล้วก็สงสัยว่าทำไมถึงไม่แต่งตัวเสียทีทั้งที่อาร์ตก็เก็บของเสร็จเตรียมเปิดประตูลงไปแล้ว

“เฮ้ย”

มิลค์เห็นเอ็กซ์ทำท่าจะเปิดประตูออกจากรถทั้งอย่างนั้นก็ร้องเสียงดังจนเอ็กซ์และอาร์ตหันมามอง

“พ่อไม่ใส่เสื้อผ้าก่อนล่ะครับ คนยังอยู่เต็มออฟฟิศเลย”

เอ็กซ์ไม่กล้าตอบอะไรลูกชายไปได้แต่หันไปสบตากับอาร์ตอย่างขอความเห็น

“อาก็ไม่ได้จะแกล้งอะไรพ่อเราหรอกนะ แต่พี่เอ็กซ์เขาไม่ได้ใส่อะไรมาตั้งแต่แรกแล้ว จะเอาเสื้อผ้าที่ไหนมาใส่ล่ะ ก็เดินอย่างนี้ไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ขึ้นตึกแล้ว”

อาร์ตตาเป็นประกายวิบวับด้วยความขบขัน ลูกของพี่เอ็กซ์ดูร้อนรนมากกับสภาพของพ่อตัวเองในตอนนี้ แต่นี่ไม่ได้สร้างความบันเทิงได้เท่ากับแววตาอับอายอดสูของทาสหนุ่มใหญ่ยามที่สบตาลูกชาย เขาทรมานร่างกายเอ็กซ์จนคนทำก็หมดมุกคนโดนก็เริ่มชินชาแล้ว พอมิลค์มาก็เหมือนมีช่องทางในการทรมานจิตใจแบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้น

มิลค์ทนไม่ไหวที่เห็นพ่อจะต้องเดินลงจากรถไปในสภาพนั้นให้คนที่ออฟฟิศเห็น คนพวกนั้นคงเป็นลูกน้องหรือไม่ก็เพื่อนร่วมงานของพ่อ ถ้าต้องเดินโทงๆ ร่างกายเปรอะไปด้วยน้ำว่าวออกไปแบบนี้พ่อจะไปสู้หน้าทีหลังได้ยังไง

“พ่อฮะ เอาชุดผมไปใส่แล้วกัน”

 มิลค์คิดเอาว่ายังไงตัวเขาก็แก้ผ้าให้คนดูจนโชกโชนแล้ว ออฟฟิศนี้เขาก็ไม่ได้มาบ่อย เขาขอเป็นฝ่ายแบกรับความอายนี้แทนพ่อ มิลค์ถอดเสื้อและกางเกงที่สวมอยู่ส่งให้พ่ออย่างรวดเร็วก่อนที่จะมีใครได้ทันคัดค้าน ตอนนี้เขาเปลือยไปทั้งร่าง กางเกงในที่ใส่มาถูกเอาไปใช้เช็ดน้ำกามและคราบสีเพ้นท์ตัวตอนหลังเลิกคลาส มันเลอะจนขี้เกียจเอากลับไปซัก ถ้ารู้ว่าจะต้องมาเจอสถานการณ์อย่างนี้เขาคงไม่ทิ้งไปหรอก

อาร์ตคิดจะห้ามอยู่เหมือนกัน เขาไม่ได้อยากจะแกล้งเด็กหนุ่มที่เขารู้สึกเอ็นดูขนาดนี้ แต่เขาก็นับถือความใจเด็ดของมิลค์เกินกว่าจะขัดขวาง ที่สำคัญสีหน้าตกตะลึงและกระอักกระอ่วนใจของเอ็กซ์มันช่างน่าคลั่งไคล้ อาร์ตพยักหน้าเบาๆ กับเอ็กซ์เป็นสัญญาณให้ทำตามนั้น พ่อรับเสื้อผ้าจากลูกชายมาสวมแต่โดยดี เสื้อนักศึกษาพอดีตัวของมิลค์กลับรัดแน่นบนเรือนร่างของคนเป็นพ่อ มิลค์ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ แต่ก่อนเขากับพ่อตัวพอๆ กัน แต่ตอนนี้ร่างกายพ่อล่ำสันกว่าเขาเยอะ จริงๆ กล้ามเนื้อของพ่อก็ดูชัดเป็นมัดๆ ขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ก็ไม่คิดว่าจะหนากว่ากันขนาดนี้ เอาเป็นว่าพอใส่เสื้อสีขาวผ้าบางๆ ของเขาแล้ว เห็นกล้ามหน้าอกและหัวนมเป็นเม็ดได้อย่างชัดเจน กางเกงทรงสลิมฟิตยิ่งเป็นปัญหาใหญ่ พ่อยัดโคนขาที่มีกล้ามเนื้อใหญ่ๆ ลงไปด้วยความทุลักทุเล แถมกว่าจะเอาท่อนเนื้ออวบที่ยังไม่สงบดีให้เข้าที่เข้าทางได้ก็ต้องจับพาดเฉียงๆ พอรูดซิปขึ้นก็เห็นเป็นรอยนูนใหญ่ถนัดตา มิลค์เอามือดึงๆ แนวผ้าจุดที่แน่นๆ บริเวณเป้าของพ่อเพื่อไม่ให้ดูอุจาดตาเกินไป

หนุ่มนักบัญชีมองสองพ่อลูกช่วยกันแต่งตัวด้วยความเอ็นดู เขาอดสงสารมิลค์ไม่ได้จนต้องถอดเสื้อคลุมคาร์ดิแกนบางๆ ที่สวมอยู่ส่งให้ เด็กหนุ่มรับมาใส่อย่างดีใจ พวกเขาลงจากรถหลังจากใช้เวลาเปลี่ยนชุดกันไปพักใหญ่ เป็นคณะที่คงดูประหลาดไม่น้อย ตัวเขาอยู่ในชุดกึ่งลำลองแบบสุภาพ พี่เอ็กซ์อยู่ในชุดนักศึกษาฟิตเปี๊ยะแสนจะเร้าใจแต่ใส่รองเท้าแตะ ลูกชายพี่เอ็กซ์ใส่เสื้อคลุมบางๆ แต่ท่อนล่างเปลือยเปล่ามีเพียงถุงเท้ารองเท้าหนังกับกระเป๋าสะพายข้างสีดำที่พอช่วยปกปิดส่วนพึงสงวนได้บ้าง ทั้งสามคนเดินเข้าที่ตัวออฟฟิศเพื่อเข้าทางเชื่อมส่วนที่เป็นที่พักอาศัย พนักงานที่ออกมาผ่อนคลายยืดเส้นยืดสายบริเวณหน้าตัวตึกมองมาทางมิลค์เป็นตาเดียวกัน

พนักงานหนุ่มคนนึงวิ่งเข้ามาหาอย่างรีบเร่ง

“พี่เอ็กซ์ครับพี่เอ็กซ์ กลับมาพอดีเลย ผมมีเรื่องจะปรึกษา คุณอาร์ตอยู่ด้วยก็ดีเลย ผมจะ...”

สายตาเขาหันมาหามิลค์แล้วก็ชะงักไปไม่กล้าพูดต่อ

“ไม่เป็นไร นี่ลูกชายผมเอง มีอะไรก็พูดมาได้เลย”

พนักงานหนุ่มพยายามเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง แต่ก็ติดๆ ขัดๆ เพราะสายตาคอยแต่จะหันไปมองมิลค์ให้ชัดๆ เขาไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มคนไหนมีเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างนี้มาก่อน ทีแรกเขานึกว่านุ่งกางเกงรัดรูปสีเนื้อแต่จริงๆ เป็นเนื้อตัวแท้ๆ ของเด็กหนุ่ม ถ้าหน้าตาไม่ได้สำเนาพิมพ์เดียวกับเอ็กซ์อย่างนี้ เขาต้องนึกว่าเป็นนายแบบแอบทำไซด์ไลน์ขายบริการที่หัวหน้าสองคนซื้อมาเล่นสนุกกันแน่

พนักงานในออฟฟิศคนอื่นก็ดูจะสนใจเช่นกัน ทำทีเป็นมาร่วมฟังเรื่องงานจนมีคนมามุงเป็นการประชุมย่อมๆ กันตรงโถงหน้าออฟฟิศ ยิ่งได้รู้ว่าเป็นลูกชายของเอ็กซ์ก็ยิ่งสนใจ ไม่มีใครสงสัยว่าทำไมมิลค์ถึงได้แก้ผ้าเพราะชินกับพฤติกรรมชอบโชว์แปลกๆ ของคนเป็นพ่ออยู่แล้ว ทุกคนแค่คิดเหมือนกันว่าเกลียดกระเป๋าสะพายใบนั้นเหลือเกินที่มาปิดบังทัศนวิสัยดีๆ ได้

การพูดคุยเป็นไปด้วยความเชื่องช้าและติดๆ ขัดๆ เพราะทั้งคนเล่าคนฟังไม่ได้มีสมาธิกับงานเท่าไหร่ มิลค์ยืนเปลือยอยู่ท่ามกลางคนไม่คุ้นหน้าด้วยความกระอักกระอ่วน เขาจับกระเป๋าใบนั้นแนบกับลำตัวช่วงล่างอย่างสุดชีวิตไม่คิดว่าจะมีอะไรในโลกนี้ที่ทำให้เขาแยกจากมันได้ แต่ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ครางหึ่งเบาๆ พร้อมกับกับเสียงพูดที่ชะงักไปของพ่อของเขา  ในขณะที่คนอื่นเริ่มมองไปมาอย่างสงสัย มิลค์รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นและโฟกัสสายตาไปเฝ้าระวังยังจุดที่น่าเป็นห่วงทันที เป็นอย่างที่คาด รอยนูนใหญ่ในกางเกงฟิตเปรี๊ยะของพ่อกำลังขยายเพิ่มขึ้นและอีกไม่นานความเปียกชื้นตรงส่วนปลายคงซึมผ่านผ้าเนื้อบางออกมาแน่ มิลค์ตัดสินใจที่จะทิ้งความอายทุกอย่างเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของพ่อไว้ เขาบิดกระเป๋าให้ไปสะพายอีกด้านเพื่อโชว์จุดสงวนให้คนดูเห็นถนัดตาขึ้น แผนของมิลค์ได้ผลเพราะตอนนี้สายตาทุกคู่พุ่งมาที่ช่วงล่างของเขาแทน  หวังว่าคนพวกนี้จะไม่คิดว่าเขาเป็นโรคจิตนะ

ความโล่งใจของมิลค์อยู่ได้แค่ไม่นาน เสียงมอเตอร์เจ้ากรรมดังแรงขึ้นกว่าเดิมแถมคราวนี้มาด้วยการตอดเป็นจังหวะ มิลค์รู้สึกเคืองอาร์ตอยู่ในใจที่เล่นไม่เลิกซะที ท่าทางพ่อเขาจะเสียวสุดกลั้นจนเสียงที่พูดเรื่องงานอยู่ขาดๆ หายๆ   มิลค์คิดว่าเขาต้องดึงความสนใจของคนให้มากขึ้นอีก มาถึงขนาดนี้แล้วจะทำเพิ่มไปอีกขั้นคงไม่อายกว่ากันเท่าไหร่ เขาจะต้องรักษาหน้าพ่อไว้ให้ได้ มิลค์ปล่อยมือที่กุมความเป็นความออกพร้อมโชว์อย่างเต็มที่ เขาเอามือดึงเขี่ยหมุดหัวนมเล่นเพื่อปลุกอารมณ์ตัวเองจนมังกรยักษ์เริ่มผงาดขึ้นเรียกสายตาจากคนดู หัวนมเป็นจุดที่อ่อนไหวที่สุดสำหรับเขา เล่นทีไรได้เรื่องทุกทีต่อให้อายซักแค่ไหน  พนักงานที่มุงดูอยู่ซุบซิบกันเอง

เอ็กซ์ถูกกระตุ้นด้วยไข่สั่นที่ถูกสอดใส่อยู่ในช่องทางด้านหลังจนแตกออกมาเต็มกางเกงของลูกชาย สมาธิที่หลุดจากเรื่องงานไปครู่ใหญ่เริ่มกลับมา เขาพบว่าไม่มีใครสังเกตเห็นเรื่องน่าอับอายที่เขาเพิ่งทำลงไปเลยเพราะสถานการณ์ที่พัตเตอร์สร้างขึ้น ทุกสายตากำลังมองไปที่เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อจัดรูปร่างดีเขามองลูกด้วยความสงสารผสมกับความภูมิใจ ความที่เลี้ยงมาเองตั้งแต่เกิด เขารู้ดีว่าลูกชายเขาคิดอะไรอยู่ และตั้งใจจะทำอะไรเพื่อเขา ถึงแม้การกระทำของพัตเตอร์มันจะไม่ช่วยอะไรเลย ลูกน้องของเขาทุกคนเห็นเขาในสภาพที่ยิ่งกว่านี้มาแล้ว แต่เขาคงไม่บอกเรื่องพวกนั้นให้ลูกไม่สบายใจ เขาจะจำเพียงเรือนร่างที่เติบใหญ่สมบูรณ์เต็มเปี่ยมด้วยความเป็นชายของเด็กน้อยในอดีตและความกล้าที่ลูกทำเพื่อเขาในวันนี้

เอ็กซ์ถือโอกาสที่ตัวเองได้รับการปลดปล่อยออกมาจนตัวเบาเร่งสรุปงานกับลูกน้องต่อ ถึงไข่สั่นในตัวจะยังสั่นกระตุ้นตัวเขาเองเป็นระยะๆ จากฝีมือของเจ้านายขี้แกล้ง แต่เขายังควบคุมตัวเองไว้ได้น่าจะอีกระยะหนึ่งก่อนจะแข็งตัวอีกครั้ง บางทีเอ็กซ์ก็เบื่อกับพละกำลังทางเพศของตัวเองที่ยังมีมากล้นไม่ต่างอะไรกับเด็กหนุ่มๆ มันทำให้เจ้านายเขาสนุกทุกครั้งที่ได้ทำอะไรๆ กับตัวเขา

มิลค์ค่อยๆ ลามือจากกิจกรรมโชว์เรียกแขกเมื่อเห็นว่าพ่อของตนกลับมาพูดคุยเรื่องต่อได้อย่างเป็นปกติ พนักงานหันไปให้ความสนใจกับงานที่หารือค้างอยู่ถึงแม้จะมีบางคนแอบมองมาทางเขาเป็นระยะๆ มิลค์ไม่รู้จะทำยังไงกับน้องชายที่ยังแข็งขืนไม่ยอมลง จะเอามือมากุมปิดไว้มันก็เติบใหญ่จนปิดไม่อยู่ มิลค์เลยใช้วิธีหันหลังให้กับกลุ่มคนโดยไม่ได้เอะใจว่านั่นเป็นเผยบั้นท้ายขาวเนียนเกร่งกระชับได้รูปที่เรียกความสนใจคนที่มีรสนิยมเป็นฝ่ายรุกได้เป็นอย่างดี เอ็กซ์อ่านแววตาคนเหล่านั้นออกจึงรีบสรุปงานจนจบและไล่พนักงานให้กลับไปทำงานต่อ

เหตุการณ์ทั้งหมดถูกอาร์ตลอบสังเกตไว้อย่างละเอียด เขาตื่นเต้นกับการวิเคราะห์ความคิดของสองพ่อลูกนี้มาก ความห่วงใยที่พ่อลูกมีให้แก่กันทำให้เขาพลอยปลื้มใจไปด้วย อาร์ตมองร่างเปลือยเปล่าของมิลค์ด้วยความชื่นชมแต่ไม่ได้รู้สึกอะไรมากกว่านั้นซักเท่าไหร่ เขาไม่เถียงว่ามิลค์เป็นเด็กหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาดีราวกับนายแบบ เขาอาจจะสนใจที่ได้เห็นร่างเปลือยของเด็กหนุ่มคนนี้ แต่นั่นเพราะมิลค์เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเอ็กซ์ ความหนุ่มแน่นเยาว์วัยของคนลูกไม่ทำให้เขาใจเต้นได้เท่ากับความแกร่งกร้านของคนเป็นพ่อ พอๆ กับที่ความเท่ของคนลูกไม่ดึงดูดใจเขาเท่ากับความภูมิฐานของคนพ่อ ที่สำคัญที่สุด ความอับอายอึดอัดใจของมิลค์ทำให้เขาเอ็นดูสงสาร แต่พอสิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับเอ็กซ์เขากลับรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [2] 30/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 30-09-2016 18:08:45
ทั้งสามคนเดินเข้าไปในโซนที่พักซึ่งแยกออกมาจากออฟฟิศอย่างเป็นส่วนตัว อาร์ตออกจะเห็นใจสิ่งที่มิลค์ต้องเจอมาจึงออกปากให้สองพ่อลูกไปพักผ่อนและใช้เวลาด้วยกันจนถึงเวลาอาหารค่ำ มิลค์ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเขากับพ่อได้เข้ามาอยู่ในห้องส่วนตัวกันตามลำพัง เขารีบเอาเสื้อผ้าที่ทิ้งไว้มาสวมทันที ส่วนเอ็กซ์ก็ขอตัวเข้าไปอาบน้ำก่อนเพราะเหนียวตัวไปด้วยคราบน้ำของตัวเอง เขาถอดเสื้อผ้าออกคืนให้กับลูกชายแล้วเดินแก้ผ้าโทงๆ เข้าห้องน้ำในตัวห้องไปอย่างเคยชิน มิลค์รับกางเกงที่เปรอะไปด้วยคราบน้ำต่างๆ ของคนเป็นพ่อจนชุ่มบริเวณเป้าแล้วตัดสินใจว่าคงจะต้องทิ้งกางเกงตัวโปรดนี้ไป เขาไม่ได้รังเกียจแต่คิดว่ามันคงตะขิดตะขวงใจชอบกลถ้าจะเอาไปใส่ต่อถึงจะซักจนสะอาดแล้วเถอะ

เอ็กซ์หายไปในห้องน้ำนานจนมิลค์สงสัย ถึงจะยังดูหนุ่มแน่นแต่พ่อเขาก็อายุสี่สิบกว่าแล้ว มิลค์กังวลว่าบิดาอาจจะมีปัญหาสุขภาพที่พยายามปกปิดเขาอยู่ก็เป็นได้ มิลค์ถือวิสาสะเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปดูก็พบเอ๊กซ์นอนแหกขาอยู่ในอ่างอาบน้ำมือข้างหนึ่งโกยท่อนลำและพวงไข่ขึ้นมาเพื่อเปิดทางให้มืออีกข้างเอานิ้วล้วงควานไปมาในช่องทางด้านหลังของตัวเอง มิลค์ตกใจกับภาพตรงหน้าจนต้องตะโกนออกมา

“พ่อทำอะไรนี่ ทำไมถึงได้ช่วยตัวเองวิธีนี้”

เอ็กซ์หันมาเห็นลูกชายยืนตกตะลึงกับสภาพของตัวเองก็อายจนแดงไปทั้งตัว

“มะ ไม่ใช่นะพัตเตอร์ พ่อไม่ได้ทำอย่างที่ลูกเข้าใจ พ่อแค่จะ เอ่อ เอาไข่สั่นที่อยู่ข้างในออกมา แต่เชือกที่ใช้ดึงมันหลุดออก พ่อเลยต้องควานเอามันออกมา”

เอ็กซ์ละล่ำละลักอธิบายความจริงให้ลูกฟัง เขาไม่อยากให้เกิดการเข้าใจผิดว่าตัวเองชื่นชอบกับการกระทำด้านหลังอย่างนี้

“ใจเย็นๆ นะครับ ผมเรียนหมอ ถึงจะเพิ่งเข้าปีหนึ่งวันนี้ก็เถอะ ผมศึกษากลไกการทำงานของร่างกายมาบ้าง ตรงต่อมลูกหมากเป็นจุดเสียวของผู้ชายทุกคน ถ้าถูกกระตุ้นตรงนั้นแรงๆ มันก็เกิดอาการแข็งตัวหรือแม้กระทั่งหลังออกมาได้ เป็นเรื่องปกติไม่ได้เกี่ยวกับว่าจะเป็นตุ๊ดเป็นเกย์อะไร ยังไงพ่อก็เป็นลูกผู้ชายตัวจริงสำหรับผมเสมอ มาครับ เดี๋ยวผมช่วยเอาออกให้ นี่ว่าที่คุณหมอเลยนะ”

ที่จริงมิลค์ออกจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้ อาจารย์หมอที่เป็นเจ้านายไม่ได้ใช้เขาเป็นแบบในการเรียนการสอนให้นักศึกษาแพทย์อย่างเดียว แต่ยังให้แสดงเป็นคนไข้สมมุติสำหรับสอบออสกี้ของพวกปีสูงๆ เขาถึงถูกเคี่ยวอย่างหนักทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติจากระดับรองศาสตราจารย์โดยตรง ไม่นับงานภาคสนามที่เขาโดนใช้ให้ไปเก็บข้อมูลภาคสนามจากโรงพยาบาลต่างๆอีก นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาตัดสินใจซิ่วมาคณะนี้

มิลค์ก้มลงไปดูก้นของพ่อเพื่อประเมินสถานการณ์ พ่อของเขาขนดกกว่าเขาเยอะ ง่ามก้นตลอดจนรอบๆ ก้นเต็มไปด้วยพงขนสีดำตัดกับผิวขาวๆ ของพ่อ เขาแอบโล่งใจเมื่อแหวกขนดูชัดๆ แล้วพบว่ารอบๆ รอยจีบสีชมพูยังไม่มีร่องรอยการเสียดสีจนคล้ำถาวร อย่างน้อยพ่อก็ยังไม่ถูกเจ้านายเล่นจนบาน เขาเริ่มสอดนิ้วชี้ไปในก้นเพื่อตรวจสภาพ อันที่จริงเขาควรจะใส่ถุงมือยางแต่ในเมื่อไม่มีก็ช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้รังเกียจพ่อตัวเองซักหน่อย ยังไงพอท่านแก่เฒ่าเขาก็ต้องคอยดูแลอยู่ดี แต่พอเอ็กซ์ส่งเสียงครางด้วยความเสียวออกมาเมื่อนิ้วของลูกชายดันไขสั่นไปโดนจุดกระสันด้านใน มิลค์ก็เริ่มใจคอไม่ดี สภาพนี้มันเหมือนเขากำลังเล่นเสียวกับพ่อตัวเองไม่มีผิด โชคดีที่ไม่มีใครได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

มิลค์ตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงทำหน้าที่ต่อ เขาพยายามคิดว่าพ่อคือคนไข้คนหนึ่งที่เขาต้องทำการรักษาให้ดีที่สุด เขาควานนิ้วไปทั่วบริเวณแล้วลงความเห็นไข่สั่นมีขนาดใหญ่เกินกล้ามเนื้อหูรูดที่ยังรัดแน่นของพ่อ ไม่อยากคิดเลยว่าตอนโดนยัดเข้าไปพ่อจะเจ็บปวดขนาดไหน

“พ่อมีพวกเจลหล่อลื่นหรือเปล่าครับ ผมคงต้องนวดขยาย เอ่อ ช่องทางของพ่อก่อนแล้วค่อยๆ ดึงออกมา อาจจะเจ็บหน่อยแต่ผมจะระวังที่สุด”

“ไม่ต้องห่วงหรอก พ่อมันพวกทนความเจ็บปวดได้ ในตู้สีดำข้างประตูห้องน้ำมีเจลอยู่หลายอัน ลองไปเลือกดูนะ”

มิลค์ออกมาเปิดประตู้สีดำที่ว่าแล้วก็ต้องตะลึง ข้างในนั้นไม่ได้มีแค่เจลหลากชนิด แต่ยังมีอุปกรณ์เซ็กส์ทอยแบบต่างๆมากมายอย่างชนิดนึกไม่ถึง ไข่สั่น อวัยวะเพศชายปลอม ปลอกหนามต่อความยาว ห่วงรัดโคนอวัยวะ ที่ล๊อคกันอวัยวะแข็งตัว กุญแจมือ แส้ ที่ช๊อตไฟฟ้า ตัวหนีบ ที่สวนก้น และอีกมากมายที่เขารู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ละประเภทไม่ได้มีแค่อันเดียว แต่มีหลากแบบหลายขนาดให้ได้เลือกสรร แค่คิดว่าพ่อเขาโดนอันไหนมาบ้างแล้วมิลค์ก็รู้สึกผะอืดผะอมราวกับจะอาเจียน เขารีบหยิบขวดเจลอันที่ดูจะเหมาะที่สุดแล้วปิดประตูตู้ทันที

มิลค์กลับไปในห้องน้ำอีกครั้งพร้อมกับตัวช่วยในการหล่อลื่น เขาเริ่มงานกู้ไข่สั่นอีกครั้งโดยค่อยๆ สอดนิ้วนวดขยายช่องทางทีละน้อย เขาถามอาการพ่ออย่างใส่ใจและเพิ่มจำนวนนิ้วมือขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเริ่มชิน เจลทำหน้าที่ลดแรงต้านของนิ้วแปลกปลอมที่ยัดเข้าไปได้เป็นอย่างดีแต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ไข่สั่นลื่นจนจับยากขึ้น สองพ่อลูกพยายามช่วยกันอย่างทุลักทุเล เอ็กซ์แหกขาจนเมื่อยแล้วเมื่อยแต่ก็ไม่บ่นออกมา ปัญหาหนักกว่านั้นคือตอนนี้เขาเริ่มเกิดอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้งจากการถูกกระตุ้นซ้ำที่จุดเดิม มิลค์มองท่อนลำของเอ็กซ์ที่ขยายตัวใหญ่ขึ้นอีกครั้งแล้วก็ต้องหลับตาหนีเพราะไม่อยากเห็นสภาพนี้ของบิดาในระยะประชิด

มิลค์ควานนิ้วไปทั่วช่องทางด้านหลังของเอ็กซ์เพื่อหาตำแหน่งที่เหมาะสมขึ้นจนบังเอิญไปเจอต่อมลูกหมากของเอ็กซ์ ความที่ฝึกฝนเรื่องนี้กับอาจารย์หมอมานาน มิลค์อดไม่ได้ที่จะเอาปลายนิ้วคลำดูว่ามีอาการต่อมลูกหมากโตหรือไม่ เขากดซ้ำๆ เพื่อดูความยืดหยุ่นเพื่อดูโอกาสในการเกิดเป็นมะเร็งแล้วก็โล่งใจที่พ่อของเขามีอาการเป็นปกติทุกอย่าง  เขาตรวจซ้ำอีกทีเพื่อความมั่นใจโดยลืมไปว่าจุดๆ นั้นคืดจุดเสียวของผู้ชาย เอ็กซ์ครางดังถี่ขึ้นๆ และเกร็งตัว มิลค์รู้ดีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นจากกล้ามเนื้อหูรูดของพ่อที่ตอดรัดนิ้วมือเขาถี่ยิบ เขาตกใจจนทำอะไรไม่ทันได้แต่ลืมตาขึ้นมามอง ตาเบิกโพลงของมิลค์รับภาพพ่อตัวเองที่กำลังกระฉูดน้ำเชื้อขาวออกมาชุดย่อมๆ ที่จริงมันก็เหมือนๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรถแต่ต่างกันที่คราวนี้มิลค์กำลังเอาหน้าจ่อจังๆ ตรงปลายกระบอกปืน ทั้งภาพทั้งกลิ่นทั้งเสียงประดังเข้ามาพร้อมๆ กันตามด้วยสัมผัสเหนียวเหนอะที่ย้อยจากจมูกลงมาที่ริมฝีปากบน มิลค์ผงะหนีอย่างตกใจพร้อมกับดึงไข่สั่นหลุดออกมาดังป๊อกอย่างไม่รู้ตัว

เอ็กซ์ทึ่งไม่น้อยที่ร่างกายตัวเองยังสามารถผลิตน้ำเชื้อออกมาได้ขนาดนี้เป็นครั้งที่สามในเวลาไม่ห่างกันนัก ความโล่งตูดที่เกิดขึ้นกระทันหันทำให้เขาผงกหัวขึ้นมามอง เอ็กซ์ตกใจไม่น้อยที่เห็นหน้าของลูกชายเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำข้นๆของตัวเอง ความอายมีอยู่บ้างต่ความขำในสีหน้าเหยเกของเจ้าตัวดีมีมากกว่า

“อุบ ฮ่าๆ แม่นชะมัด เต็มหน้าเลยนั่น”

“ยังจะหัวเราะอีก พ่อปล่อยมาได้ไงนี่เยอะขนาดนี้ อายุก็เยอะแล้ว นึกว่าจะหมดน้ำยาตั้งแต่น้ำสอง”

มิลค์หัวเสียไม่น้อย ถึงจะไม่ควรรังเกียจของๆ พ่อตัวเองแต่เล่นราดหน้ากันแบบนี้มันก็เกินไป ทั้งๆ ที่เขาพยายามช่วยพ่อแท้ๆ ยังจะมาหัวเราะขำอีก

“โทษทีๆ เห็นหน้าเราแล้วมันอดขำไม่ได้ เอาหน่า ตอนเล็กๆ เราก็ฉี่รดหน้าพ่อบ่อยไปเวลาเปลี่ยนผ้าอ้อม”

เอ็กซ์นึกถึงช่วงเวลาที่เขาเป็นคุณพ่อวัยรุ่นที่แทบจะเลี้ยงลูกด้วยตัวเพียงคนเดียว ลูกชายที่เกิดมาจากความไม่ตั้งใจแต่เขาก็รักมากและเลยไปถึงการรับผิดชอบตัวแม่ด้วย แม่เด็กซะอีกที่พอคลอดแล้วกลับไม่ค่อยใยดีเลี้ยงดูคอยแต่จะออกเที่ยว ครอบครัวเล็กๆ ที่เขาพยายามจะยื้อไว้ได้เป็นปีต้องล่มสลายเมื่อเขากลับบ้านมาพบแม่ของลูกกับชายชู้กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ในห้องนอนปล่อยให้ลูกชายเขาตกเตียงถูกมดกัดนอนร้องไห้อยู่กลางบ้าน เอ็กซ์กระทืบร่างเปลือยเปล่าของทั้งเมียทั้งชายชู้ซะยับเยินด้วยความสะใจ เขาไม่รู้ว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้เขามีรสนิยมอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หรือเปล่า แต่ก็ไม่เสียใจที่มันทำให้คนที่ไร้วิญญาณความเป็นแม่ไม่กลับมายุ่งเกี่ยวอะไรกับลูกชายของเขาอีก

มิลค์ได้ฟังที่เอ๊กซ์พูดแล้วก็ได้คิด พ่ออุตส่าห์เลี้ยงดูเขามาทั้งชีวิต เช็ดอึเช็ดฉี่มานับครั้งไม่ถ้วน เขาไม่น่าจะมาคิดถือสาอะไรกับเรื่องแค่นี้  มิลค์กลับไปตรวจสอบสภาพช่องทางด้านหลังของเอ็กซ์อย่างละเอียดแล้วก็โล่งอกที่ไม่มีร่องรอยการฉีกขาด เขาปล่อยให้พ่อแช่น้ำต่อส่วนตัวเองก็มาอาบน้ำชำระคราบที่เปื้อนหน้าที่ฝักบัวที่แยกออกมาใกล้ๆ เมื่อต่างคนอาบน้ำเสร็จก็มายืนเปลือยเช็ดตัวข้างๆ กันตรงหน้ากระจกอ่างล้างหน้า

“แล้วเจ้านายของเราล่ะ เป็นไงบ้าง เห็นก่อนหน้านี้บอกว่าเขาไม่ได้ซื้อตัวเราไปใช้ปรนเปรอทางเพศ คงไม่มาดีแตกทีหลังหรอกนะ”

เอ็กซ์ถามลูกชายอย่างเป็นห่วง

“ก็เหมือนเดิมครับ อาจารย์เขาไม่ได้ใช้งานผมอย่างทาสหรอก ไม่ได้โดนล่วงเกินอะไรเลย แค่ให้ไปช่วยงานสอนกับพวกงานในโรงพยาบาล แล้วก็มีทำวิจัยอีกนิดหน่อย เขาบอกว่าผมเป็นนักศึกษามหาลัยนี้ก็เหมือนเป็นลูกศิษย์เขา ทำอะไรไม่ลงหรอก แถมตอนนี้ผมยังได้เป็นลูกศิษย์คณะเขาจริงๆ ด้วย”

มิลค์บอกความจริงแค่บางส่วน เขาไม่ได้ลงรายละเอียดว่างานที่ช่วยอาจารย์ทำมันน่าอับอายขายหน้าขนาดไหน ถึงพ่อของเขารู้ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ มีแต่จะไม่สบายใจเปล่าๆ ตัวพ่อเองยังเอาตัวไม่รอดเลย

“โชคดีของลูกนะ ไม่ต้องมาเจออะไรหนักๆ อย่างที่พ่อโดน”

“อาอาร์ตเขาโหดกับพ่อมากหรอ”

มิลค์ถามขณะที่จ้องมองร่องรอยการถูกทรมานจางๆ ตามตัวของเอ็กซ์ ที่สะดุดตาเขาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในรถแล้วคือขนบริเวณอวัยวะเพศที่ดกดำแต่ตอนนี้มีบางจุดแหว่งหรอมแหรมเหมือนถูกถอน

เอ็กซ์อึกอักที่จะตอบคำถามของลูกชาย

“ก็ไม่หนักมาก ประมาณที่เราเคยเล่นกับน้องนั่นแหละ”

เอ็กซ์หมายถึงบุตรชายบุญธรรมลูกติดภรรยาที่เขาสองพ่อลูกเคยใช้เป็นที่ปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศแบบซาดิสม์ของแต่ละคน มิลค์หน้าถอดสีเมื่อนึกสิ่งต่างๆ ที่เขาเคยทำกับน้องชายต่างสายเลือด

“เวลาที่เจ้านายเขาเกิดอารมณ์มากๆ เขาจะเล่นพ่อหนักหน่อย นอกนั้นก็ไม่เท่าไหร่”

เอ็กซ์อธิบายต่อ มิลค์เข้าใจได้ทันที แต่ก่อนยิ่งเขาเงี่ยนเท่าไหร่ ก็จะยิ่งอยากระบายความรุนแรงใส่ใครซักคนซึ่งก็ไม่พ้นน้องชายบุญธรรม พอทำจนปลดปล่อยอารมณ์เสร็จถึงได้รู้สึกตัวว่าทำรุนแรงไป นั่นทำให้น้องชายสับสนไม่น้อยที่ตัวเขาเปลี่ยนกลับไปกลับมาระหว่างพี่ชายดีๆ คนหนึ่งกับไอโรคจิตหื่นโหดราวกับเป็นคนสองบุคลิค

“ค่อยคุยกันต่อนะ พ่อต้องไปเคลียร์งานช่วงเย็นก่อนทานข้าว อีกซักชั่วโมงครึ่งค่อยเจอกันที่โต๊ะอาหาร”

เอ็กซ์บอกลูกชายแล้วเดินนุ่งเสื้อคลุมอาบน้ำออกจากห้องไป

.....................

เมื่อได้เวลาอาหารค่ำที่นัดกันไว้ มิลค์ก็ลงจากห้องไปที่โต๊ะอาหาร เขาเห็นอาร์ตกำลังจัดเรียงอาหารอย่างขะมักเขม้นโดยมีพ่อเขาในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำคอยช่วยอยู่ด้วยท่าทางที่ติดๆ ขัดๆ เด็กหนุ่มสังเกตท่อนลำของเอ็กซ์ที่แข็งตัวดันผ้าออกมาเป็นแนวแล้วประหลาดใจ อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้วแถมยังเพิ่งน้ำแตกไปสามรอบในเวลาไม่กี่ชั่วโมงไม่น่าจะมาคึกคักได้อะไรแบบนี้ ช่องแหวกของสาบเสื้อที่ผูกไว้หลวมๆ ทำให้มิลค์เห็นอะไรแปลกที่อยู่ด้านใน

“พ่อถอดเสื้อคลุมออกเดี๋ยวนี้ ผมขอดูหน่อยว่าอาอาร์ตทำอะไรกับพ่อบ้าง”

“เอ่อ พัตเตอร์ อาว่ามันจะไม่เหมาะ...”

นักบัญชีหนุ่มปรามทั้งๆ ที่ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิด

“กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิอาอาร์ต พ่อเองก็ไม่ต้องพูดเลย ผมรู้ว่าอาอาร์ตเป็นเจ้านายแต่มันก็ต้องมีลิมิตกันบ้าง ถอดเสื้อคลุมออกสิครับ”

เมื่อเห็นอาร์ตพยักหน้าให้ เอ็กซ์ก็ถอดเสื้อคลุมออกตามคำขอของลูกชายเผยให้เห็นเรือนร่างที่เปล่าเปลือย มิลค์อยากจะเบือนหน้าหนีกับสภาพของผู้เป็นพ่อ หัวนมทั้งสองข้างของเอ็กซ์มีไม้หนีบผ้าพลาสติกหนีบอยู่พร้อมรอยกัดรอบๆ บริเวณหน้าท้องมีหยดน้ำตาเทียนเกาะอยู่เป็นแผ่นใหญ่ อวัยวะเพศแข็งตัวแดงก่ำมีห่วงโลหะรัดแน่นอยู่ตรงโคนส่วนช่วงตรงปลายหัวเงี่ยงมีเชือกพันไว้แน่นหนา ปลายเชือกอีกด้านโยงไปผูกกับปลอกคอหนังที่หนุ่มใหญ่สวมอยู่บังคับให้ลำอวบใหญ่ตั้งขึ้นแนบกับหน้าท้องเผยให้เห็นถุงอัณฑะสองข้างที่ถูกเชือกผูกรัดไว้จนบวมเบ่งมีหยดน้ำตาเทียนเกาะอยู่เกือบเต็มพื้นที่ มิลค์จับเอ็กซ์หันไปด้านหลังก็พบว่าก้นของพ่อตัวเองแดงเหมือนตูดลิงแถมมีส่วนฐานของเซ็กส์ทอยบางอย่างคาพ้นออกมาจากรูก้น มิลค์ส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้กับรสนิยมวิปริตของอาร์ต เป็นฝ่ายกระทำมันก็สนุกดีหรอก แต่พอเห็นคนที่ตัวเองรักเป็นคนโดนมิลค์รู้สึกว่ามันไม่สมควรจริงๆ

“เอ่อ มันเป็นรสนิยมของอากับพี่เอ็กซ์เองแหละ เราอาจจะตกใจบ้าง แต่มันก็เพื่อความสุขทางเพศ พี่เอ็กซ์เองก็เต็มใจ อาอยากให้พัตเตอร์เข้าใจนะ”

อาร์ตแก้ตัว ถึงเขาจะอยากให้ลูกของเอ็กซ์รับรู้ถึงความสัมพันธ์ที่มีแต่ก็ไม่อยากถูกเกลียดเช่นกัน

“ก็พ่อเป็นทาสของอา ยังไงพ่อก็ต้องทำตามที่อาสั่งอย่างเต็มใจอยู่แล้ว ไม่งั้นอาจะทุ่มเงินมากมายประมูลซื้อพ่อมาจากองค์กรแบบนี้เหรอ”

มิลค์โพล่งออกมาอย่างเหลืออด เขาอยากจะคุยเรื่องนี้กับอาร์ตอย่างเปิดเผยซะที ไม่งั้นอาร์ตก็จะทำเหมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะพ่อเขาต้องการเองอยู่ตลอด

อาร์ตตกใจกับคำตอบที่ได้ เขาหันไปถามเอ็กซ์ด้วยความไม่เข้าใจ

“ทำไมพัตเตอร์ถึงรู้เรื่องนี้ได้ พี่เป็นคนเล่าเหรอ มันไม่น่าเป็นไปได้ เราโดนองค์กรควบคุมจิตไว้ไม่ให้บอกเรื่องนี้กับคนที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ใช่เหรอ”

“พัตเตอร์เขาเป็นกรณีพิเศษครับเจ้านาย เอาเป็นว่าเขารู้เรื่ององค์กรพอๆ กับพวกเราเหมือนกัน”

เอ็กซ์ไม่อยากขยายความว่าลูกชายตัวเองก็ตกเป็นทาสเช่นเดียวกันจึงตัดบทไปแต่อาร์ตก็ยังสงสัยไม่เลิก

“ผมรู้ก็แล้วกันอาอาร์ต ทีนี้ก็ไม่ต้องมาทำเป็นว่าพ่อผมชอบแบบนี้ ทุกอย่างอาอาร์ตเป็นคนสั่งทั้งนั้น ผมไม่ได้จะคัดค้านอะไรในประเด็นนั้น อาอาร์ตเป็นนายก็มีสิทธ์อยู่แล้ว แต่อย่าทำอะไรที่มันเกินไปได้ไหม อาก็รู้ว่าการใช้งานทาสมันก็มีข้อจำกัดอยู่”

“ไม่เป็นไรหรอกลูก พ่อเป็นทาสระดับสองนะ อย่างนี้พ่อทนได้ ดีกว่าจะให้ไปแก้ผ้าให้คนทั่วไปดู”

เอ็กซ์พยายามไกล่เกลี่ย

“ไม่รู้ล่ะ จะทาสระดับไหนแต่ก็เจ้านายก็ไม่มีสิทธิ์ทำรุนแรงจนทาสพิการได้”

“อาไม่ได้ทำขนาดนั้นซะหน่อย เราไปเอาที่ไหนมาพูด”

อาร์ตประท้วงกับข้อกล่าวหาของมิลค์

“งั้นในฐานะที่ผมเป็นลูกและในฐานะว่าที่หมอ ผมถามอาอาร์ตหน่อยว่าการรัดไข่พ่อจนแน่นขนาดนี้ มันอาจจะผิดพลาดจนเป็นหมันได้หรือเปล่า”

อาร์ตหน้าจ๋อยเมื่อโดนลูกชายของทาสไล่เบี้ยเอา

“อาไม่ได้มัดแรงขนาดนั้นซะหน่อย”

“อาไม่ใช่หมอจะรู้ได้ยังไง แล้วยังหยดน้ำตาเทียนใส่อีก อาไม่รู้เหรอว่าเซลล์เนื้อเยื่อตรงนั้นมันอ่อนไหวกับอุณหภูมิขนาดไหน ถ้าพ่อผมเป็นหมันถาวรขึ้นมาผมคงอดมีน้องไปตลอดชีวิตแน่”

เอ็กซ์ทำคอย่น นี่ลูกชายเขายังจะหวังมีน้องอีกเหรอนี่

“แล้วเอาห่วงเหล็กมารัดที่โคนนี่คืออะไร จะให้เลือดคลั่งขาดออกซิเจนเน่าจนต้องตัดทิ้งเหรอ”

อาร์ตใจหายวาบเมื่อคิดว่าต้องเสียของที่เขาชื่นชอบในตัวพี่เอ็กซ์ที่สุดไป เขาละล่ำละลักตอบ

“อาก็แค่รัดให้มันแข็งตัวนานๆ ใครๆ เขาก็ทำกัน แล้วนี่ก็เป็นเงินแท้นะ ไม่ใช่เหล็ก ไม่ต้องกลัวเป็นสนิม”

“อาหลงประเด็นแล้ว ปัญหาคือห่วงโลหะมันอาจทำให้เลือดคลั่งจนอวัยวะเพศบวม แล้วพอเป็นอย่างนั้นมันจะถอดไม่ออก คนฉลาดๆ เขาใช้เป็นห่วงซิลิโคนกันทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครใช้ห่วงโลหะแบบอาหรอก รักจะเล่นแนวนี้มันต้องมีความรู้ด้วย ถ้าพ่อผมเป็นอะไรไปองค์กรก็ไม่ปล่อยอาไว้เหมือนกัน ทีนี้จากเจ้านายอาจได้กลายเป็นทาสกับเขาบ้าง”

มิลค์สำทับด้วยท่าทางเด็ดขาดน่าเกรงขามอย่างที่เลียนแบบอาจารย์หมอเวลาดุพวกรุ่นพี่มาได้แบบเป๊ะๆ อาร์ตหน้าเหลือสองนิ้วขณะพึมพำแก้ตัวเสียงเบาจนจับประเด็นไม่ได้

“แล้วนี่เอาอะไรยัดก้นพ่อผม ถามจริง เป็นอะไรมากไหมกับรูก้นนี่ ชอบเอาอะไรยัดเหลือเกินนะ”

มิลค์บ่นขณะล้วงไปที่ก้นของเอ็กซ์เพื่อดึงสิ่งแปลกปลอมออกมา เพิ่งเอาไข่สั่นออกไปนี่ยัดอะไรเข้ามาอีกแล้ว เจลหล่อลื่นที่ค้างอยู่ทำให้เอาออกไม่ยากเท่าไหร่ เพียงครู่เดียวมิลค์ก็ได้เซ็กส์ทอยหน้าตาเหมือนลูกชิ้นปิ้งเสียบไม้แต่เรียงเม็ดจากขนาดเล็กไปใหญ่มาถือไว้ในมือ

“ทำไมต้องใช้ของแบบนี้ด้วย ของอาเองไม่แข็งเหรอถึงต้องใช้ของปลอม ไปให้อาจารย์ผมรักษาไหม เก่งมากเลยนะ เอ่องั้นผมถามต่อเลยแล้วกัน อามีเพศสัมพันธ์กับพ่อผมบ่อยเปล่า หมายถึงแบบสอดใส่น่ะ”

อาร์ตก้มหน้างุด ใบหน้าขาวขึ้นสีเล็กน้อยขณะตอบ

“ก็ไม่บ่อยหรอก อาทิตย์นึงก็แค่สามสี่ครั้ง”

“โห วัยนี้ก็ถือว่าบ่อยนะ  แล้วอาไปมั่วกับคนอื่นด้วยเปล่า ยังไงต้องสวมถุงยางด้วยนะเดี๋ยวเอาโรคมาติดพ่อผม พ่อผมเป็นทาส ไปมีอะไรกับคนอื่นไม่ได้อยู่แล้ว อาใส่ไซส์ไหนเดี๋ยวคราวหน้าผมเอามาฝาก อาจารย์ผมได้ของตัวอย่างจากบริษัทมาเยอะแยะ เกรดดีๆ บางเฉียบทั้งนั้น”

“ไม่เป็นไร อาไม่ได้มั่วกับคนอื่น แล้วอาก็ไม่ได้ใช้ด้วย”

“ถึงไม่ได้มั่วก็ควรจะใส่นะ เดี๋ยวผมหาแบบบางๆ เหมือนไม่มีอะไรคั่นให้เลย มีอะไรกันด้านหลังใส่ไว้สะอาดกว่า ไม่ต้องให้พ่อผมมาเสียเวลาล้างออกด้วย”

“ใส่นะ ปกติก็ใส่อยู่แล้ว แต่อาไม่ได้เป็นคนใส่ ถามพ่อเราเองแล้วกันว่าเขาจะเอาไซส์ไหน”

มิลค์มองหน้าแดงก่ำของอาร์ตอย่างคาดไม่ถึงแล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“ฮ่าๆ อุบ อ้าวเหรอ โทษทีที่เข้าใจผิด ผมนึกว่าคนเป็นเจ้านายจะไม่มีใครยอมเป็นฝ่ายเจ็บตัวซะอีก งั้นก็แล้วไป อาระวังตัวเองเอาแล้วกัน พ่อผมใหญ่  เดี๋ยวจะฉีก”

มิลค์พูดอย่างภูมิใจที่พ่อยังคงศักดิ์ศรีแห่งลูกผู้ชายไว้ได้ ในขณะที่อาร์ตเริ่มรู้สึกว่ามิลค์ไม่ได้น่าเอ็นดูอย่างที่เคยคิด แต่ถึงยังไงเขาก็คงเกลียดลูกชายของพี่เอ็กซ์ไม่ลง ก็หน้าตาเหมือนกันแถมยังเป็นเด็กที่รักพ่อซะขนาดนี้ เอาไว้ถ้ามีโอกาสเขาขอล้างแค้นเล็กๆ ที่โดนสอบสวนซะจนต้องคายความลับว่าเขาเป็นเจ้านายที่เป็นฝ่ายรับออกมาซะงั้น ความจริงคือ ได้ออกคำสั่งให้อับอายหรือทรมานเล่นมันก็ตื่นเต้นเร้าอารมณ์ดี แต่พอเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มเขาอยากเป็นฝ่ายโดนมากกว่า พี่เอ็กซ์หล่อล่ำแรงดีแถมลีลาก็อย่างเทพ เขาจะต้องไปเหนื่อยเองทำไม นอกจากวันไหนนึกคึกอยากออกกำลังก็ค่อยลุกขึ้นไปขย่มตอเอาเอง หนุ่มนักบัญชีคิดแล้วน้ำลายไหลแต่ต้องอดใจ นานๆ มิลค์จะมาสักทีวันนี้ปล่อยให้พ่อลูกอยู่ด้วยกันไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยจัดเต็ม
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [2] 30/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 01-10-2016 01:03:35
แหม มิลน่ารักจังแอบดุนะเรา แต่ก็ดีแล้วเพราะอาร์ตเล่นอันตรายเกินไปจริงๆ อย่างที่บอกริจะเล่นทางนี้ควรศึกษามาให้ดี
ขอบคุณที่มาต่อจ้า  o13 o13
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [2] 30/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 01-10-2016 18:38:25
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [2] 30/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: HypnosisDreams ที่ 02-10-2016 11:51:29
มิลค์น่ารักขึ้นทุกวัน
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [2] 30/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: รานังคูลัส ที่ 02-10-2016 12:11:35
 :pighaun: :pighaun:
ชอบนิยายเรื่องนี้มากค่ะ สนุกมาก อ่านแล้วคิดตามตลอด เป็นการบรรยายแบบที่เพิ่งเคยเจอ ชอบตรงที่ตอนนึงยาวมากๆอ่านแบบจุใจ ขอบคุณที่มาเพิ่มพิเศษให้อ่านนะคะ
หวังว่าจะมีผลงานใหม่ๆมาให้ตามอีก
จะรอติดตามค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [2] 30/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 02-10-2016 14:52:45
กรี๊ดดดด คู่อาร์ตเอ็กซ์มีบท ปลื้มปริ่ม  :pighaun:

จริงของน้องมิลค์นะอาอาร์ต รักจะเล่น SM ก็ต้องมีความรู้หน่อย เกิดมีปัญหาทางเทคนิค พี่เอ็กซ์ต้องเจื๋อน...ทิ้งกลายเป็นขันที อาร์ตก็อด(ขย่ม) คนอ่านก็อด(เผือกข้างเตียงชาวบ้าน) น้าาาา  :serius2:

คุณพ่อเอ็กซ์กับคุณลูกพัตเตอร์(aka มิลค์)สนิทกันดีเนอะ ถ้าเมื่อก่อนระงับอารมณ์อยู่ ไม่ได้ไประบายกับลูก/น้องชายบุญธรรม คงเป็นครอบครัวที่เฮฮา

ส่วนเดือนแพทย์ แอบเล็งมิลค์ไว้ล่ะสิ รุกxรุกรึเปล่านะงานนี้  :hao6:

รออย่างตั้งใจ มาต่อเร็วๆน้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [2] 30/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 03-10-2016 10:46:21
เดือนแพทย์นี่เล็งมิลค์อยู่ล่ะสิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [2] 30/09/16
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 06-10-2016 05:27:06
รอครับ
ขอมาต่อมิลค์เร็วๆ
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [3] 08/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 08-10-2016 22:04:16

องค์กรลวงจิต Explicit Content
ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [3]

มิลค์กลับไปเรียนด้วยความสบายใจมากขึ้น ถึงอาร์ตจะมีรสนิยมไปในทางที่ชอบทรมานคู่นอนแต่ก็ดูจะมีเหตุผลและเป็นห่วงพ่อเขาจากใจจริง คืนนั้นทั้งคืนเด็กหนุ่มแทบไม่ได้นอนเพราะมัวแต่หาข้อมูลทางการแพทย์เกี่ยวกับการเล่นซาดิสม์อย่างปลอดภัย  มิลค์เขียนสรุปเป็นคู่มือที่กระชับเข้าใจง่ายส่งให้กับอาร์ตในตอนเช้าพร้อมกำชับให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เขายังทิ้งท้ายก่อนกลับว่าถ้าจะเล่นอะไรใหม่ๆ ที่ไม่ได้เขียนอยู่ในนั้นให้โทรมาปรึกษาก่อน เอ็กซ์ได้ยินแล้วก็ทำหน้าประหลาดเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กอนุบาลที่ถูกผู้ปกครองพาไปฝากฝังไว้กับคุณครูพี่เลี้ยง

เมื่อมิลค์มาถึงคณะในตอนเช้าก็พบว่าเต้าหู้มาดักรออยู่แล้ว เขามองเด็กหนุ่มหน้าจืดในชุดนักศึกษาเชยๆ อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่เมื่อนึกถึงความสอดรู้สอดเห็นของอีกฝ่ายเมื่อวาน

“หวัดดีมิลค์ วันนี้เราขอรบกวนไปกับนายอีกนะเรายังไม่รู้จักคนอื่นเลย”

เต้าหู้ทักและขอร้องอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“เราไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ แค่เรารู้สึกแปลกๆ เพราะไม่ชินเท่านั้น ก็อย่างว่าเรามาจากต่างจังหวัดมุมมองคงจะแคบไปบ้าง แต่พอมานึกๆ ดู เราว่าที่นี่ดีจังนะที่พยายามสอนจากของจริง ที่นายไปช่วยอาจารย์เนี่ยเป็นงานพิเศษเหรอ เห็นรุ่นพี่รู้จักนายเยอะแสดงว่าทำมาตั้งแต่ก่อนขึ้นมหาลัยอีกสิ ดีจังนะ เด็กต่างจังหวัดอย่างเราไม่รู้จักใครเลย”

“ที่นายมาตีสนิทกับเรานี่ก็แค่เพราะไม่รู้จักใครแค่นั้นละสิ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ เราไม่เถียงว่าเราอยากมีเพื่อน แต่ที่เราอยากรู้จักนายเพราะนายดูเท่จริงๆ แล้วก็กว้างขวางรู้จักรุ่นพี่เยอะแยะ เราอยากเป็นอย่างนี้บ้าง”

มิลค์นึกถึงเรื่องสนกๆ ที่เคยคิดไว้แล้วก็ซ่อนยิ้มขณะตอบกลับไปว่า

“ถ้าแค่นั้นก็ไม่เห็นจะเป็นไร ถ้านายจะเป็นเพื่อนกับชั้นก็ได้ แค่อย่าขัดความเห็นกันบ่อยๆ ก็แล้วกัน ชั้นไม่ชอบ”

“จริงๆ นะมิลค์ โอย เราดีใจ เวลานายกลับไปอยู่กับเพื่อนที่มาจากโรงเรียนเดียวกัน นายก็อย่าลืมเรานะ”

เต้าหู้ขอความมั่นใจ ท่าทางอย่างมิลค์คงจะมาจากโรงเรียนดังๆ ที่มีคนติดหมอที่นี่หลายคนแน่

“ไม่มีหรอก ชั้นซิ่วมา เพื่อนๆ ในคณะนี้ก็อยู่ปีสองกันแล้ว และก็ไม่ได้สนิทด้วย”

“งั้นเราต้องเรียกพี่ไหม”

“ไม่ต้อง เพื่อนกัน จริงๆ น่าจะพูดกูมึงกันได้แล้วนะ”

“เราขอไม่พูดได้เปล่า แม่เราไม่ชอบให้พูดหยาบคาย แต่นายจะพูดกับเราก็ได้นะ เราไม่ถือ”

เพื่อนใหม่ดูเอ๋อไม่น้อย แต่ถ้าพูดอยู่คนเดียวกูก็ดูสถุลสิวะ ช่างมัน มิลค์คิดอยู่ในใจ

“มึงบอกว่าที่มาคบกับกูเพราะมึงอยากดังใช่ไหม”

“ไม่ใช่ เราแค่อยากให้เพื่อนรู้จัก เราไม่อยากถูกมองข้ามอีกแล้ว สมัยมัธยม ถ้าไม่เพราะเราเรียนเก่ง คงไม่มีใครรู้จักเรา แต่ที่นี่ทุกคนเก่งกันหมด เราเลยอยากเป็นเพื่อนกับนาย เวลาทุกคนมองมาที่นาย ก็คงเห็นเราไปด้วย”

“มึงมันพิลึก เหมือนกันแหละ ถ้าไม่อยากถูกมองข้าม มึงก็ต้องทำตัวให้โดดเด่น ถ้ามึงเชื่อกู มึงจะเป็นที่จดจำของเพื่อนๆ ไปตลอด”

“ในด้านดีนะ”

“เรื่องนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่ามึงมีอะไรดีๆ อยู่ในตัวบ้าง ไว้ค่อยว่ากัน ก่อนอื่น เอาตังค์มาให้กูห้าพัน”

“นายจะเอาไปทำอะไร นายเดือดร้อนเรื่องเงินเหรอ จะยืมเราใช่เปล่า”

“กูเป็นเพื่อนออกปากขอ มึงจะให้ไม่ให้ก็ตามใจ แต่บอกไว้ก่อนว่าห้าพันนี้มึงไม่ได้คืนแน่ๆ”

“ได้สิ นายเป็นเพื่อนเรา เราให้ได้ แต่ครั้งหน้าเราต้องรู้สาเหตุด้วยนะ”

มิลค์รับเงินมาโดยไม่ตอบอะไร เต้าหู้กังวลอยู่บ้างที่อยู่ๆ ก็ถูกขอเงินทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกัน  ถึงจะเป็นคนซื่อแต่เต้าหู้ก็ไม่ได้โง่ที่จะยกเงินจำนวนขนาดนี้ให้คนอื่นโดยไม่มีที่มาที่ไป เขาเพียงแค่อยากลองเชื่อใจเพื่อนใหม่ดูและหวังว่าคงตัดสินใจไม่ผิด ฝ่ายมิลค์ก็รู้สึกแปลกใจที่เพื่อนคนนี้ว่าง่ายกว่าที่คิดไว้ตอนแรกซะอีก เขาแกล้งขอไปอย่างนั้นทั้งๆ ไม่คิดว่าจะได้ ท่าทางเขาจะได้วัตถุดิบดีๆ ในการทำอะไรสนุกขึ้นมาแล้ว ตั้งแต่เด็กเขาชอบเล่นเฉพาะของเล่นที่ต้องลงมือทำด้วยตัวเอง อะไรที่สำเร็จรูปมาอย่างพวกหุ่นยนต์หรือรถเขาจะไม่ชอบเลย มิลค์ในวัยเด็กจะเล่นแต่พวกตัวต่อเลโก้หรือแป้งโดว์หรืออะไรก็ตามที่เขาสามารถสร้างสรรค์ปั้นแต่งได้อย่างใจนึกเท่านั้น

.............

สัปดาห์แรกของการเปิดเทอมผ่านไป มิลค์รักษาสัญญาที่บอกว่าจะเป็นเพื่อนสนิทให้เป็นอย่างดี แต่ถึงจะตัวติดกันกับคนที่เด่นขนาดนี้ คนหน้าจืดๆ อย่างเต้าหู้ก็ไม่เป็นที่สนใจของเพื่อนๆ อยู่ดี

“อ่ะ มึงใช้ครีมอันนี้ กูเพิ่งมีเวลาไปเอา”

มิลค์ส่งถุงกระดาษใบเล็กๆ แต่ดูเรียบหรูให้กับเต้าหู้เมื่อเจอกันในเช้าวันแรกของสัปดาห์ที่สอง

“อะไรนี่”

“ครีมทาหน้า สิวมึงจะได้หายซะที รับรองอีกไม่นานหน้าเนียนใส ของศูนย์นุจภาพหมอพฤกษ์ แพงโคตรๆ นี่ขนาดกูรู้จักคนข้างในซื้อได้ราคาสมาชิกแล้วนะ เงินที่เอาจากมึงไปยังเกือบไม่พอเลย”

“ใช่ที่เป็นคลีนิคไฮโซใช่เปล่า ทำไมมิลค์ถึงรู้จักได้”

“กูเคยไปเข้าคอร์สที่นั่น เจ้านายกูส่งไป ไม่มีปัญญาไปเองหรอก”

“ว้าว ว่าแล้วทำไมนายถึงได้ดูดีนัก เจ้านายที่ว่านี่คือคนที่ไปทำงานพิเศษด้วยใช่เปล่า งานอะไรนายยังไม่บอกเราซะที”

“มึงยังไม่ต้องรู้หรอก แล้วนี่ชุดนักศึกษาตอนกูเรียนวิศวะ มีหลายตัว มึงเอาตัวนึงไปเปลี่ยนตอนนี้เลย จะได้เป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้าง”

มิลค์บอกแถมจัดการเสร็จสรรพโดยการคว้ามืออีกคนเข้าห้องน้ำทันที

“กางเกงมันคับไปอ่ะ รูดซิปไม่ขึ้น นี่นายตัวเล็กกว่าเราเหรอ เห็นสูงพอๆ กัน”

“ก็มึงมันสายกล้ามนี่ ขึ้นเป็นลูกขนาดนั้น รู้แล้ว ก็มึงเล่นใส่ทั้งบ๊อกเซอร์ทั้งกางเกงในนี่ แถมเป็นแบบผ้าหนาด้วย”

“ถ้าไม่ใส่แบบนี้ บางทีของเรามันเห็นเป็นลำน่าเกลียดจะตาย”

เต้าหู้พูดอายๆ

“งั้นใส่แค่ตัวเดียว ไม่สิไม่ต้องใส่เลยดีกว่า เอ้าถอดออกให้หมดทั้งบ๊อกเซอร์ทั้งกางเกงใน”

“ไม่เอา กางเกงฟิตขนาดนี้ มันก็ยิ่งเห็นสิ”

“ไม่ต้องห่วง กางเกงเก่ามึงมันหลวมขนาดนั้น มันก็มีที่ให้แกว่งไปแกว่งมาคนก็รู้หมด แต่ถ้าเป็นสกินนี่แบบนี้มันจะรัดแน่นอยู่กับที่ คนก็นึกว่าเป็นรอยผ้า ไม่มีใครมานั่งสนใจสังเกตหรอก”

“จริงเหรอ”

“เพื่อนเต้าหู้ครับ เชื่อเพื่อนมิลค์สิครับ มึงต้องปรับบุคลิคโดยเร็ว ปล่อยนานไปเพื่อนๆ เขาจะสนิทกันเองหมด ไม่มาสนใจมึง จะโทษกูไม่ได้นะ กูอุตส่าห์เอาชุดมาให้ มึงจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องหยุมหยิมแบบนี้ ผู้ชายเขาไม่เป็นกันหรอก”

คิดไปคิดมาเต้าหู้ก็เห็นจริงตามเพื่อน มิลค์อุตส่าห์ช่วยขนาดนี้เขายังเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาทำให้เพื่อนเสียน้ำใจอีก เขาถอดกางเกงออกจนหมดเพราะอีกฝ่ายยืนยันว่าจะไม่ออกไปจนกว่าเขาจะแต่งตัวเสร็จ เขาลอบสังเกตอาการของมิลค์แล้วก็สบายใจ เพื่อนเขาไม่มีท่าทีสนใจจะมองของสงวนของเขาเลย เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือ ที่เคยระแวงหน่อยๆ ว่ามิลค์จะเป็นเกย์ก็ตกไป

พอลองกางเกงอีกทีก็รูดซิปขึ้นจนสุดได้จริงๆ แต่กางเกงฟิตมากแถมยังเอวต่ำจนเขาไม่รู้จะจัดน้องชายให้อยู่ท่าไหนดี

“ให้พาดไปด้านข้างอย่างนั้นแหละดีแล้ว กูว่าเหมือนแนวพองของผ้าไม่น่าเกลียดหรอก”

มิลค์เสนอแนะ ในใจก็อดขำไม่ได้ ขึ้นเป็นลำอวบขนาดนั้นแถมมีรูปร่างเหมือนหัวเห็ด ใครคิดว่าเป็นรอยผ้าก็บ้าแล้ว แต่ก็ยังมีคนเชื่ออยู่คนนึง

“พอนายบอกอย่างงั้น เราว่าดูๆ มันเป็นผ้าแหละ”

เต้าหู้บอกพร้อมกับถอดเสื้อออก มิลค์มองหุ่นของเพื่อนด้วยความชื่นชม นอกจากจะขาวจั๊วหัวนมชมพูแล้ว กล้ามล่ำๆ ที่เป็นมัดพวกนี้ก็ดูดีจนถ้าใครได้เห็นคงหลงไหลจนลืมใส่ใจกับหน้าตาจืดๆ ของเจ้าของไปเลย ไม่นับของดีที่เผยให้เห็นแค่รูปร่างผ่านกางเกงรัดติ้วตัวนี้อีก เขาจะค่อยๆ เจียระไนให้เพื่อนคนนี้โด่งดังสมใจภายใต้การบงการของเขาเอง

“เสื้อมันแน่นมากเลย เรารู้สึกเหมือนขยับตัวไม่สะดวก กลัวขาด”

“มึงแค่ไม่ชินเท่านั้นแหละ ใส่แต่เสื้อลุงๆ มาตลอดเลยนี่นา คนอื่นก็ใส่พอดีตัวกันแบบนี้ทั้งนั้น ยิ่งพวกผู้หญิงด้วยแล้ว”

มิลค์มองดูเพื่อนในเสื้อเชิร์ตแสนสั้นอย่างพอใจ มันพอดีจนเห็นหัวนมของเต้าหู้ผ่านเนื้อผ้าบางๆ ได้อย่างชัดเจน

“แต่ชายเสื้อมันสั้นมากนะ กางเกงก็เอวต่ำ เรากลัวขอบกางเกงในจะโผล่”

“กูรับรองพันล้านเปอร์เซ็นต์ว่าขอบกางเกงในมึงไม่โผล่แน่นอน”

มิลค์ให้ความมั่นใจแล้วก็ลากเพื่อนออกมาจากห้องน้ำทั้งๆ ที่ยังงงๆ อยู่ ก่อนจะออกเขาก็แอบทิ้งชุดเก่าและกางเกงชั้นในลงถังขยะไป

เต้าหู้เดินตามมิลค์เข้ามาในคลาสด้วยความไม่มั่นใจ เขารู้สึกอึดอัดกับชุดที่ใส่อยู่ ทั้งความพอดีเกินไปของมันและสายตาของเพื่อนที่มองมิลค์แล้วมาหยุดอยู่ที่เขาแทนที่จะมองผ่านเลยไปเหมือนทุกที

“นายๆ ชื่ออะไรอ่ะ เราชื่อเคี้ยง”

เพื่อนร่วมชั้นหน้าตี๋ที่นั่งติดกันเป็นฝ่ายทักขึ้นมาก่อน

“เต้าหู้ เราชื่อเต้าหู้”

“ชื่อแปลกดีนะ นายเล่นฟิตเนสที่ไหนอ่ะ หุ่นงี้สุดยอด เผื่อไว้ไปเล่นด้วยกัน”

“หมายถึงออกกำลังกายเหรอ เราออกที่บ้าน หมายถึงที่ต่างจังหวัดน่ะ แต่ตั้งแต่มาอยู่กรุงเทพ ไม่ได้ออกเลย ได้แต่ไปวิ่ง”

“งั้นทีหลังไปลองเล่นที่สวนสุขภาพข้างๆ สระว่ายน้ำสิ พวกเด็กวิทย์กีฬากับเด็กวิศวะเขาช่วยกันทำอุปกรณ์ฟิตเนสไว้ แบบง่ายๆ เล่นกันกลางแจ้ง”

วันนั้นทั้งวันมีคนมาทักเขาอีกสองสามราย ทั้งๆ ที่ปกติมีแต่พยายามเข้าหามิลค์ไม่สนใจเขาเลย อย่างดีก็พยักหน้าให้นิดนึง ทั้งสัปดาห์นั้น เต้าหู้รู้สึกว่าเขาเป็นที่สนใจของเพื่อนๆ มากขึ้น แต่ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่าคนที่มาคุยกับเขาจะไม่ค่อยมองหน้า ไม่มองหน้าอก ก็มองต่ำลงไปกว่านั้น เริ่มเห็นว่าวิธีการของมิลค์ได้ผลจริงๆ เขาตั้งใจว่าจะไม่สงสัยอะไรแล้วถ้ามิลค์จะให้เขาทำอะไร

แต่พอเจอคำแนะนำใหม่จากมิลค์จริงๆ ในข่วงเย็น เขาก็อดถามไม่ได้

“นายจะให้เราถอดเสื้อลองตรงกลางใต้ถุนคณะเลยนี่นะ ไม่ดีหรอก คนเยอะแยะ มีผู้หญิงด้วย ไหนจะพวกรุ่นพี่อีก เราว่ามันจะดูไม่สุภาพเอานะ”

เต้าหู้เอ่ยปากค้าน ตอนนี้พวกรุ่นพี่สโมฯ กำลังเอาเสื้อยืดเฟรชชี่มาให้น้องๆ ลองขนาดกันอย่างวุ่นวายอยู่ที่ใต้ตึก ส่วนใหญ่ก็เอามาทาบๆ วัดๆ แล้วเลือกกันเลยเพราะยังไงก็แค่เสื้อยืดคอกลม จะหลวมจะคับไปบ้างนิดหน่อยก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร บางคนก็ลองสวมทับเสื้อนักศึกษาไปเลยก็ดูเป็นสไตล์แฟชั่นแบบเท่ๆ นักศึกษาหญิงที่จุกจิกหน่อยก็ขอยืมรุ่นพี่ไปลองในห้องน้ำกันเป็นกลุ่มใหญ่

“จะคิดมากอะไรนักหนา ก็บอกแล้วไงว่ามึงควรจะถอดเสื้อให้บ่อยที่สุด จะได้โชว์กล้ามให้คนอื่นเห็น นี่โอกาสมาถึงตรงหน้าแล้วแท้ๆ คนเยอะแยะแบบนี้จะมีอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”

“แต่มันจะเน้นรูปลักษณ์ภายนอกเกินไปหน่อยไหม เราอยากให้เพื่อนจดจำเราในเชิงอื่นมากกว่า”

“มึงไม่เข้าใจ อย่างน้อยๆ การมีรูปร่างดี ก็แสดงว่าเป็นคนสุขภาพดีร่างกายแข็งแรง แล้วการที่เพาะบ่มกล้ามได้ขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นคนมุ่งมั่นมีวินัย ถ้ามีต้องจับกลุ่มทำงานอะไร คนจะได้มาชวนมึงไง ไม่นับว่าเป็นคนแข็งแรงก็ดูน่าคบ แบบว่าสามารถดูแลพวกผู้หญิง หรือช่วยทำงานหนักๆ แทนเพื่อนที่ไม่ค่อยมีแรงได้”

เต้าหู้รู้สึกทึ่ง เขาคิดตื้นไปจริงๆ นึกอยู่แล้วว่ามิลค์ต้องมีเหตุผลดีๆ เขาเดินกลับไปที่ใต้ถุนคณะที่กำลังลงชื่อเลือกขนาดเสื้อกันอย่างวุ่นวายแล้วก็ปลดกระดุมถอดเสื้อเชิร์ตที่สวมอยู่ออกอย่างช้าๆ ตามที่มิลค์แนะนำ ทันทีที่ความขาวล่ำปรากฏให้เห็นต่อสาธารณะ  สายตาทุกคู่ในบริเวณนั้นก็มองมาที่ร่างกายท่อนบนของเด็กหนุ่มพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย กล้ามเนื้อที่ชัดเจนสมส่วนราวกับนักเพาะกายมืออาชีพที่เน้นความงามมากกว่าขนาด ไหล่เป็นไหล่ อกเป็นอก ซิกส์แพ็คเป็นซิกส์แพ็ค แม้จะมีเชื้อสายตะวันตกอยู่บ้าง แต่เต้าหู้ไม่ได้เป็นคนขนดกแต่อย่างใด  ตรงกันข้ามเด็กหนุ่มกับมีแค่ไรขนอ่อนสีจางขึ้นบางๆ ตามแนวสะดือหรือแม้แต่จุดใต้รักแร้เอง นั่นยิ่งเน้นผิวที่ขาวใสและกล้ามเนื้อหนั่นหนาให้ยิ่งโดดเด่นมากขึ้น ที่เรียกสายตาไม่แพ้กันก็คือหัวนมเม็ดงามสีชมพูที่พบเห็นไม่ได้ง่ายนักในหมู่คนเอเซีย หลายคนซุบซิบถามกันเพราะนึกไม่ออกว่ามีคนรูปร่างแบบนี้อยู่ในชั้นปีเดียวกันด้วย

มิลค์พาเต้าหู้แหวกกลุ่มคนเข้าไปถึงตัวกลุ่มรุ่นพี่ที่มีเสื้อหลายขนาดวางเรียงกันอยู่ตรงหน้า หลายคนในนั้นคุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดี

“พี่ๆ ครับ ขอเพื่อนผมลองเสื้อหน่อย มันชื่อเต้าหู้ นี่พวกพี่ที่สโมคณะเรา”

เต้าหู้ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม รุ่นพี่รับไหว้โดยที่ไม่ได้มองหน้าน้องสักนิดเพราะสายตามัวแต่จดจ้องอยู่กับซิกส์แพ็คงามๆ

“ว๊าย ชื่อเต้าหู้สมตัวมากค่า ขาวๆ แน่นๆ แบบนี้ เอ ทำไมวันปฐมนิเทศพี่ถึงไม่เห็นน้องนะ ไม่ได้มาเหรอละสิ ไม่งั้นหุ่นแบบนี้พี่ต้องจำได้แน่นอน  มาๆ พี่จัดเสื้อให้ ล่ำๆ แบบนี้ต้องเอาเบอร์แอล นี่คะ ลองใส่ดูเลย”

รุ่นพี่สาวๆ ทั้งแท้และเทียมต่างเข้าไปมะรุมมะตุ้มกับรุ่นน้องหุ่นแซบท่ามกลางความยินดีของเจ้าตัวที่ได้รับความสนใจอย่างที่ฝัน เขาลองเสื้อที่รุ่นพี่ส่งให้แล้วก็รู้สึกว่ามันพอดีอย่างที่ว่า จริงๆ เขาชอบใส่ให้มันหลวมกว่านี้แต่กลัวมิลค์จะว่าเอาอีก

“เบอร์แอลนี่พอดีแล้วครับ ขอบคุณพี่มาก”

เต้าหู้ถอดเสื้อส่งคืนแล้วหยิบเสื้อของตัวเองเตรียมจะสวมกลับ

“อย่าเพิ่ง พี่ครับขอเบอร์เอสให้เพื่อนผมลองดีกว่า”

มิลค์แย้งขึ้นมาท่ามกลางความไม่เข้าใจของรุ่นพี่ เบอร์เอสนี่มีแต่น้องผู้หญิงหรือไม่ก็น้องผู้ชายตัวเล็กน่ารักเขาใส่กัน ยังไงพ่อหมีขาวหุ่นล่ำน่าปล้ำคนนี้ไม่มีทางยัดลงแน่

มิลค์ขี้เกียจรอเลยถือวิสาสะหยิบเสื้อเบอร์เอสส่งให้เต้าหู้ไปลองอย่างงงๆ พอเห็นสายตาดุๆ มองมา หนุ่มเหนือคนซื่อก็จำใจยัดร่างกายกำยำลงไปในเสื้อตัวจิ๋วอย่างยากลำบาก ด้วยความที่เป็นผ้ายืด ในที่สุดเขาก็สวมได้สำเร็จแต่ก็รู้สึกแน่นไปทั้งตัว

“แบบนี้ค่อยดูโอเคหน่อย”

มิลค์มองเพื่อนในเสื้อยืดที่รัดแน่นโชว์กล้ามราวกับเป็นเครื่องแบบของซุปเปอร์ฮีโร่อย่างพอใจ

“เราว่ามันรัดแน่นมากเลย เหมือนจะขยับตัวไม่ได้”

เต้าหู้อุธรณ์ท่ามกลางความใจของพี่ๆ เพื่อนๆ ที่รายล้อมอยู่ แต่ทุกคนก็อดคิดไม่ได้ว่าแบบนี้มันดูดีกว่าจริงๆ

“เหลวไหลน่า ไหนมึงลองชูแขนขึ้นแล้วเขย่งให้สูงสุดตัวเลยดูว่าเป็นยังไง”

เต้าหู้ไม่กล้าแย้งเพื่อน เขาชูแขนและเขย่งตามที่สั่งจนชายเสื้อเลิกขึ้นสูงเหนือสะดือเห็นซิกส์แพ็คแน่นๆ และวีเชพที่โผล่พ้นมาจากสแล็คเอวต่ำ เช่นเดียวกันกลับไรขนบางๆ ส่วนบนของขนในที่ลับมองเห็นชัดตัดกับผิวขาวๆ สิ่งนี้เองเป็นจุดนำสายตาที่พาให้หลายคนมองตามลงต่ำไปเจอกับความอวบใหญ่ที่ดันเนื้อผ้ากางเกงออกมาเห็นเป็นรูปร่างชัดเจน

“เห็นไหม ก็ชูแขนได้ปกติ ทีนี้ลองก้มเอามือแตะปลายเท้าดูสิว่าไหวไหม”

เต้าหู้ไม่อยากจะมาเถียงกันเองต่อหน้าคนเยอะๆ เลยทำตามให้มันจบๆ ไป ท่านี้อาจจะเป็นปัญหากับคนตัวหนาทั่วไปแต่ไม่ใช่สำหรับเต้าหู้ซึ่งล่ำเพราะกล้ามเนื้อไม่ใช่เพราะพุง ที่จริงเอวของเขาออกจะคอดน้อยๆ คล้ายนักว่ายน้ำด้วยซ้ำ เต้าหู้ยืดแขนไปข้างหน้าแล้วก้มตัวลงแตะหัวแม่เท้ารวดเดียวโดยไม่ยากเย็นอะไร เขารู้สึกว่าชายเสื้อด้านหลังถูกรั้งขึ้นมาถึงกลางหลังจนลมเย็นช่วงใกล้ค่ำพัดมาชวนขนลุกไปหมด ที่เต้าหู้ไม่รู้คือพอเขาก้มตัวมากขนาดนี้โดยไม่นุ่งกางเกงในมันทำให้กางเกงเอวต่ำร่นลงมาจนเห็นร่องก้นได้ชัดเจนถนัดตา คนที่มุงอยู่ด้านหลังต่างชี้ชวนให้เพื่อนดูกันจนคนที่อยู่อีกฝั่งเดาได้จึงค่อยๆ ย้ายที่มาร่วมสังเกตการณ์  มิลค์บอกให้เพื่อนค้างอยู่ในท่านั้นอีกพักใหญ่เพื่อให้เห็นทั่วๆ กัน เขาออกจะชื่นชมกับร่องก้นที่ขาวเนียนไม่มีรอยดำคล้ำแม้แต่น้อยของเต้าหู้ เสียดายที่ไม่ได้โชว์เต็มๆ ทั้งก้นแต่นั่นยังอาจจะเร็วไป

สุดท้ายเต้าหู้ก็ถูกยัดเยียดให้จองเสื้อเบอร์เอสไปทั้งๆ ที่เจ้าตัวยืนยันว่ามันตัวเล็กจนอึดอัด แต่ในเมื่อรุ่นพี่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเหมาะกับเขาแล้วเต้าหู้ก็ปล่อยเลยตามเลย ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่เต้าหู้รู้สึกว่ารุ่นพี่และเพื่อนๆ จำเขาได้มากขึ้น เด็กหนุ่มมั่นใจว่าการที่เขาพยายามจนได้มาเป็นเพื่อนกับมิลค์เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [3] 08/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 08-10-2016 22:06:21

หลังจากจองเสื้อเรียบร้อยแล้วมิลค์ก็ชวนเต้าหู้ไปกินข้าวที่ตลาดหลังมอ แต่ก่อนที่จะออกไปพ้นคณะก็มีเสียงเรียกไว้ซะก่อน

“พัตเตอร์ นายจะไปไหน”

เต้าหู้หันไปตามเสียงก็พบกับนักศึกษาแพทย์หน้าตาดีที่เขาจำได้ว่าเดือนคณะปีสอง เจ้าของเสียงเรียกกำลังเดินมาที่เขาสองคน  เต้าหู้ไม่รู้ว่าพัตเตอร์คือใครถึงจะรู้สึกคุ้นๆ กับชื่อนี้อยู่เหมือนกัน แต่ดูท่าทางแล้วรุ่นพี่คนนี้น่าจะมีธุระกับมิลค์มากกว่า

“มึงมีอะไร ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้เหรอ”

เต้าหู้ได้ยินที่เพื่อนตอบกลับไปแล้วก็ตกใจ เขากระซิบถามมิลค์เบาๆ

“นั่นมันรุ่นพี่ไม่ใช่เหรอ นายไปขึ้นมึงใส่เขาจะดีเหรอ”

เดือนหนุ่มหล่อเหมือนจะได้ยิน เขาหันมายิ้มให้เต้าหู้อย่างน่ามอง

“ไม่เป็นไรครับน้อง พี่กับพัตเตอร์เคยเป็นเพื่อนกันตอนอยู่ปีหนึ่งก่อนเขาจะซิ่วมาอยู่รุ่นเดียวกับน้อง”

“ใครเป็นเพื่อนมึง”

มิลค์สวนกลับอย่างไม่สบอารมณ์ คำว่าเพื่อนดูจะกล่าวอ้างเกินจริงไปเยอะ เขากับมันเรียกว่าเป็นอริที่เขม่นกันน่าจะเหมาะสมกว่า

“เอาน่า อย่างน้อยก็อยู่กลุ่มเดียวกันมาตอนรับน้องรวม แล้วก็มีแต่นายที่ไม่ชอบหน้าเรา เรายังไม่ได้ทำอะไรให้เลย แค่ชอบมองบ่อยๆ”

“ก็มึงมองกวนตีนนี่หว่า แล้วเรื่องในคลาสอานาโตมีเมื่ออาทิตย์ก่อนอีก มึงจงใจแกล้งกูใช่ไหม”

พอฟังมาถึงตรงนี้เต้าหู้ก็นึกออกพอดีว่าเดือนแพทย์หน้าหล่อเป็นคนที่ไปช่วยสาธิตเรื่องกระบวนแข็งตัวของอวัยวะเพศกับมิลค์

“อย่ามองเราในแง่ร้ายอย่างนั้นสิ เราแค่อยากทำอะไรร่วมกับเพื่อนเก่าบ้างก็เท่านั้น แล้วนี่จะไปไหนกันล่ะ  ไปกินข้าวด้วยกันไหม เราเลี้ยงเอง ฉลองที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง แล้วก็เลี้ยงต้อนรับน้อง....”

เดือนแพทย์หันมามองทางเต้าหู้แล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

“ผมชื่อเต้าหู้ครับ”

“ครับน้องเต้าหู้ ไปทานข้าวด้วยกันนะครับ จิบเบียร์ไป คุยกับเพื่อนเก่าไป ฟินนะ ว่าเปล่าพัตเตอร์ หรือจะให้ ‘พี่’ เรียกว่าน้องมิลค์ก็ยังได้”

“กูไม่ไป”

“แต่รุ่นพี่เขาอุตส่าห์ชวนนะมิลค์”

เต้าหู้ลังเล ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะผูกมิตรกับคนอื่นให้ได้มากที่สุด

“มึงอยากไปมึงก็ไปเอง กูจะกลับหอแล้ว”

เต้าหู้เหวอนิดๆ ถ้ามิลค์ไม่ไปด้วยเขาก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับรุ่นพี่ที่ดูโคตรเท่คนนี้หรอก คงเป็นไอน่าเบื่อสุดๆ อย่างทุกที

“นายไม่ไปเราก็ไม่ไป ขอโทษทีนะครับพี่”

เต้าหู้หันไปตอบปฏิเสธฝ่ายที่ชวนอย่างสุภาพ

“อย่าเพิ่งตัดรอนอย่างนั้นสิน้องมิลค์ ลองดูนี่ก่อน เพื่อนเก่าที่วิศวะของนายเคยเห็นกันหรือยังนะ”

เดือนหน้าหล่อเอาโทรศัพท์มาเปิดรูปเปลือยของมิลค์ที่ถ่ายไว้ในคลาสอานาโตมีมาเปิดให้เจ้าตัวดู มีทั้งที่ถ่ายอวัยวะเป็นส่วนๆ ถ่ายทั้งตัวติดหน้า และถ่ายบรรยากาศในห้องว่าเขายืนแก้ผ้าต่อหน้านักศึกษาหลายสิบคน ลายเพ้นท์กล้ามเนื้อตามตัวคงทำให้คนนอกดูว่าเขาโรคจิตมากกว่าจะเข้าใจว่าเป็นการเรียนการสอน มิลค์ไม่ได้อายหรอกถ้าไอไส้เดือนตรงหน้าจะเอาไปให้ใครในคณะแพทย์ดู อันที่จริงต้องบอกว่าไม่ได้อายไปมากกว่าเดิม แต่เขากังวลคือเรื่องที่จะหลุดไปคณะวิศวะ เด็กที่นั่นมันห่ามจะตาย ไอเรื่องที่จะมีสามัญสำนึกเหมือนเด็กหมอคงไม่มี  ไหนจะพวกที่ไม่ชอบหน้าเขาตอนปีหนึ่งอีกล่ะ ไม่รู้ว่าเคสแบบนี้องค์กรจะช่วยปกป้องทาสขนาดไหน แต่เขาคงไม่ขอเสี่ยงดีกว่า อีกแค่ปีกว่าก็จะพ้นโทษแล้ว เขาอยากจบแบบสวยๆ ยังต้องเรียนที่มหาลัยนี้ต่อไปอีกตั้งหลายปี

“แล้วมึงจะเอายังไง”

“ก็แค่ไปกินเบียร์กัน พี่ไม่ทำอะไรน้องหรอก มีเพื่อนไปด้วย”

พูดยังกะว่าถ้าไอเต้าหู้ไม่ไปด้วยมันคิดจะทำอะไรเขาอย่างนั้นแหละ มิลค์คิด

“เอางั้นก็ได้ เต้าหู้  มึงไปกับกูด้วย ว่าแต่มึงอายุเข้าร้านเหล้าได้แล้วใช่ไหม”

มิลค์ถามเพื่อความมั่นใจ เห็นไอนี่มันตัวใหญ่ก็จริงแต่บางเรื่องมันก็ดูเป็นเด็กกระเปี๊ยกเกิน ในฐานะทาสเขาไม่อยากเสี่ยงทำอะไรผิดกฎให้ถูกเจ้านายลงโทษ

“เอ่อ เราจะครบสิบแปดเดือนหน้านี้”

เต้าหู้หน้าเสีย เขาอยากไปเปิดหูเปิดตาบ้างแต่ท่าทางจะอด

“ไม่เป็นไร งั้นซื้อเบียร์กับกับแกล้มไปกินที่คอนโดพี่ก็ได้ อยู่ใกล้ๆ นี่เอง”

เดือนปีสองเสนอทางออก มิลค์เกือบจะปฏิเสธในทีแรกเพราะไม่อยากเข้าไปในถิ่นศัตรูแต่แล้วก็เปลี่ยนใจเมื่อนึกถึงบางเรื่องขึ้นมาได้ นั่นทำให้เขากับเต้าหู้เข้ามานั่งดวลเบียร์กับไอไส้เดือนในคอนโดหรูอยู่ตอนนี้  อันที่จริงต้องบอกว่าเหลือแค่เขาที่ยังทำหน้าที่ฟาดฟันกับรุ่นพี่อยู่เพราะกอลิล่าเผือกเพื่อนเขาน็อคไปตั้งแต่สามทุ่มจนตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว มิลค์ลอบมองหน้าคู่ต่อสู้ที่ยังดูแค่กรึ่มๆ  นี่มันผิดแผนไปมาก เห็นว่าหน้าใสๆ เรียนหมอ ไม่คิดว่าจะคอทองแดงขนาดนี้

“มึงยอมแพ้เหอะ ท่าทางจะไม่ไหวแล้วนั่น”

มิลค์ส่งเสียงข่มขวัญคู่ต่อสู้ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เริ่มแย่แล้ว

“เอ้า น้องมิลค์ ก็บอกให้เรียกพี่ ไม่สุภาพเลยนะ เดี๋ยวพี่ก็ส่งภาพเด็ดๆ ไปให้เพื่อนเก่าน้องดูหรอก”

อีกฝ่ายตอบกลับอย่างถือไพ่เหนือกว่า

“ถ้าจะต่อ งั้น ‘พี่’ ก็ช่วยไปเอาเบียร์ในตู้เย็นมาให้น้องมิลค์หน่อยสิครับ”

มิลค์ประชดแต่เดือนแพทย์กลับหัวเราะหึๆ อย่างถูกใจแล้วเดินไปหยิบเบียร์แพ็คใหม่ตามคำขอ มิลค์เห็นเป็นโอกาสเหมาะจึงรีบใส่ยานอนหลับลงไปในกระป๋องเบียร์ที่ยังเหลืออยู่กว่าครึ่งของอีกฝ่ายแล้วรีบปกปิดพิรุธโดยการทำหน้าเรียบเฉยเหม็นเบื่อเหมือนเดิม หนุ่มหล่อปีสองเอาแพ็คเบียร์มาวางแล้วกินต่อโดยไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตน หลังเบียร์กระป๋องดังกล่าวหมดไปไม่นานยาก็เริ่มออกฤทธิ์จนเดือนแพทย์นอนหลับสลบไสลไปกับโซฟาที่นั่งอยู่ มิลค์รออยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ไปเขย่าตัวคนนอนหลับแรงๆ แต่อีกฝ่ายก็ไม่รู้สึกตัวแต่อย่างใด เด็กหนุ่มยกยิ้มมุมปากที่แผนการที่คิดขึ้นอย่างฉุกละหุกของเขาเป็นไปได้ด้วยดี เขาไม่เชิงว่าอยากจะทำอย่างนี้กับอีกฝ่ายแต่ใครจะยอมตกเป็นเบี้ยล่างคนแบบนี้ไปตลอด เขาแค่อยากจะได้อะไรไว้แบล็คเมล์คืน

เดือนแพทย์นอนหลับตาพริ้มปากสีชมพูอมส้มรูปสามเหลี่ยมเผยอนิดๆ เห็นไรฟันขาวสะอาด พอไม่ทำหน้ากวนตีนอย่างนี้มิลค์ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายหล่อและมีเสน่ห์จริง เขาหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปใบหน้ายามหลับของคู่อริหนุ่มไว้แล้วเริ่มดำเนินการขั้นต่อไป  เขาปลดกระดุมเสื้อของเดือนหน้าหล่อออกเผยให้เห็นแผงอกที่มีกล้ามเนื้อแน่นๆ สมตัว เสียดายที่หัวนมเม็ดเล็กไปหน่อยไม่งั้นเขาอาจจะแอบเจาะใส่หมุดให้ตื่นมาแล้วตกใจเล่น ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้นจนน้องชายแข็งตัวขึ้นมา มิลค์แหวกเสื้อออกโชว์ให้เห็นหน้าท้องแกร่งที่มีไรขนขึ้นเป็นแนวจากสะดือหายลับลงไปในกางเกงก่อนจะเก็บภาพมุมต่างๆ ไปเรื่อยๆ อย่างใจเย็น พอเป็นที่พอใจแล้วเขาก็เดินหน้าต่อด้วยการถอดเข็มขัดปลดตะขอรูดซิปกางเกงของหนุ่มหล่อที่สลบไสลออก ห่อหมก ในใจแอบลุ้นว่าหน้าตาส่วนนั้นจะหล่อเหมือนเจ้าของหรือเปล่า ทันทีที่หนอนตัวอวบเป็นอิสระจากกางเกงในมิลค์ก็แทบจะหัวเราะออกมา ใครจะไปคิดว่าหนุ่มหล่อหน้าใสเจ้าของตำแหน่งเดือนคณะแพทย์จะจู๋ดำอย่างนี้ โอเคว่ามันไม่ได้ดำสนิทเหมือนของพวกนิโกรแต่ก็เข้มกว่าสีผิวปกติอยู่มากโข จริงๆ เขาก็ตะหงิดใจอยู่แล้วตั้งแต่ที่เห็นหัวนมสีเข้มกว่าปกติ แล้วของที่เหลือจะดำด้วยหรือเปล่า มิลค์เก็บความสงสัยไม่ไหวเลยรูดกางเกงทั้งข้างในข้างนอกลงจนมากองที่พื้นจนได้คำตอบสมใจว่าไม่ได้ดำแต่จู๋แต่ไข่ก็ดำด้วย ทั้งใหญ่ทั้งดำจนนึกถึงไข่เยี่ยวม้า  เขารีบเก็บภาพรัวๆ ไว้เป็นหลักฐานโดยเน้นให้ติดหน้าเจ้าของด้วย

สุดท้ายที่มิลค์ตั้งใจไว้คือจะเก็บภาพตอนแข็งตัวไว้ด้วยจะได้เพิ่มความน่าอับอายให้สูสีกับรูปของเขาที่อีกฝ่ายมี เด็กหนุ่มเอามือช้อนหนอนตัวอวบที่นอนสงบนิ่งมากำไว้ในมือ มันอุ่นๆ นิ่มๆ หยุ่นๆ น่าขยำให้มันมือจริงๆ เขารูดไปรูดมาอยู่หลายทีแต่หนอนก็ยังไม่ยอมกลายร่างเป็นมังกร  มิลค์ขมวดคิ้วเพราะรู้สึกว่ามันผิดวิสัยของหนุ่มวัยนี้จนเกินไป หรือจะดื่มเบียร์มากจนนกเขาไม่ขัน มิลค์ไม่อยากรามือง่ายๆ เพราะถ้าไม่ได้ภาพตอนแข็งตัวด้วยมันก็จะกลายเป็นภาพคนถูกเพื่อนมอมเหล้าทั่วไป ไม่น่าอายเท่าที่ควร เขาเลยพยายามปลุกปล้ำต่ออีกพักใหญ่แต่ก็ไม่เป็นผล มิลค์ชั่งใจอยู่นาน เขาไม่เคยทำแบบนี้และก็ไม่อยากทำด้วย แต่ความอยากเอาชนะกับอาการมึนเบียร์ทำให้เขาตัดสินเอาปากครอบลงไปบนท่อนลำอวบเข้มทันทีเพื่อหวังจะปลุกอารมณ์ให้ได้ กลิ่นเพราะตัวของเพศผู้ฉุนเข้าลำคอจนเขาด่าตัวเองว่าทำไมถึงไม่เอาผ้าชุบน้ำเช็ดเสียก่อน แต่ถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องเลยตามเลย เขาเม้มปากแล้วรูดขึ้นลงจนสุดความยาวสลับกับการเอาลิ้นไล่เล็มไปตามคอหยัก ถึงจะยังไม่แข็งแต่ความอวบใหญ่ก็แน่นปากไปหมด  มิลค์ทำอยู่พักใหญ่จนเมื่อยปากแต่ท่อนเนื้ออ่อนปวกเปียกก็ไม่พัฒนาขึ้นแต่อย่างไร เขาไม่รู้วิธีการอมที่ถูกเป็นยังไง แต่มั่นใจว่าต่อให้ทำไม่ถูกผู้ชายปกติน่าจะแข็งได้ไม่ยาก จนสุดท้ายต้องลงความเห็นว่าอริเขาคนนี้มีปัญหาสุขภาพเพศชายแน่ๆ

มิลค์มองใบหน้าหล่อด้วยความเห็นใจ นี่คงจะมีปมด้อยเรื่องนี้สินะถึงได้เก็บกดจนมาหาเรื่องเขาซึ่งเปี่ยมล้นไปด้วยพลังทางเพศ การที่เขาแข็งตัวได้อย่างง่ายดายเวลาสาธิตที่หน้าห้องคงทำให้อีกฝ่ายอิจฉาอย่างที่สุด  ถ้าเรื่องมันเป็นแบบนี้เขาจะอโหสิให้ก็ได้ แต่คงต้องขอเก็บรูปไข่ดำๆ นี่ไว้ต่อรองหากจะเอารูปที่อีกฝ่ายมีมาบังคับอะไรเขาอีก ตอนนี้เขาง่วงเต็มทีจึงหาที่ทางเอนตัวลงโดยตั้งใจว่าจะงีบแค่ซักครู่แล้วค่อยลุกขึ้นมาจัดการอะไรให้เรียบร้อยทีหลัง

..........................

“มิลค์ๆ  ตื่นๆ”

มิลค์รู้สึกตัวตื่นขึ้นตามเสียงปลุก เขาลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าจืดๆ ที่มีท่าทางตกใจของเต้าหู้ เด็กหนุ่มรู้สึกมึนๆ จากอาการเมาค้างอยู่ไม่น้อยแต่ก็พอเรียกขึ้นมาได้

“เช้าแล้วเหรอ”

มิลค์ไม่แน่ใจกับเวลาในตอนนี้เพราะไฟในห้องยังสว่างโร่เพราะไม่มีใครปิดตั้งแต่เมื่อคืน

“ตีห้าสี่สิบแล้ว  เราตื่นเวลานี้ประจำ นี่เราสองคนหลับกันในห้องรุ่นพี่เหรอนี่ เกรงใจชะมัดไม่ได้ขอพี่เขาก่อนด้วย”

“จะต้องเกรงใจอะไร  ก็มันเป็นคนชวนกูกับมึงมาเอง”

“ก็ ก็มันไม่เป็นส่วนตัวกับพี่เขาไง นายดูเอาเองเถอะ”

เต้าหู้ท่าทางประหม่าหน้าแดงขณะชี้ไปที่อีกทาง มิลค์มองตามก็เห็นเดือนแพทย์หน้าหล่อนอนอยู่ในชุดเดิมที่เขาทิ้งไว้ก่อนจะหลับไป  ร่างกายท่อนบนมีเสื้อนักศึกษาสีขาวที่ถูกปลดกระดุมออกหมดสาบเสื้อแหวกออกเห็นแผงอกล่ำ  ร่างกายท่อนล่างเปลือยเปล่าขาข้างนึงพาดกับที่ท้าวแขวนอีกข้างห้อยลงเกือบถึงพื้นเผยให้เห็นช่วงกลางลำตัวอย่างอะหล่างฉ่าง ที่ต่าง ออกไปคือท่อนเนื้อที่เคยนอนปวกเปียกเมื่อคืนตอนนี้กลับชูคอผงาดง้ำโชว์ความอวบใหญ่อย่างสมศักดิ์ศรีรูปร่างหน้าตาเจ้าของเป็นที่สุด  มิลค์คะเนเปรียบเทียบคร่าวๆ  ด้วยสายตาแล้วคิดว่าอาจจะใหญ่กว่าของตัวเองอยู่นิดหน่อยด้วยซ้ำ สีของท่อนลำที่ดูดำคล้ำยามหดตัวกลับดูเข้มพอดีแบบเท่ๆ เวลาขยายตัวเต็มที่แล้ว ลำอวบตรงสวยได้สัดส่วนกับส่วนปลายสีสดที่บานออกเล็กน้อยทำให้มิลค์ต้องนึกในใจว่าคนอะไรจะเพอร์เฟคไปหมดขนาดนี้

มิลค์กลับไปสงสัยว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่เขาลงทุนอมดุ้นดำๆ นั้นเข้าไปในปากแต่ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย ทั้งดูดทั้งเลียจนนึกว่ากามตายด้านไปแล้ว เขาหยิบกระเป๋ามาควานหายานอนหลับที่เหลือจากเมื่อคืนมาดู จริงๆ  เขาไม่ได้ตั้งใจเตรียมการมาเพื่องานนี้หรอก มันเป็นยาที่อาร์ตได้แถมมาจากการสั่งซื้อเซ็กส์ทอยจำนวนมากจากร้านออนไลน์ เขาไปเจอเข้าเลยยึดมาเพราะไม่อยากให้อาร์ตใช้กับพ่อตัวเอง มิลค์ลองค้นหาชื่อตัวยาดังกล่าวด้วยมือถือแล้วพบว่านอกจากจะเป็นยานอนหลับแล้วยังมีฤทธิ์ในการคลายกล้ามเนื้อ มิน่านกเขาถึงไม่ขันในตอนนั้น รู้แล้วก็เจ็บใจตัวเองที่โง่จนไม่หาข้อมูลก่อน ทำให้ต้องอมดุ้นผู้ชายด้วยกันไปฟรีๆ

“เราหาผ้าห่มไปคลุมให้หน่อยดีกว่า เดี๋ยวพี่เขาตื่นมาจะอาย”

เต้าหู้ออกความเห็นทั้งๆ  ที่ตัวเองก็ยังไม่ละสายตาจากความแข็งขันยามเช้าของรุ่นพี่

“เฮ้ย  ไม่ต้อง เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาของเด็กหมอ  เขาไม่อายกันหรอก”

“จริงเหรอ เราว่าไม่น่าเกี่ยวกับเรียนอะไรนะ ยังไงคนไทยเราก็ไม่เปิดเผยกันเท่าไหร่ หรือว่าไม่ใช่”

เต้าหู้แย้งอย่างลังเล หรือว่ามันเปลี่ยนไปแล้วสำหรับคนในเมืองอาจรับวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามามาก

“เกี่ยวสิ ต่อไปเราจะทำงานในวงการแพทย์ เรื่องการเปิดเผยร่างกายเพื่อการรักษามันเป็นเรื่องปกติ ไหนจะตอนตรวจคนไข้ ตอนผ่าตัด ตอนเช็ดตัว ถ้าบุคลากรทางการแพทย์มีทัศนคติว่ามันเป็นเรื่องน่าอายชวนปกปิด คนไข้จะรู้สึกได้และจะยิ่งอายเข้าไปใหญ่ แต่ถ้าเรารู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ คนไข้จะอายน้อยลงแล้วให้ความร่วมมือกับการตรวจรักษามากขึ้น”

“โห ขนาดอยู่ปีหนึ่งเหมือนกันแต่นายรู้เยอะมากเลย”

“ก็เพราะกูไปช่วยงานอาจารย์เยอะไง วันนั้นมึงก็แอบเข้าไปเห็นไม่ใช่เหรอ ขนาดยืนแก้ผ้าหน้าห้องกูยังไม่อายเลย คนอื่นๆ  ก็มองว่ามันเป็นเรื่องปกติ”

มิลค์โกหก จริงๆ  เขาโคตรอายเลย และมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องปกติด้วยไม่ว่าจะในวงการไหนถ้าไม่จำเป็นจริงๆ แต่ท่าทางเต้าหู้ก็ดูจะพยายามยอมรับค่านิยมใหม่ที่เขาอุปโลกน์ขึ้น

“งั้นเรากลับกันเลยไหม จะได้รีบไปอาบน้ำแต่งตัว ไม่ต้องรบกวนพี่เขามากกว่านี้ด้วย”

“เดี๋ยว กูขอทำธุระนิดนึง”

ว่าแล้วมิลค์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเดือนแพทย์หน้าหล่อพร้อมอวัยวะเพศที่แข็งตัวอย่างที่ตั้งใจไว้เมื่อคืน พยายามถ่ายจ่อให้ทั้งหน้าและทั้งลำอยู่ในเฟรมเดียวกัน เต้าหู้ตกใจจนหน้าซีดละล่ำละลักพูดว่า

“นายถ่ายรูปเลยเหรอ ไม่ดีมั๊ง เดี๋ยวพี่เขารู้พวกเราโดนซ่อมแน่”

ต่อให้นักเรียนแพทย์มีทัศนคติเปิดกว้างในเรื่องนี้จริงอย่างมิลค์ว่า แต่เต้าหู้ก็ไม่คิดว่าการแอบถ่ายรูปเปลือยของคนอื่นจะเป็นเรื่องเหมาะสม

“ไม่เป็นไร เราขอมันไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ดันเมาหลับกันไปซะก่อน มึงก็มาดูใกล้ๆ สิ ถือเป็นการศึกษาเหมือนกัน”

มิลค์โกหกอย่างไม่กระดากปาก เต้าหู้ยังลังเลแต่ก็คิดว่าอาจเป็นไปได้เพราะสองคนนี้เหมือนจะเป็นเพื่อนเก่ากัน เขาเข้าไปดูท่อนลำที่มีน้ำเยิ้มส่วนปลายนิดๆ  อย่างชื่นชม

“พี่เขาโคตรเท่เลยนะ หล่อขนาดเป็นเดือนด้วย จู๋ก็สวยเข้มดูดี ไม่ซีดๆ เทอะทะ”

เป็นคำชมที่ออกจะทะแม่งในความรู้สึกของมิลค์แต่เขาก็ถ่ายรูปต่อไปเรื่อยๆ  จนเป็นที่พอใจ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนโหมดเป็นการถ่ายวิดีโอแล้วเอามืออีกข้างรูดท่อนลำสีเข้มของคนที่กำลังนอนหลับอยู่จนเต้าหู้ต้องอ้าปากค้าง

“เฮ้ย เราว่ามันไม่ใช่แล้วนะมิลค์ นี่มันเข้าข่ายการล่วงเกินทางเพศหรือเปล่า”

มิลค์ไม่หยุดมือขณะที่ตอบเหตุผลพกลมไปอย่างลื่นไหล

“เมื่อคืนกูสัญญาว่าจะว่าวคืนให้พี่เขา ตอบแทนที่เขาช่วยอาจารย์สาธิตว่าวให้กูในห้องไง ทีนี้ดันหลับกันซะก่อนกูเลยมาทำเช้านี้แทน ถ่ายคลิปไว้ให้แม่งดูเป็นหลักฐานจะได้ไม่มาทวงกันอีก งั้นมึงช่วยถ่ายแล้วกัน กูจะได้ทำถนัดๆ”

เต้าหู้รับโทรศัพท์ไปถ่ายต่ออย่างงงๆ พฤติกรรมคนกรุงเทพนี่มันแปลกจนคาดไม่ถึง แต่มิลค์ก็บอกเองว่ามันเป็นเรื่องปกติของนักเรียนแพทย์แถมยังไปแก้ผ้าน้ำแตกอยู่หน้าห้องได้อย่างหน้าตาเฉย ตัวพี่เดือนแพทย์เองก็ดูจะไม่แคร์จริงๆ  ถึงได้นอนแก้ผ้าทั้งๆ  ที่มีรุ่นน้องที่เพิ่งรู้จักกันอย่างเขาอยู่ด้วย เต้าหู้คิดว่าตัวเองก็ต้องพยายามเปิดรับความคิดใหม่ๆ เหมือนกัน

มิลค์ตั้งหน้าตั้งตารีดพิษของคู่อริต่อ แท่งเอ็นอุ่นๆ ในที่ถูกชักขึ้นชักลงทำให้เขามันมือไม่น้อย มันทำให้มิลค์คิดถึงการช่วยตัวเองที่แต่ก่อนต้องทำเป็นประจำ แต่ด้วยโปรแกรมควบคุมจิตพื้นฐานของคนเป็นทาส ทำให้เขาไม่สามารถไปมีอะไรกับคนอื่นหรือแม้แต่ช่วยตัวเองได้อย่างจงใจถ้าเจ้านายไม่อนุญาต ถ้าเป็นทาสคนอื่น คงได้มีโอกาสปลดปล่อยอยู่เรื่อยๆ เวลาเจ้านายเรียกใช้บริการ ดูอย่างพ่อเขาเป็นต้น แต่อาจารย์ประมูลเขามาเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอนจริงๆ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวทางเพศกับเขาเลย เขาจึงมีเพียงการปลดปล่อยตามธรรมชาติยามนอนหลับหรือการสาธิตหน้าห้องเรียนนานๆ  ครั้งเท่านั้น

มิลค์เพิ่มความเร็วและความแรงในการชัก อารมณ์ดิบเถื่อนที่พลุ่งพล่านโดยไม่มีทางระบายทำให้เขาอยากทำแรงๆ ให้สะใจจนหนังหุ้มปริเหมือนที่เขาเคยทรมานน้องเลี้ยงเล่น แต่พอเดือนแพทย์เริ่มครางและขยับตัวแรงๆ มิลค์ก็หยุดมือทันทีทั้งๆ  ที่อยากจะเก็บภาพน้ำแตกด้วยเพราะกลัวอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน เขาไม่ได้กลัวการเผชิญหน้าแต่อยากจะเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่ให้อีกคู่อริรู้ตัว แบบนั้นมันจะสนุกกว่า

มิลค์เอาโทรศัพท์จากเพื่อนหน้าเอ๋อมาดูความเรียบร้อยแต่ต้องหงุดหงิดเล็กน้อยที่เต้าหู้ถ่ายคลิปชักว่าวโดยติดหน้าเขาแบบเต็มๆ ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยไปครอปออกหรือไม่ก็เบลอหน้าทีหลัง มิลค์คิดในใจขณะกดอัพโหลดภาพและคลิปไปเก็บไว้บนบริการฝากไฟล์เจ้าประจำเพื่อความปลอดภัย เขาใส่เสื้อผ้าให้คนที่ยังหลับอยู่อย่างระมัดระวังแล้วชวนเต้าหู้กลับทันที
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [3] 08/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 08-10-2016 23:21:47
หวา ชักสงสารเต้าหู้นะ โถ่เอ๋ย โดนใช้ร่างกายเปลืิองจริงๆ พ่อคุณ
ไม่ให้ใส่แม้กระทั่ง กกน. อันนี้ก็เกินไปหรือเปล่ามิลลลลล
อย่างน้อยให้ใส่ กกน. แต่กางเกงฟิตก็ยังดีนะ ทำไมเล่นแรงจัง เต้าหู้ผู้น่าสงสารรร  :sad4:

งงนิดหน่อยนะ ตอนอยู่ในห้องน้ำสรุปจะใส่ กกน. หรือไม่ใส่แน่เพราะกางเกงเอวต่ำ
แต่เต้าหู้บอกกลัวขอบ กกน. โผล่ อ่าว กลัวทำไมในเมื่อไม่ได้ใส่?
ตอนลองชุดที่ให้ก้มก็บอกว่าเห็นร่องเพราะไม่ใส่ สรุปไม่ได้ใส่ใช่ไหม ช่วยเช็คด้วยจ้า

ขอบคุณที่มาต่อนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [3] 08/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: HypnosisDreams ที่ 10-10-2016 03:50:35
เต้าหู้เริ่มถูกปรุงให้อร่อยขึ้นเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [3] 08/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 10-10-2016 06:23:20
อ่านเรื่องเต้าหู้แล้วคิดถึง หนุ่มช่างคนซื่อของพิช กับ น้องแดนคนซื่อของเม พวกใสๆซื่อๆเนี่ย น่าดูเอ็นจริงๆเชียว เจ๊หมั่นเขี้ยวววว  :-[

เดือนแพทย์...สีคล้ำ เต้าหู้...ขาวอมชมพู แต่ใหญ่ทั้งคู่ แถมดูแล้วน่าจะรุกทั้งคู่ งืมๆ 3P รึเปล่าน้าาาา  :hao6:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [3] 08/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 10-10-2016 19:44:48
อยากให้ 3P แท้ 555
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [3] 08/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 11-10-2016 16:50:52
ขอบคุณค่ะ  :mew3: 
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [3] 08/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: HypnosisDreams ที่ 11-10-2016 22:16:41
สงสัยว่าระบบไอทีขององค์กรไม่ปกป้องนักโทษแล้วเหรอ ทำไมมิลล์โดนถ่ายรูปแล้ว ไม่มีไวรัสไปลบ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [3] 08/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 12-10-2016 05:16:53
ขอบคุณคนอ่านมากครับ เห็นเม้นท์ของคนที่ติดตามประจำก็ดีใจเหมือนเจอเพื่อนมาทักทาย เห็นเม้นท์ของท่านใหม่ก็ดีใจที่มีคนชอบอ่านแนวเดียวกันเพิ่มขึ้นอีก ยังไงซีรีส์เต้าหู้นมสดนี่คงขอต่อไปอีกซักสามสี่ตอนนะครับ อย่าเพิ่งเบื่อกันก่อน ส่วน 3P หรือเปล่านี่ยังไม่ได้คิดครับ เขียนไปมันคงออกมาเอง แต่ตัวละครชายในเรื่องนี้มีเยอะมาก จับมา 4P 5P ก็ยังไหว (ล้อเล่นนะครับ ท่าทางจะแต่งยาก)

หวา ชักสงสารเต้าหู้นะ โถ่เอ๋ย โดนใช้ร่างกายเปลืองจริงๆ พ่อคุณ
ไม่ให้ใส่แม้กระทั่ง กกน. อันนี้ก็เกินไปหรือเปล่ามิลลลลล
อย่างน้อยให้ใส่ กกน. แต่กางเกงฟิตก็ยังดีนะ ทำไมเล่นแรงจัง เต้าหู้ผู้น่าสงสารรร  :sad4:

งงนิดหน่อยนะ ตอนอยู่ในห้องน้ำสรุปจะใส่ กกน. หรือไม่ใส่แน่เพราะกางเกงเอวต่ำ
แต่เต้าหู้บอกกลัวขอบ กกน. โผล่ อ่าว กลัวทำไมในเมื่อไม่ได้ใส่?
ตอนลองชุดที่ให้ก้มก็บอกว่าเห็นร่องเพราะไม่ใส่ สรุปไม่ได้ใส่ใช่ไหม ช่วยเช็คด้วยจ้า

ขอบคุณที่มาต่อนะ  :impress2:

ไม่ได้ใส่กางเกงในครับ โดนมิลค์ไซโคให้ถอด บอกว่ากางเกงฟิตมาก ถ้าใส่กางเกงในจะแน่นจนสวมกางเกงไม่เข้า แต่ที่เต้าหู้ห่วงว่าขอบกางเกงในจะโผล่นี่เขาลืมครับว่าไม่ได้นุ่งแล้ว ผมใส่มาเป็นมุก แต่ถ้างงหรือคิดว่าไม่น่าลืมเรื่องแบบนี้ได้ เดี๋ยวจะลองปรับดูครับ

สงสารเต้าหู้เหรอครับ ผมก็สงสาร แต่มิลค์ฝากบอกว่าเก็บไว้สงสารตอนหลังๆ  ดีกว่า 555

สงสัยว่าระบบไอทีขององค์กรไม่ปกป้องนักโทษแล้วเหรอ ทำไมมิลล์โดนถ่ายรูปแล้ว ไม่มีไวรัสไปลบ

ระบบไอทีขององค์กรจะคอยดักตรวจสอบอยู่บนอินเทอร์เน็ตครับ เดือนแพทย์ถ่ายรูปมิลค์เก็บไว้ในเครื่องเฉยๆ ไม่ได้ส่งออกทางโซเชี่ยลหรือเปิดระบบสำรองไฟล์อัตโนมัติไว้ ระบบเลยไม่รู้ครับ ระบบไม่ได้เจาะโทรศัพท์ของคนทั่วไปยกเว้นคนที่โป๊ปสั่งเพื่อสืบเรื่องอะไรบางอย่าง

ส่วนตอนที่มิลค์ถ่ายรูปเดือนแพทย์มิลค์สั่งสำรองไฟล์ไปเก็บไว้บนอินเตอร์เน็ต ระบบขององค์กรที่คอยติดตามพฤติกรรมของนักโทษอยู่เลยแจ้งเตือนขึ้นมาว่านักโทษคนนี้มีการกระทำที่ไม่เหมาะสม โป๊ปเลยติดต่อเจ้านายให้ทำโทษทาสของตัวเองซะ

ดีใจจังครับที่จำระบบองค์กรได้และถามมา เรื่องระบบและการทำงานขององค์กรนี่ผมตั้งใจออกแบบมากว่าทำไงให้สมจริงถึงจะคาดว่าโดนฉากหื่นกลบหมด 555
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [3] 08/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 13-10-2016 12:39:48
เต้าหู้ช่างซื่ออะไรเยี่ยงนี้  :m25:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [4] 29/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 29-10-2016 16:26:09
องค์กรลวงจิต Explicit Content

ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [4]

หลังเหตุการณ์วันนั้นเกือบสัปดาห์ มิลค์ถูกเจ้านายเรียกพบโดยไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร ปกติถ้าเป็นการมอบหมายงานสาธิตการเรียนการสอนของนักศึกษาแพทย์ อาจารย์จะแจ้งหัวข้อเรื่องมาก่อนซึ่งเขาจะต้องไปศึกษาหาความรู้ในเรื่องนั้นๆ  ด้วยตัวเองก่อน เวลาไปพบอาจารย์จะสรุปประเด็นสำคัญทางการแพทย์และบทบาทหรือวิธีการสาธิตให้เขาอีกครั้ง การเรียกพบโดยไม่บอกหัวข้อก่อนจึงทำให้มิลค์แปลกใจอยู่บ้าง

“นั่งลงสิ”

อาจารย์หนุ่มใหญ่พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูดุกว่าทุกที มิลค์เห็นแล้วก็หงอทันทีทั้งที่ตัวเองมีนิสัยสู้คนไม่กลัวใคร ขนาดพ่อตัวเองหรือเจ้านายของพ่ออย่างอาร์ตเขายังไม่กลัว แต่ที่เขาเจอมาและยอมให้จริงๆ มีอยู่แค่สามคน สองคนแรกคือขาโหดบอสโป๊ปแห่งองค์กร ส่วนคนที่สามก็คือคนตรงหน้าที่เป็นทั้งอาจารย์และเจ้านาย อย่าว่าแต่เด็กปีหนึ่งอย่างเขาเลย ขนาดรุ่นพี่เรสซิเด้นท์จิตแข็งๆ ยังโดนดุซะน้ำตาแตก เขาเห็นเป็นประจำเวลาไปช่วยงานที่โรงพยาบาล

“อาจารย์มีอะไรให้ผมทำครับ”

“ก่อนจะคุยเรื่องงาน ผมอยากจะให้ตอบก่อนว่าที่ผ่านมาคุณไปทำตัวเหลวไหลอะไรมา”

มิลค์ใจหายวาบทั้งๆ  ที่ยังนึกไม่ออกว่าตัวเองไปทำความผิดอะไรไว้ แผนที่ตั้งใจว่าจะเล่นสนุกกับเต้าหู้ยังไม่ได้เริ่มอะไรเท่าไหร่ หรือต่อให้ทำไปแล้วจริงๆ  มันก็จะเป็นความสมัครใจของเจ้าตัวที่เขาไม่เกี่ยวอะไรด้วยนอกจากเป็นคนชี้ทาง หรือจะเป็นเรื่องที่เขาไปแข็งข้อกับอาร์ต แต่นั่นก็ไม่น่าจะผิดอะไรเพราะเขาทำไปอย่างมีเหตุผลและอาร์ตก็ไม่ได้เป็นเจ้านายของเขาด้วย อีกอย่างมิลค์ก็มั่นใจว่า ถึงจะเป็นสมาชิกองค์กรทั้งคู่  แต่อาร์ตกับอาจารย์ของเขาไม่รู้จักกันแน่ๆ ไม่งั้นอาร์ตคงรู้ไปแล้วว่าเขาก็เป็นทาสเหมือนกัน

“ผมไม่ได้ทำอะไรครับ”

“ไม่ได้ทำอะไรแล้วทำไมองค์กรถึงรายงานความประพฤติของคุณมาให้ผมรู้ แถมยังทำกับรุ่นพี่ร่วมคณะอีกนะ รู้เปล่าว่าผมขายหน้าองค์กรขนาดไหนว่าดูแลทั้งทาสและลูกศิษย์ไม่ดี”

อาจารย์ทุบโต๊ะด้วยความโมโหจนมิลค์เหมือนจะหัวใจหยุดเต้น เขาไม่อยากเชื่อว่าองค์กรจะรู้เรื่องนี้ด้วย

“เขาทราบได้ยังไงครับ ผมไม่ได้เผยแพร่รูปนั้นไปที่ไหนเลย”

“ผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าคุณทำมันจริงๆ  แค่แอบถ่ายก็มีความผิดมากอยู่แล้ว แต่ในฐานะว่าที่หมอ คุณยังมีความผิดอีกกะทง คุณเอายาอะไรให้รุ่นพี่คุณกิน”

มิลค์บอกชื่อยาที่เขาเคยค้นข้อมูลไปอย่างตะกุกตะกัก

“หึ ยานอนหลับ คุณไม่รู้เหรอว่ายานอนหลับเป็นยาอันตราย จะใช้ได้ต่อเมื่อแพทย์สั่ง คุณเอาไปให้คนอื่นกินสุ่มสี่สุ่มห้า นี่คือการกระทำของคนที่จะเป็นหมอในอนาคตงั้นรึ”

“แต่ยาตัวนั้นเป็นยานอนหลับที่ใช้กันทั่วไปนะครับ และผลข้างเคียงมันก็น้อยมาก”

มิลค์อดเถียงไม่ได้ ทั้งๆ ที่จริงๆ ตอนให้กินเขายังไม่รู้เลยว่าเป็นยาอะไร เพิ่งจะมาเสิร์ชข้อมูลทีหลังเพราะสงสัยว่าทำไมอวัยวะเพศของคนที่โดนวางยาถึงไม่แข็งตัว

“แล้วคุณจะมั่นใจได้ยังไงว่าคนที่คุณวางยาเขาไม่ได้แพ้ยากลุ่มนี้ หรือว่าเขาไม่ได้กินยาตัวอื่นอยู่ที่อาจทำให้ผลของยาตัวนี้รุนแรงขึ้น คุณจะบอกว่าได้ซักประวัติคนที่คุณจะวางยาอย่างละเอียดแล้วก่อนลงมืองั้นสิ”

อาจารย์ถามกลับอย่างประชดประชัน

“ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ครับ เห็นในนิยายในละครเขาก็ทำกันบ่อยๆ”

เด็กหนุ่มหน้าซีดขณะตอบคำถาม

“นี่ควรจะเป็นความคิดของนักศึกษาแพทย์งั้นเหรอ โชคดีที่ไม่เกิดอะไรร้ายแรงขึ้น แต่จริงๆ คือคุณเอาชีวิตคนไปเสี่ยงโดยเขาไม่ได้มีโอกาสรับรู้เลย เพื่ออะไร เพื่อสนองความคึกคะนองของคุณ นี่มันผิดจริยธรรมแพทย์อย่างชัดเจน บอกตรงๆ ผมชักเสียใจที่อนุญาตให้คุณมาสอบเข้าคณะนี้แทนที่จะเรียนวิศวะต่อ”

มิลค์ขาอ่อนจนแทบทรุด การถูกตัดสินว่าไม่มีจิตสำนึกของการเป็นแพทย์ที่ดีอาจทำให้ต้องออกจากการเป็นนักศึกษาแพทย์ได้

“ผมสำนึกผิดแล้วจริงๆ  ครับอาจารย์ ต่อไปผมจะมีสติไตร่ตรองให้มากขึ้น ผมรักการเป็นหมอและผมอยากรักษาคนจริงๆ”

“ประวัติความผิดของคุณที่ทำให้กลายมาเป็นทาสมันก็ดูไม่เหมาะเลยสำหรับคนเป็นหมอ งานมันหนักมากนะ ต้องมีความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้คนจริงๆ ถึงจะมีความสุขกับมัน คุณควรลองถือโอกาสนี้พิจารณาทบทวนใหม่ว่าตัวเองอาจจะเหมาะกับอาชีพอื่นมากกว่า”

“ไม่ครับ ผมมั่นใจ ผมจะเป็นนักเรียนที่ดี มีจรรยาบรรณแพทย์ และจบออกมาเป็นหมอที่มหาลัยภูมิใจ ผมสัญญา”

มิลค์เชื่ออย่างนั้นจริงๆ ถึงตอนนี้เขาอาจจะไม่ได้เป็นคนดีนัก แต่จากหลายเดือนที่ผ่านมาที่ได้ไปคลุกคลีกับนักศึกษาแพทย์และบุคลากรในโรงพยาบาล เขาก็ได้ซึมซับจิตวิญญาณความเป็นหมอมาไม่น้อย เพราะฉะนั้นอีกหกปีที่เหลือในโรงเรียนแพทย์แห่งนี้ เขาต้องเป็นหมอที่ดีได้แน่ๆ

“ดี งั้นผมจะเก็บหลักฐานพวกนี้ไว้ก่อน และเฝ้าดูคุณไปตลอดแม้คุณพ้นจากความเป็นทาสของผมแล้ว  ถ้าคุณทำไม่ได้อย่างที่พูด ต่อให้ตอนนั้นคุณจะจบปีหกอยู่แล้ว ผมก็จะเอาคุณออก”

“ขอบคุณอาจารย์มากครับ”

“อย่าเพิ่งขอบคุณผม ยังไงคุณก็ต้องรับโทษกับความผิดที่ไปถ่ายรูปอนาจารคนอื่นตอนนอนหลับ”

“เรื่องการใช้ยาผมรับว่าผิดจริงๆ  ครับ แต่เรื่องถ่ายรูปนี่ผมทำเพื่อป้องกันตัวที่โดนเขาแบล็คเมล์ก่อน”

“ที่เขาถ่ายรูปคุณไปนะเหรอ รุ่นพี่คุณเขามาขออนุญาตผมก่อนหน้านั้นแล้ว มันเป็นหน้าที่ของคุณในฐานะนักโทษนะที่ต้องอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา เขาเป็นสมาชิกเครือข่าย S.E.O. เลยนะ ไม่มีทางทำอะไรไม่ดีแน่ๆ คงจะหยอกเล่นมากกว่า”

นี่เป็นครั้งแรกที่มิลค์ได้ยินชื่อเครือข่ายที่ว่า

“เครือข่ายอะไรนะครับ แล้วไว้ใจได้แน่เหรอ ทำไมอาจารย์ถึงมั่นใจขนาดนั้น”

“เครือข่าย S.E.O. คุณโป๊ปเขาตั้งขึ้นเพื่อคุณบอส ตอนนี้สมาชิกขององค์กรเกือบทั้งหมดก็ทะยอยเข้าร่วมไปแล้ว ผมเองถ้าเคลียร์งานยุ่งๆ นี่ได้ก็ว่าจะตอบรับคำเชิญเหมือนกัน เห็นว่าเราจะได้ลงมือทำให้สังคมดีขึ้นด้วยตัวเองจริงๆ ไม่ใช่แค่การสนับสนุนเงินอย่างเดียว ต้องขอบคุณสองคนนั้นนะสำหรับทุกอย่างที่เขาทำ”

อาจารย์หนุ่มใหญ่มาดขรึมยกมุมปากนิดนึงซึ่งมิลค์สาบานเป็นใบหน้าที่ใกล้เคียงยิ้มมากที่สุดแล้วเท่าที่รู้จักอาจารย์มา ถ้าเครือข่ายอะไรที่ว่าเป็นฝีมือของสองคนนั้น เขาคงไม่มีอะไรโต้แย้งและไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย มิลค์คิดอย่างขยาด

“เดี๋ยวคุณต้องไปรับงานโชว์สาธิตประกอบการสัมมนาพิเศษที่จะจัดขึ้นช่วงเย็นนี้ ขอบอกก่อนว่านี่จะไม่ได้ง่ายอย่างที่ผ่านมา คนเข้าร่วมจะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ชั้นนำในวงการรวมถึงนักศึกษาคณะเราที่สนใจด้วย และถ้าคุณเจออะไรที่ชวนอึดอัดใจในนั้นก็ขอให้อดทนและระลึกว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของการลงโทษ คุณไปเตรียมตัวได้แล้ว พอถึงเวลาผมจะให้คนไปตาม”

มิลค์ออกจากห้องทำงานของอาจารย์ไปด้วยความโล่งอก ขอแค่ไม่โดนทำทัณฑ์บนหรืออะไรคล้ายๆ กันนั้นจากทางคณะ    อย่างอื่นเขารับได้อยู่แล้ว ยังไงเขาเป็นทาสต้องทำเรื่องแบบนี้เป็นประจำ ทนอายเอาหน่อยไม่เห็นมีอะไร ครั้งนี้คงแค่มีคนเยอะขึ้นเท่านั้นเอง

มิลค์นุ่งเพียงแค่เสื้อคลุมอาบน้ำนั่งรออยู่ในห้องพักข้างห้องประชุมใหญ่ของคณะอย่างไม่กดดันอะไร เขาอาบน้ำทำความสะอาดทุกส่วนมาอย่างดีเพราะไม่รู้ว่าต้องเจอการสาธิตแบบไหนบ้าง ก่อนจะได้เวลาประมาณยี่สิบนาทีก็มีคนเปิดประตูเข้ามาพร้อมเสียงพูดคุยกันเอง

“เขิญทางนี้ครับคุณหมอ ทางเราเตรียมนายแบบไว้แล้ว คุณคงได้ศึกษาจากรูปถ่ายที่ส่งไปให้”

“ครับ ผมดูมาแล้ว แต่ก็อยากเจอตัวจริงก่อนเริ่มงานด้วย นายแบบจะได้ไม่เกร็ง”

มิลค์มองตามเสียงพูดคุยแล้วก็พบผู้ชายท่าทางสง่าภูมิฐานเดินคู่มากับอาจารย์ของเขา ที่เดินตามหลังมาติดๆ เป็นชายหนุ่มหล่อมีออร่าจนต้องตะลึงแต่พอดูดีๆ ก็เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาที่เขาเคยเจออยู่หลายครั้ง

“พี่ธนัท”

มิลค์พึมพำชื่อออกมาเบาๆ พี่ธนัทเป็นทาสที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของนายแพทย์นักธุรกิจชื่อดัง ถ้าอย่างนั้นคนที่เดินคู่มากับอาจารย์เขาก็คงเป็นหมอพฤกษ์เจ้านายของพี่ธนัท ตัวจริงดูหนุ่มกว่าที่เขาคิดไว้มากทั้งๆ ที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อเขาหรืออ่อนกว่าไม่มาก แต่ก็นั่นแหละ ขนาดพี่ธนัทเป็นแค่ทาส ยังถูกจับเข้าคอร์สจนดูเด็กกว่าอายุจริงเป็นสิบปีเลย

ธนัทยิ้มทักทายเด็กหนุ่มแล้วไปกระซิบบอกเจ้านายตัวเองเบาๆ หมอพฤกษ์มองมิลค์อย่างพอใจแล้วพูดว่า

“นี่คือนายแบบของวันนี้ละสิ หน้าตาดีมากเลยนะครับ เป็นทาสของอาจารย์ใช่ไหม เห็นธนัทบอกว่าเคยเจอตอนที่องค์กรส่งไปใช้บริการที่คลีนิคของผม”

“เป็นทั้งทาสทั้งลูกศิษย์เลยครับ เพิ่งย้ายจากวิศวะมาเรียนหมอปีนี้”

อาจารย์หมอตอบ ถ้ามิลค์ไม่ได้เข้าข้างตัวเองเกินไป เขารู้สึกเหมือนว่าจะเป็นซุ่มเสียงที่แสดงความภูมิใจในตัวเขาอยู่ไม่น้อย เขายกมือไหว้ทั้งหมอพฤกษ์และธนัทอย่างนอบน้อม

“อืมๆ เรียนเก่งด้วยสิ หวัดดีๆ ถอดเสื้อผ้าออกเลย ขอหมอดูของจริงนิดนึงเทียบกับที่หมอไปทำการบ้านจากรูปถ่ายมา”

มิลค์ถอดเสื้อคลุมออกจนเหลือร่างกายเปลือยเปล่า ที่จริงก็น่าจะชินแล้วแต่สายตาของหมอพฤกษ์ที่จ้องราวกับจะทะลุทะลวงร่างกายทำให้เขาอายอย่างบอกไม่ถูก หมอนักธุรกิจชื่อดังสำรวจร่างกายและอวัยวะส่วนต่างๆ ของเขาราวกับกำลังตีมูลค่าสินค้าชั้นสูง เขาค่อยๆ  ผ่อนลมหายใจเมื่อหมอพฤกษ์โดนธนัทพาไปอีกห้องด้วยเหตุผลว่าต้องไปพบนายแบบอีกคนก่อนที่จะเริ่มสัมมนา อาจารย์สั่งให้เขารออยู่ในห้องพักจนกว่าหมอพฤกษ์จะจบการบรรยายในช่วงแรกแล้วจะต่อตัวการสาธิตตัวอย่างซึ่งเป็นหน้าที่ของเขา

มิลค์นั่งรอด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับคนดังจนถึงเวลาที่ถูกพาไปขึ้นเวที เขามองบรรยากาศในงานด้วยความสนใจ เริ่มจากป้ายแสดงหัวข้องาน  ‘การนำเทคนิคการพยากรณ์ทางพันธุกรรมมาใช้กับเวชศาสตร์ความงาม’ พอมองไปทางคนฟังก็พบว่าส่วนใหญ่น่าจะเป็นแพทย์เต็มตัวแล้วมีนักศึกษาแพทย์แค่ประปราย แต่ที่ทำให้เขาสงสัยคือเดือนแพทย์โจทก์ของบทลงโทษครั้งนี้กับนั่งติดกับเต้าหู้ เด็กปีหนึ่งปีสองไม่น่าจะมาสนใจมาฟังสัมมนาอะไรของผู้ใหญ่อย่างนี้ มิลค์สงสัยและคาดโทษเต้าหู้ไว้ในใจว่าน่าจะเป็นคนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องเดือนแพทย์ไม่งั้นอีกฝ่ายไม่น่าจะรู้ตัวได้

หมอพฤกษ์กำลังยืนบรรยายอยู่บนเวทีท่ามกลางความสนใจของผู้ชม พอเขาเห็นมิลค์มายืนประจำที่เรียบร้อยแล้วก็พูดต่อทันที

“เรามาลองดูของจริงกันบ้าง ตัวอย่างของเราเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบเก้าปี ร่างกายได้พัฒนาตามกรรมพันธุ์จนเกือบจะสมบูรณ์แล้วแต่ก็ยังอาจมีการพัฒนาต่อช้าๆ อีกจนกว่าจะอายุยี่สิบห้าปี”

พอพูดมาถึงตรงนี้ ธนัทซึ่งคอยอำนวยความสะดวกอยู่บนเวทีก็เข้ามาช่วยมิลค์ปลดเสื้อคลุมออกเหลือแต่ร่างกายเปลือยเปล่าต่อหน้าคนเต็มห้องประชุม เสียงฮือฮาอย่างชื่นชมในการสาธิตที่สมจริงไม่ยึดติดกับข้อจำกัดทางบริบทของสังคม แถมยังใช้นายแบบหนุ่มหล่อที่เป็นอาหารตาอย่างนี้อีก

“อย่างที่ผมอธิบายในตอนต้น การสืบทอดทางพันธุกรรมมีผลอย่างมากต่อลักษณะภายนอกของคนเราในอวัยวะส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นขนาด รูปร่าง สี หรือผลสืบเนื่องอย่างท่าทาง เสียง  กลิ่น เป็นต้น อย่างตัวอย่างของเราในวันนี้มีจมูกที่โด่งเป็นสันและได้รูปแต่ส่วนปลายจมูกจะรั้นนิดๆ ในทางการแพทย์ถือว่าเป็นเรื่องปกติไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำการรักษาแต่อย่างใด แต่ในสาขาเวชศาสตร์ความงาม มันมีเรื่องสุนทรียศาสตร์หรือรสนิยมเข้ามาเกี่ยวข้อง บางคนอาจชอบปลายจมูกที่รั้นนิดๆ  อย่างนี้เพราะดูเด็กๆ น่ารักดี แต่บางคนอาจจะอยากให้ปลายจมูกแหลมและกดลงมากกว่านี้อีกนิดจะได้ดีหล่อคม สิ่งที่ไม่ได้เป็นปัญหาทางการแพทย์อาจกลายเป็นปัญหาในเชิงเวชศาสตร์ความงามก็เป็นได้”

หมอพฤกษ์บรรยายจนมิลค์เริ่มไม่มั่นใจว่ายังโอเคกับรูปร่างจมูกตัวเองอยู่หรือเปล่า

“ถ้าเป็นในปัจจุบันนี้ การแก้ปัญหาก็คงเป็นการทำศัลยกรรมพลาสติก แต่อย่างที่ทราบว่าบางครั้งทำออกมาอาจจะดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือแย่กว่านั้น การเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าร่างกายก็อาจเกิดการต่อต้านจนปัญหาความงามกลายมาเป็นปัญหาสุขภาพขึ้นมาจริงๆ วิธีการที่ผมกำลังศึกษาอยู่นั้น จะใช้การหลักการของกายภาพบำบัด เช่นการนวด การออกกำลังกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน ร่วมกับการออกแบบโภชนาการ และการใช้สมุนไพรธรรมชาติเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความงามต่างๆ  วิธีการนี้ในบางกรณีสามารถเห็นผลได้ทันที เช่นงานวิจัยเรื่องการเปลี่ยนสีหัวนมและอวัยวะเพศด้วยสารสกัดธรรมชาติของผมที่ได้รับการตีพิมพ์ไปเมื่อปีที่แล้ว แต่การบำบัดแบบนี้ส่วนใหญ่ต้องใช้ระยะเวลาเป็นปีๆ และควรเริ่มทำตั้งแต่ยังเด็กหรือวัยรุ่น”

มิลค์คิดว่าอาจารย์ออกจะลงโทษรุนแรงไปหน่อยที่สั่งให้เขาต้องมายืนแก้ผ้าในงานสัมมนาที่มีคนนอกคณะมาฟังด้วยอย่างนี้ จริงๆ ด้วยชื่อเสียงและเนื้อหาที่หมอพฤกษ์เอามาพูดไม่จำเป็นต้องมีเขาเป็นตัวดึงดูดความสนใจเลย เขาพยายามจะไม่สนใจสายตาโลมเลียที่มองมา แต่พอเห็นเป็นหมอหนุ่มสาวหน้าตาดีๆ เขาก็อดตื่นเต้นไม่ได้

“ปัญหาใหญ่ของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่เวลา พ่อแม่จำนวนมากพร้อมที่จะใช้วิธีธรรมชาติบำบัดอย่างที่กล่าวมากับลูกของตัวเองต่อเนื่องเป็นปีๆ เพื่อให้มั่นใจว่าเวลาโตมาเป็นหนุ่มสาวแล้วจะมีรูปร่างหน้าตาที่สมบูรณ์เป็นใบเบิกทางในสังคมต่อไป แต่อย่างที่ทราบว่าร่างกายของเด็กและวัยรุ่นมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เราจะต้องทราบซะก่อนว่าจุดบกพร่องในยามที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่อยู่ตรงไหนเพื่อที่เราจะได้เริ่มแก้ตั้งแต่วันนี้ พูดไปอาจจะยังไม่เห็นภาพ ขอสาธิตกับนายแบบของเราแล้วกันนะครับ ธนัทช่วยหน่อย”

ธนัทเข้ามาสาวท่อนลำของมิลค์ให้แข็งตัวตามคำสั่งที่เตรียมกันมา ซึ่งก็แทบจะไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย แค่รูดสองสามทีท่อนเอ็นของมิลค์ก็แข็งปั๋งต่อหน้าผู้ชมนับร้อยตามประสาหนุ่มกลัดมันที่ไม่มีโอกาสได้ปลดปล่อย คนในห้องประชุมต่างส่งเสียงฮือฮาอีกครั้งในความน่าดูของแก่นกายเด็กหนุ่มหน้าห้อง

“ดูเผินๆ ก็เป็นท่อนลำปกติที่ออกจะน่าดูชมนะครับ แต่นั่นเป็นในเชิงการแพทย์ทั่วไป  แต่ในทางเวชศาสตร์ความงาม ถ้าเราเอาไม้บรรทัดมาวัดตรงๆ แบบนี้ จะเห็นว่ามันเอียงซ้ายนิดๆ นิดเดียวจริงๆ ครับ กล้องช่วยซูมมาหน่อย เมื่อเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว มันอาจเอียงกว่านี้ได้อีก ในทางเวชศาสตร์ความงามที่ต้องการความสมบูรณ์แบบอาจจะไม่พอใจ วิธีบำบัดเราสามารถใช้การนวดน้ำมันและการบริหารกล้ามเนื้อเฉพาะจุดช่วยได้ แต่ต้องใช้เวลาและควรเริ่มทำตั้งแต่เด็กกว่านี้ คราวนี้ลองนึกถึงตอนที่นายแบบของเราอายุน้อยกว่านี้สิครับ อวัยวะส่วนนี้ยังไม่พัฒนา มันจะยิ่งดูยากเข้าไปอีกว่าจะเอียงแค่ไหนเมื่อเป็นผู้ใหญ่ หากทำการบำบัดในระดับที่มากเกินไป จากเอียงซ้ายจะกลายเป็นเอียงขวาแทนได้”

ขณะที่กำลังบรรยายไป หมอพฤกษ์เอาไม้บรรทัดมาทาบท่อนลำที่กำลังแข็งตัวของมิลค์เพื่อให้กล้องถ่ายซูมขึ้นโปรเจกเตอร์เพื่อให้เห็นการสาธิตได้อย่างขัดเจน ผู้ชมในห้องแทบไม่มีใครสนใจกับความโค้งเอียงเล็กน้อยอย่างที่หมอพฤกษ์ตั้งข้อสังเกตเพราะมัวแต่ตะลึงกับความขาวใสของท่อนลำขนาดเขื่องและหัวสีชมพูสวยที่ใสเหมือนไม่ได้ถูกใช้งานมาก่อน ถึงแม้ว่ามิลค์อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่ความตื่นเต้นจากการถูกจ้องมองทำให้น้ำหล่อลื่นเหนียวใสเริ่มเอ่อซึมออกมาจากส่วนปลายจนเห็นได้ชัด

“นั่นคือสิ่งที่เทคนิคการพยากรณ์ทางพันธุกรรมจะช่วยได้ เราจะใช้คอมพิวเตอร์จำลองภาพสามมิติของผู้ใช้บริการมาจับคู่กับข้อมูลของญาติร่วมพันธุกรรมเดียวกันที่อายุมากกว่า จะเป็นพ่อลุงน้าอาหรือพี่ชายที่อายุห่างกันเยอะๆ ก็ได้ ทั้งนี้เพื่อทำนายรูปร่างหน้าตาในอนาคตของผู้ใช้บริการ นอกจากนี้เราจะใส่ข้อมูลทางพันธุกรรมของลักษณะยีนเด่นยีนด้อยของญาติแต่ละคนลงไปอีกเพื่อประเมินความน่าจะเป็นให้ถูกต้องมากขึ้น พอเราทราบรูปร่างหน้าตาในอนาคตของผู้รับบริการแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะออกแบบการบำบัดเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องในอนาคตต่อไป”

มิลค์ที่กำลังฟังตามอย่างตั้งใจเพื่อให้ลืมความอายก็ต้องตกใจเมื่อเห็นอาร์ตเดินเข้ามานั่งฟังตรงที่นั่งด้านหน้า อาอาร์ตเป็นนักบัญชีมาทำอะไรในงานสัมมนาทางการแพทย์ คงไม่ใช่ว่า.....

“เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น ขอตัวอย่างเปรียบเทียบด้วยครับ”

ผู้ชายคนหนึ่งในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำก้าวขึ้นมาบนเวทีและเดินมายืนข้างๆ มิลค์แค่ชำเลียงด้วยหางตาก็จำคนๆ นี้ได้ทันทีถึงจะดูเปลี่ยนไปบ้าง พ่อของเขาไปทำอะไรมาไม่รู้แต่ดูดีและหนุ่มขึ้นไปอีก ที่แน่ๆ ไปตัดผมสั้นทรงวัยรุ่นและย้อมผมสีอ่อนมา พอพ่อเปลื้องเสื้อคลุมออกก็เผยหุ่นล่ำที่ดูดีกว่าเขาจนสาวๆ ที่นั่งฟังอยู่กรี๊ดออกมาอย่างชื่นชมอย่างเก็บอาการไม่อยู่ทั้งๆ ที่เป็นงานสัมมนาทางวิชาการ ธนัทช่วยรูดท่อนลำของคนพ่อตามหน้าที่จนแข็งปั๋งไม่ต่างจากคนลูก

มิลค์ตกใจจนดุ้นเนื้ออ่อนตัวลง เขาเหลือบมองไปรอบๆ ห้องอย่างระแวงว่าจะมีใครรู้บ้างว่าตัวอย่างอีกคนคือพ่อของเขาเอง หลังจากนี้เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน พ่อลูกต้องมายืนโชว์อะหล่างฉ่างพร้อมกันบนเวที อาจารย์ต้องรู้แน่ๆ และคงเป็นคนติดต่อให้อาอาร์ตสั่งพ่อเขามาด้วยซ้ำ แต่นั่นไม่ยังน่ากลัวเท่ากับคนอื่นในคณะ ไอเต้าหู้ที่นั่งตาโตอยู่ข้างเดือนแพทย์เป็นคนเดียวที่เคยเห็นหน้าพ่อเขา เขาจะขู่ฆ่ามันถ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ที่สำคัญไอเดือนแพทย์มันรู้หรือยัง เห็นสายตายิ้มๆ ที่มองมามันอาจจะรู้แล้วก็ได้ แต่ที่เขากังวลที่สุดคือผู้ฟังในห้องน่าจะเดาได้เองไม่ยาก พ่อกับเขาหน้าเหมือนกันซะขนาดนี้จะไม่รู้ได้ยังไง

หมอพฤกษ์ที่กำลังบรรยายอยู่เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเห็นท่อนลำที่หมดสภาพจนคอตกของมิลค์ เขาบุ้ยปากให้ธนัทเข้าไปจัดการปลุกอารมณ์ของคนลูกใหม่เพื่อจะใช้เปรียบเทียบต่อ

“ตัวอย่างที่สองเป็นญาติที่อายุมากกว่าของตัวอย่างที่หนึ่ง จะเห็นว่าพอเอาไม้บรรทัดวัดจะพบความเอียงซ้ายที่มากกว่าตัวอย่างที่หนึ่งแต่เป็นในลักษณะที่โก่งขึ้นด้วย จากข้อมูลนี้ร่วมกับการตรวจสอบยีนเด่นยีนด้อย เราจะสามารถทำนายลักษณะอวัยวะเพศในอนาคตของตัวอย่างที่หนึ่งได้อย่างแม่นยำตั้งแต่ยังเด็กและออกแบบการบำบัดได้อย่างถูกต้อง ตัวอย่างที่หนึ่งช่วยเอาอวัยวะเพศมาเปรียบเทียบกับตัวอย่างที่สองด้วยครับ”

เสียงฮือฮาดังขึ้นขณะที่กล้องซูมเข้าไปที่อวัยวะเพศชายคู่แฝดที่น่าดูไม่ต่างกัน

“จะเห็นว่าด้วยความเป็นญาติร่วมพันธุกรรมเดียวกัน ขนาดสีสรรและรูปร่างของอวัยวะเพศของทั้งคู่จะใกล้เคียงกันมาก ถือเป็นตัวอย่างที่ค่อนข้างสมบูรณ์จริงๆ  แต่ถึงจะเป็นกรณีทั่วไปที่มีการเบี่ยงเบนออกไปบ้างตามธรรมชาติ วิธีการทำนายที่ผมพัฒนาขึ้นก็จะครอบคลุมเผื่อไว้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ในส่วนการบรรยายที่ผมเตรียมมาก็จบลงเพียงเท่านี้ ต่อไปจะเป็นช่วงตอบคำถาม ไม่ทราบว่า.... อ้า เชิญคุณผู้หญิงด้านโน้นครับ”

“ตัวอย่างที่หนึ่งกับตัวอย่างที่สองเป็นอะไรกันคะ”

“แหม นึกว่าจะถามงานวิจัยของผม อย่างที่เรียนไปครับ ว่าเป็นญาติที่อายุมากกว่าก็ใช้ได้หมด จะเป็นพ่อ เป็นน้า เป็นอา หรือพี่ชายที่อายุห่างกัน ยิ่งมีหลายตัวอย่างยิ่งดี ตัวอย่างที่สองก็เป็นญาติหนึ่งในนั้นล่ะครับ เก็บไว้ลองทายกันดีกว่า อันนี้เรื่องส่วนตัวของนายแบบเขา ผมคงตอบไม่ได้ ขอคำถามถัดไปครับ”

“ดิฉันเห็นอย่างที่คุณหมอพฤกษ์ว่าละค่ะว่าอวัยวะเพศของตัวอย่างที่หนึ่งกับตัวอย่างที่สองใกล้เคียงกันมากสมกัยที่เป็นญาติกัน เลยมาสะดุดตรงที่ส่วนหัวของทั้งคู่ว่าทำไมสีถึงต่างกันค่อนข้างชัด อันนี้เป็นผลจากยีนเด่นยีนด้อยหรือการกลายพันธุ์หรือเปล่าคะ”

หมอพฤกษ์ซ่อนยิ้มไว้ภายใต้สีหน้าเป็นการเป็นงาน เขาแอบหวังว่าจะมีคนถามคำถามนี้ขึ้นมาแล้วก็สมหวัง นายแพทย์นักธุรกิจบอกให้สองพ่อลูกรูดหนังหุ้มปลายลงจนสุดแล้วเอาส่วนหัวของอวัยวะเพศมาแนบกันเพื่อให้กล้องได้จับภาพความแตกต่าง มิลค์ขนลุกไปทั้งตัวทันทีที่เนื้อส่วนอ่อนไหวสัมผัสกัน  ต่อให้เขากับพ่อสนิทกันแค่ไหน แต่นี่มันดูไม่เหมาะสมจริงๆ

“เป็นคำถามที่น่าสนใจมากครับ มาดูกันชัดๆ แบบนี้จะเห็นว่าส่วนหัวของนายแบบคนที่สองจะดูหมองคล้ำไม่ได้เป็นสีชมพูใสอย่างของตัวอย่างที่หนึ่งทั้งที่มีสานพันธุกรรมเดียวกัน อันนี้มีสาเหตุอยู่สองสามประการครับ อันดับแรกด้วยวัยครับ เห็นหนุ่มๆ อย่างนี้แต่ตัวอย่างที่สองก็มีอายุห่างจากตัวอย่างที่หนึ่งอยู่พอสมควร ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้นความเต่งตึงของผิวหนังในทุกส่วนก็ลดลงเป็นธรรมดา เรื่องที่สอง อันนี้ผมไม่ทราบแน่นะครับ แต่พอจะอนุมานได้จากสภาพที่เห็นอยู่ว่าตัวอย่างที่สองมีการใช้งานอวัยวะส่วนนี้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอมาเป็นเวลานาน พูดภาษาชาวบ้านก็คือใช้งานหนักนั่นแหละครับ ผิวหนังโดนเสียดสีบ่อยๆ มันย่อมคล้ำและหยาบลงเป็นธรรมดา ในขณะที่ตัวอย่างที่หนึ่งดูแล้วผ่านการใช้งานมาน้อยมาก”

ทั้งเอ็กซ์และมิลค์ก้มหน้างุดด้วยความอายที่อยู่ๆ ก็เหมือนถูกเอาพฤติกรรมทางเพศมาเปิดเผยต่อหน้าธารกำนัล

“ส่วนสาเหตุที่สาม จริงๆ ผมไม่ค่อยอยากพูดถึงสักเท่าไหร่ เพราะเหมือนเป็นการประชาสัมพันธ์ธุรกิจของตัวเอง แต่ขอยืนยันไว้ตรงนี้ครับว่ ไม่ได้เตี้ยมมาแน่นอน ขอให้มองเป็นเรื่องวิชาการนะครับ คือบังเอิญว่าตัวอย่างที่หนึ่ง เมื่อหลายเดือนก่อน น่าจะเป็นครึ่งปีแล้ว ได้ไปรับบริการคอร์สความงามสำหรับสุภาพบุรุษที่คอมเพล็กสุขภาพของผมแล้วก็ทำการเปลี่ยนสีส่วนหัวอวัยวะเพศให้เป็นสีชมพูมาครับ เลยอาจจะต่างกับพื้นฐานทางกรรมพันธุ์ไปบ้าง อย่างตัวอย่างที่สองนี่ถ้าได้ไปเข้าคอร์สเดียวกัน ออกมาก็จะชมพูใสๆ เหมือนของใหม่เลยครับ คุณหมอผู้ชายในห้องนี้ ถ้าสนใจเทคนิคที่ว่า ก็ลองไปพูดคุยหรือทดลองด้วยตัวเองที่คอมเพล็กซ์สุขภาพของผมได้”

หมอพฤกษ์ถือโอกาสโฆษณาแฝงอย่างเนียนๆ หมอผู้ชายในห้องนี้กำลังซื้อสูงจะตาย กลุ่มเป้าหมายของเขาชัดๆ

“มีคำถามอื่นอีกไหมครับ”

“ตัวอย่างที่สองอายุเท่าไหร่ฮะ”

“ตัวอย่างที่สองยังโสดอยู่เปล่าคะ

“ผู้ช่วยคุณหมอชื่ออะไรครับ”

“อยากขอถ่ายภาพตัวอย่างที่หนึ่งกับตัวอย่างที่สองคู่กันได้ไหมครับ”

หมอพฤกษ์ส่ายหัวกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ไม่อยากเชื่อว่าที่ๆ มาฟังกันนี่เป็นหมอซะเป็นส่วนใหญ่ นี่ขนาดเขาเปลี่ยนใจมาใช้สองพ่อลูกนี่ตามที่อาจารย์ขอนะ ถ้าใช้ธนัทมาเป็นตัวอย่างจริงตามที่วางแผนไว้ทีแรก ห้องประชุมคงได้ระเบิดกันบ้าง

“ถ้าไม่เกี่ยวกับงานที่ผมเสนอไปงั้นขอข้ามไปที่ช่วงสุดท้ายเลยนะครับ อันนี้เป็นเวิร์คช็อปสนุกๆ  อยากให้ในห้องนี้โหวตเลือกลักษณะทางกายภาพของตัวอย่างที่หนึ่งและตัวอย่างที่สองที่น่าจะมีความเหมือนกันทางพันธุกรรมมาหนึ่งอย่าง เดี๋ยวเราจะทำการวัดจริง ถ้าได้ผลใกล้เคียงกันจริง ผมจะมีของที่ระลึกจากศูนย์สุขภาพของผมแจกให้ทุกคนก่อนกลับ ยกเว้นเรื่องขนาดของอวัยวะเพศไว้เรื่องนึงนะครับ เพราะเมื่อกี๊เราเปรียบเทียบให้เห็นกันชัดๆ ไปแล้ว”

หมอพฤกษ์ตั้งใจให้เป็นกิจกรรมง่ายๆ ที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้ คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว ง่ายสุดเลยก็ความสูงซึ่งเป็นเรื่องทางพันธุกรรม แถมพ่อลูกคู่นี้ก็สูงใกล้เคียงกันซึ่งทุกคนในห้องก็เห็นอยู่แล้ว คงไม่มีใครโหวตเรื่องน้ำหนักเพราะมันมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลมากกว่า เช่นพฤติกรรมการบริโภค นอกนั้นจะตอบอะไรก็คงจะถูกเกือบทั้งนั้น  ยังไงกิจกรรมนี้เขาก็ตั้งใจมาแจกของตั้งแต่แรกแล้ว

“งั้นขอซักสามตัวเลือกแล้วกันนะครับ แล้วค่อยยกมือโหวตกัน ขอตัวเลือกแรกครับใครจะเสนออะไร ความสูง โอเคครับ ตัวเลือกที่หนึ่ง ความสูง ขอตัวเลือกที่สองครับ เบอร์รองเท้า? เอาจริงเหรอครับ ก็ได้ครับ ข้อสุดท้ายแล้ว หา อะไรนะครับ ปริมาณน้ำอสุจิ? อย่าล้อเล่นสิครับ ไม่มีใครโหวตหรอก ก็ได้ครับ ลองดูก็ได้”

คนที่เสนอตัวเลือกพิศดารอันหลังสุดกลับเป็นเด็กที่ดูสุภาพเรียบร้อยอย่างเต้าหู้ มิลค์รู้สึกเหมือนถูกหักหลัง ถึงเขาจะไม่ได้ยินดียินร้ายกับเพื่อนใหม่คนนี้นักแต่เพื่อนกันไม่น่าทำแบบนี้ ยิ่งรู้ก็รู้ว่าอีกคนบนเวทีคือพ่อของเขาเอง ที่ผ่านมาเขาก็ดีกับมันอยู่บ้าง ถ้าคนเสนอเรื่องนี้เป็นไอเดือนแพทย์เขาจะยังเจ็บใจไม่เท่านี้เลย
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [4] 29/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 29-10-2016 16:27:46
สุดท้ายการโหวตก็เทคะแนนถล่มทลายให้กับหัวข้อที่สาม ไม่น่าเชื่อว่าคนที่มีความรู้ทางการแพทย์อย่างผู้ฟังในห้องจะเลือกคำตอบนี้สำหรับโจทย์ที่กำหนด ปริมาณน้ำอสุจิมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องมากมายที่ไม่เกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์โดยเฉพาะเรื่องความถี่ในการหลั่งก่อนหน้า  แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนในห้องก็ใจจดจ่ออยู่กับการเปรียบเทียบทางพันธุกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น หมอพฤกษ์คิดอย่างเพลียใจที่คนดูเลือกตอบเอามันแทนที่จะพยายามตอบให้ถูกต้อง ดูท่าจะไม่สนใจอยากได้ของที่ระลึกที่เขาเตรียมมาเลย กระบอกวัดปริมาตรสองอันถูกหยิบยืมจากห้องแลบได้อย่างทันใจ สองพ่อลูกยืนเปลือยกายเคียงกันอยู่บนเวที ผู้ช่วยของหมอพฤกษ์รับบทหนักที่ต้องชักว่าวให้ตัวอย่างทั้งสองคนไปพร้อมๆ  กัน แต่เขาก็ทำได้อย่างชำนิชำนาญ ก็อย่างว่า เรื่องนี้มันเป็นสกิลมาตรฐานของผู้ชายอยู่แล้ว

ผู้ชมในห้องประชุมต่างมองภาพตรงหน้าอย่างแทบลืมหายใจ หนุ่มหล่อต่างวัยยืนเคียงคู่กันให้หนุ่มหล่อมากอีกคนจับท่อนลำขนาดเขื่องรูดไปมาพร้อมๆ กัน บอกไม่ถูกว่าต้นเหตุของความน่ามองอยู่ที่ไหนกันแน่ อาจเป็นความหล่อใสและร่างกายที่เยาว์วัยชวนมองของมิลค์ หรือจะเป็นความสง่าแกร่งกำยำมีเสน่ห์ในแบบผู้ใหญ่ของเอ็กซ์ ที่แน่ๆ ความคล้ายคลึงทางสายเลือดของผู้ชายต่างวัยมันน่าค้นหาจริงๆ  ใบหน้าที่ตั้งใจราวกับกำลังทำงานสำคัญของหนุ่มโคตรหล่ออย่างธนัทก็มีส่วนช่วยทำให้เหตุการณ์บนเวทีสมบูรณ์แบบมากขึ้น

ถึงจะอับอายและกังวลแต่ความหนุ่มแน่นของอาวุธประจำกายของมิลค์ก็ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ เขารู้ดีว่าการที่ร่างกายแทบไม่ได้มีโอกาสปลดปล่อยเลยคงทำให้เขาเสร็จก่อนพ่อแน่ๆ เขาพยายามอดกลั้นให้ได้มากที่สุดเพราะไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นนกกระจอกกินน้ำต่อหน้าคนกลุ่มใหญ่ แต่มือใหญ่อุ่นนุ่มของพี่ธนัทก็ทำให้รู้สึกดีเหลือเกิน เขาไม่ได้มีโอกาสแบบนี้ตั้งแต่ที่เดือนแพทย์แกล้งเขาในคลาสอานาโตมีซึ่งก็เป็นอาทิตย์แล้ว

มิลค์เริ่มครางเสียงดังด้วยความเสียว เขาลืมไปแล้วว่ากำลังอยู่ต่อหน้าคนเป็นร้อย มือข้างนึงเขาถือกระบอกตวงไว้เพื่อรอรับปริมาณน้ำอสุจิที่คงจะมาในไม่ช้า มิลค์เอามืออีกข้างที่ว่างมาเขี่ยหมุดที่หัวนมอย่างลืมตัว นั่นเรียกคะแนนสายตาจากคนที่กำลังลังเลว่าจะโฟกัสไปที่หนุ่มน้อยหรือหนุ่มใหญ่ดีได้อีกเยอะ ไม่นานมิลค์ก็กระตุกปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นข้นคลั่กออกมาใส่กระบอกตวงอย่างแม่นยำระลอกแล้วระลอกเล่าเป็นสิบครั้งจนคนดูต้องทึ่งไปตามๆ กัน เขารีดไปตามท่อนลำเพื่อไล่น้ำเชื้อที่ค้างลำกล้องอยู่ลงไปในกระบอกตวงไม่ให้พลาดซักหยดตามด้วยการสะบัดปลายส่งหยดสุดท้ายลงไป

พออารมณ์เงี่ยนได้รับการปลดปล่อยไปมิลค์ก็กลับมากระอักกระอ่วนกับพ่อของตัวเองที่ยังยืนแอ่นให้ธนัทสาวดุ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดูท่าทางแล้วพ่อคงจะไม่แตกง่ายๆ นี่มันแย่จริงๆ เขาไม่อยากยืนแก้ผ้าดูพ่อตัวเองถูกจับชักว่าวต่อหน้าคนเป็นร้อยไปอีกเป็นชั่วโมง หมอพฤกษ์ก็ดูจะไม่อยากเสียเวลาเท่าไหร่ถึงได้หยิบหลอดยาเล็กๆ ขึ้นมาส่งให้กับธนัท หนุ่มหล่อราวกับดารารับไปแล้วบีบเนื้อยาชโลมทั่วท่อนลำอวบใหญ่ของเอ็กซ์จนแวววับน่ามองแล้วลงมือสาวต่อ อีกไม่ถึงนาที เอ็กซ์ก็กระฉูดน้ำเชื้อออกมาเยอะไม่แพ้หนุ่มๆ แต่พอเอามาเทียบกับของมิลค์ที่ออกมามากจนผิดปกติก็ยังน้อยกว่ากันแบบครึ่งๆ

“สรุปว่าหัวข้อที่ทุกคนโหวตเป็นคำตอบที่ไม่ถูกต้องนะครับ เสียใจจริงๆ ที่วันนี้ไม่ได้มีโอกาสแจกของที่ระลึกที่เตรียมมา”

หมอพฤกษ์ประกาศท่ามกลางความไม่เสียดายของผู้ชมที่ได้เห็นอะไรที่มันอิ่มตามากกว่านั้นแล้ว จริงๆ หมอหนุ่มนักธุรกิจอยากแจกใจแทบขาดเพราะถือเป็นการโปรโมทสินค้ากับคนที่อยู่ในวงการแพทย์ด้านความงามโดยตรง แต่ในเมื่อผลมันออกมาเป็นแบบนี้ ถ้าให้ไปมันจะดูยัดเยียดจนเสียภาพลักษณ์ของแบรนด์ไป

หลังงานสัมมนาเลิก คุณหมอสาวๆ สวยๆ สมกับที่อยู่วงการเวชศาสตร์ความงามหลายคนก็ปรี่เข้าไปหาเอ็กซ์ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายยังไม่ได้มีโอกาสแต่งตัวให้เรียบร้อยเลย

“คุณตัวอย่างหมายเลขสองคะ ขอสอบถามหน่อยค่ะ ถ้าอยากเชิญไปเป็นตัวอย่างที่คลีนิคของดิฉันบ้างจะสะดวกไหมคะ”

“ทางนี้ก็อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยค่ะ ดิฉันเป็นแพทย์ผิวหนัง พอจะบอกได้จากจุดสังเกตเล็กๆ  น้อยๆ ว่าคุณก็น่าจะอายุเกินสามสิบห้าแล้ว แต่ในภาพรวมยังดูหนุ่มมาก ไม่ทราบว่าได้ผ่านการบำบัดแบบที่หมอพฤกษ์นำเสนอมาหรือเปล่า อยากจะขอนามบัตรไว้ติดต่อพูดคุยกันทีหลังค่ะ”

“พี่เป็นพี่ชายของน้องมิลค์ใช่เปล่าคะ หนูเรียนอยู่ปีสี่ค่ะ สนิทกับน้องมิลค์ม๊ากมาก อยากแลกเบอร์แลกไลน์ไว้เผื่อพี่จะฝากให้ช่วยดูแลน้องมิลค์น่ะค่ะ”

มิลค์มองดูพ่อตัวเองยืนเปลือยถูกมะรุมมะตุ้มจากสาวๆ มากหน้าหลายตา ยิ่งเห็นอาร์ตมองมาตาเขียวปั๊ดก็ยิ่งร้อนใจแทนแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง ตัวเองยังถูกรุมจากหมอๆ ผู้ชายทั้งแนวหัวงูทั้งแนวออกสาวอยู่แหวกวงล้อมออกไปไม่ได้ พวกนี้ยิ่งปากว่ามือถึงกว่าด้วย แก้ผ้าอย่างนี้ป้องกันตัวเองไม่ถูกเลย ไม่รู้จะระวังหน้าหรือระวังหลังดี

หลังจากชุลมุนอยู่ครู่ใหญ่ ปรากฎว่าเป็นเต้าหู้ที่ปราดเข้ามาเอาตัวหมีๆ กันมิลค์ออกมาจากกลุ่มคนได้ หนุ่มหน้าจืดไม่พูดไม่จารีบพาร่างเปลือยของมิลค์กลับเข้าไปที่ห้องพักโดยมีเดือนแพทย์เดินระวังหลังให้ ที่นั่นอยู่ครบกันทั้งหมอพฤกษ์ ธนัท อาจารย์ เอ็กซ์ และอาร์ต

“นึกว่าลูกจะไม่รอดแล้วซะอีก”

เอ็กซ์ในสภาพเปลือยแซวลูกชายอย่างขำๆ มิลค์หันขวับไปมองเดือนแพทย์อย่างระแวง พ่อเล่นเรียกเขาแบบนี้มันก็รู้หมดสิ หวังว่ามันจะได้ยินไม่ถนัดนะ แต่แล้วหมอพฤกษ์ก็ดับความหวังของเขาด้วยคำพูดตอกย้ำเข้าไปอีก

“เสน่ห์แรงทั้งพ่อทั้งลูกเลยแฮะ ยังไงวันนี้ก็ต้องขอบคุณมากทั้งคุณเอ็กซ์และน้องมิลค์เลย เป็นตัวอย่างที่ดีจริงๆ ออกจะดึงดูดผู้ชมเกินไปด้วยซ้ำ ขอบคุณคุณอาร์ตด้วยที่ให้ยืมตัวคุณเอ็กซ์มาวันนี้  เดี๋ยวผมคงต้องขอตัวก่อนไปคุยธุระกับอาจารย์ก่อนกลับ ส่วนครีมบำรุงผิวที่ผมเตรียมมาเป็นของแจกผู้เข้าสัมมนาแต่เล่นเกมไม่ผ่าน ผมขอแจกในห้องนี้แล้วกันครับ ที่เหลือขอมอบให้คุณเอ็กซ์และน้องมิลค์ในฐานะที่ได้ร่วมงานกัน”

หมอพฤกษ์บอกอย่างใจดี มิลค์ตาโต ถึงเขาจะไม่ใช่ผู้ชายสำอางค์อะไรมากแต่ก็ไปใช้บริการคลีนิคหมอพฤกษ์อยู่บ้างเลยได้ยินถึงคนพูดถึงครีมที่ว่าอยู่ไม่น้อยทั้งในด้านสรรพคุณและราคา ถึงครีมที่หมอพฤกษ์เอามาจะเป็นไซส์เล็กแต่ก็มีจำนวนน่าจะเกือบสองร้อยกระปุก แบ่งกันแล้วก็คงทาทั้งตัวได้เป็นปีๆ

“งั้นผมขอไปลองซักสองกระปุกนะครับ ถ้าดีผมค่อยไปซื้อเอง”

เดือนแพทย์บอกด้วยความสนใจ มิลค์ปราดเข้าไปใกล้แล้วกัดฟันพูดเบาๆ ใส่หูอีกฝ่ายด้วยความแค้น

“เอาไปทาไข่ดำๆ ของมึงเหรอ กูให้ห้ากระปุกเลย มันคงขาวขึ้นหรอก”

เดือนแพทย์หน้าตึงที่ถูกล้อปมด้อย เขากวาดสายตาลงต่ำไปที่หว่างขาของมิลค์แล้วพูดลอยๆ  ออกมาว่า

“ใครจะไข่ขาวตั้งแต่พ่อยันลูกเหมือนบ้านมึงล่ะ สำเนาถูกต้องเชียวนะ”

“อะไรกันคุณสองคน เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันแทนที่จะรักใคร่ปรองดองกัน มิลค์ ผมหวังว่าคุณคงรักษาสัญญานะ บทลงโทษวันนี้คงทำให้คุณพอคิดได้ว่าเวลาคุณทำตัวไม่ดีมันจะเดือดร้อนถึงพ่อแม่ผู้ปกครองด้วย”

อาจารย์หมอออกปากเตือน มันเป็นบทลงโทษที่เจ็บปวดจริงๆ สำหรับมิลค์ ที่ความคึกคะนองของตัวเองทำให้พ่อต้องมาอับอายไปด้วยอย่างนี้

“เดี๋ยวคุณไปส่งหมอพฤกษ์กับผม ผมจะคุยธุระกับเขาและมีงานจะมอบหมายคุณเพิ่มเติมด้วย”

มิลค์หน้าจ๋อยเดินตามอาจารย์หมอไปต้อยๆ โดยยังไม่มีโอกาสใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย โชคดีที่รถคันหรูของหมอพฤกษ์จอดอยู่ตรงที่จอดรถวีไอพีติดกับด้านข้างหอประชุมที่ไม่มีคนเดินผ่านไปมาสักเท่าไหร่

“วันนี้ขอบคุณคุณหมอมากครับ ส่วนเรื่องความร่วมมือด้านงานวิจัยที่คุณหมอขอ ผมตกลงครับ เดี๋ยวให้นายมิลค์นี่แหละเป็นทั้งหนึ่งในตัวอย่างทดลองแล้วก็ช่วยวิเคราะห์ผลการวิจัยด้วย”

“ขอบคุณอาจารย์มากเลยครับ ไอผมเองก็ยุ่งกับธุรกิจจนไม่มีเวลาทั้งๆ  ที่ชอบทำวิจัยเองมากกว่า อย่างเมื่อก่อนที่หามรุ่งหามค่ำจนได้ตัวสารสะกัดสมุนไพรเปลี่ยนสีหัวอวัยวะเพศมา วันนี้ผมเลยได้หน้าเลยว่าน้องมิลค์ทำมากว่าครึ่งปีแล้วแต่สียังสวยอยู่เลย”

หมอพฤกษ์ถือวิสาสะคว้าอวัยวะช่วงล่างของมิลค์ทันที เจ้าของท่อนลำผงะด้วยความตกใจแต่ก็ไม่กล้าต่อต้านด้วยความเกรงใจ ได้แต่ปล่อยให้หมอพฤกษ์จับถอกหัวปลิ้นไปปลิ้นมาอย่างชื่นชมในผลงานของตัวเอง

“แต่นี่มันดูใหม่ไปแล้ว คงไม่ได้ใช้งานเลยละสิ แต่อย่างน้อยน่าจะได้ช่วยตัวเองอยู่บ้างนะ”

หมอพฤกษ์ออกความเห็นหลังจากดูจนหนำใจแล้ว

“ผมไม่ให้ทำทั้งนั้นแหละครับ จะช่วยตัวเองหรืออะไร เด็กที่เคยมีประวัติไม่ดีในเรื่องอย่างนี้ ผมว่าโฟกัสไปที่เรื่องเรียนอย่างเดียวจะดีกว่า”

อาจารย์หมอบอก

“น่าสงสารนะ เด็กวัยกลัดมันอย่างนี้ วันนี้เลยโล่งตัวเลยสิ มิน่าถึงได้ออกมาเยอะขนาดนั้น หมอยังตกใจเลย แทบจะเยอะที่สุดที่หมอเคยเห็นมา ดีๆ งั้นเหมาะแล้วที่จะมาเป็นตัวอย่างงานวิจัย”

“ผมต้องทำอะไรบ้างครับ”

“ไม่มีอะไรมาก ทำตัวเหมือนปกติ แค่กินอาหารเสริมที่หมอจะจัดให้วันละครั้งกับห้ามสูบบุหรี่ แล้วก็เก็บตัวอย่างส่งอาทิตย์ละครั้งพร้อมทั้งรายงานอาหารที่ทานมาตลอดสัปดาห์ หมอจะให้เมสเซนเจอร์มารับตัวอย่างทุกวันศุกร์”

มิลค์ดูๆ แล้วก็ไม่มีอะไรยาก เขาไม่สูบบุหรี่อยู่แล้ว

“ตัวอย่างอะไรครับ ต้องเจาะเลือดอะไรพวกนี้หรือเปล่า”

“ตัวอย่างน้ำอสุจิ ใส่หลอดเก็บตัวอย่างแช่น้ำแข็งไว้ห้ามเกินสามชั่วโมง”

“อาจารย์ครับ ผมเป็นทาส ช่วยตัวเองไม่ได้ กรณีนี้ให้ทำยังไงครับเวลาเก็บตัวอย่าง”

“อาจารย์ก็อนุญาตให้เด็กเขาช่วยตัวเองได้ไปเลยสิ เจ้านายสามารถสั่งเพิ่มเติมได้อยู่แล้วถ้าไม่ผิดกฎพื้นฐาน”

หมอพฤกษ์ออกความเห็น

“ไม่เอาดีกว่า องค์กรเขาตั้งโปรแกรมควบคุมจิตไว้ดีอยู่แล้ว ถ้าผมไปสั่งแก้ไขแล้วไม่รัดกุมขึ้นมามันจะกลายเป็นช่องให้นายมิลค์ไปหมกมุ่นกับการช่วยตัวเองได้ เอางี้แล้วกัน อย่างน้อยก็ไม่ให้เขาทำได้ด้วยตัวเอง ผมให้เพื่อนเขาช่วยดีกว่า เพื่อนคุณชื่ออะไรนะ ที่ตัวใหญ่ๆ ขาวๆ น่ะ”

“เต้าหู้ครับ”

“เออนั่นแหละ ผมอนุญาตให้คุณและนายเต้าหู้สามารถช่วยตัวเอง เอิ่ม ไม่ใช่สิ ให้คนอื่นทำให้มันจะไปเรียกว่าช่วยตัวเองได้ยังไง ต้องใช้คำว่าอะไรดี เอางี้แล้วกัน เป็นกลางๆ ไปก่อน ผมอนุญาตให้คุณและนายเต้าหู้สามารถมีกิจกรรมทางเพศกันได้  แล้วเดี๋ยวผมจะไปบอกกับนายเต้าหู้เองว่าให้มาช่วยคุณเก็บตัวอย่างน้ำอสุจิเพื่องานวิจัยนี้ เขาจะได้ไม่ตกใจ”

มิลค์สลดลงเล็กน้อยที่ไม่ได้รับอิสระให้ช่วยตัวเองได้อย่างที่หมอพฤกษ์เสนอ แต่ว่าได้เอาน้ำออกบ้างอาทิตย์ละครั้งก็ยังดี ไม่งั้นต้องรอฝันเปียกหรือโดนจับสาธิตในห้องเรียนอย่างเดียว ธนัทตบบ่ามิลค์อย่างให้กำลังใจก่อนจะกลับไปพร้อมกับหมอพฤกษ์ อาจารย์หมอบอกมิลค์ว่าหมดภารกิจสำหรับวันนี้แล้วให้กลับไปแต่งตัวได้ เด็กหนุ่มกลับไปเอาเสื้อผ้าที่ห้องพักพร้อมกับอาจารย์แล้วพบว่าเอ็กซ์ อาร์ต เต้าหู้ และเดือนแพทย์ยังรอเขาอยู่

“พ่อครับ ผมขอโทษที่ทำให้พ่อโดนไปด้วย”

มิลค์ยกมือไหว้เอ็กซ์ด้วยความเสียใจ คนเป็นพ่อยิ้มอย่างให้กำลังใจ เขาไม่เคยถือโทษโกรธลูกชายเลย จะว่าไปการที่ลูกต้องมาตกเป็นทาสแบบนี้ก็มีสาเหตุมาจากเขา นี่ถ้าเขาต้องถูกดำเนินคดีเรื่องโกงบริษัทลูกคงต้องถูกตราหน้าว่ามีพ่อขี้คุกขึ้นมาอีก จะว่าไปก็ดีเหมือนกันที่ถูกองค์กรเขาตัวมาทำโทษแบบนี้ จะหนักจะทรมานแค่ไหนก็ยังดีกว่ามีผลกระทบไปที่ลูก

“ผมต้องขอบคุณอาจารย์มากที่ดูแลอบรมสั่งสอนมิลค์เป็นอย่างดี ผมฝากลูกชายด้วยนะครับ”

เอ็กซ์ยกมือไหว้อาจารย์ด้วยสายตาขอร้อง เขาอยากจะพูดอะไรมากกว่านี้กับคนที่เป็นทั้งอาจารย์และเจ้านายของลูกหากไม่ติดว่ามีคนนอกอยู่ด้วย แต่แค่นี้เขาก็คิดว่าอาจารย์คงจะเข้าใจ

“ถ้าเสร็จเรื่องแล้วผมกับพี่เอ็กซ์ขอลาก่อนนะครับ”

อาร์ตไม่อยากให้บรรยากาศมันอึดอัดไปมากกว่านี้จึงคิดปลีกตัวออกมา อาจารย์หมอพยักหน้าพร้อมมองดูเอ็กซ์อย่างเสียดาย เขาลดเสียงที่พูดกับอาร์ตลงเพื่อไม่ให้เด็กๆ  ได้ยิน

“ขอบคุณคุณอาร์ตมากเลยครับที่ให้ความร่วมมือ คุณเอ็กซ์เป็นนายแบบที่ดีจริงๆ ถ้าคุณอยากแกล้งเขาอีกผมก็มีคลาสที่อยากให้มาช่วยอีกเยอะ เป็นประโยชน์ทางการศึกษาด้วยนะครับ”

“แห่ะๆ คงไม่แล้วครับอาจารย์ ผมตั้งใจจะแกล้งพี่เอ็กซ์จริง แต่เสน่ห์แรงจนสาวๆ เข้าหาแบบนี้ก็ไม่ไหว ของๆ ผมผมหวงนะครับ จะให้ไปสู้รบกับนักศึกษาสาวๆ ผมไม่เสี่ยงดีกว่า”

อาร์ตตอบซึ่งอาจารย์ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ จริงๆ เรื่องวันนี้อาร์ตทำไปเพราะหมั่นไส้มิลค์มากกว่าที่ดูจะกีดกันเขากับพ่อตัวเองเกินไป นึกไม่ถึงว่าของจะเข้าตัว เขาก็ลืมไปว่าพี่เอ็กซ์ออกจะหล่อล่ำขนาดนี้ ยิ่งเมื่อวานไปเข้าคอร์สเร่งรัดความหล่อสำหรับสุภาพบุรุษที่เป็นอภินันทนาการจากหมอพฤกษ์มาด้วยยิ่งทั้งหล่อทั้งเด็กเข้าไปใหญ่ เห็นพี่เอ็กซ์ต้องมาโดนจับชักว่าวพร้อมลูกชายต่อหน้าคนทั้งห้องประชุมมันก็สะใจดี แต่ไม่คุ้มกันเลยกับการมีสาวๆ ตอมหึ่งแบบนั้น ใครจะรู้ว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่พี่เอ็กซ์เอาไปสานต่อหลังพ้นโทษ คุณหมอสาวๆ สวยๆ  ทั้งนั้น อาร์ตนึกถึงตรงนี้แล้วก็หงุดหงิดจนอยากจะรีบพาเอ็กซ์กลับบ้านเพื่อลงโทษที่หล่อเกินไป

เมื่อผู้ใหญ่แยกย้ายกันออกจากห้องไปหมด  มิลค์ก็หันไปเล่นงานเดือนแพทย์ทันที

“มึงเป็นคนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอาจารย์ใช่ไหม มึงรู้ได้ยังไง หรือไอเต้าหู้มันไปปากโป้งบอก”

“ใจเย็นสิ กูไม่รู้เรื่องอะไรเลย มึงเล่นวางยาจนกูหลับซะแบบนั้น เพิ่งตอนอาจารย์เรียกกูมาถามนั่นแหละถึงรู้ว่าถูกมึงกระทำชำเราตอนหลับไปแล้ว”

เดือนแพทย์ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยดูไม่ออกว่าโกรธกับการกระทำนั้นหรือเปล่า

“งั้นก็มึงสิเต้าหู้ที่ไปบอกอาจารย์ ทำเอากูโดนลงโทษซะขนาดนี้”

มิลค์ใช้สายตาดุดันมองไปทางเต้าหู้จนเจ้าตัวสะดุ้ง

“เราไม่รู้เรื่องจริงๆ อยู่ๆ อาจารย์ก็เรียกไปถาม เราก็เล่าเหตุการณ์ไปตามจริงว่าเป็นเรื่องที่นายตกลงกับพี่เขาไว้ อาจารย์เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ขอบใจและชวนเรามาฟังสัมมนานี้ ตกลงที่นายไปเป็นตัวอย่างบนเวทีนี่คือโดนลงโทษเหรอ เห็นนายบอกว่าคนคณะเรามองว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติเราเลยนึกว่าเป็นงานพิเศษของนายซะอีก”

เต้าหู้ถามด้วยความสงสัยขณะที่หนุ่มหล่อผู้ถูกล่วงเกินส่งสายตาอย่างรู้ทันมาที่มิลค์

“เอ่อ อ๋อ กูหมายถึงว่าโดนอาจารย์ลงโทษหักค่าแรงน่ะ”

“ตกลงนายช่วยอาจารย์สอนเป็นงานพิเศษจริงๆ สินะ  มิน่านายถึงสนิทกับอาจารย์แล้วก็พวกรุ่นพี่มาก  พ่อนายก็สุดยอดเลย อุตส่าห์มาช่วยลูกชายทำงานให้คณะแบบนี้ บ้านนายคงหัวสมัยใหม่ทั้งบ้านสินะ อยากมีพ่อเท่ๆ  อย่างนี้บ้างจัง ถ้าเป็นพ่อเราคงไม่กล้ามาทำแบบนี้หรอก หน้าบางจะตาย ขนาดเป็นลูกครึ่งนะ เราถึงได้ขี้อายทั้งบ้าน”

เดือนแพทย์ฟังรุ่นน้องปีหนึ่งคุยกันแล้วก็ตะหงิดใจ นี่ไอน้องล่ำบึกมันคิดจริงๆ เหรอว่าเรื่องแบบนี้มันปกติ เขาเดาว่ามิลค์น่าจะมีข้อตกลงอะไรกับอาจารย์ถึงได้มาช่วยงานแบบนี้เรื่อยๆ ตามที่รุ่นพี่เล่าให้ฟัง แต่ผู้ใหญ่ท่าทางภูมิฐานอย่างพ่อของมิลค์มีเหตุผลความจำเป็นอะไรจะต้องมาช่วยลูกถึงขนาดนี้ จะว่าเป็นการลงโทษไปถึงพ่อมันก็ประหลาดเกินไป เขาบอกอาจารย์ไปแล้วว่าไม่ได้ติดใจเอาความอะไร

“มึงสองคนห้ามบอกใครเด็ดขาดว่านั่นพ่อกู”

“ทำไมล่ะ พ่อนายทั้งหล่อทั้งเท่ หุ่นดีมากด้วย ถ้าเป็นเราคงอยากอวดเพื่อนๆ ด้วยซ้ำ หรือว่าจริงๆ ในคณะยังมีคนใจแคบไม่ยอมรับอะไรที่นายกับพ่อมาทำอะไรที่เปิดเผยแบบนี้”

เต้าหู้ถามกลับอย่างสงสัย

“เอาน่า กูไม่อยากให้คนอื่นมาถามเรื่องพ่อ น่ารำคาญ ถ้าใครมาถามก็บอกว่าเป็นญาติเป็นพี่ชายอะไรก็ได้”

มิลค์ชักไม่แน่ใจว่าเต้าหู้ซื่อขนาดนี้จริงๆ หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ไอเดียเรื่องการเปรียบเทียบเทียบปริมาณน้ำอสุจิของมันนี่แสบจริงๆ ทำให้เขากับพ่อต้องโดนชักว่าวโชว์ต่อหน้าคนเป็นร้อยๆ เขาต้องหาทางเอาคืนให้สาสมให้ได้ ส่วนเดือนแพทย์ถ้าไม่มายุ่งอะไรกับเขาอีกคงจะขอเลิกแล้วต่อกัน เด็กหนุ่มขยาดกับการลงโทษแบบวันนี้มากจริงๆ

หลังจากวันนั้นข่าวลือเกี่ยวกับพี่ชายสุดแซ่บของน้องมิลค์ก็แพร่กระจายออกไป รุ่นพี่สาวๆ ก็เข้ามารุมล้อมมากขึ้นเพราะอยากใช้มิลค์เป็นสะพานไปถึงพี่สุดหล่อ เต้าหู้ที่เอาตัวเข้าไปติดสอยห้อยตามมิลค์ไปทุกที่คันปากอยากจะตอบแทนเป็นที่สุดแต่ก็ไม่กล้าบอกใครว่าสาวๆ พวกนั้นกำลังจะเล่นรุ่นพ่อ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [4] 29/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: opariso ที่ 29-10-2016 22:47:18
ขอบคุณค่ะ :katai2-1: :katai2-1:

แล้วเต้าหู้จะโดนมิลค์เอาคืนยังไงหว่า  :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [4] 29/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: darkside8 ที่ 30-10-2016 06:15:22
ตอนพิเศษมาอีกแล้ว....

 :hao6: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [4] 29/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 01-11-2016 02:00:35
อร๊ายยยย ตอนนี้ตัวละครเพียบเลย  :hao6:  พ่อเอ็กซ์ลูกมิลค์ แรงดีไม่มีตก // ฉากต่อไปรีดน้ำมิลค์ใช่ไหมเอ่ย? ลุ้นจุงเบย แวว 3P เริ่มมาหน่อยๆแล้น 555
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [4] 29/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: HypnosisDreams ที่ 02-11-2016 00:00:54
รู้สึกว่าตอนนี้สั้นไปนะ เพิ่มหน่อยนะ :mew2:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [4] 29/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 04-11-2016 01:41:24
อาจารย์มีกิจกรรมทางเพศนี่มันเกินคำว่าให้ช่วยทำของเพื่อนนะ~~
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [4] 29/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 05-11-2016 13:09:12
เพิ่งได้อ่าน อื้อหือออ มากๆ 555555
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [4] 29/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 10-11-2016 08:49:32
อยากอ่านพิชยะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [4] 29/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: vincent_311 ที่ 10-11-2016 22:02:32
โทษนะครับ 3P คืออะไรครับ ผู้รู้ตอบให้ผมได้รู้แจ้งทีครับผม
จาก...หนุ่มน้อยมาโซ ^^
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [4] 29/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 10-11-2016 23:14:25
โทษนะครับ 3P คืออะไรครับ ผู้รู้ตอบให้ผมได้รู้แจ้งทีครับผม
จาก...หนุ่มน้อยมาโซ ^^

ความสัมพันธ์ระหว่าง 3 คนจ้า (ไม่แน่ใจว่า P มาจาก People หรือ Players)
3P ที่จิ้นอยู่คือ มิลค์ เต้าหู้ เดือนแพทย์ แต่คนเขียนยังไม่ได้คอนเฟิร์มนะ 555
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [5] 11/11/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 11-11-2016 21:45:38
วันคนโสด ขอมาต่ออีกนิด
ส่วนคนที่เบื่อคู่นี้แล้ว ขออีกสักสองตอนนะครับ จะจบแล้ว
-------------------------------------------

องค์กรลวงจิต Explicit Content
ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [5]

มหาลัยเปิดเรียนมาได้หลายสัปดาห์แล้ว หลายๆ คณะรวมถึงคณะแพทย์ได้ผ่านช่วงประชุมเชียร์และรับน้องเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ความสนใจของเหล่าเฟรชชี่คณะแพทย์อยู่ที่การคัดเลือกดาวเดือนของคณะเพื่อเป็นตัวแทนไปแข่งในระดับมหาลัย แน่นอนว่าหนุ่มหล่อคนดังอย่างมิลค์ก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกทาบทามจากรุ่นพี่ให้เข้าร่วมการคัดเลือกเป็นเดือนคณะแต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธไปอย่างไม่ใยดี เต้าหู้ซึ่งสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของมิลค์รู้สึกเสียดายแทนอย่างบอกไม่ถูก ในใจเขาแอบคิดว่าถ้ามีคนมาชวนเขาบ้างก็คงดี ถึงไม่ได้ตำแหน่งอะไรแต่ก็คงจะมีคนรู้จักเขามากขึ้น ไม่ได้เป็นแค่คนหน้าจืดๆ เพื่อนมิลค์ที่เขาแอบได้ยินคนเรียกลับหลัง เต้าหู้ถึงกับคิดว่าต่อให้ขึ้นไปประกวดแล้วเป็นตัวตลกก็ยังดีกว่าอยู่แบบไม่มีคนรู้จักอย่างนี้

ถึงจะเป็นคนที่ไม่มีใครสนใจที่ถูกบดบังอยู่ใต้เงาความโด่งดังของมิลค์ แต่เต้าหู้ก็รู้สึกโชคดีที่ตัดสินใจเข้าหามิลค์ในตอนนั้นจนกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน ถ้าไม่ได้มิลค์เขาคงจะเคว้งคว้างกับชีวิตในมหาลัย อย่างน้อยคนที่ไม่เคยมีเพื่อนสนิทเลยก็มีคนให้ปรึกษา เขาเองไม่เข้าใจการกระทำของมิลค์ในหลายๆ อย่าง ปกติก็ดูไม่ค่อยใส่ใจความรู้สึกของเขาเท่าไหร่ แต่ในบางเรื่องกลับดูสนใจเป็นห่วงเป็นใยเขามากจนน่าแปลกใจ

“มึงทายาสิวที่กูซื้อให้ทุกคืนหรือเปล่า”

มิลค์มองหน้าเต้าหู้อย่างจับผิดเมื่อเห็นสิวเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตรงหน้าผากของเต้าหู้

“ทะ ทาสิ แล้วครีมแจกฟรีที่คุณหมอพฤกษ์ให้มา เราก็ทาทั้งตัวหลังอาบน้ำตามที่นายสั่ง เอ่อ แต่ยกเว้นบางคืนนายให้เราเล่นฟิตเนสหนักมากจนอาบเสร็จเราเผลอหลับไปซะก่อน”

เต้าหู้ละล่ำละลักตอบด้วยกลัวเพื่อนโกรธ นึกถึงหลายอย่างที่มิลค์ช่วยเหลือแล้วก็รู้สึกเกรงใจ พอเปลี่ยนมาใส่ชุดคับๆ อย่างที่บอกก็มีคนทักทายเขาขึ้นมาบ้าง ถึงจะไม่กี่คนและส่วนใหญ่เป็นพวกชอบฟิตกล้ามก็เถอะ

มิลค์กอดอกปั้นหน้าสีหน้าเย็นชาแล้วหรี่ตามองแสดงความหงุดหงิดใส่อย่างจงใจ

“มึงขอให้กูช่วยทำให้มึงเป็นที่สนใจของเพื่อนๆ กูก็หาทางแก้ไขข้อบกพร่องให้ ไม่อยากเป็นคนที่ถูกลืม กูก็พยายามสร้างโอกาสให้มึงได้โดดเด่นขึ้นมา อะไรที่กูบอกให้มึงทำ ก็เพื่อตัวมึงเองทั้งนั้น แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ถ้ามึงขี้เกียจไม่ทำตามที่กูบอกอย่างนี้ จะเลิกก็ได้นะ กูก็เบื่อกับคนที่ไม่มีความมุ่งมั่นอย่างมึงเหมือนกัน”

“เราขอโทษจริงๆ นะมิลค์ เราจะไม่ทำตัวเหลวไหลอีกแล้ว เราจะทำตามที่นายบอกทุกอย่าง ทั้งเรื่องเล่นกล้าม รักษาหน้า ทาครีม อย่าทิ้งเราไปเลยนะ”

“มึงลืมเรื่องการแต่งตัวไปอีกเรื่อง ไหนยืนขึ้นสิ กูจะตรวจหน่อย”

เต้าหู้ลุกขึ้นยืนอย่างว่าง่าย เขาไม่อยากเสี่ยงที่จะเสียเพื่อนคนเดียวในคณะไป มิลค์หงุดหงิดง่ายก็จริงแต่ก็ให้ความสนใจในตัวเขาอย่างที่ไม่เคยได้รับจากเพื่อนคนอื่น

มิลค์มองหนุ่มเหนือผิวขาวใสหุ่นล่ำในเสื้อแขนสั้นสีขาวที่ฟิตเปรี๊ยะจนเห็นกล้ามแน่นๆ อย่างพอใจ กางเกงขายาวสีดำที่เต้าหู้สวมอยู่ก็เข้ารูปแนบไปกับต้นขาและสะโพกแกร่งดีอย่างที่เขาสั่ง แต่ความอวบอูมตรงเป้าก็ยังเป็นจุดเด่นแต่รูปร่างท่อนลำกลับไม่ชัดเจนอย่างเคย

“ทำไมมันดูแปลกๆ ตรงเป้า ไหนมานี่ซิ”

ถึงจะสั่งให้อีกฝ่ายมาหาแต่มิลค์ก็ไม่ยอมอดทนรอกับท่าทางอึกอักของเต้าหู้ เขาลุกขึ้นไปประชิดตัวถลกชายเสื้อเพื่อนออกอย่างไม่ปราณีปราศัยแล้วล้วงมือเข้าไปในขอบกางเกงสแล็คของเต้าหู้ควานไปมาเพื่อทำการตรวจสอบทันที กางเกงที่หนุ่มเหนือหน้าจืดสวมอยู่แน่นมากจนมิลค์ล้วงลงไปได้แค่ด้านบนตื้นๆ เมื่อพบแต่สัมผัสผ้าเนื้อดีด้านในแทนที่จะเป็นกลุ่มขนหยาบมืออย่างที่เคย มิลค์ก็มองหน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่องทันที

“กูบอกแล้วใช่ไหมว่าพอเปลี่ยนมาใส่กางเกงเข้ารูปอย่างนี้แล้วให้เลิกใส่ทั้งบ๊อกเซอร์ทั้งกางเกงในหนาๆ เชยๆ ของมึง แม่งพองออกมาน่าเกลียด”

“อย่าเพิ่งโกรธสิ ฟังเราก่อน คือเราพยายามทำตามอย่างที่นายบอกมาตลอดแต่ทนไม่ไหวจริงๆ เวลาเดินไปมาเนื้อผ้ามันสีกับของๆ เราโดยตรงแล้วเราก็ เอ่อ ค่อนข้างอ่อนไหวง่าย นิดๆ หน่อยๆ มันก็นูนน่าเกลียดแล้ว อย่าให้เราโดนล้อเหมือนที่โรงเรียนเก่าเลยนะ เราไม่อยากเป็นตัวประหลาด จริงๆ เราก็พยายามแก้ปัญหาแบบเอากระเป๋ามาบังอะไรงี้ แต่วันไหนเดินเปลี่ยนห้องบ่อยๆ เสียดสีมากๆ เข้า น้ำตรงนั้นมันซึมออกมาเป็นดวงเลย ไม่รู้เราระแวงไปเองเปล่าแต่รู้สึกว่ามันมีกลิ่นด้วย เราว่ามันไม่ถูกอนามัยนะเลยไปซื้อกางเกงในใหม่มา แต่เราเลือกแบบที่ผ้าบางที่สุด รับรองไม่พองจนดูเชยอย่างที่นายว่าแน่”

มิลค์เอานิ้วโป้งสอดเข้าไปด้านในกางเกงในเพื่อดูความหนา กางเกงในที่เต้าหู้ใส่เป็นผ้าบางลื่นๆ ดูเหมือนจะยืดได้คล้ายกับผ้าที่ทำถุงน่อง นิ้วที่สอดอยู่ด้านในสัมผัสได้ถึงขนหยาบๆ ผสมกับความอุ่นของเอ็นเนื้อส่วนโคน นิ้วโป้งเพียงนิ้วเดียวบอกอะไรไม่ได้นักแต่ก็ยืนยันได้คร่าวๆ ว่าเพื่อนหน้าจืดคนนี้มีดีที่ความอวบหนาแน่ๆ ซึ่งไม่น่าแปลกอะไรเพราะก็เดาได้เวลาเห็นจากภายนอกอยู่แล้ว

“แล้วมึงก็ไปเปลี่ยนแปลงเอาเองโดยไม่ถามกูซักคำนี่นะ งั้นทีหลังก็ไม่ต้องมาขอให้กูช่วยก็ได้ มึงคิดเองได้แล้วนิ”

มิลค์แกล้งขู่

“ไม่ใช่นะ เราต้องพึ่งนายจริงๆ เราขอแค่เรื่องนี้นะ เรื่องอื่นเราจะทำตามนายหมดเลยเราสัญญา”

เต้าหู้ส่งสายตาอ้อนวอนซื่อๆ เหมือนลูกหมาให้ มิลค์ทำทีไม่สนใจเอามือที่ซุกในกางเกงในเต้าหู้ออกมาดมว่ามีกลิ่นติดมือหรือเปล่าแต่ก็ได้เพียงกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่จำได้ว่าเป็นกลิ่นครีมบำรุงผิวของหมอพฤกษ์ เขารู้สึกพอใจที่เต้าหู้ทาครีมที่ว่าทั้งตัวจริงๆ อย่างที่สั่งแต่ไม่วายพูดจาสำทับไปอีกรอบ

“มึงพูดแล้วนะ เอางั้นก็ได้ แต่ต่อไปกูจะไม่ใจดีอย่างนี้อีกแล้วนะ ถ้ากูอ่อนให้เมื่อไหร่มึงจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ซะที ที่กูทำทุกอย่างนี่ก็เพราะมึงขอร้อง ไหนๆ ช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้สุด”

มิลค์พูดเอาดีเข้าตัวทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วทำไปเพื่อความสนุกเท่านั้น

“เราฟังนายทุกเรื่องอยู่แล้ว เอ วันนี้วันศุกร์แล้ว เดี๋ยวนายต้องส่งตัวอย่างไม่ใช่เหรอ คราวนี้ให้เราช่วยอีกเปล่า”

เต้าหู้รีบเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากโดนดุอีก อาทิตย์ที่แล้วเขาตกใจมากเหมือนกันที่อยู่ๆ โดนเพื่อนให้ช่วยชักว่าวเก็บน้ำอสุจิสำหรับงานวิจัยของอาจารย์ มิลค์บอกว่าถ้าให้ชักเองตอนแตกจะอารมณ์พีคจนเล็งไม่ลงหลอดเก็บตัวอย่างได้ ทีแรกเต้าหู้ก็ตะขิดตะขวงใจอยู่บ้างที่ต้องมาทำอะไรอย่างนี้กับผู้ชายด้วยกัน แต่เพราะคำพูดของมิลค์ที่บอกว่าไว้ใจให้เพื่อนสนิททำเท่านั้นทำให้เขาช่วยไปเต็มที่ด้วยความดีใจ พอเอาเข้าจริงก็ไม่ได้แย่อะไร ท่อนเอ็นอุ่นๆ ของมิลค์ก็จับถนัดมือดี ปฏิกิริยาของมิลค์เวลาถึงจุดก็ดูน่าสนใจ ที่สำคัญหลังจากนั้นมิลค์จะอารมณ์ดีไปอีกพักใหญ่ ไม่ดุเท่าปกติแถมยังยอมตามใจเขาขึ้นมาบ้าง

ในขณะที่คนส่วนใหญ่ในมหาลัยกำลังตื่นเต้นกับการประกวดดาวเดือนที่จะมีขึ้น คนอีกกลุ่มนึงก็กำลังเตรียมการประกวดลับๆ อีกงานอย่างขะมักเขม้นไม่แพ้กัน Too Big Too Long Contest เป็นประเพณีใต้ดินของมหาลัยที่สืบทอดกันมาแบบขำๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงจังในการวัดศักดิ์ศรีลูกผู้ชายระหว่างคณะ ไม่มีใครทราบที่มาอย่างแน่ชัด มีแต่เสียงเล่าลือว่าเกิดจากการท้าทายกันในวงเหล้าระหว่างคณะวิศวะ เกษตร และสถาปัตย์ เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน เหตุการณ์ในครั้งนั้นได้สืบต่อกันมาและขยายไปยังคณะอื่นๆ จนกลายเป็นประเพณีใต้ดินที่ทุกคณะเข้าร่วมด้วยอย่างลับๆ

ถ้าจะอธิบายง่ายๆ การประกวดนี้คือการตัดเกรดระหว่างคณะนั่นเอง ตัวแทนเฟรชชี่ของคณะต่างๆ จะมาวัดกัน ใครที่ใหญ่ยาวที่สุดก็จะได้รางวัลชนะเลิศไปครอบครอง ความสนุกเริ่มตั้งแต่การเฟ้นหาตัวแทนคณะ ประเพณีนี้มีกฎอยู่ว่าห้ามรุ่นพี่ป่าวประกาศหาคนลงสมัครอย่างเอิกเกริกหรือบังคับเอาน้องๆ มาวัดทีละคน แต่จะต้องค่อยๆ แอบสืบเอาด้วยวิธีต่างๆ แล้วทาบทามคนที่คิดว่าอลังการที่สุดของปีหนึ่งไปเป็นตัวแทนด้วยความสมัครใจโดยห้ามบังคับเด็ดขาด ความลำบากจึงตกอยู่ที่ทีมงานแมวมองซึ่งนำโดยประธานสโมสรนักศึกษาของแต่ละคณะที่ต้องงัดกลเม็ดมาสืบความลับส่วนตัวของน้องๆ  ปีหนึ่ง ขั้นตอนนี้เรียกว่าการเฟ้นหาช้างเผือก บางคณะก็ใช้วิธีพื้นๆ  อย่างการกระจายรุ่นพี่ไปแอบแหล่น้องเอาตามโถฉี่ ไฮเทคขึ้นมาหน่อยก็ซ่อนกล้องเอาไว้เลย บ้างก็ใช้วิธีสืบเอาจากรุ่นน้องโรงเรียนหรือน้องที่สนิทกันว่าในหมู่เพื่อนๆ มีใครมีข่าวลือว่าเป็นยอดขุนพลบ้าง หรือหนักข้อเข้าก็ใช้วิธีส่งพี่เนียนเข้าไปสืบเลย แต่ละคณะจะทุ่มเทช่วงนี้กันเต็มที่เพราะส่งน้องที่ใหญ่ที่สุดไปแข่งแล้วแพ้ยังไม่เจ็บใจเท่ามีน้องที่ใหญ่กว่านั้นแต่หาตัวไม่เจอ ยิ่งคณะที่เป็นตัวเต็งอย่างคณะวิศวะ คณะเกษตร คณะวนศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา และคณะสถาปัตย์ ถึงแม้ว่าสรีระแห่งบุรุษเพศไม่น่าจะขึ้นกับคณะที่เรียนแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ครองตำแหน่งที่หนึ่งถึงที่สามในแต่ละปีก็วนเวียนอยู่แต่ในคณะเหล่านี้

เมื่อหาตัวแทนคณะที่คิดว่าใหญ่ยาวที่สุดในบรรดาปีหนึ่งได้ ความยากอันดับสองของทีมแมวมองคือการพยายามหว่านล้อมให้น้องยอมเข้าประกวดด้วยความสมัครใจ คนไทยส่วนใหญ่จะขี้อายและไม่ค่อยเปิดเผยกับเรื่องแบบนี้ คณะตัวเต็งสี่ห้าคณะที่ว่าไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะโดนฝังหัวเรื่องศักดิ์ศรีคณะมาตั้งแต่เริ่มรับน้อง แต่บรรดาคณะที่ประกวดไปก็แพ้นี่หาคนสมัครใจไปอยากหน่อย อย่างคณะในสายสุขภาพทั้งหมดที่เป็นผู้หญิงซะครึ่งค่อนคณะ คณะพยาบาลกับคณะเภสัชนี่รุ่นพี่แทบจะลงไปกราบน้องผู้ชายที่มีกันอยู่ไม่กี่คนถึงจะหาคนมาประกวดได้

เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของน้อง ชื่อของตัวแทนคณะที่สมัครใจจะประกวดจะถูกเก็บเป็นความลับที่ทราบเฉพาะทีมงานเท่านั้น รุ่นน้องจะถูกเรียกขานด้วยฉายาอันทรงเกียรติของแต่ละคณะ ที่ขับเคี่ยวชิงดำกันทุกปีได้แก่ ปั้นจั่นเหล็กแห่งคณะวิศวะ จงอางดงแห่งคณะวนศาสตร์ อาชาพ่อพันธ์แห่งคณะเกษตร แก่นทะลวงไส้แห่งคณะวิทย์กีฬา และเสาหินโรมันแห่งคณะสถาปัตย์ ตัวแทนคณะที่เหลือแทบจะมาเป็นไม้ประดับในการประกวดเท่านั้น

ใกล้วันประกวดเข้ามา แต่คณะแพทย์ก็ยังหารุ่นน้องที่จะมารับตำแหน่ง ‘ไซริงค์ยักษ์แห่งคณะแพทย์’ ไม่ได้ ไม่เหมือนตำแหน่งดาวเดือนที่มีเด็กหนุ่มสาวหน้าตาดีๆ ให้เลือกหลายคนไม่ต้องเสียเวลาไปสืบอะไรกันอีก บรรดาแมวมองคณะแพทย์แทบจะประจำอยู่ในห้องน้ำเหล่มองแล้วเหล่มองอีกเหม็นฉี่จนแทบเป็นลมก็ยังหาคนที่พอจะไปสู้กับพวกคณะตัวเต็งไม่ได้ เจอที่เข้าท่าเข้าทางหน่อยก็ปฏิเสธกันแทบจะทันทีเมื่อรู้ว่าต้องไปทำอะไร ไทน์นักศึกษาแพทย์ปีหกผู้ดำรงตำแหน่งประธานสโมฯ กลุ้มใจกับเรื่องนี้มาก ประกวดแล้วแพ้ยังไม่เสียศักดิ์ศรีอะไรเพราะไม่มีใครคาดหวังกับคณะแพทย์อยู่แล้ว แต่ไม่ส่งประกวดเลยนี่สิเรื่องใหญ่จนอาจถูกเหน็บแนมได้ว่าเป็นคณะหญิงล้วนเหมือนที่คณะเภสัชโดนเยาะเย้ยเมื่อสามปีก่อน

“มิลค์ พี่ขอร้องเถอะ ช่วยเป็นตัวแทนคณะให้ที”

ในเมื่อหาใครไม่ได้ ประธานสโมฯ อย่างไทน์จึงต้องมาขอร้องบุคคลที่เป็นที่ประจักษ์ชัดแทบจะทั้งคณะว่ามีความใหญ่ยาวเกินเกณฑพอจะเข้าประกวดแก้ขัดได้

“ไม่เอาหรอกพี่ เห็นผมโชว์อยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่ผมชอบนะ ถ้าไม่ใช่เพื่อการศึกษาผมไม่ทำหรอก”

“อันนี้ก็ทำเพื่อศักดิ์ศรีคณะเหมือนกันนะ”

ไทน์พยายามพูดจูงใจ

“ผมว่ามันเป็นการเล่นทะลึ่งของพวกรุ่นพี่มากกว่า เห็นว่ามีการพนันกันด้วยไม่ใช่หรอ อีกอย่างส่งผมไปก็ไม่ชนะหรอก ปีที่แล้วก่อนซิ่วมาผมก็อยู่วิศวะ บอกเลยว่า ‘ปั้นจั่นเหล็ก’ ของปีนั้นเหนือกว่าผมเยอะ ปีนี้ก็คงไม่ต่างกัน ผู้ชายคณะวิศวะเยอะจะตาย ยังไงก็มีคนเด็ดๆ มาลงแข่งได้ทุกปี”

“แต่ปีนี้ไม่มีใครจริงๆ นะ พี่ลองสืบพวกตัวเด่นๆ  แล้วไม่น่าไหว เหลือแต่ที่เนิร์ดๆ  ปีหน้าพี่ก็จะไม่อยู่แล้ว พี่อยากให้คณะเราติดหนึ่งในห้าบ้างสักครั้งก็ยังดี”

“พวกเนิร์ดๆ ก็อาจมีอะไรดีๆ ก็ได้นะ เอางี้ ลองดูเพื่อนผมไหม ยังไม่รู้ชัดๆ ว่าแค่ไหน แต่ใหญ่กว่าผมแน่นอน ผมจะพามาให้พี่ดูตัวถ้าใช้ได้พี่กล่อมมันเอาเองนะ”

“จะลองดูก็ได้ แต่พี่ว่าในบรรดาปีหนึ่ง ไม่น่ามีใครใหญ่กว่าเราแล้วนะ พี่ไม่มีเวลาแล้วด้วย พี่ขอแบบนี้แล้วกัน ถ้าคนที่เราพามาไม่ใช้ไม่ได้ เราต้องลงแทนนะ”

“ถ้าจะให้การันตีกันขนาดนั้น ผมขอสรุปโน๊ตย่อของทุกวิชาที่พี่เรียนมาเป็นของตอบแทน”

“เฮ้ย ได้ไง พี่ไม่ได้หวงหรอกนะ แต่พี่ว่าไปอ่านหนังสือแล้วสรุปเองจะจำได้ดีกว่า ขนาดน้องรหัสพี่ยังไม่ให้เลย เอางี้ได้เปล่า  ถ้าเพื่อนน้องใช้ได้ พี่จะให้สรุปย่อของปีหนึ่งกับปีสอง แต่ของที่เหลือขอให้คณะเราติดหนึ่งในห้า เอ้ย หนึ่งในสามก่อน ถึงจะให้”





จริงๆ เรื่องที่จะส่งเด็กปั้นของตัวเองเข้าประกวดงานนี้มิลค์ก็คิดๆ ไว้สักพักแล้ว ยิ่งประธานสโมฯ เอ่ยปากเองอย่างนี้ยิ่งเข้าทาง เต้าหู้ตื่นเต้นมากเมื่อมิลค์บอกว่าจะพาไปรู้จักกับประธานสโมฯ ถึงจะเพิ่งเข้าคณะนี้มาได้ไม่นาน แต่เขาก็ได้ยินถึงกิตติศัพท์ความเรียนเก่งขั้นเทพของพี่ปีหกคนนี้มาเป็นอย่างดี นี่ถ้าไม่ได้เป็นเพื่อนกับมิลค์ เด็กปีหนึ่งธรรมดาอย่างเขาคงไม่มีโอกาสได้เจอกับรุ่นพี่คนดังที่แสนยุ่งทั้งเรื่องเรียนเรื่องกิจกรรมอย่างนี้แน่

“พี่ไทน์ นี่เพื่อนผม เต้าหู้ ผมพามาให้พี่ดูตัว”

มิลค์แนะนำเมื่อเข้ามาในห้องสโมฯ ที่มีรุ่นพี่ปีหกรออยู่ก่อนแล้ว เต้าหู้แปร่งหูกับคำว่าดูตัวเล็กน้อย แต่ก็รีบยกมือไหว้ประธานสโมฯ  ทันที ราศีคนดังระดับว่าที่เกียรตินิยมเหรียญทองแผ่ออกมาจนเขาตัวลีบไปหมด

ไทน์มองเต้าหู้ทั้งตัวแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย

“จะไหวเหรอวะมิลค์ พี่ว่าเราเข้าประกวดเองน่ะดีแล้ว ตัวโตมีกล้ามแบบนี้ พี่เห็นมาเยอะ ส่วนใหญ่เล็กทั้งนั้น เอ่อ ขอโทษทีนะ น้องเต้าหู้ใช่ไหม พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เรารู้สึกไม่ดีหรอกนะ แต่นี่มันเป็นเรื่องศักดิ์ศรีคณะจริงๆ เอาไว้เราค่อยมาช่วยงานคณะเรื่องอื่น หรือจะมาช่วยพวกงานวิชาการก็ได้”

ประโยคหลังไทน์หันมาพูดกับเต้าหู้เพราะกลัวน้องเสียน้ำใจ แต่เขาเชื่อว่าส่งมิลค์เข้าประกวดน่าจะดีกว่า

“อย่าเพิ่งตัดสินคนจากภายนอกสิพี่ ไหนๆ เต้าหู้มันก็มาถึงนี่แล้ว ลองจับดูสักหน่อยคงไม่เสียหายอะไร”

ไทน์ถอนใจแล้วก็เอามือตะบบลงไปบนเป้ากางเกงของเต้าหู้อย่างเสียไม่ได้ ทันทีที่เขาสัมผัสกับความหยุ่นหนาผ่านกางเกงสแล็คประธานสโมฯ คนดังก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ ความอวบนูนที่เขาคิดว่าเป็นความหนาของกางเกงทั้งชั้นในชั้นนอกกลับเกิดจากท่อนเนื้อที่อ่อนนุ่มเพียวๆ ถ้าสงบยังขนาดนี้แล้วเวลาผงาดขึ้นจะขนาดไหน ชายหนุ่มรีบหยิบสายวัดที่ติดตัวไว้ตลอดในช่วงฤดูกาลล่าช้างเผือกแบบนี้ขึ้นมาเพื่อจะวัดขนาดอวัยวะที่อาจจะเป็นความหวังของคณะแพทย์ในรอบยี่สิบปี

“อ๊ะ อย่าเพิ่งครับ เพื่อนผมยังไม่ได้สมัครใจจะเข้าประกวดเลย พี่เองก็ยังไม่ได้ยอมรับในตัวมัน”

มิลค์แย้งขึ้น

“ถ้าพี่ไม่วัดจะรู้ได้ยังไงว่าน้องเขาเหมาะสมหรือเปล่า”

“ผมว่าแค่นี้พี่ก็น่าจะรู้แล้วนะว่าคงไม่มีใครในคณะสู้ได้รวมทั้งผมด้วย”

ไทน์คลึงเคล้นเป้าอวบนูนของเต้าหู้อีกครั้งเพื่อความมั่นใจ

“ถ้าไอที่พี่จับอยู่ไม่ใช่ไส้เลื่อนก็คงจริงอย่างเราว่า”

“ใช่ไหมล่ะ เอาอย่างนี้ดีกว่า เรายังไม่ต้องวัดหรอก ผมเองก็ยังไม่รู้ของมันชัดๆ เหมือนกัน เอาไปลุ้นกันตอนประกวดเลยว่าจะสู้พวกคณะอื่นได้แค่ไหน”

“เก็บเอาไว้ลุ้นงั้นเหรอ ก็ดีเหมือนกัน ถ้าพี่รู้ตอนนี้เลยคงจะอดใจเอาไปอวดคณะอื่นไม่ได้ เก็บไว้เป็นม้ามืดก็ดีเหมือนกัน”

ไทน์ยอมรับข้อเสนอ เพราะถึงยังไงเหลือเวลาอีกแค่สองสามวันเขาคงไปหาคนอื่นไม่ทันอยู่ดี

“งั้นตกลงตามนี้ พี่อย่าลืมเอาสรุปย่อของปีหนึ่งปีสองมาให้ผมด้วย แล้วก็เกลี้ยกล่อมมันเองนะ มันยังไม่รู้เรื่องนี้เลย”

มิลค์หันไปตบไหล่เต้าหู้แล้วก็เดินออกจากห้องไปทิ้งเพื่อนให้งงเป็นไก่ตาแตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าสองคนนี้พูดเรื่องอะไรกันแล้วทำไมอยู่ดีๆ ประธานสโมฯ ถึงได้มาจับเป้าเขาเล่นแบบนี้

“งั้นพี่คงต้องเล่าเรื่อง Too Big Too Long Contest ให้เราฟังก่อนแล้วกัน คือว่ามหาลัยของเรา......”

เรื่องราวของการประกวดแสนทะลึ่งแต่กลับจริงจังในศักดิ์ศรีถูกถ่ายถอดไปยังรุ่นน้องหน้าจืดและจบลงด้วยการยัดเยียดตำแหน่ง ‘ไซริงค์ยักษ์แห่งคณะแพทย์’ ซึ่งเป็นฉายาที่สื่อถึงความใหญ่ยาวราวกับกระบอกฉีดยาไซส์จัมโบ้ให้

“ไม่เอาหรอกพี่ ผมไม่กล้า จะให้ไปแก้ผ้าต่อหน้าคนเยอะแยะ ของผมมันน่าเกลียด ผมไม่อยากถูกเพื่อนล้อเหมือนตอนมัธยมอีกแล้ว”

เต้าหู้รีบปฏิเสธทันทีที่ฟังจบ

“เฮ้ย เป็นผู้ชายจะมาคิดมากอะไรวะ ไม่ได้ประกวดความสวยงามสักหน่อย จะเอียง จะดำ จะเส้นเลือดปูด เขาก็มาประกวดกัน อีกอย่างตอนที่ประกวดจะไม่มีการบอกชื่อจริงเด็ดขาด เรียกกันด้วยฉายาเท่านั้น แล้วก็จะให้ใส่หน้ากากด้วย สบายใจได้เลยว่านอกจากทีมงานของคณะแล้วจะไม่มีใครรู้ตัวจริงของน้องแน่ๆ อ้อ ยกเว้นคนที่เข้าประกวดด้วยกันนะ เพราะจะมีช่วงให้ทำความรู้จักสร้างสัมพันธ์ระหว่างคณะกันเอง เราก็จะได้เจอเพื่อนใหม่ด้วยไง แต่ถึงจะรู้ก็ไม่มีใครล้อหรอก อย่างคณะวิศวะนี่เขาเหมือนจะประกาศตัวกลายๆ เลยนะ เพราะใครที่ได้เป็นตัวแทน จะเปลี่ยนชื่อเล่นเป็นปั้นจั่นไปเลย ที่นั่นเลยมีคนชื่อปั้นจั่นชั้นปีละคน เพื่อนพี่บอกว่ามีแต่คนชื่นชมแถมหญิงตรึมอีกต่างหาก”

เต้าหู้เริ่มลังเล แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยเป็นที่สนใจหรือได้ตำแหน่งอะไรมาก่อน นี่อยู่ๆ จะได้เป็นตัวแทนคณะในฐานะ ‘ไซริงค์ยักษ์แห่งคณะแพทย์’ มันก็ฟังดูครึ้มใจดีไม่หยอก แต่พอมานึกว่าต้องไปแก้ผ้าต่อหน้าคนมากมายแล้วเขาก็อายจนทนไม่ไหว ถ้าเขาเก่งอย่างมิลค์ก็คงจะดี แต่ในเมื่อไม่ใช่คงต้องปฏิเสธไป

“ผมคงทำไม่ได้ครับ ผมไม่กล้าจริงๆ ขอโทษพี่ด้วย”

ไทน์รู้สึกเหมือนความหวังดับวูบไป ต่อให้กฎไม่ได้ห้ามไว้เขาคงไม่บังคับใจน้องให้ทำสิ่งที่ฝืนความรู้สึกหรอก แต่บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนใจเต้าหู้ได้

ไทน์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปที่เขาซ่อนไว้ส่งให้รุ่นน้องดู เป็นรูปของเด็กหนุ่มหน้าตาดีมากคนหนึ่งยืนเปลือยหันข้างให้กับกล้องอยู่บนท่าริมแม่น้ำ ผมที่ไม่ยาวมากนักปลิวไปตามแรงลม แขนข้างนึงยกขึ้นไปจับที่ท้ายทอยเอียงตัวนิดๆ อย่างเท่ อวัยวะเพศขนาดใหญ่ชูชันชี้ไปด้านหน้า มีแบ็คกราวด์เป็นเรือเร็วที่ขับผ่านเฉียดตลิ่งไป คนที่นั่งเต็มเรือหันมามองด้วยความประหลาดใจ มันเป็นรูปที่สวยงามชวนให้คิดต่อว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหนุ่มคนนี้

“พี่ให้ผมดูรูปนี้ทำไมครับ หรือว่าเป็นรูปของพี่สมัยก่อน”

เต้าหู้ถามด้วยความไม่เข้าใจ สิ่งเดียวที่เขาสังเกตได้คือเด็กหนุ่มในภาพมีหน้าตาที่ละม้ายกับรุ่นพี่คนเก่งตรงหน้าอยู่พอสมควร

“ฮ่าๆ พี่ไม่หล่อขนาดนั้นหรอก นี่เป็นรูปของพี่เทมส์พี่ชายพี่ที่ถ่ายไว้ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มอหก เราคิดว่ายังไง เด็กมัธยมคนนึงทำไมถึงต้องมาทำเรื่องอะไรแบบนี้”

“พี่เขาคงมีความจำเป็นบางอย่าง ไม่รู้สิครับ ไม่ได้จะดูถูกนะครับ เช่น อาจจะร้อนเงินอะไรอย่างนี้เปล่าครับ”

“อืม พี่เองก็ไม่รู้รายละเอียดแน่ชัดหรอกนะ รู้แค่ว่าพี่ชายพี่ทำไปเพื่อปกป้องพี่จากเรื่องบางอย่าง ลองนึกดูสิว่าเด็กมัธยมคนหนึ่งมาทำเรื่องแบบนี้มันต้องใช้ความกล้าขนาดไหน น่าชื่นชมไหมล่ะ”

เต้าหู้พยักหน้าอย่างคล้อยตาม ไทน์ได้ทีรีบพูดต่อ

“แล้วเรารู้เรื่องที่มิลค์เขาไปช่วยงานอาจารย์โดยอาสาเป็นนายแบบหรือคนไข้สาธิตบ้างไหมล่ะ เราคิดว่ามันน่าเกลียดหรือน่าอายเหรอ”

“ไม่ครับ ผมเคยเข้าไปดูด้วยสองครั้ง ผมว่ามิลค์เขาเท่มากๆ พ่อ เอ้ย พี่ชายเขาก็ด้วย”

“นั่นไง  แล้วเราคงเคยดูข่าวดอกเตอร์ก้องฟ้ามาบ้างนะ คนระดับนั้นเขายังแก้ผ้าเพื่ออุดมการณ์ พี่ว่าเขาเป็นฮีโร่เลยล่ะ ถ้าเรามีเหตุผลที่น่าชื่นชม ก็ไม่เห็นต้องอายใคร และการทำเพื่อศักดิ์ศรีคณะ ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่น่าชื่นชมในความคิดของพี่ เราก็เห็นเหมือนกันใช่ไหม”

“เอ่อ ผมว่ามันก็น่าจะใช่ครับ”

“งั้นเราก็เห็นตรงกัน ตกลงเต้าหู้จะให้เกียรติรับตำแหน่งไซริงค์แล้วใช่ไหม”

“เอ่อ คือ อ่า ขอคิดดูก่อนได้ไหมครับ”

เต้าหู้รับคำเสียงอ่อยด้วยความเกรงใจ

“ไม่รู้ล่ะ พี่ตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นเต้าหู้ ถ้าเราไม่เอาพี่ก็ไม่บังคับ  แต่ปีนี้คณะแพทย์คงไม่มีตัวแทนไปประกวด ก็แค่ขายหน้าคณะอื่นนิดหน่อย ลองไปคิดดูแล้วกัน พี่จะให้มิลค์เป็นพี่เลี้ยงไปพลางๆ ก่อน”

ไทน์ทิ้งท้าย ลึกๆ แล้วเขารู้ว่าเด็กหัวอ่อนอย่างเต้าหู้จะต้องยอม ทีนี้ล่ะฉายาไซริงค์หรือหลอดฉีดยายักษ์จะได้ผงาดสมชื่อซะที ก่อนหน้านี้ชอบโดนพวกคณะตัวเต็งล้อว่าเป็นแค่หลอดยาคูลท์แห่งคณะแพทย์ แต่การติดหนึ่งในสามก็เป็นเรื่องที่สาหัสจริงๆ เพราะนั่นหมายถึงการต้องโค่นตัวเต็งลงให้ได้อย่างน้อยสามคณะ วิศวะกับเกษตรนี่ไม่ต้องพูดถึงผู้ชายเยอะย่อมได้เปรียบอยู่แล้ว คณะวนศาสตร์ก็มีดีตรงอัตราการสแกนร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะยังคงประเพณีตัดเกรดรับน้องไว้ได้อย่างเข้มข้น คณะวิทย์กีฬาที่มีการอาบน้ำร่วมกันหลังเรียนภาคปฏิบัติอยู่เป็นปกติก็เป็นการง่ายสำหรับแมวมองที่จะเฟ้นหายอดขุนพล สถาปัตย์อาจเป็นเพียงคณะตัวเต็งเดียวที่มีหวังจะโค่นลงได้ถ้าเต้าหู้มีดีจริง
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [5] 11/11/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 11-11-2016 21:48:33
เต้าหู้มีเวลาเตรียมตัวเพียงไม่กี่วันก่อนการประกวด มิลค์ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงก็ไม่ได้สนใจจะติวอะไรเป็นพิเศษให้จนเต้าหู้ต้องเอ่ยปากถาม แต่มิลค์ก็ไม่ได้ตื่นเต้นตามไปด้วย

“มึงจะต้องไปเตรียมตัวอะไร ไม่ใช่ประกวดดาวเดือนนี่หว่าจะได้ต้องเตรียมการแสดงหรือตอบคำถาม แค่ปั่นจนแข็งแล้วให้กรรมการวัดแค่นี้ก็จบ หรือว่ามึงทำไม่เป็น เห็นตอนเก็บตัวอย่างให้กูทำซะคล่องเชียว”

เต้าหู้หน้าแดงด้วยความอาย

“ก็ทำเป็น แต่เรากลัวถ้าคนเยอะๆ แล้วเราไม่แข็งจะทำยังไง ทีนี้โดนล้อแย่เลย”

“กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง มึงขึ้นง่ายจะตาย แค่นุ่งกางเกงฟิตแล้วผ้าเสียดสีเวลาเดินมึงก็แข็งแล้ว แต่ถ้ามึงอยากเตรียมตัวจริงๆ มึงแค่ปรับทัศนคติก็พอ เอางี้  กูจะพาไปพบคนๆ นึง แล้วมึงจะรู้ว่าระดับมืออาชีพเป็นยังไง”

มิลค์ยกโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายคุยกับใครสักคนอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หันมาบอกเต้าหู้ว่า

“พอดีเลย มันกำลังมีงานที่ตรงอ่างเก็บน้ำคณะเกษตร เราไปกันเลยตอนนี้น่าจะทันคุยกับมันก่อนเริ่มงาน”

มิลค์พาเต้าหู้ขึ้นรถเมลเล็กของมหาลัยแล้วเดินต่อไปยังแปลงทดลองของคณะเกษตรที่อยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำซึ่งเป็นจุดหมาย หนุ่มเหนือมองบรรยากาศโดยรอบด้วยความสนใจ เขาไม่เคยมาแถวนี้มาก่อน ต้นไม้และแปลงผักเขียวๆ ทำให้รู้สึกสดชื่นเหมือนอยู่ต่างจังหวัด มีคนไม่พลุกพล่านมากนัก ถ้าไม่นับนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่มิลค์กำลังเดินตรงไปหา ก็มีแค่ เด็กเกษตรที่ดูแลรดน้ำแปลงผักอยู่ประปรายและคนนั่งเล่นริมอ่างอีกแค่ไม่กี่คน

“ไอมุก กูพาน้องมาคุยด้วย มึงมีเวลาเปล่า ยังไม่เริ่มงานใช่มะ”

มิลค์ตะโกนชายหนุ่มผิวขาวหุ่นดีที่ยืนอยู่อย่างโดดเด่นท่ามกลางนักศึกษาคนอื่นที่จัดแจงอุปกรณ์อย่างวุ่นวาย คนที่ถูกเรียกหันกลับมามองเผยให้เห็นใบหน้าขาวใสเท่แบบแบ๊ดบอยที่เต้าหู้รู้สึกว่าหล่อสูสีกับมิลค์เลยทีเดียว

“ได้สิ พอมีเวลาสักสิบกว่านาทีก่อนเขาจะเริ่มถ่ายกัน นึกยังไงถึงโทรหาวะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นค่อยจะอยากเจอกู”

“ก็กูกับมึงซี้กันขนาดนั้นที่ไหนล่ะ ก็แค่เพื่อนร่วมชะตากรรม นี่เพื่อนกูอยู่ปีหนึ่งชื่อเต้าหู้ ไอหล่อนี่ชื่อมุก อยู่ปีสองอินเตอร์เต้าหู้มันจะเป็นตัวแทนคณะไปประกวด Too Big Too Long กูเลยให้มาคุยกับมึงเปิดหูเปิดตาซะหน่อย เอ้า เต้าหู้ มึงมีอะไรอัดอั้นในเรื่องที่จะทำก็ปรึกษาพี่เขาได้”

เต้าหู้รีบยกมือไหว้ทันทีที่รู้ว่ามุกอยู่ปีสอง แต่อยู่ๆ จะให้เขาถามอะไรมันนึกไม่ออก แต่เมื่อมิลค์โยนมาขนาดนี้แล้ว คงต้องพูดอะไรออกไปบ้างไม่งั้นคงดูเสียมรรยาท

“เอ่อ สวัสดีครับ ชื่อพี่แปลกดีนะครับ  ไม่เคยเห็นผู้ชายชื่อนี้มาก่อน คงไม่ได้มาจากไข่มุกมั๊งครับ หรือว่าหมายถึงมุกตลก”

ใบหน้ามีเสน่ห์ราวกับนายแบบทำท่าเบื่อๆ กับคำถามของเต้าหู้จนคนถามเองตกใจ ไม่น่าปากพล่อยเลยเรา ใครจะไปชอบให้คนมาวิจารณ์ชื่อตัวเองกันล่ะ เต้าหู้คิดในใจ แต่มุกไม่ได้เอาเรื่องอย่างที่คิด หนุ่มมาดนายแบบปลดเข็มขัดและตะขอกางเกงออกแล้วรูดซิปลงเพื่องัดท่อนลำขาวเนียนนุ่มนิ่มออกมารูดเล่นราวกับเป็นเรื่องปกติ เพียงอึดใจเดียวสิ่งนั้นก็ผงาดง้ำโชว์ความแกร่งอยู่ในกำมือผู้เป็นเจ้าของ เต้าหู้ซ็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็อดสำรวจสิ่งที่รุ่นพี่งัดออกมาให้ชมไม่ได้ เขาสะดุดตาตรงที่ท่อนลำยาวตรงสวยกลับมีผิวหนังปูดโปนขึ้นมาเป็นเม็ด นักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งอย่างเขาไม่มีความรู้พอจะบอกได้ว่านั่นเป็นความผิดปกติประเภทไหน

“เอ่อ ตรงนั้น พี่เป็นหูดหรือซีสต์หรือเปล่าครับ ลองไปหาหมอดีไหมเผื่ออักเสบลุกลามขึ้นมาจะแย่”

เด็กหนุ่มถามด้วยความห่วงใย แต่ทั้งมุกและมิลค์กลับหัวเราะใส่อย่างขบขัน

“โอ๊ย ไอมิลค์ เพื่อนมึงนี่ ไปเก็บมาจากไหนวะ นี่ ไอน้อง ก็เห็นอยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าทำไมพี่ถึงชื่อมุก ก็เอาไอที่ฝังมุกให้ดูแล้วไง”

“ฝังมุก”

เต้าหู้อุทานด้วยความแปลกใจ เขาไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดจะไม่รู้จัก แค่ไม่เคยเห็นของจริงมาก่อนว่าหน้าตาเป็นแบบนี้ จะว่าน่าเกลียดก็ไม่เชิง ดูๆ ไปมันก็เป็นสไตล์ที่แปลกๆ ดี นึกว่ามีแต่คนในคุกที่ทำกันซะอีก ไม่คิดว่านักศึกษามหาลัยหล่อๆ อย่างพี่คนนี้ก็เอาด้วย

“ก็ฝังมุกไง อย่าบอกนะว่าไม่รู้จัก นี่แค่เม็ดเดียวนะ ถ้าไม่ติดว่าต้องทำงานเป็นนายแบบพี่ก็ว่าจะไปฝังเพิ่มอีกซักหน่อย พอดีพวกตากล้องเขาคอมเมนท์มาว่ามีหลายเม็ดมันจะดึงดูดความสนใจไปตรงนั้นซะหมด คนจะไม่สนใจอารมณ์ภาพกันพอดี ไม่เคยเห็นล่ะสิ ลองจับดูไหม มุกนี่ถ้าทำดีๆ แบบของพี่ มันจะกลิ้งได้ด้วยนะ”

หนุ่มรุ่นพี่เชิญชวนพร้อมทั้งเอานิ้วกลิ้งมุกไปรอบๆ ท่อนลำเพื่อเป็นการสาธิต ถ้าเป็นเมื่อก่อนเต้าหู้คงไม่กล้า แต่หลังจากได้ช่วยมิลค์เก็บตัวอย่างน้ำอสุจิอยู่สองสัปดาห์ เขาก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะจับส่วนนั้นของผู้ชายด้วยกัน เต้าหู้ช้อนอวัยวะเพศของหนุ่มรุ่นพี่มากุมไว้ในมือ ขนาดใกล้เคียงกับของมิลค์เลยแฮะ เขาว่ามันกำลังพอดีไม่น่าเกลียดเหมือนของตัวเอง เต้าหู้กลิ้งเม็ดมุกไปมาในช่วงสั้นๆ เพราะกลัวเจ้าของมันเจ็บ แต่เมื่อมุกพยักหน้าเป็นเชิงให้เล่นได้เต็มที่เขาก็เริ่มสนุกขึ้นมา ไม่น่าเชื่อว่ามุกที่ฝังอยู่ใต้ผิวหนังมันจะกลิ้งไปได้ทั่วจริงๆ เด็กหนุ่มกลิ้งมุกไปมาตลอดความยาวของท่อนลำอย่างนึกสนุก เขาใช้สองมือทดลองรีดมุกไปให้ใกล้ส่วนหัวชมพูสวยแต่ก็ไปติดหนังหุ้มปลายที่ร่นลงมาซะก่อน เต้าหู้เลยรีดกลับไปด้านโคนเพื่อดูว่ามันจะลงไปได้ถึงถุงอัณฑะหรือเปล่า

“เฮ้ย พอๆ ให้เล่นหน่อยเดียวเอาใหญ่เลยนะ น้ำเกือบแตก จริงๆ คงไม่ต้องคุยอะไรหรอก ก็อย่างที่เห็น การแก้ผ้าเป็นเรื่องธรรมชาติ อย่างพี่นี่เจ้านายให้รับงานเป็นนายแบบ มันก็เป็นหน้าที่ ไม่เห็นต้องอายใคร เราได้เป็นตัวแทนคณะ ก็คงมีดีพอตัว โชว์แม่งไปเลย จะหาเวทีไหนมีโอกาสดีๆ แบบนี้ได้อีก เดี๋ยวพี่ต้องไปทำงานแล้ว เราจะอยู่ดูก่อนก็ได้ว่ามืออาชีพเขาทำกันยังไง”

มุกแนะนำรุ่นน้องแล้วก็เดินส่ายอาดๆ ไปทางกองถ่ายของนักศึกษาโดยไม่ได้เก็บอะไรต่อมิอะไรที่เอาออกมาโชว์ก่อนหน้านี้ให้เรียบร้อย เต้าหู้ร้องเรียกแต่รุ่นพี่นายแบบไม่สนใจ

“มิลค์ ทำไงดี พี่เขาเดินไปโน่นแล้ว เอ่อ ยังไม่รูดซิปขึ้นเลย”

“ไอมุกมันจะเก็บทำไม เสียเวลา มึงลองดูสิ”

มิลค์พาเต้าหู้เดินตามไปที่กองถ่ายซึ่งมุกกำลังถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่ตัวเปล่าเปลือยแล้วออกไปยืนที่ริมน้ำ ทีมงานยกรีแฟล็กซ์สะท้อนแสงใส่ร่างขาวเนียนดูโดดเด่น กล้องนับสิบถูกยกขึ้นมาเล็งไปที่ตัวนายแบบใช้ขาตั้งกล้องบ้างไม่ใช้บ้าง มิลค์อธิบายงานของเพื่อนให้เต้าหู้ฟัง

“จริงๆ ก็ไม่ได้ถ่ายแบบจริงจังอะไรหรอก เป็นเหมือนเวิร์คชอปที่เป็นส่วนหนึ่งของวิชาศิลปะการถ่ายภาพมากกว่า ไอนี่มันเป็นนายแบบประจำ เพราะอาจารย์วิชานี้ชอบให้มันมาช่วย มันเองก็ชอบด้วย บอกว่าอยากเป็นนายแบบอาชีพจริงๆ”

เต้าหู้มองไปก็รู้สึกว่ามุกมีความสุขกับงานที่ทำจริงๆ ยิ่งพอโพสต์ท่าหน้ากล้องก็ยิ่งดูมีออร่าความเป็นนายแบบอย่างบอกไม่ถูก แม้จะเริ่มมีคนมามุงดูกันเยอะทั้งจากเด็กเกษตรที่มาลงแปลงและคนที่มานั่งเล่นริมอ่าง แต่มุกก็ไม่เขินอายหรือเสียสมาธิแต่อย่างไรแถมยังตะโกนคุยกับบรรดาตากล้องอย่างเป็นกันเอง

“ไอมุก ของมึงแข็งไปเปล่า กูหลบมุมกล้องจนไม่รู้จะหลบยังไงแล้ว รูปศิลป์กูได้กลายเป็นรูปอนาจารกันพอดี”

นักศึกษาปีสามหนึ่งในบรรดาตากล้องบ่น

“อีกซักพักเฮีย เมื่อกี๊ปั่นโชว์มุกให้น้องมันดู เจ้านายสั่งไว้ถ้าใครถามเรื่องชื่อก็ให้ดูที่มาไปเลย ขึ้นแล้วลงยาก พี่ก็ถ่ายตูด เอ้ยถ่ายด้านหลังผมไปก่อนสิ เดี๋ยวผมเปลี่ยนท่าให้ นี่ถ้าถ่ายกันในห้องนะ ผมว่าวเอาน้ำออกไปแล้วจะได้ไม่เสียเวลา แต่มาเอ้าท์ดอร์แบบนี้คนดูเยอะแยะ ไม่เอาดีกว่า”

“อย่างมึงอายเป็นด้วยเหรอ”

“ผมไม่อายหรอก กลัวแต่คนดูจะอาย”

เต้าหู้ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วรุ่นพี่รูปหล่อได้เอาน้ำออกหรือเปล่าเพราะโดนมิลค์เร่งให้กลับมาที่หอก่อน พอถึงมิลค์ก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงแก้ผ้าออกอย่างไม่อายพร้อมกับออกคำสั่งกับเต้าหู้ทันที

“ไม่ไหวแล้ว เห็นไอมุกแก้ผ้าถ่ายแบบให้คนมามุงดูแล้วแข็งเลยว่ะ เต้าหู้ มึงมาช่วยกูเอาน้ำออกหน่อยสิ”

“นี่ยังไม่ถึงวันศุกร์เลย นายยังไม่ต้องเก็บตัวอย่างส่งไม่ใช่เหรอ”

“รอวันศุกร์ไม่ไหวแล้ว ช่วยกูหน่อยนะ”

“ไม่เอาหรอก ถ้าไม่ต้องเก็บตัวอย่าง นายก็ทำเองไปแล้วกัน มันพิลึกไปหน่อยถ้าจะให้เราชักให้”

“กูชักเองไม่ได้ เอ๊ย หมายถึงกูอยากให้มึงทำให้มากกว่าเพราะมึงเป็นเพื่อนสนิทกู”

พอโดนอ้างความเป็นเพื่อนสนิท เต้าหู้ก็ใจอ่อน เขามองใบหน้าหล่อๆของมิลค์ ที่นอนหลับตาพริ้มรอการบริการด้วยความอิจฉาปนชื่นชม เกิดเป็นคนหล่อไปทั้งตัวอย่างมิลค์นี่มันดีจริงๆ นะ เต้าหู้เอามือลูบไล้ไปทั่วใบหน้าเรียบเนียน คิ้วเข้มๆ และจมูกโด่งเป็นสัน ทำให้ใบหน้าที่น่าจะหล่อหวานดูคมเข้มขึ้น หูที่เจาะใส่จิวไว้พอเห็นทุกวันจนชินตากลับรู้สึกว่าเท่มากๆ พอนึกถึงการเจาะร่างกายก็อดมองหมุดที่หัวนมไม่ได้ ทีแรกก็ไม่คุ้นแต่มองๆ ไปมันกลายเป็นเสน่ห์ประจำตัวของมิลค์ขึ้นมา เต้าหู้ดึงหมุดที่หัวนมเล่นแล้วลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกที่มีกล้ามเนื้อพอดีๆ ของเพื่อนพลางนึกอย่างครึ้มใจว่าถ้าสาวๆ และเกย์หนุ่มๆ มาเห็นจะอิจฉาเขาขนาดไหน นี่คืออภิสิทธิ์สำหรับเพื่อนสนิทเท่านั้น

เต้าหู้ใช้มือปรนเปรอเพื่อนไปเรื่อยๆ พร้อมกับชวนคุยไปด้วยเพื่อไม่ให้รู้สึกเขินเกินไป มิลค์ตอบมั่งครางมั่งตามอารมณ์ เต้าหู้นึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีงานจึงถามเพื่อจะนัดแนะเวลากัน

“เดี๋ยวเสร็จแล้วจะไปงานเฟรชชี่ไนท์กันกี่โมงดี เราจะได้กลับไปอาบน้ำแต่งตัว”

“ไม่ไปหรอกขี้เกียจ กูซิ่วมานะ ปีที่แล้วก็ไป มึงอยากไปก็ไปคนเดียว”

การได้ชักว่าวฟินๆ อย่างอิสระในที่ส่วนตัวไม่ต้องบากหน้ากับสายตานับร้อยเป็นสิ่งที่มิลค์ถวิลหาที่สุด โชคดีที่คำสั่งของอาจารย์มันหละหลวมพอให้เขาบงการเพื่อนหัวอ่อนคนนี้ได้ พอน้ำแตกตัวเบาแล้วจะออกไปงานคนเยอะๆ ก็ขี้เกียจ แต่มิลค์ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันเมื่อเต้าหู้หยุดมือลงฉับพลัน

“เฮ้ย หยุดไมวะ กูยังไม่แตกเลย”

มิลค์โวยวาย

“ก็นายไม่ไปเป็นเพื่อนเรานี่ เราอยากไปดูประกวดดาวเดือน อยากรู้ว่าคนที่ได้จะหล่อสู้นายได้เปล่า งั้นเราไปแล้ว นายก็จัดการต่อเอาเองแล้วกัน”

“อีกนิดนะเพื่อน กูเกือบแตกแล้ว ช่วยกันแค่นี้ไม่ได้เหรอ”

มิลค์ปวดหนึบไปทั้งลำจนยอมออกปากขอร้อง

“ไม่อ่ะ ทีนายยังไม่ไปเป็นเพื่อนเราเลย”

“ไป กูไป เดี๋ยวเลี้ยงข้าวด้วย เร็วๆ เลย เขี่ยนมให้กูด้วยนะจะได้เสร็จไวๆ”

เต้าหู้ยิ้มอย่างดีใจที่เห็นอีกฝ่ายยอมอ่อนข้อให้ เพื่อนกันมันต้องแบบนี้ เขาเร่งจังหวะเพื่อบริการมิลค์อย่างเต็มที่ อีกมือก็คลึงเคล้นหัวนมที่ถูกเจาะของเพื่อนไปมา มิลค์หลับตาพริ้มสูดปากอย่างสุขสม อยู่ๆ เต้าหู้ก็เสียวซ่านขึ้นมาด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่เห็นคนหล่อเก่งอย่างมิลค์นอนระทวยอยู่ด้วยฝีมือตัวเอง หัวบานๆ แดงๆ ที่ผลุบโผล่อยู่ในอุ้งมือทำให้คล้ายกับเขาได้ครอบครองความสมบูรณ์แบบของคนตรงหน้าซะเอง

“อ๊ะ อ๊ะ อ้า”

มิลค์ครางเสียงดัง น้ำขาวข้นปริมาณมหาศาลถูกฉีดออกมาเป็นระลอก มันเต็มอุ้งมือของเต้าหู้ไปหมดและกำลังจะย้อยลงมาอย่างหนืดๆ เด็กหนุ่มกลัวจะหยดเลอะผ้าปูที่นอนเลยรีบวางมือลงไปพักไว้ก่อนบนหน้าท้องขึ้นลอนพองามของมิลค์ ไรขนอ่อนๆ ที่บริเวณนั้นผสมกับความลื่นแฉะของน้ำว่าวทำให้เต้าหู้เผลอละเลงมือไปทั่ว ยิ่งทำก็ยิ่งเพลินมือวนไปมาโดยไม่รู้ตัว ได้สติอีกทีทั้งตัวของมิลค์ก็มันวาวไปด้วยน้ำของตัวเอง น่าแปลกที่เต้าหู้ไม่ได้รังเกียจแต่กับรู้สึกว่ามันสมใจอย่างบอกไม่ถูก

เต้าหู้ไม่รู้ว่าเขาเอาความคิดนี้มาจากไหน จากสิ่งที่มิลค์ทำกับเดือนแพทย์ปีสอง เรื่องของพี่ชายที่ประธานสโมฯ เล่าให้ฟัง  หรือการไปดูพี่มุกถ่ายแบบวันนี้ จะอันไหนก็ตาม แต่ตอนนี้เขาถือโอกาสที่มิลค์ยังหลับตานอนแผ่อยู่บนเตียงแอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพตรงหน้าไว้ ทันทีที่ภาพร่างกายเปลือยเปล่าเลอะไปด้วยน้ำว่าวของมิลค์ถูกบันทึกลงโทรศัพท์ความเต็มตื้นแปลกๆ ก็เกิดกับตัวเต้าหู้อีก เขารีบเก็บโทรศัพท์แล้วตะโกนบอกมิลค์ว่าจะกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่คอนโดเพื่อไปงานเฟรชชี่ไนท์คืนนี้

ระหว่างที่นั่งรถเมล์ของมหาลัยจากหอในของมิลค์ไปที่ประตูใหญ่ เต้าหู้ก็พยายามสลัดความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นด้วยการคิดถึงงานเฟรชชี่ไนท์ ไฮไลต์ของงานคือการประกวดดาวเดือนมหาลัยที่น่าลุ้นไม่น้อยสำหรับคณะแพทย์ เต้าหู้ไม่แน่ใจว่าเขาจะสนุกไปกับงานคืนนี้หรือเปล่าเพราะเริ่มกังวลกับการประกวดลับที่จะมีขึ้นในคืนถัดไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าอายมากอย่างที่เคยคิด จะว่าไปการแก้ผ้าให้คนอื่นดูก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ทั้งมิลค์ คุณพ่อของมิลค์ พี่ชายของพี่ไทน์ และพี่มุกทำกันเป็นปกติ ไหนจะไฮโซก้องฟ้าอีก คนเหล่านี้ไม่เห็นมีอะไรเชื่อมโยงกัน แสดงว่าใครๆ ก็ทำกัน เขาว่าเขาน่าจะทำได้เหมือนกัน

-------------------------------------

มีแขกรับเชิญจากตอนเก่าๆ  จำกันได้เปล่าครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [5] 11/11/16
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 11-11-2016 22:31:18
เต้าหู้เริ่มคล้อยตามและติดใจ  555
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [5] 11/11/16
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 13-11-2016 10:34:00
ตอนนี้มาเร็ว แถมตัวละครเพียบอีกแล้ว เย้  :hao6:  //  เต้าหู้ หนูใกล้โตแล้วนะลูก คนอ่านปลื้มปริ่ม (ซับน้ำตา)  //  มิลค์น่ารักดี ออร่าฝ่ายรับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ (จิ้น 555)  //  แอบสงสัย มุกไม่อาย ชอบเป็นนายแบบ เอาน้ำออกเองได้ แล้วมันเป็นการลงโทษยังไงอ่ะคะ?  //  เดือนแพทย์ค่าตัวแพ๊งแพง 555
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [5] 11/11/16
เริ่มหัวข้อโดย: opariso ที่ 13-11-2016 23:33:56
เต้าหู้น่ารักขึ้นทุกตอนเลย :hao7: :hao7: :hao7:

ใกล้จบแล้วขอสองตอนรวดเลยได้มั้ย :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [5] 11/11/16
เริ่มหัวข้อโดย: HypnosisDreams ที่ 15-11-2016 22:39:42
"คนเหล่านี้ไม่เห็นมีอะไรเชื่อมโยงกัน " โถน้องเต้าหู้ผู้ไม่รู้ความจริงของโลก
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [5] 11/11/16
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-11-2016 11:28:24
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [5] 11/11/16
เริ่มหัวข้อโดย: opariso ที่ 28-11-2016 13:40:59
ลุ้นตอนต่อไป อยากรู้เต้าหู้จะชนะการประกวดมั้ย ลุ้นๆๆๆ  :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [5] 11/11/16
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 09-12-2016 10:16:13
ยังรออยู่น้าาาา  :call:
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [6] 11/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 11-12-2016 21:07:35

องค์กรลวงจิต Explicit Content
ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [6]

“เอาละครับ ในที่สุดก็มาถึงการประกวดที่ทุกท่านรอคอย ก่อนอื่นทางคณะผู้จัดงานต้องขอแสดงความยินดีกับคณะแพทยศาสตร์สำหรับตำแหน่งดาวมหาลัยและก็คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่ได้คว้าตำแหน่งเดือนมหาลัยไปครอบครองจากการประกวดเมื่อคืนนี้ครับ ก็ต้องขอบอกว่าหล่อสวยสมกับตำแหน่งจริงๆ รวมถึงดาวเดือนจากคณะต่างๆ ที่เข้าร่วมประกวดด้วย มาตรฐานมหาลัยเราสูงขึ้นทุกปีจริงๆ และสำหรับค่ำคืนนี้ ผมปั้นจั่น ประธานสโมฯ ปีสี่คณะวิศวะ ขอรับหน้าที่เป็นพิธีกรคู่กับคุณมาร์คกี้จากคณะนิเทศ”

“และสำหรับปีนี้ ถ้านับอย่างเป็นทางการ ก็เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีลูกผู้ชายครั้งที่ยี่สิบเอ็ดแล้ว เรียกว่าถ้าไม่เด็ดจริงคงไม่สืบทอดกันมายาวนานขนาดนี้นะครับคุณปั้นจั่น”

“ก่อนเริ่มการประกวด เรามาชมของรางวัลสำหรับผู้ชนะเป็นการอุ่นเครื่องกันก่อนดีกว่าครับ ปีนี้ก็เช่นเคยนะครับ เรามีศิษย์เก่ารุ่นพี่ผู้ไม่ประสงค์จะออกนามเป็นสปอนเซอร์ของรางวัลให้ นั่นก็คือ แม็คบุ๊ครุ่นล่าสุดครับ แหม ตัวท๊อปด้วย ผมยังอยากได้เลยครับคุณมาร์คกี้”

“รางวัลสำหรับตำแหน่งคิงนี่ธรรมดาได้ที่ไหนครับ ปีที่แล้วเป็นรถมอเตอร์ไซค์ ส่วนปีก่อนหน้านั้นเป็นแพ็คเกจทัวร์ญี่ปุ่นถ้าผมจำไม่ผิด ของรางวัลของเราเจ๋งขึ้นทุกปี ต้องขอบคุณสปอนเซอร์ของเราจริงๆ แอบทราบว่าตอนนี้ก็แฝงตัวปนอยู่ในกลุ่มผู้ชมนี่แหละ”

ท่ามกลางคนดูแถวหน้าๆ โป๊ปหันไปสบตากับบอสซึ่งเป็นสปอนเซอร์งานประกวดนี้มาตลอดหลายปี บอสคลั่งไคล้กับการประกวดนี้มากและมาดูทุกปีไม่ได้ขาด เขาเองไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่แต่คราวนี้ต้องมาคุมเพราะอีกฝ่ายอยู่ในสถานะคนรักอย่างเต็มตัวแล้ว ใครจะไว้ใจให้แฟนตัวเองมาดูประกวดหนุ่มๆ แบบนี้คนเดียวกัน

“และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราขอเปิดตัวน้องเฟรชชี่ตัวแทนของแต่ละคณะ ณ บัดนี้”

เด็กหนุ่มเฟรชชี่ตัวแทนคณะต่างๆ เกือบยี่สิบคนในชุดนักศึกษาถูกระเบียบค่อยๆ เดินขึ้นเวทีตามกันมา ทุกคนมีหน้ากากสีดำคาดตาไว้กว่าครึ่งใบหน้าทำให้ยากที่จะเดาได้ว่าใครเป็นใคร แต่ละคนมีป้ายคล้องคอแสดงคณะต้นสังกัดพร้อมฉายาประจำคณะ เมื่อขึ้นมาบนเวทีต่างก็ยืนประจำที่เรียงหน้ากระดานตลอดความกว้างของเวทีหอประชุม

“และนี่คือโฉมหน้าเลือดใหม่ของมหาลัยเราในปีนี้ครับ”

พิธีกรหนุ่มหน้าใสประกาศ

“คงเรียกโฉมหน้าไม่ได้มั๊งครับคุณมาร์คกี้ เพราะนั่นเป็นความลับของน้องๆ เขา ยังไงสำหรับการประกวดคืนนี้ หน้าตาก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอยู่แล้ว งานนี้ขนาดสำคัญที่สุด ซึ่งถ้าดูจากหุ่นแล้ว ปีนี้ก็มีสูงยาวเข่าดีกันอยู่หลายคนนะครับ โดยเฉพาะบรรดาคณะตัวเต็ง”

“ก่อนจะเข้าสู่การโชว์ตัวในรอบแรก ผมขอชี้แจงเรื่องการวางเดิมพันนิดนึงสำหรับท่านที่ยังไม่ทราบ เราจะมีการแทงเป็นสองรอบ รอบละไม่เกินหนึ่งพันบาทต่อคน งานนี้ไม่มีเจ้ามือนะครับ อัตราต่อรองจะคิดตามจริงจากที่มีการแทงเข้ามา เงินที่ได้จากการแทงทั้งหมดจะถูกหักยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์เพื่อการกุศลที่เหลือจะเฉลี่ยเป็นเงินรางวัลให้กับผู้ที่ทายถูก ใครสนใจสามารถวางเงินผ่านโมบายล์แอพของเราได้เลยครับ”

“อั้นรอบละหนึ่งพันบาทต่อคนนะครับ เราเล่นกันขำๆ พอให้ตื่นเต้น ถือว่าร่วมทำบุญกันไปด้วย แต่ดูจากจำนวนผู้ชมที่มาเชียร์กันในวันนี้จนเต็มหอประชุมไปหมด ผมว่าเรามีเงินไปทำบุญกันเป็นแสนแน่ นี่ขนาดปากต่อปากแอบชวนๆ กันมา ไม่ได้ออกสื่อคนยังเยอะขนาดนี้”

“ใครที่ทายถูก ถ้าจะเลี้ยงอย่าลืมชวนผมนายปั้นจั่นไปด้วยนะครับ เอาละครับ มาเริ่มรอบแรกกันดีกว่า รอบนี้มีชื่อว่ารอบ Boxer Prince เดี๋ยวน้องๆ จะถอดชุดออกให้เหลือแต่กางเกงบ๊อกเซอร์คนละตัว แล้วก็ลองเดาจากหุ่นกันนะครับว่าใครดีใครเด็ด จะลำเอียงแทงคณะตัวเองก็ได้ไม่ว่ากัน แต่โดนกินไปก็รับผิดชอบกันเอาเองนะครับ”

“ทีมงานช่วยเอาม่านลงเพื่อให้น้องๆ ได้ถอดชุดด้วยครับ ระหว่างนี้ผมขอแชร์ประสบการณ์หน่อยว่าอย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นไปทั้งหมด มันอาจมีอะไรพลิกล็อคได้ทั้งนั้น เห็นอูมๆ พองๆ ข้างในอาจมีแต่ลม หรือตัวเล็กๆ ผอมๆ ก็อาจซ่อนรูปอลังการได้”

พอม่านบนเวทีถูกรูดปิดจนไม่เห็นอะไร สองพิธีกรหนุ่มก็หันมาคุยกับคนดู

“คุณปั้นจั่นปีนี้ใครน่าจะมาแรงครับ”

“ถ้าจะให้ตอบจริงๆ ก็คงต้องคณะวิศวะล่ะครับ อย่าหาว่าผมชงคณะตัวเองเลย แต่ในฐานะประธานสโมฯ ผมนี่คัดเองกับมือ คลื่นลูกใหม่แซงคลื่นลูกเก่าซะผมยอมเลย”

พิธีกรร่างสูงหน้าเข้มกล่าวถึงตัวแทนคณะตัวเองอย่างภูมิใจ

“อื้อหือ ถ้าเจ้าของตำแหน่งคิงเมื่อสามปีก่อนพูดซะขนาดนี้ เราคงต้องจับตามองปั้นจั่นเหล็กแห่งคณะวิศวะเป็นพิเศษแล้วนะครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนที่น่าสนใจจะมีแค่หนึ่งนะครับ จากข้อมูลวงในที่ผมสืบมาปีนี้เกษตรก็คึกคักกันมาก มีเด็กลูกครึ่งเข้ามาตั้งหลายคน เมื่อกี๊แวบๆ ผมว่าม้าพ่อพันธุ์แห่งคณะเกษตร น่าจะเป็นลูกครึ่งด้วยแหละครับ”

“เจอเมดอินไทยแลนด์คณะผมเข้าไปลูกครึ่งก็ลูกครึ่งเถอะครับมีหนาว แล้วสายข่าวของคุณมาร์คกี้บอกว่ามีใครน่าสนใจอีกบ้าง เผื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ชมได้ตัดสินใจเลือกเชียร์กัน”

“ก็พวกตัวเต็งเดิมๆ ล่ะครับ แต่ละคณะมั่นใจกันสุดฤทธิ์ ที่น่าแปลกคือปีนี้ไม่มีข่าวของจงอางดงแห่งคณะวนศาสตร์ออกมาเลย เงียบมากๆ ทั้งๆ ที่ปกติคณะนี้ต้องมีปล่อยข่าวออกมาข่มคู่ต่อสู้ตลอด”

“สงสัยปีนี้จะไม่มีตัวดีๆ ก็น่าเสียดายนะครับ คณะนี้ติดอันดับต้นๆ มาโดยตลอด ขนาดรุ่นนึงมีคนไม่ค่อยเยอะ”

“น่าเสียดายจริงๆ เอ๊ะ ทีมงานบอกว่าน้องๆ เตรียมตัวกันเสร็จแล้ว ขอเปิดม่านเลยนะครับ”

ระหว่างที่ม่านกำลังเปิดออก บอสก็กระซิบบอกแฟนหนุ่ม

“ไอพิธีกรที่ชื่อปั้นจั่นนี่กูจำได้แล้ว เมื่อสามปีก่อนนี่ชิงดำมากับเด็กวิทย์กีฬา แต่แม่งเฉือนตรงอวบกว่าไปหน่อย ตอนนั้นมันใส่หน้ากาก ไม่นึกว่าตัวจริงก็หน้าตาดีเหมือนกันแฮะ ของก็สวยกูจำติดตาเลย”

“มึงจะดูเงียบๆ หรือจะให้กูพากลับซะตอนนี้”

โป๊ปหน้าตึงเมื่อคนรักออกปากชมหนุ่มคนอื่นอย่างออกนอกหน้า บอสหน้าจ๋อยที่ตัวเองมันปากไปหน่อย คืนนี้กลับไปไม่พ้นต้องโดนจัดหนัก

“นี่คือโฉมหน้าผู้เข้าแข่งขันในรอบบ๊อกเซอร์ปริ้นซ์ครับ น้องๆ หุ่นดีกันจริงๆ แต่ของที่อยู่ด้านในจะดีด้วยหรือเปล่า เรามาลุ้นไปพร้อมกันนะครับ เริ่มจากฮ๊อตดอกจัมโบ้แห่งคณะคหกรรมกันก่อน คณะนี้ผู้ชายไม่เยอะ ปีก่อนไม่ได้ส่งครับ ปีนี้ยังไง น่าจะมั่นใจพอสมควรเลย”

“ตัวบางๆ ขาวๆ น่ารักดีนะครับคุณปั้นจั่น แต่ก็ว่าไม่ได้ อาจจะเข้าข่ายตัวเล็กของใหญ่ก็ไม่แน่ ขอเสียงกรี๊ดจากกองเชียร์หน่อย”

เสียงเชียร์ในความน่ารักของผู้ชายไซส์เอสดังกระหึ่มอย่างให้กำลังใจ ถึงจะไม่มีใครเชื่อว่าหุ่นแบบนี้ติดอันดับอะไรกับเขา

“คนต่อไปไมค์เลี่ยมทองแห่งคณะนิเทศน์ คนนี้น้องคณะคุณมาร์คกี้ มีอะไรจะพูดไหมครับ”

หนุ่มผิวขาวมีกล้ามเนื้อพองามเดินออกมาหน้าเวที ความอวบอูมภายใต้บอกเซอร์ยังไม่เห็นเด่นชัดนัก แต่ความหล่อทะลุลอดผ่านหน้ากากออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“แฮะๆ คณะผมไม่เด่นด้านนี้เท่าไหร่ แต่คนนี้ทางสโมฯ คณะบอกว่ามีเซอร์ไพรส์ครับ งานดีงานเกาหลีแบบนี้อาจจะล้มแชมป์ลงก็ได้ครับ”

พิธีกรที่มาจากคณะเดียวกันพยายามเรียกเสียงเชียร์และกำลังใจ

“เรื่องนั้นก็ต้องรอดูกันต่อไป แต่ผมดูโครงหน้าแล้วน่าจะหน้าตาดีมาก”

“ผมยังไม่ได้เห็นหน้าน้องเขาเหมือนกัน แต่คณะผมก็อย่างที่ทราบว่าหน้าตาดีกันครึ่งค่อนคณะ”

“แหม ไม่ค่อยถ่อมตัวเลยนะครับ มาต่อกันที่แท่งหรรษาแห่งคณะไอซีทีกันดีกว่า ปีที่แล้วก็กลางๆ นะครับคณะนี้ แต่คราวนี้ดูอูมฟูมดีเหมือนกัน”

“อย่างอื่นไม่รู้ครับ แต่ขนดกดี ไรขนเรียงตัวสวยด้วย”

ที่ด้านล่างเวที บอสตื่นเต้นไปกับการประกวดจนอดใจไม่ไหวที่จะสะกิดคนที่มาด้วยกัน

“โป๊ปๆ น้องคณะมึง ท่าทางไม่เบานี่หว่า มึงว่าแท่งหรรษาของปีนี้ จะสู้สมัยที่มึงเป็นตำแหน่งนี้ได้ไหมวะ”

โป๊ปแอบหน้าขึ้นสีเหมือนนึกถึงตัวเองเมื่อเจ็ดปีก่อนในวัยละอ่อนที่ถูกรุ่นพี่โซโคจนต้องยอมตากหน้าขึ้นไปประกวด น้อยคนนักที่จะรู้เรื่องนี้เพราะเขาปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ใช่จนถึงกับต้องสร้างหลักฐานปลอมในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค แต่คนข้างๆ เห็นหุ่นนิดเดียวก็รู้ทันทีสมกับที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กทั้งๆ ที่ปิดแทบตาย ปีนั้นแท่งหรรษาแห่งคณะไอซีทีได้อันดับสูงสุดที่คณะของเขาเคยได้จนมาถึงวันนี้

“ว้าวมากครับคนต่อไป ไซริ้งค์ยักษ์แห่งคณะแพทย์ กล้ามเป็นมัดขนาดวิทย์กีฬายังอาย ที่สำคัญขาวโอโม่มากๆ”

เต้าหู้ในชุดบอกเซอร์ตัวเดียวออกมายืนด้านหน้าเวทีอย่างประหม่า นี่ถ้าไม่ได้มิลค์ช่วยปลุกกำลังใจมาเต็มแรงจากหลังเวทีเขาคงก้าวขาไม่ออก แต่พอเห็นสายตาคนดูทั้งห้องประชุมจับจ้องมาที่ตัวเองเขาก็ขนลุกซู่ด้วยความอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก นี่เองสินะความรู้สึกที่เป็นที่สนใจของคนอื่น ภายใต้หน้ากากอันนี้ ไม่มีใครสนใจว่าเขาจะหน้าตาเป็นยังไง มีเพียงหุ่นและขนาดของเป้าที่คนให้ความสำคัญ

“หรือปีนี้แพทย์จะมาแรง ตัวใหญ่ล่ำขนาดนี้ ดูเป้าก็แน่นๆ ตุงๆ อยู่นะครับ”

“ผมว้าวกับหุ่นน้องเขาเฉยๆ แต่ไม่อยากให้หวังอะไรมาก เป้าที่ว่าน่าจะพองลมครับ เล่นใส่บ๊อกเซอร์ตัวใหญ่ขนาดนี้ จากประสบการณ์แล้ว ตัวใหญ่ๆ เล่นกล้ามตรงนั้นจะไม่ค่อยเท่าไหร่ ไปดูพวกนักเพาะกายได้ เขาว่ากันว่าส่วนใหญ่เล่นกล้ามเพราะอยากชดเชยที่ของเล็ก”

“ถ้าเป็นอย่างที่ว่าก็น่าเสียดายนะครับ ทั้งขาวทั้งหุ่นดี ริมฝีปากชมพูรับกับหัวนมเชียว น่าจะหล่อด้วย แต่ก็อย่างว่าครับ คณะแพทย์เขาไม่เคยติดอันดับอยู่แล้ว”

ไม่ว่าพิธีกรจะวิจารณ์อะไร เต้าหู้ก็ไม่เคืองแม้แต่น้อย แค่กล่าวถึงเขาก็รู้สึกมีความสุขแล้ว เต้าหู้ไม่รู้ตัวเลยว่า ท่ามกลางหมู่คนดู ก็มีคนสำคัญกำลังกล่าวถึงตัวเขาอยู่เช่นกัน

“กูชอบหุ่นกับผิวน้องเขาว่ะ นมแน่นมาก ขาวเนียนขนน้อยนมชมพูแบบนี้มันเขี้ยวที่สุด โอ้ย”

บอสร้องเมื่อโดนแฟนรูปหล่อตบกบาลดังเพี๊ยะ

“มึงเป็นหมาหรือไงถึงจะไปขย้ำน้องมัน แล้วว่าแต่คนอื่น ตัวเองน่ะน่ากัดน้อยซะเมื่อไหร่”

โป๊ปพูดขณะมองซอกคอขาวๆ ของคนข้างๆ แล้วนึกอยากกลับห้องเร็วๆ บอสบ่นอุบอิบแล้วหันไปสนใจการประกวดต่อ

พิธีกรบนเวทีบรรยายต่ออย่างไม่ติดขัด

“มาชมพวกตัวเต็งกันบ้างดีกว่า ถึงคราวปั้นจั่นเหล็กแห่งคณะวิศวะแล้ว ว่าไง คุณมีอะไรจะอวยน้องตัวเองไหมครับ”

พิธีกรหน้าใสชงบทให้พิธีกรหล่อเข้มเมื่อรุ่นน้องของอีกฝ่ายเดินขึ้นมาด้านหน้าโชว์ร่างสูงใหญ่หุ่นนักกีฬา แขนขาคล้ามแดดเป็นสีแทนตัดกับผิวขาวๆ ในร่มผ้าบ่งบอกว่าเจ้าตัวชอบออกกำลังกายกลางแจ้งเป็นประจำ

“ของดีไม่ต้องโฆษณาครับ เห็นๆ กันอยู่ มีความตุงความอวบความใหญ่อัดแน่นอยู่ในบ๊อกเซอร์ตัวนั้น น้องผม หล่อรวยใหญ่นิสัยดี สาวๆ รีบจองคิวเข้ามาจีบกันได้เลย”

“ไม่ค่อยจะโฆษณาเลยนะครับ แล้วลืมไปเปล่าว่าในหอประชุมนี้เราก็ไม่ให้สาวๆ เข้ามาด้วย มาต่อกันที่เสาโรมันแห่งคณะสถาปัตย์กันบ้าง ผมว่าก็ดูสูสีเป็นคู่แข่งกันปั้นจั่นเหล็กได้เลย”

“ก็ไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่ แต่สูงชะลูดตูดปอดอย่างนั้น ผมว่าไม่ธรรมดาเหมือนกัน”

พิธีกรกล่าวชมหนุ่มร่างสูงโปร่งผิวขาวที่เพิ่มความคมเข้มให้ตัวเองตัวไรหนวดเคราบางๆ พอเร้าใจ

“ก็แซวกันไปพอหอมปากหอมคอ น้องๆ อย่าถือสาพวกปากมอมอย่างพี่เลย เอาล่ะครับผม ผ่านรอบอุ่นเครื่องอย่างบ๊อกเซอร์ปริ้นส์กันแล้ว ตัดสินใจกันได้บ้างหรือยัง ให้เวลาอีกสามนาทีครับ ใครจะแทงใครก็หยิบมือถือขึ้นมาได้เลย พอม่านปิดถือว่าหมดเวลา ใครยังไม่แน่ใจจะเก็บไว้ไปแทงรอบหน้าได้”

บอสกำลังคิดหนัก มีตัวเลือกน่าสนใจหลายคนแต่รอบนี้ยังมองอะไรผ่านบ๊อกเซอร์ไม่ค่อยออกนัก ในที่สุดเขาก็เอาแบบปลอดภัยไว้ก่อนโดยการแทงปั้นจั่นเหล็กลงไปตามสถิติในอดีต

“ตอนนี้ก็ผ่านรอบแรกไปแล้วนะครับ ขอเวลาให้บรรดาพี่เลี้ยงไปช่วยน้องๆ เตรียมตัวกันนิดนึง สำหรับรอบต่อไปชื่อว่ารอบ Sleeping Beauty คราวนี้ถึงคราวถอดหมดครับ เราจะได้เห็นผู้เข้าประกวดในชุดวันเกิดกันชัดๆ ไม่มีอะไรปิดบัง แต่สำหรับคนที่คิดจะแทงในรอบนี้ อย่านึกว่าจะหวานหมูนะครับ เพราะจะได้เห็นแค่แบบเหี่ยวๆ กันไปก่อน และขอบอกไว้เลยว่าอวัยวะส่วนนั้นมันน่ามหัศจรรย์มาก ตกม้าตายกันมาเยอะแล้ว”

ด้านหลังม่าน บรรดาพี่เลี้ยงต่างเข้ามาดูแลผู้เข้าประกวดของตัว มิลค์เข้ามาช่วยเต้าหู้ถอดเสื้อผ้าพร้อมกับให้กำลังใจ ไหนๆ มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็อยากดันเด็กในสังกัดให้ไปได้ไกลที่สุด อีกอย่างก็กลัวไอหน้าอ่อนนี่จะสติแตกไปซะก่อนที่ความสนุกจะเริ่มขึ้น

“ไม่ต้องกังวลนะ รอบนี้มึงจะได้โชว์ของดีโอทอปเมืองน่านบ้านมึงแล้ว มึงก็รู้ว่าของมึงไม่แพ้ใครแน่ เอ้า ฮึบ ถอด”

บอกเซอร์ตัวโปรดถูกดึงพรวดลงไปกองที่พื้น พร้อมๆ กับที่หนุ่มน้อยจากคณะเศรษฐศาสตร์ที่แอบแหล่มองประเมินคู่แข่งอยู่ถึงกับอุทานขึ้น

“เชรด โคตรใหญ่ ตูจะไปสู้อะไรเนี่ย ของจริงหรือเปล่า ขอผมจับหน่อยนะ”

มิลค์ตีมือที่ยื่นมาพร้อมพูดเสียงเฉียบขาด

“ไม่ได้ นายเป็นคู่แข่งอาจมาลอบทำร้ายได้”

เต้าหู้แอบเสียดายเล็กน้อยที่โดนห้าม การที่อีกฝ่ายสนใจขนาดจะลองจับทำให้เขารู้สึกดีไปอีกแบบ แต่ยังไม่ทันจะได้ทักทายอะไรต่อ เจ้าหน้าที่ก็มาแจ้งให้เตรียมความพร้อม เต้าหู้เหลือบมองผู้เข้าประกวดที่อยู่ในชุดวันเกิดละลานตาไปหมด แล้วพยายามตั้งสติ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [6] 11/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 11-12-2016 21:11:18
“ไม่อยากให้คอยกันนาน เริ่มเลยดีกว่า ขอเชิญเปิดม่านครับ”

พิธีกรประกาศเรียกความสนใจ

“โอ้ว อลังการกันจริงๆ ครับ น้องๆ เฟรชชี่ของเราปีนี้ คลื่นลูกใหม่ย่อมแซงคลื่นลูกเก่าสินะ ขนาดยังไม่แข็งนี่ก็ดูอวบใหญ่กันเกือบทุกคน ใครเชียร์ใคร ใครจะถือหางข้างใครก็ดูกันเอาเองนะครับ อีกห้านาทีเราจะปิดรับแทงแล้ว”


โป๊ปเหล่มองบอสที่ตาเป็นประกายมองดูเด็กหนุ่มเปลือยเกือบยี่สิบคนบนเวทีด้วยความหมั่นไส้ ขนาดมีเขาแล้ว แต่ความหื่นของบอสยังเหลือเฟือ ท่าทางต้องต้องจัดหนักให้บ่อยกว่านี้จะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่าน

“ระหว่างนี้ผมขอไล่ไปตามคนที่เด่นๆ กันดีกว่า เป็นไงครับคุณมาร์คกี้ มีใครเข้าตาบ้างไหมครับ”


“เรียกว่ากระแทกตากันเลยดีกว่า ใหญ่กันซะขนาดนี้ ผมว่าพวกคณะตัวเต็งทั้งหลายนี่ ปีนี้ก็ยังรักษาความเป็นผู้นำได้ดี ไม่ว่าจะม้าพ่อพันธุ์เกษตร เสาโรมันถาปัตย์ แก่นทะลวงไส้วิทย์กีฬา ยิ่งปั้นจั่นเหล็กนี่ก็สมราคาคุยล่ะครับ ยังกะงวงช้าง เสียดายคู่ปรับเก่าอย่างจงอางดงของวนะปีนี้ดูจะแผ่วๆ ไป ไม่ว้าวเท่าไหร่ แต่ที่น่าตกใจก็ไซริ้งค์ของพวกหมอเค้า ผมนี่ไม่อยากเชื่อสายตาเลยครับ ยังกะขาที่สาม ไหนคุณปั้นจั่นว่าพวกกล้ามๆ จะของเล็กไงครับ”

เต้าหู้เหมือนจะลอยเมื่อได้รับความสนใจออกไมค์ เขาแยกขาเล็กน้อยให้บอลแฝดได้โผล่หน้ามาให้ชัดขึ้น

“ก็ดูเหมือนจะไม่เล็กอย่างที่คิดครับ ผมว่าเพราะน้องเขาขาวมากด้วยแหละ เลยดูใหญ่กว่าความเป็นจริง แต่ยานๆ แบบนี้พอแข็งมาอาจไม่โตขึ้นเท่าไหร่ก็ได้ อ้อ พูดถึงเรื่องนี้ น้องๆ บนเวทีอย่างเพิ่งปล่อยให้ของตัวเองแข็งขึ้นมาตอนนี้นะ เดี๋ยวการวางเดิมพันจะไม่สนุกกัน”

“ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้ดำเนินรายการซะเอง ผมจะแทงข้างน้องหมอไซริ้งค์นี่แหละ คนอะไรทั้งขาวทั้งกล้ามแน่นแถมยังของใหญ่อีก ไหนๆ ไมค์เลี่ยมทองคณะผมก็คงลุ้นไม่ขึ้นเหมือนเคย ถ้ายังไงไม่ต้องเสียใจนะน้อง แค่นี้ก็ถือว่าไม่อายใครแล้ว”

“ถ้าแทงจริง คุณมาร์คกี้คงถูกกินหมดตัวแน่ รู้ๆ กันอยู่ว่าแพทย์เค้าไม่เคยติดอันดับมาก่อน ถ้าจะเชียร์มวยรองมาแข่งกับคณะผม ผมว่าเอาเสาโรมัน‘ถาปัตย์มายังจะน่าลุ้นกว่า ดูๆ ความยาวน่าจะไม่ธรรมดาอยู่ เอางี้ไหมครับ ถ้าคืนนี้ไซริ้งค์แพ้ปั้นจั่นเหล็ก คุณเลี้ยงข้าวหรูๆ ผมมื้อนึง ไหนๆ เราก็แทงไม่ได้อยู่แล้ว”

“จัดไปครับคุณปั้นจั่น ดินเนอร์ใต้แสงเทียนเลยเป็นไง แต่ถ้าไซริ้งค์ชนะล่ะก็ ผมขอชมปั้นจั่นเหล็กอันที่ทำให้คุณชนะตำแหน่งคิงเมื่อสามปีก่อนเป็นขวัญตาหน่อยแล้วกัน”

“แค่ดูมันจะไปพออะไร ถ้าคุณชนะจะจับจะขยำหรืออะไรๆ ก็ได้ทั้งนั้น แต่เสียดายที่คงไม่มีโอกาสนั้นหรอก ผมมั่นใจในคณะผม”

“งั้นดีลตามนี้ ใกล้หมดเวลาแทงพอดี โอกาสสุดท้ายแล้วครับ เลือกมาหนึ่งคนที่ท่านมั่นใจ ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง ปิดการทายผลครับ”

 “น้องๆ หันหลังเลยครับ จัดการตัวเองได้ตามสบาย ใครแข็งเต็มที่แล้วกรรมการจะเดินไปวัดขนาดให้ เสร็จแล้วก็ยังหันหลังให้เวทีไว้ก่อนครับ ไว้ค่อยหันหน้ามาพร้อมกันทีเดียว”

เด็กหนุ่มทั้งหมดหันหลังไปแล้วเริ่มจัดการกระตุ้นตัวเอง บางคนตื่นเต้นจนนกเขาไม่ขัน ร้อนถึงคนข้างๆ ต้องช่วยกันไปตามมีตามเกิด

“สำหรับกรรมการผู้ทำหน้าที่วัดผลที่ทุกคนรอคอย ก็ตามธรรมเนียมปฏิบัติล่ะครับ เราจะเชิญประธานสโมฯ คนที่อาวุโสสูงสุดในบรรดาคณะต่างๆ มาเป็นเกียรติในการวัด และเนื่องจากปีนี้เรามีอาวุโสถึงระดับพี่ปีหกด้วยที่ทำหน้าที่ประธานสโมฯ  ขอเรียนเชิญพี่ไทน์ ประธานสโมฯ คณะแพทย์ ขึ้นบนเวทีเพื่อทำการวัดผลการประกวดปีนี้ด้วยครับ”

“นับว่าเหมาะมากๆ เลยนะครับ นอกจากจะอาวุโสแล้วยังเป็นว่าที่คุณหมอที่สามารถวัดได้อย่างถูกวิชาการแน่ๆ”

ไทน์เดินขึ้นเวทีพร้อมด้วยสายวัดและสมุดจดคะแนน ปีนี้เขาหวังไว้มากสำหรับเต้าหู้ แต่ถึงยังไงเขาต้องวัดอย่างยุติธรรมที่สุด

ด้านล่างเวที สองหนุ่มหล่อก็ยังกระซิบกระซาบกัน

“โป๊ปๆ นั่นน้องไทน์นี่ ไม่ได้เจอมาหลายปียังหล่อใสอยู่เลยนะ แต่ก็ดูภูมิฐานขึ้น ก็เกือบจะเป็นคุณหมอเต็มตัวแล้วนี่ เห็นแล้วนึกถึงไอเทมส์พี่ชายของมัน”

“ได้ข่าวจากเพื่อนเก่าๆ ว่ามันกลับตัวกลับใจแล้ว หลังจบมอปลายก็นิสัยดีขึ้นเยอะ วันไหนเรานัดเจอเพื่อนสมัยมัธยมกันดีกว่า มึงจะได้คืนความจำให้พวกมันจำมึงได้ ไหนๆ ก็จะเลิกทำองค์กรอยู่แล้ว”

“ไม่ได้เลิกเฟ้ย ก็มึงบอกกูเองว่าเครือข่ายก็คือองค์กร เครือข่ายยังอยู่ ก็เหมือนองค์กรยังอยู่”

“นั่นแหละ แต่มึงไม่ต้องเหนื่อยทำอยู่คนเดียวแล้วไง ไปเจอเพื่อนเก่าๆ ให้นัดฟื้นความหลังก็ดี”

บอสแอบอมยิ้มในทุกๆ เรื่องที่โป๊ปทำให้กับตัวเอง

การวัดขนาดบนเวทียังดำเนินไปเรื่อยๆ หลายๆ คนพอสาวจนแข็งตัวขึ้นมาก็สร้างความประหลาดใจให้ไทน์ซึ่งเป็นคนวัดอย่างมาก เขาก้มๆ เงยๆ อยู่กับท่อนลำขนาดใหญ่ของรุ่นน้องหลากหลายคณะจนมึนหัว ชายหนุ่มไม่ได้เป็นเกย์ การที่เอาหน้าไปใกล้ๆ จนได้กลิ่นเฉพาะของเพศผู้จึงไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสำหรับเขา แต่ด้วยความที่ได้รับการฝึกฝนจิตใจในฐานะแพทย์ เขาก็ไม่ได้นึกรังเกียจเช่นกัน ออกจะเป็นเรื่องน่าสนใจว่าปัจจัยด้านใดที่ทำให้เด็กหนุ่มเหล่านี้ถึงมีขนาดอวัยวะเพศใหญ่โตกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน

พอมาถึงตาของรุ่นน้องคณะเดียวกัน ไทน์ก็แอบยิ้มกริ่มเมื่อเห็นท่อนเนื้อขาวอวบขนาดมหึมาที่แข็งตัวเต็มที่พร้อมรับการวัด ตอนคัดเลือกเต้าหู้มาเป็นตัวแทน เขายังไม่ได้วัดขนาดให้เป็นเรื่องเป็นราวเพราะยังไงก็ไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้อยู่แล้ว ดูคร่าวๆ ด้วยสายตา ท่อนลำของเต้าหู้ใหญ่กว่าบรรดาคนที่เขาวัดเสร็จแล้วไปอีกระดับหนึ่ง ขนาดเขาไม่ได้เป็นเกย์ยังรู้สึกว่ารูปร่างสีสันมันช่างงดงามจริงๆ ลำตรงสวยขาวจั๊วะหัวสีชมพูใสปราศจากร่องรอยราคีใดๆ มันดูใหม่เอี่ยมแกะกล่องราวกับไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน ว่าที่คุณหมอบรรจงเอาทิชชูเช็ดน้ำเงี่ยนที่เยิ้มตรงช่องเปิดส่วนหัวก่อนจะทาบสายวัดลงไป

ไทน์แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองกับตัวเลขที่จดลงไปทั้งความยาวและเส้นรอบวง นี่มันระดับอินเตอร์แล้ว ชัยชนะของคณะแพทย์ลอยมาอยู่แค่เอื้อม ว่าที่คุณหมอกำหมัดอย่างสะใจแต่ก็ต้องหน้าเสียเมื่อหันไปเห็นผู้เข้าประกวดที่จะโดนวัดเป็นรายต่อไป

“ระหว่างที่พี่หมอไทน์กำลังทะยอยวัดขนาดน้องๆ ไป เราจะมาสรุปผลการแทงทั้งรอบบอกเซอร์ปริ้นส์และรอบสลีปปิ้งบิวตี้ให้ได้ทราบกันก่อนครับ”

“สำหรับผลในรอบแรก ยอดแทงอันดับที่ห้าได้แก่ เสาโรมัน’ถาปัตย์ ต่อด้วยม้าพ่อพันธุ์เกษตรในอันดับสี่ แก่นทะลวงไส้วิทย์กีฬาอยู่ที่อันดับสาม และจงอางดงวนะมาเป็นอันดับสอง แน่นอนว่าจบลงด้วยปั้นจั่นเหล็กวิศวะในอันดับหนึ่ง”

“นี่มันเรียงตามผลการประกวดจริงของปีที่แล้วเลยนี่ครับ ไม่รู้ว่าผู้ชมของเราใช้หลักสถิติหรือแค่คิดน้อยเฉยๆ”

“แหม ก็รอบแรกมันไม่เห็นอะไรมากนี่ครับ มาต่อที่รอบสองดีกว่า ลำดับมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยครับ จงอางดงหลุดจากยอดแทงสูงสุดห้าอันดับแรกไปแล้ว น่าเสียดายจริงๆ คงเพราะปีนี้ฟอร์มไม่ดีเท่าไหร่”

“สำหรับคนที่แทรกเข้ามาในอันดับห้า ว้าว ไซริ้งค์ครับท่านผู้ชม หมอมาแรงจริงๆ ผมว่าแล้วไม่ผิด ท่าทางจะไม่ได้กินฟรีจากผมแล้วนะครับคุณปั้นจั่น”

“ผมก็อยากรู้ว่าจะแค่ไหนกันเชียว เอ๊ะ พี่หมอไทน์วัดเสร็จพอดี งั้นให้น้องๆ หันมาพร้อมกันเลยดีกว่า ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง หันมาได้ครับ”

พิธีกรบอกกับบรรดาผู้เข้าประกวดที่ตอนนี้ยืนเรียงหันหลังเห็นแต่ก้นขาวบ้างดำบ้างงอนแบนต่างกันไปตามสรีระของแต่ละคน เสียงเชียร์จากผู้ชมดังกระหึ่มเมื่อวินาทีสำคัญที่ทั้วหัองประชุมจะได้เห็นขนาดแบบแข็งตัวเต็มที่ของผู้เข้าประกวดเป็นครั้งแรก

“นี่มันอะไรครับ ทำไมถึงได้ใหญ่โตมโหฬารกันแบบนี้”

“ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยครับ จงอางดงนี่ขยายตัวน่าจะเกินสามเท่าซะอีก มันเป็นไปได้หรือนี่ แล้วไซริ้งค์ครับไซริ้งค์ คนไทยมันจะอวบใหญ่ได้ขนาดนี้เลยเหรอ จะเท่าข้อมือผมอยู่แล้ว สูสีกับจงอางดงเลยทีเดียว คนนึงได้ยาว คนนึงได้อวบ ส่วนที่เหลือน่าจะเอาสองคนนี้ไม่อยู่แล้วจริงๆ ไม่ใช่ไม่ใหญ่กันนะครับ โคตรใหญ่ไม่แพ้ปีก่อนๆ เลย แต่สองคนนั่นเกินมนุษย์ไปจริงๆ รบกวนพี่หมอไทน์รีบสรุปผลเลยนะครับ ผมกลัวจะมีคนลุ้นจนหัวใจวาย”

“อย่างนี้เรียกว่าหักปากกาเซียนกันเลยทีเดียว พี่ไทน์ครับ เสร็จยัง ไม่ได้มีอะไรพลิกโผอย่างนี้มานานแล้ว คนดูคงอยากทราบผลเร็วๆ”

ไทน์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นผลการคำนวณในขั้นสุดท้าย แต่ก็ตัดสินใจยื่นให้พิธีกรไป

“ตอนนี้ผลก็มาอยู่ในมือผมแล้วนะครับ เพื่อไม่ให้เกิดการประกวดประชันกันเกินงาม เราจะประกาศแค่ห้าอันดับแรกเหมือนทุกปี เริ่มจากแก่นทะลวงไส้แห่งคณะวิทยศาสตร์การกีฬาในอันดับที่ห้า ขอเสียงปรบมือด้วยครับ”

หนุ่มผิวคล้ำหุ่นแกร่งตามแบบฉบับนักกีฬาแท้ๆ เดินออกมาโชว์ตัวพร้อมท่อนลำขนาดน้องๆ ม้าที่ชี้ตะหง่านท้าสายตา ไรขนหยิกเล็กน้อยตามแขนขาลำตัวเพิ่มความเซ็กซี่ให้กับคนที่ชอบแนวคมเข้มแบบนี้

“สำหรับอันดับสี่ในปีนี้ตกเป็นของม้าพ่อพันธุ์แห่งคณะเกษตรศาสตร์ ขอแสดงความยินดีด้วยครับ”

หนุ่มหุ่นอวบนิดๆ แต่มีกล้ามมาพร้อมกับท่อนลำที่โค้งลงอย่างสวยงามประดุจกล้วยหอมยักษ์เดินออกมาแสดงตัว หนังหุ้มที่เปิดออกไม่สุดทำให้เห็นส่วนหัวแดงๆ แค่ครึ่งเดียว

“อับดับสามเป็นของปั้นจั่นเหล็กแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ของผมเอง แม้จะน่าเสียดายแต่การแข่งขันย่อมมีแพ้มีชนะเป็นธรรมดา ของชื่นชมในสปิริตของน้องปั้นจั่นปีหนึ่งและผู้เข้าแข่งขันทุกคนนะครับ ขอเสียงปรบมือ”

ร่างสูงใหญ่หุ่นนักกีฬามากับรอยแดดสีแทนตัดกับผิวขาวๆ อวัยวะใหญ่ยาวพุ่งตระหง่านทำมุมสี่สิบห้าองศาสมฉายาปั้นจั่นเหล็ก เส้นเลือดปูดโดยรอบยิ่งเพิ่มความน่าเกรงขาม เด็กหนุ่มท่าทางคอตกที่ไม่สามารถรักษาตำแหน่งแชมป์ให้คณะได้

“และก็ถึงอันดับหนึ่งและอันดับสองที่ทุกท่านรอคอย โอ๊ะ บางทีอาจจะต้องคอยไปก่อนครับ ผลการวัดขนาดระหว่างจงอางดงแห่งคณะวนศาสตร์กับไซริ้งค์ยักษ์แห่งคณะแพทยศาสตร์ปรากฎว่าเสมอกันครับ”
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [6] 11/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 11-12-2016 21:15:52
 เด็กหนุ่มผิวเกือบเข้มรูปร่างแข็งแรงมองมาที่ท่อนลำอวบขาวของเต้าหู้อย่างประเมินสถานการณ์ อวัยวะเพศของจงอางดงยาวอย่างไม่น่าเชื่อสมชื่อฉายา ที่สะดุดตาคือผิวที่ออกแดงตลอดทั้งลำราวกับกำลังโมโหอะไรอยู่ เต้าหู้ไม่เห็นสีหน้าภายใต้หน้ากากแต่รู้สึกว่าเพื่อนต่างคณะคนนี้กำลังกัดฟันอดกลั้นอะไรบางอย่าง

เสียงฮือฮาดังมาจากผู้ชม ส่วนใหญ่ไม่มีใครเคยเจอกรณีแบบนี้มาก่อน แล้วจะตัดสินกันยังไง พิธีกรรีบชี้แจงต่อเมื่อเสียงผู้ชมเบาลง

“ผู้ชมบางท่านอาจจะสงสัย มันเสมอกันได้ด้วยเหรอ ขอเรียนให้ทราบว่าการวัดขนาดด้วยสายวัดจะเป็นวัดความยาวกับเส้นรอบวงมาคำนวณสูตรปริมาตรทรงกระบอกแบบคร่าวๆ แต่เนื่องจากอวัยวะส่วนนั้นมันก็ไม่ได้มีรูปทรงกระบอกอย่างสมบูรณ์ เราเลยมีกติกาว่า สำหรับการตัดสินตำแหน่งที่หนึ่งและที่สอง ผลจะต้องทิ้งขาดกันพอสมควรเพื่อให้ครอบคลุมค่าความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น”

พิธีกรหนุ่มอธิบาย

“แสดงว่าจงอางกับไซริ้งค์ไม่ได้ทิ้งห่างกันจนตัดสินได้ นั่นหมายถึงว่าเราต้องทำไงต่อครับคุณมาร์คกี้”

“เราต้องใช้การวัดที่ละเอียดขึ้น ขอเชิญถ้วยยูเรก้าคู่ในตำนานครับผม”

ถ้วยยูเรก้าทรงกระบอกใหญ่ยาวลักษณะเหมือนกันสองใบถูกทีมงานยกมาวางบนเวที

“จากประวัติการประกวด นานแล้วนะครับที่เราไม่ได้ใช้ถ้วยยูเรก้าคู่นี้ ครั้งล่าสุดก็เมื่อเจ็ดแปดปีก่อน เป็นการดวลกันระหว่างแก่นทะลวงไส้แห่งคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา กับแท่งหรรษาแห่งคณะไอซีทีม้ามืดในปีนั้น หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้มีคู่ชิงที่สูสีกันอีกเลย”

พิธีกรหน้าใสจากคณะนิเทศน์เล่าเรื่องราวในอดีตอย่างตื่นเต้น

“ระหว่างที่เตรียมความพร้อมของอุปกรณ์ เมื่อกี๊พี่เลี้ยงของคณะวนศาสตร์ขอพาน้องเข้าไปเตรียมสมาธิหลังฉากนิดนึง คณะแพทย์จะพักก่อนก็ได้เหมือนกันครับ”

เต้าหู้รีบรับข้อเสนอ เขาเดินโทงๆ เข้าไปหลังเวทีซึ่งมิลค์รออยู่

“เราต้องแพ้เขาแน่ๆ เลย ทางโน้นยาวมาก”

“มึงต้องต้องชนะอยู่แล้ว มากูช่วยชัก”

มิลค์เอาใจเต้าหู้กว่าปกติ เขาเอามือปลุกปล้ำช่วงล่างของเพื่อนให้กลับมาแข็งตัวเต็มที่จนอดเคลิ้มไม่ได้ มองไปที่คู่แข่ง เต้าหู้เห็นพี่เลี้ยงของอีกฝ่ายก็กำลังนวดเฟ้นอวัยวะเพศอย่างตั้งใจจนเจ้าตัวหน้าตาเหยเกไปหมด

“แค่มึงมั่นใจอย่าให้ของมึงฝ่อกลางคันก็ชนะอยู่แล้ว ไอนั่นมันได้แต่ยาวแต่อวบไม่สู้มึงหรอก ทีนี้แหละจะเป็นโอกาสให้ทุกคนรู้ว่ามึงมีดีแค่ไหน แล้วก็เอาเรื่องที่กูบอกไปตัดสินใจแล้วกัน”

มิลค์ตบตูดเปลือยๆ อันขาวแน่นของเต้าหู้เป็นสัญญาณให้เข้าประจำที่เพื่อการตัดสินในช่วงท้าย เด็กหนุ่มก้มหัวให้คู่แข่งจากวนศาสตร์เล็กน้อยเป็นการทักทาย เครื่องเพศของจงอางดงทั้งยาวทั้งแข็งแดงก่ำน่าเกรงขามจนเต้าหู้เกือบจะถอดใจ แต่พอได้ยินเสียงเชียร์กระหึ่มที่ฟังออกว่าคนข้างล่างชื่นชมไซริงค์ยักษ์ขนาดไหน ความปิติก็แผ่ซ่าน เด็กหนุ่มผายมือออกแล้วแอ่นเอวไปข้างหน้าให้ท่อนเอ็นกระดกตัวเล็กน้อยตอบรับเสียงเชียร์ที่ดังขึ้นไปอีก หนุ่มเมืองเหนือรู้สึกว่าเขาได้พบที่ๆ ใฝ่ฝันแล้ว

หลังจากนั้นเต้าหู้และคู่แข่งก็เข้าประจำที่เพื่อวัดปริมาตรด้วยถ้วยยูเรก้าไปพร้อมกัน ทั้งคู่เอาแขนยันพื้นคล่อมปากถ้วยไว้แล้วค่อยๆ หย่อนความเป็นชายลงไปพร้อมกัน วินาทีนี้หนุ่มน้อยนักศึกษาแพทย์แทบไม่รู้สึกตัวแล้ว ใจเขาลอยละล่องได้ยินแต่เสียงเชียร์ พอส่วนปลายแตะกับน้ำเย็นในถ้วยก็ยิ่งกระตุ้นความเสียซ่าน เสียงเชียร์ดังกระหึ่มกว่าที่เคยจนในหัวขาวโพลนไปหมด

เต้าหู้มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ไทน์เข้ามาวัดปริมาตรน้ำที่ล้นออกมาอย่างตั้งใจ เด็กหนุ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง เขาอ้าปากจะบอกรุ่นพี่ แต่อีกฝ่ายจุ๊ปากส่ายหน้าแล้วยิ้มให้ก่อนจะเดินเอาผลคะแนนไปส่งที่พิธีกร

“จากผลคะแนนในมือผม ขณะนี้ก็เป็นที่ทราบชัดเจนแล้วนะครับ ว่าตำแหน่งคิงของ Too Big Too Long Contest ในปีนี้ ตกเป็นของไซริ้งค์ยักษ์แห่งคณะแพทยศาสตร์”

เสียงเฮดังขึ้นอย่างถล่มทลาย ใครบอกว่าเด็กแพทย์ไม่ค่อยร่วมกิจกรรมเห็นจะไม่จริงสำหรับงานนี้ รุ่นพี่หน้าตาเนิร์ดๆ ลุกขึ้นมาเต้นแร้งเต้นกาอย่างดีอกดีใจ ถึงจะยังติดใจกับความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นตอนวินาทีตัดสินผล แต่เด็กหนุ่มก็กลับมาเต็มตื้นกับความรู้สึกที่เป็นที่สนใจอีกครั้งหนึ่ง

“นี่เป็นครั้งแรกในรอบประวัติศาสตร์ศาสตร์เลยครับ ขอแสดงความยินดีกับคณะแพทย์ด้วยครับ ตอนแรกดูสูสีๆ แต่วัดมาจริงแล้วก็ห่างอยู่พอสมควรเลย ไซริงค์จะขอบคุณผู้ชมหน่อยไหม ทำท่าก็พอ ไม่ต้องพูดอะไรถ้ากลัวว่าใครจะจำเสียงได้”

เวทีนี้เป็นของเขาแล้ว เต้าหู้ไม่อยากให้โอกาสดีๆ นี้หมดไป เขานึกถึงเรื่องของคุณพ่อของมิลค์ พี่ชายของพี่ไทน์ พี่มุก ไปจนถึงดอกเตอร์ก้องฟ้า พอมองไปด้านข้างเวทีก็เห็นมิลค์ยกนิ้วให้กำลังใจ เต้าหู้ถอดหน้ากากออกเผยให้เห็นใบหน้าจืดๆ ที่แดงเพราะความตื่นเต้นอย่างถนัดตาต่อหน้าผู้ชมหลายร้อย

“ผมชื่อเต้าหู้ครับ ตัวจริงหน้าตาไม่ดี ก็อย่างที่เห็น พูดก็ไม่ค่อยเก่ง แต่อยากเป็นเพื่อนกับทุกคนครับ อย่าลืมผมนะครับ ผมเต้าหู้ แพทย์ปีหนึ่ง ขอบคุณครับ”

ผู้ชมอึ้งไปทั้งห้องประชุม ไม่มีใครเคยเผยหน้าตาตัวเองในการประกวดนี้มาก่อน แม้แต่วิศวะเองที่เหมือนจะบอกเป็นนัยๆ โดยการตั้งชื่อเล่นว่าปั้นจั่นให้ชั้นปีละคน แต่ก็ไม่มีใครรู้แน่ว่าจริงหรืออำ แล้วนี่เด็กแพทย์ท่าทางเรียบร้อยกลับมาเปิดตัวยืนเปลือยเคโด่ต่อหน้าผู้ชมหลายร้อย

“โอ้โหกล้าจริงๆ ยอมใจเลย ไม่หล่อแต่ก็หน้าตาเกลี้ยงเกลาสะอาดสะอ้าน หุ่นล่ำๆ มีซิกส์แพค ผิวเนียนขาวชมพูทั้งตัว ไม่ต้องพูดถึงของที่พ่อให้มาอย่างเยอะอีก พี่ขอเป็นแฟนคลับเราดีกว่า ฮ่าๆ”

พิธีกรพูดด้วยความตื่นเต้นหลังจากอึ้งไปครู่ใหญ่ เสียงเชียร์ที่ก่อนหน้านี้ว่าดังแล้วยังเทียบไม่ได้กับที่ดังอยู่ตอนนี้ ค่ำคืนนั้นจบลงด้วยความประทับใจของผู้เข้าร่วมชมที่มีต่อเด็กแพทย์ปีหนึ่งที่ชื่อเต้าหู้คนนี้

ไทน์ที่แอบอยู่ข้างเวทีถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ทุกอย่างจบออกมาได้ด้วยดี คืนนี้เขาเสี่ยงมากจริงๆ ตอนตัดสินครั้งสุดท้าย เต้าหู้ชนะขาดลอยได้เพราะน้ำอสุจิปริมาณไม่น้อยที่หลั่งออกมาอย่างไม่รู้ตัวผสมกับน้ำจากการแทนที่ปริมาตร ไทน์คิดว่าคงปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านเลยไปเพราะคณะวนศาสตร์ก็เล่นตุกติกเหมือนกัน เด็กหนุ่มจงอางดงที่น่าสงสารถูกรุ่นพี่ใช้สารสกัดพริกมานวดจนเครื่องเพศบวมแดงไปหมด เขาเป็นหมอเห็นแค่นั้นก็รู้แล้วว่าอาการไม่ปกติ แถมรอบยูเรก้ายังนวดเพิ่มเข้าไปอีก ไม่รู้เด็กนั่นจะปวดแสบปวดร้อนขนาดไหน สปิริตแรงจริงๆ

อีกฟากที่ลานจอดรถ บอสกำลังฉุกกระชากลากแขนแฟนหนุ่มที่เดินอ้อยอิ่งอย่างเล่นตัว ตอนนี้อารมณ์หื่นของเขาสะสมมาตั้งแต่เริ่มประกวดจนล้นเต็มสูบ โป๊ปที่ตอนอยู่ในงานก็ช่วยบิ้วท์อารมณ์กันอยู่ดีๆ ทั้งเขี่ย ทั้งลูบ ทั้งล้วง แต่ตอนนี้กลับทำท่าเฉยชาเหมือนกามตายด้านขึ้นมา พอดูเสร็จเขาอยากจะกลับห้องไปเล่นแท่งหรรษาแห่งคณะไอซีทีเมื่อเจ็ดปีก่อนจะแย่แต่เจ้าของมันไม่ได้กระตือรือร้นไปกับเขาด้วย บอสจิ๊ปากอย่างขัดใจ

“เดินเร็วๆ สิโป๊ป แวะโน่นแวะนี่อยู่ได้”

“รีบไปไหน นานๆ มาเยี่ยมมหาลัยตอนกลางคืนที มารำลึกความหลังกันหน่อยไม่ดีเหรอ”

“ความหลังตอนเรียนมหาลัยไม่เห็นจะดีเลย ตอนนั้นมึงกับกูยังไม่รักกัน”

“ผิดแล้วบอส เรารักกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เราแค่ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน”

“อะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้กูจะไปรำลึกความหลังที่ห้อง”

“เหรอ แต่กูไม่รู้จะไหวเปล่านะ เห็นเด็กเดี๋ยวนี้ใหญ่ๆ กันขนาดนี้ กูฝ่อไม่กล้าสู้เลย”

“เฮ้ย จริงเหรอ มึงคิดมากอะไรเบอร์นั้น แค่นี้มึงก็ใหญ่โคตรๆ แล้วนะ ใครจะรู้ดีกว่ากูเป็นไม่มี มั่นใจหน่อย คิดในแง่ดีเข้าไว้ ถ้ามึงใหญ่เท่าเด็กเต้าหู้นั่นกูตายแน่ๆ”

บอสถามหน้าตาตื่นด้วยความห่วงใยในสุขภาพเพศชายของคนรัก โป๊ปแอบหัวเราะในใจ ฝ่อเฝ่ออะไร แค่เห็นอาการตาเยิ้มของคนรักก็ปึ๋งปั๋งจนปวดหนึบแล้ว นี่ก็เอาขาหนีบไว้ไม่ให้กระโตกกระตาก

“ไม่รู้สิ กลับไปถ้ากูไม่ไหวก็อย่าเลิกรักกูนะ”

“ได้ไง เอาไงดี แวะซื้อยาไหม หรือหาอะไรกระตุ้นดี”

บอสแนะนำอย่างวุ่นวายใจ

“ไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่านะ มันมาจากสภาพจิตใจ แต่ถ้ามีอะไรแปลกใหม่บ้าง อาจจะพอช่วยได้”

“อะไร ยังไง กูอยากช่วยมึงนะ”

“ถ้าบอสขึ้นให้โป๊ป โป๊ปว่าโป๊ปพอไหวนะ”

บอสหน้าแดงซ่าน

“ไอบ้า แบบนั้นกูไม่ถนัด มึงก็รู้”

“ช่างเถอะ เรารักกันแบบบริสุทธิ์ ไม่ต้องมีเรื่องเซ็กส์มาเกี่ยวข้องก็ได้”

โป๊ปแสร้งถอนหายใจ

“ได้ไง เออๆ กูขึ้นเอง ถ้าไม่แข็งนะมึง กูจะนั่งทับให้หักเลย”

โป๊ปร้องเยสในใจ ชักอยากให้งานนี้จัดบ่อยๆ ซะแล้ว ดีกว่าเปิดหนังโป๊ปลุกอารมณ์เมียซะอีก

................

แม้จะมีผู้ชมหลายร้อยคนแต่เรื่องราวการประกวดในค่ำคืนนั้นก็ไม่ได้ถูกแพร่งพรายออกไป ประเพณีใต้ดินพิลึกพิลั่นนี้ก็ยังถูกเก็บไว้เป็นความลับสมกับที่สืบทอดกันมาได้เป็นสิบๆ ปี แต่ผลพวงของมันที่เริ่มไปปรากฎตามโซเชียลเนทเวิร์คต่างๆ ก็ทำให้ผู้ที่ไม่ทราบเรื่องนี้เริ่มประหลาดใจ เพจคิ้วท์บอยของมหาลัยที่มีนักศึกษาติดตามอยู่เป็นหมื่นคนเริ่มมีการลงภาพของหนุ่มน้อยตัวขาวล่ำแต่หน้าตาจืดสนิทนามว่าเต้าหู้ ในขณะที่คนจำนวนมากออกจะคาใจว่าหนุ่มคนนี้เข้าเกณฑ์คิ้วท์บอยที่ตรงไหน แต่คนอีกกลุ่มนึงก็ตั้งหน้าตั้งตากดไลค์กดแชร์พร้อมทั้งเม้นท์ชมกันอย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลาผ่านไปคนในเพจก็เริ่มชินตากับใบหน้าจืดๆ ของหนุ่มที่ชื่อว่าเต้าหู้ซึ่งภายหลังก็ทราบกันว่าเป็นเพื่อนสนิทกับมิลค์คนดังคณะแพทย์ซึ่งมีรูปลงเพจดังกล่าวบ่อยๆ ก่อนหน้านี้แล้ว

เต้าหู้ไม่เคยเป็นคนดังมาก่อน ก่อนหน้านี้เขาขอให้ได้รับความสนใจบ้างหรือแค่ไม่ถูกลืมก็พอ แต่ตอนนี้นับว่าเขาเกือบจะเป็นคนดังเลยทีเดียว อย่างน้อยในคณะแพทย์รุ่นพี่ผู้ชายส่วนใหญ่ก็จะรู้กันว่าเขาคือผู้ที่กู้ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายคืนมาให้กับคณะอย่างที่ไม่มีใครทำได้มากว่ายี่สิบปี นั่นทำให้เขาได้รับความเอ็นดูไม่น้อย รุ่นพี่หลายคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นถึงกับเรียกไปขอดูเอ็นที่ว่าอย่างข้องใจ แม้จะอายแต่ลึกๆ ในใจเขาก็อยากอวดอยู่เหมือนกัน แต่หลายๆ ครั้งก็ชักไม่ไหวเพราะทุกคนอยากดูท่อนลำของเขาในสภาพพร้อมรบเต็มที่ด้วยกันทั้งนั้น

นอกคณะเองเขาก็ดังไม่น้อย บ่อยครั้งที่เขาถูกคนไม่รู้จักมายิ้มทักทายหรือขอถ่ายรูปด้วยราวกับดารา เด็กหนุ่มรู้สึกขอบคุณมิลค์อยู่ในใจที่ทำให้ตัวเองเป็นที่รู้จักสนใจได้อย่างที่หวัง นั่นทำให้เขายิ่งเชื่อฟังเพื่อนสนิทคนนี้มากขึ้นไปอีก มิลค์แนะนำให้เขาพยายามหาโอกาสโชว์ของดีที่มีอยู่ให้บ่อยที่สุดเพื่อไม่ให้กระแสตก ฟิตเนสกลางแจ้งติดถนนข้างสนามกีฬาของมหาลัยเป็นที่ๆ เขาใช้โชว์หุ่นหลายวันต่อสัปดาห์โดยสวมแค่กางเกงขาสั้นสีขาวเนื้อบางเพียงตัวเดียว เมื่อเล่นจนเหงื่อท่วมตัวอะไรๆ ที่มันใหญ่ล้นอยู่แล้วก็จะแนบเนื้อเห็นขนาดรูปร่างได้อย่างชัดเจนแก่ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา แต่ถ้าอยากเห็นแบบจะๆ ก็เพียงแค่รอจังหวะที่เขาไปฉี่ในห้องน้ำ ระยะการยืนที่ห่างจากโถฉี่ไม่ต่ำกว่าหนึ่งเมตรเปิดโอกาสให้เห็นท่อนลำใหญ่ยาวตอนพ่นน้ำได้อย่างสะดวก แถมด้วยลีลาการสะบัดสะเด็ดน้ำอีกหลายสิบทีเพื่อเรียกแขกก่อนเก็บเข้าที่ ส่วนคนที่จะดูทั้งตัว อาจต้องคอยดูเวลาที่เขาไปว่ายน้ำที่สระ เต้าหู้จะมาในกางเกงว่ายน้ำทรงบิกีนี่ตัวจิ๋วที่ต้องจัดระเบียบเอาไปพาดข้างๆ อย่างดีเพื่อไม่ให้ส่วนหัวโผล่ขึ้นมา ถ้าตามเข้าไปถึงห้องล็อกเกอร์ ก็จะได้เห็นผิวขาวๆ ร่างล่ำๆ เปลือยกายอาบน้ำโดยไม่รูดปิดม่านทั้งก่อนและหลังการว่ายน้ำ

เต้าหู้ไม่เคยห้ามปรามเวลาโดนใครแอบถ่ายรูปแม้ว่าจะอยู่ในสภาพวาบหวิวก็ตาม มิลค์แนะนำเองว่าภาพแอบถ่ายวับๆ แวมๆ แบบนี้แหละที่เรียกเรทติ้งดีนักเวลาคนเอาไปโพสต์หรือส่งต่อกัน บางครั้งก็เพื่อนตัวดีคนนี้แหละ ที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายกันต่อหน้าแบบติดเรทอย่างไม่เกรงใจ เวลาเอาไปโพสต์อย่างดีก็ทำเบลอให้หน่อยถ้ารูปไหนมันเห็นชัดจะแจ้งจริงๆ

หลังจากนั้นไม่นาน มิลค์ก็เริ่มชวนเต้าหู้ให้ไปรับงานเป็นนายแบบประกอบการเรียนการสอนให้กับคลาสต่างๆ ในคณะแทนตัวเอง งานนี้คนชวนจูงใจว่าถึงไม่ได้ค่าจ้างแต่จะได้ความรู้ในเชิงลึกจากอาจารย์หมอเวลาสอนรุ่นพี่เป็นการตอบแทน เต้าหู้ตกลงแต่โดยดีเพราะอยากช่วยแบ่งเบาภาระของเพื่อนและเป็นโอกาสให้พี่ปีสูงๆ ได้รู้จัก ทีแรกอาจารย์หมอก็ไม่ค่อยยอมคิดว่ามิลค์ปัดความรับผิดชอบของตัวเอง แต่พอได้ใช้ครั้งหนึ่งก็ติดใจเพราะกล้ามเนื้อใหญ่ชัด ผิวขาวเห็นเส้นเลือดเส้นเอ็นถนัดตากว่า รวมถึงอวัยวะเพศมหึมาแบบไม่ต้องซูม หลังๆ เลยแบ่งงานกันไปเลยว่าถ้าเป็นงานโชว์หุ่นโชว์ของ อาจารย์จะเรียกใช้เต้าหู้ แต่ถ้าเป็นงานที่ต้องการเรียกความสนใจจากนักศึกษาหรืองานคนไข้สมมุติ จะมอบให้มิลค์ซึ่งหน้าตาดีชำนาญงานและเจ้าบทบาทกว่า สองเพื่อนซี้เลยกลายเป็นคนดังแบบแพ็คคู่ในหมู่นักศึกษาแพทย์ทุกชั้นปีไปโดยปริยาย

“เต้าหู้ๆ เป็นไงบ้างวะมึง ไม่ได้เจอกันตั้งแต่วันนั้น”

เต้าหู้หันไปตามเสียงเรียกก็พบเด็กปีหนึ่งท่าทางแข็งแรงทะมัดทะแมงฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันขาวตัดกับสีผิวที่เริ่มคล้ำแดด เขาออกจะแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักคนๆ นี้ หรือจะเป็นคนที่ติดตามอยู่ในเพจ

“ขอโทษทีครับ เราเคยเจอกันที่ไหนนะครับ”

หนุ่มผิวเข้มทำท่าเข้าใจแล้วลดเสียงลง

“กูเอง จงอางดง อย่าไปบอกใครล่ะ กูยังไม่อยากดังเหมือนมึง”

เต้าหู้ร้องอ๊ะขึ้นมาอย่างตื่นเต้น เขายินดีที่ได้เจอเพื่อนต่างคณะคนนี้อีกครั้ง

“ตอนประกวดเสร็จมึงถูกรุ่นพี่คณะแพทย์ลากตัวไปฉลองเลยไม่ได้อยู่ปาร์ตี้แนะนำตัวกับเพื่อนที่เข้าประกวดด้วยกัน หลังจากนั้นกูเองก็ยุ่งๆ เพราะคณะกูแม่งรับน้องนานมากเลยไม่ได้ติดต่อไป มึงเองก็ยังไม่รู้จักเพื่อนที่เข้าประกวดคนอื่น แต่ทุกคนรู้จักมึงหมดเพราะเล่นประกาศตัวขนาดนั้น ช่วงนี้เริ่มมีเวลากันพวกมันเลยอยากนัดเจอมึง โดยเฉพาะไอปั้นจั่น มันอยากจะดวลกับมึงใหม่ ขำชิบหาย กับกูยังสู้ไม่ได้จะเอาอะไรไปสู้กับมึง”

“ดีเลย เราอยากรู้จักทุกๆ คน”

“เอาเบอร์กับไลน์มาสิ เดี๋ยวกูนัดได้ยังไงกูจะติดต่อไป อ้อ แล้วก็มีคนฝากมาถามด้วยว่ามึงเป็นแฟนกับไอหน้าหล่อมิลค์อะไรนั่นเหรอ”

“เอ่อ ไม่ใช่หรอก เพื่อนกันเฉยๆ แต่เราแอบชื่นชมมิลค์เขาอยู่เงียบๆ น่ะ”

“แล้วจะชื่นชมเงียบๆ ทำไม ถ้าชอบก็จีบเลยสิ หรือกลัวมันเจ็บตูด”

“เฮ้ย เราไม่ได้คิดขนาดนั้น เราไม่เคยทำอะไรแบบนั้นด้วยซ้ำ”

“ตายห่า หนุ่มซิงเหรอวะเพื่อนกู เสียดายของมึงจริงๆ มีของดีก็ต้องรู้จักใช้ เรื่องแบบนี้กูเชี่ยวมากทั้งข้างหน้าข้างหลัง กูจะสอนให้ ต่อให้ใหญ่ๆ แบบพวกเรา รับรองคู่ขาไม่มีเจ็บมีแต่มันส์”

เต้าหู้นึกตามแล้วก็ร้อนวูบวาบไปทั้งตัว เขานี่นะจะทำเรื่องแบบนั้นกับมิลค์ ต่อให้เคยช่วยมิลค์เก็บตัวอย่างก็เถอะ แต่นี่มันคนละอย่างกัน ยิ่งคิดท่อนล่างของเขาก็เริ่มมีปฏิกิริยา เขาต้องรีบนัดแนะกับเพื่อนใหม่แล้วกลับไปสมทบกับมิลค์ที่คงจะรอเขาอย่างหงุดหงิดแล้ว
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [6] 11/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: HypnosisDreams ที่ 13-12-2016 19:25:22
จัดการมิลค์ไปเลยน้องเต้าหู้ พี่เชียร์อยู่
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [6] 11/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 13-12-2016 19:59:00
ลูกศิษย์คิดล้างครูซะแล้ว
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [6] 11/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 14-12-2016 02:28:14
 :hao6:ใกล้เข้ามาแล้วสินะ เต้าหู้นมสด
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [6] 11/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: opariso ที่ 15-12-2016 10:07:21
ว้าวๆๆๆๆ เต้าหู้จะกินนมสดแล้ว  :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [6] 11/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 16-12-2016 03:23:25
เต้าหู้ของเจ๊ ฝันเป็นจริงไปหนึ่งอย่างแล้วสินะ  :mc4:

มิลค์จ๋า รออีกนิดนะจ๊ะ คุณค่าที่มิลค์คู่ควรกำลังจะมาถึงแย้วววว  :impress2:

เพจคิ้วท์บอยของมหาลัยที่มีนักศึกษาติดตามอยู่เป็นหมื่นคนเริ่มมีการลงภาพของหนุ่มน้อยตัวขาวล่ำแต่หน้าตาจืดสนิทนามว่าเต้าหู้ ในขณะที่คนจำนวนมากออกจะคาใจว่าหนุ่มคนนี้เข้าเกณฑ์คิ้วท์บอยที่ตรงไหน แต่คนอีกกลุ่มนึงก็ตั้งหน้าตั้งตากดไลค์กดแชร์พร้อมทั้งเม้นท์ชมกันอย่างต่อเนื่อง

555 ของเขาดีจริง โอทอปเมืองน่านเลยน้าาาา  :hao6:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [6] 11/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 17-12-2016 14:03:02
ใหล้ความจริงแล้วเต้าหู้ นมสดรออยู่ 55
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [6] 11/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: ninkara ที่ 19-12-2016 00:24:39
อ่านจนจบจนได้ คนเขียนเยี่ยมมากค่ะ แหวกแนวสุดๆ อยากให้มีจริงๆในประเทศนี้5555 สนองความตื่นตาตื่นใจได้ดีมากค่ะ จะรอตอนพิเศษนะคะ หลายคู่ทีเดียว อิอิ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [6] 11/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 26-12-2016 00:49:26
เต้าหู้เริ่มมีพัฒนาการซะแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [6] 11/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: KoLoKoSo ที่ 07-01-2017 18:47:50
ชอบมากครับ555รอติดตามต่อ ชอบคู่smเอ็กซ อาร์ตมากกกใจอยากให้มีซีนคู่นี้อีก
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [6] 11/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 11-01-2017 06:28:41
ครบ 1 เดือนแล้ว ยังรออยู่น้า ลุ้นนนนน
หัวข้อ: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 15-01-2017 20:10:37
องค์กรลวงจิต Explicit Content
ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7]

มิลค์ชอบความรู้สึกของการได้เป็นผู้ควบคุม ยิ่งได้ควบคุมจิตใจคนด้วยยิ่งรู้สึกดี ถึงจะไม่มีอำนาจสะกดจิตอย่างที่องค์กรมี แต่คนธรรมดาอย่างเขาก็สามารถใช้ความฉลาดโน้มน้าวใจคนให้เป็นไปอย่างที่เขาต้องการได้ เต้าหู้คือข้อพิสูจน์ที่ว่า ถึงใครๆ จะมองว่าเขาสองคนคือเพื่อนสนิทกัน แต่จริงๆ แล้วเต้าหู้คือผลงานชิ้นโบว์แดงของเขาต่างหาก สิ่งที่เขาอยากให้เป็น เต้าหู้ก็จะอยากเป็นไปด้วยโดยแยกไม่ออกว่ามันคือความตั้งใจของตัวเองหรือสิ่งที่เขาชักนำไป

ในวันนี้ เด็กปั้นของเขากลายเป็นคนชอบโชว์สัดส่วนเรือนร่างตัวเองอย่างไม่หวงเนื้อหวงตัวแม้แต่น้อย ไหนจะดีกรีตำแหน่งคิงของมหาลัยจากการประกวดอีก ทุกที่ที่เต้าหู้ไปออกกำลังกายในเครื่องแต่งกายน้อยชิ้นมีแฟนคลับแห่ตามไปดูยังกะมีงาน วันไหนเต้าหู้เป็นนายแบบประกอบชั้นเรียนของอาจารย์ รุ่นพี่นักศึกษาแพทย์เด็กเรียนนั่งมองน้ำลายจะหกกันทั้งห้อง กระแสความดังที่เป็นคลื่นใต้น้ำกระจายไปทั่วมหาลัย หน้าตาจืดแล้วไง ถ้าเขาจะปั้นให้ดังขึ้นมาอะไรก็ฉุดไม่อยู่

มิลค์ย้ายไปอยู่อพาร์ตเมนต์ของเต้าหู้ตามคำขอร้องอ้อนวอนของเจ้าตัว ถึงห้องจะไม่หรูหราเท่าคอนโดแต่ก็ใหญ่ใหม่สะอาดน่าอยู่ไม่น้อย

“ดีจังที่มิลค์ยอมมาอยู่เป็นเพื่อนเรา อยู่คนเดียวเหงามากเลยนะ”

มิลค์ออกจะรำคาญเล็กน้อย เต้าหู้พูดเรื่องนี้เป็นครั้งที่สิบเห็นจะได้ทั้งที่เขาก็ย้ายมาอยู่จะเป็นสัปดาห์แล้ว

“อะไรของมึง เดี๋ยวก็รู้นะว่าอยู่กับกูน่ะไม่สบายหรอก มึงโดนจัดหนักแน่”

มิลค์ทำหน้าขู่ เต้าหู้ได้แต่ยิ้มแผล่อย่างเอาใจ

“มิลค์จัดมาเต็มที่ได้เลย เรารู้ว่ามิลค์ทำไปเพราะหวังดีกับเรา”

มิลค์รู้สึกเหมือนจะอ๊วก เขานี่อะนะหวังดีกับเด็กเอ๋อนี่ เขาทำไปเพื่อความสนุกส่วนตัวต่างหาก ถึงจะไม่เกลียดแต่ก็ไม่ได้พิศวาสขนาดนั้น

“อย่าพูดมาก ถือว่ากูเตือนแล้วนะ จะเป็นคนดังก็ต้องให้มันสุดๆ ไหนๆ มึงก็ไม่หล่อแล้ว เรื่องอื่นอย่าให้เสีย เกรดเทอมแรกของมึงต้องให้ได้สามจุดแปดขึ้นไป”

“แต่ว่าเราเป็นเด็กต่างจังหวัดเองนะ จะไปสู้..”

“เงียบปากไปเลย ดูซะก่อน กูนี่ใคร วิชาปีหนึ่งกูเรียนมาหมดแล้ว วิชาของคณะอาจารย์หมอก็สอนกูเองมาตัวต่อตัว พอมึงไปเป็นนายแบบให้แกบ่อยๆ  เดี๋ยวก็ได้เรียนกับแกเอง ไหนพวกรุ่นจะเอาชีทเทพเท็กซ์เทพมาให้อีก กูติวให้มึงจะกลัวอะไร แต่ถึงยังไงมันหนักแน่ แล้วพอเทอมต่อๆ ไปมึงจะยิ่งมีเวลาออกกำลังกายน้อยลง แต่หุ่นมึงจะเสียไม่ได้ ถ้าไม่มีเวลาไปฟิตเนส มึงต้องออกกำลังกายที่ห้อง กูเอาบาร์ดึงข้อมาติดไว้ให้แล้ว พวกดรัมเบลอะไรก็มี ห้ามอู้เด็ดขาด กูจะคุมมึงเอง”

“ได้ๆ เราทำได้ มีมิลค์ช่วยแบบนี้ กำลังใจเต็มร้อยเลย”

“ยังไม่หมด จุดขายมึงคือผิวเนียนๆ อย่าไปหัดแดกเหล้าดูดบุหรี่เด็ดขาด หน้ามันจะหมอง ครีมที่กูหามาก็ทามันเข้าไป ที่สำคัญ มึงต้องคอยดูไม่ให้กระแสมึงตก โพสต์รูปบ้าง เข้าไปเม้นท์ทักทายคนที่เป็นแฟนคลับบ้าง หาโอกาสโชว์ของดีของมึงบ่อยๆ เดี๋ยวปีต่อๆ ไปจะมีเด็กใหม่ๆ เข้ามาเป็นเดือน เป็นคิง เป็นคิ้วท์บอย มึงอย่าให้กระแสพวกมันมาแทนมึงได้”

“เอ่อ บางทีเราก็นึกไม่ทันหรอกนะ มิลค์ช่วยบอกเราเป็นเรื่องๆ แล้วกัน”

“ได้ นี่ถือว่ามึงขอนะ แล้วอย่าหาว่ากูมายัดเยียดความคิดให้มึงทีหลังแล้วกัน เรื่องสุดท้าย อย่ามั่วเซ็กส์ พอมึงดัง จะมีคนเสนอตัวมาให้เรื่อยๆ ยิ่งพวกล่าแต้มด้วย เห็นเป็นสาวๆ สวยๆ  แต่พวกนี้หวังฟันมึงไปประดับสถิติเท่านั้นแหละ พอได้ไปก็เอาไปนินทากัน ใครลีลาดีลีลาห่วย ใครนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ มึงเป็นตัวแทนคณะ อย่าให้ได้ชื่อว่าเป็นคนสำส่อน”

“เราไม่ทำอย่างนั้นหรอก ดูอย่างมิลค์สิ ดังจะตายแต่ไม่เห็นนายยุ่งกับใครเลย”

ถ้ากูไม่โดนสั่งจิตไว้กูคงเอาแม่งทั้งมหาลัยแล้ว มิลค์บ่นในใจ แต่ยังดีที่เข้าโปรแกรมทดลองของหมอพฤกษ์ เลยพอได้ปลดปล่อยอาทิตย์ละครั้งด้วยฝีมือไอจืดนี่ นี่ครบอาทิตย์พอดี ได้เอาออกอีกรอบแล้วสิ

“นี่วันศุกร์แล้ว ไม่เห็นมึงเอากระบอกเก็บตัวอย่างมาเตรียมให้กูเลย”

มิลค์ทวง พอนึกถึงก็รู้สึกเงี่ยนขึ้นมาทันที

“อ้าว ก็ตามโปรแกรมที่มิลค์ให้มา ศุกร์ที่แล้วเป็นครั้งสุดท้ายของเฟสหนึ่งแล้วนี่ เขาจะเอาผลไปวิเคราะห์ก่อน ถ้าแนวโน้มดีถึงจะทำเฟสสองต่อ แต่ก็คงอีกเป็นเดือน”

ใครจะไปทนไหว เขาไม่อยากกลับไปสภาพอึดอัดเป็นเดือนๆ อีกแล้ว แต่นึกดูคำสั่งของอาจารย์หมอก็ไม่เคลียร์เท่าไหร่ แถมยังไม่ระบุเวลาอีก เขาน่าจะยังใช้งานเต้าหู้ได้อยู่นะ

“งั้นมึงมาช่วยกูหน่อย เอาน้ำออกให้ที”

มิลค์ออกคำสั่งพร้อมถอดกางเกงตัวนอกตัวในออกนั่งอ้าซ่าอย่างไม่อาย

“ทำไมเราต้องทำให้มิลค์ด้วยล่ะ ถ้าเก็บตัวอย่างยังพอเข้าใจ แต่เรื่องแบบนี้มิลค์น่าจะทำเองดีกว่านะ”

เต้าหู้ถามด้วยท่าทางไม่มั่นใจ

“ก็เพื่อนช่วยเพื่อนจะเป็นไรไป ไหนๆ ก็เป็นรูมเมทกันแล้ว มันก็ต้องมีบ้าง”

มิลค์ตอบอย่างรำคาญในความลีลาของอีกฝ่าย ถ้าเขาช่วยตัวเองเองได้ เขาไม่มานั่งง้อไอจืดนี่หรอก

“ก็ได้”

เต้าหู้รับคำแล้วก็ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าตัวเองออกจนหมด มิลค์จ้องมองร่างเปลือยเปล่าของผู้ชนะศึกศักดิ์ศรีลูกผู้ชายประจำปีนี้อย่างคาดไม่ถึง หลังๆ เขารู้สึกว่าร่างกำยำขาวโพลนนี้ก็น่าดูดีเหมือนกัน มันเหมือนรูปแกะสลักหินอ่อนในตำนานกรีก ต่างกันแค่รูปปั้นกรีกส่วนอวัยวะเพศจะเล็กนิดเดียว แต่ของเต้าหู้นี่ยังกับขาที่สาม มิลค์ไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย ในเวลาปกติ รูมเมทเขาคนนี้คือเด็กเอ๋อคนนึงที่ไม่มีอะไรจะมาเทียบเขาได้ แต่พอแก้ผ้าขึ้นมาความยิ่งใหญ่มหึมาน่าเกรงขามนั้นข่มให้เขารู้สึกด้อยกว่าขึ้นมาทันที

“มึงจะแก้ผ้าทำไม ใช้แค่มือก็พอ”

“ไม่เอาหรอก เวลามิลค์แตกทีน้ำพุ่งแรงมาก กระจายไปทั่วทั้งเหนียวทั้งข้น เลอะเสื้อผ้าเราหมด ถ้าไม่พอใจมิลค์ก็ทำเองแล้วกัน”

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ไอจืดเต้าหู้นี่มีการมาต่อรองกับเขาด้วย มิลค์สงสัย

“เออๆ จะทำอะไรก็ทำ เอาให้กูแตกเร็วๆ แล้วกัน”

เต้าหู้คว้าหมับไปที่ท่อนลำที่เริ่มแข็งตัวของรูมเมทหน้าหล่อ มิลค์อดรู้สึกดีไม่ได้กับมือใหญ่อุ่นๆ ที่สากเล็กน้อยจากการทำงานและเล่นฟิตเนส ต่อให้ชักเองได้คงไม่ได้อารมณ์เท่านี้ เต้าหู้รูดขึ้นลงช้าๆ อย่างรู้งาน หัวแดงๆ ที่ผลุบโผล่ในอุ้งมือเริ่มปล่อยน้ำใสๆ ออกมา มิลค์หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข เขาจินตนาการถึงบรรดาหนุ่มน้อยน่ารักและสาวหุ่นสะบึมกำลังรุมล้อมอยู่รอบตัว ทั้งหมดเป็นทาสของเขาที่จะสั่งให้ทำอะไรก็ได้ หัวนมที่เจาะใส่หมุดไว้ถูกคลึงเคล้นอย่างหนักหน่วง มิลค์พอจะรู้ว่าเป็นฝีมือของเพื่อนหน้าจืดแต่ก็รู้สึกดีจนต้องปล่อยผ่าน หัวนมอีกข้างเริ่มถูกโจมตีด้วยสัมผัสเปียกชื้น ร่างกายที่ว่างเว้นจากกิจกรรมทางเพศเต็มรูปแบบมานานตอบสนองต่อการเล้าโลมนั้นอย่างน่ากลัว ลิ้นอุ่นชื้นเคลื่อนตัวจากหัวนมไปตามแนวซี่โครงก่อนจะจบลงที่สะดือตื้นๆ ของมิลค์พร้อมกับฉกเอาแรงๆ อย่างไม่เกรงใจเจ้าของ กายหนาเปลือยเปล่าเบียดเข้าประชิด ท่อนเอ็นที่ถูกรูดขึ้นรูดลงของมิลค์ถูกเอาไปประกบกับของบางอย่างที่ร้อนผ่าวและใหญ่โต มือสากหนาชักนำให้แท่งเนื้อทั้งสองเสียดสีเป็นจังหวะเดียวกัน ขึ้นลง ขึ้นลง ที่ค่อยๆ เร่งเร้าขึ้น มิลค์ร้องครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน ฝ่ายที่คุมเกมเอาใบหน้าซุกโซร้ไปทั่วร่างกายของอีกฝ่ายพร้อมกับเร่งมือจนกระฉูดน้ำขาวข้นออกมาพร้อมกันด้วยปริมาณมากมายราวกับท่อแตก

“อ๊ะ อ้าส์”

มิลค์ลงไปนอนแผ่อย่างสุขสม น้ำเต้าหู้และน้ำนมสดผสมปนเปกันเจิ่งนองท่วมสะดือบนหน้าท้องไร้พุงขึ้นลอนนิดๆ ไม่นับที่กระเด็นไปจุดอื่นรวมถึงผมของเต้าหู้ด้วย

“มึงไม่น่าจะทำแบบนี้เป็น ไปหัดมาจากไหนวะ”

มิลค์ถามหลังจากได้สติคืนมาจากการปลดปล่อยครั้งใหญ่

“ก็มีคนบอกๆ มาแล้วลองทำดู”

“แค่นั้นอ่ะนะ แต่มึงดูเชี่ยวเกินไป”

“เสียวเหรอ”

ประกายเต้าหู้ดูวิบวับผิดปกติ

“เออ แต่ทีหลังไม่ต้องเอาหนอนยักษ์มึงมาสีกับของกูนะ เสียอารมณ์”

“เพื่อนช่วยเพื่อนไง มิลค์จะสบายตัวคนเดียวไม่ดีหรอก”

มิลค์ไม่สนใจฟัง ในใจนึกพอใจกับความสุขที่ได้รับ ไหนๆ เขาก็ช่วยปั้นเพื่อนคนนี้จนโด่งดังสมใจแล้วจะตอบแทนด้วยการปรนเปรอความสุขเล็กๆ น้อยๆ ให้เขาบ้างคงไม่น่าจะเป็นไร
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 15-01-2017 20:12:43

วันนี้มิลค์ถูกเรียกให้ไปเป็นคนไข้สาธิตเพื่อให้นักศึกษาแพทย์ปีสองลองฝึกตรวจร่างกายดู จริงๆ ปีสองยังไม่ควรจะได้ทำอะไรอย่างนี้ แต่มิลค์เดาทางอาจารย์หมอได้แล้วว่าแกอยากให้เด็กได้เปลี่ยนบรรยากาศลองทำตัวเป็นหมอจริงๆ ดูบ้าง วิชาปีสองมีแต่พวกท่องจำทำความเข้าใจระบบต่างๆ ที่ซับซ้อนเต็มไปหมด อาจารย์คงกลัวแต่ละคนจะท้อและลืมแรงบันดาลใจที่อยากเป็นหมอกันไปซะก่อน

คนไข้สาธิตมีแค่มิลค์คนเดียวแต่ว่าที่คุณหมอที่ร้อนวิชามีอยู่เต็มห้อง อาจารย์จึงให้ทำควิซหาคนที่ได้คะแนนสูงสุดมาเป็นตัวแทนฝึกทักษะการตรวจร่างกาย เด็กหนุ่มเบ้ปากอย่างเซ็งๆ เมื่อคนที่คว้าชัยมาได้คือเดือนแพทย์ปีสองที่เทพทั้งหน้าตาและมันสมอง มิลค์ต้องอ้าปาก แลบลิ้น กรอกตา และทำอะไรสารพัดตามคำสั่งของอีกฝ่ายที่วางมาดราวกับเป็นนายแพทย์ใหญ่จริงๆ

“ถอดเสื้อผ้าออกด้วยครับ หมอจะขอตรวจอวัยวะเพศหน่อย”

เดือนแพทย์บอกอย่างเคร่งขรึม แต่ประกายตาที่วิบวับบอกให้มิลค์รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังนึกสนุก จะทำอะไรก็ทำไปยังไงเขาก็ไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้แล้ว เด็กหนุ่มคิดอย่างปลงตกขณะถอดกางเกงลงไปกองที่พื้นเผยให้เห็นอวัยวะเพศขนาดเขื่องที่ตอนนี้เริ่มจะเป็นที่คุ้นตาของนักศึกษาแพทย์ปีสองแล้ว เดือนแพทย์อาศัยจังหวะเผลอ เอามือล้วงไข่ทั้งสองข้าง บีบๆ คลึง แบบพอดีมือ พลิกซ้ายพลิกขวา อย่างกับของเล่น

“ไม่มีอาการถุงอัณฑะฝ่อครับอาจารย์ ไม่พบก้อนผิดปกติหรืออาการอักเสบ”

อาจารย์หมอพยักหน้ากับความคล่องแคล่วในการตรวจของเดือนแพทย์ มิลค์นึกหมั่นไส้ อยู่แค่ปีสองทำมาเป็นรู้ดี

"ช่วยขึ้นนอนคว่ำบนเตียงตรวจแล้วแอ่นก้นขึ้น ทำท่าเหมือนคลานเข่านะครับ”

คนที่รับบทบาทเป็นหมอสั่งอย่างเป็นการเป็นงาน มิลค์ทำตามอย่างเฉยชา เด็กหนุ่มขึ้นไปนอนหมอบบนเตียงโก้งโค้งแอ่นก้นมาทางคลาสเรียน รอยจีบสีชมพูระเรื่อกับพวงไข่ห้อยยานปรากฎเห็นชัดต่อหน้านักศึกษาทั้งห้อง มิลค์รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร สัมผัสเปียกลื่นเย็นๆ ถูกป้ายตรงบริเวณประตูหลัง เขากลั้นหายใจเตรียบรับการถูกลุกล้ำอธิปไตย  แก้มก้นสองข้างถูกแหกออก นิ้วมือแข็งถูกสอดเข้ามาเพื่อควานหาต่อมลูกหมาก มิลค์ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านอะไร เทอมก่อนเขาเป็นหุ่นให้นักศึกษาแพทย์ปีสี่ฝึกคลำต่อมลูกหมากมาเป็นร้อยครั้งแล้ว พอเดือนแพทย์คลำเจอต่อมลูกหมากก็เอานิ้วกดกระตุ้นรัวๆ จนมิลค์เสียวแทบจะครางออกมา ท่อนลำที่ห้อยอยู่เริ่มผงาดขึ้นมาตามกลไกธรรมชาติ เด็กหนุ่มรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจทำอย่างนี้เพื่อจะให้เขาขายหน้า อีกซักพักคงอ้างเหตุอะไรซักอย่างมาชักว่าวให้เขาน้ำแตกต่อหน้าคนทั้งห้อง

 มิลค์หลับตาปล่อยตัวไปกับการเร่งเร้าของอีกฝ่าย จุดเสียวในช่องทางด้านหลังทางถูกย้ำซ้ำๆ จนต้องส่งเสียงออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่  คนในคลาสนี้ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นตอนเขากระฉูดน้ำว่าวออกมา ในใจมิลค์ถึงกับหวังให้เดือนแพทย์จับของสงวนของตัวเองไปรูดเร็วๆ จนแตก

“เสร็จแล้วครับอาจารย์ ต่อมลูกหมากเป็นปกติดี ผมตรวจร่างกายตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว อาจารย์มีอะไรจะเพิ่มเติมไหมครับ”

“ก็แล้วแต่คุณสิ ถ้าคุณพอแค่นี้ก็แค่นี้ เราจะได้เรียนเล็คเชอร์กันต่อ”

“อ้าว ไม่มีการเก็บตัวอย่างอสุจิเหรอครับ”

มิลค์ถามออกไปอย่างลืมอายความพุ่งพล่านมันอัดแน่นอยู่ที่อวัยวะตรงหว่างขา ถ้าไม่ถูกโปรแกรมจิตไว้เขาจะช่วยตัวเองมันซะตรงนี้เลย

“อันนั้นเขาก็ไม่ตรวจกันในกรณีทั่วไปอยู่แล้วครับ เชิญกลับได้เลย”

เดือนแพทย์ตัดบท ในเมื่ออาจารย์ก็ไม่ได้แย้งอะไร มิลค์จึงลุกขึ้นแต่งตัวแล้วออกมาจากห้องเรียนอย่างไม่สบอารมณ์ ความอัดอั้นที่ไม่ได้ปลดปล่อยมันช่างทรมาน เขาเกือบจะไปซื้อน้ำแข็งมาผสมน้ำอาบแต่นึกขึ้นได้ถึงตัวช่วยที่ดีกว่านั้นร้อยเท่า

“ฮัลโหลเต้าหู้ มึงไปรอกูที่ห้องตอนนี้เลย.... เออ เรื่องอื่นไว้ทำทีหลัง ตอนนี้ธุระกูด่วนที่สุด.... ไม่ต้องแวะซื้ออะไร มึงต้องถึงห้องก่อนกู ตอนนี้กูกำลังจะออกจากคณะแล้ว”

มิลค์เร่งฝีเท้าเดินออกไปที่วินมอเตอร์ไซค์โดยไม่ใส่ใจกับสายตาคนในคณะที่จ้องมองมายังท่อนลำที่โป่งนูนภายใต้กางเกงสแล็คของตัวเอง กว่าครึ่งคณะคงเคยเห็นเขาเปลือยทั้งร่างมาหมดแล้วแค่นี้จะมาอายอะไร จุดมุ่งหมายเขาในตอนนี้มีเพียงเต้าหู้ผู้ซึ่งเป็นคนเดียวที่จะปลดปล่อยความต้องการให้เขาได้ ต้องขอบคุณช่องโหว่ในคำสั่งของอาจารย์หมอจริงๆ

ทันทีที่เปิดประตูอพาร์ตเมนต์เข้าไปแล้วเจอหน้าขาวๆ จืดๆ ของเต้าหู้รออยู่ มิลค์ก็แทบจะกระโดดกอด ในเวลาอย่างนี้สาวสะบึมหรือหนุ่มน้อยน่ารักที่ไหนก็ไม่น่าปรารถนาเท่าหมีขาวตัวนี้อีกแล้ว จะหน้าจืดตัวใหญ่กล้ามปูไม่น่ารักยังไงขอเพียงมีมือและปากที่ให้บริการเขาได้ก็เพียงพอแล้ว

“ดูดนมกูหน่อย แล้วก็ชักว่าวให้กูไปพร้อมกันเลย”

มิลค์ออกคำสั่งขณะปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็ว เต้าหู้ดูตั้งตัวไม่ติดแต่ก็ถอดเสื้อผ้าตัวเองตามอย่างอัตโนมัติ

“ช้าจริง มึงไม่ต้องถอดก็ได้ แค่ใช้ปากกับมือให้กูเอง”

มิลค์บ่นแต่เต้าหู้ก็ถอดต่อจนเหลือตัวล่อนจ้อน มิลค์จ้องมองกล้ามขาวๆ แน่นๆ กับอาวุธขนาดมหึมาของเพื่อนร่วมห้อง ไม่ยักรู้ว่าพอเงี่ยนขึ้นมา อะไรๆ บนตัวเต้าหู้ก็ดูน่ามองและเร้าอารมณ์ไปหมด เขาดึงอีกฝ่ายไปที่เตียงแล้วนอนอ้าซ่ารอการปรนนิบัติอย่างที่เป็นมาบ่อยๆ ในระยะหลัง มิลค์แอ่นหน้าอกขึ้นตามแรงดูดของริมฝีปากอุ่นนุ่ม กายแกร่งกำยำร้อนผ่าวที่เบียดเข้ามาพร้อมกลิ่นหอมสะอาดให้ความรู้สึกคุ้นเคย แท่งเนื้อแข็งขันสองดุ้นที่เบียดกันไปมาตรงช่วงล่างทำให้อารมณ์กระเจิดกระเจิง เมื่อไหร่กันนะที่ความคุ้นเคยทำให้เขาไม่นึกรังเกียจความเป็นชายของอีกฝ่ายเหมือนแต่ก่อน มือใหญ่หนาแปะป่ายไปทั่วร่างไล่ไปจนถึงรอยแยกด้านหลัง

“ก้นมิลค์เปียกๆ อ่ะ”

“แค่เควาย วันนี้โดนจับตรวจต่อมลูกหมากอีกล่ะ รีบออกมาเลยไม่ได้เช็ด”

“เราก็อยากลองหัดตรวจบ้าง”

เต้าหู้พูดเปรยๆ แต่นิ้วมือใหญ่แข็งแรงก็สอดเข้าไปในรอยจีบปิดแน่นของมิลค์ซะแล้ว เจลหล่อลื่นที่ค้างอยู่เปิดทางให้การจู่โจมเป็นไปอย่างรวดเร็วจนมิลค์ตั้งตัวไม่ทัน

“อ๊ะ”

มิลค์ร้องออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ตอนนี้แค่สัมผัสผิวกายเฉยๆ ก็เป็นการเร้าอารมณ์แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าช่องทางอ่อนไหวตรงนั้นจะสร้างความเสียวให้เขาขนาดไหน ไม่มีสติปัญญาจะห้ามปราม อะไรเสียวก็เอาทั้งนั้น

“ตรงนี้ใช่ไหม จุดกระสันของมิลค์”

เต้าทำท่าดีใจเหมือนเด็กเมื่อคลำเจอจุด

“ต่อมลูกหมากโว้ย กูไม่ใช่ผู้หญิงนะจะได้มีจุดกระสันห่าอะไรนั่น เอานิ้วนวดๆ ให้หน่อยสิ”

คนที่ปากแข็งแต่ใบหน้าแหยแกด้วยความเสียวสั่ง เต้าหู้ทำตามอย่างว่าง่าย เขาซอยนิ้วมือถี่ๆ

“ชักว่าวให้กูได้แล้ว”

มิลค์สั่งแล้วหลับตาพริ้มรอการปรนเปรออย่างเคย แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อการตอบสนองไม่เป็นไปอย่างที่คาด

“เฮ้ยนี่มึงเอานิ้วเข้ามากี่นิ้วแล้ววะนี่ เอาออกไป”

“เอาออกก็ได้ แต่เราขอเอาน้องใส่เข้าไปแทนนะ”

เต้าหู้ตอบเสียงนุ่ม

“ไอ้เหี้ย กูไม่เอาแบบนี้”

“ก็ได้ เราไม่ฝืนใจมิลค์อยู่แล้ว”

เต้าหู้พูดแล้วก็หยุดการกระทำทุกอย่าง มิลค์ถอนใจอย่างโล่งอกที่เต้าหู้ยอมรามือแต่โดยดี เขารู้ว่าเอาจริงๆ แล้วเขาสู้แรงควายของเพื่อนหน้าจืดคนนี้ไม่ได้แน่นอน

“ดี งั้นมึงมาชักต่อให้กูเร็วๆ นี่ปวดไข่จะแย่แล้ว มึงจะเอานิ้วแหย่ก้นกูไปด้วยก็ได้นะ”

“ไม่ล่ะ มิลค์ทำเองก็แล้วกัน ทีเราขออะไรไม่เคยได้”

“เฮ้ยได้ไงถ้ากูทำเองได้กูทำไปนานแล้ว  เร็วๆ อย่ามาเล่นตัว เอาของมึงมาถูไถกันก็ได้นะ”

“เราไม่ได้อยากแค่นั้น มิลค์ไปให้คนอื่นช่วยแล้วกัน เราจะไปอาบน้ำแล้ว”

“เชี่ยจริง จะมาทำงอนด๋อยอะไรตอนนี้ฟะ เออๆ จะลองเอาเข้ามาก็ได้ แต่ถ้ากูเจ็บ มึงต้องหยุดนะ”

“ก็ถ้าเราควบคุมตัวเองได้นะ ยังไงเราจะทำให้เบาที่สุด นี่ก็ขยายกล้ามเนื้อหูรูดไว้ให้แล้ว”

“เออๆ จะเข้าก็เข้า อย่าพูดมาก”

มิลค์นอนดูเต้าหู้เอาเจลหล่อลื่นชโลมไปทั่วท่อนลำขาวอวบขนาดมหึมา เขาหลับตาหนีจากความใหญ่โตจนไม่น่าเชื่อนั้น ว่าแต่ทำไมที่ห้องถึงได้มีเจลหล่อลื่นอย่างดีแบบนั้นกันได้นะ เพื่อนตัวขาวล่ำเข้ามาประชิดจนรู้สึกได้ถึงไออุ่น แก้มก้นถูกมือสากหนาแบะออกจากกัน เจลเย็นๆ ที่ป้ายเข้ามาเพิ่มทำให้มิลค์ไหล่สั่นเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นความเย็นก็ถูกแทนที่ด้วยอุณหภูมิร้อนผ่าวของอวัยวะที่มาจ่อตรงประตูหลัง มิลค์ยังคงหลับตาอยู่แต่ก็จินตนาการได้ถึงส่วนหัวบานใหญ่ของท่อนลำขาวโพลนที่เห็นมานับครั้งไม่ถ้วน เขารู้สึกถึงการสอดใส่อย่างช้าๆ เข้าไปในช่องทางที่ถูกนวดขยายไว้ก่อนแล้ว มันเจ็บมากแค่ตอนแรกแต่หลังจากนั้นก็ค่อยดีขึ้น ความแน่นและอึดอัดเข้ามาแทนที่จนต้องถอนใจเฮือกใหญ่ มิลค์เอามือคลำท่อนเนื้อที่กำลังรุกล้ำอธิปไตยของตัวเองแล้วพบว่าเพิ่งเข้าไปได้แค่ส่วนหัวยังเหลือความยาวอีกเกินครึ่งค่อน

“กูว่าไม่ไหวว่ะ อึดอัด อื้อ มึง..เอาออกเถอะ”

มิลค์พูดขึ้นอย่างกระท่อนกระแท่นได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกริมฝีปากนุ่มชื้นประกบเข้ามาทันที เขาเบนความสนใจจากช่วงล่างที่ถูกรุกล้ำไปยังลิ้นที่ตวัดเกี่ยวกันจนเสียวซ่าน ไม่ยักรู้ว่าหน้าซื่อๆ อย่างเต้าหู้จะจูบเก่งอย่างนี้ มิลค์เอาประสบการณ์ในอดีตเข้าสู้อย่างไม่ลดละ สองหนุ่มพันตูกันยกใหญ่จนมิลค์มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่ขนนุ่มๆ ของเต้าหู้เบียดเข้ามาถึงแก้มก้น นั่นหมายความว่าช่องทางด้านหลังของเขากลืนกินเต้าหู้หลอดยักษ์อันนี้ไว้จนสุดความยาวแล้ว มิลค์เอามือคลำเพราะไม่อยากจะเชื่อว่ามันเข้าไปได้ทั้งหมด ความอึดอัดมันมากจนมิลค์บรรยายแทบไม่ถูกแต่เขาก็ไม่มีสติจะต่อต้านอะไรได้อีกแล้ว เต้าหู้เริ่มขยับเข้าออกเป็นช่วงสั้นๆ แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้หัวเงี่ยงบานใหญ่ครูดกับจุดเสียวด้านในจนมิลค์ต้องหลุดเสียงร้องออกมาทุกรอบ พอเห็นว่าเพื่อนเริ่มชินเต้าหู้ก็เพิ่มระยะในการถอยและกระแทกกลับยาวขึ้นลึกขึ้นจนมิลค์ร้องลั่น

“อ๊ะ อ๊ะ แรงอีก แรงๆ เลย กูเสียว”

“มิลค์ ลืมตา มองหน้าเรา”

มิลค์ลืมตาขึ้นมองใบหน้าที่คร่อมตัวเองอยู่ มันก็เป็นหน้าจืดๆ ของเต้าหู้คนเดิมที่คุ้นตา แต่สีหน้าเหยเกเต็มไปด้วยเหงื่อเวลากัดฟันตามจังหวะที่กระแทกเข้ามามันช่างดูเท่อย่างบอกไม่ถูก ทำไมมันหล่ออย่างนี้วะ นี่กูเป็นอะไรไป มิลค์คิดในใจ แต่พอถูกควงใส่จุดเสียวแบบถี่ๆ ก็สมองขาวโพลนจนคิดอะไรต่อไม่ได้ ความเจ็บไม่เหลือเหรอ มีแต่ความเสียวและความมันประดังเข้ามาจนแทบจะสำลัก

มิลค์ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วรู้แต่ว่าเด็กปั้นของเขาคนนี้ทั้งอึดทั้งแรงดีสมกับกล้ามล่ำๆ มันสุขสมแต่ก็ทรมานที่ยังไม่ได้ปลดปล่อย จุดเสียวถูกกระแทกกระทั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป ร่างกายเกร็งจนกระตุก ในที่สุดน้ำกามสีขาวขุ่นก็ถูกฉีดออกมาจากท่อนลำที่กระเด้งกระดอนตามจังหวะที่ถูกกระแทก มิลค์รู้สึกว่ากล้ามเนื้อหูรูดของเขากระตุกตอดรัดเต้าหู้หลอดเนื้อแน่นรัวๆ จนมันยอมปลดปล่อยน้ำเต้าหู้อุ่นวาบออกมาข้างใน นี่เขาถูกเอาจนน้ำแตกเองหรือนี่ มิหนำซ้ำไอหน้าจืดนี่ยังแตกในใส่อีก รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

พอได้ปลดปล่อยจนสติกลับมา มิลค์ก็ผลักคนที่นอนหอบซบอกตัวเองอยู่อย่างไม่ใยดี ท่อนเนื้อขนาดยักษ์ที่คาอยู่หลุดป๊อกออกมาตามด้วยน้ำเชื้อผสมเจลหล่อลื่นที่อัดแน่นข้างใน มิลค์เอามือคลำสำรวจช่องด้านหลังของตัวเองแล้วใจหายวาบเพราะรู้สึกได้ชัดว่ามันทั้งโบว๋ทั้งระบม ดีว่าไม่ฉีกขาดเป็นแผล

“ไอเหี้ย ทำไมไม่ใส่ถุงยางวะ แล้วแม่ง เอาซะยังกะเป็นเด็กเห่อหมอย จะให้ตูดกูฉีกหรือไง”

“ไม่ต้องใส่หรอก ก็เราสองคนทำงานเป็นนายแบบให้อาจารย์ต้องตรวจเลือดเป็นระยะอยู่แล้ว แล้วนี่ก็ครั้งแรกของเราจริงๆ”

“ครั้งแรกเชี่ยอะไรจะช่ำชองขนาดนี้ สะตอล่ะสิ”

เต้าหู้ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขไม่ตอบอะไร มิลค์ชะงักไปเล็กน้อย ไอเหี้ย ทำไมกูยังเห็นมันหล่ออยู่อีกวะ นึกว่าเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบตอนถูกมันเอา

“มิลค์ เรายังไม่ได้ชักให้ตามที่สัญญาไว้เลย”

“ไม่ต้องแล้ว ก็กู....”

มิลค์หยุดไปเฉยๆ จะให้เขาพูดไปยังไงว่าตัวเองถูกเอาข้างหลังจนเสร็จ เต้าหู้คว้ามิลค์น้อยที่อ่อนตัวลงไปเข้ามาสาวอย่างตั้งใจ มันแข็งตัวสู้มืออย่างรวดเร็ว คราบน้ำว่าวที่เปรอะอยู่ที่ส่วนปลายถูกรูดไปมาจนชโลมทั้งท่อนลำของมิลค์จนมันวาวน่าดู เต้าหู้ใช้ปากเม้มดูดดึงหัวนมที่ใส่หมุดปลุกเร้าอารมณ์ ซักพักใหญ่มิลค์ก็ปล่อยตัวไปตามการชักนำของเขา หนุ่มเหนือหน้าจืดไม่รอช้า จับมิลค์จัดท่าอย่างที่ตัวเองต้องการแล้วเอาแท่งเนื้อสีขาวสอดใส่เข้าไปทันที ครั้งที่สองสะดวกกว่าครั้งแรกมาก

มิลค์ที่กำลังเสียวซ่านกับการถูกรุกล้ำครั้งที่สองต้องตกใจเมื่อตัวเองถูกยกลอยขึ้น เขากอดคอเต้าหู้ไว้แน่นเพราะกลัวตก ขาทั้งสองข้างตวัดเกี่ยวกับเอวที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของอีกฝ่ายจนทั้งคู่เชื่อมต่อกันแนบแน่นกว่าเดิม มิลค์รู้ว่าเต้าหู้แข็งแรงแต่ไม่คิดว่าจะมีกำลังขนาดยกผู้ชายสูงร้อยเจ็ดสิบปลายอย่างเขาทำท่าลิงอุ้มแตงได้ ท่านี้ทั้งเข้าลึกทั้งเอื้อต่อการกระแทกกระทั้นจนมิลค์ครางเสียงดังอย่างไม่กลัวใครได้ยิน เต้าหู้ยังคงความอึดไว้ได้อย่างดี มิลค์ครางจนเสียงแห้งได้แต่กอดคอมองหน้าเต้าหู้ คนหน้าจืดเวลาเงี่ยนๆ นี่ดูแล้วเร้าอารมณ์ทางเพศแบบแปลกๆ เต้าหู้อุ้มมิลค์เดินในท่านั้นไปทั่วห้องจนมาแตกกันทั้งคู่ที่ริมระเบียง

หลังจากเรื่องวันนั้นเต้าหู้ก็ยังทำตัวเหมือนเดิม เคยเชื่อฟังมิลค์ยังไงก็ยังเชื่อฟังอย่างนั้น มีแต่ปรนนิบัติพัดวีดูแลอย่างดีขึ้นไปอีก งานบ้านเสื้อผ้าอาหารเป็นคนทำให้ทั้งหมด มิลค์รู้สึกตัวเองเอาเปรียบรูมเมทอยู่เหมือนกันแต่ก็ติดความสบายที่เพื่อนมีให้ เขาพยายามตอบแทนตัวการช่วยเหลือเรื่องเรียนอย่างเต็มที่รวมถึงการควบคุมการใช้ชีวิตของเต้าหู้ไม่ให้หลงระเริงไปกับสิ่งยั่วยุที่จะทำให้เด็กต่างจังหวัดซื่อๆ เสียคน หนึ่งในสิ่งเหล่านั้นในความคิดของมิลค์คือบรรดาสาวๆ และเกย์หนุ่มน้อยที่เริ่มเข้าหาเต้าหู้มากขึ้นจากกิตติศัพท์ความใหญ่โตที่หลายๆ คนอยากลิ้มลอง เต้าหู้ให้ความร่วมมืออย่างดีตามคำสั่งโดยไม่มีท่าทีวอกแวกแม้แต่น้อย นั่นทำให้ความมั่นใจของมิลค์ในฐานะผู้นำกลับมาหลังจากที่เสียเซลฟ์ไปพอสมควรกับเรื่องที่เกิดขึ้น

นั่นคือบทบาทระหว่างสองคนในยามปกติ แต่เมื่อไหร่ที่มิลค์เกิดอารมณ์ที่อยากจะปลดปล่อยขึ้น ก็จะถึงคราวที่เขาต้องยอมเต้าหู้ทุกอย่าง เป็นแต้มต่อที่มิลค์ไม่รู้ว่าเต้าหู้รู้ได้ยังไงว่าเขามีอะไรกับเต้าหู้ได้คนเดียวเท่านั้น ถ้าไม่คิดมากเรื่องที่เป็นผู้ถูกกระทำหรือการที่ก้นต้องระบมไปอีกพักใหญ่ มิลค์ต้องยอมรับว่าได้รับการปรนเปรอความสุขทางเพศจนแทบสำลักเลยทีเดียว เต้าหู้เก่งในเรื่องอย่างว่าขึ้นทุกวัน ทั้งที่เจ้าตัวสาบานว่าไม่ได้ไปมีอะไรกับคนอื่นนอกจากมิลค์คนเดียว

------------------------------------------
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: barataku ที่ 15-01-2017 20:15:34
ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [บทส่งท้าย]

ความคิดของคนสามคน

---------------------------

ความคิดที่หนึ่ง “เพื่อนดีๆ มีไว้ใช้ในทุกเรื่องของชีวิต”

เขาออกจะแน่ใจว่าเพื่อนทั่วไปคงไม่มีความสัมพันธ์กันแบบนี้ เขาเอาเปรียบเพื่อนเกินไปหรือเปล่า แต่ในเมื่อเจ้าตัวยังไม่เห็นเดือดร้อน เขาก็พอใจให้มันดำเนินต่อไปเช่นกัน ถึงเต้าหู้จะไม่ใช่คนแบบที่เขาคาดหวังว่าจะเป็นเพื่อนด้วยในตอนแรก แต่เวลาที่ผ่านไปก็พิสูจน์แล้วว่าหนุ่มเหนือแสนซื่อคนนี้เป็นเพื่อนที่ดีที่เขาคงหาไม่ได้อีกง่ายๆ เป็นเพื่อนที่ว่าง่ายไม่มีปากมีเสียงให้รำคาญ ถ้าอะไรที่เต้าหู้ออกปากแย้งล่ะก็นั่นมันคงเป็นเรื่องแย่จริงๆ จนเขาเองก็ไม่ควรจะดื้อดึง ในฐานะรูมเมทเต้าหู้ก็ไม่มีที่ติอีกนั่นแหละ งานบ้านทุกอย่างเพื่อนคนนี้เหมาเอาไปทำหมดไม่เว้นแม้กระทั่งการซักถุงเท้าและกางเกงในของเขา ทั้งๆ ที่จริงๆ ห้องนี้เป็นเขามาอาศัยอยู่ด้วยซ้ำ เรื่องบนเตียงก็อย่าให้พูด เก่งขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ครั้งแรกก็เยี่ยมมากแล้วจนเขาสงสัยว่ามีใครมาช่วยสอนเรื่องพวกนี้ให้หรือเปล่า ไอการยกเหตุมาต่อรองให้ได้เป็นผู้นำในเรื่องบนเตียงนี่ก็อีก มันไม่ใช่นิสัยของเต้าหู้เลย เขากำลังสงสัยว่าไอพวกเพื่อนที่เต้าหู้รู้จักจากตอนประกวดจะเป็นคนเสี้ยมเรื่องพวกนี้หรือเปล่า ไอ้พวกจงอางดง ปั้นจั่นเหล็ก อะไรพวกนั้น แต่ก็ไม่น่าใช่เพราะพวกมันไม่มีทางรู้เรื่องที่เขาเป็นทาสโดนคุมจิตจนมีอะไรกับคนอื่นยกเว้นเต้าหู้ไม่ได้ แต่ก็ช่างมันเถอะ พอชินแล้วอย่างนี้มันก็โอเคและถึงใจอยู่ จะว่าไปเขากับเต้าหู้ก็อาจจัดอยู่ในข่ายเพื่อนกันมันดีหรือที่เรียกว่า Friend with Benefit เขาเองก็พยายามตอบแทนมันในเรื่องเรียนเรื่องติวอะไรไปบ้างตามสมควร

หลังจากที่เงียบหายไปพักใหญ่ เดือนแพทย์ปีสองคู่อริเริ่มกลับมายุ่งกับเขาใหม่ แต่คราวนี้ดูไม่ชวนทะเลาะอย่างเคย ทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่ดีคอยเลี้ยงข้าวเลี้ยงขนมแถมอาสาจะช่วยติวให้อีก เขาก็พอรู้อยู่บ้างว่านอกจากจะหล่อรวยแล้วเรื่องเรียนยังระดับเทพ ไหนจะเป็นนักเขียนชื่อดังในอินเตอร์เน็ตอีก คนบ้าอะไรจะเพอเฟ็คท์จนน่าหมั่นไส้อย่างนี้ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายมาดีเขาก็จะรับไมตรีนี้ไว้แล้วกัน ไม่รู้ไปรู้มาจากไหนว่าเขาชอบอะไรถึงได้มีของฝากถูกใจมาเรื่อยๆ อีกอย่างเขากำลังพยายามจะปั้นโปรไฟล์ของเต้าหู้ให้น่าสนใจขึ้นไปอีก การสร้างโอกาสให้เด็กของเขาได้สนิทสนมกับรุ่นพี่คนดังน่าจะช่วยได้เยอะ แต่เอาเข้าจริงเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเท่าไหร่ สองคนนี้เหมือนจะคุยกันถูกคออยู่แล้ว

ความภูมิใจของเขาคือการได้ปั้นให้คนหน้าจืดๆ อย่างเต้าหู้ดังขึ้นมาได้ขนาดนี้ถือเป็นผลงานชิ้นเยี่ยม มันเป็นความบันเทิงส่วนตัวที่เขาไม่ได้บอกใคร การได้ควบคุมชีวิตของเพื่อนให้เป็นไปอย่างที่เขาต้องการพร้อมกับสังเกตผลตอบรับของสังคมในมหาลัยและโซเชี่ยลไปด้วยช่างน่าสนุกราวกับกำลังเล่นเกม ภาพลักษณ์หนุ่มเหนือกล้ามใหญ่หุ่นดีหน้าตาธรรมดาแต่สะอาดหมดจดนิสัยซื่อๆ เข้าถึงง่ายไม่หวงเนื้อหวงตัวมาพร้อมกับข่าวลือกันถึงสิ่งที่พ่อให้มาในระดับตำนานกำลังได้รับความสนใจ เขาอยากให้เป็นกระแสมาเขี่ยพวกไอดอลหล่อรวยหยิ่งนิสัยเลวที่น่าหมั่นไส้ให้กระเด็น แต่ความดังนี้ก็ทำให้มีคนสนใจอยากจะเคลมเด็กปั้นของเขาอยู่อยู่เนืองๆ ยิ่งพวกสาวๆ หุ่นเอ๊กซ์ยิ่งไว้ใจไม่ได้

อีกแค่ปีนิดๆ เขาก็จะหลุดพ้นจากความเป็นทาสแล้ว เขาไม่ควรจะถือเรื่องนี้แต่เขารู้สึกไม่อยากให้เต้าหู้ไปมีอะไรกับใครในระหว่างนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาระแวงเรื่องความสะอาด หรือกลัวเต้าหู้ไปติดสาวจริงๆ จนไม่มีเวลาให้ในฐานะเครื่องปลดปล่อยทางเพศเพียงหนึ่งเดียวได้ไม่เต็มที่  หรือแค่หวงของแบบเด็กๆ ถึงยังไงเต้าหู้ก็ยอมรับปากเขาอยู่ดี อาจจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่เขาจะคืนอิสระให้เพื่อนคนนี้เองเมื่อถึงเวลา พูดสวยหรูไปอย่างนั้นแต่จริงๆ เขากะจะกลับไปฟันสาวๆ และหนุ่มน้อยน่ารักเหมือนเดิม ถึงตอนนั้นเขาคงเบื่อเต้าหู้จืดๆ นี่เต็มทน หวังว่ามันจะถึงจุดอิ่มตัวแบบนั้นเร็วๆ เพราะตอนนี้เขาออกจะเพี้ยนไปหน่อยที่รู้สึกว่าคนจืดๆ แบบมันหล่อเท่และอบอุ่นมากตอนอยู่บนเตียง

เขาเป็นคนเพื่อนน้อยแต่ก็มั่นคงกับความสัมพันธ์รูปแบบนี้ ถึงเลิกเอากันแล้วแต่เพื่อนก็ยังคือเพื่อน คิดว่างั้นนะ

---------------------------

ความคิดที่สอง “สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้เหลือแค่การรอคอยถึงผลลัพธ์ที่หอมหวาน”

การเป็นคนวงนอกมันไม่สนุกเลยแต่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ในระหว่างที่มิลค์ยังเป็นทาสอยู่เขาคงเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรไม่ได้มากนัก ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเขาคงถูกองค์กรหรือนักล่าจากเครือข่าย S.E.O. จัดการแน่ แค่ใช้ความเป็นนักสืบของเครือข่ายรวบรวมข้อมูลจนรู้เรื่องของมิลค์กับองค์กรนี่ก็เสี่ยงเต็มทนแล้ว ขอบคุณงานแต่งนิยายสืบสวนสอบสวนซึ่งเป็นงานอดิเรกตั้งแต่สมัยมัธยมที่ทำให้เขาได้รับเชิญให้เป็นสมาชิกสายอาชีพนักสืบของเครือข่าย ความสามารถในการวิเคราะห์และเชื่อมโยงข้อมูลสร้างผลงานให้เขาไต่ระดับในเครือข่ายได้อย่างรวดเร็วจนเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับหลายๆ อย่าง เขาได้รู้เรื่องขององค์กรจนเอามาประติดประต่อเชื่อมโยงกับเรื่องของมิลค์จนเข้าใจเรื่องทั้งหมด

เขาถูกใจมิลค์มาตั้งแต่ตอนเป็นเฟรชชี่ด้วยกันแล้ว เด็กหนุ่มหน้าตาดีแต่ท่าทางหยิ่งๆ ร้ายๆ จากคณะวิศวะชวนให้ปราบพยศเสียเหลือเกิน ในตอนนั้นคงเผลอแกล้งอะไรไปจนถูกเกลียดขี้หน้า ยิ่งอยู่คนละคณะยิ่งแทบไม่เจอกันจนไม่ได้สานต่ออะไร มาเจอกันอีกทีอีกฝ่ายก็ซิ่วมาเป็นรุ่นน้องคณะซะแล้ว ยิ่งอาจารย์เอามิลค์มาเป็นแบบประกอบการเรียนการสอนจนได้เห็นร่างเปลือยทั้งตัวก็ยิ่งอยากครอบครองร่างกายที่งดงามนั้น ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่เขาก็รู้ดีว่ามิลค์ก็เป็นเหมือนเขา มิลค์เป็นผู้ล่าไม่ใช่ผู้ถูกล่า ไม่มีทางที่มิลค์จะกลายเป็นฝ่ายรับให้แน่ๆ โอกาสที่เขาจะได้ครอบครองมิลค์อย่างสมบูรณ์มีเป็นศูนย์ถ้าไม่ใช้วิธีบังคับหรือวางยา แน่นอนว่าคนที่รู้เรื่ององค์กรและอยู่ในเครือข่ายซะเองอย่างเขาไม่กล้าทำแน่ๆ

เขาพยายามเรียกความสนใจจากมิลค์แต่คงจะแกล้งหนักมือไปหน่อยจนโดนเอาคืน เขาน่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนยอมคน เหตุการณ์ตอนที่เขาถูกมิลค์วางยาถ่ายรูปทำให้เขาได้รู้จักเต้าหู้มากขึ้น เขาแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่รุ่นน้องร่างใหญ่หน้าจืดคนนั้นกลายมาเป็นเพื่อนสนิทของมิลค์ได้ ทั้งคู่ไม่มีอะไรเหมือนกันสักอย่าง แต่เขาก็ออกจะถูกชะตาเด็กต่างจังหวัดซื่อๆ คนนี้ไม่น้อย เขาติดต่อกับเต้าหู้หลังจากนั้นเรื่อยมาเพื่อหาช่องทางที่จะได้ครอบครองมิลค์ เรื่องที่ได้รู้มาทำให้เขาตื่นเต้น ทาสอย่างมิลค์ไม่สามารถมีเซ็กส์ได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้านาย แต่เต้าหู้เป็นข้อยกเว้นเพราะเรื่องงานวิจัยอะไรซักอย่างของอาจารย์ มีเขาคนเดียวเท่านั้นที่สืบเรื่องทั้งหมดจนเข้าใจช่องโหว่นี้ในภาพรวม ช่องโหว่ที่จะเปลี่ยนเป็นกับดักได้อย่างชอบธรรมไม่ต้องฝืนจิตใจใคร เวลาปีเศษที่เหลือเขาจะใช้เต้าหู้ล่อลวงมิลค์จนเปลี่ยนเป็นฝ่ายรับอย่างสมบูรณ์ เขายืมมืออีกฝ่ายค่อยๆ ปรับเปลี่ยนรสนิยมของมิลค์จนเป็นไปอย่างที่เขาชอบ เต้าหู้ที่ซื่อๆ ขนาดนั้นนั้นไม่มีทางรู้ว่าตกเป็นเครื่องมือ เขาถือว่าการที่ยอมให้เต้าหู้ครอบครองมิลค์ได้ก่อนเป็นค่าตอบแทนที่เกินพอแล้ว เมื่อเวลาที่มิลค์เป็นไทมาถึง นมสดขวดนี้คงจะหอมมันเย้ายวนเป็นที่สุด แล้วเขาจะเข้าไปทวงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของเอง

ขอโทษนะเต้าหู้ นายไม่ได้ผิดอะไร เขารู้สึกเหมือนกำลังจะแย่งอมยิ้มออกมาจากปากเด็กอนุบาล เด็กที่เขาเอ็นดูเหมือนเป็นน้องชาย แต่ในเมื่อมันเป็นอมยิ้มรสนมน่าลิ้มลองที่เขาจับจองมานานแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะทำตัวเป็นเพื่อนเขยและรุ่นพี่ที่ดีที่สุดให้กับเต้าหู้เอง

---------------------------

ความคิดที่สาม “บางครั้งความรักก็ทำให้คนเราเข้าสู่ด้านมืดโดยสมบูรณ์”

การเข้าไปขอเป็นเพื่อนกับมิลค์ในวันนั้นเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในขีวิตของเขา เขาได้ไอดอลที่ใครๆ ก็อยากเข้าหามาเป็นเพื่อนสนิทและรูมเมท เขาได้เปลี่ยนตัวเองจากคนที่ไม่มีใครสนใจกลายมาเป็นผู้ชนะการประกวดศักดิ์ศรีลูกผู้ชายระหว่างคณะจนโด่งดังแบบลับๆ ไปทั่วมหาลัย เขาได้ช่วยงานคณะโดยไปเป็นนายแบบสาธิตในชั้นเรียนจนเป็นที่รู้จักของอาจารย์และรุ่นพี่ เขาได้ลงรูปในเพจคิ้วท์บอยมหาลัยแถมยังมีแฟนแพจรวมรูปออกกำลังกายนุ่งน้อยห่มน้อยเรียกไลค์จากสายหื่นกันแบบขำๆ แค่ทั้งหมดนี้ก็ดีเกินกว่าจะเป็นความจริงแล้ว แต่ต้องขอบคุณคนอีกคนหนึ่งที่ทำให้เขาได้อะไรที่เกินฝันขึ้นไปอีก

ถ้ามิลค์คือคนที่โดดเด่นที่สุดในบรรดานักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งในสายตาของเขา เดือนแพทย์คนนั้นคงเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดของปีสอง หน้าตาที่หล่อเหลาคมเข้ม รูปร่างสูงล่ำกำลังดี ท่าทางเท่สุขุมแต่เป็นกันเองกับเด็กปีหนึ่งธรรมดาๆ อย่างเขา เป็นคนแบบที่เขาแอบฝันว่าอยากจะดูดีได้แบบนี้ ยิ่งได้รู้ว่ารุ่นพี่คนนี้รู้จักกับมิลค์มาก่อนก็ยิ่งให้ความรู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกันคือเป็นเพื่อนมิลค์เหมือนกัน ถึงเขาจะไม่เข้าใจว่าเป็นเพื่อนกันทำไมมิลค์กับรุ่นพี่เดือนแพทย์ถึงได้แกล้งกันไปมาแรงขนาดนี้ แต่หลังจากโดนอาจารย์เรียกไปสอบสวนเหตุการณ์วันนั้นด้วยกัน รุ่นพี่ก็ยังติดต่อเขาอยู่และแนะนำสอบถามเรื่องต่างๆ อย่างใจดี ยิ่งเป็นเรื่องของเขากับมิลค์ด้วยแล้วก็ดูจะสนใจเป็นพิเศษ บางเรื่องเล่าไปพี่เขาก็ทำท่าแปลกใจแต่ก็กลับมาด้วยข้อเสนอที่ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับมิลค์อย่างที่ไม่เคยมีใครได้สัมผัส ทีแรกเขาก็ไม่กล้าแต่รุ่นพี่บอกว่ามีเงื่อนไขอะไรบางอย่างที่ทำให้มิลค์ไม่มีทางปฏิเสธ หน้าที่ของเขามีเพียงทำให้มิลค์มีความสุขและติดใจมากที่สุด อา.... นั่นก็เป็นเป้าหมายของเขาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ทำให้มิลค์มีความสุขที่สุด ข้อแลกเปลี่ยนก็แค่เขาต้องมารายงานการตอบสนองของมิลค์ว่าชอบไม่ชอบแบบไหน ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง แต่เป็นทุกๆ เรื่องในชีวิตของมิลค์

เมื่อตกลงกันได้ พี่เขาก็สอนเทคนิคต่างๆ อย่างไม่หวงวิชา แม้แต่การจูบเดือนแพทย์ก็ลงทุนสาธิตภาคปฏิบัติให้ด้วยตัวเอง มันไม่ได้เสียวซ่านเหมือนถูกไฟช๊อตอย่างเวลาที่เขาทำกับมิลค์แต่อบอุ่นให้ความรู้สึกแบบพี่ชาย เรื่องอื่นๆ ก็สอนให้อย่างไม่หวงเนื้อหวงตัว เรียกว่าเป็นผู้ชายที่เขาได้เนื้อแนบเนื้อคลุกวงในด้วยมากที่สุดรองลงมาจากมิลค์ แต่พอจะลงภาคปฏิบัติกันเองในเรื่องใต้สะดือก็ดูจะแปลกๆ  ยังดีที่พี่เขาเอารุ่นพี่เภสัชหน้าใสปีสามมาช่วยเป็นคู่ซ้อมให้ ลีลาที่สาธิตให้เขาดูงี้สุดยอดจริงๆ กระแทกกระทั้นสะใจมาก ถ้าเขาไม่เรื่องมากยอมลองทำภาคปฏิบัติด้วยตัวเองเขาคงจะเก่งเร็วกว่านี้ แต่เขาไม่รู้สึกอยากทำเรื่องแบบนี้กับคนอื่นนอกจากมิลค์ เล่นเอาพี่เภสัชบ่นอุบจนพี่เดือนแพทย์ต้องชดเชยให้อีกยกใหญ่ เขาเองก็ต้องยอมให้พี่เภสัชเล่นกับน้องชายอันใหญ่ยักษ์ของเขาจนหนำใจเป็นการตอบแทน

แผนที่พี่เดือนแพทย์วางไว้ได้ผลเป็นอย่างดี มิลค์ไม่ชอบใจนักแต่ก็ยอมเมื่อเขาพูดตัดรอนไปตามบทที่เตรียมไว้ มิลค์น่ารักมากจนเขาไม่รู้จะบรรยายยังไง การได้เข้าหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวในตัวมิลค์ก็ดีเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการถึง เขาไม่รู้ว่าทำได้ดีพอหรือเปล่า ช่วงไหนพอมีสติก็พยายามทำตามที่ฝึกมาแต่บางครั้งก็สมองขาวโพลนจนต้องปล่อยไปตามอารมณ์ แต่พอมีครั้งที่สองครั้งที่สามตามมาจนกลายกิจวัตรระหว่างเรา เขาก็รู้ว่ามันได้ผล แน่ล่ะที่เขาดีใจมากแต่ก็ไม่คิดว่ารุ่นพี่จะดีใจไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน

ลึกๆ ลงไปเขาเริ่มจะรู้ว่าเดือนแพทย์ก็หวังครอบครองในตัวมิลค์เช่นกัน เขาไม่รู้ว่ารุ่นพี่รีรออะไรอยู่ ด้วยรูปร่างหน้าตาฐานะและมันสมองระดับนั้นเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้เลยแม้แต่น้อย ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาช่วยเขาขนาดนี้ บางทีมันอาจจะเกี่ยวกับเงื่อนเวลาอะไรบางอย่างที่มิลค์เคยหลุดพูดถึงมาครั้งนึง เมื่อถึงเวลานั้น ถ้ารุ่นพี่ไม่คิดจะพรากมิลค์ไปจากเขา ถ้ามันเป็นความพอใจของมิลค์เช่นกัน เขาว่าเขายินดีที่จะให้เดือนแพทย์สุดหล่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในความสัมพันธ์นี้ด้วย แต่ถ้ารุ่นพี่หวังที่จะทิ้งเขาไว้เบื้องหลังคงต้องคิดใหม่ เด็กบ้านนอกธรรมดาคนนี้แหละจะทำทุกทางให้มิลค์ไม่ไปไหน และในเมื่อคนที่อาจจะเป็นคู่แข่งโปรไฟล์สูงส่งขนาดนั้น เขาศึกษาเทคนิคอื่นจากเพื่อนๆ ที่เข้าประกวดด้วยกัน พวกนี้มีสาวๆ หนุ่มๆ มาติดพันไม่น้อย ประสบการณ์เพียบ เขาเอามาทดลองอันไหนดีอันไหนถูกใจมิลค์เขาก็จะเก็บมาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เรียกว่าจริงจังยิ่งกว่าเรื่องเรียนซะอีก ข้อมูลพวกนี้เขาไม่ได้แชร์ให้เดือนแพทย์ว่าที่คู่แข่งทราบเพราะถือว่าเป็นเรื่องที่เขาหามาเอง

ที่สำคัญเขายังมีไพ่ตายอีกใบ เขาตั้งใจจะไปทำความตกลงกับรุ่นพี่แต่ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องคงต้องหยิบขึ้นมาใช้ตั้งแต่ตอนนี้ทั้งๆ ที่ไม่อยาก มันอาจจะเป็นการทำร้ายคนที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งคนที่เขารักสุดหัวใจ แต่เขาก็จะทำมัน น่าแปลกใจที่ความรักเปลี่ยนคนอ่อนโยนอย่างเขาให้โหดร้ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ ใช่ เขาจะทำมัน เขาจะไขว่คว้าทุกโอกาสที่มี จากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน เขาจะทำมันวันละหลายๆ ครั้ง เขาจะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าช่องทางของมิลค์จะขยายตัวรับกับขนาดของเขาอย่างถาวร แล้วดูซิว่าพอถึงตอนนั้นจะมีใครเติมเต็มมิลค์ได้ดีเท่าเขาอีก

เขาเป็นคนซื่อ สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงเรื่องที่ตรงไปตรงมาอย่างนี้

[จบภาคเต้าหู้นมสด]
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥ believeinme ที่ 16-01-2017 01:47:02
จบแล้วหรอคะ อยากอ่านต่ออีกนิดว่าถ้าหมดเวลาลงโทษแล้ว ความสัมพันธ์จะเป็นยังไงต่อ

ขอบคุณคนแต่งมากๆนะคะ อ่านเพลินเลย
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: Darkwiser ที่ 16-01-2017 15:22:28
ทำไมคนเขียนจะทำให้จบแบบแฮปปี้ไม่ได้  สงสารทุกคนเลย  เต้าหู้นมสดกลายเป็นรักสามเศร้าไปซะงั้น  :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 16-01-2017 15:27:37
เต้าหู้นมสดนี่เป็นอะไรที่น่ารักสุดๆ ตกลงตอนนี้มิลค์(จำชื่อจริงๆไม่ค่อยได้แล้ว)คิดว่าจะเลิกแต่ดูเหมือนชอบเต้าหู้   เดือนแพทย์นั่นอยากได้มิลค์ใล้เต้าหู้เป็นเครื่องมือ  เต้าหู้รู้ตัวอาจขอเป็น 3P ถ้าไม่ยอมก็ทำให้มิลค์โบ๋งี้         มีเสน่ห์สุดก็หู้นี่แล โอย น่ารักพ่อคุณ  เราจะรอตอนต่อไปนะ(ขอให้มี)
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: ninkara ที่ 16-01-2017 21:47:03
เต้าหู้เห็นซื่อๆแต่สู้ตายนะคะ หุหุ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 17-01-2017 04:30:17
สำหรับครั้งแรก มิลค์ยอมง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ 555

ตอนจบกับสามมุมมองผิดคาดไปหน่อย อดอ่าน 3P เลย  :hao5:

จะมีตอนพิเศษของคู่อื่นไหมคะ?

 :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 18-01-2017 01:02:22
จบดีนะส่วนตัวแล้วชอบ เพราะเต้าหู้ได้จิ้มมิลค์แล้ว (แถมไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วย)
มิลค์ก็ดูจะมีใจนิดๆ แต่ซึน เต้าหู้กับเดือนปี 2 ชัดเจนในความรู้สึกแล้ว...ทุกอย่างโอเค
หลังจากนี้มันแล้วแต่คนอ่านจะคิดภาพไปคนละแบบ ก็ดีเหมือนกัน

ปอลิง หวังว่าคู่อื่นๆ ที่ยังค้างคาจะวนกลับมาให้อ่านจนได้ข้อสรุปแบบชีวิตของมิลค์บ้างนะ
ขอบคุณล่วงหน้าจ้า อิอิ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: HypnosisDreams ที่ 21-01-2017 22:02:07
เต้าหู้นี่ร้ายไม่เบานะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: arq ที่ 07-03-2017 19:41:43
อยากอ่านภาคพี่ทศอ่ะครับ

รอคอยอย่างมีความหวัง ขอบคุณล่วงหน้าครับ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 22-03-2017 07:30:19
จะไม่มาต่อแล้วจริงๆ หรอ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 22-03-2017 13:49:04
ขอตอนพิเศษอีกนิดตอนหลังจากที่มิลค์หมดสัญญาทาสแล้วได้มั้ยยยย
ยังรู้สึกค้างๆอยู่เลย
พลีสสสสสสสสส   :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 17-08-2017 23:52:41
คิดถึงเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: zzcors ที่ 29-12-2017 18:42:41
ชอบคู่ทศพิช มีความน่าร้ากกกก
นี่เพิ่งอ่านถึงตอนส่งมอสทศมาเป้นทาส อยากอ่านคู่หมอกะหนุ่มเครื่องกรองน้ำ น่าจะโรคจิตเบาๆ :z3:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: zzcors ที่ 30-12-2017 22:59:07
นี่อ่านจบแล้วแล้วยังอยากอ่านภาคพิเศษเต้าหู้นมสดอีก อยากอ่านพาทเต้าหู้เล่าเเบบเต็มๆ :m25:
พาสพี่ทศก็น่าอ่าน
แล้วก็อยากอ่านพาทของหมอพฤกกะธนัทเพิ่มอีกกกกกก อยากให้ไรท์มาแต่งต่อมากกกกกกกก ชอบอ่านมุมมืดของรุกหงอๆ :z1:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 21-01-2018 17:51:06
 :mew3:  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 22-04-2018 11:00:07
คิดถึงบอส โป๊ป มอมแมม มิ้ลค์ และทุก ๆ คนเลย ถ้ามีโอกาสมาเขียนตอนพิเศษให้ได้อ่านอีกนะค้าบ <3
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 29-04-2018 04:36:21
ขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: cirrus ที่ 30-04-2018 00:38:55
แหวกแนวจริงๆ  น่าสนใจน่าติดตามทุกตอนเลย //จะชิปโป๊บบอสแล้วนะ  อย่าเพิ่งคว่ำเรือหนู
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: cirrus ที่ 30-04-2018 13:09:50
รูปร่างเลขาคณิตมีผลต่อจิตใจเหมอนกันนะ เหมือนเคยอ่านผ่านๆ  น่าจะเป็นชุดคำสั่งเพื่อความปลอดภัยของผู้รับโทษ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 27-05-2018 17:48:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: HypnosisDreams ที่ 02-06-2018 18:56:03
คิดถึงเรื่องนี้นะครับ อยากให้มีตอนพิเศษเพิ่มอีก
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 26-07-2020 19:47:48
แต่งเรื่องนี้ได้เสียวจริงๆครับ
เมื่อไรจะมาแต่งเรื่องใหม่
ให้ได้ฟินกันอีกครับ

   
              :katai4:
             
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 2] 13/07/15
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 23-10-2020 00:40:40


“คุณหลอกขายเครื่องผลิตน้ำจอมปลอมอะไรนั่นไปหลายร้อยเครื่อง คนเขาลำบากป่วยไข้อยู่แล้วกลับต้องมาเสียเงินที่ควรจะเก็บไว้รักษาตัว ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือคุณทำให้เขาสูญเสียโอกาสในการรักษาที่ถูกต้อง เพราะมาหลงเชื่องมงายกับน้ำลวงโลกของคุณ” บอสพูดในสิ่งที่ธนัทรู้สึกกึ่งผิดมาโดยตลอด แต่เขาก็ยังทำมันเพราะเงินตัวเดียว

“องค์กรของผมมีภารกิจที่จะทวงความเป็นธรรมให้กับคนที่ถูกคนอย่างคุณทำร้าย เอาเปรียบ ผู้ถูกกระทำต้องได้รับการชดเชยโดยผู้กระทำ ถ้าองค์กรเราจะลงโทษใคร เราจะสืบหาข้อมูลอย่างดีก่อนจนแน่ใจในความผิด เชื่อเถอะว่าเครือข่ายของเราหาข่าวได้ลึกและแม่นยำยิ่งกว่าตำรวจสันติบาลหรือหน่วยข่าวกรองของทหารซะอีก”

 
ทำไมไม่ไปเล่นงานเจ้าของล่ะ นี่แค่ลูกน้องปลาซิวปลาสร้อย ไม่แฟร์เลย
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [บทที่ 22] เจ้านายมือใหม่ [พิชยะ 4] 7/11/15
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 23-10-2020 16:29:57

  แต่ล่ำเถื่อนขนาดนั้นนี่มันไม่น่ากินเอาซะเลย

“ผมตั้งใจสนองให้นายน้อยทุกอย่างเลยนะครับ แล้วแต่นายน้อยจะสั่ง”

 
เถอะน่า อย่าเรื่องมาก ดูหนังเจอหน้าตาเห่ยยังนั่งดูได้เลย เอามาลูบคลำๆให้ทำอะไรให้ดูสดๆดีกว่าดูหนังนะ อย่า Too much story
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [4] 29/10/16
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 24-10-2020 20:16:36

“มึงเป็นคนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอาจารย์ใช่ไหม มึงรู้ได้ยังไง หรือไอเต้าหู้มันไปปากโป้งบอก”

“ใจเย็นสิ กูไม่รู้เรื่องอะไรเลย มึงเล่นวางยาจนกูหลับซะแบบนั้น เพิ่งตอนอาจารย์เรียกกูมาถามนั่นแหละถึงรู้ว่าถูกมึงกระทำชำเราตอนหลับไปแล้ว”

 
อาจารย์หมอมันก็โง่ รู้ทุกเรื่องแต่ดันไม่รู้ว่าไอ้เดือนคณะเอารูปมิงค์ไปให้เต้าหู้ดูก่อน ถ้ามิลค์จะเล่นกลับก็ไม่ผิดนะ
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [6] 11/12/16
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 24-10-2020 22:07:51


 

“ได้ไง เออๆ กูขึ้นเอง ถ้าไม่แข็งนะมึง กูจะนั่งทับให้หักเลย”

โป๊ปร้องเยสในใจ ชักอยากให้งานนี้จัดบ่อยๆ ซะแล้ว ดีกว่าเปิดหนังโป๊ปลุกอารมณ์เมียซะอีก

 
ไม่เข้าใจนิยายทุกเรื่องที่ชอบเขียนว่ามีคนขึ้นให้มันดี จากประสบการณ์ตัวเองกับความเห็นของเพื่อนที่เป็นรุกอีก3-4คนเราเห็นตรงกันว่าคุมเองมันกว่า ได้ทั้งจังหวะ เน้นแรงเบา เน้นช่วงยาวสั้นได้ตามความเสียวของเราเอง จะซอยจะผ่อนก็ได้ดังใจมากกว่ามีคนมาขึ้นให้
หัวข้อ: Re: องค์กรลวงจิต Explicit Content [จบ] ตอนพิเศษ เต้าหู้นมสด [7] 15/01/17
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 20-07-2022 14:52:46
ชอบตอนเทมส์โดนลงโทษ แต่น้อยไปหน่อย
เพราะคลิปโดนัทแพร่กระจายไปทั่วในเน็ต
ควรจะลงโทษเทมส์ซัก5ตอน ให้หนักหน่อย
กลับมาต่อตอนพิเศษ หรือแต่งนิยายใหม่เถอะครับ
อยากอ่านมาก  :3123: :3123: :3123: