วายที่30 วันของเรา ผมอยู่บ้านพี่เฟย์ต่ออีกหนึ่งวันก่อนจะกลับกรุงเทพ ช่วงนั้นโฟมหายตัวไปขลุกอยู่กับพี่กบหลังจากพาลูกเขยมาให้พ่อแม่เชยชมทำให้ผมไม่ได้คุยกับโฟมเลย แต่เห็นเจ้าตัวมีความสุขดีผมก็โอเคด้วย พี่เฟย์เองก็เช่นกัน
พอกลับมากรุงเทพพี่ชายไปค้างบ้านผมคืนหนึ่งแล้วปล่อยผมให้ผมอยู่กับแม่สองคน เราคุยกันหลายอย่างทั้งเรื่องของพ่อและเรื่องของผมสมัยเด็ก หลังจากอยู่กับแม่จนเต็มอิ่ม ถึงเวลาที่ผมจะกลับไปเป็นแมวบนคอนโดสูงสักที
ที่มหาลัยเองก็มีงานทับถมให้สมกับช่วงหยุดยาวของลูกศิษย์ ถึงอย่างนั้นด้วยความเป็นหนุ่มวายมาตลอดสี่ปีเต็ม งานเยอะแค่ไหนไม่อาจขัดขวางพลังมโนของผมได้ ที่ผ่านมาผมเคยแต่แต่งฟิคนิยายเรื่องที่ชอบ มาตอนนี้ผมเกิดความคิดอย่างหนึ่ง อยากจะสร้างสรรค์นิยายวายแบบออริจินอลของตัวเองขึ้นมา
ช่วงแรกยังมีปัญหาอยู่บ้าง ล้มลุกคลุกคลานกันไป มีพี่เฟย์เป็นผู้ตรวจ ที่ปรึกษา พี่เลี้ยง เหมาทุกตำแหน่งยิ่งกว่าพ่อบ้านเซบาสเตียน ทำยันเกินหน้าที่ช่วยสาธิตแบบของจริงให้ผมเพื่อการแต่งนิยายที่ลื่นไหล ซึ่งผมไม่ได้ต้องการเลยแม้แต่น้อย เพราะมันตามมาด้วยอาการปวดสะโพกตรงกันข้ามกับพี่เฟย์ที่หน้าใสกิ๊ง
พอเข้าช่วงสอบ ผมจำต้องวางมือจากนิยายที่เพิ่งแต่งได้ไม่กี่ตอนไปชั่วคราว ทุ่มเทให้กับการเรียนผสมอู้ แถมยังต้องโต้รุ่งทำงานชิ้นใหญ่พรีเซนท์อาจารย์และส่งก่อนสอบ เจอไปสามวิชา วิชาละหนึ่งงาน กลุ่มบ้างเดี่ยวบ้าง แล้วยังต้องถ่างตาอ่านสอบอีกสูบพลังงานซะผมกลายเป็นแมวแห้งตาโหล สร้างความกลัดกลุ้มให้พี่เฟย์ที่พยายามขุนผมมาโดยตลอด
แต่ผลการเรียนออกมาเป็นที่น่าพอใจ ในฐานะนักศึกษาปีหนึ่ง ผมขอแนะนำทุกคนให้เร่งทำเกรดตอนปีหนึ่งให้ดีที่สุด เพราะส่วนใหญ่ปีนี้จะเริ่มด้วยวิชาพื้นฐานที่เนื้อหาไม่ยากนัก บางวิชามีพื้นจากตอนเรียนมัธยมด้วยซ้ำ ถามว่าเพื่ออะไรน่ะหรือ? ก็เพื่อให้วิชาเอกในอนาคตดึงเกรดลงแล้วไม่น่าเกลียดเกินไปยังไงล่ะ!
สอบเสร็จเหมือนการปล่อยผี ผมตามกลุ่มซันไปกินหมูกะทะฉลอง(อีกแล้ว) จะถามถึงความเป็นไปของแต่ละคู่น่ะเหรอ มาๆ เดี๋ยวผมแจกแจงให้ฟัง
คู่แรกป๊าม้าของผมเอง ซันโป้ยังคงรักกันดีเป็นสามีรองเท้าภรรยา เห็นว่าปิดเทอมซันจะขึ้นเหนือตามโป้อยู่สักครึ่งเดือน ส่วนวันหยุดที่เหลือจะมาสิงสถิตที่รีสอร์ทของซัน สองคนนี้ผมเห็นช่วงสอบครั้งแรกแทบหัวใจวายตาย ซันหน้าเยี่ยงโจรป่าเพราะมัวทำงานไม่มีเวลาดูแลเช่นเดียวกับโป้เกือบทำผมกรี๊ดสลบ
พวกคุณลองคิดดูสิ หน้าหล่อปนสวยอย่างโป้ แต่กลับมีหนวดขึ้นครึ้ม ผมรากไทรยุ่งเหยิงขอบตาเป็นหมีแพนด้า ขนาดซันยังเล่าให้ฟังว่าเห็นหน้ากันตอนแรกแหกปากกันลั่นห้อง ผมคิดภาพตามแล้วขำกลิ้ง
ริวคงไม่ต้องพูดถึง ยิ่งช่วงใกล้สอบผมว่าริวหาตัวยากยิ่งกว่ามิทซะอีก โป้แอบกระซิบบอกว่าริวกำลังตามจีบรุ่นพี่คนหนึ่ง อาศัยอีกฝ่ายช่วยติวให้สร้างความสัมพันธ์ ซึ่งรุ่นพี่คนนั้นเรียนสาขาเดียวกับริวด้วย เพื่อนตัวโย่งเลยขนทั้งข้อสอบและงานก่อนปิดเทอมไปถมรุ่นพี่คนนั้นไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ก็หวังว่าเพื่อนริวจะสำเร็จในเร็ววัน ผมเอาใจช่วย สนับสนุนให้ผู้ชายกินกันเองคือคติของชาววาย
ทั้งหมดทั้งสิ้นคงมีมิทคนเดียวที่ยังหน้าเป๊ะแบบเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง แม้ว่าประชากรเกือบครึ่งมหาลัยจะเปลี่ยนสปีชี่ไปเป็นหมีแพนด้ากันหมด ที่พิเศษหน่อยคงเป็นทุกวันมีรถสีดำฟิล์มหนาคอยรับส่งปานลูกคุณหนูผู้ร่ำรวย เวลาไปเที่ยวไหนไกลก็จะมีบอดี้การ์ดตามมาด้วยหนึ่งคนเสมอจากคำให้การของซัน
ปล่อยพวกนั้นไปตามทาง กลับมาเรื่องของผมดีกว่า ปิดเทอมผมถูกปล่อยกลับสู่อ้อมอกแม่เป็นแรงงานประจำบ้าน โดยมีหมาเป็นตัวเยาะเย้ย บางครั้งก็แวบไปนอนกับพี่เฟย์บ้าง สลับไปมาอย่างกับคนดังมีแต่คนต้องการ
ผมตัดสินใจไม่เรียนซัมเมอร์ ใช้เวลาว่างแต่งนิยายเต็มที่ หมายมั่นปั้นมือว่าจะเสร็จให้ได้ก่อนเปิดเทอม แต่ความจริงการแต่งนิยายเรื่องหนึ่งมันไม่ง่ายขนาดนั้น กระทั่งเปิดเทอมแล้วผมยังแต่งได้เพียงแค่ครึ่งเรื่องแล้วต้องพักช่วงอีกเพื่อนลุยกิจกรรมรับน้อง
ปีก่อนผมน้องผู้ถูกรุ่นพี่เอ็นดู ปีนี้ผมกลายเป็นรุ่นพี่คุมน้อง ด้วยความที่ผมตัวใหญ่สมชายมากเกินไป เพื่อนจึงไล่ให้ผมเป็นรุ่นพี่คอยดูแลน้องอยู่เบื้องหลัง เพราะคาดว่าไม่มีรุ่นน้องคนไหนเกรงกลัวหรือเชื่อฟังผมแน่นอน ขนาดไปนั่งแขวนป้ายชื่อเนียนกับเด็ก รุ่นน้องยังไม่รู้เล้ย!
ที่มหาลัยผมมีกิจกรรมอย่างหนึ่งด้วย รุ่นน้องทุกคนต้องพกสมุดสำหรับขอลายเซ็นต์รุ่นพี่และเพื่อนให้ได้มากที่สุด โดยแบ่งคะแนนมากขึ้นตามชั้นปี ตอนผมปีหนึ่งผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอาศัยความน่ารักในการทำมาหากิน ปีนี้ต้องเป็นฝ่ายรังแกน้อง ไหงผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายถูกรังแกมากกว่า น้ำตาจะไหล
“พี่ปอนด์ ขอลายเซ็นกับเบอร์โทรหน่อยสิครับ”
ขอเบอร์ไปทำแมวอะไรหา? ผมไม่ยอมให้เขียนแค่เมลล์กับเฟสรองอย่างเดียว เฟสหลักไม่ได้ อัพรูปวายไม่เว้นวัน ขนาดเพื่อนผมยังรับแค่บางคน ความชอบแบบนี้มันเผยแพร่มากไม่ได้หรอก เกรงใจคนอื่นเขา
“อย่าเรื่องมากนะ พี่อุตส่าห์ให้แบบไม่สั่งให้ทำอะไรแล้วเชียว”
“ก็พี่ปอนด์น่ารัก ขอเบอร์หน่อยนะครับ ผมจะได้เอาไว้ปรึกษาไง”
ได้ข่าวว่าไม่ใช่น้องรหัสผมนะ น้องรหัสผมเป็นสาวน้อยน่ารักเรียบร้อยที่เป็นสาววายเช่นกัน ฟ้าช่างมีตาส่งให้เราพี่น้องมาพบเจอ
“ปรึกษาไรไอ้บาส พี่ปอนด์มีแฟนแล้วไม่ต้องมาจีบเลย”
นี่ไงน้องรหัสของผม สาวมินท์ผู้คุ้ยเฟสจนรู้ว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชายสุดหล่อ น้ำตานองคูณสอง หนุ่มวายว่าน่ากลัวแล้วยังมีพลังไม่เทียบเท่าสาววายเลยจริงๆ
ผมมองเด็กปีหนึ่งสองคนทะเลาะกัน ได้โปรด ปล่อยผมกลับบ้านเถิด อยากกลับไปกินเค้กจะแย่อยู่แล้ว ช่วงนี้มีกิจกรรมกว่าจะเลิกตั้งสองสามทุ่ม เพราะต้องเก็บกวาดหลังน้องกลับ อีกอย่างใครบางคนกำลังจะมา ผมยังไม่อยากงานเข้า!
“พี่ว่าน้องๆ รีบกลับบ้านดีกว่านะ เดี๋ยวที่บ้านเป็นห่วง”
“ไม่เป็นไรครับพี่ปอนด์ ผมอยู่หอมหาลัย” น้องบาสตาวาว เค้าไม่ชอบเด็กอ่า เค้าชอบคนแก่...
“หน้ามึน! หอปิดห้าทุ่มยังไงก็ต้องรีบกลับ มาเลยมาด้วยกันอย่าให้ฉันองค์ลงนะ พี่ปอนด์หนูกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
น้องมินท์บอกลาด้วยรอยยิ้มน่ารัก ลากแขนเพื่อนวัยเด็กจากไปโดยไม่สนเสียงโวยวาย ผมพอเดาอนาคตได้ สองคนนี้คู่กันชัวร์!
ผมหันหลังกลับคว้ากระเป๋าหยิบมือถือว่าจะโทรหาคนมารับ พอเงยหน้าเห็นร่างสูงกำลังเดินมาทางนี้ ผมเลยเก็บมือถือเข้ากระเป๋าไปตามเดิม
ใบหน้ายิ้มแย้มเริงร่า วิ่งไปทางพี่ชายหมายจะกระโดดกอดเนียนลูบกล้ามท้องฟื้นพลังงานที่เสียไปทั้งวัน เป็นต้องชะงักกับคำถาม
“ปอนด์ เด็กผู้ชายนั่นรุ่นน้องเหรอ”
“ใช่แล้ว”
“อืม ปะ กลับบ้านกัน”
ยอมรับง่ายทั้งที่เห็นต่อหน้าต่อตา ผมมัวระวังเกือบตามไม่ทัน ปล่อยให้พี่ชายกอดฟัดพาขึ้นรถกลับคอนโด มารู้เอาตอนหลังแหละว่าตอนนี้พี่เฟย์มีสปายมือฉมังคนใหม่แล้ว แทนโป้ที่อยู่ต่างคณะ เดาไม่ยากหรอกครับว่าใคร... ก็มินท์น้องรหัสของผมไง
มิน่าล่ะพี่เฟย์ถึงได้วางใจนัก ผมได้แต่อมยิ้มปริ่มกับมุมน่ารักเล็กๆ ของพี่เฟย์
หลังพ้นกิจกรรมการรับน้อง เหลือเพียงการเรียนปกติที่ผมมีเวลาว่างกลับมาปั่นนิยายอีกครั้งหนึ่ง ผ่านไปได้สองเดือน และแล้ว... นิยายวายเรื่องแรกของผมก็เสร็จสมบูรณ์จนได้ ผลการตอบรับแม้จะไม่เยอะเหมือนนักเขียนดังๆ แต่เวลาได้อ่านคอมเมนท์คำชมแต่ละครั้งทำให้ผมมุ่งหน้าสู่ฟินแลนด์ได้ทุกรอบ
จนกระทั่งมีนักอ่านต้องการซื้อแบบเป็นรูปเล่ม ประจวบเหมาะกับใกล้งานอีเวนท์รวมของวาย ผมเองอยากหาประสบการณ์ทำเล่มของตัวเองดูสักครั้ง เลยตกปากรับคำติดต่อกับโรงพิมพ์ พิมพ์หนังสือจำนวนน้อยเพื่อเอาไปขายในงานและถือโอกาสซื้อของงานของคนอื่นด้วย
คนออกบูธมีสิทธิ์เดินช้อปก่อนไม่ต้องกลัวว่าของจะหมด ส่วนผู้ช่วยของผมจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้องมิ้นหนึ่งในแฟนคลับของผมเอง
ถึงวันงานผมต้องไปก่อนงานเปิดหนึ่งชั่วโมงเพื่อเตรียมของและจัดบูธรอ ได้รับอภินันทนาการจากพี่เฟย์ สละผ้าปูลายเท้าแมวกับที่ตั้งหนังสือโชว์ปกมาให้ หนังสือของผมมีแค่นิยายออริกับฟิคที่แต่งจนจบ รวมแล้วแค่สองเล่มทำให้ไม่วุ่นวายในการจัด
แอบเขินนิดหน่อย เพราะผมเป็นหนุ่มวายที่มีอยู่น้อยนิดในงาน เลยโดนโต๊ะอื่นอมยิ้มมองเป็นระยะ โชคดีที่มินท์มาเร็วไม่ปล่อยให้ผมนั่งเกร็งอยู่คนเดียว น้องมินท์มาในมาดของนัตสึเมะอุ้มตุ๊กตาเหมียวหง่าวมาด้วย เพราะงานนี้คอสเพลย์ได้ ผมล่ะอยากจะรีบขายของให้หมดแล้วไปดูคนอื่นคอสเพลย์จริง นึกถึงสมัยคอสครั้งแรกที่มาพร้อมกับพี่เฟย์เลย
“พี่ปอนด์รอนานมั้ย ว้าว! พี่คอสเรื่องนี้เหรอเนี่ย ถ้างั้นแฟนพี่ก็...”
มินท์ระริกระรี้ดูตื่นเต้นกว่าผมอีก
“อย่าเสียงดังสิ เกรงใจคนอื่นเค้า มินท์มาก็ดีแล้วเรามาสลับกันไปซื้อของก่อนงานเปิดดีกว่า”
“ค่าๆ งั้นมินท์จะรีบไปซื้อรีบกลับนะ” สาวน้อยร่าเริงยิ้มร่าอุ้มตุ๊กตาไปซื้อของด้วย ชุดกับกางเกงผมว่ามินท์บังคับเอามาจากบาสแหง
ผมขายหนังสือแนะนำให้กับคนที่แวะเวียนมาที่บูธระหว่างรอมินท์ สาวหลายคนดูปลื้มอกปลื้มใจ พอรู้ว่าผมเป็นคนแต่งเองพากันมองตาโต แทบเก็บเสียงกรี๊ดกันไม่ไหว ส่วนสาเหตุเอาไว้ผมจะบอกหลังจากนี้แล้วกัน
เวลาในงานปล่อยซื้อของแค่ยี่สิบนาทีก่อนกลับมาประจำที่บูธของตัวเอง ผมยิ้มหน้าชื่นได้ของตามที่ต้องการ นั่งรอคอยงานเปิด สตาฟประกาศไม่ทันไร เปิดประตูปุ๊บสาววายทั้งหลายแห่กันเข้ามาเหมือนฝูงมด ทุกคนตรงดิ่งไปยังบูธเป้าหมายของตัวเอง นักเขียนนักวาดคนไหนดังก็มีคิวต่อแถวยาวเป็นหางงู
ก็มีบ้างที่ตรงมายังบูธผม ผมยิ้มรับคุยเล็กน้อย บางคนขอถ่ายรูป บางคนขอลายเซ็นต์ หูได้ยินเสียงกรี๊ดเป็นระยะเพราะบนเวทีสตาฟเปิดภาพวายเรื่องดัง มีกิจกรรมให้เล่นลุ้นรับของด้วย กระทั่งมีเสียงกรี๊ดเป็นระลอกเหมือนคลื่นเวฟ ไล่ตั้งแต่นอกงาน ประตู เข้ามาในงาน และเสียงจากสาวข้างตัว
“กรี๊ดดดด พี่ปอนด์!”
มินท์เขย่าตัวผมอย่างบ้าคลั่ง
“ห๊ะ อะไร เกิดอะไรขึ้น” ผมเงยหน้าจากหนังสือที่กำลังเซ็นเป็นชื่อพร้อมหน้าแมว พอเห็นต้นตอของเสียงกรี๊ดนั่นแหละ ผมอ้าปากค้าง
ชายร่างสูงปานนายแบบสวมชุดกึ่งสูทคุ้นตา ใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ ผมไม่ได้สวมวิก ดวงตาคมฉายความอบอุ่นไม่มีคอนแทคเลนส์ ที่โดดเด่นไม่ใช่เพียงรอยยิ้มอ่อนโยน แต่มันคือสิ่งที่ชายคนนี้กำลังอุ้มอยู่ต่างหาก!
ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวโตผูกโบว์อันใหญ่ลายจุดสีชมพู ถูกยื่นมาตรงหน้าผม
“นายลืมเอาซูซูกิซังมานะมิซากิ”
เสียงทุ้มนุ่มไม่ดังและไม่เบา แต่คนรอบข้างที่อยู่ใกล้เคียงได้ยินชัดทุกถ้อยคำ ดวงตาหลายคู่มองสลับระหว่างผมกับชายตรงหน้า ผมในชุดธรรมดาแต่สวมวิกสีน้ำตาลใส่คอนแทคสีเขียว ถึงขนาดนี้ถ้าคนมองไม่ออกก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
“กรี๊ดดดดดดดดด!! Junjou Romantica!!!”
“อ๊าย! ท่านอุซามิในโลกแห่งความจริง”
“มิซากิน่ารักเกินไปแล้ว”
แสงแฟลชเกิดขึ้นรัวๆ ผมหน้าแดงก่ำรับตุ๊กตาหมีตัวโตมาพลางก้มหน้างุดๆ ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจเป็นบ้า! ผมที่ดูเมะเรื่องนี้เมื่อสามวันก่อน นึกอยากได้ตุ๊กตาหมีขึ้นมา ออดอ้อนเท่าไหร่พี่ชายก็ไม่ยอมซื้อให้ ใครจะไปคิดล่ะว่าพี่ท่านเล่นเซอร์ไพรส์แบบนี้
“โอ้! ตรงนั้นดูเหมือนจะมีตัวละครจากอนิเมะวายชื่อดังออกมาในโลกแห่งความจริงนะเนี่ย ใช่เรื่องนี้รึเปล่าเอ่ย?”
สตาฟสาวบนเวทีช่างตาไว หันไปส่งซิกให้คนคุมเครื่องฉาย เปลี่ยนเป็นภาพอนิเมะเรื่องนี้แบบเต็มจอ เสียงกรี๊ดดังกระหึ่มยิ่งกว่าเดิม
“ได้รับเสียงตอบรับดีขนาดนี้ อุซามิซัง มิซากิคุงช่วยขึ้นมาร่วมกิจกรรมบนเวทีหน่อยนะคะ”
ขึ้นเลย ขึ้นเลย!
เสียงเชียร์จากรอบด้านช่างกดดัน น้องมินท์แทบจะลงไปดิ้นกับพื้น ยกมือทุบอกบอกจะดูแลบูธให้เองแล้วดันหลังผมกับพี่เฟย์ให้เดินไปขึ้นเวทีตามคำเรียกร้อง ผมกอดตุ๊กตาหมีเดินตามการจูงจากมือหนาต้อยๆ พอถึงเวทีกิจกรรมที่ว่านั้นแทบไม่มีอะไรเลยนอกจากมายืนร่วมกับนักคอสคู่อื่นให้เหล่าสาววายถ่ายรูปจนหนำใจ นานซะจนเริ่มเมื่อย
“ขอโทษนะครับ มิซากิเหนื่อยแล้ว พวกผมขอกลับบูธก่อน ถ้าใครอยากคุย เจอกันได้ที่บูธ Y18 นะครับ”
คำพูดปิดท้ายก่อนลงเวทีเซอร์วิสไม่พอยังเนียนโฆษณาอีก ดีนะที่คู่ผมไม่ใช่คู่เดียว ไม่งั้นคงเขินหนักมากกว่านี้ พอลงเวทีกลับบูธได้พี่เฟย์มาช่วยขาย น้องมินท์ก็สลัดฐานวิ่งไปหาเพื่อนถ่ายรูปคนคอสที่รวมตัวกันอยู่ลานกว้างด้านนอก
พี่เฟย์เป็นคนขาย ผมเป็นคนเซ็นต์ บางเล่มมีคนรีเควสขอลายเซ็นต์พวกเราทั้งคู่ นั่นก็เพราะ...
“น้องใช่ปอนด์ที่แต่งนิยายเรื่อง ‘หนุ่มวายยกกำลังสอง’ ใช่รึเปล่าคะ?” พี่สาววัยทำงานถามตาวาว
“ใช่ครับ” ผมตอบสุภาพ
“ถ้างั้น พี่ชายคนนี้คือพี่เฟย์ พระเอกของเรื่องคู่กับน้องถูกต้องมั้ยคะ”
คราวนี้พี่เฟย์เป็นคนตอบแทน
“ใช่แล้ว ขอบคุณที่มาอุดหนุนนะครับ ผมเองก็คอยเป็นผู้ช่วยน้องตลอดเห็นนั่งแต่งหามรุ่งหามค่ำก็เป็นห่วง แต่ผลตอบรับออกมาเป็นที่น่าพอใจแบบนี้ผมก็ดีใจ”
เซอร์วิสอีกแล้ว! พี่สาวที่มาซื้อแทบจะล้มตายอยู่หน้าโต๊ะ เธอขอให้พวกเราช่วยเซ็นต์ทั้งคู่ พอเห็นแบบนั้นคนอื่นที่อยู่ใกล้เคียงเลยเอาบ้าง ยิ่งรู้ว่าผมแต่งโดยใช้อิมเมจจากตัวเองและพี่ชาย คนซื้อเยอะมากกว่าเดิม ผลสุดท้ายหนังสือก็ขายหมดเกลี้ยงทั้งที่งานยังไม่จบ ต้องให้แต่ละคนลงชื่อสำหรับติดต่อกลับรอบรีปริ้นท์
เพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อ แถมผมเริ่มเหนื่อยอยากกลับไปอ่านหนังสือที่ซื้อมาไวๆ สุดท้ายผมกับพี่เฟย์เลยชักชวนกันกลับก่อน ไปบอกน้องมินท์ที่อยู่ด้านนอก ถูกรุมขอถ่ายรูปคู่จนตาลายกับแฟลช กว่าจะปลีกตัวออกมาได้ผมนอนสลบอยู่ในรถพี่เฟย์
พี่ชายทำธุระให้ เปิดพรีรอบรีปริ้นท์ในเพจของพวกเราพร้อมกับแอบถ่ายรูปผมตอนหลับโพสลงเฟสอีก ผมเห็นตอนหลังแทบอยากกระโดดขบหัวพี่เฟย์ เอาคืนด้วยการแอบถ่ายภาพพี่ชายใส่ผ้ากันเปื้อนลายแมวทำอาหารเย็นโพสลงไปบ้าง เพจแทบจะแตก มีซันกับโป้โผล่เข้ามาร่วมแจม สองคนนี้เองก็เป็นไอดอลประจำเพจพวกผมเหมือนกัน
อยากมีส่วนร่วมดีนัก ผมเลยมัดมือชกให้ทั้งคู่มาช่วยห่อหนังสือให้ลูกค้าซะเลย สองคนนั้นแม้จะพิมพ์บ่นเป็นที่เฮฮาของลูกเพจและสาววาย พอถึงเวลาหนังสือมาส่งจริงๆ ก็ย้ายตัวเองมาช่วยถึงที่ พี่เฟย์เลยตอบแทนด้วยมื้อเย็นแสนอร่อยพร้อมของหวานสูตรพิเศษสำหรับทั้งคู่
แม้ตอนนี้จะไม่ได้ดั่งใจไปซะทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องพ่อของผมที่ยังคงโทรมากล่อมเป็นระยะ ถึงแบบนั้นผมก็มีความสุขมากที่ได้อยู่กับพี่เฟย์
ลูกแมวผุดลุกจากมุมโปรดปล่อยตุ๊กตาหมีตัวโตขยับไปกอดพี่เฟย์ที่กำลังเอนกายอ่านหนังสือในวันหยุด ถูหน้ากับแผงอกกว้าง
“อยู่กับผมไปตลอดเลยนะพี่”
คนถูกแมวอ้อนใจอ่อนระทวย วางหนังสือรวบคนตัวเล็กเข้ามากอด
“แน่นอน เจ้าลูกแมวของพี่” คำเรียกด้วยความเอ็นดูชวนให้จั๊กจี้แต่รู้สึกดีเป็นที่สุด
2 ปีต่อมา...
ผมกลายเป็นรุ่นพี่ปีสี่ที่ใกล้จะเรียนจบอย่างเต็มตัว ปีสี่ไม่ต้องทำกิจกรรมเหมือนปีหนึ่งถึงปีสามก็จริง แต่ลำพังงานและธีสิสก็ฉกฉวยเอาเวลาไปจนหมดสิ้น
แม้จะเหนื่อยสักแค่ไหน อาจจะเครียดหรือท้อบ้างในบางครั้ง แต่ผมยังมีพี่ชายอยู่ข้างกายทำให้ผ่านพ้นเรื่องราวพวกนั้นไปได้อย่างงดงาม
การสอบสุดท้ายก่อนเรียนจบ ผมตั้งใจอ่านเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ การสอบทุกอย่างก็จบลงพร้อมกับความรู้สึกตัวเบาราวกับยกภูเขาออกจากอก ผมใช้เวลาว่างช่วงนี้ก่อนอาจารย์เรียกไปคุยเรื่องธีสิสรอบสุดท้ายอยู่กับพี่ชายเต็มที่ ทดช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่มัวแต่วุ่นเรื่องการเรียน
ดีนะ มหาลัยผมให้ฝึกงานช่วงปิดเทอมตอนปีสาม ถ้าเกิดมารุมปีสี่หมดผมคงแย่หนัก พวกซันเองก็ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่นัก อย่างผมยังได้ฝึกงานในกรุงเทพ ซัน โป้ ริว ถูกส่งไปต่างจังหวัดทุกคน จะเหลือก็แค่มิทที่ยังอยู่ในกรุงเทพเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปทำอิท่าไหนถึงรอดอยู่คนเดียว
เจ้าโฟมอยู่มหาลัยปีหนึ่งแถวบ้าน มุ่งมั่นจะเรียนสายที่สามารถไปทำงานคู่กับพี่กบได้ ทำเอาพี่เฟย์กับครอบครัวเครียดกันไปช่วงหนึ่งด้วยความเป็นห่วง ขนาดพี่กบออกจากป่ามากล่อมเองถึงที่ยังไม่ได้ผล โฟมยืนยันหนักแน่นว่าจะเลือกทางนี้
ในเมื่อพี่กบไม่สามารถทิ้งหน้าที่มาหาโฟมได้ เจ้าตัวเลยเอาตัวเองไปหาแทน ปากก็พร่ำพูดว่าไม่ใช่อาชีพที่ต้องออกลุยอย่างพี่กบรับรองปลอดภัย
ลูกใคร ใครก็รัก ช่วงที่ทุกคนกำลังกลุ้มหนัก พี่เฟย์ตัดสินใจส่งเสริมโฟมช่วยพูดกับพ่อแม่ตลอด เพิ่งจะยอมรับก็ตอนที่โฟมสอบตรงเข้าสาขาที่ต้องการได้นั้นแหละ ผมนับถือในความรักของโฟมจริงๆ คนที่มีความอดทนตั้งมั่นในรักได้ขนาดนั้นเกิดมาผมยังไม่เคยเจอ
ไม่ต้องหาตัวอย่างที่ไหนไกล ขนาดผมกับพี่เฟย์ห่างกันไม่กี่วันก็คิดถึงกันจะแย่ ให้เป็นแบบคู่พี่กบกับโฟมไม่ได้แน่นอน
ทางครอบครัวของผมกับพี่เฟย์ไปกันได้ด้วยดี ผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านได้เจอกันแล้วตามแผนการพาเที่ยวยกครัวของพี่เฟย์ สนิทกันกระทั่งฝากของให้กันไปมาโดยมีพี่เฟย์เป็นพนักงานขนส่งจำเป็น
ส่วนพ่อของผม... ทุกวันนี้ท่านก็ยังไม่ยอมรับ แต่ก็ยอมอ่อนลงมากแล้ว ไม่พูดบอกให้ผมเลิกเหมือนสมัยก่อน เปลี่ยนเป็นหลีกเลี่ยงไม่กล่าวถึงแทน ผมเชื่อว่าสักวันพ่อผมต้องยอมรับได้แน่ เพียงแค่ในเวลานี้เราต้องอดทนจับมือกันให้ดีๆ และฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายไปด้วยกันเป็นเครื่องพิสูจน์ความรัก
ผมนั่งครุ่นคิดเรื่องราวที่ผ่านมา พลางซึมซับภาพบรรยากาศคุ้นเคยที่ไม่ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ก็ยังคงเดิม บนคอนโดสูงภายในห้องอันแสนอบอุ่นปรากฏร่างชายคนหนึ่งกำลังง่วนกับการจัดโต๊ะอาหารอย่างสุดความสามารถ อาหารสุดหรูมักเคียงคู่กับแอลกอฮอล์แต่เพราะอีกคนดื่มไม่ได้ เลยเปลี่ยนเป็นน้ำผลไม้สีสวย
“หอมจัง พี่ทำซะขนาดนี้จะฉลองเนื่องในโอกาศอะไรเนี่ย”
“ไม่มีอะไรหรอก มานั่งเร็วก่อนอาหารเย็นหมด”
พี่ชายเรียกพร้อมเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างสุภาพบุรุษ เล่นมาก็เล่นไปยอมหย่อนก้นนั่งลงอย่างว่าง่าย อาหารฝีมือพี่เฟย์ยังอร่อยเหมือนเคย กินมาหลายปีก็ยังไม่เบื่อ ผมจัดการทุกอย่างจนเรียบแบบไม่กลัวว่าจะกินของหวานไม่ไหว ในเมื่อผมมีกระเพาะสำหรับของหวานโดยเฉพาะ หึหึ
“ปอนด์... เรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว?”
เชฟสุดหล่อออกปากถามพลางตัดเค้กผลไม้เป็นชิ้นอย่างสวยงามส่งให้ผม ผมรับมาเอ่ยปากขอบคุณพลางคิดคำนวณเวลาในใจ
“ประมาณเจ็ดปี”
“แล้วเราเป็นแฟนกันมากี่ปี จำได้มั้ย”
ผมเอียงคอมองพี่ชายอย่างสงสัย มือจับส้อมจิ้มเค้กหม่ำ
“จำได้สิ เราคบกันตอนผมอยู่ปีหนึ่ง ตอนนี้ปีสี่ก็... สี่ปีไม่ขาดไม่เกิน”
“พี่ยังจำวันที่เราเจอกันครั้งแรกได้เลยนะ” พอพูดถึงตรงนี้ พี่เฟย์เหม่อมองหน้าผมระลึกความหลัง
“เด็กน้อยน่ารักที่ชนพี่จนล้ม แถมพอยกถุงผ้าให้ก็ทำหน้าดีใจซะ... ปอนด์รู้มั้ย วันนั้นที่เรายิ้มให้พี่ทำเอาพี่เกือบเสียศูนย์” อยากจะสวนกลับไปบ้าง ว่าพี่เองก็ทำให้ผมใจเต้นรัวเหมือนกันนั้นแหละ แต่อยากฟังต่อเลยได้แต่ปิดปากเงียบกัดส้อม
“พอเราได้คุยกันมากขึ้น พี่ก็ยิ่งเอ็นดูเรา จนวันที่เราใจตรงกัน แต่ตอนนั้นเรายังเด็กเกินไป พี่ก็บอกกับตัวเองให้อดทนเฝ้ารอวันที่เราจะเป็นผู้ใหญ่ พอเราขึ้นมหาลัยก็ดันเนื้อหอมจนพี่อยู่ไม่ติด สุดท้ายเลยประกาศความเป็นเจ้าของมันซะเลย ฝากซันกับโป้ช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลเราด้วย”
“ฮ่าๆ เรื่องนี้ผมรู้อยู่ พอผมมีน้องรหัสพี่ก็เอาไปเป็นพวกเลย” คนหัวเราะใบหน้าร้อนผ่าวไม่เป็นอันกินแล้วเค้ก ในเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มและพูดเรื่องเก่าๆ ด้วยน้ำเสียงชวนเคลิ้มอย่างนี้
“ปอนด์... เราผ่านเรื่องดีๆ มาด้วยกันก็เยอะ เรื่องแย่ๆ ก็มีไม่น้อย จนถึงวันนี้ไม่มีวันไหนที่พี่ไม่มีความสุขเวลามีเราอยู่เคียงข้างเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต พี่ยังยืนยันนะว่าพี่รักเราและพร้อมจะดูแลเราไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่”
ผมมองสบดวงตาหวานซึ้ง ยอมให้มือหนากุมมือผมเอาไว้
“พี่อาจไม่ใช่ผู้ชายเพอร์เฟค ไม่ใช่ผู้ชายแสนดี ทำเรื่องผิดพลาดบ้างในบางครั้ง... ถึงอย่างนั้นปอนด์จะใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายธรรมดาๆ คนนี้ได้มั้ย?”
“พี่...” คนฟังเรียกเสียงเบาหวิว พอเดาได้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ร่างสูงขยับตัวลุกจากเก้าอี้มาคุกเข่าอยู่ข้างคนรัก มือหนาหยิบเอาแหวนวงน้อยสลักชื่อของทั้งคู่ออกมาจากกล่องอย่างบรรจง
“แต่งงานกับพี่นะครับคนดี...”
เพียงประโยคเดียวเหมือนดังซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำลามไปถึงหู ดวงตาทอดมองชายที่กำลังคุกเข่าขอแต่งงานให้ความรู้สึกหลากหลาย ทั้งตื่นเต้น ดีใจและทึ่งจัด ในเมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะถูกเตรียมการเอาไว้นานแล้วโดยเฉพาะแหวนวงนี้ ภายนอกดูธรรมดาแต่ความจริงกลับตรงกันข้าม
“นะครับ... ปอนด์”
เสียงนุ่มออดอ้อนให้ใจละลาย คนโดนโจมตีด้วยความรักยื่นมือสั่นๆ ให้อีกฝ่าย อีกข้างยกมือปิดบังใบหน้าที่เขินจนแทบระเบิด มือหนารีบฉวยมือนั้นอย่างยินดี พร้อมสวมแหวนให้นิ้วนางข้างซ้ายก่อนจะยกมือข้างนั้นจรดริมฝีปาก ทั้งที่ดวงตายังมองหวานฉ่ำ
พอจะดึงมือกลับ ร่างสูงกลับไม่ยอมซะงั้น
“ปล่อยมือผมสิพี่” รู้ตัวดีเลยว่าเสียงตอนนี้แผ่วระโหยมากแค่ไหน ใจจะขาดรอนๆ กับดาเมจที่โหมใส่รอบแล้วรอบเล่า
“ตอบพี่มาก่อนสิ เรียนจบแล้วแต่งงานกับพี่นะ”
คนหน้าบางดื้อดึง
“สวมแหวนแล้ว ยังต้องบอกอีกเหรอ”
“ต้องพูดสิ มันสำคัญนะ ไม่งั้นเหมือนพี่คิดไปเองฝ่ายเดียว” สีหน้าจริงจังจนคนฟังสะอึก ไหลลงเก้าอี้คุกเข่าอยู่บนพื้นซุกหน้ากับคนขี้แกล้ง
“ตกลง...”
“พูดอะไร พี่ไม่เห็นได้ยินเลย”
“อื้อ!... ผมจะแต่งงานกับพี่!! พอใจยัง ให้ถือโทรโข่งมาพูดเลยมะ” ลูกแมวสะบัดเสียงเหวี่ยงใส่แก้เขิน คนรับฟังการตอบรับอันแสนจะได้อารมณ์หัวเราะร่า โอบกอดร่างเล็กเข้าสู่อ้อมแขน
“พี่รักปอนด์นะ”
ดวงตาสองคู่มองสบกันนิ่ง สื่อความรู้สึกมากมายที่อัดแน่นภายในผ่านหน้าต่างของหัวใจ
“ครับ... ผมรักพี่เฟย์เหมือนกัน”
ตอบแทนคำบอกรักหวานๆ ด้วยจูบที่หวานยิ่งกว่า ริมฝีปากแนบจุมพิตแผ่วเบา
ไม่จำเป็นต้องมีรักที่หวือหวาหรือมอบแต่ของราคาแพง ขอเพียงแค่ความจริงใจก็มากพอแล้วสำหรับความรักของคนสองคน สำหรับผมพี่เฟย์คือที่สุด คือคนที่ผมเลือก ผู้ชายดีๆ จะหาแบบนี้ได้อีกที่ไหนล่ะจริงมั้ย
END
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้

และแล้วหนุ่มวายของเราก็จบลงอย่างสวยงาม
ไว้พบกันต่อใน 'เป็นเกย์กันมั้ย?' และ เรื่องราวของมิทเร็วๆ นี้นะครับ
