พิมพ์หน้านี้ - [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Silver Fish ที่ 19-06-2015 23:47:52

หัวข้อ: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 19-06-2015 23:47:52
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*****************************************************************************************

พรีตั้งแต่วันที่ 1ก.พ.60 - 31มี.ค.60

(http://up.gunhotnews.com/?img=121505212333.jpg)

รายละเอียด
เรื่อง : หนุ่มวายยกกำลังสอง (เล่มเดียวจบ)
คู่ : เฟย์-ปอนด์
แนวเรื่อง : คอมเมดี้
ขนาด : A5
จำนวนหน้า : 300+ หน้า
กระดาษ : ถนอมสายตา 75 แกรม
ราคา : 380 บาท
แถมที่คั่นทุกเล่ม

ตอนนี้มีขาย e-book แล้วน้า

จิ้ม e-book (https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=60531)
สอบถามรายละเอียดได้ที่เพจ Silver Fish (https://www.facebook.com/SilverFish4/)


สารบัญ

วายที่1 พี่ชายในฝัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3098376#msg3098376)
วายที่2 เด็กขี้อาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3100084#msg3100084)
วายที่3 งานคอสเพลย์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3100646#msg3100646)
วายที่4 ความรู้สึก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3103494#msg3103494)
วายที่5 สิ่งที่เจอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3114953#msg3114953)
วายที่6 มัดจำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3123079#msg3123079)
วายที่7 ห้องหอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3137331#msg3137331)
วายที่8 เพื่อนใหม่อะเกน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3138352#msg3138352)
วายที่9 ไม่โสดแล้วนะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3143648#msg3143648)
วายที่10 พ่อตา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3158961#msg3158961)
วายที่11 ย้ายห้องหอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3168085#msg3168085)
วายที่12 งานกีฬา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3175013#msg3175013)
วายที่13 อุ้งมือที่สาม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3195488#msg3195488)
วายที่14 หม่ำ หม่ำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3198310#msg3198310)
วายที่15 ดราม่าซีดี (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3202028#msg3202028)
วายที่16 ห้องใหม่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3214773#msg3214773)
วายที่17 เดอะแก๊งค์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3221464#msg3221464)
วายที่18 ท่องเที่ยว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3225606#msg3225606)
วายที่19 น้ำตก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3228937#msg3228937)
วายที่20 โอนี่จังบากะ! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3253517#msg3253517)
วายที่21 ความสุข (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3263298#msg3263298)
วายที่22 เป็นเหตุ(แก้ไข) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3282810#msg3282810)
วายที่23 ตัวตนที่แท้จริง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3292428#msg3292428)
วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3294138#msg3294138)
วายที่25 ป่วยการเมือง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3314440#msg3314440)
วายที่26 แม่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3331372#msg3331372)
วายที่27 น้องชายตัวดี (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3346000#msg3346000)
วายที่28 โรงเรียน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3363884#msg3363884)
วายที่29 กันและกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3365221#msg3365221)
วายที่30 วันของเราEND (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3365223#msg3365223)


วายพิเศษ ดูหนัง ซัน-โป้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3223337#msg3223337)
วายพิเศษสงกรานต์ (รวมคู่) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3358117#msg3358117)
วายพิเศษ สงกรานต์สลับอายุ1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3616090#msg3616090)
วายพิเศษ สงกรานต์สลับอายุ2(จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3618846#msg3618846)
วายพิเศษ For You verสลับอายุหูหาง 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3629633#msg3629633)

ซีรีย์มหาลัย
เป็นเกย์กันมั้ย? (ซันxโป้) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3298900#msg3298900) [จบแล้ว]
Contract มาเฟีย (ป๋าxมิท) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54115.msg3391025#msg3391025) [จบแล้ว]
ผมยอมเป็นหมาถ้าพี่รัก (ริวxธัน) (http://) [coming soon]
??? (วาxเล่) (http://) [coming soon]

ผลงานอีกเรื่อง
Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.0) แฟนตาซีแวมไพร์หมาป่า แนวเกมเข้าใจง่าย [จบแล้ว]
มิติมายา ผมกลายเป็นเงือก (http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1515406) แฟนตาซีโลกเวทมนต์สลับโลกไฮเทค

เรื่องสั้น
Yuki Hana โนบุยูกิxนาคาอิ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54310.msg3399635#msg3399635)
ข้าวโพดสื่อรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55283.msg3450873#msg3450873)
บทบาทพระรอง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55794.msg3477847#msg3477847)

สัญลักษณ์สี

เป็นสีสำหรับบอกว่าตอนนั้นใครเป็นคนบรรยายครับ

สีดำ = ปอนด์
สีน้ำตาล = เฟย์

ติดต่อตบตีได้ที่
https://www.facebook.com/pages/Silver-Fish/1539533922963776
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง บทนำ [19/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 19-06-2015 23:48:55
บทนำ

   นิยามของ ‘หนุ่มวาย’ ในพจนานุกรมของผม

   หนุ่มวายคือมนุษย์ผู้มีพลังเทียบเท่าสาววาย แต่เป็นเพศชาย เสพติดความวายทุกประเภท สามารถเก็บความลับเรื่องความชอบของตัวเองได้มิดชิด ไม่สามารถตัดสินจากภายนอกไม่ได้ มีสกิลการเนียนสูง แบ่งเป็นหกประเภท สายวายเคะ สายวายเมะ สายวายบอธ สายไบ และสายวายแต่นอมอล คือเป็นหนุ่มวายแต่ยังชอบเพศตรงข้ามอยู่

   ผมอยู่ในประเภทที่เจ็ด สายพิเศษที่สุดในโลกนี้ นั่นก็คือ!

   ผมยังไม่รู้ตัวเองเลยครับ... ผมยังไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบแบบไหน อยากกรีดร้องให้ลั่นโลก!! หรือผมจะเป็นสายไส้เดือนอย่างที่เพื่อนมันพูดกัน โธ่ ชีวิต ชอบเสพความวาย รักความรักอันสวยงาม ตัวเองกลับไร้รัก

   สงสัยผมต้องกอดจูบลูบคลำ ขลุกอยู่กับโลก 2D ซะแล้ว

   ในช่วงที่ผมกำลังปลงกับชีวิต ทุ่มเทความรักทั้งหมดให้นิยาย มังงะ เมะ และอื่นๆ ท่านศาสดาก็ได้ประทานพรมาให้ผม ส่งบุคคลที่แสนเพอร์เฟคมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ผมกับพี่ชายพบกันในงานหนังสือด้วยเหตุการณ์แสนจะสาวน้อย ที่แน่ๆ คือดวงความรักของผมกำลังจะเปลี่ยนไป

หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง บทนำ [19/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: holyhilly ที่ 20-06-2015 01:27:25
รอๆ น่าจะตลก ขำๆ ฮาๆ เป็นกำลังใจให้จ้า o13
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่1 พี่ชายในฝัน [20/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 20-06-2015 03:36:11
วายที่1 พี่ชายในฝัน

   ที่แห่งนี้...คือสถานที่เปิดสงครามอันยิ่งใหญ่ มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันด้วยใบหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมสงคราม ผมกำสายสะพายของกระเป๋าเป้สุดที่รัก รุ่นถึกทนเยี่ยงซัมซุงฮีโร่ ที่อยู่คู่กับตัวผมมาตั้งแต่สมัยเรียนมอต้น ยิงยาวจนถึงปัจจุบัน มันไม่เคยงอแง และต่อสู้ไปพร้อมกับผมเสมอมา

   ผมยกอาวุธอีกชิ้นขึ้นมาดู ใบหน้าฉายความจริงจังระดับขั้นปลดปล่อยบังไค มันเป็นวัตถุทรงสี่เหลี่ยม หน้าจอมีตัวเลขเหมือนรหัสอะไรสักอย่าง เช่น C12 Y6

   สู้ตายโว้ย!

   “น้องปอนด์ แม่รอตรงนี้นะ รีบๆซื้อแล้วรีบๆออกมาล่ะ”

   ผมหันไปมองผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกสำหรับผม หญิงร่างเล็กทำหน้าเอือมมองลูกชายที่กำลังจะไปออกรบ ผมมุ่งมั่น รับรองจะไม่ทำให้แม่ผิดหวัง

   “แม่ แน่ใจนะไม่เข้าไปด้วยอะ” ขยับๆเข้าไปหา เลียบๆเคียงๆถามด้วยรอยยิ้มสุดแสนจะใสซื่อน่าร้ากกก งุงิๆ จนได้คำตอบเป็นมะเขกหนึ่งโป๊กเข้ากลางหัว ร้าวไปทั้งสมองเลยท่านผู้ชม

   “ไม่เข้า คนเยอะ ไม่อยากเข้าไปเบียด ไปได้แล้วไป”

   แถมส่งลูกชายผู้หล่อเหล่า เฉดหัวด้วยฝ่ามือ และถ้าผมยังโอ้เอ้อีก ฝ่าพระบาทอาจจะตามมาก็ได้ ผมจึงตัดสินใจไม่อ้อนหน่วยซัพพอต สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วมุ่งหน้าเข้าสู่ประตูสวรรค์ ภาพแรกที่เห็นทำให้ผมอุทานออกมาทันที

   “คนเยอะโคตรรรรรรรรรรรรร”

   นี่แหละงานหนังสือ หรือชื่อเต็ม งานสัปดาห์หนังสือหนังสือแห่งชาติ จัดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต แหล่งรวมหนังสือครั้งยิ่งใหญ่ที่มีทั้งเล่มเก่าเล่มใหม่ โปรโมชั่นลดราคา ของแถม สารพัด เดินทางมาง่ายๆ เพียงแค่นั่ง MRT รถไฟใต้ดินมาถึงหน้างานได้เลย หรือใครจะมาทางไหนก็สุดแล้วแต่จะสามารถ เหิดฟ้า ดำดิน วาป จั๊มเปอร์ ว่ากันไป

   ผมเบ้ปาก เดินเข้าไปด้านใน ผ่านแถวโซนอาหาร ทะลุไปยังสถานที่เปิดสงครามอย่างแท้จริง คนเยอะอย่างกับมด เดินเบียดกันไปมา ที่มือของแต่ละคนมีถุงใส่หนังสืออยู่ บางคนสะพายเป้แบบผม บางคนล่อเป็นรถเข็นมาเลย มีทุกเพศทุกวัย เด็กผู้ใหญ่ หญิงชาย มนุษย์ป้า มนุษย์ลุง

   เห็นแล้วได้แต่ถอนหายใจ มองไล่ไปตามป้ายที่อยู่ประจำแต่ละบูธที่ถูกแบ่งเป็นโซนไว้อย่างเป็นระเบียบ ทุกบูธมีแต่หนังสือวางเรียงราย ลูกค้าที่ยืนออกันหน้าบูธ คนที่เดินผ่านไปหาบูธอื่น ผมไม่สนใจพวกบูธทั่วไป สิ่งที่ผมสนใจคือสำนักพิมพ์ที่ผลิตวรรณกรรมเยาวชน หรือแหล่งรวมความวายและหนังสือการ์ตูนเท่านั้น

   ผมเดินไปตามลิสรายชื่อที่จดไว้ ไล่ซื้อหนังสือที่ต้องการจนกระเป๋าเป้เริ่มตุง สองมือเต็มไปด้วยถุงใส่หนังสือ ฟาดฟัดกับคนอื่น พยายามเสนอหน้าตัวเองซื้อหนังสือสุดชีวิต บางบูธเห็นหนังสือน่าสนใจ ผมต้องกระโดด เขย่งดูเอา ลำบากเอาเรื่อง ไม่ใช่ว่าผมเตี้ยนะ แต่คนยืนกันเยอะเกินไปต่างหากผมเลยไม่เห็น จริงจริ๊งงง

   ใช่เวลาร่วมสองชั่วโมงในการต่อสู้ครั้งนี้ บูธที่ผมยืนรอคนคิดเงินอยู่ เป็นที่สุดท้าย หมดนี้จะได้ออกจากสงครามสักที แออัดเหลือเกิน ร้อนมากด้วย เหงื่อแตกผลั่กๆแล้วเนี่ย

   “สีเหลืองหมายเลข3ค่ะ”

   “ผมครับๆ” ผมยกไม้ยกมือบอกพนักงาน พี่สาวหันมายิ้มให้ พอเห็นว่าผมเป็นผู้ชาย รอยยิ้มยิ่งกว้างขึ้นพร้อมส่งถุงหนังสือให้ถึงมือ ที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่อะไรหรอก ผมเป็นผู้ชายกำลังซื้อหนังสือวายครับ ถูก ผมคือหนุ่มวาย วะฮ่าๆๆ ไม่ติดว่าของหนังจะเท้าเอวเงยหน้าหัวเราะสักที

   “ไม่สนใจอีกภาคเหรอคะ เล่มที่น้องซื้อไปมันเป็นภาคต้นเองนะ นี้ๆ เรื่องนี้ก็สนุก พี่อ่านมาแล้วเด็ดมาก แนวโชตะคอน เหมาะกับน้องมากเลย”

   ตุบ!

   ได้ยินเสียงหนังสือร่วง ผมมัวแต่เพ่งนิยายที่พี่พนักงานแนะนำเลยไม่ได้หันไปดู คิดคำนวณเงินในกระเป๋าอยู่ว่าจะพอซื้อแบบครบเซตรึเปล่า

   “ขอโทษครับ”

   เสียงทุ้มนุ่มดังอยู่ไม่ไกล อยากจะหันไปมองอยู่ ยังไงก็หนุ่มวายด้วยกัน ติดแต่ผมสนใจนิยายวายโชตะที่พี่สาวยื่นมาให้มากกว่า กำลังอ่านเนื้อหาด้านหลังพอดี น่าสนใจพอสมควร ผมเลยหยิบเอาเล่มนี้กับไอภาคต่อส่งให้พี่พนักงานคิดเงินอีกรอบ หลังได้รับหนังสือ กำลังจะเดินไป ประจวบเหมาะกับผู้ชายที่อยู่ข้างๆจ่ายเงินเสร็จพอดี ทีนี้เป็นไงครับ

   ประสานงากันอะดิ! ต่างคนต่างชน แต่คนที่ปลิวน่ะ มันผมคนเดียว อีกฝ่ายขนาดเซไปซักมิลยังไม่มี ใช่ซี้ ผมถือของหนังเลยรากฐานไม่มั่นคงต่างหาก พอผมเงยหน้ามอง ผ่ามือใหญ่ที่ถือถุงสารพัด เอิ่ม... เยอะกว่าผมอีกสักสองเท่าได้ เฮอะ เพราะผมยังเด็กหรอก จิ๊ๆ รอโตก่อน ถือของคนชนไม่ปลิวเหมือนกันนั้นแหละ

   “น้องครับ.. เป็นอะไรมากมั้ย? ขอโทษทีนะพี่ไม่ทันเห็น”

   เสียงเดียวกับคนที่ทำหนังสือตกหลังได้ยินคำว่าโชตะคอน คราวนี้ผมเงยหน้ามองชัดๆ

   อือหือ โอ้แม่เจ้า แม่! ผมอยากได้แบบเน้ อยากโตไปเป็นแบบนี้ อุทรณ์หนักหน่วงและรุนแรง ชายตรงหน้าสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กางเกงสแลคสีดำ รองเท้าหนังเงาวับเหมือนพนักงานบริษัทแอบหนีเที่ยวมาช้อปวาย ด้านหลังสะพายกระเป๋าเป้ไว้ใส่หนังสือแบบเดียวกับหลายๆคนและตัวผมที่อยู่ในงาน จุดดึงดูดโฟกัสจากสายตาผมมากที่สุดคือใบหน้า หล่อมาก หล่อแบบมาดผู้ใหญ่ ดวงตาคม คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากได้รูป เสียงนุ่มๆกับความเป็นห่วงที่แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

   ผมติดสตั๊นไปชั่วขณะ มองลำคอแกร่งกับไหล่กว้าง หุ่นใต้ผ้านั้นต้องดีมากแน่ๆ อยากได้ อยากได้ เค้าอยากหล่อหุ่นดีแบบนี้อะ

   “ไม่เจ็บตรงไหนใช่มั้ย? ข้อเท้าเจ็บรึเปล่า?”

   สายตาห่วงใยเพิ่มอีกสิบระดับ ชายหนุ่มร่างสูงวัยทำงาน ย่อตัวลงมาช่วยเก็บหนังสือของผมที่กระจายออกจากถุงเพราะล้มก้นจ้ำเบ้า สติเอ๋ยจงกลับมา ผมรีบช่วยเก็บทันที กลัวเหลือเกินว่าจะมีใครเดินมาเหยียบเหล่าหนังสือสุดที่รักที่ผมยังไม่ได้แม้แต่เปิดอ่าน เพราะมัวแต่สนใจหนังสือ

   คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อเห็นว่า ถุงที่ใส่หนังสือตอนแรก หูหิ้วมันขาดไปซะแล้ว สงสัยคงเป็นเพราะตอนชนตะกี้ มันไปเกี่ยวกับอะไรเข้า ผสมกับความหนังเลยทำให้ขาด

   เขาหยิบถุงผ้าสำรองจากถุงตัวเองมาเปลี่ยนใส่หนังสือให้ผม ก่อนจะช่วยดึงผมขึ้นเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้เจ็บอะไรนัก นอกจากความตกใจ

   “มะ ไม่เจ็บครับ ผมซุ่มซ่ามไม่ดูทางเอง ขอโทษด้วยนะฮะ” ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายถาม เลยตอบกลับไป เงยหน้ายิ้มให้แบบ ผมไม่เจ็บจริงๆเน้อ เห็นอีกฝ่ายชะงักไปชั่วครู่ พริบตาเดียวกลับเป็นปกติถามผมต่อ

   “หลงทางรึเปล่าครับ? ทำไมมาเดินคนเดียวล่ะ? แล้วคุณแม่ไปไหน?”

   โอ๊ะ อีกฝ่ายเก่งแฮะที่รู้ว่าผมมากับแม่ ผมเลยตอบไป มองถุงผ้าที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ เฮ้ยนี้มัน ถุงผ้าที่ต้องซื้อหนังสือครบพันถึงจะได้ แถมมีจำนวนจำกัด ให้กันง่ายๆแบบนี้จะดีเรอะ

   “แม่ผมรออยู่ข้างนอกครับ พี่ชายให้ถุงผ้าผมจริงอะ”

   คือมัน เอาไปขายต่อยังได้เลยนะนี้ มีหลายคนที่อยากได้ถุงผ้านี้แต่มาซื้อไม่ทัน ถูกพวกมาตั้งแต่วันแรกๆเหมาไปหมด ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

   “อืมมม พี่ให้เอาไปเถอะ ไม่งั้นเราจะถือหนังสือยังไงล่ะ?” พี่ชายสุดหล่อแถมใจดี พยักหน้ารับน้อยๆ ด้วยรอยยิ้มบางแล้วถามผมต่อ เอาใจผมไปเลยพี่ หล่อมาก นี้แหละ ไอดอล!

   “แล้วนี่ซื้อเสร็จรึยัง? หาทางออกเจอมั้ย?”

   “ซื้อเสร็จแล้ว ผมกำลังจะออกไปหาแม่พอดีเลยครับ” ผมตอบไปตามจริง ของที่อยากได้สอยหมดครบเรียบร้อย ส่วนเรื่องทางออก เหอะๆ เอาหน่า เดินมั่วๆ เดี๋ยวคงเจอทางออกเองแหละ ใช้เวลาเท่าไหร่ไม่รู้นะ ว่าแต่...หนังสือพวกนี้หนักชิบ

   “มา... เดี๋ยวพี่ไปส่งดีกว่า นัดเอาไว้ตรงไหนล่ะ? หน้าฮอลล์หรือตรงรถไฟใต้ดิน?”

   “ผมนัดไว้แถวด้านหน้าก่อนถึงรถไฟใต้ดินฮะ” พี่ชายใจดีเหมือนเห็นผมแบกหนัก เลยช่วยถือจนหมด เหลือแค่เป้ที่ผมสะพายอยู่  ผมทึ่งจริงๆ ไม่ใช่จำนวนน้อยๆนะ แถมไอที่พี่เขามีอยู่แล้วก็เยอะ แบกไปได้แบบสบายๆ เหมือนถือถุงมันฝรั่งทอดกรอบที่ขายแต่ลมยี่ห้อหนึ่ง

   “โอเค” เขารับคำ ใช้มือข้างที่วางจูงมือผม ในช่วงนี้เองที่ได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆ ผมหันไปมองรอบตัวถึงกับชะงัก เหล่าสาววายและพนักงานประจำบูธหนังสือนิยายวาย มองพวกเราตาเป็นประกาย สายตาทุกคนจ้องไปยังมือหนาที่กอบกุมมือผมอยู่เหมือนผู้ใหญ่ดูแลเด็กน้อย ผมอึ้งอ้าปากค้าง

   กลายเป็นหนุ่มวายสองคนสร้างความฟิน กระตุ้นต่อมจิ้นสาววายซะแล้ว ยิ่งส่วนสูงห่างกันร่วมยี่สิบเซน และอายุที่แตกต่าง พนักงานขายไซโคนิยายวายโชตะคอนให้เหล่าสาววายรัวๆ บอกคนจูงให้หยุดได้มั้ยหนิ รู้สึกอยากเดินกลับไปทวนค่าพรีเซนเตอร์จากบูธนั้นยังไงชอบกล

   แต่ดูอีกคนไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นเลย จูงมือผมเดินลัดเลาะคนไปตามทาง แถมใช้รูปร่างตัวเองเป็นใบเบิกทางเบียดชาวบ้านให้ผมที่เดินตามต้อยๆ ไม่โดนเบียดอีกต่างหาก ผมมองแผ่นหลังกว้างที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยดีจัง ผมเป็นลูกคนเดียว ฝันอยากมีพี่ชายสักคนมานานแล้ว ล่อลวงให้มาเป็นพี่เลยดีมั้ยนะ อืมๆ เข้าท่าๆ

   ใช้เวลาไม่นาน เราสองคนก็มาถึงประตูทางออก ตรงจุดนี้คนโล่งขึ้น พี่ชายใจดีเลยปล่อยมือผม

   “พี่ชายใจดีจัง ผมชื่อปอนด์ พี่ชายชื่ออะไรเหรอครับ” ปกติผมไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้านะ ออกจะเกร็งๆ อายๆด้วยซ้ำ แต่กลับคนนี้ รู้สึกต่างไปจากคนอื่นๆ ไม่อยากเจอแล้วก็จากไป อยากทำความรู้จัก ผมเลยแนะนำตัวถามชื่ออีกฝ่ายไว้ด้วยรอยยิ้ม

   “พี่ชื่อเฟย์ ปอนด์อายุเท่าไหร่เหรอ?” พี่ชายใจดี ไม่สิ พี่เฟย์ถามกลับเสียงนุ่ม

   “15ครับ ผมขอเอ็มพี่ชายได้มั้ย” ผมงัดเอาลูกอ้อนที่ชอบใช้กับแม่มาเลยเอ้า หวังว่าพี่ชายใจดีจะไม่ใช้เท้ายันผมเหมือนแม่นะ

   “หาา!! เด็กม.ต้น? พี่นึกว่าเราอยู่ประถมซะอีก”

   ผมชะงัก ยิ้มค้าง นึกอยากคว้าเป้ที่สะพายอยู่ฟาดใส่คนตรงหน้าจริงๆ ผมหล่อขนาดนี้ดูยังไงเป็นเด็กประถมฟะ! ระหว่างที่กำลังคิดเถียงอยู่ พี่เฟย์ ขอเรียกแบบนี้เลยแล้วกัน หยิบกระดาษจดใบเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เขียนเมล์มาให้ผม แถมหยิบอีกใบมาให้ผมเขียนด้วย ผมเลยต้องพับโครงการเอาคืนไปก่อน คิดซะว่าพี่ชายใจดีช่วยตั้งเยอะ เรื่องแค่นี้จะหยวนๆไปแล้วกัน พร้อมจดอีเมล์ตัวเองยื่นส่งให้

   แม่ผมที่นั่งรออยู่ เห็นผมแล้วกำลังเดินมาหา ผมเลยต้องบอกลาพี่เฟย์

   “ผมไปก่อนนะครับ ขอบคุณพี่เฟย์มากเลย แม่ผมมาแล้ว แล้วก็...ผมอยู่ม.4ต่างหากฮะ”

   ผมรับหนังสือมาถือไว้เอง ก้มหัวให้เพราะไม่มีมือยกโบกลา แล้ววิ่งทั่กๆไปหาแม่ที่เดินล่วงหน้าไปตรงทางลงรถไฟใต้ดิน แอบหัวเราะกับอาการอึ้งของคนตัวโตที่ยืนนิ่ง

   พอผมกลับถึงบ้าน รีบกองๆหนังสือตัวเองไว้บนเตียง แล้วเปิดคอมหยิบกระดาษขึ้นมาแอดเอ็มไปหาทันที ตามประสาเด็กวัยรุ่นใจร้อนและหล่อมาก ระหว่างนั้น เปิดคอมทิ้งไว้ หยิบหนังสือมานอนกลิ้งอ่านเล่นบนเตียงรอ พอได้ยินเสียงแจ้งเตือนมีคนออนที ค่อยเงยหน้าขึ้นไปดูทีหนึ่ง กระทั่งมีคนทักมา เป็นเมล์ที่ผมเพิ่งแอดออนนั้นแหละ ถึงวางหนังสือในมือ พุ่งไปรัวแป้นพิมพ์

   เห็นงี้ผมพิมพ์ไวนะ ตามประสาพวกเล่นเกมออนไลน์ เวลาคุยต้องพิมพ์ไวๆ ไม่งั้นโดนมอนในเกมตบตายก่อน

   fay_ie : สวัสดีครับ... ใครเอ่ย?

   Ponda : ปอนด์เองฮะ นึกว่าพี่จะไม่รับซะแล้ว

   fay_ie : อ่ออออ ถึงบ้านแล้วสินะ อ่านหนังสือเพลินเลยสิ ซื้อไปตั้งเยอะนี่นา

   Ponda : 5555+ เพลินจนพี่ออนนี้แหละฮะ

   พวกเราคุยกันยาว ลืมหนังสือไปชั่วคราว แถมคุยกันถูกคอสุดๆ ด้วยความที่เป็นหนุ่มวายเหมือนกัน ผมเองไม่มีเพื่อนคุยเรื่องแบบนี้ด้วย เลยชอบมาก หลังจากนั้นพอออนทีไรก็คุยกันตลอด พอผมกลับจากโรงเรียน หรือมีช่วงที่ครูปล่อยตอนเรียนคาบคอม จะต้องคุยกับพี่ชายคนนี้เสมอ พวกเราเริ่มสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งแลกเบอร์โทร ที่ไม่ค่อยได้ใช้ ส่วนใหญ่ยังคุยเอ็มกันเหมือนเดิม

   fay_ie : เรื่องนี้สนุกนะ พี่รับรองเลย

   Ponda : จริงเหรอพี่! อยากซื้อนะ แต่ค่าขนมหมดแล้ว กว่าจะได้ซื้อคงต้องเก็บเงินอีกสักระยะ T^T

   fay_ie : ฮ่าๆ เอาแบบนี้มั้ย มายืมของพี่ไปอ่านก่อน ถ้าถูกใจจริงๆค่อยซื้อเก็บ

   Ponda : ฮุเร่ ได้อ่านหนังสือฟรีแล้ว ว่าแต่ จะให้ผมไปเอามาจากพี่ยังไงอะ หรือพี่จะส่งไปรษณีย์

   fay_ie : ไม่ต้องวุ่นวายขนาดนั้นหรอก อยู่กรุงเทพเหมือนกัน ถึงจะไกลกันหน่อย เอางี้ พวกเราไปเจอกันที่ห้าง ค      นละครึ่งทางดีมั้ย

   Ponda : ได้ฮะ วันไหนดี เสาร์มะ พรุ่งนี้เลย ผมใจร้อนอย่างอ่านไวๆ

   fay_ie : วันเสาร์ก็ได้ เจอกัน11โมง พี่ไม่คิดว่าเราจะตื่นไวหรอกวันหยุด ขนาดวันธรรมดายังสายเลย

   Ponda : โหยยย ดูถูก ดูถูกแล้วล่ะพี่ ผมไม่ตื่นเช้าหรอก ก๊ากกก ไว้เจอกันวันเสาร์ฮะ

   fay_ie : หึหึ ไว้เจอกัน ถึงแล้วโทรหาพี่ด้วย

   Ponda : คร้าบบบบ

   ถึงเวลาออฟไลน์พอดี ต่างคนต่างล่ำลากันแยกย้ายไปนอน ผมเองถูกแม่ดุไปหลายรอบแล้วเหมือนกัน หลังจากเจอกันวันงานหนังสือ พรุ่งนี้จะเป็นครั้งที่สองที่ได้เจอกัน รู้สึกตื่นเต้นชะมัด


Fay Talk

   ณ บริษัทใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มร่างสูงกำลังง่วนกับการเก็บข้าวของบนโต๊ะทำงานตัวเอง หลังจากเคลียงานส่งให้พนักงานในแผนกเสร็จเรียบร้อยแล้ว วันนี้เป็นวันหยุดของเขา แต่ต้องมาทำงานครึ่งวัน เพราะต้องเคลียงานด่วนที่คั่งค้างจากเมื่อวาน

   คำนวณเอาไว้แล้วว่า ช่วงบ่ายจะไปงานหนังสือสักหน่อย มีหนังสือหลายเล่มที่อยากได้ ซื้อเหมารวดที่เดียวงานหนังสือเลยก็ดี จะได้ไม่ต้องคอยตามเก็บจากร้านหนังสือต่างหาก แถมได้ส่วนลดกับพวกของแถมด้วย

   พอมาถึงงาน ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ วันหยุดคนเยอะอย่างที่คิด จะให้มาวันธรรมดาคงไม่ได้ เพราะเขาต้องทำงานตั้งแต่เช้าจรดเย็น บางวันมีประชุมจนถึงค่ำอีก

   เขาเบียดตัวเองฝ่าฝูงชน อาศัยความที่ตัวเองเป็นคนตัวสูง(มาก) เป็นข้อได้เปรียบในการซื้อหนังสือที่ต้องการ ผ่านไปไม่กี่นาที หนังสือเริ่มเต็มมือ โชคดีที่เขาพกพวกถุงผ้ามาจากบ้านด้วย รวมกับของแถมที่ได้มาไม่ต้องห่วงเลยว่าถุงจะขาดก่อนถึงบ้าน

   เฟย์มีรถ แต่ไม่คิดจะขับ ยกเว้นจำเป็นจริงๆถึงจะใช้ ปกติจะอาศัยรถขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงานทุกวัน จะได้ไม่ต้องไปทนรถติดบนท้องถนน คิดแล้วก็ขำ ถึงเขาจะหลีกเลี่ยงยังไง ตอนนี้คงต้องทนกับการจารจรติดขัดของคนที่แห่กันมาซื้อหนังสืออยู่ดี

   ระหว่างซื้อหนังสือ มีหลายคนมองเขา เพราะแต่ละบูธ นอกจากพวกหนังสือต่างประเทศที่ต้องการ ยังมีพวกหนังสือความชอบส่วนตัวอีกต่างหาก ชายหนุ่มวัยทำงาน มาสภาพเหมือนเพิ่งออกจากบริษัท กำลังเลือกหยิบนิยายวายขึ้นมาดูอย่างเพลิดเพลิน

   ใช่แล้ว เขาเป็นหนุ่มวายเต็มตัว หนังสือวายที่ว่าหายากหลายเล่มเขามีหมด พวกเล่มเก่าๆ ของแรร์เขาก็มี พวกใหม่ๆดังๆที่สนุกน่าสนใจก็ครบ และอีกเซตใหญ่ๆ ที่กำลังจะซื้อไปถมห้อง ระหว่างที่กำลังเลือกนิยายวายในบูธหนึ่งอยู่ มีเสียงเล็กขานรับพนักงานดังขึ้นข้างๆ

   “ผมครับๆ” เขาหันไปมองไม่เห็นตัว ต้องก้มถึงจะเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กหน้าตาน่ารักคนหนึ่งยืนคุยกับพนักงานอยู่ คิ้วเข้มเลิกขึ้นแปลกใจ มุมปากยกยิ้มเอ็นดูหนุ่มวายตัวน้อย

   เฟย์เป็นพี่ชายคนโต มีน้องชายหนึ่งคน เลยทำให้เป็นคนช่างดูแล และเอ็นดูพวกเด็กๆที่มีอายุน้อยกว่าตามประสาคนที่มีจิตวิญญาณของความเป็นพี่อยู่เต็มเปี่ยม ที่สำคัญนอกเหนือจากความชอบเรื่องวายแล้ว เขายังชื่นชอบพวกของน่ารักมากเป็นพิเศษ ไม่ใช่พวกสีชมพู ของกุ๊กกิ๊ก มีระบายอะไรแบบนั้น แต่เป็นพวกตุ๊กตาสัตว์ อะไรที่กลมๆ  น่ารักๆ ถ้ายิ่งเป็นแมวเขาจะยิ่งชอบมาก ก็เขาเป็นทาสแมวหนิ

   ดวงตาคมก้มมองนิยายวายที่อยู่ในมือ หน้าปกเป็นรูปผู้ชายวัยทำงาน กับเด็กน้อยน่ารัก แนวโชตะคอน.... แอบหลุดหัวเราะเบาๆ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น มีโชตะตัวจริงอยู่ข้างๆซะด้วย

   “ไม่สนใจอีกภาคเหรอคะ เล่มที่น้องซื้อไปมันเป็นภาคต้นเองนะ นี้ๆ เรื่องนี้ก็สนุก พี่อ่านมาแล้วเด็ดมาก แนวโชตะคอน เหมาะกับน้องมากเลย”

   ตุบ!

   หนังสือในมือร่วงทันที เฟย์ยิ้มบาง เอ่ยขอโทษพนักงานกับลูกค้าคนอื่นที่หันมามอง นึกปลอบตัวเองให้ใจเย็น อย่าเพิ่งร้อนตัว

   “ขอโทษครับ”

   เขายื่นหนังสือที่ทำหลุดมือยื่นให้พนักงานคิดเงินรวมกับเล่มอื่น ยังไงก็สนใจอยู่แล้ว ซื้อไปสักหน่อยแล้วกัน พอได้ของ กำลังจะหมุนตัวเดินออกจากบูธไปดูที่อื่นต่อ รู้สึกเหมือนมีอะไรมาชน พอก้มลงไปมอง เวรล่ะสิ... ทำไมไม่เห็นวะ? อ่อ เด็กคนนี้ตัวเล็กเกิน ผมเลยมองไม่เห็น

   “น้องครับ.. เป็นอะไรมากมั้ย? ขอโทษทีนะพี่ไม่ทันเห็น ไม่เจ็บตรงไหนใช่มั้ย? ข้อเท้าเจ็บรึเปล่า?”

   เฟย์รีบถามทันทีด้วยความเป็นห่วง เด็กตัวเล็กนิดเดียว เขาตัวใหญ่กว่าเยอะ โดนชนไปปลิวไปนั่งแปะกับพื้นอย่างนั้น น่าสงสาร เขาก้มลงไป รีบช่วยเก็บหนังสือขึ้นมาใส่ถุง ก่อนขมวดคิ้ว อ่า... บางใบก็ขาดซะด้วย เลยจัดการหยิบถุงผ้าที่พับใส่ในช่องข้างกระเป๋าออกมาใส่หนังสือซะเลย ก่อนจะส่งคืนให้

   “มะ ไม่เจ็บครับ ผมซุ่มซ่ามไม่ดูทางเอง ขอโทษด้วยนะฮะ”

   เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ ใบหน้าน่ารักยังคงความอ่อนเยาว์แบบที่น่าแปลกมาเดินงานหนังสือหอบข้าวของเยอะแยะคนเดียวโดยไม่มีผู้ปกครอง เขามองซ้ายมองขวา ไม่เห็นผู้ใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นผู้ปกครองได้ ทำไมปล่อยให้มาเดินคนเดียวนะ เดี๋ยวก็โดนใครอุ้มไปหรอก งานหนังสือยิ่งคนมากหน้าหลายตาอยู่ด้วย

   “หลงทางรึเปล่าครับ? ทำไมมาเดินคนเดียวล่ะ? แล้วคุณแม่ไปไหน?”

   “แม่ผมรออยู่ข้างนอกครับ พี่ชายให้ถุงผ้าผมจริงอะ” แปลกจริง ทำไมถึงปล่อยลูกเข้ามาเดินคนเดียวนะ ช่างเถอะ

   “อืมมม พี่ให้เอาไปเถอะ ไม่งั้นเราจะถือหนังสือยังไงล่ะ?” พยักหน้ารับน้อยๆ ด้วยรอยยิ้มบางๆ เจ้าตัวเล็กนี่น่ารักวุ้ย เหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ ยังไงชอบกล คิดพลางช่วยดึงให้ลุกขึ้นยืนดีๆ ปากเจ้าหนูนี่บอกเหมือนไม่อยากได้ แต่ตากลมโตนั้นไม่ได้ปิดบังความดีใจเอาไว้เล้ย เด็กหนอเด็ก

   “แล้วนี่ซื้อเสร็จรึยัง? หาทางออกเจอมั้ย?”

   “ซื้อเสร็จแล้ว ผมกำลังจะออกไปหาแม่พอดีเลยครับ” เขานิ่งคิดไปสักแปบ ไปส่งหน่อยดีกว่า ตัวเล็กแบบนี้ปล่อยเดินคนเดียวไม่รู้จะหลงไปทางไหนรึเปล่า

   “มา... เดี๋ยวพี่ไปส่งดีกว่า นัดเอาไว้ตรงไหนล่ะ? หน้าฮอลล์หรือตรงรถไฟใต้ดิน?”

   “ผมนัดไว้แถวด้านหน้าก่อนถึงรถไฟใต้ดินฮะ”

   “โอเค”

   เขาฉวยเอาถุงหนังสือที่อีกฝ่ายถือเอาไว้ซะจนมือแดงน่าสงสารมาถือซะเอง แล้วจูงมือข้างที่ว่างเดินลัดเลาะคนไปตามทาง ใช้รูปร่างตัวเองกันคนจากเจ้าตัวเล็กที่เดินตามหลัง พอถึงหน้าประตู คนบางตาผมถึงปล่อยมือ

   “พี่ชายใจดีจัง ผมชื่อปอนด์ พี่ชายชื่ออะไรเหรอครับ”

   เสียงเล็กๆไม่ทำดาเมจเท่ารอยยิ้ม คนเดินนำเกือบทำหนังสือหลุดมือกับความน่ารัก อูยยยย เด็กนะเด็ก คุกนะมึงไอ้เฟย์ นี่มันเด็กประถม!! เขารีบเตือนสติตัวเอง...

   “พี่ชื่อเฟย์ ปอนด์อายุเท่าไหร่เหรอ?”

   “15ครับ ผมขอเอ็มพี่ชายได้มั้ย”

   “หาา!! เด็กม.ต้น? พี่นึกว่าเราอยู่ประถมซะอีก”

   แทบสะดุดล้มหัวทิ่ม หันขวับไปมองเจ้าตัวเล็กที่ยิ้มตาใสมาให้แล้วก็ใจอ่อน แลกก็แลก... น่ารักขนาดนี้ยอมให้ก็ได้!! ปกติผมไม่ยอมแจกเมล์ให้ใครง่ายๆนอกจากเรื่องงานนะเนี่ย เขาหยิบกระดาษสำหรับจดเล็กๆน้อยๆของตัวเองออกมาเขียนเมล์ยื่นให้เด็กน้อยตรงหน้า พร้อมกับให้เจ้าหนูเขียนแลกมาด้วย

   “ผมไปก่อนนะครับ ขอบคุณพี่เฟย์มากเลย แม่ผมมาแล้ว แล้วก็...ผมอยู่ม.4ต่างหากฮะ”

   ลับหลังเด็กน้อยที่เดินตามหลังแม่ไป ผมยืนอึ้งอยู่กับที่

   “หาาา! เด็กม.ปลายเรอะ? ทำไมหน้ามันเด็กจังวะ” พึมพำแล้วก็ส่ายหัวน้อยๆ แล้วกลับบ้าง เพราะนั่ง MRT ต่อด้วย BTS ใช้เวลาไม่ถึงเท่าไหร่ เขาก็กลับมาถึงบ้านที่เป็นคอนโดห้องชุดติดรถไฟฟ้า

   มือวางข้าวของแล้วจัดเก็บเข้าตู้ ไว้ว่างๆค่อยมานั่งไล่อ่าน ก่อนไปล้างไม้ล้างมือให้เรียบร้อย มาเปิดคอมเปิด msn ขึ้นมาคุยกับเพื่อนๆ ที่กำลังออนไลน์อยู่ สายตาสะดุดเข้ากับชื่อไม่คุ้นที่แอดเข้ามา

   “ใครหว่า?? อาจจะเป็นน้องคนเมื่อกลางวันก็ได้ล่ะมั้ง” เขากดรับแล้วทักไป รอจนอีกฝ่ายตอบกลับมา เป็นเด็กที่เจอวันนี้จริงๆซะด้วย ไปๆมาๆพวกเราเลยคุยกันยาวตั้งแต่วันนั้น

   ผ่านไปหลายเดือนก็ยังคุยกันอยู่ ผมเริ่มที่จำทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือการรอให้เด็กน้อยออนมาคุยกันในช่วงเวลาว่างจากงานของผม เราคุยกันสารพัดเรื่อง แลกเปลี่ยนความคิดกันบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะคุยเรื่องหนังสือวายกับนั่งอ่านเด็กน้อยบ่นซะมากกว่า เพลินดีไม่ใช่น้อย อย่างกับได้น้องชายเพิ่มอีกคน น่ารัก ขี้อ้อนอีกต่างหาก ไม่เหมือนน้องชายผม มันไม่ใสน่ารักแบบนี้ เจ้าเล่ห์เหมือนใครก็ไม่รู้

   จนกระทั่งพวกเราได้นัดเจอกันครั้งที่สอง ในตอนนั้นผมยังมองน้องเขาเป็นเพียงน้องชายคนหนึ่ง ส่วนเรื่องราวหลังจากนี้ คงต้องรอดูกันไป
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่1 พี่ชายในฝัน [20/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 20-06-2015 04:50:42
น่ารักเกินทั้งพี่ชายน้องชายเลย
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่1 พี่ชายในฝัน [20/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 20-06-2015 08:13:23
น้องปอนด์น่ารักกกกกกก
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่1 พี่ชายในฝัน [20/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 21-06-2015 13:38:30
ชูป้ายโชตะค่อนรัวๆๆๆ โอยยยยยยยยยยยยยยยยยย สาวกโชตะจะละลายแล้วจ้าาาา น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :haun4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่2 เด็กขี้อาย [21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 21-06-2015 18:39:23
วายที่2 เด็กขี้อาย
   
   สาย บอกได้เลยว่าสาย! ผมตื่นสาย!! ทั้งที่นัดกับพี่ชายในดวงใจไว้ เมื่อคืนผมดันตื่นเต้นจนนอนไม่ค่อยหลับ กว่าจะหลับเล่นเอาเกือบสว่าง และคนที่โทรมาปลุกไม่ใช่ใครเลย คนที่ผมนัดไปนี้แหละ

   ผมนอนอืดใต้กองผ้า ข้างเตียงมีมือถือวางสงบนิ่งอยู่ จนมันเริ่มแผดเสียงร้องปลุกคนขี้เซา แขนเล็กเอื้อมไปคว้ามาปิดเสียงปลุก แล้วกอดโทรศัพท์นอนอย่างสงบสุข เสียงโทรศัพท์ร้องอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เสียงที่ผมตั้งปลุกเอาไว้ ไม่รู้เทพอะไรดลใจ ผมคว้ามากดรับแบบเมาขี้ตาสุดๆ

   “ฮัลโหลครับ...”

   น้ำเสียงงัวเงียระยะสุดท้ายดังลอดไปตามสาย คนโทรมาชะงักไปเล็กน้อย เอามือถือมาดูหน้าจอชัดๆอีกครั้ง เสียงอู้อี้แหบพร่าเล็กน้อย ประเด็นคือมันปลุกสัญชาตญาณบางอย่างในตัวออกมา เฟย์ลูบหน้าพรืด กรอกเสียงไปตามสาย

   “นั่นปอนด์รึเปล่าครับ”

   ถามด้วยความไม่มั่นใจ ถึงเจ้าตัวยุ่งจะบอกว่าอยู่กับแม่แค่สองคน แถมหมาหนึ่งตัว กับปลาอีกฝูง ไม่แน่ว่าอาจจะมีใครคนอื่นมารับโทรศัพท์แทนก็ได้ เพราะไอเสียงที่ได้ยินมันช่างเชิญชวนผิดกับเสียงเล็กๆฟังเพลินอย่างทุกทีราวฟ้ากับเหวนรก

   “ผมเอง นั่นใครฮะ”

   อีกคนยังเมาขี้ตาไม่เลิก เฟย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เดาได้แล้วไม่พลาดแน่ ไอตัวเล็กมันยังไม่ตื่น เขาหันไปสั่งกาแฟกับพนักงานเพิ่มอีกแก้ว งานนี้รอนานชัวร์

   “พี่เอง ยังไม่ตื่นสินะ ลุกได้แล้ว เรานัดพี่ไว้ตอน 11 โมงไม่ใช่เหรอ”

   เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดึงสติคนขี้เซาให้ลุกพรึบจากหมอน ดวงตาเบิกกว้างอ้าปากค้าง ก้มลงมองเวลาบนมือถือ เฟย์เหมือนรู้ทัน ยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูเกือบสุดแขน

   “อ๊ากกกกกกกกก! สายแล้ว ว๊ากๆๆๆๆ พี่ขอโทษฮะผมนอนเพลิน อย่าบอกนะว่าพี่ถึงแล้ว โธ่ ทำไงดีๆ โดราเอมอนนนนช่วยปอนด้าด้วยยยย” เสียงโวยวายทำให้เฟย์ส่ายหัวเอือม หันไปก้มหัวให้โต๊ะข้างๆเล็กน้อยเป็นเชิงขอโทษ เพราะเจ้าตัวเล็กดันส่งเสียงแปดหลอดทะลุผ่านโทรศัพท์ไปรบกวนชาวบ้านเขา

   “ใจเย็นๆ โดเรมอนก็ไม่ช่วยหรอก อย่าเอาแต่วิ่งไปวิ่งมา ไปอาบน้ำได้แล้ว!”

   พี่ชายจำเป็นเอ่ยเตือนสติ ร่างเล็กที่วิ่งไปมาในชุดนอนลายอุ้งเท้าแมวหยุดชะงักอยู่กับที่

   “พี่รู้ได้ไงว่าผมวิ่งอยู่ ช่างเถอะ สายแล้วๆ ผมอาบน้ำแปบจะรีบไปเดี๋ยวนี้”

   ติ๊ด

   ผมรีบกดวางสาย ถอดเสื้อผ้าพุ่งเข้าห้องน้ำ วิ่งผ่านน้ำแค่ห้านาที แต่งตัวอีกห้านาที แล้วคว้าของที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ถลาออกจากบ้านด้วยความไวแสง ขนาดแม่ยังส่ายหัวระอา บอกไล่หลังว่าเดินทางดีๆ ผมขานรับคำ วิ่งทั่กๆออกจากบ้าน คว้าจักรยานปั่นไปหน้าปากซอย โบกแท็กซี่ไปส่งBTS นั่งยาวไปลงที่ห้าง

   ใช้เวลาร่วมชั่วโมงกว่าในการเดินทาง เพราะเป็นวันหยุด อยู่ในช่วงเที่ยงคนกำลังออกมาหาอะไรทานกัน ถ้ามาแบบถนนโล่ง ครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว มือเล็กหยิบโทรศัพท์กดโทรไปหาอีกคนที่รออยู่

   “ฮัลโหล พี่อยู่ตรงไหนเหรอ แฮ่ก ฮะ ผมถึงแล้ว เหนื่อย”

   พูดไปหอบไป ดวงตากลมโตมองซ้ายมองขวา มือถือถุงกระดาษแบบหนาใส่หนังสือมาหลายเล่ม เพื่อเอามาแลกกันในวันนี้

   “อยู่ร้านกาแฟ พี่เห็นเราแล้ว เดี๋ยวออกไปหาเอง ยืนรอตรงนั้น”

   ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก กดวางสายเก็บโทรศัพท์ใส่กางเกงสี่ส่วนหลายกระเป๋า กับเสื้อยืดสบายๆ ดวงตามองนู่นมองนี้ไปเรื่อย ห้างนี้ใหญ่เอาเรื่อง ผมไม่เคยมา ทุกคนแต่งตัวดูมีฐานะกันหมดแอบเกร็งๆ ก้มดูเสื้อผ้าตัวเองกับรองเท้าแตะหนีบ ถ้ารู้ว่ามาห้างใหญ่แบบนี้ใส่เสื้อผ้าดีๆมาก็ดีหรอก

   จู่ๆ มีสัมผัสอุ่นจากมือหนาวางลงบนหัว ผมเงยหน้าขึ้นมอง เหมือนความหล่อทิ่มแทงจนต้องหรี่ตา ให้ตาย! ผู้ชายที่เข้ามาหาผมคนนี้ใส่เพียงแค่เสื้อยืดกางเกงยีนธรรมดา ดูๆแล้วเหมือนแบรนด์ตลาดไม่มีราคาค่างวดอะไรมากมาย แต่พอมาอยู่บนตัวคนๆนี้ กลายเป็นชุดมียี่ห้ออย่างกับนายแบบใส่ออกมาเดินเอง โลกมันไม่ยุติธรรมกับผมจริงๆ ผมเบ้ปากเซ็งๆ

   “เป็นอะไรเรา ดูซิ รีบมาใช่มั้ย วันหลังไม่ต้องรีบก็ได้ มันอันตราย”

   ผมส่ายหัวขวับๆ ไอเหนื่อยเพราะรีบอะหายแล้ว ตอนนี้กำลังช้ำใจกับความมินิไซส์ของตัวเอง ชิ สักวัน พอโตขึ้น จะสูงหล่อมาดแมนให้ดู ผมกำหมัดชูแบบมุ่งมั่นเต็มที่ พี่เฟย์มองอาการผมอย่างสงสัย ก่อนจะหัวเราะในคอเบาๆ

   “ทำอะไรน่ะเรา ไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า อยากกินอะไร”

   พี่ชายใจดีลูบๆหัวผมเพลินมือไม่น้อย ได้ยินเจ้าตัวพึมพำว่าเหมือนกำลังลูบหัวลูกแมวอยู่ ผมขมวดคิ้ว ไอหัวยุ่งๆของผมมันเหมือนหัวลูกแมวตัวจิ๊ดตรงไหน

   “ผมอยากกินอาหารญี่ปุ่น อยากกินไอติม อยากไปดูหนังสือด้วย”

   “มาเป็นชุดเชียวนะ งั้นไปร้านนู่นแล้วกัน คนไม่เยอะ รสชาติโอเค จะได้ไม่ต้องรอนาน”

   ของในมือผมถูกอีกคนเอาไปถือไว้เองจนหมด ผมเลยเดินตัวปลิวปล่อยให้พี่เฟย์จูงมือไปที่ร้าน พนักงานสาวยิ้มรับ เชิญพวกเราเข้าไปด้านใน พอเมนูอาหารมาอยู่ในมือเท่านั้นแหละ ผมแทบวางอยากออกจะร้าน อ๊ากกก แพงไปแล้ว เงินที่แม่ผมให้มาไม่พอจ่ายแหงๆ

   คนตรงหน้าดูไม่สะท้าน สั่งนู่นสั่งนี้สบายใจ ผมหลุกหลิกอยู่กับที่ ดวงตาคมเลิกคิ้วมองอย่างสงสัยที่เห็นผมไม่ยอมสั่งอาหารอะไรสักที พอเห็นผมเพ่งมองราคาในเมนู เจ้าตัวหัวเราะทำเอาพนักงานเคลิ้ม ก้มลงมากระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน

   “สั่งเลย เดี๋ยวพี่จ่ายเอง”

   “แต่ แม่ผมบอกว่าต้องหาร” แม่ผมสั่งมาครั้ง ไม่ว่าจะกินอะไรต้องหารตลอด เงินทองหายาก ไม่ควรรบกวนมาก

   “ถ้างั้นเดี๋ยวเราเลี้ยงไอติมพี่แทนแล้วกัน สั่งสิ พนักงานรอนานแล้วนะ”

   คิ้วเล็กขมวดมุ่น ลังเลนิดหน่อย พนักงานเริ่มจ้อง ผมเลยต้องอ้ำอึ้งชี้จิ้มเมนูที่อยากกินไป ระหว่างพนักงานทวนเมนู มีรอยยิ้มใจดีของพี่ชายตัวโตตรงหน้า ยิ่งเห็นยิ่งหลง ผมเลยหันหนีไปทางอื่นแม่ง นึกโวยวายในใจ อย่าหว่านเสน่ห์แบบนี้ได้มั้ย มันไม่ปลอดภัยต่อตัวผมจริงๆ เดี๋ยวฉุดทำพี่ชายซะเลยหนิ

   ผมอยู่กับแม่สองคนมาตั้งแต่เกิด แม่ผมเป็นทั้งพ่อ แม่ และเพื่อนในเวลาเดียวกัน รักเอาใจใส่ ไม่เคยทำให้ผมรู้สึกโดดเดี่ยวเลยสักครั้ง แต่ถึงอย่างนั้น ในใจลึกๆผมก็ยังอยากมีพี่ชาย หรือใครสักคนอยู่ดี ผมเฝ้ามองเพื่อนคนอื่นมีพี่น้องมาโดยตลอด ผมเริ่มหาทางออกให้กับตัวเองด้วยการจมอยู่ในโลกจินตนาการ วาดฝันความคิดมากมาย

   แรกเริ่มเดิมที่ผมก็ดูการ์ตูนเหมือนเด็กทั่วไปนั้นแหละ กระทั่งขึ้นม.ต้น เพื่อนเริ่มชวนอ่านหนังสือการ์ตูนชายหญิงปกติ ผมก็อ่านไปเรื่อย มีแบบแนวต่อสู้ด้วย สไตล์นักเลงก็อ่าน ฮาเร็มไม่พลาด เรียกได้ว่าอ่านมันหมดทุกแนว จนเริ่มขยับมาเป็นนิยายแฟนซี ที่นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชาย สักพัก เริ่มเลื่อนระดับมาเป็นแบบไม่มีนางเอก มีแต่ตัวละครชายล้วนๆ ขยับมาเป็นสายโชเน็นไอ จิ้นมิตรภาพระหว่างเพื่อน กระทั่งเริ่มมาเป็นสายไอส่อวาย

   ผมมาจอดเอากับโดจินการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่กำลังฮิตอยู่ในช่วงนั้น ลองหาฟิคอ่านเล่นๆ จนเริ่มกลายมาเป็นผู้ผลิตซะอีก ผมเริ่มแต่งฟิค คุยกับเพื่อนคอเดียวกันในโลกออนไลน์ ซื้อการ์ตูนวาย นิยายวาย จนกลายมาเป็นติดงอมแงมในปัจจุบัน

   ล่าสุด ผมเปลี่ยนแนวไปเรื่อยจนมาจอดเข้ากับอินเมจเมะสไตล์ผู้ชาย แบบพี่ชายจ๋า และไออินเมจที่ว่า กำลังนั่งยิ้มให้ผมอยู่ตรงหน้า ของคุณศาสดาที่ทำให้ผมได้เจอกับคนในฝัน แต่ผมยังไม่มีความคิดอะไรเกินเลยนอกจากอยากฉุดอีกฝ่ายมาเป็นพี่ชายนะ เพราะผมไม่ค่อยสนใจเรื่องความรักเท่าไหร่

   “นั่งเหม่ออะไรน่ะเรา อาหารมาแล้วนะ อยากไปกินไอติมต่อไม่ใช่เหรอ”

   มโนเอ๋ยจงหยุด ผมออกจากภวังค์กลับเข้าโลกแห่งความเป็นจริง ก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้า ฮือออ อร่อยอะ ถึงไม่เท่าฝีมือแม่ทำ แต่ก็อร่อย

   “กินดีๆ ระวังด้วย เดี๋ยวก้างติดคอ เอามานี้ก่อนดีกว่า พี่เอาก้างออกให้”

   พอเห็นเด็กน้อยตรงหน้าเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ นั่งเขี่ย นั่งเล็งปลาซาปะตรงหน้า ความรู้สึกอยากดูแลไม่รู้โผล่มาจากไหน ในใจคิดคงจะเป็นเพราะอีกฝ่ายอายุใกล้เคียงกับน้องชายล่ะมั้ง เฟย์ส่ายหัว หยิบจานปลาของคนตรงหน้ามาจัดการเขี่ยก้างออก แยกไว้แต่เนื้อก่อนส่งคืน

   อีกคนรับรู้ถึงการดูแลเอาใจใส่ ในใจอุ่นวาบ อมยิ้มแก้มตุ้ย นั่งทานข้าวที่รู้สึกว่าอร่อยมากกว่าเดิมสามเท่า ผมบอกขอบคุยเสียงเบาหวิว รู้สึกเขินๆ ปกตินอกจากแม่กับญาติพี่น้องไม่เคยถูกใครดูแลดีขนาดนี้

   ผมเป็นเด็กขี้อายด้วย ไม่ค่อยกล้าแสดงออก เลยไม่ค่อยได้รับความสนใจจากคนอื่นนัก ขนาดตอนนี้ผมยังเกร็งเลย พยายามยิ้มไม่แสดงอาการจนเกินไป ในโลกออนไลน์ หรือในโทรศัพท์ แค่พิมพ์ คุยกันไม่เห็นหน้า จะพูดคุยอะไรก็ได้ พอมาเจอหน้าตรงๆ ทำตัวไม่ค่อยถูกสักเท่าไหร่ ถ้าอยู่กับแม่ ผมคงเงียบพูดคำตอบคำแล้วเกาะแม่หนึบเป็นลูกลิง

   คนตรงหน้าเหมือนดูออก ไม่ว่าหรือแซวให้ผมอาการหนักกว่าเดิม พูดคุยเป็นธรรมชาติ หลังกินข้าวชวนไปเดินย่อยอาหารในร้านหนังสือ ขอบอกเลย ปกติถ้าไม่ใช่อะไรที่ผมสนใจ แปบๆผมก็เบื่อแล้ว อันนี้ร้านหนังสือนิยาย ใกล้ๆมีหนังสือการ์ตูน ขลุกอยู่เป็นชั่วโมงก็ไม่มีปัญหา

   จากเกร็งๆ พอผ่านโซนวาย พลังม่วงเข้าแทรก จ้อคุยกับคนข้างตัวไม่หยุด ชวนให้ดูเล่มนู่น อ่านเล่มนี้  ลืมตัวไปชั่วขณะ อีกคนก็ไหลไปตามน้ำ กว่าจะออกมาจากร้านหนังสือได้ ผมได้เพิ่มมาอีกหลายเล่ม พี่เฟย์เองก็ไม่ต่าง หลายเล่มพอกันเผลอๆจะเยอะกว่า ด้วยความกระเป๋าหนัก

   “เรื่องนั้นก็น่าอ่าน เสียดาย ผมเงินไม่พอจะได้ซื้อ”

   “ไอที่ซื้อไปตอนงานหนังสืออ่านจบแล้วหรือไง ยังมีของวันนี้ยืมพี่ไปอีก รวมกับของที่ซื้อเพิ่ม เยอะอยู่นะ”

   ผมหันขวับไปมอง กอดถุงหนังสือการ์ตูนในมือแน่น ส่วนพวกหนักๆ นู่น อีกคนถือให้หมด ไม่มีทีท่าว่าจะเมื่อยเลยสักนิด เกือบสิบเล่ม น้ำหนักไม่ใช่น้อยๆ

   “งานหนังสืออ่านจบแล้ว ของวันนี้เชื่อมือผมได้เลย ไม่กี่วันก็หมด”

   ยืดอกมั่นใจเต็มที่ เพราะมัวแต่คุย เกือบชนคนอื่น ดีที่คนข้างตัวดึงหลบซะก่อน ไม่งั้นมีรายการลงไปนั่งแบบในงานหนังสือแน่นอน

   “อย่าเอาแต่อ่านจนลืมเวลาล่ะ จะกินไอติมเลยมั้ย หรือจะเดินไปนั่งเล่นที่ไหนก่อน”

   “กินเลยฮะ ผมอยากกินแล้ว”

   พวกเราสั่งไอติมมาคนละสองลูก ของผมมีกล้วยด้วย พอไอติมมาเสิร์ฟสิ่งแรกที่ผมกินคือเจ้าเชอรี่สีสวยที่อยู่ด้านบน แล้วค่อยตักกินอย่างอื่น ผมหันไปมองคนที่เดินผ่านไปผ่านมา หันมาดูไอติมตัวเองอีกที มีเชอรี่ผุดเพิ่มขึ้นมาอีกลูก นึกในใจ หรือไอที่ผมกินไปก่อนหน้านี้จะละเมอ ความจริงแล้วยังไม่ได้กินหว่า พอเกลือบไปมองบนโต๊ะ มีก้านเชอรี่อยู่

   ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม พอจะอ้าปากถามเรื่องเชอรี่ ไอติมถูกป้อนเข้าปาก เผลอกินแบบลืมตัว เพราะผมชอบอ้อนให้แม่ป้อนนู่นป้อนนี้บ่อยๆ ตามประสาคนไม่อยากมือเปื้อน นิสัยมากอะผม

   “รสนี้อร่อยดีนะพี่ชอบกิน เป็นไงมั้ง”

   “อร่อยดีฮะ พี่ให้เชอรี่ผมเหรอ” ผมถาม ไม่ได้สนใจคนรอบข้างที่มองมาทางโต๊ะพวกเราด้วยสายตาแปลกๆ ได้ยินแว่วๆว่าพี่น้องน่ารักอะไรสักอย่าง

   “อืม พี่ไม่ชอบกินน่ะ มันเหมือนยาแก้ไอเด็ก” คนหล่อตอบด้วยสายตาว่างเปล่า ผมหัวเราะขำ

   “แม่ผมก็บอกแบบนั้นเหมือนกัน แต่ผมชอบกินนะ อร่อยดี”

   “งั้น หลังจากนี้ถ้าเรามากินกันอีก เดี๋ยวพี่ยกให้เราแล้วกันดีมั้ย”

   ยิ้มรับหน้าบานสิครับจะพลาดหรือ ลูกเชอรี่ให้ถ้วยละลูกเองนะ ได้เพิ่มมาอีกลูกอร่อยผมเลย พอกินไอติมเสร็จ คนตัวสูงหยิบบิลไปจ่ายที่แคชเชียร์ ผมทักท้วงเรื่องที่บอกว่าจะเลี้ยง เจ้าตัวบอกไว้เดี๋ยวค่อยให้ผมออก ตอนนี้จ่ายไปก่อน ผมพยักหน้ารับ

   พี่เฟย์ชวนผมไปหาที่นั่งเล่นอ่านหนังสือตากแอร์ในห้าง เพลินจนลืมดูเวลา กระทั่งแม่ผมโทรมาตามนั้นแหละ ถึงรู้ตัวว่า ตอนนี้มันจวนจะหกโมงเย็นแล้ว เวลาคนกลับบ้านเชียวล่ะ

   “จะกลับแล้วสินะ”

   ผมพยักหน้ารับ “ฮะ แม่โทรมาตามแล้ว ตอนนี้คนแน่นสุดๆด้วย สงสัยผมต้องไปเป็นปลากระป๋องในรถไฟฟ้าแหงๆ”

   แค่คิดก็ท้อ ยิ่งพอมองไปทางถุงหนังสือที่ผมต้องหอบกลับบ้าน เยอะจนอยากไหลไปกองกับพื้น ตลอดทั้งวัน มีคนถือให้ตลอดเลยลืมนึก พอจะกลับ ผมต้องขนเองทั้งหมด แค่ปกติตัวเพียวๆ ไม่รู้จะรอดในรถไฟฟ้ากระป๋องรึเปล่า มารอบนี้มีของถือเพียบ

   สุดท้าย ได้แต่ปลงและรับชะตากรรม มันไม่มีประตูมิติส่งผมกลับถึงบ้านโดยไม่ต้องนั่งรถนี่นา

   “เดี๋ยวพี่ไปส่งดีกว่า ของเราเยอะ ถือกลับเองไม่ไหวแน่”

   “ไม่เป็นไรพี่ เห็นงี้ผมถึกนะ เคยขนมากกว่านี้มาแล้ว บ้านผมกับพี่อยู่คนละฟาก ต้องวกไปวกกลับ เสียเวลาแย่”

   ส่ายหัวปฏิเสธทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด พี่เฟย์ใจดีกับผมมากก็จริง แต่จะให้ไปลำบากขนาดนั้นไม่ไหว ผมเกรงใจแบบมากๆด้วย

   คนตรงหน้านิ่งคิดไปชั่วครู่ แล้วหันมายิ้มให้ผมเหมือนตัดสินใจได้แล้วว่าจะเอายังไงต่อไป

   “เอาแบบนี้แล้วกัน พี่ไปส่งเราขึ้นแท็กซี่กลับบ้าน ที่พี่อยู่ BTS ผ่าน ค่อยนั่งกลับเอาก็ได้สบายๆ”

   ผมกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ โดนลูบหัวพูดดักซะอย่างนั้น

   “ไม่ต้องเกรงใจ พี่เต็มใจไปเอง” ได้ยินคำยืนยันแบบนี้ ผมเลยอือออไปตามเรื่อง หลังตัดสินใจกันได้ พี่เฟย์ยังคงเป็นคนถือถุงหนังสือส่วนใหญ่เหมือนเดิม ให้ผมถือแค่หนังสือการ์ตูนเบาๆแทน พาไปขึ้นรถไฟฟ้า

   เป็นอย่างที่คิด คนเยอะมาก ขนาดแค่ช่องแลกตัง ตู้ขายบัตรยังเยอะเลย แถวยาวขดไปขดมาเป็นหางงู พี่ชายใจดีเป็นคนจัดการซื้อบัตรให้ เราไปยืนรอขึ้นรถ ดวงอาทิตย์เริ่มตกดิน แสงไฟถูกเปิดสว่างไสว พอรถไฟฟ้าจอดสนิท คนทยอยเข้าไปเหมือนมด ผมเดินเข้าไปตามแรงจูงจากคนด้านหน้าที่ใช้ตัวเองเป็นตัวเบิกทาง

   มือใหญ่จับผมให้ไปอยู่ในซอก แล้วเอาตัวเองยืนขวางแทน ผมไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาเบียด ไม่ต้องกลัวว่าพอออกตัวแล้วจะเซไปชนชาวบ้าน หรือโดนคนอื่นทับแบนเป็นกล้วยตาก จุดที่ยืนช่างแสนสบาย ทั้งที่ควรจะเป็นแบบนั้น ในใจผมไม่คิดงั้นเลย

   กลิ่นน้ำหอมจางๆแบบผู้ใหญ่ อีกคนที่อยู่ใกล้ๆ ปกป้องคนตัวเล็กกว่าในอ้อมแขน ลมหายใจร้อนเป่ารดใกล้ชิด รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า จนต้องก้มหน้ากอดถุงหนังสือการ์ตูนแก้เขิน หัวใจเต้นรัว ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย หรือจะเป็นเพราะตื่นเต้นกันแน่นะ ขอบคุณคนอื่นๆที่มัวแต่จดจ่อกับเรื่องของตัวเอง เลยไม่สนใจจุดเล็กๆ ของคนสองคนว่ามีบรรยากาศบางอย่างแผ่ออกมา

   “อึดอัดรึเปล่า”

   เสียงทุ้มนุ่มดังใกล้ๆ ผมส่ายหัวขวับๆ พอเงยหน้าขึ้นมอง สบกับแววตาฉายความเอ็นดู คนตัวเล็กกว่าเหมือนจะซุกไปอยู่ในซอกมากกว่าเดิม ตัวต้นเหตุไม่รู้เรื่อง หัวเราะในลำคอเบาๆ

   รถไฟหยุดตรงป้ายที่จะลง ร่างสูงผละออกเปลี่ยนมาจูงมือผมเดินออกไปแทน พามาส่งถึงรถแท็กซี่ เจ้าตัวเท้าแขนตรงขอบประตู คุยกับเด็กน้อยที่หอบของนั่งอยู่ในรถพะรุงพะรัง

   “ถึงแล้ว โทรหาพี่ ไม่ก็ทักบอกในเอ็มด้วยนะ บายๆครับปอนด์ ไว้เจอกัน”

   คนใจเต้นยังหาเสียงตัวเองไม่เจอ ได้แต่พยักหน้ารับหงึกๆ โบกมือลา รถออกตัวถึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึก...เสียดายยังไงก็ไม่รู้แฮะ...

   อีกด้าน คนยืนมองส่งเด็กน้อย ยิ้มขำกับตัวเอง ระหว่างเดินกลับขึ้นไปนั่งรถกลับบ้านตัวเองบ้าง นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ตัวเล็กๆเหมือนจะหายไปเวลากอด ซุกอยู่ในซอกก้มหน้าเห็นแค่ผมนุ่มยุ่งๆตามประสาเด็กซน แต่ดันขี้อายอย่างไม่น่าเชื่อ น่าเอ็นดู น่ารัก น่าจับฟัดเบาๆ

   ทางคนนั่งม้วนในรถแท็กซี่ จู่ๆนึกอะไรบางอย่างออก

   “อ๊ะ เรายังไม่ได้จ่ายค่าไอติมเลยนี่หว่า ถูกล่อจนลืมซะแล้ว!”

   ผมไม่รู้เลยว่าไอการโดนล่อลวงครั้งนี้มันแค่การเริ่มต้น หลังจากนี้ไม่ต้องพูดถึง ฮือ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่2 เด็กขี้อาย [21/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 21-06-2015 19:03:58
คุณพี่ชาย.... หวังอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่าเจ้าคะ?  :hao6:

เด็กน้อยช่างน่ารัก โอยยยยยยยยยยยยยยยย จับกินอย่างดุร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่3 งานคอสเพลย์ [22/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 22-06-2015 01:05:52
วายที่3 งานคอสเพลย์

   นอกจากงานหนังสือแล้ว ยังมีอีกงานหนึ่งที่เหล่าโอตาคุชายหญิง และบรรดาสาวกวายทั้งหลายสนใจมาก นั่นก็คือ.... งานคอสเพลย์!

   แล้วยิ่งงานคอสไหนผสมกับพวกคอมมิก ขายพวกนิยาย การ์ตูน โดจิน งานเกี่ยวกับการ์ตูนเข้าไปด้วย ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ ตอนนี้ผมมีเป้าหมายใหม่ครับ นั่นก็คืองานนี้แหละ ผมอยากไปดูคนอื่นคอสเพลย์ อยากแต่งตัวเล่นๆ ไปซื้อของด้วย รายการที่อยากพิมพ์ไว้ในมือถือครบ วิธีการไป กฎการเข้างาน ศึกษามาพร้อมสรรพ

   ขาดอยู่อย่างหนึ่ง ผมไม่มีเพื่อนไปอะ กระซิกๆ เพื่อนผมไปก็จริง แต่ขานั้นต้องเฝ้าบูธขายของ ของตัวเอง ออกมาป้วนเปี้ยนเล่นกับผมไม่ได้ เพื่อนคนอื่นที่ไปทางนั้นก็คอสเหมือนกัน ไปกับเพื่อนอีกกลุ่ม ผมไปแจมก็ใช่ที่ ไม่รู้จัดด้วย
   
   เหลือตัวช่วยคนสุดท้าย... ถ้าคนนี้ไม่ไป ผมคงได้ลุยเดี่ยวของจริง ผมนั่งลังเลอยู่หน้าจอคอม ที่เปิดเอ็มค้างไว้ ชื่อคนนั้นกำลังออนอยู่ ผมยังไม่กล้าทักไป

   นับตั้งแต่วันที่ไปเจอกันรอบสอง แลกหนังสือกัน หลังจากนั้นก็มีนัดเจอกันบ้างตามประสา แต่ไม่บ่อย นานๆทีจะนัดสักทีเพราะพี่เขาไม่ค่อยว่าง ผมเองก็ติดเรียน ดีหน่อยตอนนี้ผมปิดเทอมอยู่ เหลือแค่ทางนั้นต้องทำงานตามปกติ ผมกำลังจะขึ้นม.5แล้วครับ

   ผมจะชวนพี่เขาไปงานคอสอาทิตย์หน้า เจ้าตัวจะว่างไหมหว่า มันตรงกับวันหยุดอยู่นะ แต่กลัวว่าจะติดพวกงานด่วนจัง เอาวะ สู้ๆ ลองถามไปก่อนแล้วกัน ลุย!

   Ponda : ดีฮะพี่

   fay_ie : ไงเรา ทักช้ากว่าปกติ ติดเกมล่ะสิ

   Ponda : ไม่ใช่สักหน่อย! เอ่อ...วันอาทิตย์นี้พี่ว่างป่าว

   fay_ie : ว่างนะ จะนัดเจอรึไงเรา

   Ponda : ก็ไม่เชิง แบบ มันมีงานคอสอะ ขายพวกของการ์ตูนในงานด้วย ผมว่าจะไปอยู่

   พี่เขานิ่งไป ผมนั่งลุ้นอยู่หน้าจอ สักพักถึงถามกลับมา

   fay_ie : เราไปกับใคร นัดเพื่อนไว้รึเปล่า?

   Ponda : เจอเพื่อนที่นู่นอะ แต่เพื่อนเฝ้าบูธ ผมว่าจะไปเดินซื้อของแล้วก็กลับ แต่งเล่นๆแค่นั้น

   fay_ie : หืม? อยากให้พี่ไปด้วยเหรอ?

   เจอคำถามงี้เข้าไป ผมนั่งตัวแข็งทื่อ เหมือน คือจริงๆแล้วก็อยากให้ไปแหละ แต่แบบ จะให้พูดมันก็... ใครจะไปยอมรับง่ายๆกัน!

   Ponda : เผื่อพี่มีของอะไรอยากซื้อไงฮะ งานนี้ของน่ารักๆเยอะนะ มีพวกวายด้วย

   fay_ie : หึหึ

   อ๊ากกก พิมพ์กลับมาแบบนี้ อย่างกับมีภาพฉายขึ้นมาเลย อีกด้านพี่ชายสุดหล่อคงกำลังขำผมอยู่แน่ๆ โดนรู้ทัน ฮึ่ย เขินหนักกว่าเก่าอีก ใครก็ได้ เอาปูนมาฉาบหน้าให้ผมที

   Ponda : ขำอะไรพี่

   fay_ie : อยากให้พี่ไปด้วยก็บอกมาสิ...

   ฉ่า...ความร้อนพุ่งขึ้นหน้า แทบอยากเอาหัวโขกคีย์บอร์ด

   Ponda : ป่าวสักหน่อย ก็แค่ถามดู

   fay_ie : อ่าฮะ... แล้วจะให้พี่ไปด้วยมั้ย?

   ผมนั่งนิ่งอยู่หน้าคอม มองข้อความที่พี่เขาตอบกลับมาแบบเหม่อๆ อยากให้ไปด้วยมั้ย...อยาก อยากสุดๆเลย ไม่งั้นคงไม่ชวนหรอก แต่...  ริมฝีปากเล็กเม้มสนิท กลั้นใจพิมพ์ทั้งที่แอบสั่นๆ

   Ponda : พี่จะไปด้วยป่าวล่ะ

   fay_ie : อืมมม ไปก็ได้... ไม่งั้นเดี๋ยวเด็กน้อยแถวนี้จะงอนพี่ที่ไม่ยอมไปด้วย

   ต่อจากนี้ไม่ต้องพงต้องพิมพ์มันแล้วครับ ผมละจากจอคอม กระโดดขึ้นเตียง คว้าผ้าห่มมากอด กลิ้งไปกลิ้งมาทึ่งหัวตัวเองเหมือนคนบ้า เห็นแม่ยืนทำหน้าเหมือน เด็กนี้ไม่ใช่ลูกฉัน อยู่หน้าประตูผมถึงได้สติ ยิ้มให้แม่ เดินเข้าไปกอดเอวออดอ้อนจนโดนดันหัวออก

   “เมาอากาศรึไงน้องปอนด์ แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว ลงไปช่วยจัดโต๊ะกินข้าวเร็ว”

   “คร้าบ”

   ผมรับคำว่าง่าย ไหลไปบอกพี่เฟย์ว่าขอตัวไปกินข้าว แล้ววิ่งทั่กๆ ลงไปชั้นล่าง กินเสร็จผมเป็นคนเก็บโต๊ะล้างจาน เอาขยะไปทิ้ง หยอกเล่นกับเจ้าหมาที่บ้านสักหน่อย ค่อยขึ้นมานั่งเล่นคอมต่อ พวกเราคุยกันจนดึก สุดท้ายพี่เขาก็ไล่ผมไปนอน ผมเลยต้องหอบสังขารตัวเองไปอาบน้ำมานอนกลิ้งเฝ้ารอวันที่จะได้ไปงานคอสเพลย์ ดูท่าผมชักจะเริ่มอาการหนักแฮะ

   และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง ผมเตรียมชุดใส่กระเป๋า ไม่คิดเปลี่ยนจากบ้าน ถึงมันไม่ได้ชุดหรูหราอะไร แต่ถ้าให้ใส่ไปคงไม่ไหว เด่นตายชัก

   โชคดีที่งานจัดขึ้นไม่ไกลจาก BTS แค่นั่งยาวไปลงเดินต่ออีกหน่อยก็ถึง ผมนัดกับพี่เฟย์ไว้ที่สถานีนั้นแหละ พอลงจากรถเดินลงมาประตูทางออกตามนัด ร่างสูงเด่นเข้าตาเป็นคนแรก หนุ่มวัยทำงาน สลัดมาดพนักงานบริษัท ใส่เสื้อยืดสีดำคอวีพอดีตัวทำให้เห็นสัดส่วนปานนายแบบรางๆ กางเกงยีนเซอร์ๆ กับรองเท้าสุดเท่ ยืนหล่อเช็คกล้องถ่ายรูปที่คล้องอยู่ตรงคอ มือข้างถึงถือถุงกระดาษ

   นึกอยากหมุนตัวกลับ หลายคนที่มางานเดียวกัน บางคนแต่งชุดคอสเพลย์แล้ว พากันมองแบบเหลียวหลัง งานนี้ยิ่งเป็นงานเกี่ยวกับพวกของวายซะด้วยสิ อินเมจเมะสุดเพอร์เฟคกระตุ้นต่อมจิ้นเหล่าบรรดาสาววายดีนักแล รวมถึงผมด้วย ถ้าผมไม่ได้เป็นคนที่นัดมาอะนะ

   ใบหน้าหล่อเหล่าเงยขึ้นมอง เห็นเด็กน้อยที่รอยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่ได้คิดอะไรมาก เลยเดินเข้าไปหาเองซะเลย

   “ปอนด์ ทำไมยืนนิ่งงั้นล่ะ จะแต่งคอสเพลย์ด้วยไม่ใช่เหรอ ไปเปลี่ยนชุดสิ พี่รอถ่ายรูปอยู่”

   พี่รอถ่ายรูปอยู่…

   พี่รอถ่ายรูปอยู่...

   คำนี้วนเวียนอยู่ในหัว มือกำสายเป้แน่น เดินเหมือนหุ่นยนต์ เรียกเสียงหัวเราะจากคนข้างๆ พอเห็นแววว่าจะชนชาวบ้าน ต้องคอยคว้าจับ สุดท้ายจูงพาไปที่ห้องน้ำให้เปลี่ยนเสื้อผ้า

   นักคอสเพลย์ชายดูจะน้อยกว่าผู้หญิง ส่วนใหญ่มักจะแต่งมาจากที่บ้านมากกว่า เพราะชุดตัวละครชายไม่ค่อยมีอะไรมากนัก เฉพาะบางตัวนะ ผมยิ่งง่ายใหญ่ ถอดเสื้อเปลี่ยนชุดแปบเดียวเสร็จ ไม่ต้องแต่งหน้าเซตผมอะไร สไตล์หัวยุ่งๆผมนี้แหละแจ่มระ

   ผมออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดปกกะลาสีเด็กผู้ชาย เสื้อสีขาว ปกสีน้ำเงินกับผ้าสีเดียวกัน กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ถุงเท้าสีขาว ปิดท้ายด้วยรองเท้านักเรียนแบบญี่ปุ่นที่ลงทุนซื้อมาใหม่ เท่านี้ก็เรียบร้อย ตัวนี้ผมสั่งซื้อทางเน็ต ซักรีดแล้วหอมฟุ้งด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม รับประกันด้วยแม่ผมเลย

   “พี่เฟย์ ผมมาแล้ว”

   ผมดึงๆชายเสื้อเรียกคนตัวโตที่ยืนรออยู่ พอพี่เฟย์หันมาเห็นผม ติดสตั๊นไปชั่ววูบ ผมเอียงคอมองงงๆ

   “อะแฮ่ม น่ารักมากเลย ปะ เราเข้าไปในงานดีกว่า”

   คนตัวโต รับเป้ใส่เสื้อผ้ามาสะพายไว้แทน แล้วจูงมือเด็กน้อยเข้าไปในงานท่ามกลางสายตาทุกคนที่มองเห็น ในใจเฟย์ตอนนี้ช่างแตกต่างกับสีหน้าปกติ แวบแรกที่เห็นเด็กน้อยน่ารักในชุดปกกะลาสี ผมนุ่มอย่างกับขนแมวดูยุ่งๆ ให้อารมณ์เหมือนลูกแมวซุกซน ดวงตากลมโตสีดำ ปากนิดจมูกหน่อย ทั้งที่อยู่ม.ปลาย หน้าตากลับเด็กมากจนน่าตกใจ

   อยากอุ้มกลับบ้านว้อย!!!

   “พี่เฟย์ๆ เป็นอะไรไปเหรอฮะ”

   “ป่าวๆ พี่แค่คิดอะไรเพลินๆน่ะ ตรงนั้นมีของคอสเพลย์ด้วยไปดูหน่อยมั้ย”

   “ไปๆ ผมอยากได้หูแมวพอดีเลย”

   ร่างเล็กเป็นฝ่ายลากพี่ชายไปแทน หยุดยืนดูอยู่ตรงร้านขายพวกของคอสเพลย์ มีพวกหูหางแมว ปลอกคอ ชุดคอสเพลย์แบบเป็นเซต หูกระต่าย และอีกสารพัด

   ดวงตาคมไปสะดุดเข้าไปหูแมวดำขนนุ่ม ด้านในเป็นผ้าสีชมพูอ่อน ใกล้ๆกันมีหางแมวยาวแบบดัดได้ใช้ขนแบบเดียวกัน ถัดไปอีกหน่อยเป็นถุงมืออุ้งเท้าแมวมีปุ้มเท้านุ่มๆสีชมพู ไม่รู้อะไรดลใจ เฟย์เลือกหยิบเซตนี้ให้พนักงาน แถมเลือกปลอกคอแบบเป็นริบบิ้นสีดำติดกระพรวน กับริบบิ้นสีแดงเส้นเล็กอีกสองสามเส้น

   อาศัยช่วงที่เด็กน้อยกำลังสนใจดูของอย่างอื่น ยืนถักปลอกคอด้วยริบบิ้นขึ้นมาใหม่ เป็นเส้นสีดำสลับแดง แล้วจัดการใส่ให้คนข้างตัวซะเลย แถมที่คาดผมหูแมวดำ ติดหางพร้อม ปิดท้ายด้วยถุงมือแมวใส่มือเล็ก คนโดนจับแต่งตัวก้มมองตัวเอง พอจะอ้าปากทักเรื่องคนจ่ายเงิน กลับถูกขัดซะนี้

   “เหมาะมากเลย เดี๋ยวเดินดูของ ซื้อจนครบแล้วไปถ่ายรูปด้านนอกกันดีกว่า”

   ผู้ใหญ่มีสกิลหลอกล่อสูงลิบ จูงมือลูกแมวให้เดินตามต้อยๆ ได้ยินเสียงกระพรวนใสๆดังอยู่ข้างๆ หลายคนที่เห็นต่างมองตามกันจนแทบเหลียวหลัง เสียงซุบซิบมีให้ได้ยินไม่ได้ขาด

   “น่ารักจังเลย พี่ชายกับน้องชายรึป่าว”

   “ไม่หรอก ต้องคบกันแน่ๆ”

   “บ้าหน่า แบบนี้ก็เข้าข่ายกินเด็กสิ กรี๊ด กินเด็กเป็นอมตะ”

   เห็นพี่เฟย์สะดุดเข้ากับประโยคสุดท้าย ผมเองได้ยินเต็มสองหู ทั้งขำทั้งเขินในเวลาเดียวกัน เอาเป็นว่าถ้าแต่งออกมาแล้วไม่ดูแย่ก็โอเคล่ะนะ ผมเลยไม่คิดถอดพร็อพพวกนี้ออก ยกเว้นถุงมือ เพราะต้องหยิบจับซื้อของที่อยากได้ ผมวนเวียนไปทุกร้าน บางร้านเดินผ่านแล้วผ่านอีกถึงตัดสินใจซื้อได้ บางอย่างสนใจ แต่กลับไม่ซื้อก็มี

   ของที่ซื้อมาก็มีพวก โดจิน หนังสือการ์ตูนออริ ยัดใส่เป้ที่พี่ชายสะพายไว้ น่าเสียดายนิดหน่อย เพื่อนผมเพิ่งโทรมาบอกว่า ติดธุระกะทันหันเลยไม่ได้มาที่บูธ แต่ฝากคนอื่นมาแทน ผมไม่รู้จักเลยไม่เข้าไปหา หลังซื้อของเสร็จ ตัดสินใจออกจากฮอลล์เลย

   ด้านนอกมีลานโล่ง กับโซนพื้นหญ้า ต้นไม้บ้าง คนแต่งชุดคอสเพลย์กับตากล้องอยู่กันแบบระรานตา แต่ละคนแต่งชุดมาจัดเต็มมาก ผมมองด้วยความตื่นเต้น กลุ่มไหนกำลังยืนให้ถ่ายรูป ผมก็ลากพี่ชายเข้าไปถ่ายเก็บภาพให้ด้วย คนตัวโตส่ายหัวกับลูกแมวตัวน้อยแสดงอาการดีใจแบบไม่ปิดบัง หารู้ไม่ ตากล้องที่มาด้วยนี้แหละ แอบถ่ายรูปไปเป็นโหลๆ และคอยกันท่าพวกท่าทางไม่น่าไว้ใจ ที่คิดจะเข้ามาใกล้ลูกแมวที่กำลังเริงร่า

   “พี่ๆ ตรงนั้นมันเมะวายที่กำลังดังตอนนี้นี่นา สุดยอดเลยอะ เหมือนมาก ทั้งชุด ทั้งทรงผม คนถ่ายรูปเต็มเลย”

   “ใจเย็นๆ เขาไปวิ่งหนีไปไหนหรอกหน่า วิ่งมากระวังสะดุดล้มนะ”

    “ผมไม่ได้ซุ่มซ่ามขนาดนั้นสักหน่อย”

   ผมหันไปบ่นอุบอิบใส่ พอดักับมีผู้หญิงในชุดโลลิต้ากับชุดเมดสองคนเดินมาทางพวกเรา

   “เอ่อ...ขอโทษนะคะ ขอถ่ายรูปหน่อยคะ” สาวชุดเมดถาม ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก ตั้งแต่ออกมาจากฮอลล์มีคนอื่นมาขอถ่ายรูปผมบ้างเหมือนกัน ทุกคนสุภาพใจดี แรกๆก็เขิน เกร็งๆอยู่บ้าง ช่วงหลังคงเริ่มชิน

   “ได้ครับ ถ่ายตรงไหนดี?”

   ผมถามแบบนี้เพราะบางคนเขาขอให้ไปถ่ายคู่กับคนอื่นด้วย ว่าตามจริง ถ้าไม่มีพี่เฟย์อยู่ ผมคงโดนฟัดจนขนยับแหงๆ

   “ตรงนี้ก็ได้ค่ะ แต่... คุณพี่ชายช่วยอุ้มคุณน้องชายหน่อยได้รึเปล่าคะ เอ่อ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร...”

   “ได้สิ”

   เสียงทุ้มตอบรับ พร้อมกับตัวผมที่ถูกอุ้มจนตัวลอยจากพื้น พี่ชายแข็งแรงมาก อุ้มผมด้วยแขนข้างเดียวสบายๆเลย เหมือนเวลาพ่อบ้านปีศาจอุ้มนายน้อย ผมได้ยินเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ คนแถวนั้นหลายคนแห่กันมาถ่ายรูปพวกเราสองคน

   “กรี๊ดดด น่ารัก โชตะๆ”

   “พี่ชายกับน้องชาย ฟินพะยะคะ ตายไปไม่เสียดายแล้ว”

   “ขอบคุณตัวเองที่เลือกมางานนี้!”

   เจอแบบนี้เข้าไป ผมเริ่มทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยิ้มให้คนอื่นถ่ายรูป พี่เฟย์ดูไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์ที่เกินขึ้นเลยแม้แต่น้อย ไม่สิ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนงานหนังสือแล้ว ถ่ายรูปไปถ่ายรูปมาจนผมเริ่มจะเหนื่อยกับการแอ๊กท่าแบบที่คนนั่นคนนี้บอก

   พี่ชายสังเกตเห็นเลยกระทำการอุอาจแทบฆาตกรรมหมู่ในงาน ริมฝีปากได้รูปหอมแก้มนุ่มคนที่อุ้มอยู่เร็วๆ เสียงกรี๊ด เสียงรัวชัตเตอร์หนักขึ้นกว่าเก่า ส่วนผมอึ้งอ้าปากค้าง พอได้สติต้องยกมือที่สวมถุงมือแมวมาปิดหน้าแดงๆของตัวเอง จำต้องซุกหน้ากับบ่ากว้าง

   “น้องของผมเหนื่อยแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”

   คำพูดแสนสุภาพ น้ำเสียงชวนฟัง ทำให้ทุกคนเคลิ้มไปชั่วขณะ ยอมเปิดทางปล่อยให้คนตัวโตอุ้มลูกแมวน้อยออกไปโดยดี เด็กน้อยบางคนดูท่าคงไม่อยากดูคนอื่นคอสเพลย์ต่อแล้ว เฟย์เลยอุ้มพาออกมาซะเลย

   “พี่ เดี๋ยวๆ ผมยังไม่เปลี่ยนชุดเลยนะ”

   ผมทักท้วงเมื่อเห็นว่าอีกคนจะพาเดินออกไปทั้งแบบนี้จริงๆ

   “ไม่เป็นไรหรอก ถอดแค่พวกพร็อพออกก็พอ เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้าน มีขนมเอาไปฝากแม่ด้วย ขืนให้เราถือไป คงเละหมดก่อนถึงมือแม่พอดี”

   “ไม่ใช่แบบนั้นสิ ถึงจะเอาพวกนี้ออก แต่ชุดมันก็ยังเด่นอยู่นะ อีกอย่าง มันไม่เกี่ยวกับเรื่องพี่ไปส่งเลยนี่นา”

   “เหมือนชุดไปเที่ยวแหละ เอ้า เรียบร้อย ไปกันเถอะ”

   หูหางถุงมือ พร้อมปลอกคอริบบิ้น ถูกถอดไปเก็บในกระเป๋าเป้ของผมจนหมด นึกอยากประท้วงใจจะขาด แค่ตัวโดนลากขึ้นรถไฟฟ้าไปเรียบร้อย คนมองกันให้พรึบ น่าอาบจริงๆ คนข้างๆไม่สำนึก หัวเราะเบิกบานจนผมหมั่นไส้ใส่ศอกไปทีนึง เลยโดนหยิกแก้มกลับเบาๆ

   วันนี้ ผมกลับมาบ้านด้วยชุดปกกะลาสี ผมคว้ากระเป๋าขึ้น รีบขึ้นไปเปรียบที่ห้องตัวเอง ระหว่างเดินลงมาชั้นล่าง ได้ยินเสียงแม่ผมกับพี่เฟย์คุยกันถูกคอ แม่ชมว่าขนมที่พี่ชายทำอร่อยไม่ขาดปาก ชวนมากินข้าวเย็นด้วยกัน ไปๆมาๆ แขกดันเข้าครัวไปช่วยแม่ผมทำกับข้าวซะงั้น

   ส่วนผมน่ะเหรอ แค่เดินเฉียดครัวก็โดนสองคนนั้นไล่ออกมา ให้นั่งดูการ์ตูนรอข้างนอกแล้ว ชิ ผมแค่ทำอาหารไม่เป็น ทำหม้อไหม้ไปหลายใบ ถ้วยชามแตกไปไม่กี่อย่างแค่นั้นเอง

   จะถามว่าทำไมพี่ชายถึงดูสนิทกับแม่ผม มันเป็นเรื่องก่อนหน้านี้ครับ ทุกครั้งที่นัดเจอกัน พี่จะมาส่งผมขึ้นแท๊กซี่ตามปกติ วันหนึ่งแม่ผมบอกว่าให้พาพี่ชายมาเที่ยวบ้านด้วย คงอยากจะเห็นคนที่ผมคุยด้วยบ่อยๆตามประสาแม่เป็นห่วงลูกนั้นแหละครับ

   ผมเล่าให้พี่เฟย์ฟัง พี่เขาเข้าใจ เลยยอมตามผมกลับมาบ้าน แถมขนมติดไม้ติดมือมานิดหน่อย เจ้าตัวนอกจากจะทำงานบริษัทแล้ว เวลาว่างๆพี่เขาจะรับออเดอร์ทำขนมขาย พวกเค้กอะไรแบบนั้น ซึ่งผมมารู้เอาวันที่พี่ทำมาฝากแม่ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของสองพ่อครัวแม่ครัวที่คุยกันถูกคอเรื่องทำอาหาร ปล่อยให้ลูกชายตาดำๆเป็นแมวหัวเน่าไป

   แต่ไม่เป็นไร เพราะผมได้กินของอร่อยทุกที ไม่ว่าจะของคาวของหวาน ลาบปากผมล่ะ

   “น้องปอนด์ เลิกดูการ์ตูนมาช่วยยกออกไปเร็ว พี่เขาจะไม่ต้องกลับดึก”

   “คร้าบ”

   ผมขานรับเสียงที่ดังมาจากในห้องครัว ลุกจากโซฟา รับจานกุ้งทอดที่พี่ชายยื่นส่งมาให้อีกต่อด้วยรอยยิ้ม รู้สึกตาพร่ากับความหล่อ แถมยังเป็นพ่อศรีเรือนสุดๆ บอกแม่ให้สู่ขอเลยได้มั้ยเนี่ย นับวันยิ่งแทรกซึมเป็นสมาชิกอีกคนของบ้านมากขึ้นทุกที ขนาดเจ้าหมาตัวดีของผมยังแปรพักตร์

   แต่ก็อีกนั้นแหละ ในสายตาพี่ชายมองผมเป็นแค่น้องชายคนหนึ่งเท่านั้น เรื่องมันเศร้า จิ๊กกุ้งทอดกินแปบ

   “น้องปอนด์! แม่เคยบอกว่าห้ามแอบกินก่อนไง แล้วมือล้างรึยัง ไปล้างมือก่อนกินข้าวไป”

   “แม่อะ” ผมงุ้งงิ้งๆแม่ไม่สนใจ หันหลังให้ไปตักผัดผักรวมมิตรใส่จาน จู่ๆมีกุ้งทอดยื่นมาตรงหน้า

   “แค่ชิ้นเดียวนะ”

   วะฮ่าๆ ลูกมือแม่แปรพักตร์บ้างแล้ว ผมอ้าปากงับกุ้งทอดอย่างเป็นสุข
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่3 งานคอสเพลย์ [22/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 22-06-2015 01:57:31
ฟินนน
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่3 งานคอสเพลย์ [22/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 22-06-2015 08:09:16
55555555+

น้องปอนด์ขุดรองเท้าสมัยประถมมาใส่ได้เหรอคะเนี่ย แสดงว่าไม่โตขึ้นเลยดิ

คุณแม่เจอว่าที่ลูกเขยแล้วเนอะ ให้ผ่านไหมคะ


(ตอนแรกบอกงานคอสสามอาติ๊ดหน้า แต่ตอนปอนด์ชวนบอกอาติ๊ดนี้อ่ะค่ะ)
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่3 งานคอสเพลย์ [22/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ 22-06-2015 09:01:07
....../กุมจมูก
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่3 งานคอสเพลย์ [22/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 22-06-2015 09:41:38
แนวโชตะ   แอร๊ยยยฟินจ้า :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่3 งานคอสเพลย์ [22/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-06-2015 09:48:59
 :z1:   โอ๊ย คือมันฟินพะยะค่ะ

พี่เฟย์ใจเย็นนะ ต้องค่อยๆเข้าทางคุณแม่ เดี๋ยวอีกสามปีก็18แล้ว  :m20: 
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่3 งานคอสเพลย์ [22/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 22-06-2015 10:23:25
บอกแม่ไปขอเลยจ่ะ อย่าช้า
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่3 งานคอสเพลย์ [22/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 22-06-2015 11:55:00
ฟินนนนน น้องปอนด์น่าร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่3 งานคอสเพลย์ [22/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 22-06-2015 12:35:13
ฟินน้องปอนด์ สรุปแล้วน่าจะรู้แล้วนะลูกว่าหนูอยู่ประเภทไหน พี่ดูแล้วเคะชัดๆเลยคะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่3 งานคอสเพลย์ [22/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 23-06-2015 14:14:35
นุ้งปอนด์น่ารักมากๆ ระวังโดนพี่ชายในฝันกดเอาไม่รู้ด้วยนะ -.,- ดันชอบยั่วแบบไม่รู้ตัวให้พี่แกตบะแตกซะด้วย หึหึ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่3 งานคอสเพลย์ [22/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 24-06-2015 15:36:22
แจ้งครับ

หลังจากอ่านคอมเม้น รู้สึกเนื้อเรื่องยังไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ ผมขอปรับเนื้อหาเกี่ยวกับช่วงเวลานิดหน่อย

ตอนที่1 ปอนด์อยู่ในช่วง ม.4 ครับ
ตอนที่2 เจอกันครั้งที่สอง อยู่ในช่วง ม.4 เทอม 2
ตอนที่3 งานคอสเพลย์ กำลังปิดเทอมขึ้น ม.5
ตอนที่4 เจ้าตัวเล็กขึ้น ม.5 แล้วเรียบร้อย

ผมจะไล่ช่วงเวลาไปเรื่อยๆ เพราะเนื้อเรื่องมันยาวไปถึงช่วงมหาลัย ช่วงเวลาที่ข้ามไปไม่มีอะไรมาก แค่นัดเจอพูดคุยกันปกติ ดังนั้นผมจะดึงเฉพาะเหตุการณ์หลักๆมา เรื่องจะได้ไม่อืดจนเกินไปนัก

อาจจะอัพช้าสักหน่อย เพราะผมแต่งงานอื่นด้วย สามารถติดตามผลงานได้ที่เพจของผมเลยครับ
https://www.facebook.com/SilverFsih?ref=bookmarks

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามครับ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่4 ความรู้สึก [24/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 24-06-2015 20:20:20
วายที่4 ความรู้สึก
   
Fay Talk

   ถนนหนทางในตอนกลางคืน ยังคงสว่างไสวจากหลอดไฟตามร้านอาหาร ที่เปิดหลังหกโมงเป็นต้นไป จุดรวมของคนมากหน้าหลายตา ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยว เสียงคนจอแจดังอยู่รอบตัว จนกระทั่งเปิดประตูเข้าไปในบาร์เหล้าแห่งหนึ่ง

   กริ้ง

   เสียงกระดิ่งดังขึ้น พร้อมประตูที่ปิดลง เสียงผู้คนหายไปเหลือเพียงเพลงคลอเบาๆ กับบรรยากาศภายในร้านที่ดูเงียบสงบ ร่างสูงเดินเข้าไปนั่งตรงบาร์ ยกมือทักทายกลุ่มคนที่มาก่อนหน้า ส่วนที่ไม่ได้ใช้งานถูกปิดไฟจนหมด เหลือเพียงแค่แถวบาร์ที่พวกเขาอยู่เท่านั้น

   แก้วเหล้าถูกยื่นมาหยุดตรงหน้า คนรับยิ้มให้เป็นเชิงขอบคุณ กับหนุ่มร่างเพรียวผู้มีใบหน้าสวยหวาน

   “มาช้านะเพื่อน มัวแต่หลงลูกแมวที่ไหน ฉันอุตส่าห์ปิดบาร์เพื่อการประชุมลับของเหล่าผู้ถือหุ้นทั้งที”

   หนุ่มสมาทโอบเอวหนุ่มหน้าสวยแซวเพื่อนที่มาคนสุดท้ายอย่างอารมณ์ดี เขาเป็นเจ้าของบาร์แห่งนี้ รวมกับผับ และบาร์อีกหนึ่งแห่ง ผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุด ที่เหลืออีก 50 เปอร์เซ็นต์ให้เพื่อนในกลุ่มสามคนแบ่งกันไป เฟย์คือหนึ่งในสามคนนั้น

   “ฉันว่าเหมือนงานเลี้ยงรุ่นมากกว่า เฮ้ยไอกบ มึงออกจากป่ามาได้แล้วเรอะ” คนที่นั่งอยู่ด้านในสุดถามเพื่อนตัวโตที่นั่งอยู่ตรงกลาง

   “ว่าแต่มัน ไออิงค์ มึงเองก็เถอะ กูนึกว่าถูกหัวหน้างานจับโบกปูนที่ไหนแล้วซะอีก ชอบกวนประสาทชาวบ้านเขาดีนัก”

   ฝนหรือเรน เจ้าของบาร์บ่นใส่คนทำหน้าทะเล้น โดยมีน้ำคนรักหัวเราะอยู่ข้างๆ ผมส่ายหัวกับพวกมัน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน นิสัยพวกมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ

    พวกเราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมัธยม กลุ่มผมมีอยู่สี่คน สี่หนุ่มสี่สไตล์ ผม ฝน กบ อิงค์ ส่วนน้ำเป็นน้องรหัสไอฝนอีกที เจอกันตอนเรียนมหาลัย วันนี้วันดี นานทีปีหนพวกเราจะได้หยุดตรงกันพร้อมหน้า เลยนัดรวมตัวกันสักหน่อย

   อย่างที่รู้กัน ผมทำงานเป็นพนักงานบริษัท อยู่ตำแหน่งหัวหน้าแผนก บ้านผมอยู่ต่างจังหวัด ตัวผมเลยต้องมาอยู่คอนโด ซื้อห้องชุดตั้งแต่สมัยมันเพิ่งสร้างใหม่ๆ ถ้าลองขายตอนนี้ราคาคงพุ่งสูงลิบ แต่ผมไม่คิดขายแน่ ไม่งั้นจะเอาที่ไหนซุกหัวนอน

   ฝนเปิดบาร์สองแห่ง ผับอีกหนึ่ง มีพวกผมเป็นหุ่นส่วน ธุรกิจในกลุ่มเพื่อน ซึ่งอันที่จริง พวกผมไม่ได้สนใจมาดูหรอก มีแต่มันกับน้องน้ำคอยบริหารโอนเงินเข้าบัญชีพวกผมทุกเดือน ไม่รู้ป่านี้เท่าไหร่แล้ว ไม่เคยเข้าไปดูจริงๆ ส่วนเรื่องโกง ไม่ต้องห่วงเลย ฝนมันเป็นพวกจริงจัง รักเพื่อนมาก ไม่มีทางโกงพวกผมแน่

   ไออิงค์มันทำงานเป็นวิศวะ ปกติไม่เคยอยู่ติดที่ เดี๋ยวต้องบินไปทำงานที่นู่นบ้าง ที่นี้บ้าง บางครั้งหายหัวไปเป็นเดือนๆติดต่อไม่ได้ เพราะที่มันทำอยู่ไม่มีสัญญาณ นิสัยมันก็พวกกวนประสาท จอมทะเล้น แต่พอเวลาทำงานจะจริงจังราวกับเป็นคนละคน ล่าสุด ผมได้ยินแว่วๆว่ามันไปกวนประสาทหัวหน้ามันอยู่ พวกผมทุกคนก็ลุ้นอยู่ มันจะโดนโบกปูนสักวันไหม ถ้าโดนมา คงต้องปล่อยเลยตามเลย ตามซากลำบาก

   สุดท้าย กบผู้ได้รับฉายาว่าฤาษี เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ยากนักที่มันจะโผล่หัวออกมาจากป่าได้ เพื่อนคนนี้ของผมมันไม่สนใจเรื่องความรักเลยตั้งแต่สมัยเรียน มุ่งมั่นไปตามฝันของตัวเองลูกเดียว มันใจดีรักเด็ก ด้วยความที่มันตัวสูงใหญ่หน้าตาขึงขังตามอาชีพ เด็กๆเลยพากันหนีมันหมด ที่เห็นจะวิ่งเข้าใส่แบบดับเครื่องชน คงมีแต่น้องชายของผม

   “เฟย์ น้องมันเป็นไงมั้ง”

   ผมเลิกคิ้วมองคนถาม กบมันปล่อยให้ฝนกับอิงค์ตีกันเป็นฉากหลัง สีหน้ามันดูเป็นกังวล หรือสาเหตุที่มันยอมเสนอหน้ากลับจากป่า น้องผมจะมีส่วนหว่า

   “ไม่รู้ดิ ปกติมั้ง พวกมึงโทรคุยกันบ่อยกว่ากูที่เป็นพี่อีกนะ ทำไม เกิดอะไรขึ้น?”

   “อะไรวะ มึงเป็นพี่นะเฮ้ย”

   “มึงบอกกูมาดีกว่า ว่ามีอะไร” ผมถามกลับ ดูเหมือนผมจะไม่ทุกข์ร้อนเรื่องน้องชาย เป็นเพราะผมเพิ่งโทรคุยกับมันเมื่อไม่กี่วันก่อนเอง ตอนโทรไปทักทายคนที่บ้านตามปกติ

   เพื่อนผมมันปากแข็งไม่ชอบพูด ผมเลยเลิกสนใจมันกระดกเหล้าในมือ หันไปคุยแจมกับพวกอิงค์เป็นระยะ จนได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆข้างตัวนี้แหละ

   “เฮ้อ กูยอมแล้วเฟย์ คืออาทิตย์ก่อน น้องมันโทรมา กูออกลาดตระเวนเลยไม่รู้ เพื่อนที่ทำงานกูรับแทน เพื่อนมันนึกว่าเด็กเกรียนโทรมากวนเหมือนทุกทีเลยด่าแล้ววางสายใส่ กว่ากูจะรู้เรื่องผ่านไปแล้วหลายวัน...”

   “แล้วมึงไม่โทรกลับ?”

   ผมถามด้วยรอยยิ้ม แต่มือกำแก้วแน่น มิน่าเสียงโฟมมันดูไม่ค่อยร่าเริงเหมือนทุกที เห็นผมไม่ค่อยสนน้องจริง แต่ผมรักน้องมากนะ ใครมาทำอะไร ผมพร้อมลุยไม่หวั่น ไอเบื้อกตรงหน้าทำน้องผมเสียใจ ต่อให้เป็นเพื่อนก็พร้อมวางมวยล่ะ ติดแต่ไอกบมันคงนิ่งและยอมให้ผมตืบแต่โดยดี นิสัยมันก็แบบนี้

   “โทรแล้ว แต่น้องไม่รับ พอรับก็วางสายใส่หูกูอีก กูยังไม่ได้อ้าปากพูดอะไรสักคำ”

   เพื่อนผมมันหงอยๆเหมือนกบอดแมลง ผมหัวเราะถูกใจ สมแล้วที่เป็นน้องชายผม คงเอาคืนไอกบแน่ๆ โฟมมันเป็นเด็กมีเหตุผล มันคงเข้าใจ แต่คงเคืองไม่น้อย อย่างว่า น้องผมเพิ่งจะอายุ 13 เองนะ อายุน้อยกว่าเด็กผมอีก เดี๋ยว ไม่สิ ลูกแมวนั่นไม่ใช่เด็กผม ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย

   “เฮ้ย กูกำลังเครียด ปรึกษามึงอยู่นะโว้ย อย่าเงียบดิวะ” โดยมันโวยผมถึงหลุดจากภวังค์

   “เออน่ะ มันยังอยู่ดี แต่ซึมๆ แม่บอกมันไม่ค่อยกิน น้ำหนักลดไปหลายโล หลังจากนี้มึงยังไม่รีบกลับเข้าป่าใช่มั้ยล่ะ แวะไปหามันหน่อยสิ ถือว่าแวะไปหาครอบครัวมึงด้วยเลยก็ได้”

   เรื่องอยู่ดีไม่ผิดครับ ส่วนนอกนั้นผมโกหกล้วนๆ ถือว่าช่วยน้องมันหน่อย ผมเป็นพี่ที่แสนดีนี่

   “เหรอวะ...ขอบใจนะมึง”

   “เออๆ มึงก็เพื่อน นั่นก็น้อง กูจะไม่สนได้ไง” ผมตบบ่าปลอบใจมัน เชื่อเลยว่า พรุ่งนี้มันตีรถกลับไปหาน้องผมแน่นอน ถือว่าเป็นของขวัญสุดพิเศษจากพี่ชายคนนี้ ที่ไม่ค่อยได้ไปหาแล้วกันนะโฟม

   “มึงกินเด็ก กูนี้สิ กินคนแก่ จีบยากสลัด” อิงค์ไม่รู้เสนอหน้ามายังไง เข้ามาแจงกลางวง หันไปดู ฝนไปช่วยน้ำยกของหลังร้าน มิน่า มันถึงได้หลุดมากวนพวกผมได้

   “คนแก่? ไม่ใช่พวกเราแก่เหรอ” กบถามแบบซื่อๆ เทียบแล้วมันอายุห่างจากน้องผม 12 ปี พวกเราอายุ 25 กันครับ

   “กูไม่ใช่มึงนะจะได้แดกเด็ก หัวหน้าที่กูกำลังทำงานอยู่ เขาอายุ 32 แต่สวยเด็ด” ท่าจะยาว มันลากเก้าอี้มานั่งพร้อมแก้วเหล้าในมือ ลำบากนัก ย้ายโต๊ะไปนั่งตั้งวงเลยไหมเพื่อน

   “ผู้หญิง? เป็นหัวหน้า? สุดยอดเลยแฮะ” กบมันยังซื่อต่อไป คิดว่างานแบบนี้ผู้หญิงเขาจะทำกันเรอะ ต้องอยู่กับผู้ชายเป็นฝูง คุมคนงานอีกตั้งเท่าไหร่ มีแต่เรื่องเครียด อยู่ห่างไกลความเจริญ ถ้ามี ผมถือว่าเป็นยอดหญิง

   “จุ๊ๆ ผู้ชายๆ กูแอบถ่ายรูปเขาต้องหลับมาด้วย”

   อิงค์หยิบกระเป๋าใส่กล้องมาเปิดรูปให้ผมกับกบดู มันเป็นวิศวะก็จริง แต่ชอบถ่ายรูปครับ เลยมีกล้องติดตัวตลอด เวลาไปไหนมาไหนถ่ายเก็บบรรยากาศไม่มีพลาด

   รูปที่มันเปิดให้ดูเป็นผู้ชายหน้าสวยจมูกโด่งปากบาง นอนฟุบหลับบนโต๊ะ มีเอกสารกองเกลื่อน คงเป็นแบบแปลน น่าจะหลับทั้งที่ยังทำงานอยู่ แว่นตายังไม่ได้ถอด ผมสีน้ำตาลทองยาวหยักศก ถูกมัดรวบง่ายๆไว้ด้านหลัง ดูแล้วที่ผมยาวคงขี้เกียจตัดมากกว่าจะไว้

   จะว่าสวยก็สวย ดูไม่น่าจะอายุขึ้นเลขสาม ไม่แปลกที่อิงค์มันจะชอบ แต่ไม่ใช่สไตล์ผม สเปคผมเป็นพวกสวยคมท่าทางฉลาด

   “สวยมาก มึงแน่ใจนะว่าผู้ชาย” กบถามแบบไม่อยากเชื่อ ผมถอนหายใจ เขาว่าคนร้ายๆมักจะชอบกับพวกซื่อๆท่าจะจริง น้องชายผมเหมือนปีศาจตัวน้อย ต่างกับกบ ให้อารมณ์ผู้กล้าจอมซื่อบื้อ

   “จริง เอามาแล้วจะไม่ชัวร์ได้ไง”

   มันตอบหน้าตายมาก ผมหัวเราะ ไอกบแทบพ่นเหล้า ฝนมันเดินมาคว้ากล้องไปดู ผมพยักหน้าขอบคุณน้ำที่ช่วยรินเหล้าเพิ่มให้ สังเกตเห็นว่าปากน้องเขาบวมๆ ฝนเอ๋ยไอฝน เพื่อนสามตัวนั่งหัวโด่อยู่ในร้าน มันยังมีอารมณ์หื่นได้ ก็ว่า แม่งหายไปนานจริงอะไรจริง

   “กูขออวยพรให้มึงไม่โดนบดทำวัสดุก่อสร้างเข้าสักวันนะ”

   ฝนปรายตามอง อิงค์หัวเราะแบบตูไม่แคร์ แย่งกล้องกลับไปเก็บใส่กระเป๋า ผมมองพวกมันเถียงกันเพลินๆ หันไปมองนาฬิกาแทบสะดุ้ง สามทุ่ม ผมลืมบอกเด็กว่าจะไม่ออน! ป่านี้ไม่รอแย่แล้วหรือนั่น ไม่รอช้า ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเบอร์ล่าสุดทันที หลังๆเริ่มคุยกันทุกวัน ไม่เอ็มก็โทรศัพท์จนกลายเป็นเรื่องปกติ

   ไอสามตัวที่เหลือ เห็นผมเปลี่ยนท่าทีกะทันหันเลยเลิกตีกัน มายืนขวางไม่ให้ผมหลบไปคุยโทรศัพท์ พร้อมใจกับเงียบรอฟังแบบหน้าด้านๆ หึ ด้านฟัง ผมก็ด้านคุย!

   /ฮัลโหลฮะ/

   “ปอนด์ พี่เองนะ ทำอะไรอยู่”

   /ห๊ะ พี่เฟย์เหรอ เดี๋ยวนะ โอ๊ยอย่าเพิ่งสิ แปบๆ กระดาษๆ/

   เสียงกุกกักดังลอดมาตามสาย เสียงเอฟเฟคเกมดังระงม ผมเข้าใจแล้วว่าเจ้าตัวทำอะไรอยู่ คงกำลังเล่นเกมออนไลน์อย่างทุกที รู้สึกพลาด ไม่น่ากังวลเรื่องรอคุยเอ็มเลยวุ้ย

   /มาแล้วฮะ พี่อะ ผมรอพี่ออนตั้งนาน ไม่เห็นออนสักที/

   เสียงงุ้งงิ้งเหมือนแมวบ่นทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา ส่ายหัวกับเจ้าเด็กน้อย รออิท่าไหนเล่นเกมเมามันขนาดนั้น

   “โทษที พอดีพี่มาเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานานน่ะ ว่าแต่ แน่ใจนะว่ารอ เล่นเกมมันขนาดนั้น ดูท่าจะติดพันให้พี่วางก่อนมั้ย?” แหย่เด็กวันละนิดจิตแจ่มใสครับ

   /ไม่ๆ ไม่ติด ไม่เลยสักกะติ๊ด คุยได้พี่สบายมาก ผมใช้กระดาษยัดใส่เม้าส์แล้ว ปล่อยมันฮิวเพิ่มเลือดไป แค่นิ้วจิ้มกดบัพให้เพื่อนก็พอ/

   “สักวันเม้าส์พัง พี่จะหัวเราะให้ แล้วนี้กินข้าวรึยัง”

   /โหยพี่ อย่าแช่งสิ มันยิ่งต๊องๆอยู่ช่วงนี้ ผมกินข้าวแล้วล่ะ วันนี้แม่บ่นถึงพี่อยู่ เห็นว่าอยากคุยเรื่องสูตรทำอาหาร/

   “หืม ฝากบอกแม่ด้วยว่า ไว้อาทิตย์หน้าพี่จะเข้าไปหา มีของที่จะให้พอดีเลย”

   /ไม่มีให้ผมมั้งเหรอ/ เด็กน้อยถามอย่างมีความหวัง แล้วผมจะไปดับความหวังเด็กได้ยังไงกัน

   “มีอยู่แล้ว เค้กผลไม้ของโปรดเราไง”

   /เย้! แม่ อาทิตย์หน้าพี่เฟย์จะมา บอกว่าจะเอาขนมมาให้ด้วย/ เจ้าตัวเล็กคงตะโกนบอกแม่ที่อยู่ชั้นล่างเสียงเลยเบาๆ ผมส่ายหัวกับเด็กต๊อง คิดแต่เรื่องขนม ลืมเรื่องที่ผมฝากบอกเรื่องของไปสนิท

   /โหลพี่ ผมบอกแม่ให้แล้ว พี่กลับไปอยู่กับเพื่อนต่อดีกว่า อุตส่าห์เจอเพื่อนเก่าทั้งที/

   ผมหมุนเก้าอี้หันหน้าเข้าบาร์แทน ทนมองหน้าเพื่อนตัวเองไม่ไหว

   “จ้าๆ พรุ่งนี้พี่ออนปกตินะ เราเองก็อย่านอนดึกนักล่ะ ฝันดีครับลูกแมว”

   /คร้าบบ ฝันดีฮะพี่หมาป่า/

   ผมกดวางสาย ยิ้มมองโทรศัพท์ หน้าจอเป็นรูปลูกแมวตอนคอสเพลย์ที่ผมแอบเอามาตั้งเป็นภาพหน้าจอเอง ก่อนจะโดนมือดีคว้าโทรศัพท์ไปจากมือ ผมหันขวับไปมอง ไออิงค์

   “ฝันดีครับลูกแมว โอ๊ยย อะไรมันจะเสียงอ่อนเสียงหวานขนาดน้านนน” ประโยคแรกอิงค์แสร้งดัดเสียง ผมเลยยกขายันมันแบบไม่เกรงใจ ดันเสือกหนีไวรอดเท้าผมไปซะได้

   “อือหือ เฟย์ กูรู้เรื่องมึงชอบพวกการ์ตูนนิยายอะไรของมึง แต่ไม่คิดเลยว่าจะทำตัวเป็นตาแก่หื่นกามให้เด็กประถมใส่ชุดปกกะลาสีหูแมวแบบนี้” ฝนเป็นลูกคู่ได้ดีจนผมเอือม อยากให้มันกลับไปตีกันเหลือเกิน

   “ความชอบส่วนบุคคล พวกมึงอย่าก้าวก่ายสิ แต่...เด็กจริงๆนะ ไม่นึกเลยว่าจะมีรสนิยมแบบนี้”

   ผมแย่งโทรศัพท์คืนมาจากกบ เวียนซะครบทีมเชียวนะ ตะกี้เห็นฝนมันเอายื่นให้น้ำดูด้วย นิสัยมาก

   “พวกมึงเข้าใจผิดแล้ว แค่น้องชาย! ที่สำคัญ เด็กมันอยู่ม.ปลาย อายุมากกว่าไอโฟมอีก แล้วที่เห็นๆเนี่ย มันชุดคอสเพลย์ที่น้องเขาใส่ในงานคอส”

   “ฮี่ๆ เล่ามาให้หมดเลยครับเพื่อนเฟย์ ไหนเสือร้ายอย่างมึงถึงพลาดท่าเสียดีกับเด็กน่อยตาดำๆได้ล่ะ แต่ก่อนหักอกสาวเป็นว่าเล่น แถมสเปคมึงคือสาวสวยแสนฉลาดไม่ใช่เรอะ” ผมใช้มือยันหน้าอิงค์ไปไกลๆ

   สรุป ไม่รอด โดนพวกมันรุม เซ้าซี้จนผมต้องยอมเล่าให้ฟัง ผมบอกแบบรวบรัดแค่ว่าเจอเด็กในงานหนังสือ บังเอิญชนเลยช่วยหลังจากนั้นเลยคุยกันมาเรื่อยๆ แค่นั้น จบ พวกมันที่ตั้งใจฟังทำหน้าเซ็งกันใหญ่

   “อย่าว่างั้นงี้เลยนะเฟย์ กูว่าถึงน้องเขาจะไม่สเปค แต่รวมๆแล้วตรงกับของที่มึงชอบหมดเลยนี้หว่า”

   ฝนทักผมถึงเพิ่งฉุกใจคิด เออวะ จริงอย่างที่มันบอก

   ผมชอบของน่ารัก น้องเขาก็น่ารัก

   ผมชอบอะไรที่ชิ้นเล็กๆ น้องตัวนิดเดียว ถ้าผมกอดทีคงหาย

   ผมชอบเด็กช่างอ้อน น้องเขาก็ขี้อ้อนเหลือเกิน

   ผมชอบแมว อารมณ์เด็กน้อยเหมือนลูกแมวสุดๆ

   ที่สำคัญ ผมชอบทำขนม ก็ได้น้องเขาช่วยชิม เพราะคนรอบตัวผมไม่มีใครชอบของหวานเลย ไม่เว้นแม้กระทั่งน้องชายแท้ๆของผมเอง

   ยกมือปิดปาก ความรู้สึกบางอย่างมันเผยตัวออกมา มันคงมีมานานแล้ว แต่ผมไม่เคยสนใจมันเลย... ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนผมแต่ละคนยืนอึ้งแทน ขนาดน้ำยังตาโต

   “เฟย์ มึง...มึงหน้าแดง?” ผมไม่เคยเกลียดความซื่อของไอกบเลยจนกระทั่งวันนี้ เวลานี้ มึงจะพูดทำพ่อง

   “ชิบหายระเพื่อนกู สัตว์ร้ายมักแพ้ทางสัตว์อ่อนแอ พลังโมเอะช่างน่ากลัวนัก” อิงค์พึมพำ

   “ยินดีด้วยเพื่อน มึงโคตรโชคดี ได้ทุกอย่างที่ชอบในตัวคนเดียว all in one เลยไหมล่ะมึง” ผมปัดมือฝนที่วางบนบ่าออก ลูบหน้าตัวเองพรืด กระดกเหล้าทีเดียวหมดแก้ว ยื่นไปให้น้ำช่วยรินให้ใหม่

   “พวกมึงอย่าเพิ่งตีโพยตีพายไป เรื่องมันยังไม่ชัวร์ บางทีกูแค่อาจจะเอ็นดูน้องเขาเหมือนน้องชายคนหนึ่งก็ได้”

   “แล้วทำไงมึงถึงจะชัวร์ล่ะไอเสือ”

   ผมหันไปมองหน้าอิงค์

   “กูว่า กูคงต้องลองอะไรบางอย่างก่อน”

   “เอาที่มึงสบายใจเลยเพื่อน มาๆ เลิกคิดเรื่องรักๆใคร่ๆ ดื่มๆ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ไม่เมาหัวทิ่ม กูไม่ให้ออกจากร้าน!”

   ฝนประกาศกร้าว กบตบบ่าผมเบาๆด้วยรอยยิ้ม อย่า มึงอย่าทำมาเป็นเข้าใจอารมณ์รักเด็ก ผมส่ายหัว สลัดเรื่องชวนคิดออกจากหัวทิ้ง เฮโลกับเพื่อนเต็มที่ และคืนนั้น พวกเราก็นอนกันที่บาร์นั่นแหละครับ ยังดี บาร์มันมีห้องพักสำหรับตัวเองกับคนรักอยู่ พวกผมเลยไออาศัยอาบน้ำให้สดชื่นหลังตื่น หาอะไรง่ายๆทำกินกัน เรียกได้ว่าอยู่กับเพื่อนเต็มที่

   ตอนบ่ายค่อยแยกย้าย กบมันดิ่งกลับบ้านไปหาเด็ก อิงค์โดนโทรเรียกตัวกลับกะทันหัน ปากบ่นโวยวายไม่พอใจ ที่วันหยุดถูกลิดรอน มันวางแผนจะเที่ยวเต็มที่เสียหน่อย กลับต้องพับเก็บหมด แต่ปากมันยิ้มดูอารมณ์ดีถึงขั้นฮัมเพลง ผมเองก็แยกตัวกลับมานอนยกแขนก่ายหน้าผากที่คอนโด

   แขนเอื้อมหยิบโน๊ตบุ้คใกล้มือมาเปิด เห็นตัวเล็กออนอยู่เลยทักไป เราคุยกันปกติ ผมเหม่อมองรายชื่อคนที่แอดเข้ามา ปกติเมลล์ผมไม่ให้ใครสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ก็มีบางทีที่หลุดไปบ้างเหมือนกัน นอกจากผมทำงาน เล่นหุ้น อ่านหนังสือ ทำงานอดิเรกแล้ว ผมยังเล่นพวกบอร์ดวายต่างๆด้วย

   มีเด็กอายุประมาณปอนด์หลายคนเหมือนกันที่คุยในบอร์ด หรือตามบล็อก ทุกทีผมจะลบพวกรายชื่อขอแอดทิ้ง บางคนตื้อมากๆก็บล็อกเลย แต่ตอนนี้...

   ลูกศรถูกเลื่อนไปที่ปุ่มรับแอด จะให้รู้ว่าผมรู้สึกพิเศษกับปอนด์รึเปล่า ผมคงต้องลองคุยกับคนอื่นๆดู

   ทันทีที่ผมรับแอด หน้าต่างเอ็มเด้งขึ้นมาพร้อมคำทักทาย ผมคุยกลับไป สลับคุยกับลูกแมวไปด้วย

   Ponda : พี่ฮะ

   Ponda : ฮัลโหล พี่คร้าบบบ พี่หมาป่า ตอบช้าจัง ติดงานอยู่ป่าวฮะ

   fay_ie : ป่าวๆ พอดีพี่คิดอะไรเพลินๆน่ะ

   ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำตัวออกนอกลู่นอกทาง นอกใจคนรักยังไงชอบกลหว่า เอาเถอะ ผมไม่คิดแจกเบอร์อยู่แล้ว แค่คุยผิวเผินเพื่อให้รู้ หลังจากนี้ค่อยดูกันว่าจะเอายังไงต่อไป

   Ponda : อ่อ พี่ ผมอยากอ่านนิยายอะ

   fay_ie : ของเดิมกับที่ยืมพี่ไออ่านจบหมดแล้วเหรอ?

   Ponda : จบแล้วครับ พี่มีเรื่องอื่นน่าสนใจอีกมั้ยอะ

   ผมขมวดคิ้ว นึกถึงกองนิยายที่วางเรียงรายกันในตู้หนังสือสองตู้ใหญ่ๆ มีทั้งพวกหนังสือวิชาการ ตำนาน ประวัติศาสตร์ หนังสือนิยายภาษาต่างประเทศ พวกนิยายแปล แนวสืบส่วน และอีกสารพัด กับแนววายกินพื้นที่ไปโซนหนึ่ง ไม่นับรวมกับพวกที่เก็บเรียงไว้ในชิ้นเปิดปิดอีกส่วนหนึ่งด้วย เยอะจนเลือกไม่ถูก

   fay_ie : ไอมีมันก็มีอยู่ แต่มันเยอะมาก ให้เรามาดูเองแล้วกัน อยากอ่านเรื่องไหนค่อยหยิบไป

   Ponda : พี่จะให้ผมไปที่ห้องเหรอ!?

   เจ้าตัวเว้นช่วงไปก่อนจะตอบ ผมสงสัย อะไรจะตกใจขนาดนั้น ก่อนจะนึกขึ้นได้ ผมเคยเล่าให้น้องฟังนี่นะ ว่าผมรักความเป็นส่วนตัวมาก ห้องผมคนที่มีคีย์การ์ดมีแค่โฟมคนเดียว นอกนั้นจะมายังต้องขอผมแล้วขอผมอีก อย่างก๊วนเพื่อนผม มันเคยขึ้นมากันครั้งเดียวเองมั้ง ตอนซื้อใหม่ๆด้วยเงินเก็บของตัวเอง เลยฉลองสักหน่อย ดังนั้นกับคนที่ไม่ใช่ครอบครัว อย่าหวังจะได้ขึ้นมา มีแฟนผมยังไม่พาขึ้นเลย

   เอาเถอะ ปอนด์ก็เหมือนน้องชายผมอีกคน คงอารมณ์ประมาณเดียวกับโฟม พอคิดตก ก็ปล่อยมันทิ้งไป

   fay_ie : อ่าฮะ หรือเราไม่อยากมา?

   Ponda : อยากสิ! ผมจะไปยกเค้า ขนนิยาย การ์ตูนจากห้องพี่ให้หมด รู้มั้ยแต่ละเรื่องที่พี่หยิบมาให้ ของแรร์ทั้งนั้น หาซื้อไม่ได้แล้ว บางเล่มเพิ่งออกใหม่สดๆร้อนๆก็มี

   เด็กน้อยร่ายยาวเหยียด อย่างกับห้องผมมันคือกรุสมบัติสำหรับสาวกวายอย่างนั้นแหละ

   fay_ie : โอเคๆ เอาเป็นว่า พี่ว่างวันไหนจะบอกอีกที จะปล่อยให้มายกเค้าตามใจชอบเลย ถ้าขนกลับไหวล่ะก็นะ หึหึ

   Ponda : แง่ง! ให้พี่ช่วยขนไง ฮ่าๆๆๆ

   fay_ie : แล้วกัน ให้พี่ช่วยเรายกเค้าห้องตัวเองเนี่ยนะ

   Ponda : ช่าย

   เจ้าของห้อง นั่งเอนหลังหัวเราะอยู่คนเดียวหน้าคอม คิดไปได้นะ เด็กน้อยเอ๊ย... เอาล่ะ ผมคงต้องเตรียมตัวรอโดนยกเค้าซะแล้ว
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่4 ความรู้สึก [24/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 24-06-2015 20:23:37
ชอบตอนที่เฟย์หน้าแดงอ่ะ น่ารักดี ><//
งานนี้มีตั้งหลายคู่แน่ะ หึๆๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่4 ความรู้สึก [24/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-06-2015 20:35:31
 :man1:    :impress2:   ฮื้อออ อยากฟัดลูกแมวเนอะ. ใช่ไหมๆคุณพี่เฟย์

ค่อยๆคืบหน้าเนาะคิดจะเลี้ยงต้อยก็แบบนี้
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่4 ความรู้สึก [24/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 25-06-2015 23:51:20
น่ารักมากกกกกกกกกกก
ชอบมาก! !
ฟินมาก! !
น้องน่าฟัดอ่ะ
เพิ่งเข้ามาอ่าน สมัครเป็นFCคู่นี้เลย  :katai2-1:

ปล.สมัครเป็น FC คุณ Silver Fish ด้วย  :L2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่4 ความรู้สึก [24/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 05-07-2015 00:08:32
อ๊าาาโชตะ :ling1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่4 ความรู้สึก [24/6/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 05-07-2015 08:58:25
เฮียเฟย์กินเด็ก!!!!!!!!!!!
ชอบอะ มาต่อไวๆนะคะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่5 สิ่งที่เจอ [5/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 05-07-2015 20:39:04
วายที่5 สิ่งที่เจอ

   วันที่รอคอยมาถึงแล้ว! ผมกำลังจะไปยกเค้าห้องพี่เฟย์ หลังจากนัดแนะวันเวลากันในเอ็ม แม่ผมสั่งกำชับแล้วกำชับอีกอย่าไปซนทำข้าวของพี่เขาพัง ผมพยักหน้ารับแก้มป่อง ถึงผมจะซุ่มซ่าม แต่ไม่มากขนาดนั้นสักหน่อย

   ผมสะพายเป้อันเก่งใบเดิม ด้านในเบาหวิว ใส่แค่มือถือ กุญแจบ้านกับเงิน พื้นที่ที่เหลือเตรียมไปหอบหนังสือเต็มกำลัง  เวลานัดคือ 11 โมงที่ BTS สถานีนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่านคอนโดห้องพักระดับหรู ระหว่างรอพี่ชายมาหิ้วกลับห้อง ผมมองนู่นมองนี้ไปเรื่อยเปื่อย

   แถวนี้คนอยู่เยอะก็จริง แต่เงียบสงบมาก ส่วนใหญ่คนคงไปกองกันอยู่แถวสยามหมด นอกจากตึกสูงๆแล้ว ยังมีพวกสวนสาธารณะ ต้นไม้ต้นโตๆ ลมพัดเย็นสบาย ถือว่าบรรยากาศดีไม่น้อยเลย

   “ถ้ามีสระว่ายน้ำด้วยคงฟินน่าดู”

   “คอนโดพี่มีนะ ถ้าเราอยากเล่น วันหลังเอาชุดว่ายน้ำมาด้วยสิ” เสียงทุ้มตอบกลับ ผมหันขวับเห็นพี่ชายในชุดโคตรสบาย เสื้อยืด รองเท้าแตะ กับกางเกงสี่ส่วน เฮียชิวมากเลยครับ

   “พี่ จู่ๆโผล่มางี้ตกใจนะ” ตกใจในความหล่อ ปาดน้ำหมาก เอ๊ยน้ำลาย ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหน คุณพี่ชายยังคงออร่าความหล่อทิ่มแทงตาเช่นเดิม

   “เรามัวแต่เหม่อน่ะสิ ป่ะ กลับห้อง จะเที่ยงพอดี เดี๋ยวพี่ทำข้าวเที่ยงให้กิน”

   ผมนี่ตาวาวเลยครับ ฝีมือการทำอาหารของเฮียแกอร่อยไม่แพ้เชฟในโรงแรมเลย เผลอๆบางทีอร่อยกว่าด้วยซ้ำ

   “ผมขอขนมด้วยน้า” ได้ของคาวต้องตามด้วยของหวาน ผมเกาะแขนมองด้วยสายตาที่คิดว่าออดอ้อนสุดชีวิต เหมือนพี่ชายจะเซไปวูบหนึ่ง มือหนาขยี้หัวผมจนยุ่งหนักกว่าเก่า ปกติมันก็ชี้ไปชี้มาเหมือนเส้นผมทะเลาะกับหวีอยู่แล้ว ไม่ต้องให้พี่มาช่วยยีเพิ่มหรอก

   “ฮึ กินให้หมดแล้วกัน” นิ้วยาวดึงจมูกเล็กเบาๆ ผมหันหน้าหนี ร้องเย้ด้วยความเบิกบาน ขนม ขนม ผมไม่ได้ใจง่ายถูกล่อด้วยขนมกับหนังสือวายนะบอกเลย ไม่ได้ร้อนตัวด้วย จริงจริ๊ง

   พี่ชายตัวโตเอาเป้เบาหวิวของผมไปสะพายเอง แล้วจูงมือพาผมไปที่คอนโดเจ้าตัว แค่หน้าคอนโดก็หรูแล้ว คอนโดสูงสีขาวสลับเทาเข้ม พื้นสะอาดสะอ้านไร้ขยะ ต้นไม้ร่มรื่นมีแปลงดอกไม้ขนาดเล็กกระจายไปจุดๆให้ความสวยงาม และมีที่นั่งสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ถ้าไม่ใช่เวลาใกล้เที่ยง ผมคิดว่าคงมีคนมานั่งเล่น ออกกำลังกายแถวนี้แน่นอน อย่างน้อยๆก็คนที่เดินนำหน้าผมนี่แหละ หุ่นดีขนาดนี้ เวลาว่างต้องออกกำลังกายแหง เพราะผมไม่เคยเห็นใครที่อยู่เฉยๆแล้วหุ่นดีได้ ถ้ามีผมจะไปฝากฝังตัวเป็นลูกศิษย์

   ประตูกระจกมีคนคอยเปิดปิดประตูให้ พอเข้าไปแอร์เย็นปะทะร่าง รู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกกับด้านนอก ตรงหน้าเป็นส่วนรับรอง มีโซฟานุ่มให้นั่งพัก ไม่ไกลนักมีรีเซฟชั่นคอยให้ความสะดวก พนักงานสวมชุดเรียบร้อยยิ้มทักทายพี่เฟย์ เผื่อแผ่มาทางผมด้วย

   “น้องคุณเฟย์น่ารักจัง”

   “ฮ่าๆ ขอบคุณครับ คุณหนิงอย่าลืมทานข้าวนะครับจะเที่ยงแล้ว”

   “ค่า หนิงไม่ลืมหรอกค่ะ จริงด้วย ลูกสาวฝากมาบอก ขนมที่คุณเฟย์ทำอร่อยมากเลย หนิงขอสั่งเพิ่มนะคะ”

   “ดีจริง ผมก็กังวลอยู่ว่าน้องจะทานได้มั้ยถ้างั้น เดี๋ยวผมทำมาส่งให้พรุ่งนี้นะครับ”

   พี่เฟย์ตอบพนักงานที่ยิ้มรับ ผมเลยก้มหัวให้แล้วตามพี่ชายไป เห็นลิฟท์อยู่สี่ตัวกำลังจะเดินไปทางนั้น กลับโดนมือหนาหิ้วคอซะก่อน แถมยกมาวางข้างตัว พี่ทำเหมือนผมเป็นลูกแมวซนเลยนะแง่ง!

   “จะไปไหนน่ะ ลิฟท์ขึ้นอยู่ทางนี้”

   “อ้าว... แล้วนั่น ไว้ส่งของเรอะ” ผมชี้ไปทางลิฟท์มีคนกำลังเดินออกมาพอดี

   “ลิฟท์ทั่วไปนี้แหละ แต่สำหรับชั้นปกติ ของพี่ต้องไปทางนี้ 5 ชั้นบนเป็นของ VIP”

   พี่เฟย์พูดพลางใช้คีย์กาดร์รูดเปิดประตูกระจก ด้านในเจอลิฟท์สองตัว เหมือนกับลิฟท์ปกติด้านนอกทุกอย่างติดแค่มีช่องเสียบการ์ดเพิ่มขึ้นมา และปุ่นกดมีถึงแค่ชั้น 27 เท่านั้น ระหว่างลิฟท์ขึ้นผมเลยถาม

   “พี่... เท่าที่ผมจำได้ พี่บอกว่าคอนโดพี่มีทั้งหมด 32 ชั้นใช่ป่ะ แล้วไอ้ 5 ชั้น VIP เนี่ย มันไม่มีปุ่มกดเหรอ?ใช้การ์ดเอา?”

   “อ่าฮะ ต้องใช้คีย์การ์ดเท่านั้นถึงจะขึ้นไปได้ แน่นอน หากเหตุฉุกเฉิน จะมีลิฟท์ของพนักงานขึ้นไปถึงชั้น 32 ได้เลยโดยไม่ต้องวุ่นวายกับขั้นตอนพวกนี้”

   ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก ระบบความปลอดภัยที่นี่สุดยอดจริงๆ คาดว่าราคาคงสุดยอดไม่ต่างกัน ผมขอไม่ถามถึงแล้วกัน ไม่อยากรู้สึกทึ่งไปมากกว่านี้ กระทั่งถึงชั้นบน ออกจากลิฟท์มีเรื่องให้แปลกใจอีกรอบ มองซ้ายมองขวา มีเพียงสองประตู?

   พี่ชายเดินไปทางประตูด้านขวา ใช้คีย์การ์ดเปิด กวักมือเรียกผมเข้าไป เป็นทางเล็กมีชั้นวางรองเท้า กับสลิปเปอร์สีขาว พี่ชายใส่สีขาว ส่วนผมเหรอ เหอะๆ สลิปเปอร์อันเล็กลายอุลตร้าแมน เดี๋ยวพี่... พี่เข้าใจผิดอะไรรึเปล่า

   “พี่ฮะ ทำไมของผมมันลายเด็กน้อยงี้อะ ไม่มีพวกเรียบๆเหรอ”

   ดวงตาคมแต่อบอุ่นก้มลงมองเท้าผมสลับกับเท้าตัวเองแล้วหยิบสลิปเปอร์อีกอันมาให้ผมลองใส่เงียบๆ พอผมลองใส่ดู ชัดเลย นี้มันลูกแอบเอาของพ่อมาใส่เล่นชัดๆ เดินไปถ้าไม่สะดุดหัวทิ่มตายก็ปรมาจารย์สลิปเปอร์แล้ว

   “เท้าเราเล็กนิดเดียว อันนี้พี่ซื้อมาใหม่ เพิ่งแกะเมื่อเช้า ลายแมวมันหมด พี่เลยเอาลายนี้มาแทน ไม่ดีเหรอ”

   ยังมีการมาถามเสียงนุ่มด้วยรอยยิ้มพี่ชายใจดีชวนละลาย โอเค ยอมก็ได้ ต่อให้เป็นลายสัตว์ประหลาดผมก็ยอม ซึ่งหลังจากนี้ หลังไปห้างกับแม่ ผมจะเลือกซื้อสลิปเปอร์ของตัวเองมาทิ้งไว้ห้องพี่ชายสักคู่...

   “พี่ทำอาหารแปบ ตู้หนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น อยากเดินดูตรงไหนก็ได้ตามใจ แค่อย่าโดดลงไปจากระเบียงเป็นพอสงสารคนด้านล่างต้องเก็บกวาด”

   “บ้า พูดจาโหดร้าย!” ผมโวยวายใส่ มีเสียงหัวเราะตอบกลับ พร้อมร่างสูงที่เดินเข้าไปในห้องครัว ต้องบอกว่าห้องกว้างมาก เหมือนบ้านขนาดย่อมเลย ผมเดินสำรวจซะทั่ว มีสายตาพี่ชายคอยมองผ่านทางเคาน์เตอร์ที่คั่นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องครัวเป็นระยะ

   เห็นแบบนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมมีสองประตู เพราะทั้งชั้นมันมีแค่สองห้องถึงได้กว้างขนาดนี้ มีทุกอย่างครบหมด ห้องนอนสองห้อง ห้องหนึ่งดูเป็นห้องพี่ชายผมไม่กล้าเข้าไปเลยส่องดูแค่ด้านนอก อีกห้องเป็นห้องนอนแขก มีห้องน้ำในตัวทั้งสอง ห้องนั่งเล่นอยู่ตรงกลาง มีชุดโซฟา โต๊ะกระจกหน้าทีวี พื้นปูด้วยพรมนุ่ม ไม่ไกลมีชั้นหนังสือสองตู้ จัดแบ่งประเภทเป็นระเบียบ มีมุมสำหรับนั่งอ่านด้วย

    พอเปิดประตูกระจกที่ติดกับห้องนั่งเล่นออกไปจะเจอระเบียงกว้าง มีเก้าอี้เอนหลังกับโต๊ะนั่งรับลมเย็นบนตึกสูง ผมได้ยินเสียงน้ำไหล พอหันไปเจอสวนขนาดเล็ก มองดีๆส่วนใหญ่เป็นพวกผักปลูกไว้กินได้กับน้ำพุเล็กๆ มีรูปปั้นแมวหลายอิริยาบถวางประดับอยู่

   ผมตื่นตาตื่นใจสุดๆ และไม่กล้ารื้อกล้าแตะอะไรมาก เพราะพี่เขาจัดทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ได้กลิ่นหอมของขนมอบอวลในห้อง คงเพิ่งทำขนมไปเมื่อเช้า ดูแล้วสมกับเป็นห้องส่วนตัวของผู้ชายที่มีบุคลิคแบบพี่เฟย์จริงๆ

   สักพักอาหารก็ทำเสร็จ เป็นกับข้าวแบบง่ายๆแต่หน้าตาหน้ากินสุดๆ พวกเรานั่งทานกันในห้องทานข้าวอยู่ถัดจากห้องครัว ตะกี้ผมมัวแต่สำรวจด้านนอกเลยไม่ได้เข้ามาดูตรงนี้ หลังทานเสร็จผมช่วยพี่ยกจานไปเก็บ ได้เห็นห้องครัวใหญ่ อุปกรณ์ครบครัน มีกระทั่งเตาอบขนม ผมคิดว่าถ้าลดขนาดห้องครัวเท่ากับปกติ คงจะเพิ่มพื้นที่ในห้องไม่น้อยที่สำคัญ สะอาด ไร้คราบน้ำมัน ไม่มีกลิ่นอาหารเพราะมีเครื่องดูดกลิ่นออกไปด้านนอก

   แต่พี่เฟย์เป็นคนชอบทำอาหารกับขนม ดังนั้นส่วนนี้จึงเปรียบเสมือนอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าตัว ที่แมวตัวป่วนอย่างผมควรอยู่ให้ห่าง หากไม่อยากทำข้าวของ อุปกรณ์ทำครัวบางตัวที่ราคาเหยียบหมื่นจนถึงหลักแสนพังโดยไม่ตั้งใจ

   “เดี๋ยวพี่ล้างเอง ไปรอที่โซฟา เดี๋ยวยกขนมไปให้”

   ผมพยักหน้ารับ ล้างมือแล้วย้ายตัวเองไปขลุกอยู่ตรงชั้นหนังสือ ช่วงชั้นบนๆที่ผมเอื้อมไม่ถึง มีแต่พวกหนังสือต่างประเทศกับหนังสือวิชาการ ไอ้พวกที่ผมต้องการน่ะ หึหึ มันอยู่แถวล่างๆ ผมฮัมเพลงหยิบนิยายมาดู พร้อมการ์ตูนมากมาย คงมีแค่ส่วนนี้แหละที่ผมกล้ารื้อ

   นิยายกับการ์ตูนหลายเล่มผมอ่านไปแล้ว บางเรื่องเป็นแนวที่พี่ชายชอบแต่ผมไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ สุดท้ายจากนั่งๆเปลี่ยนเป็นนอนอ่านในกองหนังสือ สรวงสวรรค์จริงๆ

   “อือหือ รื้อมันเลยนะ เอ้า... ขนม ได้เรื่องที่ถูกใจบ้างรึยัง”

   เค้กผลไม้ถูกวางบนโต๊ะหน้าทีวี ผมคั่นหนังสือแล้ววิ่งไปจิ้มเค้กหม่ำทันที

   “อร่อยที่สุด หนังสือเจอที่ถูกใจแล้ว แต่ยังไม่พอ ผมต้องรื้ออีก”

   “เอาเลยตามสบาย รื้อไปอย่าลืมเก็บเข้าที่ด้วยล่ะ พี่ไปทำเค้กก่อน มีลูกค้าสั่งมา”

   “คร้าบ” ผมรับแก้วนมใส่น้ำผึ้งจากพี่ชายมานั่งจิบกินกับเค้ก แสนมีความสุข พี่ชายส่ายหัวด้วยรอยยิ้มเอ็นดู ก่อนกลับไปขลุกในห้องครัวอีกรอบ คิดว่าวันนี้ทั้งวันคงอยู่แต่ในนั้นแหละ ส่วนผม หลังหม่ำเค้กเสร็จ ตามไปป่วนในครัวจนได้สตรอเบอรี่มากินลูกนึง สุขกว่านี้มีอีกไหม ระหว่างนั่นก็อ่านการ์ตูนไป แน่นอนว่าวาย! วายยกเซ็ต พี่เฟย์มีเยอะมาก เยอะกว่าร้านขายบางร้านอีก เก่าใหม่มีหมด อยากยกเค้าไปจริงๆนะเนี่ย

   อ่านการ์ตูนจบไปสามเล่ม พอเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนมาแวะโอนเงินซื้อหนังสือนิยายผ่านตู้ ATM แต่ดันลืมกรอกแบบฟอร์มส่งข้อมูล!

   “พี่ฮะๆ มีคอมป่าว ผมขอยืมหน่อย สั่งหนังสือแล้วลืมแจ้งอะ จะหมดเขตแล้วด้วย”

   พี่ชายละสายตาจากหน้าเค้กที่กำลังแต่ง มองลูกแมวมาเต้นเร่าๆอยู่ข้างตัว

   “พี่มีแต่โน้ตบุ้ค อยู่ในห้องนอนพี่ ไปหยิบมาใช้แล้วกัน สายชาร์จก็อยู่ด้วยกันนั้นแหละ”

   ผมวิ่งเปิดประตูเข้าห้องพี่ชาย ดวงตาสอดส่องหาโน๊ตบุ้ค วางเก็บเรียบร้อยอยู่บนโต๊ะ ถ้าเป็นผม คงไม่เรียบร้อยงี้หรอก เครื่องกับสายกองด้วยกันนั่นแหละ ผมยกโน๊ตบุ้คออกมา หนักเหมือนกันแฮะ สายตาดันเหลือบเห็นการ์ตูนอันคัทอยู่ตรงหัวเตียง ปากเล็กยิ้มมีเลศนัย ฮั่นแน่ มีเอามาอ่านเล่นในห้องนอนด้วย ผมเลยแฮ้บไปอ่านซะเลย

   จัดแจงเปิดโน้ตบุ้คเสียบสายชาร์จในห้องนั่งเล่น แล้วเข้าไปกรอกแบบฟอร์มจากเว็บที่ตัวเองจดเอาไว้ หลังกดส่งเรียบร้อยค่อยโล่งใจ ที่เหลือก็รอรับหนังสือ ระหว่างนั้นแอบไหลไปเล่นอย่างอื่นต่อ เสิร์ชหาอะไรดูไปเรื่องเปื่อย เช็คนิยายในเน็ตว่าอัพตอนต่อแล้วหรือยัง เรื่องไหนอัพก็หยุดอ่าน จบค่อยไปดูเรื่องอื่นต่อ

   เผลอยาวไปอ่านพวกการ์ตูนตามเว็บด้วย จะว่าไป ผมมีอนิเมะที่ดูค้างไว้ มานั่งดูต่อเลยแล้วกัน ระหว่างดูเพลินๆใช้หูฟังโทรศัพท์ตัวเองมาเสียบ จู่ๆ เสียงเอ็มก็เด้งขึ้น ผมชะงักนึกเซ็งเพราะดูแล้วมันติดขัด ลืมไปว่าเอ็มถ้าตั้งค่าไว้เวลาเปิดเครื่องมันจะออนไลน์ให้ทันที

   ผมกดดูว่าใครทักมา จะได้บอกพี่ชายถูก เผื่อเป็นเรื่องงานอะไรงี้ พอเห็นชื่อยาวเหยียดใส่อิโมชั่นเยอะแยะจนดูไม่ออกมันจะสื่ออะไร คิ้วผมขมวดมุ่น คงไม่ใช่เรื่องงานแล้วล่ะ ยิ่งไอคอนเคลื่อนไหวโผล่มา ส่งรูปหัวใจเต็มจอแถมเสียงจูบที่เอ็มเพิ่งอัพระบบนี้มาไม่นาน ทำเอาผมสะดุ้ง คุ้นๆว่าผมเคยใช้ไอคอนนี้ปาลูกโป่งน้ำใส่เอ็มเพื่อนนะ

   ในใจผมคิด อาจจะเป็นน้องชายของพี่เฟย์ที่เล่าให้ฟังก็ได้ กำลังจะอ้าปากเรียกเจ้าของเครื่อง ข้อความเด้งรัวขึ้นมา ทำให้ผมชะงักอยู่กับที่

   ☆+o(> ∪<)◇น้องZAZA◇(>∪ <)☆+o : ดีฮะพี่ชาย>3<
   ☆+o(> ∪<)◇น้องZAZA◇(>∪ <)☆+o : เห็นออนน้องชายคนนี้เลยรีบทักมานะเนี่ย ////
   ☆+o(> ∪<)◇น้องZAZA◇(>∪ <)☆+o : พี่ฮะ ทำไมเงียบล่ะ T^T
   ☆+o(> ∪<)◇น้องZAZA◇(>∪ <)☆+o : พี่ตอบหน่อยสิ TT^TT ไม่ตอบน้องชาจะงอนแล้วน้า
   ☆+o(> ∪<)◇น้องZAZA◇(>∪ <)☆+o : อะลืมไปพี่ไม่ชอบ O_o ไม่งอนก็ได้ ตอบหน่อยสิฮะพี่ชาย Q^Q

   น้องชา เหอะๆ ผมจำได้ว่าน้องพี่เฟย์ชื่อโฟมนะ แถมยังเคยคุยด้วยกันบ่อยๆ บางทีประชุมสาย รวมเอ็ม จริงๆผมมีเอ็มโฟมด้วยล่ะ คุยกันถูกคออยู่ หา? อยากเปรียบสีหน้าผมเป็นอิโมชั่นตอนนี้มั้ยครับ ถ้าอยากผมจัดให้

   =_=|||…

   อะไรของมันวะคร้าบบบบบ นั่นๆ ยังไม่หยุด เด้งรัวๆ ผมอยากถามเหลือเกินว่าต้องการอะไรจากสังคม ใครบอกผมหึง ป๊าว! ไม่มี หึงอะไร ผมกับพี่ชายไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ด้วยความลืมตัว ผมเลยเลื่อนขึ้นไปดูข้อความก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่ มีแต่น้องชานี้แหละที่พิมพ์อยู่ฝ่ายเดียว

   ผมส่ายหัว คงจะเป็นพวกเด็กที่มาป่วนพี่เฟย์มั้ง มือกำลังจะคลิกออฟไลน์เอ็ม เสียงเด้งดังขึ้นมาอีก คราวนี้ไม่ใช่แถบของเจ้าน้องชากระพริบสีส้ม

   เชรดแม่ม! มันงอกได้ โผล่ออกมาอีกเกือบสิบหน้าต่าง ไล่แต่ละอันเด็กน้อยทั้งนั้นเลย อายุน่าจะพอๆกับผมหมด หรือบางทีมากกว่าน้อยกว่าลดหลั่นกันไป ที่ผมอึ้งไม่ใช่อะไร เปิดหน้าต่างเอ็มที่ชื่อผมโชว์ออฟไลน์อยู่ขึ้นมาเทียบ ข้อความที่พี่เฟย์ตอบแทบไม่ต่างจากเด็กทุกคนเลย รู้สึกตัวเองหน้าชามือเย็นเฉียบ

   หนึ่งในจำนวนคนที่ออนไลน์ ผมเห็นโฟมออนอยู่ แต่ไม่ได้ทักมาเหมือนคนอื่นๆ ผมเลยทักไป ลืมไปด้วยซ้ำว่านี้เอ็มของพี่เฟย์

   fay_ie : โฟม แง้
   F_OA_M สุดหล่อ:หะ! อ่อ ตกใจแทบช็อก ทีแท้ปอนด์นี้เอง เป็นไร วันนี้ไปเที่ยวห้องเฮียไม่ใช่เหรอ หรือโดนแกล้ง
   fay_ie :จะบอกว่าโดนก็ใช่ จะไม่โดนก็ถูก ฮือ
   F_OA_M สุดหล่อ: ตกลงยังไงแน่ ฮ่าๆ ปอนด์ตลกดี
   fay_ie : ไม่ขำนะ อยากกลับบ้านแล้วอะ
   F_OA_M สุดหล่อ: เพิ่งบ่ายสามเอง จะกลับแล้วเหรอ ไหนเมื่อวานบอกจะอยู่ถึงห้าโมง
   fay_ie : อืม
   F_OA_M สุดหล่อ:เอาจริงๆ เป็นอะไร

   ผมเงียบมองหน้าจอ ส่วนอันอื่นเหรอ ผมตั้งไม่ว่างเอาไว้ พอใครทักมาจะไม่มีเสีย ลังเลอยู่ว่าจะเล่าให้ฟังดีมั้ยนะ รู้สึกยังไงก็ไม่รู้ อีกฝ่ายเป็นน้องของจำเลยด้วย โจทก์อย่างผมอุทรณ์ได้เหรอ

   F_OA_M สุดหล่อ:จะบอกไม่บอก ไม่บอกโทรหาเฮียแล้วนะ

   แหงะ เลิกลังเลเลยผม ถ้าไปถามเจ้าตัวแบบนั้น ผมก็แย่น่ะสิ

   fay_ie :ยอมบอกแล้วๆ

   ผมเล่าทุกอย่างให้โฟมฟัง ลุ้นไปด้วยว่าโฟมจะบอกยังไง ปกติน้องชายทั่วไปต้องพูดเข้าข้างพี่ชายตัวเองอยู่แล้ว แต่นั่นคงใช้ไม่ได้กับพี่น้องบ้านนี้

   F_OA_M สุดหล่อ:ปกติเฮียไม่ใช่คนแบบนี้ คงคิดทำอะไรบ้าๆล่ะมั้ง ยิ่งคิดไม่ปกติเหมือนชาวบ้านสักเท่าไหร่ เอางี้สิ ในห้องนั้นเห็นพวกเครื่องครัวใช่มะ หยิบๆเลือกๆมาสักอันแล้วทุ่มลงจากชั้น 28 เลย แถมมีดแถวนั้นปาเข้าหน้าเฮียด้วยก็ได้ ฝากแทงก่อนสักสามแผลนะ บังอาจลากกบของโฟมไปเที่ยวไม่เจอน้องนุ่ง คนเขาอุตส่าห์รอเจอ
   fay_ie : เอ่อ... โฟม ใจเย็น
   F_OA_M สุดหล่อ: เรื่องนี้เย็นไม่ได้หรอก! มันคือความแค้นของลูกผู้ชาย แฟนนอกใจแบบนี้ยอมให้ไม่ได้เด็ดขาด หรือถ้าไม่หนำใจ ตอนให้เป็ดกินโลด
   fay_ie : เอ๊ะ แถวนี้ไม่มีเป็ดอะ นกแทนได้มะ จะบ้าเรอะ! ฉันไม่ได้คบกับพี่เขาสักหน่อย แค่พี่ชายน้องชายเท่านั้น
   F_OA_M สุดหล่อ: ฮ่าๆๆ ก็ยังจะเล่นกลับนะ แต่ตอบได้ดารามาก เอาน่า อย่าคิดมาก คงไม่มีอะไรหรอก ถามไปตรงๆ ดีกว่ามาคิดอะไรคนเดียวนะ

   พอได้คุยกับโฟม ได้ระบายออกไป อารมณ์แปลกๆตอนแรกเริ่มเบาบางลง ผมถอนหายใจ พิมพ์ขอบคุณโฟมแล้วล้างข้อความที่คุยทั้งหมดทิ้งก่อนปิดเครื่อง ผมยังไม่กลับบ้านทันที ยังอยู่เล่นต่ออีกสักพัก นอนกลิ้งอ่านหนังสือที่ไม่รู้เรื่องเลยสักนิด วนซ้ำแถวเดิมเป็นรอบที่สิบสรุป ถือไว้เฉยๆไม่ได้อ่าน

   ผมหลับตา นึกถึงความจริง พี่เฟย์เป็นคนใจดีกับทุกคน ไม่แปลกที่ผมจะได้เทียบเท่ากับคนอื่น ผมหวังอะไรอยู่ อยากให้พี่คุยกับผมแบบพิเศษกว่าคนอื่นเหรอ นั่นมันเห็นแก่ตัวเกินไป ความรู้สึกคนเรามันบังคับไม่ได้ แถมผมเป็นแค่น้องชาย ไม่มีความสำคัญขนาดนั้น ต่อให้เป็นโฟม น้องชายแท้ๆ ยังไม่สามารถบังคับให้พี่ชายตัวเองทำอะไรตามใจชอบได้เลย ไอ้เรื่องที่ผมไม่ชอบใจ ไม่อยากให้พี่คุยกับคนอื่นๆยิ่งไม่ต้องพูดถึง

   ทั้งที่ไม่ควรคิดไปในแง่ลบ สมองผมดันไม่ฟัง นึกไปถึงเรื่องที่ยังไม่เกิด ถ้าหากวันหนึ่งพี่ชายมีคนที่รักขึ้นมาล่ะ ผมคงไม่ได้คุยกับพี่แบบนี้อีก คนเราย่อมให้ความสำคัญกับคนที่รักอยู่แล้ว รู้สึกเจ็บชะมัด เหมือนมีก้อนจุกอยู่ตรงคอ ดวงตาร้อนผ่าว ไม่นานน้ำตาก็ไหลออกมา ไอ้บ้าเอ๊ย ผมดันชอบพี่เขาไปซะแล้ว

   หนังสือถูกดึงออกจากมือ คนที่ทำให้ผมร้องไห้ก้มลงมามองด้วยความเป็นห่วงโดยไร้การเสแสร้งใดๆทั้งสิ้น

   “ปอนด์ เป็นอะไรไป ทำไมร้องไห้ล่ะหืม?”

   เสียงนุ่มกับฝ่ามืออุ่นช่วยซับน้ำตาเบาๆ ผมส่ายหัวแล้วยิ้มให้

   “แค่อ่านนิยายอินไปหน่อยอะพี่ เรื่องนี้ดราม่าชะมัด ผมยิ่งอ่อนไหวง่ายกับเรื่องดราม่าด้วย”

   คนตัวโตเลิกคิ้วมองหนังสือในมือตัวเอง โกหกชัดๆ หนังสือเรื่องนี้มีแต่เรื่องชวนขำ ไม่มีอะไรส่อไปทางดราม่าแม้แต่นิดเดียว แต่ถ้าเด็กไม่อยากบอก พี่ชายไม่คิดจะเซ้าซี้ให้งอแงหนัก มือหนาดึงรั้งร่างเล็กเข้ามาในอ้อมแขนอุ่น ลูบหลังปลอบเด็กน้อย

   “ถ้ามันเศร้าขนาดนั้นก็เลิกอ่านเถอะ ไปกินขนมกับพี่ดีกว่า ไอ้ที่กินเข้าไปเริ่มย่อยแล้วใช่มั้ย มีไอติมด้วยนะ”

   “ดีเลย ผมไปล้างหน้าแปบ พี่ห้ามกินของผมหมดนะ”

   ร่างเล็กผุดลุกขึ้นวิ่งเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านนอก พี่ชายมองตาม ไปเตรียมขนมมาให้อย่างที่บอก เด็กน้อยเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่า ใบหน้าเปื้อนน้ำตาแบบนั้นไม่อยากเห็นเลย มันทำให้คนที่ใจแข็งมาตลอด รู้สึกใจอ่อนยวบ ได้แต่เอาของที่อีกฝ่ายชอบมาให้กิน อย่างน้อยๆ สีหน้าตอนได้ทานของอร่อย ย่อมดีกว่าตอนเสียใจแน่ๆ

   แต่เขาเป็นผู้ใหญ่ และใจเย็นพอที่จะรอ รอเวลาที่เด็กน้อยถามออกมาเอง...

   “มาแล้วววว” เสียงเล็กลากเสียงยาวถลามากินขนมที่วางไว้บนโต๊ะ เฟย์มองภาพนั้นพลางลูบหัวเล็กแบบที่ชอบทำ

   ผมคิดในใจระหว่างกินขนม สัมผัสอ่อนโยนนี้ไม่ได้โกหก สีหน้าห่วงใยมาจากใจจริง เท่านี้เพียงพอแล้วรึเปล่านะสำหรับผม คำตอบคือใช่ แต่ลึกๆในใจกลับคัดค้าน ตอนนี้ผมไม่กล้าพอที่จะถามไปตรงๆ นึกขำตัวเองหน่อยๆ กับเรื่องเล็กๆไหงมาดราม่าเป็นตุเป็นตะ ความรักทำให้คนเปลี่ยนไปจริงๆ เป็นสมัยก่อนผมคงไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก

   ผมกลับบ้านมาเวลาเดิมที่คิดไว้ พี่ชายจะมาส่ง แต่ผมบอกว่าไม่เป็นไร อ้างว่าเย็นแล้ว ถ้าพี่ชายเสียเวลาไปกลับจะมืดค่ำซะเปล่าๆ เวลานี้รถยิ่งติดๆอยู่ ยื้อสักพักพี่เฟย์ถึงยอม ปล่อยให้ผมกลับเอง แล้วสั่งกำชับว่า มีอะไรให้โทรหาทันที ผมรับคำขึ้นรถกลับบ้าน

   ตอนใกล้ถึง แม่โทรมาให้ซื้อของให้พอดี ผมเลยได้เดินตลาดหน้าหมู่บ้านปลดปล่อยอารมณ์ พอแม่เห็นหน้าผมไม่พูดอะไร แต่รับของไปเคาะมะเหงกเข้าหัวผมทีนึง พูดลอยๆคล้ายบ่นใส่ผม

   “ทำหน้าเป็นแมวอดปลาทูไปได้ เป็นเด็กเป็นเล็ก คิดอะไรมาก เรื่องวุ่นวายปล่อยให้ผู้ใหญ่เข้าคิดไป เราน่ะแค่ตั้งใจเรียน เป็นเด็กดี กินเยอะๆโตไวๆก็พอแล้ว เอ้า... ยืนเอ๋อทำไม มาช่วยแม่ล้างผักสิ จะกินมั้ยข้าวเย็นเนี่ย”

   ผมยืนอึ้ง ก่อนจะหัวเราะแล้วเข้าไปกอดอ้อนหอมแก้มแม่ คนสวยคนนี้ต่อให้ผมไม่พูดอะไร แค่เห็นสีหน้าท่าทางก็เดาออกหมด แม่นยำยิ่งกว่าหมอดูที่ไหน พอผมกวนมากๆเข้า เลยโดนมะเหงกไปอีกที เล่นเอาล้างผักสงบเสงี่ยมเลย

   นั่นสินะ เป็นเด็กเป็นเล็กจะคิดมากทำไม ผมไม่ใช่พระเอกหนังซะหน่อย เอาล่ะ หลังกินข้าวฝีมือแม่เพิ่มพลัง ค่อยไปถามให้เคลียร์ ฮุเร่!!

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขออภัยที่หายไปนาน ผมติดภารกิจปั่นฟิค บันทึกจอมโจรแห่งสุสานขายในงานต้ามู่เดือนสิงหา ถ้าสนใจรายละเอียดสอบถามได้ที่เพจของผมเลยครับ https://www.facebook.com/SilverFsih?ref=bookmarks
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่5 สิ่งที่เจอ [5/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 05-07-2015 20:47:35
จิ้มมม
เฟย์รีบเคลียร์กะน้องและคนในเอ็มด่วนๆ เลย ลบเมลล์ทิ้งให้หมดจะดีมาก -_-+
รอตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่5 สิ่งที่เจอ [5/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-07-2015 20:54:31
 :katai2-1:     ดีมากค่ะน้องปอนด์. เอว่าแต่ไปสนิทกับน้องโฟมตั้งแต่เมื่อไหร่กันน้อ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่5 สิ่งที่เจอ [5/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-07-2015 20:58:47
 :really2:

คุณพี่คะ มีเด็กในสต็อคเป็นโหลเลยนะคะเนี่ย

 :ling2: ระวัง คุก คุก ไว้บ้างนะค้าาา
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่5 สิ่งที่เจอ [5/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 05-07-2015 21:16:09
พี่เฟย์ตกลงแน่ใจอะไรบางอย่างที่ว่ายัง โละสต็อคเด็กเลยนะเฟ้ยยยย :z6:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่5 สิ่งที่เจอ [5/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 06-07-2015 23:42:48
อ้าวๆ เด็กคิดมากแล้วนั่น

ขอให้โชคดีนะพี่เฟย์ หึหึ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่5 สิ่งที่เจอ [5/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 07-07-2015 00:03:18
อ่านะ น้องมันคงไม่เหมือนเดิมกะเฟย์แล้วล่ะ เหอๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่5 สิ่งที่เจอ [5/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 07-07-2015 08:05:11
ซวยแล้วละเฟย์
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่6 มัดจำ [14/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 14-07-2015 00:40:55
วายที่6 มัดจำ

   ห้องนอนที่เริ่มร้อนระอุกับแสงแดดทะลุผ่านม่านเข้ามาอย่างแข็งขัน อบสิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่ซุกอยู่บนเตียงท่ามกลางกองผ้าห่มและตุ๊กตาจนเริ่มสุก ต่อให้อยากจะนอนสักแค่ไหน สุดท้ายต้องพ่ายแพ้ให้กับความร้อน โผล่หัวจากกองผ้า ขยี้ตางัวเงีย อ้าปากหาว

   “รู้งี้เปิดแอร์ดีกว่า”

   เสียงเล็กบ่นงึมงำ ปกติผมเป็นพวกเปิดแอร์นอน แต่เมื่อคืนฝนตกอากาศเย็น เลยเปิดพัดลม พอเช้ามาถึงได้กลายเป็นแมวอบแบบนี้ ฮือ

   ดวงตาเหม่อมองไปทางนาฬิกา สิบเอ็ดโมงกว่า... สรุปเมื่อคืนผมไม่ได้โทรหาพี่ และไม่ได้ออนเอ็มคุยด้วย หนีเข้าไปเล่นเกมทำใจแล้วยาวยันตีสาม รู้สึกอยากร้องไห้กับความงี่เง่าตัวเอง ได้แต่ปลอบใจว่า วันนี้ค่อยคุยแล้วกัน ถือว่าให้เวลาตัวเองทำใจหนึ่งคืน

   ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันลงมาชั้นล่าง ได้กลิ่นหอมๆของกับข้าว แม่ผมคงกำลังทำข้าวเที่ยงอยู่ มีไข่ตุ๋นของโปรดด้วย ผมเดินเข้าห้องครัวไปกอดคนที่ยืนทำอาหารด้วยความเคยชิน เอาหน้าถูกๆออกอ้อนเหมือนทุกที

   ทำไมวันนี้แม่ผมตัวสูงใหญ่ มีกลิ่นหอมออกเย็นๆแบบผู้ชายอย่างนี้ด้วยเหรอ ผมเงยหน้ามองพลันชะงัก แม่ผมเปลี่ยนไป!

   “ตื่นเต็มตารึยังเรา ถ้าตื่นแล้ว ปล่อยพี่ก่อน แบบนี้ทำอาหารไม่ถนัดนะ”

   “พี่! มาได้ไง” ผมสะดุ้งโหยง ถอยห่างไปเกาะอยู่ตรงขอบประตูโผล่มาแค่ครึ่งหน้า นึกถึงโจทโจทก็มา แบบตัวเป็นๆยืนหล่อใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่ในครัวบ้านตัวเอง

   “ขับรถมา” ตอบหน้าตายสุดๆ ผมเม้มปาก ยังไม่พร้อมเผชิญหน้าตอนนี้อะ อย่างน้อยๆถ้าคุยในเอ็มหรือโทรศัพท์ยังพูดง่ายกว่าอีก

   “น้องปอนด์ตื่นแล้วก็อย่ามายืนเกะกะสิ” เสียงผู้หญิงคนสวยดังมาจากทางด้านหลัง มือนุ่มจับคอเสื้อลูกชายลากหลบออกจากประตูห้องครัว ผมถูกกันออกห่างโดยสมบูรณ์ ปกติผมคงจะเข้าไปป่วนเรียกร้องความสนใจแล้ว พอตอนนี้ อยากอยู่ห่างๆมากกว่า อย่างน้อยๆ ก็จนกว่าจะคุยกันเคลีย

   ระหว่างกินข้าวเที่ยง ผมต้องคอยหลบตาคมและพยายามละเลียดกินสิ่งที่พี่เขาตักมาให้เหมือนจะเอาใจ เชอะ ตามใจแบบนี้ไม่ใจอ่อนง่ายๆหรอกนะ แค่ไม่อยากให้กับข้าวที่แม่ทำเสียเปล่า เลยต้องทานเท่านั้นเอง

   “จริงสิ น้องปอนด์ น้าพาคลอดน้องแล้วนะ น้าทิตเพิ่งจะโทรมาบอกแม่เมื่อเช้า”

   ผมตาโต บ้านผมเป็นคนเหนือครับ มีเหตุบางอย่างแม่ผมเลยมาอยู่ที่กรุงเทพ ผมเกิดและเติบโตที่นี้ก็จริง แต่ทุกครั้งที่มีเรื่องสำคัญ หรือวันหยุดยาวผมจะโดนแม่ลากขึ้นเหนือเป็นประจำ น้าทิตเป็นน้องชายแท้ๆของแม่ ส่วนน้าพาเป็นภรรยาของน้าทิต บ้านนั่นเขามีลูกแล้วหนึ่งคนอายุน้อยกว่าผม คนนี้คนที่สอง ครั้งก่อนผมไปยังแค่ท้องอ่อนๆอยู่เลย ตอนนี้คลอดแล้วเหรอเนี่ย ดีจัง

   “ผู้หญิงหรือผู้ชายฮะ” ผมถามด้วยความตื่นเต้น

   “น้องเป็นผู้ชาย แม่ว่าจะขึ้นเหนือไปรับขวัญหลานคนใหม่สักหน่อย ปอนด์คงไม่ไปด้วยสินะ อืมมม เอาไงดี ทิ้งไว้บ้านคนเดียวก็เป็นห่วง”

   แม่ผมครุ่นคิด ผมเป็นพวกไม่ชอบเดินทางไกลๆ แต่ถ้าเพื่อหนังสือวายที่อยากได้แล้วล่ะก็ ต่อให้เดินทางพันลี้ผมก็ยอม!

   แขกประจำบ้านที่นั่งเงียบอยู่นานสบโอกาสเหมาะ มองสองแม่ลูกก่อนจะยิ้มพูดเสียงนุ่ม ไม่คิดเลยว่าอะไรหลายๆอย่างมันจะประจวบเหมาะกันขนาดนี้ สวรรค์ช่างเป็นใจ

   “ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมดูแลน้องให้เอง”

   ผมกับแม่หันไปมองพี่ชายเป็นตาเดียวด้วยสีหน้าแตกต่าง แม่ตาบ่นว่าทำไมคิดไม่ถึง ส่วนผมอ้าปากค้างไปแล้ว เฮ้ย! หนักกว่าเดิมอีก ตอนแรกยังมีแม่บังหน้า พอมาตอนนี้เหลือแค่สองคนกับอีกหนึ่งตัวเรอะ เจ้ามอมมันจะช่วยอะไรผมได้ วันๆเอาแต่เล่น กิน แล้วก็นอน(เหมือนใครฟะ)

   “ไม่ได้นะแม่ ถ้าผมไปอยู่กับพี่เขาแล้วใครจะดูเจ้ามอมล่ะ ถ้าจะให้พี่ไปๆมาๆก็ไม่ได้ด้วย พี่เขาทำงานหนักจะตาย ผมไม่เป็นไรหรอก อยู่คนเดียวได้” ตอนนี้อะไรงัดมาอ้างได้ ต้องเอามาใช้ก่อน

   “อยู่คนเดียวได้ที่ไหน ทำอาหารก็ไม่เป็น แถมยังซุ่มซ่ามอีกต่างหาก ประเดี๋ยวจะอดตายทั้งคนทั้งหมา ไม่เอา แม่ไม่ยอมให้อยู่คนเดียว” พอแม่ยื่นคำขาด ผมหัวหด เวลาแม่ผมเอาจริงขึ้นมาจะอะไรก็ขัดไม่ได้ทั้งนั้น

   “เอาแบบนี้ดีกว่า เฟย์ แม่ฝากน้องสักสองสามวันนะลูก เดี๋ยวเรื่องเจ้ามอม แม่ฝากเพื่อนบ้านเขาช่วยดูให้”

   “ได้ครับไม่มีปัญหา คุณแม่ขึ้นเหนืออย่างสบายใจได้เลย ผมจะดูแลน้องให้เอง”

   “ขอบคุณนะเฟย์ ไว้แม่จะซื้อของมาฝาก รู้มั้ยอาหารเหนืออร่อยมากเลยนะ” ทั้งสองคนตกลงกันไปเรียบร้อยไม่ถามผมความเห็นของผมที่นั่งหัวโด่อยู่เลยสักนิด ผมจ้วงไข่ตุ๋นเข้าปากอย่างเคืองๆ พอทานข้าวหมด ก็โดนไล่ให้ไปเก็บเสื้อผ้า ผมอิดออดเต็มกำลัง จนโดนเสียงเร่งจากแม่ด้านล่าง หยิบอะไรใส่กระเป๋าบ้างไม่รู้ เอาเถอะ มีกางเกงในกับเสื้อผ้าสักชุดสองชุดก็พอแล้วสำหรับผม ไปค้างแค่สองสามวัน ไม่ได้ไปอยู่เป็นเดือนสักหน่อย

   “เสร็จรึยังน้องปอนด์ พี่เขารอนานแล้วนะ”

   “คร้าบๆ เสร็จแล้วคร้าบ”

   ผมสะพายเป้วิ่งทั่กๆลงไปชั้นล่าง แม่คว้าผมไปกอดหอมซ้ายหอมขวา พร้อมส่งเงินให้พี่ชายเก็บเอาไว้ เฮ้เดี๋ยว มันต้องให้ผมไม่ใช่เหรอ ผมคงแสดงออกทางสีหน้ามากไปหน่อย แม่เลยเขม้นใส่

   “ฝากไว้กับพี่เขาน่ะถูกแล้ว ขืนให้น้องปอนด์เก็บ แม่ว่าเงินหมดตั้งแต่วันแรก”

   “โธ่แม่อะ”

   “ไม่ต้องงอแงเลย ไม่ยอมไปกับแม่เองช่วยไม่ได้”

   และแล้ว ผมก็โดนจับยัดใส่รถพี่ชายมุ่งหน้ากลับคอนโดสุดหรู ตลอดทางผมแทบไม่ได้คุยอะไรกับพี่เขาเลย ถามคำตอบคำจนถึงห้อง ทั้งที่ปกติผมจะเป็นฝ่ายชวนคุย จ้อไม่เลิกแท้ๆ

   ห้องของผมคือห้องนอนแขก พี่เฟย์บอกให้ผมเอาเสื้อผ้าเข้าไปเก็บข้างใน หลังจากพี่เขาชวนคุยแล้วผมไม่ค่อยคุยด้วย กลายเป็นพี่ชายเงียบตามผม บรรยากาศชวนอึดอัด ไม่รู้ว่ากลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ผมวางเป้ ยังไม่คิดเก็บแล้วทิ้งตัวนอนคว่ำอยู่บนเตียง

   อยากคุย อยากกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ผมเริ่มไม่ถูก เพราะผมเป็นพวกหน้าบางขี้อาย จะให้ไปถามโต้งๆว่า พี่นอกใจคุยกับเด็กคนอื่นนอกจากผมเหรอ หรือจะให้ถาม ผมเป็นอะไรสำหรับพี่กัน... ว๊ากกกก จะบ้าตาย มันก็เห็นอยู่ไม่ใช่รึไง ก็แค่น้องชายคนหนึ่ง

   ทำไมพอคิดแบบนี้แล้วรู้สึกเศร้าขึ้นมาล่ะ ผมซุกหน้ากับหมอนน้ำตาซึม ไม่อยากได้แค่พี่ชายแล้วงะ งื้อออ

   “ปอนด์”

   เสียงเรียกตรงประตูทำให้ผมสะดุ้ง พร้อมๆกับข้างเตียงที่ยุบลงตามน้ำหนักของคนที่มานั่ง ผมซุกหน้ากับหมอน ไม่อยากให้พี่ชายเห็นสีหน้าของผมตอนนี้จริงๆ

   “เฮ้อ โกรธพี่เรื่องอะไร บอกพี่หน่อยได้มั้ย”

   “...” ผมเงียบ ไม่อยากพูด ถ้าพูดไปตอนนี้เสียงผมต้องสั่นมากแน่ๆ กลิ่นอายจากเจ้าของห้องหายไป พี่เขาออกจากห้องแล้ว ทั้งที่ควรสบายใจไม่ต้องกดดันกับคำถาม กลับเป็นผมร้องไห้เงียบๆกับหมอน จู่ๆ ตัวผมลอยหวืดจากเตียง ถูกจับให้นั่งอยู่บนตักหน้า พี่ชายกลับมาอีกรอบพร้อมกับโน๊ตบุ้คในมือ แขนข้างหนึ่งกอดรั้งเอวผมไว้ไม่ให้หนี แล้วเปิดโน๊ตบุ้คต่อหน้า

   มือเล็กกำหมอนที่กอดอยู่แน่น ทันทีที่เครื่องเปิดเสร็จ เสียงแจ้งเตือนเอ็มดังขึ้นพร้อมหน้าต่างหลายข้อความหลายอันโผล่ขึ้นมา ตัวผมเกร็งคิดว่าพี่ชายน่าจะรู้สึกได้ นิ้วยาวเห็นข้อนิ้วชัดเจนดูแข็งแรงสมชายเลื่อนลูกศรไปที่รายการเพื่อน พวกบรรดาชื่อแปลกๆเหมือนวัยรุ่นชอบใช้กัน ถูกไล่บล็อกและลบทิ้งทีละอัน ไม่มีการเข้าไปคุยบอกเจ้าของเอ็มเลยแม้แต่น้อย

   “พี่ทำอะไรน่ะ!?”

   ผมตาโตรีบจับมือพี่ชายไว้ แต่มือนั่นยังบล็อกและลบรายชื่อต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเหลือเพียงแค่ชื่อเมล์ภาษาต่างประเทศ กับเมล์ของโฟมและของผม...

   “พี่ลบไปแบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอ” ถึงผมจะไม่ค่อยชอบใจคนพวกนั้น แต่พอมองมุมกลับ ถ้าผมเป็นคนโดนแบบนี้บ้าง โดยไม่รู้สาเหตุคงจะเสียใจน่าดู

   “ไม่เป็นไร พี่บอกพวกเขาหมดแล้วว่าวันนี้พี่จะลบทุกคนออก เหลือไว้แค่เพื่อน ครอบครัว กับคนสำคัญ”

   เหมือนโดนคำสุดท้ายโจมตีอย่างหนัก หัวใจผมเต้นรัวจนลืมไปแล้วว่าตอนนี้อยู่บนตักใคร ทั้งลุ้นทั้งดีใจในเวลาเดียวกัน

   โน๊ตบุ้คถูกวางทิ้ง พี่เฟย์รวบกอดผมทั้งตัว เกยคางบนหัวผม แผ่นหลังแนบไปกับแผ่นอกกว้างอบอุ่น ผมรู้สึกจังหวะการเต้นของหัวใจพี่ชายเร็วไม่ต่างกับผม

   “ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ พี่เข้าใจเราว่ายังสับสน รอให้ปอนด์โตกว่านี้ก่อน พวกเราค่อยคุยกันอีกที แต่พี่อยากให้เรารู้ไว้ สำหรับพี่แล้วปอนด์คือคนพิเศษ...” น้ำเสียงนุ่มนวลฉายความจริงจังจนผมใจสั่น ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังพูดเงียบๆ

   “ห้องนี้พี่ไม่เคยให้ใครเข้ามานอกจากโฟม พี่เคยไม่ดูแลใครมากเท่านี้มาก่อน หายโกรธพี่นะคนดี ยิ้มให้พี่ คุยกับพี่ อย่าเงียบหรือทำหน้าเศร้าแบบนี้เลย”

   ผู้ชายตัวโตๆ พูดเหมือนจะอ้อนเด็กน้อยที่ตัวเล็กกว่า แถมยังหอมแก้มเป็นการปิดท้าย คล้ายจะได้ยินเสียงบรึ้มมจากที่ไหนสักแห่ง ลูกแมวตัวนิดในอ้อมแขนหมาป่าใบหน้าแดงก่ำถึงหู ก้มหน้าซุกหมอนที่ติดมือสุดชีวิต เฟย์อยากจะขำใจจะขาด ทั้งน่ารัก น่าเอ็นดูและน่า... อะแฮ่ม ต้องรอจนกว่าจะเข้ามหาลัย ท่องไว้เฟย์...

   “ว่าไงครับ อภัยให้พี่ได้รึเปล่า”

   พี่ชายกระซิบถาม ร่างเล็กบนตักพยักหน้ารับรัวๆ แต่ดูยังไม่พอใจคนบางคนสักเท่าไหร่ ถึงย้ำเข้าไปอีก

   “พูดให้พี่ได้ยินเสียงด้วยสิ จะได้รู้ว่าให้อภัยแล้วจริงๆ”

   คนโดนรังแกไม่รู้ตัว โดนเสียงหงอยหลอกล่อ รีบพูดออกจนลืมคิด

   “ให้อภัยแล้วจริงๆฮะ ไม่โกรธ ไม่หึง อุ๊บ” ยกมือตะคลุบปากตัวเองที่ดูท่าจะไม่ทัน คุณพี่ชายหัวเราะในลำคอ แต่ใบหน้ายิ้มแย้มดีใจแบบที่ใครก็ไม่เคยเห็น น่าเสียดายที่เด็กน้อยหันหลังให้อยู่ เลยอดไปตามระเบียบ ก่อนที่เฟย์จะเชยคางเล็กแล้วก้มลงไปแตะริมฝีปากดังจุ๊บแล้วผละออก

   คนโดนจู่โจมครั้งแรกแทบจะแดงสุกไปทั้งตัว ยกมือปิดปาก ถอยกรูดจนเกือบตกเตียง อ้ำๆอึ้งๆ หัวใจแทบหลุดออกมาจากอก สัมผัสเมื่อกี้ยังเด่นชัด ผลเลยกลายเป็นการโวยวาย

   “พี่ทำอะไรเนี่ย! ผมเป็นเจ้าบ่าวไม่ได้แล้ว”

   “อุ๊บ...ฮ่าๆๆ”

   เสียงพี่ชายหัวเราะลั่นมันจี๊ดในใจผมเหลือเกิน พอจบเรื่องเศร้าความโล่งใจก็เข้ามาพร้อมความเขิน และความสุขที่มีมากจนล้น ผมนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ขนาดเวลาผ่านไปจนเข้ามื้อเย็น พี่ชายทำอาหารอยู่ในครัว ผมยังมานั่งยิ้มอยู่หน้าทีวี

    ทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิม ไม่มีอะไรมากขึ้นหรือน้อยลง แต่ผมเองก็ชอบที่มันเป็นแบบนี้นะ ปล่อยมันไปเรื่อยๆ ไม่ต้องคิดอะไรให้วุ่นวาย ผมกับพี่เฟย์ตกลงกันไว้ จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม เราจะคงสถานะที่เป็นอยู่เพื่อให้โอกาสทั้งสองฝ่าย

   กินข้าวด้วยกัน ผมช่วยเก็บจาน มานั่งดูดีที หรือต่างคนต่างงมนิยายการ์ตูนวายของตัวเองแทน กระทั่งถึงเวลาเข้านอน ผมอาบน้ำเปลี่ยนชุดกระโดดขึ้นเตียงนุ่มๆ กลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความฟิน แล้วหยุดกึก เมื่อนึกบางอย่างออก

   “เป็นอะไรปอนด์?”

   คุณพี่ช่างสังเกตเหลือเกิน แค่ผมหยุดกลิ้งผงกหัวขึ้นมาทำหน้าตื่นก็ถามแล้ว ผมลุกขึ้นนั่งหันไปมองพี่ชายที่อ่านหนังสือบนโซฟา ผมเปิดประตูห้องนอนทิ้งไว้เพราะยังไม่ถึงเวลานอน เลยมองเห็นกันระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่น

   “ผมลืมเอาตุ๊กตามาอะ คืนนี้ไม่มีกอดจะนอนหลับมั้ยเนี่ย”

   คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง ทำท่าครุ่นคิดพลางมองเวลา แล้วปิดหนังสือเดินเข้าห้องตัวเอง ผมมองตามไปอย่างงงๆ เข้าใจว่าคงจะไปหยิบหมอนข้าง ไม่ก็ตุ๊กตาห้องตัวเองมาให้ผมกอดล่ะมั้ง เลยนอนอ่านหนังสือนิยายที่อ่านค้างไว้

   ผ่านไปสักพัก พี่ชายออกจากห้องนอนตัวเองในสภาพอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อย จัดการปิดไฟในห้องทั้งหมดจนเหลือแค่ห้องผม อุ้มหมอนมาด้วยใบหนึ่ง

   “จะนอนแล้วเหรอพี่”

   “อืม”

   พี่เฟย์ตอบพลางปิดประตูปิดไฟในห้อง ขึ้นเตียงมานอนกับผมเฉย ไอหมอนนั่นเอามาเพื่อการนี้เองสินะ!

   “เฮ้ยพี่ ไหงไม่นอนห้องตัวเอง มาแย่งเตียงผมทำไม”

   มือหนาดึงหนังสือออกจากมือผม คั่นแล้วไปวางบนโต๊ะโคมไฟ ก่อนจะคว้าแขนผอมๆไปกอดเจ้าของห้อง ผมเบ้ปากในความมืด คุณพี่ครับ คิดว่าตัวเองเป็นตุ๊กตาหมาป่าตัวโตหรือไงกัน ทำเหมือนว่าไม่มีหมอนข้างให้กอดตัวเองอย่างงั้นแหละ ผมไม่ยอมดึงแขนกลับ

   “ผมจะกอดตุ๊กตาน่ารักนุ่มนิ่มพี่ ไม่ใช่ยักษ์” พี่ชายหัวเราะรวบผมเข้าไปกอด อีกระ วันนี้สองรอบแล้วนะ ผสานร่างกันเลยมั้ยครับพี่

   “เรื่องมากจริงเจ้าลูกแมว นอนไปได้แล้ว” มือหนาลูบหัวลูบหาง(?) หึ ถึงลูบไปไม่ได้ตุ๊กตามากอดผมก็นอนไม่หลับหรอกนะ

   ผ่านไปสิบนาที...

   ฟี้~

   คนอยากได้ตุ๊กตาหลับสนิทคาอก มืออุ่นเปลี่ยนจากลูบมากอดเอาไว้หลวมๆ ริมฝีปากแนบจูบหน้าผากมน สูดกลิ่นหอมของเด็ก ทั้งที่ใช้สบู่เหมือนกันแถมเป็นกลิ่นผู้ใหญ่ พอเด็กน้อยใช้ กลิ่นกลับหอมขึ้นซะอย่างนั้น พรุ่งนี้เอาสบู่กลิ่นวานิลลาที่ซื้อมาผิดให้ลูกแมวลองดีกว่า เฟย์คิดอย่างอารมณ์ดี

   พอวันรุ่งขึ้น เจ้าตัวทำอย่างที่คิด ระหว่างรอเด็กน้อยตื่น เฟย์รื้อตู้เอาเจ้าสบู่ออกมาวางไว้ในห้องน้ำ ก่อนไปจัดเตรียมอาหารเช้า แล้วงัดเจ้าแมวขี้เซาออกจากเตียง เด็กน้อยงอแงกอดผ้าห่มอย่างเหนียวแน่น ขนาดเฟย์ยกผ้าห่มขึ้น ยังติดปอนด์มาด้วย เหมือนลูกแมวเกาะผ้าไม่มีผิด

   “ปอนด์ตื่นได้แล้ว” มือหนาเขย่าผ้าห่มไปมา เจ้าเด็กหัวยุ่งปรือตามอง อ้าปากหาวใส่ ไหลลงไปนอนซุกหมอนต่อ ลำบากเจ้าของห้องต้องดึงหมอนหนี

   “อือออ ไม่เอา ยังไม่อยากตื่นอ่า ขออีกห้านาที” ไม่พูดเปล่ายังมากอดเอาหัวซุกๆกับพุงแข็งๆที่มีแต่กล้ามของพี่ชาย ไถไปไถมาจนหัวยุ่งหนักกว่าเก่า สุดท้ายเลยต้องอุ้มเหมือนลูกลิง เปิดน้ำลูบหน้าให้ตื่น

   “เอ้า ตื่น อาบน้ำ นี่สบู่ อย่าให้รู้ว่าหลับในห้องน้ำนะ จะงดไม่ให้กินขนมเลย” แมวตะกละสะดุ้ง ส่ายหัวขวับๆ พยายามถ่างตาให้โต

   “ตื่นแล้ว ไม่ง่วง ไม่หลับแน่นอน จะรีบอาบน้ำด้วย พี่เตรียมขนมไว้รอเลยนะ”

   มือดันหลังพี่เฟย์ออกไปจากห้องน้ำแล้วปิดประตูถอดเสื้อผ้าวิ่งเข้าใต้ฝักบัว เปิดอาบอุ่นรดตัว หยิบขวดสบู่ทีพี่ชายยื่นให้มาใช้ถูตัว พลางเอียงคอสงสัย จมูกเล็กดมฟุดฟิด กลิ่นไม่เหมือนกับของที่ใช้เมื่อวานแฮะ ช่างเถอะ รีบๆอาบให้เสร็จดีกว่า

   ผมอาบน้ำรวดเร็วใส่เสื้อผ้าออกมาหาพี่ชาย บนโต๊ะหน้าทีวีมีแซนวิชทูน่าพร้อมนมหนึ่งแก้ว ส่วนพี่เฟย์มีแค่กาแฟดำอย่างเดียว ไม่ต้องรอให้ใครเชิญ ผมหยิบแซนวิชมาหม่ำอย่างเอร็ดอร่อย คนตัวสูงนั่งมองยิ้มๆช่วยเช็ดปากให้เป็นระยะ พอผมทานเสร็จดื่มนมเรียบร้อย แก้วน้ำเปล่าถูกยื่นมาตรงหน้าให้ดื่มล้างปาก ผมรับมาแล้วลูบพุงตัวเอง

   “อิ่มจังตังอยู่ครบ”

   “เป็นเด็กขี้งกตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะเรา” นิ้วยาวเกลี่ยแก้มนุ่มเล่น ตั้งแต่เมื่อวานที่ได้คุยกัน ดูเหมือนจะสนิทใจกันมากขึ้น ผมงับนิ้วมือที่มาก่อกวนอยู่ตรงแก้ม พี่ชายไม่สะท้านแถมยังวางแก้วกาแฟ ดึงผมเข้าไปหา

   ฟอดดด

   เสียงดังฟังชัด พร้อมสัมผัส จมูกโด่งฟัดแก้ม กลิ่นหอมหวานวานิลาชวนให้รู้สึกดี และน่ากินในเวลาเดียวกันจนเริ่มอดใจไม่ไหว จับลูกแมวรวบข้อมือทั้งสองข้างแล้วฟัดพุงนุ่มๆ เสียงหัวเราะด้วยความจั๊กจี้ดังขึ้น ก่อนเฟย์จะปล่อย ถึงเขาจะเล่นแต่รู้ลิมิตตัวเองดี

   “พี่ไปทำขนมให้ลูกค้าก่อน นอนกลิ้งเล่นไปนะ”

   “ฮึ่ย ฝากไว้ก่อน วันหลังจะเอาคืน” ผมโวยวายไล่หลังพี่เฟย์ ปล้นเอาโน๊ตบุ้คมาเปิดดูอะไรเล่น พออันไหนน่าสนใจก็อุ้มโน๊ตบุ้ควิ่งเอาไปให้เจ้าของห้องดูด้วย จนเปิดไปเจอคลิปลูกแมวตัวกลมขนฟูน่ารัก กำลังนอนหงายเล่นกับเจ้าของที่อัดคลิปไว้ด้วยเสียงหัวเราะ มีเสียงมี้ๆของเจ้าขนปุยแจมเป็นระยะ ผมคิดอะไรสนุกๆออก

   พี่ชายเป็นพวกชอบของน่ารักและเป็นทาสแมวตัวพ่อ สังเกตจากตุ๊กตากลมหน้าแบ๊วในห้องกับรูปภาพแมวเต็มคอม ขนาดวอลเปเปอร์ยังเป็นรูปแมว ผมเลยรอจังหวะที่พี่เฟย์เดินเอาขนมมาให้ นอนกลิ้งบนพรมนุ่มเรียกอีกฝ่าย

   “พี่ฮะๆ หันมานี่หน่อย”

   “หือ?” เจ้าของห้องหันไปมองตามเสียงเรียก ผมตั้งท่าทันที นอนหงายพุง ทำมือเหมือนแมว มองพี่ชายตาแป๋ว และจัดสเตปสุดท้าย

   “เหมี้ยว~”

   แคร้ง.. ช้อนในมือชายร่างสูงร่วงไปบนจานทั้งที่คิดจะจัดวางดีๆ พลางยืนตัวแข็งทื่อมองภาพตรงหน้า คนแกล้งเห็นอีกฝ่ายนิ่งนึกว่าไม่ได้ผล จึงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเซ็งๆ ลุกขึ้นเดินทำปากบ่นงุบงิบมาหยิบจากเค้กบนโต๊ะ แต่มือยังไม่ทันถึงจาน ก็โดนคนที่ยืนเป็นท่อนไม้จนถึงเมื่อครู่คว้าไหล่ทั้งสองข้าง

   “ปอนด์ จำไว้นะ อย่าทำแบบนี้อีก” ผมกระพริบตาปริบๆ มองอย่างไม่เข้าใจ

   “มันไม่น่าดูขนาดนั้นเชียว” ผมชักหมดความมั่นใจ มันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ มิน่า พี่เฟย์ถึงไม่สะท้านสะเทือนอะไรเลย

   “ป่าว... มันได้ผลมากเกินไปต่างหาก” รอยยิ้มอบอุ่นรอบนี้มันทำให้ผมรู้สึกหวาดหวั่นแบบแปลกๆ แล้วผมก็ถูกคว้าไปฟัดแบบเต็มอัตรา ยิ่งพอโวยวายเหมือนลูกแมวขู่พองขนใส่ ยิ่งโดนกอดรัดฟัดหนักกว่าเก่า กว่าจะหลุดจากเงื้อมมือพี่ชายได้แทบยับไปทั้งตัว จำจนวันตาย จะไม่เล่นอะไรที่มันกระตุ้นต่อมทาสแมวอีกเด็ดขาด

   คนได้เติมพลังยิ้มแก้มปริทั้งที่โดนเล็บข่วนแก้มไปหนึ่งที พวกทาสแมวเป็นพวกมาโซอย่างที่เคยได้ยินมาจริงๆด้วย ส่วนเรื่องราวหลังจากนั้นคงไม่ต้องบรรยายมาก แค่เช้าวันต่อมาก่อนพี่เฟย์จะไปทำงาน เจ้าตัวมาบอกปนกวนผมตอนนอนเลยโดนฟ้อนเล็บใส่ไปหนึ่งที แต่หลังจากพี่กลับมา ผมดูแลอย่างดีเลยนะ เพราะแอบรู้สึกผิดหน่อยๆ

   ผมอยู่กับพี่เฟย์อย่างสงบสุขจนถึงกำหนดวันส่งตัวแมวคืนสู่อกแม่แบบครบสามสิบสอง ซึ่งในระหว่างนั้นโดนอะไรไปบ้างขอไม่พูดถึง แต่ที่แน่ๆคือ ไม่มีอะไรเกินเลยชัวร์ มากสุดแค่หอมแก้มสกินชิพไปวันๆ ผมหวังว่าความสุขแบบนี้ยืดยาวต่อไปตราบนานเท่านาน



ณ บริษัทแห่งหนึ่ง

   เลขาคนสวยแม่ลูกสองกำลังนั่งทวนเอกสารที่ต้องส่งมอบให้เจ้านายช่วงเช้า วันนี้เจ้านายของเธอเข้างานช้ากว่าทุกที จึงพอมีเวลาทบทวนมากขึ้น ถึงอย่างนั้นก็ยังมาก่อนเวลางานอยู่ดี

   “สวัสดีครับคุณยุพิณ”

   “สวัสดีค่ะหัวหน้า ว๊าย! หน้าไปโดนอะไรมาคะ?” ต่อให้เป็นเลขาคนเก่งเก็บอาการได้แค่ไหนยังต้องอุทานด้วยความตกใจ เมื่อเห็นใบหน้าอันแสนหล่อเหลาของหัวหน้าที่เคารพรัก ผู้มีความเข้มงวดสูงและเนียบตั้งแต่ศีรษะจรดเท้ามีรอยเล็บประดับอยู่ที่หน้าสองรอย รอยหนึ่งจาง อีกรอยเหมือนเพิ่งโดนมาใหม่ๆ แถมยังยิ้มทั้งที่ปกติมีเพียงใบหน้าเคร่งขรึมเท่านั้น ตายๆ มิน่าล่ะ พนักงานในแผนกถึงเงียบกริบยิ่งกว่าป่าช้า

   เธอมองไปยังเพื่อนร่วมแผนก แต่ละคนตัวแข็งกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ บางคนถือปากกาค้าง บางคนหนักของร่วงออกจากมือยังไม่รู้ตัว หัวหน้าเธอช่างทำบาปจริงๆ ยุพิณเศร้าใจยิ่งนัก

   “ผมไปดันกวนลูกแมวตอนหลับเลยถูกข่วนมาน่ะครับ คุณยุพิณช่วยเอาเอกสารทั้งหมดกับสรุปการประชุมที่ผ่านมาส่งที่ห้องผมด้วยนะครับ”

   “ค่ะหัวหน้า” เธอรับคำอย่างสงบ มองตามหลังเจ้านายพลางถอนหายใจ หยิบเอกสารที่ต้องใช้แนบอก แล้วหันไปเรียกสติเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ

   “มัวเหม่อระวังถูกตัดเงินเดือนนะ”

   ทุกคนได้สติกลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง ว่าแต่... หัวหน้าเลี้ยงแมวตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า

   ตกเย็น ถึงเวลาเลิกงานทุกคนแปลกใจเป็นรอบที่สองของวัน หัวหน้าผู้บ้างานและขยันทำล่วงเวลามาคราวนี้กลับบ้านไวกว่าปกติ ตรงเวลาเลิกงานเป๊ะๆ จนทุกคนหันไปมองนาฬิกาพรึบเป็นตาเดียว เป็นแบบนี้อยู่ประมาณสองวัน ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ เหลือไว้เพียงเรื่องเล่าแปลกๆเกี่ยวกับหัวหน้าเท่านั้น

[จบภาคต้น]
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่6 มัดจำ [14/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 14-07-2015 00:42:40
จิ้มมม
หนูปอนด์ขี้ยั่ววว ทำแบบนี้พี่เฟย์จะไปไหนรอดล่าาา
โดนจับฟัดไปกี่ทีละ 555555
เมื่อไรหนูปอนด์จะเข้ามหา'ลัย พี่เฟย์จะได้ไม่ติดคุกข้อหาพรากผู้เยาว์ อิอิ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่6 มัดจำ [14/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 14-07-2015 00:56:14
น่ารักกกก พี่เฟย์ดูอบอุ่นมาก
ปอนด์ก็ช่างยั่วไม่รู้ตัว เดี๋ยวก็โดนขย้ำเอาหรอก >///<
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่6 มัดจำ [14/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 14-07-2015 07:04:39
หนูปอนด์น่ารักจัด พี่เฟย์เลยฟัดซะจัดเต็ม
เลยไม่รู้จะเห็นใจใครดี ระหว่างปอนด์กับพี่เฟย์
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่6 มัดจำ [14/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 14-07-2015 07:59:28
พี่เฟย์ ฟัดน้อง เหมือนเล่นกับแมวเลยอ่ะ  น่ารักมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่6 มัดจำ [14/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 14-07-2015 08:22:24
พี่เฟย์เกือบกินเด็กละ สตั้นไปเลย คึคึ

ดาเมจน้องช่างรุนแรงจริงๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่6 มัดจำ [14/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-07-2015 08:30:46
 :mew1:  ขอบคุณค่ะ
จบภาคล่อลวงเด็กแล้วหนอ ต่อไปรอเข้ามหาลัยแล้วค่อยจับฟัดให้หนำใจเนอะพี่เฟย์

หูแมวหางแมวไม่จำเป็นแล้วน้องปอนด์ หนูเป็นแมวยั่วเต็มตัวเลยล่ะ   :3123:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่6 มัดจำ [14/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 14-07-2015 09:22:47
อบอุ่นน่ารักอ้ะ อ่านแล้วอมยิ้มตลอดเลย
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่7 ห้องหอ [27/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 27-07-2015 21:02:47
วายที่7 ห้องหอ

เริ่มภาคหลัง

   เด็กม.ปลาย สิ่งที่ควรทำคือเลือกคณะและสายที่ตัวเองชอบเพื่อจะได้หามหาวิทยาลัยในการเรียนต่อ ผมเหมือนเด็กทั่วๆไป มาเลือกสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้เอาตอนโค้งสุดท้าย ช่วงม.6ของผมวุ่นวายมากจนแทบไม่ได้เจอกับพี่ชายเลย ทั้งหาข้อมูลเกี่ยวกับสายและมหาวิทยาลัยที่อยากเข้า สอบสารพัดอย่างเพื่อไปยังเป้าหมาย ผมสอบตรง สอบยิบย่อยต่างๆ หาโควต้า แอดมิดชั่น แต่สุดท้าย... ผมก็ไม่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยที่หวังไว้

   ผมสอบไม่ผ่าน ไม่มีโควต้าให้ ขนาดแอดมิดชั่นผมยังไม่ติด ความรู้สึกตอนนั้นคือความเจ็บใจ ทำไมผมถึงสู้คนอื่นไม่ได้ นึกด่าตัวเองไปสารพัด ทั้งเสียใจและผิดหวัง ในขณะที่ผมมองเพื่อนคนอื่นๆ เข้ามหาลัยที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย แต่ละคนมุ่งหน้าไปสู่ฝันของตัวเอง ส่วนผมยังคงยืนอยู่ที่เดิม

   ผมนั่งร้องไห้อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ที่ฉายผลแอดของตัวเอง แม่ผมเดินมากอดจากทางด้านหลัง มืออบอุ่นของแม่ลูบหัวผมเบาๆ พร้อมบอกกับผมว่า

   ‘ไม่เป็นไรนะน้องปอนด์ ถึงว่าเราจะไม่ผ่าน แต่โอกาสครั้งหน้ายังมี ตอนนี้ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมา พอร้องเสร็จแล้วเราค่อยลุยกันใหม่ แม่เอาใจช่วยน้องปอนด์นะ’

   ตอนนั้น ผมหันกลับไปกอดแม่และร้องไห้เงียบๆ พลางคิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี ในเมื่อเข้ามหาลัยที่หวังไม่ได้ ถ้างั้นลองหาหนทางอื่น ผมคิดไว้หลายอย่าง จะลองเข้าเอกชนดีมั้ย หรือจะไปสายอาชีพดี ถึงขนาดคิดว่าจะลองพักสักหนึ่งปี แล้วสอบใหม่ปีหน้า

   ผลสุดท้าย มีคนที่ผมรู้จักคนหนึ่ง เขาแนะนำมหาวิทยาลัยที่เขาเคยเรียน มันเป็นแบบกึ่งระหว่างรัฐกับเอกชน ตอนนี้ยังไม่ปิดรับสมัคร พอจะเอาใบเกรดไปยื่นได้ ผมมองว่ามันน่าสนใจดู แถมยังมีสาขาที่ผมอยากเรียนด้วย ผมเลยลองเอาใบเกรดไปยื่นดี ผลที่ออกคือ... ผมได้ที่เรียนแล้ว!

   ผมดีใจกระโดดโลดเต้น กอดฟัดแม่จนโดนมะเหงกใส่ทั้งที่พวกเรากำลังหัวเราะกันอย่างมีความสุข หลายคนอาจจะบอกว่ามันเป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น แต่สำหรับผม มันคือความสำเร็จก้าวเล็กๆ ในชีวิต ก่อนจะไปสู่ความสำเร็จที่มากกว่าในอนาคต

   คนต่อมาที่รู้ข่าวเรื่องนี้คือพี่เฟย์ พี่เขาแสดงความยินดีกับผม บอกว่าจะเลี้ยงขนมตามที่สัญญาไว้ หลังจากผมเข้ามหาลัยได้ นั่นแหละครับ ทุกอย่างดูงดงาม จนกระทั่งผมเจออุปสรรคด่านที่สอง ได้ที่เรียนแล้วก็จริง แต่ผมต้องไปอยู่หอพัก เพราะมหาลัยกับบ้านผมไกลเกินไป ถ้าหากเป็นต่างจังหวัด ระยะทางแค่นี้คงไม่เป็นปัญหาอะไร

   พอมาเป็นกรุงเทพ เมืองหลวงที่แสนรถติด ผมต้องใช้เวลากว่าสามชั่วโมงกว่าจะถึงมหาลัย ที่สำคัญ ผมยังเป็นพวกขี้เซาระยะสุดท้าย ด้วยความเป็นลูกผู้ชาย ผมตัดสินใจอยู่หอพักตามคำแนะนำของอาจารย์ที่ปรึกษาเพราะเด็กปีหนึ่งนั่นมีกิจกรรมเยอะมาก กว่าจะได้กลับบางทีค่ำ การเดินทางแบบนี้ เกรงว่าตัวผมเองจะไหลตายไปซะก่อน

   ตอนแรกแม่ผมไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะพวกเราอยู่กันแค่สองคนแม่ลูก ตลอดมาผมไม่เคยห่างแม่นานเกินหนึ่งอาทิตย์ ขนาดพี่เฟย์ยังไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ ผมเลยต้องยกเหตุผลมากมายเป็นภูเขามาอธิบายให้แม่กับพี่ชายเข้าใจ แถมยืนยันหัวชนฝาว่าให้ตายยังไงก็จะมาอยู่หอให้ได้

   วัยมหาลัยมีครั้งเดียว ผมอยากซึมซับให้เต็มที่ก่อนจะท่องโลกกว้างไปสู่สังคมของผู้ใหญ่ อีกอย่าง ยังไงผมก็เป็นผู้ชาย อยากลองไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองดู ไม่งั้นคงเป็นลูกแหง่ติดแม่ น้องแหง่ติดพี่ไปยันทำงานแหงๆ

   สรุป ทั้งคู่ยอมให้ ความจริง เรื่องนี้มีอีกคนที่คัดค้าน พ่อของผมเอง ท่านอยู่ต่างประเทศคอยส่งเสียผมมาตั้งแต่เล็กจนโต พ่อผมเป็นห่วง ท่านอ่านข่าวเกี่ยวกับมหาลัยในไทยมาเยอะ ซึ่งมันไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ถึงกับชวนให้ผมไปอยู่ด้วยแล้วเรียนที่นู่น แต่ไม่มีทางซะหรอก ผมจะทิ้งแม่ไปได้ยังไงกัน ด้วยความดื้อดึงพร้อมชักแม่น้ำทั้งโลกมาอ้าง จนพ่อผมก็ยอมตามใจ แลกกับถ้าเกิดปัญหาอะไรต้องกลับบ้านทันทีโดยไม่มีการอุทรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น และต้องคอยโทรรายงานท่านตลอดด้วย ซึ่งผมโอเคสัญญาเป็นมั่นเหมาะ ความจริงลึกๆ ผมเองก็หวั่นๆ เหมือนกันนะ

   แต่ชีวิตคนเราย่อมมีครั้งแรกเสมอ ดังนั้นถ้าไม่ลองคงไม่รู้หรอกจริงมั้ย? เรื่องนี้แม่ผมเป็นคนสอนผมเองล่ะ ด้วยเหตุนี้ ถ้าเปิดเทอมเมื่อไหร่ ผมจะย้ายไปอยู่ที่หอพักเป็นเด็กมหาลัยเต็มตัว ฮุเร่~

   ก่อนจะไปอยู่หอได้ อันดับแรก ต้องไปดูหอก่อนเพื่อเช็คเส้นทาง สภาพแวดล้อมโดยรวม และอื่นๆ โดยแม่กับพี่ชายเป็นคนประเมิณ ณ ตอนนี้ พวกเราแม่ลูกเลยนั่งอยู่บนรถของพี่เฟย์ ที่ลางานช่วงบ่ายมาแสกนหอ

   “ตลอดทางมีร้านของกินเยอะดีนะครับ”

   “นั่นสิ อย่างน้อยๆ น้องปอนด์ก็ไม่อดตายแล้วเนอะ” แม่คนสวยหันมาถามลูกชายที่นั่งอยู่เบาะหลัง ผมได้แต่หัวเราะเหอะๆ คนจะมาอยู่ยังดูไม่ตื่นเต้นเท่าสองคนด้านหน้าเลย

   รถคันงามจอดข้างหอในสำหรับเหล่านักศึกษา ตัวอาคารดูสะอาดสะอ้าน มีสวนหญ้าขนาดย่อมกับต้นไม้ประปราย แต่ยังไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่นัก เพราะช่วงนี้ยังคงปิดเทอมอยู่ พวกเราเดินเข้าไปในหอ อาจารย์ประจำหอเป็นคนนำทางไปที่ห้อง ที่นี่แยกเป็นหอพักชายหญิง มีลิฟท์ให้ใช้ฝั่งละตัว ตลอดทางแม่กับพี่เฟย์มองสำรวจละเอียดยิบ แถมถามจุดนู่นจุดนี้ เรื่องเวลาเปิดปิดหอ ที่ทิ้งขยะรวม ร้านขายของชำ หรือเซเว่นแถวๆ นี้ ช่วงเปิดเทอมมีเด็กมาอยู่ประมาณเท่าไหร่

   ผมได้แต่ยิ้มให้อาจารย์ผู้หญิง ท่านดูอึ้งๆ นิดหน่อย และหัวเราะตอบคำถามทุกอย่าง จนมาถึงห้องพัก ประตูมีตาแมว อาจารย์ไขประตูเข้าไป ด้านในเป็นห้องแบบยาว ซ้ายขวามีเตียงสองชั้นอย่างละข้าง ท้ายห้องมีตู้เหล็กสำหรับใส่เสื้อผ้ากับโต๊ะเหล็กและเก้าอี้ไม้เหมือนโรงเรียนมัธยมอย่างละสอง ด้านนอกเป็นระเบียงเล็ก มีราวตากผ้า ฝั่งซ้ายของระเบียงคือห้องน้ำ ส่วนฝั่งขวาเป็นห้องอาบน้ำ อ่างล้างหน้าอยู่ด้านนอก โดยรวมถือว่าห้องนี้เล็กมาก และดูท่าจะต้องอยู่ด้วยกันถึงสี่คน แม่กับพี่ชายชะงักทันทีที่เห็นห้อง

   “พวกเราขอดูอีกสักพักได้ไหมคะ” แม่หันไปบอกอาจารย์

   “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้น อาจารย์จะลงไปรอข้างล่างนะคะ”

   คล้อยหลังอาจารย์ผู้ดูแลหอพัก ผู้ปกครองทั้งสองหันขวับมาหาผมทันที

   “น้องปอนด์ แม่ว่าเปลี่ยนใจดีกว่านะลูก ไปดูหออื่นมั้ย แถวนี้น่าจะมีอยู่เยอะ”

   “พี่เห็นด้วยกับแม่นะ ห้องแค่นี้ต้องอยู่กันสี่คน แถมยังเป็นผู้ชาย ตู้เสื้อผ้ามีแค่สองตู้ พื้นที่ขนาดแมวยังดิ้นตายไม่ได้เลย แล้วยังโต๊ะอีก มีแค่สองโต๊ะเอง ห้องน้ำก็เล็ก อ่างล้างหน้ามาอยู่ด้านนอก ระเบียงมีแค่นี้ ซักผ้าทีจะตากกันยังไง”

   ทั้งคู่ทำท่าจะลากผมออกมันซะเดียวนี้ สีหน้าบ่งบอกว่าไม่โอเคอย่างแรง แต่ในความคิดผม ผมว่ามันก็พออยู่ได้นะ แบ่งๆ กันใช้ไม่น่าเป็นไรมั้ง แม้ว่ามันแอบหลอนๆไปหน่อยตรงเตียงสองชั้นมีช่องใต้เตียง

   ผมตั้งมั่นแล้ว ลำบากหน่อยสิดี จะได้สมกับชีวิตเด็กมหาลัย ออกมาผจญโลกภายนอก

   “ผมจะอยู่ที่นี่ ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ พี่เฟย์ ผมอยู่ได้ จริงๆ นะ ถ้าอยู่ไม่ได้เดี๋ยวผมจะรีบบอกเลยไม่ต้องห่วง”

   “แน่ใจแล้วนะว่าอยู่ไหวน่ะ? ไปอยู่กับพี่ดีกว่ามั้ย? เห็นห้องเป็นงี้แล้วพี่เป็นห่วง จะกินจะนอนมันไม่สบายตัวหรอกนะ”

   “ปล่อยไปเถอะเฟย์ ปะ เดี๋ยวเราต้องไปซื้อของเข้าห้องกันอีก แม่ว่าจะไปคุยรายละเอียดเรื่องสัญญากับอาจารย์เขาด้วย”

   แม่แตะแขนพี่เฟย์ เพราะรู้แล้วว่าผมคงไม่ยอมเปลี่ยนใจแน่ๆ พี่เฟย์ถอนหายใจยื่นมือมาขยี้หัวผมแล้วไม่พูดอะไรอีก ผมรู้ว่าทั้งสองคนเป็นห่วง แต่ผมอยากจะโตและเข้มแข็งขึ้นเพื่อที่จะได้ไม่เป็นภาระของแม่กับพี่ชาย เพราะผมเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งที่อยากปกป้องแม่ตัวเองเหมือนกัน ซึ่งก่อนจะทำแบบนั้นได้ คงต้องเซอร์ไวเวอร์กันหน่อย

   เรื่องนี้แม่มาบอกผมตอนหลัง ว่าความจริงแม่แอบน้ำตาคลอเหมือนกันพอรู้ว่าผมจะอยู่ห้องนี้ ยังไงแม่ก็รักผมที่สุด เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่อยู่ในท้อง ย่อมต้องเป็นห่วงมากจนคาดเดาไม่ได้เลยล่ะ ผมเลยกอดแม่แล้วหอมแก้มขอบคุณ

   กลับเข้าเรื่องกันต่อ แม่มาคุยรายละเอียดกับอาจารย์ด้านล่าง โชคดีหน่อย บางทีผมอาจไม่ต้องอยู่แออัดสี่คน เพราะห้องเยอะพอสมควร จะให้อยู่สี่คือจำเป็นจริงๆ หรือพวกนั้นเขามาด้วยกัน ผมจะเข้ามาอยู่ในหอก่อนเปิดเทอมอาทิตย์นึงเพราะต้องเข้าปฐมนิเทศน์ด้วย

   หลังจากนั้นพวกเราก็ไปเลือกซื้อของจำเป็นที่ห้างใกล้ๆ ส่วนใหญ่แม่กับพี่เฟย์เป็นคนเลือกหยิบจับให้เอง ผมมีหน้าที่เข็นรถตามเงียบๆ และคอยหยิบขนมใส่ตะกร้าเป็นระยะ หลักๆ ที่ซื้อก็มีพวกอุปกรณ์ทำความสะอาด กาต้มน้ำสำหรับไว้ให้ผมต้มมาม่าโดยเฉพาะ สบู่แชมพูครีมนวดยาสระผมว่ากันไป แล้วพวกเราก็กลับบ้านกัน

   ผมจะมาอยู่หออีกทีตอนใกล้ๆ จะเปิดเทอม เหลือเวลาอีกหลายเดือน ระหว่างนี้ต้องอ้อนแม่ให้เต็มที่ หาข้อมูล ซื้อพวกชุดนักศึกษาเตรียมตัวเข้าสู่รั้วมหาลัย

   และแล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึง ข้าวของจำเป็นทุกอย่างถูกขนย้ายโดยรถพี่เฟย์มาไว้ที่หอ แม่ผมนอนเป็นเพื่อนหนึ่งคืนบวกกับเช็คความเรียบร้อยก่อนกลับวันรุ่งขึ้น ทุกอย่างโอเคไม่มีปัญหา หลังแม่กลับไปเท่านั้นแหละ ปัญหาเกิดทันที เหงาครับ... ฮือๆ ผมเลยต้องโทรไปก่อกวนพี่ชายทุกวัน คุยถี่กว่าแต่ก่อนอีก ยิ่งอยู่คนเดียวด้วย ยิ่งไปกันใหญ่

   เพราะรูมเมทผมยังไม่มา ช่วงนั้นผมเลยคุยกับพี่เฟย์แก้เหงา บวกกับหาหนังสือมาปลอบประโลมจิตใจ โชคดีแถวมหาลัยมีร้านเช่าหนังสืออยู่ ผมขยันเข้าออกไปเช่าหนังสือมาอ่านแทบทุกวัน รวมกับที่ซื้อมาเพิ่มและขนมาจากบ้านบางส่วน ห้องผมเริ่มจะมีกองหนังสือขนาดย่อม

   ผ่านไปสามวัน ผมเริ่มปรับตัวได้ พวกเด็กปีหนึ่งค่อยๆ ทยอยกันเข้ามาอยู่ในหอ บรรยากาศไม่เงียบเหงาเท่าตอนแรก ผมเองก็สุขอุรากับการอ่านหนังสือ ส่วนเน็ตอย่าไปถามถึง เอาอะไรกับเน็ตหอฟรีครับ เขามีแต่บอกว่าสามวันดีสี่วันไข้ ถ้าจะให้ผมบรรยายอาการของเน็ตหอคงประมาณว่า สามวันไม่ดีสี่วันยิ่งหนัก ใช้ได้สักนาทีก็บุญแล้ว

   จนกระทั่งอาจารย์บอกว่า เพื่อนผมจะเข้ามาวันพรุ่งนี้ตอนเช้า ผมยิ้มร่าดีใจในที่สุดจะได้เพื่อนร่วมห้องสักที ถ้าเรียนสาขาเดียวกันยิ่งแจ่มเลย เวลาไปเรียนจะได้ไปด้วยกัน ผมมัวแต่วาดฝันไปสารพัดไม่ได้สนใจเก็บห้อง จนได้พี่เฟย์เตือนนั่นแหละครับ

   “ปอนด์ รูมเมทจะมาแล้วใช่รึเปล่า ถ้างั้นพวกนิยายวายการ์ตูนวายในห้องล่ะจะทำยังไง มาฝากไว้ห้องพี่ก่อนมั้ย?” ผมชะงักกึก หยุดอารมณ์เริงร่าไว้ แล้วพูดใส่โทรศัพท์

   “ผมลืมไปเลย รูมเมทเป็นผู้ชาย ปกติผู้ชายไม่ชอบเรื่องวายนี่หว่า ตายล่ะ แต่ให้ฝากห้องพี่ผมก็ไม่ได้อ่านดิ”

   “ยังจะห่วงอ่านอีกนะ เอาแบบนี้ไหม เก็บๆ ยัดใส่ตู้ไป เพื่อนไม่อยู่ค่อยหยิบออกมาเอา”

   ผมพยักหน้ารับกับโทรศัพท์ เข้าท่าดีเหมือนกัน แรกๆ ดูไปก่อนลองถามนิดๆ ว่าเพื่อนโอเคมั้ย ถ้าไม่ผมจะเก็บความลับนี้ตราบชั่วฟ้าดินสลาย แต่ถ้าโอเคค่อยเปลี่ยนห้องเป็นรังวายอีกครั้ง พอคิดได้ ผมเปิดลำโพงโทรศัพท์คุยกับพี่ชาย มือสองข้างหยิบเก็บหนังสือวายทั้งหลาย เคลียร์พื้นที่แบ่งกันเพื่อนคนละครึ่งห้อง จัดโต๊ะย้ายตู้นิดหน่อย เสร็จแล้วก็อาบน้ำรอ รอเจอรูมเมทวันรุ่งขึ้น

   ที่หอพักผมไม่มีแอร์ครับ มีแต่พัดลมเพดาน กับพัดลมของตัวเอง ผมนอนกอดตุ๊กตากลิ้งหนีแดด เสียงเคาะประตูดังขึ้น แรกๆ ผมเข้าใจว่าเป็นของห้องอื่นเลยไม่สนใจ จนมันดังรอบที่สองแถมยังหนักหน่วงกว่ารอบแรก ผมสะดุ้งโหยงถ้าเป็นแมวคงพองขน นึกขึ้นได้ว่ารูมเมทจะมาวันนี้ รีบกุลีกุจอขาเกี่ยวผ้าห่มเกือบหัวทิ่มตกเตียง วิ่งไปเปิดประตูห้อง

   สภาพผมไม่ต้องพูดถึง ผมยุ่งเหยิงชี้รอบทิศ ใบหน้างัวเงียแบบคนไม่ตื่นดี แขนข้างหนึ่งยังกอดตุ๊กตาตัวโปรดไว้อยู่เลย โดยมีเบื้องหลังเป็นเตียงเละเทะผ้าห่มเกยจากเตียงลงมาบนพื้นห้องเพราะผมสะดุดเมื่อครู่ รูมเมทผมชะงักเล็กน้อย ผมขยี้ตาเพ่งมอง

   คนตรงหน้าหัวเราะในคอ ทักทายผมพลางดันหลังผมเข้าห้องก่อนปิดประตู

   “สวัสดีเพื่อนใหม่ ความจริงนายไม่ต้องรีบมาเปิดขนาดนั้นก็ได้นะ เดี๋ยวล้มหัวฟาดพื้นกันพอดี”

   เสียงนุ่มชวนเคลิ้มจนผมแทบหลับอีกรอบ เขาส่ายหัว บอกให้ผมไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตา นอกนั้นเขาจะจัดการเอง ผมเลยอือออหยิบผ้าขนหนูพร้อมเสื้อเข้าไปอาบน้ำ ออกมาอีกที ห้องดูเป็นห้องมากกว่ารังแมว ผ้าห่มของผมถูกพับเก็บอย่างดี เตียงสองชั้นตรงข้ามกัน จากตอนแรกว่างให้ฝุ่นเกาะ ตอนนี้ฝุ่นโดนไล่ที่ แทนด้วยของจำเป็นนิดหน่อย เตียงชั้นล่างถูกปูผ้าวางหมอนพร้อม

   หลังล้างหน้าผมเลยมีเวลาสำรวจเพื่อนร่วมห้องดีๆ ชายคนนี้ตัวสูงกว่าผมพอสมควร แต่ผิวออกเกรียมนิดๆ เหมือนโดนแดดมากกว่าจะเป็นสีผิวจริง ผมสีดำซอยรากไทรมัดเป็นจุกเล็กๆ ที่ท้ายทอย ที่คอมีสร้อยเชือกทบสลับไปมา หูข้างซ้ายเจาะรูหนึ่งใส่ห่วงไว้ ดวงตาสีดำ คิ้วโค้งได้รูป จมูกกำลังพอดี รวมกับปากสีชมพูออกแดงเชื่อเลยว่าสาวๆ หลายคนอิจฉาชัวร์ ที่สำคัญหล่อมาก หล่อปนสวย

   หยิบจับอะไรกระฉับกระเฉงดูคล่องแคล่ว ผมเอียงคอมอง ที่บรรยายได้ละเอียดยิบแบบนี้ เพราะผมกำลังนั่งเช็ดผมอยู่บนเตียง มองคนก้มๆ เงยๆ เช็ดทำความสะอาดโต๊ะของตัวเอง

   “อ้าว อาบเสร็จแล้วเหรอ แนะนำตัวกันใหม่ ฉันชื่อปีโป้ เรียกโป้ก็ได้ อยู่สถาปัตย์ปีหนึ่ง ยินดีที่ได้รู้จัก”

   โป้ล้างผ้าเช็ดโต๊ะในกะละมัง ผมยิ้มให้ ดีใจจริงๆ ได้พ่อศรีเรือนมาประดับห้อง แถมดูท่าทางจะใจดีมากด้วย

   “เราปอนด์ เรียนไอทีปีหนึ่งเหมือนกัน นายเป็นคนเหนือเหรอ” ผมถาม โป้หัวเราะก่อนจะตอบ

   “ใช่ นายเองก็เหมือนกันหนิ”

   “อื้อ แม่เราคนเหนือนะ แต่จริงๆ บ้านเราอยู่กรุงเทพนะ แค่มันไกลมากเลยมาอยู่หอ”

   “อ่อ เอ้อจริงสิ เมื่อกี้ฉันทำความสะอาด เจอไอ้นี่เข้า ของนายรึเปล่า”

   ผมหยิบผ้าเช็ดผมออกจากหัว หันไปมองตามต้นเสียง ไล่สายตามองของในมือโป้ พอเห็นว่าเป็นอะไรเท่านั้นแหละ ผมกลืนน้ำลายอึก มองโป้อย่างกังวล พลางด่าตัวเองในใจ ปัดโธ่เว้ย เมื่อวานเก็บนิยายหนังสือการ์ตูนวายหมดแล้วก็จริง แต่ผมดันลืมเก็บอันคัตที่อ่านค้างไว้ก่อนนอน หน้าปกนี่อย่าให้พูด ตายแน่ เพิ่งเริ่มทำความรู้สึกไม่ถึงชั่วโมง ผมจะเสียเพื่อนแล้วเหรอเนี่ย!

   “เอ่อ...คือแบบ ฉันอธิบายได้นะ มัน มัน...” ร่างเล็กอ้ำอึ้งจะเข้าไปหยิบก็ไม่กล้า จะปล่อยให้ถือว่าแบบนั้นก็ไม่ได้ ในสายตาโป้ แวบแรกที่เห็นอีกฝ่ายในห้อง เขาเข้าใจไปว่า อาจจะเป็นน้องชายของรูมเมทเขามานอนเล่นด้วย เพราะรูปร่างหน้าตาไม่มีส่วนไหนบ่งบอกความเป็นเด็กมหาลัยเลยแม้แต่นิดเดียว

   โป้บอกให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำด้วยความเอ็นดูเล็กๆ เขาเองมีเพื่อนสมัยเด็กอยู่คนที่เหนือ ทางนั้นนิสัยเหมือนเด็กจนต้องคอยดูแล ทำให้ติดนิสัยชอบดูแลคนอื่นมาจนถึงปัจจุบัน พอเห็นชายตรงหน้าเลยอดไม่ได้ที่จะแหย่สักหน่อย หลังจากทำความสะอาด สังเกตข้าวของจนมั่นใจแล้วว่า คนตรงหน้าคือรูมเมทจริงๆ

   “อธิบายว่าไงเหรอ”

   หนุ่มสถาปัตย์นั่งเก้าอี้มองท่าทีลนลานของเพื่อนร่วมห้องด้วยรอยยิ้ม สำหรับเขาไอ้ของที่อยู่ในมือน่ะมันยังเล็กน้อย เทียบกับความลับทางเขาเองอะนะ

   “แบบ ฉันชอบพวกแบบนี้อะ ถ้าไม่ชอบยังไง จะเก็บให้ดี ไม่สิ จะเอาออกไปเลยก็ได้ เพราะงั้น”

   ปุ๊

   หนังสือเจ้ากรรมวางปุบนหัว ผมเงยหน้ามองคนทำอย่างงงๆ โป้หัวเราะยื่นหนังสือคืนให้ดีๆ

   “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ใช่พวกต่อต้านอะไรแบบนี้ เก็บไว้อ่านก็ได้ ไม่ต้องเอาไปไว้ที่ไหนหรอก แค่เก็บหลบๆ เป็นพอ เดี๋ยวมีตรวจห้องแล้วจะยุ่ง”

   “เฮ้อ ค่อยยังชัวร์ นึกว่าจะเสียรูมเมทไปตั้งแต่วันแรกซะแล้ว” ผมถอนหายใจหมดปอด เก็บอันคิตดีๆ ไม่ปล่อยพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง ฉุกใจคิดกับคำว่าตรวจห้องของโป้ จริงสิ หอในแยกชายหญิง จะมีการตรวจหอเป็นระยะโดยอาจารย์ผู้ดูแล สงสัยผมคงได้ฤกษ์เอาพวกนี้บางส่วนไปซุกห้องพี่เฟย์ ฮือ อดเก็บไว้อ่านเลยอะ

   โป้หัวเราะกับท่าทางโอเวอร์ของผม วันนั้นพวกเราคุยกันทั้งวัน แลกเปลี่ยนความคิด และไปกินข้าวด้วยกัน จนเข้าวันที่ห้า หลังโป้มาอยู่ได้สองวัน เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง

   ก๊อก ก๊อก

   ผมกับโป้ที่กำลังทำกิจวัตรของตัวเองมองหน้ากัน โป้อาสาลุกไปดูว่าใครมาเคาะประตู เขาส่องตาแมวหันมาบอกผม

   “ใครไม่รู้ ดูจะไม่ใช่อาจารย์หรือนักศึกษาด้วย พี่ชายของปอนด์รึเปล่า”

   ผมตามไปดูมั้ง เดาว่าไม่เพื่อนข้างห้องก็เป็นอาจารย์มาแจ้งข่าวอะไรล่ะมั้ง พอส่องตาแมวเห็นหน้าหล่อๆ ยืนอยู่ ชัดเลย ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพี่ชายสุดสวาทของผมเอง ผมบอกโป้ว่าเป็นพี่ชายผมเอง เขาร้องอ่อ กลับไปนั่งสเก็ตภาพของตัวเองต่อปล่อยให้ผมคุยตามสะดวก พอเปิดประตูพี่เฟย์มองเข้ามาภายในห้องทันที ข้ามหัวผมไปอีกต่างหาก ใช่ซรี้ ไม่สูงบ้างให้มันรู้ไป

   “ปอนด์เป็นไงบ้าง”

   แสกนเพื่อนผมเสร็จ ค่อยเห็นน้องตัวเองนะครับคุณพี่ชายที่เคารพรัก

   “เหมือนเดิมอะ นั่นโป้รูมเมทผมฮะ ส่วนคนนี้ พี่เฟย์ พี่ชายของเราเอง” ผมแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน โป้ยกมือไหว้งามๆ พี่เฟย์ยกมือรับไหว้ ดูพึงพอใจ

   “สวัสดีครับ”

   “อืม พอดีเลย พี่จะพาเราไปกินข้าวเที่ยง โป้ไปด้วยกันมั้ย”

   คนตัวเล็กสุดหันขวับ กระโดดเกาะพี่ชายเป็นลูกแมวเกาะขาขอข้าว ส่วนพี่ชายลูบหัวเบาๆ โป้มองทั้งสองคนพลางพยักหน้าแบบเข้าใจอะไรบางอย่าง

   “ผมขอตัวดีกว่า พอดีผมเพิ่งนึกออกว่ามีของต้องซื้อเพิ่ม”

   “ไม่เป็นไร มาด้วยกัน เดี๋ยวแวะซื้อของด้วยเลยก็ได้” พี่ชายพูด ผมรีบเสริมเพราะอยากให้โป้ไปด้วย

   “นั่นสิ มีรถขนของไง จะได้ไม่ต้องแบกเอง ไปเถอะนะโป้”

   ผมเข้าใจว่าโป้คงเกรงใจน่าดู เพิ่งรู้จักกับผมไม่กี่วัน จะให้ไปด้วยเลยก็ยังไงอยู่ แต่สำหรับผมกับพี่เฟยแล้ว พวกเราเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ดีซะอีก จะได้สร้างความสนิทเพิ่มขึ้น ผมอยากสนิทกับเพื่อนร่วมห้องไวๆ

   สุดท้าย โป้ก็ต้องยอมไป ผมมานั่งด้านหลังคุยกับโป้ เจ้าตัวจะได้ไม่อึดอัด พอถึงที่หมายเลือกร้านกิน งานนี้ผู้ใหญ่เพียงหนึ่งเดียวเป็นคนเลี้ยงแบบมัดมือชก โป้ยังไม่ทันได้พูดอะไรด้วยซ้ำ พวกเราถูกพี่เฟย์ลากออกมาซะแล้ว ของที่โป้จะซื้อคือพัดลมกับเครื่องเขียน

   ระหว่างโป้เดินดูพัดลมอยู่ โดยมีพี่เฟย์ช่วยเลือก ส่วนผมไปขลุกอยู่ในร้านหนังสือ

   “โทษทีนะ ที่ลากออกมาแบบนี้” ผู้ใหญ่เปิดประเด็นก่อน โป้ตอบกลับพลางส่ายหน้า

   “ผมเข้าใจว่าพี่ชายย่อมเป็นห่วงน้องชายเป็นธรรมดา เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะช่วยดูปอนด์ให้สมกับสินบนที่กินไป” ความจริงโป้เป็นหนุ่มอารมณ์ดี มองความต้องการของพี่เฟย์ออก และเจ้าตัวไม่ได้คิดปิดบังเจตนาของตัวเองด้วย

   “อาจจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย ยังไงก็ฝากด้วย”

   “ไม่เป็นไรครับ ปอนด์เป็นเพื่อนผมเหมือนกัน เรียกว่าต่างคนต่างช่วยเหลือกันมากกว่า” หนุ่มวัยทำงานยิ้มรับ

   “หลังเลือกพัดลมเสร็จ พี่ขอไปดูพวกเครื่องครัวหน่อย โป้รีบไปไหนรึเปล่า?”

   “ได้ครับ ผมเองชอบทำอาหารเหมือนกัน แต่จะถนัดพวกอาหารไทย พี่...อบขนมสินะครับ ผมได้กลิ่นขนม”

   “อ่า... สงสัยเรามีเรื่องต้องคุยกันยาวแล้ว”

   “คุยอะไรกันๆ” ตรงกลางระหว่างทั้งสองคน มีผมยุ่งๆ แทรกเข้ามา เฟย์ยกมือลูบด้วยความเคยชิน แล้วเล่าทุกอย่างให้ฟัง คนโดนเป็นห่วงทำแก้มพองใส่ที่พี่ชายไม่ยอมไว้ใจให้อยู่คนเดียว เฟย์เลยต้องซื้อไอติมมาง้อเด็ก พลางคุยเรื่องการทำอาหารกับโป้

   กลายเป็นว่า งานนี้คงไม่ใช่ผมกับโป้ที่สนิทกันมากขึ้น แต่เป็นพี่เฟย์ได้เพื่อนคอเดียวกันเพิ่ม ถือว่าเป็นก้าวแรกที่ดีสำหรับผมเลยทีเดียว เจอรูมเมทโอเค มีพี่ชายของดูอยู่ห่างๆ พร้อมรายงานแม่เป็นระยะ ที่เหลือต้องรอดูวันนิเทศน์กับตอนเปิดเทอมว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงต่อไป

หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่7 ห้องหอ [UP!27/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 27-07-2015 21:13:26
โป้จะมีคู่มั้ยน้อ เห็นบอกว่าหล่อปนสวย หาสามีให้นางสักคนสิ -.,- อิอิ
น้องปอนด์โตแล้วนะ พี่เฟย์จับกดได้เลย 555555
อยากรู้ความลับของโป้อ่ะ O.o
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่7 ห้องหอ [UP!27/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 27-07-2015 21:42:09
พี่เฟย์มีสปายเเล้ววว
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่7 ห้องหอ [UP!27/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-07-2015 21:52:10
พี่เฟย์หวงน้องขนาดนี้ต้องรีบสแกนเจ้าโป้แล้วล่ะ อาจได้สปายแถมไม้กันหมาด้วยไปในคราวเดียว
ขอบคุณจ้า รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่7 ห้องหอ [UP!27/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 28-07-2015 00:33:36
น้องปอนด์ก็น่ารักเหมือนเดิมมม แต่บทพี่เฟย์น้อยมากอ่ะ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่7 ห้องหอ [UP!27/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 28-07-2015 00:57:11
พี่เฟย์หวงน้องขนาดนี้ต้องรีบสแกนเจ้าโป้แล้วล่ะ อาจได้สปายแถมไม้กันหมาด้วยไปในคราวเดียว
ขอบคุณจ้า รอตอนต่อไป

สปายแถมไม้กันหมา ชอบประโยคนี้มากกกกกค่ะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่7 ห้องหอ [UP!27/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 28-07-2015 03:40:44
น้องปอนด์น่ารักน่าตีจริงๆเลย ลูกแมวจอมซน

ดีนะได้เพื่อนแบบโป้ ซ่องหนังสือดันโชว์อัตคัต

พี่เฟย์ตอนนี้บทน้อยจริงๆ ดีนะได้สปายส่วยตัว  o13
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่7 ห้องหอ [UP!27/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kururu ที่ 28-07-2015 12:25:01
อ่านแล้วชอบบบบบบ. มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่7 ห้องหอ [UP!27/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 28-07-2015 12:35:48
มีติดสินบนกันขนาดนี้ ไม่ใช่แค่ฝากดูแล้วมั้ง ฝากเป็นไม้กันหมาด้วยใช่ปะพี่เฟย์  :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่7 ห้องหอ [UP!27/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 28-07-2015 12:52:41
เข่ามหาลัยแล้วอย่าให้มีมือที่สามเลยนะ สงสารเฟกับปอนด์มากเลย
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่8 เพื่อนใหม่อะเกน [UP!28/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 28-07-2015 20:44:13
วายที่8 เพื่อนใหม่อะเกน
   
   วันนิเทศมาถึง ผมกับโป้ใส่ชุดนักศึกษาเต็มยศ โป้ดูดีมากจนน่าอิจฉา ส่วนผม... ขอไม่บรรยายอะไรแล้วกันนะครับ พวกเราตื่นกันแต่เช้า โดยมีโป้เป็นคนปลุก อาบน้ำแต่งตัวสิบนาที มุ่งตรงสู่มหาลัย ในวันแรกทุกคนต้องไปรายงานตัวที่ห้องประชุมใหญ่ ผมไปพร้อมกับโป้ เลือกที่นั่งแรกๆ ของห้องประชุม บางคนอาจไม่ชอบ แต่ผมชอบนะ เพราะมันได้ออกก่อนใครเพื่อนหลังนิเทศน์จบ

   ตารางของวันนี้คือ ตื่นเช้าไปเข้าห้องประชุมรวม ฟังเทศน์จากอธิการบดี ตามด้วยอาจารย์ และนักศึกษารุ่นพี่ตัวแทนของมหาลัย พร้อมพิธีอีกนิดหน่อยเพื่อความขลังในการเป็นเด็กปีหนึ่งเต็มตัวลากยาวไปจนถึงเที่ยง พวกเด็กเฟรชชี่จะถูกปล่อยตัวไปกินข้าวเที่ยง ทำความรู้จักกับเพื่อนคนอื่นๆ พอบ่ายจะเป็นการแยกย้ายไปรายงานตัวแต่ละคณะ

   ผมกับโป้มากินข้าวที่โรงอาหารรวม ส่วนใหญ่มีแต่พวกรุ่นเดียวกัน เราได้คุยกับคนอื่นบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้เพื่อนใหม่สักที กระทั่งถึงเวลาแยกย้าย ตึกคณะของโป้กับผมมันคนละทิศ

   “แน่ใจนะว่าไปที่คณะเองได้”

   โป้ถามย้ำระวห่างยืนรอรถมหาลัยไปที่คณะสถาปัตย์ของตัวเอง

   “ได้สบายมาก จดมาไว้แล้วว่าต้องไปทางไหน ถ้าไปไม่ถูกยังไงเดี๋ยวถามคนแถวนั้นก็ได้”

   ผมชูกระดาษที่จดไว้ของตัวเองให้โป้ดู หนุ่มเหนือถอนหายใจ สั่งกำชับผมว่าถ้ามีปัญหาอะไรให้โทรหา รู้สึกเหมือน ผมจะได้พี่ชายหรือแม่(?)เพิ่มอีกคนแล้วล่ะครับ

   “ไว้เจอกันที่ห้อง ไม่ต้องรอกินข้าวเย็นนะ” โป้ขยิบตาให้ก่อนขึ้นรถ ผมพยักหน้ารับโบกมือบ๊ายบายโป้ ผมเองไม่รู้เหมือนกันว่าแต่ละคณะสังคมเป็นแบบไหน แต่คิดว่าอย่างสถาปัตย์อย่างโป้ พอทำความรู้จักกับเพื่อนแล้ว อาจจะต้องไปกินข้าวคุยต่อหรืออะไรก็ว่าไป ผมเองก็เหมือนกัน คงต้องรอดูจนกว่าจะไปถึงคณะ

   ประเด็นคือ ผมเดินจากจุดขึ้นรถ ลองเลี้ยวตามในที่เขียนไว้ แล้วผมก็เจอคณะหนึ่งมีเด็กมากมาย80% เป็นผู้ชายกำลังยืนลงทะเบียนกันอยู่ ผมเงยหน้ามองป้าย

   คณะวิศวกรรมศาสตร์…

   ชิบหาย! ซวยแล้ว ดันหลงมาอยู่แถวไหนไม่หลง ดันหลงมาคณะที่น่ากลัวที่สุด โป้จ๋า มาพารูมเมทคนนี้กลับไปหน่อย ไม่สิ โป้ไม่นะ ห้ามมา ปกติคณะวิศวะไม่ถูกกับสถาปัตย์นี่หว่า ตายๆ ทำไงดี ผมยืนเลิกลั่ก มองซ้ายมองขวา ยอมรับว่าตอนนี้ตัวเองกำลังหลงทางไปคณะตัวเองไม่ถูก ต้องถามคนแถวนี้ ไม่งั้นผมลงทะเบียนไม่ทันแน่

   แต่... แม่จ๋า ทุกคนหน้ากลัวเหลือเกิน ถ้าไม่หน้าเถื่อนปานขุนโจร ก็หล่อสวยปานเทพบุตรนางฟ้า เล่นเอาเด็กตัวน้อยๆ ตาดำๆ อย่างผมไม่กล้าเข้าไปถาม ที่สำคัญ คณะนี้เขาคัดคนที่ส่วนสูงหรือยังไง แต่ละคนถึงได้สูงขนาดนี้ มีสาวหลายคนสูงอยู่แล้ว ใส่ส้นสูงเข้าไปอีก หรือผมหลุดมาในโลกของไททั่น?

   ระหว่างที่ผมกำลังตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต มาเสียงดังมาจากทางด้านจนผมสะดุ้งโหยง ถ้าเป็นแมวคงหางพอง รีบหันขวับไปมอง เจอแต่เสื้อนักศึกษา พอเงยหน้าขึ้นเสาโทรเลขหน้าเถื่อน!

   “น้องชาย มาทำอะไรแล้วนี้ ผู้ปกครองหายไปไหน แล้วเอาเสื้อพี่ชายมาใส่ทำไม”

   ผู้ชายตัวสูงใหญ่ในชุดนักศึกษากำลังเลิกคิ้วถามผมที่ยืนเอ๋ออยู่กับที่ ดวงตาคมดุจ้องดูจริงจัง ผมถอยไปหนึ่งก้าว ถึงจะบอกว่าอีกฝ่ายดูเถื่อน แต่หล่อลากตับมาก มหาลัยนี้มีแต่คนหล่อๆ สินะ มิน่าผมถึงเข้าได้ เพราะผมหล่อมากนี่เอง

   “ไม่มีอะไรครับ ผมขอตัว”

   ผมหันหลังกลับเตรียมวิ่งหนี มือใหญ่คว้าหมับที่ไหล่ พอเทียบแล้ว ผิวผมดูขาวจั๊วะไปเลย พอมาเจอคนผิวแทนแบบนี้

   “ทำไรอยู่วะซัน”

   ชายร่างสูงเดินเข้ามาสมทบ ตามหลังมาด้วยเพื่อนในกลุ่มอีกสองคน ดีหนึ่งในนั้นตัวสูงพอๆ กับโป้ไม่น่ากลัวเท่าสามที่ยืนล้อมผมอยู่ คนที่เข้ามาทักตัวสูงพอๆ กับคนที่รั้งตัวผมไว้ แต่เขาโปร่งไม่ถึกเท่า ท่าทางขรึมๆ

   “เออๆ พอดีเจอเด็กว่ะ สงสัยมาส่งพี่แล้วดันหลงกัน วามึงว่างไปส่งเด็กกับกูมั้ย” ซันหันไปคุยกับเพื่อนสมัยเด็กชื่อวาคิน มันดันซวยโดนเด้งไปอยู่อีกวิทยาเขตที่ภาคเหนือ วันนี้มันเลยมาส่งเพื่อนตัวเองก่อน อีกสองคนเป็นเพื่อนที่เพิ่งรู้จักตอนมาสอบเข้า คุยกันจนมาถึงวันเรียน

   “เด็กมัธยม? ม.ต้นเหรอวะมิท” ริวหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นยืนมองเด็กน้อยด้วยรอยยิ้มใจดี ท่าทางร่าเริงเหมือนหมาโกลเด้น ผิวขาวแต่สูงโย่งที่สุด ผมสีน้ำตาลเข้มต่างจากเพื่อนของตัวเองที่เป็นสีดำ

   “ไม่นะริว ม.ปลายมากกว่า” คนสุดท้าย มิทรี่หนุ่มเจ้าสำอางค์ ดูเจ้าเล่ห์แพรวพราว ได้กลิ่นน้ำหอมจางๆ ออกมาจากตัว ส่วนใหญ่คนจะเข้าใจผิดว่าอยู่คณะนิเทศมากกว่าวิศวะแหล่งรวมชายโฉด เพื่อนคนอื่นดูหล่อกระชากตับ ส่วนคนนี้หล่อคมเบนไปทางสวยนิดๆ

   และผม คนที่หล่อที่สุดกำลังโดนไททั่นสี่คนยืนล้อม กับผู้ชายท่าทางเหมือนดารามองสำรวจอย่างสนใจ เขาคุยข้ามหัวผมไปมาไม่เท่าไหร่ แต่สิ่งที่พูดออกมานี่ดิ ใครเป็นเด็กฟะ ผมโตแล้วนะเฟ้ย ด้วยแรงฮึดผมลืมกลัวชั่วขณะ กอดอกจ้องใส่

   ตะกี้ได้ยินเรื่องลงทะเบียน แสดงว่าเจ้าพวกนี้ต้องอายุเท่ากับผมแน่ ดังนั้นเด็กใหม่เหมือนกันไม่ต้องไปเกรง วะ ฮ่าๆ

   “ฉันอยู่ปีหนึ่งเหมือนพวกนาย และไม่ได้เอาชุดพี่มาใส่หรือเป็นเด็กมัธยมด้วย”

   มิทหัวเราะขำ คงมีแค่เจ้าตัวที่ดูออกแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ ที่เหลือเลิกคิ้วสูงแบบไม่อยากเชื่อ ผมเลยหยิบบัตรประชาชนให้ดู สีหน้าแต่ละคนอึ้งไปเลย

   “ปีหนึ่ง หาที่ลงทะเบียนสินะ หวังว่านายคงไม่ได้เรียนอยู่คณะนี้ใช่มั้ย?”

   วาคินผู้เคร่งขรึมและรักเด็ก นึกเป็นห่วงคนตรงหน้าไม่น้อย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร สาเหตุอาจจะมาจาก คนที่ยืนกอดอก แผ่ออร่าบางอย่าง หากเป็นผู้หญิงคงปลุกสัญชาตญาณความเป็นแม่ ถ้าเป็นผู้ชาย คงปลุกความเป็นพี่ในตัวมั้ง

   “ไม่ใช่ เอ่อ... หลงทางอะ ความจริงฉันอยู่คณะไอที”

   ผมตอบเสียงเบาหวิวกับความเซ่อซ่าของตัวเอง ทั้งที่คุยกับโป้ซะดิบดี แถมคนพวกนี้พอคุยด้วยแล้วดูไม่น่ากลัวอย่างที่คิด คนเราตัดสินอะไรที่ภายนอกไม่ได้จริงๆ

   “เด็ก! ต่อให้อายุพอกันก็เหมือนเด็กชัดๆ” คำว่าเด็กกระแทกหน้าจากชายผิวแทน ตาดุๆ จ้องมองฉายความล้อเลียนอยู่หน่อยๆ ผมแยกเขี้ยวใส่คว้าบัตรประชาชนคืนจากมืออีกฝ่าย

   “ถ้าเด็ก ก็เด็กกันหมดนี่แหละ อายุพอกันนี่” ผมขู่แง่งๆ ใส่ มองจากคนภายนอกเหมือนหมาตัวโตกำลังหยอกแมวตัวจิ๋วยังไงชอบกล วาคินนวดขมับกับเพื่อนที่เผยนิสัยขี้แกล้งออกมา

   “ริว มิทพวกมึงไปลงทะเบียนก่อน เดี๋ยวกูกับซันพาเด็ก...” คำพูดชะงักไปเมื่อโดนผมตวัดสายตามอง เขาถอนหายใจถาม

   “ฉันวา ไอ้ดำนี่ซัน ไอ้โย่งนั่นริว ส่วนไอ้ตาจิ้งจอกมันชื่อมิท นายชื่ออะไร”

   เขาแนะนำตัว ผมไม่ใช่คนไร้มารยาทแนะนำตัวกลับ จะได้คนนำทางทั้งที ปล่อยไปวันนี้ทั้งวันผมคงหาคณะตัวเองไม่เจอ

   “ปอนด์” ผมตอบสั้น เขาพยักหน้าหันไปพูดกับเพื่อนตัวเองต่อ

   “กูกับซันจะพาปอนด์ไปส่งคณะ พวกมึงยังไม่ลงทะเบียน ไปจัดการเลย เจอกันในห้องประชุม”

   “จัดไป โชคดี อย่าเผลอโดนให้หิ้วไปนะยิ่งตัวเล็กๆ อยู่” ริวขยิบตาให้ก่อนโดนมิทลากไปลงทะเบียน

   “เราก็ไปกันบ้างเถอะ เดี๋ยวจะลงทะเบียนไม่ทันเอา ดีหน่อยคณะอยู่ไม่ไกลกันมาก” วาพูดพลางเดินนำไปรอรถ ซันยกแขนมาเท้าหัวผม ยิ้มกวนตีนใส่ หนักนะเฟ้ย รังแกกันมากๆ เดี๋ยวฟ้องโป้เอาไม้ทีมาฟาดหัวแม่ง พูดถึงโป้ ผมนึกอะไรบางอย่างออก ซันผิวเข้มหล่อแบบเถื่อนๆ ขี้แกล้ง กวนประสาน โป้ผิวขาวเกรียมแดดหล่อปนสวยนิสัยแม่บ้านแต่แอบโหดจากเหตุการณ์ที่เคยเคาะประตูเกือบยกเท้าถีบห้องข้างๆ ที่มันเสียงดังจนแทบไม่ได้นอน

   สองคนนี้ถ้าเกิดคู่กันคงเหมาะกันอย่างน่ากลัวแหงๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่ความรู้สึกผมบอกแบบนั้น คงต้องหาโอกาสให้ทั้งคู่เจอกันสักครั้ง จะได้รู้ว่าสิ่งที่ผมคาดเดามันผิดรึเปล่า

   “วันหลังนายนั่งรถเลขสองจากหน้ามหาลัยมาเลยก็ได้ มันผ่านคณะวิศวะกับคณะนายพอดี” ผมฟังวาอธิบาย หยิบกระดาษขึ้นมาจดไว้ คราวนี้จดแบบละเอียดยิบจะได้ไม่หลงอีก ก่อนโดนคนข้างๆ แย่งกระดาษดินสอในมือไป

   “ได้เจอกันแสดงว่ามีดวงเป็นเพื่อน เอาไป นี่เบอร์ฉัน ถ้ามีใครหาเรื่องนายเรียกได้เลย จะออกไปจัดการให้ถึงที่”

   ซันหัวเราะ ผมหรี่ตามอง รับกระดาษมาดูเบอร์ ผู้ชายก็ดีงี้ หาเพื่อนง่ายดีไม่มีอะไรมาก ผมฉีกกระดาษออกมา เขียนเบอร์ตัวเองยื่นไปให้อีกฝ่ายบ้าง

   “แลกกัน ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้ก็จริง แต่เผื่อไว้”

   ซันเลิกคิ้วรับกระดาษในมือผมไปเก็บ หลังจากทั้งคู่มาส่งผมที่คณะแล้วขอตัวกลับ คณะผมคนไม่เยอะเท่ากับคณะของซัน ถึงงั้นส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชายอยู่ดี สายไอทีผู้หญิงไม่ค่อยเรียนกัน พอลงทะเบียนเสร็จแบบทันฉิวเฉียด มีประชุมรวมคณะชั่วโมงหนึ่ง ก่อนปล่อยให้รุ่นพี่ไปสาขาของตัวเอง ผมเรียนสาขาคอมกราฟิกครับ

   คณะไอทีไม่ค่อยมีอะไรมากเท่าไหร่ ก็แค่แนะนำตัว ทำความรู้จักอาจารย์ รุ่นพี่ และเพื่อนร่วมรุ่น ผมได้เพื่อนมาเพิ่มอีกสองสามคนบวกกับรุ่นพี่อีกนิดหน่อย ตอนแรกโดนเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กมัธยมด้วย เซ็งชะมัด ทำไมทุกคนถึงชอบรังแกผมจริง คาดว่าหลังจากนี้ผมคงโดนแซวไปตลอดปี

   หลังอาจารย์ประจำสาขาออกไป พวกรุ่นพี่ปีสองแจ้งกำหนดการวันพรุ่งนี้ หลังเลิกเรียนพวกผมต้องมารับน้องต้องหกโมง รุ่นพี่จะแจกป้ายชื่อให้ ใครได้ป้ายแล้วไปนั่งรอทำกิจกรรม พอบอกทุกอย่างเสร็จ ผมเดินออกมาจากคณะโบกมือลาเพื่อนไม่กี่นาที เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทีแรกผมเข้าใจว่าพี่ชายโทรมาถามความเรียบร้อย แต่ดันไม่แสดงชื่อ

   “ใครโทรมาหว่า” ผมมองเบอร์ไม่คุ้นดี หยิบกระดาษที่ซันจดเบอร์ให้มาดูถึงรู้ว่าใคร ผมกดรับสาย

   “มีไรอะ”

   “ประชุมเสร็จแล้วใช่มะ พวกเรากำลังจะไปกินข้าวเย็นกัน เลี้ยงไอ้วามันโดนถีบส่งไปวิทยาเขตเหนือวันพรุ่งนี้”

   “กินเหล้าเหรอ ไม่เอาอะ” ผมไม่ถูกกับพวกแอลกอฮอล์อย่างแรง

   “จะบ้าเรอะ ใครมันจะไปกินตั้งแต่วันแรก แค่ข้าวธรรมดา ไหนๆ เห็นมาคนเดียวคิดว่าไม่น่ามีเพื่อนเลยโทรมาชวน ออกมาหน้าคณะดิ รออยู่ มายืนนี่โคตรเด่นเลย คณะนายไม่เคยเห็นหนุ่มหล่อเหรอ”

   ปากมันวอนได้อีก ผมขมวดคิ้ว หันไปมองหน้าคณะตรงจุดขึ้นรถ มีสี่หนุ่มสี่มุมยืนเต๊ะจุ้ยส่องสาวไอที

   “มี ฉันนี่ไงคนหนึ่ง รอแปบกำลังไป”

   เสียงโห่ดังมาตามสาย จากพวกนั้นแน่ๆ ผมกดวางแล้วจ้ำพรวดๆ ไปทางคนพวกนั้น วายิ้มบางๆ ให้ ในสายตาเจ้าตัวคงมองผมเหมือนน้องชายคนหนึ่งไปเรียบร้อย ส่วนซันพอเห็นผมมากอดคอเดินนำขึ้นรถไปร้านข้าวเจ้าอร่อย ที่พวกนี้ไปลองมาตั้งแต่ตอนสมัครสอบ

   อันที่จริงพวกนี้ก็ไม่เลว แต่ละคนนิสัยเข้ากันได้ทั้งที่ต่างสไตล์ มันดูลงตัวจริงๆ แต่กินกันแบบห่าลงมาก ป้าเจ้าของร้านยิ้มแก้มแทบแตก ซันมันชมว่าสวยแล้วสวยอีก ทั้งข้าวและกับเลยเยอะกว่าชาวบ้านอย่างเห็นได้ชัด มีมิทช่วยผสมโรงกับวาคอยปราบเงียบๆ ริวนั่งจ้วงลูกเดียวไม่สนใคร ดูท่าผมจะได้เพื่อนมาทีเดียวยกแก๊งแล้วล่ะครับ

   กินเสร็จ ทุกคนแยกย้าย ซันอยู่กับวา ริวกลับบ้าน มิทเจ้าตัวหายหัวไปทันทีที่กินเสร็จ ผมนั่งวินกลับมาหอคนเดียว มันไม่ได้ไกลกันสักเท่าไหร่ อีกอย่างผมอยากดูรอบๆ ด้วยว่ามีอะไรบ้าง จะได้รู้ทางมากขึ้น

   พอกลับมาเห็นโป้นอนอ่านหนังสือทำอาหาร พวกเราคุยกันเรื่องที่ไปเจอวันนี้ ผมเล่าเรื่องพวกซันให้โป้ฟังด้วย ทีแรกหวั่นๆ ว่าโป้จะไม่ถูกกับวิศวะอย่างทีใครเขาบอกรึเปล่า แต่ความจริงคือโป้แค่ยิ้มหัวเราะแล้วบอกว่าอยากเจอพวกนั้นบ้าง ผมเลยบอกถ้ามีโอกาสผมจะชวนโป้ไปด้วย

   วันต่อมา ผมไปเรียนวันแรก คิดจิตนาการไปต่างๆ นานาว่ามันจะต่างกับตอนเรียนมัธยมขนาดไหนนะ พอเอาเข้าจริง แทบไม่ต่างกันเลย แค่ต้องมีความรับผิดชอบขึ้น อาจารย์จะไม่คอยบอกให้จดหรือจ้ำจี้จำไช ต้องดูแลจัดการตัวเอง จดตามที่อาจารย์สอน และทำงานส่ง บรรยากาศในห้องเรียนไม่อึดอัดอย่างที่คิด

   คงเพราะอาจารย์ส่วนใหญ่สอนแนวใหม่ สบายๆ เนื้อหาแฝงประสบการณ์เลยทำให้การเรียนไม่น่าเบื่อ พอหมดเวลาก็แยะย้าย เตรียมไปเรียนห้องต่อไป ประมาณว่าในตารางเรียนจะมีรหัสวิชา ชื่อวิชา อาจารย์ที่สอน เวลาห้องและอาคารที่เรียน พอถึงวิชาไหนก็ไปรอห้องนั้น ต่างกับมัธยมส่วนใหญ่ เรียนอยู่ห้องเดียวครูเดินมาหา มีแค่บางวิชาอย่างพละ วิทยาศาสตร์ ที่ต้องไปโรงยิมห้องแลป

   ปีหนึ่งวิชาที่ลงส่วนใหญ่เป็นพวกวิชาพื้นฐาน เรียนทั้งวัน ตลอดทั้งอาทิตย์ พอตกเย็นต้องไปทำกิจกรรมรับน้อง ผมรับป้ายชื่อมาจากรุ่นพี่สาวคนสวย แลกกับโดนหยิกแก้มจนแทบยืด เพื่อนในคลาสเดียวกันแซวปนอิจฉา กิจกรรมวันแรกไม่หนักหนาเท่าไหร่ จะเป็นกิจกรรมสันทนาการ และบอกกำหนดการหลังจากนี้

   ผมต้องมาประชุมเชียร์ตอนเย็นทุกวัน บางวันอาจเลิกทุ่มสองทุ่มแล้วแต่สถานการณ์ ซึ่งไอ้การประชุมเชียร์จากที่พี่ๆ อธิบายให้ฟังคือ เป็นการสานสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนร่วมรุ่น รุ่นพี่ และเพื่อนต่างคณะ กิจกรรมตรงตามชื่อ มีการซ้อมเชียร์แบบกีฬาสีที่ดูอลังกว่า มีเพื่อนเป็นตัวแทนไปแข่งกีฬาน้องใหม่ ตัวแทนประกวดดาวเดือนคณะเพื่อไปแข่งรอบสุดท้ายเป็นดาวเดือนมหาลัย มีประเพณีมอบรุ่นกับพิธีบายศรีสู่ขวัญนิสิตใหม่ยาวไปจนถึงปลายปีการศึกษา

   ผมเข้าร่วมกิจกรรมปกติ แต่คณะโป้กับซันท่าจะหนัก ซันหายหัวไปเลย ส่วนโป้แทบคลานกลับห้องทุกวัน ถึงอย่างนั้นก็ยังตื่นเช้าไปเรียนได้ด้วยรอยยิ้ม ผมล่ะนับถือ

   ช่วงนี้เป็นช่วงคัดตัวแทนต่างๆ ผมเล่นกีฬาไม่เก่ง และไม่ได้สูงหล่อหน้าตาดีพอเป็นเดือน เลยนั่งเชียร์อยู่เฉยๆ พอช่วงพักก่อนเชียร์ต่อ ได้คุยกับเพื่อน รุ่นพี่คนอื่น งานเข้าเลยครับ

   “น้องชื่ออะไร”

   “ปอนด์ครับ” รุ่นพี่ถาม ผมก็ตอบ ได้ข่าวว่าผมเองก็แขวนป้ายชื่ออยู่ที่คอนะ

   “อ่านนี่หน่อยสิ”

   พี่เขายื่นโทรศัพท์มาให้ จำได้ว่าคนนี้เป็นหนึ่งในสตาฟปีสอง ผมรับมาอ่านแบบงงๆ เนื้อหาที่พิมพ์ประมาณว่า น่ารักอยากจีบ ขอเบอร์ได้ไหม ผมนี่เงยหน้ามองเลยครับ จะยื่นโทรศัพท์คืนพี่เขาก็ไม่ยอบรับ บอกให้ผมพิมพ์เบอร์ให้หน่อย ผมมองหาเพื่อน พวกเพื่อนตัวดีมันมัวแต่สนพี่สันคนสวย จู่ๆ  มีมือหนึ่งหยิบโทรศัพท์ไปจากมือผม

   “อะไรเนี่ย น่ารักขอจีบ บ้าป่ะ สงสารน้องเขา ปล่อยให้น้องเขามีอนาคตที่ดีเถอะ” รุ่นพี่สาวดูห้าวๆ ยัดโทรศัพท์คืนใส่มือเพื่อนเจ้าของมือถือบ่นอุบอิบ พี่แป้งหัวเราะสนุกสนานก่อนหันมายิ้มให้ผม ผมยิ้มรับนึกขอบคุณในใจ คนอื่นอาจจะบอกว่าพี่แป้งห้าวไม่ค่อยสมหญิง แต่สำหรับผม ตอนนี้พี่เหมือนนางฟ้ามาโปรดจริงๆ ในเมื่อคนที่ขอเบอร์ดันเป็นผู้ชาย ถ้าผมหน้าสวยแบบโป้ หรือมีเสน่ห์แบบมิทยังว่าไปอย่าง

   เท่านั้นไม่พอ เหมือนมีคนแรกคนอื่นตามมา ระหว่างผมนั่งกินข้าวเที่ยงกับเพื่อนมีพวกนักกีฬาฟุตบอลวิ่งทั่กๆ เข้ามาหาพวกเรา กลุ่มผมมีชายสามหญิงสองครับ ทีแรกพวกเราเข้าใจว่าคงมาขอเบอร์สาวในกลุ่มล่ะมั้ง เป็นเรื่องปกติ ปีหนึ่งใสๆ รุ่นพี่รุ่นเดียวกันขยันมาแจกขนมจีบสองสาวจนผมได้รับอานิสงส์ขนมมากิน

   “นาย เพื่อนเราชอบ ขอเบอร์หน่อยสิ” ทุกคนในโต๊ะหันมามองผมเป็นตาเดียว สลับมองหนึ่งในกลุ่มนักฟุตบอลมหาลัยที่นั่งอยู่อีกด้าน ผมละจากจานมองคนขอพลางกลืนข้าวในคอ คว้าน้ำมาดื่ม

   “ห๊ะ เราเหรอ เอ่อ... โทษทีนะ พอดีมีแฟนแล้ว”

   นาทีนั้นภาพพี่ชายแวบเข้ามาในหัว ผมเลยอ้างเอาตัวรอด คนมาขอเลิกคิ้วดูเซ็งนิดหน่อย

   “ไม่ให้ก็บอกมา”

   โดนพูดงี้ใส่ผมก็อารมณ์เสียดิ มาขอคนอื่นแท้ๆ แถมไม่ได้มาขอเองด้วย ฝากเพื่อนมา

   “ใช่ ไม่ให้” เจ้านั่นส่ายหัว วิ่งกลับไปหาเพื่อน ผมไม่สนใจอีก โดนเพื่อนในกลุ่มแซวก็ไม่สน เรื่องนี้ถึงพี่เฟย์แน่ ผมคงต้องไปขอทางออกจากพี่ชายซะหน่อย

   หลังทำกิจกรรมเสร็จผมกลับห้องโทรไปหาพี่ ส่วนโป้ยังไม่กลับ รอไม่นานพี่ชายก็รับสาย

   “ว่าไงเรา เป็นไงมั่ง ช่วงนี้เรียนกับกิจกรรมเหนื่อยไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่อาบน้ำนอน”

   “อยากคุยก่อนอะ พี่รู้มั้ยวันนี้ผมโดนขอเบอร์ตั้งสองรอบ” แล้วผมก็บ่นฉอดๆ ระบายเป็นกระบุง ถ้าเป็นสาวมาขอจะไม่เท่าไหร่ ไหงมีแต่ผู้ชายมาทั้งที่ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเจอ เออลืมไป สมัยม.ปลายมีครั้งหนึ่ง ไปแข่งคอมกับเพื่อนที่โรงเรียนอื่น ครูส่งตัวแทนไป มีผู้ชายมาถามชื่อชมว่าน่ารักแล้ววิ่งหนี ผมเล่าให้พี่ชายฟัง ตอนนั้นพี่เฟย์หัวเราะ พอมาตอนนี้เจ้าตัวเงียบกริบจนผมต้องเรียก

   “โหลพี่ ยังอยู่ป่าว ไม่ใช่สายหลุดไปแล้วนะ”

   “หืมม ยังอยู่ ปอนด์ เสาร์นี้มาเที่ยวเล่นห้องพี่มั้ย เดี๋ยวไปรับวันพรุ่งนี้ มีกิจกรรมรึเปล่า”

   “ไม่มีนะ รุ่นพี่ให้พักหนึ่งวันเพราะเขาจะประชุมอะไรกันสักอย่าง”

   “โอเค พรุ่งนี้พี่จะไปรับที่มหาลัย” จากอารมณ์ขุ่นๆ ตอนแรก พอพี่ชายชวนไปเที่ยว(กินขนม)ที่ห้อง แถมจะมารับไปนอนกลิ้งเล่นสบายๆ ไม่ต้องอุดอู้ในหอ ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาทันที พวกเราคุยเล่นกันวางสายตอนโป้มา ผมบอกโป้ว่าจะไปค้างห้องพี่วันเสาร์กลับมาวันอาทิตย์ตอนเย็น หนุ่มเหนือพยักหน้ารับ บอกเอาขนมมาฝากด้วย ผมรอพรุ่งนี้ใจจดใจจ่อ


   ท่ามกลางเด็กมหาลัยเดินกันขวักไขว่ บางคนขับรถมอเตอร์ไซค์ทักทายเพื่อนตามประสา มีรถคันหรูเลี้ยวเข้าลานจอดรถของมหาวิทยาลัย คนขับยกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ ถึงมาเป็นครั้งแรกแต่ก็ใช่ว่าจะหาทางไปคณะของเด็กน้อยในความดูแลไม่ได้ เพียงแค่เจ้าตัวมีเหตุผลบางอย่าง ถึงได้เลือกจอดลานกว้าง อาศัยเดินเท้าไปตึกคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ

   ชายร่างสูงลงจากรถรุ่นคลาสสิกเหมาะกับชายหนุ่มวัยทำงาน สวมเสื้อเชิ้ตถอดไทเก็บ ปลดกระดุมให้พอคอโล่ง กางเกงสแลกรองเท้าหนัง เดินทอดน่องคล้ายกับมาชมสวนดอกไม้ให้เป็นเป้าสายตาเล่น เหล่าบรรดานักศึกษากระทั่งอาจารย์ต่างมองด้วยความสนใจ

   เมื่อวานเขาคุยโทรศัพท์กับลูกแมว แม้จะเงียบฟัง แต่คิ้วขมวดด้วยอารมณ์ขุ่นๆ พลางคิดในใจ สงสัยจะต้องรุกคืบมากกว่านี้ซะแล้วสิ ปล่อยไปแบบนี้อุตส่าห์รอมาหลายปีก็ปิ๋วพอดี เรื่องอะไรจะยอมให้หมาคาบไปแดกกันฟะ!

   เฟย์เลยอาสามารับลูกแมวด้วยตัวเอง แถมยังชวนไปเล่นที่ห้อง และจงใจเดินไปคณะเด็กน้อย ไม่ใช่ขยันเดินหรอกนะ... ของแบบนี้มันต้องเปิดตัวให้คนอื่นรู้ต่างหากว่าไอ้ตัวเล็กมันมีเจ้าของแล้ว ถ้าลูกแมวมาเห็นคงจะค่อนขอดเฟย์ว่ามาเดินอวดความหล่อเท่ห์และเมะมากให้ชาวบ้านเขามองตามคอแทบหัก

   จนถึงหน้าคณะลูกแมว เฟย์เลือกนักศึกษาแถวนั้นสักคนที่ดูจะเป็นปีหนึ่งมาถามหาเด็กของตัวเอง

   “รู้จักปอนด์สาขาคอมกราฟไหมครับ”

   ไม่รู้ว่ามือแม่น หรือดวงดีคว้าเอาเด็กสาขาเดียวกับปอนด์ได้เหมาะเหม็ง แถมยังอยู่ปีหนึ่ง สาวผู้หลงไปกับเสียงทุ้มนุ่มดูใจดีของชายร่างสูง ชี้ไปทางเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งคุยเล่นกับเพื่อน เฟย์เอ่ยปากขอบคุณ แล้วเดินเข้าไปหาลูกแมวจากทางด้านหลัง เพื่อนทุกคนต่างอึ้งอ้าปากค้าง

   คนที่รู้สึกเหมือนมีเงาดำทาบทับ หันกลับไปมองด้วยความสงสัย พอเห็นว่าเป็นใครอ้าปากค้างไปอีกคน

   “พี่! มาแล้วทำไมไม่บอก แล้วรถไปไหน?”

   เด็กน้อยลุกพรวดหันไปมองหารถที่คาดว่าน่าจะจอดอยู่ที่จอดคณะไอที แต่กลับไม่มีแม้แต่เงา

   “พอดีพี่ไม่รู้ทางน่ะ เลยจอดเอาไว้ตรงอื่น จะได้ไม่ต้องขับวนไปมา” เขาตอบพลางคว้าเป้ปอนด์มาสะพายซะเอง แล้วเดินโอบไหล่แบบเนียนๆ เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาไม่รู้ถึงแผนการอันชั่วร้ายของพี่ชายแสนดี ยิ้มร่าบอกลาเพื่อนเดินกลับไปด้วยกัน

   ขึ้นรถคาดเข็มขัดไม่ทันไร เฟย์พูดกับเด็กข้างตัวระหว่างเลี้ยวรถออกจากที่จอด

   “หลังจากวันนี้ ถ้าปอนด์ไม่อยากให้ใครมาวุ่นวาย บอกคนอื่นไปนะว่ามีแฟนแล้ว”

   “หา? แต่ก่อนหน้านั้นผมพูดไป ไม่ค่อยมีใครเชื่อนะ” ใบหน้าน่ารักหันมาทำหน้าเอ๋อใส่ เฟย์ต้องอดใจไม่ฟัดแมวแล้วตั้งสมาธิกับการขับรถต่อ พลางเปิดเพลงฟังอย่างอารมณ์ดี

   “ไม่งั้น บอกไปเลยว่าคนที่มารับเป็นแฟนผมเอง” เฟย์หัวเราะในคอ อาศัยช่วงที่ต้องจอดรถรอคันอื่นไป ก้มลงไปหอมแก้มลูกแมวหนึ่งฟอด คนโดนสกินชิพหน้าแดงก่ำ หันมาโวยวายทันที ไร้ซึ่งความน่ากลัว เหมือนลูกแมวกำลังขู่พองขนมากกว่า

   “พี่บ้า! ถึงห้องห้ามโดนตัวเลยนะ” คนขับรถฮัมเพลงไม่สน พอยกขนมมาให้เดี๋ยวก็ลืม แมวตัวนี้ความจำสั้น ยิ่งมีของกินมาล่อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ขนาดเรื่องที่คุยกันไม่ถึงนาทียังลืมได้ง่ายๆ

   “กินเยอะๆ โตไวๆ นะลูกแมว” มือหนายื่นไปลูบหัวเด็กน้อยที่เขินจนแทบแทะสายเบลท์ อีกไม่นานหรอก...

หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่8 เพื่อนใหม่อะเกน [UP!28/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-07-2015 20:51:59
 :impress2:   หึหึหึ.  อีกไม่นาน. ขนาดกำลังพอเหมาะพอฟัดเลยใช่ไหมพี่เฟย์.
รอมานานขนาดนี้พี่เฟย์รีบๆสารภาพแล้วขอน้องเป็นแฟนเถอะ

แทะสายเบลท์เลยเหรอลูก. อยากฟัดแมวด้วยคน. ฮึ่ยหมั่นเขี้ยว.  :hao6: 
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่8 เพื่อนใหม่อะเกน [UP!28/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 28-07-2015 21:27:23
 :z3:สปายไม้กันหมาไม่ว่าง พี่เฟย์เลยเปิดตัวซ้าาาาา
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่8 เพื่อนใหม่อะเกน [UP!28/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 28-07-2015 21:48:12
พี่เฟย์เปิดตัวบ่อย ๆ สิคะ จะได้ได้ทั้งน้องทั้งไม่มีใคร(กล้า)มาจีบน้อง

"อีกไม่นานหรอก..." ี่คือ อีกไม่นานจะเผด็จศึกหรือเปล่าคะ? 5555
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่8 เพื่อนใหม่อะเกน [UP!28/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 28-07-2015 22:05:14
อืม อีกไม่นานหรอก อิ อิ

 :hao6: :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่8 เพื่อนใหม่อะเกน [UP!28/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 28-07-2015 22:16:32
พี่เฟย์แผนสูงมาก มารับน้องเพราะอยากให้คนรู้คนเห็นมากๆ ใช่มั้ยล่ะ 555
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่8 เพื่อนใหม่อะเกน [UP!28/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 28-07-2015 22:34:26
พี่เฟย์น่ารักที่สุด

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่8 เพื่อนใหม่อะเกน [UP!28/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-07-2015 22:36:29
น้องปอนด์อยากเป็นศิราณี?

อยากเห็นเหมือนกันว่าสองคนนี้มาเจอกันจะสปาร์คกันไหม?  :ruready
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่8 เพื่อนใหม่อะเกน [UP!28/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 29-07-2015 01:08:27
อีกไม่นานหรอก... :hao6:
ซันกะโป้น่าลุ้นนะเนี่ย คณะทั้งคู่ได้เลย คึคึ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่8 เพื่อนใหม่อะเกน [UP!28/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 29-07-2015 03:04:10
พี่เฟย์ต้องจัดหนักแล้วสิ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่8 เพื่อนใหม่อะเกน [UP!28/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: เลิฟลี่ ที่ 01-08-2015 19:55:08
วี้ดวิ้ววว พี่เฟย์จะงาบเด็กเมื่อไหร่คะ :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่8 เพื่อนใหม่อะเกน [UP!28/7/58]
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 01-08-2015 21:59:50
อีกไม่นานหรอก..  อืมมมม อีกไม่นานสินะ ก่อนหน้านี้อ่านตอนน้องยังเล็กๆ ในหัวนี่มีแต่คำว่า คุก คุก คุก เลยค่ะ(ฮา)
แต่ซันกับโป้นี่อาจจะสปาร์คกันจริงก็ได้ จินตนาการบรรเจิดสมเป็นหนุ่มวาย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่9 ไม่โสดแล้วนะ [UP!2/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 02-08-2015 22:57:22
วายที่9 ไม่โสดแล้วนะ

   ตอนนี้ผมมานอนกลิ้งเล่นอยู่ในห้องพี่เฟย์ หลังจากทานมื้อเย็นแถมขนมไปจนอิ่มพุงกลม ช่วงเวลาแห่งความสุขจริงๆ มีคนเอาใจ มีขนมให้กิน นอนกลิ้งเล่นบนโซฟานุ่มๆ แต่พออาหารเริ่มย่อย เริ่มจะมีคนมาก่อกวน ไม่ใช่ใครอื่น เจ้าของห้องควบตำแหน่งคนเลี้ยงแมวนี่แหละ

   “ปอนด์” เสียงเรียกชื่อดังอยู่ไม่ไกล ผมแหงนคอมองเพราะกำลังนอนอืดบนโซฟา

   “ครับ”

   ใบหน้าหล่อเหล่ายิ้มใจดีแบบพี่ใหญ่แสนอบอุ่น สมัยก่อนคงหลงไปกับรอยยิ้มแบบนี้ ผ่านมาหลายปี วิชาผมเริ่มแกร่งกล้า ผมหรี่ตามองขยับตัวลุกขึ้นนั่งแล้วถอยออกห่างจุดอันตราย มือหนารวบข้อเท้าผมลากพรืดเดียวไปอยู่ใกล้ตัวชายที่กำลังหัวเราะเสียงนุ่มในคอ เข้าใจหว่าหล่อ อย่าขยันหว่านเสน่ห์นัก เดี๋ยวได้อีหนูไปเลี้ยงไม่รู้ตัว

   “มีไรพี่ ลากผมมาไมอะ”

   ผมขยับข้อเท้า เจ้าตัวยอมปล่อยโดยดี แต่ดวงตายังมองมาที่พุงผม ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวทันที พร้อมกับพี่ชายเข้าสู่โหมดทาสแมว อ๊ากกกก โดนฟัดอีกแล้ว จมูกโด่งๆ กับมือหนาจับแขนผมเอาไว้ ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุด กว่าจะยอมปล่อยได้ ยับเยินอีกตามเคย น่าเศร้าที่เล็บโดนอีกฝ่ายจับตัดหมดก่อนล่วงหน้า เลยไม่มีอาวุธไปสู้รบตบมือได้

   ได้แต่ขู่พองขนใส่คนหัวเราะอารมณ์ดี มือหนาตบก้นเบาๆ ไล่ให้ผมไปอาบน้ำรอบสาย ฮึ่ย นับวันยิ่งทำตัวเหมือนตาแก่ลามกลวนลามเด็กเอ๊าะๆ ขึ้นทุกที พี่ชายที่แสนดีของผมหายไปตามกาลเวลาแล้วครับ อาเมน

   วันเสาร์ผมนั่งกินนอนกิน พอหิวขนมค่อยเดินไปอ้อนพันแข้งพันขา พออิ่มก็นอนผึ่งพุงสบายใจ ทำหน้าที่แมวอย่างเคร่งครัดให้พี่ชายเอ็นดู ความจริงคือขี้เกียจขยับ กิจกรรมที่ผ่านมา แม้ไม่หนักแต่พอผสมกับการเรียนและการบ้านเข้าไป เล่นเอาเหนื่อย ไม่รู้ป่านนี้โป้กับพวกซันจะเป็นไงมั้ง เห็นว่าสองคณะรับน้องโหด ไว้ค่อยเอาขนมพี่ชายไปฟื้นกำลังแล้วกัน

   พอค่ำผมค่อยกระดึบมานั่งเล่นคอมระหว่างรอพี่ชายทำอาหารเย็น ทุกอย่างปกติ ไม่มีอะไรพิเศษจนกระทั่งเวลาเข้านอน...

   “จ้องหน้าผมไปเลขก็ไม่ขึ้นหรอกนะพี่” ผมหรี่ตามองเจ้าของห้อง ทีแรกว่าจะนอนอีกห้องแหละ แต่ถูกพี่ชายหิ้วมานอนด้วยกัน ผมเองก็ไม่ขัด ได้หมอนข้างยักษ์ไว้กอดแล้ว

   “ปอนด์รู้มั้ยพี่คิดกับเรายังไง”

   รู้สึกขนลุกซู่ หันไปมองพี่ชายช้าๆ ยื่นมือไปแตะหน้าผากแบบกล้าๆ กลัวๆ ก็ไม่ร้อนนี่หว่า หรือทำงานจนเพี้ยน พี่ชายไม่ปัดมือผมออก แต่จับมือมางับเบาๆ แทน บ้าเอ๊ย! อย่ามายั่ว รู้มั้ยผมหวั่นไหว!!

   “มะ ไม่รู้สิ พี่น้องรึเปล่านะ”

   ผมหันหน้าหนีไปมองทางอื่น พยายามดึงมือกลับ พี่ชายยอมปล่อย เปลี่ยนมาใช้สองมือประกบแก้มผมแทน ฝ่ามืออุ่นๆ กับใบหน้าจริงจังทำให้ผมชะงักเหมือนโดนสตัฟอยู่กับที่

   “ใช่ พี่น้อง” ผมสะอึกทั้งที่ผมเป็นคนตอบแบบนั้นก่อนแท้ๆ ดวงตาหลุบลงต่ำ เห็นแค่เตียงกับขาตัวเอง มือกำกางเกงแน่น สมองเผลอคิดเรื่องเลวร้าย หรือว่าพี่เฟย์จะบอกว่าเวลาทั้งหมดที่ผ่านมา ผลสรุปคือเราเป็นแค่พี่น้องกันจริงๆ ผมส่ายหัวเบาๆ ไม่อยากฟัง ยังไม่อยากฟังตอนนี้ ขอให้ผมฝันหวานอีกสักหน่อยเถอะ

   “ปอนด์”

   “อย่าเพิ่งพูด ผมขอเวลาทำใจก่อน” ผมจับมืออีกฝ่ายออก แล้วคว้าผ้าห่มมากอดซุกหน้าไม่กล้ามองพี่ชาย ถ้าเป็นแบบนั้นพี่เฟย์ก็ต้องมีแฟนเป็นผู้หญิงสิ ในขณะที่ผมอยู่ในฐานะน้องชาย มองดูพี่กับผู้หญิงคนอื่น ผมไม่ใช่นางร้าย และไม่ใช่นางเอก ผมคง...

   “ปอนด์ พี่อยากบอกว่า”

   “ไม่ๆ! บอกแล้วขอทำใจก่อนไง พี่ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น ไว้ผมพร้อมจะบอกพี่เอง” ผมสูดลมหายใจเข้าออก ยุบหนอพองหนอ เอาวะ ถึงจะเป็นพี่น้องเรายังอยู่ด้วยกันได้ พี่ชายคงไม่ได้หาสาวมาเป็นแฟนเร็วขนาดนั้นมั้ง ไม่สิ เพอร์เฟคแมนแบบนี้ขี้คร้านจะมีแต่สาววิ่งเข้ามาให้เลือก

   โธ่เอ๊ย ผมเป็นคนคิดเองไม่ใช่เหรอ ไม่ว่ายังไงจะจับพี่ชายเป็นภรรยาให้ได้ ถ้ายอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้ความเป็นผู้นำได้หายหมดเกลี้ยงพอดี ผมเป็นลูกผู้ชายพอ แมนๆ สู้ตายเว้ย

   สองมือยกตบแก้มเรียกสติ ดวงตาคมมองภาพเบื้องหน้าอย่างงุนงง คราวนี้เป็นผมเองที่จับแก้มพี่ชายบ้าง แล้วไงต่อดี เอิ่ม ไปต่อไม่เป็น พวกหนังสือวายเขาว่าไงมั้งนะ ชิบล่ะ! มีแต่เอะอะจับกดไม่ใช่เรอะ ดูไซส์ผมกับพี่ชายด้วย ยิ่งกว่ากระดูกคนละเบอร์ อย่างกับมดปะทะไททั่น

   ผมเริ่มมือสั่น สูดลมหายใจลึกๆ แล้วจ้องเขม็งเหมือนถลึงตาใส่ ตายเป็นตาย

   “พร้อม ว่ามาโลด!”

   พี่เฟย์มองผมงงๆ รีบพูดเซะ ลุ้นจนขนจะร่วงหมดตัวแล้วเนี่ย มือหนายกมาขยี้หัวผมเบาๆ

   “แน่ใจนะว่าให้พี่พูด สัญญาก่อนว่าถ้าพี่พูดไปแล้ว เราจะยังคงเหมือนเดิม”

   ผมกลืนน้ำลาย พยักหน้ารับรัวๆ

   “จะพูดแล้วนะ”

   “อื้อ!” รีบพูดสิเว้ย แบบตูมเดียวตายไปเลย ฮะฮะ ฮือๆ

   “พี่คิดกับเราแค่น้องชายเท่านั้น” ผมเม้มปากทำท่าจะวิ่งหนี แต่มือถูกคว้าไว้ซะก่อนเลยต้องจำใจนั่งอยู่เฉยๆ ฟังสิ่งที่พี่ชายจะพูดต่อไป แม้ว่ารู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ ดวงตาร้อนผ่าว

   “แต่พี่ดูแลเราพิเศษกว่าคนอื่น ขนาดโฟมพี่ยังไม่ดูแลเท่านี้ ทีแรกพี่ยังสับสน เลยลองทดสอบคุยกับเด็กคนอื่นดู ไม่มีใครเหมือนเราแม้แต่คนเดียว พี่เริ่มรู้ตัวว่า ตัวเองคิดอะไรอยู่ แต่เรายังเด็กเกินไป พี่ถึงรอ... รอเวลาจนกว่าเราจะโตพอ”

   “ปอนด์ พี่รักเรานะ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยบอก รอยยิ้มใจดีกับดวงตาลึกซึ้งบอกความรู้สึก ใบหน้าผมร้อนผ่าว ถ้ามากกว่านี้ตายแน่ๆ ไม่ปลอดภัยต่อหัวใจจริงๆ

   “คบกับพี่นะ” สัมผัสริมฝีปากแตะต้องหน้าผากแผ่วเบา ดวงตาคมทอดทองเด็กน้อยที่ใบหน้าแดงซ่าน หัวเล็กผงกรับแทนคำตอบ แต่ดูจะยังไม่พอสำหรับพี่ชาย เขาเลยถามย้ำ

   “คำตอบล่ะ หืม..?” ลากท้ายประโยคด้วยเสียงในลำคอ ชวนละลาย สัมผัสใกล้ชิดได้กลิ่นโคโลญจ์แบบผู้ใหญ่ชวนใจเต้นตึกตัก มันไม่ใช่ความรู้สึกในแง่นั้น แต่มันคือความรู้สึกที่อุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ

    “อืออออ” ลากเสียงยาวๆ หันหน้าหนีแก้เขิน ยกสองมือมาปิดหน้าแทบบิดตัวเองเป็นโปเต้

   “อืออะไร” คนตัวโตรู้ดีว่าเด็กน้อยรู้สึกยังไง ถึงแบบนั้นก็ยังจะแกล้งแหย่ ใครจะไปทนไหวกัน เขินซะน่ารักขนาดนี้ ไม่คว้ามาฟัดให้หนำใจก็ดีเท่าไหร่แล้ว

   “คบ!” คนโดนแหย่ไม่รู้ตัว หลับหูหลับตาพูด ตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งร่าง เฟย์หัวเราะคว้ามือเล็กมาจูบเบาๆ อาศัยช่วงลูกแมวเขินหอมแก้มไปหนึ่งฟอด เชยคางมนจุมพิตปากเล็กเบาๆ ก่อนผละออกคว้าแมวตัวแดงมากอดไว้อย่างอารมณ์ดี

   “เป็นแฟนพี่แล้วล่ะ หลังจากนี้ใครมาถามบอกไปเลยว่ามีแฟน ถ้าตื้อมากๆ ให้เบอร์พี่ไปเลย เดี๋ยวเคลียร์เอง” ร่างเล็กถูกกอดจนจมหายเข้าไปในอก เพราะรูปร่างที่ต่างกันสุดๆ

   “รู้แล้วน่า ใส่ปลอกคอไว้เลยมั้ย ใครจะได้รู้ว่ามีเจ้าของ” ผมบอกประชดไม่จริงจัง ใครจะคิด คนฟังนั่งตาพราวระยับ ชี้ทางให้หมาป่าโดยแท้ วันต่อมา ผมถูกพี่ชายจับสวมสร้อยที่คล้องแหวนผู้ชายเอาไว้ บนแหวนสลักตัวอักษรภาษาอังกฤษว่าเฟย์เด่นหรา

   “อะไรอะพี่” ผมมองสร้อย ดูเผินๆ มันก็เหมือนกับเครื่องประดับทั่วไป เพียงแต่คนที่รู้จักชื่อผม หรือสนิทกันมากๆอย่างโป้กับซัน เห็นสร้อยนี่ปุ๊บคงนึกถึงพี่ชายทันทีแหงๆ เพราะรูปร่างหน้าตามันไม่มีขายทั่วไป ดูแวบแรกก็รู้แล้วว่าเป็นของสั่งทำ

   “ปลอกคอไง เมื่อวานเราบอกว่าอยากได้เองนะ แหวนกับสร้อยเป็นของพี่ ถือโอกาสใส่จองแมวตัวนี้เลยแล้วกัน”

   “บ้า!” พอผมทำท่าจะถอด พี่ชายก้มลงมากระซิบข้างหูจากทางด้านหลัง

   “จะใส่สร้อยดีๆ หรือให้พี่ทำคิสมาร์ค?” มือที่กำลังแกะถอดวางข้างตัวทันที น้ำเสียงเมื่อกี้เอาจริงชัวร์ ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาสี่ปี ผมบอกได้เลยว่า พี่ชายผมไม่น่ารักขนาดนั้นหรอก เขาคือหมาป่าห่มหนังโคตรหมาป่าชัดๆ ผมยกมือสองข้างหันไปมองด้วยรอยยิ้มกว้าง

   “ยอมใส่ ไม่ถอดแน่นอน ให้ตายก็ไม่ถอด”

   “ดีมาก” พี่เฟย์หัวเราะเบิกบาน ผมปาดเหงื่อ แต่พอคิดถึงเรื่องเมื่อวานแล้วมันชวนดิ้นจิกหมอน ผมดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนโซฟา ประโยคเด่นยังดังวนเวียนอยู่ในหัว

   พี่รักเรานะ พี่รักเรานะ พี่รักเรานะ คบกับพี่... อ๊ากกกก ชักแปบ มันเขิลลลล ขอพูดแบบกระดกลิ้นดัดจริตเลย

   “ปอนด์ พี่มีเรื่องจะคุยด้วย อ้าว ลงไปทำอะไรบนพื้น ถึงห้องพี่จะปูพรมหมด แต่นั่นมันไม่ใช่ที่นอนนะ”

   ครับ เด็กหนุ่มวัยสิบแปดปี เพิ่งได้แฟนเป็นผู้ชายตัวโตมาดพี่ชายแสนดีคนแรกในชีวิต ตกใจเสียงเรียกจากตัวจริง ไม่ใช่เสียงมโนในหัว จนร่วงลงไปกองบนพื้นข้างโซฟา ผมคลานกลับขึ้นไปนั่ง กอดหมอนเหล่มองเป็นเชิงให้พี่รีบพูดมาว่ามีอะไร

   “ติ๊งต๊องจริงไอ้ลูกแมว เอาเถอะ พี่ชอบเราที่เป็นแบบนี้นี่นะ อุ๊ก... ขว้างหมอนใส่พี่ทำไมเนี่ย”

   ผมขว้างหมอนพิงใส่คนช่างยั่ว เดี๊ยๆ ลากเข้าห้อง คิดในใจกล้านะ เอาเข้าจริงแค่โดนคำพูดหวานๆ ใส่ก็ทำดาเมจผมจนตายดับได้แล้ว

   “ตกลงพี่มีอะไรจะพูด รีบๆ บอกมาเลย” เหวี่ยงครับ แก้เขิน เหอะๆ

   “หลังจบช่วงกิจกรรมมาอยู่กับพี่มั้ย บอกตามตรงถึงตอนนี้พี่ก็ยังไม่พอใจห้องเล็กขนาดแมวยังดิ้นตายไม่ได้ โป้เองก็มีชีวิตของเขา จะให้มาคอยช่วยดูแลเราตลอดคงไม่ใช่ มาอยู่กับพี่ดีกว่า จะได้ใกล้หูใกล้ตา แม่ไม่ต้องเป็นห่วงมากด้วย”

   ผมแก้มป่องใส่ผู้ชายในชุดผ้ากันเปื้อนลายอุ้งตีนแมว มันคือของที่ผมซื้อให้เป็นของขวัญเมื่อปีที่ก่อน

   “ผมเป็นผู้ชายนะ ดูแลตัวเองได้”

   “แล้วไอ้ที่คอยให้โป้ปลุกทุกเช้า เตือนเรื่องหนังสือเรียนกับการบ้าน ชวนไปกินข้าวเวลาอ่านหนังสือเพลิน ช่วยแมวบางตัวทำความสะอาดห้อง จนพี่เข้าใจว่าโป้เป็นแม่นมแทนเพื่อนนั่นคืออะไร”

   ฉึก ฉึก!

   โดนเข้าทุกดอกไม่มีพลาด ผมเบ้ปาก มันก็จริงอย่างที่พี่เฟย์บอก ผมรบกวนโป้เยอะมาก ถึงแม้โป้จะทำด้วยความเต็มใจตามประสาคนชอบทำงานบ้าน ช่างดูแล และมีความเป็นแม่สูง ให้ตาย ถ้าเกิดผมไม่ได้รักพี่เฟย์ ผมคงขอโป้แต่งงานแม่ง ผู้ชายอะไร สุดยอดยิ่งกว่าเพื่อนผมที่เป็นผู้หญิงซะอีก

   พอคิดดีๆ พี่เฟย์เองก็ไม่ต่างนี่หว่า แค่อาเฮียเขาเลือกปฏิบัติ ไม่ได้เฟรนด์ลี่เท่าโป้

   “ก็ได้ แต่ผมพออยู่จนกว่าจะจบเทอมหนึ่งนะ พอเข้าเทอมสองค่อยย้ายมาอยู่กับพี่” ผมต่อรอง อยากใช้ชีวิตด้วยตัวเองอีกสักนิด คอยดูเถอะ หลังจากนี้จะรบกวนโป้ให้น้อยลง จนทุกคนอึ้งไปเลย

   “ตามใจ อย่าลืมบอกโป้เรื่องนี้ด้วยล่ะ”

   “คร้าบบบ” ผมรับเสียงยืดแบบเทปยาน พี่ชายส่ายหัวขำๆ แล้วหันไปจัดการขนมให้ลูกค้าต่อ ขยันจริงๆ ผู้ชายคนนี้ วันธรรมดาเป็นพนักงานบริษัท วันหยุดเป็นพ่อครัวทำขนม

   ผมอยู่กับพี่เฟย์จนถึงเย็นวันอาทิตย์ พอทานข้าวเย็นเสร็จ พี่ชายไปส่งผมที่หอ มีของกินกับขนมติดไม้ติดมือมาฝากโป้ด้วย โป้ยังคงใสปิ้งตามเดิม แม้ผิวจะดูกร้านแดดมากขึ้นก็ตาม แอบเสียดายผิวของโป้แฮะ

   หลังพี่เฟย์กลับไป โป้เหล่มองสร้อยที่คอผม ก่อนจะหันไปหัวเราะคนเดียว ไม่พูดอะไรแต่สามารถทำให้ผมเขินยิ่งกว่าโดนแซวได้ ร้ายกาจมาก

   “โป้ เรามีอะไรจะบอก” โป้เลิกคิ้ว ระหว่างจิ้มขนมกินหลังข้าว

   “คือ พอหมดเทอมหนึ่งเราจะย้ายไปอยู่กับพี่เฟย์อะ” ผมสังเกตท่าทางของโป้ เจ้าตัวดูชิวมาก สมกับเป็นผู้ชายสายอาร์ต

   “อ่าฮะ นึกว่าจะไวกว่านี้ซะอีก”

   “อ้าว... โป้ พูดอย่างกับอยากให้เราไสหางไปไวๆ”

   “ไม่ใช่แบบน้าน เห็นพี่เฟย์หวงหนัก ขนาดโผล่ไปเปิดตัวไปเปิดตัวที่มหาลัยหลังจากใครบางคนโดนจีบ พอวันต่อมาขอคบเป็นแฟนเสร็จสรรพ เลยนึกว่าจะพาตัวไปอยู่ด้วยวันเร็วๆ นี้ซะอีก”

   ผมอ้าปากพะงาบๆ วันๆ เอาแต่ติสท์ เรียนรับน้องดูแลคนอื่น ไหงถึงรู้ละเอียดเหมือนเห็นด้วยตา

   “อย่าบอกนะว่าไม่รู้ตัวเลย ใครๆ ก็รู้จักปอนด์เฟรชชี่ไอที เด็กน้อยน่ารักงั้นงี้ เรื่องพี่เฟย์ไปรับถึงที่มหาลัย วันถัดมาลือกันให้ทั่ว เพื่อนปอนด์ตัวดี ปล่อยข่าวไวโคตร ขนาดเราอยู่ตึกสถาปัตย์ยังมาถึงหู บวกกับอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้เดาได้ว่าน่าจะเรียบร้อยกันไปแล้ว”

   คราวนี้คางผมแทบไปกองกับพื้น ไม่รู้ตัวเองว่าเด่นขนาด ความจริงซันก็เตือนๆ อยู่ ระวังโดนใครหิ้วไปสักวัน เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ขนาดโป้ยังรู้ ซันที่อยู่คณะใกล้กว่าต้องรู้แล้วแหงๆ พรุ่งนี้ว่าจะเอาขนมไปให้ด้วย เตรียมโดนแซวได้เลยผม

   “เฮ้ย ไม่ใช่ แค่คบเป็นแฟน เรียบรงเรียบร้อยอะไรกัน ไม่มี๊” โป้หัวเราะก๊าก ไม่สนอาการเขินหูเหอแดงของผม เสียงสูงได้อีกตู เอาหน่ายังไม่มีอะไรจริงๆ สักหน่อย

   “หวังว่าคนมาอยู่ใหม่จะหล่อนะ” เสียงพึมพำคนข้างตัวทำให้ผมหูผึ่ง หันขวับไปมองทันที จะอ้าปากถามโดนจิ้มขนมยัดใส่ปาก แถมชวนคุยเบี่ยงประเด็น สรุป ผมลืมไปสนิท ไม่ได้ซักไซร้อะไรโป้ต่อ

   วันต่อมา เช้าเข้ามหาลัย ผมสะพายเป้ถือถุงขนมยืนตัวแข็งอยู่หน้าตึกวิศวะ ก้มมองมือถือตัวเอง จะโทรดีมั้ยนะ ไม่รู้ป่านนี้ตื่นรึยัง แต่จะให้เดินเข้าไปมันก็ยังไงอยู่ ผมยังเข็ดจากตอนหลงเข้าไปครั้งก่อนอยู่เลย

   “เฮ้ย ไอ้น้อง! มาทำอะไรคณะพี่วะ อยากมีเรื่องเหรอ” ผมสะดุ้งโหยงหันขวับไปโบกมือส่ายหัว เผ่นกลับตอนนี้ทันไหม แง้ ทำไมคณะซันน่ากลัวงี้

   “ฮ่าๆๆๆ” ผมลืมตามองข้างหนึ่ง พอเห็นว่าใครยืนหัวเราะ นึกอยากเอาขนมในมือฟาดหน้า ไม่ติดว่าเสียดายนี่ มันไปประดับอยู่บนหัวอีกฝ่ายแน่

   “ยังไปแกล้งปอนด์อีก ไง มาหาไอ้ซันเหรอ”

   ริวโบกมือยิ้มทักทาย ภาพหมาไฮเปอร์ปรากฎขึ้นบนหัวผมทันที พอเหล่มองไปทางคนที่ยังหัวเราะเอามือกุมท้องตบไหล่เพื่อนป้าบๆ ทางนั่นเหมือนจิ้งจอกมากกว่า

   “พอดีพี่ชายฉันทำขนมมาฝากอะ เลยแวะเอามาให้พวกนายนี่แหละ” ผมยื่นถุงในมือไปให้ริว มิทเดินเข้าไปกอดคออารมณ์ดี ผมได้กลิ่นน้ำหอมชัดเจน แต่กลับไม่ฉุนเหมือนคนอื่นใส่ ค่อยคุยกันได้หน่อย

   “โอ้ววว ลาภปาก ของใจมากนะ ฝากขอบคุณพี่ชายนายด้วย”

   “พี่ชายหรือพ่อบุญทุ่มหนอ ร้ายไม่ใช่เล่นนะปอนด์” ผมปัดนิ้วมิทที่เขี่ยแก้มตัวเองออก พอดีกับที่มีมือข้างหนึ่งยื่นมาล็อกคอเราทั้งคู่ แล้วยังทิ้งน้ำหนักใส่ ไอ้บ้าจะแบนแล้วเว้ย

   “มายืนชุมนุมอะไรกันตรงนี้วะพวกมึง”

   “ยืนขับไล่คนอย่างมึงไปไกลๆ ไง คิดว่าตัวเองเป็นปุยนุ่นรึไงวะ หนักอย่างกับหมีควาย กูสงสัยผู้หญิงของมึงจริงๆไอ้ซัน หรือว่ามึงใช้วิธีนั่ง...”

   ผั๊วะ!
   
   มิทโดนตบหัวทิ่มโดยฝีมือหัวโจกกลุ่มอย่างซัน ริวสมน้ำหน้าใส่ เลยถูกมิทไล่เตะ เล่นกันเป็นเด็กให้ตกเป็นเป้าสายตาชาวบ้าน

   “ปากหมานจริงๆ ไอ้เชี่ยนี่” หันไปด่ามิทเสร็จ หันกลับมาคุยกับผมต่อ

   “ตกลงมาทำไร บอกแล้วไงถ้าจะมาหาให้โทรไม่ต้องมาเอง คณะนี้มันไม่มุ้งมิ้งเหมือนในนิยายนะ”

   “โอเค รู้ว่าเถื่อน แต่ใจเย็นหน่อย น้ำลายกระเด็นอะซัน” ผมเองก็ใช่ย่อย กวนคืนมั้ง ซันไม่ตบหัวแบบที่ทำกับมิท แต่ขยี้ผมจนยุ่งเป็นรังนกแทน

   “ปากดี”

   “โอ๊ย พอ! หมดหล่อกันพอดี แค่แวะเอาขนมมาให้ แล้วจะมาถามด้วยว่ากลุ่มพวกซันมีใครอยากได้หอมะ พอดีหมดเทอมหนึ่งจะย้ายออกไปอยู่กับพี่ชาย ห้องมันว่าง เลยมาถามพวกเดียวกันก่อนเผื่อใครอยากได้” อีกอย่างจะได้มั่นใจด้วยว่าคนนั้นจะไม่รังแกโป้ เพราะกลุ่มซันนิสัยดีทุกคน น่าจะเข้ากับโป้ได้ ซึ่งตอนนั้นผมลืมไปสนิท คณะวิศวกับสถาปัตย์ไม่ถูกกัน...

   “หอในอะนะ” ซันถาม ผมพยักหน้ารับ หอในของมหาลัย สภาพโดยรวมไม่สะดวกสบายเท่าไหร่ แต่มีเด็กอยากมาอยู่เยอะมาก ห้องเต็มตลอด สงสัยคงเพราะค่าเช่าถูก เหมาะสำหรับเด็กที่มาจากต่างจังหวัด ต้นทุนไม่หนาพอล่ะมั้ง

   “ซันมึงก็จองไว้เลยดิ ไอ้วามันโดนเฉดหัวขึ้นเหนือไปแล้ว ห้องมึงอยู่คนเดียวเกรงใจญาติมันใช่มั้ยล่ะ” ริวที่แบ่งขนมกินกับมิทเสร็จเดินเข้ามาคุยกับซันทั้งที่ปากยังเต็มไปด้วยขนม

   “น่าสน ขอจองต่อเลย ขอบใจเรื่องขนมกับห้องนะ” หนุ่มเถื่อนแต่นิสัยโคตรดียิ้มยักคิ้วให้ ผมยกนิ้วโป้งกลับ

   “ขนมอร่อยดี ไม่หวานมาก กำลังพอดีเลย ซันมึงลองดิ กูว่ามึงไม่ชอบของหวานน่าจะถูกปากอยู่นะ” มิทจับขนมยัดใส่ปากเพื่อน ซันจ้องโหดใส่ เจ้าตัวไม่สะท้านหัวเราะลากคอริวหนีไปแล้ว ผมหยิบมือถือมาดู ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้วแฮะ

   “จับตายซวยแน่มึง เชี่ยมิท แต่ขนมอร่อยจริงๆ นั่นแหละ เจ้าของแหวนวงนี้ทำให้สินะ”

   ชิบ นึกว่าจะรอดจากการโดนแซวแล้วเชียว

   “คลาสใกล้เริ่ม ฉันไปก่อนนะ” ผมรีบชิ่ง ซึ่งซันเองก็ปล่อยง่ายจนน่าแปลก พอผมเหยียบเท้าขึ้นรถมหาลัยได้เท่านั้นแหละ

   “ฝากขอบคุณสามีด้วยนะปอนด์ ขนมอร่อยมาก!”

   เสียงดังสุดยอด มันตะโกนขอบคุณผมทั้งที่สีหน้าโคตรชั่วร้าย คนแถวนั้นหันมามองกันพรึ่บ จะไม่ให้หันมองได้ยังไง ผมเป็นผู้ชาย แล้วไอ้ซันบอกว่าสามี ผมแทบเอาหัวมุดเข้ากระเป๋าสะพาย ไอ้ซัน ฝากไว้ก่อนเถอะ!!

   ยังไม่จบเพียงเท่านั้น ถึงห้องเรียนโดนเพื่อนในคลาสล้อไม่พอ อาจารย์ยังเล่นไปด้วย ขนาดเข้ากิจกรรมรับน้องตอนเย็นพวกรุ่นพี่ยังไม่วายมาโอดครวญใส่แบบขำๆ รุ่นพี่สาวหลายคนบอกให้พามาโชว์ตัวอีก ตลกล่ะ ของดีเก็บไว้ดูคนเดียวพอ ขืนพามามหาลัยบ่อยๆ พี่เฟย์ของผมโดนจ้องจนสึกพอดี
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่9 ไม่โสดแล้วนะ [UP!2/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 03-08-2015 00:21:53
ซันโป้เปล่าค้าาาาาาา?



พี่เฟย์จะเคลมเด็กแล้ว ทนอีกนิดนะพี่ เทอมหน้าๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่9 ไม่โสดแล้วนะ [UP!2/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 03-08-2015 01:07:40
พี่เฟย์ รอมานานจัดไปนะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่9 ไม่โสดแล้วนะ [UP!2/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 03-08-2015 01:59:15
พี่เฟย์หวงหนักมาก ดีใจได้เป็นแฟนกันแล้ว รอคู่ซันโป้? เชียร์ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่9 ไม่โสดแล้วนะ [UP!2/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 03-08-2015 02:29:56
เขาเป็นแฟนกันแล้วจ้า~ เอ้า ปรบมือออ!
คู่ซันโป้นี่น่าลุ้นอ่ะ 555
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่9 ไม่โสดแล้วนะ [UP!2/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-08-2015 05:57:08
 o13.  แมวน้อยมีเจ้าของแล้ว เย้
ลุ้นคู่ให้โป้ต่อ.
 :pig4: 
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่9 ไม่โสดแล้วนะ [UP!2/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 03-08-2015 12:34:45
สงสัยปีโป้ได้คู่ะกับซันแน่เลย


ประมาณคู่กัดเป็นคู่รักแน่ ๆ ตำนานวิศวะ+สถาปัต คิคิ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่9 ไม่โสดแล้วนะ [UP!2/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 04-08-2015 21:37:38
จัดซันโป้มาเลยจ้า อิอิ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่9 ไม่โสดแล้วนะ [UP!2/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 04-08-2015 23:10:41
น้องปอนด์น่ารัก ใครๆเลยหลงลูกแมวน้อย

ในที่สุดพี่เฟย์ก็จับใส่ปลอกคอ :katai2-1: :hao3:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่9 ไม่โสดแล้วนะ [UP!2/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 05-08-2015 12:41:19
บทจะรุกก็รวดเร็วทีเดียวนะพี่เฟย์  มี(ว่าที่)เมียเด็ก ต้องหมั่นตรวจเช็ค อิอิ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่9 ไม่โสดแล้วนะ [UP!2/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 16-08-2015 11:36:50
 :hao5: คิดถึงหนุ่มวายสองคน แวะมาดัน
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่10 พ่อตา [UP!21/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 21-08-2015 04:25:31
วายที่10 พ่อตา

   การเรียนกิจกรรมทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี เรื่องเงินทองไม่ต้องห่วง ผมใช้เกลี้ยงทุกเดือนไม่มีเหลือ จนโดนแม่กับพี่ชายคุมการใช้จ่ายให้ช้อปหนังสือกับซื้อของกินน้อยๆ ลงหน่อย กระซิก หนังสือมันเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิตของผมเชียวนะ ส่วนของกิน ไม่เป็นไร ผมยังพอแย่งเพื่อน เกาะพี่ชายได้อยู่ ไม่งั้นเดี๋ยวผมขาดสารอาหารตัวไม่โตพอดี ผมตั้งเป้าไว้แล้ว ก่อนจบปีสี่ต้องตัวโตขึ้น หล่อมาดแมน น้อยสุดต้องได้แบบโป้ มากสุดต้องแบบพี่เฟย์!

   ส่วนเรื่องความรัก... ผมกำลังจะไปเดทล่ะ เขินนนน

   “ปอนด์เสร็จรึยัง จะไปซื้อของไม่ใช่เหรอ”

   เสียงทุ้มนุ่มจากนอกห้องนอนมาพร้อมกับหน้าหล่อๆ ชะโงกดูผมที่เดินวนไปเวียนมาในห้องเหมือนแมวเมา มือถือผมอยู่ไหน เมื่อคืนจำได้ว่านอนกลิ้งเล่นแล้วพี่ชายหยิบไปเก็บตรงไหนสักที่ ผมยังไม่ได้ย้ายมาอยู่กับอาเฮียเต็มตัว แค่ช่วงวันหยุดจะมานอนกลิ้งเล่นที่นี่สร้างความเคยชินก่อนอยู่ยาว ซึ่งตอนนี้ผมชินราวกับห้องตัวเอง ไม่เกร็งแบบแต่ก่อนแล้วครับ

   “เสร็จแล้ว หามือถืออะ เมื่อคืนพี่เอาไปเก็บไว้ไหน”

   “อยู่ที่พี่” เจ้าตัวชูให้ดู ผมถลาไปรับมาใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง พร้อมออกเดินทาง

   ปกติผมชอบแต่งง่ายๆ พวกเสื้อยืดกางเกงยีน หรือกางเกงสี่ส่วนก็ว่าไป แต่พอได้แฟนหนุ่มวัยทำงานที่ชอบของน่ารักผิดรูปร่างหน้าตา ผมเลยโดนจับแต่งตัวตุ๊กตา ณ ตอนนี้ ให้อารมณ์เหมือนคุณพี่ชายกำลังล่อลวงเด็กของจริง ทั้งที่ผมเข้ามหาลัยแล้ว

   เสื้อฮู้ดแขนกุดหูแมวกับกางเกงสามส่วน ยังมีเป้ติดปีกที่พี่ชายถือให้แทนด้วย ในนั้นผมไม่ได้จัดของเอง พี่ชายเป็นคนดูแลใส่พวกผ้าเช็ดหน้าของจิปาถะให้

   ขอย้อนกลับไปเมื่อคืนหน่อย ระหว่างที่ผมกำลังเล่นเกมกับโป้อย่างเมามันโดยใช้โน๊ตบุ้คที่ลงทุนขนมาสถิตที่ห้องพี่ชาย เจ้าตัวกำลังตั้งอกตั้งใจดูเว็บหนึ่ง ด้วยความสงสัย ผมเลยชะโงกหน้าไปดู เห็นเป็นเว็บขายพวกเสื้อผ้าน่ารักๆ ที่ไม่มีขายตามร้านทั่วไป

   หน้าเว็บที่พี่เฟย์เปิด มีแต่พวกเสื้อผ้าเด็กผู้ชาย หรือไม่ก็แนวใส่ทั้งได้ทั้งชายและหญิง ที่แน่ๆ เจ้าตัวไม่ได้ซื้อใส่เองแหง

   “ปอนด์ถูกใจตัวไหน” คนตัวโตเห็นเด็กน้อยมาชะโงกหน้าอยู่ใกล้ๆ เลยเนียนหอมแก้มฟอด พออกพอใจกับกลิ่นวานิลลาจากสบู่สั่งซื้อมาให้โดยเฉพาะ คนหน้าบางพอโดนหอมแก้มขมวดคิ้วไม่พอใจ ใบหน้าขึ้นสีเรื่อจนคนมองต้องอดใจไม่คว้ามาฟัดเดี๋ยวลูกแมวตื่นหนีไปจะยุ่ง

   “ตัวนี้ น่ารักดี” ผมชี้เอี้ยมอีกมือดันหน้าพี่ชายออกห่าง จนปากได้รูปงับนิ้ว ฮึ่ย! แฟนผมยั่วผมควรจะทำยังไงดีครับ ระหว่างหนีและหนีไปไกลๆ แหงล่ะ ขนาดตัวต่างซะ ถ้าเกิดเหตุขึ้นมา ผมนี่แหละที่จะซวย

   “มีตัวไหนอีกรึเปล่า” มือหนาจับเม้าส์เลื่อนหน้าจอไปเรื่อยๆ ผมนึกถึงพวกตัวละครโชตะจะชอบใส่แนวแบบนี้ คิดว่าตัวไหนเข้าท่า ตัวไหนเหมาะก็ชี้ตัวนั้น ประเด็นคือ หลังจากชี้ตัวที่สาม พี่ชายกดสั่งซื้อรวดผมอ้าปากค้าง

   “เฮ้ยพี่ ซื้อมาไมเยอะแยะพี่จะใส่เรอะ!”

   “จะไปยัดเข้าได้ยังไง ให้เราใส่ต่างหาก จริงสิ มีบางส่วนมาส่งแล้ว พี่ซักเรียบร้อยมาลองดูเร็ว”

   ผมโดนพี่ชายลากเข้าห้องนอนหน้าตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ผมเลยเปิดเล่นรอบนึง มีแต่เสื้อพี่ชายถูกวางเป็นระเบียบ พอเจ้าของเปิดคราวนี้ ไอ้พวกเสื้อกับออฟชั่นสุดมุ้งมิ้งนั่นมันอะไร พอผมโวยวายไม่ยอมใส่ พี่ชายเริ่มงัดสกิลหลอกล่อเด็กออกมาใช้

   “ลองหน่อย ไม่ชอบหรือใส่ไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที ถ้ายอมใส่พรุ่งนี้พี่พาไปซื้อหนังสือเลย เล่มใหม่ออกมาพอดีนี่ แถมหนังสือการ์ตูนกับไอติมด้วยเอ้า”

   “ห้ามจำกัดงบนะ” เรื่องนี้สำคัญ พี่เฟย์หยุดคิดไป ก่อนจะยอมพยักหน้า

   “ได้ เฉพาะเงินส่วนที่ใช้สำหรับซื้อของทั่วไปนะ”

   “เย้!”

   ด้วยเหตุนี้ผมเลยกลายเป็นตุ๊กตาให้พี่ชายจับแต่งตัวเล่น และมันทำให้ผมรู้ว่า เห็นพี่เฟย์เงียบๆ แต่เป็นขาช้อปโลกออนไลน์ตัวยง! ผมเริ่มมองเห็นอนาคตซะแล้วสิ ตอนนี้พี่ชายเป็นคนดูเรื่องเงินผม อีกหน่อยผมคงต้องคอยห้ามพี่เฟย์ด้วย ไม่งั้นเสื้อผ้าได้ล้นตู้ ขนาดตอนนี้เจ้าตัวบอกเพิ่งเริ่มซื้อตอนผมขึ้นมหาลัย ยังมีตั้งหลายชุด ไม่นับไอ้สามตัวที่เพิ่งกดซื้อ

   เสียงโทรศัพท์ผมดังนั้นแหละ ถึงได้ถูกปล่อยตัวจากการเป็นตุ๊กตาจำเป็น พ่อผมเป็นคนโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบเหมือนอย่างเคย ที่เพิ่มขึ้นมาคือ ถามวาตอนนี้ผมอยู่ไหน พรุ่งนี้จะไปที่ไหนรึเปล่า กี่โมง ตอนแรกผมเข้าใจว่า พ่อคงถามด้วยความเป็นห่วง ที่ไหนได้ วันต่อมาดันมีเซอร์ไพรส์!

   ผมกับพี่เฟย์ออกจากห้องพักตอนช่วงสาย นั่งรถไฟฟ้าไปห้างในเมือง ที่นี่มีของครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นร้านหนังสือนิยาย ร้านหนังสือการ์ตูน กระทั่งร้านการ์ตูนมือสองก็ยังมี ผมหม่ำข้าวเช้าฝีมือพี่ชายมาแล้ว พอถึงห้างเลยตรงดิ่งไปซื้อหนังสือที่อยากได้เป็นอันดับแรก

   เสียทรัพย์กับนิยายเสร็จ ต่อด้วยหนังสือการ์ตูน พอเข้าร้านเหมือนไม่ได้มาด้วยกัน พี่ชายเดินไปอีกทาง ผมเดินไปอีกทาง แต่สุดท้ายมาแช่กันอยู่โซนหนังสือการ์ตูนวาย ฮ่าๆๆ อย่างผมอะไม่เท่าไหร่ ผู้ชายก็จริงแต่สาวๆ ไม่ค่อยสนใจนัก พี่เฟย์อะดิ ผู้ชายวัยทำงานใส่เสื้อเชิ้ตสีชมพูลายหมีตรงกระเป๋าเสื้อกับกางเกงยีนสบายๆ กำลังเลือกหยิบแถมจำชื่อกับเส้นนักเขียนได้ อย่างผมหนิขอแค่ภาพกับเนื้อหาน่าสนใจพอ จำไม่ได้หรอกว่าคนไหนเป็นคนไหน

   ผมปล่อยให้พี่ชายเลือกต่อไป ผมแยกไปเดินดูซ้ำอีกรอบ เผื่อพลาดเล่มต่อเรื่องที่ติดตามอยู่ หนังสือการ์ตูนในร้านเยอะมาก เดินวนรอบเดียวดูไม่ชัวร์ ผมต้องคอยวนสองสามรอบแบบนี้เสมอ ทางพี่เฟย์ไม่ต้อง เจ้าตัวไม่ค่อยอ่านเรื่องอื่นเท่าไหร่ อ่านแต่การ์ตูนวาย มาทีไรตรงดิ่งเข้าโซนเดียว เว้นแต่จะเดินตามหาเหมือนอย่างตอนนี้

   “ได้รึยังเรา” ผมมองไปมือพี่เฟย์ เอาตะกร้ามั้ยพี่...

   “เหลือเล่มสุดท้ายอะ มันอยู่สูงหยิบไม่ถึง” ผมพยายามเขย่งสุดฤทธิ์แล้วนะ

   พี่เฟย์มายืนด้านหลังหยิบลงมาให้แทน แถมเอาหนังสือในมือผมไปถือเองเสร็จสรรพ ได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆ จากผู้หญิงสองคนที่อยู่แถวโซนวาย นี่ถ้าพวกเธอรู้ว่าคบกันเป็นแฟนจริงๆ ร้านหนังสือจะแตกไหมหนิ

   “ไปจ่ายตังกัน ใกล้เที่ยงแล้วด้วย เดี๋ยวไม่มีโต๊ะนั่ง”

   ในห้างใหญ่จริง แต่ช่วงเที่ยงกับช่วงเย็นคนจะเยอะมากเพราะเขามากินข้าวกัน เลยต้องไปหาร้านก่อน ไม่งั้นรอคิวยาวจนกระเพาะทะลุแน่นอน ผมเองก็เริ่มหิวๆ เดินดูหนังสือเป็นชั่วโมงๆ เผลอแปบเดียวเที่ยงซะระ

   “อื้อ ไว้ค่อยไปดูพวกมือสองที่หลัง พี่อย่าลืมไอติมผมด้วยนะ”

   “เจ้าเด็กเห็นแก่กินเอ๊ย”

   “ผมวัยกำลังกินกำลังโตนี่ พี่ต้องสนับสนุนสิจะได้โตไวๆ”

   “คงไม่โตไปกว่านี้แล้วล่ะ...”

   “พี่ว่าไงนะ?”

   “ป๊าว! จ่ายตังครับ ผมขอซ้อนถุงด้วยนะ”

   ผมเบ้ปากใส่ อย่าคิดว่าเมื่อกี้ไม่ได้ยิน พี่เฟย์สัมผัสถึงออร่าขุ่นมัวจากผม เลยโอบไหล่พาออกจากร้านคุยหยอกจนผมหลุดขำ จังหวะลงบันไดเลื่อน ผมได้กลิ่นพวกขนมโชยมา พอมองลงไปชั้นล่างสุด ตรงลานกว้างมีจัดบู้ทอาหารอยู่ ผมก็ตาวาวสิครับ รีบสะกิดคนข้างตัวดู

   “พี่ๆ ข้างล่างมีพวกของกินด้วยอะ ไปดูกัน”

   มองจากที่ไกลๆผมเห็นพวกขนมไทยด้วย น่าสนใจนะเนี่ย

   “ไปกินข้าวก่อนค่อยมาก็ได้มั้ง” ร่างสูงก้มลงดูด้านล่างบ้าง ขณะที่มือคอยจับจูงมือเล็กเอาไว้ ไม่ใช่อะไรเลย กลัวใครบางคนจะเดินมั่วจนหลงกัน

   “แวะดูแปบเดียว มันอยู่ชั้นเดียวกับร้านที่เราจะไปกินอยู่แล้วด้วย”

   ผมใช้แรงเท่ามด ลากแขนพี่ชายที่ยอมเดินตามอย่างว่าง่ายไปแถวโซนของกินจนได้ นอกจากพวกขนมไทย ยังมีพวกอาหารคาวกับน้ำสมุนไพร ผมซื้อขนมชั้นอย่างเดียว ระหว่างรอพี่เฟย์เลือกดูหมูยอ มีสายเข้าเป็นพ่อผมอีกเช่นเคย

   “ปอนปอนอยู่ไหน”

   “อยู่ห้างครับ ป๋าป๊ามีอะไรเหรอ”

   “อยู่ชั้นไหน ตรงไหน” ผมเริ่มขมวดคิ้วระ ไหงพ่อผมถามละเอียดจัง ทุกทีไม่ขนาดนี้ แต่ก็ตอบไป

   “ฉันล่างสุดแถวที่มีของกินเยอะๆ ครับ”

   หลังจากนั้นผมเลยต้องบอกพิกัดตัวเองแบบละเอียด สักพักมีแรงสะกิดที่หลัง พอหันไปดู ผมตาโตอ้าปากค้าง ขนาดพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างผมยังอึ้ง ผมยิ้มกว้าง โผเข้ากอดทันทีแบบไม่สนสายตาใครหน้าไหน

   “ป๋าป๊า มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมดีใจมากอะ ดีใจจนตื่นเต้นมือสั่นไปหมดแล้ว พ่อผมก้มลงมาหอมแก้มกอดพลางยิ้มตามสไตล์ มีการงับแก้มผมด้วยความหมั่นเขี้ยว น้ำลายอะ ผมคว้าฮู้ดมาเช็ดหน้า

   พี่เฟย์ยกมือไหว้ พ่อผมยกมือรับเก้ๆ กังๆ ฮ่าๆ พ่อผมเป็นคนจีนแท้ครับ แบบแท้ๆเลยอะไม่มีสายเลือดอื่นเจือปน ด้วยเหตุนี้หน้าผมเลยออกไปทางจีนๆ ดีหน่อยได้ตาปากแม่มา ไม่งั้นเป็นอาตี่ยิ่งกว่านี้อีก

   “เพื่อนปอนปอนใช่มั้ย ชื่ออะไร?”

   ก๊ากก ผมเห็นพี่ชายประหม่าครั้งแรก อุบ๊ะ อย่าว่าแต่ผมเซอร์ไพรส์เลย พี่เฟย์คงไม่ต่าง ในเมื่อกำลังคบกับลูกชายเขา ทักทายพ่อตานะพี่นะ

   “สวัสดีครับ ผมชื่อเฟย์”

   “เฟย?”

   “เฟย์ครับ” ผมกลั้นหัวเราะตัวสั่นหงึกๆ อยู่ระหว่างชายตัวโตสองคน พี่ชายว่าสูงแล้ว พ่อผมสูงไม่ต่าง แต่มีภูมิฐานกับหน้าตาเป็นไปตามวัย ถึงงั้นผมก็ว่าพ่อผมหล่อนะ ลูกชายถึงได้เกิดมาหล่องี้ไง

   “ปอนปอนกินข้างรึยัง” พ่อผมเบนเข็มหันมาคุยกับลูกชายตัวเองต่อ ผมส่ายหัวขวับๆ

   “งั้นไปกินข้าวกัน อาเฟยไปด้วยกันสิ ปอนปอนอยากกินอะไรเดี๋ยวพ่อพาไปกิน เอาอาหารญี่ปุ่นมั้ย พ่อจำได้ว่าปอนปอนชอบ”

   พ่อผมเป็นคนจีนที่พูดภาษาไทยเก่งครับ เลยชอบแทนตัวเองว่าพ่อภาษาไทย ผมเองคุยกับพ่อภาษาไทย จีน อังกฤษปนกัน แต่หลักๆ จะเป็นไทยมากกว่าเพราะผมอ่อนภาษาอื่นเหลือเกิน เรียกได้ว่าห่วยเลยก็ไม่ผิดนัก สาเหตุที่ผมดีใจขนาดนี้เพราะนานๆ ทีผมจะได้เจอพ่อสักทีหนึ่ง นี่ก็ผ่านไปสามปีแล้วเพิ่งได้เจออีกครั้ง

   ครอบครัวผมเหมือนกับอีกหลายๆ ครอบครัว พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่ผมยังเล็ก ผมอยู่กับแม่สองคนมาตั้งแต่เกิด โดยมีเงินจากพ่อคอยส่งเสียเรื่อยมา ตอนเด็กผมยังนั่งเครื่องไปหาพ่อทุกปี ตอนช่วงปิดเทอมใหญ่ แต่พอโต พ่อกับแม่ผมไม่ค่อยมีเวลาเลยไม่ได้ไปอีก แถมที่ทำงานพ่อเริ่มขยายสาขาจนงานวุ่นหนักกว่าเก่า

   ถ้าบอกว่าผมไม่น้อยใจเลยคงดูหลอกตัวเองเกินไป ผมน้อยใจครับ แต่ชินแล้วไม่รู้สึกขาดอะไร ในเมื่อแม่ผมเป็นทุกอย่างให้และพ่อมอบความรักให้ผมเต็มที่ ที่สำคัญตอนนี้ผมมีพี่เฟย์แล้วด้วย ไม่เหงาหรอก

   ผมเลือกร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตัวเองชอบ พี่ชายนั่งตรงข้าม ส่วนผมนั่งกับพ่อแล้วสั่งปลาดิบ อาหารชุดของโปรดมาตามใจฉัน งานนี้พี่เฟย์โดนพ่อผมซักหนัก ชวนคุยตามประสาผู้ใหญ่ ส่วนเด็กอย่างผมมีหน้าที่กินอย่างเดียว งานนี้พี่ชายโดนแย่งหน้าที่ คนที่คอยคีบให้ ยื่นทิชชู่เช็ดปากกลายเป็นพ่อผมแทน พ่อตามใจผมมากและโอ๋ผมยิ่งกว่าแม่ซะอีก

   กินข้าวเสร็จต่อด้วยของหวาน สลับกับโดนพ่อฟัด ถึงเวลาเก็บเงิน พ่อผมเป็นคนจ่ายทั้งหมด
   
   “เฟย์ฝากปอนปอนด้วย” พ่อหันไปบอกพี่เฟย์ขณะยืนกันอยู่หน้าร้าน ในที่สุดพ่อผมก็เรียกชื่อถูก ความพยายามของพี่ไม่สูญเปล่าแล้ว

   “ครับ ผมจะดูแลเอง เดินทางปลอดภัยนะครับ”

   “ปอนปอน ถึงห้องแล้วโทรหาพ่อ” ชายวัยสี่สิบกว่ายกมือเป็นรูปโทรศัพท์ ผมพยักหน้ารับมองตามตาละห้อย

   “ป๋าป๊าจะกลับแล้วเหรอ” เสียงผมคงจะอ่อยมาก พ่อถึงได้มองด้วยสีหน้าอ่อนลงแบบนี้

   “อ่า... อยู่ดีๆ ระวังตัว อย่ายุ่งกับคนบ้า เชื่อฟังแม่นะ ปอนปอนโตผู้ใหญ่แล้ว” คนบ้าในความหมายของพ่อคือพวกคนนิสัยไม่ดี สำหรับคนต่างชาติที่ไม่ชินกับภาษาไทย ใช้คำแทนแบบนี้เข้าใจง่ายกว่า

   “ครับ”

   ผมกอดพ่อแน่นๆ สลับกันหอมแก้มไปมา กลิ่นบุหรี่จางๆ กับความอบอุ่นที่ได้รับทำให้ผมน้ำตาคลอ พอผละออกผมทำท่าจะเดินไปส่ง พ่อส่ายหัวแล้วโบกมือให้ด้วยรอยยิ้ม ผมมองตามจนแผ่นหลังนั้นหายไปในฝูงชน ถึงงั้นผมก็ยังมองต่อจนพี่ชายพาเดินไปหลบมุมแล้วคว้ามากอด

   “ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีก”

   คนในอ้อมแขนพยักหน้ารับเงียบๆ มือหนาลูบหัวลูบหลังปลอบเด็กน้อย ในความคิดเฟย์ปอนด์เป็นเด็กผู้ชายที่เข้มแข็ง แม้ว่าจะอยู่กับแม่แค่สองคน แต่ร่าเริงดูมีความสุขไม่เหมือนเด็กบางคนที่นั่งอมทุกข์น้อยใจในชีวิต คงต้องยกความดีความชอบให้กับแม่ที่เลี้ยงดูลูกชายเพียงคนเดียวอย่างดี

   ดังนั้น พอเจ้าตัวเล็กเศร้า ใจของเฟย์เลยอ่อนระทวยแบบที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน

   “ป๋าป๊าไม่เคยให้ผมไปส่งเลยตั้งแต่เด็ก แม่บอกผมว่าเพราะพ่อไม่อยากให้ผมเห็นตอนเดินทางจากไป”

   เสียงอู้อี้ดังมา เฟย์ร้องรับในคอเอาคางเกยหัวกอดลูกแมวเงียบๆ ดูสิ หูลู่หางตกจนดูน่าสงสารเลย ผ่านไปสักพักอีกคนขืนตัวออก ยกมือเช็ดตา เฟย์จับมือนั่นไว้แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าบรรจงเช็ดให้แทน

   “ไปกันเถอะพี่ ผมยังอยากไปดูร้านการ์ตูนมือสอง อยากไปกินไอติมด้วย”

   เสียงร่าเริงกับใบหน้ายิ้มแย้ม แม้จมูกเล็กจะยังแดงๆ อยู่นิดหน่อย คนมองเก็บผ้าเช็ดหน้าพลางก้มลงไปจุ๊บหน้าผากแล้วจูงมือ

   “เพิ่งกินข้าวไปยังกินไหวอยู่เร้อ” พี่ชายถามเสียงสูง

   “ไปเดินดูหนังสือย่อย ค่อยมากินไง” ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่มีสองกระเพาะสำหรับของหวาน ผมเองก็เป็นเหมือนกัน อาจจะเยอะกว่าด้วยซ้ำ เฮ้อ ความจริงผมยังเศร้าอยู่ ถึงจะบอกว่าตัวเองโอเคแค่ไหน สุดท้ายมันยังคงเป็นตะกอนอยู่ภายในใจ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า จะมีอะไรมาสะกิดให้ตะกอนนั้นฟุ้งเหมือนอย่างตอนนี้รึเปล่า

   ไม่ว่ายังไง ผมก็ดีใจที่ได้เจอพ่อ แม้จะเศร้ายามต้องจากกันก็ตาม อย่างที่พี่เฟย์บอก เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีก วันไหนสักวันแหละหน่า ส่วนเวลานี้ผมขอขลุกอยู่กับพี่ชาย ออดอ้อนแม่ต่อไป

   น่าเสียดาย ที่ร้านไม่มีหนังสือที่ผมตามเก็บ สรุปเราเลยเดินออกมามือเปล่าทั้งคู่ ผมเห็นเกมเซ็นเตอร์ เกิดนึกอยากเล่นขึ้นมาเลยลากพี่ชายไปเล่นด้วยกัน พอแลกเหรียญอีกคนไม่ยอมเล่นซะงั้น บอกเลยวัย ผมยักไหล่เล่นเองคนเดียวก็ได้

   เกมที่ผมชอบเล่นจะเป็นพวก แข่งรถ ชู้ตบาส เกมยิงผี เกมตีกลอง กับเกมจับผิดภาพ ผมเลือกเล่นเกมยิงผีเป็นอันดับแรก พอจะเปลี่ยนไปเล่นเกมตีกลองเห็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินผ่านพี่ชายที่กำลังนั่งอ่านหนังสือนิยายต่างประเทศที่เพิ่งซื้อมา แต่ละคนมองพี่เฟย์แบบเหลียวหลัง ยิ่งท่านั่งอันแสนจะมีมาดกับประเภทหนังสือในมือ สร้างเสน่ห์อีกสิบระดับ ฮึ่ย พวกเธอไม่รู้อะไร ไอ้ถุงวางข้างๆ ตัวอาเฮียนั่นการ์ตูนวายล้วนๆ บางเล่มเป็นอันคัตด้วยซ้ำ

   ผมฟาดกลองรัวๆ ตาไม่ค่อยจะได้มองจอเกมหรอก ตีโดนมั่งไม่โดนมั่ง มีคนหนึ่งใจกล้าจะเดินเข้าไปหาพี่ชาย ผมยิงรัวกลองหนักจนคนแถวนั้นมองสงสัย นึกว่าผมมีความแค้นอะไรกับเกมหรืออินมากไปรึเปล่า พอจบเกมผมเก็บไม้เดินไปหาพี่เฟย์ทันที ไม่ลงไม่เล่นแล้วเว้ย ประจวบเหมาะกับสาวกลุ่มนั้นเดินไปพอดี

   “เค้ามาคุยอะไรอะ”

   “แค่มาถามทางไปร้านหนังสือ”

   “แค่นั้น?” ผมเลิกคิ้วถามย้ำ มองร่างสูงกำลังใส่ที่คั่นเก็บหนังสือเข้ากระเป๋า

   “ก็แค่นั้นน่ะสิ คิดว่าจะมาขอเบอร์พี่รึไง”

   “แล้วมันจริงรึเปล่าล่ะ” ผมพึมพำ พี่เฟย์หันขวับมามอง เห็นแก้มป่องๆ หลุดขำพรืด ลูกแมวเป็นแบบนี้ดีกว่าท่าทางเศร้าๆ ก่อนหน้านี้ลิบลับ

   “ถึงขอพี่ก็ไม่ให้หรอก มีแฟนแล้วทั้งคน เรานั้นแหละ โป้มาบอกพี่ว่ามีคนจีบเยอะ” คนแก่ทำท่างอนบ้าง เด็กน้อยมองตาปริบๆ รีบแก้ตัวพัลวัน อารมณ์ขุ่นหายหมดเกลี้ยง

   “ไม่มีๆ ไม่ใช่สักหน่อย มีแต่พวกเพื่อน ไม่ก็สนใจเพื่อนในกลุ่มผมต่างหาก”

   “พี่ไม่ได้ว่าอะไรนี่” คนแหย่เด็กสำเร็จ ลอยหน้าลอยตาพูด

   “เมื่อกี้พี่ทำท่าเหมือนไม่พอใจอะ ผมไม่ได้อะไรกับใครจริงๆ นะ สาบานเลย”

   “ไปกันดีกว่า ปอนด์อยากกินไอติมไม่ใช่เหรอ” โดนอีกคนเปลี่ยนเรื่อง มองร่างสูงที่ลุกเดินนำไปก่อน ทั้งที่ปกติจะรอเดินไปด้วยกัน มือเล็กยื่นไปจับมืออุ่นแบบที่น้อยครั้งจะทำด้วยความหน้าบาง

   “ผมไม่สนใครจริงๆ นะพี่” เสียงเบาจากทางด้านหลัง ทำให้เฟย์รู้ว่าชักจะแหย่มากไปหน่อยตามนิสัยขี้แกล้ง ทั้งที่วันนี้เจ้าตัวเล็กเพิ่งเจอเหตุการณ์ชวนเศร้ามา มือหนาเลยกระชับ ลดระยะการเดินมาอยู่ข้างกัน

   “พี่รู้แล้ว พี่เชื่อใจเรา ไปกินไอติมกันเถอะ”

   เวลาที่เหลือทั้งวัน พี่ชายเอาใจผมมากเป็นพิเศษ จนผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าชายจากอาณาจักรไหนสักแห่ง ขากลับนั่งรถไฟฟ้าตามเดิม แต่ปริมาณคนไม่เท่าเดิม ช่วงเย็นคนแน่นเป็นปลากระป๋อง ตัวผมช่างน่าสงสาร เกือบจะถูกเบียดเป็นแมวแผ่นติดประตู

   ได้มือพี่ชายมาคว้าไปยัดในซอกแล้วเอาตัวเองมายืนขวางแทน ผมเลยยืนได้แบบสบายๆ ไม่ต้องไปเบียดกับใคร เราคุยกันเบาๆ ผมรู้สึกดีมากกว่าครั้งไหนๆ ตรงจุดนี้คือที่ของผมกับพี่เฟย์ ผมเอาหัวชนอกกว้าง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ออกมาข้างนอกรอบนี้มีความสุขจัง
   
   พี่เฟย์มาสารภาพตอนหลังว่า ตกใจที่เจอพ่อผมยังไม่ทันได้เตรียมใจ ระหว่างกินข้าวเลยแอบเกร็งตลอด ผมเลยปลอบใจไปว่า

   “ป๋าป๊าผมใจดีพี่ก็เห็น”

   “อ่าฮะ ดูเป็นผู้ใหญ่อารมณ์ดีแต่แฝงความจริงจังน่านับถือ”

   “พี่ๆ ผมเล่าอะไรให้ฟัง มีอีกเรื่องที่แม่บอกผม ป๋าป๊าเคยมีลูกน้องตามเป็นขบวน คว้าสปาต้าไปไล่ฟันชาวบ้านสมัยวัยรุ่น ที่หัวไหล่ป๋าป๊าผมสักด้วยน่า เป็นรูปอินทรีสยายปีกเท่มากเลย”

   คนฟังชะงักกึก หันมามองผมแบบไม่อยากจะเชื่อ ผมพยักหน้ารับยืนยัน อันนี้ความจริงผมไม่ได้เอามาอำเล่นๆ สมัยก่อนพ่อผมร้ายไม่ใช่น้อย ไม่งั้นคงไม่มาจีบแม่ที่แสนใจแข็งของผมติดจนมีพยานรักออกมานั่งหัวโด่แบบนี้หรอก ตอนนั้นแม่ผมไปทำงานกับเพื่อนที่นู่นครับเลยได้เจอกัน

   ตอนเด็กผมก็เคยไปอยู่ที่นู่นนะ ยังมีภาพในอัลบั้มอยู่เลย เป็นรูปผมตอนเด็กอุ้มแมวร้านขายของชำ ภาพนั้นถ่ายตอนผมหายตัวไปจากบ้านระหว่างที่แม่กำลังซักผ้าอยู่ พอหันมาอีกทีผมก็หายไปซะแล้ว หลังหาทั่วบ้านไม่เจอแม่รีบโทรบอกพ่อผมด้วยความตกใจ พ่อผมเองรีบกลับมาพร้อมเรียกลูกน้องเป็นสิบเพื่อตามหาลูกชายอายุไม่กี่ขวบคนเดียว

   พ่อบุญธรรมเพื่อนสนิทของพ่อ เป็นคนเจอผมเล่นกับแมวเลยถ่ายรูปนี้เป็นที่ระลึก ได้ข่าวว่าแมวในรูปทำหน้ารำคาญผมสุดๆ ทำท่าจะกัดผมด้วย ถึงงั้นผมก็ยังยิ้มแฉ่งไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าทำพ่อแม่ใจหายใจคว่ำขนาดไหน

   พอผมถาม ทำไมผมถึงไปที่ร้านขายของชำนั่นอะ แม่ผมมองหางตาเดาว่าแม่เคยพาผมไปซื้อของที่ร้านนั้น ผมเห็นแมวแต่แม่ไม่ยอมให้เล่นเพราะกลัวแมวจะข่วนเอา ผมเลยไปที่รานนั้นเอง ไม่รู้ว่าไปได้ยังไงไม่ใช่ใกล้ๆ ทุกวันนี้ผมยังสงสัย ความจำดีตอนเด็ก พอโตมามันหายไปไหนหมดถึงได้ชอบหลงทางจนไปเที่ยวไหนกับใครต้องถูกคว้าตัวไว้กันหลงตลอด

   พี่เฟย์ฟังสลับพยักหน้ารับเป็นระยะ ระหว่างนั่งเล่นกันบนเตียง

   “เฮ้อ ดีนะที่หาเจอ ว่าแต่ทำไมโตมาถึสมองปลาทอง” พี่ชายดึงผมมานั่งตักแล้วรวบกอดเหมือนผู้ชายตัวโตกอดตุ๊กตาตัวโปรด ประโยคมันดูขัดๆ แฮะ

   “ไม่ปลาทองสักหน่อย เวลาผมไปไหนคนเดียวก็กลับถึงบ้านตลอดนะ!”

   “มันคงเป็นสัญชาตญาณของแมวในการกลับบ้าน” เสียงหัวเราะในคอกับผมที่เอนหลังพิงอกกว้างอยู่ มันสะเทือนที่หลังให้ความรู้สึกแปลกๆ แต่ก็โอเคดี

   “เดี๋ยวนะ เราคุยกันเรื่องป๋าป๊าต่างหาก”

   “ไม่เอา เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยคิด” เจ้าของห้องปล่อยผมหงายไปนอนแผ่หลาบนเตียง คิ้วเข้มขมวดจนยุ่ง ผมหัวเราะฮา คงจะคิดหนักน่าดู เลยตบกล้ามพุงปุๆ เป็นกำลังใจ สรุปถูกหมาป่าคว้าไปฟัดจนยับเยิน เซ็งแมว!
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่10 พ่อตา [UP!21/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 21-08-2015 05:39:20
กรี๊ดมาแล้วววว


คิดถึงปอน์ดกับเฟย์มากกกกกก


แบบว่าคุณพ่อตาจะรู้มั้ยเนี่ยว่าได้เจอลูกเขยแล้ว หึหึ


ส่วยพี่เฟย์ก็พยายามทำขนาดให้พ่อตายอมรับแล้วฝากลูกรักให้ดูแลคิคิ


ส่วนปอน์ดก็หึงซะโหดเชียวดีนะเป็นเกม ถ้าเป็นแผ่นอกพี่เฟย์คงช้ำ 555   :m20:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่10 พ่อตา [UP!21/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-08-2015 08:34:10
 :really2:  พี่เฟย์เจอพ่อตาแล้วสินะ อิอิ

อยากฟัดแมว   :ling1: 
พี่เฟย์สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่10 พ่อตา [UP!21/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 21-08-2015 09:40:39
พ่อตาไฟเขียวยังง???

 :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่10 พ่อตา [UP!21/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 21-08-2015 09:43:43
น่ารักดีนะ.  ขอร้องอย่ามีดราม่านะ. ชอบโมเม้นที่เค้าอยู่ด้วยกัน. มันมุ้งมิ้งดี
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่10 พ่อตา [UP!21/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 22-08-2015 01:21:51
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่10 พ่อตา [UP!21/8/58]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 24-08-2015 20:47:49
น่ารัก
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่11ย้ายห้องหอ [UP!1/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 01-09-2015 21:57:28
วายที่11 ย้ายห้องหอ

   เด็กหัวยุ่งยังนอนซุกมุดอยู่กองผ้าบนเตียง พี่ชายตัวโตเดินหัวหมุนไปมาเพราะเมื่อคืนคุยกับลูกแมวจนดึกวันนี้เลยตื่นสายกว่าปกตินิดหน่อย มือหนาติดกระดุมเชิ้ตเรียบกริบจัดการตัวเองอย่างคล่องแคล่ว เพียงไม่กี่นาทีก็ได้หนุ่มหล่อวัยทำงานเข้าครัวทำอาหารเช้า ก่อนมาปลุกลูกแมวราวกับพ่อบ้านก็ไม่ปาน

   เฟย์ต้องทำการขุดหาแมวบนเตียง หยิบตุ๊กตาออก เปิดผ้าห่มส่องหาดูแมวขี้เซา ไปเจอนอนขุดอยู่อีกมุมของเตียง มือยื่นไปเขย่าเรียกเบาๆ

   “ปอนด์ตื่นได้แล้ว”

   “งื้อออ ขออีก 5 นาที”

   ไอ้ตัวเล็กงัวเงียไม่เลิก พี่ชายต้องงัดไม้ใหม่ เอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำหมาดๆ มาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ตื่น คนโดนกวนเริ่มเปลี่ยนร่างเอาหัวไถอกกว้างตวัดแขนกอดเอวหนา นั่งตักหันหน้าเข้าหา ก่ายเหมือนหมีโคอาล่า เฟย์ถอนหายใจ จูบแก้มจุ๊บหน้าผาก อุ้มกระเตงไปปล่อยไว้ในห้องน้ำ

   “ตื่น ไม่งั้นพี่จะอาบให้นะ”

   ดวงตาสีดำปรือมองคิ้วขมวด ภาพโฟกัสหน้าพี่ชายตัวเองแบบเลือนราง สมองประมวลผลเชื่องช้ายิ่งกว่าเน็ตไทย เจ้าของห้องถอนหายใจจับลูกแมวถอดเสื้อ คราวนี้ตื่นเต็มตา

   “พี่จะลักหลับผมเรอะ!” ผมเต้นเหยงๆ อยู่ในห้องน้ำ มีพี่ชายยืนปักหลักตรงประตูอย่างกับกลัวว่าผมจะกระโจนไปรวมร่างกับเตียงอย่างงั้นแหละ

   “ถ้าลักหลับคงไม่ปล่อยให้รู้ตัวตื่นหรอก เอ้า รีบอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวไม่มีเวลาทานข้าวเช้าพอดี มื้อเช้าสำคัญมากรู้มั้ย”

   คนฟังขนลุกซู่ มองคุณพี่ชายยืนบ่นๆ เหมือนพ่อคนที่สอง แต่ประโยคแรกที่พูดออกมาประกอบกับสีหน้าจริงจัง คิดว่าถ้าเจ้าตัวจะลักหลับจริงสามารถทำได้อย่างที่บอกแหงๆ ผ้าขนหนูผืนนุ่มถูกเอามาวางโปะบนหัว

   “จะยืนกอดตัวเองเหมือนสาวน้อยอีกนานไหมหรืออยากให้พี่อาบให้จริงๆ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นมอง ผมแลบลิ้นใส่ดันอีกฝ่ายออกจากห้องน้ำ

   “อาบเองได้น่า พี่ออกไปๆ”

   ปิดประตูห้องน้ำใส่อีกคน มีการล็อกอีกต่างหาก คนด้านนอกยักไหล่ ถ้าคิดอยากเข้าไปจริงๆ ยังไงก็มีกุญแจล็อกไปก็เท่านั้น เจ้าลูกแมวเอ๊ย

   ผมใช้เวลาวิ่งผ่านน้ำสิบนาที แต่งตัวมานั่งกินไข่ดาวกับไส้กรอกแถมขนมปังปิ้งทาแยมสตรอเบอรี่รูปแมว ปกติผมจะกลับหอตั้งแต่วันอาทิตย์ แต่เมื่อวานขี้เกียจจัดๆ เลยสิงอยู่ห้องพี่จนถึงวันจันทร์ พอเลิกเรียนค่อยกลับห้องตัวเอง ข้าวของที่ขนมีไม่มาก ปัจจุบันเหมือนผมมีสองห้องให้อยู่ จะอยู่ที่ไหนก็มีเสื้อผ้าของใช้ครบ

   “ปอนด์ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีกิจกรรมแล้วใช่ไหม” พี่ชายนั่งซดกาแฟแบบคูลๆ ผมละสายตาจากไข่ดาวขึ้นมอง

   “อืม เหลือแค่นิดหน่อยไม่ต้องกลับช้าเหมือนก่อน”

   “งั้นก็ดีสิ ย้ายมาอยู่กับพี่เลยเป็นไง” ผมยื่นหน้าปล่อยให้พี่ชายหยิบทิชชู่เช็ดซอสมะเขือเทศตรงปากพลางคิด ความจริงย้ายก็ดี แม้หอในจะใกล้มหาลัยกว่า แต่มันไม่สะดวกสบายเท่า จะได้ไม่รบกวนโป้ด้วย แถมซันเองต้องการห้องใหม่ไวๆ ผมเลยพยักหน้ารับ

   “ได้นะพี่ ย้ายวันไหนดีล่ะ”

   “พรุ่งนี้เลยเป็นไง” ผมแทบพ่นนมในปาก รีบกลืนสำลักไอค่อกแค่ก พี่เฟย์ลุกจากเก้าอี้มาลูบหลังให้

   “มันจะปุบปับไปรึเปล่า พรุ่งนี้เลยเรอะ ผมยังต้องแจ้งอาจารย์ที่ดูแลหอพักก่อนนะ”

   “พี่แจ้งไปแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อย เหลือแค่ขนของออก”

   “จะทำตัวเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปไหน ขนาดผมคนย้ายเองยังไม่ขนาดนั้น”

   “รอมาตั้งหลายปีไม่เรียกว่าใจร้อนหรอก...” ได้ยินเสียงพึมพำดังมาจากพี่ชาย ผมหันไปขมวดคิ้วมอง

   “รออะไรพี่ ตั้งหลายปี” ยกมือลูบพุง เฮ้อ.... อิ่มกำลังดี อาหารเช้ากับนมแก้วหนึ่งพร้อมน้ำเปล่าล้างปาก เจ้าตัวไม่ตอบ ใช้มือวางเท้าบนพนักเก้าอี้แล้วก้มลงมาจุ๊บปากเล็กไวๆ แล้วผละออก ผมนั่งอึ้งตาโตอ้าปากพะงาบๆ สัมผัสนุ่มๆแตะตรงริมฝีปากเมื่อกี้ยังติดอยู่เลย ตามมาด้วยความร้อนพุ่งขึ้นหน้า ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ หน้าผมตอนนี้แดงก่ำไปถึงหูแล้วแหงๆ

   “พี่ทำบ้าอะไรเนี่ย!” ผมโวยวาย คนทำหัวเราะเมินท่าทางขู่ขนพองของลูกแมวตรงหน้า ก่อนจะอุ้มขึ้นจากเก้าอี้ ตัวผมลอยหวืด พี่เฟย์กอดช่วงเอวแล้วเอาหน้ากับจมูกโด่งๆ มาฟัดๆ แถวท้องไม่วายยังใช้ริมฝีปากแทะพุง ผมหัวเราะก๊ากเพราะความบ้าจี้ ฟัดจนพอใจ เจ้าของห้องถึงปล่อยผมยืนบนพื้นทั้งที่ยังกอดอยู่

   “กลับห้องไปเก็บของไว้เลยล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะไปขนมา”

   “คร้าบๆ” รับเสียงยืดยาว เล่นจัดการให้เสร็จสรรพแบบนี้จะขัดยังไงได้

    พี่เฟย์หอมแก้มซ้ายขวาทิ้งท้าย พวกเราขึ้นรถไฟฟ้าแยกไปคนละเส้นทาง ผมตรงเข้ามหาลัยเข้าเรียนทันเฉียดฉิว พอพักเที่ยงค่อยไลน์บอกโป้ว่าจะเก็บของคืนนี้ ดูเจ้าตัวไม่แปลกใจเลยสักนิด เสร็จค่อยบอกซันต่อ ฝ่ายหลังนัดว่าจะไปส่งผมที่หอเพราะจะได้คุยกับอาจารย์ด้วยว่าเจ้าตัวจะมาขออยู่ต่อจากผม

   เย็นวันนั่นผมเลยได้เพื่อนหลับหอ ซันมารอที่หน้าคณะ ยืนหล่อให้สาวไอทีมอง ผมเดินเข้าไปเตะขาด้วยความหมั่นไส้ มันเลิกคิ้วมองผมแบบกวนๆ

   “นี่เตะแล้ว? นึกว่าลมพัด”

   “ปากงี้ไม่ต้องอยู่ดีมั้ยห้อง นอนข้างถนนไปเลย” ผมแยกเขี้ยวใส่ ซันหัวเราะเอาแขนมาเท้าบนหัว เออ รู้ว่าเตี้ยกว่า ไม่ต้องมาตอกย้ำก็ได้

   “นั่นก็ใจร้ายกันเกินไป ปะๆ เดี๋ยวเลี้ยงข้าวเย็น”

   ผมส่ายหัวปลงๆ กับความกวนของมัน หอในกับมหาลัยอยู่ใกล้กันมาก นั่งรถในมหาลัยไปไม่กี่นาทีก็ถึง ช่วงนี้เป็นช่วงเลิกเรียนคนกำลังเยอะได้ที่ ผมมีไอ้ซันอยู่ด้วยอย่างกับใบเบิกทาง ทุกคนหลบให้เหมือนทะเลแหวก แม้ไอ้ซันมันจะหน้าหล่อ แต่มีดีกรีเป็นเด็กวิศวะ นับรวมกับความเถื่อนผิวเข้ม ช่างแตกต่างจากโป้ของผมจริงๆ ทางนั้นขาวหล่อปนสวยดูใจดี แต่อย่าให้โมโหหรืออารมณ์เสีย ไม่เท้าก็มือหรืออาจจะมีไม้ทีไปประดับหน้าได้ง่ายๆ คิดถึงตรงนี้ผมเตือนซันไว้ดีกว่า

   “ซัน รูมเมทดูใจดีจริง แต่อย่าไปกวนมากนะ เดี๋ยวโดนอัดยับ”

   “จะระวังแล้วกันนะ” คนรับคำเตือนตอบแบบไม่ใส่ใจ อันนี้ต้องรอดูกันไปว่าจะโดนอัดยับอย่างที่ผมคิดไว้รึเปล่า

   เรามาถึงหอพัก ตรงดิ่งไปหาอาจารย์นั่งใส่แว่นอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ด้านล่าง ผมคุยรายละเอียดเรื่องย้ายออกและมีเพื่อนมาอยู่แทน ซันยกมือไหว้คุยต่อจากผม หลักๆ ไม่มีอะไรมาก อาจารย์แค่บอกให้ซันกรอกข้อมูลไว้ก่อน ย้ายเข้าวันที่ผมออก ถ้าเกิดช้ากว่านั้นอาจารย์จะเอาห้องให้คนอื่น

   คุยเสร็จมานั่งกินเตี๋ยวแถวหอ ตอนแรกซันจะเลี้ยงผมปฏิเสธไป ทุกวันนี้แทบไม่ได้ใช้เงินของตัวเองเลย ยิ่งตอนไปอยู่กับพี่เฟย์อาหารการกินทุกอย่างอาเฮียจ่ายหมด เผลอๆ บางวันทำมื้อเที่ยงให้ผมเอามากินที่มหาลัยอีก ทุกวันนี้จ่ายแค่ค่าเดินทางเวลาที่ไปไหนมาไหนคนเดียว หรือไปกับเพื่อนเหมือนอย่างตอนนี้

   ซันมันก็ชวนคุยจ้อไปเรื่อย จนเข้าเรื่องรูมเมทนี่แหละ

   “รูมเมทกลับมายังอะ อยากเจอหน้าก่อนย้ายมาอยู่”

   “ยังไม่กลับมั้ง ช่วงนี้ไม่กิจกรรมก็งาน” ผมก้มมองนาฬิกาบนมือถือ พักหลังโป้จะหลับห้องค่ำๆ บางวันกลับตอนหอเกือบปิด เห็นว่าไปต่อกับพวกในคณะ ก็สมเป็นโป้ล่ะนะ ผิดกับไอ้ซัน มันเป็นวิศวะภาษาอะไร ไม่เห็นจะสูบบุหรี่หรือไปกินเหล้าอะไรกับใครเขามั่ง กลุ่มมันเองก็เหมือนกัน

   “น่าเสียดายแฮะ เอาเถอะ ปอนด์จะออกพรุ่งนี้แล้วนี่ เดี๋ยวก็ได้เจอ”

   “ว่าจะถามอยู่ พวกนั้นไปไหนหมดอะ ไม่เห็นอยู่ด้วยกันสักเท่าไหร่”

   ซันมันซัดเตี๋ยวชามที่สามยังมีหน้าไปสั่งเพิ่ม กระเพาะหรือหลุมดำฟะ

   “ไอ้พวกนั้นเรอะ อย่าให้ร่าย ไอ้ริวมันติดรุนพี่ ตามเป็นขี้ปลาทอง ไอ้วามันโดนดีดไปอยู่วิทยาเขตเหนือ ไม่รู้ตอนนี้ไปกวนเท้าจนโดนกระทืบตายไปแล้วรึยัง ส่วนไอ้มิท ปกติไม่เห็นหัวมันอยู่แล้ว พักหลังๆ ทำท่าอย่างกับโดนมาเฟียไล่”

   “เฮ้ย! จริงดิ งี้จะไม่เป็นไรเหรอ มาเฟียเชียวนะ” ผมจำได้ว่ามิทไม่น่าจะใช่พวกต่อยตีคน ท่าทางเหมือนคุณชายขนาดนั้น

   “ไม่รู้ เรื่องของมัน ไม่อยากเผือก รอมันมาบอกเอง” ซันดูหงุดหงิดกัดลูกชิ้นซะแรง คงเป็นห่วงเพื่อนตามประสานายซัน ผมพอเข้าใจอยู่ แม้จะเป็นห่วงแต่ถ้าเข้าไปยุ่งมันอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องที่ไม่ควรแตะต้องก็ได้ ดังนั้นการรอให้อีกฝ่ายพูดออกมาเองแล้วคอยดูอยู่ห่างๆ คงจะดีที่สุดในเวลานี้

   ในกลุ่มซัน ผมบอกได้เลยว่า คนที่ผมเดานิสัยไม่ออกที่สุดคือมิท ดูเหมือนจะมีความลับ บางครั้งดูเปิดเผย จับไม่ได้ไล่ไม่ทันตรงข้ามกับซันที่เป็นคนตรงๆ ก็ได้แต่หวังว่ามันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรแล้วกัน

   “ปอนด์จำไว้ มีไรให้บอก อย่าอุบเงียบแบบไอ้มิท มันน่าหงุดหงิด” ตะเกียบคีบถั่วงอกชี้หน้า ผมพยักหน้ารับใช้ตะเกียบตัวเองปัดออก

   มื้อนั่นผมหมดไปหนึ่งถ้วย ส่วนซันล่อไปสี่ ยังจะมีต่อของหวานแถวนั้นอีกเชื่อเขาเลยจริงๆ อิ่มพอใจถึงคราวแยกย้าย ซันมาส่งผมที่หอก่อนสะบัดตูดกลับห้องตัวเอง ผมเข้าห้องเห็นโป้กำลังนั่งตัดเล็บ

   “อ้าว ไมวันนี้กลับไวจัง” ผมถามอย่างสงสัย โป้ยิ้มให้ อ่า อย่าไปยิ้มแบบนี้ข้างนอกบ่อยๆ นะโป้ กลัวเหลือเกินเพื่อนตัวเองจะกลับไม่ถึงห้องเพราะถูกผู้หญิงหรือไม่ก็ผู้ชายฉุดไประหว่างทาง

   “วันนี้ไม่ได้ไปต่อ พักร่างกายบ้างอะไรบ้าง ปอนด์จะย้ายออกพรุ่งนี้เก็บของยัง ให้ฉันช่วยมะ”

   ไม่ติดว่าโป้ตัดเล็บเท้าอยู่ ผมจะถลาเข้าไปกอดจริงๆ คนอะไร แสนดีสุดๆ

   “ยังไม่เก็บเลย เพิ่งถึงห้องนี่แหละ พอดีไปกินข้าวกับว่าที่รูมเมทคนใหม่ของโป้มา” ถึงประโยคนี้รู้สึกโป้จะหูผึ่ง เจ้าตัววางกรรไกรตัดเล็บหันขวับมามองผมทันที

   “กลับไปยัง?” ผมกระพริบตาปริบๆ มองโป้แบบงงๆ ดูจะตื่นเต้นกับรูมเมทคนใหม่มากกว่าตอนผมอีก ผมควรน้อยใจดีมั้ยเนี่ย

   “กลับไปแล้ว ทางนั้นก็อยากเจอโป้ แต่ฉันไม่คิดว่าโป้จะกลับเร็วไงวันนี้”

   “น่าเสียดาย ปอนด์ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย คนที่จะมาอยู่รูปร่างหน้าตานิสัยเป็นไงมั้ง”

   ผมโยนกระเป๋าถอดถุงเท้านอนแผ่บนเตียงตัวเอง บอกโป้ไปตามที่คิด

   “อืมมม หล่อ เถื่อน ดำ รูปร่างน่าจะดีมั้งเห็นกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน นิสัยกวนไปหน่อยแต่โดยรวมถือว่าดี แถมยังรักเพื่อน ประมาณนี้ ฉันคิดว่าน่าจะเข้ากับโป้ได้นะ”

   โป้พยักหน้ารับร้องอ้อในคอเบาๆ ดูจะพออกพอใจไม่น้อย ขอให้อยู่กันได้โดยไม่มีปัญหาแล้วกัน ก็นะ ผู้ชายไม่เรื่องมาก คงไม่มีปัญหาหรอก

   นอนกลิ้งเล่นสักพัก ผมโดนโป้ดึงให้ลุกมาเก็บของโดยมีเขาเป็นคนช่วย ข้าวของผมไม่เยอะเท่าไหร่ หลักๆ มีแต่พวกหนังสือการ์ตูนกับนิยาย เก็บไม่นานก็เสร็จ พวกเราสลับกันอาบน้ำ นอนคุยเล่นจนหลับ เช้ามาโป้เป็นคนปลุกผมเพราะมีโทรศัพท์เข้า วันนี้เราไม่มีเรียนทั้งคู่ ชิวกันไป

   “โหลครับ” ผมรับสายงัวเงียเต็มกำลัง

   /ไอ้ลูกแมว ยังไม่ตื่นอีกเหรอ พี่มาถึงหอพักเราแล้วนะ/

   ได้ยินเสียงหล่อๆ ตามสาย ผมสะดุ้งลุกขึ้นนั่งหัวโขกเตียงชั้นสองดังโป๊ก เจ็บจนน้ำตาเล็ด โป้ที่นอนอยู่เตียงตรงข้ามพลอยตื่นไปด้วย

   /เจ็บมั้ยนั่น/

   “มากอะ อูยย หัวปูดเลย”

   /ฮ่าๆ ไปอาบน้ำไป/

   “ยังจะมาหัวเราะอีกนะคนเรา” ผมบ่นหงุงหงิงกดวางสายบอกโป้ว่าพี่เฟย์กำลังจะขึ้นมา เจ้าตัวตาโตมองนาฬิกาบอกเวลาเจ็ดโมงเช้า คงคิดไม่ถึงว่าคนแก่จะใจร้อนได้ขนาดนี้ โป้ไล่ให้ผมไปอาบน้ำอีกคน เดี๋ยวเขาจะรอเปิดประตูให้พี่เฟย์เอง ดีอย่างหอในอ่างล้างหน้าอยู่ด้านนอก โป้เลยไม่ต้องอมขี้ฟันรับพี่เฟย์

   ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จออกมาเห็นพี่ชายเอาของทุกอย่างของผมไปกองรวมกันแถวหน้าประตู

   “โทษทีที่มาเช้า พี่ลางานได้แค่ช่วงนี้ พอขนของเสร็จต้องรีบกลับไปทำงานต่อ”

   “ไม่เป็นไรครับ อ้าว ปอนด์เสร็จพอดี ว่างๆ อย่าลืมแวะมาเยี่ยมกันมั่งนะ” โป้หันมายิ้มโลกสดใสให้ผม ผมยู่ปาก

   “พูดอย่างกับจากไปไหนไกล อยู่มหาลัยเดียวกันยังไงก็ได้เจอกันตลอด”

   “มันรู้สึกเหมือนลูกสาวออกเรือนน่ะ” หนุ่มสถาปัตย์แซวขำๆ ผมงี้หน้าแดงก่ำเดินเข้าไปเอาหัวโหม่งแม่ง โป้ไม่สะท้านดันผมส่งให้พี่เฟย์อีกต่างหาก

   “เดินทางปลอดภัยครับ”

   “อืม ขอบใจมาก ไว้จะให้ลูกแมวเอาขนมมาฝาก พี่เพิ่งปรับสูตรใหม่พอดี” คนคอเดียวกัน ชอบทำอาหารทั้งคู่ ยกนิ้วโป้งให้กันก่อนจะหัวเราะ

   ผมคืนกุญแจห้องให้อาจารย์ตรงเคาน์เตอร์ เดินสะพายเป้ถือถุงใส่หนังสือขึ้นรถพี่เฟย์ และแล้วผมก็กลายเป็นแมวเลี้ยงในคอนโดสูง ก่อนอื่นผมต้องโทรไปบอกเพื่อนอีกคนก่อน

   “โหลๆ ซัน ฉันย้ายออกแล้วนะ”

   /ใครวะ ไอ้เปี๊ยกเหรอ ไมออกเช้าแท้/ เสียงมันเถื่อนระดับสิบ ถ้าผมอยู่ใกล้ๆ จะโดนซัดข้อหาโทรมากวนเวลามันนอนไหมนี่

   “เออน่ะ ย้ายของเข้าไปได้เลย วันนี้โป้อยู่ห้อง”

   /เออๆ/

   ผมวางสายไปดื้อๆ ผมมองโทรศัพท์ตัวเอง ถือว่าผมบอกแล้วนะ ตอนมันตื่นสติครบถ้วนจะจำได้หรือไม่ได้ ไม่เกี่ยวกับผมล่ะทีนี้

   พี่เฟย์จอดรถพาผมมากินข้าวต้มปลามื้อเช้า ก่อนจะวนไปส่งผมที่ห้องเจ้าตัวแล้วไปทำงาน พี่เฟย์ให้คีย์การ์ดหนึ่งใบ ทีแรกเจ้าตัวยังไม่บอกราคาค่าทำ สั่งกำชับแค่ว่าห้ามทำหายเด็ดขาด ซึ่งผมรับคำเป็นมั่นเหมาะ ภายหลังผมเผลอลืมในห้อง หากันหัวฟู คิดว่าหายไปแล้ว โชคดีพี่ชายตาไวไปเจอมันอยู่ใต้กองตุ๊กตา ผมเพิ่งมารู้ตอนนั้นแหละว่า ราคาค่าทำมันแพงจนผมแทบจะเอามันแขวนคอติดตัว ราคาพอๆ กับหนังสือนิยายผมหลายเล่มรวมกันเลยนะ

   ระหว่างผมเล่นคอมตัวเองในห้องพี่ชาย รู้สึกเหมือนลืมบอกซันกับโป้เรื่องอะไรสักอย่าง คิดไม่ออก ช่างมันแล้วกัน


Talk ซัน

   ผมปล่อยโทรศัพท์มือถือลงพื้นดังตุบ สติยังไม่ตื่นดี ปกติผมเป็นคนตื่นเช้าไม่เข้ากับหน้าตา แต่วันนี้มันวันหยุดที่น้อยนักจะมี เลยขอนอนอืดสักหน่อย กลับถูกไอ้เปี๊ยกโทรมาด้วยซะได้ จะนอนต่อก็นอนไม่หลับ ผมเป็นพวกตื่นแล้วตื่นเลย แถมยังได้ยินเสียงกุกกักจากด้านนอก ญาติวายังตื่นเช้าเหมือนทุกวัน

   บ้านผมอยู่กาญนะจ๊ะบุรี ผมเข้ามาเรียนในกรุงเทพกับเพื่อนวา ทีแรกตกลงกันไว้ ผมมาแชร์อยู่กับมันบ้านญาติวาจะได้ไม่ต้องไปหาห้องให้วุ่นวาย แต่มันดันโดนระเห็จไปอยู่วิทยาเขตเหนือ กลายเป็นผมอยู่กับญาติมันคนเดียว ลุงกับป้าแกใจดี รู้จักเห็นหน้าค่าตากันตั้งแต่ผมยังแก้ผ้าโดดน้ำตก ถึงงั้นก็ยังเกรงใจ ไม่ใช่ลูกหลานแท้ๆ

   ผมลองหาหอแถวมหาลัยอยู่ ดันเต็มหมดทุกห้อง ริวมันอยู่บ้านกับพ่อแม่ไม่สะดวก มิทปัจจุบันผมยังไม่รู้เลยห้องมันอยู่ไหน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เดี๋ยวบอกอยู่ห้องเพื่อนคนนี้ เดี๋ยวไปอยู่กับเพื่อนคนนั้น ซึ่งไอ้เพื่อนมันแต่ละคนโคตรไม่น่าไว้ใจ ผมถามอะไรก็บ่ายเบี่ยง คนที่พอรู้เรื่องของมิทมากสุดคงมีแต่ริว ไอ้ผมไม่ใช่พวกเซ้าซี้ มันไม่บอกก็คือไม่บอก เดี๋ยวมันมีอะไรคงมาบอกเอง ผมคิดอย่างนั้น

    โชคดี ไอ้เปี๊ยกเพื่อนผมอยู่หอในกำลังย้ายออก ผมเลยเข้าไปอยู่ต่อ แม้จะไม่สะดวกสบายเท่ากับบ้านที่อยู่ตอนนี้ แต่มันสบายใจมากกว่า

   ผมเก็บของเสร็จตั้งแต่เมื่อคืน บอกลุงกับป้าไว้ล่วงหน้าแล้ว เหลือแค่งัดตัวเองจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัวย้ายถิ่นฐาน ความจริงลุงกับป้าตื้อให้ผมอยู่ต่อเหมือนกัน ผมยังคงยืนยันคำเดิมว่าจะลองไปท่องโลกกว้างตามประสาลูกผู้ชาย อ้างไปเรื่อย

   อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมลงมาชั้นล่างช่วยลุงป้ายกของขึ้นท้ายกระบะไปขาย ก่อนไหว้ลาไปตามทางของตัวเองพร้อมกระเป๋าเป้หนึ่งใบ ระยะทางระหว่างบ้านที่ผมพักกับหอในไม่ไกลเท่าไหร่ เดินทางไม่กี่นาทีก็ถึง ผมติดต่อกับอาจารย์ตรงเคาน์เตอร์ รับกุญแจห้องแล้วขึ้นไปยังที่ซุกหัวนอนแห่งใหม่

   มองเลขห้องก่อนเคาะประตู ความจริงไขเข้าไปเลยก็ได้ แต่เผื่อไว้เป็นมารยาท

   ไม่ถึงนาที ประตูเปิดออกพร้อมรูมเมท ต่างคนต่างอึ้ง

   แม่เจ้า... ขาว ขาวมาก จุดที่สะดุดตาจนผมมองค้างคือริมฝีปากนี่แหละ! นี่ผู้ชายแน่เหรอวะเนี่ย?? ริมฝีปากอิ่มๆ แถมยังดูแดงอมชมพู แมร่มม โคตรน่าจูบเลย รูมเมทผมออกมาทั้งสภาพเปลือยท่อนบนเส้นผมเปียกลู่คงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เชร้ดแม่ม ตรูมาขัดจังหวะเขาใช่ไหมเนี่ย

   “เข้ามาก่อน” เขาเปิดประตูหลบทางให้ผมเดินเข้าไปด้านใน

   “กูชื่อปีโป้ เรียกโป้ก็ได้ ขอพูดแบบภาษาพ่อขุนนะ คิดว่าน่าจะสไตล์เดียวกัน แล้วมึงชื่ออะไร”

   อุบ๊ะ ไม่เลวๆ ดีกว่าพวกทำตัวดูดี ตรงๆ แบบนี้แหละค่อยโอเคหน่อย กับการอยู่เป็นรูมเมทจนกว่าจะจบ

   “กูชื่อซัน” ผมตอบ เขายิ้มรับเล่นเอาผมเคลิ้มไปชั่วขณะ เฮ้ยๆๆ มึงจะเคลิ้มทำมะเขือเผาอะไรไอ้ซัน มึงเป็นผู้ชายนะว้อย ส่วนไอ้คนตรงหน้าถึงจะหล่อออกสวยแต่มันก็มีดุ้นเหมือนมึงนั้นแหละ ผมด่าตัวเองในใจอย่างดุเดือด ใจเย็นไอ้เสือ ฟู่วว

   คนตรงหน้ามองตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัว(?) อย่างพิจารณาถ้าเป็นคนอื่นผมคงซัดหงายไปแล้ว แต่สำหรับคนนี้ ไม่รู้อะไรดลใจให้ยกเว้น คงเพราะแววตาไม่สื่อว่าอยากมีเรื่องมั้ง

   “มึงนี่หุ่นดีชะมัดเลยซัน” คำพูดต่อมาทำให้สติผมบินไปดาวอังคาร เผลอหลุดสีหน้าเอ๋อโดยไม่รู้ตัว โป้หัวเราะสดใส เคลิ้มไปอีกรอบ น่ารัก... เฮ้ยยยย กลับมาก่อนๆๆ อย่าเพิ่งไปที่อื่นไอ้สติบ้านี่ ต้องโทษอากาศวันนี้มันร้อนสัสจนผมต้องใส่เสื้อกล้ามมา

   “อ่า... ขอบใจ แล้วเตียงกูอยู่ฝั่งไหน?” ผมชิงถามก่อนโดนดาเมจให้สติหลุดอีกรอบ คราวนี้มันคงกู้กลับยาก ผมกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง สภาพไม่ดีไม่แย่ในความคิดผม

   “ของกูฝั่งซ้าย มึงฝั่งขวา หรืออยากเปลี่ยน?” เจ้าตัวเลิกคิ้วถามแบบคูลๆ ผมลูบหน้าพรืด เออ เห็นๆ กันอยู่ผมจะไปถามทำซากอ้อยอะไร ฝั่งซ้ายมีผ้าปูเรียบร้อย ไอ้ที่ว่างอยู่ฝั่งขวาเป็นของผมอย่างไม่ต้องสงสัย ผมส่ายหัวตอบโป้ โยนของตัวเองขึ้นเตียง อีกฝ่ายใจดีมาช่วยจัด แปบเดียวข้าวของผมเรียบร้อย ใจดีแบบที่เจ้าเปี๊ยกบอกจริงๆ ด้วย

   หางตาผมเห็นไม้อะไรบางอย่างตรงมุมห้อง ถือวิสาสะเดินเข้าไปหยิบ มันคือไม้ที? บนโต๊ะฝั่งโป้มีกระดานเขียนแบบ พอๆ กับโป้ที่ชะงักกับหนังสือเรียนของผม เอาล่ะเหวย ผมว่าไอ้เปี๊ยกมันลืมบอกเรื่องสำคัญที่สุดกับพวกเราไปแล้ว

   “วิศวะ? / สถาปัตย์?”

   คำพูดลอยๆ เป็นเชิงถามดังออกมาจากปากเราทั้งคู่ สองคณะนี้ไม่ถูกกัน ใครๆ ก็รู้ ผมกับโป้จ้องหน้ากันเขม็ง คิ้วขมวดบรรยากาศรอบตัวตอนนี้หากใช้คำของเจ้าเปี๊ยกบรรยายคงมาคุได้ที่ ก่อนพวกเราจะ...

   “ฮ่าๆๆ!”

   หัวเราะออกมา โป้ยักคิ้วใส่ผมอย่างกวนๆ แม่ง กวนส้นพอๆ กับผมเลย

   “ถึงคณะจะไม่ถูกกัน แต่ใช่มีเรื่องคอขาดบาดตายสักหน่อย ยินดีที่ได้รู้จัก ซันวิศวะ”

   “เออ ส่วนใหญ่ก็แค่แข่งกัน หมั่นไส้กันเองมากกว่าจะต่อยตี บอกไว้ก่อนถึงเป็นรูมเมทแต่งานแข่งกีฬาคณะกูไม่ออมมือนะเว้ย โป้สถาปัตย์”

   “หึ อย่าหลุดกากแล้วกัน”

   “เชี่ย ปากดีงี้ เจอกันในสนามดีกว่าว่ะ”

   เราจับมือกันแบบแมนๆ รูมเมทของผมคนนี้ ไม่เลวเลยเนอะว่างั้นมั้ย? มันอาจจะเป็นบุพเบอาละวาดก็ได้
   
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่11 ย้ายห้องหอ [UP!1/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 01-09-2015 22:07:33
แปะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่11 ย้ายห้องหอ [UP!1/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-09-2015 22:07:58
ชอบมากๆ   :mew1: 
อยากฟัดพุงแมวบ้าง พี่เฟย์อดทนอีกนิดนะคะอย่าเพิ่งลงต่ำไปกว่านั้น
ซันโป้ กรุบกริบสุดๆเลยค่ะ โมเม้นท์เปิดประตูมาเจอรูมเมทโดนใจเนี่ย
ฟรุ้งฟริ้งชวนละลาย แต่คงเป็นเพื่อนกันไปก่อนเนอะแอบรักกันเบาๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่11 ย้ายห้องหอ [UP!1/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 01-09-2015 22:47:10
คู่ซันโป้ น่าสนใจๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่11 ย้ายห้องหอ [UP!1/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lovekodak ที่ 01-09-2015 23:32:02
ลืมเรื่องสำคัญที่สุดเลยนะ เจ้าเหมียว 55555+     :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่11 ย้ายห้องหอ [UP!1/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: omelet ที่ 02-09-2015 03:49:11
ตามเรื่องมาตั้งแต่แรก เพิ่งได้มีโอกาสคอมเม้นท์. เราชอบเรื่องนี้มากอยู่นะคะ ฟีลกู้ดเบาๆดี.

แอบรอติดตามซันโป้ ทีแรกนึกว่าจะเขียนให้ไม่ถูกกัน แต่พอมาแนวนี้แล้วปลื้มเลยยย. มุ้งมิ้งมาก  :-[
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่11 ย้ายห้องหอ [UP!1/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 02-09-2015 08:03:48
แบบนี้ก็ลงคตัวแล้วล่ะเหลือแต่ให้สองคู่เค้าจีบกีนไปอิอิ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่11 ย้ายห้องหอ [UP!1/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 03-09-2015 19:29:48
อยากอ่านซันโป้.  น่าสนุก.  พี่เฟย์ถนอมน้องปอนด์หน่อยนะ. อิอิ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่11 ย้ายห้องหอ [UP!1/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 04-09-2015 08:42:14
 :z13:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่11 ย้ายห้องหอ [UP!1/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 04-09-2015 16:47:47
 :jul3:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่11 ย้ายห้องหอ [UP!1/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 05-09-2015 15:30:15
ในที่สุดก็ได้เป็นแมวเลี้ยงในคอนโดสูงงงงง

ซันโป้ แมนๆ น่ารักอะ o13 :-[
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่11 ย้ายห้องหอ [UP!1/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 09-09-2015 20:16:04
มาปูเสื่อรอค่ะอิอิ  o13
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่11 ย้ายห้องหอ [UP!1/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 09-09-2015 21:58:40
ปอนด์น้อยน่ารักจัง
อยากเลี้ยงแมวเลย อิอิ
รอตอนต่อไปนะคะ
 :mew1: :mew1: :mew1:




หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่12 งานกีฬา [UP!10/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 10-09-2015 22:12:41
วายที่12 งานกีฬา

   อรุณเบิกฟ้า นกกาโบยบิน ออกหากินร่าเริงแจ่มใส เราเบิกบานรีบมาเร็วไว ยิ้มรับวันใหม่ยิ้มให้แก่กัน~

   สวัสดียามเช้ากับที่อยู่ใหม่ แมวบนคอนโดสูงใจกลางกรุง ใครรู้จักเพลงที่ผมร้องด้านบนถือว่าเราเป็นพวกเดียวกันแล้วครับ กาลเวลาช่างผ่านไปไวเหลือเกิน

   “ทำอะไรอยู่ลูกแมว เมื่อคืนบอกว่าโป้กับซันแข่งกันตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ นี่มันจะเที่ยงแล้ว ถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวไม่ทันพี่ไม่รู้ด้วยนะ”

   เสียงทุ้มนุ่มจากเจ้าของห้องควบตำแหน่งทาสแมวทำลายบรรยากาศของผมหมด ขณะนี้ผมกำลังยืนเก๊กหล่ออยู่ตรงระเบียง รับลมเย็นๆ บนชั้นสูงลิบ พลางมองก้อนเมฆและผู้คนตัวเท่ามดด้านล่าง ที่กล่าวไปทั้งหมด มโนล้วนๆ พี่เฟย์ปิดกระจกไม่ให้ผมออกไปด้านนอกเพราะวันนี้ลมแรงมาก กลัวผมจะปลิวตกตึกไปซะก่อน ผมไม่ได้ตัวเล็กขนาดนั้นสักหน่อย

   พอลองเปิดประตูดู อือหือ บอกทีนี่คือลมไม่ใช่พายุ...

   “เปิดทำไม เดี๋ยวปลิวลงไปข้างล่างพี่ช่วยไม่ได้นะ รอเก็บซากบนพื้นอย่างเดียว” ประตูกระจกโดนคนตัวโตเดินมาปิดจากทางด้านหลังผม แผ่นหลังสัมผัสกับแผ่นอกกว้าง กลิ่นน้ำหอมออกเย็นๆ แบบผู้ใหญ่ ผสมกับกลิ่นขนมอบอวลชวนฟิน ผมหันกลับไปกอดหมับเอาหน้าซุกๆ อกมือเนียนลูบกล้ามพุง

   ความชอบของผมยังมีอีกอย่าง นอกจากชอบวายและของหวานสัตว์เล็กทุกชนิดแล้ว ยังชอบกล้ามแบบพองาม มาดผู้ใหญ่ อ่า ฟิน สมัยก่อนไม่กล้าทำยังเขินอยู่ พักหลังความสนิทเสริมความหนาบนใบหน้า ผมกอดน้วยบ้างเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเองพอๆ กับพี่ชายชอบฟัดผมนั่นแหละ

   วงแขนอุ่นกอดหมับ จมูกโด่งซุกกลุ่มผมนิ่มเหมือนขนแมว กลิ่นแชมพูกับสบู่ที่จงใจเลือกให้เป็นกลิ่นวานิลลา อารมณ์ตอนนี้เหมือนหมาตัวโตกับลูกแมวตัวเล็กนัวเนียคลอเคลียกัน บรรยากาศอบอุ่นฟรุ้งฟริ้ง

   ผมมาอยู่กับพี่เฟย์ได้สักพักแล้วครับ จนล่วงเข้าสู่เทศกาลแข่งกีฬาของมหาลัย แต่ละคณะจะส่งตัวแทนมาแข่งกีฬาและกิจกรรมอื่นๆ กัน อย่างผมตัวเท่าเมี่ยงกีฬาอะไรอย่าได้หวังกับเขา ทำหน้าที่แหกปากเป็นกองเชียร์ที่ดีอย่างเดียว

   เมื่อคืนโป้กับซันที่อยู่ด้วยกันอย่างปกติสุข โทรมาหาผมครับ เจ้าตัวบอกว่างี้

   /เฮ้ยไอเปี๊ยก พรุ่งนี้ฉันแข่งบาสมาเชียร์ดิ/ น้ำสียงสุดห้วนแถมยังบังอาจเรียกผมเปี๊ยกมีแต่ซัน

   “ใครเปี๊ยก ไม่เปี๊ยกเฟ้ย เขาเรียกว่าโตอย่างพอเพียง” คำนี้ผมเจอในเน็ตมา โคตรจะเข้ากับผมเลย ขอยืมใช้หน่อยแล้วกัน

   /อือหือ เอาที่สบายใจเลยเปี๊ยก แล้วตกลงมาดูใช่มะ นี่แข่งกับโป้เชียวนะ/ ประโยคนี้มาผมหูผึ่ง อะไรนะ! ใครมันเป็นคนจับฉลากเนี่ย วิศวะเจอกับสถาปัตย์รอบแรกเลยเหรอ มันจะดุเดือดไปไหม แต่ผมเป็นเพื่อนที่ดี ต้องเล่นตัวนิดนึงครับ หม่อมแม่สอนไว้

   “ไม่เอาอ่า ไปไม่มีเพื่อน”

   /ใครมันลืมบอกเรื่องคณะของฉันกับโป้/ อึก สะอึกเลยครับ ดีนะสองคนนั่นเป็นพวกโอเคทั้งคู่ ไม่ตีกันห้องแตก ผมเหงื่อตกจนพี่ชายมอง

   “ยอมไปแล้วๆ กี่โมง”

   /บ่ายโมงเริ่มแข่ง/

   “โอเค งั้นไว้เจอกันที่มอ”

   /โป้บอกถ้ามาจะเลี้ยงติม แค่นี้แหละ/ แล้วมันก็วางสายไป พี่ชายเข้าแทรกทันที เหมือนมีเงาทาบทับด้านหลัง ผมหันไปมองเพราะกำลังนอนคว่ำหน้าจิ้มโทรศัพท์เล่นอยู่

   “ไปไหน?”

   “พรุ่งนี้ซันกับโป้แข่งบาสให้ผมไปเชียร์” พี่เฟย์พยักหน้ารับ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของพวกเราทั้งคู่ วันนี้เลยนอนกลิ้งเล่นไม่ต้องรีบเข้านอน

   “น่าเสียดาย พรุ่งนี้พี่มีออเดอร์ต้องทำขนมให้ลูกค้าไปด้วยไม่ได้”

   ผมพลิกตัวมานอนหงายดันคนที่อยู่ด้านบนให้ถอยห่าง

   “เสียใจด้วยนะพี่ อดเที่ยวมหาลัยย้อนวัย พี่ขยับออกสิแบบนี้มันอึดอัดนะ” คนฟังเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มไม่น่าไว้ใจ ผมกระดึบๆ คลานหนี สุดท้ายโดนลากขากลับไปฟัดอยู่ดี

   “ย้อนวัย? นั่นสินะ เขาว่ากันว่ากินเด็กเป็นอมตะ ลองสักหน่อยดีไหม” ใบหน้าหล่อยื่นเข้ามาใกล้ ผมใช้มือดันๆ ออก กลับถูกจับไปจูบซะนี้ อ๊ากกก อย่ามาทำให้ผมใจเต้นรัวมากไปกว่านี้ กลัวมันจะหลุดออกมาจากปากจริงๆ ให้ตาย

   “พอแล้ว เลิกแกล้ง” เสียงอ่อยๆ ทำให้พี่ชายส่ายหัว ไม่ได้รู้ตัวเลยสินะว่าไอ้ท่าทางเหมือนลูกแมวโดนรังแกแบบนี้มันยิ่งทำให้น่าขย้ำ เฟย์ต้องนับหนึ่งถึงล้านในใจ ใช้นิ้วโป้งลูบๆ แก้มนุ่มที่ขึ้นสีแดงจากความเขิน เจ้าลูกแมวหน้าบางเอ๊ย

   “เลิกก็ได้ พี่ถามอะไรอย่าง เคยจูบมั้ย?” น้ำเสียงถามเหมือนสงสัยจริงๆ สร้างความไม่พอใจให้กับหนุ่มโสดตั้งแต่เกิดจนเพิ่งมีแฟนคนแรกเป็นผู้ชายวัยทำงานแสนเพอร์เฟค

   “เคยดิ! ทำไมจะไม่เคย” สีหน้ามั่นอกมั่นใจสุดๆ พลางนึกย้อนไป

   “กับใคร” ชะอุ๋ย เสียงเริ่มเข้ม เปลี่ยนจากความรู้สึกหน้าร้อนเป็นเย็นเฉียบ ปกติพี่เฟย์อยู่ในมาดพี่ชายแสนดีก็จริง แต่ผมพอเดาออกอยู่ว่าคนประเภทนี้ถ้าโกรธขึ้นมาต้องน่ากลัวมากแน่ๆ

   “ก็... ก็พี่ไง” พูดไปหลบหน้าไป เขินเว้ย กลับมาหน้าร้อนอีกรอบ ความจริงมีคนอื่นด้วย พ่อกับแม่ผมไง เหอะๆ ไม่นับเหรอ...

   พอผมตอบสีหน้าพี่เฟย์ดูดีขึ้นเยอะคล้ายจะอารมณ์ดีแบบแปลกๆ พอพูดออกมาชัดเลย อาเฮียอารมณ์ดีอะไร

   “งั้นแสดงว่าพี่ก็เป็นคนแรกสินะ แต่ปากแตะปากมันไม่เรียกว่าจูบ เค้าเรียกว่าจุ๊บ”

   “อ่อ แบบนี้นี่เอง ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย เข้าใจผิดมาตลอดเลย” เปิดโลกผมเลยแฮะ ปกติอ่านพวกนิยายมังงะเยอะก็จริง เขาพิมพ์ว่าจูบหมดหลังจากสะ สอดลิ้น! โอย... ไม่ๆ ผมชักเดาชะตากรรมตัวเองได้ลางๆ ยกมือปางห้ามญาติอย่างด่วน

   “ไม่เอา พี่คิดอะไรอยู่ ไม่เอาๆๆ”

   “ร้องเป็นแมวเลยไอ้ลูกแมว รู้แล้วสิว่าพี่คิดจะทำอะไร สาบานเลยว่าไม่ทำมากกว่านี้แน่นอนเพราะเรายังไม่พร้อม ถ้าหากไม่ชอบจริงๆ จะสั่งให้พี่หยุดก็ได้”

   ผมกำลังอ้าปากเถียง อีกคนประกบปากลงมาทันที ฮืออ แม่จ๋าช่วยด้วยลูกกำลังถูกพี่ชายปล้ำจูบ สัมผัสนุ่มบนริมฝีปากเหมือนกับทุกที แต่มีอะไรบางอย่างแปลกไป ผมรู้สึกว่ากำลังถูกคุกคามต่างจากปกติ มือหนาลูบแผ่นหลังผมเบาๆ ปลอบให้ผ่อนคลายลง

   ระหว่างคนถูกสอนจูบครั้งแรกกำลังหลับตาปี๋ คนรุกเร้าสุดแสนจะอารมณ์ดี ลิ้นร้อนเลียริมฝีปากเล็กเป็นเชิงบอกก่อนจะสอดเข้าไปลิ้มรสภายใน ลูกแมวตัวแข็งทื่อ พอโดนหยอกเย้าเกี่ยวลิ้นนุ่มเล่นก็อ่อนยวบเป็นเยลลี่ สักพักคนรุกต้องผละออกอย่างเสียดาย มือใหม่หัดจูบไม่ควรหักโหม

   รสติดตรงปลายลิ้นมันปลุกนิสัยเสียๆ ออกมา อีกนิดคงไม่เป็นไร เด็กน้อยในอ้อมแขนเลยถูกจุ๊บต่ออีกหลายที คล้ายเป็นเห็นหางหมาป่าสะบัดๆ มีหัวใจลอยพร้อมเสียงจุ๊บๆ พอผละออกกลายเป็นลูกแมวหางฟูหน้าแดงก่ำ ภาพเจ้าของห้องตอนนี้ไม่ใช่พี่ชายที่แสนดี แต่เป็นผู้ชายคนหนึ่งมองร่างด้านใต้ด้วยสายตาคมราวกับเห็นเหยื่อ บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปดูร้าย

   ต้องของคุณที่เหยื่อตัวน้อยมัวแต่เหม่อสติไม่เข้าร่างหลังโดนฤทธิ์จูบแบบผู้ใหญ่เลยทำทันสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปแบบชัดเจน เฟย์ชะงักยกมือปิดหน้าสงบสติอารมณ์แล้วยิ้มอบอุ่นไล้นิ้วชี้บนแก้มเนียนเล่น

   “สติบินไปไหนแล้วเจ้าลูกแมว ไปอาบน้ำไป เหม็นตุๆ แล้ว” ก่อนจะอดใจไม่ไหวเผลอขย้ำไปซะก่อน ประโยคหลังได้แต่คิดในใจ

   ดวงตาสีดำกระพริบตาปริบๆ เห็นพี่ชายเป็นแบบเดิมก็จริง แต่สัมผัสเมื่อครู่ยังไม่จางหาย สองมือยกปิดหน้ากลิ้งซ้ายกลิ้งขวา กลายเป็นเฟย์มองอย่างอึ้งๆ แทน ร่างสูงหลุดหัวเราะพรืด คงต้องถอยออกไปก่อนให้เด็กน้อยปรับตัว ดีเหมือนกัน ถือซะว่าไปหาอะไรทำจะได้ไม่ฟุ้งซ่านอีก

   “ดิ้นเสร็จไปอาบน้ำซะล่ะ”

   เสียงประตูปิดพร้อมพี่ชายเดินออกไปจากห้อง มือเล็กแง้มบอกจนมั่นใจแล้วว่าไร้เงาหมาป่า ลูกแมวเด้งตัวมานั่งหน้าแดงก่ำ เขิน เขินหนักมาก ให้บรรยายความรู้สึกตอนนี้คือ บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ จะว่ารู้สึกดีก็ใช่ทรมานก็ไม่เชิง มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่รู้จัก พาให้หวั่นใจเล็กๆ

   สุดท้ายสะบัดๆ หัวไล่อาการพวกนั้นทิ้ง แล้วเผ่นเข้าไปอาบน้ำ เวลาผ่านไปสติเข้าที่เข้าทางค่อยโผล่หัวออกมาดูพี่ชาย ในสายตาเฟย์ตอนนี้ เห็นลูกแมวหัวยุ่งตัวหนึ่งกำลังเกาะประตูที่แง้มอยู่โผล่มาแค่ครึ่งหน้า มองมาที่ตัวเอง พอยิ้มให้กลับหดหัวเข้าไปใหม่ คงจะทำตัวไม่ถูก

   แน่นอนเฟย์มีวิธีรับมือ เยลลี่สีแดงถูกนำออกจากตู้เย็น หั่นผลไม้สดใส่ราดนมสดแบบที่ลูกแมวชอบยกชูขึ้นหลอกล่อ

   “กินมั้ย”

   “กิน~”

   เสียงระรื่นเหมือนกับลืมเรื่องราวก่อนหน้านี้ไปจนหมด ผมเดินตัวปลิวเข้าไปรับถ้วยเยลลี่มาตักหม่ำหน้าทีวี พี่เฟย์เดินตามมานั่งข้างๆ ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย กว่าจะรู้สึกตัวอีกที อาการประหม่าหายไปหมดสิ้น ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ ขนาดตัวผมเองยังงงๆ

   ถึงจะเป็นแบบนั้น พอเอาเข้าจริง ผมนึกย้อนเหตุการณ์เมื่อคืนทีไร รู้สึกหน้าร้อนทุกทีเหมือนอย่างตอนนี้ นิ้วสากจับหูคนซุกอก

   “ยังเขินอยู่เหรอ งั้นคงต้องจูบบ่อยๆ จะได้ชินเนอะ”

   “มาเนอะอะไรพี่ พอเลยผมจะไปมหาลัยแล้ว”

   ผมดันอกพี่ชายออก เจ้าตัวยอมถอยโดยดี ก่อนมือจะเชยคางแล้วก้มลงมาจุ๊บที่ริมฝีปาก ไหงผมเห็นอนาคตตัวเองลางๆ ปากผมกำลังตกอยู่ในอันตราย!

   “พี่บ้า!” เอาหัวโหม่งแม่ง

   ผมคว้ากระเป๋าสะพายข้างเดินหนี วันนี้ไม่มีเรียนผมเลยใส่ชุดพละของมหาลัยกับกางเกงยีนพร้อมรองเท้าผ้าใบคู่ใจ พี่ชายเดินมาส่งตรงประตู

   “เงิน มือถือ คีย์การ์ดเอาไปหมดรึยัง” ผมเปิดกระเป๋าเช็ค ครบทุกอย่างเลยพยักหน้ารับหงึกๆ

   “เดินทางดีๆ ระวังตัวด้วย”

   “คร้าบคุณพ่อ” ผมรับเสียงยานแบบกวนๆ

   “เดี๋ยวเถอะ เอากล่องนี้ไปแบ่งเพื่อนกิน ข้างในเป็นคัพเค้ก ถือดีๆ เดี๋ยวเละหมด” พี่ชายส่ายหัวหน่ายๆ ยื่นกล่องใส่ขนมมาให้ พอรับมาจะเดินออกประตูดันถูกตีก้นจนสะดุ้ง

   “หมั่นไส้”

   “ตาแก่หื่นกามกินเด็ก!” ผมแว้ดใส่ รีบเผ่นไปกดลิฟท์ พี่ชายยืนชะงักค้างอยู่หน้าประตู หันมาอีกทีเจ้าตัวดีลงลิฟท์ไปแล้ว เฟย์ลูบหน้าพรืดบ่นพึมพำ

   “ยังเลขสองไม่แก่สักหน่อย...”

   
   ผมนั่งกอดกล่องขนมอยู่บนรถไฟฟ้า โชคดีมาทันก่อนรถออก ไม่งั้นคงต้องรอขบวนต่อไป พอหยิบมือถือดูนาฬิกา ตายล่ะวา นี่มันบ่ายโมงแล้ว กว่าจะไปถึงคงแข่งครึ่งแรกกันเสร็จ กลิ่นหอมจากขนมฝีมือพี่ชายทำให้ผมโล่งใจ เอาหน่า อย่างน้อยๆ ก็มีของกินไปเซ่น

   ทุกคนเป็นแบบผมรึเปล่า เวลาไหนที่รีบจะรู้สึกทุกคนช้าไปหมด รถไฟฟ้าที่ว่าไวผมยังรู้สึกช้าเลย ไม่ต้องพูดถึงรถในมหาลัย แล้วยังคนเยอะสุดๆ รถไปผ่านห้องสมุดกับผ่านคณะแพทย์แทบร้าง แต่รถผ่านโรงยิมปลากระป๋องดีๆ นี่เอง

   ผมกระโดดลงจากรถทันทีที่ถึงโรงยิมก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าไป เห็นคนกำลังวิ่งแข่งในสนาม เสียงเชียร์จากสองคณะนี้ดังมาก คนเต็มแสตนหมด สาวแท้สาวเทียมตามมากรี๊ดหนุ่มจากสองคณะเด็ด ระหว่างมองหาที่นั่ง เห็นมิทโบกไม้โบกมือแถวแสตนหลบมุม

   ต้องเดินเลาะหลบคนกว่าจะถึงที่หมายผมแทบสำเร็จวิชาหลบหลีกพลิ้วไหวดุจสายน้ำ มิทวิ่งขยับเข้ามาหาปากถาม ตาเล็งถุงขนม

   “ไหงมาช้านัก พวกนั้นแข่งจนจะหมดรอบแรกอยู่แล้ว”

   “ถามคนช่วยมองหน้าคนด้วย จ้องแบบนี้นึกว่าถามขนม ยังให้กินไม่ได้ ต้องรอซันกับโป้ก่อนค่อยกินพร้อมกัน!”

   ผมยืนยันหนักแน่น พูดแข่งเสียงโหวกเหวกทั้งหลาย มิททำหน้าเซ็ง ริวหัวเราะยื่นขวดน้ำมาให้ ผมรับมาดื่มอึกๆ ไม่สนว่าใครจะกินไปแล้ว ยังไงก็เพื่อนกัน ชิวๆ

   “เฮ้อ สดชื่น ตอนแรกคิดว่าไม่ทันรอบแรกซะอีก” ถามพลางมองไปบนสนามแข่ง ส่วนใหญ่ผมไม่รู้จัก ที่ชัดเจนคือซันกำลังชู้ตลูกลงห่วง แม่นยำสวยงามเสียงเชียร์กระหึ่มกว่าเดิมอีก คะแนนก็สูสี ดุเดือดอย่างที่คิดไว้เลย

   “มีเหตุนิดหน่อย เลยต้องเลื่อนเวลาแข่ง ปอนด์ฝากของหน่อย ฉันกับมิทไปซื้อน้ำแปบ อีกเดียวจะหมดครึ่งแรกแล้ว ไม่มีน้ำให้ไอ้มืดซันมันโวยตาย”

   จะขำเพราะคำว่าไอ้มืดนี่แหละ ซันมันแค่คนผิวเข้มไปเรียกมันซะ แต่ถ้าเทียบกับพวกเพื่อนแต่ละคนหรือโป้ ถือว่าซันมันเกรียมจริง ริวขาวสมเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น มิทเองก็ครึ่งเห็นว่ารัสเซีย ส่วนผมจีน โป้คนเหนือ ช่วงนี้ผิวคล้ำขึ้นจากการรับน้อง สมัยมาใหม่ๆ ขาวกว่านี้

   นึกถึงผมยังไม่เห็นโป้เลยนี่หว่า พยายามมองหาคนสูงโปร่งในสนามดันมีหลายคน สายตาไปสะดุดเข้ากับชายคนเดียวใส่ชุดหลีดหญิงไปวิ่งอยู่ในสนามแข่งกำลังแย่งลูกกับซันอย่างดุเดือด มิน่าที่ชายโห่สาวกรี๊ดกันเยอะๆ น่าจะมาจากเจ้านี่ส่วนหนึ่ง

   จะว่าไปหน้าคุ้นๆ นะ

   “วิศวะ!! วิศวะ!! วิศวะ!!”

   “สถาปัตย์!! สถาปัตย์!! สถาปัตย์!!”

   “กรี๊ด! โป้วิ่งเบาๆ เดี๋ยวกระโปรงเปิด” เสียงกระเทยที่นั่งไม่ไกลจากผมเท่าไหร่ยกมือป้องปากตะโกนลงสนาม พลังเสียงยิ่งกว่าพวกแสตนอีก

   เฮ้ย! เดี๋ยวนะ โป้ โป้เรอะ!!

   ผมหันขวับคอแทบเคล็ด มองชัดๆ ไอ้คนใส่ชุดหลีดหญิงมันโป้จริงๆ ด้วย เสื้อแขนกุด กระโปรงสั้น ผมรากไทรถูกมัดสองจุ๊กผูกโบว์สีประจำคณะสถาปัตย์บนหัว เอิ่ม ขนหน้าแข้ง มันไม่เยอะยุบยับเหมือนผู้ชายบางคน แต่มันก็แบบผู้ชายมากกว่าผู้หญิงอยู่ดี เวร ผมมัวดูอะไรเนี่ย

   ยกมือกุมขมับดีหน่อยใต้กระโปรงมันเป็นกางเกงบาส คือ โป้ ไม่รู้จะพูดอะไรเลยเพื่อน

   จากที่ผมดู ไม่รู้จงใจรึเปล่า แต่เหมือนว่าซันกับโป้สองคนนี้จะประกบกันเองมากกว่า เพื่อนร่วมทีมเหมือนเป็นส่วนประกอบในสนาม แต่ละคนไม่มีใครยอมใครเหมือนแค้นกันมาสักชาติ ถ้าผมไม่รู้ว่าทั้งคู่เป็นรูมเมทอยู่ห้องเดียวกันผมคงเข้าใจว่าเกลียดขี้หน้ากันแน่

   ไม่นานเสียงสัญญาณดังขึ้น หมดครึ่งแรก นักกีฬาทั้งสองทีมแยกไปหาทีมตัวเอง พอดีกับมิทริวกลับมาพร้อมน้ำเย็นหลายขวด ซันเดินตรงดิ่งมาทางพวกผม โป้พอเห็นผมก็เดินตามมาด้วย เสียงด่าไอ้ซันดังมาก่อนเลย

   “ไอ้สัส ยังจะตามมาอีก ไปเปลี่ยนชุดสิวะ มึงทำทีมกูไขว้เขวจนเสียไปตั้งสองแต้ม”

   “กูมาหาปอนด์ ไม่เสือกครับซัน”

   “กูว่าพวกไอ้พาสมันไม่เสียแต้มเพราะโป้หรอก แต่เป็นมึงมากกว่าซัน ตอนซ้อมเก่งชิบหาย ไมตอนแข่งพลาดบ่อยจังวะ” มิทแซวขัดสองคนกำลังพ่นภาษาพ่อขุนกันอย่างดุเดือด ผมมาเกาะราวติดสนามท่ามกลางสายตาแปลกใจของคนอื่น จะอะไรซะอีก โป้กับซันเล่นเดินมาหาผมทั้งคู่ ริวเลยยื่นน้ำให้ผมส่งให้สองตัว

   “อะไรเข้าฝันให้ใส่ชุดนี้อะโป้”

   ผมถามพลางแจกขวดน้ำกับผ้าเช็ดเหงื่อให้ ของซันมันมีของมันเอง ของโป้ไม่มี แทนที่จะกลับคณะดันเดินมาทางนี้ ปากมันด่า ถึงงั้นมันก็ยื่นผ้าตัวเองให้ซันเช็ดเหงื่อแล้วมันค่อยเอามาเช็ดตัวเอง โอ้โหเฮ้ย !! ชักอยากกลับไปอยู่หอในแล้วสิ

   “สาวในคณะยุเลยแต่งเล่นๆ กลับคณะก่อน โค้ชจ้องตาเขียวแล้ว จะเปลี่ยนเสื้อด้วย” โป้ยิ้มสดใสโบกไม้โบกมือให้ผม แล้วยักคิ้วกวนซันก่อนเผ่นกลับคณะตัวเอง ไอ้ซันแยกเขี้ยวไล่หลังไม่ติดว่าเดี๋ยวมีปัญหาคงชูนิ้วกลางใส่ ผมมองตามโป้ไปมีพวกหลีดหญิงใส่ชุดเหมือนโป้ด้วย จัดเต็มกันชะมัด ทั้งที่เพิ่งวันแข่งรอบแรกหรือว่าเห่อของกันแน่หว่า

   “เสียดาย ถ้าปอนด์มาไวกว่านี้จะเห็นไอ้ซันน้ำพุ่งออกจากปากตอนเห็นโป้ในชุดนั้นตอนแรก” มิทพูดอารมณ์ดีไม่สนรังสีฆ่าฟันจากไอ้ซัน

   “มึงเลิกทำหน้าเป็นหมาหวงกระดูกแล้วกลับเข้าทีมได้ระ” ริวชี้มือไปทางกลุ่มวิศวะที่รอซันไปรวมเพื่อคุยอยู่ เจ้าตัวพยักหน้ารับโยนผ้าขนหนูโปะใส่หัวผม เหม็นสลัด กลิ่นเหงื่อพวกเอ็งสองตัวรวมกันมันไม่ได้เป็นกลิ่นโรสแมรี่นะเฟ้ย

   สัญญาณเริ่มแข่งครึ่งหลัง มันกว่าเดิมอีก ขนาดผมยังเป็นไปกับเขาด้วยเชียร์มันทั้งซันทั้งโป้ ใครได้แต้มผมก็ดีใจทั้งนั้นแหละ แค่เอนๆ ไปหาโป้มากหน่อย อดีตรูมเมทผมกลับมาใส่ชุดบาสดีๆ สังเกตเห็นว่ามีผู้ชายผู้หญิงหลายคนเสียดาย ผิดกับซันดูโล่งใจเป็นล้านเท่า

   จากทีแรกสถาปัตย์นำสองแต้ม ก่อนถูกตีเสมอด้วยลูกชู้ตของไอซันสองรอบติด หลังจากนั้นสูสีต่างฝ่ายต่างสลับกับคนในทีมทำคะแนน จนเวลาใกล้หมดลูกสุดท้ายเพื่อนของซันชู้ตเข้าทำให้วิศวะชนะ

   เกมมีแพ้มีชนะ คนชนะดีใจไป คนแพ้เซ็งไปตามระเบียบ แต่ตอนจบจับมือกันดีไม่มีปัญหา แม้จะเห็นว่าบีบมือกันแรงเหลือเกิน โดยเฉพาะซันกับโป้ ใบหน้ายิ้มแย้มของโป้กับรอยยิ้มกวนส้นของซัน พี่เฟย์มอบพลังให้ผมด้วย ขอให้น้ำตาลในขนมพี่จะช่วยให้สองคนนั้นอารมณ์ดีไม่กระโจนต่อยปากกันด้วยเถอะ เพี้ยง!

   ซันโป้แยกคุยกับเพื่อนร่วมทีม คนที่มาเชียร์ พอทุกคนแยกย้ายถึงเดินมาหาพวกผมที่นั่งรออยู่

   “เหนื่อยมากแต่โคตรมัน”

   “เออ มันจนกูช้ำเลยเนี่ย หือ ได้กลิ่นขนม พี่เฟย์เอาขนมมาฝากด้วยสินะ ไหนๆ” โป้บ่นเซ็งๆ มานั่งข้างผมเอาถุงขนมไปแกะเลือกของตัวเองก่อนส่งให้ผมและคนอื่นๆ หยิบไปทานคนละชิ้นสองชิ้น

   ซันมันปาดครีมหน้าเค้กให้ผม ตัวเองกินแต่แป้งด้านใต้ชะโงกหน้าข้ามหัวมาดูแขนโป้

   “ไหนวะ ตอนกระแทกในสนามมึงช้ำเรอะ”

   “ไม่เท่ามึงหรอก กูจำได้ว่าศอกกูเข้าพุงมึงไปเต็มๆ เป็นไงมั้ง”

   โป้ยื่นมือข้ามตัวผมไปเปิดเสื้อซันดู เห็นกล้ามแบบคนออกกำลังกายกับรอยช้ำวงใหญ่แถวท้องด้านซ้าย ผมกินคัพเค้กด้วยดวงตาว่างเปล่า มีแรงกอดจากทางด้านหลัง ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอม มิทชัวร์

   “ผัวเมียเป็นห่วงกันต่อหน้าลูกชายไม่ดีนะ ดูปอนด์ทำหน้าเหม็นเบื่อใหญ่แล้ว” ได้ยินเสียงมันเคี้ยวคัพเค้กบนหัว ถ้ามีเศษขนมร่วงใส่หัวผมนะ มีเฮแน่ๆ มิท

   “หุบปากไปเลย มึงนี่ก็ชงจริง มันเป็นเรื่องภายในครอบครัว เขาไม่ให้เอามาพูดข้างนอก”

   ริวพูดเสริมเรียกเสียงหัวเราะก๊ากจากมิท สองตัวนี้เข้ากันดีเป็นลูกคู่ เลยโดนซันโป้รวมพลังตบหัวไปคนละที สมน้ำหน้า แม้ผมจะแอบเห็นด้วยในใจ อย่าไปบอกใครนะ

   “พวกมึงนั้นแหละเงียบให้หมด ไปแดกข้าว” ซันกอดคอผมขณะทุกคนเก็บข้าวของตัวเองลุกจากที่นั่งเตรียมออกเดินทางไปหาอะไรใส่กระเพาะ คงยังไม่ได้กินอะไรกันตั้งแต่เที่ยง ส่วนผมทานแล้วเรียบร้อย พี่ชายไม่ปล่อยให้อดแน่นอน

   “อย่าลืมไอติมด้วย ซันบอกโป้จะเลี้ยงอะ” ผมแทรกขึ้น ทุกคนหันมามอง โป้ยิ้ม ซันขยี้หัวจนผมยุ่ง

   “เออๆ กินข้าวตามด้วยไอติม พอใจยัง”

   “ดีงามมากๆ” ยกนิ้วโป้งให้เลย

   “จะไปกินที่ไหนกันดี ร้านตามสั่งข้างมอมั้ย ตรงนั้นมีร้านไอติมกับนมปั่นด้วย” โป้เสนอ ทุกคนเห็นด้วย เรานั่งรถมอไปลงใกล้ๆ จะได้ไม่ต้องเดินให้น่องโป่ง ระหว่างเดินอยู่ข้างทางจวนจะถึงร้านข้าว มีรถสีดำเงาวับอย่างกับรถพวกมาเฟียในหนังมาจอดเทียบด้านข้าง ซันกับโป้ดันผมไปด้านหลังมองรถคันนั้นด้วยความแปลกใจ

   ผิดกับมิท เจ้าตัวหน้าซีดสบถด่ายาวเหยียดแล้วหันมาบอกพวกผม

   “พ่อมารับแล้ว ฉันกลับก่อนนะ พวกนายไปกินกันเลย ไว้จะมาฉลองชัยชนะให้วันหลังนะเพื่อน” มิทตบบ่าซันก่อนเปิดประตูขึ้นรถคันนั้นไปอย่างรวดเร็ว จังหวะที่ประตูกำลังปิด ผมเห็นมิทคุยกับชายตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ด้านหลัง เขายกมือสั่งให้คนขับรถออกตัว ผมไม่เห็นหน้าแต่ความรู้สึกว่าอันตรายชัดเจนมาก ซันมองหน้าเครียดก่อนหันไปคุยกับริว

   “กูจำได้ว่ามิทมันบอกมีแม่คนเดียวไม่ใช่เหรอวะ”

   “ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ก็เพิ่งเจอพร้อมกับมึงนี่แหละ ช่างมันเหอะ ไอ้มิทไม่ใช่ไก่กา มันไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงกับอะไรโง่ๆ หรอก”

   “ขอให้มันเป็นแบบนั้นแล้วกัน” บรรยากาศมาคุ ซันจ้อง ริวจ้องตอบ โป้ปรบมือเสียงดังทำเอาผมสะดุ้ง

   “พวกมึงจะเล่นเกมจ้องตากันก็ตามสบาย แต่กูหิว ยังไม่แดกอะไรตั้งแต่เที่ยง กูพาปอนด์ไปนั่งรอในร้านล่ะ” โป้กอดคอผมเดินข้ามถนนเข้าร้านข้าว ซันถอนหายใจ ริวยักไหล่ก่อนเดินตามเข้ามาแล้วเริ่มสั่งอาหารเหมือนอดอยากมาหลายวัน

   หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น มิทมาเรียนตามปกติ ไม่มีท่าทีอะไรเลยสักนิด ผิวยังใสกิ๊งสมเป็นหนุ่มช่างดูแลตัวเอง ไม่มีรอยพกช้ำโดนทำร้ายร่างกายให้เห็น ผมโล่งอก ซันโล่งใจ ดูท่าพวกเราจะคิดมากไปเอง
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่12 งานกีฬา [UP!10/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 11-09-2015 01:42:14
ปัญหาครอบครัวสุขสันต์น่ารักกันจริงๆเลย อยากรู้ว่าใช่พ่อมิทจริงๆหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่12 งานกีฬา [UP!10/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 11-09-2015 02:44:45
อยากรู้เรื่องมิท :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่12 งานกีฬา [UP!10/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 11-09-2015 05:40:38
พี่เฟยก็คงยังคงต้องตอดเล็กตอดน้อยได้อย่างเดียวน่าสงสาร


คงอยากกินเจ้าแมวขี้อ้อนเต็มแก่แล้ว


ส่วนโป้กับซันนี่ทะเลาะกันแบบนี้เดี๋ยวลูกดกเต็มบ้านเต็มเมืองหรอกคิคิ


ส่วนมิกนี่น่าจะมีเสื่ย หรือมาเฟียมาหลงชอบเลยโดนตามที่หายไปนี่เพราะไม่ให้ออกมาเนื่องจากมิกจะหนีเปล่า?
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่12 งานกีฬา [UP!10/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-09-2015 09:12:18
 :mew1:  ขอคารวะให้กับตบะอันแก่กล้าของพี่เฟย์จริงๆเลย

มิทอาจจะมีร่องรอยอื่นๆในร่มผ้าหรือเปล่า
ซันโป้นี่กรุบกริบได้ใจอะ   o13 
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่12 งานกีฬา [UP!10/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 11-09-2015 14:36:40
พี่เฟยก็คงยังคงต้องตอดเล็กตอดน้อยได้อย่างเดียวน่าสงสาร


คงอยากกินเจ้าแมวขี้อ้อนเต็มแก่แล้ว


ส่วนโป้กับซันนี่ทะเลาะกันแบบนี้เดี๋ยวลูกดกเต็มบ้านเต็มเมืองหรอกคิคิ


ส่วนมิกนี่น่าจะมีเสื่ย หรือมาเฟียมาหลงชอบเลยโดนตามที่หายไปนี่เพราะไม่ให้ออกมาเนื่องจากมิกจะหนีเปล่า?

 :a5: ตกใจ แม่นมาก  o22
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่12 งานกีฬา [UP!10/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 11-09-2015 16:36:07
อยากอ่านซันโป้และคู่มิทด้วยนะสลับมาให้อ่านบ้างจิคู่มิทคงแซ่บน่าดู
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่12 งานกีฬา [UP!10/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-09-2015 20:04:04
หวานชื่นกับเฟย์ปอนด์  :กอด1:
แอบลุ้นกับคู่ซันโป้  :mew3:
อยากรู้เรื่องมิท :m28:
วากับริวจะมีคู่ไหม  :m17:
สุดท้ายเรารอตอนต่อไปอยู่นะ  :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่12 งานกีฬา [UP!10/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 11-09-2015 22:49:28
 o13
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่12 งานกีฬา [UP!10/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 11-09-2015 22:51:11
น่ารักดีอะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่12 งานกีฬา [UP!10/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 12-09-2015 08:05:44
พึ่งมาอ่านจร้าาาาา
น่ารักมากๆเลยเรื่องนี้ เป็นแบบฉบับของการใช้ชีวิตของหนุ่มวายสาววายเลยอ่ะ 5555555
แตาเราไม่ยักกะเจออะไรฟินๆ แบบคู่พี่เฟย์กะปอด์น หรือ ซันโป้ เรยอ่าาาาาา ><
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่12 งานกีฬา [UP!10/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 26-09-2015 17:23:10
รอน้ารอ แวะมาดัน
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่12 งานกีฬา [UP!10/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 02-10-2015 17:13:43
อ่านหมดแล้วสนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกก

จิ้มๆๆๆๆๆ  :z13: :z13: :z13:

ตอนต่อไปอยู่หนายยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่12 งานกีฬา [UP!10/9/58]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 03-10-2015 10:18:31
 :hao6: :z1:จิ้ม :z1: :hao6:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่13 อุ้งมือที่สาม [UP! 5/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 05-10-2015 19:22:19
วายที่13 อุ้งมือที่สาม

   ชีวิตแมวคอนโดสูงยังคงดำเนินต่อไป ผมนอนกลิ้งเล่นอยู่ในห้องพี่ชาย วันนี้อาเฮียหยุด เห็นว่าทำขนมเสร็จจะพาผมไปชอปปิ้ง ผมเลยแต่งตัวนอนรอ เสื้อผ้าทั้งหมดได้รับการสมนาคุณจากเจ้าของห้อง สร้างความกระจ่างแก่ใจผม ไม่ใช่ผู้หญิงเท่านั้นที่ชอบแต่งตัวตุ๊กตา คุณพี่ชายเองก็ไม่ต่าง เปลี่ยนจากตุ๊กตามาเป็นแมวตัวเป็นๆ อย่างผมเท่านั้นเอง

   “เรียบร้อย ทีนี้เหลือแค่เอาไปส่ง”

   ผมผงกหัวมองพี่ชายบรรจงวางขนมใส่กล่อง เจ้าตัวเดินไปมาแค่ไม่กี่รอบ ของทุกอย่างครบเตรียมออกเดินทาง ถ้าเป็นผมวนเวียนไปมาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะหาแต่ละอย่างเจอ

   “พี่ยังไม่บอกผมเลยว่าจะไปซื้ออะไรอะ”

   ร่างเล็กลุกจากโซฟาพลางบิดขี้เกียจ หยิบกระเป๋าสะพายอุ้งเท้าแมวมาใส่ วิ่งไปหาพี่ชายที่เปิดประตูรออยู่ก่อนแล้ว

   “ของในบ้านนิดหน่อย เอาไว้ไปถึงเดี๋ยวรู้เอง พี่จะให้เราเลือกด้วย”

   หมายความว่าผมต้องลุ้นระทึกไปตลอดทางสินะ จะอะไรได้หมด ยกเว้นแมว! มันเป็นประเด็นระหว่างผมกับพี่ สมัยก่อนไม่มีอะไรหรอก ผมเองก็เป็นคนรักสัตว์ที่บ้านเลี้ยงหมาไว้ตัว กระทั่งวันหนึ่งมีคนรู้จักเอาแมวเปอร์เซียขนสีน้ำตาลอ่อนมาฝากระหว่างทำธุระต่างจังหวัดสองสามวัน คนนั้นเขาเป็นหนึ่งในลูกค้าพี่เฟย์ ซื้อขนมเป็นประจำ อาเฮียเป็นคนรักสัตว์เลยอาสารับมาดูแลชั่วคราว

   ผมดีใจจะได้เล่นกับแมว เจ้าเปอร์เซียตัวนี้ถูกเลี้ยงมาแบบหรูหราไฮโซมาก ของเล่นที่นอนทุกอย่างล้วนเป็นของดีราคาแพง แมวไม่โดนทิ้ง พี่เฟย์อารมณ์ดี ส่วนผมฟินได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย ถ่ายรูปพี่ชายกับแมวได้เป็นโหลๆ ผู้ชายหล่อกับสัตว์โลกน่ารักคือดีงาม

   ช่วงเวลาแห่งความสุขมันคงจะดำเนินต่อไปหากผมไม่พบกับนิสัยสุดบรรยายเจ้าแมวตัวนั้นเข้า! ผมใช้ไม้หยอกแมวเล่นอยู่ดีๆ มันคึกจัดถลามาข่วนจนผมได้แผล ไม่เท่าไหร่ ผมเล่นกับหมาที่บ้านเล่นนัวบางทีได้แผลมาบ้างเหมือนกัน

   ต่อมา ผมรับอาสาแปรงขนแมว ทำตามวิธีที่พี่บอกทุกประการ ไม่แตะต้องอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด ถึงแบบนั้นมันก็ยังมาตะปบงับมือของผม

   “โอ๊ย อย่าข่วนสิ มันเจ็บนะ”

   ผมบ่นอุบ พี่ชายชะโงกหน้ามาจากทางระเบียงที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่

   “ทะเลาะอะไรกัน”

   “ขนุนข่วนผมอ่า” ฟ้องๆ งานนี้ต้องฟ้อง พี่ชายส่ายหัวเก็บฝักบัวรดน้ำเดินมานั่งรับที่แปรงขนไปจัดการแทน เจ้าเหมียวยอมอยู่นิ่งว่าง่ายแสนเชื่องผิดกับท่าทางโคตรพยศตอนอยู่กับผมลิบลับ

   “เราเผลอไปจับอะไรที่แมวไม่ชอบล่ะสิ”

   “งั้นเหรอ...” สบตาเจ้าเหมียวทำหน้าแบ๊ว สงสัยผมจะไปโดนจุดมันจริงๆ แมวเอาใจยากไม่เหมือนหมา ผมมองมันอย่างเข้าใจแกมขอโทษ ไว้วันหลังจับจะระวังกว่านี้นะ

   ระวังกับผีน่ะสิ! เอาความใจดีทั้งหมดของผมคือมาเจ้าแมวบ้า หลังจากเหตุการณ์แปรงขนผมเริ่มสังเกต ไม่ว่าผมทำอะไรเจ้าขนุนมันต้องข่วน ต้องกัดผมตลอด ขนาดผมนอนกลิ้งเล่นอ่านนิยายเฉยๆ มายังมารังแก พอพี่ชายโผล่มาปุ๊บ นั่งเลียขนเรียบร้อยราวกบผ้าพับไว้ ไอ้แมวตอแหล แง้

   ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมนอน เดี๋ยวนี้ผมย้ายตัวเองมานอนห้องเดียวกับพี่ชายแล้วครับ เหตุผลคือประหยัดค่าแอร์ สาเหตุหลักเพราะนอนซุกพี่ชายแล้วอุ่นดี... เขิล ผมปะแป้งเบิกบานคิดว่าเวลานอนเจ้าเหมียวคงไม่มากวนอีก ผมจะได้หลับอย่างเป็นสุข ก่อนชะงักกึกหลังเห็นภาพบาดตาตรงหน้า

   ชายร่างสูงในชุดนอนสมวัยกำลังนอนพิงหมอนอ่านหนังสือโดยมีแมวเปอร์เซียตัวน้อยนอนขดอยู่ใกล้ๆ ให้มือหนาลูบหัวเล่น ผมหรี่ตา

   “พี่ ไมมันมานอนนี่อะ”

   ตัวต้นเหตุการเปิดศึกแย่งชิงไม่รู้เรื่อง เลิกคิ้วมองผมหน้าหล่อๆ

   “คงติดคนล่ะมั้ง คุณทิพย์รักมากสงสัยตอนนอนจะให้ขึ้นไปนอนบนเตียงด้วย ปล่อยมันนอนไปเถอะ แมวตัวเดียวจะเปลืองพื้นที่เท่าไหร่เชียว”

   ผมพยักหน้ารับอย่างเสียมิได้ ก็นะ เตียงพี่ชายกว้างมาก เพราะพี่เฟย์ชอบนอนเตียงกว้างๆ กางแขนเหยียดขาสบายดีตามความสูง ผมจำใจปีนขึ้นเตียงไปนอน พี่ชายปิดไฟไม่นอนกอดผมเหมือนเคยเพราะมัวแต่ลูบแมว ผ่านไปสักพัก เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบอกว่าพี่ชายหลับไปแล้วเรียบร้อย ส่วนผมยังหลับไม่ลง

   อุ้งเท้าเล็กๆ มันยันหน้าผมอยู่ พอผมเขี่ยออกมันก็ยกกลับมาใหม่ แถมยังมาแทรกกลางระหว่างผมกับพี่เฟย์ ผมจ้องตาแมวในความมืด คิดจะอุ้มมันไปโยนทิ้งไว้ที่นอนเจ้าตัวมันดันข่วน ยุกยิกกันไปมากระทั่งพี่ชายตื่นเปิดไฟมาดูศึกขนาดย่อมระหว่างแมวสองตัว

   “ปอนด์พรุ่งนี้พี่มีทำงานเช้านะ เลิกเล่นกับแมวได้แล้ว”

   เล่น!? พี่ชายบอกว่าเล่น!! ผมกับมันแทบจะกินหัวกันอยู่แล้วเนี่ยนะเล่น ขนุนขู่ฟ่อพองขน ผมขู่ตาม

   “มันกวนผม ต้องเอามันไปนอนข้างนอก”

   “ไม่เอาหน่า อย่างอแงสิ แมวมันคงคิดถึงเจ้าของ เราโตแล้วเห็นใจน้องหน่อย”

   “ไม่ใช่น้องผม แค่สายพันธุ์ก็คนละเรื่องแล้ว” เจ้าขนุนเชิดหน้ามองราวกับจะบอกว่าเจ้าตัวพันธุ์ไฮโซ ส่วนผมเป็นแค่แมวดำธรรมดา ฮึ่ย อยากต้มแมวกิน

   “ปอนด์กลับไปนอนที่ห้องไหม”

   “นี่พี่ไล่ผมเหรอ!!”

   “พี่ไม่ได้ไล่... แค่พี่อยากนอน ง่วงมาก แมวมันไม่ยอมออกไปข้างนอกเราก็นอนไม่ได้เพราะมัน หรือจะเอามันไปนอนกอดแทนตุ๊กตาล่ะ”

   “ไม่มีทาง” ตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด

   “เห็นมั้ยล่ะ ทนหน่อยแค่สองสามวันเอง นะ เดี๋ยวพี่ทำขนมอร่อยๆ ให้กิน”

   พี่ชายขยับมาหอมแก้มผมดังฟอด ผมสะบัดหน้าหนี แยกเขี้ยวใส่แมวทิ้งท้ายแล้วสะบัดหางหอบหิ้วหมอนผ้าห่มตุ๊กตากลับไปนอนห้องตัวเอง มันเชิดหน้าชูตาอย่างผู้ชนะ สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร รอก่อนเถอะเดี๋ยวเราได้เห็นดีกันแน่

   ผมจิ๊กถุงมือทำสวนพี่ชายมาใส่ฟัดกับแมว ใช้สารพัดของเล่นแหย่จนมันไม่มีเวลาพักผ่อน แต่พอผมพักยก เจ้าเหมียวกลับคาบของเล่นเสนอหน้ามาท้าทายผมเอง เราจึงเปิดศึกกันครั้งแล้วครั้งเล่า แย่งพี่เฟย์กันอย่างดุเดือด ซึ่งส่วนใหญ่พี่ชายเอนไปทางแมวมากกว่า มันน่าน้อยใจนัก ทั้งที่ผมมาก่อนแท้ๆ อารมณ์แบบหลวงถูกน้อยแย่งความรักจากคุณใหญ่ไป ฮรือออ ชีวิตผมดราม่า

   สามวันผ่านไป มือถือพี่ชายดังขึ้น คุณทิพย์เจ้าของแมวมารับตัว มือนุ่มๆ ตามประสาหญิงดึงแก้มผมอย่างหมั่นเขี้ยว เจ็บ...

   “น่ารักจัง น้องชายเหรอค่ะ เหมือนแมวเลย”

   ครั้งแรกที่ผมรู้สึกขอบคุณขนุนในอ้อมแขนคุณนายยังสาว ไม่งั้นคุณทิพย์คงพุ่งเข้ามาฟัดผมยับแหง

   “ไม่ใช่ครับ พิเศษกว่านั้น ว่าแต่คุณทิพย์ไม่เห็นต้องลำบากเอาของมาฝากเยอะแยะเลย” เต็มปากเต็มคำ ขอเขินม้วนแปบ

   “อุ้ย ไม่ได้หรอกค่ะ อุตส่าห์ดูแลลูกสาวให้ฉันทั้งที แถมยังไม่ยอมรับเงินค่าเลี้ยงอีก”

   สองทาสแมวสนทนามหากาฬเรื่องเจ้าเหมียวเกือบชั่วโมง กว่าจะแยกย้ายกันด้วย ส่วนผม หลบไปนั่งแหย่ขนุน ปล่อยเจ้านายเขาคุยกันไป พอถึงคราวแยกกันแอบเหงานิดๆ แฮะ ผมมองตามเจ้าขนุนขึ้นรถจากไป พี่ชายลูบหัวลูบคาง ชินกับแมวอย่ามาทำกับผมดิ ถึงจะรู้สึกดีก็เถอะ

   “เหงาเหรอ งั้นเลี้ยงแมวสักตัวมั้ย” ตัวผมแข็งทื่อหันขวับไปตอบทันที

   “ไม่!”

   “ทำไมล่ะ? เราชอบแมวไม่ใช่เหรอ เห็นเล่นกับขนุนขนาดนั้น” ผมเบ้ปาก นั่นเรียกว่าสงครามแห่งเกียรติยศต่างหาก

   “ป่าวสักหน่อย แมวสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้” ผมกอดพี่เฟย์แน่น เอาหน้าถูกับกล้ามพุงแข็งๆ ฮึ่มๆ ไม่ยอมแบ่งให้แมวตัวไหนเด็ดขาด ของรักของข้า

   “น่าเสียดาย พี่อยากเลี้ยงสักตัว กำลังมองพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์อยู่พอดี”

   “หยุดคิดไม่ต้องเลย ที่บ้านพี่ก็มีตั้งสองตัว” ผมสวน บ้านพี่ชายเลี้ยงแมวครับ สองตัวพันธุ์วิเชียรมาศ

   “นั่นมันที่บ้าน พี่หมายถึงที่คอนโดต่างหาก”

   “ไม่เอาๆ ยังไงก็ไม่เอา” คราวนี้ไม่ใช่แค่กอด ผมก่ายพี่ชายเลย กลับมาห้องอยู่กันสองคนไม่ต้องสนใจสายตาประชาชี

   “น่ารักออก ดูสิ หูพับๆ ตัวอ้วนกลมขาสั้นๆ ดวงตากลมโตใสแจ๋ว” พี่ชายยังไม่ละความพยายาม เดินกระเตงผมไปนั่งบนโซฟาเปิดรูปในมือถือให้ดู มันน่ารักแหละ แต่มันมาแย่งความรักไปจากผมอ่า ไม่อยากมีอุ้งมือที่สามนะ อีกอย่างคือ ไม่ว่าจะคอม มือถือพี่ชายมีแต่รูปแมวทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่แมวตัวเองที่บ้าน ก็หามาจากในเน็ต รูปฟงแฟนตัวเองแทบไม่มี ผิดกับเครื่องผมลิบลับ มีรูปพี่ชายเพียบแถมรูปวายอีกเป็นกระบุง

   “เจ้าคนทาสแมว”

   “ขอบคุณที่ชม แล้วไม่ดีเหรอที่พี่ทาสแมว ถึงได้เป็นทาสเราอยู่นี่ไง” พี่ชายกอดผมฟัดๆ ผมเริ่มชินเลยไม่โวยวาย ก่อนคางแหลมจะมาเกยอยู่บนหัว

   “ไม่เลี้ยงก็ไม่เลี้ยง เลิกหึงซะนะเด็กน้อย” อ้อมแขนอุ่มกอดผมโยกไปมาเหมือนโอ๋เด็ก

   “ใครหึง ไม่มี มั่วๆ”

   “จ๊ะ ไม่หึง เจ้าแมวซึนเอ๊ย โอ๊ย! กัดคอพี่ทำไมปอนด์”

   “หมั่นไส้”

   “แล้วกันข้อหาร้ายกาจ”

   แล้วพี่ชายก็ไปทำงานวันต่อมาด้วยสภาพคอมีรอยแดงจนพนักงานทักกันระนาว พี่ชายอ้างว่าถูกแมวที่บ้านกัด แต่ละคนเลยบอกพี่เฟย์ตามใจแมวเกินไปจนเสียแมวชอบทำร้ายร่างกายเจ้าของ ไม่เจอเองสิจะได้รู้ ทาสแมวชอบหาเรื่องเจ็บตัวอยู่เลย รู้ทั้งรู้ว่าจะถูกเล็บ ถูกฟันขบ ทางพี่ชายน่ะเหรอ ไม่สำนึกหรอก

   “คิดอะไรอยู่ เปลี่ยนสีหน้าไปมาเดี๋ยวโกรธเดี๋ยวเขิน กำลังนึกถึงนิยายวายที่เพิ่งอ่านไปรึไง”

   เสียงทุ้มนุ่มดังข้างตัว กลับสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน หลังพี่ชายส่งขนมเสร็จ ก็พาผมออกมาซื้อของข้างนอก งานนี้พี่เฟย์ขับรถมาเองไม่นั่งรถโดยสายเหมือนเคย เห็นว่าจะขนของหลายอย่างจะได้สะดวกไม่ต้องหอบหิ้วขึ้นรถไฟฟ้า

   “คิดเรื่องใครบางคนนอกใจไปหาแมว”

   “ฮ่าๆ ยังไม่ลืมอีก อะไรจะผูกใจเจ็บขนาดนั้น ตอนนี้พี่ก็มีเราแค่คนเดียวไง ไม่เลี้ยงแมวที่ไหนแน่นอน แต่ขอเสพเป็นอาหารตาหน่อยนะ”

   พี่ชายพูดพลางมองด้านหลังระหว่างถอยรถเข้าที่จอด วันนี้วันหยุดคนเยอะได้ที่ โชคดีมีคันอื่นออก ไม่งั้นคงวนเป็นชั่วโมงกว่าจะได้จอดรถ

   “อะไรกัน แค่ผมคนเดียวยังเป็นอาหารตาไม่พอเหรอ”

   พอพี่ชายจอดรถเสร็จผมถลาไปเกาะแขนมองขึ้นด้านบนแก้มป่อง คนโดนดาเมจมองตาปริบๆ หันซ้ายหันขวาแล้วก้มลงมาเชยคางเล็กประกบปากจูบแบบผู้ใหญ่ อีกคนเริ่มระทวย คำพูดทุกอย่างถูกดูดหายไปหมด

   “ทำตัวน่ารักเองนะช่วยไม่ได้ ไปซื้อของกัน”

   ผมก้มหน้างุดใบหน้าแดงก่ำ เดินตามแรงจูงจากพี่ชายเข้าไปภายในห้าง หายเขินค่อยคิดบัญชีด้วยการงับแขนไปที พี่ชายไม่รู้สึกหัวเราะขำๆ

   “อะไร นี่กัดแล้วเหรอ นึกว่าโดนแทะซะอีก”

   “พี่นะพี่ ตกลงพี่จะบอกได้ยังว่ามาซื้ออะไร”

   มือหนากุมมือผมพามาแถวโซนของใช้ในบ้าน เดินลิ่วๆ ไม่สนใจพนักหงานสาวที่พากันมองจนเหลียวหลัง มาหยุดยืนแถวพรมปูพื้น ผมเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย

   “นี่ไงที่พี่จะซื้อ พี่ว่าตรงมุมโปรดของเราพรมมันไม่ค่อยนุ่ม นอนคงไม่สบายเท่าไหร่ เลือกเอาว่าอยากได้แบบไหน”

   ผมอ้าปากค้าง พี่ลงทุนยอมเปลี่ยนพรมเพื่อผมเนี่ยนะ คอนโดเปลี่ยนพรมทีไม่ใช่เรื่องเล็ก แถมราคาโซนที่พี่พามาไม่น่ารักเอาซะเลย

   “อันนี้เป็นไง ขนนุ่มๆ นอนไม่คันทำความสะอาดง่าย เลือกแบบฝุ่นไม่เกาะด้วยดีกว่า เราไม่ค่อยถูกกับฝุ่นเท่าไหร่หนิ”

   “พี่ มันแพงไปมั้ง ไม่เป็นไรหรอก ที่ห้องก็โอเคแล้ว” ผมยื้อแขนพี่ชายสุดชีวิต บ้านผมฐานะปานกลาง ใช้จ่ายแบบพอเพียง อันไหนไม่จำเป็นหรือแพงเกินไปจะหลีกเลี่ยงเสมอ ผิดกับคุณพี่ชาย ขานี้นอกจากทำงาน ทำขนมขายแล้วยังเล่นหุ้นอีก เงินในบัญชีผมไม่เคยเห็น คาดว่าคงเยอะน่าดู ไม่งั้นคอนโดห้องชุดติดรถไฟฟ้าพี่ชายคงซื้อขาดไม่ได้ เครื่องครัวอีก แต่ละอย่างผมแอบไปดูราคาในเน็ตหลายเครื่องแพงกว่าโน๊ตบุ้คสเปคสูง

   “ไม่ต้องคิดมาก พี่อยากซื้อเอง” รอยยิ้มอบอุ่นทำให้ผมยอมปล่อยแขนพี่ชาย ก็นะ เห็นซื้อของมีราคาแต่พี่ไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย คอนโดซื้อมาตั้งแต่ตอนมันสร้างใหม่ๆ ราคาคนละเรื่องกับตอนนี้ลิบลับ พวกข้าวของเครื่องใช้ซื้อแบบดีจะได้ใช้ไปนานๆ และไม่ซื้อแบบแพงโอเวอร์เกินไป อีกอย่างเงินทุกบาททุกสตางค์พี่ชายหามาด้วยกำลังของตัวเอง จะซื้อของปรนเปรอตัวเองสักหน่อยคงไม่ผิด ตายไปเงินไม่ได้ใช้ มีโอกาสต้องหาความสุขให้ตัวเอง แน่นอนว่ายังมีเงินอีกส่วนแบ่งเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น

   คำพูดทั้งหมดด้านบนเป็นสิ่งที่พี่ชายเคยพูดกับผม

   “โอเคครับ”

   “เด็กดี ปะเลือกซื้อของกันต่อ เอาเป็นว่าอันไหนเราเห็นว่าไม่จำเป็นก็คอยห้ามพี่นะ”

   ผมพยักหน้ารับ ถัดจากพรมที่ช่วยกันเลือกก็เป็นหมอนอิงกับของใช้จำเป็นในบ้านอย่างอื่น ถือโอกาสซื้อของเข้าห้องพอดี มีหลายอย่างจวนจะหมด

   ผู้หญิงช้อปปิ้งว่าน่ากลัวแล้ว วันนี้ทำให้ผมได้รู้ว่า พี่ชายผมช้อปน่ากลัวไม่แพ้กัน ข้าวของทุกอย่างแบ่งกันถือ ส่วนพรมจะมีคนนำไปส่งและปูพื้นให้ กลับบ้านเคลียของรอช่างมาตามนัด และแล้วผมก็ได้มุมส่วนตัวเป็นของตัวเอง พรมนุ่มๆ สำหรับนอนกลิ้ง หมอนอิงหอมๆ ซักอย่างดีกับกองตุ๊กตาของผมเอง

   อยู่ไปอยู่มาชักชิน พี่เฟย์ตามใจผมจนเคยตัว ถ้าไม่เยอะเกินไป เวลาพี่ชายซื้ออะไรให้ผมก็ไม่ขัดอีก ผมอยู่ในมุมนอนเล่นโน๊ตบุ้คเห็นเบอร์เกอร์ให้แมวมุดเข้าไปนอน นึกอยากจะมีบ้างเลยไปตะแง้วๆ ขอพี่ชาย

   “พี่ ผมอยากได้มั้งอะ พี่หาให้หน่อยได้มั้ย เดี๋ยวผมเอาตังเก็บช่วยออก”

   “หืม หาได้อยู่หรอก แต่มันทำความสะอาดยากนี่สิ” เริ่มปฏิบัติการอ้อน เอาหัวไปถูๆ ไถๆ คลอเคลีย

   “หน่านะพี่ อยากได้อะ”

   “โอเค พี่ขอดูก่อนแล้วกันว่ามีรึเปล่า ถ้าไม่มีก็อดไปนะ”

   “คร้าบ” รับคำเสียงยาว เชื่อว่าระดับอย่างพี่เฟย์ต้องหาได้อยู่แล้ว

   ถัดจากวันนั้นผ่านไปสองอาทิตย์ ผมกลับมาจากมหาลัยเห็นเบอร์เกอร์อยู่ที่มุมโปรด สิ่งแรกที่ผมทำคือพุ่งตัวเข้าไปซุก อ่า...นุ่มฟินจังเลย

   “เท่าไหร่อะพี่” ผมโผล่มาแค่หัว ถามราคาคนนั่งอ่านหนังสือบนโซฟา

   “ช่างมันเถอะ พี่ซื้อให้ ล่วงหน้าวันเกิดเลยแล้วกัน” ความจริงจะซื้อให้เฉยๆ เลยก็ได้ ราคาไม่กี่พัน สำหรับพี่ชายสบายมาก แต่เดี๋ยวลูกแมวคิดมากเลยอ้างเรื่องวันเกิดแทน ทุกวันนี้ยังไม่รู้ตัวเลยมั้ง เรื่องพี่ชายใช้เงินปรนเปรอตัวเองเดือนละเท่าไหร่ ถ้ารู้มีหวังเก็บข้าวของหนีกลับบ้านแหง เรื่องอะไรเฟย์จะบอก การมีลูกแมวอยู่ด้วยคือความสุขหลังการทำงานเหนื่อยเชียวนะ!

   “ขอบคุณฮะพี่” ลูกแมวมากอดหอมแก้มขอบคุณ เห็นมั้ย ความสุขแบบนี้จะหาได้ที่ไหนถ้าลูกแมวไม่อยู่

   วันหนึ่งโป้ถูกเฟย์ชวนให้มากินข้าวที่ห้องด้วยกัน เพราะเจ้าตัวจะลองทำอาหารสูตรใหม่ ซันเลยติดสอยห้อยตามมาด้วย

   “สวัสดีครับเฮีย รบกวนหน่อยนะครับ” ซันยกมือไหว้คนมีอายุมากกว่า เฟย์ยิ้มรับถือว่าเป็นครั้งแรกที่เจอกันจะๆ ที่ผ่านมาเจอกันผ่านๆ ตอนไปรับส่งลูกแมว แต่คุยเอ็มกันบ้างเป็นระยะ ไม่ใช่เรื่องอะไรเลย เรื่องลูกแมวทั้งนั้น ในเมื่อซันเองก็เป็นสายให้พี่ชายไม่ต่างจากโป้

   “ไม่เป็นไร พี่เป็นคนบอกให้โป้ชวนเรามาเอง”

   “แบบนี้เค้าเรียกติดสินบนป่าวเฮีย” ซันยังคงนิสัยกวนได้คงเส้นคงวา คนถูกแซวหัวเราะไม่ปฏิเสธมียักคิ้วให้อีกต่างหาก

   “ไม่รู้สินะ ขอบใจมากที่ช่วยดูปอนด์ให้”

   “เพื่อนกันเฮีย แถมไม่ได้ดูแลอะไรขนาดนั้น อีกอย่างปอนด์ทำให้มีที่ซุกหัวนอน” หนุ่มวิศวะพูดติดตลก เฟย์เข้าใจ ลูกแมวของเขาไม่ใช่เด็กน้อยที่ต้องให้ใครดูแลตลอดเวลา ปอนด์สามารถใช้ชีวิตอยู่เองได้สบาย ที่มหาลัยเองถ้าไม่มีเหตุอะไร ต่างคนต่างเรียนพบกันช่วงว่างตามประสาเพื่อน ปอนด์เป็นเด็กมีเหตุผลเอาตัวรอดได้ แต่ตัวเล็กอย่างนั้น ถ้าเกิดมีอะไรขึ้นมาจะสู้เขายังไงไหว แค่คิดก็กลุ้มแล้ว

   “อย่าห่วงเลยครับ ปอนด์ไม่เหมือนพวกผม ไม่มีเรื่องทะเลาะกับใครออกจะมีแต่คนรักด้วยซ้ำ” โป้เสริมให้เฟย์ใจชื่นขึ้น เขาถอนหายใจเปิดประตูให้แขกสองคนเข้าห้อง

   “ฉันคงคิดมากไป เห็นข่าวเกี่ยวกับเด็กมหาลัยแล้วหวาดเสียวทุกที”

   “ลูกแมวอยู่ไหนอะเฮีย” ซันถามดวงตาสอดส่องหาเพื่อน เฟย์ชี้ไปทางมุมโปรด มีเบอร์เกอร์กลางกองตุ๊กตากับหมอนอิง รอบๆมีหนังสือการ์ตูนวายกองประปราย

   “หลับอยู่ในนั้น อย่าไปกวนล่ะ ตื่นมาจะให้เลี้ยงเอง” เจ้าของห้องขู่ขำๆ ซันยกมือทั้งสองข้างยอมแพ้ ส่วนโป้ตามเฟย์เข้าไปในห้องครัว ถึงแบบนั้นนิสัยซุกซนอย่างซันมีหรือจะปล่อยเฉย ย่องเข้าหาแหวกกองตุ๊กตา แง้มเบอร์เกอร์ดูเห็นเพื่อนตัวเองนอนกอดหนังสือการ์ตูนหน้าปกไม่น่าไว้ใจหลับฟี้

   “เฮียบอกห้ามกวน” เสียงรูมเมทตัวเองหลอกหลอนด้านหลังทำเอาซันสะดุ้ง หันไปแยกเขี้ยวใส่

   “ตกใจหมด อย่าโผล่มาเงียบๆ ดิ ไม่ได้กวนแค่ดูเฉยๆ” โป้หรี่ตาไม่ไว้ใจ ระหว่างสองคนทะเลาะกันเสียงกระซิบ ลูกแมวขยับตัวพร้อมสายตาจ้องมาจากในห้องครัว ทั้งคู่เลยยอมถอยออกมาอย่างสงบ ซันปิดเบอร์เกอร์ไว้ตามด้วยตุ๊กตาโปะเหมือนตอนแรก

   ถ้าลูกแมวไม่เคยบอกพวกเขาว่าอาเฮียเป็นพี่ชายคนโต มีน้องอีกคนเป็นลูกหลงอายุห่างจากเฮียหลายปีเลยติดนิสัยช่างดูแลมา พวกเขาคงเข้าใจว่าเฮียไม่ใช่แฟนลูกแมว แต่กลายเป็นพ่อเต็มตัว สุดจะโอ๋ตามใจ

หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่13 อุ้งมือที่สาม [UP!5/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 05-10-2015 19:59:02
น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่13 อุ้งมือที่สาม [UP!5/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 05-10-2015 20:00:01
พี่เฟย์สุดยอด.  ทั้งรักทั้งตามใจสุดๆ.  อยากได้แบบนี้มั่ง
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่13 อุ้งมือที่สาม [UP!5/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-10-2015 20:10:05
ทาสแมว.  :o8:  น่ารักมากๆค่ะพี่เฟย์
พี่จะรอวันเข้าหอเหรอคะเนี่ย  :mew1:   คนดีที่คุณแม่วางใจ. เหอๆๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่13 อุ้งมือที่สาม [UP!5/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-10-2015 20:14:03
แมวน้อยก็อ้อนเก่งพี่เฟย์ก็ทั้งรักทั้งหลง อิจฉาอ่ะ :o8: :o8:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่13 อุ้งมือที่สาม [UP!5/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 05-10-2015 23:27:20
ตามใจสุดๆอะ :o8:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่13 อุ้งมือที่สาม [UP!5/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 06-10-2015 00:04:19
 :ling3:


อยากเห็นปอนด์ไปซุกในเบอร์เกอร์บ้างงงงงงงงงงง  :ling1: (อันมันใหญ่ขนาดให้คนไปซุกนอนได้เหรอคะ?)

เป็นพี่เฟย์นี่ฟินจริงๆ อิจฉา!!
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่13 อุ้งมือที่สาม [UP!5/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 06-10-2015 00:31:36
น่ารักอะ พี่เฟย์ตามใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่13 อุ้งมือที่สาม [UP!5/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 06-10-2015 03:50:11
:ling3:


อยากเห็นปอนด์ไปซุกในเบอร์เกอร์บ้างงงงงงงงงงง  :ling1: (อันมันใหญ่ขนาดให้คนไปซุกนอนได้เหรอคะ?)

เป็นพี่เฟย์นี่ฟินจริงๆ อิจฉา!!

เพื่อปรนเปรอลูกแมวแล้ว อาเฮียไปแสวงหาจนได้ไซส์ของคนมาน่ะครับ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่13 อุ้งมือที่สาม [UP!5/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lovekodak ที่ 06-10-2015 07:57:16
น่ารัก น่าฟัดอ่ะ   มุ้งมิ้งมาก!
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่13 อุ้งมือที่สาม [UP!5/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 06-10-2015 11:33:33
มันฮาก้อตรงที่หึงแมวนี่แหล่ะ 55555555
ก้อตะงิดะตงิดกีบชื่อตอนอยู่ ^0^
พี่เฟย์นี่ทาสแมวที่หนึ่ง ไม่เป็นสองรองใครเรยอ่ะ ยอมๆๆๆๆ 555
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่14 หม่ำ หม่ำ [UP!8/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 08-10-2015 18:15:17
วายที่14 หม่ำ หม่ำ

   กลิ่นหอมของอาหารลอยมาถึงเบอเกอร์ที่มีใครบางคนซุกอยู่ เสียงพูดคุยดังเข้ามาในหู สุดท้ายลูกแมวโผล่หัวออกจากที่นอน ผมดำเส้นละเอียดยุ่งเหยิง ใบหน้างัวเงียเต็มกำลัง ซันหันมาเห็นพอดีหลุดหัวเราะก๊ากไม่เกรงใจ

   “เฮ้ยโป้! ดูปอนด์ดิ”

   “ขี้เซาสุดๆ”

   คนโดนเรียกหันไปมองตามขำพรืด เฟย์ละจากครัวให้โป้จัดการต่อ เดินเข้าห้องเอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำบิดหมาดมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ลูกแมวตื่น หัวทุยไถมือหนา ยื่นแขนมากอดเอวออดอ้อนงึมงำในคอไม่เป็นภาษา

   “ตื่นได้แล้วไอ้ตัวยุ่ง ซันกับโป้รอกินข้าวอยู่นะ”

   ทีแรกยังนึกจะอ้อนต่ออีกหน่อย พอได้ยินชื่อเพื่อนปุ๊บตาโตหันขวับไปทางห้องครัว เห็นซันกับโป้พากันยิ้มแบบมีเลิศนัย รู้สึกใบหน้าร้อนวูบ เด้งผึงจากที่ประจำยืนจังก้า

   “มาตั้งแต่เมื่อไหร่!”

   “สองชั่วโมงก่อนมั้ง ใช่มั้ย” โป้ตอบพลางหันไปถามซัน เจ้าตัวพยักหน้ารับยิ้มตาพราวไม่เลิก เดินสวนกับเจ้าของห้องมาขยี้หัวเพื่อนตัวเล็ก

   “ไง อ้อนซะน่าเอ็นดูเชียว ไหนบอกว่าหล่อแมน ตะกี้มันเด็กน้อยชัดๆ”

   ผมปัดมือบนหัวออกแยกเขี้ยวใส่

   “แมนเฟ้ย หล่อมากด้วย” เสียงเล็กโวยวายใส่แก้เขิน พี่ชายส่ายหัวช่วยกันยกของกินเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ

   “อย่ามัวแต่โวยวาย ไปล้างหน้าล้างตาจะได้กินข้าว”

   “ช้าหมดอดนะเฟ้ย”

   ซันพูดจบผมรีบเผ่นเข้าไปล้างหน้าออกมานั่งประจำที่อย่างไว ซันกินอย่างกับยัดกระสอบ แถมพี่ชายกับโป้ทำอาหารอร่อยมาก ขืนชักช้ามีหวังหมดของจริง มื้อนี้มีทั้งอาหารไทยอาหารเทศ พี่เฟย์กับโป้คุยกันเรื่องอาหาร ซันกับผมก่อศึกแย่งกินจนโดนอีกสองคนดุ ตักกับข้าวใส่จานพวกเราจะได้เลิกตีกันแบบหยอกๆ

   ทานอาหารเสร็จ จานชามถูกเก็บล้าง บนโต๊ะเปลี่ยนเป็นพวกของกินเล่นทั้งหลาย ผมมองอย่างแปลกใจ ก่อนจะร้องอ้อเมื่อเห็นขวดแอลกอฮอล์ที่ซันถือออกมาจากในครัว

   “นึกว่ามากินข้าวกันอย่างเดียวซะอีก นี่มีก๊งเหล้ากันด้วยเหรอ”

   ผมนั่งกินขนมหวานปิดท้ายอาหาร มองคนอื่นรินเหล้าแจกจ่าย กลิ่นหอมลอยออกมา ผมยื่นหน้าไปดมฟุดฟิดตรงแก้วพี่เฟย์ ตรงขวดไม่มียี่ห้อแปะ

   “ไหนๆ มาทั้งที่พี่เลยเอาเหล้าผลไม้ที่หมักไว้ให้ลองชิมไง” พี่เฟย์ชูขวดเหล้า คุ้นๆ ว่าเฮียแกใช้ผสมกับอาหารไม่ก็ขนมบางอย่างด้วย

   “กำลังดีเลยเฮีย ถ้าหมักนานกว่านี้อีกคงแจ่ม” ซันยกนิ้วโป้ง

   “ขอถามหน่อยครับ เฮียเก็บไว้ที่ไหน” อันนี้ผมเองก็สงสัยนะ ห้องพี่เฟย์ไม่รก แต่ก็ใช่จะมีห้องลับสำหรับหมักพวกนี้ได้ พี่ชายชี้ไปทางห้องครัว

   “ใต้เคาน์เตอร์ทำเป็นที่เก็บปรับอุณหภูมิน่ะ”

   ถึงบางอ้อกันทั่วหน้า ผมเขยิบๆ ไปหาเฮีย จ้องน้ำสีสวยในแก้วเป๋ง น่าลอง จะเหมือนน้ำผลไม้รึเปล่าหนอ

   “พี่ ขอลองหน่อย”

   “ไม่ได้” แขนยาวยกแก้วหลบไปซะไกล ผมเริ่มปีนขึ้นตักหนา เอื้อมมือไม่เฉียดสักนิด แขนจะยาวเกินไปแล้ว

   “ให้ลองหน่อยนึงไม่เป็นไรมั้งเฮีย” โป้พูดพลางจิ้มสลัดผลไม้เข้าปาก ระหว่างจิบน้ำในแก้วไปด้วย
 
   “นั่นสิเฮีย เมาไปก็อยู่ห้อง” ซันเสริม ผมพยักหน้ารับยกนิ้วให้ซันกับโป้ พี่ชายถอนหายใจยอมเอาแก้วใหม่รินให้ผมครึ่งแก้ว เวลาผ่านไปสักพัก พี่ชายหันไปมองนาฬิกาบนผนัง เข็มสั้นชี้เลขสิบเอ็ด บอกเวลาห้าทุ่มโป้กับซันเลยขอตัวกลับ พี่ชายไปส่งด้านล่าง ในห้องเหลือผมแค่คนเดียว

   ทางสะดวก จัดการรินให้ตัวเองเพิ่มหนึ่งแก้วเต็มแล้วกระดก รสชาติมันเหมือนกับน้ำผลไม้ เจือรสขมนิดๆ ผมไม่เข้าใจว่ามันอร่อยตรงไหน แบบนี้ต้องชิมอีกนิดจะได้รู้รสมากขึ้น...

   เสียงประตูดัง ผมนั่งฟุบหน้าบนโต๊ะรู้สึกร้อนไปทั้งตัว สมองมึนๆ ไม่ต่างจากคนเมารถ พี่เฟย์มาแตะบ่าผมเขย่าเบาๆ

   “ปอนด์ไปอาบน้ำเร็วจะได้นอน”

   “พี่ฮะ” ไม่รู้ทำไม ผมรู้สึกอยากกอดอยากฟัดพี่ชายจัง ถ้าเป็นปกติผมคงคิดแล้วค่อยกระโจนใส่ มาคราวนี้ไม่รู้ความกล้าทั้งหลายมันผุดมาจากหลืบไหน ยื่นแขนกอด แก้มถูกล้ามพุง พอคิดอยากสอดมือเข้าไปลูบก็สอดเลย อืม หุ่นพี่ชายดีจังน้า

   “ไอ้ลูกแมว! เมาแล้วใช่มั้ยเนี่ย เขามีแต่แมวขโมยกินปลา นี่ขโมยกินเหล้า!”

   พี่ชายพูดส่ายหัวเอือม พยายามแงะผมออกจากตัว ผมยื้อไม่ยอมก้มลงไปงับกล้ามพุงด้วยความหมั่นเขี้ยว พี่ชายร้องเฮ้ยหิ้วผมเดินเข้าห้องน้ำทั้งสภาพนั้น เสื้อผ้าโดนถอดออกเกลี้ยง พอน้ำเย็นแตะตัวผมสะดุ้งขยับหนี

   “ไม่เอาน้ำเย็น จะเอาน้ำอุ่น”

   น้ำเย็นหนาวผมชอบอาบน้ำอุ่นมากกว่า เห็นพี่ชายทำหน้าหนักใจเต็มที่นึกสงสัย หรือพี่เฟย์จะเมาเหมือนกัน?

   “น้ำเย็นจะได้สร่างเมา อย่างอแงน่าอาบแปบเดียว”

   “ไม่เอา จะเอาน้ำอุ่น” พี่ชายชอบอาบน้ำเย็นแต่ผมชอบอาบน้ำอุ่น สุดท้ายคนฟังทนเสียงแง้วๆ ไม่ไหวต้องเปลี่ยนไปเปิดน้ำอุ่นให้ ผมแช่น้ำอย่างเป็นสุข พี่ชายจะลูบจะถูสบู่ยังไงก็ไม่สน หารู้ไม่อีกคนนับหนึ่งถึงร้อยในใจ จับร่างเล็กกว่าล้างตัวห่อด้วยผ้าขนหนูพาไปที่เตียง

   ใช่ว่าเฟย์ไม่เคยอาบน้ำให้ใครมาก่อน อย่างเจ้าโฟมน้องชายตัวดีที่เฟย์ดูแลตอนเด็ก เพิ่งปล่อยแยกมาทำงานอยู่คอนโดตอนโฟมโต แต่กรณีนี้มันไม่เหมือนกัน เด็กน้อยที่เฝ้าอดทนรอคอยอย่างใจเย็น อาบให้เสร็จๆ พยายามไม่มองสำรวจอะไรมากเพื่อความปลอดภัยของเด็กน้อย

   “พี่เสื้อผ้าอ่ะ”

   ปากถาม ส่วนคนเมาไม่เจียมสังขารลุกจากเตียงทั้งที่ถูกห่อด้วยผ้าขนหนู เดินเซนิดๆ ไปหาตู้เสื้อผ้า ก้มๆ เงยๆหยิบชุดมาใส่ ผ้าเริ่มเลื่อนหลุด มือเล็กจับกระชับขึ้นสองสามรอบ พี่ชายเฝ้ามองอย่างในเย็น จนมันเลื่อนรอบสี่ดูท่าเจ้าตัวจะรำคาญปล่อยทิ้งมันดื้อๆ เจ้าของห้องสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ขาว...

   ร่างเล็กกำลังขะมักเขม้น ใส่ไม่ทันเสร็จโดนมือดีคว้าไปนั่งตักกอดแน่น จมูกโด่งสูดกลิ่นหอมสบู่จากแก้มนวล ผิวนุ่มอุ่นเพิ่งอาบน้ำใหม่ให้ความรู้สึกดี

   “พี่ปล่อยดิ ผมจะใส่เสื้อนอน”

   เด็กน้อยงอแง ระหว่างพี่ชายท่องขันติอยู่ในใจ

   “จูบก่อนแล้วจะปล่อย” พี่ชายต่อรอง เดาอาการต่อจากนี้ของลูกแมว คงจะโวยวายเขินหน้าแดงไม่ยอมทำแน่

   จุ๊บ

   เสียงพร้อมสัมผัสนุ่มตรงริมฝีปาก คนขอชะงักมองร่างในอ้อมแขนแบบอึ้งๆ แอลกอฮอล์ทำให้คนเรากล้ามากขึ้น นอกจากจะยอมทำตามที่ขอ มีหน้ามาเอียงคอมองอย่างสงสัย ยื้อตัวคิดจะหนีไปใส่เสื้อ ไม่มีทางซะหรอก!

   เชยคางเล็กแนบริมฝีปาก เลาะเล็มพลางสอดลิ้นเข้าไปพัวพันหยอกเย้ากับลิ้นเล็กไม่ประสา การจูบแบบผู้ใหญ่ทำให้คนอ่อนประสบการณ์เริ่มเบลอ มือหนาสอดลูบผิวเนียน เวลานี้ลูกแมวสับสนมึนงง รู้ว่ามีคนมาลูบสำรวจไปทั้งตัว จนมือนั้นเลื้อยลงไปส่วนล่าง ผู้ชายตื่นตัวง่ายกว่าผู้หญิง ไม่นานเด็กน้อยอ่อนต่อโลกก็หมดแรงคามือ

   เฟย์พยายามอย่างหนักในการท่องคำว่าขันติอยู่ในใจ เคยบอกย้ำหลายครั้ง ความจริงเขาไม่ใช่คนแสนดีอะไรนัก เนื้อแท้คือมนุษย์คนหนึ่งมีอารมณ์ความรู้สึกและความต้องการ

   ขันติ เฟย์ เด็กมันเมาอย่าเพิ่งหน้ามืด ขันติ... ขัน...

   “พี่...”

   เสียงเรียกสั่นพร่า ได้ยินอะไรบางอย่างขาดผึงในจิตใต้สำนึก

   ขันแตกแล้วเว้ย เฟย์จะไม่ทน!

   เด็กน้อยผู้ไม่รู้ชะตากรรมถูกวางลงบนเตียง เสื้อผ้าครึ่งๆ กลางๆ ถูกกอดทิ้งจนเหลือสภาพเปลือยเปล่า พี่ชายแสนดีเปลี่ยนร่างกลับเป็นหมาป่าเตรียมขย้ำลูกแมว ร่างสูงคร่อมทับอยู่ด้านบน ริมฝีปากจูบเม้มบนผิวนุ่ม คนรับสัมผัสพยายามความรู้สึกแปลกๆ ทิ้ง สุดท้ายต้องปล่อยไปตามสัญชาตญาณพร้อมกับความรู้สึกเจ็บเสียดด้านล่าง

   เล็บจิกบนบ่ากว้างระบายความรู้สึกที่อัดอั้น เสียงทุ้มพร่าปนหอบด้วยแรงอารมณ์กระซิบปลอบข้างหู แนบจูบบนขมับชื้นเหงื่อ ร่างเล็กขยับไปตามแรงถาโถมมันเป็นความรู้สึกที่อยู่ระหว่างความสุขกับความทรมาน

   แรงอารมณ์พัดผ่านไป รู้สึกว่าตัวโดนอุ้มลอยเข้าไปอาบน้ำใหม่อีกรอบ ผิวกายสัมผัสน้ำอุ่นทำให้ผ่อนคลาย แต่อาการอึดอัดในท้องกับเสียดด้านล่างยังคงไม่หายไป นิ้วยาวเปื้อนสบู่เหลวถูกใช้ทำความสะอาดสิ่งตกค้าง ร่างเล็กสะดุ้งงึมงำโอดโอย

   “พี่... เจ็บ”

   “อืม พี่รู้ แต่ต้องทำความสะอาดไม่งั้นจะปวดท้อง” น้ำเสียงทุ้มนุ่มคุ้นเคยแสดงถึงความเป็นห่วงทำให้อีกคนยอมให้ทำความสะอาด แม้จะยังขยับยุกยิกไปมาอยู่ตลอดก็ตาม

   เฟย์อุ้มปอนด์เช็ดเนื้อเช็ดตัวทาแป้งใส่เสื้อผ้าไปนั่งรอบนเก้าอี้ในห้องนอน ระหว่างพี่ชายกำลังเปลี่ยนผ้าปูเตียงใหม่ หลังจัดการให้ลูกแมวนอนเสร็จสรรพ เจ้าตัวคงประเภทเมาแล้วหายซึน พอใจค่อยหลับ ประเด็นสำคัญไม่ใช่ปอนด์ มันคือเขาเอง

   “เวร... นี่ทำอะไรไปวะเนี่ย”

   มือหนายกลูบหน้าพรืด มองไอ้ตัวเล็กที่หลับปุ๋ยซุกหน้ากับหมอน แอบรู้สึกผิดหน่อยๆ ถึงจะกล่อมจนเจ้าตัวสมยอมก็เถอะ แต่พอมองหน้าอ่อนเยาว์แล้วมันเหมือนตาแก่หลอกเด็กมากินยังไงชอบกล ที่ร้ายกว่านั้นคือ เขากำลังพอใจที่ได้เป็นครั้งแรกของปอนด์นี่สิ

   “ทำไปแล้วนี่ มีแต่ต้องรับผิดชอบล่ะนะ”

   ใบหน้าหล่อเหล่ายิ้มออกมา ก่อนก้มลงไปจูบหน้าผากเล็กแล้วฮัมเพลงออกจากห้องมาเก็บกวาดจานชาม พอเสร็จค่อยอาบน้ำเข้าไปนอนบ้าง


   ผมตื่นตามเวลาเดิม ที่แปลกคือพี่ชายไม่มาปลุกเหมือนทุกที แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดก็ตาม รู้สึกหัวหนักๆ คงเพราะน้ำผลไม้หมักของพี่ชายเมื่อวานแหงๆ รสชาติอร่อยแต่ผลลัพธ์ตามมานี่ไม่ไหว แอร์ในห้องยังคงเปิดเย็นฉ่ำ ผมลุกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน ก้าวแรกรู้สึกเสียด ก้าวสองเจ็บนิดๆ อะไรฟะ หรือเมื่อคืนผมเมาเอาก้นไปกระแทกแถวไหน

   ส่ายหน้าไล่ความคิดไร้สาระทิ้ง ถอดเสื้อผ้าอ้าปากหาวหยิบยาสีฟันบีบใส่แปรงดูหน้าแมวขี้เซากับหัวฟูๆ ที่เห็นทุกวัน ดวงตาสีดำกระพริบปริบๆ ยกมือแตะรอยแดงตรงอก ยุงกัดเรอะ ทำไมไม่รู้สึกคันทั้งที่มันเป็นจ้ำแดงมาก

   “เฮ้ย!!”

   ยุงบ้าอะไรวะแม่งกัดทั้งตัวเลย กระทั่งขาด้านใน เหงื่อเริ่มผุดบนใบหน้า บ้าน่า ไม่จริงมั้ง

   “ปอนด์ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง มึนหัวปวดเมื่อยตัวมั้ย ให้พี่เข้าไปช่วยอาบรึเปล่า” เสียงจากประตูห้องน้ำทำเอาผมสะดุ้งโหยง นึกถึงโจทย์ โจทย์ก็มา

   “ไม่เป็นไรพี่ ผมอาบเองได้”

   “ถ้างั้นมีอะไรเรียกพี่”

   ดูแลมากกว่าเดิม คล้ายคนมีชนักปักหลัง ผมรีบจัดการตัวเองด้วยความเร็วระดับสุดยอด แง้มประตูห้องน้ำดู พอไม่เห็นพี่ชายค่อยย่องมาใส่เสื้อผ้ายืนทำใจสามนาที เปิดประตูสู่ห้องนั่งเล่น ได้กลิ่นหอมของอาหารกับกลิ่นขนมอบอวลเหมือนทุกครั้ง

   ต่างคนต่างทานข้าวเงียบๆ ถึงจะพยายามทำตัวปกติทั้งคู่ มันมีบรรยากาศกระอักกระอ่วนบางอย่าง ผมหยิบเยลลี่ในตู้เย็นไปนั่งกินบนโซฟา สมองคิดหนัก เอาไงดีวะ หลักฐานชัดเจนไม่ได้ฝัน ผมกับพี่ชาย เอ่อ... แบบ มีอะไรกันแล้ว... ว๊าก!! แค่คิดก็รู้สึกหน้าร้อน อ่านนิยายวายมานักต่อนัก มังงะอันคัตอีกนับไม่ถ้วน แต่มันคนละเรื่องกับความจริงที่ผมกำลังเผชิญหน้า

   โซฟาข้างตัวยวบลงตามน้ำหนักเจ้าของห้อง ผมเผลอนั่งตัวเกร็ง ไม่ได้กลัว ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี คือคนรู้จักกันมาหลายปี เริ่มความสัมพันธ์จากการเป็นพี่น้อง ค่อยขยับเป็นคนรักเมื่อไม่นานมานี้ ปัจจุบันกลายเป็นของพี่ชายเต็มตัว เอื้อก

   “ตัวเกร็งเชียว กลัวพี่เหรอ” พี่เฟย์ถามน้ำเสียงสบายๆ ทำให้ผมผ่อนคลายลงได้หน่อย

   “ป่าว ไม่ได้กลัว” ผมส่ายหน้าก้มมองถ้วยเยลลี่ราวกับจะเพ่งให้มันงอกกลับมาใหม่ มือหนาลูบหัวผมเบาๆ

   “รู้แล้วสินะว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”

   ได้ยินงี้ความร้อนไปรวมอยู่บนหน้า ถึงผมเมาแต่ไม่ได้ไร้สติขนาดนั้น ยังจำได้อยู่บ้าง ยิ่งคิดยิ่งเขินหนัก อยากแทรกตัวกับโซฟา

   “ปอนด์หันมานี่หน่อย” ผมหันไปแล้วเสียงดังจุ๊บก็เกิดขึ้น ผมถูกพี่ชายควบตำแหน่งแฟนขโมยจูบ! ไม่ทันประท้วงถูกคว้าตัวไปนั่งตักกอดรวบกันลุกหนี จะรู้ทันกันเกินไประ

   “ตาแก่หื่นกาม ลามก” เสียงงึมงำของผมนอกจากจะไม่ทำให้พี่ชายโกรธ ยังหัวเราะอีกต่างหาก

   “อยากทำตัวน่ารักเองช่วยไม่ได้ ปอนด์เราเป็นแฟนกันใช่มั้ย” โดนถามงี้ผมตอบอะไรได้นอกจากพยักหน้า

   “ถ้างั้นไม่ต้องคิดมาก แฟนกันมันเป็นเรื่องปกติเพียงแค่เรายังไม่ชินเท่านั้นเอง พี่ยังรักเราเหมือนเดิม เราล่ะยังรักพี่เหมือนเดิมรึเปล่า ตอบสิ”

   “อื้อ!” ผมตอบทั้งที่ยังซุกหน้ากับอกพี่ชาย

   “ไม่ต้องห่วงนะว่าจะท้องไม่มีพ่อ พี่รับผิดชอบเราแน่นอน” คำพูดหยอกเย้ากับคางเกยบนหัว เขินตัวแตก

   “พี่บ้า ผู้ชายจะไปท้องได้ไง”

   “ก็ไม่แน่ แต่ก่อนอื่น” พี่ชายหยิบกรรไกรตัดเล็บขึ้นมา ผมมองงงๆ คือมันเกี่ยวอะไรกับการคุยมุ้งมิ้งบรรยากาศหวานเลี่ยนตอนนี้อะพี่ชว้าย

   “ไม่ต้องมาทำหน้าแมวงง เมื่อคืนทั้งเล็บทั้งฟัน หลังพี่พังหมดแล้ว ทำไมปล่อยให้เล็บยาวแบบนี้”

   พี่เฟย์เริ่มสวมวิญญาณตาแก่บ่นไปตัดเล็บมือผมแก๊บๆ เสร็จสิบนิ้วมือตามด้วยนิ้วเท้า เห็นว่าของแถม พร้อมตะไบเรียบร้อย อือหือ เล็บกุดหมดเลยอะ

   “เว่อร์ไปพี่ ไม่ขนาดนั้นมั้ง” ผมทำหน้าแบบไม่ค่อยอยากเชื่อ พี่ชายขมวดคิ้วถอดเสื้อออกโชว์กล้ามสมส่วน เดี๋ยวพี่ผมขอหยิบมือถือ...

   “เช็ดน้ำลายก่อนเจ้าตัวดี ดูนี่ ตรงนี้ด้วย” นิ้วยาวเป็นข้อสวยชี้บ่าตัวเอง แหม่ก็แค่รอยเล็บสองสามรอย พอพี่ชายหันหลังเท่านั้นแหละ โอ้ แม่เจ้า!

   “พี่ไปฟัดกับแมวที่ไหนมาเหรอ แหะๆ” ผมยิ้มแห้งมองแผ่นหลังหุ่นนายแบบที่มีทั้งรอยเล็บข่วนเต็มไปหมด ยังไม่นับรอยฟันบนไหล่หนา อับอาย ยกสองมือปิดหน้า ขอหนีความจริงแปบ

   “แมวแถวนี้แหละ อาบน้ำแสบเอาเรื่อง เราหายเมื่อไหร่เตรียมใจรอเอาไว้ได้เลย” พี่เฟย์จ้องผมอย่างหมายมาด ผมเชื่อเลยแล้ว ครั้งแรกเริ่มขึ้นยาก แต่ถ้าลองได้มีปุ๊บ ครั้งต่อๆ ไปมันจะตามมาเองโดยธรรมชาติ

   “วันนี้พี่ไม่ไปทำงานเหรอ” เปลี่ยนเรื่องคุยสิครับ จะนิ่งเฉยทำไม ยิ่งออกห่างจากเรื่องใต้สะดือมากเท่าไหร่ ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น ยอมรับว่าสิ่งที่พี่ชายพูด กับการถูกพี่ชายหยอกเล่นทำให้ผมหายสับสนได้บ้าง แต่มันยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ คือมันยังเขินๆ อยู่ พี่เฟย์มองผมออก เจ้าตัวยอมเปลี่ยนเรื่องคุย

   “วันนี้วันหยุด เมื่อคืนพี่ถึงได้ดื่มไง พอดีเลยพี่จะได้ดูแลเราด้วย”
   
   “ผมไม่ได้เป็นง่อยสักหน่อย แค่เดิน เอิ่ม... ขัดๆ นิดนึง”

   “อย่าห่วงเลย สองสามวันก็หาย” พูดไปไม่เท่าไหร่ ไหงอุ้มผมเข้าห้องนอนล่ะเฮ้ย ดิ้นครับรออะไร แต่การดิ้นเหมือนจะเอื้อประโยชน์ให้อีกคน กางเกงถูกดึงพรืดไปกองตรงข้อเท้า เมื่อวานมีแอลกอฮอล์ วันนี้มีแต่ความมึนหัวจากอาการเมาค้าง ผมคว้าผ้าห่มปิดจ้องเขม็ง

   “ไหนพี่บอกรอให้หายก่อนไง!” ขอเวลาทำใจบ้างสิ แง่ง!!

   “คิดอะไรเจ้าเด็กลามก แค่ทายาเฉยๆ จะได้หายไวๆ ไง” มือหนาถือหลอดยาบางอย่าง ยื้อแย่งผ้าห่มกับผม มีหรือแรงอันน้อยนิดของผมจะสู้แรงพี่ชายได้ ปราการสุดท้ายถูกดึงออกไปต่อหน้าต่อตา ผมโดนจับคว่ำหน้าลากข้อเท้าเข้าหาตัว สองมือตะกายเตียง พี่ชายส่ายหัวมองภาพแมวดื้อ

   แล้วผมก็ถูกจับทายา ผมใส่กางเกงหนีไปซุกในเบอเกอร์ วันนี้มันมีเรื่องให้อายเยอะเกินไปแล้ว อยากระเบิดตัวแม่ม

   “ตอนเย็นหลังอาบน้ำต้องทาอีกนะ ทาจนกว่าจะหายนั้นแหละ”

   ความจริงทำร้ายจิตใจ ผมโผล่หัวออกมาโหยหวน โดยมีเสียงหัวเราะของพี่ชายเป็นฉากหลัง

   “ม่ายอ๊าววว!”

   “ฮ่าๆๆ”

หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่14 หม่ำ หม่ำ [UP!8/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 08-10-2015 18:30:04
พี่เฟย์กินน้องจนได้


จับหมั้นเลย~
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่14 หม่ำ หม่ำ [UP!8/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-10-2015 18:39:08
 :mc4:  ฉลอง เย้ๆ พี่เฟย์กินแมว
ทบทวนความจำสักนิดสิคะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่14 หม่ำ หม่ำ [UP!8/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 08-10-2015 19:14:02
แมวน้อยน่ารักเกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่14 หม่ำ หม่ำ [UP!8/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 08-10-2015 19:43:24
อิอิ โดนพี่เฟย์กินแล้ว
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่14 หม่ำ หม่ำ [UP!8/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 08-10-2015 19:59:07
หึหึ. แมวน้อยหาเรื่องใส่ตัวนะ.   แอบขโมยกินเหล้า.  หรือว่าพี่เฟย์แอบวางแผนไว้.  สมใจพี่เฟย์. 
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่14 หม่ำ หม่ำ [UP!8/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-10-2015 20:01:40
น้องแมวน้อยขี้อ้อนโดนกินซะแล้ววววว :haun4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่14 หม่ำ หม่ำ [UP!8/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 08-10-2015 22:33:27
ก็เด็กมันยั่ว
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่14 หม่ำ หม่ำ [UP!8/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 08-10-2015 23:05:09
ก็เด็กมันยั่ว

เลยหลวมตัวไปหน่อย 55555+
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่14 หม่ำ หม่ำ [UP!8/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 08-10-2015 23:15:29
พี่เฟย์เป็นอมตะแล้ว :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่14 หม่ำ หม่ำ [UP!8/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 09-10-2015 07:54:40
ความเมาเป็นเหตุทำให้แมวน้อยยั่วจนพี่ชายแสนดีน้ำแตก เอ๊ย! ขันแตกแทน 55

คราวนี้รีบไปสู่ขอมาเป็นภรรยาเลยนะคุณพี่ชายได้น้องแล้วห้ามทิ้งนะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่14 หม่ำ หม่ำ [UP!8/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 09-10-2015 10:01:45
โดนกินจนได้~~~~!!! ^0^
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่14 หม่ำ หม่ำ [UP!8/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 09-10-2015 10:32:08
ควรจะสงสารไอ้ลูกแมวดีไหม?? หรือควรจะสมน้ำหน้าแรงดี?

ตบบ่าคุณพี่ชาย ได้แล้วห้ามทิ้งนะ ไม่งั้นไอ้ตัวเล็กคงร้องไห้บ้านพังแหง
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่14 หม่ำ หม่ำ [UP!8/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 09-10-2015 15:46:47
กินแมวเรียบร้อยแล้วสินะ คู่ซันโป้นี่น๊ารออยู่ๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่15 ดราม่าซีดี [UP!12/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 12-10-2015 20:54:25
วายที่15 ดราม่าซีดี

   ทุกอย่างย่อมมีครั้งแรกเสมอ และครั้งต่อๆ ไปจะตามมาในภายหลัง ยกตัวอย่างเช่น การอ่านวายครั้งแรกของผม เริ่มจากการอ่านหนังสือการ์ตูนธรรมดาทั่วไป แต่ดันมีตัวละครชายเยอะไปหน่อย ตัวละครหญิงไร้ตัวตนอีกเล็กน้อย ก่อเกิดเป็นมิตรภาพอันงดงาม กระทั่งดอกรักผลิบาน พิมพ์ชื่อเรื่องเปิดไปเจอฟิคเข้า ทีแรกลองอ่านรู้สึกว่ามันสนุกดี เริ่มพัฒนาไปเป็นโดจินชิใสๆ เบาๆ

   สีม่วงเข้าครอบงำ ธาตุวายเข้าแทรก จากเป็นผู้เสพ เริ่มผันตัวเองไปเป็นผู้ผลิต แต่งฟิคครั้งแรกเป็นแบบใสๆ ตามด้วยเรททีมากขึ้นทีละขั้น

   การจิ้นเริ่มไม่พออีกต่อไป ผมซื้อการ์ตูนวายเล่มแรก ตามด้วยนิยาย ปิดท้ายด้วยอันคัต กว่าจะรู้ตัวอีกที ขนาดตัวเองยังเป็นยาโอย! ลาก่อนชีวิตสุดซิงสิบแปดปีที่ผ่านมา ผมเป็นเจ้าบ่าวไม่ได้แล้วครับ

   ครั้งแรกของผมเกิดจากตัวเอง ในตอนนั้นสติกึ่งมีกึ่งหาย เกิดอะไรขึ้นบ้างจำได้ไม่ละเอียดเท่าไหร่ ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ครั้งที่สองตามมา ผมได้สัมผัสแบบแจ่มแจ้ง ชัดเจนไปถึงไหนต่อไหน แบบสติครบถ้วนสมบูรณ์ เช่นเดียวกับวันนี้ นับรวมทั้งสิ้นหนึ่งเดือนกว่า กี่รอบไม่อยากจะนับให้ระเบิดตัวเองเพราะความเขิน

   ที่ผ่านมาก็พอจะสัมผัสวิญญาณหมาป่าในตัวพี่ชายได้อยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ล่อลวงราวกับปีศาจ อ่อนโยนดุจเทวดา ตอนจบแม่งหมาป่าหื่นกามชัดๆ แถมยังเว้นช่วงแต่ละครั้งอย่างพอเหมาะ อย่างกับผ่านการคำนวนมาอย่างดี พิถีพิถันเรื่องเวลา ถุ้ย ผมจะมานอนสรรเสริญพี่ชายทำไมเนี่ย!

   เมื่อวิญญาณร้ายกลายร่าง ไม่มีใครยับยั้งเฮียได้....อุแง้

   ส่วนคนที่ผมกำลังบ่นถึงอยู่น่ะเหรอ นอนเอนหลังเสียบหูฟังสบายอกสบายใจสุดๆ และผม...นอนอยู่บนตัวพี่ชายครับ ไม่ใช่ว่าไม่อยากลุก มันลุกไม่ขึ้นอะ

   “พี่ฟังอะไร”

   ใบหน้าน่ารักเงยขึ้นถาม ดวงตาคมมองจากมุมบน ตาโต ริมฝีปากบวมนิดๆ จากการโดนจูบ ช่วงคอลงไปเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่ม ผิวส่วนไหนที่ไม่โผล่นอกร่มผ้าถูกจูบเป็นรอยแดง พี่ชายหันหน้าหนีไปอีกทาง มือหนายกลูบพรืด บางทีเฟย์ก็ไม่เข้าใจ ลูกแมวขี้อายหน้าบางมาก กลับดูใจกล้าในบางครั้งอย่างตอนนี้ ลืมไปแล้วรึไงว่าอยู่ในสภาพไหน เอาเป็นว่า ไม่ทักแล้วกัน

   “ดราม่าซีดี วายเรื่องใหม่น่ะ”

   “ไหน ทำไมผมไม่รู้ ขอฟังมั่ง!”

   ขยับมือจะเอาหูฟัง ผิวกายเสียดสี คนบนตัวเปลี่ยนตัวเองเป็นสีแดง ชะงักค้างตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ พี่ชายเลิกคิ้วมองสงสัย ก่อนจะร้องอ่อ ดูท่าจะรู้ตัวแล้ว วงแขนอุ่นกอดลูกแมวบนตัวแน่นขึ้น ยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูพลางงับเบาๆ

   “เป็นอะไรไป ไม่ฟังแล้วเหรอ”

   เหมือนควันออกหัว ลูกแมวตาหมุนติ้ว ยิ่งพยายามไม่นึกถึงก็เหมือนโฟกัสไปตรงจุดที่ไม่อยากนึก สุดท้ายเฟย์อดไม่ไหวจับลูกแมวฟัดแบบไม่สนคำอุทรณ์ ร่างเล็กยับเยินนอนสงบนิ่งบนเตียง สู่สุขติ

    พี่ชายหอมแก้มดังฟอด คลอเคลียลูกแมวนอนแกล้งตายไม่กระดิก

   “ขอโทษ ปอนด์น่ารักจนพี่อดใจไม่ไหว นอนเถอะ พี่ไม่แกล้งแล้ว”

   ลูกแมวเขินหนัก มือหนาลูบๆ หัวกล่อมเด็กหลับ พอเริ่มสงบเสียงหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเจ้าตัวหลับไปเรียบร้อย เฟย์ถึงค่อยอุ้มอีกฝ่ายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามานอนกอดไว้จนถึงเช้า

   กว่าผมจะตื่น พี่ชายก็ไม่อยู่ห้องแล้ว ยามลุกยังรู้สึกขัดนิดหน่อยแต่พอไหวเพราะวันนี้เป็นวันหยุดผมไม่ต้องถ่อสังขารไปเรียน หลังอาบน้ำแต่งตัว บนโต๊ะมีข้าวเช้าเตรียมให้ กระดาษโน๊ตสีฟ้าอ่อนเขียนว่า

   ‘ทำมื้อเที่ยงเก็บไว้ในตู้เย็น เวฟมากินเอานะ – เฟย์’

   ผมมองนาฬิกาบนเพดาน เที่ยงกว่า คงได้เหมามื้อเช้ากับมื้อเที่ยงรวดเดียว ส่วนมื้อเย็นรอคุณพี่ชายกลับมาทำให้ ช่วงวันหยุดของผมไม่มีอะไรมาก ถือโน๊ตบุ้ค มังงะวายและมุดเข้าไปอยู่ในเบอร์เกอร์ โผล่แค่ช่วงหัวกับแขนออกมากดจิ้มเล่น ดูเฟสอะไรไปเรื่อยเปื่อย มีเล่นเอ็มทักทายคนอื่นบ้าง

   ละสายตาจากคอม มองไปรอบห้อง รู้สึกห้องมันกว้างกว่าทุกที เงียบเหงาจังแฮะ ผมคลานกระดึบออกจากเบอร์เกอมานอนอืดบนพื้น กลิ้งๆ อยู่บนกองการ์ตูนวาย จริงสิ พี่ชายบอกว่ามีดราม่าซีดีของวายเรื่องใหม่ ผมลองหาดู ไม่เห็นมีเลยแฮะ หรือผมไม่เมพพอ

   พี่ชายเป็นหนุ่มวายรุ่นอาวุโส นิยาย การ์ตูน อันคัต สารพัดของวายตั้งแต่แรร์จนถึงปกติเจ้าตัวมีครบหมด ในโทรศัพท์กับโน๊ตบุ้คที่ห้อง ถ้าไม่มีเมะวาย ก็จะเป็นดราม่าซีดี ถึงขั้นใส่ยูเอสบีไปฟังในรถ ดีไม่ดี เอาไปฟังที่บริษัทด้วยมั้งหนิ ไม่อยากจะนึกเลย ถ้าเกิดลูกน้องหรือใครถามพี่ชายจะตอบยังไง ช่างเถอะ ระดับพี่ชายแล้วสกิลเนียนเป็นเลิศ โกหกหน้าตายยังสามารถทำได้

   “เบื่อจังเลยอ่า”

   ผมนอนหงายพุงเหม่อมองเพดาน ทำไมมีแต่หน้าพี่ชายลอยวนเวียน สะบัดๆ หัวไล่ความคิด พลิกตัวหานิยายวายอ่านในเน็ต สักพักไหงไปเลื่อนไล่ดูรูปพี่ชายที่ตัวเองถ่ายได้ไงก็ไม่รู้ สงสัยผมจะอาการหนัก ตั้งแต่มีอะไรมากกว่าเดิม ความรู้สึกบางอย่างมันเปลี่ยนไป ทีแรกผมคิดกับพี่แค่พี่ชายคนหนึ่ง เพราะผมเป็นลูกคนเดียว พ่อไม่อยู่ด้วย เลยติดพี่ชายมาก

   เวลาอยู่ด้วยผมรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัย เป็นคนละแบบกับเวลาผมอยู่กับแม่ มือหนาอบอุ่น รอยยิ้มใจดี สัมผัสจากการถูกลูบหัว อ้อมแขนอุ่นๆ ผมหลงไหลสัมผัสเหล่านั้น จนตอนนี้คิดไม่ออกแล้วว่า ถ้าเกิดวันหนึ่งผมไม่มีพี่ชายจะทำยังไง

   “ว๊ากกก! ไม่เอา เลิกคิด!”

   ยกสองมือกุมหัวกลิ้งไปกลิ้งมา จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมกลิ้งไปทางโต๊ะหน้าทีวี เอื้อมมือแปะๆ หามือถือมากดรับ

   “ฮัลโหล สวัสดีครับ”

   /ปอนด์ตื่นรึยัง ร่างกายโอเคนะ/

   อือหือ โดนถามงี้เขินดิ รออะไร ม้วนแปบ

   “ตื่นนานแล้ว! ไม่เจ็บไม่ป่วยไม่ได้เป็นอะไร พี่โทรมาเวลางานแบบนี้ไม่เป็นไรเหรอ”

   ไม่รู้ทำไม อารมณ์ห่อเหี่ยวเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นสดชื่นเบิกบานทันทีที่ได้คุยกับพี่ชาย ผมว่าตัวเองอาการหนัก

   /ก็โทรมาคุยเรื่องงานน่ะสิ/

   “ห๊ะ ผมไม่ได้เป็นลูกน้องที่บริษัทพี่สักหน่อย”

   /ใช่ เราไม่ได้เป็นพนักงานแต่เป็นลูกแมวให้พี่เลี้ยง ปอนด์ช่วยดูให้พี่หน่อย ในห้องมีแฟ้มเอกสารสีดำรึเปล่า/

   “เอ...แฟ้มสีดำ” ผมพึมพำลุกขึ้นจากการนอนอืดเดินไปดูที่โต๊ะทำงานพี่ชายเป็นอันดับแรก ทุกอย่างจัดเป็นระเบียบเรียบร้อยบ่งบอกนิสัยเจ้าของห้อง ทั้งหมดทั้งสิ้น แฟ้มสีดำมีอยู่สามอันได้

   “เจอแล้ว แต่มีตั้งสามแฟ้ม” ผมหยิบแฟ้มมาวางเรียงกัน หน้าตาเหมือนกันหมด ขนาดไม่หนามาก

   /ทั้งสามแฟ้มนั้นเลย เดี๋ยวพี่เข้าไปเอา/

   พี่ชายทำท่าจะวางสาย ผมเรียกเอาไว้ก่อน ไปกลับเสียเวลาแย่ ไหนๆ อยู่ห้องเบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ เอาแฟ้มไปให้พี่แล้วแวะร้านหนังสือดีกว่าเราเผื่อมีเล่มใหม่ออก

   “เดี๋ยวพี่ ผมเอาไปให้เองพี่ไม่ต้องมา อยากแวะไปดูหนังสือด้วย”

   /เอางั้นเหรอ แน่ใจนะว่าไหว/ พี่เฟย์ถามน้ำเสียงเป็นห่วง ผมแทบเอาหัวโขกแพง แค่โดนหม่ำครับไม่ได้ขาหัก

   “ไหวหน่า”

   /ก็ได้ ถ้างั้นถึงแล้วโทรหาพี่ล่ะ ไม่ต้องรีบมา เดินทางระวังด้วย อย่าตามคนแปลกหน้า อย่ารับของซี้ซั้ว/

   “โอ๊ยยพี่ ผมปีหนึ่งครับ ไม่ใช่อนุบาลหนึ่ง แค่นี้นะ!”

   ชิงตัดวางสายเอง หยิบแฟ้มทั้งหมดใส่กระเป๋าเป้ พร้อมคีย์การ์ด มือถือ เงิน บัตรส่วนลดร้านหนังสือ เช็คทุกอย่างเรียบร้อย ปิดไฟออกจากห้องมุ่งหน้าสู่บริษัทพี่ชาย

   ผมไม่เคยเข้าไปก็จริง แต่พอรู้อยู่ว่าบริษัทมันอยู่ตรงไหน เพราะพี่ชายชี้ให้ดูตอนนั่งรถไฟฟ้าผ่าน ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีถึงที่หมาย มันเป็นตึกรวมหลายบริษัทในที่เดียว บริษัทของพี่ครองชั้นบนๆ ไปหลายชั้น ผมโทรหาพี่เฟย์ดันสายไม่ว่าง คงต้องติดต่อพนักงานตรงเคาน์เตอร์

   “ปอนด์”

   เสียงทุ้มนุ่มจากฝั่งลิฟท์ พี่ชายที่ผมเจออยู่ทุกวันอยู่ในชุดสูทเนียบ ผมเซตทรงอย่างดี โครงหน้าหล่อเหลายิ้มบาง เดินมาดมั่นเข้ามาหา มาดหนุ่มวัยทำงานผู้แสนเพอร์เฟคเต็มขั้นจนผู้หญิงหลายคนหันมองเป็นตาเดียว น้อยนักที่ท่านหัวหน้าแผนกประจำบริษัทชั้นบนจะลงมาเดินเป็นอาหารตาข้างล่างในเวลางานเช่นนี้

   ผมเผลอยกกระเป๋าปิดหน้า ให้ตายเถอะท่านศาสดา ออร่าความหล่อทิ่มแทงตา ร้อยวันพันปีผมไม่เคยเห็นพี่แต่งตัวจัดเต็มเซตผมแบบนี้มาก่อน รวมกับบรรยากาศเงียบสงบในตึกทำงาน ทุกคนใส่สูททั้งผู้หญิงและผู้ชาย ส่วนผม เสื้อยืดมีกระเป๋าลายหน้าแมว กับกางเกงยีนร้องเท้าผ้าใบและเป้ใบโปรด ฮือ ความต่างชั้นนี่มันคืออะไร

   “ปอนด์ เป็นอะไรไป หรือหน้ามืด พี่บอกแล้วว่าจะไปเอาเอง ตอนนี้ร้อนจะตาย ดูซิหัวร้อนจี๋เลย”

   คุณพี่ชายช่างไม่ดูสถานการณ์รอบข้าง มือหนาแตะจับหน้าผม กลิ่นอาฟเตอร์เชฟเย็นๆ ประจำตัวชวนให้ใจสั่น ผมก้มหน้างุดๆ ส่วนหนึ่งคือเกรงใจสายตาพี่สาวทั้งหลาย อีกส่วนคือเขินพี่ชาย หล่อเกินไปแล้ว!

   “ขอบใจที่เอาแฟ้มมาให้นะ ปะ ขึ้นไปข้างบนกับพี่ก่อน” พี่ชายหยิบกระเป๋าเป้ไปถือเอง โอบเอวผมเดินไปทางลิฟท์ มือยื้อตัวไว้ ฮือ ทำไมทุกคนต้องมองผมด้วยสายตาทิ่มแทงแบบนั้น

   “ผมจะไปร้านหนังสืออะ อีกอย่างผมเป็นคนนอก ขึ้นไปข้างบนไม่ดีมั้ง”

   แค่ข้างล่างก็รู้สึกเกร็งจะแย่แล้วครับคุณพี่ชายที่เคารพ ดวงตาคมก้มมองท่าทางแปลกๆ ของน้องชาย เพิ่งรู้จะสึกตัว พี่เฟย์กระแอมเบาๆ พาผมไปทางลานจอดรถแทน ผมนั่งเอ๋ออยู่ในรถพี่ เพิ่งรู้ว่าขับรถมานะเนี่ย

   “แย่จริง วันนี้เจอประชุมบริษัทช่วงเช้าทำให้เครียด พอเห็นหน้าเราเลยลืมตัวไปหน่อย” นิ้วยาวยกนวดขมับ ถึงว่าทำไมพี่ชายจัดเต็ม ผมยกมือถือมาถ่ายภาพเก็บไว้ด้วยความเคยชิน เสียงกล้องเรียกความสนใจคนถูกแอบถ่าย เฟย์หัวเราะยกยิ้มมุมปากใส่ลูกแมวผ่านกล้อง คนโดนหว่านเสน่ห์เกิดมือไม้อ่อน มือถือเกือบร่วงหลุ่นมือ หัวใจเต้นตึกตัก อันตราย

   “เป็นอะไรไป ท่าทางแปลกๆ ตั้งแต่เจอพี่”

   มาถึงตอนนี้เฟย์พอเดาได้แล้วล่ะ ว่าลูกแมวของเขาเป็นอะไร รู้สึกยังไง คิดอะไร แสดงออกมาโต้งๆ เพราะแบบนี้ไงอยู่ด้วยแล้วถึงสบายใจ แค่เห็นหน้าเหมือนความเครียดลดลงไปสามระดับ สงสัยต้องเอารูปเจ้าตัวเล็กใส่กรอบวางไว้บนโต๊ะทำงาน อืมๆ เป็นความคิดที่เข้าท่า

   “ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย พี่นั้นแหละอย่าอู้งาน กลับขึ้นไปทำงานได้แล้ว”

   ปากพูด ดวงตามองไปทางอื่น ก่อนจะมีสัมผัสจากมืออุ่นมาซ่อนใต้หูดึงให้เงยหน้าขึ้นสบตา นิ้วหัวแม่มือถูใบหูเล็กเล่น

   “ไม่ชอบที่พี่แต่งตัวแบบนี้เหรอ”

   ดวงตาสีดำหลุกหลิกปฏิเสธ

   “ไม่ใช่ คือมัน...”

   “หืม” ส่งเสียงถามในคอขณะขยับเข้าใกล้เด็กน้อยทีละนิด

   “มันดูดี จน...” คำพูดติดขัดถูกปิดกั้นด้วยริมฝีปากได้รูปที่แนบสนิท มือหนาเลื่อนไปช้อนท้ายทอย เม้มปากนุ่มจนร่างเล็กยอมเปิดออกให้ลิ้นร้อนสอดเข้าไปลิ้มรสความหวาน พออากาศจวนหมดถึงยอมผละออกให้เด็กไม่ประสาหายใจหายคอ ก่อนจะฟุบหน้าบนไหล่เล็ก

   เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำผมหน้าร้อนผ่าว ได้แต่นั่งนิ่งตัวแข็งไม่กล้าขยับ เพราะอีกคนเล่นจับต้นแขนซ้ายขวาล็อกให้ผมเป็นที่วางหัวชั่วคราว พี่ชายเลื่อนลงมากอดเอวซบหน้ากับพุงผม

   “อืมม พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ขอเติมพลังหน่อยนะ”

   น้ำเสียงงึมงำบอก แล้วอย่างงี้ผมจะขยับไปไหนได้ล่ะครับ สักพักพี่ชายเด้งผึงออกไปนั่งกำพวงมาลัย ใจเย็นลูกพี่

   “โอ๊ยยย! อยากฟัดชะมัด ขอแปะไว้ก่อน อยู่บ้านจะฟัดให้หนำใจเลย”

   เสียงโวยวายจากคนไม่เคยเสียงดังทำเอาผมสะดุ้ง พี่เฟย์ก้มมองนาฬิกาข้อมือ หยิบแฟ้มออกจากกระเป๋าเป้ของผม

   “ปอนด์พี่ต้องรีบขึ้นไปทำงานต่อ เราไปเดินเล่นก่อนนะ ไว้กลับด้วยกัน เดี๋ยวพอห้าโมงครึ่งมารอพี่ที่ร้านกาแฟหน้าบริษัท”

   ผมพยักหน้ารับหงึกๆ พี่ชายลงจากรถก้าวฉับๆ ขึ้นลิฟท์ไป ส่วนผมหลบเลี่ยงสายตาทุกคนสุดชีวิตหนีออกจากตึกอย่างไว แทบวิ่งขึ้นBTS หวังว่าตอนอยู่ในรถจะไม่มีใครเห็นนะ เอาหน่ารถพี่เฟย์ติดฟิมล์แบบที่มองจากข้างนอกไม่เห็นข้างใน สงสัยพี่เฟย์จะเครียดจริง ถึงขั้นลืมระวังตัวขนาดนั้น

   บ้าเอ๊ย เหตุการณ์เหมือนในมังงะวายนี่มันอะไร ที่สำคัญผมอยู่ในตำแหน่งอุเคะน้อยๆ ซะด้วย โฮก พอเลิก ไม่คิดแล้ว ช้อปหนังสือดีกว่า ใช่ๆ หนังสือ...

   ไหงมาถึงร้านแล้วเจอแต่เรื่องสไตล์เมะวัยทำงานกับเคะวัยเรียนล่ะเนี่ย พนักงานเห้นท่าทีเหมือนจะคลั่งของผม เดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง ห่วงกลัวว่าผมจะทำร้านเขาพังอะนะ

   “หาเรื่องไหนไม่เจอสอบถามได้นะคะ”

   ผมได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน ยิ้มแห้งพลางส่ายหน้าแทนคำตอบแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง หลับหูหลับตาหยิบเล่มที่คิดว่าน่าสนใจ เผ่นออกจากร้าน ทีแรกว่าจะหาที่นั่งอ่าน แต่แถวนี้ที่นั่งดันเต็มหมด จะให้ไปนั่งบนพื้นเหมือนเด็กมีปัญหาก็ใช่ที่ สุดท้ายกลับมาตายหน้าบริษัทพี่เฟย์ เอาวะ อย่างน้อยๆ ร้านกาแฟที่นี่มีขนม แอร์เย็น และที่นั่งแบบไม่จำกัดเวลา

   นับรวมเวลาตั้งแต่ออกจากห้องจนมาถึงตอนนี้เกือบสองชั่วโมงได้ พี่เฟย์นัดไว้ห้าโมงครึ่ง ปัจจุบันบ่ายสองนิดๆ เวลาที่เหลืออีกสามชั่วโมงกว่า มีหนังสือการ์ตูนนิยายหลายเล่มสบายมากกับการรอ ผมเลือกโซฟาติดกระจกนั่งอ่าน สั่งขนมกับโกโก้มากิน ขณะที่กำลังอ่านนิยายถึงฉากเด็ด มีใครบางคนมานั่งลงข้างๆ ผมหันไปมองอย่างแปลกใจ ทั้งร้านมีที่นั่งร้อยไร่ ไหงจงใจมานั่งข้างผม

   เห็นอีกฝ่ายสั่งกาแฟท่าทางปกติ เอาเถอะ คงแค่ขาดความอบอุ่น หรือตรงนี้อาจเป็นที่ประจำแล้วผมดันเสนอหน้ามาแย่งที่ก็ได้ แต่จะให้ลุกน่ะเหรอ ไม่มีทาง! รากงอกแล้ว

   “ชอบอ่านการ์ตูนเหรอ” เขาชวนคุย ผมตอบเป็นมารยาท

   “ครับ” ไม่ชอบตูคงไม่นั่งล้อมด้วยหนังสือแบบนี้หรอก ปั๊ดโธ่

   “พี่ทำงานอยู่ตึกนี้ชั้นสิบเจ็ด เราคงจะมารอผู้ปกครองสินะ นั่งรอคนเดียวคงเบื่อแย่” ผมไม่ได้อยากรู้เรื่องเลยสักนิด และจะเริ่มเบื่อเพราะอีกฝ่ายขัดเวลาผมอ่านหนังสือนี่แหละ ชักอยากย้ายที่แล้วอะ รู้งี้ย้ายที่แต่แรกดีกว่าไม่น่าขี้เกียจเลย

   “อ่าครับ” ผมตอบไปสั้นๆ พยายามอย่างยิ่งที่จะแผ่ออร่าให้อีกฝ่ายหยุดชวนคุย รีบดื่มกาแฟแล้วไปสักที

   “เราชื่ออะไร พี่ชื่อที” ครั้งนี้ผมหันไปมอง อืม ผู้ชายวัยประมาณพี่เฟย์ ท่าทางขี้เล่น แลดูจะรักเด็กมาก

   “ชื่อเฟย์”

   ต้นเสียงดังจากด้านหน้า ผมเงยหน้ามองเห็นพี่ชายยืนกอดอกคิ้วขมวด คนชื่อทีเกือบทำแก้วกาแฟหลุดมือ หันไปมองผมสลับกับพี่เฟย์อย่างอึ้งๆ

   “น้องชายของหัวหน้าเหรอครับ” ท่าทางต่างจากตอนคุยกับผมหน้ามือเป็นหลังเท้า พี่เฟย์ใบหน้านิ่งเฉยตอบเสียงเรียบ

   “อืม”

   “น่ารักดีครับ โอ้ ผมนึกขึ้นได้ว่าลืมเอกสาร ขอตัวก่อนนะครับ”

   เจ้าตัวออกปากชม พี่ชายยิ่งขมวดคิ้วหนัก พอคนชื่อทีเดินออกจากร่างไป ใบหน้าโหดๆ เมื่อครู่กลับเป็นสีหน้าของพี่ชายใจดีตามเดิม

   “พี่เลิกงานแล้ว ไปกันเถอะ ปอนด์อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”

   ผมส่ายหัวขวับๆ เก็บหนังสือใส่เป้เดินตามหลังพี่ชายขึ้นรถ หลังปิดประตูเรียบร้อย พี่ชายหันมาจ้องผมเขม็ง

   “วันหลังห้ามมาบริษัทพี่อีก ไม่สิ ห้ามไปนั่งที่ร้านนั้น”

   “อ้าว งั้นให้ผมไปอยู่ที่ไหนอะ” ผมเอียงคอถามอย่างสงสัย พี่ชายใช้นิ้วเกี่ยวรูดไทออก ปลดกระดุมให้คอโล่ง ส่วนเสื้อสูทแขวนไว้เบาะหลัง

   “พี่จะพาเราขึ้นไปอยู่ที่ห้องทำงาน”

   “หะ?”

   “วันนี้ดันเจอแต่เรื่องยุ่ง พี่ลืมคิดไปสนิท อย่างเรามันสเปคพวกวัยทำงาน ยิ่งโดนกินออร่ามันยิ่งแผ่”

   “หา!? พี่บ่นอะไรของพี่เนี่ย ออร่าอะไร”

   พี่ชายหันมามองแรงใส่ ก่อนจะหันไปใจจดจ่อกับการขับรถต่อ อ้าว ผมผิดอะไรอะ อย่างบอกนะว่าที่เขียนๆ ในนิยาย เคะโดนกินแล้วมันยิ่งดึงดูด บ้าหน่า แค่ในนิยาย ถึงจะอิงมาจากเรื่องจริงเกี่ยวกับผู้หญิงก็เถอะ แต่มันคงไม่ใช่มั้ง

   ระหว่างรถติดไฟฟแดง พี่เฟย์เสียบหูฟังทำให้ดูอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย ผมมองอย่างสนใจ

   “ฟังไรพี่ ใช่ดราม่าซีดีวายเรื่องใหม่นั่นปะ”

   “อ่าฮะ”

   “ผมขอฟังด้วยดิ วันนี้ลองหาในเน็ตไม่เจอเลย พี่ไปขุดจากรูไหนมา”

   “เอาสิ” มือหนายื่นหูฟังมาให้ผมข้างหนึ่ง ปากพึมพำ “จะไปมีในเน็ตได้ยังไง...”

   ทำไมรู้สึกหัวคิ้วมันกระตุก ว่าแต่ไอ้เสียงหอบหนิมันจะสมจริงไปไหม

   ‘พี่ฮะ อืออ...’

   เหอะๆ ดราม่าซีดีฉบับไทยรึ

   ‘พี่จะอ่อนโยนนะปอนด์’

   ชัดเลย ตัวละครหลักอยู่ใกล้ตัวนี่เอง ผมหันไปจ้องพี่ชายตาขวาง ทั้งโกรธทั้งอาย ใครมันให้อัดเสียตอนทำเรื่องอย่างว่ากันล่ะเว้ย เดี๋ยวก่อน ผมจำได้ว่าพี่เอาไปฟังที่ทำงานด้วย อือหือ ความโกรธพุ่งปรี๊ด

   “เอาโทรศัพท์มา ผมจะลบทิ้งให้หมด!”

   พี่ชายหยิบโทรศัพท์หลบ เหมือนเด็กแอบขโมยของแล้วถูกแม่จับได้ เจ้าเด็กโข่งเอ๊ย
   
   “ไม่ได้ นี่มันคอลเลคชั่นสุดรักสุดหวงของพี่เชียวนะ พี่เข้าใจว่าเราโกรธ แต่พี่ฟังแก้เครียด พี่หวงเราขนาดนี้ ไม่มีทางยอมให้ใครฟังนอกจากตัวเองแน่นอน”

   “คอลเลคชั่น! แสดงว่าไม่ได้อัดไว้แค่รอบเดียวสินะ” แทบจะเปลี่ยนร่างเป็นแมวผีแล้วผม ”ส่งมา ผมจะลบ ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเจ้าตาแก่หื่นกาม”

   ให้ตายยังไงพี่เฟย์ไม่ยอมส่งโทรศัพท์มาถึงมือผมเด็ดขาด ประจวบเหมาะกับไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว

   “รถออกแล้ว ปอนด์นั่งดีๆ”

   ไฟเขียวช่วยชีวิตของรักพี่เฟย์ จะให้มายื้อแย่งกันในรถดูจะไม่อยากอายุยืนเกินไปหน่อย คอยดูเถอะ กลับห้องผมจะจัดการลบให้เกลี้ยง
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่15 ดราม่าซีดี [UP!12/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: lovekodak ที่ 12-10-2015 21:14:36
พี่เฟย์มีถ่ายคลิปไหม ขอหน่อยอยากได้   :hao6:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่15 ดราม่าซีดี [UP!12/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-10-2015 21:15:36
 :laugh:  โอ้วว. ขอคารวะท่านศาสดาเฟย์
ลบได้ก็อัดใหม่ได้เนอะ. แบบนี้เอง ถึงได้โดนฟัดอย่างต่อเนื่อง
นี่มันไม่ใช่ดราม่าซีดีแล้ว อีโรติกซีดีตะหากเล่า.   :impress2:   
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่15 ดราม่าซีดี [UP!12/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 12-10-2015 21:19:07
!!!!

นี่มัน ดราม่าซีดีของแท้!!!!!!!!!!!!!!

กรี๊ดดดดดดดดดดด อิจฉาาาาาาาา


 :haun4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่15 ดราม่าซีดี [UP!12/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 12-10-2015 21:39:55
อยากฟังมั่งจังเลยยยย
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่15 ดราม่าซีดี [UP!12/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-10-2015 22:09:58
เราอยากได้คลิปภาพพร้อมเสียง :katai4: :katai4: :katai4:

มีแค่เสียงให้ฟังอย่างเดียวเราไม่อิน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่15 ดราม่าซีดี [UP!12/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 13-10-2015 01:55:31
พี่เฟย์โอตาคุและหื่นมากก ขนาดมีเป็นคอลเลคชั่น อ้ายยย อยากฟังบ้างงงจุงงง
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่15 ดราม่าซีดี [UP!12/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 13-10-2015 07:44:54
พี่เฟย์อาการหนักมาก
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่15 ดราม่าซีดี [UP!12/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 13-10-2015 09:17:44
 :pighaun: หูยยยย พี่เฟย์ระดับแรร์ไอเท็มป์จริง ๆ  :pighaun:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่15 ดราม่าซีดี [UP!12/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 14-10-2015 23:46:47
ฮาอะ พี่เฟย์นี่เป็นเอามากเลยอะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่15 ดราม่าซีดี [UP!12/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 15-10-2015 00:12:37
พี่เฟย์. จะจัดกันนี่ยังมีเวลาไปอัดอีก. แสดงว่าวางแผนมาอย่างดี. สุดยอด. ข้าน้อยขอคารวะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่15 ดราม่าซีดี [UP!12/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 15-10-2015 23:07:44
แหมพี่เฟย์เขียวเล็บออกมาเต็มเลย :hao6:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่16 ห้องใหม่[UP!28/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 28-10-2015 00:08:58
วายที่16 ห้องใหม่
      
   ความเดิมตอนที่แล้ว ผมได้เปิดหูเปิดตารู้จักดราม่าซีดีของจริง เกิดความต้องการกำจัดทิ้ง พี่เฟย์ร้ายกาจไม่เปิดโอกาศให้ผมเข้าถึงบรรดาของสะสมสุดรักสุดหวง พอผมจะขอดูโทรศัพท์ ดันเอาไปวางซะสูง ขนาดผมเหยียบเก้าอี้ยังเอื้อมมือไม่ถึง ผมไม่ได้เตี้ยนะ! ชั้นหนังสืออาเฮียสูงเกินไปต่างหาก

   ถัดมาเป็นโน๊ตบุ้ค ปกติพี่เฟย์ปล่อยผมเล่นตามสบาย หลังจากที่ผมย้ายมาอยู่ด้วยมีโน๊ตบุ้คของตัวเอง เลยไม่ได้ไปแตะต้อง พอแอบย่องหยิบออกมาเปิดดูอีกที ดันต้องใส่รหัส เรียกได้ว่าหลบเลี่ยงทุกเส้นทาง

   พี่ชายลืมไปอย่าง ไฟล์พวกนั้นผมแตะต้องไม่ได้ก็จริง แต่ไอ้ที่บันทึกลงแผ่นซีดียังไม่ถูกเก็บให้พ้นมือแมว ตอนที่ผมรื้อห้องครั้งใหญ่ บังเอิญเจอเจ้าพวกนี้ซุกอยู่หลังชั้นวางหนังสือ เพราะพี่ชายไม่มีเวลาเก็บต้องไปทำงาน

    ผมยิ้มมุมปากเปิดดูแผ่นพวกนั้นทีละแผ่น อันไหนมีแค่รูปทั่วไปก็รอด ส่วนอันไหนมีรูปชวนหวาดเสียว หรือรูปชวนขว้างทิ้งคัดแยกไว้อีกกอง แผ่นไหนมีไฟล์เสียงไม่น่าไว้ใจคัดลงถังขยะ ให้ตาย ยิ่งมาดูแบบนี้ผมแทบอยากพ่นไฟ ถ่ายตอนไหน อัดตอนไหนวะเนี่ย!

   หลังคัดเสร็จผมกลั้นใจหักแผ่นพวกนั้นทิ้งโยนลงถังขยะ เพื่อความชัวร์ ยืดเวลาตายของตัวเอง รีบมัดรวบถุง โยนลงช่องทิ้งขยะของคอนโด เก็บพวกที่รื้อมาเข้าที่เดิม แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   “พี่ชายฉลาดจะตาย ต้องรู้แล้วแน่ๆ เอาไงดี หนีไปห้องโป้ดีกว่า”

   ตัดสินใจพร้อมลงมือทำ หยิบข้าวของจำเป็น เก็บเสื้อผ้าไปสองชุด ระหว่างกำลังเดินหาที่ชาร์จมือถือ รู้สึกถึงออร่าทะมึนจากทางด้านหลัง ไม่ต้องส่องกระจก ผมรู้ได้ทันที ตัวเองกลายเป็นแมวสีตก ซีดไปทั้งตัว

   ค่อยๆ หันไปทางด้านหลังช้าๆ เจอเข้ากับเป้ากางเกง รีบสะบัดหัวละสายตาไปทางอื่น เงยหน้าขึ้นด้านบน เอื้อก ใบหน้ายิ้มแย้มราวกับพี่ชายที่แสนดี หากเป็นสมัยก่อนผมคงหลงเคลิ้มไม่รู้ตัว มาตอนนี้รู้ว่าภายใต้คราบพี่ชายคือหมาป่ากินเด็ก

   ร่างสูงในชุดทำงานยืนโน้มตัวเท้าสองแขนกับตู้เสื้อผ้า ก้มมองลูกแมวตัวเล็กที่นั่งตัวสั่นหงึกๆ อยู่ด้านใต้ ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มอ่อนโยน ยิ่งทำให้คนมองซีดแบบไม่พึ่งโอโม่

   “จะไปไหนครับปอนด์”

   น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถาม พลางย่อตัวมาคุกเข่ากักตัวเล็กที่พยายามถอยหลังเบียดตัวกับตู้เสื้อผ้า ผมกลืนน้ำลายอึก มองมือพี่ชายหยิบกระเป๋าไปไว้อีกทาง

   “พะ พอดีผมจะไปหาโป้น่ะ แหะๆ”

   คำพูดติดอ่าง ร้อยยิ้มแห้งๆ ผมพยายามทำตัวน่ารัก มองพี่ชายตาปริบๆ เหมือนมีเงาหูลู่ หางขดเข้าท้อง ขณะที่อีกคนหูแหลมตั้ง หางชี้เตรียมล่าเหยื่อ

   “งั้นเหรอ จริงสิ... ปอนด์เห็นพวกซีดีที่พี่เก็บไว้หลังชั้นหนังสือมั้ย”

   พี่ชายถามเสียงนุ่ม ส่วนผมสะดุ้งโหยง พี่ชายเพิ่งกลับมาถึงเองไม่ใช่เรอะ ทำไมถึงรู้เรื่องผมไปรื้อซีดีออกมาด้วย แล้วยังตามดักถึงห้องนอน ผมส่ายหัวขวับๆ ลูกเดียวเผื่อมีทางรอดให้ชีวิต

   “ไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ถ้ามันหายไว้ค่อยสะสมใหม่มากกว่าเดิมสองเท่าแล้วกัน”

   คนฟังตาโตอ้าปากค้าง พี่ชายบอกว่าสองเท่า! ผมหักทิ้งไปห้าแผ่นรวด ตาย งานนี้ตายแน่ต้องรีบหนี ร่างเล็กมุดลอดใต้แขน พุ่งตัวออกจากห้องนอนไปยังประตู คนแรกวิ่งแทบตาย อีกคนกลับก้าวอาดๆ ไม่กี่ก้าวก็ถึงตัว สองมือหนาจับรวบข้อมือเล็กกดกับประตู แหงะ ขยับไม่ได้

   “จะหนีไปไหน คิดว่าพี่ไม่รู้เรอะ”

   “รู้แล้วจะถามทำไมเล่า”

   ผมโวยกลับ พี่เฟย์จับพลิกให้หันมาประจันหน้า เอวผมถูกโอบรั้งชิดตัวจนรู้สึกถึงอุณภูมิร้อนผ่านผิวผ้า สถานการณ์ล่อแหลมสุดๆ จากตอนแรกกลัวจนซีด ตอนนี้เขินแทบสุก สภาพแบบนี้มันอะไรกัน ไม่ดีมั้งพี่ นี่มันประตูติดทางเดินนะเฮ้ย

   “ไล่ต้อนเด็กปากแข็ง”

   “ฮึ่ม! พี่นั่นแหละผิด นั้นมันรูปผมนะ เสียงผมด้วย สิทธิส่วนบุคคล ผมจะทำอะไรก็ได้สิ” ตาจ้องเขม็งเอาเรื่อง ในเมื่อหนีไม่รอด ขอสู้สุดใจแล้วกัน ผมไม่ผิด เอ่อ... ผิดหน่อยนึงก็ได้ แต่ยังไงพี่ก็ไม่ควรทำอะไรแบบนี้นี่

   พี่เฟย์ตีหน้านิ่งมองแมวอารมณ์ฉุนเฉียว สักพักหลุดหัวเราะพรืด ท่าทีคุกคามทั้งหลายมลายหายไปจนหมดสิ้น เปลี่ยนมาดึงผมเข้าไปกอดโยกเบาๆ เหมือนกล่อมเด็ก สัมผัสอุ่นจากมือหนาคอยลูบหัวลูบหลัง

   “โอ๋ๆ ไม่ต้องจ้องพี่ตาเขียวขนาดนั้น แค่แหย่เล่นเอง ถ้าพี่คิดจะเก็บจริงๆ นึกเรอะว่าเราจะหาเจอ เอาเป็นว่าถอยกันคนละครึ่งทาง อันไหนไม่ควรพี่จะยอมลบก็ได้”

   “ไม่เชื่อ ต้องลบให้เห็น” ใบหน้าน่ารักพองลมเข้าแก้ม พี่เฟย์ใช้นิ้วจิ้มจึก เดินกระเตงผมไปนั่งบนโซฟา พร้อมยกโน๊ตบุ้คกับมือถือมาตั้งไว้ตรงหน้า ไล่ลบให้เห็นแบบจะๆ แม้จะอ้อยอิงบ้างก็ตาม อุตส่าห์เก็บสะสม ถ้าไม่ใช่เรื่องน่าอายผมก็ยอมอยู่หรอก

   “เรียบร้อย พอใจรึยังเจ้าตัวยุ่ง” พี่เฟย์ถาม มือขยี้หัวผมจนยุ่งกว่าเก่า ผมพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ

   ในความคิดของเฟย์ตอนนี้ รู้สึกเสียดายเป็นล้นพ้น แต่ยอมลบเพราะไม่อยากเห็นลูกแมวนั่งกลุ้ม ทั้งที่เฟย์ออกจะหวงแสนหวงไม่ยอมให้ใครเห็นหรือได้ยินเสียงอีกฝ่ายแท้ๆ ก็นะ พวกที่ส่งเข้าเมลล์ลับอันนั้นขอแปะไว้แล้วกัน...

   เด็กน้อยผู้ไม่รู้ว่าพี่ชายมีคลังลับ เปลี่ยนมายิ้มแย้มกอดออดอ้อนตามเคย พี่ชายเอาใจด้วยอาหารอร่อย กับขนมอีกชุดใหญ่เรื่องราวเลยจบลงด้วยดี

   พอเข้าสู่ช่วงเทศกาลสอบปิดเทอม ลูกแมวยุ่งจนลืมเรื่องของสะสมพี่ชายไปซะสนิท ทั้งทำงานส่ง พรีเซนท์งาน สอบเก็บคะแนน อ่านหนังสือเตรียมสอบ บางวิชาต้องไปสอบปฏิบัติแยกต่างหาก ยิ่งปีหนึ่งอัดวิชาเรียนเต็มกำลัง กว่าจะพ้นช่วงสอบได้กินเวลาไปหนึ่งอาทิตย์

   ผมนอนแห้งตายคาโซฟา ถุงเท้ายังไม่ถอด กลับมาถึงห้องหลังสอบวิชาสุดท้ายเสร็จ โยนกระเป๋าแล้วล้มตัวลงนอนแผ่ เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ตื่นเอาอีกทีตอนรู้สึกว่ามีอะไรหนักๆ มาทับอยู่ด้านบน หัวพี่ชายเกยอยู่ตรงบ่า ผมตบหลังพี่เฟย์

   “หนักอะ ลุกดิพี่ มานอนทับผมทำไม”

   ร่างสูงผละออกนั่งอยู่ปลายโซฟา นอกนั้นผมนอนกินที่หมด

   “เห็นเรานอนสบายเลยนึกอยากนอนทับ เหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอ เพิ่งจะปีหนึ่งเองนะ”

   พี่ชายถามพลางช่วยดึงไทผมออก ถอดถุงเท้า ดึงสองแขนผมขึ้นนั่งคร่อมบนตัก รู้สึกงัวเงียยังไม่ตื่นดีเลยปล่อยพี่ชายทำไป นับวันยิ่งเสียคน ถูกตามใจไม่พอ ทำทุกอย่างให้ สักวันผมเป็นง่อยแหง ถามว่าเลิกมั้ย ไม่!

   “แค่คำว่ามหาลัยก็งานเข้าแล้วพี่ พี่ทำแบบนี้เหมือนเซบาสเตียนกับนายน้อย”

   เป็นตัวละครจากการ์ตูนแฟนซีเรื่องหนึ่ง แต่เป็นการ์ตูนวายสำหรับสาวกยาโอย แน่นอนว่าผมกับพี่ชายเองก็ไม่มีข้อยกเว้น คนถูกหาว่าเป็นพ่อบ้านหัวเราะในลำคอ

   “ถึงเวลาอาบน้ำแล้วครับคุณหนู” ผมยิ้มเล่นตามบท

   “ถอดเสื้อผ้าให้ฉันเซบาสเตียน”

   “Yes, My Lord.”

   นิ้วยาวเป็นข้อชัดเจนปลดกระดุมเสื้อให้ผมทีละเม็ดจนหมด ก่อนเลื่อนไปท่อนล่าง เสียงฟืดจากการดึงเข็มขัดออกจากกางเกงชวนให้รู้สึกแปลกๆ ขณะที่พี่ชายกำลังจะปลดกางเกง ผมจับมือหนาไว้

   “เดี๋ยวผมถอดเอง”

   “ไม่ได้ เป็นพ่อบ้านต้องปรนนิบัติเจ้านาย”

   พรืด กางเกงถูกดึงรวดเดียวหลุดจากขา ผมรีบจับชายเสื้อปิดด้านหน้า พี่เฟย์ไม่เสียเวลาปัดมือผมออก แต่รวบตัวผม อุ้มเดินเข้าห้องน้ำ แล้วผมก็ได้เป็นคุณหนูของจริง งานนี้สบายไม่ต้องอาบน้ำเอง แลกกับความอายจนหน้าแดงก่ำ พึงระลึกไว้เลยว่า หลังจากนี้ผมจะไม่เล่นแบบนี้กับพี่ชายอีก

   อาบเสร็จโดนห่อด้วยผ้าเช็ดตัวมานั่งตรงหว่างขาให้พี่ชายเป่าขนให้ อาบน้ำอุ่นๆ หอมกลิ่นสบู่ ฟินจังเลยน้า

   “ทำหน้าเคลิ้มเชียวลูกแมว ปิดเทอมแล้วหนิ จะกลับบ้านวันไหน”

   “พรุ่งนี้ฮะ พี่จะกลับด้วยป่าว”

   ผมหันมองพี่เฟย์ เจ้าตัวชะงักไปชั่วครู่แล้วตอบยิ้มๆ

   “พี่ติดงานคงไม่กลับ อีกอย่างเราปิดเทอม หยุดแค่สองอาทิตย์เอง อยู่กับแม่ไป ใกล้เปิดเทอมค่อยกลับมาหาพี่ ไว้วันไหนหยุด พี่จะแวะไปหาที่บ้านนะ”

   “โอเค ผมจะได้บอกแม่ถูก”

   พี่ชายพยักหน้าเปลี่ยนมาหวีผม จับทาครีมทาแป้งจนตัวผมหอมฟุ้ง กำลังจะลุกไปแต่งตัว โดนมือหนาคว้ากลับมาฟัดซะเต็มที่ ผมโวยวายเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหยุด ต้องพยายามยื้อจับผ้าขนหนูสุดฤทธิ์ พี่ชายพอใจนั่นแหละ ถึงยอมปล่อยผมแต่งตัว ส่วนตัวเองไปทำมื้อเย็น

   วันต่อมา ผมเก็บของขนโน๊ตบุ้คกลับบ้าน ทีแรกพี่เฟย์จะมาส่ง แต่บ้านผมอยู่ซะนอกเมือง ขืนเวียนมาส่งก่อนเข้าบริษัทได้สายพอดี ผมเลยดื้อกลับบ้านเอง

   ช่วงวันหยุดผมอยู่กับแม่เต็มที่ ถึงแม่จะไม่พูด แต่ผมรับรู้ได้ว่าแม่เองก็เหงาเหมือนกัน และดีใจมากที่ผมกลับมาสถิตย์บ้านได้นานๆ สักที สงสัยหลังจากนี้ผมต้องหาโอกาสกลับบ้านบ่อยๆ เรามีกันอยู่สองคนแม่ลูก จะติดกันก็ไม่แปลก พอพี่ชายหยุดแวะมาทำอะไรกินที่บ้าน ชีวิตแสนมีความสุข

   วันหยุดมักผ่านไปไวกว่าวันเรียน เผลอแปบเดียวผ่านไปสองอาทิตย์ ผมกลับมาเป็นแมวคอนโดสูงอีกครั้ง พร้อมของกินที่แม่ให้ติดมาอีกเพียบ ถูกแม่กับพี่ชายขุนขนาดนี้ ถ้าผมกลิ้งแทนเดิน จะไม่แปลกใจเลย

   เปิดเทอมมาหน้าเพื่อนทุกคนอิ่มเอมกันหมด ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า อยู่หอแต่ละคนมีรายจ่ายจำกัด แถมของกินที่กรุงเทพมันไม่อร่อยเท่ารสชาติของที่บ้าน ผมยังดีมีพี่ชายทำอาหารเก่ง คนนู่นเอาของกินมาฝาก คนนี้เอาของที่ระลึกมาให้ แลกของกันสนุกสนาน

   ผมปล่อยให้เพื่อนแลกของกินกันไป แล้วนั่งหม่ำขนมกับพวกที่เหลือ สักพักมือถือในกางเกงสั่น ล้วงออกมาโชว์ชื่อไอ้ซันเด่นหรา ผมกดรับสาย ไม่ได้หวังของฝากนะจริงจริ๊ง

   “โหลครับ สุดหล่อพูด”

   /ถุ้ย! เบื่อแล้วมุกนี้ อยู่ไหนวะปอนด์/ ชิ ไอ้พวกไม่รับความจริง

   “อยู่ใต้คณะ ของฝากใช่มะ มีของโป้ด้วยป่าว”

   /มี รอที่ป้ายรถหน้าคณะไอที เดี๋ยวฉันกับโป้ไปหา/

   พูดจบมันวางสายใส่ผมทันที เพื่อของฝาก ผมบอกลาพวกเพื่อนคว้ากระเป๋าสะพายวิ่งไปรอที่ป้ายรถ ไม่กี่นาทีสองรูมเมทขาวดำก็โผล่มา แต่ไม่ได้นั่งรถของมหาลัย ซันขับรถมาจอดเทียบข้างผม ลดกระจกลงยักคิ้วให้

   “ขึ้นมาเลย”

   ผมเป็นพวกใจง่าย เปิดประตูหลังกระโดดขึ้นไปทันที อีกฝ่ายเป็นเพื่อนที่ได้รับการรับรองจากพี่เฟย์แล้ว ปลอดภัยหายห่วง ฮ่าๆๆ

   บนรถซันสะอาดกว่าที่ผมคิดซะอีก แทบไม่ต่างจากรถของพี่เฟย์เลย ไม่มีกลิ่นอาหารหรือกลิ่นอับ มองไปที่นั่งข้างคนขับเห็นโป้หลับคอพับอยู่ ผมเกาะเบาะชะโงกหน้าไปดู โดนซันมันใช้มือยันหัวผมกลับ

   “อย่าเพิ่งไปกวน มันนั่งรถมาทั้งคืน” ผมยอมถอยมานั่งดีๆ ตามเดิม ลดเสียงคุยกับซันสองคน

   “โป้สุดยอดจริงๆ นั่งรถจากเชียงใหม่มา ยังเรียนไหวอีก”

   “มันดื้อ บอกให้นั่งเครื่องบินก็ไม่ยอม”

   ประโยคคล้ายระอา แต่น้ำเสียงแฝงความเป็นห่วง ผมนั่งอมยิ้มอยู่ด้านหลัง คู่นี้มีลุ้นแฮะ

   “รถซันใช่ปะ ลงทุนขับรถตัวเองออกมาเพื่อรับส่งโป้เรอะ” ซันจ้องเขม็งใส่ผมผ่านกระจกหลัง ผมหัวเราะฮา ไม่กลัวสักนิด

   “ไม่ใช่ แค่ไม่ได้ขับนานเลยเอาออกมาขับสักหน่อยจะได้ไม่พัง เลิกพูดเรื่องนี้ รู้ยังฉันกับโป้ย้ายหอแล้วนะ”

   ผมตาโต มิน่าล่ะถึงลากผมขึ้นรถมาด้วย จะพาไปดูห้องใหม่นี่เอง เดี๋ยวนะ มันย้ายกันตอนไหนฟะ

   “ย้ายตอนไหน ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”

   “อย่างนายจะไปรู้อะไร หัวมีแต่ของกินกับเฮียเฟย์ พวกฉันย้ายหอตั้งแต่ก่อนเปิดเทอมแล้ว ห้องข้างๆ มันเสียงดังทุกคืน ไม่รู้แม่งจะขยันเล่นกีต้าร์หาสวรรค์วิมานอะไรตอนตีสามตีสี่ ไอ้ห้องข้างล่างอีก กลิ่นปลาร้าโชยมาแทบอยากเอาน้ำล้างเท้าสาดใส่แม่ง”

   ผมหัวเราะ พอเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมพวกมันถึงย้ายมาอยู่หอนอก แอบเคืองนิดๆ ไม่ได้คิดถึงของกินกับพี่เฟย์แค่นั้นสักหน่อย ยังมีเรื่อมเกม นิยาย กับมังงะวายด้วย ทำไมแก้ตัวแล้วรู้สึกหนักกว่าเดิม ช่างมัน

   คอนโดที่ซันกับโป้อยู่ไม่ห่างจากมหาลัยเท่าไหร่ ถ้ารถไม่ติดใช้เวลาสิบห้านาทีก็ถึง ซันชูบัตรขับรถจอดชั้นล่าง ผมกำลังจะปลุกโป้ ซันยกมือห้ามโยนกระเป๋าของตัวเองกับโป้มาให้ผมแบกซะงั้น

   “ไม่ต้องปลุก เดี๋ยวอุ้มขึ้นไปเอง”

   ผมกลายเป็นเด็กถือกระเป๋า ซันอ้อมมาที่นั่งข้างคนขับ พอก้มลงจะอุ้มโป้ คนหลับมาตลอดทางดันตื่น ไม่รู้ซันมันกระซิบอะไร โป้ถึงหลับต่อปล่อยให้มันอุ้มอย่างว่าง่าย ผมปิดประตูให้ รับกุญแจรถมาล็อก กดลิฟท์ กดชั้น ไขกุญแจห้อง ผมเริ่มสงสัยแล้วสิ ตกลงชวนมาให้ดูห้องใหม่ หรือพามาเป็นเด็กรับใช้

   ห้องของซันกับโป้เหมือนคอนโดห้องชุดทั่วไป ไม่ใหญ่เท่าของพี่เฟย์ แต่พอดีสำหรับสองคน เปิดประตูเข้ามาเจอห้องนั่งเล่น มีโซฟายาวตัวเดียวหน้าทีวี ผมถือโอกาสระหว่างซันพาโป้ไปนอนเตียงสำรวจห้อง มีสองห้องนอน ห้องน้ำในตัว ฝั่งซ้ายเป็นห้องครัว โต๊ะกินข้าวกับเก้าอี้สำหรับสองคน

   สังเกตดูดีๆ ทุกอย่างมีสองชิ้น เข้าใจว่าอยู่กันสองคน แต่มันชวนให้รู้สึกเหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามัน มาอยู่ด้วยกันยังไงชอบกล ไม่เข้าใจ ทำไมต้องซื้อของคู่ หรือเพราะมันทั้งคู่ขี้เกียจเลือกมากเลยหยิบๆ ไป?

   “จะมองแก้วน้ำอีกนานมั้ย เอ้า ของฝาก”

   “ขอบใจ”

   “พวกนายเหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามันเลยนะ” ผมพูดไปตามที่คิด ซันสำลักน้ำที่กำลังกินไอค่อกแค่กหน้าแดง ผมใจดีลุกขึ้นไปลูบหลัง

   “ไม่ใช่มึงกับเฮียเฟย์”

   “จริงเร้อ”

   “หุบปากไป ไม่งั้นไม่ต้องแดก”

   ก๊าก หนุ่มวิศวะเขินหลุดหยาบกับผมครับทุกท่าน เจอช่องผมจะปล่อยหรือ แซวเข้าไป จนซันมันเริ่มหงุดหงิดดึงของฝากคืนถึงค่อยเลิกแหย่ ผมอารมณ์ดีลัลล้าโทรไปบอกพี่เฟย์ว่าวันนี้กลับดึกเพราะจะอยู่เล่นกับพวกซัน พี่เฟย์อาสามารับ เพราะจะแวะมาดูห้องด้วย

   พี่เฟย์มาตอนหกโมง ผมกับซันลงไปรับขึ้นมา โป้ตื่นมาตอนทุ่มหนึ่ง โชว์เสน่ห์ปลายจวักโดยมีซันเป็นผู้ช่วยอยู่ข้างๆ ส่วนผมกับพี่ชายนั่งมองภาพทั้งคู่แบบรู้กัน ที่เหลือก็รอเวลา


หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่16 ห้องใหม่ [UP!28/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 28-10-2015 01:19:53
โอ๊ย ขึ้นเรือนหองี้ต้องฉลองงงงงงงง



ไหนๆ ก็อุ้มเจ้าสาวข้ามธรณีประตูแล้วนิ ถือว่าเข้าหอแล้วนะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่16 ห้องใหม่ [UP!28/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-10-2015 02:06:04
เอ้าชนแก้วฉลองให้คู่บ่าวสาวหมาดๆหน่อย ซันโป้เทคแคร์กันดีสุดๆ
พี่เฟย์ดูออกอยู่แล้ว หนุ่มวายตัวพ่อขนาดนี้ 
เซบาสเตียน.  :impress2:  บทอะไรมั่งนะที่ยังไม่เคยเล่น
หูแมวหางแมวนี่ได้ลองหรือยัง. ฮ่าๆ
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่16 ห้องใหม่ [UP!28/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 28-10-2015 06:25:17
ยังคงน่ารักอย่างต่อเนื่อง
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่16 ห้องใหม่ [UP!28/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 28-10-2015 07:28:48
ตายแระ เจอคู่ข้างใหม่ปลามันในระยะประชิด
หนุ่มวายทั้งสองของเรา ก้อฟินกันไปซิคะ 555555
รอความคืบหน้าของคู่ซันโป้ต่อปาย~~~~!! ^^
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่16 ห้องใหม่ [UP!28/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 28-10-2015 07:58:34
แน่ๆเลยอะ อย่างที่ปอนด์คิดแน่เลย
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่16 ห้องใหม่ [UP!28/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-10-2015 09:24:03
ซัน :hao3: ปากแข็งนะ ใช้ของเป็นคู่

ไม่ยอมให้ปอนด์ปลุกโป้ แล้วยังอุ้มกันขึ้นห้องอีก :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่16 ห้องใหม่ [UP!28/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 28-10-2015 12:21:30
ซันคนซึน 55555 โป้น่ารักจะตายไม่หลงได้ไง~
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่16 ห้องใหม่ [UP!28/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 29-10-2015 10:58:46
น่ารักดีอะ เพิ่งตามอ่าน 555+

ตอนล่าสุด ซันเขินน่ารักดีอะ ทำโมโหกลบเกลื่อน 5555+


หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่16 ห้องใหม่ [UP!28/10/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-10-2015 20:46:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่17 เดอะแก๊งค์ [UP!4/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 04-11-2015 12:58:31
วายที่ 17 เดอะแก๊งค์

   โลกแห่งนี้มีกฎอย่างหนึ่งที่ไม่ว่าคนหรือสัตว์ก็หนีไม่พ้น ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าย่อมเป็นผู้ชนะเสมอ เช่นตัวอย่างที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ร่างเล็กวิ่งหนีไปทั่วห้อง พร้อมปาหมอนตุ๊กตาทุกอย่างที่เบาและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายใส่เจ้าของห้องที่วิ่งไล่ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน แต่แววตาวาววับเหมือนสัตว์ป่ากำลังสนุกกับการไล่กวดเหยื่ออันโอชะ

   “พี่ผมเหนื่อยเลิกตามสักทีสิ!”

   ผมตะโกนไปพลางกระโดดหลบหมอนอิงที่ตัวเองขว้างใส่ตอนแรก นี่ผมวิ่งวนอยู่ในห้องนั่งเล่นมากี่รอบแล้วเนี่ย

   “เราก็เลิกวิ่งสิ พี่จะได้หยุด” เสียงทุ้มติดขำตอบกลับ

   แมร่ง! พี่ชายใจดีของผมหายไปไหน แล้วไอ้ตาแก่หื่นกามนี่คร๊ายย

   “ปอนด์ระวัง”

   เหอะ ผมไม่เชื่อพี่หรอก มันต้องเป็นแผนล่อลวงผู้ชายสุดเมะอย่างผมแน่นอน เท้าทั้งสองข้างยังคงทำหน้าที่ มีการหันไปแลบลิ้นใส่ร่างสูงที่วิ่งตามหลัง พอหันกลับมาอีกที

   โป๊ก!!
   
   เจ็บหนักมาก ผมหงายหลังก้นจ้ำเบ้า มือยกลูบหน้าผากปอยๆ น้ำตาเล็ด ตะกี้วิ่งชนประตูไปเต็มๆ ที่น่าโมโหคือ ไอ้ประตูห้องนอนถูกเปิดด้วยฝีมือของผมเอง พี่เฟย์ลดฝีเท้าเดินเข้ามาใช้มืออุ่นหนาคลึงๆ หัวปูดโนเป็นลูกมะนาว

   “บอกอยู่ให้ระวัง ทำตัวเองแท้ๆ ยอมง่ายๆ ก็ไม่เจ็บตัวแล้ว”

   ผมถลึงตาใส่ผู้ชายที่หัวเราะขบขันเต็มกำลัง รื่นเริงเสียเหลือเกินนะ พี่ชายส่ายหัวกับท่าทางขู่พองขนของลูกแมว แล้วเดินหายไปหาผ้าใส่น้ำแข็งมาประคบไว้ให้

   “ไม่เจ็บตัวบ้าอะไร ก้นก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายนะ” เรื่องอะไรจะยอม สวนกลับดิ ผมเสียเปรียบเต็มประตู ท่านศาสดาไม่เห็นใจ พี่ชายมองผมตาปริบๆ ผมเอียงคอไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปรึเปล่า พอมานึกดูอีกที ความร้อนจากทั่วร่างพุ่งขึ้นหน้าลามยันหู

   “เอ้า พูดเองเขินเอง หน้าบางจริงไอ้ลูกแมว”

   ผมคว้าเสื้ออีกคนเอาหน้าที่เลอะน้ำจากการประคบเช็ดแม่ม มันแค่เข้าตา ไม่ได้เขินจนหาเรื่องกลบเกลื่อนจริงๆ นะ มือหนายกลูบหัวผมเบาๆ จุ๊บตรงหน้าผากบวมปูด เกือบโรแมนติคระถ้าไม่หลุดปากถามอะไรออกมา

   “นี่... เจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ”

   ปรี๊ดดดดดดด ผมนี่ลุกขึ้นยืนเลยครับ แทบใส่เข่าท่าบัวขาว หรือจัดท่าลูกแมวถวายยันต์ห้าแถวดี กล้าถามมาได้ พอจะสวนกลับแบบคำยอดฮิตในนิยายวาย มาลองเองมั้ยล่ะ ก็สำนึกได้ว่าสรีระผมกับพี่ชายมันแตกต่างกันราวกับผลส้มกับเม็ดถั่วเขียว

   “พี่สูงเท่าไหร่” ผมยืนกอดอกจ้องเขม็ง

   “187”

   “หนักล่ะ”

   “74”

   “แล้วดูผม!” นิ้วโป้งชี้เข้าหาตัว รูปร่างสูงโปร่งแต่ยังนับว่าเตี้ยกว่าอีกฝ่ายมาก แถมยังตัวผอมกว่า ที่สำคัญอายุห่างกันเกือบสิบปี คอยดูเถอะรอผมยี่สิบบ้างจะสูงเป็นนายแบบให้ดู

   “ตัวเล็ก เตี้ย ไม่รู้ว่าที่กินมันหายไปไหนหมด”

   เหมือนโดนศรแทงกลางอกสามดอกรวด พี่เฟย์รับรู้ถึงบรรยากาศมาคุ ดึงแขนผมไปนั่งตักแล้วกอดปลอบ

   “ตัวเล็กน่ารักแบบนี้แหละดีแล้ว พกพาสะดวก” บอกทีมันคือคำชม ผมหน้าหงิก พี่ชายไม่นำพา หัวเราะขำในคอใช้จมูกเป็นสันสูดกลิ่นหอมจากผมนุ่ม มือสอดเข้าใต้เสื้อ ผมสะดุ้งลืมไปว่าก่อนหน้านี้กำลังหนีการถูกรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัว ดิ้นสิครับ รอแมวมาตัดริบบิ้นเหรอ

   “อยู่นิ่งๆ ไม่งั้นอย่าหาว่าพี่ไม่เตือน”

   พอจะประท้วง ปากถูกประกบปิดมอบจูบแบบผู้ใหญ่ที่ให้ตายยังไงก็ไม่ชินเสียที เรี่ยวแรงในตัวไม่รู้บินหายไปไหนหมด ร่างเล็กตัวอ่อนอยู่บนตักหนา นิ้วสากล้วงคลึงอก อีกมือวกลงล่าง จวนจะถึงจุดยุทศาสตร์มารผจญโผล่ทันที ดวงตาคมตวัดจ้องประตูห้องอย่างน่ากลัว

   เผลอคลายมือนิดเดียว เจ้าตัวเล็กได้สติจากเสียงออดสะบัดตัวออกจากตักวิ่งเข้าห้องนอนไปคว้าผ้าห่มคลุมโปงอย่างกับจะรอด เฟย์ส่ายหัวระอา แม้จะหงุดหงิดแต่ต้องไปเปิดเผื่อมีเรื่องสำคัญจนต้องมากดออดถึงประตู

   บานประตูเปิดออก เผยให้เห็นชายสองคนที่ไม่คิดว่าจะเจอ ผมชะโงกหัวจากประตูห้องนอนมีผ้าห่มคลุมทั้วตัวเว้นแค่ส่วนหน้า พี่ชายดูอึ้งๆ แล้วหัวเราะปล่อยให้คนทั้งคู่เข้ามาภายในห้อง คนแรกตัวพอๆ กับผม แต่ดูอายุน้อยกว่าสองสามปี ใบหน้ามีมีเค้าพี่เฟย์ลางๆ ออกไปทางน่ารักมากกว่าคงเป็นเพราะวัย ส่วนอีกคนเป็นชายผมรองทรง รูปร่างสูงใหญ่ตัวหนา ดูตัวโตกว่าพี่เฟย์ซะอีก ทั้งสองคนคุยทักทายกันอย่างกับคนสนิทที่ไม่เจอกันนาน

   ผมมองภาพเหล่านั้น ขณะเดียวกันเด็กผู้ชายหันมาสบตาผมเข้าพอดี เจ้าตัวฉีกยิ้มกว้าง ผมเสียวสันหลังวาบ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนพี่เฟย์แบบนี้ ชัดเลย โฟมชัวร์ป้าบ!

   ร่างเพรียวจ้ำพรวดๆ มาทางผม ผมมองซ้ายมองขวาไม่รู้จะเอาไงดี จะไปหาพี่ชายก็อยู่กับคนท่าทางน่ากลัว จะหลบเข้าห้องเป็นทางตัน มัวแต่คิดหาทางหนีทีไล่ โฟมกระโจนรวบตัวผมจนล้มกลิ้งไปบนพื้นทั้งคู่ เสียงโป๊กดังเป็นรอบที่สองของวันกับประตูบานเดิม

   “ปอนด์ใช่มั้ย ไม่สิ คนหวงห้องอย่างพี่ไม่ปล่อยให้ใครมาอยู่นอกจากคนสำคัญแน่ แล้วนี่เล่นอะไรกันเหรอ ผีผ้าห่มเหรอ? เล่นด้วยคนสิ”

   ไม่พูดเปล่ายังมุดตัวเข้าผ้าห่มของคนที่ตัวเองกำลังนอนทับ ผมตาโตอ้าปากค้าง โฟมมือไวมากแปบเดียวคว้าหมับ สะดุ้งโหยงทั้งตัว

   “เฮ้ยย!! อย่าจับ” ปัดมือซุกซนก็ยังวกกลับมาอีก พี่เฟย์ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายหันมาเห็นภาพน้องชายตัวเองกำลังลวนลามเด็กในคอนโทรล สองหนุ่มใหญ่รีบมาคว้าคนของตัวเองออกไปทันที

   ผมถูกพี่เฟย์อุ้มไปกอดไว้ หลังผู้ชายตัวโตคว้าคอเสื้อเด็กแสบแยกจากกัน

   “อย่ามารังแกเจ้าลูกแมวสิไอ้น้องแสบ!” เฟย์ดุน้องชายแบบเอือมๆ เผลอแปบเดียวมือไวเหมือนใครก็ไม่รู้ ขณะเดียวกันนั้นชายอีกคนส่ายหน้าปรามเด็กแก่แดด

   “โฟม... อย่าไปแกล้งคนอื่นสิ เห็นมั้ยว่าน้องตกใจแล้ว”

   สายตาทั้งสามคู่หันไปมองคนพูดทันที คนโดนมองยังไม่รู้ตัว ผมเบ้ปากถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายตัวใหญ่จนน่ากลัวคงแง่งใส่ไปแล้ว ส่วนพี่เฟย์กลั้นขำ โฟมยิ่งหนัก หัวเราะก๊ากๆ แบบไม่เกรงใจ

   “ไอ้กบ น้องที่มึงบอกอยู่ปีหนึ่งเป็นพี่ไอ้โฟมสองปี”

   “มึงอำกู?”

   “เรื่องจริงพี่กบ ปอนด์อายุมากกว่าผม” โฟมช่วยพี่ชายยืนยันอีกแรง ระหว่างพี่เฟย์เลิกอุ้มเปลี่ยนมาจัดเสื้อผ้าผมให้เข้าที่เข้าทางหลังโดนพี่น้องชั่วร้ายรังแก คนที่ชื่อกบยกนิ้วเกาแก้มมองมาทางผม

   “โทษทีนะ”

   “ไม่เป็นไรครับ ผมชินแล้ว เกิดมาหน้าเด็กชีวิตลำบาก” โบกมือปัดๆ แบบไม่ใส่ใจ ผมเป็นพวกโกรธง่ายหายเร็ว ปรี๊ดแค่นิดเดียว ผ่านไปไม่กี่นาทีหายหมด

   “มึงมาหากูถึงห้องมีไรวะกบ” เฟย์ถามด้วยความสงสัย เพราะเพื่อนเขาทุกคนชอบนัดเจอกันข้างนอกมากกว่ามาถึงห้องถึง ส่วนโฟมคงตามกบมาแหงๆ ไม่รู้มันน้องใครกันแน่

   “ช่วงนี้มีช่วงหยุดยาวใช่มั้ยล่ะ มันเลยนัดกันว่าจะไปเที่ยวกันยกแก๊งค์”

   “ดีเหมือนกัน ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแล้วตั้งแต่ทำงาน คราวนี้ไปที่ไหนวะ” พี่เฟย์หันมาถามเพื่อนตัวเองที่นั่งอยู่บนโซฟากับโฟม ส่วนผมช่วยพี่ชายยกน้ำกับขนมไปเสิร์ฟ เพื่อนั่งกินเอง อร่อย

   “กาญจน์ ไอ้ฝนมันจองบังกะโลไว้หมดแล้ว พวกมันบอกให้มึงพาเด็กไปด้วย ไอ้อิงค์จะพาบอสมันมาเหมือนกัน”

   “เมื่อไหร่” ปากถามสั้นๆ แต่ในใจนึกด่าเพื่อนไปล้านแปด มิน่ากบถึงพาโฟมมาด้วย พวกมันเอาเรื่องไม่ได้เจอกันนานเป็นข้ออ้างให้เฟย์พาเด็กไปเปิดตัว นี่มันงานอวดแฟนชัดๆ

   “พรุ่งนี้”

   คำตอบขนาดที่ผมยังอึ้ง โห ปุบปับมาก พี่เฟย์กลอกตามองเพดาน

   “กูไปไม่ได้ว่ะ พรุ่งนี้กูจะพาปอนด์กลับบ้าน พวกมึงเล่นปุบปับเองช่วยไม่ได้” พี่ชายยักไหล่แบบหล่อๆ ผมหันขวับ ไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่าจะพากลับบ้าน ได้ข่าวกว่าก่อนหน้าที่โฟมจะบุกมา มีพี่ชายหื่นกามบางคนคิดจะเคลมเด็กอยู่เลยนะ ฮึ่มๆ เอาคนอื่นเป็นหนังหน้าไฟได้ไง!

   พี่กบส่งเสียงจิ๊จ๊ะ

   “ถ้ามึงจะเบี้ยว มึงโทรไปเคลียร์กะไอ้อิงค์เองนะ งานนี้กูจะไม่ยุ่ง” โดนเพื่อนบอกปัด พี่เฟย์ถลึงตาใส่ ก๊าก น้อยนักจะได้เห็น

   “โทรไปหาเชี่ยอิงค์ให้กูโทรหาไอ้ฝนง่ายกว่ามั้ย? แม่งงง อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะว่าพวกมึงรวมหัวให้กูพาเด็กกูไปเปิดตัว ไอ้ห่า”

   ผมตาโต พี่ชายด่าคำหยาบ เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาครับๆ ตลอด งานนี้เบิกเนตร ทีแรกแค่อยากเที่ยว เพิ่มเหตุผลมาอีกข้อ อยากเห็นพี่ชายเวลาอยู่กับพวกเพื่อนว่าจะฮาร์ดคอร์ขนาดไหน จะเหมือนกับพวกซันรึเปล่า

   “ผมอยากไปเที่ยว” งานนี้พลาดไม่ได้! ต้องงัดสกิลการอ้อนมาใช้ เกาะแขนมองตาใส พูดเสียงอ่อนๆ อีกสองคนมองอย่างลุ้นระทึก พี่เฟย์เงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายถอนหายใจเฮือก พูดกับผมเสียงนุ่มเหมือนทุกที แต่โคตรต่างเวลาคุยกับพี่กบ
 
   “อยากไปเหรอ”

   พยักหน้าหัวแทบหลุดแล้วเนี่ย ไม่อยากไปมั้ง ดูหาง ถ้าเป็นหมาคงส่ายหางหลุดไประ อ้าว ผมเป็นแมวนี่หว่า ช่างมัน มีหางให้ส่ายเหมือนกัน แผ่รังสีโมเอะใส่แม่ง ผมกับพี่เฟย์เล่นเกมจ้องตา ดวงตาคมคู่นั้นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ได้ไปแล้วโหวย

   “รีสอร์ทที่ไหน ออกกันกี่โมง ไปรถใครหรือต่างคนต่างขับไปเจอกันที่นั่น?”

   ได้ยินคำพี่เฟย์พร้อมเสียงที่อ่อนลงสิบระดับ โฟมลงไปขำกลิ้งอยู่บนพื้น ส่วนพี่กบมองผมสลับกับพี่เฟย์ดูสนอกสนใจ

   “กูไม่แปลกใจระ ทำไมมึงถึงไม่อยากไป ทั้งที่ปกติไม่เคยปฏิเสธ เรื่องรายละเอียดที่พักเห็นไอ้ฝนจะมาบอกอีกทีหลังมึงตกลง ส่วนเรื่องขับรถ เดี๋ยวกูติดรถไปกับมึงแล้วกันจะได้ช่วยกันขับ เจอกันตรงปั๊ม ขับตามกันไป”

   “โอเค พรุ่งนี้ตื่นเช้ามืด มึงนอนนี่เลย” คุณพี่ชายช่างรู้ใจน้องชาย โฟมยกนิ้วให้ เพราะเจ้าตัวอยากเล่นกับพี่สะใภ้ ส่วนผมขยาดนิดๆ คุยในเอ็มโฟมน่ารักดี พอเจอตัวจริง ความน่ารักยังอยู่ แต่มันมีความมือไวเข้ามาแถม สงสัยโฟมจะเห็นอาการผมเลยโถมตัวมากอด แอ๊กกกก!!

   “ผมไม่ทำแบบนั้นแล้วไม่ต้องห่วง”

   “ฮะ ฮะ” ทำไมเสียงหัวเราะของผมถึงได้แห้งแล้งขนาดนี้ ผมย้ายข้าวของตัวเองมาถมห้องพี่เฟย์ แม้จะนอนกับพี่ชายทุกคืน ห้องผมก็ยังรกไปด้วยตุ๊กตากับหนังสืออยู่ดี ต้องโยกย้ายให้แขกนอนหน่อย

   พี่เฟย์กับพี่กบคุยกันหลายเรื่อง ถึงจะไม่แสดงออกเท่าไหร่ ผมพอเดาได้ว่าพี่เฟย์เองก็มีความสุขเหมือนกัน ที่จะได้ไปเที่ยวกับพวกเพื่อนบ้าง ไม่งั้นคงไม่คุยวางแผนกันซะสนุกสนาน

   หลังจากเพื่อนพี่เฟย์โทรมาบอกรายละเอียด กินข้าวเสร็จเรียบร้อย พี่เฟย์ไล่ให้ผมกับโฟมไปนอน แต่เราดันเล่นเกมติดพัน ตั้งแต่ผมเข้าม.ต้นยันมหาลัย ไม่มีเพื่อนมาเล่นที่บ้านแบบสมัยเด็ก ทุกคนต่างโตเดินไปตามเส้นทางของตัวเอง พบปะเพื่อนใหม่ เข้าสู่สังคมใหม่ ผมลูกชายคนเดียวรู้สึกเหงาบ้างเลยติดพี่เฟย์แจ

   ยิ่งไม่ต้องพูดถึง มีเพื่อนวัยไล่ๆ กันมาแบบนี้ โฟมเองไม่แกล้งผมเหมือนตอนเจอแล้วด้วย เล่นกันมันเลยล่ะ ขุดสารพัดเกมมาเล่นไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน พี่เฟย์ไล่เป็นรอบที่ N ก็ไม่ฟัง ส่วนพี่กบไม่คิดจะช่วยอะไรเลยสักนิด กระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงตีสอง พี่เฟย์องค์ลงจับโฟมโยนให้พี่กบและหิ้วผมเข้าไปนอน ผมกับโฟมจึงหยุดเล่นเกมด้วยประการฉะนี้

   นาฬิกาบอกเวลาตีสี่ ผู้ใหญ่ทั้งสองลุกขึ้นจากเตียงปิดนาฬิกาปลุก จัดการตัวเอง พร้อมกาแฟคนละถ้วย กบไม่ต้องทำอะไรมากมาย เพราะของทุกอย่างจัดเสร็จแล้ว เหลือแค่ไปขุดเจ้าเด็กแสบออกจากเตียง ต่างกับเฟย์ต้องหัวหมุนเก็บของอีกหลายอย่าง แม้เมื่อคืนจะเก็บไปแล้วส่วนหนึ่งก็ตาม

   กบมองข้าวของที่เฟย์เตรียมอย่างไม่เข้าใจ

   “กูรู้ว่ามึงเป็นคนรอบคอบ แต่ไม่ต้องขนของไปขนาดนี้ก็ได้มั้ง มึงจะย้ายบ้านเหรอเฟย์”

   คนถูกถามตอบทั้งที่ตายังเช็คของ ครุ่นคิดว่าขาดอะไรรึเปล่า พอทุกอย่างครบถึงยิ้มอย่างพอใจ

   “ของกูแค่นี้” นิ้วยาวชี้ไปที่กระเป๋าเป้หนึ่งใบ

   “นอกนั้นของลูกแมวกับโฟม ที่นั่นอยู่ริมน้ำ ตอนกลางคืนกับตอนเช้าท่าจะหนาว กูกลัวผ้าห่มจะหนาไม่พอ ยังต้องเตรียมเสื้อผ้าเผื่อลูกแมวเล่นน้ำ ผ้าขนหนูแยกกับผ้าเช็ดผม พวกครีมทาผิว แป้ง สบู่แชมพู ยาทากันยุง พวกยาสามัญประจำบ้าน...”

   “พอ!! ขืนปล่อยมึงร่ายวันนี้คงไม่ต้องไป น้องมันเป็นผู้ชายไม่ต้องเตรียมขนาดนั้นมั้ง ดูๆ ไปแล้วไม่ใช่เด็กขี้โรคด้วย”

   พอเพื่อนพูดแบบนี้เฟย์ขมวดคิ้วกอดอก เลือดแห่งความเป็นพี่ชายแสนดีมันรุ่มร้อน จ้องเพื่อนตัวเองด้วยแววตาจริงจัง

   “มึงไม่รู้อะไร กูดูแลของกูมาอย่างดี ประคบประหงมทั้งคู่ ดังนั้นอะไรเตรียมไว้ได้ก็ควรจะเตรียมไป โฟมแข็งแรงก็จริง แต่ถ้าลองได้ป่วยทีจะป่วยหนักมาก ส่วนลูกแมวเห็นอย่างงั้นซุ่มซ่ามอย่างกับอะไรดี ขี้เกรงใจเป็นที่หนึ่ง ต่อให้หนาวจะตายถ้าไม่สนิทก็ไม่กล้าพูด มึงก็เถอะ กูยกน้องกูให้ดูแลดีๆ ถ้าน้องกูเป็นอะไรขึ้นมา กูจะไปเผามึงไปพร้อมกับป่า!!”
   
   “เชี่ย ป่ากูผิดอะไร เดี๋ยวพวกสัตว์ป่าไม่มีที่อยู่กันพอดี เออๆ กูเข้าใจแล้ว เฮ้ย! เดี๋ยว... มึงยกน้องให้กูทำไม น้องมึงนะไม่ใช่น้องกู”

   คนโดนยัดเยียดร้อนตัว ครั้งนี้เฟย์มองแรงกว่าเดิม น้องมันชอบกบมาตั้งแต่เด็กตามติดยันโต เจอหน้าพี่ชายถามหาแต่กบ พอๆ กับไอ้เพื่อนซึน ปากบอกน้องชายๆ เจอหน้าเฟย์ถามหาน้องตลอด แวะไปหาบ่อยยิ่งกว่าเฟย์ที่เป็นพี่ชายแท้ๆ เวลามีใครมาเกาะแกะโฟม ถ้าเป็นผู้หญิงเจ้าตัวเฉย พอเป็นผู้ชายเริ่มเต้น บอกว่ามันไม่น่าไว้ใจอย่างงั้นอย่างงี้

   เฟย์นึกปลง ก็พอเข้าใจกบมัน เห็นกันมาตั้งแต่เล็กๆ ไม่ได้แอบแฝงสอดไส้แบบเขา ความรู้สึกตอนแรกคือพี่ชายกับน้องชายจริงๆ ที่สำคัญยังเป็นน้องเพื่อน พ่อแม่เฟย์เห็นกบเป็นลูกชายอีกคนหนึ่ง ต่างกับโฟม มันไม่เคยคิดว่ากบเป็นพี่ชายเลยสักครั้ง ยิ่งโตความรู้สึกยิ่งชัดเจน มีครั้งนึงน้องมันมาร้องไห้กับเฟย์ แทบอยากจะถลาไปต่อยหน้าเพื่อนตัวเอง หรือจะวางยาเพื่อนแล้วมัดผูกโบว์โยนให้น้องชายดี

   ไม่ใช่ว่าเฟย์อยากให้น้องเป็นเกย์ หรือรักกับเพื่อนหรอก ในฐานะพี่ชาย อยากเห็นน้องมีความสุข กบเองก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร คอยดูแลโฟมปกป้องมาโดยตลอด เอาเถอะ แล้วแต่ท่านศาสดาจะประทานพร สักวันมันคงได้กัน

   เห็นเพื่อนเงียบ กบเป็นฝ่ายถอนหายใจบ้าง ดวงตามองไปยังประตูห้องนอนที่มีเจ้าตัวแสบนอนอยู่   

   “กูรู้เฟย์ อาชีพกูมันอันตราย จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ป่าไม่เคยสงบเงียบเลยสักครั้ง มีแต่เสียงปืนยิงกันสนั่น พวกลักลอบนับวันยิ่งเหิมเกริมหนัก”

   “อย่าคิดมากเลยมึง ในเมื่อไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ ทำไมไม่ตักตวงความสุขเอาไว้วะ กูไม่บังคับให้มึงเลิกทำงานที่มึงรักเพื่อโฟมหรอก โฟมเองคงคิดแบบเดียวกันถึงได้รอ”

   “มึงยอมเหรอวะ ถ้าเกิดวันหนึ่งกูตายไป น้องมึงต้องอยู่คนเดียวนะเว้ย แค่กูคิดว่าตอนนั้นโฟมจะเสียใจแค่ไหน กูก็เจ็บไปทั้งใจ”

   มือหนาตบหัวเพื่อนไปที บรรยาการเคร่งเครียดรอบตัวลดลงไปหน่อย

   “มึงอะคิดมาก น้องกูอาจต้องเสียใจก็จริง มึงก็รักษาชีวิตดีๆ สิวะ อีกอย่าง โฟมไม่ได้มีแค่มึงโว้ย กูหนิ พี่ชายแท้ๆ มัน ยังมีพ่อแม่อีก เพื่อนมันเป็นโขยง อย่าสำคัญตัวผิดไปมึง”

   สมองพลันกระจ่าง กบคิดตาม จริงอย่างที่เฟย์พูด เจ้าตัวลุกขึ้นมาตบบ่าเพื่อน สีหน้าดีขึ้นเยอะ

   “จริงของมึง ขอบใจว่ะ กูไปปลุกโฟมแปบ มึงขนของย้ายบ้านต่อไปตามสบาย”

   เฟย์ส่ายหัว เดินไปปลุกลูกแมวบ้าง เจ้าเด็กสองคนไม่ต่างกันเลย โฟมโดนงัดจากเตียงงอแงร่วมสิบนาที กว่าจะยอมลุกขึ้นไปอาบน้ำแปรงฟันมานอนหลับคอพับบนโซฟาต่อ ส่วนลูกแมวหนักกว่า แม้จะยอมลุกโดยดี แต่สติไม่รู้บินหายไปไหน แค่ลงจากเตียงยังเกือบสะดุดผ้าห่ม เดินสะโหลสะเหลเหมือนคนเมาค้างหัวจะโขกประตู ดีที่เฟย์คว้าไว้ทัน กิจวัตรยามเช้าของลูกแมวจึงถูกเฟย์คุมทุกขั้นตอน

   เพื่อไม่ให้เสียเวลา เฟย์ปล่อยเด็กขี้เซาไว้ในห้อง ตัวเองกับกบขนของทั้งหมดไปยัดใส่รถ กลับขึ้นมาอีกที โฟมนอนเหยียดยาวบนโซฟา ลูกแมวขดตัวเป็นก้อนกลมอยู่ใต้ผ้าห่ม ผู้ใหญ่สองคนมองหน้ากันพลางส่ายหัว อุ้มเด็กของตัวเองขึ้นรถไปยังที่หมาย

   จุดนัดพบเป็นปั๊ม ฝนจอดรถรออยู่ เฟย์ลงไปคุย ปล่อยให้กบเฝ้าเด็กไป

   “ไงเพื่อน มาสายนะมึง” ฝนทักเพื่อนขณะที่น้ำคนรักแค่ยิ้มให้แบบงัวเงีย คงโดนลากลงจากเตียงพอกัน

   “โทษทีว่ะ เด็กมันงอแง ไอ้อิงค์ล่ะ” ตาคมมองหาคนที่คาดว่าเป็นตัวต้นคิดในครั้งนี้

   “มันกับแฟนไปรออยู่ที่รีสอร์ทแล้ว เดี๋ยวขับๆ ตามกันไป จะแวะไหนบอกด้วยนะไม่งั้นกูทิ้ง”

   เฟย์พยักหน้าเดินกลับรถของตัวเอง ระยะทางระหว่างกรุงเทพกับกาญจน์ไม่ไกลเท่าไหร่ รถทั้งสองคันจึงไม่แวะระหว่างทาง เอาไว้แวะซื้อของตอนกลับรวดเดียว กระทั่งถึงที่หมาย

    รีสอร์ทขนาดใหญ่ มีบริการครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการล่องแพ บ้านแพ บังกะโล สปา สระว่ายน้ำ ร้านอาหารและอื่นๆ งานนี้พวกเขามาเที่ยวกันสามคืนสี่วัน กะพักผ่อนให้เต็มที่ คุยกับเพื่อนจนเบื่อหน้าตายกันไปข้าง รถสองคันจอดหน้ารีสอร์ท เพราะต้องติดต่อให้เรียบร้อยก่อน รวมถึงทานอาหารเช้า ค่อยเข้าบังกะโล ข้าวของทุกอย่างจึงทิ้งไว้ที่รถ

   ฝนกับน้ำลงจากรถยืดเส้นยืดสายเดินไปหาอิงค์ที่มาล่วงหน้าเพื่อนทุกคน เฟย์ปลุกโฟมก่อนเป็นอันดับแรก เจ้าตัวยืดแขนบิดขี้เกียจอ้าปากหาวกว้างยอมลงจากรถตามกบไปโดยดี จะเหลือก็แต่แมวขี้เซา ขนาดปลุกตื่นมาแล้ว ยังมีหน้ายิ้มหวานตาปรือใส่ก่อนหลับต่อ

   “ปอนด์ ถึงรีสอร์ทแล้ว ตื่นเร็ว ทุกคนรออยู่”

   “ขออีกห้านาที” คำขอจากดักแด้ตัวโต ที่ถูกห่อด้วยผ้าห่ม ฝีมือพี่ชายนี่แหละ ตอนขึ้นรถเล่นอุ้มมันมาทั้งผ้าห่มเลย

   “ถ้าไม่ตื่นพี่จะอุ้มไปทั้งแบบนี้นะ”

   ไม่อ่อนไม่ได้ผล ต้องไม้แข็ง ไอ้ลูกแมวหน้าบาง การโดนอุ้มในสภาพนี้ไปสู่สายตาประชาชีคงไม่ยอมแน่ แต่เฟย์คิดผิด ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้น พี่ชายพูดจริงทำจริง จัดการอุ้มดักแด้ขึ้น ไอ้ลูกแมวตื่นเต็มตาโวยวาย

   “เฮ้ยพี่! ปล่อยผมลง”

   “อยากนอนดีนัก นอนต่อไปสิ”

   “ไม่นอนแล้ว ปล่อยเถอะ นะๆ แบบนี้มันน่าอาย”

   ไม่เพียงคำพูด ตอนนี้ใบหน้าเริ่มแดงก่ำ ขอบคุณสวรรค์ เวลาเช้าคนยังไม่ค่อยมีเท่าไหร่ พอเห็นลูกแมวตื่นเต็มตาเฟย์ถึงยอมปล่อย แงะแมวออกจากดักแด้ผ้า เดินไปสมทบกับพวกเพื่อนที่กำลังคุยกันออกรสออกชาติ แต่ตางี้ หูงี้ ผึ่งฟังชัดเจนจนน่าถีบ

   “ว้า นึกว่าจะอุ้มออกมาทั้งงั้นซะอีก” อิงค์เริ่มกวน แสร้งทำเสียดายหนักหนา

   “ติดต่อรีเซฟชั่นยังฝน” เฟย์เมินหันไปถามเพื่อนที่ได้เรื่องกว่า

   “เรียบร้อย กูคิดเหมือนกันนะ น่าจะอุ้มออกมาเลย จะได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก”

   คนโดนแซวใช้แขนพี่ชายมาบังหน้า มิดมาก เฟย์ส่งเสียงเหอะในคอใส่เพื่อน เขาลืมไปได้ยังไง ไอ้สองตัวนี้มันลูกคู่จอมกวนประสาท ดีที่โฟมยังไม่หายเมาขี้ตา ไม่งั้นปวดหัวยกกำลังสามแน่

   “แฟนมึงล่ะอิงค์ ไหนบอกพามา” พอโดนสวนกลับมั่ง มีหรืออิงค์ผู้หน้าหนายิ่งกว่าพื้นถนนคอนกรีดเสริมเหล็กราดยางมะตอยซ้ำจะสะท้าน เจ้าตัวยกไหล่ชิวๆ

   “นั่นไง” พูดพลางบุ้ยปากไปยังโต๊ะแถวนั้น มีชาวต่างชาติคนหนึ่งกำลังนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ เรือนผมสีบลอนยาวหยักศก เพื่อนทุกคนหันมองอิงค์ทันใด

   “เอ๊ะ พี่อิงค์บอกว่าเป็นบอสไม่ใช่เหรอครับ” น้ำถามอย่างสงสัย อิงค์หัวเราะ

   “ก็นั่นแหละ ผู้ชายแถมยังเป็นบอสพี่ด้วย เห็นสวยๆ แบบนั้นโหดนะ ไม่งั้นคุมพวกคนงานเถื่อนๆ ไม่อยู่หรอก”

   คนสอยของสูงยืดอกพูดภูมิใจเต็มกำลัง ทุกคนหันหน้าหนีไปคนละทาง มีแต่น้ำที่ยังรักษาหน้าให้อีกฝ่าย ยิ้มขำ

   “ไปๆ กินข้าว หิวจนจะกินแมวได้ทั้งตัวแล้ว” เฟย์ตัดบทสนทนา ไม่งั้นคงคุยกันยาว

หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่17 เดอะแก๊งค์ [UP!4/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-11-2015 13:58:00
 :กอด1:   :mew1: 
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่17 เดอะแก๊งค์ [UP!4/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 04-11-2015 17:32:13
ไปเที่ยวๆๆ
แถมยังเปิดตัวแมวน้อยอีกตังหาก!!!
รอตอนหน้าจร้า ^0^
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่17 เดอะแก๊งค์ [UP!4/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 04-11-2015 18:53:18
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่17 เดอะแก๊งค์ [UP!4/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 04-11-2015 19:23:18
 :3123:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่17 เดอะแก๊งค์ [UP!4/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-11-2015 19:46:09
ไม่ต้องหิวข้าวเฟย์ก็จ้องจะกินแมวอยู่แล้ว

มาหลายคู่แบบนี้จะได้กินแมวไหมหนอพี่เฟย์

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่17 เดอะแก๊งค์ [UP!4/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 04-11-2015 20:26:03
น่ารักอะ ครบแกงค์เลย
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่17 เดอะแก๊งค์ [UP!4/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 04-11-2015 21:28:29
 :hao7:รวมพลครบแก๊ง
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่17 เดอะแก๊งค์ [UP!4/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 06-11-2015 02:34:06
รวมตัวกันทีนี่เฮฮาแน่
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายพิเศษ ดูหนัง ซัน-โป้ [UP!6/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 06-11-2015 18:28:53
พิเศษ ดูหนัง ซัน-โป้

   คุณคิดว่าชีวิตของวัยรุ่น วันๆ ทำอะไรกันครับ เรียน เล่น เที่ยว แดกเหล้า นั่นแหละคือความจริง แล้วถ้าไม่นับเรื่องพวกนี้ คุณคิดว่าจะทำอะไร แฟนไง! วัยรุ่นวัยว้าวุ่นต้องมีแฟน เคยได้ยินมั้ยครับ

   ‘รักวัยเรียนเหมือนจุดเทียนกลางสายฝน แต่กูไม่สน จะกางร่มแล้วจุดเทียน’

   ตามนั้นแหละครับ ทีนี้ผมถามใหม่ กิจกรรมเวลาทำกับแฟนมีอะไรมั่ง หยุด อย่าเพิ่งคิดลึก ตอนพิเศษตอนนี้ไม่มีเนื้อหา18+ เอาใสๆ เบาๆ พอครับ

   กับแฟนก็ ไปรับไปส่ง น่าเสียดาย คู่ผมมันไม่ได้รับส่ง เพราะอยู่หอเดียวกัน

   คุยโทรศัพท์ ตามข้างบนครับ อยู่ห่างกันแค่คีบ จะโทรศัพท์ทำเพื่อ

   ซื้อของขวัญให้กัน พวกผมฮาร์ดคอร์ ไอ้ของขวัญมุ้งมิ้งอะไรนั่นไม่มีหรอก

   มุ้งมิ้งกันวันเทศกาล ช่วงนี้ไม่มีเทศกาลอะไร ที่สำคัญ ผมเห็นหน้ามันแล้วมุ้งมิ้งไม่ค่อยออก เถื่อนสัส

   ช้อปปิ้ง ตัดทิ้งได้เลย เที่ยวเล่น กินเหล้าเหรอครับ เอาล่ะเหลืออย่างสุดท้าย

   ดูหนัง!

   ชายสองคนอยู่ถ้ำเดียวกัน ผมนั่งกระดิกตีนเล่นโทรศัพท์ คุยไลน์กับเพื่อนตัวเล็ก ส่วนซันมันนั่งบนพื้นดูทีวี จู่ๆ มันก็จับขาผม ผมสะบัดตีนใส่มันที ไอ้เถื่อนหันมาจ้องตาเขียว พอผมยักคิ้วถามแนวว่ามีปัญหาไร มันกลับถอนหายใจเอาขาผมไปกอดซะงั้น

   “โป้กูกับมึงไม่เคยไปเที่ยวด้วยกันเลยเนอะ”

   ผมหรี่ตามอง มันจะมาไม้ไหน

   “รอบก่อนก็ไปกับพวกมิทไง”

   “ไม่ใช่ดิ แบบไปเที่ยวกันสองคน”

   “ตอนกลับรีสอร์ทมึง นับว่าเที่ยวป่าว”

   “เชี่ย นั่นเค้าเรียกกลับบ้าน มึงแม่งไม่โรแมนเลย”

   “อะจ๊ะ จะไปเดทใช่มะ เอาที่ไหน”

   ลีลานัก ผมวกเข้าประเด็นเลย มันหันขวับกัดขาผม เหี้ย น้ำลาย

   “เขินอย่ามาลงกับขากูดิ๊ ดูหนังเป็นไง เห็นว่าช่วงนี้หนังใหม่ๆ มาเพียบ”

   เหมือนมันจะหมดอารมณ์แล้ว ตอบส่งๆ น้ำเสียงแห้งแล้งสิ้นดี

   “เออ! มึงเลือกหนังเลยแล้วกัน”

   ผมหัวเราะ ลุกขึ้นนั่ง ใช้ขาเกี่ยวตัวมัน ไม่ให้ลุกหนี ซันมันจะฝืนลุกก็ได้แหละ แต่มันไม่ทำ ยอมนั่งนิ่งรอฟังผม หูงี้ผึ่งเชียว รอกูง้ออยู่ดิ ไหนๆ นานๆ ที คนอย่างไอ้ซันมันจะมีอารมณ์มาหวานสักที ผมเล่นกับมันหน่อยก็ได้

   “หนังเดท ดูด้วยกัน ต้องเลือกด้วยกันสิวะ มึงอยากดูไร กูอยากดูพวกหนังบู๊มันๆ”

   ดีที่ผมกับซันรสนิยมเดียวกัน ผมย้ายตัวเองไปนั่งด้านล่างกับมัน เปิดโน๊ตบุ้คเลือกหนังว่าจะดูเรื่องไหน ได้มีเรื่องหนึ่ง สู้กันมันๆ ผสมตลกคลายเคลียดดี แต่ไอ้ซันเสือกใจร้อน มันจองรอบดึก เราเลยต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงดิ่งไปยังห้างที่ใกล้ที่สุด ยังมีเวลาเหลือกินข้าวก่อนเข้าโรง ผมกับมันนั่งกินที่โซนอาหารให้แลกคูปอง

   ซันมันกินไปบ่นไปว่าไม่อร่อยอย่างงั้นอย่างงี้ วิจารณ์จู้จี้ยิ่งกว่าผู้หญิง ผมตบหัวให้มันเลิกบ่นมาก เขามองมันหมดแล้ว เสียวอีโต้คนขายข้าวมันไก่ร้านแถวนั้น

   ปากบ่น แต่กินหมดเกลี้ยง ซันมันเคยบอกผม แม้อาหารจะรสชาติห่วยแตกแค่ไหน ซื้อมาแล้วต้องกิน ไม่ควรกินทิ้งขว้าง เว้นกรณีมันห่วยเกินเยียวยา อันนั้นทิ้งสถานเดียว ผมเลยไม่ต้องกังวลว่ามันจะติดรสมือผม จนไม่ยอมไปกินข้างนอก ถือว่าเลี้ยงง่าย

   ถึงเวลาหนังฉายผมกับมันเลือกชั้นบนสุด นั่งดูหนังสบายอารมณ์ หนังบู๊มันดี พอถึงฉากฮาไอ้ซันทำหน้าเฉย เข้าฉากเลิฟซีนพระนาง มันนั่งหาว ผมหมั่นไส้โบกมันไปที

   “มึงช่วยอินกับหนังหน่อยได้มั้ยวะ มึงเป็นคนอยากมาเดทเองนะ”

   ผมท้วง แสงวูบวาบจากจอในโรงกับไฟตามเก้าอี้ ทำให้เราเห็นหน้ากันชัดเจน ซันยักคิ้วกวนตีน

   “ก็หนังมันทำกูอินไม่ได้เองนี่หว่า”

   นั่นปากเหรอ ดีนะ รอบที่พวกผมอยู่ไม่มีคนนั่ง ไม่งั้นคงมีรายการป๊อปคอร์นบินกันบ้าง

   “หนังอะไรที่ทำให้มึงอิน” หมดอารมณ์ดูหนังโดยสิ้นเชิง ดูซิ มันจะชอบหนังอะไร

   “มันต้องเป็นหน้า 4 Dเว้ย แบบสี่มิติ รู้สึกถึงรูขุนขน” ผมว่ามันไม่ใช่ระ

   “เดี๋ยวดูสาธิตให้ดู มึงดูนั่น พระเอกแม่งดูดปากนางเอกอีกระ” ผมพยักหน้า จริงของมัน หนังฝรั่งไม่ว่าจะแนวไหน เอะอะจับดูดปาก

   ไม่ทันระวังตัว ไอ้ซันมันคว้าหน้าผมไปประกบปาก ดูดแบบ อร่อยมาก แม่งดูดของจริง หนักกว่าในหนังอีก ผมชกท้องมัน มันถึงยอมปล่อยผม

   “ไงมึง 4D” หน้าตากวนตีนมาก ไม่ติดว่าอยู่ในโรงหนัง ผมจะกระโดดก้านคอมันไปแล้ว

   เห็นมันทำหน้าระรื่น ดีใจ คิดว่าผมเขินมันสิ ฝันวะครับ ผมกระชากคอเสื้อมันมาบดปากบ้าง งานนี้กูปากเจ่อ มึงต้องเจ่อเป็นเพื่อนกู ไอ้ซันอึ้ง พอมันจะได้สติสวนกลับผมผละออกก่อน ยกยิ้มแบบเหนือกว่า

   “เด็กๆ ว่ะ ดูหนังต่อ”

   ซันมันทำปากบ่นขมุบขมิบ ยอมดูหนังต่อโดยดี ไม่งั้นเดทมันจะกลายเป็นวิวาทแทน หนังเรื่องนี้สนุกสมคำเล่าลือ แม้ผมจะพลาดบางช่วงเพราะมัวแต่จัดการคนข้างตัว ซันเองช่วงท้ายเรื่องจับมือผมลุ้นใหญ่ ถือว่าเดทครั้งนี้ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี

   ออกจากโรง ต่างคนต่างบิดขี้เกียจ เรากินข้าวอิ่มเลยไปซื้อป๊อปคอร์นเข้าไปกิน แต่น้ำหนิหมดไปคนละแก้ว ผมเดินนำเข้าห้องน้ำ ซันเดินตามบอกให้ผมเลือกซะในสุด ส่วนมันใช้อันถัดมา เข้าใจแหละว่าหวง แต่ผู้ชายทุกคนใช่เป็นเกย์หมดมั้ง ไม่งั้นผู้หญิงเฉาตายกันหมดพอดี

   “ไม่ต้องมองกูงั้นเลย มึงอะไม่รู้อะไร มีเชี่ยตัวหนึ่ง มองมึงตั้งแต่ก่อนเข้าโรงยันออกโรง”

   ผมเลิกคิ้ว แสร้งทำเป็นมองนู่นมองนี่ในห้องน้ำไปเรื่อย เสร็จล้างมือเดินออกมาพร้อมซัน เห็นคนหนึ่งมองตาม ชัดเลย มิน่าในโรงไปซันถึงทำงั้น ผมส่ายหัว

   “ว่าแต่กู มึงผู้หญิงมองเพียบพอกันแหละ”

   คนฟังยืดอก

   “แน่นอน กูหล่อ” เออ ผมยอมรับ มันหล่อจริง ไม่งั้นผมคงไม่สนใจมันตอนแรก แต่อย่าให้มันไว้หนวดเชียวนะ หน้าเถื่อนๆ ยิ่งมีหนวด โคตรโฉด

   “ปะ กลับบ้านกันเถอะเมีย” มือหนาโอบไหล่ผม ผมเลยกอดคอมันกลับ มันหัวเราะ คู่ผมดูเผินๆ เหมือนเพื่อนกันมากกว่าแฟน ใช่ว่ามันไม่ดี แบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว จะได้อยู่กันไปนานๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่17+วายพิเซษซัน-โป้ [UP!6/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 06-11-2015 19:18:34
โถ่โป้ สุดท้ายก็เป็นเพื่อนสุดสนิดของซัน :laugh:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่17+วายพิเซษซัน-โป้ [UP!6/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-11-2015 20:37:30
น่ารัก. ไม่เถียงคือยอมรับสถานะเมียใช่ป่าว

 :katai2-1:

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่17+วายพิเซษซัน-โป้ [UP!6/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-11-2015 13:52:12
อั๊ยย่ะ!!! ซันโป้เขาสาธิตหนัง 4D กันด้วยยยยยย

ซันจูบมาก็จูบกลับไม่มีอาย ยอมให้เรียกว่าเมียได้ด้วยความเต็มใจ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่17+วายพิเซษซัน-โป้ [UP!6/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 07-11-2015 16:05:20
คู่นี้หวานในแบบของเค้าดีนะ :o8:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่17+วายพิเซษซัน-โป้ [UP!6/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 07-11-2015 17:13:19
ซันโป้ น่ารักมากกกกก 555+

สรุปยอมเป็นเมียใช่ไหม ไม่เถียงเนี้ย อิอิ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่17+วายพิเซษซัน-โป้ [UP!6/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 09-11-2015 11:22:39
แหมซันคะแล้วทำปากแข็ง
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่18 ท่องเที่ยว [UP!9/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 09-11-2015 12:15:48
วายที่18 ท่องเที่ยว
   
   ทุกคนมานั่งรวมกันที่โต๊ะยาว ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ ถึงได้คุยแนะนำตัวกัน ทางบอสคนสวยอิงค์เป็นคนช่วยแนะนำให้ คนอื่นทักทายเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเจ้าตัวไม่เคยมาเมืองไทยมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องพูดภาษาไทย

   คนรักของอิงค์ชื่อบอริส ถูกอิงค์ล่อลวงมาเที่ยวเมืองไทย ก่อนจะมาเจอพวกเฟย์ เขาพาคนรักไปแนะนำตัวกับที่บ้าน ด้วยเหตุนี้เลยล่วงหน้ามารอที่รีสอร์ทก่อน

   ดวงตาสีสวยของพี่ชายคนงาม มองผมสลับกับโฟมไปมา เขาพูดอะไรบางอย่างกับพวกพี่ เล่นเอาฮาทั้งโต๊ะ

   “Why two kids to the little? You didn’t allow him to eat? (ทำไมเด็กสองคนนี้ถึงตัวเล็ก พวกนายไม่ยอมให้เขากินเหรอ)”

   “Thai kids are a little more than a foreigner like you. (เด็กไทยแบบนี้แหละครับ พวกเขาตัวเล็กกว่าชาวต่างชาติอย่างคุณ)” ผู้ปกครองเฟย์ แก้ต่างให้กับเด็กทั้งสอง

   “I hope they grew up not like you. (หวังว่าโตมาคงไม่เท่ากับนายนะ)” คราวนี้บอริสเหล่มองคนรักตัวเอง พอลองนึกภาพตาม ตอนเด็กน่ารักขนาดนี้ ถ้าโตมาเหมือนกับอิงค์ บอริสก็รู้สึกปวดหัวแล้ว หากเขาเป็นผู้ปกครอง คงถีบส่งให้ไปอยู่ไกลๆ

   “I think they’re similar to Nam. (ถ้าพวกเขาโต คงตัวเท่าน้ำมากกว่า)” ฝนชี้มาที่คนข้างตัว เจ้าของชื่อยิ้มรับ ในความคิดของบอริส คนไทยน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ หรือเจ้าพวกสูงแข่งชาวต่างชาติพวกนี้ จะเป็นพวกแปลกประหลาด

   ผมได้แต่มองพวกผู้ใหญ่คุยกัน และหันไปคุยกับโฟมแทน ตอนคุยเอ็มโฟมดูมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ผสมเด็กเอาแต่ใจ พอมาเจอตัวจริง มีแต่คำว่าเด็กเท่านั้น เขาชี้ชวนให้ผมดูนู่นนี่ คล้ายกับเห็นผมเป็นเพื่อนวัยเดียวกัน แต่ไม่เป็นไร ผมสนุก ทุกคนมีความสุขก็โอเค

   มื้ออาหารผมพบความหวานแหววจนแทบเบาหวานกิน บอกทีนี่เป็นการนัดเที่ยวในกลุ่มเพื่อน หรือพาแฟนมาสวีท เหล่าพี่ชายทั้งหลายตักนั่นนี่ให้คนรักตัวเอง พี่ฝนตักหมูให้พี่น้ำ บอกว่ากินเยอะๆ ผอมจะแย่อยู่แล้ว ทางพี่อิงค์ถือช้อนยัดเยียดป้อนพี่บอริส ดูยังไงก็รู้ว่าจงใจแหย่ ขนาดถูกตาสวยจ้องเขม็งใส่ยังไม่ลดละ ฝั่งพี่กบคอยตักของโปรดให้โฟมตลอดจนเต็มจาน

   “มัวดูอะไรไอ้ตัวยุ่ง”

   เสียงทุ้มนุ่มจากคนข้างกาย ผมหันไปมองสลับมองจานตัวเอง อุตะ มัวแต่มองคู่อื่นเพลินตัวเองก็ไม่ต่างเลยนี่หว่า พอพี่เฟย์จิ้มกุ้งชุบแป้งทอดมาให้ อ้าปากกินด้วยความเคยชิน ผมชักเขิน

   ถึงจะเป็นตอนเช้าลูกค้าในร้านไม่เยอะ แต่โต๊ะที่มีส่วนใหญ่หันมามองที่โต๊ะเรา ผมแทบเอาหน้ามุดใส่จาน มีผู้หญิงหลายคนมองด้วยความเสียดาย แน่ล่ะ หนุ่มหล่อยกโต๊ะ พี่เฟย์หล่อแบบเพอร์เฟคแมน ผู้ชายอบอุ่นใจดี ยิ้มทีหัวใจพองฟู พี่กบแม้ตัวใหญ่หน้าดุหักล้างกับการดูแลเอาใจใส่โฟม กลายเป็นผู้ชายน่าพึ่งพาไปโดยปริยาย พี่อิงค์หล่อแบบกวนๆ พูดภาษาอังกฤษกับพี่บอริสคล่องปรื๋อ พี่ฝนถึงจะเงียบกว่าคนอื่น แต่ดวงตาหวานเชื่อมยามมองคนรักตัวเอง ทำให้สาวหลายคนอิจฉาตาร้อน

   อ่า แก๊งค์อาเฮียเลือกคบกันที่หน้าตารึเปล่า แต่ละคนคัดมาอย่างดี ที่สำคัญชอบผู้ชายยกกลุ่ม โอเค ผมเข้าใจคุณผู้หญิงทุกคนคงเจ็บปวดกันน่าดู แต่สำหรับสาววาย หนุ่มวาย ฟินกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

   หลังจากมื้ออาหารผ่านไป พี่อิงค์พาพี่บอริสไปสปา เห็นว่าเจ้าตัวติดใจหลังจากลองนวดน้ำมันไปเมื่อวาน พี่ฝนกับพี่น้ำไปเดินเล่นรอบๆ ผมกับโฟมกลับห้องมานั่งเล่นเกมพักท้อง พี่เฟย์กับพี่กบเลยต้องตามกลับมาด้วย วันนี้ยังไม่มีกำหนดการไปไหนเป็นพิเศษ เพิ่งมาถึงกัน กว่าจะเที่ยวคงช่วงบ่าย

   บังกะโลที่พี่ฝนของไว้สองหลัง เป็นแบบหลังละสองห้องนอน มีสวนเล็กรอบล้อม หน้าบังกะโลมีโต๊ะนั่งรวม เหมาะสำหรับกลุ่มที่มาเที่ยวแบบหมู่คณะอย่างพวกผม หลังแรกเป็นของผม โฟม พี่เฟย์ พี่กบ ส่วนหลังที่สองเป็นของพี่อิงค์ พี่บอริส พี่ฝนและพี่น้ำ

   พอช่วงบ่าย พากันออกไปหาของกินข้างนอก ขับรถตามกันไป เที่ยวสถานที่ขึ้นชื่อเมืองกาญจน์ อย่างสะพานข้ามแม่น้ำแคว วัดถ้ำเสือ อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ และที่อื่นๆ ทั้งที่คนต่างชาติอย่างพี่บอริสจะถ่ายรูปรัวๆ กลับเป็นพี่อิงค์ครองตำแหน่งช่างกล้อง ถ่ายภาพทุกคนแทบทุกอริยาบท พอกลับถึงบังกะโลเสียบกับทีวีเปิดดูกัน ภาพไหนของใครก็บอกให้พี่อิงค์ส่งให้ตอนหลัง แต่ละภาพไม่ค่อยบอกความลำเอียง จากทั้งหมดรูปพี่บอริสครองไปเกินครึ่ง

   วันต่อมาเป็นแม่น้ำ ส่วนพรุ่งนี้ไปน้ำตก งานนี้พวกพี่ๆ เที่ยวกันแบบจัดเต็มจริงๆ

   โฟมเกาะกระจกมองภาพคนเล่นน้ำ ตรงจุดที่สามารถเล่นได้ เจ้าตัวหันไปบอกให้พี่กบ ผู้รับหน้าที่ขับรถในครั้งนี้จอดรถเพื่อจะไปเล่นน้ำ พี่กบส่ายหัวบอกว่า

   “เราจะไปที่สนุกกว่านั้นอีก”

   “ที่ไหน” โฟมถามอย่างสนใจ ส่วนผมหูผึ่งฟัง

   “ล่องแก่งไง อยากเล่นไม่ใช่เหรอ”

   ได้ยินคำว่าล่องแก่ง ผมกับโฟมตาโต แทบอยากจะเหาะไปให้ถึงไวๆ ประสบการณ์ที่หาได้ยากเลยนะ ผมไม่เคยเล่นล่องแก่งมาก่อนเลย ตอนเด็กเคยมาเล่นน้ำก็จริง แต่เพราะยังเล็กเกินไป พวกผู้ใหญ่เลยให้เล่นแต่แถวด้านล่างที่น้ำนิ่งแทน

   “ไม่ค่อยเลยนะพวกนาย”

   พี่เฟย์ส่ายหัวกับอาการของพวกผม กระทั่งถึงที่หมาย ก่อนมาพวกเราทุกคนใส่เสื้อพร้อมลุย กางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดสีเข้ม หนีบรองเท้าแตะคนละคู่ ขนาดใส่เสื้อผ้าแสนธรรมดาแบบนี้ยังดูดี พวกพี่มีความหล่อแบบไม่น่าให้อภัยจริงๆ

   ตลอดทางที่ผมเดินผ่าน คนมองแต่กลุ่มพวกเรา ผมพยายามชมนกชมไม้ไปเรื่อยเปื่อย จุดที่พวกเราจะเล่นล่องแก่ง มีอุปกรณ์กับเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ ช่วงนี้เป็นช่วงหยุดยาว นักท่องเที่ยวเลยเยอะ โชคดีหน่อย มีบางกลุ่มต้องทำเวลาเลยกลับก่อนทั้งที่ยังไม่ได้เล่น กลุ่มผมเลยรอไม่นานเท่าไหร่ ซึ่งอุปกรณ์ในการเล่นมีดังนี้

   แพยาง เสื้อชูชีพ ไม้พาย หมวกนิรภัย ถุงเชือกช่วยชีวิต และอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งระดับล่องแก่งที่เราเล่นกันเป็นแบบระดับสอง แบบธรรมดา

   ทุกคนสวมเสื้อชูชีพใส่หมวก พวกพี่เฟย์ใส่คล่องแคล่ว ก่อนบรรดาเมะจะหันมาเช็คปรับเสื้อชูชีพกับหมวกให้เหล่าเคะเหมือนนัดกันมา ให้ตายพวกพี่จะเซอร์วิสกันไปไหน

   มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาถามพวกเรา

   “จะให้เจ้าหน้าที่ไปด้วยมั้ยครับ”

   ผมเข้าใจที่เขามาถาม การเล่นล่องแก่งบางคนไม่มีประสบการณ์เลย ก็อยากได้เจ้าหน้าที่ไปช่วยให้อุ่นใจ ส่วนตัวผมคิดว่าพวกเราคงไม่ต้อง

   “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก”

   พี่ฝนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เจ้าหน้าที่จึงแนะนำพวกเราอีกนิดหน่อย เห็นว่ามีประสบการณ์แล้วจึงหันไปดูแลกลุ่มอื่นต่อ

   “เจ้าหน้าที่จะเก่งไปกว่าเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้อย่างพี่กบได้ไง” โฟมพูดขึ้นหลังเช็คชุดเรียบร้อย

   “เดี๋ยวเถอะโฟม พวกเขาต้องเก่งกว่าพี่สิ พี่ดูป่า เขาดูคนเล่นล่องแก่งโดยเฉพาะ แค่ประสบการณ์ก็ต่างกันแล้ว”

   พี่กบเขกหัวโฟมเบาๆ ผมมองตาปริบๆ โอ้ พี่กบเป็นเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้เหรอเนี่ย ว่าแต่ ในป่ามีให้เล่นล่องแก่งด้วยเหรอ...

   “คิดอะไรแปลกๆ อยู่ล่ะสิเจ้าลูกแมว ที่ไม่เอาเจ้าหน้าที่ เป็นเพราะพวกพี่มีประสบการณ์อยู่บ้าง แถมระดับสองไม่ได้ยากอะไร ไม่จำเป็นต้องถึงมือเจ้าหน้าที่เขาหรอก”

   พี่เฟย์อธิบายให้ผมรวมถึงโฟมฟัง คนอายุน้อยที่สุดในกลุ่มแลบลิ้นทะเล้นไม่สำนึก ก่อนโดนลากไปนั่งบนแพยางแจกไม้พายคนละอัน ผมกับโฟมตัวเล็กสุดถูกจับให้อยู่แถวกลางๆ มีพวกพี่คอยประกบ พอปล่อยแพไหลไปตามน้ำ ความสนุกมาเยือนทันที

   ตำแหน่งสำคัญอย่างด้านหลังสุดมีพี่กบคอยคุม พี่บอริสเห็นเหมือนจะตัวบางแต่แรงเยอะน่าดู เวลาหลบหินหรือคลื่น จะมีน้ำกระเซ็นขึ้นมา พอเป็นทางลงเสียวท้องวูบ ผมหัวเราะฮาชอบใจ เจ้าโฟมคึกคักมาก ขนาดเล่นจนสุดสายแล้วบอกจะขึ้นไปเล่นอีก

   เล่นเสร็จ คิดว่านั่งกินแรงเฉยๆ แทบไม่ได้พายคงไม่เหนื่อย แต่เอาเข้าจริงใช้แรงกันไม่น้อย พี่อิงค์บ่นอุบอิบระหว่างเดินกลับรถ

   “สมัยเรียนให้เล่นสามรอบติด ระดับโหดกว่านี้ยังไหว เดี๋ยวนี้แค่ระดับสองรอบเดียว รู้สึกล้านิดๆ สงสัยพวกเราคงแก่แล้วจริงๆ”

   “ทำไงได้ พวกนายไม่ได้ไปลุยเหมือนฉัน ถ้าออกกำลังกายสม่ำเสมอ เดี๋ยวก็กลับมาฟิตตามเดิมนั่นแหละ” พี่กบตอบ พี่บอริสสงสัยว่าพวกเขาคุยอะไรกัน เลยสะกิดพี่อิงค์ เจ้าตัวร้องอ้อ เล่าเป็นภาษาอังกฤษ ดวงตาสีอ่อนมองคล้ายดูถูก

   “I’m 32 years, don’t grumble. (ฉันอายุ 32 ยังไม่เท่าไหร่ อย่าสำออย)”

   ห๊ะ! ผมฟังคำอื่นไม่ออกก็จริง แต่คำง่ายๆ อย่างบอกอายุหนิชัดเจนมาก พระเจ้า 32 ผมคิดว่าอายุพอๆ กับพวกพี่เฟย์ซะอีก ขนาดพวกพี่ชายยังอึ้ง ความหน้าเด็กไม่ได้มีแค่ในเมืองไทยสินะ ฮ่าๆ

   ถึงรถแต่ละคนเตรียมผ้าขนหนูของตัวเองมา เช็ดตัวพอเป็นพิธีแล้วกลับไปอาบน้ำที่บังกะโล เห็นว่ามื้อดึกมีสารพัดของย่างที่หน้าบังกะโลนี่แหละ ให้ทางรีสอร์ทเตรียมของไว้

   บนโต๊ะไม้มีจานเป็นชุดจัดไว้พร้อม หน้าเตาพี่เฟย์กับพี่อิงค์รับหน้าที่เป็นคนย่าง ส่วนคนอื่นนั่งรออย่างสงบ ส่งสเปรย์ฉีดกันยุงเวียนกันครบทุกคน เพราะบังกะโลอยู่ริมน้ำยุงเยอะ แถมยังเป็นยุงป่า มีจุดยากันยุงไว้บนพื้นสองอันเพื่อความชัวร์

   ข้าวสวยร้อนๆ ในโถถูกตักแจกจ่ายให้ทุกคน มีหม้อต้มยำเสริม กับข้าวอีกสองสามอย่าง กุ้งแม่น้ำตัวโตหัวมันน่ากิน หมึกสดตัวขาว หอย ปูเนื้อ วางเต็มโต๊ะ จิ้มกับน้ำจิ้มสามรส รสแซ่บ ทีแรกคิดว่าเยอะขนาดนี้น่าจะกินกันไม่หมด ที่ไหนได้ จากความเหนื่อยทำให้หิว เพียงไม่ถึงยี่สิบนาทีอาหารชุดแรกบนโต๊ะหมดเกลี้ยง เปลือกกุ้ง ซากหอยปูเต็มถังขยะขนาดพกพา

    ถึงเวลาของเครื่องดื่มยามค่ำคืน พี่เฟย์งัดผลไม้หมักของตัวเองออกมา ผมเห็นแขยงทันที ให้ตายยังไงไม่กินเด็ดขาด พี่ฝนยกบลู เลเบิ้ลมาสองขวด พี่อิงค์แยกเขี้ยวใส่

   “อะไรวะ เป็นเจ้าของบาร์ซะเปล่า เอาบลูมาแค่สองขวด”

   “สองขวดก็เยอะแล้วเฟ้ย คิดว่าพรุ่งนี้จะไม่ไปเที่ยวน้ำตกหรือไง” พี่ฝนเถียงกลับ แทบจับขวดฟาดหัวเพื่อน

   วงอาหารเปลี่ยนเป็นวงเหล้า เตาย่างกับข้าวกลายร่างเป็นเตาย่างกับแกล้ม ประเด็นคือ วงเหล้าวงนี้ดันกินของแพง ผมอ่านเจอในนิยายวายบ่อยๆ เห็นว่าเจ้าบลูเนี่ยราคาไม่ใช่เล่น

   พวกผู้ใหญ่มีแก้วเหล้าคนละแก้ว โฟมยื่นมือไปจะจิ๊กเหล้าพี่กบกิน โดนตีมือยัดแก้วโค้กใส่แทน

   “เด็กกินน้ำโค้กไป ดูอย่างปอนด์ อายุเยอะกว่ายังไม่แตะเหล้าเลย”

   ผมยิ้มแห้ง แบบว่า ไม่กล้าพูดเลยอะ ผมคออ่อนระยะสุดท้าย แถมประสบการณ์การเมาล่าสุดไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่นัก แม้จะได้แฟนหนุ่มสุดเพอร์เฟคมาหนึ่งคนก็ตาม พรุ่งนี้ผมยังอยากเล่นน้ำตกนะ ยังไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว มือจับแก้วกระดกน้ำดำแทะกุ้งที่พี่เฟย์แกะให้อย่างสงบ

   สุดท้ายผมเห็นโฟมแอบกินอยู่ดี ก่อนมาชวนผมที่นั่งอืดพุงกลมเพราะกินเกินจำกัดไปเดินเล่น

   “ปอนด์ ไปเดินเล่นกัน”

   ผมแหงนคอมอง สลับมองพวกพี่ชายกำลังคุยกันออกรสออกชาติ ดีเหมือนกัน ไปเดินย่อยดีกว่า

   “เอาสิ พี่เฟย์ ผมไปเดินเล่นกับโฟมนะ”

   พี่ชายหยักหน้าให้ กำชับนิดหน่อย

   “ห้ามลงน้ำ ห้ามไปเดินใกล้น้ำ อยู่แถวที่มีแสงสว่างกับคนเยอะๆ เข้าไว้ อย่าไปไกลล่ะ”

   ผมหัวเราะกับความขี้เป็นห่วงของพี่ชาย รับคำเสร็จเดินย่อยไปกับโฟม

   “คิดไงถึงชวนมาเดินเล่น” ผมถามอย่างสงสัย

   “ไม่มีอะไรพิเศษหรอก แค่อยากมาเดินเล่นด้วยกันเฉยๆ ปอนด์เป็นถึงพี่สะใภ้นี่”

   เจอประโยคนี้เข้าไปผมหน้าแดงฉ่า แบบไม่ต้องมีแอลกอฮอล์มาช่วย พูดเสียงติดๆ ขัดๆ เขินเว้ย

   “ยะ อย่าพูดแบบนั้นสิ” ทำไมผมรู้สึกเหมือนโฟมยิ้มไม่น่าไว้ใจยังไงชอบกล เราสองคนเดินไปตามทาง มีโคมไฟให้ความสว่างอยู่เป็นระยะ ผ่านบังกะโลหลายหลัง บางหลังมีคนนั่งกินอาหารด้านนอกแบบเรา บางหลังปิดไฟเงียบเข้านอนกันไปเรียบร้อย

   “โฟม เรากลับกันดีกว่า อย่าเดินไปไกลกว่านี้เลย”

   แม้บังกะโลของเราจะไม่ได้อยู่สุดของเขตรีสอร์ท แต่ระยะห่างที่เราเดินมาเริ่มไกลเกินไป มันอยู่ก่ำกึ่งระหว่างบังกะโลกับอาคารหลักของรีสอร์ท ผมยอมรับว่าแอบหวั่นพวกสิ่งลี้ลับ นั่นไม่ใช่เหตุผลส่วนใหญ่ที่ผมอยากลากโฟมกลับ ตรงหน้ามีกลุ่มชายหญิงกลุ่มหนึ่งกำลังดื่มเหล้าเมาเต็มที่

   คนดื่มเหล้าเมาไม่แปลก บังกะโลหลายหลังที่ผมเดินผ่านมามีคนดื่มเหมือนกัน บางหลังเฮฮาพูดคุยกันสนุกสนานดูมีความสุขกับวันพักผ่อน แต่หลังนี้มันไม่ใช่ สนุกปนความคะนอง คนที่ดูมีอายุควรห้ามกลับส่งเสียงหัวเราะสนับสนุน ผมรู้สึกไม่ดีสุดๆ ดึงแขนให้โฟมกลับ

   “กลัวอะไรปอนด์ แค่พวกคนเมาเอง เหมือนกับที่เราเดินผ่านมานั่นแหละ ไปต่อกันเถอะ ตรงนู้นมีน้ำพุด้วย”

   “ถ้าอยากดูไว้มาดูพรุ่งนี้ หรือไม่พาพวกพี่มาเป็นเพื่อนสักคน กลับได้แล้วโฟม” เสียงผมเริ่มเข้ม ดึงตัวโฟมไว้ ตีให้ตายยังไงผมก็อายุมากกว่าโฟม เพื่อความปลอดภัยของคนอายุน้อยกว่า น้องแฟน หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมต้องลากตัวโฟมกลับให้ได้

   “อย่าปอดแหกดิปอนด์ คิดมาก”

   
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่18 ท่องเที่ยว [UP!9/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 09-11-2015 12:16:32
   เด็กวัยรุ่น ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ผมกับโฟมตัวพอๆ กัน เรื่องแรงไม่ทิ้งห่างกันเท่าไหร่ โฟมดื้อเดินหน้าต่อไม่สนผมเลยสักนิด ยิ่งเข้าใกล้ ยิ่งรู้สึกไม่ดีสุดๆ ลางสังหรณ์บางอย่างมันร้องเตือน

   ถ้าผมตัวใหญ่แรงเยอะ จะแบกโฟมขึ้นบ่าแล้ววิ่งกลับแม่ง บอกตามตรง ไม่ใช่ว่าผมปอดแหกหรอกนะ เค้าเรียกการระวังตัวและไม่ประมาท โฟมเป็นน้องชายคนที่ผมรัก และเป็นเหมือนน้องชายของผมอีกคนปล่อยให้เป็นอันตรายไม่ได้เหมือนกัน โฟมดันไม่ให้ความร่วมมือไง เจ้าเด็กดื้อโฟมเอ๊ย! ดื้อแบบที่พี่เฟย์บ่นจริงๆ ด้วย

   “กลับได้แล้ว! คนพวกนั้นไม่น่าไว้ใจ ไม่รู้กินยาด้วยรึเปล่า ถ้ายังดื้ออีกจะทิ้งไว้ที่นี่แล้วนะ”

   ผมขึ้นเสียงอย่างมีอารมณ์ คนใจเย็นก็มีขีดจำกัด นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเสียงดังใส่โฟม เจ้าตัวมองผมอย่างแปลกใจ เดินเข้ามากอดคอ

   “อย่าเพิ่งโกรธสิ แค่ล้อเล่นนิดเดียวเอง ปะ กลับก็กลับ”

   “เล่นอะไรบ้าๆ” ผมถอนหายใจ เอาเถอะ ผมคงคิดมากไปเอง โฟมแค่แหย่เล่น

   “ก็ว่า ใครมาทะเลาะกันตอนกูกำลังเยี่ยว” เสียงดังมาจากหลังพุ่มไม้ดังพอที่จะดึงความสนใจพวกที่อยู่ในวงเหล้า

   “โทษทีพี่ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

   ไม่ทันจะหันหลังเดินหนี มีมือข้างหนึ่งคว้าไหล่ผมไว้ อือหือ กลิ่นเหล้าหึ่งเลยสลัด งานเข้าแล้วมั้ยล่ะ ไอ้พวกนี้มันแดกจนเมาเป็นหมาไม่มีสติแล้ว คนที่น่ากลัวรองจากคนบ้า ก็คือคนเมานี่แหละ! เพราะคนพวกนี้จะไม่มีสติยั้งคิด ไร้มโนสำนึกใดๆ ทั้งสิ้น

   “ไหนๆ มาแล้ว ดื่มด้วยกันก่อนดิ”

   ผมจับมืออีกฝ่ายออก แล้วส่ายหัวปฏิเสธ

   “ไม่ล่ะ พวกเราต้องรีบกลับ เชิญพวกพี่ตามสบาย”

   เรียกพี่ช่างกระดากปาก พวกที่มาล้อมผมมองสามคนเนี่ย มีคนหนึ่งอายุมากกว่า ส่วนอีกสอง ไม่ห่างจากผมสักเท่าไหร่ เอาวะ เรียกไปส่งๆ จะได้พ้นๆ

   “อะไรวะ ไม่กล้าแดกเหล้า ตัวบางเล็กๆ บางๆ อ่อ พวกมึงเป็นแต๋วสินะ กูจำได้ๆ มากับไอ้พวกสูงๆ นี่หว่า คงเป็นเด็กไอ้พวกนั้นอะดิ”

   โว๊ะ ถ้าผมไม่มัวมายืนทะเลาะตรงนี้กับโฟมนานสองนานจนพวกมันเริ่มสนใจ เรื่องมันคงจบไปแล้ว โฟมนะโฟม จำไว้เลย ผมกำลังจะอ้าปากพูดขอตัวเตรียมชิ่ง ปากโฟมดันไวกว่า

   “แต๋วบ้านพ่อง เมาอย่างกับหมา ไสหัวกลับรูไปเลยไป๊ อย่ามายุ่งกับพวกกู กาก!”

   เชี่ยยยยย ผมลืมว่าโฟมมันก็แอบดื่มมาเหมือนกัน คงกำลังกรึ่มๆ ท่าทางของพวกมันเปลี่ยนไปทันที ผมคว้าแขนโฟมแน่น มองหาช่องเผ่นสุดชีวิต งานงอกของจริง พวกที่โต๊ะเริ่มลุก

   “เด็กเวร พวกกูชวนดีๆ มาทำปากดีใส่”

   “ใจเย็นพี่ ผมขอโทษแทนน้องมันด้วย มันเมาเหมือนกัน”

   “ไหนบอกพวกมึงไม่แดกเหล้าไงวะ เมามางี้หมายความว่าไง แล้วก็อย่าคิดนะว่ากูไม่ได้ยินเรื่องที่มึงคุยกัน กลัวพวกเรามากงั้นดิ แดกเหล้าแล้วหนักหัวใครวะ หาว่าพวกกูเสพยาอีกสัส!!”

   ไปกันใหญ่ มีพี่ผู้หญิงสองคนมาดึงแขนคนที่เจอพวกเราตอนแรกไว้

   “ใจเย็นก่อน เด็กมันคงไม่ตั้งใจ”

   “จริงด้วยพี่ ผมขอโทษที่พูดไม่ดี แค่เข้าใจผิดกัน ปล่อยพวกผมไปเถอะ” ผมรีบเสริม มันตาแดงก่ำโคตรน่ากลัว

   “จัดมันเลย สอนให้เด็กมันรู้สึกบ้าง” เวร พวกขี้เมายุอีก

   “ปอนด์จะไปขอโทษมันไมวะ! มาดิ กูไม่กลัวหรอก เก่งแต่ปาก ดีแต่เห่า” ไอ้นี่ก็ฟิวขาด โอ๊ย ปวดหัว!

   แสงกระทบบางอย่างส่องเข้าตา เฮ้ย! มีดพก ผมผลักโฟมไปด้านหลัง มันตวัดมีดลงมา ผมยกแขนกันตามสัญชาตญาณแล้วคว้ามือโฟมวิ่งแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม เพราะมันกระทันหัน พวกนั้นเลยไม่ทันคว้าตัวเราไว้ ผมไม่สนเสียงโวยวายจากโฟม รีบเผ่นสุดชีวิต มีบางกลุ่มมองพวกเราที่วิ่งอย่างกับหนีผีอย่างสงสัย

   บ้าบอที่สุด พวกขี้เมาที่เราไปเจอดันอยู่บังกะโลแยก ตอนเกิดเรื่องเลยไม่มีใครเห็นเลยสักคน ไม่งั้นคงไม่ต้องกลัวพวกมันรุมตื้บแล้ว

   ผมคอยหันมองไปด้านหลังเป็นระยะ ใกล้ถึงบังกะโลของตัวเองพอดี ถึงได้ชะลอฝีเท้าหายใจเป็นหมาหอบแดด ยกแขนปาดเหงื่อ ใจเต้นรัวเหมือนจะทะลุออกมาจากอก เกิดมาไม่เคยเจอเหตุการณ์เลย

   “สร่างรึยังล่ะ หาเรื่อง! ถ้าเกิดโดนรุมตื้บไปใครจะมาช่วยฮะ! วันหลังอย่าดื้อ หันฟังคนอื่นเค้าบ้าง ถ้ามากันเป็นกลุ่ม หรือมีแรงเยอะเหมือนเดอะ ฮัค อยากเข้าไปซัดกับเขาจะไม่ว่าเลย นี่อะไร มากันแค่สองคนตัวเท่าเมี่ยงทั้งคู่ จะเอาอะไรไปสู้มันได้วะ”

   ผมโมโห ว่าโฟมเป็นชุด ไอ้คนก่อเรื่องดูไม่สำนึก ยกมือเกาแก้ม

   “โทษที ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ โดนว่างั้นมันเลยฉุน”

   อย่างที่เคยบอก ผมเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว สูดลมหายใจลึกๆ ปรับความอารมณ์ตัวเองสักแปบค่อยดีขึ้น ถอนหายใจเฮือกใหญ่

   “ช่างเหอะ วันหลังอย่าก่อเรื่องงี้อีก กลับได้แล้ว”

   โฟมยิ้มขยับเข้ามากระแซะใกล้ผม

   “สารภาพความจริง เห็นพี่ตัวเล็ก ดูท่าทางไม่ได้เรื่อง แถมชอบมางอแงให้ฟังบ่อยๆ เลยกะจะแกล้งกับทดสอบคนที่จะมาเป็นแฟนพี่ชายดูนิดหน่อย เมื่อกี้พี่โคตรเท่ห์อะ ปกป้องผมด้วย”

   ครั้งแรกที่โฟมเรียกผมว่าพี่ ปกติเรียกแต่ชื่อห้วนๆ ผมควรดีใจมั้ยที่มันยอมรับ ถึงจะหายโกรธแต่ยังเคืองๆ อยู่บ้าง
   
   “จะไม่ให้ปกป้องได้ไง พี่เฟย์รักโฟมมากนะ ฉันเองก็เห็นโฟมเป็นน้องชายอีกคน ต้องปกป้องอยู่แล้ว”

   ผมตอบเสียงเนือย สารภาพว่าก่อนหน้านี้ลูกบ้าล้วนๆ ไม่มีสิ่งอื่นมาเจือปน ร่างกายมันไปเอง โฟมมองผมอึ้งๆ ดูท่าคงเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับผมใหม่หมด

   “พอเข้าใจแล้วล่ะ ว่าทำไมเฮียถึงรักพี่”

   “เหอะ! มาพูดยอตอนนี้ไม่มีอารมณ์เขินหรอกเฟ้ย นี่ยังตื่นเต้นไม่หาย ครั้งแรกในชีวิตที่เคยเจอเหตุการณ์งี้”

   “เอาน่าประสบการณ์” โฟมตบบ่า ผมหันไปถลึงตาใส่ เราเดินกลับมาที่โต๊ะ พี่เฟย์กับพี่กบกำลังเดินมาพอดี

   “ไปไหนมานานจริง พี่กำลังจะไปตามพอดี” พี่เฟย์ยิ้ม ก่อนรอยยิ้มนั้นจะหายไปเป็นสายตาน่ากลัว ผมสะดุ้งโหยง ไม่เคยเห็นพี่ชายทำสีหน้าน่ากลัวเท่านี้มาก่อน วันนี้จะได้ประสบการณ์เยอะไปแล้วมั้ง

   แขนขวาถูกยกขึ้นดู ได้ยินพี่เฟย์สุดลมหายใจเฮือกใหญ่ หันไปสั่งเพื่อนตัวเอง

   “กบไปเอากล่อมปฐมพยาบาลมา” ผมเพิ่งจะเห็นตอนพี่เฟย์ยกแขนนี่แหละ อือหือ เลือดแดงเป็นทางยาวถึงศอก คงเป็นมีดพกนั่นสินะ มิน่าล่ะแสบๆ คันๆ มาตลอดทาง ยกมือตบคิดว่ายุง พอแบมืออีกข้างเลือดแดงฉาน มือหนาคว้ามือซ้ายผมไปดูทันที พอเห็นว่าแค่เปื้อนเลือดเฉยๆ แถมที่ตัวผมกับโฟมไม่มีบาดแผลตรงไหนเพิ่มเติม ค่อยคลายความกดดันลงบ้าง

   ทุกคนดูจะสร่างแอลกอฮอล์กันหมด ไม่มีใครแตะแก้วอีก เอาแต่มองมาทางพวกเรา โฟมตัวต้นเหตุ พี่ๆ ยังไม่รู้ แต่เจ้าตัวรู้ดีที่สุด ผมเห็นแววตาของโฟมฉายความรู้สึกผิดออกมา ริมฝีปากบางนั่นเม้มแน่นจนน่ากลัวว่าจะได้เลือด ผมยกมือไปป้ายปากยิ้มให้ เป็นเชิงบอกว่าอย่ากังวล แค่แผลเล็กน้อย เจ็บกว่านี้ผมยังเคยมาแล้วเลย จากความซุ่มซ่ามของตัวเองนี่แหละ

   “โชคดีที่แผลไม่ลึก ปอนด์ไปอาบน้ำ อย่าให้แผลโดนน้ำล่ะ คิดอีกทีพี่อาบให้ดีกว่า โฟมไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

   โฟมก้มหน้านิ่ง ผมเป็นห่วงโฟมจริงๆ แต่ถูกพี่เฟย์ลากเข้าห้องพักที่มีห้องอาบน้ำในตัว คิดว่าคนอื่นๆ คงยังนั่งรอฟังข่าวอยู่ด้านนอก

   พอเข้าห้องเหลือกันแค่สองคน พี่ชายคว้าผมมากอดแน่น มือหนายกแขนดูแผลผมเบาๆ ราวกับว่าหากใช้แรงมากกว่านี้อีกนิด แขนผมจะเป็นแผลลึกกว่าเก่า

   “พี่ผม...”

   “ไม่ต้องพูด พี่อยากฟังจากปากของโฟมเอง เจ้าเด็กแสบนั่นคงก่อเรื่องอีกล่ะสิท่า” โคตรแม่น ถูกเผงเลย ผมพอจะจับอารมณ์พี่ชายได้มาก ในเมื่อไม่อยากให้พูดแก้ต่างให้โฟม ผมก็จะไม่พูด ท่าทางแบบนี้ของพี่เฟย์ ยิ่งผมช่วยพูด โฟมจะโดนหนักกว่าเก่า

   “พี่ไม่น่าปล่อยให้ไปเดินเล่นเลย คลาดสายตานิดเดียวเกิดเรื่องจนได้ ทั้งที่พี่ดูแลของพี่มาอย่างดีแท้ๆ”

   จริงอย่างที่พี่เฟย์บอก พี่ดูแลผมอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม แผลเท่าแมวข่วนยังไม่มี เว้นแต่ผมจะหาเรื่องเอง อันนั้นมันนอกเหนือการควบคุม ซึ่งทุกครั้งจะถูกพี่ชายบ่นระหว่างทำแผลให้อยู่เรื่อย ผมยกแขนกอดพี่เฟย์กลับ

   “ไม่เป็นไรพี่ แผลตื้นๆ ไม่นานก็หาย ถือว่าฟาดเคราะห์ไป”

   “ฟาดเคราะห์ก็ไม่ได้ ถึงกับมีรอยโดนของมีคมมา พี่... มาเดี๋ยวพี่ช่วยอาบน้ำให้ เราจะได้กินยานอน”

   ผมกำลังเห็นแววตาเต็มปวดของผู้ชายตัวโต คำพูดที่ถูกหยุดไปกระทันหัน เราต่างรู้ว่ามันหมายถึงอะไร คนที่พี่ชายรักถึงสองคนตกอยู่ในอันตรายโดยที่พี่ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย ถ้าเกิดมันไม่จบที่บาดแผลเล็กๆ ถ้ามันหนักกว่านี้จนต้องเข้าโรงพยาบาล ที่สำคัญ พี่ชายเป็นคนอนุญาตให้พวกเราไปเอง ถึงเวลานั้น พี่เฟย์คงไม่ยอมให้อภัยตัวเองแน่ เฮ้อ ยิ่งคิดยิ่งเครียด จากเรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ซะเปล่า

   ผมยื้อตัวไว้ไม่ยอมเดินตามพี่เฟย์เขาห้องน้ำ ก่อนจะดึงอีกฝ่ายให้ก้มลงมา พี่ชายยอมทำตาม คงเพราะคิดว่าผมจะบอกอะไร เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด ผมจูบที่หน้าผากพี่เฟย์ เหมือนเวลาที่พี่ชอบทำเพื่อปลอบผม มือเล็กของผมกำมือใหญ่ที่คอยปกป้องผมมาตลอด คงถึงคราวที่ผมจะช่วยพี่บ้าง

   “พี่เป็นคนบอกให้ผมอย่ามองโลกในแง่ร้ายเองไม่ใช่เหรอ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ผมกับโฟมยังปลอดภัยอยู่กับพี่ อย่าเครียดไปเลย... นะ”

   ลงท้ายประโยคด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ พี่เฟย์ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ คว้าผมไปกอดแน่นก่อนคลายออก

   “ผมอาบน้ำเองได้ พี่ไปดูโฟมเถอะ ป่านนี้ใจเสียแย่แล้วมั้ง”

   “แน่ใจนะว่าโอเค” ดวงตาอบอุ่นมองด้วยความเป็นห่วง ผมยกมือโชว์ให้ดู

   “แผลเท่าแมวข่วนสบายมาก”

   “งั้น เดี๋ยวพี่เอายามาให้”

   “คร้าบๆ” ผมรับคำดันหลังพี่ชายออกไปจากห้อง เห็นโฟมอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว นั่งอยู่บนโซฟาซบหน้ากับอกของพี่กบ ผมพยักหน้าให้ยิ้มๆ หายกลับไปอาบน้ำ

   หลังประตูห้องปิดลง เฟย์มองกบ คนถูกมองตบบ่าเด็กในความดูแลแล้วออกจากบ้านไปนั่งเล่นกับพวกข้างนอกแทน ปล่อยให้พี่น้องคุยกันเอง

   “เล่ามาให้หมด...”

   น้ำเสียงคนเป็นพี่ชายช่างห้วนน่ากลัวสิ้นดี โฟมรู้ดีว่าตอนนี้พี่ชายกำลังโกรธมาก รวมกับความรู้สึกผิด โฟมไม่คิดเล่าเรื่องโกหกแน่ เขาไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้น

   เหตุการณ์ทุกอย่างถูกเราให้พี่ชายฟังโดยละเอียด รวมถึงเรื่องการแกล้งเล็กๆ น้อยๆ ที่ตัวเองคิดไว้ตอนแรกด้วย เฟย์ฟังอย่างสงบ ไม่แทรกแม้แต่คำเดียว กระทั่งโฟมเล่าจบ

   “คิดยังไงถึงทำแบบนั้น รู้มั้ยว่ามันอันตรายแค่ไหน แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมาพี่จะบอกแม่ยังไง?” โฟมเม้มปากแน่น นั่งมองหน้าพี่ด้วยรู้ดีกว่า หากยิ่งก้มหน้าตัวเองจะโดนหนักกว่าเก่า อีกอย่าง กล้าทำต้องกล้ารับ นั่นคือสิ่งที่พี่ชายเคยสอนมาตั้งแต่เด็ก

   “พี่เป็นห่วงแค่ไหนรู้มั้ย!? ห้ามกินเหล้าอีกเด็ดขาด!! นี่เป็นคำสั่ง พี่จะตัดเงินค่าขนมเราสามเดือนเป็นการลงโทษ ไม่สิ สี่เดือนโทษฐานพาปอนด์ไปที่แบบนั้น ห้ามก็ไม่ฟัง”

   “ครับ…” โฟมสะดุ้งตอนช่วงที่พี่ชายขึ้นเสียง ถึงอย่างนั้นยังไม่มีน้ำตาสักหยด เจ้าตัวเข้าใจดี ดันพาคนที่พี่รักไปเสี่ยงแบบนั้น จะถูกโกรธมากก็ไม่แปลก

   เฟย์จ้องมองน้องชายนิ่งๆ เห็นมือกำกางเกงแน่นชวนใจอ่อน คว้าโฟมเข้ามากอดพลางลูบหลัง

   “พี่เป็นห่วงเรามากนะ ดีแค่ไหนที่ไม่ได้แผลกลับมา อย่าลืมไปขอบคุณปอนด์ด้วยล่ะที่ช่วยปกป้องเราไว้ วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกเด็ดขาด พี่ขอสั่งห้ามเลย”
   
   น้ำเสียงห่วงใยและความรักที่มอบให้คือความจริง คราวนี้โฟมร้องไห้ กอดพี่ชายแน่น ปากพร่ำพูดขอโทษไม่หยุด โดยมีอีกเสียงคอยปลอบอยู่ในอ้อมแขน ผมที่อาบน้ำเสร็จแล้วยืนพิงประตูด้วยรอยยิ้ม

   ระหว่างกำลังคิดอะไรเพลินๆ ประตูถูกเปิดออก ผมเกือบหงายหลัง ดันทิ้งน้ำหนักตัวจากการพิงเต็มที่ จนปะทะเข้ากับแผ่นอกกว้าง เงยหน้ามองเห็นพี่ชายยืนมองด้วยสายตาระอา มือถือยากับแก้วน้ำมาให้

   “เด็กไม่ดี แอบฟังคนอื่นได้ยังไง”

   ผมตาโต ส่ายหัวขวับๆ

   “ป๊าว ใครแอบฟัง เพิ่งอาบน้ำเสร็จออกมาเนี่ย อ๊ะ กินยาๆ” ไม่ต้องบอก ผมหยิบยามาโยนใส่ปากตามด้วยน้ำ ส่งแก้วคืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เลยถูกขยี้หัวจนผมยุ่ง

   “ไม่เนียนเล้ย” ผมยิ้มแห้ง พี่เฟย์รับแก้วไปถือ จะเดินออกจากห้อง ผมดึงชายเสื้อพี่ไว้ก่อน

   “โฟมเป็นไงมั่งอะ”

   “ร้องไห้จนตาแดง กบพาเข้าไปนอนแล้ว มีเจ้ากบในดวงใจปลอบทั้งคืนเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ซ่าเหมือนเดิม เราเองเถอะ ไปนอนซะ อยากเล่นนักไม่ใช่เหรอ น้ำตกน่ะ”

   “แล้วพี่จะไปไหน ไม่นอนเหรอ หรือไปดื่มต่อ?”

   รอบนี้เป็นก้นแก้ววางปุบนหัว

   “ดูเวลาซะเจ้าตัวยุ่ง พี่จะไปช่วยพวกนั้นเก็บซากค่อยเข้ามาอาบน้ำนอน”

   ผมพยักหน้ารับ ปล่อยเสื้อพี่ชายให้ไปทำงานพ่อบ้าน ส่วนตัวเองคลานขึ้นเตียงนอน ผมเป็นแฟนที่ดีครับ ไม่รอพี่ชายกลับมา หัวถึงหมอนเฝ้าพระอินทร์ก่อนเลย ไปเจอกันที่ทางช้างเผือกนะพี่เฟย์ คร่อก
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่18 ท่องเที่ยว [UP!9/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-11-2015 12:32:08
 :man1:  โอ๋เอ๋นะเด็กๆ

พี่เฟย์เท่ห์มากมาย
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่18 ท่องเที่ยว [UP!9/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-11-2015 13:09:04
พวกขี้เมาพวกนั้นถ้าบังเอิญมาป๊ะหน้ากันกับพวกพี่เฟย์

แล้วไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บกับน้องโฟมก็ดีไป

แต่ถ้าไม่จบเราก็อยากรู้ว่าพี่เฟย์จะทำไง

จากที่ดูอบอุ่นใจดีอ่อนโยนสำหรับน้องปอนด์จะเปลี่ยนไปไหม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่18 ท่องเที่ยว [UP!9/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 09-11-2015 13:34:47
โล่งอก ที่ไม่เป็นอะไรทั้ง2 คนอะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่18 ท่องเที่ยว [UP!9/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 09-11-2015 13:57:44
เกือบไปแล้ว
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่18 ท่องเที่ยว [UP!9/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: DKTime ที่ 09-11-2015 14:25:57
อยากเห็นพี่เฟย์มุมร้ายๆชะมัด
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่18 ท่องเที่ยว [UP!9/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 09-11-2015 17:00:27
เกือบไปแล้วนะปอนด์ เก็บไว้เป็นบทเรียนนะโฟม
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่18 ท่องเที่ยว [UP!9/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 09-11-2015 19:24:08
ได้แผลแห่งความแมนเลยเจ้าลูกแมว o13
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่18 ท่องเที่ยว [UP!9/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 09-11-2015 21:04:29
โฟมเอ๊ยยยยย จะเล่นจะทำอะไรก้อต้องคืดให้รอบคอบ ไม่ใช่เอาแต่ที่ชอบ ไม่คิดถึงเหตุการณ์ไม่คาดคิด
แถมตัวเองยังไม่ใช่คนใจเย็นอีกนะโฟม =_=

ดีที่ปอนด์รู้วิชาโกย 5555555
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่18 ท่องเที่ยว [UP!9/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 10-11-2015 22:46:30
โถถถถ เด็กหนอเด็ก หวังว่าพรุ่งนี้จะไม่มีมวยนะจ๊ะ
สำนึกผิดเราก็ให้อภัยเนาะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่19 น้ำตก [UP!13/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 13-11-2015 12:10:49
วายที่19 น้ำตก

   ผมถูกปลุกขึ้นมาตอนสายอีกวัน หลังอาบน้ำล้างหน้าเสร็จเดินขยี้ตาเกาพุงออกมาจากห้อง เห็นโฟมเดินออกมาสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่ บนโต๊ะในบ้านมีน้ำเต้าหู้สองแก้ว กับปาท่องโก๋ เปาในถุง พี่กบนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโต๊ะ ผมทักทายตามปกติ

   “อรุณสวัสดิ์ครับพี่กบ พี่เฟย์อยู่ไหนเหรอครับ”

   จำได้ว่าเมื่อพี่ชายเข้ามานอนกับผมอยู่นะ โดนกอดทั้งคืน อะไร มองอะไร แค่กอดเฉยๆ อย่าคิดไปไกลสิ

   “มาถึงถามหาเฟย์ก่อนเลยนะเรา มันไปจัดการธุระกับฝน อีกพักคงกลับมาแหละ”

   พี่กบตอบยิ้มๆ หันไปสนใจโฟมดันซุ่มซ่ามทำน้ำเต้าหู้หกใส่มือ ผมหยิบทิชชู่ส่งให้ โฟมหันมามองจ้องผมนิ่ง

   “ทิชชู่ยังไม่ได้ใช้ไม่ต้องห่วง” โฟมทำหน้าเหมือนเหม็นเบื่อคน ผมมองตาปริบๆ ไม่เข้าใจ พี่กบหัวเราะเหมือนเจอตลกคาเฟ่ ไหน... แถวนี้มีด้วยเหรอ

   “พี่มันเอ๋อจริงๆ ด้วย คนละคนกับเมื่อวานปะเนี่ย”

   อ้าวน้อง ปากแบบนี้ ไม่ต้องเอาระทิชชู่ เชอะ! ป่าวหรอก เห็นพี่กบใช้ผ้าเช็ดให้แล้ว ผมเลยเอามาเช็ดปากแทน น้ำเต้าหู้อร่อยจุง

   “พี่ปอนด์ หันมาฟังผมก่อน อย่าเพิ่งจมสู่โลกอาหาร” ผมหันไปมองหน้าโฟม มือถือแก้วน้ำเต้าหู้ ปากคาบเปา

   “พูดๆ เลยแล้วกัน เฮ้อ! พี่ปอนด์ เมื่อคืนผมขอโทษครับ”

   คนฟังตาโต เปาร่วงออกจากปาก โฟมพูดต่อ

   “ขอบคุณพี่ที่ช่วยผมไว้ ไม่งั้นคงจะเจ็บตัวมากกว่านี้”

   ผมวางแก้วน้ำเต้าหู้ แล้วตบบ่าโฟมเบาๆ ด้วยรอยยิ้มตามสไตล์

   “ไม่เป็นไร อย่าคิดมากเลย เรื่องมันผ่านไปแล้ว วันหลังอย่าหาเรื่องเสี่ยงแบบนั้นอีกก็พอ” โฟมมองผมเกือบจะซึ้งละ เห็นผมถูๆ มือกับบ่าเจ้าตัว คิ้วกระตุกกึกๆ

   “พี่ปอนด์! พี่ใช้เสื้อผมเช็ดมือเรอะ!!”

   ผมหัวเราะก๊าก ซดน้ำเต้าหู้ถือเปากับปาท่องโก๋สองมือวิ่งหนีโฟม มีพี่กบส่งเสียงเชียร์เป็นฉากหลัง รบกันเสร็จถึงมานั่งหม่ำกันอย่างสงบต่อ สักเก้าโมงพี่เฟย์ก็กลับมาบอกให้พวกเราไปเตรียมเสื้อผ้าเล่นน้ำตก

   ช่วงที่ทุกคนกำลังขนของขึ้นรถผมมีโอกาสถามพี่เฟย์

   “พี่ไปไหนมาอะ”

   “หืม... ทำไม ตื่นเช้ามาไม่เห็นหน้าพี่เลยคิดถึงรึไง”

   ผมแยกเขี้ยวใส่ ทุบแขนไปที มาหวานอะไรตอนนี้ คนเยอะแยะปั๊ดโธ่

   “ถ้าเป็นเรื่องธุระทั่วไปผมคงไม่ถาม แต่พี่ไปเพราะเรื่องเมื่อวานใช่ป่าว อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ”

   พี่เฟย์เลิกคิ้ว คว้าผมเข้าไปกอด เอาคางเกยหัว หนักนะ รู้ว่าเตี้ย ไม่ต้องมาตอกย้ำให้เตี้ยลงกว่าเดิม

   “บางทีเราก็ฉลาดไปนะ ใช่ พี่ไปเพราะเรื่องเมื่อวาน แต่ไม่ต้องห่วง พี่ไม่ทำอะไรไร้สมองแน่ เราไม่ต้องคิดอะไร เที่ยวให้สนุกก็พอ นอกนั้นพี่จัดการเอง”

   พี่ชายพูดมางี้ ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก หันกลับไปกอดซุกหน้ากับอกอุ่น มือหนาลูบหัวลูบหลังชวนให้รู้สึกดี ขอออดอ้อนพี่ชายอีกสักแปบ ค่อยขับรถออกเดินทางไปน้ำตก ระหว่างทางรถขับผ่านบังกะโลที่เกิดเรื่องเมื่อวาน ผมเห็นตำรวจในเครื่องแบบยืนคุยกับคนที่ผมเจอ พอผมหันขวับมาหาคนข้างตัว พี่เฟย์ปานพ่อพระ โอเค พี่ชายไม่ได้ทำอะไรเกินกว่าเหตุ แต่ทำตามกฎหมายเต็มๆ ปัดความคิดพวกนั้นทิ้ง เที่ยวให้สบายใจดีกว่า

   รถจอดใกล้น้ำตก พวกพี่ชายเดินลงมาอย่างกะบอยแบนด์ เห็นผู้หญิงหลายคนมองกันตาค้าง ส่วนพวกผู้ชายแทบอยากเอาก้อนหินแถวนั้นมาขว้างใส่ลดประชากรคนหล่อ ผมเดินเนียนกับโฟม ยิ่งไปที่น้ำตก เราเล็งจุดที่มีคนน้อย มีก้อนหินก้อนใหญ่ให้ปีน

   “ปอนด์ลงน้ำระวังหน่อย อย่าให้แผล...” ไม่รู้พี่ชายพูดอะไรต่อ ผมกระโดดลงน้ำตกไปแล้ว

   ตูม!

   พี่ชายหันขวับมาตามเสียง เห็นน้องชายกับคนรักตัวเองลงไปดี๊ด๊าอยู่ในน้ำตก

   “….ปอนด์”

   น้ำเสียงเย็นเจี๊ยบแบบติดลบลอยตามหลัง เจ้าของชื่อสะดุ้ง คิดว่าตัวเองงานเข้าแน่ๆ เลยหันไปทำหน้าแบ๊วใส่ เผื่อได้ลดโทษกึ่งหนึ่ง

   “แผลที่แขน...”

   “น้ำเย็นดีนะพี่ ลงมาเล่นด้วยกันสิ” ผมรีบพูดขัด

   “พี่เคยบอกว่าห้ามโดนน้ำใช่มั้ย?”

   ผมมองพี่ชายตาปริบๆ ก้มมองแขนที่พันผ้าของตัวเอง

   “เปียกแล้วอะ”

   “ไม่ต้องมาทำหน้าใสซื่อ!” พี่ชายลูบหน้าพรืด ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางส่ายหัว

   “ไหนๆ ก็เปียกไปแล้วนี่นะ งั้นเล่นไป ขากลับไปหาหมอฉีดยากันบาดทะยักที่โรงพยาบาลแล้วกัน” จบประโยคด้วยรอยยิ้มสุดใจดี ไมผมรู้สึกขนลุกซู่รีบลากโฟมไปเล่นจุดอื่น

   พวกพี่ชายไม่หายไปไหนไกล พี่อิงค์พาพี่บอริสไปเดินชมบรรยากาศ ส่วนพี่ฝนกับพี่น้ำอี๋อ๋อกันอยู่สองคน โฟมเองพอเห็นพี่กบลงน้ำ เจ้าตัวรีบแจ้นไปหา เกาะเหมือนแมวตะกายตัวหมี ผมแช่น้ำอย่างโดดเดี่ยว มองคนอื่นเขาคู่กัน... ซะเมื่อไหร่

   “พี่ๆ ไปตรงนั้นกัน แถวนั้นปลาเพียบ”

   ร่างสูงยอมมาตามแรงดึงของผม ระหว่างนั้นได้ยินเสียงคนคุยกันแนวว่าพี่ชายหล่อ น้องก็น่ารัก ขอโทษครับ พอดีพวกผมพี่น้องท้องชนกัน คิดเองเขินเอง

   “ดิ้นไปดิ้นมาอยู่นั่น เป็นอะไรเจ้าตัวยุ่ง”

   ทำไมผมได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆ เดี๋ยวนะ แถวที่ผมอยู่มีผู้หญิงเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมทุกคนมองมาที่พวกเราด้วยสายตาร้อนแรงสุดๆ โอ้วว หรือผมจะเจอพวกเดียวกัน สาววาย VS หนุ่มวาย!

   “พี่ คิดว่าผู้หญิงแถวนี้บางคนเป็นสาววายปะ”

   คิ้วเข้มได้รูปขมวดพลางมองรอบข้างแบบเนียนๆ เพียงแวบเดียวก็หันมาพยักหน้าให้ผม พี่เป็นหนุ่มวายอาวุโส ย่อมสายตาดีกว่าหนุ่มวายมือใหม่อย่างผมแน่นอน

   “ทำไงดีอะ น้ำตกจะถูกย้อมด้วยสีแดงจากกำเดารึเปล่า” ผมถามขำๆ พี่ชายหัวเราะหึหึในคอ โคตรไม่น่าไว้ใจ

   “ไม่ต้องทำไง เซอร์วิสเบาๆ ก็พอ”

   ผมตาโตร้องเฮ้ย พี่แกเล่นก้มหน้าเข้ามาให้ในระยะประชิด หอมแก้มดังฟอด อือหือ ตายเกลื่อนแล้วมั้งแถวนี้ อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ผมตายด้วย อ่อย ดาเมจระยะประชิดช่างอันตรายยิ่งนัก สาดน้ำใส่แม่ง

   คนก่อคดีฆาตกรรมไม่สำนึก หัวเราะชอบใจ มือเสยผมเปียกลู่แก้มเผยให้หน้าหล่อเหลาอย่างหาตัวจับได้อย่าง หยดน้ำเกาะปลายจมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมคิ้วเข้ม ริมฝีปากได้รูป รอยยิ้มอบอุ่น แววตาพราวระยับ เสื้อยืดแนบตัวเผยเรือนร่างสมส่วน ตายแปบ

   เดี๋ยวก่อน เกิดผมเป็นอะไรขึ้นมา พี่ชายก็ถูกผู้หญิงสอยไปน่ะสิ ไม่ได้ ไม่ยอมเด็ดขาด ผมต้องฮึดฟื้นคืนชีพขึ้นมาแขนกอด ขาก่ายด้วยความหวงแหน

   “เล่นอะไรเนี่ย จะมาดูปลาไม่ใช่เหรอ ปล่อยพี่สิปอนด์”

   เสียงนุ่มเจือเสียงหัวเราะก้มพูดกับคนที่เกาะหนึบ ผมจำใจยอมผละออกดูปลาที่ว่ายวนเวียนไปมองรอบตัวน้ำลายยืด อ้วนกลมน่าทอดเหลือเกิน พวกมันคงรับรู้ถึงความไม่ประสงค์ดีของผม เปลี่ยนจากว่ายรอบตัวไปหลบอยู่อีกมุม ชิ ตะกี้เกือบจะจับตัวหนึ่งได้แล้วเชียว

   “ติงต๊องจริงๆ เรา เดี๋ยวพี่จะไปเล่นแถวน้ำลึกนะ”

   “ไปด้วย อย่าทิ้งผมไว้คนเดียว” เห็นพี่เฟย์ทำท่าจะขึ้นจากน้ำตามพวกพี่กบไป ผมรีบเกาะตาม เราเดินกันตัวเปียกไปจุดที่มีน้ำลึกกว่าส่วนอื่น แถวนี้มีแต่พวกผู้ใหญ่เล่น ไม่แปลก น้ำมันลึกมาก เท้ายังเหยียบไม่ถึง ความจริงพี่เฟย์จะไม่ยอมให้ผมกับโฟมเล่น เหอะๆ ห้ามไม่ได้หรอก เราลงมาแล้วอะ ฮ่าๆๆ

   สุดท้ายพี่ชายเลยได้แต่ส่ายหัว คอยจับตาดูไว้ตลอด ไม่รู้นัดกันรึเปล่า จู่ๆ พวกพี่เฟย์ดันถอดเสื้อกันหมด เว้นพี่กบที่ถอดอยู่ก่อนแล้ว ทำเอาผู้หญิงแถวนั้นส่งเสียงกรี๊ด ผมกับโฟมยังสะดุ้ง ทั้งหมดขึ้นไปบนหินสูงแล้วกระโดดลงมาอย่างสวยงาม แต่ละคน ไม่ใช่มีดีแค่หน้าตา หุ่นงี้กินกันไม่ลง ผมมองน้ำลายหกสวรรค์ชัดๆ โฟมเหล่มองผม ถอยหนีไปนิดนึง

   คนหล่อที่สุดในกลุ่มว่ายมาหาผมที่เกาะอยู่ตรงโขดหิน อาศัยมุมอับใช้แขนสองข้างเท้าปิดซ้ายขวาขังผมไว้ตรงกลาง โฟมอย่าไปพูดถึง ว่ายไปหาพี่กบแล้ว โคตรไว

   “มองใครอยู่ เคลิ้มเชียว”

   พี่เฟย์ถามยิ้มๆ อย่ามา เดี๋ยวหวั่นไหว

   “มองคน”

   “ใคร” เดี๋ยวนะ เสียงเข้ม รอยยิ้มตะกี้ไมดูหนาวเยือกขึ้นอีกสิบระดับ ใจเย็นพี่ชาย

   “มองพี่นั่นแหละ ไม่ให้มองพี่แล้วจะมองใคร” ยังคงแถได้อยู่ครับท่านผู้ชม ผมเคยได้ยินมาว่า การโกหกที่เนียนที่สุดคือ การพูดโกหกผสมกับความจริง แต่มันคงใช่ไม่ได้กับผู้ชายที่รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวผม

   “ไม่ใช่ว่ามองหุ่นเพื่อนพี่เพลินเหรอ”

   “แค่มองว่าพวกพี่หุ่นดี ผมอยากหุ่นดีบ้าง เท่านั้นเอง”

   “ตื่นๆ ไอ้ลูกแมว ถ้าเราหุ่นเหมือนพี่ได้ พระอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตก”

   ร้ายกาจ! ผมเบ้ปากใส่ พี่ชายใช้สองมือใหญ่ประกบแก้มจนปากยู่ ก่อนใบหน้าหล่อๆ จะก้มลงมาจุ๊บเบาๆ แล้วผละออกคว้าผมไปกอดฟัด ก่อนผมสะดุ้งโหยง หนวดปลาหมึกเลื้อยลงไปขยำก้น เต็มไม้เต็มมือเชียวนะ ผมกัดฟันกรอดๆ ผลักพี่ชายออก

   “อย่าลืมนะ เรามีนัดกันอยู่ กลับจากเที่ยวเมื่อไหร่ได้เห็นดีกันแน่”

   อีกคนมองด้วยแววตาชั่วร้ายก้มลงมากระซิบเจือเสียงหัวเราะข้างหู ผมจับแขนมาแทะกล้ามด้วยความเคืองจิต พี่เฟย์ร้องโอ๊ย สายตาเหลือบเห็นโฟมเกาะหลังพี่กบว่ายน้ำผ่านไปช้าๆ ไอ้สายตาที่มองมานั่นอะไร เดี๋ยวปั๊ดจิ้มตาแตก

   “ให้มันน้อยๆ หน่อยเฟย์ เดี๋ยวคนแถวนี้ไปแจ้งความเรื่องมีคนคิดพรากผู้เยาว์กลางน้ำตก”

   หินที่พวกเราอยู่ พี่ฝนชะโงกหน้ามาพูด ผมหน้าแดงก่ำ ใช้หลังพี่ชายเป็นโล่กำบัง พี่เฟย์แจกนิ้วใส่เพื่อน เน้นหนักที่พี่อิงค์สีหน้าออกกว่าใคร ขนาดเจ้าตัวกำลังถักเปียให้พี่บอริสอยู่นะ สงสัยลงน้ำแล้วผมเกะกะล่ะมั้ง คู่นี้ก็ดูแลกันดีจริงๆ

   ไม่นาน พี่น้ำที่ขึ้นไปก่อนใครเรียกพวกเราไปทานมื้อเที่ยง ข้าวเหนียวส้มตำที่ขายอยู่แถวนี้ ส้มตำถูกแบ่งเป็นสามจาน ข้าวเหนียวคนละถุงสองถุง มีไก่ย่างพร้อม

   สาเหตุที่แบ่งเป็นสามไม่ใช่อะไรเลย ใครบอกผู้ชายไม่กินรสจัด กลุ่มพี่เฟย์ทุกคนกินอย่างกับตำพริกไม่ใช่ตำมะละกอ แดงเถือก ผมชิมคำเดียวแทบจะกระโดดลงน้ำตก ต้องหัดมาละเลียดจานเผ็ดปานกลางของตัวเองกับโฟมต่อ ส่วนจานสุดท้าย ตำหางพริก ความเผ็ดน้อยนิดสำหรับพี่น้ำกับพี่บอริสที่กินเผ็ดไม่ได้

   กินเสร็จพวกเรายังไม่กลับทันที เพราะยังเล่นกันไม่จุใจ เลยแยกกันเดินย่อยค่อยลงเล่นน้ำต่อ เที่ยวรอบนี้กะเต็มที่กันจริงๆ

   พี่กบเห็นว่ามีจุดหนึ่งน้ำตกลงมา มีหินให้นั่ง ความแรงน้ำตกกำลังดี เลยชวนเพื่อนคนอื่นไปนั่งใต้น้ำตก ให้น้ำช่วยนวดหลังให้ เหล่าชายหนุ่มวัยทำงานไม่คิดปฏิเสธ เดินขบวนกันไปนั่งเรียง

   “Be careful Darling, this’s slipped. It’s comfortable sitting under a waterfall (เดินระวังนะที่รัก แถวนี้ลื่น คุณต้องลองดู นั่งใต้น้ำตกสบายมาก)” พี่อิงค์จูงมือคนรักควบตำแหน่งบอสไปหาตำแหน่งเหมาะๆ แต่โดนพี่บอริสสบัดมือออกจ้องเขม็ง

   “Who’s your darling? (ใครเป็นที่รักนาย)”

   “OK. Not darling, but a wife. Ouch! Sorry! Don’t hit me, you’re awful. (โอเคๆ ไม่ใช่ที่รัก แต่เป็นภรรยา โอ๊ย ผมขอโทษไม่พูดแล้ว อย่าตี มือคุณหนักชะมัด)”

   “Shit!!”

   ผมฟังสิ่งที่เขาพูดไม่ออกทั้งประโยค แต่คำว่าดาร์ลิ่งนี่ชัดมาก สองคนนี้น่ารัก หันไปอีกทาง พี่ฝนกำลังนอนเป็นท่านเจ้าคุณให้พี่น้ำนวดอยู่แถวนั้น สบายจนน่าอิจฉา พี่น้ำสุดแสนจะเป็นคนรักที่ดี ตลอดทางนอกจากพี่ฝนคอยจัดการเรื่องทุกอย่างแล้ว ยังมีพี่น้ำเป็นผู้ช่วยดูแลความเรียบร้อย อย่างเรื่องอาหารเมื่อครู่พี่น้ำเป็นคนซื้อมาทั้งหมด

   พี่อิงค์หลังจากเป็นแหย่พี่บอริสเสร็จ เอนกายนอนคว่ำให้น้ำตกนวดทั้งตัว คนสวยต่างชาติคงหมั่นไส้เต็มกำลัง ยกขายันโครมพี่อิงค์ร่วงลงน้ำ พี่ฝนเป่าปากชอบใจ พี่เฟย์กับพี่กบยกนิ้วกดไลค์พร้อมเพรียง ผมขำก๊าก

   “นั่งแช่น้ำตกอย่างกับคนแก่เลยเนอะ”

   ปากยังทำงานได้อย่างดี โฟมนั่งเท้าคางอยู่ข้างผม แซวเหล่าชายหนุ่มวัยทำงาน ทุกคนหันขวับมาทางโฟม และแล้วสารพัดน้ำจากหลากทิศ พุ่งเข้าปะทะเต็มๆ ผมโดนลูกหลงไปด้วย สรุป กลายเป็นสงครามสาดน้ำขนาดย่อมไปซะฉิบ

   หลังเล่นน้ำจนพอใจ ตัวสั่น มือเปื่อย ปากม่วง พี่เฟย์สั่งให้ผมกับโฟมขึ้นจากน้ำ จับห่อด้วยผ้าขนหนูเป็นแหนมสองอัน แถวน้ำตกไม่มีที่ให้อาบน้ำ จะอาบน้ำในน้ำตกก็ยังไงอยู่ เราเลยเช็ดตัวเปลี่ยนชุดกลับมาอาบที่บังกะโล

   เราปิดท้ายโปรแกรมเที่ยวด้วยการกินข้าวบนแพลอยน้ำของรีสอร์ท บรรยากาศดี เสียงแมลงตอนกลางคืนกับความเย็นจากน้ำ อาหารอร่อย ผมนี่พุงกางกลับห้อง เอนตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม พี่เฟย์ขึ้นเตียงตามดึงผมเข้าไปในอ้อมแขน

   “ไงเรา เที่ยวครั้งนี้สนุกมั้ย”

   ผมพยักหน้าโดยไม่ต้องคิด สนุกมาก ทีแรกนึกว่าจะเกร็งเพราะมีแต่พวกผู้ใหญ่มา ที่ไหนได้ เพื่อนพี่เฟย์รวมถึงแฟนเพื่อนใจดีทุกคน

   “สนุกมาก วันหลังมีโปรแกรมเที่ยวอีก ต้องชวนผมนะ” ไม่ชวนมีเคืองอะ

   “แน่นอน เราอยู่กับพี่ ไม่ให้ชวนเราจะให้ชวนแมวที่ไหน หืม”

   ฮึ่ย ชอบเป็นบ้า เวลาพี่ส่งเสียงหืมในคอแบบนี้ รู้สึกจั๊กจี้ดี อบอุ่นด้วย มันดูเหมือนใส่ใจมากๆ ผมท่าจะอาการหนัก แบบนี้ต้องถอนด้วยการเอาหน้าไปถูๆ กับอกกว้าง

   “เอ้า ถูเข้าไป เดี๋ยวอะไรๆ มันก็ตื่นหรอก” ชะงักกึกทันที พี่เฟย์หัวเราะขำกับท่าทางของผม หอมหน้าผากปิดท้าย

   “ครั้งหน้าพี่จะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับเราอีก พี่สัญญา”

   น้ำเสียงนุ่มจริงจังทำใจสั่น ผมก้มหน้างุดๆ กำเสื้อคนตรงหน้าแน่นแก้อาการเขิน ไม่รู้ผีอะไรเข้าสิง พี่เฟย์เกิดคลั่งฟัดผมใหญ่จนยับเยินไปทั้งตัวกว่าจะได้นอน

   เช้าวันต่อมา มาทานอาหารเช้ากันที่รีสอร์ทก่อนเช็คเอาท์ออกตอนสาย ขากลับขับไปด้วยกัน พอถึงกรุงเทพแยกกันไปคนละทาง พี่อิงค์พาพี่บอริสกลับบ้านที่กรุงเทพ พอกับพี่ฝนต้องกลับไปดูร้านพร้อมพี่น้ำ พี่กบกับโฟมพี่เฟย์เป็นคนมาส่งที่ขนส่ง

   “ความจริงจะไปค้างห้องกูอีกคืนก็ได้นะ เพิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ ไม่เห็นต้องรีบนั่งรถต่อกลับบ้าน”

   พี่เฟย์พูด ระหว่างเรายืนส่งทั้งคู่ พี่กบเดินเข้ามาตบบ่าเพื่อน

   “ขอบใจที่มึงเป็นห่วง แต่กูไหว เจอหนักกว่านี้ยังเคยมาแล้วเลย” ความซาบซึ้งหายไป พี่ชายปัดมือเพื่อนออกอย่างไม่ใยดี

   “เปล่า กูเป็นห่วงน้องกู โฟม ถ้าเหนื่อยไปนอนห้องพี่ก่อนมั้ย วันพรุ่งนี้พี่ค่อยส่งกลับบ้าน ช่างหัวกบมัน”

   พี่กบด่าอยู่คนเดียว ส่วนโฟมส่ายหัวเข้ามากอดพี่เฟย์

   “ไม่เป็นไรพี่ ผมมาหลายวันแล้ว พ่อแม่เป็นห่วงแย่ อีกอย่างผมอยากอยู่กับพี่กบเยอะๆ ก่อนส่งพี่กบกลับคืนสู่ป่า”

   คำพูดโฟมยังคงความสนุกสนาน แต่บรรยากาศของผู้ใหญ่สองคนดูอึมครึมลงนิดหน่อย พี่ชายหันไปจ้องใส่เพื่อนตัวเอง อย่างกับบอกว่าให้รีบเคลียร์ซะ พี่กบพยักหน้าเนิบๆ เข้ามาโอบบ่าโฟม คนถูกโอบมองแบบอึ้งๆ แต่ดูมีความสุขมาก เอาเถอะ ขอแค่ทุกคนมีความสุขย่อมดีที่สุดแล้ว

   “เดินทางปลอดภัย ดูแลน้องกูด้วยกบ เกิดน้องกูมีแผลแม้รอยแมวข่วน กูจะไปถล่มป่ามึง”

   พี่ขู่ได้น่ากลัวมาก น่ากลัวคุกนะ เดี๋ยวโดนจับพอดี

   “มึงนี่ก็ขู่แต่ป่ากูตลอด เออน่ะ รักมากกว่าป่านอกจากพ่อแม่แล้วมีแค่คนเดียวนี่แหละ”

   คำพูดประชด มีความหมายแฝงอะไรบางอย่าง โฟมยิ่งเริงร่าขึ้นเป็นสองเท่า ใบหน้ายิ้มแย้มขึ้นสีแดงเรื่อ พี่เฟย์ขมวดคิ้วคล้ายกับรับไม่ได้ ผมดึงเสื้อพลางส่ายหัว อย่าทำตัวเป็นพ่อหวงลูกสาวจะออกเรือน พี่ชายส่งเสียงขึ้นจมูก โบกมือไล่เพื่อนแล้วคว้าน้องชายมากอดหอมทิ้งท้ายก่อนจาก

   ช่วงที่โฟมกำลังจะขึ้นรถ ดันวิ่งกลับมากอดผม ไม่พอ สัมผัสจากริมฝีปากนุ่มประทับที่ปาก ผมตาโต สองผู้ใหญ่ร้องเฮ้ย! ต่างคนต่างคว้าคนของตัวเองแยกไปคนละทาง โฟมลอยหน้าลอยตาโบกมือลาผม ไม่สนพี่กบบ่นอยู่ด้านข้าง ทางพี่เฟย์ พอรถลับสายตาไป ลากแขนผมกลับรถอย่างด่วน

   “อะไรพี่ จะรีบไปไหน”

   ผมบ่นอุบ พี่ชายจับไหล่ทั้งสองข้าง

   “ทำไมยอมให้คนอื่นจูบง่ายๆ อย่างงี้ฮะ!”

   “คนอื่นที่ไหน นั่นโฟมน้องพี่นะ” ผมหน้าเหวอ

   “เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น เรื่องนี้ก็ส่วนเรื่องนี้ หัดระวังตัวหน่อยสิ” อ้าว กลายเป็นผมผิดซะงั้น

   “เพราะแบบนี้ไง ถึงไม่อยากปล่อยให้คลาดสายตา... เดี๋ยวพี่จะพาเราไปโรงพยาบาล” พูดพลางเลี้ยวรถออกจากขนส่ง ผมร้องเสียงหลง

   “เฮ้ย! โดนจุ๊บแค่นี้ไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาลก็ได้มั้ง”

   คนขับรถยื่นแขนมามะเหงกใส่แบบไม่บอก เจ็บ...

   “พี่จะพาเราไปฉีดยากันบาดทะยักต่างหาก” เวร เดือดร้อนกว่าเดิมอีก ผมไม่ใช่คนกลัวเข็ม แค่เลี่ยงได้ก็อยากเลี่ยง จำตั้งแต่เด็ก เจ็บเท่ามดกัดที่ไหน นางพยาบาลชอบโกหก หมอด้วย มีครั้งหนึ่งผมไปเจาะเลือด ตรวจสุขภาพก่อนเข้ามหาลัยนี่แหละ นางพยาบาลหาเส้นเลือดผม ใช้นิ้วตีบ่นว่าเส้นเลือดผมเล็กมากหายาก ดีนะไม่จิ้มผิด นางพยาบาลหาเจอจิ้มได้ไปหนึ่งเข็ม แลกกับรอยช้ำตรงที่ฉีดเป็นอาทิตย์เพราะถูกตีหาเส้นเลือด สะพรึง

   “ไม่เอา ไม่ไป มันไม่เป็นหรอกหน่า แค่นี้เอง ไม่เจ็บแล้วด้วย” ยกแขนอวด พี่เฟย์ส่ายหัวยื่นคำขาด

   “ยังไงก็ต้องไป ความจริงพี่จะพาไปตั้งแต่หลังโดนมีดแล้ว เห็นว่าเราอยากเล่นน้ำตกมากพี่เลยยังไม่พาไป ถ้าหมอรู้ ดุพี่แหง”

   อย่างที่พี่เฟย์พูดไว้ไม่มีผิด โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลประจำของพี่เฟย์ เวลาป่วยหรือตรวจสุขภาพจะมาที่นี่ตลอด หลังนางพยาบาลเอาข้อมูลของผมไปให้หมอ หมอดุพี่เฟย์ว่าทำไมไม่รีบพาฉีดยากันบาดทะยักตั้งแต่วันนั้น พี่ชายยิ้มรับลูกเดียว หมอส่ายหัวคล้ายเอือมระอา หันมาฉีดยาให้ผม ฮือ ไม่อยากโดนฉีดเลยอะ ขอมองพี่ชายเป็นกำลังใจหน่อย

   “ไม่ต้องกลัวนะ แค่มดกัด เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ”

   มดกัดอีกแล้ว! มดฝูงนึงอะดิ!!

   “ปอนด์ อย่างอแงสิ คุณหมอเก่งมากนะ มือเบาไม่เจ็บหรอกเชื่อพี่”

   ไม่เจ็บหรอก หลอกอะดิ ขอประท้วงในใจ แต่หมอมือไวจริง ระหว่างคุยๆ แปบเดียวฉีดเสร็จแล้ว ผมไม่ทันรู้ตัวเลย สุดยอด

   “ความจริงหมอไม่อยากจะพูด แต่เห็นแก่คุณที่หมอเจอหน้าตั้งแต่เด็ก ระวังคุกนะเฟย์”

   พี่ชายชะงักกึกท่ากำลังยกมือไหว้ขอบคุณหมอ

   “บรรลุนิติภาวะแล้วครับหมอ น้องผมมันหน้าเด็กเฉยๆ”

   คุณหมอไม่พูดอะไร แสร้งโบกประวัติคนไข้ในมือไปมา คล้ายจะบอกว่าผมรู้อยู่แล้ว ในนี้บอกมาหมด แค่จงใจแหย่คุณเล่น พี่เฟย์มองค้อนใส่

   “ไปรับยาด้วยนะอย่าลืม”

   มีบอกทิ้งท้ายก่อนเราออกจากห้อง พี่เฟย์พยักหน้ารับพาผมเดินออกมารอที่ห้องจ่ายยาพร้อมค่าบริการ ระหว่างนั่งรอผมเลยชวนพี่เฟย์คุยหรือสนองความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองไม่รู้นะ

   “พี่ ตอนเด็กพี่เข้าโรงพยาบาลบ่อยเหรอ”

   “ได้ยินที่หมอพูดล่ะสิ ใช่ พี่เคยเล่าให้เราฟังไม่ใช่เหรอ ตอนเด็กพี่ขี้โรคจะตาย เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น เกือบตายก็หลายรอบ ได้หมอช่วยนี่แหละ พี่ถึงอาการดีขึ้น บวกกับทานอาหารมีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ร่างกายเลยแข็งแรงจนมาถึงทุกวันนี้”

   ที่มาของกล้ามคือแบบนี้สินะ...

   “แต่พี่ต้องมาตรวจสุขภาพตลอดใช่มั้ย” ทีแรกผมคิดว่าพี่มาตรวจเพื่อความสบายใจซะอีก กลับเป็นผลจากตอนเด็ก

   “ไม่เท่าไหร่ พี่ชินแล้ว อีกอย่างพักหลังไม่จำเป็นต้องมาหาบ่อยเหมือนแต่ก่อน บางทีหมอเห็นหน้าพี่ยังไล่กลับเลยด้วยซ้ำ” พี่เล่าให้ฟังปนขำ ดูแล้วสำหรับพี่คงเคารพนับถือและขอบคุณหมอมากแน่ๆ มือหนาลูบแขนผมข้างที่ถูกฉีดยาเบาๆ ผ้าพันแผลถูกเปลี่ยนเรียบร้อย ตอนนี้ผมเหมือนนักเลง ถลกแขนเสื้อข้างหนึ่งอย่างกับจะไปต่อยใคร

   “ยังปวดอยู่ใช่มั้ย ไม่ต้องห่วง อีกไม่กี่วันก็หาย น่าเสียดาย แขนต้องเป็นแผลเป็น” พี่ชายทำหน้าเหมือนอยากกลับไปกระทืบพวกนั้นเต็มแก่

   “จริงสิ ผมยังไม่โทรบอกแม่เลย” ความจริงคือไม่กล้าโทร กลัวแม่เป็นห่วง

   “พี่โทรบอกตั้งแต่วันที่เราโดนแล้ว ถ้ากบมันไม่ห้าม ถ้าพี่กลัวว่าเราจะหมดสนุกกับการเที่ยว คงกระทืบพวกมันให้สาสมกับที่มันทำ”

   น้ำเสียงท้ายประโยคเข้มจนน่ากลัว ผมบีบมือพี่ชายเปลี่ยนเรื่องอื่น ยังไงคนที่ผิดไม่ใช่แค่เขาฝ่ายเดียว ฝั่งเราเองก็ปากไม่ดี ทั้งผมและโฟม คนพวกนั้นมันเมา ไม่ค่อยมีสติเป็นทุนเดิม แถมยังไปอยู่แถวนั้นอีก เรียกได้ว่าหาเรื่องใส่ตัวโดยแท้

   “แม่ว่าไงมั้งอะ ไมพี่ไม่บอกผมเลยว่าโทรบอกแม่” ผมทำแก้มป่อง พี่ชายจิ้มแก้มจนลมออก

   “ไม่ว่าไง ตอนพี่บอก แม่เงียบไปสักพัก แล้วสั่งให้พี่ดูแลปอนด์ดีๆ ว้า สงสัยต้องรับกลับไปทำคะแนนกับแม่ซะแล้ว เดี๋ยวแม่ไม่ยกลูกชายให้ล่ะยุ่งเลย”

   กลายเป็นผมค้อนใส่พี่เฟย์มั่ง ประจวบเหมาะกับนางพยาบาลเรียก พี่เฟย์ลุกไปรับยารอดพ้นจากการพองขนใส่ เห็นพี่ชายยื่นการ์ด เซ็นแกร๊กเดียวไม่รู้ว่าเสียเงินไปเท่าไหร่ พอพี่กลับมาพร้อมกับถุงยาเลยถาม

   “ทั้งหมดเท่าไหร่อะ”

   “ไม่รู้สิ พี่ใช้บัตรนี่ กลับบ้านกันดีกว่า เย็นนี้พี่ทำของอร่อยๆ ให้กิน” เอาของกินมาล่ออีกละ ความจริงใช่ว่ามันจะได้ผลตลอดหรอกนะ แค่ผมไม่อยากเซ้าซี้ ในเมื่อพี่ชายไม่อยากบอก ผมก็จะไม่ตื๊อ นู่น จนผมมารู้ตอนหลังถึงกับอ้าปากค้าง ปาไปครึ่งหมื่น เจ้าตัวยังมีหน้ายักไหล่บอกว่าแค่นี้เล็กๆ เทียบกับค่าเลี้ยงดูผมแต่ละวันยังไม่ได้ พอผมถามจี้ว่าค่าเลี้ยงดูที่ว่ามันเท่าไหร่ ดันบ่ายเบี่ยงอีก พี่นะพี่ เฮ้อ!

หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่19 น้ำตก [UP!13/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-11-2015 14:07:31
อดเห็นพี่เฟย์โหดเลย

ว่าแต่จะไม่มีมาม่าเพราะเรื่องสุขภาพพี่เฟย์ใช่ไหม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่19 น้ำตก [UP!13/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 13-11-2015 15:52:50
อิอิ พี่เฟย์น่ารักอะ ทั้งหวงทั้งห่วง
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่19 น้ำตก [UP!13/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 13-11-2015 17:09:08
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่19 น้ำตก [UP!13/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 13-11-2015 20:51:47
 :-[ :-[ :o8: :-[ :-[
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่19 น้ำตก [UP!13/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 13-11-2015 21:50:18
ดูแลดีสุด ไม่มีขาดตกบกพร่องงงงง >\\\\\<
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่19 น้ำตก [UP!13/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-11-2015 22:47:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่19 น้ำตก [UP!13/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 14-11-2015 03:35:02
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่19 น้ำตก [UP!13/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 14-11-2015 05:46:27
ประคบประหงมกันเข้าไปปปปปปป
นี่อิจฉานะบอกเลย ชิๆๆๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่19 น้ำตก [UP!13/11/58]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 21-11-2015 01:46:40
ดูแลดีขนาดนี้ ตำแหน่งลูกเขยจะไปไหนได้พี่เฟย์ พี่กบรีบเคลียร์กับโฟมไวๆเลยยย
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่20 โอนี่จังบากะ! [UP!10/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 10-12-2015 13:58:50
วายที่20 โอนี่จังบากะ!

   แผลของผมเริ่มหายดีแล้ว เหลือแค่เป็นสะเก็ดนิดหน่อยพร้อมแผลเป็นบ่งบอกความแมน ผมได้มันมาเพราะปกป้องโฟมเชียวนะ ยืดอก แต่พี่เฟย์ไม่คิดแบบนั้น พี่คอยทำแผลให้ผมตลอด บอกว่าไม่ต้องพันก็ได้แผลแค่นี้ พี่ชายก็จะบ่นว่าเดี๋ยวเชื้อโรคเข้าขู่สารพัด ผมไม่ใช่เด็กนะเฮ้ย! แค่ไม่อยากฟังพี่เฟย์บ่นเป็นตาแก่เลยยอมอือออไป ทั้งที่รำคาญเจ้าผ้าแบบสุดๆ พอเอามันออกไปจากชีวิตได้แทบอยากจะเลี้ยงฉลองสามวันสามคืน

   ถึงงั้นทุกวันพี่เฟย์จะจับแขนผมมาลูบ มองด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจตลอด ปากบ่นอุบอิบวนเวียนประโยคเดิมๆ

   “เป็นแผลเป็นจนได้ ขนาดว่าดูแลดีแล้วนะ” พูดไปพลางใช้ครีมทาไปพลาง อย่างกับร่ายมนต์ให้แขนผมเนียนเรียบตามเดิม

   “พี่ทาถูมันทุกวันแบบนี้ มันคงไม่เป็นหรอก”

   ผมกลอกตาขึ้นฟ้า ทีตัวเองเป็นแผลแค่ล้างน้ำเปล่าจบ บ้าที่สุด!

   “ขอให้มันเป็นแบบนั้น ช่วงที่พี่ไปดูงานที่ต่างจังหวัด อย่าลืมทาครีมเชียวนะ ต้องทาหลังอาบน้ำเช้าเย็นเข้าใจใช่มั้ย”

   “คร้าบๆ พี่ตัดแขนผมไปดูแลด้วยเลยดีมะ”

   “พี่ไม่อยากได้หรอก แขนผอมแห้งแบบนี้ ไม่เข้าใจจริงๆ พยายามขุนให้กินตั้งเยอะ มันหายไปไหนหมด”

   พี่เฟย์พูดพลางจ้องเขม็งมาที่ท้องที่ป่องน้อยๆ ของผม หลังหม่ำข้าวเย็นบวกเค้กไปจนอิ่มแปล้ ยังจะเอามือมาลูบคลำอีก ผมตีมือใหญ่ พี่ชายเลยลากผมเข้าไปกอดแทน ขอบคุณที่เพิ่งกินอิ่ม ไม่งั้นโดนฟัดยับแน่นอน

   คางแหลมมาเกยหัว วงแขนกอดจนผมจมหายเข้าไปในตัก ได้กลิ่นเย็นประจำตัวรวมกับกลิ่นขนมไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ชวนให้รู้สึกดีจริงๆ น้า

   “ช่วงที่พี่ไม่อยู่ ไม่กลับบ้านจริงๆ เหรอ” ผมส่ายหัวตอบทันที

   “แค่สามวันเอง จะกลับบ้านทำไม อีกอย่างที่บ้านไกลจากมหาลัยจะตายไป”

   “งั้นให้โป้มาอยู่ด้วยดีมั้ย”

   น้ำเสียงทุ้มสุดแสนเป็นหัวทำให้ผมอยากทึ้งหัว คว้าแขนหนามากัดฝากรอยฟัน พี่ชายร้องโอดโอย แต่ไม่ยักจะปล่อยผมออกจากตัก

   “ผมไม่ใช่เด็กประถมนะพี่! แม่ผมยังไม่ขี้เป็นห่วงขนาดนี้เลย พี่แค่ไปสามวัน ไม่ได้ไปออกรบเป็นปี ฮ่วย!”

   “ช่วยไม่ได้ ใครทำให้พี่เป็นห่วงล่ะ เรามันเหมือนคนอื่นซะที่ไหน” ผมเอาหัวโหม่งปลายคาง คราวนี้พี่เฟย์ยอมปล่อยไปนั่งกุมคาง ส่วนผมลูบหัวป้อยๆ ไม่เจ็บเท่าไหร่ สมกับที่หัวหนาขี้เลื่อยเยอะ มันน่าภูมิใจมั้ยเนี่ย

   “คนที่คิดแบบนั้นมีแต่พี่นั่นแหละ พอเลย เลิกพูด”

   สะบัดหน้าใส่แม่ง พี่เฟย์ยกมือสองข้างเหมือนยอมแพ้ ตั้งแต่เกิดเรื่องตอนไปเที่ยวกับพวกโฟม รู้สึกพี่แกจะหวงผมหนักกว่าเดิม ถ้ามัดติดตัวหรือขังในห้องได้คงทำไปแล้วมั้ง พอดีผมเป็นคนไม่ใช่ลูกแมวที่เลี้ยงระบบปิดซะด้วย

   “โอเค ไม่พูดก็ไม่พูด อย่าลืมนะ มีอะไรให้โทรหาพี่ตลอด ถ้าเรื่องด่วนให้โทรหาพวกซัน”

   “เข้าใจแล้ว ไปนอนกันพรุ่งนี้พี่ต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดไม่ใช่เหรอ”

   อาศัยแรงน้อยนิดของตัวเองดึงพี่ชายให้ลุกขึ้น ไม่กระดิกเลยสักนิด เจ้าตัวคงทนอนาถใจไม่ไหว ยอมลุกเดินตามผมเข้านอนแต่โดยดี บอกเลย ปกติผมไม่ใช่เด็กว่าง่ายยอมนอนแต่วันหรอกนะ แค่วันนี้ออกแรงที่มหาลัยมากไปหน่อย ขากลับยังต้องเบียดเป็นแมวกระป๋อง เกร็งขาอยู่ในรถไฟฟ้าเพราะไม่มีที่จับ ลุ้นแทบตายกลัวจะไปชนคนอื่นเขา ยังไม่นับตอนยืนตลอดทางบนรถเมล์อีก มหาลัยผมรถไฟฟ้าไม่ผ่านหรอกนะครับ ต้องต่อรถเมล์เอา

   ปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมดเลย ปวดขาด้วย หนังตาหนักอึ้ง พอเข้าห้องได้ตะกายขึ้นเตียง หัวถึงหมอนปุ๊บ หลับสนิทจนถึงเช้า

   ไม่รู้เวลาเท่าไหร่ ช่วงที่ผมกำลังสะลึมสะลือ รู้สึกข้างตัวโล่งๆ ได้ยินเสียงน้ำกับเสียงเปิดปิดประตู สงสัยพี่ชายคงตื่นแล้ว ผมเอาหน้าไถหมอน ได้ยินเสียงหัวเราะเจือความเอ็นดูเบาๆ สัมผัสอุ่นจากมือหนาลูบหัวให้ผมยิ่งเคลิ้ม พร้อมริมฝีปากที่จุ๊บตรงหน้าผาก

   “พี่ไปก่อนนะปอนด์ อาหารเช้าทำไว้ให้แล้ว เดี๋ยวพี่กลับมานะเจ้าตัวยุ่ง”

   ผมครางอือรับในคอ ได้ยินเสียงคนถอนหายใจเฮ้อ เหมือนยังวนเวียนอยู่แถวนี้ สักพักหนึ่งถึงยอมผละออกไปได้ พอผมตื่นมาตามเวลาปกติพบกับความว่างเปล่า พี่ชายออกไปแล้วเรียบร้อย ผมจัดการตัวเองเดินออกมาหม่ำอาหารเช้า บนโต๊ะมีขนมปังปิ้ง ไส้กรอกกับไข่ดาวอยู่ ใกล้กันมีกล่องข้าวรูปแมวสีดำกับโพสท์อิทสีม่วงแปะเอาไว้

   ‘ทานข้าวเช้าแล้วไปเรียน’ อันนี้อยู่ตรงจาน

   ‘อย่าลืมเอาข้าวกล่องไปทานด้วย^ ^’ อันนี้อยู่บนข้าวกล่อง

   ผมทานเสร็จยกจานไปล้างในห้องครัว กำลังจะเปิดตูเย็นรินน้ำดื่มล้างปาก เจอโพสท์อิทสีม่วงเจ้าเดิมแปะสามแผ่น

   ‘พี่ซื้ออาหารแช่แข็งไว้ให้แล้ว ความจริงไม่อยากให้กิน แต่ดีกว่าอดตายXP’ ผมควรขอบคุณสินะ

   ‘อย่ากินแต่มาม่า เดี๋ยวผอมหัวโต’

   ‘ขนมที่อยู่ในตู้เย็นทานได้หมด ไม่มีของลูกค้า’

   ผมส่ายหัวขำๆ กับสารพัดโพสท์อิท เชื่อว่าไม่หมดเท่านี้แน่ พอใส่รองเท้ากำลังจะออกจากห้อง เจอโพสท์อิทแปะตรงประตูอีกระ

   ‘เดินทางระวังด้วย อย่าลืมปิดน้ำปิดไฟกับคีย์การ์ด’

   ฉิบหาย! เกือบลืมคีย์การ์ด ผมรีบแจ้นไปเอา เกือบไปแล้ว ฟู่ว

   มาถึงมหาลัยเข้าเรียนตามปกติ ไม่รู้สึกต่างจากเดิมเท่าไหร่ ก่อนกลับไปหาอะไรกินกับพวกซันด้วย ทีแรกผมแอบกังวลนิดหน่อย ถ้าพี่ไม่อยู่จะเป็นไงนะ ไม่เคยอยู่ห้องโดยไม่มีพี่ติดกันหลายวันมาก่อนเลย ตอนนี้ค่อยวางใจ...

   ซะเมื่อไหร่ล่ะ!

   ของกินไม่มีปัญหา เพราะพี่เฟย์ตุนของไว้เยอะมาก ดันงานเข้าตอนอยู่คนเดียวจริงๆ เหมือนห้องมันกว้างกว่าเดิม โหวงๆ ยังไงไม่รู้ ทั้งที่มันก็เหมือนเดิมทุกอย่างไม่ได้ขนอะไรออกไป ผมสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง

   ความจริงผมเป็นคนขี้เหงานะ ไม่ติดใครง่ายๆ ที่ผ่านมาผมตัวติดกับแม่คนเดียวเท่านั้น พอมาตอนนี้มีพี่ชายเพิ่มอีกคน รู้สึกมีความสุข ชีวิตถูกเติมเต็มมากกว่าเดิม ผมลูกคนเดียวไม่มีพี่น้อง ที่บ้านอยู่กับแม่สองคน บางครั้งเวลาผมเครียด หรือรู้สึกแย่ยังไม่กล้าเล่าให้แม่ฟังด้วยซ้ำ เพราะกลัวแม่จะกังวล ก็ได้พี่เฟย์นี่แหละเป็นที่ปรึกษาอีกแรง ถึงจะรู้ว่าลับหลังแม่กับพี่ชายไปแชร์ความลับของผมก็เถอะ

   ตอนอยู่หอในช่วงแรกโป้ยังไม่มา ถึงจะเหงา แต่ผมทนได้ ที่นั่นไม่มีใคร ผมเลือกเองที่จะไปอยู่แบบนั้น มันต่างกับตอนนี้ ผมมีพี่ชาย ห้องนี้ก็ห้องของพี่เฟย์ ต่อให้กลับช้าแค่ไหน สุดท้ายหนึ่งวันก็ยังได้เจอ ได้อยู่ด้วยกัน หรือถ้าผมไม่อยู่กับพี่ก็จะกลับไปอยู่บ้านกับแม่

   ผมกอดตุ๊กตา แทะหัวมัน ปากบอกไม่ต้องห่วง ไม่ทันไรเริ่มงอแงซะแล้ว ฮึ่ม! เหงาก็ส่วนหนึ่งแต่ผมอยู่ได้ ขณะกำลังจะนอนให้มันรู้แล้วรู้รอด สายตาดันเหลือบไปเห็นโพสท์อิทสีชมพูแปะตรงหัวเตียง ผมเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย ตอนเช้าไม่เห็นเพราะเมาขี้ตาตื่นสินะ

   ‘ถ้าเหงาก็กลับบ้าน อย่าฝืนพี่เป็นห่วง รักปอนด์นะ’

   ฉ่า...

   พี่บ้า ไอ้บ้า บ้า บ้า บ้า! โธ่เว้ย มาเขียนอะไรแบบนี้เนี่ย หน้าร้อนไปหมดแล้ว ปานนี้คงลามไปยังหู ว๊ากกกก กอดตุ๊กตากลิ้งไปกลิ้งมาอย่างบ้าคลั่งอยู่บนเตียง เจอแบบนี้สู้ตาย แค่นี้สบายมาก เหงาไม่ถึงกับตาย สามวันเดี๋ยวพี่ชายก็กลับ ผมต้องอยู่ให้ได้สิ ระดับอย่างผมทำได้แน่นอน

   เข้าสู่วันที่สอง... วันนี้มีเรียนบ่าย ผมตื่นเกือบเที่ยง รีบอาบน้ำแต่งตัวพุ่งออกจากห้องมองผ่านโพสท์อิททั้งหลายทีไรเผลออมยิ้มทุกที อดไม่ได้ที่จะจุ๊บโพสท์อิทตรงประตู ก่อนจะนึกขึ้นได้ ทำบ้าอะไรวะเนี่ย โคตรเขิน อายหนักมาก

   วันที่สาม ผมตื่นเต้นสุดๆ พรุ่งนี้พี่เฟย์จะกลับมาแล้ว ระหว่างกำลังเริงร่านอนดูเมะวายออนไลน์ เสียงริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้น ผมรีบคว้ามารับสาย

   “โหลพี่ โทรมามีไรเหรอ”

   /อ้าว ยังไม่นอน?/ ผมขมวดคิ้ว ถ้านอนจะรับสายได้มะ อีกอย่าง พี่รู้ดีที่สุดนะว่าผมนอนเวลาไหน ยิ่งพรุ่งนี้วันหยุด ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

   “หลับแล้ว”

   /ฮ่าๆ ละเมอรับโทรศัพท์รึไง/

   “ตกลงพี่มีอะไรอะ ผมจะได้ดูเมะต่อ” กำลังถึงฉากเด็ดเลย ฟินจิกหมอนขาด

   /เรานี่นะ พี่จะโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้พี่ยังไม่กลับนะ งานยืดเยื้อกว่าที่คิด ไม่รู้ด้วยว่าจะกลับเมื่อไหร่ แต่ภายในอาทิตย์นี้แน่นอน/

   ผมใจกระตุกวูบ ใบหน้ายิ้มกว้างบานจานดาวเทียบแฟ่บลงเหมือนลูกโป่งโดนเจาะรู พยายามคงเสียงปกติ

   “แหงล่ะ ถ้ามากกว่าอาทิตย์นี้ พี่คงไม่ใช่แค่ดูงาน แต่ย้ายไปทำที่นั่นแล้ว”

   /ทางนี้คิดจะยื้อตัวพี่ไว้เหมือนกัน อย่าเพิ่งตกใจ พี่ไม่ย้ายที่ทำงานหรอก บริษัทแม่ไม่ปล่อยพี่ไปชัวร์ เราก็นอนได้แล้ว ถึงพรุ่งนี้จะหยุดแต่ไม่ควรนอนดึกอยู่ดี/

   ดันรู้ทันอีกว่าผมตกใจ ผมรับคำเหมือนจะว่าง่าย

   “คร้าบ โชคดีพี่ รักษาตัวด้วย”

   /อืม เราก็เหมือนกัน พี่วางก่อนนะ ฝันดีตัวยุ่ง/

   “ฝันดีฮะ”

   ผมรอจนพี่ชายกดวางสาย ค่อยปล่อยมือถือไว้ข้างตัว แล้วดูเมะต่ออย่างสนุกสนาน เห็นมะ เหมือนจะว่าง่ายเฉยๆ หมาไม่อยู่แมวร่าเริง กว่าจะนอน โต้รุ่งนู่น

   หลังจากวันนั้น ใจผมเริ่มสงบไม่เหงาแบบเก่า และไม่ตื่นเต้นเวลาพี่ชายโทรมาถามไถ่ซักเท่าไหร่ แค่คอยมองวันที่กับประตูห้อง เมื่อไหร่พี่ชายจะกลับมา

   ผ่านไปอีกสองวัน ผมผล็อยหลับบนโซฟาหลังจากนอนดึกติดต่อกันหลายวัน ขนาดนิยายที่ว่าสนุกยังทนอ่านต่อไม่ไหว เปิดหนังสือกางโปะหน้านอน ได้ยินเสียงประตูห้องแว่วๆ เข้าใจว่าคงเป็นอีกห้องในชั้นนี้ล่ะมั้ง ขี้เกียจลุกขึ้นไปส่องตาแมวด้วยความหวังแระ กลับมาเมื่อไหร่ก็มาเมื่อนั้นแหละ ถ้าไม่กลับ จะขนเครื่องครัวสุดรักไปขายทิ้งเอาตังมาซื้อขนมให้หมดเลยคอยดู

   “ปอนด์พี่กลับมาแล้ว... หืม หลับอยู่นี่”
   
   นี่มันเสียงพี่เฟย์ไม่ใช่เหรอ เอาไงดี จะลุกขึ้นไปโวยใส่ดีมั้ย หรือจะนอนต่อ

   “หลับได้ทุกที่จริงๆ เลยนะ”

   ปากบ่นพึมพำเสียงไปอยู่แถวห้องนอน งั้นเก๊กนอนต่อแล้วกัน อยากรู้ว่าพี่ชายจะทำอะไร หลังจากหายหน้าไปเกือบอาทิตย์

   “ปอนด์ ยังไม่ตื่นเหรอ”

   เสียงมาพร้อมโซฟาที่ยวบลงจากน้ำหนักอีกคน ผมแสร้งขยับตัวยุกยิกเหมือนตอนที่ชอบทำตอนมีใครมากวนเวลานอน

   ตื่นแล้วแต่แอ๊บอยู่ มีปัญหาอะไรมะ ผมตอบพี่เฟย์ในใจ อีกฝ่ายเงียบไป แต่มายุกยิกวุ่นวายอะไรกับผมไม่รู้ เดี๋ยวหัวเดี๋ยวก้น หน็อย ตาแก่หื่นกามเผยธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ

   สักพักพี่เฟย์เลิกกวนผม ผละห่างออกไปคงเก็บข้าวของ ไอ้ผมจากแกล้งหลับ โดนพี่เฟย์หันพัดลมจ่อให้อย่างใจดี ดันหลับจริงซะได้! ตื่นขึ้นมาอีกที นั่งตาปรือบิดขี้เกียจ เห็นหลักฐานคามือพี่ชาย คนที่กำลังใช้มือถือแอบถ่ายรูปชะงักกึก รีบเอาแขนหลบไปด้านหลัง เนียนตายล่ะ

   “ทำอะไรพี่ แอบถ่ายเรอะ” ผมหรี่ตามอง

   “โดนจับได้ซะแล้ว เอาเถอะ ไม่เท่าที่ปอนด์แอบถ่ายพี่หรอก”

   ฉึก! โดนแทงใจแมว ไอ้ท่าทางเหมือนโดนทำร้ายนั่นมันอะไร ถามจริงไปดูงานหรือไปฝึกเล่นละครมา หมั่นไส้

   “เอามาดูเลย แอบถ่ายอะไรไปห๊ะ”

   ผุดลุกจะแย่งโทรศัพท์ เห็นข้อมือตัวเองมีบางอย่างเพิ่มขึ้นมา ผมตาโตรู้สึกเหมือนมีอะไรโดนขาด้วย จับได้เป็นหางแมวสีดำที่ผมเคยใช้คอสเพลย์ พอจับหัวเหมือนมีอะไรอยู่ ที่คาดผมหูแมว? สิ่งเหล่านั้นไม่น่าตกใจเท่าสิ่งที่อยู่ตรงข้อมือกับคอของผม!

   “ปลอกคอกับโซ่? พี่เล่นบ้าอะไรเนี่ย แล้วนั่นจะใส่แว่นทำไม”

   “Loveless ไง”

   “ห๊ะ??”

   “ความจริงเราไม่ซิงแล้วต้องไม่มีหู แต่พี่ว่าใส่แล้วเหมาะกว่า ใส่ไว้แล้วกัน”
    
   กระจ่างทันที ใบหน้าแดงก่ำเกิดความคิดอยากบีบคอคน ผมฟาดมือใส่อกพี่ชายแรงๆ จู่ๆ มาจับผมคอสเป็นเคะในเมะวายทำไมเนี่ย แหม่มาซะครบเลยนะ หูหางแถมปลอกคอโซ่

   “นึกบ้าอะไรของพี่ขึ้นมา”

   ยอมจริงๆ สิ่งที่ทุกคนเห็นในยามปกติ ยังมีตัวตนที่ไม่น่าให้อภัยซ่อนอยู่ภายใน เจ้าพี่บ้าวันดีคืนดีชอบนึกคึกจับผมแต่งนู่นใส่นี่อยู่เรื่อย อย่างตอนนี้ จู่ๆ มาจับผมคอส Loveless ส่วนตัวเองใส่แค่แว่นอย่างเดียว เอาเถอะ หล่อ ให้อภัย

   “ขากลับพี่เบื่อๆ เปิดเมะเรื่องนี้ดูเล่นเลยนึกถึงเราขึ้นมา น่ารัก”

   พูดพลางเข้ามาคลอเคลีย ช่วยด้วยเจ้าข้าเอ๊ย พี่ชายผมสลัดมาดคุณพี่แสนดีเป็นหมาป่าตัวร้ายแล้ววว

   “หยุด! เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ แทนที่จะพักเล่นบ้าอะไร”

   “นี่แหละ วิธีพักของพี่ ในเรื่องต้องจูบเป็นกำลังใจให้ด้วย ของพี่ขอเป็นเติมพลังแล้วกัน ช่วยหน่อยนะมาสเตอร์”

   มือหนารั้งโซ่ตรงปลอกคอผมดึงเข้าหาตัวเอง ก่อนจะแนบริมฝีปาก เฮ้ย! ในเรื่องเค้าไม่ถึงขั้นสอดลิ้นนี่หว่า ผมดิ้นปัดๆ จนถูกกดลงนอนบนโซฟา พยายามยื้อตัวแต่สู้ไม่ได้ ใบหน้าหล่อเหลาถอยออกยกยิ้มพึงพอใจ แล้วถอดแว่นอย่างกับเมะตอนก่อนต่อสู้

   “เดี๋ยวพี่ชายจะเอ็นดูให้หูหายไปเอง ขอฟัดให้หนำใจหน่อยเถอะ ห่างหายไปตั้งห้าวัน”

   ผมแทบพ่นเลือด โดนพี่เฟย์ฟัดยับ ซุกไซร้นัวเนีย ยังจะมาเม้มพุงเค้าจนเป็นรูปผีเสื้ออีก อาการหนักมาก สรุปโดนผมข่วนให้ สมน้ำหน้า พี่เฟย์ชักสีหน้า ดูขัดใจลุกไปหยิบเอากรรไกรตัดเล็บมาแง็บเล็บผมออกเกลี้ยง ตะไบให้เสร็จสรรพ

   “เท่านี้ก็เรียบร้อย”

   เผยยิ้มพึงพอใจ จับผมอุ้มพาดบ่าเดินเข้าไปในห้องนอนที่เหมือนกับลานประหาร ฮือ ผมโดนหม่ำทั้งในสภาพนั้น เพียงพริบตาเดียวเสื้อผ้าถูกถอดออกจนเกลี้ยง มือไวจนน่ากลัว พอผมจะโวยวายต้องมีปากมาปิดไว้ตลอด โดนจูบจนหมดแรง ผมแพ้ทางจูบแบบผู้ใหญ่

   เจลตรงหัวเตียงถูกใช่งาน จำได้ว่าผมเอามันไปแอบแล้วนะ! ทำไมมันถึงบินกลับมาได้ล่ะ

   “ไม่ต้องมองเลย คิดว่าห้องนี้เป็นของใครกันฮึ”

   ผมเบ้ปาก ทั้งหน้าร้อนด้วยความอาย อยากจะหนีใจจะขาด อาศัยช่วยพี่ชายเผลอคลานปรู๊ด ก่อนโดนจับข้อเท้าลากกลับมารับชะตากรรม

   “ไม่ทำไม่ได้เหรอ” ผมร้องเสียงอ่อย มองขอความเมตตา พี่ชายสูดลมหายใจลึก

   “ห่างหายมาเป็นเดือนแล้ว เห็นใจพี่หน่อยนะคนดี”

   มันก็จริง ก่อนหน้านี้โดนพี่กบกับโฟมกวน พอกลับมาไม่ทันไรเฮียถูกส่งไปต่างจังหวัด แล้วยังกลับมาช้ากว่ากำหนดอีกต่างหาก แต่มัน...

   “ปอนด์... พี่รักเรานะ”

   เสียงหอบพร่าตามความต้องการดังข้างหูไม่พอ ยังงับติ่งหูให้สะดุ้งวาบ อึก! เล่นไม้นี้เลยเหรอ ผมเม้มปากแน่นไม่ยอมตอบ พี่เฟย์ใจเย็นค่อยๆ ปลุกเร้าผมต่อ ผมขืนแรงหนีไม่ได้ โดนต้อนจนมุมทุกทาง ได้แต่หอบหายใจระทวย จังหวะที่กำลังถึงที่สุด มือใหญ่กลับหยุดลงปล่อยให้ผมทรมาน พอจะสงบกลับปลุกต่อ นี่คิดจะฆ่าผมทางอ้อมใช่มั้ย!

   “ปอนด์...”

   ผมกำเสื้อเชิ้ตที่เริ่มจะหลุดลุ่ยของพี่ชายแน่นเพื่อระบายความกระสันกับการถูกรังแก สตงสติบินไปหมดแล้ว พยักหน้ารับอย่างลืมตัว ในความคิดตอนนั้นอยากจะปลดปล่อยตัวเองจากความอัดอั้นสักที ริมฝีปากได้รูปก้มลงมาจูบหวานเอาใจ
   
   สัมผัสนิ้วกับความเย็นของเจลทำให้สะดุ้งเกร็งตัวโยอัตโนมัติ ผมเบ้ปากกับความเจ็บขณะเตรียมพร้อม มืออุ่นอีกข้างไม่อยู่เฉย คอยปรนเปรอไม่ได้ขาด ไม่ยอมให้อารมณ์ผมสงบลงเลยสักนิด กระทั่งความร้อนกับสิ่งที่ใหญ่กว่าเข้ามาแทนที่

   “อย่าเกร็ง พี่ไม่อยากให้เราเจ็บ”

   ผมฟัง ได้ยิน แต่ไม่สามารถนำพาได้จริงๆ ณ เวลานี้ แต่ระดับอย่างชายตรงหน้า มีหรือจะไม่มีกลเม็ดในการจัดการผมให้อยู่หมัด

   ความรู้สึกจากเบื้องล่างทำเอาผมน้ำตาคลอ ไม่รู้ว่าจะเจ็บหรือจะสุขดี ยิ่งตอนขยับแทบกลั้นเสียงเอาไว้ไม่อยู่ เสียงโซ่กระทบตอนร่างกายโยกไหวชวนให้รู้สึกแปลกๆ ขนาดตอนนี้ปลอกคอกับปลอกแขนทั้งสองข้างยังอยู่ครบ ผมผวาเกาะบ่าพี่ชายไว้เพื่อหาพี่ยึดเหนี่ยว ลิ้นชื้นเลียน้ำตาที่ไหลผ่านแก้ม

   จนถูกปล่อยเข้ามา รู้สึกร้อนวูบตรงช่วงท้อง ที่คาดผมหูแมวไม่รู้หลุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกคนขยับกายออกหยิบที่คาดขึ้นมาดูพลางหัวเราะในลำคอ

   “หูหายไปแล้ว เราเป็นของพี่…”

   ผมเหนื่อยไม่มีอารมณ์เถียง คนฟังทำรู้ตัวดี ถอดพวกปลอกคอออก อุ้มผมไปอาบน้ำพร้อมกับตัวเองแล้วเปลี่ยนผ้าปูเตียงให้ผมนอน ผมห่มผ้าปิดไปครึ่งหน้า มองพี่ที่กำลังเก็บซากอยู่ ถามเสียงอู้อี้ด้วยความสงสัย

   “พวกปลอกคอพี่เอามาจากไหน” ผมข้องใจจริงๆ นะเนี่ย ที่ผ่านมาไม่เคยเห็น อย่างว่าแหละ ลองพี่เฟย์อยากแอบของให้พ้นสายตาผม ต่อให้พลิกห้องหา ผมก็หาไม่เจอ

   “ซื้อมานานแล้ว เห็นเราชอบตัวละครที่ใส่อะไรแบบนี้ เลยซื้อมาเผื่ออยากคอส”

   “พี่บากะ!! ชอบไม่ได้หมายความว่าอยากใส่เองสักหน่อย”

   “’งั้นเหรอ แต่พี่ว่าได้อารมณ์ไปอีกแบบนะ”

   ผมขว้างตุ๊กตาใกล้มือใส่หัว อีกฝ่ายหลับทันจับตุ๊กตาใส่ตะกร้าเตรียมไว้ซักพร้อมผ้าปูพรุ่งนี้ ชีวิตโดนทำร้ายจริง ไม่น่าหลงคิดถึงเล้ย!!
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่20 โอนี่จังบากะ! [UP!10/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 10-12-2015 15:01:22
น้องเหมียว~

อื้มมมมมมมมม


พี่เฟย์สนใจเล่นของเล่นกะน้องไหมคะ?  :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่20 โอนี่จังบากะ! [UP!10/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 10-12-2015 15:08:22
อิอิ พี่เฟย์ชอบเองละสิ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่20 โอนี่จังบากะ! [UP!10/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-12-2015 15:27:34
 :-[.  บ้าที่ฉุด. บากะบากะ

พี่เฟย์หื่นกามมากๆแต่เราเข้าใจนะ อิอิ
กำลังคิดถึงเลย ขอบคุณมากที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่20 โอนี่จังบากะ! [UP!10/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-12-2015 15:36:16
พี่เฟย์จับน้องแต่งคอสเป็นแมวเจอแมวตะปบเข้าให้จับตัดเล็บซะเลย :oo1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่20 โอนี่จังบากะ! [UP!10/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 10-12-2015 15:37:36
 :hao6: :pighaun: :hao6: :pighaun: :hao6: :pighaun: :hao6:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่20 โอนี่จังบากะ! [UP!10/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 11-12-2015 00:38:59
เรื่องนี้มันน่ารักมากเลย มาอัพต่อไวๆ นะ ^^
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่21 ความสุข [UP!22/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 22-12-2015 16:59:32
วายที่21 ความสุข

   ผมกำลังงอนพี่เฟย์ โทษฐานเล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง คิดยังไงมาจับแต่งคอสแบบนั้น แถมยังโดน... ฮึ่ย! น่าอายจะตายไป ขอบอกเลยว่าของหวานง้อผมไม่ได้หรอกนะ แม้ว่าจะกินเรียบทุกอย่างก็ตาม

   “ปอนด์ หายงอนพี่เถอะ”

   “ไม่!”

   คำเดียวหนักแน่น มือหยิบคัพเค้กกินแก้มตุ่ย มองอะไร กองทัพต้องเดินด้วยท้อง การงอนต้องเติมพลังงานด้วยเช่นกัน นี่ถ้าพี่เฟย์ได้ยินความคิดของผมคงทำหน้าเอือมใส่ คติโคตรเข้าข้างตัวเอง

   “ถ้างั้น... วันเสาร์เราไปกินข้าวข้างนอก กินขนม ซื้อหนังสือดีมั้ย”

   ผมหูผึ่ง แต่ไม่ได้ เราต้องเล่นตัว เป็นกุลเคะที่ดีไม่ควรยอมง่ายๆ เดี๋ยวเมะได้ใจ เห็นผมยังนิ่งอีกคนยื่นข้อเสนอเพิ่มเอาใจเด็กโดยเฉพาะ

   “พี่จะไม่ห้ามอะไรทั้งนั้น ซื้อตามสบายไม่จำกัดวงเงิน แถมไอติมก่อนกลับด้วย แบบนี้เป็นไง”

   ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มพลางยกนิ้วก้อยมาชูตรงหน้า ผมมองยอมยกนิ้วก้อยไปเกี่ยวทั้งที่ใบหน้าขึ้นสี เล่นอะไรเป็นเด็กๆ

   “เด็กดี” เห็นว่าง้อสำเร็จพี่ชายดีใจหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่ นี่บอกเลยไม่ได้เห็นแก่กินหรือหนังสือวายนะ แค่ไม่อยากเล่นตัวมากเกินไปเดี๋ยวพี่ชายจะรำคาญ

   ง้องอนกันเสร็จพี่ชายหายไปทำมื้อเย็น ส่วนผมนอนกลิ้งที่มุมโปรด มุดอยู่ในเบอเกอร์โผล่ออกมาแค่หัวกับแขนจิ้มโน้ตบุ้คคุยกับโป้ ปกติคุยกันไปเรื่อยเปื่อย พวกเรื่องเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ผมบ่นเรื่องพี่เฟย์ โป้บ่นเรื่องซัน เห็นว่าพักนี้เพื่อนสายเถื่อนของเราทำตัวแปลกไปจากทุกที

   ผมว่ามีลุ้นนะ เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ แต่คนนอกสัมผัสได้ว่าซันเริ่มจะเอนมาทางโป้แล้ว จริงสิ วันหยุดผมจะไปซื้อของกับพี่เฟย์ ลองถามดูดีกว่าเผื่อโป้อยากได้อะไร

   Ponda : วันเสาร์พี่เฟย์จะพาไปช้อปหนังสือ โป้ฝากซื้ออะไรมะ
   PeePo : น่าสนใจ อยากได้หนังสือทำอาหารพอดี ให้เฮียเฟย์แนะนำดีกว่า

   โป้ช่างเป็นแม่ศรีเรือนจริงๆ ผมหันไปถามคนชวนเที่ยวว่าโอเครึเปล่าถ้าลากโป้ไปด้วย เพราะมันเหมือนกับเดทกันกลายๆ เลยต้องถามความสมัครใจของอีกคน

   “พี่เฟย์ๆ”

   เสียงเรียกจากห้องนั่งเล่น ร่างสูงยอมละมือจากการเตรียมข้าวเย็นชั่วคราว ชะโงกหน้าผ่านเค้าน์เตอร์มามองลูกแมวที่นอนอืดอยู่ในมุมประจำ เห็นภาพแบบนี้นึกอยากถ่ายรูปขึ้นมา หัวทุยโผล่ออกมาจากเบอเกอร์ รายล้อมด้วยตุ๊กตาสารพัดสัตว์ ต่อให้ไม่ใส่ของคอสเพลย์ในสายตาเฟย์เหมือนเห็นหูหางแมวโผล่ออกมาเสมอ เด็กเขาช่างน่ารัก

   “พี่เฟย์! ฟังผมรึเปล่าเนี่ย”

   แรงมโนถูกพัดปลิว สติกลับเข้าร่าง เฟย์ยิ้มอบอุ่นสไตล์พี่ชายแสนดี

   “เมื่อกี้พี่มัวคิดเมนูอาหารเลยไม่ทันฟัง ปอนด์พูดมาใหม่ซิ” เนียนไปเรื่องอื่น ลูกแมวไม่สงสัยพี่ชายสักนิด

   “ผมถามว่าวันหยุดพาโป้ไปด้วยได้มั้ย พอดีโป้อยากให้พี่แนะนำเรื่องหนังสือทำอาหาร”

   “ก็ได้นะ พี่ว่าจะดูหนังสือทำขนมเล่มใหม่เหมือนกัน”

   ผมพยักหน้ารับพิมพ์ตอบโป้ ทางพี่เฟย์หายกลับเข้าไปอยู่ในครัวตามเดิม อาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ที่แปะป้ายห้ามแมวเข้า โดยเฉพาะเวลาเปิดทำการ

   Ponda : พี่เฟย์โอเค งั้นวันเสาร์เจอกันที่ห้างประจำตอน 11 โมงนะ
   PeePo : ได้ ไว้เจอกัน ฝากขอบคุณเฮียด้วย เดี๋ยวฉันไปทำข้าวเย็นก่อน ซันกลับมาแล้ว
   Ponda : อ้าว ไม่ใช่ว่าออกไปซื้อของสดกันทุกเย็นเหรอ

   ผมถามด้วยความสงสัย ปกติสองคนนี้จะไปซื้อของสดด้วยกัน ไหงวันนี้โป้อยู่ห้อง ซันเพิ่งกลับหว่า

   PeePo : วันนี้ไม่มีเรียนขี้เกียจออก เลยให้ซันซื้อของสดเข้ามา ไปก่อนนะ ซันมันมาจุ้นอีกละ

   ยังไม่ทันจะพิมพ์ข้อความปิดท้าย โป้ก็ออฟไลน์ไปซะก่อน เอาเถอะ ไว้ค่อยคุยกันวันหลัง คู่นี้ทำตัวเหมือนคู่แต่งงานใหม่เข้าไปทุกที ฝั่งผมเรอะ ดูยังไงก็เหมือนพี่ชายเลี้ยงน้อง หากพี่เฟย์หน้าแก่กว่านี้อีกนิด ผมหน้าอ่อนกว่านี้อีกหน่อย คนอื่นคงเข้าใจผิด คิดว่าเป็นพ่อลูกกัน

   คิดอีกที น่าสนใจนะ วันหลังเจอใครมีท่าทีสนใจพี่เฟย์ ผมลองเรียกพ่อดีมั้ย เผื่อว่าคนอื่นจะหงายเงิบ มีลูกชายโตขนาดนี้

   “ปอนด์ กินข้าวได้แล้ว”

   เสียงเรียกจากในห้องครัว ผมกลิ้งออกจากเบอเกอร์ส่งเสียงขานรับ

   “คร้าบพ่อ”

   พี่เฟย์หันมามองผมนิ่งๆ มุมปากยกยิ้มเผยโหมดหมาป่า

   “เอาเถอะ... อยากเรียกพ่อก็ตามใจ ยังไงพ่อคนนี้ได้ฟาดลูกชายไปแล้ว”

   ผมขอล้มเลิกแผนการเรียกพ่อตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป! เรียกไปรู้สึกเหมือนนรกจะกินกบาลชอบกล

   “คิดยังไงถึงเรียกแบบนั้นล่ะหืม” พี่ชายลากเสียงถาม มือส่งจานอาหารให้ผมรับไปวางบนโต๊ะ

   “แค่ลองเรียกเล่นไปงั้น” ผมบอกปัดนั่งหม่ำข้าวก่อน พี่ชายส่ายหัวไม่คิดเซ้าซี้ คงเข้าใจว่าผมคิดอะไรไร้สาระไปเรื่อย ซึ่งมันคือเรื่องจริง


   ถึงวันนัดหมายพี่ชายลากผมออกจากเตียง ไล่ไปอาบน้ำแต่งตัวหม่ำอาหารเช้าแบบง่ายๆ พากันนั่งรถไฟฟ้าไปห้าง ทีแรกว่าจะรอโป้ก่อน จนแล้วจนรอดโป้ยังไม่ยอมโผล่มาสักที พี่เฟย์เลยชวนผมไปเดทกันสองคนระหว่างรอ

   เริ่มจากร้านหนังสือการ์ตูน ที่นี่เป็นร้านใหญ่ เดินเข้าไปมีหนังสือวางเรียงเต็มร้านไปหมด มีทุกแนวตั้งแต่เก่ายันใหม่ นอร์มอลใสๆ จนถึงวายอันคัต ถือว่าเป็นร้านที่ผมชอบมาก ไม่ต่างจากสรวงสวรรค์

   มุมที่ผมกับพี่ชายแช่อยู่นานที่สุดไม่พ้นมุมวาย มันเป็นช่องให้เข้าไป ชั้นหนังสือด้านหน้าจะเป็นพวกมังงะวายธรรมดา หันหลังมาแถบบนคือนิยายวายจากสำนักพิมพ์ต่างๆ ด้านล่างเป็นอันคัต แต่ละเล่มที่พี่ชายเลือก มีแต่เคะสวยไม่ก็กินเด็กโคตรบ่งบอก

   ถามว่าของผมเป็นแบบไหน? ก็พวกวายแฟนตาซี ไม่ก็แนวฮาร์ดคอบู๊ๆ หน่อย ความจริงในมือผมส่วนใหญ่จะมีเมะอินเมจผู้ใหญ่จ๋า...

   เหล่มองคนข้างตัว ภาพชายร่างสูงหุ่นนายแบบ หน้าตาหล่อเหลาดูมีภูมิฐาน อายุประมาณยี่สิบกว่า ฮัมเพลงหยิบอันคัต ขนาดผมเป็นหนุ่มวายหน้าละอ่อน บางทีมาสอยมังงะมีสาวมองยังแอบเขินเล็กๆ พี่เฟย์โดนมองมากกกว่าผมดูไม่สะท้านสักนิด

   เอ๊ะ ตอนงานหนังสือพี่เฟย์ก็ซื้อด้วยนี่หว่า ทีแรกไม่ทันนึก ภาพผู้ชายตัวโตยืนท่ามกลางผู้หญิงรอคิวจ่ายเงินซื้อนิยายวาย...

   โอ๊ย ผมเผลอคิดอะไรเนี่ย อย่างพี่เฟย์หล่อสยบทั้งชายหญิง ไปอยู่ดงสาววายมีแต่จะถูกจิ้นว่าเป็นเมะสุดหล่อ ยิ่งมีผมไปด้วยคงไม่ต้องพูดถึง นี่ผมมัวแต่มองสาววายจิ้นตัวเองจนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปสินะ

   พี่เฟย์หยิบมังงะวายอีกสองสามเล่มแล้วชวนผมไปคิดเงิน

   “ป่ะ ไปจ่ายตังกัน”

   ผมผงกหัวรับ ส่งของตัวเองให้พี่ชายไปจ่ายตังทีเดียว ระหว่างรอนั่งหลบมุมดูหนังสืออีกหน่อย ใครจะรู้ล่ะว่าการทำแบบนี้ของผม ทำให้ได้ยินของดีเข้า เสียงผู้ชายคุยกันจากช่องหนังสือถัดไป

   “มึงว่าสองคนนั้นเป็นคู่เกย์มะ”

   ถึงกับหูผึ่ง ทั้งร้านผู้ชายสองคนที่อยู่ใกล้กันจนชวนเข้าใจผิดมีแค่ผมกับพี่เฟย์ ไอ้พวกนี้มันนินทากันโต้งๆ คิดว่าเบาเสียงแล้วผมจะไม่ได้ยินเรอะ

   “พี่น้องกันรึเปล่า”
   
   “กูว่าไม่ใช่อ่ะ นั่งชิดกันแถมยังซื้อหนังสือพวกนั้นอีก ขยะแขยงว่ะ นี่มึงเป็นด้วยป่าวเนี่ยเห็นตะกี้เดินผ่านช่องนั้น”

   “กูยังชอบผู้หญิงโว้ย ไม่สิ้นคิดเอาผู้ชายเป็นเมีย แค่คิดก็จะอ้วก”

   ผมเม้มปาก ลุกเดินหนีออกมายืนข้างพี่เฟย์ รู้สึกหน้าชาไปหมด พอจะเอื้อมมือไปดึงเสื้อให้พี่ชายรีบจ่ายตังรีบออกจากที่นี่ ตอนนั้นเองที่ผมสังเกตเห็นสายตาของคนรอบข้างที่มองมาทางพวกเรา บางคนชี้ชวนเพื่อนดูแล้วพากันขำ ส่วนผู้ใหญ่มองเราด้วยสายตาย่ำแย่เต็มทน ผมทิ้งมือลงข้างกายไม่คิดจับเสื้อพี่เฟย์อีก

   พอจ่ายเงินเรียบร้อยเตรียมออกจากร้าน พี่ชายจะจูงมือตามความเคยชินเพราะผมชอบเดินมั่ว แต่เวลานี้ผมว่ามันไม่เหมาะเลยยกมือหลบ อีกคนเปลี่ยนเป้าหมายมาโอบบ่า ผมก็ม้วนตัวหนี ร่างสูงก้มมองอาการแมวเล่นตัวอย่างขำๆ
   
   “เป็นอะไรไปเจ้าลูกแมว”

   “ไม่มีอะไร ผมอยากกินอาหารญี่ปุ่น เข้าร้านนี้กัน” ผมลากพี่ชายเข้าร้านอาหารทันทีเพื่อเบี่ยงประเด็น อีกคนยักไหล่เดินตามแรงดันจากทางด้านหลัง

   พนักงานต้อนรับถามจำนวนคนก่อนพาเราเดินเข้ามาด้านใน ร้านนี้ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นจ๋า ขนาดพนักงานต้อนรับยังสวมกิโมโน ส่วนพนักงานเสิร์ฟจะใส่ชุดมีผ้าบนหัวแบบในหนังญี่ปุ่น บรรยากาศเงียบสงบแบ่งเป็นสัดส่วน มีฉากกั้นสูงระหว่างโต๊ะเพิ่มความเป็นส่วนตัว

   ที่นี่ไม่เหมือนร้านอื่น จะเป็นโต๊ะญี่ปุ่นบนพื้นยกระดับ มีขั้นบันไดเตี้ยๆ ให้เดินขึ้นไปนั่งบนเบาะนุ่ม

   พี่เฟย์เลือกนั่งข้างผมแทนที่จะนั่งฝั่งตรงข้ามเหมือนทุกที พนักงานยิ้มสวยยื่นเมนูให้ พอเธอรับออเดอร์เสร็จก็เดินจากไปเหลือแค่พวกเราสองคน พี่ชายถามผมอีกรอบว่าผมเป็นอะไร ส่วนผมส่ายหัวลูกเดียวจนโดนสองมือหนาประกบแก้มปากยู่ให้หันมองห้ามหลบสายตา

   “เกิดอะไรขึ้น บอกพี่มาซิ ใครรังแกเหรอ”

   น้ำเสียงทุ้มนุ่มใจดีถามทีเล่นทีจริง แต่ดวงตาคู่นั้นฉายชัดว่าเป็นห่วงระคนสงสัย ผมดึงมือพี่ชายออกจากแก้ม เปลี่ยนมาเอาหน้าซุกฝ่ามืออุ่นแทน มุมนี้เป็นมุมส่วนตัว ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาเห็น

   “พี่ ผมขอถามอย่างสิ”

   “หืม... ว่ามา ถ้าตอบได้ก็จะตอบ”

   “ที่ผ่านมา พี่คิดยังไงกับสายตาคนรอบข้างที่มองเรา” ผมถามเสียงเบา

   ตัวผมน่ะไม่เท่าไหร่ พี่ชายนี่สิ ในวัยนี้ควรจะมีครอบครัวอบอุ่นเป็นของตัวเอง มีภรรยาใจดีกับลูกตัวเล็กสักคนคอยต้อนรับกลับบ้านหลังจากทำงานมาเหนื่อยๆ    สำหรับพี่เฟย์ นอกจากจะไม่มีบรรยากาศครอบครัวสุขสันต์แบบนั้นแล้ว ยังต้องมาดูแลผมอีก

   ใช่ว่าไม่เคยคิด ผมคิดมาตลอด แต่ความรู้สึกมันชัดเจนเอาหลังจากเห็นสายตาคนรอบข้างชัดๆ

   รู้สึกแย่จัง...

   ผมคิดในใจ ระหว่างนั้นนิ้วหยาบจากการทำงานไล้แก้มผมเบาๆ ดวงตาคมทอประกายอ่อนลง

   “ทำไมถึงถามแบบนั้น ไปได้ยินอะไรมา” พี่ชายถามเสียงนุ่ม ผมเม้มปาก เล่าเรื่องที่เจอในร้านหนังสือกับที่สังเกตมาตลอดให้พี่ชายฟัง ร่างสูงนั่งฟังผมเงียบๆ ก่อนจะหัวเราะดึงผมเข้าไปกอดอย่างหมั่นเขี้ยว

   “เป็นแบบนี้ทุกทีนะเรา จะไปสนใจคนอื่นทำไม เรามีความสุขโดยไม่เบียดเบียนใครก็พอแล้ว คนอื่นจะเดือดร้อนยังไงก็เรื่องของเขา”

   “แต่ว่า วัยของพี่ความจริงน่าจะมีครอบครัวกับลูกตัวน้อยเป็นของตัวเอง ยิ่งพี่เป็นผู้ชายเพอร์เฟค ทำอาหารเป็น ช่างดูแล หน้าที่การงานดี ต่อให้พี่ไม่บอกผม ต้องมีคนอื่นพูดทำนองว่าพี่น่าจะมีครอบครัวดีๆ ใช่มั้ยล่ะ” ขนาดผมยังโดนญาติกับเพื่อนบ้านถามบ่อยๆ เลยว่าเมื่อไหร่จะมีแฟน จะให้บอกว่ามีแล้วแถมหล่อมากด้วยก็คงไม่เวิร์ค
 
   “ดูทำหน้าเข้า คิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่ฮึ” เดาถูกเผง คนฟังส่ายหัวระอาเปลี่ยนสีหน้าจริงจังพูดกับผม

   “ปอนด์... พี่ขอบอกเราตรงนี้เลยนะ ความสุขของพี่คือการได้อยู่กับเรา ไม่ใช่มีครอบครัวอย่างที่ใครๆ คิดว่าดี ดังนั้นไม่ต้องคิดมาก ใครพูดอะไรไม่ต้องไปสนใจ สงสัยเรื่องไหนให้ถามพี่ อย่าคิดเองเออเอง”

   โดนรวบกอดล็อคตัวขนาดนี้คงเป็นอื่นไปไม่ได้หรอก แต่ดูเหมือนพี่ชายยังไม่พอใจ พูดต่อยาวรวดเดียวแบบว่ากระจ่าง

   “นี่แสดงว่าเราคิดมากเลยไม่ยอมให้พี่จูงมือใช่มั้ย ปอนด์ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะถูกมองไม่ดี ให้มันรู้ไปสิ จับมือแฟนแล้วโลกจะแตก คนพวกนั้นแค่อิจฉาเพราะไม่มีแฟนน่ารักเหมือนพี่ต่างหาก”

   ฉ่า...

   ฮว๊ากกกก! อยากร้องให้ลั่นโลก ใครสั่งใครสอนให้พูดแบบนี้ห๊ะ! หน้าร้อนไปหมด ป่านนี้แดงไปถึงหูแน่ ฮือ จากเฟลๆ ตอนแรกปลิวหายไปหมดเกลี้ยง ผมขอสาบานด้วยเกียรติของลูกแมวดำเลยว่าหลังจากวันนี้จะไม่คิดมากอีก เขินตัวแตก

   ฝั่งคนมอง เห็นใบหน้าน่ารักขึ้นสีแดงเรื่อ อดใจไม่ได้ต้องก้มลงไปหอมสักฟอด จังหวะเดียวกับได้ยินเสียงพนักงานเดินมา คนตัวเล็กที่โดนน้วยดิ้นหนีจากตักหนา ร่างสูงไม่ยอมเลยถูกกำปั้นเล็กๆ ซัดเข้ากลางพุงแอบจุก ความคิดหนึ่งพุ่งแวบเข้าหัวพี่ชายมาทันที สงสัยหลังจากนี้คงต้องเตือนๆ ซันกับโป้ไม่ให้ใช้ความรุนแรงต่อหน้าลูกแมวของเขาซะแล้ว

   “อาหารมาเสิร์ฟแล้วค่ะ ต้องการอะไรเพิ่มรึเปล่าคะ?”

   พนักงานยังคงยิ้มหวาน มองหนุ่มหล่อยกมือกุมท้อง กับคนตัวเล็กกว่าที่ทำหน้าเหมือนสนใจอาหารสุดๆ อดไม่ได้ที่จะถามเผื่อว่ามีอะไรให้ช่วย สองหนุ่มต่างวัยพากันส่ายหัวขวับๆ เอ่ยปากขอบคุณแล้วนั่งทานอาหารราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอคล้อยหลังพนักงาน ความหวานบังเกิดจนลูกค้าที่นั่งถัดไป รู้สึกว่าอาหารที่ทานมีรสหวานกว่าปกติ

   อิ่มอร่อยกับมื้ออาหาร ลูกแมวเดินพุงกางออกจากร้าน พี่ชายเป็นผู้รับผิดชอบรายจ่ายทุกอย่าง อิ่มจังตังอยู่ครบตามสูตร ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู เห็นว่าเวลาใกล้เที่ยงโป้ยังไม่โทรมาเลยชวนพี่ชายไปหลบมุมลองโทรหาสักหน่อย หลังรอสายสักพักพี่ชายถาม

   “เป็นไง รับมั้ย” ผมส่ายหัวตอบ จวนจะตัดสายนั้นแหละ เสียงรับสายดังขึ้น

   /ใครวะ!/

   ผมสะดุ้ง ไหงคนรับเป็นซันแถมเสียงโหดงี้

   “ไมเสียงโหด หรือว่าโป้ถูกซันฆ่าหมกห้องไปแล้ว!” อย่ามาดูถูกพลังมโนของหนุ่มวายนะ ผมโวยใส่ซันแบบขำๆ ทางนั้นโวยกลับ

   /ไม่ใช่เว้ย โทรมามีไร/

   “โป้บอกว่าจะออกมาซื้อหนังสือด้วยกัน เลยโทรมาถามว่าถึงไหน” บอกไปตามจริง

   /มันป่วยไปไม่ได้/

   “โป้ป่วย!? เป็นไปได้ไง เพราะซันแน่ๆ ทำจนโป้ป่วยเลยเรอะ” ยังคงมโนต่อ มันต้องมีประเด็นชัวร์ ไหนๆ ก็ซื้อหนังสือครบแล้ว ขนมกับไอติมไม่เท่าไหร่ ผมอยากรู้เรื่องโป้มากกว่า บุกไปหาที่ห้องเลยแล้วกัน!

   “เอางี้ ไหนๆ ซื้อของเสร็จแล้วเดี๋ยวไปเยี่ยมที่ห้องนะ” พูดจบกดวางสายมัดมือชกเสร็จสรรพ หันมาคุยกับคนข้างตัว

   “โป้ป่วยอะพี่ เราไปหาพวกนั้นกัน” ตาผมตอนนี้คงเป็นประกายระยิบระยับ พี่ชายถึงเลิกคิ้วมองขำๆ

   “ไปก็ไป” ไฟเขียวมาจะรอช้าอยู่ทำไม พวกผมมุ่งหน้าไปหอโป้ทันทีโดยมีพี่ชายเป็นคนนำทาง อย่างผมเรอะ เพิ่งไปแค่รอบเดียว จำไม่ค่อยได้หรอกว่าอยู่ที่ไหน ห้องอะไร ชั้นที่เท่าไหร่

   ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีมาถึงที่หมาย แม้ห้องที่พวกซันอยู่จะไม่หรูเท่าพี่เฟย์ แต่ถือว่าไม่เลวเลย ตัวอาหารสะอาดสะอ้านเหมือนเพิ่งสร้างได้ไม่นาน ด้านล่างมีต้นไม้พอประดับไม่ดูรกหรือโล่งเกินไป ข้างในมีลิฟท์สองตัว ยืน 5 คนได้สบายไม่ต้องเบียด

   ห้องของซันอยู่ชั้นกลางๆ พี่เฟย์เดินไล่มองเลขห้อง พอมั่นใจก็พยักหน้าส่งสัญญาให้ผมเป็นคนจิ้มออด รอไม่นานประตูก็เปิดออก คนที่เปิดคือซัน

   ร่างสูงผิวเกรียมแดดในชุดกางเกงขายาวเปลือยท่อนบน เป็นคนเปิดประตูให้ บนบ่าเหมือนจะเห็นรอยเล็บคล้ายของพี่เฟย์ยังไงชอบกล

   “เฮ้ย! นี่มีอะไรกันจริงๆ เหรอเนี่ย”

   ผมส่งเสียงดังด้วยความทึ่ง แบบไม่กลัวเกรงเลยว่าคนอื่นจะได้ยิน ซันเป็นงี้ แล้วโป้ล่ะ? ผมถือวิสาสะวิ่งผ่านตัวซันพุ่งไปเปิดห้องที่ปิดสนิท ในห้องว่างเปล่าไม่มีโป้อย่างที่คิด งั้นเหลืออีกห้อง

   เปิดไปเจอโป้จริงด้วย สองเท้าก้าวฉับๆ เข้าห้า มือดึงผ้าห่มออกถลกเสื้อคนป่วยหาหลักฐานยืนยันความคิด โอ้แม่เจ้า ไม่มีอะไรชัดเจนเท่านี้อีกแล้ว! บนผิวขาวมีแต่รอยจูบเต็มไปหมด บางจุดมีรอยฟันด้วย ซันมันร้ายกาจ

   “ทำอะไรกัน!”

   ตัวต้นเหตุวิ่งตามเข้ามาคว้าผมโยนไปทางพี่เฟย์ คนตัวสูงกางมือรับอย่างรู้งาน ผมมองซันดึงเสื้อโป้ปิดพุง ห่มผ้าซะอย่างกับโป้ป่วยหนัก คลุมขนาดนั้นไม่ปิดหัวไปด้วยเลยล่ะแหม่

   ได้ยินเสียงหัวเราะในคอ ผมแหงนขอมองพี่เฟย์ พี่ชาย พี่รู้ตัวรึเปล่า ออร่าความเป็นหนุ่มวายของพี่มันแผ่ซ่านออกมาทิ่มแทงตาน้องเต็มๆ

   “เข้าใจว่าวัยรุ่นฮอร์โมนมันพลุ่งพล่าน ถึงงั้นก็ไม่ควรหักโหมจนโป้ป่วยแบบนี้นะซัน” ผมแทบขำก๊าก

   “ไม่ใช่ โป้มัน...” ซันอึกอักราวกับว่ามีเรื่องอัดอั้นในใจ ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะมองพี่เฟย์เหมือนเป็นแสงสว่างให้กับชีวิต ”เฮ้อ! เฮียผมขอคุยด้วยเดี๋ยว ปอนด์ ฝากดูโป้ด้วย ห้ามทำอะไรเด็ดขาด”

   มันสั่งกับชับซะดิบดี แล้วยึดตัวพี่เฟย์ของผมไปเฉย ถือว่าเห็นแก่คนกำลังกลุ้ม ผมยอมให้ยืมตัวก็ได้ แต่ขอฟังหน่อยนะว่าคุยอะไรกัน

   มือแอบเปิดประตูแง้มนิดๆ ให้พอได้ยินข้างนอก โดยมีโป้ทำหน้าอยากรู้อยากเห็นเป็นฉากหลัง พี่เฟย์เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน

   “เอ้า... ว่ามา มีเรื่องอะไรจะปรึกษาพี่ ถ้ากลัวโป้ท้องไม่ต้องห่วง พี่พิสูจน์มาแล้ว ไม่เห็นลูกแมวจะท้องสักที”

   โครม!

   ไม่ต้องหาต้นตอของเสียง มันมาจากผมนี่แหละ! ร่วงจากเก้าอี้นั่งเอ๋อบนพื้น ปากบ่นอุบอิบใส่คนพูด วันนี้พี่ชายผมเมาอากาศรึไง คำพูดแต่ละอย่าง อยากลงไปดิ้นตาย แหน่ะ! ยังจะมาหัวเราะอีก แสดงว่ารู้เรื่องผมแอบฟังแน่ ส่วนซัน ปล่อยมันไป ตอนนี้สมองมันคงยุ่งเหยิงเพราะดันมีอะไรกับโป้ไปแล้วทั้งที่เป็นชายแท้

   โป้ดูจะฟังไม่จุใจพอ ลากแขนผมไปนั่งจ๋องอยู่ตรงประตู เอิ่ม คือโป้ใส่แต่เสื้อตัวใหญ่ ที่ดูจะเป็นของซันแค่ท่อนบน ส่วนท่านล่าง ขอไม่กล่าวถึง ผมรีบถอนสายตาออกเพ่งสมาธิแอบฟังแทน ไม่อยากโดนซันคิดบัญชีที่หลัง

   ยังนับว่าซันมีกะใจรับแขกบ้าง หรือเป็นค่าปรึกษาก็ไม่รู้ ถึงได้รินน้ำให้พี่เฟย์ ผมอยากออกไปขอสักแก้วนะ ติดที่ไม่อยากไปทำลายบรรยากาศจริงจัง ยอมกลืนน้ำลายรอฟังอยู่ในห้องต่อไปดีกว่า

   “ผมไม่เข้าใจเรื่องอะไรนิดหน่อย” ผมยู่ปากก่อนเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้ว ไอ้ท่านั่งราวกับนายแบบดื่มน้ำนั่นมันอะไร ทำท่าทรงภูมิจนน่าหมั่นไส้เลยพี่เรา

   “อ่าฮะ ว่ามา”

   เอาล่ะครับ จากนี้จะเป็นรายการถามตอบของชายสองคน เมะรุ่นเก๋ากับเมะมือใหม่

   ”เฮียรู้แล้วใช่มั้ยว่าผมกับโป้...”

   “อืม รู้แล้ว” ตอบทันที ใครไม่รู้ก็โง่เต็มทนแล้ว! หลักฐานคาตา!!

   “ผมเป็นผู้ชาย ที่ผ่านมาเคยแต่ผู้หญิง ไม่เคยยุ่งกับผู้ชายมาก่อน” ตัวเองเป็นเกย์แล้วจะสงสัยอะไรมาก ทางพี่เฟย์ยังคงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบร้อยอย่างกับคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ

   “ทุกอย่างย่อมมีครั้งแรกเสมอ”

   ซันนิ่งไปสักแปบ สงสัยคำถามต่อจากนี้จะหนักหนา

   “เฮียจะชกผมก็ได้ แต่ผมขอถามหน่อย เฮียกับผู้ชายคนแรกเป็นยังไงครับ”

   หนักจริงด้วย! นี่มันเรื่องส่วนตัวชัดๆ อารมณ์รื่นเริงจนถึงเมื่อครู่ของผมกลายเป็นความอึ้ง ตามองพี่เฟย์เกือบสำลักน้ำหลุดมาด มือจับกำแพงแน่นด้วยความลุ้น ที่ผ่านมาผมไม่ค่อยรู้เรื่องอดีตคนรักของพี่เฟย์เท่าไหร่ อย่างมากเจ้าตัวแค่บอกว่าเคยคบกับผู้หญิงมาก่อนเท่านั้นเอง ส่วนผู้ชายไม่เคยได้ยินมาก่อน

   ร่างสูงกระแอมไอเรียกมาด ใบหน้าหล่อดูดีแบบผู้ใหญ่ยิ้มละมุนละไมทำให้ผมใจกระตุกวูบ ใครที่ทำให้พี่ชายมีสีหน้าแบบนี้ได้... ไม่ต้องรอคำตอบนาน เมื่อพี่เฟย์เริ่มตอบคำถามซัน

   “พูดไปอาจจะไม่เชื่อ แต่ผู้ชายคนแรกของพี่คือปอนด์...” ผมอึ้ง คนที่ดูเจนขนาดนั้น กลับมีผมเป็นแฟนผู้ชายคนแรก!?
   “ยอมรับว่าตอนแรกพี่เองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะหลงชอบเด็กตัวเล็กๆ อายุพอกับน้องชายตัวเองได้ยังไง จนเพื่อนเตือนสตินั้นแหละถึงเข้าใจว่าพี่ชอบปอนด์แล้วจริงๆ”

   “แล้วหลังจากนั้น เฮียตัดสินใจยังไงถึงคบกับปอนด์” ซันถามต่อ ชัดเจนว่าเจ้าตัวอึ้งเหมือนกัน พี่เฟย์ยักไหล่ ดวงตาคมหันมาสบตาผมด้วยรอยยิ้มบาง ทำไมวันนี้พี่ชายขยันทำผมเขินบ่อยจัง

   “พอมั่นใจว่าชอบ อย่างอื่นก็ไม่สำคัญแล้ว แค่ทำตามความรู้สึกของตัวเองก็พอ เราล่ะคิดยังไง” ผู้ให้คำปรึกษาถามซันที่นิ่งไป

   “ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าชอบโป้รึเปล่า แต่ผมไม่เคยห่วงเพื่อนคนไหนเท่าโป้มาก่อน ตอนกอดไม่มีความคิดว่าขยะแขยงหรือรังเกียจสักนิด ออกจะถูกใจด้วยซ้ำ เลยเผลอ เอ่อ... หน้ามืดไปหน่อย ผมคงเป็นเกย์แล้วสินะ”

   อยากบอกว่าสีหน้าเวลาพูดถึงโป้ของมันอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด มองคนข้างตัว โป้ฟังอย่างสงบ ตั้งแต่ผมมาเจ้าตัวยังไม่พูดอะไรสักคำ คงเพราะป่วยและกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองไม่ต่างจากซัน

   “เป็นเกย์หรือไม่เป็น มันไม่สำคัญ บอกแล้วว่าของแบบนี้อยู่ที่ความรู้สึก พี่เข้าใจว่าเรากำลังสับสน ค่อยๆ คิดไป” พี่เฟย์ให้กำลังใจ ประโยคนี้คล้ายแทงใจดำผมไปด้วย

   การให้คำปรึกษาเหมือนจะดี ถ้าไม่ติดประโยคถัดมา

   “จากที่ดู พี่ว่าโป้น่าจะเสน่ห์แรง ผู้ชายทำงานบ้านงานเรือนเก่งช่างดูแล รูปร่างหน้าตาดีแบบนี้ต่อให้เป็นชายแท้ยังหวั่นไหว เรื่องนี้พี่ว่าซันน่าจะรู้ดีที่สุด เพราะงั้นอย่ามัวแต่คิดเพลินจนโดนคนอื่นคาบตัดหน้านะ ไปปอนด์กลับบ้าน”

   พูดจบเจ้าตัวชิ่ง ลุกจากโซฟา เปิดประตูห้องที่ผมกับโป้อยู่ แล้วดึงผมออกทิ้งให้สองคนนั้นอยู่ด้วยกัน ก่อนที่ประตูห้องจะปิดสนิท ผมเห็นซันนั่งนิ่งบนโซฟา ส่วนโป้นั่งมองซันจากในห้องนอน หวังว่าคู่นี้จะไม่มีปัญหานะ

   “ไหงรีบออกมาอะ ไม่อยู่ต่ออีกหน่อย ผมยังไม่ได้คุยกับโป้เลย” ผมถามระหว่างที่พวกเรากำลังอยู่ในลิฟท์

   “คุยกับโป้เมื่อไหร่ก็ได้ ปล่อยให้สองคนนั้นเขาเคลียร์กันไปดีกว่า พี่คิดว่า อีกไม่นานเราคงได้ยินข่าวดี”

   ขอให้มันเป็นข่าวดีจริงเหอะ ไม่ใช่ว่าวันพรุ่งนี้มีข่าวหนุ่มสถาปัตย์กระทืบหนุ่มวิศวะดับคาห้องเพราะเหตุลวนลามหรอกนะ คิดแล้วสยอง

   “ก่อนกลับซื้อขนมไอติมมั้ย เรายังไม่ได้ไปกินกันเลยนี่”

   ชวนมาเรื่องของกินมีหรือที่ผมจะปฏิเสธ

   “โอเค งั้นแวะซื้อไอติมที่เซเว่นก่อนขึ้นห้องแล้วกัน ส่วนขนม ผมรื้อในตู้ที่พี่ทำให้กินอร่อยกว่า”

   “เฮ้อ กินไปตั้งเยอะไม่รู้เก็บไว้ที่ไหน พุงเล็กๆ เนี่ย” คนทำขนมแซวเอามือมาจิ้มพุงผมเล่น ผมคว้ามือนั้นมากัด พี่เฟย์เลิกคิ้วมองแนวว่านี่กัดแล้วเหรอ จัดการงับซ้ำอีกสักที รอบนี้ร่างสูงสะดุ้ง

   แหย่กันไปแหย่กันมาจนนั่งรถกลับมาถึงห้อง ผมเอาไอติมที่ซื้อจากเซเว่นแถวคอนโดไปแช่ช่องฟรีช เสียงโทรศัพท์เข้า พี่ชายแยกไปคุยตรงระเบียง ขาออกไปก็ดีหรอกยังมีรอยยิ้ม พอกลับมานี่สิ คิ้วเข้มขมวดเป็นปม หวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรงนะ

------------------------------------------------------------------------------------------

อ่านคู่ซันโป้ได้ที่ http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1409305
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่21 ความสุข [UP!22/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 22-12-2015 18:00:22
ปอนด์อย่าไปแคร์เลย ใครจะพูดไงก็อย่าเก็บมาคิดเลย
สนใจความรู้สึกคนที่รักเราดีกว่า และตัวเองมีความสุขก็พอละ


ว่าแต่ เรื่องซันโป้ ไม่เอามาลงเวปนี้หรอ ฮือๆ :sad4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่21 ความสุข [UP!22/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-12-2015 18:02:01
น่ารักจัง

ทั้งสองคู่เลย เอาใจช่วยอยู่นะ
ขอบคุณคนเขียนค่ะ ใกล้จบแล้วสินะ เป็นลูกแมวน้อยตลอดเรื่องเลยหนูปอนด์
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่21 ความสุข [UP!22/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 22-12-2015 18:07:18
 :-[ :L1: :-[ :L1: :-[
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่21 ความสุข [UP!22/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 22-12-2015 20:16:01
หนูปอนด์เชื่อพี่เฟย์เถอะลูก พี่เค้าถูก(เกื่อบ)ทุกอย่าง o13
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่21 ความสุข [UP!22/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 22-12-2015 20:59:55
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่21 ความสุข [UP!22/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-12-2015 21:05:15
พี่เฟย์เป็นอะไรหนอรับโทรศัพท์แล้วไมแปลกๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่21 ความสุข [UP!22/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 22-12-2015 23:02:46
อิอิ น่ารักอะ หวานซะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่21 ความสุข [UP!22/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 23-12-2015 00:04:26
โอ้ยยยย ฟินมากอ่ะจริงๆ T/////T มาต่อไวๆนะคะะะ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่21 ความสุข [UP!22/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: fannaio ที่ 24-12-2015 17:09:09
เขินนนน อยากได้พี่ชายแบบนี้บ้าง  :-[ :-[ :o8: :impress2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่21 ความสุข [UP!22/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-12-2015 16:23:43
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่21 ความสุข [UP!22/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 27-12-2015 22:01:27
ลูกแมวนี่เอาของกินมาล่อได้ตลอดจริงๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่21 ความสุข [UP!22/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-12-2015 22:11:21
ไปตามอ่านคู่ซัน-โป้มาแล้วนะคะ. ชอบมากๆ. แล้วชื่อเรื่องว่าเป็นเกย์กันไหม. โป้นางร้าย
   :o8:    รีบๆเอามาลงเน้อ
ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่21 ความสุข [UP!22/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 02-01-2016 09:09:28
 o13
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่21 ความสุข [UP!22/12/58]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 05-01-2016 14:34:48
พี่เฟย์เป็นอะไรทำไมหน้าเครียดๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 14-01-2016 15:41:14
วายที่22 เป็นเหตุ(แก้ไข)

            ชีวิตประจำวันพวกผม พี่เฟย์ตื่นก่อนเตรียมมื้อเช้า ถึงเวลาปลุกผมให้อาบน้ำล้างหน้ามาหม่ำอาหาร ออกจากห้องพร้อมกัน พี่ชายไปทำงาน ส่วนผมไปมหาลัย ผมกลับไม่เป็นเวลา บางวันมีเรียนทั้งวันกลับเย็น บางวันมีกิจกรรมหรืองานกลุ่มกลับค่ำ บางวันเรียกแค่ช่วงเช้าไม่ก็ช่วงบ่าย เรียกได้ว่าหาความแน่นอนไม่ได้ ที่ชัวร์คือ มหาลัยหยุดวันเสาร์อาทิตย์ ถ้าไม่มีเหตุต้องไปทำอะไร ผมจะนอนอืดอยู่บ้านทั้งวัน

            ส่วนพี่เฟย์เข้างานตอนแปดโมง เลิกหกโมง กลับถึงบ้านไม่เกินหนึ่งทุ่ม หยุดวันเสาร์อาทิตย์เหมือนผม เวลาว่างถ้าไม่นั่งดูหุ้นก็ทำขนม คิดค้นสูตรใหม่ๆ จนตู้เย็นเต็มไปด้วยอาหารไม่ต้องกลัวอดตาย ไม่ก็ทำความสะอาดห้องโดยมีผมคอยป่วน นึกคึกหน่อยค่อยไปเที่ยวห้างซื้อหนังสือกัน

            เส้นทางชีวิตดูเรื่อยๆ ไม่มีอะไรหวือหวา แต่ผมกลับคิดว่าแบบนี้ก็มีความสุขดี จนหลังจากวันที่มีโทรศัพท์ปริศนาโทรมาหาที่เฟย์นั้นแหละ ปากบอกว่าไม่ต้องสนใจ แค่เรื่องไร้สาระ แต่ผมเห็นพี่ชายรับโทรศัพท์บ่อยยิ่งกว่าคอลเซนเตอร์ซะอีก ทุกครั้งที่รับถ้าไม่หลบในห้องต้องไปคุยตรงระเบียง ดูมีลับลมคมใน

            เวลาเข้างานพี่เฟย์ยังเหมือนเดิม ตอนเลิกดันช้ากว่าปกติ เป็นแบบนี้มาได้สองวันและมีแนวโน้มว่าจะอัพเกรดเพิ่มขึ้น

            “ปอนด์ วันนี้พี่กลับดึก ปอนด์หาอะไรทานเลยนะไม่ต้องรอ”

            อย่างเช่นตอนนี้...

            พี่เฟย์โทรมาหาผมตอนเลิกเรียนแบบกะเวลามาพอดีเป๊ะ แล้ววางสายไปทำงานต่อ ผมยืนคิดอยู่หน้าคณะ ไม่อยากรีบกลับในเมื่อรีบกลับไปก็อืดอยู่คนเดียว เลยตัดสินใจแวะไปหาพวกซันดีกว่า อันดับแรกต้องโทรหามันก่อนว่าอยู่มหาลัยรึเปล่า ถ้ามันไม่มีเรียนวันนี้ ค่อยคิดอีกทีว่าผมจะไปสถิตที่ไหน แอบแวะไปร้านหนังสือก็ไม่เลว...

            รอสายไม่นานซันกดรับน้ำเสียงห้วนสั้นตามเคย

            /มีไร/

            “เลิกเรียนยังอะ ไปกินข้าวกัน”

            /กินข้าว? มื้อเย็นปกติกลับไปกินที่ห้องไม่ใช่รึไง/ ซันถามอย่างสงสัย ผมเกาหัวอธิบาย

            “ช่วงนี้พี่เฟย์จะงานยุ่งกลับดึก เลยให้หากินเอง”

            /อ่อ งั้นไปกินด้วยกันหมดเลย เดี๋ยวกูแวะไปรับโป้ก่อน มึงนั่งรถไปรอที่หน้ามหาลัย/

            ซันกดวางสายทันทีหลังตัวเองพูดจบ ไม่รู้มันจะรีบไปไหน ว่าแต่เมื่อกี้บอกว่าจะไปรับโป้ใช่มั้ย ขอซับน้ำตาแปบ ปลื้มปริ่ม แสดงว่าสองคนนั้นตกลงปลงใจคบเป็นแฟนกันแล้วเรียบร้อย คิดถูกจริงๆ ที่ชวนพวกนั้นไปกินข้าว ไม่แน่ว่าผมอาจจะได้เห็นอาหารตาในระยะประชิดก็ได้นะ! หารู้ไม่ หลังจากนั้นความคิดผมเป็นได้เพียงความฝัน

            มองเวลา เป็นช่วงเลิกเรียนคาบบ่ายของหลายสาขาพอดี รถมหาลัยคนแน่นเอี๊ยด จะให้รอคันต่อไปก็เกรงว่าพวกนั้นจะรอนานเกินไป ผมเลยพยายามใช้ตัวเอง เบียดกระแซะเกาะติดรถอย่างสุดความสามารถ ที่นั่งๆ มีแต่พวกผู้หญิง ผู้ชายอย่างผมเกาะกันเป็นลิงบาบูนรูดเสา รู้สึกอุจาดตาพิกล

            ผมแทบสิงเสา เกร็งตัวสุดชีวิตไม่ให้ร่วงลงไปกลางทาง กว่าจะถึงที่หมายเล่นเอาเหน็บกิน เดินกระย่องกระแย่งเห็นพวกซันยืนรออยู่ พวกนั้นแทนที่จะเห็นใจผม กลับพากันหัวเราะเยาะ มิทหนักที่สุด มีหน้าชี้ชวนให้คนอื่นในกลุ่มดูอีก ผมดินเข้าไปหา สีหน้าบูดสนิท

            “ขำกันอยู่ได้ ดูตัวเองก่อนเป็นไง ท่าเดินแปลกๆ นะมิท”

            ผมสวนแบบไม่คิดอะไร มิทเสือกสะดุ้ง เฮ้ย!!  อย่าบอกนะว่ามีซัมติงจริงๆ ใครกันหนอเป็นคนจัดการมิทจนอยู่หมัด

            “กินร้านไข่กระทะกัน” โป้พูดขึ้นกลางวง เป็นนางฟ้าผู้พิทักษ์ของกลุ่ม ช่วยเหลือมิทผู้น่าสงสารที่โดนผมกับซันจ้องอย่างจับผิด ริวยักไหล่กอดคอมิทเดินนำไปก่อนใคร โป้ตามไปติดๆ ซันจงใจทิ้งช่วงเดินพร้อมกับผม

            “คิดเหมือนกันใช่มั้ย กูว่ามันมีอะไรแปลกๆ” หนุ่มวิศวะผู้ยึดหลัก เรื่องของเพื่อนคือเรื่องของเรา เรื่องของเราก็คือเรื่องของเรานั่นแหละ ถามความเห็นผม อย่างกับนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สงสัย ผมมองตามหลังมิท มีโป้หันมาส่งซิกไม่ให้ถกประเด็นนี้

            พอเข้าใจอยู่ ซันมันพวกรักเพื่อนแบบสุดลิ่มทิ่มประตู บางทีอาจเลยขอบเขตเรื่องส่วนตัวของคนอื่นก็ได้ ถึงมิทจะดูมีลับลมคมในจริงๆ ก็นะ เรื่องของเจ้าตัว ผมไม่ยุ่ง เปลี่ยนเรื่องแม่ง

            “คงไม่แปลกซันหรอก เคลียร์กันแล้วเหรอ เห็นตอนแรกทำหน้าอย่างกับโลกแตก”

            ซันสะอึกไม่ยอมตอบ โบกหัวผมทิ่ม ผมเลยใส่เข่ากลับ คนที่เจ็บมีแต่ซัน เพราะมันออมแรงให้ผม แค่พอมึนหัวนิดหน่อย

            ถึงร้านไข่กระทะพวกเราเลือกนั่งนอกร้านรับลมสบาย เย็นแล้วไม่มีแดด ร้านนี้เป็นร้านสุดฮิตของเด็กมหาลัย เพราะมีเมนูหลายอย่างให้เลือกสรร หลักๆ ก็ไข่กระทะนี่แหละ ไข่ดาวไม่ก็ไข่เจียวใส่ท๊อปปิ้งพวกไส้กรอกอะไรก็ว่าไป ทีเด็ดของร้านนี้คือให้เยอะ ราคามาตรฐาน แถมยังมีพวกอาหารตามสั่งกับน้ำปั่นด้วย เรียกได้ว่าครบเครื่อง

            พวกเราแยกกันสั่งคนละกระทะ พร้อมหารตามสั่งคนละจาน กะอิ่มยันพรุ่งนี้ เห็นซันคุยกับพวกมิท ผมนั่งข้างโป้เลยมีโอกาสกระซิบคุยกัน เพราะไม่ได้คุยในเน็ตเลยพักหลัง ขอถามความเป็นไปหน่อย

            “ทุกอย่างโอเคปะตั้งแต่วันนั้น”

            โป้ตักไข่ใส่ปากมองไปทางซันก่อศึกแย่งไส้กรอกกับริว

            “ก็โอเคดี ปกติทุกอย่าง ปกติซะจนเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” ปากบอกปกติ แต่สายตาและน้ำเสียงแห้งแล้งไปรึเปล่า แล้วยังประโยคหลังนั่นอีก โป้เหมือนไม่อยากให้ซักไซ้เลยซักผมแทนซะงั้น

            “เฮียเฟย์ติดธุระเหรอ วันนี้ถึงกินข้าวนอกบ้านได้”

            “อืมม บอกว่าวันนี้กลับดึกให้หาอะไรกินเอง”

            “สงสัยคงงานยุ่งล่ะมั้ง ไม่ต้องคิดมาก มีไรโทรมาแล้วกัน” กลายเป็นโป้ปลอบผมแทนซะงั้น ขอเอาไปเป็นแม่คนที่สองได้มั้ย กอดหมับ ไอ้ซันหันขวับ เอามือยันหัวผมออกจากตัวโป้

            “เฮ้ย น้อยๆ หน่อย นั่นของกู”

            “ขี้หวงเอ๊ย อย่าลืม ใครเป็นพ่อสื่อ” ผมแลบลิ้นใส่ ได้ยินแบบนั้นคู่หูคู่ป่วนหูผึ่งทันที ส่วนโป้ยกมือนวดขมับ

            “อะไรๆ มีพ่อสื่อด้วย พวกมึงคบกันแล้วเหรอ” มาถึงริวก็ถามเข้าประเด็น ขนาดผมยังผงะ ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ไอ้ซันมันยอมรับหน้าตาเฉย นี่ในร้านอาหารนะ ไม่คิดจะลดเสียงหน่อยเรอะ

            “เออ กูกับมันคบกัน หนักหัวมึงรึไง”

            “หัวพวกกูไม่หนักครับ เกรงจะไปหนักคนอื่น” มิทพูดขำๆ คนอื่นในร้านก้มหน้าก้มตากินเลิกสนใจพวกเรา ผมละเสียวจริง พวกนี้พูดอะไรที่ไม่เคยเกรงใจคนอื่นเล้ย

            หมดของคาวตามด้วยของหวาน ขนมใส่น้ำเชื่อมน้ำแข็งคนละถ้วย มีของซันสั่งรวมมิตรอยู่คนเดียว แทนที่มันจะกิน ดันตักพวกเยลลี่มาให้ผม ผมมองมันด้วยสายตาซาบซึ้ง ยังไม่ทันอ้าปากขอบคุณ โป้บอกดักระหว่างตักถั่วแดงในถ้วยซันมากินหน้าตาเฉย ซันมันไม่ว่าด้วยนะ แถมยังตักของที่โป้ชอบให้แบบเต็มใจ ดูแลกันดี ไม่เห็นเป็นอย่างที่โป้พูดเลย สงสัยเจ้าตัวจะคิดมากไป

            “ไม่ต้องไปขอบใจมันหรอก ซันมันเกลียดเยลลี่ พวกของหยึยๆ ทุกชนิด”

            ชัดเจน!

            “ทำดีแอบแฝงนี่หว่า” ผมแว้ดใส่ ซันยักไหล่

            “หรือไม่กิน กูจะได้เอาให้ตัวอื่นแทน”

            “กินดิ” ของถึงมือมีหรือจะปล่อย

            “ก็แค่นั้น” ท่าทางซันตอนนี้โคตรยียวนกวนส้นทีน

            ผมนั่งตักขนมเข้าปากอย่างดื่มด่ำ พี่เฟย์งานยุ่งไม่มีเวลาทำ ที่เคยทำไว้ผมกินเรียบหมดแล้ว ช่วงนี้เลยไม่ได้ทานของหวาน ช่างน่าสงสาร มิทนั่งเท้าคางมองพวกผม ในปากคาบช้อนใช้ลิ้นดันกระดกเล่นไปมา กับคนทั่วไปคงบอกไม่เหมาะ กับคนที่รู้ตื่นลึกหนาบางเรื่องวงการสีม่วง เล่นลิ้นแบบนี้มันชวนคิดนะ...

            “ริวมึงดูดิ อย่างกับพ่อแม่ลูก”

            “มึงเพิ่งเห็นเหรอ กูเห็นมานานละ คบกันไม่ทันไร มีพยานรักออกมาซะแล้ว เด็กสมัยนี้ไวไฟจริงๆ”

            ไอ้หนุ่มญี่ปุ่นจีบปากจีบคอพูด ผลคือโดนซันยกขายันคู่ พวกมันกอดคอกันหัวเราะไม่เกรงใจชาวบ้าน ผมขอสาบานเลยว่า ถ้าไม่มากับพวกซัน ผมจะไม่มากินร้านนี้เด็ดขาด กลัวเขาจำได้แล้วคิดบัญชี ข้อหาก่อกวนความสงบ

            กินเสร็จกลับถึงห้องประมาณสองทุ่ม ห้องยังปิดไฟมืดสนิท ไร้วี่แววของใครอีกคน ผมถอนหายใจเปิดไฟวางกระเป๋ากับถุงอาหารที่ผมแวะซื้อมาเผื่อพี่เฟย์ มั่นใจเลยว่าเฮียแกต้องยังไม่ทานอะไรมาแน่ แล้วมานั่งจ๋องอยู่หน้าคอม มองเวลาที่หน้าจอสลับมองประตูเป็นระยะ

            เวลาสี่ทุ่มกว่าคนที่รอคอยโผล่มาสักที

            “พี่กลับมาแล้ว” ประตูเปิดออก ผมรีบถลาไปช่วยเอากระเป๋าเอกสารไปเก็บในห้องพี่เฟย์ พอเดินออกมาเห็นพี่ชายนั่งหลับตาพาดแขนอยู่ตรงโซฟา ร่างสูงดูเหน็ดเหนื่อย นิ้วชี้เกี่ยวรูดไทออก ปลดกระดุมคอเสื้อให้คอโล่ง

            “ตกลงพี่ทำงานหรือไปสู้รบกันใครกันแน่” ผมถามขณะเดินอยู่ด้านหลังพนักพิง ช่วยนวดบ่ากว้าง

            “ทั้งสองอย่างแหละ ปอนด์มานั่งนี่ซิ” เจ้าตัวตบเบาะปุๆ ตรงตำแหน่งข้างตัว ผมอ้อมไปนั่งอย่างว่าง่าย จังหวะที่หันเข้าหา พี่เฟย์ดันตัวผมลงนอนบนโซฟา สองมือจับยึดข้อมือผมไว้ ก่อนซุกหน้าบนพุง นอนทับอย่างเต็มรูปแบบ

            “เฮ้ยพี่ ทำอะไรเนี่ย! หนักนะ”

            “พี่ขอเติมพลังหน่อย”

            พักบ้านไหนเค้ามานอนซุกพุงกันแบบนี้ รู้ว่าชอบแมว แต่ผมไม่ใช่แมวนะเฮ้ย เอาเถอะ เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยหาเงินเลี้ยงครอบครัว ผมจะยอมนอนนิ่งๆ ให้พี่เฟย์หนุนพุงไปก่อนก็ได้ การเสียสละที่ยิ่งใหญ่

            หนึ่งนาทีผ่านไป…

            ห้านาทีผ่านไป…

            สิบนาทีผ่านไป ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ…

            “เฮ้ย! พี่อย่าเพิ่งหลับ ตื่นก่อน ไปทานข้าวแล้วอาบน้ำค่อยนอน” ผมดิ้นแด่วๆ อยู่ใต้ร่างหนา พี่เฟย์ร้องฮืมในคอ ยกมือชูห้านิ้ว

            “ขออีก 5 นาที”

            “5 นาทีแป๊ะอะไร ลุกเลยพี่ ลุกเดี๋ยวนี้ มันหนักนะ”

            โดนผมโวยวายดิ้นมากๆ เข้า สุดท้ายต้องจำยอมลุกมานั่งคอพับต่อ หมดสภาพเลยพี่ตู ผมส่ายหัวไปอุ่นอาหารใส่จานมาเสิร์ฟถึงที่ พอพี่ชายทานหมดก็ไล่ไปอาบน้ำ ผมเป็นคนเก็บล้างเอง เห็นว่าเข้าห้องแล้วหายเงียบ ล้างจานเสร็จเลยชะเง้อไปดู ร่างสูงใส่ชุดนอนหลับไปแล้ว ผมปิดไฟ ปิดประตูกลับห้องตัวเอง

            เช้าวันต่อมา ผมมีเรียนบ่ายเลยตื่นสายได้ ออกจากห้องเห็นความว่างเปล่าบนโต๊ะอาหาร ถึงกับขยี้ตามอง ตัวอักษรภาษาอังกฤษสามตัวเด้งเข้ามาในหัว

            OMG!! พี่เฟย์ลืมทำข้าวเช้าทิ้งไว้ให้ ไม่ใช่ว่าผมต้องมีคนคอยดูแลตลอดนะ ไม่มีก็ไม่เป็นไร แวะซื้อของกินที่เซเว่นหรือหาข้าวกินที่มหาลัยก่อนเข้าเรียนได้ เพียงแต่ นี้เป็นครั้งแรกที่มิสเตอร์เพอร์เฟคอย่างพี่เฟย์ลืมกิจวัตรประจำวันไปหนึ่งอย่าง

            เดินสำรวจดูในห้องครัว ไม่มีร่องรอยของการทำอาหารเลย แสดงว่าพี่เฟย์ออกไปทั้งๆ ที่ไม่ทานข้าวเช้า ปกติเจ้าตัวพร่ำพูดเสมอว่ามื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญที่สุดแท้ๆ ด้วยสำนึกในตัวเองที่เป็นแมวให้พี่ชายเลี้ยงไปวันๆ จึงตั้งปณิธานว่า เย็นนี้กลับมาจะช่วยเหลือพี่เฟย์อย่างเต็มที่

            สวรรค์เป็นใจ ผมเลิกเรียนกลับห้องมาเห็นพี่ชายกำลังเตรียมมื้อเย็นอยู่พอดี วันนี้พี่กลับมาเร็วจนน่าแปลก

            “กลับมาแล้วคร้าบ วันนี้พี่กลับไวจัง” ผมเดินไปเกาะด้านหลัง พี่ชายในชุดผ้ากันเปื้อนสีเรียบแต่มีลายแมวกับอุ้งเท้าแมว เป็นภาพชินตาของผมไปแล้ว เจ้าตัวตอบทั้งที่ยังง่วนกันการเตรียมมื้อเย็น

            “พอดีโดนที่บริษัทไล่ให้พัก พี่เลยกลับเร็ว แต่พรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานอีก เมื่อเช้าพี่ขอโทษด้วย ลืมทำมื้อเช้าซะได้” พี่ชายหันมายิ้มให้แบบเหนื่อยๆ เอ๊ะ พรุ่งนี้วันหยุดไม่ใช่เหรอ บริษัทมีปัญหารึเปล่า ผมไม่กล้าถามซะด้วยสิ

            “ไม่เป็นไรพี่ เรื่องเล็ก ผมหากินที่มหาลัยได้ ให้ผมช่วยมั้ย” ตั้งใจไว้แล้วจะช่วยแบ่งเบา พี่ชายส่ายหัว

            “ไปนั่งรอไป พี่จัดการเอง”

            “น่านะ ให้ผมช่วยเถอะ ผักนี่ต้องล้างสินะ” ผมเสนอตัวเข้าหา เป้าหมายแรกคือผักใบเขียวสดอยู่ตรงอ่างล้างจาน

            “พี่ล้างแล้ว”

            “งั้นพี่จะเอาอะไรในตู้เย็นรึเปล่า เดี๋ยวผมหยิบให้”

            “ปอนด์ พี่บอกไม่ต้องช่วยไง” น้ำเสียงเหนื่อยหน่าย ผมยังยิ้มสู้

            “พี่ทำงานมาเหนื่อยๆ ให้ผมช่วยดีกว่า หยิบจานๆ”

            พี่เฟย์เตรียมวัสถุดิบไว้เพียบ แต่ยังไม่มีจานสำหรับใส่ตอนทำเสร็จ ผมเลยเปิดตู้ช่วยหยิบจานมาวางเรียงให้ หันไปมองอีกทีพี่เฟย์ขมวดคิ้ว ถอนหายใจหนัก แล้วดันหลังผมออกจากห้องครัว

            “วางจานแบบนั้นมันก็เกะกะน่ะสิ เดี๋ยวชนแตกกันพอดี ถ้าอยากช่วยนักไปจัดโต๊ะรอซะ”

            พยักหน้ารับ รีบไปจัดให้ตามที่ขอ พอมองโต๊ะทานอาหาร มันสะอาดเอี่ยมอ่อง ไม่ต้องทำอะไรเลย อย่างมากแค่หยิบจานช้อนส้อมมาวางรอเท่านั้น ผ่านไปสักพักเมนูง่ายๆ ถูกจัดวางบนโต๊ะ

            วันนี้ช่วยพี่ชายไม่สำเร็จ แต่ผมไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ในเมื่อพี่ชายต้องไปทำงานในวันหยุด ไม่มีเวลาทำความสะอาดห้อง ผมเลยผันตัวเองเป็นพ่อบ้านหนึ่งวัน หยิบจับอุปกรณ์ทำความสะอาดเท่าที่ทำได้ อย่างพรมนี่ใช้เครื่องดูดฝุ่น ตามโต๊ะ ตู้ ชั้นหนังสือใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดฝุ่น รดน้ำสมุนไพรตรงระเบียง หลังเสร็จสิ้นภารกิจ เก็บอุปกรณ์เข้าที่ตามเดิม

            ขอบอกว่าห้องพี่ชายใหญ่มาก กว่าผมจะทำเสร็จเหนื่อยแทบล้มตาย นอนแผ่กองอยู่กลางห้อง ดูผลงานอย่างภาคภูมิใจ ถึงมันจะไม่สะอาดใสปิ๊งแบบพี่เฟย์ทำ ยังนับว่าดูได้ ที่เหลือคือรอเวลาพี่ชายกลับมาเห็นผลงาน

            ผมลุกไปอาบน้ำล้างเหงื่อ มานั่งเล่นคอมรอเวลาพี่ชายกลับ เจ้าตัวกลับมาเห็นผลงานก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ลูบหัวแล้วบอกว่าผมไม่ต้องทำก็ได้ เอาไว้ว่างๆ จะทำเอง ผมส่ายหัว อย่างพี่ชายเนี่ยนะว่าง เห็นงานยุ่งหัวหมุน เวลาพักแทบจะยังไม่มี สรุป ผมยังคงช่วยต่อ

            หลายวันผ่านไป ผมทำความสะอาดอีกครั้ง รอบนี้พี่เฟย์ไม่ตอบรับ เอาแต่หน้านิ่วคิ้วขมวด ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า พูดกันนับคำได้ จนถึงเวลาเข้านอนพี่เฟย์ลากผมมานั่งคุยที่โซฟา ผมรู้สึกใจไม่ดี...ผมทำอะไรผิดรึเปล่า?

            “ปอนด์ พี่พูดตรงๆ นะ เราไม่ต้องช่วยพี่ แค่อยู่เฉยๆ ก็พอ”

            “แต่...”

            “ไม่มีแต่ รู้มั้ยพรมเนี่ยมันทำความสะอาดยังไง ที่เราทำไปมีแต่จะทำให้พรมเสียหาย แล้วยังสมุนไพรตรงระเบียงนั่นอีก รดน้ำขนาดนั้นเดี๋ยวเน่ากันพอดี พวกของใช้ในห้องด้วย” ผมสะอึก รู้สึกหน้าชา เม้มปากเป็นเส้นตรง

            “ผมขอโทษ...ผมแค่อยากช่วย”

            “ไม่จำเป็น เอาเป็นว่า เราอยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไรเลยนั่นแหละ ถือว่าช่วยพี่แล้ว ไปนอนซะ พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าไม่ใช่รึไง”

            ผมหน้าเสีย น้ำเสียงห้วนที่ได้ยินมันบาดลึก ทั้งที่ผมตั้งใจจะช่วยแท้ๆ กลับทำให้พี่หงุดหงิดมากกว่าเดิม ได้แต่ก้มหน้าเดินเข้าห้องนอนใหญ่ ยังไม่ทันถึงประตู พี่ชายดันร้องห้าม ชิงเดินเข้าห้องนอนไปก่อน สักพักออกมาพร้อมกับผ้าห่ม หมอน ตุ๊กตา ทุกสิ่งที่เป็นของผม…

            ตั้งแต่คบกันผมนอนห้องเดียวกับพี่ชายตลอด แล้วพี่ขนข้าวของออกมายัดใส่แขนผมแบบนี้ มันหมายความว่ายังไง ผมมองหน้าพี่ชายสลับกับของในมือ

            “พี่...” ผมเรียกเสียงอ่อย มองอย่างไม่เข้าใจ พี่ชายจ้องผมด้วยสีหน้าที่ไม่เคยเห็น

            “กลับไปนอนห้องตัวเอง ช่วงนี้พี่อยากนอนคนเดียว”

            สิ้นคำประตูถูกปิดต่อหน้า ผมตาโตมองประตูที่อยู่ห่างแค่เอื้อม แต่ในเวลานี้มันเหมือนมีกำแพงอะไรบางอย่างมาขวางกั้นเอาไว้ ทั้งคำพูด การกระทำของพี่ชายช่วงหลังๆ เหมือนฉายซ้ำเข้ามาในหัว มีหลายครั้งร่างสูงทำท่าเหมือนรำคาญ นึกย้อนไปเหมือนตอกย้ำความกังวลของตัวเอง ลึกๆ ผมกลัวว่าพี่เฟย์ไม่ชอบผมแล้วรึเปล่า เบื่อกับคนที่อายุน้อยกว่าทำอะไรไม่ได้สักอย่างใช่มั้ย

            ขอบตาเริ่มร้อนผาว ผมกอดผ้าในอ้อมแขน ทรุดตัวลงนั่งซุกหน้ากลั้นเสียงสะอื้นเบาๆ นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ทำกับผมแบบนี้ ทำสีหน้าเย็นชาใส่ ไล่ผมออกจากห้องแล้วยังปิดประตูใส่หน้าอีก

            ก้อนแข็งมาจุกอยู่ที่ลำคอ ผมร้องไห้เงียบๆ ปล่อยให้น้ำตาซึมกับผ้าห่ม ขมวดคิ้วแน่นจนปวดหัว ปล่อยตัวเองนั่งอยู่ในความมืดหน้าห้องนอน ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้เลยว่าสภาพผมตอนนี้มันแย่แค่ไหน ในอกปวดแปลบไปหมด นึกน้อยใจ ทำไมพี่ต้องโกรธผมขนาดนี้ด้วย ผมอาจจะทำผิดจริง แต่ผมทำไปเพราะหวังดีและสิ่งที่ทำมันก็ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรขนาดนั้น ทั้งที่ตัวเองเคยพูดแท้ๆ ว่าข้าวของพวกนั้นไม่สำคัญเท่าผม งั้นสิ่งที่ผมเจออยู่นี่หมายความว่ายังไง

            ผมนั่งสะอึกสะอื้น ลองเรียกพี่ชายดูก็แล้ว ยังไร้ปฏิกิริยาตอบรับจากคนในห้อง ปกติแค่นิดๆ หน่อยๆ พี่ชายเป็นห่วงผมจะเป็นจะตาย แล้วทำไมผมเสียใจร้องไห้เพราะพี่ พี่ถึงไม่ออกมาปลอบล่ะ อย่างน้อยๆ ช่วยมาพูดดีๆ กันสักคำก็ยังดี ผมไม่ใช่เด็กไม่รู้จักโตที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักหน่อย

            อาการของพี่ตอนนี้เหมือนระชนวนที่ใกล้ระเบิด คงจะเครียดจากเรื่องงาน พอเจออะไรไม่ได้ดั่งใจเลยเผลอพาลใส่อย่างที่ไม่เคยเป็น ใจมันรู้นะ แต่ความรู้สึกมันสวนทางจนเริ่มสับสนไปหมด

            สุดท้ายผมเลยตัดสินใจลองหาเรื่องให้พี่เฟย์ออกมาจากห้อง จะได้คุยให้เคลียร์ไม่อยากปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ ผมยังอยากให้พี่ยิ้มให้ผมไม่ใช่ทำหน้ายักษ์

            ด้วยความที่กำลังสับสน ผมคิดวิธีไม่ออก เลยเลือกวิธีสิ้นคิด เอากำปั้นทุบหมอนจนเกิดเสียงตุบตับ ทั้งที่น้ำตายังไหลพรากๆ ดูเหมือนว่ามันจะได้ผล ผมได้ยินเสียงกุกกักภายในห้อง ใครจะไปคิดล่ะว่าพี่ชายจะพูดออกมาแบบนี้!

            “อย่าอาละวาดมันหนวกหู พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงานแต่เช้านะ โตแล้วมีเหตุผลหน่อยสิ!”

            ผมอึ้งค้างชะงักอยู่กับที่ ไม่คิดเลยว่าพี่ชายจะพูดแบบนี้ ความอ่อนไหวทำให้อารมณ์แปรปรวน ทั้งเสียใจทั้งโมโห จงใจใช้หมอนขว้างใส่ประตูพาลกลับ

            “พี่นั่นแหละไม่มีเหตุผล! เป็นอะไรมาไม่รู้ อย่ามาพาลใส่กันสิโว้ย ไอ้พี่บ้า ไอ้พี่เฮงซวย ไม่ยุ่งด้วยแล้ว ทำงานให้เหลือแต่โครงกระดูกไปเลยไป๊!!”

            ปิดท้ายด้วยถีบประตูแรงๆ ไปหนึ่งที ได้ยินเสียงคนลุกจากเตียง อยู่ให้โง่ดิ ผมสะบัดหน้าหอบข้าวของเข้าห้องตัวเองแล้วปิดประตูเสียงดังสนั่นพร้อมล็อกเสร็จสรรพ จังหวะเดียวกับที่พี่เฟย์ทำท่าจะเดินเข้ามาหาพอดี เออ เอาคืนซะมั่ง จะได้รู้ว่าการถูกคนรักปิดประตูใส่หน้ามันเป็นยังไง

            ยกแขนเสื้อปาดน้ำตาลวกๆ กระโดดขึ้นเตียงนอน ความรู้สึกผสมปนเปไปหมดจนแทบนอนไม่หลับ ที่แน่ๆ ผมโกรธพี่เฟย์มาก เสียใจมากด้วย ขนาดตอนนี้ยังเจ็บจี๊ดที่อกไม่หาย คิดแล้วว่าความรู้สึกนี้ไม่หายไปง่ายๆ แน่

            ทั้งที่ควรจะเป็นแบบนั้น แต่นิสัยของผมเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว แถมยังขี้ใจอ่อนระยะสุดท้าย พอตื่นมาในสภาพตาบวมน่าอานาถ ขนาดตัวเองเห็นหน้าในกระจกยังตกใจ นึกทบทวนดูดีๆ ว่าเมื่อคืนตัวเองทำอะไรไปบ้าง โกรธก็ส่วนโกรธ ผมไม่ควรแสดงกิริยาแบบนั้นกับพี่เฟย์ที่อายุมากกว่า

            ผมตบแก้มดึงสติระหว่างล้างหน้า เอาวะ เป็นไงเป็นไง พี่เฟย์เป็นผู้ใหญ่คงไม่โกรธกับเรื่องเล็กน้อยแบบนั้น ป่านี้อาจจะเตรียมง้อก็ได้ ตามประสาพี่ชายใจดี พี่ชายคงเครียดเรื่องงานนั่นแหละ พอผมไปสะกิดเลยฉุน พี่เฟย์เป็นพวกหวงของทุกอย่างในบ้าน ต้องจัดการดูแลเองถึงจะวางใจ ในเมื่อแต่ละอย่างไม่ใช่ของธรรมดาทั้งนั้น มีวิธีดูแลจุกจิกมากมาย

            ไม่น่าหลงตัวเองเลยเรา ต่อให้พี่ชายยอมขนาดไหน มากลิ้งนอนในห้องมากเท่าไหร่ ยังไงมันก็คือพื้นที่ส่วนตัวของเขา อีกอย่างมันคงไม่มีเรื่องชวนปวดใจเท่าเมื่อคืนอีกแล้ว ผมปลอบใจตัวเอง สูดลมหายใจลึกๆ สู้เว้ย

            เปิดประตูชะโงกหน้าดู ไร้วี่แววเจ้าของห้อง ครึ่งหนึ่งรู้สึกวูบโหวง อีกครึ่งแอบดีใจเพราะยังไม่รู้จะชวนคุยยังไง บนโต๊ะทานอาหารยังไร้อาหารเช้าเหมือนเคย พี่ชายคงลืมล่ะมั้ง ผมไม่คิดอะไรมาก จังหวะที่หมุนตัวกลับเข้าห้องเพื่อหยิบกระเป๋าไปมอ กระดาษแผ่นหนึ่งแปะอยู่ตรงหน้าประตู ข้อความในนั้นเขียนไว้ว่า

            ‘ช่วงนี้กลับไปอยู่กับแม่ซะ’

            มือคว้ากระดาษนั่นมาเพ่งมองชัดๆ มั่นใจว่าตัวเองไม่อ่านผิดแน่ ผมซวนเซพิงพนักโซฟา ทะเลาะกันแค่นี้ถึงกับไล่ให้กลับบ้านเลยเหรอ พี่ไม่ต้องการผมแล้วใช่มั้ย ผมเป็นแค่ตัวน่ารำคาญสินะ จากอารมณ์สงบก่อนออกจากห้อง เปลี่ยนเป็นฉุนเฉียว ไอ้ผู้ใหญ่ไร้เหตุผล

            เออดี กลับก็กลับวะไม่ง้อ วันนี้ไม่ลงไม่เรียนมันแล้ว มือฉีกกระดาษเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทิ้งไว้บนพื้นนั้นแหละ แล้วก้าวฉับๆ เข้าห้องเก็บข้าวของจำเป็นสะพายเป้กลับบ้าน ไม่เหลียวหลังมองอีกเป็นครั้งที่สอง

 
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-01-2016 15:47:35
ง่า พี่เฟย์อะ พูดกับน้องดีๆสิ

 :hao7: 
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 14-01-2016 16:40:23
ค้างอย่างแรงเลยแบบนี้
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 14-01-2016 17:09:33
อ้าว วาร์ปมามาม่าเฉย
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lovekodak ที่ 14-01-2016 17:13:00
ง่า   อย่าเพิ่งโมโหจิ!  ใจเย็นๆ   :hao5:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 14-01-2016 17:19:34
ถือว่าพี่เฟย์ผิดนะ. เครียดกับงานมาพาลน้อง.  น้องแค่อยากช่วยอะไรบ้าง.  ไล่น้องกลับบ้านยังงี้. น้องงอนนานๆ เลยนะ ให้ง้อให้เข็ด
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jitsupa_milk ที่ 14-01-2016 17:45:50
งอนนานๆเลย เฟย์จะได้รู้บ้าง ทำแบบนี้ได้ไง ถึงจะเครียดแต่มาพาลคนในบ้านอย่างนี้ก็ไม่ถูก
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 14-01-2016 18:24:30
 :serius2: :serius2: :serius2: :fire: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-01-2016 19:00:40
ง่าาา. เกิดอะไรขึ้นหว่าาาาา  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 14-01-2016 20:20:55
ทะเลาะกันแล้วกลับบ้านแม่สินะ!!!!
เฮ้ออออ มีอะไรไม่คุยกันดีๆน้อออ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-01-2016 20:34:10
 :pig4:

เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-01-2016 21:30:35
ทำไมไม่คุยกันดีๆนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 14-01-2016 21:59:27
ตีกันเฉ้ยยย ปรับอารมณ์ไม่ทันเลย
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fannaio ที่ 14-01-2016 22:07:21
พี่เฟฟฟฟฟฟฟย์ ไม่คิดว่าพี่จะทำแบบนี้ ขอเหตุผลดีๆด้วยนะคะพี่  :sad4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 14-01-2016 22:25:56
ง่ะค้างงงงงง :z3: :z3: :sad4: :sad4: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 15-01-2016 00:17:05
มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่เฟย์เป็นอย่างนี้
ถ้ายุ่งมากคิดว่าไม่มีเวลาดูแลน้องก็อธิบายมาสิ น้องเข้าใจแน่ๆ แต่ทำอย่างนี้น้องเสียใจนะ
แล้วถ้านี่เป็นตลกร้าย จะเซอร์ไพร์อะไรล่ะก็ มันมากไปนะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 15-01-2016 00:18:40
เกิดอะไรขึ้นอะ พี่เฟย์มัยทำงี้ละ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 15-01-2016 02:21:31
ค้างงงงง

ทำไมพี่เฟย์ทำงี้เนี่ย ปกติออกจะใจดีอารมณ์เย็นจะตาย เครียดไรมาล่ะเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-01-2016 12:24:05
 :pig4:   :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 16-01-2016 12:25:52
มันน่าคิดนะเจอแบบนี้ ทุกทีไม่เคยให้ได้ร้องไห้แต่นี้ :a5:

ทำน้องเจ็บแล้วไม่มีเหตุผลดีๆโดนแน่ๆ :z6:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iammilk ที่ 16-01-2016 13:48:52
คือไรอ่ะ  :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 16-01-2016 19:06:44
งงงงงงงงงงง  :hao4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 17-01-2016 21:02:23
ให้ปอนด์งอนนาน ๆ เลยค่ะ ทำไมพี่เฟยต้องว่าน้องด้วย

น้องเห็นดว่าพี่เหนื่อยเลยอยากลดภาระให้พี่

แต่พี่กลับคิดว่าน้องทำป่วน เชอะ! ขอให้ปอน์ดย้ายออกไปไม่อยู่ด้วยอีกแล้วจะได้รู้สึก!!  :m31:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่22 เป็นเหตุ [UP!14/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 24-01-2016 02:17:54
ดีกันไวๆนะ ค่อยๆคุยกัน
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่23 ตัวต้นที่แท้จริง [UP!26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 26-01-2016 00:21:53
วายที่23 ตัวตนที่แท้จริง

   ร่างสูงในชุดสูทกลับห้องมาในเวลาเย็นย่ำ ภายในห้องปิดไฟเงียบ รู้สึกโหวงในอกจนต้องผ่อนลมหายใจออกมาทำให้ตัวเองสงบ มือหนาเลื่อนไปกดสวิทช์ไฟ แสงสว่างจากหลอดไฟขับไล่ความมืดไปจนหมดสิ้น เผยให้เห็นภาพความจริงตรงหน้า

   ไม่ว่าส่วนใดของห้อง ไม่มีร่างคุ้นตา ไม่มีเสียงใสมาวนเวียนอยู่รอบตัว ดวงตาคมกวาดมองก่อนสะดุดตาเข้ากับเศษกระดาษบนพื้น พอหยิบขึ้นมาดู ชัดเจนเลยว่านั่นเป็นกระดาษที่เขาเขียนทิ้งไว้ตอนเช้าก่อนออกจากห้องไป แค่ให้กลับบ้านเฉยๆ ลูกแมวของเขาคงจะเข้าใจผิดจนโมโหไปใหญ่แล้ว ถึงฉีกกระดาษแบบนี้

   เฮ้อ… ทำตัวเองแท้ๆ เฟย์ได้แต่นึกปลงในใจ


   หากจะถามถึงต้นสายปลายเหตุทั้งหมด คงต้องย้อนกลับไปตอนผมกลับจากดูงานที่สาขาย่อย กำหนดการคือสามวัน แต่ทางนั้นรั้งตัวผมไว้จนต้องอยู่ต่อ พอขอตัวได้ถึงรีบกลับทันทีโดยไม่ได้แจ้งใครล่วงหน้าเพราะผมอยากรีบกลับมาหาลูกแมวของตัวเอง

   วันรุ่งขึ้นผมเข้าบริษัทแต่เช้า ตรวจเช็คเอกสารในช่วงที่ตัวเองไม่อยู่ พอดีว่าอารมณ์ดีจากการได้เอ็นดูเด็ก เลยขอให้เลขาสาวเอาเอกสารย้อนหลังมาให้ผมดูด้วย ปรากฏว่ามีเอกสารหลายฉบับที่ยังไม่ผ่านตาผมแต่ได้รับการเซ็นต์รับรอง…

   ดวงตมคมหรี่ลง บรรยากาศจากสดใสกลายเป็นมืดทะมึนชั่วพริบตา

   “มีปัญหาอะไรรึเปล่าคะหัวหน้า”

   ผมปรายตามอง เลื่อนเอกสารบนโต๊ะให้เธออ่าน ยุพิณรับไปอ่านอย่างละเอียดก่อนจะขมวดคิ้วไม่ต่างจากผม

   “เอ๊ะ เอกสารนี้ทำไมฉันไม่คุ้นเลย...”

   “มันอยู่ในกองย้อนหลัง คุณมั่นใจนะว่าไม่เคยเห็นมาก่อน”

   “ฉันมั่นใจค่ะ” เลขาสาวตอบทันทีด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ผมนิ่งเงียบทันที ยุพิณรู้ดีกว่าอารมณ์ผมตอนนี้ไม่ควรยุ่งด้วย หากเป็นลูกน้องคนอื่นเห็น เชื่อเลยว่าวิ่งหนีกันหมด ไม่ยืนต้านรังสีกดดันจากผมแน่

   ผ่านไปหนึ่งนาที ผมหลับตาออกปากสั่ง ขณะที่สมองกำลังคิดรวดเร็ว

   “ผมต้องการเอกสารย้อนหลังสามเดือนก่อนเที่ยง”

   ยุพิณรับคำรีบออกจากห้องไป ไม่กล้าชักช้า ก่อนเธอจะเดินถึงประตู ผมลืมตากำชับเสียงเย็น

   “อย่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่าผมกำลังตรวจสอบอะไร”

   “ค่ะ ดิฉันจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด”

   เธอทำงานกับผมมานานย่อมรู้ใจกันดี เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก มีคนปลอมลายเซ็นของผมเพื่อทำการบางอย่าง ผมต้องรีบตรวจสอบหาตัวคนทำให้ได้ ไม่งั้นผมนี่แหละที่จะแย่ แต่เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ตรวจสอบวันสองวันจะรู้เรื่อง มันต้องใช้เวลาพอสมควร 

   ผมยังคงไปทำงานตามปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพื่อไม่ให้ทางนั้นไหวตัวทัน ส่วนเวลาอยู่บ้าน ยังคงดูแลลูกแมวตามเดิม เด็กน้อยกำลังโกรธเรื่องที่ผมรังแกมากไปหน่อย เลยต้องง้อด้วยการปรนเปรอขนมและพาไปช้อปหนังสือนิยาย

   กลับถึงห้องมีสายเข้า ผมหยิบขึ้นมาดูเป็นเบอร์คุณยุพิณ เหล่มองลูกแมว กำลังง่วนกับของกินและหนังสือที่ซื้อมาอยู่

   “มีอะไรครับคุณยุพิณ โทรมาซะค่ำ”

   “หัวหน้าคะแย่แล้ว! ฉันตรวจเอกสารทั้งหมด คนที่ปลอมลายเซ็นหัวหน้ายักยอกเงินบริษัทตั้งแต่ต้นเดือนก่อน แถมท่านประธานก็รู้แล้วด้วย ฉัน...”

   ผมขบฟันแน่น คิดไว้อยู่แล้ว เป้าหมายในการปลอมลายเซ็นมีอยู่อย่างเดียว ผมพยายามข่มอารมณ์ให้สงบ แล้วปลอบปลายสายเบาๆ

   “ใจเย็นๆ คุณยุพิณ ไม่เป็นไรครับ ผมเป็นคนส่งเอกสารให้ท่านประธานเอง พรุ่งนี้เตรียมหลักฐานทั้งหมดไว้ ผมจะเข้าพบท่านประธานด้วยตัวเอง”

   “เข้าใจแล้วค่ะ มีอะไรใช้ฉันได้ทุกเมื่อเลยนะคะหัวหน้า”

   ปลายสายตอบรับด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงก่อนจะกดวางไป มันเป็นเรื่องจริงที่ผมเป็นคนเอาเอกสารพวกนั้นไปให้ท่านประธานเอง ถือเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ถ้าผมมัวเก็บไว้หาทางออกคนเดียว มีแต่จะงานเข้าหนักกว่าเดิม ไว้พรุ่งนี้ต้องไปปรึกษาท่านประธานว่าจะเอายังไงต่อไป ที่แน่ๆ ต้องสืบหาตัวการให้ได้

   ผมเข้าห้องมา มีดวงตาคู่หนึ่งมองด้วยความสงสัย ผมยิ้มเก็บอาการตัวเอง ยื่นมือไปขยี้หัวยุ่งนั่นแล้วทำตัวแบบปกติทุกอย่าง วันรุ่งขึ้นผมรีบเข้าบริษัท รับเอกสารจากเลขาตรงเข้าห้องท่านประธาน

   ทุกอย่างคุณยุพิณสรุปให้แล้ว มีผมอ่านกรองอีกทีหนึ่ง ผมทักทายตามมารยาท ส่งเอกสารให้ร่างเบื้องหน้า ชายวัยกลางคนรับไปไม่พูดอะไร เพียงแค่ไล่สายตาอ่านข้อมูลทั้งหมด ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง เอกสารปึกนั้นถูกวางลงบนโต๊ะ ดวงตาคมกริบสะท้อนภาพพนักงานดีเด่นที่ยังนั่งใบหน้าเรียบเฉย ดูไม่สะทกสะท้านกับเรื่องที่ตัวเองถูกใส่ร้าย ทั้งที่ความจริงในใจแทบลุกเป็นไฟด้วยความโกรธ

   “ผมจะเชื่อใจคุณได้ยังไง ไหนลองบอกเหตุผลมาคุณศตกมล”

   “ผมให้เลขาส่งตัวอย่างลายเซ็นของผมกับของปลอมไปเทียบกับผู้เชี่ยวชาญแล้วครับ คาดว่าจะได้ไม่เกินวันพรุ่งนี้”

   “แค่นั้นยังไม่พอ เอาเถอะ ผมเชื่อว่าคุณไม่ได้ทำ จับตัวมาให้ได้แล้วกัน เมื่อไหร่เรื่องแดงขึ้นมาถูกโยนเข้ากรงขัง ผมคงช่วยไม่ได้”

   “ครับ ผมจะลากคอคนทำออกมาให้ได้”

   การพูดคุยจบในเวลาอันสั้น นับจากวันนั้นผมต้องเข้างานไวและเลิกช้ากว่าปกติเพื่อสืบหาคนร้ายพร้อมกับทำหน้าที่ของตัวเองไปด้วย กว่าจะรวบรวมหลักฐานการปลอมลายเซ็นเพื่อยักยอกเงินบริษัทได้ครบจนมั่นใจแล้วว่าใครเป็นคนทำ เจ้าพนักงานชั่วดันหอบเงินหนีไปซะแล้ว ก่อนที่ผมจะแจ้งตำรวจเพียงหนึ่งวัน...

   ความเครียดเริ่มมีมากขึ้นถึงขนาดที่ผมลืมทำอาหารเช้าให้ลูกแมว กว่าจะนึกออกก็ตอนตัวเองถึงบริษัท วันนั้นผมเลยรีบเคลียงานขอตัวกลับไวกว่าปกติเพื่อทดแทนให้ลูกแมว เจ้าตัวยังร่าเริงสดใสเหมือนเคย ซึ่งนั้นก็ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องของผมหรอก อีกไม่นานผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วกลับมาใช้ชีวิตตามปกติสักที

   เพื่อการนั้นผมต้องจ่ายด้วยเวลาที่มีให้กับปอนด์น้อยลง ไปทำงานเช้ากลับดึก วันหยุดยังต้องไปทำงาน แทบไม่ได้ดูแลบ้านหรือทำอาหารให้เหมือนอย่างทุกที โชคดีหน่อย ปอนด์เข้าใจผม ไม่โวยวายอะไรทั้งสิ้น แล้วยังลุกขั้นมาช่วยทำความสะอาดที่ตัวเองไม่ถนัด ผมรู้สึกดีใจและหนักใจในเวลาเดียวกัน

   ข้าวของในห้องผมหลายอย่างมันต้องทำความสะอาด ดูแลรักษาต่างจากปกติ ส่งผลให้ความช่วยเหลือของลูกแมวคล้ายจะช่วยเพิ่มงานมากกว่าเดิม ผมทำใจเย็น ยิ้มให้ แล้วบอกว่าปอนด์ไม่จำเป็นต้องช่วยงานผม แต่ผมคงลืมไป เจ้าลูกแมวของผมมันดื้อกว่าที่คิด ผลสุดท้าย

   ในช่วงหัวเลี้ยวหัวตอ ผมขอให้ฝนใช้เส้นสายรวมกับตำรวจช่วยออกตามหาก่อนที่ผมจะโดนจับเข้าคุกแทน จวนจะเจอตัวคนร้ายอยู่แล้ว ผมดันพลาด เผลอหลุดอารมณ์พาลใส่ปอนด์ ผมรู้จักตัวเองดี ดูภายนอกผมเหมือนคนควบคุมตัวเองเก่ง มีความอดทนสูง แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ ข้างในตัวผมมันมีอารมณ์รุนแรง อารมณ์ดิบแฝงอยู่ในตัวตลอด ที่ผ่านมาอาศัยวุฒิภาวะสูงทำให้ควบคุมตัวเองได้ดี แต่มันไม่สามารถทำได้เสมอไป ยิ่งในช่วงความรู้สึกไม่คงที่แบบนี้

   ผมจำต้องไล่ปอนด์ไปนอนห้องเดิม เพราะกลัวเผลอทำอะไรลงไปโดยไม่คิด ยิ่งลูกแมวเป็นพวกหัวดื้อ พอจะเถียงขึ้นมาทีไม่มีทางยอมง่ายๆ ผมกลัวว่าจะคุมตัวเองไม่อยู่

   ถามว่าผมได้ยินเสียงสะอื้นของปอนด์หน้าห้องมั้ย ขอตอบเลยว่าได้ยินชัดเจน ชัดจนปวดใจแทบอยากออกไปคว้ามากอดแน่นๆ ถ้ายังมานั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องแบบนี้ผมทนไม่ไหวแน่ ผมเลยออกปากไล่ให้ปอนด์กลับห้อง ดันกลายเป็นว่าทะเลาะกันหนักกว่าเดิม

   ปอนด์โกรธ...ลูกแมวพาลใส่ผมบ้าง เสียงด่าทอ เสียงเท้าถีบประตูดังชัดเจนจนเส้นอารมณ์พุ่งปี๊ด ผมกระชากประตูออกหมายจะเข้าไปจับเจ้าตัวเล็กมาสั่งสอนซะให้เข็ด ปอนด์ดันไวกว่า วิ่งปรู๊ดเข้าห้องปิดประตูใส่หน้า เหมือนโดนสวนคืนการกระทำของผมก่อนหน้านี้

   จะทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจหนักๆ แล้วเดินกลับห้องไปนอนสงบสติอารมณ์ซะ

   ผมตัดสินใจเขียนกระดาษแปะหน้าห้องลูกแมวให้กลับบ้านไปก่อน เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเอง เพราะไม่รู้ผมจะออกอาการงี่เง่าขึ้นมาอีกตอนไหน

   แม้สุดท้าย ผมต้องมานั่งเก็บกระดาษเจ้ากรรมทิ้งลงถังขยะแล้วนั่งรอโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทบนโซฟา หนังตาหนักอึ้ง เหนื่อยล้าจนอยากพัก เด็กน้อยที่ช่วยเพิ่มพลังก็ไม่อยู่ซะด้วย คงต้องงีบสักพัก...

   ไม่รู้ผมผล็อยหลับไปตอนไหน กระทั่งเสื้อผ้าก็ยังไม่เปลี่ยน นอนหลับมันบนโซฟานั่นแหละ เสียงริงโทนช่วยปลุกให้ผมตื่นเต็มตา หยิบมากดรับโดยไม่ต้องมองชื่อคนโทรด้วยซ้ำ

   /เจอตัวแล้ว เอาไงต่อ/ ปลายสายไม่พูดพล่ามทำเพลง เอ่ยเข้าประเด็นทันที

   “จับตาดูไว้ก่อน ส่งที่อยู่มาทางโทรศัพท์ กูจะรีบไป”

   /เดี๋ยว กูไปด้วย สภาพมึงตอนนี้กูไม่ไว้ใจให้มึงขับรถดิ่งจากกรุงเทพไปต่างจังหวัดคนเดียวว่ะ เตรียมตัวรออยู่ที่ห้อง เดี๋ยวกูถึงจะโทรให้มึงลงมาเอง/

   ฝนอาสาด้วยความห่วงเพื่อน น้ำเองก็เห็นด้วย เลยปล่อยฝนขับรถออกไปโดยดี เฟย์วางสายพลางถอนหายใจ ยกมือนวดขมับที่ปวดหนักจากการพักผ่อนไม่เพียงพอและโหมร่างกายเกินไป ความจริงผมอยากรีบบึ่งรถไปเคลียกับไอ้ชั่วนั่นให้มันจบๆ แต่เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ผมต้องมีสติ เพราะผมไม่ใช่ตัวคนเดียว ยังมีครอบครัว มีคนรัก เพื่อนฝูงต้องการผมอยู่

   ตอนนี้อยู่ในช่วงหัวค่ำรถไม่ค่อยติด ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ฝนก็มารับผมที่คอนโดจนได้ เราคุยรายละเอียดกันในรถอีกนิดหน่อยแล้วตั้งหน้าตั้งตาขับกันจนถึงที่หมาย ด้วยความที่ฝนมันตีนผี เหยียบมิดทันใจผม ช่วงเช้ามืดเราก็มาถึงบ้านเป้าหมายสักที

   บ้านเดี่ยวขนาดกลางอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร ทุกบ้านยังคงปิดไฟมืดเพราะเวลานี้ยังเช้าเกินกว่าจะตื่นมาทำงาน มีรถคันหนึ่งจอดเทียบหน้าบ้าน ชายร่างสูงสองคนลงจากรถจ้องประตูเขม็ง คนหนึ่งโบกมือให้ลูกน้องล้อมอยู่รอบๆ กันเจ้าของบ้านหนี

   เมื่อทุกอย่างพร้อม สองคนเป็นฝ่ายนำบุกเข้าไปในบ้านกวาดตามองหาห้องนอนผ่านความมืดสลัว ผมก้าวเท้าฉับๆ ไปเปิดห้องที่คิดว่าเป็นห้องนอนใหญ่ เห็นชายคนหนึ่งนอนกอดอยู่กับหญิงสาวอายุคราวลูก ดวงตาคมหรี่มอง ฝั่งเจ้าบ้านพอเห็นว่ามีผู้บุกรุก ตื่นขึ้นมาโวยวายเสียงน่ารำคาญ

   ฝนที่เดินตามหลังเปิดไฟในห้อง ฉับพลัน ทุกอย่างสว่างเห็นรายละเอียดชัดเจน ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพนักงานเก่าแก่ของบริษัท ฝ่ายดูแลเกี่ยวกับงานเอกสารกำลังนอนเปลือยท่อนบนอยู่กับอิหนูที่ซื้อด้วยเงินที่ยักยอกบริษัทไปด้วยชื่อของผม

   “ห...หัวหน้า!!”

   ชายวัยกลางคนมองผมด้วยสีหน้าตกใจอย่างปิดไม่มิด ก่อนจะมองซ้ายขวาคล้ายหาทางออก ติดที่ผมยืนอยู่ปลายเตียง ฝนยืนกอดคอขวางตรงประตูและลูกน้องฝนที่ล้อมไว้ทั้งหมด

   “ยังจำผมได้ด้วยเหรอ คุณรชานนท์ อ่อ....ต้องจำได้อยู่แล้วสิ ในเมื่อคุณเป็นคนป้ายความผิดผม”

   น้ำเสียงเย็นเยือกพร้อมเอกสารหลักฐานการปลอมลายเซ็นและการยักยอกเงินทั้งหมด ผมขว้างมันไว้บนเตียง ผู้หญิงตกใจกลัววิ่งออกจากห้อง พวกผมเปิดทางให้ แต่ไม่ให้ไอ้ชั่วที่อยู่ตรงหน้าแน่

   “หัวหน้า ผม...ผมถูกใส่ร้าย!! ยุพิณต่างหากที่เป็นคนทำเรื่องทั้งหมด”

   อารมณ์กรุ่นที่ผมพยายามข่มไว้ระเบิดออกมาเพราะคำพูดของสัตว์นรกตัวหนึ่ง ผมกำหมัดแน่นก้าวขึ้นเตียงโดยไม่ถอดรองเท้า แล้วถีบให้มันร่วงลงมากองบนพื้น ก่อนจะถีบซ้ำแล้วเหยียบหน้ามันแนบพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ แอร์ที่เปิดไว้ไม่ได้ช่วยให้ความร้อนในตัวผมลดลงแม้แต่น้อย

   “น้ำหน้าอย่างมึงไม่คู่ควรจะพูดชื่อเลขากูไอ้สวะ เป็นไง มึงนอนหลับสบายดีมั้ย แต่มึงคงได้สบายแค่คืนนี้แล้วล่ะ” พูดพลางลงส้นเท้าขยี้หน้ามันอย่างไม่ออมแรง

   “หัวหน้าผมอธิบายได้”

   ผัวะ!!

   รองเท้าหนังซัดเข้าใบหน้าจนหันไปอีกทาง ไม่สนว่ามันจะพล่ามอะไรออกมาอีก นอกจากซ้อมมันเพื่อระบายความโกรธ

   “โอ๊ย! ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย แจ้งตำรวจที อั๊ค!!”

   “ไม่ต้องห่วง เศษเดนอย่างมึงได้เจอตำรวจแน่ เพราะมึง...มึงทำให้กูต้องทะเลาะกับแฟน ไอ้สัสเอ๊ย!!” ผมลงเท้ากระทืบมันไม่ยั้ง ทั้งเตะทั้งถีบจนมันกลิ้งไปชนกับกำแพง น้ำหน้าอย่างมันไม่คู่ควรกับมือผมด้วยซ้ำ

   กลิ่นคาวเลือด ร่างที่ถูกซัดจนน่วมอยู่บนพื้น ฟันหลุดกระเด็นกระทบพื้นเลอะไปด้วยน้ำลายเจือเลือดสีแดง จังหวะที่ผมจะลงเท้าอีกสักรอบ ฝนที่ยืนเฉยๆ มาตั้งแต่ทีแรกเข้าไปล็อคแขนผมจากทางด้านหลัง แล้วลากออกห่างอดีตลูกน้องที่กลายเป็นกระสอบทราย

   “เฮ้ยเฟย์ใจเย็น เดี๋ยวแม่งตายคาตีนพอดี”

   “เฮอะ!” ผมสะบัดตัวออกจากฝน มองสภาพมันด้วยสายตาเย็นชา ปล่อยให้ลูกน้องฝนลากคอมันออกไปส่งให้ตำรวจ อารมณ์กรุ่นๆ ในอกไม่สงบลงง่ายๆ ฝนเข้าใจดี มันหันไปขอบุหรี่จากลูกน้องมาจุดยื่นให้ผม ผมรับมาสูดดับอารมณ์ กลุ่มผมทุกคนสมัยก่อนติดบุหรี่กินเหล้าหมด เว้นกบที่ไม่ค่อยแตะ พอตอนโตถึงได้ลดละเลิกกันไป แต่บางครั้งเครียดๆ มันก็ช่วยได้บ้างเหมือนกัน อย่างเวลานี้

   ฝนเดินมาตบบ่าผม

   “เฟย์ เรื่องมึงทะเลาะกับแฟนมันเกี่ยวเหรอวะ มึงควรโกรธที่มึงโดนใส่ร้ายจนบริษัทเขม่นไม่ใช่รึไง” คนถามขำในคอ เจ้าตัวเพิ่งรู้เหมือนกันว่าเพื่อนสนิททะเลาะกับแฟน มิน่าล่ะตอนไปที่ห้องถึงไม่เห็นเงาเจ้าตัวเล็ก คนโดนแซวไม่มีอารมณ์ร่วม ตวัดสายตาคมกริบใส่เพื่อน

   “ช่างหัวบริษัทมันสิ ใช้งานกูอย่างกับอะไรดี ที่เกิดเรื่องปัดสวะให้พ้นหัว โยนขี้ให้กูจัดการ”

   “เฮ้ย นั่นมันบริษัทที่มึงทำงานมาตั้งหลายปีนะ” เจ้าของบาร์ถึงกับสะดุ้งเพราะคำตอบพร้อมของเพื่อน

   “แล้วไง เรื่องมากนักกูแค่ลาออกหางานใหม่ทำ”

   ผมพูดแบบไม่ใส่ใจ ต่อให้ไม่มีงานทำผมก็มีเงินใช้เหลือเฟือ ฝนส่ายหัวเดินตามผมออกจากบ้านลูกน้องเนรคุณ เท่าที่ฝนสืบมา บ้านหลังนี้ซื้อให้อิหนูที่มันกกเอาไว้ แน่นอนว่าน้ำหน้าอย่างมันไม่ได้มีแค่คนเดียวแน่ แล้วยังเงินที่ยักยอกบริษัท ทั้งที่มีลูกมีครอบครัวยังทำตัวน่าฆ่าทิ้ง

   “แล้วแต่มึงละกัน ที่เหลือให้ตำรวจกับทางบริษัทมึงจัดการต่อ ส่วนมึงไปพักก่อน กูให้ลูกน้องจองโรงแรมเอาไว้แล้ว”

   ผ่อนลมหายใจหมดปอด โยนบุหรี่ในมือทิ้งใช้เท้าขยี้ดับไฟพากันขึ้นรถ ฝนรับหน้าที่ขับตามเดิม ผมนั่งประจำที่ข้างคนขับ

   “ขอบใจที่ช่วยกู ไม่งั้นกูคงตามตัวมันไม่ง่ายแบบนี้แน่”

   ลำพังผมคนเดียวไม่มีเส้นสายอะไรขนาดนั้น ต่างจากฝน มันทำงานบาร์ ย่อมรู้จักคนเยอะ จำเป็นต้องมีลูกน้องเป็นของตัวเองพวกดูแลบรรดาบาร์ของมันที่เปิดไว้หลายที่

   “ไม่เห็นไร มึงเดือดร้อนกูต้องช่วยอยู่แล้ว ถ้ามึงไม่ยอมบอกกูสิ กูได้โกรธมึงแน่” คนขับจำเป็นหันมาจ้องใส่

   “แล้วบาร์มึงล่ะ ปล่อยให้น้ำดูแลคนเดียว?” ผมเลิกคิ้วถาม มันส่ายหัว บาร์เดียวกับที่ผมเคยไปดื่มก่อนคบกับลูกแมวนั้นแหละ

   “ปิดหนึ่งวัน กูไม่ไว้ใจให้น้ำดูคนเดียว คนเมาอันตราย”

   “ลูกน้องมึงก็มีกลัวอะไรวะ”

   “ลูกน้องมันจะดูแลเมียกูดีเท่าตัวกูได้ไง ว่าแต่มึงเถอะ ก่อนกลับกรุงเทพเลิกทำหน้ายักษ์ ปรับอารมณ์ตัวเองให้ได้ก่อน มึงไม่อยากให้เด็กเห็นมึงเวอร์ชั่นนี้ไม่ใช่รึไง”

   ผมเงียบ จริงอย่างที่มันพูด ผมอยากให้ปอนด์รู้จักผมแค่ในมุมมองของพี่ชายแสนดีพอ ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าอีกมุมของผมมันโหดร้ายแค่ไหน ในเมื่อผมไม่คิดจะใช้มันกับเจ้าตัว โอเค ผมยอมรับว่ามีหลุดไปบ้างนิดหนึ่ง เอาไว้จะแก้ตัวตอนไปง้อลูกแมวแล้วกัน

   โรงแรมที่ฝนพามาเป็นโรงแรมขนาดย่อม ผมไม่เรื่องมาก รับกุญแจจากผมแยกกันนอนห้องใครห้องมัน ท้องฟ้าสว่างคนเริ่มออกมาทำงาน มีพวกเราเพิ่งมุดหัวขึ้นเตียงนอนพักผ่อน เพราะเดินทางมาทั้งคืน

   สารภาพเลยว่าตอนนี้รู้สึกล้าไปทั้งตัว อาจจะโล่งใจหน่อยที่จับเจ้าพนักงานเวรนั่นได้แล้ว แต่ความเครียดกับความเหนื่อยที่ผ่านมามันสะสมจนร่างกายร้องประท้วง กลับไปกรุงเทพคงต้องเข้าไปเช็คสุขภาพสักรอบ เกิดล้มพับงานเข้าครั้งใหญ่แน่ โดยเฉพาะปอนด์ เดี๋ยวเด็กน้อยของผมตกใจเสียขวัญพอดี

   นอนยาวยันเที่ยงค่อยเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม ผมขอให้ฝนไปส่งที่คอนโดเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุด พอมันรู้ว่าผมจะไปโรงบาลก็อาสาไปส่งอีก ตอนหมอประจำตัวคนเดียวกับที่ทำแผลให้ปอนด์เห็นหน้าผม หมอทำหน้าเหมือนยักษ์จนฝนผงะ ส่วนผมยิ้มสู้พร้อมโดนหมอเทศนาหูชา สั่งให้ตรวจสุขภาพอย่างละเอียด โดนเจาะแขนให้น้ำเกลือเพราะผมอ่อนเพลียเกินไป พักหลังทานอาหารไม่ตรงเวลาด้วย

   ผมบ่นว่าหมอเว่อ ยังมีแรงกระทืบคนอยู่เลย ผลคือโนบ่นใส่อีกหนึ่งชุดใหญ่ ฝนที่แสดงอาการเป็นห่วงเพื่อนนักหนา ยังขยาดชิ่งกลับบ้านหน้าตาเฉย เรื่องผลตรวจหมอจะส่งมาให้วันหลัง ความจริงผมควรพักเต็มที่สักวัน แต่ผมใจร้อนอยากรีบไปหาปอนด์เลยโบกแท็กซี่ไปบ้านลูกแมวแทนที่จะกลับคอนโด

   “รอก่อนนะ พี่จะไปรับเรากลับมาแล้วปอนด์”
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่23 ตัวตนที่แท้จริง [UP!26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 26-01-2016 00:56:00
ถ้าง้อน้องปอนด์ไม่หายโกรธง่ายๆแน่
พี่เฟย์ต้องแกล้งป่วยมารยามากๆ น้องคงเห็นใจ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่23 ตัวตนที่แท้จริง [UP!26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 26-01-2016 00:59:48
รีบไปเลยนะ ชิส์
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่23 ตัวตนที่แท้จริง [UP!26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-01-2016 01:19:36
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่23 ตัวตนที่แท้จริง [UP!26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 26-01-2016 02:54:09
โถๆๆๆๆๆๆๆๆ พูดออกมาก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอกนะพี่เฟย์
ปอนด์เองก็โตแล้ว คงจะเข้าใจแหละ
คราวหน้าคิดเยอะๆหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่23 ตัวตนที่แท้จริง [UP!26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 26-01-2016 06:42:44
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่23 ตัวตนที่แท้จริง [UP!26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-01-2016 08:10:27
กินมาม่าหมดจนขมคอเลยค่ะ ตอนหน้าคงง้อกันทั้งตอนแหงๆ อยากให้น้องใจแข็งอีกสักหน่อย อย่าเพิ่งโผซบอกแล้วให้อภัย ดัดหลังพี่แกแล้วจะได้เปิดใจเปิดตัวตนคุยกันไปเลยทีเดียว
ก็เข้าใจพี่เฟย์นะว่าจะสติแตกอยู่แล้วเลยไม่อยากให้น้องอยู่ใกล้ แต่วิธีของพี่มันผิด นั่นมันคือการไล่น้องทั้งที่น้องไม่ได้ผิด น้องไม่เข้าใจว่าที่เกิดขึ้นมันเพราะอะไร น้องเหมือนเป็นที่ระบายอารมณ์จากปัญหานอกบ้าน

ถ้าพี่คิดว่าพี่อยากมีระยะห่างพี่ต้องไปเองจ้า น้องหากินเองได้ดุแลตัวเองได้ น้องโตแล้ว ถ้าเราเป็นแม่น้องปอนด์เราจะถามว่ามาขอลูกแม่ไปแล้วไล่กลับคืออะไร ต่อไปมีปัญหากันแล้วจะให้น้องไปอยู่กับใครล่ะถาวันนึงแม่ไม่อยู่แล้ว  :z6:  น่าถีบจริงๆค่ะพี่เฟย์
ขอบคุณคนเขียนนะคะ รอ  :mew1: 
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่23 ตัวตนที่แท้จริง [UP!26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-01-2016 09:13:18
ถึงจะเห็นใจพี่เฟย์เรื่องงานที่อาจทำให้ติดคุกได้ถ้าตามหาคนโกงไม่เจอ
แต่เราก็สงสารน้องปอนด์นะที่พี่เฟย์ไม่คุยกับน้องดีๆ พี่เฟย์เหมือนคนสองบุคลิก
ที่ให้ปอนด์เห็นแต่บุคลิกด้านดีไม่ยอมให้เห็นด้านร้าย แต่พี่มั่นใจได้ยังไงว่าจะไม่มีวันหลุด
บุคลิกด้านร้ายมาให้น้องเห็น แบบนี้ถ้ามีเรื่องเข้ามาบ่อยๆ พี่ก็จะไล่น้องหนีทุกครั้งเหรอไง
ทำไมไม่ให้น้องเรียนรู้อีกด้านหนึ่งด้วย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่23 ตัวตนที่แท้จริง [UP!26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 27-01-2016 12:38:59
ก็เห็นใจพี่เฟย์อยู่นะคะ แต่น้องไม่ผิดอ่ะ พี่ควรเปิดอกเปิดใจคุยกับน้องสิ
น้องโตแล้วนะเรียนมหาลัยแล้วด้วย น้องตัดสินใจเองได้ค่ะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่23 ตัวตนที่แท้จริง [UP!26/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-01-2016 13:16:14
เครียดกับงานยังไง ก็ไม่น่าไปลงกับน้องเลยนะครับ สงสารน้อง ไม่รู้คิดอะไรไปถึงไหนแล้วนั่น
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 28-01-2016 14:02:42
วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว
 
   ภายในบ้านสองชั้นแถวชานเมือง ร่างเล็กวิ่งขึ้นลงระหว่างชั้นบนชั้นล่างตามคำสั่งพระมารดาที่กำลังทำงานบ้านอยู่ชั้นหนึ่ง ในมือถือตะกร้าผ้าที่ยังไม่ซักแยกสีโยนลงเครื่อง ด้วยความขี้ลืมจำต้องขึ้นชั้นสองอีกรอบเพื่อหยิบไม้แขวนเสื้อมาใช้
 
   คนสวยของบ้านฮัมเพลงรดน้ำต้นไม้ ข้างกายมีหมาพันธุ์ค็อกเกอร์ผสมหูสั้นนอนอาบแดดสบายอารมณ์ ก่อนมันผงกหัวมองรถแท็กซี่ที่จอดเทียบหน้าบ้าน บานประตูเปิดออกพร้อมชายร่างสูงหน้าไม่คุ้นเดินโซเซลงมาเกาะประตูรั้วบ้าน เสียงเห่าของเจ้าหมาป่วนเรียกความสนใจได้เป็นอย่างดี
 
   พอดวงตากลมโตเช่นเดียวกับลูกชายหันไปเห็นคนมาเยี่ยมถึงกับผงะ ทำสายยางหลุดจากมือ ชายคนนั้นยกมือไหว้ด้วยรอยยิ้มคุ้นตาแต่สภาพไม่คุ้นเคย คุณแม่ยกมือรับไหว้ เดินไปปิดน้ำเปิดประตูให้ร่างสูงเข้ามา
 
   “สวัสดีครับแม่ ผมขอคุยอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”
 
   เสียงทุ้มติดแหบเหมือนคนป่วยเอ่ยถาม คนฟังพยักหน้ารับแม้ยังอึ้งกับภาพที่เห็น
 
   “สวัสดีจ๊ะ เข้ามาก่อนสิ”
 
   คุณแม่ไม่พูดถึงลูกชายเหมือนอย่างเคย สำหรับเธอที่เลี้ยงลูกเพียงคนเดียวตั้งแต่เล็กยันโต สภาพขอบตาแดงก่ำของลูกชายตอนกลับมาบ้านเมื่อวันก่อน แถมกระเป๋าสัมภาระ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าลูกชายต้องทะเลาะอะไรสักอย่างกับคนตรงหน้าแน่ ถึงได้หนีกลับบ้านมาแบบนี้
 
   แม้เจ้าตัวจะไม่บอก แต่มีหรือแม่จะไม่รู้ ยิ่งเห็นสภาพเฟย์ แม่ยิ่งมั่นใจในความคิดตัวเอง เดินนำร่างสูงเข้าบ้าน รินน้ำมาเสิร์ฟพลางนั่งบนโซฟา
 
   “มีอะไรจะสารภาพกับแม่รึเปล่า”
 
   ผู้หญิงตัวเล็กที่ไม่น่าจะมีกำลังอะไรมากมาย กลับแผ่ความกดดันใส่แขกได้อย่างน่ากลัว เฟย์ลอบกลืนน้ำลายอึก จ้องตอบดวงตาคู่สวยของหญิงสาวตรงหน้า เขาตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ วันนี้เฟย์ตัดสินใจแล้วจะเล่าบอกเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับปอนด์
 
   “แม่ครับ มีอีกเรื่องที่ผมอยากบอก”
 
   คนฟังส่ายหน้า
 
   “เรื่องนั้นแม่ว่าเฟย์ค่อยบอกพร้อมน้องดีกว่า ไปคุยกันซะให้เรียบร้อย”
 
   ร่างสูงชะงักไป เข้าใจเจตนาของหญิงสาวตรงหน้าเลยพยักหน้ารับขออนุญาตขึ้นชั้นสอง ในเมื่อไม่เห็นเงาร่างเล็กอยู่ชั้นล่างก็เหลือชั้นบนเท่านั้นแหละ คนเป็นแม่ยอมปล่อยให้ไปพลางทอดถอนหายใจมองไล่หลังว่าที่ลูกเขย
 
   สองเท้าก้าวไปยังห้องที่ได้ยินเสียงกุกกักดังลอดออกมา ไม่รู้บังเอิญรึเปล่า เป็นห้องนอนเจ้าตัวเล็กพอดีเสียด้วย พอโผล่หน้าเข้าไป เห็นเจ้าของห้องกำลังง่วนอยู่กับการเลือกไม้แขวนกับพับผ้าที่ตัวเองรื้อออกมาจนยุ่งเหยิง ร่างสูงถือวิสาสะเดินเข้าไปใกล้สวมกอดจากทางด้านหลัง
 
   คนถูกกอดสะดุ้งโหยง ฟาดมือใส่ด้วยความตกใจ แทนที่จะหลบ คนกอดดันยอมให้ถูกตี
 
   ปึก!
 
   นิ่งสนิท... พอคิดทบทวนดีๆ คนที่หาญกล้าบุกบ้านมาแบบนี้มีอยู่คนเดียวเท่านั้น!
 
   “พี่เฟย์!”
 
   ลูกแมวน้อยเรียกเสียงดังเหมือนตวาดแง้ว พี่ชายจำต้องผละออกเพราะกลัวโดนเล็บข่วน พอเห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดเจน ผมเกือบหลุดกรี๊ด หมอนี่ใคร้! หรือเป็นฝาแฝดของพี่ชาย จำได้ว่าตอนแยกกันดูหมองลงก็จริงแต่ไม่หมดสภาพขนาดนี้
 
   ใบหน้าคมคายขึ้นตอหนวดปานโจรห้าร้อย เส้นผมยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ขอบตาดำคล้ำเป็นหมีแพนด้า เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยเนี้ยบอย่างทุกที ที่สำคัญได้กลิ่นยาฆ่าเชื้อกับกลิ่นบุหรี่มาจากลมหายใจร้อน ผมอ้าปากค้าง โกรธก็ส่วนโกรธ แต่ความเป็นห่วงมันอีกเรื่อง ผมมองพี่ชายตั้งแต่หัวจรดเท้าเท้าจรดหัว เห็นข้อพับแขนมีสำลีแปะอยู่ ที่มาของกลิ่นยาฆ่าเชื้อสินะ
 
   “พี่ไปทำอะไรมา ทำไมถึงโทรมสนิทสาววิ่งหนีอย่างงี้ แล้วที่แขน...”
 
   “ไม่มีอะไรหรอก ปอนด์... พี่ขอโทษ” เสียงทุ้มแหบเอ่ยอ้อน มือหนาจับมือผม ผมดึงมือออกหรี่ตามอง ขยับถอยห่างไม่สนสีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่าย
 
   “ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง ผมไม่รับคำขอโทษง่ายๆ บอกมาที่แขนนั่นอะไร” เห็นพี่ชายทำท่าจะเดินเข้ามาหา ผมรีบบอกดัก “อ๊ะๆ ห้ามเข้ามา ไปนั่งตรงนั้น” ผมชี้ไปที่พื้นข้างเตียง ส่วนตัวเองนั่งเป็นห้องอยู่บนเตียง จ้องพี่ชายเขม็ง
 
   เจ้าตัวยอมไปนั่งโดยดี แต่อิดออดไม่ยอมเล่า
 
   “ไม่ใช่เรื่องสำคัญ”
 
   “จะเล่าหรือไม่เล่า ถ้าไม่ก็ออกจากห้องไปซะ!” ผมชี้ไปที่ประตู เหอะ! ปกติผมเป็นคนใจอ่อนใจดี อย่าให้เอาจริงขึ้นมานะ ไม่ว่าใครก็ขยาดทั้งนั้นแหละ เชื่อเถอะต่อให้เป็นซันมายังถอยหนี เล็กพริกขี้หนูอะรู้จักมะ
 
   พี่เฟย์ลนลานไม่ยอมออก พลางถอนหายใจเหล่มองผมอย่างลังเล พอเห็นผมยกไม้แขวนเสื้อจะฟาดไล่ เจ้าตัวถึงรีบอ้าปากพูด
 
   “มีปัญหาที่บริษัท พี่โหมทำงานไม่ค่อยได้พัก เลยถูกหมอจับตรวจสุขภาพครั้งใหญ่และให้น้ำเกลือ”
 
   “หมอบอกว่าเป็นไงมั่ง” ผมถาม พี่เฟย์เห็นผมแสดงความเป็นห่วงเลยเผยรอยยิ้มออกมา
 
   “โดยรวมยังไม่เป็นไร แค่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอกับทานอาหารให้ครบสามมื้อ พรุ่งนี้ถึงจะได้ผลตรวจอย่างละเอียด”
 
   “ก็ดี งั้นก็กลับห้องไปพักสิ” ผมพยักหน้ารับส่งๆ พี่เฟย์หน้าเสียจะถลามาหาก็ไม่กล้า เพราะผมกอดอกตวัดสายตามองอย่างเอาเรื่อง ไม้แขวนเสื้อยังอยู่ในมือนะขอบอก แรงฟาดไม่โหดเท่าแม่อย่างน้อยด้วยแรงของผมก็ทำให้เจ็บๆ คันๆ บ้างแหละ
 
   “ปอนด์พี่อยากอธิบาย” จำเลยถามเสียงอ่อย
 
   “เรื่องอะไร” เสียงผมห้วนได้อีก พี่เฟย์ยังคงทำใจดีสู้แมว ดวงตาคมแฝงความอิดโรยเหล่มองอาวุธในมือผมเป็นระยะ
 
   “เรื่องที่พี่เครียดจนเผลอพาลใส่เรา พี่ผิดไปแล้ว ให้โอกาสพี่อธิบายหน่อยนะ”
 
   ผมครุ่นคิด คนผิดย่อมต้องการโอกาส เห็นแก่สภาพพี่ชายที่ดูน่าเห็นใจ จะยอมฟังหน่อยก็ได้ พอรับไฟเขียว พี่ชายก็ร่ายยาวทันที ตั้งแต่เรื่องที่กลับมาจากเที่ยวน้ำตกแล้วพบว่ามีคนปลอมลายเซ็นเลยต้องตามล่าตัว ซึ่งไอ้คนที่ปลอมนั้นมันดันเอาลายเซ็นพี่ไปยักยอกเงิน ถ้าจับคนผิดไม่ได้ ทางบริษัทจะฟ้องจับพี่ชายแทน
 
   พี่ชายเลยต้องทำงานหนักไม่ค่อยมีเวลา โทรคุยกับเพื่อนสลับที่ทำงานเพื่อหาหลักฐานและตามจับคนร้ายให้ได้ เรื่องที่ทะเลาะกับผมอันนั้นเจ้าตัวหลุดมาด
 
   ชิ! หลุดมาดซะผมเสียน้ำตาไปหลายลิตร ความรู้สึกตอนโดนปิดประตูใส่หน้ายังชัดเจน แล้วยังเรื่องโดนไล่ออกจากห้องอีก
 
   พี่ชายเหมือนเดาออกว่าผมกำลังคิดอะไร รีบละล่ำละลักบอก
 
   “พี่ไม่ให้เรานอนด้วยเพราะกลัวจะคุมตัวเองไม่อยู่ พี่รู้ตัวดีว่าตัวเองเวลาน็อตหลุดน่ากลัวแค่ไหน ถ้าหากพี่เผลอทำเรื่องไม่น่าให้อภัยลงไป พี่คงไม่ให้อภัยตัวเองตลอดชีวิตแน่ ปอนด์ พี่ขอโทษ ยกโทษให้พี่ได้มั้ย”
 
   เรื่องความน่ากลัวของพี่ชายผมพอสัมผัสได้บ้าง ต่อให้คนๆ หนึ่งคิดจะปกปิดยังไงก็ปิดนิสัยส่วนลึกตัวเองไม่มิดหรอก ถ้ารู้จักกันเผินๆ สามารถปิดได้อยู่ ต่างกับอยู่กันตลอดเวลาอย่างผมกับพี่ ให้ตายยังไงก็ปิดไม่ได้ แค่ผมไม่รู้ว่าระดับความน่ากลัวมันมากแค่ไหน ถามว่าเคยหวั่นใจมั้ย ผมหวั่นนะ ตอนนี้ก็เหมือนกัน ภาพพี่ชายวันนั้นช่างตราตรึงจนเผลอขยับถอยโดยไม่รู้ตัว
 
   คนมองฝืนยิ้ม
 
   “กลัวพี่หรือคนดี?”
 
   ผมเงียบไม่ตอบ พี่เฟย์บอกผมอย่างใจเย็น
 
   “พี่ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่ามีบางมุมที่ค่อนข้างจะ... น่ากลัว แต่เชื่อพี่ได้ไหม พี่ไม่เคยคิดที่จะเอามาใช้กับเราแม้แต่ครั้งเดียว”
 
   ดวงตาสีดำเหมือนเห็นภาพหมาตัวโตหูตกน่าสงสาร ส่งผลให้ตัวเองมีท่าทีอ่อนลงทั้งที่ยังปิดปากเงียบสนิท ร่างสูงกล่าวอ้อนวอนชวนเห็นใจ
 
   “ปอนด์... พูดอะไรกับพี่หน่อยสิ อะไรก็ได้”
 
   ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขอขนาดนี้ยอมพูดก็ได้
 
   “โอเค ผมไม่กลัวพี่และเข้าใจเรื่องทั้งหมด”
 
   “แล้วเรื่องกลับห้อง??”
 
   “ไม่กลับ ผมตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่บ้าน”
 
   คำพูดนั้นไม่ต่างจากฟ้าผ่าเปรี้ยงเข้ากลางใจเฟย์ เจ้าตัวนิ่งอึ้งไป รีบถามอย่างสงสัย
 
   “ทำไมล่ะ?” ร่างสูงแทบอยากพุ่งไปคว้าอีกฝ่ายมากอด ต้องหยุดความต้องการตัวเองไว้เพื่อไม่ให้เด็กน้อยโกรธมากกว่าเดิม
 
   “ผมอยู่คงดีแต่ก่อเรื่อง ขออยู่บ้านดีกว่า” ผมตอบไปตามที่คิด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากการตอกย้ำว่านั่นเป็นของพี่ชาย พื้นที่ส่วนตัวของผู้ชายที่ชื่อว่าเฟย์ ผมไม่อยากไปสร้างความรำคาญให้พี่อีก ผมมันเป็นส่วนเกิน แค่คนอาศัย ฝ่ายถูกกล่าวหาตกใจคิ้วเข้มขมวดแน่น
 
   “ไม่ใช่อย่างนั้นนะปอนด์! พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น โอเค... ข้าวของบางอย่างมันต้องดูแลเฉพาะทาง แต่สำหรับพี่เราสำคัญกว่าของพวกนั้น” คำพูดหนักแน่นไม่ค่อยเข้าหัวผมสักเท่าไหร่ คนที่ทำเหมือนกับว่าของพวกนั้นสำคัญกว่าแฟนคือพี่เองนะ ขอยืดอกยอมรับเลยว่าผมน้อยใจเบ้ปากใส่
 
   มือหนาฝืนคำสั่งยื่นมากุมมือเล็กไว้ เอ่ยเสียงเว้าวอนราวกับคนที่กำลังจะสูญเสียสิ่งสำคัญ
 
   “ปอนด์ กลับไปกับพี่เถอะ พี่สัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก”
 
   ผมดึงมือออก เห็นใจนะ แต่ผมก็อยากขอเวลาทำใจก่อน
 
   “ไม่ ผมยังทำใจไม่ได้ มันรู้สึกว่าที่นั่นไม่ใช่ที่ของผม”
 
   เกิดความเงียบครอบคลุมพวกเราสองคนชั่วขณะ พี่เฟย์จ้องนิ่ง ผมหลบสายตา ผ่านไปสักพัก คนมีอายุมากกว่าเป็นฝ่ายยอมเปิดปากก่อนด้วยน้ำเสียงเหน็ดเหนื่อยจนผมใจกระตุกวูบ
 
   “อย่างงั้นเหรอ? เราตัดสินใจแบบนั้นพี่คงต้องเคารพการตัดสินใจของเราสินะ พี่อยากบอกเราไว้ ที่ห้องนั้นพี่จะรอการกลับไปของเราเสมอ” ทั้งที่ผมควรเป็นฝ่ายพอใจ ทำไมเจอคำพูดแบบนี้มันปวดใจเป็นบ้า พอเงยหน้าสบดวงตาคมที่หลุบต่ำ แววตานั้นฉายความรู้สึกไม่ต่างกัน
 
   “ถ้าพี่ทำให้ลำบากใจก็ขอโทษด้วยแล้วกัน พี่... พี่กลับก่อนนะ”
 
   ท้ายประโยคเสียงเบาอย่างที่ผู้ชายคนนี้ไม่เคยทำมาก่อน ผมมองภาพพี่ชายลุกขึ้นหันหลังเดินจากไป ประตูถูกปิดลงพร้อมกับหัวใจของผมที่หลุดลอยตามไปด้วย
 
   เฮ้อ... ตัดสินใจไปแล้วต้องยอมรับผลที่ตามมา คำนี้ผมรู้ดีที่สุด รอให้พี่เฟย์กลับไปพักฟื้นให้แข็งแรงเสียก่อน เราค่อยมาพูดกันใหม่ ผมเอนหลังนอนแผ่ ยกแขนก่ายหน้าผาก
 
   เอาวะ! สู้ตาย ผมโตแล้วต้องเข้มแข็ง ยกสองมือตบหน้าเรียกสติ โกยไม้แขวนเสื้อวิ่งลงไปชั้นล่างทำงานบ้านที่ได้รับมอบหมายจากแม่ ลืมๆ ไปซะเรื่องไร้สาระ
 
 
   ทางคนที่ถอยทัพกลับชั่วคราว เดินเข้าห้องสภาพเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง ดวงตาแฝงความอิดโรยเหม่อมองห้องที่ดูกว้างขึ้นอย่างน่าใจหาย ใครต่อใครคงพูดว่าในเมื่อเคยอยู่คนเดียวได้ไม่มีปัญหา การกลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้งมันก็ไม่ได้แย่อะไร
 
   คนอื่นอาจจะใช่ แต่ไม่ใช่สำหรับเฟย์ มองไปทางไหนมีแต่ของเจ้าตัวยุ่งวางแทรกไว้ ห้องนั่งเล่นมีมุมเบอร์เกอร์กับกองตุ๊กตา ชั้นหนังสือแฝงไปด้วยนิยายที่อีกฝ่ายซื้อมา เสื้อผ้าบางชุดที่ไม่ได้เอากลับไป ข้าวของเครื่องใช้หลายชิ้นที่เขาตั้งใจซื้อมาให้คนรัก
 
   ไม่รู้ว่าห้องนี้เต็มไปด้วยข้าวของเกี่ยวกับปอนด์ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วแบบนี้จะให้มองว่าเหมือนเดิมได้ยังไง เฟย์ใจแข็งไม่พอหรอก
 
   เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา เอนหลังพิงแบบหมดสภาพ ยกมือนวดขมับคลายความเครียดเกร็ง ไม่มีทาง ยังไงก็ไม่ยอมปล่อยมือจากอีกฝ่ายแน่นอน
 
 
   สามวันให้หลัง ร่างสูงในสภาพที่ดูดีขึ้นโผล่มาทักทายด้วยรอยยิ้มราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน วันนี้ตอนเย็นแม่ไปตลาด เหลือผมคนเดียวเฝ้าบ้านจำต้องเปิดประตูให้พี่ชาย มือหนาถือถุงขนมคาดว่าจะเป็นของโปรดผม แทบอยากยกขาหน้าก่ายหน้าผาก ที่หายหัวไปนี่เพื่อสะสมพลังงานมารังควานผมใช่มั้ย ตอบ!
 
   “คิดถึงจัง”
 
   แหนะ มาถึงหยอด ผมทำหน้าเอือม เปิดประตูหลบทางให้พี่ชายเข้ามาในบ้าน เจ้าตัวลูบหัวทักทายเจ้าหมาน้อย ก่อนจะเลื่อนมาลูบหัวผม เฮ้ย! เพิ่งลูบหัวหมามาลูบหัวแมว เชื้อโรคมั้ยเนี่ย ผมปัดๆ มือพี่ชายออกเดินฮึดฮัดเข้าไปในบ้านโดยมีร่างสูงเดินตามต้อยๆ
 
   “กินขนมมั้ย เดี๋ยวพี่จัดใส่จานให้”
 
   เจ้าบ้านปรายตามอง แย่งถุงขนมจากมืออีกฝ่าย
 
   “ไม่ได้เป็นง่อย ทำเองได้ พี่มาทำไม” วาจาไร้เยื่อใยไม่ทำให้อีกคนสะท้าน
 
   “มาง้อเราไง” ผมกำลังจะอ้าปากย้ำว่าไม่กลับไปพร้อมพี่เฟย์แน่ เจ้าตัวรู้ทันยกมือปางห้ามญาติ “พี่ไม่ได้มาตื้อให้เรากลับ บอกแล้วว่าพี่เคารพการตัดสินใจของเรา ปอนด์เองก็ต้องเคารพการตัดสินใจของพี่นะ ที่จะมาขอเราคืนดี”
 
   โว้ย! ใครบ้านไหนมาบอกโต้งๆ ว่าง้อแบบนี้บ้าง อยากขยี้หัวให้เป็นรังนกพร้อมยันอีกฝ่ายออกจากบ้านชอบกล แต่เชื่อเถอะ ลองเหยียบเข้าบ้านมาแล้ว ต่อให้เอาช้างมาฉุดพี่เฟย์ไม่ยอมออกจากบ้านแน่ แกล้งทำเป็นใบ้ใส่แม่ง
 
   ปล่อยให้พี่เฟย์พูดคนเดียว ส่วนผมนั่งละเลียดขนมอย่างมีความสุข กินเสร็จเก็บจานล้างเมินอีกคนที่เดินตามหลังผมอย่างกับกลัวผมแปลงเป็นมดแล้วหนีไปงั้นแหละ แม่กลับมาเห็นผมกับพี่เฟย์ยังหลุดขำ 
 
   “เดินตามกันเหมือนแม่ไก่กับลูกไก่เลย”
 
   เหมือนตรงไหน! แม่ไก่บ้านใครตัวกระเปี๊ยกแค่นี้ ลูกไก่ตัวอย่างกับช้างแอฟริกา ไม่ทราบว่าเบ่งออกมายังไง ให้เทียบผมว่าเหมือนขี้ปลาทองมากกว่า ติดก้นสลัดเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหลุด หน้าด้านหน้ามึนที่สุด
 
   “เฟย์จะทานข้าวเย็นด้วยกันรึเปล่า” แม่ผมส่งสารพัดถุงของสดให้ผมรับไว้เดินเข้าบ้าน โดยมีพี่ชายแย่งไปถืออีกต่อหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาคืนชีพเป็นผู้ชายในอุดมคติของสาวทั่วโลก ตอบแม่ผมด้วยรอยยิ้ม
 
   “ครับ เดี๋ยวผมเป็นลูกมือช่วยแม่เอง”
 
   “ดีเลย ถ้างั้นเฟย์เตรียมอาหารไปนะ แม่ขอแว้บไปเคลียเรื่องเงินค่ากับข้าวกับเพื่อนบ้านก่อน” สิ้นคำแม่ผมแว้บไปจริงๆ ไม่ใช่หายตัวเหมือนสาวน้อยเวทมนต์ แม่เดินตัวปลิวไปบ้านเพื่อนที่อยู่ถัดไปไม่กี่หลัง
 
   พี่เฟย์ถือของเข้าครัวทำหน้าที่เป็นลูกที่ดียิ่งกว่าลูกชายแท้ๆ อย่างผมซะอีก อดรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้ ต้องยอมเปิดปากพูดเหน็บสักหน่อย
 
   “ไม่รู้หรือไง แม่แค่ถามเป็นมารยาทเท่านั้นแหละ”
 
   “พี่ก็ตอบรับแม่จะได้ไม่เสียน้ำใจไง”
 
   ยกที่หนึ่งผมแพ้...
 
   “บ้านพี่ไม่มีข้าวกินไง ต้องมากินบ้านคนอื่น” ไม่ได้ตั้งใจจะพูดจาโหดร้ายนะ แต่ปากมันไปเอง
 
   “มี แต่ไม่มีความสุข ในเมื่อไม่มีใครบางคนนั่งทานด้วย” พี่เฟย์พูดพลางลงมือทำอาหารอย่างคล่องแคล่ว ประโยคต่อมาทำให้ผมใจสะดุด
 
   “ตอนอยู่ที่ห้องคนเดียว กว่าจะรู้ตัวก็ดันทำของโปรดเราเต็มโต๊ะไปหมด ขนาดขนมยังเต็มตู้เย็นไม่มีคนทาน รอก็แต่ใครบางคนจะกลับมาเสียที”
 
   ริมฝีปากบางเม้มสนิท อย่ามาเล่นไม้นี้นะ
 
   “พี่คิดว่ามาง้อแบบนี้ผมจะยอมกลับไปด้วยง่ายๆ เหรอ”
 
   “ไม่คิด ดังนั้นพี่จะง้อเราไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะกี่วัน กี่เดือน กี่ปี จนกว่าเราจะยอมกลับไปกับพี่”
 
   ผมส่งเสียงเฮอะในคอ พี่ชายไม่ว่าอะไร กลับไปจดจ่อวัตถุดิบทำอาหาร ปากพร่ำพูดไปเรื่อย
 
   “พี่เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้เพอร์เฟคอย่างที่ใครเข้าใจ เบื้องหลังหน้ากากใบนั้นยังมีอะไรอีกมากที่คนอื่นไม่รู้ อาจจะทำผิดพลาด ทำให้ใครเสียใจ แต่มีสิ่งหนึ่งที่พี่มั่นใจ...”
 
   ร่างสูงหยุดมือหันมามองสบด้วยแววตาลึกซึ้ง
 
   “พี่รักเรานะปอนด์”
 
   ความรัก... ทำให้หัวใจพองโตเต็มไปด้วยความสุข และเจ็บปวดได้ในคราวเดียวกัน พี่เฟย์เป็นผู้ใหญ่ พี่เฟย์เข้าใจความรู้สึกตอนนี้ของผม ไม่เซ้าซี้ ไม่กดดัน เพียงแค่บอกในสิ่งที่ตัวเองอยากพูดและรอคอยอย่างใจเย็น พี่ชายก็เป็นซะแบบนี้ ผมถอนหายใจปล่อยความรู้สึกให้โอบล้อมพวกเราอย่างเงียบงัน
 
   แม่กลับมาหลังจากนั้น มื้ออาหารผ่านไปตามปกติ ที่ต่างจากเดิมคือผมไม่ค่อยคุยกับพี่ชายเท่าไหร่ ถามคำตอบคำ
 
 
   ทุกวันถ้าพี่เฟย์ไม่ติดธุระด่วนจะมาหาผมที่บ้านเสมอ บางครั้งก็โผล่ไปรับถึงมหาลัย เอาของกินมาฝาก เอาตุ๊กตาไปให้ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกผู้ชายคนหนึ่งจีบ วิธีจีบก็พื้นๆ แต่กลับให้ความรู้สึกดีอย่างประหลาด นึกเขินไม่น้อย ทำอย่างกับเป็นพวกเพิ่งหัดรักไปได้ ทั้งที่เคยคบกันจนถึงขั้นนั้น
 
   โทรศัพท์ของผมไม่เคยเงียบ จะต้องมีใครคนหนึ่งคอยโทรมาถามไถ่ชวนคุยเรื่องราวประจำวัน เวลาเปิดคอมก็มีหน้าต่างบานหนึ่งเด้งขึ้นมา ชวนให้คิดไปถึงสมัยเจอกันแรกๆ เจอในงานหนังสือครั้งแรก ตามด้วยคุยผ่านเน็ต พัฒนาความสัมพันธ์เป็นมือถือ ก่อนจะพบหน้ากันอีกครั้งและผมย้ายไปอยู่กับพี่ชาย
 
   หากนับที่ผ่านมาพี่เฟย์ดูแลผมเป็นอย่างดี คอยเป็นที่ปรึกษา ให้พึ่งพิง ช่วยเหลือทุกอย่างโดยไม่ปริปากบ่นหรือแสดงท่าทีรำคาญเลยแม้แต่ครั้งเดียว จะบอกว่าผมมีทุกวันนี้ส่วนหนึ่งเพราะพี่ชายก็ไม่ผิดนัก
 
   เจอครั้งแรกช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน คอยดูแลเอาใจใส่อยู่กับผมยิ้มและหัวเราะไปด้วยกัน ยอมทำสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบเพื่อให้ผมมีความสุข พี่ชายไม่ชอบความวุ่นวายก็ยังตามไปไหนมาไหนเป็นเพื่อนผม เจ้าตัวขี้รำคาญยังทนกับความเอาแต่ใจของเด็กคนหนึ่ง พี่เฟย์โลกส่วนตัวสูง ขนาดเพื่อนยังไม่เปิดประตูต้อนรับ กับผม... พี่ชายยอมให้เดินเข้าไปภายในจิตใจอย่างง่ายดาย
 
   ในวันที่ผมท้อ ในวันที่ผมเสียใจ หันไปด้านข้างมักมีพี่ชายอยู่ด้วยเสมอ มือใหญ่แสนอบอุ่นลูบหัวผมเบาๆ น้ำเสียงทุ้มนุ่มคอยบอกว่าไม่เป็นไร ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น พี่จะอยู่กับผมตลอด
 
   คุณคิดว่าชีวิตของเราจะมีใครสักคนทำให้ขนาดนี้เหรอ? ไม่ใช่พี่น้อง ไม่ใช่ญาติ ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่ยอมมอบให้ทุกอย่าง
 
   และกับคนแบบนั้น คนสำคัญของผม เขาแค่ทำผิดพลาดเพียงครั้งเดียวเทียบไม่ได้กับความดีที่ผ่านมา คงถึงเวลาแล้วที่ผมจะให้อภัย ซึ่งโอกาสนั้นเข้ามาหาโดยไม่รู้ตัว
 
   ไม่ว่าพี่เฟย์จงใจหรือบังเอิญ คีย์การ์ดห้องพี่ชายตกอยู่ที่บ้านผมเมื่อคืน นี่เป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือนที่ผมกลับมาเหยียบห้องนี้อีกครั้ง ทุกอย่างในห้องยังเหมือนเดิมไม่มีผิด ของของผมวางอยู่ยังไง ก็อยู่แบบนั้น บ่งบอกว่าเจ้าของห้องรอให้ผมกลับมาเสมอ
 
   มองเวลา ตอนนี้พี่เฟย์ยังไม่เลิกงาน ถ้างั้นผมนั่งเล่นมือถือรอเงียบๆ แล้วกัน
 
   เข็มสั้นชี้ที่เลขเจ็ด ภายในห้องมืดสนิทมีเพียงแสงไฟจากภายนอกส่องเข้ามาพอให้เห็นอะไรรางๆ ผมผล็อยหลับไปบนโซฟา มือถือยังแปะคาอยู่ที่หน้า ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเป็นเสียงปลุก ผมผงกหัวขึ้นมองเงาร่างหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง ทันทีที่เขาเห็นผม เสียงเข้มพูดอย่างน่ากลัว
 
   “นั่นใคร!”
 
   ผมสะดุ้งโหยงเด้งผึงยืนตัวตรงตามประสาคนขวัญอ่อน จังหวะเดียวกับที่มือหน้าเอื้อมไปเปิดไฟ ผมหรี่ตายกมือป้องแสงที่สว่างวาบขึ้นมา พี่เฟย์ยืนนิ่งมองภาพผมอย่างไม่อยากเชื่อ กระเป๋าเอกสารในมือ สูทตัวนอกบนแขนถูกปล่อยทิ้งบนพื้นไร้การสนใจ เจ้าตัวก้าวฉับๆ คว้าผมเข้าไปกอดแน่น
 
   ความอบอุ่นที่ถ่ายเทมา กลิ่นหอมอันคุ้นเคยทำให้ผมยกแขนกอดตอบ ร่างสูงทิ้งกายคุกเข่าลงทั้งที่อ้อมแขนยังกอดเอวผมไว้ไม่ยอมปล่อย
 
   ถึงจะบอกว่าที่ผ่านมายังเจอพูดคุยกันบ้าง แต่พี่ชายไม่เข้าแตะเนื้อต้องตัวเกินความจำเป็นเลยสักครั้ง มีคราวนี้แหละที่กอดซะเต็มแขน คงจะลืมตัวสินะ
 
   “ปอนด์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
 
   เจ้าบ้านถามเสียงอู้อี้เพราะยังซุกหน้าอยู่กับพุงผอมๆ ของผม
 
   “ประมาณหกโมง ผมเอาคีย์การ์ดมาคืน”
 
   “อย่า... อย่าพูดแบบนั้น อย่างน้อยๆ ก็ตอนนี้” พี่เฟย์พูดเสียงสั่น ความรักทำให้ผู้ใหญ่คนหนึ่งถึงเปลี่ยนร่างเป็นเด็กโค่ง ใครสลับตัวพี่ชายของผมไปรึเปล่าเนี่ย ผมยกมือลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมองอย่างมีความหวัง
 
   “กลับไปอยู่กับพี่เถอะ ห้องนี้จะเป็นบ้านไม่ได้ถ้าไม่มีปอนด์ อย่าทิ้งพี่เลยนะครับคนดี ความสุขของพี่คือการได้อยู่กับปอนด์นะ”
 
   เสียงทุ้มสั่นวอนขอ ผมก้มมองดวงตาสั่นไหวคู่นั้น หนึ่งเดือนคงพอแล้วสำหรับอีกฝ่าย ผมย่อตัวลงนั่งแล้วโผกอดซบแผ่นอกกว้างที่คอยปกป้องผมเสมอมา เจ้าของอ้อมแขนชะงักค้าง ก่อนจะยกมือสั่นเทารวบกอดผมเอาไว้ ฝังใบหน้ากลับกลุ่มผมนุ่ม สูดกลิ่นหอมที่โหยหามานาน
 
   “ผมให้อภัยพี่แล้ว เราจะกลับมาอยู่ด้วยกัน”
 
   ทิฐิมันกินไม่ได้ หากคนเรายอมถอยให้กันคนละก้าว สิ่งที่ได้มามันคือความสุข ดีกว่าดื้อดึงจนเจ็บทั้งสองฝ่าย
 
   “ขอบคุณ ขอบคุณที่กลับมา ปอนด์ พี่รักเราจริงๆ นะ”
 
   “อืม... ผมก็รักพี่”
 
   เสียงสะอื้นในคอของร่างสูงทำให้ขอบตาผมร้อนผ่าว เรากอดกันเงียบๆ อยู่บนพื้นห้อง เสียน้ำตาเพราะความดีใจ มือหนายกขึ้นซับน้ำตาผมอย่างอ่อนโยน ขณะยิ้มบางจนผมยิ้มตาม
 
   หลังจากปรับอารมณ์อ่อนไหวกันสักพัก พี่เฟย์ย้ายมานั่งบนโซฟาโดยมีผมนั่งอยู่บนตัก ถูกกอดรวบราวกับว่ากลัวผมจะหายเป็นอากาศ เจ้าตัวจับมือผมไปจูบซ้ำๆ บ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้ง
 
   “ปอนด์รู้ตัวรึเปล่าว่าตัวเองใจแข็งแค่ไหน ขนาดที่พี่ยังกลัวว่าเราจะไม่ยอมยกโทษให้ คิดในแง่ร้ายไปต่างๆ นานาวันหลังไม่เอาอีกแล้ว พี่จะไม่ทำให้เราโกรธเด็ดขาด เข็ดจริงๆ สาบานได้” คำพูดเปิดใจทำให้ผมหัวเราะ จับมือหนามาเขี่ยเล่น
 
   “ผมเชื่อว่าพี่จะไม่ทำอีก แต่อย่างอื่นก็ห้ามทำนะ ห้ามใช้เสียงหรือท่าทางน่ากลัวใส่ผมด้วย เวลาพี่โกรธหรือโมโหอะไร พี่ห้ามกลับห้อง ไปสงบสติอารมณ์ที่อื่นก่อนเข้าใจรึเปล่า”
 
   งานนี้ผมจริงจังนะ จะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเด็ดขาด!!
 
   “จ้าๆ เข้าใจแล้ว ให้พี่ไปเปลี่ยนชื่อคอนโดเป็นของเราเลยดีมั้ย” พูดพลางหอมแก้มฟอด ผมใช้มือถูเช็ดน้ำลาย
 
   “ก็ดีเหมือนกัน จะได้รับประกันว่าพี่ไล่ผมออกจากห้องไม่ได้อีก” ผมตอบไม่คิด พี่ชายยิ้มบาง ใครจะรู้ล่ะว่าหลังจากนั้นพี่ชายดันทำจริง! คอนโดห้องชุดสุดหรูใจกลางกรุงเปลี่ยนชื่อเจ้าของกะทันหัน กว่าผมจะรู้ก็หลังจากนั้นอีกนาน
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-01-2016 14:34:15
 :เฮ้อ:  ดูเหมือนคู่หลักจะจบแล้ว ซึ้งดีค่ะ ชอบนะ ตามจีบน้องใหม่เลย จีบเวอร์ชั่นคนโตแล้ว
ตอนแรกๆเล่นคบไปคบมาไม่เหมือนจีบอะ เหมือนหลอกล่อเยาวชนมากกว่า ฮ่า
มีคำผิด รังควาญ, ดูแลผมเป็นอย่างดี   :pig4:   :L1: 
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 28-01-2016 14:47:39
อิอิ คืนดีกันแล้วอะดีจัง
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 28-01-2016 15:08:39
:เฮ้อ:  ดูเหมือนคู่หลักจะจบแล้ว ซึ้งดีค่ะ ชอบนะ ตามจีบน้องใหม่เลย จีบเวอร์ชั่นคนโตแล้ว
ตอนแรกๆเล่นคบไปคบมาไม่เหมือนจีบอะ เหมือนหลอกล่อเยาวชนมากกว่า ฮ่า
มีคำผิด รังควาญ, ดูแลผมเป็นอย่างดี   :pig4:   :L1:

แก้ไขแล้วครับ แต่รังควานมัน น หนูไม่ใช่หรือ?
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 28-01-2016 15:36:35
น้องใจแข็งจริงๆ หนึ่งเดือนนี่ยาวนานสำหรับพี่ชายเนาะ
ทำได้ดีมากค่ะลูกกกกกกกก
คราวนี้มีอะไรก็พูดกันนะคะ น้องดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเลย มีสั่งสอนพี่เฟย์ด้วย
รอตอนต่อไปน้อออ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-01-2016 15:37:23
 :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fannaio ที่ 28-01-2016 15:57:28
พี่เฟยยยยยย์ อิอิ

อยากให้น้องปอนด์งอนนานกว่านี้อีกนิดนะ แต่อย่างที่นุ้งปอนด์กล่าว จะมีสักกี่คน ลดทิฐิไปเถอะ

สุดท้าย ช็อกแพร๊บบบบ โอนชื่อให้กันเลยทีเดียว   :a5:

ท้ายสุด กอดคนเขียนแน่นๆจ้า :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-01-2016 16:08:58
:เฮ้อ:  ดูเหมือนคู่หลักจะจบแล้ว ซึ้งดีค่ะ ชอบนะ ตามจีบน้องใหม่เลย จีบเวอร์ชั่นคนโตแล้ว
ตอนแรกๆเล่นคบไปคบมาไม่เหมือนจีบอะ เหมือนหลอกล่อเยาวชนมากกว่า ฮ่า
มีคำผิด รังควาญ, ดูแลผมเป็นอย่างดี   :pig4:   :L1:

แก้ไขแล้วครับ แต่รังควานมัน น หนูไม่ใช่หรือ?

แหะๆ คนเขียนถูกแล้วจ้า ซอรี่เรามึนเอง เจออีกคำจ้ะ เด็กโข่ง เขียนเป็นโค่ง
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-01-2016 16:49:26
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

พี่เฟย์คงเข็ดน่าดู ตั้งเดือนกว่าน้องจะให้อภัยแล้วยอมกลับมาอยู่ด้วย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 28-01-2016 16:53:55
จำไว้เป็นบทเรียนเลยจ้าพี่เฟย์จะได้ไม่ทำอีก
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 28-01-2016 17:54:01
เฟย์อย่าลืมไปสู่กับแม่ยายล่ะกำลังรอคำสารภาพอยู่นะ :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 28-01-2016 22:32:42
ถึงน้องปอนด์จะดูเด็กแค่ไหน แต่นิสัยไม่เด็กนะคะ พี่เฟย์ซึ้งเลยคราวนี้
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-01-2016 02:18:56
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 29-01-2016 02:20:42
 o13หนูใจแข็งมากเลย พี่เค้าก็พยายามมากๆ

ดีแล้วฐิทิมันไม่ทำให้มีความสุขหรอกนะ :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 29-01-2016 04:09:39
ยังไงก็ค่อยๆ คุยกันล่ะ คู่กันแล้วก็ต้องคุยทุกปัญหา ไม่ใช่ว่าเก็บไว้คนเดียว
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 05-02-2016 10:19:04
:เฮ้อ:  ดูเหมือนคู่หลักจะจบแล้ว ซึ้งดีค่ะ ชอบนะ ตามจีบน้องใหม่เลย จีบเวอร์ชั่นคนโตแล้ว
ตอนแรกๆเล่นคบไปคบมาไม่เหมือนจีบอะ เหมือนหลอกล่อเยาวชนมากกว่า ฮ่า
มีคำผิด รังควาญ, ดูแลผมเป็นอย่างดี   :pig4:   :L1:

แก้ไขแล้วครับ แต่รังควานมัน น หนูไม่ใช่หรือ?

แหะๆ คนเขียนถูกแล้วจ้า ซอรี่เรามึนเอง เจออีกคำจ้ะ เด็กโข่ง เขียนเป็นโค่ง

 เด็กโข่ง, เด็กโค่ง น. เด็กที่มีอายุมากกว่าและมักจะตัวโตกว่าเด็กคนอื่นในรุ่นเดียวกัน

** อ้างอิงพจนานุกรมคำใหม่ เล่ม ๑ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน**

ดังนั้นใช้ด้วยกันได้ค่ะ เพียงแต่เราจะคุ้นหูคำว่าเด็กโข่งมากกว่าเท่านั้นเอง
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-02-2016 06:10:13
ว่าแล้วต้องมีเหตุผลที่พี่เฟย์ทำอย่างนั้นกับปอนด์ แต่ก็เข้าใจปอนด์นะโดนงั้นก็ต้องเสียใจ อย่าทำน้องเสียใจอีกนะพี่เฟย์ไม่งั้นโดนไล่ออกจากบ้านเองแน่ๆ5555 โล่งอกที่น้องใจอ่อนกลับมาอยู่บ้านแล้ว :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 06-02-2016 10:23:21
 :mc4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 08-02-2016 12:22:52
มีปัญหาอะไรต้องคุยกัน  ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นเรื่องใหญ่

สุดท้ายทั้งสองคนก็ต้อง เศร้าเสียและทุกข์ใจไม่ต่างกัน

 :katai1:    :mew4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nightfall ที่ 16-02-2016 02:40:45
หูย โชคดีมากที่มาอ่านตอนที่ดราม่าจบแล้ว
ไม่งั้นค้างแรงงงง -.,-

สนุกมากค่ะ น่ารักกก ><
นี่ตามมาจาก Charm Online เลยนะ ^[++++]^V
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 18-02-2016 14:57:32
หูย โชคดีมากที่มาอ่านตอนที่ดราม่าจบแล้ว
ไม่งั้นค้างแรงงงง -.,-

สนุกมากค่ะ น่ารักกก ><
นี่ตามมาจาก Charm Online เลยนะ ^[++++]^V

  :-[ เขินนน อย่าลืมลองไปอ่านซันโป้ดูนะครับ คู่นี้ฮาร์ดคอ เมามันแน่นอน http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3298900#msg3298900
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่24 พี่ผิดไปแล้ว [UP!28/1/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fannaio ที่ 18-02-2016 16:20:28
รอร๊อรอ  :mew6:

/ตอนนี้ติดซัน-โป้งอมแงมอยู่เหมือนกันค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่25 ป่วยการเมือง [UP!22/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 22-02-2016 15:36:14
วายที่25 ป่วยการเมือง
 
   ในที่สุด วันนี้ก็มาถึง วันที่ผมกับพี่ตัดสินใจที่จะทำอะไรให้มันชัดเจนกว่าเดิม...
 
   หลังปรับความเข้าใจกันแล้ว เฮียเปิดอกเล่าเรื่องที่คุยกับแม่ผมไว้ตอนไปหาผมคราวนั้น ผมรู้ คนสวยของผมเดาออกแน่นอนว่าพี่เฟย์เป็นอะไรกับลูกชายคนนี้ เพียงแค่ยังไม่ชัดเจน แม่ผมเลยไม่พูดอะไร อีกอย่างเห็นผมมีความสุขดี มีคนช่วยดูแล แต่หลังจากผมหอบกระเป๋ากลับบ้าน อะไรๆ คงเปลี่ยนไปจากเดิม
 
   ผมเคยบอก ผมมีแม่แค่คนเดียว แม่เองก็เช่นกัน ดังนั้นเราถึงรักกันมาก ดังนั้นพี่ชายทำผมเสียใจ แม่จะไม่พอใจก็ไม่แปลก งานนี้หลังจากง้อลูกเสร็จ ต้องไปง้อแม่ยายต่อ แอบเห็นใจพี่เฟย์นิดๆ สะใจอีกนิดหน่อย
 
   พี่เฟย์เลยตัดสินใจจะพูดเรื่องเราให้แม่ฟัง ทีแรกผมลังเล ไม่ใช่กลัวคนอื่นมองไม่ดี มันเลยจุดนั้นมานานแล้ว มันกลัวแม่จะเสียใจต่างหาก ผมไม่สามารถมีหลานให้แม่อุ้มได้ทั้งที่แม่ผมเคยถามถึง บอกว่าชอบเด็ก แต่จะให้ทิ้งพี่เฟย์ก็ไม่ได้อีก ผมรักของผม มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าผมไม่สามารถรักใครได้เท่าพี่เฟย์อีก
 
   เราสัญญาว่ามีอะไรจะคุยเปิดใจกัน ความลังเลของผม ผมเล่าให้พี่ชายฟัง เว้นเรื่องบอกรักมากนะ ใครจะไปกล้าบอก! อายตายเลยแบบนั้น ผมยิ่งหน้าบางๆ อยู่ ไม่ได้หนาโบกปูนซีเมนต์ราดยางมะตอยเสริมเหล็กเส้นอย่างพี่เฟย์นะ
 
   พูดไปพูดมาเหมือนด่าแฟนตัวเอง ไม่เอาไม่ดีเลิกๆ ตีปากแปะๆ กลับเข้าเรื่องต่อ พี่เฟย์เข้าใจความรู้สึกของผม ยอมผลัดวันออกไป ให้ผมพร้อมกว่านี้ค่อยบอก ใจหนึ่งไม่อยากให้มันค้างคา หลังจากนั้นสามวัน ผมตัดสินใจจะไปบอกแม่ในวันหยุด
 
   อุตส่าห์เตรียมใจมาทั้งอาทิตย์ คิดวางแผน A B C ถึง Z ว่าจะบีบน้ำตา เล่นบทโศกแบบไหนดีให้เรื่องจบอย่างสวยงาม แต่!... แต่พี่ชายดันไม่สบายซะได้!
 
   คนที่เคยถึกขนาดลุยฝน ฝ่าน้ำตกยังบ่ยั่นถึงกับล้มหมอนนอนเตียงหรูอีกรอบ เนื่องจากช่วงก่อนหน้านี้โหมร่างกายมากเกินไป พักผ่อนไม่เพียงพอ และไม่ยอมไปหาหมอตามกำหนดตลอดหนึ่งเดือนที่ตามตื้อผม ความแข็งแรงที่มีมาทั้งหมดเลยพังโครมลง ภูมิต้านทานลด ปวดหัวบ้าง เป็นหวัดบ้าง
 
   ผมบอกให้ไปโรงพยาบาลหาคุณหมอคนนั้นก็ไม่ยอมไป ดื้อ!
 
   กระทั่งวันนี้ เป็นหนักกว่าที่ผ่านมา หวัดรับประทานควบอาการไมเกรนกับไซนัส ผมมองหน้าพี่ชายสุดหล่อ ยามนี้พะงาบบนเตียงด้วยสายตาอิดหนาระอาใจหมดมาดเลยทีเดียว
 
   หันกลับไปมองยาอีกถุงใหญ่ มื้อหนึ่งกินทีแทบอิ่มแทนข้าว ไม่อยากจะนึกถึงวัยเด็กของพี่เฟย์เลย ส่วนเรื่องพาไปหาหมอน่ะเหรอ เป็นขนาดนี้ก็ต้องไปสิ เรื่องมันเกิดเมื่อตอนเช้าวันนี้
 
 
   ทุกวันพี่ชายจะตื่นก่อนเพื่อมาทำอาหารเช้า วันนี้กลับตื่นสายทั้งที่ต้องทำงาน ผมนอนอยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงหายใจไม่ปกติ พอชะโงกดูเห็นสีหน้าอึดอัดทรมาน มืออังหน้าผาก ไม่มีไข้ทำไมอาการหนัก ผมลงจากเตียงขมวดคิ้วมองหน้าพี่ชายอย่างคนทำอะไรไม่ถูก
 
   “พี่... พี่เฟย์”
 
   ลองสะกิดเรียกชื่อดู ดวงตาปรือมองเห็นสีหน้าร้อนรนของผม พี่ชายยิ้มบางให้ ยกมือหนามาลูบหัว
 
   “พี่ไม่สบาย เช้านี้หาอะไรง่ายๆ กินนะ ขอนอกพักสักหน่อย ฝากเอายากับน้ำมาให้พี่ด้วย”
 
   เสียงทุ้มนุ่มบัดนี้แหบแห้ง
 
   “ไม่ต้องห่วงเรื่องปากท้องผมหรอก ห่วงตัวเองก่อนดีกว่ามั้ง ผมว่าเป็นหนักขนาดนี้กินยาคงไม่หายแล้ว ไปโรงพยาบาลกันเถอะ ผมจะลงไปเรียกแท๊กซี่เอง”
 
   ผมพูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง พี่ชายนิ่งไปสักพัก สุดท้ายก็ยอมใจอ่อน พยักหน้ารับบอกให้ผมช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะเจ้าตัวโลกหมุน จับพี่ชายเปลี่ยนชุดเสร็จ ผมแจ้นลงไปชั้นล่างทั้งที่ใส่ชุดนอนลายอุ้งเท้าแมวนั่นแหละไปโบกแท๊กซี่ขอให้พี่ยามขึ้นมาช่วยพยุงเฮีย
 
   มานึกได้ตอนเปลี่ยนเสื้อในห้อง อายก็อาย ร้อนใจก็ร้อนใจ เอาเถอะ ทำใจเตรียมรับรอยยิ้มแปลกๆ จากพี่พนักงานชั้นล่างแล้วกัน
 
   ลุงยามช่วยผมพยุงพี่เฟย์พาขึ้นรถแท็กซี่มุ่งหน้าสู่โรงพยาบาล ระหว่างทางผมใช้โทรศัพท์พี่เฟย์โทรบอกหมอประจำตัวเฮียเขา ทางนั้นบอกพามาได้เลย
 
   พอถึงโรงพยาบาลหมอเดินมาด้วยตัวเอง หน้ายักษ์มา ขนาดผมยังหวาด พี่ชายไม่นำพายังยิ้มให้หมอทั้งที่หน้าซีด โดนลุงหมอลากเข้าไปถามไถ่อาหาร สั่งยาให้ พร้อมเทศนาจนหูชา พี่ชายร้ายกาจมากแทนที่จะนั่งฟังเทศน์คนเดียว ดันจับมือผมไว้ไม่ยอมปล่อยให้ออกมารอข้างนอก
 
   “ที่พูดเนี่ย... ปฏิบัติตามด้วยนะครับ!”
 
   ลุงหมอย้ำเสียงหนัก
 
   “เข้าใจนะลูกแมว ดูแลพี่ดีๆ ตามที่หมอสั่ง” คนป่วยไม่สิ้นฤทธิ์หันหาถามผมสีหน้าจริงจัง ผมเห็นหมอคิ้วกระตุกด้วยอะ
 
   “เฮ้อ… ยิ่งแก่ยิ่งดื้อ! น้องปอนด์ช่วยดูแลพี่เขาหน่อยนะครับ หมอไม่อยากเห็นหน้าบ่อยๆ”
 
   คุณหมอหันมายิ้มใจดี ส่งวิตามินซีสำหรับแจกผู้ป่วยเด็กมาให้ผมด้วย กำลังจะอ้าปากบอกว่าผมโตจวนจะขึ้นปีสองอยู่แล้วนะ ก่อนจะนึกขึ้นได้ ลุงหมอรู้แต่แรกแล้วนี่หว่า แสดงว่าตั้งใจหยอกผมชัดๆ คนป่วยไม่เจียมสังขารหัวเราะจนไอโขลกๆ
 
   “ครับ จะดูแลอย่างดี”
 
   กัดฟันพูดยื่นมือไปรับของกินฟรีมาแล้วไหว้ลา พาพี่ชายไปนั่งรอรับยา รอบก่อนตอนทำแผลพี่ชายเป็นคนทำ รอบนี้เป็นผมแทน จ่ายเงินรับยาหนึ่งถุงใหญ่ แอบส่องดูเห็นน้ำเกลือสองขวด ไซริ้งสองอัน กับยาเม็ดอื่นๆ ไม่รู้ว่าน้ำเกลือกับไซริ้งเอามาทำอะไร ไว้ถึงบ้านพี่เฟย์ใช้คงรู้แหละ
 
   ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว พี่ชายทำอาหารไม่ไหว เลยแวะกินข้าวกันก่อนเข้าห้องทานยา
 
   “ปอนด์ ช่วงนี้แยกนอนกันไปก่อน เดี๋ยวติดหวัด”
 
   ผมพยักหน้ารับคำพี่เฟย์ ปล่อยเฮียนอน ส่วนตัวเองย้ายหมอน ผ้าห่ม ตุ๊กตากลับห้องตัวเอง แม้ไม่ได้มานอน แต่พี่ชายทำความสะอาดให้เสมอ ไม่มีฝุ่นเลยสักนิด
 
   หลังแง้มประตูดูเห็นพี่เฟย์หลับไปแล้ว เรื่องทำความสะอาดห้องไม่ทำเด็ดขาด ผมเข็ด ต่อให้จมกองฝุ่นตายก็ไม่ทำ รอให้พี่ชายหายทำเองแล้วกัน ส่วนต้นไม้ตรงระเบียง สงสารมัน ค่อยๆ รดน้ำพอดินชุ่มไม่ต้องโชกท่วมกระถาง
 
   “ตอนเย็นกินอะไรดีนะ”
 
   ร่างเล็กพึมพำอยู่คนเดียว ความคิดหนึ่งผุดวาบขึ้นมา จริงสิ! ถือโอกาสนี้ทำอาหารดูดีกว่า เห็นแบบนี้ผมเป็นลูกมือแม่บ่อยนะ ไม่ว่าจะช่วยซื้อของที่ตลาด หรือหั่นล้างผัก แม้ไม่ชำนาญก็พอถูๆ ไถๆ ไปล่ะหน่า
 
   อันดับแรกต้องไปซื้อของสดก่อน ในตู้เย็นหมดแล้ว ที่ตลาดแถวนี้ไม่มี ต้องไปที่ห้าง ผมเขียนโน้ตแปะไว้ให้เฮียว่าจะออกไปซื้อของ แล้วนั่งรถโดยสารไปห้างใกล้ๆ เดินตรงเข้าซุปเปอร์ ลากรถเข็นมาช้อปปิ้งคนเดียว
 
   ผมไม่มีความชำนาญด้านการทำอาหารเหมือนอย่างแม่หรือเฮีย ดังนั้นผมต้องพึ่งสิ่งที่เรียกว่าสำเร็จรูป! ไม่ใช่มาม่ากับโจ๊กกระป๋องนะ หมายถึงหมูสับทรงเครื่องที่สับปรุงรสแล้ว เหลือแค่ตักใส่หม้อ ผักคงต้องซื้อไปจัดการเอง ผมอยากกินผักโขมใส่ข้าวต้ม งั้นเอาอันนี้แล้วกัน
 
   ไหนๆ ก็ไหนๆ แวะซื้อขนมปังกับขนมอย่างอื่นติดห้องด้วยแล้วกัน มาทั้งทีซื้อนิดเดียวกลับเลยมันก็ยังไงอยู่ เพื่อความชัวร์ ผมโทรหาแม่ถามวิธีทำความต้มไปด้วย ขาดเหลืออะไรจะได้ซื้อเพิ่ม
 
   กลับถึงห้องพี่ชายยังไม่ตื่น ผมเข้าครัวเตรียมอุปกรณ์ทำอาหาร เลือกใช้เท่าที่จำเป็น ไม่แตะของอย่างอื่น เครื่องครัวเฮียแต่ละอย่างโคตรแพง ที่สำคัญ เจ้าตัวหวงมาก!
 
   “แม่ผมเตรียมของเสร็จแล้ว ทำไงต่อ”
 
   พ่อครัวมือใหม่ ต้องมีผู้ชายมือโปรระยะไกล ผมเปิดลำโพงวางโทรศัพท์ไว้ตรงบาร์ จะได้ไม่เกะกะ
 
   “ล้างข้าวสารให้สะอาด ไปตั้งหม้อต้มน้ำด้วย” ผมขานรับทำตามที่แม่บอก “แน่ใจนะว่าทำได้ แม่กลัวครัวพี่เขาจะระเบิดจริงๆ” น้ำเสียงเป็นห่วงสุดๆ ผมเบ้ปาก
 
   “ผมแค่ทำข้าวต้มนะ ไม่ใช่ก่อการร้าย”
 
   “หวังว่าเฟย์จะไม่ท้องเสียจนป่วยหนักกว่าเดิมนะ” แม่หัวเราะรื่นเริง ผมสิหน้ามุ่ยหนักกว่าเก่า สองแม่ลูกเริ่มสอนทำอาหารกันต่อจนกระทั่งออกมาเสร็จสมบูรณ์ ลองชิมรสดูนับว่าใช้ได้ จืดไปหน่อยเพราะผมกลัวหนักมือเลยใส่เครื่องปรุงนิดเดียว เอาหน่า อาหารคนป่วย
 
   คิดดังนั้นจัดการปิดเตาตักข้าวต้มหอมใส่ถ้วยวางไว้บนโต๊ะ โรยผักชีที่เหลือในหลืบตู้เย็น เหยาะพริกไทยนิดหน่อยค่อยไปเรียกพี่เฟย์ออกมาทาน
 
    ผมเขย่าปลุก พี่ชายงัวเงียตื่น หลังล้างหน้าจูงมือหนานั่งประจำตำแหน่ง ดวงตาคมมองข้าวต้มตาปริบๆ ผมลุ้นจนตัวโก่ง
 
   “มีอะไรพี่ หน้าตามันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
 
   พี่ชายส่ายหัวจ้องข้าวต้มสลับห้องครัวเขม็ง อะไรฟ่ะ คนอุตส่าห์ทำข้าวต้มให้ทานยังจะห่วงครัวอีก ผมชักน้อยใจแล้วนะ
 
   “ไม่ต้องห่วง ผมไม่ใช้ของซี้ซั้วแถมล้างหมดแล้ว” ยกเว้นหม้อกับทัพพีตักข้าวต้มเพราะยังต้องใช้
 
   “ก็ไม่ได้ว่าอะไร ทำเองเหรอ กินได้มั้ยเนี่ย” เสียงอู้อี้พูดแซว
 
   “ไม่กินก็ไม่ต้องกิน กินคนเดียวก็ได้”
 
   พอผมจะยึดถ้วยคืนพี่ชายดันเลื่อนหนีแล้วตักทาน ผมจ้องเป๋ง ลุ้นยิ่งกว่าตอนผลสอบออกอีก
 
   “เป็นไงบ้าง อย่าค้าง อย่าคิดนานสิ” ผมเร่ง พี่ชายยังคงลีลาทำตัวเป็นนักชิมระดับโลกไปได้
 
   “อืมม... ไม่รู้สิ พี่ป่วยอยู่ ไม่ได้กลิ่น ทานอะไรก็ไม่รู้รส”
 
   เจอคำตอบเข้าไปทำเอาเงิบ อ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้จะบ่นหรือด่าดี พี่ชายยิ้มกว้างยกมือหนาโยกหัวผมไปมาเบาๆ
 
   “แค่ปอนด์ทำให้พี่ก็ดีใจแล้ว เอาไว้พี่หายค่อยเอาใหม่เนอะ คราวนี้พี่จะชิมช่วยติชมอย่างดี”
 
   “ไม่ต้องเลย ของดีมีครั้งเดียว” แยกเขี้ยวใส่ ไปตักมาทานบ้าง รสชาติจืดเหมือนขาดอะไรไปหลายอย่าง ช่างมันผมเป็นพวกกินง่ายๆ ทานให้อิ่มก็พอ ส่วนพี่ชายจะได้ทานยา
 
   ด้วยความที่ป่วยอยู่ พี่ชายเลยทานได้ไม่มาก ผมไม่นึกน้อยใจ เข้าใจอยู่ ตอนผมป่วยก็อารมณ์เดียวกับพี่ อยากนอนอย่างเดียวไม่อยากอาหารอะไร
 
   ผมเป็นคนเก็บถ้วยล้างเช็ดโต๊ะทำความสะอาดห้องครัว แอบแวบดูพี่เฟย์รอบหนึ่ง เห็นพี่ชายกำลังถือขวดน้ำเกลือกับไซริ้งและแก้วหนึ่งใบเข้าห้องน้ำ ผมเดินตามไปชะเง้อมองสนอกสนใจ
 
   “พี่ไซริ้งกับน้ำเหลือหมอให้มาทำอะไรเหรอ”
 
   “ล้างโพรงจมูกไง พี่เป็นไซนัสนี่”
 
   “แล้วมันใช้ไงอะ”
 
   “ก็ใช้ไซริ้งดูดน้ำมา... แล้วเราจะรู้ไปทำไมเนี่ย เป็นก็ไม่ได้เป็น” หลงตอบคำถามได้นานสองนานไม่น่ารู้สึกตัวเลย
 
   “ก็แค่ถามดูอยากรู้ ไม่เคยเห็นคนทำ” ผมกระแซะตัวเข้าหา ไปเบียดกับพี่ชายตรงอ่างล้างหน้า ใบหน้าหล่อออกเซียวเพราะอาการป่วยกรอกตาเอือมระอา
 
   “เจ้าหนูจำไมออกไปซะ พี่จะได้รีบทำรีบนอน ยาไมเกรนทำให้หนักหัวเป็นบ้า”
 
   ท้ายประโยคร่างสูงบ่นพึมพำ อยากดื้ออยู่ต่อนะ ติดที่เห็นใจคนป่วย ยอมจากไปโดยดี ปล่อยพี่ชายไว้ในห้องน้ำ ได้ยินเสียงอุบอิบไล่หลัง
 
   “ให้ปอนด์เห็นไม่ได้เด็ดขาด ไม่น่าดูเลยสักนิด...”
 
   ก๊ากกก! อยากหัวเราะให้ฟันร่วง นี่พี่ชายห่วงมาดตัวเองเหมือนกันเหรอเนี่ย อารมณ์แบบไม่อยากให้คนที่ชอบเห็นสภาพแย่ๆ ของตัวเองใช่มั้ย ขำก็ขำ เขินตามอีกต่างหาก เพราะนั่นหมายถึงผมเป็นคนสำคัญของพี่เฟย์
 
   กรณีของผม ไม่มีอะไรเหลือให้อายแล้วครับ พี่ชายเห็นหมดทุกสิ่งอัน ฮรือออ รับผิดชอบเค้าด้วย เค้าไปเป็นเจ้าบ่าวให้ใครไม่ได้แล้ว เรื่องมันเศร้า
 
   สักพัก พี่ชายออกมาจากห้อง เดินเซทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ผมช่วยเดินเข้าไปจัดท่าเก็บแขนเก็บขาให้พี่ชายนอนดีๆ พร้อมห่มผ้าให้เสร็จสรรพ จังหวะกำลังผละออก มือหนาคว้าข้อมือของผมไว้
 
   “จะเอาอะไรเหรอ” ผมเอียงคอถาม
 
   “มานั่งนี่หน่อย” เฮียตบเตียงข้างตัวเองปุๆ ผมเข้าไปนั่งอย่างว่าง่ายรอดูว่าพี่ชายจะทำอะไรต่อ
 
   ร่างสูงขยับตัว เปลี่ยนจากหมอนมาหนุนที่ขาผมแทน มือหนาจับมือผมไปลูบเล่นยกจูบเบาๆ เสียหลายที ก่อนจะช้อนตามองผมด้วยรอยยิ้มบาง แววตาฉายประกายอ้อน นี่พี่เฟย์กำลังอ้อนผมอยู่ใช่มั้ย ใช่มั้ย! ตอบ!!
 
   ความร้อนพุ่งขึ้นหน้า อยากม้วนตัวเองเป็นเกลียวโปเต้ ได้ยินเสียงจุ๊บๆ จากมือตัวเอง
 
   “พอแล้วพี่ จะนอนก็นอนดีๆ”
 
   “ขออยู่แบบนี้สักพัก ไว้พี่หายป่วยเมื่อไหร่ เราไปหาแม่ด้วยกันเนอะ หลังจากนั้นพี่จะพาเราไปที่บ้านด้วย ทางนั้นถามหาลูกสะใภ้กันใหญ่แล้ว”
 
   “บ้านผมแล้วบ้านพี่ต่อ ไม่ยกขันหมากมาสู่ขอเลยล่ะ” ผมประชดแต่ยิ้มแก้มแตก
 
   “ก็อยากอยู่ รอใครบางคนเรียนจบ จะจับแต่งงานซะเลย” น้ำเสียงหนักแน่น กลายเป็นผมทำหน้าเหวอ พี่ชายเอาจริงแน่ เหลือเวลาแค่สามปีนิดๆ ในการเตรียมใจสินะ ผมควรจะใส่ชุดเจ้าบ่าวหรือชุดเจ้าสาวดี...
 
   “คิดอะไรอยู่ พอๆ เลิกคิด ลูบหัวพี่หน่อย”
 
   “เฮ้ย ไม่เอา! พี่อายุมากกว่าผมนะ” จู่ๆ มาเปลี่ยนเรื่อง ผมปฏิเสธทันที แม่ผมสอนมาดี ควรให้ความเคารพผู้ที่มีอายุมากกว่า
 
   “แต่ปอนด์เป็นแฟนพี่ นะ ลูบหน่อย”
 
   หัวโตมาถูกับพุง ผมเม้มปาก ยื่นมือไปอย่างลังเล พี่เฟย์จับหมับไปวางบนหัวตัวเอง เส้นผมนุ่มลื่นมือจนเผลอลูบอย่างลืมตัว คนบนตักหลับตาพริ้มน่ามอง
 
   “ปอนด์ เราเป็นแฟนกัน มีทุกอย่างเท่าเทียมกันไม่ต้องเกรงใจพี่นักก็ได้ เพราะไม่ว่าปอนด์จะอายุมากกว่า น้อยกว่าหรือเท่ากัน สุดท้ายพี่ก็ยังรักเรา ที่เป็นเราอยู่ดี”
 
   คนป่วยปากหวาน มองผมตาหวานเชื่อม อยากสละเรือระเบิดตัวตายบัดเดี๋ยวนี้ ตอบอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้างุดๆ คนมองหัวเราะ ไล้หลังมือกับแก้มนุ่ม ผมหลับตาเอนหน้าเข้าหาสัมผัส ได้ยินพี่ชายสบถเบาๆ ถอยออกไปนอนตามเดิม ผมงงกับอาการที่จู่ๆ เปลี่ยนไปกะทันหัน
 
   “แย่จริงๆ ไม่น่าป่วยเลย นับจากวันนี้ไปพี่จะดูแลสุขภาพให้ดี จะได้ไม่ต้องฝืนตัวเองแบบนี้”
 
   “พี่ฝืนอะไรอะ ให้ผมทำแทนมั้ย” ลูกแมวถามพาซื่อ ไม่สังเกตแววตาของหมาป่าป่วย
 
   “ทำได้ก็ดีสิ เราหน้าบางขนาดนี้ ทำไม่ได้หรอก อีกอย่างพี่ไม่อยากให้เราติดหวัดนะ”
 
   “...” มีเพียงความเงียบแทนคำตอบ สมองประมวลผลตาม
 
   “อยากกอด อยากหอมแก้ม อยากจูบ อยากทำ...”
 
   “พอ!!” ชัดเลย น้ำเสียงกระเส่าหยอกเย้าแบบนี้ ไอ้พี่หื่นเอ๊ย ป่วยไม่เจียม เรื่องทำแทนผมต้องทำแบบ... แบบ...
 
   ภาพเคะกับเมะในนิยายกับมังงะผุดเข้ามาในหัว รีบส่ายหน้าขวับๆ ไม่มีทาง ทำไม่ได้ ไม่ได้แน่นอน ไม่ๆๆ
 
   “เอ้า สะบัดเข้าไป เดี๋ยวมึนหัวกันพอดี ปอนด์ไปอาบน้ำนอน พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่รึไง”
 
   “มีแต่ผมจะลาดูพี่ ขนาดพี่ยังลางานดูแลผมเลย” พี่ชายกำลังจะอ้าปากเถียง ผมยกนิ้วไปแตะริมฝีปากได้รูป “ผมลาแค่คาบเดียวไม่เป็นไรหรอก อาจารย์ให้โควต้าสามครั้ง อีกอย่างไว้ไปตามงานกับเพื่อนที่หลังได้ ดังนั้นผมจะดูแลพี่!”
 
   ดวงตาคมมองปริบๆ ปากงับนิ้วผมจนต้องรีบดึงหนี บ้าเอ๊ย มีเลียด้วยเปื้อนน้ำลาย!
 
   “ตามใจ ถึงยังงั้นก็ไม่ควรนอนดึกนะ”
 
   “คร้าบๆ มีอะไรเรียกนะพี่ ตะโกนดังๆ เลยถ้าไม่มีแรงตะโกนไม่ไหวส่งกระแสจิตหรือเข้าฝันผมโลด” บอกแกมขำ ชั่งใจเพียงครู่ ก้มลงไปจูบแก้มคนหล่อเบาๆ แล้วเผ่นออกจากห้อง ทิ้งให้พี่ชายนอนอึ้งอยู่บนเตียง แขนหนายกก่ายหน้าผาก
 
   “อย่าให้หายป่วยนะเจ้าตัวเล็ก!!”
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่25 ป่วยการเมือง [UP!22/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-02-2016 15:53:13
ติดแค่สังขารไม่อำนวยเท่านั้นเอง
ขอบคุณลูกแมวซะที่ไม่ระเบิดครัว  :mew1: 
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่25 ป่วยการเมือง [UP!22/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 22-02-2016 15:59:01
เหมือนลูกแมวน้อยๆคอยป่วนชีวิตพี่เฟย์จริง ขนาดดูแลตอนป่วยยังป่วนไม่เลิก

ฮืออออออ พี่เฟย์หายหวัดเร็วๆเต๊อะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่25 ป่วยการเมือง [UP!22/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-02-2016 18:49:55
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่25 ป่วยการเมือง [UP!22/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 22-02-2016 20:16:51
อิอิอิ น่ารักอะเนอะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่25 ป่วยการเมือง [UP!22/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 22-02-2016 20:20:12
ข้าวต้มฝีมือน้องปอนด์
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่25 ป่วยการเมือง [UP!22/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 22-02-2016 21:57:30
สมอยากป่วยอดเลย :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่25 ป่วยการเมือง [UP!22/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-02-2016 22:52:32
เลยไม่ทันได้บอกแม่เลย รอหายป่วยก่อนก็ได้
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่25 ป่วยการเมือง [UP!22/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 23-02-2016 19:46:30
เปื่อยๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่25 ป่วยการเมือง [UP!22/2/59]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 23-02-2016 21:35:22
 :hao3:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่26 แม่ [UP!14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 14-03-2016 01:29:31
วายที่26 แม่

   ก่อนอื่นเลย ข่าวดีประจำวันนี้ พี่เฟย์หายป่วยแล้ว เย้! กลับมาเป็นคุณพ่อบ้าน ส่วนผมเป็นคุณหนูสุดหล่อตามเดิม ช่างสบายเสียจริงถ้าไม่มีข่าวร้าย...

   ผมป่วย...

   ผลกรรมจากการแหย่หมาป่าป่วยให้กลายร่างเป็นหมาป่าหื่น ทีแรกผมคิดว่าเฮียแกจะลืมไปแล้วซะอีก เห็นยิ้มใจดี ดูแลผมเหมือนเคย ของคาวหวานไม่ได้ขาด ปลุกไปเรียน บางวันนึกคึกไปรับไปส่งด้วยซ้ำ กระทั่งวันหยุดมาถึง ผมได้เห็นสัจธรรมของนิยามคำว่าหมาป่าเจ้าเล่ห์ หลอกล่อให้ตายใจแล้วรังแกอย่างร้ายกาจ

   “ปอนด์ พี่ทำเค้กผลไม้ของโปรดเราไว้ทานซะนะ”

   รอยยิ้มอบอุ่นเคลือบยาพิษ ผมเบิกบานไม่รู้ชะตากรรมนั่งหม่ำเค้กเอร็ดอร่อย

   “ทานเสร็จแล้วไปอาบน้ำล่ะ พี่เตรียมชุดนอนไว้ให้แล้ว”

   “คร้าบ” รับคำว่าง่ายเห็นพี่ชายทำงานเหนื่อย ซ้ำยังคอยดูแลเลยไม่อยากดื้อใส่

   อาบน้ำเสร็จออกมาพบชุดนอนตัวโปรดวางไว้เรียบร้อย ผมหยิบมาสวมหลบทางให้พี่ชายเข้าไปอาบบ้าง ตัวเองนอนกลิ้งเล่นอยู่บนเตียง ผ่านไปครึ่งชั่วโมงพี่ชายออกมานอนประจำตำแหน่งให้ผมกลิ้งเข้าไปซบอกอุ่น

   ที่ผ่านมาผมนอนคนเดียวได้ขอแค่มีหมอนข้างผ้าห่มอะไรมาทำให้เตียงรกๆ ก็พอ เพราะผมเป็นพวกชอบกอดชอบก่ายอย่างพลิกตัวไปทางไหนสามารถกอดหนุนได้หมด พอมาอยู่กับพี่เฟย์ เตียงรกดูไม่จำเป็นต่อไป อะไรก็ไม่สู้หมอนข้างมีชีวิตแถมยังรูปร่างหุ่นนายแบบหรอกจริงมั้ย!

   แผ่นอกกว้างน่าซบ อ้อมแขนแกร่งโอบกอดชวนให้รู้สึกปลอดภัย ที่สำคัญ พี่เฟย์เป็นผู้ชายที่มีกลิ่นหอมหวานติดตัว ไม่ใช่หอมนุ่มนวลแบบผู้หญิง มันเป็นกลิ่นหอมของขนมชวนให้น้ำลายไหล อดไม่ได้ที่จะ...

   หงับ!

   “โอ๊ย! กัดอกพี่ทำไมเนี่ยไอ้ลูกแมว!!”

   “หมั่นเขี้ยว หอม น่ากิน กลิ่นอย่างกับขนม”

   แทะๆ เมามัน พี่ชายหัวเราะเสียงทุ้มในคอ ฉับพลันร่างถูกเหวี่ยงวูบตามด้วยน้ำหนักจากคนตัวโตกว่า ดวงตาผมเบิกกว้างโดนพลิกตัวมานอนแผ่สองสลึงอยู่ใต้ร่างหนา สีหน้าพี่ชายตอนนี้ชวนให้ผมหน้าซีด ฉิบหาย! หน้าโคตรหื่น

   “พี่ทำไร ไหนบอกว่าวันหยุดจะไปหาแม่ผมไง”

   ดีดดิ้นเอาตัวรอดที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่รอด โธ่เอ๊ย ไม่น่าเล้ย ไม่น่าหลงกลเลย ลืมไปได้ยังไงว่าพี่ชายน่ะจอมวางแผนแค่ไหน นี่ล่อให้ผมตายใจแล้วคิดรวบหัวรวบหางชัดๆ!!

   “ไปหาแน่นอน หลังจากนี้นะ”

   กระซิบพร้อมงับหู ผมคอหดถูกอีกคนก้มมาซุกไซร้ หลังจากนั้นไม่ต้องพูดถึง เฮียเล่นจัดเต็มให้สมกับอดอยากมานาน ถามว่านานแค่ไหน? ก็ตั้งแต่ทะเลาะกันคราวนั้นนั่นแหละ จีบกันอีกหนึ่งเดือน หลังมาอยู่ด้วยกันประมาณสองอาทิตย์  เฮียป่วยสามวัน สะสมเข้าไปสิ ตอนนี้ผมตายแล้วครับ

   แกร้ก

   เสียงไขประตูมาพร้อมกับชายเจ้าของห้อง

   “พี่กลับมาแล้ว เป็นยังไงบ้าง ไข้ลดรึยัง ได้กินข้าวเที่ยงรึเปล่า” ร่างสูงโปร่งถลาเข้ามารวบตัวผมไปกอด แก้มแนบถูๆ กับแก้มผม มือไม้แตะหน้าผากลูบหัวลูบหาง ผมสะบัดตัวหนีแยกเขี้ยวใส่

   “ดีขึ้นแล้ว ข้าวเที่ยงจัดการเรียบร้อย ไม่ต้องมาจับเลยนะ”

   ขุ่นเคืองยิ่งนัก พี่ชายไม่นำพาสารพัดเอาอกเอาใจแต่หน้าตาเงี้ย ชื่นมื่นจนน่ากระโดดกัดคอ อย่างกับปีศาจพันปีได้สูบพลังชีวิตยังคนหนุ่มสาว นี่ผมเปรียบเทียบอะไรเนี่ย สงสัยช่วงนี้อ่านนิยายวายแปลจีนมากไปหน่อย

   “โอ๋ๆ ไม่โกรธนะ พี่ขอโทษ ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปหาแม่กันเนอะ” เจอประโยคนี้ผมหันควับ อูยยยยย จี๊ดขึ้นหัวเลย พี่เฟย์มองออกรีบยื่นมือมาช่วยนวดคลึงให้ อยากจะบอกว่าหลังทะเลาะกันรอบนั้นพี่ชายช่างดูแลเอาใจมากกว่าเดิมอีก เหมือนในฐานะพี่บวกกับฐานะคนรัก มีอะไรก็มาชวนคุยปรึกษามากขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดี

   “ทำไมรีบจัง” ผมเบ้ปาก หายจริง แต่ท่าเดินไม่มั่นใจ ระดับอย่างแม่ผม เลี้ยงมาตั้งแต่ตัวเป็นวุ้นอยู่ในท้อง มีหรือจะดูไม่ออก

   “รีบอะไร นี่ผลัดแล้วผลัดอีก เอาน่า เชื่อพี่ไม่เป็นไรหรอก เสร็จแล้วไปบ้านพี่ต่อ พี่จะพาสะใภ้ไปแนะนำตัวด้วย” บอกเลยว่ามั่นมาก แถมยังเข้ามาคลอเคลียไม่เลิก ผมขมวดคิ้วชั่งใจ แม่ผมเป็นคนทันสมัยอีกอย่างคนสวยของผมคงเดาได้แต่แรกแล้วล่ะว่าพวกเราเป็นอะไรกัน ไม่มีพี่น้องคนไหนจะตามติด ตามง้อ ดูแลเอาใจกันขนาดนี้หรอก ขนาดพี่น้องกันแท้ๆ คลานตามกันมายังไม่มี ดูอย่างพี่เฟย์กับโฟมดิ ผมกับพี่เฟย์มาสไตล์พี่น้องท้องชนกันชัดๆ เพิ่งชนกันไปเมื่อคืนด้วย คิดแล้วเขิน ม้วนแปบ

   “คิดอะไรอยู่ เดี๋ยวหน้าบูด เดี๋ยวหน้าแดง” พี่ชายหัวเราะขำ ใช้หลังมือเกลี่ยแก้มผมแล้วหอมฟอดใหญ่กะเอาชื่นใจกันยันภพหน้า ผมปัดออก

   “เอางั้นก็ได้ พรุ่งนี้ไปหาแม่กัน แต่เรื่องป๊ะป๋า...”

   อย่างที่รู้กัน พ่อผมเป็นคนจีนแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์แบบไม่มีอะไรเจือปน แม้ว่าจะไม่คิดมากเรื่องลูกชายลูกสาว ถึงงั้นพ่อผมค่อนข้างยึดมั่นในความคิดของตัวเองพอสมควร ขนาดเรื่องผู้หญิงพ่อมักโทรมาถามตลอดมีแฟนรึยัง ไม่ต้องรีบมี ต้องดูให้ดีเพราะผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัว คบเพื่อนเป็นยังไงบ้างนิสัยดีรึเปล่า บลาๆ

   ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องมีแฟนเป็นผู้ชายแล้วยังเคยเจออีก เป็นคนออกปากฝากฝังเอง ผมว่าพี่เฟย์โดนหนักหรือไม่ก็สั่งให้ผมแยกกับพี่แหง แบบนั้นผมไม่ยอมเด็ดขาด

   พี่เฟย์เข้าใจ แม้จะเคยเจอกับพ่อผมแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ผมเล่านู่นเล่านี้ให้ฟังเสมอ เวลาพ่อคุยโทรศัพท์กับผมพี่ชายก็อยู่ด้วย ร่างสูงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนมือหนาจะเลื่อนมาลูบหัวผมแผ่วเบา

   “อย่าห่วงเลย เรื่องยังไม่เกิดอย่าเพิ่งไปกังวล เอาที่อยู่ตรงหน้าก่อนดีกว่า นอกเหนือจากนั้นพี่จะจัดการเอง” ริมฝีปากได้รูปก้มลงแนบประทับบนหน้าผาก พอผละออกผมโผเข้าไปกอดซุกหน้า

   คนตัวเล็กเลยไม่ได้เห็นแววตาจริงจังหนักแน่นอย่างคนตัดสินใจอะไรบางอย่าง เงยหน้าขึ้นมองสายตาคู่นั้นก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนเหมือนเดิมแล้ว


   ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงเสียที วันที่จะทำอะไรๆ ให้มันชัดเจนกว่าเดิม ผมยืนอยู่หน้าบ้าน มองกระถางต้นไม้ที่แม่ปลูกด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งตื่นเต้น กังวล เศร้า ดีใจที่ยังมีพี่ชายอยู่เคียงข้าง มือหนาเลื่อนมากุมมือผมไว้แน่น อุณหภูมิร้อนส่งผ่าน ผมรับรู้ได้ว่าพี่ชายเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน

   ผมเป็นฝ่ายเดินนำตามประสาเจ้าบ้าน เห็นคนสวยกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา ด้านข้างมีเจ้าหมาน้อยประจำบ้านผงกหัวมองผมนิดนึงแล้วนอนต่อสบายใจเฉิบ

   “แม่ครับ”

   คนสวยหันมาตามเสียงเรียก ใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไปตามกาลเวลายังคงยิ้มแย้มมองลูกชายเพียงคนเดียวด้วยความรักเต็มเปี่ยม ผมสะอึกรู้สึกมีก้อนจุกมาอยู่ที่คอ ทั้งหมดทั้งสิ้นในโลกใบนี้ คนที่ผมรักยิ่งกว่าชีวิตของตัวเองก็คือแม่ แม่ที่เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่อยู่ในท้องด้วยตัวคนเดียว ไม่มีคนช่วย ไม่มีสามีคอยอยู่เคียงข้าง และผมกำลังทำให้คนที่รักผมที่สุดผิดหวัง...

   ผมตกลงกับพี่ชาย ผมจะขอเป็นคนบอกกับแม่เองในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ยอมรับสิ่งที่ตัวเองพลาดอย่างเต็มใจ ไม่อยากเอาแต่หลบด้านหลังให้พี่ชายรับหน้าเพียงลำพัง

   ร่างเล็กย่อตัวลงคลานเข่าไปซบตักแม่โดยมีพี่ชายยืนมองส่งกำลังใจให้อยู่ด้านหลัง แม่รู้ได้ทันทีว่าลูกชายมาเพื่อคุยเรื่องสำคัญ มือหยาบกร้านจากการทำงานบ้านหยิบรีโมทปิดทีวีเกิดเป็นความเงียบปกคลุมภายในห้อง สัมผัสอ่อนโยนลูบหัวจนผมน้ำตาคลอ

   “มีอะไรจะพูดกับแม่ใช่มั้ย” เสียงหวานถามอย่างปราณี ผมผงกหัวรับเงยหน้ามอง

   “ผม...” ริมฝีปากเม้มสนิท แม่ยังคงรอฟังอย่างใจเย็นคล้ายกับว่ารู้อยู่แล้ว สักวันจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้

   “ผมคบกับที่เฟย์อยู่ครับ” สุดท้ายก็กลั้นใจพูดออกไปจนได้ ฝ่ามือที่คอยลูบหัวชะงักนิ่งไปชวนให้ใจเสีย แม่ดันให้ผมผละออกพลางก้มลงมาสบตา

   “ใช่ตั้งแต่ครั้งแรกที่แม่เจอรึเปล่า” ประโยคนี้หันไปถามพี่เฟย์ที่ยังคุกเข่าเยื้องไปด้านหลัง ผมมองตาม พี่เฟย์ส่ายหัวขยับเข้ามานั่งใกล้ผมมากขึ้น

   “ไม่ใช่ครับ หลังจากนั้น เพิ่งคบกันตอนน้องเข้ามหาลัย”

   แม่ผมเพียงแค่พยักหน้ารับเนิบๆ แล้วถามต่อไม่แสดงท่าทีอะไรเป็นพิเศษ ส่วนผมได้แต่นั่งใจสั่นอยู่กับที่ ฟังสิ่งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองคนคุยกัน

   “เพราะแบบนี้รึเปล่า ถึงอยากให้น้องไปอยู่ด้วย”

   “ไม่ครับ ตอนแรกผมคิดกับปอนด์แค่น้องชายคนหนึ่งจริงๆ ผมเป็นห่วงเวลาน้องอยู่ที่หอคนเดียว ผมเพิ่งมั่นใจความรู้สึกตัวเองหลังจากที่น้องมาอยู่ด้วยสักพัก”

   “แม่เป็นคนฝากให้เฟย์ดูแลน้องด้วยตัวเอง เฟย์ตอบแม่ทีว่าแม่คิดผิดใช่มั้ย...”

   น้ำเสียงแม่เต็มไปด้วยความผิดหวังแบบที่ผมฟังยังปวดใจ กับพี่เฟย์ที่ถูกพูดถึงโดยตรงคงหนักยิ่งกว่าผมหลายเท่า พี่ชายนิ่งไป แม้สีหน้ายังคงสงบแต่มือกำแน่นผมอยากเข้าไปช่วยคลายออก อยากจะบอกว่าผมอยู่ข้างพี่ แต่แม่ผมรั้งตัวไว้

   ร่างสูงที่นั่งหลังตรงมาตลอด ก้มลงกราบแทบเท้าผู้หญิงเพียงคนเดียวในบ้าน

   “แม่ไม่ได้คิดผิดครับ เป็นผมแย่เองที่ทำให้แม่ผิดหวัง คำขอโทษคงไม่เพียงพอกับสิ่งที่ผมทำลงไปกับน้อง ถึงอย่างนั้นผมก็อยากบอก ผมขอโทษครับแม่”

   พี่เฟย์ไม่ยอมเงยหน้าขึ้น ผมกัดปาก หันไปพูดกับแม่เสียงสั่น ขอบตาร้อนผ่าว จวนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

   “แม่ครับ ถ้าพี่เฟย์ผิด ผมเองก็ผิดด้วย ผม...” ไม่ทันจะพูดต่อ แม่ผมยกมือเป็นเชิงห้ามแล้วหันมาคุยกับผมแทน

   “น้องปอนด์รู้รึเปล่า ความฝันของแม่คืออะไร”

   “แม่อยากมีหลาน... แต่ผม” แม่พูดตลอด ถ้าผมมีลูกเอามาให้แม่เลี้ยงก็ได้ ถ้าเป็นลูกชายคงซนน่าดูเหมือนกับผมตอนเด็ก ส่วนถ้าเป็นลูกสาวคงน่ารักน่าชัง แม่จะพาไปเลือกผ้าสวยๆ ใส่ จะเลี้ยงดูยังไงบ้าง วางแผนอนาคตพร้อมสรรพ ภาพรอยยิ้มเสียงหัวเราะยามแม่พูดถึงเรื่องพวกนี้ยังตอกย้ำอยู่ในหัวจนตื้อไปหมด

   “ใช่ แม่อยากมี... ความฝันของแม่คือการที่ลูกชายของแม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี เอาตัวรอดในสังคมได้ มีครอบครัวอบอุ่น มีหลานมาให้แม่คลายเหงา ไม่จำเป็นต้องอยู่กับแม่ตอนแก่ก็ได้ ขอเพียงลูกมีชีวิตที่ดีแม่ก็พอใจแล้ว” น้ำเสียงของแม่สั่นเครือ ผมไม่อาจอดทนได้ต่อไป ผมร้องไห้คว้ามือแม่มาซบแนบแก้ม พี่ชายขยับตัวนั่งตามเดิม จ้องมาทางเราสองแม่ลูกแบบไม่หลบหน้าหนี ขบกรามจนฟันขึ้นสันนูน

   “แม่…”

   “ถึงอย่างนั้น สิ่งที่แม่ต้องการจริงๆ คือ... แม่อยากให้ลูกมีความสุข แม้ในวันที่จะไม่มีแม่อยู่ก็ตาม” ผมยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้แม่โดยไม่สนใบหน้าเปียกชื้นของตัวเอง ผมรู้... ผมรู้ดี แม่ไม่อาจอยู่กับผมได้ตลอดกาล ผมเคยคิดด้วยซ้ำ ถ้าวันไหนแม่เป็นอะไรไป ผมอยากจะจากไปพร้อมกับแม่ ผมโตมามีแต่แม่เพียงคนเดียว คงอยู่ไม่ได้แน่ถ้าขาดแม่ไป

   ตอนนี้ความรู้สึกเหล่านั้นเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย ผมมันเป็นลูกที่แย่ เรียนก็ไม่เก่ง ไม่เคยประสบความสำเร็จให้แม่ภูมิใจเลยสักครั้ง ไม่เก่งเหมือนกับลูกคนอื่นๆ แถมยังทำให้แม่เสียใจในความรักของตัวเองแล้วยังความรู้สึกบ้าๆ นี่อีก ความคิดที่ว่า หากมีพี่เฟย์ ในวันที่ต้องจากลา ผมคงยังมีชีวิตต่อไปได้

   ดวงตาของแม่ มองลึกเข้ามาในแววตาสั่นไหวของผม แม่รู้ทุกอย่างที่ผมคิดแค่เพียงไม่พูดออกมาเท่านั้นเอง แม่คว้าผมเข้าไปกอดแน่น

   “แม่รักลูกนะปอนด์ ลูกเป็นแก้วตาดวงใจของแม่ เป็นคนที่ทำให้แม่เข้มแข็งและผ่านอุปสรรคไปได้ทุกครั้ง เพียงแค่คำเดียว ถ้าฉันเป็นอะไรไป ถ้าฉันยอมแพ้ แล้วลูกฉันล่ะจะเป็นยังไงต่อไป”

   “ฮึก ฮือ....” ผมตอบอะไรไม่ได้นอกจากเสียงสะอื้น ร้องไห้จนปวดหัวไปหมด ก้อนแข็งจุกอยู่ที่คอจนเจ็บ แม่เช็ดน้ำตาตัวเอง เรียกพี่ชายเข้ามาใกล้ๆ พอร่างสูงขยับมาในระยะ วงแขนเล็กของผู้หญิงกอดผมกับพี่เฟย์ไว้ในอ้อมแขนสั่นเทา

   “ถ้าเฟย์คือคนสำคัญของปอนด์ แม่ยอมรับได้ ขอเพียงแค่ลูกของแม่มีความสุขก็พอ” ผมผงกหัวรับคำของแม่ ใบหน้าที่ยังมีเค้าความงดงามในอดีตจับจ้องบนใบหน้าหล่อเหลาขอบตาแดงแม้ไม่มีน้ำตาสักหยด

   “เฟย์ แม่จะให้โอกาสอีกครั้ง รักน้อง ดูแลน้องให้ดี แม่เข้าใจว่าอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ถ้าวันไหนลูกเลิกกันไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม จะช่วยแม่ดูแลน้องเหมือนเดิมได้มั้ย อย่าทิ้งน้องไว้เพียงลำพัง น้องไม่มีใครนอกจากแม่ แม่ขอแค่นี้ทำให้แม่ได้รึเปล่า” คนสวยของผมจ้องพี่เฟย์นิ่ง ผมจับมือแม่รอฟังคำตอบเช่นเดียวกัน

   “ผมสัญญาครับแม่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าตอนนั้นผมกับน้องจะยังรักกันอยู่หรือว่าเลิกรากันไปแล้ว ปอนด์จะยังคงเป็นคนสำคัญของผมไม่เปลี่ยน ไม่ว่าจะคนรักหรือว่าคนในครอบครัว ผมจะดูแลจนกว่าตัวผมจะไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกต่อไป” เสียงทุ้มเอ่ยหนักแน่น ผมเต็มตื้อในอก น้ำตาเอ่อคลออีกรอบ ไม่ได้มาจากความเศร้า แต่เป็นความดีใจ แม่จับมือพวกเรามาประกบกัน

   “ดี... ดี แม่ยอมรับว่าแม่ผิดหวัง แต่แม่ไม่เสียใจที่พวกลูกเป็นแบบนี้ รักกันดีๆ มีอะไรให้คุยกับตรงๆ ถ้าเหนื่อยก็พักแล้วค่อยสู้กันใหม่ เฟย์ก็เหมือนลูกแม่อีกคนมีอะไรมาหาแม่ได้เสมอ ปอนด์ด้วยอย่างอแงกับพี่เขาให้มากนัก”

   “ครับ” พี่เฟย์เป็นคนรับคำ ส่วนผมยังน้ำตาอาบแก้มพูดไม่เป็นคำ ได้แต่พยักหน้ารับอย่างเดียว

   “ไป พากันล้างหน้าล้างตา แล้วมานั่งคุยกันดีๆ”

   ไม่มีอะไรให้ต้องปฏิเสธ ผมเดินตามแม่ไปล้างหน้า ก่อนมานั่งปรับอารมณ์คุยกัน ผมเข้าใจ แม่ผิดหวังในตัวผมที่ไม่ได้เป็นผู้ชายธรรมดา รักผู้หญิงอย่างใครเขา ถึงอย่างนั้นแม่ก็ยังรักผมอยู่ดี อีกอย่างผมรู้สึกได้ว่าความจริงแม่ไม่ค่อยโอเคกับความสัมพันธ์ของผมกับพี่ชายนัก แต่มันคือความสุขของผม เป็นสิ่งที่ผมเลือกและตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่เฟย์แสดงจุดยืนชัดเจน นี่ถ้าพี่เฟย์นิสัยแย่กว่าที่เป็นอยู่แม้แต่นิดเดียว แม่คงไม่ยอมง่ายๆ แบบนี้หรอก

   อีกอย่าง แม่ผมเล่าว่าพอจะเดาความสัมพันธ์ของพวกเราได้ตั้งแต่แรกแล้ว เลยมีเวลาทำใจนานหน่อย

   “แม่ครับ วันหยุดคราวหน้าผมว่าจะพาปอนด์ไปแนะนำกับทางบ้าน”

   พี่ชายพูดขึ้น สีหน้าจริงจัง

   “แล้วที่บ้านเราไม่มีปัญหาใช่มั้ย รังแกลูกแม่เหมือนแม่สามีกับลูกสะใภ้ในละครแม่ไม่โอเคนะ” คนสวยพูดเสียงเข้มตวัดสายตามอง แอบเห็นพี่เฟย์สะดุ้งยิ้มแห้ง

   “ไม่เป็นไรแน่นอนครับ ที่บ้านรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว เพียงแค่ยังไม่เคยพาปอนด์ไปแสดงตัวเท่านั้นเอง” ซึ่งสาเหตุไม่ใช่พี่เฟย์เลี่ยงไม่อยากโชว์ตัวผมหรอก เป็นผมนี่แหละไม่กล้าไป ทำลูกชายสุดเพอร์เฟคเขาเป็นเกย์เนี่ย เสียวๆ จะถูกถีบกลิ้งกลับกรุงเทพแทบไม่ทัน

   “งั้นเหรอ... เอาเถอะ ถ้าจริงจังกันก็ควรจะพาไปพบญาติผู้ใหญ่”

   ได้ไฟเขียวพี่ชายยิ้มร่า ส่วนผมนั่งกังวลต่อไป หวังว่าจะรอดนะตู อ่อ ยังมีโฟมอยู่ ให้โฟมช่วยอีกแรงดีกว่า

   “นี่ แม่ถามหน่อยสิ ปอนด์เป็นเกย์เหรอลูก” จู่ๆ แม่สะกิดถาม ผมแทบสำลักน้ำลายตัวเอง หันมองตาโตอ้าปากค้าง ยกนิ้วชี้หน้าตัวเอง

   “หะ!? ผมเป็นเกย์เหรอ” อันนี้ผมงงเหมือนกัน ที่ผ่านมาเคยแอบชอบ แอบหลงแต่ผู้หญิง แม้เป็นหนุ่มวายก็ตาม เพิ่งจะมามีพี่เฟย์เนี่ยแหละที่เป็นแบบนี้แล้วผมก็ไม่รู้สึกอะไรกับผู้ชายคนอื่นด้วย หมายความว่าผมเป็นเกย์รึเปล่าหว่า

   “เอ้า มาถามแม่กลับแล้วแม่จะรู้กับเรามั้ย หรือจะเป็นอะไรนะ ไบๆ”

   “ไบเซ็กชวลรึเปล่าครับ" คนตัวสูงเสริม เออ น่าคิด อาจจะเป็นไปได้

   “ใช่ๆ ที่ชอบทั้งชายทั้งหญิง”

   “สำหรับผม ไม่สำคัญหรอกครับว่าจะเป็นอะไร เพราะผมรักปอนด์ที่เป็นปอนด์ ต่อให้น้องเป็นผู้หญิงผมก็ยังรัก” พูดจบแล้วยิ้มหล่อ แม่ผมมองตาปริบๆ แล้วหันมาซุบซิบกับผม

   “แม่พอเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมน้องปอนด์ถึงรักเฟย์นัก” เล่นทักกันแบบนี้ผมจะทำอะไรได้นอกจากยิ้มแหยหน้าแดงก่ำ ไม่ต้องมามองตาระยิบระยับเลย เดี๋ยวปั๊ดจิ้มตาแตก ผมมองค้อนใส่พี่เฟย์ เจ้าตัวทำเป็นไม่เห็น หันไปช่วยแม่คุยเปลี่ยนเรื่องเกี่ยวกับทำอาหารแทน ถนัดเขาแหละ

   ผมลูบหัวเจ้ามอมหมาน้อยของผม ฟังเสียงแม่คุยกับพี่เฟย์อย่างออกรสออกชาติเหมือนคุณนายสองคนกำลังเม้าส์มอยกัน

   จบลงด้วยดี แม้จะยังไม่ทั้งหมด แต่ก็มากพอเป็นกำลังใจให้ลุยด่านต่อไป ผมอาศัยช่วงพี่ชายอาสาเข้าครัวทำมื้อค่ำ ดึงแม่ออกมาคุยกันสองคน ยังมีอีกสิ่งที่ผมคิดหนัก

   “แม่ เรื่องป๊ะป๋า...”

   “แม่รู้ เดี๋ยวแม่ช่วยพูดให้เอง ถ้าเขาไม่ยอมก็เรื่องของเขา ไม่ได้มาอยู่ด้วยซะหน่อย เราจำไว้แค่ว่าแม่ยอมรับแล้วก็พอ”

   “เอางั้นเหรอ” ถึงพ่อจะไม่อยู่ด้วยแต่ก็คอยส่งเสียถามไถ่สารทุกข์สุขดิบผมมาโดยตลอด สอนนู่นสอนนี่สารพัด แม่เล่นพูดซะไร้เยื่อใยเลยเหอะๆ

   “อย่างงั้นแหละ เลิกคิดมากได้แล้ว ชีวิตเรา เราเลือกเองต้องยอมรับผลที่ตามมา เอาเวลามาคิดเรื่องป๊ะป๋า ไปคิดว่าจะทำยังไงให้บ้านนั้นพอใจดีกว่า”

   “แหงะ” ผมส่งเสียงเหมือนเขียดโดนเหยียบ ไม่เคยได้ยินหรอก มโนเอา แม่หัวเราะขยี้หัวผมแล้วเดินกลับเข้าไปในครัวหลังพี่เฟย์ขอให้ช่วยชิมแกง สมัยนี้ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างเดียวแล้วครับ ใช้เสน่ห์ปลายจวักมัดใจผู้ใหญ่เนี่ย พี่เฟย์นี่ขั้นปรมาจารย์ ไอ้ผมทำอาหารไม่เป็น งานบ้านพอทำได้จะเอาอะไรไปมัดใจพ่อตาแม่ยายดี สงสัยต้องใช้ความน่ารัก ช่างคุยแทนแล้วมั้ง เห็นงี้ผมเป็นที่เอ็นดูกับผู้ใหญ่นะ สู้ตายเว้ย!

หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่26 แม่ [UP!14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-03-2016 02:32:13
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่26 แม่ [UP!14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-03-2016 08:42:22
ดีนะที่แม่ยอมรับได้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่26 แม่ [UP!14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-03-2016 09:39:07
ซึ้งจัง คบกันดีๆนะ เหมือนเห็นลูกสาวออกเรือนเลย
ปริ่ม  :mew4: 
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่26 แม่ [UP!14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: anawas ที่ 14-03-2016 17:00:49
วายที่3 งานคอสเพลย์

   นอกจากงานหนังสือแล้ว ยังมีอีกงานหนึ่งที่เหล่าโอตาคุชายหญิง และบรรดาสาวกวายทั้งหลายสนใจมาก นั่นก็คือ.... งานคอสเพลย์!

   แล้วยิ่งงานคอสไหนผสมกับพวกคอมมิก ขายพวกนิยาย การ์ตูน โดจิน งานเกี่ยวกับการ์ตูนเข้าไปด้วย ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ ตอนนี้ผมมีเป้าหมายใหม่ครับ นั่นก็คืองานนี้แหละ ผมอยากไปดูคนอื่นคอสเพลย์ อยากแต่งตัวเล่นๆ ไปซื้อของด้วย รายการที่อยากพิมพ์ไว้ในมือถือครบ วิธีการไป กฎการเข้างาน ศึกษามาพร้อมสรรพ

   ขาดอยู่อย่างหนึ่ง ผมไม่มีเพื่อนไปอะ กระซิกๆ เพื่อนผมไปก็จริง แต่ขานั้นต้องเฝ้าบูธขายของ ของตัวเอง ออกมาป้วนเปี้ยนเล่นกับผมไม่ได้ เพื่อนคนอื่นที่ไปทางนั้นก็คอสเหมือนกัน ไปกับเพื่อนอีกกลุ่ม ผมไปแจมก็ใช่ที่ ไม่รู้จัดด้วย
   
   เหลือตัวช่วยคนสุดท้าย... ถ้าคนนี้ไม่ไป ผมคงได้ลุยเดี่ยวของจริง ผมนั่งลังเลอยู่หน้าจอคอม ที่เปิดเอ็มค้างไว้ ชื่อคนนั้นกำลังออนอยู่ ผมยังไม่กล้าทักไป

   นับตั้งแต่วันที่ไปเจอกันรอบสอง แลกหนังสือกัน หลังจากนั้นก็มีนัดเจอกันบ้างตามประสา แต่ไม่บ่อย นานๆทีจะนัดสักทีเพราะพี่เขาไม่ค่อยว่าง ผมเองก็ติดเรียน ดีหน่อยตอนนี้ผมปิดเทอมอยู่ เหลือแค่ทางนั้นต้องทำงานตามปกติ ผมกำลังจะขึ้นม.5แล้วครับ

   ผมจะชวนพี่เขาไปงานคอสอาทิตย์หน้า เจ้าตัวจะว่างไหมหว่า มันตรงกับวันหยุดอยู่นะ แต่กลัวว่าจะติดพวกงานด่วนจัง เอาวะ สู้ๆ ลองถามไปก่อนแล้วกัน ลุย!

   Ponda : ดีฮะพี่

   fay_ie : ไงเรา ทักช้ากว่าปกติ ติดเกมล่ะสิ

   Ponda : ไม่ใช่สักหน่อย! เอ่อ...วันอาทิตย์นี้พี่ว่างป่าว

   fay_ie : ว่างนะ จะนัดเจอรึไงเรา

   Ponda : ก็ไม่เชิง แบบ มันมีงานคอสอะ ขายพวกของการ์ตูนในงานด้วย ผมว่าจะไปอยู่

   พี่เขานิ่งไป ผมนั่งลุ้นอยู่หน้าจอ สักพักถึงถามกลับมา

   fay_ie : เราไปกับใคร นัดเพื่อนไว้รึเปล่า?

   Ponda : เจอเพื่อนที่นู่นอะ แต่เพื่อนเฝ้าบูธ ผมว่าจะไปเดินซื้อของแล้วก็กลับ แต่งเล่นๆแค่นั้น

   fay_ie : หืม? อยากให้พี่ไปด้วยเหรอ?

   เจอคำถามงี้เข้าไป ผมนั่งตัวแข็งทื่อ เหมือน คือจริงๆแล้วก็อยากให้ไปแหละ แต่แบบ จะให้พูดมันก็... ใครจะไปยอมรับง่ายๆกัน!

   Ponda : เผื่อพี่มีของอะไรอยากซื้อไงฮะ งานนี้ของน่ารักๆเยอะนะ มีพวกวายด้วย

   fay_ie : หึหึ

   อ๊ากกก พิมพ์กลับมาแบบนี้ อย่างกับมีภาพฉายขึ้นมาเลย อีกด้านพี่ชายสุดหล่อคงกำลังขำผมอยู่แน่ๆ โดนรู้ทัน ฮึ่ย เขินหนักกว่าเก่าอีก ใครก็ได้ เอาปูนมาฉาบหน้าให้ผมที

   Ponda : ขำอะไรพี่

   fay_ie : อยากให้พี่ไปด้วยก็บอกมาสิ...

   ฉ่า...ความร้อนพุ่งขึ้นหน้า แทบอยากเอาหัวโขกคีย์บอร์ด

   Ponda : ป่าวสักหน่อย ก็แค่ถามดู

   fay_ie : อ่าฮะ... แล้วจะให้พี่ไปด้วยมั้ย?

   ผมนั่งนิ่งอยู่หน้าคอม มองข้อความที่พี่เขาตอบกลับมาแบบเหม่อๆ อยากให้ไปด้วยมั้ย...อยาก อยากสุดๆเลย ไม่งั้นคงไม่ชวนหรอก แต่...  ริมฝีปากเล็กเม้มสนิท กลั้นใจพิมพ์ทั้งที่แอบสั่นๆ

   Ponda : พี่จะไปด้วยป่าวล่ะ

   fay_ie : อืมมม ไปก็ได้... ไม่งั้นเดี๋ยวเด็กน้อยแถวนี้จะงอนพี่ที่ไม่ยอมไปด้วย

   ต่อจากนี้ไม่ต้องพงต้องพิมพ์มันแล้วครับ ผมละจากจอคอม กระโดดขึ้นเตียง คว้าผ้าห่มมากอด กลิ้งไปกลิ้งมาทึ่งหัวตัวเองเหมือนคนบ้า เห็นแม่ยืนทำหน้าเหมือน เด็กนี้ไม่ใช่ลูกฉัน อยู่หน้าประตูผมถึงได้สติ ยิ้มให้แม่ เดินเข้าไปกอดเอวออดอ้อนจนโดนดันหัวออก

   “เมาอากาศรึไงน้องปอนด์ แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว ลงไปช่วยจัดโต๊ะกินข้าวเร็ว”

   “คร้าบ”

   ผมรับคำว่าง่าย ไหลไปบอกพี่เฟย์ว่าขอตัวไปกินข้าว แล้ววิ่งทั่กๆ ลงไปชั้นล่าง กินเสร็จผมเป็นคนเก็บโต๊ะล้างจาน เอาขยะไปทิ้ง หยอกเล่นกับเจ้าหมาที่บ้านสักหน่อย ค่อยขึ้นมานั่งเล่นคอมต่อ พวกเราคุยกันจนดึก สุดท้ายพี่เขาก็ไล่ผมไปนอน ผมเลยต้องหอบสังขารตัวเองไปอาบน้ำมานอนกลิ้งเฝ้ารอวันที่จะได้ไปงานคอสเพลย์ ดูท่าผมชักจะเริ่มอาการหนักแฮะ

   และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง ผมเตรียมชุดใส่กระเป๋า ไม่คิดเปลี่ยนจากบ้าน ถึงมันไม่ได้ชุดหรูหราอะไร แต่ถ้าให้ใส่ไปคงไม่ไหว เด่นตายชัก

   โชคดีที่งานจัดขึ้นไม่ไกลจาก BTS แค่นั่งยาวไปลงเดินต่ออีกหน่อยก็ถึง ผมนัดกับพี่เฟย์ไว้ที่สถานีนั้นแหละ พอลงจากรถเดินลงมาประตูทางออกตามนัด ร่างสูงเด่นเข้าตาเป็นคนแรก หนุ่มวัยทำงาน สลัดมาดพนักงานบริษัท ใส่เสื้อยืดสีดำคอวีพอดีตัวทำให้เห็นสัดส่วนปานนายแบบรางๆ กางเกงยีนเซอร์ๆ กับรองเท้าสุดเท่ ยืนหล่อเช็คกล้องถ่ายรูปที่คล้องอยู่ตรงคอ มือข้างถึงถือถุงกระดาษ

   นึกอยากหมุนตัวกลับ หลายคนที่มางานเดียวกัน บางคนแต่งชุดคอสเพลย์แล้ว พากันมองแบบเหลียวหลัง งานนี้ยิ่งเป็นงานเกี่ยวกับพวกของวายซะด้วยสิ อินเมจเมะสุดเพอร์เฟคกระตุ้นต่อมจิ้นเหล่าบรรดาสาววายดีนักแล รวมถึงผมด้วย ถ้าผมไม่ได้เป็นคนที่นัดมาอะนะ

   ใบหน้าหล่อเหล่าเงยขึ้นมอง เห็นเด็กน้อยที่รอยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่ได้คิดอะไรมาก เลยเดินเข้าไปหาเองซะเลย

   “ปอนด์ ทำไมยืนนิ่งงั้นล่ะ จะแต่งคอสเพลย์ด้วยไม่ใช่เหรอ ไปเปลี่ยนชุดสิ พี่รอถ่ายรูปอยู่”

   พี่รอถ่ายรูปอยู่…

   พี่รอถ่ายรูปอยู่...

   คำนี้วนเวียนอยู่ในหัว มือกำสายเป้แน่น เดินเหมือนหุ่นยนต์ เรียกเสียงหัวเราะจากคนข้างๆ พอเห็นแววว่าจะชนชาวบ้าน ต้องคอยคว้าจับ สุดท้ายจูงพาไปที่ห้องน้ำให้เปลี่ยนเสื้อผ้า

   นักคอสเพลย์ชายดูจะน้อยกว่าผู้หญิง ส่วนใหญ่มักจะแต่งมาจากที่บ้านมากกว่า เพราะชุดตัวละครชายไม่ค่อยมีอะไรมากนัก เฉพาะบางตัวนะ ผมยิ่งง่ายใหญ่ ถอดเสื้อเปลี่ยนชุดแปบเดียวเสร็จ ไม่ต้องแต่งหน้าเซตผมอะไร สไตล์หัวยุ่งๆผมนี้แหละแจ่มระ

   ผมออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดปกกะลาสีเด็กผู้ชาย เสื้อสีขาว ปกสีน้ำเงินกับผ้าสีเดียวกัน กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ถุงเท้าสีขาว ปิดท้ายด้วยรองเท้านักเรียนแบบญี่ปุ่นที่ลงทุนซื้อมาใหม่ เท่านี้ก็เรียบร้อย ตัวนี้ผมสั่งซื้อทางเน็ต ซักรีดแล้วหอมฟุ้งด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม รับประกันด้วยแม่ผมเลย

   “พี่เฟย์ ผมมาแล้ว”

   ผมดึงๆชายเสื้อเรียกคนตัวโตที่ยืนรออยู่ พอพี่เฟย์หันมาเห็นผม ติดสตั๊นไปชั่ววูบ ผมเอียงคอมองงงๆ

   “อะแฮ่ม น่ารักมากเลย ปะ เราเข้าไปในงานดีกว่า”

   คนตัวโต รับเป้ใส่เสื้อผ้ามาสะพายไว้แทน แล้วจูงมือเด็กน้อยเข้าไปในงานท่ามกลางสายตาทุกคนที่มองเห็น ในใจเฟย์ตอนนี้ช่างแตกต่างกับสีหน้าปกติ แวบแรกที่เห็นเด็กน้อยน่ารักในชุดปกกะลาสี ผมนุ่มอย่างกับขนแมวดูยุ่งๆ ให้อารมณ์เหมือนลูกแมวซุกซน ดวงตากลมโตสีดำ ปากนิดจมูกหน่อย ทั้งที่อยู่ม.ปลาย หน้าตากลับเด็กมากจนน่าตกใจ

   อยากอุ้มกลับบ้านว้อย!!!

   “พี่เฟย์ๆ เป็นอะไรไปเหรอฮะ”

   “ป่าวๆ พี่แค่คิดอะไรเพลินๆน่ะ ตรงนั้นมีของคอสเพลย์ด้วยไปดูหน่อยมั้ย”

   “ไปๆ ผมอยากได้หูแมวพอดีเลย”

   ร่างเล็กเป็นฝ่ายลากพี่ชายไปแทน หยุดยืนดูอยู่ตรงร้านขายพวกของคอสเพลย์ มีพวกหูหางแมว ปลอกคอ ชุดคอสเพลย์แบบเป็นเซต หูกระต่าย และอีกสารพัด

   ดวงตาคมไปสะดุดเข้าไปหูแมวดำขนนุ่ม ด้านในเป็นผ้าสีชมพูอ่อน ใกล้ๆกันมีหางแมวยาวแบบดัดได้ใช้ขนแบบเดียวกัน ถัดไปอีกหน่อยเป็นถุงมืออุ้งเท้าแมวมีปุ้มเท้านุ่มๆสีชมพู ไม่รู้อะไรดลใจ เฟย์เลือกหยิบเซตนี้ให้พนักงาน แถมเลือกปลอกคอแบบเป็นริบบิ้นสีดำติดกระพรวน กับริบบิ้นสีแดงเส้นเล็กอีกสองสามเส้น

   อาศัยช่วงที่เด็กน้อยกำลังสนใจดูของอย่างอื่น ยืนถักปลอกคอด้วยริบบิ้นขึ้นมาใหม่ เป็นเส้นสีดำสลับแดง แล้วจัดการใส่ให้คนข้างตัวซะเลย แถมที่คาดผมหูแมวดำ ติดหางพร้อม ปิดท้ายด้วยถุงมือแมวใส่มือเล็ก คนโดนจับแต่งตัวก้มมองตัวเอง พอจะอ้าปากทักเรื่องคนจ่ายเงิน กลับถูกขัดซะนี้

   “เหมาะมากเลย เดี๋ยวเดินดูของ ซื้อจนครบแล้วไปถ่ายรูปด้านนอกกันดีกว่า”

   ผู้ใหญ่มีสกิลหลอกล่อสูงลิบ จูงมือลูกแมวให้เดินตามต้อยๆ ได้ยินเสียงกระพรวนใสๆดังอยู่ข้างๆ หลายคนที่เห็นต่างมองตามกันจนแทบเหลียวหลัง เสียงซุบซิบมีให้ได้ยินไม่ได้ขาด

   “น่ารักจังเลย พี่ชายกับน้องชายรึป่าว”

   “ไม่หรอก ต้องคบกันแน่ๆ”

   “บ้าหน่า แบบนี้ก็เข้าข่ายกินเด็กสิ กรี๊ด กินเด็กเป็นอมตะ”

   เห็นพี่เฟย์สะดุดเข้ากับประโยคสุดท้าย ผมเองได้ยินเต็มสองหู ทั้งขำทั้งเขินในเวลาเดียวกัน เอาเป็นว่าถ้าแต่งออกมาแล้วไม่ดูแย่ก็โอเคล่ะนะ ผมเลยไม่คิดถอดพร็อพพวกนี้ออก ยกเว้นถุงมือ เพราะต้องหยิบจับซื้อของที่อยากได้ ผมวนเวียนไปทุกร้าน บางร้านเดินผ่านแล้วผ่านอีกถึงตัดสินใจซื้อได้ บางอย่างสนใจ แต่กลับไม่ซื้อก็มี

   ของที่ซื้อมาก็มีพวก โดจิน หนังสือการ์ตูนออริ ยัดใส่เป้ที่พี่ชายสะพายไว้ น่าเสียดายนิดหน่อย เพื่อนผมเพิ่งโทรมาบอกว่า ติดธุระกะทันหันเลยไม่ได้มาที่บูธ แต่ฝากคนอื่นมาแทน ผมไม่รู้จักเลยไม่เข้าไปหา หลังซื้อของเสร็จ ตัดสินใจออกจากฮอลล์เลย

   ด้านนอกมีลานโล่ง กับโซนพื้นหญ้า ต้นไม้บ้าง คนแต่งชุดคอสเพลย์กับตากล้องอยู่กันแบบระรานตา แต่ละคนแต่งชุดมาจัดเต็มมาก ผมมองด้วยความตื่นเต้น กลุ่มไหนกำลังยืนให้ถ่ายรูป ผมก็ลากพี่ชายเข้าไปถ่ายเก็บภาพให้ด้วย คนตัวโตส่ายหัวกับลูกแมวตัวน้อยแสดงอาการดีใจแบบไม่ปิดบัง หารู้ไม่ ตากล้องที่มาด้วยนี้แหละ แอบถ่ายรูปไปเป็นโหลๆ และคอยกันท่าพวกท่าทางไม่น่าไว้ใจ ที่คิดจะเข้ามาใกล้ลูกแมวที่กำลังเริงร่า

   “พี่ๆ ตรงนั้นมันเมะวายที่กำลังดังตอนนี้นี่นา สุดยอดเลยอะ เหมือนมาก ทั้งชุด ทั้งทรงผม คนถ่ายรูปเต็มเลย”

   “ใจเย็นๆ เขาไปวิ่งหนีไปไหนหรอกหน่า วิ่งมากระวังสะดุดล้มนะ”

    “ผมไม่ได้ซุ่มซ่ามขนาดนั้นสักหน่อย”

   ผมหันไปบ่นอุบอิบใส่ พอดักับมีผู้หญิงในชุดโลลิต้ากับชุดเมดสองคนเดินมาทางพวกเรา

   “เอ่อ...ขอโทษนะคะ ขอถ่ายรูปหน่อยคะ” สาวชุดเมดถาม ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก ตั้งแต่ออกมาจากฮอลล์มีคนอื่นมาขอถ่ายรูปผมบ้างเหมือนกัน ทุกคนสุภาพใจดี แรกๆก็เขิน เกร็งๆอยู่บ้าง ช่วงหลังคงเริ่มชิน

   “ได้ครับ ถ่ายตรงไหนดี?”

   ผมถามแบบนี้เพราะบางคนเขาขอให้ไปถ่ายคู่กับคนอื่นด้วย ว่าตามจริง ถ้าไม่มีพี่เฟย์อยู่ ผมคงโดนฟัดจนขนยับแหงๆ

   “ตรงนี้ก็ได้ค่ะ แต่... คุณพี่ชายช่วยอุ้มคุณน้องชายหน่อยได้รึเปล่าคะ เอ่อ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร...”

   “ได้สิ”

   เสียงทุ้มตอบรับ พร้อมกับตัวผมที่ถูกอุ้มจนตัวลอยจากพื้น พี่ชายแข็งแรงมาก อุ้มผมด้วยแขนข้างเดียวสบายๆเลย เหมือนเวลาพ่อบ้านปีศาจอุ้มนายน้อย ผมได้ยินเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ คนแถวนั้นหลายคนแห่กันมาถ่ายรูปพวกเราสองคน

   “กรี๊ดดด น่ารัก โชตะๆ”

   “พี่ชายกับน้องชาย ฟินพะยะคะ ตายไปไม่เสียดายแล้ว”

   “ขอบคุณตัวเองที่เลือกมางานนี้!”

   เจอแบบนี้เข้าไป ผมเริ่มทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยิ้มให้คนอื่นถ่ายรูป พี่เฟย์ดูไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์ที่เกินขึ้นเลยแม้แต่น้อย ไม่สิ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนงานหนังสือแล้ว ถ่ายรูปไปถ่ายรูปมาจนผมเริ่มจะเหนื่อยกับการแอ๊กท่าแบบที่คนนั่นคนนี้บอก

   พี่ชายสังเกตเห็นเลยกระทำการอุอาจแทบฆาตกรรมหมู่ในงาน ริมฝีปากได้รูปหอมแก้มนุ่มคนที่อุ้มอยู่เร็วๆ เสียงกรี๊ด เสียงรัวชัตเตอร์หนักขึ้นกว่าเก่า ส่วนผมอึ้งอ้าปากค้าง พอได้สติต้องยกมือที่สวมถุงมือแมวมาปิดหน้าแดงๆของตัวเอง จำต้องซุกหน้ากับบ่ากว้าง

   “น้องของผมเหนื่อยแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”

   คำพูดแสนสุภาพ น้ำเสียงชวนฟัง ทำให้ทุกคนเคลิ้มไปชั่วขณะ ยอมเปิดทางปล่อยให้คนตัวโตอุ้มลูกแมวน้อยออกไปโดยดี เด็กน้อยบางคนดูท่าคงไม่อยากดูคนอื่นคอสเพลย์ต่อแล้ว เฟย์เลยอุ้มพาออกมาซะเลย

   “พี่ เดี๋ยวๆ ผมยังไม่เปลี่ยนชุดเลยนะ”

   ผมทักท้วงเมื่อเห็นว่าอีกคนจะพาเดินออกไปทั้งแบบนี้จริงๆ

   “ไม่เป็นไรหรอก ถอดแค่พวกพร็อพออกก็พอ เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้าน มีขนมเอาไปฝากแม่ด้วย ขืนให้เราถือไป คงเละหมดก่อนถึงมือแม่พอดี”

   “ไม่ใช่แบบนั้นสิ ถึงจะเอาพวกนี้ออก แต่ชุดมันก็ยังเด่นอยู่นะ อีกอย่าง มันไม่เกี่ยวกับเรื่องพี่ไปส่งเลยนี่นา”

   “เหมือนชุดไปเที่ยวแหละ เอ้า เรียบร้อย ไปกันเถอะ”

   หูหางถุงมือ พร้อมปลอกคอริบบิ้น ถูกถอดไปเก็บในกระเป๋าเป้ของผมจนหมด นึกอยากประท้วงใจจะขาด แค่ตัวโดนลากขึ้นรถไฟฟ้าไปเรียบร้อย คนมองกันให้พรึบ น่าอาบจริงๆ คนข้างๆไม่สำนึก หัวเราะเบิกบานจนผมหมั่นไส้ใส่ศอกไปทีนึง เลยโดนหยิกแก้มกลับเบาๆ

   วันนี้ ผมกลับมาบ้านด้วยชุดปกกะลาสี ผมคว้ากระเป๋าขึ้น รีบขึ้นไปเปรียบที่ห้องตัวเอง ระหว่างเดินลงมาชั้นล่าง ได้ยินเสียงแม่ผมกับพี่เฟย์คุยกันถูกคอ แม่ชมว่าขนมที่พี่ชายทำอร่อยไม่ขาดปาก ชวนมากินข้าวเย็นด้วยกัน ไปๆมาๆ แขกดันเข้าครัวไปช่วยแม่ผมทำกับข้าวซะงั้น

   ส่วนผมน่ะเหรอ แค่เดินเฉียดครัวก็โดนสองคนนั้นไล่ออกมา ให้นั่งดูการ์ตูนรอข้างนอกแล้ว ชิ ผมแค่ทำอาหารไม่เป็น ทำหม้อไหม้ไปหลายใบ ถ้วยชามแตกไปไม่กี่อย่างแค่นั้นเอง

   จะถามว่าทำไมพี่ชายถึงดูสนิทกับแม่ผม มันเป็นเรื่องก่อนหน้านี้ครับ ทุกครั้งที่นัดเจอกัน พี่จะมาส่งผมขึ้นแท๊กซี่ตามปกติ วันหนึ่งแม่ผมบอกว่าให้พาพี่ชายมาเที่ยวบ้านด้วย คงอยากจะเห็นคนที่ผมคุยด้วยบ่อยๆตามประสาแม่เป็นห่วงลูกนั้นแหละครับ

   ผมเล่าให้พี่เฟย์ฟัง พี่เขาเข้าใจ เลยยอมตามผมกลับมาบ้าน แถมขนมติดไม้ติดมือมานิดหน่อย เจ้าตัวนอกจากจะทำงานบริษัทแล้ว เวลาว่างๆพี่เขาจะรับออเดอร์ทำขนมขาย พวกเค้กอะไรแบบนั้น ซึ่งผมมารู้เอาวันที่พี่ทำมาฝากแม่ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของสองพ่อครัวแม่ครัวที่คุยกันถูกคอเรื่องทำอาหาร ปล่อยให้ลูกชายตาดำๆเป็นแมวหัวเน่าไป

   แต่ไม่เป็นไร เพราะผมได้กินของอร่อยทุกที ไม่ว่าจะของคาวของหวาน ลาบปากผมล่ะ

   “น้องปอนด์ เลิกดูการ์ตูนมาช่วยยกออกไปเร็ว พี่เขาจะไม่ต้องกลับดึก”

   “คร้าบ”

   ผมขานรับเสียงที่ดังมาจากในห้องครัว ลุกจากโซฟา รับจานกุ้งทอดที่พี่ชายยื่นส่งมาให้อีกต่%
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่26 แม่ [UP!14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-03-2016 21:51:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่26 แม่ [UP!14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 14-03-2016 22:11:15
คุณแม่น่ารักอะ อิอิ พี่เฟย์ผ่านฉลุย
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่26 แม่ [UP!14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 15-03-2016 00:25:07
 :impress3: ตามมาจากเรื่องซันโป้ มาเจอเรื่องนี้แบบไปกันคนละงานเลย แต่ก้อได้อารมณ์ใส ๆ ดี ชอบจังเลย เรื่องเกี่ยวกับหนุ่มวายเนี่ยน่าจิ้นจริง ๆ ชอบอ่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่26 แม่ [UP!14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 16-03-2016 03:39:16
คุณแม่ใจดี o13 :z2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่26 แม่ [UP!14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 17-03-2016 23:39:01
อ้าว นึกว่าเรื่องนี้จบแล้วน่ะเนี่ย สรุปว่ายังไม่จบ 555 ดีใจจังเลยที่ยังไม่จบ ชอบอ่ะ น่ารักมุ้งมิ้งมากเลยอ่ะ ปอนด์นี่แบบเคะน่ารักจริง ๆ แต่ชอบหนุ่มวายพี่เฟย์เนี่ยสุดยอดจริง ๆ เป็นผู้ชายในฝันของเราจริงๆ  อิจฉาปอนด์มาก  :mew4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่26 แม่ [UP!14/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 18-03-2016 11:36:52
ซึ้งใจน้ำตาไหล ขอให้ไปกันได้ดีกับครอบครัวพี่เฟย์
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่27 น้องชายตัวดี [UP!29/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 29-03-2016 18:25:16
วายที่27 น้องชายตัวดี
 
ด่านแรกผ่านพ้นไปแล้ว เหลืออีกสองด่านคือครอบครัวพี่เฟย์กับป๊ะป๋าผมเอง ส่วนเพื่อน... น่ากลัวว่ากลุ่มผมจะเป็นเกย์กันยกกลุ่ม ดังนั้นไม่ต้องห่วงเลยว่าพวกนั้นจะรับไม่ได้
 
ซึ่งในตอนนี้ผมกำลังจะเผชิญหน้ากับด่านที่สอง ยืนกลืนน้ำลายอึกมองบ้านขนาดกลาง ด้านหลังคือรถและเจ้าของรถที่กำลังขนของลงมา ด้านหน้าคือครอบครัวสามี... พ่อ แม่ น้องชาย แมวอีกสองตัว มาครบกันเลยเว้ย ดีนะไม่แห่กันมาทั้งบ้านแบบ จิ้งจก ตุ๊กแก เอ๊ะ ตรงกำแพงผมเห็นเจ้าสัตว์เลือดคลานตัวซีดแว้บๆ คงไม่ได้มาต้อนรับจริงๆ หรอกใช่มั้ย
 
เพ้อไปใหญ่ เพื่อลดความตื่นเต้นจนขาสั่นของตัวเอง ยกมือประกบไหว้ แทบจะถอนสายบัวอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่าเจอสายตาสั่นระริกอย่างขบขันของเด็กบ้าอย่างโฟม จบตรงนี้ก่อน เจอดีแน่ไอ้คุณน้องสามี
 
“สวัสดีครับ”
 
รอยยิ้มถูกส่งให้เป็นอย่างแรก ชายหญิงวัยกลางคนที่มีร่องรอยตามกาลเวลายกมือไหว้รับขณะดวงตามองสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัว หากสนิทกันคงจะจับผมหมุนดูทั้งตัว สายตาพวกเขาไม่มีวี่แววของการดูถูก มันแฝงไปด้วยความประหลาดใจมากกว่า
 
“สวัสดีจ๊ะ หนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักจริง ดูเรียบร้อยกว่าโฟมอีก เฟย์ ลูกคงไม่ได้ลักพาตัวลูกเขามาหรอกนะ”
 
คุณแม่ถามอย่างเป็นกังวล ลูกชายไม่นำพาหัวเราะแล้วโอบไหล่ผมช่วยแนะนำตัวให้เสร็จสรรพ
 
“นี่ปอนด์ที่ผมเคยบอกแม่ไง เห็นแบบนี้อยู่มหาลัยปี 1 แล้วครับ” ผมผงกหัวเป็นเชิงรับ “สุดหล่อตรงนั้นคือพ่อชิต คนสวยคือแม่ฟ้า เจ้าแมวสองตัวนั่นชื่อแฟงกับฟลุ๊ค ส่วนคนอุ้มแมวคงไม่ต้องแนะนำแล้วมั้ง”
 
พี่ชายพูดขำๆ โฟมถลึงตาใส่เหมือนจะประท้วง ยอมปล่อยแมวสองตัวให้สะบัดหน้าหันก้นใส่วิ่งเข้าบ้านไป คงจะโดนบังคับมา จะว่าไปครอบครัวนี้แทบเป็นครอบครัว ฟอ ฟันเลยแฮะ ขาดแค่พ่อชิตคนเดียว ผมกับแม่ก็ชื่อ ปอ ปลา เหมือนกัน ผมชื่อปอนด์ แม่คือปราง
 
โฟมเดินเนียนมาแทรกกลางระหว่างผมกับพี่เฟย์ จัดการวาดแขนกอดคอราวกับเป็นเพื่อนกันมานาน ได้ข่าวว่าผมอายุมากกว่าโฟมสามปีบริบูรณ์
 
“ยินดีต้อนรับนะพี่สะใภ้”
 
ผมตาเหลือก ยังไม่ทันได้เข้าไปนั่งคุยกันดีๆ พูดออกมาแบบนี้เลยเรอะ หันหน้าขวับไปทางผู้ใหญ่ ท่านทั้งสองกำลังถามสารทุกข์สุขดิบลูกชายคนโต คงไม่ได้ยินประโยคเมื่อกี้ รอดตัวไป ถอนหายใจอย่างโล่งอก
 
“แหม่ โฟมกับปอนด์ยืนคู่กันแบบนี้ แม่นึกว่าอายุเท่ากันซะอีก มาเร็วเข้ามาในบ้าน ข้างนอกมันร้อน”
 
“ครับ” ผมรับคำเดินไปถือกระเป๋าตัวเอง ทีแรกพี่เฟย์จะผละจากพ่อแม่มาช่วย ผมส่ายหัวให้พี่ชายอยู่กับผู้ใหญ่ไปแล้วใช้แรงงานโฟมแทน ถือเป็นการเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ผมใจหายใจคว่ำ
 
บ้านพี่เฟย์เหมือนกับบ้านครอบครัวทั่วไป ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย ด้านล่างออกจะรกด้วยซ้ำ เห็นว่าพ่อกับแม่อายุปูนนี้ยังชอบทำขนมไปขายที่ตลาด ทั้งที่พี่เฟย์ส่งเงินมาให้ทุกเดือนสามารถใช้กินอยู่ส่งโฟมเรียนได้สบายๆ แต่พวกท่านไม่อยากนั่งๆ นอนๆ เลยยึดอาชีพเก่าที่ส่งพี่เฟย์จนจบเป็นการแก้เบื่อและออกกำลังกายไปในตัว
 
พี่เฟย์บ่นว่าแต่ก่อนจะขายทุกวันด้วยซ้ำ แต่เฮียแกขอเฉพาะแค่ตลาดวันเสาร์กับอาทิตย์พอ โดยมีโฟมช่วยยกของหนักๆ ด้วย เรียกได้ว่ายอมถอยกันคนละครึ่งทาง
 
ภายในบ้านจัดเป็นสัดส่วนสะอาดสะอ้าน บ่งบอกว่าเป็นคนรักสะอาดกันทั้งครอบครัว ชั้นล่างคือห้องนั่งเล่น ด้านหลังเป็นห้องครัว มีห้องน้ำด้วย ข้างบนแบ่งเป็นสามห้องนอน ห้องใหญ่เป็นของพ่อกับแม่ ห้องกลางคือของพี่เฟย์ ห้องเล็กเป็นของโฟม ส่วนห้องน้ำมีห้องเดียวต้องผลัดกันใช้
 
แน่นอนว่าผมต้องขนของไปสถิตห้องเฮีย แล้วลงมาชั้นล่างเพื่อต่อสู้กับด่านที่สอง ผมสูดลมหายใจลึก ผ่อนออกทางปาก รวบรวมพลังลมปราณ ทบทวนแผนการมัดใจครอบครัวสามีฉบับรวบรัดที่แอบอ่านจากอินเทอร์เน็ตมา ขั้นแรกต้องทำตัวเรียบร้อยดุจผ้าพับไว้...
 
“อ้าว ปอนด์ลงมาพอดี พ่อครับ แม่ครับ บอกอย่างเป็นทางการอีกครั้ง นี่... แฟนหนุ่ม(น้อย)ของผมเอง”
 
เฮ้ยยย!! ใจร้อนไปไหมพ่อคุณ ผมยังไม่ทันก้าวพ้นจากบันไดขั้นสุดท้ายเลย ขาสะดุดเกือบหัวทิ่ม ดีนะรีบคว้าราวจับทัน โฟมที่เดินตามมาด้านหลังมองผมงงๆ
 
“เป็นไรพี่ปอนด์ ผีผลักเหรอ”
 
ผะ... ผีเหรอ หน้าผมเริ่มซีด บ้านเฮียเฟย์ติดแม่น้ำด้วย เขาว่าสถานที่แบบนี้มักมีสิ่งลี้ลับเยอะ ผมยิ่งเป็นโรคปอดอยู่ แถมยังเป็นโรคตาด้วย ปอดแหก! ตาขาว!
 
ไม่สิ มันไม่ใช่เวลามากลัวผี ผมควรกังวลกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดมากกว่า ลากขาอันหนักอึ้งไปนั่งข้างพี่เฟย์อย่างสงบเสงี่ยม ใจเต้นแทบจะหลุดออกมาจากอก จะถูกด่ามั้ย จะโดนมองด้วยสายตาโกรธเกลียดรึเปล่า ไม่แน่ผมอาจจะถูกถีบกลับกรุงเทพเลยก็ได้
 
“เป็นอะไรรึเปล่า หรือเจ็บขาที่สะดุดเมื่อกี้” เสียงแรกที่ผมได้ยินจากพ่อชิตของพี่เฟย์เรียกให้ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง
 
เอ๋??
 
“คงจะตกใจล่ะสิ โธ่ๆ ขวัญเอ๋ยขวัญมานะ” แม่ฟ้าเสริมทับ ผมยิ่งงงเข้าไปใหญ่ นี่มันอะไรกัน? ดูพวกท่านไม่ตกใจกับสิ่งที่พี่เฟย์พูดไปแม้แต่น้อย ราวกับว่ารู้เรื่องนี้มานานแล้ว ลืมเรื่องที่พวกท่านพูดมาซะสนิท ใครมันจะไปเจ็บหรือตกใจกับการสะดุดบันไดแค่ขั้นเดียวกันครับ! ผมไม่ใช่นางเอกในละครนะ สะดุดขี้ฝุ่นล้มขาพลิกเนี่ย
 
เฮียเฟย์เดาความคิดจากหน้าเอ๋อๆ ผมได้อย่างรวดเร็ว โดยมีโฟมกุมท้องหัวเราะกับอาการเอ๋อแดกของผมเป็นฉากหลัง สองคดีแล้วนะโฟม เดี๋ยวพ่อถีบตกแม่น้ำซะเลย
 
“แล้วกัน! พี่ยังไม่บอกเราเหรอ?” พี่เฟย์ทำเสียงเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ บอกอะไรครับ รีบคายออกมา ก่อนผมจะบีบคอพี่โชว์พ่อแม่
 
“พ่อแม่ของพี่รู้เรื่องเรามาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่...” พี่เฟย์พูดไม่ทันจบพ่อชิตช่วยเสริมให้
 
“เกือบสี่ปีได้ พ่อยังจำได้อยู่เลย จู่ๆ ลูกชายคนโตของเราก็โทรมาบอกว่าอาจจะชอบเด็กผู้ชายคนหนึ่ง พ่อกับแม่อยากตกใจนะเรื่องชอบผู้ชาย แต่ตกใจเรื่องอายุเด็กที่ว่ามากกว่ากลัวว่าลูกพ่อจะพรากผู้เยาว์” เสียงทอดถอนหายใจตามมา
 
“ใช่ๆ ฉันกับคุณรีบห้ามกันใหญ่บอกให้บรรลุนิติภาวะก่อน”
 
“ตอนนี้ปอนด์บรรลุนิติภาวะแล้วครับ” พี่เฟย์ตอบด้วยรอยยิ้ม ทำไมผมรู้สึกจะเน้นคำว่าบรรลุนิติภาวะจัง พี่เฟย์นี่ก็ไม่ไหวเล้ย ไปหลงรักเด็กซะได้ ดีนะทางนั้นเขาไม่เอาเรื่องแถมตอนนี้ยังคบกับผม... ฉิบหาย! เด็กที่พี่เฟย์หวังเคลมมันตูนี่หว่า นี่เฮียแกคิดไม่ซื่อตั้งแต่แรกเลยเหรอ ผมขยับถอยห่างไม่รู้ตัว โฟมยิ่งหัวเราะหนัก ขนาดพ่อกับแม่ยังพลอยเป็นไปด้วย
 
“ฮ่าๆๆ ดูสิ น้องกลัวซะแล้ว สะใจฉันจังเลยคุณ มีแต่คนรักดีนัก โดนเกลียดบ้างก็ดี” แม่ฟ้าปาดน้ำใสตรงหางตาหันไปคุยกับสามีที่ยิ้มขำ สุดหล่อผมหน้าบูด
 
“พอๆ เลิกขำกันก่อน เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า” ภายในห้องกลับมาสงบอีกครั้ง แววตาอ่อนโยนอย่างคนผ่านอะไรมามอง ทอดมองผมกับพี่เฟย์
 
“ยินดีต้อนรับลูกสะใภ้”
 
“แม่ฝากดูแลเฟย์ด้วยนะ”
 
ผมมองแบบอึ้งๆ อยากยิ้มรับหน้าชื่นอยู่หรอก แต่มันรู้สึกหน่วงแปลกๆ ลูกชายคนโตที่เพอร์เฟคทุกอย่าง อนาคตใครๆ ก็คิดว่าคงจะมีภรรยาแสนดีกับลูกน้อยน่ารัก กลับเป็นเกย์ไปซะนี่ ผมขอสารภาพเลยว่าผมยังรู้สึกผิดกับพี่เฟย์ แม้ว่าเจ้าตัวจะยืนยันหนักแน่นแล้วก็ตาม ที่น่าทอดถอนใจมากกว่านั้นคือ ผมไม่คิดจะปล่อยพี่เฟย์ไปด้วยนี่สิ
 
“ขอบคุณครับที่ยอมรับผม” ผมยกมือไหว้กล่าววาจาจากใจ
 
ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ตกเย็นทุกคนทานข้าวกันพร้อมหน้า ผมแหย่โฟม ชวนพี่เฟย์กับพ่อแม่คุยแล้วช่วยเก็บกวาดล้างจาน ก่อนผลัดกับอาบน้ำ เวลาประมาณสี่ทุ่มด้านล่างปิดไฟมืด ทุกคนอยู่ในห้องตัวเอง ผมยังนั่งเหม่อเพราะมีตะกอนบางอย่างอยู่ในใจ กระทั่งพี่เฟย์เปิดประตูเข้ามาหลังจากอาบน้ำเป็นคนสุดท้ายนั้นแหละ
 
“เป็นอะไร แปลกที่นอนไม่หลับเหรอ”
 
ผมส่ายหัว
 
“ถ้างั้นเป็นอะไร บอกพี่มาซิ” คนถามวางสองมือไว้บนตรงขอบเตียงกักผมที่นั่งเล่นอยู่บนพื้นไว้ตรงกลาง ท่อนล่างนุ่งผ้าขนหนูสีเรียบ บนบ่าพาดผ้าขนหนูผืนเล็กไว้ กลิ่นหอมของสบู่ กับหยดน้ำเกาะพราวทำให้ผมหรี่ตา
 
ทุกคน... ผมกำลังถูกผู้ชายยั่ว! ดูกล้ามท้องเป็นลอนนั่นสิ!!
 
“พี่แม่ง... ผมกำลังนั่งถ่ายเอ็มวี พี่มายืนจนกลายเป็นเอวีแล้วเนี่ย! ไปใส่เสื้อผ้าไป๊ ค่อยมาคุย”
 
ผมคิดจะบอกพี่ชายอยู่แล้วล่ะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของผมคนเดียว มันเป็นเรื่องของเรา เขินแปบ พี่เฟย์ยอมถอยไปแต่งตัวโดยดี ที่นี่ไม่เหมือนกรุงเทพ แถมยังติดแม่น้ำอีก ตอนนี้เย็นชุ่มฉ่ำแบบเยือกๆ ยิ่งกว่าเปิดแอร์ ผมคลานขึ้นเตียงไปรอคุย พอพี่ชายแต่งตัวเสร็จทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ตวัดแขนโอบผมไปซบอกเรียบร้อย
 
“เอ้า มีอะไรพูดมา”
 
ถามจริงจัง แต่แก้มมาถูกับหัวผมคืออะไร อยากจะกลุ้มต่อนะ เจอแบบนี้กระเจิงตั้งแต่เห็นกล้ามท้องแล้ว
 
“ผมแค่แปลกใจทำไมบ้านพี่ยอมรับง่ายจัง” รู้สึกตัวเองพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์มาก
 
“ไม่เห็นแปลกตรงไหน พ่อแม่พี่ก็บอกแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าพี่เล่าเรื่องเราให้พวกท่านฟังหลังจากเจอกันได้สักพัก ทีแรกพ่อแม่พี่ก็เหมือนคนอื่นแหละ หวังว่าพี่แค่คิดไปเอง แต่พี่แสดงให้เห็นว่าพี่จริงจัง ผ่านไปเป็นปีๆ สุดท้ายพวกท่านก็ปลง ทำใจได้”
 
พี่เฟย์พูดยาวเหยียดเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดามาก ผมว่าพี่ตอนเลือกวัตถุดิบทำอาหารยังดูเคร่งเครียดกว่านี้เลยให้ตายสิ!
 
“กับบ้านพี่ไม่ต้องคิดมากหรอก พี่ปูทางมาเป็นปี” ดวงตาคมฉายความหนักแน่น ผมพยักหน้ารับซุกกับอกอุ่น ค่อยๆ ไหลมานอนอยู่ด้านข้าง หมดเรื่องกลุ้มถึงเวลาเด็กดีควรนอน การเดินทาง ต่อให้ไม่ใช่คนขับเป็นคนนั่งเฉยๆ ก็เหนื่อยอยู่ดี
 
ริมฝีปากได้รูปจูบหน้าผากผมบอกราตรีสวัสดิ์พลางตวัดผ้าห่มคลุมตัวผม ลุกไปปิดไฟมานอน
 
 
เช้าวันต่อมา ไม่มีเสียงนาฬิกาปลุก มีแต่เสียงนกร้องตอนเช้าที่ผมไม่ได้ยินมานาน คงไม่มีนกบ้าตัวไหนอุตริบินมาถึงชั้นที่พี่ชายอยู่หรอก อากาศเย็นหอมกลิ่นดอกไม้ในสวน ปกติผมจะเป็นคนนอนดึกตื่นสายมาก ยกเว้นแต่มีเรื่องจำเป็นให้ตื่นเช้า กับอยู่บ้านคนอื่น ความเกรงใจเป็นเหตุ ถึงงั้นผมก็ยังตื่นไม่ทันพี่ชายอยู่ดี
 
มือกวาดๆ หาหมอนข้างมีชีวิต สัมผัสเจอเพียงความว่างเปล่า ได้ยินเสียงยกของจากชั้นล่าง สักพักเสียงรถขับออกไป ผมผงกหัวลุกนั่งตาปรือ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ลุกไปรื้อเอาชุดเปลี่ยนกับของใช้จำเป็นเดินเข้าห้องน้ำ ภายในบ้านเงียบกริบเหมือนไม่มีคนอยู่
 
บ้านพี่เฟย์ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น อุณหภูมิของน้ำแม้เป็นเวลาเจ็ดโมงก็ยังเย็นมากอย่างกับใส่น้ำแข็ง ทำเอาตื่นเต็มตากระโดดเหยงๆ อยู่ในห้องน้ำ บ้าเอ๊ยผมลืมไป!! เปิดฝักบัวราดหัวเต็มที่ตัวสั่นหงึกๆ รีบวิ่งผ่านน้ำ ใช้เวลาน้อยที่สุดในการอาบ แต่สะอาดนะผมรับประกัน!
 
แต่งตัวลงมาชั้นล่าง ไม่มีใครอยู่เลยสักคน มีอาหารทำเสร็จแล้วครอบฝาชีวางไว้บนโต๊ะพร้อมกระดาษแผ่นหนึ่ง ผมจำได้ว่าเป็นลายมือพี่เฟย์
 
‘พี่ไปช่วยพ่อกับแม่เปิดร้านนะ คงจะกลับมาตอนเย็นๆ รอเก็บร้านเลย กับข้าวอยู่บนโต๊ะ ส่วนมื้อเที่ยงค่อยให้โฟมพากันไปหาอะไรกินข้างนอกเอา’
 
พี่ชายเขียนแบบให้ทั้งผมและโฟม ลองเปิดฝาชีดู กับข้าวหน้าตาหน้ากิน ว่าแต่ โฟมมันยังไม่ตื่นเหรอเนี่ย จะกินก่อนหนึ่งในเจ้าของบ้านก็ใช่ที่
 
“ขึ้นไปดูหน่อยดีกว่า” ผมพึมพำ เดินกลับขึ้นชั้นบน ตรงไปยังห้องโฟม หน้าประตูแปะชื่อเด่นหราไม่มีทางเข้าผิดชัวร์ ลองเคาะประตูดูไร้เสียงตอบรับ ถือวิสาสะเปิดเข้าไปเลยเห็นเจ้าของห้องยังนอนน้ำลายยืดอยู่บนเตียง ขาก่ายผ้าห่ม หัวอยู่ตรงหมอนข้าง แขนกอดหมอน ที่อึ้งไม่ใช่ท่านอนอันมีศิลปะของโฟม แต่เป็นสิ่งที่อยู่ในห้องต่างหาก
 
หัวเตียงนั้นกรอบรูปโฟมกับพี่กบสมัยละอ่อน สังเกตจากใบหน้าไร้พิษสงและชุดนักเรียนม.ปลายของพี่กบ บนกำแพงมีแต่รูปพี่กบแปะไว้ทุกอิริยาบถ ถ้าไม่ใช่รูปหมู่ก็เป็นรูปแอบถ่าย หน้าดุแต่เด็กเลยวุ้ย ผมมองดูการเจริญเติบโตของพวกเขาทั้งคู่ มีตั้งแต่โฟมยังเป็นทารกมีพี่เฟย์ฉีกยิ้มกว้างอยู่ข้างๆ พี่กบมองแบบตื่นเต้น พวกพี่อิงค์โผล่มาช่วงม.ปลาย ช่วงมหาลัยภาพเริ่มน้อยลง กระทั่งวัยทำงาน มีรูปพี่กบเพียงรูปเดียวเท่านั้น ยืนคู่กับโฟมที่ยิ้มร่า
 
สายตาของพี่กบไม่ได้มองกล้อง เขากำลังมองโฟมอยู่ แววตานี้คล้ายกับเวลาที่พี่เฟย์มองผมเลย...
 
“แอบดูอะไรน่ะ”
 
เสียงจากทางด้านหลังทำเอาผมสะดุ้งโหยง ถ้าเป็นแมวคงกระโดดขนฟูหางตั้ง หันไปเจอหน้างัวเงียของโฟม
 
“ปั๊ดโธ่ ตกใจหมด” มือลูบอกให้หายตกใจ โฟมหยีตาขมวดคิ้วมอง ผมเพิ่งรู้ตัวทำหน้าเลิ่กลั่ก “โทษที ที่เข้าห้องมาโดยไม่ขอ ว่าจะมาปลุกไปกินข้าวน่ะ”
 
“พวกแม่คงไปตลาดแล้วสินะ” โฟมถาม ขยับถอยไปหน่อยให้ผมหายใจหายคอสะดวกขึ้น
 
“อืม”
 
แล้วเราสองคนก็เงียบ จากท่าทางของโฟมที่มีต่อพี่กบ ขนาดเด็กยังรู้เลยว่าโฟมชอบพี่กบมากและดูท่าจะชอบมาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย ส่วนพี่กบดูเผินๆ เหมือนคิดกับโฟมแค่น้องชายคนหนึ่ง พอเห็นสายตาพี่กบในรูป กับความทรงจำครั้งล่าสุดที่แยกกัน ผมว่าพี่กบต้องชอบโฟมเหมือนกันแน่ ติดที่เป็นน้องชายของเพื่อน เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก เหตุผลกับความเหมาะสม อะไรอีกหลายๆ อย่างทำให้พี่กบลังเล
 
เรื่องนี้ควรบอกโฟม
 
“โฟมคือ...”
 
“รู้แล้ว” เจ้าตัวพูดหน้าตาย ผมทำหน้าเหวอ
 
“เฮ้ย! ยังไม่ทันพูดเลย รู้ได้ไงว่าฉันจะพูดอะไร”
 
“เรื่องพี่กบใช่มั้ยล่ะ บอกว่ารู้แล้ว” คราวนี้ทำเหมือนรำคาญ ถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าอย่างแม่นยำ พลางเดินไปหยิบชุดใหม่ในตู้
 
“ถ้างั้นทำไม...” ทำไมความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูไม่ขยับจากเดิม
 
“ความรักมันไม่จบลงอย่างสวยงามทุกคู่หรอกนะ” ผมสะอึก เจอคำพูดแบบนี้ของโฟมเข้าไป นั่นสิ ผมมองโลกในแง่ดีเกินไป นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่พล็อตในนิยาย ที่ผมกับพี่เฟย์ลงเอยได้ด้วยดี ไม่ใช่เพราะใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่มันเป็นเพราะเราช่วยกัน ยึดมั่นในความรู้สึก จะมีครอบครัวสักกี่คนที่ยอมรับเรื่องพวกนี้ได้ แม้ว่าสมัยนี้โลกจะเปิดกว้างกว่าเดิมก็ตาม
 
พี่เฟย์คบกับผม มีลูกไม่ได้ แล้วโฟมล่ะ ถ้าโฟมคบกับพี่จบ มันเท่ากับว่าตระกูลของพี่เฟย์จะไม่มีทายาทคนต่อไป ยังไม่นับเรื่องทางพี่กบอีก ครอบครัวจะว่ายังไง อาชีพของพี่กบด้วย เสี่ยงอันตรายทุกวัน แค่คิดว่าพี่เฟย์ต้องไปทำแบบนั้นผมก็ทนไม่ได้แล้ว
 
“เฮ้ ทำไมทำหน้าเครียดงั้น?” คนที่ควรกลุ้มกลับเลิกคิ้วมองผมอย่างแปลกใจ
 
“ขอโทษนะ เพราะเรื่องของฉันกับพี่เฟย์ ทำให้โอกาสของโฟมลดน้อยลงไปอีก” ต้องมีสักคนที่สืบทอดทายาทต่อไป
 
“พูดเรื่องอะไร เมื่อคืนอ่านนิยายดึกรึไง มโนมาก นี่คงไม่ใช่ว่าคิดเรื่องฉันกับพี่กบอยู่?” ผมไม่ตอบ โฟมทำหน้ากระจ่างพลางเบ้ปาก
 
“ใช่แหงๆ จะคิดมากแทนทำไม ขนาดฉันยังไม่คิดมาก มันเลยจุดๆ นั้นมาไกลแล้ว อีกอย่างตอนนี้ฉันกับพี่กบกำลังคบกันอยู่ พ่อแม่รู้หมด ยกเว้นพี่เฟย์คนเดียว เฮ้อ พอเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมพี่เฟย์ถึงชอบพี่ปอนด์ เพราะนิสัยแบบนี้นี่เอง ใจดีเกินไปนะ”
 
ผมอ้าปากค้าง “หมายความว่ายังไง” เอาความรู้สึกเป็นห่วงเห็นใจก่อนหน้านี้คืนมา!
 
“เห็นว่าเป็นพี่สะใภ้ จะยอมเล่าให้ฟังก็ได้ เรื่องมันเป็นแบบนี้” โฟมดึงผมไปกระซิบข้างหูอย่างกับกลัวใครได้ยิน
 
โฟมเล่าว่าตกลงปลงใจกันหลังจากเที่ยวน้ำตก พี่กบยังไม่กลับสู่ป่าทันที อยู่เป็นเพื่อนตามคำขอของโฟมอีกสองสามวัน ซึ่งไอ้เวลาระหว่างนั้นแหละเป็นจุดพลิกชีวิตของพี่กบตัวใหญ่ เจ้าตัวที่เริ่มเอนเอียงกับลูกตื้อของโฟมและคำพูดของพี่เฟย์ เปิดช่องว่างให้โฟมจู่โจม
 
“ข่มขืน บังคับให้รับผิดชอบ เลยได้คบกัน” โฟมตอบหน้าตายมาก ส่วนผมจะเป็นลมในฐานะพี่สะใภ้ เข้าใจเลยว่าทำไมพี่เฟย์ยังไม่รู้เรื่องนี้ ถ้ารู้ว่าพี่กบข่มขืนโฟม พี่เฟย์ได้องค์ลงพ่นไฟไล่เผาป่า เชือดกบตายแหงแก๋
 
“เรื่องนี้ยอมไม่ได้นะ ต่อให้เราชอบแค่ไหนแต่ถูกข่มขืนโดยไม่เต็มใจ มันไม่จบแค่รับผิดชอบหรอก” สองมือจับไหล่โฟมเขย่าๆ
 
“เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว! คนที่ข่มขืนและบังคับให้รับผิดชอบคือฉัน!”
 
“บ้าน่า” ตัวเท่าเมี่ยงอย่างโฟม กับพี่กบตัวใหญ่เบิ้ม ไม่... ไม่มีทางที่โฟมจนกดพี่กบลงได้ ผมส่ายหัวแบบไม่ยอมรับความจริง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
 
“ฟังนะ” เปลี่ยนเป็นโฟมจับไหล่ผมแทน จ้องเข้ามาในดวงตา “ฉันวางยาพี่กบ แล้วจัดการรวบหัวรวบหาง ครั้งแรกเจ็บเป็นบ้า แต่ก็ถือว่าคุ้ม ในที่สุดพี่กบก็เลิกงี่เง่ายอมรับความรู้สึกตัวเองได้สักที”
 
ผมอ้าปากพะงาบๆ คนพี่วางแผนชั่วร้ายทั้งที่ใบหน้ายิ้มแย้ม คนน้องบ้าบิ่นขนาดหนัก ร้ายกาจ พี่น้องคู่นี้อันตรายเกินไปแล้ว! ปีศาจชัดๆ ผมกับพี่กบคือเหล่าลูกแกะผู้โดนปีศาจล่อลวง ผมปัดมือสองข้างของโฟมออกอย่างไร้เยื่อใย
 
“หนอย... ตอนแรกพูดซะชวนใจเสีย”
 
“เห็นทำหน้าเหมือนจะตาย อินขนาดนั้นเลยอดแกล้งไม่ได้น่ะ“ ยักไหล่แบบตูไม่แคร์ ผมยกเท้ายันไปที เจ้าตัวเซไปนั่งบนเตียงหัวเราะฮ่าฮ่า
 
“อย่าเพิ่งโกรธสิพี่สะใภ้ เอางี้ฉันยอมบอกเรื่องเกี่ยวกับพี่เฟย์อีกอย่าง” ดูมันถึงขนาดเผาพี่เพื่อตัวเอง ถามว่าผมสนมั้ย? สนสิ! แต่ยังรักษาฟอร์มกอดอกหรี่ตามอง โฟมไม่สนว่าผมจะอยากฟังรึเปล่า เจ้าตัวพูดไปเรื่อยๆ สบายอารมณ์เหลือเกิน
 
“ตั้งแต่จำความได้พี่เฟย์มีนิสัยเสียอยู่อย่างที่ต่อให้เวลาผ่านไปกี่สิบปีก็แก้ไม่หาย พี่เฟย์เป็นพวกขี้แกล้งมาก แกล้งมันทั้งที่ใบหน้ายังยิ้มใจดีนั้นแหละ คนหลงผิดมานักต่อนัก ที่สำคัญเจ้าตัวชอบคนที่มีรีแอคชั่นตอบกลับแบบชัดเจน ถ้าให้ยกตัวอย่าง...” เจ้าของห้องมองซ้ายมองขวา เห็นหน้าผมแล้วดีดนิ้วดังเป๊าะ “แบบพี่ปอนด์เด๊ะ”
 
ชัดเลย ไม่มีอะไรชัดเจนเท่านี้อีกแล้ว ความจริงผมพอสัมผัสได้บ้างถึงนิสัยนี้ แต่ไม่คิดว่าจะร้ายกาจขนาดหนัก เอาเถอะ... ปลง!! ยังไงช่วงหลังๆ ผมก็มีสิทธิ์พิเศษของตัวเอง ลองพี่เฟย์แกล้งจนทำให้ผมโมโหสิ พื้นพรมหน้าห้องคือที่นอนในวันนั้นแน่!
 
“ทำหน้าตาน่ากลัวชะมัด ชักลังเลแล้วสิ ใครกันแน่น่าเป็นห่วงกว่ากัน”
 
“จะใครน่ากลัวก็ช่าง รีบไปอาบน้ำจะได้ลงไปกินข้าว พี่เฟย์ไปช่วยแม่ฟ้าขายของ มื้อเที่ยงเราต้องหาอะไรกินกันเอง” ผมขอเรียกแบบนี้ คุณแม่เขาบอกเอง รวมถึงคุณพ่อด้วย
 
“คร้าบๆ” โฟมรับเสียงยาน ผมลงไปรอชั้นล่างปล่อยให้โฟมอาบน้ำแต่งตัวไป ไม่ถึงสิบนาทีเจ้าตัวลงมาในชุดพร้อมรบ เสื้อยืดกางเกงเจเจนั้นแหละ
 
หลังมื้ออาหาร พวกเรามานั่งเล่นรอบนโซฟา คุยกันว่าจะไปหาอะไรกินที่ไหนดีตอนเที่ยง ผมเป็นพวกอยากรู้อยากเห็นเลยให้โฟมชวนพาไปดูอะไรน่าสนใจแถวนี้หน่อย ขึ้นรถต่อยังไงไม่เกี่ยง โฟมรักสนุกไม่มีทางปฏิเสธ ก่อนฝันทุกอย่างจะสลายไปในพริบตา เวลาสิบโมงมือถือโฟมดังขึ้น
 
เจ้าตัวกดรับแบบไม่ดูชื่อ เสียงที่ดังลอดออกมาเป็นเสียงผู้หญิง ดังทะลุลำโพงน่ากลัวมาก โฟมรีบยื่นโทรศัพท์สุดแขน
 
“โฟม! ไอ้เพื่อนชั่ว นายกล้าหนีงั้นเหรอ รีบไสหัวมาช่วยงานที่โรงเรียนเดียวนี้ ไม่งั้นฉันจะตามไปลากคอนายถึงบ้าน!!”
 
ตวาดจบวางสายไม่เปิดช่องให้โฟมได้ตอบโต้ น้องสามีหันมามองตาผมปริบๆ เหวย มามองแบบนี้ข้าพเจ้าช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี เท่าที่ฟัง คงจะเป็นงานกลุ่มอะไรสักอย่างที่โฟมโดดมั้ง
 
“ฉันว่านายไปโรงเรียนดีกว่านะ เรื่องข้าวเที่ยงไม่ต้องเป็นห่วง เดินออกจากบ้านไปไม่ไกลก็มีร้านข้าว” ผมบอกแบบใจกว้าง โฟมนิ่งครุ่นคิด ก่อนจะยิ้มแบบ... โคตรไม่น่าไว้ใจ
 
“ไม่ได้ๆ พี่เฟย์บอกให้พวกเราหาอะไรกินด้วยกันต้องทำตามคำสั่งพี่สิ เดี๋ยวหาว่าฉันดูแลพี่สะใภ้ไม่ดี เอางี้ พี่ปอนด์ไปโรงเรียนกับฉันดีกว่า แถวนั้นของกินเยอะนะ มีอะไรน่าสนใจเพียบด้วย”
 
นายอยากได้แรงงานฟรีสินะ ไม่เว้ย! ไม่ไปเด็ดขาด!! ผมส่ายหัวไม่มีทางหลงกลปีศาจคนน้อง
 
“คิดดีๆ น้า พี่เฟย์ก็เคยเรียนโรงเรียนนั้นมา ไม่อยากลองไปเดินซึมซับบรรยากาศที่แฟนตัวเองเคยเรียนสมัยเด็กหน่อยเหรอ”
 
“ไร้สาระน่า มันผ่านไปตั้งกี่ปี ป่านนี้ปรับปรุงต่อเติม สร้างตึกใหม่จนไม่เหลือเค้าโรงเรียนเก่าแล้วมั้ง” ขนาดโรงเรียนที่ผมเคยเรียน พอผมจบปุ๊บ สร้างอาคารใหม่เสร็จทันที แอร์ใหม่ ของใหม่ โต๊ะใหม่ ของทุกอย่างไหม่หมด ซึ่งผมไม่มีโอกาสใช้ น่าเจ็บใจมาก
 
“ชิ ดันฉลาดอีก” ผมคิ้วกระตุก ไอ้เด็กคนนี้นี่
 
“น่านะพี่ปอนด์ ไปเป็นเพื่อนหน่อยเถอะ ถ้าไปคนเดียวยัยบ้านั้นแหกอกฉันแน่ พี่ไปด้วยพวกนั้นจะได้เกรงใจบ้าง” โฟมย้ายตัวเองมานั่งข้างๆ พยายามสรรหาสารพัดอย่างมาหลอกล่อให้ผมไปเป็นเพื่อน ความจริงไม่ต้องหาอะไรมาล่อหรอก แค่ขอร้องดีๆ ผมก็ยอมใจอ่อนแล้ว
 
ผ่านไปเกือบยี่สิบนาที มือถือโฟมแผดเสียงลั่นอีกรอบ คราวนี้โฟมไม่กล้ารับสุ่มสี่สุ่มห้า เจ้าตัวมองชื่อบนหน้าจออย่างกับมันเป็นคำสาปผ่านทางโทรศัพท์ ทางนั้นคงโทรมาตามชัวร์ เอาเถอะแกล้งแค่นี้พอ
 
“โอเค ไปเป็นเพื่อนก็ได้ แต่ปกติโรงเรียนเขาไม่ให้คนนอกเข้าไปไม่ใช่รึไง”
 
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ฉันมีวิธี” น้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ มองผมด้วยสายตาหวาดๆ หวังว่ามันจะเป็นวิธีธรรมดา ไม่สร้างเรื่องซวยให้กับผม
 
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่27 น้องชายตัวดี [UP!29/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-03-2016 19:22:51
โฟมจะพาพี่สะใภ้ไปเจออะไรบ้างหนอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่27 น้องชายตัวดี [UP!29/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-03-2016 20:06:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่27 น้องชายตัวดี [UP!29/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-03-2016 20:12:52
บ้านพี่เฟย์นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่27 น้องชายตัวดี [UP!29/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 29-03-2016 20:41:52
โดนแกล้งแน่ๆน้องปอนด์ อิอิ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่27 น้องชายตัวดี [UP!29/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 29-03-2016 22:17:44
ปอนด์หลงกลจนได้อะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่27 น้องชายตัวดี [UP!29/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 29-03-2016 22:40:53
 :impress3: มาแล้ว ดีใจจังเลย ยังไงอย่าลืมอัพ ซันโป้ ด้วยน่ะ อยากอ่านด้วยเหมือนกัน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่27 น้องชายตัวดี [UP!29/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-03-2016 00:16:16
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่27 น้องชายตัวดี [UP!29/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 30-03-2016 05:45:25
น้องปอนด์ในชุดนักเรียนชัวร์ค่ะ555
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่27 น้องชายตัวดี [UP!29/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-03-2016 06:36:01
 :เฮ้อ: ค้าง  :ling1:
อยากอ่านต่อ  :hao7:
รอตอนต่อไป  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่27 น้องชายตัวดี [UP!29/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 30-03-2016 07:36:36
ถ้าให้เดาแผนของโฟมนะ มันจับพี่สะไภ้แต่งชุดนักเรียนแน่นอน

ขนาดแม่สามียังคิดว่ารุ่นเดียวกันเลยนิ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่27 น้องชายตัวดี [UP!29/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 30-03-2016 18:00:15
ร้ายจริงๆ :call:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่27 น้องชายตัวดี [UP!29/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 30-03-2016 22:20:35
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่27 น้องชายตัวดี [UP!29/3/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fannaio ที่ 10-04-2016 08:27:34
รอฉันรอเธออยู่♫ อิ อิ จับใส่ชุดนักเรียนเลยยยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง พิเศษสงกรานต์รวมคู่ [UP!14/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 14-04-2016 13:00:54
พิเศษ สงกรานต์หรรษา (รวมคู่)

   เฟย์xปอนด์

   สงกรานต์ สงกรานต์ สนุกสนานประเพณีไทย เหนือจรดใต้ ได้พบกันในวันสงกรานต์

   เย้ วันสงกรานต์ วันที่จะได้เล่นน้ำ แลกกับความร้อนระอุแทบขาดใจตาย ไม่อยากบอกเลยว่าขนาดห้องพี่เฟย์อยู่สูงขนาดนี้ ลองอยู่ในห้องจุดที่ลมเข้ามาไม่ถึง มีโอกาสเป็นแมวอบบนคอนโดสูงได้ง่ายๆ ด้วยเหตุนี้พอซันชวนไปเล่นน้ำที่บ้าน ผมถึงไม่ปฏิเสธพร้อมลากพี่เฟย์เป็นพี่เลี้ยงส่วนตัว

   เรานัดกันตอนเช้าก่อนวันสงกรานต์หนึ่งวัน ซัน โป้ ริว และรุ่นพี่ที่คณะเจ้าตัวไปด้วยกัน วาเล่ไปเจอกันที่นู่น มิทยังไม่ทราบข่าว ส่วนผมไปกับพี่เฟย์ จากกรุงเทพไปกาญจน์ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงเพราะซันพาลัดเลาะหลีกเลี่ยงเส้นทางที่รถติด

   ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าบ้านซันมันเป็นรีสอร์ทใหญ่เวอร์ กินพื้นที่กว้างมากจนไม่เห็นว่ามันสุดตรงไหน มีแต่สวน ต้นไม้ และบ้านพักกระจายตัวเป็นสัดส่วน ผมยืนมองอ้าปากค้างอยู่นอกรถโดยมีพี่ชายแบกกระเป๋าอยู่ด้านข้าง ตัวผมอยากจะหอบของมาแค่เป้ใบเดียว แต่เฮียไม่ยอมขนของจำเป็นในความคิดเจ้าตัวมาจนกลายเป็นกระเป๋าใบโต
   
   “ปิดปากด้วยลูกแมว เดี๋ยวแมลงวันบินเข้าคอ” พี่เฟย์แซว ผมหุบปากฉับ เดินจ้ำตามหลังร่างสูงเข้าสู่ตัวรีสอร์ท เรือนใหญ่สำหรับรับประทานอาหาร จุดนัดพบ ติดต่อกับทางรีสอร์ท ที่นั่นมีพวกซันยืนรออยู่ก่อนแล้ว โป้กับวาดูจะคุ้นชินกับที่นี่ นอกนั่นมองรอบข้างสลับมองหน้าซันแบบตื่นตาตื่นใจ

   “กูไม่คิดเลยว่ามึงจะรวยขนาดนี้” หนุ่มญี่ปุ่นพูดแบบเหวอๆ พลางมองหน้าเพื่อน ก็ปกติซันมันทำตัวชิวจะตาย อย่างเดียวที่ดูแพงมีแต่ห้องที่มันอยู่กับโป้นั่นแหละ

   “มันเป็นคุณชายที่ชอบทำตัวยาจก” โป้พูดเอือมๆ ทุกคนพยักหน้าแบบเห็นด้วย

   “ช่างเหอะ ทุกคนอยากพักแบบไหน มีแบบเรือนริมน้ำ ห้องพักบนบก ห้องพักกลางน้ำ แบบแพก็มี จะเอาเป็นเรือนใหญ่อยู่เป็นสิบคนก็ไม่มีปัญหา”

   พวกเราต่างมองตากันปริบๆ มาเที่ยวด้วยกันทั้งทีก็อยากอยู่ด้วยกันหน่อย แต่จะให้นอนรวมปานเข้าค่ายก็กะไรอยู่ เพราะงานนี้มันเหมือนเดทหมู่เล่นพกกันมาเป็นคู่ๆ

   “แบบริมน้ำติดกันเป็นไง” พี่เฟย์เสนอ

   “งั้นสองหลังสินะ ผมกับโป้ต้องกลับไปอยู่บ้าน เดี๋ยวจะเดินไปหาเอง” ลูกชายเจ้าของรีสอร์ทรับคำ เดินไปติดต่อกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ก่อนจะกลับมาพร้อมกุญแจสองดอก นำทางพวกเราไปเก็บกระเป๋าที่ห้อง ระหว่างพี่ชายเก็บของ ผมถือโอกาสที่อยู่ด้านนอกแวบมาคุยกับโป้ ริว ทางซันกำลังไปสั่งอาหารให้พวกเราอยู่

   “โป้ดูจะชิน เคยมาบ่อยแล้วดิ” ผมออกปากแซว โป้เลิกคิ้วมองยิ้มๆ

   “มาบ่อยจนเป็นพนักงานอีกคนของรีสอร์ทแล้วเนี่ย ทำแทบทุกตำแหน่ง”

   มีช่องริวเสริมทันที

   “โห มีคนกล้าใช้งานเมียว่าที่เจ้าของรีสอร์ทด้วยเรอะ”

   “ใช้งานเหี้ยไรล่ะ มันเสนอหน้าทำของมันเอง” นายซันโผล่มาจังหวะเหมาะ “อีกสักพักเดี๋ยวอาหารมา นั่งทานกันที่นี่แล้วกัน ตอนนี้คนเพียบ แห่กันมาช่วงสงกรานต์” ทุกคนไม่มีปัญหา ทานที่ไหนก็เหมือนกันหมด ตรงนี้เองก็มีโต๊ะไม้ยาวให้นั่งอยู่แล้วด้วย แถมซันยังให้พนักงานช่วยยกโต๊ะมาเสริมอีก

   จุดสนใจของผมไม่ใช่ซัน แต่เป็นคนที่เดินมาพร้อมกับซันต่างหาก

   “มิทมาเมื่อไหร่เนี่ย”

   “มาเมื่อเห็น” คำตอบกวนทีนให้ผมเบ้ปากใส่ คนกวนหัวเราะเดินมากอดคออย่างอารมณ์ดี

   “อย่าเพิ่งงอนกันสิ ฉันมากับป๋า ถึงก่อนพวกนายไม่ถึงชั่วโมงมั้ง” มิทตอบแล้วเบนเป้าหมายไปที่ริวแทน “แล้วไหนว่าที่แฟนมึงวะริว”

   “อะไรๆ ว่าที่แฟนเหรอ ไหนอะ ใช่รุ่นพี่ที่มาด้วยป่าว” ไม่รู้ว่าผมระริกระรี้เกินไปรึเปล่านะ ทุกคนถึงได้มองขำๆ โธ่ ถ้าเป็นเรื่องชายหญิงผมจะไม่สนใจ ผมเป็นหนุ่มวายนะเจอเรื่องแบบนี้ต้องหูผึ่งเป็นธรรมดา แล้วยิ่งทุกคนในกลุ่มหน้าตาดีแบบคัดมาอาหารตาชั้นยอด

   ริวทำหน้าปุเลี่ยนๆ ดูจะเกรงรุ่นพี่คนนี้พอสมควร เจ้าตัวไม่ตอบหันไปด่ามิทแทนอย่าว่าปากมาก พอดีกับที่เจ้าของหัวข้อสนทนาโผล่ออกมาจากบ้านพักเรียกให้ริวเข้าไปช่วยอะไรสักอย่าง ผมนี่เห็นริวหูตั้งหางกระดิกรีบวิ่งไปแทบไม่ทัน

   เอาเป็นว่า พวกเรามากันครบทีม ไม่ขาดใครแม้แต่คนเดียว นั่งเรียงกันทานมื้อเที่ยง พออิ่มก็แยกย้ายกันไปคู่ใครคู่มัน ผมกับเฮียออกมาเดินดื่มด่ำชมบรรยากาศรีสอร์ทริมเขื่อน ลมเย็นพัดจนผมยุ่งเป็นรักนก แต่อากาศแบบไร้สิ่งเจือปนชวนให้รู้สึกสดชื่นจนต้องสูดลมหายใจลึกๆ

   พี่เฟย์ไม่ทำอะไรนอกจากยืนหล่อให้สาวหลง ถือกล้องถ่ายภาพวิวไปตามเรื่อง ตกเย็นกลับมาที่ห้องพักเตรียมทานของปิ้งย่างริมเขื่อน งานนี้ไร้แอลกอฮอล์เพราะทุกคนเก็บแรงไปลุยเล่นน้ำวันพรุ่งนี้

   ความจริงจุดเล่นน้ำไม่ต้องไปไกล ซันบอกออกจากรีสอร์ทนิดหน่อยก็มีกลุ่มคนเล่นน้ำริมเขื่อนแล้ว แต่ไหนๆ พวกเรามาถึงที่นี่ทั้งที ซันเลยบอกจะเอารถกระบะออก ใส่ถังน้ำสักสองถังพาเลาะเล่นไปตามจุดก่อนกลับมาปิดท้ายแถวรีสอร์ท

   วันรุ่งขึ้นทุกคนพร้อมรบ ถึงไม่อยากจะพูดแต่เหล่าเคะทุกคนสวมเสื้อสีเข้ม กางเกงสี่ส่วนแบบรัดกุมไม่เว้นกระทั่งเล่ ส่วนฝ่ายรุกทั้งหลายเหมือนหยิบเจออะไรก็ใส่อันนั้น ไม่คำนึงถึงหุ่นอันเซ็กซี่ทรมานใจสาว บอกเลยว่าโคตรลำเอียง ผมตวัดตามองพี่เฟย์ที่ใส่เสื้อยืดสีอ่อน

   “แน่ใจนะใส่ตัวนี้”

   “อื้ม พี่ใส่อะไรก็ได้ แต่เราต้องแต่งมิดชิดเข้าไว้” น้ำเสียงหนักแน่นจนน่าหมั่นไส้

   “พี่อยากโดนสาวรุมทึ้งรึไง ไปเปลี่ยนเสื้อเลยนะ ไม่งั้นผมจะใส่เหมือนพี่”

   “หวงเหรอลูกแมว”

   ไม่ต้องมายิ้มใส่ตา ผมอยากระโดดจิ้มตาให้บอด นึกชอกช้ำกับความสูงตัวเองจริงๆ ในเมื่อมันไม่เอื้ออำนวยก็ขอใช้เท้ากระทืบเต็มแรง ตามด้วยหมัดชกพุงแล้วเอาหัวโหม่ง พี่เฟย์ร้องโอดโอย ผมอาศัยจังหวะเฮียแกยังไม่ทันตั้งตัว ลากแขนเข้าห้องไปเปลี่ยนชุดใหม่

   คนโดนหวงอารมณ์ดีเหลือเกิน จัดการหยิกกล้ามพุงแถมแม่ง สุดท้ายก็โดนพี่เฟย์รวบตัวหิ้วออกจากห้องส่ายหน้าอย่างขำๆ ปนระอา

   “หึงรุนแรงจริงเรา! ทำร้ายร่างกายจนพี่น่วมไปหมดแล้วเนี่ย”

   ปากพ่อคุณบ่นนะแต่ฟัดผมรัวๆ คืออะไรฟะ เกรงใจสายตาประชาชีที่มองมาทางนี้บ้าง เจ้าพวกนี้ก็อีก ไม่ต้องมาทำอมยิ้มเลยดูตัวเองกันบ้างเถอะ ซันแทบจะล่ามโป้ติดกับตัว วาจับเล่หิ้วเป็นหมากระเป๋า คนที่ชิวสุดคงมีแต่มิท ริว พี่ธันที่ผมทำความรู้จักไปเมื่อคืน

   ส่วนหน้าที่อันทรงเกรียติอย่างการขับรถ ถูกมอบให้คุณอาคมบอดี้การ์ดของมิทไปตามระเบียบ มีสมาชิกเพิ่มมาอีกสองคนเป็นพี่ชายของซัน พี่มูนมากับแฟนรับหน้าที่ขับรถอีกคันให้เพราะพวกเรามีกันเยอะเกินไปยัดอยู่ในกระบะคันเดียวไม่หมด

   แน่นอนว่าก่อนออกลุยต้องทำตามประเพณีไทย สรงน้ำพระตรงจุดที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้ ยกมือพนมไหว้ ใช้ขันใบน้อยตักน้ำโรยกลีบดาวเรืองแต่พอดี ค่อยๆ รดลงบนพระพุทธรูปด้วยใจสงบ กลิ่นหอมจากน้ำอบที่ผสมอยู่ในน้ำอบอวลไปทั่วอากาศ ทางรีสอร์ทเลือกทำเลดีมาก จุดนี้เห็นได้ชัดแถมมีต้นคูนเรียงรายออกดอกสีเหลืองสดใส นี่แหละเทศกาลสงกรานต์

   สรงน้ำพระเสร็จแล้ว ที่ลืมไม่ได้คือการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ในที่นี่เป็นพ่อแม่ของซันมารับการรดน้ำจากเด็กๆ ซันกับพี่มูนคลานเข่าบนเสือเข้าไปรดน้ำด้วยกิริยาเรียบร้อยจนไม่น่าเชื่อว่าซันมันจะทำได้ ตามด้วยคนรักของเหล่าลูกชาย สองผู้ใหญ่ยิ้มแย้มใจดี

   “ขอให้พวกลูกรักกันดีๆ คนรักกันก็เหมือนลิ้นกับฟัน มีกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่อะไรที่ยอมกันได้ก็ยอมนะ”

   คำอวยพรจากแม่ทำเอาพวกผมพากันกลั้นขำจนไหล่สั่นอมยิ้มจนปวดแก้ม ยิ่งเห็นหน้าเงิบของซันกับโป้แล้วยิ่งฮา ฝั่งพี่ชายซันกับแฟนแค่ยิ้มรับสมเป็นผู้ใหญ่หรือชินแล้วก็ไม่อาจทราบได้

   “แม่! พวกผมยังไม่แต่งงาน” ซันออกอาการประท้วง ปากพูดแบบนี้ระวังเท้าคนข้างๆ ด้วยนะเพื่อน

   “บ๊ะ! เอ็งบอกไม่แต่ง แต่ตั้งเป้าหมายว่าเรียนจบจับแต่งเลยไม่ใช่เหรอวะ”

   “เฮ้ยยย พ่อรู้ได้ไง” ซันหน้าเหวอ คนเป็นพ่อหัวเราะลั่น ลูกชายเพิ่งจะรู้ตัวว่าเสียรู้พ่อตัวเองซะแล้ว แต่พอหันไปเห็นหน้าขึ้นสีของคนข้างตัว อาการเขินกลายเป็นฟินแทน ยังมีหน้ามาจับมือถือแขนหวานแหววกันต่อหน้าผู้ใหญ่ให้ชาวบ้านหมั่นไส้เล่นอีก

   กระทั่งโดนเจ้าของรีสอร์ทไล่นั่นแหละ ถึงคราวเพื่อนลูกเข้าไปรดน้ำกับบ้าง หลังเสร็จสิ้นภารกิจแบบไทยๆ เราก็เตรียมไปออกลุยให้สมกับเป็นวันสงกรานต์ รถที่ผมอยู่คุณอาคมเป็นคนขับ สหายร่วมรบคือพี่เฟย์ มิท ริว พี่ธัน อีกคันพี่จินแฟนพี่มูนรับหน้าที่นี้ไปพวกซันก็อยู่คันนี้แหละ

   รถเพิ่งขับออกจากรีสอร์ทไม่ถึงห้าเมตร สงครามน้ำก็เริ่มต้นขึ้น ไม่รู้สาดมาจากทางไหนบ้าง พริบตาเดียวเปียกเป็นลูกหมาลูกแมวกันยกคัน ช่วงแรกยังขับตีคู่กันไปอยู่หรอก ผ่านไปสักพัก คนเยอะรถเยอะ จากค่อยๆ ขับแทบจะจอดนิ่ง ปล่อยให้พวกที่เล่นกันอยู่หลังกระบะกระโดดลงรถไล่สาดน้ำคนอื่นต่อ

   เฮียเฟย์ประจำการด้วยถังแบบกะสาดทีเดียวเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า ของผมมันแค่ขันใบย่อมที่หวิดจะลอยหลุดมือไปโดนหัวชาวบ้านอยู่บ่อยครั้ง

   “พี่ๆ ลงไปเล่นข้างล่างมะ น่าสนุกดี”

   ผมออกปากชวนพี่เฟย์ หลังเห็นโป้กับซันลุยเล่นน้ำกับคนอื่นอยู่ตรงนู้น

   “คนเยอะนะ จะไปเหรอ” น้ำเสียงแบบไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ โหย ขุ่นพรี่เค๊อะ สงกรานต์มาเล่นถึงแหล่งขนาดนี้ จะตรงไหนก็คนเยอะทั้งนั้นแหละ

   “นะนะ อยากลงอะ”

   โดนตื๊อมากๆ เข้าพี่เฟย์ผู้สปอยแมวเป็นทุนเดิม มีหรือจะใจร้ายห้ามกันได้ลง ร่างสูงหุ่นนายแบบวางถังกระโดดลงกระบะพร้อมกางแขนรอรับผมเสร็จสรรพ โอ้แม่เจ้า ขนาดแค่ท่ากระโดดลงจากกระบะยังหล่อ สาวคันข้างๆ นี่มองตามกันน้ำลายหก เสื้อผ้าเปียกชุ่มแนบเนื้อเห็นกล้ามพุงลางๆ เรือนผมปรกหน้าจนต้องเสยขึ้นมีสองสามปอยตกลงมาให้ใจระทวย ใบหน้าหล่อเหลาหยดน้ำเกาะพราว

   บ้าเอ๊ย อยากเอาเท้ายันขอบกระบะ ถือโทรโข่งมาเปิดเสียงสุดแล้วประกาศบอกว่า

   ผู้ชายที่ดูดีกระชากตับตรงนี้แฟนผมเองคร้าบบบ!!

   โลกความจริงได้แต่ลอบปาดน้ำลาย กระโดดลงสู่อ้อมแขนแบบโคตรเต็มใจ พี่เฟย์รู้ว่าผมคิดอะไรถึงได้หัวเราะจนตัวสั่น ปลื้มอกปลื้มใจจนน่าหมั่นไส้ ก้มลงงับกล้ามพุงแม่ง พี่ชายสะดุ้งโหยง ส่วนหนึ่งเพราะเจ็บอีกส่วนเพราะตกใจเสียงกรี๊ดกระหึ่มจากรถด้านหลัง จากมุมนั้นมองมาทางพวกเรามันชวนเข้าใจผิดไปถึงดาวอังคารจริงๆ

   ถามว่าอายมั้ย? อายสิครับจะเหลือเหรอ ใช้พี่ชายเป็นเกราะกำบังคว้าเอาปืนฉีดน้ำมา แบ่งคนละอันออกลุยฉีดน้ำใส่คนอื่น น้ำหมดตอนไหนก็กระโดดขึ้นไปขอเติมคันนั่น

   สาวๆ มีอายุดูจะชอบผมมากเป็นพิเศษ ทั้งหยิกแก้ม ปะแป้งจนตัวขาว ปากบอกน่ารักน่าเอ็นดูอยากเอากลับบ้าน พอเงยหน้าไปเจอพี่เฟย์ยืนหล่อสะท้านทรวงอยู่ด้านหลัง ตัวผมถูกปล่อยทิ้งขว้างทันที ใช่ซรี้ เรามันไม่หล่อ หุ่นไม่ดี แต่ผมไม่น้อยใจในโชคชะตา ในเมื่อคนเพอร์เฟคคนนั้นเป็นคนของผม วะฮ่าๆ

   พี่เฟย์เองก็ไม่น้อยหน้า โดนสาวน้อยใหญ่ปะแป้ง เจ้าตัวไม่มีทีท่าว่าจะสน ทุ่มเทให้กับการคุ้มกันผมเต็มที่ ตีหน้ายักษ์ใส่ผู้ชายทุกคนที่คิดจะมาปะแป้ง คือพวกเขาเหล่านั้นก็แค่ปะไปตามเรื่อง เห็นผมเหมือนเด็กพกพี่ชายมาเล่นน้ำเลยเกิดความเอ็นดู ไม่ได้มีจิตพิศสวาสใดๆ พี่ชายขี้หวงไปเอง

   ผมต่างหากที่ต้องหึงน่ะ! สาวแต่ละคนอือหือ มาเต็ม ที่น่าหงุดหงิดที่สุดคือมีเด็กหนุ่มรุ่นๆ มาหาพี่ชายด้วยนี่สิ ยังมีหน้ายิ้มรับยอมให้ปะแป้งอีกนะ ตาแก่ตัณหากลับเอ๊ย! ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้

   “ขอแป้งบ้างนะ” ผมยิ้มด้วยไมตรี วักแป้งของเด็กที่คิดมาหาพี่เฟย์ซะเกลี้ยง พร้อมป้ายใส่หน้าคนข้างๆ กะให้สำลักแป้งตาย คนไหนแป้งเลอะแค่มือหมายเข้าหา ผมก็ฉีดน้ำใสจนมือสะอาดเอี่ยมอ่อง ยกแขกแทงศอกใส่พุงพี่เฟย์จนร้องอุก

   “ให้มันน้อยๆ หน่อยตาเฒ่า งูบนหัวโผล่แล้ว เห็นเด็กหนุ่มเป็นไม่ได้” ปกติผมเนียนทำตัวเด็ก ณ เวลานี้ขอทำตัวสมวัยหน่อย เจ้าเด็กพวกนั้นจ้องอย่างกับจะวิ่งมาทึ้งหัวผม เหอะ! ไอ้น้องเอ๊ย มีความพยายามแต่ก็ยังอ่อนหัด!

   “อะไรกัน พี่แค่...”

   “แค่อะไร จะบอกว่าเห็นเหมือนน้องชายใช่มะ มุกนี้เคยใช้กับผมแล้วไม่ต้องมาใช้อีก เดี๋ยวผมเห็นคนอื่นเป็นพี่ชายแสนดีบ้างดีมั้ย” จะว่าไปหนุ่มวัยทำงานหน้าตาหล่อหุ่นดีก็เยอะนะ บางคนอย่างกับดาราอาหารตาเพียบ พอผมทำท่าจะเดินไปพี่เฟย์รีบคว้าแขนทำหน้าทะมึน จังหวะเดียวกับมีหนุ่มน้อยอีกคนเดินมาหมายจะปะแป้งพี่เฟย์

   “พี่ครับ ผมขอปะแป้งหน่อยนะ” ทำมาบิดเขิน ความน่ารักไม่ได้ครึ่งแมวอย่ามาสู้

   “ไม่ได้ครับ พอดีแฟนพี่ไม่ชอบ” พี่ชายหันไปยิ้มตอบแบบสุภาพ พร้อมลากผมออกจากจุดนั้นเหมือนจงใจให้ห่างกลุ่มเหล่าคนหน้าตาดีวัยทำงานเป็นพิเศษ ในใจรู้กันดีอยู่ว่าเราแสดงอาการหึงหวงเพื่อบอกว่าอีกฝ่ายนั่นสำคัญ ไม่มีความคิดแม้เศษเสี้ยวกลัวว่าอีกฝ่ายจะนอกใจด้วยซ้ำ เลยเล่นน้ำกันต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   แต่ผู้หญิงคนที่สามสิบเอ็ดที่มาปะแป้งพี่เฟย์ อันนี้ผมหึงจริงนะ!


   ซันxโป้

   ไม่รู้น้ำมาจากทิศทางไหนบ้าง รู้แต่ผมสาดกลับไม่มีอ่อนข้อให้ พลันสายตาเหลือบเห็นเฮียเฟย์กับเพื่อนตัวเล็กถ่ายเอ็มวีง้องอนกันอยู่กลางถนนและฝูงชน ทำให้หยุดมือไปโดยปริยาย

   “เป็นไรวะมึง”

   ซันเหลือบมองถามอย่างสงสัย

   “ไม่มีอะไร... เฮ้ย! คันไหนมันสาดน้ำเย็นวะ!!”

   ผมสะดุ้งเฮือกหลังเจอน้ำเย็นเจี๊ยบจนตัวชา ไอ้ซันหันขวับหาเป้าหมายที่บังอาจรังแกผมทันที สองเท้าก้าวอาดๆ คว้าแขนผมไปทางรถคันนั้น ไม่จำเป็นต้องส่งสัญญาณบอก ผมกระโดดขึ้นรถพร้อมซันตักเอาน้ำในถังนั้นแหละราดพวกมันซะเอง ให้มันรู้บ้างเล่นน้ำเย็นแบบนี้มันทรมานคนอื่นนะเฮ้ย ดีไม่ดีตักเพลินเจอก้อนน้ำแข็งลอยได้มีหัวร้างข้างแตกกันบ้าง

   พอผลาญน้ำพวกมันจนเกือบหมด เราสองคนเผ่นออกจากบริเวณนั้นไปเล่นกันแถวอื่นต่อ ผู้ชายมันไม่ปะแป้งใส่กันหรอก ช่วงเวลานาทีทองแบบนี้เล็งหาแต่สาวทั้งนั้น ตัวผมกับซันเลยโดนแป้งจากมือนุ่มๆ อย่างเดียว ไม่มีมือหยาบกร้านมาเฉียดใกล้

   นึกสนุกหน่อยก็วักแป้งปะสาวแข่งกันซันบ้าง กระทั่งเดินไปถึงจุดล่อแหลม ผมชะงักเท้าหมายจะเรียกซันถอย ด้วยช่วงขายาวๆ ของมันผมเลยเรียกไม่ทัน ซันมันเดินบื้อเข้าไปดงสาวประเภทสอง พอมันไม่เห็นผมตามไปเลยมองหา ผมพยายามกวักมือเรียกมันสุดชีวิต

   พ่อคุณชายบื้อยังควายอย่างคงเส้นคงวา กว่ามันจะรู้ตัวว่าหายนะมาเยือนก็ถูกสาว(มี)น้อยทั้งหลายรุมทึ้ง เน้นปะแป้งไม่มีน้ำเจือปน ลำบากผมต้องฝ่าฝูงชนเข้าไปช่วยมันออกจากดงกระเทย คนพวกนี้มือยิ่งกว่าปลาหมึก ต้องมีความเชี่ยวชาญมากพอจะหลุดออกมาได้

   ผมมีประสบการโชกโชนจากการเล่นน้ำสงกรานต์กับเพื่อนทุกปี ลงมือช่วยชีวิตแฟนตัวเองก่อนจะได้เมียเพิ่มอีกห้า มือจับก้นกระเทยใกล้ตัว พอคุณเขาหันมาผมก็ชี้ขวับไปทางผู้ชายที่เพิ่งเดินผ่านไป เหยื่อรายที่หนึ่งหลงกลทันทีรีบแจ้นตามผู้ชายดวงซวย

   ต่อไปอีกสี่ เนียนวักแป้งในถังคนแถวนั้น สะกิดเทยสาวสองคนให้หันมอง แล้วปะแป้งให้อย่างอ่อนโยน

   “ขอโทษนะครับ ผมขอปะแป้งหน่อย ความจริงผมไม่ใช่คนอยากปะหรอก แต่เพื่อนผมตรงนั้นสองคนมันอยากทำแต่ไม่กล้า ผมเลยแกล้งพวกมัน หวังว่าพี่สาวคนสวยสองคนจะไม่ถือสานะครับ” จบวาจาด้วยรอยยิ้มตาพราว เห็นแบบนี้ผมมั่นใจในหน้าตาตัวเองพอสมควร แถมคนที่ผมเลือกชี้ไปเป็นแพะหน้าตาดีสเปคเทยไทยทั้งคู่ สองสาวนอกจากจะไม่ถือสายังหยิกแก้มผมคนละที ก่อนเดินไปทางที่ผมชี้

   เอาล่ะเหลืออีกสอง ไอ้ซันเริ่มหงุดหงิดฟาดงวงฟาดงาแล้ว กลัวมีแสดงโชว์ต่อยกระเทยจริงๆ พับผ่า

   “น้องๆ โทษนะ พอดีรถพี่จะออกแล้วขอตัวเพื่อนพี่ไปก่อน”

   “อ๊ายย น้องเหรอ”

   อาศัยช่วงที่เขากำลังเคลิ้มกับคำว่าน้องและเสียงนุ่มๆ ของผมในการเปิดช่องทางคว้าแขนซันหนีไปจากตรงนั้นเท่าที่ความสามารถในการแหวกฝูงชนจะอำนวย หลุดพ้นมาได้ค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก อาศัยรถกับฝูงชนเป็นที่กำบัง

   “เกือบเสียตัวแล้วมั้ยล่ะมึง กูเตือนไม่ฟัง” ผมพูดกับมันขำๆ ไอ้ซันดูไม่ขำด้วยสีหน้าเหมือนโดนทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรง

   “เหี้ยเอ๊ย”

   “เอาน่า ใจร่มๆ ก่อนมึง โดนลูบโดนคลำนิดหน่อยไม่สึกหรอก” พูดพลางลูบหลังปลอบใจ ไอ้ซันหันมาจ้องเขม็งใส่คว้ามือผมไปจับของตัวเองหมับ อะจ๊ะ เต็มไม้เต็มมือ

   “มึงต้องช่วยล้างมลทินให้กู” หนุ่มผิวเข้มยื่นหน้าเข้ามาชิดกระซิบเสียงรอดไรฟันเหมือนอยากกลับไปกระทืบกระเทย เมื่อกี้ถ้าผมช้าอีกนิดคงลงมือจริงๆ

   “ล้างก็ล้างแต่ไม่ใช่ที่นี่โว้ย” โขกหัวใส่ดังโป๊ก มันร้องโอ๊ยไม่ยอมผละออกรวบกอดผมทั้งตัว พยายามถูไปมาสุดฤทธิ์ ไอ้ซัน ไอ้หมาหื่น ผมยื่นแขนไปกอดคอมัน มันคิดว่าผมจะเอาด้วย ฝันเถอะ รั้งคอจัดการแทงเข่าเข้าพุงจนมันทรุดไปกุมท้องอยู่กับพื้น ชูนิ้วกลางแถมท้ายให้ ถึงผมจะไม่ใช่พวกใสๆ แต่ไม่ปลื้มกับสถานที่เปิดโล่งโจ้งแบบนี้เว้ย

   “มึงถนอมกูบ้างเหอะ ผัวนะไม่ใช่กระสอบทราย”

   “ยังมีหน้าประท้วง อยากโดนอีกมั้ย มึงนั่งแบบนี้พอดีแข้งกูเลยก้านคอสักทีสติจะได้กลับมา”

   “กลับห้องไปกูเอาคืนมึงแน่” ชี้นิ้วคาดโทษ ผมไม่แคร์ ใช้เท้าเตะสะกิดให้มันลุกขึ้นมาเร็วๆ ตะกี้หางตาเห็นพวกมิทแวบๆ ไปเล่นกับพวกนั้นดีกว่า

   ไอ้ซันไม่อิดออด พอหายจุกก็ลุกขึ้นเดินตามผมไปสมทบกับพวกมิท เพื่อนคนนี้มันสายปะแป้งชัดๆ ถือถังแป้งหน้าขาววอกแสดงว่าโดนมาไม่ใช่น้อย ริวกับพี่ธันดูสบายๆ แบกปืนฉีดน้ำคนละกระบอก ผิดกับพวกผม พกขันคนละใบจิ๊กน้ำชาวบ้านเล่น

   “เฮ้ย มึงกะปะแป้งให้ครบทุกคนเลยเหรอวะ” ซันออกปากทักมิทเป็นคนแรก เพื่อนตัวดีขึ้นมายิ้มแป้งเยิ้ม

   “ไม่ว่ะ กูเล็งแต่สาวสวยอึ๋มๆ เท่านั้น” ไม่พูดเปล่าทำมือเหมือนขยำอะไรสักอย่างกลางอากาศ สีหน้าท่าทางเจ้าเล่ห์โคตร

   “มิทมันบ้า หวิดจะโดนผัวชาวบ้านกระทืบไส้แตกหลายทีแล้ว” ริวบ่นอุบ ทำมาเป็นพูด ถ้ามันมาคู่กับมิทสองคนมีแต่จะช่วยกันสร้างเรื่อง พอมีรุ่นพี่ธันมาสงบเสงี่ยมยิ่งกว่าผ้าพับไว้ ตอแหลชิบ มิทมันรู้ดีเลยป้ายแป้งเข้าปากเป็นการตอบแทน พี่ธันนึกสงสารฉีดน้ำให้ริวล้าง

   “กูขอบ้าง อยากไปปะตรงนู่น” ผมคว้าแขนก่อนมิทมันจะไหลไปกับกลุ่มสาว มันหันไปมองตามสายตาผมแล้วผงะรีบส่ายหัววิ่งหนีผมไปทันที ผมมองตามอย่างไม่เข้าใจ

   “ตรงนู่น ตรงไหนของมึง... กับผู้หญิงกูไม่ว่า แต่ผู้ชายห้าม!!”

   เสียงประกาศกร้าวพร้อมแรงบีบที่แขน ฉิบหาย ลืมไปว่าไม่ได้มาตัวคนเดียว

   “เดี๋ยวซัน ฟังกูก่อน”

   “กูไม่ฟัง! ไม่ต้องลงต้องเล่นมันแล้ว มึงมานี่กลับไปที่รถกับกู” อารมณ์หึงขึ้นหน้า ซันลากผมกลับไปที่รถ โธ่ชีวิต ไม่น่าเลยกู ไม่น่าลืมว่าผัวดุ...


   ริวxธัน (สมัยคบกันแล้ว)
   
    มิทไปอีกทาง ซันโป้ไม่รู้ลากแขนกันหายไปไหน มาเร็วเคลมเร็วจนผมแปลกใจ เหลือแค่ผมกับเจ้ารุ่นน้องที่สู้อุตส่าห์ลากผมจากกลุ่มเพื่อนมาเล่นน้ำกับตัวเอง

   “พี่ธันหนาวยัง”

   “ฮึ ยังต่อได้อีกสบาย ทั้งวันทั้งคืนก็ไม่มีปัญหา” ใช่ว่าไม่เคย เล่นสงกรานต์กับเพื่อนแล้วดื่มกันต่อชุดไม่เปลี่ยน แช่จนตัวคันยันเช้า

   ผ่านไปอีกสิบนาที…

   “หนาวมั้ยพี่”

   คำถามเดิมแต่เปลี่ยนรูปประโยค ผมหรี่ตามองหลานรหัส สีหน้าเหมือนหมารออาหารจากเจ้าของ

   “ยัง ถ้าถามอีกกูจะเอาน้ำแข็งรถคันนั้นยัดปากมึง” แกล้งขู่มันเล่นๆ ริวมันหูลู่หางตกซะจนน่าสงสารชวนให้ใจอ่อน เขามีทาสแมวผมนี่แหละทาสหมาตัวจริง ที่บ้านมีอยู่สามตัว ทุกตัวเก็บมาจากข้างถนนทั้งนั้น แล้วไอ้หลานรหัสคนนี้มันเหมือนหมาพันธุ์โกลเด้น ตัวโตขนนุ่มสีน้ำตาลสวย ท่าทางอะเลิทปัญญาอ่อนอารมณ์ดีขนาดชวนโจรเล่น

   ผมเผลอยื่นไปลูบหัวหมา เจ้าริวมันก็เฉยยอมให้ลูบทำหน้าเคลิ้มอีก

   “ทำไมถึงถามบ่อย” ละมือออก เจ้าหมามองตามอย่างเสียดาย

   “ผมเป็นห่วง...” ผมมองนิ่งบ่งบอกว่าไม่เชื่อ มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ ริวหลุกหลิกสุดท้ายต้องยอมบอก “ผมอยากแสดงความแมนบ้างอะ พี่ธันแกร่งเกินไปแล้ว”

   “หา?” เวลานี้พูดออกคำเดียวก่อนจะหลุดหัวเราะดังลั่น “ฮ่าๆ! ไอ้ลูกหมา จะมาโชว์แมนเหนือพี่มันยังเร็วไปสิบปีไอ้น้อง” ตบหลังมันป้าบๆ หน้าหล่อใสกิ๊งตามสไตล์ลูกครึ่งญี่ปุ่นเหมือนจะร้องไห้

   ผมกอดคอรั้งลงมาขยี้หัวแม่งสูงจนน่าโมโห พาไปเล่นน้ำกับคนอื่นล้างความคิดปัญญาอ่อนออกไปบ้าง ผมไม่เคยมาเล่นน้ำที่กาญจน์ ได้มาคราวนี้นับว่าเปิดหูเปิดตาพอสมควร ที่เบิกเนตรสุดคงเป็นเรื่องของซัน เห็นมันอยู่แบบนั้นใครจะไม่คิดล่ะว่ามันเป็นถึงลูกชายเจ้าของรีสอร์ทใหญ่โต คนเรานี่ดูภายนอกไม่ได้เลย

   ฉีดน้ำไปสักพัก น้ำหมดสต๊อกจนผมต้องไปขอเติมจากรถข้างๆ ทำให้ห่างจากริวชั่วขณะ หันมาอีกทีเจ้าหมาอารมณ์ดียิ้มหัวเราะร่าอยู่กลางดงผู้หญิง กลุ่มริวมันหน้าตาดีกันยกกลุ่มแต่ทุกคนเข้าถึงยาก ไม่นับมิทที่มันลื่นยิ่งกว่าปลาไหลก็มีริวที่ดูจะเข้าถึงง่ายที่สุด

   ใช่ว่าผมไม่รู้นะเวลาผมไม่อยู่ริวมันขนาดไหน แค่ผมไม่สน พอใจในสิ่งที่ริวแสดงออกกับผมมากกว่า แต่คงต้องยกเว้นเวลานี้ไว้สักหน่อย เผลอแปบเดียวไปส่ายหางดิกๆ กลางสวนนม น่ากระทืบชิบ

   แรงฉีดน้ำเย็นเจี๊ยบแบบเน้นกลางหัวทุกดอกเริ่มสร้างความรำคาญให้เจ้าหมามากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาตวัดมองหมายเอาเรื่องคนกวนส้น พอเห็นว่าเป็นใครทำเท่านั้นแหละ ไอ้ท่าทางกางเล็บแยกเขี้ยวหายกลายเป็นลูกหมาเดินออกจากกลุ่มสาวมายืนหงอยอยู่ข้างๆ

   “สนุกมะ” น้ำเสียงเรียบเฉยไม่ต่างจากศรแทงใจ

   “แค่คุยกันธรรมดา พี่ธันอย่าโกรธผมนะ”

   “...” มีเพียงความเงียบแทนคำตอบ คนแถวนั้นถอยห่างพวกเราสองคนนับว่ามีมารยาท

   “ผมยอมแล้วครับ... พวกเขามาจีบ แต่ผมไม่สนหรอก ผมมีพี่ธันอยู่แล้วทั้งคน พี่อย่ามองผมแบบนั้นสิ จะทุบจะตียังไงก็ได้ คุยกับผมหน่อย”

   เสียงงุ้งงิ้งดังอยู่ข้างหู อยากโกรธต่ออีกสักหน่อย แต่กลัวจะหมดสนุกกับการเล่นน้ำ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ใช้ปืนฉีดน้ำโขกหัวไปหนึ่งทีแบบออมแรง

   “รู้อยู่ว่ากูไม่ชอบ คบกันแล้วทำตัวดีๆ กูยังไม่อยากเปลี่ยนแฟนเร็ว” ปากพูดไปงั้น ความจริงทำไม่ได้หรอก ผมเป็นคนรักใครรักจริงคบทีละคนไม่เผื่อสายตาให้ใคร

   “พี่ธัน...” เจ้าหมาครางหงิง

   “ไป เล่นน้ำต่อ อย่ามัวแต่ซึม”

   หลังจากนั้น ไม่ว่าจะโดนสาดแค่ไหน เจ้าริวก็เอาแต่ตามต้อยๆ มือจับชายเสื้อผมอย่างกับเด็กกลัวโดนทิ้ง พอสาวไหนจะปะแป้งมันก็ปฏิเสธเบี่ยงตัวหลบ ผมหันไปทีก็ทำหน้าออดอ้อนใส่ทีหนึ่ง

   ระหว่างที่กำลังตัดสินใจว่าจะกลับรถดีมั้ย เพราะเล่นต่อไปก็หมดสนุก จู่ๆ ริวคว้าแขนผมรวบตัวเข้าไปกอด กำลังอ้าปากด่า น้ำสายหนึ่งสาดโครมที่ตัวพวกเรา น้ำเย็นเจี๊ยบจากการแช่น้ำแข็งก้อนไม่เท่าไหร่ ปัญหาคือก้อนน้ำแข็งที่กระแทกหลังริวดังปึก ผมตาโตรีบผละออกจากแขนมาดูอาการ หันไปจ้องพวกนั้นแบบโกรธๆ

   “เล่นกันระวังหน่อยสิวะ เกิดน้ำแข็งกระแทกหัวแฟนกูแตกจะว่าไง”

   เสียงผมกดต่ำ เตะก้อนน้ำแข็งไปทางนั้นอย่างเอาเรื่อง ขนาดไม่ใช่น้อยๆ มันเป็นน้ำแข็งตัดที่ละลายน้ำจนเหลือขนาดเท่ากำปั้น ถังในมือคนหนึ่งเป็นหลักฐานชั้นดีว่ามันมัวแต่ตักสาดจนไม่สนความปลอดภัย ริวไม่อยากมีเรื่องเลยคว้าแขนผมไว้

   “อย่ามีเรื่องเลยพี่ มันไม่คุ้ม” คำเตือนทำให้ผมได้สติเห็นบนรถพวกนั้นมีขวดเหล้ากับกระป๋องเบียร์ คนสาดเองก็หน้าเสียยกมือไหว้ขอโทษขอโพย

   “ถ้าไม่อยากโดนคนอื่นกระทืบ เล่นให้มันดีๆ หน่อย” ผมพูดทิ้งท้ายยอมเดินไปตามแรงดึงของหลานรหัส พอพ้นคนพวกนั้นริวหมุนตัวผมไปสำรวจ

   “พี่ธันไม่เป็นไรนะ”

   “กูไม่เป็นไร มึงต่างหากที่เป็น ไหนมาดูหลังดิ้” จับมันหันหลังถลกเสื้อขึ้นโชว์ผิวขาวแบบลูกครึ่งอย่างไม่เกรงใจ เจ้าริวหน้าหนาพอที่จะไม่อาย ผมสำรวจดูแผ่นหลังมีแค่รอยช้ำ ปล่อยไว้สักสองสามวันก็หาย

   “มึงอย่าโชว์แมนด้วยวิธีนี้อีกนะ เกิดมึงเป็นอะไรขึ้นมากูจะไปบอกแม่มึงยังไง”

   “ผมไม่ได้โชว์แมน! แต่ผมเป็นห่วงพี่จริงๆ อยากดูแล อยากปกป้อง ทำไมพี่มองผมแบบนั้น”

   ได้ยินน้ำเสียงเหมือนเสียใจ ทำให้ผมร้อนรนคว้ามันมากอดกลางถนนแบบลืมตัว มือลูบหลังปลอบ

   “ขอโทษ อย่าโกรธพี่เลยนะ พี่เองก็เป็นห่วงเราเหมือนกัน” คำแทนตัวที่นานทีจะหลุดจากปากเรียกสายตาจากคนน้อยใจ

   “ทั้งที่ผมทุ่มเทให้พี่ทุกอย่าง แต่พี่กลับคิดว่าผมทำไปเพราะสร้างภาพ...”

   “พอ! เลิกดราม่า วันนี้กูยอมมึงหนึ่งอย่างเลยเอ้า!”

   คนฟังหูตั้งหางกระดิก อย่าคิดนะว่าผมไม่รู้ทันแผนร้ายของมัน เห็นกับที่ผมพูดไม่ดีไป จะยอมให้สักครั้งก็ได้

   “พี่จะกลับรถใช่ปะ ไปๆ กลับกันเถอะพวกนั้นคงไปรอแล้ว” อย่างกับสับสวิทช์อารมณ์ดีจนน่าถีบ หวังว่ากลับไปผมจะไม่เสียใจกับการกระทำของตัวเองนะ เฮ้อ!

หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง พิเศษสงกรานต์รวมคู่ [UP!14/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 14-04-2016 13:02:20
พิเศษสงกรานต์ (รวมคู่) ต่อ

   วาxเล่

   บนรถกระบะเหลือคนเล่นเพียงแค่สองคนร่วมมือกันตักน้ำสาดใส่คนอื่น มีหลายคนกระโดดขึ้นรถมาเล่นด้วยแต่ไม่นานก็ต้องลงไปเพราะทนแรงกดดันจากคนบนรถไม่ไหว

   “วาอย่าทำหน้าดุแบบนั้นสิ คนหนีหมดแล้ว”

   มือเรียวจับแขนคนยืนข้างๆ ที่ทำหน้าบูดตั้งแต่เมื่อกี้

   “ถ้าพวกนั้นมาเฉยๆ กูไม่มีปัญหา แต่พวกมันมาแบบหวังผล”

   “หวังผลอะไรเหรอ” ความจริงรู้อยู่เต็มอกว่าคนพวกนั้นมีเป้าหมายจะเล่นกับผมเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิง ไม่ได้สนเลยว่าคนข้างตัวยืนเป็นยักษ์วัดแจ้งนั่นแฟนตัวเป็นๆ ถึงงั้นก็อยากถามให้ตัวเองดีใจบ้าง

   “พูดมาก เล่นไป ระวังอย่าให้แป้งเข้าตาเข้าปาก สกปรกเชื้อโรค”

   น้ำเสียงห้วนๆ แบบนี้ทั้งปี หากเป็นคนอื่นคงน้อยใจไปสิบตลบกับความเฉยชาไม่แยแสของวา พอดีคนที่อยู่ตรงนี้เป็นผมผู้ถือคติตื้อเท่านั้นที่ครองโลก ความจริงใจชนะทุกสิ่งและผลที่ได้รับนับว่าคุ้มค่า

   วาเป็นคนนิ่งๆ แต่ไม่เย็นชา หากเพื่อนเล่นสนุกเจ้าตัวก็เล่นด้วย จะเห็นได้ชัดเวลาอยู่กับซัน กับคนไม่รู้จักหรือไม่สนิทเจ้าตัวจะเฉยมาก ที่สำคัญวาเป็นคนปากไม่ตรงกับใจสุดๆ ภายนอกแสดงว่ารำคาญผมนักหนาแท้จริงแล้วคอยเป็นห่วงดูแลไม่ขาด รู้เรื่องว่าอะไรที่ผมชอบหรือไม่ชอบ รู้ยันไซส์กางเกงในอะ คนอื่นจะว่าวายังไงผมไม่สน สำหรับผมวาน่ารักที่สุด

   “เป็นบ้าอะไร ยืนบิดไปบิดมา ถ้าหนาวแล้วก็เข้ารถไปซะ”

   นั่นไง ตัวอย่างปากว่าแต่ไล่ด้วยความเป็นห่วง ผมส่ายหัวยิ้มอย่างเดียวเกาะแขนวาหนึบอย่างออดอ้อน ได้ยินเสียงถอนหายใจจากร่างสูง แต่ไม่ยักจะแกะผมออกจากตัว

   ตราบใดที่วายังเล่นน้ำอยู่ผมไม่มีทางยอมไปนั่งในรถแน่ แม้ในรถจะมีเสื้อผ้ากับผ้าขนหนูเตรียมพร้อมไว้ให้ก็ตาม อย่าถามว่าฝีมือใคร คนข้างๆ นี่แหละ

   มีผู้หญิงวัยรุ่นสองคนเดินมาที่รถ คนแรกมีเป้าหมายที่วาจ้องเหมือนจะกินเข้าไปทั้งตัว ส่วนอีกคนสงสัยคงมาเป็นเพื่อนเฉยๆ ผู้หญิงสมัยนี้ใจกล้าไม่รอให้ผู้ชายเข้าหาแล้ว คุณผู้ชายหัวอ่อนทุกท่านโปรดระวัง หากไม่อยากโดนจับทำสามีโดยไม่รู้ตัว เล่ขอเตือนเลย

   “นายชื่ออะไรเหรอ เราชื่อเปิ้ลนะ” แนะนำตัวด้วยเสียงหวานๆ มองแบบทอดสะพานประกอบกับท่าเขินอายนิดหน่อยพอเป็นจริตของผู้หญิง เรือนผมยาวเปียกลู่แบบจงใจปล่อยสยายให้ปลกหน้าสงสัยคิดว่าดูเซ็กซี่ ชุดที่ใส่เป็นเสื้อสีขาวด้านในเป็นชั้นในสีเข้ม กางเกงยีนขาสั้นกุด ผมยอมรับนะเธอสวยหุ่นดี แต่ทำตัวแบบนี้หมดราคาของผู้หญิงเลย น่าเสียดาย

   “วา”

   พ่อหนุ่มข้างกายตอนได้สั้นห้วนจนสาวแอบชะงัก หากวาหล่อน้อยกว่านี้อีกนิด หุ่นดีน้อยกว่านี้อีกหน่อย ท่าทางแบดบอยลดลงอีกเล็กน้อยสาวคงถอยไม่เดินหน้าสู้ต่อ

   “พอดีว่าเปิ้ลอยากชวนไปเล่นที่รถ ไปด้วยกันหน่อยนะ” ช้อนสายตาขึ้นมองแอบก้มหน้าเล็กน้อยจนเห็นผ่านคอเสื้อ ผมกำลังจะอ้าปากพูดเพราะทนมารยาหญิงไม่ไหว เพื่อนที่มาด้วยกันดันดึงตัวผมจากการเกาะแขนวา ผมยังไม่ทันตั้งตัวเลยเซไปตามแรง วาไม่ได้หันมามองกำลังคุยกับผู้หญิงคนนั้นอยู่

   “ปล่อย” ผมพูดอย่างหงุดหงิด จะไปขัดขวางชะนีอย่ามารั้งตัวกันได้มั้ย เดี๋ยวปั๊ดเอาขันโบกหัวทิ่ม

   “คนนอกอย่าไปยุ่ง ปล่อยให้คนที่เหมาะสมกันเขาคุยกันดีกว่า ถ้าเธออยากได้ผู้ชายเดี๋ยวฉันแนะนำให้ รถคันนั้นเป็นไง น่าจะเหมาะกับเธอดี”

   ยัยผู้หญิงนิสัยสุนัขไม่รับประทานชี้ไปทางรถที่มีผู้ชายหน้าตาเหมือนโจรถือหัวเหล้าส่งเสียงดังจนน่ารำคาญ ผมแกะแขนเธอออก

   “ถ้าต้องการขนาดนั้นไปเองสิ น่าสงสารชะนีไม่มีผู้ชายเอาต้องวิ่งเอานมมาหาชาวบ้านถึงที่ พ่อแม่ให้มาสงวนตัวหน่อยก็ดี เอามาเร่ขายแบบนี้ผู้ชายเขาไม่เห็นคุณค่าหรอก ไร้ราคายัยดอกบัวผุด!”

   ผมกระแทกประโยคสุดท้ายหนักๆ พูดดังกะให้กระทบไปถึงยัยโคนมที่กำลังล่อลวงแฟนชาวบ้าน วาก็เหลือเกิน ไม่ช่วยกันเลยเอาแต่คุยกับผู้หญิงอยู่ได้ รู้ว่าอดีตเป็นคาสโนว่า แต่ตอนนี้เป็นแฟนผมแล้วนะ!

   “ปากดีจริงอีกระเทย พวกจิตวิปริตผิดเพศ!!”

   คำสุดท้ายแทงใจผมจนต้องเม้มปาก มือยกขันหมายจะตบชะนีล้างน้ำ ยัยโคนมนั่นมีหน้ามามองผมสะใจ พอเห็นว่าวายังนิ่งเลยยิ่งได้ใจส่งซิกให้เพื่อนสาวจัดการผม แขนถูกรวบดึงด้วยแรงผู้หญิงหมายจะกระชากให้ตกจากกระบะรถ ผมยื้อตัวไว้สุดฤทธิ์

   พอหันไปมองเห็นวาถูกผู้หญิงคนนั้นรั้งคอกอดอยู่ทำให้ผมเผลอผ่อนแรงรู้สึกใจหายวูบเพราะตัวปลิวไปตามแรงดึง จังหวะที่ตัวเอนไปด้านหน้ามีแขนข้างถึงตวัดโอบเอวผมรั้งเข้าหาตัว สัมผัสอุ่นที่คุ้นเคยทำให้รู้ทันทีว่าเป็นใคร ผมซบหน้ากับอกวาตัวสั่นด้วยความตกใจ

   “ไสหัวไปซะ ก่อนที่กูจะเอาเท้าฟาดหน้า”

   วาตวาดจนผู้หญิงสองคนสะดุ้งเฮือก ผมมองดูเลยเห็นว่าคนที่กอดคอวาเมื่อกี้ถูกปัดจนหงายหลังลงไปนั่งกับพื้นถนน แสดงว่าเมื่อกี้ถือวิสาสะกอดโดยที่วาไม่เต็มใจสินะ

   “เป็นอะไรรึเปล่า” น้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง หัวใจผมพองโตถูหน้ากับอกวา เสื้อเปียกๆ แนบเนื้อยิ่งทำให้เราใกล้แนบชิดกันมากขึ้น

   “เล่เจ็บ ผู้หญิงคนนั้นจิกแขนเล่ด้วย ท้องก็กระแทกขอบกระบะพรุ่งนี้ต้องช้ำแน่เลย” ผมตอบเสียงอ่อย มือหนาจับสำรวจดูตามที่บอก แขนขาวๆ ของผมมีรอยเล็บจิกอยู่จริง ปกติไม่ควรแดงจนน่ากลัวแบบนี้หรอก พอดีว่าผมผิวขาวเกินไปแถมยังเล่นน้ำจนตัวเปื่อยเลยดูหนักหนาไปหน่อย ตรงท้องวาไม่เปิดดูเพราะอยู่กลางแจ้ง แต่แค่นั้นเจ้าตัวก็เดือดดาลคว้าขันใกล้มือขว้างใส่พื้น

   “กรี๊ดด!” เสียงหวีดร้องสองเสียงทำให้ผมสะใจ มารยาสาวหลายร้อยเล่มเกวียน เจอมารยาเล่หน่อยเป็นไง ขนมาทั้งรถพ่วง เชอะ

   “ยังไม่ไปอีก!! อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วกูไม่กล้า เพราะความใจดีของกูหมดไปตั้งแต่มึงคิดทำร้ายเมียกูแล้ว!”

   วาตวาดไล่อีกรอบ แบบไม่สนว่าใครจะมองมาที่พวกเราบ้าง สองคนนั้นคงอยากจะด่าทิ้งท้าย บังเอิญว่าวาตีหน้าโฉดใส่ รีบวิ่งหน้าตั้งกลับรถแทบไม่ทัน ผมที่กำลังอารมณ์ดีกอดวาอยู่นั่น จู่ๆ ตัวลอยวูบเพราะถูกอุ้มไปหย่อนอยู่ในถังน้ำที่เหลือน้ำแค่ก้นพลางมองคนจับยัดลงถังตาปริบๆ

   “อยู่ในนั้นไป จะได้ไม่มีปัญหา”
   
   “เอ๋ แต่เล่ยังอยากเล่นน้ำอยู่นะ” ผมทำปากยู่

   จุ๊บ!

   เสียงดังฟังชัด ใครจะไปคิดละว่า วาจะก้มลงมาจูบเร็วๆ แล้วใช้ขันตักน้ำสาดใส่รถที่ขับผ่านเพื่อเอาคืน ปล่อยให้ผมยืนม้วนได้ความฟินอยู่ในถังคนเดียว

   วานะวาใจดีกับผู้หญิงถึงได้ไม่ไล่ไปตั้งแต่แรก ดีนะที่ผมไม่เป็นอะไร ไม่งั้นก่อนที่วาจะได้อาละวาดคงถูกโป้กระทืบหลายเท้า เสี่ยงกลับไปเจอลูกซองป๊าที่บ้านอีก รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลให้ดี แต่เอาเถอะ ผมชอบที่วาเป็นแบบนี้ แข็งนอกอ่อนใน ใจดี แต่พอถึงคราวจำเป็นก็ไม่ไว้หน้า ผู้ชายแบบนี้พึ่งได้ออกจะน่าปลื้มจะตายไป

   หลังจากนั้นผมเลยได้เล่นน้ำอยู่ในถัง โดยมีวาคุมเข้มอยู่ด้านข้าง ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่ ในที่สุดพวกโป้ที่หายไปนานก็กลับมาที่สักที พร้อมรถที่เริ่มเคลื่อนตัวไปบนถนนช้าๆ


   ป๋าxมิท

   ชีวิตผมช่างน่าสงสาร อุตส่าห์ขอป๋าจนได้มาเล่นน้ำสงกรานต์กับเพื่อนทั้งที เพื่อนดันมาเป็นคู่ปล่อยให้ผมโดดเดี่ยวเดียวดายเลยต้องเยียวยาจิตใจด้วยการไล่ลวนลามสาวแบบมีชั้นเชิง ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินคอเสื้อถูกคว้าจากด้านหลังด้วยฝีมือซัน ลากกลับไปที่รถเพราะมันเริ่มเคลื่อนตัวเดี๋ยวจะหากันลำบาก

   ขามาคันเดียวกับปอนด์ ขากลับต้องไปกับซัน กระโดดขึ้นกระบะเห็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเล่นั่งขดอยู่ในถัง

   “เล่ลงไปทำอะไรในนั้น” ปากถามตามองคนทำ วาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หันไปคุยกับซันเฉย

   “พอดีวาหวงเลยให้เล่อยู่ในนี้จะได้ปลอดภัย” หนุ่มผู้เหมือนสาวยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนตอบเสียงเพ้อ เอาเป็นว่าผมเลิกยุ่งแล้วกัน ดูท่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง โป้เองก็เงียบเชียวโดนซันจับมือไว้ไม่ปล่อย

   ช่วงที่ผมไม่อยู่คงจะเกิดเรื่องกันไม่น้อย รู้สึกพลาดแฮะ เอาไว้ไปหลอกถามเอาหลังจากกลับรีสอร์ทดีกว่า หึหึ

   จากที่วางแผนไว้กะว่าจะขับรถเล่นน้ำก่อนค่อยวนกลับมามันต่อแถวรีสอร์ท ด้วยความเหนื่อยของทุกคนทำให้แผนการหลังจากนั้นเป็นต้องยกเลิกไป

   ทุกคู่แยกย้ายกลับรังรักของตัวเอง เฮียเฟย์จูงปอนด์ที่สะลึมสะลือ วาโชว์พาวด้วยความอุ้มเล่ท่าเจ้าสาวกลับห้องพัก ริวกับพี่ธันเดินคุยกันไปอีกทาง ซันโป้คุยกับพี่ชายหน้าสวยเรื่องอะไรไม่รู้ ทิ้งผมโดดเดี่ยวอีกแล้ว!

   “กลับไปหาบอสไหมนายน้อย”

   พี่อาคมเสนอความคิดเห็นเพราะคาดว่าหลังจากนี้คงแยกกันทานมื้อเย็นแบบตัวใครตัวมันและไม่แน่ว่าพรุ่งนี้จะได้เจอกันกี่โมง แต่ละคู่ดูมีลับลมคมในกันเหลือเกิน...

   หากใครได้รู้ความคิดมิทตอนนี้คงอยากจะสวนกลับว่าเจ้าคนที่มีความลับเยอะสุดคือนายนั้นแหละ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ พกบอดี้การ์ดมาด้วยอีกต่างหาก

   “คงต้องงั้นแหละ”

   พยักหน้ารับ ลากสังขารตัวเปียกโชกกลับบ้านพักกลางน้ำแบบส่วนตัวที่ป๋าจองไว้ ตลอดทางเจอเหล่าชายตัวถึกสลัดชุดสูทสวมเสื้อลายคอยส่งเสียงทักทายเป็นระยะ คนพวกนี้ลูกน้องลูเซียสทั้งหมด ครองพื้นที่บริเวณนี้แบบที่หนูสักตัวยังไม่ปล่อยให้ผ่านไปถึงตัวบอสผู้ยิ่งใหญ่ทั้งตำแหน่งและตรงนั้น

   “พี่อาคมไปพักเถอะ ขับรถมาทั้งวันคงเหนื่อยน่าดู”

   “ครับนายน้อย”

   คล้อยหลังบอดี้การ์ดประจำตัวที่ป๋ายกให้ ผมเดินเข้าไปในบ้านเปิดประตูปุ๊บได้กลิ่นเหล้ากับบุหรี่ราคาแพงเป็นอันดับแรก ยังดีที่ไม่เจอแอร์เย็นฉ่ำเหมือนเลี้ยงเพนกวิ้นเหมือนตอนที่อยู่ตึก

   ภายในบ้านพักไม่ต่างจากบ้านชั้นเดียวสุดหรู เฟอร์นิเจอร์ทำจากไม้จัดเข้ากับบรรยากาศแบบสบายๆ มีห้องนอนใหญ่เตียงเดี่ยวกับห้องนอนเล็กสองเตียงพร้อมห้องน้ำในตัว ถ้าผมจะอาบน้ำต้องเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่ใครบางคนกำลังพักผ่อนอยู่

   เหนือเก้าอี้เอนหลังมีร่างสูงใหญ่สวมชุดคลุมอาบน้ำคีบบุหรี่สูบ โต๊ะใกล้กันมีขวดบรั่นดีคุ้นตากับแก้วเหล้าคุ้นตา ไม่น่าเชื่อว่าพกมาที่รีสอร์ทด้วย

   “เล่นน้ำสนุกมั้ย”

   คำทักทายแรกหลังจากอีหนูทิ้งป๋าไปแรดทั้งวัน

   “สนุกดี นั่นอย่าบอกนะว่านั่งดื่มเหล้าทั้งวัน”

   “เดาเก่งนี่ ไปอาบน้ำซะแล้วมาหาฉัน” เจ้าของใบหน้าคมคายสั่งทั้งที่ไม่หันมามองด้วยซ้ำ คาดว่าวีรกรรมของผมทั้งหมดคงถูกพี่อาคมเล่าให้ฟังแบบครบถ้วนทุกรายละเอียดแหง

   “คร้าบป๋า” รับเสียงกวนๆ หมุนตัวเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดออกมาพร้อมขันเงินใบใหญ่ใส่น้ำกับขันเล็กลอยตุบป่องที่ฝากให้พี่อาคมเตรียมไว้ตั้งแต่แรก พี่ท่านก็ช่างเอาใจใส่ โรยกลีบดอกกุหลาบซะเรียบร้อย นี่พี่เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าเนี่ย ถ้ามีโอกาสผมต้องถามสักที

   “เอาขวดเหล้าออกหน่อย จะได้วางของ”

   คนที่กล้าออกคำสั่งกับป๋านอกจากพี่ไนท์ก็มีแค่ผมนี่แหละ แต่ผมรู้ว่าตอนไหนควรไม่ควร ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าป๋าจะโกรธ เจ้าตัวเป็นคนพูดเอง ถ้าเธอไม่ได้ทำอะไรผิดก็อย่ากลัว

   “จะทำอะไร”

   ผมมองมือหนาเลื่อนทุกอย่างไปกองอยู่แถวขอบโต๊ะให้มีพื้นที่ว่างสำหรับขันของผม

   “รู้แล้วยังจะถามอีก อยู่เมืองไทยมานานจนพูดไทยชัดขนาดคำแสลงยังรู้เรื่อง มาเนียนเป็นฝรั่งขี้นกไม่ได้นะป๋า”

   “หึหึ งั้นเปลี่ยนคำถามใหม่ คิดยังไงถึงทำแบบนี้ฮึ?”

   เงยหน้ามองคนถามที่ดูอารมณ์ดีกว่าปกติ ผมเลือกที่จะคุกเข่าลง จับมือหนายื่นมาด้านหน้าแล้วบรรจงใช้ขันเล็กตักน้ำค่อยๆ รดไปพร้อมกลีบกุหลาบสีแดงสด

   “เพราะลูเป็นผู้มีพระคุณของผมเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง วันนี้เป็นวันสงกรานต์มีประเพณีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ผมเลยทำแบบนี้ไง” พูดพลางวางขันลงที่เดิมแล้วพนมมือวางบนฝ่ามือที่ชุ่มไปด้วยน้ำเจือกลิ่นหอมของน้ำอบ ก้มหน้าให้หน้าผากแนบกับมือ

   “ขอบคุณสำหรับทุกๆ เรื่องที่ทำให้ผมครับ ขอให้ป๋าสุขภาพแข็งแรงอยู่กับผมไปนานๆ”

   มือข้างหนึ่งกุมมือผมไว้ อีกข้างลูบหัวแผ่วเบาคล้ายปลอบโยนเด็กน้อยที่หลงทาง

   “อย่าคิดว่าเป็นบุญคุณ ฉันช่วยเธอเพราะหวังผล”

   ลูเซียสดึงให้ผมลุกขึ้นมานั่งบนตัก สำหรับผม การกระทำของลูเซียสไม่ว่าจะทำไปด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คนที่ได้ผลประโยชน์คือตัวผมเอง ผมเป็นพวกรู้คุณคนตั้งมั่นไว้แล้วว่าจะตอบแทนให้อย่างแน่นอน ด้วยการเริ่มจากความภักดีอย่างบริสุทธิ์ใจ

   “เลิกคิดเรื่องไร้สาระซะ และฉันก็ไม่อยากเป็นแค่ญาติผู้ใหญ่ของเธอด้วย รู้ใช่ไหมว่าฉันหมายความว่าอะไร” นิ้วสากเชยคางผมขึ้นแนบริมฝีปาก กลิ่นเหล้าคละเคล้ากลิ่นบุหรี่ชวนให้ตื่นตัวไปกับความอันตรายที่ผมหลงใหล

   “อืมม... แต่หลังอาหารเย็นนะ” ป๋าชะงักบทหวาน ส่วนผมหันไปตรงประตูเรียกคนที่ยืนรอเข้ามา ”เดฟอยู่ด้านนอกใช่มั้ย เข็นรถเข้ามาเลยบอสจะทานมื้อเย็นแล้ว”

   สิ้นคำ เชฟหนุ่มประจำตัวบอสใหญ่เข็นรถอาหารที่ยืมครัวของรีสอร์ททำเข้ามาจัดโต๊ะให้ภายในห้อง เพราะลูเซียสเรื่องมากเลยต้องพกเชฟมาไม่งั้นได้ทานอาหารแบบส่งๆ แทนที่จะกินให้เป็นกิจจะลักษณะพอดี

   “รู้ด้วยเหรอครับว่าผมรออยู่” เชฟหนุ่มยิ้มแย้มขัดกับบรรยากาศอึมครึมที่เจ้านายแผ่ออกมา

   “ตอนออกจากห้องนอนฉันเห็นชายเสื้อแวบๆ น่ะ คนที่จะเข้าใกล้บ้านพักเวลานี้คงมีแค่เดฟ”

   “สมกับเป็นคุณหนู ตาไวมากครับ ดีนะที่คุณหนูกลับมาเร็วไม่งั้นบอสคงแขวนท้องรอ ไม่ยอมทานข้าวจนกว่าคุณจะกลับมาแน่”

   “ไม่พูดสักเรื่องก็ไม่ตายหรอกเดฟ จัดโต๊ะเสร็จแล้วออกไปซะ ไว้ฉันเรียกค่อยเข้ามาเก็บ”

   เชฟหนุ่มยอมถอยออกไปตามคำสั่ง อย่าว่าแต่ลูเซียสเลย ถ้าผมโดนสายตาล้อเลียนแบบนุ่มๆ จากเดฟผมคงไล่เขาออกไปเหมือนกัน ผมลุกจากตักเดินนำคนหน้าบึ้งไปที่โต๊ะ อาหารไทยหน้าตาน่าทานถูกจัดอย่างสวยงามตามเคย คุณป๋ายอมรอทานข้าวกับอีหนูแบบนี้ เห็นทีต้องเอาใจกันหน่อย

สุขสันต์วันสงกรานต์นะครับทุกคน~!
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง พิเศษสงกรานต์ [UP!14/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-04-2016 13:17:01
 :L2:    ฟินทุกคู่
สุดยอดเลย
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง พิเศษสงกรานต์ [UP!14/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: monday012 ที่ 14-04-2016 14:37:54
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง พิเศษสงกรานต์ [UP!14/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-04-2016 16:46:58
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง พิเศษสงกรานต์ [UP!14/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 14-04-2016 22:33:07
อยากรู้เรื่องก่อนจะคบกันของทุกคู่เลยค่า แต่ตอนนี้สงกรานต์พาฟิน
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง พิเศษสงกรานต์ [UP!14/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 15-04-2016 00:35:37
น่ารักทุกคู่เลย แต่แอบติดใจคู่ป๋ากับอิหนูมิท อยากอ่านคู่นี้อีกจัง
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่28 โรงเรียน [UP!22/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 22-04-2016 17:07:09
วายที่28 โรงเรียน

   ผมมาถึงสถานที่แห่งนี้จนได้ พร้อมคำถามในหัว...

   ตูมาทำบ้าอะไรที่นี่ ตอบ!!

   ยืนเคว้งคว้างเป็นแมวโดนทิ้งท่ามกลางเด็กวัยละอ่อนที่เดินไปเดินมาจนตาลาย มันไม่ใช่การทำงานกลุ่มอย่างที่ผมเข้าใจ มันเป็นการเตรียมงานสำหรับวันวิชาการของโรงเรียนที่จะเปิดให้เด็กนอกโรงเรียนและผู้ปกครองเข้ามาชมผลงานต่างหาก

   อารมณ์คงคล้ายกับงานวัฒนธรรมของญี่ปุ่นที่ปรากฏให้เห็นบ่อยๆ ในมังงะ ปิดห้องเรียนจัดโชว์โครงการที่เร่งทำเอากันโค้งสุดท้าย แบ่งสมาชิกในห้องไปเฝ้าบูธสำหรับกิจกรรมเล่นสนุก บางโรงเรียนอาจเปิดให้คนนอกเข้ามาขายของได้ แตกต่างกันตรงที่ของไทยจะงบน้อยกว่า(มาก) และเน้นการสร้างหน้าตาให้โรงเรียนมากกว่า รวมถึงมีเวทีการแสดงตลอดทั้งวันและปิดท้ายงานด้วยคอนเสิร์ตสไตล์วัยว้าวุ่น

   ซึ่งผมคาดว่าโรงเรียนของโฟมน่าจะจัดแบบที่ผมกล่าวไปข้างต้น หลังจากเห็นสภาพการเตรียมงานตามจุดต่างๆ ของโรงเรียน

   หลังจากผมถูกโฟมขอร้องแกมบังคับให้เปลี่ยนชุดเพื่อปลอมตัวมา ก้าวข้ามเขตรั้วไม่ทันจะครบสองข้างดี เจ้าโฟมก็ถูกเพื่อนสาววิ่งพุ่งเข้ามาลากแขนไปอย่างรวดเร็ว ลำบากผมต้องวิ่งตามไปจนถึงห้องเรียน ม.4/3 สภาพในห้องก็อย่างที่ผมบอกไปตอนแรกสุด

   “เฮ้ย ปอนด์ ไหนๆ ก็มาแล้วช่วยกันหน่อยดิ”

   สาวที่แมนเกินชายถลกแขนเสื้อจับบ่าผม เจ้าโฟมบอกทุกคนไปแล้วว่าผมเป็นเพื่อนต่างโรงเรียนอยากมาเปิดหูเปิดตา ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาที่จะมาเนียน เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กในโรงเรียนแอบพาเพื่อนข้างนอกเข้ามา แต่ผมว่าโฟมพลาดแล้วล่ะ เพื่อนสาวคนนี้ไร้ซึ่งความเกรงใจ จิกหัวใช้โฟมนั่งทาสีป้ายสำหรับบูธขายอาหารประจำห้องไม่พอยังถึงกับออกปากให้ผมช่วยอีก

   เอาวะ ถือว่าระลึกความหลังเมื่อวันวาน

   “ได้ ขอรู้แผนงานทั้งหมดหน่อยได้มั้ย”

   ถามพลางกวาดตามอง ทุกคนแบ่งหน้าที่กันดีก็จริง แต่ค่อนข้างจะสะเปะสะปะ เพราะไม่มีหัวแรงคอยประสานงานกับทุกฝ่ายทำให้งานเสร็จล่าช้า พิมพ์มองหน้าผมคล้ายกับเห็นพระมาโปรด รีบลากไปหลบมุมคุยอธิบายคอนเซปทั้งหมดเหมือนว่าต้องการคนช่วยมานานแล้ว

   คอนเซปของเด็กมัธยมก็ไม่มีอะไรมาก ในห้องจะจัดเป็นโซนแสดงโครงงานและมีกิจกรรมเล็กๆ สำหรับคนที่เข้ามาเยี่ยมชม ที่เป็นปัญหาตอนนี้คือการแสดงประจำห้องและบูธร้านอาหารยังวาดป้าย ละเลงสีฉากกันไม่ถึงไหน

   พอผมถามรายละเอียดทั้งหมด เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด ระบบการแบ่งงานยังไม่ดีพอ แต่ก็ถือว่าโอเคแล้วสำหรับเด็กมัธยม ถือว่าช่วยเด็กมันหน่อยแล้วกัน แม้ว่าเด็กบางคนแม่งจะตัวสูงกว่าผมก็เถอะ ไม่เข้าใจ พ่อแม่เด็กสมัยนี้ให้ลูกกินอะไรเป็นอาหาร มันถึงได้โตเอาๆ

   ผมขอให้พิมพ์เป็นผู้ช่วยส่วนตัวระหว่างเรียกทุกคนมารวมและแจกแจงงานใหม่ งานทาสีเอามารวมที่เดียวกัน ให้คนคิดคอนเซปคอยคุม และให้คนที่มีฝีมือด้านงานศิลปะจัดการ นอกนั้นแบ่งส่วน กลุ่มการแสดง กลุ่มบูธอาหาร กลุ่มเฝ้าห้อง โดยให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมาหนึ่งคน คอยคุมเพื่อนอีกที ขาดเหลืออะไรให้มาบอกพิมพ์

   พวกเศษเหลือไม่มีอะไรทำผมก็สั่งให้เป็นพวกใช้แรงงานช่วยยกของ ทำความสะอาด และวิ่งออกไปซื้อของที่ขาด โดยแต่ละรายการต้องเก็บใบเสร็จเอาไว้มาส่งให้เหรัญญิกประจำห้อง หลังสั่งทุกอย่างเสร็จปล่อยพิมพ์คุมต่อ ผมถลกแขนเสื้อช่วยเด็กลุยงาน

   ด้านโฟม กำลังทึ่งจัดกับความสามารถของพี่สะใภ้ร่างเล็กหน้าละอ่อนที่แผ่ออร่าความเป็นผู้นำออกมาเต็มเปี่ยม การทำงานทุกอย่างดูง่ายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่สับสนมึนงงอย่างตอนแรก ที่สำคัญพี่ท่านเล่นควบทุกตำแหน่ง ตอนแรกเห็นวาดฉากเวที สักพักมาช่วยลงสีป้ายพร้อมให้คำปรึกษาเรื่องการลงสี

   เผลอแปบเดียวหายตัวแบกของ หนักหน่อยนี่หายจากโรงเรียนไปช่วยอีกกลุ่มซื้อของ ยังไม่พอ! ของที่ซื้อมาครบถ้วนสมบูรณ์ในราคาย่อมเยาประหยัดงบประมาณ จนกลายเป็นว่าใครมีปัญหาอะไรวิ่งมาถามผู้ชายคนนี้หมด เห็นพิมพ์แทบปาดน้ำตาด้วยความซาบซึ้งพลางตบหลังโฟม

   “ขอบคุณมึงที่พาปอนด์มา เขาอยู่โรงเรียนไหนวะ ทำงานโคตรเก่ง”

   โฟมเกิดอาการน้ำท่วมปาก จะบอกอย่างไรดีว่าคนที่กำลังนั่งตัด นั่งเอากระดาษทรายถูก้อนโฟมจนกลายเป็นตุ๊กตาหมีประกอบฉากคนนั้นเป็นเด็กมหาลัยที่พวกเขาแสนจะนับถือ ในสายตาของเด็กวัยนี้แล้ว คำว่ารุ่นพี่นักศึกษาช่างดูดีเป็นผู้ใหญ่วาดฝันว่าสักวันจะได้เป็นแบบนั้นบ้าง ตัวโฟมเองก็เหมือนกัน ผิดที่ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าพี่สะใภ้จะน่าปลื้มขนาดนี้ สมกับที่พี่ชายเลือกจริงๆ ดูแค่ภายนอกไม่ได้เลย

   “จะเก่งก็ไม่แปลกล่ะนะ” คนตอบยักไหล่ พิมพ์เองก็ไม่ใส่ใจ หันไปตามเสียงเรียกของเพื่อนเปิดช่องให้โฟมเนียนอู้อยู่ข้างพี่สะใภ้

   “เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าพี่ปอนด์ทำงานเก่งขนาดนี้ เด็กกิจกรรมเหรอพี่”

   เจ้าของชื่อมองคนที่เอาไหล่มาชน ใบหน้ามีเค้าพี่ชายอยู่นิดหน่อยฉายแววหยอกล้อ ผมยิ้มๆ แล้วเริ่มลงสีเจ้าตุ๊กตาหมีปลอมตรงหน้า

   “อยู่มหาลัยต่อให้ไม่เป็นเด็กกิจกรรมก็ต้องทำ ที่นั่นมีงานแนวนี้เหมือนกัน แต่จริงจังเป็นทางการกว่าเพราะต้องทำให้พวกผู้ใหญ่ดู เป็นการเรียกคนให้เข้ามาเรียนในมหาลัยด้วย ทีแรกก็ยังงงๆ กันไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี จะไม่ทำก็ไม่ได้ สุดท้ายต้องมีกลุ่มคนเป็นหัวแรงใหญ่เพื่อให้งานเดิน บังเอิญว่ามีอยู่ไม่กี่คนยอมรับหน้าที่ ฉันที่คุยง่ายเลยซวยไป”

   ผมพักช่วงหายใจ หันมามองโฟมที่กำลังนั่งมองตาแป๋ว แววตาดูนั้นมีความตื่นเต้นลึกๆ อยู่ภายใน คงจะฝันหวานถึงโลกมหาลัยอยู่ล่ะสิ ผมเองก็เคยเป็นแบบโฟม ก่อนจะมาพบว่ามันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด ใช่ว่าไม่ดี มันมีทั้งดีและแย่ อยู่ที่คนจะเลือกเป็นหรือเลือกมอง แต่ผมไม่อยากทำลายความฝันเด็ก ปล่อยให้ไปเจอเองกับตัวแล้วกัน

   “แล้วพี่ปอนด์เรียนคณะอะไร แลดูชินกับงานวาดลงสีจัง”

   “คณะไอที สาขาคอมกราฟ” ผมตอบสั้นๆ ผิวปากนั่งลงสี

   เจ้าโฟมทำหน้ากระจ่างเพราะสายนี้ก็บอกชัดเจนอยู่ว่ามันเกี่ยวกับอะไร ให้ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็พวกงานโฆษณาทั้งหลาย ทั้งในทีวีและตามป้ายทั่วไป เรามีหน้าที่จัดวางองค์ประกอบ เลือกสี ออกแบบให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ความจริงสายนี้มันมีอะไรมากกว่าที่ทุกคนคิด พวกโมเดลสามมิติอย่างโมเดลบ้าน คอนโด รถเองก็อยู่ในสายนี้เช่นกัน

   พูดไปก็เกี่ยวกับเรื่องเรียนอีก ทำลืมไปดีกว่า ผมหันไปจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ผมอยู่ช่วยกระทั่งจัดทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เงยหน้าขึ้นมองอีกที่ท้องฟ้าถูกย้อมไปด้วยสีดำซะแล้ว

   “เสร็จสักทีโว้ยยย!”

   โฟมชูมือโห่ร้องเหมือนเป็นสัญญาณผ่อนคลาย แต่ละคนลงไปนั่งพิงหลังกองกันบนพื้น ผมทิ้งตัวลงนั่งบ้างพลางรับน้ำเย็นจากพิมพ์มาดื่ม เปิดมือถือดูหลังจากปล่อยมันทิ้งไว้โดยไม่สนใจมาทั้งวัน สิ่งที่เห็นเล่นเอาหน้าซีด มิสคอลเกือบยี่สิบสายมาจากพี่เฟย์ล้วนๆ แถมข้อความอีกเป็นตับ เปิดอ่านดูข้อความประมาณว่าผมอยู่กับโฟมรึเปล่า อยู่ที่ไหน จะกลับเมื่อไหร่

   ผมรีบโทรกลับ เดินไปเขย่าตัวโฟมระหว่างรอสาย

   “โฟมดูมือถือ” เจ้าตัวเลิกคิ้วแปลกใจ เห็นหน้าผมซีเรียสเลยยอมก้มดูมือถือตัวเองแล้วผงะ คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ รอสายไม่ถึงสองตื้ดพี่เฟย์ก็กดรับ

   /อยู่ไหนกัน ทำไมไม่รับสาย โฟมอยู่ด้วยรึเปล่า/

   น้ำเสียงเจือดุเล่นเอาคอหด ม้วนตัวไปซุกมุมคุยตรงเสาโรงอาหารสำหรับจัดบูธขายของกิน ปลายนิ้วเขี่ยๆ ปูนตอบเสียงอ่อย

   “อยู่ที่โรงเรียนกับโฟมครับ มัวแต่ช่วยงานเลยไม่รู้ว่าพี่โทรมา”

   คนฟังผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก ผมยิ่งรู้สึกผิดทำให้พี่ชายเป็นห่วง
 
   /ปลอดภัยก็ดี วันหลังอย่าทำแบบนี้นะพี่เป็นห่วง/

   “ครับ เดี๋ยวผมจะรีบกลับ” ปากบอกเสียงอ่อยเป็นแมวหงอย แต่เท้าสะกิดโฟมบอกว่าพี่เฟย์จะมารับ โฟมพยักหน้าหงึกหงัก

   /ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่ไปรับเอง รออยู่นั่น/

   ว่าจบก็วางสาย เห็นทีหลังจากนี้ต้องอ้อนให้มากๆ หน่อย

   “เป็นไรปอนด์ทำหน้าเศร้าเชียว โดนที่บ้านดุเหรอ” พิมพ์ที่ดูจะชอบเข้ามาคุยกับผมเป็นพิเศษ ออกปากถามอย่างเป็นห่วง เจ้าโฟมหรี่ตามองเพื่อนตัวเองสลับผม ทำหน้างั้นคิดอะไรแปลกๆ อยู่แหง

   “ไม่มีไร พอดีลืมบอกที่บ้านว่าจะมาโรงเรียนน่ะ เขาเลยเป็นห่วง”

   “โหย! เรื่องแค่นี้เอง เดี๋ยวเราช่วยคุยให้ จะให้พาไปส่งบ้านเลยก็ยังได้” เข้าใจอยู่ว่าอยากช่วย แต่ไม่ต้องทำหน้าระยิบระยับแบบนั้นก็ได้มั้ง แล้วอะไรคือพาไปส่งบ้าน ผมเป็นผู้ชายนะ! อายุมากกว่าด้วยจะปล่อยให้ผู้หญิงพาไปส่งได้ยังไง

   “คิดไรยัยพิมพ์ ปอนด์มีแฟนแล้ว ห้ามยุ่งเด็ดขาด” เจ้าโฟมโผล่หัวแทรกกลางวง แหวกผมออกห่างจากพิมพ์ที่ทำหน้าไม่พอใจ อุบ๊ะ พี่เฟย์ติดสนบนอะไรไว้รึเปล่าเนี่ยถึงมีอารมณ์มาหวงพี่สะใภ้อย่างผม

   “มีแล้วก็เลิกได้ ผู้ชายเก่งต้องคู่กับผู้หญิงเก่งสิ แถมปอนด์ยังน่ารักด้วย ไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนน่ารักขนาดนี้มาก่อน” พูดแบบไม่มีเขิน น้ำเสียงหนักแน่นมองผมตาวาวจนขนลุกซู่ ผมรีบส่ายหัวโบกมือสองข้าง

   “ไม่ได้ ฉันมีแฟนแล้วจริงๆ” โดยเฉพาะคำว่าน่ารัก! ผมได้ยินมาทั้งชีวิตจนเบื่อแล้ว ยิ่งออกมาจากปากผู้หญิงที่อายุน้อยกว่ามันชวนให้น้ำตาตกใน โธ่! ผมเองก็ไม่อยากเกิดมาเป็นแบบนี้ อยากหล่อมาดแมนแบบพี่เฟย์บ้าง หรือออกเถื่อนอย่างซันเลยก็ยังดี ความจริงมันช่างโหดร้าย

   “ใช่! ที่สำคัญ แฟนปอนด์เก่งกว่าเธออีก” โฟมสนับสนุนคำพูดของผม พิมพ์ดูไม่เชื่อถือเท่าไหร่จนโฟมต้องบอกว่าให้รอดูได้เลยเพราะแฟนผมจะมารับ ส่วนผมน่ะเรอะ ได้แต่ยิ้มแห้งอย่างเดียวหวังว่าพิมพ์จะไมตกใจจนเป็นลมหงายท้องตึงนะ

   หรือบางทีอาจจะหงายเงิบทั้งหมด ทุกคนที่ได้ยินบทสนทนาระหว่างเราสามคนต่างเปลี่ยนใจ แทนที่จะกลับบ้านมานั่งตบยุงเพื่อรอแฟนของผม ไอ้ตัวผมไม่เท่าไหร่หรอก มาแค่ครั้งเดียวเดี๋ยวก็จากไป โฟมน่ะสิ ถ้าเกิดคนอื่นรู้ว่าเจ้าตัวมีพี่ชายเป็นเกย์คบกับผมนี่เพื่อนๆ จะมองหน้าโฟมยังไง

   ผมยืนหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่โฟมพูด เลยดึงแขนให้ก้มลงมากระซิบคุยกันแบบได้ยินกันสองคน

   “พูดไปแบบนั้นได้ยังไง ฉันไม่เท่าไหร่ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่โฟมต้องเรียนอีกสองปีนะ ถ้าเกิดถูกแกล้ง ถูกรังเกียจเรื่องฉันกับพี่เฟย์...”

   “พอเลยพี่ปอนด์ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วให้รู้ไปเลยสิดี พิมพ์มันเป็นพวกยึดติดเอาแต่ใจ แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก เจ้าพวกนี้รู้มาตั้งนานแล้วว่าฉันเป็นเกย์”

   “ถึงงั้นก็เถอะ”

   “มันก็มีทั้งคนที่รับได้และไม่ได้แหละ แรกๆ ก็มีปัญหานิดหน่อย พักหลังต่างคนต่างอยู่พี่ไม่ต้องสนใจหรอก”

   โฟมดูไม่ซีเรียสจริงๆ เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าตัวยังไม่คิดมาก ผมขอปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน

   ในที่สุดพี่เฟย์ก็มา รถจอดเทียบอยู่หน้าโรงเรียน ร่างสูงโปร่งในชุดสบายแต่ไม่อาจกลบความดูดีออร่าแผ่ซ่านได้ พี่ชายหันไปยิ้มทักทายยามเล็กน้อยก่อนเดินตรงดิ่งมาหากลุ่มพวกเรา ที่หาเจอได้ทันทีก็ไม่แปลก ในเมืองทั้งโรงเรียนปิดไฟมืด จุดที่เปิดไฟสว่างมีอยู่ไม่กี่จุด หนึ่งในนั้นคือโรงอาหารที่ยังมีเด็กอยู่ประปราย

   พอเจ้าโฟมเห็นพี่ชายก็โบกไม้โบกมือให้ ไม่ต้องเสียเวลาหาเลยแม้แต่น้อย สองขายาวเลยเดินตรงดิ่งมาหาผม หลายคนจำได้ว่านี่คือพี่ชายสุดหล่อของโฟมพร้อมระลึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่กี่นาทีที่ผ่านมา

   พี่ชายโฟม... แฟนของปอนด์...

   “กรี๊ดดด! / เฮ้ยย! / เป็นไปได้ไง” และอื่นๆ อีกสารพัด พี่เฟย์มองงงๆ ก่อนยิ้มเข้ามาหาผม

   “โดนโฟมหลอกมาใช้งานรึไงเรา” วาจาอ่อนโยน ดวงตาทอดอ่อนอารมณ์ขุ่นมัวก่อนเจอหน้าผมดูจะหายไปอย่างลึกลับ แต่ผมรู้นะเฟ้ยว่ามองอะไร ทำไม ใส่ชุดพละแล้วมันผิดรึไงฮะ

   “พี่เฟย์ปะ... เป็น... แฟนปอนด์จริงรึเปล่าคะ!”

   พิมพ์สาวมั่นถึงกับติดอ่าง สุดหล่อมองตาปริบๆ แล้วพยักหน้าแบบไม่คิดอะไร ผมรู้สึกปวดหัวกับพี่น้องคู่นี้เหลือเกิน ไม่น่าหลงเป็นห่วงเลยให้ตายเถอะ

   “ใช่ มีอะไรรึเปล่า”

   คุณพี่ถามด้วยรอยยิ้ม แต่ตาไม่ยิ้มด้วยมีการรั้งตัวผมไปโอบบ่าท่ามกลางสายตาเด็กนับสิบ ให้ตายเถอะ! ขนาดเด็กผู้หญิงอายุน้อยกว่าพี่เฟย์ยังไม่อ่อนข้อ เชื่อเถอะว่าจอมมารคนนี้ดูออกถึงท่าทางของพิมพ์ มันออกจะชัดเจนขนาดนั้น ผิดหวังขั้นรุนแรง เสียดาย และอื่นๆ อีกสารพัด เพราะหากเป็นผู้ชายคนนี้พิมพ์ไม่สามารถสู้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

   “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เอ๊ะ แต่พี่เฟย์ทำงานอยู่ที่กรุงเทพไม่ใช่เหรอคะ โฟมบอกว่าปอนด์เป็นเพื่อนต่างโรงเรียนถ้างั้น...”

   “โฟมพูดไม่ผิด แค่ไม่ใช่ต่างโรงเรียนแต่เป็นต่างมหาลัย พอดีพี่อยู่กับปอนด์ที่กรุงเทพ ช่วงนี้ว่างเลยกลับมาเยี่ยมบ้าน”

   บอกอย่างเดียวไม่พอทำไมต้องเน้นคำว่าเราอยู่ด้วยกันหา เจ้าพี่ชายขี้หวงคนนี้ ทางพิมพ์เองโดนคำว่ามหาลัยกระแทกสติเลยไม่ทันสนใจในสิ่งที่พี่เฟย์พยายามสื่อ

   “มหาลัย! ปอนด์ เอ๊ย พี่ปอนด์เป็นนักศึกษาเหรอ!!”

   เสียงพิมพ์ช่างสมกับเป็นหัวหน้าห้อง เพื่อนหลายคนที่กำลังกลับหลังรู้ความจริงเป็นต้องหยุดชะงักมองทางพวกเราเป็นตาเดียว

   “อ่า... ใช่ อยู่ปีหนึ่ง”
   
   เสียงฮือฮาเกิดขึ้นอีกครั้ง ได้ยินแว่วๆ ทำนองว่า มิน่าล่ะถึงทำงานเก่งดูพึ่งพาได้ กูตายแน่เผลอเล่นหัวไปซะเยอะ รุ่นพี่มหาลัยเลยนะนั่น อยากเรียนมหาลัยบ้างจัง คนฟังอย่างผมแทบจะบินออกนอกโลก ติดที่มีมือกาวจับยึดไว้กับพื้นโดยคนข้างตัว

   ในกลุ่มเด็กมหาลัยผมอาจจะดูเด็กน้อยด้วยขนาดตัวและหน้าตา แต่สมองผมไม่เด็กนะเว้ย พอมาอยู่ท่ามกลางเด็กแบบนี้มันช่างน่าภาคภูมิใจเราเป็นพี่ใหญ่ ขอฟินแปบ

   คราวนี้พิมพ์ดูจะตัดใจแล้วจริงๆ ยิ้มคุยกับผมโดยมีคำว่าพี่นำหน้า ปากบอกว่าพรุ่งนี้ถ้าว่างให้มางานด้วยเพราะผมลงทุนลงแรงไปเยอะ ผมเองไม่รู้จะว่างรึเปล่าเลยไม่รับปากแค่บอกว่าถ้ามาได้จะมา ทางพี่เฟย์เห็นว่าตอนนี้ค่ำมากแล้ว ไล่เด็กๆ กลับบ้านไว้มาเก็บกวาดต่อกันพรุ่งนี้ เป็นจังหวะเดียวกับที่ยามมาบอกพอดีว่าจะปิดประตูโรงเรียน พร้อมครูกะดึกสั่งเด็กกลุ่มอื่นให้เก็บของแยกย้ายกลับ

   จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมว่ามีหลายคนแหละที่ผิดหวังไม่ใช่พิมพ์คนเดียว ในเมื่อเด็กผู้หญิงแสดงออกชัดเจนว่าแสนเสียดายพี่ชายเพื่อนสุดหล่อคนนี้แค่ไหน

   ผมนั่งประจำที่ข้างคนขับ โฟมโดนไล่ไปนั่งด้านหลัง พี่เฟย์เอี่ยวตัวมารัดเข็มขัดให้แถมจังฉวยหอมแก้มดังฟอด เอาปลายจมูกโด่งมาไถแถวแก้ม

   “เสน่ห์แรงจริงนะเจ้าลูกแมว พี่ควรจะทำยังไงกับเราดี จับใส่ปลอกคอติดป้ายชื่อเจ้าของ หรือว่าขังลืมที่ห้องดี หืม...”

   “จะบ้าเรอะ! ผมเสน่ห์แรงที่ไหน นี่ครั้งแรกเหอะ พี่ต่างหากที่เสน่ห์แรงตั้งแต่เด็กยันคนแก่ อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะที่ทำงานมีแต่สาวออฟฟิศจ้องจับพี่ตาเป็นมัน”

   พี่เฟย์หันขวับ

   “รู้ได้ยังไง หรือตามไปสตอล์กเกอร์พี่ที่บริษัท” ไอ้ดวงตาพราวระยับนี่มันอะไร ผมอยากให้ลูกน้องที่บริษัทพี่เฟย์เห็นเหลือเกิน คงจะช็อคตาตั้งเป็นแถวเพราะปกติเห็นแต่พี่เฟย์โหมดหัวหน้าสุดเนี้ยบที่โคตรเคี่ยว ข้อมูลทั้งหลายเหล่านี้ต้องขอบคุณคุณยุพิณเลขาพี่เฟย์ที่แสนจะเอ็นดูผม

   “ไม่บอกหรอก” บอกไปเดี๋ยวคุณยุพิณก็ไม่มาเล่าอะไรให้ผมฟังพอดี “พี่ต่างหากที่ตามสตอล์กเกอร์” คำนี้ทำเอาพี่เฟย์ชะงักกึก แม้จะแค่ไม่กี่วิแต่ผมที่อยู่ใกล้คลอเคลียกันแบบนี้ไม่พลาดแน่ อย่าบอกนะว่าทำจริงน่ะ! ผู้ชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว ถ้าผมคิดจะจ้างจับทาสแมว ต้องไปจ้างศาลแมวที่ไหนครับโปรดตอบ!

   เจอสายตาระแวงระวังภัยจากผมเข้าไป พี่เฟย์ฉีกยิ้มตาหยีเนียนหอมแก้มอีกฟอดทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

   “อะแฮ่ม! ก็ไม่ได้อยากจะขัดหรอกนะ แต่พี่จะจอดรถที่หน้าโรงเรียนอีกนานเปล่า”

   ผมสะดุ้งผลักพี่เฟย์กลับไปนั่งประจำคนขับตามเดิม เห็นพี่ชายจ้องคาดโทษใส่น้องตัวเองก่อนจะยอมออกรถในที่สุด แว่วเสียงโฟมหัวเราะชั่วร้ายอยู่ด้านหลัง เกิดความรู้สึกคันเท้าอยากถีบคนลงรถแก้เขิน

   กลับบ้านมาถึงเวลาอาหารเย็นพอดี อาหารบ้านพี่เฟย์มาซะฟูลคอร์สกลัวลูกๆ ไม่อิ่ม แม่พี่เฟย์ทำกับข้าวอร่อยมาก รสชาติจะออกจืดๆ แบบสไตล์คนจีนมากกว่าบ้านผมที่รสเผ็ดเค็มแบบคนเหนือ ผมรับหน้าที่ล้างจานกับโฟมหลังทานเสร็จให้ผู้ใหญ่พักเหนื่อยดูทีวี

   ผลัดเปลี่ยนกันอาบน้ำใส่ชุดนอนมานั่งรับลมเย็นจากด้านนอก บ้านที่เฟย์ติดแม่น้ำ พอลมพัดมาเลยเย็นเป็นพิเศษ รอบบ้านเองก็ปลูกต้นไม้เต็มไปหมด จะว่าไปผมยังไม่ได้เดินสำรวจเลยแฮะ เอาไว้พรุ่งนี้ลองเดินสำรวจดูดีกว่า

   เจ้าโฟมใส่เสื้อยืดกางเกงบอลนอนกระโดดมาเกาะผมหัวแทบทิ่มตกระเบียง

   “เข้าหาแบบปกติหน่อยก็ได้ อย่างงี้เกิดร่วงลงไปหน้าแหกพอดี” ผมบ่นอุบ คนผิดไม่นำพา

   “เห็นยืนถ่ายเอ็มวีอยู่ หมั่นไส้ ทำไม เหม่อหาหนุ่มที่ไหนรึเปล่าพี่ปอนด์ ไม่ดีน้า มีพี่ชายผมอยู่แล้วทั้งคน”

   เด็กบ้า พูดจาหาเรื่องให้ครอบครัวคนอื่นร้าวฉาน ผมถลึงตาใส่ โฟมมันเกาะกอดไม่ปล่อยอย่างกับไม้เลื้อย ดูๆ ไปโฟมก็ขี้อ้อนตามประสาลูกคนเล็กนะ มิน่าอยู่กับพี่กบทางนั้นถึงยอมตามใจตลอด อะไร มองผมแบบนั้นหมายความว่ายังไง จะบอกว่าตัวผมหนักกว่าโฟมเรอะ ผมไม่ได้ขี้อ้อนเลยแม้แต่นิดเดียวจริงๆ นะ เชื่อกันหน่อยเถอะ

   “ปากเสีย มาเกาะนี่อยากได้อะไรอีกฮะ หาเรื่องใส่ตัวนี่ไม่เอานะไม่อยากซวยด้วย ขอสละสิทธิ์เลย”

   “เห็นฉันเป็นคนยังไงเนี่ย ไม่เอาน่าแค่จะชวนไปนอนที่ห้องเท่านั้นเอง”

   “ไม่ได้!”

   เสียงนี้ไม่ใช่ของผมนะ เราสองคนหันขวับไปมองบุคคลที่สาม พี่เฟย์ยืนกอดอกจ้องโฟมเขม็ง

   “วันนี้โฟมพาปอนด์ไปซนทั้งวันแล้ว ให้ปอนด์พักบ้าง”

   “พัก? พูดเป็นเล่น อยู่กับพี่เนี่ยนะพัก ผมว่าอยู่กับผมปอนด์ในนอนอย่างสงบไม่โดนผีผ้าห่มได้พักมากกว่าอีก”

   “เหวย พูดอะไรออกมาเจ้าโฟม!” ผมเสียงดังสวนหน้าแดง

   “พูดเรื่องจริงไง พี่ปอนด์มานอนกับฉันรับรองปลอดภัย”

   “ปอนด์ อย่าไปฟัง ถ้านอนกับโฟมได้พากันเล่นจนไม่หลับไม่นอนแน่ มานอนกับพี่เหมือนเดิมแหละดีแล้ว”

   ผมมองซ้ายขวาสลับกัน มั่นใจได้เลยเจ้าโฟมไม่ได้นึกพิศสวาสอะไรผมขึ้นมาหรอก แค่จงใจแกล้งพี่ชายตัวเองมากกว่า ผมหรี่ตามองเห็นสิ่งที่แฝงอยู่ในแววตาพี่เฟย์ บางทีสิ่งที่โฟมพูดอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้นะ อีกอย่างเปลี่ยนบรรยากาศหน่อยก็ดี คงเหมือนเวลานอนกับเพื่อน

   “ผมนอนขอนอนกับโฟม อยากชวนโฟมเล่นเกมด้วย” เสริมประโยคท้ายอีกหน่อยให้ดูเหมือนไม่หนีพี่ชายตัวเองเกินไป พี่เฟย์หน้าทะมึนเป็นก้นหม้อ โฟมเท้าเอวหัวเราะชอบใจกระแซะๆ ไหล่ใส่พี่ชาย ประเดี๋ยวโดนจับโยนลงชั้นสองหรอก เจ้าเด็กแสบ

    สุดท้าย พี่เฟย์ก็ผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่คล้ายคนปลงตก

   “ตามใจ งั้นพี่ไปนอนก่อนล่ะ พวกเราเองก็อย่านอนดึกให้มากนักมันไม่ดีต่อสุขภาพ”

   “คร้าบ ผมจะดูแลพี่สะใภ้อย่างดีพี่เฟย์ไม่ต้องเป็นห่วง” โฟมรับคำเสียงยาวโคตรยียวน พี่เฟย์ส่ายหน้าระอายื่นมือมาขยี้หัวโฟมจนยุ่ง ก่อนก้มลงมาจูบหน้าผากปมราตรีสวัสดิ์ ขนาดพี่ชายกลับเข้าห้องไปแล้ว สัมผัสนุ่มร้อนยังอยู่ที่หน้าผากอยู่เลย

   “หน้าแดงม้วนเข้าไป ชิ! หมั่นไส้ ถ้าพี่กบอยู่นะจะไม่ยอมน้อยหน้าเลยคอยดู”

   “เออน่ะ จะอะไรก็ช่าง ไปๆ เล่นเกมกัน”
   
   ผมดันหลังโฟมเข้าห้อง ก้มหน้าที่เห่อร้อน รู้เลยมันต้องแดงก่ำแน่ๆ หัวใจเต้นตึกตัก ยิ่งสีหน้าอาลัยอาวรณ์ของพี่เฟย์อีก ชักลังเลแล้วสิ กลับไปห้องนู้นดีมั้ย เด็กแสบไม่ปล่อยให้ผมคิดนาน เสียบเครื่องเล่นเปิดเกมผีมันดื้อๆ ไม่สนเสียงโวยวายของผมเลยแม้แต่น้อย

   ผลเป็นไง ก็ซุกกันหลับใต้ผ้าห่มไม่มีใครกล้าเก็บเครื่องเล่นน่ะสิ แถมยังเปิดไฟหัวเตียงซะสว่าง ยัดเยียดให้ผมนอนด้านนอกเพราะเตียงมันมีช่องด้านล่าง โธ่เว้ย ฉากผีออกจากใต้เตียงยังติดตาอยู่เลย แอร์เย็นฉ่ำ ดวงตากวาดมองรอบข้างอย่างหวาดระแวง หัวซุกหมอน เอาผ้าห่มคลุมมิดทั้งตัวเลยแค่ส่วนหัว

   นึกโมโหโฟมที่ชิ่งหลับทอดทิ้งให้ถ่างตากลัวอยู่คนเดียว ทั้งที่คิดว่าคงหลับยากแท้ๆ ผ่านไปสักพักหนังตาเริ่มหนักจากความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวัน ไม่นานทุกอย่างก็ว่างเปล่า...

   ดึกดื่นค่อนคืน ประตูถูกเปิดออกช้าๆ พร้อมกับเงาร่างสูงใหญ่ย่องเข้ามาถึงเตียงนอน มือหนาเอื้อมปิดไฟเสียงแผ่ว ก่อนจะค่อยๆ ช้อนตัวร่างที่ขดหลับอยู่ริมเตียงอย่างน่าสงสารเข้าสู่อ้อมแขน ฝ่ายคนโดนอุ้มพอได้รับสัมผัสอุ่นคุ้นเคยค่อยคลายอาการเกร็งดูหลับสบายขึ้น

   ดวงตาคมเหลือบเห็นแผ่นซีดีเกมจากแสงที่ลอดมาผ่านประตูเข้ามา ถึงกับเกือบหลุดขำแกมเอ็นดู มิน่าล่ะถึงได้นอนขดเป็นลูกแมวขี้กลัวแบบนี้

   “บอกให้นอนกับพี่แต่แรกก็ไม่เชื่อ ยังไงผีผ้าห่มก็ไม่น่ากลัวเหมือนผีใต้เตียงหรอก”

   น้ำเสียงทุ้มนุ่มเจือกระแสขบขันพึมพำพลางอุ้มหมอนข้างประจำตัวกลับห้องอย่างอารมณ์ดี ปล่อยน้องชายนอนแผ่เต็มเตียงเพียงลำพัง

หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่28 โรงเรียน [UP!22/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-04-2016 17:47:08
น่ารักมากๆ ได้เวลามอบรางวัลให้แมวดีเด่นแล้วพี่เฟย์
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่28 โรงเรียน [UP!22/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-04-2016 19:31:12
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่28 โรงเรียน [UP!22/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-04-2016 19:43:22
พี่เฟย์หวงลูกแมวมากกกกกก :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่28 โรงเรียน [UP!22/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 22-04-2016 21:11:46
 o13
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่28 โรงเรียน [UP!22/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-04-2016 22:19:58
 :katai2-1: ชอบพี่เฟย์ ปอนด์
พี่เฟย์อบอุ่น รักใคร่หวงแหนปอนด์สุดๆ :กอด1:
อยากเห็น ฉากมุ้งมิ้ง ของพี่กบ กับโฟมบ้าง :hao3:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่28 โรงเรียน [UP!22/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 22-04-2016 23:03:50
 :katai2-1: :katai2-1: :mew2: :mew2: :ling1: :ling1: :ling1: :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่28 โรงเรียน [UP!22/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 23-04-2016 04:16:48
 :katai2-1: :katai2-1: :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่28 โรงเรียน [UP!22/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 23-04-2016 07:25:47
อิอิ พี่เฟย์กะจะผีผ้าห่มตั้งแรกอะดิ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่28 โรงเรียน [UP!22/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 23-04-2016 21:27:14
น้องปอนด์ไปผจญผีผ้าห่มต่อนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29 กันและกัน [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 24-04-2016 15:18:44
วายที่29 กันและกัน
 
ร่างเล็กลุกขึ้นโงนเงน ยกมือขยี้ตางัวเงีย หาวปากกว้าง เส้นผมอย่าถามถึง ถ้ามันไม่ยุ่งเหมือนระเบิดลงสิแปลก ดวงตามองรอบตัว มือปัดป่ายหาหมอนข้างมากอดให้ได้อารมณ์คนขี้เซา จนปัดไปโดนเนื้ออุ่นๆ พอก้มลงมองเห็นคนหล่อหุ่นนายแบบนอนตะแคงข้างด้วยรอยยิ้มเจิดจ้าจนต้องหยีตา แสงแดดจากภายนอกส่องเข้ามายิ่งทำให้ภาพนั้นน่ามองขึ้นอีกเท่าตัว
 
ประเด็นคือ ภายในแค่คืนเดียวทำไมโฟมถึงโตไวจัง แถมยังหน้าตาเหมือนพี่เฟย์อีกต่างหาก
 
“ทำหน้าเหมือนลูกแมวโดนเหยียบ ตื่นรึยังฮึ”
 
เสียงทุ้มนุ่มพร้อมสัมผัสอ่อนโยนจากฝ่ามือหนาที่ยกลูบหัวยุ่งอย่างน่าเอ็นดู ผมสะบัดหัวให้มือร่วงแล้วอ้าปากงับอย่างหมั่นเขี้ยว มาว่าใครเป็นแมวโดนเหยียบฮะ
 
“โอ๊ย! อย่ากัดสิ ตื่นแล้วก็ลุกไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาจะได้กินข้าว คิดจะไปเที่ยวงานโรงเรียนกับโฟมไม่ใช่รึไง”
 
ปากเล็กยอมปล่อยของลับฟัน
 
“พี่รู้ได้ไงว่าผมจะไป” ขมวดคิ้วถามแบบสงสัยจริงๆ ก่อนจะย่นคิ้วเพราะถูกผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าเช็ดตาจนสะอาดเอี่ยมอ่อง
 
“พี่รู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเรานั้นแหละ ไปเร็ว พี่จะได้ปลุกโฟมต่อ”
 
ผมผงกหัวรับลุกขึ้นบิดขี้เกียจยืดแขนก้นโด่ง คนมองเห็นแมวบิดขี้เกียจนึกหมั่นไส้ตีก้นไปสักทีแล้วหัวเราะเผ่นหนีความผิดออกจากห้อง ไม่สนลูกแมวที่ขู่ขนพองอยู่ด้านใน
 
แยกเขี้ยวไล่หลังตาแก่ชอบเนียนลวนลามก่อนย้ายสารร่างตัวเองเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวในชุดธรรมดา มองอะไรกัน ผมไม่บ้าจี้ใส่ชุดนักเรียนแน่แค่เมื่อวานชุดพละก็มากพอแล้ว วันนี้ขอไปในฐานะคนนอกดีกว่า
 
แต่งตัวออกมาจากห้องได้ยินเสียงโวยวายของโฟมกับเสียงพี่เฟย์ดุดังลอดออกมา คาดว่าน้องชายตัวแสบกำลังถูกพี่ชายลากลงจากเตียงเป็นแน่แท้ ว่าแต่เมื่อคืนผมนอนห้องโฟมนี่หว่า ไหงตื่นมานอนห้องพี่ชายฟะ จะว่าละเมอเดินก็ไม่ใช่มั้ง ช่างมัน คิดมากปวดหัว
 
พอลงมาชั้นล่างไร้วี่แววของพ่อแม่พี่เฟย์ คงจะออกไปขายของกันหมดแล้ว นั่งดูทีวีรอสักพักสองพี่น้องก็ลงมาจากชั้นสอง อาหารเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มปลากลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ผมเทพริกไทยลงไปเต็มเหนี่ยวตามความชอบ โฟมมองพลางเบ้ปาก
 
“ใส่ไปขนาดนั้นเดี๋ยวได้ขมพริกไทยพอดี... พี่ปอนด์จะไปงานโรงเรียนพร้อมกับโฟมด้วยใช่ปะ”
 
“อ่าฮะ ทำไม ไปไม่ได้เหรอ” ผมเอียงคอมองโฟมในชุดนักเรียน งานวิชาการเด็กทุกคนต้องใส่ชุดนักเรียน ที่จะใส่ชุดพละได้ต้องเป็นงานกีฬาสีนู่น
 
“ไปได้อยู่แล้ว แต่มันน่าน้อยใจชะมัด เชื่อมะถ้าพี่ปอนด์ไม่ไป อย่างพี่เฟย์ไม่เคยคิดจะไปเหยียบงานโรงเรียนน้องชายตัวเองหรอก”
 
“น้อยๆ หน่อยเจ้าแสบ โรงเรียนเรามันก็โรงเรียนเก่าพี่ ไอ้งานทั้งหลายพี่ก็เคยไปเคยทำมาหมดแล้วจะยังอยากไปอีกทำไม”
 
คนเป็นพี่ชายแก้ตัว ผมมองสองคนสลับไปมาเลยไปถึงใครบางคนที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านแล้วทำเป็นเงียบไม่รู้ไม่ชี้รอดูปฏิกิริยาของเจ้าโฟม พี่เฟย์สังเกตเห็นท่าทีของผมมองผ่านหลังโฟมบ้าง พอเห็นว่าใครก็อุบเงียบอีกคน โฟมมัวแต่บ่นไม่ได้ดูท่าทีของคนร่วมโต๊ะเลยสักนิด กระทั่งมีคนมายืนด้านหลังกระซิบอยู่ข้างหูนั่นแหละ
 
“ขี้บ่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันโฟม”
 
ช้อนร่วงจากมือโฟม เจ้าตัวหันขวับไปมองพอเห็นว่าใครก็อ้าปากค้าง คนทักหัวเราะขำกับอาการตกใจจนโอเวอร์แล้วเป็นฝ่ายเงิบซะเองเมื่อเด็กตัวดีดันดึงคอเสื้อให้ก้มลงแนบปากจูบดังจ๊วฟ ขนาดพี่เฟย์ยังอึ้งค้างไม่คาดคิดว่าน้องชายจะกล้ากระทำการอุกอาจต่อหน้าพี่ชายเยี่ยงนี้
 
ผมเข้าใจอารมณ์พี่เฟย์นะ ถ้าคนเริ่มเป็นพี่กบยังพอจะโวยวายได้ในฐานะพี่ชาย แต่นี่น้องชายดันทำซะเอง ไม่รู้จะพูดอะไรเลยทีเดียว
 
พี่กบหายช็อคดันโฟมออกโหนกเก้มขึ้นสีเรื่อ พี่ใหญ่หรี่ตามอง
 
“ข้าวต้มอยู่ในครัวไปตักเอากบ” เมื่อโดนไล่เพื่อนอย่างกบจำต้องละจากไป โฟมทำท่าจะเดินตามแต่โดนพี่ชายบอกดักซะก่อน “รีบกินซะ เดี๋ยวต้องไปช่วยงานที่โรงเรียนอีก”
 
“โห พี่! แฟนผมอุตส่าห์ออกจากป่ามาหาทั้งที ไอ้งานพวกนั้นช่างหัวมันเถอะ ผมอยากอยู่กับพี่กบทีพี่ยังอยู่กับพี่ปอนด์ตลอดเวลาเลย”
 
โฟมโวยวาย ผมทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาทานเรื่องนี้ปอนด์จะไม่ยุ่ง จนพี่กบกลับมาพร้อมถ้วยข้าวต้มหอมกรุ่น ใช้มือข้างที่ว่างขยี้หัวโฟมนั่นแหละถึงยอมสงบลงนั่งทานต่ออย่างว่าง่าย พี่เฟย์คงแทบอยากแหกอกน้อง ไม่ฟังพี่ชายเลยสักนิด แต่กลับเชื่องกับพี่กบแบบสุดๆ
 
คนหล่อกลอกตาเอือมชวนถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเพื่อน หลังทานเสร็จได้ฤกษ์ออกเดินทางไปโรงเรียนเสียที รอบนี้ไม่ต้องนั่งรถเมล์ไป พี่เฟย์รับหน้าที่เป็นสารถีขับรถไปถึงที่หมาย
 
บรรยากาศภายในโรงเรียนต่างจากเมื่อวานลิบลับ ประตูใหญ่ถูกเปิดออกกว้าง มีเด็กต่างโรงเรียนเดินเข้าออกพร้อมกลุ่มเพื่อน ผู้ปกครองมาชมลูกหลานแสดง เสียงดนตรีดังผสมกับเสียงจอแจแทบจะแยกไม่ออก บูธขายของเด็กนักเรียนคึกคัก ตามตึกกลับเงียบเหงามีเพียงผู้ใหญ่กับอาจารย์ซะส่วนใหญ่
 
อย่างว่า เปิดโรงเรียนทั้งที่จะไปจับเจ่าอยู่กับพวกโครงงานทำไม สู้เล่นสนุกอยู่ด้านล่างซะยังจะดีกว่า นี่ยังไม่นับพวกเครื่องเล่นง่ายๆ ที่ทางโรงเรียนให้คนนอกเข้ามาเปิดอีก
 
โฟมเกาะพี่กบหนึบกระตือรือร้นพาไปชมโรงเรียนทั้งที่พี่กบเองก็จบจากโรงเรียนนี้พร้อมกับพี่เฟย์ ทิ้งผมกับเฮียยืนอยู่หน้าประตู
 
“โฟมมันลืมพวกเราไปแล้ว ปอนด์จะไปหาพวกเพื่อนโฟมเลยมั้ย”
 
พี่เฟย์คงหมายถึงพิมพ์เจอกันเมื่อวาน ผมชอบพี่ชายก็ตรงนี้แหละ ต่อให้หวงแต่มีเหตุผลไม่เคยทำให้ผมลำบากใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว พูดไปก็ชักแปลกๆ พี่เฟย์ต่างหากที่ควรจะปวดหัวเรื่องของผม
 
“เอางั้นก็ได้ เสร็จแล้วลงมาข้างล่างนะพี่ อยากซื้อของกิน”
 
“เพิ่งกินข้าวมาไม่ใช่เหรอ กินจุแบบนี้เอาไปเก็บไว้ตรงไหนทำไมตัวเท่าเมี่ยงเหมือนเดิม”
 
มือหนายื่นมือคีบพุงน้อยๆ ผมถลึงตาใส่ตีมือดังเพียะ
 
“อันนั้นมื้อหลัก ผมแบ่งกระเพาะไว้สำหรับกินของจุกจิกแล้ว”
 
พูดพลางมองบรรดาของกินตามบูธตาวาว ของมันก็ธรรมดา น้ำอัดลมเอย ไอติมทอดเอย ลูกชิ้นไส้กรอก ยำทั้งหลาย พวกขนมขบเคี้ยวที่หาซื้อได้ทั่วไป อาจจะมีพิเศษบ้างบางบูธที่คนนอกเข้ามาขาย ถึงงั้นอารมณ์มันแตกต่างจากซื้อที่ตลาดนัดลิบลับ เด็กๆ เอามาขายกันน่าอุดหนุนดีออก
 
“ตามใจ”
 
ทาสแมวผู้ไม่เคยขัดใจนายท่าน แน่นอนทุกรายการพี่ชายเป็นคนจ่ายผมไม่ต้องเสียสักแดง ตอนนี้แค่เล็งไว้ก่อน เจอเพื่อนโฟมแล้วค่อยลงมาชิมให้ครบทุกบูธไปเลย ระหว่างเดินผ่านหมายจะขึ้นบันไดไปชั้นบน เสียงตะโกนเรียกชื่อดังขึ้นเสียก่อน ผมหันหน้าไปตามเสียเจอบูธที่พวกผมช่วยกันจัดเมื่อวาน
 
พวกนี้ขายเต้าหู้นมสดที่รับมาอีกที คนที่เรียกผมไม่ใช่ใครอื่น พิมพ์ที่ผมว่าจะไปหานั้นแหละ พอดีเลยไม่ต้องขึ้นชั้นบน ผมเดินนำพี่เฟย์เข้าไปทักทาย ทุกคนยกมือไหว้พี่เฟย์กันเป็นแถว บางคนยังเผื่อแผ่มาทางผมด้วย รู้สึกแปลกๆ วุ้ย
 
“สวัสดีค่ะพี่เฟย์ ไงพี่ปอนด์ เจ้าโฟมล่ะไปไหนทำไมมันไม่โผล่หัวมาช่วยงานบ้าง”
 
ยกมือไหว้สวยงาม ตามด้วยทักทายแบบแมนๆ ปิดท้ายคือการบ่นด่าคนที่ไม่อยู่ สมกับเป็นพิมพ์สาวแกร่ง ผมยิ้มแห้งเกาแก้ม พี่ชายยืนเงียบแจกจ่ายรอยยิ้มอย่างเดียวไม่คิดช่วยหาทางออกให้น้องชายแท้ๆ ของตัวเองเลย ลำบากพี่สะใภ้อีก
 
“ไม่รู้เหมือนกัน มาพร้อมกันนะแต่พอถึงโรงเรียนปุ๊บโฟมแยกไปไหนไม่รู้ สงสัยขึ้นไปช่วยชั้นบนมั้ง”
 
พิมพ์มองผมแบบไม่เชื่อถือเลยสักนิด
 
“มันโดดสินะ ช่างเถอะเอาไว้ขาดคนจริงๆ ค่อยโทรตามก็ได้ พี่เฟย์ไม่ว่าอะไรกันใช่มั้ยคะ” ก็ยังดีที่ยังมีแก่ใจนึกถึงพี่ชายของผู้ถูกพาดพิง พี่เฟย์ยิ้มตอบแบบพี่ชายแสนดีตามเคย
 
“ตามสบายเลย”
 
ไม่เข้าข้างน้องชายเลยสักนิด...
 
“พิมพ์ เดี๋ยวขอเต้าหู้นมสดสองแก้วนะ” ไหนๆ ก็ไหนๆ อุดหนุนเลยแล้วกัน ผมชอบกินนะ เต้าหู้นุ่มๆ ทานพร้อมกับนมสดหอมกรุ่นมีรสหวานนิดๆ กำลังดี พิมพ์จัดมาให้สองแก้วตามที่ขอ แต่ไม่ยอมรับเงินจากพี่เฟย์ซะงั้น
 
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถือว่าตอบแทนที่พี่ปอนด์ช่วยเหลือเมื่อวาน”
 
“ของซื้อของขาย ไม่ได้หรอก รับไปเถอะ” พี่ชายเป็นฝ่ายตอบแทน ผู้ใหญ่ยืนยันแบบนี้พิมพ์เลยต้องรับเงินไป คุณพี่ใจกว้างไม่รับเงินทอนบอกว่าเป็นทิป จังหวะเดียวกับที่มีลูกค้าคนอื่นมา พวกผมเลยขอตัวไปเดินเล่นในงานก่อน
 
พิมพ์มองผมสลับกับพี่เฟย์ แววตานั้นยังฉายความเสียดายอย่างเห็นได้ชัด ดูท่าจะยังตัดใจไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมไม่คิดมากหรอกเดี๋ยวก็กลับกรุงเทพแล้ว ที่สำคัญความรู้สึกของพิมพ์มันเหมือนกับเจอคนถูกใจเฉยๆ อายุแค่นี้ไม่นานก็เจอคนที่ใช่เอง
 
เมื่อไม่มีอะไรต้องไปต่อ ผมกับพี่เฟย์เลยเดินทัวร์กันเต็มที่ โดยมีพี่เฟย์เล่าเรื่องความแตกต่างระหว่างโรงเรียนสมัยก่อนกับตอนนี้ อาคารหลักยังคงเป็นหลักเก่าแต่ปรับปรุงทาสีใหม่ติดแอร์แทบทุกห้อง มีอาคารใหม่เสริมเข้ามาบ้าง บางที่ก็เหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน
 
ผมฟังไปเพลินๆ หยิบขนมทานจนหางตาเห็นพี่กบกับโฟมเดินผ่านไปแวบๆ ทั้งคู่ดูมีความสุขดี จะว่าไปเท่าที่ผมรู้มาคือพี่กบเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยมัธยมของพี่เฟย์ เจอโฟมมาตั้งแต่เล็กๆ ใครจะไปคิดล่ะว่าตอนนี้ทั้งคู่กลายเป็นแฟนกันไปแล้ว
 
“พี่ๆ ขอถามหน่อยได้มั้ย พี่กบกับโฟมนี่เจอกันมาตั้งแต่เด็กใช่ปะ”
 
พี่เฟย์เนียนเอาแขนพาดพนักเก้าอี้ยาวที่เรานั่งกันอยู่ พลางลูบคางครุ่นคิด
 
“จะว่างั้นก็ได้ ความจริงกบมันรักเด็กชอบสัตว์ตัวเล็ก ด้วยความที่มันตัวใหญ่หน้าติดดุไม่ว่าเด็กหรือสัตว์พากันหนีมันหมด คงมีแค่โฟมนี่แหละที่ไม่กลัวแถมยังติดเจ้ากบแจ จะบอกว่ากบมีส่วนช่วยเลี้ยงจนโฟมโตก็ไม่ผิดนัก”
 
“อือหือ ความรักยืนยาว” ทึ่งเลยนะเนี่ย
 
“ฮ่าๆ ไม่ขนาดนั้นหรอก พี่คิดว่าตอนแรกกบมันก็มองโฟมเหมือนน้องชายคนหนึ่ง ความรู้สึกชอบน่าจะเกิดเอาช่วงโฟมโตแล้วมากกว่า ส่วนเจ้าโฟม พี่รู้ดีมันมองแค่กบมาแต่ไหนแต่ไร ใช่ว่าไม่เคยคบผู้หญิง สุดท้ายต้องเลิกกันไปเพราะในใจของโฟมมีเพียงกบคนเดียว”
 
“ฟังดูโรแมนติกเนอะ” แบบนี้อย่างกับในนิยายรักเลย พี่เฟย์ยิ้มบางให้กับผม มือหนายกลูบหัว
 
“ในสายตาคนนอกอาจจะใช่ แต่ในมุมของพวกเขามันไม่สวยงามอย่างนั้นหรอก พวกเราทั้งคู่นับว่าโชคดีนะ ดังนั้นต้องรักกันให้มากๆ” มือใหญ่จับมือผมไปจูบ ผมดึงออกมาทำอะไรในที่แบบนี้ เดี๋ยวใครเห็นได้ซวยพอดี
 
“ประโยคสุดท้ายมันใช่เหรอพี่”
 
ผมพูดแซว พี่เฟย์ขำดึงผมเข้าไปกอดฟัด ผมได้ยินเสียงเพลง PONPONPON ของ Kyary Pamyu ดังขึ้นแว่วๆ ทีแรกคิดว่าใครเปิดซะอีก นึกขึ้นได้นี่มันเสียงริงโทนผมเองนี่หว่า พี่เฟย์ผละออกให้ผมรับโทรศัพท์ สิ่งที่แสดงบนหน้าจอทำให้ผมนิ่งค้าง
 
พ่อ...
 
ผมมองพี่ชาย พี่เฟย์รู้สึกถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป พยักหน้าให้ผมรับโทรศัพท์
 
“ครับป๊ะป๋า”
 
/ปอนปอนอยู่ที่ไหน/
 
“เอ่อ... ผมอยู่ข้างนอกกับเพื่อนครับ”
 
/ใช่คนที่พ่อเคยเจอที่ห้างรึเปล่า/
 
ได้ยินแบบนั้นผมตัวแข็งทื่อ หรือว่า... แม่ผมจะบอกเรื่องพวกเรากับพ่อแล้ว
 
“ครับ” ตอบคำอื่นไม่ได้จริงๆ นอกจากคำนี้ น้ำเสียงพ่อไม่ดูสนุกสนานอย่างทุกที มันแฝงไปด้วยความเคร่งเครียดจนผมต้องกำมือแน่น
 
/แม่เล่าให้พ่อฟังหมดแล้ว/ มือผมเย็นเฉียบทั้งที่อากาศร้อน ต่อให้ไม่บอกก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ผมต้องหน้าซีดมากแน่ มันรู้สึกชาๆ
 
พ่อเว้นจังหวะไปช่วงหนึ่งก่อนถามต่อ
 
/ปอนปอนคบกับผู้ชายคนนั้นรึเปล่า/
 
จากที่ได้ยินแสดงว่าพ่อฟังเรื่องผมจากแม่แต่ยังไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยโทรมาถามเอาจากผม กลั้นใจมองหน้าที่เฟย์ที่กำลังดูผมอย่างเป็นห่วง อะไรจะเกิดมันต้องเกิด เรื่องมาถึงแล้วต้องปล่อยให้มันดำเนินต่อไป ผมหลับตาสูดลมหายใจลึกแล้วค่อยๆ ผ่อนออกมาเพื่อสงบสติ
 
“ครับ”
 
สิ้นการรับคำเพียงสั้นๆ ความเงียบเข้าปกคลุมทันที มีคนบอกว่าความเงียบนั่นคือความสงบ แต่สำหรับผมในเวลานี้มันช่างอึดอัดกว่าสถานที่มีเสียงอึกทึกซะอีก ราวกับถูกตัดขาดจากเรื่องราวภายนอกเหลือเพียงผมและพ่อ
 
ในที่สุดความเงียบถูกทำลายลงด้วยการถอนหายใจเสียงหนักจากปลายสาย
 
/เลิกซะ/ คำพูดพ่อไม่ต่างจากฟ้าผ่าเปรี้ยงเข้ากลางหัว ผมอ้าปากไม่ทันจะอธิบายพ่อพูดต่อทันทีราวกับรู้ว่าผมจะพูดอะไร
 
/ลูกเป็นผู้ชาย เขาคนนั้นก็เป็นผู้ชาย มันเป็นไปไม่ได้ ธรรมชาติสร้างมาให้ผู้ชายคู่กับผู้หญิง ลูกยังเด็กแค่ถูกล่อลวงไปเพียงชั่ววูบ เลิก แล้วห้ามติดต่อ/
 
“แต่ผม...” โต้ได้แค่สามคำพ่อพูดสวนกลับมาเป็นชุด ผมเม้มปากคิ้วขมวดแน่น พ่อผมเป็นคนอารมณ์ดีร่าเริงก็จริง ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่หัวแข็งมาก ดื้ออย่างที่สุดตามประสาผู้นำครอบครัวที่ยึดความคิดตัวเองเป็นหลัก ใช่ว่าไม่ดี ผมเข้าใจเสมอ สิ่งที่พ่อสอน พ่อบอกทั้งหมดเกิดจากความหวังดีด้วยความที่อาบน้ำร้อนมาก่อน ยิ่งพ่อผมเป็นคนจีนแท้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องแบบนี้ ผมควรจะทำยังไงดี...
 
ช่วงที่ผมกำลังพยายามดิ้นรนหาทางออก สัมผัสอุ่นร้อนจากมือหนาวางไว้หลังมือ
 
“ปอนด์ พี่ขอคุยกับพ่อปอนด์หน่อย”
 
น้ำเสียงจริงจังไม่มีแววล้อเล่น ผมชั่งใจ พี่เฟย์กระชับมือผมแน่นราวกับจะบอกว่าให้เชื่อใจพี่ผมถึงยอมบอกพ่อและยื่นโทรศัพท์ให้อย่างว่าง่าย
 
พี่เฟย์ทักทายเป็นภาษาอังกฤษ ขนาดนั่งข้างๆ ไม่ได้เปิดลำโพงผมยังได้ยินพ่อพ่นภาษาเดียวกันออกมาเป็นชุด แม้จะฟังไม่ออกแต่เนื้อหาคงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน คิ้วเข้มถึงขมวดแน่นแบบนั้น พี่เฟย์โต้กลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สุภาพแต่ไม่โอนอ่อน
 
ดูท่ามันจะไม่เป็นผลเท่าที่ควร สีหน้าพี่เฟย์ความตึงเครียดถึงได้ไม่คลายลงแม้แต่น้อย สุดท้ายพี่เฟย์จำต้องยื่นมือถือคืนให้ ผมรับมาแนบหูส่งเสียงแค่คำเดียวพ่อก็ตอบกลับมา
 
/ปอนปอนเชื่อฟังพ่อเพื่ออนาคตของลูกเอง แค่นี้ก่อนนะพ่อต้องไปทำงานต่อ ไว้วันหลังจะโทรไปใหม่/
 
น้ำเสียงเจือความเข้มงวดอยู่หลายส่วน เวลานี้พ่อกำลังร้อนผมพูดมากไม่ได้เลยได้แต่รับคำอย่างเดียวจนกระทั่งพ่อวางสายไป ขอบตาผมร้อนผ่าว น้ำตามาคลอจนมองทุกอย่างพร่าเลือน พี่เฟย์กระซิบปลอบ จูบหน้าผากผมแผ่วเบา
 
“ไม่เป็นไร พี่อยู่ตรงนี้เดี๋ยวเราค่อยคุย กลับบ้านกันนะ” ผมผงกหัวรับอย่างเดียว ยกมือปาดน้ำตาลวกๆ ให้พี่เฟย์จูงมือผมกลับไปที่รถ เวลานี้ไม่มีอารมณ์อยากสนุกกับงานโรงเรียนแล้ว พี่ชายโทรไปหาพี่กบบอกว่าจะกลับกันก่อนให้สองคนนั้นกลับเอง
 
ผมเดินก้มหน้าพยายามไม่สนสายตาของคนที่มองมา มีพี่เฟย์คอยเปิดทางให้ เสียงอึกทึกห่างไกลออกไปเรื่อยๆ กระทั่งเราขึ้นมานั่งกันอยู่ในรถ พอประตูปิดเสียงทุกอย่างจึงหายไปเหลือเพียงเสียงสะอื้นของผม
 
ร่างสูงโอบบ่าแล้วกดหัวคนเสียใจให้มาซุกอก
 
“ร้องไห้ออกมาเถอะ อย่าฝืนเลย”
 
สิ่งที่พี่เฟย์พูดไม่ต่างจากการปลดปล่อยผมออกจากความอัดอั้น ผมปล่อยโฮแบบไม่อาย แม้จะเป็นเพียงแค่การคุยผ่านทางโทรศัพท์แต่มันสร้างความเจ็บร้าวให้ผมมาก ผมอยู่กับแม่มาตั้งแต่จำความได้ พ่อมีครอบครัวอยู่แล้วที่นั่นทำให้ต้องเลิกกับแม่คอยส่งเงินมาให้ทุกเดือน นานๆ ทีจะมาหาผมสักครั้ง
 
พ่อเคยเลี้ยงผมตอนเด็กอยู่ช่วงหนึ่ง พาไปเที่ยว สอนสั่งทุกอย่าง แสดงให้ผมรู้ว่าทั้งพ่อและแม่รักผมมาก แม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์อย่างคนอื่นก็ตาม ผมเลยผูกพันกับพ่อมาก
 
ผมเป็นลูกคนเดียว ได้แต่รับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับพี่น้องพ่อเดียวกันที่อยู่ต่างประเทศ เคยวาดฝันวันที่ตัวเองมีพี่น้องอย่างคนอื่นเขา นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมหลงใหลไปกับความอบอุ่นของพี่เฟย์ตั้งแต่แรกพบ
 
พอโตขึ้นผมคิดไว้ว่าผมจะตอบแทนพ่อที่ทำงานหนัก จะเป็นเด็กดีไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวังเด็ดขาด แล้วตอนนี้ผมได้ทำสิ่งเหล่านั้นไปแล้ว น้ำเสียงผิดหวังของพ่อทำร้ายผมมากกว่าการดูถูกของคนนับร้อยเสียอีก ที่เจ็บกว่านั้นคือ ผมปล่อยพี่เฟย์ไปไม่ได้ ผมคิดไม่ออกด้วยซ้ำถ้าไม่มีพี่เฟย์ชีวิตผมจะเป็นยังไง
 
มือหนาลูบแผ่นหลังสั่นเทาเพื่อปลอบโยน
 
“พี่ขอโทษที่ทำให้เราต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แต่พี่ก็ปล่อยเราไปไม่ได้เหมือนกัน” คนในอ้อมแขนยอมเงยหน้ามองคนพูดทั้งที่ดวงตาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา “เกลียดพี่รึเปล่าที่ทำให้เราต้องเจอเรื่องแย่ๆ”
 
ผมส่ายหัว ซุกหน้ากับอกกว้าง
 
“ไม่ ฮึก... ไม่เกลียด ผมต้องขอบคุณ... พี่ ที่คอยอยู่ข้างผม... เสมอมากกว่า” คำพูดเจือเสียงสะอื้นนั่นขาดหาย แต่คนฟังได้ยินชัดเจนทุกคำ วงแขนกอดกระชับมากขึ้น ริมฝีปากจูบหน้าผากมนหลายที ก่อนจะไล่จูบบนเปลือกตา ช่วยซับน้ำตาให้อย่างนุ่มนวล
 
“เงียบซะนะแมวน้อยของพี่ จุ๊ๆ ไม่เป็นไรนะ ตอนนี้พ่อเขาอาจจะยังไม่ยอมรับ แต่พี่เชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าพ่อต้องยอมรับได้แน่นอน...”
 
มือกำเสื้อพี่เฟย์แน่นเพื่อเป็นที่พึ่ง หูฟังเสียงทุ้มนุ่มที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ทำให้ผมสบายใจเสมอ อย่างในตอนนี้ ความรู้สึกปั่นป่วนเริ่มกลับมาสงบลงอย่างช้าๆ
 
”ปอนด์จำได้มั้ย ก่อนพวกเราจะมาที่นี่แม่บอกว่าปอนด์ยังมีแม่อยู่เสมอ พี่เองก็ด้วยปอนด์ไม่ได้อยู่คนเดียว พ่อเองก็รักปอนด์มาก ที่พูดแบบนั้นออกมาเพราะเป็นห่วง”
 
“ผมเข้าใจ”
 
“ดีแล้ว... เรากลับไปตั้งหลักที่บ้านกันก่อน เดี๋ยวโทรหาแม่ด้วยจะได้สบายใจมากขึ้น”
 
อ้อมกอดถูกคลายออกให้ผมกลับไปนั่งที่ข้างคนขับพร้อมรัดเข็มขัดให้ ระหว่างทางเราไม่ได้พูดอะไรกัน ต่างคนต่างจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง มีเพียงฝ่ามืออุ่นที่กุมมือผมไว้ไม่ปล่อย
 
ที่บ้านยังไม่มีใครกลับมาเลยเงียบสงบมาก พี่ชายปลีกตัวไปชงอะไรหวานๆ มาให้ผมดื่มปลอบใจ ส่วนผมตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ปลายสายคือแม่ของผม รอเพียงไม่นานแม่ก็รับสาย
 
/ว่าไงน้องปอนด์ ป๊ะป๋าโทรไปหาแล้วรึเปล่า/
 
คนสวยของผมยังคงรู้ใจลูกชายเหมือนเคย
 
“ครับ โทรมาเมื่อกี้ พ่อไม่ยอมรับเรื่องผมกับพี่เฟย์”
 
/แม่ก็คิดไว้อยู่แล้วแหละ ตาแก่หัวแข็งนั่น... ลูกไม่ต้องสนใจหรอก ยังไงก็ยังมีแม่อยู่ แม่เลี้ยงลูกมาแม่รู้ดีว่าลูกเป็นยังไง ป๊ะป๋าของลูกไม่ได้อยู่ด้วยตลอดสักหน่อย จะรู้ดีไปกว่าแม่ได้ไง/
 
เจอคำพูดเหน็บแนมแฝงความไม่พอใจทำให้ผมหลุดขำ
 
/เจ้าลูกคนนี้ ชอบให้แม่ว่าป๊ะป๋าเรารึไง/
 
ผมรีบปฎิเสธ “เปล่านะ! ผมแค่ขำเวลาแม่กับพ่อพูดแบบนี้ใส่กันแล้วดูน่ารักดี”
 
/ทางนั้นคงบอกว่าแม่ขี้บ่นล่ะสิท่า เอาเถอะ อารมณ์ดีขึ้นแล้วสินะ/ ผมยิ้มออกมา รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งใจ ความรักใดไม่ยิ่งใหญ่เท่าแม่จริงๆ
 
“ครับ ผมรักแม่นะ เดี๋ยวกลับจะเอาของกินไปฝาก แม่อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย”
 
/โอ๊ยย ไม่เอาหรอก แค่ลูกๆ กลับมาอย่างปลอดภัยก็พอ แต่ถ้าจะเอามาแม่ขอเป็นของกินหรือของที่ใช้ได้นะ พวกตั้งโชว์เฉยๆ ให้ฝุ่นเกาะไม่เอาไร้ประโยชน์/
 
นี่ขนาดไม่อยากได้ของฝากนะเนี่ย รีเควสเสร็จสรรพ 
 
“คร้าบๆ ลูกชายคนนี้จะเลือกของให้อย่างดี”
 
/แม่เกรงใจ ปล่อยให้เฟย์เลือกให้แม่เถอะ ขืนเราเลือกไม่รู้จะได้ของอะไรมา/ น้ำเสียงแบบเหนื่อยหน่ายระอาใจมาก ผมไม่น้อยใจสักนิด ขำมากกว่า
 
“แม่อะ เบื่อจริงคนรู้ทัน”
 
/อย่าลืมสิฉันเป็นใคร ถ้าไม่รู้ใจลูกชายตัวเองจะไปรู้ใจหมาที่ไหน เอ๊ะ ก็ไม่แน่นะ ยกเว้นเจ้าหมาน้อยที่บ้านไว้ตัว/
 
ดู๊ดูคุณหญิงแม่ ปลอบใจลูกชายด้วยการรังแก สรุปแม่ลูกเลยหยอกกันไปแหย่กันมาคุยออกนอกทะเลนู่น ในใจต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าแบบนี้แหละ ทำให้สบายใจที่สุด
 
/อย่าคิดมากนะน้องปอนด์ แม่วางก่อนนะน้าหน่อยชวนแม่ไปตลาดแล้ว/
 
“ครับ ดูแลตัวเองด้วย ผมกลับไปจะนอนกอดแม่ให้ชื่นใจ”
 
/ฮ่าๆ โตเป็นควายแล้วแม่ไม่เอาหรอก ลูกเองก็ระวังตัวด้วยนะ/
 
ผมวางสายแม่รู้สึกดีขึ้น ถึงจะมีความกังวลใจอยู่ก็ตาม สิ่งนี้คงขจัดออกไปไม่ได้ง่ายๆ คงต้องอาศัยเวลาจนกว่าพ่อผมจะยอมรับ
 
“คุยกับแม่แล้วเป็นยังไงบ้าง”
 
พี่เฟย์เดินมาหาผมพร้อมนมเย็นในมือ ดูท่าพี่เฟย์จะมาก่อนถึงได้ยืนรอให้ผมคุยจนน้ำแข็งละลาย แต่นั่นมันไม่สำคัญเท่าใจคนทำให้หรอก ผมดูดนมเย็นรสหวานหอมละมุนก่อนตอบ
 
“ดีขึ้นแล้วฮะ ขอบคุณครับพี่”
 
พี่เฟย์ยิ้มรับจูงผมไปนั่งเล่นกันบนโซฟา ผมอยากรู้ว่าพี่ชายคุยอะไรกับพ่อเลยถามออกไป เจ้าตัวเองก็ยอมบอกโดยไม่ปิดบัง
 
เฮียบอกพ่อผมว่า...
 
‘ผมไม่ได้คาดหวังว่าคุณจะยอมรับได้ตอนนี้ แต่ผมแค่หวังว่าคุณจะยอมรับความรับทางเลือกของลูกชายคุณ ถึงแม้มันจะดูแปลก มันดูผิดในสายตาคนอื่น แต่คุณอย่าลืมนะครับว่าลูก... ยังไงย่อมคาดหวังว่าพ่อแม่จะเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น ถ้าคุณจะโทษก็โทษผมเถอะครับ อย่าโทษปอนด์เลย ลูกคุณเป็นเด็กดี อย่าทำให้ปอนด์ต้องเสียใจเลย’
 
ผมฟังเงียบๆ ด้วยหัวใจเต็มตื้อ ผมเดาได้ว่าพ่อต้องคุยกับพี่ชายไม่ดีแน่ ถึงอย่างงั้นพี่เฟย์ดูไม่โกรธเลยแม้แต่น้อยและไม่คิดจะปล่อยมือจากผม เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน
 
ร่างเล็กเอนกายพิงไหล่คนตัวสูง หลับตาพริ้มถ่ายทอดความรู้สึกเชื่อใจให้แก่กันโดยไม่ต้องใช้คำพูด
 
ผมจะรอฟ้าหลังฝนของพวกเรา...
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่30 วันของเราEND [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 24-04-2016 15:19:57
วายที่30 วันของเรา
 
ผมอยู่บ้านพี่เฟย์ต่ออีกหนึ่งวันก่อนจะกลับกรุงเทพ ช่วงนั้นโฟมหายตัวไปขลุกอยู่กับพี่กบหลังจากพาลูกเขยมาให้พ่อแม่เชยชมทำให้ผมไม่ได้คุยกับโฟมเลย แต่เห็นเจ้าตัวมีความสุขดีผมก็โอเคด้วย พี่เฟย์เองก็เช่นกัน
 
พอกลับมากรุงเทพพี่ชายไปค้างบ้านผมคืนหนึ่งแล้วปล่อยผมให้ผมอยู่กับแม่สองคน เราคุยกันหลายอย่างทั้งเรื่องของพ่อและเรื่องของผมสมัยเด็ก หลังจากอยู่กับแม่จนเต็มอิ่ม ถึงเวลาที่ผมจะกลับไปเป็นแมวบนคอนโดสูงสักที
 
ที่มหาลัยเองก็มีงานทับถมให้สมกับช่วงหยุดยาวของลูกศิษย์ ถึงอย่างนั้นด้วยความเป็นหนุ่มวายมาตลอดสี่ปีเต็ม งานเยอะแค่ไหนไม่อาจขัดขวางพลังมโนของผมได้ ที่ผ่านมาผมเคยแต่แต่งฟิคนิยายเรื่องที่ชอบ มาตอนนี้ผมเกิดความคิดอย่างหนึ่ง อยากจะสร้างสรรค์นิยายวายแบบออริจินอลของตัวเองขึ้นมา
 
ช่วงแรกยังมีปัญหาอยู่บ้าง ล้มลุกคลุกคลานกันไป มีพี่เฟย์เป็นผู้ตรวจ ที่ปรึกษา พี่เลี้ยง เหมาทุกตำแหน่งยิ่งกว่าพ่อบ้านเซบาสเตียน ทำยันเกินหน้าที่ช่วยสาธิตแบบของจริงให้ผมเพื่อการแต่งนิยายที่ลื่นไหล ซึ่งผมไม่ได้ต้องการเลยแม้แต่น้อย เพราะมันตามมาด้วยอาการปวดสะโพกตรงกันข้ามกับพี่เฟย์ที่หน้าใสกิ๊ง
 
พอเข้าช่วงสอบ ผมจำต้องวางมือจากนิยายที่เพิ่งแต่งได้ไม่กี่ตอนไปชั่วคราว ทุ่มเทให้กับการเรียนผสมอู้ แถมยังต้องโต้รุ่งทำงานชิ้นใหญ่พรีเซนท์อาจารย์และส่งก่อนสอบ เจอไปสามวิชา วิชาละหนึ่งงาน กลุ่มบ้างเดี่ยวบ้าง แล้วยังต้องถ่างตาอ่านสอบอีกสูบพลังงานซะผมกลายเป็นแมวแห้งตาโหล สร้างความกลัดกลุ้มให้พี่เฟย์ที่พยายามขุนผมมาโดยตลอด
 
แต่ผลการเรียนออกมาเป็นที่น่าพอใจ ในฐานะนักศึกษาปีหนึ่ง ผมขอแนะนำทุกคนให้เร่งทำเกรดตอนปีหนึ่งให้ดีที่สุด เพราะส่วนใหญ่ปีนี้จะเริ่มด้วยวิชาพื้นฐานที่เนื้อหาไม่ยากนัก บางวิชามีพื้นจากตอนเรียนมัธยมด้วยซ้ำ ถามว่าเพื่ออะไรน่ะหรือ? ก็เพื่อให้วิชาเอกในอนาคตดึงเกรดลงแล้วไม่น่าเกลียดเกินไปยังไงล่ะ!
 
สอบเสร็จเหมือนการปล่อยผี ผมตามกลุ่มซันไปกินหมูกะทะฉลอง(อีกแล้ว) จะถามถึงความเป็นไปของแต่ละคู่น่ะเหรอ มาๆ เดี๋ยวผมแจกแจงให้ฟัง
 
คู่แรกป๊าม้าของผมเอง ซันโป้ยังคงรักกันดีเป็นสามีรองเท้าภรรยา เห็นว่าปิดเทอมซันจะขึ้นเหนือตามโป้อยู่สักครึ่งเดือน ส่วนวันหยุดที่เหลือจะมาสิงสถิตที่รีสอร์ทของซัน สองคนนี้ผมเห็นช่วงสอบครั้งแรกแทบหัวใจวายตาย ซันหน้าเยี่ยงโจรป่าเพราะมัวทำงานไม่มีเวลาดูแลเช่นเดียวกับโป้เกือบทำผมกรี๊ดสลบ
 
พวกคุณลองคิดดูสิ หน้าหล่อปนสวยอย่างโป้ แต่กลับมีหนวดขึ้นครึ้ม ผมรากไทรยุ่งเหยิงขอบตาเป็นหมีแพนด้า ขนาดซันยังเล่าให้ฟังว่าเห็นหน้ากันตอนแรกแหกปากกันลั่นห้อง ผมคิดภาพตามแล้วขำกลิ้ง
 
ริวคงไม่ต้องพูดถึง ยิ่งช่วงใกล้สอบผมว่าริวหาตัวยากยิ่งกว่ามิทซะอีก โป้แอบกระซิบบอกว่าริวกำลังตามจีบรุ่นพี่คนหนึ่ง อาศัยอีกฝ่ายช่วยติวให้สร้างความสัมพันธ์ ซึ่งรุ่นพี่คนนั้นเรียนสาขาเดียวกับริวด้วย เพื่อนตัวโย่งเลยขนทั้งข้อสอบและงานก่อนปิดเทอมไปถมรุ่นพี่คนนั้นไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ก็หวังว่าเพื่อนริวจะสำเร็จในเร็ววัน ผมเอาใจช่วย สนับสนุนให้ผู้ชายกินกันเองคือคติของชาววาย
 
ทั้งหมดทั้งสิ้นคงมีมิทคนเดียวที่ยังหน้าเป๊ะแบบเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง แม้ว่าประชากรเกือบครึ่งมหาลัยจะเปลี่ยนสปีชี่ไปเป็นหมีแพนด้ากันหมด ที่พิเศษหน่อยคงเป็นทุกวันมีรถสีดำฟิล์มหนาคอยรับส่งปานลูกคุณหนูผู้ร่ำรวย เวลาไปเที่ยวไหนไกลก็จะมีบอดี้การ์ดตามมาด้วยหนึ่งคนเสมอจากคำให้การของซัน
 
ปล่อยพวกนั้นไปตามทาง กลับมาเรื่องของผมดีกว่า ปิดเทอมผมถูกปล่อยกลับสู่อ้อมอกแม่เป็นแรงงานประจำบ้าน โดยมีหมาเป็นตัวเยาะเย้ย บางครั้งก็แวบไปนอนกับพี่เฟย์บ้าง สลับไปมาอย่างกับคนดังมีแต่คนต้องการ
 
ผมตัดสินใจไม่เรียนซัมเมอร์ ใช้เวลาว่างแต่งนิยายเต็มที่ หมายมั่นปั้นมือว่าจะเสร็จให้ได้ก่อนเปิดเทอม แต่ความจริงการแต่งนิยายเรื่องหนึ่งมันไม่ง่ายขนาดนั้น กระทั่งเปิดเทอมแล้วผมยังแต่งได้เพียงแค่ครึ่งเรื่องแล้วต้องพักช่วงอีกเพื่อนลุยกิจกรรมรับน้อง
 
ปีก่อนผมน้องผู้ถูกรุ่นพี่เอ็นดู ปีนี้ผมกลายเป็นรุ่นพี่คุมน้อง ด้วยความที่ผมตัวใหญ่สมชายมากเกินไป เพื่อนจึงไล่ให้ผมเป็นรุ่นพี่คอยดูแลน้องอยู่เบื้องหลัง เพราะคาดว่าไม่มีรุ่นน้องคนไหนเกรงกลัวหรือเชื่อฟังผมแน่นอน ขนาดไปนั่งแขวนป้ายชื่อเนียนกับเด็ก รุ่นน้องยังไม่รู้เล้ย!
 
ที่มหาลัยผมมีกิจกรรมอย่างหนึ่งด้วย รุ่นน้องทุกคนต้องพกสมุดสำหรับขอลายเซ็นต์รุ่นพี่และเพื่อนให้ได้มากที่สุด โดยแบ่งคะแนนมากขึ้นตามชั้นปี ตอนผมปีหนึ่งผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอาศัยความน่ารักในการทำมาหากิน ปีนี้ต้องเป็นฝ่ายรังแกน้อง ไหงผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายถูกรังแกมากกว่า น้ำตาจะไหล
 
“พี่ปอนด์ ขอลายเซ็นกับเบอร์โทรหน่อยสิครับ”
 
ขอเบอร์ไปทำแมวอะไรหา? ผมไม่ยอมให้เขียนแค่เมลล์กับเฟสรองอย่างเดียว เฟสหลักไม่ได้ อัพรูปวายไม่เว้นวัน ขนาดเพื่อนผมยังรับแค่บางคน ความชอบแบบนี้มันเผยแพร่มากไม่ได้หรอก เกรงใจคนอื่นเขา
 
“อย่าเรื่องมากนะ พี่อุตส่าห์ให้แบบไม่สั่งให้ทำอะไรแล้วเชียว”
 
“ก็พี่ปอนด์น่ารัก ขอเบอร์หน่อยนะครับ ผมจะได้เอาไว้ปรึกษาไง”
 
ได้ข่าวว่าไม่ใช่น้องรหัสผมนะ น้องรหัสผมเป็นสาวน้อยน่ารักเรียบร้อยที่เป็นสาววายเช่นกัน ฟ้าช่างมีตาส่งให้เราพี่น้องมาพบเจอ
 
“ปรึกษาไรไอ้บาส พี่ปอนด์มีแฟนแล้วไม่ต้องมาจีบเลย”
 
นี่ไงน้องรหัสของผม สาวมินท์ผู้คุ้ยเฟสจนรู้ว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชายสุดหล่อ น้ำตานองคูณสอง หนุ่มวายว่าน่ากลัวแล้วยังมีพลังไม่เทียบเท่าสาววายเลยจริงๆ
 
ผมมองเด็กปีหนึ่งสองคนทะเลาะกัน ได้โปรด ปล่อยผมกลับบ้านเถิด อยากกลับไปกินเค้กจะแย่อยู่แล้ว ช่วงนี้มีกิจกรรมกว่าจะเลิกตั้งสองสามทุ่ม เพราะต้องเก็บกวาดหลังน้องกลับ อีกอย่างใครบางคนกำลังจะมา ผมยังไม่อยากงานเข้า!
 
“พี่ว่าน้องๆ รีบกลับบ้านดีกว่านะ เดี๋ยวที่บ้านเป็นห่วง”
 
“ไม่เป็นไรครับพี่ปอนด์ ผมอยู่หอมหาลัย” น้องบาสตาวาว เค้าไม่ชอบเด็กอ่า เค้าชอบคนแก่...
 
“หน้ามึน! หอปิดห้าทุ่มยังไงก็ต้องรีบกลับ มาเลยมาด้วยกันอย่าให้ฉันองค์ลงนะ พี่ปอนด์หนูกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
 
น้องมินท์บอกลาด้วยรอยยิ้มน่ารัก ลากแขนเพื่อนวัยเด็กจากไปโดยไม่สนเสียงโวยวาย ผมพอเดาอนาคตได้ สองคนนี้คู่กันชัวร์!
 
ผมหันหลังกลับคว้ากระเป๋าหยิบมือถือว่าจะโทรหาคนมารับ พอเงยหน้าเห็นร่างสูงกำลังเดินมาทางนี้ ผมเลยเก็บมือถือเข้ากระเป๋าไปตามเดิม
 
ใบหน้ายิ้มแย้มเริงร่า วิ่งไปทางพี่ชายหมายจะกระโดดกอดเนียนลูบกล้ามท้องฟื้นพลังงานที่เสียไปทั้งวัน เป็นต้องชะงักกับคำถาม
 
“ปอนด์ เด็กผู้ชายนั่นรุ่นน้องเหรอ”
 
“ใช่แล้ว”
 
“อืม ปะ กลับบ้านกัน”
 
ยอมรับง่ายทั้งที่เห็นต่อหน้าต่อตา ผมมัวระวังเกือบตามไม่ทัน ปล่อยให้พี่ชายกอดฟัดพาขึ้นรถกลับคอนโด มารู้เอาตอนหลังแหละว่าตอนนี้พี่เฟย์มีสปายมือฉมังคนใหม่แล้ว แทนโป้ที่อยู่ต่างคณะ เดาไม่ยากหรอกครับว่าใคร... ก็มินท์น้องรหัสของผมไง
 
มิน่าล่ะพี่เฟย์ถึงได้วางใจนัก ผมได้แต่อมยิ้มปริ่มกับมุมน่ารักเล็กๆ ของพี่เฟย์
 
หลังพ้นกิจกรรมการรับน้อง เหลือเพียงการเรียนปกติที่ผมมีเวลาว่างกลับมาปั่นนิยายอีกครั้งหนึ่ง ผ่านไปได้สองเดือน และแล้ว... นิยายวายเรื่องแรกของผมก็เสร็จสมบูรณ์จนได้ ผลการตอบรับแม้จะไม่เยอะเหมือนนักเขียนดังๆ แต่เวลาได้อ่านคอมเมนท์คำชมแต่ละครั้งทำให้ผมมุ่งหน้าสู่ฟินแลนด์ได้ทุกรอบ
 
จนกระทั่งมีนักอ่านต้องการซื้อแบบเป็นรูปเล่ม ประจวบเหมาะกับใกล้งานอีเวนท์รวมของวาย ผมเองอยากหาประสบการณ์ทำเล่มของตัวเองดูสักครั้ง เลยตกปากรับคำติดต่อกับโรงพิมพ์ พิมพ์หนังสือจำนวนน้อยเพื่อเอาไปขายในงานและถือโอกาสซื้อของงานของคนอื่นด้วย
 
คนออกบูธมีสิทธิ์เดินช้อปก่อนไม่ต้องกลัวว่าของจะหมด ส่วนผู้ช่วยของผมจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้องมิ้นหนึ่งในแฟนคลับของผมเอง
 
ถึงวันงานผมต้องไปก่อนงานเปิดหนึ่งชั่วโมงเพื่อเตรียมของและจัดบูธรอ ได้รับอภินันทนาการจากพี่เฟย์ สละผ้าปูลายเท้าแมวกับที่ตั้งหนังสือโชว์ปกมาให้ หนังสือของผมมีแค่นิยายออริกับฟิคที่แต่งจนจบ รวมแล้วแค่สองเล่มทำให้ไม่วุ่นวายในการจัด
 
แอบเขินนิดหน่อย เพราะผมเป็นหนุ่มวายที่มีอยู่น้อยนิดในงาน เลยโดนโต๊ะอื่นอมยิ้มมองเป็นระยะ โชคดีที่มินท์มาเร็วไม่ปล่อยให้ผมนั่งเกร็งอยู่คนเดียว น้องมินท์มาในมาดของนัตสึเมะอุ้มตุ๊กตาเหมียวหง่าวมาด้วย เพราะงานนี้คอสเพลย์ได้ ผมล่ะอยากจะรีบขายของให้หมดแล้วไปดูคนอื่นคอสเพลย์จริง นึกถึงสมัยคอสครั้งแรกที่มาพร้อมกับพี่เฟย์เลย
 
“พี่ปอนด์รอนานมั้ย ว้าว! พี่คอสเรื่องนี้เหรอเนี่ย ถ้างั้นแฟนพี่ก็...”
 
มินท์ระริกระรี้ดูตื่นเต้นกว่าผมอีก
 
“อย่าเสียงดังสิ เกรงใจคนอื่นเค้า มินท์มาก็ดีแล้วเรามาสลับกันไปซื้อของก่อนงานเปิดดีกว่า”
 
“ค่าๆ งั้นมินท์จะรีบไปซื้อรีบกลับนะ” สาวน้อยร่าเริงยิ้มร่าอุ้มตุ๊กตาไปซื้อของด้วย ชุดกับกางเกงผมว่ามินท์บังคับเอามาจากบาสแหง
 
ผมขายหนังสือแนะนำให้กับคนที่แวะเวียนมาที่บูธระหว่างรอมินท์ สาวหลายคนดูปลื้มอกปลื้มใจ พอรู้ว่าผมเป็นคนแต่งเองพากันมองตาโต แทบเก็บเสียงกรี๊ดกันไม่ไหว ส่วนสาเหตุเอาไว้ผมจะบอกหลังจากนี้แล้วกัน
 
เวลาในงานปล่อยซื้อของแค่ยี่สิบนาทีก่อนกลับมาประจำที่บูธของตัวเอง ผมยิ้มหน้าชื่นได้ของตามที่ต้องการ นั่งรอคอยงานเปิด สตาฟประกาศไม่ทันไร เปิดประตูปุ๊บสาววายทั้งหลายแห่กันเข้ามาเหมือนฝูงมด ทุกคนตรงดิ่งไปยังบูธเป้าหมายของตัวเอง นักเขียนนักวาดคนไหนดังก็มีคิวต่อแถวยาวเป็นหางงู
 
ก็มีบ้างที่ตรงมายังบูธผม ผมยิ้มรับคุยเล็กน้อย บางคนขอถ่ายรูป บางคนขอลายเซ็นต์ หูได้ยินเสียงกรี๊ดเป็นระยะเพราะบนเวทีสตาฟเปิดภาพวายเรื่องดัง มีกิจกรรมให้เล่นลุ้นรับของด้วย กระทั่งมีเสียงกรี๊ดเป็นระลอกเหมือนคลื่นเวฟ ไล่ตั้งแต่นอกงาน ประตู เข้ามาในงาน และเสียงจากสาวข้างตัว
 
“กรี๊ดดดด พี่ปอนด์!”
 
มินท์เขย่าตัวผมอย่างบ้าคลั่ง
 
“ห๊ะ อะไร เกิดอะไรขึ้น” ผมเงยหน้าจากหนังสือที่กำลังเซ็นเป็นชื่อพร้อมหน้าแมว พอเห็นต้นตอของเสียงกรี๊ดนั่นแหละ ผมอ้าปากค้าง
 
ชายร่างสูงปานนายแบบสวมชุดกึ่งสูทคุ้นตา ใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ ผมไม่ได้สวมวิก ดวงตาคมฉายความอบอุ่นไม่มีคอนแทคเลนส์ ที่โดดเด่นไม่ใช่เพียงรอยยิ้มอ่อนโยน แต่มันคือสิ่งที่ชายคนนี้กำลังอุ้มอยู่ต่างหาก!
 
ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวโตผูกโบว์อันใหญ่ลายจุดสีชมพู ถูกยื่นมาตรงหน้าผม
 
“นายลืมเอาซูซูกิซังมานะมิซากิ”
 
เสียงทุ้มนุ่มไม่ดังและไม่เบา แต่คนรอบข้างที่อยู่ใกล้เคียงได้ยินชัดทุกถ้อยคำ ดวงตาหลายคู่มองสลับระหว่างผมกับชายตรงหน้า ผมในชุดธรรมดาแต่สวมวิกสีน้ำตาลใส่คอนแทคสีเขียว ถึงขนาดนี้ถ้าคนมองไม่ออกก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
 
“กรี๊ดดดดดดดดด!! Junjou Romantica!!!”
 
“อ๊าย! ท่านอุซามิในโลกแห่งความจริง”
 
“มิซากิน่ารักเกินไปแล้ว”
 
แสงแฟลชเกิดขึ้นรัวๆ ผมหน้าแดงก่ำรับตุ๊กตาหมีตัวโตมาพลางก้มหน้างุดๆ ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจเป็นบ้า! ผมที่ดูเมะเรื่องนี้เมื่อสามวันก่อน นึกอยากได้ตุ๊กตาหมีขึ้นมา ออดอ้อนเท่าไหร่พี่ชายก็ไม่ยอมซื้อให้ ใครจะไปคิดล่ะว่าพี่ท่านเล่นเซอร์ไพรส์แบบนี้
 
“โอ้! ตรงนั้นดูเหมือนจะมีตัวละครจากอนิเมะวายชื่อดังออกมาในโลกแห่งความจริงนะเนี่ย ใช่เรื่องนี้รึเปล่าเอ่ย?”
 
สตาฟสาวบนเวทีช่างตาไว หันไปส่งซิกให้คนคุมเครื่องฉาย เปลี่ยนเป็นภาพอนิเมะเรื่องนี้แบบเต็มจอ เสียงกรี๊ดดังกระหึ่มยิ่งกว่าเดิม
 
“ได้รับเสียงตอบรับดีขนาดนี้ อุซามิซัง มิซากิคุงช่วยขึ้นมาร่วมกิจกรรมบนเวทีหน่อยนะคะ”
 
ขึ้นเลย ขึ้นเลย!
 
เสียงเชียร์จากรอบด้านช่างกดดัน น้องมินท์แทบจะลงไปดิ้นกับพื้น ยกมือทุบอกบอกจะดูแลบูธให้เองแล้วดันหลังผมกับพี่เฟย์ให้เดินไปขึ้นเวทีตามคำเรียกร้อง ผมกอดตุ๊กตาหมีเดินตามการจูงจากมือหนาต้อยๆ พอถึงเวทีกิจกรรมที่ว่านั้นแทบไม่มีอะไรเลยนอกจากมายืนร่วมกับนักคอสคู่อื่นให้เหล่าสาววายถ่ายรูปจนหนำใจ นานซะจนเริ่มเมื่อย
 
“ขอโทษนะครับ มิซากิเหนื่อยแล้ว พวกผมขอกลับบูธก่อน ถ้าใครอยากคุย เจอกันได้ที่บูธ Y18 นะครับ”
 
คำพูดปิดท้ายก่อนลงเวทีเซอร์วิสไม่พอยังเนียนโฆษณาอีก ดีนะที่คู่ผมไม่ใช่คู่เดียว ไม่งั้นคงเขินหนักมากกว่านี้ พอลงเวทีกลับบูธได้พี่เฟย์มาช่วยขาย น้องมินท์ก็สลัดฐานวิ่งไปหาเพื่อนถ่ายรูปคนคอสที่รวมตัวกันอยู่ลานกว้างด้านนอก
 
พี่เฟย์เป็นคนขาย ผมเป็นคนเซ็นต์ บางเล่มมีคนรีเควสขอลายเซ็นต์พวกเราทั้งคู่ นั่นก็เพราะ...
 
“น้องใช่ปอนด์ที่แต่งนิยายเรื่อง ‘หนุ่มวายยกกำลังสอง’ ใช่รึเปล่าคะ?” พี่สาววัยทำงานถามตาวาว
 
“ใช่ครับ” ผมตอบสุภาพ
 
“ถ้างั้น พี่ชายคนนี้คือพี่เฟย์ พระเอกของเรื่องคู่กับน้องถูกต้องมั้ยคะ”
 
คราวนี้พี่เฟย์เป็นคนตอบแทน
 
“ใช่แล้ว ขอบคุณที่มาอุดหนุนนะครับ ผมเองก็คอยเป็นผู้ช่วยน้องตลอดเห็นนั่งแต่งหามรุ่งหามค่ำก็เป็นห่วง แต่ผลตอบรับออกมาเป็นที่น่าพอใจแบบนี้ผมก็ดีใจ”
 
เซอร์วิสอีกแล้ว! พี่สาวที่มาซื้อแทบจะล้มตายอยู่หน้าโต๊ะ เธอขอให้พวกเราช่วยเซ็นต์ทั้งคู่ พอเห็นแบบนั้นคนอื่นที่อยู่ใกล้เคียงเลยเอาบ้าง ยิ่งรู้ว่าผมแต่งโดยใช้อิมเมจจากตัวเองและพี่ชาย คนซื้อเยอะมากกว่าเดิม ผลสุดท้ายหนังสือก็ขายหมดเกลี้ยงทั้งที่งานยังไม่จบ ต้องให้แต่ละคนลงชื่อสำหรับติดต่อกลับรอบรีปริ้นท์
 
เพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อ แถมผมเริ่มเหนื่อยอยากกลับไปอ่านหนังสือที่ซื้อมาไวๆ สุดท้ายผมกับพี่เฟย์เลยชักชวนกันกลับก่อน ไปบอกน้องมินท์ที่อยู่ด้านนอก ถูกรุมขอถ่ายรูปคู่จนตาลายกับแฟลช กว่าจะปลีกตัวออกมาได้ผมนอนสลบอยู่ในรถพี่เฟย์
 
พี่ชายทำธุระให้ เปิดพรีรอบรีปริ้นท์ในเพจของพวกเราพร้อมกับแอบถ่ายรูปผมตอนหลับโพสลงเฟสอีก ผมเห็นตอนหลังแทบอยากกระโดดขบหัวพี่เฟย์ เอาคืนด้วยการแอบถ่ายภาพพี่ชายใส่ผ้ากันเปื้อนลายแมวทำอาหารเย็นโพสลงไปบ้าง เพจแทบจะแตก มีซันกับโป้โผล่เข้ามาร่วมแจม สองคนนี้เองก็เป็นไอดอลประจำเพจพวกผมเหมือนกัน
 
อยากมีส่วนร่วมดีนัก ผมเลยมัดมือชกให้ทั้งคู่มาช่วยห่อหนังสือให้ลูกค้าซะเลย สองคนนั้นแม้จะพิมพ์บ่นเป็นที่เฮฮาของลูกเพจและสาววาย พอถึงเวลาหนังสือมาส่งจริงๆ ก็ย้ายตัวเองมาช่วยถึงที่ พี่เฟย์เลยตอบแทนด้วยมื้อเย็นแสนอร่อยพร้อมของหวานสูตรพิเศษสำหรับทั้งคู่
 
แม้ตอนนี้จะไม่ได้ดั่งใจไปซะทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องพ่อของผมที่ยังคงโทรมากล่อมเป็นระยะ ถึงแบบนั้นผมก็มีความสุขมากที่ได้อยู่กับพี่เฟย์
 
ลูกแมวผุดลุกจากมุมโปรดปล่อยตุ๊กตาหมีตัวโตขยับไปกอดพี่เฟย์ที่กำลังเอนกายอ่านหนังสือในวันหยุด ถูหน้ากับแผงอกกว้าง
 
“อยู่กับผมไปตลอดเลยนะพี่”
 
คนถูกแมวอ้อนใจอ่อนระทวย วางหนังสือรวบคนตัวเล็กเข้ามากอด
 
“แน่นอน เจ้าลูกแมวของพี่” คำเรียกด้วยความเอ็นดูชวนให้จั๊กจี้แต่รู้สึกดีเป็นที่สุด
 
 
2 ปีต่อมา...
 
ผมกลายเป็นรุ่นพี่ปีสี่ที่ใกล้จะเรียนจบอย่างเต็มตัว ปีสี่ไม่ต้องทำกิจกรรมเหมือนปีหนึ่งถึงปีสามก็จริง แต่ลำพังงานและธีสิสก็ฉกฉวยเอาเวลาไปจนหมดสิ้น
 
แม้จะเหนื่อยสักแค่ไหน อาจจะเครียดหรือท้อบ้างในบางครั้ง แต่ผมยังมีพี่ชายอยู่ข้างกายทำให้ผ่านพ้นเรื่องราวพวกนั้นไปได้อย่างงดงาม
 
การสอบสุดท้ายก่อนเรียนจบ ผมตั้งใจอ่านเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ การสอบทุกอย่างก็จบลงพร้อมกับความรู้สึกตัวเบาราวกับยกภูเขาออกจากอก ผมใช้เวลาว่างช่วงนี้ก่อนอาจารย์เรียกไปคุยเรื่องธีสิสรอบสุดท้ายอยู่กับพี่ชายเต็มที่ ทดช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่มัวแต่วุ่นเรื่องการเรียน
 
ดีนะ มหาลัยผมให้ฝึกงานช่วงปิดเทอมตอนปีสาม ถ้าเกิดมารุมปีสี่หมดผมคงแย่หนัก พวกซันเองก็ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่นัก อย่างผมยังได้ฝึกงานในกรุงเทพ ซัน โป้ ริว ถูกส่งไปต่างจังหวัดทุกคน จะเหลือก็แค่มิทที่ยังอยู่ในกรุงเทพเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปทำอิท่าไหนถึงรอดอยู่คนเดียว
 
เจ้าโฟมอยู่มหาลัยปีหนึ่งแถวบ้าน มุ่งมั่นจะเรียนสายที่สามารถไปทำงานคู่กับพี่กบได้ ทำเอาพี่เฟย์กับครอบครัวเครียดกันไปช่วงหนึ่งด้วยความเป็นห่วง ขนาดพี่กบออกจากป่ามากล่อมเองถึงที่ยังไม่ได้ผล โฟมยืนยันหนักแน่นว่าจะเลือกทางนี้
 
ในเมื่อพี่กบไม่สามารถทิ้งหน้าที่มาหาโฟมได้ เจ้าตัวเลยเอาตัวเองไปหาแทน ปากก็พร่ำพูดว่าไม่ใช่อาชีพที่ต้องออกลุยอย่างพี่กบรับรองปลอดภัย
 
ลูกใคร ใครก็รัก ช่วงที่ทุกคนกำลังกลุ้มหนัก พี่เฟย์ตัดสินใจส่งเสริมโฟมช่วยพูดกับพ่อแม่ตลอด เพิ่งจะยอมรับก็ตอนที่โฟมสอบตรงเข้าสาขาที่ต้องการได้นั้นแหละ ผมนับถือในความรักของโฟมจริงๆ คนที่มีความอดทนตั้งมั่นในรักได้ขนาดนั้นเกิดมาผมยังไม่เคยเจอ
 
ไม่ต้องหาตัวอย่างที่ไหนไกล ขนาดผมกับพี่เฟย์ห่างกันไม่กี่วันก็คิดถึงกันจะแย่ ให้เป็นแบบคู่พี่กบกับโฟมไม่ได้แน่นอน
 
ทางครอบครัวของผมกับพี่เฟย์ไปกันได้ด้วยดี ผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านได้เจอกันแล้วตามแผนการพาเที่ยวยกครัวของพี่เฟย์ สนิทกันกระทั่งฝากของให้กันไปมาโดยมีพี่เฟย์เป็นพนักงานขนส่งจำเป็น
 
ส่วนพ่อของผม... ทุกวันนี้ท่านก็ยังไม่ยอมรับ แต่ก็ยอมอ่อนลงมากแล้ว ไม่พูดบอกให้ผมเลิกเหมือนสมัยก่อน เปลี่ยนเป็นหลีกเลี่ยงไม่กล่าวถึงแทน ผมเชื่อว่าสักวันพ่อผมต้องยอมรับได้แน่ เพียงแค่ในเวลานี้เราต้องอดทนจับมือกันให้ดีๆ และฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายไปด้วยกันเป็นเครื่องพิสูจน์ความรัก
 
ผมนั่งครุ่นคิดเรื่องราวที่ผ่านมา พลางซึมซับภาพบรรยากาศคุ้นเคยที่ไม่ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ก็ยังคงเดิม บนคอนโดสูงภายในห้องอันแสนอบอุ่นปรากฏร่างชายคนหนึ่งกำลังง่วนกับการจัดโต๊ะอาหารอย่างสุดความสามารถ อาหารสุดหรูมักเคียงคู่กับแอลกอฮอล์แต่เพราะอีกคนดื่มไม่ได้ เลยเปลี่ยนเป็นน้ำผลไม้สีสวย
 
“หอมจัง พี่ทำซะขนาดนี้จะฉลองเนื่องในโอกาศอะไรเนี่ย”
 
“ไม่มีอะไรหรอก มานั่งเร็วก่อนอาหารเย็นหมด”
 
พี่ชายเรียกพร้อมเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างสุภาพบุรุษ เล่นมาก็เล่นไปยอมหย่อนก้นนั่งลงอย่างว่าง่าย อาหารฝีมือพี่เฟย์ยังอร่อยเหมือนเคย กินมาหลายปีก็ยังไม่เบื่อ ผมจัดการทุกอย่างจนเรียบแบบไม่กลัวว่าจะกินของหวานไม่ไหว ในเมื่อผมมีกระเพาะสำหรับของหวานโดยเฉพาะ หึหึ
 
“ปอนด์... เรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว?”
 
เชฟสุดหล่อออกปากถามพลางตัดเค้กผลไม้เป็นชิ้นอย่างสวยงามส่งให้ผม ผมรับมาเอ่ยปากขอบคุณพลางคิดคำนวณเวลาในใจ
 
“ประมาณเจ็ดปี”
 
“แล้วเราเป็นแฟนกันมากี่ปี จำได้มั้ย”
 
ผมเอียงคอมองพี่ชายอย่างสงสัย มือจับส้อมจิ้มเค้กหม่ำ
 
“จำได้สิ เราคบกันตอนผมอยู่ปีหนึ่ง ตอนนี้ปีสี่ก็... สี่ปีไม่ขาดไม่เกิน”
 
“พี่ยังจำวันที่เราเจอกันครั้งแรกได้เลยนะ” พอพูดถึงตรงนี้ พี่เฟย์เหม่อมองหน้าผมระลึกความหลัง
 
“เด็กน้อยน่ารักที่ชนพี่จนล้ม แถมพอยกถุงผ้าให้ก็ทำหน้าดีใจซะ... ปอนด์รู้มั้ย วันนั้นที่เรายิ้มให้พี่ทำเอาพี่เกือบเสียศูนย์” อยากจะสวนกลับไปบ้าง ว่าพี่เองก็ทำให้ผมใจเต้นรัวเหมือนกันนั้นแหละ แต่อยากฟังต่อเลยได้แต่ปิดปากเงียบกัดส้อม
 
“พอเราได้คุยกันมากขึ้น พี่ก็ยิ่งเอ็นดูเรา จนวันที่เราใจตรงกัน แต่ตอนนั้นเรายังเด็กเกินไป พี่ก็บอกกับตัวเองให้อดทนเฝ้ารอวันที่เราจะเป็นผู้ใหญ่ พอเราขึ้นมหาลัยก็ดันเนื้อหอมจนพี่อยู่ไม่ติด สุดท้ายเลยประกาศความเป็นเจ้าของมันซะเลย ฝากซันกับโป้ช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลเราด้วย”
 
“ฮ่าๆ เรื่องนี้ผมรู้อยู่ พอผมมีน้องรหัสพี่ก็เอาไปเป็นพวกเลย” คนหัวเราะใบหน้าร้อนผ่าวไม่เป็นอันกินแล้วเค้ก ในเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มและพูดเรื่องเก่าๆ ด้วยน้ำเสียงชวนเคลิ้มอย่างนี้
 
“ปอนด์... เราผ่านเรื่องดีๆ มาด้วยกันก็เยอะ เรื่องแย่ๆ ก็มีไม่น้อย จนถึงวันนี้ไม่มีวันไหนที่พี่ไม่มีความสุขเวลามีเราอยู่เคียงข้างเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต พี่ยังยืนยันนะว่าพี่รักเราและพร้อมจะดูแลเราไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่”
 
ผมมองสบดวงตาหวานซึ้ง ยอมให้มือหนากุมมือผมเอาไว้
 
“พี่อาจไม่ใช่ผู้ชายเพอร์เฟค ไม่ใช่ผู้ชายแสนดี ทำเรื่องผิดพลาดบ้างในบางครั้ง... ถึงอย่างนั้นปอนด์จะใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายธรรมดาๆ คนนี้ได้มั้ย?”
 
“พี่...” คนฟังเรียกเสียงเบาหวิว พอเดาได้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ร่างสูงขยับตัวลุกจากเก้าอี้มาคุกเข่าอยู่ข้างคนรัก มือหนาหยิบเอาแหวนวงน้อยสลักชื่อของทั้งคู่ออกมาจากกล่องอย่างบรรจง
 
“แต่งงานกับพี่นะครับคนดี...”
 
เพียงประโยคเดียวเหมือนดังซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำลามไปถึงหู ดวงตาทอดมองชายที่กำลังคุกเข่าขอแต่งงานให้ความรู้สึกหลากหลาย ทั้งตื่นเต้น ดีใจและทึ่งจัด ในเมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะถูกเตรียมการเอาไว้นานแล้วโดยเฉพาะแหวนวงนี้ ภายนอกดูธรรมดาแต่ความจริงกลับตรงกันข้าม
 
“นะครับ... ปอนด์”
 
เสียงนุ่มออดอ้อนให้ใจละลาย คนโดนโจมตีด้วยความรักยื่นมือสั่นๆ ให้อีกฝ่าย อีกข้างยกมือปิดบังใบหน้าที่เขินจนแทบระเบิด มือหนารีบฉวยมือนั้นอย่างยินดี พร้อมสวมแหวนให้นิ้วนางข้างซ้ายก่อนจะยกมือข้างนั้นจรดริมฝีปาก ทั้งที่ดวงตายังมองหวานฉ่ำ
 
พอจะดึงมือกลับ ร่างสูงกลับไม่ยอมซะงั้น
 
“ปล่อยมือผมสิพี่” รู้ตัวดีเลยว่าเสียงตอนนี้แผ่วระโหยมากแค่ไหน ใจจะขาดรอนๆ กับดาเมจที่โหมใส่รอบแล้วรอบเล่า
 
“ตอบพี่มาก่อนสิ เรียนจบแล้วแต่งงานกับพี่นะ”
 
คนหน้าบางดื้อดึง
 
“สวมแหวนแล้ว ยังต้องบอกอีกเหรอ”
 
“ต้องพูดสิ มันสำคัญนะ ไม่งั้นเหมือนพี่คิดไปเองฝ่ายเดียว” สีหน้าจริงจังจนคนฟังสะอึก ไหลลงเก้าอี้คุกเข่าอยู่บนพื้นซุกหน้ากับคนขี้แกล้ง
 
“ตกลง...”
 
“พูดอะไร พี่ไม่เห็นได้ยินเลย”
 
“อื้อ!... ผมจะแต่งงานกับพี่!! พอใจยัง ให้ถือโทรโข่งมาพูดเลยมะ” ลูกแมวสะบัดเสียงเหวี่ยงใส่แก้เขิน คนรับฟังการตอบรับอันแสนจะได้อารมณ์หัวเราะร่า โอบกอดร่างเล็กเข้าสู่อ้อมแขน
 
“พี่รักปอนด์นะ”
 
ดวงตาสองคู่มองสบกันนิ่ง สื่อความรู้สึกมากมายที่อัดแน่นภายในผ่านหน้าต่างของหัวใจ
 
“ครับ... ผมรักพี่เฟย์เหมือนกัน”
 
ตอบแทนคำบอกรักหวานๆ ด้วยจูบที่หวานยิ่งกว่า ริมฝีปากแนบจุมพิตแผ่วเบา
 
ไม่จำเป็นต้องมีรักที่หวือหวาหรือมอบแต่ของราคาแพง ขอเพียงแค่ความจริงใจก็มากพอแล้วสำหรับความรักของคนสองคน สำหรับผมพี่เฟย์คือที่สุด คือคนที่ผมเลือก ผู้ชายดีๆ จะหาแบบนี้ได้อีกที่ไหนล่ะจริงมั้ย
 
END

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้  :-[

และแล้วหนุ่มวายของเราก็จบลงอย่างสวยงาม

ไว้พบกันต่อใน 'เป็นเกย์กันมั้ย?' และ เรื่องราวของมิทเร็วๆ นี้นะครับ  :katai4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 24-04-2016 15:49:21
 :z13:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-04-2016 16:06:38
ขอแต่งงานแล้ววว :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
ของชำร่วยงานแต่งเอาเป็นหนังสือนิยาย หนุ่มวายยกกำลังสอง จะดีไม่ใช่น้อย :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-04-2016 16:32:13
 :katai2-1:จบแล้ว  ชอบมากมาย 
ลูกแมวน่ารัก พี่เฟย์แสนอบอุ่น :mew1: :mew1: :mew1:
อยากอ่านเรื่องของมิท เพื่อนลึกลับของซัน 
:L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 24-04-2016 22:52:59
T T แมวน้อยของเราเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว

ฮืออออ พี่เฟย์ต่อไปจะงาบน้อง คิดถึงร่างกายน้องบ้างน้าาาาาา :laugh:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 25-04-2016 03:11:10
 o13อิ่มใจ :katai2-1:คู่นี้อ่านแล้วยิ้มตามความน่ารักของทั้งคู่

จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปนะคะ  :call: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-04-2016 07:09:12
ฟินจริงๆ. ขอบคุณมากค่ะน่ารักๆๆ
น้องปอนด์จะเป็นเจ้าสาวแล้ว อยากเห็นจัง
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-04-2016 07:28:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 25-04-2016 15:44:14
 :pig4: :pig4: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 26-04-2016 14:02:23
อบอุ่น ละมุนที่สุด ขอแต่งงานกันแล้ว น่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 26-04-2016 21:14:16
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ และสนุกๆ นะคะ รู้สึกได้ถึงความรักที่พี่เฟย์กับน้องปอนด์มีให้กันเลย มีความสุขมากๆ  :pig4: :กอด1:

รอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 28-04-2016 13:30:18
 :z13:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 28-04-2016 14:57:32
น่ารักมาก อะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 28-04-2016 17:14:35
สนุกมากกกกกกกกกกกก ชอบอะ หวานดี ดราม่าพอประมาณ
น่ารัก คบหากันมานาน จนสุดท้ายก็....... ไม่บอกดีกว่า ให้อ่านกันเอาเอง

ชอบมากครับ
ขอติดตามเรื่องอื่นๆต่อไปครับ

ขอบคุณนักเขียนมากครับ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 29-04-2016 09:17:10
 :-[ :-[ :-[ :-[ หูยยยยยยยยย  หวานเวอร์  :L1:  อิจฉาาาาาาาาาาาาาาาาาาา  :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 01-05-2016 03:48:27
น่ารักมากๆเลยจร้า
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 01-05-2016 22:18:49
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 04-05-2016 08:07:08
ชอบมากๆเลยค่ะ สนุกมาก ขอบคุณนะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 04-05-2016 12:35:36
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ningg.Destiny ที่ 06-05-2016 01:42:30
จบได้ละมุนจ้า ถึงจะดูรวบรัดไปหน่อย
แต่โดยรวมชอบมาก น้องปอนด์น่ารักตั้งแต่แรกเจอเลย
พี่ชายก็หลุดมาจากนิยายชัดๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 07-05-2016 18:05:39
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 27-05-2016 10:50:22
 :hao7: เอาไป 3คำ น่ารักอ่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 28-05-2016 13:40:40
 :impress2: :impress2 :impress2: :impress2 :impress2: :impress2 :impress2: :impress2 :impress2: :impress2 :impress2: :impress2 :impress2: :impress2 :impress2: :impress2 :impress2: :impress2 :impress2: :impress2 :impress2: :impress2 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 29-05-2016 20:10:08
 :pig4: น่ารักมากค่า
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 01-06-2016 00:56:19
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 02-06-2016 10:13:43
 :pig4: คู่นี้น่ารักจริงๆ อ่านแล้วมีความสุข
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 13-06-2016 12:08:36
เรื่องมันเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ไปหน่อย แต่ก็สนุกดี

 :o10: :o10: :o10:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 26-06-2016 15:06:56
อ่านจบแล้วสนุกมากกกกกกกกกก



รักทุกคู่ ดูดีทุกคน



น้องปอนด์ พี่เฟย์ น่ารักสมคำร่ำลือ



อยากจะบอกว่ามาจากป๋า-มิท เดี๋ยวไปอ่าน



ซัน-โป้ เสียดายไม่ได้เข้ามาอ่านตั้งแต่แรก แต่ก็ดีใจที่ได้อ่าน



สนุกจริงๆ  กอดดดรัวๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 05-07-2016 00:27:31
พี่เฟย์นี่มันผู้ชายในฝันจริงๆ  โฮฮ :hao7:
อิจปอนด์หนักมากก
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 21-08-2016 21:22:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 23-08-2016 20:13:43
 :mew3:  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Aunttk ที่ 21-10-2016 13:50:18
เอ็นดูเด็กขี้ยั่วจังเลยย อยากฟัดอะงื้อออออออ  :sad4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 10-12-2016 22:24:54
นิยายสนุกมากๆเลย ไปตามอ่านเรื่องซันโป้ต่อละ 555
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 11-12-2016 22:26:02
คอสเพลย์ คอสเพลย์ คอสเพลย์ น้องแมวปอนปอนน่ารักมากกกก  :z1:

คาใจเรื่องปลอมลายเซ็น ถ้าบริษัทไม่ช่วยอะไรเลยแบบนี้ พี่เฟย์ยังจะยอมทำงานให้เขาต่อหรือคะ? เสียความรู้สึกน่าดู

แอบอยากรู้ ตกลงพี่เฟย์สายเปย์จ่ายค่าดูแลน้องแมวเดือนละเท่าไหร่? 555
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 28-12-2016 10:38:03
คอสเพลย์ คอสเพลย์ คอสเพลย์ น้องแมวปอนปอนน่ารักมากกกก  :z1:

คาใจเรื่องปลอมลายเซ็น ถ้าบริษัทไม่ช่วยอะไรเลยแบบนี้ พี่เฟย์ยังจะยอมทำงานให้เขาต่อหรือคะ? เสียความรู้สึกน่าดู

แอบอยากรู้ ตกลงพี่เฟย์สายเปย์จ่ายค่าดูแลน้องแมวเดือนละเท่าไหร่? 555

ปลาเงิน : เดี๋ยวเร็วๆนี้จะมีข่าวดี ในรูปเล่มเฟย์ปอนด์จะปรับเนื้อหาให้เหมาะสมขึ้นจ้า พร้อมเพิ่มเรื่องพิเศษของกบ-โฟมในเล่มด้วย ><

เฟย์ : พูดแล้วห้ามบอกลูกแมวนะ รวมเดือนหนึ่งหลักหมื่น…แต่พักหลังลดลงเพราะลูกแมวไม่ยอมให้ซื้อของในเน็ต ทั้งที่ออกจะน่ารักแท้ๆ //สายชอปตัวยง เล่นแต่งตัวลูกแมว
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 30-12-2016 16:26:59
อ้ายยยย่ารักก ไปอ้านซันโป้ต่อแปป :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 09-01-2017 14:46:54
 :o8: :-[ :o8: :-[ :o8: :-[
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่30 วันของเราEND [UP!24/4/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Azuryngel ที่ 12-01-2017 06:58:16
This story was so fun to read.  :ling1: There were light hearted moments and moments where I wish they would just talk to strangle P'Fey but all in all makes the story complete. Can't wait to read Min's story. They should be a spicy couple. Kukuku 5555+ :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [เปิดPreนิยาย]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 01-02-2017 22:29:43
พรีตั้งแต่วันที่ 1ก.พ.60 - 31มี.ค.60

(https://www.mx7.com/i/c36/O3PUCJ.jpg)

รายละเอียด
เรื่อง : หนุ่มวายยกกำลังสอง (เล่มเดียวจบ)
คู่ : เฟย์-ปอนด์
แนวเรื่อง : คอมเมดี้
ขนาด : A5
จำนวนหน้า : 300+ หน้า
กระดาษ : ถนอมสายตา 75 แกรม
ราคา : 380 บาท
แถมที่คั่นทุกเล่ม

จิ้มกรอกแบบฟอร์ม (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSdC4xrwNgR6UOjSK7owObfFJZM4EppvUCPOCKrvzYl-8BrgHA/viewform)
สอบถามรายละเอียดได้ที่เพจ Silver Fish (https://www.facebook.com/SilverFish4/)
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายที่29-30จบ [เปิดPreนิยาย p.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 12-02-2017 18:49:00
*ตัวอย่างบทที่1 ในเล่ม ฉบับรีไรท์ แก้คำผิด

วายที่1 พี่ชายในฝัน


   ที่แห่งนี้...คือสถานที่เปิดสงครามอันยิ่งใหญ่ มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันด้วยใบหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมสงคราม มือกำสายสะพายของกระเป๋าเป้สุดที่รัก รุ่นถึกทนเยี่ยงซัมซุงฮีโร่ที่อยู่คู่กับตัวผมมาตั้งแต่สมัยเรียนม.ต้น ยิงยาวจนถึงปัจจุบัน มันไม่เคยงอแงและต่อสู้ไปพร้อมกับผมเสมอมา

   ผมยกอาวุธอีกชิ้นขึ้นมาดู ใบหน้าฉายความจริงจังระดับขั้นปลดปล่อยบังไค มันเป็นวัตถุทรงสี่เหลี่ยม หน้าจอมีตัวเลขเหมือนรหัสอะไรสักอย่าง เช่น C12 Y6

   สู้ตายโว้ย!

   “น้องปอนด์ แม่รอตรงนี้นะ รีบๆ ซื้อแล้วรีบๆ ออกมาล่ะ”

   ผมหันไปมองผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกสำหรับผม หญิงร่างเล็กทำหน้าเอือมมองลูกชายที่กำลังจะไปออกรบ ผมมุ่งมั่น รับรองว่าจะไม่ทำให้แม่ผิดหวัง

   “แม่ แน่ใจนะว่าไม่เข้าไปด้วย” ขยับเข้าไปหา เลียบๆ เคียงๆ ถามด้วยรอยยิ้มสุดแสนจะใสซื่อน่าร้ากกก จนได้คำตอบเป็นมะเหงกหนึ่งโป๊กเข้ากลางหัว ร้าวไปทั้งสมองเลยท่านผู้ชม

   “คนเยอะ แม่ไม่อยากเข้าไปเบียด จะไปก็รีบไป”

   แถมส่งลูกชายผู้หล่อเหลา เฉดหัวด้วยฝ่ามือ ถ้าผมยังโอ้เอ้อีกฝ่าพระบาทอาจจะตามมาก็ได้ ผมจึงตัดสินใจไม่อ้อนหน่วยซัพพอร์ต สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วมุ่งหน้าเข้าสู่ประตูสวรรค์ ภาพแรกที่เห็นทำให้ผมอุทานออกมาทันที

   “คนเยอะโคตร!!”

   นี่แหละงานหนังสือ ชื่อเต็ม งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ จัดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แหล่งรวมหนังสือครั้งยิ่งใหญ่ที่มีทั้งเล่มเก่าเล่มใหม่ โปรโมชั่นลดราคา ของแถมสารพัด เดินทางมาง่ายๆ เพียงแค่นั่ง MRT รถไฟใต้ดินมาถึงหน้างานได้เลยหรือใครจะมาทางไหนก็สุดแล้วแต่จะสามารถ เหินฟ้า ดำดิน วาร์ป จัมพ์เปอร์ ก็ว่ากันไป

   ผมเบ้ปาก เดินเข้าไปด้านใน ผ่านโซนอาหาร ทะลุไปยังสถานที่เปิดสงครามอย่างแท้จริง คนเยอะอย่างกับมดเดินเบียดกันไปมา ที่มือของแต่ละคนมีถุงใส่หนังสืออยู่ บางคนสะพายเป้แบบผม บางคนล่อเป็นรถเข็นมาเลย มีทุกเพศทุกวัย เด็กผู้ใหญ่ หญิงชาย มนุษย์ป้า มนุษย์ลุง

   เห็นแล้วได้แต่ถอนหายใจ มองไล่ไปตามป้ายที่อยู่ประจำแต่ละบูธที่ถูกแบ่งเป็นโซนไว้อย่างเป็นระเบียบ ทุกบูธมีแต่หนังสือวางเรียงราย ลูกค้าที่ยืนออกันหน้าบูธ คนที่เดินผ่านไปหาบูธอื่น ผมไม่สนใจเท่าไรนัก สิ่งที่ผมสนใจคือสำนักพิมพ์ที่ผลิตวรรณกรรมเยาวชนกับแหล่งรวมความวายและหนังสือการ์ตูนเท่านั้น

   ผมเดินไปตามลิสต์รายชื่อที่จดไว้ ไล่ซื้อหนังสือที่ต้องการจนกระเป๋าเป้เริ่มตุง สองมือเต็มไปด้วยถุงใส่หนังสือ ฟาดฟันกับคนอื่น พยายามเสนอหน้าตัวเองซื้อหนังสือสุดชีวิต บางบูธเห็นหนังสือน่าสนใจ ผมต้องกระโดด เขย่งดูแสนลำบาก  ไม่ใช่ว่าผมเตี้ยนะ แต่คนยืนกันเยอะเกินไปต่างหากผมเลยไม่เห็น จริงจริ๊งงง

   ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงในการต่อสู้ครั้งนี้ บูธที่ผมยืนรอคนคิดเงินเป็นที่สุดท้าย หมดนี่จะได้ออกจากสงครามสักที แออัดเหลือเกิน ร้อนมากด้วย เหงื่อแตกพลั่กๆ แล้วเนี่ย

   “สีเหลืองหมายเลข 3 ค่ะ”

   “ผมครับๆ” ผมยกไม้ยกมือบอกพนักงาน พี่สาวหันมายิ้มให้ พอเห็นว่าผมเป็นผู้ชาย รอยยิ้มยิ่งกว้างขึ้นพร้อมส่งถุงหนังสือให้ถึงมือ ที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่อะไรหรอก ผมเป็นผู้ชายกำลังซื้อหนังสือวายครับ ถูกต้อง ผมคือหนุ่มวาย วะฮ่าๆๆ ไม่ติดว่าของหนักจะเท้าเอวเงยหน้าหัวเราะสักที

   “ไม่สนใจอีกภาคเหรอคะ เล่มที่น้องซื้อไปมันเป็นภาคต้นเองนะ เรื่องนี้ก็สนุก พี่อ่านมาแล้วเด็ดมาก แนวโชตะคอน เหมาะกับน้องมากเลย”

   ตุบ!

   ได้ยินเสียงหนังสือร่วง ผมมัวแต่เพ่งนิยายที่พี่พนักงานแนะนำเลยไม่ได้หันไปดู คำนวณเงินในกระเป๋าอยู่ว่าจะพอซื้อแบบครบเซตรึเปล่า

   “ขอโทษครับ”

   เสียงทุ้มนุ่มดังอยู่ไม่ไกล อยากจะหันไปมองอยู่ ยังไงก็หนุ่มวายด้วยกัน ติดแต่ผมสนใจนิยายวายโชตะที่พี่สาวยื่นมาให้มากกว่า กำลังอ่านเนื้อหาด้านหลังพอดี น่าสนใจพอสมควร ผมเลยหยิบเอาเล่มนี้กับไอภาคต่อส่งให้พี่พนักงานคิดเงินอีกรอบ หลังได้รับหนังสือ กำลังจะเดินไป ประจวบเหมาะกับผู้ชายที่อยู่ข้างๆ จ่ายเงินเสร็จพอดี ทีนี้เป็นไงละครับ

   ประสานงากันอะดิ! ต่างคนต่างหันมาชน แต่คนที่ปลิวน่ะมันผมคนเดียว อีกฝ่ายขนาดเซไปซักมิลยังไม่มี ใช่ซี้ ผมถือของหนักรากฐานเลยไม่มั่นคงต่างหาก พอผมเงยหน้ามอง มือที่ถือถุงสารพัด เอิ่ม... เยอะกว่าผมอีกสักสองเท่าได้ เฮอะ เพราะผมยังเด็กหรอก จิ๊ๆ รอผมโตก่อน จะตัวโตคนชนไม่ปลิวเหมือนกันนั้นแหละ

   “น้องครับ.. เป็นอะไรมากมั้ย? ขอโทษทีนะพี่ไม่ทันเห็น”

   เสียงเดียวกับคนที่ทำหนังสือตกหลังได้ยินคำว่าโชตะคอน คราวนี้ผมเงยหน้ามองชัดๆ

   อือหือ โอ้แม่เจ้า แม่! ผมอยากได้แบบเน้ อยากโตไปเป็นแบบนี้ อุทธรณ์หนักหน่วงและรุนแรง ชายตรงหน้าสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กางเกงสแล็คสีดำ รองเท้าหนังเงาวับเหมือนพนักงานบริษัทแอบหนีเที่ยวมาช้อปวาย ด้านหลังสะพายกระเป๋าเป้

   สิ่งดึงดูดจุดโฟกัสจากสายตาผมมากที่สุดคือใบหน้า หล่อมาก หล่อแบบมาดผู้ใหญ่ ดวงตาคม คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากได้รูป เสียงนุ่มๆ กับความเป็นห่วงที่แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

   ผมติดสตั๊นไปชั่วขณะ มองลำคอแกร่งกับไหล่กว้าง หุ่นใต้ผ้านั้นต้องดีมากแน่ๆ อยากได้ อยากได้ เค้าอยากหล่อหุ่นดีแบบนี้

   “เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”

   สายตาห่วงใยเพิ่มอีกสิบระดับ ชายหนุ่มร่างสูงวัยทำงาน ย่อตัวลงมาช่วยเก็บหนังสือของผมที่กระจายออกจากถุงเพราะล้มก้นจ้ำเบ้า สติเอ๋ยจงกลับมา ผมรีบช่วยเก็บทันที กลัวเหลือเกินว่าจะมีใครเดินมาเหยียบเหล่าหนังสือสุดที่รักที่ผมยังไม่ได้แม้แต่เปิดอ่าน เพราะมัวแต่สนใจคนตรงหน้า

   คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อเห็นว่าถุงที่ใส่หนังสือตอนแรกหูหิ้วมันขาดไปซะแล้ว สงสัยคงเป็นเพราะตอนชนตะกี้ มันไปเกี่ยวกับอะไรเข้า ผสมกับความหนักเลยทำให้ขาด

   เขาหยิบถุงผ้าสำรองจากถุงตัวเองมาเปลี่ยนใส่หนังสือให้ผม ก่อนจะช่วยดึงผมขึ้นเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้เจ็บอะไรนัก นอกจากความตกใจ

   “ผมซุ่มซ่ามไม่ดูทางเอง ขอโทษด้วยนะฮะ” ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายถาม เลยตอบกลับไป เงยหน้ายิ้มให้แบบ ผมไม่เจ็บจริงๆ เน้อ เห็นอีกฝ่ายชะงักไปชั่วครู่ พริบตาเดียวกลับเป็นปกติถามผมต่อ

   “หลงทางรึเปล่า ทำไมมาเดินคนเดียวล่ะ แล้วคุณแม่ไปไหน?”

   โอ๊ะ อีกฝ่ายเก่งแฮะที่รู้ว่าผมมากับแม่ ผมเลยตอบไปพลางมองถุงผ้าที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ เฮ้ยนี่มันถุงผ้าที่ต้องซื้อหนังสือครบพันถึงจะได้ แถมมีจำนวนจำกัด ให้กันง่ายๆ แบบนี้จะดีเรอะ

   “แม่ผมรออยู่ข้างนอกครับ พี่ชายให้ถุงผ้าผมจริงอะ”

   คือมันเอาไปขายต่อยังได้เลยนะ มีหลายคนที่อยากได้ถุงผ้านี้แต่มาซื้อไม่ทัน ถูกพวกมาตั้งแต่วันแรกๆ เหมาไปหมด ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

   “อืมมม พี่ให้เอาไปเถอะ ไม่งั้นเราจะถือหนังสือยังไงล่ะ?” พี่ชายสุดหล่อแถมใจดี พยักหน้ารับน้อยๆ ด้วยรอยยิ้มบางๆ แล้วถามผมต่อ เอาใจผมไปเลยพี่ หล่อมาก นี่แหละ ไอดอล!

   “แล้วนี่ซื้อเสร็จรึยัง หาทางออกเจอมั้ย?”

   “ซื้อเสร็จแล้วครับ ผมกำลังจะออกไปหาแม่พอดีเลย” ผมตอบไปตามจริง ของที่อยากได้สอยครบเรียบร้อย ส่วนเรื่องทางออก เหอะๆ เอาน่า เดินมั่วๆ เดี๋ยวคงเจอทางออกเองแหละ ใช้เวลาเท่าไรไม่รู้นะ ว่าแต่...หนังสือพวกนี้หนักชิบ

   “มา... เดี๋ยวพี่ไปส่งดีกว่า นัดเอาไว้ตรงไหน หน้าฮอลล์หรือตรงรถไฟใต้ดิน”

   “ผมนัดไว้แถวด้านหน้าก่อนถึงรถไฟใต้ดินฮะ” พี่ชายใจดีเหมือนเห็นผมแบกหนัก เลยช่วยถือจนหมดเหลือแค่เป้ที่ผมสะพายอยู่  ผมทึ่ง มันไม่ใช่จำนวนน้อยเลยนะ แถมไอ้ที่พี่เขามีอยู่แล้วก็เยอะ แบกไปได้แบบสบายๆ เหมือนถือถุงมันฝรั่งทอดกรอบที่ขายแต่ลมยี่ห้อหนึ่ง

   “โอเค” เขารับคำ ใช้มือข้างที่ว่างจูงมือผม ในช่วงนี้เองที่ได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆ ผมหันไปมองรอบตัวถึงกับชะงัก เหล่าสาววายและพนักงานประจำบูธหนังสือนิยายวายมองพวกเราตาเป็นประกาย สายตาทุกคู่จ้องไปยังมือหนาที่กุมมือผมอยู่เหมือนผู้ใหญ่ดูแลเด็กน้อย ผมอึ้งอ้าปากค้าง

   กลายเป็นหนุ่มวายสองคนสร้างความฟิน กระตุ้นต่อมจิ้นสาววายซะแล้ว ยิ่งส่วนสูงห่างกันร่วมยี่สิบเซนและอายุที่แตกต่าง พนักงานขายไซโคนิยายวายโชตะคอนให้เหล่าสาววายรัวๆ บอกคนจูงให้หยุดได้ไหมหนิ รู้สึกอยากเดินกลับไปทวงค่าพรีเซนเตอร์จากบูธนั้นยังไงชอบกล

   แต่ดูอีกคนไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นเลย จูงมือผมเดินลัดเลาะคนไปตามทาง แถมใช้รูปร่างตัวเองเป็นใบเบิกทางเบียดชาวบ้านให้ผมที่เดินตามต้อยๆ ไม่โดนเบียดอีกต่างหาก ผมมองแผ่นหลังกว้างที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยดีจัง ผมเป็นลูกคนเดียว ฝันอยากมีพี่ชายสักคนมานานแล้ว ล่อลวงให้มาเป็นพี่เลยดีไหมนะ อืมๆ เข้าท่า

   ใช้เวลาไม่นาน เราสองคนก็มาถึงประตูทางออก ตรงจุดนี้คนโล่งขึ้น พี่ชายใจดีเลยปล่อยมือผม

   “พี่ชายใจดีจัง ผมชื่อปอนด์ พี่ชายชื่ออะไรเหรอ” ปกติผมไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้านะ ออกจะเกร็งๆ อายๆ ด้วยซ้ำ แต่กับคนนี้ให้รู้สึกต่างไปจากคนอื่น ไม่อยากเจอแล้วก็จากไป อยากทำความรู้จัก ผมเลยแนะนำตัวถามชื่ออีกฝ่ายไว้ด้วยรอยยิ้ม

   “พี่ชื่อเฟย์ ปอนด์อายุเท่าไหร่เหรอ?” พี่ชายใจดี ไม่สิ พี่เฟย์ถามกลับเสียงนุ่ม

   “15 ครับ ผมขอเอ็มพี่ชายได้มั้ย” ผมงัดเอาลูกอ้อนที่ชอบใช้กับแม่มาเลยเอ้า หวังว่าพี่ชายใจดีจะไม่ใช้เท้ายันผมเหมือนแม่นะ

   “หาา!! เด็กม.ต้น? พี่นึกว่าเราอยู่ประถมซะอีก...”

   ผมชะงัก ยิ้มค้าง นึกอยากคว้าเป้ที่สะพายอยู่ฟาดใส่คนตรงหน้าจริงๆ ผมหล่อขนาดนี้ดูยังไงเป็นเด็กประถมฟะ! ระหว่างที่กำลังคิดเถียงอยู่ พี่เฟย์หยิบกระดาษจดใบเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เขียนเมล์มาให้ผม แถมหยิบอีกใบมาให้ผมเขียนด้วย ผมเลยต้องพับโครงการเอาคืนไปก่อน คิดซะว่าพี่ชายใจดีช่วยตั้งเยอะ เรื่องแค่นี้จะหยวนๆ ไปแล้วกัน พร้อมจดอีเมล์ตัวเองยื่นส่งให้
   พอแม่เห็นผมก็เดินเข้ามาหา ผมเลยต้องบอกลาพี่เฟย์

   “ผมไปก่อนนะครับ ขอบคุณพี่เฟย์มากเลย แล้วก็...ผมอยู่ม.4ต่างหาก”

   ผมรับหนังสือมาถือไว้เอง ก้มหัวให้เพราะไม่มีมือยกโบกลา แล้ววิ่งทั่กๆ ไปหาแม่ที่เดินล่วงหน้าไปตรงทางลงรถไฟใต้ดิน แอบหัวเราะกับอาการอึ้งของคนตัวโตที่ยืนนิ่ง

   พอผมกลับถึงบ้าน รีบกองๆหนังสือตัวเองไว้บนเตียง แล้วเปิดคอมหยิบกระดาษขึ้นมาแอดเอ็มไปหาทันที ตามประสาวัยรุ่นใจร้อนและหล่อมาก ระหว่างนั้นผมเปิดคอมทิ้งไว้ หยิบหนังสือมานอนกลิ้งอ่านเล่นบนเตียงรอ พอได้ยินเสียงแจ้งเตือนมีคนออนที ค่อยเงยหน้าขึ้นไปดูทีหนึ่ง กระทั่งมีคนทักมา เป็นเมล์ที่ผมเพิ่งแอดออนนั้นแหละ ถึงวางหนังสือในมือ พุ่งไปรัวแป้นพิมพ์

   เห็นงี้ผมพิมพ์ไวนะ ตามประสาพวกเล่นเกมออนไลน์ เวลาคุยต้องพิมพ์ไวๆ ไม่งั้นโดนมอนในเกมตบตายก่อน

   fay_ie : สวัสดีครับ... ใครเอ่ย?
   Ponda : ปอนด์เองฮะ นึกว่าพี่จะไม่รับแอดซะแล้ว
   fay_ie : อ่ออ ถึงบ้านแล้วสินะ อ่านหนังสือเพลินเลยสิ ซื้อไปตั้งเยอะนี่นา
   Ponda : 5555+ เพลินจนพี่ออนนี่แหละ


   พวกเราคุยกันยาว ลืมหนังสือไปชั่วคราว แถมคุยกันถูกคอสุดๆ เพราะเป็นหนุ่มวายเหมือนกัน ผมเองไม่มีเพื่อนคุยเรื่องแบบนี้ด้วยเลยชอบมาก

   หลังจากนั้นเปิดคอมออนเอ็มทีไรก็คุยกันตลอด พอผมกลับจากโรงเรียนหรือมีช่วงที่ครูปล่อยตอนเรียนคาบคอม จะต้องคุยกับพี่ชายคนนี้เสมอ พวกเราเริ่มสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งแลกเบอร์โทร ที่ไม่ค่อยได้ใช้ ส่วนใหญ่ยังคุยเอ็มกันเหมือนเดิม

   fay_ie : เรื่องนี้สนุกนะ พี่รับรองเลย
   Ponda : จริงเหรอพี่! อยากซื้อนะ แต่ค่าขนมหมดแล้ว กว่าจะได้ซื้อคงต้องเก็บเงินอีกสักระยะ T^T
   fay_ie : ฮ่าๆ เอาแบบนี้มั้ย มายืมของพี่ไปอ่านก่อน ถ้าถูกใจจริงค่อยซื้อเก็บ
   Ponda : ฮูเร่ ได้อ่านหนังสือฟรีแล้ว ว่าแต่จะให้ผมไปเอามาจากพี่ยังไงอะหรือพี่จะส่งไปรษณีย์
   fay_ie : ไม่ต้องวุ่นวายขนาดนั้นหรอก อยู่กรุงเทพเหมือนกัน ถึงจะไกลกันหน่อย เอางี้ พวกเราไปเจอกันที่ห้าง       คนละครึ่งทางดีมั้ย
   Ponda : ได้ฮะ วันไหนดี เสาร์มะ พรุ่งนี้เลย ผมใจร้อนอย่างอ่านไวๆ
   fay_ie : วันเสาร์ก็ได้ เจอกัน11โมง พี่ไม่คิดว่าเราจะตื่นไวหรอกวันหยุด ขนาดวันธรรมดายังสายเลย
   Ponda : โหยยย ดูถูก ดูถูกแล้วล่ะพี่ ผมไม่ตื่นเช้าหรอก ก๊ากกก ไว้เจอกันวันเสาร์ฮะ
   fay_ie : หึหึ ไว้เจอกัน ถึงแล้วโทรหาพี่ด้วย
   Ponda : คร้าบบบ


   ถึงเวลาออฟไลน์พอดี ต่างคนต่างล่ำลากันแยกย้ายไปนอน ผมเองถูกแม่ดุไปหลายรอบแล้วเหมือนกัน หลังจากเจอกันวันงานหนังสือ พรุ่งนี้จะเป็นครั้งที่สองที่ได้เจอกัน รู้สึกตื่นเต้นชะมัด


   ในมุมของเฟย์...

   บริษัทใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มร่างสูงกำลังง่วนกับการเก็บข้าวของบนโต๊ะทำงานตัวเอง หลังจากเคลียร์งานส่งให้พนักงานในแผนกเสร็จเรียบร้อยแล้ว วันนี้เป็นวันหยุดของเขา แต่ต้องมาทำงานครึ่งวัน เพราะต้องทำงานด่วนที่คั่งค้างจากเมื่อวาน

   คำนวณเอาไว้แล้วว่าช่วงบ่ายจะไปงานหนังสือสักหน่อย มีหนังสือหลายเล่มที่อยากได้ ซื้อเหมารวดที่เดียวงานหนังสือเลยก็ดี จะได้ไม่ต้องคอยตามเก็บจากร้านหนังสือต่างหาก แถมได้ส่วนลดกับพวกของแถมด้วย

   พอมาถึงงาน ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ วันหยุดคนเยอะอย่างที่คิด จะให้มาวันธรรมดาคงไม่ได้เพราะเขาต้องทำงานตั้งแต่เช้าจรดเย็น บางวันมีประชุมจนถึงค่ำอีก

   เขาเบียดตัวเองฝ่าฝูงชน อาศัยความที่ตัวเองเป็นคนตัวสูง(มาก) เป็นข้อได้เปรียบในการซื้อหนังสือที่ต้องการ ผ่านไปไม่กี่นาที หนังสือเริ่มเต็มมือ โชคดีที่เขาพกพวกถุงผ้ามาจากบ้านด้วย รวมกับของแถมที่ได้มาไม่ต้องห่วงเลยว่าถุงจะขาดก่อนถึงบ้าน

   เฟย์มีรถ แต่ไม่คิดจะขับ ยกเว้นจำเป็นจริงๆ ถึงจะใช้ ปกติจะอาศัยรถขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงานทุกวัน จะได้ไม่ต้องไปทนรถติดบนท้องถนน คิดแล้วก็ขำ ถึงเขาจะหลีกเลี่ยงยังไง ตอนนี้คงต้องทนกับการจราจรติดขัดของคนที่แห่กันมาซื้อหนังสืออยู่ดี

   ตลอดการเดินทั่วงานมีหลายคนมองเขา นั่นเป็นเพราะนอกจากพวกหนังสือต่างประเทศที่ต้องการ ยังมีพวกหนังสือความชอบส่วนตัวอีกต่างหาก ชายหนุ่มวัยทำงาน มาสภาพเหมือนเพิ่งออกจากบริษัท กำลังเลือกหยิบนิยายวายขึ้นมาดูอย่างเพลิดเพลิน

   ใช่แล้ว เขาเป็นหนุ่มวายเต็มตัว หนังสือวายที่ว่าหายากหลายเล่มเขามีหมด พวกเล่มเก่าๆ ของแรร์เขาก็มี พวกใหม่ๆ ดังๆที่ สนุกน่าสนใจก็ครบ และอีกเซตใหญ่ที่กำลังจะซื้อไปถมห้อง ระหว่างที่กำลังเลือกนิยายวายในบูธหนึ่งอยู่ มีเสียงเล็กๆ ขานรับพนักงานดังขึ้นด้านข้าง

   “ผมครับๆ” เขาหันไปมองไม่เห็นตัว ต้องก้มถึงจะเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กหน้าตาน่ารักคนหนึ่งยืนคุยกับพนักงานอยู่ คิ้วเข้มเลิกขึ้นแปลกใจ มุมปากยกยิ้มเอ็นดูหนุ่มวายตัวน้อย

   เฟย์เป็นพี่ชายคนโต มีน้องชายหนึ่งคน เลยทำให้เป็นคนช่างดูแล เอ็นดูพวกเด็กๆ มากเป็นพิเศษ ที่สำคัญนอกเหนือจากความชอบเรื่องวายแล้วเขายังชื่นชอบพวกของน่ารักอีกต่างหาก ไม่ใช่พวกสีชมพู ของกุ๊กกิ๊ก มีระบายอะไรแบบนั้น แต่เป็นพวกตุ๊กตาสัตว์ อะไรที่กลมๆ  หน้าตาบ๊องแบ๊ว ถ้ายิ่งเป็นแมวเขาจะยิ่งชอบมาก ก็เขาเป็นทาสแมวหนิ

   ดวงตาคมก้มมองนิยายวายที่อยู่ในมือ หน้าปกเป็นรูปผู้ชายวัยทำงาน กับเด็กน้อยน่ารัก แนวโชตะคอน.... แอบหลุดหัวเราะเบาๆ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น มีโชตะตัวจริงอยู่ข้างๆ ซะด้วย

   “ไม่สนใจอีกภาคเหรอคะ เล่มที่น้องซื้อไปมันเป็นภาคต้นเองนะ เรื่องนี้ก็สนุก พี่อ่านมาแล้วเด็ดมาก แนวโชตะคอน เหมาะกับน้องมากเลย”

   ตุบ!

   หนังสือในมือร่วงทันที เฟย์ยิ้มบาง เอ่ยขอโทษพนักงานกับลูกค้าคนอื่นที่หันมามอง นึกปลอบตัวเองให้ใจเย็น อย่าเพิ่งร้อนตัว

   “ขอโทษครับ”

   เขายื่นหนังสือที่ทำหลุดมือยื่นให้พนักงานคิดเงินรวมกับเล่มอื่น ยังไงก็สนใจอยู่แล้ว ซื้อไปสักหน่อยแล้วกัน พอได้ของ กำลังจะหมุนตัวเดินออกจากบูธไปดูที่อื่นต่อ รู้สึกเหมือนมีอะไรมาชน พอก้มลงไปมอง เวรละสิ... ทำไมไม่เห็นวะ? อ่อ เด็กคนนี้ตัวเล็กเกิน เลยมองไม่เห็น

   “น้องครับ.. เป็นอะไรมากมั้ย? ขอโทษทีนะพี่ไม่ทันเห็น เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”

   เฟย์รีบถามทันทีด้วยความเป็นห่วง เด็กตัวเล็กนิดเดียว เขาตัวใหญ่กว่าเยอะ โดนชนปลิวไปนั่งแปะกับพื้นอย่างนั้นน่าสงสาร เขาก้มลงไป รีบช่วยเก็บหนังสือขึ้นมาใส่ถุง ก่อนขมวดคิ้ว อ่า... บางใบก็ขาดซะด้วย เลยจัดการหยิบถุงผ้าที่พับใส่ในช่องข้างกระเป๋าออกมาใส่หนังสือซะเลย ก่อนจะส่งคืนให้

   “ไม่เจ็บครับ ผมซุ่มซ่ามไม่ดูทางเอง ขอโทษด้วยนะฮะ”

   เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ ใบหน้าน่ารักยังคงความอ่อนเยาว์ เขามองซ้ายมองขวา ไม่เห็นผู้ใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นผู้ปกครองได้ ทำไมปล่อยให้มาเดินคนเดียวนะ เดี๋ยวก็โดนใครอุ้มไปหรอก งานหนังสือยิ่งคนมากหน้าหลายตาอยู่ด้วย

   “หลงทางรึเปล่า ทำไมมาเดินคนเดียวล่ะ แล้วคุณแม่ไปไหน?” ผมถามด้วยความเป็นห่วง

   “แม่ผมรออยู่ข้างนอกครับ พี่ชายให้ถุงผ้าผมจริงอะ” เสียงใสตอบรับ

   “อืมมม พี่ให้ เอาไปเถอะ ไม่งั้นเราจะถือหนังสือยังไงล่ะ?” พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มบาง เจ้าตัวเล็กนี่น่ารักวุ้ย เหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ ยังไงชอบกล คิดพลางช่วยดึงให้ลุกขึ้นยืนดีๆ ปากเจ้าหนูนี่บอกเหมือนไม่อยากได้ แต่ตากลมโตนั้นไม่ได้ปิดบังความดีใจเอาไว้เล้ย เด็กหนอเด็ก

   “แล้วนี่ซื้อเสร็จรึยัง หาทางออกเจอมั้ย?”

   “ซื้อเสร็จแล้วครับ ผมกำลังจะออกไปหาแม่พอดีเลย” เขานิ่งคิดไปสักแป๊บ ไปส่งหน่อยดีกว่า ตัวเล็กแบบนี้ปล่อยเดินคนเดียวไม่รู้จะหลงไปทางไหนรึเปล่า

   “มา... เดี๋ยวพี่ไปส่งดีกว่า นัดเอาไว้ตรงไหน หน้าฮอลล์หรือตรงรถไฟใต้ดิน”

   “ผมนัดไว้แถวด้านหน้าก่อนถึงรถไฟใต้ดินฮะ”

   “โอเค”

   เฟย์ฉวยเอาถุงหนังสือที่อีกฝ่ายถือเอาไว้จนมือแดงน่าสงสารมาถือซะเอง แล้วจูงมือข้างที่ว่างเดินลัดเลาะคนไปตามทาง ใช้รูปร่างตัวเองกันคนจากเจ้าตัวเล็กที่เดินตามหลัง พอถึงหน้าประตู คนบางตาผมถึงปล่อยมือ

   “พี่ชายใจดีจัง ผมชื่อปอนด์ พี่ชายชื่ออะไรเหรอ”

   เสียงเล็กๆ ไม่ทำดาเมจเท่ารอยยิ้ม คนเดินนำเกือบทำหนังสือหลุดมือกับความน่ารัก อูยยยย เด็กนะเด็ก คุกนะมึงไอ้เฟย์ นี่มันเด็กประถม!! เขารีบเตือนสติตัวเอง...

   “พี่ชื่อเฟย์ ปอนด์อายุเท่าไหร่เหรอ?”

   “15 ครับ ผมขอเอ็มพี่ชายได้มั้ย”

   “หาา!! เด็กม.ต้น? พี่นึกว่าเราอยู่ประถมซะอีก”

   แทบสะดุดล้มหัวทิ่ม หันขวับไปมองเจ้าตัวเล็กที่ยิ้มตาใสมาให้แล้วก็ใจอ่อน แลกก็แลก... น่ารักขนาดนี้ยอมให้ก็ได้ ปกติผมไม่ยอมแจกเมล์ให้ใครง่ายๆ นอกจากเรื่องงานนะเนี่ย เขาหยิบกระดาษสำหรับจดเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเองออกมาเขียนเมล์ยื่นให้เด็กน้อยตรงหน้า พร้อมกับให้เจ้าหนูเขียนแลกมาด้วย

   “ผมไปก่อนนะครับ ขอบคุณพี่เฟย์มากเลย แล้วก็...ผมอยู่ม.4ต่างหากฮะ”

   ลับหลังเด็กน้อยที่เดินตามหลังแม่ไป ผมยืนอึ้งอยู่กับที่

   “เด็กม.ปลายเรอะ!? ทำไมหน้ามันเด็กจังวะ” พึมพำส่ายหัวน้อยๆ แล้วกลับบ้านบ้าง เพราะนั่ง MRT ต่อด้วย BTS ใช้เวลาไม่ถึงเท่าไหร่ เขาก็กลับมาถึงบ้านที่เป็นคอนโดห้องชุดติดรถไฟฟ้า

   มือวางข้าวของแล้วจัดเก็บเข้าตู้ ไว้ว่างๆ ค่อยมานั่งไล่อ่าน ก่อนไปล้างไม้ล้างมือให้เรียบร้อย มาเปิดคอมเปิด msn ขึ้นมาคุยกับเพื่อนๆ ที่กำลังออนไลน์อยู่ สายตาสะดุดเข้ากับชื่อไม่คุ้นที่แอดเข้ามา

   “ใครหว่า?? อาจจะเป็นน้องคนเมื่อกลางวันก็ได้ล่ะมั้ง” เขากดรับแล้วทักไป รอจนอีกฝ่ายตอบกลับมา เป็นเด็กที่เจอวันนี้จริงๆ ซะด้วย คุยเล่นสักพัก กลายเป็นว่าพวกเราเลยคุยกันยาวตั้งแต่วันนั้น

   ผ่านไปหลายเดือนก็ยังคุยกันอยู่ ผมเริ่มที่จะทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือการรอให้เด็กน้อยออนมาคุยกันในช่วงเวลาว่างจากงานของผม เราคุยกันสารพัดเรื่อง แลกเปลี่ยนความคิดกันบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะคุยเรื่องหนังสือวายกับนั่งอ่านเด็กน้อยบ่นซะมากกว่า เพลินดีไม่ใช่น้อย

   อย่างกับได้น้องชายเพิ่มอีกคน น่ารัก ขี้อ้อนอีกต่างหาก ไม่เหมือนน้องชายผม มันไม่ใส ไม่น่ารักแบบนี้ เจ้าเล่ห์เหมือนใครก็ไม่รู้

   จนกระทั่งพวกเราได้นัดเจอกันครั้งที่สอง ในตอนนั้นผมยังมองน้องเขาเป็นเพียงน้องชายคนหนึ่ง ส่วนเรื่องราวหลังจากนี้ คงต้องรอดูกันไป…
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายพิเศษ สงกรานต์สลับอายุ [UP 15/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 15-04-2017 03:55:54
สงกรานต์ #หนุ่มวายยกกำลังสอง #verสลับอายุหูหาง 6

   เป็นฉบับประยุกต์ที่โพสในเพจ 1-5 สามารถตามอ่านได้ที่เพจตามแท๊ก  ในนี้เฟย์ปอนด์จะสลับอายุกัน ทุกคนจะเป็นครึ่งสัตว์แบบมีหูหาง เมื่อไหร่ผ่านประสบการณ์แรกจะสามารถเก็บหรือเอาหูหางออกได้ตามใจชอบ(ประยุกต์มาจาก loveless)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

   สงกรานต์ สงกรานต์ สนุกสนาน ประเพณีไทย เหนือ จรดใต้ ได้พบกันในวันสงกรานต์ น้ำสาดกระเซ็น เป็นละอองเย็นต่อ รักเรื้อแตกกอ แย้ม ช่อ แย้มช่อเบ่งบาน~~

   เพลงสุดแสนจะบ่งบอก ไปที่ไหนก็เจอแต่เพลงสงกรานต์ ถือว่าเป็นประเพณียอดฮิตของเมืองไทยสำหรับคลายร้อนในช่วงนี้ บางคนก็บอกว่าเป็นวันปีใหม่ไทย วันครอบครัว วันผู้สูงอายุ วันปล่อยแก่ วันหลีสาว วันลวนลามสาวแบบไม่ต้องกลัวว่าจะโดนตบกลับ จะวันอะไรก็แล้วแต่ ผมไม่สนอยู่ดี

   สำหรับผม วันนี้มันคือนรกชัดๆ ! ไปทางไหนก็เจอน้ำ ช่างเป็นศัตรูตัวฉกาจของผมเลย ไม่ใช่ว่าเป็นครึ่งแมวแล้วกลัวน้ำอะไรแบบนั้นนะ ผมออกจะเป็นแมวรักษาสะอาด อาบน้ำทุกวันเช้าเย็นไม่มีขาด ยกเว้นงานด่วน งานเร่ง ไม่มีเวลาอาบถึงจะอาบแป้งแทนแสนเศร้าใจ

   จากทั้งหมดทั้งสิ้นที่เกริ่นไป เอาเป็นว่าหยุดสงกรานต์นี้ผมรีบชิงตัดหน้าคนอื่นกลับมากินอาหารฝีมือแม่ รดน้ำดำหัว พาแม่ไปทำบุญ แล้วก็แช่อยู่บ้านอย่างเต็มภาคภูมิ อายุปูนนี้แล้ว ไม่นึกคึกอยากออกไปเล่นน้ำหรอกครับ ไม่ใช่เพราะไม่มีเพื่อนเล่นนะจริงจริ๊งงงง

   “ปอนด์ สงกรานต์ไม่ออกไปเล่นน้ำเหรอลูก” คุณแม่แมวถามลูกชายที่กลับมาก็นอนอืดกระดิกหางกินขนมดูทีวีจนจะกลายเป็นแมวอ้วนลงพุง

   “ไม่ไปอะแม่ ไม่มีเพื่อน แต่ละคนกลับบ้านหาครอบครัว ไม่ก็เที่ยวกับแฟน” เสียงไม่ได้อ่อยนะ ไม่เหงาเลยสักนิด ฮึก...

   “แล้วเด็กที่เราเล่าให้ฟังล่ะ เห็นพักหลังมาติดเราไม่ใช่รึไง หายไปไหนแล้ว ไม่มาชวนเล่นน้ำเหรอ”

   ครับ เพราะผมมีอะไรเล่าให้แม่ฟังทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเครียดจากที่ทำงานนะ เล่าเฉพาะเรื่องดีๆ ชวนขำ หรือชวนหงุดหงิดแบบเบาๆ มากกว่า ไม่อยากให้แม่ผมกังวล ด้วยเหตุนี้แม่จึงรู้จักเฟย์ ทราบวีรกรรมโดยที่ยังไม่เห็นหน้า พร้อมเหมาว่าเป็นเพื่อนต่างวัยผมไปเรียบร้อย สำหรับพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ ไม่ว่าเมื่อไรก็เห็นเราเป็นเด็กเสมอ เรื่องนี้ไม่เกินจริงเลย

   “เฟย์คงไปเล่นกับเพื่อนตามประสา จะมายุ่งกับคนแก่อย่างผมทำไม”

   Nyan nyan nyan nyan~

   เสียงริงโทนเพลง Nyan Cat ที่ผมเปลี่ยนเล่นยังไม่เปลี่ยนกลับดังสนั่นบ้านจนแม่มองแรงใส่ เพราะมันร้องเนียนๆ แม่งทั้งเพลงสร้างความรำคาญให้แก่พระมารดา ผมเลยรีบกดรับโดยไม่ได้ดูว่าใครโทรมา

   “สวัสดีครับ” รับสายอย่างสุภาพ อาจจะเป็นลูกค้าหรือพี่ที่ทำงานก็ได้ เบอร์นี้ผมใช้ครอบจักรวาลเพราะความขี้เกียจสลับเบอร์ให้งงเล่น

   /พี่ปอนด์รึเปล่า ผมเฟย์เองนะ ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหน ไปเล่นน้ำกัน/

   น้ำเสียงระรื่นคุ้นหูที่ได้ยินติดต่อมาเกือบสองปี

   “ไม่” ตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด

   /โหพี่ ไม่ใช้เวลาคิดหน่อยเหรอ/

   “ยังไงก็ไม่ อยากเล่นก็ไปเล่นกับเพื่อนไป” ส่งเสียงชิ่วๆ ทิ้งท้าย แน่นอนว่าเจ้าหมาป่าที่รอคอยเวลานี้มานานมีหรือจะยอมถอยทัพง่ายๆ

   /ก็ผมอยากเล่นกับพี่นี่/ งัดไม้อ่อนทำเสียงอ้อน

   “ยังไงก็ไม่!” กัดฟันทำใจแข็ง ขณะที่กำลังเตรียมตั้งรับกับลูกอ้อนหมาน้อย อีกฝ่ายกลับล้มเลิกง่ายๆ

   /ไม่ไปก็ไม่ไป แต่ผมขอแวะไปหาพี่ได้มั้ย ตอนนี้ผมอยู่ร้านขายขนมเจ้าโปรดพี่ กินมะ/ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็เอาด้วยขนมนี่แหละ! แมวเห็นแก่กินแบบนี้ โดนหลอกล่อด้วยขนมกับหนังสือ มีหรือจะปฏิเสธน่ะ

   “กิน ฝากซื้อชีสเค้กบลูเบอรี่มาด้วย อยากกินอะไรก็ซื้อมาเดี๋ยวให้เงิน” ตอบรับไวกว่าตอนปฏิเสธเรื่องเล่นน้ำซะอีก แถมยังสั่งเพิ่มเผื่อแม่ตัวเองเสร็จสรรพ

   /งั้นผมขอที่อยู่พี่หน่อยครับ/ น้ำเสียงเรียบเรื่อย สบายๆ แต่ในใจหมาป่าหนุ่มกำลังเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น

   “ถือมาดีๆ อย่าให้โดนน้ำล่ะ เดี๋ยวให้ทิป พี่ส่งที่อยู่ไปทางไลน์นะ” บอกเจือเสียงหัวเราะ พร้อมส่งโลเคชั่นไปให้ ทางไลน์ เมื่อเฟย์เห็นที่อยู่บนมือถือ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนพราวระยับ ถ้าเอาหางออกมาตอนนี้คงส่ายไปมาอย่างบ้าคลั่ง ทำท่าแทงศอกร้องเสียงเยสอยู่ในร้านขนมคนเดียว ไม่สนใจคนรอบข้าง

   ในที่สุดก็ได้ที่อยู่พี่ปอนด์มาแล้วเว้ย!!

   จะช้าอยู่ใย รีบสั่งขนมเพิ่มจ่ายเงินแล้วแจ้นไปตามที่อยู่ให้ไว ถึงบ้านปอนด์จะอยู่นอกเมืองจนเกือบข้ามไปอีกจังหวัด แต่การเดินทางด้วยรถนับว่าสะดวกโยธิน เพียงไม่นานเฟย์ก็ถึงที่หมาย บ้านทาวน์เฮ้าส์สองชั้น ปลูกต้นไม้เต็มหน้าบ้าน ที่สำคัญ เท่าที่สังเกตแอบมีต้นแคตนิปแซมๆ อยู่ด้วย เฟย์พยักหน้าหงึกหงัก สมแล้วที่เป็นรังแมว

   เฟย์ยืนกดออดเพียงครั้งเดียวก็มีเสียงขานรับดังมาจากด้านใน สักพัก คนที่อยากเจอก็เปิดประตูออกมาในชุดแสนสบาย เสื้อยืดสีขาว กางเกงเจเจ กับหางที่เอาออกมากวัดแกว่งล่อหน้าล่อตา เฟย์มองอย่างอดกลั้น มันน่าพุ่งเข้าไปขย้ำจริงๆ นะ สัมผัสจากครั้งก่อนยังติดมือไม่คลาย เสียแต่อีกฝ่ายไม่ยอมให้จับอีก นอกเสียจากจะอาศัยที่เผลอ ซึ่งแมวเป็นสัตว์ที่ขี้ระแวง ไอ้ทีเผลอที่ว่าไม่ค่อยมีซะด้วยสิ

   “จ้องไปก็ไม่ให้จับ เข้ามาสิ” อีกฝ่ายเล่นจ้องเป๋งขนาดนี้ มีหรือจะดูไม่ออก ปอนด์ส่ายหัวเอือมระอา เปิดทางให้อีกฝ่ายเดินเข้าบ้าน ส่วนตัวเองเป็นฝ่ายปิดประตูพลางตะโกนบอกแม่ว่าแขกมา

   สาววัยกลางคนแต่ตัวเล็กน่ารักเดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม ใบหน้ามีเค้าของปอนด์อยู่หลายส่วน ทำให้เฟย์รู้ทันทีว่านี่แหละคือว่าที่แม่ยาย...

   “สวัสดีครับแม่ ผมชื่อเฟย์ รบกวนหน่อยนะครับ” ยกมือไหว้อย่างมารยาทงาม เนียนเรียกว่าแม่หน้าตาเฉย กะเรียกให้ชินในอนาคตจะได้สะดวกปาก ปอนด์ผู้คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมองการไกลถึงขนาดนี้ เลยไม่นึกเอะใจแค่รับขนมมาจัดใส่จานสนองปาก

   “หล่อเชียว อายุเท่าไหร่แล้ว” ว่าที่ลูกเขยคุยกับแม่ยายหน้าชื่นตาบาน ในขณะที่ตัวต้นเหตุเริ่มตักเค้กกิน

   “18 ปีครับ” เหล่มองแมวรุ่นใหญ่ที่แกว่งหางไปมาอย่างอารมณ์ดี

   “ปีหน้าก็เข้ามหา’ลัยแล้วสิ ถึงปอนด์จะดูพึ่งพาไม่ได้สักเท่าไหร่ แต่มีอะไรสงสัยก็ถามเจ้าตัวได้นะ เรียนจบมาแล้วนี่”

   ในที่สุดคนโดนพาดพิงก็ยอมเงยหน้าจากเค้กสักที ไม่ได้เห็นแก่กินนะ ส่วนของเฟย์กับแม่ก็จัดใส่จานเลื่อนส่งให้เรียบร้อย แต่ทั้งคู่มัวคุยไม่ยอมกินต่างหาก

   “คงไม่ต้องถามอะไรผมหรอก เฟย์เรียนเก่งอยู่แล้ว” แถมยังดูเป็นผู้ใหญ่กว่าตัวเองในบางครั้ง ปอนด์ต่อประโยคในใจเงียบๆ ทางแม่เมินลูกชายอย่างเต็มภาคภูมิ

   “แล้วนี่จะมาชวนพี่เขาไปเล่นน้ำสินะ”

   โดนเปิดเผยเจตนา เฟย์ก็ไม่คิดจะปิดอีกต่อไป “ใช่ครับ แต่พี่เขาปฏิเสธผมทันที” ทำหน้าเสียดายสุดแสน คุณแม่หัวเราะ

   “พาไปเลยแม่อนุญาต จะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง วันๆ ทำงานอยู่แต่กับหน้าคอมไม่ก็งมแต่หนังสือ” โดนเผาระยะประชิด เล่นเอาปอนด์สำลักเค้ก ลำบากเฟย์รีบเลื่อนแก้วน้ำส่งให้ ปอนด์ยกมือทุบอก สำลักจนหน้าแดง กระดกน้ำทีเดียวหมดแก้ว

   “แค่กๆ! แม่ก็พูดเกินไป บางทีผมก็ไปเดินเล่นที่ห้างบ้าง...”

   “ไปเพราะซื้อหนังสืออยู่ดีไม่ใช่รึไง” โดนพระมารดาดักคอ ใบหูบิดไปด้านหลัง ปลายหางแกว่งรัวอย่างกระวนกระวายเพราะโดนแทงใจดำเข้าอย่างจัง ถึงเฟย์จะชอบนั่งสังเกตอารมณ์ปอนด์เล่น แต่งานนี้คงต้องออกตัวช่วยสักหน่อย

   “ผมก็เป็นนะครับ ปกติไม่ค่อยทำอะไร มัวแต่อ่านหนังสือนี่แหละ”

   แม่ตบมือแปะ “พอดีเลย งั้นออกไปเที่ยวทั้งคู่ ระวังตัวด้วยนะ” โดนมัดมือชกบอกลาเสร็จสรรพ ผมอ้าปากค้าง เห็นแม่มองด้วยสายตาคาดหวัง สุดท้ายเลยต้องพยักหน้ารับแบบจำยอม แม่คงหวังดีอยากให้ผมไปผ่อนคลายความเครียดจากเรื่องงานที่ผ่านมา

   ก็นะ แม่ก็คือแม่ ต่อให้ลูกไม่พูด แม่ก็มองออกอยู่ดีว่าลูกเป็นเช่นไร พอกินเค้กเสร็จผมเลยลุกขึ้นขยี้หัวเฟย์อย่างหมั่นไส้ ใช่ว่าไม่รู้นะว่าเป็นแผนการเจ้าเด็กนี่ จะยอมให้หน่อยก็แล้วกัน

   “นั่งกินขนมไปนะ ขอไปเปลี่ยนชุดก่อน”

   เฟย์ยิ้มกว้างตาเป็นประกาย ส่วนผมปลีกตัวขึ้นมาข้างบนเลือกใส่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงสี่ส่วนสำหรับเล่นน้ำ หางคงต้องปล่อยไปเอาเก็บไม่ได้ จะให้ใส่กางเกงขายาวไปก็ใช่ที ส่วนหูผมใช้ผ้าโพกหัวมาปิดไว้ แม้จะกันน้ำไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้หูโดนน้ำสาดโดยตรง

   เตรียมพร้อมเสร็จก็ลงมาชั้นล่าง เห็นเฟย์นั่งรอก่อนแล้ว ยื่นถุงซิปกันน้ำให้ผมใบหนึ่ง เตรียมการมาดีจนน่าถีบ

   “แม่พี่ล่ะ” ผมถามหาพระมารดา

   “ออกไปข้างนอกแล้วครับ เห็นว่าจะไปคุยเล่นกับเพื่อนบ้าน แล้วยังฝากบอกอีกว่า ให้พี่ปอนด์ล็อคกุญแจได้เลย แม่หยิบกุญแจสำรองไปแล้ว” เฟย์ตอบฉะฉาน ผมพยักหน้ารับหงึกๆ กวาดสายตามองเฟย์ตั้งแต่หัวจรดเท้า เจ้าเด็กนี่ไม่รู้ทำยังไง หลบเลี่ยงน้ำมาถึงบ้านผมได้โดยไม่เปียกสักหยด แต่ชุดนี่จัดเต็มไปต่างกัน เสื้อผ้าสีเข้ม ถุงซิปกันน้ำสีทึบแขวนคอ ในนั้นคงจะมีมือถือกับเงิน

   “งั้นเราก็ไปกันเถอะ มีที่เล่นในใจแล้วใช่มั้ย ได้นัดกับเพื่อนรึเปล่า” ผมถามอย่างรู้ทัน

   “นัดไว้ ทีแรกคิดว่าถ้าพี่ไม่ไปก็จะไปคนเดียวเลยนัดไปเจอกันที่ทางเข้าถนนคนเดิน”

   “โอเค งั้นนำเลยน้องชาย” บอกว่าไม่เล่นๆ พอต้องเล่นก็อดรู้สึกตื่นเต้นนิดๆ ไม่ได้ ผมไม่ได้เล่นน้ำสงกรานต์มาหลายปีแล้ว ตั้งแต่เรียนจบมหา’ลัยนั่นแหละ

   เฟย์หัวเราะ รอจนผมเช็คความเรียบร้อย ล็อคประตูบ้านเสร็จพวกเราก็ออกเดินทางไปยังที่หมาย อาศัยนั่งรถโดยสารเอา ช่วงสงกรานต์คนส่วนใหญ่กลับบ้านต่างจังหวัด แถวนี้เลยโล่งมากเป็นพิเศษ ให้อารมณ์เหมือนเหมารถยังไงชอบกล

   เมื่อถึงที่หมาย สิ่งแรกที่สะดุดตาคือซุ้มทางเข้าถนนคนเดินที่มีตำรวจยืนตรวจคนผ่านเข้าออกเพื่อความปลอดภัย อย่างที่สองคือคนจำนวนมากแต่ไม่ถึงขั้นเบียดจนไร้ทางเดิน และอย่างสุดท้าย...กลุ่มวัยรุ่นชายสามสี่คนยืนเด่นอยู่หน้าทางเข้า ท่ามกลางสายตาของคนรอบข้าง ทำไมนะทำไม ผมมีลางเห่าหอนว่านั่นต้องเป็นกลุ่มเพื่อนเฟย์แน่นอน

   “เฟย์!! มึงมาช้าฉิบหาย พวกกูจะเข้าไปก่อนแล้วเนี่ย” เด็กหนุ่มหน้าตาดีแต่ให้ความรู้สึกกวนส้นร้องทักเฟย์ก่อนเป็นคนแรก ดึงสายตาคนอื่นให้มองตาม

   “ก็มาแล้วนี่ไง อย่าโวยวายไอ้อิงค์” เฟย์หันไปตอบกลับแล้วแนะนำตัวผม “นี่พี่ปอนด์ พี่ที่กูเคยเล่าให้ฟัง” พูดถึงตรงนี้ทุกคนพร้อมใจกันมองหูและหางผม ชัดเจนเลยว่าเฟย์ไปพล่ามอะไรไว้ ผมนึกปลงกับสายตาอยากรู้อยากเห็นที่เคยเจอจนชิน อีกเดี๋ยวจะถามทำนองว่า ‘พี่ยังมีหูหางจริงดิ’

   แต่ดูเหมือนว่าผมจะคิดผิด…

   “หวัดดีครับพี่ ตัวจริงน่ารัก...เอ๊ย! หล่อกว่าในรูปนะเนี่ย” อิงค์ทักทายร่าเริง ดูเป็นหนุ่มอารมณ์ดี แต่เดี๋ยวนะ รูปอะไร? ยังไง?? หันขวับไปทางเฟย์ทันที ทางนี้ไหวตัวทันพุ่งเข้าไปใส่เข่าเพื่อนจนตัวงอ แล้วหันมายิ้มหวานให้ผม

   “ไม่มีอะไรพี่ แค่รูปที่พวกเราถ่ายด้วยกันเฉยๆ ผมเอามาตั้งเป็นภาพหน้าจอมือถือ พวกมันเลยเห็น”

   อ่อ แบบนี้นี่เอง ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

   “ไม่ใช่ดิ เป็นรูปตอนนอนที่มี...อุ๊บ!” อิงค์ถูกเพื่อนคนหนึ่งล็อคคอปิดปาก โดยมีหนุ่มต่างชาติอีกคนมองอย่างสมน้ำหน้า จังหวะที่กำลังสนใจกับอาการแปลกๆ ของพวกเพื่อนเฟย์ ก็มีชายหนุ่มอีกคนโผล่เข้ามาคุยกับผม คนๆ นี้มีใบหน้าคล้ายเฟย์ แต่ดูซุกซนและดูออกไปทางน่ารักมากกว่าหล่อ

   “ผมชื่อโฟมเป็นพี่ชายของเฟย์ อายุน้อยกว่าพี่สามปี ว่าแต่ พี่นี่น่าเด็กชะมัด ถ้าเฟย์ไม่บอกว่าทำงานแล้ว ผมคงเข้าใจว่าพี่กำลังเรียนมหา’ลัยอยู่” คนชื่อโฟมเข้ามากอดคอ ผมมองตาปริบๆ มีคนอายุใกล้กันก็พาให้อุ่นใจ ไม่ดูเป็นเด็กโข่งในฝูงเด็กหนุ่มเกรดพรีเมี่ยม หน้าตาดียกแก๊งจนน่าหมั่นไส้

   “ฮ่าๆ ใครๆ ก็บอกแบบนั้น ทั้งที่คิดว่าพักหลังตัวเองทำงานหนักจนหน้าแก่ลงแล้วนะ” ว่าพลางลูบคางไปมา อย่าหวังว่าจะมีตอหนวดเลย แค่มีขนหน้าแข้งผมก็ดีใจจนน้ำตาจะไหลแล้ว เกิดเป็นผู้ชายขนน้อยน่าเศร้าไง อยากไว้หนวดแบบแมนๆ ก็ยังทำไม่ได้

   “ไม่นะครับ หน้าพี่ไม่โทรมเลยสักนิด อย่างมากแค่ตาคล้ำเหมือนคนนอนไม่ค่อยพอเท่านั้นเอง” หนุ่มน้อยน่ารักฉายแววสวยเข้ามาร่วมวงสนทนา

   “ชั้นเหนด่วยนะ” ตามมาด้วยเด็กต่างชาติอีกคนที่ผมเห็นตั้งแต่ทีแรก ภาษาไทยแม้จะยังออกเสียงไม่ชัดเจนแต่พอฟังออกว่าพูดอะไร ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าพวกเรายืนทำความรู้จักกันสี่คนซะงั้น คนที่เข้ามาทักว่าผมหน้าไม่แก่ชื่อฝน เป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนเฟย์ สนิทกับกลุ่มนี้เลยมาเล่นน้ำด้วย ส่วนเด็กต่างชาติชื่อบอริส เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากโรงเรียนนานาชาติใกล้โรงเรียนเฟย์ที่อิงค์ไปตีสนิทแล้วลากตัวมาเล่นน้ำแบบงงๆ

   ส่วนพวกเพื่อนเฟย์ได้โฟมช่วยชี้บอกให้ ฝนคือผู้ชายที่ล็อคคอปิดปากอิงค์เมื่อครู่ ส่วนอีกคนที่ยืนเงียบมาโดยตลอดแถมตัวยังใหญ่กว่าเพื่อนวัยเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด นั่นชื่อกบเป็นแฟนโฟม เรื่องนี้ทำเอาผมอึ้งไปเลย

   แต่อะไรก็ไม่น่าปวดใจเท่า เด็กพวกนี้ทุกคนไร้หูหางกันหมด บ่งบอกว่าอะไรคงรู้กันดี ยกเว้นน้ำคนเดียวที่ยังมีหูหางอยู่ รู้สึกว่าจะเป็นครึ่งเฟอเรท ก็เหมาะกับเจ้าตัวดี

   ทักทายกันพอหอมปากหอมคอ ในที่สุดก็ได้เวลาเคลื่อนพลเข้าสู่สนามรบด้านใน หลังเปิดกระเป๋าให้พี่ตำรวจตรวจเรื่องเครื่องดื่มมึนเมากับของมีคมเสร็จ ก้าวเท้ายังไม่ทันพ้นซุ้มประตูดีก็ถูกน้ำจากสารพัดที่สาดโครมให้เปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้า เย็นชุ่มฉ่ำยันกางเกงใน ซึ่งผมไม่เดือดร้อน ความจริงเปียกตั้งแต่เดินออกจากบ้านมาขึ้นรถเมล์แล้วล่ะ

   เฟย์เห็นสภาพเหมือนแมวตกน้ำของผมก็หัวเราะพลางยื่นอาวุธมาให้

   “เย็นชื่นใจมั้ยพี่”

   ยังมีหน้ามาถามอีก ทั้งที่ตัวเองก็มีสภาพไม่ต่างกันแท้ๆ โดยเฉพาะแป้งที่โบ๊ะเต็มหน้า เฮ้น้องชาย ได้ข่าวว่าเพิ่งปลีกตัวไปซื้อปืนฉีดน้ำเมื่อกี้ในระยะไม่เกินสิบก้าว ไหงกลับมาเหมือนหมาชุบแป้งพร้อมทอดได้ล่ะนี่

   “เย็นจนหนาว” ผมตอบแล้วรับกระเป๋าฉีดน้ำมาพิจารณา กระเป๋าฉีดน้ำแบบปรับสายได้สีสันสดใส ยังไม่เท่าไร เพราะเห็นผู้ใหญ่บางคนก็ใช้กัน แต่ทำไมมันต้องเป็นลายหน้าแมววะ พี่ไม่เข้าใจเลยน้องชว้าย...

   “เอ้านี่เงินทอนครับ” เฟย์ทำเป็นไม่เห็นสายตาสื่อความนัยของผม รูดซิป...อะไร คิดอะไร ซิปถุงกันน้ำไม่ใช่ซิปที่ทุกคนคิดกัน แล้วยัดเงินทอนใส่เข้าไป

   “ความจริงเอาไปใช้เลยก็ได้นะ” นานๆ ทีขอเปย์เด็กหน่อย แม้ว่าเด็กคนนี้จะชอบเอาเงินผมไปซื้อของมาให้ผมอีกทีก็ตาม

   “เก็บไว้ที่พี่แหละ มาเดี๋ยวผมช่วยใส่ให้ เติมน้ำมาซะเต็มคงจะหนักใส่ลำบาก สายไม่บาดนะพี่” ถามไถ่ดิบดี ถามจริงเราสลับอายุกันรึเปล่า ผมส่ายหัวบอกปฏิเสธ

   “เดี๋ยวใส่เอง น้ำหนักแค่นี้สบาย” จริงนะไม่ได้โม้ ถึงผมจะทำงานกราฟิกก็ใช่จะนั่งแช่เฉยๆ ซะเมื่อไร เดินขึ้นลงบันไดทุกวัน เวลามีของหนักก็ช่วยคนที่บริษัทยกในฐานะลูกผู้ชาย ขอยืดอกแป๊บ

   “ครับๆ ใส่เองก็ใส่เอง” เฟย์ยกมือสองข้างเป็นเชิงบอกว่าตามสบาย ผมจัดการใส่ปรับสายทดลองยิง ทุกอย่างเรียบร้อย พร้อมลุย!

   TBC.
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายพิเศษ สงกรานต์สลับอายุ1 [Up 15/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 15-04-2017 22:08:47
 o13
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายพิเศษ สงกรานต์สลับอายุ1 [Up 15/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-04-2017 22:11:44
พี่เฟย์ ปอนด์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายพิเศษ สงกรานต์สลับอายุ2 [Up 19/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 19-04-2017 00:33:10
สงกรานต์ #หนุ่มวายยกกำลังสอง #verสลับอายุหูหาง 6 (จบ)

   สวัสดี ผม ‘เฟย์’ หมาป่าสุดหล่อในดวงใจของทุกคน หลังจากนี้ผมจะรับหน้าที่บรรยายนะครับ เพราะพี่ปอนด์คงมัวแต่เล่นน้ำจนไม่สนอะไรแล้ว ทั้งที่ตอนแรกบ่นว่าไม่อยากมาแท้ๆ แต่เอาเถอะ จะยังไงก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่ผมได้เห็นแมวน้อยเปียกน้ำก็พอ

   “เฟย์ ทุกคนหายไปไหนกันหมดแล้ว” หนุ่มวัยทำงานที่หน้าละอ่อนจนชวนเข้าใจผิด หันมาเอียงคอถามผมอย่างสงสัย หลังจากเล่นไปสักพักแล้วไม่เห็นใครนอกจากเด็กหนุ่มที่ชวนมา

   ผมลอบถอนหายใจ แต่ยิ้มกว้างให้พี่ปอนด์ “คนอื่นเขาก็ไปเล่นของเขาสิครับ แยกกันไปเป็นคู่ๆ แล้ว อีกอย่าง คนเยอะแบบนี้มัวจับกลุ่มกันก็ไม่สนุกสิ” ตอบแบบมีหลักการ พี่ปอนด์พยักหน้ารับลากเสียงในลำคออย่างเข้าใจ

   “งั้นเราไปเล่นต่อเถอะ ไว้ตอนจะกลับค่อยโทรเรียกรวมตัวก็ได้” เจ้าตัวยิ้ม ลากผมไปเฮโลฉีดน้ำกับคนอื่นต่อ

   ผมเลือกที่จะเดินตามมากกว่านำหรืออยู่ข้างๆ เพื่อระวังความปลอดภัยให้ผู้ใหญ่ที่กำลังปล่อยตัวไปกับความสนุกสนาน ถึงอย่างนั้นก็ไม่พ้นโดนรุมปะแป้งฉีดน้ำใส่อยู่ดี ไอ้ผมโดนมันเรื่องปกติ มีผู้หญิงหลายคนจงใจเดินเบียดเฉียดใกล้ ขอปะแป้ง แต่ผมไม่สน ตอบไปตามมารยาทเท่านั้น เพราะความสนใจทั้งหมดมันรวมอยู่ที่พี่ปอนด์เป็นจุดเดียว

   เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์ในแบบของเขา ใบหน้ายิ้มแย้มร่าเริง ความเป็นสุภาพบุรุษกับสาวที่เดินผ่านไปมา น้ำเสียงนุ่มๆ ไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป ฟังแล้วชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ที่สำคัญ ใบหน้าอ่อนเยาว์กับหางเปียกชุ่มที่ส่ายไปมาน้อยๆ ทำให้ทุกคนจ้องตาวาว

   อย่างที่รู้กัน ชายหญิงที่ยังไม่ผ่านประสบการณ์แรกจะไม่สามารถเก็บหูหางได้ตามใจชอบ ความหมายคือซิงนั่นแหละ ดังนั้นคนที่จ้องส่วนใหญ่มักเป็นพวกหูหางหายไปเหมือนอย่างผม ใช่ว่าจะไม่มีคนเนียนเป็นสายซิง แต่มันก็หลอกได้เฉพาะพวกไร้ประสบการณ์เท่านั้น ลองเป็นอย่างผมสิ แค่มองแวบเดียวก็รู้ว่าของจริงหรือของปลอม

   ด้วยเหตุนี้ผมจึงต้องยืนคอยระวังหลังให้พี่ปอนด์ การอยู่ตำแหน่งนี้นอกจากจะกันคนเข้ามาด้านหลังซึ่งเป็นจุดอับแล้วยังสามารถสังเกตการณ์รอบตัวพี่ปอนด์ได้อย่างสบาย รวมถึงการทำแบบนี้...

   แขนแกร่งยื่นไปโอบประคองร่างโปร่งที่ถูกชนจนเซ มือหนาวางแนบตรงท้องน้อย เนียนลูบขึ้นสัมผัสหน้าท้องไร้ไขมันส่วนเกิน ขยับกายเข้าหาอย่างมีเทคนิคให้แมวหนุ่มเอนพิงมาทั้งตัว ยิ่งเสือกผ้าเปียกชุ่มแนบสรีระ คงไม่ต้องพูดถึงสัมผัสที่ได้รับ

   “เป็นอะไรรึเปล่าพี่ปอนด์” ถามชิดใบหู แน่นอนว่าต้องหูแมวที่ถูกผ้าปิดอย่างน่าเสียดาย

   “ไม่เป็นไรๆ ขอบใจมาก” คนซุ่มซ่ามผละออกแบบรู้สึกสยิวแปลกๆ

   “ระวังหน่อยนะพี่ คนมันเยอะ” ยิ้มขัดตาทัพ จนแมวละความสนใจ

   “คนเยอะจริงๆ นั่นแหละ เฟย์มายืนใกล้ๆ กันนี่ ไม่งั้นผลัดหลงกันไปจะแย่เอา” พี่ปอนด์แสดงความเป็นพี่ ดึงให้คนอายุน้อยกว่ามายืนข้างตัวราวกับกลัวเด็กหลง หรือระแวงหลังก็ไม่ทราบ แน่นอนว่าผมต้องตามใจพี่ปอนด์ ถือกระบอกฉีดน้ำยิงผู้ชายทุกคนที่คิดเข้าใกล้ด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ พร้อมส่งสายตาเยือกเย็นกลับไป แสดงให้เห็นว่านี่แมวของข้าใครห้ามแตะ

   จังหวะที่กำลังเขม่นผู้ชายเสื้อดำสายพันธุ์หมาบ้านที่คิดเต๊าะแมวชาวบ้าน จู่ๆ ใบหน้าก็สัมผัสถึงแป้งเหนอะหนะ ไม่ใช่แปะแก้มแบบพอเป็นพิธี แต่นี่ปาดทั้งหน้า หมาป่าหน้าขาวถึงกับขมวดคิ้วยุ่ง พอเห็นว่าใครทำ ปมตรงหว่างคิ้วก็คลายลงกลายเป็นรอยยิ้มกับแววตากรุ่มกริ่ม

   “ปะแป้งกันเร่าร้อนขนาดนี้ เชิญชวนเหรอครับ”

   ศอกเน้นๆ ตอบแทนวาจาทะเล้นน่าเตะ ผมแอบจุก ถึงงั้นก็ยังออเซาะเข้าหาคนข้างกาย

   “น้อยๆ หน่อย ทำหน้าโหดแบบนั้นคนหนีหมดแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก โตจนป่านนี้พี่ดูแลตัวเองได้”

   ผมหรี่ตามอง ก็คงจะดูแลตัวเองได้จริงนั่นแหละ ไม่งั้นคงไม่มีหูหางโชว์หราจนถึงตอนนี้ ส่วนเรื่องที่ทำให้ผมยิ้มกว้างคือ พี่ปอนด์ไม่ใช่คนไร้เดียงสาซะทีเดียว บางครั้งเจ้าตัวรู้มากกว่าที่ผมรู้ซะอีก แต่ทำเป็นไม่สนใจ นั่นเท่ากับว่าการที่อีกฝ่ายไม่ปฏิเสธคำแซว กับการใกล้ชิดของผม แสดงว่าแมวหนุ่มคนนี้มีใจให้ผมเช่นกัน จะจริงหรือไม่นั้น ไว้ผมไปพิสูจน์อีกที

   “พี่...” ผมเรียกพี่ปอนด์ ระหว่างอีกฝ่ายเปิดกระเป๋าแมวเทน้ำให้ผมล้างหน้า

   “มีอะไร” พี่ปอนด์เลิกคิ้วถาม

   “ผมไม่อยากเล่นน้ำแล้วอะ”

   “หยั่มมา เอ้า! ล้างเสร็จแล้วก็ไปเล่นต่อ มาทั้งทีต้องเล่นให้คุ้ม” ผมโดนพี่ปอนด์มองแรงใส่แล้วบ่ายเบี่ยงไปเล่นน้ำหน้าตาเฉย อันนี้จริงๆ จากใจเลยนะ ผมไม่อยากเล่นน้ำแล้ว อยากพาแมวไป...

   “เฟย์เก็บแววตาหน่อย ระยิบระยับจนน่าหมั่นไส้” พี่ปอนด์มียกปืนขู่ ผมยกมือสองข้างยอมแพ้แล้วหันมาสนใจสนุกกับบรรยากาศสงกรานต์แทน แบบไม่ยอมห่างจากพี่ปอนด์ในระยะสองก้าว

   พอเล่นน้ำจนหมดก็ไปขอเติมเอากับพวกซุ้มข้างๆ บางซุ้มให้ฟรี บางซุ้มก็ต้องเสียตัง ถือว่าเข้าใจได้ เพราะค่าน้ำก็ต้องจ่าย ไม่ได้สูบมาจากคลอง แต่ส่วนใหญ่ต้องจ่ายด้วยร่างกาย อย่าเพิ่งมองผมแบบนั้นสิ ไม่ใช่แบบที่คิด แค่เสียสละโดนแต๊ะอั๋งเล็กๆ น้อยๆ อย่างทาแป้งธรรมดา หากเป็นนอกเหนือจากนี้ผมไม่ยอมหรอก พี่ปอนด์ก็เช่นกัน ยอมให้ปะแป้งอย่างเดียว

   ระหว่างเดินบนถนนก็มีบ้างที่เจอพวกเพื่อน อย่างฝนที่คอยดูแลน้ำอย่างกับเป็นพ่อไม่ใช่รุ่นพี่ อิงค์กับบอริสที่ทะเลาะกันเบาๆ พอกระชากมิตร ส่วนโฟมกับกบที่น่าสงสาร โดนพี่ชายเพื่อนฉวยโอกาสลวนลามบ่อยๆ ไอ้กบเองก็ใช่จะนิสัยแสนดีอย่างที่มันแสดงออก ลึกๆ มันก็มีความร้ายเหมือนกัน ไม่งั้นคงคบกับพวกผมไม่ได้ ผลคือ โฟมโดนลากเข้าซอกหลบมุมทำอะไรไม่ทราบ เอาเป็นว่าผมจะทำเป็นมองไม่เห็นแล้วกัน

   เสียงเพลงมันๆ สายน้ำเย็นฉ่ำ ผู้คนมากมาย บรรยากาศคึกคัก แต่ไม่อาจกลบความวุ่นวายเล็กๆ ได้ ทางที่พวกเราผ่านมาเหมือนจะเกิดเหตุอะไรบางอย่างขึ้น ผมกับพี่ปอนด์เลยหยุดเดินหันไปมองอย่างสนใจ ไม่ใช่อะไรนะ เผื่อมีอะไรช่วยได้จะได้ช่วย หรือถ้ามีคนตีกันผมจะได้พาพี่ปอนด์หนีไวๆ

   ผมเห็นมีเจ้าหน้าที่วิ่งไปทางนั้นแล้ว ไม่มีอะไรให้สนใจอีก จึงชวนพี่ปอนด์ไปอีกทาง “เจ้าหน้าที่มาแล้ว คงไม่เป็นอะไรมาก พวกเราไปกันเถอะพี่ปอนด์” มือดึงแขนอีกฝ่ายเบาๆ นอกจากพี่ปอนด์จะไม่ขยับตามแล้วยังยืนนิ่งอยู่กับที่

   “พี่ เป็นอะไรรึเปล่า” ถามอย่างเป็นห่วง ตอนที่ผมขยับเข้าไปใกล้เพื่อดูอาการ กลิ่นอะไรบางอย่างที่คุ้นเคยโชยมาจากตัวอีกฝ่าย พี่ปอนด์ใช้สองมือจับแขนผมแน่น ชักจะแปลกๆ ซะแล้วสิ

   “เฟย์...แคทนิป...” เสียงขาดห้วงแถมยังเบาซะจนผมต้องเข้าไปฟังใกล้ๆ สิ่งที่ได้ยินทำให้สมองผมกระจ่างวาบ มองพี่ปอนด์ที่ค่อยๆ กลับร่างอย่างตื่นตะลึง

   เวรเอ๊ย! มีคนเอาแคทนิปละลายน้ำมาเล่นสงกรานต์ คงเป็นทางที่พวกเราผ่านมา จุดที่เจ้าหน้าที่วิ่งไปก็น่าจะเป็นเหตุการณ์ทำนองเดียวกัน ผมอุ้มประคองพี่ปอนด์ที่กลายเป็นแมวดำเต็มตัวขนเปียกลู่ แล้วคว้าเอาชุดข้าวของมาถือไว้ด้วยมืออีกข้างก่อนเร่งฝีเท้าออกจากจุดนั้นให้ไว สภาพแบบนี้เล่นน้ำต่อไปไม่ได้แล้ว ผมต้องพาพี่ปอนด์กลับ

   “เฮ้ยเฟย์ จะกลับแล้วเหรอวะ” เสียงอิงค์ตะโกนไล่หลัง ผมเลยชะงักฝีเท้ารอ จำได้ว่าคนที่อิงค์พามาก็เป็นแมวนี่หว่า คงต้องเตือนสักหน่อย

   “มีคนเอาแคทนิปมาผสมน้ำเล่น พี่ปอนด์กูเลยกลายเป็นสภาพนี้ไปแล้ว กูคงต้องกลับก่อน มึงเองก็ระวังหน่อย บอริสเป็นแมวเหมือนกันนี่” ผมบุ้ยปากไปทางบอริสที่กำลังเดินมาทางนี้ อิงค์ตาโตมองผมสลับแมวดำในอ้อมแขน ความจริงแค่น้ำผสมแคทนิปมันไม่มีปัญหาอะไรหรอก พวกแมวแกร่งๆ หน่อยอาจจะแค่ทำให้คึกขึ้น แต่บางรายก็แพ้ กรณีของพี่ปอนด์น่าจะเซนซิทีฟเลยทำให้กลับร่างเดิม

   “ใครแม่งเล่นพิเรนทร์วะ” อิงค์บ่นอุบสีหน้าไม่ชอบใจ พอเห็นบอริสไม่มีท่าทีอะไรก็โล่งอก

   “เอาเป็นว่ากูไปก่อนแล้วกัน ฝากบอกไอ้กบด้วย อย่าลืมพาพี่ชายกูไปส่งบ้าน” ผมสั่งกำชับ ไอ้อิงค์หัวเราะ เป็นเรื่องที่รู้กันดีว่า คู่โฟมกับกบเป็นยังไง

   หลังคุยกับเพื่อนเสร็จผมก็ปลีกตัวออกมา อาศัยความสามารถทางสายเลือด เร่งฝีเท้าให้ไว หลบชาวบ้านอย่างคล่องแคล่วจนมาโผล่อยู่หน้าทางเข้าถนนคนเดินแล้วโบกรถมอไซค์กลับ เพราะที่นี่ไม่ห่างจากบ้านผมเท่าไรนัก ผมหยิบเงินในกระเป๋ากันน้ำจ่ายแบบทุลักทะเล พอเข้าบ้านแม่เห็นสภาพถึงกับอึ้ง

   ตอนออกไปแต่งซะหล่อ กลับมานอกจากจะตัวเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำแล้วยังถือของแบบบ้าหอบฟางกลับมาอีก แขนข้างหนึ่งอุ้มแมว อีกข้างถือเสื้อผ้าพี่ปอนด์กับปืนฉีดน้ำสองกระบอก ยังดีหน่อยของพี่ปอนด์สะพายได้

   “ตาเถร! ลูกไปลักพาตัวใครมา!!” แม่อุทานทันทีที่เห็นผม ขนาดพ่อยังเดินมาดูจากหลังบ้าน
   
   “เฟย์ พ่อรู้ว่าลูกชอบแมวและบ้านเราก็เลี้ยงไว้ตั้งสองตัว แต่ลูกก็ไม่ควรไปลักพาตัวใครมาเลี้ยงนะ” น้ำเสียงนิ่งขรึม วาจาชวนขำ ผมหัวเราะส่ายหัวกับพ่อแม่อารมณ์ดี

   “นี่พี่ปอนด์ที่ผมเล่าให้ฟังไง พอดีเกิดเหตุนิดหน่อยตอนเล่นน้ำเลยเป็นแบบนี้”

   พี่ปอนด์ที่แค่มึนแคทนิป ส่งเสียงเหมี้ยวชวนละลาย ผมเกือบจะเก็บอาการไม่อยู่ก้มลงไปฟัดแมว จำต้องท่องขันติในใจ

   “อ่อ แล้วโฟมล่ะ ไม่ได้กลับมาด้วยกันเหรอ” แม่มองหาพี่ชายคนโต ผมยักไหล่ถอดรองเท้าเดินเข้าบ้าน

   “ยังเล่นน้ำอยู่ เดี๋ยวก็คงกลับมาพร้อมกบนั่นแหละ ผมขอพาพี่เขาขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวลงมาถูพื้นให้นะครับแม่”

   “ไปเถอะ แม่จัดการเอง” คุณแม่โบกมือไล่ ผมเลยอุ้มพี่ปอนด์ขึ้นชั้นสอง ระหว่างทาง เจ้าเหมียวสองตัวที่ผมเลี้ยงไว้มาเดินวนเวียนอยู่รอบตัว คงสนใจแขกแปลกหน้าที่เป็นสายพันธุ์เดียวกัน พี่ปอนด์ส่งเสียงทักกลับไป ไม่รู้เขาคุยอะไร ถ้าผมเป็นครึ่งแมวก็ดีสิ

   พอถึงห้อง คว้าผ้าขนหนูมาสองผืนแล้วตรงดิ่งเข้าห้องน้ำทันที จู่ๆ พี่ปอนด์ก็ดิ้นจะลงให้ได้ แต่ผมฝืนไว้จนกระทั่งปิดประตูล็อคค่อยปล่อยลงบนพื้นห้องน้ำ เห็นเจ้าตัวเดินระส่ำระส่ายไปมา เกาประตูแกร่กๆ เหมือนจะออก

   “อาบน้ำก่อนพี่ค่อยออก” ว่าพลางถอดเสื้อผ้าทิ้ง กองรวมกับชุดพี่ปอนด์ ไว้ค่อยซักทีเดียว จังหวะที่หันกลับมาถึงกับหลุดขำพรืด เห็นแมวดำยกอุ้งเท้าสองข้างปิดตา แสดงว่าสร่างเมาแคทนิปแล้วสินะ แต่ที่ยังไม่ยอมกลับร่างเดิมก็เพราะ...มองไปทางเสื้อผ้าที่กองไว้อีกด้าน

   ผมกระตุกยิ้มมุมปาก ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อุ้มพี่ปอนด์มาจับอาบน้ำ ส่วนตัวเองนั่งบนเก้าอี้เล็ก ไม่นำพาเรื่องร่างกายเปลือยเปล่าเลยสักนิด ผมไม่เสียหายนี่ ดีซะอีก เผื่อพี่ปอนด์จะติดใจยอมเป็นของผมสักที อะแฮ่ม เผลอฝันหวานไปหน่อยแฮะ ขนาดตอนนี้พี่ปอนด์ยังหลับตาปี๋ไม่ยอมลืมตาขึ้นมา

   “หลับตาเพราะกลัวแชมพูเข้าตาสินะ ไม่ต้องห่วงพี่ ฝีมือระดับผม เชี่ยวชาญการอาบน้ำแมวแล้ว” ว่าพลางอาบนวด ละเลงแชมพูจนกลายเป็นแมวฟองฟอด ท่องในใจว่ากำลังอาบน้ำแมว ไม่ใช่พี่ปอนด์ที่ผมแอบชอบ ไม่งั้นเกิดอะไรๆ มันตื่นขึ้นมาจะซวยเอา

   ผมกลัวพี่ปอนด์จะหนาว เลยรีบอาบน้ำให้เสร็จ ล้างแชมพูจนสะอาดแล้วเช็ดตัวห่อด้วยผ้าขนหนูค่อยมาจัดการในส่วนของตัวเอง เชื่อมั้ย จนป่านนี้พี่ปอนด์ก็ยังไม่ยอมเปิดตา ขนาดผมอาบน้ำด้วยความไวแสง นุ่งผ้าขนหนูอุ้มอีกฝ่ายเข้าห้องนอนแล้วนะ

   แน่นอนว่าผมต้องดูแลพี่ปอนด์ก่อน นั่งตรงขอบเตียง หยิบเอาไดร์เป่าผมมาเป่าขนแมวให้แห้ง จนกลายเป็นแมวขนฟูฟ่องหอมกรุ่นแล้วยังนุ๊มนุ่มให้ทาสแมวเผลอตัวเผลอใจเอาจมูกโด่งกับหน้าหล่อๆ ไปซุกฟัดเพลิดเพลิน ยิ่งอีกฝ่ายเป็นแมวที่มีความนึกคิดอย่างคน ไม่กางเล็บข่วนแน่นอน ก็ยิ่งฟัดอย่างเมามัน จนโดนโวยใส่เสียงแหลมนั่นแหละ ผมค่อยผละออกอย่างเสียดาย

   “เดี๋ยวผมไปหาเสื้อผ้ามาให้พี่ใส่ พี่กับโฟมน่าจะหุ่นพอๆ กัน คงใส่ด้วยกันได้” ยอมถอยทัพ อดใจไม่พุ่งเข้าใส่แมวที่ขู่พองขนกลมฟูอยู่บนเตียง อยากลองจิ้มเจ้ากลมๆ สองลูกนั่นจัง แต่เดี๋ยวจะอนาจารเกินไป หักห้ามใจไปห้องโฟมเพื่อหาชุด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าโฟมล็อคห้อง เลยต้องวกกลับมากะเอาเสื้อผ้าตัวเองให้ใส่แทน ใครจะไปคิดล่ะว่ามาเจอฉากเด็ด

   แมวดำวัยหนุ่มถูกแทนที่ด้วยผู้ชายครึ่งแมวที่กำลังค้างอยู่ในท่ากลับร่างหมาดๆ เรือนร่างสมส่วนไม่ผอมไม่หนาจนเกินไปอยู่ในท่าคลานสี่ขา แผ่นหลังเนียนกับบั้นท้ายขาว พีคสุดหูแมวที่ลู่มาทางด้านหลังบนกลุ่มผมนุ่มสีดำ กับหางหนาสมขนาดตัวที่กวัดแกว่งไปมาอย่างประหม่า ขนหางสีดำช่างตัดกับก้นกบขาวๆ ซะจริง

   จากที่บรรยายไปข้างต้นคือภาพเพียงเสี้ยววินาทีตอนที่ผมเปิดประตูเข้าห้องมา ซึ่งตอนนี้พี่ปอนด์ไปซุกอยู่ในผ้าห่มเรียบร้อยแล้ว ผมเผยสีหน้าโคตรเสียดายแบบไม่ปิดบัง

   “ไหนบอกไปเอาเสื้อไง!!” คนโดนจ้องเป็นอาหารตาตวาดแง้ว หางพองฟูอย่างกับกระรอก หูตั้งตรงใบหน้าขึ้นสีเรื่อไม่รู้ว่าอายหรือฤทธิ์แคทนิปยังไม่หมดดี แต่ผมว่าน่าจะเป็นอย่างหลังนะ ตะกี้เหมือนเห็นไข่แมว...แฮ่ม! เหมือนจะเห็นบางสิ่งตื่นตัวอยู่

   เนื่องจากผมเป็นทาสแมวที่รักและหลงแมวมาก โดยเฉพาะแมวที่ชื่อว่าปอนด์ ผมไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายทรมานได้ แย้มรอยยิ้มใจดี ค่อยๆ ขยับเข้าหาช้าๆ แล้วนั่งลงข้างเตียงไม่แสดงท่าทีคุกคาม พยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติที่สุด

   “พอดีผมลืมไปว่าโฟมชอบล็อคห้อง พี่คงต้องใส่เสื้อผ้าของผมไปก่อน ไม่มีปัญหาเนอะ”

   “ไม่มี รีบเอามาสิ แล้วไปใส่เสื้อผ้าด้วย จะนุ่งผ้าขนหนูอีกนานแค่ไหน” โบกมือไล่ชิ่วๆ ในสายตาผมเหมือนแมวกำลังขู่ไล่น้องโฮ่ง ผมหัวเราะในคอยอมลุกไปที่ตู้ จังหวะที่พี่ปอนด์ผ่อนการ์ดลงก็หันขวับกระโจนใส่รวดเดียวแล้วคร่อมทับ เท้าแขนไว้กับหัวเตียงกักอีกฝ่ายไว้ตรงกลางกันหนี

   “พี่ปอนด์ พวกการ์ตูนวายมีฉากหนึ่งที่ฮิตสุดๆ พี่คิดว่าฉากอะไรครับ” เอ่ยถามเสียงนุ่ม

   “มันก็ฮิตหมดนั่นแหละ อย่าทับได้มั้ยมันหนัก ลุกออกไปที” ฝ่ายปอนด์ ใครมันจะไปกล้าพูดล่ะว่าฉากไหน ในเมื่อบรรดาโดกับมังงะวายทั้งหลายฉากฮิตที่สุดคงไม่พ้น...

   “ตอบไม่สมเป็นหนุ่มวายเลยนะพี่ เอางี้ผมใจดีจะเฉลยให้แล้วกัน” ยื่นหน้าเข้าไประยะประชิด ลมหายใจเป่ารดจนแมวตัวสั่น แล้วยิ่งตาเบิกกว้างเมื่อเห็นหูหมาป่าของแท้ กับแววตาที่เปลี่ยนไป นัยน์ตาดำควรเป็นวงกลมตอนนี้กลายเป็นเส้นขีดเรียวเล็ก ทุกครั้งที่เด็กหมาป่าพูดจะเห็นเขี้ยวแกร่งสีขาวมุก

   “ฉากที่เคะกับเมะใช้มือช่วยกันปลดปล่อย...ดังนั้น พวกเรามาลองทำกันเถอะ ให้สมกับเป็นหนุ่มวายไงครับพี่ปอนด์” ส่ายหางที่เพิ่งเอาออกมาอย่างอารมณ์ดี มือล้วงเข้าไปใต้ผ้าห่มสัมผัสส่วนตื่นตัวจนแมวสะดุ้ง ผมไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว ใช้มือรวบรูดตามยาวให้คุณแมวดำสะท้านเฮือกๆ เพียงไม่นาน มือที่ยึดแขนผมเพื่อห้ามเปลี่ยนเป็นจับเพื่อดึงสติตัวเอง

   ดวงตาคมวาววับ ลิ้นเลียริมฝีปากเพ่งมองสีหน้าเหมือนจะขาดใจของแมวโดนรังแก ใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนเด็กมหา’ลัยแดงก่ำ หูแมวบิดลู่ไปด้านหลัง ริมฝีปากเผยอหอบหายใจเผยให้เห็นลิ้นสีชมพูอมแดงจนผมชักสงสัยว่า มันจะสากเหมือนกับลิ้นแมวที่ผมเลี้ยงมั้ยนะ
   
   ไวเท่าความคิด ผมสอดนิ้วเข้าไปในโพรงปากนุ่มเขี่ยลิ้นอีกฝ่ายเล่น แม้จะไม่สากเท่าร่างแมว แต่ก็นับว่ามากกว่าลิ้นคนทั่วไป ชวนให้คิดว่า ถ้าหากใช้ลิ้นนี้ช่วยผมแล้วล่ะก็ มันจะ...

   “อึก...ชักเป็นผมที่ทนไม่ไหวเองแล้วสิ พี่ช่วยผมหน่อยนะ” เอ่ยเสียงแหบพร่าซุกหน้ากับลำคอขาว จับมือคนอายุมากกว่าให้มาแตะส่วนกลางที่ปวดจนทรมานของผม พลางหยุดมือกะทันหัน ใช้ปลายนิ้วกดส่วนปลายไม่ให้ปลดปล่อย พี่ปอนด์ถึงกับทำหน้าเหยเกวูบหนึ่ง

   ผมแสดงตัวชัดเจนว่า ถ้าพี่ไม่ช่วยผม ผมก็จะทิ้งค้างไว้แบบนี้ ผลสุดท้าย ด้วยความต้องการผสมกับฤทธิ์แคทนิปจางๆ มืออันสั่นเทาก็ยอมให้ความร่วมมือ ได้คนที่ชอบมาทำให้กับทำเองนี่ อารมณ์โคตรจะแตกต่าง รู้สึกดีจนแทบอดใจไม่ไหว คว้าหางนุ่มมาจูบซ้ำๆ แล้วงับเบาๆ เหมือนหมาแทะ ขณะที่ใช้จมูกสูดกลิ่นอีกฝ่ายเข้าเต็มปอด

   ไม่ไหวแล้ว...จะหน้ามืด

   ผมเร่งจังหวะขยับให้พี่ปอนด์รีบปลดปล่อย มือรีดน้ำออกมาจนหมด ส่วนตัวเองผุดลุกขึ้นเหมือนเจอของร้อน

   “พี่หาชุดในตู้ผมใส่ไปเลยนะ เดี๋ยวผมมา” พุ่งตัวออกจากห้องนอนเข้าห้องน้ำแบบแทบกระโจน ใช้มือปรนเปรอตัวเองโดยด่วน หากเมื่อครู่ช้ากว่านี้เพียงเสี้ยววิ ผมได้ขันแตกทำตามใจชอบแน่

   ไม่รู้ว่าผมใช้เวลาในห้องน้ำไปนานเท่าไร แต่จัดการอาบน้ำอีกรอบแถมถือโอกาสซักผ้าเพื่อสงบสติอารมณ์ พอซักเสร็จก็บิดหมาดใส่กะละมังไว้ค่อยเอาไปตาก ส่วนตัวเองเดินกลับห้องไปใส่เสื้อผ้า กะว่าพี่ปอนด์คงจะเผ่นกลับไปแล้วแหละ

   ที่ไหนได้ นอกจากอีกฝ่ายยังไม่กลับ ยังใส่ชุดผมนั่งกอดอกทำหน้าเคร่งอยู่ข้างเตียง ตอนที่ผมเปิดประตูเข้ามาเห็นอีกฝ่ายแอบสะดุ้งแต่พยายามเก็บอาการ ผมนับหนึ่งสองสามในใจ เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบชุดมาใส่แล้วหันมาประจันหน้ากับแมวหน้าแดง

   “พี่จะด่า จะว่า จะชก หรือกระทืบผมเลยก็ได้” อีกฝ่ายจะเปิดปากพูด ผมชิงพูดดัก “ขอบอกก่อนเลยว่าผมไม่ได้ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ทุกอย่างที่ผมทำเป็นความรู้สึกออกมาจากใจ ผมเชื่อว่าพี่รู้ว่าผมคิดยังไงกับพี่” พูดแบบรวดเดียวจบ ความจริงในใจผมกลัวแทบบ้า คิดไปสารพัดว่าหากอีกฝ่ายโกรธจริงผมจะหาวิธีอะไรมาง้อดี อะไรนะ? นึกว่าผมจะยอมตัดใจ?? ฝันไปเถอะ! คนนี้ของจริง ผมไม่มีทางปล่อยมือหรอก

   พี่ปอนด์ดูอึ้งๆ อ้าปากพะงาบๆ จะพูดก็ไม่พูดสักที ส่วนผมก็ยืนรอแบบใจเย็น(?)

   “เฮ้อ...”

   บอกเลย แค่เสียงถอนหายใจไม่ทำให้ผมหวั่น แค่คิ้วกระตุกใจแป้วไปหน่อยนึง

   “รู้ตัวรึเปล่าว่าความรู้สึกแสดงออกมาทางหูหางหมดแล้ว” พี่ปอนด์พูดเจือขำ ผมชะงัก

   ในสายตาของปอนด์เห็นหมาน้อยหูลู่หางตกซะจนน่าสงสาร พอทักก็สะดุ้งหูตั้งหางชี้เหมือนเวลาหมาทำความผิดแล้วถูกเจ้านายจับได้

   “บอกตามตรงว่าพี่โกรธ” พี่ปอนด์เริ่มเข้าโหมดดุ ผมยอมก้มหน้ารับฟังโดยดี ไม่ฝืนหูหางปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้พี่ปอนด์อ่อนลงมาบ้าง

   “ผมรู้” โดนเด็กอายุห่างกันเกือบสิบปีทำแบบนั้นยังไงก็ต้องเสียหน้า ไม่ใช่แค่เป็นผู้ชาย ยังอายุมากกว่าอีก

   “รู้ว่าต้องโกรธแต่ก็ยังทำ เอาเถอะ แบบนี้ก็สมเป็นวัยรุ่นดี ไม่ใช่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่อย่างทุกที” ท้ายประโยคพี่ปอนด์พูดเสียงเบาหวิว แต่บังเอิญผมหูดีได้ยินชัดแจ๋ว เงยหน้ามองตาเป็นประกายทันที

   “ไม่ต้องมากระดิกหาง! ต่อให้แกว่งจนหลุดก็ไม่ยกโทษให้ง่ายๆ อย่าคิดว่าพี่ยอมแล้วจะทำอะไรก็ได้นะ ตราบใดที่ยังไม่คบกัน ห้ามทำอะไรบ้าๆ อีก”

   “หมายความว่าถ้าคบแล้วผมสามารถทำอะไรที่บ้ายิ่งกว่านี้ได้ใช่มั้ยครับ”

   “มะ...ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเว้ย!! ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็ห้ามทำ ช่วงนี้ห้ามเข้าใกล้ในระยะสามเมตร หากฝ่าฝืนเมื่อไหร่เจอดีแน่”

   โฮ่...ผมอยากจะบอกเหลือเกิน ภาพแมวถลึงตาใส่หางฟูขู่ฟ่อๆ ไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด แต่ก็นะ ผมมีชนักปักหลังอยู่ ไม่อยากให้คะแนนติดลบไปมากกว่านี้ ทั้งที่เพิ่งพัฒนาความสัมพันธ์ไป

   “ครับๆ ระหว่างนั้นผมไปหาพี่ได้มั้ย นัดเจอข้างนอกด้วย” ยอมถอยให้ก่อน เข้าใจว่าอีกฝ่ายเริ่มมีใจให้แต่หน้าบางจัดๆ เลยต้องรักษาฟอร์มความเป็นผู้ใหญ่ ผมจะตามน้ำไปก่อนแล้วกัน

   “ไม่ได้!”

   “อ้าว งั้นหนังสือที่สลับกันอ่าน ร้านขนมที่ลดราคาถ้ากินกันสองคน แล้วยังบัตรส่วนลดร้านการ์ตูนที่อยู่กับผม...”

   “ก็ได้! เจอกันปกติ แต่ห้ามเข้าใกล้เกินไป”

   “รับทราบครับ!” รับคำแข็งขัน ทั้งที่ในใจหัวเราะลั่น ไว้ผมจะรอดูแล้วกันว่าพี่จะรักษามาดได้สักกี่น้ำ เผลอๆ จะเป็นฝ่ายลืมตัวซะก่อน ยิ่งเป็นแมวจอมขี้ลืมอยู่ คิดไปปากก็ชวนคุยเบนความสนใจ “พวกเราลงไปข้างล่างเถอะพี่ เล่นน้ำเหนื่อยๆ ไปหาอะไรกินเพิ่มพลังงานกัน ผมจะได้เอาผ้าไปตากด้วย”

   “ไปสิ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับหงึกๆ ผมถอยให้พี่ปอนด์ออกมาก่อน ยอมรักษาระยะห่างตามที่ตกลงกันไว้ แต่ไหงคนที่ควรอยู่ห่างๆ กลับมายืนอ้ำอึ้งหน้าแดงตรงประตูหน่อ

   “เฟย์...เอ่อ...”

   “ครับ?”

   “ผ้าปูกับผ้าห่มมัน...” เสียงเบามากจนผมต้องพยายามกระดิกหูฟัง พอเข้าใจก็ร้องอ่อ

   “เดี๋ยวผมจัดการเองพี่ พี่ลงไปก่อนเลย” ยิ้มให้อีกฝ่ายคลายใจ รอจนกระทั่งพี่ปอนด์ลงไปชั้นล่างแล้วค่อยวกกลับมาดูสภาพผ้าปูกับผ้าห่มของตัวเอง ความจริงมันก็ไม่เปื้อนหรอก เพราะเมื่อครู่ผมใช้มือตัวเองรองรับ แล้วรูดทิ้งท้ายเก็บเรียบหมด หรือต่อให้เลอะก็คงแค่นิดๆ หน่อยๆ ไม่เท่าน้ำลายโฟมที่แอบมานอนอ่านหนังสือวายเล่นห้องผมหรอก

   ดังนั้นปล่อยเอาไว้แบบนี้แหละ ผมไม่อยากรีบซัก เก็บกลิ่นหอมๆ ของแมวตัวโปรดไว้ก่อน เพื่อรอเวลาที่จะได้มาเป็นของตัวเอง...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

พาร์ทพิเศษสงกรานต์จบแล้วจ้า ตอนต่อๆ ไปจะโพสลงเพจตามเดิม เว้นแต่มีตอนไหนที่ต้องแต่งยาวๆ ถึงจะแต่งลงเว็บเน้อ
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายพิเศษ สงกรานต์สลับอายุ2 [Up 19/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 19-04-2017 19:03:12
รู้สึกจะสำลักขนแมวค่ะ แค่กๆ 5555
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายพิเศษ สงกรานต์สลับอายุ2 [Up 19/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-04-2017 19:21:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายพิเศษ สงกรานต์สลับอายุ2 [Up 19/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-04-2017 19:21:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายพิเศษ สงกรานต์สลับอายุ2 [Up 19/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 19-04-2017 20:52:35
น่ารักมาก เนื้อเรื่องใสๆเบาหัวมาก
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายพิเศษ สงกรานต์สลับอายุ2 [Up 19/4/60]
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 22-04-2017 13:20:32
พี่เฟย์ นายมันตัวร้าาาาาย
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายพิเศษ For You verสลับอายุหูหาง 10 [Up 6/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 06-05-2017 01:12:32
For You#หนุ่มวายยกกำลังสอง#verสลับอายุหูหาง10

   วันนี้ครับ เป็นวันครบรอบหนึ่งอาทิตย์ของการมีแฟนเด็ก พอมานั่งคิดๆ ถึงอายุเฟย์แล้วก็รู้สึกหนาวเยือกขึ้นมา คลับคล้ายคลับคราว่าจะไม่สบายเกิดอยากไอดัง

   คุก คุก...

   “พี่ปอนด์ เหม่ออะไรครับ เดี๋ยวชาเย็นหมดนะ” เจ้าหมาป่าตัวร้ายที่ล่อลวงผมให้ก้าวเท้าเข้าสู่ห้องกรงกำลังนั่งทำหน้าหมาสงสัยได้อย่างน่าเอ็นดู หูตั้งอย่างกระตือรือร้น หางสายขวับๆ ตั้งแต่ผมเปิดรับเข้าห้องจนตอนนี้ก็ยังไม่หยุด ไม่รู้สึกเมื่อยบ้างหรือไงนะ

   “มองหน้าผมแล้วเอาแต่เงียบแบบนี้ เชิญชวนรึเปล่าครับ”

   แค่ก!!

   ถึงกับสำลักชาอุ่นที่กำลังซดเลยทีเดียว

   “มุกนี้จำจากมังงะเรื่องไหนมา” ถลึงตาใส่เจ้าหมาที่ตีหน้าซื่อตาใส

   “รู้ทันอีก ฮ่าๆ” มีหัวเราะกลบเกลื่อน ผมส่ายหัวกับเจ้าหมาป่าจอมแผนการ ละสายตาจากคนตรงข้ามมองที่จานแทน

   ระหว่างที่ผมกำลังกินเค้กชาเขียว ขอเท้าความกันสักหน่อย อย่างที่บอกไปข้างต้น เนื่องในโอกาสที่เฟย์สอบติดมหา’ลัยได้ และคบกับผมมาได้หนึ่งอาทิตย์ เฟย์เลยฉลองด้วยชาและขนมที่ผมกำลังกินอยู่ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่านี่ฉลองให้เฟย์หรือให้ผมที่สละโสดกันแน่ แล้วผมยังมีเรื่องสงสัยอยู่อีกอย่าง ไอ้ถุงสีทึบท่าทางไม่น่าไว้ใจนั่นมันอะไรกันนะ

   หนุ่มวัยทำงาน มือถือจานเค้กจิ้มกินไม่หยุดปาก ดวงตาจับจ้องไปยังถุงปริศนา หูตั้งตรง ปลายหางตวัดส่ายท่าทางสนใจ เหมือนเวลาแมวเล็งเหยื่อ อดไม่ได้ที่จะนึกภาพตาม แมวดำขนสวยน่ารัก ย่อตัวก้นโด่งส่ายบั้นท้ายเตรียมกระโจนใส่ของเล่น

   เฟย์จำต้องหันหน้าหนี ยกมือปิดปากกดสัญชาตญาณของหมาป่าให้ลึกลงไปเท่าที่จะทำได้ ท่องไว้ ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม สุดท้ายเลยตัดสินใจเบี่ยงประเด็น ลุกเดินไปหยิบถุงดังกล่าวมายื่นส่งให้

   “ของที่ผมบอกว่าจะให้พี่”

   “หมอน?” หยิบออกมาดู เป็นหมอนธรรมดาแต่นุ่มฟูน่านอน ที่สำคัญ กลิ่นนี้...

   “ผมคิดว่าพี่น่าจะชอบ”

   “แคทนิป!!” ผมตาโต เอาหน้าจุ่มหมอนแล้วดมฟุดฟิดซุกซบอย่างเผลอตัว กลิ่นมันอ่อนๆ กำลังดี ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่าทำให้มึนเมา ถ้าระดับนี้ผมโอเคนะ ชอบเลยแหละ ยังไงแมวก็ไม่พ้นแคทนิปอยู่ดี อยากเอาตัวถูๆ ใส่หมอนจังเลย

   คิดอย่างเหม่อๆ พอสายตาเลื่อนไปเห็นเฟย์ที่กำลังยิ้มตาพราวระยับถึงเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดมาดไปจังเบอร์!

   “ก็ชอบนะ แต่มันแพงมากเลยไม่ใช่เหรอ” ผมงึมงำถาม แขนกอดหมอนไม่ปล่อย พยายามข่มใจไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับแคทนิป

   “ขอแค่พี่ชอบก็พอแล้ว เรื่องราคาไม่มีปัญหา เพราะผมมีคนรู้จักอยู่เลยซื้อได้ในราคาย่อมเยา” ความจริงเฟย์จ่ายเต็มโดยใช้เงินเก็บของตัวเอง แต่เรื่องอะไรจะบอกล่ะ อีกอย่าง แค่หมอนใบเดียว ราคาไม่ถึงเศษเสี้ยวของเตาอบขนมที่เพิ่งถอยมาด้วยซ้ำ

   “งั้นเหรอๆ ขอบใจนะ วันหลังแนะนำบ้างสิเผื่อพี่จะซื้อมาใช้เอง” ของดีราคาถูกหนุ่มแมวย่อมสนใจ ถึงขนาดหูตั้งหางส่ายรัวอย่างตื่นเต้น เฟย์หัวเราะแล้วลุกเดินมายืนอยู่ข้างๆ

   “เขาไม่ลดให้คนอื่นนอกจากผมนี่สิ เอาไว้พี่อยากได้อะไรค่อยบอกผมนะ ตอนนี้ผมว่าพี่เอาหมอนไปเก็บในห้องก่อนดีกว่า เดี๋ยวมันเลอะ”

   คิดตามแล้วก็เป็นอย่างที่อีกฝ่ายบอกจริงๆ ต้องหาปลอกหมอนใส่ด้วย ผมไม่อยากให้มันเลอะจนต้องส่งซัก เพราะหากทำแบบนั้นกลิ่นแคทนิปจะจางลงกลายเป็นหมอนธรรมดาไป

   ขณะเดียวกันใครบางคนเนียนเดินตามหลังเข้าห้องนอนหน้าตาเฉย แถมยังปิดประตูพร้อมล็อคเสียงเงียบกริบ ดวงตาคมจ้องมองแมวหนุ่มที่กำลังอารมณ์ดีกับหมอนใบใหม่ ความจริงสิ่งที่เฟย์จะให้ไม่ใช่หมอน มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ของจริงมันต่อจากนี้

   ระหว่างที่กำลังใส่ปลอกหมอน จู่ๆ ก็ถูกรวบกอดจากทางด้านหลัง พอจะดิ้นหนีตามนิสัยกลับต้องชะงักเพราะกลิ่นบางอย่างที่โชยมาจากตัวอีกฝ่าย มือหนาข้างหนึ่งรวบเอว ส่วนอีกข้างถูไถแถวลำคอจนได้ยินเสียงครางครืดๆ ใบหูแมวบิดลู่ไปด้านหลัง ก่อนโดนงับปลายหูให้สะดุ้งเฮือก

   “พี่ ผมขอรางวัลนะ” เสียงแตกหนุ่มกระซิบพร่า ไม่ยินยอมให้ปฏิเสธ เพราะมือล้วงลงล่างกอบกุมส่วนอ่อนไหวเป็นตัวประกัน กลิ่นแคทนิปที่อบอวนไปทั่ว พาให้สมองมึนเบลอแปลกๆ และยิ่งใกล้ชิดก็ยิ่งได้กลิ่นมากขึ้น

   “เจ้าหมาป่าชั่วร้าย” ปอนด์ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันแทบจะคงสติไม่อยู่ ถูกต้อนจนมุมไปซะทุกทาง ยิ่งเป็นพวกไวต่อแคทนิปอยู่แล้วแทบไร้ทางรอด ที่สำคัญ เจ้าหมาจอมวางแผนดันกะปริมาณพอเหมาะไม่มากถึงขั้นกลับร่างแมวด้วย

   “ถ้าได้พี่ผมยอมร้ายนะ ขอทั้งตัวและหัวใจเลย”

   “อึก...” มือร้อนเร่งจังหวะขึ้นจนแทบเข่าอ่อน กางเกงเจเจกองอยู่ปลายเท้าเหลือเพียงซับในหมิ่นเหม่ติดสะโพก ชายเสื้อถูกถลกขึ้นจนถึงคอ วาดผ่านเค้นคลึงยอดอกแทบกระตุ้นทุกทาง ใช่ว่าไม่ขัดขืน แต่มืออ่อนแรงไม่สามารถดึงแขนแกร่งออกจากตัวได้ จากยื้อหยุดกลายเป็นยึดจับเพื่อพยุงกายยามถึงจุดสุดยอด

   เฟย์อาศัยช่วงเวลาที่อีกฝ่ายเพิ่งปลดปล่อย จัดการดันลงเตียงในท่าคว่ำหน้าพลางถอดเสื้อผ้าแสนเกะกะออกให้หมด แล้วคร่อมทับจากทางหลัง จงใจให้แมวหนุ่มซุกใบหน้าหมอนใบใหม่ โดนมอมเมาทั้งกลิ่นและสัมผัส แบบนี้จะไปไหนพ้น

   จมูกโด่งสูดกลิ่นปนเหงื่อสุดเร่าใจจากลำคอ ลิ้นแลบเลียบนกายที่สั่นระริก แขนหมาป่าโอบไปด้านหน้ากุมส่วนอ่อนไหวค่อยปลุกเร้าไม่ได้ขาด คนที่โดนแคทนิปมอมเมาจนคุมสติไม่อยู่ เผลอตัวขยับกายถูไถกับกลิ่นหอมจากร่างด้านหลัง สัมผัสไอร้อนของผิวกายผ่านเสื้อผ้าจนบั้นท้ายเสียดสีกับส่วนนูน เฟย์สูดลมหายใจเฮือก ข่มอารมณ์ที่เกือบจะหน้ามืดไปวูบหนึ่ง

   มือรั้งใบหน้าสบดวงตาฉ่ำเยิ้มด้วยแรงอารมณ์ ค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปในโพรงปากหยอกเย้ากับลิ้นสากสมสายพันธุ์ ความคิดที่อยากให้อีกฝ่ายใช้ปากให้ยังไม่หายไป แต่เวลานี้คงไม่เหมาะเท่าไร เลยเบนความสนใจเป็นประกบปากจูบสอดลิ้นเกี่ยวพันดูดดื่มจนน้ำใสไหลมุมปาก แขนอีกข้างล้วงหยิบเจลจากกระเป๋ากางเกงมาบีบชะโลมจนทั่วนิ้วพร้อมป้ายช่องทางด้านหลัง นวดเฟ้นไม่สนร่างที่กระตุกเกร็ง

   “อืมม..ไม่ ไม่...” ปากถูกครอบครองเอ่ยไม่เป็นคำ แถมยังถูกจูบซ้ำๆ แทบไม่เว้นช่วงกลบคำปฏิเสธทั้งหลายให้อีกฝ่ายกลืนลงคอให้หมดขณะที่มือยังปลุกเร้าไม่ขาด พอกับนิ้วยาวสดแทรกเข้าภายในเพื่อเตรียมพร้อม

   “เฟย์ เอาออก...มัน แปลกๆ” คนสูงวัยกว่าแดงก่ำไปทั้งหน้า ถึงขั้นนี้คงไม่ต้องสงสัยแล้วว่าเจ้าหมาป่ามีเจตนาอะไร แม้ก่อนหน้านี้ปอนด์จะเตรียมใจไว้บ้างว่าสักวันมันต้องเกิด แต่ของจริงต่างจากที่คิดลิบลับ ความแน่นจุกไม่ชวนให้รู้สึกดีเลย จนกระทั่ง... “อ๊า...!” ร่างโปร่งถึงกับทรุดฮวบเมื่อปลายนิ้วชี้กดโดนจุดวาบหวานภายใน เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มร้ายโดยที่อีกฝ่ายไม่เห็น

   “พี่ปอนด์รู้รึเปล่า ที่เคะในมังงะวายทั้งหลายสิโรราบให้กับเมะก็เพราะจุดนี้แหละ รู้สึกดีใช่มั้ยครับ จุดกระตุ้นชั้นดีเลยนะ” เอ่ยบอกยามผละจูบออกมางับแทะหางนุ่มที่แหว่งไปมาอย่างไร้ที่ยึด พลางบรรยายออกมาเป็นฉากๆ นิ้วก็กดย้ำจุดเดิมๆ ให้คนด้านล่างระทวยแล้วระทวยอีก

   คนโดนรังแกถึงกับพูดไม่ออก ได้แค่ร้องเสียงสั้นๆ ในคอ ส่วนคนทำยิ่งได้ใจพรมจูบบนแผ่นหลัง ทิ้งรอยจูบกัดไปตามทาง จำนวนนิ้วเริ่มเพิ่มขึ้นตามเวลา พอถึงนิ้วที่สามเฟย์เริ่มทนไม่ไหวขยับเขาออกรวดเร็ว ขบหางนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยวแล้วผละออกลากลิ้นตามสันหลังกระซิบชิดท้ายทอย

   “อย่ากัดลิ้นนะพี่” คำเตือนปนหอบหายใจด้วยความกระหาย นิ้วทั้งสามถูกถอดออกไปกอบกุ่มส่วนอ่อนไหวปลุกเร้าให้ตื่นตัว โดยที่มืออีกข้างทาบหลังมืออีกฝ่ายพร้อมสอดนิ้วยึดกุม เรียวปากอ้ากว้างเผยให้เห็นเขี้ยวหมาป่า ก่อนกัดหลังคอพร้อมสอดกายเข้าไปทีละน้อย

   แมวหนุ่มใบหูบิดลู่ร้องครางไม่ได้ศัพท์ หางเกี่ยวสะโพกสอบตามสัญชาตญาณ ร่างกายสั่นระริกไร้การต่อต้านขัดขืน การถูกกัดหลังคอไม่ต่างจากการผนึกทุกการเคลื่อนไหวแถมยังเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีจนเกือบปลดปล่อย หากไม่ถูกฝ่ามือหนากำรอบหยุดยั้งเอาไว้ก่อน

   หากปล่อยให้อารมณ์สิ้นสุดตอนนี้ การจะปลุกอีกครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย เฟย์ไม่คิดปล่อยแม้จะได้กลิ่นเลือดเจือจาง รอจนสอดใส่จนหมดค่อยคลายออกใช้ลิ้นเลียอย่างปลอบโยน

   “ขอโทษนะพี่ ครั้งแรกผมอยากอ่อนโยนกว่านี้ แต่ผมไม่ไหวแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างน่าสงสารเจือเสียงคำรามอย่างทรมาน ความอุ่นร้อนที่โอบรัดแทบจะกระชากสติให้ขาดสะบั้นเสียหลายๆ รอบ เฟย์พยายามสูดลมหายใจยับยั้งสัญชาตญาณ ใช้ร่างทาบทับทั้งตัวอาศัยหน้าท้องแข็งเบียดโคนหาง มือจับประสานแน่น คอยพรมจูบไม่ได้ขาด ลิ้นเลียใบหูงับเย้าพอกับนิ้วถูวนส่วนปลาย ทำทุกทางเพื่อกระตุ้นลดทอนความเจ็บให้มากที่สุด

   ถึงแบบนั้นแรงกระทำจากเบื้องหลังยังคงเร่าร้อนหนักหน่วง เกิดเป็นเสียงครวญครางประกอบเสียงกระทบเสียดสีของผิวกายเฟย์เริ่มปล่อยตัวเองให้ดื่มด่ำไปกับทุกสัมผัส การได้ทำกับคนที่ชอบนี่มันเหนือคำบรรยาย ยามทอดมองร่างที่สิโรราบด้านใต้ มันชวนให้รู้สึกภาคภูมิในฐานะอัลฟ่า ดวงตาฉ่ำคลอไปด้วยน้ำใส สีหน้าฉายถึงความสุขสมปนทรมาน ถึงอีกฝ่ายจะไม่หล่อหรือสวยกว่าใคร แต่สำหรับเฟย์ตอนนี้ พี่ปอนด์โคตรน่ารักเลย

   ยิ่งช่วงใกล้ถึงปลายทางก็ยิ่งเพิ่มความร้อนแรงจนคนรับตัวโยกคลอน ปิดท้ายด้วยการสอดลึกปลดปล่อยความปรารถนาเข้าไปเต็มรักพร้อมรูดให้อีกฝ่ายมีความสุขแบบเดียวกัน เฟย์จงใจแช่ค้างดื่มด่ำกับความรู้สึกสุขสมสักพัก ค่อยถอนกายออกแล้วทิ้งตัวลงนอนรวบคนรักอายุมากกว่าเข้ามากอดฟัด

   “ผมมีความสุขจัง เอาไว้พี่เริ่มชินค่อยทำหลายรอบเนอะ” หมาป่าซุกซนซุกไซร้สูดกลิ่นตัวเองบนตัวแมวอย่างพึงพอใจ ยิ่งด้านหลังยิ่งมีกลิ่นตัวเองชัดเจน บ่งบอกว่านี่แหละคือคนของเขา ไม่มีความสุขใดเท่าเรื่องนี้อีก รับรองเลยว่าไม่มีใครที่ไหนมาเกาะแกะอีกฝ่ายให้ระแวงแน่ถึงจะน่าเสียดายที่กลิ่นจะอยู่ได้แค่ไม่กี่วัน แต่ไม่เป็นไร ก่อนจะหมดค่อยทิ้งกลิ่นใหม่

   ท่าทางระริกระรี้อย่างกับหมาหวงของทำให้ปอนด์อยากด่า แต่ด่าไม่ออกเพราะหมดแรง เลยได้แค่เอ่ยคำพูดสั้นๆ ด้วยเสียงแหบแห้ง “เด็กบ้า” อยากตัดหางนั่นชะมัด ส่ายจนแทบหลุดอยู่แล้ว ตีเตียงปั่บๆๆ จนเตียงแทบทะลุ

   เฟย์หัวเราะรับคำกล่าวที่ไม่ต่างจากคำบอกรักในความคิด

   “พี่นอนพักเถอะ ไว้ตื่นมาผมจะหาอะไรให้กิน” ว่าพลางจูบปากจูบแก้ม คำพูดของเฟย์ทำให้ปอนด์เพิ่งระลึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีอะไรกับเด็กตอนกลางวันแสกๆ แถมเพิ่งคบมาแค่หนึ่งอาทิตย์แล้วยังอายุไม่ถึงยี่สิบ เฉพาะแค่เรื่องพวกนี้ก็ทำให้ปอนด์ยอมหลับตาหนีความจริง ปล่อยให้ตัวเองในอนาคตหาทางออกแล้วกัน ฮือๆ

   ส่วนเฟย์กระหยิ่มยิ้มย่องลูบกลุ่มผมนุ่มไล้หลังมือกับใบหูของมนุษย์ พี่ปอนด์ผู้น่ารักคงยังไม่รู้สึกตัว ว่าตอนนี้หูหางของตัวเองได้หายไปแล้ว กลายเป็นใบหูมนุษย์ธรรมดาทั่วไป นั่นเท่ากับว่าครั้งแรกของอีกฝ่ายเป็นของเขาเรียบร้อย

   อยากรู้จริงๆ พี่ปอนด์ตื่นมาเห็นเข้าจะทำหน้ายังไงนะ จะตกใจ ตื่นเต้นหรืออับอาย?

   อ่า...สงสัยต้องเตรียมมือถือไว้ถ่ายรูปเก็บเป็นความทรงจำซะแล้ว

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เป็น อีกเวอร์ชั่นของเฟย์ปอนด์ ไม่เกี่ยวกับเรื่องหลัก สามารถตามอ่านตอนอื่นๆ ได้ที่แท็ก #หนุ่มวายยกกำลังสอง #verสลับอายุหูหาง ใจเพจ Silver Fish4 หรือทวิต @rilima1
หัวข้อ: Re: หนุ่มวายยกกำลังสอง วายพิเศษ verสลับอายุหูหาง 10 [Up 6/5/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 17-07-2017 00:24:50
ตอนนี้มีขาย e-book แล้วน้า

- เพิ่มเนื้อหาจากเรื่องหลัก
- แก้ไขคำผิด
- เพิ่มตอนพิเศษ 50 หน้า!
- แถมรูปฟินปิดท้าย

จิ้ม e-book (https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=60531)

สอบถามรายละเอียดได้ที่เพจ Silver Fish (https://www.facebook.com/SilverFish4/)
หัวข้อ: Re: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 17/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 13-08-2017 22:05:16
อยากมีพี่ชายบ้าง!!
แต่บทพิเศษนี่ดีมากกก   :-[
หัวข้อ: Re: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 17/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 16-08-2017 17:55:09
 :hao5: :katai2-1: อ่านจบอีกคู่ เฟย์ ปอนด์ รอคู่ต่อไป
หัวข้อ: Re: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 17/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: AngPao1932 ที่ 26-08-2017 23:49:19
ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณนักเขียนเลยจ้าที่เขียนนิยายละมุนๆแบบนี้ให้อ่าน นี่แทบจะเป็นเรื่องแรกที่ชอบพระเอกเลยนะนี่ 555 แต่แอบเคืองตอนลองคุยกะเด็กหลายๆคนนะ แบบสงสารปอนด์ แต่หลังจากนั้นถือว่าทำตัวดี มั่นคง หนักแน่น ดูรักจริง และเปิดเผยจนฟินไปเบยยยยยยยยย  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 17/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: AngPao1932 ที่ 29-08-2017 12:27:22
อยากอ่าน วา เล่ แล้วววววววววววววววว  :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 17/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 30-08-2017 19:07:12
อยากอ่าน วา เล่ แล้วววววววววววววววว  :mew2: :mew2: :mew2:

วาเล่จะมาหลังจาก ป๋ามิทจบแล้วนะคะ จะไล่เป็นคู่ๆ ของวาเล่นี่อีกนานเลย
Contract มาเฟีย(ป๋า-มิท) - http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54115.0
หัวข้อ: Re: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 17/7/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 12-09-2017 17:27:33
เปิด Repint มาพร้อมกับโปรโมชั่นแพ็คคู่!!

(http://up.gunhotnews.com/?img=121505212333.jpg)

รายละเอียด

เรื่อง : หนุ่มวายยกกำลังสอง (เล่มเดียวจบ)
คู่ : เฟย์-ปอนด์
แนวเรื่อง : คอมเมดี้
ขนาด : A5
จำนวนหน้า : 300+ หน้า
กระดาษ : ถนอมสายตา 75 แกรม
ราคา : 380 บาท
แถมที่คั่นทุกเล่ม

โปรโมชั่น
(http://up.gunhotnews.com/?img=121505211804.jpg)

สนใจดูรายละเอียดได้ที่ - https://goo.gl/FhcWg7
หัวข้อ: Re: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 05-10-2017 22:22:07
 :L1: :L1:
 :กอด1: :man1:
หัวข้อ: Re: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 22-12-2017 20:16:05
 :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 09-01-2018 07:50:13
น่ารักมาก หวานเว่อร์
หัวข้อ: Re: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 23-02-2018 21:56:22
 o13
หัวข้อ: Re: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 04-05-2018 17:48:50
สนุกมากครับ เป็นคู่ที่น่ารักมาก ๆ หวานมาก ๆ ครับ



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-05-2018 20:03:46
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Piiiimsen ที่ 30-01-2019 22:32:40
อ่านเรื่องนี้มา 2 รอบแล้ว แล้วก็ชอบมากๆ เป็นเรื่องที่น่ารักสดใส เรื่องของมิทก็ชอบ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 04-06-2019 21:19:49
น่ารักที่สุดดดด  :t4:
หัวข้อ: Re: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 12-12-2019 06:46:24
 :katai2-1: :katai2-1: เนื้อเรื่องน่ารักมาก อ่านแล้วเหมือนพี่เฟย์เลี้ยงแมวจริงๆ มากกว่าคน  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 18-04-2020 23:21:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 01-05-2020 09:58:58
 :pig4: :pig4: :pig4: