[Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]  (อ่าน 176700 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ pe-ar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ลูกแมวนี่เอาของกินมาล่อได้ตลอดจริงๆ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ไปตามอ่านคู่ซัน-โป้มาแล้วนะคะ. ชอบมากๆ. แล้วชื่อเรื่องว่าเป็นเกย์กันไหม. โป้นางร้าย
   :o8:    รีบๆเอามาลงเน้อ
ขอบคุณคนเขียนค่ะ

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
พี่เฟย์เป็นอะไรทำไมหน้าเครียดๆ

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
วายที่22 เป็นเหตุ(แก้ไข)

            ชีวิตประจำวันพวกผม พี่เฟย์ตื่นก่อนเตรียมมื้อเช้า ถึงเวลาปลุกผมให้อาบน้ำล้างหน้ามาหม่ำอาหาร ออกจากห้องพร้อมกัน พี่ชายไปทำงาน ส่วนผมไปมหาลัย ผมกลับไม่เป็นเวลา บางวันมีเรียนทั้งวันกลับเย็น บางวันมีกิจกรรมหรืองานกลุ่มกลับค่ำ บางวันเรียกแค่ช่วงเช้าไม่ก็ช่วงบ่าย เรียกได้ว่าหาความแน่นอนไม่ได้ ที่ชัวร์คือ มหาลัยหยุดวันเสาร์อาทิตย์ ถ้าไม่มีเหตุต้องไปทำอะไร ผมจะนอนอืดอยู่บ้านทั้งวัน

            ส่วนพี่เฟย์เข้างานตอนแปดโมง เลิกหกโมง กลับถึงบ้านไม่เกินหนึ่งทุ่ม หยุดวันเสาร์อาทิตย์เหมือนผม เวลาว่างถ้าไม่นั่งดูหุ้นก็ทำขนม คิดค้นสูตรใหม่ๆ จนตู้เย็นเต็มไปด้วยอาหารไม่ต้องกลัวอดตาย ไม่ก็ทำความสะอาดห้องโดยมีผมคอยป่วน นึกคึกหน่อยค่อยไปเที่ยวห้างซื้อหนังสือกัน

            เส้นทางชีวิตดูเรื่อยๆ ไม่มีอะไรหวือหวา แต่ผมกลับคิดว่าแบบนี้ก็มีความสุขดี จนหลังจากวันที่มีโทรศัพท์ปริศนาโทรมาหาที่เฟย์นั้นแหละ ปากบอกว่าไม่ต้องสนใจ แค่เรื่องไร้สาระ แต่ผมเห็นพี่ชายรับโทรศัพท์บ่อยยิ่งกว่าคอลเซนเตอร์ซะอีก ทุกครั้งที่รับถ้าไม่หลบในห้องต้องไปคุยตรงระเบียง ดูมีลับลมคมใน

            เวลาเข้างานพี่เฟย์ยังเหมือนเดิม ตอนเลิกดันช้ากว่าปกติ เป็นแบบนี้มาได้สองวันและมีแนวโน้มว่าจะอัพเกรดเพิ่มขึ้น

            “ปอนด์ วันนี้พี่กลับดึก ปอนด์หาอะไรทานเลยนะไม่ต้องรอ”

            อย่างเช่นตอนนี้...

            พี่เฟย์โทรมาหาผมตอนเลิกเรียนแบบกะเวลามาพอดีเป๊ะ แล้ววางสายไปทำงานต่อ ผมยืนคิดอยู่หน้าคณะ ไม่อยากรีบกลับในเมื่อรีบกลับไปก็อืดอยู่คนเดียว เลยตัดสินใจแวะไปหาพวกซันดีกว่า อันดับแรกต้องโทรหามันก่อนว่าอยู่มหาลัยรึเปล่า ถ้ามันไม่มีเรียนวันนี้ ค่อยคิดอีกทีว่าผมจะไปสถิตที่ไหน แอบแวะไปร้านหนังสือก็ไม่เลว...

            รอสายไม่นานซันกดรับน้ำเสียงห้วนสั้นตามเคย

            /มีไร/

            “เลิกเรียนยังอะ ไปกินข้าวกัน”

            /กินข้าว? มื้อเย็นปกติกลับไปกินที่ห้องไม่ใช่รึไง/ ซันถามอย่างสงสัย ผมเกาหัวอธิบาย

            “ช่วงนี้พี่เฟย์จะงานยุ่งกลับดึก เลยให้หากินเอง”

            /อ่อ งั้นไปกินด้วยกันหมดเลย เดี๋ยวกูแวะไปรับโป้ก่อน มึงนั่งรถไปรอที่หน้ามหาลัย/

            ซันกดวางสายทันทีหลังตัวเองพูดจบ ไม่รู้มันจะรีบไปไหน ว่าแต่เมื่อกี้บอกว่าจะไปรับโป้ใช่มั้ย ขอซับน้ำตาแปบ ปลื้มปริ่ม แสดงว่าสองคนนั้นตกลงปลงใจคบเป็นแฟนกันแล้วเรียบร้อย คิดถูกจริงๆ ที่ชวนพวกนั้นไปกินข้าว ไม่แน่ว่าผมอาจจะได้เห็นอาหารตาในระยะประชิดก็ได้นะ! หารู้ไม่ หลังจากนั้นความคิดผมเป็นได้เพียงความฝัน

            มองเวลา เป็นช่วงเลิกเรียนคาบบ่ายของหลายสาขาพอดี รถมหาลัยคนแน่นเอี๊ยด จะให้รอคันต่อไปก็เกรงว่าพวกนั้นจะรอนานเกินไป ผมเลยพยายามใช้ตัวเอง เบียดกระแซะเกาะติดรถอย่างสุดความสามารถ ที่นั่งๆ มีแต่พวกผู้หญิง ผู้ชายอย่างผมเกาะกันเป็นลิงบาบูนรูดเสา รู้สึกอุจาดตาพิกล

            ผมแทบสิงเสา เกร็งตัวสุดชีวิตไม่ให้ร่วงลงไปกลางทาง กว่าจะถึงที่หมายเล่นเอาเหน็บกิน เดินกระย่องกระแย่งเห็นพวกซันยืนรออยู่ พวกนั้นแทนที่จะเห็นใจผม กลับพากันหัวเราะเยาะ มิทหนักที่สุด มีหน้าชี้ชวนให้คนอื่นในกลุ่มดูอีก ผมดินเข้าไปหา สีหน้าบูดสนิท

            “ขำกันอยู่ได้ ดูตัวเองก่อนเป็นไง ท่าเดินแปลกๆ นะมิท”

            ผมสวนแบบไม่คิดอะไร มิทเสือกสะดุ้ง เฮ้ย!!  อย่าบอกนะว่ามีซัมติงจริงๆ ใครกันหนอเป็นคนจัดการมิทจนอยู่หมัด

            “กินร้านไข่กระทะกัน” โป้พูดขึ้นกลางวง เป็นนางฟ้าผู้พิทักษ์ของกลุ่ม ช่วยเหลือมิทผู้น่าสงสารที่โดนผมกับซันจ้องอย่างจับผิด ริวยักไหล่กอดคอมิทเดินนำไปก่อนใคร โป้ตามไปติดๆ ซันจงใจทิ้งช่วงเดินพร้อมกับผม

            “คิดเหมือนกันใช่มั้ย กูว่ามันมีอะไรแปลกๆ” หนุ่มวิศวะผู้ยึดหลัก เรื่องของเพื่อนคือเรื่องของเรา เรื่องของเราก็คือเรื่องของเรานั่นแหละ ถามความเห็นผม อย่างกับนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สงสัย ผมมองตามหลังมิท มีโป้หันมาส่งซิกไม่ให้ถกประเด็นนี้

            พอเข้าใจอยู่ ซันมันพวกรักเพื่อนแบบสุดลิ่มทิ่มประตู บางทีอาจเลยขอบเขตเรื่องส่วนตัวของคนอื่นก็ได้ ถึงมิทจะดูมีลับลมคมในจริงๆ ก็นะ เรื่องของเจ้าตัว ผมไม่ยุ่ง เปลี่ยนเรื่องแม่ง

            “คงไม่แปลกซันหรอก เคลียร์กันแล้วเหรอ เห็นตอนแรกทำหน้าอย่างกับโลกแตก”

            ซันสะอึกไม่ยอมตอบ โบกหัวผมทิ่ม ผมเลยใส่เข่ากลับ คนที่เจ็บมีแต่ซัน เพราะมันออมแรงให้ผม แค่พอมึนหัวนิดหน่อย

            ถึงร้านไข่กระทะพวกเราเลือกนั่งนอกร้านรับลมสบาย เย็นแล้วไม่มีแดด ร้านนี้เป็นร้านสุดฮิตของเด็กมหาลัย เพราะมีเมนูหลายอย่างให้เลือกสรร หลักๆ ก็ไข่กระทะนี่แหละ ไข่ดาวไม่ก็ไข่เจียวใส่ท๊อปปิ้งพวกไส้กรอกอะไรก็ว่าไป ทีเด็ดของร้านนี้คือให้เยอะ ราคามาตรฐาน แถมยังมีพวกอาหารตามสั่งกับน้ำปั่นด้วย เรียกได้ว่าครบเครื่อง

            พวกเราแยกกันสั่งคนละกระทะ พร้อมหารตามสั่งคนละจาน กะอิ่มยันพรุ่งนี้ เห็นซันคุยกับพวกมิท ผมนั่งข้างโป้เลยมีโอกาสกระซิบคุยกัน เพราะไม่ได้คุยในเน็ตเลยพักหลัง ขอถามความเป็นไปหน่อย

            “ทุกอย่างโอเคปะตั้งแต่วันนั้น”

            โป้ตักไข่ใส่ปากมองไปทางซันก่อศึกแย่งไส้กรอกกับริว

            “ก็โอเคดี ปกติทุกอย่าง ปกติซะจนเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” ปากบอกปกติ แต่สายตาและน้ำเสียงแห้งแล้งไปรึเปล่า แล้วยังประโยคหลังนั่นอีก โป้เหมือนไม่อยากให้ซักไซ้เลยซักผมแทนซะงั้น

            “เฮียเฟย์ติดธุระเหรอ วันนี้ถึงกินข้าวนอกบ้านได้”

            “อืมม บอกว่าวันนี้กลับดึกให้หาอะไรกินเอง”

            “สงสัยคงงานยุ่งล่ะมั้ง ไม่ต้องคิดมาก มีไรโทรมาแล้วกัน” กลายเป็นโป้ปลอบผมแทนซะงั้น ขอเอาไปเป็นแม่คนที่สองได้มั้ย กอดหมับ ไอ้ซันหันขวับ เอามือยันหัวผมออกจากตัวโป้

            “เฮ้ย น้อยๆ หน่อย นั่นของกู”

            “ขี้หวงเอ๊ย อย่าลืม ใครเป็นพ่อสื่อ” ผมแลบลิ้นใส่ ได้ยินแบบนั้นคู่หูคู่ป่วนหูผึ่งทันที ส่วนโป้ยกมือนวดขมับ

            “อะไรๆ มีพ่อสื่อด้วย พวกมึงคบกันแล้วเหรอ” มาถึงริวก็ถามเข้าประเด็น ขนาดผมยังผงะ ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ไอ้ซันมันยอมรับหน้าตาเฉย นี่ในร้านอาหารนะ ไม่คิดจะลดเสียงหน่อยเรอะ

            “เออ กูกับมันคบกัน หนักหัวมึงรึไง”

            “หัวพวกกูไม่หนักครับ เกรงจะไปหนักคนอื่น” มิทพูดขำๆ คนอื่นในร้านก้มหน้าก้มตากินเลิกสนใจพวกเรา ผมละเสียวจริง พวกนี้พูดอะไรที่ไม่เคยเกรงใจคนอื่นเล้ย

            หมดของคาวตามด้วยของหวาน ขนมใส่น้ำเชื่อมน้ำแข็งคนละถ้วย มีของซันสั่งรวมมิตรอยู่คนเดียว แทนที่มันจะกิน ดันตักพวกเยลลี่มาให้ผม ผมมองมันด้วยสายตาซาบซึ้ง ยังไม่ทันอ้าปากขอบคุณ โป้บอกดักระหว่างตักถั่วแดงในถ้วยซันมากินหน้าตาเฉย ซันมันไม่ว่าด้วยนะ แถมยังตักของที่โป้ชอบให้แบบเต็มใจ ดูแลกันดี ไม่เห็นเป็นอย่างที่โป้พูดเลย สงสัยเจ้าตัวจะคิดมากไป

            “ไม่ต้องไปขอบใจมันหรอก ซันมันเกลียดเยลลี่ พวกของหยึยๆ ทุกชนิด”

            ชัดเจน!

            “ทำดีแอบแฝงนี่หว่า” ผมแว้ดใส่ ซันยักไหล่

            “หรือไม่กิน กูจะได้เอาให้ตัวอื่นแทน”

            “กินดิ” ของถึงมือมีหรือจะปล่อย

            “ก็แค่นั้น” ท่าทางซันตอนนี้โคตรยียวนกวนส้นทีน

            ผมนั่งตักขนมเข้าปากอย่างดื่มด่ำ พี่เฟย์งานยุ่งไม่มีเวลาทำ ที่เคยทำไว้ผมกินเรียบหมดแล้ว ช่วงนี้เลยไม่ได้ทานของหวาน ช่างน่าสงสาร มิทนั่งเท้าคางมองพวกผม ในปากคาบช้อนใช้ลิ้นดันกระดกเล่นไปมา กับคนทั่วไปคงบอกไม่เหมาะ กับคนที่รู้ตื่นลึกหนาบางเรื่องวงการสีม่วง เล่นลิ้นแบบนี้มันชวนคิดนะ...

            “ริวมึงดูดิ อย่างกับพ่อแม่ลูก”

            “มึงเพิ่งเห็นเหรอ กูเห็นมานานละ คบกันไม่ทันไร มีพยานรักออกมาซะแล้ว เด็กสมัยนี้ไวไฟจริงๆ”

            ไอ้หนุ่มญี่ปุ่นจีบปากจีบคอพูด ผลคือโดนซันยกขายันคู่ พวกมันกอดคอกันหัวเราะไม่เกรงใจชาวบ้าน ผมขอสาบานเลยว่า ถ้าไม่มากับพวกซัน ผมจะไม่มากินร้านนี้เด็ดขาด กลัวเขาจำได้แล้วคิดบัญชี ข้อหาก่อกวนความสงบ

            กินเสร็จกลับถึงห้องประมาณสองทุ่ม ห้องยังปิดไฟมืดสนิท ไร้วี่แววของใครอีกคน ผมถอนหายใจเปิดไฟวางกระเป๋ากับถุงอาหารที่ผมแวะซื้อมาเผื่อพี่เฟย์ มั่นใจเลยว่าเฮียแกต้องยังไม่ทานอะไรมาแน่ แล้วมานั่งจ๋องอยู่หน้าคอม มองเวลาที่หน้าจอสลับมองประตูเป็นระยะ

            เวลาสี่ทุ่มกว่าคนที่รอคอยโผล่มาสักที

            “พี่กลับมาแล้ว” ประตูเปิดออก ผมรีบถลาไปช่วยเอากระเป๋าเอกสารไปเก็บในห้องพี่เฟย์ พอเดินออกมาเห็นพี่ชายนั่งหลับตาพาดแขนอยู่ตรงโซฟา ร่างสูงดูเหน็ดเหนื่อย นิ้วชี้เกี่ยวรูดไทออก ปลดกระดุมคอเสื้อให้คอโล่ง

            “ตกลงพี่ทำงานหรือไปสู้รบกันใครกันแน่” ผมถามขณะเดินอยู่ด้านหลังพนักพิง ช่วยนวดบ่ากว้าง

            “ทั้งสองอย่างแหละ ปอนด์มานั่งนี่ซิ” เจ้าตัวตบเบาะปุๆ ตรงตำแหน่งข้างตัว ผมอ้อมไปนั่งอย่างว่าง่าย จังหวะที่หันเข้าหา พี่เฟย์ดันตัวผมลงนอนบนโซฟา สองมือจับยึดข้อมือผมไว้ ก่อนซุกหน้าบนพุง นอนทับอย่างเต็มรูปแบบ

            “เฮ้ยพี่ ทำอะไรเนี่ย! หนักนะ”

            “พี่ขอเติมพลังหน่อย”

            พักบ้านไหนเค้ามานอนซุกพุงกันแบบนี้ รู้ว่าชอบแมว แต่ผมไม่ใช่แมวนะเฮ้ย เอาเถอะ เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยหาเงินเลี้ยงครอบครัว ผมจะยอมนอนนิ่งๆ ให้พี่เฟย์หนุนพุงไปก่อนก็ได้ การเสียสละที่ยิ่งใหญ่

            หนึ่งนาทีผ่านไป…

            ห้านาทีผ่านไป…

            สิบนาทีผ่านไป ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ…

            “เฮ้ย! พี่อย่าเพิ่งหลับ ตื่นก่อน ไปทานข้าวแล้วอาบน้ำค่อยนอน” ผมดิ้นแด่วๆ อยู่ใต้ร่างหนา พี่เฟย์ร้องฮืมในคอ ยกมือชูห้านิ้ว

            “ขออีก 5 นาที”

            “5 นาทีแป๊ะอะไร ลุกเลยพี่ ลุกเดี๋ยวนี้ มันหนักนะ”

            โดนผมโวยวายดิ้นมากๆ เข้า สุดท้ายต้องจำยอมลุกมานั่งคอพับต่อ หมดสภาพเลยพี่ตู ผมส่ายหัวไปอุ่นอาหารใส่จานมาเสิร์ฟถึงที่ พอพี่ชายทานหมดก็ไล่ไปอาบน้ำ ผมเป็นคนเก็บล้างเอง เห็นว่าเข้าห้องแล้วหายเงียบ ล้างจานเสร็จเลยชะเง้อไปดู ร่างสูงใส่ชุดนอนหลับไปแล้ว ผมปิดไฟ ปิดประตูกลับห้องตัวเอง

            เช้าวันต่อมา ผมมีเรียนบ่ายเลยตื่นสายได้ ออกจากห้องเห็นความว่างเปล่าบนโต๊ะอาหาร ถึงกับขยี้ตามอง ตัวอักษรภาษาอังกฤษสามตัวเด้งเข้ามาในหัว

            OMG!! พี่เฟย์ลืมทำข้าวเช้าทิ้งไว้ให้ ไม่ใช่ว่าผมต้องมีคนคอยดูแลตลอดนะ ไม่มีก็ไม่เป็นไร แวะซื้อของกินที่เซเว่นหรือหาข้าวกินที่มหาลัยก่อนเข้าเรียนได้ เพียงแต่ นี้เป็นครั้งแรกที่มิสเตอร์เพอร์เฟคอย่างพี่เฟย์ลืมกิจวัตรประจำวันไปหนึ่งอย่าง

            เดินสำรวจดูในห้องครัว ไม่มีร่องรอยของการทำอาหารเลย แสดงว่าพี่เฟย์ออกไปทั้งๆ ที่ไม่ทานข้าวเช้า ปกติเจ้าตัวพร่ำพูดเสมอว่ามื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญที่สุดแท้ๆ ด้วยสำนึกในตัวเองที่เป็นแมวให้พี่ชายเลี้ยงไปวันๆ จึงตั้งปณิธานว่า เย็นนี้กลับมาจะช่วยเหลือพี่เฟย์อย่างเต็มที่

            สวรรค์เป็นใจ ผมเลิกเรียนกลับห้องมาเห็นพี่ชายกำลังเตรียมมื้อเย็นอยู่พอดี วันนี้พี่กลับมาเร็วจนน่าแปลก

            “กลับมาแล้วคร้าบ วันนี้พี่กลับไวจัง” ผมเดินไปเกาะด้านหลัง พี่ชายในชุดผ้ากันเปื้อนสีเรียบแต่มีลายแมวกับอุ้งเท้าแมว เป็นภาพชินตาของผมไปแล้ว เจ้าตัวตอบทั้งที่ยังง่วนกันการเตรียมมื้อเย็น

            “พอดีโดนที่บริษัทไล่ให้พัก พี่เลยกลับเร็ว แต่พรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานอีก เมื่อเช้าพี่ขอโทษด้วย ลืมทำมื้อเช้าซะได้” พี่ชายหันมายิ้มให้แบบเหนื่อยๆ เอ๊ะ พรุ่งนี้วันหยุดไม่ใช่เหรอ บริษัทมีปัญหารึเปล่า ผมไม่กล้าถามซะด้วยสิ

            “ไม่เป็นไรพี่ เรื่องเล็ก ผมหากินที่มหาลัยได้ ให้ผมช่วยมั้ย” ตั้งใจไว้แล้วจะช่วยแบ่งเบา พี่ชายส่ายหัว

            “ไปนั่งรอไป พี่จัดการเอง”

            “น่านะ ให้ผมช่วยเถอะ ผักนี่ต้องล้างสินะ” ผมเสนอตัวเข้าหา เป้าหมายแรกคือผักใบเขียวสดอยู่ตรงอ่างล้างจาน

            “พี่ล้างแล้ว”

            “งั้นพี่จะเอาอะไรในตู้เย็นรึเปล่า เดี๋ยวผมหยิบให้”

            “ปอนด์ พี่บอกไม่ต้องช่วยไง” น้ำเสียงเหนื่อยหน่าย ผมยังยิ้มสู้

            “พี่ทำงานมาเหนื่อยๆ ให้ผมช่วยดีกว่า หยิบจานๆ”

            พี่เฟย์เตรียมวัสถุดิบไว้เพียบ แต่ยังไม่มีจานสำหรับใส่ตอนทำเสร็จ ผมเลยเปิดตู้ช่วยหยิบจานมาวางเรียงให้ หันไปมองอีกทีพี่เฟย์ขมวดคิ้ว ถอนหายใจหนัก แล้วดันหลังผมออกจากห้องครัว

            “วางจานแบบนั้นมันก็เกะกะน่ะสิ เดี๋ยวชนแตกกันพอดี ถ้าอยากช่วยนักไปจัดโต๊ะรอซะ”

            พยักหน้ารับ รีบไปจัดให้ตามที่ขอ พอมองโต๊ะทานอาหาร มันสะอาดเอี่ยมอ่อง ไม่ต้องทำอะไรเลย อย่างมากแค่หยิบจานช้อนส้อมมาวางรอเท่านั้น ผ่านไปสักพักเมนูง่ายๆ ถูกจัดวางบนโต๊ะ

            วันนี้ช่วยพี่ชายไม่สำเร็จ แต่ผมไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ในเมื่อพี่ชายต้องไปทำงานในวันหยุด ไม่มีเวลาทำความสะอาดห้อง ผมเลยผันตัวเองเป็นพ่อบ้านหนึ่งวัน หยิบจับอุปกรณ์ทำความสะอาดเท่าที่ทำได้ อย่างพรมนี่ใช้เครื่องดูดฝุ่น ตามโต๊ะ ตู้ ชั้นหนังสือใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดฝุ่น รดน้ำสมุนไพรตรงระเบียง หลังเสร็จสิ้นภารกิจ เก็บอุปกรณ์เข้าที่ตามเดิม

            ขอบอกว่าห้องพี่ชายใหญ่มาก กว่าผมจะทำเสร็จเหนื่อยแทบล้มตาย นอนแผ่กองอยู่กลางห้อง ดูผลงานอย่างภาคภูมิใจ ถึงมันจะไม่สะอาดใสปิ๊งแบบพี่เฟย์ทำ ยังนับว่าดูได้ ที่เหลือคือรอเวลาพี่ชายกลับมาเห็นผลงาน

            ผมลุกไปอาบน้ำล้างเหงื่อ มานั่งเล่นคอมรอเวลาพี่ชายกลับ เจ้าตัวกลับมาเห็นผลงานก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ลูบหัวแล้วบอกว่าผมไม่ต้องทำก็ได้ เอาไว้ว่างๆ จะทำเอง ผมส่ายหัว อย่างพี่ชายเนี่ยนะว่าง เห็นงานยุ่งหัวหมุน เวลาพักแทบจะยังไม่มี สรุป ผมยังคงช่วยต่อ

            หลายวันผ่านไป ผมทำความสะอาดอีกครั้ง รอบนี้พี่เฟย์ไม่ตอบรับ เอาแต่หน้านิ่วคิ้วขมวด ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า พูดกันนับคำได้ จนถึงเวลาเข้านอนพี่เฟย์ลากผมมานั่งคุยที่โซฟา ผมรู้สึกใจไม่ดี...ผมทำอะไรผิดรึเปล่า?

            “ปอนด์ พี่พูดตรงๆ นะ เราไม่ต้องช่วยพี่ แค่อยู่เฉยๆ ก็พอ”

            “แต่...”

            “ไม่มีแต่ รู้มั้ยพรมเนี่ยมันทำความสะอาดยังไง ที่เราทำไปมีแต่จะทำให้พรมเสียหาย แล้วยังสมุนไพรตรงระเบียงนั่นอีก รดน้ำขนาดนั้นเดี๋ยวเน่ากันพอดี พวกของใช้ในห้องด้วย” ผมสะอึก รู้สึกหน้าชา เม้มปากเป็นเส้นตรง

            “ผมขอโทษ...ผมแค่อยากช่วย”

            “ไม่จำเป็น เอาเป็นว่า เราอยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไรเลยนั่นแหละ ถือว่าช่วยพี่แล้ว ไปนอนซะ พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าไม่ใช่รึไง”

            ผมหน้าเสีย น้ำเสียงห้วนที่ได้ยินมันบาดลึก ทั้งที่ผมตั้งใจจะช่วยแท้ๆ กลับทำให้พี่หงุดหงิดมากกว่าเดิม ได้แต่ก้มหน้าเดินเข้าห้องนอนใหญ่ ยังไม่ทันถึงประตู พี่ชายดันร้องห้าม ชิงเดินเข้าห้องนอนไปก่อน สักพักออกมาพร้อมกับผ้าห่ม หมอน ตุ๊กตา ทุกสิ่งที่เป็นของผม…

            ตั้งแต่คบกันผมนอนห้องเดียวกับพี่ชายตลอด แล้วพี่ขนข้าวของออกมายัดใส่แขนผมแบบนี้ มันหมายความว่ายังไง ผมมองหน้าพี่ชายสลับกับของในมือ

            “พี่...” ผมเรียกเสียงอ่อย มองอย่างไม่เข้าใจ พี่ชายจ้องผมด้วยสีหน้าที่ไม่เคยเห็น

            “กลับไปนอนห้องตัวเอง ช่วงนี้พี่อยากนอนคนเดียว”

            สิ้นคำประตูถูกปิดต่อหน้า ผมตาโตมองประตูที่อยู่ห่างแค่เอื้อม แต่ในเวลานี้มันเหมือนมีกำแพงอะไรบางอย่างมาขวางกั้นเอาไว้ ทั้งคำพูด การกระทำของพี่ชายช่วงหลังๆ เหมือนฉายซ้ำเข้ามาในหัว มีหลายครั้งร่างสูงทำท่าเหมือนรำคาญ นึกย้อนไปเหมือนตอกย้ำความกังวลของตัวเอง ลึกๆ ผมกลัวว่าพี่เฟย์ไม่ชอบผมแล้วรึเปล่า เบื่อกับคนที่อายุน้อยกว่าทำอะไรไม่ได้สักอย่างใช่มั้ย

            ขอบตาเริ่มร้อนผาว ผมกอดผ้าในอ้อมแขน ทรุดตัวลงนั่งซุกหน้ากลั้นเสียงสะอื้นเบาๆ นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ทำกับผมแบบนี้ ทำสีหน้าเย็นชาใส่ ไล่ผมออกจากห้องแล้วยังปิดประตูใส่หน้าอีก

            ก้อนแข็งมาจุกอยู่ที่ลำคอ ผมร้องไห้เงียบๆ ปล่อยให้น้ำตาซึมกับผ้าห่ม ขมวดคิ้วแน่นจนปวดหัว ปล่อยตัวเองนั่งอยู่ในความมืดหน้าห้องนอน ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้เลยว่าสภาพผมตอนนี้มันแย่แค่ไหน ในอกปวดแปลบไปหมด นึกน้อยใจ ทำไมพี่ต้องโกรธผมขนาดนี้ด้วย ผมอาจจะทำผิดจริง แต่ผมทำไปเพราะหวังดีและสิ่งที่ทำมันก็ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรขนาดนั้น ทั้งที่ตัวเองเคยพูดแท้ๆ ว่าข้าวของพวกนั้นไม่สำคัญเท่าผม งั้นสิ่งที่ผมเจออยู่นี่หมายความว่ายังไง

            ผมนั่งสะอึกสะอื้น ลองเรียกพี่ชายดูก็แล้ว ยังไร้ปฏิกิริยาตอบรับจากคนในห้อง ปกติแค่นิดๆ หน่อยๆ พี่ชายเป็นห่วงผมจะเป็นจะตาย แล้วทำไมผมเสียใจร้องไห้เพราะพี่ พี่ถึงไม่ออกมาปลอบล่ะ อย่างน้อยๆ ช่วยมาพูดดีๆ กันสักคำก็ยังดี ผมไม่ใช่เด็กไม่รู้จักโตที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักหน่อย

            อาการของพี่ตอนนี้เหมือนระชนวนที่ใกล้ระเบิด คงจะเครียดจากเรื่องงาน พอเจออะไรไม่ได้ดั่งใจเลยเผลอพาลใส่อย่างที่ไม่เคยเป็น ใจมันรู้นะ แต่ความรู้สึกมันสวนทางจนเริ่มสับสนไปหมด

            สุดท้ายผมเลยตัดสินใจลองหาเรื่องให้พี่เฟย์ออกมาจากห้อง จะได้คุยให้เคลียร์ไม่อยากปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ ผมยังอยากให้พี่ยิ้มให้ผมไม่ใช่ทำหน้ายักษ์

            ด้วยความที่กำลังสับสน ผมคิดวิธีไม่ออก เลยเลือกวิธีสิ้นคิด เอากำปั้นทุบหมอนจนเกิดเสียงตุบตับ ทั้งที่น้ำตายังไหลพรากๆ ดูเหมือนว่ามันจะได้ผล ผมได้ยินเสียงกุกกักภายในห้อง ใครจะไปคิดล่ะว่าพี่ชายจะพูดออกมาแบบนี้!

            “อย่าอาละวาดมันหนวกหู พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงานแต่เช้านะ โตแล้วมีเหตุผลหน่อยสิ!”

            ผมอึ้งค้างชะงักอยู่กับที่ ไม่คิดเลยว่าพี่ชายจะพูดแบบนี้ ความอ่อนไหวทำให้อารมณ์แปรปรวน ทั้งเสียใจทั้งโมโห จงใจใช้หมอนขว้างใส่ประตูพาลกลับ

            “พี่นั่นแหละไม่มีเหตุผล! เป็นอะไรมาไม่รู้ อย่ามาพาลใส่กันสิโว้ย ไอ้พี่บ้า ไอ้พี่เฮงซวย ไม่ยุ่งด้วยแล้ว ทำงานให้เหลือแต่โครงกระดูกไปเลยไป๊!!”

            ปิดท้ายด้วยถีบประตูแรงๆ ไปหนึ่งที ได้ยินเสียงคนลุกจากเตียง อยู่ให้โง่ดิ ผมสะบัดหน้าหอบข้าวของเข้าห้องตัวเองแล้วปิดประตูเสียงดังสนั่นพร้อมล็อกเสร็จสรรพ จังหวะเดียวกับที่พี่เฟย์ทำท่าจะเดินเข้ามาหาพอดี เออ เอาคืนซะมั่ง จะได้รู้ว่าการถูกคนรักปิดประตูใส่หน้ามันเป็นยังไง

            ยกแขนเสื้อปาดน้ำตาลวกๆ กระโดดขึ้นเตียงนอน ความรู้สึกผสมปนเปไปหมดจนแทบนอนไม่หลับ ที่แน่ๆ ผมโกรธพี่เฟย์มาก เสียใจมากด้วย ขนาดตอนนี้ยังเจ็บจี๊ดที่อกไม่หาย คิดแล้วว่าความรู้สึกนี้ไม่หายไปง่ายๆ แน่

            ทั้งที่ควรจะเป็นแบบนั้น แต่นิสัยของผมเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว แถมยังขี้ใจอ่อนระยะสุดท้าย พอตื่นมาในสภาพตาบวมน่าอานาถ ขนาดตัวเองเห็นหน้าในกระจกยังตกใจ นึกทบทวนดูดีๆ ว่าเมื่อคืนตัวเองทำอะไรไปบ้าง โกรธก็ส่วนโกรธ ผมไม่ควรแสดงกิริยาแบบนั้นกับพี่เฟย์ที่อายุมากกว่า

            ผมตบแก้มดึงสติระหว่างล้างหน้า เอาวะ เป็นไงเป็นไง พี่เฟย์เป็นผู้ใหญ่คงไม่โกรธกับเรื่องเล็กน้อยแบบนั้น ป่านี้อาจจะเตรียมง้อก็ได้ ตามประสาพี่ชายใจดี พี่ชายคงเครียดเรื่องงานนั่นแหละ พอผมไปสะกิดเลยฉุน พี่เฟย์เป็นพวกหวงของทุกอย่างในบ้าน ต้องจัดการดูแลเองถึงจะวางใจ ในเมื่อแต่ละอย่างไม่ใช่ของธรรมดาทั้งนั้น มีวิธีดูแลจุกจิกมากมาย

            ไม่น่าหลงตัวเองเลยเรา ต่อให้พี่ชายยอมขนาดไหน มากลิ้งนอนในห้องมากเท่าไหร่ ยังไงมันก็คือพื้นที่ส่วนตัวของเขา อีกอย่างมันคงไม่มีเรื่องชวนปวดใจเท่าเมื่อคืนอีกแล้ว ผมปลอบใจตัวเอง สูดลมหายใจลึกๆ สู้เว้ย

            เปิดประตูชะโงกหน้าดู ไร้วี่แววเจ้าของห้อง ครึ่งหนึ่งรู้สึกวูบโหวง อีกครึ่งแอบดีใจเพราะยังไม่รู้จะชวนคุยยังไง บนโต๊ะทานอาหารยังไร้อาหารเช้าเหมือนเคย พี่ชายคงลืมล่ะมั้ง ผมไม่คิดอะไรมาก จังหวะที่หมุนตัวกลับเข้าห้องเพื่อหยิบกระเป๋าไปมอ กระดาษแผ่นหนึ่งแปะอยู่ตรงหน้าประตู ข้อความในนั้นเขียนไว้ว่า

            ‘ช่วงนี้กลับไปอยู่กับแม่ซะ’

            มือคว้ากระดาษนั่นมาเพ่งมองชัดๆ มั่นใจว่าตัวเองไม่อ่านผิดแน่ ผมซวนเซพิงพนักโซฟา ทะเลาะกันแค่นี้ถึงกับไล่ให้กลับบ้านเลยเหรอ พี่ไม่ต้องการผมแล้วใช่มั้ย ผมเป็นแค่ตัวน่ารำคาญสินะ จากอารมณ์สงบก่อนออกจากห้อง เปลี่ยนเป็นฉุนเฉียว ไอ้ผู้ใหญ่ไร้เหตุผล

            เออดี กลับก็กลับวะไม่ง้อ วันนี้ไม่ลงไม่เรียนมันแล้ว มือฉีกกระดาษเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทิ้งไว้บนพื้นนั้นแหละ แล้วก้าวฉับๆ เข้าห้องเก็บข้าวของจำเป็นสะพายเป้กลับบ้าน ไม่เหลียวหลังมองอีกเป็นครั้งที่สอง

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2016 20:53:58 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ง่า พี่เฟย์อะ พูดกับน้องดีๆสิ

 :hao7: 

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
ค้างอย่างแรงเลยแบบนี้

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
อ้าว วาร์ปมามาม่าเฉย

ออฟไลน์ lovekodak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ง่า   อย่าเพิ่งโมโหจิ!  ใจเย็นๆ   :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ถือว่าพี่เฟย์ผิดนะ. เครียดกับงานมาพาลน้อง.  น้องแค่อยากช่วยอะไรบ้าง.  ไล่น้องกลับบ้านยังงี้. น้องงอนนานๆ เลยนะ ให้ง้อให้เข็ด

ออฟไลน์ Jitsupa_milk

  • Just Milky('s) Way
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
งอนนานๆเลย เฟย์จะได้รู้บ้าง ทำแบบนี้ได้ไง ถึงจะเครียดแต่มาพาลคนในบ้านอย่างนี้ก็ไม่ถูก

ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
ง่าาา. เกิดอะไรขึ้นหว่าาาาา  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
ทะเลาะกันแล้วกลับบ้านแม่สินะ!!!!
เฮ้ออออ มีอะไรไม่คุยกันดีๆน้อออ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :pig4:

เฮ้ออออ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ทำไมไม่คุยกันดีๆนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
ตีกันเฉ้ยยย ปรับอารมณ์ไม่ทันเลย

ออฟไลน์ fannaio

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่เฟฟฟฟฟฟฟย์ ไม่คิดว่าพี่จะทำแบบนี้ ขอเหตุผลดีๆด้วยนะคะพี่  :sad4:

ออฟไลน์ idoloveyou555

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ง่ะค้างงงงงง :z3: :z3: :sad4: :sad4: :o12: :o12:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่เฟย์เป็นอย่างนี้
ถ้ายุ่งมากคิดว่าไม่มีเวลาดูแลน้องก็อธิบายมาสิ น้องเข้าใจแน่ๆ แต่ทำอย่างนี้น้องเสียใจนะ
แล้วถ้านี่เป็นตลกร้าย จะเซอร์ไพร์อะไรล่ะก็ มันมากไปนะ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
เกิดอะไรขึ้นอะ พี่เฟย์มัยทำงี้ละ

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ค้างงงงง

ทำไมพี่เฟย์ทำงี้เนี่ย ปกติออกจะใจดีอารมณ์เย็นจะตาย เครียดไรมาล่ะเนี่ยยย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
มันน่าคิดนะเจอแบบนี้ ทุกทีไม่เคยให้ได้ร้องไห้แต่นี้ :a5:

ทำน้องเจ็บแล้วไม่มีเหตุผลดีๆโดนแน่ๆ :z6:

ออฟไลน์ iammilk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คือไรอ่ะ  :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
งงงงงงงงงงง  :hao4:

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
ให้ปอนด์งอนนาน ๆ เลยค่ะ ทำไมพี่เฟยต้องว่าน้องด้วย

น้องเห็นดว่าพี่เหนื่อยเลยอยากลดภาระให้พี่

แต่พี่กลับคิดว่าน้องทำป่วน เชอะ! ขอให้ปอน์ดย้ายออกไปไม่อยู่ด้วยอีกแล้วจะได้รู้สึก!!  :m31:

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ดีกันไวๆนะ ค่อยๆคุยกัน

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
วายที่23 ตัวตนที่แท้จริง

   ร่างสูงในชุดสูทกลับห้องมาในเวลาเย็นย่ำ ภายในห้องปิดไฟเงียบ รู้สึกโหวงในอกจนต้องผ่อนลมหายใจออกมาทำให้ตัวเองสงบ มือหนาเลื่อนไปกดสวิทช์ไฟ แสงสว่างจากหลอดไฟขับไล่ความมืดไปจนหมดสิ้น เผยให้เห็นภาพความจริงตรงหน้า

   ไม่ว่าส่วนใดของห้อง ไม่มีร่างคุ้นตา ไม่มีเสียงใสมาวนเวียนอยู่รอบตัว ดวงตาคมกวาดมองก่อนสะดุดตาเข้ากับเศษกระดาษบนพื้น พอหยิบขึ้นมาดู ชัดเจนเลยว่านั่นเป็นกระดาษที่เขาเขียนทิ้งไว้ตอนเช้าก่อนออกจากห้องไป แค่ให้กลับบ้านเฉยๆ ลูกแมวของเขาคงจะเข้าใจผิดจนโมโหไปใหญ่แล้ว ถึงฉีกกระดาษแบบนี้

   เฮ้อ… ทำตัวเองแท้ๆ เฟย์ได้แต่นึกปลงในใจ


   หากจะถามถึงต้นสายปลายเหตุทั้งหมด คงต้องย้อนกลับไปตอนผมกลับจากดูงานที่สาขาย่อย กำหนดการคือสามวัน แต่ทางนั้นรั้งตัวผมไว้จนต้องอยู่ต่อ พอขอตัวได้ถึงรีบกลับทันทีโดยไม่ได้แจ้งใครล่วงหน้าเพราะผมอยากรีบกลับมาหาลูกแมวของตัวเอง

   วันรุ่งขึ้นผมเข้าบริษัทแต่เช้า ตรวจเช็คเอกสารในช่วงที่ตัวเองไม่อยู่ พอดีว่าอารมณ์ดีจากการได้เอ็นดูเด็ก เลยขอให้เลขาสาวเอาเอกสารย้อนหลังมาให้ผมดูด้วย ปรากฏว่ามีเอกสารหลายฉบับที่ยังไม่ผ่านตาผมแต่ได้รับการเซ็นต์รับรอง…

   ดวงตมคมหรี่ลง บรรยากาศจากสดใสกลายเป็นมืดทะมึนชั่วพริบตา

   “มีปัญหาอะไรรึเปล่าคะหัวหน้า”

   ผมปรายตามอง เลื่อนเอกสารบนโต๊ะให้เธออ่าน ยุพิณรับไปอ่านอย่างละเอียดก่อนจะขมวดคิ้วไม่ต่างจากผม

   “เอ๊ะ เอกสารนี้ทำไมฉันไม่คุ้นเลย...”

   “มันอยู่ในกองย้อนหลัง คุณมั่นใจนะว่าไม่เคยเห็นมาก่อน”

   “ฉันมั่นใจค่ะ” เลขาสาวตอบทันทีด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ผมนิ่งเงียบทันที ยุพิณรู้ดีกว่าอารมณ์ผมตอนนี้ไม่ควรยุ่งด้วย หากเป็นลูกน้องคนอื่นเห็น เชื่อเลยว่าวิ่งหนีกันหมด ไม่ยืนต้านรังสีกดดันจากผมแน่

   ผ่านไปหนึ่งนาที ผมหลับตาออกปากสั่ง ขณะที่สมองกำลังคิดรวดเร็ว

   “ผมต้องการเอกสารย้อนหลังสามเดือนก่อนเที่ยง”

   ยุพิณรับคำรีบออกจากห้องไป ไม่กล้าชักช้า ก่อนเธอจะเดินถึงประตู ผมลืมตากำชับเสียงเย็น

   “อย่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่าผมกำลังตรวจสอบอะไร”

   “ค่ะ ดิฉันจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด”

   เธอทำงานกับผมมานานย่อมรู้ใจกันดี เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก มีคนปลอมลายเซ็นของผมเพื่อทำการบางอย่าง ผมต้องรีบตรวจสอบหาตัวคนทำให้ได้ ไม่งั้นผมนี่แหละที่จะแย่ แต่เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ตรวจสอบวันสองวันจะรู้เรื่อง มันต้องใช้เวลาพอสมควร 

   ผมยังคงไปทำงานตามปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพื่อไม่ให้ทางนั้นไหวตัวทัน ส่วนเวลาอยู่บ้าน ยังคงดูแลลูกแมวตามเดิม เด็กน้อยกำลังโกรธเรื่องที่ผมรังแกมากไปหน่อย เลยต้องง้อด้วยการปรนเปรอขนมและพาไปช้อปหนังสือนิยาย

   กลับถึงห้องมีสายเข้า ผมหยิบขึ้นมาดูเป็นเบอร์คุณยุพิณ เหล่มองลูกแมว กำลังง่วนกับของกินและหนังสือที่ซื้อมาอยู่

   “มีอะไรครับคุณยุพิณ โทรมาซะค่ำ”

   “หัวหน้าคะแย่แล้ว! ฉันตรวจเอกสารทั้งหมด คนที่ปลอมลายเซ็นหัวหน้ายักยอกเงินบริษัทตั้งแต่ต้นเดือนก่อน แถมท่านประธานก็รู้แล้วด้วย ฉัน...”

   ผมขบฟันแน่น คิดไว้อยู่แล้ว เป้าหมายในการปลอมลายเซ็นมีอยู่อย่างเดียว ผมพยายามข่มอารมณ์ให้สงบ แล้วปลอบปลายสายเบาๆ

   “ใจเย็นๆ คุณยุพิณ ไม่เป็นไรครับ ผมเป็นคนส่งเอกสารให้ท่านประธานเอง พรุ่งนี้เตรียมหลักฐานทั้งหมดไว้ ผมจะเข้าพบท่านประธานด้วยตัวเอง”

   “เข้าใจแล้วค่ะ มีอะไรใช้ฉันได้ทุกเมื่อเลยนะคะหัวหน้า”

   ปลายสายตอบรับด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงก่อนจะกดวางไป มันเป็นเรื่องจริงที่ผมเป็นคนเอาเอกสารพวกนั้นไปให้ท่านประธานเอง ถือเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ถ้าผมมัวเก็บไว้หาทางออกคนเดียว มีแต่จะงานเข้าหนักกว่าเดิม ไว้พรุ่งนี้ต้องไปปรึกษาท่านประธานว่าจะเอายังไงต่อไป ที่แน่ๆ ต้องสืบหาตัวการให้ได้

   ผมเข้าห้องมา มีดวงตาคู่หนึ่งมองด้วยความสงสัย ผมยิ้มเก็บอาการตัวเอง ยื่นมือไปขยี้หัวยุ่งนั่นแล้วทำตัวแบบปกติทุกอย่าง วันรุ่งขึ้นผมรีบเข้าบริษัท รับเอกสารจากเลขาตรงเข้าห้องท่านประธาน

   ทุกอย่างคุณยุพิณสรุปให้แล้ว มีผมอ่านกรองอีกทีหนึ่ง ผมทักทายตามมารยาท ส่งเอกสารให้ร่างเบื้องหน้า ชายวัยกลางคนรับไปไม่พูดอะไร เพียงแค่ไล่สายตาอ่านข้อมูลทั้งหมด ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง เอกสารปึกนั้นถูกวางลงบนโต๊ะ ดวงตาคมกริบสะท้อนภาพพนักงานดีเด่นที่ยังนั่งใบหน้าเรียบเฉย ดูไม่สะทกสะท้านกับเรื่องที่ตัวเองถูกใส่ร้าย ทั้งที่ความจริงในใจแทบลุกเป็นไฟด้วยความโกรธ

   “ผมจะเชื่อใจคุณได้ยังไง ไหนลองบอกเหตุผลมาคุณศตกมล”

   “ผมให้เลขาส่งตัวอย่างลายเซ็นของผมกับของปลอมไปเทียบกับผู้เชี่ยวชาญแล้วครับ คาดว่าจะได้ไม่เกินวันพรุ่งนี้”

   “แค่นั้นยังไม่พอ เอาเถอะ ผมเชื่อว่าคุณไม่ได้ทำ จับตัวมาให้ได้แล้วกัน เมื่อไหร่เรื่องแดงขึ้นมาถูกโยนเข้ากรงขัง ผมคงช่วยไม่ได้”

   “ครับ ผมจะลากคอคนทำออกมาให้ได้”

   การพูดคุยจบในเวลาอันสั้น นับจากวันนั้นผมต้องเข้างานไวและเลิกช้ากว่าปกติเพื่อสืบหาคนร้ายพร้อมกับทำหน้าที่ของตัวเองไปด้วย กว่าจะรวบรวมหลักฐานการปลอมลายเซ็นเพื่อยักยอกเงินบริษัทได้ครบจนมั่นใจแล้วว่าใครเป็นคนทำ เจ้าพนักงานชั่วดันหอบเงินหนีไปซะแล้ว ก่อนที่ผมจะแจ้งตำรวจเพียงหนึ่งวัน...

   ความเครียดเริ่มมีมากขึ้นถึงขนาดที่ผมลืมทำอาหารเช้าให้ลูกแมว กว่าจะนึกออกก็ตอนตัวเองถึงบริษัท วันนั้นผมเลยรีบเคลียงานขอตัวกลับไวกว่าปกติเพื่อทดแทนให้ลูกแมว เจ้าตัวยังร่าเริงสดใสเหมือนเคย ซึ่งนั้นก็ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องของผมหรอก อีกไม่นานผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วกลับมาใช้ชีวิตตามปกติสักที

   เพื่อการนั้นผมต้องจ่ายด้วยเวลาที่มีให้กับปอนด์น้อยลง ไปทำงานเช้ากลับดึก วันหยุดยังต้องไปทำงาน แทบไม่ได้ดูแลบ้านหรือทำอาหารให้เหมือนอย่างทุกที โชคดีหน่อย ปอนด์เข้าใจผม ไม่โวยวายอะไรทั้งสิ้น แล้วยังลุกขั้นมาช่วยทำความสะอาดที่ตัวเองไม่ถนัด ผมรู้สึกดีใจและหนักใจในเวลาเดียวกัน

   ข้าวของในห้องผมหลายอย่างมันต้องทำความสะอาด ดูแลรักษาต่างจากปกติ ส่งผลให้ความช่วยเหลือของลูกแมวคล้ายจะช่วยเพิ่มงานมากกว่าเดิม ผมทำใจเย็น ยิ้มให้ แล้วบอกว่าปอนด์ไม่จำเป็นต้องช่วยงานผม แต่ผมคงลืมไป เจ้าลูกแมวของผมมันดื้อกว่าที่คิด ผลสุดท้าย

   ในช่วงหัวเลี้ยวหัวตอ ผมขอให้ฝนใช้เส้นสายรวมกับตำรวจช่วยออกตามหาก่อนที่ผมจะโดนจับเข้าคุกแทน จวนจะเจอตัวคนร้ายอยู่แล้ว ผมดันพลาด เผลอหลุดอารมณ์พาลใส่ปอนด์ ผมรู้จักตัวเองดี ดูภายนอกผมเหมือนคนควบคุมตัวเองเก่ง มีความอดทนสูง แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ ข้างในตัวผมมันมีอารมณ์รุนแรง อารมณ์ดิบแฝงอยู่ในตัวตลอด ที่ผ่านมาอาศัยวุฒิภาวะสูงทำให้ควบคุมตัวเองได้ดี แต่มันไม่สามารถทำได้เสมอไป ยิ่งในช่วงความรู้สึกไม่คงที่แบบนี้

   ผมจำต้องไล่ปอนด์ไปนอนห้องเดิม เพราะกลัวเผลอทำอะไรลงไปโดยไม่คิด ยิ่งลูกแมวเป็นพวกหัวดื้อ พอจะเถียงขึ้นมาทีไม่มีทางยอมง่ายๆ ผมกลัวว่าจะคุมตัวเองไม่อยู่

   ถามว่าผมได้ยินเสียงสะอื้นของปอนด์หน้าห้องมั้ย ขอตอบเลยว่าได้ยินชัดเจน ชัดจนปวดใจแทบอยากออกไปคว้ามากอดแน่นๆ ถ้ายังมานั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องแบบนี้ผมทนไม่ไหวแน่ ผมเลยออกปากไล่ให้ปอนด์กลับห้อง ดันกลายเป็นว่าทะเลาะกันหนักกว่าเดิม

   ปอนด์โกรธ...ลูกแมวพาลใส่ผมบ้าง เสียงด่าทอ เสียงเท้าถีบประตูดังชัดเจนจนเส้นอารมณ์พุ่งปี๊ด ผมกระชากประตูออกหมายจะเข้าไปจับเจ้าตัวเล็กมาสั่งสอนซะให้เข็ด ปอนด์ดันไวกว่า วิ่งปรู๊ดเข้าห้องปิดประตูใส่หน้า เหมือนโดนสวนคืนการกระทำของผมก่อนหน้านี้

   จะทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจหนักๆ แล้วเดินกลับห้องไปนอนสงบสติอารมณ์ซะ

   ผมตัดสินใจเขียนกระดาษแปะหน้าห้องลูกแมวให้กลับบ้านไปก่อน เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเอง เพราะไม่รู้ผมจะออกอาการงี่เง่าขึ้นมาอีกตอนไหน

   แม้สุดท้าย ผมต้องมานั่งเก็บกระดาษเจ้ากรรมทิ้งลงถังขยะแล้วนั่งรอโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทบนโซฟา หนังตาหนักอึ้ง เหนื่อยล้าจนอยากพัก เด็กน้อยที่ช่วยเพิ่มพลังก็ไม่อยู่ซะด้วย คงต้องงีบสักพัก...

   ไม่รู้ผมผล็อยหลับไปตอนไหน กระทั่งเสื้อผ้าก็ยังไม่เปลี่ยน นอนหลับมันบนโซฟานั่นแหละ เสียงริงโทนช่วยปลุกให้ผมตื่นเต็มตา หยิบมากดรับโดยไม่ต้องมองชื่อคนโทรด้วยซ้ำ

   /เจอตัวแล้ว เอาไงต่อ/ ปลายสายไม่พูดพล่ามทำเพลง เอ่ยเข้าประเด็นทันที

   “จับตาดูไว้ก่อน ส่งที่อยู่มาทางโทรศัพท์ กูจะรีบไป”

   /เดี๋ยว กูไปด้วย สภาพมึงตอนนี้กูไม่ไว้ใจให้มึงขับรถดิ่งจากกรุงเทพไปต่างจังหวัดคนเดียวว่ะ เตรียมตัวรออยู่ที่ห้อง เดี๋ยวกูถึงจะโทรให้มึงลงมาเอง/

   ฝนอาสาด้วยความห่วงเพื่อน น้ำเองก็เห็นด้วย เลยปล่อยฝนขับรถออกไปโดยดี เฟย์วางสายพลางถอนหายใจ ยกมือนวดขมับที่ปวดหนักจากการพักผ่อนไม่เพียงพอและโหมร่างกายเกินไป ความจริงผมอยากรีบบึ่งรถไปเคลียกับไอ้ชั่วนั่นให้มันจบๆ แต่เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ผมต้องมีสติ เพราะผมไม่ใช่ตัวคนเดียว ยังมีครอบครัว มีคนรัก เพื่อนฝูงต้องการผมอยู่

   ตอนนี้อยู่ในช่วงหัวค่ำรถไม่ค่อยติด ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ฝนก็มารับผมที่คอนโดจนได้ เราคุยรายละเอียดกันในรถอีกนิดหน่อยแล้วตั้งหน้าตั้งตาขับกันจนถึงที่หมาย ด้วยความที่ฝนมันตีนผี เหยียบมิดทันใจผม ช่วงเช้ามืดเราก็มาถึงบ้านเป้าหมายสักที

   บ้านเดี่ยวขนาดกลางอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร ทุกบ้านยังคงปิดไฟมืดเพราะเวลานี้ยังเช้าเกินกว่าจะตื่นมาทำงาน มีรถคันหนึ่งจอดเทียบหน้าบ้าน ชายร่างสูงสองคนลงจากรถจ้องประตูเขม็ง คนหนึ่งโบกมือให้ลูกน้องล้อมอยู่รอบๆ กันเจ้าของบ้านหนี

   เมื่อทุกอย่างพร้อม สองคนเป็นฝ่ายนำบุกเข้าไปในบ้านกวาดตามองหาห้องนอนผ่านความมืดสลัว ผมก้าวเท้าฉับๆ ไปเปิดห้องที่คิดว่าเป็นห้องนอนใหญ่ เห็นชายคนหนึ่งนอนกอดอยู่กับหญิงสาวอายุคราวลูก ดวงตาคมหรี่มอง ฝั่งเจ้าบ้านพอเห็นว่ามีผู้บุกรุก ตื่นขึ้นมาโวยวายเสียงน่ารำคาญ

   ฝนที่เดินตามหลังเปิดไฟในห้อง ฉับพลัน ทุกอย่างสว่างเห็นรายละเอียดชัดเจน ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพนักงานเก่าแก่ของบริษัท ฝ่ายดูแลเกี่ยวกับงานเอกสารกำลังนอนเปลือยท่อนบนอยู่กับอิหนูที่ซื้อด้วยเงินที่ยักยอกบริษัทไปด้วยชื่อของผม

   “ห...หัวหน้า!!”

   ชายวัยกลางคนมองผมด้วยสีหน้าตกใจอย่างปิดไม่มิด ก่อนจะมองซ้ายขวาคล้ายหาทางออก ติดที่ผมยืนอยู่ปลายเตียง ฝนยืนกอดคอขวางตรงประตูและลูกน้องฝนที่ล้อมไว้ทั้งหมด

   “ยังจำผมได้ด้วยเหรอ คุณรชานนท์ อ่อ....ต้องจำได้อยู่แล้วสิ ในเมื่อคุณเป็นคนป้ายความผิดผม”

   น้ำเสียงเย็นเยือกพร้อมเอกสารหลักฐานการปลอมลายเซ็นและการยักยอกเงินทั้งหมด ผมขว้างมันไว้บนเตียง ผู้หญิงตกใจกลัววิ่งออกจากห้อง พวกผมเปิดทางให้ แต่ไม่ให้ไอ้ชั่วที่อยู่ตรงหน้าแน่

   “หัวหน้า ผม...ผมถูกใส่ร้าย!! ยุพิณต่างหากที่เป็นคนทำเรื่องทั้งหมด”

   อารมณ์กรุ่นที่ผมพยายามข่มไว้ระเบิดออกมาเพราะคำพูดของสัตว์นรกตัวหนึ่ง ผมกำหมัดแน่นก้าวขึ้นเตียงโดยไม่ถอดรองเท้า แล้วถีบให้มันร่วงลงมากองบนพื้น ก่อนจะถีบซ้ำแล้วเหยียบหน้ามันแนบพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ แอร์ที่เปิดไว้ไม่ได้ช่วยให้ความร้อนในตัวผมลดลงแม้แต่น้อย

   “น้ำหน้าอย่างมึงไม่คู่ควรจะพูดชื่อเลขากูไอ้สวะ เป็นไง มึงนอนหลับสบายดีมั้ย แต่มึงคงได้สบายแค่คืนนี้แล้วล่ะ” พูดพลางลงส้นเท้าขยี้หน้ามันอย่างไม่ออมแรง

   “หัวหน้าผมอธิบายได้”

   ผัวะ!!

   รองเท้าหนังซัดเข้าใบหน้าจนหันไปอีกทาง ไม่สนว่ามันจะพล่ามอะไรออกมาอีก นอกจากซ้อมมันเพื่อระบายความโกรธ

   “โอ๊ย! ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย แจ้งตำรวจที อั๊ค!!”

   “ไม่ต้องห่วง เศษเดนอย่างมึงได้เจอตำรวจแน่ เพราะมึง...มึงทำให้กูต้องทะเลาะกับแฟน ไอ้สัสเอ๊ย!!” ผมลงเท้ากระทืบมันไม่ยั้ง ทั้งเตะทั้งถีบจนมันกลิ้งไปชนกับกำแพง น้ำหน้าอย่างมันไม่คู่ควรกับมือผมด้วยซ้ำ

   กลิ่นคาวเลือด ร่างที่ถูกซัดจนน่วมอยู่บนพื้น ฟันหลุดกระเด็นกระทบพื้นเลอะไปด้วยน้ำลายเจือเลือดสีแดง จังหวะที่ผมจะลงเท้าอีกสักรอบ ฝนที่ยืนเฉยๆ มาตั้งแต่ทีแรกเข้าไปล็อคแขนผมจากทางด้านหลัง แล้วลากออกห่างอดีตลูกน้องที่กลายเป็นกระสอบทราย

   “เฮ้ยเฟย์ใจเย็น เดี๋ยวแม่งตายคาตีนพอดี”

   “เฮอะ!” ผมสะบัดตัวออกจากฝน มองสภาพมันด้วยสายตาเย็นชา ปล่อยให้ลูกน้องฝนลากคอมันออกไปส่งให้ตำรวจ อารมณ์กรุ่นๆ ในอกไม่สงบลงง่ายๆ ฝนเข้าใจดี มันหันไปขอบุหรี่จากลูกน้องมาจุดยื่นให้ผม ผมรับมาสูดดับอารมณ์ กลุ่มผมทุกคนสมัยก่อนติดบุหรี่กินเหล้าหมด เว้นกบที่ไม่ค่อยแตะ พอตอนโตถึงได้ลดละเลิกกันไป แต่บางครั้งเครียดๆ มันก็ช่วยได้บ้างเหมือนกัน อย่างเวลานี้

   ฝนเดินมาตบบ่าผม

   “เฟย์ เรื่องมึงทะเลาะกับแฟนมันเกี่ยวเหรอวะ มึงควรโกรธที่มึงโดนใส่ร้ายจนบริษัทเขม่นไม่ใช่รึไง” คนถามขำในคอ เจ้าตัวเพิ่งรู้เหมือนกันว่าเพื่อนสนิททะเลาะกับแฟน มิน่าล่ะตอนไปที่ห้องถึงไม่เห็นเงาเจ้าตัวเล็ก คนโดนแซวไม่มีอารมณ์ร่วม ตวัดสายตาคมกริบใส่เพื่อน

   “ช่างหัวบริษัทมันสิ ใช้งานกูอย่างกับอะไรดี ที่เกิดเรื่องปัดสวะให้พ้นหัว โยนขี้ให้กูจัดการ”

   “เฮ้ย นั่นมันบริษัทที่มึงทำงานมาตั้งหลายปีนะ” เจ้าของบาร์ถึงกับสะดุ้งเพราะคำตอบพร้อมของเพื่อน

   “แล้วไง เรื่องมากนักกูแค่ลาออกหางานใหม่ทำ”

   ผมพูดแบบไม่ใส่ใจ ต่อให้ไม่มีงานทำผมก็มีเงินใช้เหลือเฟือ ฝนส่ายหัวเดินตามผมออกจากบ้านลูกน้องเนรคุณ เท่าที่ฝนสืบมา บ้านหลังนี้ซื้อให้อิหนูที่มันกกเอาไว้ แน่นอนว่าน้ำหน้าอย่างมันไม่ได้มีแค่คนเดียวแน่ แล้วยังเงินที่ยักยอกบริษัท ทั้งที่มีลูกมีครอบครัวยังทำตัวน่าฆ่าทิ้ง

   “แล้วแต่มึงละกัน ที่เหลือให้ตำรวจกับทางบริษัทมึงจัดการต่อ ส่วนมึงไปพักก่อน กูให้ลูกน้องจองโรงแรมเอาไว้แล้ว”

   ผ่อนลมหายใจหมดปอด โยนบุหรี่ในมือทิ้งใช้เท้าขยี้ดับไฟพากันขึ้นรถ ฝนรับหน้าที่ขับตามเดิม ผมนั่งประจำที่ข้างคนขับ

   “ขอบใจที่ช่วยกู ไม่งั้นกูคงตามตัวมันไม่ง่ายแบบนี้แน่”

   ลำพังผมคนเดียวไม่มีเส้นสายอะไรขนาดนั้น ต่างจากฝน มันทำงานบาร์ ย่อมรู้จักคนเยอะ จำเป็นต้องมีลูกน้องเป็นของตัวเองพวกดูแลบรรดาบาร์ของมันที่เปิดไว้หลายที่

   “ไม่เห็นไร มึงเดือดร้อนกูต้องช่วยอยู่แล้ว ถ้ามึงไม่ยอมบอกกูสิ กูได้โกรธมึงแน่” คนขับจำเป็นหันมาจ้องใส่

   “แล้วบาร์มึงล่ะ ปล่อยให้น้ำดูแลคนเดียว?” ผมเลิกคิ้วถาม มันส่ายหัว บาร์เดียวกับที่ผมเคยไปดื่มก่อนคบกับลูกแมวนั้นแหละ

   “ปิดหนึ่งวัน กูไม่ไว้ใจให้น้ำดูคนเดียว คนเมาอันตราย”

   “ลูกน้องมึงก็มีกลัวอะไรวะ”

   “ลูกน้องมันจะดูแลเมียกูดีเท่าตัวกูได้ไง ว่าแต่มึงเถอะ ก่อนกลับกรุงเทพเลิกทำหน้ายักษ์ ปรับอารมณ์ตัวเองให้ได้ก่อน มึงไม่อยากให้เด็กเห็นมึงเวอร์ชั่นนี้ไม่ใช่รึไง”

   ผมเงียบ จริงอย่างที่มันพูด ผมอยากให้ปอนด์รู้จักผมแค่ในมุมมองของพี่ชายแสนดีพอ ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าอีกมุมของผมมันโหดร้ายแค่ไหน ในเมื่อผมไม่คิดจะใช้มันกับเจ้าตัว โอเค ผมยอมรับว่ามีหลุดไปบ้างนิดหนึ่ง เอาไว้จะแก้ตัวตอนไปง้อลูกแมวแล้วกัน

   โรงแรมที่ฝนพามาเป็นโรงแรมขนาดย่อม ผมไม่เรื่องมาก รับกุญแจจากผมแยกกันนอนห้องใครห้องมัน ท้องฟ้าสว่างคนเริ่มออกมาทำงาน มีพวกเราเพิ่งมุดหัวขึ้นเตียงนอนพักผ่อน เพราะเดินทางมาทั้งคืน

   สารภาพเลยว่าตอนนี้รู้สึกล้าไปทั้งตัว อาจจะโล่งใจหน่อยที่จับเจ้าพนักงานเวรนั่นได้แล้ว แต่ความเครียดกับความเหนื่อยที่ผ่านมามันสะสมจนร่างกายร้องประท้วง กลับไปกรุงเทพคงต้องเข้าไปเช็คสุขภาพสักรอบ เกิดล้มพับงานเข้าครั้งใหญ่แน่ โดยเฉพาะปอนด์ เดี๋ยวเด็กน้อยของผมตกใจเสียขวัญพอดี

   นอนยาวยันเที่ยงค่อยเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม ผมขอให้ฝนไปส่งที่คอนโดเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุด พอมันรู้ว่าผมจะไปโรงบาลก็อาสาไปส่งอีก ตอนหมอประจำตัวคนเดียวกับที่ทำแผลให้ปอนด์เห็นหน้าผม หมอทำหน้าเหมือนยักษ์จนฝนผงะ ส่วนผมยิ้มสู้พร้อมโดนหมอเทศนาหูชา สั่งให้ตรวจสุขภาพอย่างละเอียด โดนเจาะแขนให้น้ำเกลือเพราะผมอ่อนเพลียเกินไป พักหลังทานอาหารไม่ตรงเวลาด้วย

   ผมบ่นว่าหมอเว่อ ยังมีแรงกระทืบคนอยู่เลย ผลคือโนบ่นใส่อีกหนึ่งชุดใหญ่ ฝนที่แสดงอาการเป็นห่วงเพื่อนนักหนา ยังขยาดชิ่งกลับบ้านหน้าตาเฉย เรื่องผลตรวจหมอจะส่งมาให้วันหลัง ความจริงผมควรพักเต็มที่สักวัน แต่ผมใจร้อนอยากรีบไปหาปอนด์เลยโบกแท็กซี่ไปบ้านลูกแมวแทนที่จะกลับคอนโด

   “รอก่อนนะ พี่จะไปรับเรากลับมาแล้วปอนด์”

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด