[Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]  (อ่าน 176535 ครั้ง)

ออฟไลน์ fannaio

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอร๊อรอ  :mew6:

/ตอนนี้ติดซัน-โป้งอมแงมอยู่เหมือนกันค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
วายที่25 ป่วยการเมือง
 
   ในที่สุด วันนี้ก็มาถึง วันที่ผมกับพี่ตัดสินใจที่จะทำอะไรให้มันชัดเจนกว่าเดิม...
 
   หลังปรับความเข้าใจกันแล้ว เฮียเปิดอกเล่าเรื่องที่คุยกับแม่ผมไว้ตอนไปหาผมคราวนั้น ผมรู้ คนสวยของผมเดาออกแน่นอนว่าพี่เฟย์เป็นอะไรกับลูกชายคนนี้ เพียงแค่ยังไม่ชัดเจน แม่ผมเลยไม่พูดอะไร อีกอย่างเห็นผมมีความสุขดี มีคนช่วยดูแล แต่หลังจากผมหอบกระเป๋ากลับบ้าน อะไรๆ คงเปลี่ยนไปจากเดิม
 
   ผมเคยบอก ผมมีแม่แค่คนเดียว แม่เองก็เช่นกัน ดังนั้นเราถึงรักกันมาก ดังนั้นพี่ชายทำผมเสียใจ แม่จะไม่พอใจก็ไม่แปลก งานนี้หลังจากง้อลูกเสร็จ ต้องไปง้อแม่ยายต่อ แอบเห็นใจพี่เฟย์นิดๆ สะใจอีกนิดหน่อย
 
   พี่เฟย์เลยตัดสินใจจะพูดเรื่องเราให้แม่ฟัง ทีแรกผมลังเล ไม่ใช่กลัวคนอื่นมองไม่ดี มันเลยจุดนั้นมานานแล้ว มันกลัวแม่จะเสียใจต่างหาก ผมไม่สามารถมีหลานให้แม่อุ้มได้ทั้งที่แม่ผมเคยถามถึง บอกว่าชอบเด็ก แต่จะให้ทิ้งพี่เฟย์ก็ไม่ได้อีก ผมรักของผม มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าผมไม่สามารถรักใครได้เท่าพี่เฟย์อีก
 
   เราสัญญาว่ามีอะไรจะคุยเปิดใจกัน ความลังเลของผม ผมเล่าให้พี่ชายฟัง เว้นเรื่องบอกรักมากนะ ใครจะไปกล้าบอก! อายตายเลยแบบนั้น ผมยิ่งหน้าบางๆ อยู่ ไม่ได้หนาโบกปูนซีเมนต์ราดยางมะตอยเสริมเหล็กเส้นอย่างพี่เฟย์นะ
 
   พูดไปพูดมาเหมือนด่าแฟนตัวเอง ไม่เอาไม่ดีเลิกๆ ตีปากแปะๆ กลับเข้าเรื่องต่อ พี่เฟย์เข้าใจความรู้สึกของผม ยอมผลัดวันออกไป ให้ผมพร้อมกว่านี้ค่อยบอก ใจหนึ่งไม่อยากให้มันค้างคา หลังจากนั้นสามวัน ผมตัดสินใจจะไปบอกแม่ในวันหยุด
 
   อุตส่าห์เตรียมใจมาทั้งอาทิตย์ คิดวางแผน A B C ถึง Z ว่าจะบีบน้ำตา เล่นบทโศกแบบไหนดีให้เรื่องจบอย่างสวยงาม แต่!... แต่พี่ชายดันไม่สบายซะได้!
 
   คนที่เคยถึกขนาดลุยฝน ฝ่าน้ำตกยังบ่ยั่นถึงกับล้มหมอนนอนเตียงหรูอีกรอบ เนื่องจากช่วงก่อนหน้านี้โหมร่างกายมากเกินไป พักผ่อนไม่เพียงพอ และไม่ยอมไปหาหมอตามกำหนดตลอดหนึ่งเดือนที่ตามตื้อผม ความแข็งแรงที่มีมาทั้งหมดเลยพังโครมลง ภูมิต้านทานลด ปวดหัวบ้าง เป็นหวัดบ้าง
 
   ผมบอกให้ไปโรงพยาบาลหาคุณหมอคนนั้นก็ไม่ยอมไป ดื้อ!
 
   กระทั่งวันนี้ เป็นหนักกว่าที่ผ่านมา หวัดรับประทานควบอาการไมเกรนกับไซนัส ผมมองหน้าพี่ชายสุดหล่อ ยามนี้พะงาบบนเตียงด้วยสายตาอิดหนาระอาใจหมดมาดเลยทีเดียว
 
   หันกลับไปมองยาอีกถุงใหญ่ มื้อหนึ่งกินทีแทบอิ่มแทนข้าว ไม่อยากจะนึกถึงวัยเด็กของพี่เฟย์เลย ส่วนเรื่องพาไปหาหมอน่ะเหรอ เป็นขนาดนี้ก็ต้องไปสิ เรื่องมันเกิดเมื่อตอนเช้าวันนี้
 
 
   ทุกวันพี่ชายจะตื่นก่อนเพื่อมาทำอาหารเช้า วันนี้กลับตื่นสายทั้งที่ต้องทำงาน ผมนอนอยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงหายใจไม่ปกติ พอชะโงกดูเห็นสีหน้าอึดอัดทรมาน มืออังหน้าผาก ไม่มีไข้ทำไมอาการหนัก ผมลงจากเตียงขมวดคิ้วมองหน้าพี่ชายอย่างคนทำอะไรไม่ถูก
 
   “พี่... พี่เฟย์”
 
   ลองสะกิดเรียกชื่อดู ดวงตาปรือมองเห็นสีหน้าร้อนรนของผม พี่ชายยิ้มบางให้ ยกมือหนามาลูบหัว
 
   “พี่ไม่สบาย เช้านี้หาอะไรง่ายๆ กินนะ ขอนอกพักสักหน่อย ฝากเอายากับน้ำมาให้พี่ด้วย”
 
   เสียงทุ้มนุ่มบัดนี้แหบแห้ง
 
   “ไม่ต้องห่วงเรื่องปากท้องผมหรอก ห่วงตัวเองก่อนดีกว่ามั้ง ผมว่าเป็นหนักขนาดนี้กินยาคงไม่หายแล้ว ไปโรงพยาบาลกันเถอะ ผมจะลงไปเรียกแท๊กซี่เอง”
 
   ผมพูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง พี่ชายนิ่งไปสักพัก สุดท้ายก็ยอมใจอ่อน พยักหน้ารับบอกให้ผมช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะเจ้าตัวโลกหมุน จับพี่ชายเปลี่ยนชุดเสร็จ ผมแจ้นลงไปชั้นล่างทั้งที่ใส่ชุดนอนลายอุ้งเท้าแมวนั่นแหละไปโบกแท๊กซี่ขอให้พี่ยามขึ้นมาช่วยพยุงเฮีย
 
   มานึกได้ตอนเปลี่ยนเสื้อในห้อง อายก็อาย ร้อนใจก็ร้อนใจ เอาเถอะ ทำใจเตรียมรับรอยยิ้มแปลกๆ จากพี่พนักงานชั้นล่างแล้วกัน
 
   ลุงยามช่วยผมพยุงพี่เฟย์พาขึ้นรถแท็กซี่มุ่งหน้าสู่โรงพยาบาล ระหว่างทางผมใช้โทรศัพท์พี่เฟย์โทรบอกหมอประจำตัวเฮียเขา ทางนั้นบอกพามาได้เลย
 
   พอถึงโรงพยาบาลหมอเดินมาด้วยตัวเอง หน้ายักษ์มา ขนาดผมยังหวาด พี่ชายไม่นำพายังยิ้มให้หมอทั้งที่หน้าซีด โดนลุงหมอลากเข้าไปถามไถ่อาหาร สั่งยาให้ พร้อมเทศนาจนหูชา พี่ชายร้ายกาจมากแทนที่จะนั่งฟังเทศน์คนเดียว ดันจับมือผมไว้ไม่ยอมปล่อยให้ออกมารอข้างนอก
 
   “ที่พูดเนี่ย... ปฏิบัติตามด้วยนะครับ!”
 
   ลุงหมอย้ำเสียงหนัก
 
   “เข้าใจนะลูกแมว ดูแลพี่ดีๆ ตามที่หมอสั่ง” คนป่วยไม่สิ้นฤทธิ์หันหาถามผมสีหน้าจริงจัง ผมเห็นหมอคิ้วกระตุกด้วยอะ
 
   “เฮ้อ… ยิ่งแก่ยิ่งดื้อ! น้องปอนด์ช่วยดูแลพี่เขาหน่อยนะครับ หมอไม่อยากเห็นหน้าบ่อยๆ”
 
   คุณหมอหันมายิ้มใจดี ส่งวิตามินซีสำหรับแจกผู้ป่วยเด็กมาให้ผมด้วย กำลังจะอ้าปากบอกว่าผมโตจวนจะขึ้นปีสองอยู่แล้วนะ ก่อนจะนึกขึ้นได้ ลุงหมอรู้แต่แรกแล้วนี่หว่า แสดงว่าตั้งใจหยอกผมชัดๆ คนป่วยไม่เจียมสังขารหัวเราะจนไอโขลกๆ
 
   “ครับ จะดูแลอย่างดี”
 
   กัดฟันพูดยื่นมือไปรับของกินฟรีมาแล้วไหว้ลา พาพี่ชายไปนั่งรอรับยา รอบก่อนตอนทำแผลพี่ชายเป็นคนทำ รอบนี้เป็นผมแทน จ่ายเงินรับยาหนึ่งถุงใหญ่ แอบส่องดูเห็นน้ำเกลือสองขวด ไซริ้งสองอัน กับยาเม็ดอื่นๆ ไม่รู้ว่าน้ำเกลือกับไซริ้งเอามาทำอะไร ไว้ถึงบ้านพี่เฟย์ใช้คงรู้แหละ
 
   ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว พี่ชายทำอาหารไม่ไหว เลยแวะกินข้าวกันก่อนเข้าห้องทานยา
 
   “ปอนด์ ช่วงนี้แยกนอนกันไปก่อน เดี๋ยวติดหวัด”
 
   ผมพยักหน้ารับคำพี่เฟย์ ปล่อยเฮียนอน ส่วนตัวเองย้ายหมอน ผ้าห่ม ตุ๊กตากลับห้องตัวเอง แม้ไม่ได้มานอน แต่พี่ชายทำความสะอาดให้เสมอ ไม่มีฝุ่นเลยสักนิด
 
   หลังแง้มประตูดูเห็นพี่เฟย์หลับไปแล้ว เรื่องทำความสะอาดห้องไม่ทำเด็ดขาด ผมเข็ด ต่อให้จมกองฝุ่นตายก็ไม่ทำ รอให้พี่ชายหายทำเองแล้วกัน ส่วนต้นไม้ตรงระเบียง สงสารมัน ค่อยๆ รดน้ำพอดินชุ่มไม่ต้องโชกท่วมกระถาง
 
   “ตอนเย็นกินอะไรดีนะ”
 
   ร่างเล็กพึมพำอยู่คนเดียว ความคิดหนึ่งผุดวาบขึ้นมา จริงสิ! ถือโอกาสนี้ทำอาหารดูดีกว่า เห็นแบบนี้ผมเป็นลูกมือแม่บ่อยนะ ไม่ว่าจะช่วยซื้อของที่ตลาด หรือหั่นล้างผัก แม้ไม่ชำนาญก็พอถูๆ ไถๆ ไปล่ะหน่า
 
   อันดับแรกต้องไปซื้อของสดก่อน ในตู้เย็นหมดแล้ว ที่ตลาดแถวนี้ไม่มี ต้องไปที่ห้าง ผมเขียนโน้ตแปะไว้ให้เฮียว่าจะออกไปซื้อของ แล้วนั่งรถโดยสารไปห้างใกล้ๆ เดินตรงเข้าซุปเปอร์ ลากรถเข็นมาช้อปปิ้งคนเดียว
 
   ผมไม่มีความชำนาญด้านการทำอาหารเหมือนอย่างแม่หรือเฮีย ดังนั้นผมต้องพึ่งสิ่งที่เรียกว่าสำเร็จรูป! ไม่ใช่มาม่ากับโจ๊กกระป๋องนะ หมายถึงหมูสับทรงเครื่องที่สับปรุงรสแล้ว เหลือแค่ตักใส่หม้อ ผักคงต้องซื้อไปจัดการเอง ผมอยากกินผักโขมใส่ข้าวต้ม งั้นเอาอันนี้แล้วกัน
 
   ไหนๆ ก็ไหนๆ แวะซื้อขนมปังกับขนมอย่างอื่นติดห้องด้วยแล้วกัน มาทั้งทีซื้อนิดเดียวกลับเลยมันก็ยังไงอยู่ เพื่อความชัวร์ ผมโทรหาแม่ถามวิธีทำความต้มไปด้วย ขาดเหลืออะไรจะได้ซื้อเพิ่ม
 
   กลับถึงห้องพี่ชายยังไม่ตื่น ผมเข้าครัวเตรียมอุปกรณ์ทำอาหาร เลือกใช้เท่าที่จำเป็น ไม่แตะของอย่างอื่น เครื่องครัวเฮียแต่ละอย่างโคตรแพง ที่สำคัญ เจ้าตัวหวงมาก!
 
   “แม่ผมเตรียมของเสร็จแล้ว ทำไงต่อ”
 
   พ่อครัวมือใหม่ ต้องมีผู้ชายมือโปรระยะไกล ผมเปิดลำโพงวางโทรศัพท์ไว้ตรงบาร์ จะได้ไม่เกะกะ
 
   “ล้างข้าวสารให้สะอาด ไปตั้งหม้อต้มน้ำด้วย” ผมขานรับทำตามที่แม่บอก “แน่ใจนะว่าทำได้ แม่กลัวครัวพี่เขาจะระเบิดจริงๆ” น้ำเสียงเป็นห่วงสุดๆ ผมเบ้ปาก
 
   “ผมแค่ทำข้าวต้มนะ ไม่ใช่ก่อการร้าย”
 
   “หวังว่าเฟย์จะไม่ท้องเสียจนป่วยหนักกว่าเดิมนะ” แม่หัวเราะรื่นเริง ผมสิหน้ามุ่ยหนักกว่าเก่า สองแม่ลูกเริ่มสอนทำอาหารกันต่อจนกระทั่งออกมาเสร็จสมบูรณ์ ลองชิมรสดูนับว่าใช้ได้ จืดไปหน่อยเพราะผมกลัวหนักมือเลยใส่เครื่องปรุงนิดเดียว เอาหน่า อาหารคนป่วย
 
   คิดดังนั้นจัดการปิดเตาตักข้าวต้มหอมใส่ถ้วยวางไว้บนโต๊ะ โรยผักชีที่เหลือในหลืบตู้เย็น เหยาะพริกไทยนิดหน่อยค่อยไปเรียกพี่เฟย์ออกมาทาน
 
    ผมเขย่าปลุก พี่ชายงัวเงียตื่น หลังล้างหน้าจูงมือหนานั่งประจำตำแหน่ง ดวงตาคมมองข้าวต้มตาปริบๆ ผมลุ้นจนตัวโก่ง
 
   “มีอะไรพี่ หน้าตามันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
 
   พี่ชายส่ายหัวจ้องข้าวต้มสลับห้องครัวเขม็ง อะไรฟ่ะ คนอุตส่าห์ทำข้าวต้มให้ทานยังจะห่วงครัวอีก ผมชักน้อยใจแล้วนะ
 
   “ไม่ต้องห่วง ผมไม่ใช้ของซี้ซั้วแถมล้างหมดแล้ว” ยกเว้นหม้อกับทัพพีตักข้าวต้มเพราะยังต้องใช้
 
   “ก็ไม่ได้ว่าอะไร ทำเองเหรอ กินได้มั้ยเนี่ย” เสียงอู้อี้พูดแซว
 
   “ไม่กินก็ไม่ต้องกิน กินคนเดียวก็ได้”
 
   พอผมจะยึดถ้วยคืนพี่ชายดันเลื่อนหนีแล้วตักทาน ผมจ้องเป๋ง ลุ้นยิ่งกว่าตอนผลสอบออกอีก
 
   “เป็นไงบ้าง อย่าค้าง อย่าคิดนานสิ” ผมเร่ง พี่ชายยังคงลีลาทำตัวเป็นนักชิมระดับโลกไปได้
 
   “อืมม... ไม่รู้สิ พี่ป่วยอยู่ ไม่ได้กลิ่น ทานอะไรก็ไม่รู้รส”
 
   เจอคำตอบเข้าไปทำเอาเงิบ อ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้จะบ่นหรือด่าดี พี่ชายยิ้มกว้างยกมือหนาโยกหัวผมไปมาเบาๆ
 
   “แค่ปอนด์ทำให้พี่ก็ดีใจแล้ว เอาไว้พี่หายค่อยเอาใหม่เนอะ คราวนี้พี่จะชิมช่วยติชมอย่างดี”
 
   “ไม่ต้องเลย ของดีมีครั้งเดียว” แยกเขี้ยวใส่ ไปตักมาทานบ้าง รสชาติจืดเหมือนขาดอะไรไปหลายอย่าง ช่างมันผมเป็นพวกกินง่ายๆ ทานให้อิ่มก็พอ ส่วนพี่ชายจะได้ทานยา
 
   ด้วยความที่ป่วยอยู่ พี่ชายเลยทานได้ไม่มาก ผมไม่นึกน้อยใจ เข้าใจอยู่ ตอนผมป่วยก็อารมณ์เดียวกับพี่ อยากนอนอย่างเดียวไม่อยากอาหารอะไร
 
   ผมเป็นคนเก็บถ้วยล้างเช็ดโต๊ะทำความสะอาดห้องครัว แอบแวบดูพี่เฟย์รอบหนึ่ง เห็นพี่ชายกำลังถือขวดน้ำเกลือกับไซริ้งและแก้วหนึ่งใบเข้าห้องน้ำ ผมเดินตามไปชะเง้อมองสนอกสนใจ
 
   “พี่ไซริ้งกับน้ำเหลือหมอให้มาทำอะไรเหรอ”
 
   “ล้างโพรงจมูกไง พี่เป็นไซนัสนี่”
 
   “แล้วมันใช้ไงอะ”
 
   “ก็ใช้ไซริ้งดูดน้ำมา... แล้วเราจะรู้ไปทำไมเนี่ย เป็นก็ไม่ได้เป็น” หลงตอบคำถามได้นานสองนานไม่น่ารู้สึกตัวเลย
 
   “ก็แค่ถามดูอยากรู้ ไม่เคยเห็นคนทำ” ผมกระแซะตัวเข้าหา ไปเบียดกับพี่ชายตรงอ่างล้างหน้า ใบหน้าหล่อออกเซียวเพราะอาการป่วยกรอกตาเอือมระอา
 
   “เจ้าหนูจำไมออกไปซะ พี่จะได้รีบทำรีบนอน ยาไมเกรนทำให้หนักหัวเป็นบ้า”
 
   ท้ายประโยคร่างสูงบ่นพึมพำ อยากดื้ออยู่ต่อนะ ติดที่เห็นใจคนป่วย ยอมจากไปโดยดี ปล่อยพี่ชายไว้ในห้องน้ำ ได้ยินเสียงอุบอิบไล่หลัง
 
   “ให้ปอนด์เห็นไม่ได้เด็ดขาด ไม่น่าดูเลยสักนิด...”
 
   ก๊ากกก! อยากหัวเราะให้ฟันร่วง นี่พี่ชายห่วงมาดตัวเองเหมือนกันเหรอเนี่ย อารมณ์แบบไม่อยากให้คนที่ชอบเห็นสภาพแย่ๆ ของตัวเองใช่มั้ย ขำก็ขำ เขินตามอีกต่างหาก เพราะนั่นหมายถึงผมเป็นคนสำคัญของพี่เฟย์
 
   กรณีของผม ไม่มีอะไรเหลือให้อายแล้วครับ พี่ชายเห็นหมดทุกสิ่งอัน ฮรือออ รับผิดชอบเค้าด้วย เค้าไปเป็นเจ้าบ่าวให้ใครไม่ได้แล้ว เรื่องมันเศร้า
 
   สักพัก พี่ชายออกมาจากห้อง เดินเซทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ผมช่วยเดินเข้าไปจัดท่าเก็บแขนเก็บขาให้พี่ชายนอนดีๆ พร้อมห่มผ้าให้เสร็จสรรพ จังหวะกำลังผละออก มือหนาคว้าข้อมือของผมไว้
 
   “จะเอาอะไรเหรอ” ผมเอียงคอถาม
 
   “มานั่งนี่หน่อย” เฮียตบเตียงข้างตัวเองปุๆ ผมเข้าไปนั่งอย่างว่าง่ายรอดูว่าพี่ชายจะทำอะไรต่อ
 
   ร่างสูงขยับตัว เปลี่ยนจากหมอนมาหนุนที่ขาผมแทน มือหนาจับมือผมไปลูบเล่นยกจูบเบาๆ เสียหลายที ก่อนจะช้อนตามองผมด้วยรอยยิ้มบาง แววตาฉายประกายอ้อน นี่พี่เฟย์กำลังอ้อนผมอยู่ใช่มั้ย ใช่มั้ย! ตอบ!!
 
   ความร้อนพุ่งขึ้นหน้า อยากม้วนตัวเองเป็นเกลียวโปเต้ ได้ยินเสียงจุ๊บๆ จากมือตัวเอง
 
   “พอแล้วพี่ จะนอนก็นอนดีๆ”
 
   “ขออยู่แบบนี้สักพัก ไว้พี่หายป่วยเมื่อไหร่ เราไปหาแม่ด้วยกันเนอะ หลังจากนั้นพี่จะพาเราไปที่บ้านด้วย ทางนั้นถามหาลูกสะใภ้กันใหญ่แล้ว”
 
   “บ้านผมแล้วบ้านพี่ต่อ ไม่ยกขันหมากมาสู่ขอเลยล่ะ” ผมประชดแต่ยิ้มแก้มแตก
 
   “ก็อยากอยู่ รอใครบางคนเรียนจบ จะจับแต่งงานซะเลย” น้ำเสียงหนักแน่น กลายเป็นผมทำหน้าเหวอ พี่ชายเอาจริงแน่ เหลือเวลาแค่สามปีนิดๆ ในการเตรียมใจสินะ ผมควรจะใส่ชุดเจ้าบ่าวหรือชุดเจ้าสาวดี...
 
   “คิดอะไรอยู่ พอๆ เลิกคิด ลูบหัวพี่หน่อย”
 
   “เฮ้ย ไม่เอา! พี่อายุมากกว่าผมนะ” จู่ๆ มาเปลี่ยนเรื่อง ผมปฏิเสธทันที แม่ผมสอนมาดี ควรให้ความเคารพผู้ที่มีอายุมากกว่า
 
   “แต่ปอนด์เป็นแฟนพี่ นะ ลูบหน่อย”
 
   หัวโตมาถูกับพุง ผมเม้มปาก ยื่นมือไปอย่างลังเล พี่เฟย์จับหมับไปวางบนหัวตัวเอง เส้นผมนุ่มลื่นมือจนเผลอลูบอย่างลืมตัว คนบนตักหลับตาพริ้มน่ามอง
 
   “ปอนด์ เราเป็นแฟนกัน มีทุกอย่างเท่าเทียมกันไม่ต้องเกรงใจพี่นักก็ได้ เพราะไม่ว่าปอนด์จะอายุมากกว่า น้อยกว่าหรือเท่ากัน สุดท้ายพี่ก็ยังรักเรา ที่เป็นเราอยู่ดี”
 
   คนป่วยปากหวาน มองผมตาหวานเชื่อม อยากสละเรือระเบิดตัวตายบัดเดี๋ยวนี้ ตอบอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้างุดๆ คนมองหัวเราะ ไล้หลังมือกับแก้มนุ่ม ผมหลับตาเอนหน้าเข้าหาสัมผัส ได้ยินพี่ชายสบถเบาๆ ถอยออกไปนอนตามเดิม ผมงงกับอาการที่จู่ๆ เปลี่ยนไปกะทันหัน
 
   “แย่จริงๆ ไม่น่าป่วยเลย นับจากวันนี้ไปพี่จะดูแลสุขภาพให้ดี จะได้ไม่ต้องฝืนตัวเองแบบนี้”
 
   “พี่ฝืนอะไรอะ ให้ผมทำแทนมั้ย” ลูกแมวถามพาซื่อ ไม่สังเกตแววตาของหมาป่าป่วย
 
   “ทำได้ก็ดีสิ เราหน้าบางขนาดนี้ ทำไม่ได้หรอก อีกอย่างพี่ไม่อยากให้เราติดหวัดนะ”
 
   “...” มีเพียงความเงียบแทนคำตอบ สมองประมวลผลตาม
 
   “อยากกอด อยากหอมแก้ม อยากจูบ อยากทำ...”
 
   “พอ!!” ชัดเลย น้ำเสียงกระเส่าหยอกเย้าแบบนี้ ไอ้พี่หื่นเอ๊ย ป่วยไม่เจียม เรื่องทำแทนผมต้องทำแบบ... แบบ...
 
   ภาพเคะกับเมะในนิยายกับมังงะผุดเข้ามาในหัว รีบส่ายหน้าขวับๆ ไม่มีทาง ทำไม่ได้ ไม่ได้แน่นอน ไม่ๆๆ
 
   “เอ้า สะบัดเข้าไป เดี๋ยวมึนหัวกันพอดี ปอนด์ไปอาบน้ำนอน พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่รึไง”
 
   “มีแต่ผมจะลาดูพี่ ขนาดพี่ยังลางานดูแลผมเลย” พี่ชายกำลังจะอ้าปากเถียง ผมยกนิ้วไปแตะริมฝีปากได้รูป “ผมลาแค่คาบเดียวไม่เป็นไรหรอก อาจารย์ให้โควต้าสามครั้ง อีกอย่างไว้ไปตามงานกับเพื่อนที่หลังได้ ดังนั้นผมจะดูแลพี่!”
 
   ดวงตาคมมองปริบๆ ปากงับนิ้วผมจนต้องรีบดึงหนี บ้าเอ๊ย มีเลียด้วยเปื้อนน้ำลาย!
 
   “ตามใจ ถึงยังงั้นก็ไม่ควรนอนดึกนะ”
 
   “คร้าบๆ มีอะไรเรียกนะพี่ ตะโกนดังๆ เลยถ้าไม่มีแรงตะโกนไม่ไหวส่งกระแสจิตหรือเข้าฝันผมโลด” บอกแกมขำ ชั่งใจเพียงครู่ ก้มลงไปจูบแก้มคนหล่อเบาๆ แล้วเผ่นออกจากห้อง ทิ้งให้พี่ชายนอนอึ้งอยู่บนเตียง แขนหนายกก่ายหน้าผาก
 
   “อย่าให้หายป่วยนะเจ้าตัวเล็ก!!”

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ติดแค่สังขารไม่อำนวยเท่านั้นเอง
ขอบคุณลูกแมวซะที่ไม่ระเบิดครัว  :mew1: 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เหมือนลูกแมวน้อยๆคอยป่วนชีวิตพี่เฟย์จริง ขนาดดูแลตอนป่วยยังป่วนไม่เลิก

ฮืออออออ พี่เฟย์หายหวัดเร็วๆเต๊อะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
อิอิอิ น่ารักอะเนอะ

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
ข้าวต้มฝีมือน้องปอนด์

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
สมอยากป่วยอดเลย :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เลยไม่ทันได้บอกแม่เลย รอหายป่วยก่อนก็ได้

ออฟไลน์ yaoisamasang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Yaoi-Sama/463499467036395?ref=hl

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
วายที่26 แม่

   ก่อนอื่นเลย ข่าวดีประจำวันนี้ พี่เฟย์หายป่วยแล้ว เย้! กลับมาเป็นคุณพ่อบ้าน ส่วนผมเป็นคุณหนูสุดหล่อตามเดิม ช่างสบายเสียจริงถ้าไม่มีข่าวร้าย...

   ผมป่วย...

   ผลกรรมจากการแหย่หมาป่าป่วยให้กลายร่างเป็นหมาป่าหื่น ทีแรกผมคิดว่าเฮียแกจะลืมไปแล้วซะอีก เห็นยิ้มใจดี ดูแลผมเหมือนเคย ของคาวหวานไม่ได้ขาด ปลุกไปเรียน บางวันนึกคึกไปรับไปส่งด้วยซ้ำ กระทั่งวันหยุดมาถึง ผมได้เห็นสัจธรรมของนิยามคำว่าหมาป่าเจ้าเล่ห์ หลอกล่อให้ตายใจแล้วรังแกอย่างร้ายกาจ

   “ปอนด์ พี่ทำเค้กผลไม้ของโปรดเราไว้ทานซะนะ”

   รอยยิ้มอบอุ่นเคลือบยาพิษ ผมเบิกบานไม่รู้ชะตากรรมนั่งหม่ำเค้กเอร็ดอร่อย

   “ทานเสร็จแล้วไปอาบน้ำล่ะ พี่เตรียมชุดนอนไว้ให้แล้ว”

   “คร้าบ” รับคำว่าง่ายเห็นพี่ชายทำงานเหนื่อย ซ้ำยังคอยดูแลเลยไม่อยากดื้อใส่

   อาบน้ำเสร็จออกมาพบชุดนอนตัวโปรดวางไว้เรียบร้อย ผมหยิบมาสวมหลบทางให้พี่ชายเข้าไปอาบบ้าง ตัวเองนอนกลิ้งเล่นอยู่บนเตียง ผ่านไปครึ่งชั่วโมงพี่ชายออกมานอนประจำตำแหน่งให้ผมกลิ้งเข้าไปซบอกอุ่น

   ที่ผ่านมาผมนอนคนเดียวได้ขอแค่มีหมอนข้างผ้าห่มอะไรมาทำให้เตียงรกๆ ก็พอ เพราะผมเป็นพวกชอบกอดชอบก่ายอย่างพลิกตัวไปทางไหนสามารถกอดหนุนได้หมด พอมาอยู่กับพี่เฟย์ เตียงรกดูไม่จำเป็นต่อไป อะไรก็ไม่สู้หมอนข้างมีชีวิตแถมยังรูปร่างหุ่นนายแบบหรอกจริงมั้ย!

   แผ่นอกกว้างน่าซบ อ้อมแขนแกร่งโอบกอดชวนให้รู้สึกปลอดภัย ที่สำคัญ พี่เฟย์เป็นผู้ชายที่มีกลิ่นหอมหวานติดตัว ไม่ใช่หอมนุ่มนวลแบบผู้หญิง มันเป็นกลิ่นหอมของขนมชวนให้น้ำลายไหล อดไม่ได้ที่จะ...

   หงับ!

   “โอ๊ย! กัดอกพี่ทำไมเนี่ยไอ้ลูกแมว!!”

   “หมั่นเขี้ยว หอม น่ากิน กลิ่นอย่างกับขนม”

   แทะๆ เมามัน พี่ชายหัวเราะเสียงทุ้มในคอ ฉับพลันร่างถูกเหวี่ยงวูบตามด้วยน้ำหนักจากคนตัวโตกว่า ดวงตาผมเบิกกว้างโดนพลิกตัวมานอนแผ่สองสลึงอยู่ใต้ร่างหนา สีหน้าพี่ชายตอนนี้ชวนให้ผมหน้าซีด ฉิบหาย! หน้าโคตรหื่น

   “พี่ทำไร ไหนบอกว่าวันหยุดจะไปหาแม่ผมไง”

   ดีดดิ้นเอาตัวรอดที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่รอด โธ่เอ๊ย ไม่น่าเล้ย ไม่น่าหลงกลเลย ลืมไปได้ยังไงว่าพี่ชายน่ะจอมวางแผนแค่ไหน นี่ล่อให้ผมตายใจแล้วคิดรวบหัวรวบหางชัดๆ!!

   “ไปหาแน่นอน หลังจากนี้นะ”

   กระซิบพร้อมงับหู ผมคอหดถูกอีกคนก้มมาซุกไซร้ หลังจากนั้นไม่ต้องพูดถึง เฮียเล่นจัดเต็มให้สมกับอดอยากมานาน ถามว่านานแค่ไหน? ก็ตั้งแต่ทะเลาะกันคราวนั้นนั่นแหละ จีบกันอีกหนึ่งเดือน หลังมาอยู่ด้วยกันประมาณสองอาทิตย์  เฮียป่วยสามวัน สะสมเข้าไปสิ ตอนนี้ผมตายแล้วครับ

   แกร้ก

   เสียงไขประตูมาพร้อมกับชายเจ้าของห้อง

   “พี่กลับมาแล้ว เป็นยังไงบ้าง ไข้ลดรึยัง ได้กินข้าวเที่ยงรึเปล่า” ร่างสูงโปร่งถลาเข้ามารวบตัวผมไปกอด แก้มแนบถูๆ กับแก้มผม มือไม้แตะหน้าผากลูบหัวลูบหาง ผมสะบัดตัวหนีแยกเขี้ยวใส่

   “ดีขึ้นแล้ว ข้าวเที่ยงจัดการเรียบร้อย ไม่ต้องมาจับเลยนะ”

   ขุ่นเคืองยิ่งนัก พี่ชายไม่นำพาสารพัดเอาอกเอาใจแต่หน้าตาเงี้ย ชื่นมื่นจนน่ากระโดดกัดคอ อย่างกับปีศาจพันปีได้สูบพลังชีวิตยังคนหนุ่มสาว นี่ผมเปรียบเทียบอะไรเนี่ย สงสัยช่วงนี้อ่านนิยายวายแปลจีนมากไปหน่อย

   “โอ๋ๆ ไม่โกรธนะ พี่ขอโทษ ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปหาแม่กันเนอะ” เจอประโยคนี้ผมหันควับ อูยยยยย จี๊ดขึ้นหัวเลย พี่เฟย์มองออกรีบยื่นมือมาช่วยนวดคลึงให้ อยากจะบอกว่าหลังทะเลาะกันรอบนั้นพี่ชายช่างดูแลเอาใจมากกว่าเดิมอีก เหมือนในฐานะพี่บวกกับฐานะคนรัก มีอะไรก็มาชวนคุยปรึกษามากขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดี

   “ทำไมรีบจัง” ผมเบ้ปาก หายจริง แต่ท่าเดินไม่มั่นใจ ระดับอย่างแม่ผม เลี้ยงมาตั้งแต่ตัวเป็นวุ้นอยู่ในท้อง มีหรือจะดูไม่ออก

   “รีบอะไร นี่ผลัดแล้วผลัดอีก เอาน่า เชื่อพี่ไม่เป็นไรหรอก เสร็จแล้วไปบ้านพี่ต่อ พี่จะพาสะใภ้ไปแนะนำตัวด้วย” บอกเลยว่ามั่นมาก แถมยังเข้ามาคลอเคลียไม่เลิก ผมขมวดคิ้วชั่งใจ แม่ผมเป็นคนทันสมัยอีกอย่างคนสวยของผมคงเดาได้แต่แรกแล้วล่ะว่าพวกเราเป็นอะไรกัน ไม่มีพี่น้องคนไหนจะตามติด ตามง้อ ดูแลเอาใจกันขนาดนี้หรอก ขนาดพี่น้องกันแท้ๆ คลานตามกันมายังไม่มี ดูอย่างพี่เฟย์กับโฟมดิ ผมกับพี่เฟย์มาสไตล์พี่น้องท้องชนกันชัดๆ เพิ่งชนกันไปเมื่อคืนด้วย คิดแล้วเขิน ม้วนแปบ

   “คิดอะไรอยู่ เดี๋ยวหน้าบูด เดี๋ยวหน้าแดง” พี่ชายหัวเราะขำ ใช้หลังมือเกลี่ยแก้มผมแล้วหอมฟอดใหญ่กะเอาชื่นใจกันยันภพหน้า ผมปัดออก

   “เอางั้นก็ได้ พรุ่งนี้ไปหาแม่กัน แต่เรื่องป๊ะป๋า...”

   อย่างที่รู้กัน พ่อผมเป็นคนจีนแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์แบบไม่มีอะไรเจือปน แม้ว่าจะไม่คิดมากเรื่องลูกชายลูกสาว ถึงงั้นพ่อผมค่อนข้างยึดมั่นในความคิดของตัวเองพอสมควร ขนาดเรื่องผู้หญิงพ่อมักโทรมาถามตลอดมีแฟนรึยัง ไม่ต้องรีบมี ต้องดูให้ดีเพราะผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัว คบเพื่อนเป็นยังไงบ้างนิสัยดีรึเปล่า บลาๆ

   ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องมีแฟนเป็นผู้ชายแล้วยังเคยเจออีก เป็นคนออกปากฝากฝังเอง ผมว่าพี่เฟย์โดนหนักหรือไม่ก็สั่งให้ผมแยกกับพี่แหง แบบนั้นผมไม่ยอมเด็ดขาด

   พี่เฟย์เข้าใจ แม้จะเคยเจอกับพ่อผมแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ผมเล่านู่นเล่านี้ให้ฟังเสมอ เวลาพ่อคุยโทรศัพท์กับผมพี่ชายก็อยู่ด้วย ร่างสูงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนมือหนาจะเลื่อนมาลูบหัวผมแผ่วเบา

   “อย่าห่วงเลย เรื่องยังไม่เกิดอย่าเพิ่งไปกังวล เอาที่อยู่ตรงหน้าก่อนดีกว่า นอกเหนือจากนั้นพี่จะจัดการเอง” ริมฝีปากได้รูปก้มลงแนบประทับบนหน้าผาก พอผละออกผมโผเข้าไปกอดซุกหน้า

   คนตัวเล็กเลยไม่ได้เห็นแววตาจริงจังหนักแน่นอย่างคนตัดสินใจอะไรบางอย่าง เงยหน้าขึ้นมองสายตาคู่นั้นก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนเหมือนเดิมแล้ว


   ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงเสียที วันที่จะทำอะไรๆ ให้มันชัดเจนกว่าเดิม ผมยืนอยู่หน้าบ้าน มองกระถางต้นไม้ที่แม่ปลูกด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งตื่นเต้น กังวล เศร้า ดีใจที่ยังมีพี่ชายอยู่เคียงข้าง มือหนาเลื่อนมากุมมือผมไว้แน่น อุณหภูมิร้อนส่งผ่าน ผมรับรู้ได้ว่าพี่ชายเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน

   ผมเป็นฝ่ายเดินนำตามประสาเจ้าบ้าน เห็นคนสวยกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา ด้านข้างมีเจ้าหมาน้อยประจำบ้านผงกหัวมองผมนิดนึงแล้วนอนต่อสบายใจเฉิบ

   “แม่ครับ”

   คนสวยหันมาตามเสียงเรียก ใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไปตามกาลเวลายังคงยิ้มแย้มมองลูกชายเพียงคนเดียวด้วยความรักเต็มเปี่ยม ผมสะอึกรู้สึกมีก้อนจุกมาอยู่ที่คอ ทั้งหมดทั้งสิ้นในโลกใบนี้ คนที่ผมรักยิ่งกว่าชีวิตของตัวเองก็คือแม่ แม่ที่เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่อยู่ในท้องด้วยตัวคนเดียว ไม่มีคนช่วย ไม่มีสามีคอยอยู่เคียงข้าง และผมกำลังทำให้คนที่รักผมที่สุดผิดหวัง...

   ผมตกลงกับพี่ชาย ผมจะขอเป็นคนบอกกับแม่เองในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ยอมรับสิ่งที่ตัวเองพลาดอย่างเต็มใจ ไม่อยากเอาแต่หลบด้านหลังให้พี่ชายรับหน้าเพียงลำพัง

   ร่างเล็กย่อตัวลงคลานเข่าไปซบตักแม่โดยมีพี่ชายยืนมองส่งกำลังใจให้อยู่ด้านหลัง แม่รู้ได้ทันทีว่าลูกชายมาเพื่อคุยเรื่องสำคัญ มือหยาบกร้านจากการทำงานบ้านหยิบรีโมทปิดทีวีเกิดเป็นความเงียบปกคลุมภายในห้อง สัมผัสอ่อนโยนลูบหัวจนผมน้ำตาคลอ

   “มีอะไรจะพูดกับแม่ใช่มั้ย” เสียงหวานถามอย่างปราณี ผมผงกหัวรับเงยหน้ามอง

   “ผม...” ริมฝีปากเม้มสนิท แม่ยังคงรอฟังอย่างใจเย็นคล้ายกับว่ารู้อยู่แล้ว สักวันจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้

   “ผมคบกับที่เฟย์อยู่ครับ” สุดท้ายก็กลั้นใจพูดออกไปจนได้ ฝ่ามือที่คอยลูบหัวชะงักนิ่งไปชวนให้ใจเสีย แม่ดันให้ผมผละออกพลางก้มลงมาสบตา

   “ใช่ตั้งแต่ครั้งแรกที่แม่เจอรึเปล่า” ประโยคนี้หันไปถามพี่เฟย์ที่ยังคุกเข่าเยื้องไปด้านหลัง ผมมองตาม พี่เฟย์ส่ายหัวขยับเข้ามานั่งใกล้ผมมากขึ้น

   “ไม่ใช่ครับ หลังจากนั้น เพิ่งคบกันตอนน้องเข้ามหาลัย”

   แม่ผมเพียงแค่พยักหน้ารับเนิบๆ แล้วถามต่อไม่แสดงท่าทีอะไรเป็นพิเศษ ส่วนผมได้แต่นั่งใจสั่นอยู่กับที่ ฟังสิ่งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองคนคุยกัน

   “เพราะแบบนี้รึเปล่า ถึงอยากให้น้องไปอยู่ด้วย”

   “ไม่ครับ ตอนแรกผมคิดกับปอนด์แค่น้องชายคนหนึ่งจริงๆ ผมเป็นห่วงเวลาน้องอยู่ที่หอคนเดียว ผมเพิ่งมั่นใจความรู้สึกตัวเองหลังจากที่น้องมาอยู่ด้วยสักพัก”

   “แม่เป็นคนฝากให้เฟย์ดูแลน้องด้วยตัวเอง เฟย์ตอบแม่ทีว่าแม่คิดผิดใช่มั้ย...”

   น้ำเสียงแม่เต็มไปด้วยความผิดหวังแบบที่ผมฟังยังปวดใจ กับพี่เฟย์ที่ถูกพูดถึงโดยตรงคงหนักยิ่งกว่าผมหลายเท่า พี่ชายนิ่งไป แม้สีหน้ายังคงสงบแต่มือกำแน่นผมอยากเข้าไปช่วยคลายออก อยากจะบอกว่าผมอยู่ข้างพี่ แต่แม่ผมรั้งตัวไว้

   ร่างสูงที่นั่งหลังตรงมาตลอด ก้มลงกราบแทบเท้าผู้หญิงเพียงคนเดียวในบ้าน

   “แม่ไม่ได้คิดผิดครับ เป็นผมแย่เองที่ทำให้แม่ผิดหวัง คำขอโทษคงไม่เพียงพอกับสิ่งที่ผมทำลงไปกับน้อง ถึงอย่างนั้นผมก็อยากบอก ผมขอโทษครับแม่”

   พี่เฟย์ไม่ยอมเงยหน้าขึ้น ผมกัดปาก หันไปพูดกับแม่เสียงสั่น ขอบตาร้อนผ่าว จวนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

   “แม่ครับ ถ้าพี่เฟย์ผิด ผมเองก็ผิดด้วย ผม...” ไม่ทันจะพูดต่อ แม่ผมยกมือเป็นเชิงห้ามแล้วหันมาคุยกับผมแทน

   “น้องปอนด์รู้รึเปล่า ความฝันของแม่คืออะไร”

   “แม่อยากมีหลาน... แต่ผม” แม่พูดตลอด ถ้าผมมีลูกเอามาให้แม่เลี้ยงก็ได้ ถ้าเป็นลูกชายคงซนน่าดูเหมือนกับผมตอนเด็ก ส่วนถ้าเป็นลูกสาวคงน่ารักน่าชัง แม่จะพาไปเลือกผ้าสวยๆ ใส่ จะเลี้ยงดูยังไงบ้าง วางแผนอนาคตพร้อมสรรพ ภาพรอยยิ้มเสียงหัวเราะยามแม่พูดถึงเรื่องพวกนี้ยังตอกย้ำอยู่ในหัวจนตื้อไปหมด

   “ใช่ แม่อยากมี... ความฝันของแม่คือการที่ลูกชายของแม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี เอาตัวรอดในสังคมได้ มีครอบครัวอบอุ่น มีหลานมาให้แม่คลายเหงา ไม่จำเป็นต้องอยู่กับแม่ตอนแก่ก็ได้ ขอเพียงลูกมีชีวิตที่ดีแม่ก็พอใจแล้ว” น้ำเสียงของแม่สั่นเครือ ผมไม่อาจอดทนได้ต่อไป ผมร้องไห้คว้ามือแม่มาซบแนบแก้ม พี่ชายขยับตัวนั่งตามเดิม จ้องมาทางเราสองแม่ลูกแบบไม่หลบหน้าหนี ขบกรามจนฟันขึ้นสันนูน

   “แม่…”

   “ถึงอย่างนั้น สิ่งที่แม่ต้องการจริงๆ คือ... แม่อยากให้ลูกมีความสุข แม้ในวันที่จะไม่มีแม่อยู่ก็ตาม” ผมยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้แม่โดยไม่สนใบหน้าเปียกชื้นของตัวเอง ผมรู้... ผมรู้ดี แม่ไม่อาจอยู่กับผมได้ตลอดกาล ผมเคยคิดด้วยซ้ำ ถ้าวันไหนแม่เป็นอะไรไป ผมอยากจะจากไปพร้อมกับแม่ ผมโตมามีแต่แม่เพียงคนเดียว คงอยู่ไม่ได้แน่ถ้าขาดแม่ไป

   ตอนนี้ความรู้สึกเหล่านั้นเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย ผมมันเป็นลูกที่แย่ เรียนก็ไม่เก่ง ไม่เคยประสบความสำเร็จให้แม่ภูมิใจเลยสักครั้ง ไม่เก่งเหมือนกับลูกคนอื่นๆ แถมยังทำให้แม่เสียใจในความรักของตัวเองแล้วยังความรู้สึกบ้าๆ นี่อีก ความคิดที่ว่า หากมีพี่เฟย์ ในวันที่ต้องจากลา ผมคงยังมีชีวิตต่อไปได้

   ดวงตาของแม่ มองลึกเข้ามาในแววตาสั่นไหวของผม แม่รู้ทุกอย่างที่ผมคิดแค่เพียงไม่พูดออกมาเท่านั้นเอง แม่คว้าผมเข้าไปกอดแน่น

   “แม่รักลูกนะปอนด์ ลูกเป็นแก้วตาดวงใจของแม่ เป็นคนที่ทำให้แม่เข้มแข็งและผ่านอุปสรรคไปได้ทุกครั้ง เพียงแค่คำเดียว ถ้าฉันเป็นอะไรไป ถ้าฉันยอมแพ้ แล้วลูกฉันล่ะจะเป็นยังไงต่อไป”

   “ฮึก ฮือ....” ผมตอบอะไรไม่ได้นอกจากเสียงสะอื้น ร้องไห้จนปวดหัวไปหมด ก้อนแข็งจุกอยู่ที่คอจนเจ็บ แม่เช็ดน้ำตาตัวเอง เรียกพี่ชายเข้ามาใกล้ๆ พอร่างสูงขยับมาในระยะ วงแขนเล็กของผู้หญิงกอดผมกับพี่เฟย์ไว้ในอ้อมแขนสั่นเทา

   “ถ้าเฟย์คือคนสำคัญของปอนด์ แม่ยอมรับได้ ขอเพียงแค่ลูกของแม่มีความสุขก็พอ” ผมผงกหัวรับคำของแม่ ใบหน้าที่ยังมีเค้าความงดงามในอดีตจับจ้องบนใบหน้าหล่อเหลาขอบตาแดงแม้ไม่มีน้ำตาสักหยด

   “เฟย์ แม่จะให้โอกาสอีกครั้ง รักน้อง ดูแลน้องให้ดี แม่เข้าใจว่าอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ถ้าวันไหนลูกเลิกกันไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม จะช่วยแม่ดูแลน้องเหมือนเดิมได้มั้ย อย่าทิ้งน้องไว้เพียงลำพัง น้องไม่มีใครนอกจากแม่ แม่ขอแค่นี้ทำให้แม่ได้รึเปล่า” คนสวยของผมจ้องพี่เฟย์นิ่ง ผมจับมือแม่รอฟังคำตอบเช่นเดียวกัน

   “ผมสัญญาครับแม่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าตอนนั้นผมกับน้องจะยังรักกันอยู่หรือว่าเลิกรากันไปแล้ว ปอนด์จะยังคงเป็นคนสำคัญของผมไม่เปลี่ยน ไม่ว่าจะคนรักหรือว่าคนในครอบครัว ผมจะดูแลจนกว่าตัวผมจะไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกต่อไป” เสียงทุ้มเอ่ยหนักแน่น ผมเต็มตื้อในอก น้ำตาเอ่อคลออีกรอบ ไม่ได้มาจากความเศร้า แต่เป็นความดีใจ แม่จับมือพวกเรามาประกบกัน

   “ดี... ดี แม่ยอมรับว่าแม่ผิดหวัง แต่แม่ไม่เสียใจที่พวกลูกเป็นแบบนี้ รักกันดีๆ มีอะไรให้คุยกับตรงๆ ถ้าเหนื่อยก็พักแล้วค่อยสู้กันใหม่ เฟย์ก็เหมือนลูกแม่อีกคนมีอะไรมาหาแม่ได้เสมอ ปอนด์ด้วยอย่างอแงกับพี่เขาให้มากนัก”

   “ครับ” พี่เฟย์เป็นคนรับคำ ส่วนผมยังน้ำตาอาบแก้มพูดไม่เป็นคำ ได้แต่พยักหน้ารับอย่างเดียว

   “ไป พากันล้างหน้าล้างตา แล้วมานั่งคุยกันดีๆ”

   ไม่มีอะไรให้ต้องปฏิเสธ ผมเดินตามแม่ไปล้างหน้า ก่อนมานั่งปรับอารมณ์คุยกัน ผมเข้าใจ แม่ผิดหวังในตัวผมที่ไม่ได้เป็นผู้ชายธรรมดา รักผู้หญิงอย่างใครเขา ถึงอย่างนั้นแม่ก็ยังรักผมอยู่ดี อีกอย่างผมรู้สึกได้ว่าความจริงแม่ไม่ค่อยโอเคกับความสัมพันธ์ของผมกับพี่ชายนัก แต่มันคือความสุขของผม เป็นสิ่งที่ผมเลือกและตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่เฟย์แสดงจุดยืนชัดเจน นี่ถ้าพี่เฟย์นิสัยแย่กว่าที่เป็นอยู่แม้แต่นิดเดียว แม่คงไม่ยอมง่ายๆ แบบนี้หรอก

   อีกอย่าง แม่ผมเล่าว่าพอจะเดาความสัมพันธ์ของพวกเราได้ตั้งแต่แรกแล้ว เลยมีเวลาทำใจนานหน่อย

   “แม่ครับ วันหยุดคราวหน้าผมว่าจะพาปอนด์ไปแนะนำกับทางบ้าน”

   พี่ชายพูดขึ้น สีหน้าจริงจัง

   “แล้วที่บ้านเราไม่มีปัญหาใช่มั้ย รังแกลูกแม่เหมือนแม่สามีกับลูกสะใภ้ในละครแม่ไม่โอเคนะ” คนสวยพูดเสียงเข้มตวัดสายตามอง แอบเห็นพี่เฟย์สะดุ้งยิ้มแห้ง

   “ไม่เป็นไรแน่นอนครับ ที่บ้านรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว เพียงแค่ยังไม่เคยพาปอนด์ไปแสดงตัวเท่านั้นเอง” ซึ่งสาเหตุไม่ใช่พี่เฟย์เลี่ยงไม่อยากโชว์ตัวผมหรอก เป็นผมนี่แหละไม่กล้าไป ทำลูกชายสุดเพอร์เฟคเขาเป็นเกย์เนี่ย เสียวๆ จะถูกถีบกลิ้งกลับกรุงเทพแทบไม่ทัน

   “งั้นเหรอ... เอาเถอะ ถ้าจริงจังกันก็ควรจะพาไปพบญาติผู้ใหญ่”

   ได้ไฟเขียวพี่ชายยิ้มร่า ส่วนผมนั่งกังวลต่อไป หวังว่าจะรอดนะตู อ่อ ยังมีโฟมอยู่ ให้โฟมช่วยอีกแรงดีกว่า

   “นี่ แม่ถามหน่อยสิ ปอนด์เป็นเกย์เหรอลูก” จู่ๆ แม่สะกิดถาม ผมแทบสำลักน้ำลายตัวเอง หันมองตาโตอ้าปากค้าง ยกนิ้วชี้หน้าตัวเอง

   “หะ!? ผมเป็นเกย์เหรอ” อันนี้ผมงงเหมือนกัน ที่ผ่านมาเคยแอบชอบ แอบหลงแต่ผู้หญิง แม้เป็นหนุ่มวายก็ตาม เพิ่งจะมามีพี่เฟย์เนี่ยแหละที่เป็นแบบนี้แล้วผมก็ไม่รู้สึกอะไรกับผู้ชายคนอื่นด้วย หมายความว่าผมเป็นเกย์รึเปล่าหว่า

   “เอ้า มาถามแม่กลับแล้วแม่จะรู้กับเรามั้ย หรือจะเป็นอะไรนะ ไบๆ”

   “ไบเซ็กชวลรึเปล่าครับ" คนตัวสูงเสริม เออ น่าคิด อาจจะเป็นไปได้

   “ใช่ๆ ที่ชอบทั้งชายทั้งหญิง”

   “สำหรับผม ไม่สำคัญหรอกครับว่าจะเป็นอะไร เพราะผมรักปอนด์ที่เป็นปอนด์ ต่อให้น้องเป็นผู้หญิงผมก็ยังรัก” พูดจบแล้วยิ้มหล่อ แม่ผมมองตาปริบๆ แล้วหันมาซุบซิบกับผม

   “แม่พอเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมน้องปอนด์ถึงรักเฟย์นัก” เล่นทักกันแบบนี้ผมจะทำอะไรได้นอกจากยิ้มแหยหน้าแดงก่ำ ไม่ต้องมามองตาระยิบระยับเลย เดี๋ยวปั๊ดจิ้มตาแตก ผมมองค้อนใส่พี่เฟย์ เจ้าตัวทำเป็นไม่เห็น หันไปช่วยแม่คุยเปลี่ยนเรื่องเกี่ยวกับทำอาหารแทน ถนัดเขาแหละ

   ผมลูบหัวเจ้ามอมหมาน้อยของผม ฟังเสียงแม่คุยกับพี่เฟย์อย่างออกรสออกชาติเหมือนคุณนายสองคนกำลังเม้าส์มอยกัน

   จบลงด้วยดี แม้จะยังไม่ทั้งหมด แต่ก็มากพอเป็นกำลังใจให้ลุยด่านต่อไป ผมอาศัยช่วงพี่ชายอาสาเข้าครัวทำมื้อค่ำ ดึงแม่ออกมาคุยกันสองคน ยังมีอีกสิ่งที่ผมคิดหนัก

   “แม่ เรื่องป๊ะป๋า...”

   “แม่รู้ เดี๋ยวแม่ช่วยพูดให้เอง ถ้าเขาไม่ยอมก็เรื่องของเขา ไม่ได้มาอยู่ด้วยซะหน่อย เราจำไว้แค่ว่าแม่ยอมรับแล้วก็พอ”

   “เอางั้นเหรอ” ถึงพ่อจะไม่อยู่ด้วยแต่ก็คอยส่งเสียถามไถ่สารทุกข์สุขดิบผมมาโดยตลอด สอนนู่นสอนนี่สารพัด แม่เล่นพูดซะไร้เยื่อใยเลยเหอะๆ

   “อย่างงั้นแหละ เลิกคิดมากได้แล้ว ชีวิตเรา เราเลือกเองต้องยอมรับผลที่ตามมา เอาเวลามาคิดเรื่องป๊ะป๋า ไปคิดว่าจะทำยังไงให้บ้านนั้นพอใจดีกว่า”

   “แหงะ” ผมส่งเสียงเหมือนเขียดโดนเหยียบ ไม่เคยได้ยินหรอก มโนเอา แม่หัวเราะขยี้หัวผมแล้วเดินกลับเข้าไปในครัวหลังพี่เฟย์ขอให้ช่วยชิมแกง สมัยนี้ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างเดียวแล้วครับ ใช้เสน่ห์ปลายจวักมัดใจผู้ใหญ่เนี่ย พี่เฟย์นี่ขั้นปรมาจารย์ ไอ้ผมทำอาหารไม่เป็น งานบ้านพอทำได้จะเอาอะไรไปมัดใจพ่อตาแม่ยายดี สงสัยต้องใช้ความน่ารัก ช่างคุยแทนแล้วมั้ง เห็นงี้ผมเป็นที่เอ็นดูกับผู้ใหญ่นะ สู้ตายเว้ย!


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ดีนะที่แม่ยอมรับได้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ซึ้งจัง คบกันดีๆนะ เหมือนเห็นลูกสาวออกเรือนเลย
ปริ่ม  :mew4: 

ออฟไลน์ anawas

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
วายที่3 งานคอสเพลย์

   นอกจากงานหนังสือแล้ว ยังมีอีกงานหนึ่งที่เหล่าโอตาคุชายหญิง และบรรดาสาวกวายทั้งหลายสนใจมาก นั่นก็คือ.... งานคอสเพลย์!

   แล้วยิ่งงานคอสไหนผสมกับพวกคอมมิก ขายพวกนิยาย การ์ตูน โดจิน งานเกี่ยวกับการ์ตูนเข้าไปด้วย ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ ตอนนี้ผมมีเป้าหมายใหม่ครับ นั่นก็คืองานนี้แหละ ผมอยากไปดูคนอื่นคอสเพลย์ อยากแต่งตัวเล่นๆ ไปซื้อของด้วย รายการที่อยากพิมพ์ไว้ในมือถือครบ วิธีการไป กฎการเข้างาน ศึกษามาพร้อมสรรพ

   ขาดอยู่อย่างหนึ่ง ผมไม่มีเพื่อนไปอะ กระซิกๆ เพื่อนผมไปก็จริง แต่ขานั้นต้องเฝ้าบูธขายของ ของตัวเอง ออกมาป้วนเปี้ยนเล่นกับผมไม่ได้ เพื่อนคนอื่นที่ไปทางนั้นก็คอสเหมือนกัน ไปกับเพื่อนอีกกลุ่ม ผมไปแจมก็ใช่ที่ ไม่รู้จัดด้วย
   
   เหลือตัวช่วยคนสุดท้าย... ถ้าคนนี้ไม่ไป ผมคงได้ลุยเดี่ยวของจริง ผมนั่งลังเลอยู่หน้าจอคอม ที่เปิดเอ็มค้างไว้ ชื่อคนนั้นกำลังออนอยู่ ผมยังไม่กล้าทักไป

   นับตั้งแต่วันที่ไปเจอกันรอบสอง แลกหนังสือกัน หลังจากนั้นก็มีนัดเจอกันบ้างตามประสา แต่ไม่บ่อย นานๆทีจะนัดสักทีเพราะพี่เขาไม่ค่อยว่าง ผมเองก็ติดเรียน ดีหน่อยตอนนี้ผมปิดเทอมอยู่ เหลือแค่ทางนั้นต้องทำงานตามปกติ ผมกำลังจะขึ้นม.5แล้วครับ

   ผมจะชวนพี่เขาไปงานคอสอาทิตย์หน้า เจ้าตัวจะว่างไหมหว่า มันตรงกับวันหยุดอยู่นะ แต่กลัวว่าจะติดพวกงานด่วนจัง เอาวะ สู้ๆ ลองถามไปก่อนแล้วกัน ลุย!

   Ponda : ดีฮะพี่

   fay_ie : ไงเรา ทักช้ากว่าปกติ ติดเกมล่ะสิ

   Ponda : ไม่ใช่สักหน่อย! เอ่อ...วันอาทิตย์นี้พี่ว่างป่าว

   fay_ie : ว่างนะ จะนัดเจอรึไงเรา

   Ponda : ก็ไม่เชิง แบบ มันมีงานคอสอะ ขายพวกของการ์ตูนในงานด้วย ผมว่าจะไปอยู่

   พี่เขานิ่งไป ผมนั่งลุ้นอยู่หน้าจอ สักพักถึงถามกลับมา

   fay_ie : เราไปกับใคร นัดเพื่อนไว้รึเปล่า?

   Ponda : เจอเพื่อนที่นู่นอะ แต่เพื่อนเฝ้าบูธ ผมว่าจะไปเดินซื้อของแล้วก็กลับ แต่งเล่นๆแค่นั้น

   fay_ie : หืม? อยากให้พี่ไปด้วยเหรอ?

   เจอคำถามงี้เข้าไป ผมนั่งตัวแข็งทื่อ เหมือน คือจริงๆแล้วก็อยากให้ไปแหละ แต่แบบ จะให้พูดมันก็... ใครจะไปยอมรับง่ายๆกัน!

   Ponda : เผื่อพี่มีของอะไรอยากซื้อไงฮะ งานนี้ของน่ารักๆเยอะนะ มีพวกวายด้วย

   fay_ie : หึหึ

   อ๊ากกก พิมพ์กลับมาแบบนี้ อย่างกับมีภาพฉายขึ้นมาเลย อีกด้านพี่ชายสุดหล่อคงกำลังขำผมอยู่แน่ๆ โดนรู้ทัน ฮึ่ย เขินหนักกว่าเก่าอีก ใครก็ได้ เอาปูนมาฉาบหน้าให้ผมที

   Ponda : ขำอะไรพี่

   fay_ie : อยากให้พี่ไปด้วยก็บอกมาสิ...

   ฉ่า...ความร้อนพุ่งขึ้นหน้า แทบอยากเอาหัวโขกคีย์บอร์ด

   Ponda : ป่าวสักหน่อย ก็แค่ถามดู

   fay_ie : อ่าฮะ... แล้วจะให้พี่ไปด้วยมั้ย?

   ผมนั่งนิ่งอยู่หน้าคอม มองข้อความที่พี่เขาตอบกลับมาแบบเหม่อๆ อยากให้ไปด้วยมั้ย...อยาก อยากสุดๆเลย ไม่งั้นคงไม่ชวนหรอก แต่...  ริมฝีปากเล็กเม้มสนิท กลั้นใจพิมพ์ทั้งที่แอบสั่นๆ

   Ponda : พี่จะไปด้วยป่าวล่ะ

   fay_ie : อืมมม ไปก็ได้... ไม่งั้นเดี๋ยวเด็กน้อยแถวนี้จะงอนพี่ที่ไม่ยอมไปด้วย

   ต่อจากนี้ไม่ต้องพงต้องพิมพ์มันแล้วครับ ผมละจากจอคอม กระโดดขึ้นเตียง คว้าผ้าห่มมากอด กลิ้งไปกลิ้งมาทึ่งหัวตัวเองเหมือนคนบ้า เห็นแม่ยืนทำหน้าเหมือน เด็กนี้ไม่ใช่ลูกฉัน อยู่หน้าประตูผมถึงได้สติ ยิ้มให้แม่ เดินเข้าไปกอดเอวออดอ้อนจนโดนดันหัวออก

   “เมาอากาศรึไงน้องปอนด์ แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว ลงไปช่วยจัดโต๊ะกินข้าวเร็ว”

   “คร้าบ”

   ผมรับคำว่าง่าย ไหลไปบอกพี่เฟย์ว่าขอตัวไปกินข้าว แล้ววิ่งทั่กๆ ลงไปชั้นล่าง กินเสร็จผมเป็นคนเก็บโต๊ะล้างจาน เอาขยะไปทิ้ง หยอกเล่นกับเจ้าหมาที่บ้านสักหน่อย ค่อยขึ้นมานั่งเล่นคอมต่อ พวกเราคุยกันจนดึก สุดท้ายพี่เขาก็ไล่ผมไปนอน ผมเลยต้องหอบสังขารตัวเองไปอาบน้ำมานอนกลิ้งเฝ้ารอวันที่จะได้ไปงานคอสเพลย์ ดูท่าผมชักจะเริ่มอาการหนักแฮะ

   และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง ผมเตรียมชุดใส่กระเป๋า ไม่คิดเปลี่ยนจากบ้าน ถึงมันไม่ได้ชุดหรูหราอะไร แต่ถ้าให้ใส่ไปคงไม่ไหว เด่นตายชัก

   โชคดีที่งานจัดขึ้นไม่ไกลจาก BTS แค่นั่งยาวไปลงเดินต่ออีกหน่อยก็ถึง ผมนัดกับพี่เฟย์ไว้ที่สถานีนั้นแหละ พอลงจากรถเดินลงมาประตูทางออกตามนัด ร่างสูงเด่นเข้าตาเป็นคนแรก หนุ่มวัยทำงาน สลัดมาดพนักงานบริษัท ใส่เสื้อยืดสีดำคอวีพอดีตัวทำให้เห็นสัดส่วนปานนายแบบรางๆ กางเกงยีนเซอร์ๆ กับรองเท้าสุดเท่ ยืนหล่อเช็คกล้องถ่ายรูปที่คล้องอยู่ตรงคอ มือข้างถึงถือถุงกระดาษ

   นึกอยากหมุนตัวกลับ หลายคนที่มางานเดียวกัน บางคนแต่งชุดคอสเพลย์แล้ว พากันมองแบบเหลียวหลัง งานนี้ยิ่งเป็นงานเกี่ยวกับพวกของวายซะด้วยสิ อินเมจเมะสุดเพอร์เฟคกระตุ้นต่อมจิ้นเหล่าบรรดาสาววายดีนักแล รวมถึงผมด้วย ถ้าผมไม่ได้เป็นคนที่นัดมาอะนะ

   ใบหน้าหล่อเหล่าเงยขึ้นมอง เห็นเด็กน้อยที่รอยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่ได้คิดอะไรมาก เลยเดินเข้าไปหาเองซะเลย

   “ปอนด์ ทำไมยืนนิ่งงั้นล่ะ จะแต่งคอสเพลย์ด้วยไม่ใช่เหรอ ไปเปลี่ยนชุดสิ พี่รอถ่ายรูปอยู่”

   พี่รอถ่ายรูปอยู่…

   พี่รอถ่ายรูปอยู่...

   คำนี้วนเวียนอยู่ในหัว มือกำสายเป้แน่น เดินเหมือนหุ่นยนต์ เรียกเสียงหัวเราะจากคนข้างๆ พอเห็นแววว่าจะชนชาวบ้าน ต้องคอยคว้าจับ สุดท้ายจูงพาไปที่ห้องน้ำให้เปลี่ยนเสื้อผ้า

   นักคอสเพลย์ชายดูจะน้อยกว่าผู้หญิง ส่วนใหญ่มักจะแต่งมาจากที่บ้านมากกว่า เพราะชุดตัวละครชายไม่ค่อยมีอะไรมากนัก เฉพาะบางตัวนะ ผมยิ่งง่ายใหญ่ ถอดเสื้อเปลี่ยนชุดแปบเดียวเสร็จ ไม่ต้องแต่งหน้าเซตผมอะไร สไตล์หัวยุ่งๆผมนี้แหละแจ่มระ

   ผมออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดปกกะลาสีเด็กผู้ชาย เสื้อสีขาว ปกสีน้ำเงินกับผ้าสีเดียวกัน กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ถุงเท้าสีขาว ปิดท้ายด้วยรองเท้านักเรียนแบบญี่ปุ่นที่ลงทุนซื้อมาใหม่ เท่านี้ก็เรียบร้อย ตัวนี้ผมสั่งซื้อทางเน็ต ซักรีดแล้วหอมฟุ้งด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม รับประกันด้วยแม่ผมเลย

   “พี่เฟย์ ผมมาแล้ว”

   ผมดึงๆชายเสื้อเรียกคนตัวโตที่ยืนรออยู่ พอพี่เฟย์หันมาเห็นผม ติดสตั๊นไปชั่ววูบ ผมเอียงคอมองงงๆ

   “อะแฮ่ม น่ารักมากเลย ปะ เราเข้าไปในงานดีกว่า”

   คนตัวโต รับเป้ใส่เสื้อผ้ามาสะพายไว้แทน แล้วจูงมือเด็กน้อยเข้าไปในงานท่ามกลางสายตาทุกคนที่มองเห็น ในใจเฟย์ตอนนี้ช่างแตกต่างกับสีหน้าปกติ แวบแรกที่เห็นเด็กน้อยน่ารักในชุดปกกะลาสี ผมนุ่มอย่างกับขนแมวดูยุ่งๆ ให้อารมณ์เหมือนลูกแมวซุกซน ดวงตากลมโตสีดำ ปากนิดจมูกหน่อย ทั้งที่อยู่ม.ปลาย หน้าตากลับเด็กมากจนน่าตกใจ

   อยากอุ้มกลับบ้านว้อย!!!

   “พี่เฟย์ๆ เป็นอะไรไปเหรอฮะ”

   “ป่าวๆ พี่แค่คิดอะไรเพลินๆน่ะ ตรงนั้นมีของคอสเพลย์ด้วยไปดูหน่อยมั้ย”

   “ไปๆ ผมอยากได้หูแมวพอดีเลย”

   ร่างเล็กเป็นฝ่ายลากพี่ชายไปแทน หยุดยืนดูอยู่ตรงร้านขายพวกของคอสเพลย์ มีพวกหูหางแมว ปลอกคอ ชุดคอสเพลย์แบบเป็นเซต หูกระต่าย และอีกสารพัด

   ดวงตาคมไปสะดุดเข้าไปหูแมวดำขนนุ่ม ด้านในเป็นผ้าสีชมพูอ่อน ใกล้ๆกันมีหางแมวยาวแบบดัดได้ใช้ขนแบบเดียวกัน ถัดไปอีกหน่อยเป็นถุงมืออุ้งเท้าแมวมีปุ้มเท้านุ่มๆสีชมพู ไม่รู้อะไรดลใจ เฟย์เลือกหยิบเซตนี้ให้พนักงาน แถมเลือกปลอกคอแบบเป็นริบบิ้นสีดำติดกระพรวน กับริบบิ้นสีแดงเส้นเล็กอีกสองสามเส้น

   อาศัยช่วงที่เด็กน้อยกำลังสนใจดูของอย่างอื่น ยืนถักปลอกคอด้วยริบบิ้นขึ้นมาใหม่ เป็นเส้นสีดำสลับแดง แล้วจัดการใส่ให้คนข้างตัวซะเลย แถมที่คาดผมหูแมวดำ ติดหางพร้อม ปิดท้ายด้วยถุงมือแมวใส่มือเล็ก คนโดนจับแต่งตัวก้มมองตัวเอง พอจะอ้าปากทักเรื่องคนจ่ายเงิน กลับถูกขัดซะนี้

   “เหมาะมากเลย เดี๋ยวเดินดูของ ซื้อจนครบแล้วไปถ่ายรูปด้านนอกกันดีกว่า”

   ผู้ใหญ่มีสกิลหลอกล่อสูงลิบ จูงมือลูกแมวให้เดินตามต้อยๆ ได้ยินเสียงกระพรวนใสๆดังอยู่ข้างๆ หลายคนที่เห็นต่างมองตามกันจนแทบเหลียวหลัง เสียงซุบซิบมีให้ได้ยินไม่ได้ขาด

   “น่ารักจังเลย พี่ชายกับน้องชายรึป่าว”

   “ไม่หรอก ต้องคบกันแน่ๆ”

   “บ้าหน่า แบบนี้ก็เข้าข่ายกินเด็กสิ กรี๊ด กินเด็กเป็นอมตะ”

   เห็นพี่เฟย์สะดุดเข้ากับประโยคสุดท้าย ผมเองได้ยินเต็มสองหู ทั้งขำทั้งเขินในเวลาเดียวกัน เอาเป็นว่าถ้าแต่งออกมาแล้วไม่ดูแย่ก็โอเคล่ะนะ ผมเลยไม่คิดถอดพร็อพพวกนี้ออก ยกเว้นถุงมือ เพราะต้องหยิบจับซื้อของที่อยากได้ ผมวนเวียนไปทุกร้าน บางร้านเดินผ่านแล้วผ่านอีกถึงตัดสินใจซื้อได้ บางอย่างสนใจ แต่กลับไม่ซื้อก็มี

   ของที่ซื้อมาก็มีพวก โดจิน หนังสือการ์ตูนออริ ยัดใส่เป้ที่พี่ชายสะพายไว้ น่าเสียดายนิดหน่อย เพื่อนผมเพิ่งโทรมาบอกว่า ติดธุระกะทันหันเลยไม่ได้มาที่บูธ แต่ฝากคนอื่นมาแทน ผมไม่รู้จักเลยไม่เข้าไปหา หลังซื้อของเสร็จ ตัดสินใจออกจากฮอลล์เลย

   ด้านนอกมีลานโล่ง กับโซนพื้นหญ้า ต้นไม้บ้าง คนแต่งชุดคอสเพลย์กับตากล้องอยู่กันแบบระรานตา แต่ละคนแต่งชุดมาจัดเต็มมาก ผมมองด้วยความตื่นเต้น กลุ่มไหนกำลังยืนให้ถ่ายรูป ผมก็ลากพี่ชายเข้าไปถ่ายเก็บภาพให้ด้วย คนตัวโตส่ายหัวกับลูกแมวตัวน้อยแสดงอาการดีใจแบบไม่ปิดบัง หารู้ไม่ ตากล้องที่มาด้วยนี้แหละ แอบถ่ายรูปไปเป็นโหลๆ และคอยกันท่าพวกท่าทางไม่น่าไว้ใจ ที่คิดจะเข้ามาใกล้ลูกแมวที่กำลังเริงร่า

   “พี่ๆ ตรงนั้นมันเมะวายที่กำลังดังตอนนี้นี่นา สุดยอดเลยอะ เหมือนมาก ทั้งชุด ทั้งทรงผม คนถ่ายรูปเต็มเลย”

   “ใจเย็นๆ เขาไปวิ่งหนีไปไหนหรอกหน่า วิ่งมากระวังสะดุดล้มนะ”

    “ผมไม่ได้ซุ่มซ่ามขนาดนั้นสักหน่อย”

   ผมหันไปบ่นอุบอิบใส่ พอดักับมีผู้หญิงในชุดโลลิต้ากับชุดเมดสองคนเดินมาทางพวกเรา

   “เอ่อ...ขอโทษนะคะ ขอถ่ายรูปหน่อยคะ” สาวชุดเมดถาม ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก ตั้งแต่ออกมาจากฮอลล์มีคนอื่นมาขอถ่ายรูปผมบ้างเหมือนกัน ทุกคนสุภาพใจดี แรกๆก็เขิน เกร็งๆอยู่บ้าง ช่วงหลังคงเริ่มชิน

   “ได้ครับ ถ่ายตรงไหนดี?”

   ผมถามแบบนี้เพราะบางคนเขาขอให้ไปถ่ายคู่กับคนอื่นด้วย ว่าตามจริง ถ้าไม่มีพี่เฟย์อยู่ ผมคงโดนฟัดจนขนยับแหงๆ

   “ตรงนี้ก็ได้ค่ะ แต่... คุณพี่ชายช่วยอุ้มคุณน้องชายหน่อยได้รึเปล่าคะ เอ่อ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร...”

   “ได้สิ”

   เสียงทุ้มตอบรับ พร้อมกับตัวผมที่ถูกอุ้มจนตัวลอยจากพื้น พี่ชายแข็งแรงมาก อุ้มผมด้วยแขนข้างเดียวสบายๆเลย เหมือนเวลาพ่อบ้านปีศาจอุ้มนายน้อย ผมได้ยินเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ คนแถวนั้นหลายคนแห่กันมาถ่ายรูปพวกเราสองคน

   “กรี๊ดดด น่ารัก โชตะๆ”

   “พี่ชายกับน้องชาย ฟินพะยะคะ ตายไปไม่เสียดายแล้ว”

   “ขอบคุณตัวเองที่เลือกมางานนี้!”

   เจอแบบนี้เข้าไป ผมเริ่มทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยิ้มให้คนอื่นถ่ายรูป พี่เฟย์ดูไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์ที่เกินขึ้นเลยแม้แต่น้อย ไม่สิ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนงานหนังสือแล้ว ถ่ายรูปไปถ่ายรูปมาจนผมเริ่มจะเหนื่อยกับการแอ๊กท่าแบบที่คนนั่นคนนี้บอก

   พี่ชายสังเกตเห็นเลยกระทำการอุอาจแทบฆาตกรรมหมู่ในงาน ริมฝีปากได้รูปหอมแก้มนุ่มคนที่อุ้มอยู่เร็วๆ เสียงกรี๊ด เสียงรัวชัตเตอร์หนักขึ้นกว่าเก่า ส่วนผมอึ้งอ้าปากค้าง พอได้สติต้องยกมือที่สวมถุงมือแมวมาปิดหน้าแดงๆของตัวเอง จำต้องซุกหน้ากับบ่ากว้าง

   “น้องของผมเหนื่อยแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”

   คำพูดแสนสุภาพ น้ำเสียงชวนฟัง ทำให้ทุกคนเคลิ้มไปชั่วขณะ ยอมเปิดทางปล่อยให้คนตัวโตอุ้มลูกแมวน้อยออกไปโดยดี เด็กน้อยบางคนดูท่าคงไม่อยากดูคนอื่นคอสเพลย์ต่อแล้ว เฟย์เลยอุ้มพาออกมาซะเลย

   “พี่ เดี๋ยวๆ ผมยังไม่เปลี่ยนชุดเลยนะ”

   ผมทักท้วงเมื่อเห็นว่าอีกคนจะพาเดินออกไปทั้งแบบนี้จริงๆ

   “ไม่เป็นไรหรอก ถอดแค่พวกพร็อพออกก็พอ เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้าน มีขนมเอาไปฝากแม่ด้วย ขืนให้เราถือไป คงเละหมดก่อนถึงมือแม่พอดี”

   “ไม่ใช่แบบนั้นสิ ถึงจะเอาพวกนี้ออก แต่ชุดมันก็ยังเด่นอยู่นะ อีกอย่าง มันไม่เกี่ยวกับเรื่องพี่ไปส่งเลยนี่นา”

   “เหมือนชุดไปเที่ยวแหละ เอ้า เรียบร้อย ไปกันเถอะ”

   หูหางถุงมือ พร้อมปลอกคอริบบิ้น ถูกถอดไปเก็บในกระเป๋าเป้ของผมจนหมด นึกอยากประท้วงใจจะขาด แค่ตัวโดนลากขึ้นรถไฟฟ้าไปเรียบร้อย คนมองกันให้พรึบ น่าอาบจริงๆ คนข้างๆไม่สำนึก หัวเราะเบิกบานจนผมหมั่นไส้ใส่ศอกไปทีนึง เลยโดนหยิกแก้มกลับเบาๆ

   วันนี้ ผมกลับมาบ้านด้วยชุดปกกะลาสี ผมคว้ากระเป๋าขึ้น รีบขึ้นไปเปรียบที่ห้องตัวเอง ระหว่างเดินลงมาชั้นล่าง ได้ยินเสียงแม่ผมกับพี่เฟย์คุยกันถูกคอ แม่ชมว่าขนมที่พี่ชายทำอร่อยไม่ขาดปาก ชวนมากินข้าวเย็นด้วยกัน ไปๆมาๆ แขกดันเข้าครัวไปช่วยแม่ผมทำกับข้าวซะงั้น

   ส่วนผมน่ะเหรอ แค่เดินเฉียดครัวก็โดนสองคนนั้นไล่ออกมา ให้นั่งดูการ์ตูนรอข้างนอกแล้ว ชิ ผมแค่ทำอาหารไม่เป็น ทำหม้อไหม้ไปหลายใบ ถ้วยชามแตกไปไม่กี่อย่างแค่นั้นเอง

   จะถามว่าทำไมพี่ชายถึงดูสนิทกับแม่ผม มันเป็นเรื่องก่อนหน้านี้ครับ ทุกครั้งที่นัดเจอกัน พี่จะมาส่งผมขึ้นแท๊กซี่ตามปกติ วันหนึ่งแม่ผมบอกว่าให้พาพี่ชายมาเที่ยวบ้านด้วย คงอยากจะเห็นคนที่ผมคุยด้วยบ่อยๆตามประสาแม่เป็นห่วงลูกนั้นแหละครับ

   ผมเล่าให้พี่เฟย์ฟัง พี่เขาเข้าใจ เลยยอมตามผมกลับมาบ้าน แถมขนมติดไม้ติดมือมานิดหน่อย เจ้าตัวนอกจากจะทำงานบริษัทแล้ว เวลาว่างๆพี่เขาจะรับออเดอร์ทำขนมขาย พวกเค้กอะไรแบบนั้น ซึ่งผมมารู้เอาวันที่พี่ทำมาฝากแม่ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของสองพ่อครัวแม่ครัวที่คุยกันถูกคอเรื่องทำอาหาร ปล่อยให้ลูกชายตาดำๆเป็นแมวหัวเน่าไป

   แต่ไม่เป็นไร เพราะผมได้กินของอร่อยทุกที ไม่ว่าจะของคาวของหวาน ลาบปากผมล่ะ

   “น้องปอนด์ เลิกดูการ์ตูนมาช่วยยกออกไปเร็ว พี่เขาจะไม่ต้องกลับดึก”

   “คร้าบ”

   ผมขานรับเสียงที่ดังมาจากในห้องครัว ลุกจากโซฟา รับจานกุ้งทอดที่พี่ชายยื่นส่งมาให้อีกต่%

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
คุณแม่น่ารักอะ อิอิ พี่เฟย์ผ่านฉลุย

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :impress3: ตามมาจากเรื่องซันโป้ มาเจอเรื่องนี้แบบไปกันคนละงานเลย แต่ก้อได้อารมณ์ใส ๆ ดี ชอบจังเลย เรื่องเกี่ยวกับหนุ่มวายเนี่ยน่าจิ้นจริง ๆ ชอบอ่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
คุณแม่ใจดี o13 :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
อ้าว นึกว่าเรื่องนี้จบแล้วน่ะเนี่ย สรุปว่ายังไม่จบ 555 ดีใจจังเลยที่ยังไม่จบ ชอบอ่ะ น่ารักมุ้งมิ้งมากเลยอ่ะ ปอนด์นี่แบบเคะน่ารักจริง ๆ แต่ชอบหนุ่มวายพี่เฟย์เนี่ยสุดยอดจริง ๆ เป็นผู้ชายในฝันของเราจริงๆ  อิจฉาปอนด์มาก  :mew4:

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
ซึ้งใจน้ำตาไหล ขอให้ไปกันได้ดีกับครอบครัวพี่เฟย์

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
วายที่27 น้องชายตัวดี
 
ด่านแรกผ่านพ้นไปแล้ว เหลืออีกสองด่านคือครอบครัวพี่เฟย์กับป๊ะป๋าผมเอง ส่วนเพื่อน... น่ากลัวว่ากลุ่มผมจะเป็นเกย์กันยกกลุ่ม ดังนั้นไม่ต้องห่วงเลยว่าพวกนั้นจะรับไม่ได้
 
ซึ่งในตอนนี้ผมกำลังจะเผชิญหน้ากับด่านที่สอง ยืนกลืนน้ำลายอึกมองบ้านขนาดกลาง ด้านหลังคือรถและเจ้าของรถที่กำลังขนของลงมา ด้านหน้าคือครอบครัวสามี... พ่อ แม่ น้องชาย แมวอีกสองตัว มาครบกันเลยเว้ย ดีนะไม่แห่กันมาทั้งบ้านแบบ จิ้งจก ตุ๊กแก เอ๊ะ ตรงกำแพงผมเห็นเจ้าสัตว์เลือดคลานตัวซีดแว้บๆ คงไม่ได้มาต้อนรับจริงๆ หรอกใช่มั้ย
 
เพ้อไปใหญ่ เพื่อลดความตื่นเต้นจนขาสั่นของตัวเอง ยกมือประกบไหว้ แทบจะถอนสายบัวอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่าเจอสายตาสั่นระริกอย่างขบขันของเด็กบ้าอย่างโฟม จบตรงนี้ก่อน เจอดีแน่ไอ้คุณน้องสามี
 
“สวัสดีครับ”
 
รอยยิ้มถูกส่งให้เป็นอย่างแรก ชายหญิงวัยกลางคนที่มีร่องรอยตามกาลเวลายกมือไหว้รับขณะดวงตามองสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัว หากสนิทกันคงจะจับผมหมุนดูทั้งตัว สายตาพวกเขาไม่มีวี่แววของการดูถูก มันแฝงไปด้วยความประหลาดใจมากกว่า
 
“สวัสดีจ๊ะ หนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักจริง ดูเรียบร้อยกว่าโฟมอีก เฟย์ ลูกคงไม่ได้ลักพาตัวลูกเขามาหรอกนะ”
 
คุณแม่ถามอย่างเป็นกังวล ลูกชายไม่นำพาหัวเราะแล้วโอบไหล่ผมช่วยแนะนำตัวให้เสร็จสรรพ
 
“นี่ปอนด์ที่ผมเคยบอกแม่ไง เห็นแบบนี้อยู่มหาลัยปี 1 แล้วครับ” ผมผงกหัวเป็นเชิงรับ “สุดหล่อตรงนั้นคือพ่อชิต คนสวยคือแม่ฟ้า เจ้าแมวสองตัวนั่นชื่อแฟงกับฟลุ๊ค ส่วนคนอุ้มแมวคงไม่ต้องแนะนำแล้วมั้ง”
 
พี่ชายพูดขำๆ โฟมถลึงตาใส่เหมือนจะประท้วง ยอมปล่อยแมวสองตัวให้สะบัดหน้าหันก้นใส่วิ่งเข้าบ้านไป คงจะโดนบังคับมา จะว่าไปครอบครัวนี้แทบเป็นครอบครัว ฟอ ฟันเลยแฮะ ขาดแค่พ่อชิตคนเดียว ผมกับแม่ก็ชื่อ ปอ ปลา เหมือนกัน ผมชื่อปอนด์ แม่คือปราง
 
โฟมเดินเนียนมาแทรกกลางระหว่างผมกับพี่เฟย์ จัดการวาดแขนกอดคอราวกับเป็นเพื่อนกันมานาน ได้ข่าวว่าผมอายุมากกว่าโฟมสามปีบริบูรณ์
 
“ยินดีต้อนรับนะพี่สะใภ้”
 
ผมตาเหลือก ยังไม่ทันได้เข้าไปนั่งคุยกันดีๆ พูดออกมาแบบนี้เลยเรอะ หันหน้าขวับไปทางผู้ใหญ่ ท่านทั้งสองกำลังถามสารทุกข์สุขดิบลูกชายคนโต คงไม่ได้ยินประโยคเมื่อกี้ รอดตัวไป ถอนหายใจอย่างโล่งอก
 
“แหม่ โฟมกับปอนด์ยืนคู่กันแบบนี้ แม่นึกว่าอายุเท่ากันซะอีก มาเร็วเข้ามาในบ้าน ข้างนอกมันร้อน”
 
“ครับ” ผมรับคำเดินไปถือกระเป๋าตัวเอง ทีแรกพี่เฟย์จะผละจากพ่อแม่มาช่วย ผมส่ายหัวให้พี่ชายอยู่กับผู้ใหญ่ไปแล้วใช้แรงงานโฟมแทน ถือเป็นการเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ผมใจหายใจคว่ำ
 
บ้านพี่เฟย์เหมือนกับบ้านครอบครัวทั่วไป ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย ด้านล่างออกจะรกด้วยซ้ำ เห็นว่าพ่อกับแม่อายุปูนนี้ยังชอบทำขนมไปขายที่ตลาด ทั้งที่พี่เฟย์ส่งเงินมาให้ทุกเดือนสามารถใช้กินอยู่ส่งโฟมเรียนได้สบายๆ แต่พวกท่านไม่อยากนั่งๆ นอนๆ เลยยึดอาชีพเก่าที่ส่งพี่เฟย์จนจบเป็นการแก้เบื่อและออกกำลังกายไปในตัว
 
พี่เฟย์บ่นว่าแต่ก่อนจะขายทุกวันด้วยซ้ำ แต่เฮียแกขอเฉพาะแค่ตลาดวันเสาร์กับอาทิตย์พอ โดยมีโฟมช่วยยกของหนักๆ ด้วย เรียกได้ว่ายอมถอยกันคนละครึ่งทาง
 
ภายในบ้านจัดเป็นสัดส่วนสะอาดสะอ้าน บ่งบอกว่าเป็นคนรักสะอาดกันทั้งครอบครัว ชั้นล่างคือห้องนั่งเล่น ด้านหลังเป็นห้องครัว มีห้องน้ำด้วย ข้างบนแบ่งเป็นสามห้องนอน ห้องใหญ่เป็นของพ่อกับแม่ ห้องกลางคือของพี่เฟย์ ห้องเล็กเป็นของโฟม ส่วนห้องน้ำมีห้องเดียวต้องผลัดกันใช้
 
แน่นอนว่าผมต้องขนของไปสถิตห้องเฮีย แล้วลงมาชั้นล่างเพื่อต่อสู้กับด่านที่สอง ผมสูดลมหายใจลึก ผ่อนออกทางปาก รวบรวมพลังลมปราณ ทบทวนแผนการมัดใจครอบครัวสามีฉบับรวบรัดที่แอบอ่านจากอินเทอร์เน็ตมา ขั้นแรกต้องทำตัวเรียบร้อยดุจผ้าพับไว้...
 
“อ้าว ปอนด์ลงมาพอดี พ่อครับ แม่ครับ บอกอย่างเป็นทางการอีกครั้ง นี่... แฟนหนุ่ม(น้อย)ของผมเอง”
 
เฮ้ยยย!! ใจร้อนไปไหมพ่อคุณ ผมยังไม่ทันก้าวพ้นจากบันไดขั้นสุดท้ายเลย ขาสะดุดเกือบหัวทิ่ม ดีนะรีบคว้าราวจับทัน โฟมที่เดินตามมาด้านหลังมองผมงงๆ
 
“เป็นไรพี่ปอนด์ ผีผลักเหรอ”
 
ผะ... ผีเหรอ หน้าผมเริ่มซีด บ้านเฮียเฟย์ติดแม่น้ำด้วย เขาว่าสถานที่แบบนี้มักมีสิ่งลี้ลับเยอะ ผมยิ่งเป็นโรคปอดอยู่ แถมยังเป็นโรคตาด้วย ปอดแหก! ตาขาว!
 
ไม่สิ มันไม่ใช่เวลามากลัวผี ผมควรกังวลกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดมากกว่า ลากขาอันหนักอึ้งไปนั่งข้างพี่เฟย์อย่างสงบเสงี่ยม ใจเต้นแทบจะหลุดออกมาจากอก จะถูกด่ามั้ย จะโดนมองด้วยสายตาโกรธเกลียดรึเปล่า ไม่แน่ผมอาจจะถูกถีบกลับกรุงเทพเลยก็ได้
 
“เป็นอะไรรึเปล่า หรือเจ็บขาที่สะดุดเมื่อกี้” เสียงแรกที่ผมได้ยินจากพ่อชิตของพี่เฟย์เรียกให้ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง
 
เอ๋??
 
“คงจะตกใจล่ะสิ โธ่ๆ ขวัญเอ๋ยขวัญมานะ” แม่ฟ้าเสริมทับ ผมยิ่งงงเข้าไปใหญ่ นี่มันอะไรกัน? ดูพวกท่านไม่ตกใจกับสิ่งที่พี่เฟย์พูดไปแม้แต่น้อย ราวกับว่ารู้เรื่องนี้มานานแล้ว ลืมเรื่องที่พวกท่านพูดมาซะสนิท ใครมันจะไปเจ็บหรือตกใจกับการสะดุดบันไดแค่ขั้นเดียวกันครับ! ผมไม่ใช่นางเอกในละครนะ สะดุดขี้ฝุ่นล้มขาพลิกเนี่ย
 
เฮียเฟย์เดาความคิดจากหน้าเอ๋อๆ ผมได้อย่างรวดเร็ว โดยมีโฟมกุมท้องหัวเราะกับอาการเอ๋อแดกของผมเป็นฉากหลัง สองคดีแล้วนะโฟม เดี๋ยวพ่อถีบตกแม่น้ำซะเลย
 
“แล้วกัน! พี่ยังไม่บอกเราเหรอ?” พี่เฟย์ทำเสียงเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ บอกอะไรครับ รีบคายออกมา ก่อนผมจะบีบคอพี่โชว์พ่อแม่
 
“พ่อแม่ของพี่รู้เรื่องเรามาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่...” พี่เฟย์พูดไม่ทันจบพ่อชิตช่วยเสริมให้
 
“เกือบสี่ปีได้ พ่อยังจำได้อยู่เลย จู่ๆ ลูกชายคนโตของเราก็โทรมาบอกว่าอาจจะชอบเด็กผู้ชายคนหนึ่ง พ่อกับแม่อยากตกใจนะเรื่องชอบผู้ชาย แต่ตกใจเรื่องอายุเด็กที่ว่ามากกว่ากลัวว่าลูกพ่อจะพรากผู้เยาว์” เสียงทอดถอนหายใจตามมา
 
“ใช่ๆ ฉันกับคุณรีบห้ามกันใหญ่บอกให้บรรลุนิติภาวะก่อน”
 
“ตอนนี้ปอนด์บรรลุนิติภาวะแล้วครับ” พี่เฟย์ตอบด้วยรอยยิ้ม ทำไมผมรู้สึกจะเน้นคำว่าบรรลุนิติภาวะจัง พี่เฟย์นี่ก็ไม่ไหวเล้ย ไปหลงรักเด็กซะได้ ดีนะทางนั้นเขาไม่เอาเรื่องแถมตอนนี้ยังคบกับผม... ฉิบหาย! เด็กที่พี่เฟย์หวังเคลมมันตูนี่หว่า นี่เฮียแกคิดไม่ซื่อตั้งแต่แรกเลยเหรอ ผมขยับถอยห่างไม่รู้ตัว โฟมยิ่งหัวเราะหนัก ขนาดพ่อกับแม่ยังพลอยเป็นไปด้วย
 
“ฮ่าๆๆ ดูสิ น้องกลัวซะแล้ว สะใจฉันจังเลยคุณ มีแต่คนรักดีนัก โดนเกลียดบ้างก็ดี” แม่ฟ้าปาดน้ำใสตรงหางตาหันไปคุยกับสามีที่ยิ้มขำ สุดหล่อผมหน้าบูด
 
“พอๆ เลิกขำกันก่อน เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า” ภายในห้องกลับมาสงบอีกครั้ง แววตาอ่อนโยนอย่างคนผ่านอะไรมามอง ทอดมองผมกับพี่เฟย์
 
“ยินดีต้อนรับลูกสะใภ้”
 
“แม่ฝากดูแลเฟย์ด้วยนะ”
 
ผมมองแบบอึ้งๆ อยากยิ้มรับหน้าชื่นอยู่หรอก แต่มันรู้สึกหน่วงแปลกๆ ลูกชายคนโตที่เพอร์เฟคทุกอย่าง อนาคตใครๆ ก็คิดว่าคงจะมีภรรยาแสนดีกับลูกน้อยน่ารัก กลับเป็นเกย์ไปซะนี่ ผมขอสารภาพเลยว่าผมยังรู้สึกผิดกับพี่เฟย์ แม้ว่าเจ้าตัวจะยืนยันหนักแน่นแล้วก็ตาม ที่น่าทอดถอนใจมากกว่านั้นคือ ผมไม่คิดจะปล่อยพี่เฟย์ไปด้วยนี่สิ
 
“ขอบคุณครับที่ยอมรับผม” ผมยกมือไหว้กล่าววาจาจากใจ
 
ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ตกเย็นทุกคนทานข้าวกันพร้อมหน้า ผมแหย่โฟม ชวนพี่เฟย์กับพ่อแม่คุยแล้วช่วยเก็บกวาดล้างจาน ก่อนผลัดกับอาบน้ำ เวลาประมาณสี่ทุ่มด้านล่างปิดไฟมืด ทุกคนอยู่ในห้องตัวเอง ผมยังนั่งเหม่อเพราะมีตะกอนบางอย่างอยู่ในใจ กระทั่งพี่เฟย์เปิดประตูเข้ามาหลังจากอาบน้ำเป็นคนสุดท้ายนั้นแหละ
 
“เป็นอะไร แปลกที่นอนไม่หลับเหรอ”
 
ผมส่ายหัว
 
“ถ้างั้นเป็นอะไร บอกพี่มาซิ” คนถามวางสองมือไว้บนตรงขอบเตียงกักผมที่นั่งเล่นอยู่บนพื้นไว้ตรงกลาง ท่อนล่างนุ่งผ้าขนหนูสีเรียบ บนบ่าพาดผ้าขนหนูผืนเล็กไว้ กลิ่นหอมของสบู่ กับหยดน้ำเกาะพราวทำให้ผมหรี่ตา
 
ทุกคน... ผมกำลังถูกผู้ชายยั่ว! ดูกล้ามท้องเป็นลอนนั่นสิ!!
 
“พี่แม่ง... ผมกำลังนั่งถ่ายเอ็มวี พี่มายืนจนกลายเป็นเอวีแล้วเนี่ย! ไปใส่เสื้อผ้าไป๊ ค่อยมาคุย”
 
ผมคิดจะบอกพี่ชายอยู่แล้วล่ะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของผมคนเดียว มันเป็นเรื่องของเรา เขินแปบ พี่เฟย์ยอมถอยไปแต่งตัวโดยดี ที่นี่ไม่เหมือนกรุงเทพ แถมยังติดแม่น้ำอีก ตอนนี้เย็นชุ่มฉ่ำแบบเยือกๆ ยิ่งกว่าเปิดแอร์ ผมคลานขึ้นเตียงไปรอคุย พอพี่ชายแต่งตัวเสร็จทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ตวัดแขนโอบผมไปซบอกเรียบร้อย
 
“เอ้า มีอะไรพูดมา”
 
ถามจริงจัง แต่แก้มมาถูกับหัวผมคืออะไร อยากจะกลุ้มต่อนะ เจอแบบนี้กระเจิงตั้งแต่เห็นกล้ามท้องแล้ว
 
“ผมแค่แปลกใจทำไมบ้านพี่ยอมรับง่ายจัง” รู้สึกตัวเองพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์มาก
 
“ไม่เห็นแปลกตรงไหน พ่อแม่พี่ก็บอกแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าพี่เล่าเรื่องเราให้พวกท่านฟังหลังจากเจอกันได้สักพัก ทีแรกพ่อแม่พี่ก็เหมือนคนอื่นแหละ หวังว่าพี่แค่คิดไปเอง แต่พี่แสดงให้เห็นว่าพี่จริงจัง ผ่านไปเป็นปีๆ สุดท้ายพวกท่านก็ปลง ทำใจได้”
 
พี่เฟย์พูดยาวเหยียดเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดามาก ผมว่าพี่ตอนเลือกวัตถุดิบทำอาหารยังดูเคร่งเครียดกว่านี้เลยให้ตายสิ!
 
“กับบ้านพี่ไม่ต้องคิดมากหรอก พี่ปูทางมาเป็นปี” ดวงตาคมฉายความหนักแน่น ผมพยักหน้ารับซุกกับอกอุ่น ค่อยๆ ไหลมานอนอยู่ด้านข้าง หมดเรื่องกลุ้มถึงเวลาเด็กดีควรนอน การเดินทาง ต่อให้ไม่ใช่คนขับเป็นคนนั่งเฉยๆ ก็เหนื่อยอยู่ดี
 
ริมฝีปากได้รูปจูบหน้าผากผมบอกราตรีสวัสดิ์พลางตวัดผ้าห่มคลุมตัวผม ลุกไปปิดไฟมานอน
 
 
เช้าวันต่อมา ไม่มีเสียงนาฬิกาปลุก มีแต่เสียงนกร้องตอนเช้าที่ผมไม่ได้ยินมานาน คงไม่มีนกบ้าตัวไหนอุตริบินมาถึงชั้นที่พี่ชายอยู่หรอก อากาศเย็นหอมกลิ่นดอกไม้ในสวน ปกติผมจะเป็นคนนอนดึกตื่นสายมาก ยกเว้นแต่มีเรื่องจำเป็นให้ตื่นเช้า กับอยู่บ้านคนอื่น ความเกรงใจเป็นเหตุ ถึงงั้นผมก็ยังตื่นไม่ทันพี่ชายอยู่ดี
 
มือกวาดๆ หาหมอนข้างมีชีวิต สัมผัสเจอเพียงความว่างเปล่า ได้ยินเสียงยกของจากชั้นล่าง สักพักเสียงรถขับออกไป ผมผงกหัวลุกนั่งตาปรือ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ลุกไปรื้อเอาชุดเปลี่ยนกับของใช้จำเป็นเดินเข้าห้องน้ำ ภายในบ้านเงียบกริบเหมือนไม่มีคนอยู่
 
บ้านพี่เฟย์ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น อุณหภูมิของน้ำแม้เป็นเวลาเจ็ดโมงก็ยังเย็นมากอย่างกับใส่น้ำแข็ง ทำเอาตื่นเต็มตากระโดดเหยงๆ อยู่ในห้องน้ำ บ้าเอ๊ยผมลืมไป!! เปิดฝักบัวราดหัวเต็มที่ตัวสั่นหงึกๆ รีบวิ่งผ่านน้ำ ใช้เวลาน้อยที่สุดในการอาบ แต่สะอาดนะผมรับประกัน!
 
แต่งตัวลงมาชั้นล่าง ไม่มีใครอยู่เลยสักคน มีอาหารทำเสร็จแล้วครอบฝาชีวางไว้บนโต๊ะพร้อมกระดาษแผ่นหนึ่ง ผมจำได้ว่าเป็นลายมือพี่เฟย์
 
‘พี่ไปช่วยพ่อกับแม่เปิดร้านนะ คงจะกลับมาตอนเย็นๆ รอเก็บร้านเลย กับข้าวอยู่บนโต๊ะ ส่วนมื้อเที่ยงค่อยให้โฟมพากันไปหาอะไรกินข้างนอกเอา’
 
พี่ชายเขียนแบบให้ทั้งผมและโฟม ลองเปิดฝาชีดู กับข้าวหน้าตาหน้ากิน ว่าแต่ โฟมมันยังไม่ตื่นเหรอเนี่ย จะกินก่อนหนึ่งในเจ้าของบ้านก็ใช่ที่
 
“ขึ้นไปดูหน่อยดีกว่า” ผมพึมพำ เดินกลับขึ้นชั้นบน ตรงไปยังห้องโฟม หน้าประตูแปะชื่อเด่นหราไม่มีทางเข้าผิดชัวร์ ลองเคาะประตูดูไร้เสียงตอบรับ ถือวิสาสะเปิดเข้าไปเลยเห็นเจ้าของห้องยังนอนน้ำลายยืดอยู่บนเตียง ขาก่ายผ้าห่ม หัวอยู่ตรงหมอนข้าง แขนกอดหมอน ที่อึ้งไม่ใช่ท่านอนอันมีศิลปะของโฟม แต่เป็นสิ่งที่อยู่ในห้องต่างหาก
 
หัวเตียงนั้นกรอบรูปโฟมกับพี่กบสมัยละอ่อน สังเกตจากใบหน้าไร้พิษสงและชุดนักเรียนม.ปลายของพี่กบ บนกำแพงมีแต่รูปพี่กบแปะไว้ทุกอิริยาบถ ถ้าไม่ใช่รูปหมู่ก็เป็นรูปแอบถ่าย หน้าดุแต่เด็กเลยวุ้ย ผมมองดูการเจริญเติบโตของพวกเขาทั้งคู่ มีตั้งแต่โฟมยังเป็นทารกมีพี่เฟย์ฉีกยิ้มกว้างอยู่ข้างๆ พี่กบมองแบบตื่นเต้น พวกพี่อิงค์โผล่มาช่วงม.ปลาย ช่วงมหาลัยภาพเริ่มน้อยลง กระทั่งวัยทำงาน มีรูปพี่กบเพียงรูปเดียวเท่านั้น ยืนคู่กับโฟมที่ยิ้มร่า
 
สายตาของพี่กบไม่ได้มองกล้อง เขากำลังมองโฟมอยู่ แววตานี้คล้ายกับเวลาที่พี่เฟย์มองผมเลย...
 
“แอบดูอะไรน่ะ”
 
เสียงจากทางด้านหลังทำเอาผมสะดุ้งโหยง ถ้าเป็นแมวคงกระโดดขนฟูหางตั้ง หันไปเจอหน้างัวเงียของโฟม
 
“ปั๊ดโธ่ ตกใจหมด” มือลูบอกให้หายตกใจ โฟมหยีตาขมวดคิ้วมอง ผมเพิ่งรู้ตัวทำหน้าเลิ่กลั่ก “โทษที ที่เข้าห้องมาโดยไม่ขอ ว่าจะมาปลุกไปกินข้าวน่ะ”
 
“พวกแม่คงไปตลาดแล้วสินะ” โฟมถาม ขยับถอยไปหน่อยให้ผมหายใจหายคอสะดวกขึ้น
 
“อืม”
 
แล้วเราสองคนก็เงียบ จากท่าทางของโฟมที่มีต่อพี่กบ ขนาดเด็กยังรู้เลยว่าโฟมชอบพี่กบมากและดูท่าจะชอบมาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย ส่วนพี่กบดูเผินๆ เหมือนคิดกับโฟมแค่น้องชายคนหนึ่ง พอเห็นสายตาพี่กบในรูป กับความทรงจำครั้งล่าสุดที่แยกกัน ผมว่าพี่กบต้องชอบโฟมเหมือนกันแน่ ติดที่เป็นน้องชายของเพื่อน เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก เหตุผลกับความเหมาะสม อะไรอีกหลายๆ อย่างทำให้พี่กบลังเล
 
เรื่องนี้ควรบอกโฟม
 
“โฟมคือ...”
 
“รู้แล้ว” เจ้าตัวพูดหน้าตาย ผมทำหน้าเหวอ
 
“เฮ้ย! ยังไม่ทันพูดเลย รู้ได้ไงว่าฉันจะพูดอะไร”
 
“เรื่องพี่กบใช่มั้ยล่ะ บอกว่ารู้แล้ว” คราวนี้ทำเหมือนรำคาญ ถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าอย่างแม่นยำ พลางเดินไปหยิบชุดใหม่ในตู้
 
“ถ้างั้นทำไม...” ทำไมความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูไม่ขยับจากเดิม
 
“ความรักมันไม่จบลงอย่างสวยงามทุกคู่หรอกนะ” ผมสะอึก เจอคำพูดแบบนี้ของโฟมเข้าไป นั่นสิ ผมมองโลกในแง่ดีเกินไป นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่พล็อตในนิยาย ที่ผมกับพี่เฟย์ลงเอยได้ด้วยดี ไม่ใช่เพราะใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่มันเป็นเพราะเราช่วยกัน ยึดมั่นในความรู้สึก จะมีครอบครัวสักกี่คนที่ยอมรับเรื่องพวกนี้ได้ แม้ว่าสมัยนี้โลกจะเปิดกว้างกว่าเดิมก็ตาม
 
พี่เฟย์คบกับผม มีลูกไม่ได้ แล้วโฟมล่ะ ถ้าโฟมคบกับพี่จบ มันเท่ากับว่าตระกูลของพี่เฟย์จะไม่มีทายาทคนต่อไป ยังไม่นับเรื่องทางพี่กบอีก ครอบครัวจะว่ายังไง อาชีพของพี่กบด้วย เสี่ยงอันตรายทุกวัน แค่คิดว่าพี่เฟย์ต้องไปทำแบบนั้นผมก็ทนไม่ได้แล้ว
 
“เฮ้ ทำไมทำหน้าเครียดงั้น?” คนที่ควรกลุ้มกลับเลิกคิ้วมองผมอย่างแปลกใจ
 
“ขอโทษนะ เพราะเรื่องของฉันกับพี่เฟย์ ทำให้โอกาสของโฟมลดน้อยลงไปอีก” ต้องมีสักคนที่สืบทอดทายาทต่อไป
 
“พูดเรื่องอะไร เมื่อคืนอ่านนิยายดึกรึไง มโนมาก นี่คงไม่ใช่ว่าคิดเรื่องฉันกับพี่กบอยู่?” ผมไม่ตอบ โฟมทำหน้ากระจ่างพลางเบ้ปาก
 
“ใช่แหงๆ จะคิดมากแทนทำไม ขนาดฉันยังไม่คิดมาก มันเลยจุดๆ นั้นมาไกลแล้ว อีกอย่างตอนนี้ฉันกับพี่กบกำลังคบกันอยู่ พ่อแม่รู้หมด ยกเว้นพี่เฟย์คนเดียว เฮ้อ พอเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมพี่เฟย์ถึงชอบพี่ปอนด์ เพราะนิสัยแบบนี้นี่เอง ใจดีเกินไปนะ”
 
ผมอ้าปากค้าง “หมายความว่ายังไง” เอาความรู้สึกเป็นห่วงเห็นใจก่อนหน้านี้คืนมา!
 
“เห็นว่าเป็นพี่สะใภ้ จะยอมเล่าให้ฟังก็ได้ เรื่องมันเป็นแบบนี้” โฟมดึงผมไปกระซิบข้างหูอย่างกับกลัวใครได้ยิน
 
โฟมเล่าว่าตกลงปลงใจกันหลังจากเที่ยวน้ำตก พี่กบยังไม่กลับสู่ป่าทันที อยู่เป็นเพื่อนตามคำขอของโฟมอีกสองสามวัน ซึ่งไอ้เวลาระหว่างนั้นแหละเป็นจุดพลิกชีวิตของพี่กบตัวใหญ่ เจ้าตัวที่เริ่มเอนเอียงกับลูกตื้อของโฟมและคำพูดของพี่เฟย์ เปิดช่องว่างให้โฟมจู่โจม
 
“ข่มขืน บังคับให้รับผิดชอบ เลยได้คบกัน” โฟมตอบหน้าตายมาก ส่วนผมจะเป็นลมในฐานะพี่สะใภ้ เข้าใจเลยว่าทำไมพี่เฟย์ยังไม่รู้เรื่องนี้ ถ้ารู้ว่าพี่กบข่มขืนโฟม พี่เฟย์ได้องค์ลงพ่นไฟไล่เผาป่า เชือดกบตายแหงแก๋
 
“เรื่องนี้ยอมไม่ได้นะ ต่อให้เราชอบแค่ไหนแต่ถูกข่มขืนโดยไม่เต็มใจ มันไม่จบแค่รับผิดชอบหรอก” สองมือจับไหล่โฟมเขย่าๆ
 
“เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว! คนที่ข่มขืนและบังคับให้รับผิดชอบคือฉัน!”
 
“บ้าน่า” ตัวเท่าเมี่ยงอย่างโฟม กับพี่กบตัวใหญ่เบิ้ม ไม่... ไม่มีทางที่โฟมจนกดพี่กบลงได้ ผมส่ายหัวแบบไม่ยอมรับความจริง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
 
“ฟังนะ” เปลี่ยนเป็นโฟมจับไหล่ผมแทน จ้องเข้ามาในดวงตา “ฉันวางยาพี่กบ แล้วจัดการรวบหัวรวบหาง ครั้งแรกเจ็บเป็นบ้า แต่ก็ถือว่าคุ้ม ในที่สุดพี่กบก็เลิกงี่เง่ายอมรับความรู้สึกตัวเองได้สักที”
 
ผมอ้าปากพะงาบๆ คนพี่วางแผนชั่วร้ายทั้งที่ใบหน้ายิ้มแย้ม คนน้องบ้าบิ่นขนาดหนัก ร้ายกาจ พี่น้องคู่นี้อันตรายเกินไปแล้ว! ปีศาจชัดๆ ผมกับพี่กบคือเหล่าลูกแกะผู้โดนปีศาจล่อลวง ผมปัดมือสองข้างของโฟมออกอย่างไร้เยื่อใย
 
“หนอย... ตอนแรกพูดซะชวนใจเสีย”
 
“เห็นทำหน้าเหมือนจะตาย อินขนาดนั้นเลยอดแกล้งไม่ได้น่ะ“ ยักไหล่แบบตูไม่แคร์ ผมยกเท้ายันไปที เจ้าตัวเซไปนั่งบนเตียงหัวเราะฮ่าฮ่า
 
“อย่าเพิ่งโกรธสิพี่สะใภ้ เอางี้ฉันยอมบอกเรื่องเกี่ยวกับพี่เฟย์อีกอย่าง” ดูมันถึงขนาดเผาพี่เพื่อตัวเอง ถามว่าผมสนมั้ย? สนสิ! แต่ยังรักษาฟอร์มกอดอกหรี่ตามอง โฟมไม่สนว่าผมจะอยากฟังรึเปล่า เจ้าตัวพูดไปเรื่อยๆ สบายอารมณ์เหลือเกิน
 
“ตั้งแต่จำความได้พี่เฟย์มีนิสัยเสียอยู่อย่างที่ต่อให้เวลาผ่านไปกี่สิบปีก็แก้ไม่หาย พี่เฟย์เป็นพวกขี้แกล้งมาก แกล้งมันทั้งที่ใบหน้ายังยิ้มใจดีนั้นแหละ คนหลงผิดมานักต่อนัก ที่สำคัญเจ้าตัวชอบคนที่มีรีแอคชั่นตอบกลับแบบชัดเจน ถ้าให้ยกตัวอย่าง...” เจ้าของห้องมองซ้ายมองขวา เห็นหน้าผมแล้วดีดนิ้วดังเป๊าะ “แบบพี่ปอนด์เด๊ะ”
 
ชัดเลย ไม่มีอะไรชัดเจนเท่านี้อีกแล้ว ความจริงผมพอสัมผัสได้บ้างถึงนิสัยนี้ แต่ไม่คิดว่าจะร้ายกาจขนาดหนัก เอาเถอะ... ปลง!! ยังไงช่วงหลังๆ ผมก็มีสิทธิ์พิเศษของตัวเอง ลองพี่เฟย์แกล้งจนทำให้ผมโมโหสิ พื้นพรมหน้าห้องคือที่นอนในวันนั้นแน่!
 
“ทำหน้าตาน่ากลัวชะมัด ชักลังเลแล้วสิ ใครกันแน่น่าเป็นห่วงกว่ากัน”
 
“จะใครน่ากลัวก็ช่าง รีบไปอาบน้ำจะได้ลงไปกินข้าว พี่เฟย์ไปช่วยแม่ฟ้าขายของ มื้อเที่ยงเราต้องหาอะไรกินกันเอง” ผมขอเรียกแบบนี้ คุณแม่เขาบอกเอง รวมถึงคุณพ่อด้วย
 
“คร้าบๆ” โฟมรับเสียงยาน ผมลงไปรอชั้นล่างปล่อยให้โฟมอาบน้ำแต่งตัวไป ไม่ถึงสิบนาทีเจ้าตัวลงมาในชุดพร้อมรบ เสื้อยืดกางเกงเจเจนั้นแหละ
 
หลังมื้ออาหาร พวกเรามานั่งเล่นรอบนโซฟา คุยกันว่าจะไปหาอะไรกินที่ไหนดีตอนเที่ยง ผมเป็นพวกอยากรู้อยากเห็นเลยให้โฟมชวนพาไปดูอะไรน่าสนใจแถวนี้หน่อย ขึ้นรถต่อยังไงไม่เกี่ยง โฟมรักสนุกไม่มีทางปฏิเสธ ก่อนฝันทุกอย่างจะสลายไปในพริบตา เวลาสิบโมงมือถือโฟมดังขึ้น
 
เจ้าตัวกดรับแบบไม่ดูชื่อ เสียงที่ดังลอดออกมาเป็นเสียงผู้หญิง ดังทะลุลำโพงน่ากลัวมาก โฟมรีบยื่นโทรศัพท์สุดแขน
 
“โฟม! ไอ้เพื่อนชั่ว นายกล้าหนีงั้นเหรอ รีบไสหัวมาช่วยงานที่โรงเรียนเดียวนี้ ไม่งั้นฉันจะตามไปลากคอนายถึงบ้าน!!”
 
ตวาดจบวางสายไม่เปิดช่องให้โฟมได้ตอบโต้ น้องสามีหันมามองตาผมปริบๆ เหวย มามองแบบนี้ข้าพเจ้าช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี เท่าที่ฟัง คงจะเป็นงานกลุ่มอะไรสักอย่างที่โฟมโดดมั้ง
 
“ฉันว่านายไปโรงเรียนดีกว่านะ เรื่องข้าวเที่ยงไม่ต้องเป็นห่วง เดินออกจากบ้านไปไม่ไกลก็มีร้านข้าว” ผมบอกแบบใจกว้าง โฟมนิ่งครุ่นคิด ก่อนจะยิ้มแบบ... โคตรไม่น่าไว้ใจ
 
“ไม่ได้ๆ พี่เฟย์บอกให้พวกเราหาอะไรกินด้วยกันต้องทำตามคำสั่งพี่สิ เดี๋ยวหาว่าฉันดูแลพี่สะใภ้ไม่ดี เอางี้ พี่ปอนด์ไปโรงเรียนกับฉันดีกว่า แถวนั้นของกินเยอะนะ มีอะไรน่าสนใจเพียบด้วย”
 
นายอยากได้แรงงานฟรีสินะ ไม่เว้ย! ไม่ไปเด็ดขาด!! ผมส่ายหัวไม่มีทางหลงกลปีศาจคนน้อง
 
“คิดดีๆ น้า พี่เฟย์ก็เคยเรียนโรงเรียนนั้นมา ไม่อยากลองไปเดินซึมซับบรรยากาศที่แฟนตัวเองเคยเรียนสมัยเด็กหน่อยเหรอ”
 
“ไร้สาระน่า มันผ่านไปตั้งกี่ปี ป่านนี้ปรับปรุงต่อเติม สร้างตึกใหม่จนไม่เหลือเค้าโรงเรียนเก่าแล้วมั้ง” ขนาดโรงเรียนที่ผมเคยเรียน พอผมจบปุ๊บ สร้างอาคารใหม่เสร็จทันที แอร์ใหม่ ของใหม่ โต๊ะใหม่ ของทุกอย่างไหม่หมด ซึ่งผมไม่มีโอกาสใช้ น่าเจ็บใจมาก
 
“ชิ ดันฉลาดอีก” ผมคิ้วกระตุก ไอ้เด็กคนนี้นี่
 
“น่านะพี่ปอนด์ ไปเป็นเพื่อนหน่อยเถอะ ถ้าไปคนเดียวยัยบ้านั้นแหกอกฉันแน่ พี่ไปด้วยพวกนั้นจะได้เกรงใจบ้าง” โฟมย้ายตัวเองมานั่งข้างๆ พยายามสรรหาสารพัดอย่างมาหลอกล่อให้ผมไปเป็นเพื่อน ความจริงไม่ต้องหาอะไรมาล่อหรอก แค่ขอร้องดีๆ ผมก็ยอมใจอ่อนแล้ว
 
ผ่านไปเกือบยี่สิบนาที มือถือโฟมแผดเสียงลั่นอีกรอบ คราวนี้โฟมไม่กล้ารับสุ่มสี่สุ่มห้า เจ้าตัวมองชื่อบนหน้าจออย่างกับมันเป็นคำสาปผ่านทางโทรศัพท์ ทางนั้นคงโทรมาตามชัวร์ เอาเถอะแกล้งแค่นี้พอ
 
“โอเค ไปเป็นเพื่อนก็ได้ แต่ปกติโรงเรียนเขาไม่ให้คนนอกเข้าไปไม่ใช่รึไง”
 
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ฉันมีวิธี” น้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ มองผมด้วยสายตาหวาดๆ หวังว่ามันจะเป็นวิธีธรรมดา ไม่สร้างเรื่องซวยให้กับผม
 

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
โฟมจะพาพี่สะใภ้ไปเจออะไรบ้างหนอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
บ้านพี่เฟย์นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
โดนแกล้งแน่ๆน้องปอนด์ อิอิ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
ปอนด์หลงกลจนได้อะ

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :impress3: มาแล้ว ดีใจจังเลย ยังไงอย่าลืมอัพ ซันโป้ ด้วยน่ะ อยากอ่านด้วยเหมือนกัน  :กอด1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด