วายที่12 งานกีฬา
อรุณเบิกฟ้า นกกาโบยบิน ออกหากินร่าเริงแจ่มใส เราเบิกบานรีบมาเร็วไว ยิ้มรับวันใหม่ยิ้มให้แก่กัน~
สวัสดียามเช้ากับที่อยู่ใหม่ แมวบนคอนโดสูงใจกลางกรุง ใครรู้จักเพลงที่ผมร้องด้านบนถือว่าเราเป็นพวกเดียวกันแล้วครับ กาลเวลาช่างผ่านไปไวเหลือเกิน
“ทำอะไรอยู่ลูกแมว เมื่อคืนบอกว่าโป้กับซันแข่งกันตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ นี่มันจะเที่ยงแล้ว ถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวไม่ทันพี่ไม่รู้ด้วยนะ”
เสียงทุ้มนุ่มจากเจ้าของห้องควบตำแหน่งทาสแมวทำลายบรรยากาศของผมหมด ขณะนี้ผมกำลังยืนเก๊กหล่ออยู่ตรงระเบียง รับลมเย็นๆ บนชั้นสูงลิบ พลางมองก้อนเมฆและผู้คนตัวเท่ามดด้านล่าง ที่กล่าวไปทั้งหมด มโนล้วนๆ พี่เฟย์ปิดกระจกไม่ให้ผมออกไปด้านนอกเพราะวันนี้ลมแรงมาก กลัวผมจะปลิวตกตึกไปซะก่อน ผมไม่ได้ตัวเล็กขนาดนั้นสักหน่อย
พอลองเปิดประตูดู อือหือ บอกทีนี่คือลมไม่ใช่พายุ...
“เปิดทำไม เดี๋ยวปลิวลงไปข้างล่างพี่ช่วยไม่ได้นะ รอเก็บซากบนพื้นอย่างเดียว” ประตูกระจกโดนคนตัวโตเดินมาปิดจากทางด้านหลังผม แผ่นหลังสัมผัสกับแผ่นอกกว้าง กลิ่นน้ำหอมออกเย็นๆ แบบผู้ใหญ่ ผสมกับกลิ่นขนมอบอวลชวนฟิน ผมหันกลับไปกอดหมับเอาหน้าซุกๆ อกมือเนียนลูบกล้ามพุง
ความชอบของผมยังมีอีกอย่าง นอกจากชอบวายและของหวานสัตว์เล็กทุกชนิดแล้ว ยังชอบกล้ามแบบพองาม มาดผู้ใหญ่ อ่า ฟิน สมัยก่อนไม่กล้าทำยังเขินอยู่ พักหลังความสนิทเสริมความหนาบนใบหน้า ผมกอดน้วยบ้างเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเองพอๆ กับพี่ชายชอบฟัดผมนั่นแหละ
วงแขนอุ่นกอดหมับ จมูกโด่งซุกกลุ่มผมนิ่มเหมือนขนแมว กลิ่นแชมพูกับสบู่ที่จงใจเลือกให้เป็นกลิ่นวานิลลา อารมณ์ตอนนี้เหมือนหมาตัวโตกับลูกแมวตัวเล็กนัวเนียคลอเคลียกัน บรรยากาศอบอุ่นฟรุ้งฟริ้ง
ผมมาอยู่กับพี่เฟย์ได้สักพักแล้วครับ จนล่วงเข้าสู่เทศกาลแข่งกีฬาของมหาลัย แต่ละคณะจะส่งตัวแทนมาแข่งกีฬาและกิจกรรมอื่นๆ กัน อย่างผมตัวเท่าเมี่ยงกีฬาอะไรอย่าได้หวังกับเขา ทำหน้าที่แหกปากเป็นกองเชียร์ที่ดีอย่างเดียว
เมื่อคืนโป้กับซันที่อยู่ด้วยกันอย่างปกติสุข โทรมาหาผมครับ เจ้าตัวบอกว่างี้
/เฮ้ยไอเปี๊ยก พรุ่งนี้ฉันแข่งบาสมาเชียร์ดิ/ น้ำสียงสุดห้วนแถมยังบังอาจเรียกผมเปี๊ยกมีแต่ซัน
“ใครเปี๊ยก ไม่เปี๊ยกเฟ้ย เขาเรียกว่าโตอย่างพอเพียง” คำนี้ผมเจอในเน็ตมา โคตรจะเข้ากับผมเลย ขอยืมใช้หน่อยแล้วกัน
/อือหือ เอาที่สบายใจเลยเปี๊ยก แล้วตกลงมาดูใช่มะ นี่แข่งกับโป้เชียวนะ/ ประโยคนี้มาผมหูผึ่ง อะไรนะ! ใครมันเป็นคนจับฉลากเนี่ย วิศวะเจอกับสถาปัตย์รอบแรกเลยเหรอ มันจะดุเดือดไปไหม แต่ผมเป็นเพื่อนที่ดี ต้องเล่นตัวนิดนึงครับ หม่อมแม่สอนไว้
“ไม่เอาอ่า ไปไม่มีเพื่อน”
/ใครมันลืมบอกเรื่องคณะของฉันกับโป้/ อึก สะอึกเลยครับ ดีนะสองคนนั่นเป็นพวกโอเคทั้งคู่ ไม่ตีกันห้องแตก ผมเหงื่อตกจนพี่ชายมอง
“ยอมไปแล้วๆ กี่โมง”
/บ่ายโมงเริ่มแข่ง/
“โอเค งั้นไว้เจอกันที่มอ”
/โป้บอกถ้ามาจะเลี้ยงติม แค่นี้แหละ/ แล้วมันก็วางสายไป พี่ชายเข้าแทรกทันที เหมือนมีเงาทาบทับด้านหลัง ผมหันไปมองเพราะกำลังนอนคว่ำหน้าจิ้มโทรศัพท์เล่นอยู่
“ไปไหน?”
“พรุ่งนี้ซันกับโป้แข่งบาสให้ผมไปเชียร์” พี่เฟย์พยักหน้ารับ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของพวกเราทั้งคู่ วันนี้เลยนอนกลิ้งเล่นไม่ต้องรีบเข้านอน
“น่าเสียดาย พรุ่งนี้พี่มีออเดอร์ต้องทำขนมให้ลูกค้าไปด้วยไม่ได้”
ผมพลิกตัวมานอนหงายดันคนที่อยู่ด้านบนให้ถอยห่าง
“เสียใจด้วยนะพี่ อดเที่ยวมหาลัยย้อนวัย พี่ขยับออกสิแบบนี้มันอึดอัดนะ” คนฟังเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มไม่น่าไว้ใจ ผมกระดึบๆ คลานหนี สุดท้ายโดนลากขากลับไปฟัดอยู่ดี
“ย้อนวัย? นั่นสินะ เขาว่ากันว่ากินเด็กเป็นอมตะ ลองสักหน่อยดีไหม” ใบหน้าหล่อยื่นเข้ามาใกล้ ผมใช้มือดันๆ ออก กลับถูกจับไปจูบซะนี้ อ๊ากกก อย่ามาทำให้ผมใจเต้นรัวมากไปกว่านี้ กลัวมันจะหลุดออกมาจากปากจริงๆ ให้ตาย
“พอแล้ว เลิกแกล้ง” เสียงอ่อยๆ ทำให้พี่ชายส่ายหัว ไม่ได้รู้ตัวเลยสินะว่าไอ้ท่าทางเหมือนลูกแมวโดนรังแกแบบนี้มันยิ่งทำให้น่าขย้ำ เฟย์ต้องนับหนึ่งถึงล้านในใจ ใช้นิ้วโป้งลูบๆ แก้มนุ่มที่ขึ้นสีแดงจากความเขิน เจ้าลูกแมวหน้าบางเอ๊ย
“เลิกก็ได้ พี่ถามอะไรอย่าง เคยจูบมั้ย?” น้ำเสียงถามเหมือนสงสัยจริงๆ สร้างความไม่พอใจให้กับหนุ่มโสดตั้งแต่เกิดจนเพิ่งมีแฟนคนแรกเป็นผู้ชายวัยทำงานแสนเพอร์เฟค
“เคยดิ! ทำไมจะไม่เคย” สีหน้ามั่นอกมั่นใจสุดๆ พลางนึกย้อนไป
“กับใคร” ชะอุ๋ย เสียงเริ่มเข้ม เปลี่ยนจากความรู้สึกหน้าร้อนเป็นเย็นเฉียบ ปกติพี่เฟย์อยู่ในมาดพี่ชายแสนดีก็จริง แต่ผมพอเดาออกอยู่ว่าคนประเภทนี้ถ้าโกรธขึ้นมาต้องน่ากลัวมากแน่ๆ
“ก็... ก็พี่ไง” พูดไปหลบหน้าไป เขินเว้ย กลับมาหน้าร้อนอีกรอบ ความจริงมีคนอื่นด้วย พ่อกับแม่ผมไง เหอะๆ ไม่นับเหรอ...
พอผมตอบสีหน้าพี่เฟย์ดูดีขึ้นเยอะคล้ายจะอารมณ์ดีแบบแปลกๆ พอพูดออกมาชัดเลย อาเฮียอารมณ์ดีอะไร
“งั้นแสดงว่าพี่ก็เป็นคนแรกสินะ แต่ปากแตะปากมันไม่เรียกว่าจูบ เค้าเรียกว่าจุ๊บ”
“อ่อ แบบนี้นี่เอง ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย เข้าใจผิดมาตลอดเลย” เปิดโลกผมเลยแฮะ ปกติอ่านพวกนิยายมังงะเยอะก็จริง เขาพิมพ์ว่าจูบหมดหลังจากสะ สอดลิ้น! โอย... ไม่ๆ ผมชักเดาชะตากรรมตัวเองได้ลางๆ ยกมือปางห้ามญาติอย่างด่วน
“ไม่เอา พี่คิดอะไรอยู่ ไม่เอาๆๆ”
“ร้องเป็นแมวเลยไอ้ลูกแมว รู้แล้วสิว่าพี่คิดจะทำอะไร สาบานเลยว่าไม่ทำมากกว่านี้แน่นอนเพราะเรายังไม่พร้อม ถ้าหากไม่ชอบจริงๆ จะสั่งให้พี่หยุดก็ได้”
ผมกำลังอ้าปากเถียง อีกคนประกบปากลงมาทันที ฮืออ แม่จ๋าช่วยด้วยลูกกำลังถูกพี่ชายปล้ำจูบ สัมผัสนุ่มบนริมฝีปากเหมือนกับทุกที แต่มีอะไรบางอย่างแปลกไป ผมรู้สึกว่ากำลังถูกคุกคามต่างจากปกติ มือหนาลูบแผ่นหลังผมเบาๆ ปลอบให้ผ่อนคลายลง
ระหว่างคนถูกสอนจูบครั้งแรกกำลังหลับตาปี๋ คนรุกเร้าสุดแสนจะอารมณ์ดี ลิ้นร้อนเลียริมฝีปากเล็กเป็นเชิงบอกก่อนจะสอดเข้าไปลิ้มรสภายใน ลูกแมวตัวแข็งทื่อ พอโดนหยอกเย้าเกี่ยวลิ้นนุ่มเล่นก็อ่อนยวบเป็นเยลลี่ สักพักคนรุกต้องผละออกอย่างเสียดาย มือใหม่หัดจูบไม่ควรหักโหม
รสติดตรงปลายลิ้นมันปลุกนิสัยเสียๆ ออกมา อีกนิดคงไม่เป็นไร เด็กน้อยในอ้อมแขนเลยถูกจุ๊บต่ออีกหลายที คล้ายเป็นเห็นหางหมาป่าสะบัดๆ มีหัวใจลอยพร้อมเสียงจุ๊บๆ พอผละออกกลายเป็นลูกแมวหางฟูหน้าแดงก่ำ ภาพเจ้าของห้องตอนนี้ไม่ใช่พี่ชายที่แสนดี แต่เป็นผู้ชายคนหนึ่งมองร่างด้านใต้ด้วยสายตาคมราวกับเห็นเหยื่อ บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปดูร้าย
ต้องของคุณที่เหยื่อตัวน้อยมัวแต่เหม่อสติไม่เข้าร่างหลังโดนฤทธิ์จูบแบบผู้ใหญ่เลยทำทันสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปแบบชัดเจน เฟย์ชะงักยกมือปิดหน้าสงบสติอารมณ์แล้วยิ้มอบอุ่นไล้นิ้วชี้บนแก้มเนียนเล่น
“สติบินไปไหนแล้วเจ้าลูกแมว ไปอาบน้ำไป เหม็นตุๆ แล้ว” ก่อนจะอดใจไม่ไหวเผลอขย้ำไปซะก่อน ประโยคหลังได้แต่คิดในใจ
ดวงตาสีดำกระพริบตาปริบๆ เห็นพี่ชายเป็นแบบเดิมก็จริง แต่สัมผัสเมื่อครู่ยังไม่จางหาย สองมือยกปิดหน้ากลิ้งซ้ายกลิ้งขวา กลายเป็นเฟย์มองอย่างอึ้งๆ แทน ร่างสูงหลุดหัวเราะพรืด คงต้องถอยออกไปก่อนให้เด็กน้อยปรับตัว ดีเหมือนกัน ถือซะว่าไปหาอะไรทำจะได้ไม่ฟุ้งซ่านอีก
“ดิ้นเสร็จไปอาบน้ำซะล่ะ”
เสียงประตูปิดพร้อมพี่ชายเดินออกไปจากห้อง มือเล็กแง้มบอกจนมั่นใจแล้วว่าไร้เงาหมาป่า ลูกแมวเด้งตัวมานั่งหน้าแดงก่ำ เขิน เขินหนักมาก ให้บรรยายความรู้สึกตอนนี้คือ บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ จะว่ารู้สึกดีก็ใช่ทรมานก็ไม่เชิง มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่รู้จัก พาให้หวั่นใจเล็กๆ
สุดท้ายสะบัดๆ หัวไล่อาการพวกนั้นทิ้ง แล้วเผ่นเข้าไปอาบน้ำ เวลาผ่านไปสติเข้าที่เข้าทางค่อยโผล่หัวออกมาดูพี่ชาย ในสายตาเฟย์ตอนนี้ เห็นลูกแมวหัวยุ่งตัวหนึ่งกำลังเกาะประตูที่แง้มอยู่โผล่มาแค่ครึ่งหน้า มองมาที่ตัวเอง พอยิ้มให้กลับหดหัวเข้าไปใหม่ คงจะทำตัวไม่ถูก
แน่นอนเฟย์มีวิธีรับมือ เยลลี่สีแดงถูกนำออกจากตู้เย็น หั่นผลไม้สดใส่ราดนมสดแบบที่ลูกแมวชอบยกชูขึ้นหลอกล่อ
“กินมั้ย”
“กิน~”
เสียงระรื่นเหมือนกับลืมเรื่องราวก่อนหน้านี้ไปจนหมด ผมเดินตัวปลิวเข้าไปรับถ้วยเยลลี่มาตักหม่ำหน้าทีวี พี่เฟย์เดินตามมานั่งข้างๆ ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย กว่าจะรู้สึกตัวอีกที อาการประหม่าหายไปหมดสิ้น ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ ขนาดตัวผมเองยังงงๆ
ถึงจะเป็นแบบนั้น พอเอาเข้าจริง ผมนึกย้อนเหตุการณ์เมื่อคืนทีไร รู้สึกหน้าร้อนทุกทีเหมือนอย่างตอนนี้ นิ้วสากจับหูคนซุกอก
“ยังเขินอยู่เหรอ งั้นคงต้องจูบบ่อยๆ จะได้ชินเนอะ”
“มาเนอะอะไรพี่ พอเลยผมจะไปมหาลัยแล้ว”
ผมดันอกพี่ชายออก เจ้าตัวยอมถอยโดยดี ก่อนมือจะเชยคางแล้วก้มลงมาจุ๊บที่ริมฝีปาก ไหงผมเห็นอนาคตตัวเองลางๆ ปากผมกำลังตกอยู่ในอันตราย!
“พี่บ้า!” เอาหัวโหม่งแม่ง
ผมคว้ากระเป๋าสะพายข้างเดินหนี วันนี้ไม่มีเรียนผมเลยใส่ชุดพละของมหาลัยกับกางเกงยีนพร้อมรองเท้าผ้าใบคู่ใจ พี่ชายเดินมาส่งตรงประตู
“เงิน มือถือ คีย์การ์ดเอาไปหมดรึยัง” ผมเปิดกระเป๋าเช็ค ครบทุกอย่างเลยพยักหน้ารับหงึกๆ
“เดินทางดีๆ ระวังตัวด้วย”
“คร้าบคุณพ่อ” ผมรับเสียงยานแบบกวนๆ
“เดี๋ยวเถอะ เอากล่องนี้ไปแบ่งเพื่อนกิน ข้างในเป็นคัพเค้ก ถือดีๆ เดี๋ยวเละหมด” พี่ชายส่ายหัวหน่ายๆ ยื่นกล่องใส่ขนมมาให้ พอรับมาจะเดินออกประตูดันถูกตีก้นจนสะดุ้ง
“หมั่นไส้”
“ตาแก่หื่นกามกินเด็ก!” ผมแว้ดใส่ รีบเผ่นไปกดลิฟท์ พี่ชายยืนชะงักค้างอยู่หน้าประตู หันมาอีกทีเจ้าตัวดีลงลิฟท์ไปแล้ว เฟย์ลูบหน้าพรืดบ่นพึมพำ
“ยังเลขสองไม่แก่สักหน่อย...”
ผมนั่งกอดกล่องขนมอยู่บนรถไฟฟ้า โชคดีมาทันก่อนรถออก ไม่งั้นคงต้องรอขบวนต่อไป พอหยิบมือถือดูนาฬิกา ตายล่ะวา นี่มันบ่ายโมงแล้ว กว่าจะไปถึงคงแข่งครึ่งแรกกันเสร็จ กลิ่นหอมจากขนมฝีมือพี่ชายทำให้ผมโล่งใจ เอาหน่า อย่างน้อยๆ ก็มีของกินไปเซ่น
ทุกคนเป็นแบบผมรึเปล่า เวลาไหนที่รีบจะรู้สึกทุกคนช้าไปหมด รถไฟฟ้าที่ว่าไวผมยังรู้สึกช้าเลย ไม่ต้องพูดถึงรถในมหาลัย แล้วยังคนเยอะสุดๆ รถไปผ่านห้องสมุดกับผ่านคณะแพทย์แทบร้าง แต่รถผ่านโรงยิมปลากระป๋องดีๆ นี่เอง
ผมกระโดดลงจากรถทันทีที่ถึงโรงยิมก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าไป เห็นคนกำลังวิ่งแข่งในสนาม เสียงเชียร์จากสองคณะนี้ดังมาก คนเต็มแสตนหมด สาวแท้สาวเทียมตามมากรี๊ดหนุ่มจากสองคณะเด็ด ระหว่างมองหาที่นั่ง เห็นมิทโบกไม้โบกมือแถวแสตนหลบมุม
ต้องเดินเลาะหลบคนกว่าจะถึงที่หมายผมแทบสำเร็จวิชาหลบหลีกพลิ้วไหวดุจสายน้ำ มิทวิ่งขยับเข้ามาหาปากถาม ตาเล็งถุงขนม
“ไหงมาช้านัก พวกนั้นแข่งจนจะหมดรอบแรกอยู่แล้ว”
“ถามคนช่วยมองหน้าคนด้วย จ้องแบบนี้นึกว่าถามขนม ยังให้กินไม่ได้ ต้องรอซันกับโป้ก่อนค่อยกินพร้อมกัน!”
ผมยืนยันหนักแน่น พูดแข่งเสียงโหวกเหวกทั้งหลาย มิททำหน้าเซ็ง ริวหัวเราะยื่นขวดน้ำมาให้ ผมรับมาดื่มอึกๆ ไม่สนว่าใครจะกินไปแล้ว ยังไงก็เพื่อนกัน ชิวๆ
“เฮ้อ สดชื่น ตอนแรกคิดว่าไม่ทันรอบแรกซะอีก” ถามพลางมองไปบนสนามแข่ง ส่วนใหญ่ผมไม่รู้จัก ที่ชัดเจนคือซันกำลังชู้ตลูกลงห่วง แม่นยำสวยงามเสียงเชียร์กระหึ่มกว่าเดิมอีก คะแนนก็สูสี ดุเดือดอย่างที่คิดไว้เลย
“มีเหตุนิดหน่อย เลยต้องเลื่อนเวลาแข่ง ปอนด์ฝากของหน่อย ฉันกับมิทไปซื้อน้ำแปบ อีกเดียวจะหมดครึ่งแรกแล้ว ไม่มีน้ำให้ไอ้มืดซันมันโวยตาย”
จะขำเพราะคำว่าไอ้มืดนี่แหละ ซันมันแค่คนผิวเข้มไปเรียกมันซะ แต่ถ้าเทียบกับพวกเพื่อนแต่ละคนหรือโป้ ถือว่าซันมันเกรียมจริง ริวขาวสมเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น มิทเองก็ครึ่งเห็นว่ารัสเซีย ส่วนผมจีน โป้คนเหนือ ช่วงนี้ผิวคล้ำขึ้นจากการรับน้อง สมัยมาใหม่ๆ ขาวกว่านี้
นึกถึงผมยังไม่เห็นโป้เลยนี่หว่า พยายามมองหาคนสูงโปร่งในสนามดันมีหลายคน สายตาไปสะดุดเข้ากับชายคนเดียวใส่ชุดหลีดหญิงไปวิ่งอยู่ในสนามแข่งกำลังแย่งลูกกับซันอย่างดุเดือด มิน่าที่ชายโห่สาวกรี๊ดกันเยอะๆ น่าจะมาจากเจ้านี่ส่วนหนึ่ง
จะว่าไปหน้าคุ้นๆ นะ
“วิศวะ!! วิศวะ!! วิศวะ!!”
“สถาปัตย์!! สถาปัตย์!! สถาปัตย์!!”
“กรี๊ด! โป้วิ่งเบาๆ เดี๋ยวกระโปรงเปิด” เสียงกระเทยที่นั่งไม่ไกลจากผมเท่าไหร่ยกมือป้องปากตะโกนลงสนาม พลังเสียงยิ่งกว่าพวกแสตนอีก
เฮ้ย! เดี๋ยวนะ โป้ โป้เรอะ!!
ผมหันขวับคอแทบเคล็ด มองชัดๆ ไอ้คนใส่ชุดหลีดหญิงมันโป้จริงๆ ด้วย เสื้อแขนกุด กระโปรงสั้น ผมรากไทรถูกมัดสองจุ๊กผูกโบว์สีประจำคณะสถาปัตย์บนหัว เอิ่ม ขนหน้าแข้ง มันไม่เยอะยุบยับเหมือนผู้ชายบางคน แต่มันก็แบบผู้ชายมากกว่าผู้หญิงอยู่ดี เวร ผมมัวดูอะไรเนี่ย
ยกมือกุมขมับดีหน่อยใต้กระโปรงมันเป็นกางเกงบาส คือ โป้ ไม่รู้จะพูดอะไรเลยเพื่อน
จากที่ผมดู ไม่รู้จงใจรึเปล่า แต่เหมือนว่าซันกับโป้สองคนนี้จะประกบกันเองมากกว่า เพื่อนร่วมทีมเหมือนเป็นส่วนประกอบในสนาม แต่ละคนไม่มีใครยอมใครเหมือนแค้นกันมาสักชาติ ถ้าผมไม่รู้ว่าทั้งคู่เป็นรูมเมทอยู่ห้องเดียวกันผมคงเข้าใจว่าเกลียดขี้หน้ากันแน่
ไม่นานเสียงสัญญาณดังขึ้น หมดครึ่งแรก นักกีฬาทั้งสองทีมแยกไปหาทีมตัวเอง พอดีกับมิทริวกลับมาพร้อมน้ำเย็นหลายขวด ซันเดินตรงดิ่งมาทางพวกผม โป้พอเห็นผมก็เดินตามมาด้วย เสียงด่าไอ้ซันดังมาก่อนเลย
“ไอ้สัส ยังจะตามมาอีก ไปเปลี่ยนชุดสิวะ มึงทำทีมกูไขว้เขวจนเสียไปตั้งสองแต้ม”
“กูมาหาปอนด์ ไม่เสือกครับซัน”
“กูว่าพวกไอ้พาสมันไม่เสียแต้มเพราะโป้หรอก แต่เป็นมึงมากกว่าซัน ตอนซ้อมเก่งชิบหาย ไมตอนแข่งพลาดบ่อยจังวะ” มิทแซวขัดสองคนกำลังพ่นภาษาพ่อขุนกันอย่างดุเดือด ผมมาเกาะราวติดสนามท่ามกลางสายตาแปลกใจของคนอื่น จะอะไรซะอีก โป้กับซันเล่นเดินมาหาผมทั้งคู่ ริวเลยยื่นน้ำให้ผมส่งให้สองตัว
“อะไรเข้าฝันให้ใส่ชุดนี้อะโป้”
ผมถามพลางแจกขวดน้ำกับผ้าเช็ดเหงื่อให้ ของซันมันมีของมันเอง ของโป้ไม่มี แทนที่จะกลับคณะดันเดินมาทางนี้ ปากมันด่า ถึงงั้นมันก็ยื่นผ้าตัวเองให้ซันเช็ดเหงื่อแล้วมันค่อยเอามาเช็ดตัวเอง โอ้โหเฮ้ย !! ชักอยากกลับไปอยู่หอในแล้วสิ
“สาวในคณะยุเลยแต่งเล่นๆ กลับคณะก่อน โค้ชจ้องตาเขียวแล้ว จะเปลี่ยนเสื้อด้วย” โป้ยิ้มสดใสโบกไม้โบกมือให้ผม แล้วยักคิ้วกวนซันก่อนเผ่นกลับคณะตัวเอง ไอ้ซันแยกเขี้ยวไล่หลังไม่ติดว่าเดี๋ยวมีปัญหาคงชูนิ้วกลางใส่ ผมมองตามโป้ไปมีพวกหลีดหญิงใส่ชุดเหมือนโป้ด้วย จัดเต็มกันชะมัด ทั้งที่เพิ่งวันแข่งรอบแรกหรือว่าเห่อของกันแน่หว่า
“เสียดาย ถ้าปอนด์มาไวกว่านี้จะเห็นไอ้ซันน้ำพุ่งออกจากปากตอนเห็นโป้ในชุดนั้นตอนแรก” มิทพูดอารมณ์ดีไม่สนรังสีฆ่าฟันจากไอ้ซัน
“มึงเลิกทำหน้าเป็นหมาหวงกระดูกแล้วกลับเข้าทีมได้ระ” ริวชี้มือไปทางกลุ่มวิศวะที่รอซันไปรวมเพื่อคุยอยู่ เจ้าตัวพยักหน้ารับโยนผ้าขนหนูโปะใส่หัวผม เหม็นสลัด กลิ่นเหงื่อพวกเอ็งสองตัวรวมกันมันไม่ได้เป็นกลิ่นโรสแมรี่นะเฟ้ย
สัญญาณเริ่มแข่งครึ่งหลัง มันกว่าเดิมอีก ขนาดผมยังเป็นไปกับเขาด้วยเชียร์มันทั้งซันทั้งโป้ ใครได้แต้มผมก็ดีใจทั้งนั้นแหละ แค่เอนๆ ไปหาโป้มากหน่อย อดีตรูมเมทผมกลับมาใส่ชุดบาสดีๆ สังเกตเห็นว่ามีผู้ชายผู้หญิงหลายคนเสียดาย ผิดกับซันดูโล่งใจเป็นล้านเท่า
จากทีแรกสถาปัตย์นำสองแต้ม ก่อนถูกตีเสมอด้วยลูกชู้ตของไอซันสองรอบติด หลังจากนั้นสูสีต่างฝ่ายต่างสลับกับคนในทีมทำคะแนน จนเวลาใกล้หมดลูกสุดท้ายเพื่อนของซันชู้ตเข้าทำให้วิศวะชนะ
เกมมีแพ้มีชนะ คนชนะดีใจไป คนแพ้เซ็งไปตามระเบียบ แต่ตอนจบจับมือกันดีไม่มีปัญหา แม้จะเห็นว่าบีบมือกันแรงเหลือเกิน โดยเฉพาะซันกับโป้ ใบหน้ายิ้มแย้มของโป้กับรอยยิ้มกวนส้นของซัน พี่เฟย์มอบพลังให้ผมด้วย ขอให้น้ำตาลในขนมพี่จะช่วยให้สองคนนั้นอารมณ์ดีไม่กระโจนต่อยปากกันด้วยเถอะ เพี้ยง!
ซันโป้แยกคุยกับเพื่อนร่วมทีม คนที่มาเชียร์ พอทุกคนแยกย้ายถึงเดินมาหาพวกผมที่นั่งรออยู่
“เหนื่อยมากแต่โคตรมัน”
“เออ มันจนกูช้ำเลยเนี่ย หือ ได้กลิ่นขนม พี่เฟย์เอาขนมมาฝากด้วยสินะ ไหนๆ” โป้บ่นเซ็งๆ มานั่งข้างผมเอาถุงขนมไปแกะเลือกของตัวเองก่อนส่งให้ผมและคนอื่นๆ หยิบไปทานคนละชิ้นสองชิ้น
ซันมันปาดครีมหน้าเค้กให้ผม ตัวเองกินแต่แป้งด้านใต้ชะโงกหน้าข้ามหัวมาดูแขนโป้
“ไหนวะ ตอนกระแทกในสนามมึงช้ำเรอะ”
“ไม่เท่ามึงหรอก กูจำได้ว่าศอกกูเข้าพุงมึงไปเต็มๆ เป็นไงมั้ง”
โป้ยื่นมือข้ามตัวผมไปเปิดเสื้อซันดู เห็นกล้ามแบบคนออกกำลังกายกับรอยช้ำวงใหญ่แถวท้องด้านซ้าย ผมกินคัพเค้กด้วยดวงตาว่างเปล่า มีแรงกอดจากทางด้านหลัง ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอม มิทชัวร์
“ผัวเมียเป็นห่วงกันต่อหน้าลูกชายไม่ดีนะ ดูปอนด์ทำหน้าเหม็นเบื่อใหญ่แล้ว” ได้ยินเสียงมันเคี้ยวคัพเค้กบนหัว ถ้ามีเศษขนมร่วงใส่หัวผมนะ มีเฮแน่ๆ มิท
“หุบปากไปเลย มึงนี่ก็ชงจริง มันเป็นเรื่องภายในครอบครัว เขาไม่ให้เอามาพูดข้างนอก”
ริวพูดเสริมเรียกเสียงหัวเราะก๊ากจากมิท สองตัวนี้เข้ากันดีเป็นลูกคู่ เลยโดนซันโป้รวมพลังตบหัวไปคนละที สมน้ำหน้า แม้ผมจะแอบเห็นด้วยในใจ อย่าไปบอกใครนะ
“พวกมึงนั้นแหละเงียบให้หมด ไปแดกข้าว” ซันกอดคอผมขณะทุกคนเก็บข้าวของตัวเองลุกจากที่นั่งเตรียมออกเดินทางไปหาอะไรใส่กระเพาะ คงยังไม่ได้กินอะไรกันตั้งแต่เที่ยง ส่วนผมทานแล้วเรียบร้อย พี่ชายไม่ปล่อยให้อดแน่นอน
“อย่าลืมไอติมด้วย ซันบอกโป้จะเลี้ยงอะ” ผมแทรกขึ้น ทุกคนหันมามอง โป้ยิ้ม ซันขยี้หัวจนผมยุ่ง
“เออๆ กินข้าวตามด้วยไอติม พอใจยัง”
“ดีงามมากๆ” ยกนิ้วโป้งให้เลย
“จะไปกินที่ไหนกันดี ร้านตามสั่งข้างมอมั้ย ตรงนั้นมีร้านไอติมกับนมปั่นด้วย” โป้เสนอ ทุกคนเห็นด้วย เรานั่งรถมอไปลงใกล้ๆ จะได้ไม่ต้องเดินให้น่องโป่ง ระหว่างเดินอยู่ข้างทางจวนจะถึงร้านข้าว มีรถสีดำเงาวับอย่างกับรถพวกมาเฟียในหนังมาจอดเทียบด้านข้าง ซันกับโป้ดันผมไปด้านหลังมองรถคันนั้นด้วยความแปลกใจ
ผิดกับมิท เจ้าตัวหน้าซีดสบถด่ายาวเหยียดแล้วหันมาบอกพวกผม
“พ่อมารับแล้ว ฉันกลับก่อนนะ พวกนายไปกินกันเลย ไว้จะมาฉลองชัยชนะให้วันหลังนะเพื่อน” มิทตบบ่าซันก่อนเปิดประตูขึ้นรถคันนั้นไปอย่างรวดเร็ว จังหวะที่ประตูกำลังปิด ผมเห็นมิทคุยกับชายตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ด้านหลัง เขายกมือสั่งให้คนขับรถออกตัว ผมไม่เห็นหน้าแต่ความรู้สึกว่าอันตรายชัดเจนมาก ซันมองหน้าเครียดก่อนหันไปคุยกับริว
“กูจำได้ว่ามิทมันบอกมีแม่คนเดียวไม่ใช่เหรอวะ”
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ก็เพิ่งเจอพร้อมกับมึงนี่แหละ ช่างมันเหอะ ไอ้มิทไม่ใช่ไก่กา มันไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงกับอะไรโง่ๆ หรอก”
“ขอให้มันเป็นแบบนั้นแล้วกัน” บรรยากาศมาคุ ซันจ้อง ริวจ้องตอบ โป้ปรบมือเสียงดังทำเอาผมสะดุ้ง
“พวกมึงจะเล่นเกมจ้องตากันก็ตามสบาย แต่กูหิว ยังไม่แดกอะไรตั้งแต่เที่ยง กูพาปอนด์ไปนั่งรอในร้านล่ะ” โป้กอดคอผมเดินข้ามถนนเข้าร้านข้าว ซันถอนหายใจ ริวยักไหล่ก่อนเดินตามเข้ามาแล้วเริ่มสั่งอาหารเหมือนอดอยากมาหลายวัน
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น มิทมาเรียนตามปกติ ไม่มีท่าทีอะไรเลยสักนิด ผิวยังใสกิ๊งสมเป็นหนุ่มช่างดูแลตัวเอง ไม่มีรอยพกช้ำโดนทำร้ายร่างกายให้เห็น ผมโล่งอก ซันโล่งใจ ดูท่าพวกเราจะคิดมากไปเอง