[Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Yละมุน] หนุ่มวายยกกำลังสอง แจ้งข่าว P13 [Up 12/9/60]  (อ่าน 176770 ครั้ง)

ออฟไลน์ tsubasa_6927

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พี่เฟย์ตกลงแน่ใจอะไรบางอย่างที่ว่ายัง โละสต็อคเด็กเลยนะเฟ้ยยยย :z6:

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ้าวๆ เด็กคิดมากแล้วนั่น

ขอให้โชคดีนะพี่เฟย์ หึหึ

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
อ่านะ น้องมันคงไม่เหมือนเดิมกะเฟย์แล้วล่ะ เหอๆ

ออฟไลน์ MinorMa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
ซวยแล้วละเฟย์

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
วายที่6 มัดจำ

   ห้องนอนที่เริ่มร้อนระอุกับแสงแดดทะลุผ่านม่านเข้ามาอย่างแข็งขัน อบสิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่ซุกอยู่บนเตียงท่ามกลางกองผ้าห่มและตุ๊กตาจนเริ่มสุก ต่อให้อยากจะนอนสักแค่ไหน สุดท้ายต้องพ่ายแพ้ให้กับความร้อน โผล่หัวจากกองผ้า ขยี้ตางัวเงีย อ้าปากหาว

   “รู้งี้เปิดแอร์ดีกว่า”

   เสียงเล็กบ่นงึมงำ ปกติผมเป็นพวกเปิดแอร์นอน แต่เมื่อคืนฝนตกอากาศเย็น เลยเปิดพัดลม พอเช้ามาถึงได้กลายเป็นแมวอบแบบนี้ ฮือ

   ดวงตาเหม่อมองไปทางนาฬิกา สิบเอ็ดโมงกว่า... สรุปเมื่อคืนผมไม่ได้โทรหาพี่ และไม่ได้ออนเอ็มคุยด้วย หนีเข้าไปเล่นเกมทำใจแล้วยาวยันตีสาม รู้สึกอยากร้องไห้กับความงี่เง่าตัวเอง ได้แต่ปลอบใจว่า วันนี้ค่อยคุยแล้วกัน ถือว่าให้เวลาตัวเองทำใจหนึ่งคืน

   ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันลงมาชั้นล่าง ได้กลิ่นหอมๆของกับข้าว แม่ผมคงกำลังทำข้าวเที่ยงอยู่ มีไข่ตุ๋นของโปรดด้วย ผมเดินเข้าห้องครัวไปกอดคนที่ยืนทำอาหารด้วยความเคยชิน เอาหน้าถูกๆออกอ้อนเหมือนทุกที

   ทำไมวันนี้แม่ผมตัวสูงใหญ่ มีกลิ่นหอมออกเย็นๆแบบผู้ชายอย่างนี้ด้วยเหรอ ผมเงยหน้ามองพลันชะงัก แม่ผมเปลี่ยนไป!

   “ตื่นเต็มตารึยังเรา ถ้าตื่นแล้ว ปล่อยพี่ก่อน แบบนี้ทำอาหารไม่ถนัดนะ”

   “พี่! มาได้ไง” ผมสะดุ้งโหยง ถอยห่างไปเกาะอยู่ตรงขอบประตูโผล่มาแค่ครึ่งหน้า นึกถึงโจทโจทก็มา แบบตัวเป็นๆยืนหล่อใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่ในครัวบ้านตัวเอง

   “ขับรถมา” ตอบหน้าตายสุดๆ ผมเม้มปาก ยังไม่พร้อมเผชิญหน้าตอนนี้อะ อย่างน้อยๆถ้าคุยในเอ็มหรือโทรศัพท์ยังพูดง่ายกว่าอีก

   “น้องปอนด์ตื่นแล้วก็อย่ามายืนเกะกะสิ” เสียงผู้หญิงคนสวยดังมาจากทางด้านหลัง มือนุ่มจับคอเสื้อลูกชายลากหลบออกจากประตูห้องครัว ผมถูกกันออกห่างโดยสมบูรณ์ ปกติผมคงจะเข้าไปป่วนเรียกร้องความสนใจแล้ว พอตอนนี้ อยากอยู่ห่างๆมากกว่า อย่างน้อยๆ ก็จนกว่าจะคุยกันเคลีย

   ระหว่างกินข้าวเที่ยง ผมต้องคอยหลบตาคมและพยายามละเลียดกินสิ่งที่พี่เขาตักมาให้เหมือนจะเอาใจ เชอะ ตามใจแบบนี้ไม่ใจอ่อนง่ายๆหรอกนะ แค่ไม่อยากให้กับข้าวที่แม่ทำเสียเปล่า เลยต้องทานเท่านั้นเอง

   “จริงสิ น้องปอนด์ น้าพาคลอดน้องแล้วนะ น้าทิตเพิ่งจะโทรมาบอกแม่เมื่อเช้า”

   ผมตาโต บ้านผมเป็นคนเหนือครับ มีเหตุบางอย่างแม่ผมเลยมาอยู่ที่กรุงเทพ ผมเกิดและเติบโตที่นี้ก็จริง แต่ทุกครั้งที่มีเรื่องสำคัญ หรือวันหยุดยาวผมจะโดนแม่ลากขึ้นเหนือเป็นประจำ น้าทิตเป็นน้องชายแท้ๆของแม่ ส่วนน้าพาเป็นภรรยาของน้าทิต บ้านนั่นเขามีลูกแล้วหนึ่งคนอายุน้อยกว่าผม คนนี้คนที่สอง ครั้งก่อนผมไปยังแค่ท้องอ่อนๆอยู่เลย ตอนนี้คลอดแล้วเหรอเนี่ย ดีจัง

   “ผู้หญิงหรือผู้ชายฮะ” ผมถามด้วยความตื่นเต้น

   “น้องเป็นผู้ชาย แม่ว่าจะขึ้นเหนือไปรับขวัญหลานคนใหม่สักหน่อย ปอนด์คงไม่ไปด้วยสินะ อืมมม เอาไงดี ทิ้งไว้บ้านคนเดียวก็เป็นห่วง”

   แม่ผมครุ่นคิด ผมเป็นพวกไม่ชอบเดินทางไกลๆ แต่ถ้าเพื่อหนังสือวายที่อยากได้แล้วล่ะก็ ต่อให้เดินทางพันลี้ผมก็ยอม!

   แขกประจำบ้านที่นั่งเงียบอยู่นานสบโอกาสเหมาะ มองสองแม่ลูกก่อนจะยิ้มพูดเสียงนุ่ม ไม่คิดเลยว่าอะไรหลายๆอย่างมันจะประจวบเหมาะกันขนาดนี้ สวรรค์ช่างเป็นใจ

   “ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมดูแลน้องให้เอง”

   ผมกับแม่หันไปมองพี่ชายเป็นตาเดียวด้วยสีหน้าแตกต่าง แม่ตาบ่นว่าทำไมคิดไม่ถึง ส่วนผมอ้าปากค้างไปแล้ว เฮ้ย! หนักกว่าเดิมอีก ตอนแรกยังมีแม่บังหน้า พอมาตอนนี้เหลือแค่สองคนกับอีกหนึ่งตัวเรอะ เจ้ามอมมันจะช่วยอะไรผมได้ วันๆเอาแต่เล่น กิน แล้วก็นอน(เหมือนใครฟะ)

   “ไม่ได้นะแม่ ถ้าผมไปอยู่กับพี่เขาแล้วใครจะดูเจ้ามอมล่ะ ถ้าจะให้พี่ไปๆมาๆก็ไม่ได้ด้วย พี่เขาทำงานหนักจะตาย ผมไม่เป็นไรหรอก อยู่คนเดียวได้” ตอนนี้อะไรงัดมาอ้างได้ ต้องเอามาใช้ก่อน

   “อยู่คนเดียวได้ที่ไหน ทำอาหารก็ไม่เป็น แถมยังซุ่มซ่ามอีกต่างหาก ประเดี๋ยวจะอดตายทั้งคนทั้งหมา ไม่เอา แม่ไม่ยอมให้อยู่คนเดียว” พอแม่ยื่นคำขาด ผมหัวหด เวลาแม่ผมเอาจริงขึ้นมาจะอะไรก็ขัดไม่ได้ทั้งนั้น

   “เอาแบบนี้ดีกว่า เฟย์ แม่ฝากน้องสักสองสามวันนะลูก เดี๋ยวเรื่องเจ้ามอม แม่ฝากเพื่อนบ้านเขาช่วยดูให้”

   “ได้ครับไม่มีปัญหา คุณแม่ขึ้นเหนืออย่างสบายใจได้เลย ผมจะดูแลน้องให้เอง”

   “ขอบคุณนะเฟย์ ไว้แม่จะซื้อของมาฝาก รู้มั้ยอาหารเหนืออร่อยมากเลยนะ” ทั้งสองคนตกลงกันไปเรียบร้อยไม่ถามผมความเห็นของผมที่นั่งหัวโด่อยู่เลยสักนิด ผมจ้วงไข่ตุ๋นเข้าปากอย่างเคืองๆ พอทานข้าวหมด ก็โดนไล่ให้ไปเก็บเสื้อผ้า ผมอิดออดเต็มกำลัง จนโดนเสียงเร่งจากแม่ด้านล่าง หยิบอะไรใส่กระเป๋าบ้างไม่รู้ เอาเถอะ มีกางเกงในกับเสื้อผ้าสักชุดสองชุดก็พอแล้วสำหรับผม ไปค้างแค่สองสามวัน ไม่ได้ไปอยู่เป็นเดือนสักหน่อย

   “เสร็จรึยังน้องปอนด์ พี่เขารอนานแล้วนะ”

   “คร้าบๆ เสร็จแล้วคร้าบ”

   ผมสะพายเป้วิ่งทั่กๆลงไปชั้นล่าง แม่คว้าผมไปกอดหอมซ้ายหอมขวา พร้อมส่งเงินให้พี่ชายเก็บเอาไว้ เฮ้เดี๋ยว มันต้องให้ผมไม่ใช่เหรอ ผมคงแสดงออกทางสีหน้ามากไปหน่อย แม่เลยเขม้นใส่

   “ฝากไว้กับพี่เขาน่ะถูกแล้ว ขืนให้น้องปอนด์เก็บ แม่ว่าเงินหมดตั้งแต่วันแรก”

   “โธ่แม่อะ”

   “ไม่ต้องงอแงเลย ไม่ยอมไปกับแม่เองช่วยไม่ได้”

   และแล้ว ผมก็โดนจับยัดใส่รถพี่ชายมุ่งหน้ากลับคอนโดสุดหรู ตลอดทางผมแทบไม่ได้คุยอะไรกับพี่เขาเลย ถามคำตอบคำจนถึงห้อง ทั้งที่ปกติผมจะเป็นฝ่ายชวนคุย จ้อไม่เลิกแท้ๆ

   ห้องของผมคือห้องนอนแขก พี่เฟย์บอกให้ผมเอาเสื้อผ้าเข้าไปเก็บข้างใน หลังจากพี่เขาชวนคุยแล้วผมไม่ค่อยคุยด้วย กลายเป็นพี่ชายเงียบตามผม บรรยากาศชวนอึดอัด ไม่รู้ว่ากลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ผมวางเป้ ยังไม่คิดเก็บแล้วทิ้งตัวนอนคว่ำอยู่บนเตียง

   อยากคุย อยากกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ผมเริ่มไม่ถูก เพราะผมเป็นพวกหน้าบางขี้อาย จะให้ไปถามโต้งๆว่า พี่นอกใจคุยกับเด็กคนอื่นนอกจากผมเหรอ หรือจะให้ถาม ผมเป็นอะไรสำหรับพี่กัน... ว๊ากกกก จะบ้าตาย มันก็เห็นอยู่ไม่ใช่รึไง ก็แค่น้องชายคนหนึ่ง

   ทำไมพอคิดแบบนี้แล้วรู้สึกเศร้าขึ้นมาล่ะ ผมซุกหน้ากับหมอนน้ำตาซึม ไม่อยากได้แค่พี่ชายแล้วงะ งื้อออ

   “ปอนด์”

   เสียงเรียกตรงประตูทำให้ผมสะดุ้ง พร้อมๆกับข้างเตียงที่ยุบลงตามน้ำหนักของคนที่มานั่ง ผมซุกหน้ากับหมอน ไม่อยากให้พี่ชายเห็นสีหน้าของผมตอนนี้จริงๆ

   “เฮ้อ โกรธพี่เรื่องอะไร บอกพี่หน่อยได้มั้ย”

   “...” ผมเงียบ ไม่อยากพูด ถ้าพูดไปตอนนี้เสียงผมต้องสั่นมากแน่ๆ กลิ่นอายจากเจ้าของห้องหายไป พี่เขาออกจากห้องแล้ว ทั้งที่ควรสบายใจไม่ต้องกดดันกับคำถาม กลับเป็นผมร้องไห้เงียบๆกับหมอน จู่ๆ ตัวผมลอยหวืดจากเตียง ถูกจับให้นั่งอยู่บนตักหน้า พี่ชายกลับมาอีกรอบพร้อมกับโน๊ตบุ้คในมือ แขนข้างหนึ่งกอดรั้งเอวผมไว้ไม่ให้หนี แล้วเปิดโน๊ตบุ้คต่อหน้า

   มือเล็กกำหมอนที่กอดอยู่แน่น ทันทีที่เครื่องเปิดเสร็จ เสียงแจ้งเตือนเอ็มดังขึ้นพร้อมหน้าต่างหลายข้อความหลายอันโผล่ขึ้นมา ตัวผมเกร็งคิดว่าพี่ชายน่าจะรู้สึกได้ นิ้วยาวเห็นข้อนิ้วชัดเจนดูแข็งแรงสมชายเลื่อนลูกศรไปที่รายการเพื่อน พวกบรรดาชื่อแปลกๆเหมือนวัยรุ่นชอบใช้กัน ถูกไล่บล็อกและลบทิ้งทีละอัน ไม่มีการเข้าไปคุยบอกเจ้าของเอ็มเลยแม้แต่น้อย

   “พี่ทำอะไรน่ะ!?”

   ผมตาโตรีบจับมือพี่ชายไว้ แต่มือนั่นยังบล็อกและลบรายชื่อต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเหลือเพียงแค่ชื่อเมล์ภาษาต่างประเทศ กับเมล์ของโฟมและของผม...

   “พี่ลบไปแบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอ” ถึงผมจะไม่ค่อยชอบใจคนพวกนั้น แต่พอมองมุมกลับ ถ้าผมเป็นคนโดนแบบนี้บ้าง โดยไม่รู้สาเหตุคงจะเสียใจน่าดู

   “ไม่เป็นไร พี่บอกพวกเขาหมดแล้วว่าวันนี้พี่จะลบทุกคนออก เหลือไว้แค่เพื่อน ครอบครัว กับคนสำคัญ”

   เหมือนโดนคำสุดท้ายโจมตีอย่างหนัก หัวใจผมเต้นรัวจนลืมไปแล้วว่าตอนนี้อยู่บนตักใคร ทั้งลุ้นทั้งดีใจในเวลาเดียวกัน

   โน๊ตบุ้คถูกวางทิ้ง พี่เฟย์รวบกอดผมทั้งตัว เกยคางบนหัวผม แผ่นหลังแนบไปกับแผ่นอกกว้างอบอุ่น ผมรู้สึกจังหวะการเต้นของหัวใจพี่ชายเร็วไม่ต่างกับผม

   “ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ พี่เข้าใจเราว่ายังสับสน รอให้ปอนด์โตกว่านี้ก่อน พวกเราค่อยคุยกันอีกที แต่พี่อยากให้เรารู้ไว้ สำหรับพี่แล้วปอนด์คือคนพิเศษ...” น้ำเสียงนุ่มนวลฉายความจริงจังจนผมใจสั่น ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังพูดเงียบๆ

   “ห้องนี้พี่ไม่เคยให้ใครเข้ามานอกจากโฟม พี่เคยไม่ดูแลใครมากเท่านี้มาก่อน หายโกรธพี่นะคนดี ยิ้มให้พี่ คุยกับพี่ อย่าเงียบหรือทำหน้าเศร้าแบบนี้เลย”

   ผู้ชายตัวโตๆ พูดเหมือนจะอ้อนเด็กน้อยที่ตัวเล็กกว่า แถมยังหอมแก้มเป็นการปิดท้าย คล้ายจะได้ยินเสียงบรึ้มมจากที่ไหนสักแห่ง ลูกแมวตัวนิดในอ้อมแขนหมาป่าใบหน้าแดงก่ำถึงหู ก้มหน้าซุกหมอนที่ติดมือสุดชีวิต เฟย์อยากจะขำใจจะขาด ทั้งน่ารัก น่าเอ็นดูและน่า... อะแฮ่ม ต้องรอจนกว่าจะเข้ามหาลัย ท่องไว้เฟย์...

   “ว่าไงครับ อภัยให้พี่ได้รึเปล่า”

   พี่ชายกระซิบถาม ร่างเล็กบนตักพยักหน้ารับรัวๆ แต่ดูยังไม่พอใจคนบางคนสักเท่าไหร่ ถึงย้ำเข้าไปอีก

   “พูดให้พี่ได้ยินเสียงด้วยสิ จะได้รู้ว่าให้อภัยแล้วจริงๆ”

   คนโดนรังแกไม่รู้ตัว โดนเสียงหงอยหลอกล่อ รีบพูดออกจนลืมคิด

   “ให้อภัยแล้วจริงๆฮะ ไม่โกรธ ไม่หึง อุ๊บ” ยกมือตะคลุบปากตัวเองที่ดูท่าจะไม่ทัน คุณพี่ชายหัวเราะในลำคอ แต่ใบหน้ายิ้มแย้มดีใจแบบที่ใครก็ไม่เคยเห็น น่าเสียดายที่เด็กน้อยหันหลังให้อยู่ เลยอดไปตามระเบียบ ก่อนที่เฟย์จะเชยคางเล็กแล้วก้มลงไปแตะริมฝีปากดังจุ๊บแล้วผละออก

   คนโดนจู่โจมครั้งแรกแทบจะแดงสุกไปทั้งตัว ยกมือปิดปาก ถอยกรูดจนเกือบตกเตียง อ้ำๆอึ้งๆ หัวใจแทบหลุดออกมาจากอก สัมผัสเมื่อกี้ยังเด่นชัด ผลเลยกลายเป็นการโวยวาย

   “พี่ทำอะไรเนี่ย! ผมเป็นเจ้าบ่าวไม่ได้แล้ว”

   “อุ๊บ...ฮ่าๆๆ”

   เสียงพี่ชายหัวเราะลั่นมันจี๊ดในใจผมเหลือเกิน พอจบเรื่องเศร้าความโล่งใจก็เข้ามาพร้อมความเขิน และความสุขที่มีมากจนล้น ผมนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ขนาดเวลาผ่านไปจนเข้ามื้อเย็น พี่ชายทำอาหารอยู่ในครัว ผมยังมานั่งยิ้มอยู่หน้าทีวี

    ทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิม ไม่มีอะไรมากขึ้นหรือน้อยลง แต่ผมเองก็ชอบที่มันเป็นแบบนี้นะ ปล่อยมันไปเรื่อยๆ ไม่ต้องคิดอะไรให้วุ่นวาย ผมกับพี่เฟย์ตกลงกันไว้ จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม เราจะคงสถานะที่เป็นอยู่เพื่อให้โอกาสทั้งสองฝ่าย

   กินข้าวด้วยกัน ผมช่วยเก็บจาน มานั่งดูดีที หรือต่างคนต่างงมนิยายการ์ตูนวายของตัวเองแทน กระทั่งถึงเวลาเข้านอน ผมอาบน้ำเปลี่ยนชุดกระโดดขึ้นเตียงนุ่มๆ กลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความฟิน แล้วหยุดกึก เมื่อนึกบางอย่างออก

   “เป็นอะไรปอนด์?”

   คุณพี่ช่างสังเกตเหลือเกิน แค่ผมหยุดกลิ้งผงกหัวขึ้นมาทำหน้าตื่นก็ถามแล้ว ผมลุกขึ้นนั่งหันไปมองพี่ชายที่อ่านหนังสือบนโซฟา ผมเปิดประตูห้องนอนทิ้งไว้เพราะยังไม่ถึงเวลานอน เลยมองเห็นกันระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่น

   “ผมลืมเอาตุ๊กตามาอะ คืนนี้ไม่มีกอดจะนอนหลับมั้ยเนี่ย”

   คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง ทำท่าครุ่นคิดพลางมองเวลา แล้วปิดหนังสือเดินเข้าห้องตัวเอง ผมมองตามไปอย่างงงๆ เข้าใจว่าคงจะไปหยิบหมอนข้าง ไม่ก็ตุ๊กตาห้องตัวเองมาให้ผมกอดล่ะมั้ง เลยนอนอ่านหนังสือนิยายที่อ่านค้างไว้

   ผ่านไปสักพัก พี่ชายออกจากห้องนอนตัวเองในสภาพอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อย จัดการปิดไฟในห้องทั้งหมดจนเหลือแค่ห้องผม อุ้มหมอนมาด้วยใบหนึ่ง

   “จะนอนแล้วเหรอพี่”

   “อืม”

   พี่เฟย์ตอบพลางปิดประตูปิดไฟในห้อง ขึ้นเตียงมานอนกับผมเฉย ไอหมอนนั่นเอามาเพื่อการนี้เองสินะ!

   “เฮ้ยพี่ ไหงไม่นอนห้องตัวเอง มาแย่งเตียงผมทำไม”

   มือหนาดึงหนังสือออกจากมือผม คั่นแล้วไปวางบนโต๊ะโคมไฟ ก่อนจะคว้าแขนผอมๆไปกอดเจ้าของห้อง ผมเบ้ปากในความมืด คุณพี่ครับ คิดว่าตัวเองเป็นตุ๊กตาหมาป่าตัวโตหรือไงกัน ทำเหมือนว่าไม่มีหมอนข้างให้กอดตัวเองอย่างงั้นแหละ ผมไม่ยอมดึงแขนกลับ

   “ผมจะกอดตุ๊กตาน่ารักนุ่มนิ่มพี่ ไม่ใช่ยักษ์” พี่ชายหัวเราะรวบผมเข้าไปกอด อีกระ วันนี้สองรอบแล้วนะ ผสานร่างกันเลยมั้ยครับพี่

   “เรื่องมากจริงเจ้าลูกแมว นอนไปได้แล้ว” มือหนาลูบหัวลูบหาง(?) หึ ถึงลูบไปไม่ได้ตุ๊กตามากอดผมก็นอนไม่หลับหรอกนะ

   ผ่านไปสิบนาที...

   ฟี้~

   คนอยากได้ตุ๊กตาหลับสนิทคาอก มืออุ่นเปลี่ยนจากลูบมากอดเอาไว้หลวมๆ ริมฝีปากแนบจูบหน้าผากมน สูดกลิ่นหอมของเด็ก ทั้งที่ใช้สบู่เหมือนกันแถมเป็นกลิ่นผู้ใหญ่ พอเด็กน้อยใช้ กลิ่นกลับหอมขึ้นซะอย่างนั้น พรุ่งนี้เอาสบู่กลิ่นวานิลลาที่ซื้อมาผิดให้ลูกแมวลองดีกว่า เฟย์คิดอย่างอารมณ์ดี

   พอวันรุ่งขึ้น เจ้าตัวทำอย่างที่คิด ระหว่างรอเด็กน้อยตื่น เฟย์รื้อตู้เอาเจ้าสบู่ออกมาวางไว้ในห้องน้ำ ก่อนไปจัดเตรียมอาหารเช้า แล้วงัดเจ้าแมวขี้เซาออกจากเตียง เด็กน้อยงอแงกอดผ้าห่มอย่างเหนียวแน่น ขนาดเฟย์ยกผ้าห่มขึ้น ยังติดปอนด์มาด้วย เหมือนลูกแมวเกาะผ้าไม่มีผิด

   “ปอนด์ตื่นได้แล้ว” มือหนาเขย่าผ้าห่มไปมา เจ้าเด็กหัวยุ่งปรือตามอง อ้าปากหาวใส่ ไหลลงไปนอนซุกหมอนต่อ ลำบากเจ้าของห้องต้องดึงหมอนหนี

   “อือออ ไม่เอา ยังไม่อยากตื่นอ่า ขออีกห้านาที” ไม่พูดเปล่ายังมากอดเอาหัวซุกๆกับพุงแข็งๆที่มีแต่กล้ามของพี่ชาย ไถไปไถมาจนหัวยุ่งหนักกว่าเก่า สุดท้ายเลยต้องอุ้มเหมือนลูกลิง เปิดน้ำลูบหน้าให้ตื่น

   “เอ้า ตื่น อาบน้ำ นี่สบู่ อย่าให้รู้ว่าหลับในห้องน้ำนะ จะงดไม่ให้กินขนมเลย” แมวตะกละสะดุ้ง ส่ายหัวขวับๆ พยายามถ่างตาให้โต

   “ตื่นแล้ว ไม่ง่วง ไม่หลับแน่นอน จะรีบอาบน้ำด้วย พี่เตรียมขนมไว้รอเลยนะ”

   มือดันหลังพี่เฟย์ออกไปจากห้องน้ำแล้วปิดประตูถอดเสื้อผ้าวิ่งเข้าใต้ฝักบัว เปิดอาบอุ่นรดตัว หยิบขวดสบู่ทีพี่ชายยื่นให้มาใช้ถูตัว พลางเอียงคอสงสัย จมูกเล็กดมฟุดฟิด กลิ่นไม่เหมือนกับของที่ใช้เมื่อวานแฮะ ช่างเถอะ รีบๆอาบให้เสร็จดีกว่า

   ผมอาบน้ำรวดเร็วใส่เสื้อผ้าออกมาหาพี่ชาย บนโต๊ะหน้าทีวีมีแซนวิชทูน่าพร้อมนมหนึ่งแก้ว ส่วนพี่เฟย์มีแค่กาแฟดำอย่างเดียว ไม่ต้องรอให้ใครเชิญ ผมหยิบแซนวิชมาหม่ำอย่างเอร็ดอร่อย คนตัวสูงนั่งมองยิ้มๆช่วยเช็ดปากให้เป็นระยะ พอผมทานเสร็จดื่มนมเรียบร้อย แก้วน้ำเปล่าถูกยื่นมาตรงหน้าให้ดื่มล้างปาก ผมรับมาแล้วลูบพุงตัวเอง

   “อิ่มจังตังอยู่ครบ”

   “เป็นเด็กขี้งกตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะเรา” นิ้วยาวเกลี่ยแก้มนุ่มเล่น ตั้งแต่เมื่อวานที่ได้คุยกัน ดูเหมือนจะสนิทใจกันมากขึ้น ผมงับนิ้วมือที่มาก่อกวนอยู่ตรงแก้ม พี่ชายไม่สะท้านแถมยังวางแก้วกาแฟ ดึงผมเข้าไปหา

   ฟอดดด

   เสียงดังฟังชัด พร้อมสัมผัส จมูกโด่งฟัดแก้ม กลิ่นหอมหวานวานิลาชวนให้รู้สึกดี และน่ากินในเวลาเดียวกันจนเริ่มอดใจไม่ไหว จับลูกแมวรวบข้อมือทั้งสองข้างแล้วฟัดพุงนุ่มๆ เสียงหัวเราะด้วยความจั๊กจี้ดังขึ้น ก่อนเฟย์จะปล่อย ถึงเขาจะเล่นแต่รู้ลิมิตตัวเองดี

   “พี่ไปทำขนมให้ลูกค้าก่อน นอนกลิ้งเล่นไปนะ”

   “ฮึ่ย ฝากไว้ก่อน วันหลังจะเอาคืน” ผมโวยวายไล่หลังพี่เฟย์ ปล้นเอาโน๊ตบุ้คมาเปิดดูอะไรเล่น พออันไหนน่าสนใจก็อุ้มโน๊ตบุ้ควิ่งเอาไปให้เจ้าของห้องดูด้วย จนเปิดไปเจอคลิปลูกแมวตัวกลมขนฟูน่ารัก กำลังนอนหงายเล่นกับเจ้าของที่อัดคลิปไว้ด้วยเสียงหัวเราะ มีเสียงมี้ๆของเจ้าขนปุยแจมเป็นระยะ ผมคิดอะไรสนุกๆออก

   พี่ชายเป็นพวกชอบของน่ารักและเป็นทาสแมวตัวพ่อ สังเกตจากตุ๊กตากลมหน้าแบ๊วในห้องกับรูปภาพแมวเต็มคอม ขนาดวอลเปเปอร์ยังเป็นรูปแมว ผมเลยรอจังหวะที่พี่เฟย์เดินเอาขนมมาให้ นอนกลิ้งบนพรมนุ่มเรียกอีกฝ่าย

   “พี่ฮะๆ หันมานี่หน่อย”

   “หือ?” เจ้าของห้องหันไปมองตามเสียงเรียก ผมตั้งท่าทันที นอนหงายพุง ทำมือเหมือนแมว มองพี่ชายตาแป๋ว และจัดสเตปสุดท้าย

   “เหมี้ยว~”

   แคร้ง.. ช้อนในมือชายร่างสูงร่วงไปบนจานทั้งที่คิดจะจัดวางดีๆ พลางยืนตัวแข็งทื่อมองภาพตรงหน้า คนแกล้งเห็นอีกฝ่ายนิ่งนึกว่าไม่ได้ผล จึงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเซ็งๆ ลุกขึ้นเดินทำปากบ่นงุบงิบมาหยิบจากเค้กบนโต๊ะ แต่มือยังไม่ทันถึงจาน ก็โดนคนที่ยืนเป็นท่อนไม้จนถึงเมื่อครู่คว้าไหล่ทั้งสองข้าง

   “ปอนด์ จำไว้นะ อย่าทำแบบนี้อีก” ผมกระพริบตาปริบๆ มองอย่างไม่เข้าใจ

   “มันไม่น่าดูขนาดนั้นเชียว” ผมชักหมดความมั่นใจ มันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ มิน่า พี่เฟย์ถึงไม่สะท้านสะเทือนอะไรเลย

   “ป่าว... มันได้ผลมากเกินไปต่างหาก” รอยยิ้มอบอุ่นรอบนี้มันทำให้ผมรู้สึกหวาดหวั่นแบบแปลกๆ แล้วผมก็ถูกคว้าไปฟัดแบบเต็มอัตรา ยิ่งพอโวยวายเหมือนลูกแมวขู่พองขนใส่ ยิ่งโดนกอดรัดฟัดหนักกว่าเก่า กว่าจะหลุดจากเงื้อมมือพี่ชายได้แทบยับไปทั้งตัว จำจนวันตาย จะไม่เล่นอะไรที่มันกระตุ้นต่อมทาสแมวอีกเด็ดขาด

   คนได้เติมพลังยิ้มแก้มปริทั้งที่โดนเล็บข่วนแก้มไปหนึ่งที พวกทาสแมวเป็นพวกมาโซอย่างที่เคยได้ยินมาจริงๆด้วย ส่วนเรื่องราวหลังจากนั้นคงไม่ต้องบรรยายมาก แค่เช้าวันต่อมาก่อนพี่เฟย์จะไปทำงาน เจ้าตัวมาบอกปนกวนผมตอนนอนเลยโดนฟ้อนเล็บใส่ไปหนึ่งที แต่หลังจากพี่กลับมา ผมดูแลอย่างดีเลยนะ เพราะแอบรู้สึกผิดหน่อยๆ

   ผมอยู่กับพี่เฟย์อย่างสงบสุขจนถึงกำหนดวันส่งตัวแมวคืนสู่อกแม่แบบครบสามสิบสอง ซึ่งในระหว่างนั้นโดนอะไรไปบ้างขอไม่พูดถึง แต่ที่แน่ๆคือ ไม่มีอะไรเกินเลยชัวร์ มากสุดแค่หอมแก้มสกินชิพไปวันๆ ผมหวังว่าความสุขแบบนี้ยืดยาวต่อไปตราบนานเท่านาน



ณ บริษัทแห่งหนึ่ง

   เลขาคนสวยแม่ลูกสองกำลังนั่งทวนเอกสารที่ต้องส่งมอบให้เจ้านายช่วงเช้า วันนี้เจ้านายของเธอเข้างานช้ากว่าทุกที จึงพอมีเวลาทบทวนมากขึ้น ถึงอย่างนั้นก็ยังมาก่อนเวลางานอยู่ดี

   “สวัสดีครับคุณยุพิณ”

   “สวัสดีค่ะหัวหน้า ว๊าย! หน้าไปโดนอะไรมาคะ?” ต่อให้เป็นเลขาคนเก่งเก็บอาการได้แค่ไหนยังต้องอุทานด้วยความตกใจ เมื่อเห็นใบหน้าอันแสนหล่อเหลาของหัวหน้าที่เคารพรัก ผู้มีความเข้มงวดสูงและเนียบตั้งแต่ศีรษะจรดเท้ามีรอยเล็บประดับอยู่ที่หน้าสองรอย รอยหนึ่งจาง อีกรอยเหมือนเพิ่งโดนมาใหม่ๆ แถมยังยิ้มทั้งที่ปกติมีเพียงใบหน้าเคร่งขรึมเท่านั้น ตายๆ มิน่าล่ะ พนักงานในแผนกถึงเงียบกริบยิ่งกว่าป่าช้า

   เธอมองไปยังเพื่อนร่วมแผนก แต่ละคนตัวแข็งกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ บางคนถือปากกาค้าง บางคนหนักของร่วงออกจากมือยังไม่รู้ตัว หัวหน้าเธอช่างทำบาปจริงๆ ยุพิณเศร้าใจยิ่งนัก

   “ผมไปดันกวนลูกแมวตอนหลับเลยถูกข่วนมาน่ะครับ คุณยุพิณช่วยเอาเอกสารทั้งหมดกับสรุปการประชุมที่ผ่านมาส่งที่ห้องผมด้วยนะครับ”

   “ค่ะหัวหน้า” เธอรับคำอย่างสงบ มองตามหลังเจ้านายพลางถอนหายใจ หยิบเอกสารที่ต้องใช้แนบอก แล้วหันไปเรียกสติเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ

   “มัวเหม่อระวังถูกตัดเงินเดือนนะ”

   ทุกคนได้สติกลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง ว่าแต่... หัวหน้าเลี้ยงแมวตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า

   ตกเย็น ถึงเวลาเลิกงานทุกคนแปลกใจเป็นรอบที่สองของวัน หัวหน้าผู้บ้างานและขยันทำล่วงเวลามาคราวนี้กลับบ้านไวกว่าปกติ ตรงเวลาเลิกงานเป๊ะๆ จนทุกคนหันไปมองนาฬิกาพรึบเป็นตาเดียว เป็นแบบนี้อยู่ประมาณสองวัน ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ เหลือไว้เพียงเรื่องเล่าแปลกๆเกี่ยวกับหัวหน้าเท่านั้น

[จบภาคต้น]

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จิ้มมม
หนูปอนด์ขี้ยั่ววว ทำแบบนี้พี่เฟย์จะไปไหนรอดล่าาา
โดนจับฟัดไปกี่ทีละ 555555
เมื่อไรหนูปอนด์จะเข้ามหา'ลัย พี่เฟย์จะได้ไม่ติดคุกข้อหาพรากผู้เยาว์ อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-07-2015 07:43:19 โดย boboman »

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่ารักกกก พี่เฟย์ดูอบอุ่นมาก
ปอนด์ก็ช่างยั่วไม่รู้ตัว เดี๋ยวก็โดนขย้ำเอาหรอก >///<

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1057
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
หนูปอนด์น่ารักจัด พี่เฟย์เลยฟัดซะจัดเต็ม
เลยไม่รู้จะเห็นใจใครดี ระหว่างปอนด์กับพี่เฟย์

ออฟไลน์ Melonlove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
พี่เฟย์ ฟัดน้อง เหมือนเล่นกับแมวเลยอ่ะ  น่ารักมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
พี่เฟย์เกือบกินเด็กละ สตั้นไปเลย คึคึ

ดาเมจน้องช่างรุนแรงจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew1:  ขอบคุณค่ะ
จบภาคล่อลวงเด็กแล้วหนอ ต่อไปรอเข้ามหาลัยแล้วค่อยจับฟัดให้หนำใจเนอะพี่เฟย์

หูแมวหางแมวไม่จำเป็นแล้วน้องปอนด์ หนูเป็นแมวยั่วเต็มตัวเลยล่ะ   :3123:

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
อบอุ่นน่ารักอ้ะ อ่านแล้วอมยิ้มตลอดเลย

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
วายที่7 ห้องหอ

เริ่มภาคหลัง

   เด็กม.ปลาย สิ่งที่ควรทำคือเลือกคณะและสายที่ตัวเองชอบเพื่อจะได้หามหาวิทยาลัยในการเรียนต่อ ผมเหมือนเด็กทั่วๆไป มาเลือกสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้เอาตอนโค้งสุดท้าย ช่วงม.6ของผมวุ่นวายมากจนแทบไม่ได้เจอกับพี่ชายเลย ทั้งหาข้อมูลเกี่ยวกับสายและมหาวิทยาลัยที่อยากเข้า สอบสารพัดอย่างเพื่อไปยังเป้าหมาย ผมสอบตรง สอบยิบย่อยต่างๆ หาโควต้า แอดมิดชั่น แต่สุดท้าย... ผมก็ไม่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยที่หวังไว้

   ผมสอบไม่ผ่าน ไม่มีโควต้าให้ ขนาดแอดมิดชั่นผมยังไม่ติด ความรู้สึกตอนนั้นคือความเจ็บใจ ทำไมผมถึงสู้คนอื่นไม่ได้ นึกด่าตัวเองไปสารพัด ทั้งเสียใจและผิดหวัง ในขณะที่ผมมองเพื่อนคนอื่นๆ เข้ามหาลัยที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย แต่ละคนมุ่งหน้าไปสู่ฝันของตัวเอง ส่วนผมยังคงยืนอยู่ที่เดิม

   ผมนั่งร้องไห้อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ที่ฉายผลแอดของตัวเอง แม่ผมเดินมากอดจากทางด้านหลัง มืออบอุ่นของแม่ลูบหัวผมเบาๆ พร้อมบอกกับผมว่า

   ‘ไม่เป็นไรนะน้องปอนด์ ถึงว่าเราจะไม่ผ่าน แต่โอกาสครั้งหน้ายังมี ตอนนี้ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมา พอร้องเสร็จแล้วเราค่อยลุยกันใหม่ แม่เอาใจช่วยน้องปอนด์นะ’

   ตอนนั้น ผมหันกลับไปกอดแม่และร้องไห้เงียบๆ พลางคิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี ในเมื่อเข้ามหาลัยที่หวังไม่ได้ ถ้างั้นลองหาหนทางอื่น ผมคิดไว้หลายอย่าง จะลองเข้าเอกชนดีมั้ย หรือจะไปสายอาชีพดี ถึงขนาดคิดว่าจะลองพักสักหนึ่งปี แล้วสอบใหม่ปีหน้า

   ผลสุดท้าย มีคนที่ผมรู้จักคนหนึ่ง เขาแนะนำมหาวิทยาลัยที่เขาเคยเรียน มันเป็นแบบกึ่งระหว่างรัฐกับเอกชน ตอนนี้ยังไม่ปิดรับสมัคร พอจะเอาใบเกรดไปยื่นได้ ผมมองว่ามันน่าสนใจดู แถมยังมีสาขาที่ผมอยากเรียนด้วย ผมเลยลองเอาใบเกรดไปยื่นดี ผลที่ออกคือ... ผมได้ที่เรียนแล้ว!

   ผมดีใจกระโดดโลดเต้น กอดฟัดแม่จนโดนมะเหงกใส่ทั้งที่พวกเรากำลังหัวเราะกันอย่างมีความสุข หลายคนอาจจะบอกว่ามันเป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น แต่สำหรับผม มันคือความสำเร็จก้าวเล็กๆ ในชีวิต ก่อนจะไปสู่ความสำเร็จที่มากกว่าในอนาคต

   คนต่อมาที่รู้ข่าวเรื่องนี้คือพี่เฟย์ พี่เขาแสดงความยินดีกับผม บอกว่าจะเลี้ยงขนมตามที่สัญญาไว้ หลังจากผมเข้ามหาลัยได้ นั่นแหละครับ ทุกอย่างดูงดงาม จนกระทั่งผมเจออุปสรรคด่านที่สอง ได้ที่เรียนแล้วก็จริง แต่ผมต้องไปอยู่หอพัก เพราะมหาลัยกับบ้านผมไกลเกินไป ถ้าหากเป็นต่างจังหวัด ระยะทางแค่นี้คงไม่เป็นปัญหาอะไร

   พอมาเป็นกรุงเทพ เมืองหลวงที่แสนรถติด ผมต้องใช้เวลากว่าสามชั่วโมงกว่าจะถึงมหาลัย ที่สำคัญ ผมยังเป็นพวกขี้เซาระยะสุดท้าย ด้วยความเป็นลูกผู้ชาย ผมตัดสินใจอยู่หอพักตามคำแนะนำของอาจารย์ที่ปรึกษาเพราะเด็กปีหนึ่งนั่นมีกิจกรรมเยอะมาก กว่าจะได้กลับบางทีค่ำ การเดินทางแบบนี้ เกรงว่าตัวผมเองจะไหลตายไปซะก่อน

   ตอนแรกแม่ผมไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะพวกเราอยู่กันแค่สองคนแม่ลูก ตลอดมาผมไม่เคยห่างแม่นานเกินหนึ่งอาทิตย์ ขนาดพี่เฟย์ยังไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ ผมเลยต้องยกเหตุผลมากมายเป็นภูเขามาอธิบายให้แม่กับพี่ชายเข้าใจ แถมยืนยันหัวชนฝาว่าให้ตายยังไงก็จะมาอยู่หอให้ได้

   วัยมหาลัยมีครั้งเดียว ผมอยากซึมซับให้เต็มที่ก่อนจะท่องโลกกว้างไปสู่สังคมของผู้ใหญ่ อีกอย่าง ยังไงผมก็เป็นผู้ชาย อยากลองไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองดู ไม่งั้นคงเป็นลูกแหง่ติดแม่ น้องแหง่ติดพี่ไปยันทำงานแหงๆ

   สรุป ทั้งคู่ยอมให้ ความจริง เรื่องนี้มีอีกคนที่คัดค้าน พ่อของผมเอง ท่านอยู่ต่างประเทศคอยส่งเสียผมมาตั้งแต่เล็กจนโต พ่อผมเป็นห่วง ท่านอ่านข่าวเกี่ยวกับมหาลัยในไทยมาเยอะ ซึ่งมันไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ถึงกับชวนให้ผมไปอยู่ด้วยแล้วเรียนที่นู่น แต่ไม่มีทางซะหรอก ผมจะทิ้งแม่ไปได้ยังไงกัน ด้วยความดื้อดึงพร้อมชักแม่น้ำทั้งโลกมาอ้าง จนพ่อผมก็ยอมตามใจ แลกกับถ้าเกิดปัญหาอะไรต้องกลับบ้านทันทีโดยไม่มีการอุทรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น และต้องคอยโทรรายงานท่านตลอดด้วย ซึ่งผมโอเคสัญญาเป็นมั่นเหมาะ ความจริงลึกๆ ผมเองก็หวั่นๆ เหมือนกันนะ

   แต่ชีวิตคนเราย่อมมีครั้งแรกเสมอ ดังนั้นถ้าไม่ลองคงไม่รู้หรอกจริงมั้ย? เรื่องนี้แม่ผมเป็นคนสอนผมเองล่ะ ด้วยเหตุนี้ ถ้าเปิดเทอมเมื่อไหร่ ผมจะย้ายไปอยู่ที่หอพักเป็นเด็กมหาลัยเต็มตัว ฮุเร่~

   ก่อนจะไปอยู่หอได้ อันดับแรก ต้องไปดูหอก่อนเพื่อเช็คเส้นทาง สภาพแวดล้อมโดยรวม และอื่นๆ โดยแม่กับพี่ชายเป็นคนประเมิณ ณ ตอนนี้ พวกเราแม่ลูกเลยนั่งอยู่บนรถของพี่เฟย์ ที่ลางานช่วงบ่ายมาแสกนหอ

   “ตลอดทางมีร้านของกินเยอะดีนะครับ”

   “นั่นสิ อย่างน้อยๆ น้องปอนด์ก็ไม่อดตายแล้วเนอะ” แม่คนสวยหันมาถามลูกชายที่นั่งอยู่เบาะหลัง ผมได้แต่หัวเราะเหอะๆ คนจะมาอยู่ยังดูไม่ตื่นเต้นเท่าสองคนด้านหน้าเลย

   รถคันงามจอดข้างหอในสำหรับเหล่านักศึกษา ตัวอาคารดูสะอาดสะอ้าน มีสวนหญ้าขนาดย่อมกับต้นไม้ประปราย แต่ยังไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่นัก เพราะช่วงนี้ยังคงปิดเทอมอยู่ พวกเราเดินเข้าไปในหอ อาจารย์ประจำหอเป็นคนนำทางไปที่ห้อง ที่นี่แยกเป็นหอพักชายหญิง มีลิฟท์ให้ใช้ฝั่งละตัว ตลอดทางแม่กับพี่เฟย์มองสำรวจละเอียดยิบ แถมถามจุดนู่นจุดนี้ เรื่องเวลาเปิดปิดหอ ที่ทิ้งขยะรวม ร้านขายของชำ หรือเซเว่นแถวๆ นี้ ช่วงเปิดเทอมมีเด็กมาอยู่ประมาณเท่าไหร่

   ผมได้แต่ยิ้มให้อาจารย์ผู้หญิง ท่านดูอึ้งๆ นิดหน่อย และหัวเราะตอบคำถามทุกอย่าง จนมาถึงห้องพัก ประตูมีตาแมว อาจารย์ไขประตูเข้าไป ด้านในเป็นห้องแบบยาว ซ้ายขวามีเตียงสองชั้นอย่างละข้าง ท้ายห้องมีตู้เหล็กสำหรับใส่เสื้อผ้ากับโต๊ะเหล็กและเก้าอี้ไม้เหมือนโรงเรียนมัธยมอย่างละสอง ด้านนอกเป็นระเบียงเล็ก มีราวตากผ้า ฝั่งซ้ายของระเบียงคือห้องน้ำ ส่วนฝั่งขวาเป็นห้องอาบน้ำ อ่างล้างหน้าอยู่ด้านนอก โดยรวมถือว่าห้องนี้เล็กมาก และดูท่าจะต้องอยู่ด้วยกันถึงสี่คน แม่กับพี่ชายชะงักทันทีที่เห็นห้อง

   “พวกเราขอดูอีกสักพักได้ไหมคะ” แม่หันไปบอกอาจารย์

   “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้น อาจารย์จะลงไปรอข้างล่างนะคะ”

   คล้อยหลังอาจารย์ผู้ดูแลหอพัก ผู้ปกครองทั้งสองหันขวับมาหาผมทันที

   “น้องปอนด์ แม่ว่าเปลี่ยนใจดีกว่านะลูก ไปดูหออื่นมั้ย แถวนี้น่าจะมีอยู่เยอะ”

   “พี่เห็นด้วยกับแม่นะ ห้องแค่นี้ต้องอยู่กันสี่คน แถมยังเป็นผู้ชาย ตู้เสื้อผ้ามีแค่สองตู้ พื้นที่ขนาดแมวยังดิ้นตายไม่ได้เลย แล้วยังโต๊ะอีก มีแค่สองโต๊ะเอง ห้องน้ำก็เล็ก อ่างล้างหน้ามาอยู่ด้านนอก ระเบียงมีแค่นี้ ซักผ้าทีจะตากกันยังไง”

   ทั้งคู่ทำท่าจะลากผมออกมันซะเดียวนี้ สีหน้าบ่งบอกว่าไม่โอเคอย่างแรง แต่ในความคิดผม ผมว่ามันก็พออยู่ได้นะ แบ่งๆ กันใช้ไม่น่าเป็นไรมั้ง แม้ว่ามันแอบหลอนๆไปหน่อยตรงเตียงสองชั้นมีช่องใต้เตียง

   ผมตั้งมั่นแล้ว ลำบากหน่อยสิดี จะได้สมกับชีวิตเด็กมหาลัย ออกมาผจญโลกภายนอก

   “ผมจะอยู่ที่นี่ ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ พี่เฟย์ ผมอยู่ได้ จริงๆ นะ ถ้าอยู่ไม่ได้เดี๋ยวผมจะรีบบอกเลยไม่ต้องห่วง”

   “แน่ใจแล้วนะว่าอยู่ไหวน่ะ? ไปอยู่กับพี่ดีกว่ามั้ย? เห็นห้องเป็นงี้แล้วพี่เป็นห่วง จะกินจะนอนมันไม่สบายตัวหรอกนะ”

   “ปล่อยไปเถอะเฟย์ ปะ เดี๋ยวเราต้องไปซื้อของเข้าห้องกันอีก แม่ว่าจะไปคุยรายละเอียดเรื่องสัญญากับอาจารย์เขาด้วย”

   แม่แตะแขนพี่เฟย์ เพราะรู้แล้วว่าผมคงไม่ยอมเปลี่ยนใจแน่ๆ พี่เฟย์ถอนหายใจยื่นมือมาขยี้หัวผมแล้วไม่พูดอะไรอีก ผมรู้ว่าทั้งสองคนเป็นห่วง แต่ผมอยากจะโตและเข้มแข็งขึ้นเพื่อที่จะได้ไม่เป็นภาระของแม่กับพี่ชาย เพราะผมเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งที่อยากปกป้องแม่ตัวเองเหมือนกัน ซึ่งก่อนจะทำแบบนั้นได้ คงต้องเซอร์ไวเวอร์กันหน่อย

   เรื่องนี้แม่มาบอกผมตอนหลัง ว่าความจริงแม่แอบน้ำตาคลอเหมือนกันพอรู้ว่าผมจะอยู่ห้องนี้ ยังไงแม่ก็รักผมที่สุด เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่อยู่ในท้อง ย่อมต้องเป็นห่วงมากจนคาดเดาไม่ได้เลยล่ะ ผมเลยกอดแม่แล้วหอมแก้มขอบคุณ

   กลับเข้าเรื่องกันต่อ แม่มาคุยรายละเอียดกับอาจารย์ด้านล่าง โชคดีหน่อย บางทีผมอาจไม่ต้องอยู่แออัดสี่คน เพราะห้องเยอะพอสมควร จะให้อยู่สี่คือจำเป็นจริงๆ หรือพวกนั้นเขามาด้วยกัน ผมจะเข้ามาอยู่ในหอก่อนเปิดเทอมอาทิตย์นึงเพราะต้องเข้าปฐมนิเทศน์ด้วย

   หลังจากนั้นพวกเราก็ไปเลือกซื้อของจำเป็นที่ห้างใกล้ๆ ส่วนใหญ่แม่กับพี่เฟย์เป็นคนเลือกหยิบจับให้เอง ผมมีหน้าที่เข็นรถตามเงียบๆ และคอยหยิบขนมใส่ตะกร้าเป็นระยะ หลักๆ ที่ซื้อก็มีพวกอุปกรณ์ทำความสะอาด กาต้มน้ำสำหรับไว้ให้ผมต้มมาม่าโดยเฉพาะ สบู่แชมพูครีมนวดยาสระผมว่ากันไป แล้วพวกเราก็กลับบ้านกัน

   ผมจะมาอยู่หออีกทีตอนใกล้ๆ จะเปิดเทอม เหลือเวลาอีกหลายเดือน ระหว่างนี้ต้องอ้อนแม่ให้เต็มที่ หาข้อมูล ซื้อพวกชุดนักศึกษาเตรียมตัวเข้าสู่รั้วมหาลัย

   และแล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึง ข้าวของจำเป็นทุกอย่างถูกขนย้ายโดยรถพี่เฟย์มาไว้ที่หอ แม่ผมนอนเป็นเพื่อนหนึ่งคืนบวกกับเช็คความเรียบร้อยก่อนกลับวันรุ่งขึ้น ทุกอย่างโอเคไม่มีปัญหา หลังแม่กลับไปเท่านั้นแหละ ปัญหาเกิดทันที เหงาครับ... ฮือๆ ผมเลยต้องโทรไปก่อกวนพี่ชายทุกวัน คุยถี่กว่าแต่ก่อนอีก ยิ่งอยู่คนเดียวด้วย ยิ่งไปกันใหญ่

   เพราะรูมเมทผมยังไม่มา ช่วงนั้นผมเลยคุยกับพี่เฟย์แก้เหงา บวกกับหาหนังสือมาปลอบประโลมจิตใจ โชคดีแถวมหาลัยมีร้านเช่าหนังสืออยู่ ผมขยันเข้าออกไปเช่าหนังสือมาอ่านแทบทุกวัน รวมกับที่ซื้อมาเพิ่มและขนมาจากบ้านบางส่วน ห้องผมเริ่มจะมีกองหนังสือขนาดย่อม

   ผ่านไปสามวัน ผมเริ่มปรับตัวได้ พวกเด็กปีหนึ่งค่อยๆ ทยอยกันเข้ามาอยู่ในหอ บรรยากาศไม่เงียบเหงาเท่าตอนแรก ผมเองก็สุขอุรากับการอ่านหนังสือ ส่วนเน็ตอย่าไปถามถึง เอาอะไรกับเน็ตหอฟรีครับ เขามีแต่บอกว่าสามวันดีสี่วันไข้ ถ้าจะให้ผมบรรยายอาการของเน็ตหอคงประมาณว่า สามวันไม่ดีสี่วันยิ่งหนัก ใช้ได้สักนาทีก็บุญแล้ว

   จนกระทั่งอาจารย์บอกว่า เพื่อนผมจะเข้ามาวันพรุ่งนี้ตอนเช้า ผมยิ้มร่าดีใจในที่สุดจะได้เพื่อนร่วมห้องสักที ถ้าเรียนสาขาเดียวกันยิ่งแจ่มเลย เวลาไปเรียนจะได้ไปด้วยกัน ผมมัวแต่วาดฝันไปสารพัดไม่ได้สนใจเก็บห้อง จนได้พี่เฟย์เตือนนั่นแหละครับ

   “ปอนด์ รูมเมทจะมาแล้วใช่รึเปล่า ถ้างั้นพวกนิยายวายการ์ตูนวายในห้องล่ะจะทำยังไง มาฝากไว้ห้องพี่ก่อนมั้ย?” ผมชะงักกึก หยุดอารมณ์เริงร่าไว้ แล้วพูดใส่โทรศัพท์

   “ผมลืมไปเลย รูมเมทเป็นผู้ชาย ปกติผู้ชายไม่ชอบเรื่องวายนี่หว่า ตายล่ะ แต่ให้ฝากห้องพี่ผมก็ไม่ได้อ่านดิ”

   “ยังจะห่วงอ่านอีกนะ เอาแบบนี้ไหม เก็บๆ ยัดใส่ตู้ไป เพื่อนไม่อยู่ค่อยหยิบออกมาเอา”

   ผมพยักหน้ารับกับโทรศัพท์ เข้าท่าดีเหมือนกัน แรกๆ ดูไปก่อนลองถามนิดๆ ว่าเพื่อนโอเคมั้ย ถ้าไม่ผมจะเก็บความลับนี้ตราบชั่วฟ้าดินสลาย แต่ถ้าโอเคค่อยเปลี่ยนห้องเป็นรังวายอีกครั้ง พอคิดได้ ผมเปิดลำโพงโทรศัพท์คุยกับพี่ชาย มือสองข้างหยิบเก็บหนังสือวายทั้งหลาย เคลียร์พื้นที่แบ่งกันเพื่อนคนละครึ่งห้อง จัดโต๊ะย้ายตู้นิดหน่อย เสร็จแล้วก็อาบน้ำรอ รอเจอรูมเมทวันรุ่งขึ้น

   ที่หอพักผมไม่มีแอร์ครับ มีแต่พัดลมเพดาน กับพัดลมของตัวเอง ผมนอนกอดตุ๊กตากลิ้งหนีแดด เสียงเคาะประตูดังขึ้น แรกๆ ผมเข้าใจว่าเป็นของห้องอื่นเลยไม่สนใจ จนมันดังรอบที่สองแถมยังหนักหน่วงกว่ารอบแรก ผมสะดุ้งโหยงถ้าเป็นแมวคงพองขน นึกขึ้นได้ว่ารูมเมทจะมาวันนี้ รีบกุลีกุจอขาเกี่ยวผ้าห่มเกือบหัวทิ่มตกเตียง วิ่งไปเปิดประตูห้อง

   สภาพผมไม่ต้องพูดถึง ผมยุ่งเหยิงชี้รอบทิศ ใบหน้างัวเงียแบบคนไม่ตื่นดี แขนข้างหนึ่งยังกอดตุ๊กตาตัวโปรดไว้อยู่เลย โดยมีเบื้องหลังเป็นเตียงเละเทะผ้าห่มเกยจากเตียงลงมาบนพื้นห้องเพราะผมสะดุดเมื่อครู่ รูมเมทผมชะงักเล็กน้อย ผมขยี้ตาเพ่งมอง

   คนตรงหน้าหัวเราะในคอ ทักทายผมพลางดันหลังผมเข้าห้องก่อนปิดประตู

   “สวัสดีเพื่อนใหม่ ความจริงนายไม่ต้องรีบมาเปิดขนาดนั้นก็ได้นะ เดี๋ยวล้มหัวฟาดพื้นกันพอดี”

   เสียงนุ่มชวนเคลิ้มจนผมแทบหลับอีกรอบ เขาส่ายหัว บอกให้ผมไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตา นอกนั้นเขาจะจัดการเอง ผมเลยอือออหยิบผ้าขนหนูพร้อมเสื้อเข้าไปอาบน้ำ ออกมาอีกที ห้องดูเป็นห้องมากกว่ารังแมว ผ้าห่มของผมถูกพับเก็บอย่างดี เตียงสองชั้นตรงข้ามกัน จากตอนแรกว่างให้ฝุ่นเกาะ ตอนนี้ฝุ่นโดนไล่ที่ แทนด้วยของจำเป็นนิดหน่อย เตียงชั้นล่างถูกปูผ้าวางหมอนพร้อม

   หลังล้างหน้าผมเลยมีเวลาสำรวจเพื่อนร่วมห้องดีๆ ชายคนนี้ตัวสูงกว่าผมพอสมควร แต่ผิวออกเกรียมนิดๆ เหมือนโดนแดดมากกว่าจะเป็นสีผิวจริง ผมสีดำซอยรากไทรมัดเป็นจุกเล็กๆ ที่ท้ายทอย ที่คอมีสร้อยเชือกทบสลับไปมา หูข้างซ้ายเจาะรูหนึ่งใส่ห่วงไว้ ดวงตาสีดำ คิ้วโค้งได้รูป จมูกกำลังพอดี รวมกับปากสีชมพูออกแดงเชื่อเลยว่าสาวๆ หลายคนอิจฉาชัวร์ ที่สำคัญหล่อมาก หล่อปนสวย

   หยิบจับอะไรกระฉับกระเฉงดูคล่องแคล่ว ผมเอียงคอมอง ที่บรรยายได้ละเอียดยิบแบบนี้ เพราะผมกำลังนั่งเช็ดผมอยู่บนเตียง มองคนก้มๆ เงยๆ เช็ดทำความสะอาดโต๊ะของตัวเอง

   “อ้าว อาบเสร็จแล้วเหรอ แนะนำตัวกันใหม่ ฉันชื่อปีโป้ เรียกโป้ก็ได้ อยู่สถาปัตย์ปีหนึ่ง ยินดีที่ได้รู้จัก”

   โป้ล้างผ้าเช็ดโต๊ะในกะละมัง ผมยิ้มให้ ดีใจจริงๆ ได้พ่อศรีเรือนมาประดับห้อง แถมดูท่าทางจะใจดีมากด้วย

   “เราปอนด์ เรียนไอทีปีหนึ่งเหมือนกัน นายเป็นคนเหนือเหรอ” ผมถาม โป้หัวเราะก่อนจะตอบ

   “ใช่ นายเองก็เหมือนกันหนิ”

   “อื้อ แม่เราคนเหนือนะ แต่จริงๆ บ้านเราอยู่กรุงเทพนะ แค่มันไกลมากเลยมาอยู่หอ”

   “อ่อ เอ้อจริงสิ เมื่อกี้ฉันทำความสะอาด เจอไอ้นี่เข้า ของนายรึเปล่า”

   ผมหยิบผ้าเช็ดผมออกจากหัว หันไปมองตามต้นเสียง ไล่สายตามองของในมือโป้ พอเห็นว่าเป็นอะไรเท่านั้นแหละ ผมกลืนน้ำลายอึก มองโป้อย่างกังวล พลางด่าตัวเองในใจ ปัดโธ่เว้ย เมื่อวานเก็บนิยายหนังสือการ์ตูนวายหมดแล้วก็จริง แต่ผมดันลืมเก็บอันคัตที่อ่านค้างไว้ก่อนนอน หน้าปกนี่อย่าให้พูด ตายแน่ เพิ่งเริ่มทำความรู้สึกไม่ถึงชั่วโมง ผมจะเสียเพื่อนแล้วเหรอเนี่ย!

   “เอ่อ...คือแบบ ฉันอธิบายได้นะ มัน มัน...” ร่างเล็กอ้ำอึ้งจะเข้าไปหยิบก็ไม่กล้า จะปล่อยให้ถือว่าแบบนั้นก็ไม่ได้ ในสายตาโป้ แวบแรกที่เห็นอีกฝ่ายในห้อง เขาเข้าใจไปว่า อาจจะเป็นน้องชายของรูมเมทเขามานอนเล่นด้วย เพราะรูปร่างหน้าตาไม่มีส่วนไหนบ่งบอกความเป็นเด็กมหาลัยเลยแม้แต่นิดเดียว

   โป้บอกให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำด้วยความเอ็นดูเล็กๆ เขาเองมีเพื่อนสมัยเด็กอยู่คนที่เหนือ ทางนั้นนิสัยเหมือนเด็กจนต้องคอยดูแล ทำให้ติดนิสัยชอบดูแลคนอื่นมาจนถึงปัจจุบัน พอเห็นชายตรงหน้าเลยอดไม่ได้ที่จะแหย่สักหน่อย หลังจากทำความสะอาด สังเกตข้าวของจนมั่นใจแล้วว่า คนตรงหน้าคือรูมเมทจริงๆ

   “อธิบายว่าไงเหรอ”

   หนุ่มสถาปัตย์นั่งเก้าอี้มองท่าทีลนลานของเพื่อนร่วมห้องด้วยรอยยิ้ม สำหรับเขาไอ้ของที่อยู่ในมือน่ะมันยังเล็กน้อย เทียบกับความลับทางเขาเองอะนะ

   “แบบ ฉันชอบพวกแบบนี้อะ ถ้าไม่ชอบยังไง จะเก็บให้ดี ไม่สิ จะเอาออกไปเลยก็ได้ เพราะงั้น”

   ปุ๊

   หนังสือเจ้ากรรมวางปุบนหัว ผมเงยหน้ามองคนทำอย่างงงๆ โป้หัวเราะยื่นหนังสือคืนให้ดีๆ

   “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ใช่พวกต่อต้านอะไรแบบนี้ เก็บไว้อ่านก็ได้ ไม่ต้องเอาไปไว้ที่ไหนหรอก แค่เก็บหลบๆ เป็นพอ เดี๋ยวมีตรวจห้องแล้วจะยุ่ง”

   “เฮ้อ ค่อยยังชัวร์ นึกว่าจะเสียรูมเมทไปตั้งแต่วันแรกซะแล้ว” ผมถอนหายใจหมดปอด เก็บอันคิตดีๆ ไม่ปล่อยพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง ฉุกใจคิดกับคำว่าตรวจห้องของโป้ จริงสิ หอในแยกชายหญิง จะมีการตรวจหอเป็นระยะโดยอาจารย์ผู้ดูแล สงสัยผมคงได้ฤกษ์เอาพวกนี้บางส่วนไปซุกห้องพี่เฟย์ ฮือ อดเก็บไว้อ่านเลยอะ

   โป้หัวเราะกับท่าทางโอเวอร์ของผม วันนั้นพวกเราคุยกันทั้งวัน แลกเปลี่ยนความคิด และไปกินข้าวด้วยกัน จนเข้าวันที่ห้า หลังโป้มาอยู่ได้สองวัน เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง

   ก๊อก ก๊อก

   ผมกับโป้ที่กำลังทำกิจวัตรของตัวเองมองหน้ากัน โป้อาสาลุกไปดูว่าใครมาเคาะประตู เขาส่องตาแมวหันมาบอกผม

   “ใครไม่รู้ ดูจะไม่ใช่อาจารย์หรือนักศึกษาด้วย พี่ชายของปอนด์รึเปล่า”

   ผมตามไปดูมั้ง เดาว่าไม่เพื่อนข้างห้องก็เป็นอาจารย์มาแจ้งข่าวอะไรล่ะมั้ง พอส่องตาแมวเห็นหน้าหล่อๆ ยืนอยู่ ชัดเลย ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพี่ชายสุดสวาทของผมเอง ผมบอกโป้ว่าเป็นพี่ชายผมเอง เขาร้องอ่อ กลับไปนั่งสเก็ตภาพของตัวเองต่อปล่อยให้ผมคุยตามสะดวก พอเปิดประตูพี่เฟย์มองเข้ามาภายในห้องทันที ข้ามหัวผมไปอีกต่างหาก ใช่ซรี้ ไม่สูงบ้างให้มันรู้ไป

   “ปอนด์เป็นไงบ้าง”

   แสกนเพื่อนผมเสร็จ ค่อยเห็นน้องตัวเองนะครับคุณพี่ชายที่เคารพรัก

   “เหมือนเดิมอะ นั่นโป้รูมเมทผมฮะ ส่วนคนนี้ พี่เฟย์ พี่ชายของเราเอง” ผมแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน โป้ยกมือไหว้งามๆ พี่เฟย์ยกมือรับไหว้ ดูพึงพอใจ

   “สวัสดีครับ”

   “อืม พอดีเลย พี่จะพาเราไปกินข้าวเที่ยง โป้ไปด้วยกันมั้ย”

   คนตัวเล็กสุดหันขวับ กระโดดเกาะพี่ชายเป็นลูกแมวเกาะขาขอข้าว ส่วนพี่ชายลูบหัวเบาๆ โป้มองทั้งสองคนพลางพยักหน้าแบบเข้าใจอะไรบางอย่าง

   “ผมขอตัวดีกว่า พอดีผมเพิ่งนึกออกว่ามีของต้องซื้อเพิ่ม”

   “ไม่เป็นไร มาด้วยกัน เดี๋ยวแวะซื้อของด้วยเลยก็ได้” พี่ชายพูด ผมรีบเสริมเพราะอยากให้โป้ไปด้วย

   “นั่นสิ มีรถขนของไง จะได้ไม่ต้องแบกเอง ไปเถอะนะโป้”

   ผมเข้าใจว่าโป้คงเกรงใจน่าดู เพิ่งรู้จักกับผมไม่กี่วัน จะให้ไปด้วยเลยก็ยังไงอยู่ แต่สำหรับผมกับพี่เฟยแล้ว พวกเราเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ดีซะอีก จะได้สร้างความสนิทเพิ่มขึ้น ผมอยากสนิทกับเพื่อนร่วมห้องไวๆ

   สุดท้าย โป้ก็ต้องยอมไป ผมมานั่งด้านหลังคุยกับโป้ เจ้าตัวจะได้ไม่อึดอัด พอถึงที่หมายเลือกร้านกิน งานนี้ผู้ใหญ่เพียงหนึ่งเดียวเป็นคนเลี้ยงแบบมัดมือชก โป้ยังไม่ทันได้พูดอะไรด้วยซ้ำ พวกเราถูกพี่เฟย์ลากออกมาซะแล้ว ของที่โป้จะซื้อคือพัดลมกับเครื่องเขียน

   ระหว่างโป้เดินดูพัดลมอยู่ โดยมีพี่เฟย์ช่วยเลือก ส่วนผมไปขลุกอยู่ในร้านหนังสือ

   “โทษทีนะ ที่ลากออกมาแบบนี้” ผู้ใหญ่เปิดประเด็นก่อน โป้ตอบกลับพลางส่ายหน้า

   “ผมเข้าใจว่าพี่ชายย่อมเป็นห่วงน้องชายเป็นธรรมดา เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะช่วยดูปอนด์ให้สมกับสินบนที่กินไป” ความจริงโป้เป็นหนุ่มอารมณ์ดี มองความต้องการของพี่เฟย์ออก และเจ้าตัวไม่ได้คิดปิดบังเจตนาของตัวเองด้วย

   “อาจจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย ยังไงก็ฝากด้วย”

   “ไม่เป็นไรครับ ปอนด์เป็นเพื่อนผมเหมือนกัน เรียกว่าต่างคนต่างช่วยเหลือกันมากกว่า” หนุ่มวัยทำงานยิ้มรับ

   “หลังเลือกพัดลมเสร็จ พี่ขอไปดูพวกเครื่องครัวหน่อย โป้รีบไปไหนรึเปล่า?”

   “ได้ครับ ผมเองชอบทำอาหารเหมือนกัน แต่จะถนัดพวกอาหารไทย พี่...อบขนมสินะครับ ผมได้กลิ่นขนม”

   “อ่า... สงสัยเรามีเรื่องต้องคุยกันยาวแล้ว”

   “คุยอะไรกันๆ” ตรงกลางระหว่างทั้งสองคน มีผมยุ่งๆ แทรกเข้ามา เฟย์ยกมือลูบด้วยความเคยชิน แล้วเล่าทุกอย่างให้ฟัง คนโดนเป็นห่วงทำแก้มพองใส่ที่พี่ชายไม่ยอมไว้ใจให้อยู่คนเดียว เฟย์เลยต้องซื้อไอติมมาง้อเด็ก พลางคุยเรื่องการทำอาหารกับโป้

   กลายเป็นว่า งานนี้คงไม่ใช่ผมกับโป้ที่สนิทกันมากขึ้น แต่เป็นพี่เฟย์ได้เพื่อนคอเดียวกันเพิ่ม ถือว่าเป็นก้าวแรกที่ดีสำหรับผมเลยทีเดียว เจอรูมเมทโอเค มีพี่ชายของดูอยู่ห่างๆ พร้อมรายงานแม่เป็นระยะ ที่เหลือต้องรอดูวันนิเทศน์กับตอนเปิดเทอมว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงต่อไป


ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
โป้จะมีคู่มั้ยน้อ เห็นบอกว่าหล่อปนสวย หาสามีให้นางสักคนสิ -.,- อิอิ
น้องปอนด์โตแล้วนะ พี่เฟย์จับกดได้เลย 555555
อยากรู้ความลับของโป้อ่ะ O.o
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2015 07:49:52 โดย boboman »

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
พี่เฟย์มีสปายเเล้ววว

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
พี่เฟย์หวงน้องขนาดนี้ต้องรีบสแกนเจ้าโป้แล้วล่ะ อาจได้สปายแถมไม้กันหมาด้วยไปในคราวเดียว
ขอบคุณจ้า รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องปอนด์ก็น่ารักเหมือนเดิมมม แต่บทพี่เฟย์น้อยมากอ่ะ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
พี่เฟย์หวงน้องขนาดนี้ต้องรีบสแกนเจ้าโป้แล้วล่ะ อาจได้สปายแถมไม้กันหมาด้วยไปในคราวเดียว
ขอบคุณจ้า รอตอนต่อไป

สปายแถมไม้กันหมา ชอบประโยคนี้มากกกกกค่ะ

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
น้องปอนด์น่ารักน่าตีจริงๆเลย ลูกแมวจอมซน

ดีนะได้เพื่อนแบบโป้ ซ่องหนังสือดันโชว์อัตคัต

พี่เฟย์ตอนนี้บทน้อยจริงๆ ดีนะได้สปายส่วยตัว  o13

ออฟไลน์ kururu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-3
อ่านแล้วชอบบบบบบ. มาต่อเร็วๆนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tsubasa_6927

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มีติดสินบนกันขนาดนี้ ไม่ใช่แค่ฝากดูแล้วมั้ง ฝากเป็นไม้กันหมาด้วยใช่ปะพี่เฟย์  :hao7:

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1057
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
เข่ามหาลัยแล้วอย่าให้มีมือที่สามเลยนะ สงสารเฟกับปอนด์มากเลย

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
วายที่8 เพื่อนใหม่อะเกน
   
   วันนิเทศมาถึง ผมกับโป้ใส่ชุดนักศึกษาเต็มยศ โป้ดูดีมากจนน่าอิจฉา ส่วนผม... ขอไม่บรรยายอะไรแล้วกันนะครับ พวกเราตื่นกันแต่เช้า โดยมีโป้เป็นคนปลุก อาบน้ำแต่งตัวสิบนาที มุ่งตรงสู่มหาลัย ในวันแรกทุกคนต้องไปรายงานตัวที่ห้องประชุมใหญ่ ผมไปพร้อมกับโป้ เลือกที่นั่งแรกๆ ของห้องประชุม บางคนอาจไม่ชอบ แต่ผมชอบนะ เพราะมันได้ออกก่อนใครเพื่อนหลังนิเทศน์จบ

   ตารางของวันนี้คือ ตื่นเช้าไปเข้าห้องประชุมรวม ฟังเทศน์จากอธิการบดี ตามด้วยอาจารย์ และนักศึกษารุ่นพี่ตัวแทนของมหาลัย พร้อมพิธีอีกนิดหน่อยเพื่อความขลังในการเป็นเด็กปีหนึ่งเต็มตัวลากยาวไปจนถึงเที่ยง พวกเด็กเฟรชชี่จะถูกปล่อยตัวไปกินข้าวเที่ยง ทำความรู้จักกับเพื่อนคนอื่นๆ พอบ่ายจะเป็นการแยกย้ายไปรายงานตัวแต่ละคณะ

   ผมกับโป้มากินข้าวที่โรงอาหารรวม ส่วนใหญ่มีแต่พวกรุ่นเดียวกัน เราได้คุยกับคนอื่นบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้เพื่อนใหม่สักที กระทั่งถึงเวลาแยกย้าย ตึกคณะของโป้กับผมมันคนละทิศ

   “แน่ใจนะว่าไปที่คณะเองได้”

   โป้ถามย้ำระวห่างยืนรอรถมหาลัยไปที่คณะสถาปัตย์ของตัวเอง

   “ได้สบายมาก จดมาไว้แล้วว่าต้องไปทางไหน ถ้าไปไม่ถูกยังไงเดี๋ยวถามคนแถวนั้นก็ได้”

   ผมชูกระดาษที่จดไว้ของตัวเองให้โป้ดู หนุ่มเหนือถอนหายใจ สั่งกำชับผมว่าถ้ามีปัญหาอะไรให้โทรหา รู้สึกเหมือน ผมจะได้พี่ชายหรือแม่(?)เพิ่มอีกคนแล้วล่ะครับ

   “ไว้เจอกันที่ห้อง ไม่ต้องรอกินข้าวเย็นนะ” โป้ขยิบตาให้ก่อนขึ้นรถ ผมพยักหน้ารับโบกมือบ๊ายบายโป้ ผมเองไม่รู้เหมือนกันว่าแต่ละคณะสังคมเป็นแบบไหน แต่คิดว่าอย่างสถาปัตย์อย่างโป้ พอทำความรู้จักกับเพื่อนแล้ว อาจจะต้องไปกินข้าวคุยต่อหรืออะไรก็ว่าไป ผมเองก็เหมือนกัน คงต้องรอดูจนกว่าจะไปถึงคณะ

   ประเด็นคือ ผมเดินจากจุดขึ้นรถ ลองเลี้ยวตามในที่เขียนไว้ แล้วผมก็เจอคณะหนึ่งมีเด็กมากมาย80% เป็นผู้ชายกำลังยืนลงทะเบียนกันอยู่ ผมเงยหน้ามองป้าย

   คณะวิศวกรรมศาสตร์…

   ชิบหาย! ซวยแล้ว ดันหลงมาอยู่แถวไหนไม่หลง ดันหลงมาคณะที่น่ากลัวที่สุด โป้จ๋า มาพารูมเมทคนนี้กลับไปหน่อย ไม่สิ โป้ไม่นะ ห้ามมา ปกติคณะวิศวะไม่ถูกกับสถาปัตย์นี่หว่า ตายๆ ทำไงดี ผมยืนเลิกลั่ก มองซ้ายมองขวา ยอมรับว่าตอนนี้ตัวเองกำลังหลงทางไปคณะตัวเองไม่ถูก ต้องถามคนแถวนี้ ไม่งั้นผมลงทะเบียนไม่ทันแน่

   แต่... แม่จ๋า ทุกคนหน้ากลัวเหลือเกิน ถ้าไม่หน้าเถื่อนปานขุนโจร ก็หล่อสวยปานเทพบุตรนางฟ้า เล่นเอาเด็กตัวน้อยๆ ตาดำๆ อย่างผมไม่กล้าเข้าไปถาม ที่สำคัญ คณะนี้เขาคัดคนที่ส่วนสูงหรือยังไง แต่ละคนถึงได้สูงขนาดนี้ มีสาวหลายคนสูงอยู่แล้ว ใส่ส้นสูงเข้าไปอีก หรือผมหลุดมาในโลกของไททั่น?

   ระหว่างที่ผมกำลังตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต มาเสียงดังมาจากทางด้านจนผมสะดุ้งโหยง ถ้าเป็นแมวคงหางพอง รีบหันขวับไปมอง เจอแต่เสื้อนักศึกษา พอเงยหน้าขึ้นเสาโทรเลขหน้าเถื่อน!

   “น้องชาย มาทำอะไรแล้วนี้ ผู้ปกครองหายไปไหน แล้วเอาเสื้อพี่ชายมาใส่ทำไม”

   ผู้ชายตัวสูงใหญ่ในชุดนักศึกษากำลังเลิกคิ้วถามผมที่ยืนเอ๋ออยู่กับที่ ดวงตาคมดุจ้องดูจริงจัง ผมถอยไปหนึ่งก้าว ถึงจะบอกว่าอีกฝ่ายดูเถื่อน แต่หล่อลากตับมาก มหาลัยนี้มีแต่คนหล่อๆ สินะ มิน่าผมถึงเข้าได้ เพราะผมหล่อมากนี่เอง

   “ไม่มีอะไรครับ ผมขอตัว”

   ผมหันหลังกลับเตรียมวิ่งหนี มือใหญ่คว้าหมับที่ไหล่ พอเทียบแล้ว ผิวผมดูขาวจั๊วะไปเลย พอมาเจอคนผิวแทนแบบนี้

   “ทำไรอยู่วะซัน”

   ชายร่างสูงเดินเข้ามาสมทบ ตามหลังมาด้วยเพื่อนในกลุ่มอีกสองคน ดีหนึ่งในนั้นตัวสูงพอๆ กับโป้ไม่น่ากลัวเท่าสามที่ยืนล้อมผมอยู่ คนที่เข้ามาทักตัวสูงพอๆ กับคนที่รั้งตัวผมไว้ แต่เขาโปร่งไม่ถึกเท่า ท่าทางขรึมๆ

   “เออๆ พอดีเจอเด็กว่ะ สงสัยมาส่งพี่แล้วดันหลงกัน วามึงว่างไปส่งเด็กกับกูมั้ย” ซันหันไปคุยกับเพื่อนสมัยเด็กชื่อวาคิน มันดันซวยโดนเด้งไปอยู่อีกวิทยาเขตที่ภาคเหนือ วันนี้มันเลยมาส่งเพื่อนตัวเองก่อน อีกสองคนเป็นเพื่อนที่เพิ่งรู้จักตอนมาสอบเข้า คุยกันจนมาถึงวันเรียน

   “เด็กมัธยม? ม.ต้นเหรอวะมิท” ริวหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นยืนมองเด็กน้อยด้วยรอยยิ้มใจดี ท่าทางร่าเริงเหมือนหมาโกลเด้น ผิวขาวแต่สูงโย่งที่สุด ผมสีน้ำตาลเข้มต่างจากเพื่อนของตัวเองที่เป็นสีดำ

   “ไม่นะริว ม.ปลายมากกว่า” คนสุดท้าย มิทรี่หนุ่มเจ้าสำอางค์ ดูเจ้าเล่ห์แพรวพราว ได้กลิ่นน้ำหอมจางๆ ออกมาจากตัว ส่วนใหญ่คนจะเข้าใจผิดว่าอยู่คณะนิเทศมากกว่าวิศวะแหล่งรวมชายโฉด เพื่อนคนอื่นดูหล่อกระชากตับ ส่วนคนนี้หล่อคมเบนไปทางสวยนิดๆ

   และผม คนที่หล่อที่สุดกำลังโดนไททั่นสี่คนยืนล้อม กับผู้ชายท่าทางเหมือนดารามองสำรวจอย่างสนใจ เขาคุยข้ามหัวผมไปมาไม่เท่าไหร่ แต่สิ่งที่พูดออกมานี่ดิ ใครเป็นเด็กฟะ ผมโตแล้วนะเฟ้ย ด้วยแรงฮึดผมลืมกลัวชั่วขณะ กอดอกจ้องใส่

   ตะกี้ได้ยินเรื่องลงทะเบียน แสดงว่าเจ้าพวกนี้ต้องอายุเท่ากับผมแน่ ดังนั้นเด็กใหม่เหมือนกันไม่ต้องไปเกรง วะ ฮ่าๆ

   “ฉันอยู่ปีหนึ่งเหมือนพวกนาย และไม่ได้เอาชุดพี่มาใส่หรือเป็นเด็กมัธยมด้วย”

   มิทหัวเราะขำ คงมีแค่เจ้าตัวที่ดูออกแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ ที่เหลือเลิกคิ้วสูงแบบไม่อยากเชื่อ ผมเลยหยิบบัตรประชาชนให้ดู สีหน้าแต่ละคนอึ้งไปเลย

   “ปีหนึ่ง หาที่ลงทะเบียนสินะ หวังว่านายคงไม่ได้เรียนอยู่คณะนี้ใช่มั้ย?”

   วาคินผู้เคร่งขรึมและรักเด็ก นึกเป็นห่วงคนตรงหน้าไม่น้อย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร สาเหตุอาจจะมาจาก คนที่ยืนกอดอก แผ่ออร่าบางอย่าง หากเป็นผู้หญิงคงปลุกสัญชาตญาณความเป็นแม่ ถ้าเป็นผู้ชาย คงปลุกความเป็นพี่ในตัวมั้ง

   “ไม่ใช่ เอ่อ... หลงทางอะ ความจริงฉันอยู่คณะไอที”

   ผมตอบเสียงเบาหวิวกับความเซ่อซ่าของตัวเอง ทั้งที่คุยกับโป้ซะดิบดี แถมคนพวกนี้พอคุยด้วยแล้วดูไม่น่ากลัวอย่างที่คิด คนเราตัดสินอะไรที่ภายนอกไม่ได้จริงๆ

   “เด็ก! ต่อให้อายุพอกันก็เหมือนเด็กชัดๆ” คำว่าเด็กกระแทกหน้าจากชายผิวแทน ตาดุๆ จ้องมองฉายความล้อเลียนอยู่หน่อยๆ ผมแยกเขี้ยวใส่คว้าบัตรประชาชนคืนจากมืออีกฝ่าย

   “ถ้าเด็ก ก็เด็กกันหมดนี่แหละ อายุพอกันนี่” ผมขู่แง่งๆ ใส่ มองจากคนภายนอกเหมือนหมาตัวโตกำลังหยอกแมวตัวจิ๋วยังไงชอบกล วาคินนวดขมับกับเพื่อนที่เผยนิสัยขี้แกล้งออกมา

   “ริว มิทพวกมึงไปลงทะเบียนก่อน เดี๋ยวกูกับซันพาเด็ก...” คำพูดชะงักไปเมื่อโดนผมตวัดสายตามอง เขาถอนหายใจถาม

   “ฉันวา ไอ้ดำนี่ซัน ไอ้โย่งนั่นริว ส่วนไอ้ตาจิ้งจอกมันชื่อมิท นายชื่ออะไร”

   เขาแนะนำตัว ผมไม่ใช่คนไร้มารยาทแนะนำตัวกลับ จะได้คนนำทางทั้งที ปล่อยไปวันนี้ทั้งวันผมคงหาคณะตัวเองไม่เจอ

   “ปอนด์” ผมตอบสั้น เขาพยักหน้าหันไปพูดกับเพื่อนตัวเองต่อ

   “กูกับซันจะพาปอนด์ไปส่งคณะ พวกมึงยังไม่ลงทะเบียน ไปจัดการเลย เจอกันในห้องประชุม”

   “จัดไป โชคดี อย่าเผลอโดนให้หิ้วไปนะยิ่งตัวเล็กๆ อยู่” ริวขยิบตาให้ก่อนโดนมิทลากไปลงทะเบียน

   “เราก็ไปกันบ้างเถอะ เดี๋ยวจะลงทะเบียนไม่ทันเอา ดีหน่อยคณะอยู่ไม่ไกลกันมาก” วาพูดพลางเดินนำไปรอรถ ซันยกแขนมาเท้าหัวผม ยิ้มกวนตีนใส่ หนักนะเฟ้ย รังแกกันมากๆ เดี๋ยวฟ้องโป้เอาไม้ทีมาฟาดหัวแม่ง พูดถึงโป้ ผมนึกอะไรบางอย่างออก ซันผิวเข้มหล่อแบบเถื่อนๆ ขี้แกล้ง กวนประสาน โป้ผิวขาวเกรียมแดดหล่อปนสวยนิสัยแม่บ้านแต่แอบโหดจากเหตุการณ์ที่เคยเคาะประตูเกือบยกเท้าถีบห้องข้างๆ ที่มันเสียงดังจนแทบไม่ได้นอน

   สองคนนี้ถ้าเกิดคู่กันคงเหมาะกันอย่างน่ากลัวแหงๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่ความรู้สึกผมบอกแบบนั้น คงต้องหาโอกาสให้ทั้งคู่เจอกันสักครั้ง จะได้รู้ว่าสิ่งที่ผมคาดเดามันผิดรึเปล่า

   “วันหลังนายนั่งรถเลขสองจากหน้ามหาลัยมาเลยก็ได้ มันผ่านคณะวิศวะกับคณะนายพอดี” ผมฟังวาอธิบาย หยิบกระดาษขึ้นมาจดไว้ คราวนี้จดแบบละเอียดยิบจะได้ไม่หลงอีก ก่อนโดนคนข้างๆ แย่งกระดาษดินสอในมือไป

   “ได้เจอกันแสดงว่ามีดวงเป็นเพื่อน เอาไป นี่เบอร์ฉัน ถ้ามีใครหาเรื่องนายเรียกได้เลย จะออกไปจัดการให้ถึงที่”

   ซันหัวเราะ ผมหรี่ตามอง รับกระดาษมาดูเบอร์ ผู้ชายก็ดีงี้ หาเพื่อนง่ายดีไม่มีอะไรมาก ผมฉีกกระดาษออกมา เขียนเบอร์ตัวเองยื่นไปให้อีกฝ่ายบ้าง

   “แลกกัน ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้ก็จริง แต่เผื่อไว้”

   ซันเลิกคิ้วรับกระดาษในมือผมไปเก็บ หลังจากทั้งคู่มาส่งผมที่คณะแล้วขอตัวกลับ คณะผมคนไม่เยอะเท่ากับคณะของซัน ถึงงั้นส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชายอยู่ดี สายไอทีผู้หญิงไม่ค่อยเรียนกัน พอลงทะเบียนเสร็จแบบทันฉิวเฉียด มีประชุมรวมคณะชั่วโมงหนึ่ง ก่อนปล่อยให้รุ่นพี่ไปสาขาของตัวเอง ผมเรียนสาขาคอมกราฟิกครับ

   คณะไอทีไม่ค่อยมีอะไรมากเท่าไหร่ ก็แค่แนะนำตัว ทำความรู้จักอาจารย์ รุ่นพี่ และเพื่อนร่วมรุ่น ผมได้เพื่อนมาเพิ่มอีกสองสามคนบวกกับรุ่นพี่อีกนิดหน่อย ตอนแรกโดนเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กมัธยมด้วย เซ็งชะมัด ทำไมทุกคนถึงชอบรังแกผมจริง คาดว่าหลังจากนี้ผมคงโดนแซวไปตลอดปี

   หลังอาจารย์ประจำสาขาออกไป พวกรุ่นพี่ปีสองแจ้งกำหนดการวันพรุ่งนี้ หลังเลิกเรียนพวกผมต้องมารับน้องต้องหกโมง รุ่นพี่จะแจกป้ายชื่อให้ ใครได้ป้ายแล้วไปนั่งรอทำกิจกรรม พอบอกทุกอย่างเสร็จ ผมเดินออกมาจากคณะโบกมือลาเพื่อนไม่กี่นาที เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทีแรกผมเข้าใจว่าพี่ชายโทรมาถามความเรียบร้อย แต่ดันไม่แสดงชื่อ

   “ใครโทรมาหว่า” ผมมองเบอร์ไม่คุ้นดี หยิบกระดาษที่ซันจดเบอร์ให้มาดูถึงรู้ว่าใคร ผมกดรับสาย

   “มีไรอะ”

   “ประชุมเสร็จแล้วใช่มะ พวกเรากำลังจะไปกินข้าวเย็นกัน เลี้ยงไอ้วามันโดนถีบส่งไปวิทยาเขตเหนือวันพรุ่งนี้”

   “กินเหล้าเหรอ ไม่เอาอะ” ผมไม่ถูกกับพวกแอลกอฮอล์อย่างแรง

   “จะบ้าเรอะ ใครมันจะไปกินตั้งแต่วันแรก แค่ข้าวธรรมดา ไหนๆ เห็นมาคนเดียวคิดว่าไม่น่ามีเพื่อนเลยโทรมาชวน ออกมาหน้าคณะดิ รออยู่ มายืนนี่โคตรเด่นเลย คณะนายไม่เคยเห็นหนุ่มหล่อเหรอ”

   ปากมันวอนได้อีก ผมขมวดคิ้ว หันไปมองหน้าคณะตรงจุดขึ้นรถ มีสี่หนุ่มสี่มุมยืนเต๊ะจุ้ยส่องสาวไอที

   “มี ฉันนี่ไงคนหนึ่ง รอแปบกำลังไป”

   เสียงโห่ดังมาตามสาย จากพวกนั้นแน่ๆ ผมกดวางแล้วจ้ำพรวดๆ ไปทางคนพวกนั้น วายิ้มบางๆ ให้ ในสายตาเจ้าตัวคงมองผมเหมือนน้องชายคนหนึ่งไปเรียบร้อย ส่วนซันพอเห็นผมมากอดคอเดินนำขึ้นรถไปร้านข้าวเจ้าอร่อย ที่พวกนี้ไปลองมาตั้งแต่ตอนสมัครสอบ

   อันที่จริงพวกนี้ก็ไม่เลว แต่ละคนนิสัยเข้ากันได้ทั้งที่ต่างสไตล์ มันดูลงตัวจริงๆ แต่กินกันแบบห่าลงมาก ป้าเจ้าของร้านยิ้มแก้มแทบแตก ซันมันชมว่าสวยแล้วสวยอีก ทั้งข้าวและกับเลยเยอะกว่าชาวบ้านอย่างเห็นได้ชัด มีมิทช่วยผสมโรงกับวาคอยปราบเงียบๆ ริวนั่งจ้วงลูกเดียวไม่สนใคร ดูท่าผมจะได้เพื่อนมาทีเดียวยกแก๊งแล้วล่ะครับ

   กินเสร็จ ทุกคนแยกย้าย ซันอยู่กับวา ริวกลับบ้าน มิทเจ้าตัวหายหัวไปทันทีที่กินเสร็จ ผมนั่งวินกลับมาหอคนเดียว มันไม่ได้ไกลกันสักเท่าไหร่ อีกอย่างผมอยากดูรอบๆ ด้วยว่ามีอะไรบ้าง จะได้รู้ทางมากขึ้น

   พอกลับมาเห็นโป้นอนอ่านหนังสือทำอาหาร พวกเราคุยกันเรื่องที่ไปเจอวันนี้ ผมเล่าเรื่องพวกซันให้โป้ฟังด้วย ทีแรกหวั่นๆ ว่าโป้จะไม่ถูกกับวิศวะอย่างทีใครเขาบอกรึเปล่า แต่ความจริงคือโป้แค่ยิ้มหัวเราะแล้วบอกว่าอยากเจอพวกนั้นบ้าง ผมเลยบอกถ้ามีโอกาสผมจะชวนโป้ไปด้วย

   วันต่อมา ผมไปเรียนวันแรก คิดจิตนาการไปต่างๆ นานาว่ามันจะต่างกับตอนเรียนมัธยมขนาดไหนนะ พอเอาเข้าจริง แทบไม่ต่างกันเลย แค่ต้องมีความรับผิดชอบขึ้น อาจารย์จะไม่คอยบอกให้จดหรือจ้ำจี้จำไช ต้องดูแลจัดการตัวเอง จดตามที่อาจารย์สอน และทำงานส่ง บรรยากาศในห้องเรียนไม่อึดอัดอย่างที่คิด

   คงเพราะอาจารย์ส่วนใหญ่สอนแนวใหม่ สบายๆ เนื้อหาแฝงประสบการณ์เลยทำให้การเรียนไม่น่าเบื่อ พอหมดเวลาก็แยะย้าย เตรียมไปเรียนห้องต่อไป ประมาณว่าในตารางเรียนจะมีรหัสวิชา ชื่อวิชา อาจารย์ที่สอน เวลาห้องและอาคารที่เรียน พอถึงวิชาไหนก็ไปรอห้องนั้น ต่างกับมัธยมส่วนใหญ่ เรียนอยู่ห้องเดียวครูเดินมาหา มีแค่บางวิชาอย่างพละ วิทยาศาสตร์ ที่ต้องไปโรงยิมห้องแลป

   ปีหนึ่งวิชาที่ลงส่วนใหญ่เป็นพวกวิชาพื้นฐาน เรียนทั้งวัน ตลอดทั้งอาทิตย์ พอตกเย็นต้องไปทำกิจกรรมรับน้อง ผมรับป้ายชื่อมาจากรุ่นพี่สาวคนสวย แลกกับโดนหยิกแก้มจนแทบยืด เพื่อนในคลาสเดียวกันแซวปนอิจฉา กิจกรรมวันแรกไม่หนักหนาเท่าไหร่ จะเป็นกิจกรรมสันทนาการ และบอกกำหนดการหลังจากนี้

   ผมต้องมาประชุมเชียร์ตอนเย็นทุกวัน บางวันอาจเลิกทุ่มสองทุ่มแล้วแต่สถานการณ์ ซึ่งไอ้การประชุมเชียร์จากที่พี่ๆ อธิบายให้ฟังคือ เป็นการสานสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนร่วมรุ่น รุ่นพี่ และเพื่อนต่างคณะ กิจกรรมตรงตามชื่อ มีการซ้อมเชียร์แบบกีฬาสีที่ดูอลังกว่า มีเพื่อนเป็นตัวแทนไปแข่งกีฬาน้องใหม่ ตัวแทนประกวดดาวเดือนคณะเพื่อไปแข่งรอบสุดท้ายเป็นดาวเดือนมหาลัย มีประเพณีมอบรุ่นกับพิธีบายศรีสู่ขวัญนิสิตใหม่ยาวไปจนถึงปลายปีการศึกษา

   ผมเข้าร่วมกิจกรรมปกติ แต่คณะโป้กับซันท่าจะหนัก ซันหายหัวไปเลย ส่วนโป้แทบคลานกลับห้องทุกวัน ถึงอย่างนั้นก็ยังตื่นเช้าไปเรียนได้ด้วยรอยยิ้ม ผมล่ะนับถือ

   ช่วงนี้เป็นช่วงคัดตัวแทนต่างๆ ผมเล่นกีฬาไม่เก่ง และไม่ได้สูงหล่อหน้าตาดีพอเป็นเดือน เลยนั่งเชียร์อยู่เฉยๆ พอช่วงพักก่อนเชียร์ต่อ ได้คุยกับเพื่อน รุ่นพี่คนอื่น งานเข้าเลยครับ

   “น้องชื่ออะไร”

   “ปอนด์ครับ” รุ่นพี่ถาม ผมก็ตอบ ได้ข่าวว่าผมเองก็แขวนป้ายชื่ออยู่ที่คอนะ

   “อ่านนี่หน่อยสิ”

   พี่เขายื่นโทรศัพท์มาให้ จำได้ว่าคนนี้เป็นหนึ่งในสตาฟปีสอง ผมรับมาอ่านแบบงงๆ เนื้อหาที่พิมพ์ประมาณว่า น่ารักอยากจีบ ขอเบอร์ได้ไหม ผมนี่เงยหน้ามองเลยครับ จะยื่นโทรศัพท์คืนพี่เขาก็ไม่ยอบรับ บอกให้ผมพิมพ์เบอร์ให้หน่อย ผมมองหาเพื่อน พวกเพื่อนตัวดีมันมัวแต่สนพี่สันคนสวย จู่ๆ  มีมือหนึ่งหยิบโทรศัพท์ไปจากมือผม

   “อะไรเนี่ย น่ารักขอจีบ บ้าป่ะ สงสารน้องเขา ปล่อยให้น้องเขามีอนาคตที่ดีเถอะ” รุ่นพี่สาวดูห้าวๆ ยัดโทรศัพท์คืนใส่มือเพื่อนเจ้าของมือถือบ่นอุบอิบ พี่แป้งหัวเราะสนุกสนานก่อนหันมายิ้มให้ผม ผมยิ้มรับนึกขอบคุณในใจ คนอื่นอาจจะบอกว่าพี่แป้งห้าวไม่ค่อยสมหญิง แต่สำหรับผม ตอนนี้พี่เหมือนนางฟ้ามาโปรดจริงๆ ในเมื่อคนที่ขอเบอร์ดันเป็นผู้ชาย ถ้าผมหน้าสวยแบบโป้ หรือมีเสน่ห์แบบมิทยังว่าไปอย่าง

   เท่านั้นไม่พอ เหมือนมีคนแรกคนอื่นตามมา ระหว่างผมนั่งกินข้าวเที่ยงกับเพื่อนมีพวกนักกีฬาฟุตบอลวิ่งทั่กๆ เข้ามาหาพวกเรา กลุ่มผมมีชายสามหญิงสองครับ ทีแรกพวกเราเข้าใจว่าคงมาขอเบอร์สาวในกลุ่มล่ะมั้ง เป็นเรื่องปกติ ปีหนึ่งใสๆ รุ่นพี่รุ่นเดียวกันขยันมาแจกขนมจีบสองสาวจนผมได้รับอานิสงส์ขนมมากิน

   “นาย เพื่อนเราชอบ ขอเบอร์หน่อยสิ” ทุกคนในโต๊ะหันมามองผมเป็นตาเดียว สลับมองหนึ่งในกลุ่มนักฟุตบอลมหาลัยที่นั่งอยู่อีกด้าน ผมละจากจานมองคนขอพลางกลืนข้าวในคอ คว้าน้ำมาดื่ม

   “ห๊ะ เราเหรอ เอ่อ... โทษทีนะ พอดีมีแฟนแล้ว”

   นาทีนั้นภาพพี่ชายแวบเข้ามาในหัว ผมเลยอ้างเอาตัวรอด คนมาขอเลิกคิ้วดูเซ็งนิดหน่อย

   “ไม่ให้ก็บอกมา”

   โดนพูดงี้ใส่ผมก็อารมณ์เสียดิ มาขอคนอื่นแท้ๆ แถมไม่ได้มาขอเองด้วย ฝากเพื่อนมา

   “ใช่ ไม่ให้” เจ้านั่นส่ายหัว วิ่งกลับไปหาเพื่อน ผมไม่สนใจอีก โดนเพื่อนในกลุ่มแซวก็ไม่สน เรื่องนี้ถึงพี่เฟย์แน่ ผมคงต้องไปขอทางออกจากพี่ชายซะหน่อย

   หลังทำกิจกรรมเสร็จผมกลับห้องโทรไปหาพี่ ส่วนโป้ยังไม่กลับ รอไม่นานพี่ชายก็รับสาย

   “ว่าไงเรา เป็นไงมั่ง ช่วงนี้เรียนกับกิจกรรมเหนื่อยไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่อาบน้ำนอน”

   “อยากคุยก่อนอะ พี่รู้มั้ยวันนี้ผมโดนขอเบอร์ตั้งสองรอบ” แล้วผมก็บ่นฉอดๆ ระบายเป็นกระบุง ถ้าเป็นสาวมาขอจะไม่เท่าไหร่ ไหงมีแต่ผู้ชายมาทั้งที่ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเจอ เออลืมไป สมัยม.ปลายมีครั้งหนึ่ง ไปแข่งคอมกับเพื่อนที่โรงเรียนอื่น ครูส่งตัวแทนไป มีผู้ชายมาถามชื่อชมว่าน่ารักแล้ววิ่งหนี ผมเล่าให้พี่ชายฟัง ตอนนั้นพี่เฟย์หัวเราะ พอมาตอนนี้เจ้าตัวเงียบกริบจนผมต้องเรียก

   “โหลพี่ ยังอยู่ป่าว ไม่ใช่สายหลุดไปแล้วนะ”

   “หืมม ยังอยู่ ปอนด์ เสาร์นี้มาเที่ยวเล่นห้องพี่มั้ย เดี๋ยวไปรับวันพรุ่งนี้ มีกิจกรรมรึเปล่า”

   “ไม่มีนะ รุ่นพี่ให้พักหนึ่งวันเพราะเขาจะประชุมอะไรกันสักอย่าง”

   “โอเค พรุ่งนี้พี่จะไปรับที่มหาลัย” จากอารมณ์ขุ่นๆ ตอนแรก พอพี่ชายชวนไปเที่ยว(กินขนม)ที่ห้อง แถมจะมารับไปนอนกลิ้งเล่นสบายๆ ไม่ต้องอุดอู้ในหอ ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาทันที พวกเราคุยเล่นกันวางสายตอนโป้มา ผมบอกโป้ว่าจะไปค้างห้องพี่วันเสาร์กลับมาวันอาทิตย์ตอนเย็น หนุ่มเหนือพยักหน้ารับ บอกเอาขนมมาฝากด้วย ผมรอพรุ่งนี้ใจจดใจจ่อ


   ท่ามกลางเด็กมหาลัยเดินกันขวักไขว่ บางคนขับรถมอเตอร์ไซค์ทักทายเพื่อนตามประสา มีรถคันหรูเลี้ยวเข้าลานจอดรถของมหาวิทยาลัย คนขับยกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ ถึงมาเป็นครั้งแรกแต่ก็ใช่ว่าจะหาทางไปคณะของเด็กน้อยในความดูแลไม่ได้ เพียงแค่เจ้าตัวมีเหตุผลบางอย่าง ถึงได้เลือกจอดลานกว้าง อาศัยเดินเท้าไปตึกคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ

   ชายร่างสูงลงจากรถรุ่นคลาสสิกเหมาะกับชายหนุ่มวัยทำงาน สวมเสื้อเชิ้ตถอดไทเก็บ ปลดกระดุมให้พอคอโล่ง กางเกงสแลกรองเท้าหนัง เดินทอดน่องคล้ายกับมาชมสวนดอกไม้ให้เป็นเป้าสายตาเล่น เหล่าบรรดานักศึกษากระทั่งอาจารย์ต่างมองด้วยความสนใจ

   เมื่อวานเขาคุยโทรศัพท์กับลูกแมว แม้จะเงียบฟัง แต่คิ้วขมวดด้วยอารมณ์ขุ่นๆ พลางคิดในใจ สงสัยจะต้องรุกคืบมากกว่านี้ซะแล้วสิ ปล่อยไปแบบนี้อุตส่าห์รอมาหลายปีก็ปิ๋วพอดี เรื่องอะไรจะยอมให้หมาคาบไปแดกกันฟะ!

   เฟย์เลยอาสามารับลูกแมวด้วยตัวเอง แถมยังชวนไปเล่นที่ห้อง และจงใจเดินไปคณะเด็กน้อย ไม่ใช่ขยันเดินหรอกนะ... ของแบบนี้มันต้องเปิดตัวให้คนอื่นรู้ต่างหากว่าไอ้ตัวเล็กมันมีเจ้าของแล้ว ถ้าลูกแมวมาเห็นคงจะค่อนขอดเฟย์ว่ามาเดินอวดความหล่อเท่ห์และเมะมากให้ชาวบ้านเขามองตามคอแทบหัก

   จนถึงหน้าคณะลูกแมว เฟย์เลือกนักศึกษาแถวนั้นสักคนที่ดูจะเป็นปีหนึ่งมาถามหาเด็กของตัวเอง

   “รู้จักปอนด์สาขาคอมกราฟไหมครับ”

   ไม่รู้ว่ามือแม่น หรือดวงดีคว้าเอาเด็กสาขาเดียวกับปอนด์ได้เหมาะเหม็ง แถมยังอยู่ปีหนึ่ง สาวผู้หลงไปกับเสียงทุ้มนุ่มดูใจดีของชายร่างสูง ชี้ไปทางเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งคุยเล่นกับเพื่อน เฟย์เอ่ยปากขอบคุณ แล้วเดินเข้าไปหาลูกแมวจากทางด้านหลัง เพื่อนทุกคนต่างอึ้งอ้าปากค้าง

   คนที่รู้สึกเหมือนมีเงาดำทาบทับ หันกลับไปมองด้วยความสงสัย พอเห็นว่าเป็นใครอ้าปากค้างไปอีกคน

   “พี่! มาแล้วทำไมไม่บอก แล้วรถไปไหน?”

   เด็กน้อยลุกพรวดหันไปมองหารถที่คาดว่าน่าจะจอดอยู่ที่จอดคณะไอที แต่กลับไม่มีแม้แต่เงา

   “พอดีพี่ไม่รู้ทางน่ะ เลยจอดเอาไว้ตรงอื่น จะได้ไม่ต้องขับวนไปมา” เขาตอบพลางคว้าเป้ปอนด์มาสะพายซะเอง แล้วเดินโอบไหล่แบบเนียนๆ เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาไม่รู้ถึงแผนการอันชั่วร้ายของพี่ชายแสนดี ยิ้มร่าบอกลาเพื่อนเดินกลับไปด้วยกัน

   ขึ้นรถคาดเข็มขัดไม่ทันไร เฟย์พูดกับเด็กข้างตัวระหว่างเลี้ยวรถออกจากที่จอด

   “หลังจากวันนี้ ถ้าปอนด์ไม่อยากให้ใครมาวุ่นวาย บอกคนอื่นไปนะว่ามีแฟนแล้ว”

   “หา? แต่ก่อนหน้านั้นผมพูดไป ไม่ค่อยมีใครเชื่อนะ” ใบหน้าน่ารักหันมาทำหน้าเอ๋อใส่ เฟย์ต้องอดใจไม่ฟัดแมวแล้วตั้งสมาธิกับการขับรถต่อ พลางเปิดเพลงฟังอย่างอารมณ์ดี

   “ไม่งั้น บอกไปเลยว่าคนที่มารับเป็นแฟนผมเอง” เฟย์หัวเราะในคอ อาศัยช่วงที่ต้องจอดรถรอคันอื่นไป ก้มลงไปหอมแก้มลูกแมวหนึ่งฟอด คนโดนสกินชิพหน้าแดงก่ำ หันมาโวยวายทันที ไร้ซึ่งความน่ากลัว เหมือนลูกแมวกำลังขู่พองขนมากกว่า

   “พี่บ้า! ถึงห้องห้ามโดนตัวเลยนะ” คนขับรถฮัมเพลงไม่สน พอยกขนมมาให้เดี๋ยวก็ลืม แมวตัวนี้ความจำสั้น ยิ่งมีของกินมาล่อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ขนาดเรื่องที่คุยกันไม่ถึงนาทียังลืมได้ง่ายๆ

   “กินเยอะๆ โตไวๆ นะลูกแมว” มือหนายื่นไปลูบหัวเด็กน้อยที่เขินจนแทบแทะสายเบลท์ อีกไม่นานหรอก...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2015 13:38:05 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :impress2:   หึหึหึ.  อีกไม่นาน. ขนาดกำลังพอเหมาะพอฟัดเลยใช่ไหมพี่เฟย์.
รอมานานขนาดนี้พี่เฟย์รีบๆสารภาพแล้วขอน้องเป็นแฟนเถอะ

แทะสายเบลท์เลยเหรอลูก. อยากฟัดแมวด้วยคน. ฮึ่ยหมั่นเขี้ยว.  :hao6: 

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
 :z3:สปายไม้กันหมาไม่ว่าง พี่เฟย์เลยเปิดตัวซ้าาาาา

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
พี่เฟย์เปิดตัวบ่อย ๆ สิคะ จะได้ได้ทั้งน้องทั้งไม่มีใคร(กล้า)มาจีบน้อง

"อีกไม่นานหรอก..." ี่คือ อีกไม่นานจะเผด็จศึกหรือเปล่าคะ? 5555

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อืม อีกไม่นานหรอก อิ อิ

 :hao6: :hao7: :hao6:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
พี่เฟย์แผนสูงมาก มารับน้องเพราะอยากให้คนรู้คนเห็นมากๆ ใช่มั้ยล่ะ 555

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
พี่เฟย์น่ารักที่สุด

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
น้องปอนด์อยากเป็นศิราณี?

อยากเห็นเหมือนกันว่าสองคนนี้มาเจอกันจะสปาร์คกันไหม?  :ruready

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด