ตอนที่13 เราสามคน (1)
-สัปดาห์ที่ 14 หลังจากวันที่คุณธนัยฝากน้องวีให้ผมกับคุณชายดูแล ผมกับคุณชายดูจะเข้าใจเรื่องการเลี้ยงลูกมากขึ้น ผมเองก็ต้องศึกษาเรื่องการเลี้ยงลูกให้มากขึ้น เพราะผมไม่อยากให้ตัวเองบกพร่อง มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนขาดความรับผิดชอบไปบ้าง ไม่อยากผลักภาระให้คุณชายมันมากด้วย เดี๋ยวจะงอนน้อยใจเอา
ระหว่างนั้นคุณหญิงโทรมาเม้าส์กระจายกับแม่ผมให้ฟังว่าพลอยมาหาท่านที่บ้านพร้อมกระเช้าดอกไม้ แบรนด์ซุปไก่สกัด เพื่อมาไหว้เคารพคุณทวดและคุณย่า
“แม่นั่นต้องพยายามจะจับไอ้ชายแน่ๆเลย ฉันว่า”แม่ที่คุยโทรศัพท์อยู่ใส่อารมณ์ คุณชายที่อยากรู้อยากเห็นมากเดินไปนั่งฟัง
ข้างๆ ซึ่งเขาทำแบบนี้ประจำเวลาที่คุณหญิงโทรมาคุยกับแม่ แต่แม่ก็ไม่ได้ว่าด่ากราดอย่างที่ควรจะเป็น แค่เหลือบมองแล้วเปิดลำโพงให้ได้ยินกันอย่างทั่วถึง
อันที่จริงคุณหญิงอยากจะขับรถมาเล่าให้ฟังเลยด้วย แต่ติดที่ว่า ต้องอยู่ดูเครื่องเพชร พลอย ทับทิมเก่ากับคุณย่า
“ฉันล่ะนึกแล้วเชียวแม่นั่น ไม่ใช่เล่นๆ คิดจะเข้าทางคุณแม่น่ะสิ ก็นะ ช่วงนี้คุณแม่ก็เอาแต่บ่นเรื่องตาชายที่ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องมาหาบ้าง พอเจอแม่นั่นมาหาซะหน่อย ก็คุยกันนานสองนาน ฉันก็อยากจะเอาหูแนบประตู แต่ก็ไม่ล่ะ ดูเป็นพวกสอดรู้ไปเลย แต่ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะแม่กระรัต คุณทวดเอ็นดูกี้มันจะตาย ไม่รับสะใภ้ใหม่แน่นอน มีหลานมีเหลนมาการันตีขนาดนี้ จะไปไหนรอดกัน”คุณหญิงพูดอย่างออกรสหัวเราะเมื่อพูดจบ คุณชายทำหน้ายู่เพราะเสียงออกจะแหลมไปหน่อย
“แล้วคุณย่าท่านคงไม่ได้--”ผมกำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าจะยุแยง เกทับพลอยหรือเปล่า อย่างน้อยก็ได้ชื่เป็นถึงว่าที่เจ้าสาวคุณชาย
“โอ้ย ไม่หรอก ฉันว่าคุณแม่คงมองผู้หญิงคนนี้ออก ก็คงคุยด้วยตามารยาทผู้ดีน่ะ ถึงจะตึงๆเรื่องกี้มันแต่ให้เวลาแกหน่อย คนแก่ก็แบบนี้แหละ เดี๋ยวก็ดีขึ้น เออ ตาชายแกก็ลองแวะมาบ้าน เอาอัลบั้มรูปมาโชว์คุณทวดหน่อยสิ เผื่อแกจะได้เห็นว่าเหลนน่ารักแค่ไหน”“เรื่องนั้นค่อยว่ากัน นี่--”แม่ปิดเสียงไปคุยแบบปกติแล้วเดินออกไปด้านนอก สงสัยจะเม้าส์เรื่องนู้นเรื่องนี้กันล่ะมั้ง
เรื่องของพลอยผมไม่กังวลหรอก เพราะพลอยคงหมดโอกาสไปนานแล้ว ถ้าจะกังวลก็มีแต่จะทำเรื่องอะไรเข้ากกว่า คุณชายเกาหัวทำท่าเหนื่อยหน่ายแล้วเดินมาหาผม
“เฮ้อ น่าเบื่อพวกผู้ใหญ่จังครับ ...ผมก็ขี้เกียจไปพูดกับคุณย่าแล้วไม่รู้ว่าท่านจะดื้อดึงไปถึงไหน”
“เอาน่า จะทำยังไงได้ล่ะครับ เรื่องมันเป็นแบบนี้ไปแล้ว... คุณแม่คุณพูดถูกนะ แวะไปหาคุณทวดกันดีไหมครับ”
“เอาสิครับ แต่หลังจากถ่ายพรีเวดดิ้งค่อยไป จะได้เอารูปไปอวดท่านด้วย”คุณชายยิ้ม ผมไม่ได้ขัดอะไร ผมเลื่อนการถ่ายพรีเวดดิ้งเข้ามาให้เร็วขึ้น กลัวว่าช้ากว่านี้จะเกิดเรื่องไม่ดีเข้าเสียก่อน อย่างเจอพลอยเข้า หรือท้องผมอาจเป็นที่ผิดสังเกต แต่โชคดีที่ช่างกล้องเป็นเพื่อนๆของคุณชายด้วย คงจะปิดเรื่องผมกับคุณชายได้
-ถ่ายพรีเวดดิ้งเซ็ท 1
ผมกับคุณชายตัดสินใจว่าวันแรกจะไปถ่ายที่คอนโดของผม ซึ่งผมก็เห็นด้วยเพราะที่ผ่านมาส่วนมากความทรงจำของผมกับคุณชายก็อยู่ที่ห้องผม คิดว่าเวลาถ่ายภาพออกมาจะได้ดูมีความสุขแบบไม่เฟค คุณชายโทรนัดช่างภาพที่ชื่อนัท ซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน ที่สำคัญสตูดิโอของเขานั้นถ่ายพรีเวดดิ้งให้คู่รักเพศเดียวกันมาหลายคู่แล้ว ผมก็เห็นมาถ่ายออกมาได้เป็นธรรมชาติดี
ส่วนแม่ไม่ได้มาด้วยเพราะอยากให้ผมกับคุณชายอยู่ด้วยกัน แม่บอกมาแบบนี้ คุณชายก็ออกอาการดีใจเข้าไปหอมแม่ผมฟอดใหญ่ กิริยาแบบนี้ผมเห็นจนชินแล้ว แม่เองก็ไม่ได้ห้ามปรามเพราะคุณชายมันไม่ฟังหรอก ผมก็ดีใจที่สองคนนี้เข้ากันได้ดี
ส่วนเรื่องชุดวันนี้จะใช้ชุดลำลองชิวล์ๆไปก่อน พวกสูทเอาไว้ไปถ่ายที่สตูฯของนัทในวันพรุ่งนี้แทน หน้าก็สดๆเพราะอยากได้แบบธรรมชาติๆ
ใช้เวลาไม่นานทั้งผม คุณชาย และนัทก็มาถึงคอนโดของผม สภาพในห้องยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง จะว่าไปก็มีความทรงจำดีๆกวนๆกับคุณชายที่ห้องผมเยอะพอสมควร คุณชายแนะนำผมให้นัทรู้จัก เพื่อนคุณชายคนนี้ก็ดีไปอย่างไม่ได้ถามไถ่อะไรมากแค่แสดงความยินดีเรื่องแต่งงาน ผมออกจะเก้อเขินอยู่ไม่น้อยเลย คุณชายก็ตามสไตล์เขานั่นล่ะ
“เป็นไง เมียกูน่ารักไหม”มีเสียงหัวเราะรื่นเริงจากคุณชายและเพื่อนของเขา เหอะ น่าหมั้นไส้จริงๆ
“เลือกมุมกันเองได้นะ ที่ตรงไหนมีความทรงจำดีๆน่ะเพื่อน ภาพคงออกมาเรียล”นัทที่กำลังปรับเลนส์กล้องพูดกับคุณชายยิ้มๆ แล้วหันมามองผม
คุณชายหัวเราะแล้วเดินมาหาผม “ที่ไหนก่อนดีกี้ เตียงไหม”ผมฟาดแขนเขาไปหลายที
“ตลกเหอะ”ผมทำหน้าตาย
หลังจากที่ปรับเลือกเลนส์และแสง มุมถ่ายได้แล้วคือห้องนอน บนเตียงตามที่เขาพูด ตอนแรกผมจะโวยวายซะแล้วแต่พอคุณชายมันอธิบายให้ผมฟังจนหมดผมเลยอึ้งๆไปนิดนึง ‘ยามเช้าวันนึงของผมกับเขา’ นี่คือชื่อภาพเซทนี้ แน่นอนเป็นความคิดของคุณชายมัน ช่างโรแมนซ์จริงๆ แต่ผมชอบธีมนี้นะ มันดูเรียลเกิดขึ้นจริงระหว่างผมกับคุณชาย ตื่นเช้ามาก็เห็นกันและกันอยู่ข้างๆ ถึงตอนนั้นจะไม่ได้หวานแหววอะไรมากนักก็ตาม แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าการเจอหน้าคุณชายตอนตื่นนอนเป็นเรื่องเลวร้าย
ผมกับคุณชายก็เตรียมเป็นนายแบบจำเป็นบนเตียง อาริยาบถก็ไม่ได้ดูน่าเกียจอะไรแค่นอนข้างๆกันมองตากัน แต่ผมก็เขินมาก ทั้งคุณชายแล้วช่างกล้องนี่แหละคือปัญหาของผม
“กี้ไม่ต้องเกร็งหรอก คิดซะว่าไอ้นัทมันไม่มีตัวตนก็แล้วกัน ...” คุณชายพูดข้างๆผม นัทหัวเราะ
“กี้ไม่ต้องเกร็งดิ อย่างที่คุณชายบอกแค่ไม่ต้องสนใจตัวประกอบอย่างผม ลองนึกว่าในเช้าวันนึงกี้ตื่นมาเจอไอ้ชายข้างๆ เรื่องฟีลลิ่งสายตามันก็จะออกมาเอง ...ไม่ต้องคิดว่ามันคือการถ่ายรูป คิดซะว่ามันเป็นเรื่องของคุณกับไอ้ชายสองคน ฮ่าๆ โอเคนะครับ ผมจะไม่เข้าไปกวนคนสองคนแน่นอน”
นัทพูดสบายๆเป็นกันเอง แล้วยิ้มก่อนจะถอยออกห่างไปหลายก้าวเพื่อเว้นระยะความเป็นส่วนตัวให้ผม ผมหลับตาทำใจสักหลายวินาที อันที่จริงก็น่าจะเตรียมใจมาตั้งแต่เนิ่นๆ ถ้าถ่ายในสตูดิโอมันคงง่ายกว่านี้
“...กี้ ผมอยากรู้จัง ว่าเวลาตื่นนอนตอนเช้าแล้วหันมาเจอผมนอนกอดคุณข้างๆคุณรู้สึกยังไงหรอครับ”คุณชายถามเขานอนตะแคงหันหน้ามาหาผม ราวกับว่าในห้องนี้มีแค่ผมเท่านั้น ผมครุ่นคิดกับคำถามของเขา
รู้สึกหน้าร้อนผ่าวนิดๆ
เมื่อก่อนคงไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย แต่พอมาหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ผมค่อนข้างที่จะเข้าใจความรู้สึกของการตื่นเช้ามาเจอคนที่เรารักนอนอยู่ใกล้ๆมันก็รู้สึกดีเหมือนกัน แล้วยิ่งในเวลานี้ผมกำลังมีท้องอยู่ มันง่ายมากที่คุณชายจะเข้ามาในหัวใจหรือสามารถข้ามกำแพงของผมมาได้ ผมเองก็ยอมรับนั่นแหละว่า...ก็รักคุณชายด้วยเหมือนกัน
ผมยังไม่ตอบ แค่มองหน้าคุณชายกลับที่กำลังรอคำตอบของผมอยู่ ผมยิ้มให้เขา
“ก็....รู้สึกอุ่นดีมั้งครับ”ผมตอบแล้วหัวเราะ คุณชายย่นหน้า “แค่อุ่นเองหรอครับ”
ผมหัวเราะหึๆ คุณชายก็ฉลาดนะที่เขาชวนผมคุยแบบนี้ก็เพื่อไม่ให้ผมจดจ่อกับนัทที่กำลังเก็บภาพอยู่ปลายเตียงบ้าง เปลี่ยนที่อย่างเงียบเชียบเหมือนกำลังจดจ่อตั้งใจกับภาพถ่าย กล้องในมือของตัวเอง นัทก็ดีที่ไม่ได้ส่งเสียง บอกนั่นบอกนี่ว่าต้องจัดท่าแบบไหนยังไง คงเพราะเป็นเพื่อนคุณชายด้วยนั่นล่ะ เขาถึงไม่ออกคำสั่ง
คุณชายหัวเราะเบาๆ พยายามคาดคั้นคำตอบเพิ่มทางสายตา
“...ก็อุ่นทั้งกายอุ่นทั้งใจไงครับ ฮุ้ แค่นี้ต้องให้บอกอีก”ผมพูดเสียงข่ม คุณชายยิ้มกว้าง
“ฮ่าๆ ครับๆ ผมก็รู้น่า มองตากี้ก็รู้แล้วว่ากี้รู้สึกยังไงน่ะ...”คุณชายยิ้มหวานมาให้ ผมเบือนหน้าหนีกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ เดี๋ยวคุณชายมันจะได้ใจเข้าไปใหญ่ แต่จังหวะนั้นเอง ราวกับว่าผมหันไปยิ้มให้กับช่างกล้อง
“โอเค! เพอเฟ็คเลยครับ ผมเก็บได้หลายช็อตเลย ภาพสุดท้ายนี่สวยนะ กี้ยิ้มเต็มเฟรมเลย”คำพูดของนัททำให้ผมผุดลุกอย่างระวังเดินไปหานัทเพื่อดูภาพด้วย คุณชายหน้าชื่นตาบานบิดขี้เกียจเดินมายืนข้างๆ
“ไหนๆ มึงนี่เก่งนะไอ้นัท ทำให้กี้เลิกเขินกล้องได้เนี่ย ดูสิยิ้มสวยเชียว”ผมยันศอกใส่เขาแรงๆแล้วเดินหนีออกห่างจากสองคนนั้น นัทส่ายหน้า “ไม่ใช่เว้ย ต้องให้เครดิตมึงเลย ชวนกี้คุยจนผ่อนคลายได้เนี่ย”
จากนั้นก็เตรียมถ่ายมุมอื่นต่อคือหน้าตู้เสื้อผ้า ผมเห็นเสื้อที่เขาเตรียมให้ผมเปลี่ยน เป็นเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนเป็นตัวเดียวกับวันที่ใส่ไปบ้านคุณชายครั้งที่สอง ผมเข้าไปเปลี่ยนเสื้อในห้องน้ำแทน นัทก็มองแบบสงสัยอยู่บ้าง แต่ไม่ได้ถามอะไร
“แป๊บนึงนะครับ แสงมันน้อยเกินไป”ว่าแล้วนัทก็เดินไปรูดม่านออกไว้ครึ่งนึง ภาพเซ็ทนี้อยู่ในอาริยบถที่ผมกำลังกลัดกระดุมที่ข้อพับให้คุณชายมัน ผมเขินตัวเองกับคุณชายมากกว่านัทอีก คุณชายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พอใจกับความคิดของตัวเอง หลังจากนั้นก็ย้ายทัพไปที่ห้องนั่งเล่นก็นั่งอ่านหนังสือที่โซฟาข้างๆกัน
การถ่ายรูปใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งกว่าจะได้ภาพออกมาตามที่คุณชายต้องการ ผมเห็นภาพแค่คร่าวๆ ก็ออกมาสวยดูอบอุ่นดี แต่ยังต้องไปปรับแต่ง
“ทำไมถึงถ่ายหลายซีนจังครับ”ผมถามคุณชายขณะที่ขับรถไปที่สตูดิโอของนัทซึ่งอยู่เลยคอนโดของผมไปไม่ไกลนี่เอง ห่างไปหลายซอยอยู่เหมือนกัน
“เก็บเอาไว้ใช้ในงานแต่งของเราไงครับ”คุณชายหันมายิ้ม ผมพยักหน้า แบบนี้ทุกคนก็เห็นรูปหมดเลยสิ อีกอย่างงานแต่ง คุณชายคิดไว้แล้วหรือไงว่าจะจัดวันไหน
“นี่คุณคิดจะจัดงานแต่งจริงๆหรอ...ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบนะ ตอนนี้ผมยัง...”
“ผมรอให้กี้คลอดก่อนน่ะ จากนั้นเราแต่งงานกันนะ จัดพิธีเล็กๆแค่คนในครอบครัวก็ได้”คุณชายรีบพูดเขาเหลือบมองผมหลายครั้งเพราะเห็นผมเงียบไม่ได้พูดอะไรออกมาคงจะกลัวล่ะสิว่าผมจะวีนใส่น่ะ
“...ก็ดี เอาตามนั้นแหละครับ ผมเองก็อยากแต่งกับคุณแหละ”ผมพูดแล้วเสมองไปข้างทาง ผมได้ยินคุณชายหัวเราะเบาๆ ก็เป็นไปตามแผนที่ผมวางไว้ ตอนนี้ผมก็ได้แหวนของพ่อมาแล้วเรียบร้อยแล้ว หึหึ อยากเห็นหน้าคุณชายตอนถูกเซอร์ไพร์เหลือเกิน คงจะน่าขำพิลึก
“กี้ขำอะไรครับ”นี่ผมเผลอขำออกมาเหรอเนี่ย ผมหันไปยิ้มให้เขาแล้วส่ายหน้า “เปล่าๆ แค่นึกอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ รีบๆขับไปที่สตูฯเหอะ จะเสร็จไวๆ ผมอยากพักแล้ว”
“ครับ ถ่ายที่สตูฯก็จบแล้วครับ”
-ถ่ายพรีเวดดิ้งเซ็ท 2
เมื่อมาถึงห้องสตูดิโอของนัท นัดก็ให้ผมเลือกว่าจะใช้สตูดิโอ AหรือB สำหรับชุดสากล ส่วนชุดไทยมีสตูดิโอเดียว ผมเลยเลือก A สไตล์วิทเทจ สตูฯนี้จะมีแบ็คกราวเป็นผนังห้องสีฟ้าสดใสริมหน้าต่างแบบวิคตอเรียที่ริมห้องจะมีโต๊ะเก้าอี้ไม้วางเรียงชิดกัน ส่วนของตกแต่งสามารถเพิ่มหรือเปลี่ยนได้
ผมเดินไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแต่งตัว หยิบชุดมาเปลี่ยน เซทแรกคือชุดสูทกั๊กที่เลือกไว้ ผมถอดเสื้อออก ผมล่ะกลัวว่านัทมันจะสังเกตเห็นท้องของผมเข้าเหลือเกิน ตอนที่ถ่ายที่คอนโดผม เพราะเป็นชุดลำลองสบายๆ สังเกตได้ยากกว่า ถ่ายที่สตูฯนี่เยอะ แต่คุณชายก็หน้าชื่นตาบานไม่มีความกังวลอะไรทั้งสิ้น ไหนจะต้องไปแต่งหน้าเซทผมอีก ขั้นตอนนี้ตอนแรกผมยกเลิกไม่ต้องการ เอาหน้าสดไปเลย แล้วค่อยไปแต่งรูปเอาแต่คุณชายไม่ยอม บอกว่าอยากแต่งหล่อบ้างครั้งเดียวในชีวิตประมาณว่าชุดหรูแพงขนาดนี้ก็ต้องเอาให้เต็มที่ ดูเขาพูดสิ ผมเลยปฏิเสธไม่ลง ผมไม่ชอบกลิ่นรองพื้นเลยสักนิดมันเหม็นแปลกๆ “แกอยากหน้าออกมาเหมือนศพหรอไงไอ้กี้”คำพูดของแม่ตอนที่ผมโทรไปถามความเห็นทำเอา
ผมต้องพิจารณาหนังหน้าของตัวเองใหม่เลยทีเดียว ความมั่นใจที่เคยมีพังทลายเพราะประโยคเดียวของแม่นี่แหละ
ผมก้มมองท้องตัวเองแล้วเตรียมถอดกางเกง
แอ๊ดดด
ผมสะดุ้งเมื่อประตูห้องแต่งตัวเปิดออก ผมรีบคว้าเสื้อมาปิดพุงไว้ ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าคือใคร
“ผมเองครับ”ยังมีหน้ามายิ้มอีก ทำผมตกใจอีกแล้ว ผมถอนหายใจแล้วโยนเสื้อทิ้ง
“มาเงียบๆอีก มารีบเปลี่ยนชุดเร็ว จะได้เสร็จๆ”ผมบอก คุณชายไม่ตอบแต่เดินมาหาผมตรงหน้า ผมเงยหน้ามองเขางงๆ
“อะไรครับ”
“มา ผมถอดให้”ไม่พูดเปล่า คุณชายเอื้อมมือมาดึงกางเกงผ้านิ่ม เพราะผมท้องเลยไม่ใส่กางเกงยีนส์แล้ว ต้องมาใส่กางเกงผ้ายืดขายาวแทน
“ไม่ต้องก็ได้น่า ผมไม่ได้เป็นง่อยนะ”ผมรีบห้าม เขินมากกว่า ชอบมาทำดีแบบนี้อยู่เรื่อยเลย คุณชายแค่ยิ้ม
“ผมรู้ แต่ผมอยากทำให้นี่”คุณชายพูดแล้วดึงกางเกงลงไปด้านล่างจนหมด ผมเลยไม่แย้งอะไรแค่ก้าวขาจากกางเกง คุณชายก้มไปเก็บมาพับไว้ข้างๆ
“มองอะไร ไม่เคยเห็นหรือไง”ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไร แล้วหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวไซน์ใหญ่กว่าตัวมาสวมแทน คุณชายหัวเราะ
“โห ดุจัง แค่มองนิดมองหน่อยเอง”คุณชายเอื้อมไปหยิบชุดของตัวเองออกมาจับดู ทำหน้าเหมือนกำลังคิดแผนการร้ายอยู่ ผมรีบเหน็บกระดุม สวมเสื้อกั๊กทับ หยิบกางเกงมาสวมใส่ทุลักทุเลเล็กน้อย
“อย่าลีลาได้ไหม ให้ไวเลย”ผมหันไปบอกเขาที่กำลังถอดเสื้อออก
“กลัดกระดุมให้หน่อยสิครับ”คุณชายจับแขนผมไว้ก่อนที่ผมจะเดินออกจากห้อง ผมมองหน้าเขา “ไม่เอา เป็นง่อยหรอครับ”
“น่านะ ก็อยากมีโมเม้นนี้บ้าง กี้เป็นเมียผมแท้ๆ เอาใจผมหน่อย”
หน็อย ไอ้คำๆนี้จะว่าไปหายไปตั้งนานแล้วนะ เพราะผมไม่ให้เขาพูดอีก แต่วันนี้ชักจะใช้หลายครั้งไปแล้ว
“โธ่ มันเรื่องแค่นี้เอง ถ้าคุณเอาเวลาที่ดื้ออยู่ แต่งตัวเองป่านนี้ก็ใกล้เสร็จแล้ว”ผมพูด คุณชายมองหน้าผมตาไม่กระพริบ “ผมแค่อยากคุณโรแมนติกบ้าง เฮ้อ ผมรู้ว่ากี้ไม่ชอบผม ก็ได้ ผมทำเองก็ได้”คุณชายทำเป็นพูดตัดพ้อน้อยอกน้อยใจ แต่ดูก็รู้ว่าแกล้งทำ ผมกรอกตา
“เออๆ ก็ได้ ทำเป็นแกล้งทำงอน”ผมเดินไปใกล้เข้าแล้วดึงเสื้ออีกด้านมากลัดกระดุมให้ คุณชายมันยิ้มกว้างทันที มองผมด้วยสายตาจักกี้หัวใจผมได้ดีทีเดียวเลย ทำท่าเป็นเด็กๆไปได้
“หึๆ ผมรู้ว่ากี้ต้องยอมให้ผมอยู่แล้ว”
ผมทำหูทวนลมท่าออกอาการว่าเขินคุณชายมันจะได้ใจไปกันใหญ่ พอผมกลัดกระดุมเสร็จ คุณชายก็ตื้อให้ใส่กั๊ก ใส่หูกระต่ายให้อีก แต่เพื่อตัดลูกตื้อของเขาอีกระลอกผมเลยต้องช่วยเขาติดนู้นติดนี่จนเรียบร้อย
“จะว่าไปคุณกับผมนี่เหมาะสมกันดีนะ”คุณชายกระหยิ่มยิ้มดันไหล่ผมให้ไปยืนหน้ากระจกบานใหญ่คู่กัน ผมมองเงาสะท้อนจากกระจกเห็นคุณชายยิ้มสดใสข้างๆ
“หึ ทำเป็นพูดดีไป”ผมหันไปจ้องหน้าเขาแล้วบิดพุงคุณชายอย่างหมั่นไส้แล้วเดินออกจากห้องแต่งตัว คุณชายเดินตามออกมาระยะประชิด ผมเห็นช่างแต่งหน้าสาวสวยทีมงานของนัทนั่งเตรียมเครื่องสำอางอยู่ที่โต๊ะริมสุด
“นั่นไง มานู่นแล้ว”นัทยิ้มกวักมือเรียกคุณชาย
“ไม่ต้องแต่งหน้าหนามากนะครับ คือผมอยากได้แบบบางๆ”ผมก็เป็นผู้ชายนี่นะ จะให้แต่งหน้าเซทผมจัดเต็มเกินไปผมก็ไม่ไหว
“โอเคค่ะ แต่งหน้าหนุ่มๆส่วนมากก็บางเบารองพื้นก็พอค่ะ”เธอพูดยิ้มๆมองผมกับคุณชาย
ผมแค่ทารองพื้นบางเบามากๆเพราะไม่ชอบกลิ่น เซทผมนิดหน่อย ส่วนคุณชายแค่รองพื้นเหมือนกันเพราะบ่นว่าเหม็น แต่จะเสียเวลาตรงที่เขาเซ็ทผมใหม่นี่แหละ ปกติคุณชายจะไว้รองทรงแต่ไม่ได้สั้นเหมือนพวกเด็กๆ ผมของเขาจะยาวหนาหน่อย ปัดหน้าเล็กน้อยทำให้บุคลิกจะออกจะสำราญๆไม่เคร่งขรึมเท่าไหร่ พอมาตอนนี้อยากเปลี่ยนลุคเป็นคุณชายเลยให้ช่างเปลี่ยนทรงเจนเทิลแมนใส่แว็กซ์นิดหน่อยเปิดหน้าผาก ดูให้ความสุขุมหนุ่มลึกขึ้นมาเชียว
แต่งตัวแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยก็เข้าไปที่สตูฯAที่จัดเตรียมไว้ สิ่งที่ผมกังวลก็คือการจัดท่าของผมกับคุณชาย เพราะเขาเสนอว่าจะคิดเอง
“ยืนชิดๆกันหน่อยครับ กี้ขยับใกล้ไอ้ชายอีกนิดนะครับ”นัทยื่นหน้าจากกล้องแล้วขยับมือชี้ให้ผมไปใกล้ๆที่ยืนซ้อนหลังดึงเอวผมมาใกล้ๆ ผมนิ่วหน้ามือมือคุณชายมาเกาะแกะกอดอยู่ที่บริเวณท้องผมเนี่ย
“นี่คุณ อย่ามาจับสิ”ผมดันมือเขาออก
“ไม่เอา จะจับลูกนี่”คุณชายหัวเราะ ผมรู้ว่าเขาแค่อยากแกล้งผมมากกว่าแต่ผมตีหน้าหงุดหงิดก็ไม่ได้
“กี้ ยิ้มหน่อยครับ---ไอ้ชาย มึงไม่ต้องชิดขนาดนั้นก็ได้ ฮ่าๆ เลิกแกล้งได้แล้วไอ้นี่”นัทโผล่มาหัวเราะ คุณชายแค่ขำคิกคักเบาๆเหมือนกลั้นไว้ ผมล่ะอยากเอาช่อดอกไม้ฟาดหน้าคุณชายมันจริงๆ
“ยิ้มหน่อยกี้ ผมไม่แกล้งแล้ว”คุณชายพูดเบาๆใกล้ๆหน้าผม ขยับตัวออกห่างจากผม
เริ่มแรกก็โพสท่าแต่แบบเบสิคๆทั้งนั้น หลังๆชักจะโอบเอวบ้าง นอนตักบ้าง แต่ภาพก็ออกมาดีอยู่ โชคดีที่ผมยิ้มไม่หลอกตาเท่าไหร่ เมื่อเซ็ทแรกเสร็จก็ย้ายไปที่สตูฯข้างๆแทน เพื่อถ่ายชุดไทย สตูฯนี้ไว้ถ่ายชุดไทยโดยเฉพาะ เพราะเครื่องตกแต่งเป็นของโบราณสมัยก่อนทั้งนั้น เซ็ทนี้ถ่ายง่ายหน่อยแค่นั่งๆ ยืนๆข้างกันก็พอ
เมื่อถ่ายเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว นัทเปิดไฟล์รูปในคอมพิวเตอร์จอยักษ์
“อืม....อยากได้โทนไหนวะไอ้ชาย วินเทจหน่อยไหม ช่วงนี้กำลังฮิตเลย—เอ่อ ทุกอย่างดีหมดนะ แต่...”นัทเงยหน้าจากจอคอมฯมามองผมแล้วยิ้มๆ
“อะไร”คุณชายทำหน้าซีเรียส “อย่าว่ากันนะ กี้ดูบวมไปหน่อยนะตรงพุงอ่ะ เข้าใจว่าไอ้ชายมันเลี้ยงดี”ผมยืนนิ่งเหลือบมองคุณชายที่เกาจมูก
“เออๆ ก็อย่าทักสิวะ เดี๋ยวกี้ก็เสียความมั่นใจหมด ปากหมานะมึง แก้ให้ด้วย เดี๋ยวให้โบนัสเพิ่ม”คุณชายทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วเดินไปตบไหล่เพื่อน ชะโงกหน้าไปดูรูปที่จอคอมฯบ้าง
“อืม ได้อยู่แล้วน่า ฮ่าๆ โทษทีนะกี้”
“ไม่เป็นไรหรอก ช่วงนี้อ้วนจริงๆนั่นแหละ”ผมหัวเราะเก้อๆ ไม่ถือสาอะไรแต่ใจแกว่งไปบ้าง จะมาสังเกตุอะไรนักหนานะ ผมเดินไปดูรูปบ้าง นัทกำลังเปิดไฟล์รูปที่ผมยืนหันหน้าไปหาคุณชาย ทำให้เห็นด้านข้าง ด้วยความที่เป็นชุดสูทกั๊กที่เข้ารูปพอดีตัวไปหน่อย ทำให้ท้องมันตึงๆยิ่งหันข้างก็ยิ่งเห็นชัด แล้วนัทก็ซูมภาพมาใกล้ๆ
“ท้องแปลกๆนะ”นัทพึมพำ คุณชายเหลือบมองผมแล้วตบหัวเพื่อนเบาๆ
“จะซูมทำไม ถ้าเรียบร้อยแล้วก็ส่งบิลมาด้วยแล้วกันนะเว้ย กูกลับล่ะนะ”
“เออๆไว้จะโทรไปแล้วกัน...โชคดีนะกี้”นัทโบกมือให้ผมแล้วยิ้มแปลกๆมาให้ ผมแค่ยิ้มเจื่อนไปให้แล้วเก็บของออกไปรอที่รถ คุณชายเดินตามมาทำหน้ามุ่ยใส่
“ปากเสียจริงๆไอ้นัท เฮ้อ มันดูท่าทางสงสัยกี้หลายเรื่องเลย”คุณชายถอนหายใจแล้วเข้ามานั่งที่เบาะคนขับ ผมนิ่งคิด นัทมันจะรู้อะไรหรือเปล่านะ สายตาที่มองผมก็แปลกๆชอบกล ไม่รู้ผมคิดมากเกินไปหรือเปล่า ช่างเถอะ
“อืม ไม่หรอกมั้ง ท้องยังไม่โตขนาดนั้นซะหน่อย”ผมบอกแล้วลูบท้อง คุณชายยิ้มมาให้
“นั่นสิ ช่างมันเถอะ ไม่ต้องคิดมาก ไอ้นัทมันก็เพื่อนผมไม่ใช่คนมีพิษสงอะไร”
ผมแค่เงียบ ผมเองก็ไม่ได้เข้าไปเช็คที่เว็บไซต์ของโครงการวิจัยฯนี้เลยสักครั้งว่า มีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์มากแค่ไหน การทำวิจัยเรื่องผู้ชายอุ้มท้องก็พอจะเป็นที่พูดถึงในคนบางกลุ่มเท่านั้น ผมว่าคนส่วนใหญ่รับรู้และตามข่าว แต่ก็แค่วิจารณ์ไปตามกระแสเท่านั้น ประชาชนส่วนใหญ่คงไม่รับรู้เรื่องนี้มากนัก ส่วนมากเกาะอยู่ที่กลุ่มLGBTมากกว่า ผมเคยเข้าไปดูที่เว็บไซต์ของคนกลุ่มนี้ดู ก็มีการแชร์โครงการนี้ในไซต์ของพวกเขา ไม่ได้มีแค่ในไทยแต่ในเว็บไซต์ต่างประเทศก็เอ่ยถึงเรื่องนี้เหมือนๆกัน
ในเมื่อผู้ชายยังจัดงานแต่งกันได้ตามธรรมเนียมแล้วทำไมความคิดแปลกๆที่ว่าผู้ชายจะสามารถท้องได้ก็น่าจะแวบเข้ามาในหัวสมองบ้างเหมือนกัน
แต่ผมก็ไม่อยากเสียอารมณ์เอาเก็บมาคิดให้วุ่นวายนัก แค่เท่าที่เป็นอยู่ผมว่าผมก็มีความสุขได้ ผมนึกถึงคำพูดของคุณชายขึ้นมาในตอนนั้น คำพูดปลอบใจของเขาช่วยผมได้ดีและคอยเตือนสติผมได้พอๆกับคำของคุณทวด
‘คนเรามีทางเลือกในชีวิตของตัวเองนะกี้ แต่ล่ะคนก็เลือกกันไปตามที่ใจต้องการ ในเมื่อเราเลือกที่จะเดินมาทางนี้แล้ว เราก็ไม่เห็นต้องไปสนใจใคร ไปแคร์คนอื่นทำไมล่ะครับแค่เราอยู่บนทางเลือกของเราแล้วมีความสุขก็พอแล้วไม่ใช่หรอ...’ผมควรต้องขอบคุณคุณชายที่ไม่เคยทิ้งผมไปไหน... ตอนนี้ผมเองก็รู้ซึ้งว่าการมีใครสักคนร่วมชีวิตมันดีแบบนี้นี่เอง ถึงจะเก้อเขินไปบ้าง แต่ผมก็เรียกคุณชายได้เต็มปากว่าเขาเป็น
“คนรัก”ของผมได้
-สัปดาห์ที่ 16 (4เดือน)ระยะครรภ์ผ่านมาได้ 16สัปดาห์ ตอนนี้ก็ผมตั้งท้องได้4เดือนเต็มแล้ว ท้องผมโตยื่นออกมาจนสังเกตุเห็นได้ชัดเจนต่อให้ใส่เสื้อตัวใหญ่ก็เห็นอยู่ดี เมื่อท้องโตแบบนี้ผมต้องเปลี่ยนท่านอนเป็นตะแคงซ้ายแทน มีหมอนนุ่มๆไว้รองท้องเพื่อช่วยรับน้ำหนักท้องและไม่ให้ท้องโย้ลงต่ำมากไป แม่เองก็คอยให้คำปรึกษาคอยช่วยดูผม แนะนำกับคุณชายตลอด
และที่ทำให้ผมตื่นเต้นก็คือผมสามารถรับรู้ถึงการขยับดิ้นของลูกได้แม้จะเล็กน้อย เหมือนโดนปลาตอดตุบๆ มันค่อนข้างให้ความรู้สึกแปลกประหลาดระคนปลื้มใจ อย่างน้อยผมก็รู้สึกถึงลูกได้อย่างชัดเจนมากขึ้น คุณชายจะย้ำเสมอว่าหากลูกดิ้นให้รีบเรียกเขาทันทีเพราะเขาจะคอยมาคุยกับลูกไปด้วย แต่ก็ในระยะนี้แค่ขยับตัวเล็กน้อยเป็นครั้งคราวเท่านั้น
ส่วนอาการแพ้ท้องของผมเริ่มลดลงไปทีล่ะน้อยเหมือนที่แม่ผมบอกไว้ตอนแรกว่าจะแพ้หนักแค่ช่วงสามเดือนแรก ร่างกายของผมเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แม้ผมจะทานวิตามินเสริมตามที่หมอภูมิให้มา แต่ก็มีอาการแน่นท้องกับท้องผูกบ่อยขึ้น จนคุณชายต้องไปซื้อผักผลไม้มาตุนไว้เพิ่มไฟเบอร์ให้ผมซะเต็มตู้เย็น
นับวันคุณชายก็ยิ่งทำให้ผมประทับใจมากขึ้น ระยะนี้ผมเริ่มมีอาการบวมหลังเท้าพวงมาด้วย มีเส้นเลือดขอดให้เห็นบ้างตามขา เพราะต้องรับน้ำหนักท้องอีก คุณชายเลยเป็นห่วงคอยนวดให้ผมบ่อยๆเวลานั่งดูหนังที่โซฟาคุณชายจะนวดขาให้ผม ในทุกๆวันแค่เขาเอาใจใส่ผมแบบนี้ ผมก็รู้ว่าเขาเป็นห่วงและรักผมจริงๆ
“เป็นไงบ้าง สบายไหมกี้”คุณชายถามเงยหน้ามามองผม ตอนนี้เขานั่งด้านล่างนวดบริเวณหัวเข่าไล่จนถึงขาหนีบ
“อื้ม ดีขึ้นเยอะเลย ขอบคุณนะครับ ดูแลผมดีขนาดนี้ ผมคงต้องหารางวัลให้แล้วมั้งครับ”ผมหัวเราะ แล้วส่งยิ้มให้เขา พอผมพูดจบเท่านั้นคุณชายรีบถามทันที “ดีเลยครับ รางวัลอะไรเอ่ย”
“...ไม่บอก ไว้รอคิดทบต้นทบดอกทีเดียวเลยดีกว่า”ผมยิ้มให้เขา แล้วดึงมือเขาไว้แล้วดึงแขนให้คุณชายลุกมานั่งข้างๆกัน
“จริงนะครับ พูดแล้วอย่าคืนคำก็แล้วกัน ไม่งั้นผมโกรธจริงด้วย”คุณชายขมวดคิ้วแกล้งทำดุ ยื่นหน้ามาใกล้ๆผมแล้วจ้องตา
“ผมพูดจริงน่า คำไหนคำนั้น”ผมยิ้มนิดๆ คุณชายหรี่ตามองหน้าผมอย่างจับผิด
“...พูดเองนะ อีกอย่างผมมีพยานนะจะบอกให้ ใช่ไหมเอ่ย ลูกจ๋า”คุณชายเลื่อนมือมาวางที่ท้องของผมแล้วลูบๆ ผมขำหึๆในใจ แต่แล้วชั่วขณะนั้นผมก็รู้สึกเหมือนหนังท้องกระตุกๆ
“นี่คุณ ลูกดิ้นด้วยแหละ คุณรู้สึกไหม”ผมทำเสียงตื่นเต้น เพราะมือคุณชายยังวางอยู่ที่ท้องผมอยู่ เขาทำหน้าตื่นๆแล้วขยับมามองใกล้ๆ
“จริงด้วยครับ ตุบๆเมื่อกี้ ฮ่าๆ ผมว่าลูกต้องรู้แน่ๆเลย”คุณชายยิ้มกว้างแล้วกอดผมหลวมๆไว้
“ผมก็ว่าใช่นะ เราไปเยี่ยมคุณทวดดีไหม ผมว่าท่านคงเหงานะ”ผมโพรงขึ้นมา อยากให้คุณทวด คุณหญิง คุณพ่อความดันขึ้นเล็กๆดูบ้างกับเจ้าตัวน้อยของผม
“อืม นั่นสิครับ ผมอยากให้คุณย่ามาเห็นซะบ้าง ท่านจะได้ใจอ่อนเห็นเหลนดิ้นไง”