ตอนที่12 -สัปดาห์ที่ 12
นับจากวันที่ผมกลับจากงานเลี้ยงรุ่นนั้นผมต้องเตรียมตัวถ่ายพรีเวดดิ้ง อันที่จริงก็แค่เลือกชุด ไหนจะเลือกโลเคชัน อันที่จริงผมยังไงก็ได้ แต่คุณชายเรื่องมาก แม่ผมดันเข้าข้างคุณชายซะอย่างนั้น
"รูปวันแต่งงานมันจะอยู่ไปอีกนานเลยนะ จะถ่ายก็จัดเต็มไปเลยสิ”แม่บอกขณะที่หยิบนิตยสาร Pre-wedding ชายกับชายมาเปิดดู แล้วชี้นั่นชี้นี่กับคุณชายสองคน
"เห็นไหมกี้ มันไม่ได้ยุ่งยากขนาดนั้นเสียหน่อย"คุณชายบอก
"ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา"ผมยิ้มบางๆก่อนจะดูชุดที่คุณชายยื่นมาให้ดู ผมตั้งใจจะถ่ายเป็นสองเซ็ท เซ็ทแรกคือถ่ายที่สตูดิโอ เครื่องแต่งกายก็สูท กับชุดไทย เซ็ทที่สองก็เป็นถ่ายนอกสถานที่แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าเป็นที่ไหนดี เห็นคุณชายแย้มๆมาว่าไปถ่ายในสวนที่บ้าน
ผมเข้าไปชาขิงร้อนๆให้ตัวเอง ขณะที่กวักมือเรียกแม่ที่กำลังสนอกสนใจกับนิตยสารอยู่ จนกระทั่งแม่เงยหน้ามาทางครัวพอดี แม่ลุกเดินมาหาผมปล่อยให้คุณชายนั่งจมอยู่กับกองหนังสือไป
“มีอะไร ทำลับๆล่อๆนะแก”
“ถ้าถ่ายพรีเวดดิ้งเสร็จแล้ว ผมอยากขอ เอ้ย อยากให้แหวนคุณชายน่ะ สงสารเขานะ อุตส่าห์ให้แหวนผมตั้งแต่ที่ชะอำแล้วอ่ะ”ผมกระซิบบอกแม่ที่ทำหน้ายิ้มแล้วหันไปมองคุณชาย
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ อยากให้แหวนแทนใจไอ้ชายมันหรือไง เอาของพ่อไปสิ..."
“เอาแบบนั้นหรอแม่”
“เออ พ่อแกก็ไม่อยู่แล้วจะเก็บแหวนไว้ให้ใคร... ถ้าเป็นแกฉันก็ไม่ห้ามหรอก ทำตามใจตัวเองเถอะ แกโตแล้วนี่”แม่ยิ้มแล้วมองชาขิงที่วางอยู่
“แม่ คือว่า... ผมไม่ค่อยเก่งเรื่องโรแมนติกหรือเซอร์ไพร์เลย”
“ไอ้ชายน่ะเหรอ แกทำให้มันก็ชอบทั้งนั้นแหละ ไม่เซอร์ไพร์ก็เหมือนเซอร์ไพร์ ถ้าคิดไม่ออกจริงๆเดี๋ยวแม่ช่วย ตอนนี้ก็ทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีก่อน”แม่ยิ้มก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อสำรวจว่าของสดของแห้งขาดเหลืออะไรหรือไม่
“ครับแม่”ผมยิ้มบอก แล้วหยิบจานผลไม้ที่วางอยู่ที่บนโต๊ะอาหารถือติดมือไปด้วย ผมเดินวางไว้ที่โต๊ะ คุณชายเงยหน้ามองผม
“ทานผลไม้เย็นๆก่อนสิคุณ ไม่ต้องรีบหรอก มีเวลาเหลือเฟือ”ผมบอกแล้วหยิบส้อมคันเล็กจิ้มไปที่สับประรดมาหนึ่งชิ้น ก่อนจะยื่นไปข้างหน้าเบื้องหน้าคุณชาย เขาละสายตาจากนิตยสารแล้วเงยหน้ามองสับประรดในมือผมก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาแล้วยื่นหน้าอ้าปากกัดสับประรดไปจนหมด ผมขำหึแล้วหันมาจิ้มแอปเปิ้ลให้ตัวเอง
“อืม กำหนดวันเวลาเลยไหมกี้ จะได้มีเวลาเตรียมตัว”
“อีกอาทิตย์หน้าเลยครับ ไม่อย่างนั้นท้องจะโตกว่านี้”ผมพูดหลังจากที่เคี้ยวชิ้นแอปเปิ้ลหมดแล้วยกแก้วน้ำเสาวรสมาดื่มอึกๆ
“โอเค ครับ ผมได้ชุดแล้วนะ กี้ชอบไหม”คุณชายถือหนังสือเดินมานั่งข้างๆผม แล้วยื่นให้ดู มีหูกระต่ายกับเสื้อกั๊กสีชมพูอ่อนส่วนเชิ้ตกับกางเกงสีขาว ซึ่งดูไม่หวานแหวจนเกินไป ผมก็โอเค
“ชอบครับ น่ารักดี ”ผมยิ้มก่อนจะเลื่อนไปดูชุดไทย ที่เป็นเสื้อสีขาวกับโจงกระเบนสีน้ำตาลกับม่วงตามสมัยนิยมในรัชกาลที่5 เมื่อตกลงกันได้คุณชายก็หันมาสนใจท้องผมแทน ยื่นมือมาจับแล้วพูดกับท้องของผม ซึ่งตามที่หมอภูมิได้ชี้แจงไปคราวนั้น ตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์สามารถได้ยินเสียงแล้ว
“กี้ต้องคุยกับลูกบ้างนะครับ ผมอ่านในคู่มือมา เหมือนเป็นการแสดงความรักต่อลูกไง”คุณชายยิ้มมองหน้าผมแล้วเอื้อมมาจับมือข้างซ้ายที่มีแหวนอยู่ เขาลูบแหวนบนนิ้วนางนั้นแผ่วเบา
“มีอะไรหรือครับ”ผมถาม มองคุณชายที่สายตาเหม่อเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“ผมแค่คิดภาพวันแต่งงานของเราครับ ผมคงมีความสุขมากแน่ๆ”คุณชายหัวเราะเสียงเข้ม ผมยิ้มแล้วเปลี่ยนพลิกไปสัมผัสอุ้งมืออุ่นๆของเขาแทน
“รออีกหน่อยสิครับ ไม่นานเกินรอ”ผมยิ้มกว้าง ผมจะรอวันที่สวมแหวนให้คุณชาย
เมื่อพูดถึงเรื่องแต่งงานก็นึกถึงเรื่องของคุณย่า ท่านหายเงียบ ไม่ได้ติดมาที่คุณชายเลยตั้งแต่วันนั้น ยกเว้นฝ่ายคุณพ่อกับคุณหญิงก็คอยโทรมาพูดคุยกับผมบ้างคุณชายบ้างเรื่อยๆ คุณทวดท่านก็บ่นคิดถึงผมอยากเจอหน้าผมแล้วก็อยากเห็นท้องผมว่าโตขึ้นแค่ไหนแล้ว ท่านเป็นคนน่ารักและจิตอารีมากจริงๆ
..
.
เป็นอีกสัปดาห์ที่ผมกับคุณชายรอคอย เมื่ออายุครรภ์ของผมมาถึงสัปดาห์ที่ 12 (3เดือน) ก็ได้กำหนดการตรวจครรภ์ แต่ที่สร้างความตื่นเต้นให้แก่ผมและคุณชายรวมไปถึงบรรดาคุณแม่ยาย แม่ย่า จนกระทั่งคุณทวดก็ตามที คือการรู้เพศของลูกผมต่างหาก การตรวจอัลตร้าซาวด์ปกติผ่านหน้าท้อง ใช้เวลานานก็ปกติเพื่อทำการระบุเพศ
สรุปแล้วผลที่ได้ออกมาคือ........
ผู้หญิง
ผมรู้สึกเต็มตื้นอย่างประหลาด จะเรียกว่าดีใจจนล้นปรี่ก็ไม่ใช่ จะตื่นเต้นเกินเหตุก็ไม่เชิง คุณชายท่าทางจะดีใจมากจนพูดไม่ออก เขาแค่ยิ้มแล้วสวมกอดผมอย่างซึ้งใจ ผมว่าก็ดีแล้วที่มีลูกผู้หญิงท่าจะเลี้ยงง่าย ที่สำคัญเป็นเพศที่ผมจะไม่เป็นกังวลกับความเป็นไปของลูกน้อย.... ผมก็คิดมาก ถ้าหากลูกเกิดมาเป็นผู้ชาย เขาอาจจะเป็นอย่างผมหรือเปล่า เฮ้อ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รักลูกที่เกิดมาอยู่ดี
พอกลับจากศูนย์วิจัยแล้วคุณชายโทรสายตรงไปรายงานคุณพ่อคุณแม่ของเขา วีดีโอคอลหากันเลยที่เดียว เหมือนว่าฝ่ายนั้นจะลุ้นอยู่เหมือนกัน พอคุณชายบอกว่าผู้หญิงเท่านั้น ผมได้ยินเสียงเฮร้องดีใจมาจากโทรศัพท์
ผมมีความสุขกว่าทุกครั้งเลยทีเดียว
หลังจากที่ผ่านการอัลตร้าซาวด์ไปได้หนึ่งวัน คุณชายก็ชวนผมไปซื้อเครื่องใช้ของเด็กทารก ผมเองก็ไม่ได้ขัดอะไรเพราะนั่งๆนอนๆอยู่แต่ในบ้านก็ทำให้เบื่อ ผมสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นที่ไซน์ใหญ๋กว่าเดิมเพื่อปกปิดท้องที่ป่องออกมาแล้ว ถ้าหากมองอยู่หลายวินาทีล่ะก็ ...คงต้องเห็นโครงร่างของท้องที่มีลักษณะต่างจากการลงพุงมากเลยทีเดียว แต่ผมก็ไม่สนใจเท่าไหร่
เมื่อถึงห้างสรรพสินค้า ผมกับคุณชายก็ไปยังโซนของเด็กอ่อน ส่วนมากที่จะซื้อเข้าบ้านก็จะเป็นผ้าอ้อม ขวดนม เบาะนอน พวกข้าวของจำเป็นสำหรับการเลี้ยงลูก
“ผมว่าซื้อของเล่นไปเลยไหมกี้”คุณชายชี้ไปที่ม้ากระดกที่มีลวดลายน่ารักสีน้ำตาลอ่อน
“ซื้อไปเก็บไว้เลยก็ได้ จะได้ไม่ต้องมาซื้ออีกรอบให้วุ่นวาย”คุณชายยิ้มแป้น ทำอย่างกับมาจะเอามาเล่นเองอย่างนั้นแหละ ผมขำในใจขณะที่มอคุณชายหยิบม้ากระดกมาใส่รถเข็น ผมเดินไปดูของเล่นที่เสริมพัฒนาการของเด็ก 1-7 เดือน
ระหว่างนั้นมีคุณแม่เข็นเด็กน้อยเดินดูของเล่นอยู่ที่ชั้นฝั่งซ้าย เด็กน้อยประมาณ5เดือนส่งเสียงอ๊อแอ๊ะ ยิ้มแป้นน่ารักจ้ำม่ำ คุณชายหันไปมองอย่างสนใจ แววตาเป็นประกาย ในขณะที่คุณแม่กำลังเลือกของ คุณชายก็เดินไปนั่งยองๆลงตรงหน้าเด็กน้อย ถือพวกกระดิ่งสีสันสดใสที่หยิบมาจากชั้นแล้วสั่นเบาๆ
“ไงครับหนูน้อย กรุ้งกริ้งๆๆๆ”คุณชายส่งยิ้มใจดีปานคุณพ่อไปให้เด็กน้อยที่มองตอบมาด้วยแววตาใสแจ๋ว ผมยืนมองอยู่ห่างๆ แต่ทว่า
“ฮึ ...อืออ แงงง”เด็กน้อยปัดป่ายมือคุณชายออกไปแล้วร้องงอแงเสียงดังทำให้คุณแม่หันมามองด้วยความตกใจ รีบเข้ามาดึงรถเข็นออกห่างจากคุณชาย “อ้าว” เจ้าตัวทำหน้าเหรอหรา
“นี่คุณ! ทำบ้าอะไรกับลูกฉันห๊ะ ออกไปๆ!—เป็นอะไรจ๊ะลูก โอ๋ๆ เดี๋ยวแม่พาไปที่อื่นนะ ตรงนี้มีคนนิสัยไม่ดีอยู่”ว่าแล้วก็ส่งสายตาไม่พอใจให้คุณชายที่ยืนถอยกลับมาหาผม
ผมหัวเราะเขาเสียงดัง “ฮ่าๆ เด็กกลัวคุณ แล้วแบบนี้จะเลี้ยงลูกได้หรอครับ”คุณชายวางของลงบนชั้นแรงๆ เหลือบตามองผมเหมือนงอน
“โธ่กี้ ทำผมเสียความมั่นใจหมด เด็กน้อยนั่นไม่มีอารมณ์ขันเลย—นี่ถ้าหนูออกมาพ่อจะเล่นด้วยทุกคืนเลยน้า”คุณชายเปลี่ยนมาก้มตัวพูดกับท้องของผมด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“หึๆ ตอนนี้ลูกไม่ได้ยินหรอกน่า”ผมผลักหน้าเขาออก ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นสายตาของคนรอบข้างที่เดินมาดูของจ้องมองมาที่ผมกับคุณชายแปลกๆ ผมแค่ดึงแขนคุณชายให้เดินไปที่ล็อคอื่นแทน คุณชายหัวเราะเบาๆแล้วดันรถเข็นเดินไปอีกทาง
“คุณอายหรอไงกี้”
“เปล่าซะหน่อยนี่ ผมแค่ขำคุณน่ะ ทำท่าทางแบบนั้นตลกจะตาย”ผมว่าแล้วจับแขนเขาไว้เพื่อหยุดดูของ ผมจับโมบายล์ที่ห้อยรูปสัตว์น่ารักๆมาดูแล้วยิ้ม
“น่ารักดีนะ ผมจำได้ว่า ถ้าเอาไปติดกับเปลเด็กเนี่ย จะช่วยให้เด็กผ่อนคลายอารมณ์ดี ผมอยากให้ลูกเราอารมณ์ดีเหมือนผมไง”
“อืม เอาแบบพอดีๆนะไม่ล้นเหมือนคุณ”ผมหัวเราะแล้วหยิบมาใส่รถเข็น อารมณ์ของผมตอนนี้คงที่ดีตั้งแต่กลับมาจากงานเลี้ยงไม่หงุดหงิดโมโหง่ายเหมือนเคย เพราะคุณชายเอาใจใส่มากขึ้นแล้วผมก็ทำใจให้สบายมีความสุขเปิดรับสิ่งที่คุณชายทำให้ผมมากขึ้น ก็พลอยทำให้ผมผ่อนคลายมีความสุขมากกว่าช่วงก่อนๆ แน่นอนว่าผมนึกถึงคำพูดของคุณทวดอยู่เสมอ ผมจึงใจเย็นขึ้นมากกว่าเดิม
“ฮ่าๆ ทำไมครับเหมือนผมไม่ได้ดีหรือไง มีสีสันดีนะครับ นึกถึงเสียงของเด็กเล็กๆหัวเราะลั่นบ้านนี่ก็ชโลมใจดี”คุณชายพูดเสียงใส แล้วเดินจับนู่นจับนี่ดูไปด้วย ก่อนจะหยิบตุ๊กตาแมวมีเสียงเหมี๊ยวๆขึ้นมาดู
“เหมือนคุณเลยกี้”คุณชายยื่นมาใกล้หน้าผมแล้วยิ้ม ผมย่นหน้าจับตุ๊กตาแมวสีขาวหน้าแป้นเร้นมามอง
“เหมือนตรงไหนกัน”ผมจับบีบๆดูขนสั้นๆนิ่มๆ “ก็น่ารักดีไง กี้ออกจะน่ารัก”คุณชายพูด ผมเหลือบมองเขาผงะไปเล็กน้อย
“น่ารักบ้าอะไรกัน ผู้ชายไม่น่ารักหรอก”ผมย่นจมูกแล้วเดินหนีเขาไปดูของอย่างอื่นแทน เหลียวมองไปดูคุณชายมันกวนหยิบตุ๊กตาแมวสีขาวมาเป็นกอบเป็นกำใส่รถเข็นจนเกือบล้นแล้วหันมายิ้มให้ผมสายตาแพรวพราว ผมเดินหน้าร้อนผ่าวมาทางโซนเสื้อชุดผ้าป่านสำหรับเด็ก ผมจับมาดูสองสามตัว เป็นชุดผ้าป่านผูกหน้าสีฟ้าอ่อนธรรมดาๆ
คุณชายเดินเข็นรถเข็นมาถึงจุดที่ผมอยู่ เขาเดินมายืนเลือกข้างๆ
“เพิ่งเห็นกี้เขินนะเนี่ย ว้าวเซอร์ไพร์จัง”คุณชายหัวเราะ ผมมองหน้าเขาบ้างเห็นว่าหูแดงก่ำเชียว หึ อ่อนจริงๆ มาว่าผมตัวเขาเองก็เขินผมเหมือนกันนั่นแหละ ผมเบ้ปาก
“ของที่อยากได้ครบหรือยังครับเนี่ย”ผมไม่สนใจแล้วชะโงกหน้าไปมองของในรถเข็น สำรวจของใช้
“น่าจะครบแล้วล่ะครับ ...อยากได้อะไรอีกหรือเปล่า”คุณชายถาม ผมหยิบชุดผ้าป่านมัสลินสำหรับเด็กผู้หญิงมาสี่ห้าตัว
“อืม... ไปซื้อนมเพิ่มแล้วก็ผลไม้สักหน่อยแล้วกันครับ”ผมบอกเขา ขณะที่เดินมองไปรอบๆตัว
“เราน่าจะมาช็อปปิ้งด้วยกันอาทิตย์ละครั้งนะครับ อบอุ่นดี ผมชอบ”คุณชายเข็นรถเข็นมาใกล้ ผมก็เห็นด้วยกับที่เขาพูดนะ หาเวลาสร้างความคุ้นเคยให้กันมากขึ้นในหลายๆด้านและเปิดใจเรียนรู้อีกฝ่าย
“ก็ดีเหมือนกันนะ ถ้าผมไม่อู้ ก็จะแวะมาอาทิตย์ละครั้ง ผมว่ามันก็ผ่อนคลายได้ดีทีเดียว”
คุณชายแค่ฟังแล้วยิ้มกับตัวเอง แล้วเดินชั้นสองเพื่อดูของสด ส่วนใหญ่จะเป็นผักผลไม้ที่ให้พลังสูง ไฟเบอร์เยอะๆเพราะผมจะมีอาการท้องผูกบ่อยครั้ง จากนั้นก็ไปชำระเงินเรียบร้อย แล้วก็กลับบ้าน
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมกับคุณชายมีความสุขจริงๆ ไม่มีเรื่องอะไรมาขัดใจให้น่าปวดหัว เมื่อมาจอดรถบริเวณหน้าบ้าน ผมก็แปลกใจที่แม่มีแขกมาหา
“ใครมาหาแม่กัน”ผมขมวดคิ้วมองรถเก๋งสีดำเงาวับ ผมลงจากรถ ช่วยคุณชายถือของแต่เขาให้ผมถือแค่ของเบาๆนอกเขาหอบหิ้วเข้าไปในบ้านเอง
เมื่อเดินมาถึงในตัวบ้าน ผมก็เห็นว่าแม่กำลังคุยกับผู้ชายวัยเดียวกัน แต่ก็ต้องขมวดคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นว่าห้องนั่งเล่นของบ้านเปลี่ยนไป ปกติจะมีโซฟาสองตัวกับโต๊ะกาแฟตัวเตี้ยวางอยู่ตอนนี้กลายเป็นว่าโต๊ะเตี้ยหายไป กลับกลายมีพื้นเบาะบางๆวางปู กับเด็กน้อยเพศชายหน้าตาจิ้มลิ้มผิวขาวอมชมพูนั่งปุกอยู่กับพื้นในมือถือตุ๊กตายางมีเสียงไว้ในมือ
ผมกลับคุณชายชะงักมองไปรอบๆบ้านอย่างงงวย
“มาพอดีเลยแกสองคน นี่คุณธนัยรุ่นพี่ที่ทำงานแม่เอง ....นี่ไงคะไอ้กี้ลูกของดิฉันเอง แล้วนั่นไอ้ชายเพื่อนไอ้กี้มัน”ผมกับคุณชายยกมือสวัสดี คุณธนัยด้วยความนอบน้อม
“สวัสดีครับ น่าตาดีเหมือนแม่เลยนะเรา...”คุณธนัยรับไหว้แล้วหันกับแม่มาหัวเราะเบาๆ ผมมองคุณธนัยรุ่นพี่ที่ทำงานของแม่ อายุน่าจะมากกว่าแม่ผมไม่เท่าไหร่น่าจะเกินห้าสิบไปแล้ว แต่หน้าตาและผิวพรรณยังไม่มีร่องรอยความสูงวัยมากนัก ผมสีดำที่ถูกย้อมเซ็ทมาอย่างดีตามประสาคนมีเงินและดูแลตัวเองอย่างดี แม้ว่าจะมีอายุแต่ก็บ่งบอกว่าผู้ชายวัยกลางคนคนนี้หน้าตาหล่อเหลาไม่เบา
ผมแปลกใจนิดหน่อยว่าเด็กน้อยน่ารักนั่นเป็นลูกหรือหลาน ผมกับคุณชายวางของลงที่บริเวณตู้โชว์ ฝ่ายคุณธนัยมองข้าวของที่ผมซื้อมาอย่างแปลกในระคนสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา
“อ้อ เรื่องน้องวีน่ะเหรอคะ วางใจได้...กี้ ไอ้ชาย มานี่ก่อนสิ”แม่กวักมือเรียก ผมกับคุณชายเดินมานั่งข้างๆผู้เป็นแม่ เด็กน้อยที่นั่งเล่นอยู่บนพื้นส่งเสียงหัวเราะยื่นไม้ยื่นมือออกมาข้างหน้า แขนอ้วนสั้นมีเนื้อชี้มาทางผมแล้วยิ้มเห็นเหงือกชมพูน่ารักส่งเสียงหัวเราะออกมาเต็มเสียง คุณธนัยก้มมาคุยกับเด็กน้อยงุ้งงิ้งและคอยจับตัวลูกน้อยไว้เพราะกลัวว่าจะล้มคะมำเข้าเสียก่อน
“มีอะไรเหรอแม่”
“คือแบบนี้... พอดีว่าคุณธนัยต้องไปทำธุระกับแม่น่ะ แต่ว่าเอาน้องวีลูกชายไปด้วยไม่ได้ แม่ก็เลยอยากจะให้แกสองคนช่วยดูแลน้องวีหน่อย”แม่บอกผมแล้วจับแขนผมเบาๆ
“ถือว่าช่วยลุงหน่อยก็แล้วกันน่ะครับ ตอนแรกว่าจะพาน้องกลับไปที่บ้านแต่ก็ว่าไกล เดี๋ยวไม่ทันเวลาธุระ อีกอย่างพี่เลี้ยงน้องวีเข้าไปหาหมอวันนี้ด้วย ก็เลยอยากรบกวนกี้กับชายช่วยดูแลน้องหน่อย”
“....เอ่อ ”ผมมองหน้าแม่ที่พยักหน้าให้ผมเบาๆก่อนจะหันไปมองน้องวีที่พยายามจะหยิบลูกบอลสีแดงเล็กๆแต่เพราะทรงตัวได้ไม่ดีเลยทำให้เอนไปด้านข้าง
“ได้อยู่แล้วครับ ผมช่วยดูน้องวีได้”คุณชายรีบพูดทันที คุณธนัยยิ้มรับเหมืองโล่งอกที่หาทางออกให้กับลูกชายของตนเองได้ คุณชายสะกิดผมเบาๆ “ผมเองก็ว่างๆอยู่แล้วครับ ไม่ต้องห่วงนะครับคุณลุง”
“น้องเลี้ยงไม่ยากหรอก เพิ่ง7เดือนเอง ฮ่าๆ อารมณ์ดีมาก ไม่ค่อยจะกลัวคนแปลกหน้าเลย”คุณธนัยยิ้มบอก ก่อนจะลุกเดินไปอุ้มน้องวีขึ้นมายืนเหยียบที่หน้าขาของตนเองแล้วหอมแก้ม
“แม่ไปไม่นานหรอก ...ถือว่าซ้อมไปในตัวไง”แม่ป้องมือมากระซิบ ผมหัวเราะเบาๆ แล้วเข้าไปรับน้องวีเมื่อคุณธนัยอุ้มลูกชายมาให้ผม น้องวีไม่ลังเลจะยื่นมือมาหาผมเลย แววตาใสแจ๋วกับปากที่ขยับพูดได้ไม่ชัดและเป็นคำๆ จำความได้แค่ ปะ ปา หม่ำๆ แค่นี้เอง
“ฮึ้บ ไงครับน้องวี”ผมอุ้มมานั่งบนตัก ตัวหนักดีเหมือนกัน เด็กน้อยยิ้มหัวเราะตามประสาเด็ก นิ้วมือน้อยๆดึงนิ้วชี้ผมเข้าไปในปาก คุณชายนั่งมองด้วยสายตาเอ็นดู
“น้องน่ารักดีนะครับ... ไว้ใจได้เลยแม่ ลุงธนัย ผมจะดูแลอย่างดีเลยครับ”ผมยิ้มบอก แม่กับคุณธนัยรวบกระเป๋าเอกสารสีกรมท่าขึ้นมาถือไว้
“ฝากด้วยนะจ๊ะ แม่ไปล่ะ”แม่ยิ้มยื่นมือมาจับแก้มยุ้ยของน้องวี ส่วนคุณธนัยก็หยิบกล่องพลาสติกมีหูถือมาวางบนโต๊ะคาดว่าน่าจะเป็นกล่องบรรจุขวดนมแล้วก็เสื้อของน้องวี
“ไปนะครับตัวน้อย อย่าดื้อน้า”คุณธนัยพูดกับลูกชายแล้วที่ยื่นมือไปหาก่อนจะเงยหน้ามาส่งยิ้มให้ผมกับคุณชายก่อนจะเดินออกไปด้านนอก
....
....
คุณชายเดินเอาของสดไปเก็บในตู้เย็น ขณะที่ผมนั่งเล่นกับน้องวี เด็กคนนี้น่ารักมาก เจ้าเนื้อจ้ำม่ำเรือนผมเส้นเล็กเป็นกลุ่มนุ่ม ที่สำคัญยิ้มเก่งด้วย เวลาคุยด้วยก็จะส่งเสียงคิกคักมือไม้ปัดป่ายมาข้างหน้าเพื่อจับหน้าจับแขนคนพูด
“ปะ...หม่ำๆๆ”เด็กน้อยอยู่ไม่สุขปีนป่ายไปอยู่บนตักของผม วัยกำลังซนเลยแฮะ คุณชายที่เดินถือตุ๊กตาหมูมาตัวนึง
“ว่าไงครับ อ้วนเป็นหมูอู๊ดๆเลย”คุณชายเดินมาตรงหน้าผม แล้วทำเสียงร้องเหมือนหมูให้น้องวีฟัง เด็กน้อยหันไปสนใจคุณชาย หัวเราะออกมาเล็กน้อย ผมจับช่วงตัวของน้องวีไว้ยืนบนตักผม เด็กน้อยเอนไปด้านหน้า ยื่นมือเล็กๆไปจับหน้าคุณชาย กระทืบขาไปมาหัวเราะลั่นอย่างชอบใจ อารมณ์ดีจริงๆด้วย หัวเราะที่เห็นเหงือกน้ำลายไหลเลยทีเดียว คุณชายเอื้อมหยิบผ้าเช็ดหน้าในกล่องมาให้ผม แล้วเช็ดคราบน้ำลายออกจากแก้มของน้องวี ที่เริ่มอยู่ไม่สุขอยากสำรวจสถานที่ใหม่ ผมปล่อยน้องวีให้ไปนั่งบนเบาะที่ปูไว้
ผมไม่รู้ว่าน้องวีหิวหรือเปล่า แค่พูดว่าหม่ำๆอย่างเดียว จากนั้นก็นั่งเล่นของเล่นจนเพลิน
“จ๊ะเอ๋”คุณชายยื่นหน้าไปใกล้แล้วเอามือปิดหน้า ไม่น่าเชื่อว่าเด็กน้อยจะชอบมุกเล่นแบบนี้เพราะน้องวีหัวเราะเอื้อมมือไปจับแขนคุณชายไว้
“เล่นกับน้องไปก่อนนะ เดี๋ยวผมไปเตรียมข้าวกลางวันให้น้องก่อน ไม่รู้ว่าทาอะไรได้บ้าง”ผมบอก คุณชายพยักหน้าแล้วคว้าตัวน้องวีมาอุ้มเล่น ผมเดินไปที่ครัว คงจะทานได้แต่อาหารอ่อนๆฟันยังไม่ขึ้นเลย ผมเดินไปหยิบหนังสือคู่มือที่วางอยู่หลังตู้เย็นมาเปิดอ่าน เผื่อจะเจอข้อมูล ในนั้นแนะนำเมนูง่ายๆมาสองสามอย่าง แต่บางเมนูในตู้เย็นไม่มีของสดจำพวกนั้น ที่พอจะทำได้มีแค่ข้าวบดปลาทูฟักทอง โชคดีที่คุณชายหุงข้าวไว้ไม่แข็ง ยังนิ่มๆอยู่ ผมไม่มั่นใจว่าตัวเองจะแพ้ท้องคลื่นไส้อีกหรือเปล่า ผมต้มฟักทองไว้ในหม้อ จากนั้นก็มาทอดปลาทูจนสุก รู้สึกเหม็นขึ้นมา คุณชายเดินมาหา
“ให้ผมทำดีกว่าไหม กี้ไปดูน้องวีดีกว่านะ”คุณชายเดินมาเปลี่ยนที่กับผม
“ดูวิธีตามในหนังสือ ไม่ยากหรอก”ผมชี้ไปในหนังสือ คุณชายหยิบมาดูแล้วหันไปสนใจปลาทูในกระทะ ผมเดินหนีออกมา รู้สึกพะอืดพะอมเลยหยิบพิมเสนมาดม ทานยาแก้เวียนหัวหนึ่งเม็ด
ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆน้องวีที่นั่งปุกจับตุ๊กตาแมวขนนิ่มโยนไปมาแล้วหัวเราะคนเดียว ผมตระครุบตุ๊กตาแมวที่กลิ้งมาทางผม
“เมี้ยวๆ แมวอยูทางนี้”ผมทำเสียงเล็กๆ แล้วบีบตุ๊กตาที่ส่งเสียงเหมี๊ยวๆออกมา เด็กน้อยยิ้มชี้มือมาทางผมแล้วพยายามคลานมาหาผมแต่ล้มเอนไปด้านข้าง ผมเลยเข้าไปอุ้มมาวางตรงหน้าผม น้องวีเงยหน้ามองผมมือข้างนึง ล้วงอมในปากก่อนจะยื่นมืออีกข้างมาจับจมูกผม
ซึ่งผมก็เข้าใจว่าเด็ก7ขวบเริ่มมีพัฒนาการในการสำรวจร่างกายของผู้เป็นแม่ พี่เลี้ยงหรือคนใกล้ตัวแม้กระทั่งสนใจของตัวเอง
“ว่าไงครับ นี่ใครเอ่ย”ผมยิ้มใจดีแล้วยื่นห้าไปใกล้ เด็กน้อยยิ้มจนตาปิดยื่นมือมาจับแก้มผมแทน ส่งเสียงอ๊อแอ๊ะพยายามพูด
“มา... มะ”น้องวีขยับปากพูด ยิ้มจนน้ำลายไหลออกมาอีกแล้ว ผมเช็ดน้ำลายออก “...มะมา หม่ำๆๆ”ผมเลิกคิ้วสงสัย น้องวีพยายามจะพูดอะไร คงไม่ใช่มะม๊าหรอกนะ ไม่งั้นผมโดนคุณชายมันล้อตายเลย
“หิวแล้วหรอครับน้องวี นี่พี่กี้นะครับ”ผมพูดบอกให้ฟังชัดๆ
“หม่ำๆ... ”เด็กน้อยพูดก้มมองของเล่นในมือ แล้วเงยหน้ามองผม “มา ..มะ”
“หืม.....เรียก กี้สิครับ”ผมพูดชัดๆช้าๆ ให้น้องวีฟัง “มะ มา ”
“....ชื่อ.....กี้......”ผมเน้นอีกรอบ น้องวีเงียบไปเบะปากเหมือนจะร้องไห้
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ”ผมหยิบกระดิ่งมาเขย่าๆตรงหน้าน้องวี ที่น้ำตาหยดออกมาแหมะๆแล้ว จากนั้นก็แผดเสียงลั่น
“แงงงง ฮือออ ฮึก ฮืออออ”เสียงสะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ ทำเอาผมทำอะไรไม่ถูก
เฮ้ย ไม่เคยเลี้ยงเด็ก ปลอบใจเด็กเลยด้วยซ้ำ ผมชะเง้อหน้ามองคุณชายในครัว
“กี้ทำอะไรน้องวีน่ะ”คุณชายวิ่งมาดู ทำท่าเหมือนกับว่าผมแกล้งเด็กอย่างนั้นแหละ คุณชายเข้าหอมแก้มเปื้อนน้ำตาสะอื้นฮักๆ “ทำไมครับ ใครแกล้งน้องวี”
“ปะ ปา ฮืออ”เด็กน้อยยื่นแขนให้คุณชาย พยายามให้คุณชายอุ้ม ผมเบ้ปาก เพราะคุณชายหัวเราะหึๆแล้วอุ้มน้องวีมากอดไว้แล้วทำเสียงฮึมฮัม
ผมเลยกลั้นใจเข้าไปในครัว กลิ่นเหม็นทุเลาลง ผมป้ายพิมเสนใต้จมูกแล้วเดินไปเปิดฝาคลุมอาหาร ออกมาเห็นหน้าตาอาหารอ่อนสำหรับน้องวีแล้วก็กลั้นใจอีกรอบ ถ้วยกลมขนาดพอดีมือบรรจุอาหารอ่อนข้าวบดปลาทูฟักทองชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า บด แสดงว่ามันต้องเละ ผมหยิบมาถือ หยิบช้อนสำหรับชงกาแฟมาหนึ่งคัน อาจจะหิวแล้วก็ได้
ผมเดินเข้ามาหาแล้ววางถ้วยอาหารเด็กลง “คุณหยิบขวดน้ำของน้องออกมาหน่อย”ผมใช้คุณชายที่นั่งเล่นกับน้องวีที่อยู่บนตัก
“ผมว่าถ้าลูกเราร่าเริงแบบนี้ก็ดีเนอะ หึๆ เชื่อมือผมนะ ถ้าผมเลี้ยงรับรองอารมณ์ดีแน่ๆ”
“ฮ่ะๆ ตามใจคุณ”ผมเบะปากใส่ คุณชายหัวเราะชอบใจแล้วยื่นขวดน้ำที่หยิบมาจากในกล่องพลาสติก
“มาๆ หม่ำๆกันน้องวี”ผมบอกเสียงอ่อน แล้วขยับไปหาคุณชายใกล้ๆเพื่อตักข้าวให้น้องวี
“หม่ำๆๆ...”น้องวีพูดแล้วอ้าปากเล็กๆ ผมยื่นช้อนป้อนให้น้องวีแต่ทว่าน้องวีใช้ลิ้นดุนอาหารออกมา
“อ้าว ไม่หิวหรอ หรือว่าไม่ชอบกัน”ผมลองอีกครั้ง เหมือเดิมน้องวีดุนอาหารออกมา คุณชายใช้ผ้ามาเช็ดให้
“อืม ...ลองเปลี่ยนป้อนอาหารใส่ตุงกระพุ้งแก้มสิกี้ เพราะเด็กเคยชินแต่การดูดนมของแม่น่ะ เลยไม่คุ้นกับการป้อนการเคี้ยว”คุณชายพูดเสียงนุ่ม ผมมองหน้าเขาอึ้งๆก่อนจะลองทำตามที่เขาแนะนำ ได้ผลน้องวีไม่ดุนอาหารออกมาอีกแล้ว ถึงจะเลอะไปบ้างก็ตาม
“คุณรู้ได้ยังไงครับ”
“ผมอ่านจากเว็บมาน่ะครับ”
“...เป็นผมซะงั้นที่ไม่รู้อะไรเลย”ผมหน้าเจื่อนลง เมื่อก่อนดีแต่ว่าคุณชายกลายเป็นผมที่ไม่รู้เรื่องอะไร การเข้าหาเด็กน้อยก็ไม่ดีเท่าคุณชาย ผมไม่ค่อยชอบเด็กเท่าไหร่นัก
“ไม่เอาน่ากี้ คิดมาก ช่วยๆกันไง ตอนนี้กี้ก็รู้เพิ่มมาอีกอย่างหนึ่ง ไม่มีใครรู้ไปหมดทุกเรื่องหรอก –เหมือนที่คุณแม่บอกไง ซ้อมไว้ก่อน ฮ่ะๆ คิดซะว่าเลี้ยงลูกของเราเอง”คุณชายหัวเราะเอื้อมมือมาลูบหัวผมอีกต่างหาก ทำอย่างกับว่าผมเป็นหมูเป็นแมวอย่างนั้นแหละ
“รับทราบครับคุณ ฮึๆ”ผมหัวเราะ แม่ผมนี่เข้ากันได้ดีกับคุณชายเข้าไปทุกที ผมป้อนน้องวีต่อจนเหลือครึ่งถ้วย ก็พอสำรับเด็กอายุเท่านี้ คุณชายยื่นขวดน้ำให้น้องวีไปดูดเอง
“ผมว่าน้องกิ่นอิ่ม เดี๋ยวก็หลับปุ๋ยแล้วมั้งผมว่า”คุณชายบอกแล้วขยับวงแขนเบาๆกล่อมเด็กน้อยในอ้อมแขนไปด้วย
ผมเก็บของไปที่ครัว คุณชายอุ้มน้องวีตามมา
“ผมว่าพาไปนอนด้านบนดีไหมครับ”ผมบอกขณะที่เก็บของใส่ตู้เรียบร้อยแล้ว ผมเดินไปมองน้องวีที่เอาหน้าซบกับลาดไหล่ของคุณชาย แววตาปรือทีละน้อย แขนตกห้อยเหมือนใกล้จะผล็อยหลับเต็มทีแล้ว
“ป่ะครับ ไปนอนกัน”คุณชายยิ้มแล้วเดินนำไปยังชั้นบน มาที่ห้องนอนของผมกับคุณชาย ผมหยิบผ้าห่มมาพับซ้อนกันหลายชั้นแล้วปูวางไว้ตรงกลางเตียงติดกับหมอน คุณชายค่อยๆขึ้นไปนั่งแล้ววางตัวน้องวีอย่างแผ่วเบา ผมเปิดพัดลมเพดานเบอร์ต่ำสุดให้พอมีลมเย็นๆ พัด น้องวีนอนหลับปุ๋ยไปในทันที
ผมยิ้มแล้วขยับไปนอนบนเตียงแล้วมองน้องวีที่หายใจสม่ำเสมอหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงชัดเจน อ้าปากเผยอเล็กน้อย
“ลูกนอนหลับแล้ว เรามานอนกันบ้างดีกว่าเนอะ กี้คงเหนื่อย”คุณชายพูดแล้วล้มตัวนอนอีกข้างขนาบข้างน้องวี หัวหนุนหมอนทำให้ผมสบตากับคุณชายชัดเจน
“...มีอะไรครับ”ผมมองหน้าเขาตาไม่กระพริบ คุณชายคลี่ยิ้มออกมา
“ผมดีใจที่กี้มีความสุข คุณยิ้มมากกว่าแต่ก่อนมาก แค่นี้ผมก็ดีใจแล้วล่ะครับว่าที่ผมทำลงไปตั้งแต่เจอกี้มันไม่ได้สูญเปล่า...”ผมฟังคุณชายพูดเงียบๆ ลมเย็นสบายจากพัดลมทำให้ผมเคลิ้มๆจะหลับแต่หูยังได้ยินเสียงคุณชายชัดเจนดี
“...ครับ...มันไม่ได้สูญเปล่าแน่นอน”ผมพึมพำหลับตายิ้ม
“รักผมเข้าแล้วสิกี้”เสียงนุ่มทุ้มของคุณชายดังใกล้ๆ ผมไม่ได้ตอบเพราะเคลิ้มจะหลับไปหลายครั้ง ผมแค่ตอบ “ฮื่อออ ก็คงเป็นแบบนั้น...”ผมพยายามลืมตาแต่เปลือกตาเหมือนหนักอึ้งทำให้ผมหลับตาลง รับรู้ว่าคุณชายยื่นหน้ามาจูบแก้มผมเบาๆ
“ผมก็รักกี้นะ ได้ยินไหมครับ”คุณชายพึมพำเบาๆ
...ครับ ผมได้ยินแล้ว
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@TBC@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
มาต่อแล้วค่ะ
อดใจรอเด็กตัวน้อยๆกันนะคะ
ขอบคุณทุกคนค่ะ