ตอนที่ 17 “วันของเรา”
...หนึ่งอาทิตย์ก่อนกำหนดงานแต่ง กำหนดการแต่งงานของผมกับคุณชายออกมาชัดเจนแล้ว นั่นก็คืออาทิตย์หน้า ที่เร่งรัดก็เพราะอีกสองอาทิตย์ถัดไปพวกบรรดาญาติๆของคุณชายจะกลับมาเยี่ยมคุณทวดและประชุมครอบครัวกัน และที่สำคัญก็คือ ผมได้รับปากและให้สัญญากับคุณชายไว้แล้วนี่ ไม่อยากดึงเวลาออกไปให้ช้าไปกว่านี้ เดี๋ยวอะไรมันไม่แน่นอน
“กี้จะเอายังไงเรื่องเพื่อนหรอครับ”คุณชายที่กำลังนั่งเปิดเมนูของหวานที่จะเอาไว้สำหรับงานแต่ง ถึงแม้จะจัดงานเล็กๆแต่เรื่องของหวานมันขาดไม่ได้ ทั้งต้องเลือกเมนูที่คุณทวด คุณย่าสามารถทานได้ ส่วนผมก็วุ่นวายกับการหาชุดน่ารักๆให้น้องไก๋เพราะคำสั่งของคุณหญิง ท่านบอก “อยากเห็นนางฟ้าตัวน้อยๆจังเลย”
ผมว่าชุดเด็กวัย 4 เดือนก็มีให้เลือกไม่มาก ผมไม่อยากให้น้องไก๋อึดอัดเดี๋ยวจะงอแงเอาได้ ซึ่งน้องไก๋กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ในเปลเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน
“อืม...ผมคิดไว้แล้วล่ะว่าจะชวนมันมางานด้วย มันเป็นเพื่อนสนิทผม คงดูไม่ดีถ้าผมจะปิดบัง...แค่เรื่องท้องได้นี่ก็แย่แล้ว...”ผมบอก คุณชายพยักหน้าเข้าใจ
“ช่วงนี้อะไรๆยังไม่ลงตัวเท่าไหร่ ทำอะไรก็ต้องระวัง ผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย เฮ้อ”คุณชายทำหน้าเง้างอนเหมือนว่าน่ารักนักหนา
“เราทำให้ดีที่สุดก็พอแล้วล่ะครับ”ผมยิ้ม
“วันแต่งของเรา กี้อยากให้มีอะไรอยากได้เป็นพิเศษไหมครับ”
“ไม่ล่ะครับ คุณล่ะ”
“ผมไม่ต้องการอะไรแล้วล่ะครับ ได้จัดงานแต่งผมก็ดีใจแล้วล่ะครับ”
“แล้วคุณเลือกขนมหวานได้แล้วหรือยังครับ ผมได้ชุดน้องไก๋แล้วนะครับ”ผมบอกแล้วยื่นแบบไปให้คุณชายดู เป็นชุดกางเกงสีชมพู ประดับคลุมด้วยลูกไม้ตรงบริเวณเสื้อกับขอบกางเกงด้านบน กับคาดผมดอกไม้ดอกใหญ่ฟรุ้งฟริ้งสีชมพู
“น่ารักสมวัยดีแล้วครับ เลือกของลูกแล้ว ชุดของเราจะใส่แบบไหนดี”
“สูทก็ได้นะครับ ชุดจากวันถ่ายพรีฯก็มี”
“นั่นสิครับ เห็นไหมกี้ ถ่ายพรีเวดดิ้งปุ๊บ สุดท้ายเราก็ได้แต่งงานกัน”คุณชายหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี
“แล้วเรื่องบริษัท คุณจะเริ่มเข้าออฟฟิศวันไหนหรอครับ”ผมเปลี่ยนเรื่อง หลังจากที่เข้าไปคุยกับคุณทวดคราวก่อน ผมก็ไม่มีโอกาสถามคุณชายเลย
“อืม หลังงานแต่งสักสองสามค่อยเข้าไปประชุมผู้ถือหุ้นกับอาอรรถ กี้ไปเป็นเลขาบันทึกการประชุมให้หน่อยสิครับ”คุณชายเอ่ยปากชวนอย่างมีความหวัง ยื่นหน้ามามองจ้องผมซะใกล้
“แล้วเลขาประจำของคุณล่ะครับ”ผมถาม เลยนึกถึงเลขาฯสาวคนนั้นเมื่อต้นๆปี คราวที่ไปหาคุณชายที่บริษัทครั้งแรก หน้าตาเธอไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าทำงานกับคุณชายมันได้ยังไง
“เธอลาออกไปหลายเดือนแล้วครับ คงไปหาบริษัทใหม่ เพราะผมไม่ได้เข้าออฟฟิศมานาน ให้กี้เป็นเลขาให้ผมน่ะดีแล้ว จะได้เอาน้องไก๋มาเลี้ยงที่ออฟฟิศ ...ได้ยินว่าที่บริษัทซุบซิบเรื่องผมมีลูกกันมาหลายอาทิตย์แล้ว”
“...ผมเองก็ไม่อยากอยู่เฉยๆ แต่ทำแบบนี้คนอื่นๆไม่จับตามองหรอไง”
“ก็ดีสิครับ จับตามองได้ก็ทำไป พวกเค้าจะได้หายข้องใจ อย่างมากก็เป็นขี้ปากไปอย่างต่ำก็สักอาทิตย์นึง...ส่วนเรื่องพลอย พี่เชนมันหาทางจัดการให้ อย่างน้อยๆมันก็มีคนคอยจับตาท่าทีของฝ่ายนั้นอยู่ ผมรู้ว่ามันน่าอึดอัดที่จะบอกคนอื่นว่าเป็นแค่พี่เลี้ยงน้องไก๋...”
“ผมเข้าใจน่า ไม่ได้คิดอะไรมากเสียหน่อยนี่ ทำแบบนี้ก็เพื่อป้องกันเรื่องพลอย ไม่รู้ว่าถ้าพลอยรู้ว่าคุณมีลูกแล้ว เธอจะมีท่าทียังไง แล้วยิ่งบอกว่าเป็นพี่สาวของผม มันอาจจะทะแม่งๆที่ผมเข้ามาอยู่กับคุณ”ผมพูด และลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย หวังว่าพลอยจะไม่ทำตัวเป็นเด็กๆเรียกร้องนู่นนี่นั่นให้มากความ
“...เรื่องนั้นผมไม่อยากสนใจแล้ว ผมเองก็มีความอดทนจำกัด ผมจะไม่สนใจพลอยอีกต่อให้เธอจะมาป่าวประกาศว่าเราเป็นอะไรกันก็เถอะ เธออยากเข้าใจแบบไหนก็ช่าง เราไม่ต้องแคร์คนนอกขนาดนั้นเลยนะกี้...”
“ก็ผมเป็นห่วงครอบครัวเราไงครับ”
“มันก็ดีนะครับ แต่ต้องคิดบ้างว่ามันทำลายความสุขของเราหรือเปล่า...อย่างเรื่องที่พลอยโทรมาระรานคุณเมื่ออาทิตย์ก่อน”
“คุณรู้ด้วยเหรอ”
“อื้อ ผมตรวจดูจากโทรศัพท์ของกี้ เป็นอีกเบอร์หนึ่งของพลอย”
“แหม ไม่โชว์ชื่อแต่จำได้ด้วยแฮะ”ผมแกล้งเหน็บ คุณชายทำหน้าเหรอหรา
“เปล่านะครับ ผมแค่จำได้ว่าเมื่อก่อนพลอยเคยใช้เบอร์นี้โทรหาผมบ่อยๆ”
“อือฮึ ...แล้วจะให้ผมปล่อยวางได้ยังไงกันครับ ผมเป็นคนคิดมาก”
“ก็ลองเชื่อใจผมดูสิว่าผมสามารถจัดการเรื่องพลอยได้”คุณชายมองหน้าผมสีหน้าจริงจัง ผมเงียบและใช้ความคิด ผมเองก็ไม่อยากทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ระหว่างเรา ลึกๆแล้วผมไม่ชอบให้พลอยมาวุ่นวานกับครอบครัวของผมเลยจริงๆ
“เฮ้อ.... ในเมื่อคุณยืนยันชัดเจนแบบนี้ผมจะไม่เอาเก็บมาคิดให้หนักสมองอีกก็แล้วกัน”
“ดีมากครับ ว่าง่ายๆแบบนี้น่ารักเชียว”คุณชายยิ้มแล้วยื่นมือมาดึงแก้มผมแล้วดึงๆ
“คิดว่าวัยไหนแล้วครับ”ผมหัวเราะแล้วปัดมือคุณชายออก
“กี้ดูนี่สิ เอาขนมถ้วย อันนี้ผมกับกี้ชอบ ส่วนพวกวัยชราต้องขนมหม้อแกงเผือก แล้วก็ขนมมงคล9อย่าง”คุณชายชี้ไปที่รูปถาดขนมที่วางเรียงกันสวยงามในถาดใบตอง ขนมมงคล9อย่าง เป็นขนมไทยที่รู้จักกันดีอย่าง ทองหยิบ ทองหยอด เม็ดขนุน ฝอยทอง เสน่ห์จันทร์ ขนมชั้น ขนมทองเอก จ่ามงกุฎ แล้วก็ถ้วยฟู ที่สั่งทำเยอะหลายเมนูเพราะต้องจัดใส่กล่องนำไปให้ญาติๆคนอื่นหรือเพื่อนมิตรสหายที่ไม่ได้มาร่วมงาน ส่วนใหญ่ครอบครัวของคุณชายจะนิยมทานขนมไทยๆมากกว่าส่วนพวกเบเกอรี่ยกเว้นนานๆทีจะทำทานกันเองหรือออกไปทานข้างนอกบ้าน
“น่ากินดีนะครับเนี่ย น้องไก๋คงกินได้อยู่”ผมพึมพำ ขณะที่คุณชายเลือกขนมหวานได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ระหว่างนั้นคุณเชนก็เดินเข้ามาหาผมกับคุณชาย
“กำลังเตรียมงานกันล่ะสิ ขอขัดจังหวะหน่อยก็แล้วกันนะไอ้ชาย”คุณเชนยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาในบ้าน ส่งยิ้มหล่อๆทักทายมาให้ผมก่อนจะนั่งเก้าอี้อีกฝั่งหนึ่ง
“ข่าวดี หรือร้ายล่ะครับเนี่ย”คุณชายเบ้หน้าถามพี่ชาย
“น้องไก๋หลับปุ๋ยเลยนะ”คุณเชนไม่สนใจคุณแค่ยื่นหน้าไปมองน้องไก๋ที่นอนหลับอยู่ในเปลเด็ก
“มีอะไรว่ามาน่า”
“มีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย ... เรื่องพลอย”
“เกิดอะไรขึ้นครับ”ผมถาม คุณเชนถอนหายใจ
“ผมตามเรื่องของพลอยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าเธอจะรู้แล้วว่าไอ้ชายมีลูก...แต่ไม่ต้องกังวลไป...ข่าวดีก็คือ พวกสื่อไม่ได้โจมตีในทางลบ เพราะเท่าที่ผมทราบดูเหมือนพวกสื่อให้ความสนใจเรื่องน้องไก๋ แต่เป็นไปในทิศทางที่ดี”คุณเชนยิ้ม
“งั้นก็เบาใจไปได้เปราะนึง”
“ผมคิดว่าเราควรจะเดินเกมส์ก่อน ...เราควรแถลงข่าวเรื่องน้องไก๋ไปพร้อมๆกับงานเปิดตัวโปรเจ็คใหม่ของบริษัทไปเลย ...จะได้ตัดทางของพลอยไปซะ...แค่นี้ก็น่าจะจบเรื่องได้”คุณเชนอธิบายอย่างมีเหตุผล ซึ่งผมเองก็คล้อยตาม คุณชายทำหน้าคิดพิจารณาไม่นานนักก็ตบมือเปราะแปะ
“ผมว่าเข้าท่าดีนะ...ผมจะได้ถือโอกาสเปิดตัวกี้ไปเลย พลอยจะได้ไม่ต้องคอยมาขู่นั่นขู่นี่ให้น่ารำคาญ”
“...ก็ดีนะครับ”
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมเองก็มีเพื่อนๆทำงานอยู่ในสายนี้ คงกดดันให้มันเขียนข่าวออกมาดีๆได้”
“ยังไงก็ขอบคุณคุณเชนมากนะครับ”ผมยิ้มขอบคุณอีกฝ่าย
“ผมช่วยเท่าที่ช่วยได้แหละครับ อีกอย่างผมก็เห็นแก่น้องไก๋... ออกจะน่ารักแบบนี้ ไม่อยากให้เจอข่าวแย่ๆ”คุณเชนยิ้มมองน้องไก๋ที่นอนอยู่ในเปล
ระหว่างนั้นคุณเชนก็คุยเรื่องบริษัทกับคุณชายไปเรื่อยๆ ผมเลยออกไปนั่งเล่นที่สวน โทรหาแม่เพื่อคุยเรื่องงานแต่ง
“ยังไม่รู้ว่าจัดงานแบบไหนดี จะแต่งทั้งทีก็ขอแบบดีๆให้จำไปจนวันตายเลยดีกว่า”ผมพูดกับแม่ในสาย
“แหม แกก็ ...ความสวยงาม เว่อวังอลังการไม่สำคัญขนาดนั้นหรอก อยู่ที่ว่าในงานแต่งเราพูดอะไรต่างหาก แกเข้าใจไหม เวลาเรานึกถึงงานแต่ง เราก็จะถึงนึกคำพูด คำสัญญาของกันและกันต่างหาก นั่นแหละแม่อยากให้แกใส่ใจกับเรื่องนี้...มันแสดงความรักได้ชัดเจน”แม่บอกเสียงสั่น เหมือนปลื้มใจกับการแต่งงานในครั้งนี้
“ได้คำแนะนำดีๆจากแม่อีกแล้ว รักแม่จัง”
“อย่ามายอน่า งานแต่งมันก็มีแค่คนในครอบครัว อยากพูดอะไรก็พูดตามที่ใจอยากพูด นั่นมันวันของแกกับไอ้ชายมัน ใครหน้าไหนมายุ่งไม่ได้หรอก จริงไหม”
“อือ นั่นสิ... แล้วแม่จะเรียกสินสอดเท่าไหร่”ผมแกล้งถามไปแบบนั้น
“แน่นอน ฉันเรียกเยอะแน่ๆย่ะ”
“ฮ่าๆ ตามใจแม่เลย”ผมหัวเราะ
อันที่จริงเรื่องสินสอด แม่ผมเองก็ได้เข้าไปคุยกับทางผู้ใหญ่บ้านนี้ไว้แล้ว ผมไม่รู้จำนวนว่าเท่าไหร่ มีเพชรมีพลอยกี่กระรัต แต่ดูจากความเขี้ยวของแม่ผมแล้ว ถ้าต่ำกว่าเกณฑ์ของแม่คงไม่ยอมแน่ๆ ไม่ใช่ว่าแม่เห็นแก่เงิน แต่ ผมเองก็ผ่านเรื่องมาตั้งเยอะ ก็ต้องให้คุ้มค่ากันหน่อย
...
และเรื่องสำคัญคือผมต้องไปจัดการเรื่องไอ้ต้อย ไม่รู้จะบอกอย่างไงให้มันไม่ช็อก มันอาจจะรูสึกแปลกๆถ้าผมเอาการ์ดงานแต่งไปให้มันที่บ้าน แต่ความจริงก็คือความจริง ผมไปหาไอ้ต้อยที่บ้านเพื่อความสะดวก ก่อนหน้านั้นผมโทรไปบอกมันแล้วว่ามีเรื่องสำคัญมากอยากคุยด้วย มันก็เข้าใจ
“ไง มาเร็วดีนี่หว่า”ไอ้ต้อยเดินมาเปิดรั้วบ้านให้ผม มันสำรวจมองผมอย่างประหลาดใจ
“มีอะไรวะ”ผมงง มันมองผมเหมือนไม่เคยพบเคยเจอ
“ไม่ได้เจอสองสามเดือน ทำไมมึงดูดีขึ้นวะ...”ไอ้ต้อยหัวเราะส่ายหน้า ผมเงียบ ระหว่างนั้นมันก็บ่นเรื่องงานบ้าง เรื่องจุกจิกที่มันพบเจอ ผมก็ตั้งใจฟังเงียบๆ
“เออว่าแต่เรื่องสำคัญของมึงคืออะไรวะ”
“...มึงคงทำใจมาแล้ว...กูไม่อยากให้มึงก็ใจมาก...”
“เออน่า ตราบใดที่มึงไม่ท้องกูว่าไม่มีเรื่องไหนที่ทำให้กูตกใจได้แล้วว่ะ”ไอ้ต้อยพูด ทำเอาผมพูดไม่ออก
“กูกับคุณชายตัดสินใจแล้วว่าเราจะแต่งงานกัน...”ผมพูดกับไอ้ต้อยที่ยิ้มค้าง ก่อนจะทำหน้าเหลือเชื่อ “เฮ้ย จริงหรอวะ โคตรเซอร์ไพร์”
“หึหึ แหงล่ะ...กูจะจัดแบบเงียบๆน่ะ เลยอยากชวนมึงไปด้วย...”ผมหาคำพูดก่อนยื่นการ์ดเชิญไปให้
“แน่นอนสิ วันสำคัญของมึงทั้งที กูดีใจนะ ที่ชวนกูไป...”ไอ้ต้อยยิ้มกว้าง ยื่นมือมาตบๆบ่าผมอย่างให้กำลังใจ
“อือ แต่งให้หล่อๆล่ะ”
“เออ แล้วจัดธีมอะไรวะ จะได้ใส่ถูก”
“อืม ก็จะเน้นดอกกุหลาบเยอะๆน่ะ สูทก็ได้นะ ขอไทด์สีแดงนะ”ผมบอกมัน เรื่องธีมงานผมเป็นคนคิด เพราะคุณชายดูแลเรื่องของหวาน อาหารคาว เลยไม่ได้มาวุ่นวายอะไรกับผม ผมเองก็มีไอเดีย แต่งบคงสูงมาก เพราะกุหลาบแดงสวยๆก็ไม่ใช่ถูกๆเลย แต่งานแต่งทั้งที ก็ต้องทุ่มเต็มที่
“แหม หวานจริงนะ กูชักอิจฉา”
“กูไม่ต้องการซองนะเว้ย หาของขวัญไปให้หลา--”ผมสะดุดกึก เพราะเกือบพลั้งปากพูดเรื่องน้องไก๋ออกไป ไอ้ต้อยทำหน้าสงสัย
“มึงว่าไงนะเมื่อกี้...หาของขวัญให้ใครนะ”
“อ๋อ...คือ หาของขวัญให้กูดีกว่า”ผมหัวเราะกลบเกลื่อน ใจจริงผมอยากบอกมันเรื่องน้องไก๋ แต่ผมเองก็ยังไม่พร้อม
“ทำท่าเหมือนมีพิรุธ มีอะไรก็บอกกันมาดิ..”มันบ่นอุบ
“เอาน่า อย่าลืมล่ะ งานแต่งกู”ผมเตือนมันอีกรอบ ก่อนจะขอตัวไปทำธุระ ไอ้ต้อยมันไม่ได้ถามอะไรมาก ผมแวะไปร้านจัดดอกไม้ที่จองตัวไว้เพื่อคุยรายละเอียดในการจัดงาน เพื่อความเป็นส่วนตัว ทางผู้ใหญ่ได้เลือกห้องโถงเป็นสถานที่จัดงาน จากตอนแรกที่คิดว่าจะใช้ที่บริเวณสวนหน้าบ้าน แต่มันจะเอิกเกริกเกินไป
งานนี้ได้แม่ผมมาช่วยเสริมไอเดียอีกที รับรองคุณชายปลื้มยิ้มได้ทั้งวัน ส่วนเรื่องรูปถ่ายนั้นใช้ของ Pre-wedding ที่ถ่ายกันไป รูปก็ออกมาสวยตามที่คาดการณ์ไว้ คุณชายเป็นคนเลือกรูปที่จะตั้งไว้ในห้องโถง ที่สำคัญอักรูปใส่กรอบซะใหญ่โต เรื่องโอเวอร์นี่ยกนิ้วให้เขาเลย
...
@ วันแต่งงาน เริ่มเข้าวันใหม่ เวลาเที่ยงคืนกว่าๆ ก็นับว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของเราแล้ว ผมกับคุณชายมีกำหนดแต่งตัวในตอนตีห้า เช้ามากๆ เพราะคุณพ่อคุณแม่ก็คะยั้นคะยอให้เตรียมตัวเช้าๆดีที่สุด คุณชายไม่ได้ถามว่าผมจัดงานเป็นอย่างไงบ้างเพราะคงรู้ดีว่าไปเซอร์ไพร์ในงาน ตอนนี้ห้องโถงก็ปิดเงียบ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไปเมียงมองอยู่บ่อยครั้ง
“อีกไม่กี่ชั่วโมงเองกี้ ตื่นเต้นเนอะ”คุณชายเอ่ยน้ำเสียงสดใสระคนตื่นเต้น เขานอนอยู่ข้างๆผม ตรงกลางมีน้องไก๋ที่หลับสนิทไปก่อนหน้านั้นแล้ว
“นั่นสิ หวังว่างานจะออกมาดี”ผมพูด
“แน่นอนสิครับ งานของเราทั้งที”คุณชายส่งยิ้มมาให้
“นอนไม่หลับเลยแฮะ”ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะมองหน้าคุณชายที่จองผมอยู่นาน
“มีหวังพรุ่งนี้ ตาเป็นหมีแพนด้าทั้งคู่เลยสิเนี่ย”
“ก็ถ้ามันนอนไม่หลับจริงๆจะให้ทำยังไงดี... ”ผมมุ่ยหน้า มันไม่ง่วงเลย เพราะวันพรุ่งนี้มันเป็นวันสำคัญมากสำหรับเรา คุณชายขยับตัว ก่อนจะอุ้มน้องไก๋อย่างระมัดระวังเพื่อกลับไปนอนในเปลข้างเตียงฝั่งผม ลูกน้อยขยับตัวไปมากอดจะนอนขดตามเดิมพร้อมเสียงหายใจฟี่ๆ
“คนลูกหลับไปแล้ว เหลือคน—ป๋า...เดี๋ยวผมร้องเพลงกล่อม”คุณชายพูดก่อนจะเดินกลับมานอนที่เตียงตามเดิม ผมย่นคิ้ว
“คุณเนี่ยนะ จะทำผมหลับไม่ลงมากกว่า”ผมหัวเราะ
“โธ่กี้...ผมอยากให้เราหลับไปพร้อมๆกัน”คุณชายเตรียมวอร์มเสียง ผมเลยต้องตั้งใจฟัง เสียงคุณชายก็งั้นๆพอฟังได้ แต่มันไม่ได้ช่วยให้เคลิ้มหลับเลย
“...งั้นเปลี่ยนเพลง...เจ้านกขมิ้นเหลืองอ่อนเอ๋ย ค่ำแล้วจะนอนที่ตรงไหน จะนอนไหนก็นอนได้...”
“ผมไม่ใช่ลูกนะ จะมาร้องเพลงกล่อมทำไมเนี่ย”ผมผลักคุณชายออกไปไกลๆ นอนเองหลับง่ายกว่าอีก
คุณชายหัวเราะกวนประสาทมาให้ “ฟังเพลงกันดีกว่า เดี๋ยวก็หลับเชื่อผม”คุณชายจับไหล่ผม ก่อนจะหยิบเอา เครื่อง mp3 มากดเล่น เสียบหูฟังไว้แล้วยื่นมาให้ฟังคนละข้าง
“กู๊ดไนท์ครับ”คุณชายยื่นหน้ามากระซิบก่อนจะเข้ามานอนเบียดบนหมอนใบเดียวกัน ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพลงกชวนให้หลับได้ ความหมายก็ดี เพลง เขียนถึงคนบนฟ้า แต่เศร้าไปหน่อย แต่เพลงก็เหมาะกับวัยคุณชายดี
“ฝันดีครับ...”ผมเอ่ยบอกคุณชายบ้าง
.........................................................................
เข้าสู่เช้ามืด เวลา 05:00 ผมถูกปลุกจากคุณหญิงและแม่ โห มากันพร้อมหน้าพร้อมตา ที่สำคัญทั้งสองคนดูเหมือนจะโบ๊ะหน้ารองพื้นไปก่อนเสียอีก ผมกับคุณชายช่วยกันอาบน้ำให้น้องไก๋ เด็กน้อยงอแงสักพักเพราะคงง่วง แต่ถึงยังไงก็ต้องตื่นเพราะ ในบ้านคงเสียงดัง ทั้งเสียงคุณหญิง แม่ผม ไหนจะเสียงวุ่นวายจากครัวใหญ่
แม่เป็นคนแต่งตัว แต่งหน้าให้ผมเอง วันสำคัญทั้งทีไม่ต้องจ้างคนอื่นให้เปลือง ผมกับคุณชายเลือกสูทสีสุภาพเข้ารูป เพราะมีผู้ใหญ่มากันเยอะ ผมเองก็ไม่เคยได้เจอได้ยินชื่อ คงต้องเหนื่อยยิ้มเหนื่อยทักทายคนอื่นหน่อย
“ไหนมาดูสิ ลูกชั้น เป็นฝั่งเป็นฝาซะแล้ว น้ำตาจะไหล”แม่ดึงแขนผมมาสำรวจ ก่อนมองชุดที่ผมใส่ด้วยสายตาเปรี่ยมไปด้วยความปิติชัดเจน ผมขำกับท่าทีของแม่
“อย่าพูดแบบนี้สิแม่”ผมหัวเราะเบาๆ
“แล้วไอ้ต้อยมันจะมาหรือเปล่า”แม่ถาม
“มาสิแม่ งานผมทั้งที”ผมบอก ขณะที่นั่งให้แม่เซ็ทผมให้ แค่จัดทรงนิดหน่อยก็เพียงพอแล้ว ส่วนน้องไก๋ นอนหลับไปอีกรอบระหว่างรอแต่งตัว เป็นนางฟ้าตัวน้อยๆของผม
“ดีที่มันไม่ได้คิดอะไร”
“เห็นอย่างนี้มันก็เป็นคนดีนะแม่”
ระหว่างที่คุยแม่เหลือบมองไปยังห้องน้ำ เพราะคุณชายหายเข้าไปนานสองนาน
“นี่ พ่อคุณ จะแต่งหล่อไปถึงไหนกันยะ หืม ออกมาได้แล้ว”แม่เรียกคุณชายดังลั่นก่อนจะผละออกจากผมไปเคาะประตู
“ขอเวลาหน่อยสิครับคุณแม่”คุณชายโผล่หน้าออกมา ก่อนจะส่งยิ้มให้ผมหน้าระรื่น
“เป็นไงบ้างครับ ผมหล่อหรือยัง”คุณชายเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเข้ามานั่งข้างๆผม
“ก็เหมือนเดิม”
“จริงเหรอ กี้โกหกมันไม่ดีนะ”คุณชายหัวเราะก่อนจะส่องกระจก จัดเนคไทให้ตัวเองให้เนี้ยบ แม่มองคุณชายด้วยสายตาหมั่นไส้ก่อนจะหยิบสเปรย์มาพ่นใส่ผมคุณชายให้เข้าที่เข้าทาง
“หลงตัวเองจริงๆ เชื่อแม่แกมันแรงซะจนน่าตบ”แม่ส่ายหน้าไปมา ผมลุกไปดูน้องไก๋ที่ตื่นนอนแล้ว ส่งเสียงเรียกไปตามประสา
“วันนี้เป็นวันดี น้องไก๋อย่าดื้อนะ”ผมพูดเบาๆกับลูกก่อนจะอุ้มมาชงนมให้ดื่มเป็นมื้อเช้า ชุดของน้องไก๋วางอยู่ที่เก้าอี้ คุณหญิงเดินเข้ามาในห้อง เธอแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
“จ๊ะเอ๋ หลานย่า”คุณหญิงเดินมาหาน้องไก๋แล้วจับแก้มเบาๆ
“ในงานเป็นไงบ้างหรอครับ”
“เรียบร้อยดี ของหวานก็จัดลงโต๊ะแล้ว ส่วนเรื่องฉากด้านหลังก็เรียบร้อย กุหลาบยังสดอยู่เลย”คุณหญิงว่าก่อนจะหยิบชุดกระโปรงน้องไก๋มาดูด้วยสีหน้าพอใจ
“ก็ดีเลยครับ....แล้วเรื่องญาติคุณชาย”
“เรื่องนั้นไม่ห่วงหรอก ฉันก็คุยกับพวกนั้นไว้แล้ว เธอแค่ทักทายนอบน้อย ยิ้มบ่อยๆก็พอ พวกนั้นก็คนในครอบครัวเนี่ยแหละ แค่อยู่คนละบ้าน...ถึงจะไม่น่าคบเท่าไหร่ก็เถอะ”คุณหญิงยิ้มให้ผม ก่อนจะลุกไปคุยกับคุณชาย
น้องไก๋นั่งกินนมจากขวดเงียบๆสายตาจับจ้องไปที่คนนั้นทีคนนี้ที ท่าทางงงๆ
จากนั้นก็มาแต่งตัวให้น้องไก๋ ท่าทางร่าเริงดี กว่าจะแต่งตัวเสร็จครบทุกคนก็ล่วงเลยเวลามาหลายชั่วโมง จนท้องฟ้าสว่างแจ้งพอดี อากาศก็ไม่ร้อนมากนัก เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆดังมาจากห้องโถงใหญ่
.
.
ภายในห้องโถงถูกจัดแบ่งเป็นสองโซน เว้นทางเดินตรงกลางไว้ เก้าอี้ถูกจัดด้วยจีบผ้าสีนวลอ่อนๆสบายตา ฉากด้านหน้ามีซุ้มโค้งประดับด้วยดอกไม้สีหวานตัดกับกุหลาบช่อใหญ่เป็นรูปหัวใจ
ผมกับคุณชายยืนตอนรับแขกที่หน้าห้องโถงเกือบชั่วโมง ส่วนมากจะชวนคุยเสียมากกว่า ส่วนมากญาติคุณชายจะเป็นคุณหญิงคุณนายทั้งนั้น ส่วนญาติฝ่ายคุณหญิงก็มาไม่เยอะเท่าไหร่ ผมยิ้มจนเหงือกแห้ง ส่วนน้องไก๋ก็เวียนมาอยู่ตรงผมบ้าง อยู่กับคุณพ่อบ้าง ส่วนมากจะถามว่าคุณชายมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็อย่างที่ได้เตรียมคำตอบไปแล้ว ตอนนี้เรื่องผมกับคุณชายไม่ได้ปิดบังอะไรคนในบ้าน ยกเว้นเรื่องคนที่ให้กำเนิดน้องไก๋ บอกไปแค่ว่าเป็นลูกของพี่สาวของผมเอง ถึงจะดูแปลกๆแต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ เพราะคุณย่าจะคอยอยู่ด้วยอย่างที่รับปากไว้
“เหนื่อยแฮะ ตอบเรื่องเดิมๆ”คุณชายหันมาบ่นกับผม
“เอาน่า เดี๋ยวก็จบงานแล้ว”ผมยิ้มบอก
ระหว่างนั้นเหมือนมีความวุ่นวานเกิดขึ้น เสียงฝีเท้ากับเสียงพูดคุยเสียงดัง พร้อมด้วยแสงแฟลชจากกล้องหลายตัว ผมงงและตกใจ
“นี่มันอะไรกันครับ”คุณพ่อเดินออกมาจากห้องโถง ผู้ใหญ่ในงานก็ดูงงงวย สับสน
“ตกลงเรื่องที่ยกเลิกงานแต่งกับคุณพลอยเพราะแบบนี้เหรอเปล่าคะ”เสียงหนึ่งดังขึ้นมา คาดว่าเป็นนักข่าว
“เข้าใจผิดแล้วครับ เรื่องการแต่งงานก่อนหน้านั้น เป็นความผิดพลาด เราเคลียร์กับทางฝ่ายนั้นเรียบร้อยแล้ว”
“ตกลงคุณชายเป็นเกย์”
“แล้วทำไมถึงมีข่าวออกมาล่ะคะว่า ---”
เสียงนักข่าวสายบันเทิงบาง ธุรกิจบ้างถามกันจนฟังไม่รู้เรื่อง
“โอเคครับๆ พวกคุณกำลังบุกรุกบ้านของผมอยู่...ใครอนุญาตให้พวกคุณเข้ามากัน”
“เมื่อกี้คุณพลอยมาที่นี่ เธอบอกว่านักข่าวเข้ามาได้”
“ผมเป็นเจ้าของที่นี่ เพราะฉะนั้นอย่ามาล้ำเส้นผมนะ อีกอย่างวันนี้เป็นงานมงคล ผมไม่อยากเสียฤกษ์”คุณพ่อพูดเสียงเฉียบขาด พวกนั้นก็หน้าเสียกันไป คุณเชนเข้ามาเคลียร์สถานการณ์ บรรดาญาติๆก็พากันกลับเข้าไปในห้องโถง
“แม่นั่นทำเรื่องอีกจนได้”แม่เข้ามาพูดกับผม
“พาน้องไก๋เข้าไปด้านในก่อนเถอะครับ”ผมส่งน้องไก๋ให้แม่ คุณเชน คุณชายกับผมมาปรึกษากัน
“ทำไมยามถึงปล่อยให้พลอยเข้ามาได้”คุณพ่อไม่พอใจเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าทางคุณทวดจะรู้เรื่องแล้วหรือยัง แต่ไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจ
“นั่นสิ ... แต่ผมไม่เห็นพลอยนะครับ คงกลับไปแล้ว... ผมว่าในเมื่อมีนักข่าวมาแล้ว เราก็ถือโอกาสอธิบายความจริงไปเลย รวมถึงเรื่องโปรเจคที่บริษัท ถือเป็นการโปรโมทไปด้วยเลยไงครับ ผมว่าไม่มีใครเอาข่าวไปเขียนแบบเสียๆหายแน่นอน เพราะงานของเราก็มีแต่ญาติผู้ใหญ่ที่ยอมรับ”คุณเชนพูดกับคุณพ่อ ท่านรับฟังแล้วพยักหน้า
“เราสองคนว่ายังไงล่ะ”
“ครับ ผมเห็นด้วยนะครับ ไม่น่าจะเสียหายอะไร”ผมบอก คุณชายพนักหน้าเงียบๆ “ครับพ่อ... แบบนี้ง่ายกว่า ไปไล่พวกนั้นกลับเดี๋ยวก็ไส่สีตีไข่มั่วไปหมด”คุณชายส่ายหน้า
...
ไม่นานนักผมกับคุณชายก็กลับมาที่บริเวณหน้าห้องโถง แขกญาติผู้ใหญ่เข้าไปกันจนหมดแล้ว คุณพ่อจะคอยอยู่ด้วย ส่วนคุณเชนก็ตามนักข่าวมา แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นน่าจะมีเพื่อนๆของคุณเชนที่มาสบทบ
“ผมจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น...เรื่องระหว่างผมกับคุณกี้เอง ....”คุณชายเป็นฝ่ายพูด ส่วนมากนักข่าวที่ไม่ค่อยรักษาหน้าเจ้าภาพ มักจะยิงคำถามที่ไม่ให้เกียรติเท่าไหร่ แต่ก็จะโดนกลบด้วยนักข่าวจากคุณเชนที่ถามคำถามที่ดีกว่า ทำให้บรรยากาศในการสัมภาษณ์ค่อนข้างเป็นไปในทิศทางที่ดี
“แล้วหนูน้อยคนเมื่อกี้ ตกลงเป็นลูกใครคะระหว่างคุณกี้กับคุณชาย”
“ลูกของผมเองครับ....”
แม้คำตอบอาจจะไม่กระจ่างนัก การใช้ชื่อพี่สาวญาติห่างๆมาปิดบังก็พอจะช่วยไขข้อสงสัยได้บ้าง แม้ว่ามันจะแปลกๆที่คุณชายมาแต่งงานกับผมได้
“แล้ว ตอนนี้ภรรยาคุณชายตอนนี้อยู่ไหนคะ”
“เธอเสียชีวิตไปแล้ว อีกอย่าง...ตอนนั้นเรายังไม่ได้แต่งงานกัน”
และอีกหลายคำถามที่ตามมา คุณพ่อคงไม่อยากเสียเวลาตรงนี้มากนัก “ผมอยากให้พวกคุณมองที่ปัจจุบันมากกว่า เรื่องอดีตก็ควรปล่อยผ่านมันไป ตอนนี้ครอบครัวผมก็มีความสุขดี... เราโอเคและรับได้กับการให้กี้เข้ามาในบ้านหลังนี้ เพราะฉะนั้น อย่าไปเชื่อข่าวลือข่าวลวง มันทำให้วงศ์ตระกูลผมเสียชื่อ”คุณพ่อพูดปิดท้าย ดูเหมือนว่านักข่าวจะเข้าใจมากขึ้นและขออยู่เก็บบรรยากาศในงานแต่ง
….