ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)  (อ่าน 185978 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
ลมหึงกระอักเชียวนะเน 555+

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 51


          เนปิดปากตัวเองแม้จะสายไปหลายขุม ทั้งยังโพล่งออกมาเสียดังจนคนในร้านพากันมองอีกครั้ง ด้วยสายตาที่ทิ่มแทงกว่าเดิม

          “พูดบ้าอะไรของนาย” วัฒน์เอ็ดพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่ ด้วยความโกรธบวกกับนึกถึงเรื่องเมื่อคืนพ่วงแถมไปด้วย หน้าเลยแดงเสียชัดเจน แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าหนุ่มใหญ่กำลังอายแม้แต่นิดเดียว “ใครมันจะไปคิดอกุศลเหมือนนายวะ”

          “อย่าว่าแต่ผมเลย ใครมาเห็นก็ต้องคิดทั้งนั้นละครับ” พอโดนฉุน เนเลยเปิดปากเถียงอย่างไม่ลดละ ท่าทางดึงดังเสียจนคนฟังยัวะกว่าเดิม “ใช่ไหมล่ะปาล์ม”

          เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงเพราะไม่คิดว่าจะโดนลากเข้าไปเอี่ยวด้วย ปาล์มเบิกตามองหน้าตื่นไปมา ถ้าเลือกได้อยากจะเผ่นออกไปจากตรงนี้เลยเหลือเกิน

          “เฮอะ! นั่นไง ไม่ใช่ใช่ไหมล่ะ” พอเห็นหลานชายเอาแต่อมพะนำ วัฒน์ก็โพล่งขึ้นอย่างมีชัย “มีแต่นายนั่นล่ะที่คิดแต่เรื่องพรรค์นั้น”

          เนกัดฟันกรอดก่อนจะหันมองปาล์มตาขวาง ทำเอาคนที่คิดว่ารอดแล้วเริ่มรู้สึกเหมือนโดนทิ่มแทง

          “คือ...ก็...เยอะไปนิดอยู่นะครับ...ถ้าแบบ...เอ่อ มองดีๆ...” ปาล์มพยายามเค้นความจริงออกมาจากปาก “ถ้าอาหนุ่มกว่านี้ หรือพี่โค้กหน้าแก่กว่านี้นี่ก็ชวนคิดสุดๆอยู่ล่ะครับ...”

          “เห็นไหมล่ะ” พอเค้นคอให้เพื่อนพูดออกมาได้ก็โต้กลับ ท่าทางดีใจเสียเต็มประดา ก่อนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองสัญญาอะไรกับโค้กไว้ ยิ่งเห็นหนุ่มผมเด้งที่ยืนอยู่ข้างวัฒน์มองมาด้วยท่าทีสงสัยสุดๆ เนก็เริ่มออกอาการอีหลักอีเหลื่อขึ้นมา “คือ...ก็ไม่ได้อะไรหรอกครับถ้าจะสนิทกัน...แค่แบบมันเยอะไปนิด...ชวนคิดไปหน่อย ก็เลยอดเตือนไม่ได้”

          ประโยคหลังพูดด้วยเสียงเบาหวิว จนวัฒน์นิ่วหน้าอยู่นานกว่าจะเข้าใจเสียงพรายกระซิบ และนั่นก็ทำให้นิ่วหน้าหนัก

          เตือนบ้านแกคือการพูดประชดงั้นเรอะ!

          “แหม ขอบใจนะที่เตือน พอดีเมื่อก่อนก็ทำแบบนี้กับอาวัฒน์ประจำ เลยไม่รู้ตัวเลยน่ะ ก็ลืมไปเลยเนอะว่าไม่ใช่เด็กๆแล้ว” โค้กเอ่ยขอบคุณพร้อมกับเข้าไปตบบ่าเน ก่อนที่วัฒน์จะเริ่มอ้าปากร่ายยาว “แล้วฉันจะระวังนะ”
         
          และทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงอาการหงุดหงิดออกมาจากหน้าตาหรือน้ำเสียงแท้ๆ แต่คำพูดพวกนั้นกลับทำให้เนขุ่นใจแทน

          คือจะอวดว่ารู้จักกันตั้งแต่เด็กเลยใช่ไหมฟะ

          “เอ่อ ถ้างั้นเอาเป็นว่าพวกพี่โค้กจะซื้อเนคไทแถมให้อาวัฒน์ แล้วจากนั้นก็แยกกันไปหาของขวัญเซอร์ไพรส์ให้อากันดีกว่าเนอะ” ปาล์มพยายามตัดบทด้วยน้ำเสียงร่าเริงกลบเกลื่อนบรรยากาศกดดันของอากับเพื่อน

          เนนิ่วหน้าก่อนจะหันไปมองวัฒน์ เขาไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากพยักหน้าให้ ทำเอาคนที่อยากจะเทศนาสักสามสี่ชั่วโมงได้แต่เก็บปากและเห็นตามอย่างเสียมิได้

          เป็นบ้าอะไรของมันวะ

          เพราะโดนขอให้รอ วัฒน์จึงต้องมานั่งนิ่งอยู่บนม้านั่งริมทางเดินห้างเพียงคนเดียว และทั้งที่ม้านั่งก็กว้างพอจะนั่งได้ถึงสี่คน อีกทั้งวัฒน์เองก็พยายามนั่งริมเผื่อคนอื่นต้องการจะนั่ง แต่กลับไม่มีใครกล้ามานั่งด้วยสักคน ในขณะที่ม้านั่งตัวอื่นมีคนนั่งเต็มไปหมด แถมยังมีคนยืนเสียด้วย

          ดวงตาเรียวเหม่อมองทางเดินภายในห้าง ในหัวก็ยังคงวนคิดถึงคนที่ไม่อยากจะเสียเวลาคิดเป็นที่สุด ยิ่งนึกถึงสีหน้าตอนพูดเรื่องของขวัญ ไอ้ความหงุดหงิดและความระแวงกลับโดนแทนที่ด้วยความตื่นเต้นปนดีใจแทน

          ทำไมตูต้องดีใจที่มันอยากจะซื้อของให้วะ ทั้งที่ไม่มีอะไรรับประกันสักหน่อยว่ามันจะซื้อของดีๆให้จริงๆเนี่ย

          “อาวัฒน์คร้าบบ”

          ก่อนที่วัฒน์จะเริ่มขยี้หัวตัวเองเพื่อสะบัดเรื่องบ้าบอออกจากหัว เสียงเรียกของโค้กก็หยุดมือที่กำลังจะขยับออกจากตักของตัวเองเสียก่อน ชายหนุ่มโบกมือให้เสียกว้างราวกับเด็กๆ ซึ่งตอนที่เห็นโค้กเดินแกมวิ่งไปหาวัฒน์ เนซึ่งเดินตามมาข้างหลังเกือบจะเผลอเข้าไปกระชากคออีกฝ่ายออกมาแล้ว แต่โชคดีที่มีคนทำแทนให้เสียก่อน

          “เดี๋ยวก็โดนมองอีกหรอก” ศาสตร์บอกเสียงเข้ม และทั้งที่ใบหน้าจะดูนิ่ง แต่กลับรู้สึกได้ว่าท่าทางจะไม่ค่อยพอใจกับพฤติกรรมร่าเริงเกินเหตุของเพื่อนนัก

          “โอ๊ะๆ ลืมไปเลยเนอะ” ปากพูดกับเพื่อน แต่สายตากลับเหล่มาทางเน ทำเอาคนโดนมองรู้สึกหน้าตึงๆ

          “เอ่อ...รอนานไหมครับ” ปาล์มพยายามไม่สนใจก๊วนบ้าบอแล้วถามวัฒน์ที่ยังคงนั่งอยู่

          “ก็นานอยู่” เขาก็แค่ตอบไปตามตรงเพราะหนุ่มใหญ่ก็นั่งรอมาเกือบสามชั่วโมงได้ แต่คงเพราะน้ำเสียงและใบหน้าที่เหมือนจะไร้อารมณ์ไปหน่อย คุณหลานเลยเข้าใจไปว่าคุณอาคงจะเบื่อและหงุดหงิดกับการรอคอยน่าดู “แล้วนั่น...”

          วัฒน์มองถุงกระดาษขนาดใหญ่ที่ใส่กล่องของขวัญขนาดกลางอย่างละสองกล่องที่ห่อด้วย กระดาษสีขาวเรียบๆ มองแล้วเหมือนวัตถุต้องสงสัยเสียมากกว่าจะเป็นของขวัญ ทั้งยังเป็นเหมือนกันทั้งสี่ห่อด้วย

          “จะได้เซอร์ไพรส์ไงครับ นี่ไม่ได้เขียนด้วยนะว่ากล่องไหนของใคร ฮะๆ” โค้กว่าก่อนยื่นถุงที่ตนถือให้ “นี่ตอนห่อก็ไม่มองกันด้วย ตื่นเต้นดีไหมล่ะครับ”

          วัฒน์มองหน้าคนให้...ถ้าไม่ติดว่าหนึ่งในคนให้มีคนที่ไม่น่าไว้ใจ เขาก็คงรับไว้โดยไม่คิดอะไรมากแล้ว

          “ขอบใจนะ อุตส่าห์ลำบากกัน” หนุ่มใหญ่ว่าพลางรับถุงจากโค้ก ซึ่งความดีใจหดลงไปครึ่งหนึ่งเพราะอีกถุงที่กำลังจะยื่นมือไปรับนั้น มาจากเน

          “ผมถือให้ก็ได้ครับ ยังไงเราก็ต้องกลับด้วยกันอยู่แล้ว” เนบอกเสียงอ้อมแอ้มก่อนจะดึงถุงกระดาษหนีมือของวัฒน์

          หนุ่มใหญ่นิ่วหน้า ไอ้เหตุผลที่จะถือให้ เขาก็เข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมต้องหลบตาหน้าแดงแบบนั้นด้วยนั่นล่ะ

          หรือมันจะซื้ออะไรเห้ๆมาแกล้งตูจริงๆฟะ

          “อากลับบ้านแล้วค่อยเปิดนะ ผมไม่อยากให้ใครเห็นเท่าไหร่ ผมเขิน” โค้กบอกด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง พร้อมกับทำท่าอายเหมือนสาวน้อยวัยใส เล่นเอาคนอื่นพากันมองอย่างแหยงๆ “นี่ก็เย็นมากแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกผมขอตัวกลับก็แล้วกัน...ฝากเนดูแลคุณวัฒน์ด้วยเน้อ”

          “...ครับ...” เนตอบรับแบบไม่เต็มใจจะพูดด้วยเท่าใดนัก ยิ่งเห็นรอยยิ้มของคนหน้าเป็น ความขุ่นเคืองมันก็ตีฟุ้งไปเต็มหัวใจ แต่ก็พยายามตีมึนและปั้นหน้ายิ้มกลับไปให้

          อย่าลืมสิว่าสัญญาอะไรไว้กับหมอนั่นด้วยเหตุผลแบบไหน...

          เราเห็นคุณวัฒน์เหมือนแค่ญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งเท่านั้น

          ไม่เหมือนหมอนั่น

          หลังจากกลับมาถึงบ้าน วัฒน์ก็ขอแยกตัวขึ้นห้องมาเพื่อเก็บของ ในทีแรกเขาก็กะจะแกะๆให้มันจบๆเรื่องไป แต่ก็มาชะงักเมื่อหวนนึกได้ว่า หนึ่งในสี่กล่องนี้ เป็นของเน

          หนุ่มใหญ่จ้องมองกล่องสีขาวเรียบที่มองไปมองมาแล้วเหมือนกล่องใส่วัตถุระเบิดทั้งสี่ ชั่งใจอยู่นานมาก ก่อนจะเปิดตู้และเก็บไว้ด้านบนของตู้เสื้อผ้า

          เอาเถอะ เห็นบอกแล้วว่าไม่ใช่ของกิน เก็บไว้ก่อนก็คงไม่เป็นไร
         
          “คุณวัฒน์”

          เจ้าของชื่อหันหน้าไปมองต้นเหตุที่ทำให้ใจระทึกจนไม่กล้าเปิดกล่องของขวัญ ซึ่งทีแรกก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั้งเห็นใบหน้าแดงระเรื่อของอีกฝ่าย

          “แมวล่ะ” หนุ่มใหญ่พยายามทำเป็นนิ่งทั้งที่ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

          “กลับเข้าห้องไปแล้วล่ะครับ” ตอบเพียงแค่นั้นก็เงียบไป ต่างคนต่างยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนราวกับกำลังแข่งความอดทนกัน
         
          “...มีอะไรหรือเปล่า” เมื่อเห็นเนเอาแต่ยืนอยู่ตรงทางเข้าห้องนอน ไม่ขยับไปไหนสักที วัฒน์ที่เริ่มจะเป็นตะคริวจึงเอ่ยถามเพราะทนยืนขาแข็งไม่ไหวอีกต่อไป

          “วันนี้เราทำกันได้ไหม”

          วัฒน์เผลอถลึงตาใส่ “แต่เมื่อวานนายก็เพิ่งทำไปนะ”

          “เมื่อวานยังไม่ทำนะครับ” ฟังแล้ววัฒน์เผลอหน้าเบี้ยว เพราะไอ้เด็กบ้านั่นก็ไม่ได้ทำอย่างที่ว่าจริงๆ “หรือคุณจะผิดสัญญากับผม...คุณสัญญาแล้วนะ”

          ก็ไม่ได้จะปฏิเสธอะไรหรอกนะ...แต่ทำไมต้องทำเสียงเหมือนจะขาดใจตายแบบนั้นด้วยวะเนี่ย ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ ผีเข้าเรอะ!

          “ฉันรู้น่า ไม่เบี้ยวนายหรอก ย้ำอยู่ได้” วัฒน์พยายามตะเบ็งเสียงให้ฟังดูหงุดหงิดและต้องทำอย่างเสียมิได้ ทั้งที่รู้สึกเขินจนอยากจะมุดดินหนีจะแย่อยู่แล้ว หนุ่มใหญ่พยายามใจกล้ามองอีกฝ่าย สีหน้าของเนนั้นไม่ต่างจากน้ำเสียงนัก ท่าทางดูเศร้าและเหงาอย่างบอกไม่ถูก ทำเอาวัฒน์รู้สึกแย่ไปด้วย

          ขอแล้วทำหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไงกันน่ะ...

          “...ถ้างั้นทำเลยได้ไหม...” เสียงทุ้มเอ่ยอ้อนขออย่างเร่งเร้า “...หรือจะอาบน้ำก่อนละครับ จะได้เข้าไปทำเลย”

          “เดี๋ยวๆ ตอนนี้เลยหรือ” ที่จริงนี่ก็ทุ่มกว่าแล้ว ฤกษ์กำลังงามยามกำลังดี เพียงแต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรีบมากขนาดจะทำไปอาบน้ำไป

          “คุณสัญญาแล้วนะ”

          วัฒน์ได้แต่อ้าปากค้าง...ใบหน้าเว้าวอนเหมือนคนจะร้องไห้ที่มองมาทำเอาใจสั่น จึงพยายามจะหันหนี แต่อีกฝ่ายเหมือนจะรู้ดี เลยเดินรุกเข้ามาหาเหมือนต้องการคาดคั้นคำตอบ

          หนุ่มใหญ่ถอยหนีอย่างลืมตัวจนไปติดกับกำแพง มือทั้งสองของเนวางทาบกำแพงเหมือนกันไม่ให้วัฒน์หนี ดวงตาเรียวจ้องมองราวกับทะลุเข้ามาในใจ ทำเอาวัฒน์รู้สึกร้อนวูบที่หน้า

          “คุณสัญญากับผมแล้วนะ...ได้โปรด...”

          ถ้าเป็นประโยคคำสั่งหรือทวงสัญญาก็ยังพอเข้าใจ แต่คำขอร้องนั่นมันหมายความว่าอะไรวะ

          วัฒน์นิ่วหน้ามองทั้งที่ร้อนไปหมด ไม่เข้าใจพฤติกรรมของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ริมฝีปากเผยอออกหมายจะพูด แต่ความลังเลปนหวาดกลัวที่จะโดนหักหลังยั้งเสียงไม่ให้ออกมา

          อย่าไปหลวมตัวนะ...

          “เออๆ ถ้ารีบขนาดนั้น ทำก็ทำ”

          วัฒน์เกือบจะออกปากตกลงอย่างง่ายดายไปแล้ว แถมยังเกือบจะเผลอยื่นมือออกไปลูบหัวเด็กหนุ่มออกอาการเหมือนลูกแมวโดนทิ้ง แต่สุดท้ายก็เตือนสติและยั้งตัวเองทัน ก่อนจะกลับมาปั้นหน้ามึนตึงเหมือนเดิม

          เนไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยิ้มกว้างให้ราวกับเด็กๆ เล่นเอาคนที่กำลังพยายามนิ่งถึงกับเผลอมองตาค้าง

          หนุ่มใหญ่สะดุ้งนิดหน่อยเมื่ออีกฝ่ายมุดเข้ามายังซอกคอขวาของตน เขาเกือบจะผลักไปเพื่อเตือนสติแล้ว แต่รอบนี้เนไม่ได้ขบ กัดหรือดูดแต่อย่างใด ทำแค่เพียงดมดอมหอมเสียฟอดใหญ่ก็เท่านั้น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะมีผ้าก็อซขัดขวางอยู่ก็เป็นได้

วัฒน์นิ่วหน้า ใช่ว่าจะไม่ชอบ แต่เขารู้สึกแปลกอย่างแรง ใจนึงก็กลัวจะกลับไปจบแบบเมื่อคืน และอีกใจก็กลัวตัวเองนี่ล่ะ

          ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ เราก็แค่คู่นอนชั่วคราวเท่านั้นนี่...

          แม้จะสับสนและสงสัยเป็นที่สุด แต่ก็เพียงแต่เก็บงำคำถามเอาไว้ใจใน ปล่อยให้อีกฝ่ายกอดรัดและพรมจูบและลูบใบหน้าของตนตามใจชอบ

          อย่าไปคิด...อย่าไปคิด...

          วัฒน์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือของเด็กหนุ่มลูบเข้าที่เคราของตน ทีแรกคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรีบๆหนีไปที่อื่นเพราะนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะลูบเจอ บนใบหน้าผู้หญิง แต่กลายเป็นว่าเนกลับค้างวนไปวนมาอยู่นานสองนาน จนคนที่กำลังทำสมาธิเริ่มพลังแตกซ่าน เท่านั้นยังไม่พอ อีกมือก็คอยบีบๆคลำหน้าอกราบๆของตนไปมา จนวัฒน์ชักอยากจะระเบิดตัวหนีเข้าทุกที ซึ่งยังดีที่อีกฝ่ายจำกัดพื้นที่แค่อกด้านขวา ถ้าเลยเขตมาทางซ้ายซึ่งเป็นที่ตั้งของหัวใจที่สั่นรัวประดุจตีกลอง เขาคงได้ระเบิดตัวตายจริงๆแน่

          “ไปที่เตียงได้ไหมครับ” เสียงทุ้มกระซิบถามอย่างเบาบางที่ข้างหู เล่นเอาคนแก่กว่าหัวใจจะวาย เพราะเสียงนั้นฟังดูนุ่มนวลและเว้าวอนเสียจนใจแทบจะละลาย

          หนุ่มใหญ่ไม่พูดอะไรนอกจากพยักหน้าให้ทั้งที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มยังคงซบอยู่ที่คอของตน แต่แรงขยับบวกกับการที่เขาไม่ขัดขืนตอนที่เด็กหนุ่มดึงตัวออกมาจากกำแพง ทำให้เนรู้คำตอบของอีกฝ่าย

          “ระ...รีบ ทำสักทีสิ” ตอนนี้กลายเป็นตัวเองที่ชักมีอารมณ์จนทนไม่ไหวเสียแทน โชคยังดีที่ขาของเนไม่ได้ก่ายอยู่ตรงจุดอันตราย เลยรอดพ้นจากการโดนจับได้ว่าตนมีอารมณ์กับอีกฝ่ายเพียงแค่กอด

          “ครับ”

          เด็กหนุ่มตอบเพียงแค่นั้น แล้วก็นอนกอดเขาแน่น ใบหน้าเรียวยังคงซุกไซ้เข้าซอกคอ เบียดเสียดเข้ามาไม่เลิก

          และก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลยนอกจากกอดวัฒน์ทั้งคืน


__________________________________________________________


พาไปขึ้นเตียงแบบค้างคาแทน ;w;

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
โคตรตัด =___=
สุดท้ายก็ไม่ได้ทำเรอะ 55555
อยากรู้ว่าแต่ละคนให้อะไรอ่ะ โดยเฉพาะเน ให้อะไรทำไมหน้าแดงฟะ  5555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-09-2015 13:39:38 โดย boboman »

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ลุงเขาอารมณ์ค้างเข้าใจไหมหนู

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :z3: :z3: :z3:  แล้วเมื่อไหร่จะทำ  :sad4:

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7
แบบว่าเฮ้ออ่ะนะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 52


          รุตเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจอีกครั้ง เพราะตนเป็นคนที่สามในการเดินเข้าครัวอีกแล้ว

          รอบนี้วัฒน์ไม่ได้กลายร่างเป็นปอบหิวน้ำอยู่หน้าตู้เย็น แต่นอนฟุบอยู่บนโต๊ะกินข้าว ท่าทางโทรมเหมือนคนอดนอน แต่ไม่ซูบซีดเหมือนเมื่อวานนัก จึงทำให้คนมองรู้สึกเบาใจขึ้นมาหน่อย

          “เป็นอะไรอีกล่ะ” แม้ใจจริงจะไม่อยากถามมากนัก แต่เล่นมานอนเกะกะของกิน แถมยังส่งรังสีกดดันทำลายรสชาติอาหาร รุตจึงอดถามไม่ได้

          “นายคิดว่าการที่โดนถูๆไซ้ๆดมๆไม่เลิกเนี่ย มันเป็นเพราะอะไร”

          จากที่กำลังสนใจหม้อหุงข้าว ถึงกับหันกลับมามองด้วยความไวแสง

          “นั่นคนหรือแมววะ”

          เจอถามกลับวัฒน์ถึงกับเงยหน้าขึ้นมา “แล้วถ้าเป็นแมวล่ะ”

          “เอ่อ...ก็ ถ้าเป็นแมว ไอ้อาการที่แกว่ามันเหมือนแสดงความเป็นเจ้าของน่ะสิ” ที่จริงรุตก็แค่โพล่งออกมาเฉยๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถาม และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตนต้องตอบด้วยเหมือนกัน

          แต่เห็นคนหน้านิ่งทั้งยิ้มทั้งหัวเราะออกมา ทำเอางงว่าตนไปปล่อยมุกเอาตอนไหน

          “ฮะๆๆ นั่นสินะ” พอนึกแล้วก็อดขำไม่ได้ ถึงเมื่อคืนจะอารมณ์ค้างจนแทบไม่ได้นอน แต่พอมานึกถึงท่าทางแปลกๆนั่นแล้วเอาไปเทียบกับสิ่งที่รุตพูด มันก็ช่างคล้ายกันเสียเหลือเกินและก็หน้าแดงขึ้นมาทันทีเมื่อสะกิดใจเรื่อง ที่ควรจะสะกิดก่อน

          เดี๋ยวสิ มันทำตัวเป็นเจ้าของกับเราเรอะ

          “...แล้วถ้าเป็นคนล่ะ...”
         
          จากที่กำลังเลิกคิ้ว รุตกลับมาขมวดคิ้วเข้าหากันแทน

          “แกมีแฟนใหม่แล้วหรือ”

          รุตถึงกับผงะเมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองมาคล้ายกับจะกินเลือดกินเนื้อ

          “เปล่า ทำไมถามแบบนั้น” อันที่จริงวัฒน์แค่ก็ตกใจและสงสัยก็เท่านั้น

          “...ก็ถ้ามีใครทำแบบนั้นกับแก ถ้าไม่ใช่แฟนก็เมียละวะ”

          “อย่างอื่นล่ะ”

          “ชู้...หรือที่พวกเด็กๆมันเรียกว่ากิ๊กน่ะ”

          นิ่วหน้าหนักกว่าเดิมจนรุตชักรู้สึกว่าข้าวไม่อร่อยทั้งที่ยังไม่ทันได้กิน

          “อย่างอื่นไม่มีแล้วหรือ”

          “...ที่แกถามไม่เลิกนี่ เพราะแกทำใจจะเป็นแฟนกับคนที่ว่าไม่ได้หรือไง”

          “จะบ้าเรอะ!!”

          คราวนี้แม้แต่วัฒน์ก็รู้ตัวว่าใส่อารมณ์และตะเบ็งเสียงเกินเหตุ

          “ขอโทษ ฉันตกใจไปหน่อย” รุตได้แต่ด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจ ช่างเป็นการตกใจที่ทำเอาหนุ่มใหญ่ร่างท้วมหัวใจจะวาย “ฉันแค่ไม่ได้คิดจะเป็นแบบนั้นกับอีกฝ่ายเลยน่ะ...”

          “เพราะปิ่นหรือไง”

          ใบหน้าเรียวกระตุก ก่อนจะกลับมามีสีหน้านิ่งเรียบไร้อารมณ์

          ใช่…ถ้าเป็นเมื่อก่อน กับคนอื่นก็พอจะกล้าพูดได้ว่าเป็นเพราะเหตุผลนั้นอยู่หรอก

          แต่ในตอนนี้ ไม่นับเรื่องที่อีกฝ่ายเป็นศัตรู กลายเป็นว่าเขาต้องเอาเมียเก่ามาช่วยรั้งใจตัวเองไม่ให้โผเข้าไปหาเจ้าเด็กหนุ่มนั่นเสียอย่างนั้นนี่น่ะสิ!

          “ตัดใจจากปิ่นเหอะน่า ป่านนี้แล้ว” รุตบ่นก่อนจะวางช้อนยอมแพ้กับอาหารมื้อเช้า เพราะเข้าใจว่าวัฒน์ยังคงคิดถึงปิ่นไม่เลิก “หรือแค่เพราะใกล้ถึงเวลาแล้วล่ะ ถึงได้ทำใจลืมไม่ได้”

          วัฒน์มุ่นคิ้วด้วยความยุ่งยากใจท่าทางเหมือนอยากพูด แต่ยังไม่ทันจะได้เปิดปาก เจ้าของบ้านก็พุ่งเข้ามาในครัวเหมือนรอจังหวะอยู่แล้ว

          “อ้าว อาวัฒน์กับอารุตกำลังพูดถึงพี่ปิ่นหรือครับ” ไม่ใช่แค่น้ำเสียง แต่ท่าทางก็แข็งเหมือนหุ่นยนต์จนรุตถึงกับอยากเอาเท้าก่ายหน้าผาก แต่โชคดีที่วัฒน์มัวแต่มองท่าทางประหลาดของสิทธิ์ จึงไม่ได้เอะใจอะไรนัก “จะว่าไปนี่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว อาจะไปหาพี่ปิ่นเหมือนเดิมใช่ไหม”

          “...ก็ใช่อยู่หรอกครับ...” วัฒน์ตอบอย่างไม่แน่ใจนัก ท่าทางจะเป็นห่วงสิทธิ์เอามากๆ อันที่จริงเขาก็อยากจะบอกอยู่หรอกว่าไอ้ที่กำลังกลุ้มๆอยู่น่ะ ไม่ใช่สาเหตุนั้น แต่ความอายมันดันปิดปากเอาไว้

          “ถ้าอย่างนั้น ไหนๆก็ไหนๆ พวกเราไปหาพี่ปิ่นด้วยกันนะครับ”

          “ไม่ได้หรอกครับ มันอันตรายไป”

          “ก็ไม่ได้ไปแค่กับผมหรืออาไง เนก็ไป”

          นั่นน่ะ ที่สุดของความน่าเป็นห่วงเลยครับ!!

          “...หรือถ้ายังไง ก็ให้พี่ฉัตรไปด้วยสิ รับรองปลอดภัยแน่ๆ”

          วัฒน์นิ่วหน้าไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของรุต เพราะตอนนี้ฉัตรก็กำลังสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของเดชอยู่ ถึงในตอนนี้เดชจะวุ่นอยู่กับเรื่องที่ฉัตรไปป่วน แต่ลองว่ามีโอกาสเมื่อไหร่ อีกฝ่ายก็คงไม่อยู่เฉยๆแน่

          “ไม่ได้หรอก ช่วงนี้หมอนั่นยุ่งมาก” ประโยคที่ฟังดูกลางๆแต่สีหน้าและน้ำเสียงกลับเคร่งเครียดเกินเหตุจนรุตรู้สึกผวา ในขณะที่สิทธิ์ไม่ได้รู้สึกอะไรนักนอกจากคิดหาตัวเลือกรายถัดไป และเพียงไม่นานก็ยิ้มกว้าง ซึ่งไม่ช่วยให้คนมองสบายใจขึ้นเลยสักนิด

          “งั้นก็ให้พี่โค้กกับพี่ศาสตร์ไปด้วยสิครับ...”

 

          เนรู้สึกเบลอๆเหมือนคนไม่ได้นอน ทั้งที่ความจริงก็นอนจนตื่นสายโด่ง เด็กหนุ่มหันมองไปทั่วห้องนอนที่เหลือตนอยู่คนเดียว ก่อนจะล้มกลับไปนอนอีกครั้ง

          เขาก็ไม่เถียงนักหรอกว่าหงุดหงิดอยากจะกันโค้กออกจากวัฒน์ แต่ถึงอย่างไร เขาก็ค้านขาดใจว่าไม่ใช่เหตุผลหรือความรู้สึกแบบเดียวกับที่โค้กคิดกับวัฒน์แน่

          ไอ้ที่รู้สึกเขินน่ะ ก็เพราะไม่ชินที่ทำแบบนี้กับคนที่ไม่ได้เป็นญาติสนิทอะไรกันก็เท่านั้นเอง

          ก็กับผู้หญิงคนอื่น เรายังทำแบบนั้นได้โดยไม่ต้องคิดอะไรมากเลยนี่นา…กับเขาก็เหมือนกันนั่นล่ะ

          แค่หวงเพราะเขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่เรามีอะไรด้วยก็เท่านั้นเอง

          พอสบายใจก็จัดการตัวเองและเดินออกมาจากห้องไปยังครัวหน้าระรื่น แต่ยังไม่ทันจะได้โผล่หน้าไปยังครัว เสียงคุยกันของวัฒน์กับสิทธิ์ก็ทำเอาเขาชะงัก

          “งั้นก็ให้พี่โค้กกับพี่ศาสตร์ไปด้วยสิครับ...ถ้ายังไม่พอก็ให้อารุตไปด้วยกันเลย นะครับ”

          ได้ยินแล้วเนถึงกับเผลอตาโตอย่างลืมตัว และก็เข้าไปแนบกับกำแพงข้างประตูครัวเพื่อแอบฟังอย่างใกล้ชิดทันที

          “แต่สองคนนั้นเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลนะครับ” ได้ยินเสียงวัฒน์ค้านออกมาแล้วไม่รู้ทำไมเนถึงได้ดีใจออกมา “ผมขอบคุณที่คุณสิทธิ์เป็นห่วง แต่ผมไปเองก็ได้ครับ”

          “โธ่ อาวัฒน์ใจร้าย” หมียักษ์ร้องงอแงเป็นเด็กสามขวบ “ผมแค่อยากให้อาวัฒน์มีความสุขนะครับ อาเอาแต่ทำงานๆ ไม่เคยคิดถึงตัวเองบ้างเลย”

          วัฒน์ถึงกับทำหน้าไม่ถูก และสิทธิ์เองก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอย

          “พี่ปิ่นเองก็อยากให้อาเลิกคิดถึงเขานะครับ เขาถึงได้พูดจารุนแรงตอนเลิกกับอาทั้งที่เคยรักอามากน่ะ”

          หัวใจของคนแอบฟังเหมือนหล่นวูบโหวงเหวงตอนได้ยินชื่อคนที่น่าจะเป็นเมียเก่าของวัฒน์ ยิ่งพอแอบลองมองแล้วเห็นสีหน้าเหมือนคนไร้ชีวิตของหนุ่มใหญ่แล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกแน่นหน้าอกไปหมด

          “หรือบางที...เธออาจจะคิดแบบนั้นจริงๆก็ได้ครับ ก็ผมมันคนน่าเบื่อนี่…”

          “ไม่ใช่หรอกครับ!”

          อยู่ๆเจ้าคนแอบฟังก็ดันเผลอโพล่งออกมาลั่น ทำเอาคนในครัวพากันสะดุ้งและหันไปมองเป็นตาเดียว

          “อะ...ฮะๆๆ พูดอะไรกันหรือครับ” เมื่อหลบไปก็ไร้ประโยชน์ เนจึงเลือกที่จะทำหน้าเป็นแล้วโผล่หัวออกมาแทน

          “...ถ้าไม่รู้ แล้วเมื่อกี้นายพูดเรื่องอะไร”

          “กะ...ก็ผมมาตอนได้ยินคุณพูด ผมก็แค่ค้านขึ้นมาเฉยๆ” เด็กหนุ่มดริฟท์เสียงสั่น “ก็คุณไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อยนี่นา”

          ในขณะที่รุตประหลาดใจ และสิทธิ์รู้สึกปลื้ม วัฒน์กลับถลึงตาใส่ด้วยใบหน้าแดงก่ำ

          “พ...พูดบ้าอะไรของนาย” ทั้งที่เสียงสั่นและเขินจนหน้าแดง แต่มีเพียงสิทธิ์เท่านั้นที่ดูออก

          “โธ่ อาวัฒน์อย่าอายสิครับ ผมก็คิดว่าอาไม่ใช่คนน่าเบื่อเหมือนกันนะ” สิทธิ์ช่วยเสริมเสียงร่าเริงในขณะที่รุตเริ่มถอยห่างเหมือนกลัวระเบิดลง “และผมก็มั่นใจว่าพี่ปิ่นเองก็คิดเหมือนกัน”

          วัฒน์นิ่วหน้ามองเจ้านายหนุ่ม ท่าทางไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไหร่นัก

          “จะว่าไป อาได้คุยกับพี่นพหรือยังครับ” สิทธิ์เอ่ยถามต่อ “เขามีเรื่องจะคุยกับพี่นะ”

          เนไม่รู้หรอกว่านพที่ว่าเป็นใคร แต่เห็นสีหน้าปานเหยียบขี้หมาของวัฒน์แล้ว เขาก็มั่นใจได้ว่านั่นต้องไม่ใช่คนที่วัฒน์อยากเจอแน่นอน

          “จะได้คุยกันยังไงล่ะครับ ทางโน้นแค่เห็นหน้าผมก็ไล่ตะเพิดแล้ว” วัฒน์ว่าอย่างอ่อนใจ “ทุกทีตอนไปหาปิ่น ผมก็แอบไปตลอดนั่นล่ะ”

          “ถ้าอย่างนั้น ครั้งนี้ก็ลองไปดูสิครับ เขาอาจจะไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วก็ได้นะ”

          ต่อให้แสดงเก่งยังไง วัฒน์ก็รู้ได้ทันทีว่าสิทธิ์ต้องแอบไปทำอะไรแน่ๆ ยิ่งหันไปหารุตที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ด้วยการผิวปากหลบตาไปทางอื่น วัฒน์ก็ยิ่งมั่นใจ

          หนุ่มใหญ่ยังคงลังเล แต่ในเมื่อเจ้านายคะยั้นคะยอเสียขนาดนี้ เขาก็คงไม่มีทางเลือกนัก

          “ถ้างั้นตกลงตามนี้นะครับ เดี๋ยวผมจะโทรบอกพี่โค้กกับพี่ศาสตร์เอง เรื่องรถ ก็เอารถตู้ของบริษัทไปนะ” เจ้านายเอ่ยจัดแจงเสียเสร็จสรรพ ก่อนจะออกจากห้องครัวไป ยังไม่วายฉกไก่ทอดออกไปสองน่องด้วย

          เมื่อเหลือกันแค่เหล่าลูกน้อง รุตก็จัดการเก็บข้าวเหลือๆของตนไว้บนเคาท์เตอร์เนื่องจากหมดอารมณ์จะกิน ทั้งยังสายมากแล้ว จึงขอตัวออกไปทำงานสักที

          และแล้วก็เหลือกันแค่สองคน

          ทีแรกวัฒน์ก็รู้สึกขัดเขิน แต่เห็นท่าทางของเด็กหนุ่มดูปกติเกินคาด อาการตื่นเต้นในใจเลยดับลงโดยง่าย

          “ตื่นเช้าทุกวันเลยนะครับ” แต่พอเห็นอีกฝ่ายทักทายอย่างเป็นมิตรพร้อมยิ้มแย้มแจ่มใสเกินเหตุ วัฒน์ก็ชักจะเริ่มกลัวแทน “ว่าแต่เมื่อกี้คุยอะไรหรือครับ”

          “เรื่องปิ่น...เมียเก่าฉันน่ะ”

          “อ้อ หรือครับ” เสียงของเนดังสูงปรี๊ดจนชวนหนวกหู “แล้วเราจะไปเยี่ยมเขาเมื่อไหร่หรือครับ”

          “คงมะรืน” วัฒน์ตอบ ยังคงมองอีกฝ่ายอย่างหวาดระแวง ก่อนจะเริ่มหนักใจ “ก็เตรียมตัวด้วยละกัน อาจจะมีศัตรูใช้จังหวะนี้ทำร้ายคุณสิทธิ์ก็ได้”

          เนมองหน้าอีกฝ่ายที่กังวลและเคร่งเครียด แน่นอนว่าเขาไม่ได้นึกหรอกว่าเรื่องที่วัฒน์กลุ้มจะเป็นเรื่องของสิทธิ์ ซึ่งอันที่จริงมันก็ดูไม่แปลกนัก เพราะดันไปแอบฟังเรื่องคนรักเก่ามา และทั้งรุตทั้งสิทธิ์ก็ออกอาการเป็นห่วงวัฒน์เสียเหลือเกิน จึงทำให้เขาอดคิดไปไม่ได้ ว่าวัฒน์จะยังคงคิดถึงปิ่นอยู่

          เขาเป็นคนยังไงนะ คุณวัฒน์ถึงได้รักมากขนาดนี้



______________________________________________________________


ต้องทำพิธีขออย่างเป็นทางการจากคนเก่าก่อนนะก๊ะ XD

ออฟไลน์ qilarsy39

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7
 :pig4: รอตอนต่อไป เริ่มไม่รู้จะเม้นไรละ อิอิ

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
พวกไม่ยอมรับใจตัวเอง -3-
หมั่นส้ายยย
55555555555

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 ป่ะ เนรีบไปขอเลยนะ  :call:

ออฟไลน์ bvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เมื่อไหร่จะมา เค้ารออยู่นะ

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 53


          จุดหมายปลายทางคือกาญจนบุรี ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงในตัวเมืองอันเนื่องมาจากคนขับรถขับมาด้วยความเร็วสูงอย่างกับจะไปเตรียมตัวออดิชั่นในหนังฟาสแอนด์ฟิวเรียสก็มิปาน แต่กระนั้นคนในรถกลับไม่มีใครหวาดหวั่นกับความเร็วที่สุดแสนจะหาเรื่องได้ใบสั่งแต่อย่างใด ซ้ำบางคนยังผล็อยหลับไปอีกต่างหาก

          รถตู้สีเทาค่อยๆจอดลงตรงลานกว้างของวัดแห่งหนึ่ง ทำเอาเนที่หลับมาตลอดทาง ตื่นขึ้นมามองอย่างแปลกใจ

          ไหงมาที่วัดล่ะ

          แม้จะสงสัย แต่เนก็ได้แค่เก็บงำคำถามไว้ในใจ แล้วรีบเดินตามคนอื่นๆ เด็กหนุ่มกวาดตามองไปทั่ว บริเวณวัดที่นี่กว้างขวาง และเงียบสงบ มีผู้คนอยู่เพียงน้อยนิดในเวลานี้ และตอนเดินผ่านก็ต่างโดนทั้งคนอื่นทั้งพระมองกันเป็นตาเดียว ซึ่งก็ไม่แปลกนัก เพราะแต่ละคนในกลุ่มตนมีหน้าตาท่าทางบ่งบอกยี่ห้อว่าหลุดมาจากแหล่งอโคจรมา แต่ไกล...ซึ่งอาจจะยกเว้นเพียงแค่สิทธิ์ที่ดูเหมาะกับสถานที่นี้กว่าเพื่อน

          “อ้าว คุณวัฒน์ละครับ”

          พอมาได้สักพักแล้วเห็นเพียงสิทธิ์ รุต แล้วก็โค้กกับศาสตร์ เด็กหนุ่มจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ

          “อ๋อ ตอนมาถึงตรงหน้าประตูวัด เขาก็ลงไปก่อนน่ะ” สิทธิ์ตอบก่อนจะชี้ไปยังอีกฟาก “ไปหาพี่ปิ่นโน่น”

          เนนิ่วหน้า เพราะตรงที่เจ้านายชี้ เป็นเจดีย์เก็บอัฐิ

          “พี่ปิ่นเขาเสียไปแล้ว” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ทำหน้ามึน สิทธิ์จึงเฉลยออกมา และคราวนี้ทำเอาคนงงถึงกับแปลกใจ

          “เสีย...หมายถึงตายน่ะหรือครับ”

          คนฟังถึงกับนิ่วหน้า “นี่ยังเมาขี้ตาไม่หายหรือไง เออสิวะ ไม่อย่างนั้นจะให้หมายถึงอะไรอีก”

          เด็กหนุ่มมองหน้าเจ้านายนิ่ง ก่อนจะหันไปมองยังทางเจดีย์ ทั้งที่เพิ่งฟังเรื่องที่ชวนสลดแท้ๆ แต่ความอึดอัดภายในใจที่เวียนวนไปมากลับมลายหายไปอย่างไม่น่าให้อภัย

          “อาวัฒน์แกรักพี่ปิ่นมากเลยนะ” และเพราะคิดว่าเนกำลังสลดปนสงสัย สิทธิ์เลยเล่าขึ้นมา “ตอนที่อาวัฒน์กับพี่ปิ่นหย่ากัน อาวัฒน์ถึงกับเทียวไปเทียวมาจากกรุงเทพฯมากาญฯเพื่อตื๊อพี่ปิ่นร่วมเดือน...ยิ่งตอนที่รู้ว่าพี่ปิ่นเสีย อาวัฒน์เหมือนกับคนไร้วิญญาณไปช่วงหนึ่งเลยล่ะ”

          “อย่างนั้นหรือครับ...” เขาแทบจะนึกภาพตามไม่ออก

          “แต่นี่ก็ถือว่าดีขึ้นเยอะแล้วนะ ฉันเองทีแรกก็เป็นห่วง หลังๆมาถึงจะดีขึ้นยังไงฉันก็รู้ว่าอาวัฒน์ก็ยังคิดถึงพี่ปิ่นไม่เลิกนั่นล่ะ” สิทธิ์ว่าต่อก่อนจะถอนหายใจ “แถมพักหลังยังโหมงานหนักเกินเหตุอีก ฉันล่ะกลัวอาเขาจะล้มหมอนนอนเสื่อไป ถึงได้ให้นายมาช่วยอาเขา...”

          จากที่กำลังโหวงเหวง เหมือนอยู่ๆก็มีใครเอาอีโต้มาแทงอกเสียอย่างนั้น

          “ครับ ผมก็พยายามเท่าที่จะช่วยได้...” และคงเพราะนึกถึงโศกนาฏกรรมชวนสลดที่ตนกระทำกับวัฒน์ไปตั้งมากมายและร้ายแรง น้ำเสียงถึงได้มีอารมณ์ร่วมเสียจนสิทธิ์ไม่เอะใจกับสีหน้าที่มีแต่ความรู้สึกผิดของเด็กหนุ่มแม้แต่น้อย

          “ขอบใจนะ” ยิ่งเห็นสิทธิ์เอ่ยด้วยรอยยิ้มโล่งใจ สีหน้าของเนก็สลดลงเรื่อยๆ “ถึงอาแกจะชอบทำตัวเข้าใจยากไปบ้าง แต่ช่วยอยู่กับเขาหน่อยเถอะนะ”

          และทั้งที่อีกฝ่ายแค่ฝากฝังให้ในฐานะเพื่อนร่วมงาน หน้ามันก็ดันแดงขึ้นมาอย่างที่ไม่ควรเสียอย่างนั้น

          “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมก็อยู่จนกว่าคุณจะเลิกจ้างนั่นล่ะ” ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากจะชดใช้ความผิดที่ตนไปก่อไว้ แต่อีกส่วน ก็ไม่รู้เพราะอะไร ถึงไม่อยากจะห่างนัก

          “เออ ขอบใจนะ” สิทธิ์พูดเสียงอ่อนก่อนจะเปลี่ยนมายิ้มกว้าง ซึ่งนั่นหมายความว่าอีกฝ่ายกำลังมีแผนบางอย่างในใจ ทำเอาเนเผลอนิ่วหน้าออกมา

 

          หนุ่มใหญ่ยืนเหม่อมองเจดีย์ตรงหน้า ก่อนจะถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้
         
          “ถ้าเป็นเมื่อก่อน ต่อให้เธอผลักไสฉันยังไง ฉันก็ตัดเธอไม่ลงแท้ๆ...” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเบาบาง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม “หรือเธอต้องการให้มันเป็นแบบนี้...”

          บ่นกับตัวเองเพียงแค่นั้นก็ทรุดลงอย่างคนหมดแรง ใจนึงก็อยากจะโวยวายต่อหน้าอัฐิเมียเก่าให้รู้แล้วรู้รอด เสียแต่ยังเกรงใจสถานที่อยู่บ้าง

          วัฒน์เงยหน้ามองไปยังรูปที่ติดอยู่บนเจดีย์ ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

ทำไมต้องเป็นไอ้เด็กบ้านั่นด้วยล่ะปิ่น นั่นมันศัตรูคุณสิทธิ์เลยนะเฮ้ย จะแกล้งกันก็ให้มันน้อยๆหน่อย…เออ ถ้าอยากแกล้งนักฉันก็ไม่ว่า จะให้คบกับผู้ชายอายุคราวลูกที่ไหนก็ได้ แต่ไม่ขอเป็นไอ้เด็กเกรียนบ้าเซ็กซ์นั่นเถอะ!

          ไม่มีตัวเลือกตัวอื่นแล้วหรือไง นี่บ้าชัดๆเลยนะ...

          “อาวัฒน์ครับ”

          เสียงทุ้มที่เรียกจากด้านหลังทำเอาคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์สะดุ้ง พอรีบลุกขึ้นแล้วหันไปมองก็เผลอถอนหายใจออกมาเมื่อพบว่ามีศาสตร์อยู่คนเดียว แม้จะแอบเขินเพราะเรื่องเรื่อยเปื่อยที่เพ้อไปเมื่อครู่ก็ตาม

          “มีอะไรหรือ” หนุ่มใหญ่เอ่ยถามพลางมุ่นคิ้ว เมื่อเห็นท่าทีกระอักกระอ่วนของอีกฝ่าย

          “คุณสิทธิ์เรียกน่ะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะหันมองไปทางอื่น “ไม่เป็นอะไรนะครับ ผมเห็นอาลงไปนั่งกับพื้นอยู่ตั้งนาน”

          ระบบคำนวณของสมองชะงักลงเมื่อโดนทัก ใบหน้าที่มักนิ่งกลับเปื้อนยิ้มเสียจนดูน่าแปลกมากกว่าน่ามอง

          “ยังเสียใจเรื่องพี่ปิ่นอยู่หรือครับ”

          หนุ่มใหญ่มองหน้าอีกฝ่ายที่ดูจะเป็นห่วงเขาเอาการ

          “นั่นมันก็ใช่อยู่...แต่ก็ไม่ได้หนักเหมือนเมื่อก่อนหรอก...ก็แค่ใจหายนิดหน่อย พอคิดว่าจะตัดใจได้แล้ว...” วัฒน์ตอบตามตรง แต่ไม่ทั้งหมด

          “หมายถึง...อาพร้อมจะเริ่มต้นกับคนอื่นแล้วน่ะหรือครับ”

          ทั้งที่เป็นแค่คำถามที่ฟังดูเหมือนเป็นห่วงเพียงเท่านั้น แต่กลับทำเอาหน้าร้อนผ่าวทั้งที่ไม่ควร

          แล้วทำไมตูต้องนึกถึงไอ้เด็กบ้านั่นด้วยเล่า! บอกแล้วไงปิ่นฉันไม่เอาไอ้เด็กผีนั่น ไม่ต้องเอามาเสนอเลย!

          “นั่น...ก็ไม่รู้สิ” น้ำเสียงทุ้มดังตะกุกตะกัก “ฉันเองก็อายุปูนนี้แล้ว ไม่รู้ว่าจะมีใครอยากคบกับตาแก่อย่างฉันอยู่หรือเปล่า”

          “มีสิครับ”

          หนุ่มใหญ่เบิกตามองอีกฝ่าย เพราะปกติศาสตร์เป็นคนพูดน้อยและไม่ค่อยแสดงออกมากนัก พอได้ยินน้ำเสียงหนักแน่นและใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงจัง ทำเอาคนมองแปลกใจ

          “ไม่ว่าอาจะอายุมากแค่ไหน ยังไงก็มีอยู่แน่ๆครับ คนที่อยากคบกับอา...ผมยืนยัน” อีกฝ่ายยังพูดต่อด้วยท่าทางแบบเดิม จนวัฒน์เริ่มรู้สึกเขินแปลกๆ “ขอแค่อาเปิดใจ...”

          “คุณวัฒน์ครับ”

          ยังไม่ทันที่ศาสตร์จะพูดจบ เสียงเรียกของเนก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน เด็กหนุ่มหน้าหวานถึงกับบึ้งหน้าเมื่อเห็นฉากชวนคิดตรงหน้า แต่เพียงไม่นานก็กลับมาทำสีหน้าปกติดังเดิม

          “คุณสิทธิ์เรียกครับ” เนตอบโดยที่สายตากลับจ้องไปยังศาสตร์ด้วยความสงสัย

          “งั้นหรือ…จริงสิ ลืมไปเลย” วัฒน์ตอบรับอย่างแปลกใจ ก่อนจะหันกลับไปทางศาสตร์ “ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนนะ ท่าทางจะด่วน ถึงได้ใช้ให้เนมาตามอีก”

          สีหน้าของหนุ่มร่างสูงเต็มไปด้วยความเสียดายอย่างชัดแจ้งเสียจนแม้แต่วัฒน์เอง ก็ยังรู้สึกได้ แต่หนุ่มใหญ่เข้าใจเพียงแค่ว่า อีกฝ่ายคงเป็นห่วงตนมากเฉยๆ

          “ขอบใจนะที่เป็นห่วง” หนุ่มใหญ่จึงเดินเข้าไปเอ่ยพร้อมกับตบบ่า “ไว้ว่างๆแล้วเราค่อยคุยกันอีกทีนะ”

          ศาสตร์ถึงกับหน้าขึ้นสี และมีเพียงเนเท่านั้นที่เห็น

          “คะ...ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “ผมจะรอนะครับ”

          วัฒน์ไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มให้ แล้วเดินจากไป และนั่นเป็นยิ้มที่ทำให้เนเผลอกัดฟันกรอด

          ทำไมถึงยิ้มให้หมอนั่นแบบนั้นเล่า! ทีคนอื่นคุณยังไม่เคยทำสีหน้าแบบนั้นเลย กับผมก็ยังเอาแต่ทำหน้าบึ้งใส่...สามมาตรฐานชัดๆ

          เขาก็ได้แค่หงุดหงิดอยู่ในใจ ก่อนจะเดินตามวัฒน์ไปติดๆ

          ศาสตร์เพียงแค่มองคนทั้งสองที่กำลังเดินจากไป แม้จะเจือไปด้วยความดีใจ แต่ความเสียดายนั้นกลับมีมากกว่า

          “แหม โดนขัดจังหวะพอดีเลยเนอะ”

          เสียงกวนของโค้กดังขึ้น หนุ่มหน้านิ่งหันมองเพื่อนที่เดินเข้ามาจากฝั่งตรงข้ามกับที่วัฒน์กับเนจากไป

          “ทำไม ทำหน้าแบบนั้น ไม่พอใจที่ฉันแอบดูหรือไง” โค้กกวนพร้อมเหยียดยิ้มกว้าง “ที่วันก่อนยังแอบดูฉันคุยกับไอ้เด็กนั่นเลยนะ”

          ศาสตร์นิ่วหน้าใส่ “ก็ไม่ได้บอกว่าไม่พอใจเรื่องนั้น...” เสียงทุ้มขาดหายไปช่วงหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “อีกนิดเดียวแล้วแท้ๆ...”

          “นั่นสิ อีกนิดเดียวแท้ๆ ฉันละหวาดเสียวเป็นบ้า เกือบแห้วแล้วนะเนี่ย” ปากก็บอกแบบนั้น แต่กลับไม่มีอาการหวาดหวั่นหรือเสียใจออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย ทำเอาคู่สนทนาบึ้งหน้าใส่ “บอกว่าเกรงใจๆ แต่เล่นมาพูดต่อหน้าพี่ปิ่นเลยนะ”

          ท่าทางศาสตร์เหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัว ถึงได้หน้าซีดสำนึกผิดขึ้นมา

          “พี่ปิ่นเขาจะว่านายทำไม เขาเลิกกับอาวัฒน์ไปก่อนแล้วนา” โค้กว่าเหมือนเห็นเพื่อนทำหน้าเหมือนจะเป็นจะตาย “เผลอๆเขาอาจจะดีใจด้วยซ้ำ ถ้าเป็นนายหรือฉัน เพราะมั่นใจได้เลยว่าพวกเราจะไม่มีทางทำให้อาวัฒน์เสียใจแน่”

          ศาสตร์เพียงแต่มุ่นคิ้ว ยิ่งทำให้คนให้กำลังใจหน้าบูดใส่

          “แต่ถ้ากลัวว่าทำไม่ได้ เดี๋ยวฉันจะรับไว้เอง”

          “ไม่ได้กลัว” หนุ่มหน้านิ่งเถียงเสียงเข้ม

          “ให้มันจริงเถอะ~” โค้กยังหยอกไม่เลิก ก่อนจะเดินนำไปยังทางที่วัฒน์กับเนเพิ่งเดินไป “ถ้างั้นก็รีบไปเก็บแต้มให้เร็วเข้าเถอะ โอกาสดีๆแบบนี้คงหายากน่าดู”

          แม้จะไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเท่าไหร่นัก แต่ชายหนุ่มก็เดินตามเพื่อนของตนไปอย่างเสียมิได้

 

          “คุณชอบคุณศาสตร์กับคุณโค้กหรือเปล่า”

          วัฒน์หันมามองคนที่เดินอยู่ข้างตัวแล้วทำหน้าเหมือนจะกัดหัวใส่เจ้าคนที่ถามออกมาเหมือนไม่ใช่สมองคิด

          ทีแรกก็เกือบจะหลุดปากไปแล้วว่า ‘ชอบมากกว่านายละกัน’ แต่พอเห็นหน้าตาท่าทางเหมือนกำลังคาดหวังอะไรบางอย่างจากเน คำพูดเลยเอาแต่กระจุกอยู่ที่คอก่อนจะหล่นกลับเข้าไปแทน

          “นายถามฉันในแง่ไหน” เขาว่าจะไม่ถามแล้ว แต่เล่นทำสีหน้าดูคลุมเครือขนาดนั้น เลยต้องถามเพื่อความกระจ่างสักหน่อย

          “แง่คนรักน่ะครับ”

          ถึงจะคาดไว้แล้ว แต่ก็อดสำลักกับคำตอบไม่ได้

          “หา” วัฒน์ถึงกับแผดเสียงอย่างลืมตัว “ฉันจะไปคิดแบบนั้นกับสองคนนั่นได้ไง ฉันเห็นเป็นแค่ลูกหลานก็เท่านั้นล่ะ”

          “แล้วสมมติว่าพวกเขาไม่ได้คิดแค่นั้นล่ะครับ”

          จากที่กำลังจะตั้งท่าเถียงต่อ ถึงกับชะงัก ถ้าไม่ติดว่าศาสตร์ทำตัวแปลกๆก่อนหน้า เขาอาจจะพูดออกไปโดยไม่ลังเลแล้วก็ได้

          “ไม่รู้” วัฒน์ตอบออกไปตามตรง เพราะไม่เคยคิดมาก่อนจริงๆ “ถามทำไม”

          คราวนี้ คนที่หน้าแดงเรื่ออยู่แล้ว ยิ่งแดงจัดเข้าไปใหญ่ ทำเอาหนุ่มใหญ่เผลออ้าปากค้าง

          “ก็แค่อยากรู้ ไม่ได้หรือครับ” อยากรู้อย่างเดียวไม่ว่า แล้วทำไมแกต้องเขินด้วยวะหา “ผมก็แค่เป็นห่วงคุณ เห็นอายุก็ป่านนี้แล้ว น่าจะมองหาใครสักคนได้แล้วนะครับ...”

          จากที่กำลังอ้าปากค้างจนแมลงวันบินเข้าไปตีลังกาได้สามรอบ เจอประโยคหลังเข้าไปเล่นเอาหุบปากไม่ลง

          “คุณได้เปิดกล่องของขวัญหรือยังครับ” อยู่ๆคนที่เดินมาด้วยกันก็เปลี่ยนเรื่องพูดเสียอย่างนั้น

          “ยัง” เพราะเมิงนั่นล่ะ “ทำไม”

          “คือ...ผมแค่จะบอกว่า ที่ผมซื้อให้น่ะ ผมก็แค่เห็นว่ามันเหมาะกับคุณเท่านั้นนะ ไม่ได้มีเจตนาอื่นแฝงนะครับ ผมตั้งใจซื้อให้จริงๆนะครับ”

          พูดเพียงแค่นั้นแล้วก็เดินนำลิ่วไปยังจุดที่สิทธิ์กับรุตยืนอยู่ ปล่อยให้คนอายุมากกว่ายืนนิ่งติดสตันไปร่วมนาที จากที่ไม่กล้าเปิดกล่องของขวัญ ตอนนี้ชักอยากจะกลับบ้านไปเปิดออกดูให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้แทน

          มันซื้ออะไรมาให้วะเนี่ย!!!

          “อาครับ...เป็นอะไรหรือเปล่า” พอเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่ง สิทธิ์จึงตะโกนเรียกขึ้นด้วยความเป็นห่วง

          วัฒน์ทำหน้าเหลอหรา ก่อนจะส่ายหัวให้

          “ขอโทษครับ พอดีเหม่อไปหน่อย” หนุ่มใหญ่ตอบกลับด้วยอากัปกิริยาอย่างที่มักเป็น “คุณสิทธิ์จะกลับแล้วหรือครับ”

          “ใช่ที่ไหนละครับ พวกผมยังไม่ได้ไปไหว้พี่ปิ่นเลยนา” ชายหนุ่มว่า “ผมแค่อยากให้อาคุยกับใครบางคนระหว่างที่พวกเราไปหาพี่ปิ่นน่ะ”

          ยังไม่ทันได้ถาม พอเห็นเจ้านายผายมือไปทางต้นโพธิ์ที่อยู่ไม่ห่าง วัฒน์ก็ทำหน้าเหมือนเห็นผี เพราะคนที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ใต้ต้นโพธิ์นั้น ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่เขาไม่อยากเจอที่สุด

          “ไง ไม่เจอกันนานเลยนะ”

          วัฒน์มองชายวัยกลางคนตรงหน้า ท่าทางอึกอักเสียจนเนแปลกใจ แต่ยังสงสัยได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็โดนสิทธิ์ลากตัวออกมาเสียก่อน

          “ปล่อยให้พวกเขาคุยกันเถอะ”

          “นั่นใครหรือครับ” เนถาม ยังคงอดมองไปทางนั้นไม่ได้

          “พี่นพ พี่ของพี่ปิ่นน่ะ” พี่เมียนี่เอง “มันเป็นปัญหาส่วนตัวเมื่อตอนที่อาวัฒน์กับพี่ปิ่นเลิกกันน่ะ”

          เนเพียงแต่มองโดยไม่พูดอะไร ก่อนนึกถึงเรื่องเมื่อครู่

          ที่เขาพูดเรื่องนั้นขึ้นมา ก็เพราะสัญญาไว้กับโค้กแล้วว่าจะเป็นพ่อสื่อให้ ถึงได้ไปเลียบๆเคียงๆถามและบอกอ้อมๆไป อีกทั้งเพราะอยากจะหนีจากความรู้สึกประหลาดในใจ แต่พอเห็นอีกฝ่ายเขินขึ้นมา ก็อดบึ้งหน้าไม่ได้

          ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้นะ...ทำไมผมต้องพะว้าพะวงแต่เรื่องของคุณไม่เลิกด้วย...

          ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องกำจัดความรู้สึกบ้าบอที่ทำให้ตัวเองเหมือนคนงี่เง่าออกไปให้ได้ ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ตาม

          “นายไม่คิดจะรักเขาบ้างหรือไง”

          ให้ตายก็ไม่เอาด้วยหรอก เราชอบเขาก็จริง แต่ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย การที่อยากมีอะไรกับใครหรืออยากอยู่ด้วย มันไม่จำเป็นต้องเป็นความรักแบบนั้นสักหน่อยนี่นา

          หรือต่อให้ใช่ เราก็ไม่ยอมรับแน่

          ก็มันน่าอายออกนี่นา รักผู้ชายก็ว่าแย่แล้ว แถมยังเป็นลุงอีก


____________________________________________________

คนนึงหนีคนนึงรุก เราเห็นบทสรุปแล้วชิมิ ฮา (เดี๋ยวนะ)

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
ผู้ชายที่ชื่อนพมีความสัมพันธ์กับวัฒน์นอกเหนือจากพี่เมียมั้ยเนี่ย?
ทั้งสองต่างหนีหัวใจตัวเองซะงั้น เฮ้อออ

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 54


          “ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็ยังเงียบเหมือนเดิมเลยนะ”

          หลังจากเข้าไปนั่งด้วยเพราะโดนชวน วัฒน์ก็เพียงแค่นั่งอยู่นิ่งๆโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ จนในที่สุด อีกฝ่ายจึงพูดขึ้นมาเอง

          “ตอนอยู่กับปิ่น นายไม่เห็นจะเป็นแบบนี้” นพพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหงาหงอย “ยัยนั่นชอบแกล้งจนนายดูงี่เง่าอยู่ตลอด”

          วัฒน์ไม่ได้ตอบสิ่งใด นอกจากนึกถึงความหลัง...ใช่ ปิ่นเป็นเพียงไม่กี่คนที่กล้าพูดกับเขาอย่างไม่เกรงใจทั้งที่อายุน้อยกว่า ทั้งยังกวนเขาจนชวนปวดหัวอีก ทำเอาเขาหลุดว่าออกไปเสียหลายที แต่สิ่งที่ได้กลับมาเป็นแค่เสียงหัวเราะของเธอ

          “นายยังรักปิ่นอยู่จริงๆหรือ”

          หนุ่มใหญ่หันมองอีกฝ่ายที่ยังคงทอดสายตามองไปยังด้านหน้า ดวงตาเรียวกลอกมองไปอีกทาง ก่อนจะยอมเปิดปาก

          “ใช่...แต่ไม่ทั้งหมด...” คำตอบนั้นทำเอาชายวัยกลางคนหันมามองตน “ให้เลิกรักคงทำไม่ได้...แต่ก็คงไม่ยึดติดเขาไว้เหมือนเมื่อก่อน...”

          ขณะที่พูดก็เผลอมุ่นคิ้วออกมาเพราะดันไปหวนนึกถึงไอ้คนที่ไม่ควรจะเดินเข้ามา และไม่ใช่เพียงหนึ่ง

          นี่มันบังเอิญ หรือเธอตั้งใจอีกล่ะเนี่ย ปิ่น!

          “…ที่ด่านายไป ทั้งตอนที่นายเลิกกับปิ่น…ทั้งตอนที่นายมางานศพเธอ ก็ต้องขอโทษด้วยนะ” เห็นวัฒน์นั่งนิ่งเป็นรูปปั้นไปอีกครั้ง นพก็เข้าใจไปว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งย้อนความหลัง “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายัยนั่นจะพูดจาให้ร้ายนายเพราะอยากให้นายเลิกรักคนป่วยใกล้ตายอย่างเธอ”

          “ยัยนั่นก็เป็นแบบนี้เสมอ ขี้แกล้งไม่เลิก ถึงจะทำไปเพราะหวังดีก็เถอะ”

          ชายวัยกลางคนมองหน้าอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ “นายรู้งั้นหรือ”

          “รู้สิครับ” เสียงทุ้มตอบกลับอย่างราบเรียบ “อยู่กันมาตั้งนาน ทำไมจะไม่รู้ว่าปิ่นทำไปเพราะอะไร”

          “แต่ตอนนั้นนายไม่พูดอะไรเลย…” นพถึงกับลุกขึ้นพูด แต่เห็นท่าทางที่ยังคงนิ่งเงียบ ความร้อนรนของเขาก็ดับลงวูบ “…นั่นสินะ…นายเป็นคนแบบนี้อยู่แล้วนี่…ฉันน่าจะรู้”

          “…ผมรู้ว่าเขาเองก็เสียใจที่ทำแบบนั้นเหมือนกัน…” วัฒน์เอ่ยขึ้นต่อ “เขายอมเจ็บเองเพื่อผมจะได้ไม่ต้องเจ็บไปมากกว่านี้ ผมคงไม่กล้าพูดขึ้นมาหรอกครับ”

          สีหน้าของนพคล้ายกับจะร้องไห้ แต่ชายวัยกลางคนเพียงแค่กล้ำกลืนเก็บความเสียใจและความรู้สึกผิดที่เอ่อล้น กลับเข้าในใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อีกครั้ง

          “บ้าจริงๆเลยนะ ทั้งยัยนั่น ทั้งนาย” เป็นเวลานานกว่าที่นพจะพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเสียใจ แต่กลับแทรกด้วยเสียงหัวเราะออกมาด้วย “ทำไมต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากด้วยนะ บอกพวกฉันเลยก็ได้แท้ๆ”

          “เพราะบางครั้ง แค่คำพูดก็ไม่พอน่ะสิครับ” หนุ่มใหญ่ตอบกลับ “ที่สำคัญกว่าคือ มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูด เพราะถึงยังไง พวกเราก็กลับเป็นแบบเดิมไม่ได้อยู่ดี พูดไป เรื่องมันจะยืดยาววุ่นวายเสียเปล่าๆ ให้มันจบแบบนี้น่ะ ดีแล้วครับ”

          “นั่นสินะ...” นพเอ่ยเสียงเครือ ก่อนจะหยิบบางอย่างออกมาจากย่ามที่อยู่ข้างตัว “รู้เรื่องเจ้านี่หรือเปล่า”

          วัฒน์เลิกคิ้วมองสมุดบันทึกปกแข็งสีฟ้าอ่อนในมือของอีกฝ่าย ก่อนจะส่ายหน้าให้

          “มันเป็นไดอารี่ช่วงที่ปิ่นอยู่โรงพยาบาล” คำตอบนั้นทำเอาคนฟังเบิกตา “เจ้านายของนายเอามาให้ฉัน”

          ก็รู้อยู่แล้วว่าการที่ตนมาพบกับนพเป็นแผนของสิทธิ์ แต่วัฒน์ก็ไม่คิดว่าเจ้านายแสนดีของตนจะไปสืบค้นกันถึงขนาดนี้ พอมานึกก็แอบแปลกใจอยู่พอสมควรที่นพอยู่ๆก็ยอมรับเขาเสียง่ายดายเหลือเกิน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นจะเกลียดเขาแทบเป็นแทบตายแท้ๆ

          เพราะตอนที่เลิกกัน ปิ่นบอกทางบ้านไปว่าตนนอกใจ ทำตัวไม่ดี และใจร้ายกับเธอสารพัด แล้วเพราะทำงานที่ออกจะไม่ค่อยดีด้วย เลยทำให้คนทางบ้านของปิ่นที่ไม่ชอบตนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งรังเกียจและไล่เขาไปทุกครั้งที่พยายามจะมาหาเธอ

          “ถ้าไม่ใช่เพราะนี่ ฉันก็คงไม่มีทางเชื่อว่าสิ่งที่ยัยนั่นบอกกับพวกเราเป็นเรื่องโกหก...” นพพูดต่อก่อนจะวางหนังสือลงตรงข้างตัว

          วัฒน์นิ่วหน้าก่อนจะรับมา สมุดบันทึกแม้จะดูเก่า แต่สภาพยังดีจนไม่น่าเชื่อ

          “คุณสิทธิ์...เจ้านายผมเขาบอกหรือเปล่าครับว่าได้มาจากไหน”

          “จากเพื่อนยัยนั่นน่ะ...ดูเหมือนจะฝากไว้ก่อนที่จะเสียไม่กี่วัน” นพเล่าเสียงเครือ “เอาไปเถอะ ฉันไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว”

          ชายวัยกลางคนลุกขึ้นออกจากม้านั่ง แต่ก่อนที่จะได้เดินจากไป เขาก็หันกลับมาหาคนที่ยังคงนั่งนิ่ง

          “ถึงจะเลิกกันไป แต่ยัยนั่นก็รักนายมากนะ แล้วก็อยากให้นายมีความสุขจริงๆ”

          วัฒน์เพียงแต่มองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะพยักหน้าให้เล็กน้อย ดวงตาเรียวเลื่อนลงมองสมุดในมือ ก่อนจะค่อยๆเปิดขึ้น ทุกอย่างที่เขียนในนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เขารู้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลที่เธอโกหกญาติเพื่อเลิกกับเขาและไม่ให้เขามาเจอเธอ ทั้งเรื่องที่รู้สึกแย่แค่ไหนที่ต้องทำร้ายเขา ทั้งเรื่องที่เธอรักตนแม้ตนจะไม่เคยกอดเธอแม้แต่ครั้งเดียวก็ตาม

          ขอโทษนะ...ที่ฉันทำให้พี่มีความสุขไม่ได้...ขอโทษที่อยู่ด้วยกันไม่ได้...

          เพราะงั้นช่วยมีความสุขทีนะ...ถ้าไม่อย่างนั้นก็ช่วยมีความสุขในส่วนของฉันด้วยเถอะ จะกับใครก็ได้ ผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก คนแก่ หรือยังไงก็ได้ ขอแค่พี่มีความสุข ฉันก็พอใจแล้ว

          ฉันรักพี่นะ

          “ฮะๆ” อ่านจบถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ไม่ว่าจะอย่างไร อีกฝ่ายก็ชอบทำให้เขาหัวเราะออกมาเสมอ “นี่เพราะคำขอก่อนเสียของเธอใช่ไหม...”

          หนุ่มใหญ่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า น่าแปลกที่ทัศนียภาพตรงหน้าพร่าเลือนลง ดวงตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมา

          ทั้งที่ท้องฟ้านั้นใสกระจ่าง แต่ทำไมกลับมีฝนตกกันได้นะ

 

          เนลุกลี้ลุกลนหันมองไปมาอย่างกับญาติที่กำลังรอคนป่วยหน้าห้องไอซียู ตั้งแต่ทิ้งให้วัฒน์อยู่กับนพ นี่ก็ปาไปเกือบชั่วโมงแล้ว

          “เฮ้ย ไม่ต้องห่วงน่า ไม่เป็นอะไรหรอก” เห็นลูกน้องกระวนกระวาย เจ้านายเลยอดปลอบไม่ได้ “เลิกเดินไปมาได้แล้ว เดี๋ยวพื้นก็สึกหมดหรอก แล้วฉันก็เวียนหัวด้วย”

          “แต่มันก็นานเกินไปแล้วจริงๆนะครับ” คราวนี้หนุ่มหน้านิ่งเอ่ยเสริม แม้จะยืนอยู่นิ่งๆ แต่ขาก็กระตุกเหมือนอยากจะเดินแก้เครียดเช่นกัน

          “เฮ้ย ไม่เป็นไรน่า...อ๊ะ นั่นไงๆ”

          วัฒน์เลิกคิ้วมองเมื่อเห็นคณะต้อนรับตรงหน้าที่พากันลุกขึ้นยืนเสียพร้อมเพรียง จากที่นั่งที่อยู่ไม่ห่างจากที่จอดรถ พอเห็นสีหน้าแป้นแล้นของเจ้านาย หนุ่มใหญ่ก็อดยิ้มตามไม่ได้

          “ขอบคุณนะครับ”

          “ขอบคุณอะไรกันล่ะครับ แค่นี้เอง ที่สำคัญ ถ้าไม่ได้อารุตกับอาฉัตรช่วยด้วย เรื่องก็ไม่ง่ายแบบนี้หรอก” ชายหนุ่มโบกมือให้ “อาเองก็ทำเพื่อผมมาเยอะแล้ว ผมเองก็อยากจะทำอะไรให้อาบ้าง อาจะได้เลิกเครียด เลิกโหมงานหนักๆสักที”

          “ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ ที่ทำให้เป็นห่วง...” ฟังถึงตรงนี้ก็อดสลดไม่ได้ ยิ่งเห็นใบหน้าเหมือนลูกหมาโดนทิ้งของเพื่อนร่วมงาน ก็ยิ่งรู้สึกสลดปนกระวนกระวายใจแปลกๆ

          “น่าครับ ผมอยากให้อาอยู่ทำงานกับผมนานๆนะครับ ถึงได้เป็นห่วง ไม่งั้นไม่ให้ไอ้เนมาช่วยงานอาหรอก”

          วัฒน์ชะงักไปเล็กน้อย “...ที่คุณให้เนมาทำงาน เพราะจะให้มาช่วยผมเฉยๆหรือครับ”

          “อ้าว ใช่สิครับ ไม่งั้นจะให้มาทำอะไรล่ะ” สิทธิ์ว่าก่อนจะหัวเราะ “ไม่มีใครเก่งและดีพอจะแทนตำแหน่งแทนอาได้หรอกครับ อยู่กับผมจนถือไม้เท้าเลยยิ่งดี”

          “ฮะๆๆ งั้นหรือครับ” หนุ่มใหญ่หัวเราะ ชักรู้สึกเหมือนตัวเองนั้นบ้าเสียเหลือเกินที่กลุ้มไปคนเดียว ทั้งที่อีกฝ่ายทำไปแค่เพราะเป็นห่วงตนเพียงเท่านั้นแท้ๆ

          “ถ้าอย่างนั้น เราก็กลับกันดีกว่าเนอะ” เห็นหนุ่มใหญ่ดูเหมือนยกภูเขาออกจากอกได้สักที สิทธิ์ก็เอ่ยขึ้น “งั้นคืนนี้เราไปฉลองกัน”

          “ไม่ได้ครับ” จากที่กำลังยิ้มๆ ถึงกับเปลี่ยนสีหน้ากลับทันควัน “พรุ่งนี้มีประชุมบอร์ด อย่าลืมสิครับ”

          ประธานหนุ่มหน้าเบี้ยวเลยทีเดียว

          “...อะไร”

          พอจะกลับขึ้นรถแล้วเห็นเนเอาแต่มองตนไม่เลิก วัฒน์เลยอดถามไม่ได้ ยิ่งนึกถึงที่อีกฝ่ายถามก่อนหน้า อีกทั้งยังคำในบันทึกของคนรักเก่า ทำเอาหน้าขึ้นสีทั้งที่ไม่ควร

          “ผมก็แค่เป็นห่วงคุณ...ไม่ได้หรือไงล่ะครับ” เด็กหนุ่มตอบขืนๆ “ผมเองก็เห็นคุณเหมือน...เอ่อ...”

          ว่าจะไม่คิดอะไร แต่เห็นอีกฝ่ายหน้าแดงพูดอึกอักแล้ว ใจบ้าๆก็ดันหาเรื่องเต้นไม่เป็นจังหวะเสียอย่างนั้น

          “เห็น...เป็นอะไร” และไม่รู้เพราะอีกฝ่ายเอาแต่อึกอัก หรือเพราะอยากรู้ ถึงได้ถามออกไป

          “เห็นเป็นพ่อคนนึงน่ะครับ”

          วัฒน์กะพริบตาปริบๆ รู้สึกเหมือนไปยืนบนสะพานเชือกสูงร้อยเมตรแล้วพอหล่นลงไปปรากฏว่ามันเป็น ภาพลวงตาที่ความจริงพื้นอยู่ห่างจากสะพานแค่ฟุตเดียว

          “แล้ว...นายทำอย่างว่ากับคนที่นายเห็นว่าเป็นพ่อหรือ”

          อีกฝ่ายหน้าขึ้นสีอีกครั้ง “ก็กับคนที่ผมเห็นเป็นพี่สาวหรือแม่ ผมก็ยังเคยทำแบบนี้มาแล้วนี่ครับ มันไม่เกี่ยวกันสักหน่อย”

          ตูน่าจะรู้!

          “อ้อ เออ งั้นหรือ” ไม่รู้ทำไมวัฒน์รู้สึกเหนื่อยแปลกๆ “ขอบใจละกัน...รีบไปเถอะ เดี๋ยวคนอื่นจะรอนาน”

          สีหน้าของเนเหมือนมีเรื่องจะพูดอีก แต่พอโดนหนุ่มใหญ่ตัดจบ เขาจึงพยักหน้าและทำตามอย่างเสียมิได้

          “อาวัฒน์ครับ”

          โค้กเอ่ยเรียกหลังจากกลับกันมาถึงบ้านของสิทธิ์ วัฒน์ซึ่งยังไม่ทันจะได้ลงจากรถดีได้แต่มองหน้ารอคำถาม

          “ขอคุยด้วยกันสักหน่อย...แบบส่วนตัวๆได้ไหมอะครับ”

          เนเผลอชักสีหน้า แต่ก็พยายามระงับอารมณ์เอาไว้

          “มาครับ คุณสิทธิ์ ผมพาไปส่งที่ห้อง” เพราะไม่อยากจะฟังและอยากจะให้วัฒน์ได้กับใครสักคนสักที เขาจึงรีบปรี่ไปหาสิทธิ์ซึ่งไม่ได้เมาแต่อย่างใด และลากคนตัวใหญ่กว่าเข้าบ้านจนสิทธิ์แทบจะล้ม

          “อะไรของแกวะเนี่ย” หลังจากเข้าบ้านมาและเนเลิกลากตนสักที สิทธิ์ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างหงุดหงิดปนสงสัย

          เนนิ่วหน้ามองอีกฝ่าย เขาไม่แน่ใจว่านั่นเป็นเรื่องที่ควรจะพูดดีหรือเปล่า

          “ผมเอง...ก็อยากให้คุณวัฒน์เขามีความสุขเหมือนกับคุณสิทธิ์นั่นล่ะครับ” คนฟังยังคงงงเพราะไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวกับการที่เนรีบลากตนเข้าบ้านตรงไหน “คุณโค้กกับคุณศาสตร์เขาบอกว่าพอจะรู้จักคนที่สนใจคุณวัฒน์อยู่น่ะครับ แล้วคงอยากจะพูดอ้อมๆเชียร์ให้คุณวัฒน์เขา...เอ่อ...”

          แม้จะพูดไม่ทันจบความ แต่คุณเจ้านายแสนดีถึงกับยิ้มกว้าง

          “จริงดิ โห โคตรบังเอิญ” ไม่ว่าเปล่า มีตบหลังเนเสียจนเด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนเครื่องในเคลื่อนที่ “มิน่า เห็นพี่ศาสตร์ทำตัวลุกลี้ลุกลนแปลกๆ ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง”

          เนฟังแล้วก็ได้แต่สงสัย เพราะนอกจากตอนหึง เขาไม่ยักจะดูออกว่าศาสตร์แสดงอารมณ์ใดอยู่

          “เออๆ ฟังแบบนี้แล้วค่อยสบายใจหน่อย” ผู้เป็นนายว่า ก่อนจะเดินนำเข้าครัวไป หยิบขนมปังปอนด์มาสี่แผ่น ทั้งที่กินข้าวเย็นมาก่อนแล้ว “แล้วนายรู้หรือเปล่าว่าเป็นคนยังไง”

          ก็เป็นไอ้คนหน้าเป็นๆที่บ้าแมว กับไอ้คนหน้านิ่งๆที่บ้ากล้วยไงครับ

          “เอ่อ...คนนึงเขาออกจะขี้อายๆ ส่วนอีกคนเป็นคนร่าเริงน่ะครับ”

          “เฮ้ย สองคนเลยหรือ” สิทธิ์ร้อง แทบไม่อยากจะเชื่อหู “แหม อาวัฒน์นี่ก็มาเสน่ห์แรงเอาตอนมีอายุนะเนี่ย”

          “อา...จริงๆ เขาก็ดูจะชอบคุณวัฒน์เขามานานแล้วล่ะครับ แต่คงเพราะเรื่องเมียเก่า ถึงได้ยั้งใจเอาไว้” เด็กหนุ่มว่าตามสภาพ และทั้งที่ไม่อยากพูดเรื่องนี้แท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไม กลับหยุดปากตัวเองไม่ได้

          “อ้อ อย่างนั้นหรือ” สิทธิ์เอ่ย ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้า “ว่าแต่ นายไม่ดีใจหรือ”

          เนถึงกับสะดุ้ง “ทำไมพูดแบบนั้นละครับ ผมดีใจจะตาย เขาเองก็สมควรมีความสุขบ้างนี่ครับ ฮะๆ”

          “ก็นายเล่นทำหน้าเบี้ยวซะขนาดนี้นี่ ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่นะ ดูสิ คิ้วเงี้ย แทบจะต่อเป็นเส้นเดียว”

          พอโดนทักก็เผลอยกมือขึ้นแตะอย่างลืมตัว เด็กหนุ่มถึงกับหน้าเสีย และสงสัยว่าทำไมตัวเองต้องกลัดกลุ้มถึงเพียงนี้

          “อา...ฉันเข้าใจความรู้สึกนายนะ” อยู่ๆเจอเจ้านายพูดขึ้น เล่นเขาเนหน้าเบี้ยว “ฉันเองก็รู้สึกเหมือนกับที่นายรู้สึกนั่นล่ะ”

          “ว่าไงนะครับ” ถึงกับเก็บอาการไม่อยู่เลยทีเดียว “คุณเองก็...”

          “อือ ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน พอคิดว่าอาเขาจะไปมีครอบครัวแล้ว มันก็อดใจหายไม่ได้นี่เนอะ”

          เหมือนอยู่ๆวิ่งเต็มแรงแล้วไปสะดุดล้มหน้าคะมำไถลไถไปกับพื้นก็มิปาน

          “ก็อย่างที่บอกนาย ฉันเห็นเขาเหมือนพ่อคนหนึ่ง ลองคิดว่าอีกฝ่ายจะมีเวลาให้เราน้อยลงแล้ว มันก็อดน้อยใจนิดๆไม่ได้ล่ะเนอะ” สิทธิ์ว่าต่อด้วยน้ำเสียงเสียอกเสียดาย “แต่ก็นะ จะไปรั้งให้เขาอยู่กับเราอย่างเดียวมันก็เห็นแก่ตัวเกินไป ก็ต้องทำใจกันละนะ”

          เนนิ่งฟังเจ้านาย ก่อนจะพยักหน้าให้

          “นั่นสิครับ ถึงจะเหงายังไงก็ต้องทำใจล่ะ”


_____________________________________________________

Run Run Run Run a way

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7
เน แกเป็นคนดีจริงๆแหละ  :o12:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :z3:  :z3: เน แกจะหนีความจริงไปถึงไหน  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ qilarsy39

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เน~ มาหาป้ามาาาา #ผิด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ youuue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :z6: :a5:   ง่าาา

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
เน แกลืมนับตัวเองไปอีกคนรึเปล่า 55555

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
ซึ่นกันเกิณไปแล้ว  o6 แบบนี้ระวังจะโดนแย่งไปจริงๆนะเน

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 55


         “มีอะไรหรือ”

         แม้จะรู้สึกเป็นห่วงเจ้านายที่โดนเนลากถูลู่ถูกังไป แต่หนุ่มใหญ่ก็เพียงแค่เหล่มองและรอฟัง หวังให้อีกฝ่ายรีบๆพูด

         ชายหนุ่มยังคงจ้องมองหน้า ท่าทางเหมือนอึ้งพอสมควร จนวัฒน์ชักเริ่มแปลกใจ และเริ่มกระสับกระส่ายเพราะดันไปนึกถึงคำถามบ้าบอของเน

         จะไปคิดทำไมเนี่ย ไอ้บ้านั่นมันก็แค่ถามเฉยๆ…เฉยๆ!!

         “อายังไม่ได้เปิดกล่องของขวัญสินะครับ”โค้กยิ้มให้ ซึ่งนั่นเป็นยิ้มที่ทำเอาคนมองรู้สึกกระสับกระส่าย หรืออาจจะเพราะนึกถึงคำถามพิเรนทร์ของเน ถึงได้เห็นอีกฝ่ายดูแปลกไปจากทุกที “ผมนึกว่าอาจะเปิดทันทีเสียอีก”

         “...ก็กะว่าจะไปเปิดอยู่ พอดีเมื่อวันก่อนยุ่งๆอยู่น่ะ” จะให้บอกหรือว่าเพราะไม่อยากรู้ว่าเนจะให้อะไรเลยไม่กล้าเปิด

         “ถ้าอย่างนั้น ต้องรีบเปิดนะครับ ผมอยากรู้ว่ามันจะถูกใจอาหรือเปล่า...” ดวงตากลมเลื่อนมองไปมา เมื่อเห็นศาสตร์ยืนรออยู่หน้าประตูรั้วบ้าน ซึ่งไกลพอสมควร โค้กจึงโน้มหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเพื่อกระซิบ “โดยเฉพาะของไอ้ศาสตร์ มันตั้งใจซื้อมาให้อาโดยเฉพาะเลยนะครับ”

         วัฒน์เพียงแต่นิ่วหน้า แต่ยังไม่ทันจะได้คิดหรือพูดสิ่งใด ร่างของคู่สนทนาก็ผละออกจากเขาไปเสียก่อน เพราะโดนหนุ่มหน้านิ่งที่ลงทุนวิ่งมาดึงตัวเพื่อน

         “...” ศาสตร์อ้าปากเหมือนจะพูด แต่สุดท้ายก็เงียบไป แม้จะโดนโค้กยิ้มกวนให้ก็ตาม

         “อะไร ฉันไม่บอกหรอกน่าว่านายซื้ออะไรให้อาวัฒน์” หนุ่มผมเด้งเอ่ยยียวน ก่อนจะหันไปหาคนแก่กว่า “เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์กันพอดีเลย จริงไหมครับ”

         “อ๊ะ...อืม” วัฒน์ตอบไป แม้จะสงสัยว่าที่ศาสตร์วิ่งแทบตายมารั้งโค้ก เพราะไม่อยากให้ตนรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในของขวัญ หรือเพราะเรื่องอื่นกันแน่

         แล้วที่หน้าแดงก่ำขนาดนั้น เพราะรีบวิ่งมาแค่นั้นหรอกหรือ

         “ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับก่อนละกัน” โค้กเอ่ยตัดบท แล้วเป็นฝ่ายลากศาสตร์ออกไปเสียเอง “แล้วเจอกันนะครับ”

         วัฒน์เพียงแค่รับไหว้และพยักหน้าให้ ยังคงสงสัยและกังวลไม่หาย แค่เนพูดเรื่องของขวัญเขาก็คิดมากพอแล้ว เจออีกสองคนมาถามถึงอีก ยิ่งทำให้รู้สึกวุ่นวายใจเข้าไปใหญ่

         ไม่ใช่มั้ง...ไอ้เนมันก็แค่ถามเราเฉยๆ...

         ถึงจะบอกว่าแค่ถาม แต่เล่นเจาะจงถึงสองคนนี่ แทนที่จะพูดถึงผู้หญิงก่อน มันก็ชวนคิดอยู่ แต่เดิมที โค้กกับศาสตร์ค่อนข้างจะสนิทสนมกับตนอยู่แล้ว วัฒน์จึงไม่เคยคิดว่าไอ้ความสนิทสนมเหล่านั้นจะกลายเป็นอย่างอื่นไปได้

         ก็ใครมันจะไปคิดเรื่องพรรค์นั้นกับผู้ชายที่อายุอ่อนคราวลูกกันบ้างล่ะ ยิ่งเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ยิ่งแล้วใหญ่

         เสียงมือถือดึงสติอันว้าวุ่น พอเห็นเบอร์แล้วก็รีบรับทันที

         “กลับมายัง” เสียงทุ้มที่ฟังดูเหมือนคนเมาของพี่ชายตัวเองดังขึ้น “ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย เกี่ยวกับไอ้เดช มาที่ร้านหน่อย”

         “เข้าใจแล้ว” ความรู้สึกก่อนหน้าหายวับไปทันที เหลือไว้เพียงแต่สีหน้าเรียบนิ่ง “อีกสิบห้านาทีเจอกัน”

         วางสายเสร็จก็เดินเข้าบ้านหมายจะแจ้งให้เจ้านายทราบเสียก่อน และยังไม่ทันจะได้ก้าวขึ้นหัวบันไดหน้าบ้าน เจ้าคนที่เขาไม่อยากจะเจอหน้านักก็เปิดประตูออกมาเสียก่อน

         “อ๊ะ...เอ่อ พอดีเห็นนานแล้ว คุณสิทธิ์เลยให้มาตามน่ะครับ...” จะให้บอกว่าเป็นห่วงเองก็รู้สึกแปลกๆ เนเลยอ้างเจ้านายขึ้นมาแทน

         “เสร็จธุระแล้วล่ะ” ดวงตาเรียวหลุบต่ำ ใจนึงก็หงุดหงิดเรื่องเดช อีกใจรู้สึกว้าวุ่นแปลกๆจนไม่อยากมองหน้าเด็กหนุ่ม “แต่เดี๋ยวจะออกไปข้างนอกสักหน่อย มีเรื่องจะคุยกับฉัตรน่ะ ฝากบอกคุณสิทธิ์ด้วยก็แล้วกัน บางทีอาจจะกลับดึก ไม่ก็เช้าเลย”

         “ได้ครับ”

         น้ำเสียงที่ฟังดูปกติทำเอาคนฟังเผลอเงยหน้า ยิ่งเห็นใบหน้าที่ดูปกติอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก็ทำเอาวัฒน์เผลอมุ่นคิ้วใส่

         “ทำไมหรือครับ” พอโดนจ้องด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เด็กหนุ่มจึงถามขึ้นและหลบหน้าไปทางอื่นราวกับจะหนีพ้นยังไงยังงั้น

         “ปกติพอพูดถึงฉัตรทีไร นายชอบตะพัดตะพือไม่พอใจใส่ทุกทีนี่” วัฒน์ตอบตามตรง

         สีหน้าของเนเหมือนแปลกใจพอสมควร และที่วัฒน์สุดแสนจะไม่เข้าใจคือ ทำไมถามแค่นี้แล้วต้องหน้าแดงด้วย เหล้าเบียร์ก็ไม่ได้กินมาสักหน่อย

         “ก่อนหน้านั้นผมก็แค่ไม่ชอบที่เขากวนผม แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อะไรกับผมเท่าไหร่แล้ว ผมก็ไม่เห็นจะต้องหงุดหงิดใส่เขานี่ครับ”

         จะให้พูดได้ไงว่า วางใจเพราะอีกฝ่ายเป็นพี่แท้ๆของวัฒน์กันล่ะ ขืนโดนรู้ว่าตัวเองไปหวงวัฒน์กระทั่งกับฉัตรที่เป็นพี่ชาย แค่อายอย่างเดียวมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ

         แม้จะยังคาใจไม่หาย แต่เพราะไม่ได้ว่างจะมาถามเท่าไหร่ เลยปล่อยไป และรีบไปจัดการสิ่งที่สำคัญกว่า

 

         ฉัตรสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อวัฒน์เดินมานั่งตรงเก้าอี้ข้างตนตรงหน้าเคาท์เตอร์ ถึงแม้ตอนนี้จะเปิดเพลงเสียงดัง และคนก็เยอะจนดูวุ่นวายไปหมด แต่เล่นมาโดยที่ตนไม่รู้สึกตัวเลย ก็อดกลัวไม่ได้

         “จะพูดตรงนี้ หรือที่อื่น”

         “ที่อื่นละกัน” ส่วนหนึ่งเพราะต้องการความปลอดภัย อีกส่วนก็เพราะไม่อยากให้ลูกค้าหายเพราะเจ้าลุงหน้าบูดนี่

         “ถึงกับเรียกมา แสดงว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆสินะ” หลังจากเดินตามฉัตรเข้ามาในห้องพักพนักงานบนชั้นสาม วัฒน์ก็เอ่ยถามขึ้นทันที

         “ก็เกี่ยวพันถึงคุณวินด้วยน่ะ” พอน้องชายปิดประตูสนิท ฉัตรก็พูดขึ้นพลางเดินเข้าไปนั่งบนโซฟายาวในห้อง “บ่อนแถวลาดพร้าวเขาโดนตำรวจเข้าจับน่ะสิ”

         วัฒน์เพียงแต่มุ่นคิ้ว และไม่พูดสิ่งใด จากนั้นก็เข้าไปนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ

         “แล้วฟังจากพวกคนสนิทของคุณวิน เหมือนตอนนี้คุณวินเขาจะเข้าใจว่าคุณสิทธิ์อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้น่ะสิ”

         “เพราะไอ้เดชหรือ”

         “ตอนนี้ก็แค่เป็นข้อสันนิษฐานน่ะนะ...เพราะช่วงนี้ไอ้เดชมันติดต่อกับลูกน้องของคุณวินอยู่คนนึง...ที่ชื่อธานินทร์ ฉันไปถามชามา เห็นว่าหมอนั่นเองก็คิดไม่ซื่อกับคุณวินเท่าไหร่เหมือนกัน ก็เป็นไปได้ว่าสองคนนั้นอาจจะก่อเรื่องนี้ขึ้นแล้วโบ้ยความผิดให้คุณสิทธิ์น่ะ...แต่ก็ยังไม่แน่ชัดหรอกนะ บางทีอาจจะเป็นกลุ่มศัตรูของคุณวินเองก็ได้ แต่กันเหนียวไว้ก่อน เลยมาเตือนนายให้ระวังไว้”

         “เข้าใจแล้ว...” วัฒน์ตอบรับ เผลอนิ่วหน้าออกมาเพราะนึกถึงตัวที่น่าจะเป็นอันตรายต่อสิทธิ์ในยามนี้

         “เออๆ ไหนก็ไหนๆ ไปเยี่ยมปิ่นมา เป็นยังไงบ้างล่ะ”

         ที่ถามก็เพราะอยากรู้จริงๆ แต่ถ้าจะต้องแลกกับการโดนจ้องเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อแบบนี้ ฉัตรก็รู้สึกเหมือนไม่ค่อยจะคุ้มกับสิ่งที่จะได้ฟังเท่าใดเลย

         “ขอบใจที่ช่วย”

         ถ้าไม่ทำหน้าเหมือนจะงับคอ บางทีฉัตรอาจจะรู้สึกดีกว่านี้ก็เป็นได้ แถมยังตอบไม่ตรงคำถามอีกต่างหาก แต่ฟังแล้ว ถ้าจบไม่ดีก็คงไม่เอ่ยขอบคุณหรอก

         “นิดหน่อยเองน่า ถ้าไม่ได้คุณสิทธิ์ ฉันก็ทำอะไรไม่ได้หรอก” ฉัตรว่า รู้สึกกระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูก “แล้วตัดใจจากปิ่นได้แล้วหรือยัง”

         “อยากให้ฉันแต่งงานสักทีหรือไง” วัฒน์ก็แค่สงสัยเฉยๆ เจอคนโน้นทีคนนี้ทีมาช่วยผลักช่วยดันเรื่องความรักของตนเสียเหลือเกิน บวกกับเขินขึ้นมา น้ำเสียงมันเลยแปร่งๆจนฟังเหมือนกับกำลังโมโหและประชดใส่แทน

         “เก๊าะ...มีคนรอแกอยู่นี่หว่า”

         คนพูดเป็นฝ่ายค้างเสียเองเมื่อเห็นใบหน้าขึ้นสีของน้องชาย

         “ใคร”

         “ฉันก็แค่พูดลอยๆ” ฉัตรว่า ยังคงมองสีหน้าแดงแจ๋ของอีกฝ่ายไม่เลิก “แล้วแกไม่มีใครบ้างเลยหรือ”

         รอบนี้ไม่ปฏิเสธทันทีอย่างเคย แถมยังครุ่นคิดพิจารณาเลยนานสองนานด้วย

         “มี แต่ไม่แน่ใจ”

         “เอ้า จะลังเลทำไมวะ หรือเพราะเรื่องไอ้เดชกันล่ะ”

         “ถ้าเพราะมัน ฉันคงไม่ได้แต่งกับปิ่นหรอก” วัฒน์สวนเสียงเรียบ “ฉันก็แค่ไม่เชื่อ...”

         คนฟังเลิกคิ้ว รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ

         “ก็ขนาดคนที่รักจนมั่นใจว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ยังเลิกกันได้เลย แล้วจะให้ฉันเชื่อคนที่คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ได้ยังไง”

         ฉัตรเลิกคิ้ว เขาลืมไปเลยว่าอีกฝ่ายเองก็เคยเจ็บจากการโดนทิ้งมาถึงสองครั้งแล้ว ต่อให้ตัดใจจากปิ่นไปได้ แต่ความกลัวที่จะต้องเจ็บปวดเพราะความรักมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะหายไปง่ายๆเสียหน่อย แถมไอ้ทางที่จะเลือกก็ช่างมั่นคงเหนียวแน่นประดุจกระดาษทิชชู่เปียกน้ำเสียเหลือเกิน

         “แถมยังเด็กกว่าตั้งเยอะอีก...มันบ้าชัดๆ”

         ฉัตรเผลอยกยิ้ม เพราะเดาได้ว่าคนที่วัฒน์เอ่ยถึงก็คงไม่พ้นเนเป็นแน่

         “อะไร นี่แกมีเด็กมาชอบหรือ” เมื่อได้โอกาส หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ก็รีบตะล่อมถามทันที

         แม้จะดูเหมือนไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้การ์ดแข็งเหมือนแต่ก่อน ท่าทางของวัฒน์ดูกลัดกลุ้มและอยากหาที่ระบายมาก และก็คงเป็นเพราะเช่นนั้น ถึงได้ยอมเปิดปากพูด

         “ฉันยังไม่รู้” เขาตอบตามตรง “มันอาจจะเป็นแค่การแกล้งเล่นก็ได้”

         “ไม่มั้ง แกจะมองโลกในแง่ร้ายไปหน่อยแล้ว” และคงเพราะปกติฉัตรไม่ค่อยจะสนใจถามถึง พอเอ่ยให้คำปรึกษาแล้วยังเชียร์เสียเต็มที่ เลยทำให้วัฒน์สงสัยขึ้นมา “ฉันก็แค่เป็นห่วงแก...เห็นงี้ฉันก็ห่วงแกตลอดนะเว้ย”

         สีหน้าบ่งบอกว่าไม่เชื่ออย่างแรง

         “บางทีเด็กนั่นอาจจะแค่แสดงออกไม่เก่งเฉยๆก็ได้นา ไม่แน่ เห็นทำเป็นเล่นแบบนั้น ลับหลังอาจจะหวงแกแทบตายก็เป็นได้”

         แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายเอ่ยอย่างกับตาเห็น แต่พอมาคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วก็อดเห็นด้วยไม่ได้

         “แต่มันบอกว่าเห็นฉันเป็นแค่ผู้ใหญ่ที่เคารพเฉยๆ”

         ฟังแล้วฉัตรอยากจะวิ่งไปตะบันหน้าเจ้าเด็กติงต๊องนั่นข้อหาปากแข็งเสียจริงๆ

         “ถ้ามันเป็นเพราะแค่นั้นจริงๆ แกก็คงไม่คิดอะไรแบบนั้นกับมันหรอก ใช่มั้ยล่ะ” พี่ชายพยายามช่วยผลักช่วยดันเต็มที่ “มันคงทำอะไรมากกว่านั้นสินะ ใช่ไหม...”

         เห็นสีหน้าเรียบนิ่งของน้องชายแล้ว หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ก็ได้แต่ยิ้มเจื่อน กลัวเชียร์เก้อเสียจริงๆ

         “คงเพราะงั้นละมั้ง” ไปๆมาๆดูจะกลัดกลุ้มเสียแทนจนฉัตรหวั่นนึกว่าตนพูดอะไรผิดไป “แถมยังไม่ใช่แค่มันด้วยน่ะสิ...”

         “หมายความว่าไง” จริงๆคนฟังก็รู้ความหมายอยู่ แค่อยากจะให้แน่ใจก็เท่านั้น “มีคนอื่นที่ชอบแกอีกหรือ”

         “ไม่รู้สิ” คำตอบทำเอาฉัตรอยากจะแดดิ้นเพราะความอยากรู้ของตัวเอง “มันก็แค่การคาดเดาของไอ้บ้าคนนึง ใช่จริงๆหรือเปล่าก็ไม่รู้”

         ไอ้บ้าที่ว่าเนี่ย ฉัตรพอจะเดาได้ว่าใคร แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ทำไมมันถึงได้พูดให้ตัวเองเสียเปรียบมากกว่า

         ที่มาปฏิเสธเรา ดูยังไงก็แค่อายจนไม่กล้ายอมรับแท้ๆ...ไม่น่าจะเพราะไม่ได้คิดอะไรกับวัฒน์จริงๆนี่...

         หรือบางที มันอาจจะเป็นแค่ความดื้อรั้นและไม่ยอมรับตัวเองก็เป็นได้

         ฉัตรเผลอถอนหายใจออกมา ไม่คิดว่ากำแพงจะมีถึงสองฝั่ง คิดว่าเรื่องจะจบง่ายๆเสียอีก แต่ในเมื่อไม่ได้มีตัวเลือกเดียว แล้วเขาจะหวั่นใจไปทำไมกัน เผลอๆอาจจะได้เห็นอะไรสนุกๆอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนก็เป็นได้

         “แล้วไอ้พวกเด็กที่มาวอแวกับแกเนี่ย บอกได้หรือเปล่าว่าใคร”

         “โค้กกับศาสตร์”



____________________________________


แล้วขุ่นพี่ชายจะทำอย่างไรเมื่อพบคำสารภาพจากปากน้องชาย โปรดติดตาม...

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
หงายหลังแน่คุณพี่ ผิดแผน ผิดแผน  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
เงิบแดร๊กเลยล่ะสิฉัตร 5555
เนจะรุกก็ยังกล้ารุกไม่สุด -*- ไอ้ซึนนน
รอน้า เราอยากเผือกเรื่องของขวัญมาก ณ จุดๆ นี้ 55

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เหอะๆ ทีคนอื่นล่ะรู้ แต่กับเนนี่พยามยามไม่รู้นะ  :z3:

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7
กำแพงสูงทั้งคู่สินะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ youuue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :o8:แอบเชียร์ให้อารุกแทนแล้วเนี่ยยยยย.  ขัดจายยยยขอรับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด