ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)  (อ่าน 185992 ครั้ง)

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :z3: :z3: ก็ซึนซะอย่างนี้ จะไปไหนได้  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
โอ๊ยยย อ่านตอนนี้แล้วทั้งฟินทั้งขำ 55555
แต่พอเจอประโยคสุดท้ายปุ๊บ เวรรร ไหงกลายเป็นยังงี้ไปได้เนี่ยยย -O-"

ออฟไลน์ lnwboomgo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :katai4:โถ่~ ดับเบิ้ลซึนเลยนี้หว่า ระวังนะเน เดี๋ยวอาวัฒน์จะหนีไปมีแฟนนนน

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ถ้าเนยังทำตัวแบบนี้ ระวังศาสตร์จะแย่งคุณวัฒน์ไปก่อนนะ

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 61


          “รอด้วยครับ”

          เนร้องเสียงตื่นก่อนจะหอบแฟ้มเอกสารตามลงมาหาสิทธิ์กับวัฒน์ที่ยืนรออยู่หน้าบ้านใกล้กับรถเบนซ์สีบรอนซ์เทาที่จอดรออยู่

          “เฮ้ย ไม่ต้องรีบน่า เดี๋ยวก็ช้าลงกว่าเดิมหรอก” สิทธิ์ว่าเมื่อเห็นอีกฝ่ายแทบจะเหาะมาทางตนจนเกือบจะล้มหน้าคะมำ “เอามาวางนี่เลย”

          เด็กหนุ่มเปิดประตูรถด้านหลังและนำเอกสารไปวางไว้ตามคำสั่งเจ้านาย ก่อนจะรีบไปนั่งยังข้างคนขับทันที

          “ขอโทษนะครับ” เนเอ่ยเสียงเบาก่อนจะลอบมองคู่สนทนาด้านข้างที่นั่งนิ่งเสียจนดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่

          “ไม่เป็นไรหรอก ก็อย่างที่คุณสิทธิ์ว่า อีกอย่าง เดี๋ยวจะเจ็บตัวเอาเปล่าๆอีก”

          เนมองวัฒน์ ที่ออกรถไปโดยไม่พูดอะไรต่ออีก ใบหน้าของหนุ่มใหญ่ดูนิ่งเรียบ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็รู้สึกได้ว่ามันต่างจากเมื่อก่อนเยอะ เพราะมันไม่มีความรู้สึกด้านลบออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว

          ถึงจะบอกว่ายอมรับเราแล้วก็เถอะ…

          แม้ท่าทีที่เปลี่ยนไปของวัฒน์จะทำเอาเขารู้สึกดีเอามากๆ แต่ในทางกลับกัน ก็ทำให้เข้ารู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งในตอนนี้เอง วัฒน์ยิ่งดูทั้งแปลกและน่ากลัวสำหรับเขา

          ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงอาการโกรธหรือเย็นชาใส่แท้ๆ…ทำไมเราถึงกลัวล่ะ

          เด็กหนุ่มพยายามปัดความคิดไม่เป็นเรื่องออก ก่อนจะกลับไปสนใจกับเรื่องที่ควรจะสนใจกว่าในวันนี้ ซึ่งเป็นวันประชุมผู้ถือหุ้น อันที่จริงมันก็ไม่ใช่งานเคร่งเครียดอะไรนัก ยกเว้นแต่ว่าคนที่จะไปเจอนี่ล่ะ แถมจะยังคนที่ขับรถตามหลังพวกตนมาอีกต่างหาก

          “เอ่อ…ต้องพากันมาขนาดนี้เลยหรือครับ”

          วัฒน์มองสิทธิ์จากกระจกหลัง ใบหน้าของเจ้านายหนุ่มดูสงสัยและเป็นกังวล ซึ่งก็ไม่แปลกใจนัก เพราะนอกจากเขากับเน ยังมีโค้กกับศาสตร์ที่ขับรถตามหลังมาด้วย

          “ได้ข่าวจากฉัตรว่ามีคนวางแผนลอบทำร้ายคุณอยู่ ถึงจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูกลุ่มไหน แต่เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าน่ะครับ” แม้ใจจริงอยากจะบอกใจจะขาด แต่รู้ว่าบอกไปสิทธิ์ก็คงจะหัวเราะใส่เอาเปล่าๆ เลยบอกอ้อมๆไปแทน “ถึงจะไม่ชอบยังไง แต่ช่วงนี้รบกวนอย่าไปไหนมาไหนโดยไม่มีพวกผมดีกว่านะครับ”

          สิทธิ์แบะปากเหมือนจะค้าน แต่กลับพยักหน้าให้ เล่นเอาเนที่นั่งหวั่นกลัวคุณชายจะดื้อดึงถึงกับแปลกใจ

          “ครับ อาก็ไม่ต้องกังวลหรอกครับ”

          เนลอบมองวัฒน์ก่อนจะถึงบางอ้อ เพราะวัฒน์ในตอนนี้ดูเคร่งเครียดและออกอาการกลัดกลุ้มเสียชัดเจน จนไม่แปลกใจที่สิทธิ์จะยอมลงง่ายๆ

          เพียงไม่นานก็มาถึงบริษัทอย่างปลอดภัย ทันทีที่วัฒน์จอดรถตรงหน้าบริษัทเพื่อให้สิทธิ์ขึ้นตึกไปก่อน เนก็ออกไปหอบเอกสารจากหลังรถทันทีอย่างรู้หน้าที่

          “นี่”

          แต่ก่อนที่จะได้หยิบจนครบ วัฒน์ก็เอ่ยเรียกเด็กหนุ่มขึ้นด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนจะเรียบนิ่ง แต่เป็นกังวลเอาการ

          “ฝากดูแลคุณสิทธิ์ด้วยนะ”

          “ครับ”

          วัฒน์มองหน้าเด็กหนุ่มก่อนจะผงกหัวให้ และเพียงแค่นั้นก็ทำเอาเด็กหนุ่มแทบตัวลอย

          “ดีใจด้วยนะ”

          เนหันไปมองเจ้านายหนุ่มที่เอ่ยยินดีให้ในขณะที่กำลังอยู่ในลิฟท์เพียงสองคน และแม้จะไม่พูดอะไร เขาก็เข้าใจในสิ่งที่สิทธิ์พูด

          “ฉันดีใจนะที่อาวัฒน์ยอมรับนายสักที” สิทธิ์ว่าต่อพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก “ฉันล่ะเสียวแว้บเลยตอนนายทำให้อาวัฒน์โกรธถึงสองครั้งสองคราวน่ะ ปกติอาแกไม่ค่อยจะยกโทษให้ใครง่ายๆด้วย โชคดีนะเนี่ย”

          “งั้นหรือครับ” เนหัวเราะเสียงแห้ง เพราะความกังวลประหลาดในใจยังคงวนเวียนไม่เลิก “นี่ถือว่าดีแล้วใช่ไหมครับ”

          “เอ้า พูดแบบนี้คืออยากให้อาวัฒน์เขาหงุดหงิดใส่นายหรือไง”

          “ไม่ใช่นะครับ” เนตอบเสียงตื่น ก่อนจะเดินตามสิทธิ์ออกจากลิฟท์ไปยังทางเดินยาวในอาคาร “คือมันก็ดี...แต่ไม่รู้ทำไมผมกลับรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้น่ะครับ...เหมือนคุณวัฒน์เขากำลังฝืนๆแล้วก็ดูเหมือนเสียใจอะไรอยู่ชอบกล”

          สิทธิ์หันกลับมามองหน้าคู่สนทนาก่อนจะทำท่าเหมือนกำลังครุ่นคิด “ก็จริงของนาย...แต่อาจจะเพราะกลุ้มเรื่องศัตรูอยู่มั้ง...เห็นพูดๆอยู่นี่ คงไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก”

          เนมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะนึกเห็นด้วย แล้ว ก็นึกอารมณ์เสียขึ้นมาที่สิทธิ์นั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรบ้างเสียเลย และแม้จะอยากบอกแทบตาย แต่การที่วัฒน์ไม่พูดถึง เขาเลยคิดว่า ถ้าไม่ควรพูด ก็คงพูดไปแล้วแต่สิทธิ์คงไม่ฟัง

          “คุณสิทธิ์สนิทกับคุณเดชหรือครับ”

          และปากของตนก็ยังพลั้งง่ายเสียทุกที

          “นายรู้จักอาเดชด้วยหรือ” คู่สนทนาถึงกับเลิกคิ้ว “ถ้าถามว่าสนิทไหม ก็สนิทอยู่นะ...นายถามไปทำไมหรือ”

          “แค่สงสัยเฉยๆน่ะครับ” เด็กหนุ่มตอบเสียงเรียบ ก่อนจะเอ่ยลองเชิง “...เห็นดูคุณวัฒน์ไม่ค่อยจะถูกกับเขาเท่าไหร่...”

          “อา...นั่นสินะ แต่เมื่อก่อนเขาสนิทกันนะ” สิทธิ์ว่าพลางทำท่านึก “...เดี๋ยวค่อยพูดละกัน”

          เนมองประตูไม้สีน้ำตาลแก่ที่เปิดออกมา ด้านในเป็นห้องประชุมที่มีโต๊ะไม้สีเดียวกันทรงรีขนาดใหญ่ราวสามสิบคนนั่ง ตั้งอยู่กลางห้อง มีคนนั่งอยู่ราวยี่สิบกว่าคนในนั้นแล้ว ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้สูงอายุ จะมีรุ่นพอๆกับสิทธิ์อยู่สามสี่คน...แต่หนึ่งในนั้นที่ว่า กำลังนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะด้วยอากัปกิริยาที่ทำเอาคนอื่นๆพากันหนีไปนั่งฝั่งตรงข้ามกันหมด

          เนก็พอจะรู้จากวัฒน์ว่าประชุมในครั้งนี้เป็นประชุมผู้ถือหุ้น แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ทำไมไอ้คนที่ไม่ถูกกันถึงได้มีหุ้นร่วมกับบริษัทกันได้เนี่ย...แถมไม่ใช่แค่ของบริษัทสิทธิ์ แต่ดันมีหุ้นร่วมกันในบริษัทอื่นอีกตั้งหลายที่...มีประชุมผู้ถือหุ้นที คนร่วมประชุมก็ได้บริหารกล้ามเนื้อหัวใจกันที อย่างเช่นในเวลานี้เป็นต้น

          “โทษทีนะครับไอ้คุณวิน ได้ข่าวว่ายังไม่แก่นี่ครับ ลืมไปแล้วหรือว่าที่นั่งตัวเองอยู่ตรงไหน” และมาถึงสิทธิ์ก็ใส่ด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลแต่คนฟังชวนผวาว่าจะเกิดศึกกลางห้อง ประชุม รวมถึงเนที่พยายามทวนนึกถึงสิ่งที่วัฒน์เตือนตน หากสิทธิ์กับวินมีเรื่องกันจริงๆ

          วินซึ่งนั่งหน้าเหี้ยมหันกลับมามองสิทธิ์ที่ยืนค้ำหัวอยู่ ท่าทางหงุดหงิดและไม่ยิ้มกลับแม้แต่นิดเดียว ทำเอาเนอดกลัวไปด้วยไม่ได้ หนุ่มแว่นไม่ได้โต้ตอบกลับแต่อย่างใด นอกจากยืนประจันหน้ากับสิทธิ์ ดวงตาคมวาวโรจน์ไปด้วยเพลิงพิโรธเสียจนแม้แต่คนที่ดูจะไม่ได้กลัวเกรงอย่างสิทธิ์ถึงกับนิ่วหน้าด้วยความข้องใจและเกิดหวั่นขึ้นมา เพราะถึงจะเหม็นขี้หน้ากันอย่างไร ก็ไม่เคยแสดงอาการโกรธเป็นฟืนเป็นไฟกันอย่างนี้

          “ยังจะกล้าแบกหน้าหนาๆนั่นมาเจอฉันอีกเรอะ” วินเอ่ยเสียงต่ำ มือกำหมัดแน่น แต่ก็ไม่ยักจะพุ่งใส่สิทธิ์สักที ทำเอาคนมองพากันลุ้นระทึกตัวโก่ง และแอบหนีไปรวมกันอยู่ที่ด้านในห้องจนหมด...ซึ่งถ้าทำได้ก็อยากจะหนีออกจากห้องประชุมกันเหลือเกิน ติดแค่ว่าต้องผ่านสิทธิ์กับวินนี่แหละ “เฮอะ ก็คิดอยู่แล้วว่าคนอย่างแกมันก็เป็นได้แค่ไอ้หมาลอบกัดนั่นละวะ”

          “หา เมากาวเรอะไงวะ พูดบ้าอะไรของแก” สิทธิ์ขึ้นเสียงด้วยความฉุนเฉียวที่โดนกล่าวหา

          “ยังจะทำเป็นโง่อีก” หนุ่มแว่นเองก็ตะเบ็งเสียงหนักไม่แพ้กัน ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ทำเอาเนเริ่มลนลานเพราะกลัววินจะเข้าไปชกสิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้ชกอย่างที่หวาด วินเพียงแค่หยิบซองสีน้ำตาลขนาดเท่าโปสการ์ดออกมาจากเสื้อสูทสีกรมท่า แล้วโยนใส่สิทธิ์เพียงเท่านั้น “หลักฐานคามือขนาดนี้ มีอะไรจะแก้ตัวอีกวะ ไอ้หมาสิทธิ์”

          เจ้าของชื่อเพียงแต่นิ่วหน้าก่อนจะฉีกซองในมือ ด้านในเป็นกระดาษขาวที่มีขนาดเล็กกว่าซองนิดหน่อย และเขียนด้วยตัวหนังสือเต็มไปหมด และเมื่ออ่านเสร็จ สิทธิ์ก็เก็บกลับเข้าเสื้อสูทของตน

          “ฉันไม่รู้เรื่อง”

          เนรีบพุ่งเข้าไปหมายจะขวางด้วยความตกใจ แต่โดนเจ้านายยกมือห้ามไว้เสียก่อน

          “ยังจะกล้าพูดแบบนั้นอีกเรอะ” น้ำเสียงทุ้มกระชากใส่พร้อมกับมือทั้งสองที่กำคอเสื้อของสิทธิ์เอาไว้แน่น “ขนาดนี้แล้ว แกยังจะหน้าด้านไม่ยอมรับอีกเรอะ”

          “ก็ฉันไม่ได้ทำ แล้วจะให้รับทำมะเขืออะไรวะ” สิทธิ์เองก็ใช้น้ำเสียงไม่ต่างจากอีกฝ่ายนัก ก่อนจะปัดมือวินออกไป “ถ้าฉันทำ ฉันก็บอกว่าทำแน่ แต่ฉันไม่ได้ทำ...และกับเรื่องพรรค์นี้ฉันก็ไม่มีทางทำแน่”

          วินกัดฟันกรอด ดูอย่างไรก็เหมือนไม่เชื่อคำพูดของสิทธิ์อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่อาจหาหลักฐานใดๆมาค้านได้ก็เท่านั้น

          แต่ก่อนที่จะได้เค้นคอกันไปมากกว่านี้ เสียงประตูที่เปิดออกก็ทำเอาทั้งคู่หันไปมอง วินถึงกับมุ่นหน้าหนักเมื่อเห็นคนที่เข้ามาเป็นวัฒน์ ท่าทางเหมือนกำลังคิดหนักว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรต่อ แล้วกลับไปนั่งที่ของตนอย่างจำใจแทน

          หนุ่มใหญ่เอ่ยถามสิทธิ์และเนด้วยสายตา ซึ่งสิทธิ์ก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ในขณะที่เนทำท่าเหมือนอยากจะบอกอะไรสักอย่างแต่ก็พูดไม่ได้เพราะสิทธิ์อยู่

          “...ถ้างั้นนายไปรอข้างนอกนะ ขอบใจมาก” วัฒน์บอกเนก่อนจะพยักหน้าไปทางประตู แม้จะยังไม่แน่ชัด แต่วัฒน์ก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยเขาก็รู้จักวินนานและดีพอที่จะรู้ว่า หนุ่มแว่นไม่ได้อารมณ์เสียเพราะปะทะคารมกับสิทธิ์อย่างเคยแน่

          “จะไม่เป็นไร...ใช่ไหมครับ” เนื่องจากยังไม่วางใจ บวกกับเห็นไฟที่ยังลุกท่วมตัววิน แถมผู้ร่วมประชุมเองก็ยังหวาดหวั่นไม่เลิก เนเลยอดกังวลไม่ได้

          “ไม่เป็นไรหรอก...คิดว่านะ” แม้แต่วัฒน์เองก็ไม่อาจให้ความมั่นใจได้ “แต่ถ้าเกิดเรื่องจริงๆ วิ่งออกไปเรียกโค้กกับศาสตร์มาก่อนเลย”

          แม้จะไม่พอใจเล็กๆ แต่เด็กหนุ่มก็ทำแค่พยักหน้า ก่อนจะออกไปรอด้านนอกห้องประชุมแต่โดยดี

          “ไฮ ไอ้หนู”

          แต่แทนที่จะเจอโค้กกับศาสตร์ที่ควรจะนั่งรออยู่บนเก้าอี้รับแขกที่อยู่ไม่ห่างจากห้องประชุม เขากลับเจอเจ้าลุงร่างยักษ์หน้าเป็นแทนเสียนี่

          “คุณ...มาได้ยังไง...” เนว่าพลางมองสภาพเหมือนยังไม่ตื่นดีของอีกฝ่าย ไม่เข้าใจเลยว่ารปภ.ให้ขึ้นตึกมาได้ยังไง ผมเผ้าก็ไม่หวี เสื้อผ้าก็ยับยู่ยี่อย่างกับเพิ่งหยิบออกมาจากตะกร้าผ้า

          “เอ้า ทำไมฉันจะมาไม่ได้ละจ๊ะ” ฉัตรย้อนถามพลางยักไหล่ “พอดีงานฉันอยู่แถวนี้น่ะ เลยต้องมา”

          และไม่ต้องสงสัยนานเมื่อมองไปยังทางที่ฉัตรชี้ไป เนถึงกับหน้ายุ่งเมื่อเห็นเดชเดินระรื่นผ่านพวกเขาเข้าไปยังห้องประชุมอีกคน ไม่วายยังยิ้มให้กับฉัตรอีกต่างหาก แต่อีกฝ่ายเองก็ปั้นหน้าเป็นให้พอกัน

          “หมอนั่นก็ถือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อีกคนน่ะนะ เพราะงั้นฉันเลยต้องอดนอนแล้วมาที่นี่ด้วยไงล่ะ” หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ว่าพลางหาวหวอด “ก็ถือว่าประจวบเหมาะพอดี พวกเราอยู่กันเยอะขนาดนี้ มันคงไม่กล้าลงมือหรอก”

          “แล้วคุณโค้กกับคุณศาสตร์ไปไหนเสียละครับ”

          “อ๋อ ถ้าเป็นไอ้หนูโค้ก ฉันใช้ให้ไปซื้อบุหรี่น่ะ”

          เนถลึงตาใส่ ขนาดว่าศัตรูเดินป้วนเปี้ยนอยู่ข้างตัวสิทธิ์เนี่ยนะ!

          “แต่ไอ้หนูศาสตร์ฉันให้ไปเฝ้าระวังแถวลานจอดรถโน่น” ฉัตรรีบพูดก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้เปิดปากต่อว่าตน “แหมๆ ห่วงคุณสิทธิ์ หรือห่วงคนอื่นล่ะจ๊ะ”

          “ก็ต้องคุณสิทธิ์อยู่แล้วสิครับ” เนว่าเสียงตื่น และก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตนต้องลนลานกับคำถามนั่นด้วย “เลิกแหย่ผมได้แล้ว ผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณวัฒน์สักหน่อย”

          “จ้า เอาที่สบายใจเลยจ้า” คุณลุงยังคงหยอกไม่เลิก “เออ จะว่าไป ได้ยินว่าเดี๋ยวเสร็จประชุมต้องขับออกนอกกรุงเทพด้วยนี่”

          ฟังแล้วเนถึงกับหน้าซีดราวกับเกิดเรื่องไปแล้ว ทำเอาคนมองเผลอเลิกคิ้วขึ้น

          “ถ้าไม่ติดว่าต้องขับให้เร็วกว่าที่คุณวินจะไปถึงก่อนก็คงดีกว่านี้น่ะครับ”

          ฉัตรถึงกับตีหน้าแหยงใส่ “เดี๋ยวสิ หมายความว่าไง”

          “เห็นคุณวัฒน์บอกว่าที่ดินที่คุณสิทธิ์จะไปซื้อ คุณวินเองก็เล็งไว้เหมือนกันน่ะครับ...แล้วคุยกับเจ้าของเรื่องราคากันไปมา ก็ไม่ยอมตกลงกันสักที จะเพิ่มราคาแข่งก็ไม่ยอมกัน ยืนกรานจะเอาราคาเดิมที่เท่ากัน ไปๆมาๆเจ้าของที่เขาเลยปวดหัว บอกว่าวันนี้ใครมาหาเขาก่อนก็ขายให้คนนั้นเลยน่ะครับ”

          “ไม่แปลกใจเลยแฮะ” ฉัตรหัวเราะเสียงแห้ง “เอาเถอะ สองคนนี้ก็ไม่ยอมกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว...ถ้าจะสู้กันแบบปกติ คงจะไม่ต้องปวดหัวกันหรอก”

          ข้อนี้ เนเห็นด้วยอย่างยิ่ง

____________________________


หากใครเคยอ่านเรื่องรัก SMฯ มาก่อน อาจจะเดาได้แล้วว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น (ฮา) แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น (?) ใจความหลักคืออะไรนั้น...โปรดติดตาม / อย่าถีบหนู =[]=!



ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
 :ruready เหอๆ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
แล้วประเด็นมันคืออาร๊ายยยยยยย  :z3:  :z3: กลับมาต่อก่อน

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 62


          เนนั่งนิ่งมองถนนที่ผ่านตาไปเร็วเสียจนน่ากลัว ที่เขาทำท่าหวาดหวั่นกระสับกระส่ายไม่ใช่เพราะความเร็วของรถที่เหยียบเกือบมิด แต่เพราะต้องระวังภัยที่ไม่รู้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และยังรังสีแห่งความไม่ยอมแพ้ของคุณชายที่แผ่ออกมาที่กดดันเขาจนอยู่ไม่สุข และวัฒน์เองก็เช่นกัน แม้มองเผินๆจะเหมือนวัฒน์ดูนิ่งมากก็ตาม แต่เหงื่อที่ไหลลงมาตามขมับทั้งที่แอร์ในรถเย็นเฉียบ บอกให้รู้ว่าหนุ่มใหญ่เองก็วิตกกังวลเหมือนกัน

          “ผมว่า...เราช้ากว่านี้ดีไหมครับ เดี๋ยวคุณโค้กกับคุณศาสตร์จะตามไม่ทันเอานะครับ...” เนถามเจ้านายที่นั่งข้างตนอย่างเป็นกังวล

          “ไม่ได้” สิทธิ์เอ่ยเสียงเฉียบ “ถ้าไอ้หมาวินมันอยู่บนถนนเดียวกันฉันจะไม่ว่า แต่มันไปอีกทาง เราไม่รู้ว่ามันไปถึงไหนแล้ว เพราะงั้นห้ามลดความเร็วเด็ดขาดนะอาวัฒน์”

          “ครับ...” เสียงทุ้มตอบอย่างปลงตก ใจจริงอยากจะลดความเร็วลงสักหน่อย จะได้คอยวางใจและระวังสิ่งแปลกปลอมที่อาจจะโจมตีเข้ามาได้

          แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย ที่เคราะห์มันพุ่งมาหากันตรงหน้า แบบไม่ต้องให้เสียเวลาหันมองข้างเลยทีเดียว

          อยู่ๆ วัฒน์ก็เหยียบเบรกกะทันหัน ทำเอาคนนั่งหลังเกือบหน้าทิ่มเบาะ แต่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว เสียงระเบิดของยางรถก็ดังลั่นพร้อมกับรถที่ยังไม่ทันจะหยุดดีหมุนวนไปหลายรอบจนเวียนหัว

          “บ้าเอ๊ย” วัฒน์สบถก่อนจะหันมาข้างหลังด้วยใบหน้าตื่นตระหนก “ระเบิด!”

          แม้จะยังมึนงงกับแรงกระแทก แต่พอได้ยินหนุ่มใหญ่ตะโกน แต่ละคนก็พากันหนีออกมาจากรถทันที

          เสียงระเบิดดังลั่นจนหนวกหู แต่ละคนกระเด็นกระดอนไปกันคนละทิศละทางไปเสียไกลเพราะแรงจากระเบิด พอลุกขึ้นจากพื้น วัฒน์ก็หรี่ตามองรถที่กำลังไหม้เป็นจุลจากระเบิด ซึ่งโชคยังดีที่ระเบิดไม่ได้รุนแรงเท่าไหร่นัก ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจปลอดภัยทั้งที่มีเวลาหนีเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเป็นแน่

          หนุ่มใหญ่มองไปทางรถที่ตามมาซึ่งเป็นรถของโค้กกับศาสตร์ รถจอดทิ้งไว้โดยที่ประตูรถเปิดอยู่ ไร้วี่แววของทั้งสอง ซึ่งวัฒน์ก็เข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไล่ตามคนร้ายไปแล้ว

          “คุณสิทธิ์” เสียงทุ้มดังลั่นไปทั่ว พอเห็นสิทธิ์นอนนิ่งอยู่ที่ในพงหญ้าข้างทาง วัฒน์ก็ลนลานหน้าตื่นเข้าไปหาทันที “คุณสิทธิ์!”

          “ยังไม่ตายครับ...” แม้จะหัวแตกและยังนอนฟุบ แต่ก็ยังสามารถพูดเล่นได้จนวัฒน์ถลึงตาใส่ “ผมไม่เป็นอะไรหรอก ไปดูไอ้เนเหอะ”

          “ยังอยู่ดีครับ...”

          ทั้งสองหันไปมองเจ้าของเสียงที่ลากสังขารเข้ามา ซึ่งสภาพของเนในตอนนี้ไม่น่าจะใช้คำว่าอยู่ดีแต่อย่างใด เพราะนอกจากเลือดที่อาบท่วมหัวแล้ว แขนข้างซ้ายยังมีรอยถลอกจนผิวหนังเปิดเปิงไปหมด

          “จะบ้าเรอะ ดูสารรูปตัวเองก่อนเถอะ!”

          แต่ก่อนที่สิทธิ์จะได้อ้าปากต่อว่า วัฒน์กลับพุ่งเข้าไปด่าก่อนเสียอย่างนั้น ทำเอาคนเป็นเจ้านายถึงกับเผลอเลิกคิ้วออกมา

          เนได้แต่มองอีกฝ่ายด้วยท่าทีเหมือนสติยังไม่ครบถ้วน ก่อนจะยิ้มเจื่อน

          “ก็ยังไม่ตายนี่ครับ แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว”

          วัฒน์ได้แต่จ้องหน้าอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะถอนหายใจใส่

          “ไงคุณสิทธิ์”

          แต่ก่อนที่จะได้เป็นห่วงอาการกันไปมากกว่านี้ เสียงทุ้มก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อนพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ของรถที่ดังสนั่นไปทั่ว เสียงล้อรถเสียดสีกับยางมะตอยดังเอี๊ยดจนหนวกหู ทั้งสามหันมองไปยังต้นเสียง รถยนต์สีดำราวสี่ห้าคันขับมาขวางทางเต็มถนน พร้อมกับรถมอเตอร์ไซค์อีกคันที่ตามมาจากด้านหลัง

          วัฒน์กับสิทธิ์พากันตกใจเมื่อคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์เผยใบหน้าของตนออกมาจากหมวก กันน็อค แต่สิทธิ์มีอาการโมโหร่วมด้วย เพราะเจ้าของเสียงเป็นหนึ่งในลูกน้องของวินจริงๆ

          “พอดีคุณวินเขาสั่งมา ต้องขอโทษด้วยนะครับ” ชายคนนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ ก่อนจะโบกมือทักทายราวกับไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน “อ๊ะ ผมแค่เอาตะปูมาโรยเท่านั้นนะครับ ส่วนอย่างอื่นผมไม่เกี่ยว”

          ชายชุดหนังว่าก่อนจะสวมหมวกกันน็อคแล้วขับมอเตอร์ไซค์หนีไปอย่างรวดเร็ว วัฒน์ชักปืนออกมาหมายจะสอยให้ร่วง แต่ยังไม่ทันจะได้เล็งมอเตอร์ไซค์ที่ขับออกไปไกลทุกที เหล่าคนที่อยู่บนรถก็ยิงสวนกลับมาเสียก่อน

          และไม่ต้องเสียเวลาสั่งให้มากความ แต่ละคนก็วิ่งลงหลบเข้าข้างทางกันทันที จากนั้นก็อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายวิ่งมายิงสวนขึ้นไป

          “ไอ้เวรวิน” สิทธิ์กัดฟันกรอด ก่อนจะหลบเข้าหลังต้นไม้ที่มีอยู่เพียงไม่กี่ต้นในบริเวณนั้น หลังจากยิงใส่อีกฝ่ายเข้าไป “นี่มันกล้าทำถึงขนาดนี้เลยหรือวะ”

          เนไม่ได้พูดอะไร ส่วนหนึ่งเพราะต้องตั้งสมาธิกับการยิงสวนและหลบกระสุนของอีกฝั่งทั้งที่ระบมไปทั้งตัว แต่ส่วนหนึ่งเพราะคิดว่าวินไม่น่าจะอยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ แม้จะไม่มีหลักฐานใดๆมาค้านเลยก็ตาม

          จำนวนฝั่งศัตรูลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งมาจากฝีมือของวัฒน์เป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งโค้กกับศาสตร์ก็กลับมาเสริมอีกแรง ทำเอาสถานการณ์ที่ย่ำแย่กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบเพียงแค่ชั่วอึดใจเดียว

          “ฮ่าๆ เป็นไงล่ะ” สิทธิ์หัวเราะขึ้นอย่างสะใจทั้งที่ตัวเองยิงไม่ค่อยจะเข้าเป้านัก ก่อนจะยิงใส่ประตูรถอีกฝ่ายต่อ

          เนได้แต่ยิ้มเจื่อนก่อนจะลดปืนลงเมื่อเห็นฝ่ายศัตรูเริ่มล่าถอยไปด้วยฝีมือของวัฒน์ เด็กหนุ่มมองเจ้านายที่ดูจะสนุกกับการทิ้งลูกกระสุนอย่างเหนื่อยอ่อน เริ่มมึนหัวและชักจะฝืนเจ็บจากบาดแผลไม่ไหว เลยกะจะพักสักหน่อย แต่ยังไม่ทันจะได้ทรุดลงไป เด็กหนุ่มก็เอะใจกับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ด้านหลังของตนกับเจ้านาย

          “คุณสิทธิ์!”

          เสียงเรียกของเนดังขึ้นพร้อมกับเสียงลั่นของกระสุน เจ้าของชื่อหันไปมองแล้วก็ได้แต่ตะลึงกับสิ่งที่เห็น

          “เน!” สิทธิ์ร้องลั่นก่อนจะเข้าไปรับร่างที่ล้มลง ชายหนุ่มมองหน้าคนที่ลอบกัดจากข้างหลังก่อนจะยิงสวนใส่ทันที ซึ่งเฉียดไปโดนไหล่ของอีกฝ่าย และยังไม่ทันจะได้ลั่นไกอีกครั้ง ศัตรูก็วิ่งหนีหายเข้าไปในดงหญ้าสูงทันที “ไอ้เวรเอ๊ย”

          พวกวัฒน์ซึ่งเพิ่งจัดการศัตรูบนถนนเสร็จ รีบรุดเข้ามาหาเมื่อได้ยินน้ำเสียงตื่นตระหนกของเจ้านาย ดวงตาเรียวของหนุ่มใหญ่เบิกกว้างเมื่อเห็นเลือดเปรอะไปทั่วตัวเจ้านาย แต่ที่ทำให้วัฒน์ถึงกับตัวแข็งทื่อ คือเนที่นอนหน้าซีดอยู่บนแขนของสิทธิ์ เสื้อเชิ้ตลายทางสีขาวตรงบริเวณช่วงท้องย้อมไปด้วยเลือดเสียจนน่ากลัว

          “โค้ก ศาสตร์ พาคุณสิทธิ์กับเนไปโรงพยาบาล”

          โค้กกับศาสตร์สะดุ้งนิดหน่อยเมื่อโดนสั่งด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ หนุ่มผมเด้งลอบมองวัฒน์ที่ยังคงจ้องเนด้วยใบหน้าที่นิ่งสนิท ก่อนจะทำตามทันที ศาสตร์เองก็รีบเดินไปยังรถของตน แล้วเปิดประตูหลังเพื่อรอรับร่างของคนเจ็บที่กำลังโดนแบกมาหา

          “รีบไปเร็วสิ”

          พอขนเนขึ้นรถเรียบร้อย ศาสตร์ก็เดินเข้ามาหมายจะเรียก แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปาก หนุ่มใหญ่ก็ตอบโดยที่ไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ

          ชายหนุ่มบึ้งหน้า แม้จะไม่ค่อยพอใจนัก แต่เขาก็ทำตามคำสั่งอย่างเสียมิได้

          หลังจากพวกของตนขับรถออกไปแล้ว หนุ่มใหญ่ก็เลื่อนสายไปตามองศัตรูที่วิ่งหนีอยู่ในทุ่งไกลๆ วัฒน์ไม่ได้วิ่งไล่อีกฝ่าย เขาเพียงแต่เดินไปหยิบปืนไรเฟิลมาจากหลังรถ แล้วนำมาวางบนหลังคารถ หนุ่มใหญ่เล็งร่างที่วิ่งอยู่ไกลๆ แล้วดับชีวิตอีกฝ่ายอย่างง่ายดายราวกับระยะทางเกือบครึ่งกิโลเมตรไม่ได้มีผลอะไรเลยแม้แต่น้อย ร่างที่กำลังวิ่งหายจมลงไปในดงหญ้าสูงทันที

          หนุ่มใหญ่ละออกมาจากกล้องส่อง ดวงตาเรียวที่จับจ้องไปยังศัตรูนั้นยังคงนิ่งเรียบไร้อารมณ์ใดๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา

          “ฉัตร เรียกพวกเก็บกวาดมาที เดี๋ยวจะส่งที่อยู่ไปให้”

          “ได้” คนในสายรับคำอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการหยอกล้อใส่แม้แต่นิดเดียว “เยอะไหม”

          “เกือบสามสิบ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมายังคงนิ่งเรียบ “นายว่างมาหาไหม”

          คำถามนี้ทำเอาฉัตรนิ่วหน้า ที่จริงเขาก็ไม่ได้ว่างนัก แต่แม้ปกติเขาจะไม่ค่อยเข้าใจพฤติกรรมของอีกฝ่าย ฉัตรก็พอจะรู้ดีว่าวัฒน์คงไม่เอ่ยปากถามหากไม่มีปัญหาหรือกลุ้มใจจริงๆ

          “ฉันจะรีบไปให้เร็วที่สุด”

 

          “ผมดูบาดเจ็บหนักขนาดนั้นเลยหรือ”

          สิทธิ์เอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าหมองหม่นหลังจากนางพยาบาลออกจากห้องคนไข้ไป บนหัวของเขาคาดด้วยผ้าพันแผลสีขาวไปทั่วเพราะหัวแตก อีกทั้งยังเข้าเฝือกขาซ้ายเพราะกระดูกร้าว กระนั้นบาดแผลเหล่านั้นก็ไม่ได้หนักหนาเลยสักนิดเมื่อเทียบกับเน แม้จะถึงมือหมอแล้ว แต่เพราะโดนยิงเข้าจุดสำคัญ ทั้งยังเสียเลือดตั้งมาก ยังไม่รู้เลยว่าจะรอดหรือเปล่า

          โค้กกับศาสตร์มองหน้ากัน ก่อนที่โค้กจะเป็นคนเอ่ยปาก

          “ก็ไม่นะครับ” ซึ่งเขาก็ตอบโดยเทียบกับคนที่สาหัสกว่า “ทำไมหรือ”

          “ไม่รู้สิ...ปกติเราก็เจอเรื่องลอบทำร้ายเป็นปกติอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ไอ้แค่หัวแตกผมก็เจอบ่อย อาวัฒน์เองก็แค่ตกใจ...แต่ผมแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมรอบนี้อาวัฒน์ถึงได้สติแตกขนาดนี้”

          ลูกน้องทั้งสองพากันเลิกคิ้ว พอมาคิดถึงพฤติกรรมที่ดูแปลกไปทั้งยังน่ากลัวของวัฒน์ ทั้งสองก็เริ่มเอะใจขึ้น

          “อ้อ...” หนุ่มหน้าเป็นร้องขึ้นด้วยเสียงเบาหวิว ก่อนยังเหล่ไปหาเพื่อน ทำเอาศาสตร์ออกอาการกระสับกระส่าย “คุณสิทธิ์ไม่คิดว่าจะเป็นเพราะเนบาดเจ็บหนักหรือครับ”

          ในขณะที่สิทธิ์นิ่วหน้า ศาสตร์กลับถลึงตาใส่โค้ก

          “แต่ตอนอาฉัตรหรือไอ้ปาล์มเจ็บปางตาย อาวัฒน์ก็ไม่เคยเป็นขนาดนี้นะครับ”

          “เอ...จะว่าไปแล้ว พี่ปิ่นเองก็เคยโดนลูกหลงตอนที่มีศัตรูบุกบ้านคุณสิทธิ์ใช่ไหมครับ ได้ข่าวว่าพวกที่บุกมาตายเรียบเหมือนกันนี่...นั่นเพราะอาวัฒน์หรือเปล่า”

          และสีหน้าของเจ้านายก็บอกเกินพอโดยที่ไม่ต้องฟังคำตอบเลยด้วยซ้ำ

          “จะว่าไป ตอนนั้นอาวัฒน์แกก็สติแตกเหมือนกันแฮะ...” ในขณะที่คุณเจ้านายนอนวิเคราะห์ไม่เลิก ศาสตร์กลับทำหน้าเหมือนเห็นวันสิ้นโลก “...หรือพี่โค้กกำลังจะบอกว่า...”

          “คุณสิทธิ์”

          แต่ก่อนที่โค้กจะได้สนุกกับการเห็นเพื่อนหน้านิ่งออกอาการเหมือนคนบ้าไปมากกว่านี้ เสียงประตูพร้อมกับเสียงของวัฒน์ก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน สีหน้าของหนุ่มใหญ่ซีดเซียวและเต็มไปด้วยความเป็นห่วง เขาไม่ได้มาเพียงลำพัง หากแต่มีฉัตร ปาล์ม และคนอื่นๆอีกราวสี่ห้าคนด้วย ทำเอาห้องเดี่ยวที่กว้างขวางแคบลงถนัดตา

          “ไม่เป็นอะไรนะครับคุณสิทธิ์” วัฒน์พุ่งเข้าไปเกาะราวเตียง สีหน้าซีดเซียวราวกับกำลังมายืนดูวาระสุดท้ายของเจ้านาย “ผมว่าคุณรีบนอนเถอะครับ แล้วก็ห่มผ้าด้วย”

          “หัวแตกกับกระดูกร้าวนะครับอา ไม่ใช่เป็นไข้” สิทธิ์เอ่ยติดตลกก่อนที่สีหน้าจะหมองลง “แต่ไอ้เนน่ะสิ...ไม่รู้จะรอดไหม...”

          ทั้งหมดพากันเงียบกริบ และก้มหน้าเหมือนไว้อาลัยให้กับคนที่ยังไม่รู้ว่าตายจริงหรือเปล่า ฉัตรเลิกคิ้วมองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นด้วยความอึดอัด

          “นี่ก็ดึกมากแล้ว ให้คุณสิทธิ์พักผ่อนก่อนดีกว่าไหม” หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ปรายตามองไปรอบๆ “ยังไงตอนนี้คุณสิทธิ์ก็ปลอดภัยแล้วนี่นา เอาเป็นว่าพวกนายกลับไปกันก่อนก็แล้วกัน ส่วนเรื่องคนเฝ้า ก็ให้ไอ้ก้องกับไอ้ฤทธิ์เฝ้าคุณสิทธิ์ แล้วเดี๋ยวฉันกับไอ้วัฒน์จะเฝ้าทางไอ้เนละกันเนอะ”

          “ถามความสมัครใจพวกผมแล้วหรือยังเหอะ” ฤทธิ์แย้งเสียงต่ำ

          “เอาน่าๆ แค่คืนเดียวเอง เดี๋ยววันอื่นก็ให้พวกเด็กๆมาเฝ้าน่า” ฉัตรตบหลังหนุ่มตาตกที่ทำหน้าเบื่อแบบไม่มีปิดบังจนเกือบล้ม ซึ่งฤทธิ์ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากทำหน้าเบี้ยวใส่เท่านั้น “ถ้าอย่างนั้นก็แยกย้ายๆ กลับบ้านนอน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที”

          แต่ละคนต่างเห็นด้วยและเอ่ยลาเจ้านายออกไปจากห้องจนหมด เหลือเพียงเหล่าคนเฝ้ากับเจ้านายในห้องเท่านั้น

          “อาวัฒน์ไม่เป็นอะไรนะครับ” สิทธิ์เอ่ยถามก่อนจะมองหนุ่มใหญ่ ซึ่งในตอนนี้เปลี่ยนจากเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มเป็นสีขาวแล้ว สภาพภายนอกนั้นดูไม่ออกเลยว่าเป็นหนึ่งในคนที่ไปร่วมรบกับตนมาด้วย “ผมว่ายังไงก็ให้หมอเขาดูอาการหน่อยก็ดีนะครับ เผื่ออาจจะมีกระดูกร้าวตรงไหนก็ได้ ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่ากระดูกขาร้าวจนกระทั่งให้หมอตรวจเนี่ย”

          “ครับ”

          น้ำเสียงที่ตอบรับของวัฒน์นั้นเรียบนิ่งทำเอาเหล่าหนุ่มใหญ่พากันผวา โดยเฉพาะฉัตรที่ถึงกับสะดุ้งเพราะเจ้าน้องชายหันมามองด้วยแววตาไร้อารมณ์

          “ไปกับฉันหน่อย”

          ฉัตรกลอกตามองไปรอบๆ ก่อนจะพยักหน้าให้ แล้วเดินตามวัฒน์ไปติดๆ และยังไม่วายแยกเขี้ยวใส่ฤทธิ์ที่แอบหัวเราะไล่หลังเขา

          คนเป็นพี่มองคนตรงหน้าที่ดูนิ่งเฉยเสียจนไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อเดินไปสักพักอยู่ๆวัฒน์ก็ยืนนิ่งตรงกลางทางเดินอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เล่นเอาคนตามมาเกือบเบรกไม่ทัน

          “เป็นอะไรหรือเปล่า…” ฉัตรนิ่วหน้าถาม แต่ก็ไม่กล้าจะเดินไปมองหน้าวัฒน์ “หรือว่าแกบาดเจ็บจริงๆวะ”

          หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ชักเริ่มเป็นห่วงอีกฝ่ายจริงๆจังๆ เพราะตั้งแต่เจอหน้ากันบนถนนที่เกิดเรื่อง วัฒน์ก็เอาแต่เงียบ และแทบไม่พูดอะไรเลยจนกระทั่งมาถึงที่นี่ทั้งที่เป็นคนเรียกฉัตรมาเอง ซึ่งหนุ่มใหญ่ร่างยักษ์เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากพูดให้คนอื่นได้ยินนัก จึงยอมอดทนจนถึงตอนนี้

          “ไม่” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างห้วนๆ “แค่ฉันที่ไม่เป็นอะไร...ทั้งที่ก็อยู่ด้วยแท้ๆ...”

          “เฮ้ย ไม่เอาน่า อย่าโทษตัวเองสิวะ” ฉัตรว่าพร้อมตีหน้ายุ่ง “นี่รอดกันมาหมดทั้งที่เจอรุมซะขนาดนี้ก็โคตรจะปาฏิหาริย์แล้วนะเว้ย”

          แต่ดูท่าทางอีกฝ่ายจะไม่ได้คิดแบบนั้นแม้แต่น้อย

          ฉัตรถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเข้าไปตบบ่าอย่างกล้าๆกลัวๆ

          “ถามจริง เพราะคุณสิทธิ์บาดเจ็บ หรือเพราะไอ้เนมันปางตาย แกถึงได้จะเป็นจะตายแบบนี้”

          คำถามนี้ทำเอาวัฒน์หันกลับมา ใบหน้านิ่งนั้นเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็น มือทั้งสองที่กำแน่นสั่นระริก

          “ฉันมันแย่มากใช่ไหม”

          “เรื่องไหนล่ะ ถ้าเรื่องเป็นผู้คุ้มครองฉันบอกได้เลยว่าไม่ แกทำดีเกินกว่าคนปกติจะทำได้ด้วยซ้ำ” ฉัตรตอบอย่างฉะฉาน “เรื่องที่ไอ้เนมันโดนยิง ไม่ใช่ความผิดของแกสักหน่อย”

          วัฒน์กลับมานิ่งเงียบอีกครั้ง แต่ท่าทีที่แสดงออกมาว่ากำลังหวาดกลัวและกังวลอย่างชัดเจนทำให้ฉัตรเลือกที่จะเงียบตาม

          “ฉัตร”

          เจ้าของชื่อมองคนตรงหน้า สายตาของวัฒน์นั้นเลื่อนหลุบต่ำ ใบหน้านั้นซีดเซียวอย่างที่ฉัตรแทบไม่ค่อยได้เห็น ทั้งยังเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มและหวาดกลัว วัฒน์อ้าปากค้างนิ่ง เหมือนพยายามจะพูด หากแต่กลับไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา กระนั้นฉัตรก็ไม่ได้เอ่ยขัดขึ้นแต่อย่างใด เขาเพียงแต่รอให้อีกฝ่ายพูดออกมาเอง

          “ฉันรักไอ้เน”


______________________________________



แฮ่กๆ กว่าจะเขียนเสร็จก็เที่ยง =_=


ในที่สุดลุงแกก็ยอมรับใจตัวเองแล้ว (สักที) ได้เวลาไปจูบเจ้าชายนิทราแล้ว /ผิดมาก

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
กรี๊ดดด ลุงไม่ซึนแล้ววว ><//
รอน้า

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ฮว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ค้าง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7
เอ้าเหลือแต่เนละนะรู้ใจตัวเองสักที ก่อนที่จะเสียลุงเค้าไปนะ  :hao3:

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 63


          ฉัตรถึงกับเบิกตาจนแทบถลนจากเบ้าเมื่อได้ฟังคำที่หลุดออกมาอย่างยากเย็น แต่เล่นเอาจุกจนพูดไม่ออก นี่ขนาดว่าพอจะรู้มาแล้วก็เถอะนะ แต่พออีกฝ่ายมาบอกกันตรงๆแบบนี้ เขาก็ยังอดตกใจไม่ได้อยู่ดี

          แน่ล่ะ เจ้าน้องชายหน้าตายคนนี้ไม่ใช่คนที่จะพูดเรื่องแบบนี้ออกมาง่ายๆนี่

          “ทีแรก...ฉันคิดว่าแค่รู้สึกไปเอง...แต่พอเห็นมันโดนยิงปางตายแบบนี้แล้ว...ฉันถึงได้รู้ตัว…” วัฒน์พูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่น ทำเอาคนฟังหวั่นไปด้วย “ทำไงดี...ฉันไม่ได้อยากจะรักมันเลยแท้ๆ...”

          ฉัตรมุ่นคิ้ว พอจะเข้าใจว่าทำไมวัฒน์ถึงได้กลัวขนาดนี้ นึกแล้วก็อดหงุดหงิดใส่เนไม่ได้

          “…แล้วแกจะบอกมันหรือเปล่า…”

          อีกฝ่ายนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่งก่อนจะส่ายหน้าให้

          “คงไม่บอกหรอก…ก็หมอนั่นบอกฉันชัดเจนว่าไม่ได้คิดอะไรกับฉันมากไปกว่าผู้ใหญ่คนนึง ฉันจะไปบอกให้เจ็บกว่าเดิมทำไม…”

          คนฟังได้แต่เหนื่อยใจ เขาก็พอจะรู้ว่าเนปากแข็ง แต่ไม่คิดว่าจะไปพูดกับวัฒน์ด้วย ยิ่งทำให้คนที่กลัวอยู่แล้ว ยิ่งไม่กล้าบอกเข้าไปใหญ่

          แต่เอาเถอะ ถ้าอยากจะปากแข็งนักล่ะก็นะ...

          “งั้นก็ต้องรีบตัดใจสินะ”

          ในที่สุดวัฒน์ก็เงยหน้าขึ้นมา แม้นั่นจะเป็นสีหน้าที่ฉัตรไม่ค่อยอยากจะเห็นสักเท่าใดนัก เพราะมันมีรังสีคาดคั้นตามมาด้วย

          “นายก็บอกเองไม่ใช่หรือ ว่ารักคนที่ไม่ได้รักก็มีแต่จะต้องเจ็บตัวเปล่าๆ” ฉัตรบอกก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย “ถ้างั้นก็ตัดใจแล้วไปหาคนที่รอนายอยู่สิ”

          วัฒน์มองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะหันไปมองกำแพง เขาเองก็รู้ว่ามันเป็นหนทางที่ดีกว่าแท้ๆ

          แต่ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจแท้ๆ

          “ฉันนี่ท่าทางจะบ้า” หลังจากยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ก็พูดออกมา ทำเอาฉัตรที่ตั้งท่าจะงีบถึงกับสะดุ้ง “รู้ว่าต้องเจ็บแน่ๆ แต่ดันตัดใจไม่ได้...”

          “ให้เวลาตัวเองหน่อยสิ ของแบบนี้มันก็ใช่ว่าจะตัดกันง่ายๆสักหน่อย” ฉัตรว่าพลางตบบ่าวัฒน์ ในใจก็นึกแค้นเจ้าเด็กปากแข็งนั่นไม่เลิก

          “ไม่ไหวหรอก ถ้าต้องอยู่กับมันตลอดแบบนี้...แถมยังมีอะไรด้วยกันอีก”

          ดอกแรกแค่อึ้ง แต่ดอกนี้เล่นสำลักเลยทีเดียว

          ฉัตรไม่รู้จะไปต่ออย่างไรดี ถึงจะรู้เลาๆมาจากเนแล้วก็เถอะ แต่พอมาได้ยินจะๆจากปากเจ้าน้องชายหน้านิ่งนี่ เขาก็อดตกใจไม่ได้อยู่ดี

          ก็นึกว่าที่เนทำท่าตื่นตระหนก เพราะเนคิดจะทำ...แต่ไม่ได้หมายความว่าทำกันไปแล้วนี่นา!

          “นาย...นอนกับมันด้วยหรือ” ฉัตรถามละล่ำละลัก ยังคงอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ไม่หาย “เดี๋ยวเดะ! ทำไมล่ะ”

          ที่จริงวัฒน์ก็ไม่ได้อยากจะบอกนัก แต่พอคิดว่าในเมื่อฉัตรรู้เลยไปถึงจุดที่น่าอายที่สุดไปแล้ว เขาก็ไม่อยากจะปิดบังให้ว้าวุ่นอีกต่อไปเท่าไหร่ด้วย เพราะถ้าถามเขา บอกว่ายอมนอนอย่างสมัครใจ ก็ยังดีกว่าโดนรู้ว่าถูกปล้ำเพราะไปแกล้งอีกฝ่ายโดยที่ตัวเองเข้าใจผิดตั้งเยอะ

          “ก็แค่ให้มันหายอยาก จะได้ไม่หน้ามืดไปปล้ำแมวหรือผู้หญิงคนอื่นเข้าในเวลางาน” ในขณะที่คนพูดดูนิ่งเสียเหลือเกิน คนฟังได้แต่อ้าปากค้างกับเหตุผลนั้น “ตอนมันมาที่บ้านแรกๆ เอาแต่มองแมวอย่างกับจะกินซะให้ได้...หมอนั่นมันหน้ามืดถึงขนาดว่าถ้าเป็นฉันก็โอเคเลยนะ”

          นี่พูดจริงๆนะ! แค่ไม่บอกสาเหตุที่มันหน้ามืดก็เท่านั้น!

          ฉัตรยังคงตะลึงกับเหตุผลที่วัฒน์ลงทุนพลีกายให้เด็กหนุ่ม เขาค้างอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะสะบัดหัวเรียกสติตัวเอง

          “งั้นหรือ...นั่นสินะ...ถ้าเป็นแบบนี้คงตัดใจยากน่าดู” หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์กะพริบตาปริบๆ ขี้เกียจจะถามหาสาเหตุที่วัฒน์ยอมให้เจ้าเด็กนั่น เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว “แต่ยังไงก็ต้องตัดใจนี่เนอะ...เพราะงั้นก็คงต้องเลิกนอนกับมันล่ะ”

          “ฉันไม่รู้จะบอกเลิกยังไงดี...” วัฒน์เอ่ยเสียงเครียด “ไหนจะเรื่องศาสตร์อีก”

          ฉัตรเลิกคิ้วแล้วลูบคาง พรายกระซิบมาบอกเขาเรื่องที่เจ้าหนุ่มหน้านิ่งนั่นสารภาพรักกับวัฒน์มาแล้ว เขาจึงไม่แปลกใจกับท่าทีกลัดกลุ้มของน้องชายนัก

          “แล้วนายคิดยังไงกับไอ้หนูศาสตร์ล่ะ”

          คนโดนถามชะงักก่อนจะกลับมามองหน้าพี่ชายอีกครั้ง

          “โอ๊ะๆ ไม่ต้องรีบตอบเลย” ฉัตรยกมือขึ้นห้าม “ฉันรู้ว่าตอนนี้แกรู้สึกยังไง ที่ฉันถามเพราะอยากจะให้แกลองเปิดใจให้มันหน่อยต่างหาก เผื่อจะได้ตัดใจจากไอ้หนูเนไปด้วยเลยไง”

          “แต่ถ้าตัดใจไม่ได้ล่ะ...ฉันไม่อยากจะทำร้ายศาสตร์นะ”

          “แล้วไงวะ แกจะเจ็บเองเรอะ ฉันไม่อยากเห็นแกซังกะตายเหมือนรอบยัยปิ่นอีกนะโว้ย” และอีกเหตุผลก็คือ เอ็งมันโคตรน่ากลัวเวลาหดหู่นี่แหละ “ลองไปก่อนไม่ดีกว่าหรือวะ อย่างน้อยถ้าได้ผลก็แฮปปี้ไปเลยไง แต่ถ้าไม่ได้มันก็แค่ลงเอยที่เจ็บ ดีกว่าไม่ทำแล้วเจ็บอย่างเดียวนา"

          วัฒน์มุ่นคิ้ว แม้จะไม่เห็นด้วยนัก แต่เหตุผลของอีกฝ่ายก็ฟังดูเข้าทีจนไม่อาจปฏิเสธได้

          “นั่นสินะ”

 

          “ฮู่ว อย่างกับอยู่ในหนังบู๊เลยวุ่ย”

          โค้กเอ่ยติดตลกหลังจากมาถึงบาร์ของมีนซึ่งเป็นที่ทำงานของตน ในตอนนี้ชายหนุ่มนั่งบิดขี้เกียจอยู่ตรงโซฟาหนังสีดำที่อยู่ในห้องพักพนักงานในบาร์ซึ่งอยู่ด้านหลังสุด โดยมีศาสตร์ และอาร์มอยู่ในห้องด้วย

          “มีแต่นายที่สนุกอยู่คนเดียวน่ะสิ รู้หรือเปล่าว่าพวกฉันที่ต้องไปเก็บกวาดผลงานพวกนายน่ะเหนื่อยแค่ไหน” อาร์ม หนุ่มตัวเล็กเหมือนเด็กประถมบ่นก่อนจะเปิดล็อคเกอร์ตรงหน้าแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตออกมาเปลี่ยนเสื้อที่เปรอะทั้งโคลนและเลือดของตน “ปกติก็สยองอยู่แล้ว เจอรอบนี้นี่ทำเอาอยากอ้วก…แหวะ…แถมยังกระจัดกระจายไปทั่วอีก เหนื่อยเป็นบ้า”

          “แหม ไม่เอาน่าพี่อาร์ม ก็เคยเจอเละกว่านี้นี่ ทำเป็นกลัวไปได้” โค้กโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะปรายตามองศาสตร์ที่เอาแต่เงียบมาตลอดทาง “อะไร เงียบจังเลยนะ”

          เจ้าของชื่อยังคงนั่งหน้านิ่งอยู่บนโซฟาอีกตัวที่อยู่ใกล้กัน ไม่โต้ตอบอะไรออกมาสักคำ แต่มือทั้งสองที่กำแน่นทำให้คนมองรู้ว่าอีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดีนัก

          อาร์มนิ่วหน้ามองโค้กเป็นเชิงถาม และพอเห็นเจ้าน้องชายหน้าเป็นยิ้มกะลิ่มกะเหลี่ยให้ เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจก่อนจะขอตัวเดินออกไปนอกห้องเพื่อไปทำงานต่อ

          “โมโหที่อาวัฒน์ห่วงเจ้าเนนั่นหรือไง” เมื่อเหลือกันอยู่แค่สองคน โค้กจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกวน ซึ่งทำให้คนที่อารมณ์ไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งออกอาการชัดขึ้น “จะมาโมโหฉันมันก็ไม่ได้อะไรหรอกนา ฉันเองก็รู้สึกเหมือนนายนั่นล่ะ”

          “ไม่เห็นจะเป็นอย่างนั้น”

          “ไอ้คนหน้าตายอย่างนายจะยังมีหน้ามาพูดอีกเรอะ” โค้กสวนกลับก่อนจะหัวเราะออกมา “แต่เอาเถอะ ตอนนี้หมอนั่นก็นอนแอ้งแม้งอยู่ในโรงพยาบาล ก็ได้โอกาสทำแต้มละ”

          “นายจะบ้าเรอะ” ศาสตร์ตะคอกใส่อย่างไม่อยากจะเชื่อ “หมอนั่นสาหัสขนาดนั้น นายจะยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกหรือ”

          “เอ้า เรื่องที่บาดเจ็บก็เรื่องนึง เรื่องความรักมันก็ก็เรื่องนึงนี่หว่า ไม่เห็นจะเกี่ยวตรงไหน” โค้กเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “อีกอย่าง หมอนั่นบอกเองว่าไม่ได้คิดอะไรกับอาวัฒน์ เราจะทำอะไร หมอนั่นก็ไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนเลยนี่ จริงไหมล่ะ หรือนายอยากจะเกรงใจนักก็เรื่องของนาย แต่ฉันไม่ว่ะ”

          ศาสตร์เพียงแต่บึ้งหน้าใส่ ก่อนจะลุกขึ้นหนีออกไปจากห้องอีกคน

          “ให้ตายสิ อะไรนักหนาวะ” เมื่อเหลืออยู่เพียงคนเดียวก็อดบ่นขึ้นมาไม่ได้ “เอาแต่อิดออดอยู่นั่นล่ะ จนไอ้เด็กนั่นจะแย่งไปอยู่แล้ว”

          “แต่ถ้าแกล้งพี่ศาสตร์แรงขนาดนั้น ระวังเขาจะตัดเพื่อนกับพี่จริงๆนะครับ”

          จากที่กำลังหงุดหงิดถึงกับกระโดดดึ๋งออกจากโซฟาด้วยความกลัวทันที

          “ไอ้ต่อ อย่ามาเงียบๆข้างหลังคนอื่นสิวะ” โค้กบอกเสียงตื่น พลางลูบแขนตัวเอง และสงสัยมากว่าอีกฝ่ายเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ และมาที่บาร์ตนทำไม แต่เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่อีกฝ่ายทำแบบนี้ อีกทั้งเคยถามหลายทีแล้วแต่ก็ได้คำตอบกำกวมที่ไม่ฟังเสียยังจะดีกว่า ชายหนุ่มเลยไม่อยากจะถามนัก “ว่าแต่พูดอะไรของนายน่ะ ฉันไปแกล้งไอ้ศาสตร์มันตรงไหนไม่ทราบ หา”

          “ตรงที่บอกว่าชอบคุณวัฒน์ไง ระวังเหอะ เดี๋ยวแฟนพี่โกรธเอาแล้วจะซวยกันทั้งบาง”

          จากที่ขนลุกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอได้ยินที่อีกฝ่ายพูดก็ชักจะปวดฉี่ขึ้นมาตงิดๆ

          “มีความลับอะไรกับแกไม่ได้เลยนะ” โค้กหัวเราะเสียงแห้ง “ช่วยไม่ได้นี่หว่า เอาแต่อิดออด ไม่ยอมลงมือสักที ฉันก็เลยต้องกระตุ้นหน่อยไง แค่นั้นเอง แฟนฉันไม่ใช่คนขี้หึงกับเรื่องไม่เป็นเรื่องสักหน่อย ฉันรักเดียวใจเดียวนะเว้ย...”

          เสียงทุ้มขาดช่วงไปเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนจ้องหน้าตัวเองโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทำเอาเสียวสันหลังหนักกว่าเดิม

          “เอาเหอะครับ อย่าแสดงให้มากนักละกันครับ ผมไม่อยากเดือดร้อน” ต่อว่าก่อนจะออกอาการหวาดหวั่นตาม “แต่กีดกันเนเขาน่าดูเลยนะครับ”

          โค้กเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้มกริ่ม “เอ้า ฉันก็ต้องเชียร์เพื่อนตัวเองสิวะ หรือแกเชียร์หมอนั่นล่ะ”

          “ผมยังไงก็ได้ แค่คุณวัฒน์คบกันใครสักคนแล้วเลิกทำตัวน่ากลัวกว่าผีก็พอแล้ว...”

          หนุ่มหน้าเป็นหัวเราะลั่น

          “อาเขาไม่ได้น่ากลัวสักหน่อย”

 

          ศาสตร์นั่งหงุดหงิดอยู่ตรงบันไดทางขึ้นไปยังห้องวีไอพีของบาร์ เขานั่งนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อตอนบ่าย...นึกถึงสีหน้าของวัฒน์ตอนที่เห็นเนเลือดท่วมตัว ทั้งที่ดูน่ากลัวจนทำเอาสั่นไปทั้งตัว แต่ความรู้สึกอีกอย่างกับปะทุรุนแรงยิ่งกว่า

          ถ้าเป็นผม คุณจะโกรธแบบนั้นไหม...

          คิดแล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาจนเผลอบึ้งหน้า แต่ที่ทำให้โมโหขึ้นมาก็ไม่พ้นตัวเองที่คิดเช่นนั้น

          ด่าไอ้โค้กไปตั้งเยอะ เรากลับมาเป็นเสียเอง

          ชายหนุ่มทอดถอนใจ ก่อนจะลุกขึ้นเดินหวังสะบัดความคิดฟุ้งซ่าน แต่ยังไม่ทันจะลุกขึ้น เสียงมือถือของตนก็ดังขัดเสียก่อน ชายหนุ่มมุ่นคิ้วด้วยความหงุดหงิด เพราะแม้ตอนนี้จะไม่ใช่เวลานอนของตน แต่ช่วงตีสองก็เป็นเวลาทำงาน เขาจึงกะว่าจะดุคนที่โทรมาเสียหน่อย และเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาเท่านั้นล่ะ ความขุ่นเคืองในใจก็ระเหิดไปเสียหมด

          “มีอะไรหรือครับอาวัฒน์” ชายหนุ่มพยายามทำเสียงนิ่ง และทั้งที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโทรมาเพราะอะไร แต่ก็ดีใจไปเสียก่อนแล้ว “เนเขาปลอดภัยไหมครับ”

          “ตอนนี้ยังไม่ฟื้น แต่หมอบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้วล่ะ...” เสียงทุ้มในสายฟังดูอิดโรย “ฉันบอกคุณสิทธิ์ไปแล้ว ที่โทรมาหาเราเพราะอยากจะขอโทษเรื่องที่ดุใส่เมื่อตอนบ่ายน่ะ”

          ใบหน้าเรียวรู้สึกตึงๆเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก

          “อาชอบหมอนั่นสินะครับ”

          ปลายสายเงียบไปนานมาก มีเพียงเสียงลมหายใจที่ทำให้คนฟังรู้ว่าอีกฝ่ายยังอยู่ในสาย

          “แต่ฉันไม่อยากจะชอบคนที่ไม่ได้ชอบฉันอย่างมัน”
         
          จากที่กำลังปวดใจเพราะเห็นคำตอบแล้ว ถึงกับชะงัก

          “ถ้ารักเราได้ก็คงจะดี จะได้ไม่ต้องรู้สึกทรมานแบบนี้...” น้ำเสียงทุ้มสั่นเครือจนฟังแล้วปวดใจ “มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัว...แต่ช่วยฉันได้หรือเปล่า...ช่วยให้ฉันเลิกรักเน ได้ไหม”

          ศาสตร์ยืนนิ่งกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขารู้ดีว่านี่อาจหมายถึงความเจ็บปวดที่ยิ่งกว่า และไม่ใช่แค่เพียงเขา แต่หมายถึงวัฒน์ด้วย

          แต่นี่ไม่ใช่เวลามานั่งกลัวอีกต่อไปแล้ว

          “ได้สิครับ”





__________________________________

เรารู้ว่าหลังจากอ่านจบแล้วคนอ่านคิดอะไรอยู่....สั้นไปใช่ไหม เดี๋ยวตอนหน้าจะมาต่อยาวๆ ฮา /หลบใต้โต๊ะ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ลุงเลิกซึน แต่หนีเลย  :z3: :z3:

แล้วเนก็นอนเดี้ยงอยู่แบบนี้  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เราสมน้ำหน้าเนมาก 5555555555555555555555555

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
เนซึนจนได้เรื่องเลยมั้ยล่ะ -*-
โค้กไม่ได้ชอบลุงจริงๆ แฮะ คบกับอาร์มอยู่เปล่าเนี่ย?
อาวัฒน์อย่าเพิ่งทำยังงี้ซี่
อิลุงฉัตรก็ไม่ยอมบอกเรื่องความรู้สึกเน ทั้งๆ ที่ก็น่าจะดูออก วู้!

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
และแล้ว เนก็นอนเป็นผักจนโดนมือที่สามมาแทรกจนได้ ปากแข็งดีนักนี่นะ

ออฟไลน์ qilarsy39

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ม่ายยนนยนนนย เนลุกขึ้นมาบัดนาวววว  :z3:

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เน ตื่นได้แล้ว เมียจะหนีตามชู้ไปแล้ว

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
อ้าว เนรีบฟื้นเลยนะ  :z13:

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 64


          เสียงจากเครื่องวัดชีพจรดังเป็นจังหวะอยู่ในห้องคนไข้ กลิ่นยาตลบอบอวลจนฉุนจมูก ครั้นจะบ่ายหน้าหนีก็โดนเครื่องช่วยหายใจรั้งเอาไว้ จะขยับตัวก็รู้สึกเจ็บไปหมด

          “ฟื้นแล้วหรือ”

          เสียงทุ้มที่คุ้นหูทำเอาคลายเจ็บ เด็กหนุ่มหันมองคนที่ยืนเกาะราวเตียงคนไข้ด้วยสีหน้าโล่งใจ ทำเอาคนมองรู้สึกดีไปด้วย

          “อย่ามาตายก่อนคนแก่สิ” วัฒน์บอกก่อนจะยิ้มบางด้วยความดีใจ “นึกว่านายจะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้วเสียอีก”

          เด็กหนุ่มมองหน้าคนที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ความรู้สึกบางอย่างที่อยู่ในใจลึกๆตีฟุ้งขึ้นมา ทำเอารู้สึกร้อนวูบไปหมด

          “จริงสิ ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก” แต่ยังไม่ทันจะได้สงสัยถึงความรู้สึกของตน หนุ่มใหญ่ก็เอ่ยขัดขึ้น พร้อมกับกวักมือเรียกใครสักคนที่อยู่เลยระยะสายตาของตน และทันทีที่เห็นคนที่เข้ามาใหม่ รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กหนุ่มก็เหือดหายไปทันที

          “อูย...”

          เนเบิกตาโพลงมองเพดานสีเหลืองนวลตรงหน้า จากนั้นก็กลอกตามองไปรอบๆ

          ฝันหรอกหรือ

          สภาพโดยรอบนั้นเหมือนกับในฝันทุกอย่าง ยกเว้นความเจ็บที่ทวีคูณยิ่งกว่าจนทำให้ร้องโอดโอยออกมาเสียยกใหญ่

          “เน”

          เสียงทุ้มที่คุ้นหูทำเอาดีใจและหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน เนอาจจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็เป็นได้ หากไม่ได้ฝันพิเรนทร์ก่อนหน้า

          วัฒน์กดออดเรียกพยาบาลทันทีที่เห็นเพื่อนร่วมงานได้สติ หนุ่มใหญ่เดินเข้าไปเกาะราวเตียงคนไข้ มองอีกฝ่ายเหมือนต้องการให้แน่ใจว่าเนฟื้นจริงๆ และเนเองก็อาจจะดีใจกว่านี้ ถ้าไม่ติดฝันผวาที่ยังรังควานตนไม่เลิก

          “อย่ามาตายก่อนคนแก่สิ นึกว่านายจะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้วเสียอีก” ยิ่งพูดเหมือนกันอีก ยิ่งชวนผวาเข้าไปใหญ่ “เป็นอะไร”

          เมื่อเห็นคนที่ลืมตาไม่ค่อยจะขึ้นมองตนหน้านิ่งไม่พูดอะไรสักคำ วัฒน์จึงอดถามไม่ได้

          “คือ...ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไง...” เด็กหนุ่มถามเสียงแหบ รู้สึกเหมือนทุกอย่างเลือนรางไปหมด ยกเว้นฝันเมื่อครู่

          “นายโดนยิง จำไม่ได้หรือ” วัฒน์บอกเสียงสั่น “ถ้าไม่เพราะนายไปช่วยบังให้ ก็อาจจะเป็นคุณสิทธิ์ที่มานอนตรงนี้แทนแล้ว...ทำได้ดีมากเลยนะ...แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่มานอนปางตายแบบนี้น่ะ”

          “ฮะๆ...ขอโทษนะครับ” เนบอกเสียงอ่อย ขยับตัวทีก็ร้าวจนน้ำตาเล็ด “แล้วคุณสิทธิ์เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

          “หัวแตกเย็บหกเข็ม กระดูกขาร้าว ก็นอนโรงพยาบาลไปสามวัน ตอนนี้กลับไปพักที่บ้านแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก” วัฒน์บอกพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “เดี๋ยวฉันไปโทรบอกคุณสิทธิ์ก่อนนะ”

          เนพยักหน้าก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายจากไป ส่วนตนก็นอนโล่งใจโดยมีพยาบาลและหมอมาดูอาการ

          แล้วทำไมเราถึงโล่งใจกันนะ

          ใช้เวลาไม่นาน การตรวจก็เสร็จสิ้น ถือว่าโชคดีมากที่กระสุนไม่โดนจุดสำคัญ แต่ก็ทำเอาซี่โครงหัก เลยได้นอนโรงพยาบาลอีกยาว ซึ่งนั่นทำเอาเนปั้นหน้ายุ่ง เพราะนี่ไม่ใช่เวลาจะมานอนอุดอู้อยู่อย่างนี้เลยสักนิด ยิ่งได้ยินกว่าเขาสลบไปตั้งเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วด้วย ยิ่งทำให้เขาร้อนรนเข้าไปใหญ่

          “ไม่ต้องรีบไปหรอก พยายามพักให้หายดีก่อนเถอะ เดี๋ยวที่มันควรจะหายเร็วก็ไม่หายกันพอดี” หลังจากเล่าถึงสถานการณ์ปัจจุบันให้เนรู้แล้ว วัฒน์ก็บอกเด็กหนุ่มที่ทำท่าเหมือนจะกระชากสายน้ำเกลือออก “ไม่ต้องห่วง หายแล้วฉันจะใช้งานให้คุ้มกับที่นอนโรงพยาบาลแน่"

          เนก็คิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นพวกมาโซฯนะ แต่ฟังแล้วไม่รู้ทำไมกลับดีใจแทนเสียได้นี่

          วัฒน์ยืนมองคนเจ็บ ท่าทางเหมือนลังเลอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเปิดปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

          “มีอะไรหรือเปล่าครับ” เห็นหนุ่มใหญ่เอาแต่อ้ำอึ้งจึงอดถามไม่ได้

          “อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก” วัฒน์ตอบเสียงลนอย่างชัดเจนเสียจนเนนิ่วหน้า “พักเถอะ รีบๆหาย จะได้กลับมาช่วยงานฉัน”

          ว่าจบก็ดันเด็กหนุ่มลงเตียงก่อนจะกลับไปนั่งตรงโซฟาที่อยู่ไม่ห่าง

          “คุณมาเฝ้าผมหรือครับ” เมื่อเห็นว่ามีแค่วัฒน์คนเดียวตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา เขาเลยอดถามไม่ได้

          “เปล่าหรอก ต่อกับปาล์มเป็นคนเฝ้า ฉันแค่แวะมาอยู่ตอนพวกนั้นไปกินข้าวน่ะ”

          “อ๋อ...งั้นหรือครับ” น้ำเสียงของเด็กหนุ่มลดระดับความดีใจลงอย่างที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม “จะว่าไป...เรื่องสัญญาซื้อขายของคุณสิทธิ์ละครับ...”

          แต่ก่อนที่จะได้คำตอบ เสียงเปิดประตูก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน ร่างสูงของเจ้านายเดินฉิวมาเกาะเตียง โดยมีโค้กกับศาสตร์ตามมาด้วย ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อที่ผุดพราย และจากที่กำลังวิตกก็เปลี่ยนมาฉีกยิ้มให้

          “ไอ้บ้าเอ๊ย!”

          “จ๊ากกก คุณสิทธิ์!!!” เนร้องลั่นเพราะเจ้านายแสนดีเอามือทุบเข้าที่แผล “จะฆ่าผมเรอะ”

          “เออสิ ไอ้บ้าเอ๊ย” ตอนเห็นมือของสิทธิ์ทำท่าเหมือนจะทุบอีกรอบ ทำเอาคนเจ็บเสียววาบ แต่โชคดีที่มันค้างเติ่งอยู่เพียงแค่นั้นแล้วชายหนุ่มก็เก็บกลับไป “ฉันนึกว่าแกจะตายแล้วซะอีก"

          “ฮะๆ ขอโทษนะครับ” เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อน และยังสบายใจกันได้ไม่เท่าไหร่ สีหน้าสุดสะพรึงของเจ้านายก็ทำเอาเจ็บแผลตงิดๆ

          “ฉันไม่ปล่อยผ่านไปแน่ ไอ้หมาวินนั่น” เนรู้สึกเหมือนราวกั้นเตียงคนไข้ที่สิทธิ์จับยุบลงตามแรงบีบ “ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่เรื่องสัญญามันถึงกล้าทำกันขนาดนี้ แถมยังจะมากล่าวหากันมั่วๆอีก คอยดูเถอะ ฉันก็จะไม่ไว้หน้ามันเหมือนกัน”

          “ไม่นะครับ!” เหล่าลูกน้องพากันสามัคคีห้าม ทำเอาคนที่กำลังเดือดถึงกับหน้าเบี้ยว

          “นี่มันทำพวกเราถึงขนาดนี้ ยังจะใจเย็นกันได้ยังไงอีกครับเนี่ย” สิทธิ์ถึงกับโวยลั่น “หลักฐานมันก็ชัดเจนทุกอย่างแล้ว อย่ามาห้ามผมเลยดีกว่า”

          เนื่องจากหมดสติไปเสียนาน เลยไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยนอกจากหันไปมองหน้าวัฒน์ ซึ่งหนุ่มใหญ่ก็ได้แต่ส่ายหน้าให้อย่างเหนื่อยใจ

          “ระหว่างนายหลับ ฉันไปสืบมาแล้ว เรื่องที่พวกเราโดนลอบทำร้ายกันกลางถนนเป็นฝีมือของไอ้แว่นนรกนั่นจริงๆ” เมื่อเห็นคนเจ็บทำหน้าเอ๋อ สิทธิ์เลยบอกเสียงเขียวออกมา “ถึงมันจะไม่ยอมรับก็เถอะ เฮอะ”

          และถึงจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่จากที่ลูกน้องคนอื่นพากันหนักใจ เนก็พอจะเดาได้ว่าความจริงคงไม่ได้เป็นอย่างที่สิทธิ์รับรู้แน่

          “ถึงจะห้ามยังไงผมก็ไม่หยุดหรอกนะครับ” สิทธิ์ประกาศเสียงเฉียบ “ถ้าไม่ช่วยผมก็ไม่เป็นไร ผมจะทำเอง”

          แล้วลูกน้องดีๆที่ไหนเขาจะปล่อยให้เจ้านายไปทำคนเดียวกันล่ะ

 

          เนนอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยความหงุดหงิด เพราะหลังจากนั้น พอสิทธิ์จะกลับ วัฒน์ก็ตามกลับไปด้วย ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาจะอารมณ์เสียหรอก ถ้าไม่ติดคนที่มาด้วย

          มาทำออเซาะใส่ลุงให้ตูดูทำมะเขือเผาอะไรมิทราบวะ

          แถมที่สำคัญคือไม่ใช่แค่โค้ก แต่ศาสตร์ก็ดันเอาด้วยนี่น่ะสิ แถมไม่รู้ทำไม พอศาสตร์เป็นคนเกาะแกะวัฒน์แล้ว ถึงทำให้เขาหงุดหงิดกว่าด้วย

          ถ้าจะเกาะขนาดนั้น เอากันเลยมั้ย

          คิดเสร็จก็ต้องสะดุ้งโหยงขึ้นมา เพราะดันกลัวขึ้นมาหากสิ่งที่คิดประชดไปเป็นเรื่องจริง

          “ฮึ่ย”

          “เป็นอะไร...”

          จากที่กำลังหงุดหงิดถึงกับผวาขึ้นมาทันทีเพราะไม่รู้ตัวเลยว่าต่อมาอยู่ในห้องตอนไหน

          “ตั้งแต่คุณสิทธิ์มาได้สักพักจนกระทั่งกลับไปน่ะ” ชายหนุ่มตอบราวกับอ่านใจได้ ยิ่งตอบด้วยน้ำเสียงยานคาง ยิ่งทำให้ขนลุกชัน “แล้วนี่เป็นอะไรไปล่ะ”

          “เปล่าหรอก” จะให้บอกหรือว่าหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง “ได้ยินว่านายกับปาล์มมาเฝ้าฉัน ขอบใจนะ”

          “ไม่เป็นไรหรอก...ก็เกือบแย่ไปหลายทีเหมือนกัน...”

          เนนิ่วหน้า ทีแรกว่าจะถาม แต่นึกไปนึกมา เงียบไว้จะสบายใจเสียกว่า เด็กหนุ่มข่มตาหลับลงต่อ ซึ่งโชคดีที่ความเพลียทำให้เขาหลับได้โดยง่าย จะได้หนีจากความรู้สึกวุ่นวายใจนี่ได้

          ต่อมองคนที่หลับปุ๋ยอยู่บนเตียงก่อนจะถอนหายใจออกมา

          ท่าทางจะยังไม่รู้แฮะ

 

          สำหรับเน การนอนนิ่งๆอยู่ในโรงพยาบาลหนึ่งเดือนเป็นสิ่งที่น่าเบื่อที่สุดตั้งแต่เกิดมา เพราะนอกจากคนเฝ้าที่มีแต่ผู้ชายและผู้ชาย วัฒน์เองก็ไม่ได้มาเยี่ยมเท่าไหร่นัก ซึ่งเขาก็เข้าใจอยู่ว่าหน้าที่ติดตามคุณสิทธิ์นั้นสำคัญมาก ยิ่งในตอนนี้เจ้านายกำลังอารมณ์ขึ้นเพราะเข้าใจผิดอยู่ ยิ่งสมควรตามติดแบบไม่ให้คลาดสายตา

          แต่ทั้งที่เข้าใจ แล้วไม่รู้ทำไมถึงได้หงุดหงิดไม่เลิกสักที

          เนทึ่งนิดหน่อยเมื่อเหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้นกลายเป็นเพียงข่าวอุบัติเหตุเล็กๆในหน้าหนังสือพิมพ์ ซึ่งก็คงไม่พ้นอำนาจของสิทธิ์และหัวหน้าฝั่งศัตรูที่ปิดเรื่องเสียงจนเงียบสนิท อีกทั้งเพราะคนที่ตายไปก็มีแต่พวกนอกกฎหมาย และที่เกิดเหตุเองก็เป็นถนนโล่งที่สองข้างทางมีแต่ทุ่งสุดลูกหูลูกตา ตำรวจเองก็ไม่อยากจะเข้ามายุ่งให้เหนื่อยเปล่าด้วย เลยแทบไม่ต้องกังวลหรือจะพะวงว่าเรื่องจะบานปลายใหญ่โตสักนิดเดียว

          “เป็นอะไร”

          เนอึ้งนิดหน่อยเมื่อพบว่าคนที่มารับตนเป็นวัฒน์ เพราะตอนที่สิทธิ์โทรมา เขาก็เข้าใจว่าจะมากันทั้งคณะเสียอีก แต่กลับมาแค่หนุ่มใหญ่คนเดียวเสียอย่างนั้น

          “เปล่าครับ ระ...รีบกลับกันเถอะ ผมเบื่อโรงพยาบาลจะแย่อยู่แล้ว”

          “อ๊ะ อืม” วัฒน์ออกอาการประหม่านิดหน่อย “เอากระเป๋ามาสิ เดี๋ยวฉันถือให้”

          เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกนะ แต่มันแค่เผลอ

          “ฉันถือไหวน่า” วัฒน์กระแทกเสียงใส่ก่อนจะแย่งกระเป๋าเป้จากอีกฝ่าย “หายดีแล้วหรือยัง”

          “ก็...คิด ว่านะครับ” เขาตอบก่อนจะเลิกเสื้อขึ้นมาดูชายโครงของตน ซึ่งยังมีผ้าก็อซแปะอยู่ “แต่หมอบอกว่าให้อยู่เฉยๆไปก่อนสักอาทิตย์น่ะครับ เดี๋ยวกระดูกมันจะไม่สมานตัวกันดี”

          “หรือ แล้วตัดไหมวันไหนล่ะ” วัฒน์ยังคงถามสัพเพเหระไปเรื่อย ด้วยท่าทีอึดอัดแปลกๆจนเนอดสงสัยไม่ได้

          “ไม่ต้องครับ ใช้ไหมละลาย” เนบอกด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
         
          ถึงจะไม่ได้ออกอาการ แต่สีหน้าเหมือนโดนใครเหยียบเท้ามันก็ฟ้องชัดเกินพอแล้ว

          “คือ...ยังไงดีล่ะ” เนมองคนที่ออกอาการกระอักกระอ่วนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “เอาเป็นว่า กลับบ้านก่อนแล้วค่อยพูดละกัน”

          เด็กหนุ่มนิ่วหน้า รู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก ทั้งยังนึกถึงฝันบ้าบอตอนที่เพิ่งฟื้นมาด้วย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากพยักหน้าให้

          แล้วถ้าเกิดฝันนั้นเป็นจริงขึ้นมาล่ะ

          ยังไงเสียมันก็ต้องเกิดเข้าสักวัน ยิ่งในตอนนี้มีคนรอคว้าลุงแกอยู่ถึงสองคนด้วย เขาเองก็ควรจะทำใจไว้เสียแต่เนิ่นๆ...แม้จะหงุดหงิดและไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองจะต้องรู้สึกแย่ขนาดนี้ด้วย

          ทำไมกันนะ

          ทันทีที่มาถึงบ้าน ความขุ่นเคืองที่กองอยู่ในใจก็โดนตีฟุ้งขึ้นมาอีก เพราะแทนที่คนเปิดประตูบ้านจะเป็นแมว แต่กลับเป็นศาสตร์แทน ซึ่งถ้าให้นึกถึงสถานการณ์ในตอนนี้ของเจ้านาย อีกฝ่ายจะมาอยู่บ้านสิทธิ์ก็ไม่แปลกนัก

          แต่ที่ติดใจสงสัย ก็คงเพราะโดนศาสตร์มองหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูดนั่นล่ะ แถมยังหันไปหาวัฒน์ต่อด้วย

          เนหันมองวัฒน์เป็นเชิงถาม และสิ่งที่ได้รับคือสีหน้ากระอักกระอ่วน

          “...คุณสิทธิ์ล่ะ” น้ำเสียงทุ้มของหนุ่มใหญ่ฟังดูลำบากใจ

          “อยู่ในห้องทำงานครับ กำลังสะสางงานอยู่” ศาสตร์ตอบเสียงนิ่ง “...อายังไม่ได้บอกเนสินะครับ”

          เจ้าของชื่อรู้สึกเหมือนโดนกระชากคอ ทั้งที่อีกฝ่ายเพียงแค่มองด้วยสีหน้าและแววตาไร้อารมณ์ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องนึกกลัวอีกฝ่ายด้วย

          “...บอกอะไรหรือครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามโดยพยายามบังคับไม่ให้เสียงสั่น เนหันมองวัฒน์ที่ยังคงยืนอีหลักอีเหลื่อและไม่แม้แต่จะมองหน้าตน “มีอะไรร้ายแรงขึ้นหรือครับ”

          “ไม่มีหรอก” คนตอบกลับเป็นศาสตร์แทน “แค่เรื่องส่วนตัวที่ควรจะบอกให้นายที่นอนห้องเดียวกับอาวัฒน์”

          เด็กหนุ่มเพียงแต่นิ่งเงียบและจ้องอีกฝ่ายกลับโดยไม่พูดอะไรสักคำ

          “พวกเราคบกันแล้ว”

          วัฒน์หันกลับมามองเนเมื่ออีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆเลย หนุ่มใหญ่ถึงกับนิ่วหน้าเมื่อพบว่าเนกำลังยืนค้างนิ่งเหมือนรูปปั้น

          “...เน...”

          “อะไรกัน จริงหรือเนี่ย ในที่สุดก็ลงเอยกันสักทีนะครับ”

          แต่ก่อนที่วัฒน์จะได้เรียกอีกฝ่ายจบ อยู่ๆเนก็โพล่งออกมาด้วยท่าทีตื่นเต้นสุดๆ ทำเอาหนุ่มใหญ่เป็นฝ่ายค้างแทน

          “อืม” ศาสตร์เอ่ยรับเสียงเรียบ ใบหน้านั้นยังคงนิ่งเฉยไม่มีเปลี่ยน “ถึงนายจะไม่ได้คิดอะไรกับอาวัฒน์...แต่ฉันอยากจะให้นายย้ายไปนอนห้องอื่นน่ะ แบบว่ามันไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่”

          “อ้อ ได้สิครับ แค่นี้เอง ที่จริงห้องเดิมผมก็ซ่อมเสร็จตั้งนานแล้ว ว่าจะย้ายอยู่แต่ไม่มีโอกาสสักที พอดีเลยนะครับ”

          วัฒน์สะดุ้งเมื่ออยู่ๆอีกฝ่ายหันมาถามด้วยใบหน้าร่าเริงสุดๆ ทำเอาเขาอึกอักเพราะทำหน้าไม่ถูก

          “ผมยินดีด้วยนะครับ เท่านี้ทั้งคุณสิทธิ์และทั้งผมจะได้สบายใจสักทีที่คุณมีความสุขกับเขาได้แล้ว”

          หนุ่มใหญ่มองอีกฝ่าย สีหน้าแปลกใจเลือนหายไปเหลือเพียงไว้แต่ความหงุดหงิด

          “อย่าพูดเหมือนฉันทำให้นายกังวลจะได้ไหม” ไม่ใช่แค่สีหน้า แต่น้ำเสียงก็ไปด้วย ทำเอาเด็กหนุ่มที่กำลังหน้าบานถึงกับหดกลับทันควัน “งั้นตามขึ้นมาหน่อย มีธุระจะพูดด้วย แล้วก็จะได้เก็บของไปอีกห้องด้วยเลย”

          เนเพียงแต่มองอีกฝ่ายหน้านิ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้แล้วเดินตามอีกฝ่ายเข้าห้องนอนไปติดๆ

          “ฉันจะบอกนายตั้งแต่ฟื้นแล้ว แต่เห็นอาการยังไม่ดี ฉันก็ไม่อยากจะพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องเท่าไหร่”

          ทันทีที่เข้าห้องกันมาแล้ว วัฒน์ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่น หนุ่มใหญ่หยุดยืนอยู่ตรงกลางห้อง ก่อนจะหันกลับมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดจนเนถึงกับถอย

          “อาจจะกะทันหันไป แต่ฉันคงต้องขอยกเลิกสัญญาของเราล่ะ”

          คนฟังเพียงแต่มองค้างหน้านิ่ง นั่นทำเอาวัฒน์เกิดหวั่นใจขึ้นมา ยิ่งเงียบไปเสียนาน คนที่พูดก็ยิ่งหวาดหวั่น

          “เอ้อ นั่นสิครับ มันคงจะไม่ดีถ้าเรายังทำกันทั้งที่คุณก็คบกับคนอื่นไปแล้ว”

          วัฒน์มองเนที่พูดด้วยสีหน้าเหมือนเพิ่งนึกได้ ใบหน้าของหนุ่มใหญ่บิดเบี้ยวด้วยความหงุดหงิด แต่กระนั้นก็ยังพยายามบังคับสีหน้าของตนให้นิ่งเข้าไว้

          “ผมดีใจจริงๆนะครับที่คุณคบกับคุณศาสตร์” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่นั่นกลับทำเอาคนมองยิ้มไม่ออก “แล้วนี่มีคนอื่นรู้หรือยังล่ะครับ”

          “ยัง” หนุ่มใหญ่ตอบเสียงห้วน “ยังไงนายก็อย่าไปบอกใครละกัน ฉันว่าจะรอให้ปัญหาของคุณสิทธิ์จบก่อนแล้วค่อยพูด”

          ได้ยินแล้วก็ทำหน้าตื่นและนึกถึงปัญหาที่น่ากังวลขึ้นมาทันที

          “ตอนนายไม่อยู่ไอ้เดชมันมาหาคุณสิทธิ์ถึงบ้าน” วัฒน์บอกอย่างหงุดหงิดและกลัดกลุ้ม “ทำมาพูดว่าเสียใจกับเรื่องที่เกิดเสียเต็มประดา แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าจะช่วยหาทางแก้แค้นให้อีก…ไอ้บ้านั่น…หน้ามันจะหนาไปไหนของมันวะ”

          บ่นจบก็หันกลับมาหาเพื่อนร่วมงานที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ก่อนจะถอนหายใจออกมา

          “ฉันรู้ว่ามันอาจจะไม่ได้ผลแล้วอาจจะทำให้นายรู้สึกไม่ดี แต่ถ้าทำได้ ช่วยขวางคุณสิทธิ์หน่อยแล้วกัน บางทีเขาอาจจะฟังนายมากกว่าฉันก็ได้”

          “คะ...ครับ” เด็กหนุ่มตอบกลับเสียงสั่น ชักจะหวาดหวั่นขึ้นมา “ถ้ายังไง ผมขอขนของไปห้องโน้นก่อนก็แล้วกันนะครับ”

          “อืม...ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนละกัน”

          เนพยักหน้าให้ก่อนจะเดินไปเก็บข้าวของ เสียงประตูห้องนอนดังขึ้น ตามด้วยเสียงเดินที่ไกลออกไปทุกที จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงอีกต่อไป

          ในที่สุดมันก็จบเสียที เราจะได้ไม่ต้องมารู้สึกบ้าบอแบบนี้อีก

          เด็กหนุ่มถอนหายใจพลางยัดเสื้อผ้าของตนลงในกระเป๋า แต่ใส่ได้ไม่ทันเรียบร้อยดีก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีหยาดน้ำอุ่นหยดลงมาโดนมือของตน และไม่ได้มีแค่หยดเดียว แต่พรั่งพรูลงมาเสียจนเต็มหลังมือ

          เนยกมือขึ้นปาดน้ำตาของตนที่ไหลพรากด้วยความหงุดหงิด ยิ่งเช็ดมันก็ยิ่งไหลออกมา

          ทำไมล่ะ...ก็มันจบไปแล้วนี่นา...มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ

          ทำไมเราต้องเจ็บปวดขนาดนี้ด้วยล่ะ ไม่มีเหตุผลเลย

          ก็เราไม่ได้รักเขาแบบนั้นสักหน่อย...

          หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้บ้าเอ๊ย!



___________________________________


ชีวิตพระเอกจบแล้วตอนนี้ ลาก่อย <3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ qilarsy39

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
 :sad4: :sad4: :sad4:
ม่ายยยยย

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
ง่าาา ชักสงสารเนแล้วอ่ะ T^T
อย่าซึนนานล่ะ!

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เฮ้อ ใจตรงกันแท้ๆ ถ้าเนไม่ปากแข็งล่ะก็นะ  :katai1:

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 65


          “หึๆ...หึๆ...”

          เสียงหัวเราะชั่วร้ายและน่ารังเกียจดังขึ้นเป็นพักๆจากสิทธิ์ที่กำลังนั่งจ้องโน้ตบุ๊คของตนบนโต๊ะในห้องทำงาน ทำเอาวัฒน์กับเนที่นั่งอยู่บนโซฟาพากันสะดุ้งเป็นระยะๆ

          แต่สาเหตุที่เนสะดุ้ง ไม่ใช่เพราะกลัวสิทธิ์ที่ทำหน้าชั่วร้ายกับจอโน้ตบุ๊คแต่อย่างใด แต่เพราะมันทำให้เขารู้สึกตัวว่าตนเอาแต่จ้องวัฒน์ไม่เลิกต่างหาก

          นี่ก็เกือบสองสัปดาห์แล้วตั้งแต่ที่เขารู้ว่าวัฒน์กับศาสตร์คบกัน เด็กหนุ่มยอมรับว่าทีแรกตนเสียใจมากจนเขื่อนแตกอยู่สองสามวัน แต่เพียงไม่นานก็กลับมาทำใจได้สักที ซึ่งส่วนหนึ่งเพราะวัฒน์เองก็ทำตัวเป็นปกติด้วย เขาเลยทำใจได้เร็ว แม้จะเสียเวลาไปนานกว่าที่คิดก็ตาม

          แต่ถึงจะทำใจได้แล้ว พอต้องมาทำงานด้วยกันทีไร เขาก็อดกระอักกระอ่วนไม่ได้อยู่ดี จะมองหน้าทีก็ไม่ค่อยจะกล้า แถมยังคุยกันยากกว่าเมื่อก่อนอีก เหมือนจะเปิดปากแต่ละทีมันช่างยากเย็นเหมือนมีด้ายมาเย็บปากเอาไว้อยู่ยังไงยังงั้น เลยได้แต่แอบมองตอนอีกฝ่ายเผลอแทน

          และอีกสิ่งหนึ่งที่แปลกยิ่งกว่าก็คือไอ้เบื้องล่างที่ไม่ได้เรียกร้องอย่างบ้าคลั่งเหมือนเมื่อก่อน ทั้งที่ตามปกติ ลองว่าเว้นช่วงไปนานขนาดนี้ มันก็ต้องมีหงุดหงิดหน้ามืดจนอยากหาที่ระบายไปแล้ว

          ตอนนี้น่ะหรือ อย่าว่าแต่หน้ามืดเลย แค่อารมณ์อยากยังไม่ค่อยจะมี

          ซึ่งเนก็คิดไปว่าคงเป็นผลมาจากที่ตนเสียใจนักหนาที่ต้องเสียคู่นอนที่หาไม่ได้แล้ว เลยไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพราะตอนนี้อยากเมื่อไหร่ก็แค่แว้บไประบายกับคู่นอนที่ทำงานเก่าก็พอ

          แต่สถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่ทำให้เขาอยากมีอารมณ์อย่างว่าด้วย

          “เอาล่ะ”

          อยู่ๆคุณเจ้านายแสนดีก็ลุกพรวดขึ้นมา ก่อนจะหยิบรูปที่วางอยู่ตรงเครื่องปรินท์เตอร์มาวางไว้กลางโต๊ะกระจกตรงหน้าวัฒน์กับเน

          ลูกน้องทั้งสองมองรูปหญิงสาวรูปร่างอรชรหน้าตาน่ารัก ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ยืนฉีกยิ้มชั่วร้ายอยู่

          “นี่เดียร์ น้องไอ้วินมัน”สิทธิ์เฉลยเสียงใส ท่าทางภูมิใจเสียเต็มประดา

          “ผมว่ามันไม่ดีถ้าจะไปลักพาตัวคนที่ไม่เกี่ยวข้องนะครับ”

          “ไม่ได้ลักพาตัวสักหน่อย” สิทธิ์หันไปเถียงเสียงเข้ม ทำเอาเนสะดุ้ง “แต่รับรอง ถึงทางกฎหมายจะไม่รุนแรง แต่รับรองว่ามันต้องเจ็บยิ่งกว่าที่นายโดน”

          เด็กหนุ่มได้แต่งงกับท่าทีที่แค้นเสียเต็มประดาเสียยิ่งกว่าเจ็บเองของอีกฝ่าย...อันที่จริงเขาก็ ดีใจอยู่ แต่จะให้ดีกว่านี้คือถ้าอีกฝ่ายไม่ได้ทำลงไปเพราะเข้าใจผิดนี่ล่ะ

          แต่เพราะยิ่งพยายามสืบสาวราวเรื่องจากเหตุการณ์ครั้งนั้น กลับกลายเป็นว่ายิ่งโยงไปหาวินกว่าเดิม พวกเขาก็เลยไม่รู้จะเอ่ยค้านหรือห้ามอย่างไรดี เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าพวกตนเป็นลูกน้องไม่รักดีเห็นศัตรูดีกว่าอีก

          ใจจริงเขาก็อดสงสัยวินไม่ได้ เพราะส่วนตัวก็ไม่ได้รู้จักอะไรวินมากนัก แต่เพราะพรรคพวกทั้งหมดกลับไม่คิดแบบนั้น บวกกับลางสังหรณ์ของตัวเอง เลยไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ว่าวินเป็นตัวการจริงๆ

          “แล้วคุณจะทำอะไรเขาหรือครับ” วัฒน์ถามด้วยความกังวล ท่าทางยังคงเชื่อว่าเจ้านายจะไปทำมิดีมิร้ายอะไรสาวเจ้าจริงๆ

          “ก็ไปตีสนิทเขาไง” คำตอบทำเอาคนฟังเลิกคิ้ว “ผมได้ข้อมูลลับมา เห็นว่าเด็กคนนี้เป็นน้องสาวต่างแม่ของไอ้แว่น ที่มันโคตรรักโคตรหวงเป็นที่สุด เพราะงั้น ถ้าผมสนิทกับน้องมัน...หรือถึงขั้นเป็นแฟน รับรองว่ามันกระอักเลือดตาย แต่ถ้ายุ่งยากนัก ก็ขู่นิดๆหน่อยๆให้ทำตามที่ผมต้องการก็พอ ได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กหัวอ่อนอยู่เหมือนกันนี่ ฮ่าๆ”

          ลูกน้องทั้งสองพากันโล่งใจทันทีที่การแก้แค้นครั้งนี้ไม่ได้เลวร้ายกว่าที่คิด แม้ไอ้ประโยคช่วงท้ายจะไม่ชวนให้สบายใจเลยก็ตาม

          “แต่มันจะดีหรือครับ เอาคนที่ไม่เกี่ยวข้องมายุ่งด้วยแบบนี้” ด้วยความที่รู้จักนิสัยของสิทธิ์ดี วัฒน์จึงพยายามชักจูงให้อีกฝ่ายเลิกทำ โดยเฉพาะกับแผนหลัง

          “ผมก็ไม่ได้อยากหรอกครับ ถึงได้เลือกแผนนี้ ไม่อย่างนั้นผมจับน้องมันมาปู้ยี่ปู้ยำให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย” ได้ยินสิทธิ์พูดแบบนั้น วัฒน์ถึงกับถลึงตาใส่ “แต่แปลกดีนะ รู้จักมันมาตั้งนาน ไม่ยักจะรู้ว่ามันมีน้องสาวน่ารักขนาดนี้...ถ้าได้เป็นแฟนจริงก็ดีนะ ฮะๆ”

          “นั่นสิครับ ผมก็ไม่รู้จัก” หนุ่มใหญ่ว่าพลางมองรูปเด็กสาว “…แต่ผมว่าอย่าทำเลยดีกว่านะครับ ถึงคุณจะบอกว่าแค่เพื่อน แล้วถ้าอีกฝ่ายคิดเกินเลยขึ้นมาแล้วจะว่ายังไงล่ะ”

          “ชะ…ใช่ครับ ยิ่งหล่อรวยแบบคุณสิทธิ์ด้วย เผลอๆไม่ทันได้เป็นเพื่อนแต่เลื่อนขั้นไปเป็นเมียเลยมากกว่ามั้ง” เนรีบเสริมเสียงตื่น

          “ยอไปฉันก็ไม่เปลี่ยนความคิดหรอกนะ” แต่เสียงนั้นเต็มไปด้วยความปลื้มปริ่มเสียเหลือเกิน “ถ้าเป็นอย่างที่นายว่าก็ช่างปะไร ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งอื่น หมอนั่นทำเกินไป ฉันไม่ยอมหรอก”

          “ที่ผมพูดไปน่ะ ไม่ได้ห่วงวิน แต่ห่วงคุณสิทธิ์นะครับ” วัฒน์ยังคงไม่ลดละความพยายาม “ผมไม่อยากให้คุณมารู้สึกผิดเพราะลากคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเพื่อแก้แค้นอีกฝ่ายนะครับ”

          เจ้านายแสนดีบึ้งหน้าใส่ ท่าทางไม่ยอมจริงๆ

          “ถ้าอาไม่ช่วย ผมก็ไม่ได้บังคับหรอกนะ ผมเองก็ไม่อยากจะให้อามารู้สึกไม่ดีเพราะผม…” มาแล้ว ทำงอนแต่เสียงออดอ้อนตัดพ้อ และเพียงแค่นั้นจากท่าทีขึงขังกลายเป็นลุกลี้ลุกลนทันที “ยังไงซะนี่ก็เป็นเรื่องที่ผมตั้งใจเอง ผมก็อยากจะดึงคนมาเกี่ยวข้องให้น้อยที่สุดเหมือนกัน”

          วัฒน์ได้แต่นิ่วหน้า แล้วเขาจะเมินอีกฝ่ายอย่างไรได้ มันจะน่าเป็นห่วงเสียมากกว่าน่ะสิ

          ถึงจะไม่อยากอย่างไร ถ้ามองในแง่ผลประโยชน์ ลองว่าสิทธิ์ลงเอยกับน้องสาววิน ย่อมมีแต่ผลดีแน่นอน ไหนจะวินที่คงยอมดีกับสิทธิ์เพื่อน้อง ไหนจะไม่ต้องเจอการทะเลาะของวินกับสิทธิ์ที่ชวนทรมานใจ ไหนจะกิจการที่เผลอๆอาจจะยอมร่วมมือกันอีก มีแต่ได้กับได้

          “ถ้างั้น เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปเจอน้องมันเลยละกัน” สิทธิ์แปรสภาพเร็วเสียจนเนได้แต่สงสัยว่าเจ้านายแสนดีแกจงใจแอคติ้งให้วัฒน์ยอมหรือเปล่า ตอนนี้ดูไปดูมาเหมือนอยากเจอเดียร์มากกว่าจะอยากไปแก้แค้น ทำเอาลูกน้องหายเครียดไปเยอะ “เดี๋ยวผมจะรีบเคลียร์งานเอาไว้เลยนะ”

          ว่าจบก็เดินระรื่นกลับโต๊ะทำงานไปสะสางกองเอกสารตรงหน้าอย่างอารมณ์ดีทันที

          เนเลื่อนสายตามองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็กที่อยู่ตรงข้าม หลังจากเจ้านายแสนดีอธิบายแผนแก้แค้นจบ หนุ่มใหญ่ก็เพียงแต่หยิบมือถือขึ้นมากดเล่น นั่นทำเอาคิ้วของเด็กหนุ่มวิ่งชนกัน เพราะโดยปกติวัฒน์ไม่ค่อยจะเล่นมือถือเท่าใดนักหรอก

          และเขาก็รู้ด้วยว่ากำลังเล่นอะไรอยู่ เจ้าคนที่เฝ้าอยู่หน้าบ้านของสิทธิ์ในตอนนี้ก็คงเหมือนกัน

          เนจ้องมองวัฒน์อย่างไม่ละสายตา ท่าทางหนุ่มใหญ่จะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าโดนจ้อง เขาเอาแต่กดมือถือ จากนั้นก็ยิ้มให้กับจอ

          อย่างกับคนบ้า!

          เนบึ้งหน้า ก่อนจะพยายามปัดอารมณ์ขุ่นมัวที่ฟุ้งอยู่ในใจออกไป เขาหันมองไปทางอื่น หวังจะช่วยคลายความรู้สึกดำมืดได้

          “หึ...”

          แม้จะเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่เสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมงานก็ทำเอาเด็กหนุ่มเบนสายตากลับมาทันที

          ตึง!

          จากที่กำลังเพลินๆถึงกับสะดุ้ง และแน่นอนว่าสิทธิ์เองก็หันมามองเนที่เอามือทุบโซฟาเหมือนกัน

          “เป็นอะไรของนาย” ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองลูกน้องที่หน้าแดงจัด “ไม่สบายหรือไง”

          “...แค่ปวดท้องน่ะครับ ฮะๆ” ว่าแล้วก็กระโจนออกมาจากโซฟา “ดะ...เดี๋ยวผมมานะครับ”

          “เอ้าไปสิ อย่ามาราดตรงนี้นะเว้ย เดี๋ยวป้านางกับแมวเอาแกตายแน่” สิทธิ์พูดติดตลกก่อนจะโบกมือไล่

          เนเพียงแต่ยิ้มเจื่อนก่อนจะเบือนหน้าไปหาวัฒน์ที่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว หนุ่มใหญ่เพียงแต่มองหน้าเขา และนั่นทำให้ความรู้สึกบ้าบอในใจมันก่อตัวขึ้นมาอีก

          เด็กหนุ่มผงกหัวให้ก่อนจะหนีออกไปทันที เขาพยายามดับความรู้สึกที่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ใบหน้าเรียวบิดเบี้ยวด้วยความหงุดหงิดเป็นที่สุด

          ทำไมมันถึงไม่หายไปสักทีนะ

          ทั้งที่คิดว่าหากวัฒน์ไปคบกับคนอื่น ความรู้สึกนี้ก็คงจะหายไปแท้ๆ แต่สุดท้ายมันกลับยังคงอยู่ และดูจะรุนแรงกว่าเดิมด้วย

          “บ้าเอ๊ย!”

          ทันทีที่เผลอสบถออกมาก็ต้องสะดุ้งโหยง เพราะขณะที่กำลังเดินไปห้องน้ำ ก็เจอเข้ากับโค้กพอดี

          “เป็นอะไรไปเรอะ ท่าทางไม่ดีเลยนะ”

          ถึงแม้ว่ากำลังหงุดหงิด แต่เด็กหนุ่มก็ปั้นหน้ายิ้มให้ได้ทันที แม้มันอาจจะดูแปลกๆเพราะฝืนก็ตาม

          “อ๋อ...หงุดหงิดเรื่องงานนิดหน่อยน่ะครับ ฮะๆ” เนว่าพลางหัวเราะกลบเกลื่อน ในขณะที่โค้กเพียงแต่ยืนมองด้วยความแปลกใจ

          “หรือ...ฉันเองก็หงุดหงิดเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นน่ะนะ...” ชายหนุ่มว่าแล้วก็ถอนหายใจ “ก็คิดดูสิ ฉันอุตส่าห์ขอให้นายช่วย ไปๆมาๆไอ้ศาสตร์กลับคาบไปแทนเสียได้น้า”

          เนยืนค้างแข็งไปกับคำพูดเหล่านั้น

          “แต่ก็เอาเถอะ ถึงจะเสียดาย แต่อาวัฒน์กับไอ้ศาสตร์ใจตรงกันได้ก็ดี รู้ไหมหมอนั่นชอบอาวัฒน์มาเป็นสิบปีเลยนะ เชื่อหรือเปล่า” โค้กเล่าต่อพลางมองท่าทีของเด็กหนุ่ม “นี่ขนาดระหว่างเฝ้าอยู่หน้าบ้าน ไอ้ศาสตร์มันยังเฝ้าไปคุยไลน์ไปกับอาวัฒน์เลยนะ จู๋จี๋ไม่เกรงใจคนอกหักกันบ้างเลยเนอะ”

          “งะ...งั้นหรือครับ” เนตอบเสียงค่อย ชักฝืนยิ้มไม่ค่อยจะอยู่ ใจจริงอยากจะวิ่งหนีจากเรื่องบาดหูบาดใจจะแย่ แต่เพราะโค้กดันมาดึงมือตนไว้เหมือนจงใจนี่น่ะสิ “แต่ในเวลางาน เอาแต่คุยกันมันก็ไม่ดีหรอกนะครับ...คุณน่าจะเตือนคุณศาสตร์หน่อยนะครับ”

          “แหม เห็นมันดีใจจะตายฉันก็ห้ามไม่ลงหรอก” โค้กยิ้มพราย ยังคงดึงมืออีกฝ่ายไม่เลิก “แต่ถึงมันกับอาวัฒน์จะหวานกันจนลืมตัว ก็ยังมีพวกเราเฝ้าอยู่นี่เนอะ ก็ให้ข้าวใหม่ปลามันเขาหวานกันไปก่อนก็ได้นี่ ไม่ใช่ว่าจะมีเวลามาเจอกันบ่อยๆสักหน่อย ขนาดอยู่ที่เดียวกันยังต้องหวานกันผ่านโทรศัพท์เลยนี่นา”

          เหมือนอะไรบางอย่างในหัวมันขาดผึง

          โค้กเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย อยู่ๆเนก็สะบัดแขนกลับออกไปเต็มแรง จากที่กำลังปั้นหน้ายิ้มแบบฝืนๆ ก็กลับมาบึ้งหน้าใส่ เด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไร นอกจากเดินหนีไปยังหลังครัว

          ชายหนุ่มมองตามหลังของอีกฝ่ายไป ไม่ได้ติดใจกับท่าทีเหล่านั้นของเนเลยสักนิด โค้กเพียงแต่ยืนหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเดินกลับไปยังหน้าบ้าน

          ทำไม...

          เนได้แต่ถามตัวเองเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

          เราไม่ได้รักเขาสักหน่อย...ถึงรักก็ไม่ใช่แบบนั้น

          และนั่นก็เป็นคำตอบที่เขาพร่ำคิดอยู่ร่ำไป แม้จะรู้ตัวดีว่ามันไม่เคยช่วยให้ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านดับลงได้เลยก็ตาม

          บางที ถ้าเลิกทำงานนี้ไปเลยก็คงดี

          แม้ใจจริงอยากทำเช่นนั้นใจจะขาด แต่เนก็เป็นห่วงสิทธิ์เกินกว่าจะยอมทิ้งงานไปง่ายๆ เขาเลยต้องมาจมอยู่ในวังวนแห่งอารมณ์ที่เขาไม่มีทางจะปัดมันทิ้งออกไปอยู่เช่นนี้

          “อ้าว เป็นอะไรไปคะพี่เน”

          แมวร้องถามเมื่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าทะมึนมาแต่ไกล และทั้งที่ปกติเนจะยิ้มกลับให้ทันทีไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม แต่คราวนี้กลับยังคงหน้าบูดบึ้งไม่เปลี่ยน ทำเอาเด็กสาวถึงกับถอยกลับอย่างลืมตัว

          “เครียดเรื่องงานนิดหน่อย” แม้แต่หางเสียงที่มักจะใช้ยังก็ยังไม่มี เด็กหนุ่มตอบเพียงแค่นั้นแล้วเดินลิ่วไปยังหลังบ้านต่อทันที ปล่อยให้แมวได้แต่มองตามหลังด้วยความสงสัยและเป็นห่วงอยู่หน้าประตูครัวเหมือนเดิม

 

          หลังจากไปทำใจในห้องน้ำอยู่พักใหญ่ก็เดินกลับมายังห้องทำงานของสิทธิ์ แต่ปรากฏว่ามีเพียงเจ้านายคนเดียวที่อยู่ในห้อง

          “อ๋อ ฉันบอกอาว่าไม่ต้องเฝ้าฉันอยู่ในห้องก็ได้น่ะ...นายเองก็เหมือนกัน ไม่ต้องมานั่งเฝ้าฉันตรงนี้ก็ได้ เล่นเรียกพรรคพวกมาล้อมบ้านขนาดนี้ ยุงสักตัวก็คงมาไม่ถึงฉันหรอก” สิทธิ์บอกติดตลกเมื่อเห็นเนหันมองไปทั่วห้อง

          “...ไปไหนหรือครับ” เนถามก่อนจะกลับไปนั่งลงบนโซฟา ท่าทางเหมือนกะไม่ไปแน่

          “เอ...เห็นว่าจะไปหาพี่ศาสตร์น่ะ” ดีที่สิทธิ์บอกโดยไม่ได้มองหน้าคู่สนทนา เลยไม่เห็นว่าเนถลึงตามองใส่ตน “สงสัยพักหลังมานี้ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ ไหนจะยังเพราะก่อนหน้านั้นพี่ศาสตร์บาดเจ็บจนเข้าโรงพยาบาลด้วย เลยได้โอกาสคุยกันมั้ง”

          “เขาสนิทกันมากเลยหรือครับ”

          “ก็สนิทนะ ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว…จะว่าไงดีล่ะ คืออาวัฒน์แกค่อนข้างเป็นที่ชื่นชอบของเด็กน่ะ” เกริ่นมาก็ทำเอาคนฟังอ้าปากค้างเพราะไม่อยากจะเชื่อ “เฮ้ย เห็นแบบนั้นอาเขาโคตรรักเด็กเลยนะเว้ย ลองว่ามีเด็กเล็กๆอยู่ตรงหน้า จากที่ทำหน้านิ่งๆนี่อย่างกับคุณพ่อเห่อลูกเลยล่ะ”

          เด็กหนุ่มนิ่วหน้าก่อนจะกลอกตาไปมา จากนั้นก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

          “แต่ก็อย่างที่นายเห็นนั่นล่ะ พอโตกันมาส่วนใหญ่ก็จะกลัวอาวัฒน์กันหมด ไม่รู้ทำไม ขนาดปาล์มกับแมวเองก็ยังไม่สนิทกับอาวัฒน์เหมือนเมื่อก่อนเลย” เมื่อเริ่มอินกับเรื่องที่เล่าก็ละจากงานมานั่งเท้าคางด้วยความเหงา...หรือที่จริงก็แค่เหนื่อยจนอยากพักสักหน่อยก็ไม่รู้ “จะมีก็แค่พี่โค้ก พี่ศาสตร์นี่แหละที่ยังสนิทกับอาวัฒน์เหมือนเดิม”

          “งั้นหรือครับ” เนตอบเสียงเรียบ นึกถึงวัฒน์แล้วก็เผลอกำมือแน่น

          มันสมควรจะเป็นแบบนี้แล้วนี่ พวกเขาเองก็รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว...

 

          ทั้งสามมายืนดักรอเป้าหมายในตรอกซอยแคบแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่พักของเดียร์ น้องของวิน แม้จะยังหัวค่ำ แต่ในซอยนี้กลับเปลี่ยวเสียจนน่ากลัว ทั้งที่บริเวณที่ทั้งสามยืนอยู่ก็ใกล้กับถนนใหญ่แท้ๆ มีคนเพียงสองถึงสามคนที่นานๆจะผ่านไปผ่านมาสักที อีกทั้งบริเวณทั้งสองฝั่งถนนก็มีแต่ทุ่งโล่งๆเสียเป็นส่วนใหญ่ กว่าจะเดินฝ่าเข้าไปด้านในที่มีหอพักสร้างกระจุกอยู่ก็เสียเวลาร่วมสิบนาที มีเวลาถมถืดให้พวกอาชญากรลากเหยื่อลงดงหญ้า

          “ถามจริงๆ น้องคุณวินเขามาอยู่ที่นี่จริงๆหรอกครับ” เนถามพลางหันมองไปมาด้วยความระแวดระวังอยู่หลังรถบรรทุกหกล้อ ที่จริงโค้กกับศาสตร์ก็มาด้วย แต่ไปเฝ้าระวังรอบนอกแทน กระนั้นก็ยังอดกังวลไม่ได้อยู่ดีว่าอาจจะมีใครซุ่มอยู่ในทุ่งหญ้าหรือเปล่า

          ถึงจะไม่ชอบใจนัก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เนรู้สึกดีที่ฝีมือด้อยกว่าโค้กกับศาสตร์ เพราะไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีทางได้มาอยู่ตรงนี้แทนหรอก คงโดนใช้ให้ไปรับศึกหนักอยู่รอบนอกแทนแล้ว

          เนเหล่มองวัฒน์ที่เอาแต่มองสิทธิ์อย่างกังวลและหวาดระแวง เด็กหนุ่มนึกทอดถอนใจเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมหันมามองเขาเลยสักนิด แถมวันนี้ดูจะอารมณ์บูดกว่าปกติอีก ซึ่งเนก็เข้าใจว่าต้นเหตุก็คงไม่พ้นเดชหรอก

          ทั้งที่ทำงานด้วยกัน แต่ในตอนนี้ทำไมกลับรู้สึกเหมือนห่างกันนักนะ

          ตั้งแต่ย้ายไปอีกห้อง เขาก็แทบไม่ได้คุยกับวัฒน์เท่าไหร่เลย ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตัวเองที่หลบลี้หนีหายทุกทีที่เจอหน้าอีกฝ่าย...ซึ่งจริงๆเขาก็ไม่ได้อยากจะหลบนักหรอก เสียแต่ว่าทุกครั้งที่เจอวัฒน์ หนุ่มใหญ่จะต้องอยู่กับศาสตร์ตลอดนี่น่ะสิ

          และมันก็ทำให้เขาเจ็บหน้าอกขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาดทุกที

          “อ๊ะ นั่นไง”

          เสียงของเจ้านายดึงเด็กหนุ่มออกมาจากภวังค์ ทั้งสองหันไปมองเด็กสาวที่โดนชายฉกรรจ์ล้อมกรอบเอาไว้ และไม่ว่าจะดูอย่างไร พวกเขาก็ไม่ใช่เพื่อนกันเป็นแน่

          “เฮ้ย”

          ทั้งสองพากันสะดุ้งเมื่ออยู่ๆเจ้านายที่รักก็พุ่งเข้าไปชนกับพวกนักเลงแบบไม่ถามลูกน้องสักคำ และไม่ทันจะได้พุ่งเข้าไปช่วย คนเหล่านั้นก็ลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว

          เมื่อทุกอย่างอยู่ในความเรียบร้อย อีกทั้งดูจากบรรยากาศแล้ว หากออกไปหาตอนนี้ คงได้เสียแผนกันพอดี พวกเขาเลยได้แต่อดทนยืนรออีกฝ่ายแทน ซึ่งเพียงไม่นาน สิทธิ์ก็วกกลับมาหาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก

          “คุณสิทธิ์ครับ”

          ทันทีที่เจ้านายเดินเข้ามาหาเนกับวัฒน์ที่ยืนรออยู่หลังรถบรรทุก ทั้งคู่ก็เรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงดุพร้อมกัน ก่อนที่หนุ่มใหญ่จะเป็นคนพูดขึ้นมา

          “ทำแบบนี้มันอันตรายนะครับ รู้หรือเปล่าว่าผมเป็นห่วงคุณนะ”

          “นั่นสิครับ ถ้าจะให้ไปช่วยล่ะก็ ผมออกแทนก็ได้” เนว่าด้วยความตกใจกับการกระทำไม่คิดหน้าคิดหลังของสิทธิ์ “ถึงคุณสิทธิ์จะเก่งยังไง แต่นั่นก็ตั้งห้าคนนะครับ เกิดคุณบาดเจ็บขึ้นมาล่ะครับ โธ่”

          “เอาเถอะ ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่” ใบหน้านิ่งยิ้มให้ทั้งสอง “อาวัฒน์กับเนอย่าห่วงให้มากนักเลย แค่นักเลงกระจอก...อาวุธก็ไม่ได้พกซักชิ้น”

          “จะกี่ชิ้นก็ไม่ได้ทั้งนั้นล่ะครับ” คนอาวุโสกว่าติติงอย่างเหนื่อยหน่าย “อย่าลืมสิครับ ว่าคุณไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะออกหน้าบุกตะลุยนะครับ นั่นมันหน้าที่ของพวกผม”

          “ครับ ขอโทษครับอาวัฒน์” สิทธิ์ตอบรับด้วยท่าทีรู้สึกผิด แต่วัฒน์ก็รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกผิดแค่ตอนนี้เท่านั้นล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ลืมแล้วทำต่อ “เอาเถอะ อย่างน้อยตอนนี้เราก็รู้เป้าหมายล่ะ วันนี้กลับเลยละกัน”

          “เอ่อ...” เนขัดขึ้นด้วยท่าทางกังวลเล็กน้อย “ทำแบบนี้จะดีหรือครับ...ไอ้เรื่องแบบนั้นน่ะ...”

          “ไม่สมกับเป็นนายเลยนะ” ร่างสูงแซว ใบหน้าฉายแววเจ้าเล่ห์และชั่วร้ายขึ้นมาจนดูสยอง “ดีมาเราก็ดีไป ร้ายมาเราก็ร้ายกลับ ไม่ใช่หรือไง ไอ้หมอนั่นมันเริ่มก่อนนะ หรือนายจะให้ฉันปล่อยให้ไอ้เวรนั่นมาเอาเปรียบฉันตามใจชอบ ไม่มีทางซะหรอก”

          ว่าจบก็กระทืบเท้านำออกไปอย่างไม่สงสารพื้นคอนกรีตแต่อย่างใด ไม่วายยังไปจ้องหาเรื่องกับหมาข้างทางจนมันวิ่งหนีหางจุกตูด

          “คุณไม่คิดจะห้ามคุณสิทธิ์เลยหรือไงครับ” พอห้ามเองไม่อยู่ เนก็เริ่มหันไปขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโส ตั้งแต่สิทธิ์ตัดสินใจจะทำแผนนี้ ก็ดูวัฒน์จะไม่ค่อยห้ามเตือนอีกฝ่ายเลยสักนิด “คุณอยู่กับคุณสิทธิ์ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ ทำแบบนี้มันไม่ดีนะครับ อาชญากรรมชัดๆ”

          คิ้วหนาของคนอายุเยอะกว่าวิ่งเข้าชนกัน ท่าทางไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนั้น

          “ก็เพราะฉันอยู่มานานจนรู้ว่าคุณสิทธิ์เป็นคนยังไงน่ะสิ” วัฒน์กระแทกเสียงใส่ สีหน้าเหมือนกำลังโมโหอย่างแรง ทำเอาเนที่กำลังหงุดหงิดถึงกับผงะ “ถ้ารุ่นน้องอย่างนายห้ามคุณสิทธิ์ไม่ได้ ฉันที่เป็นแค่คนรับใช้ก็ห้ามอะไรไม่ได้หรอก ลองว่าจะทำแล้ว ยังไงก็ต้องทำให้ได้ นั่นล่ะคุณสิทธิ์”

          เนกำลังจะอ้าปากเถียง แต่หนุ่มใหญ่ไม่ยอม ด้วยท่าทีที่ไม่ยอมมากๆเสียจนเด็กหนุ่มถึงกับผงะ

          “ฉันว่าเรื่องที่ควรทำมากกว่าห้ามคุณสิทธิ์ก็คือ จัดการต้นตอของปัญหาทั้งหมด นั่นล่ะดีที่สุด” สายตาดุดันจ้องเขม็ง แต่ก็ดูจะสับสนเอาการ จนเนสับสนไปด้วย “ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้งูสารพัดพิษอย่างไอ้เดช คุณสิทธิ์จะมาตกที่นั่งลำบากแบบนี้หรือไง...ไอ้เนรคุณนั่นน่ะ!”

          เด็กหนุ่มร่างสูงพอจะเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่ายดี...แต่เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมาลงกับเขาทุกที โดยเฉพาะช่วงที่สิทธิ์เริ่มวางแผนบ้าๆนี่ยิ่งออกอาการแรงอย่างกับโดนใครเหยียบเท้าอยู่ตลอดเวลา

          “ครับๆ เข้าใจแล้ว” เนตอบเสียงเจื่อน หมดทางจะเถียงต่อ บวกกับแอบน้อยใจที่หลังจากวัฒน์คบกับศาสตร์ อีกฝ่ายชอบโมโหใส่ตนทุกที แม้จะไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มีความรังเกียจร่วมด้วย แต่เจอแบบนี้เขาก็ไม่ชอบอยู่ดี

          ไหนว่าจะไม่ใส่อารมณ์กับเราไง ตาลุงขี้โกหกเอ๊ย

          “ก็ดี” วัฒน์ว่า ท่าทางเหมือนอยากจะกระโดดกัดเนเสียให้ได้ ทำเอาคนที่กำลังน้อยใจเผลอถอยหนีด้วยความระแวง “รีบๆไปกันได้แล้ว เดี๋ยวคุณสิทธิ์รอนานกันพอดี”

          เนพยักหน้าให้ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไปติดๆ และทันทีที่มาสมทบกับพรรคพวกที่เหลือ จากที่กำลังกังวลปนสงสัยกับท่าทีประหลาดในช่วงนี้ของวัฒน์ ก็โดนความขุ่นเคืองปัดทุกอย่างออกไปจากใจ

          “คืนนี้ว่างไหมครับ”

          “อืม ไปที่ห้องฉันละกัน”

          ได้ยินเพียงแค่นั้น เด็กหนุ่มก็เผลอกัดปากของตัวเองจนแดง และที่ชวนหงุดหงิดยิ่งกว่าคือตัวเองที่ร้อนรนและโมโหทั้งที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์เลยสักนิด

          “คุณวัฒน์ครับ”

          พอขึ้นรถมานั่งข้างคนขับแล้วเด็กหนุ่มก็โพล่งชื่อของหนุ่มใหญ่โดยไม่มองหน้า ซึ่งวัฒน์เพียงแค่หันไปมองเท่านั้น

          “วันนี้ผมขอออกไปข้างนอกได้ไหมครับ”

          “ได้สิ” วัฒน์ตอบกลับอย่างรวดเร็วจนคนถามชะงัก “จะไปปลดปล่อยใช่ไหม”

          เนหน้าขึ้นสี เพราะถึงแม้โค้กกับศาสตร์จะไม่ได้อยู่บนรถคันเดียวกัน แต่สิทธิ์ก็อยู่ด้วย และทั้งที่เจ้านายตนก็รู้สันดานของเขาดีอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมเด็กหนุ่มกลับรู้สึกแย่ที่วัฒน์โพล่งออกมาโต้งๆแบบนี้

          “อ้อ เออว่ะ จะว่าไปก็ไม่เห็นแกออกไปเที่ยวเท่าไหร่เลยนี่ หรือบรรลุพระธรรมแล้ววะ ฮะๆ”

          เนเพียงแต่หัวเราะเสียงแห้งกลับไปก่อนจะค้อนคนนั่งข้างอย่างที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่เข้าใจว่าจะไปโกรธอีกฝ่ายทำไม

          “ถ้าบรรลุจริง เนคงไม่ขอออกไปข้างนอกหรอกครับ” คนขับรถตอบเสียงนิ่ง ไม่วายยังปรายตาจิกใส่เน “แล้วนี่จะไปไหน จะได้ไปส่งให้ ไปคนเดียวมันอันตราย”

          ตกลงลุงจะห่วงผมหรือจะกัดผมก็เอาสักอย่างสิครับ!

          ถ้าไม่ติดว่าสิทธิ์อยู่ด้านหลังเขาก็คงจะโพล่งถามไปแล้ว

          “จะดีหรือครับ ผมว่าผมไปคนเดียวดีกว่ามั้ง” และไม่รู้ว่าเพราะยังโมโหอยู่หรือเปล่า ถึงได้เอ่ยปัดน้ำใจของอีกฝ่ายไปทั้งที่ก็ไม่ได้อยากจะทำเลยสักนิด

          “อย่าอิดออดแล้วบอกมาว่าจะไปไหน”

          จากที่กำลังงอนถึงกับสะดุ้งเมื่อโดนเสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดตบใส่หน้าเข้าจังๆ

          และแน่นอนว่าคนกำลังอารมณ์เสีย มีหรือจะยอมกันง่ายๆ

          “ผมจะไปเอง” เด็กหนุ่มยืนกรานก่อนจะหันหน้าไปแยกเขี้ยวใส่ “คุณไปส่งคุณสิทธิ์เถอะ”

          “ฉันจะไปส่ง รีบๆบอกมาจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”

          “ไม่ ผมจะไปเอง”

          “โอ๊ย จะทะเลาะทำไมกันละครับ!” คนที่นั่งด้านหลังซึ่งได้แต่งงกับพฤติกรรมของลูกน้องโพล่งออกมาอย่างเหลืออดก่อนจะหันไปดุเน “นายจะทำเล่นตัวไปทำไมวะ ก็ให้อาวัฒน์ไปส่งก็หมดเรื่อง มัวแต่เถียงกันแบบนี้มันเสียเวลาฉันนะโว้ย”

          เนบึ้งหน้ามองเจ้านายผ่านกระจกหน้ารถ ก่อนจะเหลือบไปมองวัฒน์ ซึ่งอีกฝ่ายเองก็เพียงแต่มองตนด้วยหางตาใบหน้านั้นนิ่งสนิทจนไม่รู้ว่ากำลัง คิดอะไรอยู่กันแน่

          “งั้นพาผมไปร้านคุณฉัตรที” เมื่อจนหนทางก็ยอมเอ่ยออกมาอย่างเสียมิได้

          “อ้าว ฉันนึกว่าแกจะไปร้านพี่อรรถเสียอีก” สิทธิ์นิ่วหน้า “นี่แกขยายพื้นที่ไปถึงถิ่นอาฉัตรแล้วหรือ”

          เนได้แต่หัวเราะเสียงแห้งอีกครั้ง แม้จะอยากค้านใจจะขาดก็ตาม เด็กหนุ่มหันไปมองคนนั่งข้าง ซึ่งก็ยังคงเงียบนิ่งเหมือนเดิม และแม้นั่นจะชวนให้รู้สึกหงุดหงิด แต่สุดท้ายเนก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากกดตัวลงบนเบาะนั่ง

 _______________________________
มีต่อ
         

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ต่อ
____________________________
          “อ้าว”

          ฉัตรอุทานเมื่อเดินเข้ามาในร้านของตนแล้วเห็นเนนั่งระเริงอยู่กับเหล่าลูกค้าสาวตรงโต๊ะด้านในของร้าน ท่าทางระริกระรี้ดี๊ด๊าเสียจนทำเอาบรรดาหนุ่มๆแถวนั้นค้อนมองด้วยความอิจฉาปนหมั่นไส้

          “ช่วงนี้หมอนั่นมาช่วยงานฟรีน่ะ แล้วก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะ” ปาล์มตอบพ่อที่หันมามอง “เห็นว่าตั้งแต่พี่โค้กกับพี่ศาสตร์ไปช่วยงานที่บ้านคุณสิทธิ์ มันก็เหลือเวลาว่างเยอะแยะจนไม่รู้จะทำอะไรน่ะครับ”

          “อ๋อเหรอ…” ฉัตรรับเสียงสูงจนคนเป็นลูกนิ่วหน้า ก่อนจะฉีกยิ้มชั่วร้ายออกมา “แล้วมันมาทำอะไรบ้างล่ะ”

          “อืม…ก็มาต้อนรับแขกสาวๆแล้วก็ปล่อยให้ลูกค้าสักคนหิ้วกลับไปมั้ง…” ลูกชายตอบพลางทำท่านึก “ถึงจะน่าหมั่นไส้ แต่ไอ้บ้านั่นมันก็เอาใจผู้หญิงเก่งน่าดู ทำเอายอดขายพุ่งพรวดๆเลย”

          “จริงอะ” หนุ่มใหญ่ร้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ “แกยังแพ้เลยเหรอ”

          “ผมชอบหลี ไม่ได้ชอบเอาใจสักหน่อย” ปาล์มตีหน้าแหยงก่อนจะถอนหายใจ “พ่อมีอะไรกับมันหรือ”

          “จะว่ามีก็มี จะว่าไม่มีก็ไม่มี” ได้ฟังคำตอบคนเป็นลูกชายถึงกับคิ้วชนกันเป็นเส้นเดียว ฉัตรปล่อยให้ลูกชายได้แต่ยืนสงสัยอยู่ที่เคาท์เตอร์ ส่วนตนก็เข้าไปหาโต๊ะที่เนอยู่อย่างสบายอารมณ์ทันที

          สีหน้าของเด็กหนุ่มจืดลงทันควันเมื่อเห็นลุงล่ำเดินโบกมือหน้าระรื่นเข้ามา

          “อ้าวพี่ฉัตร วันนี้ว่างหรือไงคะ ถึงมาได้เนี่ย” สาวนางหนึ่งเอ่ยทักหนุ่มใหญ่ด้วยความดีใจ ก่อนจะพยายามดึงแขนของอีกฝ่ายให้ลงมานั่งด้วย

          “อะไรกัน เพราะไม่ว่างต่างหากถึงต้องมาทำงาน” ฉัตรตอบเสียงนิ่ม ดูนิ่งผิดจากปกติจนเด็กหนุ่มแปลกใจ ก่อนจะนึกได้ว่าสาวๆแถวนี้ไม่มีสเป็กลุงแกสักคน “ไงไอ้หนูเน ท่าทางสบายดีนี่”

          เนกระตุกนิดหน่อย เห็นแววตากวนอารมณ์ของฉัตร ก่อนจะพยักหน้าให้เฉยๆ

          “เออ จะว่าไปฉันได้ยินเรื่องไอ้หนูศาสตร์กับไอ้วัฒน์แล้วนะ ตกลงจริงใช่ไหม”

          คราวนี้คนที่ทำเป็นนิ่งถึงกับชักสีหน้า แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาเพราะไม่อยากให้เรื่องความสัมพันธ์ของศาสตร์กับวัฒน์แดงขึ้นมาเพราะตัวเอง

          “ทำไมต้องมาพูดตอนนี้ด้วย” เด็กหนุ่มถามเสียงขุ่น “ไม่กลัวคุณวัฒน์เขาโกรธหรือไง”

          “ก็แค่ถามเฉยๆนี่หว่า” แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าไม่กลัว แถมยังหน้าซีดอีกต่างหาก

          “อะไรหรือๆ” สาวที่รู้จักกับฉัตรเอ่ยอ้อนถามด้วยความสนใจ

          “อ๋อ เป็นเรื่องงานน่ะจ้ะ” หนุ่มใหญ่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหวาน “เนอะ”

          “ผมกลับล่ะ”

          สาวๆในวงพากันสะดุ้งเมื่ออยู่ๆเนก็ลุกพรวดขึ้นแล้วเดินหนีไปเสียอย่างนั้น ทำเอาแต่ละคนมองหน้าด้วยความแปลกใจและสงสัย มีเพียงฉัตรที่เหยียดยิ้มกว้างด้วยความสนุกที่ได้แกล้งคน

          “คิดจะหนีไปถึงเมื่อไหร่ล่ะ หืม”

          คำถามนั้นทำเอาเด็กหนุ่มชะงัก เนไม่ได้หันมาแม้แต่น้อย และก็เดินจากไปทันที

          ฉัตรหัวเราะในลำคอพลางลูบเคราตัวเอง อยากจะรู้เสียเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะหนีไปจากความรู้สึกของตัวเองได้นานแค่ไหนกันเชียว



______________________

ช่วงยาวพิเศษ <3

ออฟไลน์ lnwboomgo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เซอร์ไพร์~~~ มาต่อไว ๆ น้อ จับอาวัฒน์ปล้ำเลยสิเน จะได้คืนดีกัน หึๆๆ

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
เอาใจแต่สาวๆ เก่ง ชิ ปล่อยให้อกหักรักคุดต่อไปเถอะ

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7
สมแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด