ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
ตอนที่ 65
“หึๆ...หึๆ...”
เสียงหัวเราะชั่วร้ายและน่ารังเกียจดังขึ้นเป็นพักๆจากสิทธิ์ที่กำลังนั่งจ้องโน้ตบุ๊คของตนบนโต๊ะในห้องทำงาน ทำเอาวัฒน์กับเนที่นั่งอยู่บนโซฟาพากันสะดุ้งเป็นระยะๆ
แต่สาเหตุที่เนสะดุ้ง ไม่ใช่เพราะกลัวสิทธิ์ที่ทำหน้าชั่วร้ายกับจอโน้ตบุ๊คแต่อย่างใด แต่เพราะมันทำให้เขารู้สึกตัวว่าตนเอาแต่จ้องวัฒน์ไม่เลิกต่างหาก
นี่ก็เกือบสองสัปดาห์แล้วตั้งแต่ที่เขารู้ว่าวัฒน์กับศาสตร์คบกัน เด็กหนุ่มยอมรับว่าทีแรกตนเสียใจมากจนเขื่อนแตกอยู่สองสามวัน แต่เพียงไม่นานก็กลับมาทำใจได้สักที ซึ่งส่วนหนึ่งเพราะวัฒน์เองก็ทำตัวเป็นปกติด้วย เขาเลยทำใจได้เร็ว แม้จะเสียเวลาไปนานกว่าที่คิดก็ตาม
แต่ถึงจะทำใจได้แล้ว พอต้องมาทำงานด้วยกันทีไร เขาก็อดกระอักกระอ่วนไม่ได้อยู่ดี จะมองหน้าทีก็ไม่ค่อยจะกล้า แถมยังคุยกันยากกว่าเมื่อก่อนอีก เหมือนจะเปิดปากแต่ละทีมันช่างยากเย็นเหมือนมีด้ายมาเย็บปากเอาไว้อยู่ยังไงยังงั้น เลยได้แต่แอบมองตอนอีกฝ่ายเผลอแทน
และอีกสิ่งหนึ่งที่แปลกยิ่งกว่าก็คือไอ้เบื้องล่างที่ไม่ได้เรียกร้องอย่างบ้าคลั่งเหมือนเมื่อก่อน ทั้งที่ตามปกติ ลองว่าเว้นช่วงไปนานขนาดนี้ มันก็ต้องมีหงุดหงิดหน้ามืดจนอยากหาที่ระบายไปแล้ว
ตอนนี้น่ะหรือ อย่าว่าแต่หน้ามืดเลย แค่อารมณ์อยากยังไม่ค่อยจะมี
ซึ่งเนก็คิดไปว่าคงเป็นผลมาจากที่ตนเสียใจนักหนาที่ต้องเสียคู่นอนที่หาไม่ได้แล้ว เลยไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพราะตอนนี้อยากเมื่อไหร่ก็แค่แว้บไประบายกับคู่นอนที่ทำงานเก่าก็พอ
แต่สถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่ทำให้เขาอยากมีอารมณ์อย่างว่าด้วย
“เอาล่ะ”
อยู่ๆคุณเจ้านายแสนดีก็ลุกพรวดขึ้นมา ก่อนจะหยิบรูปที่วางอยู่ตรงเครื่องปรินท์เตอร์มาวางไว้กลางโต๊ะกระจกตรงหน้าวัฒน์กับเน
ลูกน้องทั้งสองมองรูปหญิงสาวรูปร่างอรชรหน้าตาน่ารัก ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ยืนฉีกยิ้มชั่วร้ายอยู่
“นี่เดียร์ น้องไอ้วินมัน”สิทธิ์เฉลยเสียงใส ท่าทางภูมิใจเสียเต็มประดา
“ผมว่ามันไม่ดีถ้าจะไปลักพาตัวคนที่ไม่เกี่ยวข้องนะครับ”
“ไม่ได้ลักพาตัวสักหน่อย” สิทธิ์หันไปเถียงเสียงเข้ม ทำเอาเนสะดุ้ง “แต่รับรอง ถึงทางกฎหมายจะไม่รุนแรง แต่รับรองว่ามันต้องเจ็บยิ่งกว่าที่นายโดน”
เด็กหนุ่มได้แต่งงกับท่าทีที่แค้นเสียเต็มประดาเสียยิ่งกว่าเจ็บเองของอีกฝ่าย...อันที่จริงเขาก็ ดีใจอยู่ แต่จะให้ดีกว่านี้คือถ้าอีกฝ่ายไม่ได้ทำลงไปเพราะเข้าใจผิดนี่ล่ะ
แต่เพราะยิ่งพยายามสืบสาวราวเรื่องจากเหตุการณ์ครั้งนั้น กลับกลายเป็นว่ายิ่งโยงไปหาวินกว่าเดิม พวกเขาก็เลยไม่รู้จะเอ่ยค้านหรือห้ามอย่างไรดี เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าพวกตนเป็นลูกน้องไม่รักดีเห็นศัตรูดีกว่าอีก
ใจจริงเขาก็อดสงสัยวินไม่ได้ เพราะส่วนตัวก็ไม่ได้รู้จักอะไรวินมากนัก แต่เพราะพรรคพวกทั้งหมดกลับไม่คิดแบบนั้น บวกกับลางสังหรณ์ของตัวเอง เลยไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ว่าวินเป็นตัวการจริงๆ
“แล้วคุณจะทำอะไรเขาหรือครับ” วัฒน์ถามด้วยความกังวล ท่าทางยังคงเชื่อว่าเจ้านายจะไปทำมิดีมิร้ายอะไรสาวเจ้าจริงๆ
“ก็ไปตีสนิทเขาไง” คำตอบทำเอาคนฟังเลิกคิ้ว “ผมได้ข้อมูลลับมา เห็นว่าเด็กคนนี้เป็นน้องสาวต่างแม่ของไอ้แว่น ที่มันโคตรรักโคตรหวงเป็นที่สุด เพราะงั้น ถ้าผมสนิทกับน้องมัน...หรือถึงขั้นเป็นแฟน รับรองว่ามันกระอักเลือดตาย แต่ถ้ายุ่งยากนัก ก็ขู่นิดๆหน่อยๆให้ทำตามที่ผมต้องการก็พอ ได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กหัวอ่อนอยู่เหมือนกันนี่ ฮ่าๆ”
ลูกน้องทั้งสองพากันโล่งใจทันทีที่การแก้แค้นครั้งนี้ไม่ได้เลวร้ายกว่าที่คิด แม้ไอ้ประโยคช่วงท้ายจะไม่ชวนให้สบายใจเลยก็ตาม
“แต่มันจะดีหรือครับ เอาคนที่ไม่เกี่ยวข้องมายุ่งด้วยแบบนี้” ด้วยความที่รู้จักนิสัยของสิทธิ์ดี วัฒน์จึงพยายามชักจูงให้อีกฝ่ายเลิกทำ โดยเฉพาะกับแผนหลัง
“ผมก็ไม่ได้อยากหรอกครับ ถึงได้เลือกแผนนี้ ไม่อย่างนั้นผมจับน้องมันมาปู้ยี่ปู้ยำให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย” ได้ยินสิทธิ์พูดแบบนั้น วัฒน์ถึงกับถลึงตาใส่ “แต่แปลกดีนะ รู้จักมันมาตั้งนาน ไม่ยักจะรู้ว่ามันมีน้องสาวน่ารักขนาดนี้...ถ้าได้เป็นแฟนจริงก็ดีนะ ฮะๆ”
“นั่นสิครับ ผมก็ไม่รู้จัก” หนุ่มใหญ่ว่าพลางมองรูปเด็กสาว “…แต่ผมว่าอย่าทำเลยดีกว่านะครับ ถึงคุณจะบอกว่าแค่เพื่อน แล้วถ้าอีกฝ่ายคิดเกินเลยขึ้นมาแล้วจะว่ายังไงล่ะ”
“ชะ…ใช่ครับ ยิ่งหล่อรวยแบบคุณสิทธิ์ด้วย เผลอๆไม่ทันได้เป็นเพื่อนแต่เลื่อนขั้นไปเป็นเมียเลยมากกว่ามั้ง” เนรีบเสริมเสียงตื่น
“ยอไปฉันก็ไม่เปลี่ยนความคิดหรอกนะ” แต่เสียงนั้นเต็มไปด้วยความปลื้มปริ่มเสียเหลือเกิน “ถ้าเป็นอย่างที่นายว่าก็ช่างปะไร ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งอื่น หมอนั่นทำเกินไป ฉันไม่ยอมหรอก”
“ที่ผมพูดไปน่ะ ไม่ได้ห่วงวิน แต่ห่วงคุณสิทธิ์นะครับ” วัฒน์ยังคงไม่ลดละความพยายาม “ผมไม่อยากให้คุณมารู้สึกผิดเพราะลากคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเพื่อแก้แค้นอีกฝ่ายนะครับ”
เจ้านายแสนดีบึ้งหน้าใส่ ท่าทางไม่ยอมจริงๆ
“ถ้าอาไม่ช่วย ผมก็ไม่ได้บังคับหรอกนะ ผมเองก็ไม่อยากจะให้อามารู้สึกไม่ดีเพราะผม…” มาแล้ว ทำงอนแต่เสียงออดอ้อนตัดพ้อ และเพียงแค่นั้นจากท่าทีขึงขังกลายเป็นลุกลี้ลุกลนทันที “ยังไงซะนี่ก็เป็นเรื่องที่ผมตั้งใจเอง ผมก็อยากจะดึงคนมาเกี่ยวข้องให้น้อยที่สุดเหมือนกัน”
วัฒน์ได้แต่นิ่วหน้า แล้วเขาจะเมินอีกฝ่ายอย่างไรได้ มันจะน่าเป็นห่วงเสียมากกว่าน่ะสิ
ถึงจะไม่อยากอย่างไร ถ้ามองในแง่ผลประโยชน์ ลองว่าสิทธิ์ลงเอยกับน้องสาววิน ย่อมมีแต่ผลดีแน่นอน ไหนจะวินที่คงยอมดีกับสิทธิ์เพื่อน้อง ไหนจะไม่ต้องเจอการทะเลาะของวินกับสิทธิ์ที่ชวนทรมานใจ ไหนจะกิจการที่เผลอๆอาจจะยอมร่วมมือกันอีก มีแต่ได้กับได้
“ถ้างั้น เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปเจอน้องมันเลยละกัน” สิทธิ์แปรสภาพเร็วเสียจนเนได้แต่สงสัยว่าเจ้านายแสนดีแกจงใจแอคติ้งให้วัฒน์ยอมหรือเปล่า ตอนนี้ดูไปดูมาเหมือนอยากเจอเดียร์มากกว่าจะอยากไปแก้แค้น ทำเอาลูกน้องหายเครียดไปเยอะ “เดี๋ยวผมจะรีบเคลียร์งานเอาไว้เลยนะ”
ว่าจบก็เดินระรื่นกลับโต๊ะทำงานไปสะสางกองเอกสารตรงหน้าอย่างอารมณ์ดีทันที
เนเลื่อนสายตามองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็กที่อยู่ตรงข้าม หลังจากเจ้านายแสนดีอธิบายแผนแก้แค้นจบ หนุ่มใหญ่ก็เพียงแต่หยิบมือถือขึ้นมากดเล่น นั่นทำเอาคิ้วของเด็กหนุ่มวิ่งชนกัน เพราะโดยปกติวัฒน์ไม่ค่อยจะเล่นมือถือเท่าใดนักหรอก
และเขาก็รู้ด้วยว่ากำลังเล่นอะไรอยู่ เจ้าคนที่เฝ้าอยู่หน้าบ้านของสิทธิ์ในตอนนี้ก็คงเหมือนกัน
เนจ้องมองวัฒน์อย่างไม่ละสายตา ท่าทางหนุ่มใหญ่จะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าโดนจ้อง เขาเอาแต่กดมือถือ จากนั้นก็ยิ้มให้กับจอ
อย่างกับคนบ้า!
เนบึ้งหน้า ก่อนจะพยายามปัดอารมณ์ขุ่นมัวที่ฟุ้งอยู่ในใจออกไป เขาหันมองไปทางอื่น หวังจะช่วยคลายความรู้สึกดำมืดได้
“หึ...”
แม้จะเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่เสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมงานก็ทำเอาเด็กหนุ่มเบนสายตากลับมาทันที
ตึง!
จากที่กำลังเพลินๆถึงกับสะดุ้ง และแน่นอนว่าสิทธิ์เองก็หันมามองเนที่เอามือทุบโซฟาเหมือนกัน
“เป็นอะไรของนาย” ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองลูกน้องที่หน้าแดงจัด “ไม่สบายหรือไง”
“...แค่ปวดท้องน่ะครับ ฮะๆ” ว่าแล้วก็กระโจนออกมาจากโซฟา “ดะ...เดี๋ยวผมมานะครับ”
“เอ้าไปสิ อย่ามาราดตรงนี้นะเว้ย เดี๋ยวป้านางกับแมวเอาแกตายแน่” สิทธิ์พูดติดตลกก่อนจะโบกมือไล่
เนเพียงแต่ยิ้มเจื่อนก่อนจะเบือนหน้าไปหาวัฒน์ที่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว หนุ่มใหญ่เพียงแต่มองหน้าเขา และนั่นทำให้ความรู้สึกบ้าบอในใจมันก่อตัวขึ้นมาอีก
เด็กหนุ่มผงกหัวให้ก่อนจะหนีออกไปทันที เขาพยายามดับความรู้สึกที่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ใบหน้าเรียวบิดเบี้ยวด้วยความหงุดหงิดเป็นที่สุด
ทำไมมันถึงไม่หายไปสักทีนะ
ทั้งที่คิดว่าหากวัฒน์ไปคบกับคนอื่น ความรู้สึกนี้ก็คงจะหายไปแท้ๆ แต่สุดท้ายมันกลับยังคงอยู่ และดูจะรุนแรงกว่าเดิมด้วย
“บ้าเอ๊ย!”
ทันทีที่เผลอสบถออกมาก็ต้องสะดุ้งโหยง เพราะขณะที่กำลังเดินไปห้องน้ำ ก็เจอเข้ากับโค้กพอดี
“เป็นอะไรไปเรอะ ท่าทางไม่ดีเลยนะ”
ถึงแม้ว่ากำลังหงุดหงิด แต่เด็กหนุ่มก็ปั้นหน้ายิ้มให้ได้ทันที แม้มันอาจจะดูแปลกๆเพราะฝืนก็ตาม
“อ๋อ...หงุดหงิดเรื่องงานนิดหน่อยน่ะครับ ฮะๆ” เนว่าพลางหัวเราะกลบเกลื่อน ในขณะที่โค้กเพียงแต่ยืนมองด้วยความแปลกใจ
“หรือ...ฉันเองก็หงุดหงิดเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นน่ะนะ...” ชายหนุ่มว่าแล้วก็ถอนหายใจ “ก็คิดดูสิ ฉันอุตส่าห์ขอให้นายช่วย ไปๆมาๆไอ้ศาสตร์กลับคาบไปแทนเสียได้น้า”
เนยืนค้างแข็งไปกับคำพูดเหล่านั้น
“แต่ก็เอาเถอะ ถึงจะเสียดาย แต่อาวัฒน์กับไอ้ศาสตร์ใจตรงกันได้ก็ดี รู้ไหมหมอนั่นชอบอาวัฒน์มาเป็นสิบปีเลยนะ เชื่อหรือเปล่า” โค้กเล่าต่อพลางมองท่าทีของเด็กหนุ่ม “นี่ขนาดระหว่างเฝ้าอยู่หน้าบ้าน ไอ้ศาสตร์มันยังเฝ้าไปคุยไลน์ไปกับอาวัฒน์เลยนะ จู๋จี๋ไม่เกรงใจคนอกหักกันบ้างเลยเนอะ”
“งะ...งั้นหรือครับ” เนตอบเสียงค่อย ชักฝืนยิ้มไม่ค่อยจะอยู่ ใจจริงอยากจะวิ่งหนีจากเรื่องบาดหูบาดใจจะแย่ แต่เพราะโค้กดันมาดึงมือตนไว้เหมือนจงใจนี่น่ะสิ “แต่ในเวลางาน เอาแต่คุยกันมันก็ไม่ดีหรอกนะครับ...คุณน่าจะเตือนคุณศาสตร์หน่อยนะครับ”
“แหม เห็นมันดีใจจะตายฉันก็ห้ามไม่ลงหรอก” โค้กยิ้มพราย ยังคงดึงมืออีกฝ่ายไม่เลิก “แต่ถึงมันกับอาวัฒน์จะหวานกันจนลืมตัว ก็ยังมีพวกเราเฝ้าอยู่นี่เนอะ ก็ให้ข้าวใหม่ปลามันเขาหวานกันไปก่อนก็ได้นี่ ไม่ใช่ว่าจะมีเวลามาเจอกันบ่อยๆสักหน่อย ขนาดอยู่ที่เดียวกันยังต้องหวานกันผ่านโทรศัพท์เลยนี่นา”
เหมือนอะไรบางอย่างในหัวมันขาดผึง
โค้กเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย อยู่ๆเนก็สะบัดแขนกลับออกไปเต็มแรง จากที่กำลังปั้นหน้ายิ้มแบบฝืนๆ ก็กลับมาบึ้งหน้าใส่ เด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไร นอกจากเดินหนีไปยังหลังครัว
ชายหนุ่มมองตามหลังของอีกฝ่ายไป ไม่ได้ติดใจกับท่าทีเหล่านั้นของเนเลยสักนิด โค้กเพียงแต่ยืนหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเดินกลับไปยังหน้าบ้าน
ทำไม...
เนได้แต่ถามตัวเองเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เราไม่ได้รักเขาสักหน่อย...ถึงรักก็ไม่ใช่แบบนั้น
และนั่นก็เป็นคำตอบที่เขาพร่ำคิดอยู่ร่ำไป แม้จะรู้ตัวดีว่ามันไม่เคยช่วยให้ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านดับลงได้เลยก็ตาม
บางที ถ้าเลิกทำงานนี้ไปเลยก็คงดี
แม้ใจจริงอยากทำเช่นนั้นใจจะขาด แต่เนก็เป็นห่วงสิทธิ์เกินกว่าจะยอมทิ้งงานไปง่ายๆ เขาเลยต้องมาจมอยู่ในวังวนแห่งอารมณ์ที่เขาไม่มีทางจะปัดมันทิ้งออกไปอยู่เช่นนี้
“อ้าว เป็นอะไรไปคะพี่เน”
แมวร้องถามเมื่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าทะมึนมาแต่ไกล และทั้งที่ปกติเนจะยิ้มกลับให้ทันทีไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม แต่คราวนี้กลับยังคงหน้าบูดบึ้งไม่เปลี่ยน ทำเอาเด็กสาวถึงกับถอยกลับอย่างลืมตัว
“เครียดเรื่องงานนิดหน่อย” แม้แต่หางเสียงที่มักจะใช้ยังก็ยังไม่มี เด็กหนุ่มตอบเพียงแค่นั้นแล้วเดินลิ่วไปยังหลังบ้านต่อทันที ปล่อยให้แมวได้แต่มองตามหลังด้วยความสงสัยและเป็นห่วงอยู่หน้าประตูครัวเหมือนเดิม
หลังจากไปทำใจในห้องน้ำอยู่พักใหญ่ก็เดินกลับมายังห้องทำงานของสิทธิ์ แต่ปรากฏว่ามีเพียงเจ้านายคนเดียวที่อยู่ในห้อง
“อ๋อ ฉันบอกอาว่าไม่ต้องเฝ้าฉันอยู่ในห้องก็ได้น่ะ...นายเองก็เหมือนกัน ไม่ต้องมานั่งเฝ้าฉันตรงนี้ก็ได้ เล่นเรียกพรรคพวกมาล้อมบ้านขนาดนี้ ยุงสักตัวก็คงมาไม่ถึงฉันหรอก” สิทธิ์บอกติดตลกเมื่อเห็นเนหันมองไปทั่วห้อง
“...ไปไหนหรือครับ” เนถามก่อนจะกลับไปนั่งลงบนโซฟา ท่าทางเหมือนกะไม่ไปแน่
“เอ...เห็นว่าจะไปหาพี่ศาสตร์น่ะ” ดีที่สิทธิ์บอกโดยไม่ได้มองหน้าคู่สนทนา เลยไม่เห็นว่าเนถลึงตามองใส่ตน “สงสัยพักหลังมานี้ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ ไหนจะยังเพราะก่อนหน้านั้นพี่ศาสตร์บาดเจ็บจนเข้าโรงพยาบาลด้วย เลยได้โอกาสคุยกันมั้ง”
“เขาสนิทกันมากเลยหรือครับ”
“ก็สนิทนะ ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว…จะว่าไงดีล่ะ คืออาวัฒน์แกค่อนข้างเป็นที่ชื่นชอบของเด็กน่ะ” เกริ่นมาก็ทำเอาคนฟังอ้าปากค้างเพราะไม่อยากจะเชื่อ “เฮ้ย เห็นแบบนั้นอาเขาโคตรรักเด็กเลยนะเว้ย ลองว่ามีเด็กเล็กๆอยู่ตรงหน้า จากที่ทำหน้านิ่งๆนี่อย่างกับคุณพ่อเห่อลูกเลยล่ะ”
เด็กหนุ่มนิ่วหน้าก่อนจะกลอกตาไปมา จากนั้นก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“แต่ก็อย่างที่นายเห็นนั่นล่ะ พอโตกันมาส่วนใหญ่ก็จะกลัวอาวัฒน์กันหมด ไม่รู้ทำไม ขนาดปาล์มกับแมวเองก็ยังไม่สนิทกับอาวัฒน์เหมือนเมื่อก่อนเลย” เมื่อเริ่มอินกับเรื่องที่เล่าก็ละจากงานมานั่งเท้าคางด้วยความเหงา...หรือที่จริงก็แค่เหนื่อยจนอยากพักสักหน่อยก็ไม่รู้ “จะมีก็แค่พี่โค้ก พี่ศาสตร์นี่แหละที่ยังสนิทกับอาวัฒน์เหมือนเดิม”
“งั้นหรือครับ” เนตอบเสียงเรียบ นึกถึงวัฒน์แล้วก็เผลอกำมือแน่น
มันสมควรจะเป็นแบบนี้แล้วนี่ พวกเขาเองก็รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว...
ทั้งสามมายืนดักรอเป้าหมายในตรอกซอยแคบแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่พักของเดียร์ น้องของวิน แม้จะยังหัวค่ำ แต่ในซอยนี้กลับเปลี่ยวเสียจนน่ากลัว ทั้งที่บริเวณที่ทั้งสามยืนอยู่ก็ใกล้กับถนนใหญ่แท้ๆ มีคนเพียงสองถึงสามคนที่นานๆจะผ่านไปผ่านมาสักที อีกทั้งบริเวณทั้งสองฝั่งถนนก็มีแต่ทุ่งโล่งๆเสียเป็นส่วนใหญ่ กว่าจะเดินฝ่าเข้าไปด้านในที่มีหอพักสร้างกระจุกอยู่ก็เสียเวลาร่วมสิบนาที มีเวลาถมถืดให้พวกอาชญากรลากเหยื่อลงดงหญ้า
“ถามจริงๆ น้องคุณวินเขามาอยู่ที่นี่จริงๆหรอกครับ” เนถามพลางหันมองไปมาด้วยความระแวดระวังอยู่หลังรถบรรทุกหกล้อ ที่จริงโค้กกับศาสตร์ก็มาด้วย แต่ไปเฝ้าระวังรอบนอกแทน กระนั้นก็ยังอดกังวลไม่ได้อยู่ดีว่าอาจจะมีใครซุ่มอยู่ในทุ่งหญ้าหรือเปล่า
ถึงจะไม่ชอบใจนัก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เนรู้สึกดีที่ฝีมือด้อยกว่าโค้กกับศาสตร์ เพราะไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีทางได้มาอยู่ตรงนี้แทนหรอก คงโดนใช้ให้ไปรับศึกหนักอยู่รอบนอกแทนแล้ว
เนเหล่มองวัฒน์ที่เอาแต่มองสิทธิ์อย่างกังวลและหวาดระแวง เด็กหนุ่มนึกทอดถอนใจเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมหันมามองเขาเลยสักนิด แถมวันนี้ดูจะอารมณ์บูดกว่าปกติอีก ซึ่งเนก็เข้าใจว่าต้นเหตุก็คงไม่พ้นเดชหรอก
ทั้งที่ทำงานด้วยกัน แต่ในตอนนี้ทำไมกลับรู้สึกเหมือนห่างกันนักนะ
ตั้งแต่ย้ายไปอีกห้อง เขาก็แทบไม่ได้คุยกับวัฒน์เท่าไหร่เลย ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตัวเองที่หลบลี้หนีหายทุกทีที่เจอหน้าอีกฝ่าย...ซึ่งจริงๆเขาก็ไม่ได้อยากจะหลบนักหรอก เสียแต่ว่าทุกครั้งที่เจอวัฒน์ หนุ่มใหญ่จะต้องอยู่กับศาสตร์ตลอดนี่น่ะสิ
และมันก็ทำให้เขาเจ็บหน้าอกขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาดทุกที
“อ๊ะ นั่นไง”
เสียงของเจ้านายดึงเด็กหนุ่มออกมาจากภวังค์ ทั้งสองหันไปมองเด็กสาวที่โดนชายฉกรรจ์ล้อมกรอบเอาไว้ และไม่ว่าจะดูอย่างไร พวกเขาก็ไม่ใช่เพื่อนกันเป็นแน่
“เฮ้ย”
ทั้งสองพากันสะดุ้งเมื่ออยู่ๆเจ้านายที่รักก็พุ่งเข้าไปชนกับพวกนักเลงแบบไม่ถามลูกน้องสักคำ และไม่ทันจะได้พุ่งเข้าไปช่วย คนเหล่านั้นก็ลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว
เมื่อทุกอย่างอยู่ในความเรียบร้อย อีกทั้งดูจากบรรยากาศแล้ว หากออกไปหาตอนนี้ คงได้เสียแผนกันพอดี พวกเขาเลยได้แต่อดทนยืนรออีกฝ่ายแทน ซึ่งเพียงไม่นาน สิทธิ์ก็วกกลับมาหาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
“คุณสิทธิ์ครับ”
ทันทีที่เจ้านายเดินเข้ามาหาเนกับวัฒน์ที่ยืนรออยู่หลังรถบรรทุก ทั้งคู่ก็เรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงดุพร้อมกัน ก่อนที่หนุ่มใหญ่จะเป็นคนพูดขึ้นมา
“ทำแบบนี้มันอันตรายนะครับ รู้หรือเปล่าว่าผมเป็นห่วงคุณนะ”
“นั่นสิครับ ถ้าจะให้ไปช่วยล่ะก็ ผมออกแทนก็ได้” เนว่าด้วยความตกใจกับการกระทำไม่คิดหน้าคิดหลังของสิทธิ์ “ถึงคุณสิทธิ์จะเก่งยังไง แต่นั่นก็ตั้งห้าคนนะครับ เกิดคุณบาดเจ็บขึ้นมาล่ะครับ โธ่”
“เอาเถอะ ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่” ใบหน้านิ่งยิ้มให้ทั้งสอง “อาวัฒน์กับเนอย่าห่วงให้มากนักเลย แค่นักเลงกระจอก...อาวุธก็ไม่ได้พกซักชิ้น”
“จะกี่ชิ้นก็ไม่ได้ทั้งนั้นล่ะครับ” คนอาวุโสกว่าติติงอย่างเหนื่อยหน่าย “อย่าลืมสิครับ ว่าคุณไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะออกหน้าบุกตะลุยนะครับ นั่นมันหน้าที่ของพวกผม”
“ครับ ขอโทษครับอาวัฒน์” สิทธิ์ตอบรับด้วยท่าทีรู้สึกผิด แต่วัฒน์ก็รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกผิดแค่ตอนนี้เท่านั้นล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ลืมแล้วทำต่อ “เอาเถอะ อย่างน้อยตอนนี้เราก็รู้เป้าหมายล่ะ วันนี้กลับเลยละกัน”
“เอ่อ...” เนขัดขึ้นด้วยท่าทางกังวลเล็กน้อย “ทำแบบนี้จะดีหรือครับ...ไอ้เรื่องแบบนั้นน่ะ...”
“ไม่สมกับเป็นนายเลยนะ” ร่างสูงแซว ใบหน้าฉายแววเจ้าเล่ห์และชั่วร้ายขึ้นมาจนดูสยอง “ดีมาเราก็ดีไป ร้ายมาเราก็ร้ายกลับ ไม่ใช่หรือไง ไอ้หมอนั่นมันเริ่มก่อนนะ หรือนายจะให้ฉันปล่อยให้ไอ้เวรนั่นมาเอาเปรียบฉันตามใจชอบ ไม่มีทางซะหรอก”
ว่าจบก็กระทืบเท้านำออกไปอย่างไม่สงสารพื้นคอนกรีตแต่อย่างใด ไม่วายยังไปจ้องหาเรื่องกับหมาข้างทางจนมันวิ่งหนีหางจุกตูด
“คุณไม่คิดจะห้ามคุณสิทธิ์เลยหรือไงครับ” พอห้ามเองไม่อยู่ เนก็เริ่มหันไปขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโส ตั้งแต่สิทธิ์ตัดสินใจจะทำแผนนี้ ก็ดูวัฒน์จะไม่ค่อยห้ามเตือนอีกฝ่ายเลยสักนิด “คุณอยู่กับคุณสิทธิ์ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ ทำแบบนี้มันไม่ดีนะครับ อาชญากรรมชัดๆ”
คิ้วหนาของคนอายุเยอะกว่าวิ่งเข้าชนกัน ท่าทางไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนั้น
“ก็เพราะฉันอยู่มานานจนรู้ว่าคุณสิทธิ์เป็นคนยังไงน่ะสิ” วัฒน์กระแทกเสียงใส่ สีหน้าเหมือนกำลังโมโหอย่างแรง ทำเอาเนที่กำลังหงุดหงิดถึงกับผงะ “ถ้ารุ่นน้องอย่างนายห้ามคุณสิทธิ์ไม่ได้ ฉันที่เป็นแค่คนรับใช้ก็ห้ามอะไรไม่ได้หรอก ลองว่าจะทำแล้ว ยังไงก็ต้องทำให้ได้ นั่นล่ะคุณสิทธิ์”
เนกำลังจะอ้าปากเถียง แต่หนุ่มใหญ่ไม่ยอม ด้วยท่าทีที่ไม่ยอมมากๆเสียจนเด็กหนุ่มถึงกับผงะ
“ฉันว่าเรื่องที่ควรทำมากกว่าห้ามคุณสิทธิ์ก็คือ จัดการต้นตอของปัญหาทั้งหมด นั่นล่ะดีที่สุด” สายตาดุดันจ้องเขม็ง แต่ก็ดูจะสับสนเอาการ จนเนสับสนไปด้วย “ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้งูสารพัดพิษอย่างไอ้เดช คุณสิทธิ์จะมาตกที่นั่งลำบากแบบนี้หรือไง...ไอ้เนรคุณนั่นน่ะ!”
เด็กหนุ่มร่างสูงพอจะเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่ายดี...แต่เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมาลงกับเขาทุกที โดยเฉพาะช่วงที่สิทธิ์เริ่มวางแผนบ้าๆนี่ยิ่งออกอาการแรงอย่างกับโดนใครเหยียบเท้าอยู่ตลอดเวลา
“ครับๆ เข้าใจแล้ว” เนตอบเสียงเจื่อน หมดทางจะเถียงต่อ บวกกับแอบน้อยใจที่หลังจากวัฒน์คบกับศาสตร์ อีกฝ่ายชอบโมโหใส่ตนทุกที แม้จะไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มีความรังเกียจร่วมด้วย แต่เจอแบบนี้เขาก็ไม่ชอบอยู่ดี
ไหนว่าจะไม่ใส่อารมณ์กับเราไง ตาลุงขี้โกหกเอ๊ย
“ก็ดี” วัฒน์ว่า ท่าทางเหมือนอยากจะกระโดดกัดเนเสียให้ได้ ทำเอาคนที่กำลังน้อยใจเผลอถอยหนีด้วยความระแวง “รีบๆไปกันได้แล้ว เดี๋ยวคุณสิทธิ์รอนานกันพอดี”
เนพยักหน้าให้ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไปติดๆ และทันทีที่มาสมทบกับพรรคพวกที่เหลือ จากที่กำลังกังวลปนสงสัยกับท่าทีประหลาดในช่วงนี้ของวัฒน์ ก็โดนความขุ่นเคืองปัดทุกอย่างออกไปจากใจ
“คืนนี้ว่างไหมครับ”
“อืม ไปที่ห้องฉันละกัน”
ได้ยินเพียงแค่นั้น เด็กหนุ่มก็เผลอกัดปากของตัวเองจนแดง และที่ชวนหงุดหงิดยิ่งกว่าคือตัวเองที่ร้อนรนและโมโหทั้งที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์เลยสักนิด
“คุณวัฒน์ครับ”
พอขึ้นรถมานั่งข้างคนขับแล้วเด็กหนุ่มก็โพล่งชื่อของหนุ่มใหญ่โดยไม่มองหน้า ซึ่งวัฒน์เพียงแค่หันไปมองเท่านั้น
“วันนี้ผมขอออกไปข้างนอกได้ไหมครับ”
“ได้สิ” วัฒน์ตอบกลับอย่างรวดเร็วจนคนถามชะงัก “จะไปปลดปล่อยใช่ไหม”
เนหน้าขึ้นสี เพราะถึงแม้โค้กกับศาสตร์จะไม่ได้อยู่บนรถคันเดียวกัน แต่สิทธิ์ก็อยู่ด้วย และทั้งที่เจ้านายตนก็รู้สันดานของเขาดีอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมเด็กหนุ่มกลับรู้สึกแย่ที่วัฒน์โพล่งออกมาโต้งๆแบบนี้
“อ้อ เออว่ะ จะว่าไปก็ไม่เห็นแกออกไปเที่ยวเท่าไหร่เลยนี่ หรือบรรลุพระธรรมแล้ววะ ฮะๆ”
เนเพียงแต่หัวเราะเสียงแห้งกลับไปก่อนจะค้อนคนนั่งข้างอย่างที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่เข้าใจว่าจะไปโกรธอีกฝ่ายทำไม
“ถ้าบรรลุจริง เนคงไม่ขอออกไปข้างนอกหรอกครับ” คนขับรถตอบเสียงนิ่ง ไม่วายยังปรายตาจิกใส่เน “แล้วนี่จะไปไหน จะได้ไปส่งให้ ไปคนเดียวมันอันตราย”
ตกลงลุงจะห่วงผมหรือจะกัดผมก็เอาสักอย่างสิครับ!
ถ้าไม่ติดว่าสิทธิ์อยู่ด้านหลังเขาก็คงจะโพล่งถามไปแล้ว
“จะดีหรือครับ ผมว่าผมไปคนเดียวดีกว่ามั้ง” และไม่รู้ว่าเพราะยังโมโหอยู่หรือเปล่า ถึงได้เอ่ยปัดน้ำใจของอีกฝ่ายไปทั้งที่ก็ไม่ได้อยากจะทำเลยสักนิด
“อย่าอิดออดแล้วบอกมาว่าจะไปไหน”
จากที่กำลังงอนถึงกับสะดุ้งเมื่อโดนเสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดตบใส่หน้าเข้าจังๆ
และแน่นอนว่าคนกำลังอารมณ์เสีย มีหรือจะยอมกันง่ายๆ
“ผมจะไปเอง” เด็กหนุ่มยืนกรานก่อนจะหันหน้าไปแยกเขี้ยวใส่ “คุณไปส่งคุณสิทธิ์เถอะ”
“ฉันจะไปส่ง รีบๆบอกมาจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
“ไม่ ผมจะไปเอง”
“โอ๊ย จะทะเลาะทำไมกันละครับ!” คนที่นั่งด้านหลังซึ่งได้แต่งงกับพฤติกรรมของลูกน้องโพล่งออกมาอย่างเหลืออดก่อนจะหันไปดุเน “นายจะทำเล่นตัวไปทำไมวะ ก็ให้อาวัฒน์ไปส่งก็หมดเรื่อง มัวแต่เถียงกันแบบนี้มันเสียเวลาฉันนะโว้ย”
เนบึ้งหน้ามองเจ้านายผ่านกระจกหน้ารถ ก่อนจะเหลือบไปมองวัฒน์ ซึ่งอีกฝ่ายเองก็เพียงแต่มองตนด้วยหางตาใบหน้านั้นนิ่งสนิทจนไม่รู้ว่ากำลัง คิดอะไรอยู่กันแน่
“งั้นพาผมไปร้านคุณฉัตรที” เมื่อจนหนทางก็ยอมเอ่ยออกมาอย่างเสียมิได้
“อ้าว ฉันนึกว่าแกจะไปร้านพี่อรรถเสียอีก” สิทธิ์นิ่วหน้า “นี่แกขยายพื้นที่ไปถึงถิ่นอาฉัตรแล้วหรือ”
เนได้แต่หัวเราะเสียงแห้งอีกครั้ง แม้จะอยากค้านใจจะขาดก็ตาม เด็กหนุ่มหันไปมองคนนั่งข้าง ซึ่งก็ยังคงเงียบนิ่งเหมือนเดิม และแม้นั่นจะชวนให้รู้สึกหงุดหงิด แต่สุดท้ายเนก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากกดตัวลงบนเบาะนั่ง
_______________________________
มีต่อ