ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
ตอนที่ 37
วัฒน์เพียงแต่นิ่งมองเด็กหนุ่มซึ่งกำลังมองกลับมาทางตนด้วยใบหน้าผวาเหมือนเห็นผี หนุ่มใหญ่ไม่คิดว่าจะได้เจออีกฝ่ายที่นี่…แถมยังกำลังนั่งจีบปากจีบคอกับสาวใสวัยเดียวกันอย่างสนุกสนานเป็นอันมาก…
“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่”
นั่นไม่ใช่คำถามที่คนฟังจะคาดถึง ความจริงเขามากกว่าที่อยากจะถาม…แต่แค่นึกถึงสันดานที่ฝังรากลึกจนถึงกระดูกของเด็กหนุ่ม เขาก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเอ่ยถามให้มากความนัก เพียงแต่ความรู้สึกหม่นหมองที่รุมเร้าจนถึงเมื่อครู่ ได้แปรเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิดและเหนื่อยหน่ายต่อพฤติกรรมที่น่าจะรู้อยู่ตั้งนานแล้ว
“ฉันไม่ได้มาหาที่ระบายเหมือนนายก็แล้วกัน” หนุ่มใหญ่พูดไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายซึ่งมีเพื่อนสาวกำลังนั่งฟังอยู่ด้วย…และทันทีที่ได้ยิน คุณเธอก็เริ่มถอยเหมือนเห็นเนเป็นสิ่งมีชีวิตอันตรายไม่น่าเข้าใกล้ “นายจะทำอะไรก็เรื่องของนาย แต่ถ้าจะไม่กลับก็บอกด้วยแล้วกัน ฉันจะได้แจ้งคุณสิทธิ์ให้ทราบ”
เนของขึ้นทันควัน อยู่ๆก็มาหาเรื่องกันซะงั้น ไอ้เขารึก็อุตส่าห์นั่งกลุ้มเรื่องวัฒน์ตลอด…แน่นอนว่าเป็นห่วงกลัวเป็นอะไรไป แล้วจะเสียงาน ก็แค่นั้น
เด็กหนุ่มลุกขึ้นเดินเข้ามาหาวัฒน์เสียใกล้ จนหนุ่มใหญ่เริ่มระแวง กลัวอีกฝ่ายจะเมาแล้วลืมตัว แต่เขาไม่ได้กลิ่นเหล้าจากเนเลย วัฒน์จึงยืนนิ่งไม่ขยับ เขาไม่อยากถอยหนีเพราะมันจะดูเหมือนกลัว
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ” เสียงทุ้มกระซิบบอกท่ามกลางเสียงเพลงในร้าน แล้วก็ดึงแขนวัฒน์ไปทางห้องสำหรับพนักงานทันที
“เฮ้ย! เดี๋ยวสิ” วัฒน์ร้องก่อนจะเดินแกมวิ่งตามเด็กหนุ่มไปติดๆ แล้วมองไปรอบๆด้วยความตื่นตระหนก แต่โชคดีที่คนอื่นๆมัวแต่ยุ่ง จึงไม่ทันสังเกตเห็นกัน และเมื่อคนที่เฝ้าหน้าประตูเห็นเนกับวัฒน์ ก็หลีกทางให้โดยสดุดีแบบไม่คิดจะถามแม้แต่น้อย
“เลิกลากฉันได้แล้ว” หนุ่มใหญ่ร้องเสียงดัง ก่อนจะกระชากแขนเต็มแรง…แต่ก็ไม่ได้ผลอย่างที่คิด “เป็นอะไรของนาย”
“ผมมากกว่าที่อยากจะถาม” เด็กหนุ่มสวนกลับเสียงดุจนวัฒน์ผงะ เนลากวัฒน์จนไปติดอยู่กับกำแพงด้านในสุด “คุณเป็นอะไรของคุณ วันนี้ถึงได้ทำท่าประหลาดๆใส่ผมมาตั้งแต่เช้าแล้ว”
ดวงตาเรียวเบิกกว้าง “ฉันทำเหรอ”
ไม่งั้นจะถามเรอะ!
วัฒน์หน้าเสียไปเล็กน้อย ก่อนจะนิ่วหน้าเหมือนยังไม่อยากจะเชื่อ เขาเหลือบมองเนด้วยท่าทีที่หวาดหวั่นจนชวนให้เด็กหนุ่มรู้สึกฉุนอีกครั้ง
“ที่คุณเป็นแบบนี้ เพราะเรื่องเมื่อคืนใช่ไหม”
คราวนี้ไม่ใช่แค่วัฒน์ที่ค้าง แต่คนยัวะก็ค้างไปด้วย…แน่ล่ะ เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาแบบนี้นี่
แทนที่วัฒน์จะหน้าซีด แล้วออกอาการพะอืดพะอมอย่างที่เด็กหนุ่มคิดไว้ อีกฝ่ายกลับตกใจและหลบหน้าลง…หน้าที่แดงแจ๋เสียจนชัดเจน
ระ…รู้จริงๆด้วย! แต่ว่า หน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไงเนี่ย อาย หรือดีใจ? ไม่สิๆ จะดีใจได้ไงกันละวะ!
จากที่โมโหเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้เนชักอยากจะเป็นฝ่ายวิ่งหนีอีกฝ่ายแทนเสียแล้ว เมื่อเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เป็นความลับสำหรับเขาคนเดียว หัวใจเต้นรัวเร็วเหมือนกับจะทะลุออกมาจากอกเสียให้ได้ ความกลัวเริ่มพวยพุ่งซ้อนทับกับความดีใจจนมึนหัวไปหมด
ไม่นะ ไม่ใช่นะ ที่เราทำลงไป มันไม่ใช่เพราะเราคิดแบบนั้นกับคุณวัฒน์…ไอ้รักอะไรนั่นน่ะ ไม่มีทาง
“ก็คุณหลับไปก่อน ผมอยากขึ้นมา แต่ไม่อยากจะปลุกคุณ ก็เลยทำแบบนั้นแก้ขัดไปก่อน ก็เท่านั้นเอง” เนโพล่งรัวเร็วจนวัฒน์เผลอมองหน้าเด็กหนุ่ม “ไม่ได้มีอะไรสักหน่อย…แล้วถ้าตอนนั้นคุณตื่นอยู่ ทำไมไม่พูดขึ้นมาละ”
คราวนี้ คนวัยดึกเป็นฝ่ายใจเต้นแทน
“กะ…ก็ฉันง่วงนี่หว่า ขืนนายรู้ว่าฉันตื่นอยู่ ก็ไม่จบแค่ใช้มือนี่ ใช่ไหมล่ะ” วัฒน์สวนเสียงตื่น “ละ…แล้วที่วันนี้…ฉันหลบหน้านาย…ก็ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย…”
เนค้างไปสามวิ ก่อนจะร่ำร้องอยู่ในใจ
แล้วเมื่อกี้ตูจะสารภาพออกไปทำไมฟะ!!!!
“…แล้วคุณหลบหน้าผมทำไม…” เด็กหนุ่มทำเสียงนิ่ง เหมือนกับเรื่องเมื่อครู่เป็นแค่บทสนทนาทั่วไป ไม่ได้มีผลเสียต่อจิตใจแต่อย่างใดเลยแม้แต่นิดเดียว…จริงๆนะ!
“ฉัน…” วัฒน์อยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตาย จริงอยู่ว่าเขาไม่ได้หลบหน้าเรื่องที่เนเอามือเขาไปแก้เงี่ยน แต่ไอ้ปัญหาจริงๆนี่แหละ ที่เขาไม่อยากจะบอก
จะให้บอกหรือ ว่าสับสนที่เนเรียกชื่อตนเมื่อคืนน่ะ
หนุ่มใหญ่นิ่งอยู่นาน กว่าจะยอมตอบแบบไม่เต็มใจนัก “นายจำวันที่นายบอกจะไปขอโทษฉัตรได้หรือเปล่า”
เด็กหนุ่มเลิกคิ้วแล้วผงกหัว
“มีคนมาบอกฉัน…เรื่องที่นาย…จะจูบกับฉัตร”
อยากจะกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียว
“แต่…แต่ว่าฉันรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ ฉันก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้วด้วย เพราะงั้น ก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันรู้แล้วว่า นายน่ะเป็นไอ้หื่นโรคจิตวันๆคิดแต่เรื่องผู้หญิง” พูดรัวเร็วและสะบัดเสียงด้วยความหงุดหงิดปนเบื่อหน่าย โดยหวังว่าจะให้อีกฝ่ายคิดว่าตนไม่ได้สนใจอะไรจริงจริ๊ง…ซึ่งก็ได้ผลดีมากเสียด้วย
สีหน้าของเนกลับมานิ่งออกไปทางหงุดหงิดที่โดนว่า เขามองอีกฝ่ายที่ยังคงก้มหน้างุด ก่อนจะเลิกคิ้ว
“เมื่อกี้ผมก็อุตส่าห์จะได้ที่ระบายแล้วแท้ๆ แต่เพราะคุณเล่นไปพูดแบบนั้น เขาเลยหนีผมไปเลย” เสียงทุ้มกระซิบเข้าข้างหูของหนุ่มใหญ่ ชวนให้ใจระส่ำหนัก “ไม่คิดจะรับผิดชอบหน่อยหรือไงครับ สัญญาไม่เป็นสัญญานี่”
วัฒน์สะบัดหน้าขึ้นมาอย่างหัวเสีย “ฉันรู้แล้วน่า ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะไม่ทำ”
ถึงจะดีใจแค่ไหนก็เถอะ แต่จะให้ทำหน้าระรื่นใส่ มีหวังก็โดนรู้หมดสิว่ารอมานาน
“พูดแล้วอย่าทำเป็นหลับไปก่อนอีกละกัน” ว่าแล้วก็กัดใส่เพื่อความมั่นใจว่าหนุ่มใหญ่จะไม่รู้แน่ว่าตนกระสันอยากทำกับลุงแกมานานแล้ว “งั้นรีบๆกลับไปทำให้เสร็จๆเลยละกัน จะได้ไม่ต้องรบกวนเวลานอนของคุณไง”
“รู้แล้วน่า ถ้างั้นฉันจะไปบอกฉัตรก่อน…อะไร”
วัฒน์นิ่วหน้ามองเมื่อโดนเด็กหนุ่มดึงมือ สีหน้าของอีกฝ่ายยังคงนิ่ง แต่ดวงตาเรียวนั้นเบิกโพลง
“…โทรบอกก็ได้นี่ครับ”
ที่พูดเพราะอยากรีบๆไปทำ…หรือเพราะอะไรกันแน่ฟะ เสียงมันถึงได้เหงาหงอยชวนให้รู้สึกเห็นใจยังไงชอบกล
“มะ…ไม่ได้หรอก แค่แป๊บเดียวเอง ถ้านายกลัวฉันจะชักช้าก็ตามมาด้วยซะเลยสิ” วัฒน์บอกตะกุกตะกัก แต่ก็กลับมาตั้งลำเก๊กนิ่งทันก่อนที่อีกฝ่ายจะสังเกต
“ผะ…ผมก็แค่กลัวคุณไปฝอยนานจนลืมก็เท่านั้น เดี๋ยวผมไปรอที่รถคุณก็ได้ เอากุญแจมาสิ…ถ้าช้าผมจะโทรไป”
ว่าจบก็แบมือรอเอากุญแจ พร้อมกับหันหน้าไปทางอื่น ชวนให้คนเห็นเข้าใจไปว่า รำคาญจนไม่อยากจะมองหน้า
“เออ ไม่เกินห้านาทีหรอก” วัฒน์กระแทกเสียงพร้อมกับฟาดกุญแจลงมือเนเสียงดัง ก่อนจะกระทืบเท้าเดินกลับเข้าไปในผับทันที
ทันทีที่พ้นมาจากประตูห้องได้ราวสามเมตร จนมั่นใจแล้วว่าคนเฝ้าประตูไม่ได้มองมา หนุ่มใหญ่ถึงกับถอนหายใจยาวเหยียดจนลมหมดปอด ความรู้สึกกระสับส่ายกระส่ายปนโล่งใจตีกันจนหัวหมุนไปหมด จากนั้นก็ตำหนิตัวเองเสียยกใหญ่
บ้าเอ๊ย เรากำลังโกรธแล้วก็ไม่ไว้ใจมันอยู่ไม่ใช่รึไงเล่า จะดีใจทำบ้าอะไรกัน…แต่หมอนั่นเองก็ดูจะดีใจเหมือนกันแฮะ…ไม่สิๆ ที่มันดีใจเพราะแค่ได้ที่ระบายแล้วมากกว่า ไม่ได้เพราะรออยากทำกับเราสักหน่อย!
“อ้าว อาวัฒน์ หายไปไหนมาครับ”
หนุ่มใหญ่หันไปมองตามเสียงเรียก ชายหนุ่มผมกระเซิงที่ดูหน้าอ่อนกว่าอายุจริงเดินหน้าตื่นมาทางเขา ด้วยท่าทางเหมือนเด็กน้อยที่ได้เจอพ่อหลังจากพลัดหลงกันอยู่นาน
“ไปห้องน้ำมาน่ะ” วัฒน์ตอบหน้านิ่ง ซึ่งทำเอาฉัตรที่ตามมาด้วยเลิกคิ้ว เพราะคิดว่าอีกฝ่ายหงุดหงิดที่ถามเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่เจ้าคนถามกลับไม่ได้มีอาการตื่นกลัวแต่อย่างใด “ฉันคงต้องกลับก่อน”
“เอ๋ อาวัฒน์เพิ่งจะมาเอง อยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้หรือครับ”
ฉัตรฟังแล้วอยากจะถามจริงๆ ว่านั่นพูดจริงหรือเปล่า สำหรับเขา แค่อยู่กับวัฒน์ถึงห้านาทีก็เกินพอ
“เฮ้ๆ เจ้าหนูโค้ก ไอ้วัฒน์มันคงมีธุระของมันนั่นละถึงได้รีบกลับ ใช่ไหม” ฉัตรตัดบทเพราะกลัววัฒน์จะอยู่นานจริงๆ
“ใช่…แล้วนาย…”
“เดี๋ยวเรื่องกลับ ฉันขอคนแถวนี้ก็ได้ นายรีบไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก”
“เอ๋ ลุงฉัตรจะไล่อาวัฒน์…อุ๊บ” หนุ่มผมเด้งถามไม่ทันจบก็โดนแขนล่ำล็อคคอเข้าเสียก่อน “แอ่ก…ผมเพิ่งฟื้นไข้นะ…จะให้กลับเข้าห้องไอซียู…อีกรอบหรือไง…”
“เขาเรียกว่าบำบัดร่างกายหลังจากนอนคุดคู้อยู่นานไง อีกอย่าง คนที่นอนอยู่เป็นเดือนแล้วฟื้นขึ้นมาแค่เมื่อวาน แต่กลับแข็งแรงเร็วเวอร์จนออกจากโรงพยาบาลได้ทันทีแบบนี้ ฉันว่าคงไม่ต้องเป็นห่วงเท่าไหร่หรอกมั้ง” ฉัตรยิ้มร่า แล้วปล่อยมือก่อนที่อีกฝ่ายจะขาดอากาศตาย
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนละกัน” น้ำเสียงและท่าทางของวัฒน์เรียบนิ่งจนเหมือนกับว่าไม่ได้มีการหยอกล้อจนถึงตายเกิดขึ้นแต่อย่างใด ทำเอาฉัตรรู้สึกกดดันไปเอง
“แล้ววันหลังมาเยี่ยมด้วยนะคร้าบ ไม่งั้นผมจะบุกไปหาถึงบ้านคุณสิทธิ์จริงๆด้วย”
ฉัตรยอมรับว่าตัวเองผวาตอนที่เห็นโค้กเข้าไปสวมกอดวัฒน์ แต่อีกใจก็อยากจะถ่ายรูปส่งไปให้เนเสียจริงๆ รับรองว่าได้สนุกแบบสยองๆแน่