ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)  (อ่าน 163866 ครั้ง)

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 33


          ทั้งที่ขากลับใช้เวลาเท่ากับขาไป แต่ทั้งเนและสิทธิ์กลับรู้สึกว่ามันช้ากว่าเป็นชั่วโมงๆ เลยทีเดียว สาเหตุก็เพราะบรรยากาศในรถมันเต็มไปด้วยความอึดอัดกดดันอย่างหนักเสียจนชวนให้อยากกระแทกประตูรถหนีไปเสียเดี๋ยวนี้นี่ล่ะ

          ถึงแม้ใบหน้าของชายวัยกลางคนจะดูนิ่งไร้อารมณ์ แต่ทั้งสองสามารถสัมผัสถึงรังสีดำทะมึนที่มองไม่เห็น แผ่ออกมาจากวัฒน์อย่างเข้มข้นชนิดที่ว่า คนโดนรังสีรู้สึกอึดอัดเหมือนกำลังยืนอยู่ในรถเมล์ที่มีคนแน่นขนัดในกลางเดือนเมษาก็ไม่ปาน

          สิทธิ์รีบเปิดประตูรถออกมาแล้วสูดอากาศเข้าเต็มปอดอย่างเงียบๆ สีหน้าโล่งใจเหมือนเพิ่งพ้นจากความทุกข์ทรมานมาหมาดๆ ในขณะที่เนออกมาด้วยท่าทีปกติ ยกเว้นใบหน้าที่ซีดเซียวเหมือนคนกำลังเดินไปยังแดนประหาร ส่วนต้นเหตุแห่งความอึดอัดออกมาด้วยท่าทางเหมือนทองไม่รู้ร้อน และแน่นอนว่ายังคงแผ่รังสีอาฆาตออกมาอย่างต่อเนื่อง แถมกำลังเดินไปหาโจทย์ด้วย

          “จริงสิ ผมมีเรื่องจะถามอาวัฒน์อยู่พอดี เดี๋ยวช่วยไปกับผมหน่อยสิครับ” เจ้าของบ้านโพล่งเสียงตื่น ดวงตาเรียวที่เต็มไปด้วยความกังวลเลื่อนไปทางรุ่นน้อง ที่ทำท่าเหมือนเตรียมใจลงปรภพยังไงยังงั้น “นายไปพักก่อนเถอะ…นี่ก็ค่ำแล้ว รีบๆไปอาบน้ำสิ แล้วลงมากินข้าวให้มีเรี่ยวมีแรงไง”

          ถึงจะพยายามทำให้ดูเป็นธรรมชาติอย่างไร ลูกน้องทั้งสองต่างก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามหาทางช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์ที่น่ากดดันนี่

          “…ครับ” หนุ่มใหญ่ตอบเสียงเรียบ แต่ดวงตาที่เหล่ไปทางเพื่อนร่วมงานคุไปด้วยเพลิงโกรธเหมือนพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

          เนเพียงแต่พยักหน้า ก่อนจะเดินสะโหลสะเหลเข้าไปด้านใน

          “เอ่อ…อาวัฒน์ครับ”

          เนื่องจากรู้อยู่แล้วว่าเรื่องที่เจ้านายหนุ่มต้องการจะพูดด้วยคือเรื่องใด วัฒน์จึงเพียงแต่ยืนนิ่ง รอฟังสิทธิ์แก้ต่างให้เจ้ารุ่นน้องแสนดีนั่น

          “อาคงไม่บอกผมสินะครับว่าโกรธเนเรื่องอะไร…” ชายหนุ่มเปรยเสียงเอื่อย พอเห็นอีกฝ่ายไม่เปลี่ยนสีหน้าจึงถอนใจออกมา “มันร้ายแรงขนาดที่อาจะยกโทษให้ไม่ได้เลยหรือ”

          คิ้วหนากระตุกขึ้นเล็กน้อย ยิ่งเห็นสีหน้าอ้อนวอนของสิทธิ์ ในใจลึกๆก็รู้สึกเจ็บที่ชายหนุ่มตรงหน้าใส่ใจกับเนมากขนาดนี้

          “ประมาณนั้นครับ” วัฒน์บอกตามตรง พอคิดว่าตัวเองเผลอหลวมตัวหลวมใจให้เสียเยอะ กล้ามเนื้อใบหน้าพานจะบิดเบี้ยวหนักกว่าเดิม

          “ถึงหมอนั่นจะสำนึกผิดแล้วน่ะเหรอครับ”

          คนอายุมากกว่าชะงักเล็กน้อย ดวงตาเรียวเต็มไปด้วยความแปลกใจและสับสน…อันที่จริงเขาก็เห็นหรอกว่าเนรู้สึกผิดแค่ไหน…แต่พอเอาไปหักลบกลบกับความโกรธแล้วยกโทษให้ไม่ลง…

          “อย่างน้อยก็คุยกันดีๆก่อนดีกว่านะ แล้วถึงตอนนั้น ถ้าอายังไม่คิดจะยกโทษให้มัน ผมก็จะไม่ขอร้องอีก” ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอเสียงอ่อน เขารู้ดีกว่ามุกนี้ใช้กับหนุ่มใหญ่ได้ผลชะงักนักแล “หรืออย่างน้อยก็เห็นแก่ผมหน่อยเถอะครับ ผมรู้ว่าหมอนั่นไม่ได้ตั้งใจทำให้อาโกรธหรอกครับ”

          เพราะเห็นแก่คุณไง! ผมถึงได้ไม่เป่ามันแล้วโบกใส่ถังถ่วงอ่าวเลยซะเดี๋ยวนี้ รู้หรือเปล่าครับว่ามันเป็นลูกน้องของไอ้เดชที่กำลังวางแผนล้มล้างคุณอยู่นะ! แล้วที่ผมโกรธน่ะ ก็เพราะมันหลอกลวงให้ผมเชื่อใจว่ามันกลับลำ แต่ท้ายที่สุด มันก็ยังอยู่ฝั่งเดิมนี่ล่ะ แล้วจะให้ผมยกโทษให้น่ะหรือ ฆ่าผมเลยดีกว่า

          คันปากอยากจะโพล่งออกมาเหลือเกิน แต่พอวัฒน์เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นต่อรุ่นน้องแสนดีนั่น เขาก็พูดไม่ออกเอาดื้อๆ อย่างแรกคือ วัฒน์รู้ดีว่าถ้าโพล่งเอาตอนนี้ สิทธิ์ไม่มีทางเชื่ออยู่แล้ว และสองก็คือ เขายังไม่อยากทำลายความเชื่อใจนั่น ทั้งที่ตัวเองไม่มีหลักฐานใดมายืนยัน มันจะทำให้สิทธิ์รู้สึกแย่โดยไม่จำเป็น

          “ก็ได้ครับ” หนุ่มใหญ่ตอบทั้งที่ไม่คิดจะยกโทษให้อยู่แล้ว “ถ้าอย่างนั้น ผมจะลองคุยดีๆด้วยก่อน”

          สิทธิ์ยิ้มเจื่อน เพราะอีกฝ่ายเน้นคำว่า ‘ดีๆ’ หนักเสียจนเขารู้ว่าวัฒน์คงไม่คิดทำอย่างที่พูดนัก

 

          สายน้ำที่พร่างพรูลงสู่ร่างกายนั้นเย็นฉ่ำชวนให้รู้สึกสดชื่น แต่เพียงแค่ภายนอกเท่านั้น ส่วนภายในกลับห่อเหี่ยวหดหู่และหมองหม่นชนิดที่ว่า ต่อให้อาบใหม่เป็นร้อยรอบ ก็คงไม่มีทางล้างความรู้สึกเหล่านี้ได้

          “บ้าเอ๊ย” เนสบถออกมาแล้วกัดปากจนแดง ไม่เคยนึกรู้สึกผิดเท่านี้มาก่อน เขาได้แต่ด่าตัวเอง ที่เผลอหลุดพูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง กับคนที่ไม่ควรจะหลุดปากออกไป “บ้าที่สุด!”

          กำปั้นหนาทุบลงเข้ากำแพงห้องน้ำเสียงดัง รู้สึกสับสนจนเวียนหัว จากนั้นความเศร้าโศกก็โหมเข้าดั่งสึนามิ ยิ่งนึกถึงสีหน้าของวัฒน์ที่เต็มไปด้วยความโกรธนั่น เด็กหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกผิดจนอยากตายไปเสียให้พ้นๆ

          ก็น่าอยู่หรอก ออกปากสัญญาขอไม่ให้อีกฝ่ายพูดแท้ๆ แต่ตัวเองกลับไปป่าวประกาศแบบนั้น มันก็เหมือนกับทำลายสัญญาเองนี่ แถมยังเป็นคนที่เกลียดกันอีก จะโกรธจนไม่อยากมองหน้ากันก็ไม่แปลก

          “อึก...”

          ภายในใจรู้สึกเจ็บเหมือนโดนมีดกรีด ความหวาดกลัวที่แทรกซึมไปทั่วร่างทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกหนาวขึ้นมา เนสะบัดหัวหวังช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ก่อนจะเช็ดตัวอย่างลวกๆ ใส่กางเกงยางยืดอย่างเร่งรีบ และเดินออกไปจากห้องน้ำ หวังจะโดดลงไปบนเตียง ให้ไอ้ความทุกข์ในใจมันหลุดออกไป

          แต่ก็ไม่ได้ทำ เมื่อเห็นเจ้าของห้องนั่งหน้าบูดอยู่บนเตียง

          เนอ้าปากค้างพร้อมกับถอยหลังออกไปเล็กน้อย ในขณะที่อีกฝ่ายเพียงแต่เงยหน้ามอง...ด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง แต่คนมองสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานด้านลบที่แผ่กระจายออกมาอย่างต่อเนื่องจากร่างของวัฒน์

          “ผมขอโทษ”

          พูดจบก็ก้มหัวจนหน้าแทบจะทิ่มพื้น เขาเองก็นึกไม่ออกแล้วว่าควรจะทำอย่างไรดีนอกจากสิ่งนี้

          วัฒน์เลิกคิ้วเล็กน้อย ทีแรกเขาคิดว่าเนน่าจะรีบหาข้อแก้ตัวสารพัดสารเพเพื่อชักจูงให้เขายอมเชื่อเสียอีก แต่ทำท่าแบบนี้เหมือนเตรียมใจขึ้นเขียงแล้วมากกว่า

          “ทำไมถึงทำแบบนั้น” หนุ่มใหญ่ถามเสียงห้วน แม้จะพยายามอดทน แต่สุดท้ายก็เผลอปล่อยโทสะลงไปในน้ำเสียงจนได้

          “ผม...” เสียงของเด็กหนุ่มขาดห้วงไป ดวงตากลอกกลับไปมาด้วยความลนลานและหวาดกลัวที่จะต้องตอบ “...ผมโมโหคุณฉัตร...เขาพูดหาเรื่องผม…ผมก็เลยเผลอ...”

          คิ้วหนาวิ่งชนเข้าหากันทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น “นายกำลังจะบอกว่า เพราะโดนฉัตรยั่วโมโห เลยเผลองั้นสิ”

          ถ้าไม่ติดว่าอารมณ์ขึ้นอยู่ล่ะก็ น้ำเสียงช่วงท้ายคงไม่สะบัดเหมือนหาเรื่องหรอก

          “ผมรู้ว่าเป็นเพราะตัวเองคุมอารมณ์ไม่อยู่ ผมถึงไม่อยากบอกสาเหตุไงล่ะครับ” เนบอกเสียงอ่อย “แต่จริงๆ ผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะครับ...เชื่อผมเถอะ ไม่งั้นผมไม่คิดจะสัญญากับคุณแต่แรกหรอก”

          แต่ถึงกระนั้นคนฟังก็ยังหน้าบูดเหมือนเดิม “ที่นายเผลอทำแบบนั้น นั่นก็เพราะในใจลึกๆแล้ว นายคิดแบบนั้นจริงๆมากกว่า”

          เนชะงัก ใบหน้าถอดสีเสียจนวัฒน์เองยังเผลอตกใจไปด้วย ยิ่งเห็นเด็กหนุ่มทรุดลงไปกองกับพื้นเหมือนคนกำลังจะเป็นลม วัฒน์ก็ตกใจจนลืมตัว แล้วรีบเข้าไปประคองอีกฝ่ายเอาไว้

          “เฮ้ย!” เสียงทุ้มร้องดังพร้อมกับพยายามยกร่างของเด็กหนุ่มขึ้นมาอย่างเอาเป็นเอาตาย และแน่นอนว่าสุดท้ายก็จบลงที่พื้นพรม วัฒน์จ้องมองท่าทีเหล่านั้นด้วยความสงสัย เพราะมันไม่เจือความเสแสร้งลงไปเลยสักนิดเดียว จนเขาชักเริ่มเชื่อขึ้นมาเสียแล้ว ว่าเนพลั้งทำอย่างที่ปากบอกจริง

          ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงอยู่...แค่ตอนนี้กำลังเข้าใจกันไปคนละเรื่องกันก็เท่านั้น

          ตอนที่ได้ยินวัฒน์บอก เหมือนพื้นที่ยืนอยู่เกิดถล่มทลายหายไปก็ไม่ปาน เพราะที่ผ่านมาเนพยายามคิดมาตลอดว่าที่ตนรู้สึกเช่นนั้น เพียงเพราะรู้สึกผิด และอยากเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีด้วยก็เท่านั้น

          ที่เผลอทำแบบนั้น เพราะในใจเราคิดแบบนั้น...งั้นหรือ

          ดวงตาเรียวเหลือกมองใบหน้าของหนุ่มใหญ่ ที่กำลังมองมาทางตนด้วยความสงสัยปนเป็นห่วง เขารู้สึกดีใจและเสียใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ทั้งที่อีกฝ่ายให้โอกาส แต่สุดท้ายตนกลับเป็นคนทำพังเสียเอง

          “ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอีกแล้ว”

          เหตุผลที่วัฒน์เผลออ้าปากค้าง ไม่ใช่เพราะคำพูดที่หนักแน่นนั่น ไม่ใช่เพราะสายตาที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่ของเด็กหนุ่มที่มองมาทางตน แต่เพราะไอ้มือที่มากุมมือเขานี่แหละ ที่มันชวนให้ตกใจ และทำให้ใบหน้าร้อนวูบ
         
          “ผมสัญญาว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก” ท่าทางของเนดูจะไม่รู้สึกตัวแต่อย่างใด และไม่เอะใจที่เห็นวัฒน์หน้าเหวอแม้แต่น้อย ถึงได้กุมมือของเพื่อนร่วมงานแน่นขึ้นไปอีก “ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังในตัวผมอีกแล้ว”

          ที่พูดเนี่ย หมายถึงเรื่องแปรพักตร์ใช่ไหม...ไม่ใช่เรื่องอื่นที่ไม่ควรคิด...ใช่ไหมวะ!!!

          “พูดน่ะ ใครก็พูดได้” วัฒน์รีบสะบัดมือออกพร้อมกับลุกขึ้นหันหลังให้อย่างรวดเร็ว แม้ตอนนี้จะมองไม่เห็นหน้าตัวเอง แต่ก็พอจะเดาได้จากความร้อนที่รุมทั่วร่าง ว่าใบหน้าตนคงแดงเป็นลูกตำลึง “คราวนี้ฉันจะไม่เอาเรื่องก็ได้ แต่ถ้ามีคราวหน้าอีกล่ะก็ อย่าหวังว่าฉันจะยอมปล่อยผ่านอีก เข้าใจใช่ไหม”

          “ครับ ผมสัญญา จะไม่มีคราวหน้าแน่”

          ถ้าวัดอุณหภูมิร่างกายตอนนี้ คงได้พุ่งทะลุเกินสี่สิบองศาเป็นแน่...ไอ้บ้าเอ๊ย ฉันขู่ขนาดนั้น แกจะมาทำหน้าดีใจเหมือนลูกหมาหลงทางที่เจอหน้าเจ้านายทำไมวะ! นี่แกวางแผนให้ฉันความดันขึ้นจนเส้นเลือดในสมองแตกตายใช่มั้ย! ฉันรู้ทันหรอกเฟ้ย!!

          “ผมจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว...”

          จากที่หน้าร้อนผ่าวเพราะเลือดสูบฉีดไวเกินเหตุ ก็วูบหายลงเมื่อเห็นความกังวลปนเสียใจบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม

          “นายรู้สึกผิดอย่างนั้นจริงๆหรือ”

          เด็กหนุ่มมองหน้าคนถาม ที่ดูเหมือนจะหวังบางสิ่งบางอย่าง แต่เขาไม่สามารถตอบได้ในทันทีเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหวังสิ่งใด เพราะนอกจากกำลังคาดหวัง มันทำให้เขารู้สึกดีใจและกลัวไปพร้อมๆกัน

          ไม่ใช่หรอก…ไม่ใช่…

          “นาย…ไม่มีอะไรที่จะพูดอย่างนั้นหรือ” แน่นอนว่าสิ่งที่วัฒน์หวังไว้ก็คือ การที่เนอาจจะใจอ่อนยอมปริปากเรื่องแผนการของเดช หาใช่เรื่องที่เด็กหนุ่มคิดสักนิดเดียว

          แต่คงเพราะมองตาละห้อยมากไปหน่อย เนถึงได้จินตนาการไปไกลโพ้น

          “ถ้า…ถ้าให้พูดตอนนี้ผมก็คงพูดได้แค่ว่าขอโทษ…แล้วก็จะพยายามทำงานในตอนนี้ให้ดีที่สุดละกัน…” เนตอบตะกุกตะกัก พยายามตีความอาการของวัฒน์ว่าอยากให้ตนทำตัวให้ดีขึ้นล้วนๆ “ที่สำคัญคือผมไม่อยากทำให้คุณเสียใจอีก…”

          แม้ใจจริงจะผิดหวังที่ไม่อาจรู้เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อความปลอดภัยของสิทธิ์ได้ แต่ประโยคหลังกลับกลบความรู้สึกหม่นหมองเสียสิ้น

          แล้วทำไมต้องเจาะจงตูวะ คนที่แกไม่ควรจะทำให้เสียใจควรจะเป็นคุณสิทธิ์นะโว้ย!!

          ทั้งที่ค้านอยู่ในใจ แต่ไม่รู้ทำไมกลับเปล่งเสียงออกมาไม่ได้ ใบหน้าที่แสดงอาการเสียใจอย่างไร้การเสแสร้งนั้นสะกดสายตาให้ไม่อาจหันมองไปทางใดได้ ดวงตาของเด็กหนุ่มที่หลุบต่ำนั้นชวนให้คนมองรู้สึกหวั่นไหว หัวใจก็เริ่มเต้นรัวอย่างไม่ควร ทั้งความรู้สึกที่พยายามกดเก็บเอาไว้ก็พวยพุ่งขึ้นมาราวกับไอน้ำเดือด…
         
          “เน อาบน้ำเสร็จยัง ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

          มือที่ค่อยๆเอื้อมจะไปลูบหน้าเนกระตุกวูบอย่างรวดเร็วจนฟาดเข้าเต็มหน้าเด็กหนุ่มแทน เมื่อได้ยินเสียงสิทธิ์ดังมาจากหน้าประตู และด้วยความลนลานต่อสถานการณ์ตรงหน้าเลยเผลอใช้นิ้วจิกเข้าไป เล่นเอาเจ้าของใบหน้าสะดุ้งโหยง และมองกลับด้วยความตกใจ

          “...ไม่ต้องพูดซ้ำซาก ทำให้ฉันเห็นก็พอ”

          ไม่รู้ว่าเพราะสีหน้าหรือเพราะน้ำเสียง เนถึงรู้สึกกลัวขึ้นมาจับจิต และเศร้าขึ้นมาจับใจอย่างไร้สาเหตุ

          “คะ...ครับ...” เด็กหนุ่มตอบรับเสียงสั่น ชักไม่แน่ใจแล้วว่าคิดถูกหรือเปล่าที่ไปสัญญาด้วย

          “ถ้างั้นก็ไปสิ อย่าให้คุณสิทธิ์คอยนาน” วัฒน์ยังคงทำเป็นนิ่ง ทั้งที่จริงในใจออกอาการตื่นตระหนกแทบตาย

          “เอ่อ เดี๋ยวก่อนครับ” เนรั้งเสียงตื่น เมื่อเห็นวัฒน์ทำท่าจะเดินเข้าห้องน้ำ “วันนี้ผมขอไปหาคุณฉัตรได้หรือเปล่า”

          คิ้วขมวดเข้าหากันจนแทบจะเป็นเส้นเดียว

          “คือ ผมอยากจะไปขอโทษคุณฉัตร...เรื่องที่ผมเสียมารยาทกับเขา...” อันที่จริง นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เด็กหนุ่มอยากจะทำ แต่พอคิดว่าถ้าไม่เอารูปไปคืน หรือไม่ไปขอขมากราบกราน บางทีมันอาจจะส่งผลเสียอย่างใหญ่หลวงต่อตนเองในภายหลังก็ได้...ก็อีกฝ่ายเป็นถึงคนที่สนิทกับวัฒน์ม้ากมากเลยนี่นะ

          สิ่งแรกที่แวบเข้ามาในหัวของวัฒน์คือ การโดนหลอก

          “...ไว้หลังอาหารละกัน ตอนนี้รีบไปหาคุณสิทธิ์ได้แล้ว”

          ถึงจะสงสัยว่าทำไมต้องหลังอาหาร แต่พอโดนสายตาคมไล่จิกจนเจ็บ บวกกับโดนเจ้านายเรียกขึ้นอีกรอบ เนจึงได้แต่เดินออกจากห้องไปโดยไม่กล้าเอ่ยถาม

          ทันทีที่อยู่คนเดียว วัฒน์ก็ล้มลงนอนบนเตียง ด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายสุดๆเหมือนเพิ่งยกภูเขาออกจากอก แล้วก็รู้สึกหงุดหงิดตัวเองสุดๆ

          ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ

          ทั้งที่ตั้งมั่นไว้แล้วว่าจะไม่ยอมยกโทษให้ แต่ทันทีที่เห็นสีหน้า ท่าทาง และน้ำเสียงของเด็กหนุ่ม ใจมันก็ดันอ่อนยวบเหมือนเต้าหู้ยี้ไปเสียอย่างนั้น ทั้งที่ถ้าตามปกติ เขาควรจะรู้สึกสะใจเสียด้วยซ้ำ

          หนุ่มใหญ่ลุกขึ้นจากเตียง เขายืนหายใจเข้าออกลึกๆอยู่ครู่ใหญ่ แล้วสะบัดหัวสุดแรง แถมท้ายด้วยการตีแก้มตัวเองจนชา แล้วเดินออกจากห้องไป เพื่อไปทำในสิ่งที่ต้องทำ


______________________________________

การหันหน้าคุยกันตรงๆไม่ช่วยอะไรในเรื่องนี้ ฮา

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จิ้มๆๆ
เรื่องนี้มันทั้งขำทั้งขัดใจในเวลาเดียวกันอ่ะ นี่คือพูดกันตรงๆ แล้ว?
พวกนี้นี่มันคิดมากเกินไปแล้ววว สาบานสิว่าพูดเรื่องเดียวกันอยู่ -_- แต่ละคนพูดกันคนละเรื่องและก็เข้าใจไปนู่นกัน
สงสารเนอ่ะ มัวคิดว่าวัฒน์ไม่ชอบที่อ้างว่าเป็นแฟนจนเจ็บ เฮ้อออ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2015 09:59:57 โดย boboman »

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
บางทีก็สงสารเนนะ  ต้องรอให้เดชยกปืนยิงเนทิ้งนู่นแหละมั้ง 

อยากจะขำวัฒน์จิงๆ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
จะมีวันนั้นไหม วันที่เนกับวัฒน์คุยด้วยเรื่องเดียวกันทั้งสองคน  :mew5:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
หายไปนานเลย

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
5555+ คุยกันคนละเรื่องแต่เหมือนคุยเรื่องเดียวกันสินะ

ออฟไลน์ Pawaree

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-2
    • FANPAGE

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 34


          “มีอะไรหรือครับ”

          เด็กหนุ่มเดินเข้ามาในห้องนอนของเจ้านายที่อยู่ใกล้กับห้องพักของตนเพียงแค่ไม่ถึงเมตร ใบหน้าเรียวออกอาการตื่นตระหนกเมื่อได้เห็นห้องที่รกเหมือนรังหนู ทั้งที่แมวกับเอมเข้ามาทำความสะอาดให้ทุกวันแท้ๆ

          “ก็รู้นี่ว่าเรียกมาทำไม” ชายหนุ่มพ่นเสียงหัวเราะออกมา สิทธิ์โยนเสื้อออกจากปลายเตียง ก่อนจะลงไปนั่ง “ตกลงนายไปทำอะไรให้อาวัฒน์โกรธหรือ”

          ความรู้สึกในตอนนี้ เหมือนคนเพิ่งฟื้นจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ แล้วต้องมาเป็นไข้หวัดนกต่อยังไงยังงั้น

          “.....มันเป็นเรื่องที่ผมไม่ควรพูดลับหลังคุณวัฒน์” เนพยายามสรรหาประโยคที่สวยหรูดูดีเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อย เขาไม่อยากทำลายสัญญา(ที่มีเนื้อหาไม่เหมือนกับของอีกฝ่าย)ที่มีให้กับวัฒน์อีกแล้ว และที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่อยากให้ใครต่อใครรู้ด้วยว่าตัวเองรู้สึกแช่มชื่นที่ได้ขึ้นเตียงกับคุณลุง...แถมลุงที่ว่านี่ยังเป็นถึงคนสนิทของสิทธิ์อีกต่างหาก แม้ว่าตอนนี้จะมีคนที่น่าจะรู้แล้วอยู่คนหนึ่งก็ตาม

          ชายหนุ่มถึงกับเบิกตาเหมือนไม่อยากเชื่อ “นายคิดแบบนั้นจริงอะ ไม่ใช่เพราะกลัวอาวัฒน์หรอกหรือ”

          ถ้าเป็นตอนที่ยังเข้าใจผิด และก่อนที่จะเผลอปล้ำลุงแกลงไป ก็คงไม่รู้สึกอะไรหรอก พอดีตอนนี้มีคดีติดตัวเยอะ เลยไม่อยากทำให้อารมณ์ลุงแกเสียหนักกว่าเดิม

          “ก็ส่วนหนึ่งล่ะครับ แต่ผมรู้สึกไม่ดีถ้าจะต้องพูดจริงๆ” เด็กหนุ่มตอบเสียงอ่อย

          “ฮ่าๆ ฉันเข้าใจ อาวัฒน์แกเป็นแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทำตัวชวนให้คนอื่นเข้าใจผิดอยู่เรื่อย” ผู้เป็นนายเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง “เห็นหน้าดุดูเข้มงวดแบบนั้น ที่จริงอาแกใจดี แล้วก็ใจอ่อนจะตาย”

          กับคุณสิทธิ์คนเดียวเท่านั้นกระมังครับ...

          “จริงๆนะ” เมื่อเห็นสีหน้าของเน สิทธิ์ก็รีบย้ำ “ขนาดตอนที่ฉันจะไปช่วยนายตีกับเด็กอีกโรงเรียน ก็ได้อาวัฒน์นี่ล่ะ ที่คอยช่วย ไม่อย่างนั้นฉันไม่มีทางได้ออกมาจากบ้านตอนตีสองได้หรอก คนที่เข้มงวดจริงๆน่ะ ป้านางต่างหาก ยิ่งกว่าแม่ฉันเสียอีก”

          ฟังแล้วเหลือเชื่อเสียจนเด็กหนุ่มหน้าเหวอ ถ้าสลับกันเขาอาจจะเชื่อก็ได้

          “ที่จริง พ่อฉันยุ่งอยู่แต่กับงานตลอด ปีนึงเจอหน้ากันแทบจะนับครั้งได้ ก็มีแต่อาวัฒน์นั่นล่ะ ที่คอยเลี้ยงคอยสอนฉันมาตลอด” พอเห็นใบหน้าที่กำลังหวนรำลึกถึงความหลังของเจ้านาย ความรู้สึกผิดมันก็มากระจุกกันอยู่ในอกของเน “เขาดีกับฉันยิ่งกว่าพ่อของฉันอีก ฉันเองก็เห็นเขาเหมือนกับพ่ออีกคนเลยล่ะ”

          ถ้าคุณรู้ว่าผมได้ล่วงละเมิดทางเพศกับคนที่คุณเห็นเป็นพ่อ คุณจะฆ่าผมไหมครับ...

          “ฉันดีใจนะ ที่ได้นายมาช่วยแบ่งเบางานให้อาวัฒน์ ดูเหมือนนายจะช่วยงานอาวัฒน์ได้เยอะเลยนี่” สิทธิ์ยังพูดต่อ โดยหารู้ไม่ว่าลูกน้องมีสีหน้าเหมือนคนไข้กระอักเลือด “อาเขาก็ไม่ใช่อายุน้อยๆแล้ว ฉันเป็นห่วงว่าเขาจะเป็นอะไรเข้าสักวัน ไม่งั้นฉันคงร้องไห้แน่ ยิ่งชอบทำอะไรเกินตัวอยู่ด้วย”

          ครับ...ผมเองก็ทำเกินเลยไปมากเหมือนกัน...

          “ว่าแต่ แล้วอาวัฒน์ยกโทษให้นายหรือเปล่า”

          อยู่ๆก็วกกลับเข้าเรื่องในขณะที่คนฟังกำลังเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกผิด เนกะพริบตาปริบๆมองชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีที่ไม่แน่ใจนัก “แค่ไม่เอาเรื่องน่ะครับ แต่ถ้ามีรอบหน้าอีก...ผมอาจจะหายไปจากโลกนี้ก็ได้...”

          นึกถึงสีหน้าของวัฒน์ตอนที่โกรธจัดแล้ว เนก็แอบกลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะทำอย่างที่ตนคิดจริง ยิ่งสิทธิ์เองก็มีสีหน้าไม่ต่างจากตนนัก เด็กหนุ่มก็ยิ่งมั่นใจ หากมีคราวหน้า ชีวิตเขาคงหาไม่

          “งั้นก็อย่าทำละกัน ฉันไม่อยากร้องไห้” สิทธิ์เอ่ยทีเล่นทีจริง แต่ใบหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด “งั้นลงไปกินข้าวกันเถอะ ฉันหิวจะแย่ แหม วันนี้มันต้องฉลอง รอบหน้าก็เอาให้ได้อย่างนี้นะ”

          เนลืมเรื่องการแข่งฟุตบอลประหลาดไปเสียสนิท เขาได้แต่หัวเราะเสียงแห้งกลับ พลางภาวนาขออย่าให้รอบหน้ามาถึงเร็วๆ

 

          เหล่าบรรดาพนักงานภายในร้านต่างเข้ามาชื่นชมและยินดีให้กับเรื่องที่ตนทำให้ทีมฟุตบอลของฝั่งตนชนะ...แต่ละคนดีใจกันเสียยิ่งกว่าบอลไทยได้ไปบอลโลกก็ไม่ปาน

          “ไง วันนี้คุณสิทธิ์พามาฉลองหรือ” บาร์เทนเดอร์หน้าหวานร้องทักพร้อมกับทิ้งงานในเคาท์เตอร์ และปรี่เข้ามาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเกินเหตุจนผิดสังเกต

          “เปล่า ฉันมาคนเดียว” เนตอบพลางมุ่นคิ้ว พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายต้องมีลับลมคมในอยู่แน่ “มาหาพ่อนายน่ะ”

          คราวนี้คนฟังเป็นฝ่ายสงสัยแทน “อยู่ที่ห้องพักชั้นสาม มีอะไรหรือ ใช่เรื่องเมื่อตอนเย็นเปล่า”

          ได้ยินน้ำเสียงสนใจใคร่รู้แบบไม่คิดปิดบังแล้วก็ถึงบางอ้อ

          “ประมาณนั้นล่ะ” เนตอบหน้านิ่ง “งั้นฉันขอตัวก่อนแล้วกัน พอดีเดี๋ยวต้องรีบกลับอีกน่ะ”

          ว่าจบก็รีบชิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้รั้งถาม

          “หนอย ไวชะมัด สงสัยต้องรู้อยู่แล้วแหงม” ปาล์มดีดนิ้วด้วยความเสียดาย แต่เพียงไม่นานก็เผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “เอาเถอะ มีเวลาอีกเยอะ”

          เนเดินแกมวิ่งขึ้นมาพลางหันหลังมองว่าปาล์มตามมาหรือเปล่า เมื่อไม่เห็นมีคนตามมาจึงเดินด้วยความเร็วปกติ เดินขึ้นบันไดชั้นสามพลางถอนใจอย่างโล่งอก ทีแรกที่เขาเห็นคนเฝ้าทางยืนอยู่ เขานึกว่าตัวเองต้องกลับไปตามปาล์มเสียแล้ว แต่ท่าทางการเล่นบอลชนะในวันนี้ทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วผับกันเลยทีเดียว จึงทำให้เขาไม่ต้องสรรหาคำบ่ายเบี่ยงมาใช้กับปาล์มให้เสียเวลา

          “อ้าว ลมอะไรพัดมาเนี่ย ลมโกรธ ลมยัวะ ลมอาฆาต หรือลมหึงล่ะ”

          นอกจากวาจาจะกวนบาทาแล้ว ใบหน้าที่เหมือนไม่ยี่หระนั่น ทำเอาความโกรธมันพุ่งขึ้นเหมือนติดจรวด

          เนพยายามไม่ต่อปากต่อคำ เขาสาวเท้าเข้าหาหนุ่มใหญ่ที่นั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟายาวสีดำ แล้วดึงรูปออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

          ฉัตรเลิกคิ้วมองรูปที่แทบจะทิ่มหน้าตน แล้วเงยหน้ามองเด็กหนุ่ม “อะไรหรือ”

          “ของคุณไง” เขาเกือบพลั้งด่าไปแล้ว ตาลุงตรงหน้านี่มันหาเรื่องให้เขาระเบิดเสียจริง

          “รูปน่ะ เอาไปแล้วก็เอาไปเถอะ ฉันไม่ได้หวงอะไรร้อก ที่บอกก็แค่อยากให้รู้จักขออนุญาตก่อนเอาไปก็เท่านั้น” หนุ่มใหญ่เอ่ยเสียงนิ่มพลางยกยิ้มที่มุมปาก “ฉันว่า สิ่งที่นายควรจะทำ มันน่าจะเป็นเรื่องอื่นนา…อย่างเช่นอะไรน้า…เวลาคนทำผิดเนี่ย เขาต้องพูดอะไรน้า…นายรู้หรือเปล่า”

          พูดแบบนี้เนี่ย อยากจะให้ขอโทษ หรืออยากจะวางมวยกันซักยกแน่วะ แพ้ก็ยอมโว้ย ขอให้ได้ต่อยหน้าสักหมัดให้หายยัวะก็ยังดี

          แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยสิ่งใด เนก็ต้องกลืนคำด่าผสมคำขอโทษแบบฝืนๆลงคอ เพราะอยู่ๆสีหน้าของหนุ่มใหญ่ดูตึงเครียดขึ้นมาทันที เขาเหลือกตามองฝ้าเพดานขาวก่อนจะเลื่อนไปทางประตู จากนั้นก็ออกอาการเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

          “อย่าพูดให้มันดังนักเลย ประตูมันมีหลายหูหลายตา”

          เนรีบหันกลับไปมองประตูที่ยังคงเปิดทิ้งไว้อย่างตื่นตระหนก และก็ได้พบความจริงบนพื้น เพราะมีปลายรองเท้าแพลมออกมาทั้งสองฝั่งประตู ทำเอาเด็กหนุ่มแอบผวาปนโล่งใจ ที่ไม่ได้โพล่งอะไรออกไปเสียก่อน

          ฉัตรถอนใจเสียงดัง ก่อนจะลุกขึ้นไปปิดประตู (และมีเสียงวิ่งหนีดังเสียจนเนชักสงสัยตงิดๆว่าไอ้พวกถ้ำมองนั่น มันตั้งใจแอบกันจริงหรือเปล่า) แล้วเดินกลับมาหาเน

          “…”

          เนนิ่วหน้ามองอีกฝ่ายที่มายืนใกล้ตนจนแทบตัวจะติดกัน อยากจะถามเหลือเกินว่าจำเป็นต้องมายืนใกล้ขนาดนี้ด้วยหรือ ในเมื่อปิดประตูไปแล้ว

          “พวกบ้านั่นหูดีจะตาย ไม่ทำขนาดนี้รับรองว่าเรื่องดีๆได้รู้กันไปทั่วแน่ ซึ่งนายเองก็คงจะไม่ปลื้มเท่าไหร่ใช่มั้ยล่ะ เจ้าหนูจอมกะล่อน”

          คิ้วกระตุกขึ้นทันควัน เพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังพูดเรื่องอะไร

          “เรื่องนั้นน่ะ ผมก็แค่พลั้งปาก จริงๆ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย” ด้วยความไม่อยากยอมแพ้ บวกกับรู้สึกผิดที่เผลอพูดออกไป เนจึงทำทีเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่ได้ร้ายแรงอะไรนัก “คุณวัฒน์เองเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าที่ผมพูดไปเพราะอะไร…”

          “จะบอกว่าเพราะฉันเหรอ” พอเห็นสายตาของเด็กหนุ่มที่เหล่ใส่ หนุ่มใหญ่ก็ย้อนขึ้นเสียงสูงเหมือนต้องการจะกวนอารมณ์ “แหม เขาว่ากันว่าคนเรามักจะชอบคิดว่าตัวเองไม่ผิดไว้ก่อน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ นายว่างั้นไหม”

          หลอกด่ากันเรอะ

          เนเงยหน้ามองหมายจะด่าฉอดๆ ใส่หน้าอีกฝ่ายให้หายแค้น แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่มเอ่ยร่ายคำด่าที่อุตส่าห์เตรียมไว้เป็นบทๆ เขาก็พบบางอย่างที่น่ากังขา

          ฉัตรเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องหน้าตนเหมือนเห็นสิ่งประหลาด และยังไม่ทันจะได้เอ่ยถาม คนตรงหน้าก็ทำเรื่องที่ชวนกระตุกขวัญสำหรับชายวัยสี่สิบต้นๆอย่างเขา

          มือทั้งสองของเนจับเข้าที่หัวของฉัตร แล้วดึงเข้ามาใกล้จนแทบจะได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน เนยังคงจ้องมองฉัตรด้วยความสงสัยและประหลาดใจ ในขณะที่สติของคนโดนมองหลุดไปโลกหน้าเสียแล้ว

          “ท…ทำอะไรของนายน่ะ”

          ด้วยความทนไม่ไหว ฉัตรจึงเป็นฝ่ายผงะหนีเสียก่อน สีหน้าของหนุ่มใหญ่ซีดเผือดเหมือนเพิ่งเห็นเรื่องสยองขวัญที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา เขาลูบแขนทั้งสองที่ขนลุกไม่หาย และเว้นระยะห่างจากเนราวสองเมตร เพราะกลัวว่าไอ้เด็กบ้านี่จะทำอะไรแปลกๆขึ้นมาอีก

          เนยังคงทำหน้างงเหมือนไม่รู้ตัวว่าเมื่อครู่ตนทำอะไรลงไป เขาเลิกคิ้วมองฉัตร ก่อนจะส่ายหน้า

          “ไหนคุณบอกให้พูดเบาๆ แล้วมาเป็นฝ่ายตะโกนแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน”
         
          มันย้อนเรอะ

          หนุ่มใหญ่อ้าปากค้างพร้อมกับมองเนอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาส่ายหัวเล็กน้อย แล้วเดินเข้ามาหาด้วยอาการที่สงบนิ่งลง แต่ยังมีความกังวลปนหวาดกลัวแฝงอยู่

          “เอาเป็นว่าเรื่องรูป ฉันยกให้ อยากเอาไปทำอะไรก็ทำ” ฉัตรกระซิบบอกด้วยท่าทีเหมือนเหนื่อยเต็มที่ “มีธุระแค่นี้ใช่ไหม ถ้างั้นก็ไปได้แล้ว”

          เนนิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกออก “ลืม ขอโทษด้วย แค่นี้ล่ะ”

          ว่าจบก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้คุณลุงได้แต่มองตามหลังด้วยใบหน้าหวาดหวั่นกับเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ประสบเมื่อครู่

          ด้านนอกไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียวจนไม่น่าเชื่อว่าก่อนหน้านี้จะมีคนแอบถ้ำมอง เนเดินลงมายังชั้นล่างสุด อย่างเงียบที่สุด หวังจะหนีจากบรรดาคนช่างสอดที่รอรุมทึ้งตน

          “ฮาย เน”

          แต่ก็ไม่รอดพ้นอยู่ดี

          “ไงปาล์ม งานไม่ยุ่งหรือ” เนทักด้วยรอยยิ้มกว้างผิดปกติจนดูตลก และอีกฝ่ายเองก็ฉีกยิ้มไม่ต่างจากตนนัก

          “แหม่ คนน้อยแบบนี้ จะไปยุ่งได้ยังง้าย แถมต่อเองก็อยู่ด้วย ฉันก็เลยว่างไง” บาร์เทนเดอร์หนุ่มเอ่ยเสียงสูง มือก็จับไหล่อีกฝ่ายแน่น “ไหนๆก็มาแล้ว จะรีบกลับไปไหนกันเล่า มีคนมากมายอยากรู้จักนายเพียบเลยน้า”

          ไม่ว่าเปล่า มีชี้ไปทางโต๊ะที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งมีบรรดาเพื่อนร่วมทีมบอลนั่งสลอนโบกมือให้เขา ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้างจนชวนดูขนลุก

          เนพอจะรู้ชะตากรรมดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ แต่เขาเองก็ใช่ว่าจะไร้หนทางรับมือเสียที่ไหนกัน ที่สำคัญ ไอ้เรื่องของเขามันใช่ว่าจะหลุดปากกันง่ายๆสักหน่อยนี่

          “เลี้ยงฉลองที่ชนะวันนี้หรือ ฉันว่าแค่เตะกันเล่นๆไม่เห็นต้องเลี้ยงกันเลย” มาถึงเนก็ใช้วิชาเฉไฉใส่ทันที

          “ก็ส่วนหนึ่ง” โชคดีเหลือเกินที่เหล่าคนตรงหน้าดูจะดีใจจนไม่ทันรู้ตัว “อันที่จริงที่เลี้ยงไม่ใช่เพราะเรื่องที่ชนะหรอก แค่ดีใจที่ไม่ต้องฝึกซ้อมเตะบอลทุกเย็นไปสองอาทิตย์ก็เท่านั้นละ”

          เนกระตุกเล็กน้อย พอคิดได้ว่าพ่อคุณชายเขาเป็นพวกเกลียดความพ่ายแพ้มาแต่ไหนแต่ไร ก็ถึงบางอ้อ สมัยก่อนเองตอนที่มีงานกีฬาสีทีไร เขามักจะโดนสิทธิ์ลากไปช่วยบ่อยๆ แต่พอเจอมหกรรมการฝึกหฤโหด บวกกับช่วงนั้นยังไม่ค่อยชอบหน้าสิทธิ์ด้วย เนเลยหาเรื่องชิ่งเป็นประจำ เขาจำแม่นเลยตอนที่อยู่ม.สี่ ตอนที่สิทธิ์แพ้บาส หลังจากที่แพ้เฮียแกเล่นซ้อมเอาเป็นเอาตายทุกวันหลังเลิกเรียนอยู่คนเดียวร่วมเดือนเห็นจะได้ ทั้งที่กว่าจะได้แข่งใหม่ก็ปีหน้าโน่น…เพราะฉะนั้นเขาจึงเข้าใจที่ได้ยินอย่างถ่องแท้เลย

          “ว่าแต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะน่า” ไอ้คนที่อยากให้ลืมที่สุดดันจำได้เสียนี่ ปาล์มคว้าคอเนเข้ามาด้วยใบหน้ายียวนกวนส้นเหมือนผู้ให้กำเนิดไม่ผิดเพี้ยน “ตกลงนายจะบอกได้หรือยังว่าไปทำอะไร อาวัฒน์ถึงโกรธนายขนาดนั้น”

          พูดจบปุ๊บ ไอ้ที่เฮฮาพากันมองขวับเป็นตาเดียวทันที

          เนยังคงนิ่ง สายตาก็มองเพียงแต่คู่สนทนาที่ยิ้มแป้นแล้น ใบหน้านั้นไร้ซึ่งความวิตกต่อคำถามแต่อย่างใด

          “ว่าไงล่ะ” ปาล์มเค้นอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่นิ่ง และก็ได้รับสิ่งที่เกินคาดฝัน…ทั้งสำหรับเขาและทุกคนบนโต๊ะ

          “ถ้ามีของตอบแทนดีๆ อาจจะทำให้ฉันพูดง่ายขึ้นนะ”

          ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คำพูด แต่เป็นเพราะท่าทางของเนนี่ละที่ทำเอาผงะ โดยเฉพาะปาล์มที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ ก็เล่นโดนชายฉกรรจ์เหมือนกันมามองตาเยิ้มแถมยังเอามือมาลูบหน้าด้วย ดูท่าทางจริงจังจนไม่เหมือนล้อเล่นนั่น ยิ่งทำให้ปาล์มขนลุกเกรียว

          “ฮะๆๆ ล้อเล่นน่า ใครมันจะไปสนตัวผู้ด้วยกันละฟะ จะอ้วก” เนหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นใบหน้าซีดของปาล์ม “ยังไงฉันก็บอกไม่ได้หรอก และฉันก็มั่นใจว่าพวกนายไม่อยากรู้ด้วย เพราะมันอาจจะเปลี่ยนชะตาชีวิตพวกนายไปตลอดกาลเลยล่ะ”

          แน่นอนว่ารวมถึงตูด้วย

          “อะไรจะขนาดนั้น…” ปาล์มพยายามไม่เชื่อ แต่พอคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้วัฒน์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้แล้ว เขาก็ชักคล้อยตามขึ้นมานิดๆ  และคนอื่นเองก็ดูเหมือนจะคิดแบบนั้นเช่นกัน

          “งั้นฉันไปก่อนละกัน เดี๋ยวคุณวัฒน์จะสงสัยว่าฉันโดนใครรั้งตัวถามเรื่องที่ไม่ควรเล่า” ไม่วายมีทิ้งท้ายให้ผวาเล่น ก่อนจะเดินจากไปอย่างสบายอารมณ์

          แต่ทันทีที่ขึ้นรถเท่านั้นละ ออกอาการเหมือนคนอยากตายทันควัน

          ทำบ้าอะไรวะ!!!!!!!

          เนเอาหัวโขกเข้ากับเบาะรถจนท้ายทอยระบม เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะทำลงไปได้

          บ้าเอ๊ย ก่อนหน้านั้น นอกจากคุณวัฒน์ ตูยังรังเกียจตัวผู้ตัวอื่นด้วยกันอยู่เลยนี่หว่า แล้วไหงทำไมอาการต่อต้านอยากอาเจียนมันถึงหยุดทำงานเอาดื้อๆ เลยวะ

          ใบหน้าเรียวซีดจนเหมือนกระดาษ เมื่อคิดว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องหยุดอยู่ที่วัฒน์คนเดียวแล้ว เขาก็เริ่มรู้สึกกลัวตัวเองสุดๆ  ไอ้เรื่องนอนกับผู้หญิงหลายคนมันก็น่าภูมิใจอยู่หรอก…แต่นับแต้มกับผู้ชายด้วยเนี่ย คิดแล้วอยากฝังตัวเองมากกว่า

          “ไม่จริง…ไม่จริง…” เด็กหนุ่มเริ่มเพ้อพลางซบหน้าลงบนพวงมาลัยรถ “ไม่…เราไม่ได้เป็น…ไม่ได้เป็น…แค่เซ็กซ์…แค่เตียง…ไม่ใช่…”

          ก๊อกๆ …

          ร่างเนแทบจะลอยจากเบาะทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะกระจกประตูหลัง พอหันไปมองก็โล่งใจระคนสงสัย

          “อะไรหรือต่อ” เนเปิดกระจกรถถามเสียงนิ่ง พยายามทำตัวให้สงบที่สุดเท่าที่จะทำได้

          หนุ่มผู้มีตัวตนเลือนรางเหมือนวิญญาณเพียงแต่ยื่นมือที่ถือกล่องใส่แว่นมาให้ “ฝากนายเอาไปคืนให้ทีสิ”

          คืนใครละฟะ

          “เดี๋ยวนายก็จะได้เจอกับเจ้าของแว่นนี้ เพราะงั้น ฝากไว้ที่นายน่ะดีแล้ว…” บาร์เทนเดอร์หนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ชวนให้เนรู้สึกหนาวลึกไปถึงขั้วหัวใจ “…อะไรหรือ…”

          ต่อมองเนที่จับมือตน ใบหน้าของคนบนรถเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เพียงไม่นานเนก็ปล่อย

          “ไม่มีอะไร ขอบใจนายมาก”

          ว่าจบก็สตาร์ทรถขับออกไปทันที ทิ้งให้อีกฝ่ายได้แต่มองด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่นานนัก

          “จริงเหรอ…นายไม่ได้ตาฝาดหรอกนะ” อยู่ๆ ต่อก็พูดขึ้นมาท่าทางเหมือนกำลังคุยกับใครบางคน แต่ ณ ที่ตรงลานจอดดรถนั้น มีเพียงตัวเขาอยู่คนเดียว “มิน่าล่ะ…หมอนั่นถึงทำแปลกๆ กับปาล์ม…แล้วก็กับผม…หืม…งั้นหรือ…ไม่ใช่หรอกหรือ…ถ้าแบบนั้นก็คิดได้อย่างเดียวแล้วไม่ใช่หรือไง…”

          ดวงตาที่ดูสงบนิ่งมองทางออก ก่อนจะหันกลับไปมองที่ร้าน แล้วถอนใจเฮือก

          “ผมไม่คิดเลย…ว่าเนเขาจะเป็นแบบนั้น…”


___________________________________

          ขอโทษที่ช่วงนี้หายไปเป็นพักๆงับ กำลังปั่นอีกเรื่องที่กำลังจะรวมเล่มหน้าตั้งเลยงับ T^T ตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จดีเท่าไหร่เลย ฮือๆ
          สองคนนี้จะคุยกันรู้เรื่องเมื่อไหร่ สงสัยจะแล้วแต่ฉัตร กับซึนแตก XD ฮา


ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ต่อดูท่าจะเชี่ยวชาญเรื่องสิ่งลี้ลับนะเนี่ย
เนห้ามรู้สึกอะไรกับตัวผู้คนอื่นนะ! ไม่งั้นโดนกระทืบ -_-+
รอตอนต่อปาย~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2015 23:56:03 โดย boboman »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :m29: ชีวิตอันสับสนของเน  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
นี่ ต่อ ญาณทิพย์ รึป่าว ฮึ่ย  :katai1: ขนลุกเลยค่ะ

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 35


          ใช้เวลาเพียงไม่นาน เนก็กลับถึงบ้านเจ้านาย ด้วยสภาพที่เหมือนไม่ได้พาดวงวิญญาณมาด้วย

          “อึก…”

          เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอยืนมองบ้านหลังโตตรงหน้า พอคิดว่าจะต้องไปเจอหน้าเพื่อนร่วมงานแล้ว แข้งขามันก็แข็งเอาดื้อๆ  ยิ่งนึกถึงการกระทำเมื่อครู่ของตนแล้ว ก็ยิ่งไม่อยากเข้าบ้านไปใหญ่

          แปลก…

          ทีแรกเขานึกไปว่าตอนนี้ตัวเองฟรีกับทุกเพศทุกวัย แต่ไม่ใช่เลย ความรู้สึกเฉยๆ จนออกไปทางขยะแขยงกับมือของต่อที่ตนจับไว้เป็นข้อพิสูจน์ที่ดี…ซึ่งเขาแน่ใจว่านั่นไม่ได้มาจากการที่ต่อมีสัมผัสทางวิญญาณอย่างที่เจ้าตัวบอกเป็นนัยแต่อย่างใด

          แล้วไหงกับไอ้พ่อลูกหน้าเป็นนั่นกลับไม่รู้สึกแบบนี้ฟะ แถมยังรู้สึกคล้ายๆกับคุณวัฒน์อีกต่างหาก…ถึงมันจะไม่ใช่ซะทีเดียวก็เถอะ…

          “ยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น”

          เนสะดุ้งสุดตัว ยังดีที่คนทักอยู่ไกลเกินไป จึงไม่เห็นอาการประหลาดนั่น เขาเงยหน้าไปยังระเบียงชั้นสอง และนั่นทำเอาเด็กหนุ่มอยากวิ่งหนี

          ใช่…มันไม่เหมือนซะทีเดียว เพราะกับวัฒน์ ไอ้ช่วงล่างมันมีอาการร่วมด้วยนี่สิ

          “ยะ…ยังไม่นอนหรือครับ” เนถามพลางขยับชายเสื้อไปบังเป้ากางเกงเหมือนกับว่ามันจะช่วยปกปิดสิ่งที่ไม่ควรให้ใครเห็นทั้งที่อีกฝ่ายอยู่ตั้งไกล แถมคนปกติก็ไม่มีใครมาเที่ยวจ้องหว่างขาคู่สนทนากันหรอก

          “นี่เพิ่งจะสี่ทุ่ม นายจะให้ฉันรีบนอนไปไหน” วัฒน์ตอบกลับอย่างหงุดหงิดกับคำถามที่ไม่น่าจะถาม “รีบเข้ามาได้แล้ว”

          รีบมาก สามวินาทีถึงห้อง แถมเข้ามาปุ๊บ มันดิ่งเข้าห้องน้ำปั๊บเลย

          “อะไรวะ” วัฒน์บ่นเสียงเบาพลางมองประตูห้องน้ำด้วยความสงสัย เขารู้สึกเหมือนเคยเจอเหตุการณ์นี้มาก่อน…และคิดอยู่ไม่กี่วิก็นึกออก

          เหมือนกับตอนที่มันจะขอทำเลยนี่หว่า

          คิดได้แล้ว ไอ้อาการที่ไม่ควรจะออกก็ออกอย่างไม่สมควร วัฒน์รีบท่องบทสวดทุกอย่างเท่าที่จะนึกออกเพื่อข่มอารมณ์ตัวเองไว้ จากที่ตั้งใจว่าจะหาหนังสือมาอ่านฆ่าเวลาก่อนนอนสักหน่อย เขาเลยรีบขึ้นเตียงหวังหลับก่อนที่เด็กหนุ่มจะออกมา

          อันที่จริงเขาก็อยากอยู่ แต่เพราะวันนี้เพิ่งโกรธอีกฝ่ายจะเป็นจะตายไปตั้งเยอะ แถมความไว้เนื้อเชื่อใจมันก็ลดไปฮวบๆ  จะให้มาลั้นลาทำอย่างว่าเอาตอนนี้ มันก็รู้สึกเสียทีที่โกรธชอบกล ครั้นจะปฏิเสธ ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะเอาเรื่องสัญญาว่าด้วยการขึ้นเตียงมาอ้าง เขาจึงต้องแกล้งทำเป็นหลับอยู่อย่างนี้แทน

          และสิ่งที่วัฒน์คิดก็ไม่ผิดนัก

          เนจ้องน้องชายเจ้ากรรมที่ลุกขึ้นมาฮึดฮัดด้วยความแค้นใจ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่มองหน้าคุณลุงแกแล้วจะออกอาการขนาดนี้ และที่ชวนช็อกยิ่งกว่าก็คือ เขาเพิ่งนึกได้ว่าตนไม่ได้ปลดปล่อยเกินสี่วันแล้ว ซึ่งปกติเขาทำอยู่ทุกวัน สี่เวลาไม่เคยขาด…

          ก็ตั้งแต่ไปปล้ำลุงนี่ละ ที่อาการลงแดงมันซาลงเรื่อยๆ …และมันก็ไม่ใช่การเสื่อมแต่อย่างใดเพราะปลุกเมื่อไหร่ก็ขึ้นทุกที แถมยังขึ้นเป็นพิเศษเวลานึกถึงวัฒน์เสียด้วย

          เอาไงดีวะ

          อันที่จริงเขาจะทำหน้ามึนไปขออีกฝ่ายก็ได้ หรือถ้าวัฒน์ไม่ยอมก็อ้างเรื่องสัญญาไปก็หมดเรื่อง แต่ที่ต้องมายืนลังเลเพราะรู้ตัวว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังโกรธตนอยู่ แล้วจะให้ไปขอกันดื้อๆ คงจะดูไม่ดีสักเท่าไหร่ ไม่เช่นนั้นจากที่โดนเกลียดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คงโดนเพิ่มเป็นทวีคูณจนอาจจะถึงขั้นไม่มองหน้ากันเลยก็เป็นได้

          แต่ขืนทนฝืน วันดีคืนดีอาจจะหน้ามืดลักหลับลุงแกอีกนี่สิ ที่น่ากลัว

          “คุณวัฒน์”

          เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นเจ้าของห้องนอนหลับเรียบร้อยแล้ว ใจหนึ่งก็รู้สึกโล่ง แต่อีกใจก็คิดหนักเพราะไม่รู้จะจัดการกับปัญหาเบื้องล่างอย่างไรดีนี่สิ

          วัฒน์ไม่ได้หลับอย่างที่เนคิด ตอนโดนเรียกชื่อ เขาลังเลว่าจะตอบดีหรือเปล่า พอคิดได้ว่าอุตสาห์ข่มใจตัวเองไว้ได้แล้ว เขาจึงเงียบไว้แม้เนจะเริ่มเรียกเขาอีกสามสี่ครั้งก็ตาม และคิดว่าเดี๋ยวอีกฝ่ายก็คงจะยอมแพ้เอง…เพราะฉะนั้น แม้นมันจะมาสะกิด ก็ยังทำเป็นไม่รู้สึกตัว

          !

          ถึงจะหลับตาเขาก็รู้สึกได้ ถึงไออุ่นจางๆที่เข้ากระทบใบหน้าอย่างแผ่วเบา ทำเอาอยากตื่นขึ้นมาต่อว่าเสียเหลือเกิน แต่ด้วยความที่กลัวโดนจับได้ว่าแกล้งหลับจึงพยายามไม่ขยับตัว แม้จะชักกลัวๆ ว่าจะโดนลักหลับเหมือนคราวก่อนก็ตาม แต่อยู่ๆ เนก็ลุกออกไปจากเตียง เพียงไม่นานก็กลับมา และทำในสิ่งที่วัฒน์คาดไม่ถึง

          ตอนที่โดนดึงแขนไปก็ชวนตกใจอยู่แล้ว แต่เจอผิวสัมผัสคุ้นเคยในมือ ทำเอาชีพจรเต้นแรงจนแทบจะระเบิด

          มันเอามือตูไปจับของมันทำม้ายยย

          อยากจะลุกขึ้นไปด่าเหลือเกิน แต่ท่าทางหากลุกไปตอนนี้มีหวังคงโดนยิ่งกว่า แม้จะหัวหมุนกับการกระทำของอีกฝ่าย แต่วัฒน์ก็พยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้…ถ้ามันเล่นหอบกระเส่าอยู่ข้างหูตู แถมยังเอามือตูไปเป็นตัวช่วยเร้าอารมณ์หื่นให้มันแบบนี้ เห็นทีจะทำเมินเหมือนโดนหมาเลียไม่ไหวมั้ง…

          ในขณะที่กำลังสองจิตสองใจว่าจะนิ่งต่อไปหรือจะทำเป็นตื่นขึ้นมา เนก็หยุดมือเสียก่อน ดูท่าทางจะปฏิบัติกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว วัฒน์รู้สึกโล่งใจหน่อยๆ ที่จบเรื่องเสียที ในที่สุดก็จะได้หลับอย่างสงบ…ซะที่ไหนกัน!

          “…”

          สุดท้ายเนก็มากอดเขาต่างหมอนข้าง จริงอยู่ว่าปกติเด็กหนุ่มก็กอดตนทุกวันอยู่แล้ว แต่นั่นไม่ใช่ตอนที่ยังตื่นอยู่...และไม่ใช่หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อกี้ด้วย

          แล้วแบบนี้ตูจะหลับลงได้ไงวะ!!!

“คุณวัฒน์…”

          หนุ่มใหญ่แปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงกระซิบเรียกชื่อตนอยู่ข้างหู และยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ อีกฝ่ายก็กอดแน่นจนรู้สึกอึดอัดนิดๆ

          “คุณวัฒน์…” เสียงทุ้มยังคงกระซิบเรียกชื่อตน น้ำเสียงนั้นฟังดูเหงาหงอยจนน่าใจหาย และชวนให้รู้สึกสับสน

          ใบหน้าของหนุ่มใหญ่ร้อนผ่าวขึ้นมา สงสัยเสียเหลือเกินว่าทำไมเด็กหนุ่มต้องเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงแบบนั้นด้วย ต่อให้คิดว่าเนอยากกลับใจ ก็ไม่เห็นจะต้องมาออดอ้อนกกกอดตนเลยสักนิด ไอ้แบบนี้ดูอย่างไรก็เกินว่าที่ควรจะเป็นชัดๆ

          ไม่ ไม่ใช่…อย่าคิดแบบนั้นนะ…อย่าโดนปั่นหัวด้วยเรื่องแค่นี้เชียว นี่มันไม่ได้มีอะไรสักหน่อย เรามันก็แค่ที่ระบายความใคร่เท่านั้น…สำหรับเราเองก็เหมือนกันนี่ ก็แค่เซ็กซ์

          ไม่มีวันเป็นไปมากกว่านั้นหรอก

 

          เนไม่แน่ใจนักว่าโจทย์จะรู้ถึงเหตุการณ์เมื่อคืนหรือเปล่า เพราะเขาเห็นวัฒน์ทำตัวประหลาดมาตั้งแต่เช้าแล้ว สีหน้าของหนุ่มใหญ่ดูอิดโรยเหมือนคนไม่ได้นอน ยิ่งแสดงความหงุดหงิดระคนกลัดกลุ้ม ยิ่งทำให้หนุ่มใหญ่ดูแย่อย่างกับคนป่วย พอเนเรียกวัฒน์ก็ออกอาการสะดุ้งเกินเหตุตลอด แต่กลับไม่ตะคอกกลับใส่อย่างที่คาด ออกจะดูหวาดๆ ด้วยซ้ำ

          เป็นอะไรของลุงแกวะ

          อยากจะถามเหลือเกิน แต่กลัวจะได้คำตอบเป็นเรื่องเมื่อคืน จึงได้แต่เงียบอยู่อย่างนี้ ซึ่งอันที่จริง เด็กหนุ่มคิดถูกเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

          “คุณวัฒน์เขาป่วยอะไรอยู่หรือเปล่า” ต้น นักบัญชีผู้มีความกระหายใคร่รู้มากกว่าคนทั่วไปกระซิบถามเนด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น พลางยื่นงานให้อีกฝ่าย

          “ไม่รู้สิครับ” เด็กหนุ่มตอบตามตรง “พี่ไม่ลองไปถามเขาดูละ เขาไม่กัดพี่หรอก”

          สีหน้าของหนุ่มร่างท้วมซีดลงทันที “ไม่ดีกว่ามั้ง…เอ้อ รีบทำงานเถอะ เดี๋ยวจะเสร็จไม่ทันเอา”

          ทำเป็นแหยเชียวนะ จะไปกลัวตาลุงนั่นอะไรกันนัก…

          “เน?”

          ต้นเลิกคิ้วมองเด็กหนุ่มที่จ้องหน้าตนเขม็ง แถมยังค่อยๆ เขยิบเข้ามาใกล้จนห่างกันแค่หนึ่งฝ่ามือ

          “ขี้ตาข้างขวาครับ”

          ได้ยินแล้วถึงกับพ่นลมหัวเราะออกมาทันที “โธ่เอ๊ย นึกว่าอะไร”

          “ทำไมหรือครับ”

          “เปล่าๆ ไม่มีอะไร ไปทำงานเถอะ” หนุ่มท้วมโบกมือ นึกด่าตัวเองอยู่ในใจที่เผลอคิดอะไรแผลงๆ ออกมาเสียได้ ทั้งที่มันไม่มีทางเป็นไปได้แท้ๆ

          เนยิ้มให้ก่อนจะหันกลับไปที่โต๊ะตัวเองซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับต้น แล้วถอดหน้ากากออกทันที

          จะอ้วก…

          ที่เด็กหนุ่มจ้องหน้าต้นเพราะหวังพิสูจน์ว่าตัวเองกลายเป็นเกย์ไปแล้วหรือเปล่า แต่หลังจากทดสอบไปทั่วกับคนที่รู้จัก ไม่ว่าจะหนุ่มหรือชรา ผลที่ได้นั้นเหมือนกับที่เขารู้สึกกับต่อ ยกเว้นแค่สองพ่อลูกนั่นที่เขาไม่รู้สึกเกลียดหรือขยะแขยงแม้แต่น้อย โดยเฉพาะคนพ่อที่เขาไม่ชอบขี้หน้าเท่าไหร่นัก

          ทำไมกันนะ เกิดอะไรขึ้นกับเรากัน…ถ้าไม่ใช่ที่ตัวเรา แล้วมันเพราะอะไรกัน

          ทันทีที่ประตูห้องรองประธานเปิด เด็กหนุ่มก็ชะโงกมองอย่างลืมตัว สีหน้าของวัฒน์ยังคงดูอิดโรย และดูท่าทางจะมากกว่าเดิม เห็นลุงแกเดินไม่ตรงทางแล้ว ชวนให้คนมองรู้สึกระทึกยิ่งนัก

          “จะไปไหนหรือครับ” ถามจบ เนก็ได้แต่พร่ำบอกตัวเองว่า เป็นห่วงในฐานะเพื่อนร่วมงานเท่านั้น

          คนโดนถามผงะพร้อมกับทำหน้าเหมือนเห็นผี ทำเอาเด็กหนุ่มเริ่มคิดจริงๆ จังๆ แล้วว่าอีกฝ่ายต้องรู้เรื่องเมื่อคืนเป็นแน่

          “…ทำงานของตัวเองไปเถอะ”

          ว่าแล้วก็สาวเท้าก้าวออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีจังหวะแม้แต่จะคิดสวนกลับ

          “อะไรวะ” เนโพล่งขึ้นมาอย่างอารมณ์เสีย คนอุตส่าห์เป็นห่วงแท้ๆ  “บ้าเอ๊ย แล้วอย่าไปเป็นลมกลางทางล่ะ ไม่งั้นจะสมน้ำหน้าให้”

          เด็กหนุ่มชะงัก เพราะนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว แล้วก็ไม่ได้อยู่ในที่ส่วนตัวด้วย

          พอเห็นเนได้สติ เหล่าไทยมุงก็รีบกลับมาสนใจงานของตน ทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้กันอย่างรวดเร็ว มีเพียงต้นคนเดียวที่ยังคงมองมาด้วยสายตาที่ตะลึงสุดๆ

          เนยิ้มหน้าเจื่อนให้ เขารู้ดีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมีทำหน้าแบบนั้น ก็ใครต่อใครต่างก็คิดว่าวัฒน์เป็นบุคคลที่น่าเกรงขามกันทั้งนั้น แต่ไอ้ท่าทีที่เขาทำมันตรงข้ามกันสุดๆ นี่สิ

          “…งานมันเครียดเนอะครับ” โอเค เหตุผลมันไม่เข้าท่า แต่เขาก็นึกไม่ออกว่าจะอ้างอะไรดีแล้ว

          ต้นยังคงหน้าตื่น แต่สุดท้ายก็หัวเราะเสียงแห้งออกมา “นะ…นั่นสินะ ฮะๆ ๆ ”

          เนได้แต่บอกกับตัวเอง ถึงจะรู้สึกผิดหรืออยากเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดียังไงก็ช่าง แต่เที่ยวมาใช้อารมณ์ใส่แบบนี้ ขอโกรธบ้างเหอะ!

_________________________________
ตอนนี้สั้นนิดนึงนะงับ ;w;

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ทำไมเนถึงรู้สึกกับพ่อลูกนั่นคล้ายๆ กับวัฒน์ล่ะ ไม่ยอมมม
หรือเป็นเพราะความสนิท? เชื่อใจ? ไม่รู้แฮะ
แต่โคตรฮาตอนที่เนยืมมือวัฒน์ไปช่วยตัวเองอ่ะ 5555555 อิเนมันฉวยโอกาสตอนที่ (คิดว่า) วัฒน์หลับอ่ะ 55555
รอตอนต่อไปน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-07-2015 19:41:34 โดย boboman »

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
อิ๊วว.ว.ว..วว.ว.........รีบมาง้อเลย ง้อเลย :a11:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เหมือนจะถอยหลังลงคลองเลยนะเน  :hao4:

ออฟไลน์ hczmtp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ต่างคนต่างเข้าใจกันคนเรื่องเลย 5555
แล้วจะดีกันตอนไหนเนี่ย  :hao4:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เมื่อไรจะจูนกันติดคะเนี่ย  :serius2:

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 36


          วัฒน์จ้องมองนาฬิกาพลางมองออกไปนอกรถ ในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้กับที่ทำงานนั้น เงียบเชียบไร้ผู้คน แต่แน่นขนัดไปด้วยรถมากมายที่เข้ามาจอด และนั่งรอต่ออีกไม่นาน ประตูรถข้างคนขับก็เปิดขึ้น ก่อนจะมีคนเข้ามานั่งด้วย

          “มีอะไรเหรอ ถึงได้เรียกฉันมาแบบนี้” ฉัตรถามก่อนจะปรับพนักพิงเอนลงจนสุด “เรื่องไอ้เด็กนั่นหรือเปล่า ถ้าใช่ ฉันยังไปสืบสาวหาความไม่ได้เท่าไหร่เลยนะ”

          อันที่จริง สืบมาพรุนชนิดที่มั่นใจมากว่า เดชกับเนไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ขืนบอกไปง่ายๆแบบนั้น ก็เข้าทางไอ้เด็กผีนั่นพอดีน่ะสิ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉัตรต้องการอยู่แล้ว

          “งั้นหรือ” เสียงทุ้มที่ตอบกลับราบเรียบและเจ้าตัวก็ไม่ได้มองคู่สนทนาแต่อย่างใด วัฒน์เอื้อมไปหยิบซองสีน้ำตาลที่เบาะหลัง แต่ไม่ได้เอาให้ฉัตรในทันที ท่าทางเหมือนลังเล แต่สุดท้ายก็ยื่นให้อีกฝ่าย

          หนุ่มใหญ่หน้าบากรับมาอย่างข้องใจก่อนจะเปิดดูสิ่งที่อยู่ด้านใน และนั่นทำเอาเขาหน้าซีดเหมือนเพิ่งเห็นสิ่งที่ชวนสยองที่สุดเท่าที่เคยประสบมา

          รูปถ่ายจากด้านบนของเขาเอง กับเน ในฉากล่อแหลมที่ชวนเข้าใจผิดสุดๆเมื่อคืน แถมท้ายด้วยกระดาษหนึ่งหน้าเอสี่ที่บรรยายถึงรูปนี้ได้อย่างละเอียดและถึงพริกถึงขิง จนฉัตรอยากจะบอกให้ไอ้คนเขียนมันเลิกงานสอดแนมแล้วไปเขียนนิยายอย่างเต็มตัวสักที ท่าทางจะรุ่งกว่าเยอะ

          “…พวกนาย…เอ่อ…” ยิ่งเห็นสีหน้าวัฒน์ที่หันมองมา เขายิ่งอยากจะตะโกนกู่ก้องอย่างคนจะสิ้นใจ “เป็น…”

          “ไม่ได้เป็น! ไม่เป็นแน่นอน! นายก็รู้จักฉันดีนี่!!!” ฉัตรร้องลั่น “อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น!!! ที่สำคัญคือ ถ้าฉันทำแบบนั้น ฉันได้โดนฆ่าแน่!!...แกอย่าเอาให้เขาดูนะเฮ้ย ขอร้องเลย ฉันขี้เกียจเลือดออกหัว”

          เล่นออกอาการเสียขนาดนี้ แล้วจะไม่เชื่อกันได้อย่างไร

          “ถ้างั้น แล้วนั่นคืออะไร” ใจจริงวัฒน์ก็แค่ถามเพราะสงสัย ปนหวาดหวั่นว่าไอ้สองคนนี่มันจะเป็นอย่างที่เห็นหรือเปล่า…ไม่ได้นึกหึงอะไรสักนิด!

          แต่คงเพราะหน้านิ่งเกิน ฉัตรถึงได้ออกอาการกระอักกระอ่วนหนักกว่าที่ควร เพราะเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่

          แต่ถึงจะไม่รู้ก็เถอะ แต่เขารู้นี่ว่าไอ้เด็กนั่นคิดอะไร
         
          “หมอนั่นก็แค่จ้องหน้าเพราะโมโหฉัน…แต่รู้ตัวว่าผิดถึงได้ยั้งไว้ไง” ถึงจะไม่แน่ใจ แต่อันที่จริงเขารู้สึกเหมือนเนจะจูบเขามากกว่า แต่คนบ้าที่ไหนจะไปบอกแบบนั้น นี่ยังสยองขวัญไม่หายเลยนะนี่ “…ไอ้ที่เขียนเนี่ย เพ้อเอาทั้งเพ นายเชื่อจริงเหรอ”

          “ก็ดูเหมือนเป็นแบบนั้น”

          ถ้าพ่อคุณจะหน้านิ่งขนาดนี้ล่ะก็ อย่าถามผมเลยดีกว่าครับ…แบบว่าผมไม่รู้จะตอบยังไงดี…

          “…เอาเป็นว่าเปล่า” ทีแรกว่าจะแหย่เล่นเพื่อจะได้ดูอาการ แต่ลองเฉยเมยไม่แสดงออกขนาดนี้ แหย่อะไรไปก็คงไม่ได้ผลหรอก “มีอะไรอีกไหม”

          “แล้วไอ้เดชล่ะ”

          แค่เวลาตอนโกรธเท่านั้นล่ะ ที่แสดงออกนอกหน้าแบบไม่ต้องเดาให้มากความ

          “ช่วงนี้มันคงหาเรื่องไม่ได้สักพักนั่นล่ะ…ก็เจอเราเล่นงานวันนั้นไป ป่านนี้คงกำลังวิ่งเต้นแก้เรื่องกับกลุ่มที่มันติดต่ออยู่ละมั้ง” ฉัตรหัวเราะชั่วร้าย “ระหว่างนั้นพวกทิวาก็ตามจัดการงานที่หมอนั่นทำทิ้งเอาไว้ พอมันกลับมาก็คงต้องมานั่งจัดการใหม่ สะใจซะไม่มี”

          “ก็ดีแล้ว” วัฒน์หัวเราะด้วย ทำเอาคนที่หัวเราะก่อนหน้าเกิดอาการชะงัก “ถ้างั้นก็แค่นี้ล่ะ ขอบใจนะ”

          “เดี๋ยวก่อน” ชายร่างใหญ่รั้งหน้าตื่น “ไอ้หนูโค้กมันฟื้นแล้วนะ”

          ได้ยินแล้วคนฟังถึงกับเผยใบหน้าดีใจแบบไม่ปิดบัง ก่อนจะถอนใจแล้วทิ้งตัวลงเบาะรถ “เมื่อไหร่”

          “เมื่อวานนี้เอง…เห็นว่าฟื้นหลังจากที่แกกับคุณสิทธิ์ไปเยี่ยมไม่นานเองมั้ง พอตื่นถึงมันก็ถามหาแกก่อนเลย” คนพูดได้แต่เก็บความสงสัย คนอื่นพากันเกรงกลัววัฒน์จะตาย มีแค่โค้กกับศาสตร์นั่นล่ะที่ชอบตาลุงหน้าบูดนี่ สงสัยเพราะพฤติกรรมประหลาดเหมือนกันกระมัง “จะไปเยี่ยมหรือเปล่าล่ะ ถ้าไปฉันขอติดรถไปด้วยละกัน”

          สตาร์ทรถทันที

 

          เนแทบจะกระทืบเท้าตลอดทางที่เดินออกจากตึกทำงาน ยิ่งพอนึกถึงโทรศัพท์ที่ได้รับเมื่อตอนบ่าย เขาก็ยิ่งหงุดหงิดจนอยากจะระเบิดใส่ใครก็ตามที่อยู่ใกล้ที่สุด ณ ตอนนี้

          ‘กลับบ้านไปก่อนเลย ฉันมีธุระ’

          เขาอาจจะไม่โมโหก็ได้ ถ้าก่อนหน้านั้นไม่โดนอีกฝ่ายทำท่าทีเหมือนเห็นแมลงสาบใส่

          แล้วไง ใครจะแคร์วะ จะไปธุระถึงนรกที่ไหนก็ไปเลยซี่…ใครเขาจะสนใจลุงกันล่ะ แล้วฉันก็จะไม่กลับบ้านก่อนด้วย มีปัญหาไหม

          คิดหงุดหงิดจบก็โบกแท็กซี่ เพื่อไปยังจุดหมายที่ตั้งไว้อยู่ในใจ ซึ่งก็ไม่ใช่ที่ไหน ถึงเวลานี้อาจจะยังไม่ถึงเวลา แต่เขาก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องต้อนรับเขาอยู่แล้ว

          “อ้าวน้องเน” เสียงทุ้มหนักทักดังอย่างแปลกใจที่เห็นผู้มาเยือน มีนเปิดประตูกว้างให้เด็กหนุ่มเข้ามา “ร้านยังไม่เปิดเลยนะจ๊ะ หรือว่ามาธุระกัน”

          “มาเที่ยวเฉยๆน่ะครับ แบบว่าคิดถึงพี่มีน” เนหยอดคำหวานใส่อย่างเป็นธรรมชาติ เล่นเอาผู้จัดการร้านถึงกับเผลอเคลิ้มตาม “ไหนๆก็มาก่อนเวลาเปิด งั้นให้ผมช่วยเปิดร้านด้วยก็แล้วกันนะครับ…แบบว่าผมคิดถึงตอนทำงานที่ร้านน่ะครับ”

          เมื่อโดนพูดดักทางเสียขนาดนี้ อีกทั้งยังเจอรอยยิ้มกว้างที่ชวนหลงนั่น แถมยังได้คนช่วยงานฟรีอีก มีหรือจะปฏิเสธ “แหม แต่เจ๊ไม่มีอะไรจะให้หรอกนะ…อ๊ะ แต่ใจดีเลี้ยงแก้วนึงนะ”

          สำหรับเขา ขอแค่อยู่ในร้านได้จนดึกโดยไม่ต้องจ่าย แค่นั้นก็พอใจแล้ว

          เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะในขณะที่เตรียมร้านใกล้จะเสร็จ ทีแรกเนไม่ได้สนใจอะไรนักเพราะคิดว่าคงเป็นพนักงาน แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงผู้มาเยือนเท่านั้นล่ะ เด็กหนุ่มถึงกับหันไปมองหน้าเหวอ พร้อมกับผงะสุดๆกับของที่อยู่ในมือ นั่นก็คือซองใส่ที่ห้อยมือถือรูปแมวกวัก

          “อ้าว คุณวิน ลมอะไรพัดมาคะเนี่ย” แถมมีนเองก็ยังทักทายเหมือนกับว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นศัตรูกับสิทธิ์ยังไงยังงั้น

          “อ้าว ผมได้ยินว่าโค้กออกจากโรงพยาบาลแล้วเลยมาเยี่ยม” ชายร่างสูงเองก็ทักกลับด้วยอัธยาศัยที่ดีเช่นกัน “ผมเลยซื้อนี่มาให้ฉลองที่ออกจากโรงพยาบาล เห็นว่าโค้กชอบแมวมากเลยนี่”

          แถมยังเข้าใจรสนิยมของลูกน้องของอีกฝ่ายอีกต่างหาก…

          “แหม ขอบพระคุณแทนโค้กมากๆเลยนะคะ แต่จริงๆเขายังไม่ได้อออกจากโรงพยาบาลหรอกค่ะ แค่ฟื้นขึ้นมาเฉยๆ” มีนบอกด้วยท่าทีเสียดายแทน

          “อ้าว งั้นหรอกหรือ สงสัยพี่อาร์มคงดีใจเกิน ตอนโทรมาบอกผมเสียงสั่นเหมือนเจ้าเข้าเลยล่ะ” ชายหนุ่มพูดติดตลก “ถ้างั้นผมฝากนี่ไว้ที่พี่มีนให้โค้กทีละกันนะครับ ผมคงไม่มีเวลาไปเยี่ยม…และเดี๋ยวจะเจอคนที่ไม่อยากเจอ”

          ต่อให้ไม่เอ่ยตรงๆ คนทั้งบางก็รู้กันว่าหมายถึงใคร

          ตุบ

          เสียงของหล่นจากกระเป๋านั้นเบาบางแต่ทำเอาเนอ้าปากค้างด้วยความสงสัยและประหลาดใจ ดวงตาเรียวเบิกจนแทบจะถลน เพราะเขาจำได้แม่นว่าตัวเองเอาของที่หล่นพื้นใส่เก๊ะหน้ารถเอาไว้ แล้วไหงมันกลับอยู่ในกระเป๋ากางเกงได้ไงก็ไม่รู้ แถมไอ้ของที่ว่านี่ก็ใหญ่เกินกว่าจะอยู่ในกระเป๋ากางเกงเขาได้ด้วย ที่สำคัญคือมันหล่นเหมือนรู้จังหวะได้พอดิบพอดีเกินไปแล้ว

          “อ้าว นั่นกล่องใส่แว่นฉันนี่” พอได้ยินวินทัก เนชักอยากจะสาปแช่งต่อขึ้นมาตงิดๆ

          “ต่อเขาฝากมาคืนให้คุณน่ะครับ” เด็กหนุ่มพูดด้วยความไวแสงเหมือนกลัวจะโดนกล่าวหาว่าเป็นขโมย ทำเอาเจ้าของเลิกคิ้ว “นี่ครับ”

          เนรีบหยิบกล่องใส่แว่นมาคืนวินโดยเบือนหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดวิตกไปมองทางอื่น

          ยิ่งเจ้าตัวไม่ยอมรับของคืนไปในทันทียิ่งทำให้เขารู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
         
          “นาย...คนใหม่ที่เล่นบอลกันวันก่อนใช่ไหม”

          ถ้าตอบว่าใช่ คุณจะเคียดแค้นแล้วเข้ามาบีบคอผมหรือเปล่า…แบบว่าร้านเพิ่งจัดเสร็จ ผมไม่อยากให้มันเลอะโดยใช่เหตุ

          “แหม ใช่แล้วล่ะค่า” ผู้จัดการดันไปตอบเสียอย่างนั้น ทั้งที่เนกำลังทำหน้าเคร่งเครียดเพราะกลัวจะโดนหาเรื่องอยู่แท้ๆ

          วินเดินเข้ามาหาคนตัวเล็กกว่าที่ออกอาการหวาดหวั่น และทำในสิ่งที่เด็กหนุ่มไม่คาดคิดว่าจะได้รับจากคนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูออกนอกหน้ากับเจ้านายตน

          “เจ๋งนี่หว่า เล่นเอาพวกฉันไล่ไม่ทันเลยนะ” หนุ่มแว่นหัวเราะและตบบ่าอีกฝ่าย “ชื่ออะไรล่ะ เพิ่งมาทำงานกับพี่มีนเหรอ”

          เนมองกลับหน้าเหวอ พยายามสำรวจท่าทีนั่นอย่างระแวดระวัง แต่พอมองท่าทีที่ดูสบายๆของเพื่อนร่วมงานแล้ว ทำเอาเขาเหมือนวิตกจริตอยู่คนเดียวยังไงยังงั้น

          “ผมชื่อเนครับ ไม่ได้ทำงานกับพี่มีนหรอกครับ ผมเป็นผู้ติดตามคุณสิทธิ์”

          “อ้าว แล้วอาวัฒน์เขาลาออกแล้วเหรอ”

          โอ้โห ถ้าจะรู้จักลูกน้องกันทั้งบางขนาดนี้ บอกว่าเป็นเพื่อนสนิทกับคุณสิทธิ์ยังจะเชื่อซะกว่า…

          “เปล่าครับ…คุณวัฒน์ก็ยังเป็นผู้ติดตามเหมือนเดิมล่ะครับ แค่มีผมมาเพิ่ม” ตอบจบก็สะดุ้งด้วยความประหลาดใจที่ตัวเผลอตอบอีกฝ่ายไปง่ายๆ

          “อ้อ อย่างนั้นหรอกหรือ ฉันนึกว่าอาวัฒน์แกเป็นอะไรไปซะอีก เห็นอาเขาชอบทำอะไรเกินตัวประจำ”

          …คุ้นๆกับประโยคนี้ชอบกลแฮะ…ชักเริ่มสงสัยขึ้มาจริงๆจังๆแล้วแฮะว่าที่จริงสองคนนี่น่าจะเป็นเพื่อนสนิทสุดๆกันมาก่อน แล้วเกิดเรื่องหมางใจจนไม่อยากมองหน้ากันเอาทีหลังหรือเปล่าเนี่ย…

          “งั้นขอตัวก่อนละกัน พอดีติดงานอยู่” หนุ่มแว่นเอ่ยลาทุกคน ด้วยรอยยิ้มกว้างซึ่งไม่เข้ากับหน้าดุๆนั่นเลยสักนิด

          “ค่ะ งั้นเดี๋ยวให้เนไปส่งนะคะ”

          เจ้าของชื่อถึงกับหันขวับไปมองทันที แต่สิ่งที่ได้รับคือการขยิบตาหนึ่งทีแทน

          ถึงจะไม่ค่อยอยาก แต่หากปฏิเสธก็ดูจะเสียมารยาทเอาการ อีกทั้งมีเรื่องคาใจที่อยากจะถามตรงหน้าเหลือเกิน เลยยอมทำตามแต่โดยดี

          “คุณกับคุณสิทธิ์เป็นศัตรูกันจริงๆหรือครับ”

          ออกไปปุ๊บก็ถามทันทีแบบไม่มีการอารัมภบทแต่อย่างใด…ก็คนมันสงสัยนี่หว่า

          วินเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะหัวเราะด้วยความชั่วร้าย จนเนเผลอกลัวว่าตนอาจจะโดนสวนกลับข้อหาถามเรื่องไม่ควร แต่แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำแบบนั้น แม้เนจะตั้งท่ารอสวนอยู่ก็ตาม “เป็นสิ ฉันเกลียดมันอย่างกับอะไรดี ให้ญาติดีกับมันน่ะ รอเมื่อตอนที่ฉันเกิดใหม่เป็นพยาธิใบไม้แล้วกัน”

          ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นพยาธิใบไม้ แต่เนก็ปัดข้อสงสัยนั่นทิ้งไปก่อน “แต่ปกติ…ถ้าเป็นศัตรูกัน ผมไม่เคยเห็นศัตรูที่ไหนจะมาสนิทสนมกับลูกน้องของอีกฝ่ายหรอกนะครับ”

          คราวนี้คิ้ววินตะกุยเลยหน้าผากกันเลยทีเดียว ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะแบบไม่มีกั๊ก เล่นเอาเนรู้สึกเสียฟอร์มขึ้นมาตงิดๆ

          “โทษที แต่มันทนไม่ได้จริงๆน่ะ” หลังจากขำจนพอใจ ก็เอ่ยขอโทษ แต่ไม่วายมีขำใส่อีก “ฉันเกลียดหมอนั่นคนเดียว ลูกน้องอย่างพวกนายไม่ได้ทำอะไรให้ฉันเกลียดสักหน่อย แล้วทำไมฉันจะต้องเกลียดพวกนายล่ะ”

          “ก็เป็นลูกน้องของคนที่คุณเกลียดไง…อย่าหัวเราะสิครับ ผมจริงจังนะ” เนเผลอขึ้นเสียงใส่ “กลุ่มอื่นเขาก็เป็นแบบนี้กันหมดนี่นา”

          “ก็นั่นมันกลุ่มอื่น ไม่ใช่ฉัน” วินถอดแว่นออกมาเพื่อเช็ดน้ำตาตัวเอง “นายไม่คิดว่ามันไร้เหตุผลไปหน่อยหรือ ในเมื่อพวกนายไม่ได้ทำอะไรให้ฉันเลย แล้วให้ฉันไปเกลียดเนี่ย แบบนั้นมันก็แค่พาลไปทั่วเท่านั้นเอง จริงไหมล่ะ”

          พูดแบบนั้น ความหมายคือคุณสิทธิ์ไปทำอะไรให้งั้นสิ…

          “และฉันก็ถือคติว่า ถ้าไม่ใช่กำลังก่อน ฉันก็จะไม่ใช้กลับ” วินพูดอย่างภาคภูมิใจเสียเต็มประดา “มีแต่คนสิ้นคิดเท่านั้นล่ะ ถึงได้เอะอะยกพวกตีกันน่ะ ไร้รสนิยมสิ้นดี ที่สำคัญคือนี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างฉันกับไอ้หมอนั่น จะให้คนอื่นมาบาดเจ็บเพราะเรื่องแบบนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับทำร้ายลูกน้องตัวเองหรอก”

          เพราะงั้น…เลยเปลี่ยนมาเป็นเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพที่ดีกันถ้วนหน้าแทนเรอะ…ที่จริงมันก็ดูโอเคอยู่หรอก เว้นเสียแต่ไอ้แรงกดดันกับความจริงจังพิลึกๆของพวกคุณนี่ล่ะ ที่ทำเอาลูกน้องอย่างพวกผมจะประสาทกินเอา

          “คุณวินครับ จวนจะได้เวลาแล้ว”

          เนหันไปมองต้นเสียงที่ยืนอยู่ใกล้กับรถเก๋งสีดำเงา ซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นคนฝั่งเดียวกับวิน และเป็นคนที่กล้าเข้าไปปลอบวิน ในขณะที่คนอื่นพากันอยู่ห่างๆ

          “อ๊ะ งั้นเหรอ ฉันต้องไปจริงๆแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นจะไม่ทันเอา” วินเอ่ยเสียงตื่น ก่อนจะเร่งรีบไปทางชายคนนั้นซึ่งตัวสูงใหญ่ไม่แพ้กัน “ไว้เจอกันนะ”

          “ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ” เนโบกมือให้ เมื่ออีกฝ่ายขึ้นรถและขับออกไป เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอเอ่ยลาอีกฝ่ายอย่างเป็นธรรมชาติ ลืมความหวาดหวั่นก่อนหน้าไปจนสิ้น

          “ไงล่ะจ๊ะ” มีนเอ่ยทักพนักงานช่วยเปิดร้านชั่วคราวที่เดินหน้ามึนเข้ามา “เหมือนเลยใช่ไหมล่ะ”

          เนนิ่วหน้าให้ ก่อนจะแค่นยิ้ม “พี่มีนจงใจสินะครับ”

          ถึงเขาจะไม่รู้อยู่ดีว่าวินกับสิทธิ์เกลียดกันเพราะอะไร แต่เขารู้สาเหตุที่ความรู้สึกเป็นศัตรูกับวินหายไปจากหัวแล้ว เล่นเหมือนกับสิทธิ์ขนาดนี้ แถมยังนิสัยดีมีเหตุผลอีก เกลียดลงก็แปลกล่ะ

          “แหม ก็เห็นเธอทำท่าเหมือนลูกหมาชิวาว่าเจอพิตบูล เลยจัดให้สักหน่อย” ผู้ที่ดูเป็นหญิงสาวหัวเราะเสียงเล็ก

          “เล่นแบบนี้ ผมกลัวจริงๆนะเนี่ย…ปลอบลูกหมาตัวน้อยตัวนี้ได้หรือเปล่าล่ะครับ”

          “แหมๆ พ่อลูกหมาขี้อ้อน” แต่ละคนเริ่มทำการกระเซ้าเหย้าแหย่แบบไม่อายฟ้าดิน แต่ถึงอย่างนั้น พนักงานคนอื่นก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะผู้จัดการร้านของพวกเขาทำแบบนี้อยู่ทุกวัน

          เมื่อร้านเปิด ความบันเทิงก็บังเกิด เหล่านักท่องราตรีพากันหลั่งไหลเข้ามาในร้าน พนักงานทุกคนพากันทำงานกันอย่างจ้าละหวั่น เพลงเร็วเปิดกระหึ่มร้านเพิ่มความคึกคักให้แก่ลูกค้า จนบางคนถึงกับทนไม่ไหว ต้องออกมาเต้นกันอย่างสุดเหวี่ยงราวกับจะสะบัดเรื่องปวดหัวจากที่ทำงานไปให้สิ้น

          “อยู่ถึงป่านนี้จะดีหรือจ๊ะ อ๊ะๆ พี่ไม่ได้ไล่นะ แค่ถามด้วยความเป็นห่วง กลัวจะโดนคุณวัฒน์ดุเอา” หลังจากจัดการงานจนว่าง มีนก็เดินโฉบเข้ามาเอ่ยถามเนที่เอาแต่นั่งอยู่ที่เคาท์เตอร์ด้วยอารมณ์สุนทรีย์ กับค็อกเทลเพียงแค่แก้วเดียว แถมยังดื่มไม่หมดอีกต่างหาก

          “โอ๊ย ไม่ด่าหรอกครับ เขาอนุญาตให้ผมเที่ยวได้อยู่แล้ว แค่อย่าเสียงานเป็นพอ” เด็กหนุ่มตอบเสียงสูงปรี๊ด จนมีนรู้สึกตงิดๆ “ว่าแต่ผมเหงาจังเลย พี่มีนไม่มาคุยเป็นเพื่อนผมหน่อยเหรอ”

          “แหม พี่ทำงาน ไม่ว่างหรอกจ๊ะ” ผู้จัดร้านยิ้มอย่างเสียดาย ก่อนบุ้ยหน้าไปทางโต๊ะอีกฝั่งที่มีกลุ่มลูกค้าสาว “แต่ถึงไม่มีพี่ ก็มีคนพร้อมจะคุยกันเนเยอะอยู่น้า”

          แล้วจะพลาดไปไย

          “มาคนเดียวหรือคะ” แต่ก่อนที่เนจะได้กระโจนไปทางกลุ่มสาว หญิงคนหนึ่งที่ท่าทางจะเล็งจังหวะอยู่นาน ก็เข้ามาหยิบชิ้นปลามันก่อน “อยากได้เพื่อนคุยหรือเปล่าคะ…”

          “ดีสิครับ ได้คุยกับคนสวยๆแบบคุณ ถือเป็นโชคดีของผมเลยล่ะ….”

          เนพูดค้างไว้แค่นั้นและทำหน้าเหวอเหมือนเห็นผีจนคู่สนทนานิ่วหน้า เธอหันไปมองด้านหลังตนด้วยความหวาดหวั่นเล็กน้อย แต่สิ่งที่เห็นนั้นไม่ใช่ผีอย่างที่คิด เป็นชายคนหนึ่งที่กำลังมองมาทางนี้เช่นกัน ด้วยสีหน้าประหลาดใจสุดๆ

          “คุณวัฒน์?”

______________________________________
ถูกจับได้ว่ามีชู้ว XD

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
อ้าวเน แกทำอัลไลลงไป -_-+
ป้อสาวยังงี้ระวังโดนวัฒน์เป่าสมอง หลักฐานคาตาเลย อาวัฒน์อย่าไปยอม เอาให้อิเนมันลงแดงไปเลย!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-07-2015 15:30:05 โดย boboman »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ฉัตรนี่ยังไม่ยอมบอกสินะ  :mew2:

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เนเอ้ย!!! ชีวิตแกช่างน่าเศร้า :try2:

ชาตินี้จะจูนกันติดตอนไหนเนี่ยะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 37


          วัฒน์เพียงแต่นิ่งมองเด็กหนุ่มซึ่งกำลังมองกลับมาทางตนด้วยใบหน้าผวาเหมือนเห็นผี หนุ่มใหญ่ไม่คิดว่าจะได้เจออีกฝ่ายที่นี่…แถมยังกำลังนั่งจีบปากจีบคอกับสาวใสวัยเดียวกันอย่างสนุกสนานเป็นอันมาก…

          “ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่”

          นั่นไม่ใช่คำถามที่คนฟังจะคาดถึง ความจริงเขามากกว่าที่อยากจะถาม…แต่แค่นึกถึงสันดานที่ฝังรากลึกจนถึงกระดูกของเด็กหนุ่ม เขาก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเอ่ยถามให้มากความนัก เพียงแต่ความรู้สึกหม่นหมองที่รุมเร้าจนถึงเมื่อครู่ ได้แปรเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิดและเหนื่อยหน่ายต่อพฤติกรรมที่น่าจะรู้อยู่ตั้งนานแล้ว

          “ฉันไม่ได้มาหาที่ระบายเหมือนนายก็แล้วกัน” หนุ่มใหญ่พูดไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายซึ่งมีเพื่อนสาวกำลังนั่งฟังอยู่ด้วย…และทันทีที่ได้ยิน คุณเธอก็เริ่มถอยเหมือนเห็นเนเป็นสิ่งมีชีวิตอันตรายไม่น่าเข้าใกล้ “นายจะทำอะไรก็เรื่องของนาย แต่ถ้าจะไม่กลับก็บอกด้วยแล้วกัน ฉันจะได้แจ้งคุณสิทธิ์ให้ทราบ”

          เนของขึ้นทันควัน อยู่ๆก็มาหาเรื่องกันซะงั้น ไอ้เขารึก็อุตส่าห์นั่งกลุ้มเรื่องวัฒน์ตลอด…แน่นอนว่าเป็นห่วงกลัวเป็นอะไรไป แล้วจะเสียงาน ก็แค่นั้น

          เด็กหนุ่มลุกขึ้นเดินเข้ามาหาวัฒน์เสียใกล้ จนหนุ่มใหญ่เริ่มระแวง กลัวอีกฝ่ายจะเมาแล้วลืมตัว แต่เขาไม่ได้กลิ่นเหล้าจากเนเลย วัฒน์จึงยืนนิ่งไม่ขยับ เขาไม่อยากถอยหนีเพราะมันจะดูเหมือนกลัว

          “ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ” เสียงทุ้มกระซิบบอกท่ามกลางเสียงเพลงในร้าน แล้วก็ดึงแขนวัฒน์ไปทางห้องสำหรับพนักงานทันที

          “เฮ้ย! เดี๋ยวสิ” วัฒน์ร้องก่อนจะเดินแกมวิ่งตามเด็กหนุ่มไปติดๆ แล้วมองไปรอบๆด้วยความตื่นตระหนก แต่โชคดีที่คนอื่นๆมัวแต่ยุ่ง จึงไม่ทันสังเกตเห็นกัน และเมื่อคนที่เฝ้าหน้าประตูเห็นเนกับวัฒน์ ก็หลีกทางให้โดยสดุดีแบบไม่คิดจะถามแม้แต่น้อย

          “เลิกลากฉันได้แล้ว” หนุ่มใหญ่ร้องเสียงดัง ก่อนจะกระชากแขนเต็มแรง…แต่ก็ไม่ได้ผลอย่างที่คิด “เป็นอะไรของนาย”

          “ผมมากกว่าที่อยากจะถาม” เด็กหนุ่มสวนกลับเสียงดุจนวัฒน์ผงะ เนลากวัฒน์จนไปติดอยู่กับกำแพงด้านในสุด “คุณเป็นอะไรของคุณ วันนี้ถึงได้ทำท่าประหลาดๆใส่ผมมาตั้งแต่เช้าแล้ว”

          ดวงตาเรียวเบิกกว้าง “ฉันทำเหรอ”

          ไม่งั้นจะถามเรอะ!

          วัฒน์หน้าเสียไปเล็กน้อย ก่อนจะนิ่วหน้าเหมือนยังไม่อยากจะเชื่อ เขาเหลือบมองเนด้วยท่าทีที่หวาดหวั่นจนชวนให้เด็กหนุ่มรู้สึกฉุนอีกครั้ง

          “ที่คุณเป็นแบบนี้ เพราะเรื่องเมื่อคืนใช่ไหม”

          คราวนี้ไม่ใช่แค่วัฒน์ที่ค้าง แต่คนยัวะก็ค้างไปด้วย…แน่ล่ะ เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาแบบนี้นี่

          แทนที่วัฒน์จะหน้าซีด แล้วออกอาการพะอืดพะอมอย่างที่เด็กหนุ่มคิดไว้ อีกฝ่ายกลับตกใจและหลบหน้าลง…หน้าที่แดงแจ๋เสียจนชัดเจน

          ระ…รู้จริงๆด้วย! แต่ว่า หน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไงเนี่ย อาย หรือดีใจ? ไม่สิๆ จะดีใจได้ไงกันละวะ!

          จากที่โมโหเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้เนชักอยากจะเป็นฝ่ายวิ่งหนีอีกฝ่ายแทนเสียแล้ว เมื่อเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เป็นความลับสำหรับเขาคนเดียว หัวใจเต้นรัวเร็วเหมือนกับจะทะลุออกมาจากอกเสียให้ได้ ความกลัวเริ่มพวยพุ่งซ้อนทับกับความดีใจจนมึนหัวไปหมด

          ไม่นะ ไม่ใช่นะ ที่เราทำลงไป มันไม่ใช่เพราะเราคิดแบบนั้นกับคุณวัฒน์…ไอ้รักอะไรนั่นน่ะ ไม่มีทาง

          “ก็คุณหลับไปก่อน ผมอยากขึ้นมา แต่ไม่อยากจะปลุกคุณ ก็เลยทำแบบนั้นแก้ขัดไปก่อน ก็เท่านั้นเอง” เนโพล่งรัวเร็วจนวัฒน์เผลอมองหน้าเด็กหนุ่ม “ไม่ได้มีอะไรสักหน่อย…แล้วถ้าตอนนั้นคุณตื่นอยู่ ทำไมไม่พูดขึ้นมาละ”

          คราวนี้ คนวัยดึกเป็นฝ่ายใจเต้นแทน

          “กะ…ก็ฉันง่วงนี่หว่า ขืนนายรู้ว่าฉันตื่นอยู่ ก็ไม่จบแค่ใช้มือนี่ ใช่ไหมล่ะ” วัฒน์สวนเสียงตื่น “ละ…แล้วที่วันนี้…ฉันหลบหน้านาย…ก็ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย…”

          เนค้างไปสามวิ ก่อนจะร่ำร้องอยู่ในใจ

          แล้วเมื่อกี้ตูจะสารภาพออกไปทำไมฟะ!!!!

          “…แล้วคุณหลบหน้าผมทำไม…” เด็กหนุ่มทำเสียงนิ่ง เหมือนกับเรื่องเมื่อครู่เป็นแค่บทสนทนาทั่วไป ไม่ได้มีผลเสียต่อจิตใจแต่อย่างใดเลยแม้แต่นิดเดียว…จริงๆนะ!

          “ฉัน…” วัฒน์อยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตาย จริงอยู่ว่าเขาไม่ได้หลบหน้าเรื่องที่เนเอามือเขาไปแก้เงี่ยน แต่ไอ้ปัญหาจริงๆนี่แหละ ที่เขาไม่อยากจะบอก

          จะให้บอกหรือ ว่าสับสนที่เนเรียกชื่อตนเมื่อคืนน่ะ

          หนุ่มใหญ่นิ่งอยู่นาน กว่าจะยอมตอบแบบไม่เต็มใจนัก “นายจำวันที่นายบอกจะไปขอโทษฉัตรได้หรือเปล่า”

          เด็กหนุ่มเลิกคิ้วแล้วผงกหัว

          “มีคนมาบอกฉัน…เรื่องที่นาย…จะจูบกับฉัตร”

          อยากจะกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียว

          “แต่…แต่ว่าฉันรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ ฉันก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้วด้วย เพราะงั้น ก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันรู้แล้วว่า นายน่ะเป็นไอ้หื่นโรคจิตวันๆคิดแต่เรื่องผู้หญิง” พูดรัวเร็วและสะบัดเสียงด้วยความหงุดหงิดปนเบื่อหน่าย โดยหวังว่าจะให้อีกฝ่ายคิดว่าตนไม่ได้สนใจอะไรจริงจริ๊ง…ซึ่งก็ได้ผลดีมากเสียด้วย

          สีหน้าของเนกลับมานิ่งออกไปทางหงุดหงิดที่โดนว่า เขามองอีกฝ่ายที่ยังคงก้มหน้างุด ก่อนจะเลิกคิ้ว

          “เมื่อกี้ผมก็อุตส่าห์จะได้ที่ระบายแล้วแท้ๆ แต่เพราะคุณเล่นไปพูดแบบนั้น เขาเลยหนีผมไปเลย” เสียงทุ้มกระซิบเข้าข้างหูของหนุ่มใหญ่ ชวนให้ใจระส่ำหนัก “ไม่คิดจะรับผิดชอบหน่อยหรือไงครับ สัญญาไม่เป็นสัญญานี่”

          วัฒน์สะบัดหน้าขึ้นมาอย่างหัวเสีย “ฉันรู้แล้วน่า ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะไม่ทำ”

          ถึงจะดีใจแค่ไหนก็เถอะ แต่จะให้ทำหน้าระรื่นใส่ มีหวังก็โดนรู้หมดสิว่ารอมานาน

          “พูดแล้วอย่าทำเป็นหลับไปก่อนอีกละกัน” ว่าแล้วก็กัดใส่เพื่อความมั่นใจว่าหนุ่มใหญ่จะไม่รู้แน่ว่าตนกระสันอยากทำกับลุงแกมานานแล้ว “งั้นรีบๆกลับไปทำให้เสร็จๆเลยละกัน จะได้ไม่ต้องรบกวนเวลานอนของคุณไง”

          “รู้แล้วน่า ถ้างั้นฉันจะไปบอกฉัตรก่อน…อะไร”

          วัฒน์นิ่วหน้ามองเมื่อโดนเด็กหนุ่มดึงมือ สีหน้าของอีกฝ่ายยังคงนิ่ง แต่ดวงตาเรียวนั้นเบิกโพลง

          “…โทรบอกก็ได้นี่ครับ”

          ที่พูดเพราะอยากรีบๆไปทำ…หรือเพราะอะไรกันแน่ฟะ เสียงมันถึงได้เหงาหงอยชวนให้รู้สึกเห็นใจยังไงชอบกล

          “มะ…ไม่ได้หรอก แค่แป๊บเดียวเอง ถ้านายกลัวฉันจะชักช้าก็ตามมาด้วยซะเลยสิ” วัฒน์บอกตะกุกตะกัก แต่ก็กลับมาตั้งลำเก๊กนิ่งทันก่อนที่อีกฝ่ายจะสังเกต

          “ผะ…ผมก็แค่กลัวคุณไปฝอยนานจนลืมก็เท่านั้น เดี๋ยวผมไปรอที่รถคุณก็ได้ เอากุญแจมาสิ…ถ้าช้าผมจะโทรไป”

          ว่าจบก็แบมือรอเอากุญแจ พร้อมกับหันหน้าไปทางอื่น ชวนให้คนเห็นเข้าใจไปว่า รำคาญจนไม่อยากจะมองหน้า

          “เออ ไม่เกินห้านาทีหรอก” วัฒน์กระแทกเสียงพร้อมกับฟาดกุญแจลงมือเนเสียงดัง ก่อนจะกระทืบเท้าเดินกลับเข้าไปในผับทันที

          ทันทีที่พ้นมาจากประตูห้องได้ราวสามเมตร จนมั่นใจแล้วว่าคนเฝ้าประตูไม่ได้มองมา หนุ่มใหญ่ถึงกับถอนหายใจยาวเหยียดจนลมหมดปอด ความรู้สึกกระสับส่ายกระส่ายปนโล่งใจตีกันจนหัวหมุนไปหมด จากนั้นก็ตำหนิตัวเองเสียยกใหญ่

          บ้าเอ๊ย เรากำลังโกรธแล้วก็ไม่ไว้ใจมันอยู่ไม่ใช่รึไงเล่า จะดีใจทำบ้าอะไรกัน…แต่หมอนั่นเองก็ดูจะดีใจเหมือนกันแฮะ…ไม่สิๆ ที่มันดีใจเพราะแค่ได้ที่ระบายแล้วมากกว่า ไม่ได้เพราะรออยากทำกับเราสักหน่อย!

          “อ้าว อาวัฒน์ หายไปไหนมาครับ”

          หนุ่มใหญ่หันไปมองตามเสียงเรียก ชายหนุ่มผมกระเซิงที่ดูหน้าอ่อนกว่าอายุจริงเดินหน้าตื่นมาทางเขา ด้วยท่าทางเหมือนเด็กน้อยที่ได้เจอพ่อหลังจากพลัดหลงกันอยู่นาน

          “ไปห้องน้ำมาน่ะ” วัฒน์ตอบหน้านิ่ง ซึ่งทำเอาฉัตรที่ตามมาด้วยเลิกคิ้ว เพราะคิดว่าอีกฝ่ายหงุดหงิดที่ถามเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่เจ้าคนถามกลับไม่ได้มีอาการตื่นกลัวแต่อย่างใด “ฉันคงต้องกลับก่อน”

          “เอ๋ อาวัฒน์เพิ่งจะมาเอง อยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้หรือครับ”

          ฉัตรฟังแล้วอยากจะถามจริงๆ ว่านั่นพูดจริงหรือเปล่า สำหรับเขา แค่อยู่กับวัฒน์ถึงห้านาทีก็เกินพอ

          “เฮ้ๆ เจ้าหนูโค้ก ไอ้วัฒน์มันคงมีธุระของมันนั่นละถึงได้รีบกลับ ใช่ไหม” ฉัตรตัดบทเพราะกลัววัฒน์จะอยู่นานจริงๆ

          “ใช่…แล้วนาย…”

          “เดี๋ยวเรื่องกลับ ฉันขอคนแถวนี้ก็ได้ นายรีบไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก”

          “เอ๋ ลุงฉัตรจะไล่อาวัฒน์…อุ๊บ” หนุ่มผมเด้งถามไม่ทันจบก็โดนแขนล่ำล็อคคอเข้าเสียก่อน “แอ่ก…ผมเพิ่งฟื้นไข้นะ…จะให้กลับเข้าห้องไอซียู…อีกรอบหรือไง…”

          “เขาเรียกว่าบำบัดร่างกายหลังจากนอนคุดคู้อยู่นานไง อีกอย่าง คนที่นอนอยู่เป็นเดือนแล้วฟื้นขึ้นมาแค่เมื่อวาน แต่กลับแข็งแรงเร็วเวอร์จนออกจากโรงพยาบาลได้ทันทีแบบนี้ ฉันว่าคงไม่ต้องเป็นห่วงเท่าไหร่หรอกมั้ง” ฉัตรยิ้มร่า แล้วปล่อยมือก่อนที่อีกฝ่ายจะขาดอากาศตาย

          “ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนละกัน” น้ำเสียงและท่าทางของวัฒน์เรียบนิ่งจนเหมือนกับว่าไม่ได้มีการหยอกล้อจนถึงตายเกิดขึ้นแต่อย่างใด ทำเอาฉัตรรู้สึกกดดันไปเอง

          “แล้ววันหลังมาเยี่ยมด้วยนะคร้าบ ไม่งั้นผมจะบุกไปหาถึงบ้านคุณสิทธิ์จริงๆด้วย”

          ฉัตรยอมรับว่าตัวเองผวาตอนที่เห็นโค้กเข้าไปสวมกอดวัฒน์ แต่อีกใจก็อยากจะถ่ายรูปส่งไปให้เนเสียจริงๆ รับรองว่าได้สนุกแบบสยองๆแน่

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ก๊ากกก กว่าพวกแกจะขอมีอะไรกันได้ต้องชักแม่น้ำทั้งห้ากันเลยทีเดียว >O<
ตอนหน้านี่... หุหุ -.,-
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2015 02:49:33 โดย boboman »

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
เดี๋ยวเถอะลุงฉัตร ไปแกล้งเขามากนักระวังซักวันจะโดนดีซะเอง

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
สั้นง่า มาต่ออีกสิคะ  :katai1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ขออนุญาตเดะโต่งฉัตรออกไปจากเรื่องได้ไหม

เรื่องเนกับวัฒน์ก็ไม่ง่ายอยู่แล้ว มีฉัตรมาคอยป่วน มันยิ่งจะยากเข้าไปใหญ่  :mew5:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ขอกันหน้ามึนๆเลยวุ้ย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด